@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ศิลปะ 5 อย่าง

รายละเอียด

จะมี 5อย่าง วาดภาพ ประติมากรรม วรรณกรรม  Drama and Music แต่ทุกวันนี้แยกออกเป็นหลากหลายแขนง แม้แต่ศิลปะเหนือจริง เขาก็บอกว่าคุณไม่รู้หรอกมันเหนือกว่าคนคิดได้ หลอกกันได้หลอกกันดี อาตมาไปรวบรวมภาษาที่เขาแยกกันได้ อาตมาใช้นามปากกาว่า ไตรตรา นิกขม์ ไตรตรา คือไตร่ตรอง ประกาศ ใช้เป็นนามปากกาเขียนหนังสือเล่มเดียว คือหนังสือเรื่องศิลปะหรืออนาจาร โดยหยิบหนังเรื่องไททานิคมาวิจารณ์เป็นแกนของเรื่อง มันรวยเละเลยหนังเรื่องนี้ มันมีแต่ทำให้คนติดยึดดูดดึงหาโลกียะเหนียวแน่น ผู้ที่ทำอย่างนี้ก็ได้รับการยกย่องเป็นศิลปิน แต่ศิลปินจริงๆจะไม่เอาลาภยศสรรเสริญเงินทองอะไรมากมายหรอก เพราะเขาจะไม่ทำให้คนติดยึด แต่จะทำให้คนละหน่ายคลายถึงไม่เอาอะไรมากมาย สรุปศิลปะในการใช้ชีวิตก็คือการมีความรู้ศิลปะ ความรู้ในภาษาบาลีคือคำว่าศาสตร์ ศาสตร์ที่ไม่มีศิลป์ก็คือสารคดี ต้องให้คนรู้ทางออกจากโลกีย์ จากอบาย กาม รูปโลก อรูปโลก ผู้ที่มีทิศทางแล้วสื่อให้คนเลิกจากโลก อบาย กาม รูปโลก อรูปโลก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ศิลปะในการใช้ชีวิตให้เกิดปัญญามัชฌิมา วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2562 


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 17:14:46 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:41 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:33:52 )

ศิลปะคือมงคลอันอุดม

รายละเอียด

ศิลปะที่เป็น อุตมะ คือ มงคลอันอุดม คือนำพาไปสู่โลกุตระ ถ้าเผื่อว่าสิ่งใดก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นรูปเขียน ไม่ว่าจะเป็นงานปั้น ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรม ทั้งดนตรีการ นาฏศิลป์อะไรก็แล้วแต่ถ้ามันไม่พาไปสู่โลกุตระ ไม่พาไปสู่อุตมะ มันไม่ใช่ศิลปะ เพราะฉะนั้นคนจะเข้าใจศิลปะจริงๆนั้นไม่ง่าย แม้แต่ศิลปินแห่งชาติเคยพูดถึงแล้ว คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เคยอุทานว่า ศิลปะเป็นโลกุตระด้วยหรือ เขาเป็นศิลปินแห่งชาติเขายังไม่รู้เรื่องเลย แต่เป็นพุทธนะ ศึกษาพุทธก็ไม่ใช่เล่น แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 19:38:36 )

ศิลปะคือโลกุตระ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคำว่าศิลปะ ศิลปินแห่งชาติยังบอกว่าศิลปะมีโลกุตระด้วยเหรอ อาตมาได้ยินกับหูเลยนะเขามาดูงานที่เราจัด เราก็บอกว่าศิลปะโลกุตระ เราแสดงงานเขียนที่สันติอโศก เขาก็วิจารณ์ เขาก็ไปอ่านที่เขียนว่าศิลปะคือโลกุตระ เขาก็บอกว่าศิลปะเป็นโลกุตระด้วยหรือ เขาเป็นศิลปินแห่งชาติ เคยบอกชื่อออกไปด้วย ก็ผ่านไปไม่ต้องพูด พูดถึงเรื่องเนื้อหาเอาไว้ศึกษาเท่านั้น ว่าคนเรายังเข้าใจไม่ได้ มันก็เป็นอย่างนั้น 

คำว่า ศิลปะเป็นมงคลอันอุดม แปลว่าโลกุตระ มงคลคือนำพาไปสู่ที่สูงที่สุด มงคล กับอุตระ ไปสู่นิพพานสูงสุด ถ้าอิเหละเขะขะ ก็ทำให้ประหลาดไว้คนอื่นเขาตาไม่ถึง ให้แปลกพิสดาร เข้ากับอุปาทานเขาบ้าง แต่มีใหม่บ้างเท่านั้นแหละ อาตมาถึงว่าชาตินี้ทำไมอาตมาต้องไปเรียนศิลปะ ก็เพื่อรู้ความจริงของเขาทำไมต้องไปเล่นไสยศาสตร์ ก็เพื่อรู้ความจริงของเขา ทำไมไปนั่งหลับตาก็เพื่อรู้ความจริงของเขา ไม่ใช่ว่า เราพูดโดยไม่รู้ความจริงของเขา เราพูดเรารู้ ต้องไปวาดเขียน ต้องไปแต่งเพลง ต้องไปปั้นอะไรอย่างนั้นอยู่ ก็เพื่อที่จะรู้เขาทำกันเก่งที่สุดก็แค่นั้นอย่างนั้น ได้แล้วก็ไปอวดโชว์กัน ดีไม่ดีไปตั้งราคาแพงกันอวดใหญ่โต งานของเราชิ้นนี้ราคาตั้งหลายร้อยล้านยิ่งใหญ่ หลายพันล้านยิ่งใหญ่ ก็เป็นโลกีย์ไปอย่างนั้น ซึ่งมันก็กลายเป็นหนี้ซับซ้อน 

บางทีเศษกระดาษแค่นี้ขายตั้งเป็น 10 ล้านแล้วเอาไปทำอะไร ดีไม่ดีเช็ดก้นยังไม่เกลี้ยงเลย เฮ้อ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเท่าไหร่ จิตมนุษย์ที่เป็นอุปาทานสร้างภพชาติอะไรมายึดถือ แล้วก็หลอกกันไปคนก็อยู่กับสิ่งที่ยึดถือและหลอกเต็มไปหมด 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:17:38 )

ศิลปะต้องพาให้ลดกิเลส

รายละเอียด

ตอนนี้ก็มีผู้เข้าใจมากขึ้นในเรื่องเพลงซึ่งเป็นเพลงโลกุตระสื่อความกระเถิบสูงขึ้นไป โดยยังอยู่ในกระบวนการของ ทั้งศิลปะดนตรีทั้งนั้น มีทั้งสุ้มเสียงสำเนียงจังหวะองค์ประกอบที่มันเข้ามาแล้วก็มีนักร้อง แล้วก็รู้สึกว่าตอนนี้ยังจะมีผู้เข้าใจเพิ่มขึ้น 

คือพวกเราเป็นคนจน ในวงการเพลงนี้เขาเป็นวงการระดับสูงราคาแพง เข้าใจนะ ในวงการเพลงระดับสูงจะราคาแพง แต่เราก็ไปกระทบไหล่ดาราเขา แล้วเขาก็ยอมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้ออวยพวกเราบ้าง ก็ขอบคุณพวกเขาอย่างยิ่งเลย ในวงการอย่างคุณหนึ่ง จักรวาล อย่างนี้เป็นต้น เขาก็อยู่ในระดับแนวหน้าในยุคนี้ 

แต่ก่อนนี้ก็มีแนวหน้า แต่มันไม่เฟื่องเท่ายุคนี้ ในยุคนี้มันกว้างกว่า แล้วเขาก็ดัง เพราะพวกเรานี่ ทำนองเมโลดี้อะไรต่างๆ มันจะไม่สมัยใหม่ใช่ไหม แต่เขาก็มา Apply พยายามที่จะให้มันมีสมัยใหม่ มีสภาพสมัยใหม่เข้าไปปรุงร่วม ประกอบขึ้นมาให้มันดูดี อันนี้ก็เป็นความสามารถเป็นความเก่งของคนที่เขาทำ อย่างคุณหนึ่ง จักรวาล 

ตัวอย่างง่ายๆ เขาเอาไวโอลินที่มาสีให้ดูคลาสสิค ประกอบขึ้นทำ introduction ประกอบเสียงประสานอะไรอย่างนี้เป็นต้น หลายๆอย่าง ปรุงแต่ง สรุปแล้วก็คือเป็นการ compose ขึ้นมา ประกอบการขึ้นมาก็ได้สภาพต่างๆที่มันออกมา เสนอต่อสังคม วัยรุ่นวัยกลางวัยอะไรก็ได้พอสมควร พวก Hard Rock อะไรก็ช่างเขาเถอะ แต่พวกที่สามารถรับได้ก็จะมา 

อาตมาไม่ได้แต่งเพลงเร็วไว้เยอะ แต่งเพลงเร็วไว้น้อย ส่วนมากมีแต่เพลงช้าพวกนี้ อยู่ประมาณกลางๆ ก็เห็นว่ามันจะเป็นสื่อชนิดหนึ่งที่จะจูงนำเข้าไปหาให้คนเข้ามา เป็นเครื่องจูงนำเข้ามาหาเนื้อหาสาระของธรรมะได้ เพราะอาตมาเจตนาทำ แล้วก็มีคนเข้าใจได้ แล้วอาตมาก็ต้องค่อยๆอธิบายไปด้วย 

บางทีภาษากวีของอาตมามันเป็นภาษากวีมากๆ จนกระทั่งต้องแปลความ ในพวกเราเองก็ยังยาก แปลความ ก็ค่อยๆทำ ค่อยๆแปลไป ก็ใช้พวกนี้แหละจูงนำ เราจะไปใช้เป็นโลกๆไปทีเดียวมันก็คงไม่คือ คงไม่เข้าท่า ก็ใช้ทางศิลปะอันเป็นมงคลอันอุดม คือหมายความว่าศิลปะเป็นมงคลอันอุดม หมายความว่า ศิลปะนี้จะต้องนำพาไปสู่    อุตมะหรืออุตระ สู่โลกุตระ ไปสู่ความลดกิเลส  

เข้าเนื้อหา ศิลปะต้องพาให้ลดกิเลส อาตมาเคยนิยาม ศิลปะต้องกิเลสลดถึงจะเรียกศิลปะ ถ้ากิเลสไม่ลดไม่ใช่ศิลปะ 

เช่น คุณเขียนรูปนู้ด ปั้นก็ตามเขียนก็ตาม รูปนู้ดคนสัมผัสรูปนู้ดแล้วกิเลสลดอย่างนี้เป็นศิลปะ แต่คนสัมผัสรูปนู้ดที่คุณเขียนก็ตามคุณปั้นก็ตามกิเลสขึ้น ไอ้อย่างนี้มันเป็นอนาจาร ไม่ใช่ศิลปะ นี่เป็นเครื่องตัดสินง่ายๆ 

เพราะฉะนั้นสัมผัสงานนี้แล้วกิเลสลดลงไปอย่างนี้เป็นศิลปะ ถ้ายิ่งไปติดเข้าไปเลยนะ โอ้โห.. ทั้งรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ติดเข้าไปเลยอันนั้นเป็นอนาจาร 

เพราะฉะนั้นศิลปะเขาจึงพยายาม ล้ม รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส          (โผฏฐัพพะ) เป็น Abstract อย่าง Picasso นี่ เขียนรูปนู้ดบางรูปของเขาดูแล้วอ้วกเลย เป็นแบบคิวบิสซึ่ม ดูแล้วอ้วกแตกเลย ดูแล้วไม่เกิดกิเลสอะไร บางรูปดูแล้วกิเลสขึ้น บางรูปดูแล้วกิเลสลดอะไรอย่างนี้เป็นต้น ก็ค่อยๆศึกษาไป เรื่องศิลปะที่เป็นโลกุตระนี้ยังมีอีกเยอะทีเดียวที่จะเข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 17:29:03 )

ศิลปะที่ดี

รายละเอียด

คือเป็นผู้มีฝีมือทำให้คนลิ้มได้ งานศิลปินคือ งานที่เสนอให้คนสัมผัสแล้ว 1 มีสุนทรียศิลป์ เชิญชวนให้คนมารับ เรียกในบัญญัติภาษาว่า เปยยวัชชะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563 


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:43:06 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:30 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:09:59 )

ศิลปะที่ลานสะโพ

รายละเอียด

ก่อนอื่นต้องขอแจ้งข่าวด่วน...คือเขาถอนหญ้าจังเลย โดยเฉพาะที่ลานสะโพ ขอได้ไหม อาตมาขอ ปล่อยให้มันรกตามธรรมชาติ อะไรมันเกินอาตมาก็จะให้สัญญาณไปเอง สำหรับตรงไหน หญ้ากอไหน ตรงไหน ที่ลานสะโพ ที่อื่นก็ไม่ได้อะไรมาก แต่ตรงนี้เรากำลังพยายามจะทำ อาตมาก็ว่าพอมีความรู้เรียนทางด้านศิลปะมา มีความรู้ว่าศิลปะสวยหรือไม่อย่างไรแค่ไหน อาตมาตั้งชื่อตรงนี้ว่าลานสะโพ ล้อเลียนกับชื่ออาตมา และกับแก้งสะพือด้วย แต่คนร่วมกันในนี้เยอะก็ปรารถนาดีกันทั้งนั้น อาตมาก็ขอไว้ก่อน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 8


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2565 ( 17:10:48 )

ศิลปะทุกวันนี้น่าสังเวชใจ

รายละเอียด

คือสุนทรียภาพและภาพ 2 อย่างเพียวเลยยังสะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งศิลปะทุกวันนี้โลกทุกวันนี้อาตมาเห็นแล้วน่าสังเวชใจ คืองมงายเรื่องศิลปะ ศิลปะจริงๆตลอดจนแก่จนหมาจนช้างจับแมงหวี่แมงวันอะไรไปหมดเลยทุกวันนี้มันไม่เหมือนใคร อาตมาเขียนหนังสือวิจารณ์เรื่องศิลปะเล่มเดียวคือวิจารณ์หนังไททานิค 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 09:27:33 )

ศิลปะศิลปินทุกวันนี้หาสาระไม่ได้

รายละเอียด

เราก็ตามไปรู้ทันกับเขาไม่ได้หมดหรอก ที่เขาคิดกันมันหลายมุมเหลี่ยมเรียกว่าโลกจินตา เป็นความคิดแบบโลกอะไรก็คิดได้ไม่มีวันจบ คนที่เขาไปงมงายกับคำว่าศิลปะ เขาจะต้องมีแง่มุมที่แตกต่าง แล้วก็โปรโมท ความแตกต่างของเขาว่าดีกว่าสูงกว่าแปลกกว่านี่คือศิลปินบ้าบอเลอะเทอะ คิดความแตกแยกอะไรออกเป็นอัตตาผู้เป็นเจ้าของ มีอัตตาในตัว มันแปลกไปจากคนอื่น นี่คือความเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ศิลปะศิลปินทุกวันนี้เละเทะหมด หาสาระไม่ได้เลย จับจุดที่เป็นสาระไม่ได้ ศิลปะก็เลยกลายเป็น ศิลเปรอะเลย

อะไรที่เอามาพอใช้งานได้เป็นครั้งคราวเหมาะสมกับอันนี้ กาละนี้ เหตุปัจจัยนี้ status quo ปัจจุบันธรรมอันนี้ ปัจจุบันธรรมอะไรที่เล็กที่สุดน้อยที่สุดได้ประโยชน์มากที่สุดสูงสุดก็จบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:35:45 )

ศิลปะอันเป็นมงคลอันอุดม

รายละเอียด

ศิลปะ ในภาษาบาลีว่า สิปปัง ภาษาสันสกฤตก็คือ ศิลปะ ภาษาบาลีก็คือ สิปปัง เป็นมงคลอันอุดม คนก็แปลกันยาก เอตัมมังคลมุตตมัง 

อาตมาท้าวความ เอาเพลงที่อาตมาแต่งเป็นตัวอ้างอิง อ้างอิงมันมีทั้งนั้น มีทั้งคำร้อง มีทั้งเมโลดี้ มีทั้งทำนอง มีทั้งนัยยะสำคัญที่ใส่เข้าไปใน ลักษณะต้องกลมกลืนกัน ไปด้วยกันได้ ทั้งทำนองและเนื้อร้องความหมายของคำ ไอ้ความหมายของคำนี้แหละสำคัญมาก สำคัญมากความหมายของคำ จะเป็นศิลปะที่มันจะฟังแล้วทำให้เกิดความเข้าใจ แล้วก็เปลี่ยนแปลง จนชัดเจน เชื่อมั่น มีอิทธิพล มีพลัง ทำให้เราเปลี่ยนแปลงได้ จากที่ไม่ควรจะเป็น มาเป็นอย่างที่ควรเจริญขึ้น เจริญขึ้น 

เพลงอาตมานี่มันเป็นโลกุตระซะมาก เพลงไม่เป็นโลกุตระ เป็นโลกียะ อาตมาก็พยายามเก็บ พยายามลืม พยายามทิ้ง ไม่ไปฟื้นตัวมันขึ้นมา ไม่ไปส่งเสริม ใครจะนำมาฟื้นขึ้นอีกอาตมาก็ไม่ส่งเสริม มันก็เลยค่อยๆหายไป อาตมาก็แต่งไม่มากเท่าไหร่หรอก เพลงโลกียะ ไม่ว่าจะเป็นโลกียะไปกับเขา แต่ก็ไม่เคยแต่งไปถึงขั้นลามก ก็เป็นแต่เพลงราคะ 

อาตมาแบ่งเพลงเป็น 1.ลามก 2.ราคะ 3.สาระ 4.ธรรมะ 

5.โลกุตระ เป็นขีดขั้นของคุณภาพคุณธรรมของมัน แบ่งเป็น 5 แบบ เพราะฉะนั้นเมื่อมาบวชแล้วก็ยังนึกว่า เราจะมาแต่งเพลงหรือไม่  แต่เอาไปเอามามันนึกได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ ศาสนาต่างๆตั้งแต่เทวนิยม แม้แต่พุทธเองก็ยังอาศัยสวดทำนองอะไรอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวนี้ทำเป็นเล่นไปนะ

คนโลกียะทั่วไปจึงไม่รู้สึกซาบซึ้ง ไม่ชื่นชอบกัน

ในความเป็น“ศิลปะ”ที่ให้ประโยชน์ต่อมวลมนุษย์นั้นแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ “โลกียะ”กับ“โลกุตระ”

“ศิลปะ”ที่เป็น“โลกียะ”นั้น มันเป็นงานที่มีแต่บำเรออารมณ์          ไม่ได้ทำให้“กิเลส”ลด ละ หน่ายคลายเลยแต่อย่างใด จะเป็นศิลปะแขนงไหนก็แล้วแต่ ศิลปะแต่เดิมมี 5 สาขา เดี๋ยวนี้แตกแขนงไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว  แม้แต่ศิลปะการชงเหล้าเขาก็ถือว่าเป็นศิลปะ ศิลปะการค้าขายได้เปรียบมากๆ อะไรก็เรียกเป็นศิลปะเป็นแทคติกเป็นวิธีการที่ได้เปรียบ ก็เป็นกิเลสทั้งนั้นไปเรียกศิลปะไม่ได้ ที่จริงศิลปะต้องเป็นการลดละกิเลส นี่มันเป็นการปลอมแปลงความหมายของพระพุทธเจ้า 

ท่านก็กำกับนะว่าศิลปะอันเป็นโลกุตระเป็นมงคลอันอุดม อุดมหรืออุตระ ถ้าศิลปะโลกๆมีแต่มอมเมากันเข้าไป เละเทะเลอะเทอะ

“ศิลปะ”ที่เป็น“โลกียะ”นั้น มันเป็นงานที่มีแต่บำเรออารมณ์ ไม่ได้ทำให้“กิเลส”ลด ละ หน่ายคลายเลยแต่อย่างใด ซ้ำมิหนำมีแต่เพิ่มพูนให้“กิเลส”มากขึ้นหนาขึ้น จัดจ้านยิ่งขึ้นทั้งราคะ โทสะ โมหะ

ประโยชน์ที่ได้จาก“ศิลปะ”โลกียะ จึงเป็นสิ่งพาให้จมงมงายในโลกียะ วนเวียน“เป็นสุข-เป็นทุกข์”ไปนิรันดร  

“ศิลปะ”ที่เป็น“โลกุตระ”นั้น สุดยอดแห่งประโยชน์ ซึ่งชาวโลกียะเทฺวนิยมทั้งหลายยังไม่สามารถหยั่งเข้าไปรู้ถึงความลึกล้ำใน“มิติ”แห่ง“นัยสำคัญ”ของมันได้ง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องจบกิจทำกาละพ่อครูประกาศ Animal Right Watch วันพุธที่ 4 ตุลาคม 2566 แรม 5 ค่ำเดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2567 ( 14:55:17 )

ศิลปะเป็น 5 ประเด็น

รายละเอียด

แบ่งศิลปะออกเป็น 5 ประเด็นคือ

1.ลามก

2.ราคะ

3.สาระ

4.ธรรมะ

5.โลกุตระ

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช จรณะวิชชาที่พาเป็นคนจนอยู่เหนือคนรวย วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 14:36:50 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:42:24 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:55:50 )

ศิลปะเป็นส่วนสร้างศาสนาอย่างยิ่ง

รายละเอียด

ศิลปะเป็นส่วนสร้างศาสนาอย่างยิ่ง ศิลปะเป็นมงคลอันอุดม เอตัมมังคลมุตมัง แปลเป็นไทยว่า ศิลปะจะนำพาไปสู่สิ่งที่สูงสุด คือ อุดร อุดม เป็นโลกุตระ อุดรหรืออุตระหรือโลกุตระ เหนือโลก สูงสุดเป็นนิพพาน จริงๆแล้วอาตมาอาศัยศิลปะ ก็ยังเคยสงสัยว่าตัวเองทำไมไม่ไปเรียนวิทยาศาสตร์ แต่พอมาทางด้านนี้ก็เชื่อมโยง เรื่องเพลงนี้อาตมาทิ้งทีหลังสุด ทิ้งแล้วแต่พอมาบวชแล้วต้องมาแต่งเพลงสัจจะชีวิตอีก เพราะเป็นศิลปะอันเป็นมงคลอันอุดม เพลงตอนหลังของอาตมาจะเป็นเพลงโลกุตระ ซึ่งหาได้น้อยมากในเพลงต่างๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 11:07:00 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:43:48 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:10:31 )

ศิลปะเป็นโลกุตระธรรมในมงคล 38

รายละเอียด

อุตระคือเหนือ เหนือชั้นเหนือโลก พอมาถึงคำว่า อุตระหรืออุตมะคือ เหนือโลก พูดถึงตรงนี้ก็ไปนึกถึง มงคล 38 เอตัมมังคะละมุตตะมัง แล้วเป็นเรื่องศิลปะ อะไรอื่นๆก็เป็นได้ แต่ไประลึกถึงคำว่าศิลปะ อาตมาบอกว่าศิลปะเป็นโลกุตระ ถ้าไม่ใช่โลกุตระก็ไม่เป็นศิลปะหรอก เป็นศิลเปรอะ ทุกวันนี้ในโลกเป็น ศิลเปรอะไปหมด พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าศิลปะเป็นอุตตมะ ศิลปะเป็นโลกุตรธรรม 

สิ่งที่คุณสร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นรูป เป็นการปั้น เป็นสถาปัตยกรรม เป็นวรรณกรรม เป็นมิวสิคดราม่า เป็นดนตรี เป็นนาฏกรรมอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ นี่เป็นรากเหง้าของศิลปะ 5 อย่าง นอกนั้นบานปลายออกเป็นหลายแขนงเยอะแยะ แค่ 5 อย่างนี้แหละ ก็ต้องมีมงคลอันอุดม ต้องเป็น อุตมะ จึงจะเรียกว่าเป็นศิลปะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 19:37:13 )

ศิลปะแท้เป็นงานศิลปะโลกุตระเมื่อสัมผัสแล้วจะเกิดความละหน่ายคลาย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นงานศิลปะถ้าใครไปสัมผัสแล้วมันเกิดความละหน่ายคลาย ไม่ใช่ไปยิ่งติดยึดยิ่งชอบ ยิ่งต้องการมาเป็นของตน นั่นแหละมันตรงกันข้ามกับศิลปะที่เป็นมงคลอันอุดม เป็นมงคลอันเจริญ มันไม่เป็นมงคลอันเจริญ มันยิ่งติดยึด ยิ่งสัมผัสแล้วละหน่ายคลายนั่นแหละคือ งานศิลปะแท้เป็นงานศิลปะโลกุตระ ไม่ว่าจะเป็นด้านภาพเขียน เป็นการปั้น สถาปัตยกรรม วรรณกรรม Music ดราม่า ดนตรีการนาฏกรรม อะไรก็แล้วแต่  มันหนีไม่พ้นลักษณะพวกนี้ของศิลปะ 5 อย่าง คุณจะต้องทำ คุณต้องทำรูป คุณจะต้องทำสภาพอะไรขึ้นมา จะเป็นสีขาวสีดำและจะมีสีอื่นเป็นจิตรกรรม จนเป็นรูปเป็นร่างเป็นประติมากรรม จนเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตเรื่องแท่งก้อนอาศัยใช้สอยเป็นสถาปัตยกรรม มาพูดจาแจกแยกแบ่งสื่อกันให้ละเอียดเรียกว่า วรรณกรรม ให้รู้เรื่องกัน แล้วก็แถมดนตรีกับท่าทีลีลา อันนี้แหละประกอบเข้าไปอีก กลายเป็น เล่นดุ๊กดิ๊ก เรียกว่าเป็นศิลปะวนอยู่ตรงนี้ไม่จบ 

ผู้ที่เข้าใจอย่างอาตมานี้รู้ จริงแล้วทุกอย่าง 5 ประการนี้เป็น Pure Art เดี๋ยวนี้มันบานปลายตั้งชื่อไปสารพัดอย่าง ศิลปะการค้า ศิลปะเหนือความจริงไปใหญ่เลย Abstract เลอะเทอะ บานปลายออกไปไม่ใช่ศิลปะ 5 อย่างนี้ที่เป็น Pure Art ไม่มีหลีกพ้นหรอกในชีวิตมนุษย์กรรมกิริยาอยู่ในศิลปะ 5 อย่างนี้ 

เสร็จแล้วก็มาเรียนรู้กิเลสที่ประกอบอยู่ในศิลปะ 5 อย่าง ผู้รู้จะรู้ว่ากิเลสมันผสมเข้าไปก็รู้ ผสมเข้าไปกับสีสันของมัน ผสมเข้าไปกับรูป ประติมากรรมรูป สีสันจิตรกรรม จนกระทั่งก่อเป็นรูปเป็นร่างใหญ่โตขึ้นมา สถาปัตยกรรม จนเอาไปใช้สอยได้ เป็นคูหาเป็นถ้ำ เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตมโหฬาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 13:56:18 )

ศิลปะแบบ Abstract โลกุตระ

รายละเอียด

เรื่องนี้อาตมาก็ขอสำเนารับรองคำเสนอนี้ว่าจริง อาตมานี้สอนศิลปะ Abstract เป็นศิลปะในระดับที่มันรู้ได้ยากเป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่างตัวตนให้เห็น ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดละออลึกซึ้งเป็นนามธรรม เป็นศิลปะอันเป็นมงคลอันอุดม ซึ่งก็แสดงออก ยืนยันให้รู้ว่านี่คือศิลปะ ศิลปะไม่ใช่เรื่องความหลงรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ หรือว่าหลงเทคนิค ที่วิตถารขึ้นไปเรื่อยๆกับหลงเทคนิค เป็นฝีมือในการทำ ในการสร้างรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ให้วิตถารเพิ่มขึ้นแล้วไปสารพัด อย่างอู๊ดเขาพยายามทำก็คือศิลปะ ทางโลกของเขาเอาขยะไปสุมเข้าด้วยกัน ไม่มีใครเหมือนหรอกเป็นชิ้นเดียวด้วย ชิ้นเดียวในโลกด้วย Master piece ตัวเองทำเองอีกทีก็ยังไม่เหมือน เป็นเรื่องที่เรียกว่า มันไร้รูปร่างจริงๆ มันเลยเถิดไปจนไร้รูปร่างไม่มีรูปร่างจนกำหนดไม่ได้พูดกันไม่รู้เรื่อง ตัวเองทำอีกก็ไม่ได้ มันก็เลยถือเป็นสัจจะไม่ได้ สัจจะมันจะต้องเป็นอันนี้ชัดเจน แล้วก็เป็นอีกยืนยันด้วยกันได้อย่างนี้อย่างนี้ เป็นสิ่งเดียวของใครของมันทำได้ เหมือนกันหมดเลย ของพระพุทธเจ้าจึงกระทั่งถึงพลเมือง เช่น ออกจากกิเลส ว่างจากกิเลสเหมือนกันหมดไปเป็นตามลำดับซึ่งเป็นเรื่องลึกซึ้งมาก เพราะฉะนั้นที่ลูกศีรษะอโศกกำลังออกมา ว่าอาตมามาสอนศิลปะแบบ Abstract โลกุตระซึ่งไม่มีใครในโลกนี้สอนได้ก็ถูกต้องที่สุด พูดไปแล้วต้องขออภัยที่เหมือนกับยกตัวอย่างตน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:52:21 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:53:46 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:37:26 )

ศิลปะโลกียะ

รายละเอียด

ศิลปะโลกียะ  คือ อุปกรณ์ที่คนไปหาเทคนิคหลอกชาวโลก แล้วกลายเป็นคนมีชื่อเสียงเอาสิ่งเหล่านี้มาเลี้ยงตัวเองตลอดชีวิต 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 10:02:53 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:53 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:14:47 )

ศิลปะโลกีย์คือยอดแห่งความยึดติดที่หลอกกัน

รายละเอียด

เมื่อรู้ความจริงแล้ว ศิลปะก็คือยอดแห่งความยึดติดที่หลอกกัน จนโง่ไม่จบ พระพุทธเจ้าท่านพยายามขยายความ ถ้าเข้าใจศิลปะ เอาเถอะคนจะติดยึดอย่างไรก็แล้วแต่ให้เข้าเนื้อหา ให้คนไปสัมผัสแล้วเกิดอาการของจิต ให้มันเบื่อหน่ายคลาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 13:50:33 )

ศิลปะโลกุตระพาคนหมดกิเลสได้

รายละเอียด

อาตมาใช้ศิลปะทำงานตลอดเวลา ศิลปะคือมงคลอันอุดม คือพาคนสู่โลกุตระ มงคลอันอุดมคืออุตมะคือทางไปสู่สิ่งสูงสุดคือนิพพาน

อาตมาพยายามแสดงศิลปะโลกุตระ ไม่ได้พูดข่มคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ เขาก็บอกว่า มีศิลปะโลกุตระหรือ? ทั้งที่ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์เป็นนักภาษาศาสตร์รู้จักภาษาดีด้วยนะ คือ ไม่เข้าใจว่าศิลปะเป็นโลกุตระอย่างไร ศิลปะที่พาคนหมดกิเลส ไม่ใช่พาคนหลงเทคนิคแทคติกเท่านั้น ไม่ใช่ไปหลงลีลาเทคนิคแทคติกเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 15:51:24 )

ศิลปะโลกุตระเป็นมงคลอันอุดมของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

มีศิลปินแห่งชาติคนหนึ่งมาดูงานแสดงศิลปะของคุณแสงศิลป์ แล้วเขาก็พูดขึ้น เมื่อเห็นป้ายที่บอกว่า ศิลปะที่เป็นโลกุตระ เขาก็บอกว่าศิลปะมีโลกุตระด้วยหรือ นี่มันสำคัญว่าแยกไม่ได้ ยังไม่รู้ได้ว่าโลกุตระคืออะไร ขนาดศิลปินแห่งชาติก็ยังไม่รู้ได้ เขามีชื่อเสียงด้วยนะ ขอไม่ออกชื่อในวันนี้แต่เคยพูดถึง อย่างนี้เป็นต้น ไม่ได้ดูถูกหรอกแต่เป็นตัวอย่างอธิบายให้ฟัง อาจไม่ใช่ท่านผู้นี้คนเดียว แม้เป็นศิลปินแห่งชาติก็ยังไม่รู้โลกุตระ ก็ยังมีอีกเยอะนะที่ไม่รู้ว่าศิลปะที่เป็นโลกุตระ เป็นศัพท์ของพระพุทธเจ้าที่ใช้ภาษาบาลีปนไทย แปลว่า เป็นมงคลอันอุดม ภาษาบาลีคือ เอตัมมังคะละมุตตะมัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4

วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:05:32 )

ศิลปะในการใช้ชีวิต

รายละเอียด

คำว่าศิลปะทุกวันนี้กลายเป็นคำว่า ศิละเปรอะ สรุป ศิลปะยอดแห่งจุดหมายของคนก็คือสร้างความแปลกของตัวเองขึ้นมาไม่เหมือนใครแล้วคนชอบคนติดใจหลงใหล นี่คือนิยามคำว่าศิลปะของทุกวันนี้ ซึ่งเป็นการเสียเวลาจริงๆ จริงๆแล้วพระพุทธเจ้านิยามคำว่าศิลปะไว้คือมงคลอันอุดม ศิลปะหมายความถึงสิ่งที่จะนำพาไปสู่ที่สูงที่สุดก็คือนิพพาน เพราะฉะนั้นองค์ประกอบ composition เหตุปัจจัยต่างๆเอามาสังเคราะห์กันประกอบกันแล้วสื่อให้คนสัมผัสแล้วพาไปสู่นิพพาน ไม่ไปสู่มงคลอันอุดมสิ่งนั้นไม่ใช่ศิลปะ ถ้าหากองค์ประกอบต่างๆมีเทคนิคมีดินน้ำไฟลมแสงสีเสียงรูปกลิ่นรส เอามาประกอบกันอย่างมีเทคนิควิธีการและสื่อให้คนสัมผัส คนสัมผัสแล้วเข้าใจนำพาไปสู่การละหน่ายคลายโลกธรรม นั่นคือศิลปะ แต่ถ้ายิ่งติดในความแปลกใหม่ในโลกธรรม ลาภยศสรรเสริญ นั่นคือศิละเปรอะไม่ใช่ศิลปะ ทุกวันนี้เห็นศิลปินทำงานกันแล้วน่าสงสาร คนชอบมักจะนิยมอย่างไรก็ทำให้มันถึงใจคน แล้วก็ จูงใจนำพาให้ต่อยอดไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่างของจริง อย่าง เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ก็เอาลายไทยมาประกอบอ่อนช้อยย้อยหยด คนก็นิยม มันเวอร์ ส่วน ถวัลย์ ดัชนี ก็ชอบแบบ บึ๊กๆ เขาคนละสายกัน อยู่จ.เชียงรายด้วยกันทั้งคู่ รวยทั้งคู่ด้วย มีเอกลักษณ์อัตลักษณ์ของตัวเองเอาสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องหาลาภยศสรรเสริญให้แก่ตัวเองในชาตินี้ แต่ละชาติเขาก็ได้อย่างที่เขาเป็น อาตมาเองที่จริงอาตมาเคยพูดว่าทำไมอาตมาต้องมาเรียนศิลปะ ศิลปะนั้นไม่ใช่การวาดภาพอย่างเดียว มีงานปั้น งานสิ่งก่อสร้างในวรรณกรรม ดนตรี เพลง นาฏกรรม ท่าทีลีลาเต้นแร้งเต้นกาสารพัด 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ศิลปะในการใช้ชีวิตให้เกิดปัญญามัชฌิมา  วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2562 


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 17:13:26 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:46:55 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:11:58 )

ศิลปะในการใช้ชีวิตต้องเข้าใจศิลปะ

รายละเอียด

คือการสื่อให้เป็นไปในนิพพาน แต่ถ้าสื่อแล้วไม่เป็นไปในนิพพานคืองานขวางทางนิพพาน เรียกว่าเดรัจฉานวิชชา ให้คนติดโลกที่ตนเองนึกว่าใช่

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ศิลปะในการใช้ชีวิตให้เกิดปัญญามัชฌิมา วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2562 


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 17:18:12 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:50:04 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:41:52 )

ศิลปะในการใช้ชีวิตต้องใช้ความรู้ความสามารถในการใช้ชีวิตให้ไปสู่นิพพาน

รายละเอียด

แต่ถ้ามีความรู้ความสามารถทำให้กิเลสของเรามากขึ้น ภพเรายืดยาวมากขึ้น อันนั้นไม่ใช่ศิลปะ คุณใช้ชีวิตประกอบชีวิต แล้วก็เติมสิ่งที่ไม่ใช่อันที่จะทำให้กิเลสลด มันเป็นการเติมกิเลสผูกพันเติมกิเลสรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสมากขึ้น เติมกิเลสที่จะต้องได้ลาภยศสรรเสริญสุขมากขึ้น ลงท้ายความสุขนี่เป็นตัวกลาง สุขในการได้ลาภยศสรรเสริญ สุขในการเสพรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส สุขในการยึด ข้องอยู่ในถ้ำ ยึดอะไรก็แล้วแต่ จนกระทั่งยึดฝี เอ็งจะไปยึดฝีทำไม มันเจ็บปวดจะตายชัก แต่ก็ยึดไว้ ฝีต้องอยู่ไม่หายไป จะบ้าหรือเปล่า คำตัวอย่างที่มีนี้มันสุดยอดความรู้ สรุป ศิลปะในการใช้ชีวิตเขาต้องเป็นไปเพื่อ ละหน่ายคลาย เป็นไปเพื่อลดกิเลส กับทางสายกลาง ทางสายกลางหยาบกว่า ศิลปะในการใช้ชีวิต เพราะว่ามันแค่เป็นทางแล้วพวกคุณก็เดินไปตามทาง หากไม่รู้จักภาวะสอง ไม่รู้จักกาม อัตตา รู้จักเทวะ อเทวะ แล้วลดกาม ลดอัตตา แล้วมันจะไม่โต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง กามลด อัตตาลด กามลด อัตตาลด สุดท้ายเหลือกามนิด อัตตานิด ก็ทำให้หมดอีกก็เหลือแค่กลาง กลางไม่ใช่ทางแต่ความสมดุลของทั้งสองข้างหมดไปแล้ว กลางไม่ใช่ทางที่ฆ่าลูกกินเนื้อเพื่อเดินทางแล้วก็ยังไม่รู้ว่าลูกตัวเองไปอยู่ไหน มันงมงายเมาขนาดนั้นมันไม่ใช่ นี่คือความลึกซึ้งสุดยอดที่ซับซ้อน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ศิลปะในการใช้ชีวิตให้เกิดปัญญามัชฌิมา วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2562 


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 17:43:33 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:51:31 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:17:07 )

ศิลปิน

รายละเอียด

ผู้ผลิตศิลปะ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 472


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:33:13 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:18 )

ศิลปิน

รายละเอียด

คือ ผู้ที่รู้จักสารศิลป์และสุนทรียศิลป์ แล้วใช้สุนทรียศิลป์ให้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเก่งแต่ต้องมี ไม่ขาดกันทีเดียว จะต้องมี 2 อย่างมีสุนทรียศิลป์และสารศิลป์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:54:29 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:57:17 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:44:03 )

ศิลปิน ศิลปะ คืออะไร

รายละเอียด

แม้แต่อาตมาขึ้นมาที่นี่แล้วเห็นดอกไม้ที่ประดับ ก็ช่างทำ เป็นศิลปินดี ศิลปินคือผู้ที่สร้างอะไรขึ้นมาแล้ว คนสัมผัสแล้วก็จูงใจ ให้จิตมันรู้สึกว่ามีความหมาย มีค่า มีสิ่งที่ชวนให้เจริญๆ นั่นคือศิลปะ มงคลอันอุดม แต่เดี๋ยวนี้เขาเข้าใจว่าศิลปะคือการแสดงออกตามใจกู ใครดูแล้วรู้เรื่องคนนั่นแหละให้เป็น Abstract ทั้งนั้นนะ ไร้สาระก็บอกว่า Abstract คือไร้สาระ ไร้สภาพ อะไรของเอ็งวะ เขาก็ไปตีความบ้าบออะไรอย่างนั้นได้นั่นคือศิลปะ ซึ่งมันพากันโง่ดักดาน อะคาเดมี่ที่เขาสอนศิลปะการอยู่ในยุโรปตะวันตกเป็นสถานที่บ่มเพาะคนโง่ สื่อสาระที่จะมีความหลอก แล้วไปหลอกอะไรหรอกคนรวย คนไม่รวยก็จะต้องไปหาเงินมาซื้อ เขาบอกว่ามันแพงมันแพงมันดี ก็ไปหาเงินมาสิ เป็นความซับซ้อนมากเลย เพิ่งเห็นว่าวงการของคนโง่คือวงการศิลปะ ศิลปินแสดงอะไรต่างๆนาๆออกมาก็หลอกให้ไปดู ไปจ่ายเงินจ่ายทองเสียเวลา ยิ่งเป็นศิลปินเอกมาแสดงไม่ได้ไป เสียชาติเกิดนะ ไม่รู้จะดักดานไปถึงไหน 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 15:41:05 )

ศิลปินก็ออกแบบสร้างความต่าง แล้วถือความต่างเป็นเจ้าของคืออัตตา

รายละเอียด

หรือ ศิลปิน เขาได้ชื่อว่าเขาเป็นศิลปินนักออกแบบ นักสร้างความต่าง ต่างไปแล้วก็เป็นสัญลักษณ์ว่า นี่ฉันค้นพบความต่างนี้ ใครมาเลียนแบบถือว่า ไม่แน่จริง เอาของฉันเป็นต้นแบบนะแบบนี้ฉันค้นพบ แล้วก็ถือว่าเป็นศิลปินใหญ่เป็นเจ้าของแบบเป็นเจ้าของวิธีเป็นเจ้าของสภาพนี้ ฉันเป็นคนค้นพบ ฉันเป็นเจ้าของ ก็ คืออัตตา ธรรมดา ก็แย่งกันเป็นเจ้าของเป็นอัตตา เป็นสิ่งที่เป็นเอก 

เหมือนอย่างแวนก๊อกหรือแวนโก๊ะ มีเทคนิคหรือเรียกว่า ที่เรียกว่าอิมเพรสชั่นนิส วาดภาพก็มีขีดเส้นกับระบายสี แต่แวนโก๊ะเอาเส้นเรียบเรียง เป็นเทคนิคที่ไม่เหมือนใคร  เป็นคนแรก ก็นับถือว่าเป็นเจ้าของศิลปะอย่างหนึ่ง คนจะค้นพบแบบอื่นๆอีก แตกต่างกันมีหลากหลายศิลปินเลย ทีนี้ไม่ว่าจะเป็นศิลปินอะไรต่ออะไรต่างๆนานาอีกเยอะ อาตมาจำชื่อไม่หวาดไม่ไหว เป็นเจ้าของแบบขึ้นมา ก็นับถือว่าเป็นศิลปินใหญ่ ค้นพบสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมาเป็นตัวอย่าง แล้วก็ยึดถือเป็นเจ้าของตัวอย่าง ก็เก่งก็แข่งกันอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 ณ ราชธานีอโศก วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 20:36:48 )

ศิลปินแท้

รายละเอียด

จะรู้ว่าเราใส่สุนทรียศิลป์ไปนิดเดียว สิ่งที่ประกอบดึงเขาเข้ามา แต่หากเอาแต่จัดจ้าน ก็เสียสาระ เราต้องไปลงทุนลงแรงไปเปลืองสิ่งเหล่านี้ แล้วคนเหล่านี้ก็ติดยึดไม่เข้ากับสาระ เป็นความพอเหมาะพอดีที่เราจะต้องประมาณ สรุปก็ให้เข้าศึกษาหาแก่นอย่าเพิ่งเฟ้อเกินไป ไม่งั้นจะเป็นผู้ที่สักแต่ว่ารู้เกินไป ต้องเอาสิ่งที่มาประพฤติปฏิบัติกับตัวเองให้สำคัญ และพากเพียรปฏิบัติสิ่งนั้นให้ได้ประโยชน์แก่ตนเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:56:50 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:58:05 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:12:25 )

ศิลป์

รายละเอียด

คือ มงคลอันอุดมหมายความว่า มีฤทธิ์มีอำนาจในการพาเจริญไปสู่โลกใหม่ คือ โลกุตรธรรม (หน้า.142) ศิลป์ คือ ต้องมีธรรมะ 2 คือ มีสุนทรีย์ศิลป์, สิ่งชี้ชวนให้มาสัมผัสงานนั้น (aesthetic art) กับสารศิลป์, แก่นแกนของงาน เนื้อหาสาระแท้ของงานนั้น (essence art) ขาดส่วนหนึ่งส่วนใดไม่ได้ ถ้าขาดไม่ใช่ศิลป์

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า.143


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 13:48:29 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:41:36 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:47:38 )

ศิลป์หรือสุนทรียศิลป์

รายละเอียด

อย่างของคุณอู๊ดที่ทำมานี้เอาอะไรมาปะๆ อาตมาให้ชื่อว่าศิลเปรอะ ได้อัตตาไป ไม่รู้ว่าอะไรคือสารศิลป์หรือสุนทรียศิลป์ อาตมาเคยท้วงคนอยู่ตอนหนึ่ง เขาไปประกวดงานศิลปะแต่ละปีมาได้ชนะ มีอาจารย์คนหนึ่งตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็นอาจารย์ ได้รางวัลที่ 1 ได้เหรียญทอง ก็มีคนไปสัมภาษณ์ว่ารูปของท่านเป็นรูปเสื้อส้มอยู่ในไม้ธรรมดา คนสัมภาษณ์ก็บอกว่าเป็นศิลปะของอาจารย์ได้ที่ 1 เหรียญทอง มันมีความหมายว่าอย่างไรหรืออาจารย์ …เขาก็บอกว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาตมาก็ว่า เวรจริงๆ คนเขียนก็ไม่รู้ว่าเขียนอะไรออกมาสาระของมันคืออะไร อาตมาก็สมเพชเวทนา ทุกวันนี้เขาก็เป็นศาสตราจารย์เป็นศิลปินแห่งชาติ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 20:01:06 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:54:04 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:50:00 )

ศิวรักษ์ เป็นเจโตส่วนรามรักษ์เป็นปัญญา

รายละเอียด

ส.ศิวรักษ์ จะเข้าใจอย่างไร อาตมาจะเข้าใจยังไง มันก็เป็นจริงตามสัจจะที่แสดงออกตลอด ส.ศิวรักษ์ ก็ออกไปแสดงออกกับโลก อายุมากกว่าอาตมาประมาณ 2 ปี ก็ปรารถนาดีต่อสังคมเหมือนกันอาตมาก็ตาม ส.ศิวรักษ์ก็ตาม 

ส คือ ส.ศิวรักษ์ แต่อาตมา รัก รามรักษ์ ของอาจารย์ ส.ศิวรักษ์ นั้นลักษณะ ส่วนของอาตมานั้น รักษ์ (สุลักษณ์ ศิวรักษ์)

ศิวรักษ์นั้นเป็นเจโต ส่วนอาตมาเป็นปัญญา ของอาตมารักษ์ ราม คานธีก่อนตายก็อุทาน โอ้! ราม

ใครฟังแล้วจะเห็นว่าเป็นขี้เท่อก็ไม่เป็นไร ใครเห็นว่าอาตมาพูดเป็นปัญญาขยายปัญญาให้ฟังก็ดี จะเข้าใจว่าเป็นขี้เท่อมากขายขี้เท่อก็แล้วแต่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 20:45:53 )

ศิวิไล อาริยะ หรือ อารยะ หรือ อริยะ

รายละเอียด

แปลว่า เจริญ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 22:46:18 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:38 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:12:48 )

ศิษย์เก่าชาวอโศก

รายละเอียด

ศิษย์เก่าก็ถือว่าเป็นผู้ที่ได้มาจะเรียกว่าเป็นลูกหม้อก็ได้ เป็นศิษย์เก่าได้มาศึกษา ได้มาเล่าเรียน ได้มาคบคุ้น ทุกวันนี้ก็แก่ขึ้น 40 50 อายุก็ย่างเข้าไปแล้ว เขาก็ยังไม่เข้ามา มีการระดมให้มา มีการจัดงานมารวมกันก็ได้ประมาณหนึ่ง ก็รู้สึกดีกันนะ มารวมกันก็ดี แต่มันก็ยังไม่มา เพราะฉะนั้นก็ยังเห็นได้ว่าก็ยังไม่ชัด ถ้าชัดมันก็ต้องมาสิอย่างพวกคุณนี่ชัดแล้วก็ไม่คิดจะไปไหน ก็อยู่ไปอย่างนี้แหละ แล้วก็เพิ่มภูมิ แต่ละวันเรามีอะไร กายกรรม วจีกรรมดีกว่านี้ยังมีอีก หรือแม้แต่มโนกรรม มโนของเรามันก็ยังไม่เจริญกว่านี้ที่จะมีพลัง ผลักให้กายกรรม วจีกรรมเป็นผู้ที่เพิ่มพูนการเสียสละ ไม่ขี้เกียจ ไม่อยู่นิ่ง รู้พักรู้เพียร ถึงเวลาพักเราก็พัก ถึงเวลาเพียรเราก็เพียร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 17:28:03 )

ศิษย์เก่าที่เข้าไปช่วยกันเอาภาระกับน้องๆ เป็นตัวอย่างที่เยี่ยมยอดมากๆ

รายละเอียด

จริงๆนะถ้าศิษย์เก่าเข้าใจแล้วมาร่วมกันมากๆ มันก็จะพัฒนาความเป็นสังคมมนุษย์  พฤติกรรม วัฒนธรรม ความประพฤติที่เป็นบทบาทขององค์รวมของหมู่กลุ่มชาวอโศก มันจะเป็นปรากฏการณ์ออกไปสู่สังคมภายนอกเขาเห็นชัดเจนขึ้น 

เพราะว่าพวกเรายังมีคนน้อยมาร่วมทำงานกันก็มีพฤติกรรมก้อนเท่านี้ เท่าที่คนพวกเราที่มีภูมิธรรมแล้ว ศิษย์เก่าอย่างใครต่อใครแล้วมาร่วมกันผนึกเข้าไปอีกมันก็จะเพิ่มขึ้นอีก 

ความมีประสิทธิภาพของทั้งรูปทั้งนาม ทุกอย่างเราเรียกว่าเป็นพฤติการณ์ เป็นพฤติกรรม เป็นกิริยาของมนุษย์รวมกันออกมาเป็นสิ่งที่เกิดอยู่ในสังคมมนุษยชาติ มันเป็นลักษณะแบบนี้เรียกว่าโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ซึ่งมันเกิดแล้วมีโลกุตรธรรมแล้วในโลก 

อย่างพวกเราที่อยู่ในชุมชนแล้วก็ตั้งใจจะตายในชุมชนไม่ออกไปไหนแล้ว พวกเราแต่ละชุมชนของชาวอโศกมีอยู่กระจัดกระจายหลายสิบชุมชนในประเทศไทย แล้วมันก็เป็นหนึ่งเดียว มันก็จะเป็นการสร้างความเป็นโลกุตระ ซึ่งมีธรรมะแบบโลกุตตระ เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ 

ใครจะหาว่าอาตมาหลงใหลพระพุทธเจ้าก็ตามใจ อาตมาก็หลงใหลอย่างนี้ พฤติการณ์พฤติกรรมของมนุษย์แบบนี้แบบที่ชาวอโศกประพฤติแบบนี้ ที่พูดกันยังไม่จบไม่สิ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็จะพูดต่อๆขยายผลขยายความเข้าใจกันต่อไปอีกเรื่อยๆๆๆ เปิดเผยทำความเข้าใจให้ได้ง่ายขึ้น ให้ได้คนเข้าใจไม่ได้ ได้เข้าใจได้มากขึ้น จนศรัทธาเลื่อมใสแล้วก็มาปฏิบัติเป็นชาวโลกุตระ ไม่ต้องไปเรียกชาวอโศกก็ได้ ให้ได้โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าก็จะเจริญขึ้น ช่วยสังคมโลกไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 17 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 2 วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:19:30 )

ศิษย์เก่าอโศก

รายละเอียด

อาตมาทำงานเพื่อจะให้คนได้รับความรู้ได้รับธรรมะมาจริงๆ มาเรื่อยๆ เมื่อมาเป็นศิษย์ก็จะได้รับการเรียนรู้ได้มรรคได้ผลจริงไป ถ้าได้มรรคได้ผลมาดีๆ มันก็จะมารวมกันอยู่มันก็จะไม่แยกไปไหนหรอก น้ำก็ไหลไปหาน้ำ น้ำมันก็ไหลไปหาน้ำมัน  มันเป็นธรรมชาติของมันอยู่แล้ว 

เพราะฉะนั้นก็ถ้าเป็นจริง ศิษย์เก่าที่ได้มีคุณธรรม มีสภาพจิตใจที่เจริญถึงขั้นที่จะต้องมา จะให้คิดอย่างไรก็มาสิ อาตมาก็ประกาศอยู่ตลอด บ้านราชจะมีพลเมือง มีประชากรกันไปถึง 777 คน นี่ก็พูดนานแล้วยังไม่ถึง ป่านนี้ก็ยังไม่ถึง 777 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 17:20:02 )

ศีล

รายละเอียด

การปฏิบัติดีแล้ว จะเป็นสมาธิ เป็นปัญญา เป็นวิมุติ เป็นอรหันต์

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.107


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 15:14:23 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:40 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:12:40 )

ศีล

รายละเอียด

ศีล มีจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล จุลศีล คือ ศีลที่ปฏิบัติแต่ละข้อมี 26 ข้อ ปฏิบัติไปแต่ละข้อๆ คุณอาจไม่ถึง 26 ข้อหรอก ปฏิบัติจุลศีลแล้วก็เจริญขึ้นเป็น มัชฌิมศีล ขยายละเอียดลงไปอีก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 10:24:26 )

ศีล

รายละเอียด

เป็นข้อปฏิบัติ มีข้อห้ามเหมือนกันว่าไม่ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เป็นข้อปฏิบัติที่ไม่มีการลงโทษไม่มีอาบัติอะไร ใครปฏิบัติก็ได้ส่วนตัว

คือ  ต้องมีศีลอย่างลึกซึ้ง ผู้สอนต้องมีศีลด้วย  ศีลข้อที่ 1  พระสมณโคดม  ละการฆ่าสัตว์เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์  วางทัณฑะ  วางศาสตรา  มีความละอาย  มีความเอ็นดู  มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่  แม้จะไม่ฆ่าเอง  วางอำนาจให้คนอื่นฆ่าใช้ความรู้นี้ฆ่าเขา ไม่ได้ฆ่าคนแต่ฆ่ากิเลส  ฆ่ากิเลสด้วยความรู้  ฆ่าแต่สิ่งไม่ประเสริฐ  คำหิริ  โอตตัปปะ  ในสัทธรรม 7  ศาสนาพุทธสอนให้มีจิตละอายต่อความไม่ดี  เป็นเทวธรรม  จิตชั้นสูง  สัมผัสแล้วเราไม่ทำ จะทำด้วยกายก็อาย จะทำด้วยวาจาก็ไม่ทำอาย  จะทำด้วยใจก็อาย  ยิ่งโอตตัปปะจะกลัวเลย  มีดีกรีสูงขึ้นไปอีก  เรื่องสัตว์ทั้งหลาย  นอกจากการละการฆ่า ละอายแล้ว  มีความเอ็นดู

1. ปรกติ 

2. หลักเกณฑ์แบบวิธี หรือจารีตที่กลั่นกรองเอากิเลสตัณหาออกทิ้งนั่นเอง 

3. การตั้งกฏ ลดละ เพิกหยุดในสิ่งนั้น เรื่องนั้นให้แก่ตน

4. ปกติจริงๆ 

5. หลักเกณฑ์นั้นๆ 

6. หลักการ คือความหมายจำกัดไว้แค่นั้นๆ ก็เรียกว่าขนาดของศีลเท่านั้นๆ 

 7. ข้อกำหนดที่ใช้ประพฤติ

คำอธิบาย

ศีล  คือ สมาธิ ปัญญา  วิมุติ  ศีลไม่ใช่ตื้นๆ แค่ไม่ฆ่าสัตว์เท่านั้น  เช่น ศีลข้อที่1 เป็นผู้ไม่ฆ่าสัตว์  ต้องรู้ว่า  สัตว์เป็นจิตนิยาม มีชีวิต  เราจะไปเกี่ยวข้องกับสัตว์เดรัจฉานต่างๆ ไม่ใช่น้อยที่มีมาเก่าบุพกรรม  ยังเกี่ยวอีกเยอะหากเราไม่รู้ทัน จะพัวพันกับสัตว์เดรัจฉาน ไปอีกมากนาน เกิดแล้วเกิดอีกในวัฏจักรชีวิตอีกมากมาย  การไม่เกี่ยวข้องกับสัตว์เดรัจฉานใดๆ  แม้แต่เราจะเลี้ยงจะกินไม่เกี่ยวทั้งนั้น  สัตว์มันก็อยู่ของมันไป  ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ละเอียดที่สุด สุขุม  ปราณีต  ที่สุดเรื่องไม่กินเนื้อสัตว์  พูดไปมากแล้ว  กรรมใครกรรมมัน  ไม่เชื่อก็เรื่องของเขา ใครเชื่อก็ปลงภาระดำเนินชีวิตโดยไม่มีสิ่งนั้น

รายการวิถีอารยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 22กันยายน 2562

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 104, หน้า 145, ทางเอก ภาค 2 หน้า 308, ทางเอก ภาค 3 หน้า 408, หน้า 449, สมาธิพุทธ หน้า 492,

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 62


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:35:46 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:06 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:08:19 )

ศีล

รายละเอียด

ข้อปฏิบัติ งดเว้น มี ศีล 5, 8, 10 จุลศีล 26 ข้อ มัชฌิมศีล 10 ข้อ มหาศีล 7ข้อ และศีลในหนึ่งพฤติกรรม

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4”  “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.70


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 12:11:33 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:05 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:03:07 )

ศีล

รายละเอียด

ศีลมีสองสภาพ ทานมีสภาพเดียวได้ ทานมี 0 เลยได้แต่ศีลมี 2 สภาพเสมอ ต้องมี หนึ่งหลักเกณฑ์กับการปฏิบัติ หรือมีบัญญัติกับสภาวธรรม ต้องมีศีลกับบุคคล บุคคลต้องเป็นเวไนยสัตว์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:35:30 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:56 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:00:40 )

ศีล 10 ไม่ใช้เงินใช้ทอง

รายละเอียด

ไม่พูดมากหรอกเรื่องของเงินทองที่ใช้กัน คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องลึกซึ้งละเอียดอะไรเกินไปที่จะไม่รู้กันได้ แล้วคนไม่ใช้เงินใช้ทองนี้ เราชาวอโศกเป็นฆราวาสด้วยซ้ำ ฆราวาสชาวอโศกไม่ใช้เงินใช้ทอง คือหมายความว่ามีศีล 10 สบายเป็นฐานของสามเณร ไม่ใช้เงินไม่ใช้ทอง ฆราวาสพวกเราก็สามารถไม่ใช้ คำว่าไม่ใช้เงินไม่ใช้ทองหมายความว่า ไม่มีเงินเป็นของส่วนตัวในตัวเองสะสมเงินทองเป็นของตัวเอง ไม่มี ถ้าถึงขั้นไม่มี นี่ก็คือ เป็นฆราวาสบางทีก็มี บางทีก็ผ่านมือ และก็จะต้องใช้ในกิจการงานต่างๆ เสร็จแล้วก็จะไม่มีก็เอาไปคืนกับกองกลาง เหลือก็เอาไปคืนกับกองกลาง ได้มาก็เอาไปใส่กองกลางอย่างพวกเราเป็นสาธารณโภคี เราถือศีล 10 เป็นสาธารณโภคีไม่มีเงินไม่รับเงินทองไว้เป็นของตน ใช้ ก็ใช้ตามปกติของคนที่เป็นฆราวาสใช้เงินได้ เอาเงินไปซื้อไปขายไปทำการแลกเปลี่ยนในสังคมก็ต้องใช้เงินเป็นตั๋วแลกเงิน ก็ใช้เป็นปกติไม่ได้หลงยิ่งใหญ่อะไร มันก็มีค่า สำคัญ คนที่ติดยึดก็หลงในค่าของมันมากมาย เราก็ใช้มันไปตามหน้าที่ของเงิน ราคา 10 บาทก็ใช้ตามหน้าที่ 10 ราคา 50 ก็ใช้ตาม 50 เป็นหลักร้อยหลักพันก็ใช้ไปตามหน้าที่ตามอัตราของมัน แล้วมันเหลือใช้ก็เอาไปคืน ตัวเองก็สบายมีกินมีใช้ต้องการจะใช้อันนั้นอันนี้ก็ไปเบิกออกมาทำงาน ใช้งาน ซึ่งเป็นสังคมที่ศึกษาตามความจริงได้อย่างชัดเจน สรุปแล้วเป็นนักบวชเป็นภิกษุเป็นสมณะเป็นฐานสูง แค่ฐานการใช้เงินแค่นี้ เราอธิบายแล้ว แค่ฆราวาสเรายังได้เลย สามเณรเราก็ได้ ไม่ต้องสะสมเงินทองไม่ต้องซื้อขาย สิกขมาตุศีล10 ก็ไม่ต้องไปซื้อขาย อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 15:59:33 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:32 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:57:39 )

ศีล 3 ข้อ ครอบคลุมหมดแล้ว

รายละเอียด

เริ่มต้นตั้งแต่ ศีล ศีลคือหลักปฏิบัติ ตั้งแต่ 1 ข้อ 2 ข้อ 5 ข้อ เป็นพื้นฐาน รู้กันอยู่แล้วว่าศีล 5 เป็นพื้นฐาน จริงๆแล้วศีล 5 เป็นพื้นฐาน ก็ครอบคลุมหมดแล้ว ศีลจริงๆนั้น 3 ข้อ คือข้อ 1 2 3 ครอบคลุมหมดแล้ว ต่อจากนั้นก็เป็นวาจา ต่อจากนั้นก็เป็นจิต ข้อที่ 5 ก็เป็นจิตข้อที่ 4 ก็เป็นสัมมาวาจา ขยายผลออกไปจาก 3 ข้อนั่นแหละ ถ้าเข้าใจแก่นแท้ 3 ข้อนี้ 

1. เรื่องเกี่ยวข้องกับสัตว์ 

2. เกี่ยวข้องกับทุกสิ่งทุกอย่างวัตถุอื่นทั้งหลาย ทุกอย่างนอกจากความเป็นสัตว์ 

3. เป็นเรื่องขององค์รวม รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่เป็นกาม กามคุณ 5 ภายนอก 

ส่วนภายในนั้นค่อยๆลึกเข้าไปตามศีลข้อที่ 5 ลึกเข้าไปเป็นขั้นๆ จากสุรา เมรยะ มัชชะ ติดยึดเมามาย หยาบก็สุราต่อไปพ้นเมรยะ พ้นมัชชะ เป็นต้น

เพราะฉะนั้น ผู้ที่เข้าใจทฤษฎีของพระพุทธเจ้าในเรื่องของศีลและทำให้จิตเจริญเรียกว่าอธิจิต หรือจิตสมบูรณ์ จิตละกิเลสเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ตกผลึกลงไป เป็นอาเนญชา ตั้งมั่น แข็งแรงเป็น สมาหิโต ซึ่งไม่เหมือนที่เขาอธิบายกันถึงเรื่องสมาธิ มันเป็นเรื่องนอกรีต ของพระพุทธเจ้านั้นทุกวันนี้ก็ยังเข้าใจสมาธิของพระพุทธเจ้าไม่ได้ แม้แต่การปฏิบัติศีลเพื่อให้เกิดอธิจิต เพื่อให้เกิดอธิปัญญา เขาก็ไม่เข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 7 พ่อครูพบ ดร.นพ.มโน เลาหวณิช เรื่อง บาปของทุนนิยม วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565 แรม 11 ค่ำเดือน อ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2565 ( 19:05:18 )

ศีล 3 ข้อแรกปฏิบัติให้ถูกเป็นโลกุตระครบแล้ว

รายละเอียด

3 ข้อใหญ่ของศีลนี้แหละปฏิบัติให้ถูกเป็นโลกุตระ มันครบแล้ว อย่างลืมตาปฏิบัติ อาตมาพูดมาจะ 50 ปีแล้ว ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

ท่านคึกฤทธิ์ก็ยึดถือศรัทธาปิฎก แต่การปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ต้องลืมตาปฏิบัติอย่างมีโพธิปักขิยธรรม 37 จนสามารถจับตัวเป็นธรรมะ 2 พิจารณาจัดการกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมให้กิเลสลดลงไป ไม่ใช่ไปทำมั่ว แต่ให้ทำทีละคู่ ปฏิบัติลืมตา ตั้งแต่ข้าวของทรัพย์สินเงินทองสัมผัสกับสัตว์สัมผัสกับคน

สัมผัสกับวัตถุหรือสัมผัสกับพืช จะเกิดกิเลสเอาเปรียบเอารัดอยากได้ ก็ลดกิเลสไป และสัมผัสในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็ไม่เกิดสุขกับทุกข์ ส่วนศีลข้อ 4 ข้อ 5 ยืนยันในศีลข้อที่ 1 2 3 จะปฏิบัติกายกับวาจาได้จะต้องมีใจปฏิบัติด้วย คนปฏิบัติแบบศาสนาพุทธลืมตาปฏิบัติ ใจก็ต้องลืม ให้พ้นจากความเมาหลง สุราเมระยะมัชชะ เมาอย่างหยาบกลางละเอียด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(สมาธิพุทธ) ตอน นั่งเพ่งลมหายใจไม่ใช่ของศาสนาพุทธ


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 19:45:57 )

ศีล 5 ข้อเข้าใจง่าย

รายละเอียด

ศีล 5  ข้อเข้าใจง่าย  คือ 

    ศีลข้อ 1  เกี่ยวกับสัตว์  เรียนรู้การติดข้องกับสัตว์  เรื่องสัตว์เดรัจฉาน อย่าไปเกี่ยวข้องกับมัน  ปล่อยเขาไปตามวิบาก  คนนี่ก็เป็นสัตว์แต่เป็นสัตว์ประเสริฐ  แต่เราไม่ต้องข้องกับมันเลย  แต่อยู่ร่วมกันได้อย่างเมตตาสัตว์ก็ตาม  คนนี่แหละให้เรียนรู้  ดูด  ผลัก  ให้ชัด

    ศีลข้อ 2  เกี่ยวกับวัตถุ  พืช  มี 2  อย่างเท่านี้

    ศีลข้อ 3 เกี่ยวกับ รูป  รส  กลิ่น  เสียง  สัมผัส

    ศีลข้อ 4 เกี่ยวกับ  วจีกรรม

    ศีลข้อ 5 เกี่ยวกับ มโนกรรม

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 07:33:35 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:11 )

ศีล 5 ข้อ 1.1 วางทัณฑะ วางสาตรา

รายละเอียด

พระสมณโคดม ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางสาตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณาหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่

ทัณฑะศาสตรา เครื่องทำร้าย จะไม่สร้างเลย ประเทศที่มีศีล สังคมที่มีศีลข้อ 1 จะไม่สร้างอาวุธ เราไปชุมนุมประท้วง ดันมีคนอยู่ในกลุ่มพวกเรา ไปซ้อนทำระเบิด เราจับได้เราก็จัดการอย่างสำคัญ เราจะไม่สร้าง นอกจากไม่สร้างแล้ว มีความละอายที่จะทำร้ายสัตว์ ทำร้ายคนอื่น อย่าว่าจะทำลายเลย จะเบียดเบียนเราก็ละอาย มีความเอ็นดูด้วย แม้แต่สัตว์นั้นจะมีเขี้ยวมีงามีเล็บมีพิษในตัว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน การปฏิบัติอย่างมีลำดับของศีล 5


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:42:16 )

ศีล 5 ข้อ 1.2 มีความกรุณา

รายละเอียด

มีความกรุณา ถ้าช่วยได้ ที่ควรจะช่วยก็ช่วย แต่ถ้าไม่ควรจะช่วยก็ไม่ต้องช่วย เช่น อาตมาเคยยกตัวอย่าง เห็นงูมันกินเขียด ก็ไปช่วยเขียดมันออกจากปากงูมันไม่ใช่เรื่อง งูจะให้มากินผักคะน้าได้อย่างไร มันไม่กินพืชผักมันก็ต้องกินสัตว์ มันเป็นเขียดเป็นหนูมันก็ต้องกิน เราก็ต้องรู้ความเหมาะควร มีความเอ็นดูมีความกรุณา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน การปฏิบัติอย่างมีลำดับของศีล 5


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:43:53 )

ศีล 5 ข้อ 1.2 หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่

รายละเอียด

ข้อสุดท้ายนี้ยิ่งใหญ่มาก หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ สัตว์แต่ละตัว ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว จะเห็นประโยชน์ของมันว่ามันจะมีประโยชน์ขึ้นมาได้เท่าไหร่ ก็จะช่วย เช่น ช่วยให้สัตว์เซลล์เดียวเป็นอรหันต์มันจะเป็นไปได้ก็ช่วยเหลือ แต่มันจะเป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นอย่างน้อยก็ช่วยให้มันมีชีวิตต่อไป อย่าไปเบียดเบียนทำร้ายอะไรมัน แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ที่จะไปทำร้ายสัตว์อื่นก็เป็นวิบากของมันเอง มันก็ต้องรับวิบากของมันเอง เราไม่รู้ ว่าเซลล์นี้หรือสัตว์ตัวนี้มันจะมีวิบากดีหรือว่าไม่ดี เราไปยุ่งเกี่ยวกับมัน เราไปแทรกแซงไม่ได้ คนแต่ละคนมีวิบากของตัวเองไม่ใช่น้อยอยู่แล้ว แถมและเสริมกันอีกมันไม่ควร พระพุทธเจ้าให้ทำสัจจะที่ปลอดภัยมาก นอกจากจะไม่แล้วยังช่วยกันให้เจริญได้อีก แต่อย่าไปช่วยเขาให้ลงนรกให้เขาจมในทางที่ผิด ก็อย่าไปทำ มันไม่สมควร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน การปฏิบัติอย่างมีลำดับของศีล 5


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:45:45 )

ศีล 5 ข้อ 1.4 การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าไให้ลืมตาเกี่ยวข้องสัมผัสสัมพันธ์กับอะไรๆ ขณะเรามีชีวิตอยู่

รายละเอียด

ในธรรมะของพระพุทธเจ้านี้จึงละเอียดรอบถ้วนหมด ยกตัวอย่างข้อที่ 1 เมื่อเราอยู่ในโลกก็จะมีการสัมผัสสัมพันธ์ การปฏิบัติของพระพุทธเจ้าไม่ให้ไปนั่งหลับตาแล้วสร้างจิตที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ จะต้องลืมตาแล้วเกี่ยวข้องกับสัตว์เกี่ยวข้องกับของ เกี่ยวข้องกับการสัมผัสทวารภายนอก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ต้องมี 5 ทวารนี้ เป็น ปสาทรูป ก็พร้อมที่จะทำงาน โคจรรูป 5 พร้อมที่จะทำงานสัมผัสสัมพันธ์กับอะไรที่เราจะมีชีวิตอยู่จริง ไม่ใช่ไปนั่งหลับตากลายเป็นคนไม่เต็ม ไปนั่งหลับตาก็เหมือนกับคนตาบอด แต่นั่งหลับตานั้นไม่ใช่ตาบอด อย่างเดียว ตาก็ไม่รับรู้หูก็ไม่รับรู้ เช่น ไม่ได้ยินไม่ได้รู้ไม่ได้รับรสไม่รู้สึกทางกาย แล้วบอกว่านั่นคือการทำจิตให้ยิ่ง อธิจิต หรือว่าเป็นสมาธิ มันจะเป็นการปฏิบัติที่หลงทางอย่างสนิท ตรงกันข้ามตีลังกากลับ ไม่ใช่การปฏิบัติสัมมาสมาธิที่เป็นสมาธิของพระอาริยะ อริโยสัมมาสมาธิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน การปฏิบัติอย่างมีลำดับของศีล 5


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:51:36 )

ศีล 5 ข้อที่ 1.5 ปฏิบัติสัมมาสมาธิ

รายละเอียด

ซึ่งมีการลืมตาปฏิบัติประกอบด้วยมรรคทั้ง 7 องค์ มีสัมมาทิฏฐิเป็นประธานต้องฟังให้เข้าใจ เป็นทิฏฐิเป็นความรู้ความเข้าใจแล้วก็ไปมีสติมีความพยายามสัมมาสติ สัมมาวายามะช่วยกันกับสัมมาทิฏฐิ เป็นพลังงานช่วยกัน เพื่อทำให้เกิดผลสัมมาสมาธิด้วย ขณะที่มีทำงานอาชีพ จะเป็นการปลูกผัก จะทำงานสื่อสาร ทำงานอะไรก็แล้วแต่ทำงานการเมืองทำงานทุกอย่างที่เป็นสัมมาอาชีพ ก็จะต้องมีสติมีความพยายาม อ่านกิเลสจากอาชีวะ การงานเลี้ยงชีพนั้น อ่านไปในการสัมผัส จะต้องใช้จิตนี้ไปทำงานตรวจสอบ ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ เมื่อจิตสัมผัสแล้วแยกแยะ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยะสัมโพชฌงค์จะทำงานไปด้วย มีสติแล้วต้องมีธรรมวิจัยประกอบพร้อมอยู่ ธรรมวิจัยทำงานร่วมไป วิจัยออก วิจัยอะไร วิจัยเอากิเลสออกไปจากจิต ที่มันเกิดๆๆอยู่ แล้วแยกกิเลสออกมา ทำลายกำจัดๆๆ ของพระพุทธเจ้ารู้หน้าตากิเลสให้รู้ นี้ตัวปลอม เหมือนกับตำรวจรู้ว่าตัวโจรอยู่ไหน จับโจรได้ก็จัดการ ตามกระบิลเมืองตามกฎหมาย

โจรร้ายถึงขั้นให้เอาเข้าคุกหรือว่าลงทัณฑ์ตามกฎเกณฑ์ของสังคม ก็ต้องจัดการ ไม่ทำอย่างเหลาะแหละ สีลัพพตปรามาส จับโจรได้ก็มาลูบหัวกับโจรเล่นกับโจร ไม่จัดการลงโทษมัน เรียกว่า สีลัพพตปรามาส ไม่ได้ ต้องจัดการกับมันให้ทันที

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน การปฏิบัติอย่างมีลำดับของศีล 5


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:56:25 )

ศีล 5 ข้อที่ 2 เกี่ยวกับวัตถุสิ่งของและพืช

รายละเอียด

การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าแม้แต่ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ ข้อที่ 2 เกี่ยวกับข้าวของ ของจะเป็นของอะไรก็แล้วแต่ พ้นไปจากร่างกายของเรา แม้แต่ร่างกายของเราท่านก็ให้เรียนรู้ว่ามันไม่ใช่ของเรา ของที่นอกตัวเรานอกร่างกายเรา ไม่ใช่สิทธิ์ของเราไม่ใช่ของของเราก็อย่าไปแค่ วิสาสะ ต้องระมัดระวัง ยิ่งไปฉวยมาเป็นของเราเลย ยิ่งไปปล้นจี้ใช้อำนาจไปเอาของเขามา ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา มันเลวร้ายที่สุด นี่เป็นคุณธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอน แค่ของกับสัตว์เราก็ปฏิบัติให้ได้ดี ทำได้เราก็ไม่เป็นพิษเป็นภัยไม่เป็นโทษภัยกับใคร เป็นประโยชน์คุณค่าต่อผู้อื่น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน การปฏิบัติอย่างมีลำดับของศีล 5


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:58:31 )

ศีล 5 ข้อที่ 3 เกี่ยวกามคุณ 5

รายละเอียด

ส่วนข้อที่ 3 คือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่เป็นพิษภัยต่อตนเอง ตนเองโง่ หลงรูปอย่างนี้ เราชอบรูปอย่างนี้ไม่ชอบรูปแบบนี้ก็ทำร้าย เสียงอย่างนี้ชอบ เสียงอย่างนี้ไม่ชอบถึงขั้นทำร้าย กลิ่น รส ก็เหมือนกันทั้งนั้น ไม่ชอบก็ทําร้าย อย่างนี้ต้องศึกษา มันเป็นภัยต่อตนเอง และมีการเกี่ยวข้อง พันธกิจ เกี่ยวข้องกับผู้อื่นไปทำร้ายผู้อื่นต่อ ถ้ามีแต่เฉพาะรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสตัวเอง ไม่ไปถึงขั้นศีลข้อที่ 1 ข้อ 2 ก็เป็นภัยแก่ตัวเองอย่างเดียว

เพราะฉะนั้นศีลข้อที่ 3 กามคุณ 5 เราติด เราหลงผิดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แล้วเราก็ไม่เรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเรื่องลึกซึ้ง มีศาสนาพุทธนี่แหละสมบูรณ์แบบที่สุด เรียนรู้อาการของความรู้สึกที่เรียกว่าเวทนา แล้วมันรู้สึก เวทนานี้เป็นกรรมฐานหลักของศาสนาพุทธ ถ้ารสชาติสามัญเป็นรสแท้ สัมผัสต่างๆมันเป็นรูปอย่างไรก็รู้อย่างนั้น มันไม่มีความชอบความชัง ไม่มีดีไม่มีชั่วอะไร มันก็อยู่ของมัน แต่ถ้ามันไปเกี่ยวข้องกับอะไรแล้วมันจะเป็นพิษเป็นภัยกับอะไรได้ ก็ขยายความไป รู้แล้วก็ช่วยจัดการ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน การปฏิบัติอย่างมีลำดับของศีล 5


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:00:32 )

ศีล 5 ธรรมนูญของประเทศไทย

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมนูญ คือ จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ซึ่งเขาเข้าใจไม่ได้ หากเข้าใจเอาไปออกกฎหมาย เอาศีล 5 เป็นธรรมนูญของประเทศไทย จบ แล้วออกกฎหมายลูกจากธรรมนูญ 5 ข้อนี้ นักนิติศาสตร์ฟังไว้ ไม่ต้องลำบากเลย อินเดียมีธรรมนูญ.ฉบับเดียว เขาเป็นพวกศรัทธา สงบ ไม่ต้องไปแก้ไขเลย ใช้มาถึงทุกวันนี้บริหารจริงเอาสภาวะเข้าว่า หลักเกณฑ์เดียวเอาศีล 5 แล้วมาขยายกฎหมายลูกให้เข้ากับสังคมองค์ประกอบปัจจุบัน เอาทำกฎหมายลูกเปลี่ยนไปตามยุคกาลเหตุปัจจัยก็ง่าย แต่ทุกวันนี้ออกกฎหมายสภาไม่ได้เรื่อง เถียงกันเลอะ ค้านกันไป ไม่เข้าท่า จนทุกวันนี้งบประมาณไม่ออก แต่เขาก็ใช้กันแล้ว มันเสียเศรษฐกิจ เอาไปเอามาต้องไปกู้ต่างชาติมาอีก กู้เสียดอกเบี้ยอีก จะโง่ไปถึงไหน คนโง่ทำอะไรน่าเกลียด โง่ไม่เสร็จ แต่มันห้ามไม่ได้ เขาก็แสดงออกจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:59:22 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:28 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:55:43 )

ศีล 5 เป็นจุดเริ่มต้นพ้นทุกข์ของมนุษยชาติ 

รายละเอียด

ศีล 5 เป็นจุดเริ่มต้นพ้นทุกข์ของมนุษยชาติ คนนี้เริ่มต้นเข้าใจแล้วเพราะศีล 5 เป็นศีลเริ่มต้นของมนุษยชาติโดยเฉพาะศีล 3 ข้อแรก ข้อ 4 เป็นเรื่องวาจา ข้อ 5 เป็นเรื่องของจิต เพราะฉะนั้น 3 ข้อแรกนี่แหละคือต้นตอของสิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ศีล แล้วคุณก็ปฏิบัติให้ได้ไปตามลำดับคุณจะเจริญไปตามลำดับเริ่มต้นตั้งแต่แรกไม่ฆ่าสัตว์ มันฟังดูเล็กน้อยนะ เพราะฉะนั้นคนที่อวิชชาจะประมาทไม่เชื่อกรรมไม่เชื่อวิบาก เพราะคุณฆ่าสัตว์ สัตว์ก็จะฆ่าคุณ วนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร มันไม่มีจบหรอก ไปฆ่าคน คนยิ่งจองเวรหนักกว่าสัตว์แล้ว มันฆ่ากันอยู่ตลอดโลกแตก เทวนิยมนี้เขาไม่ใช่ศาสนาพุทธ ไม่รู้จักศาสนาโลกุตระ เขามีแต่โลกียะ จึงยาก เขาจะฆ่าแกงกันอยู่ไปอีก พูดกันไม่รู้เรื่องหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กันยายน 2565 ( 16:45:31 )

ศีล 5 เป็นศีลที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์

รายละเอียด

หลักธรรมของพระพุทธเจ้า ศีล 5 เป็นศีลที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ คนที่มีคุณธรรมศีล 5 จริงจิตเจริญ เอาศีลมาอธิบาย อาตมาอธิบายธรรมะชั้นสูงนะ เอาศีลมาอธิบายก่อน ในศีลนี่แหละเป็นอภิธรรมที่ลึกซึ้ง จะขออธิบายดังต่อไปนี้  

ศีลข้อที่ 1 ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะวางศาตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ อธิบายแค่นี้แหละ เดี๋ยวจะขยายความ

 1. ละการฆ่าสัตว์ คุณยังฆ่าสัตว์อยู่ คุณยังเป็นผี ยังเป็นสัตว์ชั้นต่ำ คนที่ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เอาสัตว์มาค้ามาขายมาเลี้ยงเอ็นดู เอามารักมาชังก็เป็นกรรมวิบากอยุ่แล้ว สัตว์เขาก็อยู่ไปตามประสาเขา ตามวิบากของเขา เรามีวิบากมาเยอะไม่ว่ากับสัตว์หรือกับคน แม้แต่สัตว์เดรัจฉานต่างๆ คุณก็กินเขามาหนัก ฆ่าเขามาหนัก เลิกซะบ้างเถอะชาตินี้ ฟังอาตมาหน่อย เลิกเสียได้ คุณจะได้ตัดบ่วงกรรม ตัดกรรมบ้าง ไม่กินเนื้อสัตว์ เทวนิยมเขาไม่รู้เรื่องของกรรมวิบาก การไม่กินเนื้อสัตว์ เขาก็นึกแค่เป็นการกินเพื่อสุขภาพหรือเพื่อแฟชั่น เขาไม่เข้าใจเรื่องกรรมวิบากที่ซับซ้อนลึกซึ้งมากที่สุดเลย 

อาตมาขอซ้ำ เคยพูดอธิบายหลายทีแล้วในชีวกสูตร ซึ่งเป็นบาป 5 ประการ บาป 5 ประการนี้ที่เกี่ยวกับสัตว์ 

1. ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตุง (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)  

2. สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา  ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส  

3. ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า  “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”  

4. สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส  

5. ผู้นั้นย่อมยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีด้วยเนื้อเป็นอกัปปิยะ ชื่อว่าย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก  (ตถาคตํ   วา   ตถาคตสาวกํ  วา  อกปฺปิเยน  อสฺสาเทติ อิมินา   ปญฺจเมน   ฐาเนน  พหุง   อปุญฺญํ   ปสวตีติ)     

ชีวกสูตร  ล.13   ข.60 

เริ่มต้นตั้งแต่ที่ สัญจิจจะ ปานังชีวิตา โวโรเปตุง  สัญจิจจะหมายความว่า จิตมีสัญญา สัญญาที่มีทิศทางจะไปแล้ว ไปเกี่ยวกับปาณาชีวิตัง ไปเกี่ยวกับชีวิตจิตวิญญาณของสัตว์ โวโรเปตุง ไปในทางมุ่งร้าย ถึงขั้นจะไปฆ่า เริ่มต้นมุ่งร้ายแล้ว

ผู้ที่ สัญญาของคุณเริ่มต้นมีทิศทาง ในชีวกสูตร

ข้อที่ 1 เป็นบาปเป็นอันมาก  ผู้กล่าวชื่อสัตว์แล้วมี สัญจิจจะ ปานังชีวิตา โวโรเปตุง ท่านเพี้ยนไปแปลว่าจิตที่เจาะจงบุคคล จริงๆแล้ว ปานังชีวิตาไม่ใช่หมายความตื้นๆแค่เจาะจงบุคคล แต่เจาะจงต่อชีวิตไปมุ่งร้ายต่อปานะ จิตวิญญาณของชีวิต จิตวิญญาณ จิตมีทิศทาง

กล่าวชื่อสัตว์โดยมีจิตตัวนี้เป็นจิตเริ่มต้น บาปเป็นอันมากข้อที่ 1 แล้ว ฟังให้ดีมันละเอียดมากนะที่พูดนี้ สัญจิจจะ กล่าวชื่อสัตว์เท่านั้นบาปแล้ว แล้วสัญจิจจะ คุณมีจิตมุ่ง คุณมีจิตเจาะจง คุณมีจิตมีทิศทางไปอะไร 

 2. ไปจับมันมา แค่กล่าวชื่อนั้นบาปแล้วที่มีสัญจิจจะ ปานังชีวิตา โวโรเปตุง  นี่แหละจิตมุ่ง จิตเฉพาะเรื่องนี้ เรื่องเลวร้ายนี้ ไปแปลเบี้ยวบาลีว่า เฉพาะบุคคล เพราะฉะนั้นท่านให้ละเว้นถ้าเผื่อว่าบริสุทธิ์โดยส่วน 3 คือ 1.สัตว์เดี๋ยวฆ่ามาก็เห็นอยู่หลัดๆก็ยังกินไม่ได้   2.ได้ข่าวว่าสัตว์นี้มันตายเพราะคนฆ่ามาขายฆ่ามาให้ กินไม่ได้ ได้ข่าวสัตว์ที่มีคนฆ่า เฉพาะบุคคลฆ่ามัน คือมันปนเปกันได้ข่าวว่างั้น 3.สงสัยสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ที่มันเป็นเนื้อบังสกุล เป็นเนื้อเดนสัตว์กินหรือเปล่า หรือว่าเป็นอุทิสสมังสะ ก็คือ สัตว์มีสัญจิจจะ มีจิตมุ่งที่จะทำร้ายปานะ ชีวิต โวโรเปตุงคือ ไปทำร้าย คราวนี้ตายด้วยมีจิตมุ่งอย่างนี้หรือป่าว ข้อ 1 กล่าวชื่อสัตว์เท่านั้น ข้อ 2 ไปจับมันมา 

ข้อที่ 3 บอกให้ฆ่า สั่งฆ่า บาปมาเป็นลำดับมากขึ้นๆ 

ข้อที่ 4 ฆ่าสัตว์ให้ตาย บาป บาปหนัก บาปซ้ำ บาปซ้อน บาปเป็นอันมาก เป็นลำดับๆ 

ข้อที่ 5 เอาไปทำอาหารถวายภิกษุสาวกพระพุทธเจ้ากับพระพุทธเจ้าก็ห้าม แล้วมันจะบาปไม่รับประทานหัวยังไง เห็นไหมว่าบาปเอาเนื้อสัตว์มาถวายพระภิกษุ ถวายพระพุทธเจ้า บาปหนักมาก ไม่ใช่อาตมาพูดเอง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน แต่คนเข้าใจไม่ถึงธรรม

ถ้าใครเข้าใจอย่างนี้ ใครจะไปฉันเนื้อสัตว์ ใครจะไปกินเนื้อสัตว์ มันเป็นวิบากกันและกัน เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่รู้มันก็ยังโง่ ยังเป็นผี เป็นสัตว์นรก มันก็ยังบาป ยังตกนรกเพราะแม้แต่กิน แล้วไปแก้ตัวว่าพระพุทธเจ้าสอนว่ากิน สักแต่ว่าอาหาร ไม่ได้กินเนื้อสัตว์ทั้งๆที่เอาชิ้นเนื้อกินใส่ปาก มันเป็นการเลี่ยงบาลี ท่านไม่ได้แปลว่าสักแต่ว่ากินอาหารเพื่ออย่างนั้น ท่านไม่ให้กินเพื่อไปติดรส ไม่ให้กินเพื่อมัวเมา แล้วไปบอกว่ากินเนื้อสัตว์นี่ไม่ติดรส ไม่มัวเมา ขี้หมาแหนะ มันคนละระดับที่พิจารณาที่บอกประเด็นว่า

แม้คุณไม่กินเนื้อสัตว์ กินมังสวิรัติ แต่คุณยังกินมัวเมา ยังติดรสอยู่ให้คุณปัจจเวกขณ์ ไม่ให้กินมัวเมา กินเพื่อเชิดชูหลงอะไร แล้วยังมาตีขลุมมาแปลว่า กินเนื้อสัตว์ไปเถอะ แล้วเอามาแก้ มันคนละขั้นตอนกันเลย มันคนละระดับกันเลย จิตยังหยาบแล้วมาตีความพวกนี้ แล้วให้ตัวเองทำหยาบๆบาปๆอยู่ แล้วก็อ้างอิงไปใหญ่ ว่าสมัยพระพุทธเจ้า พระเทวทัตยังขอให้ฉันมังสวิรัติ พระพุทธเจ้าไม่ตั้ง  หาว่าพระพุทธเจ้ายังฉันเนื้อสัตว์

ถ้าพระพุทธเจ้ายังฉันเนื้อสัตว์อยู่แล้ว เทวทัตจะกล้าออกกฎมาให้สาวกเลิกฉันเนื้อสัตว์ได้อย่างไร แค่นี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว

พระพุทธเจ้าก็ไม่ออกเพราะท่านเจาะช่องให้ ไม่เช่นนั้นจะบีบคั้นเกินไป

ท่านบอกว่าผีเข้าอย่างนั้นผีเข้า ก็คือจิตวิญญาณต่ำ เป็นผีห่าซาตาน ผีดุ มันจะเอาตาย มันจะกินเนื้อสัตว์จะไปแย่งออกจากปากมันได้ยังไง

มนุษย์มันเป็นอย่างนั้นเหมือนพวกติดยา ไปแย่งมัน มันฆ่าตายเลย ทำเป็นเล่นไปเถอะ

ไม่ฆ่าสัตว์ เว้นการฆ่า เมตตาสัตว์ วางอาวุธ วางศาสตรา อาวุธที่ฆ่าสัตว์เดรัจฉานไม่เท่าไรแต่อาวุธที่ฆ่าสัตว์คน ฆ่าสัตว์เดรัจฉานไม่เท่าไรเขาวางไหม พระพุทธเจ้าท่านละเว้นกล่าวถึงคนคือท่านตรัสอย่างผู้ดีว่า คนคือสัตว์ใหญ่ สัตว์ที่ไม่ควรฆ่า ถ้าคุณไม่ฆ่าสัตว์อื่นๆแล้ว คุณไม่ฆ่าหรอกคน มันบาปหนักกว่าฆ่าสัตว์เดรัจฉาน ยิ่งไปฆ่าพ่อฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ฆ่าพระพุทธเจ้ายิ่งมีอัตราบาปหนักขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นคนที่ไม่มีปัญญารู้แม้กระทั่งเรื่องสัตว์ เรื่องคน แล้วก็สร้างอาวุธฆ่าคน นี่คือผีขโมด ผีโหดร้าย ผีมิลักขะ ผีคนเถื่อน คนป่า คนไม่เจริญ 

เทวนิยมไม่รู้เรื่องนี้น่าสงสารเขา สอนเขาไม่ได้ แก้ไขไม่ได้เพราะมันสุดวิสัย คนพวกนั้นไม่มีภูมิปัญญา ไม่มีภูมิพอจะรู้ ไม่มีบารมีพอจะมารู้ศาสนาพุทธ เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาผู้ดี เป็นศาสนาชั้นสูง classic ชั้นสูงสุด

เพราะฉะนั้น ถ้าศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่เสื่อม ศาสนาพุทธที่เข้าใจโลกุตระอย่างที่อาตมาอธิบาย ถ้าสงฆ์ส่วนใหญ่อธิบายธรรมะเป็นสัมมาทิฏฐิอย่างที่อาตมาอธิบาย เมืองไทยจะเป็นตัวอย่างโลกคงจะเจริญมาก นำพาโลก โลกจะยกย่องเชิดชู 

แต่เอาเถอะสักวันหนึ่งผู้ที่มีภูมิปฏิภาณปัญญาของเทวะนิยมจะเห็น จะเห็นยอดสุดยอดของมนุษยชาติ

แม้แต่เรื่องเกี่ยวกับสัตว์ เกี่ยวกับคนเท่านั้น จิตใจเขาก็สุดยอดประเสริฐแล้ว ไม่ฆ่าสัตว์ วางศาสตรา ไม่สร้างอาวุธฆ่าคน มีความละอาย รู้ว่าเป็นเรื่องน่าละอายจริงๆเลย คุณแสดงความโกรธออกมาก็น่าละอาย แต่คนไม่มีหิริ ไม่มีความละอายก็แสดงความโกรธเฉย ทำไมอย่างนี้ก็ต้องโกรธสิ ถ้าไม่โกรธก็ไม่ใช่คนแล้ว อย่างนี้คุณเป็นสัตว์นรก

ถ้าคุณเป็นมนุสโส ผู้ที่มีจิตสูง คุณไม่ผีเข้าอย่างนั้นหรอก โกรธนั้นผีเข้าแล้ว แม้แต่คุณไม่ใช่โกรธ รักชอบเสพ เป็นผีแปลงตัวจากทุกข์เป็นสุข คุณวิปลาส เป็นคนยังวิปลาสในข้อที่เห็นทุกข์เป็นสุข คุณวิปลาส เห็นทุกข์เป็นสุข

วิปลาส 4 มี 1. เห็นความไม่เที่ยงว่าเที่ยง 2. ไม่มีตัวตนเป็นตน 3. เห็นทุกข์เป็นสุข 4. เห็นไม่งามว่างาม ไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็น ไปแปลคำว่างามมันยาก สุภะอสุภะไปหลงว่ามันเป็นสุภะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 20:16:31 )

ศีล 8 มีอะไรบ้าง

รายละเอียด

จากศีล 5 เติมไป 

  1. ปาณาติปาตา เวรมณี 

  2. อาทินนาทานา เวรมณี 

  3. อพรหมจริยา เวรมณี(ศีล 5 เป็นกาเมสุมิจฉาจาร)  กามเป็นโสดาฯ สกิทาฯ อนาคานั้นศีล 8 สมบูรณ์ขึ้นแล้ว 

  4. วาจา

  5. อบายมุขทั้งหลาย

  6. ฉันมื้อเดียว ขอยืนยันว่าภิกษุของศาสนาพุทธนั้นฉันวันละ 1 มื้อ ท่านใช้ศัพท์คำว่า เอกาสนิงกะ

  7. นัจจะคีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสนา มาลาคันธะ วิเลปนะธารณะ มัณฑนะวิภูสนฐานา เวรมณี จะตั้งใจประพฤติ เว้นขาดจากท่าทางอันไม่สมควร คำพูดที่มีเสียงสำเนียงอันไม่สมควร เช่น ฟ้อนรำ ดนตรี เป็นต้น เว้นขาดจากดอกไม้และของหอม เครื่องตกแต่งพอกทา เครื่องประดับประดา ประดิดประดอย เว้นขาดจากฐานะแห่งการแต่งงามประดิษฐ์ประดอย

  8. อุจจาสยนะ มหาสยนา เวรมณี จะตั้งใจประพฤติเว้นขาดจากที่นั่งที่นอนใหญ่ เว้นขาดจากการรับของใหญ่ เว้นขาดจากการสะสมของใหญ่ ที่สุด เว้นขาดการหลงติดความใหญ่ คือศักดิ์ศรี ยศศักดิ์ อัตตา 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:04:57 )

ศีล ข้อ 1

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าจึงเริ่มกันที่“สัตว์” สังเกตกันดีๆพิจารณากันลึกๆเถิด ศีลข้อ 1 นั้น พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเรื่อง“สัตว์” เป็นข้อต้น พระพุทธเจ้าทรงมีพระสัพพัญญูเรื่อง“ธรรมนิยาม 5” จึงเห็นเรื่อง“ชีวิตสัตว์”ว่า มีความสำคัญยิ่งขนาดไหน มันเริ่มต้นและที่สุดกันเชียวนะ ในความเป็น“สัตว์”เพราะมันเกี่ยวกับ“ธาตุรู้”ที่จะรู้ยิ่งได้ถึงขั้น“ปัญญา”นะ!

คนทุกคนก็มีจิตวิญญาณเป็นประธาน พระพุทธเจ้าก็เป็น“คน”ที่มีจิตวิญญาณเป็นประธานเช่นเดียวกัน ไม่ต่างกันเลยในข้อนี้

ดังนั้น เมื่อพระพุทธเจ้าทำจิตวิญญาณได้ เราหรือทุกคนก็มีสิทธิ์ทำได้เช่นเดียวกันกับพระพุทธเจ้า ถ้าคนผู้นั้นสามารถสั่งสมบารมี พากเพียรไปจนเท่าเทียมหรือเหมือนพระพุทธเจ้าที่สามารถฝึกอบรมตนจัดการกับ“จิตวิญญาณ”ให้ดีสุด เจริญสูงสุด เท่าที่คนหรือมนุษย์จะพากเพียรสั่งสมบารมีเอาได้

ซึ่งต้องใช้เวลาหลายล้านชาติเท่านั้นเอง หรือเว้นแต่ตัวคุณนั่นแหละ ไม่สามารถสั่งสมบารมีให้ได้ ให้ถึงที่สุดแห่งที่สุดนั้นเอง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:44:27 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:37 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:56:50 )

ศีล ข้อ 3 เกี่ยวข้องกับกามคุณ 5

รายละเอียด

ศีล ข้อ 3 ข้อควรประพฤติเกี่ยวกับการกระทบสัมผัสทั้ง 5 ทวารคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เกิดเวทนา เรียนรู้เวทนาที่เกิดจากผัสสะ กามคุณ 5 ที่เป็นภัยต่อตนเองจากการกระทบสัมผัสภายนอก เข้าสู่สัมผัสภายในสภาวะของจิต ที่เกิดอาการรัก เกลียด ชอบ ชัง เฉยๆ มีดีกรีไปตามลำดับอารมณ์ หรือเวทนาที่เรายึดติดในอุปาทานนั้นๆ เรียนรู้จากธรรมะ 2 ทำเวทนาให้เป็น 1 ไม่หลงไปกับเวทนาจอมลวงหรือความสุข ความทุกข์ ที่จอมปลอม สุขดั่งวิมานฉิมพลีเทพบุตรมาร ทุกข์ใจเร่าร้อนดั่งซาตานนรกอเวจี ล้วนเป็นเหตุแห่งทุกข์ เรียนรู้ไม่หลงไปกับเวทนาเก๊เหล่านั้น สุดท้ายเกิดจิตอุเบกขา ไม่สุข ไม่ทุกข์แม้สัมผัสคน สัตว์ หรือสิ่งของนั้นๆอยู่ด้วยจิตปภัสสราต่อมวลมนุษยชาติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:59:14 )

ศีล คือการปฏิบัติเพื่อเอาออกไป

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ทาน ที่มีผล เป็นภาวนามัย ก็คือ ล้างกิเลสออกได้ ตัวร่วมมันอยู่ตรงนี้ ปฏิบัติศีลจะเป็นภาวนามัย จะเป็นผลสำเร็จจริงก็ตรงล้างกิเลสออกได้เหมือนกัน นี่คือตัวร่วม ทานก็ดี ปฏิบัติการให้สิ่งที่เป็นวัตถุจนถึงขั้นอภัยทาน ถึงขั้นให้ไม่ถือโกรธหมดแล้ว ยกให้ จะมีผิดดในภายในใดก็อโหสิกรรม และศีลท่านค่อยปฏิบัติศีลข้อ 1 2 3 ปฏิบัติจะเกิดผลภาวนามัยก็คือล้างกิเลสที่เป็นตัวร่วม 

เพราะฉะนั้นปฏิบัติศีลตามลำดับ ปฏิบัติทานนั้นเป็นผลของศีลด้วย ศีลจะมีผลเป็นทานคือการให้ออกไปหมด ความยึดถือเป็นตัวเป็นตนออกไป ศีลก็ปฏิบัติที่มีหลักมีรูปร่างมีตัวตนมีวัตถุแท่งก้อน ในจุลศีล ตั้งแต่ข้อ 1 ถึงข้อ 26 คุณปฏิบัติไปตามหลักต่างๆไม่ถึงข้อ 26 หรอก คุณจะบรรลุธรรมก่อน ปฏิบัติให้สัมมาทิฏฐิเถอะ คุณจะรู้ได้ว่าเป็นไปเพื่อความละความยึดเป็นเราเป็นของเรา ปฏิบัติเพื่อการได้ให้ ศีลนี่แหละคือการปฏิบัติเพื่อเอาออกไป ก็จะจบเป็นภาวนามัยจบเป็นผล เป็นเช่นนี้เอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47  วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 16:28:36 )

ศีล จะพาบรรลุนิพพาน

รายละเอียด

ศีลจะไม่ใช่แค่ สีลพตุปาทาน ที่เป็นศีลแค่จารีตประเพณีแล้วศีลไม่พาบรรลุนิพพานไม่ใช่ ศีลนี่แหละจะพาบรรลุนิพพาน พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัดๆอาตมาจำสำนวนทั้งหมดและบาลีด้วยว่าศีลนี่แหละจะพาไปนิพพาน ตอนเขาให้ศีล 5 สีเลนะสุคติงยันติ สีเลนนะโภคสัมปทา สีเลนนะนิพพุติงยันติ ตัสมาสีลังวิโสธเย ศีลจะนำพาให้เจริญหมดเลยถึงนิพพาน เพราะฉะนั้นศีลไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าก็ยังไม่สัมมาทิฏฐินี่แหละชาวพุทธส่วนใหญ่ แต่ชาวพุทธอโศก หรือชาวพุทธไม่ใช่ไปหลงงมงายอยู่กับจารีต กระแสหลักเท่านั้น มันยังมีปฏิภาณปัญญาพอรู้สัมมาทิฏฐิบางอย่าง เช่นผู้บริหารพลเอกประยุทธ์ก็ตามก็ยังเข้าใจเรื่องพวกนี้โน้มเน้นมาทางอโศก โน้มเน้นมาทางแบบที่พวกเราอธิบายไม่ไปหลงงมงายไปตามเทวนิยมหรือตามกระแสหลักที่ยังมิจฉาทิฐิกันอยู่ 

เพราะฉะนั้นศีลสัมมาทิฏฐิ สมาธิก็จึงจะสัมมาทิฏฐิ ปัญญาจึงจะสัมมาทิฏฐิ วิมุติ จึงจะสัมมาทิฏฐิ เมื่อศีลก็ไม่ใช่ถูกต้องตามของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติกัน ความรู้ก็ยังไม่ถูก สมาธิมันก็ยังไม่ถูก มันไม่ใช่สมาธิของพระพุทธเจ้า ไปนั่งหลับตาแค่นั้นมันก็ผิดแล้ว หลับตาแค่นั้นมันก็ไม่มีกายแล้ว อธิบายมาก็ยากแทงด้วยหอกร้อยเล่มก็หักตอนเช้า ตอนกลางวันตอนเย็นอีกอย่างละ 100 เล่มก็หัก คนพวกยึดมั่นถือมั่นพวกนี้เขาก็ยังนั่งหลับตาก็ยังนั่งทำสมาธิหลับตา ไม่มาเรียนรู้ว่า ฌานวิสัย ของพุทธนั้นลืมตา ทำตามหลักจรณะ 15 แล้วก็จะมีฌาน 4 อยู่ในจรณะ 15 นั้น ฌาน ไปนั่งหลับตานั้นเป็นเดียรถีย์ มันคนละแบบ ต้องเห็นความแตกต่างจากฌานที่ได้จากการนั่งหลับตา เขาก็เรียกฌาน คือ อย่างน้อยก็ยึดเอาไม่มีนิวรณ์ทั้ง 5 เป็นหลัก เขาก็ทำได้ แต่มันมีนัยยะละเอียดที่มากมายลึกซึ้งกว่านั้นอีกเยอะในความเป็นฌาน 

ลืมตานี้ไม่มีนิวรณ์ได้เก่งกว่าหลับตาไม่มีนิวรณ์อีก ลืมตามีตากระทบรูปหูกระทบเสียง กายหรือกาม ทั้ง 5 ทวารอยู่เหนือมันหมดไม่มีนิวรณ์ได้ในการลืมตา ไปหลับตา ตาไม่กระทบรูปหูไม่กระทบเสียง ทำเหมือนคนตาบอด หูหนวกมันก็ง่ายสิ แต่ถ้าลืมตาสัมผัสนี่สิเขาไม่รู้ พวกหลับตาจะไม่รู้อย่างมหาบัวหรือสายนั่งหลับตาจะไม่รู้จักกามคุณ 5 การกินหมากกินพลูเป็นตัวอย่างที่ยืนยัน ไม่ใช่ไปถล่มทลายท่าน ก็เป็นตัวอย่างที่ยืนยันอยู่แล้ว อันอื่นก็ซับซ้อนดูยาก แต่ตัวนี้เป็นสิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยันที่แท้จริง ยังติดหมากติดพลูอยู่ด้วยรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เสพติดอยู่ เรียกว่าเสพติดก็ไม่รู้จักความเสพติด อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นจึงยังไม่มีปัญญา สมาธิก็ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าเป็นโลกีย์อยู่ทั่วๆไป ยังไม่สามารถเป็นโพธิปักขิยธรรม 37 เพราะฉะนั้นจึงไม่เริ่มต้นปัญญาตั้งแต่รู้จักกายในกาย ถ้าเรียกว่ากายในกาย มันจะมีภายนอกไหม มี มันต้องมีภายนอกด้วยถึงจะไปเรียกว่ากายในกาย ใช่ไหม มันก็ต้องแยกว่าแล้วในมันก็ต้องมีนอกนี่นะ ถ้าไม่นอกแล้วจะไปเรียกในอย่างเดียวได้อย่างไร กาย ไม่ต้องมีนอกมีในสิ แต่นี่กาย มันมีนอกด้วยมันจึงมีใน มันมีในมันก็ต้องมีนอกใช่ไหม นี่คืออธิบายละเอียดๆให้ฟัง เพราะฉะนั้นกายจะไปแยกไม่มีภายนอก ไม่มีภายใน มิจฉาทิฏฐิ กายเดี่ยวๆไม่ได้มีแต่ร่างสรีระภายนอกอย่างเดียวคือกายไม่ได้ กาย พระพุทธเจ้าเน้นว่าเป็นภายในเป็นหลักด้วย อย่างที่ท่านยืนยันอยู่ในพระไตรปิฎกข้อ 630 เล่ม 23 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กันยายน 2566 ( 15:45:32 )

ศีล จะเกิดสมาธิต้องมี อปัณณกปฏิปทา 3

รายละเอียด

ผู้ที่พบพุทธศาสนาแล้ว เห็นดีเห็นงามแล้วก็ออกมาประพฤติ หรือไม่ต้องออกมาบวชก็เป็นฆราวาสอยู่ที่บ้าน หรือออกบวช ก็เรียกว่า โภคขันธาปหายะ ญาติปริวัตตังปหายะคือตัดญาติ ตัดทรัพย์สินศฤงคารทุกอย่างทิ้งไป มาเป็นคนสูญ เปล่า ไม่มีเงินไม่มีทอง มาปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า โดยเดินตามศีล สมาธิ ปัญญา สั้นๆเรียกสิกขา 3 

ศีล จะเกิดสมาธิก็ต้องมี อปัณณกปฏิปทา 3 แล้วจะค่อยๆเกิด สัทธรรม 7 แล้วตกผลึกเป็น ฌาน 1 2 3 4 เป็นวิมุติ ก็สะสมวิมุติ ก็มีวิมุติเล็กหลายวิมุติรวมรอบเป็นวิมุติที่โตขึ้นไปจนเป็นวิมุติสุดท้าย หมดกิเลสอาสวะก็เป็นพระอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 17:19:43 )

ศีล วินัย ภิกษุ กับการเมือง

รายละเอียด

ก็ต้องขยายความ คำว่า การเมือง คำว่าศีล คำว่า วินัย จริงๆ ต้องขยายคำว่า พระภิกษุด้วย ก็ต้องขออธิบายคร่าวๆ เอาคำว่า การเมืองก่อน การเมืองหมายความว่าอะไร การเมืองหมายความว่า งานเพื่อพลเมือง งานเพื่อประชาชน การเมือง เมืองก็คือเมือง เพราะฉะนั้นงานของเมือง เมืองก็ต้องมีพลเมือง มีประชาชนที่เรียกว่าพลเมือง เพราะฉะนั้นงานที่จะกระทำกับพลเมือง งานที่จะกระทำกับประชาชน งานทุกงานพระพุทธเจ้าสอนให้หัดให้ฝึกให้เรียนรู้ ว่างานที่จะทำนั้นมีหลักเกณฑ์ที่เรียกว่า ศีล และ วินัย วินัยก็อย่างหนึ่ง ศีลก็มีอย่างหนึ่ง ศีล เป็นข้อปฏิบัติทั่วไป ฆราวาส ก็เอาศีลมาปฏิบัติตามฐานะตนเอง ขัดเกลากิเลสให้ตนเจริญ เป็นพระอริยะจนเป็นพระอรหันต์ได้ ภิกษุจะเอาศีลมาปฏิบัติขัดเกลากิเลสเป็นพระอรหันต์ได้เหมือนกันถ้าปฏิบัติเป็นสัมมาทิฏฐิสัมมาปฏิบัติ ก็เกิดสัมมาปฏิเวธ ส่วนคำว่า วินัย ของพระพุทธเจ้าเรียกว่าธรรมวินัย คำว่าวินัยไม่ใช่ศีล วินัยบัญญัติขึ้นเมื่อมีผู้ทำผิด และวินัยนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกันกับฆาราวาส พระพุทธเจ้าบัญญัติวินัยขึ้นมานั้นเป็นบัญญัติขึ้นมาให้ภิกษุเป็นผู้ปฏิบัติ ไม่เกี่ยวกับฆราวาสในเรื่องวินัย ศีล ทวนอีกที ศีลนั้นฆราวาสก็ปฏิบัติได้พิสูจน์ก็ปฏิบัติได้ ปฏิบัติมีมรรคผลก็บรรลุธรรม ส่วนวินัยนั้นเป็นข้อกำหนดที่มีบทบัญญัติลงโทษ เมื่อทำผิดสมควรจะต้องออกกฎบังคับไว้ และต้องมีอย่างเบา อย่างหนักจนถึงปาราชิก อย่างเบาก็เขายอมรับผิดและปลงอาบัติขอแก้ไขอย่างนี้เป็นต้น ไปจนกระทั่งถึงปาราชิกเลย วินัย เพราะฉะนั้นวินัยกับศีลจึงไม่เหมือนกัน วินัย เป็นเหมือนกฎหมายอาญามีบทลงโทษ  ส่วนศีลเป็นกฎหมายธรรมนูญ กลางๆ ยังไม่บัญญัติบทลงโทษอย่างนี้เป็นต้น เมื่อเปรียบเทียบกับทางกฎหมาย กับรัฐธรรมนูญ ทีนี้ คุณสมชาย ก็พยายามจะแหย่ว่า ท่าน ถ้าพระภิกษุไปยุ่งการเมือง ผิดศีล ผิดวินัยไหม ก็ตอบตรงนี้ว่า ถ้าภิกษุผู้ยังไม่อยู่ในฐานะอันควรที่จะไปยุ่งกับงานที่เกี่ยวกับพลเมือง ส่วนใหญ่เขา โดยเฉพาะการเมืองเรื่องส่วนใหญ่ที่จะไปบริหารประชาชน พี่ยังไม่มีฐานะอันควรก็อย่าไปยุ่ง อันนี้ดูเหมือนจะมีกฎระเบียบของเถรสมาคมก็ห้ามไปยุ่งกับการเมือง แต่โดยสัจจะแล้วจะเป็นการเมืองหรือเป็นงานเพื่อพลเมืองเพื่อประชาชนนั้น มันอันเดียวกัน การเมืองคืองานเพื่อพลเมืองเพื่อประชาชน มันอันเดียวกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 10:58:30 )

ศีล สมาธิ ปัญญา

รายละเอียด

คือ ผู้ที่ปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา คิดถึงเริ่มต้นด้วย ทาน ศีล ภาวนา เป็นเบื้องต้นกว่า รวมมากกว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ทาน ศีล ภาวนา “ภาวนา”คือ การเกิดผลแต่เดี๋ยวนี้ผิดเพี้ยนไป แปลว่า การปฏิบัติ ภาวนานี้มันเป็นผล ไม่ใช่เหตุ แค่นี้ก็ผิดกันแล้วไปสวดมนต์ ภาวนากัน เป็นต้น  มันได้ผิดเพี้ยนไปไกลๆ เลย ภาวนา คือ การเกิด ศีล สมาธิ ปัญญา มันเจาะลึกเข้าไปสู่ ทาน ศีล ภาวนา พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในสัมมาทิฏฐิ ข้อที่ 1 คือ ทาน ข้อ 2 คือ ศีล ข้อ3 คือการเกิดผล คือ ภาวนา 3 ข้อนี้เป็นหลัก คนก็อธิบายกันไม่ได้ก็เลยแปลตามพยัญชนะโบราณ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 12:52:56 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:18 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:55:00 )

ศีล สมาธิ ปัญญา

รายละเอียด

ผู้ที่มีวิชชาและจรณะ ก็มีจรณะ 15 วิชชา 8 นั่นแหละคือแก่นสารสาระทั้งหมดย่อลงมาก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา  ศีลอปัณกปฏิปทา แล้วอธิจิตคือ  สัทธรรม 7 ฌาน 4 ส่วนปัญญาคือ วิชชา 8

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2563 ( 08:53:09 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:21 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:53:55 )

ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ เป็นเหตุปัจจัยแก่กันและกัน

รายละเอียด

ศีล ไม่ใช่หมายความว่าไปอยู่คนเดียวเดี่ยวๆ แล้วให้บริสุทธิ์ทางกายในศีล แล้วสมาธิก็ไปนั่งหลับตาเอา ไม่ใช่ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ อยู่ด้วยกันหมด เป็นเหตุปัจจัยแก่กันและกัน ตามจรณะ 15 วิชชา 8 ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาหลงผิดเป็นฤาษีเดียรถีย์ ไม่ใช่ 

ในการปฏิบัติสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้าจึงจะครบสมบูรณ์ในวิธีการปฏิบัติที่สัมมา ถูกต้องตามสูตรของพระพุทธเจ้าไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ยิ่งใหญ่เลยที่พูดกว้างๆเลยคือมรรคมีองค์ 8 ขยายความสมบูรณ์ขึ้นไปก็เป็นโพธิปักขิยธรรม 37 แกนจริงๆคือ จรณะ 15 วิชชา 8 ย่อลงไปสั้นๆก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไร ในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:17:34 )

ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ทาน ศีล ภาวนา

รายละเอียด

มาเข้าถึงวิชาการ วิชาการที่ว่าก็ได้ยินได้ฟังกันมานานมาก อยู่ในศาสนาพุทธได้ยินเลยว่า ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ทาน ศีล ภาวนา ว่างั้นนะ ได้ยินกันมานาน เสร็จแล้ว 

ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของความกว้าง ครอบคลุมไปหมดเลย ทั้งพฤติกรรมมนุษย์ทั่วไป 

พอ ศีล สมาธิ  ปัญญา มันจะตีกรอบแคบเข้ามาหาการปฏิบัติธรรม ถ้า ทาน ศีล ภาวนา หากไม่ปฏิบัติธรรมอย่างน้อยคุณก็ทำทาน หรือแม้แต่คำว่า ภาวนา แปลว่า การเกิดผลนั้นๆ เอาล่ะ ยังไม่วิเคราะห์ที่ว่าคนปฏิบัติธรรมผิดเพี้ยนในการภาวนา ซึ่งไปไม่ถึงผล ซึ่งผลเขาก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไรไม่รู้ว่าเป็นภาวนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 13:54:10 )

ศีล สมาธิ ปัญญาจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

ใช่อาตมาก็ขอขยายความ อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า เอาทฤษฎีของพระพุทธเจ้าของความเป็นสังคมอาริยกะ ไม่ใช่สังคมมิลักขะ เป็นสังคมคนเจริญ ซึ่งได้ผ่านทำมาตามหลักธรรมพระพุทธเจ้า เนื้อแท้ท่านสรุปเอาไว้ที่จรณะ 15 วิชชา 8 อาตมาเอามาขยายความ บางทีไม่ได้พูดถึงพยัญชนะ จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นกระบวนการใหญ่ของพุทธศาสนา แต่ก็เอาเนื้อหาสาระมาทำ ย่อยลงมาสั้นๆเป็นศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งได้พาทำอย่างมีหลักเกณฑ์คือมีศีล แล้วก็ทำให้จิตเกิดเจริญขึ้นเรียกว่าสมาธิ ให้จิตใจชัดเจน ซึ่งได้จากศีลแต่ละข้อ ศีล สมาธิ ปัญญาที่เป็นกระบวนการที่แยกกันไม่ได้ แล้วก็พาทำ เช่น ศีลข้อที่ 1 จนกระทั่งพวกเรามี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ได้สมบูรณ์แบบเลย จนกลายเป็นสังคมสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างมี เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม มีสาธารณโภคี มีศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา ครบสาราณียธรรม 6 แล้วก็ทำกระบวนการของศีลสมาธิปัญญาจรณะ 15 วิชชา 8 นี้ได้ผลมาจนกระทั่งเป็นวรรณะ 9 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 10:38:12 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:58:58 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:53:34 )

ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นเครื่องชี้บ่งความเจริญของมนุษยชาติ

รายละเอียด

พูดตามหลักกถาวัตถุ 10 ไม่ได้พูดอะไรเลอะเทอะที่ไม่อยู่ในหลักศีล สมาธิ ปัญญา

 ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นเครื่องชี้บ่งความเจริญของมนุษยชาติ ความเจริญจริงๆเลย อย่างอื่นไม่ยืนยันเท่า ศีล สมาธิ ปัญญา ของพระพุทธเจ้า

ต้องรู้ว่าศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ เราไม่ฆ่าแล้วเราพูดถึงเรื่องการฆ่าสัตว์ให้เขาไปฆ่า ไม่พูดด้วยความเมตตาเอ็นดูหวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวง หรือเปล่า ถ้าไม่ก็ดี ยิ่งไปพูดปดก็ชัดเจนเลย ไปพูดเสียดสี พูดหยาบ (หยาบนี้มีรายละเอียด)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:24:47 )

ศีล เปรียบเหมือนสะเก็ดของต้นไม้

รายละเอียด

ไม่ได้ทำแม้แต่ที่สุด พระพุทธเจ้าท่านอธิบาย แก่น ของต้นไม้เอาไว้ ท่านอธิบาย อุบายเครื่องออก วิธีการจะเข้าถึงก็คือ ศีล ท่านเปรียบเหมือนสะเก็ดของต้นไม้คือศีล เมื่อผ่านศีล ก็จะพาเข้าไปรู้ภายใน เป็นอุบายเครื่องออก ด้วยอุบายพาให้เข้าไปเรียนรู้ แล้วล้างเอาสะเก็ดออก จึงจะเข้าไปถึงเปลือก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 17:08:09 )

ศีล เป็นตัวหลักสำคัญก็ไม่นำมาปฏิบัติยกตัวอย่างศีลข้อที่ 1 การไม่กินเนื้อสัตว์เพราะอะไร

รายละเอียด

มีศีล เป็นตัวสำคัญตัวหลัก ที่อาตมาขยายมาตั้งแต่ต้น เดี๋ยวนี้ก็ยังขยาย แล้วก็มีตัวต้นอยู่ที่ขยายก็คือ ศีล ตัวต้น แล้วศีลข้อแรกคือสัตว์ อย่าฆ่าสัตว์ อย่าทำร้ายสัตว์แล้วอาตมาบอกถึงขั้นว่า คุณจะเข้าใจกรรมวิบาก คนที่มีปัญญาเข้าใจเรื่องกรรมวิบากจะไม่กินเนื้อสัตว์ เพราะเชื่อในกรรมวิบาก เพราะกรรมและวิบากนี้มันผูกพันกัน สัตว์เดรัจฉานมันไม่รู้หรอกว่ามันเป็นตัวตนของมัน ใครกินมัน มันก็ยึดว่าเป็นของมันทั้งนั้นแหละ มันก็จองเวรกันทั้งนั้น แต่คนที่ไม่เชื่อกรรม วิบาก ฟังอาตมาไม่เข้าใจ ไม่เชื่อว่ากรรมวิบากจะผูกพันแบบนี้ เขาก็ไม่เชื่อ เขาก็กินเนื้อ สัตว์ อยู่นั่นแหละ ซึ่งอาตมาขยายความเอาชีวกสูตร 5 ข้อมาขยาย ก็ยังเข้าใจยากกันอยู่ นั่นแหละ 

5 ข้อของชีวกสูตร  มันหมายถึงบาปตั้งแต่ต้นและบาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลย แล้วบาปของ ชีวกสูตร เป็นบาปที่ละเอียดมากเลย 

“ชีวกสูตร 

1. ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)  

2. สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา  ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส  

3. ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”  

4. สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส  

5. ผู้นั้นย่อมยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีด้วยเนื้อเป็นอกัปปิยะ ชื่อว่าย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา  อกปฺปิเยน อสฺสาเทติ อิมินา ปญฺจเมน ฐาเนน พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ) ชีวกสูตร  ล.13   ข.60”

ข้อที่ 5 ดูเหมือนเบาๆ แต่เป็นข้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย คนที่ถวายอาหารเนื้อสัตว์แก่ภิกษุแก่พระพุทธเจ้านี้ บาปเป็นอันมากข้อที่ 5 นี่ใกล้จะถึงเทศกาลกินเจแล้วนะ อธิบายนำเสียก่อน เพราะอะไร เพราะเขาไม่เข้าใจกรรมวิบาก ไม่เข้าใจว่าเดรัจฉานมันก็มีกรรมวิบาก มันไม่อภัยกันหรอก คนก็ยังไม่ได้อภัยกันง่ายๆเลย เป็นเวรานุเวร บุพเพสันนิวาสกันไม่รู้กี่เรื่อง หนังจีนมันแก้แค้นกันให้พ่อให้ปู่ ไม่เคยจบเลย เพราะพวกที่สร้างหนังจีนเป็นพวกที่อวิชชา ก็หลอกให้คนดูมัน โกวเล้งก็ดี กิมย้งก็ตาม ก็พยาบาทกันตลอดกาลนาน ไม่รู้จบในหนังจีน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กันยายน 2565 ( 14:42:38 )

ศีล ไม่เสมอสมานกัน

รายละเอียด

คือ ศีลเข้ากันไม่ได้ อุเทศของศีล การชี้แจง การยกขึ้นแสดง กันแสดงกันคนละอย่าง ทางโน้นก็อธิบายอย่างหนึ่ง เราก็อีกอย่างหนึ่ง เช่น ศีลข้อ 1 ชาวอโศกเห็นว่า การบริโภคอาหารมังสาวิรัติเป็นการปฏิบัติศีลข้อที่ 1 ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เป็นการตัดกิเลสความอร่อยทางลิ้น ทำให้สุขภาพกายใจ เศรษฐกิจดีขึ้น ได้ชื่อว่า เป็นผู้เลี้ยงง่าย เป็นการดำเนินรอยตามพระศาสดา ทางโน้นกลับเห็นว่า การบริโภคอาหารมังสวิรัติเป็นข้อปฏิบัติของพระเทวทัต เป็นการทำตนให้เป็นคนเลี้ยงยาก ถ้ากินผักตัดกิเลสได้ วัวควายก็คงหมดกิเลสกันไปแล้ว การยึดมั่นในอาหารมังสวิรัติ เป็นการสร้างความแตกแยกในพระศาสนา

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า373 


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 11:53:34 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:38:18 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:52:51 )

ศีล-สมาธิ-ปัญญา

รายละเอียด

“องค์ 3”หรือ“3 เส้า”หรือ“ISH”ของ“ศีล-สมาธิ-ปัญญา”นั้น ก็ต้องศึกษาปฏิบัติไปตามลำดับ ขั้นต้น-ขั้นกลาง-ขั้นปลาย ที่มี“สภาพหมุนรอบเชิงซ้อน(ปฏินิสสัคคะ)” อันเป็นระบบระเบียบอย่างน่าอัศจรรย์

“องค์ 3”หรือ“3 เส้า”หรือ“ISH”ของ“ศีล-สมาธิ-ปัญญา”นี้เป็น“กระบวนธรรม”ที่ต้องศึกษากันอย่างสำคัญสุขุมคัมภีรายิ่ง

I(ไอ) คือ ตัวเราเองเป็นประธาน

S(she) คือ ตัวเขาที่เป็นเพศหญิง(อิตถีภาวะ)

H(he) คือ ตัวเขาที่เป็นเพศชาย(ปุริสภาวะ)

“3เส้า”นี้เกี่ยวกับ“จิตวิญญาณ”ทั้งนั้น หรือเป็นเรื่องของ“สัตวโลก” เป็น“จิตนิยาม” ขั้นเวไนยสัตว์ ที่พัฒนาถึงมนุษย์โลกุตระด้วย

เพราะ“สัตว์”คือ ภาวะของ“จิตวิญญาณ” ซึ่งเป็นภาวะที่สูงกว่า“พีชนิยาม”แล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:43:27 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:46 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:52:02 )

ศีล-สมาธิ-ปัญญา-วิมุติ-วิมุตติญาณทัสสนะ”

รายละเอียด

นั้นคือ “กระบวนการ(process)”ที่เป็น “สภาพหมุนรอบเชิงซ้อน(ปฏินิสสัคคะ)” สอดซ้อนสานกันไปอย่างเป็นระบบ ลาด ลุ่ม ลึก ละเอียดราบเรียบอย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:24:34 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:19:18 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:50:35 )

ศีล 

รายละเอียด

ศีล  คือ  การปฏิบัติเพื่อขัดเกลากิเลสออก  แต่พวกมิจฉาทิฏฐิจะปฏิบัติเป็นสีลัพพตุปาทาน  เป็นมิจฉา  ปฏิบัติแล้วแทนที่กิเลสจะลดลง  ก็ได้กิเลสเพิ่มขึ้น  ไปหลงในลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข  สุขด้วยกาม ด้วยอัตตา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:35:26 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:55 )

ศีลกับปัญญา ต่างอาศัยกัน

รายละเอียด

ปัญญาอันศีลชำระให้บริสุทธิ์    

ศีลมีในบุคคลใด   ปัญญาก็มีในบุคคลนั้น

ปัญญามีในบุคคลใด   ศีลก็มีในบุคคลนั้น

ปัญญาเป็นของบุคคลผู้มีศีล และศีลก็เป็นของผู้มีปัญญา

นักปราชญ์ย่อมกล่าวศีลกับปัญญา ว่า เป็นยอดในโลก

เหมือนบุคคลล้างมือด้วยมือ  หรือล้างเท้าด้วยเท้า  ฉะนั้น

ที่มา ที่ไป

 โสณทัณฑสูตร ศีลอันปัญญาชำระให้บริสุทธิ์     เล่ม 9  ข้อ 194

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2562 ( 21:22:40 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:21:41 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:49:20 )

ศีลกับปัญญาช่วยกัน

รายละเอียด

ศีลอยู่ที่ไหนปัญญาอยู่ที่นั่น ช่วยกันตลอดมา   เหมือนล้างมือด้วยมือล้างเท้าด้วยเท้า หรือศีลเป็นแม่ ปัญญาเป็นพ่อ หรือโพชฌงค์ 7 เป็นพ่อ มรรค 8 เป็นแม่อย่างนี้เป็นต้น ปฏิบัติจนหมดความเป็นสัตว์ สัตว์ก็ต้องรู้สัตตาวาส 9 พ้นหมดก็เป็นอรหันต์สมบูรณ์ จะขยายเรื่องนี้ต้องขยายอีกหลายปี ยังไม่ยอมตาย เพราะอีกหลายปีก็ยังเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ แต่มันเป็นเรื่องจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 11:27:17 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 04:00:16 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:48:36 )

ศีลกับปัญญาเป็นคู่ชำระกิเลสด้วยกันขาดกันไม่ได้

รายละเอียด

ที่เริ่มปฏิบัติไม่เริ่มปฏิบัติที่ศีล ไม่มีทางเกิดปัญญา แต่จะเกิดเพียงความรู้ เฉโก มีทางเกิดปัญญา ปัญญาเป็นความรู้ทางโลกุตรธรรม  การปฏิบัติไม่มีผัสสะ ไม่มีการออกมาทางกระทบตาหูจมูกลิ้นกาย ด้วยการปฏิบัติเริ่มต้นที่ ศีล 

เริ่มตั้งแต่ ศีลข้อที่ 1 กระทบสัมผัสกับสัตว์ ศีลข้อที่ 2 กระทบสัมผัสกับของกับพืช กระทบแล้วเกิดกิเลส การปฏิบัติไม่มีศีลแค่ 3 ข้อนี้แหละคุณไม่มีปัญญาที่จะไปรู้ความจริงคุณมีแต่ตรรกะ คุณมีแต่ต้นเดาเอามีแต่ความรู้แบบโลกโลก เฉโก ไม่มีปัญญาเป็นความรู้ที่ไม่ใช่โลกุตระก็วนเวียนอยู่อย่างนั้น ไม่เข้าถึงจิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่เป็นเนกขัมมะ ไม่ออกจากกาม 

กาม ต้องมีวัตถุภายนอกเป็นเบื้องต้นจะมีการปฏิบัติที่เป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์ ต้องลดจากกิเลสกามให้หมดก่อนแล้วคุณก็มีผัสสะ กับเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดกาม แต่กามมันหมดจากจิตแล้วคุณก็เป็นอนาคามี คุณเข้าไปลดกิเลสในจิตอีกที่เป็นรูปภพ อรูปภพ เป็นภวตัณหา หากว่าคุณไม่ได้ผ่านภูเขาชั้นนอก คุณจะไปล้างข้างในมันไม่ได้อย่างที่ว่านี้ มันโมฆะจริงๆ แม้คุณล้างกามไปหมดแล้ว คุณก็ยังอยู่กับวัตถุภายนอก แต่จิตคุณยังอยู่เหนือ เป็นพระอนาคามี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:27:31 )

ศีลกับวินัย

รายละเอียด

จริงๆแล้วปาฏิโมกข์ หมายถึงมีศีลแต่มันกร่อนไปเหลือแต่วินัย บอกว่าไปลงปาฏิโมกข์ก็เพียงแต่ไปสวดพระวินัยรักษาพระวินัย แต่ศีลนี้ทำไม่ดีผิดศีลก็มีวิบากของคุณเอง เขาให้ละเว้น เวรมณี คุณก็เจริญของคุณ ไม่มีการลงโทษเป็นอิสรเสรีภาพ ส่วนวินัยนั้นเป็น ศีลอาชญา กฎหมายอาญา ทำผิดต้องมีบทลงโทษ มีทุกฏ ทุภาษิต ไปถึงปาจิตตีย์ ไปถึงสังฆาทิเสส ถึงปาราชิก แต่ศีลเขาไม่มีแล้ว พระไม่มีศีล มีแต่วินัย 227 ไปถามพระดูได้เลย วัดไหน พระองค์ไหนก็แล้วแต่ เขาจะไม่ตอบว่ามี จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลหรอก เขาจะตอบว่ามีศีล 227 แต่เขาก็รู้ศีล 5  8 ของฆราวาสเขา  ศีล 10 อย่างเก่งก็ของเณร แต่เงินมันต้องใช้ ก็เข้าเนื้อตัวเองหน่อย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 11:23:22 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:00:36 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:48:06 )

ศีลกับวินัยต่างกัน

รายละเอียด

227 ข้อคือวินัย ส่วนศีล เป็นเรื่องหลักเกณฑ์ความจริงของชีวิตที่จะตรวจสอบได้ ตามศีล เป็นศีล 5 8 10 จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ตรวจสอบได้ว่าถ้าเราปฏิบัติตามศีล ทำได้เราจะได้เป็นคนประเสริฐเป็นคนเจริญตามเกณฑ์นั้นๆตามที่ระบุไว้ ตรวจสอบได้ เขาเชื่อถือศีลก็ปฏิบัติตาม ใครไม่เชื่อถือก็ไม่ต้องปฏิบัติตาม ศีลไม่ได้เป็นข้อบังคับ วินัยคือข้อบังคับ command ไม่ต้องปฏิบัติตามนี้ แต่ศีลแต่ละข้อ อยู่ที่ตัวบุคคลจะเห็นดี เขาบอกว่าไม่ให้ฆ่าสัตว์ ไม่ให้ลักทรัพย์ ดีจังเลยเราต้องปฏิบัติตามนี้ให้ได้ เราไม่ฆ่าสัตว์ไม่ถืออาวุธมีความเอ็นดูมีความกรุณาหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงได้ ศีลข้อที่ 2 ไม่เอาไม่อยากได้ของที่ไม่ใช่ของเรา เราเห็นจริงเห็นดีเลยในเรื่องจะปฏิบัติศีลไม่ได้มีการบังคับ ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาแห่งการบังคับ แต่ผู้ที่มาขอบวชต้องมาเข้าหลักเกณฑ์วินัย ต้องปฏิบัติตามนะ ก็มาขอปฏิบัติ พระพุทธศาสนิกชนไม่เกี่ยวกับพระวินัยของพระภิกษุ ไม่เกี่ยวกับวินัย 227 เพราะไม่ใช่ศีล แต่จะปฏิบัติตามก็ได้ถ้าใครจะสมัครใจ และเมื่อคุณปฏิบัติตามพระวินัยที่พระพุทธเจ้ากำหนดให้พิสูจน์ปฏิบัติตามนั้นถ้าคุณสมัครใจเอง วินัยก็เป็นศีลของคุณ คุณก็เป็นพระรูปหนึ่งที่จะปฏิบัติตามวินัย 227 คุณตั้งใจปฏิบัติตามจะเจริญกว่าพระที่ถือว่าศีลมี 227 ข้อ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ประชาธิปไตยไทย เกิดมาเพื่อให้ศึกษา วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 16:42:55 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:25:00 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:47:23 )

ศีลกับอรหันต์

รายละเอียด

ศีลคือหลักสำคัญเกี่ยวกับตัวตนบุคคลเราเขา แล้วเราก็ปฏิบัติกับสิ่งเหล่านั้นเพื่อลดละกิเลส ตั้งแต่เกี่ยวกับสัตว์ เกี่ยวกับข้าวของวัตถุกับพืช เราก็ขยายไปตามแต่ละวัตถุ นัยก็จะรู้ความติดยึดของสิ่งนั้น รู้รายละเอียดครอบคลุมของสิ่งที่มีอยู่ในโลก 

ผู้ที่ปฏิบัติธรรมตามพระพุทธเจ้ามีสัมมาสมาธิ ปฏิบัติจุลศีล 26 ข้อ เลย 10 ข้อไปก็เป็นพระอรหันต์ได้แล้ว ไม่ต้องถึง 26 ข้อหรอกถ้าหากสัมมาทิฏฐิสัมมาปฏิบัติปฏิเวธก็บรรลุพระอรหันต์ได้ เมื่อบรรลุพระอรหันต์แล้วก็ไม่ต้องพูดกันยากสำหรับพระโพธิสัตว์ พระพุทธศาสนาเป็นผู้ใหญ่และมีปฏิภาณที่รู้ โพธิสัตว์ใหม่ๆ สมมุติว่าโพธิสัตว์ระดับ 5 ระดับ 1 2 3 4 ก็แค่บัญญัติภาษาเรียบร้อยเท่านั้นเอง ยังไม่ใช่ผู้ที่เป็นอรหันต์ที่ถึงขั้นที่ 4 เมื่อถึงขั้นที่ 4 ก็จะเริ่มต้นเป็นอนุโพธิสัตว์ ก็เริ่มต้นเป็นผู้น้อง อย่าแอ็คมาก ค่อยๆปฏิบัติไปจนสูงขึ้นไป อนิยตโพธิสัตว์ ยังไม่เที่ยงก็ค่อยๆเพิ่มความเที่ยง จนเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ขึ้นไปถึงจะเที่ยง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2562 ( 15:44:39 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:27:41 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:46:20 )

ศีลกำหนดความเป็นสมณะ 

รายละเอียด

ศีลกำหนดความเป็นสมณะ  คือ สมณะขั้นที่ 1 ซึ่งมีศีลขนาดหนึ่ง  สมณะขั้นที่ 2 ก็มีศีลเป็นอธิศีลอีกขนาดหนึ่ง  สมณะขั้นที่ 3 ก็มีศีลเป็นอธิศีลสูงไปอีกขนาดหนึ่ง  สมณะขั้นที่ 4  ก็มีศีลเป็นอธิศีลอีกขนาดหนึ่ง  ก็เป็นไปตามลำดับของศีล  สมาธิ  ปัญญา  ตามแต่ละขั้นของสมณะแต่ละขั้นๆ  เมื่อไม่มีศีลเป็นข้อกำหนดแต่ละขั้นก็ไม่มีความเป็นลำดับดังนั้น โสดาบัน  สกิทาคามี  อนาคามี  อรหันต์ที่เป็นไปตามลำดับ  ชาวพุทธจะปฏิบัติตามศีลแต่ละข้อให้บริบูรณ์ในปริเฉทของศีลนั้นๆ จนกระทั่งแต่ละข้อ  เกิดอธิศีล  อธิจิต  อธิปัญญา  อธิวิมุติ  บริบูรณ์ก็เป็นอันเจริญไปแต่ละปริเฉท  ศีลเป็นข้อกำหนดให้เกิด อธิจิต  อธิจิตที่มีศีลกำหนด  วิมุติจึงคือ จุดหลุดพ้นจากกิเลสไปแต่ละข้อแต่ละขั้นก็จะมีผลสำเร็จไปเป็นลำดับๆ แต่ละวิมุติในปริเฉทหนึ่งๆ คือ จิตที่สะอาดจากกิเลสนั้นๆ ผ่านวิชชา  จรณะ แล้วตกผลึกสะสมลงกระทั่งเป็นจิตแข็งแรงมั่นคง  หรือ  จิตตั้งมั่น จึงจะเรียกจิตนี้ว่า สมาธิ

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:34:17 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:05:00 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:45:31 )

ศีลก็คือ 0 ผู้ทำ 0 ได้เป็นปกติ ผู้นั้นคือผู้มีศีล

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องไปยั่วยุ ไม่ต้องแสดงราคะ ยั่วคนอื่น บาปกินหัว ด้วยการเปลือยกายด้วยการทำยียวน ทำท่าทางสารพัดเจตนาเป็นการยั่วคนอื่น ได้เงินมากๆ มันก็เป็นบาปซ้ำซ้อนเพราะเห็นแก่เงินและตัวเองก็ไปสร้างหนี้วิบาก สร้างกิเลสใส่ตัวเอง กิเลสก็หนาขึ้น ๆ หน้าไม่อายมากยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น เมื่อไหร่จะรู้ตัวกันสักที 

แม้แต่คำสอนของพระพุทธเจ้า ฝ่ายที่นั่งหลับตาปฏิบัติ ให้มาปลูกผัก ปลูกพืชก็ไม่ทำ เอาแต่ไปนั่งหลับตา โอ้ย แล้วกินพืชผักเขานะ พวกนั่งหลับตาเป็นหนี้นะ ผิดทางด้วยนั่งหลับตาไม่มีทาง มันไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 ฌาน ก็ไม่มี เป็นฌานหลับตา เดียรถีย์ ฌานนอกศาสนาพุทธ ฌานของพระพุทธเจ้า เป็น อจินไตย เป็นฌานวิสัย หลับตาไม่มีทางบรรลุนิพพาน ศีล ยิ่งใหญ่ที่สุด ปัญญาที่บริบูรณ์แล้ว จิตก็เป็นอัตโนมัติ “ตถตา” เป็นสัญชาตญาณแล้ว เป็นปกติธรรมดา เพราะฉะนั้น ศีลจึงเป็นหนึ่งในโลก 

ตั้งแต่เล็กเริ่มต้นเป็นศีลและสูงสุดนับไม่ถ้วนประมาณไม่ได้ รวมลงเป็นศีล คนมีศีล ถ้าไปยึดศีล เป็นใหญ่เป็นตัวเป็นตนอีก ก็พัง ถ้าสูญก็ดี ศีลเป็น 0 ก็ดี แต่ศีลไม่เป็น 0 ศีลเป็นที่อาศัย จริงๆซับซ้อน ศีลก็คือ 0 ผู้ทำ 0 ได้เป็นปกติ ผู้นั้นคือผู้มีศีล แล้วก็อาศัย อาศัยศีล ศีล ก็ยังมีชีวิตอยู่ ตายไปแล้วก็เป็น 0 ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็เป็น 0 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 15:13:36 )

ศีลของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เจตนาของพวกเราที่สร้างสิ่งเหล่านี้เราไม่ได้ไปสร้างอาวุธ ไม่ไปสร้างสิ่งที่สูญเปล่าสูญเสียอะไร เราสร้างสิ่งที่ประเสริฐ ผู้ที่อยู่ข้างนอก ได้ยินได้ฟังนี้แล้ว ยังไม่มาก็จงมาเสียเถอะ พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่าผู้ใดมีศีล ผู้ที่มีศีลแล้ว ตัวนี้ได้ศีลแล้วก็มี สมาธิปัญญาวิมุติ วิมุตติญาณทัสสนะ ผู้ที่ยังไม่มีศีลก็ยังไม่มา ผู้ที่มีศีลแล้วจงมาเถอะ ศีลก็เป็นศีลของพระพุทธเจ้า เป็นมีปฏิกิริยา Dynamic เป็น Coefficient

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน สร้างสัมประสิทธิ์คนจนอาริยะด้วยไตรสิกขา


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:33:03 )

ศีลของภิกษุมี 43 ข้อ ไม่ใช่มี 227 ข้อ

รายละเอียด

ที่จริงศีลของนักบวช อยู่ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าก็ย้ำว่าแม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่งภิกษุทั้งหลาย ก็ย้ำอยู่ในศีลทุกๆข้อ ไม่ใช่มีแค่จุลศีล แต่มีมัชฌิมศีลและมหาศีลด้วย มีทั้งหมดตั้ง 43 ข้อ

เดี๋ยวนี้พุทธศาสนาในเมืองไทยไม่เอาแล้วศีล ยังเหลือติดอยู่แค่ติ่งหูมีศีล 5 ศีล 10 ของเขาศีล 10 ก็ยังกระพร่องกระแพร่งผิดพลาดเลอะๆเทอะๆ เกินกว่าศีล 10 ในจุลศีล มันมี 26 ข้อในจุลศีล ก็ยังตกหล่นไม่ได้เรื่องพากันเลอะเทอะ 

เพราะมันเสื่อม คนเสื่อมไปจากศาสนาพระพุทธเจ้า ภิกษุไปหลงยึดว่า ศีลคือวินัย 227 ไปถามเถอะ ถามว่าพระมีศีลเท่าไหร่เขาก็ตอบว่ามี 227 

227 มันคือวินัย ความต่างกันระหว่างวินัยกับศีลก็ไม่เข้าใจแล้ว ไม่รู้ว่ามันต่างกันอย่างไรอย่างนี้เป็นต้น เอาล่ะ ไม่ลงรายละเอียดขยายความ พูดและเขียนไว้เยอะแล้ว ไปศึกษาติดตามดู 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์แนวคิดเศรษฐกิจของชาวโศกที่ทำจริงมีผลสำเร็จจริง วันพุธที่ 1 มีนาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 18:28:58 )

ศีลข้อ 1

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าศึกษาเรื่องมนุษย์กับสังคม ถ้าศึกษาให้ดีแล้วทุกอย่างก็คืออยู่ในศีลหมด

แม้แต่เรื่องศีลข้อ 1 ข้อเดียวถ้าศึกษาให้ลึกดีๆ

ความรู้ในเรื่องศาสตร์ทางโลกทำให้ลึกลับซับซ้อนสับสนมากมายในโลกไม่รู้เรื่องโดยเฉพาะการเมืองมันมีเล่ห์กลค่ายกลในนั้นมั่วเยอะแยะมาก ยากจะรู้ความจริง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:28:05 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:06:48 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:57:21 )

ศีลข้อ 1

รายละเอียด

ศาสนาพุทธถ้าไม่มีศีลเป็นข้อกำหนดจะเป็นสมาธิไม่ได้ ไม่ตกผลึกตั้งมั่นเป็นสมาธิ ศีลเป็นข้อกำหนดเช่นสัตว์ คุณเกี่ยวกับสัตว์ เกิดกิเลสก็ล้างกิเลส มันมีกามมีพยาบาทก็ล้างออก ศีลข้อ 1 นะ คุณก็เกิด อธิจิต มีอธิปัญญา มีความเจริญในการล้างกิเลส มันไม่เที่ยง มันไม่เที่ยงมี 2 อย่างคือแบบหนึ่งมันมากขึ้นกับแบบหนึ่งมันลดลง เราก็เห็นความไม่เที่ยง จนกระทั่งมันจางหมดดับ เห็นความดับ นิโรธานุปัสสี มีธาตุรู้ปัญญาเห็นอาการจริงว่ามันดับ เรื่องของสัตว์นี่แหละ สัมผัสกับสัตว์ตัวใดก็มีแต่ความเอ็นดู มีความเกื้อกูลหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ไม่หาโทษภัยให้กับมัน ไม่ทำโทษไปให้กับมัน มันมีโทษก็เป็นวิบากของมัน ถ้าจะช่วยมันได้ก็ช่วย เจอแมลงตกในโถส้วมก็ช่วยมันหน่อยเอามันขึ้นอย่างนี้ มันก็ไม่เท่าไหร่

เจอไอ้เข้กับสิงโตมันกัดกันอยู่ เราไปช่วยไอ้เข้เดี๋ยวสิงโตมันงาบเรา จะบ้าหรือ มันเป็นเรื่องวิบากของมันให้มันกัดกันไป แม้แต่งูมันจะกินเขียดก็จะไปแย่งเขียด เดี๋ยวงูมันเป็นจงอาง ไปแย่งเขียดจากปากจงอางเดี๋ยวเถอะ พูดให้ชัดเจน

สรุปแล้วศีลเป็นตัวกำหนดเกี่ยวกับสัตว์ คุณทำให้บริสุทธิ์สะอาดได้ในข้อ 1 คุณจะเกิด อธิจิต มีอธิปัญญา จนมีอธิมุติ โน้มเอนไปสู่อธิวิมุติ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:46:14 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:58:05 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:44:13 )

ศีลข้อ 1

รายละเอียด

ศีลข้อ 1 เรื่องของสัตว์ คุณจะไม่ฆ่าคุณจะไม่ทำร้ายทำลาย คุณจะไม่เบียดเบียน คุณจะมีแต่กรุณา เอ็นดูกัน เอื้อเฟื้อเจือจานกัน หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ท่านตรัสไว้ชัดในรายละเอียดของศีลข้อ 1 

เพราะฉะนั้นในคนนี่เป็นสัตว์ชนิดที่จะต้องปฏิบัติจัดการปฏิบัติตามศีลของพระพุทธเจ้าสำคัญที่สุด สัตว์เดรัจฉานอาตมาก็พูดแยกให้ฟัง สัตว์เดรัจฉานแต่ละตัว ปล่อยมันไป มันอยู่ตามยถากรรมของมัน เราไม่มีเวลา ไม่มีเวลาจะไปจัดการกับวิบากกรรมของมัน เปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ สอนมันไม่ได้ มันเป็น อเวไนยสัตว์แท้ๆ สัตว์เดรัจฉานน่ะ ไม่ต้องไปก่อวิบากกับมัน โดยที่ไปเกี่ยวข้องกับมัน เอามันมาเลี้ยงเอามันมาฆ่ากินไม่ต้อง มันเป็นวิบากทั้งนั้น 

วิบากด้วยรัก เอามันมาเลี้ยง ยิ่งวิบาก เอามันมาใช้งาน คุณใช้งานมันคุณให้มันคุ้มไหม คุณว่าคุณรักมันคุณให้อะไรมันคุ้มไหม คุณเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย คุณก็จูงมันไปกินหญ้ามันก็กินของมันเอง แค่คุณจูงไป แต่คุณเอาประโยชน์จากควายเท่าไหร่ เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน ดีไม่ดีหลอกคนว่าควายตัวนี้ขาย 3 ล้าน 5 ล้าน ควายบ้าอะไรจะตัวละ 3 ล้าน 5 ล้าน เห็นไหมมันหลอกกัน ไม่รู้จะเอาไปบูชาหรืออย่างไรควาย 3 ล้าน 5 ล้าน พูดไปแล้วอาตมาเหมือนหยาบ ไปพูดว่าเขาแรงๆ ก็ต้องกระแทกแรงๆพวกนี้โง่ซับซ้อนแล้วหลอกอะไรกันนักกันหนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงาน ปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47 วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 22 เมษายน 2566 ( 15:26:51 )

ศีลข้อ 1 กับภาวะวิกฤติโควิด 19 ที่บ้านราชฯ

รายละเอียด

ผู้หลุดพ้นแล้วก็จะมีสาระสัจจะที่ว่า ชีวิตเราจะทำอะไรที่เป็นสาระ ตามหลักเกณฑ์ที่เราเกี่ยวข้อง 

1. อยู่กับสัตว์คนก่อน ที่อยู่ในฐานะที่ควรจะต้องยุ่งเกี่ยวกัน มีพันธกิจต่อกัน ก็ต้องรู้ว่า คนระดับนี้พวกนี้มีพันธกิจต่อกัน พวกที่ตัดไปว่าพวกนี้ทำอะไรก็ไม่มาเกี่ยวข้องกับเราหรอก เพราะมันนอกเขตเทศบาลก็ปล่อยเขาไป เราก็อยู่แต่ที่ทำแล้วมีผลเกี่ยวข้องกระทบถึงเรา เหมือนกับ covid ตอนนี้มันสอนเรา เป็นรูปธรรม อรูปธรรมหรือขั้นนามธรรม อรูปธรรมเลย จิตอย่าตก การ์ดอย่าตกนี่แค่รูปธรรมภายนอก จิตอย่าตก ต้องระมัดระวังแววไว และปรับตัวให้ดีในทุกขณะ ตอนนี้มันรุกอยู่เยอะ โควิด ต้องระมัดระวังจริงๆต้องอย่าประมาทคนข้างนอกนะ คนข้างในเราไม่มีปัญหามากเพราะพวกเราสะอาดไม่มีเชื้อเลย ก็ไม่มีปัญหา 

แต่ถ้ารับเชื้อมาคนนึง ให้รีบรู้ รีบจัดการอย่าว่าโหด อย่าว่าใจร้าย ต้องรีบจัดการเอาออกห่างให้ทันทีเลย ต้องตัดรอบเลย ไม่งั้นมามันไม่รู้เรื่องเลย covid มันมีหน้าที่ลุกลามอย่างเดียว มันไม่รู้เรื่องอะไรหรอก  เพราะฉะนั้นเราจะต้องฉลาดเหนือมัน ไม่อย่างนั้นเราตาย 

สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้  และตอนนี้เป็นความรู้…. ถ้าจะว่าไปแล้วเป็นความรู้ระดับโลกเลย คนที่รู้และคนที่เข้าใจอย่างจริง รู้จักวิธีป้องกัน รู้จักวิธีรักษา วิธีไม่ให้เกิดเลย covid ปลอดภัยจริงๆได้ สุดยอด ทุกวันนี้ สิ่งนี้เป็นการทดสอบ เจ้า covid เป็นการทดสอบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:19:09 )

ศีลข้อ 1 การมีเมตตาเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์

รายละเอียด

หวังประโยชน์ต่อสัตว์ทุกอย่างแม้แต่สัตว์เซลล์เดียว ช่วยกัน อนุเคราะห์เขาให้เจริญงอกงามไพบูลย์ เจริญไปจนกระทั่ง เซลล์เดียวนี้อาจจะไปเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในอนาคตอีกล้านล้านปีก็ได้ เซลล์นี้ ช่วยกันไป อย่าไปทำร้ายสัตว์ตายเลย เซลล์ใดเลย ที่เป็นเซลล์ชีวิตของชีวะ ของสัตว์ เริ่มตั้งแต่สัตว์แม้จะไม่เป็นมนุษย์ก็ตามเป็นจิตนิยาม นี่เป็นความเมตตาเป็นความไม่ทำร้าย ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่ฆ่าสัตว์ ปรารถนาดีต่อสัตว์ทุกตัวเลย คนนี้มีปาฏิหาริย์ตามคำสอนพระพุทธเจ้า ยิ่งใหญ่กว่าเหาะได้ ยิ่งใหญ่กว่าทำนายทายทักเก่ง หรือมีปากประกาศิต สั่งให้ขี้แตกก็แตกอะไรอย่างนี้ สั่งให้ท้องร่วงก็ท้องร่วง สั่งให้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ราวกับเป็นปากศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้เรื่องหรอกอย่างนั้น 

แต่นี่พูดอย่างนี้บอกอย่างนี้แล้วทำตามคำสอนได้เป็นคนประเสริฐเป็นคนเจริญ คนไม่ทำร้ายใครเลยมีแต่เมตตาหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่เป็นคนประเสริฐ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ปฏิบัติ ไม่ฆ่าสัตว์ไม่ทำร้าย มีแต่เมตตาเกื้อกูลสัตว์อื่นทั้งหมด ผู้นี้มีปาฏิหาริย์แล้ว ทำปาฏิหาริย์ตามคำพูดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเรียกว่า อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ตามศีลข้อ1

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:01:06 )

ศีลข้อ 1 ปาณาติปาตา

รายละเอียด

ศีลข้อ 1 ปาณาติปาตา ปฏิบัติกันตั้งแต่อย่าฆ่าสัตว์ที่เป็นสัตว์ที่มี“ร่าง”ที่ยังไม่เป็น“กาย”คือ “ร่าง(สรีระ)”ที่เป็น“ซากศพ” หรือ“ร่าง”ที่ไม่มี“กายภายใน”ร่วมรับรู้กันเป็น“อายตนะ” 

“อายตนะ”คือ “ภาวะที่ทั้งรวมกันของภาวะ 2 คือ “อายกับตน”ที่ผู้“อวิชชา”แยกไม่ออก ต้องเป็นผู้มี“วิชชา”จึงจะแยกออกได้ว่า เป็นภาวะของ“นาม-รูป”เป็นต้น นามรูปปรุงแต่งก็เป็นอายตนะ ในปฏิจจสมุปบาท สังขารวิญญาณนามรูปอายตนะ เป็นกลุ่มหนึ่ง รายละเอียดต่อไปอีกเป็นผัสสะเวทนาตัณหาอุปาทานภพชาติอีกกลุ่มหนึ่ง หรือจะเอาภพชาติไว้ทั้งสองนี่ก็ได้ เกิดเป็นภพเป็นชาติ เพราะฉะนั้นเอาแต่แค่ผัสสะเวทนา ตัณหาอุปาทานอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้ ปรุงแต่งกันตามผัสสะแล้วก็มีเวทนา ส่วนรูปนามนั้นหยาบกว่า ผัสสะก็เป็นขั้นเวทนาจะละเอียดขึ้น เพราะฉะนั้นจะละเอียดไปถึงขั้นเรียนเวทนาก็ไปแยกเวทนาที่จะมีตัณหาหรืออุปาทานในเวทนา แล้วก็จัดการกับตัณหาหรืออุปาทาน จัดการตัวนั้นได้ ภพ ชาติ จึงจะดับ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:56:07 )

ศีลข้อ 1 เกี่ยวกับสัตว์

รายละเอียด

ศีลข้อที่ 1 ข้อควรประพฤติเมื่อสัมผัสกับสิ่งมีชีวิต(อธิศีล) ในการไม่เบียดเบียนสัตว์ เอ็นดูเมตตาสรรพสัตว์ สัมผัสสัตว์แล้วเกิดจิตเอ็นดู แม้สัตว์นั้นมีพิษ น่ากลัว ก็ยอมที่จะให้ทำร้าย แต่จะไม่ทำลายเขาด้วยจิตที่เมตตาปราณี  ยิ่งถ้าได้ลงมือช่วย กรุณาสัตว์ในยามยากก็จะกระทำโดยไม่หวังประโยชน์จากสัตว์ทั้งปวง(อธิจิต) สุดท้ายไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่เอาเลือดเนื้อสัตว์น้อยใหญ่มาต่อชีวิตตนเอง(อธิปัญญาจนถึงวิมุติ)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้าพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ศีล 3 ข้อแรกคือสามเส้าหลักสู่อรหันต์


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:34:51 )

ศีลข้อ 1 เป็นการสร้างสันติภาพที่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในความรู้อันยิ่งใหญ่ ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ไม่กินเนื้อสัตว์ ดีที่ได้ขั้นหนึ่งไม่ฆ่าสัตว์ก็ดี อย่างฮิตเลอร์ ไม่ฆ่าสัตว์ไม่กินเนื้อสัตว์แต่ฆ่าคน เห็นความโง่ซับซ้อนไหมฮิตเลอร์ ไม่ฆ่าสัตว์แต่สัตว์ขนาดคนฆ่าเป็นเบือเลย นี่คือความโง่สลับซับซ้อนโดยที่ตัวเองยังไม่รู้เรื่อง อำนาจบาตรใหญ่อะไรต่ออะไรมันอยู่ข้างหน้า 

ศีลข้อ 1 เป็นการสร้างสันติภาพที่ยิ่งใหญ่ ถ้าคนเข้าใจแล้วเห็นว่าสัตว์เป็นชีวิตเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งหลายอยู่ ขนาดระดับคน คนไม่ฆ่าคนแล้ว ฆ่าคนไม่ลงแต่เขายังฆ่าสัตว์อยู่ เพราะเขายังติดในเนื้อสัตว์ ยังไม่มีปัญญารู้ว่าสัตว์ทั้งหลายก็เป็นชีวิตเหมือนกัน เขาก็ไม่รู้เรื่องเหมือนคน มันจะสู้คุณได้หรือ สู้ไม่ได้หรอกขนาดช้างยังสู้ไม่ได้เลย เสือยังสู้ไม่ได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:12:57 )

ศีลข้อ 1 เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์

รายละเอียด

มาเรียนรู้อันนี้ได้ ก็มาสรุปเรียนรู้ตั้งแต่เกี่ยวกับสัตว์ สัตว์เดรัจฉานก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันมาก มันเกิดให้มันไปตามยถากรรม วิบากกรรมของมัน เราไม่ต้องไปทำอะไรกับมันมากหรอก ไม่ต้องไปเกี่ยวเกาะกับมัน คนที่เกิดมาอยู่ร่วมกันนี่แหละยังมีวิบากร่วมกันที่เกี่ยวเกาะร่วมกันอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเชิงรักเชิงชัง ยังเกี่ยวเกาะกันอยู่นักต่อนัก เพราะฉะนั้นในพวกเราแต่ละคนๆ ก็มีนิยายของแต่ละคน ใช่ไหม จะเห็นได้ว่า เออ มันก็เชิงรักเชิงชัง ไปติดในกาม ติดในสถานะอะไรอื่นๆอีก เฮ้อ!

แล้วสถานะอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นสถานะของลาภยศสรรเสริญอะไร มันก็ยังเหลือตัว รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส กว่าจะมาเรียนรู้ แล้วก็หมดติดหมดยึด การหมดติดหมดยึด การเป็นอุเบกขา การเป็นความไม่ผลักไม่ดูด ไม่สุขไม่ทุกข์แล้ว จิตกลางๆ เป็น “อนุปคัมมะ” 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 10:56:15 )

ศีลข้อ 2

รายละเอียด

ศีลข้อ 2 คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ในสิ่งของอุปโภคบริโภค

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:36:45 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:13:05 )

ศีลข้อ 2

รายละเอียด

ศีลข้อ1 เรื่องสัตว์ เรื่องชีวิต เรื่องเมตตา เรื่องไม่ละเมิดทางชีวะกัน ศีลข้อ 2 เรื่องทุจริต สุจริต อาตมาเคยสรุปแล้ว ศีลข้อ 3 เรื่อง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) 

อาตมาก็ยังจำได้เรื่องของเบญจวรรณ นี่แหละเป็นเรื่องจริงของจิตวิญญาณ และเป็นสำนึกของคน สำนึกดี เห็นจริงว่าโอ้โห อย่างนี้ต้องเอาแบบนี้และมีสังคมแบบนี้ด้วย มีระบบแบบนี้ ศีลสมาธิ ปัญญาแบบนี้ แล้วคนก็มาเอา 

งบลับแค่ 500 ล้าน แม้มันเป็นแสนๆล้าน งบประมาณ ก็ไม่เอา ตัวอย่างเช่น

คุณจำลองนี่ไง บริหารตั้งแต่ กทม.มา จนกระทั่งมาทางการเมือง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 19:00:15 )

ศีลข้อ 2 เกี่ยวกับสิ่งของและพืช

รายละเอียด

ศีลข้อ 2 ข้อควรประพฤติเมื่อสัมผัสกับสิ่งของ (อธิศีล) รู้ว่าของสิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา อย่าไปคิดแม้จะวิสาสะหยิบมาโดยไม่ขออนุญาต (อธิจิต) มาร่วมกันสร้าง แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ (อธิปัญญา) ไม่สะสมเป็นของตนเอง รู้จัก “พอ”ใช้แบบพอเพียง ส่วนเหลือนำเข้าส่วนกลางเป็นสาธารณโภคี(วิมุติ)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้าพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ศีล 3 ข้อแรกคือสามเส้าหลักสู่อรหันต์


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:39:19 )

ศีลข้อ 2 ให้หมดความโลภเกี่ยวกับของเกี่ยวกับพืช

รายละเอียด

ศีลข้อที่ 2 อาตมาสอนมา 50 ปี ยังไม่เห็นพ้นศีลเลย ยังเอาศีลมาอธิบาย แล้วก็ยังทำกันได้ไม่เท่าไหร่เลย จำนวนมากก็ยังฟังไม่ขึ้นไม่เข้าใจไม่โน้มน้อมไม่นำไปปฏิบัติตาม ยังเป็นอยู่เฉยอยู่อย่างนั้น ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับของกับพืช ศีลข้อ 1 เกี่ยวกับสัตว์ ศีลข้อ 2 เกี่ยวกับของกับพืชซึ่งพืชเป็นชีวะ ที่ไม่มีบาปไม่มีบุญ เป็นชีวะที่ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ 

ในพระไตรปิฎกไม่มีอย่างที่อาตมาอธิบายทีเดียวแต่อาตมายืนยันว่าไม่ได้อธิบายผิดอธิบายถูกต้อง พืชนี้ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ มีแต่สัญญาสังขารมีรูปเป็นพืช เวทนาก็ไม่มีไม่มีความรู้สึกสุขทุกข์ ชอบชังไม่มี เพราะฉะนั้นจะไปเป็นวิญญาณเป็นองค์รวมของจิตเจตสิกต่างๆไม่มี 

เพราะฉะนั้นจึงเป็นอาหารคนได้ เป็นสังขาร เป็นของปรุงแต่งกลางๆ ถ้าจะให้คุณกินดินทีเดียว มันก็กินได้บางอย่าง เป็นวัตถุ ดิน วัตถุธาตุดินเช่น เกลือหรือดินบางอย่าง ดินโป่ง ดินแป้ง คนจีนกินของร้อนเก่ง เอาตะเกียบคีบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:16:53 )

ศีลข้อ 3 เป็นเรื่องของราคะ

รายละเอียด

เกี่ยวกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เลิก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ออกมา กิเลสมันอยู่ในนี้  อันนี้จะบอกว่าเป็นเบื้องต้นก็ได้ จะบอกว่าเป็นเบื้องปลายก็ได้ในฐานของกามคุณ 5  เช่นคนติดในรสของราคะ รสของกาม ไปเกี่ยวกับสัตว์ สัตว์ที่เป็นผู้หญิง คุณก็มี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่เกี่ยวกับผู้หญิงเป็นต้น ข้อที่ 3 จึงเป็นเรื่องของราคะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:50:41 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:18:52 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:58:55 )

ศีลข้อ 3 รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

รายละเอียด

มีศีลข้อ 1 และกำลังกล่าวเกี่ยวกับศีลข้อ 2 เกี่ยวกับพืชกับวัตถุนะ สัตว์บอกไปแล้วให้ตัดรอบ เหลือวัตถุกับพืช แล้ววัตถุกับพืชนี่แหละเกี่ยวข้องกับศีลข้อ 3 รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เห็นรูปนี้ก็สวยคุณยังสุขยังทุกข์อยู่กับสิ่งนี้ใช่ไหมในวัตถุในพืช  เห็นสร้อยคอนี้ก็งาม เห็นเขาแต่งแฟชั่นก็สวย ขี้หมาแน่ะ แฟชั่น 

ผู้หญิงนี่เป็นไง พวกคุณจืดจางในแฟชั่นผู้หญิงไหม เห็นไหมพวกเราสลัดได้แล้วมันก็จะไม่มีปัญหา ปัดโธ่… ไอ้สวยขี้หมาอย่างนั้นปรุงแต่งกันไป เราไม่ไปเสียเวลาทุนรอนแรงงานไปยุ่งเกี่ยวกับมัน เราอยู่อย่างนี้ทางโลกเขาว่าเราอยู่อย่างโทรม แต่เราอยู่อย่างสะอาดบริสุทธิ์ แต่ของพวกเขานั้น ขยะทั้งเพ เอาเข้าไป หน้าก็ไม่รู้ปะกี่ชั้น ทั้งนั้นๆ 

พูดไปแล้วพวกคุณจะชัดเจนว่า แต่ก่อนพวกเราก็โง่ เราก็บ้าบอ แต่พวกเรามีบารมีก็ไม่ได้ไปติดหนักหนาอะไรเหมือนคนโลกๆเขาเท่าไหร่ แม้แต่เป็นผู้หญิงก็ตาม ยิ่งผู้ชายนั้น ไปทำอย่างนั้น มันก็เป็นกระเทยเท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 18 มกราคม 2566 ( 12:36:08 )

ศีลข้อ 3 เกี่ยวกับจรณะชัดเจน

รายละเอียด

เข้าสู่จรณะ ชัดเจนมากแล้ว เรื่องของศีล เรื่องของสัตว์ก็เป็นเรื่องของสัตว์ เรื่องของข้าวของก็เป็นเรื่องของข้าวของ เรื่องของกามคุณ 5 ก็เป็นเรื่องของกามคุณ 5 ศีลทั้ง 3 ข้อใหญ่ๆนี้ ข้อ 1 2 3 ส่วน วจี กับจิต ก็เป็นนัย ละเอียดต่อไปส่วนสภาวะจิตนั่น 3 ข้อแรก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 14:15:47 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 04:02:29 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:43:09 )

ศีลข้อ 3 เป็นเรื่อง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

รายละเอียด

ศีลข้อ 3 นี่แหละโดยตรงของศาสนาพุทธ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสทางกายทางใจ แม้สัมผัสทางกาย ต้องเรียนรู้เลยว่า มันละเอียดลออถึงขั้น คุณจะหลงสุขเพราะรูป หลงสุขเพราะกลิ่น หลงสุขเพราะเสียง เพราะรส เพราะกลิ่น เพราะสัมผัสเสียดสี ทางนอกทางใน ครบหมดเลย 

ถ้าเรียนรู้จริงและปฏิบัติจริงซึ่งเป็นคนปาฏิหาริย์เป็นอรหันต์จริง เพราะฉะนั้นแม้แต่แค่นิดหน่อยไม่กินเนื้อสัตว์เป็นปาฏิหาริย์ เป็นโสดาบันปฏิหาริย์ เป็นอรหันต์ ยังไม่ปาฏิหาริย์ได้หรือ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:59:50 )

ศีลข้อ 4 ข้อ 5เกี่ยวกับวจี มโน

รายละเอียด

ก็อ่านอาการ ลิงค นิมิต ต้องทำเครื่องหมายรู้ตัวเองว่าอาการใจอย่างนี้เป็นกาม แล้วพิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์ มันเป็นทุกข์ เรียนรู้ให้เห็นความจริง หากกิเลสกามลดลงก็เกิดปัญญา แสดงว่าความเข้าใจ ความรู้ความฉลาดของคุณเพิ่มขึ้นเป็นพลัง เรียกว่าพลังงานฌาน ไประงับ ไฟราคะโทสะโมหะ ลดลงได้จริงๆ คุณปฏิบัติเห็นอาการนี้จริงนั่นคือได้เรียนรู้ปฏิบัติจริงอย่างที่อาตมาพาทำ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2563 ( 17:56:45 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:23:23 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:59:48 )

ศีลข้อ2 เป็นเรื่องของการทุจริต

รายละเอียด

คือ เอาหรือไม่เอ าแย่งหรือให้ ปฏิบัติธรรมไปจะรู้มุมเหลี่ยม ในการปฏิบัติคู่ไหนในการปฏิบัติอย่างไร หรือสามเส้า คุณเป็นประธานและปฏิบัติไปหรือว่ามีสิ่งอื่น มาเกี่ยวข้อง คุณก็มีปฏิภาณปัญญา  สมรรถนะแยกแยะได้ ไม่สับสน สามเส้า สี่เส้า มี ห้า หน่วย หกหน่วย คุณก็มีปัญญาจัดการได้ในแต่ละปริเฉทที่ควรจะปฏิบัติ ก็อย่าไปเอามากเกิน แค่ 5 หรือ 6 ก็พอแล้ว ถ้า 7 นี่ต้องเก่งถ้าจะมีองค์ประกอบถึง 7 อย่าง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:52:04 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:17:14 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 08:58:30 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์