@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ร้านหนังสือธรรมทัศน์สมาคมได้เปิดเพจร้านค้า

รายละเอียด

เนื่องจากภาวะโควิดระบาด จึงทำให้ร้านหนังสือธรรมทัศน์สมาคมต้องปิดร้านมาหลายเดือน เราจึงสร้างร้านค้าในเพจ”อโศกอักษร”ขึ้นทางเฟสบุค เพื่อโฆษณาขายหนังสือทางอินเตอร์เน็ต จึงอยากชักชวนให้ญาติธรรมและผู้สนใจเข้าไปเยี่ยมชมร้านหนังสือในเพจ”อโศกอักษร”ของเรา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:30 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:23:48 )

รู้ขั้นแยกสลายจิตเป็นอุตุนิยามจะให้เกิดหรือไม่เกิดต่อก็ได้

รายละเอียด

จิตก็แยกสลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลยเป็น ปรินิพพานเป็นปริโยสาน นี่คือสูงสุดเลยนะที่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า แต่ ถ้าจะไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็อยู่ได้ นี่คือหลักประกันของพระพุทธเจ้า หลักประกันของศาสนาพุทธโลกุตรธรรม ที่สร้างคน มันเกิดมาเป็นคนแล้ว ก็สร้างให้คนประเสริฐสุด ไม่มีตกต่ำเป็นธรรมดา จะอยู่ไปอีกกี่นิรันดรก็ได้ ถ้าคุณจะเอา อยู่แบบอมตะได้เลย 

นี่ไม่ใช่ภาษาโวหาร เป็นเรื่องจริง จะอยู่ได้โดยที่ไม่เป็นคนที่เป็นโทษภัยแก่มนุษยชาติอื่นใดเลย มีแต่เป็นผู้รับใช้สังคม เป็นผู้ที่ให้ประโยชน์แก่ผู้อื่น ตัวเองเป็นผู้เสียสละ เพราะตัวเองชัดเจนจริงๆเลยว่า ไม่เอา ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แม้แต่สุข ก็ไม่เอา ภาษาพูดได้แค่นี้ว่า สุขก็ไม่เอา ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 11:50:42 )

รู้ครบทุกอย่างเรียกว่าผู้เป็นกลางมัชฌิมาหรืออนุปคัมมะ

รายละเอียด

ถ้าไปเอียงดูด เอียงผลัก ไปเอียงผลัก คุณมีดูดมีผลัก คุณมีอย่างมากก็ยิ่งเป็น กาม เป็นปฏิฆะ มากเท่าที่คุณมีจิตเป็นจริงคุณก็เป็นจริงๆ คุณเข้าใจแล้วคุณเอาออกเรียกว่า เนกขัมมะทำออก อย่าให้มันดูดอย่าให้มันผลักมาก แต่มันมีอยู่ในโลกนี้แหละ เราก็อาศัยมัน รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็อาศัยมันทั้งนั้น สักแต่ว่าอาศัย เพื่อยังขันธ์ยังชีพไปเท่านั้น

ในนามธรรมในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเราไม่ดูดเราไม่ผลัก ก็ต้องเข้าใจอาการที่ไม่ดูดและไม่ผลัก เป็นกลางๆ เรียกว่าอุเบกขาหรือไม่บำเรอสุข ไม่บำเรอทุกข์ ไม่เป็นสุขไม่เป็นทุกข์ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ กลางๆ ภาษาเรียกว่ากลางๆกลางๆก็คือ ความบริสุทธิ์จากผลักหรือดูด กลางๆก็คือความบริสุทธิ์ไม่มีผลักไม่มีดูดไม่ไปเอียงข้างนั้นข้างนี้ รู้ครบทุกอย่างเรียกว่าผู้เป็นกลาง มัชฌิมาหรือ อนุปคัมมะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 12:05:11 )

รู้ความจริงตามความเป็นจริง

รายละเอียด

ที่พูดเป็นภาษาไปอาการกิเลสคืออย่างไรให้รู้อาการจิตเรา เช่นกิเลสมันเกิดหรือกิเลสมันจางคลาย หรือว่ากิเลสมันดับ เราก็ต้องรู้ว่าอาการกิเลสคืออย่างไร ตัวตนของกิเลสคืออย่างไร เช่น กามคุณ 5 มันเป็นอาการอย่างไร กระทบทางตา เอาละ..ดูด กระทบทางหูก็ดูดเอาแต่ที่ชอบๆ กระทบทางจมูกลิ้นกาย ดูดเอาที่ชอบ คุณก็เต็มไปด้วย กาม คุณไม่รู้หรือรู้แต่มันชอบ คุณก็เป็นตัวกาม เก่งที่สุดเขาเรียกว่ากามเทพ เทวฺะเจ้าของกาม มีลูกศรที่ทำด้วยเกสรดอกไม้หรือหยาดน้ำผึ้ง มันเป็นภาษา

คนจะหลงหยาดน้ำผึ้ง เกสรดอกไม้ที่มันหอม คนก็หลงเหล่านี้ก็คือกามนั่นเอง หอมหวาน กามเทพ เพราะฉะนั้นเราอย่าไปหลงติดยึดพวกนี้ มันมีรูปตามความเป็นจริง มันก็เป็นรูปของมัน มันมีกลิ่นตามความเป็นจริง มันก็เป็นกลิ่นของมัน มันจะเป็นเสียงก็ตาม มันก็เป็นเสียงของมัน มันเป็นรส แตะทางลิ้นมันก็เป็นตามที่มันเป็น สัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งอย่างไรมันก็เป็นตามที่มันเป็น เราก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงว่ามันเป็นอย่างนี้พอ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 11:59:28 )

รู้ความจริงตามความเป็นจริงเรียกเวทนาจริง

รายละเอียด

นี่เป็นวิธีปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ เพราะฉะนั้นแทนที่จะเอาแต่ดีแต่ชั่ว ก็มาหาเหตุที่ทำให้เกิดความหลงความสุขความทุกข์ จนกระทั่งรู้จริง มีอุปาทานเยอะแยะก็ลดอุปาทานลงได้ ล้างจางคลายอุปาทานได้ รู้จักจริงตามความเป็นจริง อุปาทานลดลงๆๆๆๆ จนหมดอุปาทานเป็นพระอรหันต์ ก็รู้ความจริงตามความเป็นจริง กระทบอะไรก็รู้สึก เรียกว่าเวทนาจริง 

ก้อนหินนี้ หินหนักกว่าโฟม แข็งก็รู้ตามความเป็นจริง เขาเอาสีมาทาหินก้อนนี้ เลยมีสีหลายอย่างก็รู้ตามนี้ ถ้าคนหลงสมมุติ อุปาทานว่าอย่างนี้สวยดี ก็เรียกไปว่าเป็นศิลปะอะไรไปอีก สวยดี มีเทคนิค สอนภาษาฝรั่ง มีเทคนิคมีวิธีการทำให้เป็นอย่างนี้อย่างนี้แล้วก็สมมุติว่าสวย พวกนี้ก็หลอกกัน นักศิลปะศิลปินก็หลอกว่าอันนี้สวย แล้วก็หลอกกันไปเป็นอุปาทาน ศิลปะในโลกนี้คือสิ่งที่หลอกกันทั้งนั้น หลอกว่าสวย หลอกว่า น่าได้น่ามี น่าเป็นอย่างนี้ เอาลิงมาตีนจุ่มสีแล้วเดินบนแผ่นกระดาษ เอารถจักรยานมาทับสีวิ่งบนกระดาษ เสร็จแล้วก็บอกว่านี่คือ ศิลปะ ก็ทั้งนั้นแหละมันก็หลงเลอะ สมมุติกัน ตีราคากันยึดติดว่าสิ่งนี้ยอดๆๆ ใครได้เป็นเจ้าของแล้วเท่ซะไม่มี ประมูลกัน ร้อยล้านพันล้านหมื่นล้าน เอาเงินไปถมกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 13:44:35 )

รู้ความเป็นธรรมดาได้ต้องรู้เวทนา 108 กรรมฐานของพุทธ

รายละเอียด

รวมแล้วโดยอวิชชา เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นได้ 3 แง่ นี่คือ 3 แง่ของเวทนาคู่แรก พระพุทธเจ้าท่านสอนเวทนา 108 มี 2 แง่ก่อน คือ กายิกเวทนา กับเจตสิกเวทนา มีกาย เกี่ยวข้องกับข้างนอก เรียกว่า กายิกเวทนา กาย เกี่ยวข้องกับภายนอกมีธาตุรู้ร่วมกันกับข้างนอกเป็น 2 

คำว่า กาย คำนี้แหละ มันจะเป็นอย่างเดียวเฉพาะร่างภายนอกไม่มีจิตไปร่วมเลย ไม่ได้ อันนี้แหละคือต้องสัมมาทิฏฐิในคำว่า “กาย” คำนี้ให้ได้ ถ้าสัมมาทิฏฐิตัวนี้ไม่ได้ เริ่มต้นสัมมาทิฏฐิตัวนี้ไม่ได้ แล้วก็นำมาเรียนรู้กับตัวเอง เรียกว่า สักกะ เข้าใจกาย หมายถึงสภาพภายนอกภายใน มีสัมผัส ต้องมีผัสสะ มีภายนอกภายในตลอด แล้วจะมีตัวที่ 3 รวมเป็นกิเลส มีจิต มีรูปนาม แล้วมีกิเลส ก็จัดการกิเลสออกให้ได้ก็คือทำเวทนานั่นแหละ มันปรุงแต่งเป็นสุข เป็นทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ ได้ทั้ง 3 แง่ เพราะฉะนั้นเวทนา 3 นี่แหละมันจะเกิดจากเหตุปัจจัย 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ 

เมื่อมันสัมผัสกันปรุงแต่งกันมันจะเกิดมีอาการ ของ สุข ของทุกข์ ซึ่ง หยาบภายนอก แล้วเรียกภายในอีกคู่ว่า โสมนัส โทมนัส แล้วอุเบกขาอีกอัน มันคือน้ำหนัก ดีกรีของความรู้สึก แยกให้เห็นเป็น 5 ระดับ ทุกข์ สุข โทมนัส โสมนัส อุเบกขา นี่คือเวทนา 5 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้เกิดกิเลสใกล้จะเกิดน้ำหนักของกิเลสแล้วรู้สึกเป็นเวทนาสุขทุกข์ โทมนัสโสมัสหรืออุเบกขา มากหรือน้อยท่านทำไว้ 5 ระดับ จะมากกว่านี้ด้วยซ้ำแต่ก็ให้รู้ขั้นหยาบนี้ไปก่อน 5 อย่างนี้คือ สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ สุขมาก ทุกข์มาก หรือโทมนัสโสมนัส ไม่สุขไม่ทุกข์ก็คือ อุเบกขา 

เกิดจากอะไร ก็เกิดจากทวาร 6 ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกระทบภายนอก มโนกับธัมมายตนะภายใน ทั้งหมด ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบไปเป็นคู่ ข้างนอก 5 คู่ หยาบ ต้องทำ เรียนรู้ก่อน ละกิเลสนี้ให้ได้ก่อน เมื่อละกิเลสภายนอกได้ก่อนกระทบอย่างไรกิเลสภายนอกก็ไม่เกิด แต่มันจะเกิดภายในเป็นรูปหรือเป็น อรูปที่เหลือ คุณก็ล้างไปตามลำดับ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังคมของคนที่ตายจากกิเลสจนเป็นพระอาริยะ วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2565 ( 11:36:34 )

รู้อภิภายตนะข้อที่ 1 ทั้งภายนอกภายในรู้ทั้ง ปริตตัง อัปปมาณา

รายละเอียด

คนที่จะเข้าใจอภิภายตนะ 8 ตั้งแต่ อภิภายตนะข้อที่ 1 รู้ทันทีเลยทั้งภายนอกภายใน รู้ทั้ง ปริตตัง รู้ทั้งอัปปมาณา รู้ทั้งสุพรรณะ ทุพรรณะ พร้อมกันไปหมดเลย นี่เป็นอภิภายตนะ ข้อที่ 1 แล้วสภาวะมีอย่างนั้นจริงๆ ที่อาตมาพูดไปนี้อาตมารู้จักสภาวะอย่างที่ว่าทั้งหมด ทั้งภายนอกทั้งภายในพร้อมกัน แล้วก็มีทั้ง ปริตตัง อัปปมาณา สุพรรณะ ทุพรรณะ มีหมด อาตมาพูดพยัญชนะเหล่านั้น สภาวะอาตมาก็ชัดเจนอยู่ ไม่ได้พูดแต่พยัญชนะเฉยๆ นี่เป็นอุตริมนุสธรรมจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2565 ( 13:34:55 )

รู้แบบไม่สุขไม่ทุกข์แต่รู้เรื่องดีชั่วตามสมมุติโลก

รายละเอียด

จิตไม่มีสุขไม่มีทุกข์ มีศาสนาพุทธเท่านั้น ที่รู้จักจิตจริงๆ มันเป็นอย่างนี้ มีสุขกับทุกข์ อาตมาจึงอธิบายแยกแยะโลกียะไม่มีความรู้เรื่องสุขทุกข์ มีแต่ความรู้เรื่องดีชั่วตามสมมุติของโลกของสังคมเท่านั้น ไม่ได้เรียนรู้เรื่องสุขทุกข์ สุดท้ายก็ยังหลงสุข เป็นสุขนิยม จะต้องเป็นสุข ตายไปแล้วจะได้อยู่กับพระเจ้า พระเจ้าอยู่ในแดนสุข ซึ่งเป็นเรื่องหลงเลอะเทอะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 11:54:22 )

รู้ในสิ่งที่มีและสิ่งไม่มีเป็นสิ่งสุดท้ายของศาสนา

รายละเอียด

อาตมาเองยังรู้สึกว่าเราจะทำอย่างไร ที่จะทำให้แต่ละคนๆ นั้นรู้ในสิ่งมีและสิ่งไม่มี เป็นสิ่งสูงสุดของศาสนาพุทธแล้ว ใช้ภาษาพูดได้คำว่ามี กับคำว่าไม่มี สุดท้ายแล้วผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ เป็นอรหันต์ขึ้นไปแล้ว ก็อยู่กับมัน อยู่กับความมีกับความไม่มี แต่ก็ไม่ได้ยึดทั้งความมี ไม่ได้ยึดทั้งความไม่มี จึงอยู่กับความทั้งมีและไม่มีอย่างสมมุติอีกทีหนึ่ง ส่วนปรมัตถ์หรือจิตของผู้นั้นที่เป็นอรหันต์ขึ้นไป เป็นโพธิสัตว์กี่ชั้นก็แล้วแต่ คือคนผู้ที่หมดคู่แล้ว หมดเทวะ หมดสภาพ 2 แล้ว จัดการกับสภาพ 2 ได้สมบูรณ์แบบ การจัดการกับสภาพ 2 ได้สมบูรณ์แบบนี้แหละเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 

ความรู้อย่างที่ว่าที่กล่าวไปคร่าวๆนี้ แต่มันลึก สูง สูงสุดด้วย เด็กๆมานั่งฟังแล้วก็คงยากจริงๆ นอกจากจะเป็นเด็กที่เป็นอัจฉริยะจริงๆ เป็นผู้ที่มีบารมีจริงๆ เขาฟังแล้วก็เข้าใจ เด็กที่มีความเดียงสาขึ้นไป เช่น อายุเลย 7 ขวบขึ้นไปแล้ว ก็จะรู้สาระนี้ เพราะฉะนั้นในสมัยพระพุทธเจ้า เด็กอายุ 7 ขวบเป็นอรหันต์ก็มีแล้ว รู้เดียงสาแล้วรู้ความจริงนี้ได้ นั่นเป็นเรื่องของ กาละ เทศะ ฐานะ ของพระพุทธเจ้า กาละนี้คงจะยากแล้วอาตมาไม่ใช่พระพุทธเจ้าด้วย ไม่สามารถทำให้เด็กขนาดนั้นบรรลุได้อีกด้วย ขนาดผู้ใหญ่ก็ยังยาก ไม่ใช่รู้ได้ 

กำลังจะพูดว่า เด็กๆ ที่ได้มาเรียนที่นี่ หรือแม้แต่เด็กๆที่เขาอยู่ที่นี่ ตั้งแต่คลอดอยู่ในนี้ แล้วก็โตมาในนี้ด้วย อย่าง น.ส.โมกข์ นายมะขาม อะไรอย่างนี้ นายขวัญเมืองราช นายชาติเมืองพุทธ (กระทง) พวกนี้ ได้มาอยู่ที่นี่จนกระทั่งชัดเจน แล้วในที่สุดแล้วเขาก็ชัด เขาไม่คิดอยากจะไปที่ไหนหรอก อยู่ที่นี่ เขาจะมีธาตุรู้ที่มีปฏิภาณปัญญาของเขาเองว่า มันเทียบได้ออกไปข้างนอกกับอยู่ที่นี่ เขาจะยังชีวิตของเขา เขาจะรู้เลยว่ามันยากกว่ากันมากเลย อยู่ในนี้ ยังชีวิตมันง่ายกว่ากันมากจริงๆเลย อยู่ข้างนอก ยังชีวิตไปยาก 

มีเรื่องสั้นของ O. Henry (โอ.เฮนรี่) เรื่องสั้น มีนายคนหนึ่ง เขาทำผิดจนกระทั่งต้องเข้าคุก เข้าคุกก็ทุกข์ทรมานในคุก ออกมาอยู่นอกคุก ก็เลี้ยงตัวเองทำมาหากินยากมาก เขาพยายาม สุดท้ายเขาทำผิดจนได้ ถูกจับเข้าคุกอีก พอหมดเวลาที่ติดคุก ก็ออกมาอีก ออกมาก็มาสู้ชีวิตอีก ยากอย่างเก่า ลำบากอย่างเก่า สุดท้ายดิ้นรนไปมา ทำผิดสังคมโลกอีก ถูกจับเข้าคุกอีก พ้นหมดอายุความที่ต้องอยู่ในคุกก็ออกมาอีก มาสู้ชีวิตข้างนอกอีก จนกระทั่งซาบซึ้งดีแล้วว่า ชีวิตข้างนอกนี้ยากกว่าอยู่ในคุก 

อยู่ในคุก ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องอาจจะไม่เรียบร้อยเหมือนข้างนอกเท่าไหร่ เขาก็ไม่เอาแล้วอยู่ข้างนอก ไปอยู่ในคุกดีกว่า อยู่ข้างนอกมันทรมานทรกรรม ต้องเลี้ยงตนต้องดิ้นรน ลำบากลำบนมากเลย คิดได้แล้วก็พยายามเข้าไปในคุกดีกว่า ก็พยายามจะกระทำความผิด เจตนาทำความผิด เพื่อจะให้ตำรวจจับเข้าคุก เช่น ไปแย่งอาหารเขากินเลย เขาก็ไม่ว่าอะไร ตำรวจก็ไม่จับ เพราะว่าเจ้าทุกข์เขาก็ไม่ว่า เขารู้จักหน้าตาดี เอาของไปเขาก็ไม่ว่าอะไร 

หนักเข้าทำแรงกว่านั้น ทุบตู้กระจกเขาและเอาอาหารมากินอีก เขาก็ไม่จับอีก จนกระทั่งทำร้ายร่างกายเขาด้วย เขาก็ไม่เอาเรื่องอีก เหนื่อยมากเลย ก็อยากจะเข้าคุก ทำไมไม่ถูกจับเข้าคุกสักที เหน็ดเหนื่อย เข้าไปในสวนก็ไปนอนที่ม้านั่งสาธารณะเพราะมันเมื่อย เสร็จแล้วตำรวจก็มาจับ ถามว่าผิดอะไร ตำรวจบอกว่าผิดในการนอนในที่สาธารณะ เวลานี้เขาห้ามแล้ว ก็มานอนสบายๆ ไม่ได้ทำร้ายใครเลยถูกจับเข้าคุกไปเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 31 วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 15:36:49 )

ฤทธิ์ ในพระพุทธศาสนา

รายละเอียด

คือ ฤทธิ์ที่ ระงับ ดับกิเลส เพื่อไปสู่ นิโรธ  วิมุติ   วิโมกข์ นิพพาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:46:35 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:08:14 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:39:37 )

ฤทธิ์กองกิเลสเท่าภูเขาแต่ก็เดินได้เหมือนไม่มีอะไร

รายละเอียด

ผุดขึ้นหรือดำลงไปในแผ่นดินก็ดำไปได้เหมือนน้ำ เดินบนน้ำเหมือนเดินบนแผ่นดิน คู่กัน ดำผุดดำไปในแ่ผ่นดินแข็งๆ หรือดำไปในภูเขาได้ หรือจะน้ำมีถ่วงจำเพาะคนละระดับเราไปเดินก็จมแต่นี่เดินบนน้ำได้สบายยิ่งกว่าแมงมุม  ยกตัวอย่างแมงมุมมาประกอบ ที่จริงเรามี อิทธิวิธญาณ สามารถที่จะมีฤทธิ์พลังกองกิเลสเท่าภูเขาเราก็เดินผ่านไปได้เหมือนมีที่ว่างไม่ติดไม่สัมผัสอะไรเลย กองภูเขาเราก็ไม่มีปัญหาเหมือนเดินไปในที่ว่างหรือจะไปอยู่ด้วยดำลงไปขึ้นมาก็ได้ เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนแผ่นดิน น้ำหนักมากกว่าน้ำมันก็จม แต่เราเดินเหมือนกับเดินบนแผ่นดิน เปรียบเทียบกับวัตถุมันอย่างนั้นก็หมายความว่า ในดินแดนของโลกที่เป็นโลกอบายมุขก็ตามโลกของกามคุณก็ตาม เราเดินไปสิ่งเหล่านั้นสำหรับเราก็ไม่ติดเราลอยตัวอยู่เหนือสิ่งเหล่านั้นหมดเลย เดินบนน้ำเหมือนเดินอยู่บนดิน ถูกมันดูดลงไปก็ไม่ได้เราจะอยู่ร่วมกับมันก็ได้ไม่ขึ้นไม่ลงไม่หายไปจากกันเกี่ยวข้องกันอยู่แต่ไม่เกี่ยวข้อง เกี่ยวข้องแต่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่หยั่งลงในที่หลงเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 10:42:09 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:08:53 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:41:04 )

ฤทธิ์ของโควิด

รายละเอียด

มันดีอย่างไร มันจัดการความดีให้เห็น คนที่มีคุณธรรมความดีจะรอด คนที่ไม่มีคุณธรรมความดีจริงแล้วจะไม่พ้นฝ่ามือโควิด จะโดนโควิดกวาดล้าง แต่ก็อยู่ที่ในช่วงยังไม่จบ สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ก็ระวังตัวเราเองก็แล้วกัน มีอะไรจะเข้ามาแพร่พันธุ์เหตุการณ์มันได้พิสูจน์ เหตุการณ์ที่ระยอง การทูตที่ใช้อภิสิทธิ์ต่างๆ มันเป็นโจทย์ที่ทำให้พวกเราได้เตรียมตัว ทำเป็นเล่นไปไม่ได้นะเรื่องของอภิสิทธิ์ต่างๆนานา ถึงบทจะเคร่งครัดเอาจริงเอาจังก็ต้องทำไปเล่นกับมันไม่ได้โควิด มันเอาจริง เพราะฉะนั้น คนที่รู้ฤทธิ์เดชของโควิดดี จะมาทำพูดเหยาะแหยะอวดดิบอวดดีไม่ได้หรอก ก็ดูไปเราไม่ใช่พวกดูไบ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 14:00:39 )

ฤทธิ์ของโควิดทำลายความยึดมั่นถือมั่น

รายละเอียด

หรือแม้แต่เชิงอื่นหลายอย่างที่แสดงออกให้เห็นจากฤทธิ์ของโควิด แม้แต่เงินก็สำคัญลดลง แม้แต่น้ำมันก็สำคัญลดลง อะไรอย่างนี้เป็นต้น มันเก่งจริงๆ คนอื่นจะเห็นอย่างนี้ด้วยหรือเปล่าว่า ที่มีความยึดมั่นถือมั่นนั้นไม่ใช่นะ พวกคุณรู้สึกอย่างนั้นไหม หรือแม้แต่จะเรื่องอาวุธก็ตาม รู้สึกว่ามันลดความสำคัญลงมา มันทำให้อาตมาเห็นตัวผลสำเร็จหรือเป้าที่มนุษย์เขาดำเนินชีวิต อย่างระบอบคอมมิวนิสต์ เห็นว่าสุดท้ายแล้ว มีตัวอย่างคิมจองอึน สุดท้ายมันยิ่งกว่าสมบูรณาญาสิทธิราชเลย สืบทอดจากปู่มาสู่ลูกหลาน แล้วยังมีความรุนแรงทางการเมือง อะไรอีก ควบคุมอาวุธยุทธภัณฑ์ต่างๆนานาสารพัด แล้วมีความสำเร็จสำราญมีอะไรเป็นของส่วนตัวที่ได้อภิสิทธิ์ จนกระทั่ง ถ้าเผื่อว่าไม่เกิดโควิดครั้งนี้ ก็ไม่เห็นรายงาน จากที่เขาถ่ายภาพจากดาวเทียม 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2563 ( 13:32:30 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:22:04 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:41:55 )

ฤทธิ์เดชแบบมีมโนมยอัตตาเป็นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

ก็เหมือนกับไอน์สไตน์ที่มีของเก่า ดร.อาจองนั้นก็ใช้ของเก่า ซึ่งเขายังใช้แบบฤทธิ์เดชมีมโนมยอัตตา หากว่าดร.อาจองเข้าใจสัมมาทิฏฐิจริงจะมาหาอโศกนานแล้ว

อย่างไสยบาบา ที่ควักนาฬิกาโรเล็กซ์ออกมาจากอากาศได้ ซึ่งหากว่าควักออกมาได้จริง เอามาจากคนอื่นมันก็เป็นการขโมยมันก็บาป แต่หากว่าเอาแบบไม่ได้ขโมยก็ทำแบบปลอมจากโรงงานซึ่งมันก็ผิดอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:26:18 )

ฤาษี เดียรถีย์

รายละเอียด

คือ หลีกลี้หนีผู้คน ไปอยู่กับความสงบเงียบ ความสุขสงบ แบบนั่งนิ่งๆ เป็นอวิชชา ไม่ใช่วิชชา และการนั่งสะกดจิต ดับจิต หลับตา

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 77และ หน้า 84


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 14:07:11 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:40:06 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:42:34 )

ฤาษี ไม่มีสิทธิ์ทำธาตุจิตให้เป็นอุตุหรือเป็นพีชะได้

รายละเอียด

ก็ขออธิบายคุณสติพลฟังให้ดีๆ ฤาษี ไม่มีสิทธิ์ทำธาตุจิตให้เป็นอุตุหรือเป็นพีชะได้ แต่คุณสติพล แต่เข้าใจว่า ธาตุอุตุคือธาตุหยุดธาตุสงบ มันจะไม่เกิดแล้ว ที่จริงมันยังเกิดอยู่มันจะไม่เกิดไม่ได้ มันไม่ได้แยกธาตุนั้นให้เป็นธาตุที่มีคุณสมบัติที่เป็นอุตุ เป็นธาตุดินน้ำไฟลมจริงๆ เทวนิยมไม่มีปัญญา ไม่มีความรู้ ไม่มีธาตุรู้ที่จะแยกจิต เจตสิก รูป นิพพาน หรือจะแยกเวทนาในเวทนา 108 ทำลายเคหสิตเวทนา โดยทำลายเหตุที่ตัณหาลงไปได้ แล้วทำให้ตัณหาดับลงไปจริงๆ จิตมันจึงจะเป็นธาตุอุตุ แต่ก่อนจิตเรามีชีวิตินทรีย์ อยู่กับสิ่งที่เราติดยึด ทีนี้ การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้ามีรูป 28 หรือ อุปาทายรูป 24 ก็อ่านจิต ปฏิบัติแยกแยะจิตตัวเองในขณะสัมผัสจริงเกิดจริง แล้วก็เห็นจิตของเราขณะนี้มีชีวิตินทรีย์ แล้วมันมีความมีชีวิตของธาตุชีวของจิตตัวสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ ของกิเลสตัวนี้ อยู่ จึงสามารถทำให้กิเลสตัวนี้ตาย ตัวกิเลสตัว สักกายะ กิเลสของตนนี่มันเห็นอยู่หลัดๆ แล้วก็มีพลังปัญญา ทำลายคือเผาเลยนะ พลังปัญญา คือฌานนี่แหละ เผาจนกระทั่งถึง ปุญญะ ถึงขั้น สำเร็จ กิเลส ตาย ปุญญะ คือ กิเลสตาย จนกระทั่งปุญญะ ทำให้กิเลสตาย จนกระทั่งสั่งสม ผล อนุรักขนาปธาน จนมันตายแบบไม่มีสิทธิ์จะเกิดอีกเลย ตายแล้วตายอีก ปฏิบัติซ้ำๆๆ ให้รู้ว่ามันตายสนิท ตายด้วยการ ย้ำซ้ำทำความตายให้มันตาย มันจะเกิดอีก จนไม่เหลือจะมีพลังงานเกิดและ 2 มีพลังงานปัญญา รู้ว่าไม่เหลือพลังที่จะเกิดอีกแล้วเด็ดขาด จึงใช้คำว่า นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)ซ้ำซ้อนไปเลย ยืนยันเลยว่า นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน Forever) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) นี่คือสัจจะตัวแท้ตัวจริงของความจริงและความรู้ ที่รู้จักธาตุที่สังขารปรุงแต่งกันและทำให้มันไม่ปรุงแต่งกันเลยเป็นอุตุธาตุ หรือให้เป็นพีชธาตุได้ แม้เราทำอุตุได้ แต่ เราให้เป็นพีชธาตุได้ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ก็รู้ตัวที่ไม่เป็นประโยชน์เลย ไม่ต้องอาศัยไม่ต้องมาเกิดด้วยกันอีกเลยก็ไม่ต้อง ตัวไหนทำเป็นอุตุได้แล้วเราไม่ต้องใช้เลยก็ไม่ต้อง จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ให้อาศัย ถ้าสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ตัวเองที่จะต้องอาศัยอยู่ดินน้ำไฟลมเป็นต้น เป็นสังขารร่างกายมีธาตุดินน้ำลมไฟกับจิตวิญญาณ สังขารสังเคราะห์กันอยู่ ก็ใช้ไป ใช้ไปแล้ว มันก็จะเสื่อมเป็นธรรมดา ถึงเวลามันก็จะสูญ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:44:34 )

ฤาษีริชชีสอนธรรมะสมาธิที่อเมริกา

รายละเอียด

ฤาษีริชชี จากอินเดียไปสอนธรรมะสมาธิที่อเมริกา คนก็นิยมกันมากเพราะคนอเมริกันวุ่นวายฟุ้งซ่าน จนคนนิยมนับถือ ทำให้เขาร่ำรวย ฤาษีริชชี่ ก็เลยร่ำรวยมากมีรถโรลซ์รอยไม่รู้กี่คัน สุดท้ายเขาจับได้ว่าหลอกก็เลยต้องหนีไปตายที่อินเดีย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 แรม 7 ค่ำ เดือน 8 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 14:03:16 )

ลงคะแนนเสียงครั้งนี้ ตัดสินใจตรวจสอบให้ดีๆ อย่าผิวเผิน

รายละเอียด

เมืองไทยจะว่าไปแล้ว ถ้ามองอย่างดีๆก็ได้ เขาก็เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ให้คนใหม่ที่เขาอยากทำ ก็อย่าไปดูถูกเขาให้เขาลองฝีมือบ้าง มองดีๆ ถ้ามองให้ลึกซึ้งขึ้นไป เอ๊..เมืองไทยมันเป็นของเล่นหรือเปล่า อยากให้ใครมาเล่นอะไรก็เล่น มันเป็นของเล่นหรือเปล่า แล้วตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งเล่นหรือเปล่า ตำแหน่ง สส.ก็ดี ยิ่งตำแหน่งนายกก็ยิ่งกว่า จะเป็นตำแหน่งเล่นๆได้หรือเปล่า 

มันไม่ใช่ของเล่นนะจ๊ะ ทำเป็นเล่นไป เราพัฒนาประเทศเจริญมาถึงขนาดนี้ เหตุปัจจัยที่จะพัฒนาไปต่อ ก็ยังเป็นเหตุปัจจัยที่ดีที่ยังเต็มที่ ยังไม่เสื่อมทรุด ยังไม่ได้อะไร นอกจากปากหอยปากปู คนที่จะมาดิสเครดิตไปเฉยๆ ผิดถูกก็ว่าไป ถล่มทลาย ดูถูกดูแคลน ข่มกันเฉยๆ มันไม่เอาความจริงมาพูด ก็แล้วไปเถอะ เรารู้ความจริงแล้วมันควรจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นก็ขอเตือนสติประชาชนทั้งปวง อาตมาว่า 14 พฤษภาคม การลงคะแนนเสียงครั้งนี้ ตัดสินใจตรวจสอบให้ดีๆนะ อย่าผิวเผินไปถูกหลอกถูกครอบงำทางความคิด ที่มันมีแต่ละพรรค แต่ละเจ้า ต่างก็มีเหตุผลมาหลอกเยอะเลย เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่หลอกปฏิบัติจริงดำเนินจริงมีผลงานจริงอะไรต่ออะไรจริง ตรวจสอบให้ดีๆอย่าทำเป็นผิวเผิน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าการเลือกตั้ง 2566  วันพุธที่ 19 เมษายน 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2566 ( 12:33:24 )

ลงตัวดีที่สุดด้วยคำ 8 คำ

รายละเอียด

มาพูดถึงเหตุที่เข้าใจง่ายกันก่อน ที่อาตมาเตรียมมาพูดไว้คือ 

1. จุดจบที่เป็นจุดที่สุดของความลงตัว เรียกว่า ความเป็นประชาธิปไตยความเป็นเศรษฐกิจความเป็นสังคม เขายังไม่รู้ แต่อาตมาก็บอกแล้วว่าเมืองไทยมันมีจุดจบ มันมีจุดลงตัว มันมีจุดที่เป็นประชาธิปไตย มันเป็นจุดที่มันเป็นเศรษฐกิจ มันเป็นจุดที่สังคมมนุษยชาติลงตัวดีที่สุดแล้ว ลงตัวดีที่สุดด้วยคำ 8 คำที่พูดไปแล้วคือ 

อิสรเสรีไม่มีใครเหมือน ไม่มีเหมือนประเทศไหนก็ไม่เหมือน อิสรเสรีไม่มีใครเหมือน สบายแล้ว สัปปายะ 4 สงบแล้ว สงบอย่างตื่นๆไม่ใช่สงบอย่างหลับๆ สงบที่รู้โลกมีโลกวิทู มีประโยชน์ต่อเขาด้วย อบอุ่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น เราทำตลาดอาริยะ อบอุ่นไหม อิ่มเอมไหม เกษมใสไหม เพราะมีใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:44:25 )

ลงตัวเลข 8

รายละเอียด

วันนี้วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ อาตมาเกิดวันอังคาร วันอังคารก็เลข 3 ถึงวันนี้อายุ 88 ปี 8 เดือน 8 วัน อาตมาก็เกิด 8 ค่ำ และอาตมาก็ทำงานมาได้ 53 ปี เลข 5 + 3 ก็ 8 อีกด้วย มันก็ลงตัวกันหมดดีนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2566 ( 20:04:42 )

ลงทุนลงแรงมากแต่ได้มิจฉาผล

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น เมื่อไปแปลหรือเข้าใจคำว่า ภาวนาผิดเพี้ยนไปเป็นเหตุแล้วก็ปฏิบัติแต่เหตุกันนี่ ก็ได้แต่ภาวนาแล้วไปได้มิจฉาผลดับดิ่งๆๆๆๆๆ คุณก็ได้แต่มีแต่จมกับจม ดำกับดำมืดเข้าไป ลงไปหาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า หายไปเลย แม้แต่พระพุทธเจ้ายังตามช่วยไม่ได้คิดเอาแล้วกัน มันก็คือใช้ภาษาเรียกง่ายๆ สุดมหาซวย อย่างนี้ก็แล้วกัน 

อาตมาพูดนี้รู้สึกเขาน่าสงสารจริงๆ  เขาต้องการ เขาอุตสาหะวิริยะนะ กว่าเขาจะได้ขนาดนี้ก็ลงทุนลงแรงมากทั้งนานวันนานปีนานชาติ แล้วไปได้มิจฉาทิฏฐิไปได้มิจฉาผล แล้วมันไม่สุดสงสารจะทำอย่างไร คนไม่ได้มุ่งหมายปฏิบัติต้องการนิพพาน ต้องการนิโรธหรือใฝ่ดีนี้ ไปบ้าๆบอๆทางโลก อย่างนั้นก็ไม่น่าสงสารหรอก มันโง่สุดโง่ แต่นี่เขาก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดนั้น เขาก็ไม่ได้มานั่งทำลายอะไร แต่พวกทำลายนั้น จะว่าไม่สงสารก็ไม่มีความสงสาร เพราะว่ามันมากเกินไป อาตมาไม่มี หมดสงสารจะให้เพราะไปนับวัฏฏะที่จะหมุนวนของเขาไม่ได้เลย แต่อย่างนี้พอพูดกันรู้เรื่องมันรู้จักวงวนของวัฏสงสารว่า คุณจะพอตื่นขึ้นมาได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47  วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 14:42:03 )

ลงบัญชีขึ้นเรือนาวา โนอาห์ หรือนาวาบุญนิยมให้ได้ 

รายละเอียด

ก็จึงต้องมาทำกันต่อไปนี่ ก็มีในหลวงรัชกาลที่ 9 ช่วยอาตมาส่วนหนึ่งไปแล้ว นอกนั้นอาตมาก็รับเหมาเละเลย ทำไปเพราะในโลกยุคต่อไปนี้ใกล้กลียุค ผู้ที่จะรอดก็คือผู้ได้โลกุตรธรรม ในยุคที่มีไฟบรรลัยกัลป์ หรือ ทางศาสนาคริสต์บอกว่าน้ำท่วมโลก แต่ทางเอเชียศาสนาทางนี้จะบอกว่าไฟจะไหม้เป็นไฟบรรลัยกัลป์เป็นสำนวนก็คือมันฆ่ากันบรรลัยจักร ตายกันไปหมด ทางตะวันตกก็บอกว่าน้ำท่วมโลก คนก็ตายอย่างเย็น เขาทำทีว่าตายอย่างเย็น แต่แท้จริงมันจะตายอย่างร้อน ทางตะวันออกจะตายอย่างไฟประลัยกัลป์ไหม้หมด นี่เป็นสำนวนตายอย่างร้อน มันเป็นเช่นนั้น 

ไม่มีอะไรจะไปห้ามความจริงอันนี้ ไม่เกิดไม่ได้ มันต้องเกิด เพราะฉะนั้นพวกคุณจะรอดจากไฟประลัยกัลป์ จะรอดจากน้ำท่วมโลกได้ ขึ้นนาวา ขึ้นเรือโนอาห์ ขึ้นนาวาบุญนิยม..รอด มีจำนวนหนึ่งเท่านั้น เป็นผู้ลงบัญชีขึ้นเรือนาวา โนอาห์ หรือนาวาบุญนิยมให้ได้ 

ไม่ได้ขัดแย้งกันหรอกระหว่างเรือนาวาบุญนิยมกับเรือโนอาห์ นี่เป็นเรื่องจริง ซึ่งผู้ที่ยังไม่เข้าใจถึงเนื้อหาสาระที่แท้จริง ก็ขยายความ แล้วมันห้ามไม่อยู่หรอก มันจะต้องเป็น มันเป็นสัจจะที่ถึงยุคกาลที่จะต้องเป็นอย่างนี้ ทุกอย่างจะต้องหมุนเวียนมา น่าจะเป็นเช่นนี้ อยู่ในนิรันดร์กาล ช้าหรือเร็ว แล้วแต่องค์ประกอบสัดส่วนของกาละ เทศะ ฐานะ มันก็จะเป็นไปตามนั้น 

ผู้ที่จะสามารถขึ้นเรือนาวาบุญนิยม เรือโนอาห์ได้สำเร็จ ก็ติดตามอาตมาที่จะให้ความรู้ความจริง ปฏิบัติเอาให้ได้ทัน ให้พอเพียงมากพอที่จะถูกคัดเลือก ให้เป็นสมาชิกขึ้นเรือนาวาบุญนิยมได้หรือขึ้นเรือโนอาห์ได้ โดยสุจริต โดยสัจธรรม 

จำนวนจำกัดอยู่นะ ผู้ที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังเลยก็หมดสิทธิ์ ขออภัยต้องพูดถึง เทวนิยมนี้หมดสิทธิ์ ตายหมด เหลือมาทางตะวันออก เหลือมาทางเอเชีย โดยเฉพาะเหลือมาที่ประเทศไทย มีเป็นสมาชิกได้ ใครแน่ใจว่าตัวเป็นสมาชิกได้ก็ดี แต่ยังไม่แน่ใจแล้วอย่าประมาท 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:17:27 )

ลดกิเลสกาม

รายละเอียด

กามต่อมาก็ลดละได้เหมือนอบายมุข เรื่องเพศเรื่องผู้หญิงผู้ชาย มันจะหมดรสชาติจริงๆจนเฉยๆ ก็จะเห็นแต่เสียเวลาเสียแรงงาน ไม่เห็นจะเกิดอะไร มันจะเห็นจริงเป็นจริงเลยจะลดลงๆ ก็จะลดกาม 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:50:58 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:10:19 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:43:07 )

ลดกิเลสตามลำดับจากนอกสู่ในกับศีลข้อที่ 1 ด้วยนาม 5

รายละเอียด

ต้องปฏิบัติ ศีลข้อที่ 1 ปฏิบัติการเกี่ยวข้องกับสัตว์สัมผัสกับสัตว์และคุณก็จะต้องรับรู้มีเวทนามีสัญญากำหนดหมายรู้เจตนา แล้วก็ทำใจในใจ เพราะคุณมีนาม 5 คุณมีเวทนา มีสัญญา มีเจตนา มีผัสสะ มนสิการก็ทำใจในใจได้ เมื่อคุณมีผัสสะมีเวทนา  เกิดเวทนาสัญญาก็กำหนดหมายอ่านเจตนาให้ออก จิตคุณมีเจตนา 3

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 15:18:23 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:12:14 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:43:39 )

ลดกิเลสได้จริง สามารถไปประท้วงรัฐบาลชั่วให้ออกไปได้

รายละเอียด

เช่น อาตมานำเอาความจริงอันนี้มาปฏิบัติประพฤติ ไปประท้วงปฏิวัติรัฐบาลทรราชย์ด้วยหลักอันนี้เลย เอาแต่ความจริง ไขความจริงออกมาให้มากๆ หมดๆ  จนทางโน้นจำนนความจริงว่าเขาชั่วจริง เขาผิดจริง เขาหมดสิทธิ์ที่จะเป็นจริง ประชาชนรับรู้ ประชาชนเข้าใจแล้วว่าผิดจริง รัฐบาลทรราชย์จริง จึงรวมตัวเป็นมวลชาวประชาธิปไตยเห็นพ้องกันเป็นพลังมวลของประชาชน ยอมรับอันนี้ว่าเป็นความจริงถูกต้องอันนั้นผิดอันนั้นออกไป ทรราชย์จึงเข้าไม่ได้ ทรราชย์จึงต้องระเห็จออกไป 

นี่เอาพฤติการณ์จริงของสังคมประเทศชาติที่ได้ทำมาแล้ว ไม่ใช่ปฏิวัติหรือประหารรัฐบาลเดียว แต่ประหารตั้งหลายรัฐบาล นี่เป็นเรื่องของประชาธิปไตยเมืองไทย เอาความสงบสยบความรุนแรง เอาความจริงเข้ามาไล่ความผิด แล้วเขาก็จำนนในความผิดของเขาอย่างเรียบร้อยราบเรียบ ราบรื่นง่ายงาม ไม่เกิดอะไร นอกจากพวกที่ Error มายงมายิงกันก็คือพวกรัฐบาลทรราชย์นั่นแหละทำ พวกเราไม่ได้ไปทำเลย ไม่ได้ไปสร้างความรุนแรง แต่พวกนั้นไปสร้างแรงกระเพื่อมเอง ในรายละเอียดเป็นเช่นนี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องสูงส่ง 

นักรัฐศาสตร์จบด็อกเตอร์มาก็ไม่รู้ว่านี่คือสิ่งที่เกิดจริงเป็นจริงปรากฏการณ์ ที่เกิดในไทยแล้ว เป็นรัฐศาสตร์ตัวอย่างของโลก พิสูจน์ตามกฎสากลหรือว่าความสงบสยบความรุนแรง อย่าไปสร้างความรุนแรง ผู้ชนะด้วยความสงบชนะด้วยความไม่มีอาวุธเอาแต่ความจริงมาเป็นตัวชนะ ยังไม่มีใครทำได้นอกจากประเทศไทย ประเทศไทยจึงเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบเท่าที่มันสมบูรณ์ที่สุด เท่าที่มีในโลกในปัจจุบันนี้ ใน 200 กว่าประเทศ ที่เป็นประเทศประชาธิปไตย อาตมาพูดอย่างนี้ นักภาษาศาสตร์ฟังแล้วเอาไปตรวจสอบความเป็นจริง ไม่ใช่ดูถูกดูแคลนว่าอาตมาไม่ได้เรียนจบด็อกเตอร์ทางรัฐศาสตร์ ไม่ได้มีความรู้ ไม่ได้เคยปกครองบ้านเมืองอะไรต่ออะไรไป อาตมาไม่ต้องปกครองบ้านเมือง ไม่ต้องปกครองมวลเท่านั้น อาตมาปกครองพวกโลกุตระ ถ้าจะว่าจริงๆซับซ้อน ยากกว่าพวกที่จะมาปกครองโลกียะอยู่ พูดแล้วเหมือนน่าหมั่นไส้แต่เป็นเรื่องจริง ก็มีตัวอย่างเป็นมาได้ถึง 50 ปีแล้วแหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 36 แยกกายแยกจิตอย่างไรให้ถึงอรหันต์ วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 14:49:10 )

ลดกิเลสได้จึงจะเป็นคนศิวิไลซ์หรือคนอาริยะ

รายละเอียด

เพราะงั้น สิ่งที่ประเสริฐพิเศษเหล่านี้ ทำให้มนุษย์เข้ามาศึกษา อาตมายังมีความหวังไกลๆ เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์อยู่ว่า ประชาชนในโลกไม่ใช่แต่ในประเทศไทย จะหันมาศึกษารัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ก็ตาม อะไรที่เป็นศาสตร์แบบโลกุตระหรือแบบบุญนิยม 

ที่ว่าแบบบุญนิยมคือ เป็นลัทธิที่ตัดกิเลสเป็นหลัก ฆ่ากิเลสได้จริงๆ บุญนี่ ซึ่งจะต้องมาศึกษาอย่างนี้ ให้มาเรียนรู้กิเลสแล้วฆ่ากิเลสจริงๆ และกิเลสลดนี่แหละ มันจะเป็นคนศิวิไลซ์ เป็นคนอาริยะ ที่เขาไปใช้คำว่า อารยะ หรืออริยะ บ้าง มันเพี้ยนแล้ว อาตมาก็ไม่ใช้กับเขา อย่างมหาบัว จะใช้อริยะ ท่านก็ว่า ท่านวิเศษเก่งแบบท่าน อารยะ แบบสังคมทุนนิยมทั่วไป โลกียะสามัญ เขาก็เจริญด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ด้วยความซับซ้อน อารยะของเขาก็เป็นแบบนั้น หรืออริยะฟังธรรมะจิตวิญญาณก็เป็นแบบเทวนิยม อย่างมหาบัว อย่างธัมมชโยพวกนี้ นี่ธัมมชโยก็ยังเป็นคณะใหญ่ 

ตอนนี้ก็ต้อง อาตมาก็ไม่พูดดีกว่า คือจะพูดเรื่องรัฐบาลจัดการธรรมกาย ไม่พูดดีกว่าปล่อยให้เป็นไปตามสัจธรรม จนทุกวันนี้ยังไม่รู้เลย หัวหน้าใหญ่เป็นตายร้ายดีอย่างไร หายตัวไปเลย กลายเป็นเรื่องที่เขาว่าเห็นไหม มีฤทธิ์เดชหายตัวได้ ไม่มีใครจับได้เลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 20:30:18 )

ลดกิเลสได้เราจะเป็นนักการเมืองที่ดี อย่างอาตมาสร้างนักการเมืองให้แก่สังคม

รายละเอียด

พูดไปคนสับสนวุ่นวายเพราะไม่รู้จักกิเลสตัวเองหลงในลาภยศก็เป็นกิเลส มาได้เป็นตัวกูของกูก็คือลาภยศเป็นตัวหลัก สรรเสริญ นินทาก็มีแค่นี้ เพราะฉะนั้นคนเรียนรู้ลดกิเลส ลดกิเลสได้เราจะเป็นนักการเมืองที่ดี อย่างอาตมาสร้างนักการเมืองให้แก่สังคม ทุกวันนี้คุณไม่อยากจะไปเล่นการเมืองหรอก เพราะเข้าไปก็จะไปวุ่นวาย ต้องไปต่อสู้กับพวกเสือสิงห์กระทิงแรดมันหนักมันไม่ไหว ทนต่อการกระทบสัมผัสไม่หวาดไม่ไหว เราก็อยู่กับพวกเรานี่แหละแล้วก็มีการเมืองที่ควบคุมได้ อาตมาเป็นนักการเมืองเบอร์หนึ่งของชาวอโศก ได้รับเลือกตั้งโดยไม่ต้องเลือก เลือกให้เป็นนายกฯนะอาตมาเป็นนายกฯ เป็น นายกฯ ที่จริงคำว่า นายก เป็นคำกลางๆ จริงๆมัน นายกอ มันคือนายกะ แปลว่าผู้นำ อาตมาเป็นผู้นำเป็นหัวหน้านำพาสู่ความสงบร่มเย็นในการเป็นอยู่สร้างสรรที่ดี มีการกระจายผลผลิตออกสู่สังคม หรือใช้กินอยู่ในสังคมเราอย่างดี และเพียงพอมีการเผยแพร่จำหน่ายแจกแก่คนอื่นภายนอก มันเป็นคุณสมบัติของมนุษย์ธรรมดาที่รู้ความจริงแล้ว มันอยู่ที่จิตที่โลกกอบโกยตะกละตะกรามหวงโลภมาก อะไรๆก็จะต้องได้เยอะมาก โดยเฉพาะถูกล่อหลอกว่าจะต้องเป็นธนบัตรเป็นเพชรเป็นทองเป็นวัตถุที่มันแพง แปรรูปเป็นทรัพย์สินได้มากขึ้นเขาก็สะสมๆ กอบโกยให้มาก จนทุกวันนี้วิธีการที่จะเป็นเจ้าของมันเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างเช่นระบบหุ้น มันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเลย เมื่อเราลดละความโลภความเห็นแก่ได้ ไม่ยึดถือว่าธนบัตรเป็นของสำคัญอะไร แม้แต่สิ่งที่เป็นวัตถุจริง เป็นเพชรเป็นทองเป็นวัตถุที่มีคุณสมบัติที่หายาก ตีราคาแพงตามแต่นิยม ตามแต่ตั้งราคาเท่านี้เอง พระพุทธเจ้าสอนว่าสิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่ปัจจัยชีวิต ปัจจัยจำเป็นชีวิตคืออาหาร อาหารที่สำคัญที่สุดคืออาหารการกิน กวฬิงการาหาร นอกนั้นอย่ามาเรียกว่าปัจจัย เดี๋ยวนี้เพี้ยนไปขนาดป็นพระเป็นเจ้าก็ว่ามาถวายปัจจัยหรือ ที่จริงมันเป็นวัตถุอนามาสเป็นอสรพิษเป็นศัตรูไม่ใช่ปัจจัย ปัจจัยนั้นเป็นข้าวผ้ายาบ้าน มีบริขารมีองค์ประกอบที่อาศัย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:06 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:31 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:45:00 )

ลดขนมลดกิเลสกามได้

รายละเอียด

ตัวสำคัญคือการกินนี่แหละจะเป็นขนมหรืออาหารก็แล้วแต่ ยิ่งขนมนี่แหละตัวดี ลดกิเลสกามได้นักหนา อ่านอารมณ์อาการที่เป็นเวทนาแล้วดูตัณหาที่เป็นเหตุให้ดี ฟังธรรมะและปฏิบัติให้ดี 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 10:05:19 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:27:23 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:45:47 )

ลดความโกรธ

รายละเอียด

ลดความชอบ ความไม่ชอบ ในจิตเรา ก็สงบความโกรธนั้นลงไป ความโกรธมันชั่ว ความโกรธมันไม่ดี ไปสั่งสมให้มันชำนาญแล้วชินกับความโกรธขึ้นเรื่อยๆมันก็ไม่ดี ก็ต้องพยายามหยุดอาการโกรธ อย่าทำอาการนั้น พยายามทำความเข้าใจว่าอาการอย่างนี้มันเป็นอาการที่เป็นอาการโกรธแล้วทำให้มันไม่โกรธ แล้วก็เข้าใจด้วยปัญญาว่าไม่มีความโกรธนี้เป็นอย่างไร อ่านมัน มันสบายดีกว่า ความโกรธมันร้อน มันไม่สงบ จิตมันก็จะเกิดความประทับใจขึ้นมาว่ามันดีกว่านะถ้าไม่มีความโกรธ มันจะเห็นด้วยปัญญา 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 16:29:46 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:13:44 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:16:59 )

ลดตัณหาได้ด้วยปัญญาวุธอย่างเดียว

รายละเอียด

จะลดตัณหาได้ด้วย ปัญญาวุธ อย่างเดียว ตัณหาไม่มีอะไรไปฆ่ามันตายได้นอกจากปัญญา ถ้าปัญญาเกิด ฌาน ก็เกิด เป็นพลังงานเผา พลังงานที่เรียกว่าปัญญาเป็นพลังงานที่สร้างขึ้นมา คนที่สร้างพลังงานปัญญาได้ ปัญญาก็จะมีฤทธิ์ มีอำนาจ เป็นพลังงานที่เหนือชั้น ที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ เป็นพลังงานที่สุดยอด 

ไอน์สไตน์ค้นพบพลังงานนิวเคลียร์มาใช้  E= MC2 พระพุทธเจ้าค้นพบพลังงานทางจิตเรียกว่าปัญญา เมื่อสร้างปัญญาได้เอาปัญญามาใช้ มันก็จะเผาเรียกว่า ฌาน สร้างปัญญาได้เผา เพราะเป็นพลังงานที่เหนือชั้นกว่าราคะ ท่านเรียกว่า ไฟ ไฟฌาน เผา เผาไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:39:51 )

ลดตัวกูของกูได้ก็เข้าข่ายสาธารณโภคี

รายละเอียด

ข้อความอันนี้ที่เอามาอ่านเป็นหลักฐานยืนยันว่าสังคมมนุษย์แสวงหาและได้ทดลองปฏิบัติตนจริง เอาชีวิตจริงมาทำ เงินทองข้าวของสมบัติก็เอามาเสียสละเอามาเข้ากองกลางจริง เอาชีวิตจริงๆของเรากล้าได้กล้าเสียทำจริงๆ นี่มันถึงขั้นนี้แล้วจะว่าไป แล้วเขาก็ยืนยันว่ามีสังคมอื่นในประเทศต่างๆยังมีอยู่ เขายังไม่ได้สำรวจจริง เพราะอะไร เพราะสังคมที่มีส่วนกลางสูงสุดถึงสาธารณโภคีเอามารวมกันส่วนกลางหมด มันเป็นอุดมคติเป็นอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมนุษย์โลก กำลังจะเริ่มเข้าใจกันได้ มนุษย์ในสังคมโลกกำลังเข้าใจ เพราะฉะนั้นก็เลยยังไม่มีการสำรวจ ก็เลยยังมีกลุ่มน้อย จริงๆแล้วก็เป็นกลุ่มน้อยที่บริสุทธิ์สะอาดจริงๆเหมือนยอดพีระมิด สะอาดบริสุทธิ์จริงๆก็มีจำนวนหนึ่ง นอกนั้นก็จะค่อยๆจางลงไป เชื่อมโยงต่อเนื่องเป็นลูกระนาดเป็นขั้นบันไดเป็นธรรมดาธรรมชาติเหมือนพีระมิด ซึ่งมันเป็นสภาพที่เต็มบริบูรณ์ ไม่ใช่มีแต่เสียสละได้เต็มที่ แล้วก็ไม่มีตัวเชื่อมต่อ จากข้างล่างทำให้เกิดช่องว่าง พวกที่จนอยู่ข้างบนไม่ดึงแย่งพวกอยู่ข้างล่าง แต่พวกข้างล่างอยากเป็นคนอย่างนี้แล้วเกิดช่องว่างมันก็เลยไม่เชื่อมต่อ ข้างล่างอยากเกิด พวกไม่อยากเกิดก็จมอยู่เบื้องล่างก็แล้วแต่ จะมีจำนวนมากแน่นอน ก็มีโลกีย์ที่ยังจมปลักอยู่ในก้นบึ้งของโลกีย์ ถ้าเกิดช่องว่าง ก็จะไม่มีผู้ที่มีตัวอย่างมีการดึงขึ้นไปได้ แต่ถ้ามันไล่ระดับขึ้นมาเป็นขั้นบันได มันก็จะเป็นตัวที่ ลื่นไหลเลื่อนเหมือนบันไดเลื่อนขึ้นไปได้อย่างแท้จริง สังคมไทยเราทำได้อย่างนี้ เชื่อไหมว่าชาวอโศกนี้จริง ที่มีสาธารณโภคีไม่ได้ยินดียินร้ายจะมีของตัวเอง เอาเข้ากองกลางหมด มีชีวิตกินใช้กับส่วนกลางเบิกมาใช้เหลือก็คืน มีการงานที่จะต้องใช้เงินก็เบิกมาใช้เหลือก็คืน สบายใจจะตายไม่ต้องไปถือไว้ เขาเบิกแล้วไม่ให้ก็ทำเท่าที่มี เครื่องใช้มันเก่ามันเสียเราก็ซ่อม ซ่อมเราก็เกิดความรู้ความชำนาญ มันไม่ได้เสียหายอะไรเมื่อเราได้ซ่อม เราก็เกิดความชำนาญได้ของมาใช้อีก ใช้ไม่ได้ซ่อมไปซ่อมมามันพัง ขอเบิกซื้อใหม่เลย เบิกค่าซ่อมไม่ให้ ซ่อมไปซ่อมมามันพังก็เลยเบิกซื้อใหม่ มันจำเป็นต้องใช้ก็ว่าไปสิ มันเป็นเหตุการณ์เป็นสัจธรรมจริงใจซะอย่างก็ทำ เราก็ไม่มีเจตนาว่าซ่อมให้มันพังแล้วจะได้ไปเบิกใหม่ เราก็ไม่มีความคิดร้ายนั้น แต่ถ้าเป็นกรรมที่คิดร้ายอย่างนั้นมันก็เป็นจริงคนคิดอะไรอย่างนั้นมันก็เป็นคนเลว พวกเราศึกษาแล้วกรรมดีกรรมชั่วคิดดีคิดชั่ว คุณอยากคิดชั่วแล้วก็ทำชั่วคนก็ทำไปสิ แล้วใครได้อะไร เรื่องเงินทองข้าวของเป็นเรื่องปลีกย่อย เรื่องจริงของคนต่างหากคุณคิดและคุณทำนี่ต่างหากมันเป็นเรื่องกรรมเป็นของของตน กรรมตัวจริงอันนี้ต่างหากเป็นตัวสำคัญ เพราะฉะนั้นที่พูดอธิบายสาธยายนี่แหละเป็นสัจธรรมของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ทานและบุญที่ฆ่าตัวตนและของๆตน วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2562 ( 19:56:27 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:14:57 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:48:45 )

ลดตัวเหตุหรือกิเลสโดยพลังงานไฟฌานจึงจะเที่ยงสูญสำเร็จ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนทำความเฉยๆกลางๆได้ แม้จะเป็นสมถะอย่างโลกีย์ มันก็ยังสบายและไม่เพิ่มวิบากมากขึ้น แต่มันไม่สูญไม่สำเร็จ มันก็มีการเปลี่ยนแปลงไม่เที่ยงแท้ได้ เฉยๆแบบเคหสิตอุเบกขาโลกีย์ทำได้ สะกดจิตเฉยๆให้อยู่ได้นานมันก็มีแรงมีพลัง มีความควบแน่นของการสะกดเอาไว้ เหมือนอาฬารดาบส อุทกดาบส สายหลับตาทั้งหลายก็ทำได้  แต่มันไม่เที่ยงมันก็วนเวียนมาอีกได้ วนเวียนมาอีกไม่รู้กี่พันหมื่นแสนชาติก็ได้ มันไม่จบ เรียนให้ดีให้สัมมาทิฐิตามของพระพุทธเจ้าแล้วก็ ลดตัวเหตุหรือกิเลสที่มีให้ได้ ลดชนิดที่เราใช้เป็นพลังงานทางจิตที่เรียกว่าพลังงานไฟ ฌาน ฌานนี้ เกิดในจรณะ 15 เป็นจรณะข้อที่ 12 13 14 15 เกิดจากกระบวนการของจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นศีล แล้วอธิจิต อธิปัญญา และเกิดวิมุติหลุดพ้นไปตามจริงเกิดนิพพานหรือนิโรธไปได้เรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:52:18 )

ลดละจากมหามาสู่จุละ จึงพาบรรลุธรรม

รายละเอียด

ตอบตรงนี้ก่อน เพราะไทยนั้นฉลาดกว่าทางมหายาน ไม่ได้รับการยอมรับเพราะคนไทยฉลาด 

พระสูตรเหล่านี้ล้วนแต่เป็นของพวกที่ยืดยาดยาวจากอาจารย์ที่อธิบายทั้งหลาย มหาทั้งหลาย ก็เลยทำความมหามากๆต่อกันมาไกลแสนไกล ตัดทิ้งได้เลย เพราะฉะนั้นมาก็คืออวโลกิเตศวร มหายานคือมหาที่ไม่เคยจบ ไม่มีบรรลุหรอก มหาต้องมาลดเป็นจุล

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 51 ลดละจากมหามาสู่จุล เปลี่ยนจากไม่เห็นด้วยจนมาเห็นได้ วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 ขึ้น 5 ค่ำ เดือนยี่ ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 20:46:57 )

ลดละตัดความ เอาอย่างนี้แหละเดี๋ยวดีเอง!

รายละเอียด

นอกจาก“จบลงง่ายๆดื้อๆ”เพียงแต่บอกว่า “ตายแล้วก็ไปอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์” ก็จะ“เป็นสุข”เองแหละ เพราะ “พระเจ้า”เป็น“เจ้าของความสุข” ...ว่างั้นเถอะ!!!??? 

ศาสนานับถือ“พระเจ้า”จึงเป็น“สุขนิยม”ไม่มี“ปรินิพพาน”เพราะไม่มี“ความสิ้นทุกข์-สิ้นสุข”อันเป็น“ภาวะ 2”ที่ยืนยันความเป็น“เทฺว”และ“ดับเทฺว”เป็น“นิพพาน”หมดเกลี้ยงกันสนิท และไม่มีที่สุดแห่งที่สุด “ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ได้จริง

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 325 หน้า 244


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 15:07:59 )

ลดละอบายมุขแก้ปัญหาชีวิตได้ 

รายละเอียด

คนเราที่อยู่ด้วยกัน จะรู้ จะเห็น คนนี้เปลี่ยนไป ก็เป็นการจูงนำให้คนอื่นมา คุณลดละ อบายมุข ก็จะมีเงินเหลือ ก็แก้ปัญหาชีวิตได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:06:01 )

ลดละเป็นขั้นตอนมีก่อนหลังจาก“กายกลิ” สู่ “จิตกลิ”!

รายละเอียด

ซึ่งมันไม่ใช่แบบเรียนรู้ด้วย“สัญญา(เจตสิกที่ทำหน้าที่กำหนดรู้)จนกระทั่ง”รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ตัวตนของกิเลส(กายกลิหรือจิตกลิ)”แล้วจึงประหารเฉพาะ“ตัวตนของกิเลส”นี้ไปตามลำดับ“กายกลิ” แล้วจึงจะประหาร“จิตกลิ”ต่อไป จนกิเลสตายหมดตั้งแต่ขั้นหยาบ-ขั้นกลาง-ขั้นละเอียด สิ้นเกลี้ยงจริงๆ ด้วยทฤษฎีที่สมบูรณ์แบบด้วยการทำ“ตทังคปหาน(ฆ่ากิเลสตัวนั้นๆอย่างรู้ๆมีวิธีการวิปัสสนา) ไม่ใช่แค่“ข่มจิตไว้”ได้นาน จนกระทั่ง‘แสนนาน’ ด้วยการทำ“วิกขัมภนปหาน(ข่มจิตด้วยวิธีสมถะ)”เท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 283 หน้า 221


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:05:52 )

ลดอัตตาแล้วจะมีผลเป็นอนัตตาในแสงอรุณ 7 ข้อที่ 4

รายละเอียด

จากข้อที่ 3 ฉันทะ ข้อที่ 4 อัตตา คุณจะไม่มีวันรู้จัก อัตตา เลย หากไปนั่งหลับตาปฏิบัติ มีแต่อัตตาที่แน่นๆๆ เข้า คุณจะไม่รู้จัก โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา แยกไม่ออก ไม่มีวันอนัตตา เป็นผลของ อัตตา หากคุณไม่มีเนื้อของอัตตา แล้ว ปฏิบัติลดอัตตา เป็น อนุปคัมมะ ก็จะมีผลของอนัตตา

ผู้อนุปคัมมะแล้ว จะไม่เข้าไปยึดมีหรือไม่มีอัตตา แต่รู้แล้วทำได้ อัตตาก็ย่อมมีเป็นธรรมดาเมื่อยังมีชีวิต เราไม่ยึดอัตตา อาศัยอัตตา เป็นแค่เหตุปัจจัยที่ปรุงแต่งกันอยู่เท่านั้นเอง ผู้รู้ถึงขั้น มัชฌิมาหรือ อนุปคัมมะ ก็จะพูดอย่างที่อาตมาพูด ผู้ไม่รู้จะพูดไม่ได้หรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 06:35:25 )

ลดเหตุที่พาเกิดไม่รู้จักจบได้อย่างไร

รายละเอียด

คุณต้องรู้สภาวะสิ่งที่มันหลงรื่นเริงบันเทิงใจพวกนี้ ขิฑฑาปโทสิกะ กับตัวเป็นใหญ่เป็นยิ่ง มโนปโทสิกะ รู้สภาวะพวกนี้คือเหตุไม่รู้จักจบที่มันจะเกิด เกิดไม่รู้จักจบ ก็มาลดจนกระทั่งจะเป็นใหญ่ก็ไม่เป็น จะเพลิดเพลินก็ไม่เพลิดเพลินแล้ว 

มีปัญญาอันยิ่งที่เข้าใจจริงๆเลยว่า ไม่เพลิดเพลินเป็นอาการอย่างไร เวทนา อาการความรู้สึก สัมผัสแตะต้องอย่างนี้เราก็เป็น อย่างอาตมา เพลิดเพลินสนุกสนานเป็น ทุกวันนี้ก็ยังเล่นๆหัวๆอยู่บ้าง ว่างๆบางทีก็ร้องเพลงเล่น แสดงท่าทางต่างๆได้ แต่ไม่ได้ติดยึด ทำเพื่อเชื่อมโยงกับคนที่ต้องอาศัยอยู่ 

ส่วนเรื่องจะไปใหญ่ไปโตนั้น อาตมาเอาออกไปก่อน มโนปโทสิกะ ไปใหญ่เป็นโทษ มันหลงลึกหลงเนียน สมาชิกน้อย ถ้ารื่นเริงบันเทิงสมาชิกมาก ไม่เอา 

มโนมันน้อยแต่มันใหญ่ เข้าใจไหม มันน้อยแต่มันไปใหญ่ แต่ ขิฑฑาปโทสิกะ มันเล็กแต่มันเยอะ อันนี้มันไปหาปริมาณ อันโน้นมันไปหาคุณภาพ 2 อย่างเท่านั้นแหละ เป็นใหญ่เป็นพวก Quality พวกที่มาเพลิดเพลินสนุกสนานเป็น Quantity เป็นปริมาณ อันโน้นเป็นคุณภาพ เป็นเจ้าโลกเป็นใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ ‌พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 21:27:39 )

ลปนา

รายละเอียด

1. การทุจริตทางปาก ทุจริตทางคำพูดวาจา ทุจริตทางการเจรจา เช่น การล่อลวง การมดเท็จ การกล่าวทุจริตผิดสัจจะอยู่แท้ ๆ ทั้งที่รู้ ๆ หรือไม่รู้ก็ตาม 

2. การล่อลวง 

3. ทุจริตที่เป็นบาปทางคำพูด

4. การหลอกลวง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 561

สมาธิพุทธ หน้า 118 , หน้า 393

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 138

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 376


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 07:57:20 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:44:30 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 05:17:29 )

ลปนา

รายละเอียด

ลปนา กุหนาคือโกง แต่ลปนา โกงเหมือนกัน ทุจริต แต่เน้นที่การพูดไม่ครบสูตรเหมือน กุหนา ที่ กาย วาจา ใจครบสูตร ลปนา มีกายกับวาจา กายมีบ้าง แต่ถือว่ามีวาจาเป็นหลัก พอถึงขั้น ร่างกายจะเอาเป็นเอาตายกัน ถึงขั้นจะทำสงครามก็ไม่แล้ว ลปนา จะลดกว่า สรุปก็คือ ทุจริตอยู่ 

ในสภาพซับซ้อนที่จัดการฆ่ากันด้วยกายกรรมมันหยาบ ใครก็รู้ว่ามันหยาบรุนแรงเกินไป เพราะฉะนั้นทำให้ดีเหมือนไม่หยาบไม่ฆ่า แต่เขาใช้อิทธิพลใช้มือคนอื่น ใช้ความฉลาดแกมโกง เฉโก ซับซ้อนให้คนอื่นรับหน้าแต่ตัวเองเป็นคนบงการมีอิทธิพลเหมือนจางซูเหลียงในเรื่องเล็บครุฑของพนมเปญไม่มีใครรู้จักจางซูเหลียง แต่จางซูเหลียงบงการหมดเลย ไม่มีใครรู้จักตัวตนของจางซูเหลียงเหมือนไม่มีตัวตนเลยนะ หายตัวได้เหมือนขณะนี้นักโทษเด็ดขาดในเมืองไทยขณะนี้ก็หายตัวได้ อย่างนี้เป็นต้นนี่ ซับซ้อนมากเลย

เพราะฉะนั้นถ้า ทั้ง กุหนา ลปนา ที่ซับซ้อนลงไปอีกเรียกว่าจบด็อกเตอร์ทางอาชญากรรมมาจริงๆถึงจะทำได้ ถ้าไม่ใช่ด็อกเตอร์ทางอาชญากรรมมา ไม่อยากเรียกว่าฉลาดแต่ฉลาดแกมโกง เฉโก คือความฉลาดแกมโกงก็ทำได้อย่างนี้ 

กุหนาร้ายที่สุด ลปนาร้ายรองลงมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 18:26:41 )

ลปนา คืออย่างไร

รายละเอียด

ลปนา ก็คือ คำพูดที่หลอกลวง ก็ย่อยจากกายกรรมมาเป็นวจีกรรม กายกรรมก็รวมทั้ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไม่มีกายกรรมก็มีแต่วจีกรรมกับมโนกรรม ไม่มีกายกรรมกับวจีกรรมด้วยก็เหลือแต่มโนกรรม ฟังให้ดี ใครที่ว่า กายกรรมไม่มีมโนกรรมเลยนี้ไม่ถูกต้อง กายกรรม วจีกรรมก็มาจาก มโนกรรมเป็นตัวประธาน ภายนอก อิริยาบถ ดินน้ำไฟลม วิถีสรีระไม่มีแล้ว เหลือแต่วจีกรรม เหลือแต่ภาษาคำพูดกับมโน ไม่มีทั้งกายทั้งวจี เหลือแต่ มโน ก็คือมโนกรรม ลปนา คือ ฐานที่หยาบน้อยลงมา เป็นทุจริตเป็นอกุศลอยู่ เราศึกษาให้ดี ให้รู้ว่ากรรมเป็นอันทำ เราต้องจัดการกรรมของเราเอง ไม่ใช่พระเจ้ามาจัดการให้เรา เราจะดีจะชั่วขึ้นอยู่กับพระเจ้าไม่ใช่ แต่เราควบคุมกรรมของตัวเองให้ดี แล้วไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับกรรม เกิดมาศึกษาเรื่องของกรรมแล้วทำให้ดี 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 14:24:27 )

ลปนาคืออาชีพแบบใด

รายละเอียด

ลปนา แปลว่าคำพูดใช้คำพูดวาทกรรมภาษาให้คนหลง จุดหมายปลายทางนั้นคือล่าลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ล่าโลกธรรม เพราะฉะนั้นอาชีพใดที่ใช้ เทคนิค ใช้วิธีการความซับซ้อนของความที่จะได้ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขมาก อาชีพนั้นคืออบายมุข นี่เข้าใจให้ชัดๆ เพราะฉะนั้นพวกเราปลอดจากอบายมุขมาก ไม่ต้องไปล่าเงินทอง ดีไม่ดี เห็นเงินทองข้าวของเหมือนจานชามถ้วย ไม่ใช้แล้วก็เอาไปเก็บ ล้างเก็บก็เอามาใช้ใหม่ เป็นเรื่องเข้าใจไม่ยากไม่วุ่นวาย

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:44:16 )

ลภ

รายละเอียด

1. ความสมใจ การได้รับการสัมฤทธิ์ผลในสิ่งนั้น ๆ

2. ได้รับ สมใจ บรรลุ สำเร็จ อันเป็นที่มาของคำว่าโลภะ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 233

ทางเอก ภาค 2 หน้า 43


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 07:58:21 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:45:28 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:49:11 )

ลภะโทสะโมหะ อันไหนหนักที่สุดอันไหนทำบาปมาก

รายละเอียด

ตอบไม่ได้ มันมีจริตต่างๆกัน พุทธิจริต โทสะจริต โลภจริต โมหจริต ก็ตอบไม่ได้ไง จริตของคนบังคับเขาไม่ได้ของแต่ละคน เข้าใจโทสะจริต โมหะจริต ราคะจริต โมหะคือแยกไม่ออก แต่ถ้าแยกได้เป็นโลภะโทสะก็จะชัดเจนคือ หรือแยกโลภะมีราคะกับโลภะ โลภะกว้างใหญ่จะสมโลภใน เงินทองข้าวของลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เหมาหมดเลย ส่วนราคะนี้แบ่งมาเรียกจำเพาะในเรื่องของ จะบอกว่า กามราคะคือกามคุณ 5 จะบอกว่าราคะจากโลกธรรมก็ไม่ใช่ เพราะโลกธรรมรวมหมด แต่ราคะนี้จัดเข้าในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส กามคุณ 5ราคะคือสิ่งที่จะมาเสพเสวยใส่ตนเอง ดูดมาเป็นตนของตนนี้หนักสุดเป็นต้นรากแต่ไม่ได้มาสมใจก็โทสะเกิด จะว่าจริงๆโมหะนี่แย่กว่าเพื่อนเพราะว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย สับสนปนเป ถ้าอยากออกก็จะรู้ว่าราคะหรือโทสะก็เริ่มออกได้แต่โมหะนี้มั่ว หนักกว่าเพื่อน โลภะทำบาปมากก็ตามแต่อวิชชามันซ้อนยกกำลัง หากมาเรียนรู้โลภะราคะในตนก็ลดได้ แต่โมหะคือแยกไม่ออก พวกวิตักกจริต อันโน้นก็ไม่รู้อันนี้ก็ไม่รู้ ไขไม่ออกอันนี้ดีหรือไม่ดีสับสนไม่เป็นทาง เราจะไปประเทศอะไรก็แล้วแต่ สมมุติทางถ้าไปทางนี้ก็จะใกล้เท่านี้ สมมุติว่าอ้อมก็จะไกลกว่ามันก็ถึง แต่มันโง่ แทนที่จะไปทางสั้นมันก็ดันไปทางยาวเท่านั้นเอง ไปเถอะ ถ้ามีความศรัทธาจิตใจมุ่งไป มันก็ยังถึงเร็วกว่าคนที่ไปทางนี้แล้วก็ไปอีกทางหนึ่งใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ไปอีกทางหนึ่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆแล้วเมื่อไหร่มันจะถึงสักที พวกที่ไม่แน่นอนไม่ชัดเจนพวกนี้ เสียเวลาเยอะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:50:13 )

ลมหายใจเข้าออกเหมือนสุขกับทุกข์แยกกันไม่ได้

รายละเอียด

อานาอันหนึ่ง อาปานะ อันหนึ่ง จะนับ อานา เป็นลมหายใจเข้า อาปานะ เป็นลมหายใจออก หรือจะนับ อานา เป็นลมหายใจออก อาปานะ เป็นลมหายใจเข้าก็ได้ มันไม่มีปัญหาหรอก สลับกัน คุณจะเอาอะไรมาใช้ ก็ได้ ลมหายใจเข้าลมหายใจออกเป็นคู่ที่แยกกันไม่ได้เหมือนสุขกับทุกข์ เหมือนรูปกับนามของชีวะ เหมือนกาย เหมือนเทวะที่เป็น 2 ฟังตามต่อไปให้ดีๆจะได้เข้าใจ สรุปแล้วให้รู้ว่ามีนัยยะต่างกัน ระหว่างลมหายใจเข้าออก มันแยกกันไม่ได้หรอก คุณหายใจเข้าอย่างเดียวไม่ออกเลย ก็ตาย ก็เป็นคนหมดลมหายใจ คุณหายใจออกอย่างเดียวไม่มีเข้า คุณก็หมดลมหายใจตาย มันแยกไม่ได้ฉันเดียวกันสุขกับทุกข์มันก็แยกกันไม่ได้ ถ้าจะเลิกก็เลิกกันทั้งคู่ ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็คือเกิดกับตายหมดเลยไม่มีทั้งคู่เลย หรือสวรรค์กับนรกเลิกเลยทั้ง 2 อย่าง นี่คือจบของพระพุทธเจ้า ไม่มีเทวะไม่มีกาย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 11:07:41 )

ลวงโลกหรือไม่คนละความเข้าใจ คนละ CONCEPT

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้คิดทำเท่ แต่ส่วนคุณจะคิดทำเท่อยู่ก็ทำไป ส่วนไอ้ลวงโลกนั้น อาตมาชัดเจนนะว่าอาตมาจะไม่ลวงโลกเป็นอันขาด ส่วนของคุณที่เข้าใจอาตมาไม่ได้ก็เป็นธรรมดา ก็หาว่าอาตมาลวงโลก ก็เป็นธรรมดา อาตมาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร คุณพูดมาหาว่าอาตมาลวงโลก ก็แสดงว่าคุณไม่ได้เข้าใจอาตมา อาตมามีความแม่นมั่นตรงที่จะพูดอะไรที่ไม่เป็นความลวงเป็นความโกหกเป็นอันขาด อาตมาก็ทำอยู่ ส่วนคนเข้าใจอาตมาไม่ได้ก็โดนคุณว่า คุณเข้าใจอย่างที่คุณเข้าใจ มันคนละอย่าง ของคุณกับของอาตมามันคนละความเข้าใจ คนละ Concept 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 14:17:44 )

ลหุฏฐานัง

รายละเอียด

มีความเบากาย กระปรี้กระเปร่า แคล่วคล่อง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 243


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 07:59:14 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:46:07 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:52:59 )

ลหุตา

รายละเอียด

คือ ความเบาพระพุทธเจ้าเจตนาให้ผู้ที่ทำได้ เบาได้ดี เรียกว่า “สุภาพ” สุภาวะ พระพุทธเจ้าเจตนาให้คนมาหาความเบาให้มาก ไปทำความแรงมันไม่ดี กระทบมากอาตมาจำเป็นต้องแรง จำเป็นต้องดังด้วยความจำนน ไม่ใช่ว่าพวกคุณหรอกเพราะว่าพวกคุณยังหนาอยู่ ก็เลยยังต้องแรงขนาดนี้ยังไม่เข้าเลย ยังไม่กระเทือนสังคมในยุคนี้มันเกิด Hard Rock แล้ว ไม่อย่างนั้นไม่ถึงใจ อาตมาไม่ใช่ไปดูถูกแต่ว่าต้องทำ ขณะนี้พวกหนังหนายังไม่ค่อยเข้าถ้าไม่แรงขนาดนี้ไม่ถึงพระพุทธเจ้าท่านให้ผู้ที่ทำได้ เบาได้ดี เรียกว่า “สุภาพ สุภาวะ” อาตมาแรง หากคนแยกไม่ได้ก็จะถือสาว่า หยาบอย่างนี้ไม่ใช่อรหันต์ อรหันต์จะต้องพูดเบาๆ หรือไม่พูดเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:31:58 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:16:15 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:50:42 )

ลหุตา มุทุ กัมมัญญา คือ 3 รูปสัมผัสของพระอรหันต์

รายละเอียด

มันต้องมามีจิตวิญญาณทำงาน มีกายมีจิต เปิด ภายนอก ภายใน ต้องรู้จักกาย กายคือมีภายนอกกับภายใน จิตเจตสิก จิต มโน วิญญาณ คือกาย เพราะฉะนั้นผิดเพี้ยนไปจนกระทั่งเป็นภาษาไทยแล้วว่า กาย แปลว่า ร่าง ยังดีนะยังมีในบางแห่งแปลคำว่า กาย ว่า ร่างกาย ยังมีคำว่ากายติ่งไว้กับร่าง คำว่าร่างเป็นภาษาไทย ภาษาบาลีก็คือ สรีระ ถ้าเอาแต่ร่าง สรีระเฉยๆ กายคือ ร่างเฉยๆ นี้เละเลย ผิดไปไกล

กายไม่ใช่ร่าง กายมันคือสภาพที่มีจิตกับรูป ไม่ได้แยกกาย กายขาดจิตไม่ได้ กายขาดจิตไม่ใช่กาย ไม่มีธาตุรู้สึกด้วย หรือไม่มีนามธรรมร่วมด้วย ไม่ใช่กาย 

กายที่ละหน่ายยากคือ จิต มโน วิญญาณ

ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเบื่อหน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง 4 นี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร 

เพราะเหตุว่า ความเจริญก็ดี ความเสื่อมก็ดี การเกิดก็ดี การตายก็ดี ของร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง 4 นี้ ย่อมปรากฏ ฉะนั้นปุถุชนผู้มิได้สดับ จึงเบื่อหน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายนั้น แต่ตถาคตเรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง 4 นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง

ปุถุชนผู้มิได้สดับ ไม่อาจเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิต เป็นต้นนั้นได้เลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร 

เพราะว่าจิตเป็นต้นนี้ อันปุถุชนมิได้สดับ รวบรัดถือไว้ด้วยตัณหา ยึดถือด้วยทิฐิว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา ดังนี้ ตลอดกาลช้านาน 

ฉะนั้น ปุถุชนผู้มิได้สดับ จึงไม่อาจจะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิตเป็นต้นนั้นได้เลย ฯ

(พตปฎ. เล่ม 16 / ข้อ 230 )

เพราะฉะนั้นนามธรรมที่ร่วมด้วย เราลงไปรายละเอียดทวน ที่พระพุทธเจ้าท่านให้พิจารณากายกับจิต แยกกายแยกจิตให้ได้ ทำความเข้าใจแยกกายแยกจิต แล้วไปเพ่งลงที่เวทนา แยกกายแยกจิตให้เพ่งลงที่เวทนา คือความรู้สึก  ท่านให้พิจารณาจาก ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง 

เพราะฉะนั้นเมื่อผม ขน เล็บ ฟัน หนัง อันใดอัน 1 ก็แล้วแต่ เมื่อเกิดการกระทบสัมผัส แล้วจะเกิด เกิดความรู้สึก ความรู้สึกเรียกว่า เวทนา ถ้ามันเกิดความรู้สึกเจ็บปวด หรือไม่เกิดความรู้สึกเจ็บปวด นั่นคือไม่มีเวทนา ไม่มีกาย 

เส้นผมก็ตาม ยาวๆ มาส่วนปลายของผม คุณกระทบสัมผัสตัดมันออกกระทบทุบมันแรงๆ มันก็ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร เพราะมันไม่มีเวทนา ไอ้นั่นคือสิ่งที่ไม่มีกาย นี่แหละเป็นฐานสำคัญที่จะต้องรู้ 

ผู้ที่จะปฏิบัติธรรมต้องอ่านเวทนาในเวทนา แล้วมนสิการ ทำใจในใจของเราให้เป็นตามนี้ เมื่อเกิดกระทบสัมผัสแล้วทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของเราร่วมกับตา หู จมูก ลิ้น กาย เมื่อตากระทบรูป จิตก็รู้ตามตา เกิดเวทนา ก็มีเวทนาจริง ตาก็เห็นรูป หูก็ได้ยินเสียง  มันก็มีอย่างนั้น ถ้ามันกระทบแรงมันก็เจ็บ มันก็ปวด  หูกระทบแรง หูมันก็จะแตก มันก็เจ็บเหมือนกัน จมูกได้กลิ่นฉุนขนาดหนักๆมันก็ตายเหมือนกันนะ รสทางลิ้นมันร้อนมันเผ็ดจัด มันก็ตายเหมือนกันนะ เป็นธรรมชาติ 

แต่ทีนี้รสที่มันรู้ รสทางตาคือรูป รสทางหูคือเสียง รสทางจมูกคือกลิ่น รสทางลิ้นก็คือลิ้นคือรสที่ใช้ทับศัพท์ รสทางกายก็คือ โผฏฐัพพะ เราก็เข้าใจอาการต่างๆ ตามพยัญชนะ ภาษาที่บอกอย่างนั้นให้ได้ 

คุณก็จะรู้ความจริงตาม เสียงมันคืออย่างนี้ มันแรงมันดังขึ้นมาโอ้โห หูจะแตก คุณก็ต้องรู้ หรือตาเห็นรูป จนกระทั่งรูปนี้มันบาดตา  รูปแสงมันจัดจนบาดตาไม่ไหว จนตาจะเสีย หรือจมูกได้กลิ่นจนแสบอะไรก็แล้ว แต่มันมีของที่เกินขอบเขตทั้งนั้น เพราะฉะนั้นก็เอาแต่พอดี แล้วก็อยู่กับความพอดีพอเหมาะ 

สัมผัสแล้วกระทบแล้วอ่านความรู้สึก นอกจากความจริงของความรู้สึกแล้ว มันมีตัวความรู้สึกเก๊ อันนี้แหละไม่รู้แล้วไปจมอยู่กับความรู้สึกเก๊นี่ มันก็เลยเกิดสุข เกิดทุกข์ เกิดพอใจ ไม่พอใจ เกิดผลัก เกิดดูด สัมผัสกระทบแล้วก็เกิดผลักเกิดดูด 

ถ้าคุณสัมผัสแล้วกระทบแล้ว “รู้ความจริง”ตาม”ความไม่จริง” ไม่ผลัก ไม่ดูด ไม่สุข ไม่ทุกข์ แค่นี้ก็เป็นอรหันต์.. ง่ายจะตาย อ้าว!!! จริง 

คุณกระทบแล้วคุณก็รู้ มันแรงก็รู้แรง มันเบาก็รู้เบา เพราะฉะนั้นคนที่จะรู้ได้ดีที่สุด สรุปแล้วรูปที่เรากระทบแล้วพระพุทธเจ้าท่านแจกไว้ รูปที่มันสำเร็จลงไปถึงขั้น ได้ฐานที่ควรจะได้คือ (รูป 28 นาม 5)

1 ลหุตา 2 มุทุตา 3 กัมมัญตา

นี่แหละรูปที่รู้อันนี้ จะออกทางกายวิญญัติกับวจีวิญญัติ อีก 2 อัน ก็รวมเป็น 5 เรียกว่า วิการรูป 5 เกิดพฤติกรรมของมัน 

เพราะฉะนั้นคนใดที่สามารถทำจิตให้สิ่งที่ถูกรู้นี่ มันจะแรงมาอย่างไรเราก็เบา ลหุตา แล้วเราก็มีฐาน มุทุตา ฐานจิตองค์รวมของเรา

อาตมาว่าที่เขาแปล มุทุ ว่า อ่อน มันไม่เหมาะ จิตอ่อนมันก็อ่อนแอ อ่อนปวกเปียก

สลวย ก็ไม่ใช่ จิตมันไว ไหวไว รู้เร็ว รู้ไว แล้วปรับได้ไว คือปรับตัวกับทุกอย่างที่กระทบได้ มุทุ นี่ จิตมันปรับตัวได้ไวกับทุกสิ่งที่กระทบโดยไม่เกิดทุกข์เลย ไม่เกิดปฏิปักษ์ ไม่เกิดสิ่งที่ไม่ดี ไม่ต่อต้าน รู้ทุกอย่าง ยืดหยุ่นได้ทัน ยืดหยุ่นได้พอ ทุกอย่างรับได้ รู้หมดและรู้ความจริงด้วยนะ เช่นว่ามันมาแรงเว้ย แต่ยืดหยุ่นรับได้  แล้วก็เอาไปทำงาน​ กัมมัญตา ไม่เกิดผลเสียหายอะไรเลย นี่คือ ลหุตา มุทุตา กัมมัญญา ฐานเจตสิกใหญ่ นี้เป็นสุดยอดของอรหันต์ โดยมีฐานมุทุตา รับได้หมดเลย มาอย่างเบาหรือมาอย่างแรงเท่าไหร่ ถึงมาแรงอย่างไรก็ทำเบาได้ ลหุตา มุทุนี่มีพลังงานพิเศษ มาอย่างแรง อย่างร้าย หรือมาอย่างจะเอาเป็นเอาตายเลย ก็ยืดหยุ่นรับได้ อย่างที่เรียกว่า ไม่เกิดปฏิกิริยาเสียหายเลย จึงเป็นผู้ที่อยู่กับกัมมัญตา

ทุกกรรมกิริยา ทุกการงาน ทุกสิ่งที่เกิด เหมาะควรทั้งนั้น เป็นผู้ปรับอยู่กับเหตุปัจจัยที่อยู่ร่วม จะกระทบสัมผัสอย่างไรก็เป็นตัวที่ยืดหยุ่นได้อย่างไม่มีอะไรเดือดร้อน ไม่มีอะไรเสียหาย ไม่มีอะไรเกิดโทษภัยอะไรเลย จึงเป็นตัวสำคัญที่สุดที่จะอยู่ในสังคม เป็นผู้ที่ปรับสังคมให้อยู่ได้ในความสงบบริบูรณ์ ความเจริญ ทุกอย่างความไพบูลย์อะไรครบครัน 

เหมือนอย่างชาวอโศกเรานี่ มันมีความครบหมดเลย ไม่ว่าจะเดือดร้อนในเรื่องที่เขาเดือดร้อนกันในเรื่องเศรษฐกิจ เขาเดือดร้อนเรื่องรัฐกิจหรือเรื่องการเมือง เขาเดือดร้อนเรื่องสังคม อโศก สบม ทมด ปกต หห จจ มชยลล 

ยุคนี้เขาชอบใช้ตัวย่อกัน เราก็ย่อบ้าง ไม่แปลเอาให้คุณงง คุณนึกว่าคุณแน่ เราก็แน่เหมือนกัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 18:08:06 )

ลหุตา มุทุตา

รายละเอียด

ลหุตา คือ เบา มุทุ คือ จิตไว หัวอ่อน ไม่กระด้าง จะปรับ ทางเจโตก็ปรับได้ไว ปัญญาปฏิภาณรู้ทันรู้เร็ว แล้วจิตที่ดีสามารถกำหนดทำให้เบาขนาดนี้ จิตเราเร็วไว้ทำงานได้ขนาดนี้จึงเป็นคุณสมบัติของกัมมัญญตา การงานที่คุมด้วยอัญญะ ควบคุมด้วยจิต อัญญธาตุ ปัญญาที่วิเศษ เป็นกัมมัญญตา เป็นสภาวะที่เหมาะควรแก่การงาน ทำการงานได้ดีที่สุด เพราะว่าจัดการได้ดีแล้ว จะทำการงานได้ดี เพราะว่าสามารถควบคุมจิตของเรา จะทำให้แรงให้เบาเท่าไหร่ก็ได้ แล้วแต่เจตนาจะทำให้เบา อย่าให้มันแรง จนกระทั่งเบียดเบียนจนกระทั่งไปทำร้ายทำลายไปทำความเสียให้มันเกิด จะต้องให้มันได้คุณค่าประโยชน์ แรงก็ต้องให้แรงอย่างได้ขนาดมีคุณค่าประโยชน์ จึงใช้คำว่า ลหุตา เป็นตัวกำหนด ส่วน มุทุตาคือ ปรับได้อย่างดี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:58:10 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:17:59 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 04:51:19 )

ลหุตา มุทุตา กัมมัญญตา

รายละเอียด

คือการจัดการรูปได้อย่างดี อะไรที่ วิ คือ ไม่ กับ อย่างยิ่ง วิการ คืออย่างหนึ่งคือฆ่าผีร้ายเลย พอฆ่าตายแล้วเกิดเป็นเทพบุตรสุดยอดจิตที่สะอาดจึงมี ลหุตา มุทุตา กัมมัญญตา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:57:01 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:19:48 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:53:26 )

ลองเทียบเคียงกันดู

รายละเอียด

มันเป็นไปได้นะ ตอนนี้คนอื่นก็ยังขึ้นมาแทนไม่ได้ก็เสนอตัวขึ้นมาทั้งนั้น แม้แต่ดร.สมคิด มาจากไหนก็ไม่รู้ก็ยังมาโผล่กับเขา พวกนี้ มีอนุทิน มีจุรินทร์ ก็เป็นนายกได้ทั้งนั้น แต่ขอลองเทียบๆความรู้สึกดู ไม่ใช่ว่าจุรินทร์ไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี อนุทินก็เคยเป็นรัฐมนตรี แล้วจะเป็นนายก ตอนเป็นรัฐมนตรีแสดงฝีมือมาแล้ว แล้วจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ลองเทียบเคียงกันดูสิ นายกประยุทธ์เคยเป็นรัฐมนตรี ก็เทียบเคียงกันดู ว่ามันพอจะเทียบกันได้ไหมมีความละเอียดพอที่จะเทียบหรือไม่มองเห็นความต่าง ลิงค หรือความต่างระหว่างพฤติการ พฤติกรรมของแต่ละคน แต่ละคนที่แสดงมาแล้วมีผลงานมาแล้วมีฝีมือมาแล้ว มันจะพอเทียบกันได้ไหม อาตมาก็ว่า พลเอกประยุทธ์นี้มีความรู้ความสามารถแพรวพราวรอบตัว ได้ดีกว่าแคนดิเดตอื่นๆ 6 คนที่จะยกขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรอย่างไรก็ยังไม่มีใครเทียบ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์​ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:24:17 )

ลอยถาดทวนกระแสน้ำคือการทวนกระแสโลก

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าเกิดกี่องค์ พระพุทธเจ้าท่านจะลอยถาดในแม่น้ำเนรัญชรา แล้วถาดมันก็จะลอยทวนกระแสน้ำ มันหมายถึงการทวนกระแสโลก อธิษฐาน จะได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วท่านก็ลอยถาดมันก็ทวนกระแสน้ำไป ท่านก็ชัดเจนว่าใช่

จริงๆแล้วไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหนลอยถาดกันหรอก แต่เขาก็เล่าเป็นนิทาน ว่าลอยมา มาส่งถึงที่พญานาคนอนอยู่นั่นแหละ แล้วก็จะตกลงมาตรงเป๊ะเลย ถาดทองคำของพระพุทธเจ้าทุกองค์ก็จะมาซ้อนในถาดทองคำของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆที่มีอยู่แล้ว ก็มากระทบ พอลอยกระทบใบเก่าก็ดังกริ๊ก! เสียงถาดทองคำของพระพุทธเจ้ากระทบกันมันเสียงดัง สมมุติซ้อนดังจนกระทั่งพญานาคที่นอนหลับไม่รู้คู้ไม่เห็นไม่ได้ยินเสียงของโลก จะดังสนั่นหวั่นไหวขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่รู้ไม่ชี้ ประชดพวกหลับตา ไม่รู้ไม่ชี้กับโลก กูก็จะนอนของกูไม่เห็นของกูนี่แหละ จะอยู่ของกูอย่างนี้ ซึ่งมันไม่มีประโยชน์คุณค่าไปหลงงมงายแล้วมันไม่รู้เรื่องมันมีอย่างเดียวคือตัวเอง อัตตา มันไม่มีโลก โลกเขามีอะไรต่างๆ นานาสารพัด สังขารโลกอะไรเยอะแยะ ก็เอาแต่อัตตาตัวเองก็เลยไม่พ้นสักที 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:16:22 )

ลอยถาดทองคำเป็นธรรมาธิษฐานอย่างไร

รายละเอียด

พญานาคน่าจะหมายถึงความง่วง เป็นงูนอนหลับ พญานาคหมายถึงความหลับ หลับจริงๆ เฝ้าอยู่ใต้บาดาลบาดาลลึกนะ แล้วก็มีถาดทองคำของพระพุทธเจ้าเป็นล้านๆถาด ประวัติพระพุทธเจ้าเกิดมาแล้วเป็นล้านองค์ ธาตุทองคำ เทินกันอยู่สูง พญานาคก็มีหน้าที่นอนเฝ้าถาดทองคำอยู่ที่ใต้ก้นมหาสมุทร น้ำลึก พอพระพุทธเจ้าอุบัติหรือเกิดขึ้นมาในโลก พระองค์หนึ่งก็จะต้องอธิษฐานลอยถาดทองคำ มันเป็นบุคลาธิษฐานให้รู้เป็นธรรมาธิษฐานว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นการทวนกระแส ถาดทองคำคือเนื้อแท้ทองคำแพง ลอยมาถึงตรงที่นั่นแหละที่เป็นกองถาดพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ก็จะหยุดแล้วตกลงมา ตกลงมาให้ตรงและกระทบกับถาดของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ที่ซ้อนกัน ตกลงกระทบกันดังกริ๊ก ดังมากจนกระทั่งพญานาคที่รับไม่รู้ คู้ไม่เห็น มืดบอด ไม่ตื่น ไม่มีชาคริยา ไม่รู้เรื่อง เสียงนี้เป็นเสียงถาด ต้องยิ่งกว่าทองคำกระทบกัน พญานาคได้ยินนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:27:24 )

ละครของเอกภพ

รายละเอียด

เราก็ดูเรื่องจริงหรือละครของเอกภพ ของมหาจักรวาล มนุษยชาตินี่แหละเป็นตัวละครจริงๆแล้วก็เล่นไปแต่ละเรื่องแต่ละเรื่องหลายล้านเรื่อง แต่ละคนแต่ละคนก็เรื่องคล้ายบ้างไม่คล้ายบ้าง ต่างกันคนละขั้วเลยก็มีดุเดือดเผ็ดมัน รักหวานจ๋อยก็แล้วแต่ มันก็คือสัจจะที่เราจะศึกษาไป ยิ่งอาตมาเป็นโพธิสัตว์นี้ สารพัดที่จะเห็น สารพัดที่จะศึกษา จะเข้าใจ เขาเป็นอย่างนี้นะ กรรมวิบากของคนแต่ละคนที่ไม่รู้ ก็โอ้โห..น่าสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นอรหันต์นั้นมีลำดับอันน่าอัศจรรย์ วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2566 ( 20:24:39 )

ละครมนุษยชาติผู้สร้างพล๊อตเรื่องคือพระเจ้า

รายละเอียด

ละครของมนุษยชาติมีอยู่ตลอดให้ดู อาตมาถือว่าประเทศไทยมีตัวละครมีเรื่องราว มีเหตุปัจจัยของเรื่อง จะพูดโดยโลกๆ  ง่ายๆ  ผู้สร้างพล๊อตเรื่องก็คือพระเจ้า  หรือธรรมชาติ เหตุปัจจัยสร้างพล๊อตเรื่องขึ้นมา พล๊อตเรื่องสวยแต่ความเป็นจริงจะไม่ได้เป็นไปตามนั้น  แม้ว่าพระอรหันต์ก็ตาม มาทำก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น เพราะว่า คนมันเก่งมีมาก ตัวแปรมันมีเยอะ เข้ามาทุกปัจจุบันมันก็ต้องปรับให้ได้ขนาดนี้ มีอยู่ทุกปัจจุบัน  ต่อไปที่ต้องปรับเปลี่ยนเพราะฉะนั้นการที่จะมาจัดสรรสังเคราะห์องค์ประกอบทุกอัน   Solution  ออกมาแต่ละพฤติกรรมสังคมมันไม่ง่ายเลย  ความไม่เที่ยงนี้ มันเร็วกว่าจุดแห่ง .0001 ของวินาทีมันเปลี่ยนยู่ตลอดเวลา ความเร็วของความเปลี่ยนแปลง  มันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 12:16:40 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 08:21:30 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:54:28 )

ละชั่วประพฤติดีทำใจให้ผ่องใสยังไม่เข้าถึงโลกุตระ

รายละเอียด

คนใดที่ยังบอกว่า แปล สัพพปาปัสสอกรณัง กุสลสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง บอกว่าละชั่วประพฤติดีทำใจให้ผ่องใส คนนั้นยังไม่เข้าถึงโลกุตระ ศาสนาพุทธนั้นหมดบาปหมดบุญ ชีวิตจริงอยู่แต่กับกุศลเท่านั้น สร้างกรรมทุกอย่างก็มีแต่กุศล คุณก็ยังเข้าใจกุศลกับบุญยังไม่ได้ แยกกุศลกับบุญไม่ออก ให้ไปศึกษาให้ดี กุศลเป็นโลกียะ บุญเป็นโลกุตระ

บุญเป็นวันเวย์มีทิศทางเดียวไม่มีโค้ง ฆ่ากิเลสอย่างเดียว ฆ่าแล้วหายสูญไม่มีเลย ปริกขีโณ บุญทำงานเสร็จก็หายไป บาปหมดบุญก็หมดไปด้วย พระพุทธเจ้าตรัสว่าท่านเป็นผู้ที่สิ้นบุญสิ้นบาป ปุญญปาปปริกขีโณ หากเข้าใจคำว่าบุญไม่สัมมาทิฏฐิก็ไม่มีทางบรรลุธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:58:03 )

ละชั่วประพฤติดีไม่ใช่โอวาทปาติโมกข์

รายละเอียด

ละชั่ว ประพฤติดี ทำจิตให้ผ่องใส แค่นี้ไม่ใช่ของศาสนาพุทธ สัพพปาปัสสอกรณัง คือไม่ทำบาปอีกแล้ว เพราะบุญได้ทำลายบาปไปหมดแล้ว ไม่ทำบาปทั้งปวง ไม่ทำบุญอีกแล้วด้วย   กรรมทุกกรรมจึงมีแต่กุศล กุสสลสูปสัมปทา กุศลเป็นโลกียะ เป็นสิ่งอาศัย กุศลไม่มีสูญ อกุศลก็ไม่สูญ แต่บาป บุญ​นั้นสูญ ปุญญปาปปริกขีโณ  คือพระอรหันต์ขึ้นไป คือสูญสิ้นบาปสูญสิ้นบุญ อรหันต์ทุกองค์ไม่ทำบาปไม่ทำบุญ ทำแต่กุศลที่ดี เพราะฉะนั้น สามข้อนี้เกิดจากการสจิตตปริโยทปนัง ทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา การละชั่วประพฤติดี ไม่ใช่โอวาทปาติโมกข์ แปลแค่โลกียะธรรมดา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2563 ( 16:26:12 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:22:56 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:55:06 )

ละทิฏฐิ 3

รายละเอียด

ทิฏฐิ (ความเห็น) ที่ไม่ดี 3 อย่างนี้ละได้ด้วย

1. เห็นความไม่เที่ยง (อนิจจตา) จึงละมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นที่ยึดผิด) ได้

2. เห็นทุกข์ (ทุกขตา) จึงละสักกายทิฏฐิ (ความเห็นที่ยึดว่ากิเลสตัวการใหญ่เป็นตัวเรา) ได้

3. เห็นความหมดตัวตน (อนัตตา) จึงละอัตตานุทิฏฐิ (ความเห็นที่ยึดเป็นตัวตน) ได้

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 18"มิจฉาทิฏฐิสูตร" ข้อ 254-256

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2562 ( 20:32:23 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:41:32 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:55:25 )

ละทิฏฐิ 3

รายละเอียด

ทิฏฐิ (ความเห็น) ที่ไม่ดี ๆ อย่างนี้ละได้ด้วย

1. เห็นความไม่เที่ยง (อนิจจตา)จึงละมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) ได้

2. เห็นทุกข์ (ทุกขตา)จึงละสักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่า กิเลสเป็นตัวเรา) ได้

3. เห็นความหมดตัวตน (อนัตตา)จึงละอัตตานุทิฏฐิ ความเห็นที่ยึดเป็นตัวตน)ได้

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 18 “มิจฉาทิฏฐิสูตร” ข้อ 254-256


เวลาบันทึก 11 มีนาคม 2565 ( 21:16:45 )

ละหน่ายคลายจนเหลือแต่ความจริงตามความเป็นจริงว่า สิ่งนี้ควร สิ่งนี้ไม่ควร

รายละเอียด

ยึดอยู่ที่ความดีไปได้ความดีก็เป็นความสุข ยึดอยู่ที่ความชั่วไปได้ความชั่วมันก็เป็นความสุขไม่ได้ก็เป็นความทุกข์  มาละหน่ายคลาย จนกระทั่งเห็นเหลือแต่ความจริงตามความเป็นจริง สีก็คือสี รูปก็คือรูป เราไม่ได้หลงว่าสวยหรือไม่สวย สีก็เห็นว่าเป็นสี รูปก็เป็นรูปไม่ได้เห็นว่าสวยหรือไม่สวย มันก็เป็นอย่างนั้น มีความรู้ลึกเข้าไปอีกว่า ควร 

เช่น นี่แหละ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งควรกิน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรกิน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ควรมี สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรมี สิ่งนี้เป็นประโยชน์ สิ่งนี้ไม่เป็นประโยชน์ เราก็เอาที่เนื้อหาสาระของมัน คนนี้ก็อุปาทานตรงนี้ ไปเข้าหาแก่นสารเข้าหาสัจจะตรงๆ ไม่ต้องมีอะไรหุ้มพอกที่เกินกว่าแก่นสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 14:02:24 )

ละอายกับเกรงกลัวเป็นเทวะผู้ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

คำว่า ละอายกับเกรงกลัว 2 คำนี้จึงอยู่ด้วยกันสัมผัสสัมพันธ์กันอยู่ แม้ 2 ตัวนี้ก็เป็นเทวะผู้ยิ่งใหญ่ แค่ ความรู้สึกละอายจนถึงขั้นเกรงกลัวคุณก็เจริญขึ้นแล้ว พอเกรงกลัว ก็จะไม่เอาแล้วเลิกขาด เว้นขาด ปล่อยวาง ไม่เอา ละอายยังต่องแต่งๆ แต่ถ้าเกรงกลัวนี้ชัดแล้ว ภาษาบาลีคือโอตตัปปะ เมื่อรู้สิ่งนี้แล้วเลิกมาได้ ก็ถึงจะเข้ามาศรัทธา เข้ามานับถือ เข้ามายอมรับสิ่งที่ถูก หรือ ผู้ที่นำสิ่งที่ถูกมาให้เรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:40:50 )

ละอายกิเลส

รายละเอียด

เมื่อคุณเกิดกิเลสแล้วก็ฆ่ากิเลสด้วยความเพียร จนกระทั่งเป็นผลเป็นพหูสูตไปเรื่อยๆ ได้ผลอย่างนี้ก็ยิ่งมี วิริยะ สติ ปัญญา แข็งแรงจริงจังเป็นอิทธิบาท 4 มี ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา มี วิริยะ สติ ปัญญา มีอินทรีย์พละ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ในจรณะ 15  ไม่มีคำว่าสมาธิ เพราะว่าสมัยที่เป็นผลของจรณะ 15 วิชชา 8  หากปฏิบัตินอกจากจรณะ 15 วิชชา 8 ไม่มีสมาธิของพุทธเกิด

สรุปว่าเป็นศีลสมาธิปัญญาก็เป็นกระบวนการที่สั้นลงก็คือ จรณะ 15 วิชชา 8

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:48:53 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:25:35 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:56:06 )

ละอายอย่างแรงกล้า เพราะอะไร

รายละเอียด

เมื่อกี้อธิบายขยายความไปบ้างแล้ว ว่า ความละอาย ไม่ละอาย เพราะไม่เกิดความจริง ไม่เกิดความละอาย ความรู้สึกจริงๆเป็นเวทนา ละอาย ละอายจริงๆ มันเป็นความรู้สึกจริงๆของจิตใจเลย ไม่ใช่เรื่องพูดตื้นๆ เล่นๆ แต่สำนึกละอายจริงๆ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในปัญญาข้อที่ 1 ข้อที่ 2 มีความละอายจริงๆ ไม่ใช่ละอายเล่นๆด้วยแต่ละอายอย่างแรงกล้า เพราะอะไร เพราะคนเรามันโง่มาหนัก โง่เป็นเทวนิยม โง่เป็นอัตตา สิ่งที่โง่มาจนถึงทุกวันนี้คือยังไม่เป็นอรหันต์นี่แหละ 

ผู้เป็นอรหันต์จึงจะหยุดโง่ หมด เกลี้ยง สิ้นความโง่  สิ้นเกลี้ยง ยังไม่หมดก็ เป็นโสดาบันก็ลดลงไปส่วนหนึ่ง เป็นสกิทาคามีก็ลดลงไปส่วนหนึ่ง ถ้าอนาคามีก็ลดลงไปส่วนหนึ่ง เป็นอรหันต์ทั้งหมด ก็หมดอวิชชา ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆสัจธรรมเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดไม่สามารถที่จะศึกษาสัมมาทิฏฐิจริง ก็ไม่บรรลุธรรมในชาตินั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 13:01:26 )

ละอายเพราะรู้ถึงความจริงแล้วว่าเป็นสิ่งที่น่าละอาย

รายละเอียด

อย่างเช่นพูดให้ชัดเจน อาตมาบอกว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ บรรลุเอง เป็นสยังอภิญญา คนที่เขาไม่เชื่อเขาลบหลู่มานาน แล้วเขาก็เป็นผู้รู้ด้วยนะ มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะกว่าเรา ยอมรับนับถือกันเยอะ แต่เขาไปรู้สึกเมื่อใดก็แล้วแต่ โอ้โห ดีไม่ดี รู้สึกตรงที่ว่าเคยละลาบละล้วง เคยว่า เคยปรามาส เคยดูถูกด้วย เขาจะรู้สึกละอายไหม ...ละอาย เพราะเขารู้ถึงความจริงแล้วว่าเป็นสิ่งที่น่าละอาย จะละอายจริงๆ มันเป็นความ ลึกซึ้ง เป็นความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัส มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าคุณไม่ได้ทำไว้ก็ไม่ต้องละอายมาก แต่คุณก็จะรู้สึกตัวเหมือนกันว่า โถ! เราเองอยู่กับท่านมานานไม่ได้ปรามาสอะไร แต่ไม่รู้ว่าท่านเป็นโพธิสัตว์ ท่านเป็นสัตบุรุษ ท่านเป็นพระพุทธเจ้า โธ่! เราเอ๋ย ก็จะรู้สึกว่าตัวเองโง่ โง่ ใช่ไหม อะไรจะโง่ ไม่เข้าเรื่อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:56:34 )

ละอายเมื่อรู้ความจริงว่าตัวเองผิดจะเกิดศรัทธา

รายละเอียด

ยังไม่เกิดหิริ ไม่เกิดความละอายที่แท้จริง ทำไมต้องละอาย ที่ละอายเพราะว่าตัวเองผิด ขี้ตู่กลางนาขี้ตาตุ๊กแก มาขี้ตู่ว่า อาตมาเป็นคนต่ำ จนสุดท้ายมาเข้าใจว่าที่จริงท่านสูงเราเป็นคนต่ำ นั่นคือรู้ความจริง พอคนที่รู้ความจริงอย่างนี้แหละ ก็จะเกิดศรัทธา เกิดรู้ความจริง เกิดเป็นศรัทธาแปลว่ารู้ แปลว่าเจริญ แปลว่าเข้าใจ ว่ามีความเป็นปัญญาเข้ามาช่วยศรัทธาตัวนี้ มันรู้ความจริงขึ้นมาเลยว่า โอ้โห.. 

สัจจะที่ไปรู้ความจริงอันนี้ มันไม่มีอะไรกั้นว่า จะไม่รู้หรือโง่ แต่มันถล่มทลายความโง่นี่ออกไปได้จริงๆมันเป็นสัจจะ ผู้ที่เกิดความจริงนั้นที่เกิดรู้ความโง่ของตนเอง รู้ความผิดที่ตัวเองไปดูถูกดูแคลน ไปถล่มทลาย จะเอาอาตมาตาย ดูถูกกันชนิดที่ ที่แท้ตัวเองแท้ๆเป็นคนโง่ รู้ว่าตัวโง่นี้ จะละอายอย่างแรงกล้าเลย

อาตมาเคยพูด ละอายอย่างแรงกล้าจนละอายไม่กล้าสารภาพต่อมนุษยชาติ ก็คงจะติดไปจนตายในชาตินี้หรือเปล่า ติดไปจนตายไปในชาตินี้ ก็คงไม่ได้ปลงอาบัติ อาบัติก็ค้างต่อไปในชาติหน้าๆๆๆ มันก็หมักหมม เสร็จแล้วตัวเองก็จะมีกรรมวิบากทำให้ตัวเอง ขออภัยอาตมาไม่ได้พยากรณ์ จะตกต่ำ ความดีกุศลที่ได้ทำในชาตินี้ ไม่คุ้มต่อการไปลบหลู่ อาริยะ แล้วอาริยะระดับอาตมาระดับโพธิสัตว์ด้วย แค่อาริยะไปลบหลู่พระอรหันต์ พระอาริยะ

มีโทษ 11 ประการที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อนไม่รู้กลับไปกลับมากี่ชั้น เป็นสิริมหามายา เดี๋ยวเอาหน้านี้มาใช้ เดี๋ยวเอาหน้านั้นมาใช้ กลับไปกลับมาไม่รู้กี่ชั้น แต่ตัวเองไม่เลื่อนฐานะในชาตินี้ เรียกว่าไม่บรรลุธรรมในชาตินี้ มันก็ได้แต่หมักหมมซ้ำวนไปข้างล่างอยู่ตรงนั้น 

เหมือนก้นหอย ก้นหอยส่วนกลาง คนที่วนก็จะวนลงต่ำ ยิ่งโง่หนักไปใหญ่ แต่คนที่วนขึ้นเจริญก็คือวนขึ้นสูง และมีจบ สุด เป็นหนึ่ง เป็นนัยยะอย่างนี้ เขาวน แต่วนลงต่ำยิ่งหนายิ่งหนักยิ่งซับซ้อน ไม่รู้กี่ชั้น แล้วก็ยิ่งกว้าง ยิ่งกว้างไปอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 37 อภิภายตนสูตร ตอนที่ 1

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 16:18:11 )

ละเลยการทำเตวิชโชไม่ได้

รายละเอียด

คุณต้องตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกรอบบัญชีของเรา 

หากว่าทำไปแล้ว ไม่รู้ว่าได้หรือไม่อย่างไร จบหรือไม่จบอย่างไร ซ้ำซากวนเวียนเลอะเทอะ แล้วเมื่อไหร่มันจะถ้วนรอบ จะสำเร็จกิจ ละเลยไม่ได้ คุณจะนั่งหลับตาทำก็ได้เตวิชโชทำ จะไม่นั่งหลับตาลืมตาทำก็ได้ระลึกได้ ถ้าอินทรีย์พละเก่งก็ระลึกได้ดีได้ง่าย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:01:51 )

ละเลยศีล สมาธิ ปัญญา จึงไม่ถึงวิมุติ

รายละเอียด

ศีลเป็นสะเก็ด สมาธิเป็นเปลือก ปัญญาเป็นกระพี้ วิมุติเป็นแก่น ดอกใบผลเป็นลาภสักการะสรรเสริญ เขาละเลย สะเก็ด เปลือก กระพี้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องฝันถึงแก่นหรือวิมุติ ว่าจะได้ เขาก็ได้ ดอกใบผล สำคัญว่าเป็นแก่น งมงายอยู่แค่นั้น ชัดๆ อย่างนี้เลย ไม่ใช่อาตมาไปว่า แต่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดๆอย่างนั้น ในยุคนี้เป็นอย่างนั้นจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 13:34:55 )

ลักขณรูป 4

รายละเอียด

ญ. ลักขณรูป 4 = 21.อุปจยะ ความเกิดอยู่เจริญขึ้นไป  

22.สันตติ ความเชื่อมต่อสืบเนื่อง 

23.ชรตา เคลื่อนไปสู่ความเสื่อม 

24.อนิจจตา เคลื่อนไปเสื่อมหรือเจริญ 

ถ้าคุณยังมีชีวิตก็มี อุปจยะ ยังไม่ทำปรินิพพานเป็นปริโยสานคุณก็สามารถไปต่อได้ จะเกิดหรือไม่เกิด หรือจะดับไปเลย ดับสูญเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ดับไป ไม่ดับก็เรื่องของคุณ เพราะฉะนั้น อุปจยะ คือตัวที่จะให้เกิดต่อไปได้ สันตติ คือตัวที่คุณจะตัดสินใจ จะให้เกิดหรือไม่ให้เกิด เมื่อไม่ให้เกิดคุณก็ปล่อยเลย คุณก็ไป ชรตา เสื่อมแน่ ถ้าคุณทำเกิดทำได้คุณก็เสื่อม อัตตาคุณก็หายไป ชรตาคำนี้ จึงเป็นคำ กลางๆ ของผู้มีวิชชา ผู้อวิชชาไม่รู้จักเสื่อม เทวนิยไม่รู้อันนี้ เพราะเชื้อยังไม่หมดวิบากขันธ์ อุปธิยังไม่หมด มันจะต้องวนเวียน 

สายเทวนิยมทางยุโรป หรือตะวันออกกลาง เขาไม่เสื่อมหรอกเพราะเขาไม่รู้ความเสื่อม

มันจะเสื่อมโดยธรรมชาติหรือเราทำให้มันเสื่อม เสื่อมเพราะว่ามันแก่มันตายลงไป เราทำให้มันเสื่อมจนกระทั่งมันตาย ตายลงอย่างมีปัญญา ไม่ใช่ตายโดยไม่มีปัญญา 

จบด้วย อนิจจตา แปลว่าผู้ที่ยังไม่มีอะไรเที่ยงนอกจากเป็นพระอรหันต์แล้ว รู้จักความมีและรู้จักความไม่เที่ยง และที่สุดรู้จักความไม่มี เพราะฉะนั้นความไม่เที่ยงท่านทำให้เที่ยงแล้วมีความเที่ยงได้ ทำให้ไม่มีอย่างเที่ยงก็ยังได้เลย 

เพราะฉะนั้น นิพพานเที่ยง สำหรับพระอรหันต์ และเที่ยงจน ปรินิพพานเป็นปริโยสาน สามารถทำให้จิตนิยามเป็นดินน้ำไฟลมเลยก็ได้ นี่คือสุดแห่งที่สุด อวสานได้คือที่สุด ปริโยสาน คือ ปริยะ + อวสาน ก็คือ ปริโยสาน อธิบายทั้งสภาวะและพยัญชนะ ทั้งอรรถและธรรมให้ฟัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 19:25:30 )

ลักขณรูป 4 ของชาติ

รายละเอียด

ชาติ ถ้าเกิดแล้ว ถ้าไม่มีพลังงานอะไรต่ออีก มันก็เสื่อมไปตามตัวมันเป็น ชรตา เพราะฉะนั้นในลักขณรูป 4 พระพุทธเจ้าถึงจบไปตรงนี้ แล้วแถมเป็นตัวปลายเปิด เรียกว่าอนิจจตา ถ้าคุณไม่เที่ยงคุณฟื้นอีก กลับกำเริบอีกคุณก็ไปต่อ แต่ถ้าไม่กลับกำเริบชรตา ไม่มีอะไรเสื่อมเป็นโมเมนตัมไป สุดท้ายคุณก็สูญหายไปเลยไม่มีอะไรเกิดต่อ เพราะคุณไม่เติมพลังงานอะไรอีกแล้ว มันก็ต้องเป็น 0 หรือเติมพลังงานไม่สมดุลมันก็ต้อง 0 จนได้ ถ้าคุณเติมไม่สมดุล หรือให้มันเกินออกมาเป็น อุปจยะ ให้มีส่วนเพิ่มขึ้นอีก คุณก็ไม่มี ไม่ต่อ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:37:11 )

ลักขณรูป 4 ของพระอรหันต์

รายละเอียด

การเรียนรู้นามธรรมขั้นจิตวิญญาณแล้วก็มาสัมพันธ์กับอันนอก สัมพันธ์กับดิน น้ำ ไฟ ลม สัมพันธ์กับอันอื่นๆ เป็นตัวตนบุคคล คนต่างๆสัตว์ต่างๆ ว่าสิ่งต่างๆ พืชต่างๆ เข้ามาร่วม ร่วมสังขารปรุงแต่งอยู่ด้วยกัน อย่างไม่เป็นพิษเป็นภัย อย่างไม่ทำลายแต่ช่วยกัน ให้เกิด สิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และมีแต่ไปเรื่อยๆ เจริญไปเรื่อยๆไม่มีจบมีไหม สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วเจริญไปเรื่อยๆไม่มีเสื่อมเลยมีไหม ...ไม่มี ศาสนาพุทธไม่ได้ปฏิเสธความเสื่อมไม่ได้ปฏิเสธความดับไป แต่ต้องมีพลังงานเติมอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นเราจะต้องสร้างพลังงานเติมอยู่เสมอให้เจริญ ศาสนาพุทธจึงละเอียดถึงขั้นสามารถที่จะสร้างพลังงานให้เติมให้เกิดเรียกว่า อุปจยะ ถ้าไม่เกิดไม่ดับ เรียกว่าสันตติ เพราะสงบอยู่สันตะ สันติ สงบอยู่แต่พร้อมทำงานเรียกว่า ติ ตัว สันตะคือสงบ แต่พร้อมนะ พร้อมรบ พร้อมสันตติ เพราะฉะนั้นจะให้เกิดเลย อุปจยะ ถ้าไม่ให้เกิดแม้ไม่ให้เกิดอยู่เฉยๆ ก็จะ ชรตา ไม่ให้เกิดก็เสื่อมในตัวมันเอง ชรตา

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:34:45 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:26:22 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:56:46 )

ลักขณรูป 4 คืออะไร

รายละเอียด

สูงสุด ถ้าเข้าใจรูป 28 แล้ว สุดท้ายก็มีลักษณะรูป อีก 4 คือ อุปจยะ

อุปจยะ แปลว่าจิตเกิด มีลักษณะเกิดในจิตจากนามธรรม เรารู้แต่ต้น จิตเกิดอุปจยะ เป็นตัวตนก็รู้ ถ้าคุณสามารถรู้จัก สยะ ตัวตน แล้วคุณก็คุมตัวตน ควบคุมอาสยะ ควบคุมตัวตนของเราได้ไม่ให้กิเลสเกิดไม่ให้ต่อสันตติ อาการกิเลสเกิดเมื่อไหร่ ไม่มีทาง ให้มันดับให้มันไม่ต่อให้ดับสันตติได้ คุณก็คุมความเที่ยง ไม่มี ชรตา อนิจจตาได้

ลักขณรูป 4 คือ อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจตา มันไม่มีไม่เที่ยง เที่ยงเลย ผู้ที่เป็นอรหันต์ขึ้นไป ตัวเองคุมได้เลย คุณจะปรุงแต่งมีสันตติ มีสังขารอภิสังขารก็เป็นอาเนญชาภิสังขาร ยิ่งทำงานยิ่งแข็งแรง พระอรหันต์ขึ้นไปเป็นพระโพธิสัตว์ยิ่งทำงานจิตยิ่งแข็งแรง จิตใจยิ่งมีลักษณะที่เก่งขึ้นชำนาญขึ้นรู้จักว่าจิตเกิดคืออุปจยะ จะต่อสันตติ ถ้าต่อไปมันจะยิ่งเสื่อมได้ ดึงเอาไว้ไม่ไหว เหมือนกับช่วยคนตกบ่อ คนมีแรงไม่พอก็ถูกคนในบ่อดึงตกไปตาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:43:58 )

ลักขณะรูป 4

รายละเอียด

1. อุปจยะ  ความเกิดอยู่เจริญขึ้นไป

2. สันตติ   ความเชื่อมต่อสืบเนื่อง

3. ชรตา  เคลื่อนไปสู่ความเสื่อม

4. อนิจจตา  เคลื่อนไปเสื่อม  ความเจริญ

ลักขณะรูป  4  คือ  จะให้เกิดก็เกิดได้  จะให้ต่อก็ต่อได้  จะให้ไม่เกิด ไม่ต่อ ก็ได้ เป็น โมเมนตัม  ถ้ามีอะไรมาทำลายมันก็เร็ว  ถ้าไม่มีอะไรมาทำลายมันก็ชะลอชราไปอีกได้   แต่ถ้ามี  อนิจจา  เป็นตัวคุมสุดท้าย  เป็นสิ่งที่พระโพธิสัตว์รู้ดี  จะเอาเกิดหรือตายก็อยู่ที่การตัดสินใจของโพธิสัตว์ที่จะรู้ดี  อย่างบางเรื่อง  เมื้อกี้บอกว่า  อีกเดี๋ยวบอกว่าไม่เอาแล้ว  โพธิสัตว์ต้องซื่อสัตย์  มันมีข้อมูลเปลี่ยนแปลงใหม่ ก็ยังไม่ทันบอกคน ก็เปลี่ยนแปลงแล้ว  คนที่ไปยึดมั่นถือมั่นบอกว่าไม่อยู่กับร่องกับรอย  คนนี้ก็ไม่ศรัทธา  แต่ถ้ายกให้แล้ว  คนที่เป็นโพธิสัตว์ที่ตัดสินให้เปลี่ยนแปลงเร็วเป็นสิริมหามายา  เดี๋ยวก็บอกว่าเอา ไม่เอา  เดี๋ยวก็บอกว่ามี  หรือไม่มี ทำให้มี  หรือ หายไปก็ได้  แล้วจะเอาอะไรแน่  เพราะฉะนั้น  สัจจะแท้ของโพธิสัตว์ คือซื่อสัตย์  สุจริต  ปรารถนาดี  ไม่มีความปรารถนาร้ายอะไร  แต่ไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส  บางที่ก็ไม่ได้อธิบายให้ฟัง  แต่ก็ไม่ได้มีอกุศลจิต  ไม่มีอกุศลเจตนา   มีแต่กุศลเจตนาทั้งสิ้น โพธิสัตว์บางองค์ทำเร็ว  แต่ว่าอธิบายเหตุผลไม่ได้  แต่ดูแล้ว  เหตุปัจจัยองค์ประกอบขนาดนั้น  ตัดสินใจ  จะเอาอันนี้  ก็มีประสิทธิภาพที่ถูกต้อง  ไม่ถูกต้อง ผิดพลาดได้เหมือนกัน  โพธิสัตว์ก็ไม่ได้หมายถึงจะชนะตลอดแพ้ก็ได้ แต่แพ้ ก็แพ้ชะตาทราม  เอาใหม่ได้  สี่ขายังรู้พลาดนักปราชญ์ 2 ขา  ก็ต้องเซบ้าง  สรุป  จบลักขณรูป  4  จึงเป็นสุดจบของรูป   24   มีอำนาจ  อนิจจตา สุดท้าย คุณจะเปลี่ยนแปลงเอง  ถ้าหากไม่เปลี่ยนแปลงปล่อยให้เกิด ชรตา  คือ โมเมนตัมเป็นพลังงานเฉื่อย ไปหา  0   แต่ถ้า  คุณจะให้มันเสื่อมเร็วขึ้น  ก็สามารถเบรกได้เร็ว  เหมือนเครื่องบินที่ลงทำให้มันหยุดเร็วได้  แม้มันจะมีแรงเฉื่อยไปอีก  5  กิโลเมตร  แต่คุณสามรถทำให้เหลือเพียงแค่  2  กิโลเมตร หรือ  1  กิโลเมตร ได้มีเป็นประสิทธิภาพ  แต่ถ้าคุณจะปล่อยไปมันเกิด ชรตา แต่ อนิจจตา  ฟ้าหลังฝนสามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก  จึงเป็นสิ่งที่คุณสามารถ ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้  คุณยังไม่ทัน  ก็ไปหาอนิจจตา  คุณไม่เอาก็จบ  แต่ถ้าเอาก็เปลี่ยนใหม่ได้  ซึ่งถือว่า สูงสุด  เป็นผู้ที่ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้  พอชัดขึ้นไหม  จบด้วย  ลักขณรูป  4

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ   บ้านราช   วันศุกร์ที่  29  พฤศจิกายน   2562


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2562 ( 12:44:46 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:30:05 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:59:48 )

ลักษณะ 4 ของรูป 28 ที่พ่อครูใช้ในการขยายอายุขัย 

รายละเอียด

อาตมาก็พยายามอยู่ให้เกิน 120 เหมือนกัน ตั้งเป้าไว้ 133 ตอนนี้ลดลงมาจาก 151 แต่ก็รู้สึกว่าแย่เหมือนกัน รู้สึกว่าป้อแป้เหมือนกัน แต่ก็พยายาม บางวันก็ โอ้โห Fresh up ดี กระปรี้กระเปร่า บางวันมันก็เมื่อยก็เพลีย ก็ว่าไป ก็พากเพียรไป คือความไม่เที่ยง 

พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องความไม่เที่ยงเป็นที่สุด ในรูป 28 อนิจจตา เป็นตัวสุดท้ายเลยในลักษณะ 4 ที่มี อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจตา ลักษณะ 4 ลักษณะสุดท้าย คนเราก็มีรู้จักเกิดกับรู้จักหยุด คือไม่ต่อสันตติ คือหยุด กับอุปจยะคือเกิด 

เพราะฉะนั้นแม้ว่าคุณเอง คุณไม่ต่อสันตติแล้ว คุณก็จะยังมีโมเมนตัม มีสิ่งที่ยังจะต้องเฉื่อยต่อไปจนกระทั่งหมดเรียกว่า ชรตา ไปถึงที่สุด จะละเร็วหรือช้าก็อยู่ที่แต่ละบุคคล บุคคลไม่เฉื่อยมากหรอก พอตัดปุ๊บตายปั๊บเลย บุคคลที่ทำไม่ได้ถึงขนาดนั้นพอตายปุ๊บก็เฉื่อยไปอีกสัก 2 ปั๊บ อีกคนก็แย่กว่านั้นหน่อย พอตายปุ๊บก็เฉื่อยไปอีก 3 ปั๊บ อีกคนแย่หน่อย พอตายปุ๊บก็เฉื่อยไปอีก 40 ปั๊บ จนถึง 100/200 ปั๊บ ปั๊บหนึ่งเท่าไหร่ไปคิดเอาเอง มันก็เป็นอย่างนั้น ใช้คำลักษณะนามเรียกเป็นปั๊บๆ ยิ่งกว่าวินาทีก็ได้ เท่านั้นเองไม่มีอะไร 

แต่ในระยะทางที่จะ ชรตา ยังทิ้งปลายเปิดที่อนิจจตา ถ้าฮึดขึ้นมา ไม่เฉื่อยไม่สูญละ อุปจยะใหม่ ต่อ ได้ ถ้าคุณมีบารมี แต่ถ้าคุณไม่มีบารมีนะ ปล่อยไปจนกระทั่งถึง อุปจยะ สันตติ ปล่อยไปชรตา จนกระทั่งคุณไม่มีบารมี จะขึ้นมาอีกก็ขึ้นไม่ได้ ต้องตาย โยมหน่อยต้องตาย ถึงวาระต้องตาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 จากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2565 ( 05:04:51 )

ลักษณะ 4 ของเศรษฐกิจดีแบบคนจน

รายละเอียด

แล้วมีกินมีใช้ไหม..ก็อุดมสมบูรณ์ เป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้จนเหลือกินเหลือใช้ อาตมาสรุปผลของเศรษฐกิจดี คือ มีลักษณะ 4 

  1. ไม่เป็นหนี้ 

  2. ทำมาหากินพึ่งตนเองรอด สร้างสรรมีสมรรถนะความรู้ความสามารถ ทำอยู่ทำกินของตนให้มีอยู่มีกิน พึ่งพาตนเองรอด 

  3. เหลือ สร้างสรร ทำงานการสร้างสรร มีที่อยู่ที่กิน มีของอยู่ของกิน มีการยังชีพเลี้ยงชีพรอดเหลือเฟือ มีเกิน 

  4. แจกจ่ายผู้อื่นเผื่อแผ่เกื้อกูล มีประโยชน์เผื่อแผ่ผู้อื่นได้อย่างแท้จริง 

นี่คือเครื่องชี้บ่งความมีเศรษฐกิจดี นี่คือความเป็นจริงที่พิสูจน์ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2563 ( 18:10:53 )

ลักษณะ 4 อย่าง

รายละเอียด

คือ ฐานอาศัยของพระอรหันต์ พระอรหันต์สามารถจัดการวิการรูปได้เท่าที่มีบารมี เท่าที่เห็นควร อย่างอาตมาสามารถทำได้เท่าที่มีบารมีจึงสามารถทำกรรมกิริยาเท่านี้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:39:15 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:31:53 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:00:30 )

ลักษณะ 5 ของอนัตตา

รายละเอียด

1. ปรโต    (ความเป็นอื่น  แปรปรวนไป) 
2. อนัตโต    (ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน) 
3. วิตถโต    (แผ่ผ่านไป, เคลื่อนไปๆ อยู่เสมอ) 
4. ตุจฉโต    (ไม่เป็นแก่น, ไร้ประโยชน์) 
5. สุญญโต (เป็นสูญ, ว่างเปล่า) 
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฏก เล่ม 29  ข้อ 63   ปริญญา3 กำหนดรู้ผัสสะ-เวทนา


เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2562 ( 14:48:16 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:37:58 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:03:24 )

ลักษณะ 5 ของอนัตตา

รายละเอียด

1. ปรโต (ความเป็นอื่น  แปรปรวนไป) 

2. อนัตโต (ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน) 

3. วิตถโต (แผ่ผ่านไป, เคลื่อนไปๆ อยู่เสมอ) .

4. ตุจฉโต (ไม่เป็นแก่น, ไร้ประโยชน์) 

5. สุญญโต (เป็นสูญ, ว่างเปล่า) 

(ล.29  ข.63 ปริญญา 3  กำหนดรู้ผัสสะ-เวทนา) จะไปบังคับความคิดเขาได้อย่างไรเขาก็มีความยึดถืออย่างนั้น จนกว่าเขาจะมีภูมิปัญญาเข้าใจได้ ถ้าเขาเห็นไม่ได้เขาก็ไม่เปลี่ยนมา ต้องให้อิสระเสรีภาพเขา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:23:55 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:35:44 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:03:50 )

ลักษณะ 7 อย่างของคนที่เจริญที่สุด

รายละเอียด

คนที่เจริญที่สุดจะมีลักษณะ 7 อย่าง ลักษณะที่ระลึกถึงกันไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่หรือออกป่าเขาถ้ำอยู่กับสิงสาราสัตว์ ไม่ใช่ อยู่อย่างระลึกถึงกัน อย่างพวกเราตื่นเช้าขึ้นมาก็เซฮัลโหลกันว่าเป็นยังไง มีเด็กน้อยคนหนึ่งเกิดมาในหมู่บ้านเราระลึกถึงคนบ้านเรานางรุณนายปุ๊ก พ่อแม่ให้กำเนิดบุตรขึ้นมาหนึ่งคนให้นึกถึงกันแต่เช้า 

มีสาราณียะ มีปิยกรณะ มีความรักกัน แต่ไม่ได้รักกันอย่างหยาบอย่างโลกเขา รักกามก็แรง ราคะก็จัด ไม่ได้รักกันอย่างนั้น แต่รักกันอย่างพอเหมาะพอสม แล้วก็รู้จักตัวรู้จักตนว่ายังมีกิเลสอยู่ อันที่ยังเหลือเราก็รู้ว่าเรายังเหลือนะ จะต้องทำให้มันเบาบางให้มันหมดลดละลงไป จนกระทั่งสมบูรณ์แบบ เป็นคนที่หลุดพ้นความสุขความทุกข์เป็นระดับอย่างนี้เป็นต้น เป็นคนมีความรักกันอยู่อย่างเคารพกัน 

ครุกรณะ อันนี้สำคัญ เคารพกันด้วยวัย เด็กเคารพผู้ใหญ่ ลูกเคารพพ่อเคารพแม่ เคารพกันด้วยสมมุติ คนนี้มีฐานะ เขาเคารพกันด้วยฐานะทางโลก ฐานะทางตำแหน่งหน้าที่ แม้แต่เคารพกันด้วยสัจจะฐานะ คนนี้มีคุณธรรมสูง แม้ว่าคนนี้จะอายุน้อยกว่าเรา คนนี้จะเป็นเด็ก คนนี้เป็นผู้ที่มีวุฒิฐานะอีกต่างหาก วุฒิฐานะทางความรู้มีความรู้สูงกว่าเราก็เคารพด้วยฐานะทางความรู้สูง อะไรพวกนี้เป็นต้น ก็เคารพกันอยู่ต่างๆนานา อย่างถูกทางโลกทางธรรม เคารพแบบทางโลกเขาสมมุติกัน เคารพทางธรรมที่เป็นปรมัตถ์อะไรพวกนี้เป็นคนมีครุกรณะ

มีสังคหะ อยู่กันอย่างเอื้อเฟื้อเจือจานเกื้อกูลกันช่วยเหลือกันไปอย่างนั้นอย่างนี้มันเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคม คนเป็นสัตว์โขลงเป็นสัตว์หมู่สัตว์กลุ่ม ก็อยู่กันอย่างมีความรักความเคารพช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนที่มีกำลังมากช่วยคนที่มีกำลังน้อย ผู้ใหญ่ก็ช่วยเด็กเป็นไปตามลำดับ หรือแม้แต่ผู้ที่อายุน้อยกว่าช่วยผู้ใหญ่อายุมากขึ้นแก่ขึ้นอะไรเป็นต้น อยู่กันอย่างมีปัญญาความรู้อะไรควรอะไรไม่ควร สิ่งที่ไม่ควรก็ไม่ทำ สิ่งที่ควรกระทำเป็นคนเจริญสังคหะไม่วิวาทกัน 

อวิวาทะ ไม่ทะเลาะเบาะแว้งจะย้อนแย้งอะไรก็แย้งจะถกเถียงกันบ้างก็ถกเถียงกันด้วยเหตุด้วยผล ด้วยจิตเมตตาด้วยจิตปรารถนาดี เป็นคนประเสริฐเป็นคนอาริยะเป็นคนเจริญไม่วิวาทกันมีความพร้อมเพรียงกัน พร้อมเพรียงกันทำ พร้อมเพรียงกันเลิก พร้อมเพรียงกันไป พร้อมเพรียงกันมา พร้อมเพรียงกันแยกพัก แยกผ่อน ถึงเวลาวาระแยกพักไปพักไปผ่อนก็ทำ

มีสามัคคียะ พร้อมเพรียงกันอย่างมีปัญญา รู้จักกาละ เทศะ ฐานะ ไปตามฐานานุฐานะเป็นปึกแผ่น 

เอกีภาวะแม้จะเข้าใจกันแยกกันก็อยู่กันอย่างมีองค์รวมหนาแน่นแข็งแรงเป็นปึกแผ่นเพราะมีจิตเป็นตัวประธานเป็นจิตที่เป็นตัวเชื่อมตัวประสานตัวคัดแยกมีทั้งตัวประสานตัวรวมตัวคัดแยกอยู่ในตัว เราจะรวมกันอยู่ แต่เราก็อยู่อย่างรู้ บางอย่างไม่ควรรวม ในสิ่งที่เป็นอกุศลในสิ่งที่ควรจะให้แยกไม่ควรเข้าใกล้ เช่นคนนี้มีเชื้อโควิค เราไม่เข้าใกล้ เราให้แยก ให้ไปอยู่ Social distancing อยู่ห่างๆอย่างนี้เป็นต้น คนนี้พฤติกรรมไม่ดีอย่าเข้าใกล้นะ กัดเก่ง เราก็ระวัง อยู่กันอย่างระวัง คนนี้กัดเก่ง ไม่รู้ว่าเอาเชื้อหมา หมาอะไรที่มันแหย่เสือเก่งๆ หมาไฮยีน่า ขาหลังเป๋ๆ ตัวมันก็มีรูปทรงตลกๆ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:43:00 )

ลักษณะ 9 ของ ฌานที่เป็นสมาธิพุทธแท้

รายละเอียด

จิตตั้งมั่น …เมื่อล้างกิเลส จิตที่สะอาดตกผลึก เป็นจิตตั้งมั่น ต้องสะอาดนะ ถึงเอาไปสะสมใส่เซฟไว้ เป็นจิตตั้งมั่นที่สะอาด เพราะฉะนั้นคุณสมบัตินั้นก็จะยิ่งทำให้เกิดองค์คุณทั้ง 9 ลักษณะ 9 ของ ฌานที่เป็นสมาธิพุทธแท้ มีดังนี้

  1. สมาหิเต (จิตเต จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ)

  2. ปริสุทเธ (จิตบริสุทธิ์ สุกสกาว ไม่มีอะไรที่จะแอบแฝง) 

  3. ปริโยทาเต (ผ่องแผ้ว อย่างแข็งแรงอยู่กับผัสสะ) 

  4. อณังคเณ (ไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมอง) 

  5. วิคตูปักกิเลเส (ปราศจากแม้แต่อุปกิเลส )

  6. มุทุภูเต (แววไวด้วยจิตหัวอ่อนดัดง่ายแก้ไขไว )

  7. กัมมนิเย (ควรแก่การงานอันไม่มีโทษ ไม่มีกิเลส)

  8. ฐีเต (จิตถึงความตั้งมั่น )

  9. อเนญชัปปัตเต (จิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหว )

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 สิงหาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

ล. 9 ข้อ 131 


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 09:43:31 )

ลักษณะ 9 ของ ฌานที่เป็นสมาธิพุทธแท้ มีดังนี้

รายละเอียด

1. สมาหิเต (จิตเต จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ)

2. ปริสุทเธ (จิตบริสุทธิ์ สุกสกาว ไม่มีอะไรที่จะแอบแฝง) 

3. ปริโยทาเต (ผ่องแผ้ว อย่างแข็งแรงอยู่กับผัสสะ) 

4. อณังคเณ (ไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมอง) 

5. วิคตูปักกิเลเส (ปราศจากแม้แต่อุปกิเลส )

6. มุทุภูเต (แววไวด้วยจิตหัวอ่อนดัดง่ายแก้ไขไว )

7. กัมมนิเย (ควรแก่การงานอันไม่มีโทษ ไม่มีกิเลส)

8. ฐีเต (จิตถึงความตั้งมั่น )

9. อเนญชัปปัตเต (จิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหว )

จากพระไตรปิฎก เล่ม 9 ข้อ 131 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:10:24 )

ลักษณะกามเมถุน 3

รายละเอียด

1. เป็นเรื่องของชาวบ้าน (คามธัมมัง)
2. เป็นมรรยาทของคนชั้นต่ำ (วสลธัมมัง)
3. ชั่วหยาบ (ทุฏฐุลลัง)
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 1  ข้อ 20  ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 13:43:11 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:39:59 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:04:30 )

ลักษณะกามเมถุน 6

รายละเอียด

1. เป็นเรื่องของชาวบ้าน

2. เป็นมรรยาทของคนชั้นต่ำ

3. ชั่วหยาบ

4. มีน้ำเป็นที่สุด

5. กระทำในที่ลับ

6. เป็นของคนคู่

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม  1 "ปฐมปาราชิกกัณฑ์"  ข้อ  20

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2562 ( 14:23:21 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:42:38 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:04:49 )

ลักษณะกามเมถุน 6

รายละเอียด

1. เป็นเรื่องของชาวบ้าน(คามธัมมัง)

2. เป็นมรรยาทของคนชั้นต่ำ(วสลธัมมัง)

3. ชั่วหยาบ(ทุฎจุลลัง)

4. มีน้ำเป็นที่สุด(โอทกันติกัง)

5. กระทําในที่ลับ(รหัสสัง)

6. เป็นของคนคู่ (ทวยังทวยเสมาปัตติ้ง)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 1 “ปฐมปาราชิกกัณฑ์” ข้อ 20


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 05:20:44 )

ลักษณะของ สก สว สย และ อย

รายละเอียด

ถ้าเข้าใจวัฏสงสารการตายแล้วและก็เกิดมาแล้วก็มีอนุสัย มีจิตที่เป็นต้นตอของเรา สย สยัง ตัวเรา ที่มันติดตามเราไปอนุสัย จนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสานก็นี่แหละคือ สยังอภิญญา ตัวเรานี่แหละ มันมี สก สว สย 

สก เป็นตัวตนที่หยาบที่สุด ใช้พยัญชนะตัวต้นของพยัญชนะเลย ต่อมาก็ สว ก็ตัวตน อาสวะนี่ ตัวตน ที่จะต้องมาพัฒนาสวะ ตัวตนที่มีการปรุงแต่งเป็นสังขารมีกิเลสมาร่วมปรุงแต่ง ภาษาไทยเรียกว่า สวะ ต้องเอาสวะออก ว ตัวนี้เป็นตัวที่ 4 ของเศษวรรค ก็เอา ตัวนี้ออกให้หมด หมด สก หมด สว เหลือ สย ซึ่งเป็นเศษวรรคทั้งหมดเลย 

ย ตัวที่ 1 ของเศษวรรค ตัวนี้สำคัญตัวสุดท้าย ถ้าเผื่อว่ามันยังหลงอยู่ก็จะเป็น ย เช่น ยสะ ยโส เป็น ยศ 

สย กับ อย 

สย มาเป็น ยส 

อย จะเรียกว่า ยอ ก็ได้ มาเป็นภาษาไทยคือ ย.ยกขึ้นไปเลย ที่จริงมันก็จะหมดแล้ว ยส กับ อย 

อย ท่านแปลว่า ยาง อย คือ เชื้อ ของความเกาะความเหนียวกันอยู่ ยางเหนียว มันยังเหลือเชื้อต้องติด ต้องผูก ต้องยึด เพราะฉะนั้นต้องหมด อย ความเป็นยางเหนียว ต่างคนต่างอิสระหมดเลยไม่มีลักษณะดูดผลักกันจริงๆเลย ถึงจะหมดเกลี้ยง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลก 10 แบบ ที่ไม่ใช่แค่ Imagine ตอนที่ 1 วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤษภาคม 2565 ( 20:32:49 )

ลักษณะของกลุ่มคนที่เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

แต่เมื่อมาเรียนรู้กับพระพุทธเจ้าแล้ว กลายเป็นคนรู้ว่า คนเป็นอย่างนี้ก็สบายแล้ว เลี้ยงง่าย จะพัฒนาให้เจริญก็มีทิศทางโลกุตระ มีศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา สอนสบาย สอนให้เจริญได้ง่าย สุโปสะ เพราะว่าเข้าใจความจน อัปปิจฉะ มาเอาแต่น้อยๆ คนเราไม่ต้องไปมีมากอะไร ไม่มีที่สุดก็คือ 0 ก็อยู่ได้ จะว่า 0 จริงๆก็พอมี ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ที่พักอาศัย อาหารก็มีกินส่วนกลาง ผ้านุ่งส่วนตัวก็ 3-4 ชุด สมัยพระพุทธเจ้า มีผ้าจำนวนน้อย ไม่เจริญ แต่ทุกวันนี้เหลือเฟือ

ยารักษาโรคไม่มีก็ไม่เป็นไรยังไม่ป่วยก็ไม่ต้องใช้ ที่พักอาศัยก็ไม่เห็นแย่งกัน บ้านพักมีเหลือเฟือ เรือนเรือ เรือเรือน บางคนก็มาสร้างบ้านทิ้งไว้ เราก็มีกุญแจกองกลาง ถึงเวลาใช้ก็ให้ไปใช้ แต่เราก็ไม่มีคนมากจนบ้านไม่พอ คือ มันอุดมสมบูรณ์เต็มหมด เพราะเรามักน้อย อัปปิจฉะ ใจพอ สันตุฏฐิ สันโดษ มันพอ มีเท่านี้พอแล้ว นอกนั้นก็มีแต่พัฒนาตัวเอง สัลเลขะ ปรับปรุงตัวเองขัดเกลาตัวเอง ส่วนที่ยังต้องปรับปรุงยังไม่จบกิจ ตามหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้า ธูตะ จนกระทั่งได้ผลเป็น ปาสาทิกะ อาการกาย วาจา ใจ ได้สำเร็จลงตัว จบด้วยอปจยะ วิริยารัมภะ ไม่ต้องสะสมอะไร บ้านช่องเรือนชานที่พักอาศัย เสื้อผ้าอาหารมีพร้อม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างอวดตัวแต่ถ่อมตน ด้วยความจริง วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2564 ( 21:11:42 )

ลักษณะของกายปาคุญญตา

รายละเอียด

คุณตอนนี้ ยุคไหน ? คือตั้งชื่อ นามสกุล เป็นการตั้งให้สะดุดใจเหมือนกัน มีปฏิภาณ กที่บอกว่า อาตมาพูดน้ำลายฟูมปากมือเป็นวอก ขอยืนยันว่านี่เป็นลักษณะของกายปาคุญญตา ลักษณะคล่องแคล่วว่องไวขององค์ประกอบรูปและนาม คือกายปาคุญญตา เชิญคุณตอนนี้ยุคไหนไปศึกษาบาลีคำนี้ มันมี จิตปาคุญญตา คือจิตภายในมีคล่องแคล่วมีมุทุภูตธาตุ ส่วนกายปาคุญญตาออกมาหมดทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ออกมาหมดทั้งกาย วจี มโน แต่ไม่ใช่แข็งทื่อแต่คล่องแคล่วว่องไว ไม่หยาบคาย มีประโยชน์ต่อผู้อื่นไม่มีโทษอะไรเลย แต่ผู้ที่เข้าใจคำสอนว่า ผู้ที่บรรลุธรรมแล้วจะจืดชืด แสดงออกน้อย กายกรรมไม่กระดุกกระดิก วจีกรรมเฉื่อยๆ มโนกรรมก็ตื้อๆทื่อๆ นี่แหละคือมิจฉาทิฏฐิอย่างหนัก ยากที่จะแก้เลย ตั้งใจดีๆคุณตอนนี้ยุคไหน ญาติดีกันนะ อย่าโกรธกันนะ พูดกันดีๆ อาตมาเต็มใจ ชอบที่คนไหนจะศึกษาเอาใจใส่ ธรรมะพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายยการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:54:50 )

ลักษณะของข้าราชการและพาลชน

รายละเอียด

ข้าราชการก็เป็นผู้ที่สนองพระเนตรพระกรรณของในหลวงหรือของทางศักดินา ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยที่เป็นธรรมชาติธรรมดาของสังคมมนุษยชาติที่ลงตัวที่สุด 

ส่วนพาลชนนั้น คือตัวเกเร ตัวโง่ ตัวอ่อนแอ ไม่เดียงสาเป็นเด็กเล็กๆหรือพิการเป็นพาละ หรือเป็นภาระ ของสังคมเจริญที่จะต้องเลี้ยงดูช่วยเหลือเขา ในฐานะที่เขาเกิดมาเป็นชีวะ จิตนิยามอยู่ในสังคมแล้ว ก็ต้องช่วยให้เขาพัฒนามีความรู้ที่ดีจนกระทั่งเป็นโลกุตระขึ้นมาได้เรื่อยๆ ก็มีหน้าที่จะช่วยกัน เพื่อจะให้มนุษยชาติอยู่ในโลกกันอย่างเจริญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 19:05:10 )

ลักษณะของคน 4 ประการ ของคนที่มีเศรษฐกิจดีที่สุด

รายละเอียด

1.ไม่เป็นหนี้

2. เลี้ยงตัวเองรอด

3. ทำให้เหลือเกินกินเกินใช้

4.เอาไปแจกจ่ายเกื้อกูลช่วยเหลือผู้อื่นเป็นประโยชน์เพื่อผู้อื่น

  นี่แหละคือคนที่มีเศรษฐกิจดีที่สุด เพราะฉะนั้นคนที่มีลักษณะ 4 ประการนี้จะไม่รวยเพราะมีการแจกเผื่อแผ่คนอื่น แล้วมั่นใจในตัวเองว่าไม่ขาดแคลน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:15:44 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:50 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:05:27 )

ลักษณะของคนดีคือ อย่างไร

รายละเอียด

คนจริงคนไม่มีแผลยิ่งต้องการให้คนตรวจสอบ คนจริงคนที่มีผลงานด้วยจะเห็นผลงานยิ่งขึ้น ไม่มีแผลก็จะยิ่งเห็นความสะอาดบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น เห็นไหมมันเป็นผลซ้อนที่มันสุดยอดเลย 

 คนดี คือ คนกิเลสลด จนกระทั่งเป็นคนไม่มีกิเลส นี่คือคำตอบที่ถูกที่สุด คุณจะเอาอะไรอื่นมาวัด สู้อันนี้ไม่ได้หรอก คนดีคือคนรู้จักการลดกิเลส และทำให้กิเลสลดจนหมดกิเลส อรหันต์คือคนดีที่สุด 

ลักษณะของคนดีคือยังไง คนดีจะเป็นคนที่มีวรรณะ 9 คนดีจิตวิญญาณจะเป็นพุทธพจน์ 7 คนดี อาตมาสรุปเป็นภาษาง่ายๆว่า จะเป็นคนที่มี อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนการเสียสละ นี่คือคนดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบคนมืดบอดให้เห็น ผลงาน 8 ปี นายกฯลุงตู่ วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2566 ( 20:40:54 )

ลักษณะของคนที่มีที่พึ่งอันเกษม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคำว่า “พอ” คำเดียวเขาก็ไม่เข้าใจ ในหลวงร. 9 ถึงตรัสไว้ว่า ให้พอเพียง เขารู้เรื่องที่ไหน พอที่ไหน คนที่พอนี้สูงสุดคือ 0 คนที่ได้ 0 แล้ว คนนี้มีที่พึ่งอันเกษม คนที่ 0 นี้เป็นคนจนมีวรรณะ 9 สมบูรณ์แบบ แม้ 0 ก็พอใจ น้อยสูงสุดคือ 0 มีน้อยที่สุดคือ 0 หากว่าเป็นหนี้มันก็แย่เลย มี 0 ไม่เป็นหนี้แล้วไม่ต้องมาก 

เพราะฉะนั้นคนที่จะอยู่กับ 0 อย่างชาวอโศกเรา ทำงาน เสียภาษี100 % เข้ากองกลางหมด ตัวเองไม่ต้องมี จะใช้ก็ไปเบิกกองกลาง เราไปเบิกแล้วเขาไม่ให้ คุณเป็นหมาหัวเน่าเองเขาก็ไม่ให้ ถ้าหากคุณเป็นประโยชน์เขาก็ให้คุณ ถ้าเขาไม่มีอคติอะไรมาก ถ้ามีอคติก็เป็นเรื่องของวิบากคุณเอง นี่ก็ซ้อนละเอียด

เพราะฉะนั้นในวรรณะ 9 ก็เป็นสิ่งหนึ่ง “วรรณะ” แปลว่า ขั้น แต่ไม่ใช่ชั้นวรรณะเหมือนอย่างที่อินเดียเขาถือ แต่คือขั้นตอนของความเจริญ ตั้งแต่ เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 6 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

อย่างพวกเรานี้คนมีปัญญาจะเห็นว่าเป็นพวกที่เจริญ เป็นพวกที่น่าเลื่อมใส แต่พวกที่ไม่มีปัญญาไม่รู้ว่าเป็นพวกที่น่าเลื่อมใส ดีไม่ดีจะเห็นว่าเป็นพวกที่จะต้องทำร้ายทำลายอีกพวกนี้ก็น่าสงสาร เพราะเขาไม่รู้เขาไม่เข้าใจว่าคนเจริญจริง ไม่ใช่คนที่จะมาทำร้าย เพราะตนเองโง่ ไม่รู้ว่าคนที่เป็นอาริยะ เป็นผู้ประเสริฐจริง เขาก็มาทำร้ายทำลาย มากระทบ ซึ่งมันไม่ดี แต่เขาไม่รู้ เขาทำด้วยความไม่รู้จริง ยิ่งน่าสงสาร เพราะฉะนั้นคนที่มาทำร้ายอาตมา อาตมาจึงสงสาร เหมือนสัตว์เดรัจฉาน เหมือนเชื้อโรค มันไม่รู้หรอก เชื้อโรคที่มันมากินเรา มันไม่รู้หรอก เราก็ต้องป้องกันตัวเองเอา อย่างนี้เป็นต้น มันซับซ้อนไปมา

สรุปแล้วการพึ่งตนเอง คือคนที่มีปัญญาสูงสุด มีความรู้ขั้นสูงสุด อปจยะ คือ 0 จริงๆไม่สะสม มีมาก็ไม่สะสม เอาไว้กองกลาง ชาวอโศกนี้มีกองกลางคือ กองสาธารณโภคี ซ้อนอยู่ในประเทศไทย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 กันยายน 2565 ( 13:22:20 )

ลักษณะของคนบุญคือคนมีวรรณะ 9 

รายละเอียด

ถ้าบอกคำว่า คนบาป นี้นะ กินความแล้ว คำว่าคนบาปนี่ กินความเข้าไปถึงทุกอย่าง สรุปได้ว่า ถ้าเป็นโลกุตระ ก็มีคนบุญกับคนบาป คนเกิดมาต้องทำหน้าที่บุญให้ได้ คำว่าทำหน้าที่บุญนี้ก็ลึกซึ้ง บุญไม่ใช่สสาร บุญไม่ใช่สมบัติ บุญไม่มีตกค้างอยู่ในที่ไหน บุญเป็นกรรมกิริยาที่เกิดจากจิตวิญญาณมนุษย์ที่มีภูมิปัญญาเท่านั้น แล้วมีธรรมฤทธิ์ถึงขั้นกำจัดกิเลสได้ บุญนี่ 

พอกำจัดกิเลสได้แล้วก็หมดเลย หายไปจากคนผู้นั้น คนๆนั้นไม่ต้องไปทำอีกอะไรอย่างนี้ นี่ก็อธิบายมามากแล้ว 

เรื่องบุญนี้เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งที่สุด ไม่ใช่เรื่องเดา ไม่ใช่เรื่องพูดเพ้อเจ้อ ไม่ใช่เรื่องมาค้นคิดเอาเองไม่ได้ อาตมาพูดมาจากสาระสัจจะที่อาตมาได้มาจริงๆ จากพระพุทธเจ้า มาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 นี้ แล้วก็จับสาระของสิ่งเหล่านี้ได้ ไม่ใช่จับเท่านั้น แต่รู้จัก รู้แจ้ง รู้จริง เพราะเป็นเองมาแล้ว ที่พูดนี่พูดโดยสารัตถะ ซึ่งเป็นปรมัตถสัจจะของความเป็นบุญของมันเองเลย พูดมาเป็นภาษา ขยายความให้ฟังแล้ว มันคืออะไร 

เพราะฉะนั้นคนยุคนี้ชาวพุทธ โลกุตรธรรมเสื่อมหมดจริงๆ เขาจะไม่เข้าใจได้ง่ายๆหรอกคำว่า “บุญ”คืออะไร อาตมาเคยอธิบายมาแล้ว เช่น อธิบายว่า “บุญ”นี่ไม่ใช่แค่ความเป็นฌาน 1 ฌาน 2  แค่นั้น แต่เป็นฌานที่เป็นพลังงานชั้นพิเศษ ไปถึงขั้นฌาน 3 ฌาน 4 หรือเป็นมือสุดท้ายของฌาน 4 ก็ได้อธิบายไปแล้ว ใช่ไหม 

“บุญ”เป็นพลังงานที่มีคุณสมบัติหรือคุณวิเศษ ไม่ใช่สมบัติด้วย เป็นคุณฤทธิ์ เป็นธรรมฤทธิ์ที่เป็นคุณฤทธิ์ ใช้ศัพท์นี้ก็แล้วกัน เป็นฤทธิ์ที่เป็นคุณ เป็นประโยชน์ ซึ่งมนุษยชาติที่ศึกษาด้วยปัญญาของโลกุตรธรรมของศาสนาพุทธนี้ได้ ทำได้แล้วผู้นั้นมีสิทธิ์เป็นอรหันต์ ที่ทำพลังงานบุญนี้สำเร็จผล แล้วทำให้กิเลสเราลดได้จริง พอถึงขั้นบุญนี้ประหารคอขาดนะ เคยอธิบายไปแล้วใช่ไหม ถึงขั้นบุญนี่กิเลสถูกประหารคอขาด คนนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะได้เป็นพระอรหันต์แน่นอน นี่เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่ 

เพราะฉะนั้นคนที่จะมารวมกัน จนเกิดสังคมสาธารณโภคีในวรรณะ 9 ที่ไล่เรียงออกมา แค่เป็นคนเลี้ยงง่าย บำรุงง่าย แล้วไม่ได้ต่อไปอีก 7 ตัว 

วรรณะ 9

ผู้เจริญปกติมีวรรณะ 9 คือการทำตัวเป็นคนน่ายกย่องสรรเสริญ 9 อย่าง

1. เป็นคนเลี้ยงง่าย (สุภระ)

2. บำรุงง่าย ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)

3. มักน้อย กล้าจน (อัปปิจฉะ)

4 ลันโดษใจพอ เรียบง่าย (สันดุฏฐิ)

5. ขัดเกลากิเลส (สัลลเลขะ)

6. เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงเป็นปกติ (ธูตะ, ธุดงค์)

7. มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)

8. ไม่สะสม กักตุน ไม่กักเก็บออม (อปจยะ)

9. ปรารภความเพียร ขยันเสมอ ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)

(พระไตรปีฎกเสม 1 "ปฐมปาราชิกกัณฑ์" ข้อ 20)

เลี้ยงง่าย บำรุงง่าย (สุภระ สุโปสะ) แล้วมักน้อยหรือกล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอหรือสันโดษ (สันตุฏฐิ) 

ขัดเกลา สัลเลขะ ขัดเกลากาย วาจา ใจ ตนเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือก้อนแห่งสัมมาทิฏฐิที่คนต้องมีฉันทะมาเอา วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 18:45:24 )

ลักษณะของคนป่วง

รายละเอียด

ลักษณะของคนป่วง คนบ้าเพ้อเจ้อเลอะเทอะน่าสงสาร

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 10:55:10 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:41:00 )

ลักษณะของความเป็นนายทุน 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดนายทุนขึ้นมาก็ปฏิบัติตามลักษณะของความเป็นนายทุน โดยไปเล่นตรงกับการเอาทรัพย์สินเงินทอง เพชรนิลจินดา ที่ดิน ทุกอย่างที่เป็นวัตถุต่างๆสะสมกอบโกย โลภโมโทสัน เอามาเป็นของเราเลย ซึ่งจะเป็นดินน้ำไฟลมหรือเป็นวัตถุที่มันจะต้องอาศัยในมนุษยชาติ ในสัตว์โลก เขาก็เอาไปเป็นสิทธิของเขายึดถือเอาไว้ครอบครองเป็นของเขา ของคนอื่นไม่ได้ ละเมิดไม่ได้ กลายเป็นขโมย กลายเป็นผิดกฎหมาย ทั่วโลกเป็นเช่นนี้นี่คือ เน้นที่ยึดถือวัตถุ โลภโมโทสันวัตถุ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 16:48:02 )

ลักษณะของจิตที่เป็นพีชะ

รายละเอียด

คือ จิตเป็นธาตุรู้ระดับ พีชะ  พีชะมีแต่สัญญากับ สังขาร ไม่มีเวทนา  ไม่มีวิญญาณ  เราสามารถทำจิต  มนสิการไม่มีกิเลสที่เป็นบาป  ไม่ทำบาป จิตเราก็เป็นพีชะ  ไม่มีบาป  ไม่มีบุญ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:38:53 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:42:44 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:06:11 )

ลักษณะของจิตที่เป็นสมาธิพุทธแท้ไม่มีสาเฐยจิต

รายละเอียด

สมาธิของพระพุทธเจ้า คือจิตที่สามารถกำจัดกิเลสได้อย่างดีกิเลส หยาบ กลาง ละเอียด ตายเกลี้ยง แล้วจิตที่เหลือ ถึงเป็นจิตใสสะอาดปราศจากกิเลส ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ทำการงานได้อย่างเก่ง อย่างควรอย่างแคล่วคล่องว่องไว อย่างได้ผลไม่มีบกพร่องอย่างดี และจิตนั้นก็ยังคงสภาพอยู่อย่างใสสะอาดผุดผ่อง ประภัสสรา เป็นคุณลักษณะ 5 ของจิตที่เก่ง เป็นอุเบกขา 5 ประการ 

มันเป็นคุณลักษณะพิเศษที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่มีแล้วจะภาคภูมิใจ อย่างอาตมา ทำสิ่งเหล่านี้ได้แล้วมันสุดยอด อาตมาพูดไปว่าอาตมามีคุณลักษณะอุเบกขา 5 มีในตัวเอง คนก็หาว่าอาตมาอวดอ้าง 

ที่จริงมันเป็นการแสดงออกให้รู้ความจริงเท่านั้น ไม่ได้มีจิต สาเฐยจิต อยากโอ้อวดอยากโชว์ มันไม่มีลักษณะเหล่านี้ในจิตอาตมา แต่จิตของเขาไม่เหมือนอาตมาเขายังมีจิตอยากอวดอยากโชว์ รู้สึกเท่ ต่างๆนานา แต่ลักษณะจิตอย่างนั้นอาตมาไม่มี มันไม่มีอำนาจให้เราอยากอวดโอ่ อยากพูดออกไป เพราะไอ้ตัวนี้เป็นตัวกระตุ้นให้อยากพูดอยากอวด แต่นี่ไม่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:13:31 )

ลักษณะของจิตวิญญาณ 7

รายละเอียด

1. ทูรังคมัง (ไปได้ไกล)

2. เอกจรัง (ไปแต่ผู้เดียว)

3. อสรีรัง (ไม่มีรูปร่าง)

4. คุหาสยัง (มีจิตเป็นที่อาศัย)

5. อนิทัสสนัง (มองไม่เห็น)

6. อนันตัง (ไม่มีที่สุด)

7. สัพพโต ปภัง (แจ่มใสโดยประการทั้งปวง)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 9“เกวัฏฏสูตร” ข้อ 350 พระไตรปิฎกเล่ม 25 “จิตตวรรค” ข้อ 13


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 20:43:09 )

ลักษณะของทุนนิยม

รายละเอียด

นี่เป็นการยืนยันเป็นเรื่องชัดเจน เป็นเครื่องชี้ชัดว่า เศรษฐกิจของเราดี ไม่ใช่เรื่องความร่ำรวย เศรษฐกิจเราจะร่ำรวยด้วยการเอาจากคนอื่นมากๆ มีแต่อัตราการพัฒนาการรวยการได้เปรียบเขาไปได้เรื่อยๆมากกว่าเขาเรื่อยๆ อันนั้นเป็นเรื่องของคนที่โลภ คนที่ตะกละตะกลามคนที่มีใจไม่พอคนไม่สันโดษ  คนแบบนี้อยู่ในโลกก็เป็นคนที่น่ารังเกียจผู้ที่มีจิตใจแบบนี้ แล้วลักษณะของทุนนิยมมีลักษณะอย่างนี้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นลักษณะของทุนนิยมนี้เป็นลักษณะความเลวร้าย ลักษณะสังคมที่เสื่อม มันก็ต้องแย่งชิงกันทะเลาะเบาะแว้งกัน จิตใจเมตตาเกื้อกูลเพื่อการไม่มีหนี้ก็น้อยลงน้อยลง อัตราการแย่งชิงเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น ความขาดแคลนก็เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นเป็นจิตใจที่เลวทรามไปเรื่อยๆ พวกเรานี้ได้มาศึกษาสัจธรรม จะไม่มีความคิดนิยมแบบนั้น ถ้าผู้ใดยังมีความคิดแบบนี้ แสดงว่าไม่มีความเจริญก้าวหน้าไม่เป็นคนที่มีวรรณะ 9  ที่จะต้องเป็นคนเลี้ยงง่ายอยู่อย่างสบายๆ ไม่ใช่ไปแย่งชิงกันตะกละตะกลาม ต้องการที่จะร่ำรวยแสวงหา ผลได้เพิ่มขึ้นๆ มีอัตราการได้ ให้แก่ตัวเองทวีขึ้น ไม่ใช่ เราจะต้องรู้ว่า ชีวิตของเรานี้เราสร้างสรร เราทำงานมีผลผลิตของการงานของเรานี้ พอกินพอใช้ของเราไหม พอกินพอใช้แล้วเหลือมีส่วนเหลือส่วนเกินพอที่จะแจกจ่ายเจือจานผู้อื่นได้ไหม เรามีส่วนเหลือส่วนเกินแล้วเราขี้เหนียวหรือเปล่า เรามีส่วนเหลือส่วนเกินแล้วขี้เหนียว ก็เลว มีส่วนเหลือส่วนเกินแล้วจะต้องเอาส่วนเหลือส่วนเกินนั่นแหละไปให้ผู้อื่น แล้วจะต้องแลกกลับมาด้วยอัตราการแลกเปลี่ยนที่ได้มาก ไม่มีจำกัด ได้มากเท่าไหร่ยิ่งถือว่าเป็นความเจริญ ถือเป็นชีวิตที่ก้าวหน้า ความคิดอย่างนี้เป็นความคิดชั่ว เป็นความคิดคนที่ไม่พัฒนา เป็นคนตกต่ำ เป็นคนลงนรก เป็นคนเสื่อม 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:38:12 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:27:33 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:07:50 )

ลักษณะของทุนนิยมสามานย์

รายละเอียด

ต่างคนต่างเกื้อกูลกันและกัน ผู้ที่ทำงานได้มากเสียสละได้มาก แต่ตัวเองอาศัยใช้สอยกินอยู่น้อยคนนี้ก็เป็นประโยชน์เพื่อผู้อื่น คนที่กินใช้สุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยมากตัวเองมีผลผลิตได้น้อยคิดราคาได้น้อยคนนี้เป็นคนทำลาย คนผลาญเป็นคนบาป แม้ที่สุดไม่ได้ลำบาก แต่โลภเอามากักตุนเป็นของตัวเอง โดยมีกฎหมายนิตินัยเอามาสะสมเป็นของตัวเองได้มากคนอื่นก็ขาดแคลนแย่งชิง ตนเองมีเหลือเฟือแต่ว่ากักเก็บเป็นของตัวเอง ตัวเองกินใช้เหลือเฟือให้ตัวเองรวยรวยๆแล้วมาแบ่งแจก จ้างคนที่ตัวเองได้ประโยชน์จากเขามาก ให้เขามาเป็นบริวาร ลักษณะนี้เป็นลักษณะของทุนนิยมสามานย์ ลักษณะของทุนนิยมเลว มีความซับซ้อนมาก นักเศรษฐศาสตร์ก็พอเข้าใจแต่มันเลวร้ายยิ่งกว่าแล้วซับซ้อนมากเกิน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่น วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:07:12 )

ลักษณะของธรรมะที่เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

พูดถึงธรรมะแล้วยังมีผู้มาเข้าใจธรรมะ เอาธรรมะโลกุตระที่ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34)

เราก็ยังได้บัณฑิตมาไม่น้อยในยุคนี้ ที่อาตมาทำให้พวกเราเป็นบัณฑิตที่แท้จริงได้ในสังคม มันเป็นการช่วยประเทศชาติทั้งการเศรษฐกิจรัฐกิจ สังคมกิจ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 9  ข้อ 34


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:38:31 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 11:45:39 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:08:54 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์