@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ความหมายสิริมหามายาของคำว่าศูนย์

รายละเอียด

ค่อยๆศึกษาไป เพราะว่าสภาวะจริงๆที่ลึกซึ้งละเอียด จะได้อธิบายบัญญัติไปกำหนดละเอียดสุด จะเป็นภาวะ 2 บัญญัติออกมาเป็นสภาวะ แต่มันไม่ใช่ อย่างเช่น 0 บัญญัติว่า 0 มันไม่ใช่มีอะไร แต่มันไม่มี เพราะฉะนั้นคนที่จะชัดเจนว่า อ๋อ.. 0 นี่นะ เราก็กำหนดรู้ว่าเป็น 0 แต่ที่จริงมันไม่มีอะไรเลย เราจะรู้ของเราเอง สภาวะไม่มีอะไร 0 แต่คนอื่นกำหนด 0 ว่า นี่ ศูนย์กลางนะ นี่เฮือนศูนย์ เป็นที่รวมของทุกๆคน มันซ้อน แต่มันไม่ใช่ของใคร ความหมาย สิริมหามายา 

มีไหม มี มีที่ แต่มันไม่มีของใคร ไม่มีนามธรรมเข้าไปยึดถือเป็นเราเป็นของเรา ใครทำนามธรรมอันนี้ได้จบ เฮือนศูนย์ ไม่มีใครยึดเป็นเราเป็นของเรา ส่วนใครยึดก็เป็นอย่างนั้น ใครยึด ของข้าใครอย่าแตะ ใครเข้ามาฮึ! ระวังนะตายแล้ว เป็นจิ้งจกเฝ้าทรัพย์ ไม่ใช่ปู่โสมเฝ้าทรัพย์นะ ได้เป็นจิ้งจกเฝ้าทรัพย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:34:36 )

ความหมายอุปสัมบัน อนุปสัมบัน

รายละเอียด

อาจจะพอรู้มาปฏิบัติบ้าง ก็ยังดี แต่ถ้าไม่ได้ปฏิบัติเลยคนผู้นี้ก็ไม่ได้อะไรเลย แต่ได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เต็มบ้อง เพราะไม่มีกาย ไม่รู้จักกาม ไม่ได้ปฏิบัติกาม ไม่ได้ออกจากกาม ไม่ได้เนกขัมมะเลย ทั้งที่บวชนี่ก็เนกขัมมะ อุปสัมบัน

แล้วก็อธิบาย อุปสัมบันว่า ผู้ที่มาบวชนั้นมันเป็นภายนอกแต่สภาวะนั้น อุปสัมบัน คือผู้ที่มีภูมิอยู่ในขอบเขตที่จะรับฟังกันได้คือ อุปสัมบัน ส่วน อนุปสัมบัน ผู้ที่ไม่มีภูมิอยู่ในขอบเขตจะรับรู้ได้ แต่ไปแปลกันว่า อนุปสัมบัน ผู้ที่ไม่ได้นุ่งห่มจีวร เป็นเณรก็แล้วแต่ อาตมาก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เขารู้ได้ เขายืนยันว่าอาตมาเข้าใจตื้น ตื้นก็ตื้น เขาลึกก็ลึกนะ ระวังจะลึกไปอยู่ที่ใต้บาดาล ระวังจะเหินฟ้าไปอยู่กับพญาครุฑกันไปก็แล้วกัน 

ก็เอาพยัญชนะนี่แหละจะหมายถึงพญาครุฑหรือพญานาคก็แล้วแต่ มาอธิบายสัจธรรม เข้าใจดีไหม 

เพราะฉะนั้นคนที่ไปหลงว่าพญานาคมีจริง แล้วก็หลงกันนั่นแหละคือมันงมงาย เป็นความเสื่อมของศาสนา 

นาค ก็คือ งู แล้วก็ไปอุปาทานงูทรงเครื่อง แต่งหงอนแต่งอะไรต่ออะไรให้ เพราะว่าไอ้ศิลปินมันแต่งให้เป็นพญา เป็นนาคใหญ่ก็หลงว่ามีพญานาคจริงๆอะไรกันไป ทั้งๆที่โดยธรรมะมันหมายถึงตัวไอ้โง่อยู่ใต้บาดาลดึกดำบรรพ์ที่ไม่รู้เรื่องนั่นแหละคือพญานาค พวกนี้ก็พูดกันยาก ก็เพียงได้ฟังกริ๊กหนึ่งพระพุทธเจ้าเกิดมาองค์หนึ่งแล้วก็หลับไปต่อ นอกนั้นจะไม่รู้อะไรเลย โง่ดักดาน เป็นพญานาคอยู่ใต้ก้นบึ้งมหาสมุทร มหาอะไรก็แล้วแต่ลึกที่สุดอยู่นั่นแหละ 

เพราะฉะนั้นการอธิบายธรรมะที่อาตมาอธิบายสัจธรรมของพระพุทธเจ้าตามอนุสาสนี ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจนถึงทุกวันนี้แล้ว มันก็ทำให้พวกเราได้รับมรรคได้รับผล เข้าใจ ปฏิบัติได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #49 ชำแหละลากไส้อัตตาของพญาครุฑและพญานาค วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 16:13:43 )

ความหมายอโศกรำลึก ทำไมอโศกคนเข้าใจว่าสันติอโศก

รายละเอียด

วันนี้วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เกี่ยวเนื่องกันไปจนถึงวันที่ 10 จัดงานรวมกันเลย รวม 6 วัน นับว่าเป็นงานอโศกรำลึกและบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ครั้งที่ 41 ปีละครั้งก็ทำกันมา 41 ปีแล้ว มาปีนี้พัฒนาการสูงมาก วันอโศกรำลึกแบบออนไลน์ทันสมัยใหม่เสมอ 

ก็เทศน์ตามที่บอกไว้ว่าเป็นงานอโศกรำลึก หรือรำลึกเรื่องอโศก เด็กรุ่นใหม่ก็คงจะไม่รู้ที่มาที่ไปของอโศกรำลึก 

คำว่าอโศกคำนี้ เอาไปเอามา เป็นชื่อประจำของคนกลุ่มหนึ่ง กลุ่มของพวกเรา พวกชาวอโศกหรือเขาเรียกรวมว่า ชาวสันติอโศก เพราะว่าสันติอโศกเป็นชื่อของพุทธสถาน อยู่ที่จุดกลางอยู่ที่กรุงเทพฯ เขาก็เลยเรียกติดปากกันว่าชาวสันติอโศก ก็ดี ก็ขยายความอโศกขึ้นอีกมีคำว่าสันติ ซึ่งหมายถึงความสงบ 

คำว่าความสงบของภาษาบาลีมีเยอะหลายคำมาก แต่คำว่าสันตินี้ดีที่สุด ที่หมายถึงความสงบสันติหมายถึงความสงบที่รวม รวมสารัตถะ ของความเป็นสันติเอาไว้ หยาบ กลาง ละเอียด ทั้งรูปธรรมและนามธรรม อยู่ในสันตินี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 19:35:56 )

ความหมายแท้ของคำว่า “บุญ”

รายละเอียด

ปุญญะ =  สันตานัง  ปุนาติ  วิโสเธติ

บุญ  คือ การชำระจิตสันดานให้สะอาดบริสุทธิ์

พระอรหันต์ “สิ้นบุญสิ้นบาป” (ปุญญปาปปริกขีโณ) .

คือ การชำระบาปในจิตได้หมดสิ้นแล้ว .

พระอรหันต์จึงไม่ต้องอาศัยบุญเพื่อละบาปอีก .

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 14:26:08 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:42:40 )

ความหมายแท้ของคำว่าบุญ

รายละเอียด

ปุญญะ =  สันตานัง  ปุนาติ  วิโสเธติ

บุญ คือ การชำระสันดานให้สะอาดบริสุทธิ์ 

“สิ้นบุญสิ้นบาป” (ปุญญปาปปริกขีโณ) คือ การชำระบาปได้หมดสิ้นแล้วจึงไม่ต้องอาศัยบุญเพื่อละบาปอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 13:54:01 )

ความหลง

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า ผู้หลงยึดอยู่ในถ้ำ ผู้ข้องอยู่ในถ้ำ เป็นผู้จมหยั่งลงในความหลง เป็นผู้อันกิเลสมากปิดบังไว้แล้วก่อน ข้องอยู่ในถ้ำแล้วกิเลสมากด้วยนะ ปิดบังไว้ พรางตัวเอง ปิดบังไว้แล้ว เป็น Past perfect tense ผ่านกิริยาทุกอย่างเสร็จจบปิดบังไว้เหมือนไม่มีอะไร 

พระพุทธเจ้าท่านตรัสเป็นผู้ข้องไว้ก่อน ก็คือ ผู้ข้องอยู่ในถ้ำ เก็บงำไว้ ฝังไว้ ปิดบังไว้ก่อนแล้ว ทรงตรัสคำว่า

เป็นผู้ข้องไว้ก่อน ก็แต่คำว่าถ้ำควรกล่าวก่อน อะไรล่ะ ทีนี้ขยายความ

คำว่า นรชนเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ เป็นผู้อันกิเลสมากปิดบังไว้แล้วมีความว่าทรงตรัสคำว่า เป็นผู้ข้องไว้ก่อน. ก็แต่ว่าถ้ำควรกล่าวก่อน กายเรียกว่า ถ้ำ. คำว่า กายก็ดี ถ้ำก็ดี ร่างกายก็ดี ร่างกายของตนก็ดี เรือก็ดี รถก็ดี ธงก็ดี จอมปลวกก็ดี รังก็ดี เมืองก็ดีกระท่อมก็ดี ฝีก็ดี หม้อก็ดี เหล่านี้เป็นชื่อของกาย.

สรุป ทั้งหมดนี้คืออาหารคือเครื่องอาศัย ทั้งนั้นเลยในชีวิตมนุษย์เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ทั้งหมด ตั้งแต่ร่างกายพาหนะรถแม้แต่ธง เพราะฉะนั้นเครื่องอาศัยต่างๆจึงยิ่งใหญ่มากเลยที่เรายังจะต้องเรียนรู้ แล้วก็ต้องไม่ข้อง ไม่ให้มันข้อง แล้วเราไม่ข้องมัน แต่จะต้องอยู่กับมันให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและเป็นประโยชน์กับผู้อื่นอาศัย 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 02 มกราคม 2563 ( 14:41:47 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:43:39 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:53:33 )

ความหลง

รายละเอียด

มี 5 อย่าง หลงผิด หลงลืม หลงใหล หลงตัว หลงเหลือ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:54:20 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:44:15 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:54:10 )

ความหลง

รายละเอียด

เขาไม่ตั้งใจปิดบังแต่เพราะว่าเขาไม่รู้เขาหลง ไม่มีทางออกเหมือนดักแด้อยู่ในฝัก ไม่มีทางเห็นเดือนเห็นตะวัน นอกจากจะกัดออกมา เหมือนไก่เจาะกระเปาะออกมาได้แต่ส่วนมากไม่ได้ออก หากเป็นอิสระตามธรรมชาติก็ออกได้ แต่ถ้าอยู่ในคน ไหมที่คนเลี้ยงไม่ได้ออกมาหรอก เขาเอาไปต้มสาวไหมไป ดักแด้ตายก็เอามากินอีก ตอนเป็นเด็กยายเลี้ยงไหม อาตมาเข้าใจได้ช่วยทำด้วย ขี้เกียจตอนเก็บใบหม่อนให้ไหมกิน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 09:14:53 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:14:52 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:55:04 )

ความหลงงมงาย

รายละเอียด

ก็ต่อที่ท่านฟ้าไท ที่ทิ้งท้ายไว้ว่า เราเป็นคนจะต้องแสวงหาใฝ่หาสิ่งที่ดี เป็นคนนี่แหละประเสริฐสุดในสัตว์โลกไม่ว่าจะในยุคไหน กัปป์ไหนก็แล้วแต่ ที่มีโลกและมีสัตว์โลกเกิดอยู่ในมหาจักรวาลนี้ มนุษย์จะรู้จักทุกอย่างจนกระทั่งที่สุด รู้ตัวเอง จนกระทั่งรู้แจ้งในตัวเอง ซึ่งถ้าไม่รู้ในตัวเองแล้ว เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าตรัสรู้และศึกษาพิสูจน์ รู้รอบ รู้ครบแล้ว คุณก็จะไม่รู้ที่จะทำให้ตัวเองหมดสภาพจากความเป็น อัตตา หรือความเป็นมนุษย์ในโลกอีกต่อไป สูญหายไปเลย คุณจะไม่มี ทำไม่ได้ นอกจากทำไม่ได้แล้ว คุณก็ยังจะหลงงมงายอยู่ เป็นความหลงงมงายถาวร ความหลงงมงายถาวรนั้นก็คือ จะหลงงมงายว่า โลกนี้เต็มไปด้วยสุข แม้มันไม่ได้สุขก็ต้องแสวงหาเอาความสุข แล้วเราจะได้ความสุข ได้จริงๆ มีวิธีมีศาสดาที่สอนเรื่องสุขนิยม สอนจนกระทั่งได้สุขมาก เสพสุขมาก เสร็จแล้วตายไปก็ไปอยู่สวรรค์กับพระเจ้าอะไรอย่างนี้ นิรันดรแล้วก็จบ ความรู้จะไม่ต่อไปจากไปอยู่กับพระเจ้า เมื่อไม่รู้ความเป็นอยู่กับพระเจ้าเขาก็ไม่รู้ แต่จริงๆแล้วมันเป็นภาวะที่จากนั้นคุณไม่ได้อยู่กับพระเจ้าหรอก จริงๆแล้วพระเจ้าจะเป็นแหล่งที่อะไรไปสิงอยู่ มันไม่มีหรอก แต่เขาหลงว่ามีพระเจ้า แท้จริงไม่มี มีแต่กรรมกับวิบาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:31:08 )

ความหลงที่ซับซ้อนของมหาบัว

รายละเอียด

คือ ฟังแล้วมันน่าอายขายหน้า พระพุทธเจ้าจริงๆ เรียนกันมาเปรียญ 9 เปรียญ 7 เรียนกันไป คนที่พยายามไม่หลงเงินอย่างพระป่า แต่ก็ไปหลงซับซ้อนเหมือนอย่างมหาบัว ซับซ้อนโดยไม่รู้ตัว ทำตัวเหมือนว่าตนเองไม่ต้องการเงิน แต่ที่จริงสร้างภพชาติ ถึงขั้นว่าไม่ได้เป็นคนรวยในประเทศเท่านั้นนะ แต่เป็นเจ้าของประเทศเป็นคนค้ำจุนประเทศเอาไว้นะ มหาบัว เขามีภพชาติของเขาอย่างนั้นแหละ 

ประเทศไทยอยู่ได้เพราะเงินของเขา ที่จริงเขาเรี่ยไร เอาประเทศเป็นตัวประกันแล้วไปเรี่ยไรอาศัยสถาบันก็ได้มาเอาเข้ากองคลัง มันเป็นวิธีการสร้างฐานะของตัวเองให้เด่นให้โก้ในชีวิต ประสบผลสำเร็จ แล้วนึกว่าเป็นวิธีการที่ตัวเองปฏิบัติทางศาสนาพุทธสูงสุด ซึ่งแม้แต่คำว่าเรี่ยไร ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพระสงฆ์เลย ศาสนาพุทธไม่มีเรื่องเรี่ยไร เป็นเรื่องน่าเกลียดที่สุดเรื่องการเรี่ยไร ทุกวันนี้มันเสื่อม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:52:15 )

ความหลงผิดของผู้มิจฉาทิฏฐิที่เป็นเทฺวนิยม

รายละเอียด

ส่วนผู้“มิจฉาทิฏฐิ” ยังเป็น“เทฺวนิยม”นั้นจะมีความหลงผิดทั้งลำดับต้น-กลาง-ปลาย ผิดทั้งหยาบ-กลาง-ละเอียด ผิดทั้งที่ไม่รู้จัก“ภพ” จึงกำจัด“ภพ”ไม่ครบครันถ้วนรอบ เพราะไม่“ดับภพ”ที่เป็น“เทฺว”ไปทีละคู่ๆ โดย“ดับ”กันถึง“ดับเหตุนั้นๆ”ด้วยทีเดียว  จึงสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“เหตุและเป็น“ปัจจัย”กันและกันของ“เทฺว”ทั้งหลายหรือ “สังขาร”ทั้งหลาย ไล่เรียงขั้นต้น-กลาง-ปลายซึ่งเป็นอิทัปปัจจยตาหรือปัจจยาการ(เพราะเหตุนั้นจึงเกิดผลนี้ เพราะผลนี้กลับไปเป็นเหตุให้แก่ผลนั้น เสริมกันและกันยิ่งๆขึ้น) เป็นภาวะหมุนรอบเชิงซ้อน(ปฏินิสัคคะ) เติมต่อกันไปตลอดสายของ“ปฏิจจสมุปบาท”

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส สื่อธรรมะพ่อครู(จรณะ 15 วิชชา 8) ตอน ไฟฌานทำลายกิเลสได้อย่างไร วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชธานีอโศก
 


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:10:41 )

ความหลงผิดคิดว่า“วิญญาณ”คือธาตุรู้ที่ล่องลอยไปโน่นไปนี่!

รายละเอียด

ซึ่งผู้“อวิชชา”เข้าใจผิดว่า “วิญญาณ”นั้นคือ “ธาตุรู้”ที่“ล่องลอย”

อยู่ในที่ไหนๆต่อไหนๆทั่วไปหมด 

เป็น“ธาตุรู้”ที่อยู่ใน“ภพภายในจิตของตนผู้เดียว”ที่ไม่เกี่ยวกับ“สัตว์อื่นหรือคนอื่น”ที่สัมผัสเป็น“ภายนอก”ร่วมรู้กับ“สัตว์อื่นหรือคนอื่น” 

กำหนดหมาย(สัญญา)เอาแต่ “ธาตุรู้”ของตนอิสระเสรีผู้เดียวที่ตนจะเป็นอะไร เป็นอย่างไรใครก็ไม่ต้องไปรู้ร่วมด้วย 

“ตนเอง”อิสระอยู่เอง เป็นไปตามแต่ตัวเองจะเป็นจะไป 

จะ“จริง”หรือ“ไม่จริง” ใครจะ“รู้”หรือ“ไม่รู้”ก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัวแต่ผู้เดียว 

ตนรู้เห็นเป็นจริงเด็ดขาดผู้เดียว ไม่มีใครมีสิทธิ์มากำหนดให้ตนได้ ตนมี เป็นอันขาด(ราวกับพระเจ้าปานนั้นเลย ราวกับผู้บรรลุที่สัมมาทิฏฐิ ก็ไม่ปาน) 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 436 หน้า 317


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 19:13:10 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:39:28 )

ความหลงหรือโมหะ 5 ประการ

รายละเอียด

พวกเรารู้สาระเห็นความสำคัญในสาระเห็นสาระเป็นสาระ เอาเวลาทุนรอนแรงงานมาให้มาเสียสละ เอามาให้แต่สิ่งที่เราเห็นว่าอันนั้นคือสาระ ก็เป็นคนที่รู้จักสาระในสาระสำคัญในสาระ อาตมาก็ย้ำก็พูด ใครจะว่าอาตมาหลงธรรมะก็ไม่เป็นไร เราก็ต้องดูว่าคำว่า “หลง” หมายความว่าอะไร คำว่า “หลง” ก็คือยังไม่ชัดเจน มันยังหลงๆเลอะๆ ยังไม่ถูกตรงไม่ถูกต้อง ดีไม่ดีก็หลงผิด ความหลงนี่มีมากเหลี่ยม อาตมาจัดไว้ โมหะ 5 (ความหลง 5 อาการ)

  1. หลงผิด  (เห็นดีว่าชั่ว  เห็นชั่วว่าดี) เช่น เห็นดีเป็นชั่ว เห็นชั่วเป็นดี เห็นขาวเป็นดำ เห็นดำเป็นขาว เห็นสุขเป็นทุกข์ เห็นทุกข์เป็นสุข เป็นต้น

  2. หลงลืม  (สติกำหนดรู้ไม่ได้) อาตมาดึงเอาสิ่งที่ตัวเองมีธรรมะอยู่แล้ว เอามาใช้ให้เหมาะสมกับกาละ มีที่ไม่เหมาะสมกับกาละก็มี ก็ไม่ใช้

  3. หลงใหล  (คลั่งไคล้) ทั้งที่ตาก็ไม่บอดแต่ถูกเขาครอบงำให้ไปทำผิดอันนี้เสียหาย 

  4. หลงเหลือ (โมหะยังไม่สิ้นเกลี้ยง) มันยังไม่ครบยังไม่สิ้นยังไม่เกลี้ยง ยังหลงเหลืออยู่บ้างก็เก็บเศษที่เหลือ ควรจะทำให้มันชัดเจนอย่าให้มันหลงให้มันตรงให้มันแท้จริงให้มันถูกต้อง อย่าไปเป็นความหลงโมหะ 

  5. หลงตัว  (หลงดี  มีมานะยึดดีในตนเอง) อันนี้อาการร้าย หลงตัวเอง หลงหลงตน ตัวเองชั่วก็นึกว่าตัวเองดี ตัวเองผิดก็นึกว่าตัวเองถูกอะไรอย่างนี้เป็นต้น ตัวเองขี้เหร่ก็นึกว่าตัวเองสวย แม้ตัวเองสวยก็หลงว่าตัวเองขี้เหร่ ก็หลงตัวได้ แต่ก็คงหาได้น้อยตัวเองสวยลงว่าตัวเองขี้เหร่ แต่ตัวเองขี้เหร่แล้วหลงว่าตัวเองสวยนี่มีเยอะนะ ตัวเองจนหลงว่าตัวเองรวย หลงไปหลงมา ตัวเองผิดก็นึกว่าตัวเองถูก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:35:06 )

ความหลังของหนังสืออโศก  

รายละเอียด

มาพูดถึงความหลัง เจอหนังสืออโศก เป็นนิตยสาร พยายามจะออกหนังสืออโศกเป็นนิตยสารตอนนั้น ตอนนั้นไม่มีใครช่วยมาก นามปากกาคนเดียว จนกระทั่งบอกว่าใครจะมาช่วยเขียนก็ใช้นามปากกาอันเดียวกันหมดนะ ใช้คำว่า อโศก ตอนนั้นก็ยังไม่มีใครมาก อาตมาก็บรรเลงคนเดียว ทั้งเขียน ทั้งออกแบบ Font เห็นมั้ยว่าอันนี้เป็น Font อโศก อาตมาเป็นคนออกแบบนะหน้าปกเล่มที่ 1 เป็นภูกระดึง อันที่ 2 เป็นรวงข้าว เล่น 3 เป็นดอกผักบุ้ง แต่ว่าหาต้นฉบับไม่ได้มีแต่ถ่ายเอกสารมาเป็นรูปขาวดำ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2 วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 21:13:39 )

ความหลากหลายของธรรมชาติ

รายละเอียด

ภาษาเจโตนี้เข้าใจได้ยาก คุณได้พลังใจ โอ้โฮมันเข้าใจมันมีสิ่งนี้เป็นรูปธรรมเป็นองค์ประกอบคุณก็อธิบายออกมาไม่ได้ขยายความไม่ได้ว่ามันดีอย่างไรไปเห็นสามพันโบกจริงๆก็คือไปเห็นความหลากหลายของธรรมชาติเช่นเรื่องที่มีความซับซ้อนเกิดอะไรขึ้นมาได้มากมายแล้วคนเราก็รู้ว่าโลกมันมีสารพัดความซับซ้อนอย่างนี้แหละ เราก็ไปมีโอกาสได้เห็นความซับซ้อนและเราก็มีภูมิปัญญารู้ความซับซ้อนของนามธรรม อาตมาขยายความเข้าใจลึกๆของคุณว่ามันเป็นอย่างนี้มันก็เลยชื่นใจว่าเราได้สัมผัสอันนี้เป็นนิมิตเป็นเครื่องหมายสำหรับให้เราเข้าใจขึ้นไปอีกว่า จริงๆแล้วเรื่องของอุตุจะเป็นดินน้ำไฟลมมันก็เป็นของมันอย่างนี้มันก็ทำให้เห็นว่าเช่นนั้นจิตนิยามมันก็จะต้องมีความหลากหลายแล้วมันก็จะเป็นธรรมชาติไปอยู่อย่างนี้ของมันเท่าที่มันมีเหตุปัจจัยของมันก็จะมีความหลากหลายเหมือนกันมันก็เลยเห็นว่าอย่างโน้นมันก็เหมือนอย่างนี้นะรูปธรรมก็เหมือนนามธรรมนะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:36:39 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:15:59 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:56:11 )

ความหลุดพ้นจากความเป็นสัตว์

รายละเอียด

สัตว์คือผู้ข้องอยู่ในโลก หลุดพ้นจากความเป็นสัตว์โอปปาติกะไม่ได้ คือสัตว์ทางจิตวิญญาณ คุณจะหลุดพ้นไม่ได้เลย คุณต้องมีความรู้ในวิโมกข์ 8 อย่างถูกต้อง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 31 ตุลาคม 2562 ( 07:34:32 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:45:12 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:56:42 )

ความหวนแหนของส่วนกลางไว้ใช้ส่วนตัว กิเลสหนาขึ้น เป็นความโง่

รายละเอียด

แค่นี้ก็อยากจะเตือน อ้างว่าเป็นของส่วนกลางแต่เอาไปเป็นของส่วนตัว ของที่นี่แม้แต่เด็กๆมาใช้พังไปเยอะก็ไม่ต้องห่วงของหรอก เอาไปกองไว้เฉยๆมันก็พังรักษาไว้เฉยๆมันก็พัง เสื่อมไปตามธรรมชาติ มันหวงของขี้เหนียว มันต้องช่วยกันใช้แล้วช่วยกันดูแล ขอเตือนเลย เรามีคณะดูแลรถส่วนกลาง แม้แต่สมณะก็เคยตั้งให้เป็นผู้ดูแล เสร็จแล้วเอาไปเป็นส่วนตัวแล้วหวงแหน ไม่รู้ว่าจะหวงแหนไปทำไม มันเป็นกิเลส คนมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่เขาก็ไม่เข้าใจว่าอะไร หากให้คุณหวงแหนเก็บไว้มันก็มีกิเลสนะขึ้นก็เสื่อม ของก็ไม่ได้ใช้ เสียคุณค่าเสียเศรษฐกิจต่างๆนานา กิเลสเราก็หนาขึ้นมันไม่ได้เกิดประโยชน์สักด้าน ของที่ควรจะได้ใช้ประโยชน์ก็ไม่ได้ใช้ก็เลยดับเบิ้ลโง่ คนไหนที่มีลักษณะพวกนี้ก็ช่วยกันบอกด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:38:15 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:46:02 )

ความหวังดีที่ไม่อาจห้ามได้

รายละเอียด

ก็มีทั้งสมณะ ปัจฉาสมณะอาตมาดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา อย่างท่านหนักแน่นเนี่ย ขนาดอาตมาเดินลงบันไดก็ประคอง อาตมาจะไปบอกเดี๋ยวจะหาว่าอาตมาทำเป็นอวดดี ท่านก็จับเสมอ อาตมาก็ว่าไม่ถึงขนาดนั้นนะ มีคนประคอง ไม่ใช่ แต่นี่ท่านก็จับตัวไว้ตลอด ขึ้นลงบันได อาตมาก็ว่าอาตมาไม่ได้ถึงขนาดนั้น ยังไม่ได้ตาลาย ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร แต่ก็เจตนาดี เป็นความหวังดี อาตมาก็ไม่ได้ห้ามอะไร ก็ดี อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 04:44:22 )

ความหวังดีเป็นกุศลเจตนาแท้ๆ

รายละเอียด

ก็ขอบคุณนะ ที่คณะพวกเราช่วยกันประชุมกันคุยกันตัดสินกัน เป็นความหวังดี อาตมาไม่ได้พยายามไปฝืนไปแย้งไปดันทุรัง เพราะว่า อาตมารู้ว่าพวกเราหวังดีเป็นความประมาณเป็นความคิดประมาณของพวกคุณ มันเป็นความหวังดีเป็นกุศลเจตนาแท้ๆซึ่งมันก็ดีมาก คนเรามีกุศลเจตนามันดี จึงพยายามเป็นไปตามที่ทัดทานมา ก็ว่าไป อาตมาก็ไม่ได้ไปหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะทำมันก็ดูไม่ดีก็ทำไปตามที่อาตมาเห็นพอสมควร 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชธานีอโศก พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:43:52 )

ความห่วงใยเรื่องการดูแลไกล้ชิดของพยาบาลกับนักบวช

รายละเอียด

เรื่องที่คนมาดูแลก็มีแต่พยาบาล ที่เป็นผู้หญิง แล้วก็ดูใกล้ชิด แต่ก่อนมีคนเดียวตอนนี้ก็มี 2 คน 3 คนเพิ่มมากขึ้น จริงๆแล้วอาตมาก็ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ผิดวิสัยอะไร คนอายุมาก และเป็นคนที่ควรเคารพนับถือ ก็ต้องการจะช่วยให้ยังชีวิตยืนยาวไป ก็ต้องมีคนที่มีฐานะในสังคมที่มีประโยชน์คุณค่าต่อสังคม ก็มีคนช่วยเข้าไปดูแลใกล้ชิด ใกล้ๆอยู่ประจำ ซึ่งถ้าเป็นฆราวาส กับฆราวาส มันก็ไม่แปลกอะไร แต่ถ้าเป็นสมณะเป็นนักบวชแล้ว คนมาดูแลพยาบาลหรือหมอก็ต้องเป็นฆราวาส เป็นพระมาเป็นหมอเป็นพยาบาลก็มาทำหน้าที่ไม่ได้ ผิดวินัยอย่างนี้เป็นต้น ก็ต้องเป็นฆราวาส มันก็เลยมีความขัดแย้งตรงนี้ 

ซึ่งถ้าเป็นฆราวาสกับฆราวาส ใครกับใครก็แล้วแต่ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร จะเป็นพยาบาลเข้าไปดูแลใกล้ชิดอย่างไรเขาก็ไม่มีปัญหา แต่พอเป็นสมณะก็เกิดประเด็นปัญหาขึ้นมา อาตมาก็ซับซาบ ความรู้สึกความห่วงใยอันนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 04:41:03 )

ความอมตะไม่ใช่เที่ยง

รายละเอียด

ความอมตะไม่ใช่เที่ยง แต่ความอมตะคือ รู้จักเที่ยงและไม่เที่ยง รู้จักภาวะ 2 รู้จักความมีหรือไม่มี รู้จักสภาวะที่ยืนนานก็เรียกว่าเที่ยง ยืนนานได้ 2 นาที 5 นาที 100 นาทีก็ถือว่าเที่ยง 100 นาที มันมีอะไรที่ควรจะยืนนาน อะไรมันไม่ควรจะยืนนานก็มี เช่น ความสงบควรจะยืนนาน แต่ในความสงบยืนนานเที่ยงจนกระทั่งมันไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงตาม กาละ ตอนนี้เขากำลังเร็วอยู่นะ ก็ไม่รู้เรื่องมันก็ตกยุคอีกเหมือนกัน มันก็ไม่ไปตามเหตุปัจจัยที่มันเกิด มันไม่เที่ยง ในโลกมันไม่เที่ยง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 11:57:58 )

ความอยากรู้ของมนุษย์

รายละเอียด

คำว่าอยากรู้นี่มันเกินกว่า ความอยากรู้ไปแล้ว  มันไม่ควรจะไปทำอะไรต่อ แต่ถ้าคิดว่าเป็นความเจริญทางวิทยาศาสตร์ ก้าวหน้าไปจะเป็นเทคโนโลยีอื่นๆ  เดี๋ยวนี้ การสร้างขึ้นมา มีความละเอียดซับซ้อน จนกระทั่งเหมือนปาฏิหาริย์ ทีแยกกันว่า หูทิพย์ ตาทิพย์ มีความเป็นทิพย์ทางอรูปเขาก็ได้เอามาใช้กันอยู่ แม้ไม่ใช่จิตวิญญาณ

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 16:51:21 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:49:26 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:58:03 )

ความอยากรู้ฟุ้งซ่านไปสู่ความสูญเปล่า

รายละเอียด

คุณเหมือนกับคนที่ถูกลูกศรยิง ถามไปไกลเกินไป ตอบได้เลยว่าตอนนี้อาตมาตอบไม่ได้คุณรู้เกินคุณถาม นี่ถามเกินกว่าอาตมารู้ อาตมาเลยตอบไม่ได้ อย่างนี้คือการอยากจะรู้ฟุ้งซ่านไปสู่ความสูญเปล่า มันไม่ถึงฐานะคุณก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่เลย ยังไกลมาก ถึงบอกว่าคนเสียแรงงานแคลอรี่ไปกับสิ่งเหล่านี้มาก พวกหลงความรู้พวกนี้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:43:33 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:02:10 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:58:46 )

ความอร่อย ไม่มีจริง และทำให้เราทุกข์ หลงว่าเป็นสุข

รายละเอียด

โอ้ เข้าท่า ถูกต้องเลย อาตมาอธิบายธรรมะใช้ภาษาไทย อธิบายขยายความจับความหมาย บาลีก็ดี จากภาษาธรรมะวิชาการก็ดี พวกเราเข้าใจสภาวธรรม แล้วก็ปฏิบัติ เห็นด้วยปัญญาขึ้นมาจริง นี่คือการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาสะกดจิตเลยแล้วก็หลงว่าเป็นอรหันต์ หลงว่าได้บรรลุนิโรธ มันน่าสงสาร พวกที่นั่งหลับตา ไม่รู้จะพูดอย่างไร คนก็หาว่าไปว่าเขาทำไมหลับตา ก็มันน่าสงสารก็ไม่รู้จะทำอย่างไร และก็ยังมีอีกเยอะที่ยังหลงผิดอยู่อย่างนี้ เดียรถีย์ มาปลูกฝัง มาเอาพลเมือง มาเอาคนของเราไป แล้วก็ไปหลงเป็นข้าทาสบริวารอยู่จนป่านนี้ มืดบอดอยู่อย่างนั้น น่าสงสารจริงๆ ก็พยายามจะดึงคืนมา ไม่รู้จะได้เท่าไหร่ในชีวิตนี้ แต่ได้มาจำนวนหนึ่งไม่น้อย นอกนั้นก็ยังหลงเป็นบริวารเดียรถีย์กันอยู่ เยอะ จบปริญญาเอก จบเปรียญ 9 จบอะไรต่ออะไรทั้งนั้นที่เรียนมา จำธรรมะก็ได้มาก สอนอยู่ก็มาก สาธยายอยู่ก็มาก แต่ไม่เข้าถึงจิตไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินั้นเป็น ปทปรมบุคคล จริงทั้งนั้น ตามคำสอนพระพุทธเจ้าว่า นี่ไม่ได้ว่าเขาแต่พูดความจริงตามที่เห็นชัดๆอยู่อย่างนั้น  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 13:54:39 )

ความอวดรวยคือความโง่ที่สุด

รายละเอียด

ตึกสูงสุด เขาจะเอาโอลิมปิกมาสร้างในประเทศนี้ก็ต้องลงทุนเพื่อรองรับโอลิมปิก สาธุขอให้ประเทศไทยอย่าเอาโอลิมปิกมาสร้างในเมืองไทยเลย พระสยามเทวาธิราชช่วยหน่อย มันบ้าจริงๆ มันอวดใหญ่อวดหน้าตาอวดร่ำรวย

มีบางประเทศดีใจที่จะได้จัดโอลิมปิกในประเทศ แต่ตัวเองต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามาสร้างสถานที่รองรับการจัดงานโอลิมปิกในประเทศของตน จะบ้าหรือไง เอาหน้าแต่แบกดอกเบี้ยแบกหนี้ไป นี่คือความโง่

ถ้าหากโอลิมปิกนี้ล้มเลิกไปทันทีโลกนี้เจริญขึ้นเยอะ นักเตะบอลราคาแพงสูงขึ้นเท่าไหร่ๆนั่นคือความเสื่อมของโลกความโง่ของโลก ดารา ยิ่งร่ำรวยเท่าไหร่ คนที่ร่ำรวยซื้อกระเป๋าเขากระเป๋าหิ้วใบละ 7 ล้าน นั่นคือความเสื่อมความโง่ ความอวดรวยนั่นคือความโง่ที่สุด โง่อวดคนโง่ด้วยกัน คนโง่ด้วยกันก็บอกว่าโอ้โหอยากเป็นอย่างเขาบ้างทำยังไงจะได้ อาตมาเห็นใบละ 7 ล้านที่เขาใช้ข่มกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 05:51:50 )

ความอวิชชาของพระเจ้าแยกธาตุจิตไม่ได้

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสรู้แยกธาตุได้เสร็จหมดเลย สามารถที่จะทำลายธาตุจิตนิยาม จิตวิญญาณ ซึ่งพระเจ้าตีไม่แตกพระเจ้าแยกไม่ออก พระเจ้าทำลายไม่ได้จึงอยู่นิรันดรก็เลยยกให้พระเจ้าเป็นเจ้าของ แต่ที่แท้ก็คือความอวิชชา เพราะตัวเองไม่รู้ ว่ามันคืออะไรกันแน่ ธาตุจิตคืออะไรกันแน่พระเจ้าไม่ได้รู้ จึงได้อยู่กับธาตุจิตธาตุปัญญานิรันดรตีไม่แตกแยกไม่ได้ แล้วไม่รู้ต่อไปอีกว่าจิตวิญญาณนี่แหละ มันเกิดแตกตัวกันออกมาเป็นตัวตนเป็นอัตตาเป็นอัตภาพ ไม่ใช่พระเจ้าเป็นคนสร้าง แต่ว่าอัตตาหรืออัตตามันเป็นตัวของมันเองแต่ละหน่วย จิตวิญญาณของแต่ละอัตภาพแต่ละอาตมัน มันเป็นของเขาเองไม่ใช่ของพระเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:28:44 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:51:10 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:59:59 )

ความอัศจรรย์ของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คือ ความเป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์  เป็นข้อที่ 1 ในปหารทสูตร ผู้ที่ไม่สามารถทำให้เป็นลำดับได้  เช่น อธิบายคำว่าศีลให้ละเอียดเป็นลำดับอย่างไรเป็นอธิศีลที่เหลื่อมไปตามลำดับได้นี่คือความลาดลุ่มเป็นลำดับที่ยอดเยี่ยมมากในความมีศีล ที่เจริญทั้งโลกียะและโลกุตระ ผู้ไม่มีโลกุตระปฏิบัติศีลอย่างไรก็เจริญแต่โลกียะ โลกียะแค่ดีชั่ว แต่โลกุตระ ลดสุขลดทุกข์เป็นอาริยสัจโลกีย์ได้แค่ดีชั่ว

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 14:13:23 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:51:43 )

ความอัศจรรย์ต่างๆ ของคนจนอันมหัศจรรย์

รายละเอียด

1. เป็นคนจน แต่มีผู้ติดตาม ดุจมีลูกนับพันที่คอยตามเอาปัญญาเป็นอาหาร

2. บรรดาผู้ติดตาม ล้วนแต่เป็นผู้แกล้วกล้าด้วยศรัทธาและพลังปัญญา 

3. ความกล้าของคนเหล่านี้ คือ กล้าจน กล้าทวนกระแสโลกีย์ 

4. พลังคนจนเหล่านี้ แม้มีน้อย แต่ก็เป็นคานงัดก้อนหินก้อนใหญ่ให้เปิดออกได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 24 เมษายน 2563 ( 14:49:29 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:02:58 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:00:25 )

ความอิทธิบาท

รายละเอียด

คือความพากเพียรที่เริ่มต้นด้วย ฉันทะ หากไม่มีฉันทะเป็นมูลกา แล้วปฏิบัติธรรมให้เกิดการทำใจในใจ มนสิการ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:36:14 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:52:51 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:00:59 )

ความอิสระเป็นของตนเองแท้ๆ

รายละเอียด

แม้ปุถุชนคนที่ไม่นับถือกระทั่ง“พระเจ้า” เขาไม่นับถืออะไรเลยก็ตาม ก็เป็น“ตัวเขาเอง” เป็น“อิสระ”ของเขาเองทั้งนั้นที่เขาจะยึดจะถือ  เพราะที่สุดเขาก็คือ“ตัวเขาเอง”ที่เลือกเองทั้งสิ้น

เพราะ“ตนเอง”เป็น“ตนเอง” ไม่ได้เป็นอะไรของใครเลยจริงๆ

“ความอิสระ”จึงเป็นของตนเองแท้ๆ ไม่มีใครเป็น“เจ้า* เป็นนายเราได้“จริง”หรอก

นอกจาก“ตนเอง”จะเลือก หรือยอมเอง

ถ้าคุณว่าคุณรู้เองแล้วมีคนมายอมรับมากๆก็เป็นศาสดา แต่ถ้าคุณว่าคุณรู้เองแล้วแต่ไม่มีใครมายอมรับ คนนี้ก็เป็นคนบ้าหลงตัวเองบ้าๆบอๆ ให้ไปดูที่ศรีมหาโพธิ์มีเยอะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 19:07:06 )

ความอึดไม่ใช่กิเลส

รายละเอียด

ก็พูดไปแล้ว จริงๆแล้วจะว่าเป็นกิเลส มันไม่ใช่หรอก ความอึดเป็นความอดทน ถ้าคุณอึดในทางเลวมันก็เลว อึดในทางไปสั่งสมพลังให้มันเกิดสภาพแข็งแรงสภาพอดทนต่ออะไร ที่จะให้ชำนาญสั่งสมให้มากเข้า คุณก็อดทนอึดคุณก็ได้ ถ้าจะเรียกว่าเป็นกิเลสมันก็เป็นทางไม่ดี แต่ถ้าอึดมาทางทำสิ่งที่ดี ทำได้อดทนดีในทางดี มันก็เป็นกุศล มันควรทำก็ดีมันเป็นสภาวะ คำว่าอึด ถ้าประกอบไปด้วยปัญญา มันก็จะมีผลเจริญได้ดี เจริญได้ 2 ด้าน ถ้ามันมีปัญญาประกอบ แต่ถ้ามันอึดโดยไม่มีปัญญาประกอบ คุณก็ได้เหมือนกัน ได้ความสั่งสมประเภทศรัทธาหรือเจโต สมถะได้ ก็เป็นสภาพสองง่ายๆ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 11:40:30 )

ความอุดมสมบูรณ์

รายละเอียด

ในประดาที่ตกแต่งเวทีตกแต่งโต๊ะ ของเรานี่การตกแต่ง บนโต๊ะที่ออกมา ของที่อื่นก็เอาดอกไม้ใส่พาน ใส่แจกันเอามากองเป็นรูปร่างนั้นนี้ ของเรา อวดว่ามีมากอย่างเดียวเอาอะไรมากอง เรียงเข้าไป จัดมุมเหลี่ยมไม่ให้มันตกโต๊ะก็เอาแล้ว ใช้ได้ ไม่ซ้ำกันสักวันเลย แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์จริงๆ  บนโต๊ะนี่เป็นการโชว์เล็ก ๆน้อยๆนะ ข้างล่างมีเยอะกว่า กล้วยทั้งเครือบวบงูยาวเป็นวา หอม กระเทียม ตะไคร้ ข่า มีสารพัดเป็นของที่เรากินเราใช้สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญของชีวิต อาหารเป็นที่หนึ่งในโลก 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:16:28 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:23:14 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:01:30 )

ความอุดมสมบูรณ์ของกสิกรรม

รายละเอียด

แม้เราไม่เก่งอุตสาหกรรมวิศวกรรมเครื่องกลเทคโนโลยี แม้จะเป็นคอมพิวเตอร์ หรืออย่างอื่น ก็ช่างเถอะไม่เป็นไร เราเก่งในการทำกสิกรรมเก่งการทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร แม้แต่เรื่องของการประมงหรือสัตวศาสตร์เราไม่เก่งก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องพึ่งสัตว์ไม่ต้องกินสัตว์ ไม่ต้องใช้อาหารจากสัตว์ แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะล้นโลก คนที่จะกินสัตว์อยู่มันมีอยู่ตลอดกาล อย่างน้อยคนในป่าเขาถ้ำก็กินสัตว์ หรือคนอยู่ตามแม่น้ำ อยู่ขั้วโลกเหนือก็ไม่มีพืชให้กิน ต้องกินสัตว์ มันจะเป็นไปตามธรรมชาติ เรารู้แล้วก็อยู่ให้เหมาะสม แล้วเราก็สร้างสิ่งนี้แหละ อาตมาเห็นนะ เป็นสิ่งยืนยันชัดเจนเราปลูกสร้างขึ้นมาเหมือนมันแกล้ง ทำไมอุดมสมบูรณ์มันสวยงาม โอ้โห เห็นไหม ทั้งดกทั้งใหญ่ทั้งโตทั้งมากเนื้อหาดี สร้างให้คนใช้สอยเป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร ปลูกแจก ขายบ้างสำหรับคนมีเงินทอง คนไม่มีเงินทองแล้วก็แจกให้เลย ให้มันรู้ไปเลย ถ้าอาตมาอยู่ไปอีกอย่างน้อย 50 ปี น่าจะมีภาวะปรากฏการณ์ที่ยืนยันที่อาตมาพูดนี้ว่า เข้าท่าเป็นจริงนะ น่าจะได้อีก 50 ปีนะ ก่อนอื่นมาอยู่นี่สัก 777 คนก่อน มีที่ดินให้ทำกินนะนี่ยังไม่มาสักที

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:41:26 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:56:25 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:02:21 )

ความอุดมสมบูรณ์ของชาวอโศก

รายละเอียด

ความอุดมสมบูรณ์ของชาวอโศก คือ ชุมชนชาวอโศกอุดมสมบูรณ์ แต่จริงๆ แล้ว ชาวอโศกไม่ได้อุดมสมบูรณ์แต่เหลือเฟือ เพราะคุณเอาเข้าส่วนกลางไม่เอาเข้ากระเป๋าตัวเอง มันมีแค่นี้จึงเหลือเฟือ กินใช้แค่นี้ไม่มาก แต่ถ้ามันมีแค่นี้แต่พวกคนเอาเข้าไปเป็นของส่วนตัวมาก มันก็ไม่พอ มันก็มีน้อย แม้เราไม่สร้างมาก เราก็มีมาก แต่พวกเราขยันด้วย  สร้างด้วยแล้วไม่เอาเป็นของตัวด้วย  มันเลยเหลือเป็นกองกลางเยอะ  ไม่เห็นจะเป็นเรื่องลึกลับ  มันเป็นเรื่องจริง  เพราะฉะนั้นพวกเราสร้างกันจริงๆ แล้วไม่ได้สร้างเก่งกันเท่าไหร่  แต่พวกคุณไม่ได้เอาเป็นของส่วนตัว มันเลยเป็นของส่วนกลางเยอะ  คนข้างนอกมาเห็นก็เลยนึกว่าเยอะ หรือแม้แต่ปลูกผัก พืช ทุกคนก็แค่กิน ไม่ได้สะสม ไม่ได้เอาไปบ้าน แต่ถ้าคนแต่ละคนเอาไปบ้าน  คนละมัดก็จะไม่พอแต่คุณก็กินแต่ท้องอิ่ม แต่หากกินแล้วเอาไปบ้านด้วยก็จะไม่พอ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 09:49:06 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:57:20 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:03:11 )

ความอ่อนน้อมของสมณะโพธิรักษ์ทางวิชาการพุทธศาสนา

รายละเอียด

 ความอ่อนน้อมของสมณะโพธิรักษ์ทางวิชาการพุทธศาสนา คือ สมณะโพธิรักษ์คารวะท่านสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ที่ได้กล่าวพาดพิงถึงท่าน ขออภัยท่านเอามาใช้อ้างอิงโดยไม่ได้ขออนุญาต แต่ท่านคงจะอนุญาตเพราะท่านเป็นคนซื่อสัตย์  ซื่อตรงต่อวิชาการทางการศึกษา สมณะโพธิรักษ์เห็นความตรงของท่านจึงได้ยอมรับท่านเข้าใจอย่างนี้ก็ว่าอย่างนี้  หากท่านเห็นใหม่ท่านก็เปลี่ยน

- อุตุ ท่านแปลว่า  กฎธรรมชาติเกี่ยวกับอุณหภูมิหรือปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ  โดยเฉพาะดิน น้ำ ฤดูกาลอากาศสำหรับมนุษย์

สมณะโพธิรักษ์ว่า แท้จริงมันเป็นทุกอย่างความร้อน แสง เสียง แม่เหล็ก ไฟฟ้า ถ้ายังแยกไม่ออกว่า อุตุ คือ ธาตุระดับไหน พีชะคือ ธาตุระดับไหน

- พีชะ ท่านแปลว่า คือกฎธรรมชาติที่มีการสืบพันธุ์ เช่น พันธุกรรม เป็นต้น 

สมณะโพธิรักษ์ว่า ก็ไม่ผิด พืชนี่ต้องมีการสืบพันธุ์ มีพันธุกรรม แต่มันมีเยอะกว่านี้

- จิตนิยาม ท่านแปลว่า กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการทำงานของจิต

สมณะโพธิรักษ์ว่า กำปั้นทุบดินท่านพูดไม่ผิดเลย

- กรรมนิยาม ท่านแปลว่า กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการกระทำของมนุษย์

- ธรรมนิยาม ท่านแปลว่า กฎธรรมชาติที่ว่าด้วยที่เป็นผลการกระทำต่อการแห่งสิ่งทั้งหลาย

แต่ถ้าจริงมีความสำคัญมากเลยเรื่องนิยาม5 แม้แต่เรื่องโยนิโสมนสิการท่านก็สัญญาคนละอย่างกับสมณะโพธิรักษ์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 12:31:58 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:58:16 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:04:53 )

ความเกรงใจ

รายละเอียด

เราอย่าไปคิดถึงว่าไกลหรือใกล้ เราคิดถึงเนื้อเรื่องว่าเราเกรงใจอะไร โดยเฉพาะคนใกล้ตัวนี้ มันจะเกิดกระทบกัน เกิดปฏิกิริยากัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องเกรงใจอันนี้ก่อน เนื้อเรื่องอันนี้สมควรที่เราจะต้องเกรงใจ เราก็ต้องเกรงใจ แต่เนื้อเรื่องอันนี้ ที่จริงเราจะไปเกรงใจเท่านั้น เกรงใจคือ เราไม่ไปขัดแย้งเราไม่ไปบอก ไม่ไปพูด ไม่ต้านอะไรเกรงใจเขาเฉยๆเถิด ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้าเผื่อว่ามันไม่สมควรปล่อย เนื้อเรื่องนี้ ถ้าปล่อยไปเขาจะยิ่งแย่เราก็จะต้องค้าน แต่ถ้าเราเห็นว่าตัวผู้นั้นมีอะไรบกพร่อง ถ้าเราจะบอกเขาเตือนเขา ให้เขาฉุกคิดขึ้นมา รู้สึกว่ามันจะไม่มีผลดี แสดงออกไปแล้ว มันจะร้ายแรงกว่าเก่า อันนี้ก็ต้องจำนน ยอมให้เขา สมมุติว่าคุณถูกต้องนะให้เขาไม่ถูกต้อง หรือสิ่งนั้นควรให้เขาแก้ไข แต่เราจะช่วยไม่ได้ เพราะเราเกรงใจก็ปล่อยเขาไป เราก็ต้องจำนน ต้องปล่อยเขา เพราะว่าทำไปแล้วไม่ดีมันจะทะเลาะกัน ช่วยกันไม่ได้ต่อไปมันจะเสื่อม มันจะไม่มีประโยชน์มากกว่า มันจะเสียประโยชน์มากกว่า เราก็อย่าไปทำ ก็ต้องชะลอไว้ คงที่ ถ้าไปทำแล้วจะเสียประโยชน์มาก ปัญหานี้เรียกว่าปัญหามีธรรมชาติของมันมีอยู่ว่า สิ่งที่มีคลื่นใกล้เคียงกันมันจะไม่ยอมกันง่ายๆ เช่น พี่กับน้อง ถ้ามีผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า อันนี้ก็จะเกรงใจ ล้วนแต่เป็นอย่างนั้นกันครับ พ่อครูให้พวกเรามีความเป็นพี่เป็นน้อง ซึ่งจะยอมกันไม่ได้ง่ายๆ ก็ต้องมาหัดยอม หัดไม่ให้มีปัญหา

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:09:07 )

ความเกิด 5 ประการ

รายละเอียด

ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ  เป็น 5 สภาวะ ความเกิด 5 ประการ ชาติคือความเกิดที่เป็นภาษารวม สัญชาติคือมันเกิดขึ้นมาก็จำที่มันเคยเกิดได้ จำได้ก็เป็นของเก่า เป็นไปตามอัตโนมัติด้วยสัญชาตญาณ เกิดมาที่จำได้ก็ทำได้เลย คนหรือสัตว์เกิดมาก็มีสัญชาตญาณ สัตว์เดรัจฉานเลี้ยงลูกด้วยนม เมื่อเกิดออกมาก็หานมแม่ดูดเป็นธรรมชาติ เป็นสัญชาตญาณ

โอกกันติ คือพลังงานที่หยั่งลง เป็นการเกิดหยั่งลง เพิ่มขึ้นมาใหม่ในปัจจุบัน ถ้าไม่มีการเลือกหรือไม่มีตัวแยกได้ว่า อะไรที่สะสมลงมาเกิดมา แยกเอาที่ดี อย่าไปเอาที่ไม่ดี แยกเอาที่เป็นโลกุตระอย่าไปเอาโลกียะ คุณแยกไม่ออก คุณก็รับเละไป ยิ่งไม่มีโลกุตระเลยคุณก็ได้แต่โลกียะ ยิ่งไม่รู้ดีเลยรู้แต่ชั่วคุณก็ได้หยั่งลงแต่ชั่วๆๆ ต้องแยกให้ออกว่ามีดีมีชั่ว อย่าเอาชั่วเอาแต่ดี จนกระทั่งมีภูมิธรรมขั้นโลกุตระ รู้โลกุตระ เลิกโลกียะ มาเอาแต่โลกุตระ นี่ ใช้พยัญชนะดูความต่างระหว่างสิ่งสองสิ่ง ผู้ที่แยกโลกียะโลกุตระ เลิกโลกียะได้เอาแต่โลกุตระนั่นคือเริ่มมี นิพพัตติ คือรู้จักกันเกิดโลกุตระแล้วทำให้การเกิดโลกุตระ แต่มันไม่เก่งก็มีโลกียะอยู่ ทำให้เก่ง ทำให้โลกุตระเจริญงอกงามไพบูลย์ขึ้นเรื่อยๆ จนที่สุดเรียกว่า อภินิพพัตติ ตัวที่ 5 เป็นการเกิดที่สูงสุด อภินิพพัตติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 11:51:08 )

ความเกิด 5 อย่าง

รายละเอียด

2 ภาวะภาษาบาลีว่า เทวฺ นามกับรูปมันมีความสัมพันธ์กัน มันเกี่ยวข้องกัน มัน relative เกี่ยวข้องกันขึ้นมาเป็นความเกิด ความเกิด เรียกว่า ชาติ หรือชาติ เป็นตัวกลางๆคำว่า ชาติ เป็นความเกิดกลางๆแล้วพระพุทธเจ้าก็ขยายความเกิดนี้ไปอีก 5  ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ  ความเกิด 5 อย่างนี้ผู้ที่มีจิตนิยามแล้วจะเกิด 5 อย่างนี้แหละปรุงแต่งกัน ขยาย5อย่างคร่าวๆก่อน คือเกิดสัญชาตญาณ เกิดชาติ สัญชาติก็คือต่อกันมา มีความจำในการต่อเป็นสัญชาติญาณเรียกสั้นๆว่าสัญชาติ 

สัญชาติก็คือมันมีความจำ มันมีความสืบเนื่อง มันเป็นอัตโนมัติ พอเกิดมาใหม่ทุกอย่างก็เป็นกรรมกิริยาอัตโนมัติเองเลย เป็นสัญชาตญาณ โอกกันติ ก็จะมีการเกิดของกรรมกิริยาปัจจุบันที่จะมีการปรุงแต่งกันใหม่ที่จะสัมผัสที่จะเกิดใหม่สะสมลงเรียกว่า โอกกันติสั่งสมลงไปในจิต ก็เป็นตัวเกิดตัวใหม่ ตัวนี้แหละเป็นตัวแปรของคนทุกคนจิตวิญญาณทุกจิตวิญญาณ เมื่ออวิชชาก็ไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้เรื่องว่ามันมีอะไรเข้ามาปนจะปรุงใหม่เข้ามาเพิ่มเติม เมื่ออวิชชาก็มีแต่กิเลสเพิ่มเติมหนาเข้าไปใหญ่

เพราะฉะนั้นศาสนาพระพุทธเจ้าจึงรู้ทันตัวนี้ แยกได้เป็น 2 อย่าง ที่มันเกิดเป็นโลกียะ เกิดไปเป็นตัวโง่อวิชชา มีวิชชารู้ทัน ก็ไม่เอาแล้วไปเป็นโลกียะที่มันเติมแต่กิเลสแล้วก็โง่เพิ่มเติมกันอย่างไม่หยุดยั้งเลย หยุดได้ ไม่ให้กิเลสมันเติมเข้าไปอีก ก็ทำความเกิดใหม่ลดลงจนกระทั่งไม่มีกิเลสเพิ่มเลย ลดลงเรื่อยๆจึงเป็นการเกิดตัวใหม่เรียกว่านิพพัตติ เป็นการเกิดที่ลด ความดับของกิเลสแล้วเป็น นิพพัตติ หรือนิพพาน มันยังไม่มีนิพพานเต็มก็เรียกว่า นิพพัตติ

อภินิพพัตติ คือการเกิดชนิดที่ไม่มีกิเลสอีกแล้ว เป็นผู้ที่มีนิพพานสมบูรณ์แบบ อภินิพพัตติ นี่เป็นการเกิด 5 ประการที่พระพุทธเจ้าท่านเข้าใจแล้วทำจิตวิญญาณให้เป็นอย่างนี้ได้เรียบร้อยอย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566  ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:18:36 )

ความเกิดจากอวิชชาจึงไปหลงความผิดเป็นความถูก

รายละเอียด

ความเกิด จากอวิชชา จึงไปหลงความผิดเป็นความถูกไปหลงเดรัจฉานวิชาไปหลงเดียรถีย์ที่เคยผิดมาหมด ไปหลงพวกศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพุทธเดี๋ยวนี้ก็ยังอาศัยศาสนาพราหมณ์อยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ศาสนาพราหมณ์ในเมืองไทยยอมรับตัวเองว่ารองจากศาสนาพุทธ เป็นผู้ที่ทำมาหากินเลี้ยงตัวเองด้วยอวิชชาอยู่ในศาสนาพุทธ แต่เขาก็มีไตรเวทของเขา ก็อันเดียวกันแต่เขาเข้าใจผิดเป็นถูก เข้าใจถูกเป็นผิด เราก็มาเดินสวนกระแส ปฏิโสตัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทเริ่มอธิบายที่ชาติ 5 วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 16:41:26 )

ความเกิดชนิดสัญชาติ

รายละเอียด

คุณพูดมาทั้งหมดก็เป็นจิตลึกๆของคุณ มีตัวเรียกว่าอธิษฐานจิตหรือปณิธานจิตอยู่แล้ว ก็คงจะต้องมี และคุณก็มีตัวนั้น และคุณก็มีตัว จะเรียกว่าอะไรดี…ถือว่า ถึงขั้น จะเรียกว่าสัญชาติญาณทีเดียวก็ยังไม่ได้ แต่มันก็เป็นสัญชาติ เป็นความเกิดชนิดสัญชาติ การเกิดมี ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ เมื่อวานเจออาตมาแล้วก็จำได้มันมีสัญญาที่เป็นความจำลึกๆอยู่ในอนุสัยของคุณ ก็ออกมาออกฤทธิ์ หรือออกมาทำงาน ก็เป็นของคุณ ทีนี้คุณท้าวความถึงอาตมาเกิดมาเป็นกษัตริย์ในแต่ละชาติ ก็ต้องถามแต่ละคนคุณเคยเกิดมาเป็นข้าราชบริพารของกษัตริย์หรือป่าว เรื่องนี้ไม่อยากจะพูดให้มันยาวกว่า เพราะว่าถ้าอาตมาพูดว่าอาตมาเป็นกษัตริย์ในยุคไหน ชื่อนั้นชื่อนั้นมา มันเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรเป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ แม้จะมีประวัติศาสตร์ อาตมาก็มีประวัติศาสตร์ระบุชื่อ เหตุการณ์มาทั้งนั้นแต่อาตมาไม่อยากให้ไประลึกอย่างนั้นให้ทำแบบนั้นให้คิดแบบนั้น อยากจะให้พิสูจน์ปัจจุบันธรรม พิสูจน์แล้วให้เป็นวิทยาศาสตร์อย่างที่คุณพูด แล้วคุณจะมีความรู้เอง อย่างน้อยที่พูดไปเมื่อกี้นี้คุณมีสัญชาติ ที่มันลึกของคุณ คนสัมผัสแล้วระลึกได้ก็เป็นของคุณเอง    แล้วอาตมาก็บอกว่าไม่ผิดหรอกถูกต้องก็ได้ แต่ไม่อยากให้เอามาใช้พร่ำเพรื่อ หรือใช้เป็นองค์ประกอบหลัก แต่ใช้เป็นเครื่องทดสอบ ใช้เป็นเครื่องเสริมการตรวจสอบเท่านั้นพอแล้ว อย่ามาใช้เป็นเครื่องนำ มันจะพาให้คุณหลงทางแล้วพาให้เลอะเทอะไป กลายเป็นพวกคิดสร้างฝันเฟื่องอะไรเลอะเทอะไปไม่เอา ใช้เป็นเครื่องตรวจสอบเหมือนกับใช้พระไตรปิฎกเป็นเครื่องตรวจสอบเป็นต้นเท่านั้นพอแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 10:33:06 )

ความเกิดทั้งหลายแสนยาก

รายละเอียด

เราเป็นคนเกิดมาพ่อแม่ให้เกิดมา ก็ไม่เห็นจะยากเลย แต่ในที่เล็กและละเอียดนั่นก็คือความเกิดทั้งหลาย ตั้งแต่เกิดเป็นอุตุนิยาม พืชนิยาม จิตนิยาม  มีองค์ประกอบตั้งแต่ธาตุของ ดินน้ำ ไฟ ลม วัตถุ แต่มันมีพลังงานที่พัฒนาขึ้น เป็นชีวะกว่าจะพัฒนา จากอุตุมาเป็นพีชะ พี่เป็นชีวะในระดับแรกก็แสนยาก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 11:34:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:58:49 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:05:21 )

ความเกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัยมิได้มี

รายละเอียด

ภิกษุสาติมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า "เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ว่า  วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น” ภิกษุเหล่านั้นปรารถนาจะปลดเปลื้องภิกษุสาติจากทิฏฐินั้น จึงซักไซ้ ไล่เลียงสอบสวนว่า  ท่านอย่ากล่าวอย่างนี้ ท่านอย่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาค  การกล่าวตู่พระผู้มีพระภาคไม่ดีเลย เพราะพระผู้มีพระภาคมิได้ตรัสอย่างนี้เลย ดูกรท่านสาติ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วโดยปริยายเป็นอเนก  ความเกิดแห่งวิญญาณเว้นจากปัจจัยมิได้มี.

ที่มา ที่ไป

 มหาตัณหาสังขยสูตร  เล่ม12  , ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2562 ( 21:09:55 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 03:59:21 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:06:38 )

ความเกิดแห่งวิญญาณเว้นจากปัจจัยมิได้มี

รายละเอียด

จิตมโนวิญญาณนั้น พระพุทธเจ้า ด่าภิกษุสาติ ว่า ใครสอนเธอ พระพุทธเจ้าองค์ไหนสอนเธอ ภิกษุสาติ…

ภิกษุสาติมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า “เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ว่า  วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว  แล่นไป  ไม่ใช่อื่น”

ภิกษุเหล่านั้นปรารถนาจะปลดเปลื้องภิกษุสาติจากทิฏฐินั้น  จึงซักไซ้ ไล่เลียงสอบสวนว่า  ท่านอย่ากล่าวอย่างนี้  ท่านอย่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาค  การกล่าวตู่พระผู้มีพระภาค ไม่ดีเลย เพราะพระผู้มีพระภาคมิได้ตรัสอย่างนี้เลย  ดูกรท่านสาติ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น  พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วโดยปริยายเป็นอเนก  ความเกิดแห่งวิญญาณเว้นจากปัจจัยมิได้มี.  (มหาตัณหาสังขยสูตร พตปฎ. ล.12  ข.440)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 16:05:19 )

ความเก่งของประเทศไทย

รายละเอียด

มีคนวิจัยวิจารณ์กัน ดุลอำนาจโลกจะเปลี่ยนหลังโควิด หันมาดูประเทศไทย โควิดมา ทำให้เขาเกิดเป็นโทษภัยต่อสังคมประเทศเขา เมืองไทยเป็นไหม?…เมืองไทยไม่ถือว่าเป็น มันมีน้อย ยิ่งแสดงความเห็นถึงความเก่งของประเทศไทย ต่างประเทศมีคนไข้เพิ่มขึ้นเป็นพันเป็นหมื่น แต่เมืองไทยคนป่วยเพิ่มขึ้นติดต่อกัน วันนี้มี 3 คนเอง แต่ถ้าดูรายละเอียดแล้ว คนที่ป่วยรักษากันอยู่ แล้วก็ป่วยเพิ่มหรือหายจากการป่วย หรือตาย นี่คือประเด็นมิติต่างๆ ที่เราคิดองค์รวมได้ออกมา สรุปว่า ไวรัสนี้ก็เป็นกันทั่วโลกมันก็ต้องมีผลกระทบบ้าง แต่ค่ารวมแล้ว มันดูร้ายแรงหรือดูเบา มันก็มีบ้างแต่มันเบาแต่มันร้ายมันแรง ก็จะเห็นได้ในแต่ละประเทศ ประเทศจีนคนเขาตั้งพันกว่าล้าน เขาก็ทำได้ดีมากยิ่งขึ้น อเมริกา 300 กว่าล้าน ตอนนี้ติดเชื้อป่วยเป็นล้านคนแล้ว เรียกว่านำลิ่วเลยเบอร์ 1 ส่วน สเปน สองแสนกว่า ที่สอง อิตาลีสองแสน ที่สาม ส่วนอังกฤษ แสนแปดกว่า ที่สี่ ประเทศไทยล้าสมัยเลย ปล่อยให้อเมริกานำโด่งเลย ไทยอยู่อันดับ 60

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 09:47:09 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:04:03 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:07:08 )

ความเก่งของมหาบัวที่รู้ทันทักษิณ

รายละเอียด

สิ่งที่มีอยู่ก็คือทุกข์ เพราะทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ และทุกข์เท่านั้นที่ดับไป มีแต่ทุกข์เท่านั้น 

ก็พิสูจน์เริ่มต้นอาจจะตั้งแต่ติดทุเรียน ระวังมันหลอกขายลูกละแสน กินแล้วมันเหาะได้หรืออย่างไร ที่จริงแล้วมันเป็นทุเรียนจากการประมูล เอาการกุศลมาอ้าง ใครจะเสียสละเงินมาประมูลทุเรียน ก็ได้ตัวเลขพูดอย่างโก้ว่าทุเรียนลูกนี้ลูกละแสน เหมือนกับมหาบัวเรี่ยไรเงินไปช่วยชาติ แต่มหาบัวรู้ทันทักษิณว่าทำลายชาติ เป็นความเก่งของมหาบัวที่รู้ทันทักษิณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานี


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:57:01 )

ความเก่งของโลกุตตรจิตมีฤทธิ์แรงต้านทานหมู่อวิชชาโมหะได้อย่างไร

รายละเอียด

จิตที่เก่งอย่างนี้จึงสามารถอยู่ในโลก สามารถควบคุมกรรม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมใดๆ การกระทำทางกายวาจาใจ เก่งทุกอย่าง แล้วก็ประมาณอย่างมีสัปปุริสธรรม 7 มีมหาปเทส 4 สามารถจัดสรรปรับมัตตัญญุตา ปรับจิตของตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมในขณะที่ตัวเองทำกรรมกิริยาทุกอย่างได้ลงตัวพอเหมาะพอดี ความพอดี เช่นยกตัวอย่าง

อาตมานำชาวอโศก อาตมาพาพวกเราชาวอโศกทำเป็นโลกุตรธรรม ให้เกิดพอดีคือให้เกิดความเก่งของโลกุตตรจิต ให้เก่งทางโลกุตรธรรม แสดงออกทางกายวาจาใจ ให้เก่งกล้าอย่างแรงกล้า ติพพัง เก่งกล้าอย่างแรงกล้า เพื่อที่จะมีอำนาจมีฤทธิ์แรงเข้าไปต้านทานเข้าไปคานกับอวิชชา โมหะ ที่เขาผิดกันมากเหลือเกิน 

ยิ่งกว่า มดไปสู้กับช้าง ยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นเราจะต้องทำพลังงานทางปัญญา พลังงานทางความจริง เราจะชนะด้วยความจริงหรือความรู้ จะชนะได้ ไปชนะด้วยเรี่ยวแรง ด้วยกำลังด้วยมวลด้วยปริมาณไม่มีทางชนะ เพราะฉะนั้นเราไม่สู้ด้วยทางนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:03:22 )

ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับปัจเจกสัมมาสัมพุทธะ

รายละเอียด

คือ มีคนเข้าใจผิดว่าปัจเจกสัมมาสัมพุทธะนั้นสอนคนไม่ได้  ซึ่งแท้จริงก็สอนได้ พระโสดาบันก็ยังสอนคนได้เลย  ต่ำกว่าพระโสดาบันก็ยังสอนกันเลย  สอนผิดสอนถูกกัน เละเทะ โสดาบันก็ต้องระมัดระวัง  สอนให้ถูกไม่อย่างนั้นบาปกินหัว  ขนาดนั้นถ้าโสดาบันก็ยังสอนพลาดได้  ยังมีวิบากได้ สกิทาคามีก็รู้กว่าคุณธรรมเพิ่มมากกว่า มีคนบอกว่า พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังเคยเป็นครูของพระโพธสัตว์หลายองค์  ปัจเจกสัมมาสัมพุทธะนี้เลยกว่าโพธิสัตว์ระดับ8 ขึ้นไป สยังอภิญญาเป็นนิยตโพธิสัตว์แล้วค่อยเป็นระดับ 8 มหาโพธิสัตว์ แล้วเลยไปเป็น ปัจเจกสัมมาสัมพุทธะผู้ที่เข้าชั้นเรียนชั้นนี้พวกคุณ ไม่ใช่นิสิตระดับนี้  ก็ไม่ต้องไปรู้เรื่องอะไรกับท่านหรอก  คุณยังไม่ถึงหรอกก็ปล่อยไปเถอะ ให้อยู่ประสาเด็ก ๆ  กันก่อน  ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นวุ่นวายผิดระดับ ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับเด็กที่ร้องแข่ง พูดแข่งอยู่นั่นแหละ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:04:58 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:01:46 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:08:01 )

ความเข้าใจผิดของศาสนาพุทธมานาน

รายละเอียด

หากกิเลสถูกเผาหรือฌานเผากิเลสได้ส่วนหนึ่ง ก็คือกิเลสถูกกำจัดได้ส่วนหนึ่ง เป็นส่วนแห่งบุญ ที่พูดกันด้วยพยัญชนะว่าได้ส่วนบุญคือได้การลดกิเลสไม่ใช่ว่าได้อะไรกลับมาเลย ไม่ใช่ภพชาติไม่ใช่วิมานไม่ใช่สิ่งที่เป็นสมบัติอะไรที่จะได้มาเลยบุญ มีแต่ความชิบหายความวิบัติ บุญมีหน้าที่ทำให้หมดไปมีหน้าที่เท่านั้น ซึ่งมันมีความเข้าใจผิดของศาสนาพุทธมานานจนกระทั่งอาตมาเอามาพูดคืนนี้ ด็อกเตอร์ทั้งหลายทางพุทธศาสนาเปรียญ 9 ก็ดี เคยฟังมาอย่างที่อาตมาพูดไหม เคยฟังไหมหรือสะดุดไหม อาตมาเอามาย้ำหนักหนา ผู้ที่ไม่เห็นว่าเป็นความสำคัญก็ไม่ฟัง หากคนไม่รู้จักสภาวะจิตที่ทำให้เกิดบุญกิเลส ทานไม่ได้ก็ล้างกิเลสไม่ได้ทำให้พลังงานชีวิตแบบนี้ขึ้นมาไม่ได้ประกอบอภิสังขารไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 09:47:02 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:28:19 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:08:29 )

ความเข้าใจผิดที่หลงมนุษย์พืชเป็นสิ่งที่ยอด

รายละเอียด

 เป็นเรื่องไม่เข้าใจในเรื่องจิตนิยามเพียงพอก็ยึดถือร่างกายตัวเองทั้งที่ไม่รู้สึกอะไรแล้วเผาทิ้งไปได้เหมือนพืชพรรณ ไม่มีการยึดถือไม่มีวันจะฟื้นหากว่ามันจองเวรจองกรรมอย่างไรต้องเผาร่างนี้ไม่เหลือจึงจะยอมปล่อยเป็นความซับซ้อนที่ไม่รู้ในสิ่งที่ควรเป็นควรมีในพวกมนุษย์พืชจึงไม่มีบาปไม่มีเวร แพทย์ก็จะรู้ว่าบอกว่าเป็นพืชแล้วสรุปเทพหรือมนุษย์พืชหากเอาอาหารเอาน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงก็จะอยู่ได้แต่ไม่มีบาปไม่มีบุญแล้วแต่กลับไปนับถือกันว่าเป็นสิ่งที่ยอด เป็นเรื่องประเสริฐอะไรก็เป็นความเข้าใจผิดกันนะมางานนี้ก็คงจะได้รับความรู้ที่เพิ่มเติมเข้าไปหาตามที่อาตมาได้สาธยายมา

ที่มา ที่ไป

การแสดงธรรมก่อนประชุมเพลิงหน้าศพ วันที่ 3 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 20:47:18 )

ความเข้าใจผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

มหาบัว อาจรู้ว่ากามหมายถึงเมถุน เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงเท่านั้น เขาไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ อาจจะรู้อย่างนี้ อาตมาไม่รับรองนะ แต่เขาก็ไม่รู้จักกามคุณ 5 เขาไม่รู้

ฆราวาสก็ตาม ที่ติด รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสน้อย แม้จะมีผัวเมีย มีเพศสัมพันธ์ เขาก็ติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสน้อย แต่ผู้ที่ติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสมาก เพศสัมพันธ์เขาก็จัดจ้าน เห็นไหม

เพราะฉะนั้นเมื่อไม่เรียนรู้ให้ชัดเจนพวกนี้ไม่เริ่มต้นตั้งแต่เริ่มต้นของพรหมจรรย์แล้ว มันน่าสงสาร ไปหลงว่าเป็นพระอรหันต์อีก อาตมาพูดด้วยสุดสงสาร พูดความจริงจากใจชัดเจนที่สงสารทั้งความหมายทางปรมัตถ์ และความหมายของทางโลกที่สงสาร สงสารที่เขาน่าจะได้ดี ปรมัตถ์คือเขายังหลงวนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร 

อาตมาพูดเหมือนลบหลู่ดูถูก แต่ไม่ได้มีจิตลบหลู่ดูถูกเลย หากอาตมาไปทำจะได้รับความชังจากลูกศิษย์ลูกหาของเขา แต่อาตมาไม่มีจิตดูถูกดูแคลน แต่อาตมากำลังแสดงสัจธรรม แสดงธรรมะ แต่คนไม่มีปัญญาจะรู้สึกว่าดูถูกอาจารย์เขา  อาตมากำลังพูดธรรมะให้ชัดเจนโดยอ้างอิงยืนยันความมีตัวตนบุคคลเป็นมหาบัว 

คุณไปหลงมหาบัวเป็นอาจารย์ เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ฟังให้ดี มันเป็นสัจธรรมจริงมันเปรี้ยงๆเลยก็เลยดูแรง มันเป็นความผิด มันเป็นทุ ไม่เป็นสุ ก็เลยแรง ถ้าสุแล้วจะดีงาม อบอุ่น กว่าทุ 

เพราะฉะนั้นในอาหาร 4 พระพุทธเจ้าท่านตรัสยืนยันไว้ทั้งหมด ร้อยเรียงกันเลย ถ้าเรียนรู้ กวฬิงการาหาร คุณก็ต้องเรียนรู้จากกามคุณ 5 จากผัสสะ แต่ถ้าไม่มีกามคุณเบื้องต้น คุณก็ไม่ได้ศึกษา ชีวิตอย่างมหาบัวไม่ได้เริ่มต้นศึกษาเลยชีวิตเป็นโมฆะ เสียเวลาแล้วได้ความเข้าใจผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิหลงผิด ติดตัวไปด้วย 

อุตส่าห์มีชีวิตบวชตั้งแต่อายุน้อยจนกระทั่งอายุมากยังได้มิจฉาทิฏฐิได้ความ หลงตัวว่าตนเองเป็นชาติสุดท้ายแล้ว คืออรหันต์แล้ว ไม่เกิดอีกแล้ว ซึ่งมันหลงผิดไปหมด เพราะมันเชื่ออย่างนั้นของตัวเอง ก็เป็นความซับซ้อนของความไม่รู้ที่ตัวเองไม่รู้ซับซ้อน ติดไปชาติไหนๆ ซึ่งมันก็หนักกว่าเก่า ชาตินี้ไม่รู้ตายไปชาติหน้ามันก็จะเป็นความโง่ซับซ้อน ที่เป็นตัวตั้งต้น แล้วก็ไปหลงงมงายกับลิงลมอมข้าวพอง แล้วมีเบื้องลึกพ่วงแพของกิเลสเก่าที่นำพาไปอีก

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565  แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 20:15:56 )

ความเข้าใจผิดเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ข้อมูลของคุณได้ไปผิดหมด ที่ว่าอาตมาเอาเงินจากศาสนามาหากินเอามาใช้ อาตมาอยู่กับพวกนุ่งเขียมห่มเขียมกินเขียมใช้เขียม ไม่ได้เป็นคนอย่างพวกคุณที่คุณเห็น ให้คุณเข้ามา ยินดีต้อนรับเข้ามาใกล้ๆ อาตมาสนใจคนใส่ใจในศาสนาอยู่ในธรรมสนใจมา ศึกษา 

อย่างคุณนะ อย่างที่คุณรู้อย่างที่คุณได้อย่างที่คุณเป็น อาตมารู้แล้วอาตมาได้อาตมาเป็นมาหมดแล้ว แล้วเคยเข้าใจอย่างคุณมาหมดแล้ว ถึงรู้ว่าความเข้าใจผิดเป็นอย่างไร เป็นการเข้าใจผิด เป็นความเข้าใจความผิดเป็นความรู้ ก็เลยชื่อว่าไม่รู้ เรียกว่าอวิชชา ซึ่งแปลว่าไม่รู้เรื่อง อีกคำหนึ่งเป็นคำใช้แทนกันได้ก็คือแปลว่าโง่ ไม่ฉลาดพอ ยังไม่เข้าใจ คุณยังอยู่ในพวกนี้อยู่ 

ขออภัยที่ใช้พยัญชนะสื่อให้รู้สภาวะอาตมาพูด เรียกว่าเมตตาแล้ว พูดอย่างเห็นใจพูดอย่างไม่ได้กดขี่กดข่มหรือดูถูกดูแคลนเลยจริงๆ คุณจะเข้าใจที่อาตมาพูดด้วยความจริงใจหรือไม่อาตมาไม่รู้แต่อาตมาพูดความจริง ไม่มีอะไรเป็นเรื่องเอาอกเอาใจ พูดเล่นลิ้นไม่มี มีแต่ความจริงใจล้วน 100% ตั้งใจฟังดีๆอาตมาเข้าใจลักษณะที่คุณเป็น สิ่งที่อาตมาไม่ได้มีลักษณะที่คุณเป็น เพราะคุณแรง คุณจัดจ้านที่ยึดมั่นถือมั่น แล้วเพ่งโทษจัด อาตมาเลิกที่จะเป็นคนเช่นนั้นมานานแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:51:45 )

ความเข้าใจผิดเรื่องวิเวก

รายละเอียด

ในคุหัฏฐกสุตตนิทเทส เรื่องวิเวก เขาเข้าใจว่าความวิเวกจะต้องปลีกออกไปอยู่ในป่าเอาร่างกายออกไปอยู่ในป่าก็อยู่ในป่าเขาเดินคนเดียวอยู่คนเดียว ก็เลยเป็นการข้องอยู่ในถ้ำที่ไกลจากวิเวกลิบเลย เพราะเอาร่างกายปลีกออกจากการกระทบสัมผัส เข้าใจว่านี่คือวิเวก มันก็เลยยิ่งตีลังกากลับเลย คุณยิ่งไกลจากวิเวก ไกลสุดกู่เลยอย่างนี้เป็นต้น นี่ล่ะมันน่าสงสารไม่ใช่ง่ายที่จะเข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้าที่หมุนลึกซึ้งซับซ้อน กายกับใจ นับเป็น 1 ส่วน รูปเสียงกลิ่นรส เป็น 4 กายกับใจ เกิดสัมผัสกันอันนี้แยกกันไม่ได้เป็น 1

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 19:39:22 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:09:01 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:03:27 )

ความเข้าใจผิดในโอปปาติกะ

รายละเอียด

ยิ่งไปเข้าใจ โอปปาติกะ เข้าใจผิดไปใหญ่อย่างอาจารย์พร รัตนสุวรรณ เสียไปแล้ว เขาชอบใจ คำว่าโอปปาติกะมาก บอกว่าวิญญาณทั้งหลายล่องลอยไปแล้วเก่งด้วยนะ ไปสัมผัสบอกว่ารู้ว่าวิญญาณนี้หาที่เกิดไม่ได้ล่องลอยก็จะไปสร้างเจดีย์ให้อยู่ในป่าตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งน่าสงสารเลอะเทอะไปใหญ่ ยิ่งกว่าภิกษุ สาติ อีก เพราะว่าเห็นวิญญาณล่องลอยสงสารไปหมดเป็นตัวเป็นตน 

วิญญาณคนที่ตายแล้ววิญญาณจะไปตกนรกไปสวรรค์อะไรก็แล้วแต่ คนตายไปแล้วนั้น วิญญาณก็ไปตามภพภูมิของเขา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชธานีอโศฏ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:07:52 )

ความเข้าใจว่า "กาย" คือสรีระภายนอก ไม่มีจิตร่วม เป็นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นยังไม่เข้าใจถึงสภาวะกายต้องมีภาวะ 2 เสมอ ความเป็นกาย ถึงจะสามารถปฏิบัติทำใจในใจหรือมนสิการ (นาม) มนสิกโรติ (กิริยา) จะทำใจในใจได้สำเร็จ ต้องสัมมาทิฏฐิในคำว่ากายเสียก่อน 

ส่วนใหญ่ก็ยังยาก ยังมิจฉาทิฎฐิกัน ยังทำความเข้าใจยังไม่ได้ ยังมีความเข้าใจผิด เข้าใจว่ากายคือภาวะหนึ่ง แล้วเป็นทางภายนอก แล้วเป็นวัตถุ ไม่เกี่ยวกับจิต นี่คือกาย เข้าใจอย่างนี้ เข้าใจว่ากายคือสรีระ คือร่างภายนอกส่วนเดียวไม่มีความเป็นจิตเจตสิกร่วมอยู่เลย 

เพราะฉะนั้นในความรู้ความฉลาดสุดๆ ของผู้ที่มีความเชื่อมั่นอยู่แค่นี้ แค่กาย คือสรีระส่วนเดียวภายนอกเท่านั้น เป็นความคิดที่ผิด เป็นความรู้เป็นทิฎฐิที่พิการ พิการตลอดเลย ไม่ใช่วิปลาสเท่านั้น พิการเลย ไปตลอดกาลตลอดชีวิตเลย ถ้าเข้าใจว่ากายคือเพียงภายนอกเท่านั้นแล้วหนึ่งเดียว เป็นเปลือกเท่านั้นเอง เป็นวัตถุไม่มีจิตร่วม 

ที่อาตมาบอกเงื่อนไขไป 2 3 4 เงื่อนไขเท่านั้น เข้าใจผิดแค่นี้ คนนี้ กายคำแรกมิจฉาทิฏฐิอย่างนี้แล้ว ตลอดชีวิตของคนนี้ เป็นโมฆะ ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าไม่มีมรรคผลตลอดตาย แล้วยิ่งไปเข้าใจผิดที่ถูกหลอกว่าเป็นอรหันต์เก๊ หลับตาอีก ก็ยิ่งซวยไปตลอด 

คนเราทุกคนไม่ว่าชาติไหน ศาสนาไหน มีกายกันทุกคน ภาษาว่ากายในศาสนาพุทธ แม้ศาสนาคริสต์ อิสลาม ก็มีกายทั้งนั้น และต้องมาเรียนรู้ความจริงอันนี้ คุณจะใช้ภาษาอะไรก็แล้ว ให้คุณเข้าใจสัจจะสาระคือความเป็นกายคือภาวะ 2 เรียกว่า เทวฺ ภาวะ 2 คือกาย มันแยกกันไม่ออกนะ 

พระอรหันต์สามารถทำจิตของตัวเองไม่ให้มีกายได้ จิตที่ทำให้ไม่มีกายอย่างเก่งก็คือเป็น พีชนิยาม เก่งไปกว่านั้นให้เป็นอุตุนิยามเลย ในขณะที่มันมีจิตนี่ให้มันปรุงแต่ง อย่าให้มันมีความรู้สึก กายนั้นคือ มีความรู้สึกอยู่ด้วย ถ้าไม่มีความรู้สึกเลย อย่างไกลเป็นอุตุ นั่นคือทิ้งไปเป็นวัตถุ ต้องให้มีความรู้สึก ขนาด พีชะเป็นชีวะ แต่ไม่มีความรู้สึกเหมือนผมขนเล็บฟันหนังที่ยาวออกไปไม่มีความรู้สึก ออกไปพ้นประสาทแล้ว ผมขนเล็บฟันส่วนที่มันไม่อยู่กับประสาทห่างจากประสาท  หรือแม้แต่ผิวหนังที่มันร่อนออกมาภายนอกไม่ติดกับประสาทแล้ว เป็นขี้ไคล เป็นต้น คุณขัดออกก็ไม่เจ็บอะไร 

นี่ มันถึงจะหมดความรู้สึกหรือเวทนา ผู้ใดไม่เข้าใจอาการของเวทนา เรียนรู้ธรรมะไม่บรรลุธรรม เพราะฉะนั้นกรรมฐานใหญ่ของศาสนาพุทธคือ เวทนา เรียนรู้เวทนาจึงจะไปนิพพานเป็นอรหันต์ได้ ไม่มีเวทนาเป็นฐานที่ตั้ง เป็นฐานปฏิบัติเรียกว่ากรรมฐาน คนนั้นไม่มีทางปฏิบัติรู้เรื่อง 

ความรู้ความฉลาดของผู้ที่เข้าใจผิดไปแล้วตั้งแต่ต้น คือเข้าใจกายที่เป็น 2 เป็น 1 เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น 1 มีแต่เพียงภายนอกหรือ 1 ที่มีแต่ในภายใน โมฆะทั้งคู่เลย

เพราะฉะนั้นความรู้ความฉลาดของใครก็ตามที่พิการไปอย่างนี้ คือไม่มีคู่ มีเพียงภายนอกอย่างเดียวหรือภายในอย่างเดียว ไม่มีทั้งภายนอกภายใน นี่คือความเข้าใจพิการ กายมันพิการ เข้าใจอย่างนี้มันพิการ ผู้นั้นก็หมด ไม่มีวันที่จะทำความจริงให้ถูกต้องความจริงได้ตลอดกาลตลอดชีวิต ตายไป
ชาติๆหนึ่งก็หมดชาติ 

เทวนิยมไม่ต้องพูดเลย ปิดประตูนิพพานเลย ไม่มีทางที่จะปฏิบัติจนเป็นพระอรหันต์ ไม่มีทางที่จะดับทุกข์ดับสุข ไม่มีทางที่จะทำให้ชีวิตหมดอัตตา ตายแล้วก็เลิก เป็นดินน้ำไฟลม แม้นอยู่มีชีวิตคุณก็อยู่เหนือโลก โดยไม่ทำความชั่วและอยู่อย่างไม่ทุกข์ไม่สุข อยู่อย่างเป็นประโยชน์ให้แก่โลก ถึงแม้คุณจะเป็นชีวะก็เป็นชีวะที่เป็นคุณค่าเป็นประโยชน์ต่อโลก อรหันต์ขึ้นไปจะเป็นอย่างนั้นจนเป็นโพธิสัตว์ไปจนถึงขั้นเป็นพระพุทธเจ้า ไม่มีวันทำได้ 

ความเป็นกายนี้ อาตมาขยายความก็คือ ความเป็นเทวะ เทวะ 2 คือภาวะ 2 แท้ๆ ที่คนทุกคนต้องอาศัย อาศัยเทวะ อาศัยกาย อาศัยภาวะ 2 ไปกับชีวิต ใช้กับชีวิต 

เพราะฉะนั้นคุณอาศัย สิ่งที่คุณอาศัยจะต้องไม่พิการ กายไปยึดแต่เพียงภายนอกหรือภายในก็เป็นความพิการ คุณก็อาศัยความพิการของชีวิตไป เป็นคนพิการ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:00:48 )

ความเข้าใจอานาปานสติ

รายละเอียด

พอพระพุทธเจ้า ออกบวช ก็เจอพวกนั่งอยู่ในป่าออกมาบวชท่านก็หลงลิงลมอมข้าวพอง ออกมาบวชอยู่ในป่าก็มาเข้าป่าก็มาเจอพวกที่อยู่ในป่านั่งสมาธิ ตั้งกายตรงดำรงสติคงมั่นเต็มป่า ก็ว่าท่านเหล่านี้ออกป่าเขาถ้ำโคนไม้ก็ดี คำว่าก็ดี ท่านใช้คำบาลีว่า วา เช่นรุกขมูลวา คือ..ต้องยอมจำนนเขาเพราะเขาทำอย่างนี้กันเต็มไปหมด จุดสำคัญคือ ต้องรู้ หลักอนิจจานุปัสสี วิราคานุปัสสี นิโรธานุปัสสี ปฏินิสสัคคานุปัสสี ต้องเรียนรู้โลก และอัตตาเรียนรู้ครบไม่หนีไปไหน ถ้าหนีไปไกล ท่านตรัสว่าเป็นการอยู่ไกลจากวิเวก เริ่มต้นเอาชีวิตออกป่าแล้วหลงว่ากายวิเวกคือเอาร่างกายออกป่า นี่จะเป็นการไกลวิเวกไปไกลแสนไกลสำหรับผู้ที่ข้องในถ้ำ เข้าใจผิด แม้คำว่า กายวิเวก ไม่จำเป็นต้องเอากายออกป่า กายต้องเรียนรู้เมื่อสัมผัสภายนอกและมีกิเลส ทำให้กายมันจากที่ไม่สงบเป็นสงบ ก็เพราะกิเลสมันทำให้คุณมีกายไม่สงบ คุณสงบทางกายนี้แล้วจึงทำให้จิตสงบต่อ อย่างนี้ต่างหาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:32:20 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:29:46 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:12:05 )

ความเข้าใจโลกนี้โลกหน้า

รายละเอียด

หากเข้าใจแค่โลกนี้คือตอนนี้และโลกหน้าคือตายก่อนอย่างนี้คงพูดกันไม่รู้เรื่อง โลกนี้คือโลกโลกียะโลกหน้าคือโลกโลกุตระ เรียนรู้ได้ก็จะเข้าสู่โลกโลกุตระได้ตอนเป็นๆนี่แหละ หากเข้าใจว่าโลกหน้าคือต้องตายไปแล้วจึงเกิดโลกหน้าอย่างนี้จะไปรู้จักกันได้อย่างไร วิญญาณของใครของมันไม่เจอกันหรอก หากวิญญาณตายไปแล้วเจอกัน มันคงเละน่าดูเลย พลโลกแค่เพียงพันล้านยังวุ่นวายน่าดู เพราะวิญญาณผีวิญญาณเปรตวิญญาณตัวร้ายมีมากมายมหาศาลเลย คิดไม่ออกเลย โลกแห่งวิญญาณทั้งหลายมันคงหนักกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ร้ายแรงรุนแรงยิ่งกว่าเจ็งกิสข่าน อเล็กซานเดอร์มหาราช 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ธรรมะคือเครื่องถ่วงดุลยุคทุนนิยมเคออส วันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 14:24:15 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:05:33 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 16:12:34 )

ความเคยชิน

รายละเอียด

ความเคยชินคือความติดยึดที่มันยังไม่เกิดปัญญาละลายความเคยชิน คุณก็อ้างตามความจำเป็นเดิมแบบเก่าที่คุณชอบสบาย คุณก็รู้ อย่างที่ว่า ติดอยู่กับความสบาย สบายๆอะไรก็มีอะไรรองรับเมียดำเนินชีวิตตลอดเวลานอกนอกๆทำทุกๆวันก็จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไข เดินทางมาบางนาตายเมื่อไรกลับมาทันที กราบนมัสการพระเจ้าทรงยิ่งที่มีเวลา หนังสือติดรถเข็นเขียน ยะถาสุขังโขเมวิหรโต ตั้งตนบนความสบายอกุศลกรรมเจริญยิ่ง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:46:07 )

ความเจริญ

รายละเอียด

คือ การปฏิบัติลด ละ ให้ได้อ่านจิตอ่านใจตัวเองให้ดีๆ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 21:16:36 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:06:12 )

ความเจริญ-ความเสื่อม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเรื่องของความลึกซึ้งสุดยอดของธรรมะพระพุทธเจ้านั้น ถ้าสายหลัก-กระแสหลัก ไม่ว่าจะหลับตา สายหลับตา ก็พยายามศึกษาดีๆ อาตมาก็ตำหนิว่ามันโมฆะเลย หลับตาไม่ได้ แล้วเขาก็นับถือกันว่าเป็นการปฏิบัติ เป็นพระปฏิบัตินะ แม้แต่พระที่ศึกษาปริยัติ ศึกษาพยัญชนะศึกษาทั้งหลายแหล่ ส่วนใหญ่ จบด็อกเตอร์มาจากมหาวิทยาลัยเทวนิยมทั้งหลาย ทางพุทธศาสนานะ ไปเรียนจากเขามา ทั้งๆที่เราควรจะเป็นเจ้าของอะไรอย่างนี้ นี้คือความไม่รู้ มันก็เป็นเชยๆ ไปอย่างนั้น ทั้งนั้นนะ เปรียญ 9 ก็ดี ดร.ก็ดี ขออภัยพูดแล้วมันก็ ต้องขอคารวะจริงๆเลย อย่าหาว่าอาตมาไปดูถูกดูแคลนหรือว่าไปข่มเบ่งอะไรเลย ก็ต้องขออภัยจริงๆ มันพูดสัจจะ มันต้องพูดไม่รู้จะทำยังไง 

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าไม่มาฟังทำสัจธรรม ที่อาตมาขอยืนยันว่าไม่ได้มาหลอกมาล่อ ไม่ได้มาปลอมมาแปลง ขอยืนยันว่ามันเป็นของแท้ของจริง เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นโลกุตรธรรม อาตมาเป็นตัวจริง ของสยังอภิญญา ของผู้ที่มีมาเอง ไม่มีอาจารย์ไม่มีครูบาอาจารย์ในชาตินี้ ก็พูดไปหมดแล้ว ไม่ใช่หยิ่งผยอง ไม่ใช่เบ่งข่มอะไร ไม่ใช่ ไม่ได้อยากพูดเลย แต่จำนนจำเป็นจำใจ อาตมาก็พูดไปแล้ว ก็ค่อยอ่านในหนังสือ”เกิดมาชาตินี้” นี่สารภาพ พูดไปมันจำเป็น จำนน จำยอม จำใจ จำต้อง ต้องพูดอย่างนี้ออกมา มันเป็นสิ่งที่สุดทางที่จะต้อง ไม่มีอะไรจะต้องพูดได้มากกว่านี้อีกแล้ว มันเป็นวิสัย สุดวิสัยเลยนะ 

เพราะฉะนั้นในความเจริญกับความเสื่อม เราเป็นพวกอโศกนี่ เป็นพวกที่กำลังพยายามพากเพียรให้เจริญ แต่ทางท่านทั้งหลายแหล่ทางกระแสหลักหมู่ใหญ่ท่านเสื่อม 

ความเจริญ-ความเสื่อม ก็ขออย่าให้ความเสื่อมมันเที่ยงแท้ถาวรเลย เลิกเสื่อมบ้าง เลิกเสื่อมเถอะ ตั้งจิตใหม่มี ปรโตโฆษะ ตามศึกษาดีๆ ฟังอาตมาบ้าง เสียงปรโตก็คือเสียงอื่นจากที่ท่านยึดถือกันอยู่นั้น เปิดฟังเสียงอื่นเสียบ้าง จะได้”สัมมาทิฏฐิ” เป็นสัมมาทิฏฐิคู่แรกเลยนะ “ปรโตโฆษะ” แล้วจะได้”โยนิโสมนสิการ” จะได้ทำใจในใจถูกทางถูกต้อง แต่นี่ไปทำใจในใจผิดทาง มนสิการผิดทาง เป็น “อโยนิโสมนสิการ” อย่างนี้เป็นต้น มันก็จะทำยังไง ปฏิบัติอย่างนั้นมันก็ผิด 

เพราะฉะนั้นความเจริญงอกงามชาวอโศกก็ค่อยๆงาม แหม แต่ยากจังเลย โตช้าโตยาก มันแหม ไม่รู้จะขยายความอย่างไร อาตมาก็ไม่มีปัญญาจะขยายความต่อแล้วตรงนี้ ทำไมมันถึงเจริญงอกงามไม่ได้ ขยายความต่อไม่ได้แล้ว แต่ท่านนั้นยังทนเสื่อมอยู่ ทำไมต้องรักษาความเสื่อมนั้นไว้กันจังเลย ไม่เข้าใจเลย จะว่าเห็นใจก็เห็นใจอยู่บ้าง เขาไม่รู้เขาก็ไม่ได้แกล้ง ก็ไม่มีอะไรจะพูดต่อ นอกจากพูดว่าสุดสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คณะสงฆ์เมืองไทย ใครได้ดอกไม้พลาสติก ใครได้มูลสูตร 10 วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 19:07:04 )

ความเจริญก้าวหน้าของการนำเสนอเพลงพ่อครูโลกุตระ

รายละเอียด

ดี..เห็นความเจริญ คือพวกเราก็แสดงประสิทธิภาพของตัวเองขึ้นมา มันมีช่องโชว์ มีโอกาส มีอะไรต่ออะไรที่เป็นเหตุปัจจัยนะก็มันเป็นไปได้จริงๆ ก็มาร่วมรวมกัน มันไม่ใช่แต่คุณหนึ่งจักรวาลคนเดียว คุณหนึ่งจักรวาลยังประกอบไปด้วยคนที่สีไวโอลินคนที่มาร่วมร้องเพลง คนที่มาร่วมทำอะไรอย่างอื่นอีก เหตุปัจจัยหลายๆ อย่าง มันช่วยกันขึ้นมา แต่แน่นอนมันมีตัวเด่น เช่น อาตมาเป็นต้น มันมีพวกคุณ มันมีท่านเดินดิน มีท่านแสนดิน มีใครต่อใคร มีท่านบินบน มีท่านเพาะพุทธ และอีกเยอะแยะแม้แต่ สิกขมาตุ แม้แต่ฆราวาสก็มีความรู้ทางโลกุตระช่วยกัน รวมกันขึ้นมามันก็เป็นมวลของโลกุตรธรรม แสดงปรากฏการณ์เป็นรูปธรรมขึ้นมา มันก็เกิดนี่ขยายความให้เห็นถึงสภาพของสัจธรรม 

เพราะฉะนั้นคุณหนึ่งจักรวาลก็เป็นนัยยะอย่างนี้ ซึ่งมันก็มีจุดสำคัญ คุณหนึ่งจักรวาลนี้เริ่มมีจุดสำคัญที่จับ interest Point ของเนื้อโลกุตรธรรมได้บ้างแล้ว เพลงหรือดนตรีการหรืองานที่อาตมาทำมามันไม่ใช่เพิ่งเกิดใช่ไหม มันเกิดมาก่อนอาตมาจะมาบวชอีก ก่อน 50 กว่าปี แต่มันเพิ่งจะมารู้สึกว่ามันจะมีเหตุปัจจัยที่จะเกิดแพร่ หรือว่ามีคนข้างนอกเขา แต่ก่อนก็มีแต่ของพวกเราดันสุรังกันอยู่ คณะดนตรีก็มีแต่วงฆราวาส วงเดียวเล่น คณะอื่นเขาไม่ได้เอาไปเล่น  เล่นอยู่แต่ในของชาวอโศก ข้างนอกเขาไม่ค่อยเอาไปเล่นนี่ก็เริ่มขยายแล้วนะ มีคนชักมองเห็นแล้วก็เอาออกไป มันเริ่มแล้ว 

เหมือนกับหนูอะไรที่ร้องเพลง มองเห็นพระเจ้าอยู่หัว คนตาบอดชักเห็นได้แล้ว คนตาบอดชักเห็นได้แล้ว นี่เป็นนัยสำคัญที่อาตมาพูดนะ คุณเข้าใจสัจธรรมมุมนี้ให้ดีๆ อาตมาเคยพูดถึงพยัญชนะตัวนี้ด้วยว่า จะทำให้จนคนตาบอดเห็นได้ เกิดแล้ว มีนิมิตคนตาบอดเห็นได้ขึ้นมาแล้ว คนที่เห็นจุดสำคัญของพระเจ้าอยู่หัว แต่คนที่ตาดีทั้งหลายแหล่นี่กลับบอดกันหมด เปลี่ยนเป็นคนตาบอดมามองเห็นพระเจ้าอยู่หัว มันคืออะไร..เห็นไหม จบเรื่องนี้ไว้แค่นี้ก่อน นี่ก็ทิ้งนัยสำคัญไว้ให้ติดตาม เรื่องของคอนเสิร์ตก็ว่ากันไปซึ่งใช้เวลาทำงานกันเป็นปีเลยนะ มีคนตั้งใจร่วมมือร่วมไม้ด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #44 ฌานวิสัยเป็นอจินไตยที่เกิดได้ด้วยจรณะ 15 วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 พฤศจิกายน 2566 ( 05:30:04 )

ความเจริญของคนโลกุตระ

รายละเอียด

พวกเรานี้ก็ขอฝาก จะเรียกว่าฝากความหวังไว้ก็ได้ หวังว่าพวกเราจะเจริญ หวังว่าพวกเราจะเป็นประโยชน์ต่อโลกต่อมนุษยชาติ ต่อไปๆ ความเจริญคำนี้ความเจริญคำเดียว ตัวเราเจริญเราจะเป็นผู้เจริญเผื่อแผ่เกื้อกูลช่วยเหลือผู้อื่น ความเจริญให้แก่ผู้อื่นไปเรื่อยๆ ตัวเราเพื่อผู้อื่น ผู้อื่นเพื่อเราตกลงผู้อื่นและเราเป็นอย่างเดียวกัน อาศัยซึ่งกันและกันจนกว่าจะพรากจากกันตายจากกัน จนไม่เหลือเชื้อเป็นชีวะอยู่ 

ต้องเข้าใจว่าเราอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่ได้เหมือนกัน แต่เหมือนก้อนดินก้อนหินเป็นวิบากภาระ อยู่คนเดียวต้องเปลืองพื้นที่ต้องอาศัยดิน อาศัยลม  อาศัยน้ำ เปลืองเขานะ ต้องใช้พื้นที่ ใช้ลม ใช้น้ำใช้อาหาร แต่ไม่ทำประโยชน์ให้แก่ดินน้ำไฟลม หรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่เลย มันก็เป็นคนกบฏ เป็นคนที่เป็นบาปเป็นหนี้ เพราะฉะนั้นคนต้องมีประโยชน์ต่อสิ่งอื่นโดยเฉพาะเป็นประโยชน์ต่อคน คนเป็นสัตว์โลกที่เป็นต้นตอจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นต่อ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด นักเรียนสัมมาสิกขา ปีการศึกษา 2562-2563

วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 20:33:01 )

ความเจริญของจิตที่ละเอียดถึง สัตตะ ปาณะ ภูตะ ชีวะ

รายละเอียด

 อาตมาพูดไป ว่า ในหลวงก็ดีเป็นพระโพธิสัตว์ พลเอกประยุทธ์ก็ดีเป็นพระโพธิสัตว์ คนที่ไม่มีภูมิที่จะเข้าใจได้ถึง เขาก็ว่าอาตมาพูดไปตามความหลงๆเลอะๆของโพธิรักษ์นั่นแหละ แต่อาตมาขอยืนยันว่า อาตมาไม่ได้พูดพล่อย ไม่ได้พูดเล่น เพราะฉะนั้น ผู้ที่ศึกษาความจริงก็เข้าใจว่า อาตมาไม่ได้พูดพล่อย อาตมาไม่ได้พูดเล่น ก็ศึกษาให้ดี ศึกษาจากอะไร ศึกษาจากรูปจากนาม จากพฤติกรรม การกระทำ การปฏิบัติกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มันจะมีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมและผลงาน เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจสาระของมันจริง เอาผลงานเป็นเครื่องตัดสิน ไม่ใช่ไปเอา ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มาเป็นตัวตัดสินมาเป็นเครื่องวัดว่านี่เป็นสัจจะ ฟังดีๆนะ อาตมาไม่ได้ไปยกใครในเถรสมาคมว่าเป็นโพธิสัตว์ แม้จะมี ลาภ มีตำแหน่งยศศักดิ์สูงส่งอะไรก็ตาม ไม่ได้เป็นผู้เจริญ 

โพธิสัตว์คือผู้ที่ได้รับความตรัสรู้ ความรู้ที่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ความรู้ที่เป็นความรู้ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้โลกุตรธรรมนั้นนะ นั้นแหละเนื้อแท้ หรือเรียกว่าอาริยธรรมก็ได้ แต่มันฟั่นเฝือแล้วคำว่าอารยะ มันไปไกลถึงต่างประเทศ ประเทศอารยะ แม้แต่ประเทศไทยก็ถือว่าเป็นประเทศที่อนารายะ เป็นประเทศที่ยังไม่เจริญอะไรอย่างนี้เป็นต้น แต่เขาใช้คำว่า อารยะ อารยะเป็นคำสันสกฤต อริยะเป็นภาษาบาลี 

ส่วนอาตมานั้นใช้คำว่า อาริยะ เพราะมันเสียทั้ง 2 คำแล้ว อารยะ มันก็เป็นแบบโลกๆ อริยะมันก็เป็นของเดียรถีย์ ออกป่าไปเป็นอริยะเก๊ อารยะก็เก๊ ความหมายของเขาก็แปลว่าความเจริญ ความเจริญจริงๆของมนุษยชาติ มีศาสนาพุทธที่เป็นความเจริญที่เป็น อาริยกะ เป็นความเจริญของอาริยชนที่แท้ เป็นอาริยชนที่แท้ มีอจินไตยที่คำว่า ศรีอาริยเมตไตรย ใช้คำว่า อาริยะ เป็น อจินไตยตรงที่ว่า ทำไมท่านถึงใช้คำว่า ศรีอาริยะ ไม่ใช้ ศรีอริยะ เรียก ศรีอาริยเมตไตรย เอาเถอะพวกพยัญชนะจะแยกสันสกฤตจะแยกบาลีก็ว่ากันไป แต่มันเป็นคำที่เป็นภาษาเป็นพยัญชนะที่ใช้ผิดกันมา โดยใช้ภาษาสื่อถึงสภาวธรรมทั้งหลาย ในมนุษยชาติก็มีคนเจริญกับคนเสื่อม หรือคนเป็นผู้ฉลาดเป็นผู้ที่เจริญแท้ กับผู้ที่ยังมีความเป็นคนเถื่อน มิลักขะ มี มิลักขะ กับ อาริกะ 

มิลักขะ กับ อาริยะ เถื่อน เอาอะไรเป็นเครื่องตัดสิน เจริญ เอาอะไรเป็นเครื่องตัดสิน เมื่อไม่มีเครื่องตัดสิน ไม่มีหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติ มันก็ไม่ชัดเจน บอกกันไม่ได้ แต่ของพระพุทธเจ้านั้นได้เลย พระพุทธเจ้าท่านเห็นว่า คนเจริญนี่จะเข้าใจเรื่องของจิตวิญญาณ อย่าว่าแต่จิตวิญญาณเลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสเรื่องจิตวิญญาณละเอียดไปจนกระทั่งถึงขั้น สัตตะ ปาณะ ภูตะ ชีวะ อาการของจิตที่มันค่อยๆสั่งสมพลังงานจิตเข้ามาเป็นชีวะ ตั้งแต่เป็นภูตะ จนกระทั่งเจริญเป็น ปาณะ แล้วเจริญเป็น สัตตะ เป็นจิตวิญญาณหรือเป็นจิตนิยาม นับเป็นจิตวิญญาณบริบูรณ์ เพราะฉะนั้นชีวะที่เป็นจิตวิญญาณบริบูรณ์นั้น ชีวะในระดับ มหาภูต ในภูตะ 3 หรือ ภูตะ 4 ก็ได้ แบ่งภูตะเป็น 4 ก็ได้ 

1. มหาภูตะ 2. ภูตคาม แต่ภูตะคามมีอีกอันเขาไม่ใช้คำภูตะ เขาใช้ พีชคาม อาตมาก็เลยไม่เรียกเป็นภูตะด้วย มันเป็นพีชคาม มันเป็นเรื่องการเข้ามาหาความเป็นเรื่องรวมกลุ่มรวมหมู่ ภูตคาม มันรวมหมู่กลุ่มก้อน เป็นสภาวะของมัน แล้วมันสังเคราะห์เป็นธาตุที่มันเป็นเชื้อของมัน เพราะฉะนั้น หัวมัน หัวเผือก ก็เป็นตระกูลของมัน หรือแม้แต่จะแบ่งออกมาแค่เป็นราก มันก็เป็นรากของพืชแต่ละอย่าง มันก็เป็นของมัน พอมาเป็นชีวะ เรียกว่า ภูตคาม มหาภูต ยังไม่ใช่ชีวะเลย เป็นดิน-น้ำ-ไฟ-ลม มหาภูต 4 ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม ยังไม่ใช่ชีวะเลย พอภูตคามเริ่มขึ้นมาแล้ว จากภูตคามมาเป็นเจตภูต ลักษณะจะเข้ามาหาจิตวิญญาณแล้ว มาหาจิตนิยามเรียกว่า เจตะ เข้ามา เจตะ เจตภูต เพราะฉะนั้น ภูต จึงแบ่งเป็น 3 ได้แก่ 1.มหาภูต 2.ภูตคาม และ 3.เจตภูต ชีวะ(ความเป็นชีวะ) อันหนึ่ง(อันที่ 1. มหาภูต)ไม่ใช่ อีกอันกำลังจะมา(อันที่ 2.ภูตคาม) ถ้าจะไปเป็นเจตภูตก็คือเข้ามาหาจิตวิญญาณมากขึ้นแล้ว จากเจตภูตมาเป็นปาณะ 

ปาณะ พระพุทธเจ้าละเอียดลออไปถึงขั้นอย่าไปทำให้ปาณะนี้ตกร่วง ท่านไม่ได้บอกว่าไปฆ่าหรือประหารนะ ท่านบอกว่า ปาตะ หรือร่วง ปาณาติปาตะ อย่าไปทำให้มันตกต่ำ หรือตกร่วงไปจากฐานของปาณะ เพราะมันจะมาเป็นจิตวิญญาณแล้ว มันจะมาเป็นจิตวิญญาณแล้วพลังงานระดับนี้ โน้มเข้าหาจิตวิญญาณ จากอันนี้ก็ไปก็เป็น สัตตะ ในสูตรอะไร สัตตะ ปาณะ ภูตะ เคยพูดถึง เออ! อปัณณกสูตร ในอปัณณกสูตร อาตมาก็อ่านพบเจอที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส  แล้วอาตมาก็เข้าใจจึงเอามาอธิบายได้  (อปัณณกสูตร พตปฎ.เล่ม 13 ข้อ 103-124) ลักษณะระดับพลังงาน ตั้งแต่ระดับว่ามันยังไม่ใช่ชีวะ มันยังไม่ใช่จิตหรือเจตสิก หรือเจตภูต หรือมันยังไม่ถึงขั้น ปาณะ ยังไม่เป็น สัตตะ ยังไม่เป็นจิตวิญญาณ นี่คือรายละเอียดของพลังงานที่เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ แล้วเอามาแจกแจงเอามาประกาศอธิบายใช้พยัญชนะสื่อสภาวะเอาไว้ 

อาตมาอธิบายได้เพราะอาตมาเข้าใจสภาวะ อาตมาไม่ได้อธิบายแต่เฉพาะภาษาพยัญชนะ แปลกันแต่พยัญชนะสู่พยัญชนะ แต่อาตมาอธิบายได้เพราะอาตมามีสภาวะธรรม พลังงานเป็นไปถึงขั้นชีวะ เป็นไปถึงขั้นจิต ถึงขั้นปาณะ อย่างที่อธิบายอยู่นี่ตลอดเวลาที่อธิบายอยู่ เพราะฉะนั้นอธิบายเวทนา 108 มันจะไปยากอะไร เวทนาเป็นเจตสิกที่ละเอียดกว่าปาณะ ละเอียดกว่าเจตภูต สูงกว่า มีสภาวธรรมที่ชัดเจนกว่า เวทนามันเป็นขันธ์แล้ว เวทนาเป็นขันธ์ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ มันเป็นกอง เป็นหมู่คณะที่ประชุมใหญ่โตเป็นขันธ์แล้ว

เพราะฉะนั้นที่พูดไปนี้อาตมาไม่ได้พูดดายๆ เป็นแต่เพียงพยัญชนะภาษาสู่ภาษา ซึ่งอาตมาก็ได้แต่สงสารผู้ที่ศึกษาภาษา รู้ภาษามากแต่ไม่พยายามที่จะศึกษาเข้าไปสู่สภาวะ แล้วให้เข้าใจสภาวะ แล้วจะได้ปฏิบัติสภาวะ แล้วจัดกรอบ กำหนดกรอบของความเจริญทางจิตของเรา แล้วก็รู้กิเลสคืออะไร ตัวปลอม ตัวแฝงอยู่จิตสะอาดจิตบริสุทธิ์ รู้ นี้ด้วยภาษาไทยง่ายๆ ว่า จิตไม่บริสุทธิ์คือจิตกิเลส จิตเป็นกลิ 

จิตเป็นกิเลส เป็นโทษเป็นภัยต่อตัวนามธรรมตัวรู้ของเรา ธาตุจิตแท้ๆของเรา ก็ต้องเอาตัวนี้ออก ถ้าเอาตัวปลอมหรือกิเลสหรือ กลิ นี่ออกไปหมดไปจากจิตเป็นจิตที่สะอาดบริสุทธิ์แท้ๆ พระพุทธเจ้าจึงเห็นว่า อ๋อ จิตแท้ๆนี้ถ้าเราไม่มี อยัง ไม่มีพลังงานเข้าไปเหนี่ยวนำไว้ มันก็คือ อนัตตา มันไม่มีตัวไม่มีตน ไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นผู้ที่บรรลุอรหันต์แล้ว ฟังดีๆนะอาตมาขยายลักษณะอรหันต์ไว้หลายทีแล้ว ผู้บรรลุอรหันต์จึงรู้จัก อยัง รู้จัก อยะ อยังโลโกก็แล้วแต่ อยะ ก็คือพลังงาน ที่มันเหนี่ยวกันไว้ ยึดกันไว้ ท่านแปลว่าแม่เหล็ก แรงแม่เหล็ก อยะ 

อยะ เอาพยัญชนะ ตัว ยะ ตัวต้นของเศษวรรค (ย ร ล ว ส ห ฬ _ํ ) มา แล้วก็หยิบ อะ ซึ่งมันไม่มีอะไร มันเป็นว่างๆมาผนวกกันเข้า มันเท่ากับ 0 กับ  เริ่มมี 1 อะ = 0 ยะ = 1

1 ก็เอาเศษวรรคมาใช้แทน ถ้าเป็นพลังงานมากก็เรียกว่า สยะ 

สยะ นี้น้อยกว่าสวะ น้อยกว่า สกะ อย่างนี้ เป็นต้น วะ เอาตัวอักษรตัวที่ 4 ของเศษวรรค  ย ล ร ว ก็เคยอธิบายมาแล้ว ขยายความมาแล้ว อาตมารู้จักสภาวธรรม พอขยายพยัญชนะนี้มาเรียกสภาวธรรม นี่เป็นสภาวธรรมที่ละเอียดลออที่อาตมาอธิบายอยู่พวกนี้ ไม่ได้หมายความว่าอาตมาอธิบายโดยเดาด้นหรือว่าพูดเลอะเทอะไปไม่ใช่ มันเป็นสภาวธรรม 

สภาวธรรมที่อาตมามี เอามาแยกอธิบายให้เห็นความแตกต่าง ความมาก ความน้อย ความลึก ความตื้น ได้ชัดเจน โดยอาศัยพยัญชนะต่างๆพวกนี้มาสื่อสภาวะ ถ้าคุณฟังธรรมะเป็น คุณจะรู้ว่า ก็มีอาตมานี่แหละอธิบายอย่างนี้ อธิบายเอาพยัญชนะต่างๆมาแจกแจงเป็นสภาวะธรรมให้พวกเราฟัง ตั้งแต่ ก ข ค ฆ ง จ ฉ ช ฌ ญ ไปจนถึง _ํ อัง จนกระทั่งประสมเป็น กก กา กิ กี หรือเป็น คะมะ คะมา เป็นคำเป็นภาษาไปอีกเยอะแยะ เท่าที่อาตมาพอเอามาใช้ได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บทพิสูจน์สัจจะของโลกุตรธรรม ที่ครบครันทั้งรูปทั้งนาม วันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2566 ( 14:38:00 )

ความเจริญของชาวอโศก

รายละเอียด

ความเจริญของชาวอโศก อาตมาต้องรับรอง อาตมาต้องกอบกู้ อาตมาต้องนำพา เพื่อให้ความจริงของพุทธที่เป็นโลกุตระนั้น สืบทอดต่อเนื่องไปจนครบ 5,000 ปี 

อันนี้เป็นสัจจะ ผู้ไม่จริงไม่มีความรู้ จะไม่มีอะไรมาพูดอธิบายอย่างอาตมา อาตมาอธิบายธรรมะไม่ได้อธิบายอย่างภาษาฟังแล้วก็ไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างต่อเนื่องกัน ที่จริงคำอธิบายธรรมะของอาตมาต่อเนื่องกันได้หมด ทุกเรื่องทุกอันเอามาเชื่อมโยงกันได้ บางอันก็ใกล้กัน บางอันก็ไกลกันหน่อย บางอันใกล้กันมาก แต่ล้วนอธิบายต่อเนื่องถึงกันได้หมด 

มันเป็นสัจจะที่ การเกิดมาเป็นคน ชีวิตที่ได้ร่างกาย-จิตวิญญาณ หรือจิตนิยามเป็นสัตว์ที่เรียกว่า คน นี้ภาษาไทย ส่วนภาษาบาลีเรียกว่า มนุสโส เป็นภาษาสันสกฤตก็คือ มนุษยะ 

มนุษย์ก็เป็นผู้ที่จะผันตัวเองให้เจริญสูงสุดได้ที่สุดจึงเรียกว่าจิตสูง ถ้าไม่สามารถผันให้ตัวเองสูงสุดได้ก็ผันให้ตัวเอง..ขออยู่ในร่างมนุษย์เหมือนกัน ผันตัวเองให้ต่ำสุดไป จนกระทั่งต่ำกว่าเดรัจฉาน ต่ำกว่าสัตว์นรก ต่ำกว่าสัตว์ชั้นต่ำมหาอเวจีไหนๆก็ได้ เฉพาะจิตวิญญาณก็ทำให้ต่ำ ไม่มีกำหนดต่ำอย่างหาที่สุดไม่ได้เหมือนกัน เลวร้ายอย่างหาที่สุดในความต่ำ เขาก็เป็นไปได้ จิตของเขาเป็น อย่างคนในยุคนี้ปางนี้สมัยเดียวกัน คุณก็นึกเอาเองก็แล้วกัน คนที่เขาเป็นอย่างนั้นได้

พูดให้ชัดขึ้นอีก เอาตัวบุคคลมาอธิบาย คุณว่าธัมมชโยจะรู้ความจริงไหมว่าตัวเองนี้หลอกคนอื่น ทักษิณจะรู้ไหมว่าตัวเองนั้นหลอกคน มหาบัวจะรู้ไหมว่าหลอกคน กินหมากนี่บอกว่าไม่มีกิเลสมันไม่เป็นกิเลส เราก็เชื่อไม่ไหวนะว่าท่านไม่รู้ เราก็ให้เกียรติท่านว่าท่านเป็นผู้ฉลาดอยู่ รู้ ท่านรู้แต่ว่าท่านหลอก  อันนี้แหละเป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดที่สุดและก็จริงที่สุด ผู้ที่โกหกทั้งๆที่รู้ ตนก็รู้ว่าคำนี้เป็นการโกหก  แล้วก็โกหกมันออกไป โกหกผู้อื่นทั้งๆที่รู้ว่าตนเองโกหก ไม่แก้กลับ ยังดันทุรังโกหกต่อไปให้คนอื่นเข้าใจผิดอย่างนั้น คนนี้เลวหาที่สุดไม่ได้ เสื่อมหาที่สุดไม่ได้ มันเป็นเช่นนั้น น่ากลัวสัจธรรมนี่ ฟังสัจธรรมดีๆ ที่อาตมาหมาย

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 16:55:01 )

ความเจริญของเศรษฐกิจแบบโลกุตระคืออะไร

รายละเอียด

และ การอธิบายความเจริญของเศรษฐกิจ ใน นัย ของโลกุตระคือ GDP  G คือ ค่ารายได้ขององค์รวม Gross ส่วน D คือ โดเมสติก คือภายในประเทศ พอสร้างขึ้นมากินใช้ภายในประเทศให้พออยู่พอกิน นอกจากพออยู่พอกินเลี้ยงตนเองรอดแล้วยังมีเหลือ มีเหลือก็สะพัดออกนอกประเทศ เมื่อสะพัดออกไปแล้วยังไปขายต่ำกว่าทุน ขายขาดทุนให้อีกจากต่างประเทศ สรุปแล้ว เอามาลบจากที่ควรจะได้ Gross ของรายได้องค์รวมในประเทศ ได้ ไม่ใช่ว่าได้จากต่างประเทศได้เปรียบมาแต่เราขาดทุนให้ต่างประเทศด้วย ชาวอโศกทำอย่างนี้ทำได้แล้วด้วย เห็นไหมว่าความเจริญ GDP โลกุตระมันคืออะไร ความเจริญของเศรษฐกิจแบบโลกุตระ คืออะไร พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ทำได้ถึงขั้นที่พูดนี้ทีเดียว แต่ก็ไม่ไปโลภโมโทสัน ไม่ไปขูดรีดเอาเปรียบเอารัดจากต่างประเทศขึ้นมาเกินไป ยิ่งโควิดนี่ เกิดรายได้ จากการท่องเที่ยว จากต่างประเทศเอาเงินมาแล้วขูดรีดจากต่างประเทศเข้ามาประเทศอันนี้น่าอาย ต่างประเทศเข้ามาต้อนรับเขาเป็นแขกบ้านแขกเมือง ช่วยเหลือเขาเสียสละให้เขาเลี้ยงดูเขา เสียสละเขา ไม่ใช่ไปขูดรีดเอาจากเขา อย่างนี้มันจึงจะเจริญมันจึงจะเป็นพี่ใหญ่ มันถึงจะเป็นพ่อใหญ่ ไม่ใช่คนกระจอกไม่มีอยู่มีกินไม่รู้จักพอมี แต่ตะกละตะกามขูดรีดเอาดอกผลจากคนอื่นเขา ฟังดีๆ มันเป็นเรื่องสัจธรรมที่ลึกซึ้งซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:35:39 )

ความเจริญขั้นบรมภาวะสุดประเสริฐ 7 ประการ

รายละเอียด

1. อิสรเสรีภาพ (Independence)

2. ภราดรภาพ (Fraternity)

3. สันติภาพ (Peace)

4. สมรรถภาพ (Efficiency)

5. บูรณภาพ (Integrity)

6. สวยภาพหรือสุนทรียภาพ (Aesthetics)

7. สุญญภาพหรือความสูญ (Voidness)

หนังสืออ้างอิง

“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 204


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:30:10 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:56:29 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:04:14 )

ความเจริญความประเสริฐของความเป็นมนุษย์

รายละเอียด

แค่ทำตนไม่ให้ขี้เหร่และตดไม่เหม็น ชาวอโศกกินดิบไปเลยในโลก เอ้าจริงไหม ก็ไม่ไปแย่งชิงอะไร ขี้เหร่อะไร แต่เอาน้ำใจ เอาจิตวิญญาณ จิต มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ขยันหมั่นเพียรมีวรรณะ 9 โอ้ สุดยอดคน ศึกษาตามพระพุทธเจ้าท่านให้ศึกษาพาเป็นก็เป็นชีวิตคนที่เจริญ นี่แหละความเจริญความประเสริฐของความเป็นมนุษย์ ชาวอโศกเราเดินตามพระพุทธเจ้ามา เจริญก่อนใครๆ แหม อาตมาพูดแล้วคนก็ฟังไม่ขึ้นไม่เข้าใจฟังไม่เป็นเพราะเขาไม่เชื่อ จริงๆแล้วพวกเราคนชาวอโศกเป็นคนที่ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า มาเป็นคนสูงส่งมาเป็นคนประเสริฐ จะรูปร่างหน้าตาอย่างไรก็แล้วแต่ สมรรถนะมันไม่เก่งไม่สามารถเท่าคนอื่นก็ตาม แต่มันสะสมสิ่งที่ประเสริฐ สิ่งที่เป็นสิ่งที่ดีงามที่วิเศษ 

เรื่องดีเรื่องชั่วนั้นเราก็เรียนรู้และเราก็ปฏิบัติได้เป็นเบื้องต้น ไม่ยากไม่เย็นเท่าไหร่ อย่างชาวอโศกตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ เรื่องดีเรื่องชั่วพวกเราสบาย พวกเราทำดีกัน เรื่องชั่วเทียบกับข้างนอกเขาได้ทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ เทียบได้เลยเด็กของพวกเรากับเด็กข้างนอก ผู้ใหญ่ของพวกเรากับผู้ใหญ่ข้างนอก มันดีกว่ากัน ด้วยสัจจะเลยนะ อาตมาเห็นแล้วเข้าใจแล้ว เห็นไหม ไม่ใช่ว่าพวกเราหลงตัวเอง เราเรียนแล้วไม่ใช่ละเมอเพ้อพกว่าเราเรียนแล้วได้อะไร ต่อพฤติกรรมจริงชีวิตจิตใจปฏิบัติกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มันพัฒนาขึ้นมา ตามโลกสากลนั้นมันดี กิริยากาย กิริยาวาจา กริยาใจ มันมีพฤติกรรมที่ดี ยอมรับกันทั่วโลกแหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 13:00:54 )

ความเจริญทางจิตของผู้เปลี่ยนแปลงขายสิ่งที่เป็นพิษมาขายสิ่งที่ดีกว่า

รายละเอียด

เป็นความเจริญทางจิต 1 เป็นความรู้ ของคนที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงอาชีพ เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เขามาจำหน่าย มันเป็นสิ่งที่เป็นพิษมันไม่ดีเท่าทำอันนี้มันดีกว่ามันก็เป็นจิตที่เจริญขึ้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:23:43 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:07:13 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:05:01 )

ความเจริญทางแพทย์เกินขอบเขตจึงซวย

รายละเอียด

ทุกวันนี้มันเกินธรรมชาติอยากให้อยู่ ควรตายนานแล้วก็ต่อท่ออาหารใส่ลมใส่อาหาร จริงๆแล้วมันไม่ใช่คนแล้วนะ ไอ้ธาตุข้างใน มันยังปรุงแต่งได้ เป็นพีชะ ให้อาหารให้ลมไป 2 อย่าง มันก็อยู่ได้เป็น 10 ปี 20 ปี 30 ปี 40 ปี 50 ปี โอ้โห เป็นภาระตาย นี่คือความเจริญทางแพทย์ ซวยๆ มันเกินขอบเขตมันก็ซวย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:29:00 )

ความเจริญที่เป็นอาริยะ

รายละเอียด

คือ เป็นความเจริญ ต้องรู้และต้องเป็นจริงมีจริงเองให้ได้ครบครันก็เป็น“อาริยบุคคล”ที่ สัมมาทิฏฐิด้วยโลกุตรธรรม จึงจะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงบริบูรณ์ และสัมบูรณ์ได้แจ้งๆจริงๆแน่ๆ คมชัดลึกตรงแม่นถูกต้อง อาตมาเจตนาใช้คำว่า“อาริยะ”เพราะคำว่า “อารยะ” กับ“อริยะ”ทุกวันนี้พากันเข้าใจผิดเพี้ยนออกจาก“สารสัจจะ” ที่เป็น“โลกุตรธรรม”ไปหมดสิ้นแล้ว อาตมาจึงไม่ถนัดที่จะใช้ ที่จริงนั้น “อารยะ”หรือ“อริยะ”แม้“อาริยะ”นั้นมีความ หมายเหมือนกัน คือ ผู้บรรลุธรรมทางศาสนาพุทธ เพียงแต่ ว่า “อารยะ”เป็นภาษาสันสกฤต ส่วน“อริยะ”นี้เป็นภาษาบาลี ส่วน“อาริยะ”นั้นเป็นภาษาสันสกฤต เช่น“พระศรีอาริยเมตไตรย” แต่มาถึงนี้มันเสื่อมไป มันผิดเพี้ยนกันไปตามความ เสื่อมของคน อาตมาเห็นว่าทั้ง“อารยะ”ทั้ง“อริยะ”ล้วนเพี้ยน ผิดไปจากสัจจสาระของสภาวธรรมจริงแท้แล้วจึงขอเอาคำว่า “อาริยะ”มาใช้แทนเสียเลยเพื่อยังพอจะชี้สารสัจจะได้บ้าง

หนังสืออ้างอิง

 คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 395-396


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 15:32:50 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:08:00 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:05:53 )

ความเจริญที่เป็นโลกุตรธรรมแท้ๆ

รายละเอียด

แล้วยิ่งทุกวันนี้พวกเราเข้าใจ แล้วก็มาช่วยกันทำให้มากยิ่งขึ้นๆ แจกออกไปอีก ขายให้ถูกลงไปอีก นี่คือความเจริญ ยิ่งแจกได้มากขายถูกลงไปอีก เห็นไหม เศรษฐศาสตร์ของชาวโลกุตระ ทิศทางแนวโน้มของความเจริญกับทิศทางแนวโน้มของความเจริญโลกียะของทุนนิยม มันตรงกันข้ามกันเลยเห็นไหม แล้วเห็นจริงๆอย่างที่ว่านี้ด้วยนะ เห็นจริงอย่างนี้ไหม เรายิ่งทำอย่างนี้ได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปเห็นจริงเฉยๆ  มาลงมือทำสิแล้วมันจะได้มากยิ่งๆขึ้น เพื่อให้เห็นทิศทางของสัจธรรมที่ว่า เจริญจริงๆ ความเจริญที่เป็นโลกุตรธรรมแท้ๆ เรายิ่งได้เสียสละ เพิ่มพูนการเสียสละ ตัวสุดท้าย ใน อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าการเลือกตั้ง 2566  วันพุธที่ 19 เมษายน 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 17:29:21 )

ความเจริญที่แท้จริง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนไทยมาเข้าใจอันนี้แล้วด้วยปัญญา จึงได้พบความเจริญที่แท้จริงเรียกว่า อาริยกะ พ้นจากความเป็นมิลักขชน คนเถื่อน พ้นแล้วชาวอเมริกันนี่คือคนเถื่อนอย่างร้ายแรง คนป่าเถื่อนที่ร้ายแรง อาตมาใช้ศัพท์แรง ใช้ศัพท์ชัด แกไปเที่ยวได้สร้างอาวุธไปเข่นฆ่าไปทำร้ายทำลายอะไรต่ออะไร มุ่งจะละลาบละล้วงเพื่อที่จะยื่นแส่ไปเรื่อย ไม่รู้จักพอไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักสงบเสงี่ยม ไม่รู้จักอะไรเลย ทำตัวเองเป็นจ้าวโลก พูดแล้วก็น่าสงสาร ที่จริงอธิบายลึกๆแล้วน่าขำน่าเกลียดด้วย คือมันไม่เข้าใจเรื่องสัจธรรมโลกุตรธรรมที่ลึกซึ้ง 

เพราะฉะนั้นพวกที่เข้าใจความจนไม่ได้ แล้วก็ไม่มาทำตนให้เป็นคนจนตามตัวอย่างที่พระพุทธเจ้าพาเป็น แล้วก็ได้คนมาเป็นคนจนมาเรื่อยๆจนทุกวันนี้เจริญขึ้นเรื่อยๆ ศาสนาพุทธมีคนเข้าใจ มีคนปฏิบัติมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงขั้นพีค ซึ่งตอนนี้มันก็เสื่อมลงสูงสุดแล้วก็เสื่อมลง เสื่อมลงแล้วอาตมาก็พยายามเอาสัจจะพระพุทธเจ้าฟื้นขึ้นมาใหม่ เพื่อจะให้มีน้ำยาเหลือเชื้อโลกุตระของพระพุทธเจ้าต่อไป ให้ถึง 5,000 ปี นี่มัน 2,500 กว่าปีแล้ว 2566 แล้ว 

เพราะฉะนั้นคนที่จะเข้าใจสัจธรรมของความจริงเป็นสัจธรรมของความจริงแล้วก็มาปฏิบัติมาประพฤติ จนกระทั่งมีชีวิตเป็นคนจนอยู่อย่าง อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ อาตมาว่าเอาคำที่อาตมาเอามาใช้ขยายคุณลักษณะคุณวิเศษที่คนได้คุณลักษณะที่มีความพิเศษ 7, 8 คำนี้ คือคนที่มีความบริบูรณ์ของชีวิตแล้ว..ว่าไหม  

มันหยุดดิ้นรนแล้วมันสมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว มันมีชีวิตอิสระสบาย ชีวิตสงบ ชีวิตอบอุ่น อิ่มเอม ชีวิตเกษมใส ชีวิตที่มีใจเกื้อกูล แล้วใจเป็นอย่างนั้นเป็นใจเกื้อกูลแล้วก็เพิ่มพูนการเสียสละด้วย ใจเราก็พยายามเพิ่มพูนการเสียสละเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาตมาเห็นแล้วว่าเป็นเรื่องจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบคนมืดบอดให้เห็น ผลงาน 8 ปี นายกฯลุงตู่ วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566  แรม 6 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2566 ( 12:09:46 )

ความเจริญสองแง่เป็นอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นก็จะต้องยืนยันพวกนี้แหละยืนยันกันไป ยืนยันแล้วมันเจริญเป็นโลกุตรธรรม ความเจริญของโลกุตระ มันไม่เหมือนโลกียะ โลกียะมันเจริญแง่เดียว แต่โลกุตระมันเจริญทั้งสองแง่ เป็นเทวะ มันเจริญทั้งเรื่องความเป็นโลกียะด้วย เจริญทั้งความเป็นโลกุตระด้วย 

เจริญความเป็นโลกียะคือ เช่นเหตุปัจจัยที่มนุษย์จะต้องอาศัย ที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้าวผ้ายาบ้าน อย่างนี้เป็นต้น นอกนั้นก็เป็นเรื่ององค์ประกอบ อาจจะมีบริขาร 8 เดี๋ยวนี้บริขารเป็นล้านแล้ว ก็เอาความสำคัญ อย่างอเมริกาหรือว่ารัสเซีย แล้วแม้แต่เกาหลีเหนือ เขาก็ถือว่าวัตถุที่ฆ่าได้ยังเป็นปัจจัยสำคัญมาก เขาก็ทุ่มโถมในสิ่งเหล่านั้น 

เราก็เห็นว่าพืชพันธ์ธัญญาหารนั้นเป็นหนึ่งในโลก อันนั้นมันหนึ่งในโลกเหมือนกัน แต่เป็นแบบชิบหาย ไปสร้างอาวุธฆ่าคน เครื่องมือองค์ประกอบ จะเป็นรถเป็นเครื่องบินหรือเป็นอะไรก็ตามแต่ พาหนะที่จะลากอุปกรณ์พวกนี้ ไปฆ่ากัน มันไม่ได้เป็นเรื่องดีอะไร มันเป็นเรื่องที่ยังต่ำ คนที่ยังคิดต่ำ ยังคิดประหัตประหารทำร้ายกัน แม้แต่คิดเบียดเบียนกันมันก็เลวร้ายแล้ว ป่วยการจะไปคิดทำร้ายกันฆ่ากัน ทำไมถึงเถื่อนดิบขนาดนี้ มันเถื่อนดิบกันหนักหนาสาหัส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 18:59:32 )

ความเจริญสูงสุดในความเป็นมนุสโส

รายละเอียด

อาตมาเป็นโพธิสัตว์ อาตมาจะทำ 0 เมื่อไหร่ก็ได้ จะตายสูญ เลิกเป็นดินน้ำไฟลมเลยก็อธิบาย
มาแล้วไม่รู้กี่ทีแล้ว เลิกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เรายังไม่เลิกเพราะเรารู้ เรายังมีปณิธานไปสู่จิตของคนที่เจริญได้ ถ้าเจริญอย่างไปหาพระพุทธเจ้านี่สิ เป็นคนในโลกเกิดมาเป็นคนเท่ากันทุกคน เป็นคนมีอาการ 32 เท่ากันทุกคน ถ้าไม่พิการ แล้วก็เจริญไป ความเจริญสูงสุดในความเป็นมนุสโส เท่าที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เป็นได้แล้วไม่มีใครไล่ทัน คนไล่ทันก็ไปเป็นพระพุทธเจ้าทั้งนั้น มีสัพพัญญูเท่ากัน 

เพราะฉะนั้นคุณสมบัติหรือคุณธรรมที่วิเศษพวกนี้ ที่เราเรียกด้วยศัพท์ว่าโลกุตรธรรม ซึ่งเป็นแบบของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ค้นพบ จึงรู้จักอธิปไตย 3 รู้จักอายะ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) ที่ลงท้ายด้วยคำว่า หิตายะ เช่น พหุชนสุขายะ คือ สุขะ +อายะ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566  แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2566 ( 19:33:32 )

ความเจริญสูงส่งไม่ใช่ใช้ตัวเงินเป็นเครื่องชี้วัด เพราะทุกประเทศมีหนี้

รายละเอียด

อาตมาก็พูดธรรมะ แล้วก็เอาเรื่องคำว่าการเมือง หรือพฤติกรรมของคนที่ประพฤติอยู่ในสังคม ตั้งแต่ผู้บริหารลงมา ผู้บริหารประพฤติอย่างไรมันก็คือการเมือง สมัครตัวหรือว่าทำเข้าไปแสดงตัวต่อสังคมต่อประชาชนมากๆเขาก็เป็นนักการเมือง โดยเฉพาะไม่ได้พูดถึงเรื่องอะไรของตัวเอง งานของตัวเองไม่พูด มาพูดงานของตัวเองอย่างพวกเรา เราพูดถึงงานของตัวเองงานของพวกชาวอโศกเราทำอะไร เราเห็นว่าอะไรควรทำก็พูดไป หาว่าอย่างนี้เป็นเรื่องอวดตัวอวดตน แต่เรื่องที่พูดไปว่าเขาจะได้เป็นผู้บริหาร เป็นผู้ได้อำนาจ ที่ประชาชนยกย่องให้ แล้วเขาก็ได้เป็นผู้บริหารเป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่ อะไรต่างๆ ถือว่าอย่างนั้นเป็นเรื่องเจริญเป็นเรื่องสูงส่ง ลองตั้งใจคิดดีๆสิว่า ความเจริญของคนหรือความสูงส่งขึ้น เจริญขึ้นของคนนี้ แล้วก็ทำให้ความเจริญของสังคมจริงๆ อะไรจริงๆเป็นเครื่องชี้วัด 

เอาเงินเป็นเครื่องชี้วัดหรือ ถ้าเอาเงินเป็นเครื่องชี้วัด ถ้าคุณมีวิสัยทัศน์แบบนั้นมี Concept แบบนั้น มี Vision แบบนั้น มี Concept แบบนั้น เขาก็จะพยายามสะสมเงินด้วยวิธีอะไรก็ได้ ขี้โกงก็ได้อย่างทักษิณ แล้วเขาก็หลงอย่างนั้นแล้วเขาก็แสดงอำนาจบาตรใหญ่ แสดงความกร่างของตัวเองที่มีเงินมาก หรือแม้แต่แจ็คหม่า มีวิธีการหมุนอะไรต่ออะไรแล้วก็ได้เงินเข้ามาให้แก่ตัวเอง หรือวิธีชัดๆก็คือวิธีค้าขาย ค้าขายด้วยการบวกเอาเกินกว่าควรจะเป็น ควรจะเป็นก็คือราคาประมาณนี้ราคาตลาดเฉลี่ยแล้ว แต่เขาพยายามจะให้มันสูงกว่าราคาตลาดเขาขายกัน แล้วหลงกันว่าผู้ที่ขายได้ราคามาก คือคนเก่ง คนสามารถ เป็นคนทำเอาเงินเอาตัวเลขมาเป็นเครื่องวัด 

คนที่ไปหลงธนบัตร ไปหลงตัวเลขมาเป็นเครื่องวัดชีวิตมันตื้นเขินมากเลย อาตมาให้เขาพิมพ์หลักฐาน ในประเทศ 200 กว่าประเทศ มีรายได้ต่อหัว หรือมีเปอร์เซ็นต์ของ GDP อะไรเท่าไหร่เท่าไหร่ เขาคิดกันมาโอ้โห 200 กว่าประเทศ จดทำสถิติมาหมดเลย  External debt หนี้ต่างประเทศ มีหนี้กันหมดทุกประเทศ อาตมาสอนพวกเราแนะนำพวกเรา ชีวิตที่เจริญคือ 

1.ไม่มีหนี้ 

2. ทำมาหากินเลี้ยงตัวเองให้รอด 

3. ทำให้เหลือ ทำสิ่งที่จำเป็นสิ่งที่ควรสร้างควรทำนี่แหละ โดยเฉพาะพวกเรานี้เน้นพืชพันธุ์ธัญญาหาร ทำให้มาก กินอยู่ในนั้นเสร็จ อาศัยกินอยู่โดยไม่ตาย ชีวิตนี้รอดไปได้ตลอดรอดฝั่ง จนตายแหละ จะว่าไม่ตายก็ไม่ได้ก็ต้องได้ แต่ก็มีกินอยู่จนตาย ไม่อดไม่อยาก เพราะคนอื่นต้องกินต้องใช้พืชพันธุ์ธัญญาหารทั่วโลก ไปให้ขั้วโลกเหนือที่กินผักกินพืชไม่ค่อยเป็นก็ยังกินได้เลยเลี้ยงชีวิตได้ด้วย มันไม่มีกินเท่านั้นเอง 

ผู้ที่เห็นคุณค่าอันสำคัญของชีวิตจริงๆอย่างนี้เรียกว่าปัจจัย พระพุทธเจ้ายกให้เป็นหนึ่งในโลก อาหารเป็นหนึ่งในโลก โดยเฉพาะ กวฬิงการาหาร นอกจาก กวฬิงการาหารแล้วก็มีสิ่งที่ต้องอาศัย สัมผัสแล้วเกิดเวทนา เกิดความรู้สึก เมื่อเกิดความรู้สึกแล้วผู้ที่ไม่เรียนรู้เรื่องจิต เจตสิก รูป นิพพานก็จะเป็นตัณหา 

ตัณหาที่ไม่เรียนตั้งแต่กามตัณหา ตัณหาคือความอยากใคร่เอามาให้แก่ตัวเอง มันก็จะมีตัวตัณหานี่แหละเป็นตัวบงการชีวิตเลย ชีวิตคนที่ไม่ศึกษาก็จะเป็นอย่างนั้น มีกามตัณหา แล้วก็ลดได้มันจึงจะไปลดขั้นที่ละเอียดขึ้นเรียกว่า รูป รูปตัณหา เป็นภวตัณหา เป็นตัณหาที่อยู่ในภพในภวังค์ต่อไป แต่คนที่หลงผิดไปนั่งหลับตา มันมีแต่รูปในภพ เป็นนามธรรม เป็นภวตัณหา รูปตัณหา อรูปตัณหา รูปราคะหรืออรูปราคะ ซึ่งอันนั้นมันจะมาล้างกามตัณหา มันล้างไม่ได้ กามตัณหาต้องล้างมันก่อน มันเป็นของหยาบของแข็งของเหนียว ของขั้นต้น 

เพราะฉะนั้นคนที่ไปนั่งหลับตาปฏิบัติธรรมจึงโมฆะหมด ล้างกิเลสไม่ได้หรอกแต่ไปหลง อสัญญีสัตว์ ไปหลงนั่งสะกดจิต ทำให้จิตมันดับไม่รับไม่รู้อะไร แล้วไม่เคลื่อนไหว ไม่คิดไม่นึก ไปหลงอย่างนั้น เป็นการบรรลุธรรม ซึ่งมันไม่ได้เรียนรู้กิเลส กิเลสจะเกิดได้และเป็นกิเลสจริงๆ ไม่ใช่กิเลสอยู่ในความคิด อยู่ในสัญญานึกเอาจากอดีตหรือคิดฟุ้งไปในอนาคต ไม่มีการสัมผัสด้วยตาหูจมูกลิ้นกาย กิเลสที่มีในอดีตแล้วก็นึกออกมา คุณเคยมีก็นึกได้หรือคุณฟุ้งไปในอนาคตอยู่ในภพ จะว่าเป็นกิเลส มันก็เป็นเฉพาะคุณ แต่กิเลสที่มันมาติดทางตาหูจมูกลิ้นกายแล้วนี่สิ มันเป็นตัวจริงๆเลยเป็นของจริง 

ถ้าไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายมีผัสสะข้างนอก มันไม่เป็นความจริง ท่านเรียกว่า ต้อง มีทิฏฐธรรมหรือทิฏฐกาละ ต้องมีปัจจุบันชาติ ปัจจุบันที่เกิดขณะนี้เรียกว่าปัจจุบันชาติ ชาติคือการเกิด มีปัจจุบัน มีแสงสว่าง มีตาหูจมูกลิ้นกาย และก็มีแสงสว่างมีการตื่นรับรู้ต่อผัสสะทั้งหลาย นี่เป็นความครบของความจริง ศาสนาเทวนิยมไม่มีความจริงตั้งแต่พระเจ้า พระเจ้าสัมผัสด้วยตาหูจมูกลิ้นกายไม่ได้ตลอดตั้งแต่มีมาแต่ไหนแต่ไรจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครสัมผัสได้ แม้แต่พระศาสดาหรือพระบุตรยกให้พระเจ้าเป็นพระบิดาเป็นพ่อ แล้วตัวเองเป็นคนเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นลูกพระเจ้า ส่วนคนนี้ไม่ใช่ลูกพระเจ้า มีพระบุตรเท่านั้นเป็นลูกพระเจ้า 

เพราะฉะนั้นคนจะไปเป็นลูกพระเจ้าหรือไปเป็นพระเจ้าไม่ได้ ตัดขาดกันเลย นี่เป็นเรื่องไม่ใช่เรื่องของคนเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ เป็นเรื่องขบคิดตัดตัวเองออกขาดจากประชาชนแล้วมาสอนประชาชน โดยอธิบายกลบเกลื่อนไปว่า คำสอนของพระเจ้านี่คือคำสอนที่จะทำให้คนดี ก็พระเจ้าไม่ใช่คน จะดีไม่ดีจะรู้เรื่องได้อย่างไรเพราะเป็นสิ่งลึกลับ ก็มีคนนั่นแหละมาสอนแต่บอกว่าตัวเองไม่ใช่คน ตัวเองเป็นลูกพระเจ้า แล้วคนนี้เป็นไม่ได้ คนเป็นศาสดาไม่ได้ คนไหนก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเป็นศาสดา ต้องพระเจ้าเท่านั้นบัญชาให้มาเป็น นี่เป็นคำอธิบาย เป็นการให้นิยามความรู้ มันก็ประหลาดดีนะ แล้วคนก็เชื่อเยอะเพราะคนในโลกไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องละเอียดลึกซึ้งพวกนี้ได้ จะเรียกว่าคนโง่ก็นั่นแหละคือไม่รู้ได้ก็ยังโง่อยู่ มันมีเยอะกว่าคนฉลาด 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายกาย พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566  ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 12:43:17 )

ความเจริญหรือเศรษฐกิจดีที่มีค่าคืออย่างไร

รายละเอียด

เขาตั้งใจจะให้เกษตรกรมีรายได้มาก อันนี้..ผิด!! ที่จริงแล้วเกษตรกรมีรายได้น้อย.. ถูกแล้ว ต้องขายสินค้าราคาให้ต่ำ.. ถูกแล้ว นั่นคือความเจริญ อันนี้ก็คงเข้าใจกันยาก หรืออย่าง GDP รายได้องค์รวม ของประเทศ ควรอธิบายได้จากผลผลิตของตนเองภายในประเทศเท่านั้น ไม่เอาจากของภายนอกต่างประเทศมารวมด้วย ว่าเราได้ให้ของเราไปได้เท่าไหร่ต่างหากนี่คือเศรษฐกิจดี เพราะคนที่ได้เราก็ได้ช่วยเขา เราก็ได้เสียสละ เราก็มีค่า นี่คือ “ค่าทองคำแพงแท้” 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 08:25:48 )

ความเจริญแบบพระพุทธเจ้าเป็นโลกุตระ

รายละเอียด

ชีวิตของคน พระพุทธเจ้าท่านสอน ท่านเอาความตรัสรู้มาสอนเพื่อให้คนเป็นคนบ้าบอไม่ได้อะไรที่นอกไปจากการดำเนินชีวิตที่ดีสบาย เป็นสุขเจริญงอกงามไม่เป็นโทษภัยกับใคร ก็เหมือนกันกับผู้ที่มีปัญญาที่เขาอยากจะสอนคน พวกหัวหน้าเผ่าหัวหน้าหมู่ ผู้ที่เป็นนักปราชญ์เป็นอาจารย์เป็นศาสดา เขาก็เป็นคนที่ปรารถนาสอนให้คนเจริญดีอย่างนี้ทั้งนั้น แต่ของพระพุทธเจ้านั้น ท่านมีภูมิธรรมของท่าน สามารถทำให้ทุกคนเจริญแบบนี้แบบของพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตระธรรม ซึ่งมันเป็นความรู้ที่ทวนกระแสโลกีย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:07:18 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:30:40 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:06:17 )

ความเจริญในธรรม (จงอย่าติดแป้น)

รายละเอียด

ความเจริญ  คือ การปฏิบัติลด ละ ให้ได้อ่านจิตอ่านใจตัวเองให้ดีๆ

เราไม่สรรเสริญแม้ซึ่งความตั้งอยู่ (ฐิติ) ในกุศลธรรมทั้งหลาย  ไฉนจะสรรเสริญความเสื่อมรอบ (ปาริหานิ)  ในกุศลธรรมทั้งหลายเล่า 
แต่เราสรรเสริญความเจริญ (วุฒฺฑิ)  ในกุศลธรรมทั้งหลาย  มิใช่ความตั้งอยู่  มิใช่ความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย  
 

 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฏก  เล่ม 24   ข้อ 53, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 12:05:46 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:08:39 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:06:37 )

ความเจ็บปวดของพ่อครู

รายละเอียด

นี่อาตมาก็ยังเจ็บเหมือนกับเอามีดมาผ่า แล้วเอาพริกป่นโรยเลยนะมันเจ็บ ไม่รู้จะเอาออกอย่างไรเลยวันนี้นวดตั้ง 2 หมอแล้ว ก็ห่างหน่อย ไม่ต้องไปกังวลมันนัก ขันธ์นี้เป็นทุกข์ พยาธิทุกข์ธรรมดาเลยหรือวิปากทุกข์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 48 อยากหมดอวิชชาต้องเริ่มคบพ่อครูผู้สัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 20:36:23 )

ความเจ็บปวดแม้เล็กน้อยคือการชดใช้กรรมใช่ไหม

รายละเอียด

ใช่ แม้แต่พระพุทธเจ้าที่ปวดศีรษะ เพราะว่าในอดีตชาติ เป็นลูกชาวประมง แล้วไปเห็นชาวประมงได้ปลามามากก็เลยยินดีกับการได้ปลามากของชาวประมง เท่านั้นก็เป็นวิบาก แม้มาเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ทำให้ท่านต้องปวดศีรษะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชธานีอโศก ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ทำไมไม่อยากให้ลูกมีแฟน วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:37:32 )

ความเจ็บป่วยนี้เป็นทุกข์ มันเลี่ยงไม่ได้

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเลย แต่ก็เห็นทุกข์ จากความเจ็บป่วยทุกข์อื่นไม่เท่าไหร่ ความแก่ อาตมาไม่เป็นทุกข์กับมันมาก แต่ความเจ็บป่วยนี้เป็นทุกข์ มันสุดเลี่ยง มันเลี่ยงไม่ได้ เหตุปัจจัยหลายอย่าง เราก็ไม่ได้ไปหามาแต่มันมีวิบากของมัน

บางอย่างเราเผลอไผล ไปรับเหตุปัจจัยมาบ้าง ซึ่งเราก็เลี่ยงได้ด้วย พยายามไม่ไปรับเหตุอย่างเช่น Covid เราก็ไม่ได้ไปรับกับเขา เราก็สามารถอยู่ได้ แต่ที่เป็นวิบากตามมา บางอย่างมันสุดทางหนี มันก็ทุกข์ ถึงเลี่ยงก็ไม่พ้นทุกข์เลย ได้ฟังเรื่องที่มีคนมาถามพ่อครูถึงบุคคล 9 ระดับที่พ่อครูสอนนั้นโดยเบื้องต้นเขาได้"กำหนดให้" พ่อครูเป็นผู้สอนแบบคิดขึ้นมาเอง แล้วเขาก็ถามว่า อย่างนี้จะเป็นการสอนโดยการบัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไว้ ได้หรือไม่ พ่อครูตอบว่า ได้ แล้วพ่อครูก็อธิบายว่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565  ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 12:33:50 )

ความเจ็บป่วยเป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้

รายละเอียด

เรื่องของการเจ็บป่วยมันเป็นวิบากที่เลี่ยงไม่ได้ชนิดหนึ่ง เมื่อมันมาถึง วิบากต้องเจ็บต้องป่วยอย่างนี้อย่างนี้ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังพ้นไม่ได้ต่อการเจ็บป่วย ต้องปวดหัวปวดอะไรต่างๆท่านก็เป็น หรือว่าปวดร่างกายตรงนั้นตรงนี้ก็บอกว่าอ้าว พระอานนท์ เราปวดตรงนั้นตรงนี้ เราจะนอนพัก อะไรๆ ท่านก็ว่าไป แต่ท่านก็มีไม่มากไม่แรง 

ทีนี้ลูกสาวของคุณก็เจ็บป่วย ไม่มีรายละเอียดเจ็บป่วยหนักขนาดไหน ก็ไม่มีปัญหา ก็บอกให้มันต้องเป็นธรรมะที่ลงลึกหน่อย ลูกสาวคุณจะเข้าใจไหมล่ะ 

คือเราก็ต้องทำความเข้าใจ การเจ็บป่วยเป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ตามวิบาก มันมีข้อนี้อยู่เลย พระพุทธเจ้าก็ตรัส แม้แต่พระพุทธเจ้าก็เลี่ยงไม่ได้เมื่อมันมีวิบากมาถึง ทีนี้ของใครก็ของใคร ลูกสาวของคุณมีมากมีน้อยเท่าไหร่ที่ได้ มันก็เป็นวิบากของเขา เพราะฉะนั้นก็ต้องบอกให้เขาเข้าใจว่า อย่าไปกังวลเลย ทุกคนนะ ไม่ใช่แต่ลูกสาวคนนี้แต่ใครไปเจอเขาแล้วเราก็ต้องบอก วิบากมาทวงเราแล้วนะ เจ็บจริงหนอ ปวดจริงหนอ อย่าไปทับถม ที่พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า อย่าไปทำจิตทุกข์ทับถมทุกข์ 

อย่าไปทำจิตทุกข์ทับถมทุกข์ ความทุกข์ที่มันเจ็บอยู่แล้ว เราเอาออกจากขันธ์ไม่ได้ มันทุกข์ขันธ์ เราก็อย่าไปซ้ำเติมจิตของเราอีกว่า โอ๊ยนี่ทุกข์ เราพยายามละวาง หรือจำนน ยอมรับ ความทุกข์นั้น เอา ทุกข์เข้าไป เอาเถอะ ให้มันหมดทุกข์ แต่ไม่ใช่ไปท้าทายให้มันทุกข์หนักกว่านี้อีก อาตมาเคยท้าทายให้ทุกข์หนักกว่านี้อีก จนกระทั่งต้องปลดปล่อยว่าอย่าไปท้าทายทุกข์

ก็ปลงนั้นแหละ ต้องใช้คำว่า “ปลง” ก็ต้องยอมรับ พากเพียรใช้ไป ยอมรับไป อาตมาก็ยอมรับไป ถ้าผลัดผ่อนได้ก็ดี ไม่ใช่ไปท้าทายให้หนักขึ้นหนักขึ้น มันมาโซคิส(masochist หลงสุขกับความเจ็บปวดของตนเอง) เกินไป ไม่เอา ต้องให้คลายๆไป อย่างนี้เป็นต้น 

ก็แนะนำให้ได้เท่านี้ ก็บอกให้ลูกสาวต้องวางใจ อย่าไปยุ่งกับมัน เรียกว่า อย่าไปเอาใจใส่มัน ทำว่างๆ วางๆ แล้วปล่อยไป แล้วมันจะคลายได้ ถ้ามันเอาแต่ไปยึดว่ามันเจ็บมันป่วย มันก็ไปยุ่งไปเกี่ยวกับมัน มันก็จะเกิดปฏิกิริยากับมัน ถ้าเราละวาง เหมือนอย่างสายเจโต เขาทิ้งเลย ไม่รับตรงนี้ เขาทำลืมไปเลย เหมือนมันไม่มีในชีวิตของเขา ในร่างของเขา ในความคิดของเขา มันก็คลายได้ นั่นแหละแบบเจโตที่ทำ ตอบอันนี้ตอบได้อย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำทานให้สัมมาอย่าจับไอ้หวังใส่ถัง ควรเพิ่มพลังพากเพียร วันพุธที่ 6 ธันวาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 06:58:59 )

ความเฉลียวฉลาดทั่วไป

รายละเอียด

คือเป็นโลกีย์  ฉลาดอัจฉริยะอย่างไร เป็นศาสดาก็ยังเป็นฉลาดโลกีย์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:52:02 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:09:16 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:07:10 )

ความเฉลียวฉลาดทั่วไป

รายละเอียด

ความเฉลียวฉลาดทั่วไป เป็นโลกีย์ ฉลาดอัจฉริยะอย่างไรเป็นศาสดาก็ยังเป็นฉลาดโลกีย์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 14:20:06 )

ความเชี่ยวชาญเป็นสัญญาที่มีความรอบรู้และแม่นมั่นจริง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพวกที่ วอกแวกไม่แม่นคม ไม่มีสัญญายนิจจานิที่กำหนดได้คมชัดพวกไม่มั่นคง ไม่มีการกำหนดอะไรได้เที่ยงแท้แน่นอนมั่นคงแล้วอย่างไม่มีเปลี่ยนแปลงเลย เป็นสัญญาที่มีความสำคัญ ความเชี่ยวชาญเป็นสัญญาที่มีความรอบรู้ แล้วก็แม่นมั่นอย่างแท้จริงดีมากเลย เขายังมีไม่พอ เขาก็เลย เหลาะเแหละ ต้องคนมีสัญญามั่นจริงๆรู้จักโลก สัญญยนิจจานิโลเก องค์ประกอบของโลก ข้อมูลหลักฐานต่างๆรวมแล้วตัดสินได้ก็สรุปออกมาเป็นสัจจะที่เป็นหนึ่งเดียว ใช้สัญญาหนึ่งเดียวเป็นสัจจะนี้ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ นี่คือรายละเอียดของคำว่าสัจจะหรือ หรือสัญญายนิจจานิ นี่อธิบายแถมให้ฟังอาจจะสูงหน่อย ลึกซึ้งหน่อย เพราะว่ายากมาก จูฬวิยูหสูตร อาตมาก็ค่อยแถมให้เรื่อยๆ เอาเหตุปัจจัยจริงๆมาประกอบอธิบาย ให้คนไปคิดเอาเองจินตนาการไม่มีหลักฐาน มันซับซ้อน มันยากมากจะเข้าใจไม่ได้ ต้องอธิบายเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 15:14:46 )

ความเชื่อ 3

รายละเอียด

 อาตมาเคยแยกความเชื่อไว้ 3 ความเชื่อ 

1.เชื่อฟัง

2.เชื่อถือ 

3.เชื่อมั่น 

เชื่อฟังก็คือพอเชื่อจากการฟัง เชื่อถือก็มาปฏิบัติตาม ปฏิบัติตามและก็เห็นมรรคเห็นผลก็เชื่อมั่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล 


เวลาบันทึก 15 มกราคม 2566 ( 13:24:29 )

ความเชื่อของโยมสายอาจารย์มั่น 

รายละเอียด

ความเชื่อของโยมสายอาจารย์มั่น  คือ  ความเชื่อในแวดวงของโยม  ก็หมายแค่รู้แค่แวดวงพระป่า  แวดวงของโยมที่มีทิฏฐิว่า  จะต้องไปปฏิบัตินั่งหลับตาแล้วจะบรรลุเพราะการนั่งสมาธิหรือฌานก็บรรลุด้วยการนั่งหลับตา  ฌานลืมตาไม่ได้  ต้องเกิดผลจากการนั่งสมาธิ  วิธีนี้ต้องนั่งหลับตา  และต้องมีฌาน  สมาธิในภวังค์  บรรลุธรรมแบบลืมตาไม่ได้

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:49:41 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:09:47 )

ความเชื่อน้ำปัสสาวะเป็นยา

รายละเอียด

คือ   สมณะโพธิรักษ์เองเป็นลูกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่าปัสสาวะเป็นยา ยาดองในน้ำมูตรเน่า ท่านเชื่อตามพระพุทธเจ้าก็ดื่มไปท่านก็ดื่มอยู่ทุกวัน ท่านไม่รู้ว่าจะต้องงดหรือไม่ ตอนนี้สื่อสารมวลชน  กำลังว่ากันเรื่องดื่มปัสสาวะทางโลกการดื่มปัสสาวะ แม้แต่กระเซ็นถูกตัวนิดหน่อยเขาก็รังเกียจแล้ว  เขาถือว่าเป็นของสกปรก จริงๆ แล้วไม่ใช่น้ำสกปรกแต่คนมามีอุปทาน กัน อินเดียเขารู้ว่าดีมาแต่ก่อน คนไทยก็น่าจะรู้ดี ท่านก็ดึงเอามาให้ใช้อีก ก็ขอตัดสินอย่างนี้ ใครจะยินดีที่เห็นดีเห็นงามก็ทำไปเถอะ แต่ไม่เห็นดีเห็นงามจะรังเกียจมันก็เป็นส่วนตัว เพราะคนเรามีความเห็นแตกต่างกันได้ไม่น่าจะต้องมาทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 12:26:14 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:10:24 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:08:49 )

ความเชื่อมต่อมหาภูต 4 กับชีวะ

รายละเอียด

ความเชื่อมต่อมหาภูต 4 ประสานพลังงานธาตุอุตุนิยาม 100% มหาภูต 4 ดินน้ำไฟลม

พอมาเป็น อหิจฺฉตฺตก สังเกตดีๆว่าเห็ดนี่ไม่มีสีเขียว มีแต่สีเหลือง สีแดง สีน้ำตาล สีขาว เห็ดไม่มีสีเขียว อันนี้จะลึกซึ้งพอมาถึงพืช พีชะ มีสีเขียว ภูตะ เริ่มจะมีผสมมาบ้าง มีน้ำตาล มีเขียว 

พอมาเป็นภูตคาม มาเป็นพีชคาม มาเป็นเจตภูต

เจตภูต คือธาตุพลังงานที่หลุดออกมาจากดิน พวกนั้นจะอยู่กับดิน อยู่กับมหาภูต ยังไม่หลุดออกมา อหิจฺฉตฺตกก็ดีเห็ดก็ดี พีชคามก็ดี แต่เจตภูต หลุดออกมาจากดินแล้วอิสระลอยตัวแล้วก็มาเป็น ปาณะ ก็เจริญมาเป็น เจตสิก 

จากเจตสิกมาเป็นสัตตะ 7 นี่ แล้วจึงจะเป็นจิตนิยาม มันจะเชื่อมต่อพัฒนาการเนื่องต่อกันขึ้นมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร(บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 13:14:10 )

ความเชื่อมั่นของลูกๆที่มีต่อความเป็นไก่ตัวพี่ของพ่อครู

รายละเอียด

ใครจะบังอาจหรือว่าจะสามารถกล้าพูดว่าเราเป็นไก่ตัวพี่ ในเรื่องของศาสนาพุทธ หมายความว่า ไม่มีใครรู้ยิ่งกว่าเราหรอกในยุคนี้ ตอนนี้คนที่กล้าพูดต้องมี อาสโภ ต้องมีพลังอาสภะ พลังกล้าหาญอย่างแท้จริง มั่นใจในสิ่งที่เราเองพูดออกไปแล้วต้องทำได้ด้วย ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที คุณพูดแล้วต้องเป็นได้ตามที่พูด ถ้าพูดแล้วไม่ได้เป็นตามที่พูด โอ้โฮ!หน้าแหกหมอไม่รับเย็บนะ 

ประกาศความยิ่งใหญ่ด้วยแล้วหมอไม่รับเย็บ หน้าแหกไม่รู้กี่ริ้วๆ เรียกว่าเป็นเส้นบะหมี่เลย ถ้าเขาถามสิ่งที่ควรพูดควรอธิบาย ก็จะอธิบายและมีแต่จะอธิบายเกินกว่าที่เขาถาม คือ อาตมาไม่มี plan ไม่มีพิมพ์เขียว ไม่มีผังอะไรของชีวิตเลย No project ไม่มีการตั้งโครงการอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่มี ไม่คาดว่าจะได้ ทำทุกปัจจุบัน ไปตามปัจจุบัน อาตมาจึงไม่มีผิดหวัง เพราะอาตมาไม่ได้ตั้งเป้า มีแต่เขาส่งยามุ่งเป้ามาให้กิน อาตมานี้ไม่มีมุ่งเป้าอะไรไปตามประสงค์ มันมีเป้าอยู่แล้วสุดยอดของเป้าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นจะต้องบอกเป้า บอก 2 + 3 + 4 ก็เป็นเป้าไปตามลำดับไปเรื่อย เป็นคนแม่นเป้าอยู่แล้ว 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2565 ( 14:58:47 )

ความเชื่อมโยงระหว่าง ชาคริยานุโยคะ กับสติสัมโพชฌงค์

รายละเอียด

คือชาคริยานุโยคะให้ปลุกตื่น  เมื่อตื่นรู้ตัว  มีสติสัมโพชฌงค์ก็สำเร็จ  เป็นองค์แห่งการตรัสรู้  มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมสำเร็จเสร็จ  ชาคริยานุโยคะ ก็คือฝึกเพียรปฏิบัติให้ตื่นรู้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:49:47 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:10:53 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:09:10 )

ความเชื่อว่าอรหันต์ตายแล้วสูญ ทำให้ศาสนาพุทธขาดด้วน

รายละเอียด

ก็ตอบตรงนี้ก่อน ก็ตามอาตมาก็แล้วกัน ถ้าคุณไม่ตามอาตมา คุณไปฟังตามเถรสมาคมหรือตามกระแสหลักเลยนะ คุณไม่ยากหรอก อาตมาว่าไม่ยาก แต่ตามอาตมาจะยากเพราะอาตมามีโลกุตรธรรมมาอธิบาย จะยาก นี่ก็ตอบประเด็นนี้ก่อน 

ที่ว่า ผู้ที่ไม่เชื่อพระอรหันต์ตายแล้วเกิดอีกได้ หรือเชื่อว่าพระอรหันต์ตายแล้วไม่เกิดดับสูญ นี่ประเด็นหลักเลย ต้องคม แม่น ชัด นะ ฟังดีๆ ผู้ที่ไม่เชื่อ ไม่เชื่ออะไร ไม่เชื่อว่าพระอรหันต์ผู้เป็นอรหันต์แล้วของศาสนาพุทธ ตายแล้วเกิดอีกได้หรือตายแล้วไม่ เกิด สูญเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมได้ ผู้ที่บรรลุนิยามคำว่า อรหันต์ ต้องมีความสามารถแบบนี้พระอรหันต์มีความสามารถตายแล้วสูญได้ หรือไม่สูญจะเกิดอีกได้จึงชื่อว่าอมตะบุคคล อยู่ในมูลสูตร ผู้ที่ผ่านวิมุตติ กายวิมุติ แล้วเป็นอรหันต์เป็นอมตะบุคคลจะเกิดอีกก็ได้จะตายก็ได้ 

อันนี้แหละเหตุเถรสมาคม ศาสนาพุทธแทบทั้งหมดหรือทั้งหมดเชื่อว่า พระอรหันต์ตายแล้วสูญหมด ไม่เชื่อว่า ตามประเด็นที่คุณนพพลพูดมา ไม่เชื่อว่าพระอรหันต์ตายแล้วเกิดอีกได้ หรือเชื่อว่าพระอรหันต์ตายแล้วดับสูญ ผู้นั้นมีอุจเฉททิฏฐิ 

คุณนพพลเข้าใจว่าผู้อุจเฉททิฏฐิคือผู้ที่ เชื่อต้องใช้คำว่าเชื่อ อุจเฉททิฏฐิคือเชื่อว่าอรหันต์ตายแล้วต้องสูญ นี่คือผู้ที่อุจเฉททิฏฐิ สถานเดียว 

แต่คุณนพพลพูดว่าผู้ที่ไม่เชื่อว่าพระอรหันต์ตายแล้วเกิดอีกได้ ก็หมายความว่าไม่เชื่อว่าพระอรหันต์นี้จะตายเกิดอีกได้หรือเชื่อว่าพระอรหันต์ตายแล้วไม่เกิดดับสูญ อันนี้ชัดเจนขึ้นมาแล้ว 

คุณนพพลเข้าใจว่าพระอรหันต์ ตายแล้วต้องสูญ ทั้ง 2 ประโยค ประโยคแรกบอกว่า ไม่เชื่อว่าพระอรหันต์ตายแล้วเกิดอีกได้ก็ต้องสูญ หรือเชื่อว่าพระอรหันต์ตายแล้วไม่เกิดดับสูญ ต้องไม่เกิดอีก อรหันต์ตายแล้วต้องไม่เกิด ต้องดับสูญ ผู้นี้เป็นผู้อุจเฉททิฏฐิ เป็นผู้ทำให้ศาสนาขาดด้วน 

อันนี้อาตมาก็อธิบาย ทำลายอายุศาสนาที่แท้จริง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะผู้นับถือศาสนาพุทธแทบทั้งหมดหรือทั้งหมด คุณนพพลพูดเลย เชื่อเช่นนี้ ใช่ ตามที่คุณนพพลพูดถูกต้อง ตามที่คุณนพพลเข้าใจ เชื่อกันเช่นนี้เป็นส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมด เขาจึงทำร้ายศาสนา ชัดเจนว่าคุณนพพลก็เชื่อว่าขณะนี้ส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมด กำลังทำร้ายศาสนาอยู่ ได้รับวิบากบาปทุกลมหายใจอยู่ทุกวันนี้

ทีนี้ลงท้าย ซึ่งจะเป็นตรงกันข้ามกับโพธิสัตว์อย่างพ่อท่าน ถูกต้องไหม ก็ตรงกันข้ามกับที่อาตมาทำที่พยายามยืดอายุศาสนา ทำนุบำรุงศาสนา ต้องทำอย่างไรถึงจะตามเรื่องแบบนี้ ก็ตอบไปแล้ว ต้องทำอย่างอาตมา อาตมาก็ต้องทำด้วยความจริงใจ และก็ทำมาตลอดเวลาและก็ต้องทำต่อไปอีกตามนี้แหละ อาตมาก็ไม่ได้เห็นว่าอาตมานี้ผิดพลาด ขออภัยเถอะพูดความจริง ไม่ได้เห็นว่า มันผิดมันพลาดมันเพี้ยน มันอะไร ไม่มี มีแต่ถูกต้อง ตรงยิ่งขึ้น 

_สู่แดนธรรม... ถ้าเป็นผมว่าจะมองอย่างไร เขาถามว่าอย่างไรจึงจะตามเรื่องแบบนี้ครับ คือตามว่าพ่อท่านสอนถูกไหม ว่าพระอรหันต์ตายแล้วตัวเองกลับมาเกิดได้ ผมนี่เป็นตัวคำตอบว่า คำแรกที่ผมได้ยินพ่อท่านพูดเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว พูดแบบนี้แหละ ผมไม่สงสัยเลยครับ เพราะว่าผมเอาแค่หลักของตรรกะก็ได้ มาตรวจจับว่าพ่อท่านนี่ ถ้าไม่มีภูมิเก่าเรื่องธรรมะของตัวเองในความเป็นอรหันต์มาตั้งแต่ชาติที่แล้ว พ่อท่านจะเอามาจากไหน ชาตินี้ก็บอกว่าตัวเองไม่มีครูบาอาจารย์ ไปพิสูจน์ดูได้เลยว่าอาตมาไปศึกษามาจากใครบ้าง พระอาจารย์สอนเช่นไรอาตมาก็ต้องบรรลุตามเขาแล้ว แต่นี่พ่อท่านก็สอนอธิบายตรงกันข้ามกับเขาอีก แล้วความรู้ สิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยันพาคนหลุดพ้นได้ มาเป็นคนจนอันมหัศจรรย์อย่างนี้ก็เป็นหลักฐานได้อย่างหนึ่งว่า มีพระอรหันต์ ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ทำแบบนี้ได้ไหมล่ะ 

พ่อครูว่า... เหมือนกับอาตมายืนยันว่าอาตมาเป็น สยังอภิญญา มาเกิด มีความรู้ของโลกุตรธรรมมาแล้ว เป็นพระอรหันต์มาแล้ว ยืนยันว่าเป็นอรหันต์ระดับ 4 ด้วย เป็นนิยตโพธิสัตว์ อะไรอย่างนี้เป็นต้น อธิบายตอนหลังๆนี้ขยายความโพธิสัตว์กี่ระดับ อรหันต์ กี่ระดับ ก็ชัดเจนขึ้นมาจนกระทั่งป่านนี้แล้ว 

อาตมาก็ไม่ได้เอามาจากของใครเลย เพราะฉะนั้นอันนี้มันก็ต้องเป็นของอาตมา 100% ที่อาตมามีมาและอาตมาก็ไม่ได้หมายความว่าอาตมาเป็นของอาตมาเจ้าของศาสนานะ อาตมาก็เอามาจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆเป็นโพธิสัตว์ได้รับความรู้นี้มาตามลำดับ ยังไม่ถ้วนเต็มเป็นพระพุทธเจ้าด้วย ก็ไม่ได้ปิดบัง ไม่ได้อำพราง ไม่ได้พูดคลุมๆเครือๆอะไร พูดชัดอย่างกับอะไรดี 

เราจะมีภูมิถึงขั้นเป็นมหาโพธิสัตว์แค่ไหนแล้วเราก็ไม่ได้ไปอวดดิบอวดดีอะไร แล้วแต่ใครจะรู้ ใครจะเห็น ใครจะเข้าใจว่า มันเพิ่มไปบ้างไหม ก็ไม่เป็นไร อาตมาไม่มีปัญหาอะไรในการถ่อมตน เพราะอาตมาเห็นว่าการถ่อมตนไม่เสียหาย แต่การอวดดีแล้วไม่จริงของตน มันไม่ใช่เสียหายนะ มันชิบหาย มันแย่เลย อาตมาไม่คิดจะไปทำหรอกเพราะมันไม่เป็นประโยชน์ มันมีแต่โทษ 

เพราะฉะนั้นการถ่อมตนนี้ไม่เสียหาย แต่การอวดตนที่ไม่เป็นจริงนั้นมันเป็นโทษเป็นภัยหนักหนาสาหัสด้วย เพราะฉะนั้นอาตมาไม่ทำหรอก สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 วันพุธที่ 17 มกราคม 2567 ที่ บวร ราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 20:19:39 )

ความเชื่อหรือความรู้ มี 2 แบบ 

รายละเอียด

เราเองจะเชื่อก็เชื่อด้วยปัญญา แล้วเรารู้ว่า คนเชื่อถือสมมุติสัจจะ คนที่มีปัญญาเขาจะรู้ว่า ปรมัตถ์สัจจะคืออย่างไร 

เพราะฉะนั้นความเชื่อหรือความรู้ มันมี 2 แบบ 

มีความเชื่อแต่ไม่รู้ นั่นคือ ความเชื่อแบบศรัทธา โดดๆ 

ส่วนความเชื่อของปัญญานั้น  มีทั้งศรัทธา  มีทั้งปัญญา 

ทั้งรู้และเชื่อในความรู้นั้นอย่างเต็มรูป อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ 

ตั้งแต่การเกิดถึงการดับ และ เกิดดับอย่าง ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ด้วย 

คุณรู้ไหมว่า พระพุทธเจ้า ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ในขณะที่ สติตื่นเต็มเปิดๆ ไม่ได้หลับตาอยู่ในภวังค์ คุณรู้ไหม ไม่จำเป็นจะต้องตายหรือดับอย่างที่เรียกว่าหลับตาเลย สติตื่นเต็มเปิดๆ ไม่จำเป็นต้องไปหลับตาเลย คนตื่นเต็มๆ พระอนุรุทธะตรวจดูตอน พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ซึ่งความจริงที่เป็นความรู้ด้วย เป็นปัญญา เป็นศรัทธาด้วย 2 อย่าง คุณยังเข้าใจไม่ง่ายหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565  แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 14:34:49 )

ความเชื่อเรื่องการเกิดใหม่ rebirth อย่างเป็นตัวเป็นตน ก็เป็นสัมมาทิฏฐิอย่างหนึ่ง

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าก็ตรัสในพระไตรปิฎกก็มีเยอะ โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ไว้มีเยอะ เรื่องนี้ โดยเฉพาะในสายพุทธ ตายแล้วกลับมาเกิดเป็นคนนั้นคนนี้ก็ดี ด้วยก็ rebirth การเกิดแล้วก็เวียนวนเกิดใหม่มาเกิดเป็นคนนั้นคนนี้ ก็ขอขยายความตรงนี้ให้ฟังนิดหนึ่งว่า การเกิดนี้เกิดด้วยวิบาก ตายแล้วมาเกิดอีกก็มีวิบากหนุน วิบากสนับสนุน เพราะฉะนั้น คนที่มีกุศลวิบากที่เข้ากับพวก ที่จะต้องเกิด มันเป็นสัจจะ คนที่จะมีวิบากไปกับพวกบาปพวกนรกด้วยกัน เขาก็จะเกิดกับพวกบาปพวกสัตว์นรกด้วยกัน คนที่มีกุศลเป็นกุศล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นโลกุตระ เป็นอาริยะบุคคล ก็จะมาเกิดในกลุ่มที่เป็นอาริยบุคคล แม้วิบากจะพาเขาให้ไปเกิดไกล วันหนึ่งเขาก็จะต้องเดินทางมาสู่กลุ่มที่เป็นอาริยะด้วยกัน อันนี้เป็นสัจจะ 

เพราะฉะนั้นที่คนกล่าวกันว่า คนนี้มีจิตวิญญาณเก่าของคนนั้นมาเกิด มาเป็นคนนั้นคนนี้ มันไม่ผิดหรอก แต่มันไม่รู้กันได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นก็เดากันไปเดากันมาเท่านั้นเอง แล้วก็ไม่ควรจะต้องไปเดา 

เราจะสามารถรู้ พระพุทธเจ้าไม่ใช่ไปรู้เอานั่งทำญาณ เป็นอาเทสนาปาฏิหาริย์ รู้ว่าคนนี้ชาติก่อนเป็นจิตวิญญาณเก่าเป็นใครเป็นอาเทสนาปาฏิหาริย์เป็นรูปธรรมเลย ไม่ใช่ มันจะรู้จักกันเมื่อ พระพุทธเจ้าท่านตรัสอันนี้เหมือนกันว่าจะรู้ได้ด้วยการคบคุ้น อยู่ด้วยกันไป เหมือนคนที่มีมาเก่า ถ้าตายอายุแก่มาเกิดเป็นเด็ก มันก็จะมีลักษณะเหมือนผู้ใหญ่ แซมอยู่ในสภาพเป็นเด็กนั่นแหละ หรือโตขึ้นมาเป็นหนุ่มเป็นสาว มันก็จะรู้จักอีกอย่าง คือมองออกว่า สภาวธรรม ที่ติดอยู่ในจิตวิญญาณนั่นแหละมันจะมาแสดงออก ไอ้ตัวแสดงออกนั้น สิ่งที่เป็นธรรมะมากติดตัวมาจนกระทั่งไม่ต้องทำอะไรมาก มันก็จะแสดงบทบุคลิก หรือกิริยาอาการออกด้วยตัวมันเอง ลักษณะบุคลิกที่แสดงออกมาเองนั้นเราเรียกว่าสัญชาตญาณ ติดมาจากสัญญาแล้วมาออกบทบาท โดยที่ตัวเองก็ไม่มีเจตนาแต่มันจะออกมาเป็นอัตโนมัติ ก็จะเห็นได้ง่าย 

เป็นคุณธรรม เอาหลักธรรม เอาธรรมวินัย เอาศีลมาจับได้เลยมันจะเป็นคุณธรรม เป็นโลกุตระ ผู้ที่มีภูมิธรรมก็จะยิ่งเห็นชัดได้ อย่างอาตมามองคนอยู่ไกล ไม่ได้มาอยู่ในชาวอโศก มีคุณธรรมคนที่เป็นโพธิสัตว์ตามที่อาตมาพูดไป คนที่เด่นชัดอย่างนั้นด้วยซ้ำไปที่อาตมาได้พูด คนที่มีไม่มากนัก ไปบอกไปชี้ก็ยาก ขนาดคนที่มีมาก อาตมาบอกชี้ คนก็ยังรู้ตามได้ยาก 

ก็เป็นธรรมะเป็นสัจธรรมอันหนึ่งที่เลียนแบบกันไม่ได้ มันอวดเก่งได้แต่อวดเก่งและผิด ผิดเป็นไงก็หน้าแตก คนที่พยากรณ์โดยไม่แน่จริงไม่ถูกจริงก็หน้าแตก ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูดเล่นๆไปพยากรณ์เล่นๆไม่ควร มันจะหน้าแตกนะ ไปอ่านดูมีเยอะในพระไตรปิฎก โดยเฉพาะในชาดกมีเยอะมาก 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #26 เป็นอรหันต์แล้วจึงหมดผีปอบ วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2566 ( 19:32:28 )

ความเชื่อเรื่องน้ำปัสสาวะกับโรคทางจิต psychosis

รายละเอียด

เป็นเทวนิยม น้ำปัสสาวะนั้นไม่ใช่ยา แต่เป็นความคิด ความเชื่อถือ ว่าจะมีฤทธิ์เป็นยา ทำให้หายได้ก็เท่านั้นเอง แม้แต่พวกเราก็ยังเป็น ขอน้ำปัสสาวะอาตมาไป เวลาไม่สบายก็ยังมี อย่างนี้เป็นต้น พวกเรานี้ก็ยังเป็นกัน มันเป็นเรื่องซับซ้อนเป็นเรื่องของความเข้าใจด้วยปัญญาของคน เพราะฉะนั้นก็อย่าไปตีทิ้งเสียทีเดียว มันเป็นผล มีผลทีเดียว คือผลนี่นะ ท่านเรียกในภาษาทางวิทยาศาสตร์หรือทางแพทย์เป็น psychosis เป็นโรคทางจิตต้องใช้จิตวิทยาในการรักษา ผู้ที่มีปัญญามีความสามารถรู้จิตวิทยาต่างๆจึงรักษาคน แล้วการแพทย์ก็รู้ว่า คนเราป่วยถ้ามีจิตวิญญาณไม่ดี มันก็เจ็บหนักขึ้น ถ้าคนจิตใจดีจะไม่เจ็บหนัก เขาถึงบอกว่าโรคจะมี 2 ส่วน ส่วนที่เป็นเชื้อโรคจริงๆประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ เชื้อโรคทางจิตประมาณ 60% ทางแพทย์เขาว่าอย่างนั้นเลย ทางจิตมันจะหนักกว่า แต่ถ้าจิตใจดีนี้ โรค 40 เปอร์เซ็นต์ไม่ต้องรักษาหรอก จิตใจ 60% มันจะรักษาเอง ดูแลรักษาง่ายหายง่าย แต่ถ้ามีโรคจิต psychosis เป็นโรคทางจิตมากจะรักษายาก ผู้รู้ก็ต้องช่วยผู้ที่ไม่รู้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 11:08:11 )

ความเชื่อในพระเจ้า

รายละเอียด

ยิ่งในความมี“อิสระ”สูงสุด “เทฺวนิยม”ยังตกอยู่ใต้อำนาจ“พระเจ้า” จะทำตนเองให้สูง

เป็นที่สุดตามที่ตนต้องการ ด้วย“กรรม”ของตนเอง นั้นทำไม่ได้ ตนยังต้องต่ำกว่า“พระเจ้า”อยู่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:52:42 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:12:26 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:09:44 )

ความเที่ยงกับความไม่เที่ยงของโลกียะกับโลกุตระต่างกัน

รายละเอียด

บางคนเป็นโพธิสัตว์ ก็มีแต่พากเพียรให้เจริญยิ่งๆขึ้น ทิ้งความไม่เที่ยงมาเป็นความเที่ยง เพราะฉะนั้นผู้ที่ตรัสรู้หรือผู้ที่บรรลุความเที่ยง ในเรื่องของโลกุตระก็เที่ยง แต่โลกียะเขาไปหลงว่าเที่ยงแล้วแต่เที่ยงไม่จริง ของโลกียะนึกว่าเที่ยง อย่างพระเจ้า เป็นสมมติไม่มีตัวตน อย่างศาสดาทุกศาสดา นึกว่าตัวเองเที่ยงเป็นศาสดาถาวร ไม่จริง โลกุตระถึงจะรู้ว่า โลกียะนี้ไม่จริง เป็นศาสดาเที่ยง ไม่จริง

หรือการเป็นคนรวยเป็นต้น คุณจะรวยไปได้อีกกี่ชาติ ไม่จริงหรอก ชาตินี้ต่อให้คุณรวยอย่างสุจริตด้วย ก็ไม่เที่ยง เป็นสมบัติผลัดกันชม เปลี่ยนไป เป็นกรรมวิบาก 

เพราะคุณจะรวยคุณก็ต้องไปเอาเปรียบเขามา คุณต้องไปแย่งเขามา แล้ววิบากก็ดึงกันไปดึงกันมา สมบัติผลัดกันชม แย่งกันไปแย่งกันมา เหมือนเด็กแย่งตุ๊กตากันนี่แหละ ใครเก่งก็แย่งได้ โดยตามหลักเกณฑ์ของโลกของสังคมถือว่าสุจริต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 ตุลาคม 2565 ( 10:54:27 )

ความเที่ยงแท้ของการกำหนดรู้แบบสัมมาทิฏฐิและแบบมิจฉาทิฏฐิ!

รายละเอียด

 

ผู้“สัมมาทิฏฐิ”ก็คือ ผู้ที่บรรลุธรรม“อาริยสัจ 4”จบกิจ ทุกองค์จะตรงกันเป็น“หนึ่งเดียว” ดังนั้น “สัจจะ”จึงเป็น“หนึ่งเดียว”สำหรับผู้ที่“สัมมาทิฏฐิ” และบรรลุธรรมมี“นิพพาน”ตรงกันหมด จึงเป็น“หนึ่งเดียวด้วยกันทั้งหมด” ย่อมไม่แย้ง ไม่เถียงกันแน่ยิ่งกว่าแน่ส่วนผู้ที่ยัง“มิจฉาทิฏฐิ”ก็จะยังไม่จบลงด้วย“สัจจะที่เป็นหนึ่ง”นี้ จึงยังแย้ง ยังเป็น“2”ด้วย“อวิชชา”อยู่ จึงยัง“จบที่สัจจะอันเป็น 1 เดียว ไม่มี 2” ตรงตามผู้“สัมมาทิฏฐิ”ทั้งหลาย ไม่ได้ 

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2  หน้า 428 ข้อที่ 583


เวลาบันทึก 07 มิถุนายน 2565 ( 14:25:07 )

ความเที่ยงแท้ของโสดาบัน

รายละเอียด

ความเที่ยงแท้ของโสดาบัน  คือ เป็นพระอรหันต์ก็ต้องไม่ถอยแล้ว  นิจจัง ธุวัง สัสสตัง เป็นโสดาบันก็เที่ยงแท้ได้  นิยตะ  สัมโพธิปรายนะมีขีดอยู่ในเกณฑ์  ถ้าแบ่งร้อย ต้องแต่ 25% ก็ต้องมีแต่เจริญไป  ถ้าเสื่อมลงๆ ก็ตกกรอบ ต้องสูงขึ้นๆ จนถึง 50% เป็นโสดาบันที่สอบได้แต่ไปเรียนก็อาจหล่นได้ต้องได้ถึง 75% จึงเป็น นิยตะ เที่ยงแท้ ถ้าเลย 75% เป็นสัมโพธิปรายนะ โสดาบันนี้จะได้เป็นอรหันต์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 12:41:13 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:13:21 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 17:10:11 )

ความเที่ยงและความไม่เที่ยง

รายละเอียด

ความเที่ยงอย่างนิรันดรก็คือ เทวนิยม 

ความไม่เที่ยง ความไม่มีให้เที่ยงอีกแล้ว นิรันดร สูญ นิรันดร คือ สูญนี่ละเที่ยงเลย สูญนี้นิรันดร นิรันดรนี้คือเที่ยง แต่มันเที่ยงยังไม่มี คือ สิ่งที่ไม่มีนี่มันเที่ยง นี่ละยาก 

มหาบัวบอกว่านิพพานเที่ยง บอกว่าใครปฏิบัตินิพพานไม่เที่ยงนี้มันผิด ท่านก็พูดถูกของท่าน เพราะว่าท่านเอาความมี ท่านจึงจะมีไปอีกนิรันดร 

สติปุถุชนมีความตื่นรู้เต็มแต่ก็เต็มไปด้วยอวิชชา ภายนอกภายในไม่มีอะไรมัวซัว ไม่มีอะไรงง กระจ่างชัด ตื่นเต็ม แต่คุณก็ตื่นเต็มไปด้วยรากฐานของอวิชชา คุณก็หลงโลก พอตื่นขึ้นมาก็นึกว่าจะไปตีเมืองไหนดี จะไปเอาเมืองไหนที่มีทรัพย์สินมากจะต้องตีไว้ก่อน มีแต่คิดโลภโมโทสันกอบโกย สร้างตัวสร้างตนให้ยิ่งใหญ่

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 02 มกราคม 2563 ( 15:08:17 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 04:14:10 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 15:34:19 )

ความเที่ยงไม่เที่ยงตัดสินได้ด้วยองค์ประกอบของ กาละ เทศะ ฐานะ

รายละเอียด

แต่ของพระพุทธเจ้านี้สุดยอดอันนี้แหละ ภาวะที่ย้อนแย้งสรุปลงด้วยการจบตรงที่รู้จัก กาละ เทศะ ฐานะ ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นในความเที่ยงแต่ขึ้นด้วยองค์ประกอบ คำว่า กาละ เทศะ ฐานะ อาตมาย่นย่อมาสั้นที่สุดแล้ว หนึ่งคือการเคลื่อนของเวลาคือ กาละ

เทศะคือ สถานที่ สถานที่ในโลกนี้ไม่ตรงกันนะ จุดแต่ละจุดไม่ตรงกัน มีองค์ประกอบต่างกัน มีความร้อนความหนาว มีความเจริญความเสื่อม อย่าง ขั้วโลกเหนือ ปลูกต้นหมากรากไม้ไม่ได้ เป็นต้น อยู่ตะวันออกกลางก็ปลูกต้นหมากรากไม้ยาก แถวเอเชีย ปลูกได้ดี มันมีอีกเยอะแยะ และฐานะของบุคคล กาละ เทศะ ฐานะ ที่ ไม่เท่าเทียมกันเลย มีต่างกัน ฉลาดมากฉลาดน้อย ขี้โกงมากขี้โกงน้อย แค่ 2 คู่นี้ก็เหลือกินแล้ว อย่างนี้เป็นต้น ยิ่งเป็นโลกุตระกับโลกียะ ยิ่งเป็นคู่ที่ยิ่งใหญ่เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาพ 2 ของกฎหลักเกณฑ์กับพฤติกรรมจริง วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2565 ( 11:35:17 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์