@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ทุกข์ทับถม

รายละเอียด

มีหนี้สินทำให้เลิกค้าขายเนื้อสัตว์ไม่ได้ ทำให้มีทุกข์ทับถม ..ทำอย่างไรจะไม่ทุกข์มากยิ่งคุณไปขายอยู่ ก็ทุกข์ทับถม มันก็ต้องเลิกขาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:17:11 )

ทุกข์ที่เลี่ยงได้

รายละเอียด

ข. ทุกข์ที่เลี่ยงได้ (เจตสิกทุกข์ อันสามารถดับเหตุได้แท้) 

7. ปกิณกทุกข์ (ทุกข์จรแห่งกิเลส คือ โศก ปริเทวะ  ทุกขะ  โทมนัส  อุปายาสะ  เมื่อพรากจากคนที่รัก  หรือพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก เป็นต้น) 

8. สันตาปทุกข์ (ทุกข์ คือ ความร้อนเผาใจ อันนื่องมาจากกิเลสไฟราคะ  ไฟโทสะ  ไฟโมหะ  แผดเผา) 

9. สหคตทุกข์  (ทุกข์ไปด้วยกันกับโลก  เช่น  ลาภ  ยศ สรรเสริญ โลกียสุข) 

10.วิวาทมูลกทุกข์ (ทุกข์มีสงครามวิวาทะเป็นรากเหง้า) 

สันตาปทุกข์ อาการเผาจากไฟ ราคะโทสะโมหะ คุณก็เลิกมาได้ ไม่มีอาการของราคะ  โทสะ โมหะ มันก็หมด สันตาปทุกข์แล้ว ต้องเรียนจริงๆแล้วปฏิบัติจริงๆจนเกิดปัญญาอันยิ่ง เออ ทำได้ มีปัญญาที่จะชัดเจนแล้วก็มีฤทธิ์ มีธรรมฤทธิ์ของปัญญา เป็นฌาน เป็นสมาธิ 

จิตใจ ทำให้พลังงานที่มันเหนือกว่าพลังงาน ราคะ โทสะ โมหะ ทำใจอย่างตั้งมั่นแข็งแรงมั่นคงเป็น สมาหิตัง ก็สำเร็จผล 

อธิบายอย่างสังเขปเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน 

สหคตทุกข์ ทุกข์ที่มันมีอยู่เป็นประจำ อยู่ในโลกมันมี ลาภ มันก็มี อาตมาก็มีลาภ ยศ แม้อาตมาจะไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทางการใดๆจากองค์กรบริษัท หรือรัฐบาล จากเบื้องบนแต่งตั้งมา อาตมาก็ไม่มียศอะไรเลย มีพวกคุณ ตั้งให้เป็นครู อายุถือเป็นรุ่นพ่อ ก็เรียก พ่อครู จะเรียกว่า ยศก็ยศ อาตมาก็ไม่ได้ติดใจอะไร รู้สมมุติโลก ยศคืออะไร เราไม่ได้ไปยินดียินร้ายกับที่ได้อันนั้น 

เพราะฉะนั้นในเรื่องอยู่กับโลกเขาก็มี ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เราก็มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แล้วไม่ได้ไปสะสมพวกนี้เลย สะสมลาภ สะสมยศ สะสมสรรเสริญ สะสมสุข …ไม่

ยิ่ง.. วิวาทมูลกทุกข์ ทุกข์ ที่มันเกิดจากการวิวาท ไม่ อาตมามีหน้าที่ด่าเขาอย่างเดียว ไม่วิวาทกับเขา เขาจะโต้ตอบมาชวนวิวาทก็ไม่วิวาท มีหน้าที่ นี่พูดภาษาที่มันดูเหมือนหยาบ แต่ไม่หยาบหรอก ด่า คือตำหนิอย่างแรงๆ และอาตมาไม่ได้ด่าหยาบ ไม่ได้หยาบคาย ไม่ส่อเสียด แต่เป็นน้ำเสียงแรง น้ำหนักแรง ภาษาอาจจะดูกระทบแรง แต่ไม่หยาบไม่ส่อเสียด ไม่เพ้อเจ้อ เป็นความจริงทั้งนั้นเลย มุสา นั้น ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลย ไม่ใช่มิจฉาชีพของวาจาเลย ชีวิตนี้อาตมาต้องทำ เรียกรวมว่า มุขสตี ภาษาบาลีแปลว่า ปากหอก นี่แหละ สตี คือผู้หญิง คือหอก มุขสตี ก็พูดสัจธรรมให้ฟังชัดๆ 

เพราะฉะนั้นที่ทำที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็ใช้ภาษาใช้สำเนียงเสียง นัจจะ คีตะ วาทิตะ 

นัจจะ ก็กิริยาท่าทางต่างๆ 

คีตะ คือสุ้มเสียงสำเนียงต่างๆ 

วาทิตะ ก็คือคำพูดที่สรรหาคำต่างๆมา เพื่อใช้สื่อ 

เพราะฉะนั้นที่ปฏิบัติและประพฤติอยู่ทุกวันนี้ก็มี นัจจะ คีตะ วาทิตะ สื่อออกไปต่างๆนานาและคนได้อาศัยมากกว่าสัตว์ ภาษาเป็นพันเป็นหมื่นภาษา เป็นแสนภาษามั้ง ถ้าจะรวบรวมกันจริงๆมากมาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชาวหรรษาที่แท้จริง วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 19:36:39 )

ทุกข์ที่เลี่ยงได้

รายละเอียด

ข. ทุกข์ที่เลี่ยงได้ (เจตสิกทุกข์ อันสามารถดับเหตุได้แท้) 

7. ปกิณกทุกข์ (ทุกข์จรแห่งกิเลส คือ โศก ปริเทวะ  ทุกขะ  โทมนัส  อุปายาสะ  เมื่อพรากจากคนที่รัก  หรือพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก เป็นต้น) 

คือทุกข์ที่เข้าใจไม่ได้ แล้วก็ให้มันมาย่ำยีจิตวิญญาณตัวเอง เป็นทุกข์จร เป็นกิเลสเข้ามาเป็นตัวการมีเศร้าโศก พิไรรำพัน โทมนัส มีข้องใจขัดเคือง ไม่เรียบร้อยไม่โล่งไม่โปร่งไม่วาง ต้องเรียนรู้ความจริงให้ได้เลยว่าโง่ทั้งนั้น มันเกิดจากอวิชชา 

อย่างพวกเราข้อแรก โศก แล้วเรามาเลิกโศก ไม่โศกไม่เศร้า รู้แล้วรู้รอดรู้จบ ไม่ต้องไปพิรี้พิไรไม่รู้จักจบ มันก็หมดทุกข์หมดโทมนัส หมดอุปายาสะ ถ้าคุณไม่รู้จริง โศก ก็ไม่รู้ ทำต้นทางไม่ได้ ปริเทวะ  ทุกขะ  โทมนัส  อุปายาสะ ไม่มีเสร็จหรอก นี่คือทุกข์ที่ทำให้หมดไปจากชีวิตได้ 

8. สันตาปทุกข์ (ทุกข์ คือ ความร้อนเผาใจ อันเนื่องมาจากกิเลสไฟราคะ  ไฟโทสะ  ไฟโมหะ  แผดเผา) 

พวกอภิธรรมฟังอาตมาว่า กิเลสเป็นพลังงาน เขาก็ว่าเป็นไม่ได้ ก็จะแย้งก็แย้งไป มาเรียนรู้อาการทางจิต เรียนรู้ได้จากอาการลิงคนิมิต อุเทส คือคำอธิบายที่อาตมาอธิบาย เรียนรู้แยกแยะอาการ ที่มีความต่างคือลิงคะ เป็นราคะ โทสะ โมหะมันก็มีความแตกต่างกัน โมหะ มันก็ไม่รู้ว่าคืออะไร 

ราคะ เป็นอย่างหนึ่ง โทสะ เป็นอีกอย่างหนึ่ง โทษลักษณะ ไม่ต้องเรียกคุณลักษณะ โทษลักษณะของราคะ โทษลักษณะของโทสะ มันเป็นแบบอย่างไร  เรียนรู้อย่าให้มันเกิดในจิต เรียนรู้จากการทำใจในใจ คือมนสิกโรติ หรือมนสิการ คือการทำที่ใจเรา เราเป็นคนทำ ทำเอง ทำใจของเรา ให้มีอาการอย่างนี้ๆ สามารถทำอาการของใจได้ ไม่ให้มันเกิดอาการของราคะ ดูดดึงเกิน เสพติดอยู่ มันเป็นรสเป็นชาติอย่างเป็นราคะ 

โทสะ ก็เสพติดอยู่ จะดูอาการพวกนี้แล้วรู้ว่ามนุษย์ประเสริฐเขาไม่มีอาการเหล่านี้หรอก ถ้ามีอยู่ก็เป็นมนุษย์โง่มนุษย์ไม่เจริญ รู้เหตุปัจจัยใน สามัญโลกมันจะต้องมีอะไรที่สัมพันธ์กันกระทบกัน แล้วเราก็ยังยินดีที่จะมีอันนั้น จนสุดท้ายเราก็ไม่ต้องยินดี ไม่ว่าจะเป็นราคะ ไม่ว่าจะเป็นโทสะ ไม่ต้องไปยินดี จิตของเราไม่มีราคะ โทสะ มันก็ไม่เกิดอาการของราคะ โทสะ จิตวิญญาณก็บริสุทธิ์จากราคะ โทสะ เรียกว่าบริสุทธิ์ อุเบกขา 

ก็ไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่ดูดไม่ผลัก รู้ความจริงตามความเป็นจริงว่า มันก็เกี่ยวข้องกัน กับไม่เกี่ยวข้องกัน มีความสัมพันธ์กันประโยชน์แก่กันและกันอย่างไร ก็อยู่กันไป เป็นมนุษย์ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป อย่างพวกเรานี้มาปฏิบัติธรรมเสร็จแล้ว ก็อยู่กันเป็นมนุษย์ช่วยเหลือกันไป ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงเพศชาย สบาย 

9. สหคตทุกข์  (ทุกข์ไปด้วยกันกับโลก  เช่น  ลาภ  ยศ สรรเสริญ โลกียสุข) 

ทุกข์มันคตะ(ไปด้วยกัน) อยู่กับชีวิตที่โง่ๆ เป็นโลกโลกียธรรม คนที่ยังตกอยู่ในทุกข์ ยังติดอยู่ในลาภ สะสมลาภ แย่งชิงลาภ ตระหนี่ถี่เหนียวในลาภ ทุกข์ ทุกข์ทั้งนั้นแหละ ติดในยศชั้น เป็นพระครู เป็นเจ้าคุณชั้นสามัญ เป็นเจ้าคุณชั้นราช เป็นเจ้าคุณชั้นเทพเป็นเจ้าคุณชั้นธรรม เป็นเจ้าคุณชั้นพรหม เป็นเจ้าคุณชั้นสมเด็จ แบกเบิ้มๆๆอยู่นั่นแหละ 
สหคตทุกข์ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นทุกข์ 

ติดในสรรเสริญ ได้รับคำสรรเสริญเยินยอ ถ้าใครมาตำหนิก็ทุกข์ ตำหนินิดหน่อยก็ไม่ได้ ถือมาก เราต้องเป็นคนไม่มีที่ตำหนิ โถ! พระพุทธปฏิมายังราคิน เราต้องไม่มีที่ตำหนิ ติดในสรรเสริญเยินยอ ซึ่งไม่ใช่รู้ได้ง่ายๆ ติดยศก็ไม่ใช่รู้ได้ง่ายๆ ติดในสรรเสริญก็ไม่ใช่รู้ได้ง่ายๆ 

อาตมานี่นะ เกิดมาชาตินี้ มันติดไม่ลงหรอกสรรเสริญ มันต้องมาระมัดระวังเขาตำหนิ โอ้โห! ตำหนิมาแหลกเลย เอาแรงงานพลังงานมารับหน้าทางตำหนิก็ไม่หวาดไม่ไหวแล้ว สรรเสริญไม่ต้องไปนำพาเลย มีน้อย แล้วก็ไม่ต้องอยากได้สรรเสริญ เอาเถอะไม่เป็นไร ไม่ได้สรรเสริญก็ไม่เป็นไร แต่ก็มีคนมาสรรเสริญอยู่บ้าง คนที่มองออก คนที่เห็นจริงเขาก็สรรเสริญ 

ผู้ที่รู้จริงแล้วสรรเสริญก็ดี ตำหนิก็ดี ก็เป็นเรื่องของโลกธรรมธรรมดาก็ไม่ได้ติดใจอะไร ผู้ที่รู้ดีว่าดีควรสรรเสริญก็ดีแล้วถูก ผู้ที่รู้ว่าไม่ดีควรตำหนิ เขาก็ถูกเหมือนกัน แต่ตำหนิโดยไม่รู้ว่าควรตำหนิ ตำหนิสิ่งที่ผิด อันนี้สิขายขี้หน้ามาก แสดงความขี้เท่อ แสดงความไม่รู้จริงๆ 

อย่างอาตมา เขาไม่รู้ว่าเป็นสัตบุรุษจริง เพราะเมื่อบอกไปเขาก็แทบจะอ้วกออกมาเลย  เขาก็ดูถูกดูแคลน เพราะเขาติดยึดในสิ่งที่ผิดว่าเป็นสิ่งที่ถูก แล้วก็แบกเทิ่งๆ แบกลาภยศสรรเสริญ ลึกที่สุดก็เป็นโลกียสุข สุข เพราะลาภยศสรรเสริญนั่นแหละ ตัวโลกีย์แท้ๆ ไม่รู้ตัวมันซ้อน 

เพราะฉะนั้นรายละเอียดของสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบพวกนี้จึงลึกละเอียดมาก จะเห็นได้ว่า คนในโลกที่ติดยึดแบกพวกนี้ แบกลาภ ยศ สรรเสริญก็ตาม ถูกราคะ โทสะ โมหะ เผาเอาก็ตาม แล้วก็ยังเป็นคนที่มีโศก โทมนัส อุปายาสะก็ตาม เขาเข้าใจไม่ได้ ล้างไม่ออก ไม่ได้เป็นอาริยะ ไม่ต้องพูดถึงขั้นเป็นอรหันต์ 

10.วิวาทมูลกทุกข์ (ทุกข์มีสงครามวิวาทะเป็นรากเหง้า) 

เป็นธรรมาธรรมะสงคราม มีความทุกข์ที่มีการวิวาทเป็นมูล เพราะฉะนั้นใครยังเป็นจอมวิวาทอยู่ก็หาเรื่องวิวาท อย่างอาตมาตำหนิ แต่ว่าอาตมาไม่วิวาทกับใคร ใครจะหาเรื่องรบกับอาตมา ก็รบไป ดีไม่ดีใครจะมาฆ่าจะมาก็ฆ่าไป ไม่วิวาทกับเขา เป็นผู้แพ้ผู้ยอม แต่คนที่วิวาทก็วิวาทไปทำไปสารพัด วิวาทมูลกะ เพราะไม่รู้ความจริงว่า มัน..โอ้โห! ไปหาเรื่องวิวาททำไม คุณจะตำหนิก็ตำหนิเขา แน่นอน คุณตำหนิเขาแล้ว เขาต้องมีผลกระเทือน เขาต้องมี reaction ต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบ คุณตำหนิเขา 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 10:50:43 )

ทุกข์ที่เลี่ยงได้ (เจตสิกทุกข์ อันสามารถดับเหตุได้แท้) 4 ข้อ

รายละเอียด

ข. ทุกข์ที่เลี่ยงได้ (เจตสิกทุกข์ อันสามารถดับเหตุได้แท้) 

1. ปกิณกทุกข์ (ทุกข์จรแห่งกิเลส คือ โศก ปริเทวะ  ทุกขะ  โทมนัส  อุปายาสะ  เมื่อพรากจากคนที่รัก  หรือพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก เป็นต้น) 

2. สันตาปทุกข์ (ทุกข์ คือ ความร้อนเผาใจ อันนื่องมาจากกิเลสไฟราคะ  ไฟโทสะ  ไฟโมหะ  แผดเผา) 

3. สหคตทุกข์  (ทุกข์ไปด้วยกันกับโลก  เช่น  ลาภ  ยศ สรรเสริญ โลกียสุข) 

4.วิวาทมูลกทุกข์ (ทุกข์มีสงครามวิวาทะเป็นรากเหง้า) 

เราก็ให้มันมามีบทบาทกับเราไม่ได้ ราคะก็เป็นทุกข์ โทสะก็เป็นทุกข์ โมหะเกิดความวุ่นวาย งงไม่รู้จักอะไร ก็เป็นทุกข์ 

หรือ ทุกข์ เพราะโลกเขายั่ว ลาภยศสรรเสริญ สุขที่เป็นโลกีย์ก็ไปหลงอยากได้อยากมีตามเขาก็เป็นทุกข์เรียกว่า  สหคตทุกข์ ทุกข์ที่มันสุดยอดก็คือ วิวาทมูลกทุกข์ ความทุกข์ที่เกิดจากการทะเลาะวิวาทกัน นี่เป็นทุกข์ที่ 4 ของความทุกข์ที่เลี่ยงได้ อธิบายไปแล้ว ส่วนความทุกข์อีก 6 อย่างนั้นเลี่ยงไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #24 ศึกษาความผูกพัน-ความสัมพันธ์ กรณี บี-ประทับใจ วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2566 ( 12:02:50 )

ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้

รายละเอียด

การปวดปัสสาวะ อุจจาระไปปลดทุกข์เสียก็หาย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 11:42:32 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:38:08 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:51:14 )

ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้

รายละเอียด

 คือ ทุกข์เจ็บป่วยได้ไข้  สุขภาพไม่ดี  มันเป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้  ไม่มีใครอยากได้หรอกแต่มันก็เข้าไปถึงตัวเพราะมันเป็นเรื่องกรรมวิบาก  เขาไม่ได้เรียนรู้กรรมวิบาก เมืองไทยเรียนรู้กรรมวิบาก  สุดท้ายก็จำนนเรื่องกรรมวิบาก  เราก็พยายามแก้ไขวิบาก  แก้ไขกรรมของเราไป

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:30:16 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:27:04 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:51:49 )

ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้

รายละเอียด

ก. ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ (ทุกข์อันเกิดจากกาย) . 

1. สภาวทุกข์ ทุกข์ประจำสังขาร เกิด แก่ เจ็บ  ตาย 

2. นิพัทธทุกข์ ทุกข์อยู่เนืองนิตย์ คือ หนาว ร้อน  หิว  กระหาย  ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ 

3. อาหารปริเยฏฐิทุกข์ ทุกข์ในการหากิน-การทำงาน . 

4. พยาธิทุกข์ อวัยวะเจ้าการทำหน้าที่ไม่เป็นปกติ 

5. วิปากทุกข์ ทุกข์เพราะผลกรรม เลี่ยงวิบากเก่าไม่ได้

6. ทุกขขันธ์ ทุกข์รวบยอดเพราะการประชุมแห่งขันธ์ 5  อันยังอาศัยมีชีวิตอยู่ 

เราต้องรู้ว่าอาการทุกข์คืออย่างไรในจิตใจ อาการนี้เรียกว่าอาการทุกข์​ รู้จักทุกข์รู้จักสุขในเวทนานี่แหละคือโลกุตรธรรม จนหมดความสงสัยไม่ติดในสุขและทุกข์ เห็นความสุขทุกข์เป็นธรรมชาติธรรมดาที่มันเกิดแล้ว เราก็ไม่ไปรักไปชังทั้งสุขและทุกข์ ที่สมมุติเขาเรียกว่าสุขและทุกข์ 

มันมาเผชิญเรา เช่นอยู่ดีๆคนเข้ามาตีหัวเราด้วยไม้หน้าสามจนหัวแตก มันก็เจ็บ เจ็บแน่นอน หรือใครว่าไม่เจ็บลองไหมไม้หน้าสาม เจ็บ มันก็ต้องทุกข์ แต่เราก็เห็นว่ามันเป็นทุกข์ไม่ได้ติดใจอะไร จะโกรธคนที่มาตีเรา พยาบาทอาฆาต เราก็ศึกษามาหมดแล้ว เราก็ไม่ อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะเราได้เข้าใจธรรมะแล้ว ก็ไม่มีผลตอบสนอง โดยเฉพาะตอบสนองที่ร้าย เป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่ไปในทางร้าย ไม่มี ถ้าจะตอบสนองก็เป็นการตอบสนองในทางที่ดีเท่านั้น อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชาวหรรษาที่แท้จริง วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 19:35:09 )

ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้

รายละเอียด

ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้คือทุกข์ที่เกิดจากองค์ประกอบเกี่ยวเนื่องกับทางร่างกายทางวัตถุภายนอก มันเป็นเรื่องธรรมชาติของการปรุงแต่งของกายสังขาร มี 6 อย่าง

ก. ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ (ทุกข์อันเกิดจากกาย) . 

1. สภาวทุกข์ ทุกข์ประจำสังขาร เกิด แก่ เจ็บ  ตาย 

พ่อครูว่า...อาตมาก็เลี่ยงไม่ได้มาถึงทุกวันนี้จะไม่ยอมรับว่าแก่ก็ไม่ได้ต้องยอมรับว่าแก่ 

2. นิพัทธทุกข์ ทุกข์อยู่เนืองนิตย์ คือ หนาว ร้อน  หิว  กระหาย  ปวดอุจจาระ  ปวดปัสสาวะ 

3. อาหารปริเยฏฐิทุกข์  ทุกข์ในการหากิน-การทำงาน 

ก็ทำมาหากินประจำวันของมนุษย์เลี่ยงไม่ได้ ไม่เหมือนสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานมันก็ต้องหากินเหมือนกัน แม้ว่าจะปลูกสร้างไม่เป็นแต่มันก็ต้องหากิน มันไม่ทำงานที่จะปลูกสร้างแต่มันทำงานหากิน มันก็เลี่ยงไม่ได้ เป็นคนก็เลี่ยงไม่ได้ 

4. พยาธิทุกข์  อวัยวะเจ้าการทำหน้าที่ไม่เป็นปกติ 

5. วิปากทุกข์ ทุกข์เพราะผลกรรม เลี่ยงวิบากเก่าไม่ได้

6. ทุกขขันธ์ ทุกข์รวบยอดเพราะการประชุมแห่งขันธ์ 5  อันยังอาศัยมีชีวิตอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 10:38:20 )

ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้กับทุกข์ที่เลี่ยงได้

รายละเอียด

ก. ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ (ทุกข์อันเกิดจากกาย) . 

1. สภาวทุกข์ ทุกข์ประจำสังขาร เกิด แก่ เจ็บ  ตาย 

2. นิพัทธทุกข์ ทุกข์อยู่เนืองนิตย์ คือ หนาว ร้อน  หิว  กระหาย  ปวดอุจจาระ  ปวดปัสสาวะ 

3. อาหารปริเยฏฐิทุกข์  ทุกข์ในการหากิน-การทำงาน . 

4. พยาธิทุกข์  อวัยวะเจ้าการทำหน้าที่ไม่เป็นปกติ 

5. วิปากทุกข์ ทุกข์เพราะผลกรรม เลี่ยงวิบากเก่าไม่ได้

6. ทุกขขันธ์ ทุกข์รวบยอดเพราะการประชุมแห่งขันธ์ 5  อันยังอาศัยมีชีวิตอยู่ 

ข. ทุกข์ที่เลี่ยงได้ (เจตสิกทุกข์ อันสามารถดับเหตุได้แท้) 

7. ปกิณกทุกข์ (ทุกข์จรแห่งกิเลส คือ โศก ปริเทวะ  ทุกขะ  โทมนัส  อุปายาสะ  เมื่อพรากจากคนที่รัก  หรือพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก เป็นต้น) 

8. สันตาปทุกข์ (ทุกข์ คือ ความร้อนเผาใจ อันนื่องมาจากกิเลสไฟราคะ  ไฟโทสะ  ไฟโมหะ  แผดเผา) 

9. สหคตทุกข์  (ทุกข์ไปด้วยกันกับโลก  เช่น  ลาภ  ยศ สรรเสริญ โลกียสุข) 

10.วิวาทมูลกทุกข์ (ทุกข์มีสงครามวิวาทะเป็นรากเหง้า) อย่างพวกเราก็ยังมีวิวาททุกข์อยู่ในใจยังมีเล็กๆน้อยๆ คุณจะเอาไว้ทำไมพิจารณาให้ดีๆ ใครจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเขา เขาจะยึดติดเขาจะมีโทสะราคะ จะพยาบาทเราทำร้ายเรา เราก็เลิกทั้งหมดหนี้กับใครทั้งหมดเสีย ไปวิวาทกับใครทำไมให้เป็นมูล ให้เป็นเค้า ปม เงื่อนจิต จิตเราเป็นมูล ไปยึดไว้ทำไม มันก็หมดวิวาทมูลทุกข์

อาตมาไม่มีจิตวิวาทมูลทุกข์ อาตมาไม่ได้มีกับใคร ใครทำร้ายอาตมา  แต่อาตมามีบารีบ้าง คนจะมาทำร้ายถึงขั้นถีบ ตบ อาตมาชาตินี้ก็ไม่มีที่จะโดนตบหน้าหรือทำร้าย แต่โดนแก๊สน้ำตา เรามีวิบากไปรับเสียไม่มี หลายคนพวกเราก็โดน สรุปจบที่เรา ก็จะจบ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 11:14:42 )

ทุกข์ภายในเรียกโทมนัส

รายละเอียด

ข้างนอกสบาย แต่ข้างในยังทุกข์ เราไม่เรียกทุกข์ เราเรียกโทมนัส ยังมีโสมนัสฟูใจ แต่คนกดข่มได้ ไม่ออกมาทางกายวาจาอย่างกับพระอรหันต์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:46:08 )

ทุกข์หมายถึงอะไร

รายละเอียด

คำเดียวนี่แหละตอบไปอีก 20 30 50 ปี ก็ทั้งหมดของศาสนานี่แหละทุกข์ ก็บอกแบบนี้แหละ รู้ทุกข์ แล้วก็ดับเหตุแห่งทุกข์ จบ 

ทุกข์ คือ สิ่งที่มันไม่คงที่ จิตของเรามันแปรปรวนแล้วไม่ชอบใจ เพราะฉะนั้นจะชอบหรือไม่ชอบก็เลิก ให้ชอบก็ไม่เอา ไม่ชอบก็ไม่เอา แล้วจิตของเราก็จะหมดทุกข์ มันเป็นอาการอย่างนั้นอย่างนี้ สีแดงมันเกิดแดงอยู่เขียวมันเกิดเขียวอยู่ คนนี้เสียงดังอยู่ คนนี้เสียงเบาอยู่ คนนี้เสียงเขาสมมุติว่าเพราะ คนนี้เสียงฟังแล้วไม่เพราะ เขาก็ว่ากันไป มีสารพัดต่างๆกัน มันก็ต้องมี เราก็ถ้าจะไม่รับก็ห่างมา ออกห่างมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 17:49:24 )

ทุกข์อริยสัจไม่ใช่ทุกข์ทางร่างกาย

รายละเอียด

อันนี้ก็ดีนะ ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจว่าเรารู้ทุกข์รู้ความเจ็บปวด ที่จริงคำว่าทุกข์อริยสัจมันไม่ใช่ทุกข์ทางร่างกาย แต่เอาเถอะ คุณรู้ทุกข์ก็รู้ว่ามันมีคู่กับสุข ถ้าคุณเกิดญาณปัญญามันก็จะบรรเทา จากที่มีอาการมากมันก็จะบรรเทาลงดีไม่ดีจะหายเลยด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2563 ( 13:28:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:35 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:52:16 )

ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป

รายละเอียด

ถ้ายิ่งจริงก็ดี ถ้าไม่จริง เป็นอันอื่นเป็นพระธาตุปลอม เป็นต้น แล้วก็มานับถือว่าเป็นพระธาตุจริง ก็ไม่เป็นไร เพราะจริงมันมี แต่มันพิสูจน์กันยาก เขามีวิธีพิสูจน์หลายอย่างหลายประการ แล้วก็ไม่มีใครตัดสินว่าจริงหรือไม่จริง 

อย่าว่าแต่แค่พระธาตุจะจริงหรือไม่จริงเลย พระพุทธรูปสร้างขึ้นมาเป็นสมมติ หล่อขึ้นมาสลักขึ้นมา แม้แต่วาดภาพขึ้นมา เราก็ถือว่านี่คือสิ่งแทนพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน โดยตำนาน โดยประวัติศาสตร์ โดยหลักฐานอะไรต่างๆ พระพุทธเจ้าก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่อุบัติขึ้นมาในโลก หรือประสูติขึ้นมา แล้วก็มาเป็นพระพุทธเจ้า นำเอาความตรัสรู้มาประกาศขึ้นมาในโลก ให้เราได้รับรู้เรียนรู้ปฏิบัติตาม จนเราเจริญ เป็นคนประเสริฐ เป็นคนดี เป็นคนเจริญ 

ที่สำคัญที่สุดก็คือ เป็นผู้หมดสุขหมดทุกข์ หรือลดสุขลดทุกข์ที่ไปยึดมั่นถือมั่นได้ อันนี้แหละ สุขทุกข์ เป็นสิ่งที่แตกต่างจากศาสนาทุกศาสนา ศาสนาพุทธเรานี่ มีความแตกต่างที่เรียกว่าโลกุตรธรรมอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงที่ รู้จักว่า คนเรานี้ อาศัยสุขและทุกข์ และ เขาก็ไม่รู้จักความจริงว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป ส่วนสุขนั้น เป็นคู่มายาของทุกข์ เรียกว่าเทวะ คือสภาพ 2 หรือสภาวะ 2 เขาไม่รู้และแยกไม่ออกด้วย สุขทุกข์เป็นคู่ที่แยกไม่ออก โดยสภาวะ สัจจะแยกไม่ออก แต่โดยปรมัตถธรรม สามารถแยกได้

อารมณ์สุขเกิดจากเวทนา อารมณ์ทุกข์ก็เกิดอยู่ที่เวทนา หรือแม้แต่อารมณ์ไม่สุขไม่ทุกข์ ก็ทำให้เกิดที่เวทนาได้ เพราะฉะนั้นวิธีปฏิบัติโดยผู้ที่เห็นดีเห็นงามในการอาศัยจิตไม่สุขไม่ทุกข์ ก็มีวิธีเหมือนกัน แต่ยังไม่ใช่วิธีที่สัมมาทิฏฐิ เป็นวิธีที่มิจฉาทิฏฐิอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 ณ ราชธานีอโศก วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 19:06:17 )

ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น

รายละเอียด

เกิดขึ้นมา ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ไม่ได้ มันเป็นความทนได้ยาก มันเป็นความไม่เที่ยง แต่เราไปยึดถือหนัก มันก็เลยทุกข์ทรมาน มันเป็นอาการของจิตเป็นอาการของเวทนา เป็นอาการของความโง่ของความหลงของคุณ เพราะฉะนั้นเวทนาของคุณจึงเป็นก้อนทุกข์ใหญ่โตเลย ผู้รู้แล้วก็จะรู้ว่าอ้อ…ทุกข์ ไม่มากมายอะไร แค่นิดนึงก็ไม่เอาไว้ 

ตั้งแต่หยาบมา ท่านก็เลิกมาแล้วทุกข์หยาบ กระทั่งทุกข์เหลือน้อยลง จนกระทั่งเหลือน้อยมาก กลับไปเป็นสมมุติ เราหมดแล้วทุกข์ ปรมัตถ์หมดแล้ว เรายังมีขันธ์ 5 อยู่ก็ต้องทุกข์ไปกับขันธ์ 5 ทุกข์ไปกับโลก ทีนี้ก็ยิ่งทุกข์ก็คือไปกับการช่วยคนอื่น คนอื่นเขายึดถืออย่างนี้เราก็ช่วยได้อย่างนี้ แก้ความทุกข์ให้เขาไป ก็จะไปรับรู้ความทุกข์ของคนอื่นก็แก้ไขช่วยเขา เพื่อที่จะชี้ให้เห็นทางออก ไม่มีทุกอย่างมันหมดเลยมันหมดจนกระทั่งสลายจิตนิยามไปเป็นดินน้ำไฟลมเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2565 ( 11:58:32 )

ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

รายละเอียด

ความทุกข์กับความสุข ก็จะรู้ว่ามันเป็นกระดาษแผ่นเดียวแยกกันไม่ได้ เป็นคู่ที่แยกกันไม่ได้ มัน เป็นมายาหลอกว่าสุข แต่ที่จริงก็ทุกข์ทั้งนั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป สุขมันหลอกเรา เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าใจอย่างนี้แล้ว จึงไม่กลัวทุกข์ ก็ศึกษาลึกเข้าไปที่ทุกข์ มีเหตุตัวไหนเป็นตัวการให้เกิดทุกข์อยู่อย่างนี้ ไม่ต้องเอามาหลอกเลยสุข 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 10:51:30 )

ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป

รายละเอียด

ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป คุณฟังแล้วก็แหมคิดว่าโลกนี้ไม่น่าอยู่ แสดงอาการในจิตได้ 2 นัย 

นัยยะหนึ่งก็คือว่า มันคงมีโลกที่น่าอยู่มากกว่านี้ นัยยะหนึ่ง แหม โลกนี้ไม่น่าอยู่ก็จะหาโลกอื่นอยู่ ซึ่งมันไม่มีหรอก โลกไหนก็คือ วัตถุอยู่ในจิตวิญญาณของมนุษย์ คุณไปเกิดที่ไหนคุณก็เอาจิตวิญญาณไปเกิดอยู่ในโลกนั้นทั้งนั้น เพราะฉะนั้นคุณก็หนีไม่ได้ หนีไม่พ้น

อีกนัยยะหนึ่ง อันนี้มันจะไม่รู้สึกว่าน่าอยู่ ซะเลย อย่างที่คุณบอกว่า แหม ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป รู้สึกเต็มรูปอย่างนั้นมันก็ยิ่งเอาทุกข์ทับถมตน แต่ถ้าอีกนัยยะหนึ่งไม่ต้องไปนึกถึงขนาดนั้น ศึกษาธรรมะปฏิบัติให้ดีๆ ความ ละหน่ายจางคลายจากกิเลส ไม่ยึด ต้องให้เห็นได้ว่า เออ ถ้าโลกไม่น่าอยู่มันมีทางออกที่จะอยู่หรือไม่อยู่ อย่างไร อันนี้เป็น ปรมัตถ์เป็นอภิธรรม 

คุณก็ต้องมาทำใจในใจ ทำจิตของคุณให้เข้าใจลึกซึ้งเข้าไปชัดเจนว่า อ๋อ เราอย่าอึดอัดทรมานทุกข์ ไม่น่าอยู่ มีเชิงอกุศลบ้างเราก็จะได้เห็นอย่างปัญญาอย่างชัดเจนว่าอ๋อ ถ้าเผื่อว่า เราเองไม่ยึดมั่นถือมั่นไม่มีอุปาทาน เข้าใจง่ายๆในพยัญชนะง่ายๆ 2 คำ 

ก่อนอื่นก็คือ มันมีโลก อัตตา สองอย่าง อยู่ในโลก และสิ่งที่อยู่ในโลกก็คือ อัตตา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร(บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 13:04:29 )

ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป

รายละเอียด

โดยเฉพาะ “ความสุข” ความสุขนี้เป็นมายาที่คนไม่รู้ได้ง่ายๆ เป็นมายาที่คนหลง พระพุทธเจ้าท่านเป็นสุดยอดผู้ที่รู้ยิ่งรู้จริง คนเรามันก็ติดอยู่แค่ความสุข ความสุขกับความทุกข์มันเป็นคู่หูที่แยกกันไม่ได้ เป็นภาวะของเทวะ เป็นภาวะ 2 ที่แยกกันไม่ได้ แต่คนไม่รู้ คนหลงเหลี่ยมมุมของภาวะ 2 ไปหลงความสุข มองไม่เห็นความทุกข์ พระพุทธเจ้ามองเห็นทุกข์ ว่ามันเป็นความหลอก ที่จริงแล้วมันเป็นความทุกข์เท่านั้น ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป  มันไม่ใช่ความสุข โอ๊ย..โง่มานาน พระพุทธเจ้าจึงรู้แล้วจึงเลิก มาเป็นความไม่สุขไม่ทุกข์ มันมีภาวะความไม่สุขไม่ทุกข์

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:40:57 )

ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป

รายละเอียด

พระอรหันต์ทุกองค์จะบอกว่าทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป จะเร็วหรือช้าก็แล้วแต่มันตั้งอยู่สุดท้ายมันก็ดับไป ใครยังไม่รู้จักทำให้มันดับได้ถาวรหายไปได้ถาวร คุณก็อยู่กับมันสิ คนที่ดับไม่ได้ถาวร คนไหนที่ดับได้ถาวร คนนั้นก็จบเหตุ ดับได้ถาวร 

คนวิปลาส เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข คนที่จบแล้วเป็นอรหันต์แล้วก็หมดสุขหมดทุกข์

การเห็นว่าของที่ไม่ใช่ตนเป็นตน ก็เป็นความวิปลาส การเห็นว่าสิ่งที่ไม่น่ายินดีไม่น่าได้ไม่น่ามีไม่น่าเป็นเลย ไม่น่ารักน่าใคร่ ไม่งามเลย ก็ไปหลงว่างาม หลงว่าน่ามีน่าได้น่าเป็น น่าอยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:45:46 )

ทุกข์เบาบางจิตสดชื่น คือมรรคผล

รายละเอียด

นี่คือ เนื้อแท้ ฟังธรรม แล้วเข้าใจ พิสูจน์แล้วไม่ใช่รวยเละ แต่จิตสดชื่น ทุกข์เบาบาง คนที่สามารถเห็นทุกข์ ไม่ใช่แค่เห็นนะ บางคนเห็นแค่ทุกข์แต่ไม่ได้สำนึกหรือใช้การกดข่ม ไม่ใช่การบำบัด ศึกษาให้เห็นทุกข์ หยั่งให้ถึงเหตุแห่งทุกข์ที่เป็นปรมัตถ์ ตัวแท้ๆ พระพุทธเจ้าก็ระบุว่าคือ ตัณหาอุปาทาน มันมีแค่นี้แหละ หยาบ กลาง ละเอียด ในมโนสัญเจตนา 1.เจตนาจะเสพกาม 2. เจตนาจะเสพมโนมยอัตตา 3. เจตนาเสพรูปภพ อรูปภพ แม้ผู้ชัดเจนไม่สับสน ดับกามภพได้ก็มากับ รูปภพ อรูปภพ การล้างรูปภพไม่ได้หมายถึงการไปนั่งหลับตา แต่รูปภพคือกิเลสเหลือเศษจากการดับกามภพที่เป็นกิเลสหยาบ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส โลกธรรม ทำได้ผ่านแล้วจะเหลือเหตุ คือลาภ ยศ สรรเสริญ​หรือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แต่ผู้นี้กระทบสัมผัสแล้วไม่ได้เกิดกิเลส การนั่งหลับตาปฏิบัตินั้นไม่เข้าหลักเกณฑ์ของศาสนาพุทธเลย  เขาจะฟังที่อาตมาอธิบาย เมื่อบรรลุธรรมแล้ว เหตุแห่งกิเลสยังอยู่ แต่เรามีจิตอยู่เหนือ เป็นจิตอุตระ เป็นอธิจิต แปลว่าเหนือ แปลว่าบน แปลว่าทับ (อธิ) อย่างนั้นเป็นจิตพิเศษ  จิตเจริญ​ไม่ใช่หลีกลี้ไม่รับสัมผัส แต่มันเห็นอย่างยิ่ง แต่มันเหลือรูปราคะ อรูปราคะ ก็ไปรู้กิเลสในนั้นปฏิบัติในระดับนั้นก็คือเห็นไตรลักษณ์แต่มันเป็นรูปภพ อรูปภพ หากสามารถลดลงได้ สุดท้ายก็ไม่มีกิเลสนั้น รูปภพลดได้ อรูปภพก็ศึกษาอีก เวลากระทบสัมผัส มันเกิดก็พิจารณาต่อหน้าหลัดๆ เอ็งอย่าทำเป็นเก่ง แต่ไม่ใช่ไปนั่งขบคิด แต่สู้กัน แลกหมัดกันเลย ขณะปัจจุบัน ทิฏฐกาละ แล้วกิเลสก็พ่ายแพ้จางคลายเห็นๆจางลงต่อหน้าต่อตาเลย นี่คือสัจจะที่อาตมาเอาของตัวเองอธิบาย ใครมีอย่างนี้บ้าง...ยกมือกันหลายคน นี่เป็นเรื่องปรมัตถ์นะ อาตมาตายตาหลับ คนที่ไม่เข้าใจ จะไม่กล้ายก แต่นี่ต้องรู้เรื่องชัดเจน เป็นสิ่งที่จริง เพราะงั้นการที่ทุกข์เบาบาง จิตสดชื่นขึ้นเป็นอภิปโมทยังจิตตัง จิตเบิกบานร่าเริงสดชื่นมันเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าคนพ้นทุกข์กลายเป็นจิตเฉื่อยๆ แข็ง ไม่ใช่ มันมีรายละเอียดเป็นอภิปโมทยังจิตตัง อานาปานสติ  อภิปโมทยังจิตตสังขารัง ก็จะตอบรับกับคนอื่นที่จิตสดชื่น อย่างอาตมาไม่ใช่เสแสร้งแกล้งทำ เอาหน้าเอาตา ก็ไม่เชิงอย่างนั้นทีเดียว แต่มันเป็นจริง มันก็เบิกบานร่าเริงสดชื่น 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:28:15 )

ทุกข์เป็นอริยสัจ สุขเป็นอัลลิกะ

รายละเอียด

ทุกข์ ทำไมเรียกว่าอริยสัจ สุข ทำไมเรียกว่าหลอก อัลลิกะ

ทุกข์ ท่านเรียกว่าความจริงเป็นอริยสัจ ท่านไม่เรียกว่าทุกข์คือสัจจะอย่างเดียว ท่านเรียกว่าทุกขอาริยสัจ อาริยะคือผู้ประเสริฐที่แท้จริง อาริยะจะรู้จักสุขรู้จักทุกข์ ว่าสุขเป็นของหลอก ทุกข์เป็นของจริง เพราะตัวจริงคืออวิชชาคืออนุสัย สวรรค์ไม่มีอยู่ที่ตัวคุณหรอก จิตของคนไม่มีสวรรค์หรอก สวรรค์คือตัวจร คือการปรุงแต่งเพียงชั่วคราว อาจจะดึงสวรรค์ไปได้อีกไม่กี่วินาทีหรอก แต่เสร็จแล้ว ก็พรากกันไป สวรรค์ไม่ได้ทนทานอะไร อนุสัยอวิชชามันทนทาน ทนทานเหนือไวรัสต่างๆเป็นล้านๆๆปี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:38:19 )

ทุกข์เป็นอริยสัจอย่างไร

รายละเอียด

แต่ในจิตของคุณมันรู้สึกได้สมใจไหมถ้าสมใจก็เป็นความทุกข์อยู่ แต่ไม่หรอกเพราะว่ามุ่งแต่ความสุข ก็เลยบอกปัดความทุกข์ไม่เอาความทุกข์เอาแต่สุข เหมือนพระเจ้าเหมือนเทวนิยมพระเจ้ากับเทวนิยมเอาแต่สุขก็เลยหลงพระเจ้านั่นแหละเป็นเจ้าของความสุขมีแต่สุข บางคนไม่รู้จักทุกข์ด้วยทั้งๆที่ซาตานก็อยู่ใกล้ๆกัน คุณไม่เอาข่าวว่ามีซาตานไม่ได้เคยระแวงว่ามีซาตาน ไม่นึกว่าซาตานต่างหากเป็นหน้าจริงเป็นสัจจะกว่า เพราะฉะนั้นคนไม่เคยฉลาดไม่มีอารยะ ไม่เคยมีความสุขไม่เคยมีความเจริญ อาริยะแปลว่าผู้เจริญผู้ประเสริฐผู้มีภูมิปัญญารู้ว่าเป็นทุกข์เป็นอริยสัจ เป็นความจริง อ๋อ คุณบรรลุแล้วหรือมันเป็นทุกข์ 

ผู้ที่เห็นสิ่งพิเศษที่มันติดว่าสุขนั่นแหละคือทุกข์ ผู้เห็นสิ่งที่สุขนั่นแหละคือทุกข์ผู้นั้นเป็นอาริยะ เพราะรู้ความจริงที่จริงยิ่งกว่าสุข

ความทุกข์เป็นตัวจริงของความสุข ถึงเรียกว่าทุกข์อริยสัจ ท่านไม่ได้เรียกว่าสุขอริยสัจทั้งๆที่มันเหมือนเหรียญสองหน้า เพราะคนจะคิดว่าไม่ใช่ผู้ประเสริฐผู้เจริญเป็นพวกขี้โม้ ผู้ติดอยู่กับสุขโง่และทุกข์ทุกคน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึงอรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:44:30 )

ทุกข์เป็นอัปปมัญญาเพราะอวิชชากับอนุสัย

รายละเอียด

ท่านจึงเรียกว่า ทุกข์มันไม่มีประมาณ อัปปมัญญา ยาวนานไม่มีประมาณ ไม่เคยหยุดไม่เคยพอ มันอยู่กับตัวเรา ถ้าหากล้างตัวนี้หมด ทุกข์ก็ไม่มี แต่อวิชชากับอนุสัย มันอยู่กับคุณจริงๆ ต้องมาศึกษาล้างตัวนี้ให้ได้ ท่านถึงเรียกว่าอริยสัจ

แต่สวรรค์นี้รู้ได้ง่าย มันก็หลอกแวบไปแวบมา ใครมีสวรรค์ที่ไม่มีทุกข์แทรกอยู่เลย นรกแทรกอยู่เลย เอ้ายกมือ???....แสดงว่าไม่มีอรหันต์ อรหันต์นี้ไม่มีทุกข์แทรก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:39:54 )

ทุกข์เพราะเอาภาระ

รายละเอียด

ก็เป็นผู้ที่มักน้อย มันมีทางปรินิพพานแล้ว ปรินิพพานเป็นปริโยสาน มันก็ไม่ใช่ง่ายที่จะทนวิบาก ความทุกข์ของตนเองมันไม่ยากเท่าไหร่เลย ความทุกข์ที่จะช่วยผู้อื่นนี้มันยากยิ่งนัก ไปแบกไปเอาภาระ มันหนักกว่า จะให้คนอื่นเข้าใจเรื่องทุกข์สมุทัยนิโรธมรรค มันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรือยังไง มันยากอย่างกับอะไรดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2565 ( 12:43:56 )

ทุกข์และสัมภาระวิบากของพระโพธิสัตว์

รายละเอียด

จะว่าทุกข์ มันก็ขนาดนั้น มันเป็นภาระ การกินก็ต้องเป็นภาระ ภาราหเวปัญจขันธา กินให้ขันธ์ 5 มันต่อไปได้ มันจำเป็น เป็นธรรมชาติ ไม่ได้กินเพราะอร่อย ไม่ได้กินเพราะระเริง กินเพราะทนกิน ผู้ที่อยู่กับอาตมาจะรู้ว่าอาตมาไม่ได้แกล้งเลย มันเป็นการลากสังขาร จะเข้าใจด้วยพฤติกรรมจริง ไม่ใช่เรียนรู้จากพยัญชนะ คนที่อยู่รอบข้างทั้งหลายแหล่ ในการกิน จะเห็นว่าอาตมากินด้วยความทุกข์ ซึ่งพูดไปแล้วมันก็น่าเกลียด ที่จริงมันก็ไม่ทุกข์ถึงขนาดนั้นหรอก ไม่ได้ทุกข์หยาบคาย ฟังแล้วเหมือนจะตาย ซึ่งมันก็เป็นธรรมชาติธรรมดาให้มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย คำว่าทุกข์เป็นบัญญัติให้พวกคุณรู้ อาตมาจะทุกข์หรือไม่ทุกข์ อาตมาสูงสุดคืนสู่สามัญ พูดให้คุณรู้ว่าทุกข์ ถ้าหากจิตใจอาตมาทุกข์ขนาดนั้นอาตมาอกแตกตายแล้ว ถ้าหากอาตมาเป็นอย่างนั้นจริง แต่อาตมาพูดให้พวกคุณฟัง ว่ามันเป็นภาระ ภาราหเวปัญจขันธา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2565 ( 11:55:06 )

ทุกคนตายแล้ว ถ้ายังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ก็ต้องกลับมาเกิดอีกแน่นอน

รายละเอียด

เรื่องนี้แม้สามีจะไม่ฟังธรรมะ อาตมาก็ตอบ อาจจะไหลไปตามสายลมเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาบ้างหรอก ผ่านหูก็ยังดีนะ 

ประเด็นแรก ตอบเลยว่า คนเราเมื่อตายแล้ว ทุกคนไม่ว่าศาสนาไหนด้วย ศาสนาใดก็ช่าง..ทุกคน เป็นคำตรัสยืนยันและอาตมาก็เห็นจริงด้วย เพราะอาตมาเกิดแล้วเกิดอีก รู้จักการเกิดชาติที่แล้วชาตินี้ ในชาตินี้มีอะไรมาแต่ชาติก่อน อาตมาไม่เคยมีอาจารย์เรื่องทางธรรมและมาแสดงออกทางธรรมะไม่น้อย หลายคนก็ถือว่าเป็นเพชรเป็นพลอยเป็นทองคำเสียด้วยซ้ำ 

เพราะฉะนั้นคนทุกคนตายแล้ว ถ้ายังไม่บรรลุอรหันต์ต้องเกิดทุกคน เกิดอีกทุกคนตามกรรมวิบาก ไม่ใช่ตายแล้วเอาไปเผาแล้วก็เผาเลยไม่เกิดอีกไม่มีอะไรต่ออีก มีแน่นอนถ้ายังไม่บรรลุอรหันต์ 

และประเด็น 2. แม้ผู้บรรลุอรหันต์แล้ว มีสิทธิ์ตายแล้วแยกธาตุตัวเองออกไปเป็นดินน้ำไฟลม ทำ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน อย่างที่เรียกว่า ไม่ให้จับเกาะกลุ่มกันอีกเลย จิตสลายเป็นดินน้ำไฟลมได้เลย อันนี้ไม่เกิด 

แต่ พระอรหันต์ที่บรรลุแล้ว สามารถที่จะไม่เกิดก็ได้ แต่จะเกิดก็ได้ และ การเกิดอันนี้แหละ เกิดมาบรรลุอรหันต์แล้ว มาเกิดในชาติต่อๆมา 

1. จะไม่ทำบาปหรือไม่ทำความชั่วเลยในชาติต่อๆไป จากนั้นจะอีกกี่ชาติก็ตาม ร้อยชาติ พันชาติ หมื่นชาติ แสนชาติ ล้านชาติ ถ้าจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ล้านๆชาติ เป็นโพธิสัตว์จากเป็นพระอรหันต์ไป จะไม่ทำบาปไม่ทำอกุศลเลย ทำแต่ดี สัพพปาปสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) เพราะ สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) เพราะได้ชำระกิเลสที่เป็นเหตุแห่งการทำชั่ว ทำบาปหมดไปแล้ว 

การชำระกิเลสของพระพุทธเจ้านั้น นอกจากจะไม่ทำชั่ว ทำบาปซึ่งเป็นโลกียะแล้ว ยังเป็นโลกุตระที่ไม่สุขไม่ทุกข์ด้วย จิตกลางๆ จิตรู้จักสุขรู้จัก จิตโลกที่เป็นกิเลสหลงมายา หลงสุขหลงทุกข์ แต่ผู้เป็นพระอรหันต์แล้วรู้ชัดเจนในเรื่องความยึดถืออุปาทาน หมดจบ ไม่สุขไม่ทุกข์เรียกว่า อทุกขมสุข ตามภาษาบาลี 

เพราะจิตสะอาดจากกิเลสแล้ว สจิตตปริโยทปนัง เป็นอุเบกขาซึ่งมีองค์ธรรม ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา อาตมาสรุปมา 5 ประเด็น ที่จริงมีมากกว่านั้นพระพุทธเจ้าท่านขยายไว้ 5 ประเด็นนี้ก็ชัดครบดีแล้ว 

ปริสุทธา เพราะจิตบริสุทธิ์และจะบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ถ้ายิ่งบำเพ็ญเป็นปริโยทาตา จิตจะประภัสสรมากขึ้นผ่องแผ้วมากขึ้น และจะตกผลึกเป็น มุทุภูตธาตุ มุทุเป็นจิตที่มีทั้งปัญญาและทั้งศรัทธา มันมีทั้ง 2 สาย 2 อย่าง เต็มขึ้นเจริญขึ้น พัฒนาขึ้นมีภูมิธรรมเป็นโพธิสัตว์สูงขึ้นๆนั่นเอง สูงขึ้นจนเป็นพระพุทธเจ้าได้ อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรมโดยพ่อครู ครั้งที่ 14 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 แรม 7 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 17:27:19 )

ทุกคนต้องผ่านวิบาก

รายละเอียด

สรุปที่อาตมาพยายามอธิบายคือให้เห็นว่าทุกคนต้องผ่านวิบาก เป็นการพิสูจน์ยืนยัน แต่ก็ไม่ต้องมากอะไรหนักหนาอะไรหรอกอาตมาก็เล็กๆน้อยๆที่อาตมาใช้ก็ว่าลิงลมอมข้าวพอง ก็พอมีประวัตินิดหน่อยให้มาอ้างอิง ความจริงจะเอาหนักหนาก็ได้แต่มันเสียเวลา ดีไม่ดีต้องเสียสละชีวิตตายไปเลยเพื่อยืนยันว่าตายก็ตายได้ แล้วจะตายไปทำไม มันก็เสียเวลาไปอีกตั้งเป็นชาติ เพราะฉะนั้นก็เอาที่พอสมควร สิ่งเหล่านี้มันก็ละเอียดลออซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:54:33 )

ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพสมบูรณ์แบบ 

รายละเอียด

พูดถึงสาธารณโภคีแล้ว อาตมาภาคภูมิใจมาก พูดย้ำไม่รู้กี่ทีแล้ว ว่าอาตมามาในยุคนี้ เอาสาธารณโภคีของพระพุทธเจ้า มาทำให้เกิดปรากฏการณ์จริงขึ้นมาได้ในสังคมมนุษย์ยุคนี้ 

พูดจริงๆ เถอะ ใครจะหาว่าอาตมาหลงละเมอเพ้อพกตัวเองก็ตาม มันยิ่งใหญ่นะ มันยิ่งใหญ่ตรงที่ว่าในยุคพระพุทธเจ้าทำได้เฉพาะในหมู่สงฆ์ ข้อจำกัดอาตมาก็เคยพูดไปแล้ว แต่ยุคนี้มันไม่ใช่ยุคพระพุทธเจ้า มันคนละยุคคนละ กาละ เทศะ ฐานะ ยุคนี้ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไม่มีนายทาส และทุกคนมีสิทธิเสรีภาพสมบูรณ์แบบ 

เพราะฉะนั้นจึงทำให้คนมาอยู่ในชุมชนสาธารณโภคี เป็นฆราวาสได้สำเร็จ ไม่ใช่อาตมาอวดเก่ง แต่เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามายืนยันกับโลกคนละยุคกาละเท่านั้นเอง ได้สำเร็จ มันสุดยอด สาธารณโภคีนี้ 

เพราะฉะนั้น ในเทวนิยม สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ทำให้เกิดสาธารณโภคีไม่ได้ จบด็อกเตอร์มาร้อยใบก็ทำไม่ได้ จากเทวนิยม จากต่างประเทศ ต้องศึกษาของพระพุทธเจ้าจึงจะทำให้เกิดสาธารณโภคี จะเข้าใจสาธารณโภคี ทำให้เกิดสาธารโภคีได้สำเร็จ 

เมื่อสำเร็จก็เกิดชุมชนหมู่กลุ่มที่เป็นสาราณียธรรม 6 คุณก็จะอยู่กันอย่างสบายมี สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภ ได้มาโดยธรรมก็เอาเข้ากองกลาง ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา  ใครบรรลุสูงสุดก็จบในตัวเองไม่บรรลุก็ทำต่อ แต่เข้าใจแล้วก็อยู่สบายจะไม่ไปไหน จะอยู่กับหมู่นี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำเดือนห้าปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 20:14:31 )

ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีปัญญาเป็นผู้พิพากษาเอง

รายละเอียด

ข้อสำคัญคุณจะต้องมีญาณปัญญาวินิจฉัยชัดเจนว่าอันนี้เป็นประโยชน์อันนี้ไม่เป็นประโยชน์ อย่างไม่ลำเอียงอย่างไม่มีกิเลส เป็นตัวตัดสิน มีแต่ความซื่อตรงสะอาดบริสุทธิ์ไม่มีอคติใดๆมาตัดสินแล้วเอามาใช้ เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีปัญญาเป็นผู้พิพากษาเองปัญญานี้เป็นตัวผู้พิพากษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราต้องมีปัญญาที่คมแหลมลึกแม่นตรงจริง แล้วสามารถตัดสิน สามารถพิพากษาได้ อะไรควรใช้อะไรควรอาศัยเราก็อาศัย มันก็เป็นความจริงที่คุณเองจะมีความสามารถ คุณจะมีความรู้จริงที่จะตัดสินถูกต้อง แล้วคุณก็ได้ตามสิ่งที่ตัวเองพิพากษาเองตัดสินเองแล้วเอามาใช้เอง มันก็เป็นของจริง ใครมีเท่าไหร่ อาตมาว่าคนเรานี้ก็ไม่ได้เจตนาที่จะเอาสิ่งที่ไม่ดีนะเจตนาจะมาเอาสิ่งที่ดีทั้งนั้น เอามาใช้ ไม่มีใครอยากจะเอาสิ่งไม่ดีมาใช้ มันก็อยู่ที่เราจริงฉลาดจริงแล้วก็ตรงแท้ตามสัจจะหรือไม่ เท่านั้นแหละที่จะทำได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน กาลามสูตร


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:17:33 )

ทุกคนมีสิทธิ์พากเพียรเป็นพระพุทธเจ้าได้

รายละเอียด

ในคนนี้เราเชื่อมั่นว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องความเป็นคนอย่างไม่เพิ่ม พระเจ้าอยู่ที่ไหนอย่างไรสมมุติอย่างไร ตามหาธาตุรู้ตัวต้นตอความรู้ไม่ได้ ตามหาไม่ได้สัมผัสตัวจริงไม่ได้มันก็ไม่ชัดเจน มันก็แฝงอยู่สมมุติอยู่ แต่พระพุทธเจ้าบอกว่าเอาที่คน แม้ที่สุดใครจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ไม่มีปัญหา คุณมีปัญญาพากเพียรให้มีความรู้ความจริง จนกระทั่งคุณเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ไม่ได้สงวนสิทธิ์ ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ คุณพากเพียรไปให้ถึง เก็บวิบาก สัมภาระวิบาก สะสมชาติแล้วชาติเล่า ศาสนาพุทธการเกิดของจิตวิญญาณผสมการเกิดแล้วเกิดอีก สะสมภูมิธรรม สะสมบารมี จนกระทั่งเกิดเป็นศาสดาของพุทธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:16:25 )

ทุกคนมีอนุสัยเป็นพระเจ้าและมีอวิชชาเป็นตัวพาเกิด

รายละเอียด

ตัวอนุสัยเป็นตัวแกนของใจเลย อนุคือตัวเล็กๆ เล็ก ที่เล็กที่เป็นของตน สย สยัง ตัวเล็กๆ มีพลังอำนาจ เพราะทุกคนมีอนุสัยเป็นพระเจ้า สามารถจัดการกับพระเจ้าของตัวเอง ขอบคุณพระเจ้าของเราเองให้พระเจ้าทำงานตามที่เรานี่แหละ จะให้เป็นเช่นไร คนเราเกิดมามีอวิชชาเป็นตัวพาให้เกิดมามันยังไม่รู้เรื่อง ได้สั่งสมจิตวิญญาณให้เกิดมีกรรมมีวิบากสั่งสมมามีความรู้เท่าไหร่ก็เก็บ ยึดมั่นถือมั่นอะไร ยึดมั่นถือมั่นมากก็ใช้มันออกมา อะไรยึดมั่นถือมั่นน้อยก็ใช้น้อย ยึดถือกลางๆก็ใช้อย่างกลางๆ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 08:52:26 )

ทุกคนรู้จักคำว่าบุญดีทั้งนั้นแต่รู้ไม่ถูก

รายละเอียด

คำว่า ระบบทุนนิยม อาตมาตั้งชื่อคู่ต่อสู้ของทุนนิยมว่า บุญนิยม โดยเอาคำว่า บุญ ที่คนรู้ดี แต่คนรู้ไม่ดี คนไทยทุกคนรู้จักคำว่า “บุญ”ดีทั้งนั้น แต่รู้ไม่ถูก นี่คือความเสื่อมที่ชัดเจนยืนยันเป็น Phenominon  phenomina เยอะ เป็นปรากฏการณ์เยอะให้รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ที่คนเข้าใจบุญนี้ผิด อาตมาจึงต้องมาขยายความคำว่า บุญ เป็นความหมายแท้ๆที่ถูกต้อง จนทุกวันนี้ก็เมื่อยขยายคำว่าบุญ 

เมื่อกี้เราเกริ่นแล้วว่าจะต้องสู้กับทุนนิยม ทีนี้ออกไปหาคำว่า  ทุนนิยม คำว่าทุนนิยมคือพวกที่เขารวย ทุนนิยมคือการนิยมความรวย
1.นิยมความมีทุนเยอะๆ ที่จริงไม่ใช่ทุนเท่านั้น แต่เป็นตัวได้เปรียบทั้งนั้น ความหมายคำว่า ทุนของเขา พยัญชนะว่าทุน กองทุนของเขาจะต้องมีเยอะๆ เขาไม่เอาหรอก ความจน เขาจะเอาแต่เรื่องความรวย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 18:56:38 )

ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของจิตวิญญาณของตัวเองได้

รายละเอียด

จิตทำกรรมสั่งสมเป็นธรรมะไปตามลำดับ ก็ถึงจะทำลายหรือทำให้เกิดได้นานเท่านานจนเป็นอมตะ ทุกคนสามารถที่จะเป็นเจ้าของจิตวิญญาณของตัวเอง วสวัตตีโก ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้จะให้สลายก็สลายได้จะให้อยู่ต่อ ก็อยู่ได้อย่างเป็นนิรันดร์ ก็นานจนกระทั่งเขาลืมตัวเองจนเป็นนิรันดร์ ไม่รู้ว่าพระอวโลกิเตศวรลืมตัวเองหรือยัง ก็จะอยู่รื้อขนสัตว์ให้หมดโลก หมดโลกเมื่อไหร่ จึงจะปรินิพพานเป็นคนสุดท้าย ลืมตัวเองหรือยังนั่นก็พูดไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:18:51 )

ทุกคนสามารถเป็นโพธิสัตว์ะระดับต่างๆจนกระทั่งถึงเป็นพระพุทธเจ้าได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าตรัสรู้อันนี้ อนุสสติ เรามาระลึกก็ระลึก เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่เราจะถ่ายทอดออกมาได้ แม้แต่ใช้คำว่า พระเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเหมือนกับพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ ก็คือเราเป็นได้เหมือน จะสูงส่งเป็นพระพุทธเจ้าได้ก็เชิญ ไม่สูงส่งเป็นพระอรหันต์แล้วสลายตัวเองได้หรือเป็นโพธิสัตว์แต่ละระดับ แล้วจะสลายเมื่อไหร่ก็ได้นิพพานเป็นปริโยสาน เป็นพระโพธิสัตว์กี่ชั้น ระดับ 5 6 7 8 จนกระทั่งถึงพระพุทธเจ้า 

สามารถที่จะรีไทร์ตัวเองได้ตลอดทาง แล้วคนก็รีไทร์กลางทางเยอะ จะอดทนไปจนถึงเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งนั้น สุดน่าเบื่อ แต่ก็มีคนพากเพียรจะเป็น อย่างเช่นอาตมา ยังไม่ได้คิดจะวางยังไม่ได้คิดจะเลิก จนพากเพียรมาถึงขั้นที่ 7 ก็เข้าข่ายที่จะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเที่ยงแท้ นิยตะ จนกว่าจะไปเป็นขั้นที่ 8 อีกยาวนาน สุดท้ายถึงขั้นที่ 9 เป็นพระพุทธเจ้า ก็ยังมุ่งมั่นอยู่ตอนนี้ ยังรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐเป็นสิ่งที่มีค่าเป็นสิ่งที่น่าจะรู้ ได้เกิดมาแล้วก็บำเพ็ญโพธิสัตว์มากกว่า 

รู้โพธิสัตว์ระดับ 5 มา 1 2 3 4 ยังไม่รู้อะไรเท่าไหร่ รู้จบแล้วอรหันต์ ขั้นที่ 4 ก็รู้แล้ว ก็ต่อระดับที่ 5-6 จนกระทั่งถึง 7 แล้วก็จะมี 8 ก็คิดว่าโอ้โห! ไหนๆก็พากเพียรแล้วก็จะพยายามจะให้รู้สิ่งนี้แล้ว ก็ยังไม่คิดที่จะเลิก สลายตัวเอง รีไทร์ตัวเองกลางคันก็ไม่คิด อาตมาก็อยู่ไปแล้วก็มีวิบาก อาตมาก็รับมาจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อน 

ผู้ที่เข้าใจและเชื่อที่อาตมาพูดมาและเห็นจริงเห็นดีเห็นงาม ปฏิบัติประพฤติเป็นโพธิสัตว์ตามที่อาตมาพาทำก็มีเยอะ แล้วเป็นสายปัญญา สายที่เป็นปัญญานี้เข้าใจแล้วก็บรรเทาทุกข์ได้ สายเจโตหมดทุกข์ได้ยากซึ่งก็จะอดทน ก็ขอจบอนุสสติ จากคุณที่ไม่บอกชื่อมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 17:04:23 )

ทุกคนเป็นครูของเรา

รายละเอียด

ผู้มีมิตรดีสหายดีจะเร็ว ทั้งผู้สูงผู้เท่าเราผู้ต่ำกว่าเรา ก็จะช่วยเราได้ในบางเหลี่ยม อย่าไปหลงว่าตนรู้หมดรู้รอบอย่างนั้นจะช้า บางทีเด็กไม่เดียงสาแสดงเราก็เลยเห็นความโค้งของเราเลย เด็กคนนี้สอนเรา เด็กมันซื่อสะอาด เราก็อ่านของตนเองออก เราแท้ๆยังโค้ง ยังสู้เด็กสะอาดกว่าเราไม่ได้เลย เขาไม่รู้มากแต่เขาซื่อตรง แต่ละคนได้จากเด็กไม่น้อย แล้วเด็กที่ซื่อตรงต่อสิ่งที่ดีจะเป็นครูของเรา เด็กมีความซื่อสัตย์มีความซื่อตรงจริงจังของเขาจะให้ประโยชน์แก่เราเยอะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:02:27 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:37:50 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:15:48 )

ทุกคนเป็นเจ้าของจิตวิญญาณ

รายละเอียด

ก็ลองอธิบายเนื้อหาสาระเหล่านี้เทียบเคียงกับสภาวะปรากฏการณ์จริงของมนุษย์ในโลกสู่กันฟัง อิสระ คำแรก คนไม่เข้าใจง่ายๆหรอก อาตมาเคยสรุปว่า เทวนิยม มันไม่มีความอิสระจริง เพราะมันไม่จริงมาตั้งแต่พระเจ้า พระเจ้านั้นเป็นเจ้าของเป็นนายทาส เป็นนายทาสตัวจริง ประชาชนหรือว่าสมาชิก หรือเรียกว่าศาสนิกของศาสนาที่มีพระเจ้าเป็นหนึ่ง ศาสนิกเหล่านั้นเป็นทาสของพระเจ้าทั้งหมด ไม่ใช่ผู้มีอิสระ ทุกอย่างพระเจ้ายึดอำนาจไว้หมดเลย เป็นผู้บัญชา เป็นผู้สั่งการ เป็นผู้กำหนด จะให้เกิดให้ตายให้สุขให้ทุกข์ ให้เจริญหรือให้เสื่อมอะไรก็แล้วแต่ พระเจ้าทั้งนั้น แล้วพระเจ้านี้ก็เป็นความลึกลับ 

ซึ่งศาสนิกหรือสมาชิกของกลุ่มพระเจ้าและพระเจ้ามีหลายองค์ แต่มีความเห็นอันนี้อันเดียวกัน คือพระเจ้านี้ยึดเป็นนายทาส ทุกศาสนา ทุกลัทธิ พระเจ้ายึดอำนาจของมนุษย์หรือศาสนิกไว้หมด ซึ่งแตกต่างจากความอิสระของศาสนาพุทธ อิสระเป็นของตนเอง ทุกคนเป็นเจ้าของจิตวิญญาณ เป็นเจ้าของกรรม เราทำกรรมใด กรรมนั้นเป็นทายาท กรรมนั้นเป็นของคุณเอง กัมมัญญา

กรรมวิบาก มรดกของตนคนเดียว เดี่ยวๆๆๆ 

1. กัมมัสสโกมหิ (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน)  

2. กัมมทายาโท (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน) 

3. กัมมโยนิ (มีกรรมเป็นแดนเกิด-หรือพากำเนิด)  

4. กัมมพันธุ (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, พันธุ์เทพ,พันธุ์มาร)  

5. กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ)  

(พตปฎ. เล่ม 14  ข้อ 581)

คุณต้องได้อาศัยกรรมที่ตัวเองทำไว้ ซึ่งมีปฏิกิริยายังไม่จบ ถ้าตราบใดยังมีสรณะ เขาแปลว่า ที่พึ่ง แต่เป็นที่พึ่งอันไม่เกษม เพราะโดยพยัญชนะแปลว่า ยังมีสงคราม ส คือเกี่ยวกับ รณะ คือสงคราม ซึ่งมันเป็นเรื่องของการรบ เป็นเรื่องของการที่ยังไม่ลงตัว ยังไม่จบ สำหรับแต่ละคน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2566 ( 12:54:40 )

ทุกชุมชนเป็นสาธารณโภคีเดียวกัน

รายละเอียด

กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมสาธารณโภคี คือมีเศรษฐกิจหรือมีการเมืองที่บริโภคร่วมกันเป็นทรัพย์สินส่วนกลาง ไม่มีใครแบ่งแยก เรียกว่าเป็นกงสีใหญ่เลย ไม่ใช่แต่เฉพาะญาติพี่น้องในตระกูล ได้หมดทุกคนในสังคมในชุมชน ของชาวอโศกทั้งนั้นเลยไม่ว่าจะเป็นชุมชนใหญ่ๆ ชุมชนที่สันติอโศก ชุมชนที่ราชธานีอโศก ศีรษะอโศก สีมาอโศก ทุกชุมชนเป็นสาธารณโภคีเดียวกัน ขาดแคลนก็บอกกันเกื้อกูลกันเป็นกระเป๋าเดียวกัน นี่คือสุดยอดของเศรษฐศาสตร์ สุดยอดของรัฐศาสตร์ สุดยอดของสังคมศาสตร์ 

เพราะฉะนั้นตลาดอาริยะ คือตลาดที่เป็นที่ค้าขาย แต่เป็นการค้าขายอย่างเสียสละ ค้าขายอย่างขาดทุนให้แก่ผู้ซื้อ ขาดทุนให้แก่ผู้มารับบริการ ไม่ได้เอาเปรียบเอารัด มีแต่เสียสละให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เรียกว่าเกือบจะหมดเนื้อหมดตัวเลย นี่เป็นตลาดอาริยะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 12:59:24 )

ทุกบรรยากาศคือการรายงานความจริง

รายละเอียด

มีคนดูแค่ 190 คนถ้าเป็นทางโลกทุนนิยมเขาก็ล้มละลายแล้ว ตอนนี้มีคนฟังเท่าไหร่(120คน) ทุกบรรยากาศคือการรายงานความจริง ประโยคนี้ของเราไม่เหมือนใคร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2563 ( 10:45:14 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:37:48 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:54:43 )

ทุกบรรยากาศคือการรายงานความจริง

รายละเอียด

เพราะต้องอาศัยสิ่งนี้ถ่ายทอดทั้งการกระทำและคำพูดการเป็นอยู่ สัมมาอาชีพ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะอยู่ในนี้ทั้งหมดเลย สื่อออกไปหมดเลย ทุกบรรยากาศคือการรายงานความจริงของคนของสังคมของมนุษยชาติ อโศกนี้อวดอ้าง คนต้องเป็นอย่างนี้ คนต้องมีความเป็นอยู่อย่างนี้คนจะต้องอย่างนี้ แล้วชมด้วยว่าอย่างนี้ดีๆ ถ้าดีต้องอโศก พูดเสียจนคนจะอ้วกแตกตายคนจะอาเจียนเป็นโลหิตตาย มันอวดตัวอวดตนไม่มีใครเท่าเทียม จริงๆแล้วมันน่าหมั่นไส้อย่างนั้นจริงๆ แต่เราก็เลี่ยงไม่ออกว่าจะไปพูดอย่างอื่น อโศกไม่มีความชั่วบ้างหรือ ก็มีจะไปพูดทำไม เราก็ไปแก้ไข สิ่งชั่วจะไปโฆษณาทำไมสิ่งชั่วให้คนไปเอาอย่างให้คนไปรู้อย่างนั้นหรือ โฆษณาไปก็ขายขี้หน้าและจะให้คนเอาอย่างก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นก็พยายามแก้ไขตนเองปรับปรุง แต่ดีนี้สิบอกกันเข้าไปว่าอย่างนี้ดีนะไม่ต้องเก้อเขิน ไม่เห็นมีปัญหาอะไรบอกสิ่งที่ดี เรามั่นใจจริงใจว่าอย่างนี้ดี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:22:32 )

ทุกประเทศในโลกจะชัดเจนประชาธิปไตย เมื่อใด

รายละเอียด

ถ้าเป็นคนในคุณสมบัติคุณธรรม คุณวุฒิ ความรู้ คุณวิเศษขนาดชาวอโศก ถ้ามีค่าเฉลี่ยประมาณอย่างชาวอโศกที่เป็นอยู่ประมาณนี้ ขณะนี้ เกิดมวลเกิดปริมาณเพิ่มขึ้น กว่านี้ไปในโลก ไม่ต้องไปเอาถึง 7 พันล้าน มีอย่างชาวอโศกนี้แค่ พันล้านเท่านั้นแหละ อาตมาว่า ทุกประเทศในโลกจะชัดเจน เอาประมาณ 1 พันล้านในโลก ที่มีคุณสมบัติคุณวิเศษของมนุษยชาติอย่างชาวอโศกนี้ แล้วบริหารปกครองแบบนี้ที่เรียกว่าประชาธิปไตยสากลที่สุด สมัยพุทธเจ้าเรียกว่าโลกาธิปไตย ยังไม่เรียกว่าประชาธิปไตย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 11:46:49 )

ทุกรกิริยา

รายละเอียด

ทุกระคือ กิริยาที่ไม่ดี ก็ไปเสียเวลากับกิริยาที่ไม่ได้เรื่องได้ราว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:26:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:38:36 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:55:36 )

ทุกรกิริยา

รายละเอียด

ปัญจวัคคีย์ตอนแรกก็ไม่ลุกรับไม่นับถือ เพราะว่าไม่เป็นผู้ที่บำเพ็ญการทรมานตัวเองต่อแล้ว เพราะเขายังติดยึดจะต้องบำเพ็ญมีทุกรกิริยา กิริยาต่างๆ ซึ่ง ทุกรกิริยา มันหมายถึงว่ามีกิริยาอาการไม่ดี ไม่ใช่ว่าไปทรมาน ยืนขาเดียวอดน้ำอดข้าวจนแห้งอย่างนั้นมันก็ทุกข์เป็นกิริยาไม่ดี แต่มันไม่ได้หมายความว่าเน้นไปที่การเจ็บปวดทรมานลำบากลำบน ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ใช่มันไม่ดี มันไม่ถูกต้อง ก็คือทุกรกิริยา มันไม่ถูกต้องในการประพฤติในการทำงานการอย่างนั้นอย่างนั้น ยืนขาเดียว อะไรก็แล้วแต่ นั่งสมาธิอยู่ก็เรียกว่า ทุ หลับตาอยู่ก็เรียกว่าทุกรกิริยา อย่างนี้เป็นต้น อันนี้เป็นเรื่องของสามัญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันอาสาฬหบูชา วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:08:11 )

ทุกรกิริยาไม่ใช่กิริยาที่ทรมานนะ แต่เป็นกิริยาที่ไม่ดี

รายละเอียด

เทียบเคียงให้ฟัง พระพุทธเจ้าท่านก็ลิงลมอมข้าวพอง เมื่อเกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก็งงๆ ไปตามโลกที่มีจารีตมีวัฒนธรรมก็เป็นไปตามเขา เมื่อบวชก็เป็นเดียรถีย์ออกป่า เขาทำทุกรกิริยาต่างๆที่เป็นกิริยาไม่เข้าท่า ทุกรกิริยาไม่ใช่กิริยาที่ทรมานนะ แต่เป็นกิริยาที่ไม่ดี แต่การไปนั่งตะปู ยืนขาเดียว อดข้าว ก็ใช่ด้วย เป็นสารพัดที่มีอยู่ในสัมมาทิฏฐิไม่อยู่ในครรลองครองธรรมของพระพุทธเจ้ามันอยู่นอกรีต ท่านก็ไปทำมาหมด อาตมาอยู่ในชาตินี้ปางนี้ อาตมาก็ยังไปหลงกับเขาอยู่เหมือนกับพระพุทธเจ้าไปหลงอยู่ 6 ปี แล้วท่านก็ระลึกของเก่า ท่านไม่ได้ตรัสรู้หรอก ที่จริงพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้แล้วท่านมีสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก่อนมาถึงชาตินี้ ก่อนจะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านได้บรรลุมาแล้วมีสัมมาสัมโพธิญาณหมดแล้ว ในชาติที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไร ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมเลย ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ก็นั่งระลึกของเก่าว่าเป็นอย่างนี้เองหรือ ธรรมะต่างๆเป็นอย่างนี้ ท่านก็ระลึกได้เลยแล้วก็เอามาสาธยาย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:10:30 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:38:39 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:15:03 )

ทุกวันนี้ เอาบุญมาหลอกล่อ มาหากินทั่วทั้งประเทศ!

รายละเอียด

ผู้บรรลุ“นิพพาน”จึงคือผู้“สิ้นบุญสิ้นบาป(ปุญญปาปปริกฺขีโณ)

ไม่เช่นนั้น “บุญ”จะกลายเป็นเครื่องมือ ในการหลอกลวงกัน หรือทำความเข้าใจผิดให้แก่คน แล้วคนก็หลงนำเอาคำว่า“บุญ”ไปใช้แทนคำว่า “ทาน”บ้าง กุศล”บ้าง ก็จะหลง “สะสม”เป็น“สมบัติ”กัน แล้วเอา“ส่วนบุญ” ไปแบ่งกันบ้าง ซึ่งมันเป็นเครื่องมือให้ผู้มีความเฉลียวฉลาดแกมโกง(เฉโก)นำไปหลอกคนได้ หรือไม่..ก็เอาไปค้าไปขายกัน ดังที่นายทุนหัวใสผู้แฝงธรรมอย่างเช่นสมี“ธัมมชโย” หรือคนบาป เดียรถีย์ทั้งหลาย“ค้าบุญขายบุญ”อยู่ในสังคมเต็มโลก! 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 56 หน้า 76


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 19:38:17 )

ทุกวันนี้คนได้แค่ภาษาความรู้ไม่เข้าถึงสภาวะ

รายละเอียด

อาตมาอธิบายแยกแยะทั้งภาษาและสภาวะ แต่ทุกวันนี้คนได้แค่ภาษาความรู้ไม่เข้าถึงสภาวะ พูดแล้วก็นึกถึงผู้ที่เป็นปราชญ์ศาสนาพุทธในปัจจุบันนี้ แล้วตัวเองไม่พ้นแม้แต่สักกายทิฏฐิที่เป็นสังโยชน์ข้อ 1 เข้าใจคำว่า กายไม่ได้ เข้าไม่ถึงสักกะคือตน เข้าใจกายก็ไม่สัมมาทิฏฐิ ขออภัยที่พูดเหมือนตีทิ้งเขาหมด 

พูดแล้วก็นึกถึงเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งสมัยเป็นฆราวาส เขาเป็นหัวหน้าคณะละครวิทยุแล้วให้อาตมาเป็นตัวแสดงด้วย อาตมาก็ต้องไปรับจ้างเขาแสดง ตอนนั้นอาตมาเริ่มปฏิบัติธรรมแล้ว เขาบอกว่าให้ไปพบท่านประยุทธ์ ปยุตโต ท่านเป็นปราชญ์เขาก็แนะนำให้อาตมาไปพบ อาตมาก็คิดว่าเพื่อนคนนี้เขาจะเข้าใจหรือ คนนี้เป็นผู้หญิงนามสกุลปราณีประชาชน ซึ่งเป็นนามสกุลใหญ่นะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 19:53:02 )

ทุกวันนี้พ่อครูพยายามรื้อฟื้นรสอร่อยขึ้นมาเพื่ออะไร

รายละเอียด

รสอาตมาลิ้นนี่รู้รสหมดทุกอย่าง ไม่ต้องขูดก็รู้ดีทุกอย่าง เปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ดขื่นรู้หมด ไม่ได้พิการ ไม่ได้หยาบกร้าน ไม่มีอะไรมาบังจนกระทั่งไม่รู้รสก็ไม่ใช่ แต่เป็นจิตที่มันสั่งสมมามันเกินกำลังดึงคืนกลับมา มันโอเวอร์มากไป ก็พยายามดึงคืน มันตายไม่เกิดแล้ว แต่มันน่าจะถูกให้ฟื้นได้ แต่มันยากมันนานแล้ว นี่ก็เป็นการศึกษา ที่พูดไปไม่ได้คุยโม้โอ้อวดโอ่ แต่เอาเรื่องจริงมา ก็เห็นกันอยู่มันไม่จริงอย่างไรในแต่ละวัน พยายาม นี่ พยายามจะกินให้ได้ปริมาณ จะใช้เวลานาน ถ้ามันอร่อยหรือมันตะกละหน่อยมันก็จะเร็ว วืดๆๆ เดี๋ยวก็เต็ม ไอ้นี่มันไม่อย่างนั้น ฟันก็ดี หมอฟันก็ทำให้ดีเรียบร้อย เคี้ยวบดไม่ยาก แต่องค์ประกอบทั้งหมดมันไม่รวบไม่รีบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:03:59 )

ทุกวันนี้มีคนรับธรรมชาวอโศกได้เพิ่มขึ้น

รายละเอียด

ผู้เข้าใจก็เข้าใจที่อาตมาพูด เขียนมานี่ก็เข้าใจ อาตมาถึงว่าทุกวันนี้ก็มีคนรับได้และก็มีเพิ่มขึ้นนะไม่สูญเปล่า ได้ประโยชน์เพิ่มอีก ก็เลยมีกำลังใจฝืนสังขารจะไม่ยอมตายง่ายๆ อาตมาฝืนสังขารได้ทุกวันนี้ยังแอคเต้นฟุตเวิร์คให้ดูได้นะ ไม่เหมือนคนแก่ แต่อยู่ในจีวรนี้ทำไม่ได้ไม่เข้าท่า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 21:20:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:40:03 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:57:50 )

ทุกวันนี้มีแต่พิธีกรรม

รายละเอียด

เมื่อสูญเสียความจริง​​ก็เกิดสัจธรรม

เมื่อสูญเสียสัจธรรม​​ก็เกิดคุณธรรม

​เมื่อสูญเสียคุณธรรม​​ก็เกิดมนุษยธรรม

​เมื่อสูญเสียมนุษยธรรม​ก็เกิดศีลธรรม

​เมื่อสูญเสียศีลธรรม​​ก็เกิดพิธีกรรม

ทุกวันนี้สูญเสียสัจธรรมความจริงจึงมีแต่พิธีกรรม ศาสนาพุทธทุกวันนี้ความจริงไม่มีแล้วผิด สูญเสียความจริง 

คำว่า คุณธรรมนี้เป็นโลกีย์แล้ว การรู้จักกิเลสมันเหนือกว่าคุณธรรมเท่านั้น การรู้จักกิเลส กิเลสลด กิเลสมันสลายไปไม่ใช่สร้างขึ้น คุณธรรมเป็นโลกีย์เป็นกุศล เมื่อสูญเสียกุศลเข้าไปเอามนุษยธรรม ซึ่งสมมุติเกินไปตามมนุษย์ ที่จะสมมุติว่าอันนี้เป็นคนทำอันนี้เป็นดีอันนี้เป็นชั่วมันไม่ใช่โลกุตระแล้วนะเป็นโลกีย์ สมมุติตามมนุษย์ 

เมื่อสูญเสียมนุษยธรรมก็สูญเสียศีลธรรม อาตมาดูคำอธิบายอาจารย์ทางอิสลามมีเยอะ ฟังเขาอธิบายบ่อยแต่ละอาจารย์ เพื่อที่จะทำความเข้าใจมุมเหลี่ยมที่ ศาสนาเขาเข้าใจ มันเป็นหลักการหรืทอหลักเกณฑ์อย่างพระเจ้า ได้มีคำสอน ระบุทั้งหัวข้อภาษาพยัญชนะไว้หมดเลยในคัมภีร์ เอาล่ะอิสลามเขามีคัมภีร์อัลกุรอาน แล้วอย่าผิดนะ เรียกว่าข้อจะเรียกว่าศีลก็ไม่ใช่ทีเดียวมันเป็นข้อเลย ศีลของพระพุทธเจ้านั้นลึกซึ้ง ไม่ได้บังคับและมีขั้นตอนอะไรเยอะ แต่ของเขานี้เป๊ะๆหมดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 20:03:30 )

ทุกวันนี้ศาสนาพุทธเสื่อมไปจากความรู้ที่ถูกต้อง

รายละเอียด

ทุกวันนี้ศาสนาพุทธเสื่อมไปจากความรู้ที่ถูกต้อง ศึกษาตำรา ศึกษาบัญญัติเหมือนกับยุคพระพุทธเจ้าปฏิบัติขึ้นมา ยังมีพราหมณ์มหาศาล รวยลาภยศสรรเสริญเป็นเจ้าของพื้นที่ เป็นเจ้าของเวียงวัง 

เหมือน อัมพัฏฐมานพเป็นลูกของพราหมณ์ที่ยิ่งใหญ่ เขาถือว่าเป็นผู้สืบสกุลมาจากพราหมณ์ เป็นผู้ดีสูงส่ง มีความรู้ทางสมบัติเต็มที่ เขาก็นึกว่าเขามีเหมือนอย่างในยุคนี้ เขานึกว่าเขามีวิชชาจรณะสมบัติ อัมพัฏฐะ ไม่ใช่ออกป่าแต่เป็นพวกมีเวียงวัง มีสมบัติพัสถานเป็น Land Lord มีความรู้อีกนึกว่าเป็นเจ้าของวิชชาจรณะ

มาเจอพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ซักไซร้ไล่เรียงใน อัมพัฏฐสูตร ไล่จนรู้จักต้นตระกูลเดิมเลยนะ โดยการแบ่งกันว่า เป็นฆราวาสหรือเป็นนักบวช เขาถือว่าเป็นนักบวช แต่เขาถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นกษัตริย์ เป็นคฤหัสถ์ เขาก็ข่มว่าเขาเป็นนักบวช โดยบอกว่าฆราวาสสูงขนาดไหนก็ต้องไหว้นักบวช เขาจะให้พระพุทธเจ้าไหว้เขา 

พระพุทธเจ้าก็เลยบอกว่า ถ้าไหว้เธอ หัวของเธอจะแตกเป็น 7 เสี่ยง อันนี้เป็น อจินไตย 7 คือ ตัวเลขที่สมบูรณ์แบบครบรอบในพลังงาน ถ้า 9 ถือว่าเป็นสมดุลในพลังงาน cyclic order ถ้า 7 เป็นพลังงานสูงสุด 8 กำลังจะเข้าที่ถึง 9 ก็ลดลง ผู้แรงจะแรงเป็น 7 ผู้ 8 จะลดลง 9 ก็เป็นผู้รักษาสมดุล ประนีประนอม ปรองดอง เป็นผู้ประสานโลก

สัจจะของพระพุทธเจ้าละเอียดลออ แล้วอธิบายไปได้ละเอียดไปได้เรื่อยๆ อาตมาก็ไม่ได้ไปอ่านจากตำราไหน มันเป็นของตนที่มีมาเองเอามาพูด อาตมาเป็นคนอ่านหนังสือยากมาก ไม่ได้เป็นนักอ่านเลย 

เล่าเรื่องเรียนตอนเป็นเด็กนักเรียนมัธยม และวิทยาลัย เรียนเพาะช่าง เพื่อนตอนนี้ไม่รู้เหลือกี่คน ... อาตมาเป็นรุ่น 2 ของคณะ Fine Art เรียนเพาะช่าง 5 ปี จบเพาะช่างมา ก็งงว่าเราไปเรียนเพาะช่างทำไม ทุกวันนี้ไม่ได้เขียนภาพสักภาพ 

แต่ ศิลปะมีตั้ง 5 แขนง pure art นะ เดี๋ยวนี้อะไรก็เป็นศิลปะหมด ชงเหล้าก็เป็นศิลปะ ค้าขายก็เป็นศิลปะ โกงก็เป็นศิลปะ อาตมาได้ความรู้ศิลปะคือการได้รู้จัก Composition ทุกวันนี้ใช้คอมโพสทั้งนั้น ทุกอย่างก็เป็นการใช้ Composition ทั้งนั้นแม้แต่วรรณกรรมก็เป็น Composition 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม #20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:41:24 )

ทุกวันนี้สงฆ์จมอยู่กับลาภยศสรรเสริญสุขย้อนแย้งกับพระศาสดา

รายละเอียด

ดูดีขึ้นมาหน่อย หลงเลอะเทอะอยู่กับ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข จมงมงายอยู่อย่างนั้นไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในปางที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อรู้ตัวแล้วว่าเป็นพระพุทธเจ้า ท่านออกมาเลย ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นผู้ที่มีทรัพย์ศฤงคาร มีเกียรติยศสรรเสริญมากมาย ก็เดินออกมา ทิ้งรองเท้าทอง เครื่องทรงกษัตริย์ ออกมานุ่งผ้า ห่มผ้า ที่เป็นผ้าห่อศพ เอามาย้อมน้ำฝาดห่ม คือทิ้งให้เห็นๆเลย

เมื่อเห็นว่ามันไร้สาระ ท่านทิ้งให้เห็นๆเลย ท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ท่านเป็นผู้รู้ผู้ฉลาด ถ้าอยู่จะได้เป็นจอมจักรพรรดิ โอ้โห.. มีอาณานิคมอะไรอีกมากมาย ท่านไม่เอา ทิ้งออกมาอย่างไม่แยแสเลย 

แต่ลูกของท่านทุกวันนี้ยังจมอยู่ในลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ดีไม่ดี ตั้งยศตั้งฐานะเป็นสังฆราช เป็นสมเด็จอะไรเข้าไปอีก ทำไม ไม่นึกถึงว่าพระพุทธเจ้า ก็นับถือท่านเป็นครูบาอาจารย์ เป็นศาสดาของตนด้วยนะ แต่ทำไมถึงได้ทำย้อนแย้งกับที่พระศาสดาทำ ชัดๆก็ยังไม่รู้เลย ยังไม่รู้ตัวเลย ยังจมอยู่กับลาภยศสรรเสริญ สุข 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 19:02:55 )

ทุกวันนี้เขาไม่มีความรู้จะมาให้รางวัลพ่อครู

รายละเอียด

ทุกวันนี้เขาไม่มีความรู้จะมาให้รางวัลอาตมา อีกสัก 36 ปี รับรองโลกจะมีความรู้แล้ว อาตมาไม่ต้องอยากได้รางวัล อาตมาตั้งใจและว่าใครอย่ามาให้รางวัล อาตมาไม่เอา อยากให้ก็มาให้ถึงที่ จะให้ไปเอารางวัลก็เมินเสียเถิด คุณเห็นว่าอาตมามีความดีงามความประเสริฐอะไรก็ขอบคุณ อย่าให้ถ่อร่างไปเสนอหน้ารับรางวัลมันน่าเกลียด อาตมาไม่สนุกที่จะไปรับรางวัลแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ปัจฉิมกถาปิดงาน มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินครั้งที่ 12
ที่มาบเอื้อง จ.ชลบุรี วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:27:21 )

ทุกวันนี้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่จริงหรือ

รายละเอียด

อันนี้แหละอาตมาพาพวกเราทำสำเร็จ เป็นแสงสว่าง ที่พูดกันว่าเศรษฐกิจตกต่ำ มีคนบอกว่าเศรษฐกิจเมืองไทยย่ำแย่ตกต่ำ คือเป็นการพูดใส่ร้าย คนที่พูดอย่างนี้ ขณะนี้อาตมาก็ขอยืนยันว่าเศรษฐกิจเมืองไทยดีที่สุดในโลก คนที่พูดว่าเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ทุกวันนี้คือคนที่ไม่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์เลย เข้าใจทางเศรษฐศาสตร์ผิดไปหมด ยังไม่ถูกต้องรวมตัวไม่ได้จบดอกเตอร์ 3 ใบ 5 ใบทางเศรษฐศาสตร์มาด้วย ความรู้ที่เป็น เสฏฐะหรือเสฏโฐ แปลว่าความประเสริฐที่สุด หรือแปลว่าวัตถุ อะไรที่บอกว่าเศรษฐกิจ ธนบัตร เศรษฐกิจผลไม้เศรษฐกิจทองคำเศรษฐกิจเพชรนิลจินดา คุณต้องการอะไรในสิ่งที่ควรต้องได้ต้องมีต้องเป็น หากว่าจะเป็นเศรษฐกิจอยากได้อะไรก็เอามาให้ได้อย่างนั้นมันโง่แล้ว มันได้สิ่งนั้นตามปรารถนา เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจคำว่าเศรษฐศาสตร์ไม่ได้เลยมีเยอะมาก จะสรุปนิยามคำว่าเศรษฐกิจดีลงไปให้มันชัดเจนไม่ง่ายเลย อาตมาก็พูดมานานแล้ว นี่ก็กำลังสรุปและขยายในตัว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 10:29:51 )

ทุกวันนี้แยกไม่ออกว่าวินัยต่างจากศีลอย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตราจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ซึ่งทุกวันนี้มันบ่งบอก ยืนยันความเป็นอยู่เป็นจริงชัดๆว่าศาสนาพุทธไม่รู้เรื่องของจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล แม้ศีล 5 ศีล 8 ศีล10 ก็รู้โดยปริยาย รู้กว้างๆ รู้เฉยๆ เขาก็ถือว่าเขามีวินัย 227 ว่าศีลนั้นเป็นของชั้นต่ำเขาว่าอย่างนั้น ภิกษุต้องมีวินัย 227 ศีล 227 ซึ่งเข้าใจเนื้อหาของวินัยกับศีลก็ยังเข้าใจแยกแยะไม่ได้ ยังปนเปกันอยู่เลย ยึดถือเป็นอันเดียวกัน แยกไม่ออกว่า วินัยกับศีลต่างกันอย่างไร 

วินัย เป็นหลักที่มีโทษ ส่วนศีลนี้เป็นของผู้ดี ไม่เกี่ยวกับโทษกับภัย เป็นเรื่องอิสรเสรีภาพ แต่วินัยนี้อยู่ในกรอบของนักโทษ หรือผู้เป็นทาส วินัยคือ ยังอยู่ในวงวนของโลกีย์ วงวนของความเป็นทาส ส่วนศีลนั้นเป็นโลกของคนอิสรเสรีภาพ เป็นคนศึกษาให้เกิดประโยชน์ที่ตน ศึกษาไม่ถูกไม่ได้ก็ประโยชน์น้อยหรือไม่มีประโยชน์ ดีไม่ดีมีโทษ ก็อิสรเสรีภาพสูงสุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:12:32 )

ทุกวันนี้ในโลกคือประชาธิปไตยโลก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคุณธรรมในระดับ อาริยบุคคล เป็นความรู้ความฉลาดที่รู้แจ้งรู้จริงในประชาธิปไตยที่เป็นโลกุตระ หรือ ประชาธิปไตยแบบธรรมะ ประชาธิปไตยแบบธรรมะของพระพุทธเจ้าจะเรียกอย่างนี้ก็ได้ เรียกว่าประชาธิปไตยที่เป็นแบบธรรมะของพระพุทธเจ้า มันไม่มีในของใครหรอก ประชาธิปไตยทุกวันนี้ในโลกคือประชาธิปไตยโลก หรือประชาธิปไตยเทวนิยม ประชาธิปไตยตะวันตก ประชาธิปไตยสหรัฐ ประชาธิปไตยยุโรปอะไรพวกนี้เป็นประชาธิปไตยอยู่ในกรอบเทวนิยม อยู่ในกรอบโลกียะทั้งนั้น ยังไม่ออกมาหาโลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2566 ( 20:33:52 )

ทุกวันเป็นวันครู

รายละเอียด

ที่จริงก็เป็นวันครูได้ทุกวันแหละถ้าเราเป็นนักเรียน เพราะว่าการเป็นนักเรียนที่ดีที่สุด อาตมายังเป็นนักเรียนเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:05:57 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:40:48 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:14:25 )

ทุกวินาทีเป็นการสะสมกองอัตตาหรือมมัง

รายละเอียด

การศึกษามันก็หมุนไปมาอย่างนี้เข้าๆออกๆอย่างนี้ เพราะว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่เคลื่อนที่ สิ่งที่ได้ก็คือสิ่งที่ตกผลึกลงไป สิ่งที่ได้คือสิ่งที่ได้ผลและตกผลึกควบแน่นกันลงไปเป็นแกน เพราะฉะนั้นทุกๆวินาทีมันก็มีแต่สิ่งที่เป็นกรรม เป็นการกระทำ เป็นการงานเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ได้ผลแล้วก็ค่อยๆหล่นร่วงลงไป สะสมลงเป็นกองอัตตา หรือเป็นกอง มมัง  แล้วตต หรือ มม คือ อัตตา หรือ จิต(มม) ก็จะเป็นอย่างนี้ 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันเริ่มเกิดขึ้นหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้าที่จะจัดการให้มันเป็นสัดเป็นส่วน เป็นทรัพย์ เป็นสินที่จะสะสมที่จะเกิดเป็นตนใหม่ เป็นจิตใหม่ เรายอมรับแล้วมาเป็นจิตนิยามเกิดมาเป็นสัตว์โลกมันมีสภาพ 2 แยก 2 หมดมันเป็นธรรมชาติแยกไม่ได้ แยกสภาพ 2 ไปไม่ได้สังขารธรรมเพราะมันเป็นสังขารเป็นสิ่งปรุงแต่งตามหลักปฏิจจสมุปบาท 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 13:35:38 )

ทุกศาสนาสอนให้ทำดี ต่างกันตรงที่ตายแล้วเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมมีหลายระดับ ระดับหนึ่งก็ตายชาติเดียวแล้วไม่ต่อ ตายชาติเดียวแล้วก็ไปเกิดอยู่กับพระเจ้า จบ ไม่มีอะไรต่อ ไม่มีการขยายผล ขยายความรู้อะไรที่จะต่อจากนั้นเลย ก็ไปจบอยู่ที่พระเจ้า ก็สอนให้ทำดีในขณะเป็นๆๆ ตรงที่ให้ทำดีนี่แหละ ตรงกันหมด ทุกศาสนาตรงกันหมด แล้วก็ต่างกันไปตรงที่ว่า ตายแล้ว พอตายแล้วจะเป็นอย่างไร หลังจากตายแล้วมันจบตรงไหน แล้วมันจะจบการตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตายนี่ ศาสนาเทวนิยมก็ตาม หลายศาสนาเขาก็รู้ว่ามันตายแล้วยังไม่จบนะ ตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตายอยู่อย่างนี้ ไม่มีจบง่ายๆ เพราะฉะนั้นก็จึงมีพระศาสดาหลายศาสนา เห็นว่าตายแล้วก็จะไปเกิด เกิดเท่านั้น เกิดอย่างนั้น เกิดอย่างนี้ มีการเข้าใจแตกต่างกันไป มีตั้ง 10 อย่าง อย่างน้อยท่านก็สรุปออกมา 10 อย่าง อันตคาหิกทิฏฐิ 10 

ที่จริงพระพุทธเจ้าท่านเข้าใจมากกว่านั้น ท่านเข้าใจตั้ง 62 ต่างกันตั้ง 62 อันตคาหิกทิฏฐิ 10 ก็ต่างกันอยู่ที่ 10 เอาที่ 10 ก็แล้วกัน 62 มันเยอะไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สังขารกับการเวียนว่ายตายเกิด


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:36:20 )

ทุกสิ่งต้องพรากจากกัน

รายละเอียด

ดีไม่ดีพวกคุณไม่ได้ร้องหรอกเพราะพวกคุณตายก่อน แต่อย่าเพิ่งตายก่อนเลย ร้องก็ร้อง อาตมาตายก่อน พูดไปก็สิริมหามายา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ศิลปะในการใช้ชีวิตให้เกิดปัญญามัชฌิมา  วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 17:42:03 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:41:45 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:58:21 )

ทุกสิ่งต้องมี 2 มีพระเจ้าเท่านั้นที่มีหนึ่งเดียว

รายละเอียด

เมื่อเป็นสิ่งที่มีขึ้นมา ก็ต้องมี 2 ทั้งนั้น แม้แต่ในนิวเคลียสต้องมี 2 อย่างเดียวไม่เกิดพลังงาน ต้องมี 2 ถึงเกิดพลังงานเมื่อเคลื่อนที่จึงเกิดพลังงานตั้งแต่นิวเคลียส มีพลังงานบวกลบ โปรตรอน อิเล็กตรอน เกิดพืชก็มีคู่เป็น จิตก็มีคู่ พอเป็นจิตก็จึงจะเป็นเทวะ พืชไม่เป็นเทวะ แต่ถ้าจะเอาพยัญชนะไปเรียกเทวะ 2 ก็ได้ พืชจะมี 2 แม้แต่เป็นอุตุก็มี 2 คือบวกกับลบ 

เพราะฉะนั้นคำว่าสองของเทวะจึงคลุมหมดเลยทั้งโลกตั้งแต่อุตุ ทั้ง พีชะ ทั้งจิต ทั้ง อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระเจ้าเท่านั้น มีหนึ่งเดียว  ห้ามแตกนะ ห้ามแยกนะ ใครแยกเอาตายเลย อะไรๆก็อยู่ที่พระเจ้าหมด ฮุบไว้หมด ฟังพระเจ้าอย่างเดียวจึงเที่ยงพระเจ้าจึงเที่ยง พระเจ้าจึงมีความรู้เท่ากับพระเจ้าเท่านั้น ไม่สุด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 22:34:50 )

ทุกสิ่งที่เกิดมามี 2 เสมอ

รายละเอียด

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก ปีเก่ากำลังจะผ่านไป โลกก็สมมุติขึ้นมาเก่าๆใหม่ๆมีคู่ สิ่งใดเกิดมามี 2 ถ้ามันไม่มีจิตวิญญาณมันก็ไม่รู้เรื่อง ดินน้ำไฟลม พลังงานสสารมันก็ต้องมีสองที่ร่วมกันสังเคราะห์สังขารกันไปด้วยกันมาด้วยกัน แยกกันรวมกัน แยกกันกับรวมกันก็เป็นสองเหมือนกัน ก็จะเป็นอย่างนี้ไปตลอดกาลนาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 10:53:12 )

ทุกอย่างคือความหลอกที่เรียกว่าสมมุติสัจจะ

รายละเอียด

ไม่ใช่แค่ในยุคนี้ในทุกยุคก็มีความหลอก และจริงๆแล้วทุกอย่างก็คือความหลอกหมดจบ เป็นแต่เพียงว่าเราจะอยู่กับความหลอกหรือที่เรียกว่าสมมุติสัจจะนี้ได้ดีหรือไม่อย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:13:20 )

ทุกอย่างต้องตามเหมาะสมเรียกร้องไม่ได้

รายละเอียด

แต่เราไปเรียกร้องไม่ได้หรอก ทุกอย่างก็ต้องตามเหมาะสม ตัวเราก็จะมีคู่ชกเหมาะสมกับตัวเรา นอกจากเราจะโง่เลือกผิด ไปเลือกคู่ชกผิดๆแล้วเสียเวลา ไม่ได้เรื่องราว เลือกคู่ชกที่พอเหมาะพอดี 

อาตมานับ มหาบัวก็ดีเป็นคู่ชกนี่ ให้เกียรตินะ ไม่งั้นไม่มีใครกล้าบอก อาตมาบอกให้นี้ก็เป็นกุศลอย่างมาก แต่ก็ตายไปแล้ว ก็ได้แต่แค่ตีงูให้กากินให้ลูกศิษย์ลูกหาที่หลงผิดยึดถือผิดๆให้ได้รู้ ที่อาตมาพูดถึงมหาบัว ทำไมไม่พูดถึงอาจารย์มั่น อาจารย์เสาร์ที่เป็นอาจารย์ของมหาบัวอีก 2 ชั้น ก็อันเดียวกัน แกนเดียวกัน ถูกตีก็ถูกตีไปด้วยกัน เหมือนกับใครมาตีลูกฉันก็เท่ากับตีแม่ ดีไม่ดีแม่เจ็บกว่าลูกอีก เจ็บใจนะ มันก็เป็นธรรมดา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:04:58 )

ทุกอย่างต้องวนเวียนไปด้วยกรรมวิบาก

รายละเอียด

ฟังตรงนี้ดีๆ ไขความตรงนี้ให้ฟัง พระเจ้าที่เป็นแท่งอยู่บนเวียงวังวิมานตายไปจะไปอยู่กับพระเจ้าให้พระเจ้าจัดการ พระเจ้าไม่ให้ไปลงนรกไม่ไปไหน ก็อยู่กับพระเจ้านิรันดร เป็นความเพ้อฝันไม่ใช่ความจริง มันมีไม่ได้เพราะทุกอย่างต้องวนเวียนไปด้วยกรรมวิบาก เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังไม่รู้เราก็จัดการวิบากที่จะหมดสิ้นกรรมวิบากเลย แล้วคุณก็สลายธาตุไปเลย คุณไม่มีความรู้คุณจะเป็นเทวนิยม เป็นพระเจ้า คำว่า เทวะ ที่แปลว่า 2 ก็แยกไม่เป็นแยกรูปนาม ก็แยกไม่ได้ ก็มีแต่ความดิ้นรนไปหาพยายามบำเรอกิเลสให้ได้สมใจ สุขๆๆๆ เป็นมายาหลอกตัวเอง พากเพียรให้ได้ก็เมื่อย มันมีวิบากตัดรอนก็ต้องพยายามให้ได้ก็ต้องพยายามกลบเกลื่อนต้องสู้ต้องแข่งขัน เหนื่อย แล้วก็จะทำอย่างนั้นจนกระทั่งสักวันหนึ่ง เข็ดขยาด ก็จะหาทางแสวงหา แล้วก็ไปเข้าใจทางด้านเทวนิยมเหมือนกัน เขาบอกว่าไปปฏิบัติธรรม เสร็จแล้วก็ไปนั่งสะกดจิตได้ผลอีกแหละ ได้ผลสงบชั่วคราว นานจนนึกว่านิรันดร์ จนหลงว่าเป็นนิรันดร์ เพราะจริงๆแล้วความมีอยู่เป็นนิรันดร์ มันไม่มี มีแต่เปลี่ยนไปไม่เที่ยงแล้วก็หมุนเวียนอยู่อย่างนั้น มันไม่มีความเที่ยง มันไม่มี สุขนิรันดร์ก็ไม่มี เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสรู้อย่างนี้ มันก็เหนื่อยตายวนเวียนอยู่อย่างนี้ แล้วก็อยู่ในโลกมหาจักรวาลนี้หมุนเวียนอย่างนี้ตลอดกาลนาน ท่านก็ไม่เอาแล้ว การวนเวียนอย่างนี้ซ้ำซาก ซ้ำซาก ซ้ำซาก จนลืมของเก่าก็มาลงของอันนี้ปัจจุบันไป แล้วก็นึกว่ามันมีใหม่อีกๆ วนไปหาของเก่านั่นแหละ แต่จำไม่ได้ ก็วนอยู่อย่างนั้นแหละซ้ำซาก ไม่รู้จักจบ เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่รู้ความจริง ก็จะจมอยู่กับความหมุนเวียนซ้ำซาก แล้วก็ได้ใหม่ลืมเก่า ได้ใหม่ลืมเก่าได้ใหม่ลืมเก่า ได้ใหม่ลืมเก่า อยู่อย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:33:10 )

ทุกอย่างทำให้เป็น 1 และ 0 ได้

รายละเอียด

คนโง่ แยกสองไม่ได้ ยึดเป็น 1 ทั้งๆที่ ทุกอย่างทำให้เป็นหนึ่งได้ และก็ทำให้เป็น 0 ได้ด้วย ผู้ที่ทำให้เป็น 1 ก็หมดคู่ หมดทุกข์หรือจะเหลือแค่สุขก็เป็น 1  คนรู้ก็ดับสุขด้วยก็เป็น 0 ก็ชนะ ผู้ที่ยังมีแต่สุข ก็สามารถ ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ หมดคู่หมดเทวะหมดสอง หมด 1 เป็น 0 ทำ 0 ได้ก็หมดคู่ที่จะมาปรุงแต่งกันในตัวธาตุ เป็นจิตวิญญาณเป็นคู่ สลายความเป็นคู่ก็ไม่มีธาตุคู่ เป็นธาตุเดี่ยว เป็น 1 เป็นพีชะ เป็นชีวะระดับพืช มันไม่สุขไม่มีทุกข์ ไม่มีบาปไม่มีบุญ มันก็ไม่มีวิบาก มันก็ไม่สุขไม่ทุกข์ มันก็สบายกว่า มีแต่สุข ก็จะต้องมีทุกข์ แต่สุขไม่มีทุกข์ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเหลือแต่สุข คุณจะสะกด กันทุกข์ไม่ให้มาด้วยวิธีใดๆก็แล้วแต่ กดข่มหรือคุณจะใช้เฉโก ฉลาด ความทุกข์มาเมื่อไหร่ก็ ดีดออก ทุกข์มาดีดเก่ง ได้แต่สุข คุณก็ต้องดีดมันไปตลอดกาลนาน ซึ่งไม่ได้หายไป ไม่ได้ไปตัดหัวใจของสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ ถ้าไปตัดหัวใจของสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์นี้แตกสลายไปเลย เหมือนกัน ทุบหัวใจของทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์เอาหัวใจไปฝากฤาษีไว้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:58:40 )

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาไม่มีอะไรเหมือนกันหรือเท่ากัน

รายละเอียด

อาตมาเชื่อมั่นว่าอาตมาถูกในความเข้าใจอาตมา และอาตมาออกมาพูดก็แน่ใจว่า คนต้องตั้งคำถาม ถ้าคนเข้าใจถูกหมดแล้วอาตมาพูดสิ่งถูกก็ไม่ถูกตั้งคำถาม แต่อาตมาพูดไปนี้มีคนตั้งคำถามก็แน่นอนก็มีคนตั้งคำถาม อาตมาไม่ได้เข้าใจผิดอย่างที่คุณพูด อาตมาก็ไม่ได้ห้ามตรวจสอบ และไม่ได้บังคับให้ใครต้องมาเชื่อตามอาตมาหมด

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:06:24 )

ทุกอย่างมันไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราเลย

รายละเอียด

ความไม่ใช่เรา ไม่ใช่กายเรา อันนี้แหละในขณะที่มีชีวิต เราทำสัมผัสกับอะไรก็แล้วแต่ แล้วเราก็ทำใจในใจของเรากับสิ่งนั้นๆๆๆ ว่าไม่เป็นกาย ไม่เป็นเรา จิตทำได้อย่างนี้แหละ เป็นผู้ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ไม่มีบาปไม่มีบุญ ผู้ทำใจในใจมนสิการของตนเองได้อย่างนี้ คุณก็จะไม่ยึด ถ้ายึดเป็นเราเป็นของเรา คุณก็เจ็บก็ปวด ถ้าไม่ยึดเป็นเราเป็นของเรา คุณก็ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่บาปไม่บุญ ได้อาศัยในชีวิต 

เพราะที่จริงที่สุดแล้ว ทุกอย่างมันไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราเลย แต่สมควรจะยังชีพต่อไปหรือไม่สมควรที่จะยังชีพของเราต่อไปเลย หรือมันขาดจากตัวเราไปแล้ว เล็บมันห่างมันขาดจากตัวเราไปแล้ว ก็ต้องเข้าใจความจริงสิว่า ไม่ใช่ของเราแล้วนะ ผมมันยาวไม่ใช่ของเราแล้วนะ เพราะฉะนั้นภิกษุผมมันยาวหน่อยก็โกน ไม่มีปัญหาอะไรมันไม่ใช่เรา เล็บถ้ายาวก็ตัด ใครอยากจะไว้ยาวที่จะใช้ประโยชน์บ้างก็ไว้ไป ถ้าไม่ใช้ประโยชน์อะไรแล้วก็ไม่ต้องไว้ 

ประเด็นสำคัญก็อยู่ที่ว่า ยึดเป็นเราหรือไม่ยึดถือเป็นเราของเรา ติดตามต่อไปเพราะเรื่องกายยังมีความลึกซึ้งซับซ้อนมาก ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เริ่มต้นต้องเข้าใจคำว่า กาย อย่างสัมมาทิฏฐิ ใน สักกายทิฏฐิ พ้นความเข้าใจผิดว่า กายไม่ใช่หนึ่งเดียวนะ กายต้องมี 2 ต้องมีนอกมีในนะ นี่เป็นหลักเกณฑ์อย่างหยาบข้างต้น ถ้าเข้าใจผิดตั้งแต่ว่ากายนี้ไม่มี 2 มีแต่ข้างนอกอันเดียวหนึ่งเดียวคนนี้แหละมิจฉาทิฏฐิ เพราะฉะนั้นคนที่กลัดกระดุมเม็ดแรกผิดมิจฉาทิฏฐิตั้งแต่สักกายทิฏฐิ ไม่มีหวังจะเป็นอรหันต์เพราะว่ากระดุมเม็ดอื่นมันก็จะผิดหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าการเลือกตั้ง 2566  วันพุธที่ 19 เมษายน 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 17:42:39 )

ทุกอย่างมันไร้สาระ อย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ใดที่มีภูมิปัญญาเห็นว่า ทุกอย่างมันไร้สาระ มันไม่มีอะไร ปรุงแต่งไปลงท้ายมันก็จะมีแต่ของเน่า กลายเป็นขยะเน่า กลายเป็นสิ่งที่เหม็น กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า ขี้เหม็น มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันไม่ได้เป็น สุภะ ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าได้ น่ามี น่าเป็นอะไร แต่มันก็พยายามปรุงแต่งให้มันสด ให้มันหนัก ให้มันใส ให้มันดูน่าชมไป แต่ลงท้ายมันจะเป็นอย่างนั้น ลงท้ายมันจะเป็นอย่างนั้นทั้งนั้น เอาอะไรไปหมักดู มันจะเป็นอย่างนั้น 

แม้แต่ธาตุที่เป็นโลหะ ธาตุที่เป็นอิฐเป็นหินอะไรก็ตาม บดลงไปให้แหลกแล้วเอาไปเจือกับธาตุอื่นๆเข้าไปหมักเข้า มันก็จะกลายเป็นของเน่า ของเหม็น ถ้าเกาะตัวกันเข้าก็เป็นก้อนขี้ทั้งนั้น นี่พูดให้ละเอียดๆ หรือพูดให้แหลกให้ฟังเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2566 ( 15:18:50 )

ทุกอย่างมาแต่เหตุ

รายละเอียด

ทุกอย่างมาแต่เหตุ ต้องมีเหตุตั้งแต่เริ่มต้นได้ยินจากผู้อื่น แล้วต้องมีครบทั้งนอกและใน ผู้อื่นที่เป็นสัตบุรุษ ผู้เป็นครู ผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ ก็จะสอน 1 ใน 2, สอน 2 ใน 1 ตราบที่เรายังมีชีวยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เราก็ต้องอาศัย 2 ไปอาศัย อยู่ในกาละก็ต้องมีอย่างนี้ไปตลอดจนกว่าคุณจะทำปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกธาตุเป็นอุตุได้ จาก 2 แยกกายสเภทาปรัมมรณา ก็อนัตตา ก็ 0 ไม่มีตัวตน ไม่มีอะไรเหลือ หลังจากการตายเมื่อกายแตก แต่ถ้าคุณจะอยู่เป็นจิตนิยาม คุณต้องมีร่างกายก็สักแต่ว่าอาศัย มีรูปอาศัยมีนาม 4 โดยขันธ์นะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 11:34:40 )

ทุกอย่างมาแต่เหตุ

รายละเอียด

นามรูป เป็นปัจจัยของวิญญาณ อยู่ใน ปฏิจจสมุปบาท 11-12 เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดเข้าใจนามรูป และเข้าใจว่าเหตุปัจจัยคือภาวะ 2 นามกับรูป ที่เป็นเทวะ ที่อาตมาสรุปแล้วว่า มันไม่มีอะไรนอกจากนี้ ถ้าคุณเข้าใจ เทวฺ ที่เป็นภาวะ 2 และภาวะ 2 นั้น ของมนุษย์ต้องมีนาม ถ้ามนุษย์มีจิตวิญญาณ มีจิตนิยามเป็นนามธรรม แล้วจึงเกิดปฏิภานปัญญาความรู้หรือ วิชชา ไปรู้ อะไรต่ออะไรได้หมดจากภาวะ 2 นี้เอง จากเหตุ ปัจจัยนี้เอง 

เพราะฉะนั้นถ้าขยายเหตุปัจจัย พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ อวิชชาเป็นเหตุ จึงไม่รู้สังขาร สังขารเป็นเหตุจึงไม่รู้วิญญาณ วิญญาณเป็นเหตุจึงไม่รู้นามรูป นามรูปเป็นเหตุจึงไม่รู้อายตนะ 

อายตนะ เป็นเหตุเพราะไม่รู้ ผัสสะ ผัสสะเป็นเหตุจึงไม่รู้เวทนา เวทนาเป็นเหตุจึงไม่รู้ตัณหา ตัณหาเป็นเหตุให้ไม่รู้ ภพ ภพ เป็นเหตุให้ไม่รู้ ชาติ จากนั้นจึงเป็นผลที่เป็น โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะ นี่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  

ขอขยายความแต่คงจะไม่หมด ที่คุณสว่างแสง ตั้งข้อสังเกตมา ว่า วิญญาณ ที่ว่า ไม่มีสิ่งใดที่อริยสาวกจะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้แล้ว ที่ว่า อาริยสาวกกำหนดรู้นามรูปได้แล้ว ในความเป็นวิญญาณาหาร กำหนดรู้นามรูปได้ก็เป็นอันจบกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 19:10:52 )

ทุกอย่างมาแต่เหตุ

รายละเอียด

ก็ดูไป วิธีการที่เขาใช้ทั้ง IO และ AI แต่ว่ามันเป็นการกระทำที่มีผลงาน แล้วผลงานที่ออกมามันก็จะ..ทุกอย่างมาแต่เหตุ ถ้าเหตุของเขาเป็นเหตุที่ถูกต้อง เป็นเหตุที่จริงทั้งจิตใจทั้งกรรมกิริยาทั้งความสามารถของเขา ถ้าของเขาสมบูรณ์แบบออกมาครบ โอ้โห.. เราจะดีใจมากเพราะอายุเขายังหนุ่มเลยยังไม่ถึง 60 เขาจะทำงานให้แก่ประเทศชาติได้ดีมาก ก็ต้องดูความจริงไป 

เราก็ดูแล้วตอนนี้ก็อย่าเพิ่งไปประมาททีเดียว หรืออย่าเพิ่งไปเผลอใจหรือดีใจมากเกินไป เหมือนเราเคยทุ่มใจให้แก่ทักษิณ ตกกระไดขาเป๋เลย ทุ่มใจให้ทักษิณตกกระไดขาเป๋เลย อกหักๆ ยังไม่หมดเยื่อใยนะทักษิณ เขายังมีเยื่อใยอยู่ ยังมีเหตุปัจจัยเข้ามา เป็นน้ำยาผสมสัดส่วนอยู่ในระบบวิธีการเมืองของไทย ยังไม่สิ้นเชื้อ 

เพราะฉะนั้นก็เลยยังประมาทอะไรไม่ได้ มันยังไม่สิ้นเชื้อ ก็เห็นอยู่ว่า  เป็นส่วนผสมของพิษ มันยังมีพิษเป็นส่วนผสมอยู่ในระบบการเมืองของเราอยู่ เพราะฉะนั้น เราก็ระมัดระวังค่อยๆดูกันไป เพราะฉะนั้นในเรื่องของการเมืองมันก็เป็นนิยายที่จะว่าไปแล้วตอนนี้กำลังขึ้นบทใหม่ ผ่านระบบวิธีที่โลกนิยมกันคือระบบการเลือกตั้ง อาตมาว่ามันไม่ใช่ระบบประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ เลือกตั้งเป็นเพียงแต่วิธีการส่วนย่อย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2566 ( 19:59:31 )

ทุกอย่างมาแต่เหตุ 

รายละเอียด

เรื่องบุพเพสันนิวาสสิ่งนี้เป็นอจินไตย เป็นกรรมวิบาก ก็ใช่สิ เขาเริ่มเข้าใจ เขาเริ่มรู้เรื่อง เริ่มสนุก เริ่มเห็นเป็นนิทาน มันจะมีเหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัย สมุทัยกับปัจจัย จะเป็นเหตุเป็นปัจจัย จะเป็นสภาวะ 2 

เริ่มต้นมีเหตุแล้วก็จะมีเรื่องราว คนมันมีเรื่องราวแต่มันไม่รู้เหตุเลย มันก็จะมืด งง ไม่รู้ที่มาที่ไป พอเริ่มต้นรู้เหตุ ก็ชักจะ เฮ้ยๆ มีที่มานี่หว่า  พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสรู้ ทุกอย่างมาแต่เหตุ  ดับเหตุเสียได้ ทุกอย่างดับหมด นี่ก็เป็นตัวสรุปจบ ก็ยังอีกนานพวกที่เขาเริ่มสนใจบุพเพสันนิวาส เทวนิยมทางตะวันตกนั่นเอง หรือแม้แต่ตะวันออกที่ยังไม่เข้าแกนของโลกุตระของพระพุทธเจ้าแท้ ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ แม้จะเป็นพุทธแล้วก็ค่อยๆมา เพราะมันเสื่อมมานาน อาตมาขอยืนยัน ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ไม่ได้พูดเอาเอง ตามอาณิสูตร กลองอานกะมันเสื่อม มันผ่านมา 2,500 กว่าปีแล้ว ไม่เสื่อมตอนนี้จะไปเสื่อมตอนไหน

ถ้าหากอาตมาไม่มารื้อฟื้นโลกุตรธรรมขึ้นมา รับรองไม่ถึง 5,000 ปี ศาสนาพระพุทธเจ้าสมณโคดม ไม่ถึง 5,000 เสื่อมสูญหมดก่อน เรื่องบุพเพสันนิวาส 2 ไปได้รางวัลระดับโลกเลย ก็ดี ก็ค่อยๆเริ่มต้นศึกษากันไป อาศัยนิทานหรือนิยาย เรียกกันใหม่ว่า นวนิยาย ด้วยนะ ก็เอา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 11:42:11 )

ทุกอย่างมาแต่เหตุถ้าไม่มีเหตุจะออกมาได้อย่างไร

รายละเอียด

ยืนยันไปเรื่อยๆเสียงคัดค้านก็น้อยลงก็ลดลง แต่มีผู้ใหม่ ที่เขายังร้อนวิชามาก็ซ้อน อย่างเช่นอาตมาไปแตะหลวงปู่แสงขึ้นมา ทัวร์ลงเท่าไหร่ 8 แสนกว่า อาตมาในชีวิตนี้ยังไม่เคยมียอดวิว 8 แสน เป็นครั้งแรกที่มียอดวิว 8 แสน ที่เป็นความถูกต้อง แล้วก็มียอดวิว ดีใจชื่นใจ นับได้ เป็นพัน จะถึงหมื่นหรือเปล่าไม่รู้ แต่ถูกถล่มนี้แป๊บเดียว 8 แสน แตะหลวงปู่แสงแป๊บเดียว 8 แสน

หลวงปู่แสงไม่ได้เป็นอรหันต์อะไรหรอก ยังเป็นพระหลับตา ไม่ได้มีคุณธรรมอะไร ไม่ได้ไปลบหลู่นะ แต่เป็นเรื่องจริง ยังแสดงออกแม้แต่ในความเป็นกาม อย่างที่เห็นมีหลักฐานยืนยัน ยังมาล้วงมาควักมาดึงผู้หญิงเข้าไปกอดอยู่ แล้วยังบอกมาว่าอัลไซเมอร์ ยิ่งเป็นอัลไซเมอร์ ยิ่งคือจิตแท้ๆของตัวเองเลย ที่ยังมีกิเลสเป็นเจ้าเรือน ขนาดเครื่องมืออุปกรณ์สมองเป็นอัลไซเมอร์ มันยังมีฤทธิ์แรงแสดงออกทางกาย ทางวจี ทางกายวิญญัติ วจีวิญญัติ คุณก็ไม่รู้เรื่อง ทุกอย่างมาแต่เหตุ ถ้าไม่มีเหตุจะออกมาได้อย่างไร เป็นพระอรหันต์แล้ว เหตุดับหมด เหตุคือกิเลส กาม รูป อรูป ไม่มีแล้วมันจะมีอะไรดันออกมาเล่า แค่นี้เข้าใจไม่ได้จะไปปฏิบัติธรรมรู้เรื่องอะไร มันต้องมีพลังงานจริง พลังงานเหตุของมัน มีกามเป็นเหตุ มันถึงออกมา ถ้าไม่มีกามเป็นเหตุ แล้วยิ่งเครื่องมือ อัลไซเมอร์อีก อุปกรณ์ใช้ไม่ได้อีก ทั้งรูปทั้งนามมันบริสุทธิ์แล้ว มันจะเอาอะไรมาแสดงออกอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 40 ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ 4 ประการ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 14:41:17 )

ทุกอย่างมีหนึ่งเดียวคือรู้ความจริงตามความเป็นจริงจบ

รายละเอียด

ถ้าคุณรู้เข้าใจเลยคุณหยุดสวรรค์หยุดนรก คุณหยุดสวรรค์ก็หยุดนรก รู้ให้ได้ว่า อารมณ์ชอบ อารมณ์เสพความระเริง ทุกอย่างมีหนึ่งเดียวความจริงตามความเป็นจริง ไม่มีหรอกสุข ไม่มีหรอกอร่อยไม่มีหรอกน่าชื่นใจ มีแต่คู่ มีชื่นใจก็มีไม่น่าชื่นใจอยู่ในนั้น มีแต่คู่ทั้งนั้นเป็นภาวะ 2 ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้าหากรู้อะไรตามจริงหมด รูปอย่างนี้คืออย่างนี้ เสียงอย่างนี้คืออย่างนี้ กลิ่นอย่างนี้คืออย่างนี้ รสอย่างนี้คืออย่างนี้ หนึ่งเดียว หนึ่งเดียวรู้ความจริงตามความเป็นจริงจบ อย่าแส่ออกมาจาก 1 ต้องทำดุๆอย่างอาตมาทุกวันนี้ไม่รู้สึกรู้สา มันยังง๊องแง๊ง ไม่รู้จักจบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 15:09:01 )

ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยความเพียร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นก็จึง ไม่มีปัญหา ไปสะสมไปแบกไว้ทำไม บาทหนึ่งก็หนักแล้ว 5 บาท 10 บาท 100 บาท 1,000 บาท 10,000 บาท 100,000 บาทยิ่งหนักใหญ่เลย ก็อยู่กับกองกลาง มีความจำเป็นอะไรแค่ไหนก็ใช้ได้ มันดีตรงที่ว่า ถ้าเราจะใช้กองกลางเราไปขอเบิกเขา เขาไม่ให้ ผู้มีสิทธิ์ดูแลเขาไม่ให้ หรือกรรมการพิจารณาแล้วไม่ให้ มันก็ต้องมีเหตุมีผลมีวิบาก เหตุผลเขามี ดีไม่ดีเป็นเรื่องของวิบาก คุณยังไม่ได้ คุณก็จะต้องไม่ได้ก็ต้องไม่เอาสิ แล้วไม่ใช่ประชด หรือมันได้เท่านี้นะ ฐานะเราได้เท่านี้ก็ทำเท่านี้ไป ด้วยความอุตสาหะพากเพียร ทำดียังไม่ได้ดีเพราะทำดียังไม่มากพอ เขาก็เลยไม่เห็นดีของเรา เขาก็เลยไม่เอื้อไม่ช่วยเหลือไม่ยอมให้ ก็เป็นจริงสิอย่างนี้เป็นต้น

ก็พากเพียรไปทำดีให้มากยิ่งขึ้น จนที่สุดเขาจะให้เองแหละ ทำจริงไป โดยไม่ต้องไปต่อรอง โดยไม่ต้องไปประชด ไม่ต้องไปแดกดันอะไร ทำด้วยความสุภาพเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน สร้างให้ดีไปเรื่อยๆเจริญไปเรื่อยๆ 

เพราะฉะนั้นการไม่สะสม แล้วเอาแต่ขยัน วิริยารัมภะ เขาแปลอย่างเพราะๆว่าปรารภความเพียร ท่านสมเด็จประยุทธ์ ปยุตโตหรือท่านประยุทธ์ท่านแปลว่าระดมความเพียร อาตมาแปลว่าขยันเสมอพากเพียรเสมอ อุตสาหะเสมอ วิริยารัมภะ

เหมือนอย่างอาตมาว่าอาตมามี วิริยารัมภะ มันเป็นข้อ 1 ของปัญญา ปัญญาข้อที่ 6 วิริยารัมภะ ถ้าคุณไม่มี วิริยารัมภะ 

ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยความเพียร คุณท้อถอยจากความเพียร เมื่อไหร่ แพ้ ฟังไว้เลย ต้องเพียรสมบูรณ์แบบที่สุด 

เพราะฉะนั้นสุดท้ายจบด้วย ไม่สะสมกับพึ่งพาความเพียรของตน เป็นเนื้อแท้เลย 

คนมีสมรรถนะกับความเพียรความขยัน อาตมาเคยสรุปจบ มีสมรรถนะกับมีความสามารถอยู่พอสมควรก็ได้อาศัยพอสมควร ถ้ายิ่งมีความสามารถดีก็แน่นอนยิ่งได้อาศัยมาก แล้วเราก็อย่าขี้เกียจต้องพากเพียรนั่นแหละ นี่แหละคือสุดยอดแห่งสมบัติ 

สมบัติที่มากสุดสูงสุดจบแล้วก็คือ สมรรถนะและความเพียรความขยัน นี่คือสุดยอดไม่มีใครแย่งได้ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ 

ไม่มีใครแย่งได้ แล้วก็ไม่มีอะไรทำร้ายได้เลย ติดตัวไปจะเกิดอีกกี่ชาติต่อกี่ชาติ สมรรถนะกับความเพียรสุดยอด เป็นสมบัติที่กินใช้ไม่หมด จนปรินิพพานเป็นปริโยสาน เลย ฟังไว้นะ ดูง่ายๆ

สมรรถนะคืออะไร ความเพียรคืออะไร มีแค่ไหนแล้ว เอาให้เต็มที่ ๆ เอาให้เต็มร้อย ๆๆ สุดยอดไหม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 19:02:31 )

ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วย“กรรม” และ“ความเพียร”!

รายละเอียด

เพราะไม่มีอะไรเลยที่จะ“ไม่สำเร็จ”ได้ด้วย“กรรม” กับ“ความเพียร”ของความเป็น“คน” ที่อยู่ใน“กาละ”อันเดินทางไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนี้ของเอกภพมหาจักรวาล ไม่วันใดก็วันหนึ่ง 

ขอให้คนผู้นั้นมีอุตสาหะวิริยะเต็มที่เถิด อาตมาคือผู้หนึ่งที่กำลังพิสูจน์ “ปรมัตถสัจจะ-ความจริงที่ยิ่งใหญ่”นี้  ซึ่งพบความจริงที่เป็นได้มีได้จริงมาเป็นลำดับๆ ถึงชาตินี้ก็ “โพธิสัตว์ระดับ 7”

“ทุกสิ่งอย่างสำเร็จได้ด้วยความเพียร”อันยิ่งใหญ่ของคน   พระพุทธเจ้าได้ทรงพิสูจน์ด้วยความเป็น“สัตว์โลก”และความเป็น“คน”ของพระองค์แท้ๆ ซึ่งจริงยิ่งตรงที่เจ้าของคำสอนพิสูจน์ด้วยพระองค์เองมาเองแล้ว มีหลักฐาน มีตำนาน มีชาดกบันทึกไว้ แม้จะไม่ทั้งหมดทั้งสิ้น ก็มีมากพอเพียงที่จะยืนยันได้

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 313 หน้า 238


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:53:06 )

ทุกอย่างเกิดจากรูป 28 กับ นาม 5

รายละเอียด

รูป 28 กับ นาม 5 ที่พระพุทธเจ้าสอน อาตมาก็นำเอามาขยายความและให้ใช้งานซึ่งไม่ง่ายมันยาก ก็ค่อยๆอธิบายกันไป ตอนนี้เอาคุหัฏฐกสูตร ขยายความให้เห็นข้อบกพร่องข้อผิดพลาดของชาวพุทธ อยู่ในนี้ครบเลยอาตมาถือว่าครบ ก็ค่อยๆขยายความขยายสภาวะไป 

ทุกอย่างเกิดจากรูปกับนาม 2 ตัวนี้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ในอาหาร 4 ข้อที่ 4 ว่า วิญญาณาอาหาร ผู้ที่รู้จักรูปกับนามของวิญญาณได้แล้วเรียกว่าเป็นอันรู้ทุกอย่าง ก็ไปจัดการกับรูปกับนาม แล้วยิ่งขยายเป็นรูป 28 นาม 5 มันจะสังขารสังเคราะห์กันต่างๆ เราก็ต้องไปเรียนรู้สังขารธรรมต่างๆ แล้วเราจะเข้าใจความเป็นคนความเป็นตัวเราตัวคน แล้วแต่ละคนรวมกันก็เป็นสังคมกลุ่มหมู่ หมู่เล็กจนกระทั่งถึงหมู่ใหญ่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:16:47 )

ทุกอย่างเป็น 2 หมดทำอย่างไรให้เป็น 0

รายละเอียด

ซึ่งพระพุทธเจ้าบอกว่า 2 คือ 1 คือ 1 จะไม่เอา 2 คุณทำให้เป็น 1 ได้อาศัย จริงๆแล้วมันก็เพียงอาศัย จริงๆมันก็คือ 2 อยู่นั่นเอง จริงๆแล้วคุณก็ต้องไม่เอาทั้งสอง แล้วคุณจะสูญ 

ฟังอีกทีนึง ทุกอย่างมันเป็น 2 หมด เพราะฉะนั้นคุณจะไม่เอา 2 คุณก็เลือกเอา 1 ทำให้ได้เป็น 1 ถ้าทำได้อย่างโลกุตระ แม้คุณจะทำสุขได้ จนกระทั่งสุขนั้นไม่เป็นสุขแล้ว ไม่มีสุขก็จะไม่มีทุกข์เรียกว่า อทุกขมสุข จิตที่ทำให้ไม่มีสุข แล้วก็ไม่มีทุกข์ เพราะสุขกับทุกข์ 2 อย่างนี้มันเป็นอันเดียวกัน 

เพราะฉะนั้นคุณจะไม่เอา 2 แม้ว่าคุณจะทำให้มันเหลือ 1 มันก็ยังเป็น 2 ติ่ง อยู่อย่างนั้นแหละ คุณต้องไม่เอาทั้ง 2 จึงเป็น 0 เลย จึงสมบูรณ์สุด สูงสุดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 17:39:49 )

ทุกอย่างเป็น 2 แต่คู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือคู่ใด

รายละเอียด

เทวะนี้ยิ่งใหญ่ ทุกอย่าง เป็น 2 คู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ เทวะกับอเทวะ โลกียะกับโลกุตระ นี่คู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ชาวโลกีย์คือเทวะ เป็นศาสดาสูงสุดทางโลกีย์วนเวียนสูงสุดต่ำสุดไม่มีนิพพาน พอมามีนิพพาน จึงจะเป็นโลกุตระ จะเริ่มมีโลกุตระก็ต้องเริ่มใหม่ อัญญะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 20 วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:10:53 )

ทุกอย่างเป็นเพียงการปรุงแต่งของเหตุและปัจจัย

รายละเอียด

เรียนรู้อันนี้ ทีนี้จะให้มันไม่ปรุงแต่งจะไปทำอย่างไร ไปกดข่มไปไล่มันไม่ได้หรอก ต้องรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งเท่านั้น มีปัญญาที่เต็มรูป จะเป็นพลังงานที่ทำให้พวกนี้ไม่รอหน้า ปัญญาเจอปั๊บ จับสัมผัสพวกกลิ พวกนี้มันก็จะหายไปเลย ไม่กล้าเข้าใกล้ ธาตุปัญญาจึงยิ่งใหญ่

พลังงานปัญญารู้รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันมาปรุงแต่งเมื่อมีเหตุปัจจัยที่เป็นรูปเป็นนาม เป็นรูปเป็นนามแล้วก็จะมาเป็นกาย เมื่อมาเป็นกายก็จะมาเป็นวิญญาณ ผู้มีปัญญาจริงๆเป็นอรหันต์จึงรู้ว่าทุกอย่างมันปรุงแต่งไปเป็นอย่างนั้นๆ แล้วตั้งชื่อเรียกขึ้นมา ก็รู้รายละเอียดของบทบาทพลังงานจิตที่มันปรุงแต่งอยู่ในฐานะต่างๆ 

แยกละเอียดกว่านี้ตามบาลีของพระพุทธเจ้าที่รู้ยิ่งกว่า อาตมาไม่เก่งไม่ได้จำบาลีพวกนั้นมา แต่พอรู้สภาวะอยู่ เอาแค่อธิบายมานี้ พวกคุณก็ทำตามที่พูดก็แล้วกัน พอไหว อาตมาว่าพวกโน้นก็ไม่ไหว ไม่อยากเอามาวุ่น แค่นี้หากคุณฟังตามที่อธิบาย คุณก็จะสามารถไม่ยึดมั่นถือมั่น จนเห็นว่าทุกอย่างมันก็เป็นเพียงการปรุงแต่งของเหตุและปัจจัย มันไม่ใช่ตัวใช่ตนใช่อะไรของเราเลยจริงๆ มันอนัตตาแท้ๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:09:36 )

ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย

รายละเอียด

ไม่จริงหรอก พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ใช้เงินมากมายเลย แต่เกิดจากประชาชนปฏิวัติแล้วคุณประยุทธ์ก็มารับไม้ต่อ สุดท้ายมันหมดอำนาจแล้ว คุณชัยเกษมเป็นคนสุดท้าย คุณประยุทธ์มาถึงก็ถามว่า ว่าไง คุณจะออกหรือไม่ออก คุณชัยเกษมก็บอกว่าในวินาทีนี้ผมยังไม่ออก พลเอกประยุทธ์ก็เลยใช้ภาษาล้อเลียน ถ้างั้นในวินาทีนี้ ผมก็ขอยึดอำนาจ ซึ่งมันเป็นรูปแบบ มันเป็นพิธีการ แต่ที่จริงโดยพฤตินัยแล้วประชาชนปฏิวัติไปเรียบร้อยหมดแล้ว ชัยเกษมเขาไม่ได้มีอำนาจแล้ว เป็นผู้ที่ขาลอยหมดแล้ว พลเอกประยุทธ์ก็มาตามรูปแบบ ตามพิธีการ ceremony ของโลกเท่านั้นเอง ก็มาเชื่อมต่อ เป็นรูปแบบพิธีการ เหมือนส่งหนังสือไปหาคนนั้น คนนี้ตามรูปแบบให้มันครบตามรูปแบบเท่านั้นเอง 

แต่โดยพฤตินัยนั้น ประชาชนปฏิวัติเรียบร้อยแล้ว สงบเรียบร้อย ชนะ Absolute เลย พอมาบอกว่า ขอยึดอำนาจ แล้วก็เอาไปบริหาร ประชาชนก็เลิกเลย ประชาชนไม่ยอมมาตั้งแต่ ทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ เมื่อมาถึงประยุทธ์ ก็ให้ดีๆ แล้ว ประยุทธ์ทำมา 8 ปีจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ ก็ไม่มีใครคิดจะออกมาประท้วง นอกจากพวกที่ถูกยึดอำนาจแล้วมีพวกลูกกะโล่ เป็นพวกเศษเสี้ยว เศษสวะ เห่าบ๊องๆๆ อยู่ด้วยความไม่รู้เรื่อง ทั้งที่มันหมดสิทธิ์ หมดอำนาจไปหมดแล้ว มันเป็นเรื่องเศษที่หลงเหลืออยู่เท่านั้นเอง อาตมาไม่คิดอย่างไรหรอก เมื่อยหัวเปล่าๆ ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 12:26:57 )

ทุกอย่างเรียนรู้จากภาวะ 2

รายละเอียด

ฉะนั้นคำว่าภาวะ 2 หรือ เทฺวะ ทุกอย่างเรียนรู้จาก 2 นี้เท่านั้น หากว่าไปเรียนรู้จาก 2 ไม่มี 1 เทียบค่าให้เห็นความแตกต่างกันไม่ได้ คนหลง 1 ไม่เอา 2 ไปเรียนรู้หรือเทียบค่า คนนั้นหลงตัวตนเหมือนเทวนิยมมี 1 เท่านั้น ประชาธิปไตยขาเดียว อย่างนี้เป็นต้น ประเทศที่ไม่มี 2 ไม่มีจิตวิญญาณกับ กาย 

ไม่มีพระเจ้าแผ่นดินกับนายก มีแต่ประธานาธิบดีคนเดียว เสื่อม ไปไม่รอด ไปไม่ได้  อาตมาก็พยายาม อธิบายเรื่องสภาวะ 2 เพราะถ้ารู้จักธรรมชาติว่า คนนี้มีจิตวิญญาณกับรูป มีรูปกับนาม ขาดสิ่งใดไม่ได้เพราะอาศัยกันและกัน ในหลวงท่านตรัส ราชประชาสมาสัย มีราชะกับประชาชน อาศัยซึ่งกันและกัน เขาเข้าใจกันยาก เข้าใจกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นประเทศที่ไม่มีพระเจ้าแผ่นดินนั้น ยาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 13:54:10 )

ทุกอย่างในโลกต้องมีคู่

รายละเอียด

ทุกอย่างต้องมีคู่ มีการเปรียบเทียบจึงจะชัดเจน ถ้าไม่มีสิ่งเปรียบเทียบก็จะไม่ชัดเจนอธิบายยาก  เรียนรู้ไม่ได้ ต้องมีสิ่งที่ชัดเจนมาให้ต้องมีดีมีชั่วต้องมีดำมีขาวมาให้ ถ้าไม่เช่นนั้นมันไม่ได้ ขออภัยยกตัวอย่าง 

ยกตัวอย่าง ผู้ที่ดำ ยกตัวอย่างมาเทียบกับอาตมาว่า อันนั้นไม่ใช่อาตมาว่าใช่ ก็คืออาตมายกตัวอย่าง อาตมาขาว ทางนั้นคือดำ มหาบัวก็ดี ธัมมชโยก็ดีหรือองค์อื่นๆก็ตาม และละไว้ในฐานที่เข้าใจยังไม่อยากจะพูด ยังไม่อยากจะหัก มันพูดไปไม่ดีเหมือนกับอาตมาไม่มีปฏิภาณรู้ว่า สิ่งที่ควรจะยกเว้นก็ไม่ยกเว้น เป็นใครก็ให้ละไว้ในฐานที่เข้าใจกันเองก็แล้วกัน ใครแค่ไหนฉลาดผิดบ้างถูกบ้างก็ไม่รู้นะ 

สรุปแล้ว ถ้าเชื่อว่าอาตมาถูก สิ่งที่ขัดแย้งตรงกันข้ามกับอาตมา หรือแม้จะไม่ตรงกันข้ามก็ค้านแย้งประมาณไหนก็แล้วแต่ มันก็คือสิ่งที่ไม่ตรงลงตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 02 มกราคม 2563 ( 15:10:13 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:42:31 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:59:11 )

ทุกอย่างไม่เที่ยงมันขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นมาฟังธรรมที่อาตมาค่อยๆอธิบาย เอาคำแต่ละคำมาขยายความ มาคลี่คลายออก มันจึงเป็นสิ่งที่เห็นความลึกซึ้ง ความซับซ้อน บางทีเราเคยเข้าใจอย่างนี้ พ่อท่านมาพูดอย่างนี้ มันเข้าท่ากว่านะ คุณก็ได้รับความรู้เพิ่มเติมขึ้นอีก แต่ก่อนนี้ยังกำหนดผิด จริงด้วยอันนี้มีมุมเหลี่ยม มีประเด็น มีมิติ มีนัยยะที่สำคัญลึกซึ้งขึ้นไปอีก อันนี้ก็เป็นอานิสงส์ในการฟังธรรม 

พยัญชนะมันมี 2 เท่านั้น มีบวกมีลบ มีดีมีชั่ว มีถูกมีผิด 2 มันก็เลยชี้ความถูกความผิด ความเจริญ 2 ขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละคู่ๆๆ ขึ้นไป เป็นอภิภายตนะ หรือเป็น อนุปคัมมะ ขึ้นไปเรื่อยๆทีละคู่ มีอภิภู มีการเรียนรู้ทีละคู่ อันไหนดีอันไหนชั่ว บางทีก็กลับกัน เจริญมุมนี้ เสื่อมมุมนี้ อยู่ในเหตุปัจจัย อยู่ใน กาละ เทศะ ฐานะ 

กาละนี้ เทศะนี้ ฐานะนี้ อย่างนี้ถูก กาละ เทศะ ฐานะ อย่างนี้ถูกมันไม่เที่ยง มันขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย เราเข้าใจอันนี้ได้ เราก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น ถ้าเราเข้าใจอันนี้ไม่ได้นะ ว่าความไม่เที่ยง อะไรไม่เที่ยง อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่าอะไรตายตัวหมด ถ้ามี 2 ไม่มีอะไรเที่ยง มี 1 ยังชะลอ แต่ยังไม่จริง จะเที่ยงจริงๆต้อง 0

มี 0 เท่านั้นเที่ยง นอกนั้น 1 ก็อาศัยชะลอ ไม่ขบไม่ขัดไม่แย้งอะไรกัน พอมี 2 ขึ้นมาเราก็มีปฏิภาณปัญญารู้ว่า เมื่อไหร่ กาละอันไหนมันดีมันควร เทศะไหน ฐานะอันไหนมันดีมันควร ก็เอาอันนั้น เป็นมหาปเทส 4 จบเลย อย่างนี้เป็นต้น 

สุดท้ายทุกอย่างพระพุทธเจ้าทั้งห้ามทั้งอนุญาตเอาไว้แล้ว มีครบ แต่ตาม กาละ เทศะ ฐานะ มันไม่ได้อยู่เท่าเดิม กาละนี้ เทศะนี้ ฐานะนี้

เทศะ คือต่างภูมิประเทศ แต่ก่อนนี้ภูมิประเทศสมัยพระพุทธเจ้ามันไม่เหมือนกับตอนนี้แล้ว ยิ่งคนทุกวันนี้ฉลาดแกมโกงมากกว่าสมัยพระพุทธเจ้า โอ้โห ไม่รู้กี่ต่อ คนละฐานะแล้ว เพราะฉะนั้นจะไปเอามาตรการมาตรวัดของพระพุทธเจ้ามาจับกับยุคนี้ มันจับไม่อยู่หรอก จับไม่มั่นคั้นไม่ตายหรอกในยุคนี้ มันสุดดิ้นเลย ขนาดรูรอดที่หมามันรอดเขายังออกไปได้เลย หนีออกไปได้เลย 

ที่จริงรูรอดหมารอดนี้แสบนะ มันไม่น่าจะปล่อยให้รอดออกไปได้นะ ทำไมประเทศไทยปล่อยให้ออกไปได้ แสบนะ มันหมายถึงสิ่งหนึ่ง 

มันหมายง่ายๆว่า คนไปนี้ไปทางหมารอด ลึกเข้าไปกว่านั้นอีก ทำไมประเทศคุณมีช่องให้หมารอดเข้ามา หรือให้คนโง่ออก เข้า เอาละมันจะมากไป ไม่ต้องไปกล่าวอย่างนั้นก็ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆจองพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:01:30 )

ทุกอย่างไม่แยกกันทั้งโลกียะกับโลกุตตระ

รายละเอียด

แสดงว่าคุณเทพ คงถาวร มีดวงตามองชัดเจน ทุกอย่างโลกียะกับโลกุตตระจริงๆแล้วไม่แยกกัน ตื้นๆก่อนอื่นคือ คุณปฏิบัติธรรมตั้งแต่ต้นมาคุณก็ปฏิบัติธรรมกับโลกียทั้งนั้น เสร็จแล้ว คุณก็เรียนรู้กิเลสเรา อ๋อ กิเลสเรากับโลกียะ เราก็ฆ่ากิเลส เมื่อกิเลสหมดก็อยู่เหนือโลกียะ คุณก็ช่วยคนอื่นก็ต้องอยู่กับโลกียะอีก โลกียะหยาบ กลาง ละเอียด อย่างเช่นอบายมุขเราก็อยู่กับเขาได้ ขนาดนี้ อาตมายังไม่ได้ลงถึงอบายมุข คนที่อยู่ทางใกล้เคียงก็ช่วยกันก่อน อาตมาขอช่วยสูงๆ ขึ้นไป ไม่เช่นนั้นจะต่อไม่ครบมันเป็นระดับไป ไม่ได้หมายความว่า เราไปดูถูกให้คนเล็กทำ ไม่ใช่ แต่แบ่งงานกันทำตามเหมาะควร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:38:35 )

ทุกเข จ สุขสัญญิโน

รายละเอียด

วิปลาสในของที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 339


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 12:21:15 )

เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:11:48 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:14:01 )

ทุกเข อัญญาณัง

รายละเอียด

ไม่รู้ทุกข์

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 60


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 12:22:20 )

เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:12:26 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:59:36 )

ทุกโอกาสของปัจจุบันชาติ ทำเต็มที่ ปโหติที่สุด

รายละเอียด

อาตมามีความรู้ของอาตมาว่า อาตมาทำเต็มที่ ไม่หย่อนมือ ไม่หย่อนข้อ ทำเต็มที่ ด้วยความรู้ที่มีการประมาณเหมาะสมที่สุด สมควรที่สุด  สมดุลที่สุด ปโหติที่สุด ทุกโอกาสของปัจจุบันชาติ อาตมามีความรู้พวกนี้ เพราะมันไม่เที่ยง ปัจจุบันนี่ ห่างกันเป็นชั่วโมงเป็น 2 ชั่วโมง 5 ชั่วโมงก็มีความต่างกัน แล้วมันไม่เที่ยงตามองค์ประกอบ หยิบเอามาอธิบายไม่หวาดไม่ไหว 

แต่ถ้าเรามีอำนาจเหนือสิ่งเหล่านั้นมันจะไม่เที่ยงมันจะเป็นกลาง จะมีฤทธิ์อะไรถ้าเรามีอำนาจครอบงำได้ มันก็ไม่มีปัญหาก็คือควบคุมได้ มันก็สามารถมีพลังงานที่จะดูแล บริหารบริบาลได้  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40

ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:45:02 )

ทุคคติภัย

รายละเอียด

ภัยที่จะไปสู่นรกทางเสื่อม

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 71


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 12:23:14 )

เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:13:07 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 07:59:56 )

ทุคคเต

รายละเอียด

ตกยาก หรือดำเนินไปไม่ดี ยังไม่เจริญ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 213


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 12:24:24 )

เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:13:47 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:13:27 )

ทุคติ 2 อย่าง

รายละเอียด

คือ ต่ำที่สุด สำหรับผู้ตกต่ำที่สุด มี 2 ทางเท่านั้น ทางอื่นไม่มีมี 2 ทางเท่านั้น ได้แก่ นรก กับ เดรัจฉาน

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 339


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 14:27:03 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:43:26 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:00:17 )

ทุจริตในศีลข้อที่ 2 ปาราชิกได้ 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นศีลข้อที่ 2 แม้ไม่เกี่ยวกับสัตว์ ทุจริตในศีลข้อที่ 2 ไม่ซื่อสัตย์ ไปเอาของที่ไม่ใช่ของของเรามา เพราะฉะนั้นเมื่อมาบวชเป็นสงฆ์เป็นภิกษุ คุณไปเอาของที่เขาไม่ได้ให้มาเกินกว่า 5 มาสกก็ปาราชิก อันนี้คนที่อวดดีแล้วยังมีแรงของกิเลส ในอโศกเราก็มี แต่ก็ออกไปแล้ว ปาราชิกให้ออกไปหลายคนแล้ว แต่มีน้อย ใน 50 ปีมานี้ ก็มีน้อย ถือว่าน้อย

ตั้งแต่อาตมาเริ่มต้นมีพระสงฆ์ที่เป็นหมู่มา ก็ค่อยมาด้วยกัน จนกระทั่งแยกมาตั้งแต่   พ.ศ. 2518 ตอนแรกมี 21 รูปกับเณรอีก 2 รูป จนเดี๋ยวนี้เมื่อก่อนมีเป็น 100 เดี๋ยวนี้ลดลงมาไม่ถึง 100 แล้ว ซึ่งไม่ง่าย แต่อาตมาคิดว่าจะมีเพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคตอีกไม่นานนี้ ตอนนี้รู้สึกว่าธรรมะนี้จะเฟื่องฟู รุ่งเรืองดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 17:19:53 )

ทุฏฐุลละ

รายละเอียด

ความชั่ว ความไม่ดี ความไม่งาม

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 242


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 12:26:06 )

เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:14:33 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:13:00 )

ทุททสา

รายละเอียด

1. เห็นได้ยาก

2. เห็นตามได้ยาก

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 81

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 22 

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 136


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 12:28:52 )

เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:15:28 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:01:48 )

ทุททัสส

รายละเอียด

1. เห็นตามไม่ได้ง่าย ๆ

2. พึงรู้ได้ยาก

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 355 , 538

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 12:32:04 )

เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:18:05 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:12:41 )

ทุททัสสา

รายละเอียด

เห็นตามได้ยาก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:17:27 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:44:12 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:02:05 )

ทุนที่ครอบงำโลก

รายละเอียด

การส่งออกประชาธิปไตย เขาก็ส่งออกกันมา จะว่าเราส่งออก ก็ไม่เชิง แต่ก็ขยายผลเหมือนกัน ชาติมหาอำนาจตะวันตกนี่ ส่งออกมา เจ้าลัทธิทุนนิยมสามานย์ นี้คือเจ้าของประชาธิปไตย เขาเอาการเลือกตั้งเป็นหัวใจหลักเลย เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งก็ดี การเปลี่ยนตัวผู้นำก็ดี ที่ไม่ใช่ของจริง

เลือกตั้งเปลี่ยนตัวผู้นำ เหมือนอย่างที่ทักษิณเขาทำมาเรื่อยๆ นี้มันก็เป็นประชาธิปไตยนะ เขาพยายามทำพวกนี้ ประชาธิปไตย ตอนนี้ก็เกิดเห็นแล้วว่ามันไม่จริงหรอก พวกเดียวกัน ประชาธิปไตยทักษิณกับประชาธิปไตยพิธา ชักแย่แล้วตอนนี้ เห็นไหม ประชาธิปไตยของทักษิณกับของพิธา ดูง่ายๆ เศรษฐากับพิธาชักแยกๆกันแล้ว เขาก็อาศัยมวล อาศัยอิทธิพลของตะวันตก 

เขาซ้อนลึก ว่าบริหารโดยไม่บริหาร ปกครองโดยไม่ปกครอง เขาก็จะพยายามทำอย่างนั้น แต่แท้จริงแล้ว มันมีอะไรอยู่อันหนึ่งก็คือว่า ในเรื่องของทุนทุกวันนี้ เขาว่าเป็นทุนที่ครอบงำโลกอยู่ตอนนี้ เป็นทุนของพวกยิว ได้ยินกันไหม ดูออกกันไหม ซ้อนลึกอยู่ไม่ค่อยรู้ตัวกัน เป็นทุนอำนาจ ทุนของพวกยิว อย่างนี้เป็นต้น ไอ้นี่เราพูดถึงประชาธิปไตยลัทธิบริหาร ไอ้นั่นเรื่องทุน ซึ่งมันก็ไม่แยกกันเท่าไหร่มันก็อาศัยเป็นอำนาจที่จะล่ามวลชนเหมือนกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 14:47:10 )

ทุนนิยม

รายละเอียด

ถ้าเป็นแบบทุนนิยมเขาจะรวย เขาจะกอบโกย เขาจะดูดมาจากสังคมข้างนอก เป็นผู้ที่ปล้นเศรษฐกิจจากประชากร เป็นพวกคนรวยเป็นคนปล้นเศรษฐกิจประชากรเป็นคนทำลายเศรษฐกิจประเทศชาติ ส่วนคนจน จนอย่างมีปัญญาอย่างพวกเราเป็นคนจนที่ช่วยเศรษฐกิจประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ นักเศรษฐศาสตร์เขาอ่านไม่ออกเข้าใจไม่ได้ เขามีปัญญาเข้าใจได้บ้างบางคน แต่เขาไม่กล้ามารองรับอโศก เพราะเขาเป็นอย่างอโศกไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:44:23 )

ทุนนิยม

รายละเอียด

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเขา จะแก้ให้คนไปรวยนั้นมันจะไปแก้ปัญหาได้ยังไง เพราะมันจะแย่งกันไปรวย แล้วทรัพย์สินเศรษฐศาสตร์ เขาก็อธิบายว่า เป็นของที่มีอยู่จำนวนหนึ่งในโลกแล้วเอามาแบ่งกัน ก็มันแย่งกัน ยุให้แย่งกัน แล้วจะบอกว่าแบ่งกัน พูดยังไงแล้วมันทำยังไง นักเศรษฐศาสตร์ มันเป็นคนวิปลาสหรือเปล่า ก็บอกว่าเอามาแชร์แบ่งกัน แต่เขาก็ยุให้แย่งกัน ต่างคนต่างยุให้รวยไง แล้วมันก็จะต้องแย่งกัน แย่งกัน แย่งกัน เขาพูดอย่างหนึ่งนะ แล้วคนก็จะต้องทำอย่างที่เขาพูด แล้วมันจะได้ผลตามที่เขาพูดไหม   

เขาสับสนหรือเปล่า เป็นคนสับสนหรือไม่ จัดอยู่ในวิปลาสนะ มันเห็นความไม่เที่ยงว่าเที่ยง เห็นความทุกข์เป็นความสุข เห็นความไม่มีตัวตนว่าเป็นตัวตน เห็นความไม่น่าได้ ไม่น่ามีว่าเป็นสิ่งที่น่าได้น่ามี วิปลาส 4 ครบเลย 

นี่แหละเห็นแล้ว เห็นนักเศรษฐศาสตร์ก็เรียนตำรามาอย่างนี้ เรียนตำรามาอย่างวิปลาส 4 สับสน จะให้คนได้รับส่วนแบ่งก็ต้องให้คนเข้ามาลดส่วนได้เอาไปแบ่งปันกันมันก็จะสำเร็จ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาส่งท้ายปีเก่า 2566 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 1 วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2567 ( 15:08:54 )

ทุนนิยมกับไทยนิยม

รายละเอียด

แม้แต่ปัญญาชนในโลกทุกวันนี้เขาเข้าใจแล้วว่าไม่ดี เอาเงินไปฟาดหัวคนนี่ไม่ดี นี่ง่ายๆ ตื้นๆ ใช้อำนาจเงินเบ่งข่มไม่ดี รู้กันทั่วโลกแล้วในระดับปราชญ์ แม้แต่ในผู้รู้ กิเลสตัวเองหนาแต่รู้แล้ว ตัวเองก็เลยต้องเอามากอยู่ ทั้งๆที่รู้แล้วแต่มันยังลดกิเลสไม่ลง ลดกิเลสไม่ได้ มันก็เลยต้องเป็นจริงอย่างนั้น คนที่กิเลสมันลดจริงๆ แล้วรู้ดีด้วยก็จะสมบูรณ์ด้วยทั้งรู้จริงและทำได้จริง กิเลสน้อยจริงตัวเองก็รู้จริงชัดเจนจริง จึงอยู่ในจำนวนที่ยังไม่มากนัก แต่ไม่มีปัญหา แต่อาตมาว่าอันนี้แหละเป็นคุณธรรม เป็นค่าของมนุษยชาติ จะได้รับความนิยมความก้าวหน้าต่อมาเอง เพราะฉะนั้นเมื่อหลงผิดไปหลงทุนนิยม จึงมีเศรษฐกิจเตี้ยตื้นอยู่อย่างนั้น ไทยนิยมจะคมลึกด้วยความจน วรรณะเก้าแบบยอดคนสละได้ เราจะได้มาพูดกันที่คำว่า วรรณะ 9 นี่ให้ดู   

ไม่โง่งกพาตนต่ำตก แสวงรวย หยุดจริงๆ จะแสวงรวย พอไม่รวยขณะนี้ผู้รู้แล้วยังรู้เลยว่า ยังสะสมยังรวยอยู่ แต่เพราะเขาไม่กล้าก็ว่าไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 15:32:20 )

ทุนนิยมคือ Infinity แต่บุญนิยม​คือ 0 ที่ยิ่งกว่า 0

รายละเอียด

ทำไมถึงตั้งชื่อขึ้นมาว่าบุญนิยม เพราะคำนี้ช่างคล้องจอง ทุน กับ บุญ​

มันคนละอย่าง ทุน Infinity แต่ บุญ​นี้ 0 ยิ่งกว่า 0 ส่วนทุนนี่ Infinity 

ซึ่งมันคนละขั้วสุดโลกเลย มีสภาวะจริงไหม มี พวกคุณก็ค่อยๆรู้กันมาทีละระดับ เราก็ทำตามมา มีคุณสมบัติคุณวิเศษ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่าย การทำได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องวิเศษ ไม่ใช่ว่ายกยอเล่นเป็นผู้มีคุณวิเศษ แต่ผู้ทำได้มีคุณวิเศษนั้นจริง มันเหนือชั้นกว่ามนุษย์สามัญ ไม่ได้มานั่งยกยอยกย่อง เหมือนอาตมายกตัวเอง อาตมาไม่ได้ยกยอตนเอง อาตมาพูดความจริง แต่พวกคุณไม่รู้จักความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 11:18:41 )

ทุนนิยมสามานย์กับบุญนิยม

รายละเอียด

นี่เป็นนัยสำคัญลึกซึ้ง ขายดีมากและก็แพงด้วยเป็นทุนนิยมสามานย์ แต่ขายดีมากและไม่แพง คำนี้ไม่ใช่ทุนนิยม 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:25:44 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:44:56 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:02:23 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์