@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ขีณาสพ

รายละเอียด

พระอรหันต์

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 10:08:10 )

ขีณาสวะ

รายละเอียด

1. ผู้มีอาสวะที่ถูกทำลายแล้ว

2. ทำลายเฉพาะอาสวะ

3. สิ้นอาสวะ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 261 , 367

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 199


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:05:10 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:23:12 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:05:34 )

ขีณาสโว

รายละเอียด

ผู้สิ้นอาสวะแล้ว

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 542


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:05:52 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:23:52 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:06:22 )

ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ น โหติ ปรมฺมรณาติ

รายละเอียด

พระอรหันต์ เมื่อตายไปแล้วย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก [กล่าวอย่างนี้ไม่ได้]

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 541


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:06:45 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:24:33 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:06:50 )

ขี้ตู่พระอาริยะ

รายละเอียด

จงศรัทธาในพระพุทธเจ้าอันนี้เป็นลักษณะบังคับคำสั่งเป็นลักษณะเทวนิยม 

ขอแวะแย้งท่านผู้นี้หน่อยว่ามีสักคำไหมในโลกที่อาตมาพูดไปแล้วเป็นลักษณะอวดดีกว่าพระพุทธเจ้า  คุณมาขี้ตู่โต้งๆ อาตมายังไม่ได้แม้จะอวดดีเป็นระดับ 8 เลย แม้แต่ภาษาหรือความหมายของลักษณะไม่ได้ยากอะไร คุณก็ยังเข้าใจไม่ได้แล้วขี้ตู่อาตมา แล้วคุณขี้ตู่ อาริยะ ความรู้ของคุณ ซึ่งอาตมาก็ไม่ได้ไปตำหนิศาสดาไม่ได้ไปตำหนิพระพุทธเจ้า และแน่นอนอาตมาต้อง Modify ตามภูมิปัญญาอาตมา คุณก็ Modify ของคุณเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 10:32:40 )

ขี้เกียจ ขี้โกงเป็นบาป

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อเราว่าเรามีความรู้รอบคร่าวๆ อย่างที่อาตมาขยายความไปนี้ อยู่อย่างไม่เป็นภาระใครแล้วยังเป็นที่พึ่งให้แก่ใครอีก คิดค่าสมรรถนะของเราในแต่ละวัน งบดุลดูแล้วเราคุ้มกินคุ้มใช้ของเรา ไม่เป็นหนี้ เป็นสัจธรรมแล้วไม่เป็นหนี้ แต่ใครมาเกาะกินก็เป็นหนี้ ทำอย่างไม่เหมาะสมควร ยังไม่แก่ยังไม่เจ็บป่วย เอาแต่ก็ขี้เกียจอยู่ไปอยู่มา เหมือนมีใครคนหนึ่งที่เห็นว่าขี่มอเตอร์ไซค์ไปมาที่บ้านราชฯนี้ เมื่อเช้านี้ก็มีอยู่คนหนึ่ง (คนว่าเขาไปแล้ว) แล้วบอกว่า ตอนกลับไปนี้มีของเยอะด้วย เห็นว่าตอนมาก็มาแต่ตัว แต่ตอนกลับมีของเยอะ เหมือนนายยักษ์ ตอนมาก็ของน้อย แต่ตอนกลับของเยอะ คนอย่างนี้ก็มี อย่าให้ทำบาป 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:42:59 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:10:28 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:07:38 )

ขี้เหร่จริงหนอทองคำชาวอโศก

รายละเอียด

ทองคำของชาวอโศกนี้มีสีดำขึ้นด้วยนะบอกใครก็ไม่เชื่อว่านี่ทองคำนะ ที่จริงไม่ได้ดำด้วยตัวมันเองมันเกิดตามวิธีการสร้าง เราสร้างเจดีย์ไม่มีปัญญาจะเอาทองคำมารอเลยเป็นตัน เราก็เลยรอได้เป็นทองเหลือง ทองเหลืองก็หนาพอสมควร เราก็ใช้ทองคำ Gold Master พ่น ใช้เครื่องพ่น ซื้อมาจากอเมริกา 2 แสนกว่าบาท ก็เอามาพ่น จากทองคำแท้ๆที่ทำเองที่ปฐมอโศก ที่ศาลาช่าง ก่อนจะพ่นทองคำเขาก็ต้องพ่นนิกเกิล ก่อนจะพ่นต้องใช้น้ำยาประสาน เพราะเอาทองคำพ่นทองเหลืองเลยมันไม่ติดต้องใช้นิกเกิลเป็นตัวประสาน แล้วก็เอาทองคำปิดหุ้ม แต่ว่าทองคำ Gold Master พ่นไปแล้วมันก็ต้องมีรูอากาศ มันละเอียดแต่ไม่เห็นรูมันหรอก รูมันอากาสาฯความว่าง ดินน้ำไฟลมจะรวมกันอยู่และมีร่องอากาศเล็กน้อยละเอียดมาก อากาศคือตัวเชื่อมเป็นช่องว่างที่มาเชื่อมมันไม่ปิดสนิททีเดียว มันมีร่อง   เพราะฉะนั้นเป็นทองคำจริงๆใหม่ๆสีเหลืองทองสวยเลยนะ เสร็จแล้วความปรารถนาดี ผู้ที่ทำก็สิ้นชีวิตไปแล้ว คนเจตนาดีทำ เขาก็ปรารถนาดีเขาก็เอาน้ำยาไซยาไนด์ เขาเป็นช่างทองบ้านเขาเป็นช่างทอง เขาก็เอามาเช็ดถู ออกมาล้างด้วยไซยาไนด์ เพื่อให้ทองมันใสมันสวย เพราะเขาเคยใช้ แต่หารู้ไม่ว่า น้ำยานี้มันแทรกในทองคำ Gold Master เข้าไปทำปฏิกิริยากับนิกเกิลข้างใน ก็ดำปี๋เป็นสนิมออกมา ที่จริงสนิมของนิกเกิล ไม่ใช่สนิมของทองคำ ทองคำเป็นสนิมไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์จะเป็นสนิมเลยเด็ดขาด อะไรก็กินมันไม่ได้ สนิมของนิกเกิลก็ออกมาหุ้มเจดีย์เจดีย์ก็เลยสีดำไปดำไป จนทุกวันนี้ยังดำอยู่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:17:14 )

ขี้ไคลคือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนผิวหนัง

รายละเอียด

ขอตอบก่อนว่า ขัดขี้ไคล แต่ขี้ของใครก็ของใคร อย่าเอาไปเลอะเทอะกัน ขี้ไคลคือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ที่ผิวหนัง มีตั้งแต่น้อยๆจนถึงหนาๆ คนที่มีขี้ไคลเยอะๆนะจะไล่ไปอาบน้ำ หมายถึงแค่นั้นแหละไม่มีอะไรมาก ถ้าปล่อยให้เป็นขี้ใคร มาอยู่ในชีวิตตัวเองก็แย่แล้ว ขี้ไคลนี้มีน้อยมากติดตัวไม่เหมือนขี้ใครเป็นอุจจาระ คำไหนถูก ก็คือ ขี้ไคล ไม่ใช่ ขี้ใคร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:33:10 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 08:11:09 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:09:48 )

ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ดี

รายละเอียด

เศรษฐกิจคือจะต้องขึ้นค่าแรงให้คนจะต้องทำให้คนรวยสังคมโดยประเทศรวย จ้างก็ทำไม่ได้มันย้อนแย้งในตัวมันเองมันไม่ฉลาดพอ มันต้องมาทำให้จนมันต้องมาทำให้ลดลงอย่างในหลวง ร.9 ตรัสไว้อย่างพระพุทธเจ้าพาทำ อย่างอาตมาพาทำ อาตมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้พวกเราเสร็จเพราะอาตมาพาพวกเรามาจน พอมาจนได้ที่จิตของเรามันมี เลี้ยงง่าย(สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ)  มันจบกิจ กตํ กรณียํ นารํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ มันจบกิจเลยสบายไม่ดีดดิ้นไปกว่านี้ นี่แหละคือสงบจบกิจ มันสำเร็จ 

แต่เขาแก้ปัญหาแบบไม่มีปัญญา แบบที่เขาคิดกันแบบโลกียะหรือเทวนิยม มันเป็นความรู้ทางโลกียะทางโลกๆ ที่โลกเขาเรียนกัน ขนาดชาวพุทธเองก็ยังเข้าใจยาก อย่างเถรสมาคม ตัวเองแก้ปัญหาตัวเองไม่ได้เลย แก้ปัญหาเรื่องเงินทองไม่ได้แม้แต่เป็นพระเป็นเจ้ายังเละเทะ ศึกษาไปดีๆ

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 23 การเมืองไทยวันนี้คือ สงครามความรู้กับการกระทำ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 16:00:34 )

ขึ้นพ.ศ.2564 คอยดู New โพธิรักษ์

รายละเอียด

เพราะว่ามันเป็นแนวลึกที่อาตมาก็วันนี้ไม่ได้เจตนาจะพูดการเมืองนะ แต่เห็นแฟ้มการเมือง ก็ขอพูดนิดหน่อยเท่านั้น เพราะวรรคเว้นไปเข้าโรงซ่อมมา สังเกตไหมว่าฟิตแอนด์เฟิร์ม ขนาดไหน เดี๋ยวขึ้น พ. ศ. 2564 แล้วก็จะเป็น New โพธิรักษ์ คอยดูเถอะ..เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอกไม่เกริ่นกล่าวให้รู้ตัว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:35:34 )

ข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง

รายละเอียด

พูดไปแล้วก็เหมือนกับข่มไปว่าเขา ว่ามันผิด เราก็ว่าผิด มันไม่ถูกต้องก็ว่าไม่ถูกต้อง นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ ควรข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง ก็หาว่าไปข่มไปดูถูกดูแคลน ก็มันดูถูกจริงๆว่ายังไงก็ไม่ผิด ก็ต้องพูดสิ่งที่ไม่ผิดไป ก็ต้องพูดถูกสิ พูดสิ่งที่ผิดเป็นสิ่งที่ผิดจริงๆ มันก็ต้องถูกสิ อาตมารู้จักความผิดที่ผิดจริง เมื่ออาตมาพูดไปว่ามันผิดจริง มันก็ต้องถูกสิ แต่มันพูดไปผิดๆเพี้ยนๆ อย่างเช่นอาตมา อาตมาว่าถูก เขาก็เข้าใจผิด อาตมาเข้าใจความถูกเป็นความผิด แล้วเขาก็นึกว่าเขาถูก คนนั้นก็อยู่ในวัฏสงสารต่อไป ก็เป็นผู้ที่น่าสงสารต่อไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนังพญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 22 พฤษภาคม 2565 ( 14:03:51 )

ข่มคนที่ควรข่ม  ยกย่องคนที่ควรยกย่อง

รายละเอียด

การทำใจในใจแบบชาวอโศก ก็เป็นแบบลืมตา เป็นโพธิปักขิยธรรม มีโพชฌงค์ มีมรรคมีองค์ 8 แต่ของเขานั้นนั่งหลับตา แม้สายเรียนปริยัติ เรียนดร.เรียนเปรียญ 9 ก็ตาม เขาก็ยังถือว่าการนั่งหลับตา หรือไม่ถือเขาก็ยังไม่ชัดเจน ยังพ้น สักกายทิฏฐิ คำว่า กาย ยังไม่ได้ ยังไม่รู้จักคำว่าบุญ ยังไม่รู้จักคำว่า ฌาน ไม่ต้องพูดถึงสมาธิ  ยิ่งนิโรธ นิพพาน  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย อาตมาพูดชัดพูดตรง แล้วแยกให้ฟังด้วยว่าอันโน้นผิดอันนี้ถูก 

ด้วยความไม่ได้ข่มเบ่งไม่ได้อยากอวดอะไร พูดสัจจะความจริงเท่านั้น ตามสิทธิมนุษยชน ที่เจตนาดี อาตมาเห็นใจสงสาร ไม่ได้ไปเบ่งไปข่มอะไร แปลภาษามันต้องเป็น นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ  ควรข่มคนที่ควรข่ม  ยกย่องคนที่ควรยกย่อง มันต้องข่ม จะไปชมได้อย่างไรเพราะมันผิด ภาษามันต้องตรง มันต้องข่มสิ่งที่ควรข่ม ชมสิ่งที่ควรชม ผู้ที่ทำถูกก็ต้องถูกชมและผู้ที่ทำถูกก็คือชาวอโศก ก็เลยชมแต่ตัวเองชมแต่ชาวอโศก- ปัดโธ่เอ๊ยโพธิรักษ์ เขาก็สมเพชเราเหมือนกันนะ เขาก็บอกว่าเราได้แต่คุยตัวเองชมพวกตัวเอง จะให้ไม่ชมได้อย่างไร ชมก็ชมสิ่งที่ถูก ตำหนิก็ตำหนิสิ่งที่ผิด ก็ยืนยันว่าอาตมาทำความผิดไม่เป็น ทำเป็นแต่ความถูก จบ ไม่เชื่อก็ช่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มกราคม 2566 ( 13:16:34 )

ข่มคนที่ควรข่มยกคนที่ควรยก

รายละเอียด

ก็ขอบคุณที่เตือนอาตมาเรื่องนี้ อาตมาก็ประมาณทุกอย่าง แม้แต่เรื่องการประมาณตนอัตตัญญุตาว่าเราเป็นผู้ที่ได้ขนาดไหน อาตมารู้ว่าอาตมาก็พูดได้ขนาดนี้ คุณอย่ามาทำ มัน ไม่ใช่ ไม่ใช่การยก ต้นทุนไม่เท่ากับอาตมา คุณทำอย่างอาตมาไม่ได้หรอก แต่คนอื่นแทนอาตมาทำขนาดนี้เขาก็กลัวเพราะท่านก็ทำให้เขากลัวอยู่ในชีวิต อันนี้เขาก็ไม่กล้าเขาก็เลยมาเทียบกับอาตมา ในโลกนี้ถ้าไม่มีผู้ที่เหนือกว่าแล้วก็มาข่มคนที่ต่ำกว่า โลกนี้สิ่งที่ต่ำมันสูงอยู่ตลอดกาลมันไม่มีทางลดได้ เพราะฉะนั้นคนที่สูงจริงๆเข้าใจจริงๆว่าเราต้องข่มคนที่ ควรข่ม ยกคนที่ควรยก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:56:45 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:12:01 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:14:37 )

ข่มจิตด้วยวิขัมภนปหาน คนหลับตาก็ยังไม่รู้เลย แล้วจะลดละจริงได้อย่างไร?

รายละเอียด

และไม่ใช่“ข่มกิเลส”ด้วยนะ! เพราะการปฏิบัติด้วยวิธี

“ข่มกิเลส”นั้นแม้แต่ตัวกิเลสผู้้ปฏิบัติก็ยัง“ไม่รู้จัก”ด้วยซ้ำ ตั้งแต่“สักกาย”ที่เริ่มจาก“กายกลิ”เป็นขั้นต้น ก็ยังไม่รู้หรอก ถ้าผู้ปฏิบัตินั้นยัง“ไม่พ้นมิจฉาทิฏฐิ”หรือยัง“มิจฉาทิฏฐิ”ในคำว่า“กาย”

ความเป็น“สังโยชน์”พระพุทธเจ้าจึงขึ้นต้น“ข้อที่ 1” ด้วย

การเรียนรู้ความเป็น“กาย”กันก่อนอื่น ชัดเจนมั้ย? 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 284 หน้า 221


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:06:52 )

ข่มเขาโดยไม่มีอกุศลจิตแทรกจะเป็นผลอย่างไร

รายละเอียด

แล้วมันจะเป็นผลอย่างไรอาตมาทําแล้วไม่มีผลต่ออาตมาเพราะอาตมาไม่มีอกุศลจิตแทรกในจิตอาตมา แต่คนที่เขาฟังและถูกกระทบเมื่อมีผลกระทบแล้วเขาก็จะตอบโต้ การตอบโต้ไม่ตอบโต้นี่แหละ ตัวคนอีกฝ่ายหนึ่ง จริงๆแล้วเขาจะตอบโต้อาตมาก็มีอยู่ 2 นัย 

เขาจะตอบโต้อาตมาแล้วจะตอบโต้ได้ไหม ถ้าเขาตอบโต้ได้เขาก็จะตอบ แต่เขาตอบโต้ไม่ได้เขาก็จะพยาบาท

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:35:51 )

ข่าวดี งดสาดน้ำช่วงสงกรานต์ปีนี้ 2564

รายละเอียด

เป็นความฉลาดมากจริงๆอาตมารณรงค์และพูดมาแล้วเรื่องนี้ จนเมื่อย ถ้าหากอยากจะสาดน้ำทำให้ชิบหายวายป่วงก็ทำกันไป แล้วเรื่องการสาดน้ำ ในเรื่องสาดน้ำหน้าร้อนหน้าแล้งที่ไม่ค่อยมีน้ำ น้ำน้อย น้ำแล้งหาน้ำได้ยาก แล้วเอาน้ำมาสาดกันเล่นสนุกสนาน อาตมาว่ามันโง่ มันทำอะไรเสียหายไม่เข้าเรื่องกับสิ่งที่ควรจะเป็น มันควรเลิกโง่ ประเทศอื่นเขาไม่มีก็ฉลาดกว่าแล้ว แต่ยังอยากจะมาได้ตามประเทศไทยอันนี้โง่กว่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 20:48:58 )

ข่าวทะเลาะกัน

รายละเอียด

ไม่จริงหรอกอโศกก็ไม่ทะเลาะกัน อโศกเราก็มีทั่วประเทศชุมชนอโศกไม่ได้ทะเลาะกัน ตำรวจไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยกับเรา ไม่ต้องมาดูแลรักษาช่วยอะไรเลย แต่ถ้าเรามีงานก็ขอให้ตำรวจมาช่วยเขาก็มา ที่นักข่าวมักจะนำเสนอก็คือข่าวทะเลาะกัน แต่พวกที่อยู่กันอย่างสงบนักข่าวไม่ค่อยนำเสนอเพราะมันไม่ปลุกเร้า ก็ควรปลุกเร้าความดี ให้ทำความดีตามกันไปได้ แต่ก็ไม่ค่อยประกาศ มันซ้อน หากอันไหนดีการจะช่วยกันโปรโมทไมค่อยทำ มีคนพูดว่า เรื่องริษยาประเทศไทยก็มีมาก อาตมาไม่แปลกใจ จะมีคนริษยาอาตมาอยู่ในสังคม ก็ไม่มีปัญหา อาตมาก็ทำงานสู้ๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 11:28:26 )

ข้อ 142 พราหมณ์โปกขรสาติสดับข่าวพระสมณโคดม

รายละเอียด

[142] ก็สมัยนั้น พราหมณ์โปกขรสาติอยู่ครองนครอุกกัฏฐะ ซึ่งคับคั่งด้วยประชาชนและหมู่สัตว์ อุดมด้วยหญ้า ด้วยไม้ ด้วยน้ำ สมบูรณ์ด้วยธัญญาหาร  ซึ่งเป็นราชสมบัติอันพระเจ้าปเสนทิโกศล พระราชทานปูนบำเหน็จให้เป็นส่วนพรหมไทย.

พราหมณ์โปกขรสาติได้สดับข่าวว่า พระสมณโคดมศากยบุตรทรงผนวชจากศากยสกุลแล้ว เสด็จจาริกไปในโกศลชนบท พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ  500 รูป ถึงอิจฉานังคลคามโดยลำดับ ประทับอยู่ ณ ราวป่าอิจฉานังคลวัน เขตอิจฉานังคลคาม ก็เกียรติศัพท์อันงามของท่านพระโคดมพระองค์นั้นแล ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า

แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้วทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม

พระตถาคตพระองค์นั้น ทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตามพระองค์ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ก็การได้เห็นพระอรหันต์ทั้งหลาย เห็นปานนั้น ย่อมเป็นการดีแล.

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:11:14 )

ข้อ 145 อัมพัฏฐยังถือตนยกตนเสมอพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

 [145] ฝ่ายอัมพัฏฐมาณพ เดินปราศรัยบ้าง ยืนปราศรัยบ้าง กับพระผู้มีพระภาคผู้ประทับนั่งอยู่ พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า อัมพัฏฐะ เธอเคยสนทนาปราศรัยกับพวกพราหมณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์เหมือนดังเธอ เดินบ้าง ยืนบ้าง สนทนาปราศรัยกับเราผู้นั่งอยู่เช่นนี้หรือ?

อ. ข้อนี้หามิได้ พระโคดมผู้เจริญ เพราะว่าพราหมณ์ผู้เดินก็ควรเจรจากับพราหมณ์ผู้เดิน พราหมณ์ผู้ยืนก็ควรเจรจากับพราหมณ์ผู้ยืน พราหมณ์ผู้นั่งก็ควรเจรจากับพราหมณ์ผู้นั่งพราหมณ์ผู้นอนก็ควรเจรจากับพราหมณ์ผู้นอน.

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ แต่ผู้ใดเป็นสมณะโล้น เป็นคฤหบดีเชื้อสายกัณหโคตร เกิดจากพระบาทของท้าวมหาพรหม ข้าพเจ้าย่อมสนทนาปราศรัยกับผู้นั้น เหมือนกับที่สนทนาปราศรัยกับพระโคดมผู้เจริญนี้.

อัมพัฏฐะ ก็เธอมีธุระจึงได้มาที่นี้ ก็พวกเธอมาเพื่อประโยชน์อันใดแล พึงใส่ใจถึงประโยชน์นั้นแหละไว้ให้ดี ก็อัมพัฏฐมาณพ ยังไม่ได้รับการศึกษาเลย สำคัญตัวว่าได้รับการศึกษาดีแล้ว จะมีอะไรอีกเล่า นอกจากไม่ได้รับการศึกษา.

ลำดับนั้น อัมพัฏฐมาณพถูกพระผู้มีพระภาคตรัสตำหนิด้วยพระวาจาว่า เป็นคนไม่ได้รับการศึกษา โกรธ ขัดใจ เมื่อจะด่าข่มว่ากล่าวพระผู้มีพระภาค คิดว่าเราจักต้องให้พระสมณโคดมได้รับความเสียหาย ได้กล่าวคำนี้กะพระผู้มีพระภาคว่า

ท่านโคดม พวกชาติศากยะดุร้าย หยาบช้า มีใจเบา พูดพล่าม เป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ ยังไม่สักการะพวกพราหมณ์ ไม่เคารพพวกพราหมณ์ ไม่นับถือพวกพราหมณ์ ไม่บูชาพวกพราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมพวกพราหมณ์ ท่านโคดม การที่พวกศากยะเป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ แต่ไม่สักการะพวกพราหมณ์ไม่เคารพพวกพราหมณ์ ไม่นับถือพวกพราหมณ์ ไม่บูชาพวกพราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมพวกพราหมณ์นี้ไม่เหมาะไม่สมควรเลย.

อัมพัฏฐมาณพกดพวกศากยะว่า เป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ นี้เป็นครั้งแรกด้วยประการฉะนี้.

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:25:22 )

ข้อ 146 อัมพัฏฐะโกรธพวกศากยะด้วยเหตุใด

รายละเอียด

[146] อัมพัฏฐะ ก็พวกศากยะได้ทำผิดต่อเธออย่างไร?.

ท่านโคดม ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ไปยังนครกบิลพัสดุ์ ด้วยกรณียกิจบางอย่างของพราหมณ์โปกขรสาติผู้อาจารย์ ได้เดินเข้าไปยังสัณฐาคารของพวกศากยะ เวลานั้นพวกศากยะและศากยกุมารมากด้วยกัน นั่งเหนืออาสนะสูงๆ ในสัณฐาคารเอานิ้วมือสะกิดกันและกันเฮฮาอยู่เห็นทีจะหัวเราะเยาะข้าพเจ้าเป็นแน่ ไม่มีใครเชื้อเชิญให้ข้าพเจ้านั่งเลย.

ท่านโคดม ข้อที่พวกศากยะเป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ แต่ไม่สักการะพวกพราหมณ์ไม่เคารพพวกพราหมณ์ ไม่นับถือพวกพราหมณ์ ไม่บูชาพวกพราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมพวกพราหมณ์นี้ไม่เหมาะไม่สมควรเลย.

อัมพัฏฐมาณพกดพวกศากยะว่า เป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ นี้เป็นครั้งที่สอง ด้วยประการฉะนี้.

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:28:13 )

ข้อ 147 อัมพัฏฐะถือวรรณะ 4 ว่าตนเป็นพราหมณ์ที่พวกศากยะต้องเคารพ

รายละเอียด

 [147] อัมพัฏฐะ แม้นางนกไส้ก็ยังเป็นสัตว์พูดได้ตามความปรารถนาในรังของตนก็พระนครกบิลพัสดุ์เป็นถิ่นของพวกศากยะ อัมพัฏฐะไม่ควรจะข้องใจ เพราะการหัวเราะเยาะเพียงเล็กน้อยนี้เลย.

ท่านโคดม วรรณะ 4 เหล่านี้ คือ กษัตริย์ พราหมณ์ เวสส์ ศูทร บรรดาวรรณะ 4 เหล่านี้ 3 วรรณะ คือ กษัตริย์ เวสส์ ศูทร เป็นคนบำเรอของพราหมณ์พวกเดียวโดยแท้.

ท่านโคดม ข้อที่พวกศากยะเป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ แต่ไม่สักการะพวกพราหมณ์ไม่เคารพพวกพราหมณ์ ไม่นับถือพวกพราหมณ์ ไม่บูชาพวกพราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมพวกพราหมณ์นี้ไม่เหมาะไม่สมควรเลย.

อัมพัฏฐมาณพกดพวกศากยะว่า เป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ นี้เป็นครั้งที่สาม ด้วยประการฉะนี้.

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:30:25 )

ข้อ 148 พระพุทธเจ้าพูดถึงเรื่องโคตรของศากยะและโคตรของอัมพัฏฐะ

รายละเอียด

[148] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงพระดำริเช่นนี้ว่า อัมพัฏฐมาณพผู้นี้ กล่าวเหยียบย่ำพวกศากยะอย่างหนัก โดยเรียกว่า เป็นแต่พวกคฤหบดีแท้ๆ ถ้ากระไร เราจะพึงถามถึงโคตรเธอดูบ้าง

แล้วพระผู้มีพระภาค ได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้กับอัมพัฏฐมาณพว่า

อัมพัฏฐะ เธอมีโคตรว่าอย่างไร?

กัณหายนโคตร ท่านโคดม.

อัมพัฏฐะ ก็เธอระลึกถึงโคตรเก่าแก่อันเป็นของมารดาบิดาดูเถิด พวกศากยะเป็นลูกเจ้าเธอเป็นลูกนางทาสีของพวกศากยะ ก็พวกศากยะเขาพากันอ้างถึงพระเจ้าอุกกากราชว่าเป็นบรรพบุรุษ.

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:32:39 )

ข้อ 42 บุคคลชื่อว่ากายสักขี พวกมิจฉาทิฏฐิจะรู้ได้แค่กาย 3

รายละเอียด

[42] บุคคลชื่อว่ากายสักขี เป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้ ถูกต้องซึ่งวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แล้วสำเร็จอิริยาบถอยู่ ทั้งอาสวะบางอย่างของผู้นั้นก็สิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญาบุคคลนี้เรียกว่า กายสักขี สัทธาวิมุตยังไม่รู้จัก กาย จึงไม่มีกายมาให้รู้เป็นพยานหลักฐานเลย สัทธาวิมุตขึ้นมาเป็นกายสักขี แต่ไม่ได้ขึ้นง่าย เพราะว่าไปจมอยู่ที่ศรัทธาวิมุติเอง เพราะไม่รู้กาย ไม่มีกาย เป็นสักขีพยานให้ตนเองรู้ กายที่ตัวเองรู้ก็เป็น มิจฉาทิฏฐิ นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย มีแต่กายภายใน กายเก๊ ไปร่วมรู้ด้วยกันเหมือนกัน ซึ่งต่างคนก็ต่างไม่เห็นอาทิสมานกายของใคร กายของแต่ละคนอยู่ในภพตนเอง  แต่ติ๊งต่างว่าเหมือนกันเป็น สัมโภคกาย 

อยู่ในภพ ที่ต่างคนต่างเพ้อฝันต่างโมเม แต่ต่างคนต่างเนรมิตเอาเอง กาย ต้องมาเห็นตั้งแต่ 2 คนร่วมกันขึ้นไป 3 คน 4 คนจนเป็นล้านคน นี่ใช่ ภายนอกภายในต้องเห็นด้วยแสงสว่าง มีรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส คือ รูปที่ต้องออกมาภายนอกหมดแต่นี่คุณไม่มี โผฏฐัพพะ กายไม่มีภายนอก คุณไม่มีกายสักขีได้ง่ายจากสัทธาวิมุตแล้วจะเป็นกายสักขี ก็ยังเป็นไปไม่ได้ง่ายๆเพราะยังไม่มี ทิฏฐิปัตตะ 

แม้จะมีเงื่อนไขว่า สัทธาวิมุตนั้น จะพ้นอาสวะบางอย่างดับได้ เพราะรู้ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แล้ว คุณจะรู้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ได้ ก็ต้องมี กาย อย่างสัมมาทิฏฐิ ฉะนั้นเมื่อใดยังไม่พ้น สักกายทิฏฐิ คือ สังโยชน์ข้อแรก ก็ปิดประตู ตั้งแต่ ธัมมานุสารีกับสัทธานุสารี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2565 ( 14:23:34 )

ข้อ 43 บุคคลชื่อว่าทิฏฐิปัตตะ

รายละเอียด

[43] บุคคลชื่อว่าทิฏฐิปัตตะ เป็นไฉน…บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้เหตุให้เกิดทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ความดับทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ อนึ่ง ธรรมทั้งหลายที่พระตถาคตประกาศแล้ว ผู้นั้นเห็นชัดแล้วด้วยปัญญา ดำเนินไปดีแล้วด้วยปัญญา อนึ่งอาสวะบางอย่างของผู้นั้นก็สิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญาบุคคลนี้เรียกว่า ทิฏฐิปัตตะ”

อาสวะบางอย่างหมดสิ้นได้เพราะเห็นด้วยปัญญา ในสัทธาวิมุติ ถ้ายังไม่มีปัญญา อาสวะก็ดับไม่ได้ เงื่อนไขอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้น สัทธาวิมุตต้องมีปัญญา จึงจะทำให้อาสวะสิ้นได้ สายศรัทธาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้อาสวะสิ้นได้ เพราะฉะนั้นสายศรัทธาจึงช้าหรือยากอย่างที่ว่ามาแล้วเป็นความต่าง ชัดขึ้นแล้วนะ ทีนี้ เอากายสักขี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2565 ( 14:17:51 )

ข้อ 43 บุคคลชื่อว่าทิฏฐิปัตตะ เป็นไฉน

รายละเอียด

[43] บุคคลชื่อว่าทิฏฐิปัตตะ เป็นไฉน …บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้เหตุให้เกิดทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่านี้ความดับทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ อนึ่ง ธรรมทั้งหลายที่พระตถาคตประกาศแล้ว ผู้นั้นเห็นชัดแล้วด้วยปัญญา ดำเนินไปดีแล้วด้วยปัญญา อนึ่งอาสวะบางอย่างของผู้นั้นก็สิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญาบุคคลนี้เรียกว่า ทิฏฐิปัตตะ

สัทธาวิมุติ ไม่รู้จักความเป็นกายได้ง่ายๆนี่คือประเด็น ที่จริงแล้วปัญญาวิมุติ สายปัญญาพุทธิจริตควรจะรู้ กาย ได้เร็วกว่าศรัทธาใช่ไหม ใช่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กันยายน 2565 ( 14:33:12 )

ข้อ 44 บุคคลสัทธาวิมุติเริ่มเข้าใจกายพ้นสักกายทิฏฐิ จะเป็นทิฏฐิปัตตะทันที 

รายละเอียด

ผู้ที่เริ่มเข้าใจคำว่า กาย คือ พ้น สักกายทิฏฐิ ข้อต้น ก็จึงเป็น ทิฏฐิปัตตะทันที สัทธาวิมุตคุณจะขึ้นเป็นทิฏฐิปัตตะ ต้องมีกาย ออกมาดูข้างนอก จึงจะมีการเรียนรู้ ทุกข์สมุทัย นิโรธ มรรค ตามเงื่อนไขที่พยัญชนะว่า 

[44] บุคคลชื่อว่าสัทธาวิมุต เป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้เหตุให้เกิดทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่านี้ความดับทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ อนึ่งธรรมทั้งหลายที่พระตถาคตประกาศแล้ว ผู้นั้นเห็นชัดแล้วด้วยปัญญา ดำเนินไปดีแล้วด้วยปัญญา อนึ่ง อาสวะบางอย่างของผู้นั้นก็สิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญาแต่มิใช่เหมือนบุคคลผู้เป็นทิฏฐิปัตตะ บุคคลนี้เรียกว่าสัทธาวิมุต ต้องเห็นด้วยปัญญา อาสวะบางอย่างจึงจะหมดสิ้นได้ แต่ไม่ใช่เหมือน ทิฏฐิปัตตะ นี่คือสัทธาวิมุต ไม่เหมือนทิฏฐิปัตตะ ที่ช้าหรือยากกว่า 

ทิฏฐิปัตตะนั้นง่ายและเร็วกว่า เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังยาก ยังช้านี่แหละ ไม่เห็นกาย ไม่มีภายนอกไม่มีภายใน ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้สมุทัยเหตุแห่งทุกข์ ไม่รู้นิโรธแท้ สัมมานิโรธ ก็ไปหลงมิจฉานิโรธ ดับสัญญา ดับเวทนา จึงช้าและยากอยู่ตรงนี้ วนอยู่อย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กันยายน 2565 ( 14:59:58 )

ข้อ 44 สัทธาวิมุต เป็นไฉน ข้อ 45 ธัมมานุสารี เป็นไฉน

รายละเอียด

[45] บุคคลชื่อว่าธัมมานุสารี เป็นไฉน ปัญญินทรีย์ของบุคคลใด ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่ง โสดาปัตติผลมีประมาณยิ่ง บุคคลนั้นย่อมอบรมซึ่งอริยมรรค อันมีปัญญาเป็นเครื่องนำมา มีปัญญาเป็นประธานให้เกิดขึ้น บุคคลนี้เรียกว่า ธัมมานุสารี บุคคลผู้ปฏิบัติแล้ว เพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ชื่อว่าธัมมานุสารี บุคคลผู้ตั้งอยู่แล้ว ในผล ชื่อว่าทิฏฐิปัตตะ ทีนี้ ขึ้นไปสู่บุคคลที่ 3 สัทธาวิมุต 

[44] บุคคลชื่อว่าสัทธาวิมุต เป็นไฉน… บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้เหตุให้เกิดทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่านี้ความดับทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ อนึ่งธรรมทั้งหลายที่พระตถาคตประกาศแล้ว ผู้นั้นเห็นชัดแล้วด้วยปัญญา ดำเนินไปดีแล้วด้วยปัญญา อนึ่ง อาสวะบางอย่างของผู้นั้นก็สิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา แต่มิใช่เหมือนบุคคลผู้เป็นทิฏฐิปัตตะ บุคคลนี้เรียกว่าสัทธาวิมุต

ปัญญาจะทำให้อาสวะสิ้น ศรัทธาทำให้อาสวะสิ้นไม่ได้ แล้วที่ว่าอะไรที่ไม่เหมือนบุคคลผู้ที่เป็น ทิฏฐิปัตตะ คือ สายศรัทธาคุณยากกว่า คุณช้ากว่า ไม่เหมือนตรงนี้ สัทธานุสารี ไปเป็นสัทธาวิมุตจะช้าจะยากกว่า อันที่เป็นปัญญาตามลำดับ อาสวะบางอย่างเบื้องต้นทำได้สิ แต่สิ่งที่ละเอียดที่ยากนั้นจะทำได้ยากกว่า สายศรัทธา จะช้าและยากกว่าปัญญา ไม่เหมือนกันตรงที่ช้าและยากกว่ากัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กันยายน 2565 ( 14:26:15 )

ข้อ 45 คู่ของคน 3 คู่ ปัญญาวิมุติ กว่า อุภโตภาควิมุติ 

รายละเอียด

“[45] บุคคลชื่อว่าธัมมานุสารี เป็นไฉน ปัญญินทรีย์ของบุคคลใด ผู้ปฏิบัติเพื่อ

ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผลมีประมาณยิ่ง บุคคลนั้นย่อมอบรมซึ่งอริยมรรคอันมีปัญญาเป็นเครื่องนำมา มีปัญญาเป็นประธานให้เกิดขึ้น บุคคลนี้เรียกว่า ธัมมานุสารี บุคคลผู้ปฏิบัติแล้ว เพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ชื่อว่าธัมมานุสารี บุคคลผู้ตั้งอยู่แล้วในผล ชื่อว่าทิฏฐิปัตตะ”

จะมีคู่ของชื่อของตน ก็มี 3 คู่ 

สัทธานุสารี กับ ธัมมานุสารี

ทิฏฐิปัตตะ กับ กายสักขี

ปัญญาวิมุติ กับ อุภโตภาควิมุติ 

เมื่อกี้นี้ไขแล้วนะ ปัญญาวิมุตติ กับ อุภโตภาควิมุติ ปัญญาวิมุตินั้นเจริญกว่า 

เพราะ กว่าจะได้ อุภโตภาควิมุติ ต้องใช้เวลาพากเพียร ถึง 7 ขั้นตอน ช้าไปกว่า สายปัญญาตั้ง 1 ขั้นตอน สายปัญญาสบายๆแล้ว ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้แล้ว เป็นอรหันต์ได้แล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 15:05:21 )

ข้อ 46 ผู้มีศัทธาเป็นประธานทำให้แจ้งจนถึงโสดาปัตติผล

รายละเอียด

ไล่ไปตั้งแต่ “[46] บุคคลชื่อว่าสัทธานุสารี เป็นไฉน สัทธินทรีย์ของบุคคลใดผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล มีประมาณยิ่ง” เริ่มต้นยังไม่ได้เป็นอาริยบุคคล กำลังทำให้แจ้งในโสดาปัตติผล ทำให้พ้น สังโยชน์ 3 สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กว่าจะพ้น เป็น โสดาบัน สกิทาคามี ก็ทำให้หมดกิเลสภายนอกจะเหลือแต่ภายในเป็นอนาคามี ก็ไล่เก็บกิเลสภายในจนเป็นอรหันต์ 

ย่อมอบรมอริยมรรคมีสัทธาเป็นเครื่องนำมา มีสัทธาเป็นประธานให้เกิดขึ้น บุคคลนี้เรียกว่า สัทธานุสารีบุคคล ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ชื่อว่าสัทธานุสารี ผู้ตั้งอยู่แล้วในผล ชื่อว่าสัทธาวิมุต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 15:01:33 )

ข้อ 61 นิวรณ์ 5 เป็นอาหารของอวิชชา

รายละเอียด

[61] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี 

เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ 5”

อาหารเป็นเครื่องอาศัย อย่างคำข้าวนี้เป็นเครื่องอาศัย กินข้าวกินน้ำกินกับ กินเข้าไปเลี้ยงขันธ์ เป็นสิ่งที่ให้คนอาศัยมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าไม่กินอาหารอันนี้ กวฬิงการาหาร คนก็ตาย ไม่กิน ไม่มีจะกิน อดตาย หรือ มีไม่กินก็ตาย ถึงวาระหนึ่งก็ตาย อยู่ไม่ได้ถึงร้อยปีหรอก ไม่มีใครอดอาหารได้ถึงร้อยปีหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2565 ( 14:07:59 )

ข้อ 41 บุคคลชื่อว่าปัญญาวิมุต

รายละเอียด

[41] บุคคลชื่อว่าปัญญาวิมุต เป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้ มิได้ถูกต้องซึ่งวิโมกข์ 8 ด้วยกาย สำเร็จอิริยาบถอยู่ แต่อาสวะของผู้นั้นสิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา บุคคลนี้เรียกว่า ปัญญาวิมุต

คำแปลอันนี้มันขัดแย้งในตัว ไม่ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกายแต่ทำไมอาสวะหมดสิ้น ส่วนคนที่เป็นกายสักขีถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่อาสวะไม่หมดสิ้น ทำได้แค่บางอย่าง แล้วใครจะเป็นคนที่เหนือใครกันแน่วะ ก็ต้องปัญญาวิมุติเหนือกว่ากายสักขีเพราะทำอาสวะหมดสิ้นได้ แล้วเอาพยัญชนะว่าไม่ได้ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกายมาใส่ ซึ่งมันไม่ใช่ น เหวโข ไม่ได้แปลว่า ไม่ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2565 ( 14:52:05 )

ข้อกำหนดการเป็นสมาชิกพรรคสัมมาธิปไตย ต้องเป็นคนที่กินมังสวิรัติด้วยหรือไม่

รายละเอียด

เอ๊ ไม่นะ ไม่มีกำหนด เป็นแต่เพียงว่าไม่มีอบายมุข ไม่ได้บังคับให้มาถือศีล 5 ก็ไม่ถึงอย่างนั้นหรอก มีแค่ว่า คุยๆ กันบ้างว่า แค่ไม่มีอบายมุข อบายมุขก็ตามความหมายของพวกเรา คนนอกมาสมัครก็คงจะสัมภาษณ์บ้าง อบายมุขก็ถามไถ่ดู เป็นไง สูบฝิ่นบ้างไหม กัญชาลองเล่นบ้างไหมหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องถามอบายมุขต่างๆ เล่นหุ้น เล่นแชร์ได้แค่ไหน ก็เลียบๆ เคียงๆ ดู ถ้าเห็นว่า คุณยังเป็นอย่างนั้นอยู่ พวกเราก็คงจะลำบากอะไรก็ว่ากันไป ก็ฉลาดกัน เจ้าหน้าที่ จบด็อกเตอร์กันเยอะแยะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDP แบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 14:46:22 )

ข้อกำหนดรู้กันได้ ใน 4 สถานภาพ

รายละเอียด

1. ศีล พึงทราบได้ด้วยการอยู่ร่วมกันนานๆ
2. ความเป็นผู้สะอาด พึงทราบได้ด้วยการปราศรัย
3. กำลังใจ พึงทราบได้เพราะอันตราย
4. ปัญญา พึงทราบได้ด้วยการสนทนา(แก้ปัญหา)
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 25  ข้อ 133, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2562 ( 08:28:05 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:07:19 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:15:51 )

ข้อความในพระไตรปิฎกที่สนับสนุนว่า โพธิสัตว์สูงกว่าอรหันต์ โพธิสัตว์ไม่ใช่ปุถุชน

รายละเอียด

[73] อนึ่ง พระราชาพระองค์ใดได้ทรงตัดบรรพชิตผู้กล่าวขันติ ผู้สงบ ไม่ประทุษร้าย ขาดออกเป็นท่อน ๆ พระราชาพระองค์นั้นทรงพระนามว่าพระเจ้ากลาพุ ตกอเวจีมหานรกซึ่งมีความร้อนร้ายแรง มีเวทนาเผ็ดร้อน น่าหวาดกลัว หมกไหม้อยู่

คนเราฟังภาษาก็พอรู้ แต่มันไม่รู้สึกจริงๆ มันไม่สามารถเข้าใจอะไรได้ มันฟังภาษาก็ฟังเด๋อไปอย่างนั้น แต่ก็พอรู้ว่า มันไม่ดี มันต่ำ มันหนัก อันนั้นมันสูง มันเจริญก็รู้ แต่ว่าจิตความรู้สึกที่จะหยั่งเข้าไปถึง เวทนา สัญญากำหนดเห็นเวทนา แล้วจิตเราก็เคยปรุงไปอย่างนั้นมันไม่รู้ มันกลายเป็นคนไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้สีรู้สาไม่รู้ร้อนรู้หนาว คือ มันด้านชาไปหมด มันโง่จนไม่รู้จะโง่อย่างไรอีกแล้ว มันเต็มบ้อง โง่ จนกระทั่งไม่กระดิก เอาอะไรมาเปรียบมันก็ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ คนนี้น่าสงสารมากเป็นคนจน ถูกความมืดบอด ถูกนรกอเวจีทับถมไว้ 

_จาก สรภังคชาดก

3. ขันติวาทิชาดก (313) ว่าด้วยขันติวาทีดาบส

(เสนาบดีขอร้องดาบสโพธิสัตว์ไม่ให้โกรธว่า) {550} [49] ท่านมหาวีระ ผู้ใดสั่งให้ตัดมือ เท้า ใบหู และจมูกของท่าน ท่านจงโกรธผู้นั้นเถิด อย่าให้แว่นแคว้นนี้พินาศเลย

(ดาบสโพธิสัตว์กล่าวว่า) {551} [50] พระราชาพระองค์ใดรับสั่งให้ตัดมือ เท้า ใบหู และจมูกของข้าพเจ้า ขอให้พระราชาพระองค์นั้นจงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน บัณฑิตทั้งหลายเช่นอาตมาไม่โกรธเคืองเลย (พระศาสดาได้ตรัส 2 พระคาถานี้ว่า) {552} [51] สมณะผู้ถึงสรรเสริญขันติมีในอดีตกาลนานมาแล้ว พระเจ้ากาสีได้รับสั่งให้ประหารดาบสผู้ดำรงมั่นในขันติธรรมองค์นั้น {553} [52] พระเจ้ากาสีเบียดเสียดอยู่ในนรก เสวยวิบากอันเผ็ดร้อนแห่งกรรมอันหยาบช้านั้น

ขันติวาทิชาดกที่ 3 จบ

จากหลักฐานในพระไตรปิฎกนี้ ทำให้ผมสรุปได้ว่า โพธิสัตวภูมิสูงกว่าอรหันต์ หรือ ถ้าจะกล่าวไม่ให้คลาดเคลื่อนจากสัจจะ จะบอกว่าโพธิสัตว์เป็นแค่ปุถุชนนั้นไม่ได้ เพราะ เหตุที่จะทำให้คนๆหนึ่งตกอเวจีมหานรก นั้น คือการทำอนันตริยกรรม ฆ่าพระอรหันต์นั่นเอง ขันติวาทีดาบส (พระโพธิสัตว์ปางหนึ่ง) จึงต้องมีสภาวะเป็นอรหันต์ขึ้นไปเท่านั้น

ขันติวาทีดาบสเป็นปางหนึ่งในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าเมื่อสมัยยังแสวงหาพุทธภูมิ บำเพ็ญขันติปรมัตถบารมี คิดว่าเราสามารถใช้เรื่องตรงนี้ในการตอบคนที่ยังรู้ไม่จริงในเรื่องความเป็นโพธิสัตว์ได้ครับ โดยเฉพาะ คนที่หลงตัวเองว่าเป็นปราชญ์ทางศาสนาพุทธ

ก็บอกไปตอบไป ตามความรู้ ตามความจริงใจ ตามความสัตย์ซื่อ ก็พูดไป จะพูดให้ฟัง แล้วไม่ฟังเสียงเลยก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็พูดความจริงไปสู่กันฟังไปเรื่อยๆ ผู้ใดแสวงหาพากเพียรระวังที่จะแก้กลับ สิ่งที่เรายอมรับรู้ได้ว่า เราผิดหนอ เกิดความละอายอย่างแรงกล้าขึ้นมา เกรงกลัวอย่างแรงกล้าขึ้นมา  เคารพอย่างแรงกล้าขึ้นมา ก็จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าเกิดว่ายังไม่รู้สึก ยังไม่ละอายต่อสิ่งที่ได้ยึดมั่นถือมั่นแล้วที่ไปละลาบละล้วง ผู้ที่ไม่ควรละลาบละล้วงก็ต้องปล่อยไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 14:03:41 )

ข้อคิดฝาก ส.ส. ที่จริงอย่าให้บริษัทข้ามชาติเอาเปรียบ

รายละเอียด

เขาเลื่อนไปแล้ว ไม่เอาเข้าครม. สส.หรือผู้บริหารต่างๆ ก็น่าจะเข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่แน่นอนนายทุนจะหาทางมัดมือเอาเปรียบเอารัดทุกอย่าง พวกนี้เลวจริงๆใจดำอำมหิต ใครจะเป็นจะตายชิปหายวายป่วงอย่างไรกูไม่สน กูจะได้อย่างเดียว นี่คือพวกที่ไม่เคยมีธรรมะในหัวใจ เสร็จแล้วเขาก็ร่ำรวยไป ชาติหน้าก็ได้รับวิบากลงนรก คนพวกนี้เขาไม่ได้เรียนโดยเฉพาะศาสนาเทวนิยม เขาก็ไม่ได้เรียนหรอก กรรมวิบากที่มีข้ามชาติเขาไม่ได้ศึกษา พวกนี้เอาเปรียบเอารัดก็เอาได้เท่าไหร่ก็เอา แต่พวกชาวพุทธรู้จักวิบากกรรมแต่ไปนั่งเอาเปรียบเอารัดกอบโกยให้ตนเองรวยอย่างเดียว รวยไปทำไมมันบาปมันต้องเอาเปรียบเอารัดเขานะ คนที่ไม่รวยแต่จน เรามีประสิทธิภาพสมรรถภาพมีความขยันหมั่นเพียรสร้างสรรค์ให้ได้มากๆ แต่เราก็ไม่เป็นคนรวย เราสร้างได้มากเราก็แจกจ่ายให้ได้มาก เสียสละออกไปเราก็เลยมีสมบัติอยู่น้อยเรียกว่าคนจน อย่างนี้ต่างหากคือจุดหมายปลายทางที่ศาสนาพุทธสอนให้เป็น เราเป็นได้สำเร็จ พวกชาวอโศกเป็นได้สำเร็จ สุดท้ายในชีวิตของเรา มีวรรณะ 9 อาตมาภูมิใจที่ได้เอาธรรมะพระพุทธเจ้าขึ้นมาได้ งมจากใต้ทะเล 500 โยชน์ขึ้นมาได้ เอามาปัดขี้โคลน พวกนายทุนเขาต้องทำมาวันนี้ก็เห็นชัดเจน เราจะต้องระมัดระวังตัวเองเรา เขาเลื่อนไปก็ดีแล้ว พวกที่เป็นสส.พวกที่รู้จริง ก็ช่วยประเทศไทยกันหน่อยเถิด อย่าให้พวกบริษัทข้ามชาติพวกที่เอาเปรียบเอารัดนี้ได้มากมายนัก ก็ให้ข้อคิดไปบ้าง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 10:46:53 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 08:14:23 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:18:42 )

ข้อคิดสำหรับท่านหนักแน่นไม่ให้ฟุ้งซ่าน

รายละเอียด

พูดไปก็นึกถึงท่านหนักแน่น ผีเข้าจะกลับบ้าน ฟุ้งซ่านไป จริงหรือเปล่าอยู่จนป่านนี้แก่จะตายแล้วยังไม่แน่ไม่นอนยังไม่สรุปอีกชีวิต ขออภัยวิจารณ์ให้ฟัง เป็นการสอนในที คือมันต้องฟังแล้วค่อยคิดจะได้ตัดความฟุ้งซ่าน แล้วไปคิดงานนั้นงานนี้เพื่ออันนั้นนี้เพื่อคนนั้นคนนี้มันไม่จบหรอกคุณเอ๋ย ยิ่งร่วมกับใครๆที่เขาคิดเขาทำเราก็ทำไปมันก็จบแล้ว มีงานให้ทำไม่รู้จักดีที่ร่วมกันทำสบายไม่ต้องไปคิดเอง ไม่ต้องบอกว่าฉันคิดของฉันอัตตาของฉัน นี่เป็นโครงการของฉันนะ จะร่วมมือกันอย่างนั้นอย่างนี้ มันได้แต่มันยากเหมือนกันนะไม่ใช่เล่น คนจะเห็นร่วมก็ยากแล้ว จะไปคิดโครงการใหม่อีกทำไม ยกตัวอย่างเช่น ท่านจะปลูกอินทผาลัมให้เยอะๆ อยากปลูกก็ปลูกไปเถอะ จะทำให้มันยิ่งใหญ่อะไรต่อไป แทนที่จะปลูกอินทผาลัม อาตมาก็บอกว่ามาปลูกข้าวนี่ โอ้โห พัฒนาเสริมเติมให้งอกงาม อาตมาว่าขายข้าวให้ขายราคาถูกทำข้าวให้ดีๆ มีวิตามินดีๆมีเนื้อสารที่มันกินแล้วมีประโยชน์ได้มาก ให้ดีพัฒนาข้าวให้เจริญ สำคัญกว่าอินทผาลัมเยอะแยะ อย่างนี้เป็นต้น ให้ข้อคิดท่านหนักแน่นไม่งั้นจะฟุ้งซ่านไป 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 15:17:27 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 08:13:50 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:21:09 )

ข้อง

รายละเอียด

คือ  แปลว่าผู้ไม่หลุดพ้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:32:01 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:08:02 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:21:54 )

ข้อง

รายละเอียด

ข้อง  คือ  เกี่ยวข้อง  ข้องทั่วไป  ติดอยู่  พันอยู่

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 07:27:46 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:08:35 )

ข้องพิเศษการสังคายนา

รายละเอียด

แล้วก็มีสิ่งที่พิเศษอยู่อย่างหนึ่ง อ้างพระอานนท์ อ้างว่าพระอานนท์ก็เป็นองค์หนึ่งร่วมด้วย ส่วนพระอรหันต์อีก 500 ไม่ได้อ้างว่าชื่ออะไรเลย แต่อ้างพระอานนท์เป็นหลัก พอบรรลุเป็นพระอรหันต์ก็รีบมาร่วมเป็นองค์ที่ 500 ที่มีอยู่เดิม 499 รูป รอให้พระอานนท์บรรลุ เพราะฉะนั้นจึงเป็นนิยายที่ ชัดเจนเลยว่า ตั้งใจจะอาพระอานนท์เป็นหลักอ้างอิง เพราะพระอานนท์อยู่ในศาสนาพระพุทธเจ้าเป็นคนสำคัญ เป็นพระปัจฉาฯสมณของพระพุทธเจ้าด้วย แล้วเป็นเอตทัคคะหลายด้านด้วย เป็นผู้จำได้มาก คำในพระไตรปิฎกรวบรวมจากพระอานนท์บอกไว้มาก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 13:32:30 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:09:43 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:15:20 )

ข้องพิเศษการสังคายนา

รายละเอียด

แล้วก็มีสิ่งที่พิเศษอยู่อย่างหนึ่ง อ้างพระอานนท์ อ้างว่าพระอานนท์ก็เป็นองค์หนึ่งร่วมด้วย ส่วนพระอรหันต์อีก 500 ไม่ได้อ้างว่าชื่ออะไรเลย แต่อ้างพระอานนท์เป็นหลัก พอบรรลุเป็นพระอรหันต์ก็รีบมาร่วมเป็นองค์ที่ 500 ที่มีอยู่เดิม 499 รูป รอให้พระอานนท์บรรลุ เพราะฉะนั้นจึงเป็นนิยายที่ ชัดเจนเลยว่า ตั้งใจจะอาพระอานนท์เป็นหลักอ้างอิง เพราะพระอานนท์อยู่ในศาสนาพระพุทธเจ้าเป็นคนสำคัญ เป็นพระปัจฉาฯสมณของพระพุทธเจ้าด้วย แล้วเป็นเอตทัคคะหลายด้านด้วย เป็นผู้จำได้มาก คำในพระไตรปิฎกรวบรวมจากพระอานนท์บอกไว้มาก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 13:32:30 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:11:36 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:18:55 )

ข้องอยู่ 

รายละเอียด

ข้องอยู่  คือ  สัตโต  สัตว์ คือ ผู้ข้อง เช่น สิงโต ข้องอยู่ในป่ามันไม่อยากออกมาหรอก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:33:28 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:10:49 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:10:37 )

ข้องอยู่ในถ้ำ

รายละเอียด

ข้องอยู่ในถ้ำ  คือ คนที่มีจิตข้อง  ผูกพันห่วงอยู่  คนพวกนี้ คือ ผู้ไกลจากวิเวก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 09:07:00 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:12:17 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:11:01 )

ข้องอยู่ในถ้ำ

รายละเอียด

คือ กายก็ดี จิตก็ดี  อุปธิก็ดี

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:11:52 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:14:09 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:12:05 )

ข้องอยู่ในถ้ำหรือจมลงในที่หลงคือแก้ไม่ได้

รายละเอียด

เป็นธรรมบท ผิดวินัยหากเอาไปสวดต่อหน้าอนุปสัมบัน ซึ่งมันแก้ไม่ได้หรอก เขาผิดไปจนข้องอยู่ในถ้ำ อย่างในคุหัฏฐกสูตร ที่ท่านว่า จมลงในที่หลง เป็นอย่างนั้นเลย สำนวนนี้ชัดเจน ดึงไม่ขึ้นมีแต่จมในที่หลง พวกเราก็มาทำสิ่งที่ถูกต้องขึ้นก็แล้วกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 14:05:43 )

ข้อด้อย 10 ข้อของพ่อครู

รายละเอียด

คุณเข้าใจได้เองแล้วมันเป็นตัวคุณ อาตมาไม่ได้ล่อหลอกหว่านล้อมไม่ได้เอาใจ แต่คุณทำความเข้าใจเอง พวกคุณมาเองนี่อาตมาสบายใจ อาตมาไม่ได้ถูกข้อหาเลยว่าไปหลอกล่อ และเล็มเลียบเคียง ใช้กลเม็ดกลยุทธ์อะไร มีแต่ความจริง และความจริงของอาตมาแข็งมาก ไม่ค่อยยืดหยุ่นเลย มีข้อด้อย 10 ประการ แล้วยังจะใช้ข้อด้อย 10 ประกานี้ทำอยู่ เพราะในยุคนี้เป็นอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นอาตมาคัดไม่ได้

อาตมาใช้ข้อด้อย 10 ประการนี้เป็นตัวคัดเลือก คนที่ข้ามพ้นข้อด้อยของอาตมา 10 ข้อนี้ได้ คนนั้นจะเข้ามา แม้จะข้ามไม่พ้นทั้ง 10 ข้อ ก็ข้ามได้พ้นบางข้อได้ก็มา ได้มากข้อ ก็จะมาอย่างเต็มใจมากขึ้น ถ้าได้น้อยข้อก็ไม่เต็มใจเท่าที่จะเป็น ก็ต้องมีส่วนที่พอใจจึงจะมา แม้จะมีส่วนที่ไม่พอใจอยู่บ้าง และก็จะเต็มใจขึ้นเรื่อยๆ อาตมายังยืนยันในข้อใดนี้ยังไม่เลิก ใครจะเห็นว่าข้อด้อยของอาตมานี้ ใช้ไม่ได้ คุณก็ไม่มา อาตมาก็ไม่มีปัญหา ผู้ใดข้ามพ้นข้อด้อย 10 ข้อของอาตมา คุณจะรู้ว่าอาตมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติได้ “ข้อด้อย”ของอาตมาที่ต้องขออภัยอย่างยิ่งจริงๆ อาตมามี“ข้อด้อย”อยู่มากมายหลายข้อจริงๆ ลองตรวจตนเองแล้วประมวลมาดู มีมากพอสมควร .... เช่น

          1.มีความจริงใจสูง กับการแสดงออก ไม่ค่อยปิดบังอะไร ..ซื่อๆ ตรงๆ ไม่ลดเลี้ยว สุดโต่งตรงเกิน

          2.แสดงออกเต็มที่ ต้องการให้คนรู้ คนเห็นชัดๆ ไม่ออมมือ ไม่เหยาะๆแหยะๆ จึงแรง

          3.ไม่สำรวมกิริยาให้สวย เท่ๆ งามๆ สุภาพๆอะไรทำนองนั้น

          4.ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าจริงจัง ไม่อนุโลมเท่าที่คนยุคนี้ ที่อ่อนแอ ล้มเหลวอยากให้อนุโลมเอาใจบ้าง

          5.เป็นคนไม่กลัวเสียหน้า ถ้าจะแสดงอะไรออกมา จะว่ามารยาทไม่ค่อยดีก็ได้ หรือมารยาทไม่มีเลยก็ใช่

          6.เป็นคนไม่กลัวว่า จะไม่มีใครมาเป็นหมู่ เป็นพวก เป็นบริวาร

          7.จึงไม่สร้างภาพ รังเกียจการสร้างภาพเอาด้วย เพราะเห็นการสร้างภาพเป็นการหลอกลวง

          8.ไม่กลัวคนจะไม่ยกย่อง ไม่กลัวคนจะไม่นับถือ

          9.ยึดความจริง ซื่อตรงต่อความจริง ต่อสัจธรรมสูง จนถูกเข้าใจผิดว่า ยึดมั่นถือมั่น ดื้อดึงดัน

          10. เคร่งครัดกับคำตรัสที่ว่า นิคคัณเห นิคคหารหัง  ปัคคัณเห ปัคคหารหัง เกินไป โดยเฉพาะนิคคัณเห นิคคหารหัง คือตำหนิคนที่ควรติ จนถูกเข้าใจผิดว่าคนอะไรเอาแต่ติเอาแต่ด่า และอาตมาก็ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่อาตมาจะต้องมี“ข้อด้อย”เหล่านี้ ไม่แก้ไข และตั้งใจทำตาม“ข้อด้อย”นี้ต่อไปยังไม่เพลา จนกว่าจะถึงเวลาอันควรแก้ไขเปลี่ยนแปลง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 8

 


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 14:41:22 )

ข้อด้อยที่จำเป็นต้องทำ

รายละเอียด

พูดถึงข้อดี ข้อด้อย เรามีข้อด้อยที่แก้ได้กับแก้ไม่ได้ และมีข้อด้อยที่จำเป็นต้องทำ เป็นการอนุโลม เจตนาเพื่อผู้อื่น เหมือนแม่เล่นกับลูก อนุโลมทำเพื่อให้ไปกันได้ ทำ เหมือนเด็กๆ เหมือนต่ำแต่เรารู้ว่าเราไม่ได้เป็นจริงเช่นนั้นแต่เราต้องรู้ฐานะ ว่าอันนี้ต้องทำอย่างนี้ อย่างเช่นอาตมาต้องอนุโลมมาทำบางอย่าง ก็เพราะสังคมมันแย่ อาตมาก็ต้องลดลงมา เพื่อให้พอที่จะพูดกันได้รู้เรื่อง เขารู้ก็ไม่รู้ ทำก็ยังไม่ได้ เราก็ต้องลด ที่สำคัญ เราจะไปข่มเขามากเกินไป มันห่างเกินมีช่องว่างมากไป ก็ต้องเปื้อนบ้าง ลำบาก ลำบนอย่างไรก็ต้องไปคลุกคลีเกี่ยวข้อง ตรงนี้เป็น นัยสำคัญที่ซึ่งจะได้รู้ความจริงใจ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 12:46:41 )

ข้อด้อยที่เป็นวาสนาของพระมหากัสสปะ

รายละเอียด

อาตมาพูดข้อด้อยของพระมหากัสสปะ จะเรียกตำหนิ ก็ไม่ได้ไปข่ม ตำหนิ นิคคัณเห นิคหารหัง ปัคคัณเห ปัคคหารหัง ก็ทำตามพระพุทธเจ้าสอนข้อด้อยของมหากัสสปะ คือ ติดป่า คำว่าติด นี้มันก็ผิดแล้ว แต่ความจริงพระมหากัสสปะนั้นไม่ใช่ ติดป่า แต่มันเป็นวาสนาที่จมป่ามานาน เหมือนกับอิสีติสาวกหลายองค์ ก็มีวาสนาที่บกพร่อง แม้แต่พระสารีบุตรก็บกพร่อง พระมหากัสสปะก็เป็นอิสีติสาวกองค์หนึ่ง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 12:59:14 )

ข้อต้นของสัมมาทิฏฐิจะต้องพ้นคำว่ากาย

รายละเอียด

แต่อาตมาชาตินี้เป็นคนอาภัพ เขาไม่เชื่อ เขาไปเชื่อผู้ที่ปทปรมะ ท่องจำมาก  บอกสอนก็มาก ปทปรมบุคคล แต่ไม่สามารถที่จะบรรลุธรรม สักกายทิฏฐิ ก็ไม่พ้น เพราะคำว่า กาย ก็ไม่เข้าใจเป็นสัมมาทิฏฐิ อาตมาแม้แต่คำว่ากาย ก็ต้องมาสอนกันใหม่ บรรยายให้เข้าใจคำว่า กาย ซึ่งก็ไม่ใช่จะรู้กันได้ง่ายๆ อาตมาก็ไม่ได้รู้มาตั้งแต่ต้น  ที่จริงมันมีของเดิมอยู่แล้ว แต่มันยังไม่ขึ้นมา อาตมาอธิบายคำว่า กาย อย่างละเอียดนี้มาไม่กี่ปีนี้นะ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องตื้นๆ เป็นเรื่องลึกซึ้งมาก เป็นข้อต้นของสัมมาทิฏฐิที่จะต้องพ้นคำว่า กาย ต้องเข้าใจเรื่องคำว่า กาย ให้สัมมาทิฏฐิให้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 05:15:01 )

ข้อทดสอบจากโควิด

รายละเอียด

ก็พวกเราก็เห็นว่าโควิดคราวนี้มันเป็นข้อทดสอบ เป็นการทดสอบอย่างกว้างลึกทั้งหมดกระทบไปทั้งโลก นอกจากกว้างลึกแล้วยังเนียนนุ่มเสร็จแล้วยังไม่หยุดเลย กระทบทั้งการงานอาชีพ ยิ่งใหญ่มาก มันทำให้ธนบัตรราคาตกเลย มันเก่งมาก เพราะฉะนั้นกิจกรรมน้ำมัน อาวุธ ส่วนกิจกรรมกสิกรรมไม่เท่าไหร่หรอกหากราคาตก เพราะอาตมายินดีอยู่แล้วหากราคาสินค้าจะตก 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2563 ( 13:01:09 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 08:14:28 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:10:13 )

ข้อที่ 1 ของอภิภายตนะ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในข้อที่ 1 ของอภิภายตนะ รายละเอียดของผู้ที่เป็น อภิภู ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง ผู้มีอำนาจเหนือที่แท้จริง เหนืออะไรต่างๆ เหนือ อะไรบ้าง 

เหนือ ตั้งแต่ทวารภายนอกทวารภายในจะรู้ร่วมกันได้พร้อมกันเสมอ เร็วจนกระทั่งถือว่าพร้อม รู้ขณะที่ข้างนอกก็รู้กันอยู่ข้างในก็รู้กันอยู่ มีร่วมกันอยู่ไม่ขาดจากกัน เพราะว่าจิตมันเร็วกว่าแสง แสงมันจะกระทบข้างนอกแค่นั้น ข้างในมันเป็นจิตนั้นมันรู้อะไรต่ออะไรอีกมากมาย 

เพราะฉะนั้นแสงกระทบกัน มันกระทบกันตั้งไม่รู้กี่ทีแล้ว จิตมันตามรู้ได้หมดทุกอย่าง มันเร็วกว่าแสงตั้งเท่าไร ความเร็วของจิตนั้น เร็วกว่าแสงตั้งไม่รู้กี่เท่า รู้หมด จิตมันเร็วกว่านาที วินาที ไม่ใช่ว่าอาตมาเก่งดูโทรทัศน์ทีละ 2 3 จอ ก็เพราะพวกนั้นมันช้ากว่าจิต เพราะฉะนั้นข้างนอกข้างในจึงไม่ได้เป็นเรื่องยากเรื่องลำบากอะไรของ อภิภู

นอกใน กำหนดหมาย เรียกว่าสัญญา กำหนดรู้ได้เร็วได้หมดทั้งรูปภายนอก ในรูปภายใน เห็นรูปภายนอก เสร็จแล้วถึงจะมีรายละเอียดเป็น ปริตตัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภู คือผู้นำพาคนไปสู่ความจนอันประเสริฐ วันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2564 ( 14:06:22 )

ข้อที่ 10 เป็นผู้ระลึกชาติได้อย่างอาตมา ระลึกชาติได้ว่าเคยเป็นพระสารีบุตร

รายละเอียด

10.ความเป็นผู้ระลึกชาติได้ อย่างอาตมาระลึกชาติได้ว่าเคยเป็นพระสารีบุตร คนก็ไปบอกว่าอาตมาเคยเป็นตัวตน ร่างกายของพระสารีบุตร เขาก็เข้าใจง่ายๆตื้นๆ อย่างนั้น 

อาตมาบอก อาตมาไม่แคร์หรอก เกิดเป็นร่างกายของพระสารีบุตร จะหล่อเท่าอาตมาในยุคนี้หรือเปล่าพระสารีบุตรตอนนั้น อาตมาไม่เกี่ยว ไม่แคร์ แต่อาตมาแคร์ตรงเนื้อหาสาระ สารีบุตร เป็นลูกของพระพุทธเจ้า ได้รับสาระที่ติดตามพระพุทธเจ้ามา อาตมาแคร์อันนี้ อาตมาเอาอันนี้เป็นหลัก ชาตินี้
อาตมารู้ได้ว่าอาตมาได้มากกว่าพระสารีบุตรรู้มาจากชาติก่อนขนาดไหน อาตมาต้องได้สูงขึ้นกว่านั้นอีก 

ทุกวันนี้อาตมาอธิบายธรรมะสูงขึ้นๆ ละเอียดกว่าพระสารีบุตร ที่กล่าวในพระไตรปิฎก พระสารีบุตรก็พูดเยอะ วนอยู่ตรงนั้น อาตมานำมาแตกละเอียดอีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ มันประกอบด้วยสมัยใหม่ด้วย ยุคกาลนี้ พระสารีบุตรในยุคก่อนไม่มีเหตุปัจจัยเท่าในยุคนี้ อาตมาอธิบายได้มากกว่าพระสารีบุตร เพราะว่ามีเหตุปัจจัยมากกว่า สมัยพระสารีบุตร แต่ก่อนนี้ ทุกอย่างแคบ วงจำกัด เป็นทาส เป็นวรรณะ เพราะฉะนั้นไม่รู้อะไรมากหรอก แต่ชาตินี้ ยุคนี้ มันเปิดหมดเลย อิสรเสรีภาพ รู้อะไรกันทั่วไปหมด ก็เลยแยกแยะได้มากกว่าพระสารีบุตรเยอะ ฟังดีๆ นะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 20:48:27 )

ข้อที่ 2 ไม่สงสัยเรื่องกาย ข้อ 3 มีหลักการศีลพรต

รายละเอียด

เข้าใจอย่างนี้ แล้วคุณก็ถึงขั้นไม่สงสัยข้องใจ พ้นวิจิกิจฉา  ข้อที่ 2 ของสังโยชน์ 

ข้อที่ 3 มีหลักการ ศีลพรต มีวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องแล้ว เป็นข้อ ปฏิบัติคือ ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ จรณะ 15 วิชชา 8 ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 ฌาน 4 วิชชา 8 นั่นแหละคือศีล สมาธิ ปัญญา มีความรู้เป็นศีลพรตอันนี้ อย่างสัมมาทิฏฐิถูกต้อง พ้นสีลพตุปาทาน คือ การรู้ในวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง แล้วคุณก็เอามาปฏิบัติ ต้องพ้นการปรามาสเท่านั้น

หมายความว่า รู้ถูกต้องแล้วนะ สัมมาทิฏฐิแล้วนะ แต่ไม่ปฏิบัติสักที ลูบๆ คลำๆ เล่นๆ หัวๆ เหลาะๆ แหละๆ ไม่เอาจริง เรียกว่า สีลัพพตปรามาส ต้องเอาจริง จึงจะขึ้นไปสู่ โสดาปัตติผล จึงจะเกิดผลสำเร็จ ต้องพ้นสังโยชน์ 3 นี้ นี่คือพ้นสังโยชน์ 3

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ตุลาคม 2565 ( 18:30:15 )

ข้อที่ 3 ขอบเขตที่เกิด ข้อที่ 4 ความแตกต่างแห่งชาติ

รายละเอียด

3. ขอบเขตที่เกิด (ชาติกเขต) ชาติ ขอบเขตแห่งการเกิด คุณเกิดอยู่ในกรอบใดขนาดใด มีเหตุปัจจัยขนาดใด คุณดับเหตุที่ไปสู่อบาย ไปสู่ทางต่ำ ทางไม่เจริญให้ได้ ส่วนความเกิดในทางเจริญแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่าเราไม่สันโดษในกุศล คุณจะเจริญในกุศลไม่มีขอบเขตหาที่สุดไม่ได้เลย แต่ทางที่เสื่อมต่ำ เลิกให้ได้ ตัดให้ได้ สั้นลง ให้น้อยลง จนหมด ไม่เกิดในทางต่ำเลย ขอบเขตแห่งการเกิด

4.ความแตกต่างแห่งชาติ (ชาติสัมเภทะ) การเกิดเป็นสัตว์นรกกับการเกิดเป็นสัตว์สวรรค์แตกต่างกันไหม แตกต่างกัน 

การเกิดเป็นมนุษย์ที่มีกายต่างกัน สัญญาต่างกัน โอโห มันแปลก แตกต่างกันมหาศาลเลย ที่นั่งอยู่นี่ไม่เหมือนสักคนเลยที่นั่งอยู่นี่ไม่เหมือนสักคนเลย คิดนึกไปต่างๆเหมือนกันบ้างไม่เหมือนกันบ้างมีเยอะ เหมือนกันนี้มีไม่เท่าไหร่ 

เพราะฉะนั้นถ้าไม่เหมือนกันเยอะนี่อย่าไปติดใจมาก เพราะมันทั้งนั้นแหละ มันต้องไม่เหมือนกัน ปรมาณู 2 หน่วย มันก็ไม่เหมือนกันแล้ว ยิ่งมาเป็นคน ไม่รู้กี่ล้านปรมาณู เพราะฉะนั้นมันต้องแตกต่างกันแน่ เรารู้ว่ามันต้องมีแตกต่างกันแน่ เพราะฉะนั้นอย่าได้ไปกังวลในความแตกต่าง เรารู้ความจริง อย่างเขาก็เป็นอย่างนี้ ถ้าคนนี้เราไม่ไหวเข้าใกล้ไม่ได้ก็ห่างไป ก็รักษาตัวรอดเป็นยอดเดี่ยวบ้าง แต่ถ้าคบกันได้ดีคุณก็คบกันไป มันก็เป็นธรรมดา ธรรมชาติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 14:56:36 )

ข้อที่ 5 ชาติสังสาร ข้อที่ 6 ชาตินิโรธ ข้อที่ 7 ชาติกขยะ

รายละเอียด

5. การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร (ชาติสังสาร) อันนี้พวกศึกษาธรรมะรู้ดี ถ้ายังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิด แม้แต่เป็นโพธิสัตว์ก็เข้าใจแล้ว 

6. การดับสิ้นแห่งการเกิด (ชาตินิโรธ) จริงๆก็หมายเอากิเลสดับสิ้น กิเลสไม่เกิดอีกเลย นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) ดับแล้ว ไม่เกิดอีกเลย เป็นอรหันต์ ดับสิ้นแห่งการเกิด

ตัวนี้แหละ คุณอยู่เป็นอมตบุคคลแล้ว ดับกิเลสที่จะพาเกิด คุณดับเหตุที่พาเกิดได้แล้ว คุณจะเกิดอีกก็ได้ อมตบุคคล เป็นโพธิสัตว์จนกระทั่งถึงที่สุดเป็นพระพุทธเจ้านั่นแหละ เป็นพระพุทธเจ้าสุดแห่งคนแล้ว ท่านไม่เอาสมัยสองหรอก พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ เป็นยอดคนแล้วจะรู้การเกิด การดับ การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ อะไรก็แล้วแต่ มันสุดยอด 

พระอรหันต์ทำให้คนอื่นไม่ต้องเกิดเหมือนตนเองได้ เป็นโพธิสัตว์ต้องไปเกิดอีกหลายล้านแบบ ถึงจะเห็นว่าคนมันต่างกันอย่างนี้นี่เอง มันมีนัยยะที่ต่างกันละเอียดลออ มุมนั้นเหลี่ยมนี้ต่างๆ

7. ความสิ้นไปแห่งการเกิด (ชาติกขยะ) มันสิ้นเลย ก็ไม่มีอะไรแล้ว ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ดับเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย

ความสิ้นไปแห่งการเกิด ชาติกขยะ ก็คล้ายกันกับ ชาตินิโรธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 15:01:24 )

ข้อที่ 8 และ 9 เป็นสุดยอดของกระบวนการวรรณะ 9

รายละเอียด

คุณสมบัติข้อที่ 8 ข้อที่ 9 นี้สุดยอดในกระบวนการทั้ง 9 ข้อของวรรณะ 9 ไม่สะสมแล้วขยันสร้างสรรร่ำรวย นี่แหละ คนจนมหัศจรรย์ คนจนที่แสนรวย ทำแล้วไม่เอามาเป็นของตนเลย แจกจ่าย เอาไว้ส่วนกลาง ส่วนกลางบริหารเป็นประโยชน์เกื้อกูลผู้อื่นต่อไป ซึ่งเป็นหลักเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่นักเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยใดๆในโลก ยังเรียนไม่ถึงนอกจากมหาวิทยาลัยพุทธที่เป็นโลกุตระ มีที่อโศกนี้ที่เดียว 

ไม่สะสมแล้วยอดขยัน ขยันสร้างสรร แต่ไม่เอาไว้ คือไม่สะสม ทำแล้วก็เอาไปสิ เราก็ให้เขาเอาไปสิ พรุ่งนี้ก็ทำอีก วันนี้นอนก่อนพัก  พรุ่งนี้ตื่นเช้ามีเวลามีแรงงานทำต่อ ถ้าป่วยก็พัก เมื่อยหรือว่ามันไม่ไหวก็พัก ถ้าไหวก็ทำ ขยัน ไม่มีขี้เกียจ ไม่มีจิตใจยึดติด มันเป็นสุดยอดแห่งคนเจริญ และสุดยอดแห่งความขยัน สุดยอดของคนที่มีคุณค่าประโยชน์แล้ว 

2 ข้อสุดท้ายข้อที่ 8 ข้อที่ 9 เป็นสุดยอดแห่งศาสตร์ สุดยอดการเมือง สุดยอดสังคมศาสตร์ ข้ออื่นๆ ก็เหมือนกัน ข้ออื่นก็สนับสนุนส่งเสริมตั้งแต่ เป็นคนเลี้ยงง่าย เลี้ยงง่ายนั้น กินความกว้างมากเลย ไปก็ง่าย มาก็ง่าย จะอยู่ก็ง่าย จะนอนก็ง่าย จะตื่นก็ง่าย จะทำก็ง่าย จะสร้างสรรอะไรก็ง่าย จะเจรจาพาทีอะไรกันก็ง่าย ไม่มีเรื่องมาก สุภระ สุโปสะ ทำให้เจริญ ทำให้พัฒนา ทำให้งอกงาม ง่าย ไม่ยาก อย่างพวกเรา บำรุงง่าย ทำให้เจริญในธรรมเข้าใจง่ายๆ ให้พัฒนาได้ง่าย เข้าใจได้ไว รู้ได้ไวว่า ใช่ 

อย่างพวกเรานี้ พออยู่พอกิน เหลือกินเอาไปทำแจก มีแรงงานก็ไปปลูกไปแจก อีกหน่อยไปละเมิดทำสวนคนอื่นเขานะ เดี๋ยวเป็นข้อหาบุกรุกโดนจับ ที่สาธารณะก็ทำไปเถอะ อีกหน่อยปลูกไปเลย ปลูกตรงข้างทางให้ไปถึงท่ากกเสียวเลย ตอนนี้ปลูกไปที่คำกลาง บ้านกุดระงุม มะเขือ ข่า ตะไคร้ พริก โหระพา กระเพรา ที่เป็นของกินประจำบ้าน ก็ปลูกไป มันเลี้ยงง่ายด้วย ก็ทำไปดู อาจจะปลูกฟักแฟงแตงร้าน อะไรต่ออะไร บวบ ให้เขาเก็บกินข้างทางก็ได้ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ไม่รู้จะผิดกฎของเทศบาลเขาหรือเปล่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2565 ( 18:53:56 )

ข้อบ่งชี้ความเป็นประชาธิปไตย

รายละเอียด

ตอนนี้คนขึ้นป้ายว่าจะตายเหมือนปีที่แล้วไหมนี่งานสงกรานต์ แต่ของเรานี่กลับกัน ในตลาดอาริยะพวกเราจะทำกุศลได้เท่าไหร่ ได้ลดละกิเลสเท่าไหร่ คนจะมาเนืองแน่น เป็นหมื่นเป็นแสนคนก็ว่าได้ สมัยนี้คนแร้นแค้น ถึงมาซื้อของถูก รัฐบาลก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง พ่อครูบอกว่าในหลวงไม่ทำเพื่อตัวเองให้ตัวเองแต่ท่านทำเพื่อคนอื่น คนจึงมอบอธิปไตยให้ท่าน ท่านไม่ได้ทำเพื่อตัวท่าน ท่านก็ทำเพื่อประชาชน ประชาชนก็มอบอธิปไตยให้อย่างสุดเศียรเกล้า พ่อครูก็พาพวกเราทำเช่นกันเป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ มันไม่ได้เกิดเพราะว่าไปเลือกตั้ง แต่เกิดเพราะคนมาลดละกิเลสตนเอง ทำเพื่อพหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) และมีหลักวรรณะ 9 เป็นหลักบ่งชี้ประชาธิปไตย วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 10:45:22 )

ข้อปฏิบัติกับสมีที่ปาราชิก

รายละเอียด

เอาคำของพระพุทธเจ้ามาอธิบายทั้งนั้น ปฏิบัติกับสมีที่ปาราชิกอย่างนั้น หากมาในกระแสธรรมะในเขตที่ได้ยิน ให้เอาออกไปก่อน ก็มีตัวอย่าง ตอนที่พระโมคคัลลานะรู้ว่าสงฆ์ที่ไม่บริสุทธิ์มาปนด้วย ก็ใช้อาเทสนาฯ รู้ว่าคนนี้ผิดก็ลากตัวออกไปนอกเลย ไม่สอน หนักกว่าพรหมทัณฑ์ ปาราชิกนี่ ไม่ให้ได้รับคำสอน ไม่ให้ได้ยินคำสอนในชาตินี้ แต่ส่วนสมัยนี้จะแอบฟังทางไอทีก็สุดวิสัย สรุปปาราชิกให้หยุดสอนเลย ห้ามพูดธรรมะให้คนนี้ได้ยินได้รับฟัง หากเขาจะขวนขวายตัวเองก็แล้วแต่ แต่ถ้ามาอยู่ในหมู่  ต้องไม่สอนธรรมะ จะฟังเองก็ได้ พรหมทัณฑ์รองลงมาจาก ปาราชิก จำไม่ได้หมดเป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 21:09:39 )

ข้อปฏิบัติของจรณะ 15 มีปัญญา 8 วิชชา 8 เป็นกษัยเข้าร่วมไปตลอด

รายละเอียด

เอาพระไตรปิฎกหน่อยเถอะ ห่างมาตั้งนานแล้ว พระไตรปิฎกอัมพัฏฐสูตร ล.9  อัมพัฏฐมานพมาประคารมกับพระพุทธเจ้าและก็จำนนว่าเขารู้แต่พยัญชนะ จนสุดท้ายท่านก็ไล่เรียงมาถึงแก่นคือวิชชาและจรณะ พอมาถึงตรงนี้แล้วอัมพัฏฐะก็ยอมรับ ว่าเขารู้ วิชชา 8 จรณะ 15 เขาก็ท่องจำภาษาได้หมดแต่พอเอาเข้าเนื้อหาสาระ ก็ไม่ได้เลย ปฏิบัติไม่ได้ ข้อปฏิบัติของจรณะ 15 มีปัญญา 8 วิชชา 8 เป็นกษัยเข้าร่วมไปตลอด การปฏิบัติศีลปฏิบัติอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติด้วยอปัณณกปฏิปทา 3 คือข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด ถ้าไม่ปฏิบัติตามข้อนี้ผิดคือ 1.ไม่ได้มาปฏิบัติสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 แล้วก็เกี่ยวข้องกับของกินของใช้ โภชนะ โภชเนมัตตัญญุตา ของกินสำคัญกว่า ของใช้ยังอยู่ห่าง เอาของกินนี่แหละเห็นกิเลสให้ชัดเจนแล้วติดตัวด้วยคุณต้องกินทุกวัน ของใช้บางอย่างก็ไม่ได้ใช้ทุกวัน หรือสำคัญกว่ากัน ของกินไม่กินตาย แต่ของใช้ไม่ใช้ก็ไม่ตาย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:33:55 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:37:09 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:13:18 )

ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ

รายละเอียด

เพราะพุทธที่“สัมมาทิฏฐิ”นั้นจะมีหลักปฏิบัติแท้ๆคือจรณะ 15 วิชชา 8 ซึ่งมี“อปัณณกปฏิปทา 3”ยืนยันการเป็นศาสนาพุทธที่แท้จริงถูกต้อง มีหลักธรรมชัดเจนอยู่โต้งๆ

ถ้าการปฏิบัติใดไม่มี“อปัณณกปฏิปทา 3”การปฏิบัตินั้นก็“ผิด”ไปจากศาสานพุทธ ก็ชัดแจ้งแดงแจ๋อย่างนี้

หรือถ้าผู้ใดยืนยันยึดมั่นถือมั่น ว่า “การหลับตาปฏิบัติ”นี่แหละเป็น“ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด (อปัณณกปฏิปทา)”ของศาสนาพุทธ ผู้นั้นก็คือ “มิจฉาทิฏฐิ”ตัวแท้ ซึ่งมีความคิดปฏิปักษ์ต่อศาสนาพุทธอยู่โทนโท่ แท้ๆ ชัดๆ

“อปัณณกปฏิปทา 3 (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ)”ก็คือ การปฏิบัติที่มี“ศีล”เป็นหัวข้อแต่ละข้อ ให้ปฏิบัติ แล้วจะต้อง “สำรวมอินทรีย์ 6-โภชเนมัตตัญญุตา-ชาคริยานุโยคะ” อันเป็น“ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ 3 ข้อ”ที่มียืนยันอยู่อ้างอิงได้ใน“พุทธคุณ 9”ของพระพุทธเจ้า”แท้ๆชัดๆ ใครจะบังอาจปฏิเสธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 20:18:42 )

ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ

รายละเอียด

“อปัณณกปฏิปทา 3 (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ)”ก็คือ การปฏิบัติที่มี“ศีล”เป็นหัวข้อหลัก แต่ละข้อให้ปฏิบัติ แล้วจะต้อง “สำรวมอินทรีย์ 6-โภชเนมัตตัญญุตา-ชาคริยานุโยคะ” อันเป็น“ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ 3 ข้อ”ที่มียืนยันอยู่อ้างอิงได้ใน“พุทธคุณ 9”ของพระพุทธเจ้า”แท้ๆชัดๆ ใครจะบังอาจปฏิเสธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 20:22:58 )

ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธหรือ อปัณณกปฏิปทา 3 เป็นเช่นไร

รายละเอียด

“อปัณณกปฏิปทา 3 (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ)”ก็คือ การปฏิบัติที่มี“ศีล”เป็นหัวข้อแต่ละข้อ ให้ปฏิบัติ แล้วจะต้อง “สำรวมอินทรีย์ 6-โภชเนมัตตัญญุตา-ชาคริยานุโยคะ” อันเป็น“ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดของพุทธ 3 ข้อ”ที่มียืนยันอยู่อ้างอิงได้ใน“พุทธคุณ 9”ของพระพุทธเจ้า”แท้ๆชัดๆ ใครจะบังอาจปฏิเสธ

อปัณณกปฏิปทาข้อ[1] “สำรวมอินทรีย์ 6” ที่มีตา, หู,จมูก,ลิ้น,กาย,ใจ“สัมผัส”เห็นรูปทางตา,ได้ยินเสียงทางหู,ได้กลิ่นทางจมูก,ได้รสทางลิ้น,ได้กระทบกายภายนอก-ภายใน,ได้สัมผัสกันเองของใจกับในใจขั้นรูป-ขั้นอรูป ซึ่งมี “ภาวะ 2”คือมี“ภายนอก”ด้วย มี“ภายใน”ด้วยอยู่ตลอดการปฏิบัติ

อปัณณกปฏิปทาข้อ[2] “โภชเนมัตตัญญุตา” ผู้ปฏิบัติต้องเรียนรู้ขณะกินขณะใช้นั้นๆ อย่าให้มีกิเลสมันเกิดในจิต ถ้ากิเลสเกิดก็กำจัดกิเลสนั้นๆ 

อปัณณกปฏิปทาข้อ[3] “ชาคริยานุโยคะ” ผู้ปฏิบัติต้องทำความมีสติตื่นรู้อยู่กับการปฏิบัติทั้งภายนอก-ภายในนั้นๆอยู่เสมอ และมี“ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์”ไปตลอด

แต่ผู้หลงผิดก็มืดบอดจริงๆ ไป“หลับตา”ปฏิบัติกัน    การหลับตาปฏิบัติ มันก็ตรงกันข้ามกับ“อปัณณกปฏิปทา 3”มันผิด“วิธีปฏิบัติของพุทธ” แม้ภาษา“อปัณณกปฏิปทา” ก็ยืนยันอยู่โต้งๆ ชัดๆอีกปานฉะนี้  ก็ยังไม่ยอมรับความผิดนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเปิดตาพญานาคลงสู่การเมืองไทย วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2565 ( 19:28:10 )

ข้อปฏิบัติเพื่อล้างกิเลส

รายละเอียด

ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว  มีผล  (อัตถิ  ยิฏฐัง) หรือศีล หรือ ข้อปฏิบัติวิธีปฏิบัติเรียกว่า ยิฏฐัง ทานนั้น ลักษณะการให้ ส่วนศีลหรือข้อปฏิบัติคือหลักเกณฑ์ที่คุณจะเอาไปประพฤติ เพื่อเกิดผลโลกุตรธรรมเหมือนการทานนั่นแหละ การล้างกิเลส การทำทานก็เพื่อล้างกิเลส การถือศีลหรือข้อปฏิบัติก็เพื่อล้างกิเลส เพราะฉะนั้นการเรียนศีลหรือข้อปฏิบัติเอาไปปฏิบัติ ถ้าไม่มีศีลไม่มีข้อปฏิบัติ คุณก็สะเปะสะปะ คุณก็ไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร 

ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ คุณก็ไม่มีหลักเกณฑ์ คุณก็สะเปะสะปะไป ศีลมันก็เละเทะ จะไปปฏิบัติศีลได้อะไร เขาก็บอกว่าได้บุญได้กุศล แล้วคุณไปทำอะไร ศีลก็คือไปทำทาน หรือไม่ก็ไปสะกดจิตแบบกดข่มไว้ เหมือนกับเดียรถีย์ทั้งหลายแหล่คือไปปฏิบัติ แล้วเรียกเก๋ๆว่าไปปฏิบัติวิปัสสนา ไปปฏิบัติศีล วิปัสสนา แปลว่า การเกิดผล ภาษาก็ยิ่งเละใหญ่เลย สภาวะก็คนละเรื่อง 

วิปัสสนาแปลว่าการเกิดผลแล้ว เขายังไม่ได้ไปปฏิบัติเลยมีการเกิดผลแล้ว ปฏิบัติก็ยังไม่มีข้อปฏิบัติด้วย เช่น ถือศีลด้วยจารีตประเพณี ก็คือถือศีลที่มีมิจฉาทิฏฐิ ที่เขาพาทำกัน ตั้งแต่ปู่ย่าตายายถ่ายทอดมา ศีลคือปฏิบัติอย่างไรข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ ข้อ 2 ไม่ลักทรัพย์ข้อ 3 ไม่ผิดผัวเขาเมียใคร ข้อ 4 ก็ไม่พูดปด ข้อ 5 ไม่ดื่มน้ำเมา คุณก็พาซื่อทำตามไปอย่างกดข่ม ไม่ได้เกิดปัญญาไม่ได้เกิดการล้างกิเลสไม่ได้เข้าใจการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ไปติดยึดในอุปาทาน ก็ทำตามที่เขาพาทำกดข่มได้ดี กดข่มได้นาน เหมือนมันเลิกได้เลยก็ทำกันไปตามจารีตประเพณี มันไม่สำเร็จด้วยปัญญาเลย

เพราะฉะนั้น ศีลในข้อปฏิบัตินี้ แม้ข้อ 1 ไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่ฆ่ากัน ไม่ทำร้าย การวางอาวุธ วางศาสตรา อยู่กันด้วยความเอ็นดูเมตตาปรารถนา หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ท่านก็แปลไว้ดี แปลในพยัญชนะภาษาจากบาลีมาเป็นไทยในศีลข้อที่ 1 วางอาวุธ วางศาตรา มันสุดยอดแล้วในแต่ละประเทศ  เพราะฉะนั้นประเทศใดที่ไม่ต้องใช้อาวุธ  ไม่ต้องใช้ศาสตราเลย ทำให้ประเทศเป็นกลาง แล้วก็เป็นประเทศที่มีคุณค่า มีประโยชน์ตรงที่เสียสละ ตรงที่มีปัจจัยสำคัญของชีวิต อาหารเป็นหนึ่งในโลก เป็นเลิศอย่างนี้ เป็นต้น อาหารคือ กวฬิงการาหาร คือพืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นต้น นี่แหละเรามีสิ่งเหล่านี้ให้แก่ผู้อื่น เอื้อเฟื้อแก่ผู้อื่น หรือเราปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารแล้วจะขายบ้างเพื่อที่จะหมุนเวียน ก็ขายอย่างขาดทุน 

ที่ขายได้ก็เพราะเราสร้างจนเหลือเฟือ  สร้างจนมีมากเกินพอกินพอใช้ในครอบครัวของเราในสังคมของเราในประเทศของเรา เราก็ถึงมีแจกมีใจมีเผื่อแผ่แก่คนอื่น ฉันไม่จำเป็นต้องเอากำรี้กำไร ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนมา ให้มากให้ฟรีได้ ให้เขาอย่างเสียสละสมบูรณ์แบบได้ให้ไปเลย  มันเป็นเรื่องดีเรื่องวิเศษสำหรับมนุษย์ด้วย เป็นเรื่องปรารถนาดีต่อกัน พิสูจน์ความปรารถนาดีอย่างนี้สิ สังคมใดก็ตามมีหมู่คนที่เข้าใจอย่างนี้แล้วตั้งใจทำอย่างนี้เช่นอโศกเรา เราได้ตั้งใจทำมาเรื่อยๆอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าพวกเราชาวอโศกเป็นกสิกร เป็นนักกสิกรรมกันอย่างโอ้โห มีหัวใจเป็นนักกสิกรรมเลยนะ แล้วก็ปลูกที่ดินพอมี ทำขึ้นไปเถอะ ทำแม้แต่ในที่ของเราแล้วมันยังมีแรงเหลือ ทำในที่สาธารณะที่พอทำได้อย่างที่พวกเราทำ ปลูกมันข้างถนนเลย ใครเขาจะไปว่าอะไร เราปลูกในสิ่งที่เป็นประโยชน์ 

ถ้าเราทำจริง เราทำจนกระทั่ง มีที่สาธารณะก็ทำจนอุดมสมบูรณ์ ที่ว่างๆคนอื่นเราก็ไปปลูก ก็จะมีคนมาฟ้องศาลว่าไปปลูกในที่ของเขา อาตมาก็จะดูว่าศาลจะติดสินให้พวกเราติดคุกเพราะบุกรุกพื้นที่เขาไหม เพราะเราปลูกแล้วเราก็เอาไปแจกจ่ายเจือจาน ที่ของเราก็ปลูกในที่ของเราเต็มหมดแล้วเราก็ต้องปลูกในที่ของคนอื่นเพื่อจะได้กินได้ใช้กัน เราไม่ได้หวงแหนในที่ของเรา นี่เป็นโลกุตรธรรมที่ยิ่งใหญ่ อาตมาจะพาพิสูจน์เรื่องนี้ไป จะต้องติดคุกติดตะรางเพราะว่าละเมิดปลูกผักพืชในที่คนอื่นก็ให้มันรู้ไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2566 พิธีน้อมกตัญญูบูชา วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน 2566 แรม 2ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2566 ( 15:49:23 )

ข้อผูกพันของพ่อครูที่มีกับพระพุทธเจ้าสมณะโคดมคืออะไร

รายละเอียด

อาตมาถ้าไม่มีข้อผูกพันนี้ ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปแล้ว นี่มีข้อผูกพันกับพระพุทธเจ้าสมณะโคดม และอาตมาก็จะต้องมีวิบากของอาตมาเอง ตั้งจิตว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งให้ได้ด้วย นี่คือข้อผูกพัน สิ่งที่อาตมาทำไว้เองที่จะต้องทำเท่านั้นเอง ก็ยังไม่ท้อแท้ โดยเฉพาะที่รับปากจากพระพุทธเจ้ามาโดยตรง ว่าจะต้องมากอบกู้ต่อศาสนาพุทธนี่ให้ไปถึง 5,000 ปี ตามคำของพระพุทธเจ้า

เพราะถ้าอาตมาไม่ต่อนี้ไม่ถึงนะ มาถึงวันนี้มันเสื่อมจริงๆ แล้ว ไม่ต้องเอาอะไรมาก​​ 2,500 ปี ถ้าอาตมาไม่อุบัติขึ้นมานี่ จะมีโลกุตระต่อไหม..ไม่มี อยู่ที่ลังกา พม่า ลาว เป็นพุทธทั้งนั้นไม่มีหรือ ทำไม คุณไปรู้ได้ยังไงไม่มี?  คุณไปสอบทานมาแล้วหรือ ลังกา พม่า ที่ไหนที่เมืองลาว ญี่ปุ่น จีน อะไร ผู้ที่ไปก็ลองสอบถามดูว่ามีโลกุตรภูมิตรงไหน มีภูมิไปสอบเขาไหมล่ะ ถ้าไม่มีภูมิไปสอบเขาก็ไม่ได้

Pattern อันนี้ที่ขึ้นมาให้เห็น(บนจอภาพ) อาตมาก็มีเป็นมาตั้งนานแล้ว อาตมาก็เข้าใจทุกอย่าง ที่ทำ Pattern อันนี้เอาไว้ ว่าศาสนาพุทธจะต้องครบ 5,000 ปี จะต้องมีพลังงานสร้าง ตั้งแต่ 36 ปี 72 ปี 108 ปี 144 ปี 151 ปี  ถ้าอาตมาทำได้ถึงขั้น Peak สุดถึงจุดยอดของสามเหลี่ยมนี้ได้  อาตมาก็ไม่ต้องมาเกิดอีก เพราะอาตมาถ้าจะเกิดก็มีประเด็นเดียว ประเด็นที่รับผิดชอบว่า ถ้าถึง 5,000 ปี อาตมาก็เสร็จไปอันนั้น ก็เหลือแต่อาตมาจะไปเป็นพระพุทธเจ้า ใช่ไหม ที่เป็นปณิธานของตัวเองจะต้องเป็นพระพุทธเจ้า ส่วนงานรับว่าจะต่อพุทธศาสนานี้ให้มีเนื้อโลกุตระไปถึงหมด 5,000 ปีของพระพุทธเจ้า ถ้าอาตมาทำสำเร็จ อาตมาก็จะเป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่เป็นพระพุทธเจ้าก็เรื่องของอาตมา อาตมาอาจจะรีไทร์ (retire) กลางทางก็ได้ แต่ยังไงๆมันก็ใกล้ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จากนี้ไปปั๊บ ถ้าอาตมา มาเป็นไปอีก ตอนนี้ก็เริ่มๆ เข้าไปหามหาโพธิสัตว์เรื่อยๆ อยู่แล้ว ก็เหลืออีกนิดเดียวเท่านั้นเอง โอย..อาตมา ทำมาหนักหนาสาหัสอยู่ตั้งนาน จะถึงอยู่แล้วรอมร่อจะไม่เอาก็กระไรอยู่หนอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดสำคัญที่สุดในสัจธรรมของพุทธคือสุข-ทุกข์ วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 11:20:43 )

ข้อยุติของพุทธศาสนาคือ “นานาสังวาส”!

รายละเอียด

และในพุทธศาสนาเราก็มีหลักเกณฑ์ที่ชื่อว่า“นานาสังวาส”เป็น“วินัย”ข้อสำคัญยอดสุดให้เรียนรู้และปฏิบัติซึ่งเป็นข้อทำ“ความยุติ”ที่ดียิ่งเยี่ยมวิเศษที่สุดของพุทธ

เพราะวินัยเรื่อง“นานาสังวาส”นี้มันเป็นที่สุดแห่งที่สุดของ“สุดวิสัย”ในความเป็นคน ที่มี“ความเห็น”หรือ“ความยึดถือ”แตกต่างกันเด็ดขาด ไม่สามารถจะทำความเข้าใจร่วมกันได้แล้ว

จึงต้องให้“อิสระเสรีภาพ”แก่“ความเห็น-ความยึดถือ”ของแต่ละคนไปเป็นที่สุด  

นี้คือ สุดยอดแห่ง“อิสระเสรีภาพ”ในศาสนาพุทธ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 274 หน้า 216


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:41:05 )

ข้อสอบ วิชชาลัยบรรดาบัณฑิตบุญนิยม (ว.บบบ.) ปรนัย 2565 

รายละเอียด

ข้อสอบ วิชชาลัยบรรดาบัณฑิตบุญนิยม (ว.บบบ.) ปรนัย 2565 

คำชี้แจง ให้กากบาทคำตอบ ลงบนแผ่นกระดาษคำตอบที่แนบมา 

 

  1. เกี่ยวกับ เปิดยุคบุญนิยม ข้อใดกล่าวผิด

ก. คำว่า บุญ เปรียบเหมือนระเบิด ระเบิดแล้วหายไป

ข. คำว่า บุญ เปรียบเหมือน อาวุธ กำจัดกิเลส

ค. คำว่า บุญ ทำแล้ว จะสะสมความดีไว้กินไว้ใช้ในชาติต่อๆไป

ง. คำว่า บุญ คือการเสียสละ จาคะไปจนถึงจิตวิญญาณ ไม่หวังสิ่งใดๆเลย

 

  1. คำใดเป็นการกล่าวผิดในการปฏิบัติ “ฌาน”

ก. การปฏิบัติ “ฌาน” ต้องไปนั่งหลับตา

ข. การปฏิบัติ “ฌาน” ต้องปฏิบัติในการทำสัมมาอาชีพ

ค. การปฏิบัติ “ฌาน” ต้องปฏิบัติในสัมมากัมมันตะ

ง. การปฏิบัติ “ฌาน” ต้องปฏิบัติในสัมมาสังกัปปะ

 

  1. การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ตามหลักพุทธศาสนาต้องปฏิบัติอย่างไร

ก. นั่งหลับตา                ข. เดินจงกรม

ค. ภาวนาพุทโธ                ง. ปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8

 

  1. การปฏิบัติสมาธิของพุทธที่ถูกต้อง ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก. นั่งหลับตา                         ข. เดินจงกรม

ค. ปฏิบัติมรรคมีองค์ 8                ง. ภาวนาสัมมาอรหันต์

 

  1. พ่อเฒ่าสมณะโพธิรักษ์ มาเปิดยุคบุญนิยม ท่านมาสร้างคนให้มีอะไร

ก. ผู้ถือศีล 5 ละอบายมุข        ข. เป็นผู้ตั้งใจปฏิบัติสัมมาอาริยมรรค

ค. เป็นคนมีวรรณะ 9            ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. คำว่า “อรหันต์” คือ ท่านผู้รู้จบอะไร

ก. จบภพ        ข. จบชาติ        ค. จบเทวะ        ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. “บุญ” มีหน้าที่เดียวคืออะไร

ก. สั่งสมความดี                ข. ทำแล้วไปรับผลชาติหน้า

ค. ทำกิเลสให้วิบัติ            ง. ถูกทั้ง ก และ ข

  1. ข้อใดที่ ไม่ใช่ศิลปะ อันเป็นมงคลอันอุดมของพระพุทธเจ้า

ก. งานฝีมือที่ทำแล้ว จบที่นิพพานทั้งคนดูและคนทำ

ข. งานฝีมือที่ทำแล้ว คนดูตีความได้ตามใจตนเองอิสรเสรีภาพ

ค. งานฝีมือที่ทำแล้ว คนดูลดละราคะ ลดละโทสะ ลดละโมหะ

ง. งานฝีมือที่ทำแล้ว คนดูลดความรวย มาเป็นคนจน คนลดกิเลส  

 

  1. ข้อใด ไม่นับว่า เริ่มต้นความเป็นโพธิสัตว์

ก. พ้นสักกายทิฏฐิ พ้นวิจิกิจฉา พ้นสีลัพพตปรามาส ทำงานรับใช้ศาสนา

ข. ปฏิบัติธรรมได้โสดาปัตติผล ช่วยคนบางคนให้เลิกเล่นหวยได้

ค. กินน้อยใช้น้อยอยู่อย่างสมถะ กินมังสิวิรัติ ช่วยผู้ประสพภัยได้มากมาย

ง. ลดกิเลสติดอบายมุขได้ ปฏิบัติศีล 5 ได้ถึงจิต ช่วยบางคนเลิกเล่นพนันได้

 

  1. เกี่ยวกับพญานาค ข้อใดผิด ไปจากสัจธรรม

ก. พญานาคที่เป็นงูใหญ่มีหงอนเลื้อยได้ มีจริงอยู่ที่ในแม่น้ำโขง

ข. พญานาคที่เป็นงูใหญ่มีหงอน มีจริงในใจของศิลปินที่มีอุปาทาน

ค. พญานาคที่เป็นงูใหญ่มีหงอน ไม่มีจริงในโลกที่เปิดทวารทั้ง 5 

ง. พญานาคที่เป็นงูใหญ่มีหงอนเลื้อยได้ ไม่มีจริงที่ทะเลสาบสงขลา 

 

  1. ข้อใด ไม่ใช่อานิสงส์ ของการสมาทานศีลที่สัมมาทิฏฐิ

ก. จิตเกิดอวิปฏิสาร ปราโมท ปีติ        ข. จิตเกิดวูปสมโมสุข เกิดสมาธิ

ค. วาจามีความไพเราะเสนาะหู        ง. กายเกิดกายปัสสัทธิ 

 

  1. โลกุตระสอนให้ละตัวตนเช่นไร

ก. ลดการพบปะผู้คน สามารถอยู่ในถ้ำคนเดียวได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

ข. ลดการกินอาหารให้น้อยที่สุด อดอาหารได้นานหลายวันเท่าไหร่ได้ยิ่งดี

ค. ลดการใช้เสื้อผ้าให้น้อยที่สุด ที่สุดขนาดที่ว่าไม่ใส่เสื้อผ้าเลยก็อยู่ได้

ง. ลดการฆ่าการเบียดเบียนสัตว์ มีใจเมตตากรุณา หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวง

 

  1. คนชนิดไหนที่กล้าทำชั่วทำเลวได้ทุกชนิด ข้อใดถูกที่สุด

ก. คนอุจเฉททิฏฐิ             ข. คนสัมมาทิฏฐิ 

ค. คนที่กล้าโกหกทั้งๆที่รู้        ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ค.


 

  1. ข้อใด ไม่ใช่เหตุ ที่พระอรหันต์ยังคงกลับมาเกิดอีกในชาติต่อๆไป

ก. เพื่อพัฒนาความสามารถในการช่วยคนให้พ้นทุกข์ได้มากและหลากหลายกว่าเดิม

ข. เพราะเป็นความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมหาบุรุษ

ค. เพื่อทำบุญให้ยิ่งยวด เป็นบุญที่สุดยอดของเอกมหาบุรุษ

ง. เพราะเป็นความกรุณาอันหาประมาณมิได้ เป็นอัชฌาสัยที่ทนไม่ได้เพราะความกรุณา ของพระโพธิสัตว์

 

  1. การปฏิบัติธรรมแบบใด ที่ทำให้เราเข้าใกล้ ภพความว่างแบบหลงผิด

ก. การนั่งหลับตาภาวนาพุทโธ ตามลมหายใจเข้าออก

ข. การใช้เวทนาเป็นกรรมฐานในการปฏิบัติมรรคมีองค์ 8

ค. การปฏิบัติ ตาม จรณะ 15 วิชชา 8

ง. การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 แบบสัมมาทิฏฐิ 

 

  1. อะไรทำให้คนหมดความสุขโลกีย์ได้อย่างแท้จริง

ก. การสร้างพลังงานบุญ

ข. การเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว

ค. การเป็นคนรวยที่เจ็บป่วยจากการกินตามกิเลส

ง. การเป็นคนจนที่เจ็บป่วยจากการอดมื้อกินมื้อ

 

  1. การปฏิบัติสันโดษ หรือใจพอนั้น ข้อใดได้เข้าถึงปรมัตถธรรม

ก. กินมื้อเดียวก็พอ แต่กดข่ม อารมณ์เสีย เที่ยวไปเพ่งโทษคนกินสองมื้อ

ข. กินมื้อเดียวก็พอและยังกินอาหารเพื่อสุขภาพอีก เพราะกดข่มไว้จึงมักไม่ชอบใจอาหารปรุงแต่งรสจัดจ้าน 

ค. กิน 1-2 มื้อต่อวัน ตามสภาพร่างกาย แต่ลดละกิเลสกามคุณ 5 ได้

ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. ข้อใดปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ข้อ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ได้ถูกต้อง

ก. มีสติรู้การเดินการนั่งการนอนการยืน ทุกอิริยาบถเป็นไปตามใจกำหนด

ข. รับประทานอาหารโดยกำหนดว่าต้องเคี้ยวจนเป็นน้ำจึงกลืนอย่างมีสติ

ค. รับประทานอาหารโดยกำหนดรู้เวทนาที่เกิดเมื่อทวาร 5 กระทบอาหาร

ง. รับประทานอาหารโดยกำหนดรู้การเคี้ยวให้ครบ 50 ครั้งก่อนกลืน


 

  1. คนชนิดไหนที่ยังเป็นคนชั่ว

ก. คนที่สิ้นบุญสิ้นบาป            ข. คนที่หมดบุญ

ค. คนที่หมดบาป             ง. คนที่จำเป็นต้องอาศัยบุญ

 

  1. ทำงานอย่างไร ยังไม่เป็นการทำงานด้วย กัมมัญญา

ก. ทำงานแล้วได้ผลสำเร็จตามที่ใจตนเองคิดเต็มที่ แต่จิตเต็มไปด้วยอุปกิเลส เที่ยวพูดจาดูหมิ่น ดูถูกคนอื่นว่า ทำงานไม่ได้เรื่อง 

ข. ทำงานพบอุปสรรค แต่ก็ฟังคำทักท้วงจากเพื่อนๆ ช่วยกันแก้ไขการงาน ได้ลดละอัตตา ลดละอุปกิเลส แม้ว่างานจะไม่สำเร็จเต็มที่

ค. ทำงานโดยฝึกลดละตัวตน หมั่นศึกษาวิชาการประกอบกับการทำงานจริง ปรึกษาผู้รู้ ไม่ถือตนว่ารู้กว่า ดีกว่า จึงได้ผลเต็มที่

ง. ทำงานแม้ไม่มีวิชาการมาก แต่ศึกษาตามภูมิ ปรึกษาผู้รู้ ลดละตัวตน จึงทำงานได้ผลสำเร็จเต็มที่ และไม่ไปเที่ยวพูดจาดูหมิ่นผู้อื่นที่ทำได้ไม่ดีเท่าตน

 

  1. ข้อใด ไม่ใช่เหตุ ที่คนมีกุศลอย่างยิ่งเช่นศาสดาทางเทวนิยม จึงต้องเวียนกลับมาตกต่ำทำชั่วได้อีก

ก. เพราะไม่ได้ลดละอัตตาอย่างสมบูรณ์ จึงทำกุศลแล้วสะสมอัตตาไปด้วย

ข. เพราะทำกุศลแล้วมีอุปกิเลสซ้อน

ค. เพราะไม่ได้ทำบุญได้สำเร็จ กุศลที่ได้จึงเป็นแค่เครื่องบำเรอโลกธรรม

ง. เพราะศาสดาเทวนิยมเป็นผู้หมดบุญหมดบาปแล้ว จึงทำแต่กุศล

 

  1. นิยาม 5 ข้อใดที่เกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมา

ก. อุตุนิยาม                     ข. พีชนิยาม

ค. จิตนิยาม                    ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. ส่วนแห่งบุญ จะไม่เกิดขึ้น ในบุคคลใด

ก. อรหันต์        ข. อนาคามี    ค. สกิทาคามี        ง. โสดาบัน

 

  1. ท่านสามารถเห็นโอปปาติกสัตว์ได้มากในที่ใด

ก. สวนสัตว์ซาฟารี            ข. ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของซีพี

ค. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน    ง. ชุมชน บวร ชาวอโศก



 

  1. ลักษณะใด ไม่ใช่อัตวาทุปาทาน

ก. ทุกอย่างไม่มีตัวตน การกินเนื้อสัตว์โดยเราไม่ได้ฆ่า ก็กินได้ไม่บาป

ข. ทุกอย่างไม่เที่ยง เราก็อยู่เสพสุขสบายมีเงินแสนล้าน ก็หาเพิ่มอีกได้

ค. โดนเพื่อนแกล้ง เราก็รู้สึกมึนๆอ่านกิเลสไม่ได้ ก็เลยบอกเพื่อนไปว่า “เราไม่โกรธเธอหรอก” โดนแกล้งอยู่เรื่อยๆ ก็เกิดจิตตกซึมเศร้า

ง. ทุกอย่างไม่เที่ยง ความอร่อยก็ไม่เที่ยง เราสามารถทำให้ความอร่อยหมดไปให้ได้

 

  1. เวทนา 108 จุดแยกสำคัญ คือ มโนปวิจาร คือข้อใด

ก. ความรู้สึกแบบโลกียะกับโลกุตระ 

ข. ความรู้สึก สุข ทุกข์ เฉยๆ

ค. แยกภายนอก สุข ทุกข์ ในโสมนัส โทมนัส อุเบกขา

ง. แยกอดีต ปัจจุบัน อนาคต

 

  1. กิเลสคือความยึดมั่น ถือมั่น 4 อย่าง คือ อุปาทาน 4 แล้ว ตัวใดร้ายสุด คือ ซื้อ 1 แถมอีก 3

ก. ขนาดทำบุญ ทำทาน มีแต่ความอยากเต็มไปหมด “กามุปาทาน”

ข. บุญกับกุศล ก็เห็นว่าเหมือนๆ กัน “ทิฏฐุปาทาน”

ค. ยึดศีลเคร่ง ปฏิบัติจริงจัง บำเพ็ญตบะต่อเนื่อง แบบ “สีลัพพตุปาทาน”

ง. พูดมากสอนมาก แต่ไม่มีของจริงเลย “อัตวาทุปาทาน” หลอกทุกๆ เรื่อง

 

  1. พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัมมาทิฏฐิเกิดได้จากข้อใด

ก. เจริญอานาปานสติต่อเนื่อง    ข. ปรโตโฆสะกับโยนิโสมนสิการ

ค. เดินตามวรรณะ 9            ง. ชาติ 5 การเกิด 5 อย่าง

 

  1. ใครคือคนรู้จักหน้าที่ของบุญตรงสุด ว่าบุญทำอะไรได้บ้าง

ก. แก้ว บุญทำแล้วสบายใจ สบายกาย ทั้งชาตินี้ชาติหน้า

ข. กัลยา บุญทำหน้าที่ตัดกิเลสทุกปัจจุบันเท่านั้น

ค. ชาติ บุญจะติดตามเราไปทุกภพชาติ หากเราตั้งใจบำเพ็ญบุญ

ง. ชาญ บุญจะมีกับผู้มีบารมีสูง เช่น พระอรหันต์ขึ้นไป


 

  1. ในปัญญา 8 ฟังธรรมจากศาสดา หรือผู้เป็นครูแล้ว เกิดความละอายอย่างแรงกล้า เกรงกลัวอย่างแรงกล้า ศรัทธาอย่างแรง แล้วถูกตรงควรเกิดอะไรต่อ

ก. แก้กรรมไม่ดีของเราทุกๆ ปัจจุบัน รู้แล้วละ ไม่กลับไปชั่วอีก ทำจิตให้ตื่นรู้ สู้กับกิเลสให้ดับสูญเป็นลำดับ

ข. รู้ว่าตนผิด คิดละอายไม่อยากพบใคร อายมาก ขอทำงานมากๆ รักษาแผลตนให้ดีก่อน รู้ว่าตนผิดพลาดมา ทั้งเจ็บทั้งอาย

ค. ฟังธรรมแล้วปล่อยวาง เราก็เท่านี้ จะเอาดีอะไรนักหนา ทำใจสบายๆ ค่อยเป็นค่อยไป

ง. ไม่มีข้อถูก

 

  1. ผลจากการทำบาป / ผลจากการทำบุญ คืออะไร

ก. ผลจากการทำบาป ต่ำ ทุกข์ ทำลาย นรก / ผลจากการทำบุญ สบาย เจริญ สูง สุข

ข. ผลจากการทำบาป หลงสุข เกลียดทุกข์ โง่ ทำแต่สิ่งร้ายๆ / ผลจากการทำบุญ จิตสะอาดจากกิเลสเป็นลำดับ

ค. ผลจากการทำบาป จน ทุกข์ ทรมาน อดๆ อยากๆ / ผลจากการทำบุญ อุดมสมบูรณ์

ง. ไม่มีข้อถูก

 

  1. อวิชชาทำให้เกิดสังขาร สังขารทำให้เกิดวิญญาณ วิญญาณทำให้เกิดนามรูป แล้วนามรูปคืออะไร ตามที่พระพุทธเจ้าหมาย

ก. นามคือชื่อเพื่อเรียกให้รู้ รู้คือสิ่งที่ตามองเห็น

ข. นามคือภาษาเรียกอาการในจิต รูป คือ สิ่งที่ตามองเห็น

ค. นามคือประธานผู้เป็นตัวรู้  รูปคือภาวะที่ถูกรู้

ง. นามรูป เป็นอจินไตย รู้ได้ยาก แต่คนตาทิพย์รู้ได้

 

  1. บุญเกิดที่ไหน เมื่อไหร่ เกิดมาทำหน้าที่อะไร

ก. บุญเกิดที่ใจ เกิดในปัจจุบันเท่านั้น มีหน้าที่เดียวคือตัดกิเลส

ข. บุญเกิดกับพระอรหันต์ ผู้กลับเป็นพระโพธิสัตว์ต่อไป

ค. บุญเกิดกับคนใจดี ชอบเสียสละ ชอบช่วยเหลือผู้อื่นตลอดไป

ง. บุญเกิดกับคนทุกๆ ศาสนา ที่ตั้งใจสร้างคุณงามความดี


 

  1. บุญกับกุศลต้องรู้ให้ชัดๆ ว่ามีคุณสมบัติต่างกันอย่างไร

ก. บุญกับกุศล ทำหน้าที่เหมือนกัน เรียกชื่อต่างกันเท่านั้น คือละชั่วทำดี

ข. บุญกับกุศล มีหน้าที่ส่งผลไปชาติต่อๆไป

ค. บุญกับกุศล ตามติดตัวคนดีๆ เท่านั้น คอยส่งเสริมให้เกิดบารมี

ง. บุญชำระกิเลสให้สะอาดจากจิต กุศลทำประโยชน์ต่อผู้อื่น

 

  1. ฌานคือไฟ ฌานพุทธกับฌานฤาษี มีไฟต่างกันอย่างไร

ก. ฌานพุทธคือไฟร้อนเผากิเลส ฌานฤาษีไฟเย็น สงบแช่แข็งกิเลส

ข. ฌานพุทธคือไฟเย็นสงบกิเลส ฌานฤาษีไฟร้อนอบอุ่น

ค. ฌานพุทธ ฌานฤาษี มีทั้งไฟร้อน-เย็น คู่กัน สลับกันตามความเหมาะสม

ง. ฌานใดๆ ก็ไม่ใช่ไฟ ฌานพุทธฌานฤาษีเป็นพลังสงบเย็น

 

  1. เพราะสัมมาทิฏฐิในกาย จึงเริ่มต้นเป็นพระโสดาบัน ข้อใดถูก

ก. ถือศีล 5 ละอบาย ละกิเลสตัวใหญ่ๆ หยาบๆ ไม่เฉื่อยเนือย ละความขี้เกียจ

ข. ใจดี เสียสละ เอาภาระสังคม ถ้าวัดไหนปฏิบัติธรรมก็ดี ก็เข้าไปหมด

ค. ถวายของดีๆ คนใจดี คนใดจนเข้าช่วยเหลือ สัตว์ลำบากก็ช่วยเหลือ

ง. ศีลเคร่ง อ่อนน้อมถ่อมตน ฝึกฝนสมาธิ คือทำใจให้สงบๆ เย็นๆ 

 

  1. ท่านเข้าใจอย่างไร ข้อใดถูกต้อง

ก. ย้ำอีก 100 ครั้ง บุญไม่ใช่สมบัติ

ข. ย้ำอีก 100 ครั้ง กุศลอกุศลเป็นสมบัติ

ค. บุญคือผู้ร้าย คือ นักฆ่า

ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. เมื่อเกิดมโนสัญเจตนาหาร พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราต้องศึกษาอะไรจึงจะรู้แจ้ง

ก. เวทนา 3 เป็นตัวหลักสำคัญที่ต้องเรียนรู้ เวทนาเป็นกรรมฐานหลักของพุทธ

ข. ตั้งใจทำ พูด คิด อะไรมีตัณหา เป็นตัวนำตามแถมท้ายมาหรือไม่

ค. ถ้าไม่รู้กามคุณ 5 ชัดๆ ก็ยากสู้กิเลสได้

ง. ศึกษานามรูปนั้น คือสุดของธรรมะไม่ต้องเรียนอย่างอื่นอีก

 

  1. ใครรู้จักพระเจ้า เข้าถึงพระเจ้าได้มากที่สุด

ก. ผู้นับถือเทวนิยมมาหลายชั่วโคตร        ข. ตัวพระผู้เป็นเจ้าเอง

ค. ผู้เป็นอรหันต์ขึ้นไป                    ง. บาทหลวงผู้เคร่งศาสนา

 

  1. ผู้ที่ควรเรียกว่า เป็นโพธิสัตว์แท้ต้องมี

ก. ต้องบรรลุธรรมโลกุตระ เช่น โสดาบันโพธิสัตว์ขึ้นไป

ข. เป็นปุถุชนก็เป็นโพธิสัตว์ได้ หากมุ่งมั่นทำเพื่อผู้อื่นสุดๆ 

ค. เป็นกัลยาณชน เป็นคนดีๆ ที่ทำเพื่อสังคม ทำเพื่อเพื่อนมนุษย์

ง. ใครก็ได้หากเป็นผู้ให้ๆๆๆ ยอมทนทุกข์ เพื่อผู้อื่น

 

  1. กิเลสตัวร้ายต่ำสุด เลวสุดของภามภพคือข้อใด

ก. กามเมถุน      ข. กามสัญญา        ค.กามคุณ 5        ง.อบายมุข 6

 

  1. ข้อใดเป็นรากเหง้าสำคัญสู่การบรรลุธรรม (ข้อที่สำคัญสุด)

ก. ผู้มีมนสิการทำใจในใจเป็น        ข. ผู้คบสัตบุรุษเนืองๆ เสมอๆ 

ค. ผู้มีมิตร ฟังมิตรดี                ง. ผู้เป็นสายปัญญา

 

  1. พระอนาคามี ยังหลงรสอร่อยอยู่ไหม หลงรสอร่อยเรื่องอะไรบ้าง

ก. หลงรสอัสสาทะของกาม

ข. หลงทรัพย์สินบ้านช่องเรือนชาน

ค. หลงรสอร่อยของอัตตาข้าดีข้าถูก

ง. หลงรสอร่อย จากตระกูลเครือญาติ

 

  1. ทานจะมีมรรคผล ต้อง….

ก. ให้ของรักกับคนที่ไม่รัก            ข. ให้ของดีๆ กับคนไม่มีกิเลส

ค. ทำใจให้เป็นบุญทุกๆ การให้        ง. อนุโมทนากับผู้ให้ทุกๆ คน

 

  1. รักษาศีลแบบไหนไกลนิพพานที่สุด

ก. สีลัพพตุปาทาน                ข. สีลัพพตปรามาส

ค. อธิศีล                         ง. อริยกันตศีล

 

  1. กายในกาย คืออะไร ข้อใดถูกต้อง

ก. ระลึกถึงกิเลสในอดีต

ข. พิจารณาในร่างกาย ตับ ไต ไส้ น้ำเลือด น้ำเหลือง

ค. เห็นกิเลสขึ้นขณะตากระทบรูป

ง. ไม่มีข้อใดถูก


 

  1. ข้อใดไม่ถูกต้อง ของ ปรโตโฆษะ

ก. ผู้มี ปรโตโฆษะ ต้องเปิดใจรับฟังผู้อื่น เช่น ผู้เป็นบัณฑิต ผู้เป็นสยังอภิญญา

ข. เป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายมิจฉาทิฏฐิ

ค. เป็นสุตมยปัญญา

ง. ผู้มักเพ่งโทษผู้อื่นเพื่อตัวเองจะได้มีชื่อเสียง

 

  1. ข้อใดเป็นคุณสมบัติของมนุษย์ชมพูทวีป

ก. นายแกล้วกล้า อาจหาญ เลิกดื่มสุรา เลิกสูบบุหรี่

ข. นายแคล่วคล่อง ว่องไวแท้ มีสติรู้ทันกิเลสเวลามีสิ่งต่างๆมากระทบ

ค. เป็นชาวอินเดีย

ง. ถูกทั้งข้อ ก และข้อ ข

 

  1. ต่อไปนี้ข้อใดถูกต้องในการทำบุญ 

ก. ออกพรรษาแล้ว ชาวพุทธพากันทำบุญทอดกฐินมีมหรสพฉลอง 

ข. เจ้าคณะอำเภอทอดผ้ามหาบังสุกุลในงานฌาปนกิจศพ 

ค. เอาเงินสมทบทุนกองผ้าป่าสามัคคี 

ง. นายเจริญ ลดความโกรธจะเลิกฆ่าสัตว์ได้เลิกกินเนื้อสัตว์ได้  

 

  1. โยนิโสมนสิการ มีความหมายตรงกับข้อใด 

ก. นักเรียนที่กราบไม่สวย กราบได้สวยงามมากขึ้นหลังจากคุรุให้คำแนะนำ 

ข. แม่บอกลูกให้ซักผ้าให้สะอาดหน่อย ลูกทำตาม ก็ซักผ้าสะอาดขึ้น 

ค. นักเรียนโกรธให้เพื่อน เมื่อได้รับคำแนะนำจากสมณะ นำไปทำตามจนหายโกรธได้

ง. เมื่อได้รับคำชม นักเรียนทำงานขยันขันแข็งมากขึ้น 


 

 ………………. ยังมีข้อสอบแบบเติมคำอีก 10 ข้อ……………….

ที่มา ที่ไป

ข้อสอบ วิชชาลัยบรรดาบัณฑิตบุญนิยม (ว.บบบ.) ปรนัย ปี 2565 


เวลาบันทึก 02 มกราคม 2565 ( 21:03:00 )

ข้อสอบงานพุทธาภิเษกฯ ปี 2563

ลิ้งดาวน์โหลด ข้อสอบปรนัย : docs.google.com/document/d/14QAAkAQLtJ6YN8EIvmBgv2Po9vhaI4KHc3S9jEON2Mw/edit

ลิ้งดาวน์โหลด ข้อสอบอัตนัย : docs.google.com/document/d/1yprGlViDB_qtswyXeoRbn3PNU2tndkaJEoUlSJyI_Cs/edit

ลิ้งดาวน์โหลด เฉลยข้อสอบปรนัย : docs.google.com/document/d/1Xh6LQgUCLtw8pd9gsuhnRH8LaCV3QpsSazlTgvDpuII/edit

ลิ้งดาวน์โหลด เฉลยข้อสอบอัตนัย : docs.google.com/document/d/1Uv7jGp3G-1AzFzKy31seWJySsfDsqOnDgVat2YNNowk/edit


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 14:40:00 )

ข้อสอบปรนัย งานพุทธาภิเษกฯ ปี 2565

รายละเอียด

ข้อสอบปรนัย งานพุทธาภิเษกฯ ปี 2565  (ข้อละ 1 คะแนน)

คำชี้แจง ให้กากบาทคำตอบ ลงบนแผ่นกระดาษคำตอบที่แนบมา 

 

  1. ชุมชนบวรของชาวอโศก จะอยู่ได้ด้วยความอบอุ่นสามัคคี เราต้องปฏิบัติตามหมวดธรรมข้อใด 

ก. สาราณียธรรม 6                     ข. พุทธพจน์ 7 

ค. สัมมาอาริยมรรคมีองค์ 8             ง. ถูกทุกข้อ 

 

  1. คนที่มีลักษณะโพธิสัตว์จะมีลักษณะคือ 

ก. ไม่มีอัตตา      ข. ซื่อสัตย์     ค. รับใช้ประชาชน       ง. ถูกทุกข้อ 

 

  1. คนจนมหัศจรรย์คือคนเช่นไร 

ก. ถ่วงให้สังคมไม่เจริญ             ข. ผู้กอบกู้สังคมให้ไปรอด 

ค. เป็นผู้มีภูมิโลกุตระ                 ง. ข้อ ข และ ข้อ ค ถูกต้อง 

 

  1. ผู้ที่ทำใจในใจเป็น จะเป็นคนเช่นไร 

ก. ลดละกิเลส                         ข. ผู้มีภูมิโลกุตระ 

ค. ผู้มีจิตจะเข้าสู่ปรมัตถธรรม             ง. ถูกทุกข้อ 

 

  1. กายสงบอย่างสัมมาทิฏฐิคืออย่างไร 

ก. กายข้างนอกนิ่งไม่เคลื่อนไหว         ข. หมายถึงกายสงบจากกิเลส 

ค. กายหยุดนิ่งเฉยๆทื่อๆ             ง. กายสงบคือนั่งหลับตานิ่งๆ 

 

  1. ถ้ามีสัมมาทิฏฐิ แล้วปฏิบัติธรรมหมวดใดได้ถึงปรมัตถ์ ก็เป็นอรหันต์ได้

ก. อาริยสัจ 4                ข. สัมมาอาริยมรรคมีองค์ 8

ค. จรณะ 15 วิชชา 8            ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. พระอรหันต์ เมื่อไม่ตั้งจิตโพธิสัตว์ เมื่อกายแตกย่อมเข้าสู่ภาวะใด

ก. นิพพาน                        ข. ปรินิพพาน

ค. ปรินิพพานเป็นปริโยสาน            ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. อรหันต์ จะต่อพุทธภูมิ ต้อง “ตั้งจิต” ต้องรู้แจ้งในอะไร

ก. ใบไม้ทั้งป่า                ข. ใบไม้กำมือเดียว

ค. ไม่ต้องตั้งจิต                ง. ไม่มีข้อใดถูก

  1. ข้อใดกล่าวผิด

ก. บุญ มีฤทธิ์ทำลายมหาศาล    ข. บุญ เป็นพลังงาน

ค. บุญ เป็นสสาร        ง. บุญ ทำให้กิเลสวิบัติ มีหน้าที่เดียว ไม่มีหน้าที่อื่น

 

  1. ข้อใดกล่าวถูก

ก. บุญ เป็นสมบัติ

ข. บุญ เป็นภพ เป็นชาติ

ค. บุญ ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีตัวตน ไม่มีภพ ไม่มีชาติ

ง. บุญ เป็น วิญญาณาหาร

 

  1. พุทธธรรมใช้ ปาฏิหาริย์ใด จึงสง่างามยิ่งนัก

ก. อาเทสนาปาฏิหาริย์                ข. อิทธิปาฏิหาริย์

ค. อนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์            ง. ใช้ทุกข้อ ก ข และ ค

 

  1. คนหมดบุญ ก็คือ

ก. พาลชน                    ข. ปุถุชน

ค. กัลยาณชน                ง. คนที่มีอรหัตตผลเกิดขึ้นในจิต

 

  1. ฌานของพุทธต้องเริ่มจาก

ก. ศีล        ข. ญาณ        ค. กสิณ        ง. วิชชา

 

  1. จิตสงบแบบ”ปัสสัทธิ” ข้อใดถูกต้องที่สุด

ก. รู้ว่าดื่มเหล้าไม่ดี ผิดศีล จึงเลิกดื่มเหล้าอย่างเคร่งครัดตลอดเข้าพรรษา 3 เดือน ออกพรรษากลับมาดื่มเหมือนเดิม

ข. ปกติไม่ดื่มเหล้า จะดื่มเมื่อต้องไปงานสังสรรค์กับเพื่อน แต่ก็ดื่มไม่มากจนเมา

ค. รู้ว่าตนเองติดเหล้า ติดเพื่อน พยายามหาโทษภัยของเหล้า ฝึกหัดลดละจนเลิกเหล้าได้สนิท แม้ต้องเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ก็ไม่ดื่มได้ จิตใจก็ปกติดี

ง. เคยติดเหล้าจนตับเริ่มไม่ดี หมอให้เลิกดื่มเหล้า จึงต้องเลิก แต่ยังมีใจที่อยากดื่มอยู่ พยายามอดกลั้นไว้ ไม่ดื่ม

 

  1. ข้อไหนถูกที่สุด..??

ก. ความสุข คือ ความโง่        ข. คนหลงสุข คือ คนโง่

ค. สุข ทุกข์ คือ ผี..!!            ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. นิพพิทา(เบื่อหน่าย คลายกำหนัด) ข้อไหนถูกต้องที่สุด

ก. ทานอาหารซ้ำซากทุกวัน เบื่อจริงๆ..!!

ข. ชีวิตน่าเบื่อ ตื่นมาก็ต้องทำงานหนัก หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน แต่ก็ไม่มีเงินพอใช้ ให้อยู่สบายๆได้สักที..!!

ค. โลกนี้มีแต่มายา หลอกลวงให้เราแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มีแต่การแข่งขัน แย่งชิง ไม่มีวันหยุดวันพอ เราก็หลงวิ่งตาม เหมือนวิ่งคว้าเงา แต่ไม่ได้สาระอันใดให้กับชีวิตเลย.. พอแล้ว ไม่หลงโลกอีกแล้ว..!!

ง. แต่งงานกันมาด้วยความรัก อยู่ด้วยกันจนมีลูก 2 คน หญิงและชาย ดูชีวิตน่าจะครบบริบูรณ์ แต่ความสุขในบ้านไม่ค่อยมีเลย เพราะเธอช่างหาเรื่องบ่นได้ทุกวันหาเรื่องทะเลาะ เบาะแว้งเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวมากขึ้นทุกวัน.. เบื่อจริงๆ..!!

 

  1. “ส่วนบุญ” หมายความว่า

ก. ไปทำบุญ ตักบาตรมาแล้ว ขอแบ่งบุญให้เพื่อนบ้าน

ข. อุทิศ” ส่วนบุญ” ให้ผู้ตาย

ค. พลังความสามารถที่กำจัดกิเลสได้บางส่วนแล้ว

ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. การนั่งหลับตา เป็นเทวนิยม เพราะ

ก. เป็นการสะกดจิตให้เป็นก้อน แท่ง ไม่รับรู้อะไรเลย

ข. ไม่รู้จักกิเลส ที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ เพราะปิดการกระทบผัสสะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีการอ่านเวทนา 

ค. ดับกิเลสไม่ถูกตัวตนของกิเลส เพียงแค่กดข่มไว้ ยังเป็น”อัตตา” ไม่สามารถสลายกิเลสให้เป็น”อนัตตา”

ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. สิ่งใดที่สำคัญที่สุด ในการพาตนให้พ้นทุกข์

ก. สวดมนต์ ใส่บาตร ทำทาน

ข. รักษาศีล 5 อุโบสถศีล นั่งสมาธิ ทำจิตให้สงบ

ค. คบคุ้นครูอาจารย์ที่เป็นสัมมาทิฏฐิ อย่างมีโยนิโสมนสิการ และเรียนรู้ อยู่ร่วมกับมิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี

ง. อ่านหนังสือธรรมะ  ฟังธรรมะ รักษาศีล 8 อยู่ผู้เดียวอย่างมักน้อยสันโดษ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร

 

  1. ข้อใดผิด

ก.การให้ทาน การเสียสละเพื่อสังคม การช่วยเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก เป็น “กุศลโลกียะ”

ข.การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ลดละกิเลส ฝึกกินน้อย ใช้น้อย เป็นคนมีวรรณะ 9 เป็น “กุศลโลกุตระ”

ค.การทำความดี เสียสละอย่างมากมายเพื่อพระเจ้า เป็นได้แค่ “กัลยาณชน”

ง. การนั่งหลับตาสมาธิ อ่านจิตในจิต ฝึกจิตให้สงบ เป็นทางลัดที่สุด ที่จะพาให้พ้นทุกข์ได้

 

  1. ข้อใดผิด

ก. พืช ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ มีแค่สัญญาและสังขาร ปรุงแต่งกันอยู่ประกอบเป็นชีวิต

ข. พืช ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่มีบาป ไม่มีบุญ

ค.โลกุตรธรรมสามารถทำจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์จากกิเลสจนเป็น “พีชธาตุ”ได้  ไม่สุข ไม่ทุกข์

ง. นั่งหลับตาสมาธิ ทำจิตให้สงบ สามารถทำให้จิตว่าง ดับสัญญา เวทนา ให้ไม่สุข ไม่ทุกข์ เป็นอุเบกขาได้

 

  1. แยกกาย แยกจิต อย่างไร ถูกต้องที่สุด

ก. นั่งหลับตา ให้จิตสงบ แล้วแยกกายแยกจิต โดยจิตออกไปจากกาย แล้วเห็นกายตนเองนั่งอยู่

ข. เห็นร่างกายเริ่มแก่ หนังเหี่ยว มีความเจ็บปวดเอว ปวดเข่า ก็คิดว่า ร่างกายก็เป็นเช่นนี้เอง.. อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จิตก็ปล่อยวางกายได้

ค. เห็นทุเรียน.. ตากระทบทุเรียน (กาย) รู้ชัดเจนว่า ทุเรียนมีกลิ่น มีรสอย่างนี้ เคยชอบ เคยอร่อย แต่ในขณะผัสสะปัจจุบันนี้ ไม่มีชอบ- ชัง ไม่สุข ไม่ทุกข์ กับทุเรียนแล้ว เห็นความจริงตามความเป็นจริง จิตเป็น                      “เนกขัมมสิตอุเบกขาเวทนา”

ง. ถูกทุกข้อ





 

  1. ข้อใดถูกที่สุด…คนที่ประกาศตัวว่าเป็นพระอรหันต์ โดยที่ตัวเองไม่ได้เป็นจริง พ่อครูถือว่าเป็นคนซวย เพราะ 

ก. ทำให้คนหมั่นไส้ การประกาศตัวแม้จะเป็นจริงเป็นค่านิยมที่ไม่ดี  

ข. ขายขี้หน้าเมื่อเวลากิเลสโผล่ออกมา    

ค. พูดไปสองไพเบี้ย เพราะใครๆก็ไม่เชื่อว่าพระอรหันต์มีจริง  

ง. ถูกทุกข้อ

 

  1. ข้อใดถูกที่สุด….พระอาริยะเบื้องต้นเป็นผู้ที่มี...

ก. สัพพปาปัสสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวงเด็ดขาด) 

ข. กุสลสูปสัมปทา (ทำกุศลให้ถึงพร้อมถ่ายเดียว)   

ค. สจิตตปริโยทปนัง (ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว จากกิเลส) 

ง. ญาณ 7

 

  1. กรรมวิบากเป็นเรื่องอจินไตย การเชื่อเรื่องกรรมอย่างไรจึงชื่อว่าเชื่อถูกต้อง

ก. นาย A เพ่งโทษเพื่อนเลยทำข้อสอบได้ไม่ดี 

ข. นาย B เป็นโรคปวดท้อง(เพราะชอบทดลองของแปลกๆ)เขาจึงเชื่อว่าที่ปวดท้องเป็นเพราะวิบากกรรมที่เคยทำปาณาติบาตมามาก

ค. ยาย D เชื่อว่าทำดีดี-ทำชั่วชั่ว ทำดียังไม่ได้ดีเพราะทำดีไม่มากพอ

ง. นาง Z เชื่อว่าชีวิตเธอมีคนไม่ชอบเยอะเป็นเพราะวิบาปกรรมในชาติก่อน

 

  1. ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด 

ก. นาย ก จะปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ได้สัมมาเพราะอ่านพระไตรปิฎก   

ข. นาย ข จะปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ได้สัมมาเพราะได้รับศีล 5 

ค. นาย ค จะปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ได้สัมมาเพราะมีมิตรดีที่เป็นโลกุตระ   

ง. ถูกทุกข้อ 

 

  1. ข้อใดกล่าวผิด 

ก. การทำสมาธิแบบนั่งหลับตาทำให้จิตสงบชั่วคราว           

ข. การทำสมาธิแบบนั่งหลับตาเป็นการพักผ่อนที่ดี 

ค. การทำสมาธิแบบนั่งหลับตาทำให้ทบทวนสิ่งที่ผ่านมาได้ดี            

ง. การทำสมาธิแบบนั่งหลับตาทำให้เห็นโทษภัยในวัฏสงสารเป็นสัมมาทิฏฐิ 

 

  1. ข้อใดกล่าวถูกต้อง 

ก. นาย ก. มีวิปัสสนาญาณด้วยการนั่งทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา       

ข. นาย ข. มีวิปัสสนาญาณขณะกินก๋วยเตี๋ยว โดยเพ่งจิตไปอยู่ที่ลมหายใจเข้า หายใจออก ไม่รับรู้รสเปรี้ยวหวานมันเค็มแล้วรู้สึกเฉยๆเป็นอุเบกขา 

ค. นาย ค. มีวิปัสสนาญาณขณะกินก๋วยเตี๋ยว รับรู้รสเปรี้ยวหวานมันเค็มแล้วอ่านรู้จิตเฉยๆที่เป็นอุเบกขา 

ง. นาย ง.มีวิปัสสนาญาณขณะถูกด่าทอแล้วไม่โกรธเพราะไม่ใส่ใจในคำด่า 

 

  1. เกี่ยวกับทุกข์ ข้อใดอธิบายได้ถูกตามที่พระพุทธเจ้าสอน

ก. ทุกข์เนื่องจากโลกธรรม เป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะเราทุกคนต้องเจอหลีกหนีไม่ได้           

ข. ทุกข์เนื่องจากการเจ็บป่วย สามารถเลี่ยงได้ตลอดไป โดยกินอาหารไร้สารพิษ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียดไม่กังวล ไม่ไปหาเรื่องเอาโรคมา

ค. ทุกข์จากการทะเลาะวิวาท เป็นทุกข์ที่หลีกเลี่ยงได้ แม้ว่าเราต้องทำงานกับคนอื่นที่ขี้โกง ทุจริต            

ง. ทุกข์จากการหาอาหารมาเลี้ยงร่างกาย เป็นทุกข์ที่เลี่ยงได้ ด้วยการมีเงินมากๆไปจ้างคนทำอาหารให้ตลอดชีวิต

 

  1. จิตของผู้ปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร

ก. เลี้ยงง่าย บำรุงง่าย พัฒนาให้เจริญได้ง่าย

ข. สามารถหยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร

ค. เป็นผู้มักน้อย กล้าจน 

ง. ถูกทั้งข้อ ก.และข้อ ค.

 

  1. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับวิปัสสนาญาณของพุทธ

ก. หลบลี้หนีบรรยากาศของสังคม

ข. นั่งหลับตาไม่มีการกระทบผัสสะ

ค. มีญาณ ปัญญา วิชชาที่เกิดอย่างเห็นยิ่ง มีความรู้ภายนอกภายในพร้อม

ง. รู้ว่าใครมีกิเลสอะไร
 

  1. สิ่งมีชีวิตใหญ่ๆที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรชาวอโศกได้แก่ข้อใด

ก. ปาท่องโก๋                ข. ปลาสวาย ปลาชะโด

ค. บุคคลผู้เป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี

ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข้อ ข.

  1. ผู้แสดงธรรมแบบสูงขาลอยหมายความว่าอย่างไร ถูกที่สุด

ก. แสดงธรรมสูงแต่ไม่มีศีล อปัณณกธรรม 3 เป็นที่ตั้งเป็นพื้นฐานแข็งแรง

ข. แสดงธรรมที่ไร้ความจริงอยู่ในความคิดฝันฟุ้งซ่านตักกะทั้งนั้น

ค. ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ข.

ง. ไม่มีข้อถูก

 

  1. ข้อใดเป็นการระลึกชาติแบบพุทธ

ก. สุพรรณ ระลึกได้ว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นพระนเรศวร

ข. กัลยา นึกได้ว่าเมื่อเช้านี้ตอนตักอาหารเกิดความโลภอยากกินขนมเค้ก แต่ได้พยายามลดละความโลภ

ค. ชูศักดิ์ จำได้ว่าวันเกิดของ ปิ่นแก้ว ตรงกับวันวาเลนไทน์

ง. ไม่มีข้อไหนถูก

 

  1. ข้อใดเป็นอานิสงส์ของศีลตามหลักของ กิมัตถิยสูตร

ก. แดง ดีใจที่ขายสินค้าราคาบุญนิยมได้มากแม้กำไรจะน้อยแต่ขายได้มาก

กำไรก็มากเอง

ข. ดำ มีจิตใจสงบเย็นสบายจากการนั่งสมาธิ

ค. คำดี ปฏิบัติศีล ข่มใจกดข่มกิเลสได้ 

ง. คำจันทร์ อิ่มใจ ปลื้มใจที่สามารถเลิกกินขนมหวานได้ หลังจากตั้งตบะเข้าพรรษา 

         

  1. ความมหัศจรรย์ของศาสนาพุทธตรงกับข้อใด

ก. พระโมคคัลลานะเหาะเอาบาตรไม้จันทร์ได้

ข. บุญมี นั่งหลับตา เมื่อจิตสงบเกิดปัญญาแตกฉาน รู้ธรรมะต่างๆมากมาย

ค. บุญมา เริ่มปฏิบัติธรรมด้วยการรักษาศีล 5 และพัฒนาเป็นศีล 6 7 8 ตามลำดับ 

 ง. ไม่มีข้อถูก






 

  1. ปวิเวกะ เป็นคุณธรรมข้อหนึ่งในกถาวัตถุ 10 ที่เป็นสภาวะจิตสงบข้อใดที่ตรงกับภาวะ ปวิเวกะ ดังกล่าว   

ก. สมพงษ์ ทำงานคนเดียวเพราะไม่มีใครมากวนใจให้หงุดหงิด จึงทำงานได้ดี 

ข. ไพรัตน์ เป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีใครๆก็รัก เพราะอ่อนน้อมสำรวมเรียบร้อย

ค. อุทัยเป็นคนขยันทำงาน มีผัสสะมาก ถูกชี้ขุมทรัพย์ก็ยิ้มรับ มีจิตไม่ดูดไม่ผลักเป็นอุเบกขา แล้วนำข้อตำหนิไปปรับปรุงตัวเอง เสมอๆ  ทำงานคล่องแคล่วว่องไว ใจเบิกบาน

ง. ประยูร ถูกหัวหน้าตำหนิที่ทำงานบกพร่อง เขาไม่สบายใจหลบไปทำใจให้สงบในห้องน้ำ

 

  1. ข้อใดกล่าวผิด

ก. ฌาน คือพลังงานปัญญาที่อยู่ในจิต รู้จักกิเลสในจิต ทำกิเลสให้เพิ่มก็ได้ ลดก็ได้

ข. สวรรค์คือนรกมายา

ค. ฌานจากการนั่งหลับตาเป็นฌานที่ไม่อยู่ในกระบวนการของศาสนาพุทธ เพราะไม่ได้เกิดจากสัทธรรม 7

ง. ฌานของพวกเดียรถีย์ไม่มีวิชชา 8

 

  1.  มนุษย์พืชของพุทธกับมนุษย์พืชของแพทย์ต่างกันอย่างไร

ก. ไม่ต่างกัน

ข. มนุษย์พืชของพุทธมีสติเต็ม 100% รู้ภายนอกภายในรู้สังขารได้ยอดเยี่ยม คือพระอรหันต์ มนุษย์พืชของแพทย์คือผู้ป่วยที่ไม่มีจิตวิญญาณแล้ว มีแต่สัญญา สังขาร เหมือนพืชที่ไม่มีสุขทุกข์แล้ว 

ค. มนุษย์พืชของพุทธ เป็นผู้ชอบกินพืชผักต่างๆ  มนุษย์พืชของแพทย์คือผู้ป่วยนอนติดเตียงกระดุกกระดิกไม่ได้

ง.  ข้อ ข. และข้อ ค.ถูก 

 

  1. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้องที่สุด

ก. เทวนิยมทำให้ธาตุวิญญาณสลายเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ ได้บ้างไม่ได้บ้าง

ข. ดี-ชั่ว เทวนิยมทำได้แต่เลิกจิตวิญญาณไม่ได้ จึงทำความไม่มีได้

ค. คนจะตรัสรู้ต้องรู้ ธรรมนิยาม 5 ผู้ไม่รู้ธรรมนิยาม 5 เป็นอรหันต์ไม่ได้ 

ง. ถูกทุกข้อ 

 

  1. พระเจ้ากับพระพุทธเจ้าเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร

ก.  ท่านเป็นผู้มีบารมีมาก เกิดเพื่อช่วยมนุษยชาติเหมือนกัน

ข.  ท่านมีบริสุทธิคุณ ปัญญาธิคุณ กรุณาธิคุณ สูงมากเหมือนกัน

ค.  พระเจ้าลึกลับ แต่พระพุทธเจ้าไม่ลึกลับ ต่างกันสิ้นเชิง

ง.  ไม่มีข้อถูก

 

  1. ภาวนาคืออะไร ปฏิบัติอย่างไร

ก.  ปฏิบัติธรรมตามจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นลำดับจนเกิดผลสำเร็จ

ข.  สะกดจิตให้สงบว่าง ทำให้ต่อเนื่องนานๆ คือการภาวนาประสพผล

ค. สวดมนต์หลายบท เช่น การสวดมนต์ข้ามปี นี้คือการบำเพ็ญภาวนา

ง. ตั้งจิต อ้อนวอน ร้องขอ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่อพระพุทธรูป

 

  1. กิเลสกับเจ้ากรรมนายเวรเหมือนกันหรือต่างกัน พ่อครูตอบว่า…

ก.  กิเลสอยู่ในตัวเรา เจ้ากรรมนายเวรอยู่นอกตัว

ข.  กิเลสเกิดได้ในปัจจุบัน เจ้ากรรมนายเวรเกิดจากกรรมเราในอดีต

ค. กิเลสหยุดได้ เจ้ากรรมนายเวรหยุดเขาไม่ได้

ง. มันตัวเดียวกัน กิเลสกับเจ้ากรรมนายเวร เราต้องไม่ยอมเป็นทาสมัน

 

  1. ปาฏิหาริย์ของพุทธคือ

ก.  ฝึกจิตให้มีพลังเป็นหนึ่ง หยั่งรู้อดีตอนาคตได้

ข.  ผู้ถึงนรก สวรรค์ ตาทิพย์ เห็นสิ่งลึกลับ

ค.  ปฏิบัติศีลให้บริสุทธิ์ จิตสะอาดจากกิเลส

ง.  ฝึกจริง จะได้จิตทรงพลังเป็นอนัตตา

 

  1. มโนมยอัตตา กับมโนสัญเจตนาหาร เหมือนกันหรือต่างกัน

ก.  เหมือนกัน โดยสภาวะเมื่อปฏิบัติได้ผลแล้วเหมือนๆ กัน คือ ทำที่ใจให้เจริญ

ข.  ต่างกัน มโนมยอัตตา สะกดจิตปั้นเรื่องราวขึ้นในจิต  มโนสัญเจตนาคือตั้งจิตกำหนดให้จิตเป็นไป

ค.  ต่างกัน มโนมยอัตตา ตั้งจิตฝึกจิต มโนสัญเจตนา ปั้นจิตขึ้นเอง หลงที่ตนปั้นขึ้นเอง

ง.  ไม่มีข้อถูก


 

  1. จะปฏิบัติธรรมอย่างไร จึงจะถึงขั้นเกิดนิพพิทาญาณได้

ก.  ปฏิบัติตามจรณะ 15 วิชชา 8 พิจารณาให้เห็นโทษภัยของสิ่งที่เราติด มากๆ บ่อยๆ 

ข.  ปฏิบัติตามคำสอนของพระ ทำความสงบให้จิตปล่อยวาง ไม่หมั่นพิจารณา

ค.  ถือศีลเคร่ง เน้นสมถะ ลดละ หลีกเร้น บำเพ็ญผู้เดียว

ง.  ไม่มีข้อถูก

 

  1. พ่อครูว่าไทยเราเป็นประเทศเล็กๆ จะช่วยเหลือประเทศร่ำรวยเงินทองมากๆ (หนูช่วยราชสีห์ได้หลายตัว) ด้วยวิธีใดบ้าง

ก.  ไปเรียนที่ประเทศรวยๆ เอาความรู้มา

ข.  เปิดการท่องเที่ยวดี ให้เขามาพัก มาหาความรู้

ค.  ทำกสิกรรมมากๆ ส่งอาหารให้เขาถูกๆ หรือฟรีๆ 

ง.  ส่งแรงงานมีฝีมือไปช่วยเขาทำงาน

 

  1. สภาวะของพญานาค ในคนผู้ปฏิบัติธรรมคือข้อใด

ก.  ขี้เกียจ ชอบพักมากกว่าเพียร

ข.  ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครชอบอยู่เงียบๆ ทำงานง่วนๆ สบายใจ

ค.  ชอบฝึกสมถะ ฝึกสะกดจิต ไม่อยากรู้อะไร ไม่ชอบวิจัย

ง.  ถูกทุกข้อ


 

  1. หลับตาปฏิบัติ ไม่มีปัญญาเพราะเหตุใด

ก.  ไม่มีมิตรดี มีแต่มืดมิด             ข.  ไม่มีผัสสะ

ค.  ไม่รู้จัก รู้แจ้ง รู้จริง ในภาวะ 2        ง.  ถูกทุกข้อ

 

  1. ความสงบ ที่ไม่ใช้เจโตสมถะ เป็นความสงบแบบปัสสัทธิ คือข้อใด

ก.  ล้างกิเลสออกแล้วสงบ

ข.  ท่องกสิณอยู่กับอารมณ์กสิณสงบ

ค.  การข่มจิต ให้ดับ ให้ว่างสงบ

ง.  คิดพิจารณาใช้เหตุผลต่างๆ ให้ปลง วาง สงบ

 

..........ยังมีข้อสอบแบบเขียนคำตอบอีก 10 ข้อนะ...........

 


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2565 ( 08:52:06 )

ข้อสังเกตระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง

รายละเอียด

สังเกตดูได้จากกระดูกเชิงกรานได้ ผู้ชายจะมีกระดูกเชิงกรานที่เล็กกว่าผู้หญิงเป็นสิ่งที่แปลงเพศไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ทานและบุญที่ฆ่าตัวตนและของๆตน วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2562 ( 19:33:32 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:15:29 )

ข้อห้ามของธรรมบท

รายละเอียด

ในมุสาวาทวรรค ปาจิตตีย์ นี้เขายอมรับว่าทำได้ยาก หากไมให้ทำเขาก็ไม่รู้จะทำอะไร คืออย่าเอาธรรมบทท่องสวดอวดคนอื่นเล่น หากเอามาพูดขึ้นมาคนเดียวนั้นพระพุทธเจ้าอนุญาต คุณขยายความให้เป็นแต่เอามาท่องให้คนอื่นฟังเพียงคนเดียวนั้นไม่เป็นไร แต่อย่าไปเอาธรรมบทมาสวด 1.อย่าไปลากเสียงยาว 2. อย่าไปใส่ทำนอง หากไม่ลากเสียงยาวแต่ใส่ทำนองก็อาบัติ คุณก็เอามาพูดคนเดียวได้ คนอื่นก็ได้ฟังคำสอนพระพุทธเจ้าไม่ได้ ติดในอนุพยัญชนะไม่ได้ ติดในเสียงและทำนองเป็นรสชาติ แต่คุณฟังเป็นเนื้อแท้คำสอนพระพุทธเจ้าก็เหมือนการถ่ายทอดให้ฟัง แม้ว่าคุณจะอธิบายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากคุณอธิบายได้คุณก็อธิบาย แล้วเวลาอธิบายจะอธิบายทีละ 2 คนได้อย่างไรมันก็จะพูดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว มันก็จะแย่งกันพูดเท่านั้น มันจะต้องมาด้วยกันก็เรียกว่าท่อง พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ท่อง ท่านมาให้นิเทศหรืออุเทศ ท่านให้มาขยายความ อุเทศก็ยกหัวข้อมา ส่วนนิเทศก็ขยายความออกไปเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่พระพุทธเจ้าห้ามเพราะอะไร เพราะในศาสนาลัทธิอื่น เดียรถีย์ทั้งหลายเขาทำมาแต่ไหนแต่ไรอยู่ด้วย ใช้การสวดทำมาหากิน อย่างที่เป็นอยู่ที่นี่ จะใช้เพื่อสวดหากิน แล้วคนที่ได้ฟังคำสวดนี้ก็จะติดในคำสวด ยึดถือในคำสวดว่าได้เป็นมงคลแล้วได้สิ่งที่ดีแล้วได้ฟังคำสวด ถ้าคุณไม่สวดผิด 1 สวดคนเดียว ตามธรรมบทของพระพุทธเจ้าแล้วไม่ได้ใส่ทำนองไม่ได้ยืดเสียงลากเสียง รัสสระ ทีฆสระก็ตามนั้น ตามสำเนียงชนเผ่านั้นๆ สำเนียงอีสานก็อย่างหนึ่งสำเนียงอังกฤษก็แบบหนึ่ง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:59:15 )

ข้อเท็จจริงก็คือ ประสาทคนละเส้น เวทนาก็คนละเวทนา มันจะแทนกันได้อย่างไร!

รายละเอียด

ประสาทคนละประสาท ของใครของมัน นาย ข.ก็ไม่ได้สัมผัสแล้วนาย ข.จะเกิด“ความรู้สึก”จากการกระทบสัมผัสนั้นได้ยังไง? 

เส้นประสาทของนาย ก.ก็ไม่ได้ต่อโยงติดกันกับของนาย ข.สักหน่อย แล้วนาย ข.จะมี“ความรู้สึก(เวทนา)”ขึ้นมาได้ กับคนอีกผู้หนึ่งที่เขามีการกระทบสัมผัส มันจะเกิด“ความรู้สึก”ได้เป็นจริงยังไง? 

ไปมี“ความรู้สึก”แทนกัน มันก็เป็นแค่การสร้าง“อุปาทาน”  ใส่จิตตนเองขึ้นมาเองเท่านั้นเอง มันเป็น“ความรู้สึก”เดียวกันที่

ไหน? และสัมผัสก็คนละสัมผัสเสียอีก มันคนละคนแท้ๆ อย่าขี้ตู่ แค่ว่า นาย ก.มีการสัมผัสภายนอก ส่วนนาย ข.ไม่ได้มีการสัมผัสภายนอกเลย แค่นี้มันก็แตกต่างกันแล้ว คนหนึ่งมี“สัมผัส”จึงมี“ความรู้สึก” ส่วนคนที่“ไม่มีสัมผัส” มันก็“ไม่มีความรู้สึก”

แล้วจะเอา“ความรู้สึก”อะไรมาเกิดเรียกว่า“สุข”ได้เล่า? 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 370 หน้า 270


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:26:21 )

ข้อเปรียบเทียบการกินเนื้อสัตว์กับการกินพืช

รายละเอียด

ข้อเปรียบเทียบการกินเนื้อสัตว์กับการกินพืช  คือ

  1.คนกินเนื้อสัตว์เป็นคนเลี้ยงยาก คนกินพืชเป็นคนเลี้ยงง่าย

   2.การเอาสัตว์มากินสัตว์ดิ้นรนมากกว่าเอาพืชมากินไม่มีการดิ้นรน

   3.สัตว์มีการจองเวรจองกรรมเป็นบาปมาก พืชไม่มีกาจองเวรจองกรรม

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอารยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:32:21 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:16:28 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:18:02 )

ข้อเสียของการสวดท่อง

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าทรงตั้งระเบียบ ตั้งวินัยไว้ เพราะศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาสวดท่องหากินเลี้ยงชีพเหมือนเดียรถีย์...ท่านได้ตั้งระเบียบ ออกพระวินัยห้ามไว้ว่าอย่าทำ เพราะการสวดอย่างนั้น

1.มันไม่รู้เรื่อง

2.มันจะเข้าใจผิดว่า สวดแล้วจะได้สิริมงคล ได้คุณงามความดี เป็นบุญกุศล พากันสวดแต่ไม่รู้เรื่องว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร เอาไปปฏิบัติอย่างไรไม่รู้เรื่อง กลายเป็นเรื่องไสยศาสตร์

การสวดมนต์กลายเป็นเครื่องมือทำมาหากินของพระ ไม่มีอะไรจะทำแล้ว พระทุกวันนี้ ก็เลยท่องแต่บทสวดมนต์ไม่ว่า เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน ท่องได้มากก็ถือว่าเป็นพระดี ได้ไปสวดในงานต่างๆ สวดให้เจ้าภาพดีใจว่า จะช่วยบันดาลให้ได้ลาภยศสรรเสริญสุข ซึ่งมันไม่เป็นความจริง มันไม่มีประโยชน์อย่างนั้น มันทำให้หลงผิดงมงาย มีแต่โทษ

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่มที่ 7 ข้อ 20-21

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 17-18


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 12:47:59 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:18 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:12:31 )

ข้อเหมือนกันของฉือจี้กับชาวอโศก

รายละเอียด

ส่วนข้อที่เหมือนกันคือมีเมตตาเหมือนกัน มีเมตตาต่อโลกต่อมนุษย์เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกันคือ ฉือจี้บานไปทางโลก ผู้สนับสนุนมีผู้ร่วมทำ ฉือจี้ ไม่รู้จักเครื่องสลัดออกจากกิเลส ตัณหา อุปทาน เขาไม่ได้เข้าใจเรื่องนี้ เขาได้แต่ก่อความเจริญความดีๆๆไปยาว ไม่มีนิพพาน มีแต่บำเพ็ญเป็นพวกสายมืด แต่อยู่กับโลกอย่างกว้าง อย่างสว่าง มีคนเยอะ กุศลสว่างแต่บุญมืด ไม่รู้จักบุญ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:50:49 )

ข้อแตกต่างของกามภพ-รูปภพ-อรูปภพ

รายละเอียด

เพราะมันไม่ยืนยัน“ภพทั้ง 3”ที่เปิดความรับรู้อยู่ครบ 

คือรับรู้อยู่ทั้ง“กามภพ-รูปภพ-อรูปภพ”ว่า “กามภพ”เราก็

ไม่มีกิเลสแล้ว 

โดยขณะนั้นก็รับรู้“กามภพ”อยู่ 

และ“รูปภพ”เราก็มีความรู้อยู่ว่า มีกิเลสหรือไม่มี 

แม้แต่“อรูปภพ”เราก็รู้ลึกเข้าไปอีกว่า ยังมีกิเลสหรือหมด

แล้ว 

ไม่ได้“ปิด”ความรับรู้ไปจาก“ภพภายนอก” ต้องครบ 3 ภพ

ซึ่งแตกต่างจากการ“หลับตา”ไม่มี“ภพกาม”ภายนอก 

ก็ชัดๆอยู่แล้ว มันปิดตาไม่มี“ภายนอก”ไปมีแต่“ภายใน”เท่านั้น

มันเป็นแค่“ความจำ(สัญญา)”ที่ระลึกขึ้นมาในใจ ยังไม่ครบ

ภายนอก-ภายใน เป็น“ภาวะ 2” 

มันจึงไม่สามารถเรียนรู้ยืนยัน“ความจริง”ครบ“3 ภพ”ที่

ต่างก็รู้จักรู้แจ้งรู้จริงอยู่บริบูรณ์

มันไม่ใช่“กิเลส”สดๆ ที่เกิดจริงๆหลัดๆในปัจจุบันขณะ

ที่เราสัมผัส“ภายนอก”อยู่โต้งๆบัดนั้น โทนโท่แท้ๆ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 150 หน้า 134


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 05:19:37 )

ข้อแตกต่างปัสสัทธิ กับสมาธิ

รายละเอียด

แตกต่างกัน สมาธิ  นี่คือ บางที่เขาก็แปลกันรวมอย่างตีกินว่า จิตสงบ ก็ไม่ผิด ของพุทธนี้ สงบอย่างวิเศษ  นั่นแหละใช้คำว่า  ปัสสัทธิ สมาธิ ปัสสัทธิ แต่กต่างตรงที่ ปัสสัทธิ ระบุไปถึงจิตโดยตรงว่า มันสงบเพราะว่า ลดกิเลส เพราะทำใหัตัวกิเลส ลดลง หมดลง ปัทสัทธิ  อยู่ในปหาน5 ตทังคปหาน วิกขัมภนปหาน สมุจเฉทปหาน ปฏิปัสสัทธิ นิสสรณปหาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562                            


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:02:55 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:17:44 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:16:28 )

ข้อแตกต่างระหว่างอนันตังกับอนัตตา

รายละเอียด

วิญญาณัง อนิทัสสนัง อนันตัง สัพพโตปภัง  อนันตังคือไม่มีที่สิ้นสุด อนัตตาคือไม่มีตัวตน อันหนึ่งบอกถึงกาละเวลา อีกอันบอกสภาวะตัวเองที่ไม่มีตัวตน กับอีกอันไม่มีที่สิ้นสุดอนันตัง คือ ระยะเวลา พยัญชนะสองคำนี้ หากไม่ชัดเจนสภาวธรรม ก็จะยาก อนันตัง กับ อนัตตา อันตะ แปลว่า ไม่มีขอบเขต ไม่มีสิ้นสุดอนัตตา คือ อัตตาไม่มี ไม่มีอันตะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:41:38 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:19:17 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:17:21 )

ข้อแนะนำสำหรับเพศที่ 3 ในการมาอยู่ในหมู่กลุ่มชาวอโศก

รายละเอียด

ข้อแนะนำสำหรับเพศที่ 3 ในการมาอยู่ในหมู่กลุ่มชาวอโศก คือ มันเป็นอย่างนี้ คนที่ต้องการธรรมะจริงๆ แล้วก็มาสู่หมู่กลุ่ม คุณมีปัญญาก็เลือกหมู่กลุ่มที่ถูกต้องว่าหมู่กลุ่มนี้เขาชัดเจนทางโลกุตรธรรม เสร็จแล้วคุณเป็นอย่างที่ว่านี้ คุณพยายามปิดบังไว้เถอะ อย่าแสดงออก อย่าให้แสดงอาการออกมา ร่างกายเราเป็นหญิงเราก็แสดงสภาวะตามที่เราเป็นหญิง ร่างกายเราเป็นชายก็แสดงภาวะความเป็นชาย เราไม่ต้องเป็นหญิงที่ไปชอบเพศเดียวกันอะไรต่างๆ พวกนี้ มันไม่ได้ ผู้ชายก็เหมือนกัน พยายามเสแสร้งไว้ ปิดบังไว้อย่าให้เปิดเผย เพราะถ้าเปิดเผยแล้วเขาจะต้องให้คุณออก ตามหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า 

ทีนี้ หลักธรรมวินัยเป็นวงการของพระ ในวงการของนักบวชจริงๆ ตัวกระเทยนี้ ตัวฉลาดมาก กระเทยมีความเป็นธรรมชาติของความฉลาด แล้วมาบวช พระพุทธเจ้าถึงตัดประเด็นให้ไปเป็นฆราวาสไป แต่ทีนี้พวกเราทั้งฆราวาสและสมณะอยู่ร่วมกันเลย มันก็เลยยาก อาตมาก็เลยแนะนำได้แค่นี้ 

คุณจะอยู่คุณก็ปิดบังไว้ ถ้าเปิดเผยเมื่อไหร่ เขาให้คุณออกไปแน่ รู้เมื่อไหร่คุณได้ออก คุณเป็นผู้หญิงก็ทำตัวให้เป็นผู้หญิงอย่ามาแสดงออกทางผู้ชาย บอกสิ่งที่จำนน อาตมาไม่อยากแนะนำหรอก แต่ก็เห็นความปรารถนาดีอย่างนั้น ของผู้นั้น แต่ส่วนมากกระเทยจริงๆ ไม่เอาหรอกยิ่งมาเป็นโลกุตรธรรมยิ่งไม่เอา แต่ใครที่มาสนใจโลกุตรธรรมอยากอยู่ที่นี่ อาตมาก็ว่าอย่างนี้ ถ้าแดนที่ไม่ใช่โลกุตรธรรมมันก็เข้าไปป่วนสิ ดีไม่ดีมันฉลาดกว่า ก็เสร็จ ก็ทำ พยายาม ศึกษาเรียนรู้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้เอา 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 50 ตอบปัญหาผ่าปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 กันยายน 2565 ( 14:57:31 )

ข้อไหนที่เราควรเอามาปฏิบัติในกาลามสูตร 10

รายละเอียด

หากปฏิบัติธรรมเหล่านี้แล้วเกิดอกุศลก็ควรจะละเสีย หากปฏิบัติธรรมเหล่านี้แล้วเกิดกุศลก็ควรจะเข้าถึงธรรมเหล่านี้อยู่ ท่านไม่ได้บอกว่า 10 หลักเกณฑ์นี้พึ่งพาไม่ได้เอาไปยึดถือเอามาทำอะไรไม่ได้ ก็ให้ดูทั้ง 10 ข้อ 10 อย่างนี้แหละ ข้อไหนที่เราควรเอามาปฏิบัติไม่ว่าจะได้ยินตามกันมาก็ดี ถ้อยคำสืบกันมาก็ดี ได้ยินข่าวลือมาก็ดี อ้างอิงตำราคิดตามอาการเดาเอาเอง นึกเอาเอง หรือผู้อื่นพูดแล้วน่าเชื่อถือ แม้แต่เป็นครูของเราก็ตามอันสุดท้าย ถ้าเราเห็นว่ามันน่าจะเอามาปฏิบัติมันเป็นกุศล เรามีสิ่งที่ทำมหาปเทส ได้สุดยอดก็ตัดสินเอง ตัดสินแล้วอันนี้ดีควรเอามาประพฤติ เมื่อประพฤติแล้วได้สิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นกุศล คุณก็ได้แล้ว หากว่าไม่เชื่ออะไรไม่ฟังอะไร แล้วคุณจะได้ทำอะไร?

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน กาลามสูตร


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:59:06 )

ข้านี่แหละใหญ่

รายละเอียด

มันก็เป็นจิตที่รู้สึกเป็น รู้สึกมี ตามสภาวะนั้นจริง บัญญัติเป็นภาษาที่อธิบายบอกสภาวะ คนจะเข้าถึงสภาวะจากบัญญัติหรือพยัญชนะที่บอกไว้ เข้าไปถึงนั้น ยาก ไม่ง่าย ไม่ง่ายเลย แล้วจะมีปัญญารู้ในสภาวธรรมของตนของตนนั้น หรือความเป็นตัวตน ความเป็น เทวะ เทวะน้อยเทวะใหญ่ก็แล้วแต่ จนจบอเทวะ คือ ไม่มีปัญหากับ เทวะ 

เทวะ แปลว่า 2 ไม่มีปัญหากับความเป็น 2 แล้ว 2 คู่นี้จะเป็นตัวตนเป็นตัวตนใหญ่เล็กอะไร มีตัวตนหรือไม่มีตัวตน เล็กที่สุด กระทั่งใหญ่ที่สุด ยึดมั่นถือมั่นว่าข้านี่แหละใหญ่ ข้านี่แหละใหญ่คือพระเจ้าหรือพระพรหม ฮินดูเรียกว่าพระพรหม ข้านี่แหละใหญ่ๆ 

สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องจริงที่มีอยู่ในความยึดถือ หรือ ความไม่มีปัญญา แม้ผู้มีปัญญาก็รู้ว่าพวกนี้เขายึดอย่างนี้ เราไม่ยึดแล้ว เรารู้แล้วว่า สิ่งนี้มีสิ่งนี้ไม่มี ก็จบ จบที่คำว่ามีและไม่มี ผู้รู้เข้าใจดีเลยว่า โลกนี้มี เทวะ 2 คือความมีและไม่มี ดังที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ในพระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 43 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์  วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 12:24:04 )

ข้ามโอฆะ 2

รายละเอียด

การข้ามโอฆะ (ห้วงน้ำอันคือกิเลสที่ท่วมทับจิตใจ)

ข้ามได้ด้วย 2 อย่างนี้

1. เราไม่พักอยู่

2. เราไม่เพียรอยู่

เราข้ามโอฆะได้แล้ว

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 15 "โอฆตรณสูตร" ข้อ 2

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก หน้า 13


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2562 ( 15:46:44 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:50 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:16:49 )

ข้ามโอฆะ 2

รายละเอียด

การข้ามโอฆะ (ห้วงน้ำอันคือกิเลสที่ท่วมทับจิตใจ) ข้ามได้ด้วย 2 อย่างนี้

1. เราไม่พัก (อัปปติฏจัง) อยู่

2. เราไม่เพียร (อนายูหัง) อยู่ เราข้ามโอฆะ (โอเมตรินติ) ได้แล้ว 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 15 “โอฆตรณสูตร” ข้อ 2


เวลาบันทึก 11 มีนาคม 2565 ( 20:24:06 )

ข้าราชการ คือผู้รับใช้กษัตริย์

รายละเอียด

ข้าราชการ หมายถึงการรับใช้กษัตริย์ แต่ข้าราษฎรการ หมายถึงการรับใช้นายทุนโดยตรง ข้า คือ ผู้รับใช้ การคือการทำงาน ข้าราษฎรการ ก็รับใช้นายทุน 100% ผู้ที่ไม่ได้เป็น ราชะ เป็นกษัตริย์ เป็นนายทุน อย่างโทนี่ ไม่ได้เป็นกษัตริย์ ก็พยายามทำตัวเองให้ใหญ่กว่ากษัตริย์ ลึกๆ เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะตั้งตนเป็นต้นตระกูลกษัตริย์เองหรือไม่ ถ้าเขาได้เป็น แต่เขาก็จะเป็น จะเป็นอะไรเราไม่รู้ลึกๆ เขาจะตั้งระบบกษัตริย์หรือเขาจะสร้างระบบประธานาธิบดี ก็ไม่รู้เขา ลึกๆ เราไม่รู้ นี่ฟังดีๆ เห็นได้ว่าทุกอย่างซับซ้อน มันแฝงอยู่อย่างนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:38:30 )

ข้าราชการคือผู้รับใช้พระราชา หรือ รับใช้ศักดินาหรือรับใช้นายทุน

รายละเอียด

ข้าราชการคือผู้รับใช้พระราชา หรือ รับใช้ศักดินาหรือรับใช้นายทุน ผู้รับใช้นายทุน ไม่ได้เรียกว่า ข้าราชการ คือราษฎรการ เป็นข้าราษฎร ไม่ได้เรียกว่าราชะ ไม่ได้เรียกว่าพระเจ้าแผ่นดิน หรือไม่ได้เรียกว่าผู้อยู่ในสายของกษัตริย์แต่เรียกว่ามารับใช้นายทุน จริงๆแล้วนายทุน มีที่ดินมากกว่ากษัตริย์ด้วย กษัตริย์หรือเขตหรือแผ่นดิน แต่พวกนายทุนนี้ที่รวยเงินทองทรัพย์สินวัตถุเยอะแยะ มีที่ดินมากกว่าพระเจ้าแผ่นดินอีก เห็นไหมความซับซ้อนมีเยอะแยะ ฉะนั้นเขามีอำนาจในวัตถุเยอะ นายทุนจะว่าจริงแล้ว ทุกวันนี้ ทางรูปธรรมเขายิ่งใหญ่ที่สุด ทางนามธรรมต้องยอมจำนนศักดินา ถ้าทางด้านที่ยังมีสภาวะคู่ มีรูปกับนาม มีวัตถุ มีจิตวิญญาณ สภาพ 2 ธรรมะ 2 หรือการเมืองที่มี 2 ขา แต่พวกที่มันเก่งอยากจะเป็นนายทุนอย่างเดียวไปเป็นลัทธิ การเมืองเป็นประชาธิปไตยขาเดียว ไม่เอาวิญญาณเลย เอาแต่วัตถุก็แยกไปอย่างที่มันเป็น 

นักวิชาการก็เข้าใจอันนี้ เรียนมาเหมือนกัน ทางวิญญาณกับทางวัตถุ แต่ไม่เข้าใจทะลุทะลวงเหมือนอย่างผู้มีตาปัญญา อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านสอน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:37:33 )

ข้าว  ผ้า  ยา  บ้าน 

รายละเอียด

 ข้าว  ผ้า  ยา  บ้าน  คือ เป็นปัจจัยสี่  จากต้นไม้  ต้นไม้ที่ตายแห้งไปมันเป็นสมบัติวัตถุ พอมันตายก็เลยราคาตกเยอะเลย ถึงได้รู้ว่าปฏิภาณของสมณโพธิรักษ์รู้ว่า ความร่ำรวยมันแทรกอยู่ในนี้เป็นความร่ำรวยแท้จริง ต้นไม้ต้นหนึ่ง มีพลังงาน สร้างดอก ใบ ผล ได้แก๊ส ช่วยดิน นานาสารพัดจะช่วยได้ ซึ่งมันช่วยชีวิตเรามี ข้าว ผ้า ยา บ้าน ครบจากต้นไม้ทั้งนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 14:04:41 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:20:22 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:19:51 )

ข้าวของมีไว้อาศัยแต่น้อยไว้

รายละเอียด

แม้แต่ข้าวของก็อย่าไปทำการทุจริต ให้สุจริตไว้ แล้วเรามีการทำทานเสียสละ อย่าเสียสละจนตนเองลำบาก เราก็จะมีความสามารถในการที่จะมีไว้อาศัยแต่น้อยไว้ แต่อย่าให้ถึงกับขาดแคลน ลำบากลำบน เบียดเบียนผู้อื่นมาช่วยตนซ้อนอีก ไม่เอา ตนเองต้องพึ่งตนไม่เบียดเบียนใคร นี่คือข้าวของ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:37:19 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:20:58 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:21:59 )

ข้าวสุกขนมสด

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า “ข้าวสุกขนมสด” สำนวนนี้เคยได้ยินไหม ขนมส่วนมากทำจากแป้งจากกะทิมันไม่มีเนื้อสัตว์หรอก อาจจะมีบ้างก็มีไข่ นอกนั้นก็ไม่มีเนื้อสัตว์หรอกนอกจากคนที่อุตริเอาเนื้อสัตว์ไปทำขนม มีบ๊ะจ่าง ซาลาเปา เป็นต้น แต่ธรรมดา ข้าวสุก ขนมสด 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:58:58 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 08:15:09 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:18:28 )

ข้าวไม่ใช่สินค้า ข้าวเป็นอาหารที่ต้องแบ่งปันกันกิน

รายละเอียด

ข้าวไม่ใช่สินค้า จริงๆแล้ว…. ข้าวเป็นอาหารที่ต้องแบ่งปันกันกิน แต่เอาเถอะจะค้าจะขายก็ขายให้ราคาถูกๆ เพราะฉะนั้น ในสังคมประเทศไทยขณะนี้ ไม่ว่านายกหรือรองนายก ส่งเสริม เกื้อกูล ระวังแต่ชาวนาจะผิด จะเข้าใจผิดตรงที่ว่า อย่างไรรัฐบาลก็ช่วยเรา เราก็เลยขี้เกียจ เราก็ไม่ขวนขวาย เราก็ไม่ได้พยายามทำให้เจริญ อย่าทำอย่างนั้นนะ ชาวนาเอ้ย 

พยายามเข้าใจให้ได้ว่า นี่ชาวนา รัฐบาลเห็นใจแล้วนะ จงดีใจเถอะ รัฐบาลเห็นใจชาวนา ถูกแล้ว อย่าไปเห็นใจพวกนักเศรษฐกิจ นายทุนที่เขาเองเขา ตอนนี้เขาจนลงแล้วนะเขาขาดทุนไป ให้มันขาดทุนไปเยอะๆบ้าง นั่นคือการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ให้คนรวยจนลง นี่คือการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตามในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสไว้ว่า ต้องพัฒนาบริหารประเทศด้วยวิธีแบบคนจน ฟังให้เข้าใจ ไปบริหารส่งเสริมให้คนรวยนี่ผิด จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการทำให้คนรวยมันผิด ไม่มีทางแก้เสร็จเลย โลกแตกไปพันโลก หมื่นโลก ก็ไม่เสร็จ แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการทำให้คนรวย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มกราคม 2566 ( 12:44:03 )

ข้าวไม่ใช่สินค้า แต่ข้าวคืออาหารที่ต้องแบ่งปันกันกิน

รายละเอียด

ก็ขอย้ำเรื่องมาเป็นกสิกร เราต้องสร้างกสิกรรม แล้วก็มีข้อจำกัด กสิกรรม จะขายแพงไม่ได้ “ข้าวไม่ใช่สินค้า แต่ข้าวคืออาหารที่ต้องแบ่งปันกันกิน” เป็นโศลกที่ให้เอาไปคิดให้ดี เพราะข้าวเป็นอาหารหลักของชีวิต ในเม็ดข้าวที่กินกันทั่วโลก มันจะมีธาตุอาหารที่ครบ กินแต่ข้าวก็อยู่ได้ แต่มันไม่ครบทั้งหมดหรอกแต่มันมีอะไรมากกว่าเพื่อน นอกนั้นก็กินอย่างอื่นสู้ข้าวไม่ได้อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 14:48:46 )

ค. ภาวรูป 2

รายละเอียด

  1. อิตถัตตภาวะ, อิตถินทรีย์ (ญ) 

  2. ปุริสสัตตภาวะ, ปุริสสินทรีย์ (ช) 

ระหว่างเพศชายและเพศหญิงต้องถือว่ามีอันหนึ่งเป็นที่หนึ่งอันหนึ่งเป็นที่สอง คนที่ไม่ได้ศึกษาจะไม่รู้ว่ามันต้องมีภาวะ 2 ที่ไม่เท่ากันแต่ถ้ามีทิฏฐิว่า ทุกอย่างจะต้องเสมอภาคกันเท่ากัน มันไม่ได้ เมื่อเป็นภาวะ 2 แล้วต้องทำให้เป็น 1 ให้ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2563 ( 14:23:26 )

คงคลังคือสมรรถนะกับความขยัน

รายละเอียด

เมืองอื่นเขาก็มี แต่เมืองไทยนี้เมื่อจุดชนวนการแบ่งปันแล้วแตกโคบๆเลย ภาษาอีสาน แตกไปทั่วประเทศเลย เหมือนข้าวโพดคั่วแตก เห็นโลกที่มีแต่การแบ่งปันไม่ขี้เหนียวไม่หวงแหน มีน้อยก็แบ่งปันมีมากก็แบ่งปัน ไม่ใช่ว่าเอาแต่กอบโกยใส่ตัวเองให้ได้มากๆ คนที่ฉลาดที่สุดคือตัวเองไม่สะสม อปจยะ ไม่สะสม วิริยารัมภะ ยอดขยันเสร็จแล้วทำงานสร้างสรรค์แล้วไม่สะสม เกื้อกูล ไม่กลัวว่าตัวเองจะไม่มีกินมีใช้ เพราะเชื่อว่าตัวเองมีคงคลัง คืออะไร คือสมรรถนะกับความขยัน เพราะฉะนั้นเรามีสมรรถนะกับความขยันในตัวเราทำด้วยไม้ด้วยมือ คนอ้างว่าไม่มีที่ทำกิน จะทำได้ไง ขยันก็ตามแต่ไม่มีที่ดิน ที่จริงแล้วอยู่ที่ไหนก็ได้ดินที่ไหนเป็นสาธารณะก็ใส่กระถางทำคอนโดขึ้นมา มีเสาเดียวห้อยก็ได้ แต่บ้านคุณมีตั้ง 4 เสาก็ห้อยไว้เต็มไปหมด ปลูกไปก็กี่คอนโด 10 Condo ห้อย 4 ทิศ ปลูกผักสารพัดแต่ละกระถางรดน้ำกระถางบนลงกระถางล่างเสร็จ ลดเวลาเยอะเลย เก็บกินไปตลอดทั้งวัน เมื่อเก็บอันนี้เสร็จก็ปลูกใหม่ก็กินสลับกันไปหมุนเวียนไปมา ไม่เห็นจะจนแต้มตรงไหนเลยอาตมามอง บางคนบอกไม่มีที่ทำกิน อย่างนั้นเป็นความรู้ที่โง่ อาตมาพูดไปจะเห็นได้ว่าทำได้ไม่เห็นจะจนแต้มตรงไหน มันมีอะไรนิดๆหน่อยๆ คุณต้องมีบ้านอยู่ไม่มีบ้านตัวเองก็เป็นบ้านเช่ารับรองปลูกได้ไม่เกี่ยงหรอก เอาเม็ดยัดริมกำแพงบ้านยังขึ้นเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 10:06:27 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 08:17:29 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:21:18 )

คณะปูรกะ

รายละเอียด

คือ ถ้าสังฆกรรมนี้ จะต้องใช้สงฆ์ 10 รูปหรือ 20 รูป ถึงจะครบองค์สงฆ์ ก็ต้องมีให้ครบจึงจะทำสังฆกรรมได้ เมื่อเกิดการขาดคณะสงฆ์ที่จะทำสังฆกรรมนี้ขึ้นมา ห้ามเอาสงฆ์อีกฝ่ายหนึ่ง ที่นานาสังวาสเข้ามาผสม เพื่อเติมให้ครบองค์คณะสงฆ์ตามหลักเกณฑ์ แม้จะเต็มใจยินดี ก็ถือว่า สังฆกรรมนั้นเป็นโมฆะ ขืนทำลงไปอาบัติทุกกฎ

หนังสืออ้างอิง

“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 382


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:09:48 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:43:26 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:20:31 )

คณะพระกัสสปะเป็นเทวนิยมตัวใหญ่

รายละเอียด

อาตมารู้ว่า พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐรวบรวมโดยคณะพระกัสสปะซึ่งเป็นเทวนิยมตัวใหญ่เลย เพราะฉะนั้นจึงไม่มีภูมิปัญญาที่จะเลือกเอาโลกุตรธรรม เอาธรรมนิยาม 5 มาบรรจุในพระไตรปิฎกได้ พระกัสสปะท่านยังไม่เห็นคุณค่าของธรรมนิยาม 5 ท่านยังไม่มีความรู้ในธรรมนิยาม 5 รุ่นหลังๆพอรู้ก็กระจายความอธิบายกันไป จนกระทั่งมีอาจาริยวาท มีอรรถกถาจารย์รวบรวมมา อยู่ในตรงนั้นตรงนี้ อันนี้อยู่ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคของพระพุทธโฆษาจารย์ ก็ได้อันนี้มา เพราะเมืองไทยเรียนวิสุทธิมรรคของพุทธโฆษาจารย์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 18:33:45 )

คณิกะ

รายละเอียด

มีอันติดกัน ตามกันอยู่ ยังรวมกันอยู่ ,สภาพดูดดึง จิตหลงไว้ไม่ให้ดับสูญหรือไม่ให้ปล่อยวาง ยังเป็นคณะอยู่ ยังผนึก ยังตรึง ยังติดกันอยู่

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 446


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:11:58 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:37:53 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:23:14 )

คดีของอโศกคืออโศกแพ้เพราะเหตุใด

รายละเอียด

คดีของอโศกคืออโศกแพ้ เพราะผิดกฎหมายที่เขาตราไว้ ให้อำนาจสังฆราชสั่งให้สึกได้ เราไม่ยอมสึกก็ต้องปรับให้ผิดกฎหมาย ติดคุก 6 เดือน รอลงอาญา 2 ปี เขาก็มาคุมประพฤติ เขาก็ส่งคนมาคุมประพฤติ มาครั้งที่ 1 ก็มากราบ มาครั้งที่ 2 ก็มากราบ มา 2 ครั้งแล้วไม่มาอีกเลย 2 ปี เขามานั่นแหละเขาก็ยังไม่กินมังสวิรัติ เมื่อมาคุมประพฤติเขาก็เลยกลายเป็นคนกินมังสวิรัติไปเลยแล้วจะให้ทำอย่างไร มันก็เป็นเช่นนั้นนี่เป็นเรื่องจริงปรากฏการณ์ตามสิ่งที่เป็นมา เพราะเขามารู้มาเห็นอย่างไร คนเราเมื่อไม่มีอคติก็จะไม่เห็นคนเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เอาพระธรรมวินัยมากางเอามาจับ เขาก็ไม่ได้ปฏิบัติผิดแล้วจะไปทำอย่างไร คนเขาไม่ได้หาเรื่องไม่ได้ผิดเพี้ยนก็ต้องจำนน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 11:17:29 )

คดีความกรณียึดทำเนียบปล่อยไปตามสัจธรรม

รายละเอียด

ไปยึดทำเนียบ จนป่านนี้ยังว่าความจะให้เอาเข้าคุก ทั้งๆที่ทำประโยชน์ให้แก่ชาติ เขาทำชนะและก็ทำประโยชน์ให้แก่ชาติบริบูรณ์ แล้วทำไมจะต้องมาฟ้องพวกที่ไปช่วยกันชุมนุมประท้วงไล่รัฐบาลพวกนี้ออก ประชาชนก็ยังงงหัวแตกอยู่เนี่ย แต่ว่าขบวนการยุติธรรม ทั้งอัยการและผู้พิพากษา ก็ยังต้องทำตามหลักกฎหมาย มันเป็นสิริมหามายามันค้านแย้งกันอยู่ในตัว แต่ว่าผู้พิพากษาและอัยการก็มีดุลพินิจที่จะพูดให้ความพวกนี้เพื่อที่จะไขความได้ แต่อย่างว่า เขาก็ไม่กล้าอะไรมากมายนัก เพราะยังไม่ชัดเจนอย่างที่อาตมาชัดเจน ก็ไม่เป็นไรถือว่าเป็นวิบาก 

พวกเราตอนนี้ก็เหลือแซมดิน ที่ยังติดอีกหลายคดี แซมดินก็เป็นระดับตัวแทนหัวหน้าไปช่วยกันทำอยู่นี่ ก็ยังติดเป็นคดีอยู่ ซึ่งแซมดินก็ยอมรับ จะตัดสินให้ติดคุกก็ต้องติดคุก แต่ถ้าไม่ติดก็เป็นกุศลไป แล้วแต่ผลจะออกเราไม่ไปวิ่งเต้น ปล่อยไปตามสัจธรรมเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 17:23:29 )

คต

รายละเอียด

1. จิตที่ยังมีการไปอย่างสูง

2. ความเป็น ความไป

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 34, ทางเอก ภาค 3 หน้า 149


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:13:07 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:38:40 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 08:27:26 )

คติ

รายละเอียด

คือจุดมุ่งหมายที่จะต้องไปให้ถึงจุดนั้น คติแปลว่าไป คุณก็ไปตามสัมมามรรค ก็เดินให้ถูกทางก็แล้วกัน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช  วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 20:38:32 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:24:26 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:26:58 )

คติ 2 ของผู้มิจฉาทิฏฐิในโลหิจสูตร

รายละเอียด

คนเราถ้าไม่มีปัญญาที่แท้จริงก็จะหลงอยู่ในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นสิ่งที่น่าได้น่ามีน่าเป็น คนที่เป็นอรหันต์แล้วจะรู้ตายแล้วไม่เกิดก็ได้หรือจะตายแล้วเกิดอีก เอาสิ่งที่ตัวเองรู้เผื่อแผ่ให้คนอื่นได้รู้บ้าง สิ่งที่มีแล้ว หากไม่ช่วยใครเลย ดูในโลหิจสูตร

โลหิจจพราหมณ์ มีทิฏฐิลามก ว่า “ผู้บรรลุแล้วไม่พึงบอกแก่ผู้อื่น  เพราะคนอื่นจะทำอะไรแก่อีกคนหนึ่งได้ การบอกแก่คนอื่นจัดว่าเป็นความโลภที่เป็นบาป  เปรียบเหมือนคนตัดเครื่องพันธนาการเก่าออกแล้ว   กลับทำเครื่องพันธนาการใหม่... ฯลฯ ”  . 

พระพุทธองค์ตรัสว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิ  ย่อมมีคติ 2 คือ นรกหรือกำเนิดเดียรัจฉาน  อย่างใดอย่างหนึ่ง (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 358) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:09:21 )

คติ 2 อย่างของผู้เพ่งโทษเพ่งร้ายต่อผู้บรรลุแล้ว

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าถึงสรุปอีกทีหนึ่งว่า ผู้ใดที่คิดมีแต่เพ่งโทษเพ่งร้ายว่า ถ้าผู้บรรลุแล้วแสดงธรรมต่อผู้ที่ได้อันนี้แล้ว แล้วจะเอาสิ่งที่ได้ของตัวเองกระจายออกไปแจกให้ผู้อื่นต่อผู้นั้นต้องอยาก ผู้นั้นต้องแสดงความอยากเห็นอีก คุณได้แล้วก็จบสิ อย่าไปแสดงบอกกับผู้อื่น ถ้ายังแสดงบอกกับผู้อื่นอีก แสดงว่ามีความอยาก 

พระพุทธเจ้าก็ตีหัวเข้าบ้าน ผู้ใดที่คิดอย่างนี้เพ่งโทษอย่างนี้มีคติ 2 อย่าง เป็นสัตว์นรกหรือเป็นสัตว์เดรัจฉาน พระพุทธเจ้าสรุปเลย ละเอียดลออมากเรื่องนี้ ไปอ่านดีๆ ในโลหิจจสูตร

โลหิจจพราหมณ์ มีทิฏฐิลามกว่า “ผู้บรรลุแล้วไม่พึงบอกแก่ผู้อื่น เพราะคนอื่นจะทำอะไรแก่อีกคนหนึ่งได้ การบอกแก่คนอื่นจัดว่าเป็นความโลภที่เป็นบาป  เปรียบเหมือนคนตัดเครื่องพันธนาการเก่าออกแล้ว กลับทำเครื่องพันธนาการใหม่... ฯลฯ ”  . 

พระพุทธองค์ตรัสว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิ ย่อมมีคติ 2 คือ นรกหรือกำเนิดเดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 358) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:27:51 )

คติ 5

รายละเอียด

คือสภาวะที่ไปเกิดของสัตว์โลกทั้งหลาย

1. นิรยะ (เกิดในนรกคือความเร่าร้อนใจ)

2. ติรัจฉานโยนิ (เกิดเป็นดิรัจฉานคือความโง่เขลา)

3. เปตติวิสัย (เกิดภูมิเปรตคือความโลภหิวกระหาย)

4. มนุสสะ (เกิดเป็นมนุษย์คือความมีใจประเสริฐ)

5. เทวะ (เกิดเป็นเทวดาคือความมีใจสูง)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 23 “คติสูตร” ข้อ 272


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 19:01:51 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์