คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
วันนี้วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 เจริญธรรมทุกคนที่มาอยู่พร้อมกันในวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันที่สงฆ์เห็นเป็นวันสำคัญ ในบรรดา 12 เดือน มีเดือน 3 คือมาฆะ มันเป็นประเพณีของศาสนาพุทธมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ พอถึง 15 ค่ำ เดือน 3 ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ จะมารวมกัน โดยไม่ได้นัดหมายเลยมารวมกัน มาแต่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พอถึงวัน 15 ค่ำ มากันโดยไม่ได้นัดหมาย พระพุทธเจ้าไม่ต้องเรียกประชุม จะเป็นครั้งที่มามาก มากที่สุดในพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
เริ่มต้นเป็นครั้งแรกที่พอประกาศศาสนาแล้ว ก็จะเกิดพระอรหันต์ ที่จริงพระอรหันต์มีมากกว่า 1,250 รูป แต่มาโดยไม่ได้นัดกันมากที่สุดได้ 1,250 รูปสำหรับสมณโคดม สำหรับพระพุทธเจ้าอื่นก็มีมากกว่านั้น เป็นหมื่นเป็นแสนก็แล้วแต่กาละ จะว่าเป็นบารมีก็เดี๋ยวจะหาว่าพระพุทธเจ้าสมณโคดมมีบารมีน้อยกว่าพระพุทธเจ้าองค์อื่น ที่มีมาฆบูชาหลายครั้ง แล้วยังมีพระอรหันต์มาน้อยรูปด้วย แล้วในขณะที่ยังไม่ปรินิพพาน จะมีปรินิพพานตั้งเป็นหลายพันครั้ง มีพระอรหันต์มากันเป็นแสนเป็นล้าน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 14:35:57 )
รายละเอียด
อันนี้ควรย้ำว่า วิสาขบูชา ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมแต่ท่านทวนระลึกถึงตัวเองว่าท่านเป็นใครได้สั่งสมบารมีมา แล้วท่านก็รู้ว่าท่านได้ครบสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จึงมาประกาศตนว่าเป็นพระพุทธเจ้า ที่ไปปฏิบัติ 6 ปีในป่าเป็นเรื่องที่ทางผิด ที่ท่านงมงายกันทุกวันที่ไปยึดติดความรู้เดียรถีย์ กระแสหลักทุกวันนี้หลงออกป่า นั่งหลับตาปฏิบัติธรรม อาตมาก็พูดไปเขาไม่ฟังกันไม่มีปรโตโฆสะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:27:32 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:22 )
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:25:39 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 13:40:35 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:16 )
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:26:17 )
รายละเอียด
อาตมาพูดแล้วทำสนุกๆที่จริงแล้วไม่ใช่ มันเป็นเรื่องต้องมาแก้ความผิดพลาดที่มีเยอะมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่เวลาก็หมดแล้วเหลือไม่กี่วินาที อาตมาพาพวกเรามาปฏิบัติมากอบกู้ศาสนาพุทธมาถึงวันนี้แล้ว อาตมาพอใจแล้ว พูดหลายทีแล้วว่า แหม อาตมานี้ มีชีวิตอยู่นี้ เผื่อพอ เผื่อพออะไร เผื่อพอ ที่จะทำหลักโลกุตรธรรมต่อเชื้อไปอีก จนกว่าชีวิตมันจะขาดใจไปตอนไหนก็ พยายามลากสังขารไป จริงๆลึกๆแล้วก็มันพอตายแล้ว จะว่า อยากตาย มันก็มีบ้าง
บางทีมันไอจนจะขาดใจ โอ้โห มันรู้สึก โอ้โห คนเรามันทุกข์ขนาดนี้ เนาะ เป็นทุกขขันธ์ จะขาดใจ แล้วก็มันยังไม่ขาดนะ ถ้าปล่อยมันขาดเลยมันก็ตาย ดึงไว้ อย่าเพิ่งขาดขันธ์ จะเรียกว่าทรมาน มันก็ทรมาน แต่อาตมาวางได้ มันรู้มันมีปัญญาไม่มีปัญหาอะไรมันก็ต้องเป็นเช่นนี้ มันมีตถตา ไม่มีอะไรมาก
ก็ขอบคุณทุกคนที่อุตส่าห์เสียเวลา แล้วก็เห็นว่านี่เป็นความประเสริฐ เป็นความดีงาม เป็นสิ่งที่ควรจะได้มานั่งฟังธรรมในวันสำคัญ วันจะสิ้นปีแล้วก็จะเกิดเพิ่มขึ้นปีใหม่ ทั้งๆที่มันก็เป็นสมมุติแล้วมันก็เป็นของมันไปตามธรรมชาติ แต่คุณก็เอาวันเหล่านั้นเป็นวันสำคัญที่เราควรจะมาทำสิ่งที่สำคัญให้แก่ชีวิต เห็นอันนี้สำคัญ มันเป็นเรื่องสำคัญแล้วก็มาทำความสำคัญนี้ แหม อาตมาก็ดีใจ ภาคภูมิใจที่มีคนรู้จักความสำคัญในความสำคัญว่า สำคัญ จบซักที...สาธุ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2566 ( 11:55:28 )
รายละเอียด
วันนี้เป็นวันที่ชาวไทยคนไทย คนไทยรู้กันชาวต่างชาติไม่รู้เท่าไหร่หรอก ชาวไทยรู้วันอาสาฬหบูชา เมืองไทยเรานี้เป็นเมืองที่มองเห็น ดูตามตำนานดูตามเรื่องราวแล้ว มันก็ประมวลมาได้ว่าวันนี้เป็นวันครบพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เนาะ เกิดพระสงฆ์ขึ้นมาในวันนี้ คือโกณฑัญญะ ได้เกิดเป็นพระสงฆ์รูปแรกในศาสนาพุทธ ส่วนพระพุทธเจ้าคือพระพุทธก็เกิดแล้ว แล้วท่านก็เทศน์ก็เกิดพระธรรมขึ้น พอเทศน์เสร็จ ผู้ที่เป็นสาวก ผู้ได้ฟัง บรรลุธรรมขึ้นมาเป็นพระสงฆ์ซึ่งเป็นพระสงฆ์ ไม่ใช่พระสงฆ์ที่เป็นสมมติที่ 2 ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเฉยๆ แต่เป็นสาวกที่เกิดจากการได้ฟัง พอได้ฟังแล้วเกิดจิต อัญญธาตุ ที่อาตมาได้อธิบายคิดว่าอธิบายลึกแล้วนะ เท่าที่รู้ยังไม่เห็นมีใครอธิบายอย่างที่อาตมาอธิบายถึงสภาวะธรรมอันนี้ เกิดเป็นสภาวะธรรมจริง บุคคลจริงเหตุการณ์จริง พระพุทธเจ้าท่านเริ่มมาโปรด นึกถึงพระปัญจวัคคีย์แล้วก็มาโปรด มาโปรดแล้วก็แสดงตัวว่าท่านบรรลุ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์วันอาสาฬหบูชา วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:06:57 )
รายละเอียด
ส่วนอาสาฬหบูชาเป็นความรู้ของประเทศไทย ของสังคมพุทธประเทศอื่นเขาไม่สำคัญเท่าไหร่ ค้นพบว่าเกิดภิกษุองค์แรก เทศน์กัณฑ์แรก มีสงฆ์โกณทัญญะเกิดเป็นสงฆ์องค์แรก คือวันอาสาฬหบูชา 15 ค่ำเดือน 8
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:26:13 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:03 )
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:26:39 )
รายละเอียด
วันอาสาฬหบูชาจึงเป็นวันสำคัญที่มีปฐมเทศนาคือคำสอนที่เป็นโลกุตระ แล้วมีคนรองรับคือพราหมณ์ 5 รูป รองรับ แล้วก็ได้รู้ขึ้นมาด้วย แล้วพระพุทธเจ้าก็ทรงบวชให้ เอหิภิกขุอุปสัมปทา บอกว่าจงมาเป็นภิกษุเถิด ก็เกิดพระภิกษุสงฆ์องค์แรก แล้วก็มีพระพุทธเจ้ามาแสดงตัว ก็เกิดพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ครบ 3 ในวันอาสาฬหบูชา วันที่ พระจันทร์อาสาฬห พระจันทร์เดือน 8 ส่วนวิสาขะเป็นพระจันทร์วันเพ็ญเดือน 6
ตกลงมีการเหลื่อมๆกันอยู่หน่อยตรง คำว่า ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ จริงๆแล้วยังไม่ได้เป็นการตรัสรู้ มาตรัสเมื่อเดือน 8 เพราะฉะนั้นการตรัสรู้จริงๆจึงเกิดที่เดือน 8
จริงเป็นของใหม่สำหรับคนที่ยังไม่มี แต่ของพระพุทธเจ้าสั่งสมบารมีเป็นโพธิสัตว์จนกระทั่งเป็นมหาโพธิสัตว์จนมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความรู้เต็มพระสัมมาสัมโพธิญาณครบ เมื่อมีแล้ว ยังไม่ได้อุบัติ ยังไม่ได้ประสูติ ยังไม่ได้มาตรัส ก็มีอยู่ในพระองค์เดียว จนกว่าจะได้มีอายุ 35 ปี จึงได้มาเริ่มต้นดำเนินการประกาศศาสนา รู้เดือน 6 แล้วมาตรัส เดือน 8
เคยอธิบายไว้ในหนังสือคนคืออะไร อันนั้นเป็นเรื่องของจิตในจิต อันนี้เป็นเรื่องของประกอบด้วยบุคคล สถานที่ กาละ เทศะ ฐานะ อันนี้ อธิบายครบทั้ง กาละ เทศะ ฐานะ แต่อันนั้นอธิบาย กิเลสตายเกลี้ยงตอนนั้นทันที อุบัติเป็นพระพุทธเจ้าทันที และทรงถือว่าตรัสรู้ทันที ความรู้สัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นความรู้เดียวกันหมด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:57:56 )
รายละเอียด
วันอโศกรำลึก เป็น....
1.วันส่วนตัว
2.วันเงียบ
3.วันอิ่ม
4.วันเล็ก-วันน้อย
5.วันอบอุ่น
6.วันอิสระ
7.วันสะอาด
8.วันสูญ
9.วันให้
10.วันง่ายๆ
11.วันสดชื่น
12.วันรวมแก่น
13.วันจริงใจ
14.วันรัก
15.วันลึก
16.วันกตัญญู
17.วันระลึกถึงคุณบรรพชน
หนังสืออ้างอิง
สรรค่าสร้างคน
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2562 ( 12:49:58 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 16:16:32 )
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:47:07 )
รายละเอียด
อโศกเราเกิดมา แล้วก็เวียนวนมาบรรจบ เราก็เอาวันสักวันหนึ่ง เอาไปเอามาเอาวันนี้ แต่ก่อนนี้อาตมาไม่ได้ให้เอาวันที่ 5 นะให้เอาวันที่ 9 มิถุนายน วันครองราชย์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้เป็นวันอโศกรำลึก เสร็จแล้วเอาไปเอามา ก็ลากงานให้หลายวัน จนมาถึงวันที่ 5 ที่จริงจัดแค่ 6-10 ก็พอแล้ว แต่ก็ดึงมาถึงวันที่ 5 จนได้ คืออาตมาไม่ได้ตกใจไม่ได้ตื่นเต้นไม่ได้ดีใจ ไม่ได้เสียใจ ไม่ได้ต่อว่าต่อขานอะไรหรอก ก็เป็นเรื่องจริงที่เขาจะมีกันก็ว่ากันไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564
วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:04:02 )
รายละเอียด
ก็คงจะไม่ได้จัดอะไรมั้ง เท่าที่ดูๆเราก็ไม่อยากจะทำอะไรให้ดูเหมือนจะรู้สึกเป็นการแสดงอะไรออกที่ มันเป็นเรื่องประเจิดประเจ้อในสังคมเขา อาตมาก็ว่า เราไม่น่าจะเอาตัวตนไปแสดงออกให้มีลักษณะอย่างนั้นในเหตุการณ์โลกในเหตุการณ์บ้านเมืองที่มันเป็นอย่างนี้ เราก็จะเอาตัวตนไปแสดงว่าฉันสำคัญอย่างนั้นอย่างนี้เกินไป อาตมาก็คิดว่ามันน่าจะผ่านๆไป ก็ต้องยกให้เขาบ้าง เราก็ทำเป็นไม่ต้องมีต้องทำก็ได้ ถ้าเผื่อว่าดูแล้วก็อีก 20 กว่าวัน จะถึงวันนั้น มันก็ไม่น่าจะเรียบร้อย ไม่น่าจะจัดงานได้ทันอีก 20 กว่าวันกว่าจะถึงวันงาน อโศกรำลึกคือวันที่เราจะจัด มันไม่น่าจะราบรื่น ถ้าจะทำ
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 16:40:32 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:33 )
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:27:24 )
รายละเอียด
ทีนี้ต่ออันอื่นไป คุณจำลองก็ได้ชื่นชมพวกเราก็ไม่ได้ติดอะไรมากมาย อย่างอาตมานี่วันเกิดจะไม่จัด ยิ่งตอนเป็นฆราวาสไม่เคยวุ่นวายกับวันเกิดเลยไม่ได้เกี่ยว เคยอย่างเก่งก็ใส่บาตร ตักบาตรวันเกิดเท่านั้นเอง นอกนั้นไม่กระดี๊กระด๊า มาบวชแล้วพวกเราจะเห็นความสำคัญ ให้เป็นวันสำคัญ ก็ดีเหมือนกัน ดีตรงที่ว่าเอาวันนี้สำคัญมั่นหมายเป็นวันเกิด เกิดแล้วจะทำอะไรก็นัดหมายกัน เหล่าฆราวาส อะไรก็แล้วแต่จะมารวมกันวันนี้วันสำคัญนะ วันเกิดพ่อท่านนะ มีใครจะมาทำอะไรก็มาทำ ไม่ได้เหมือนโลกเขานี่ โลกเขาก็มาเที่ยวมารำมาเต้นไปเป็นโลกีย์ ก็ไม่ใช่ เรามาฟังธรรมจะได้ถามไถ่กันตอนนี้เป็นพระโสดาบันหรือยัง ตอนนี้เป็นพระสกิทาคามีหรือยัง เป็นพระอนาคามีหรือยัง หรือมีธรรมะข้อไหนดีๆมันก็เป็นเช่นนั้น ใช่ไหม มันมีประโยชน์ที่เรามารวมกัน เพราะฉะนั้นในชาวอโศกเรานี่เกิดมารวมกันเมื่อไหร่ ไม่มีอะไรก็พากันไปขุดมัน ลงแขกเก็บผักตะโก้งกัน ไปทำประโยชน์ เขาเรียกว่าลงแขกร่วมแรงกัน ไปทำประโยชน์สร้างสรรเป็นโลกีย์ก็ได้ ยิ่งถ้าเป็นโลกุตระก็ได้ประโยชน์ มารวมกันมากหน้าหลายตา นี่เป็นเรื่องของมิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ที่พร้อมพรั่งเป็นประโยชน์กัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์วันอาสาฬหบูชา วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:18:56 )
รายละเอียด
วันนี้ วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำเดือน 5 ปีฉลู วันนี้ทางจีนเขาเรียกว่าวันเช็งเม้ง คือวันที่ระลึกถึงญาติ วันที่รวมญาติ เขาสามารถที่จะให้ญาติโกโยติกา มารวมกันให้มากที่สุดเท่าไหร่ เขาก็พยายามระลึก เป็นความเข้าใจเป็นภูมิปัญญาชนิดหนึ่งของคน เห็นว่า คนเรานี่ เกิดมาเกี่ยวข้องกัน เป็นปู่ย่าตาทวดอะไรกันมาเป็นลูกหลานเหลนโหลนอะไรกันมา มันเกี่ยวข้องกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 20:31:19 )
รายละเอียด
วันเวลาก็เคลื่อนไปคนเราก็อายุยาวไปเรื่อยๆ เขาเรียกเป็นภาษาไทยว่าแก่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่จริงมันไม่ถึงขั้นที่แก่ อายุยาวมากขึ้นเขาก็เรียกว่าหนุ่มขึ้นสาวขึ้นเหมือนกัน มันก็ต่างกัน คนหนึ่งกำลังเจริญวัยเรียกว่าวัยเจริญพันธุ์ ส่วนคนหนึ่งจบเกมของวัยเจริญพันธุ์แล้วมีแต่จะเสื่อมพันธุ์ ที่จริงไม่ถึงกับเสื่อมพันธุ์แต่เสื่อมสังขาร เสื่อมสังขารก็โรยลงไปเรื่อยๆ อย่างอาตมานี้พยายามที่จะเพิ่ม อิทธิบาท พยายามที่จะให้ขันธ์มันไม่เสื่อมง่ายไม่ทรุดง่าย ไม่เสื่อมทรุดง่าย
อาตมาก็ได้พิสูจน์อย่างที่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายทีว่า ได้พิสูจน์อิทธิบาท ได้พิสูจน์โพชฌงค์ของพระพุทธเจ้าว่าจะทำให้อายุยาวยืนเพิ่มขึ้น จากที่มันควรจะเป็น คือมันจะตาย อย่างอาตมาจะตายอายุ 72 อย่างนี้ ก็พยายามอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส เคยพูดหลายทีแล้ว ว่าอานนท์ เราจะมีอายุถึงกัปหรือเกินกว่ากัป จะอายุถึงกัปหรือเกินกว่ากัปก็ทำได้ แต่ท่านก็ไม่เอาแล้ว ท่านทำต่ำกว่ากัปด้วย ยุคพระพุทธเจ้าก็น่าจะอายุ 120 กันเป็นประมาณ พระอัครสาวกก็อายุ 120 กันทั้งนั้น แต่พระพุทธเจ้าเอาแค่ 80 ท่านก็ไปแล้ว ท่านก็ไม่เอาแล้ว มันเมื่อยแล้ว ท่านก็ทรงงานมาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ หนัก ก็พอกันทีก็เลยไป ก็เลิกไป
สิ่งเหล่านี้เป็นสัจจะที่อาตมายืนยันได้ ฟังแล้วขอยืนยันว่ามันเป็นความจริง ที่อาตมาศึกษามาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 เข้าใจสิ่งเหล่านี้ชัด เอามาขยายความกัน ซับซ้อนผู้ที่ฟังธรรมะอาตมา มีภูมิปัญญาพอเข้าใจตาม จะได้รู้ลึกซึ้งขึ้น มีอานิสงส์ในการฟังธรรม 5 ประการมากยิ่งขึ้นๆๆ ตลอดเวลา นี่เป็นการยืนยัน
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:45:32 )
รายละเอียด
ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ตราบใดมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โลกไม่ว่างจากพระอรหันต์” พวกเรานี้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดยจริงใจเลยแล้วก็เอาชีวิตจริงๆมาปฏิบัติ จนกระทั่งกลายเป็นสังคมหมู่ที่เป็นหมู่บ้าน ชุมชน มีศีลกันทั้งหมู่บ้าน และก็มีสมาธิเป็น สมาหิโต ไม่ใช่เป็นมิจฉาสมาธิแบบทางโลกเขา เพราะสมาธินี้ลืมตาสมาธิเกิดจิตตั้งมั่นเพราะได้เรียนลดกิเลส เลิกมาได้เป็นจิตตั้งมั่นตั้งแต่
1. โลกอบาย เราก็เป็นสมาธิแล้ว จิตของเราก็ตั้งมั่นแล้ว เราไม่ไปวอแวอีกแล้ว
2. โลกกาม หลายคนก็ไม่แล้ว สบาย มาอยู่รวมกับหมู่กับกลุ่ม มีพี่น้องเยอะ ที่เคยมีคู่ก็มาอยู่กันอย่างเป็นพี่ๆน้องๆอยู่ในนี้สบาย เคยมีคู่หมั้นก็หนีมาเลย อย่างฟ้ารัก เป็นต้น มีมาตั้งแต่เป็นหนุ่มๆสาวๆแน่ะ มีคู่รักคู่มันอะไรก็เลิกมา อย่างจริงใจแล้วก็อยู่มาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ อายุ 70 หรือยัง
อาตมา 88 คุณก็ 68 มิน่ายังผมดำ แต่คนที่อายุมากแล้วเลย 60 70 อายุมากแล้วแต่ผมยังดำก็ยังมี
อาตมาเอง อาตมาพูดถึงธรรมะพระพุทธเจ้าแล้ว พูดทีไรแล้วมัน สุขเช่นนี้ นี่หรือจะลืม อาตมามีแต่คนบอกให้พักบ้างพักบ้าง เดี๋ยวคนข้างๆก็บอกว่า พักหน่อยพักหน่อย เอ๊… อาตมาก็ไม่ได้แกล้ง ไม่ได้ทำเล่นๆนะ มันก็ไปสบายๆ นั่งทำไป 2-3 ชั่วโมง
แต่ก่อนนี้อาตมาทำวันๆหนึ่ง 4 - 5 ชั่วโมง 6 ชั่วโมงก็นั่งต่อกันทำอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครมาทวงเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้เขาบอกว่าอายุมากแล้ว เจียมแก่ ไม่เจียมสังขารไม่ถูก
เพราะฉะนั้นอาตมาก็ยังมีพลัง ยังมีกะจิตกะใจที่จะพากเพียร ยังพยายามที่จะไม่ขยาย แต่มันก็ผุดขึ้นมาโผล่ขึ้นมาอีก ขยายขึ้นมาขยายนั่นขยายนี่ ดูซินี่ทำเป็นแอ๊ค ขยายเศรษฐศาสตร์แบบที่เรามีความรู้ตามพระพุทธเจ้า มาตีความขยาย ซึ่งแน่นอนก็พูดกันไม่รู้เรื่องกับชาวเทวนิยมที่เป็นด็อกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์ที่มีตำราอ้างอิงกัน มันไม่เหมือนแน่นอน มันมีนัยยะสำคัญที่ไม่เหมือนประเด็น 1 2 3 4 5 ต่างกันไป เขาจะทำความรู้เรื่องหรือ ต้องมาขาดทุน ต้องมาทำงานฟรีนี่แหละคือความเจริญพัฒนาก้าวหน้า ต้องไม่เก็บเงินเป็นกอบเป็นกองเป็นก้อนอะไรมากมายสะพัดออกไป ที่จริงมันสอดคล้องกับเศรษฐศาสตร์ที่เขาต้องการแต่เขาทำไม่ได้แต่พวกเราทำสำเร็จก่อนแล้ว
คนที่ไปรวยกัน มันก็สะสมทุนรอน ดีไม่ดีเอาไปออกดอกเอาไปออกปันผลซ้อนอีก นี่เป็นระบบที่ซับซ้อนหลอก แล้วก็ เอาเปรียบเอารัดกันซับซ้อนระบบทุนนิยมนี้ ขออภัยเถอะ เลวจริงๆ ถึงได้เรียกว่า ทุนนิยมสามานย์
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรมโดยพ่อครู ครั้งที่ 14 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 แรม 7 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 20:50:09 )
รายละเอียด
เป็นคนมีอายะ 3 พหุชนหิตายะ(เพื่อประโยชน์ของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
คนรวยห่างจากความเป็นคน เพราะไปหลงอยู่กับเงิน ไม่มาแตะติดหรือมาใกล้กับคน ถูกคั่นด้วยเงินๆทองๆให้ห่างจากคน
ส่วนคนจนไม่ค่อยมีเงินอยู่ด้วยไม่สนิทสนมกับเงิน แต่คลุกคลีสนิทสนมอยู่กับคน เป็นผู้ทำ เป็นผู้สร้างจริงๆ
คนนี้แหละคือพระเจ้า คนนี้แหละคือผู้สร้าง คนนี้แหละคือผู้ทำกรรม กรรมที่ดีเลิศประเสริฐขนาดไหนก็คือคน เป็นผู้ทำจริงๆ เป็นผู้สร้างจริงๆ สร้างสิ่งประเสริฐสูงสุดได้คือเป็นคนคลาสสิค เป็นคนชั้น 1 เป็นคนชั้นเอกจริงๆ
เพราะฉะนั้นผู้สร้างผู้ทำจริงๆ นี่แหละคนเข้าใจ ก็จะมีการคลุกคลีหรืออยู่ร่วมด้วยกับคนที่เป็นนักสร้างนักทำ อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจว่าอย่างนี้มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นชั้น 1 เป็นชั้นเอก เป็นคนมีประโยชน์มีคุณค่า ใช้แรงงาน ถ้าเป็นแรงงานทางกายได้ก็ทำ ไม่ดูถูกคนใช้แรงงาน
ถ้าไม่มีคนใช้แรงงานแล้ว คนอาศัยแต่ช้างม้าวัวควายหรืออาศัยเทคโนโลยีเครื่องมือเครื่องไม้สร้าง มันไม่ได้สัจจะที่จริงหรอก ไม่ได้สิ่งที่เป็นเนื้อแท้ของสัจจะ
คนที่เข้าใจแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่เกิดจากคน และเกิดจากคนที่มีจิตวิญญาณเป็นประธาน เป็นคนคลาสสิคจริงๆ เป็นคนที่มีภูมิปัญญาสูงส่งประเสริฐรู้จักเนื้อแท้ของสิ่งที่เป็นสิ่งประเสริฐที่สุด และรองลงมา รองลงมา แล้วก็สอนมนุษย์ พามนุษย์ แนะนำมนุษย์ทำในสิ่งที่ประเสริฐ ที่ขาดแคลนในโลก ไม่ว่าในยุคไหนกาลไหน
สอนให้คนมาทำงาน ไม่ใช่สอนให้คนไปเอาแต่คิด
เพราะฉะนั้นเราสามารถจัดระดับของคน คนมีโทษกับคนมีประโยชน์จากแรงงาน เอาแรงงานของคนที่มีพฤติกรรมจริง มาเป็นตัวกำหนดค่า ว่าใครเป็นคนมีประโยชน์ ใครเป็นคนไม่มีประโยชน์ได้
คนที่เข้าใจสาระสัจจะแท้จะไม่ดูถูกคนที่ใช้แรงงาน วันนี้เป็นวันแรงงานแห่งชาติวันที่ 1 พฤษภาคม
แรงงานของช้างม้าวัวควาย เราก็รู้แล้วก็เข้าใจ แรงงานของคนแน่นอนก็ต้องมีค่ากว่าแรงงานช้างม้าวัวควาย เพราะฉะนั้นก็จะต้องเข้าใจให้ค่าของแรงงาน
ภูมิปัญญาสากลทั่วไปถือว่าเป็นวันแรงงานแห่งชาติ แรงงานแห่งโลกที่เขาเรียกว่า Mayday เป็นสิ่งที่แฝงอยู่ในความรู้ลึกซึ้งของคน
ต้องระลึกถึงแรงงานของคนกันนะ เพราะฉะนั้นคนที่ดูถูกแรงงาน คนนี้ไม่มีภูมิธรรม เป็นคนเรียกว่าวัวลืมตีน หรือม้าลืมตีน หมดท่าเลย ม้าขาหัก เคยได้ยินไหมม้าที่ขาหักขาเสีย เจ้าของสงสารสุดร้องไห้สุดท้ายก็ต้องยิงม้าให้ตาย เพราะมันอกจะระเบิด ม้ามันวิ่งไม่ได้ มันเดินไม่ได้ มันเสียม้าเลยนะ เพราะค่าของมันคือวิ่งได้ มันพาคนวิ่ง วิ่งจนกระทั่งตั้งแต่เป็นแรงงาน อาตมานี้สงสารม้าจังหวัดลำปาง มากเลย รู้จักไหม เห็นแล้วรู้สึกสุดสงสารทุกที
แล้วมันก็ทรมานกว่าจะได้หยุดได้พักจะได้กินหญ้า แล้วพักนอนมากลางวันก็เอาแล้ว เอาอะไรมาบังตามันซะด้วย ไม่ให้เห็นอะไรมากมาย แล้วก็ขับลาก สงสารม้าจริงๆ ทรมานทรกรรม เป็นเวรเป็นกรรมเป็นวิบาก ก็ได้แต่ปลงที่มันเป็นวิบาก
ทีนี้เรามาลองแยกแยะดู จัดลำดับความเป็นโทษเป็นประโยชน์ของแรงงาน
ผลที่เกิดจากแรงงานของคน คนที่มีคุณค่าหรือมีประโยชน์ หรือว่าคนเป็นโทษเป็นภัย เริ่มตั้งแต่สร้างแรงงานทางวัตถุ วัตถุมีอะไรบ้าง
1. สร้างวัตถุขึ้นมาฆ่ากัน อันนี้เลวต่ำที่สุดในความเป็นคน ใช้แรงงานทั้งแรงงานทางกายทั้งแรงงานทางสมอง คิดค้นเครื่องมือขึ้นมาฆ่ากัน เป็นสัตว์นรก เป็นสัตว์เดรัจฉานชั้นต่ำที่สุด เกิดมาทั้งทีใช้ความรู้ทั้งแรงกายแรงปัญญา ซึ่งไม่ใช่ปัญญาหรอกเป็น เฉโก เป็นความฉลาด สร้างเครื่องมือมาฆ่ากัน นรกหมกไหม้ เขาไม่รู้จักกรรมไม่รู้จักวิบากเขาก็ทำ เพราะฉะนั้นอาตมาก็ได้แต่หวังว่า เมืองไทยจะไม่เป็นเมืองที่สร้างอาวุธ ยังไงๆก็อย่าไปสร้าง จะอาศัยบ้างก็ซื้อเขามา เพื่อที่จะป้องกันเล็กๆน้อยๆ
ถ้าเป็นประเทศที่ไม่ต้องใช้อาวุธไม่ต้องมีอาวุธเลย เอาอาหารพืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นธรรมาวุธ ยิงโลกไปเลย ยิงอาหารหรือยิงยา เป็นธรรมาวุธ เป็นอาวุธ ยิงใส่โลกไป อาตมาว่าถ้าเผื่อว่าเข้าใจจุดนี้แล้วก็พากเพียรจริงๆ ให้เป็นประเทศที่มีธรรมาวุธที่เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารหรือยารักษาโรค ก็จะเป็นผู้ที่สร้างวัตถุ ใช้แรงงาน ใช้แรงปัญญา ใช้แรงความรู้ มาสร้างสิ่งที่ประเสริฐสุดให้แก่โลก ตรงกันข้ามกันกับที่สร้างอาวุธยุทธภัณฑ์ฆ่าแกงกัน
ทีนี้มาสร้างเครื่องเทคโนโลยีเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออะไรต่ออะไร จะเรียกเป็นถึงขั้นดิจิตอล แล้วก็เป็น AI ปัญญาประดิษฐ์ จนกระทั่งมันจะคิดแทนคน จนกระทั่งคนจะสู้มันไม่ได้แล้ว อีกหน่อยพวก Robot ความคิดทางเทคโนโลยีมันจะกลับมาฆ่าคน อาตมาไม่รู้หรอกว่ามันจะฆ่าได้ยังไง แต่มันจะย้อนกลับมาฆ่าคน
สัตว์เดรัจฉานนี่นะ เอามันมาเลี้ยง พยายามที่จะมีอำนาจเหนือช้าง เหนือม้า เหนือกระทิง เหนือแรดก็แล้วแต่ คุณควบคุมมันได้ สักวันหนึ่งมันก็แว้งมาทำร้ายคุณจนได้ หุ่นยนต์พวกนี้มันก็จะแว้งมาฆ่าคุณได้อีกเหมือนกัน อาตมาไม่รู้ว่ามันจะฆ่าอย่างไรเท่านั้นเอง นั่นแหละวัตถุไปสร้างมัน
ทีนี้คนมีประโยชน์ก็สร้างวัตถุ วัตถุที่มีประโยชน์ก็พืชพันธุ์ธัญญาหารกับยารักษาโรค เป็นวัตถุที่ดีที่สุดในชีวิต ในเรื่องของคนอาศัย คนอาศัยกับคนทำลาย กับสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารมาใช้ในชีวิต แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าทำไมเกิดมามีชีวิต ทำไมไม่สร้างสิ่งที่มันเป็นประโยชน์ เอาแรงงานความรู้และเวลา ไปสร้างทำไมในสิ่งที่เป็นโทษเป็นภัย มาสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์คุณค่านี้ นี่คือวัตถุ
ทีนี้ความรู้ ความรู้อันประเสริฐคือความรู้ที่เสียสละ ความรู้ที่เป็นเมตตา ความรู้ที่เกื้อกูลช่วยเหลือ ความรู้ที่รู้ว่าสิ่งใดที่ควรให้คนได้อาศัย แล้วก็อยู่เย็นเป็นสุข กับความรู้ที่ให้คนเอามาห้ำหั่นกัน แข่งกันฆ่ากัน ฆ่ากันอย่างที่เป็นอาวุธจริงๆ หรือเอามาเป็นความรู้ที่ไปสร้างยาพิษ ไปสร้างความมอมเมา เป็นความรู้นะ นี่เกิดเหตุการณ์ในสังคมไทย กรณีคนชื่อแอมไซยาไนด์ มันเป็นไปได้ถึงอย่างนั้น ชาตินี้พวกคุณจะคิดออกมั้ยวิธีนั้น จ้างพวกคุณ คนอย่างพวกคุณก็คิดไม่ออกหรอก สู้แอมไม่ได้ เขาคิดยังไงของเขาไปคิดฆ่าคน วางยาไปไม่รู้กี่คน นี่เขานับยังไม่ครบ คนคิดอย่างนี้มันก็มีได้ นี่เป็นความรู้ความคิดและเป็นความรู้ความคิดอันเลว
ความรู้เป็นยาพิษความรู้เป็นเรื่องมอมเมา รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) มอมเมาการบันเทิงเริงรมย์กับมอมเมาการเอาชนะคะคาน กีฬาเอาชนะคะคาน บันเทิงเริงรมย์ก็เสพรสฟรุ้งฟริ้งไป เขาไม่เข้าใจหรอก
สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องของจิตนิยามเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วก็ไปเสพทางจิต เพราะฉะนั้นแทนที่จะให้คนไปหลงในเรื่องของการสร้างความรู้สร้างความคิดแล้วเอามาเสพ น่าจะเอามาสร้างคุณธรรม เอาความรู้มาสร้างคุณธรรม แม้แค่เป็นคุณธรรมของทางโลกีย์ ให้มาทำดีตามสมมุติกันไม่ทำชั่ว ก็ดีแล้ว ในชั้น 1
ยิ่งเป็นขั้นโลกุตระ ดีชั่วก็รู้ด้วย แล้วทำดีอย่างถาวรด้วย สามารถรู้จักจิต เจตสิก รูป นิพพาน แล้วทำให้จิตมีภูมิปัญญา รู้ว่าดีตามสมมติโลกคืออันนี้ แล้วไม่ไปทำตามสมมุติโลกที่เขาว่าชั่ว ทำแต่ดีอย่างมีปัญญา มีธัมมวิจัยเลือกเฟ้นตัดสินได้ คนในสังคมในกลุ่มไหนว่าสมมุติอย่างนี้ดีก็ทำดีตามสมมุติเขา ไม่ขัดแย้ง หรือเราเห็นว่าเราขัดแย้งอันนั้นที่เขาทำมันเป็นโมหะเกินไป เราไม่ทำกับเขา เราก็วางเฉย ถ้าเราจำเป็นจะต้องอยู่กับคนกลุ่มนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:38:27 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 20:16:42 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:52:33 )
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:45:45 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 09:41:18 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2563 ( 09:38:48 )
รายละเอียด
คือ วางอาวุธที่เป็นวัตถุ
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 13:51:53 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:59 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 18 เมษายน 2563 ( 13:30:23 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:51:41 )
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:46:41 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 24 เมษายน 2563 ( 13:47:22 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:48:57 )
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:28:27 )
รายละเอียด
คือ ศาสตรา หมายถึง การวางอาวุธที่เป็นความรู้ด้วย
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 13:53:01 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:01 )
รายละเอียด
ดีนะ มีปัญหาลำบากลำบนก็มาบอกให้อาตมาช่วยคลายทุกข์ รายการนี้รายการอะไร ปรับทุกข์ปลุกธรรม ไม่ใช่ เป็นพุทธศาสนาตามภูมิ ไม่เป็นไรก็คลายทุกข์ให้ ปรับทุกข์ก็คลายทุกข์ให้บ้าง อาตมาเคยอธิบายมาจนครบแล้วว่า คนเรานี่ จะพูดลงท้ายก็คือมันมีวิบาก วิบากของคนเป็นอจินไตยกรรมวิบาก มีลูก แน่นอนลูกมันก็มีครอบครัว เขาก็ไปรับผิดชอบครอบครัวของเขา มันเป็นสัจธรรมแต่ไหนแต่ไรเลย พ่อแม่ ถ้ามีวิบากไม่ดี ลูกเต้าไม่เลี้ยง ปล่อยทิ้งขว้างเลยจริงๆ มันก็มีจริงๆ ทีนี้คุณก็ระลึกชาติไม่ได้ คุณก็ไม่รู้ว่าคุณทำกรรมทำวิบากอะไรมา อาตมาก็ต้องอธิบายความจริงอย่างนี้ให้ฟัง ก็ถือซะว่าเราเองเรามีกรรมวิบาก ถ้าคุณไม่แสดงออก คนเขาก็ไม่รู้ไม่เห็น คุณก็รับอยู่คนเดียว ก็รับไปเถอะ เพราะที่จบอาตมาก็ไม่รู้จะไปลงที่ไหน นอกจากจะไปเหมาให้แก่กรรมวิบาก โดยสัจจะไม่ว่า โดยเฉพาะชาวอโศกหรือชาวเอเชีย ลูกหลานต้องเลี้ยงพ่อแม่ปู่ย่าตายาย แต่ทางเทวนิยมนั้นเขาใจดำอำมหิต ไม่มีการเลี้ยงดูเชื้อสายญาติโกโยติกา
อย่าง American จารีตประเพณี ลูกอายุ 17 ออกไปเลี้ยงตัวเอง พ่อแม่ก็ว่าของตัวเองไป เสร็จแล้วก็เหลือ 2 ผู้เฒ่า มีเงินเหลือก็ไปเที่ยวไม่เกี่ยวกันเลยกับลูกจะเป็นจะตายก็ช่างอย่างนั้นกันเลยวัฒนธรรมของเขา เพราะฉะนั้นพวกนี้มาเจอเมืองไทย เห็นลูกประคองทวด ประคองปู่ย่าตายาย มันหนุงหนิงดูแลกัน เขาน้ำตาไหล เขาไม่เคยเห็นคนแบบนี้ จารีตประเพณีอย่างนี้เขาไม่เคยเห็น มันมามีทางเอเชีย เพราะทางเทวนิยมทางยุโรปทางอเมริกา มันเป็นเรื่องจิตใจดำ แม้แต่สายเลือด มันก็ไม่ดูแลกัน ตัวใครตัวมัน เห็นไหม
นี่คือรากฐานของจิตวิญญาณ ที่มีจิตวิญญาณมีความรู้ มีความเข้าใจถึงสัจธรรม
ถ้าเผื่อว่าครอบครัวไม่เลี้ยงกันมันก็เป็นภาระแก่สังคม หนักเข้าก็เป็นภาระรัฐบาล วัฒนธรรมจารีตประเพณีแบบนั้นรัฐบาลหนัก แต่อย่างเอเชียอย่างพุทธ แบ่งเบากัน ครอบครัวก็ช่วยรัฐบาล รัฐบาลก็ช่วยครอบครัว มันจะเป็นการบริหารความเป็นอยู่ของสังคมที่ดีกว่าลัทธิจารีตประเพณีวัฒนธรรมแบบตะวันตกแบบอเมริกา นี่ไม่ได้ยกตนข่มท่านนะ มันเป็นสัจจะอย่างนั้น ที่ถามมาอาตมาก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ก็ต้องให้คุณปลงว่าเป็นวิบากของเรานะ อาตมาว่าคุณก็ลองค่อยๆพูดจากับลูกหลาน ส่งข่าวส่งคราวว่า แม่เป็นอย่างนี้นะ มาช่วยแม่หน่อยได้ไหม พูดได้เท่าไหร่ก็ อย่าไปสร้างความหวังเอาไว้ในใจ ว่าลูกจะมา เขามาก็พอดีใจเท่านั้น ตั้งความหวังไว้แค่นั้นก็น่าจะสบายใจ นอกนั้นแล้วอาตมาก็ต้องไปลงกับคำว่า กรรมวิบากของคุณ อาตมาไม่มีที่ลงจริงๆก็ต้องเหมาไปให้ตรงนี้
แล้วก็พยายามพิจารณาความจริงให้ได้ว่าคนเราเกิดแก่เจ็บตาย เพราะฉะนั้นก็อย่าไปให้มันมาก อย่าไปหลงตนว่าเราอยากอยู่ แต่เราเจ็บป่วยอย่างนั้นอย่างนี้ รับเอา ๆ ให้เห็นทุกข์ของการเกิดมามีชีวิต มันเป็นทุกข์อาริยสัจจริงๆ มันเกิดมามันต้องมีทุกข์อย่างนี้ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าถึงมาสอน ให้เข้าใจความจริงของการเกิดแก่เจ็บตาย ให้เกิดปัญญารู้จริงเป็นอรหันต์แล้ว มันไม่กลัวเกิดแก่เจ็บตาย เป็นอนาคามีมันก็ไม่กลัวเท่าไหร่แล้ว เพราะมันรู้ที่ไป มันมีสุทธาวาส ถ้าเป็นโสดาบัน สกิทาคามีก็จะมีบ้างแต่ลดลง ลดลงตามภูมิธรรม มันก็จะไม่กังวลห่วงตายห่วงเกิดอะไร แล้วมันจะเข้าใจความเกิดความตาย
ศาสนาเทวนิยมไม่รู้การเวียนตายเวียนเกิด ไม่เชื่อคำว่าวิบาก ไม่เชื่อ กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตตีโลโก ไม่เชื่อกรรมของตนแล้วตนเองต้องรับมรดกกรรมของตนเอง ไม่ใช่มาจากพ่อแม่ปู่ย่าตายาย คุณทำดีเป็นของคุณ คุณทำชั่วเป็นของคุณ ทายาท คุณรับกรรมวิบากดีชั่วของคุณ เอาไปแบ่งให้พ่อแม่ไม่ได้ เอาไปแบ่งให้ใครก็ไม่ได้ ไม่เอาก็ไม่ได้ แล้วก็กรรมวิบากของคุณนี่แหละพาคุณเกิดคุณเป็น กัมมโยนิ มันตกเป็นพันธุ์ เป็นตระกูล เป็น DNA ของคุณเลย กรรมพันธุ์
จริงๆกรรมพันธุ์ตัวนี้เป็นถึงขั้นนามธรรมนะ ไม่ใช่แค่วัตถุธรรม ตายแล้วมันก็จะไปเป็นเผ่าพันธุ์เป็นนามธรรมไปต่อ ไม่ใช่แค่ DNA ซึ่ง DNA คุณเปลี่ยนไปตาม กัมมโยนิ กัมมัสกะของคุณ ที่คุณจะทำใหม่เปลี่ยนใหม่เป็นโลกุตระของคุณจนมีทิศทางที่จะเลิกเกิด เลิกเป็นเลิกมี หรือแม้แต่จะยังเกิดยังเวียนตายเวียนเกิดอยู่ ก็ไม่มีปัญหา ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ รู้จักสุขรู้จักทุกข์อย่างดี รู้จักดีรู้จักชั่วที่เป็นสมมุติสัจจะ แล้วก็รู้สุขรู้ทุกข์ที่มันเป็นปรมัตถสัจจะ ที่จะอยู่กับมันอย่างสบาย อย่างพวกเราเพราะเราเข้าใจสัจจะพวกนั้น อาตมาไม่ต้องไปลงรายละเอียด พวกคุณมีความรู้ไปตามภูมิของแต่ละคน จนถึงขั้นคุณมาอยู่อย่างนี้ มาเป็นคนที่มีวรรณะ 9 มาอยู่อย่าง สาราณียธรรม มาอยู่อย่างนี้
คนที่มาได้บรรลุแล้ว คนที่มาอยู่ในชุมชนชาวอโศกเป็นคนบรรลุธรรมทั้งนั้น ถ้าไม่มีภูมิธรรมอยู่ไม่ได้หรอก ไม่ได้บังคับคุณนะแต่คุณอยู่ไม่ได้เอง คุณติดโลกีย์อยู่ เพราะฉะนั้นคนไหนที่เห็นว่าดีแล้ว ก็พยายามมา มาแล้วอยู่ไม่ได้ก็ต้องไปเพราะคุณยังติดอยู่ แต่คนที่ไม่ติดแล้ว ทางโลกียะต้องออกไปเสพไปหาแสวงหาลาภยศสรรเสริญ หรือโลกียสุข ที่นี่ไม่มีให้เสพ คุณก็ต้องไปเสพข้างนอก คุณก็ต้องไปหาข้างนอก ไปแสวงหาไปเอา เพราะคุณเองยังติดมัน
แต่คนที่ไม่ติดแล้วมาอยู่ที่นี่แล้ว เมื่อมาอยู่ที่นี่แล้วคุณไม่มีจิตประหวัด ไม่มีจิตโหยหา ไม่คิดออกไปอยู่ทางโน้น คุณอยู่ในนี้ก็อยู่ไปเป็นวันๆ อยู่กันอย่างสบาย ร่มเย็น ใช่ไหม คุณก็อยู่อย่างสบาย อยู่อย่างสงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ อยู่กันอย่างนี้ ตายก็สบายใจ ไม่ต้องห่วงว่าไม่มีญาติ ญาติจะมาเราก็ไม่ได้ห่วง ญาติทางสายเลือดตอนมีชีวิต เขาก็ปล่อยให้อยู่ที่นี่ ตายแล้วค่อยมา ถึงญาติไม่มา เราก็จัดการศพให้เรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไร พึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตาย กันได้จริงๆ ญาติทางสายเลือดจะมาหรือไม่มาก็ไม่มีปัญหา แล้วเราก็ไม่ได้รังเกียจรังงอน เราก็เต็มใจช่วยกันทำไป เมื่อถึงที่สุดก็ไปสู่สุดชีวิต เรือนสุดชีวิตเราก็สร้างไว้แล้ว ทำให้สบายทุกอย่าง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 14:24:35 )
รายละเอียด
จะวางใจได้อย่างไร ก็จะเป็นประเด็นรายละเอียด ที่ท้วงมาไม่เห็นด้วย ก็ต่างความเห็นของอาตมา ก็ขออภัยที่ไม่เห็นด้วย บังคับกันไม่ได้หรอก แต่อาตมาเห็นว่าควรทำก็ต้องทำ ขออนุญาตก็แล้วกัน จะฟังไปตามประสาหรือไม่ฟังก็ได้ คุณมีสิทธิ์ แต่อาตมาก็ขอแสดงก็เห็นควรอย่างนี้ แต่คุณไม่เห็นด้วยก็แน่นอน มันก็เป็นความเห็นของสิทธิส่วนบุคคลเท่านั้นเองประกอบกันไป อาตมาก็ขอใช้สิทธิส่วนบุคคลของอาตมาก็แล้วกัน
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561
เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:12:52 )
รายละเอียด
1. พูด
2. เป็นพฤติกรรมทางกายที่ผ่านทวารปากออกมาเพื่อสื่อ เพื่อถ่ายทอดความคิดของคนตามเจตจำนงของผู้พูด
3. พูดอยู่ , การพูด
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 224
สมาธิพุทธ หน้า 372
คนคืออะไร? หน้า 253 , 341
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:15:12 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:13:13 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:12:36 )
รายละเอียด
วาติกัน คือ เป็นดินแดนที่เขายกให้ คล้ายๆ ตัวอย่างของพระพุทธเจ้า เป็นรัฐอิสระของศาสนาที่พิเศษ คนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้ นักบริหารประธานาธิบดีไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับวาติกันเลย เหมือนกันกับยุคพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 07:03:42 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:50 )
รายละเอียด
การใช้คำพูด
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 98
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:16:18 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:31 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:11:29 )
รายละเอียด
คนยุคนี้ใช้ภาษาเป็นวาทกรรม วาทกรรมนี้ไม่ใช่ไพเราะอย่างเดียว คมด้วย ไพเราะด้วย คมด้วย อะไรอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันกลบเกลื่อนสัจจะ มันอาบพอกสัจจะ
อาตมาพูดความจริง โสกโดกมาก ผ่าตรงๆ พยายามอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ให้มันหยาบอาตมาพูดแรงเท่านั้นเองแล้วไปพูดถึงความผิดความชั่วด้วย ภาษาที่เรียกความผิดความชั่วของคน มันหยาบ
ฟังอีกที ภาษาที่พูดถึงความผิด พูดถึงความชั่ว ความเลวร้ายของคน มันเป็นภาษาที่พูดไปแล้วมันหยาบ มันแรง มันเลี่ยงไม่ได้หรอก อาตมาจำนนที่จะต้องพูด ถึงความชั่วความผิด ขนาดนั้นเขายังไม่รู้ตัวเลย เห็นความโง่ของคน
บอกถึงความหยาบด้วยภาษาที่หยาบแล้ว อาตมาก็พูดนี้มันแรงมันหยาบ เพราะพูดถึงความผิดความชั่ว บอกแล้วว่ามันตรง มันหยาบ ความผิดความชั่วนี้บอกแล้ว จะเป็นคำไพเราะได้อย่างไร ก็เป็นคำหยาบทั้งนั้น
ยกตัวอย่างเช่น ขี้ อย่างนี้ จริงๆ ขี้ ไม่ใช่ความเลวเท่าไหร่ แต่เขาว่ามันหยาบแล้ว เห็นไหม พูดถึงอะไรต่างๆหลายอย่าง พูดอะไรก็พูดตรงๆ มันหยาบ ถ้าพูดถึงสิ่งที่เขา บางทีนี่เขาปกปิด คนจะปกปิดความชั่ว เขาจะปกปิด เพราะฉะนั้นเอาความชั่วสิ่งที่เขาปกปิดมาพูด หยาบ
อาตมาเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดความจริง จะผิดจะถูกก็ต้องพูดความจริง มันเลยดูแรงๆหยาบๆ มันเลี่ยงไม่ออกจริงๆ ก็จำนน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2
วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 12:11:21 )
รายละเอียด
คือ ภาษาธรรมดาทั่วไป
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:30:48 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:43 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:11:13 )
รายละเอียด
1. การกล่าว
2. บัญญัติ
3. คำพูดคำจา
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 164
ทางเอก ภาค 1 หน้า 109
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 45
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:17:32 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:52 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:13:14 )
รายละเอียด
สำเนียง
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 17:12:00 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:05:55 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:13:34 )
รายละเอียด
คือ คำที่เลือกสรรมา ไม่ใช่แค่ร้อยแก้ว แต่มีร้อยกรอง เลือกเอาคำมาด้วย จึงเรียกว่า วาทิตะ, คือ คำอันที่เลือกเอามาแล้ว
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:30:00 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:49 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:14:04 )
รายละเอียด
1. การออกสำเนียงหรือทำนองออกมาใด ๆ เพื่อให้คนชอบเริงรมย์ในสำเนียง ในทำนองนั้น
2. ภาษาคำพูดที่ตกแต่งขึ้นมาใช้ , ภาษาที่สรรหามาเสนอ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 130
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 45,85
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:18:52 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:22:10 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:14:34 )
รายละเอียด
คือ คำที่เลือกสรร
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:29:38 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:44 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:14:59 )
รายละเอียด
1. มาจาก ว + อาย + อาม ว = พฤติกรรม , อาย = ประโยชน์ ,
อาม = ความตกลง การยอมรับ จึงเป็นพฤติกรรมแห่งประโยชน์แท้ ๆ จริง ๆ
2 เมื่อมีธาตุรู้ ก็ต้องทำให้เกิดพฤติกรรมให้ได้ไปเรื่อย ๆ
3. ความพยายาม
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 372
สมาธิพุทธ หน้า 356
คนคืออะไร? หน้า 492
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 90
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:22:11 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:24:00 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:15:55 )
รายละเอียด
1.อารัพภธาตุ (ดำริ) ความเพียรเป็นเหตุปรารภ (ริเริ่ม)
2.อารัมภธาตุ (ปรารภดำริ)
3.นิกกมธาตุ (พยายามดำริ) เพียรเป็นเครื่องก้าวไป
4.ปรักกมธาตุ (บากบั่นดำริ) ความเพียรก้าวไปข้างหน้า
5. ถามธาตุ (ดำริมีกำลัง) ความเพียรเป็นกำลัง
6. ธิติธาตุ (ดำริตั้งมั่น) ความเพียรเป็นเครื่องทรงไว้
7. อุปักกมธาตุ (ดำริสำเร็จเต็มรูป เหมือนลูกศรจะออกจากแล่ง พยายามที่จะกระทำให้เกิดกรรมออกมา)
เป็นพลังงานทางจิตที่ละเอียดมาก และคนที่เรียนรู้สังกัปปะ 7 ก็เป็นพลังงานเช่นเดียวกับ วายามะ 7 นี่คือฟิสิกส์ทางจิตวิญญาณ ไม่ใช่แค่พยัญชนะ แต่ถ้าใครทำได้จริงจะมีพลังงาน หากใครสั่งสมอกุศลก็จะตกเป็นอนุสัย อย่าไปทำ ถ้าคุณไม่รู้จักการล้างการวาง คุณก็มีแต่สั่งสม คิดแต่ชั่วก็แย่เลย คิดแต่ดีก็ดีกว่า แต่ก็ยังสะสมเป็นอุปาทานได้ เรามาล้างชั่วแล้วทำแต่ดี แม้คุณวางดีไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่ว่าถ้าวางทั้งดีและชั่วได้ก็สามารถปรินิพพานได้
ที่มา ที่ไป
560921
เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2563 ( 14:27:30 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:53:13 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:50:57 )
รายละเอียด
วายามะ 7 ธาตุแท้แห่งความพยายาม
1. อารัพภธาตุ (ดำริ) ความเพียรเป็นเหตุปรารภ (ริเริ่ม)
2. อารัมภธาตุ (ปรารภดำริ)
3. นิกกมธาตุ (พยายามดำริ) เพียรเป็นเครื่องก้าวไป
4. ปรักกมธาตุ (บากบั่นดำริ) ความเพียรก้าวไปข้างหน้า
5. ถามธาตุ (ดำริมีกำลัง) ความเพียรเป็นกำลัง
6. ธิติธาตุ (ดำริตั้งมั่น) ความเพียรเป็นเครื่องทรงไว้
7. อุปักกมธาตุ (ดำริสำเร็จเต็มรูป เหมือนลูกศรจะออกจากแล่ง พยายามที่จะกระทำให้เกิดกรรมออกมา)
(จาก อัตตการีสูตร เล่ม 22 ข้อ 309)
พลังงานอารัพภ คือ Static อารัมภ คือตัว Dynamic ความพยายามนี้เป็นความเกิดไม่ใช่ความตาย
นี่คือธรรมะสุดยอด เป็นการแจกแจงพลังงานของธาตุจิตวิญญาณ ทางโลกวิทยาศาสตร์การศึกษาทางพลังงานวัตถุทางชีวะเขาก็เรียนรู้บ้างทางจิตก็เรียนรู้บ้างแต่ไม่ละเอียดลออเท่าของพระพุทธเจ้า ของพระพุทธเจ้าละเอียดลออครบหมด
ที่มา ที่ไป
ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:26:38 )
รายละเอียด
ก็ตอบพอสังเขป วายามะ แปลเป็นไทยๆว่า ความพยายาม วิริยะ แปลเป็นไทยว่า ความพากเพียร
ก็จะปนกันไปภาษาบาลีกับภาษาไทย ภาษาสันสกฤต นัวเนียกันอยู่อย่างนี้ ภาษาไทยไม่ใช่ภาษาเก่าแก่เท่าบาลีสันสกฤตเขาหรอก เป็นภาษาตัวเองบ้าง ขยายพัฒนาการเอาภาษาบาลีสันสกฤตมาเยอะมาก มีภาษาเขมร ภาษาขอมปนเปบ้าง ส่วนบาลีกับสันสกฤตนั้นเยอะมากกว่าเพื่อน
วายามะคือ ควาพยายาม เป็นนัยยะพูดเบาๆ วิริยะคือความพากเพียรเป็นคำพูดที่เต็มที่ พากเพียรทั้งคู่ วิริยะคือ รวมเปลือกนอกเปลือกในเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชาวหรรษาที่แท้จริง วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 19:28:14 )
รายละเอียด
1. มีร่วมอยู่ หรือรวม ๆ ปน ๆ อยู่
2. ที่อยู่
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 132
สมาธิพุทธ หน้า 158
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:25:58 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:36 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:50:25 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:57:20 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:54:41 )
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:29:49 )
รายละเอียด
เป็นตัวเปิดให้เกิดตัวบุญเกิดขึ้นต่างหากเล่า มันกระทบกันแล้วเกิดการขัดเกลากันคุณต้องรู้ตัวเลยว่ามาแล้วโจทย์ๆ ยินดีกับโจทย์สิ คุณจะไปตีทิ้ง ไม่ได้จ้างเขานะ เขามาเอง เขามากระทบเราเอง ไม่ได้จ้างสักหน่อย เราต้องรู้จักรับลูกให้เป็น มันมาเยอะนักก็หลีกมันหน่อย มะรุมมะตุ้มเยอะก็ต้องหลบไปในมุมที่น้อยหน่อยเราก็ต้องฉลาดรู้ที่เราสิ มาเยอะเกินก็ต้องหลบ ไม่ถึงขนาดต้องหนีต้องหลบหรอกก็รับลูกให้เป็น รู้ตัวทันแล้วแก้ไขปรับปรุง เราก็จะได้ทำโจทย์ทำงานปฏิบัติธรรมด้วยการทำงานปฏิบัติธรรมด้วยการกระทบสัมผัสกันไป พวกเรานี่แหละมันไม่จัดจ้านเท่าไหร่แล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 13:46:49 )
รายละเอียด
ในพระไตรปิฎกเล่ม 8 ข้อ 1191 ขออธิบายต่ออีก ชัดที่สุดเลย ถ้าเข้าใจอ่านพระไตรปิฎกแตก
ธุดงควรรคที่ 6 ถืออยู่ป่าเป็นต้น
ธุดงค์คือศีลเคร่ง ผู้ที่เป็นอย่างพระมหากัสสปะมิจฉาทิฐิมาเป็นร้อยเป็นพันชาติ จนกระทั่งกว่าจะมาแก้ทิฎฐิได้มาเจอพระพุทธเจ้า ก็เลยติดเป็นวาสนา พระพุทธเจ้าก็เลยอนุโลมให้คนเดียวมีคนสุดท้ายแหละ แต่ท่านก็บรรลุอรหันต์ได้ ถ้าไม่เช่นนั้นไม่เจอพระพุทธเจ้าก็จมหนักกว่าเก่าไม่มีทางฟื้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 11:32:33 )
รายละเอียด
ลม คือสสารที่พัด ที่โบก ที่ดัน ที่ไหวไปมาได้ นั่นคือธาตุลม
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า54
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:23:25 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:30 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:49:58 )
รายละเอียด
1. ลม
2. ธาตุลม
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 5
ทางเอก ภาค 2 หน้า 48
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:24:42 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:04 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:51:21 )
รายละเอียด
ที่อยู่
หนังสืออ้างอิง
ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 266
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:27:07 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:55 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:51:49 )
รายละเอียด
1. ไม่ , ยิ่ง , พิเศษ , ยิ่งขึ้น , สูงขึ้น , เจริญขึ้น ความหมายฝ่ายลดคือ “ไม่” ความหมายฝ่ายเพิ่มคือ “ยิ่ง”
2. ใหญ่ยิ่งชั้นพิเศษ ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่า
3. วิเศษ , ดียิ่ง , ไม่ , ต่าง ,แยก,กลับกัน
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 144
ทางเอก ภาค 2 หน้า 465
อีคิวโลกุตระ หน้า 152
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:29:05 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:33 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:49:31 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 11:21:20 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:40:18 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:55:17 )
รายละเอียด
การข่ม การระงับ การยับยั้ง
หนังสืออ้างอิง
กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ 268
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:30:01 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:56 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:52:16 )
รายละเอียด
1 กำจัดด้วยการข่ม หรือการทิ้งไปดื้อ ๆ ซึ่งเป็นการอุปการะทำให้สงบลงก็ช่วยบรรเทาได้
2 การละนิวรณ์ได้ด้วยการข่มไว้ ซึ่งยังมีการใช้กำลังกดข่ม ยังฝืดผืน ยังต้องเคร่งคุมข่มฝืนอยู่ในการปฏิบัติ
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 49
กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ 268
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:32:18 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:38:31 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:53:03 )
รายละเอียด
คือ ก็เป็นการกดข่มไว้ ปุถุชนคนทั่วไป ก็ทำกันด้วยมารยาท ถ้าหากปล่อยกิเลสออกไปหมดก็เข้าคุกอยู่ตลอดเวลาแหละ มันเป็นไปไม่ได้มันจะต้องมีตัวช่วยนี้อยู่เสมอ มันเป็นอุปการะขาดไม่ได้ เป็นผู้อุปการะอยู่เสมอ ทำได้สำเร็จ เด็ดขาด เป็น สมุจเฉท ทำซ้ำทำทวน เหตุปัจจัยใหม่ ก็ทำใหม่ ตามทฤษฎนี้ เป็นปฏิปัสสัทธิ
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:00:26 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:16 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:54:09 )
รายละเอียด
คือกดข่ม ของพุทธไม่ได้รังเกียจ แต่ให้เป็นตัวประกอบ ไม่ใช่เป็นตัวเอง ใช้เป็นตัวเสริมธรรมดาสามัญ ซึ่งมันไม่ถาวร มันเป็นตัวประกอบเท่านั้น
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:56:46 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:10 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:53:34 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 10:07:45 )
รายละเอียด
มันมีความจำเป็นถ้ากิเลสมันมีมาก ก็ต้องข่มไว้ส่วนหนึ่ง กิเลสส่วนใดที่เราจะชัดเจนก็เอาส่วนนั้นก่อน เอาให้ชัดเจนคู่เดียว เรื่องเดียว อะไรอย่างนี้เป็นต้น แยกให้ชัด เพราะฉะนั้นการกดข่มจึงช่วยอยู่ วิกขัมภนปหาน เป็นการช่วย แต่ไม่ได้หมายความว่า วิธีการกดข่มเป็นวิธีการของศาสนาพุทธ ไม่ใช้คำว่า วิกขัมภนะ ไม่ใช้คำว่าสมถะ ไม่ใช้คำว่า กดข่ม อดทนเอาเฉยๆก็ ไม่ได้ มันเอาไว้ช่วยเท่านั้นเอง อดทนเป็นคำกลางๆ อดทน กึ่งๆระหว่างสมถะ กับวิกขัมภนะ อดทนคือขันติ มันต้องช่วยไปก่อน ถ้าเราถนัด สายศรัทธา เจโต ถนัดแบบนี้ก็ใช้ไปพลาง กรณีที่มีคู่ต่อสู้อยู่ก็ไม่ให้มันเพิ่มขึ้นมามาก เดี๋ยวข้าศึกหลายตัว จะแย่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 18:25:18 )
รายละเอียด
1 มีวิมุตติเท่าที่ทำได้ แต่ยังต้องฝืน ต้องข่มอยู่
2 ทำได้จริงตั้งแต่ฝืนจิต อดจิตได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 515
ทางเอก ภาค 3 หน้า 224
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:34:55 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:28 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:55:53 )
รายละเอียด
เป็นวิธีการกดข่มได้ผลเป็นสมถะ ในการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้านั้นมีวิกขัมภนะกดข่มได้ด้วยแต่ต้องมีปัญญาชำระกิเลสไปได้สะอาดหมดจดไปเรื่อยๆ จึงเรียกว่าสร้างปุญญะให้เกิดผลจากปัญญา
ที่มา ที่ไป
620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช
เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 12:20:47 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:15 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:54:40 )
รายละเอียด
1. จิตฟุ้งซ่าน
2. จิตที่ดีขึ้นกว่าเก่า คือจิตที่ไม่ต้องการให้มีทุกข์นั้น ก็พ้นไปแล้ว ไม่มีได้แล้ว ลดลงได้บ้างแล้ว
3. จิตฟุ้งซ่านก็รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน
4. จิตมีกิเลสส่วนนั้น ๆ ยังรบกวนอยู่ ก็รู้ว่าจิตมีกิเลสส่วนนั้น ๆ รบกวนอยู่
5. ใจฟุ้งซ่าน
6. จัดการกับกิเลสในจิตได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังยุ่งยากใจอยู่ก็รู้
7. จิตซัดเจ้ากิเลสเข้าไปแล้ว แต่มันยังซ่านกระเซ็น ยังเจ้าล่อเจ้าหลอกเก่งอยู่
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 134 , 144 , 151
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 111
อีคิวโลกุตระ หน้า 35 229
คนคืออะไร? หน้า 275
คนคืออะไร? หน้า 275- 555
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:51:22 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:27 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:57:04 )
รายละเอียด
ย่อมรื้อ
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 220
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 11:53:48 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 02:45:08 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:56:18 )
รายละเอียด
คือ สภาวะจิต ต้องทำจิตให้เบาที่สุดให้ได้
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:24:49 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:58 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:00:14 )
รายละเอียด
วิการรูปคือ ลหุตา มุทุตา กัมมัญญตา สำคัญคือ วิการ ก็คือพิการ ต้องทำความพิการให้ปกติ ให้จบ ให้เบา ลหุตา หมายความว่าอย่างไร หมายความว่ามันสำเร็จลงไม่มีความหนัก ไม่มีความยาก ไม่มีความลำบากอีกแล้ว เบา สบาย กระทบอะไรจะแรงอย่างไรก็ลหุ
มุทุตา เร็วไว มุทุท่านแปลเป็นพยัญนะว่าอ่อน เร็วไว ทั้งจิตทั้งปัญญาสองธาตุในนี้ มุทุภูตธาตุ แยกได้เร็ว ปรับได้ไว ทำให้เป็น เอกกัคตา 1 ได้เสมอ เอกสโมสรณา ทำให้สำเร็จได้ทุกทีไป เมื่อคุณได้ทำสำเร็จ มุทุตา เป็นประสิทธิภาพอันยิ่งใหญ่ของจิต ของความสามารถของเรา ทำได้เป็นอันเสร็จ คุณก็สมบูรณ์แบบ จิตของคุณก็ยิ่งใหญ่ จะทำกรรมการงานอะไรก็ดีทั้งนั้น กัมมัญญา ทำการงานอะไร ก็มี สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 จัดการได้อย่างพอเหมาะพอดี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:47:39 )
รายละเอียด
กายลหุตา – กายมุทุตา – กายกัมมัญญตา – กายวิญญัตติ – วจีวิญญัตติ
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 299
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:21:10 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:15 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:59:37 )
รายละเอียด
กิเลสของคุณก็ลดลงๆจนมันเรียก ลหุตา มันเบา มันมีเหลืออยู่แต่ก็เหลืออย่างเบาบาง จนดับ คุณก็ต้องรู้ในตัวของมันเอง ในวิการรูปท่านไม่พูดถึงอกาละ ท่านเรียกลหุตา คือมันยังเหลืองานของกิเลสเป็นลหุตา มุทุตาคือลักษณะเป็นฐานจิต มุทุภูตธาตุ ฐานจิตนี้อย่างเขาก็ทำให้ลดทำให้นิโรธได้ เมื่อกิเลสลด จิตก็สะอาดทำงานได้ดี เป็นการงานที่ปราศจากกิเลสมาร่วมก็เป็นงานที่ดีที่ประเสริฐ กัมมัญญา
เมื่อสามตัวนี้ ลหุตา มุทุตากัมมัญญา ทำงาน มันมีหรือไม่มีหมดหรือไม่หมดก็ต้องรู้ด้วย ความเร็วไวของคุณ มุทุธาตุคุณต้องรู้และทำงานได้จึงเป็น กัมมัญญา จิตมุทุธาตุ แม้แต่ปัจจุบันมีเหตุของกิเลสตลอดเวลา จิตของคุณก็แววไว มุทุ รู้ว่านี่เป็นกิเลส เอ็งอย่ามาลอยหน้าเลย เอ็งใหญ่เอ็งเก่ง อย่างพรหมบอกว่า ข้านี่แหละใหญ่ มันก็ไม่ดี เราก็กดหัวไว้เหมือนเด็ก มันจะใหญ่ขนาดไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ข้านี้แหละใหญ่ก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอกก็อยู่เหนือพรหมได้
วิการรูป มี 5 ลหุตา มุทุตา กัมมัญญา แล้วก็ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ เป็นอาการเคลื่อนไหวออกมารวมภายนอก มีนัจจะคีตะวาทิตะ บงการหรือออกจากวาจาไม่
ดุ๊กดิ๊กเลย เหลือแต่ปาก ก็ได้เป็นวจีวิญญัติ
ที่มา ที่ไป
พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ
วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ
เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:33:52 )
รายละเอียด
วิการรูป = 18.ลหุตา 19.มุทุตา 20.กัมมัญญา วิการรูป มี 5 อย่าง ลหุตา แปลว่าเบา มุทุแปลว่าอ่อน ซึ่งอธิบายยาก อาตมาแปลว่าจิตหัวอ่อนคือจิตทางเจโตปรับง่าย ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่ควรเป็นได้ง่าย และมีปัญญาที่จะรู้ทันได้เร็ว ส่วนกัมมัญญาคือ ความรู้มาควบคุมกรรมให้เป็นกรรมการกระทำที่เหมาะควรประเสริฐ ลหุ แปลว่าเบา คือ ผู้ที่สามารถจัดการกับรูปได้ วิ แปลว่าประเสริฐอย่างยิ่ง ไม่ให้มายุ่งการกรรมการงานต่างๆคือกิเลส เราต้องทำให้มันออกให้หมด ที่จะต้องใช้คือญาณปัญญาเป็นจิตที่สะอาด เป็นความรู้โลกุตระ ก็คงต้องทำให้ดี อะไรที่ทำออกไปควรทำให้เบาอย่าให้มันหนัก อาตมาแสดงธรรม ท่านสมเด็จพระเทพฯท่านแปลคำว่า มุทุ ว่าจิตนิ่มหรือจิตอ่อนนุ่ม มุทุภูตธาตุคือจิตที่ไว จิตดีมีสภาพเร็ว เบาของอาตมาใครฟังบางที่ว่าแรง เพราะฆ่าด้วยหอกร้อยเล่มเช้ากลางวันเย็นมันก็ยังเหนียว แล้วจะไปทำเบาขนาดนี้ ขนาดใช้ขวานฟันแล้วมันก็ยังจามไม่เข้าเป็นอย่างนี้ยังไม่ตาย ฟังให้ดีว่านี่คือ ลหุอย่างยิ่งแล้ว อาตมาเป็นจอมยุทธที่มีวรยุทธ ยิ่งกว่าลี้คิมฮวง เขาไม่รู้ว่าแสดงอะไรออกไปมีดบาดคอแล้ว เป็นจอมยุทธ์ที่ใช้อาวุธได้อย่างลหุตา และเหมาะสม กัมมัญญตาได้ดีที่สุด จึงทำกายวิญญัติวจีวิญญัติได้เหมาะสมที่สุด ยอดวิการรูป 5 อาตมาอธิบายไปด้วยการเอาตัวเองเป็นหลัก เชื่อที่อาตมาพูดไหม? คนอื่นเขาไม่เชื่อหรอก มุทุ คือจิตเล็กแววไวปรับได้มีคุณวิเศษ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา หากไม่มีสภาวะอธิบายไม่ออกหรอก แต่จิตใจอาตมามีคุณสมบัติ 5 อย่างนี้ คุณสมบัติของใจเบิกบานร่าเริงผ่องใสไม่ได้หมองมัวเลย พูดความจริงสู่ฟัง เอาตัวเองมายืนยัน ยกตัวอย่างว่า ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะที่ อกาลิโก ถ้ามีการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้ โลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ อาตมาเป็น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ)อาตมาทำอย่างนั้นจริงๆ โดยมั่นใจว่าอาตมาไม่ได้พูดออกนอกรีตนอกรอยจากที่พระพุทธเจ้าตรัส พูดโดยมีหลักฐานอ้างอิง คุณก็ฟังเอาว่าตรงไหม จับผิดเอา ใครที่ไม่มีอคติฟังดูจะเข้าใจได้
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 18:20:59 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:22:49 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:59:17 )
รายละเอียด
ในรูป 28 ปริเฉทของพระพุทธเจ้าสรุปไว้อันหนึ่งมี 1 เอามารวมกันรูปนาม แต่ละปริเฉท จัดการให้ลงตัวก็สั่งสมลงเป็น วิการรูป
สิ่งที่ให้สะสมเป็นวิการรูปได้ลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ลหุตา มุทุตา กัมมัญญา เป็นลักษณะของพลังงานจิตทำให้เกิด ลหุตา แปลว่า เบา
มุทุ รากศัพท์บาลีแปลว่า อ่อน อ่อนไหว ไม่ใช่อ่อนแรง ท้อแท้นะ แต่ทำให้แรงก็ได้ไม่ยาก เรียกว่าอ่อน มุทุ บาลีแปลว่าอ่อน ซึ่งจริงๆแล้วทำให้คล่องตัวได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของ static หรือลักษณะของ dynamic ลักษณะของการที่จะทำให้เป็นจุดตั้ง แกนตั้ง ที่แข็งแรงเท่าใดก็เป็นแกนตั้งที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะมีได้ จะให้เคลื่อนไหวได้เร็วเท่าใด ก็เร็วได้ที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะมีบารมี มีความสามารถที่จะทำให้เร็วได้ ทั้งสองอย่างนี้อยู่ใน 1 ทั้งแกนตั้งและแกนเคลื่อน 2 อย่างนี้อยู่ใน 1 คือในมุทุภูตธาตุ
เพราะฉะนั้นเมื่อผู้ที่สามารถมีสิ่งนี้แล้วใช้สิ่งนี้เป็น ถึงนำออกไปใช้เรียกว่า กัมมัญญา เอาไปกระทำด้วยอัญญา คือความฉลาดแบบโลกุตระ ก็เอาไปใช้ได้อย่างเหมาะควร พอดีพอเหมาะ ได้อย่างดีที่สุด จึงเรียกว่าการงานที่เหมาะควร กัมมัญญาออกไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564
วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:08:52 )
รายละเอียด
วิการรูป มี 5 ลหุตา มุทุตา กัมมัญญตา กายวิญญัติ วจีวิญญัติ
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:54:56 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:23:58 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 14:59:58 )
รายละเอียด
ไม่ฉันเล่น ไม่ฉันจุบจิบ ไม่ฉันอื่นอีกจากมื้อจากครั้งที่ได้กำหนด
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 170
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:21:56 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:11 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:16:15 )
รายละเอียด
จงรื้อ
หนังสืออ้างอิง
(จากค้าบุญคือบาป หน้า 220)
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:23:05 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:36:38 )
รายละเอียด
แก้ไข
หนังสืออ้างอิง
(จากค้าบุญคือบาป หน้า 220)
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:19:10 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:37:52 )
รายละเอียด
วิขัมภนปหานะ คือ การปหานด้วยการกดข่มที่แม้รู้จักกิเลสแล้ว คนที่มิจฉาทิฏฐิก็จะข่มไว้ หรือลืมทิ้งไป หรือข่มไว้ หยุดไว้ หยุดๆๆ เขาก็ทำกันอย่างนั้น จึงเรียกว่าวิขัมภนปหาน
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:22:15 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:24:59 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:17:23 )
รายละเอียด
ปราศจากอุปกิเลส
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 111
อีคิวโลกุตระ หน้า 228
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:24:19 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:01:27 )
รายละเอียด
ความมีปัญญา เครื่องสอดส่อง วิจัย วิจาร
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 486
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:25:01 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:46 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:00:35 )
รายละเอียด
คือ แยกแยะพฤติกรรมของตนเอง ปุถุชน ตักกะ ดำริมา ก็ไม่ได้แยกแยะ มันมาทั้ง กระบวนการกิเลสพร้อม
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 13:31:24 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:26:28 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:01:00 )
รายละเอียด
วิจัย ธัมมวิจัย ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์
วิจัย เป็นการวิจัยอะไรทั่วไปในโลก
ธัมมวิจัย เป็นการวิจัยธรรมะพระพุทธเจ้า ด็อกเตอร์ก็ทำกันเยอะแยะแต่ไม่เข้าสัมโพชฌงค์ ไม่มีความรู้ของพระพุทธเจ้า กายยังไม่รู้ แยกกายยังไม่สัมมาทิฏฐิ สักกายทิฏฐิ ของตัวเองก็ยังไม่รู้เลย เอาแต่บัญญัติของอาจารย์คนนั้นคนนี้มาต่อกันทำความเข้าใจ เสร็จแล้วก็เขียนวิทยานิพนธ์ส่ง ได้เป็นด็อกเตอร์ทางธัมมวิจัย แต่ไม่ใช่สัมโพชฌงค์ มีเยอะ
เพราะฉะนั้น จะมีสัมโพชฌงค์คืออย่างไร แล้วสัมโพชฌงค์นี้คือความรู้ที่เรียกด้วยศัพท์พยัญชนะว่า ปัญญา
เป็นปัญญา ปัญญาจะเกิด ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ปัญญาผล จะเกิด ปัญญาจะเจริญมาเป็นปัญญาได้มีองค์ 3
ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ สัมมาทิฏฐิ มัคคังคะ นี่คือองค์ 3 กระบวนการที่จะให้เกิดปัญญา
ถ้าคุณไม่มีสัมมาทิฏฐิเป็นประธาน คุณไม่สามารถจะทำให้เกิดธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ได้
สัมมาทิฏฐิเป็นประธานในสัมมาทิฏฐิ 10
สามข้อหรือสามเส้ากระบวนการ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบสัมมาทิฏฐิและองค์แห่งมรรค
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 21:00:13 )
รายละเอียด
มีกายะข้างนอกสัมผัสแล้วรู้ มีสติแล้วก็มีธัมมวิจัย วิจัยจิต ย่อเข้าไปลึกเรื่อยๆ เข้าไปก็วิจัยจิตกับกิเลส แยกกิเลสให้ออกจากจิตรู้ว่าจิตเรามีกิเลส หรือแยกไม่ออก จิตหมดแล้วไม่มีกิเลสแล้วในจิต มีแต่จิตสะอาดจริงๆ ก็เป็นอันจบ จิตหนึ่งเดียว จิตสะอาด จิตบริสุทธิ์จากกิเลส
เริ่มแรกพระพุทธเจ้าให้รู้เหตุปัจจัย หลักเกณฑ์ศีลข้อที่ 1 สัมผัสกับสัตว์ ข้อ 2 สัมผัสกับของ สัมผัสกับพืชพันธุ์ธัญญาหาร สัมผัสกับวัตถุ แล้วก็ข้อ 3 ลึกเข้าไปถึง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ร่วมด้วย มันสัมผัสแล้วมันเกิดปฏิกิริยาอย่างไร เกิดอาการอย่างไร เกิดกิเลสเป็นอย่างไร แยกอาการที่เกิดในจิต อาการ ลิงค นิมิต แล้วก็มี อุเทส อุเทสคือคำบรรยาย คำอธิบาย คำสาธยายอย่างที่อาตมานำเอาคำของพระพุทธเจ้า มาสาธยายยกขึ้นให้ฟัง แล้วก็ไปปฏิบัติอ่านอาการ แล้วก็จับนิมิตของอาการต่างๆให้ได้ว่า มีกิเลส
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47 วันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 แรม 2 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก
เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2566 ( 12:27:37 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 13:26:57 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:43 )
เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:30:10 )
รายละเอียด
คำว่า “วิจัย” ทุกวันนี้ได้กลายมาเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไป หลากหลายนัยะ กว้างมาก แต่ก็ยังไม่ผิดไปจากนัยสำคัญของความหมายเดิมหมดสิ้นดอก ยังคงมีความหมายถึง การค้นคว้า การจำแนก การรวบรวม การสะสม การสอบสวน การตรวจตรา การก่อ การเลือก เพียงแต่ว่ามันแตกกระจายออกไปมีความหมายมากมายพิสดารยิ่งกว่าเดิมเหลือเกินเท่านั้นแหละ
ก็เป็นประโยชน์หลากหลายกว้างขวางยิ่งๆขึ้นไปอีกตามอายุของ“โลกจิน
ตา”ในกาลแค่นั้นเอง การแตกกระจายความหมายมากมายยิ่งขึ้นของคำว่า“วิจัย”เองมันไม่เกิดการทำลายตัวมันเองหรอก นอกจาก“การวิจัย”นั้น“ไม่ถูกต้องจริงแท้”ก็ทำให้“สิ่งที่ถูกวิจัย”นั้นมันเสียหาย ถูกทำลายไปเท่านั้นเอง
เพราะความหมายของคำว่า“วิจัย”นี้ ยังไงๆมันก็มีความหมายแท้ๆว่า ตีแตกแยกแยะออกไปเพื่อเกิดประโยชน์ยิ่งๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 21:04:24 )
รายละเอียด
คุณวิจัยกันได้ทั่วโลกทำวิจัยกันเต็มไปหมด แต่ยังไม่เป็นธัมมวิจัย แม้แต่ทำวิจัย มาวิจัยธรรมะพระพุทธเจ้าเลยนะ ได้ด็อกเตอร์ได้เปรียญ 9 เยอะแยะไป วิจัยธรรมะพระพุทธเจ้าแต่ยังไม่เป็นสัมโพชฌงค์ ยังไม่เป็นโลกุตระ ยังไม่เข้าหาจิต เจตสิก รูป นิพพาน ยังสัมผัสไม่ได้ ยังแยกจิตเจตสิกไม่ได้ โดยเฉพาะเวทนา 108 ยังแยกเวทนา 108 ไม่ได้ ทั้งๆที่พยัญชนะก็ชัดเจน
กายิกเวทนา เจตสิกเวทา เวทนา 2
สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นเวทนา 3
โทมนัส โสมนัส สุขทุกข์ อุเบกขาเป็นเวทนา 5 ความสุขความทุกข์เป็นภายนอกส่วนโทมนัสโสมนัสเป็นภายใน มีทุกขินทรีย์ สุขินทรีย์ โทมนัสสินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ อุเบกขินทรีย์ คือน้ำหนักความทุกข์สุข ภายใน และภายนอก หมดแล้วก็อุเบกขากลาง ก็ต้องรู้น้ำหนักความหนักเบาหยาบหนา ความมาก ความน้อยของเนื้อหาของโทมนัส ของทุกข์ของสุข จนหมดไม่เหลือก็เป็นอุเบกขา คุณก็ต้องรู้สภาวะอาการลิงค นิมิต คุณต้องกำหนดหมายทำนิมิตให้รู้เองว่าอันนี้หมายถึงกำหนดถึงอันนี้ให้รู้เอง อาการเท่านี้อย่างนี้คืออย่างนี้ ต้องใช้ตัวเองเป็นผู้ที่ทำทั้งนั้นเลย รู้ทั้งนั้นทำเองทั้งนั้น ได้ผลหรือไม่ได้ผลคุณก็ต้องชัดเจนของคุณเอง คุณไม่ชัดเจนหรือทำบิดเบี้ยวมันก็เพี้ยน แต่ถ้ามันแน่นมันตรงคมชัดลึกเปรี้ยงๆเลย คุณก็เร็วแต่มันบังคับไม่ได้นะก็ต้องพยายามจึงจะได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 21:26:40 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นถ้ามาตั้งต้นที่ชาติมาดูว่าจิตเราเกิด อะไรเกิดเป็นสำคัญ กิเลส เรียนรู้กิเลสให้จริง ในชีวิตทุกเวลาทุกสัมผัสที่มีเวทนาเกิด วิจัยในเวทนา เวทนาจึงเป็นตัวที่เป็นกรรมฐานหลักของศาสนาพุทธ อันเดียวนี่แหละพระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 60 ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) จับสองเอามาทำงาน เรียนรู้ภาวะ 2 ที่มันเกิดของเวทนานี่แหละแล้วทำให้เป็นหนึ่ง ให้สำเร็จ มันเกิดเป็น 2 เกิดเป็น 2 ก็เรียนรู้ 2 จึงจะจัดการกับเทวะนี้ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:40:06 )
รายละเอียด
อ่านรส อ่านอารมณ์ หรืออ่านอาการจิตของตนออก
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 235
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:25:39 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:43:04 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:02:08 )
รายละเอียด
คือ พฤติกรรม เอามาแยกแยะโดยจาระ
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 13:30:29 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:38 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:01:50 )
รายละเอียด
วิจาร จาร แปลว่า อาการจิตดำเนินอยู่ ถ้ามันดำเนินเป็นวิ ที่ไม่ควรเป็น คือต้องปฏิเสธต้องเนกขัมมะเอาออก ถ้าทำเป็นแล้วมันก็จะดีขึ้น วิ ดียิ่งขึ้น คำว่า วิ นี้ เป็นสิริมหามายา มีความหมายทั้ง 2 ด้าน dialectic ถ้าฟังเป็นจะแยกแยะได้แล้วไม่แย้ง อันนี้หมายถึงสิ่งที่ปฏิเสธ อันนี้หมายถึงที่เป็นอย่างยิ่ง ดีอย่างยิ่ง เจริญอย่างยิ่ง ก็เป็นวิจาร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น
จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 15:17:34 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 10:05:42 )
รายละเอียด
ทีนี้มาวิจารณ์ คนไปหลงเงินไปหลงค่าของเงิน อาตมาจะเทียบให้ดูเป็นคู่ๆ ค่าของเงินกับค่าของอาหารที่คนบริโภค อะไรมีค่ายิ่งกว่ากัน ...อาหาร ต่อให้ราคาหรือค่าของเงินของคุณ ค่าของแบงค์โน๊ต เป็นต้น จะมีอัตราของคุณ สมมุติว่า 1 หน่วยของคุณ จะเรียกเป็นรูปี ดอลลาร์หรือหยวนก็ตาม มีราคา เป็น 100 หรือเป็น1,000 หรือเป็น10,000 หน่วย เช่น 10,000 บาท ต่อ 1 ของคุณ เช่น 10,000 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ 10,000 บาทต่อ 1 หยวน 1 บาทต่อ 1 รูปีอะไรก็ตาม คุณก็ตั้งค่าไป ก็เราไม่ไปบ้ากับค่าของเงินของคุณ
เราไม่มีดอลลาร์ เราไม่มีหยวน เราไม่มีอะไรก็แล้วแต่ตามค่าที่ว่า แต่เรามีอาหาร กินได้ทุกวัน คุณมีเงินคุณกินเงินเข้าไป ธนบัตรค่าแพงของคุณกินเข้าไป เราไม่มี พวกเรานี้จนธนบัตร แต่เรามีข้าวมีกับ มีอาหารมีผลไม้ มีพืชพันธุ์ธัญญาหาร กินทุกวัน สบาย บางคนกินจนท้องคัดทุกวัน ระวังนะ ท้องคัดมากๆเดี๋ยวตายไวนะ กินพอดีพอดี แล้วเราสร้างอย่างที่ไร้สารพิษ มีสารอาหารที่ดีอุดมสมบูรณ์งอกงามต่างๆนานา เราเข้าใจจุดสำคัญของสิ่งที่อาศัยในชีวิต คำว่า สิ่งที่อาศัยในชีวิต มันมีอาหาร 4 กับอาหาร 10
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:17:41 )
รายละเอียด
รู้สภาพอาการตัวเองที่มันเป็นพฤติกรรมของมัน มันเป็นตัวนั้น ตัวที่-กำลังเป็นอยู่นั้น คือตัวพฤติ บทบาท ตัวเป็น
หนังสืออ้างอิง
อีคิวโลกุตระ หน้า 72
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:26:37 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:14 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:02:29 )
รายละเอียด
1 การยังมีความไม่ชัดเจนในความรู้ของตน ยังเป็นความไม่ตัดสินในตน ยังไม่รู้จริงจนแน่ใจ มั่นใจ ชัดใจ ปักใจ แจ่มใส
2 ความสงสัย
3. ความสงสัย คลุมเครือ ลังเลใจ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 235
สมาธิพุทธ หน้า 238
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:28:40 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:02 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:03:02 )
รายละเอียด
เขามีอวิชชาเขาก็มีนิวรณ์ 5 เป็นอาหาร เขาไม่เข้าใจหรอกว่าเขามีวิจิกิจฉา วิจิกิจฉาคือความงงงวยสับสน เขารู้ก็ไม่ครบหรอกวิจิกิจฉา ไม่ใช่รู้สมบูรณ์แบบเลย มีปัญญา 8 ไม่ง่าย ต่อให้จบเปรียญ 9 จบด็อกเตอร์ก็รู้ปัญญา 8 ไม่ได้ เข้าใจไม่ได้ละเอียดแล้วพอหรอกเป็นวิจิกิจฉา เพราะฉะนั้นเขาจะฟุ้งซ่านอุทธัจจะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก ผลงาน 50 ปี ตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพ่อครู วันพุธที่ 18 มกราคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ปี 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 มกราคม 2566 ( 11:48:21 )
รายละเอียด
ต่ออีกนิดนึง มนุษย์อย่างพวกเรานี้ เป็นมนุษย์อะไร? ชาวอโศก มาเข้าใจได้อย่างไร มาเชื่อได้อย่างไร เอาชีวิตมาอย่างนี้ได้อย่างไร แค่นี้อาตมาก็ “งึด” ใครไม่ “งึด” ก็ช่าง มันเป็นตางึดอีหลี!อีหลอ! ลองคิดดูสิ ว่าคุณมาได้อย่างไร มาสนิทใจกันบ้างไหมนี่ (โยมว่า สนิทใจ) มาแล้วสนิทใจด้วยนะ ไม่ละล้าละลังว่า เราบ้าหรือเปล่า? ไม่รู้หรือว่าเราบ้าหรือเปล่า ...ไม่บ้า หรือ บ้าก็บ้าวะ มันสนิทใจจริงๆ มันไม่มีลังเล ไม่มีวิจิกิจฉา
คำว่า วิจิกิจฉา เป็นตัวหนึ่งในนิวรณ์ 5 เป็นตัวสำคัญมากเลย ในเรื่องของอะไรก็แล้วแต่สำหรับธรรมะพระพุทธเจ้า ถ้ามีวิจิกิจฉาไปไม่ออก คุณมาเรียนรู้ ถ้าคนจะมาเรียนรู้ศึกษาจากชาวอโศกแล้วมีตัววิจิกิจฉามา ก็ไม่ได้เลย ไม่ได้ ขนาดมาแบบไม่มีวิจิกิจฉาเลย ก็ยังออกไป มันไม่อยากไปเลย แต่ต้องออกไป มันไม่มีวิจิกิจฉาเลยว่ามันดีแน่ๆ แต่เราเองเอาไม่ได้ ซึ่งมันไม่มีวิจิกิจฉานะ สำคัญมากเลย ไม่มีตัวข้องคาในจิตใจเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประเด็นโลกุตระจากงานศพอาจารย์สมเกียรติ วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2564 ( 11:54:22 )
รายละเอียด
วิจิกิจฉา ในอนุสัย 7 เป็นตัวที่ 4 ตัวกลาง
1. กามราคานุสัย (ความดึงดูดกำหนัดในกาม)
2. ปฏิฆานุสัย (ความผลักไส ขัดเคือง ขึ้งเคียด)
3. ทิฏฐานุสัย (ความยึดถือความเห็นเป็นตนของเรา)
4. วิจิกิจฉานุสัย (ความลังเลสงสัย ทำให้เนิ่นช้า)
พ้นจากความสงสัยไม่มีที่ไม่รู้ก็จะเหลือสภาพของมานะที่ยังมีกับรายละเอียดของภพ รายละเอียดใน ภวราคานุสัย
คนจบ ภวราคานุสัย มานานุสัย อาศัยภพ กับวิชชา พอจบแล้วไม่มีอวิชชา เป็นวิชชากับภพ ภพลำลอง
5. มานานุสัย (ความถือตัวทั้งหลาย)
6. ภวราคานุสัย (ความใคร่อยากในภพละเอียด)
7. อวิชชานุสัย (ความไม่แจ้งในอาริยสัจ)
(พตปฎ. เล่ม 23 ข้อ 11)
ส่วนอาสวะ คือสังโยชน์ 10
เดาไม่ได้นะ ต้องมีสภาวะและรู้พยัญชนะจึงจะพูดได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 20:15:42 )
รายละเอียด
จิตสงสัย ลังเล
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 99
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:29:24 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:29 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:16:33 )
รายละเอียด
ภวตัณหา ไปอยู่ในตัวที่ 6 ของอนุสัย 7 หรืออยู่ในตัวที่ 2 ของ ตัณหา 3 (กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา)
อยู่ในสังโยชน์ 10 ภวตัณหาต้องหมดกาม ปฏิฆะก่อน มีสามเส้า คือกาย ต้องรู้กายอย่างพ้นวิจิกิจฉา ต้องรู้ตัวตนสักกะ ต้องรู้กาย ความเป็นนอกเป็นใน ความเป็นรูปเป็นนามความเป็นภาวะ 2 อย่างพ้นวิจิกิจฉา ไปอธิบายวิจิกิจฉาว่าเราไม่สงสัยในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์นั้นก็ใช่ยกยอดไปเลย แต่ในสภาวะปฏิบัติคุณต้องหมดวิจิกิจฉาใน กายในตัวตน สักกะคือตัวตนกาย คือสภาวะ 2 ต้องมีทิฐิความรู้ความเห็นเข้าใจพ้น สักกายะ คือคุณจับมั่นคั้นตายระหว่างตัวตนระหว่าง กาย ชัดเจนแล้วไม่สงสัย พ้นวิจิกิจฉา ว่าตัวเองรู้จักกายชัดเจนเอามาใช้งานได้แล้วจึงปฏิบัติศีลพรต ปฏิบัติตามข้อหลักปฏิบัติและประพฤติจริง ศีล คือหลักปฏิบัติ พรต คือประพฤติจริง อย่าทำแค่ลูบๆคลำๆเล่นหัวต้องทำเอาจริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธ ศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 20:17:29 )
รายละเอียด
คือ ความรู้แจ้ง
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 139
เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:13:24 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:50:26 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:03:23 )
รายละเอียด
1. มีแต่ความรู้แจ้งที่ถูกต้อง หมดความหลง หมดความสงสัย หมดสิ่งพราง
2. รู้ชัดรู้แจ้ง จับสังขารได้ รู้สังขารได้เช่นนี้ และเรียกว่าเป็นผู้รู้ที่สุด
3. ความรู้
4. รู้ได้ , ความรู้ชนิดพิเศษที่พาเจริญ ประเสริฐแท้ ทั้งพาพ้นทุกข์อย่างดีพิเศษที่คนประเสริฐพึงพ้นจริง
5. ความรอบรู้ , ความรู้ยิ่งเห็นจริง
6. ญาณสัมบูรณ์
7. ความรู้ประเสริฐ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 292
ทางเอก ภาค 3 หน้า 70
คนคืออะไร? หน้า 156, 265, 513
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 75
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 312
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 12:32:32 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:39 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:04:53 )
รายละเอียด
ความรู้ อัญญธาตุ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 61 วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 14:36:09 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:40 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:06:52 )
รายละเอียด
คือ ความรู้ของศาสนาพุทธ แต่ วิชา คือ ความรู้ทางโลก ตักกะในตำรา แต่วิชชาคือ สุดยอดความรู้
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 14:13:20 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:56 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:05:14 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 12:00:52 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:57:15 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:06:01 )
รายละเอียด
ส่วน“วิชชา”นั้นคือ ความรู้องค์รวม หรือความรู้รวบยอด ที่เจริญแต่ละรอบๆ
ศาสนาพุทธมีหลักการศึกษา“ 3 เส้า”
เรียกว่า “ไตรสิกขา” คือการศึกษา“หลักใหญ่”
โดยมี“องค์ 2”ของ“ธาตุ”และ“ธรรม”ที่สังขาร หรือสังเคราะห์กันให้ศึกษาอยู่เสมอเรียกว่า“รูป”กับ“นาม”เป็นต้น หรือ“สมมุติ” กับ“ปรมัตถ์” หรือธรรมคู่อื่นๆมากมาย ฯลฯ
แล้วตีแตกแยกแยะ“ธาตุ”หรือ“ธรรม”
นั้นๆได้ และทำให้เหลือ“ธรรมะ 1“ กระทั่งทำให้“ธาตุ”หรือ“ธรรม”นั้นเป็น“0”สำเร็จผลจบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(จรณะ 15 วิชชา 8) ตอน ไฟฌานทำลายกิเลสได้อย่างไร
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:35:50 )
รายละเอียด
ความรู้แจ้งอันพาสู่ความพ้นทุกข์หมดกิเลส
1. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ (รู้ระลึกเรื่องที่ผ่านมาชาติต่างๆของกิเลสตนได้)
2. จุตูปปาตญาณ (รู้การเกิดและดับของกิเลสต่างๆของตนได้)
3. อาสวักขยญาณ (รู้ความหมดสิ้นไปของกิเลสตนได้)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 13"สันทกสูตร" ข้อ 310
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2562 ( 21:06:01 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 16:14:59 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:06:25 )
รายละเอียด
คือความรู้แจ้งอันพาสู่ความพ้นทุกข์หมดกิเลส
1. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ (ระลึกชาติกิเลสต่างๆ -
ของตนได้)
2. จุตูปปาตญาณ (รู้การเกิดและดับ -
ของกิเลสต่างๆของตนได้)
3. อาสวักขยญาณ (รู้ความหมดสิ้นไปของกิเลสตนได้)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 13 “สันทกสูตร” ข้อ 310
เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 13:18:32 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:02:57 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:07 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:17:00 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิจย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:08:28 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:39 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:17:42 )
รายละเอียด
วิชชาคือความรู้แจ้งในกิเลส ได้แก่
1. วิปัสสนาญาณ (ความรู้แจ้งเห็นจริง – หรือรู้ความจริงในเหตุที่มีความจริงเกิด รู้กิเลสตายจริง อกุศลดับจริง)
2. มโนมยิทธิญาณ (ความรู้แจ้งกิเลสด้วยฤทธิ์ทางจิต ที่จิตสามารถ เนรมิต “ความเกิด” อย่างใหม่ขึ้นมาได้)
3. อิทธิวิธญาณ (ความรู้แจ้งกำจัดกิเลสด้วยวิธีอันเก่งวิเศษหลายอย่างในการที่จิตมีอานุภาพ เพราะปราศจากกิเลสแล้ว)
4. ทิพโสตญาณ (ความรู้แจ้งด้วยหูทิพย์แยกแยะกิเลสได้ สามารถแยกแยะ การได้ยินสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้ง เช่น กิเลสปะปนมากับคำร่ำลือ กับเสียงที่เกินกว่าคนธรรมดาเขาจะรู้นัยยะได้)
5. เจโตปริยญาณ (ความรู้แจ้งด้วยจิตกำหนดรู้กิเลสอื่น ๆ ได้ กำหนดรู้ความแตกต่างในจิตขั้นอื่น ๆ ของตนได้รอบถ้วน)
6. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (การย้อนระลึกได้ถึงการเกิดกิเลสเก่าก่อนมารู้อาริยสัจจะจนหายโง่จากอวิชชา)
7. จุตูปปาตญาณ (ความรู้แจ้งด้วยการรู้เห็นการเกิด-การดับของจิตที่ดับเชื้อกิเลสของตน แล้วเกิดเป็นสัตว์เทวดา หรือสัตว์อาริยะได้)
8. อาสวักขยญาณ (ความรู้แจ้งด้วยการรู้ว่าอาสวะกิเลสของตนหมดสิ้นแล้ว)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 9“สามัญญผลสูตร” ข้อ 127-138
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 16:44:36 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 16:14:21 )
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 15:07:36 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name