@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

โลกุตรธรรมใหญ่ขนาดทำลาย God ได้

รายละเอียด

สำนวนนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ท่านเรียกผู้ที่หาตัวท่านไม่เจอแล้วท่านเรียกว่ามาร มารคือผู้ไม่รู้ แต่ท่านบอก มาร เราได้หักเรือนยอดของการเกิดทุกอย่างสูญหมดแล้ว เธอหาตัวเราไม่เจอแล้ว อันนี้เป็นโลกุตรธรรม ถึงขั้นแยกสลายกันก่อนจนไม่มีกอดไม่มี God นั่นเองสูญทำลาย God ได้หมดเลย จะว่าไปแล้วยิ่งใหญ่กว่า God เพราะว่าสามารถทำลาย God ให้หายไปเลย เอ็งใหญ่ขนาดไหนก็บอกว่าใหญ่ขนาดทำลาย God 

แต่ใครจะโง่ทำให้ God ยึดเอาไว้ก็เชิญแต่ใครศึกษาของพระพุทธเจ้าแล้ว  ทำลาย God ได้ 0 ไปหมดไม่เหลือแยกเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม เลยจิตวิญญาณหายไปเลยได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:31:54 )

โลกุตรธรรมได้เสื่อมไปจากผู้ที่ถือว่าเป็นผู้สืบทอดศาสนาพุทธจากพระพุทธเจ้า คือพระภิกษุไม่มีโลกุตระไม่รู้จักโลกุตรธรรม

รายละเอียด

จะให้อาตมากระหน่ำต่อหรือไง ขอว่ากันหน่อย มันเสื่อมต่ำจริงๆ ยุคหลัง 2,500 ปีผ่านมาแล้ว ศาสนาพุทธได้เสื่อมตามที่พระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ไว้ว่าความเสื่อมจะเกิดขึ้น ความเสื่อมนี้ไม่ได้เอาอะไรมาวัดให้ยากเย็นเลย ความเสื่อมของศาสนาพุทธก็คือ โลกุตรธรรมได้เสื่อมไปจากผู้ที่ถือว่าเป็นผู้สืบทอดศาสนาพุทธจากพระพุทธเจ้านั่นแหละ คือพระภิกษุนั่นแหละ ไม่มีโลกุตระ ไม่รู้จักโลกุตรธรรม ไม่ได้สอนโลกุตรธรรม 

ก็ได้แต่สอนโลกียธรรมทำเหมือนศาสนาอื่นเขา ดีไม่ดีเละเทะกว่าศาสนาอื่นเขาด้วย ศาสนาอื่นเขายังมีความชัดเจนไม่ออกนอกลู่นอกทาง แต่ของพุทธนั้นออกเละเทะไปอะไรก็ไม่รู้เป็นเดรัจฉานวิชา เป็นไสยศาสตร์ เป็นเทวนิยมน้ำเน่า พูดไปแล้วเหมือนไปใส่ความใส่ไคล้หาเรื่องหาราวเขา มันไม่เคยเห็น ไม่เคยมีก็มีในวงการศาสนาพุทธ แล้วก็ปล่อยกันไปให้ปู้ยี้ปู้ยำแล้วก็บอกว่านี่แหละ พุทธๆๆ ดีไม่ดีแต่งตัวเลียนแบบพระพุทธเจ้า เลียนแบบภิกษุ โอ้ มันเสื่อมได้ขนาดจริงๆยุคนี้ 

ทีนี้ อาตมานำเอาโลกุตรธรรมมาพูดขึ้น ประกาศขึ้น อธิบายขยายความ อ้างอิงยืนยันตามพระไตรปิฎก ผู้ที่มีปฏิภาณดี มีธุลีในดวงตาน้อย มีบารมีพอจะรับฟังได้ ว่า ใช่ๆๆ เหมือนอย่างคุณดณุธรรม ซึ่งก็มีผู้ที่มีเซ้นส์ อย่างนี้ คนอื่นไม่ฟังแล้วมันออกนอกทาง มันง่ายชัดเจนที่จะแยกแยะตัดสินว่าอันนี้เป็นธรรมะพระพุทธเจ้า ศาสนาพุทธถ้าไม่มีโลกุตตรธรรมแล้วมันจะไปแตกต่างอะไรกับศาสนาอื่น มันก็จะเป็นศาสนาเทวนิยมที่แข่งกัน ต่างคนต่างใหญ่แข่งกันอยู่ในโลกเท่านั้นเอง ก็เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งแบบเทวนิยมแข่งกัน แต่นี่ของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ได้แยกออกมาไม่ได้แข่งกับศาสดาอื่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 10:56:04 )

โลกุตรธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ

รายละเอียด

ยุคนี้ อาตมาบอกตัวเองว่า อาตมามาพลิกฟื้นธรรมะพระพุทธเจ้า เอาโลกุตรธรรมกลับมา ไม่ใช่เอาแค่ศีลธรรมกลับมา ซึ่งแค่ศีลธรรมกลับมายังตื้นไป โลกุตรธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ มันต้องเอาโลกุตระธรรมกลับมา เป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องสัจจะ 

โลกุตรธรรมมันเป็นของศาสนาพุทธ และมีศาสนาเดียวในโลก ที่รู้รอบไปหมดเลยในความเป็นพระพุทธเจ้า รู้รอบในความเป็นอัตตา รู้รอบในความเป็นเทวะ  รู้รอบในความเป็นจิตวิญญาณ และสามารถสลายความเป็นจิตวิญญาณ ความเป็นอัตตา เลิกจบ ยืนยันว่าจิตวิญญาณไม่ใช่อัตตา ไม่ใช่ของพระเจ้า พระเจ้าไม่ใช่เจ้าของจิตวิญญาณ ไม่ใช่ เราเป็นนายของจิต ไม่ใช่เป็นนายของผู้อื่นที่มีจิตวิญญาณพระเจ้ามา ไม่ใช่ เรานี่แหละ เป็นพระเจ้าเป็นนายเอง สามารถสลายจิตนิยามเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 11:17:54 )

โลกุตรธรรมไม่เกิดในอบายภูมิ

รายละเอียด

เหตุใดจึงว่าโลกุตรธรรมนี้ ไม่เกิดในอบายภูมิ ก็เพราะว่าเริ่มมีปัญญาโลกุตระ รู้จักโลกโลกียะ โลกียะต่ำสุดคืออบายภูมิ มีโลกุตระ ก็มีปัญญาออกจากโลกอบาย หรืออบายภูมิ รู้จักแล้วพ้นจากอบายภูมิมาเป็นเบื้องต้น เป็นโสดาบัน 

โลกุตรภูมิหรือโลกุตรธรรม ไม่ไปเกิดในอบาย แต่จะหลุดพ้นจากอบายที่ตนเคยหลงก็จะออกมาไม่ไปจมในนั้น จะไปจมอยู่ทำไม มีปัญญามีกระแสโลกุตระเข้าแล้ว โสดาบันคือผู้ที่เข้ากระแสโลกุตระก็ต้องออกจากอบายภูมิ ออกได้จึงจะเป็นพระโสดาบัน พระโสดาบันจะไปเกิดในอบายภูมิทำไม จะต้องออกจากอบายภูมิ ไม่ตกต่ำได้แล้วได้เลยในอบายภูมิ จนกระทั่งเป็นผู้ที่ไม่ตกต่ำเป็นผู้ที่เจริญสูงสุดจนเป็นอรหันต์ได้เลย สัมโพธิปรายนะ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 21:19:04 )

โลกุตรธาตุเริ่มที่มีมวลได้สะสม

รายละเอียด

ผู้จะเกิดอัญญธาตุ คือโลกุตรธาตุเริ่มที่มีมวลได้สะสม ไม่ใช่เกิดอัญญธาตุเป็นก้อนเลยไม่ใช่ ปัญจวัคคีย์ก็ไม่เคยไม่ใช่ไม่คบหาฟังธรรมะมา แต่ปัญจวัคคีย์ฟังธรรมะพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะโกณฑัญญะ สั่งสมมาตั้งแต่พระพุทธเจ้าอุบัติประสูติ เป็นพราหมณ์หนุ่มพยากรณ์ร่วมกับพราหมณ์แก่ ก็รับรู้ว่าพระพุทธเจ้านี้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ก็ติดตามฟังธรรมมาตลอด สะสมหน่วยกิตของ อัญญธาตุมาตลอด จนกระทั่ง พระพุทธเจ้าตรัสรู้ 6 ปี ก็อยู่ในวงการธรรมะ ฟังธรรมกันอยู่นั่นแหละ ต้องใส่ใจเพราะว่ามีเชื้อแล้ว เชื้อโลกุตระ สะสมอัญญธาตุ จนกว่าจะเต็มอัญญธาตุ แล้วแสดงอยู่ภายใน เป็นสภาพเต็ม พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า อัญญาสิ วตโภโกณฑัญโญ อัญญธาตุ ตัวนี้เกิดแล้วหนอที่โกณฑัญญะ จากนั้นจึงเทศน์อีกจนเป็นพระอรหันต์ในพระสูตรที่ 2 อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมในงานพิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2564 ( 15:56:58 )

โลกุตรภพ

รายละเอียด

อยู่เหนือโลก หรือพ้นโลก

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 429


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:51:55 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 09:04:31 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 16:21:13 )

โลกุตรภูมิเบื้องต้น

รายละเอียด

ภูมิอยู่เหนือกามภพ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 313


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:52:36 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 09:04:59 )

โลกุตระ

รายละเอียด

ธรรมะที่ทวนกระแสโลกีย์ คือ ทวนกระแสสามัญของโลก (เข้าใจยาก) ซึ่งพ้นวิสัยของโลกีย์ หรือคนสามัญชาวโลกๆ

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.474


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 11:28:32 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:35:34 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 16:21:50 )

โลกุตระ

รายละเอียด

แต่โลกุตระนั้นควรจะมีความสุขความทุกข์ มีดีมีชั่ว มีสูงมีต่ำ เราก็รู้แต่เราไม่ไปแย่งชิง ชั่วย่อมไม่แย่ง แต่ดีก็ไม่แย่ง แต่ดีทำ แต่ไม่ยึดถือเป็นเราเป็นของเรา รวยได้ไหม รวยได้แต่ไม่รวย ใครจะว่าทำไม่เป็นไม่เป็นไร ชีวิตอาตมาไม่เคยรวยเกิน 10 ล้าน หากทำอยู่ในโลกก็จะรวยเป็นร้อยล้าน พันล้าน เพราะอาตมามีเหตุปัจจัยมีลูกน้องเครือข่ายมีวิธีการอาตมาก็มีได้ พอมาชาตินี้อาตมาไม่มีเครือข่ายหรือกิจการของตนเอง แต่อาตมาก็มีสิบล้านร้อยล้านพันล้าน มาทำ ขออภัยคนอาจไม่เชื่อว่าที่มาทำกันเป็นเครือข่ายนี้เป็นพันล้าน ซึ่งอาตมาไม่ได้สะสมไม่ได้ยึดถือเป็นของตนเองเลย แต่ละคนมีส่วนร่วมหมดเลย แต่ทางโลกีย์ ของเขานะ จะมีเครือข่ายก็ต้องมีอัตราได้เปรียบนะ เขาจ้างดร.มา เขาก็ต้องได้ส่วนเหลือส่วนเกินไปมากแน่ หากเขาได้น้อยลงเขาไม่จ้างหรอก นายทุน พวกเจริญทางโลก เจริญโภคภัณฑ์ เจริญสิริวัฒนภัคดี ไม่เอาแล้ว จิตมันเป็นจริง จิตมันไม่ต้องมี ก็ชัดเจนเลยว่า สบายมันจะชัดเจนตรงที่ว่า เราไม่ได้เป็นตัวแบ่ง เราไม่ได้เป็นตัวแยก เราไม่ได้เป็นตัวเบียดเบียนอะไรในสมบัติโลกของสังคม ถ้าเราจะมีก็สร้างมาด้วยมือ เราสร้างด้วยมือไม่ได้ ก็มีพรรคพวก ทำแล้วไม่ได้แบ่งแยกแต่เอามารวมกัน แล้วมีส่วนเกินมา ต่างคนต่างทำร้อยคนพันคนไม่เอาแต่ทางโน้นจะมีส่วนแบ่ง ต่างคนต่างกอบกองให้ตนเองได้มากๆ แล้วตายจากกองที่ตนเองได้ ใครได้มากเท่าไหร่ หัวหน้าใหญ่ตายจากไปคุณก็ไม่ได้เป็นของคุณ ชาตินี้เอาไปห้าแสนล้าน แต่ชาติต่อไปก็ต้องมาใช้หนี้ที่เอาเป็นของตน หนี้ห้าแสนล้าน อีกกี่ชาติไม่รู้ เพราะคุณเอามาอย่างเล่ห์เหลี่ยม ตอนเป็นก็ยึดเป็นตัวกูของกู ตายไปก็ยึดเป็นตัวกูของกู แล้วเป็นอย่างนั้นจริงในจิต จิตพวกคุณอาจนึกไม่ถึง แต่ที่เขายึดเขายึดอยู่นะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 09:40:19 )

โลกุตระ

รายละเอียด

มีจิตวิญญาณ, สามารถรู้กิเลส แยก เคหสิต เนกขัมมะ, แยกเวทนาในเวทนา

โลกุตระ  คือ เป็นเนื้อแท้แก่นแท้ ของศาสนาพุทธในยุคนี้โลกุตระนั้นไม่มีแล้วจึงเป็นคนหมู่น้อยที่ต้องเน้นเรื่องโลกุตระมาก  ซึ่งเนื้อแท้ของโลกุตระนั้น ต้องรู้ความทุกข์  รู้เหตุแห่งทุกข์  รู้ความดับของทุกข์ที่เป็นสัมมาทิฏฐิด้วย ทุกข์ไม่ใช่ว่าไม่มีทรัพย์แล้วก็ทุกข์  ไม่ใช่มีทรัพย์แต่ก็ทุกข์ไม่มีทรัพย์แต่ก็ทุกข์ แต่คนที่เป็นโลกุตระนั้นมีทรัพย์หรือไม่มีทรัพย์ก็ต้องเรียนรู้ทุกข์ที่เป็นปรมัตถ์ที่เป็นโลกุตระ

โลกุตระในยุคนี้  คือ โลกุตระในยุคนี้ไม่มีแล้ว อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ที่บอกว่าเป็นตัวพี่เพราะว่ารู้จักธรรมะโลกุตระแล้วเอามาประกาศโลกุตระเจาะกระเปาะไข่ คือ โลกียะออกมาคนที่ยังวนอยู่ในโลกียะยังอยู่ในไข่  เจาะออกมาไม่ได้  ผู้เจาะไม่ไดก็วนในไข่  คือ โลกียะ อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ที่เจาะกระเปาะไข่ออกมาได้ มีรูปรอยเหมือนพระพุทธเจ้าที่ท่านได้เป็นเจ้าของธรรมะโลกุตระเป็นธรรมะสามี  เป็นไก่ตัวพี่ในยุคพระพุทธเจ้าเป็นไก่ตัวพ่อเลย  ส่วนอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้ เจาะออกมาได้ก่อน

คำอธิบาย

โลกุตระ คือ ลดกิเลสได้

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2562 ( 19:56:37 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:40 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:27:37 )

โลกุตระ

รายละเอียด

ธรรมะที่ทำให้กิเลสลดได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:14:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:17 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 16:21:55 )

โลกุตระ

รายละเอียด

คือ ผู้มีโลกุตรธรรม ผู้มีโลกุตรธรรม คือ ผู้มีปัญญามีความรู้ รู้อะไรรู้จิตตัวเองที่มีกิเลส แล้วทำกิเลสนั้นให้ออกไปจากจิต จะเก่งหรือไม่เก่งก็แล้วแต่คู่นี้พยายามทำจิตตนให้ออกจากกิเลส เป็นผู้รู้จักกิเลสนั้นและเป็นผู้ทำกิเลสอย่างสมาธิทำให้กิเลสตนออกจากจิ ตยังไม่สัมมาทิฐิ ยังไม่ใช่โลกุตระชน กดข่มบ้าง ผู้ที่ทำกิเลสออกจากจิตได้คือผู้ที่เนกขัมมะเป็น เนกขัมมะ คือ การเอากิเลสออกจากตัวเองหรือตัวเองออกจากกิเลสนั้นๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:16:26 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:53 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:28:53 )

โลกุตระ

รายละเอียด

เป็นทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ที่สามารถจัดการกับ“เทฺว”สำเร็จแท้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:33:30 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:37 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:29:21 )

โลกุตระ

รายละเอียด

ความรู้รวมยอดที่อาตมามีเป็นความรู้ระดับโลกุตระ การศึกษาก็โลกุตระ พาณิชย์โลกุตระ การสื่อสารโลกุตระ เป็นโลกุตระทั้งนั้น แปลง่ายๆ

โลกุตระ คือ การรู้จักทุกกรรม กาย วาจา มโน แต่ละกรรมนั้น เรารู้ว่ามีกิเลสหรือไม่ ทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมแล้วได้พยายามลดละกิเลสได้ นั่นคือผู้กำลังศึกษาเป็นเสขบุคคล 

ส่วนผู้อเสขบุคคลก็รู้กรรมกิริยาตลอดเวลา อย่างไม่มีกิเลสแล้ว  หรือว่าเป็นพระอนาคามีเป็นต้น ก็จะรู้ว่ากิเลสทางกามเราไม่มีแล้ว มันจะมีเหลือเล็กๆน้อยๆ มีพลังใจจิตเรา มีรูปภพ อรูปภพ มันมีฤทธิ์มีอำนาจ ที่จะไปแหยมทางกายกรรม วจีกรรม หากเป็นอนาคามีที่ยังไม่แข็งแรงก็ต้องระมัดระวัง จนกว่าจะเป็นอนาคามีที่แข็งแรง ก็แทบจะไม่ออกข้างนอกเลย เป็นอนาคามีที่สมบูรณ์ จะไม่ออกข้างนอกเลยไม่ว่าจะเป็น ภัยทางกาม ภัยทางโทสะ ไม่มี

มันเป็นคุณสมบัติของมนุษยชาติที่แท้จริง จะมีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมไม่เป็นโทษภัยกับใคร แล้วมีแต่ประโยชน์คุณค่าต่อมนุษยชาติ ต่อโลก มันเป็นการศึกษาที่ สอน ยิงเปรี้ยง ไปสู่จุดสำคัญของมนุษยชาติ มนุษยชาติแต่ละคนศึกษาอย่างนี้แล้วทำตนลดละไป 

การบริหารประเทศคือการบริหารสังคมไหนที่มีการศึกษาเช่นนี้ สังคมนั้นจะเกิดการดี เกิดการอยู่กันอย่างประเสริฐสงบ เพราะว่าคนได้เรียนรู้ต้นตอของการกระทำให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเสียหายทางกาม ทางโทสะ ไม่มีโมหะ หลงเผลออะไรลดไปเรื่อยๆ ก็เป็นการทำทุกอย่างในสังคมมนุษยชาติให้ดี

ที่มา ที่ไป

1.5.2563

ภาพแนบ :


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 07:09:09 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:21 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:30:35 )

โลกุตระ

รายละเอียด

ก็คือ สามารถรู้จักจิต เจตสิก รูป นิพพาน สามารถอ่านอาการของจิตที่เป็นความโลภโกรธหลง หรืออาการจิตที่มันเป็นกิเลสแท้ๆได้ แล้วก็มีวิธีที่จะศึกษาตั้งแต่ กดข่ม วิกขัมภนปหาน หรือว่ามีวิธีที่จะพิจารณาทำความรู้โดยปัญญาอันยิ่ง ให้รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นธาตุที่ไม่เที่ยง เป็นธาตุที่เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตนอะไรเลย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นภาษาที่ยิ่งใหญ่มาก ผู้ใดรู้ความจริงทำความจริงได้ว่ามันไม่เที่ยงมันเป็นความยึดถือไม่ได้เลย แต่มันมีอยู่มันก็เป็นตัวเหตุแห่งทุกข์ มันมีอยู่นี่คือตัวทุกข์ ภาราหเวปัญจขันธา รูปนามขันธ์ 5 มันมีอยู่ก็เป็นเหตุแห่งทุกข์ ผู้ที่เป็นอรหันต์ไปแล้วจึงรู้ว่าทุกข์นี้มันหมดไปไม่ได้หรอก เป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ 6 ชนิด เพราะฉะนั้นที่มาศึกษาของพระพุทธเจ้าคือ จบได้คือทุกข์ที่เลี่ยงได้ 4 ชนิด อีก 6 ชนิดเลี่ยงไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

(630518)


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2563 ( 14:29:27 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:09 )

โลกุตระ

รายละเอียด

โลกุตระ : [โลกุดตะระ] ว. เหนือโลก, พ้นวิสัยของโลก, เช่น โลกุตรธรรม เรื่องโลกุตระ (Royal Institute Thai-Thai Dict)

โลกุตระ : พ้นจากโลก, เหนือโลก, พ้นวิสัยของโลก, ไม่เนื่องในภพทั้ง 3 (พจนานุกรม เขียน โลกุตตร) คู่กับ โลกิยะ (Budhism Thai-Thai Dic)

โลกุตฺตร : ค. โลกุตร, สิ่งที่หลุดพ้นแล้วจากโลก (ETipitaka Pali-Thai Dict)

คำอธิบาย

โลกุตระ 

รายละเอียด

เป็นทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ที่สามารถจัดการกับ“เทฺว”สำเร็จแท้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562

 

อื่นๆ

ทฤษฎีโลกุตระ สามารถนำมาเขียนหลักสูตร สอนระดับ "ประถม-มัธยม" และ "อุดมศึกษา" หรือไม่...?


เวลาบันทึก 03 ตุลาคม 2566 ( 06:47:25 )

โลกุตระ

รายละเอียด

โลกุตระหรือโลกของคนอาริยะที่ไปเป็นโลกุตระ เรียกว่าเป็นผู้มีภูมิปัญญาและปฏิบัติได้ โลกุตระ คือ เป็นโลกของคนที่มีปัญญาหยั่งรู้กิเลสตนเอง แล้วก็ทำให้กิเลสตนเองลดได้ หรือหมดได้จริง นี่คือโลกสำคัญ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และจริงๆ ด้วย ทำได้จริงๆ จนหมดสุขหมดทุกข์ จนทำให้ตนเองสลายจิตวิญญาณไปเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมด้วย ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 14:53:18 )

โลกุตระ 37 คืออะไร 

รายละเอียด

ใครจำได้ไหม โลกุตระ 37 คืออะไร  สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4อิทธิบาท 4  อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8  นี่คือโลกุตตรธรรม 37 

ข้อที่ 1 ของโพธิปักขิยธรรม คือ พิจารณา กายในกาย เป็นโลกุตรธรรม หลับตาไม่ได้มีกายเลย เริ่มต้นโลกุตรธรรมข้อที่ 1 ก็ไม่มีจึงเรียกว่าเป็นโมฆะ พวกนั่งหลับตาปฏิบัติธรรม ศาสนาพุทธไม่มีนั่งหลับตาปฏิบัติธรรม แต่ลืมตามีสติรู้ตัวทั่วพร้อม รู้จัก กาม กามคุณ 5 ที่เป็นกิเลสภายนอก ล้างกิเลสภายนอกออกไปหมด อำนาจของกิเลสภายนอก(กามาวจร) อยู่เหนือมันแล้ว เป็นโลกุตระแล้ว เหลือข้างในเป็นรูปาวจร รูปาวจร ก็ลืมตาสัมผัสอยู่นี่แหละ แต่กิเลสข้างนอกมันไม่ทำงานแล้วมันก็มีกิเลสเหลือเป็นชั้นอยู่ข้างในเป็น รูปาวจร และเมื่อดับกิเลส รูปาวจร เป็นรูปราคะ พวกนี้เป็นต้น หมดแล้วก็เหลืออรูปราคะ ก็ฆ่ากิเลสชั้นในอีก หมดอรูปราคะก็จบหมดเป็นพระอรหันต์กัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:53:25 )

โลกุตระ 9 ชั้น

รายละเอียด

โลกุตระมีกี่ชั้น โลกุตระสูงสุดมี 9 ชั้น   1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:18:27 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:16:55 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 16:24:56 )

โลกุตระ = จิตสาธารณะได้ไหม

รายละเอียด

ก็คงบอกความเข้าใจของเขา จะบอกว่าโลกุตรจิต มีจิตสาธารณะก็ได้ เป็นกลางๆ เป็นสาธารณะทั่วไป สามารถที่จะรู้ทั่วๆ ไปกับใครๆ ต่างๆ กับบรรยากาศต่างๆ กับสังคมกับพฤติกรรมสังคมต่างๆ แล้วเราก็มีจิตเป็นกลางๆ จิตไม่ได้ยึดเรายึดเขา ช่วยกันได้ก็ช่วยๆ กันไม่ได้สุดวิสัยก็แล้วไป ศึกษาไว้เข้าใจภาษาที่สื่อถึงสภาวะพวกนี้ดีก็เข้าใจ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 9 พ่อครูพบ ญาติธรรมสันติอโศก วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2566 ( 12:34:25 )

โลกุตระ กับโลกียะมันเดินกลับหลังหัน รู้ยาก ปัญจวัคคีย์จึงยังไม่เชื่อ

รายละเอียด

พอมาถึง ปัญจวัคคีย์ก็บอกว่านั่นคนล้มเหลวไม่เอาจริง ถ้ามาแล้วก็อย่าเรียกอย่าลุกรับอย่าไหว้ นั่นไม่ใช่พระพุทธเจ้าหรอก เราเข้าใจผิด แล้วทำไมไม่ฉีกตำราตัวเองนะ แสดงว่า ตำราตัวเองผิด ก็ตกลงอย่าลุกรับอย่าไปเคารพ..ตกลงกัน.. แต่ด้วยพลังอำนาจความยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า แต่ละคนๆก็ต้องเข้ามา แต่ก็ยังไม่รับ ยังไม่เคารพเต็มที่หรอก 

พระพุทธเจ้าก็ตรัสก่อนว่า เธอจงฟัง พราหมณ์ เราเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ปัญจวัคคีย์ก็บอกว่าไม่เชื่อ เป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไรไปล้มเหลวจากการปฏิบัติแล้ว หัวคิดของพราหมณ์ก็ยังนึกว่าวิชชาที่จะพาบรรลุต้องปฏิบัติอย่างเดียรถีย์พาทำที่เป็นเดรัจฉานวิชานั่นแหละ 

แต่แท้จริง พระพุทธเจ้ารู้แล้วว่าอย่างนั้นมันผิด โลกุตระกับโลกียะมันเดินกลับหลังหันกันคนละฝั่งเลยนะ มันก็รู้ยาก 

พระพุทธเจ้าถึงเตือนสติ 5 พราหมณ์ ว่า พราหมณ์ เราเคยพูดหรือว่าเราเป็นพระพุทธเจ้ามาก่อน เราเป็นผู้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณนั้น เราได้พูดว่าเราเป็นเช่นนั้นมาก่อนหรือ พราหมณ์ก็ได้คิดว่า ท่านไม่เคยตรัส ไม่เคยบอกมาก่อน ด้วยพราหมณ์ ทั้ง 5 ก็เป็นผู้ทรงภูมิอยู่ ก็ได้คิดว่าจริงด้วย ท่านพูดต้องเป็นความจริงแน่ ท่านบรรลุพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องเป็นความจริง และตัวเองก็ยังมีตำราทำนายทายทักมาแล้วว่าท่านองค์นี้จะเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ทำนายไปแล้วด้วย เหตุปัจจัยมันครบก็จำนน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 18:37:58 )

โลกุตระ การชนะไม่ใช่การฝืน ถ้าฝืนอยู่ยังไม่ชนะ

รายละเอียด

เขาคิดว่าการชนะเท่ากับฝืน แต่อาตมาว่า การชนะนั้นไม่ใช่การฝืน ถ้ายังฝืนอยู่ยังไม่ชนะ เราบอกว่าเราไม่ได้ฝืนเราชนะเขาก็บอกว่าเราฝืน

อันนั้นเป็นสามัญโลกียะ แต่อันนี้มันเกินสามัญ โลกุตระ อันนี้จะคิดเอาไม่ออก เดาไม่ได้ จะต้องมาเป็นของตัวเองแล้วจะรู้ เพราะมันไม่มีทั้งความแย้งและความเถียงทั้งเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มันไม่มี มันจบในตัวมันเอง ก็คนมันมีสองก็เห็นแย้งกันไปกันมา แต่นี่มันไม่มีสองมันมีแต่ 0 1 มันก็ไม่มีด้วย 1 มันก็เหลือฝั่งใดฝั่งหนึ่งแล้วมันไม่แย้งไม่เถียง แต่นี่แม้แต่ 1 ก็ไม่มี ก็เลยคิดไปเองเป็นศูนย์ไม่มีเลย เป็นภาษาที่ถ้าไม่มีเลยคุณจะต้องปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณก็ยังไม่ตายอาตมาก็ยังไม่ตายเลยเถียงกันอย่างคนไม่ตายมันก็เลยไม่ดี แต่อาตมารู้เลยไปว่าถ้าตายแล้วจะเป็นอย่างนี้ แต่คุณยังไม่รู้หรอก ขออภัยที่พูดแล้วดูเหมือนข่มคุณ ก็เอาไปศึกษาต่อ

2. ถูกหมด ของผมคือ ไม่ใช่เอาเรื่องของธรรมะไปอธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกได้ บางเหตุการณ์ก็ต้องอธิบายด้วยศาสตร์อื่นๆ ครับ ถ้าท่านบอกว่าท่านเข้าใจธรรมะถูกหมด ผมไม่เถียงครับ เพราะผมก็ไม่ได้ศึกษาจนที่จะสามารถจะไปเถียงท่านได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม สิ้นยุคประชาธิปไตย-เผด็จการ วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2561ที่บ้านราชฯ

สื่อธรรมะพ่อครู(อัตตา) ตอน ความเห็นต่างช่วยสร้างปัญญา


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:50:23 )

โลกุตระ คือ

รายละเอียด

แต่เขาไม่มีโลกุตระคือรู้จักกิเลสแล้วทำกิเลสออก ถ้าทำกิเลสออกได้มันก็จะหมุนเวียนอีกไม่กี่ชาติ โสดาบัน 7 ชาติเป็นอย่างสูง สกิทาคามี 2 ชาติถึง 6 ชาติ อนาคามีชาติเดียว พระอรหันต์บรรลุในชาตินี้เลย เห็นไหมล่ะ คนที่เป็นอนาคามีจะไม่กลับมาเกิดก็บรรลุในชาตินี้แหละ ถ้าฟังไม่ดีชาติก็อาจจะเป็นชาติที่วนซ้ำไปอีกหลายรอบเหมือนกัน ถ้าฟังไม่ดี แต่คนที่มีสัมมาทิฐิจริงๆแล้วจะตั้งใจฟัง เพราะจะรู้ว่าอันนี้มันเป็นสิ่งที่ต้องควรฟัง 

คนเกิดมาแล้วไม่ได้โลกุตรธรรม เวียนวน น่าเบื่อทุกข์ทรมานสุขๆทุกข์ๆ ทุกข์ๆ สุขๆ เทวนิยมเขาไม่ได้เรียนสุขทุกข์ เขาไม่มีวันจบ วนเวียน เกิดแล้วเกิดเล่าสมบัติผลัดกันชม เกิดมาตอนนี้รวย เกิดมาตอนนี้ได้เป็นใหญ่เป็นโต เกิดมาตอนนี้เป็นทุกข์ลำบากลำบนต่างๆนานา เขาไม่รู้หรอกแต่ละชาติเกิด แล้วมันเป็นจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:05:31 )

โลกุตระ ทำให้คนเจริญแบบไหน

รายละเอียด

เริ่มต้น โลกุตระทำให้คนเจริญแบบลดละกิเลส ทำให้คนเจริญแบบรู้จักกิเลสในตนเอง รู้จักวิธีทำให้กิเลสของตนเองลด แล้วกิเลสก็ลดได้จริง มีวิธีที่ทำให้กิเลสลด เรียกว่า อริยสัจ 4 โดยใช้ศัพท์ทางวิชาการว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค (อริยสัจ 4 : ความจริงอันประเสริฐ พตปฎ. เล่ม 35 ข้อ 144)

อาตมาอธิบายเป็นภาษาง่ายๆ เลยว่า ทุกข์ นั้นคือมีเหตุทำให้ทุกข์ ทำให้เสื่อม ทำให้ทุ (ไม่ดี) กิเลสนั้นแหละมันเป็นตัวเหตุ เพราะฉะนั้นก็เรียนรู้กิเลสให้ได้ เรียนรู้ว่าอาการอย่างนี้ไม่ควรมีนะในมนุษย์ ทุกข์ ทุกข์อาริยสัจ นะ ทุกข์คือมีกิเลสนี้ มันมีเหตุคือกิเลส ก็ต้องล้างเหตุคือกิเลสให้ได้ เมื่อล้างกิเลสได้ ดับกิเลสได้จริง มีวิธีการที่จะทำให้กิเลสดับโดยทำปัญญาให้แจ้ง ทำให้เกิดปัญญายิ่งเป็นธาตุรู้ กิเลสไม่มีอะไรจะไปประหารมันเลย นอกจากความรู้หรือปัญญา ปัญญาจะล้างกิเลสได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 35 ที่สุดแห่งที่สุดที่จะเกื้อกูลโลกได้คือโลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2566 ( 12:57:13 )

โลกุตระ เป็นอาริยะที่ลึกซึ้ง

รายละเอียด

ที่อาตมาอธิบายไว้มากมายเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เป็นเรื่องโลกุตระ เป็นเรื่องอาริยะที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจได้ง่าย คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34)  

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2566 ( 15:59:20 )

โลกุตระกับฆราวาส

รายละเอียด

โลกุตระกับฆราวาส  คือ ฆราวาสนั้นจำเป็นต้องรู้จักโลกุตรธรรม ส่วนพระนั้นแน่นอนสอนโลกุตระ  ผู้มาบวชแน่นอนย่อมมาหาโลกุตระ  สอนฆราวาสจะไปสอนโลกีย์อีกทำไม  เพราะทางโลกสอนมากอยู่แล้ว  จึงต้องเน้นโลกุตระแม้เป็นฆราวาสมีทรัพย์  หรือไม่มีทรัพย์ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพ้นทุกข์ต้องสอนโลกุตระจะมีลาภ หรือไม่มีลาภ ก็ต้องสอนโลกุตระ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2562 ( 07:44:32 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:27 )

โลกุตระกับโลกียะ

รายละเอียด

โลกุตระ กับโลกๆ คือ โลกุตระกับโลกียะ  โลกียะก็หมายถึงสาธารณะปุถุชนของทางโลกส่วนใหญ่ปุถุชน เรียกว่าโลกียะ โลกียะคือ เป็นทาสของลาภยศสรรเสริญสุข คุณยังมีความสุขทุกข์อยู่กับ ลาภน้อยใหญ่ ยึดลาภ ทรัพย์สินเงินทอง ไปติดในทองไปติดในเพชร ดีไม่ดีไปติดตุ๊กตาอะไรอย่างนี้ โตมาก็ติดรถติดหมูหมาแมว ติดอะไรก็ได้เลอะเทอะไป ติดพืช แต่พืชคนไม่ค่อยไปติดมากไปติดเรื่องสัตว์    เรื่องวัตถุมากกว่า คุณอย่าไปยุ่งกับมันเลยวัตถุมาก หรือ แม้แต่เป็นสัตว์ตัวตนบุคคลก็อย่าไปติดมันมาก คุณมาเรียนรู้อาหารที่เกิดจากพืช 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 12:08:54 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:17:40 )

โลกุตระกำลังแสดงตัว

รายละเอียด

ตอนนี้โลกียะกำลังจะถูกโลกุตระกำลังแสดงตัว ขึ้นมาปรากฏให้เทียบเคียงกับโลกียะ เพราะฉะนั้นคนตาดีคนที่รู้ตัวแล้ว เลิกเลยจะตัดโลกีย์ ผู้ที่ชัดเจน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มิถุนายน 2563 ( 11:26:03 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:26 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:31:32 )

โลกุตระกุศล

รายละเอียด

คือ การทำความดี เราให้ทานวัตถุ แรงงานแก่ผู้อื่นไป ได้เสียสละสิ่งที่เรามี ให้ไปแล้วก็เป็นการได้ให้ ให้คือให้ ทานคือให้ ให้ไม่ใช่เอา  ให้ไม่ใช่ยังติ่งยึดเอาไว้อยู่ ให้ไม่ใช่ต้องได้คืนแลกเปลี่ยนกลับมาหาตัวเองมากกว่าเก่า ให้แท้ๆ คือ ปล่อยออก เอาออก เป็นกรรมที่สำเร็จในตัวเอง สำเร็จเป็นกุศล ก็เป็นกุศลแล้วจริงๆของเรา นั่นคือ สำคัญที่ใจ จะต้องให้ด้วย ต้องอ่านจิตเป็นวิจัยจิตออก ผู้ที่ได้อ่านใจตน จนรู้จัก รู้แจ้ง รู้จริง อย่างนี้ ทำทาน เป็น อเทวนิยม

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า109


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 15:25:23 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:34:40 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:32:39 )

โลกุตระของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างจากสามัญมนุษย์

รายละเอียด

โลกุตระของพระพุทธเจ้าที่อาตมานำเอามาขยายนี้ เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งเป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างจากสามัญมนุษย์ มนุษย์ปุถุชนเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เขามีแต่วนอยู่ในโลกโลกียะธรรมดา จมอยู่กับ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียะ แล้วเขาก็จมอยู่ในสุขในทุกข์ธรรมดา พูดกันในหมู่คนพอมีภูมิธรรมมีบารมีพอที่จะรับความรู้ของพระพุทธเจ้าหรือโลกุตรธรรมนี้ได้ คนที่เขาไม่รู้ เขาไม่รู้จริงๆ เขาไม่มีสิทธิ์จริงๆ นะ ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้เลย เพราะฉะนั้นอาตมามาบรรยายธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้าจึงมีพวกน้อย คนเขาฟังไม่ค่อยขึ้น 

มีคนมีบารมี 1. คนมีบารมีเก่า พอฟังแล้วก็บอกว่าใช่เลย หรือคนมีบารมีใหม่ ก็มีน้อยเต็มที คนมีบารมีใหม่ สงสัยว่านี้มันอะไร จนเกิดปฏิภาณปัญญา น่าฟังแปลกดีนะ มีคนแบบนี้ได้ด้วยหรือ ดีไม่ดีแต่สงสัยว่ามันอยู่ได้ยังไง แล้วมันไม่รู้หรือว่ามาจนนี่มันเป็นทุกข์ แล้วมันจะมาจน มันไม่ทุกข์ตายชักเหรอ  คนอย่างนี้ก็มีเหรอ อะไรพวกนี้ ซึ่งมันกลับกันกับโลกียะเลย อาตมาสรุปง่ายๆ เรื่องจน ส่วนเรื่องอื่นมีเรื่องทวนกระแสโลกีย์อีก 

เพราะฉะนั้นถึงบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าท่านรู้เรื่องที่ถึงกับดับสูญทุกอย่างได้ ไม่อย่างนั้นก็วนอยู่ในสุขนี่แหละ มีบารมีบ้างก็เป็นผู้ที่ได้พ้นทุกข์ เสร็จแล้วก็ไม่เที่ยง ตกต่ำอีก ไม่มีจบ 1.ไม่มีเที่ยง 2. ไม่มีปรินิพพานเป็นปริโยสาน นี่คือจุดใหญ่ของศาสนาพุทธเลย ถ้าบอกว่าเป็นสุขโลกีย์ จะจนก็ไม่ทุกข์ เป็นถึงอรหันต์แล้วไม่ทุกข์หรอก โลกจะเป็นอย่างไร ท่านก็มีวิบากแต่ท่านก็ไม่ได้ลำบากใจอะไร ไม่เป็นทุกข์จะเรียกว่าเป็นสุขลำลองก็ได้ ยิ่งเข้าใจสูงไปกว่านั้น สุขทุกข์เป็นเรื่องสมมุติ นี่คือขั้นปรมัตถ์สูงสุด ขั้นนิพพาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้มีปัญญาผ่าสุขผ่าทุกข์ วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2566 ( 10:44:40 )

โลกุตระคืนมาเกิดสังคมอาริยะแบบพระพุทธเจ้าเป็นไฉน

รายละเอียด

อาตมาอธิบาย ให้พวกเราศึกษาเข้าใจแล้วเอาไปใช้กับชีวิต เลยเอาชีวิตมาอยู่กันอย่างนี้ตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน กลายเป็นชีวิตมนุษย์วรรณะ 9 สบายจังเลย อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยนี้เป็นประเทศเมืองพุทธ ชาวไทยตั้ง 95% เป็นชาวพุทธ แต่ความรู้โลกุตระมันเสื่อมไปหมด อาตมาก็เอาความรู้โลกุตระมาสถาปนาขึ้นใหม่ ก็พวกเรามีตาดีมีปัญญาเข้าใจได้ก็มาเอา ก็เกิดคืนมา มีโลกุตระคืนมา เกิดสังคมที่เป็นอาริยะแบบพระพุทธเจ้าจริงๆ ยืนยันได้เลย เป็นคนมีวรรณะ 9 จนเกิดเป็นสาราณียธรรม 6

สาราณียธรรม 6 (ธรรมเป็นเหตุให้อยู่ร่วมกันอย่างมีเอกภาพ)

1. เข้าไปตั้งกายกรรมประกอบด้วยเมตตา ทั้งลับ-แจ้ง

2. เข้าไปตั้งวจีกรรมประกอบด้วยเมตตา ทั้งลับ-แจ้ง 

3. เข้าไปตั้งมโนกรรมประกอบด้วยเมตตา ทั้งลับ-แจ้ง 

4. แบ่งปันลาภผลให้กับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย  (ลาภา ธัมมิกา - มีลาภตามธรรมแห่งสาธารณโภคี) 

5. มีศีลเสมอสมานกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย (สีลสามัญญตา) 

6. มีความเห็นเสมอสมานกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย  (ทิฏฐิสามัญญตา)  (ล.22  ข. 282-283)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 18:41:52 )

โลกุตระคือการศึกษาความต่างเพื่อจบ

รายละเอียด

อย่างที่ท่านฟ้าไทกล่าว อาตมาพยายามนำความรู้ที่มีความหมายขั้นโลกุตระมาอธิบายขยายความ นำพาให้พวกเราเข้าใจจะได้ปฏิบัติตามนั้น ทั่วโลกเขามีแต่ความรู้โลกียะมีแต่ความเฉโก

ความรู้โลกียะคือ ความรู้ที่สอนอยู่ในขั้นแค่ทำดี อย่าทำชั่ว เรียนรู้ความดี ทำแต่ดีแล้วอย่าทำชั่ว คู่เดียว เขาก็สอนกันแค่นั้น เขาไม่ได้เรียนรู้จิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่ได้เข้าใจถึงอนัตตา ไม่เข้าใจถึงความเป็นอัตตาเลย 

ส่วนโลกุตระนั้นรู้จักอัตตา เรียนรู้อนัตตา เรียนรู้ความสุขความทุกข์ โลกียะไม่รู้เรื่องความสุขความทุกข์ แต่ติดในความสุขเกลียดความทุกข์ ทั้งๆที่สุขทุกข์นี้ยากจะรู้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่าความสุขความทุกข์เป็นมายาของมนุษยชาติ ซึ่งมันแยกกันไม่ออก มันเป็นฝาแฝดที่แยกกันไม่ได้ เป็นฝาแฝดอินจัน ที่มีอวัยวะติดกันเลย แยกไม่ได้ถ้าแยกก็ตาย เพราะฉะนั้นถ้าไม่เอาสุขก็ไม่เอาทุกข์เลย ไม่เอาสุขไม่เอาทุกข์ โลกุตระนิพพานคือไม่มีสุขไม่มีทุกข์ 

ศาสนาพุทธทุกวันนี้เสื่อมมากจนไม่รู้เรื่องเหล่านี้ สอนกันแบบโลกีย์ให้ติดในความสุข มีสวรรค์ มีนรก ไม่มีนิพพาน ในโลกียะมีสวรรค์มีนรก ในโลกุตระหมดสวรรค์หมดนรก ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรก มีแต่ความเป็นจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 09:01:34 )

โลกุตระคือการศึกษาความต่างเพื่อจบ

รายละเอียด

ความเป็นจริงที่มีสิ่งแตกต่างที่มีความจริงที่สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย มีใจเป็นตัวรู้ รู้ความแตกต่างกัน ที่แตกต่างกันจริง แล้วเราก็อยู่กับความแตกต่างเหล่านี้ให้กลมกลืนสามัคคีกันได้ 

ไม่มีอะไรที่จะไม่แตกต่างกัน อันนี้คือความจริง แฝด 2 คนก็เหมือนกันแต่มีจุดต่างกันที่ไม่เหมือนกันได้ ผู้ที่รู้ละเอียดดูเป็นก็จะดูออก ไม่ต้องดูเครื่องหมายหยาบ บางคนจะดูตรงไฝ อย่างแฝดนายเวียงนายวัง จะดูตรงปานดำ แต่มันมีดูโครงสร้างรูปธรรมก็ได้ ไม่เหมือนกัน ยิ่งนิสัยก็จะแตกต่างกันอะไรอย่างนี้ บุคลิกต่างๆก็จะแตกต่างกัน คนที่ละเอียดลออก็จะดูออก สัมผัสนิดนึงก็รู้คนนี้เป็นคนนี้ แม้จะเป็นแฝดกันก็ตาม 

เพราะฉะนั้นการศึกษาที่รู้ความแตกต่างกันนี่แหละเรียกว่า ลิงคะหรือความเป็นเพศแล้วมันก็จะแย้งกันอยู่ด้วยกันยาก เพราะฉะนั้นจึงต้องมาเรียนรู้ว่าที่รู้ไม่เหมือนกันนี่แหละ จะต้องอยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกันก็รักกันเกิน จากกันไม่ได้อีก โง่อีก แยกกันไม่ได้เลย มีดูดกับผลักสองทาง 

เรามาเรียนรู้ความจริงว่ามันมีความต่าง ในจักรวาลมันมีสิ่ง 2 สิ่ง ตั้งแต่วัตถุ อุตุนิยาม มีบวกมีลบ มีสิ่งต่างกัน ตั้งแต่พลังงานจนกระทั่งถึงสสารที่ต่างกัน จนมาถึงพืชพันธุ์ธัญญาหารที่แตกต่างกัน แล้วก็มาถึงจิตนิยาม สัตว์ มนุษย์ ทั้งหมด 

เรียนรู้แล้วก็รู้ได้จริง ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าค้นพบ อ๋อ.. ไอ้ตัวนำเกิด พาเกิดวนเวียนอยู่ เป็นธาตุรู้ที่มีทุกข์มีสุขคือจิตนิยาม 

สัตว์เดรัจฉานมันก็มีทุกข์มีสุขแล้ว แต่มันไม่รู้ เรียนอย่างไรมันก็เรียนไม่ได้ จนมาถึงคน อเวไนยสัตว์ ศึกษาอย่างไรก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน จนมาเป็นเวไนยสัตว์ เป็นคนที่มีบารมี มีฐานที่จะรู้โลกุตรธรรมนี้ได้ ถึงจะเรียนรู้ว่าจิตนิยามมีความเกิดมีความตั้งอยู่ ทรงอยู่ แล้วก็ความเสื่อม แล้วก็ไม่จบ จนกระทั่งค้นพบความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับให้แยกธาตุไปเลยได้ พระพุทธเจ้าประสบผลสำเร็จอันนี้สมบูรณ์แบบ 

เดี๋ยวนี้ศาสนาพุทธเสื่อมเพราะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้กันแล้ว อาตมาก็นำสัจธรรมโลกุตรธรรมที่ถึงขั้นอนัตตา หรือ ถึงขั้นสุญญตา แยกธาตุปรินิพพานเป็นปริโยสาน เป็นดินน้ำไฟลมไปเลยได้ในยุคนี้ ซึ่งไม่มีใครที่จะเหลือความรู้ที่จะรู้อันนี้ 

ทั้งๆที่ในพระไตรปิฎกมีปรินิพพานเป็นปริโยสานในมูลสูตร ไม่มีใครเข้าใจได้ เขารู้แต่เพียงนิพพานมีความสูญ แต่สูญอย่างไร ปรินิพพานเป็นปริโยสานที่มีรายละเอียด 

นิพพาน ก็รู้แล้วว่ามันจบกิจ เรื่องที่จะมีชีวิตอยู่ ความทุกข์ ความสุขตามขั้นตามตอน โสดาบันก็โล่งระดับหนึ่ง สกิทาคามีก็โล่งระดับหนึ่ง อนาคามีก็โล่งระดับหนึ่ง เป็นนิพพานแต่ละขั้น อรหันต์ก็ถึงขั้นปรินิพพาน นิพพานรอบสุดจนกระทั่งหมด แล้วก็จะเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสาน อรหันต์ก็จะรู้ความจริงอันนี้ได้ ก็จะทำความเป็นสูญจนกระทั่งเลิกได้หรือไม่เลิกก็ได้เป็นอมตบุคคล 

เพราะฉะนั้นผู้ยังไม่มีภูมิจะเข้าใจมูลสูตร 10 ตั้งแต่มีฉันทะเป็นมูล มีมนสิการเป็นแดนเกิด สัมภวะ มีผัสสะเป็นสมุทัย  มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง แล้วมีสมาธิเป็นประมุข จนมีสติเป็นอธิปไตย มีปัญญาเป็นอุตตระ มีวิมุติเป็นแก่นสารสาระ 

อมตะ เป็นการหยั่งลงสู่ความเป็นอมตะ และสุดท้ายมีปรินิพพานเป็นปริโยสาน มีปรินิพพานเป็นที่สุด ปริโยสานหรืออวสานรอบถ้วนเลย อวสานอย่างจบ ไม่มีอีกแล้วสิ้นสุดสูงสุด นี่เป็นมูลสูตร 10 ข้อ อาตมาเจอสิ่งนี้เข้าแล้วโอ้โห เอามาพูดเอามาขยายความพวกเราก็ได้รับความรู้ ได้รับประโยชน์จากอันนี้กันใช่ไหม ได้ชัดเจนในธรรมะพระพุทธเจ้า ท่านตรัสรู้กัน ชัดเจนรอบถ้วนกันถึงขนาดนี้ ในความเป็นจิตวิญญาณ  ในความเป็นมนุษย์ที่จะปฏิบัติประพฤติให้สมบูรณ์ที่สุดจนถึงขั้นทำปรินิพพานเป็นปริโยสานสำเร็จ แล้วเราก็จะรู้ตัวเมื่อเป็นอรหันต์ อรหันต์สมบูรณ์แบบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 09:26:01 )

โลกุตระคือความสงบอย่างไร

รายละเอียด

โลกุตระคืออะไร คือความสงบ เพื่อความไม่ทำร้ายใคร สูงกว่าคนทำร้ายคนอื่นได้สำเร็จ คนทำร้ายคนอื่นได้สำเร็จไม่สูงหรอกเป็นคนต่ำ คนยอมแพ้คนสำเร็จนี่แหละคือคนสูง คนขาดทุนสูงกว่าคนเอากำไร คนยอมแพ้เขา เป็นคนสูงกว่าคนชนะ 

เราจะแรงก็แรงได้ คนแรงมาเราก็แรงไปได้ แต่เราไม่ยอมแรง แม้ที่สุดเขาจะฆ่าเรา เราก็ยอมให้ฆ่า เพราะเราเข้าใจว่า ธรรมะทำร้ายคนอื่น มันเลว ยอมให้คนอื่นทำร้ายมันก็ดีกว่าไปทำร้ายเขา เพราะเราไม่เป็นปัญหา ตายไปชาติหน้าเราก็เจริญขึ้น เพราะเรายอมให้เขาทำร้าย เขาทำร้ายมันเป็นบาปของเขาไม่ใช่เรา เราเข้าใจบาป เข้าใจบุญ เข้าใจกุศล อกุศล ชัดเจน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:32:47 )

โลกุตระคือรู้จักกิเลส

รายละเอียด

ที่เป็นโลกุตระคือรู้จักกิเลส กิเลสตั้งแต่ภายนอกคือกาย ฉันยังติดข้างนอก ทุเรียนอย่างนี้เป็นต้น ตามันเห็นทุเรียนแล้วมันขึ้นเลยกิเลส ต้องปฏิบัติตัวนี้แหละ เมื่อตาเห็นทุเรียนหรือจมูกได้กลิ่นทุเรียนมันก็ขึ้นเหมือนกัน จนกระทั่งกิเลสที่ไม่ติดยึดแล้วทุเรียน ตากระทบรูปนี้ก็ไม่เห็นไม่มีกิเลส จมูกได้กลิ่นก็ไม่มีกิเลส ได้ยินเสียงคนพูดว่าทุเรียนเอามาหน่อยนะ ทุเรียนเยอะแยะเลยก็ไม่ขึ้น หรืออยู่ธรรมดานี่แหละ คนเอาทุเรียนมาแตะลิ้น แต่มันคงยากหน่อย หรือเอาทุเรียนมาถูกสัมผัสร่างกาย คือเอาหนามทุเรียนมา บอกว่าหนามอะไร เก่งด้วยนะพอจะรู้ว่าหนามทุเรียนด้วย ไม่ใช่หนามไมยราบยักษ์ ไม่ใช่หนามพุงดอ หนามทุเรียน มันมีหลายตุ่มหน่อย บอกว่าทุเรียนแน่ๆ ไม่ใช่ขนุนด้วยเพราะไม่แหลมขนาดนี้ ไม่แทงลึกขนาดนี้เป็นต้น หรือไม่ใช่ฟักข้าว ก็จะแยกออกมาสัมผัสก็จะแยก แต่คุณมีกิเลสไหมล่ะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 19:26:44 )

โลกุตระคือสภาพที่รับรู้ความเกิดความดับ

รายละเอียด

โลกุตระคือสภาพที่รับรู้ความเกิดความดับ เอาชัดๆ ก็คือ รู้จักกิเลส กิเลส คำนี้แหละ เป็นภาษาที่ยิ่งใหญ่ เทวนิยม พูดถึงคำว่า กิเลส เขาไม่รู้เรื่องหรอก เขาไม่รู้เรื่องเขาก็ภาษาพยัญชนะ ภาษาอังกฤษ ภาษาอะไรก็แล้วแต่ ต้นรากภาษาของทางตะวันตก ทางยุโรปมาเรียก ซึ่งมันไม่มี 

กิเลสมันละเอียดกว่านั้น มันเป็นธาตุย่อยลงไปในธาตุจิตแล้ว ซาตาน เป็นองค์รวมของความเลวร้าย แต่เหตุปัจจัยองค์รวมของความเลวร้ายก็คือ ธาตุจิตวิญญาณแยกจิตเจตสิกไปอีก เจตสิกถึงขั้น เวทนา 108 อย่างนี้ เขาจะไหวหรือ เขายังอีกนานกว่าเขาจะเรียนรู้มา แยกมโนปวิจาร 18 เขาจะไหวหรือ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2565 ( 11:39:50 )

โลกุตระคืออะไร

รายละเอียด

โลกุตระคืออะไร ฟังดีๆ สิ่งที่เรียกว่าโลกะ หรือโลก ส่วนโลกุตระ มีคำสองคำ คือโลก กับอุตระ สองคำรวมกันอ่านว่าโลกุตระ ก็มีความหมายขยายความเพิ่มขึ้น

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2563 ( 18:51:06 )

โลกุตระคืออะไร

รายละเอียด

โลกุตระคืออะไร โลกุตระคือการรู้จักเคหะสิตะเวทนา และเนกขัมมสิตเวทนา โลกุตระคือแยกจิตให้รู้ว่าจิตเป็นกิเลสโลกีย์ แล้วก็ทำให้จิตที่เป็นโลกีย์นี้ออก ออกจากโลกีย์ หรือจิตมีกิเลสที่เป็นเคหสิต ล้างกิเลสหรือออกจากกิเลสเป็นเนกขัมมะ ได้ รู้จักเลย รู้จักรู้แจ้งรู้จริงสัมผัสได้เลย แยกออกเลย กิเลสตัณหามันเป็นอย่างไร อุปาทานมันเป็นอย่างไร กิเลสมันเป็นกาม กิเลสมันเป็นราคะโทสะ ดับได้เรื่อยๆจนหมด นั่นเป็นโลกุตระ แต่ที่เป็นมิจฉาทิฐิแล้ว มันไม่ได้ มันมีแต่กดข่ม ไม่ได้เข้าทาง ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง แยกไม่ออก แยกไม่ได้เพราะไม่มีให้แยก ได้แต่หลับตาเท่านั้นมันก็ไม่มีให้ครบ ภายนอกภายในไม่มี ไม่เริ่มต้นจาก กามคุณ 5 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 13:29:15 )

โลกุตระคืออะไร

รายละเอียด

โลกุตระคืออะไร หมายความว่า เป็นความรู้ในระดับที่รู้จักกิเลส แล้วก็ทำให้กิเลสลดได้ จะเริ่มต้นน้อยๆก็ตามก็เป็นโลกุตระ เป็นขั้นโสดาบันเป็นต้น อย่างนี้คือโลกุตระ ถ้ายังไม่เข้าไปถึงจิตแล้วก็แยกกิเลสได้ ทำให้กิเลสลดได้ ยังไม่เรียกว่าโลกุตระ เข้าใจไหม 

ถ้าผู้ใดไม่มีภูมิปัญญากำหนดรู้จิต เจตสิกของตนเอง แล้วแยกกิเลสออกมาให้ได้ รู้ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส รู้อาการ ลีลาของการเคลื่อนไหวของจิตเจตสิกว่า อย่างนี้ มันเป็นกิเลส กิเลสราคะ หรือโทสะ หรือโมหะ แล้วก็มีวิธีทำให้ราคะมันจางคลาย จางคลายนี้ ก็ไม่ใช่หลับตา กดข่มไว้ แต่ใช้ปัญญาทำให้กิเลสมันจางคลาย ปัญญารู้แจ้งสว่าง เปิดตา หู จมูก ลิ้น กาย ไม่ต้องไปหลับไปหรี่อะไรเลย แล้วกิเลสมันลดลงๆๆ ได้ ตามลำดับ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ นั่นแหละเรียกว่า โลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 29 อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 13:09:54 )

โลกุตระคืออะไร สำคัญอย่างไร

รายละเอียด

วันนี้วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8(2) ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้อาตมาคิดว่าจะดึงเอาเรื่องโลกุตระกลับมาตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม เราพูดไปได้ 2-3 ประเด็น อาตมาเจตนาจะนำเรื่องโลกุตระมาพูดขยายความให้เข้าใจกัน คือโลกุตรธรรมมันสูญ มันเสื่อมไปจากชาวพุทธแล้วตามที่พระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์เอาไว้ ในพระไตรปิฎก เล่ม 16 ข้อ 672 ว่ามันจะเสื่อมไปแล้ว มันก็เสื่อมจริงๆตามคำพยากรณ์ไว้ในยุค 2,500 ปีนี้ 

อาตมาก็จะยืนยันตัวเองว่า อาตมานี่แหละเป็นผู้ที่นำเอาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าที่มันเสื่อมไปนั้นกลับคืนมา สถาปนาลงไปในสังคมโลกยุคนี้เอาโลกุตระมาเปิดเผยมาขยาย มาสืบทอดของพระพุทธเจ้าว่า โลกุตระคืออะไร โลกุตระ คือ สิ่งที่ไม่ใช่โลกียะ แตกต่างไปจากโลกียะ โลกียะหมายถึงอะไร หมายถึงว่าความเป็นโลก ความเป็นโลกคืออะไร คือสิ่งที่มนุษย์ชาติเราเป็นอยู่นี้ มนุษย์ชาติเราก็เป็นอยู่อย่างธรรมดาสามัญปุถุชน อยู่ใต้อำนาจของ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เป็นทาสเลย หรือ ทาษ เป็นทาสของ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ยังไม่หมดกิเลส ยังไม่รู้จักกิเลสที่จะหลุดพ้นออกมาจากโลกียะ 

โลกุตระ จึงเป็นผู้หลุดพ้นออกมา จิตไม่อยู่เป็นทาสแล้ว เป็นนายเลย เป็นนาย ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข นี่คือโลกุตระสำคัญอย่างไร สำคัญมากสำหรับความเป็นมนุษย์ มนุษย์เราถ้าไม่ได้ศึกษาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า โลกทั้งโลกนี้ มีพลเมือง 7,000 ล้านกว่า ล้วนแต่ส่วนใหญ่เกือบครบ เกือบเต็มโลก ตกอยู่ใต้อำนาจโลกียะทั้งนั้น ตกอยู่ใต้อำนาจของ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ไม่รู้จักสุขไม่รู้จักทุกข์ จะต้องเอาสุข เป็นสุขนิยม จะต้องเอาสุขให้ได้ มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้โลกุตรธรรม จึงรู้ว่าโลกุตรธรรมไม่อยู่ใต้อำนาจโลกแล้ว อยู่เหนือโลกได้ จึงคือความสำคัญยิ่ง โลกุตระนี้อยู่เหนือโลกธรรมได้ จึงสุดยอดสำคัญ นี่คือสำคัญอย่างไร 

ผู้ที่สามารถเรียนรู้ฝึกฝนจิต เจตสิก มีปัญญา รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในเรื่องของโลกุตรธรรมนี่แหละ จึงจะสามารถอยู่เหนือโลกได้ 

อีกประเด็นหนึ่งก็คือโลกุตระมีในโลกเพราะใคร โลกุตระมีในโลกขึ้นมาได้เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นมาในโลก ขึ้นมาสถาปนา ขึ้นมาอธิบาย นำเอาโลกุตรธรรมขึ้นมาประกาศ มันเป็นเรื่องของ จิต เจตสิก รูป นิพพาน โลกุตรธรรมมีนิพพาน เอามาประกาศแล้วให้คนรู้ตาม เรียนรู้แล้วไปฝึกฝน จิต เจตสิก รูป แล้วถึงขั้นนิพพานได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 33 ถ้าไม่เรียนรู้สุขทุกข์ ก็สั่งสมบาปอยู่ทุกลมหายใจ วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8(2) ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2566 ( 13:49:03 )

โลกุตระคืออะไร โลกุตระสำคัญอย่างไร

รายละเอียด

โลกุตระคืออะไร? โลกุตระสำคัญอย่างไร? โลกุตระมีในโลกได้เพราะใคร? 

โลกุตระจะทำให้คนเจริญแบบไหน? ในโลกมีโลกุตระเกิดอยู่ประจำโลกหรือ? ทำไม? เพราะอะไร? โลกจึงไม่มีโลกุตระทั้งๆที่ยังมีคนชาวพุทธนับถือศาสนาพุทธกันอยู่แท้ๆ สังคมคนที่ไม่มีโลกุตรธรรมนั้น คือสังคมคนที่ไม่พ้นทุกข์ สังคมที่มีคนพ้นทุกข์จะเป็นสังคมอย่างไร? ไฉน? 

คนจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องบรรลุโลกุตรธรรม? สุขทุกข์คืออะไร? ทำไมต้องสุข-ต้องทุกข์? คนผู้ไม่สุข-ไม่ทุกข์มีด้วยหรือ? ตรงไหน? ที่ในคนมันมีอาการสุขทุกข์ และคนที่ไม่สุขไม่ทุกข์ด้วยปัญญาอันยิ่งและจะมีประโยชน์อะไร สุดยอดของคนเป็นอรหันต์ เป็นไปทำไม?จะอธิบายไปตามลำดับ

อันแรก โลกุตระคืออะไร? ถ้าพระพุทธเจ้าไม่อุบัติขึ้นมาในโลก โลกที่พระพุทธเจ้าจะอุบัตินั้นคือโลกที่ไม่มีโลกุตรธรรมเลย ไม่มีเลย ไม่มีเหลือเชื้ออยู่ในฐานของคนที่พระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาตรัสประกาศไว้แล้วก่อน แล้วก็ยังเหลือเชื้อในคน ในยุคที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นมาไม่ว่าองค์ใดองค์หนึ่ง ก็คือยุคที่ไม่มีคนมีความรู้ในเรื่องโลกุตระเลย เพราะฉะนั้นโลกุตระคืออะไร ? จึงไม่ปรากฏในโลก มีแต่ความรู้โลกียะกันเท่านั้น โลกุตระ คือรู้เรื่องสุข เรื่องทุกข์ โลกุตระคืออะไร คือรู้เรื่องสุข เรื่องทุกข์ แล้วจะขยายความเรื่องสุขเรื่องทุกข์คืออะไรทีหลัง

โลกุตระสำคัญอย่างไร โลกุตระ คือรู้เรื่องสุข เรื่องทุกข์ โลกียะ คือเรื่องดี เรื่องชั่ว นี้ขยายความ โลกียะหรือทุนนิยมหรือเทวนิยมจะไม่มีปัญญา แวบไหว อาตมาใช้คำว่า แวบไหว ไม่มีปัญญาที่จะแม้แต่จะแวบไหวเลยว่า เอ๊ มันจะต้องไปคำนึงถึงความสุข ความทุกข์ ไม่มี เขาว่าคนก็ต้องมีความสุขสิ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าสุขเป็นตัวเดียวกันกับทุกข์ เป็นมายา หลอกตัวเองอยู่ไม่รู้จักจบ ถ้าคุณจะฆ่าสุขได้ คุณก็ต้องฆ่าทุกข์ คุณฆ่าทุกข์ได้ สุขก็จะหายไป นี่เป็นความฉลาดของพระพุทธเจ้า ถึงให้รู้จักทุกข์อาริยสัจ แล้วปฏิบัติดับทุกข์อาริยสัจให้ได้ 

สุขที่เป็นสุขัลลิกะ ทุกข์นี่มันเรื่องจริงเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แต่สุขนี่มันเป็นตัวขี้หลอก อัลลิกะ เป็นตัวเท็จ เป็นตัวความเก๊ มันหลอกเราเป็นตัวสุข แท้จริงมันเป็นทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ทุกองค์จะเห็นเลยว่าไม่มีหรอกสุข มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป เพราะฉะนั้นดับทุกข์เสียได้ สุขก็หมดไป พิสูจน์ได้ชาตินี้เป็นวิทยาศาสตร์เลย วิทยาศาสตร์ทางจิต 

คุณดับสุข คุณต้องอ่าน อาการ ลิงค นิมิต ของสภาวะสุขหรือทุกข์ คุณอ่านสภาวะใดก็ได้ ทุกข์หรือสุข แล้วตามเหตุที่มา เหตุ รู้จักเหตุที่คุณมี เป็นตัณหาก็ดี เป็นอุปาทานก็ดี คุณดับอาการของตัณหาหรืออาการของอุปาทาน ซึ่งเป็นตัวสภาวะ  static ตัณหาเป็นสภาวะของ dynamic ของตัวสภาพเคลื่อน อุปาทานเป็นของสภาพนิ่งซึ่งรู้ยาก เพราะฉะนั้นมันจึงต้องมีกระทบสัมผัสให้มันเคลื่อนมาแล้วก็ฆ่าตัณหา ตัณหาหมดเกลี้ยงเลย หยาบกลางละเอียด ตั้งแต่กามตัณหา ภวตัณหา อรูปตัณหา หมดเลย อุปาทานก็เกลี้ยงด้วย อย่างนี้เป็นต้น คุณมีสภาวะจริงตามพยัญชนะที่อาตมาพูดไปเนี่ย มีสภาวะจริง ตรงถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมาปฏิบัติ คุณก็บรรลุสัมมาปฏิเวธ 

โลกุตระสำคัญอย่างไร? สังเขปแล้วนะ โลกุตระคืออะไร คือสุขทุกข์ เทวนิยมไม่เรียนรู้เรื่องสุขทุกข์ เรียนรู้แต่ดีชั่วแล้วก็วนอยู่แค่ดีชั่ว แล้วก็ติดสุขด้วยเป็นสุขนิยม เพราะฉะนั้นเทวนิยมตะวันตกหรือชาวตะวันออกกลางก็ตาม ที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ไม่รู้เรื่องนี้ ไม่เรียนรู้เรื่องนี้ ไม่มีภูมิจะรู้ด้วย เพราะฉะนั้นเขาจะยังไม่มีทางที่จะเลิกสุขเลิกทุกข์ จะจมอยู่ แล้วก็จะมีสงคราม เพราะสุข เพราะทุกข์นี่แหละ จะสุขเพราะได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขเพราะได้อำนาจได้ตำแหน่ง เพราะได้เสพ หรือได้สรรเสริญก็แล้วแต่  สรรเสริญเป็นจ้าวโลกหรือเป็นผู้ยิ่งใหญ่อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่เขาจะไม่รู้จัก 

ทีนี้โลกุตระสำคัญอย่างไร? มาก…กกก สำคัญมาก มากก็คือต้องเรียนรู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์นี่แหละ สุขทุกข์คืออาการของเจตสิก ที่เรียกมันว่า เวทนา ด้วยภาษาศัพท์วิชาการ เวทนาเป็นภาษาบาลี คือความรู้สึก อาการรู้สึก คืออาการรู้สึกนี้ มันจะมีลักษณะแบ่งเป็นใหญ่ๆคืออาการสุข อาการทุกข์ แล้วก็อาการไม่สุขไม่ทุกข์ 

ทีนี้พวกมิจฉาทิฏฐิเขาก็ทำอาการไม่สุขไม่ทุกข์ของเขาได้เหมือนกัน ด้วยการสะกด สะกด สะกด สะกดเป็นสมถะ เขาก็สำเร็จเหมือนกัน อาฬารดาบส อุทกดาบส หรือพวกหลับตาปฏิบัติ ไม่ได้เรียนรู้ถึงสภาวธรรมจริงว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย เปิดๆ สัมผัส แล้วก็เห็นกิเลสตัวจริง แล้วก็รู้มันได้ด้วยฌาน ด้วยปัญญา ว่าไอ้นี่มันขี้หลอก เพราะฉะนั้นตัวปัญญาจะมีธรรมฤทธิ์ เป็นธรรมฤทธิ์ที่เป็นเรื่องที่พูดด้วยภาษาไม่ได้ว่าเป็นธรรมฤทธิ์ถึงขนาด กิเลสนี้มันเจอปัญญาเนี่ย โอ้โหมันหนีไกลลิบ เฮ้ย…นี่ ปัญญาเกิดแล้วมันมาแล้ว เราอยู่ไม่ได้แล้ว นี่พูดด้วยพยัญชนะด้วยภาษาสู่ฟัง มันจะเป็นธรรมฤทธิ์ฆ่ากันเองอย่างนั้นเลย สภาวะของปัญญาเกิดรู้แจ้ง รู้จริง รู้จัก รู้แจ้ง รู้จริง ไอ้เจ้ามาร เจ้าผี เจ้ากิเลส เจ้าตัวหลอกไม่จริง 

สรุปแล้วก็คือ ตัวไม่จริง พอความจริงมันขึ้นมาแท้ คือปัญญา เป็นความจริง ไอ้ตัวความไม่จริงมันจะไปรอหน้าความจริงได้ไง นี่ก็ใช้พยัญชนะใช้ภาษาอธิบายสภาวะชัดแล้ว เพราะว่าแม้แต่ความไม่จริง มันก็มีสัจจะในตัวมันว่า เฮ้ย…เราเป็นตัวหลอกนะ ไปเจอตัวจริงเข้า เฮ้ย เอ็งจะเอาตัวไม่จริงไปสู้กับตัวจริงเขา หมอไหนก็ไม่รับเย็บนะ หน้าแตก เอาความไม่จริงไปทำเป็นจะชนะความจริง ก็ใช้พยัญชนะสื่อสภาวะได้อย่างนี้แหละ ท่านผู้ฟังทั้งหลาย อาตมาพูดได้เท่านี้มีภาษา เพราะฉะนั้นโลกุตระคือความรู้ชนิดที่ลอยตัว 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 30 ประกาศกองทัพธรรมไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจ สว. วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566 วันแรม 15 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 13:57:19 )

โลกุตระคืออเทฺวนิยม คือยาวิเศษช่วยมนุษยชาติ!

รายละเอียด

“โลกุตระ”คือ“อเทฺวนิยม”เท่านั้นที่จะช่วยโลก รื้อขนสัตวโลกไปสู่“นิพพาน” หมดสุข-หมดทุกข์ คือ“ดับ”ความเป็น“2” หรือ“ดับความเป็นเทฺว” ไม่เหลือความเป็นเทฺว”สู่ความเป็น“อเทฺ ซึ่งเป็นศาสนาที่เกิดมาช่วยมนุษยชาติในโลกเป็นช่วงๆคราวๆแค่นั้น “โลกุตระ”คือ“อเทฺวนิยม”นี้ไม่ใช่ภาวะที่จะ“มี”อยู่ใน“กาละ” นิรันดรแห่งมหาจักรวาลเอกภพ “โลกุตระ”คือ“อเทฺวนิยม”เป็นภาวะที่“มี”ขึ้นในโลกเป็นยุคๆตามบารมีของ“พระพุทธเจ้า”แต่ละพระองค์เท่านั้น  

 

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 447-448 ข้อที่ 617


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2565 ( 14:00:11 )

โลกุตระคือโลกใหม่ที่ก้าวไปข้างหน้าตลอดกาล

รายละเอียด

เขาวนกับรูปธรรม ไม่เข้าถึงนามธรรม นามธรรมของพวกเราไปถึงขั้นโลกุตรธรรม อาตมาแยกโลกนี้โลกหน้า โลกนี้คือโลกโลกียะ โลกใหม่โลกอื่นโลกหน้าคือโลกุตระทั้งนั้น โลกใหม่ที่คุณยังไม่เคยมีมาเลย อันเก่าคือคุณมีแต่โลกโลกีย์ แต่อันนี้ใหม่เสมอนะ ไม่มีเก่าเลย ใหม่ตลอดกาลเลย ไม่มีตกยุค เป็นอันอื่นอันใหม่ ก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา ไม่มีถอยหลัง การก้าวไปข้างหน้าคือกาละ กาละไม่มีเดินถอยหลังเลย มีแต่ไปข้างหน้าตลอดกาล คำว่ากาละ คำหนึ่ง ที่อาตมา พยายามจะขยายความว่า ในกาละ เป็นเรื่องของเอกภพ เป็นเรื่องของมหาจักรวาลที่จะมีอยู่ในอวกาศนี้ ถ้าไม่มีอวกาศก็ไม่มีจักรวาล จักรวาลก็มี Space มีเทหวัตถุ ตั้งแต่ละเอียดย่อยเล็กถึงปรมาณู จนกระทั่งถึงเทหวัตถุใหญ่จนเป็นแท่งทึบ ระดับเบอร์มิวด้า เขาจัดกันเป็นรูปสามเหลี่ยม ไม่จัดเป็นสี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม แปดเหลี่ยม เพราะสามเหลี่ยมนี้เป็นสามเส้า 60 60 60  มันดึงกันอยู่ เป็น cyclic เป็นสมดุล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:03:25 )

โลกุตระจบกิจ โลกียะไม่มีวันจบกิจ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นโลกุตระนี้กว่าจะรู้อย่างที่อาตมาว่ามานี้ก็เหน็ดเหนื่อยหนักหนาเหมือนกัน เหน็ดเหนื่อยหนักหนาสาหัสแบบโลกุตระ แต่มันลดละหน่ายคลาย จบกิจ แต่โลกียะไม่มีวันจบกิจ ยิ่งโง่ ยิ่งงมงาย

แต่คนโลกุตระ ก็เหน็ดเหนื่อย หนักหนา สาหัส ที่จะให้คนรู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า “ลาภยศสรรเสริญสุข”นั้น “คนโง่”พากันวิ่งไล่ ยื้อแย่ง ฆ่าแกงกันมานานนับชาติไม่ถ้วนแล้ว

ซึ่งคนโง่ยิ่งงมงายสะสม“วิบาก”ให้แก่ตน“โง่หนักทับถมโง่”ใส่จิตไปอีกยิ่งขึ้นให้ยิ่ง“ชั่ว” ยิ่ง“เลว” ยิ่ง“ร้าย” ยิ่ง“แรง”หนักหนาไปไม่มีที่สิ้นสุด โดยไม่รู้ว่า“ชั่ว-เลว-ร้าย”

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำเดือนห้าปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 20:36:46 )

โลกุตระจะแสดงตัวตนจนคนสัมผัสได้

รายละเอียด

สรุปแล้ว เอาอย่างเมืองไทยนี่แหละ มาเป็นตัวอย่างของมนุษยชาติตัวอย่างของกลไก กลไกอันลึกซึ้งของไทย ท่านเรียกว่ากลไกธรรมชาติ ที่มีแกนของจิต อนุสัย ตั้งแต่เป็นพุทธศาสตร์เป็นโลกุตรจิต มันจะค่อยๆขยายผล โลกุตระจะแสดงตัวตนขึ้นไป เหตุปัจจัยจะมาทำให้โลกุตรธรรมมันเป็นตัวตนจนคนสัมผัสได้ ทั้งๆที่มันเป็นนามธรรมอย่างยิ่ง มันจะเป็นสภาพที่คนสัมผัสได้มากยิ่งขึ้น ก็ค่อยๆดูอันนี้ไปก็แล้วกัน ขวัญรักเคยชมอาตมาว่าพูดไว้ตั้งนานแล้วก็เป็น อันนี้ก็พูดอีก 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 13:32:14 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:30 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 16:27:04 )

โลกุตระจะไม่ยินดีในการเที่ยว แต่ยินดีในการสร้างอาหารเผื่อโลก

รายละเอียด

เป็นอบายมุขขั้นละเอียดคือเป็นสิ่งที่ไม่ดี อบาย ถ้าใส่คำว่า มุขะคือเป็นหัวหน้า ยิ่งใหญ่ สำหรับเราที่มีจิตที่ยังมีการฟูใจ คนชาวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทยเยอะ เราก็ยินดี แล้วไอ้ความยินดี มันก็มีองค์ประกอบ ยินดีที่เขามาเที่ยวเมืองไทย ตื้นๆก็ยินดีที่เขามาเที่ยวเมืองไทย แต่องค์ประกอบที่มาเที่ยวเมืองไทยก็จะมีว่า  ในด้านวัตถุ เขามาเที่ยวเมืองไทยก็เอาเงินมาจ่าย เอาเงินมาใช้สอยในเมืองไทย อันนี้ก็เป็นเรื่องของโลกสากล คิดว่า อันนี้เป็นเศรษฐกิจ อันนี้เป็นรายได้ ที่คนต่างชาติเข้ามาแล้วก็นำเงินเข้ามาแล้วเอามาจับจ่าย เอามาใช้ เอามาสะพัดออก มาให้แก่คนไทยได้รับเงิน จากการซื้อขายของกินของใช้อะไรก็แล้วแต่ 

มันก็เกิดการเป็นบทบาทของโลก คนทั้งโลกก็มีเรื่องซื้อขายแลกเปลี่ยนด้วยอัตราเงินทอง จนกระทั่งมันสนิทเนียน จนกลายเป็นเรื่องที่เขายึดว่าสำคัญที่สุดที่จะใช้ ในการยังชีพ เพราะฉะนั้นในโลกสามัญปกติธรรมดาๆ ก็มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน สร้างผลผลิตขึ้นมาแล้วก็ขาย เอาเงินมาซื้ออย่างอื่นที่เราไม่ได้ผลิต เราผลิตอันนี้แล้วก็ไปซื้ออย่างอื่นที่เราจำเป็นต้องกินต้องใช้ต้องอาศัยอย่างอื่น สลับไป มันก็เป็นการยังชีพไป ทีนี้ถ้าคนที่ลึกซึ้งขึ้นไปอีก จนกระทั่งไม่ต้องไปพึ่ง ไม่ต้องไปพึ่งพาเงินของคนอื่น อีกเลย หรือให้ชัดๆก็คือ ไม่ต้องไปพึ่งเงิน ไม่ต้องไปพึ่งธนบัตรอีกเลย เรามีชีวิตอยู่กับปัจจัย เช่น ปัจจัย 4 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าการเลือกตั้ง 2566 วันพุธที่ 19 เมษายน 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 17:24:43 )

โลกุตระจำนวนน้อยเป็นยอดปิรามิด

รายละเอียด

ประชาธิปไตย 5 หลักใหญ่คนจะค่อยศึกษากัน เพราะเกี่ยวกับโลกุตระ อุตริมนุสธรรมเกินสามัญกว่าคนทางโลกส่วนมากจะคิดได้ แน่นอนเป็นจำนวนน้อยแต่เป็นยอดปิรามิดของความรู้จริงๆ คนส่วนน้อยจะรู้ได้ สิ่งที่รู้ยากสมบูรณ์แบบก็ต้องมีคนมีภูมิปัญญาก็ต้องน้อยใช่ไหม คุณสมบัติ คุณธรรมที่จะอาศัยปัญญาโลกุตระนี้จึงลึกซึ้งไม่ใช่เฉกา (พหูพจน์) เฉกะ หรือเฉโกคือเอกพจน์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:52:22 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:45 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:33:20 )

โลกุตระจึงมิใช่เกิดง่ายมาง่าย คนจะได้ ต้องสั่งสมบารมีมากพอ!

รายละเอียด

เพราะ“โลกุตรธรรม”นั้นเป็น“วิสัย”ของผู้แสวงหาที่ได้สั่งสมกรรมวิบากกันมาจริงจนถึงขีดถึงขั้นเท่านั้นจึงจะสามารถ“เข้ากระแสโลกุตระ”ได้  “โลกุตระ”มิใช่ว่า จะเป็นของดื่นกลางตลาดที่ผู้มีอำนาจอยากได้ก็จะใช้อำนาจทาง“โลกียะ”ซื้อหาหรือบีบบังคับเอาได้ง่ายๆตามที่โลกียะทำกันอยู่!  “โลกุตระ”นั้นเป็นเรื่องยาก ต้องพากเพียรทำด้วยกรรม สะสมวิบากที่มีคุณวิเศษตาม“สัมมาทิฏฐิ”จริงๆจึงจะมีมรรคผล หากไม่มี“สัมมาทิฏฐิ” หรือแม้มี แต่ไม่“สัมมาปฏิบัติ”ก็ไม่สามารถเกิดผลให้สะสมเป็นวิบากที่บริบูรณ์ตามขั้นตอนขึ้นมา จนกระทั่งมีขีดมีขั้นของแต่ละขั้นตอนอีกด้วย มันไม่ใช่จะได้กันง่ายๆ  

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 449-450 ข้อที่ 620


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2565 ( 14:17:57 )

โลกุตระตรงกันข้ามกับโลกียะ

รายละเอียด

โพธิสัตว์ 9 ระดับ

1.โสดาบันโพธิสัตว์

2.สกิทาคามีโพธิสัตว์

3.อนาคามีโพธิสัตว์

4.อรหันต์โพธิสัตว์

5.อนุโพธิสัตว์

6.อนิยตโพธิสัตว์

7.นิยตโพธิสัตว์

8.มหาโพธิสัตว์

9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เขาไม่รู้เรื่องโลกียะ พออาตมาเอาโลกุตระมาเผยแพร่มันตรงกันข้ามกันเขา เขาจะเอาอาตมาตายหาว่ามาทำลายศาสนา ความรู้ของพระพุทธเจ้ามีโลกียะก็มี ให้คนทำดี แต่ต้องมีสจิตตปริโยทปนัง รู้จักจิตที่เป็นบาป กิเลส กำจัดกิเลสบาปได้หมดเลย ไม่ทำบาปทั้งปวง คนที่หมดบาป แต่มีกรรมอยู่ เมื่อหมดบาป บุญก็หมดไปด้วย กิเลสหมดไป แต่คนไม่ตายมีกรรมกิริยา คนผู้นี้เป็นผู้ปุญญปาปปริกขีโณ เป็นผู้ไม่มีบุญไม่มีบาปแล้วทำกรรมใดจึงมีแต่กุศล กุสลสูปสัมปทา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ประชาธิปไตยไทย เกิดมาเพื่อให้ศึกษา วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 16:46:04 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:45 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:34:06 )

โลกุตระต้องพ้นความเป็นเทพหรือเทวะ

รายละเอียด

ทั้งโลกตีไม่แตกในความเป็นเทพหรือเทวะ ที่แปลว่า 2 ส่วนสภาวะเขาหมายความว่า มันเป็นความสุขเป็นสวรรค์ แล้วก็เข้าใจไปเป็น จิตวิญญาณอัตภาพ เป็นสิ่งที่ดีเป็นแต่ความสุขเป็นแต่ความเจริญ มีความหมายไปทางโลกียสุขเป็นโลกียธรรม ดีและเจริญ

เจริญด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขด้วยโลกธรรม เสื่อมลาภ ยศ ไม่เอา นินทาไม่เอาทุกข์ไม่เอาแต่ไม่เอาไม่ได้ เพราะว่าความทุกข์กับความสุขเป็นของคู่กัน ศาสนาพุทธสอนให้เลิกสุขและทุกข์ พ้นจากความสุขความทุกข์ให้ได้ ขั้นแรกเริ่มจากสิ่งที่เสพติดเบาๆจัดจ้านอบายมุข สิ่งที่เป็นสิ่งเสพติดการพนันจัดจ้านทางบันเทิงโดยรวมการละเล่นอะไรก็แล้วแต่ คนที่มีปัญญารู้แล้วก็เลิกจนหมดรส หมดความสุขหมดความทุกข์กับอบายมุข พ้นได้เป็นลำดับที่หนึ่งเราก็จะรู้จะเห็นสัจธรรมว่าจิตหลุดพ้นเป็นอย่างนี้ แม้จะเป็นโลกขั้นต่ำที่สุดแล้ว โลกขั้นอบายเราก็หลุดพ้นมาได้ ก็มีตัวอย่าง มีความเป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิเป็นโมเดล เป็นตัวอย่าง เราจะรู้จักมันเป็นอย่างนี้ เรายังติดต่อกับโลกกามคุณรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่ยังติดอยู่อีกเยอะ เราก็เรียนรู้ที่จะล้างกิเลสพวกนี้ออกไปอีกจนไม่สุขไม่ทุกข์ เราจะมีหรือไม่มีก็เข้าใจแล้ว เราก็ควรจะอยู่กับฐานที่ไม่ต้องไปแย่งชิงกับโลก มาอยู่กับความมักน้อย อัปปิจฉะสันตุฏฐิ แค่นี้ก็พอแล้ว ถ้ามันยังมากอยู่ก็ขัดเกลา สัลเลข สร้างสรรค์ขยันและแจกจ่ายแก่โลกเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ มันมีไม่มาก แต่อุดมสมบูรณ์เพราะมีใจพอ หลุดพ้นได้ ไม่ได้ยากเย็นอะไร

คำว่าเทวะหรือเดวะ คำเดียวนี้ยิ่งใหญ่มาก สายเทวนิยมที่เป็นเทวอยู่กับเทพอยู่กับความเป็น 2 ตีไม่แตกในเทวะ มีสุขมีทุกข์วนเวียนอยู่อย่างนั้นตลอดกาล ศาสนาพุทธหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นคนอีกชนิดหนึ่ง พูดแล้วก็ข่มโลกีย์อย่างที่ว่านี้ มันดีกว่าเหนือกว่าจริงๆ พูดสัจจะไม่ได้ไปข่มอะไรหรอก แต่เลี่ยงไม่ออก สิ่งที่อยู่เหนือก็ต้องข่มสิ่งที่อยู่ใต้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 36 วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 05:12:15 )

โลกุตระต้องรู้ทั้งภาษาและสภาวะโลกีย์ด้วย

รายละเอียด

ไม่สุขไม่ทุกข์นี้ ฟังภาษาก็แทนสภาวะของโลกีย์ ไม่สุขไม่ทุกข์ๆ แต่อุเบกขานี้ ถ้าคนโลกโลกุตระจริงๆ ไม่รู้จักโลกียะเลย อะไรไม่สุขไม่ทุกข์ สุขคืออะไร ทุกข์คืออะไร คือโลกโลกุตระจะพูดไม่รู้เรื่องกับโลกโลกียะเลย ถ้าเป็นโลกุตระที่เด็กๆไม่เดียงสา อะไรไม่สุขไม่ทุกข์ จะไม่รู้เรื่องเพราะแกอยู่อุเบกขา เด็กโลกุตระเขามีอุเบกขาแล้ว อะไรไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่รู้ภาษา เพราะฉะนั้นภาษาของโลกียะเอามาใช้กับโลกุตระ ถ้าชาวโลกุตระไม่รู้ภาษาของโลกีย์ก็เหมือนเด็กๆไม่รู้ภาษาพูดอย่างที่บอกเมื่อกี้ ไม่สุขไม่ทุกข์อะไร? เขาไม่รู้เรื่อง ผู้ใหญ่ก็อธิบายให้ฟัง อุเบกขาไงลูก เขาก็ว่าอุเบกขาเป็นยังไง เด็กก็จะงง 

แต่จริงๆแล้วโลกุตระต้องรู้ทั้งสองอย่าง แยกกันไม่ได้ เหมือนกาย ทั้งภาษาโลกีย์ภาษาโลกุตระ ทั้งสภาวะโลกีย์สภาวะโลกุตระต้องรู้ทั้ง 2 อย่าง ถ้ายังไม่รู้ทั้ง 2 อย่างก็ยังเว้าๆแหว่งๆ ยังพูดกันไม่รู้เรื่อง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 05:13:27 )

โลกุตระต้องอาศัย ผู้ที่ได้ก่อน ผู้มีก่อน เป็นสัตบุรุษ

รายละเอียด

โลกุตระนั้น จะต้องอาศัยพระศาสดา หรือผู้ที่มี อาริยะธาตุ ตั้งแต่พระโสดาบัน  สกิทาคามี  อนาคามี  อรหันต์  เป็นความรู้ที่เป็นปัญญา ต้องอาศัยจากผู้ที่ได้ก่อน มีก่อน ผู้ที่จะเป็นสัตบุรุษ  หรือเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะครู  นับจากพระพุทธเจ้ามาสืบต่อเป็นผู้ที่มี  สัมมา  สัมมาปฏิเวธ  ต้องอาศัย  ผู้ที่มีมาจากพระพุทธเจ้าก่อน หรือได้รับต่อจาก  พระพุทธเจ้ามาแล้ว

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:22:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:18 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:34:46 )

โลกุตระทำแต่กรรมดีลึกเข้าไปถึงเวทนาสุขทุกข์ที่เทวนิยมไม่รู้

รายละเอียด

กรรมใดที่เกิดจากเราทำนั้นมีแต่ดี ส่วนลึกเข้าไปถึงเวทนาความรู้สึกสุขทุกข์เป็นโลกุตระ อันนี้เทวนิยมไม่รู้เรื่องบอกว่าเป็นสุขนิยม เป็นพวกติดยึดความสุขอยู่กับพระเจ้าไม่เคยคิดจะดับความสุข แต่ว่าสุขกับทุกข์เป็นมายาที่เขาไม่รู้ว่าเป็นคู่ฉีกออกจากกันไม่ได้ เป็นเทวะที่ยึดเป็นหนึ่ง 

แยกเทวไม่ได้ แล้วเทวะนั้นอยู่แบบหน้าเดียวคือหน้าความสุข ก็เลยมืดอยู่กับสุขนั่นแหละ มืดตึ๊ดตื๋ออยู่กับสุข แล้วหลงหมกมุ่นอยู่กับสุข ไม่มีแสงสว่างที่จะรู้เรื่องความทุกข์ การเกิดการตายการหมุนเวียนมีกรรมกิริยามีเหตุปัจจัยสัมผัสตา หู จมูก ลิ้น กาย ปรุงแต่งสังขารใดๆ ไม่รู้เรื่อง อวิชชาที่ไม่รู้จักสังขาร ก็ไม่รู้จักวิญญาณ ก็แยกวิญญาณนามรูปไม่ออก ก็มาปฏิบัติแบบนี้มีอายตนะมีผัสสะ แล้วก็เกิดเวทนาในปัจจุบันธรรม เวทนาเกิดในปัจจุบันธรรมที่มีตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัสอยู่ ไม่มีภายนอก ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัส ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีเวทนา เวทนาไม่มี ต่อเมื่อคุณรู้จักธรรมนิยาม 5 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 05:20:19 )

โลกุตระที่สุดยอด

รายละเอียด

คือ สุดยอดที่สุดคือเข้าใจเรื่องความสุข  ความทุกข์  นี่คือปรมัตถ์  นี่คือ โลกุตระที่สุดยอด  คนในโลกนี้เขายังไม่เข้าใจความสุข  ความทุกข์

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:47:22 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:53 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:37:25 )

โลกุตระธรรม 46

รายละเอียด

โลกุตระธรรม 46 ก็ใช่แล้ว นอกเหนือจากนั้น ก็พอแล้ว พระพุทธเจ้าสอนว่ามีโลกุตระธรรม 46 ก็พอแล้ว กัลยาณธรรม แปลว่า ทำหน้าที่ดียังไม่ใช่โลกุตระ ยังไม่ใช่อาริยธรรม โลกุตระจะต้องชัดเจน กัลยาณะของโลกียะหรือของโลกุตระ ส่วนโลกุตระ 46 คือกัลยาณะของโลกุตระ เกินกว่านี้ไม่มี 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:52:27 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:36 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:38:21 )

โลกุตระธรรม กับกลองอานกะในอาณีสูตร

รายละเอียด

เสื่อมหมดเลยศาสนาพุทธ เสื่อมกันจนเป็น เดียรถีย์ 100% ออกนอกศาสนาพุทธไปเต็มที่ ศาสนาพุทธไม่เหลือตามที่พระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ไว้ในอาณีสูตร

ศาสนาพุทธเป็นโลกุตระธรรม ท่านเทียบเป็นกลอง หรือตะโพน ที่เรียกว่ากลองอานกะ มีไม้ มีหนังกลอง มีเชือกรัด เป็นของกลองอานกะแต่เดิม ของพระพุทธเจ้าเดิม ต่อมาก็แตก ลิไป ก็หาไม้อื่นมาแทน หนังก็เอาหนังใหม่ ชื่ออานกะอย่างเก่า แต่กลองเป็นของใหม่หมดเลย 

อาตมาเกิดมาในยุคนี้ก็มาแก้ไข ที่จริงรู้ แต่ค่อยๆพูดค่อยๆแก้ไขมา ค่อยๆพยายามที่จะให้เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังยากอยู่ แต่ก็ยังมีคนมีดวงตาเห็นธรรมได้ อย่างสู่แดนธรรม เคยหลงไปทางโน้น แต่ตอนนี้เข้าใจทางนี้แล้ว มาปฏิบัติทางนี้ ก็เห็นยังบอกเพื่อนๆ เลยว่ามาทางนี้เถอะ ทางนั้นมันเป็นมิจฉาทิฏฐิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสดงธรรมรายการพุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ชาว‌อโศก‌มี‌ความ‌มหัศจรรย์‌ได้‌ตาม‌ปหาร‌าท‌สูตร‌ ‌วันพุธที่ 5 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 21:32:43 )

โลกุตระธรรมของสมณะโพธิรักษ์

รายละเอียด

อาตมาเกิดมาในชาตินี้แล้วมารู้สึกจริงๆว่าชีวิตเรามีคุณค่าที่ได้นำคุณค่าอันสุดยอดอันประเสริฐของพระพุทธเจ้าเอามาแก้ไขเอามาประกาศขึ้นมาใหม่ ที่ใช้คำว่าประกาศขึ้นมาใหม่ก็เพราะว่าสัจจะของพระพุทธเจ้าความจริงคือโลกุตรธรรมมันได้เสื่อมหายไปหมดแล้วจากคนไทยจากพุทธศาสนิกชนคนไทย มันก็เลยจำเป็นที่จะต้องพยายามนำสิ่งเหล่านี้มาประกาศไปสถาปนาลงไปในมนุษยชาติในพุทธศาสนิกชนโดยเฉพาะคนไทยใหม่ เพราะมันไม่มีมันหายไปมันลบเลือนไปจนแทบจะไม่เหลือร่องรอยโลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:34:28 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:08 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 16:31:12 )

โลกุตระธรรมจะอุบัติขึ้นในบางเวลาเท่านั้น มิได้อยู่ประจำ!

รายละเอียด

ใน“กาละ”ที่เดินทางไปตามความหมุนของจักรวาลนั้นจะมี“โลกุตรธรรม”อุบัติขึ้นมาช่วยมนุษย์“ระหว่างใด-ระหว่างหนึ่ง”ของ“กาล”เป็นช่วงๆ “โลกุตรธรรม”จะไม่มี“ประจำโลก”อยู่ตลอดกาลหรอก เพราะผู้มี“สัจจะที่แท้อันยิ่งหนึ่งเดียวเท่านั้น”หรือจะมีคน“ผู้ประเสริฐเป็นอาริยะ”รับ“โลกุตรธรรม”ได้ มันเป็นของยากและก็มีส่วนน้อยแน่ๆ ในแต่ละยุคกาลที่จะมี“ปัญญา”ขึ้นมาในโลก ไม่ว่าในยุคไหนๆ เช่น ใน“ยุคนี้” ก็ยืนยันความจริงนี้อยู่โต้งๆไง!ในยุคที่มี“พุทธ”อุบัติช่วยคนให้มี“ปัญญา”ซึ่งเป็น“โลกุตรธรรม”จึงยากมาก แม้แต่ในสังคมคนที่มี“โลกุตระ”ขึ้นมาแล้วยังรักษาธรรมที่เป็น“โลกุตระ”ไว้ให้อยู่ครองนานก็ยังยากยิ่ง

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 361 หน้า 265


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 11:21:11 )

โลกุตระธรรมต้องสัมผัสรู้อย่างแท้จริงว่าเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ซึ่งชาวเทวนิยมทั้งหลาย จะไม่มีโอกาส ไม่มีสิทธิ์ เพราะศาสดาทางเทวนิยมไม่มีความรู้อย่างนี้ ในเรื่องจิต เจตสิก รูป นิพพาน อย่างแท้จริง เขาไม่มี และเป็นคนส่วนมากของโลกด้วย คนที่จะมีบารมี มีปฏิภาณ ปัญญา ธาตุรู้ที่สามารถเข้าใจความเป็นโลกุตระได้ ไม่ใช่เรื่องแกล้งเป็น หรือทำเป็นรู้ได้ มันไม่ใช่ มันรู้จริง ไม่ใช่ทำเป็นรู้ ปุโลปุเลไป มันก็ไม่ใช่ 

ต้องสัมผัสรู้แท้จริงเลย อาการของเวทนาเป็นอย่างไร อาการของสัญญา กำหนดรู้เข้าใจเลยว่าอาการมันเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นนามธรรม กำหนดรู้ได้เลย อาการของเวทนา อาการของสังขารปรุงแต่งกันเป็นอย่างนี้ รวมลงแล้วเป็นวิญญาณ โดยมีสัญญาของตัวเองเป็นตัวกำหนดรู้ กำหนดรู้เวทนา สังขาร วิญญาณ กำหนดรู้เจตนา แล้วสามารถทำใจในใจมนสิการทำในใจของตนเองได้ มีความสามารถในนาม 5 นี้จริงๆ ทำได้จริงๆ เลย ก็ทำให้จิตเป็นอุตุ เป็นพีชะ แต่จิตก็ยังเป็นจิตนิยามอยู่ แต่มีอิทธิพลเหนือ มีอนุปคัมมะ มี อภิภู เป็นผู้มีอิทธิพลเหนือสภาพนั้นเลย เหนือภาวะนั้นเลย รู้เห็นเต็มๆ แต่ อนุปคัมมะอภิภู

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างอวดตัวแต่ถ่อมตนด้วยความจริง วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2564 ( 20:55:17 )

โลกุตระธรรมสามารถทำให้คนบรรลุธรรมได้จริง

รายละเอียด

โลกุตระธรรมสามารถทำให้คนบรรลุธรรมได้จริง เป็นความจริงแล้วมันก็ออกเป็นอัตโนมัติ มันก็เป็นผลดีกับสังคมประเทศชาติ อย่างพวกเรามีอัตโนมัติของโลกุตรธรรมอย่างที่เป็นที่มีได้มันไม่มีเหนื่อย กับเรื่องอัตโนมัติมันธรรมดาปกติสามัญของเรา แต่มันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขา เราก็ต้องปฏิบัติประพฤติพวกนี้ ให้มันมี จนมีแล้ว มันก็จะเกิดมวลมนุษยชาติ อย่างพวกเราชาวโลกุตระ ชาวอโศก ก็พยายามพากเพียรเพิ่มเติมให้มันเกิดพัฒนาการของมวลประชาชน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:16:30 )

โลกุตระธรรมเผยแพร่มา 50 ปี

รายละเอียด

อาตมาทำงานมา 50 ปีก็ทำได้ประมาณนี้ หนังสือคนคืออะไรทำไมสำคัญนักเป็นหนังสือเล่มแรกที่อาตมาเขียนหนังสือธรรมะ นอกนั้นก็เป็นการตอบปัญหาธรรมะตั้งแต่ปฏิบัติธรรม เป็นฆราวาสก็เปิดคอลัมน์ธรรมะในหนังสือดารา หนังสือโลกีย์เต็มๆหนังสือดาราภาพ ไทยโทรทัศน์เขาเปิด ก็ตอบปัญหามาตลอด คนก็รวบรวมกันมาเป็นหนังสือชื่อลำธารชีวิต พิมพ์ออกแจกกันไป   แล้วก็ออกมาเด็ดขาดชัดเจน ว่าหยุดเลิก อยู่ทำงานมา 12 ปีทางโลกเรียนจบมาก็ทำงานโทรทัศน์ จนออกมาตอนอายุ 36 ปีทำงานมาจนบัดนี้ก็เป็นการเปิดเผยโลกุตรธรรม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:23:00 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:58 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:40:29 )

โลกุตระนั้นดับสุขดับทุกข์ให้สูญ

รายละเอียด

อาตมามาทำงาน 50 ปีก็ยังชื่นใจอยู่ว่ามีผู้ที่มีธุลีในดวงตาน้อย คือยังมีปัญญา มีภูมิธรรมที่จะรับแสงสว่างของพระพุทธศาสนา แล้วธรรมะของพระพุทธเจ้าหรือของพระพุทธศาสนานี้ เนื้อแท้คืออะไร?.. เนื้อแท้คือโลกุตระ โลกียะนั้นศาสดาทุกพระองค์ เทวนิยมก็สอนกันอยู่ทั้งนั้นสอนให้ละชั่วประพฤติดี เป็นสมมุติสัจจะเท่านั้นมันไม่ใช่โลกุตระเลย 

โลกุตระนั้นรู้จักสุขทุกข์ แล้วมาดับให้หมดสุขหมดทุกข์เลย ไม่เหลือเลย จึงเป็นนิพพานเป็น 0 นี่ก็ไม่มีใครพูดหรอก เขาไม่กล้าพูดว่าจะดับสุข เพราะเขายังไม่รู้ว่าสุขมันต้องทิ้งด้วยเหรอ ก็แปลว่าไม่สุขไม่ทุกข์ อทุกขมสุข เป็นฐานกลางอุเบกขา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 14:20:21 )

โลกุตระบุคคล

รายละเอียด

โลกุตระบุคคล คือ เป็นคนเหนือโลก เป็นคนที่ไม่ไปแย่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขกับเขา เป็นการช่วยเศรษฐกิจของประเทศ ของโลกด้วยเพราะเราไม่ไปเป็นตัวแย่ง เราไม่ไป เพราะฉะนั้นเราจึงเป็นคนที่ช่วยเศรษฐกิจของโลก ช่วยเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง เพราะเป็นคนมีธรรมะโลกุตระจึงอยู่อย่างพอเพียง ตามที่ในหลวงรัชกาลที่9 ได้ตรัสไว้

คำอธิบาย

โลกุตระบุคคล คือ บุคคลที่มีพฤติกรรม มีการประพฤติ เป็นความประพฤติที่มีธรรมะเป็นความประพฤติที่ดี มีความประพฤติที่มีความเป็นโลกุตระ เป็นการกระทำที่เป็นโลกุตระ

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 เดือนกันยายน 2562

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 เดือนกันยายน 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 14:46:44 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:14:14 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:36:27 )

โลกุตระบุคคล หรืออาริยะบุคคลเป็นอย่างไร

รายละเอียด

50 ปีทำงานสร้างคนเป็นอริยะบุคคล เป็นโลกุตระ ซึ่งคนก็ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วก็พอเข้าใจ แต่ก็เข้าใจไม่จริงจังเท่าไหร่ มันเพี้ยนไปจนกระทั่งตรงกันข้าม จนกระทั่งค่อยๆอธิบายว่าโลกุตระบุคคลหรือว่าอริยะบุคคลเป็นอย่างไร เป็นอยู่อย่างไร จนกระทั่งรวมกลุ่มเป็นหมู่ เป็นกลุ่มเลย กลุ่มชุมชน มีสมาชิก มีผู้คนรวมกันเป็นกลุ่ม จนกระทั่งอาตมาขึ้นป้ายว่าแผ่นดินพุทธ ยืนยันแผ่นดินพุทธ อหังการ์ไม่ใช่เล่นนะ ขึ้นชื่อว่าแผ่นดินพุทธ อธิบายไล่ไปจนถึงว่า ความคิดของคนที่จะมาเป็นอริยะมันมีธาตุรู้เป็นอัญญธาตุ อัญญะ แปลว่าอื่นไปจากคนโลกเขาเป็น โลกสามัญธรรมดาที่เขาเป็น ก็มีความคิดเช่นนี้ ได้ลาภมาก็ยินดี  ได้ยศมาก็ยินดีชื่นใจพอใจ ได้สรรเสริญมาก็ดีใจ เสร็จเป็นความสุขติดยึด ฝังใส่ในอนุสัยเป็นธรรมดาธรรมชาติ แล้วเขาก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีความหน่ายคลายถดถอยมีแต่ความเพิ่มขึ้นก็จะเป็นอย่างนี้ขึ้นไปเรื่อย เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในโลกีย์ที่พูดให้ฟังนี้ก็คือเป็นธรรมดาธรรมชาติของโลกีย์ทั้งหมด ทีนี้ผู้มีอัญญธาตุ ธาตุอื่นที่เป็นแบบใหม่ที่เป็นของจริงที่มันกลับกัน ปฏิโสตัง ทวนกระแสความเชื่อ ทวนความคิดที่เขามีจริง เพราะสิ่งที่เขาจะต้องอาศัยชีวิตที่จะต้องเป็นอย่างนั้น มันทวนไม่ใช่อย่างนั้นมันย้อนแยง แล้วก็ค่อยเพิ่มอัญญะ ที่ลึกซึ้งขึ้น ธาตุนามธรรมที่เป็นโลกุตระ เสร็จแล้วความรู้ความเข้าใจความฉลาดก็จะเพิ่มขึ้น เป็นพหูพจน์เรียกว่า อัญญา อัญญา เป็นธาตุดูที่เป็นธาตุใหม่ตัวนั้นมันเป็นพหูพจน์มันก็เพิ่มขึ้นเป็นอัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 16:25:41 )

โลกุตระบุคคล 

รายละเอียด

โลกุตระบุคคล  คือ  คนเมื่อสัมผัสแล้วไม่เกิดเป็นสุขเป็นทุกข์เลย  เป็นเนกขัมสิตอุเบกขา  ทั้งเคหสิตอุเบกขา  เนกขัมมสิตอุเบกขา  อธิบายให้ฟังได้เพราะรู้จริงหมดแล้ว ไม่ใช่แค่พยัญชนะ  รู้จักสภาวธรรมที่มันปรุงแต่งกันอย่างไร  อะไรมันจะเกิดอาการอย่างไรมันมีนัยต่างกัน  อาการลิงคะต่างกันอย่างไร  จุดเรื่องราว  รูปโฉม  นิมิต  มันให้รู้  ขยายความ  นิมิต ให้รู้เป็นอุเทส

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 12:51:17 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:55 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:36:50 )

โลกุตระบุคคลคือคนเช่นใด

รายละเอียด

โลกุตระก็คือผู้ที่อยู่เหนือโลก คำว่า เหนือโลก คำนี้ไม่ได้หมายความว่าค่อมอยู่กับโลก ขี่โลกแล้วขับโลกไป..ไม่ใช่ หรือนั่งมอเตอร์ไซค์ไปก็ไม่ใช่ เหนือโลกหมายความว่าความหมุนเวียน หมุนวนระหว่างกรรมวิบาก เป็นวิบากชั่ว วิบากต่ำ วิบากเลว คือ ผลของกรรมที่ไม่ดี เราเลิกทำ คนเลิกทำชั่วประพฤติดี เป็นคนมหัศจรรย์แล้ว ภาษาโลกๆ แล้วก็ดีชั่วอย่างโลกๆ ตามสมมุติกัน 

คนไทยก็สมมุติอย่างคนไทย คนฝรั่งชาตินั้น ชาตินี้ก็สมมุติตามวัฒนธรรมของเขาความยึดถือของเขา คนไทยเราก็แบบไทยๆ เราก็ไม่ทำชั่วที่คนไทยเราถือกัน ดีที่คนไทยเราถือ เราก็ทำดีนั้น นี่เป็นขั้นต้นของโลกียะก็สำเร็จแล้ว คนที่ไม่ทำชั่ว ทำดีได้ แล้วก็ไม่ยึดติดในการทำดีไม่ทำชั่ว เป็นคนที่รู้จักถึงนามธรรม ถึงเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ถึงจิต เจตสิก รูปนิพพาน มีสัญญา มีการกำหนดรู้ มีธาตุรู้ธาตุที่อยู่ในสัญญาสามารถกำหนดองค์ประชุม ของรูปนาม ของสภาวะ 2 ได้ เรียกว่ากายก็ตาม เรียกว่าเทวดาก็ตาม เรียกว่ารูปนามก็ตาม 

มีอายตนะสัมผัสเข้าก็เกิดอายตนะ เกิดสะพานเชื่อมขึ้นมา ยืดยาวออกไปก็จะรู้ สะพานยาว เป็นอิทัปปัจจยตาหรือเป็นปฏิจจสมุปบาทขึ้นมาได้ ยืดเฉพาะเวทนา ยืดไปเป็น 108 อย่างนี้เป็นต้น มันเกิดจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ 6 ทวาร แล้ว 6 ทวารนี่แหละ แต่ละส่วน ตาก็ดี หูก็ดีจมูกก็ดี  ลิ้นก็ดี เกิดความทุกข์สุข หรือไม่ทุกข์ไม่สุข

ไม่ทุกข์ไม่สุขก็มี 2 อย่าง เป็นโลกีย์ก็คือไม่ทุกข์ไม่สุข ด้วยวิธีการกดข่ม ด้วยวิธีใดด้วยวิธีเทวะเขาก็ทำได้ แต่มันไม่ถาวรไม่ยั่งยืน เพราะไม่ได้เรียนรู้ผัสสะโลกุตระถึงขั้นจิตเจตสิก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 09:25:15 )

โลกุตระพาพ้นอวิชชา

รายละเอียด

ถ้าดำเนินด้วยอวิชชา ไม่พยายามแสวงหาความรู้ที่เป็น วิชชา คุณจะจมด้วยอวิชชา หรือคุณแสวงหา แต่คุณยังไม่ได้พบสัตบุรุษ ไม่ได้พบศาสนาพุทธ ไม่ได้พบพระพุทธเจ้า คุณก็ได้แต่รู้วิชาที่ไม่ใช่โลกุตระ ไม่พ้นอวิชชาได้เลย คุณก็จะวนเวียนอยู่ในโลก อย่างดีก็จะได้เก่งเป็นสัตว์ที่ดีเป็นมนุษย์มีจิตที่ดี ดี เลิกชั่วได้ เป็นสัตว์ดีหรือเป็นคนดี ได้แต่แค่ดี ละชั่วประพฤติแต่ดีเท่านี้แหละ เป็นโลกียะไม่สามารถเป็นโลกุตระที่รู้จักสุขจักทุกข์ และดับสุขดับทุกข์ปรินิพพานเลย..ไม่มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:10:22 )

โลกุตระมีความหมายที่ลึกซึ้งที่สุดคือมีปัญญา 

รายละเอียด

โลกุตระคืออะไร ความหมายที่ลึกซึ้งที่สุดก็คือ โลกุตระคือ ผู้นั้นมีปัญญา 

ปัญญาคือความรู้ ทุกวันนี้ ชาวพุทธยังไม่ค่อยมีปัญญา มีแต่เฉโก มีแต่ความรู้ความฉลาดแบบเทวนิยมแบบโลกีย์ ยังไม่ข้ามเขตของโลกุตระ ยังไม่ข้ามมาหาเขตโลกุตระ เพราะยังอ่านจิตตัวเองไม่ได้ ยังจัดการกับจิตตัวเองไม่ได้ได้แต่รู้บัญญัติภาษา นั่นน่ะมีเยอะแยะเป็นมหาเปรียญ 9 เป็นดร.ทางจิตวิทยา เป็นสมเด็จเป็นอะไรก็แล้วแต่ แยกจิตตัวเองไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 14:53:49 )

โลกุตระมีธาตุรู้ของการบรรลุธรรม

รายละเอียด

เป็นเครื่องตัดสินว่าเราจบ จนเราไม่ต้องตัดสินว่า อันนี้มาไม่รู้กี่ล้านครั้งเราก็เฉยได้ ถ้าคุณอีกตั้งล้านๆครั้งก็เฉยได้ จะต้องตัดสินไหม ก็ไม่ต้องตัดสินแล้ว เป็นล้านๆๆครั้งก็คือสภาพความเป็น อเนญชา แน่นเปรี๊ยะไม่หวั่นไหวเลย คุณภาพอเนญชาคุณก็จะมี เป็นโลกุตระมีธาตุรู้ ของความบรรลุธรรมของเรา แต่โลกียะมันไม่รู้ด้วยซ้ำ แม้คุณมาเป็นผู้ปฏิบัติที่เป็นโลกุตระบ้างแล้ว แม้สะกดมันไว้ ได้เหมือนกันแต่มันไม่สมบูรณ์ ไม่ต้องสะกดให้มันเกิด สติสัมปชัญญะรู้จริงมันก็ไม่มีจริงนี่แหละ ถ้าจะกดมันไว้เดี๋ยวมันก็ฟื้นใหม่กลับมาใหม่ สายสะกดจิตนี้ไม่มีทางเป็นเรื่องบริบูรณ์ กว่าจะเข้าใจว่า ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย สำนวนนี้สายนั่งหลับตาสะกดจิตเจโตยังยาก สายปัญญาจะเข้าใจได้ดี

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:14:51 )

โลกุตระมีน้อยคือยอดปิรามิด

รายละเอียด

คนที่รู้ค่า ไม่กินเนื้อสัตว์ก็รู้ค่าแล้ว และจะอยู่เป็นโสดอีก รู้ค่า ดีใจใหญ่เลยคนเป็นแม่คนเป็นญาติ ทั้งลูกทั้งหลานบอกอย่างนี้แล้วดีใจ คนที่เข้าใจในเรื่องของสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านสอน และก็มีคนมาทำตามได้ก็ดีอกดีใจกัน มันต้องดีอกดีใจเพราะฉะนั้นอาตมาเองก็ต้องดีอกดีใจตามที่พวกเราสามารถมาปฏิบัติตามได้ประมาณขนาดนี้ 

อาตมาเคยพูดหลายทีแล้ว อาตมาเกิดมาชาตินี้ไม่เสียชาติเกิด มาทำงานเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาสถาปนาลงไปในสังคมยุคนี้ แล้วก็มีคนขนาดพวกคุณ 100 คน 1,000 คน หมื่นคน แสนคน ตอนนี้เขาตีค่าว่าเป็นล้านคนด้วยนะ อาตมาก็ว่าฟังๆ กรึ่มๆเหมือนกันได้มาล้านคนโลกุตระในคนไทย 70 ล้านคน ได้ 1 ล้านคนนี้ โอ้โห! เพราะว่าโลกุตระเป็นยอดปิรามิด ได้นิดนึงในล้านคน ล้านคนในพ้นโลก 7 พันล้าน มันยิ่งใหญ่เหมือนกันนะ เอานะก็เป็นการฟังไปจริงเท็จก็ยังไม่รู้จริง ได้จริงมันก็ดีแหละ ถ้ามันไม่ได้เราก็ไม่เป็นไร มีความหวัง ฝันๆ ไปบ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เศรษฐกิจดี หรือ เศรษฐกิจไม่ดี คืออย่างไร วันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มิถุนายน 2566 ( 18:55:03 )

โลกุตระมีในโลกได้เพราะใคร?

รายละเอียด

ในข้อต่อว่า โลกุตระมีในโลกได้เพราะใคร? ในโลกที่ยังไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นและเป็นโลกที่ไม่มีโลกุตระเลย ในยุคไหนก็ตาม ถ้ายังไม่มีคนอย่างพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา ในโลกนั้นจะไม่มีโลกุตระเกิด พระพุทธเจ้าเกิดอุบัติขึ้นในโลกเป็นตัวตน มีขันธ์ 5 มนุษย์ แล้วประกาศสัจจะนี้เป็นโลกุตระ โลกุตรธรรมจึงเกิดได้เพราะพระพุทธเจ้า ไม่มีใครบังอาจจะนำเอาโลกุตระมาประกาศออกไปในโลกที่ไม่มีโลกุตระ มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของโลกุตระทุกพระองค์ เมื่อโลกหรือยุคใดที่ไม่มีโลกุตรธรรม และก็ไม่เป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นมาประกาศโลกุตรธรรมแล้ว ก็ต้องมีสัตตบุรุษ มีผู้รู้ความจริงที่เป็นสัจจะโลกุตรธรรมมาประกาศ เช่นยุคนี้ ยุคใกล้กลียุคนี้พระพุทธเจ้าไม่อุบัติ ต้องปล่อยให้พระโพธิสัตว์ ยุคนี้ก็มีพระโพธิสัตว์ 2 องค์ใหญ่ๆ เป็นธรรมิกราช 2 องค์คือในหลวงรัชกาลที่ 9 กับอาตมา มาประกาศความจริงของโลกุตรธรรมนี้ 

ในหลวงตามพระสัจจบารมีของท่าน ในหลวงท่านก็แสดงรูปธรรม ส่วนอาตมานั้นเป็นฝ่ายปัญญา ก็แสดงนามธรรมให้ละเอียดลออยิ่งกว่ารูปธรรม มันเป็นหน้าที่ เป็นสัจจบารมีของแต่ละบุคคล ในหลวงท่านก็มีของท่าน อาตมาก็มีของอาตมา แต่ต้องคู่กัน ในหลวงกับอาตมานี้คู่กันมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว แต่อย่ามาถามนะชาติไหนบ้าง อาตมาระลึกออกได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วก็ยังไม่มีรายละเอียดเท่าไหร่ไม่อยากพูดถึง มีบ้างแต่ว่ารายละเอียดน้อย แล้วก็อ้างอิงไม่ได้เพราะมันไม่มีในประวัติศาสตร์ด้วย ไม่มีในตำนาน มีในตำนานบ้าง แต่มันก็น้อย เลือนลางไม่ค่อยรู้ ในมหายานเขาจะมีเยอะ เถรวาทไม่มีเลยตำนานพวกนี้ ก็เลยไม่อยากพูดถึง เพราะว่าพูดไปก็ไม่มีหลักฐานอ้างอิง มันเลื่อนลอย อาตมาก็ไม่อยากจะพูดให้เสียเวลา ทำความจริงนี้ให้ปรากฏก็แล้วกัน 

ในหลวงท่านก็มีบารมี 89 พรรษา ท่านก็สวรรคตไปแล้ว ก็ยังเหลือแต่อาตมานี้ยัง อิหลักอิเหลือ ไปอยู่เนี่ย ถูลู่ถูกังชีวิตไป ทำหน้าที่ไปให้ได้มากที่สุดเพราะอาตมายังต้องสั่งสมสัมภารวิบากอันนี้ สั่งสมบารมีอันนี้ ต้องทำ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเสียหาย พวกคุณ ประชาชน ผู้ที่มีประโยชน์ รับประโยชน์ได้ ก็รับประโยชน์ได้ อาตมาก็ทำประโยชน์นี้ไป มันไม่ใช่ของเสีย มันเป็นของดี ก็ทำ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 30 ประกาศกองทัพธรรมไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจ สว. วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566 วันแรม 15 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 14:05:22 )

โลกุตระย่อมเหนือกว่าโลกียะ

รายละเอียด

ก็มีคำสอนที่ดี ทำดีอย่าทำชั่วนะ คำสอนพวกนี้เป็นคำสอนที่เป็นของกัลยาณชน ซึ่งต่างจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านสอนให้รู้ทุกข์รู้สุขรู้จิตใจรู้กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไม่ใช่คำสอนที่กว้างรวมหลวมๆ สามัญสำนึกใครก็สอนได้ไม่ต้องเป็นอาจารย์ใหญ่ศาสดาก็สอนได้ ซึ่งมันก็มีทั่วไป พระพุทธเจ้าท่านสอนสิ่งที่ไม่เหมือนเขาที่เขาสอนแล้วก็ซ้ำซากปนเป ท่านก็สอนสิ่งที่มันพิเศษดีกว่า เหนือกว่า สูงกว่าเป็นปรมัตถ์เป็นโลกุตระ

ผู้ที่เป็นนักบวชมาก็ตามถ้ามีผมก็จะสอนโลกุตระแล้วก็จะว่าโลกียะ เหมือนมีเชิงลบหลู่ ข่ม แต่ไม่ใช่ เพราะโดยความจริงแล้วมันเป็นความจริงว่าโลกีย์มันต้องต่ำกว่าโลกุตระพูดทีไรโลกุตระก็ต้องมีนัยยะที่สูงกว่าเสมอ เพราะโลกุตระนั้นรู้ทั้งโลกียะสามัญ รู้แล้วทำตนเองให้เจริญขึ้น สูงขึ้น กว่านั้นแล้วก็ต้องรู้ทฤษฎีที่จะเข้าหาปรมัตถ์ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กายกรรมวจีกรรมก็มาจากจิตวิญญาณสั่งให้กายและวิธีทำเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไปแก้ที่ต้นทางที่จิตใจที่ปรมัตถ์ ซึ่งมันมีเหตุก็คือ กิเลสตัณหา อุปาทาน อกุศลจิตที่มีโลภ โกรธ หลง เป็นต้น แล้วก็ลดละตัวนั้น เมื่อลดละได้ก็จะเกิดภูมิปัญญา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 04:36:52 )

โลกุตระย้อนทวนกระแสโลกจึงมีน้อยดุจยอดพีระมิด

รายละเอียด

ส่วนกระแสโลกุตระนั้น ย้อนแย้งทวนกระแสกัน โลกจึงมีการถ่วงดุลกันได้ คนที่มาทวนกระแสได้จึงมีน้อยในโลก ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็น้อย พวกโลกุตระเปรียบประดุจยอดพีระมิด ตั้งแต่ปลายยอดพีระมิดลงมา ข้างล่างคือฐานพีระมิดจะมีเยอะมันเป็นธรรมชาติ เมื่อใดๆก็ไปล้มล้างความเป็นจริงอันนี้ไม่ได้หรอก 

อย่างโลกุตระเราทวนกระแส ชัดเจนถึงเรื่องนี้ เราก็เคยเป็นอย่างนั้น เป็นพวกที่ยังไม่เจริญถือว่าพวก Majority rule  เมื่อเจริญมาถึงยอดพีระมิด เราถึงรู้ชัดเจน แต่เราก็ไม่ ข่มเขา ก็รู้ว่าถ้าเขาสำนึกและเข้าใจ เขาก็จะมาเป็นอย่างนี้ แต่เขายังไม่มีปัญญาไม่รู้สึกเขาก็หลงงมงายอยู่อย่างนั้น ก็จริงอีกแหละ จะไปบังคับไปขู่เข็ญ ข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า บังคับหมาให้กระดิกหาง ก็เป็นคำพังเพยที่ชัดเจน มันไม่ได้ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้น มันเป็นของจริง ตามจริงอย่างนั้น มันเกิดเป็นอย่างนั้น ตถตา มันต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ต้องรู้ตัวจบเขามีขนาดนี้ฐานนี้ต้องเป็นอย่างนี้ จะไปบังคับให้โควิดมันไม่เอาคนให้ตาย ไปบังคับมันไม่ได้ บอกเจ้าโควิดมันไม่รู้เรื่องหรอก มันเอาเราตาย ถ้าสู้มันไม่ได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:51:30 )

โลกุตระสามารถอยู่เหนือ ทำจิตตนให้เป็นอยู่หรือสูญสลายได้

รายละเอียด

ได้ฟังโลกุตรธรรม คนที่ไม่เห็นค่าโลกุตรธรรม ไม่ว่ายุคไหนก็แล้วแต่ ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาโลกุตรธรรมไม่มี มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวในเอกภพมหาจักรวาล ที่สามารถที่จะมีโลกุตรธรรมขึ้นมาให้คนรู้จักเรียนรู้และปฏิบัติให้เกิดจิตวิญญาณเป็นโลกุตรธรรม ซึ่งเป็นคุณธรรมขั้นคุณวิเศษอุตตริมนุสสธรรม มีความรู้รอบในความเป็นจิตวิญญาณ และสามารถทำจิตวิญญาณของตน ให้เป็นไปตามที่ตนจะใช้อาศัย 

จะทำจิตวิญญาณให้ไม่มีเวทนา กลายเป็นจิตวิญญาณที่เหมือนดินน้ำไฟลม เป็นอุตุนิยม เป็นวัตถุไปเลยก็ได้ ไม่มีเวทนาให้เป็นชีวะพีชธาตุได้ ไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณมีแค่สังขารสัญญาปรุงแต่งกันอยู่ ประกอบเป็นชีวิต แต่ไม่มีเวทนา ถึงไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่มีบาปไม่มีบุญอะไรกับใคร ยังไม่เป็นธาตุที่ปรุงแต่งถึงขั้นเป็นบาปเป็นบุญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างอวดตัวแต่ถ่อมตนด้วยความจริง วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2564 ( 20:52:16 )

โลกุตระสื่อกันได้

รายละเอียด

คือ คนมีสภาวะแล้ว  แม่นสภาวะแล้วจะใช้ภาษาสื่ออย่างไรก็ไม่งง  จะใช้พยัญชนะเหมือนมายาเดี๋ยวก็ว่าใช่ เดี๋ยวก็ว่าไม่ใช่  จะไม่งง  เปลี่ยนไปในเศษเสี้ยววินาทีก็ได้  มุทุภูตธาตุจะเร็วทัน

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:59:42 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:14:48 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:42:40 )

โลกุตระหมายถึงอะไร

รายละเอียด

ยิ่งเข้าใจเห็นว่าโลกุตระหมายถึงอะไร

โลกุตระหมายถึงลดความเป็นตัวตน ความเป็นของตัวของตน ลดจริงๆ จิตใจยึดถือเป็นของตัวของตนเป็นของฉันไม่ให้ใครเลยไม่ยอม นั่นคือตัวตน การลดตัวตน เป็นโลกุตระ

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน อานิสงส์ของคนที่ให้คู่ครองไปบวช


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:58:22 )

โลกุตระหรืออเทวะ

รายละเอียด

โลกุตระหรืออเทวะ  คือ การอยู่กับปัจจุบัน

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 17:35:53 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:09 )

โลกุตระเต็มด้วยปัญญา

รายละเอียด

มันจริงๆใจแล้วมีปฏิภาณปัญญารู้ว่าจะมารับเอาอะไร เป็นสิ่งน่าจะเชิดชูบูชายกย่องหรือไม่ควรเชิดชูบูชายกย่อง มันจะมีปฏิภาณของแต่ละคน คนที่มีปฏิภาณจะรู้ว่าสิ่งที่เรามาเอานี้ไม่ใช่เรื่องสามัญทางโลก มันจะแยกความดีแบบโลกีย์ กับอันนี้ไม่ใช่ความดีแบบแค่โลกีย์จะรู้ค่าว่าเหนือกว่าโลกีย์เป็นโลกุตระ ปัญญาความเฉลียวฉลาดจะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนกระทั่งเต็มความเป็นโลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:07:21 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:39 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:38:00 )

โลกุตระเป็นการทวนกระแสที่ยาก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นโลกุตระจึงเป็นการทวนกระแสที่ยาก ฟังเข้าใจก็ยาก เข้าใจแล้วเอามาปฏิบัติตามก็ยากอีก ปฏิบัติตามแล้วจิตใจจะนอบน้อมไปเห็นดีเห็นงามด้วยอีกก็ยากยิ่งขึ้นไปอีก ถึงขั้น ยินดี โอ้โห!..ยินดีที่ หมดเนื้อหมดตัวได้แล้ว โอ้โห.. เฮ้ย! หมดเนื้อหมดตัวแล้วยินดีได้อย่างไร 

พูดอีกที คนที่หมดเนื้อหมดตัวนี้อยู่คนเดียวไม่ได้ คนหมดเนื้อหมดตัวต้องอยู่กับสังคม อยู่กับสังคมสาธารณโภคี หรืออยู่กับสังคมที่เป็น มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ด้วย แม้จะน้อย มีปริมาณหนึ่งก็ไปรอด แต่ถ้าน้อยเกินไป ถ้าเขามักน้อยเกินไปนะ อย่างพวกเชน พวกกลุ่มที่น้อยจนกระทั่งโดดเดี่ยวเลย จนกระทั่งอยู่แต่ผู้เดียวแต่ที่จริงเขาก็มีกลุ่ม แต่เขาน้อยนะจนกระทั่งเหลือแต่ผู้เดียว เสร็จแล้วก็ไปนั่งตายผู้เดียว นอนตายผู้เดียวไปเลย เขาก็ถือว่าอย่างนั้น แต่ของพระพุทธเจ้านั้นเป็นมนุษย์สังคม ไม่ใช่มนุษย์โดดเดี่ยว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 13:57:03 )

โลกุตระเป็นความรู้พระพุทธเจ้ายิ่งราคาแพงตีค่าไม่ได้

รายละเอียด

พลังงานของคุณสร้างมาเป็น product ของคุณ เป็นผลผลิตของคุณ จะเป็นวัตถุขึ้นมาเลย หรือจะเป็นแรงงานความรู้ เป็นพลังงานความรู้ก็ตาม ก็ต้องมีราคาค่าความรู้ให้แก่สังคม อย่างอาตมามีความรู้ ไม่เก่งในการปลูกผักกาดก็เอาความรู้มาให้คนอื่น แล้วเราก็พึ่งพากินอยู่ในนี้ ยิ่งความรู้ลึกซึ้งสูงส่งเป็นโลกุตระยิ่งราคาแพง เป็นธรรมชาติไม่ใช่ไปตีราคาให้ 

โลกุตระยิ่งเป็นความรู้พระพุทธเจ้ายิ่งราคาแพง อย่างราคาของอาตมานั้นแพงเขาตีค่าไม่ได้หรอกเพราะเขาไม่รู้ค่า แต่พวกคุณนั้นรู้ค่า ที่พูดนี้ไม่ใช่ว่าอาตมาจะมาทวงค่าบุญคุณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 18:19:29 )

โลกุตระเป็นสัมโพชฌงค์

รายละเอียด

ที่อาตมาสาธยายอยู่นี้ ก็เพื่อให้เห็นความแตกต่างของ “โลกียะ”กับ“โลกุตระ”ชัด เพราะ“โลกุตระ”นั้นเป็น“สัมโพชฌงค์”

อาตมาจึงต้อง“วิจัย”แยกแยะให้เห็น“ความแตกต่าง”นี้ เพราะ“การวิจัย”ก็ยังมี“ความแตกต่าง”ที่มันมีทั้ง“วิจัย”สารพัดที่ไม่เข้าขั้น“ธรรมะ”เลย ตั้งแต่“การวิจัย”ทั่วไป “วิจัย”อะไรต่างๆ

แม้จะเป็น“ธรรมวิจัย”หรือ“การวิจัย”เข้าขั้น“ธรรมะ”ก็เถอะ ก็ยังมี“ธรรมะ”ของ“โลกียธรรม”กับของ“โลกุตรธรรม”

และในการวิจัย“โลกุตรธรรม”นั้น ผู้วิจัยสามารถ“วิจัย”ได้ถึงขั้นเป็น“ธรรมสัมโพชฌงค์”มั้ย?  ก็ต้องเป็นจริงด้วยนะ! 

“ธรรมวิจัย”ที่ถึงขั้น“สัมโพชฌงค์”จึงจะเรียกได้ว่าเป็น “โลกุตรธรรม” เข้าเกณฑ์เป็น“ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์”กันแท้ 

ไม่งงนะว่า “โลกุตระ”และ“สัมโพชฌงค์”นั้นคือ“วิชชา”ที่ตรัสรู้โดยพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะทุกพระองค์ที่อุบัติขึ้นมาในโลก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:56:27 )

โลกุตระเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้จริงและยั่งยืนอย่างไร

รายละเอียด

จริงๆมันเป็นเรื่องใหม่แต่จริงๆมันก็เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า แต่เขาไปยึดมั่นถือมั่นในเรื่องของโลกีย์มั่นแล้ว เราเอาสิ่งที่เป็นโลกุตระเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามคนละขั้วกับที่เขายึดถือเลย มันก็เลยนึกไม่ออก ทีนี้ เราอธิบายแต่เขาก็อาจจะเข้าใจได้แต่ถ้าไม่มีคนรองรับคนพิสูจน์ได้จริงเขาก็จะไม่เชื่อ ดีนะที่พวกเรามาปฏิบัติพิสูจน์จึงยืนยันได้ไม่ใช่แค่คนเดียว 2 คนไม่ใช่แค่ 5 คน 10 คนจะได้ร้อยคนพันคนหมื่นคนอะไรอย่างนี้ มันก็มากขึ้นต่อไปจะเป็นแสนคนล้านคนไปได้เรื่อยๆ คนก็จะต้องเห็นจริง อาตมาก็มั่นใจว่าสิ่งที่เราได้แล้วนี้ ถ้าอาตมาถามพวกคุณตอนนี้เลยว่า สิ่งที่พวกคุณได้แล้วเป็นคุณสมบัติ เช่นคุณมาจนคุณมากินมื้อเดียว ไม่ต้องมีเงินทอง และคุณก็ขยันสร้างสรรค์ สร้างอะไรได้ก็เอาไปให้เขาว่ามันดีนะ ดีกว่าเราเอาไปของเขามาแล้วไปเอาเปรียบเราได้เสียสละให้เขานี่มันดี  มันชัดเจน จริงๆ เราได้เป็นผู้ให้มันดี ไปเอาเปรียบเขามามันเลว เป็นเรื่องชัดๆ ได้เปรียบเขามามากก็ยิ่งเลวมาก มันชัด อาตมาว่าพูดง่ายๆอย่างนี้ไม่เห็นจะยากอย่างไรเลย แล้วมันก็สบายเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เราก็ขยันสร้างสรรค์ แม้เราจะเจ็บป่วย คนอื่นก็ร่วมสร้างสรรค์ไป เราก็พึ่งพาอาศัยกัน เราก็พึ่งพากันได้พึ่งเกิดแก่เจ็บตายกันได้ ตายแล้วก็เผาให้กันได้ อันอื่นขึ้นมาทดแทนจะมีรุ่นใหม่ๆขึ้นมาเติม โดยมีคุณสมบัติเก่าอย่างนี้แหละ ยิ่งพัฒนาคุณสมบัตินี้ให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย มันมีพัฒนาการมีคุณสมบัติคุณธรรมที่วิเศษดีขึ้นเรื่อยๆ มันจึงเป็นเรื่องที่ยั่งยืน ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส อาตมาก็เอามาร้อยเรียงไว้ นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 12:27:55 )

โลกุตระเป็นเนกขัมมะออกจากกิเลสได้จริงๆ

รายละเอียด

คนโลกๆ เคหสิตเวทนา เขาไม่ได้เรียนรู้ หรือมีการเรียนรู้ที่ผิด ก็จะได้แต่เคหสิตเวทนา ไม่ได้โลกุตระที่เป็นเนกขัมมะที่ออกจากกิเลสได้ ออกจากกาม ออกจากพยาบาทได้จริงๆ ไม่ใช่โมเมกดข่มหรือลืมไป แต่นี่รู้ตัวว่าเหลือมากหรือน้อยหรือกลางหรือละเอียดอย่างไรก็ทำออกให้หมดสิ้น เคหสิตะก็มี 18 เนกขัมมะก็มี 18 โลกีย์นั้นไม่ถูกตัวตนจริงแต่ว่าเนกขัมมะนั้นถูกตัวตนจริง กิเลสล้มหายตายจากไปจริงๆ ทำปัจจุบันและสังคมเป็นอดีตทำปัจจุบันให้เป็นศูนย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มิถุนายน 2563 ( 11:12:41 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:44:33 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:43:59 )

โลกุตระเป็นเรื่องที่มีเป็นครั้งคราววัฏสงสาร

รายละเอียด

โลกุตระของพระพุทธเจ้านี้ มันเป็นเรื่องที่มีเป็นครั้งคราวในวัฏสงสารนี้มาช่วยคนที่มีภูมิธรรมถึง ขั้นโลกุตระขั้นอาริยะที่จะไปนิพพาน เป็นเรื่องสูงสุดยอด ที่เกิดมามีชีวิตแล้วไม่ได้เข้ากระแสโลกุตระแล้วไม่ได้ศึกษาจนบรรลุพระอรหันต์ คุณก็จะวนเวียนอยู่ในโลกียะที่ไม่มีอาริยธาตุ อัญญธาตุ เป็นธาตุโลกุตระที่เริ่มจุติเข้าไปในจิตวิญญาณ คุณก็จะจมอยู่ในโลกีย์ สุขทุกข์ ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข มีความสรรเสริญมีความดีงามมีความเจริญ แข่งกันวนเวียนมีสมบัติผลัดกันชมลาภ ยศ สรรเสริญ ไปแย่งกันมา แย่งลาภใครได้ก็สุข ใครไม่ได้ก็ทุกข์ แย่งในลาภ ยศ สรรเสริญ ความสุขในโลกีย์ โลกุตระนั้นสุขก็ได้ที่จริงมันไม่มีความสุขหรอก ที่เข้าใจในสภาวะแล้วก็จะไม่สงสัยไหนว่าสุขมี ไหนว่าสุขไม่มี มีแต่มันไม่มี พูดอย่างนี้ใครจะทำไม ผู้ที่เข้าใจแล้วก็จะเข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 15:36:37 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:16:08 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:39:15 )

โลกุตระเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้

รายละเอียด

มีคนมาเข้าใจอย่างที่อาตมาว่า ของโลกุตรธรรมพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ ก็คือพวกเราเข้าใจแล้วก็ทำได้อย่างที่เรียกว่า ท่ามกลางประชาชนเกือบ 70 ล้านคน เราปฏิบัติจริงได้มรรคผลอย่างพวกเรา มีกี่คน เป็นหมื่นเป็นแสนนับอย่างหลวมๆ ใน 60 70 ล้านคน ตีว่าเป็นชาวพุทธสัก 50 ล้านคน มาอยู่นี่ได้แค่นี้ ถึงห้าหมื่นไหม? 

แต่ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันของมนุษยชาติ พวกคุณเสียดายไหมที่ โอ้โห มาถูกโพธิรักษ์ ครอบงำทางความคิดและเป็นอย่างนี้ บางคนมาเป็น 40-50 ปี 40 กว่าปีก็เยอะ 50 ปีก็คงจะน้อยคนเพราะอาตมาทำงานมา 50 ปี แล้วเสียเวลาไป ไม่เสียดายหรือ? ...คนบอกว่าเสียดายที่มาช้าไป 

มันเป็นเรื่องเหมือนเราพูดข่ม ตลก แหมทำโก้ ทำสวย ทำเด่น ทำดี แต่เป็นเรื่องที่ยากโลกุตระเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้ ต้องทวนกระแสกันคนละขั้วคนละทางกับโลกียะ มันจะเห็นดีเห็นงามไม่ได้ง่ายๆ มันตรงกันข้ามกันเลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 18:41:45 )

โลกุตระเป็นเศรษฐศาสตร์ผู้ดี

รายละเอียด

ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์นักเลงคนพาลคนมีกิเลสไม่ใช่ เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆเช่นโดนัลด์ทรัมป์ แสดงความเป็นนักเลง เป็นเวรกรรม ของพาลชน เศรษฐกิจอย่างที่โดนัลด์ทรัมป์ถ้าทำนั้นไม่ดี เศรษฐกิจของไทยดี เศรษฐกิจดีหากนับเอาเงินทองทรัพย์สินมาเป็นตัวตั้งนั้นสอบตกตั้งแต่ต้น เศรษฐกิจดีคือพฤติกรรมของสังคมมนุษย์นั้น เป็นอยู่กันอย่างอยู่เย็นเป็นสุขสงบสุขสำราญเบิกบานใจ เมืองไทยทุกวันนี้สุขสำราญเบิกบานใจ ชาวอโศกสุขสำราญเบิกบานใจมานานแล้ว..ลุง ได้จริง เศรษฐกิจเป็นเครื่องชี้บ่งความอยู่สุขสำราญเบิกบานใจ มีจิตใจไม่โลภโมโทสัน ไม่หยาบคาย ที่ไปเบียดเบียนผู้อื่นทะเลาะวิวาทผู้อื่นขี้โกงผู้อื่น เบ่งข่มผู้อื่นไม่เป็น ประเทศไทยทุกวันนี้ไม่ได้ไปเบียดเบียนประเทศไหน เพราะเศรษฐกิจประเทศดีแล้ว แต่คนที่ตื้นเขินบอกว่าเศรษฐกิจดีจะต้องร่ำรวยมั่งมีหรูหราข่มเบ่งได้ เป็นความรู้ชั้นเด็กๆ เรียนจบดอกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์มาบริหารบ้านเมืองด้วยแต่ก็ทำไปอย่างที่ตัวเองมี Concept แบบนี้

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช  เศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลกอยู่ที่นี่  วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 10:12:52 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:13 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:48:32 )

โลกุตระเริ่มจากการรู้จากผู้อื่นก่อน

รายละเอียด

นี่คือของพุทธ โลกุตระจึงเริ่มจากการรู้จากผู้อื่นก่อน โลกุตตรจิตหรือโลกุตตระภูมิรู้เองไม่ได้ ต้องได้รับจากผู้ที่ศึกษาฝึกฝนมาแล้ว เอาง่ายๆ เป็นพระพุทธเจ้าสูงสุด หรือไม่ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสัตบุรุษ เป็นผู้ที่สามารถรู้รองลงมาได้ ตั้งแต่มีความจริง สามารถรู้ 2 แล้วทำเป็น 1 เป็น 0 ได้ ผู้นั่นแหละ ผู้ที่สามารถรวมตัวเป็น 2 ให้เป็น 1 เป็น 0 ได้ 

จะได้ยินได้ฟังได้ข่าวว่ามีสภาพนี้มีความจริงให้ต้องรู้ด้วยเหรอ มันมีอันนี้ มันเป็นอันอื่นอันใหม่ แต่ก่อนโลกียะมันมีอยู่แต่ในกรอบนี้ไม่มีอย่างอื่น สูงสุดก็มีสูงสุดเท่าพระเจ้า ยังไม่ได้เปิดจิต จิตยังไม่มีอะไรรู้ต่อไปเลย หรือมีแต่คุณไม่ยอมรับ หรือคุณรู้ไม่ได้ ไม่ยอมรับก็ตาม รู้แล้วนะว่าแตกต่างแต่คุณไม่ยอมรับ ก็เรื่องของคุณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3  วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 08:38:38 )

โลกุตระเริ่มจากการรู้จากผู้อื่นก่อน   

รายละเอียด

คนผู้จะมี“โลกุตรธรรม”ที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“เทฺว”กันอย่างบริบูรณ์สัมบูรณ์ได้นั้น 

ต้องเริ่มจากได้รู้ ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ได้สัมผัส“ความรู้โลกุตระ”นี้จาก“ผู้อื่น”ที่รู้“โลกุตรธรรม”มาแล้วก่อน จึงจะเป็นการ“ต่อเชื้อของความรู้โลกุตระ”กันได้

และ“ผู้อื่น”ที่รู้“โลกุตรธรรม”มาแล้วก่อนนั้น ก็คือ ผู้ได้รับรู้มาจาก“ผู้อื่น” ที่“รู้”จาก“ผู้อื่น”มาก่อนเราอีกหนะแหละ  

ดังนั้น “ผู้อื่น”ก็คือ ไม่ใช่“ตัวเอง” 

เพราะปุถุชนคนโลกีย์จะไม่สามารถรู้จัก“โลกุตรธรรม”ได้ด้วย“ตัวเอง”เป็นอันขาด

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 14 หน้า 52


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 12:57:49 )

โลกุตระเสแสร้งเอาไม่ได้อยู่ยากหากไม่จริง

รายละเอียด

คุณเข้าใจมาเชื่ออาตมาอย่างนี้ก็ได้อย่างนี้ คนไม่เชื่อไปเชื่ออย่างอื่นก็ได้อย่างนั้น ก็เป็นตัวใครตัวมัน เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเสแสร้งอะไรหรอกเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะโลกุตระนั้นเสแสร้งเอาไม่ได้นะ มาเสแสร้งเอาไม่ได้หรอก ไม่ช้าไม่นานก็ โลหิตพุ่งออกจากปากออกไป อยู่ไม่รอดหรอก อยู่ยาก หากไม่จริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 16:20:36 )

โลกุตระแข็งแรง

รายละเอียด

เรามาอยู่ใหม่ๆนี่หัวแดงนะ ใครมาอยู่ใหม่ๆยกมือขึ้นซิ ราชธานีอโศก มีแต่พุ่มไม้ ไม้ล้มลุก ไม่มีต้นไม้ใหญ่ มีแต่พุ่มไม้น้ำ ที่นี่เขาเรียกป่าบุ่งป่าทาม ขนาดนั้นปีที่แล้วน้ำท่วมก็ทำให้ต้นไม้ตายไปเยอะ ต้นไม้ที่ไม่มีแก่น อ่อนแอ เช่นต้นมะละกอเสร็จหมด เตียนเลย เหลือต้นไม้ที่แข็งแรงบ้าง ก็เหมือนกับการคัดพันธุ์ ต้องแข็งแรงจะอยู่ที่นี่ เหมือนกับคนที่จะมาอยู่ที่นี่ต้องคัดพันธุ์ที่แข็งแรง แข็งแรงทางโลกุตระด้วย ไม่ใช่แข็งแรงทางโลกีย์ ทางโลกีย์เราสู้ไม่ได้หรอกเรายอมแพ้เรายอมให้คุณชนะไปเลย แข่งสุข แข่งยิ่งใหญ่มีอำนาจบาตรใหญ่ให้เข็ด เราหยุดแข่งแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:11:14 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:45 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:41:14 )

โลกุตระแปลกแยกแตกต่างไปจากโลกียะอย่างไร

รายละเอียด

แต่แปลกแยกแตกต่างไม่ได้หมายความว่า แย่ลงแต่ดีขึ้นกว่า สูงสุดกว่า เช่นทำดีแล้วยังวนกลับไปชั่วอีก ของพุทธนั้นไม่เลย ได้แล้ว สัพพปาปสอกรณัง (ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา (ทำกุศลให้ถึงพร้อม) สจิตตปริโยทปนัง (ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) ไม่ทำแล้วชั่วต่ำ ถ้ามีกรรมต่อไปมีแต่กรรมดีอย่างเดียว เจริญยิ่งๆ ไป จนไม่มีใครจะไล่กุศลธรรมที่เป็นสัมภารวิบาก ที่สั่งสมในอัตภาพของแต่ละคน 

พระโพธิสัตว์จะมีกุศลสั่งสมไปจนใครไล่ไม่ทัน อาตมาเกิดมาในชาตินี้ไม่มีใครจะได้ทำได้ง่ายๆ เป็นสัจจะที่เกิดจากกรรมไม่ใช่เอาแต่พูด กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตติโลโก โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้านั้นจบเลย เลิกสลายจิตมนุษย์เลย จิตวิญญาณ อัตภาพเลิกหมดเลย เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่เอาแล้ว ดับ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายแล้ว แยกธาตุตัวเองเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลย นี่สุดยอด สุดยอดแห่งความสุดยอดเลย

คุณบรรลุแล้วเป็นอรหันต์ สามารถทำจิตนิยามของคุณแยกธาตุ เป็นดินน้ำไฟลมเลย ก็ได้แล้ว แต่คุณยังไม่ยอมจบ คุณยังจะเกิดอีก ยิ่งจะตั้งจิตเป็นพระโพธิสัตว์อีก เป็นอรหันต์แล้ว เป็นโพธิสัตว์ต่อไปอีก จนกว่าจะสูงสุดไปถึงพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น สัจธรรมของพระพุทธเจ้านี้ สรุปอีกทีหนึ่งว่า 

เป็นคนเกิดมาแล้ว ไม่เอาสิ่งนี้ คุณจะวนเวียนอยู่ในนรก สวรรค์ แล้วสวรรค์มันก็เป็นของ เก๊ ไม่เที่ยงไม่แท้ ลมๆ แล้งๆ เสพอารมณ์ สวรรค์มันคือ ของเก๊ เสพอารมณ์ กว่าคุณจะรู้ว่าอารมณ์มันเป็นอนัตตา มันเป็นมายา หลอก ไม่ง่าย ก็จะมีความเข้าใจที่เรียกว่าปัญญาเข้าใจชัดเจนว่า ไม่ยึดเลย วางปล่อย ซึ่งมันเป็นภูมิปัญญา เป็นพลังงานของจิต ที่มีแรงจนกระทั่งมันเข้าใจ อย่าไปยึดถือ เป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นของเราเลย ภาษามันพูดได้แค่นี้ มันไม่เอาเป็นเรา เป็นของเราเลย วางให้มนุษยชาติเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 ตุลาคม 2565 ( 10:47:53 )

โลกุตระแปลกแยกแตกต่างไปจากโลกียะอย่างไร

รายละเอียด

แต่แปลกแยกแตกต่างไม่ได้หมายความว่า แย่ลงแต่ดีขึ้นกว่า สูงสุดกว่า เช่นทำดีแล้วยังวนกลับไปชั่วอีก ของพุทธนั้นไม่เลย ได้แล้ว สัพพปาปสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) ไม่ทำแล้วชั่วต่ำ ถ้ามีกรรมต่อไปมีแต่กรรมดีอย่างเดียว เจริญยิ่งๆไป จนไม่มีใครจะไล่กุศลธรรมที่เป็นสัมภารวิบาก ที่สั่งสมในอัตภาพของแต่ละคน 

พระโพธิสัตว์จะมีกุศลสั่งสมไปจนใครไล่ไม่ทัน อาตมาเกิดมาในชาตินี้ไม่มีใครจะได้ทำได้ง่ายๆ เป็นสัจจะที่เกิดจากกรรมไม่ใช่เอาแต่พูด กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตติโลโก  โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้านั้นจบเลย เลิกสลายจิตมนุษย์เลย จิตวิญญาณ อัตภาพเลิกหมดเลย เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่เอาแล้ว ดับ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายแล้ว แยกธาตุตัวเองเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลย นี่สุดยอด สุดยอดแห่งความสุดยอดเลย

คุณบรรลุแล้วเป็นอรหันต์ สามารถทำจิตนิยามของคุณแยกธาตุ เป็นดินน้ำไฟลมเลย ก็ได้แล้ว แต่คุณยังไม่ยอมจบ คุณยังจะเกิดอีก ยิ่งจะตั้งจิตเป็นพระโพธิสัตว์อีก เป็นอรหันต์แล้วเป็นโพธิสัตว์ต่อไปอีก จนกว่าจะสูงสุดไปถึงพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น สัจธรรมของพระพุทธเจ้านี้ สรุปอีกทีหนึ่งว่า 

เป็นคนเกิดมาแล้ว ไม่เอาสิ่งนี้ คุณจะวนเวียนอยู่ในนรก สวรรค์ แล้วสวรรค์มันก็เป็นของ เก๊ ไม่เที่ยงไม่แท้ ลมๆแล้งๆ เสพอารมณ์ สวรรค์มันคือ ของเก๊เสพอารมณ์ กว่าคุณจะรู้ว่าอารมณ์มันเป็นอนัตตา มันเป็นมายา หลอก ไม่ง่าย ก็จะมีความเข้าใจที่เรียกว่าปัญญาเข้าใจชัดเจนว่า ไม่ยึดเลย วางปล่อย ซึ่งมันเป็นภูมิปัญญา เป็นพลังงานของจิต ที่มีแรงจนกระทั่งมันเข้าใจ อย่าไปยึดถือ เป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นของเราเลย ภาษามันพูดได้แค่นี้ มันไม่เอาเป็นเรา เป็นของเราเลย วางให้มนุษยชาติเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 ตุลาคม 2565 ( 10:47:59 )

โลกุตระแม้น้อยก็ช่วยผู้อื่นได้

รายละเอียด

แต่สิ่งที่มันเป็นของเข้มข้น โลกุตระถือว่าเป็นคุณธรรมที่เข้มข้นยอดเยี่ยมแม้น้อยแต่ก็มีฤทธิ์แรง มีอำนาจมีน้ำหนักที่จะเกื้อกูลผู้อื่นเพราะมีแต่ให้ ไม่เป็นโทษเป็นภัย มีแต่ช่วยผู้อื่น แม้แต่มีน้อยก็ไม่เป็นไรก็ได้ช่วยผู้อื่น แต่ทางโลกนั้น แม้มีน้อยมันก็เอาเปรียบผู้อื่นมันก็จะ ข่ม ผู้อื่น เบียดเบียนผู้อื่น แม้มีน้อยก็ไม่ดีแล้ว เพราะฉะนั้นจึงต่างกันคนละนัยยะ คนละมุมเหลี่ยม นี่ก็คือนัยยะที่พอพูดได้ เอาสิ่งที่ดีกว่า เหนือกว่า มาขยายให้ฟังเรื่อยๆ ก็คงได้ไปเรื่อยๆ อาตมาเองก็พากเพียรอยู่ เพื่อทำงานนี้ต่อไปให้นานเท่าที่จะนานได้ เผื่อพอ ไม่ประมาท ให้มันเหลือเฟือมันถึงจะดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:23:53 )

โลกุตระในยุคนี้

รายละเอียด

โลกุตระในยุคนี้  คือ โลกุตระในยุคนี้ไม่มีแล้ว  อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ที่บอกว่าเป็นตัวพี่เพราะว่ารู้จักธรรมะโลกุตระแล้วเอามาประกาศโลกุตระเจาะกระเปาะไข่ คือ โลกียะออกมาคนที่ยังวนอยู่ในโลกียะยังอยู่ในไข่  เจาะออกมาไม่ได้  ผู้เจาะไม่ไดก็วนในไข่  คือ โลกียะ อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ที่เจาะกระเปาะไข่ออกมาได้ มีรูปรอยเหมือนพระพุทธเจ้าที่ท่านได้เป็นเจ้าของธรรมะโลกุตระเป็นธรรมะสามี  เป็นไก่ตัวพี่ในยุคพระพุทธเจ้าเป็นไก่ตัวพ่อเลย  ส่วนอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้ เจาะออกมาได้ก่อน

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:14:52 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:23 )

โลกุตระไม่มีแล้วตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณีสูตร

รายละเอียด

คือโลกุตระนั้นมันไม่มีแล้วตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณีสูตร พตป.เล่ม16 ข้อ 672​ ตอนนั้นศาสนาพุทธก็ยังไม่เสื่อมไปท่านก็พยากรณ์ไว้ก่อนแล้ว ว่าต่อไปนี้ ในอนาคตข้างหน้า ศาสนาพุทธจะไม่เหลือโลกุตระเลย เปรียบเหมือนกลองอานกะ ที่ประกอบไปด้วยเนื้อไม้ หนัง เส้นสายอะไร องค์ประกอบของตัวกลองนี้ แล้วชื่อว่ากลองอานกะ พอมาถึงยุคที่มันหมดแล้วก็เท่ากับกลองอานกะมันไม่เหลือเนื้อไม้ เส้นเอ็นไม่เหลือที่ใช้เป็นองค์ประกอบของกลองอานกะ ไม่เหลือเลย ฉันเดียวกัน สัจธรรมที่เป็นพุทธเป็นโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้ามันไม่เหลือแล้ว แล้วคนที่ศึกษาศาสนาพุทธก็ศึกษาตามแกนที่มีเป็นกลองปลอมๆ แล้วนึกว่าเป็นของแท้ เขาก็เอาเป็นเอาตายศึกษากันด้วยนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:49:22 )

โลกุตระไม่เลี้ยงสัตว์

รายละเอียด

ชาวอโศกอาตมาเป็นตัวการที่ไม่ให้ไปเลี้ยงสัตว์ อาตมามีความบริสุทธิ์ใจจริงๆเลยว่าสัตว์กับคนนี้มันมีวิบากกรรมร่วมกันมาอยู่แล้ว ทุกคนในแต่ละชาติถ้าเข้าใจแล้วอย่าไปต่อเนื่องวิบาก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านความรัก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านความชัง มันผูกพันหมดโดยโลกุตระ แล้วไม่เลี้ยงสัตว์ไม่ไปวุ่นวายกับสัตว์ใดปล่อยให้สัตว์มันไปตามวิบากของมัน  แม้แต่จะเห็นสัตว์ต่างๆถ้าเป็นสัตว์คนก็ต้องช่วยกันบ้าง ก็มากพอแล้ว แล้วสัตว์เดรัจฉานอย่าไปยุ่งอะไรเขาเลย  มันเยอะ อจินไตยนั้นแม้แต่สัตว์เดรัจฉาน เราก็เคยมีวิบากต่อกันมา หากทำก็ต้องตอบแทนด้วยรักหรือชัง ทั้งคู่อย่าไปสร้างกรรมวิบากเพิ่มเติมมันมากแล้ว ชาวอโศกไม่เลี้ยงสัตว์ หมาแมว แมลงหวี่ก็ไม่เลี้ยง ยุงก็ไม่เลี้ยง หากมันไข่แล้วมีลูกน้ำแล้วก็ต้องปล่อยมันไป

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:19:29 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:30 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:43:33 )

โลกุตระไม่ไปทำร้ายใคร มีแต่วิพากษ์วิจารณ์ด้วยใจบริสุทธิ์

รายละเอียด

ก็ต้องขออภัยที่กล่าวพาดพิงถึงท่านพุทธทาส ท่านก็เสียไปแล้วมากล่าวเถียงอาตมาไม่ได้แล้ว

อาตมาพูดว่าท่านตำหนิท่าน ตั้งแต่ท่านยังไม่ตายด้วย อาตมาตำหนิท่าน จนท่านเอาหนังสือของอาตมาไปไว้ในสวนโมกข์จัดในหมวดที่เรียกว่าเขาด่าเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน ธรรมะ 2 ให้เป็น 0 ได้ต้องยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:04:13 )

โลกเกี่ยวข้องกับคนอื่น อัตตาคือตัวเราเอง 

รายละเอียด

ก่อนอื่นเราก็ต้องมาเรียนรู้อัตตาของเราเองให้ดีก่อน ทำคุณอันสมควรก่อนให้แก่ตนก่อน แล้วค่อยสอนผู้อื่นจะไม่มัวหมอง พระพุทธเจ้าท่านมีหลักให้เราอย่างนี้แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อเราสามารถที่จะรู้อัตตาตัวเรา อัตตาคือตัวตน กิเลสคือความเห็นแก่ตน และมันบานออกเข้าไปหนัก เห็นแก่ตนไม่พอเห็นแก่พวกของตน เห็นแก่สังคมของตน เห็นแก่ประเทศของตน ตัดที่ประเทศ มันก็ไม่สมบูรณ์ 

เพราะฉะนั้นเราต้องเห็นแก่มวลมนุษยชาติ แต่แน่นอนมีความสำคัญว่า มันก็ต้องทำที่ตน ช่วยตนให้มีคุณอันสมควรก่อน แล้วสอนคนอื่นในภายหลัง จะต้องมีหลักสำคัญตรงนี้ก่อน ทำได้แล้วเราก็ถึงจะขยับไปเอื้อมเอื้อเกื้อกว้าง ไปช่วยผู้อื่นได้เป็นลำดับๆๆๆๆ ทำตนเสร็จแล้วก็ขยายโลกไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 05:53:21 )

โลกเก่า

รายละเอียด

โลกที่ใคร ๆ ก็มีกันทั้งนั้น คือโลกียะที่ยังยึดอยู่กับสุข-ทุกข์ จิตใจยังวนเวียนอยู่กับสุข-ทุกข์

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 124-125


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:13:19 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 09:05:27 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:41:33 )

โลกเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงแต่เข้าใจเศรษฐกิจสาธารณโภคีไม่ได้

รายละเอียด

เศรษฐกิจพอเพียงคนไม่ใช่ศาสนาพุทธก็ยังพอเข้าใจ ในหลวงจึงได้รับถ้วยเกียรติยศจากสหประชาชาติเพราะท่านประกาศหลักเศรษฐกิจพอเพียงนี้ แต่โลกเข้าใจเศรษฐกิจสาธารณโภคีไม่ได้ ไม่เชื่อว่ามีคนที่ไม่ต้องมีเงินเดือน ไม่ต้องมีรายได้เลย อยู่กับส่วนกลางเลยจะได้ หากคนเข้าใจยกย่องเศรษฐกิจสาธารณโภคีเอาไปยืนยันกับโลกว่ามีอย่างนี้ดีกว่า แล้วเป็นไปได้จริง แม้คุณอยู่ในยุคทุนนิยมสามานย์จัดจ้านก็แหวกออกมาได้ คุณจะอยู่กับเขาก็ได้แม้เขาจะมีสังคมอย่างโลกีย์ แต่เราไม่ได้ไปหลงกับเขา ดีไม่ดีช่วยเขาด้วย เมืองไทยเป็นเมืองที่อาตมาภาคภูมิใจ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 21:05:52 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:14 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:50:55 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์