@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

พุทธเป็นศาสนาที่สุดยอดที่เข้าใจเทวะหรือธรรมะ2

รายละเอียด

เรื่องนี้เป็นเรื่องลึก ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นความสูงส่ง ซึ่งไม่มีธรรมะศาสนาไหนที่เหมือน ศาสนานี้จึงเป็นศาสนาที่หมดบุญหมดบาปหมดสวรรค์หมดนรก หมดอัตตาหมดปรมาตมัน หมดสิ่งเหล่านี้หมดไปเลย จึงเป็นศาสนาที่สุดยอดที่เข้าใจเทวะเข้าใจธรรมะ 2ธรรมะ 2 นี่แหละที่โลกเข้าใจไม่ได้จึงกลายเป็นธรรมะ 2 ที่เป็นเทวนิยมมีพระเจ้า มีสิ่งที่ลึกลับ เป็นอย่างนั้นตลอดกาลเขาตีไม่แตก มีศาสนาพุทธศาสนาเดียวตีเทวแตก แล้วสุดท้ายดับเทวได้หมดเลยไม่เหลือเทวดา ไม่มีเทวดาไม่มีสัตว์นรก มีแต่กรรมกิริยาที่กำหนดกรรมรู้กรรม ทำสิ่งที่ดี สิ่งที่ชั่วไม่ทำ ไม่ทำบาป ทำแต่ดี ถ้าจะทำก็ทำแต่ดี กิเลสไม่มี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:47:43 )

พุทธเราเป็นเจ้าของจิตวิญญาณของเราเอง

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเราเป็นเจ้าของจิตวิญญาณเราเองไม่ใช่พระเจ้าเป็นเจ้าของ เราเรียนรู้จิตจะเป็นอย่างไร จะอยู่อย่างอาตมาเป็นโพธิสัตว์ก็ทำได้พูดได้ อธิบายแยกจะให้ฟังได้อย่างแท้จริงอยู่ได้ ให้อยู่ได้ จะอยู่ไปอีกก็ไม่ทำชั่วทำบาปอะไรให้ถึงที่สุดก็ทำได้ โพธิสัตว์ทำไปจนถึงเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าสมัยเดียว ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนที่กลับมาเป็นพระพุทธเจ้า 2 สมัย ก็จะปรินิพพานเป็นปริโยสานทุกพระองค์ ซึ่งสุดยอดแห่งสุดยอดแห่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์นามธรรมทางจิต 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:13:07 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:41:42 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:57:34 )

พุทธเริ่มต้นด้วยศีลมีอปัณกธรรม 3

รายละเอียด

อย่างพวกนั่งหลับตาพวกที่ไม่มีจรณะ 15 วิชชา 8 ไปปฏิบัติฌาน ด้วยการหลับตาปฏิบัติสมาธิด้วยการหลับตาปฏิบัติธรรมที่ไม่มีอปัณกปฏิปทา 3

จรณะ 15 ต้องมีศีล หากไม่มีศีลเป็นหลักจะไม่ได้เดินอยู่ในกระบวนการของจรณะ 15 วิชชา 8 ก็ไม่ใช่พุทธ พุทธ จะเริ่มต้นด้วยศีล

คนที่เริ่มต้นด้วยศีลแต่ไม่มีอปัณกธรรม 3 ก็เป็นการปฏิบัติธรรมนอกศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:01:00 )

พุทธเรียนทั้งวิทยาศาสตร์จนถึงจิตนิยามซึ่งเป็นประธานสิ่งทั้งปวง

รายละเอียด

ยกตัวอย่างเป็นวัตถุธาตุน้ำ H2O มีแก๊สสองอย่างคือ ไฮโดรเจนกับออกซิเจน เกาะตัวกัน มันก็เป็นลักษณะธาตุใหม่ จากแก๊สมาเป็นของเหลวคือน้ำ วิทยาศาสตร์รู้ดี แต่นี่เราแยกแล้ว ธาตุไฮโดรเจนกับออกซิเจนนี้จะมารวมตัวกันอีกเป็น H2O ก็ได้แต่มันยาก และได้สัดส่วนอีกตามพลังงานแสงเสียงแม่เหล็กไฟฟ้าตามธรรมชาติ

ของพุทธเรียน ทั้งฟิสิกส์ ไบโอโลจี จนเลยไปถึงจิตนิยามเลย ถึงกรรมนิยาม สามารถทำกรรมเป็นโลกียะ ตามประธานคือ จิต เป็นประธานสิ่งทั้งปวง ควบคุมได้ ว่าเราต้องการระดับไหน ระดับโลกีย์ก้าวหน้าแบบบวก แบบคูณ ก้าวหน้าแบบยกกำลังหรือสลายยอดเลย สลายอย่างระเบิดปรมาณู ตูม เดียว แยกธาตุ บวก ลบ พลังงานนั้นหายไป แตกตัว มีทั้งส่วนที่เกาะกันและแยกกัน พระพุทธเจ้ายกตัวอย่างเป็นพวงมะม่วงหล่นลงมาแตกกระจาย บางลูกก็กระจายไป บางส่วนก็ติดกันอยู่ แต่ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว หายไปก็มีเหลืออยู่บ้างก็มี มากที่สุดจับตัวก็ไม่เป็นเหมือนเดิมแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:30:48 )

พุทธเรียนรู้ต่อจากดีชั่วเป็นยึดสุขทุกข์

รายละเอียด

จนพระพุทธเจ้ามาเรียนรู้ต่ออีก ต่อจากดีและชั่วแล้ว มันยึดสุขยึดทุกข์ มันยึดความรู้สึกซึ่งมันแตกต่างกันเป็นของที่เขาไม่เรียน เขาก็เลยหลงแต่สุข ทำดีเป็นสุข ทำชั่วเป็นทุกข์ปนเปกันไป พระพุทธเจ้าก็บอกว่าทำดีเป็นทุกข์ก็มี ทำชั่วเป็นสุขก็มี ใช่ไหม มันไม่ใช่นะ ทำดีเป็นสุขทำชั่วเป็นทุกข์ มันไม่ใช่นะ ก็คนมันทำดีเป็นทุกข์ ทำชั่วเป็นสุขก็มี จริงๆ ทำดีก็ควรเป็นสุข ทำชั่วก็ควรจะเป็นทุกข์ มันก็ควรนะ แต่มันหลบหลีกได้ ก็ทำ เอาให้จริง พระพุทธเจ้าก็ต้องศึกษาให้จริง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สังขารกับการเวียนว่ายตายเกิด


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:21:03 )

พุทธเรียนรู้ที่เวทนาอย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสว่าให้เรียนรู้ที่เวทนาจับคู่ความทุกข์ความสุขมาทีละคู่ หรือจะเรียกอีกภาษาว่าดีชั่วก็ได้ ธรรมะ 2 เป็นธรรมะคู่ มีอันที่ตรงกันข้ามกัน 2 อย่างก็เอามาแยก 2 อย่างนี้ แล้วเอามาไว้ใช้ แล้วก็เข้าใจสูงสุดที่พระพุทธเจ้าหรือศาสนาพุทธ ที่พระพุทธเจ้าทุกองค์ตรัสรู้ก็คือ ตีแตก แยกธาตุได้เลย เป็น 0 อย่างไม่จับตัวกันได้อีกเลยนี่เป็นความรู้ที่สุดยอดแล้ว เทวนิยมยังไม่มีภูมิปัญญาตัวนี้จึงฟังให้ตายก็ไม่เข้าใจ

คนที่สร้างบารมีมาพอก็จะฟังธรรมะอย่างนี้เข้าใจ แล้วเอาไปปฏิบัติได้ประโยชน์จริง ก็ได้ประโยชน์ในการลดละกิเลสได้ เกิดเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์

คำอธิบาย

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:02:26 )

พุทธเลิกสวดอ้อนวอน

รายละเอียด

คำถามที่ถามมาเรื่องการสวดมนต์ที่ไม่ตรงกับศาสนาพุทธ ตอบไปแล้ว จะว่าได้บาปก็หนักกว่า ที่ไปงมงาย หนักกว่าบาปอีก คือมันงมงาย จนมืดไปอีกนานแสนนาน มันโง่หนัก มันก็จมผิดอยู่หนัก เกิดชาติแล้วชาติเล่าไปอีกกี่ชาติ หนัก แล้วก็ทับถมกรรมวิบาก รับกรรมวิบากแล้วแต่บุคคลอีก ใครทำชั่วหนักบาปหนักคุณก็รับวิบากหนักไป วนเวียนอยู่นั่นแหละ ไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ แล้วคุณจะทรมานไปอยู่อย่างนั้นเหรอ 

หลงสวรรค์ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า คนที่ตายแล้วจากการเป็นมนุษย์ จะได้เป็นสวรรค์นั้นน้อยกว่าน้อยนัก น้อยยิ่งกว่ามือที่จิ้มลงไปในแผ่นดินแล้วมีดินติดอยู่ในเล็บ จำนวนเท่านี้คือผู้ที่ได้ขึ้นสวรรค์ นอกนั้นทั้งแผ่นดินคือตกนรก ไม่ขนลุกขนพองบ้างหรือ ฟังคำตรัสพระพุทธเจ้าอย่างนี้เป็นต้น 

มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะทำความเข้าใจกัน เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีสัมมาทิฏฐิ ไม่มีผู้สอนที่ถูกต้องและก็พาปฏิบัติอย่างถูกต้อง ก็งมงายกันอยู่อย่างนั้น จะทำไงได้ คนเป็นเทวนิยมที่ยังต้องหลงกันอยู่นี้ สวดอ้อนวอนกันอยู่ทั้งนั้นในเทวนิยม มีแต่พุทธที่เลิกสวดอ้อนวอน จะสวดก็คือสวดประณามคาถา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานโลกีย์กับฌานโลกุตระ สภาวะต่างกันเช่นไร วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2567 ( 17:23:52 )

พุทธเศรษฐศาสตร์โลกุตระเน้นมีให้น้อยและขาดทุน

รายละเอียด

เอาตรงคำว่าพุทธเศรษฐศาสตร์จุลภาคกับพุทธเศรษฐศาสตร์มหัพภาคก่อน

นี่ใช้คำว่าพุทธร่วมด้วยนะ พุทธเศรษฐศาสตร์ จะให้ชัดก็โลกุตระเศรษฐศาสตร์โลกุตระกับเศรษฐศาสตร์ที่ไม่ใช่โลกุตระ ก็คือเศรษฐศาสตร์โลกุตตระกับเศรษฐศาสตร์โลกียะ 

จะใช้คำว่า พุทธเศรษฐศาสตร์ ศาสนากระแสหลักที่เป็นคนไทยเขายังไม่เข้าถึงโลกุตระ เพราะฉะนั้นใช้คำกำกับพุทธเศรษฐศาสตร์ มันต้องอธิบายอีก ใช้คำว่าเศรษฐศาสตร์โลกุตตระกับเศรษฐศาสตร์โลกียะ อย่างนั้นจะชัดเจน 

ทีนี้คำว่า เศรษฐศาสตร์จุลภาคนั้น คุณน้ำมิตรบอกว่า ที่อาตมาอธิบายเป็นจุลภาค ส่วนเศรษฐศาสตร์ของในหลวง ร. 9 นั้นเป็นเศรษฐศาสตร์มหภาค 

มหภาคแปลว่า กว้าง เป็นส่วนใหญ่ ส่วนจุลภาคนั้นเป็นส่วนเล็ก ส่วนน้อย ก็ถูก เพราะเศรษฐศาสตร์โลกุตระนั้น มันยังรู้กันในคนส่วนน้อย ทำได้ในคนส่วนน้อย และที่จริงที่สุด มันก็จะได้ส่วนน้อยนั่นแหละเป็นหลักตลอดกาลนาน เพราะ เศรษฐศาสตร์โลกุตระ มันจะยอดพีระมิด ถ้ามันเจริญมันก็จะขยับเอามวลจากยอดพีระมิดลงมาหาฐานพีระมิดมาเรื่อยๆ มันก็ยังจะน้อยอยู่ตลอดกาล 

เพราะโลกุตระนั้น จากน้อยขยายมาๆ ถ้ามันไม่เกินครึ่งของฐานพีระมิดแล้วล่ะก็ แม้จะเกินครึ่งมาอีก ฐานพีระมิดก็ยังมีมวลมากกว่าครึ่ง ต่อให้พีระมิดลดลงมา เอามวลพีระมิดนี้จากพื้นที่มวลพีระมิดแหลมยอด ลงมาเรื่อยๆเกินครึ่งหนึ่งของฐานพีรามิด มวลของยอดพีระมิด มันก็ยังเป็นมวลน้อยกว่าฐานพีระมิดอยู่ดี 

แต่มวลที่น้อยนี่แหละ เป็นผู้มีความประเสริฐ เสฏฐะ แปลว่า ความประเสริฐหรือจะแปลจาก Economy เขาแปลว่า ประหยัด มันก็เป็นผู้ที่ประโยชน์สูง ประหยัดสุดอยู่ดี มันเป็นเรื่องของความเป็นประโยชน์สูงประหยัดสุดอยู่ดี เอาประโยคนี้มาอธิบายโลกุตระเศรษฐศาสตร์ โลกุตระก็แล้วกัน 

ประโยชน์สูง ประหยัดสุด มันไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยไม่สุรุ่ยสุร่าย หรือว่าเป็นเล่ห์กลอยู่ในวิธีสะพัดเงินหมุนเงิน เพื่อโลภมาให้แก่ตัวเองได้มากขึ้นๆ แต่มันจะทำน้อยลง น้อยลง น้อยลง อาตมาอธิบายติดตามดีๆ ตอนนี้ขยายไปถึงประเด็นที่ 9 แล้ว เศรษฐศาสตร์โลกุตระนี้ ขยายตอนนี้มันไม่เชื่อมต่อกันก็คงจะเข้าใจยากเพราะไม่มีพลความ ต้องฟังพลความเป็นคำขยายพื้นฐานมาก่อนแล้วก็จะเข้าใจรายละเอียดได้ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม เปรียบเทียบเศรษฐศาสตร์โลกียะกับเศรษฐศาสตร์โลกุตระ วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 18:27:32 )

พุทธแบบทิเบต

รายละเอียด

ผู้ที่ยึด ทางจีนทิเบต ไต้หวัน เดิมแท้นี้ไปจมกับไต้หวันทิเบต ก็เลยยึดเอาทางโน้น โดยเฉพาะทางทิเบตเป็นการยึดถือนิรันดร สัสสตทิฏฐิ ดาไลลามะตายไปแล้วก็ไปตามหาว่าไปเกิดที่ไหนก็เอาองค์เก่ามาเป็นดาไลลามะอีก ก็เป็นองค์เดิม อีกไม่เคลื่อนไปเป็นองค์อื่นอีกเลย แล้วมันจะเจริญขึ้นไปได้อย่างไร แล้วผู้ที่เป็นดาไลลามะเป็นองค์เก่า   ไม่เป็นองค์ใหม่เลย 

อย่างอาตมาใครจะมาว่าเป็นพระสารีบุตรนั้นอาตมาว่าอย่างนั้นไม่เจริญ จะให้อยู่อย่างนั้นกี่รอบกี่รอบก็จะเป็นสารีบุตร อาตมาเจริญกว่าสารีบุตรแล้วรูปก็ไม่ใช่นามก็ไม่ใช่แล้วแล้วจะให้อาตมาเป็นสารีบุตรอีก ดูถูกอาตมา 

เป็นเรื่องของความไม่เที่ยงความไม่ยึดมั่นถือมั่นอย่างแท้จริงต้องเอาปัจจุบัน ปัจจุบันอาตมาเป็นโพธิรักษ์ระดับ 7 หรือ 8 แล้วก็ยังไม่รู้ แต่ไม่เป็นไร 7 ไปก่อนก็ได้ ธรรมะ ไปถึง 8 ก็ไม่เป็นไร เราบอก 7 แต่เราพูดไปมันเป็น 8 ก็ไม่เป็นไร สภาวะมันเจริญก็ใช้ได้อย่าให้มันเสื่อมก็แล้วกัน 

สรุปแล้วพวกที่ไปยึดถือไต้หวันทิเบตทางโน้นเขาจะเป็นสัสสตทิฏฐิ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:05:05 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:58 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:55:48 )

พุทธโลกุตระไม่ไปหาอาวุธหรือหาเขี้ยวเล็บฆ่าคนอื่น

รายละเอียด

ศาสนาพุทธโลกุตระรู้แล้วจบไม่เสียเวลาที่จะไปมีพวกนั้น เช่น จะไปหาอาวุธหรือหาเขี้ยวเล็บหาอำนาจเพื่อจะฆ่าคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เราไม่ทำแล้วเราเลิก 

อย่างประเทศไทยต่อๆไป เลิกสะสมอาวุธสร้างอาวุธซื้ออาวุธก็ไม่ต้อง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้นก็ต้องมีไปบ้าง มีไปเพื่อชะลอให้พอเป็นพอไปรอด อยู่กับสังคมที่ยังมีความโหด แต่จิตวิญญาณที่เรามีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขานี่แหละ เป็นจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่กว่าอำนาจอาวุธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:38:34 )

พุทธในเมืองไทยเพี้ยนไปเขาจึงไม่บรรลุธรรม

รายละเอียด

พุทธในเมืองไทยเพี้ยนไป เช่น กายเขาก็ไปเข้าใจว่ามีแต่เพียงภายนอก มีแต่รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอย่างเดียว ไม่มีจิตเข้าร่วมด้วย ซึ่งมันผิดธรรมชาติและก็ผิดความจริง 

ธรรมชาติของการรู้ต้องมี 2 รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส กาย โผฏฐัพพะ ก็ต้องมี 2 ขาด 2 ไม่ได้ มีรูปกับนาม 

เสียงก็คือรูป รสก็คือรูป กลิ่นก็คือรูป สัมผัสเสียดสีภายนอก เย็นร้อนอ่อนแข็งภายนอกก็คือรูป แล้วต้องมีนามธรรมของแต่ละคนๆ ที่ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รับรส สัมผัสเสียดสีทางโผฏฐัพพะทางร่างกายภายนอกตนเองเป็นผู้รับรู้ความรู้สึก แล้วมีสัญญากำหนดรูปของตัวเองได้ คนที่เรียนรู้ผิดศึกษาผิดไม่เข้าใจ เข้าใจก็เพี้ยนๆ ความหมายเพี้ยน สภาวะเพี้ยนไป 

ถ้ากำหนดถูก สภาวะถูก ก็สามารถที่จะเรียนรู้และปฏิบัติบรรลุธรรมได้ เขาไม่บรรลุธรรมตามสัมมาทิฏฐิ แต่ไปบรรลุธรรมแบบเทวนิยม แบบเดียรถีย์ นอกศาสนาพุทธ แล้วก็ยึดมั่นถือมั่นอย่างนั้นที่เขาเข้าใจว่าถูกต้อง ทั้งๆที่มันผิด จนกระทั่งหลงผิดไปถึงขั้นหลงว่าบรรลุอรหันต์ ทั้งที่เป็นวิธีสะกดจิตทั้งนั้น เป็นวิธีหลับตาทำ ออกป่าเขาถ้ำ ออกไปนอกรีตไม่เป็นไปตามที่อาตมาได้สอน ได้แนะนำ ได้บรรยาย แล้วก็ยืนยันหลักฐาน 

แม้ในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ซึ่งเป็นฉบับที่เพี้ยนออกไปทางป่ามาก แต่ก็ยังมีร่องรอยของทางสัมมาทิฏฐิอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะว่าได้เก็บเอาคำสอนของพระสารีบุตรไว้ด้วย พระอานนท์ไว้ด้วย ไม่ใช่มีแต่ของพระกัสสปะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565  วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 19:32:39 )

พุทธไม่ควบคุมจิตแต่ให้จิตสว่างแจ้งด้วยปัญญา

รายละเอียด

คำว่าควบคุม  “ควบคุมจิต” กับคำว่า “อบรมจิต” หรือ “ฝึกฝนจิต” หรือ “เรียนรู้จิตอย่างบริบูรณ์สัมบูรณ์” ดีมาก เอาจุดที่ชัดๆให้ยอม ไม่ให้ยอมหรอกให้คุณเข้าใจ คุณใช้ศัพท์ว่า ให้ยอม ก็เป็นภาษาของพวกควบคุม แต่ถ้าเผื่อว่าใช้ภาษาไม่ใช่ยอมหรอก แต่ อ้อ..สว่างแจ้งด้วยปัญญา นี่คือ ความบริบูรณ์สัมบูรณ์ เป็นการเรียนรู้ที่ได้รู้แจ้งด้วยปัญญา ประเด็นนี้แหลมคมมาก 

พระพุทธเจ้าตรัสว่า สำเร็จด้วยปัญญาอันยิ่ง สัมมัปปัญญา มันบริบูรณ์ด้วยปัญญาอันยิ่งไม่ใช่เป็นการ Command ไม่ใช่การควบคุม ไม่ใช่การบังคับ ไม่ใช่การกำหนด เหมือนอย่างจะพูดให้กว้างๆ วันนี้จะให้ความรู้อันหนึ่งสำหรับความกว้าง สำหรับองค์รวมที่ใหญ่ ที่เล็ก อย่างเล็กคืออย่างประเทศไทย ใช้ปัญญา ประเทศไทยใช้ปัญญาบริหารสังคม เปรียบเทียบกับจีน ขณะนี้ จีนประสบผลสำเร็จอยู่ประมาณหนึ่ง ใช้ปัญญาบริหาร เมืองไทยก็ใช้ปัญญาบริหาร แต่ลึกซ้อนเข้าไป จีนนั้นใช้ปัญญาบริหารและมีกึ่งควบคุม Command ด้วย 

ส่วนไทยนั้นใช้ปัญญาบริหาร อย่าง อิสรเสรี จุดนี้ที่ต่างกัน นักรัฐศาสตร์ นักสังคมศาสตร์ฟังดีๆ ประเด็นนี้ ซึ่งยังไม่เข้าไปหาคำว่าเศรษฐศาสตร์ เพราะเศรษฐศาสตร์จะซ้อนไปอีก 

เอาความหมายตาม Concept ตามที่คนเขาถือนะ ว่าเศรษฐศาสตร์หมายถึงอะไร เป็น Concept ของเขาไป เพราะคนทั่วไปเข้าใจกัน อาตมาจะลงไม่ถึงบัญญัติพยัญชนะของเศรษฐศาสตร์ เพราะมันจะกลับกันอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2565 ( 11:18:40 )

พุทธไม่เอาทั้งสุขและทุกข์

รายละเอียด

แต่ของพุทธก็ต้องแยกออก ให้เป็นแฝดก็แยกออก มีอาการ ลิงค ที่ต่างกัน ต้องแยกออกให้ได้เป็น 2 เช่นสุขกับทุกข์ นี่คือโลกุตระ แต่ดีกับชั่วเป็นโลกียะ ก็เอาดีไว้ก่อนอย่าเอาชั่วเลย แต่สูงกว่านั้นเป็นสุขกับทุกข์ไม่เอาทั้งสุขและทุกข์เลย อันนี้สุดยอด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:35:48 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:42:24 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:52:05 )

พุทฺโธ

รายละเอียด

พุทฺโธ เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว ภควา ติ เป็นความจบในความเจริญ  เบิกบานร่าเริงเป็นคนจนสุขสำราญเบิกบานใจ เขาบอกว่ามาจนนี้โง่เหรอ ที่ไหนได้มาจนนี้ฉลาด จนอย่างมหัศจรรย์ จนอย่างฉลาดเฉลียว ไม่ได้จนอย่างโง่แต่จนอย่างเต็มใจ จนอย่างรู้บริบูรณ์ชัด 

เป็นคนจนประหลาดมหัศจรรย์ เป็นคนจนพิเศษ คนจนอะไรไปช่วยคนรวยได้ หรือช่วยคนอื่น แต่คนรวยนี้ไม่ช่วยคนอื่นเลยมีแต่กอบโกยไปเป็นของตัวเองมากขึ้นมากขึ้น มีแต่ประกาศว่าตัวเองรวย ก็เอ็งรวยเพราะว่าขี้โลภ เอาไปเป็นของตัวเองมากขึ้นมา มีความสามารถก็จริงแต่แทนที่จะเอาไปเสียสละสร้างสรรช่วยเหลือผู้อื่น แต่เอาไปเห็นแก่ตัวเอาไปเป็นของตัวเสียนี่ ก็จะประหลาดอะไรมันก็รวยสิ แล้วรวยแบบนั้นมันน่านับถือหรือ 

มาจนนี่แหละ แล้วการมาเป็นคนจนไม่ใช่ไม่เก่งแบบคนรวยด้วย เก่งแบบคนรวยแต่ไม่เอา ไม่ไปหาวิธีการงอกเงยดอกเบี้ยปันผลทับทวีเพิ่มขึ้นด้วยวิธีคิดทุนนิยมสามานย์ ไม่เอาวิธีอย่างนั้นหรอกมันเลวทรามต่ำช้า มาเอาวิธีที่ดี ขออภัยอาตมาพูดแรงพูดชัดๆให้รู้ตัวว่า คนรวยทั้งหลายเอ๋ย อย่านึกว่าตัวเองเก่งแล้วเฮง เก่งแล้วเจริญประเสริฐ.. เปล่า รวยๆนั้นไม่ได้ประเสริฐหรอก ต้องมาจนจริงๆนี่ประเสริฐ ฟังดีๆฟังแล้วทำให้ชัดให้แตกฉาน ฟังธรรมอยู่บื้อๆทื่อๆตื้อๆ ไม่ไปไหนหรอกต้องฟังชัดๆ 

เพราะฉะนั้นต้องมาเรียนรู้ให้ดีเป็นผู้รู้ตื่นจากที่ไปงมงายอยู่แบบโลก ปลุกให้ตื่น อ๋อ ชาวโลกมันครอบงำแล้วหลงไปตามโลกเขา ไปเป็นชาวประชาชนชาวเทวนิยมมีตัวมีตนกอบโกยโลภมาก 

ถ้าพูดถึงสมรรถนะความรู้ความสามารถแล้ว มาทางโลกุตระนี่ มาทางพุทธนี่ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา แม้ไม่ด้อยไปกว่าเขา แม้จะด้อยกว่าเขา แต่เอาความเก่งความสามารถนั้นมาสร้างเพื่อผู้อื่น ยิ่งจะไม่ด้อย ก็ยิ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นมากขึ้นไง 

เพราะฉะนั้นแม้เราจะฝีมือไม่มากมายแต่เราได้สร้างแล้ว เราก็พึ่งตัวเองรอด สร้างมากสร้างเกินกว่าที่ตัวเองกินใช้แล้วเอาไปแจกจ่ายเผื่อแผ่คนอื่น สมรรถนะตัวเองมากขึ้น ก็ยิ่งเผื่อแผ่ผู้อื่นได้มากขึ้น คนลักษณะนี้มารวมตัวกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:24:27 )

พุทโธ

รายละเอียด

เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 122


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:04:51 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:19:03 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:49:33 )

พูดกับกิเลสดีๆ แล้วมันไปเอง

รายละเอียด

พูดดีจริงๆไม่ต้องไปใช้แรงอะไรใช้ปัญญา 

พวกที่มาเป็นลูกอาตมา จะมาเป็นผู้ดีอย่างนี้ ผู้ที่พูดอย่างไรก็ไม่มาเป็นอย่างนี้ก็ไม่ใช่ผู้ดีอย่างอาตมา พูดอย่างไรก็จะย้อนแย้ง ผู้ที่มาเป็นลูกจริงๆก็จะเข้าใจก็จะได้ มันเป็นเรื่องของสัจจะ มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆสอดคล้อง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก 


เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 12:48:28 )

พูดความจริงด้วยจิตที่กล้าหาญ สะอาด บริสุทธิ์

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้ยกข้างตัวเองแต่พูดความจริง ย้ำน้ำหนักให้แรงๆทั้งพูดซ้ำซากหลายคราว ไม่ได้หมายความว่าอยากอวดอยากอ้าง อยากยกตัวยกตน ไม่ใช่ ไปทำความเข้าใจภาษาที่อาตมาพูด ซึ่งไม่ใช่คำแก้ตัวแต่เป็นคำจริง ที่บอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจ ด้วยสัจจะภาวะแล้วไม่มี feedback อย่างนั้น จิตอ่อนแอจิตไม่ดีจิตไม่ซื่อไม่ตรงไม่มีเลย มันมีแต่จิตที่ตรงๆ จิตใจกล้าหาญชาญชัยธรรมดา จิตอ่อนแอไม่มี มีแต่จิตที่กล้าหาญ สะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีจิตอะไรมาเลอะเทอะแปดเปื้อนอะไรเลย ไม่มี สะอาด 

ก็อธิบายเป็นภาษาไทยนี่แหละ 1. อาตมาไม่เก่ง 2. การใช้ภาษาก็ไม่เก่ง  ส่วนภาษาวิชาการ อาตมาก็ไม่รู้ถึงเป็นแค่ไส้เดือนกิ้งกือ ยังไม่ถึงระดับงูๆปลาๆหรอกนะ ก็พูดความจริงไม่ได้ถ่อมตนเกินจริงอะไร ก็ได้ขนาดนี้ ก็ช่วยกันไป พัฒนากันไป 

สรุปแล้วงานการที่อาตมาพาทำ มันมีการบ้าน การเมืองทำหมด การบ้านอาตมาก็ทำ การบ้าน การสังคม การชุมชน จะบอกว่าระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ยังพูดเต็มปากไม่ได้นะ อาตมาทำงานระดับจังหวัด พอจะพูดเต็มปากได้แต่ขนาดหมู่บ้าน ตำบลก็ยังไม่เท่าไหร่ ไม่กี่หมู่บ้าน ก็ได้แต่ขนาดนี้แหละ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:30:57 )

พูดความจริงอย่างจริงใจ ไม่เก้อเขิน

รายละเอียด

ตำราอย่างที่อาตมาอธิบายจริงๆไม่มี มีแต่อาตมาเขียนเองไปอ่านสิ เขียนตั้งไม่รู้กี่เล่มแล้ว นี่ยังเขียนปัญญา 8 ยังไม่จบ ยังว่าจะเขียนประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะให้มันจบ เขียนไปแล้วก่อนนี้ ก็ดีตอนนี้ยังไม่จบก็ดี ถ้าจบก่อนนี้มันจะเป็นประชาธิปไตยที่อาตมาเขียนความรู้ไว้ วนอยู่ เพราะฉะนั้นอาตมาจะมาเติมทีหลังไม่ออก เป็นประชาธิปไตยที่อาตมาเรียบเรียงเขียนเป็นประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะพิมพ์ออกมา จะเป็นความรู้รัฐศาสตร์ที่พูดไปแล้วก็เหมือนยกตัวเอง ไม่ใช่เหมือนหรอก ยกจริงๆด้วยความไม่เกรงใจ ยกตัวเองด้วยความไม่ละอายไม่ได้เหนียม ไม่ได้มี มังกุ ไม่ได้เคอะเขินเพราะมั่นใจว่าเป็นความจริง อาตมาพูดความจริง 

คนที่มีความจริงและพูดความจริงอย่างจริงใจ มันไม่มีความเก้อเขินคล้ายคนหน้าด้าน แต่ไม่ใช่ เป็นคนที่มีความจริงอย่างเดียว คนหน้าด้านอลัชชีมี 2 หน้า แต่คนที่มีความจริงมีหน้าเดียว พูดอย่างเดียวไม่มีอะไรซ่อนเลย ไม่มีอะไรแฝง หนึ่งเดียวตรงๆ ถ้าคุณเข้าใจอันนี้ 1 คือหนึ่งเดียว เอกังสะ หนึ่งเดียวนิวเคลียร์ฟิชชั่นไม่มีโค้งไม่มีงอ ไม่มีนิวเคลียร์ฟิวชั่นเลยมีแต่ตรงออกไป หายไปเลย ถ้าเป็นพลังงานก็เป็นอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2566 ( 19:46:20 )

พูดความจริงแต่คนเข้าไม่ถึงจึงต้องกว้างไม่เจาะลึก

รายละเอียด

เหมือนที่ได้ยินพระพุทธเจ้าสอนว่า เราสอนพวกเธอหมดแล้วเหมือนกำมือแบ เหลือแต่พวกเธอจะเอาไปปฏิบัติกันเท่านั้น พูดเรื่องนอกเรื่องลูกเรื่องที่ไม่ใช่ศาสนาพระพุทธเจ้าเขายืนยันว่าเป็นศาสนาพุทธจริงๆฟังเขาเข้าไปถึงจะขออภัยเราก็พูดความจริงเขาเข้าไปถึงเขาก็ได้แต่เป็นอย่างนั้นแต่ก็ ศีลสมาธิปัญญาจะมาพูดว่าจะปรึกษาการศึกษาอยู่เนี่ยแทบจะไม่มีอะไรขาย ไม่รู้จะพูดอะไรต้องอธิบายไปอธิบายเป็นเลยจะได้ไม่มีปัญหาอะไรแต่เวลานี้มันก็กลับบ้านก็เลยพักนี้ อาตมาสอนมา 50 กว่าปีแล้ว ก็เหมือนเช่นกัน พูดไปหักตรงลึกไปก็อาจจะรับกันไม่ได้แต่ก็ต้องพูดเอาไว้เท่านั้นเอง ในแนวลึก แม้แต่การเขียนอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นแนวลึกเขียนเอาไว้ อาสวะกับอนุสัยต่างกันอย่างไรก็ได้บรรยายไว้ จริงๆแล้วความรู้ธรรมะของอาตมาที่พูดไปนี้ บางทีพวกที่เขาเรียนกันอยู่ มีครูบาอาจารย์สอนไว้ เขาก็ได้ฟังแล้วว่าอาตมานี้เวอร์ ไม่เห็นมีครูบาอาจารย์คนไหนเอาสิ่งที่อาตมาพูดไปสอนเลย ก็เห็นใจเขาเหมือนกัน แล้วก็บอกสำทับด้วย ว่าสิ่งที่อาตมาพูดไปนี้ไม่มีผิด ไม่ได้นอกจากคำสอนพระพุทธเจ้า แต่คนเข้าไม่ถึง พูดความจริงเขาเข้าไม่ถึง ที่พูดศีลสมาธิปัญญา อาตมาก็พูดมา 50 ปี ผู้ที่ศึกษาตาม ถึงว่าแทบจะไม่มีอะไรถาม นอกจากว่าอาตมาจะอธิบายไป แต่เวลานี้ก็ต้องกว้างไม่เจาะลึก

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 15:09:38 )

พูดความจริงไม่ได้ข่ม

รายละเอียด

ชาวอโศกนี้ยังเป็นชาวกสิกรน้อย ยังเป็นพวกอยู่หอคอยงาช้างกันเยอะ นี่อยู่อย่างนี้ โร่ยไปโร่ยมา ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด  ผ้าขาดมีคนช่วยชุน  บุญกูก็ไม่รู้เรื่อง มิจฉาทิฏฐิอยู่ในเรื่องบุญมันก็ไม่เจริญสักอย่าง 

และพวกเรานี้ไปพัฒนาได้ เข้าใจความเป็นจริงสัจธรรมที่มีพระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้อันแรก อาตมารับถ่ายทอดมาถึงวันนี้ก็ยังสืบทอดความรู้ของพระพุทธเจ้าได้อยู่ ยืนยันว่านี่ถูกต้อง เทียบเคียงกับเถรสมาคมแล้วอาตมาขอยืนยันข้างที่ถูกต้อง ขออภัยที่ยกตัวอย่างเถรสมาคมมาเทียบกับเราด้วยยกตัวเองด้วยขออภัย แต่อาตมาพูดความจริง ก็จบตรงนี้ก็แล้วกันว่าอาตมาพูดความจริงไม่ได้ข่ม แต่พูดความจริงเท่านั้น พูดอย่างนี้ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องทะเลาะกัน คุณทะเลาะกับอาตมาแต่อาตมาไม่ทะเลาะกับคุณก็จบ คุณจะเบ่งว่าคุณถูกก็ไม่เป็นไรอาตมาก็ไม่ว่า แต่อาตมาพูดกับคนที่เข้าใจกันแล้วก็มาร่วมกันทำอยู่เท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 16:00:44 )

พูดความไม่จริงไม่เป็น

รายละเอียด

อาตมาเคยพูดแล้วว่าอาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น ที่แสดงออกไปในกรรมกิริยาคำพูดเป็นความจริงหมด อาตมาเดินไปเดี๋ยวก็ร้องเพลงนั่นเป็นกิริยาจริง เพราะอาตมาไม่ได้เศร้าได้สร้อย มันรื่นเริงเบิกบาน 

เพราะฉะนั้น คนที่ถือสาก็บอกว่า ร้องเพลง ถ้าไม่ร้องเพลง มันไม่แสดงออกทางรื่นเริงเบิกบานหรือไง ร้องเพลงก็สบายๆอารมณ์ แต่ไม่ได้ร้องเป็นอาชีพร้องอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ร้องไปอย่างนั้นแหละ แสดงความเบิกบานร่าเริง แสดงความรื่นเริงอารมณ์ ..รื่นรมย์สมอุรา ชื่นตาฟ้าเบิกบาน.. เพลงฮิตของอาตมาเลย เพราะว่ามันเป็นตัวอย่างและเป็นความจริง และเป็นสิ่งที่ดี ที่ควรแสดงออกเสมอ 

เพราะฉะนั้น คนที่เขาติดใจพวกที่เคร่งๆ ก็บอกว่า อย่างนี้มันผิด ยิ่งพวกที่มิจฉาทิฏฐิบอกว่า พระอรหันต์ต้องสุขุมเชื่องช้า ไม่หลุกหลิกเหมือนลิงอย่างนี้หรอก พระอรหันต์ใน Concept ของเขานะ แต่ความจริงแล้วพระอรหันต์นั้นต้องมี กายปาคุญญตา มีจิตปาคุญญตา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 18:49:58 )

พูดชั่วทำชั่วเลวที่สุด

รายละเอียด

เอาล่ะไม่ต้องถึงขนาดทำมากกว่าพูด พูดอะไรก็ทำเท่านั้น ถ้าจะพูดแล้วไม่ทำ ดีแต่พูดแล้วไม่ทำ ดีไม่ดีทำตรงกันข้ามกับที่พูดด้วยก็ไม่ดีเท่าไหร่ ถ้ายิ่งพูดอย่างหนึ่งทำอีกอย่างหนึ่งตรงกันข้ามกันเลย เขาก็ต้องพูดดีใช่ไหม แต่เวลาทำไม่ดีก็ยิ่งแย่ แต่คนไม่พูดเลยเอาแต่ทำชั่ว หนักที่สุดเลวที่สุด หรือว่า พูดก็ชั่วทำก็ชั่ว อันนี้เลวกว่า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 10:24:21 )

พูดดีและทำดี

รายละเอียด

เมื่อออกอาการมาทางวาจา หรือการกระทำ มันเป็นพลังเลย อันนี้นี่ อาตมาว่า อาตมาพูดลึกซึ้ง เป็นพลังงานเกิดในสังคม คนทำสิ่งดีที่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คนทำชั่วก็ไม่ดีแน่ แต่ถ้าทั้งพูดและทำดีนั้น อาตมาขอยกตัวอย่างตัวเอง อย่าหาว่าอวดตัวตน อาตมาทำงานอยู่ทางโทรทัศน์เป็นพิธีกร ทั้งพูดทั้งทำ แต่ทำทางโลก อาตมาหาเงินให้แก่ตัวเอง ทำงานกับคนโลกๆ จริงๆ อาตมาไม่ได้เลวร้ายคดโกงทุจริต แต่ก็มีโลภ แม้จะโลภไม่จัดจ้าน ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมอย่างที่เขาทำกันในสังคม เขาจะเหนื่อยมากมายจะต้องใช้ความเฉลียวฉลาด ซ้อนไม่ให้คนอื่นรู้ทันเท่าที่เขามีความสามารถ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 10:25:50 )

พูดด้วยความหวังดีปรารถนาดี

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น อาตมาก็พูดด้วยความจริงใจ พูดด้วยความหวังดี ปรารถนาดี สงสาร ที่พูดไปแล้ว ไปย้ำแล้วย้ำอีก ว่าแล้วว่าอีก เตือนแล้วเตือนอีก มันเป็นวิธีการที่เหมือนพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เราจะขนาบแล้วขนาบอีก ว่าแล้วว่าอีก กด ข่ม นิคคัณหิ ไม่ยั้งมือ เหมือนช่างปั้นหม้อนวดดินที่ยังเปียกๆอยู่เหมือนช่างปั้นหม้อ 

อาตมาก็ทำตามที่พระพุทธเจ้าท่านพาทำ ด้วยความปรารถนาดีจริงๆ อย่างเช่นไปว่ามหาบัวหนักๆ อาตมาว่าได้เพราะเขาตายแล้วด้วย แล้วลูกศิษย์ก็มีเยอะ คนก็พากันไปหลงเยอะมีหลายระดับ คนยอมรับนับถือตั้งแต่ระดับล่าง อ่านหนังสือไม่ออกจนกระทั่งถึงระดับบนสูงสุดเลย มันได้เยอะไง แล้วอาตมาก็จริงใจยืนยันธรรมะพระพุทธเจ้า ว่ามหาบัวนี้ผิด ออกนอกทาง พาเสื่อม ถึงขั้นอาตมาบอกว่าเป็นโจร ทำให้ศาสนาเสื่อม ทำลายศาสนาให้เสื่อม 

พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบเหมือนกับโจร แล้วมีพระราชาให้เจ้าหน้าที่ไปฆ่าโจรเสีย เพราะถ้าอยู่ก็ทำลาย ให้ไปฆ่าด้วยหอก 100 เล่มเช้า ด้วยหอกร้อยเล่มกลางวัน ด้วยหอก 100 เล่มเย็น แล้วท่านก็ตรัสต่อ ปลายเปิดเอาไว้ หมายความว่า ถ้าสังคมยังเป็นโจรอย่างนี้ ต้องฆ่า ให้ทำอย่างนี้ เป็นปลายเปิดเอาไว้ แล้วยุคนี้เป็นอย่างนี้ อาตมาก็ต้องทำตามนี้ ไม่ได้เป็นจิตที่โหดร้ายหรือโกรธเคือง ต้องการทำลายอะไรเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 12:53:34 )

พูดตรง ต่างจากนินทาว่าร้ายล้อปมด้อยคนอื่น 

รายละเอียด

จริง แต่อาตมาไม่ได้นินทาว่าร้ายแต่อาตมาพูดต่อหน้าเลย แม้แต่คนเป็นๆอาตมาก็พูดถึง การนินทาคือว่าลับหลังว่าร้ายแต่อาตมาไม่ได้ว่าร้าย มีแต่ว่าที่ว่าผิดก็ว่าไม่ดีที่ว่าถูกก็ว่าดี พูดอย่างวิเคราะห์วิจัยเลยว่าอันนี้ดีอันนี้ผิด อันนี้ถูกอันนี้ดี อันนี้ไม่ดี อันนี้เป็นโลกุตระอันนี้เป็นโลกียะพูดตรงๆเลย ไม่ได้มาพูดนินทาว่าร้าย 

1. ไม่ได้นินทาว่าลับหลัง

2. ไม่ได้ว่าร้าย

3. ล้อปมด้อยคนอื่น 

อาตมาพูดตรงเลย ไม่ได้ล้อปมด้อยใครเลย เอามาพูดตรงเป๊ะๆๆเลยจนกระทั่งกระแทกความด้อยที่เขามีจริง จนเขารู้สึกว่าคนอื่นโกรธแทนก็มี ตัวเขาเองก็ เขื่อง โกรธอาตมาก็ได้แต่อาตมาก็ต้องทนเอา ต้องชี้ให้เขารู้ตัว ไม่งั้นไม่มีใครช่วยได้ ขนาดอาตมาพูดอย่างตรงๆ อ้างอิงพระไตรปิฎก อ้างอิงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบันต่างๆนานาพวกนี้ยังฟังไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เอาให้เข้าใจให้ได้พยายามพากเพียรอยู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:49:52 )

พูดตรงและจริงจึงสนุกเบาใจสบายทุกอย่าง

รายละเอียด

อาตมาพูดนี้ สนุกเบาใจสบาย ไม่ได้เกรงกลัว เราไม่มีอะไรแฝง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ตรงจริงๆก็สบายใจทุกอย่าง ไม่กลัวว่าเขาจะจับได้ เดี๋ยวเขาจะแลเห็นเหลี่ยมมุม มันไม่มี มันไม่มีเลย มันสบายทุกอย่าง เราไม่มีอะไรปิดบังไม่มีอะไรคดโค้ง ไม่มีอะไรซ่อนแฝงเลย

ก็ ต่างพิสูจน์อย่างที่อาตมาพูดอย่างไร ความประพฤติองค์ประกอบที่จะเอามาเป็นหลักฐานอ้างอิงทั้งวัตถุและพฤติกรรม ทั้งความรู้ความเห็น รวมแล้วจะปักลงไปถึงความจริงมันจะได้ความจริงแค่ไหนอย่างไรกัน ก็ใช้ความรู้ความสามารถของแต่ละคนก็แล้วกัน เป็นเครื่องตรวจสอบมาเป็นเครื่องพิสูจน์ ก็ลองดู

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:24:42 )

พูดตรงๆด้วยความจริงใจถึงท่านมหาปยุต

รายละเอียด

ซึ่งไม่เคยเห็นใครมาเรียบเรียงอย่างอาตมาได้ อาตมายกย่องท่านมหาปยุต ท่านเป็นนักศึกษาธรรมะจริง แต่ถ้าท่านเติมให้เข้าถึงสภาวะ หากท่านได้ทุกสภาวะเป็นลำดับโดย ไม่เตลิดเปิดเปิง ไม่หลงวิปัสสนูปกิเลสเกินไป จะบรรลุแล้วมาช่วยศาสนาพุทธได้มากจะได้มาช่วยกันกับอาตมาได้เยอะเลย แต่ทีนี้ ท่านก็ไม่เป็นอย่างที่อาตมาว่า ก็เลยไม่ได้มาช่วยกันมากเท่าไหร่ แต่อาตมาก็เอาความรู้ที่ท่านมี ทั้งพยัญชนะบัญญัติเยอะท่านรวบรวม อาตมาได้อาศัยตำราของท่านเยอะ อาตมากราบเคารพ เก็บไว้เกินกว่าที่อาตมาจะใช้เลย พูดตรงๆด้วยความจริงใจไม่ได้ลบหลู่ไม่ได้ยกตนข่มท่าน 

ในคุณสมบัติคุณวิเศษของพระพุทธเจ้า ธรรมะที่เป็นโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ศึกษาให้ดีๆเถอะ อาตมาพูดความจริงทั้งสิ้น ผู้ใดไม่เชื่อก็ตามพิสูจน์ไปเรื่อยๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 17:02:14 )

พูดตามจริงแต่จิตยังอยากอวดก็เป็นอกุศลกรรม

รายละเอียด

อันนี้คืออาตมาก็เคยบอกกำกับตลอดเวลา ว่าอาตมาเป็นอย่างนี้อาตมาไม่ได้อยากจะอวดเลย อาตมาบอกความจริงตามความเป็นจริง คนก็ไม่เข้าใจได้อย่างที่คุณสงกรานต์เข้าใจ คนไม่เข้าใจก็เลยไม่เชื่อถือไม่ยอมรับ แต่คนที่เข้าใจยอมรับ ดีไม่ดีเขาเห็นความถ่อมตนของอาตมา อย่างที่พูดไปแล้วอาตมามีเพชรเป็นกระบะแต่เอามาแจกทีละน้อย ถ้ามีจิตอยากอวด อันนี้เป็นเรื่องจริงของความอยากอวด เป็นสาเฐยจิต จิตอยากอวดอยากโอ่ ก็ต้องอ่านอาการจริงๆว่าเป็นอาการอยากอวดไหม

ยกตัวอย่างอาตมา อาตมาบอกตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นแสดงธรรม อาตมาบอกว่าเป็นโพธิสัตว์ เพราะอาตมารู้ว่าเมืองไทยเขาไม่รู้เรื่องโพธิสัตว์ เขาไม่ได้ถือว่าโพธิสัตว์เป็นอริยบุคคล เขาบอกว่าเป็นผู้แสวงหาอาริยธรรมเป็นสัตว์ใต้ต้นโพธิ์ อาตมาก็พูดได้สบายโดยที่เขาไม่ติดใจ แต่แท้ๆ แล้วโพธิสัตว์นั้นเหนือกว่าอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างอวดตัวแต่ถ่อมตน ด้วยความจริง วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2564 ( 21:56:38 )

พูดถึงพลเอกประยุทธ์เป็นคนไม่หวงอำนาจ

รายละเอียด

ก็เอาจาก sms นี่แหละ เรื่องของพลเอกประยุทธ์ก็อยู่ในนั้นด้วย  ก็พวกเราเข้าใจแล้วธรรมะก็คือเรื่องของการเมือง ธรรมะ เรื่องของสังคม เป็นเรื่องของเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ มันแยกกันไม่ได้ เราก็เข้าใจได้ว่าจะจัดการปรับปรุงกันอย่างไรเมื่อไหร่ เมื่อเข้าใจได้ก็จะจัดการได้ตามที่มันเหมาะควร ได้อย่างเรียบ 100 บ้าง 80 บ้าง 70 บ้าง..ก็เป็นไปตามนั้นมันบกพร่องเท่าไหร่จะทำให้ได้เต็ม100เท่าไหร่

เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยงเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ปรุงแต่งกันอยู่แต่ละสัดส่วนแต่ละกาละ แต่ละองค์ประกอบของมันตามเวลา สถานที่ กาละ เทศะ ฐานะ มันไม่ได้อยู่เท่าเดิมมันไม่ได้อยู่แบบเดิม มันเคลื่อนไปเปลี่ยนไป มีอะไรเข้ามาปรุงแต่งปนเปกันไปอยู่ตลอดเวลา พระพุทธเจ้าถึงสรุปลงว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง มันก็ตั้งอยู่ในปัจจุบันให้เราเห็นเราก็จัดการแล้วมันก็ดับไปเปลี่ยนไปก็จบ เมื่อเรารู้ว่าทุกอย่างเป็นสังขาร เป็นอนัตตา ก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวิชาที่เป็นความจริงแท้ๆของพุทธ วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กันยายน 2565 ( 14:20:50 )

พูดผิดพลาดจึงมาแก้ไขพร้อมขออภัย

รายละเอียด

อาตมาได้ข้อมูลก็พูดไปผิดพลาด โดยเฉพาะไปพาดพิงถึง ผบ.ตร. ทุกวันนี้ ท่านพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา เดิมที่เขาเรียกว่า Big แป๊ะ ในปี 2554 ตอนนั้นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในขณะนั้นคือ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา (บิ๊กแป๊ะ)

ส่วนผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 คือ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ (ผู้การแต้ม) ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา ของผบช.น.

รัฐบาลได้สั่งการโดยตรงไปยังผู้การแต้ม เพื่อควบคุมฝูงชนในการชุมนุม ตามที่รัฐบาลสั่งการ (แต่ก็ไม่ได้เต็มใจนัก)

ในวันที่จะทำท่าว่าจะสลายการชุมนุม แต่สุดท้ายก็ถอยไปนั้น วันนั้น ทางผบช.น ได้โทรศัพท์เข้ามาหาเพื่อนสนิทคนหนึ่ง (รุ่นเดียวกัน) ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของผม แล้วรุ่นพี่ของผมคนนี้(ทหาร)ก็ได้รีบโทรศัพท์เข้ามาหาผมในตอนเช้าวันนั้นเพื่อบอกว่า" ไอ้แป๊ะโทรมาหาพี่ กลางช่วยนำความนี้มาบอกกับลุงจำลองและพล.ต.มนูญกฤตด้วย (มาขึ้นเวทีฝั่งมัฆวานในเช้าวันนั้นด้วย) ว่าเขาไม่เคยมีความคิดที่จะสลายการการชุมนุมเลย แล้วไม่ได้ยุ่งเรื่องนี้ด้วยนี้เลย"ซึ่งมารู้ภายหลังว่า ตัวบิ๊กแป๊ะพยายามหลีกเลี่ยง เพราะไม่อยากมีปัญหากับพันธมิตรเลย  และรัฐบาลสั่งการข้ามบิ๊กแป๊ะไป โดยสั่งตรงไปยังผู้การแต้มเลย เพราะคุมพื้นที่นครบาล1 ซึ่งผู้การแต้มเองก็อึดอัด เพราะก็ไม่อยากมีผลกระทบในอนาคตก็ขออภัยที่ได้พูดไป ไม่ได้ตรวจสอบก่อน ก็เลยมาแก้ไข

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:22:10 )

พูดพล่อยๆ ไม่ได้ ว่าตนเป็นสัตบุรุษหรือสยังอภิญญา

รายละเอียด

อาตมาว่า อาตมาเป็นสัตบุรุษ เป็นสยังอภิญญา เป็นผู้รู้ ไม่ได้พูดพล่อยๆ ได้รู้ความจริงมาบอกโกหกไม่ได้ ถ้าโกหกอาตมาก็บาปกินหัวมาตั้ง 50 ปี มายืนยันอธิบายตามความรู้ของอาตมาอาตมาบาปกินหัว ป่านนี้แผ่นดินสูบแล้วนะ เพราะว่าเป็นความผิด แต่นี่ 50 ปีแล้วนะ ก็ไม่ได้ถูกแผ่นดินสูบ ก็ปลอดภัยมาเรื่อยๆ ตอนแรกคนมองผิดก็มาถล่มทลาย ผู้ที่ถล่มทลายนั่นแหละคือแผ่นดินสูบ คนถล่มทลายแผ่นดินสูบ ทีนี้แผ่นดินจะสูบอาตมาสูบไม่ได้ อาตมาก็เลยลอยตัวอยู่บนแผ่นดินนี้ แล้วก็ขยายความอธิบายอยู่ทุกวันนี้ ก็ขยายความได้ โดยไม่มีใครที่จะต้าน ไม่มีใครที่จะแย้งเท่าไหร่ แต่มี คนที่ยังโง่อยู่ก็มีเยอะ เขาก็แย้งไปตามประสา แย้งแล้วอาตมาก็เอาพระไตรปิฎกยันไป แย้งมาก็ยันไปๆ พอเอาพระไตรปิฎกยันไปเขาก็เถียงพระไตรปิฎกไม่ได้ ยิ่งผู้ศึกษามายิ่งเถียงไม่ได้ ผู้ไม่ศึกษามาบอกว่าเอ็งอ้างพระไตรปิฎกข้าก็จำนนวะ ก็เลยยอมบ้าง อาตมาก็เลยทำได้มีหลักฐานยืนยัน กำลังอธิบายอยู่นี่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 13:46:24 )

พูดพาสู่นิพพานอย่างยิ่ง

รายละเอียด

ต่อมาว่าพระพูดเดรัจฉานกถาหรือไม่มาก็อธิบายไปแล้วว่าไม่ได้พูดเดรัจฉานกถา แต่คุณต่างหากเข้าใจเดรัจฉานกถาคนละอย่างกับอาตมา อาตมาไม่ได้พูดเดรัจฉานกถาพูดอย่าง นิพพานังปรมังวทันติพุทธา อาตมาพูดคำใดก็พาไปสู่นิพพานอย่างยิ่ง อาตมาเป็นผู้พูดคำใดมันก็พาไปสู่นิพพานอย่างยิ่งทั้งนั้น แต่คุณต่างหากที่ไม่เข้าใจแล้วไม่เข้าใจแม้แต่คำว่าเดรัจฉานกถา อาตมาไม่ได้พูดคำว่าเดรัจฉานกถาเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตยืที่ 15 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 02 เมษายน 2563 ( 13:28:06 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:43:10 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:49:06 )

พูดสัจจะ

รายละเอียด

มันก็ต้องตำหนิ ก็ต้องว่า จะให้ไปชมได้อย่างไรมันผิด อาตมาไปชมคนผิด มันก็ไม่ถูกแล้ว มันก็แสดงถึงความโง่ของตัวเองแล้ว อาตมาไม่โง่พอจะไปชมคนผิดหรอก ชมคนถูกก็ชมไป มาชมตัวเอง ชมพวกตัวเอง เพราะพวกเราถูกใช่ไหม ไอ้นั่นไม่ถูกจะให้ไปชม มันก็ไม่ใช่ ไปชมยังไงล่ะมันผิด นี่อาตมาก็พูดภาษาไทยนะ ฟังเข้าใจไหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:54:34 )

พูดสิ่งที่ผิดสิ่งต้องแก้ไข

รายละเอียด

อาตมาก็ตำหนิก็ตำหนิแรง ชมก็ชมมากไม่ได้ ชมมากก็เข้าเนื้อเข้าตัว เพราะมันจัดสรรแล้ว คนที่เรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้ามาเป็นคนจนได้ เป็นคนมักน้อยสันโดษ เป็นคนมีวรรณะ 9 เป็นคนเจริญ เป็นคนอยู่เหนือโลกเป็นคนโลกุตระ ช่วยเหลือโลกอยู่ไม่ได้ไปทำลายโลกเลย ไม่ได้ชี้ชวนให้คน หลงโลกหลงโลกีย์อะไรเลย คนแบบนี้มีน้อย แล้วชมทีไรก็ชมตัวเอง 

พูดสิ่งที่ผิดสิ่งที่แก้ไขถล่มทลาย ซึ่งมันก็มีมาก ซึ่งมันก็เลี่ยงไม่พ้น พูดไปก็ ได้แต่ว่าคนอื่นเพราะคนอื่นเขาผิด ผิดเยอะ ถูกน้อย แล้วก็พวกถูกก็เป็นพวกตัวเองอีก มันเป็นสัจธรรมที่ดิ้นไม่ออก มันเป็นสัจจะของมันอย่างนั้น ก็จำเป็น ว่าไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2565 ( 12:28:54 )

พูดหยาบคืออย่างไร

รายละเอียด

สรุปคือพูดหยาบคือพูดให้เกิดความเลวร้ายตกต่ำกันไปทั้งหมด ไม่ใช่แค่หยาบเฉยๆ สภาวธรรมหยาบคือไม่สูงส่งไม่ละเอียดไม่เจริญ มันมีระดับหยาบๆ ไม่มีเจริญละเอียดขึ้นมาได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:25:44 )

พูดอย่างจริงใจไม่ใช่เอาใจ

รายละเอียด

แล้วอาตมาก็เข้าใจท่านประยุทธ์ ว่าเป็นผู้มีจิตใจอย่างไร ตามประสาอาตมา ท่านพูดกล่าวอย่างนี้ จึงเป็นคำที่อาตมาเห็นน้ำหนัก สื่อถึงความจริงใจตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติงาน ไปจากที่กล่าวไปแล้วเป็นต้นไป เพราะฉะนั้นก็เชื่อว่าประเทศไทยจะมีอะไรดีๆขึ้นมาอีก ไม่ใช่มาพูดเอาใจ แต่พูดกันอย่างจริงใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 11:11:18 )

พูดอย่างมีความหวัง สาเปกโข

รายละเอียด

อาตมาพูดสิ่งถูกก็พูดสิ่งที่ควรยกก็พูดถึงพวกตัวเอง พูดสิ่งผิดก็ถูกเขาอีก พูดยกย่องก็ถูกพวกตนเอง แล้วพวกคุณไม่มาปฏิบัติอย่างนี้ ปฏิบัติถูกจะได้ยกย่องบ้าง ถ้าหากเจ้าคุณสมเด็จ เจ้าคุณจะมาเรียนรู้อย่างอาตมาบ้างแล้วก็จะกลับไปเป็นสมเด็จก็ไปได้ ถ้าให้ได้อย่างที่อาตมาพูดได้มรรคผลแล้วคุณจะไม่ใยดีต่อลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แต่พูดอย่างนี้โพธิรักษ์เอ๋ย สาเปกโข ไอ้หวังตายแน่ พูดอย่างมีความหวัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 20:18:08 )

พูดอย่างไร ไม่เป็นเดรัจฉานกถา

รายละเอียด

ในเดรัจฉานกถา คือ พูดขวางทางนิพพาน จะพูดอย่างไรเพื่อไม่เป็นเดรัจฉานกถา ก็ต้องมีภูมิปัญญารู้ว่าพูดอย่างไรไม่ขวางทางนิพพาน แต่หากพาซื่อ เช่นว่าไม่ให้พูดเรื่องความเสื่อมความเจริญ ก็จะให้พูดอะไร?

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 21:13:57 )

พูดเพื่อยืนยันว่าอะไรถูกอะไรผิด

รายละเอียด

ยิ่งอาตมาเห็นหมู่กลุ่มที่ผิด ท่านไปนั่งหลับตา อย่างมหาบัว มีลูกศิษย์ลูกหาทั้งนักบวชและฆราวาสเต็มศาลา ท่านหลับตาเทศน์นะ ถ้าลืมตาไม่ได้ ประเดี๋ยวสติตก ต้องหลับตาอยู่ในภวังค์ รับไม่ได้ตาหูจมูกลิ้นกายภายนอกถ้าไม่มีกำลังแห่งสติเพียงพอที่จะยังสัมปชัญญะปัญญาเพื่อให้เกิดปัญญาพูดให้ได้ ท่านต้องหลับตาพูด

อาตมาไม่ได้ไปว่า แต่มันเป็นสัจจะที่อธิบายให้เห็นลักษณะที่ถูกต้องแท้จริง มันเป็นอย่างไร มันไม่ถูกต้อง มันไม่แท้จริงเป็นอย่างไร 

ที่พูดนี้ไม่ได้ไปหักล้าง หรือข่ม แต่ต้องการยืนยันว่าอะไรถูกอะไรผิด จะได้เข้าใจอย่างเพียงพอ แล้วคุณก็ต้องตัดสินต้องเลือก อย่าไปหลงทางผิดไปช่วยเหลือสนับสนุนกันในทางที่ผิดอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:56:41 )

พูดเพื่อให้เห็นความจริง

รายละเอียด

เปรียบเหมือนบุรษผู้ต้องการแก่นไม้ มาบวชนี้ มาต้องการแก่นไม้ ต้องการนิพพาน ต้องการวิมุติ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นอยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ก็ไม่เอา ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก ละเลยสะเก็ด ละเลยหมด ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุต ละเลยหมด ตัดเอาแต่กิ่งใบดอกผลถือไป สำคัญว่าแก่น อย่างนี้แหละ 

สิ่งที่เอามายืนยันเหล่านี้ไม่ใช่เอามาซ้ำเติม ไม่ใช่อาตมาจะเอามาพูดเพื่อซ้ำเติม แต่พูดเพื่อให้เห็นความจริง อาตมาก็ทำงานมาจนกระทั่งทุกวันนี้นี่ก็ จะว่าปลงอายุสังขารก็ปลงแล้ว  ก็ว่าคงอยู่ไปอีกไม่นานเท่าไหร่ เพราะว่าสังขาร โอ้โห ต่ออายุนะ ก็ไม่พูดต่อแล้ว มันก็พากเพียรไป มันก็ไม่เท่าไหร่หรอก จำเป็นต้องพูดให้ชัดๆ พูดให้ครบๆพูดให้หมดๆ ไม่ได้ต้องการไปอวดตัวอวดตน เบ่งข่มหรือว่าไปทำอะไรต่ออะไรที่เรายิ่งเราใหญ่อะไร..ไม่ใช่ 

เพื่อเห็นว่า เสียดายผู้ที่จะมาบวชแล้วก็มาทำงานศาสนา จริงๆแล้วที่มาทำงานศาสนา มาบวช แต่จริงๆแล้วไม่เอาจริง นอกจากไม่เอาจริงแล้ว เอาล่ะ ไม่มีคนสอนสัมมาทิฏฐิ เพราะในหมู่ใหญ่ไม่สัมมาทิฏฐิ อันนี้ไม่ได้พูดเล่น โพธิรักษ์สัมมาทิฏฐิ หมู่ใหญ่ไม่สัมมาทิฏฐิ หมู่ใหญ่จึงมาย่ำยีโพธิรักษ์ไง อาตมาไม่ได้โกรธนะ ไม่ได้โกรธเคือง แต่เห็นใจสงสาร เหมือนพ่อเห็นลูก ลูกมันโกรธ มันเป็นเด็ก มันก็มาทุบตีพ่อ อาตมาจะไปโกรธลูกได้อย่างไร เพราะมันไม่เดียงสามันไม่รู้เรื่อง ก็เห็นอย่างนั้นจริงๆ เห็นเถรสมาคม เห็นเจ้าคุณโสภณคณาภรณ์หรือมหาระแบบนี้ก็ตาม 

ท่านเสียที่ชั้นธรรม มหาระแบบ แม้แต่ ขออภัยเถอะถ้ากล่าวพาดพิงไปถึง ท่านสมเด็จพุทธโฆษาจารย์หรือท่านมหาประยุทธ์ก็ตาม ก็น่าเห็นใจท่าน อาตมาว่าท่านไม่ได้แกล้งนะ ท่านรู้เท่าที่ท่านรู้ แล้วท่านก็ทำอย่างจริงใจ ท่านรักศาสนานะ ไม่ใช่ท่านไม่รัก แต่ศาสนาของท่านที่ท่านรักมันยังมิจฉาทิฏฐิ มันยังไม่สมบูรณ์แบบ จึงมาเข้าใจผู้สัมมาทิฏฐิผิด ว่าเป็นผู้ผิด แล้วท่านนึกว่าตัวเองสัมมาทิฏฐิ ก็มันชัดเจน มันแย้งชัดเจนกัน ป่านนี้ท่านจะได้คิดได้สำนึกได้เข้าใจหรือเปล่าก็ไม่เห็นสัญญาณส่งมา แต่ก็เห็นใจเหมือนกัน มันก็คงจะยาก มันน่าละอายที่จะมายอมรับซะตรงนี้ 

ที่จริงการปลงอาบัติด้วยการยอมรับความผิดของตัวเองมันเป็นความเจริญ ถ้าทำเสียได้มันก็เจริญแน่นอน แต่ถ้าปกปิดหมักหมมเน่าในมันจะเสียหาย อันนี้พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้หมด แล้วท่านสมเด็จฯ ก็เป็นปราชญ์เอก ไม่ต้องไปสอนจระเข้ว่ายน้ำหรอกนะ ก็พูดสัจจะนะ 

อาตมาพูดสัจจะไป ก็ขออภัยเถอะ ขอพูดเถอะ อาตมาอายุ 90 แล้วเนาะ อย่างที่พูดไปแล้วจะบ่นไปอีก พวกคุณก็อาจจะไม่สบายใจว่ามันใกล้จะตายก็ไม่น่าจะพูดอะไรมากหรอก ก็ขอพูดไปด้วยสัจจะความจริง ถ้าอาตมาตายเสียแล้วก็ไม่ได้พูดความจริงอันนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คณะสงฆ์เมืองไทย ใครได้ดอกไม้พลาสติก ใครได้มูลสูตร 10 วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 18:48:10 )

พูดเพ้อเจ้อ 4 แบบ

รายละเอียด

1. พูดพล่อย  (พูดโน้มน้าวไปหากิเลส)
2. พูดพล่าม  (พูดนอกเรื่อง มีแต่สิ่งที่ตนอยากพูด)
3. พูดพร่ำ  (พูดไม่รู้จักพอแก่ความสมควร)
4. พูดเพ้อ  (พูดดีมากแต่ไม่รู้จักกาละ ไม่เกิดประโยชน์)

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2562 ( 14:21:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:46 )

พูดเหมือนท้าทาย เอหิปัสสิโก เชิญให้มาดู

รายละเอียด

พูดไปเหมือนท้าทาย แต่อยากให้มา เอหิปัสสิโก ไม่ถึงกับท้าทายหรอก เชื้อเชิญให้มาดูว่าตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้า ตรงตามพระไตรปิฎกนะ

แม้ที่สุดเป็นคนที่ยอดขยันในวรรณะ 9 คือไม่สะสม อปจยะ แล้ววิริยารัมภะ ปรารภความเพียร ขยัน ทำกินทำใช้พอเพียง ทำให้เกินกินเกินใช้ ปลูกให้คนอื่นเขากิน ไปออกไปดูได้ สงสัยจะปลูกให้ถึงตลาดวารินให้คนเขากิน เขาคงคิดว่า ทำไมแรงงานมีมากหรือ ถึงไปปลูกให้คนอื่นเขากิน มีตำรวจดาบวิชัย ปลูกต้นตาล พวกเราปลูกต้นไม้อื่นที่กินได้ด้วย ตอนนี้ก็มีฟักทอง มันเปลี่ยนแปลงพันธุ์มาจาก ฟักทอง บัตเตอร์นัท ก็มาเปลี่ยนแปลงเป็นลูกกลมๆ เราทำให้เป็นโดยไม่ได้เจตนา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 16:07:12 )

พูดให้รู้สึกเหมือนถูกขุดขึ้นมา

รายละเอียด

พูดกระแทกอย่างนี้คนถึงจะเข้าใจถ้าพูดเบาๆไม่กระแทกคนก็บอกพูดอะไรนะ ต้องพูดให้รู้สึกเหมือนถูกขุดขึ้นมา  กูชั่วก็มาขุดกูอีก กูก็ว่ากูดีพอสมควรแล้ว ยังขุดความชั่วของกูมาพูดได้อีก คนดีมีน้อยแล้ว และมาอยู่ในหมู่ตนเองหมด ก็ชมตัวเองอีก จึงยากจริงๆเลย

จะด่าคนชั่วก็เยอะ ด่าไปก็ถูกคนชั่วเขาหนัก จะชมคนดีก็มาอยู่ที่พวกตัวเองอีก ก็เลยเหมือนว่าชมพวกตัวเองอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน แก้ปัญหาได้จริงแท้ต้องแก้ที่สุขหรือทุกข์


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:41:34 )

พูดได้สัมมาทิฏฐิจะเข้าทางพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ผู้ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร พระพุทธเจ้าสอนอะไรไว้ มีคำสอนเหล่านี้หมด แต่เอาไปใช้ไม่เป็น เพราะไม่รู้เอาไปออกนอกลู่นอกทางไม่เข้าทางพระพุทธเจ้า แล้วมันจะรู้อะไร ถ้าเข้าทางอาตมาพูดนี้ ถ้าพูดได้สัมมาทิฏฐิเข้าทาง จะอ๋อๆๆ ไปตลอดเลย แล้วจะเข้าใจว่าอาตมาคือใคร ก็จะค่อยๆ มี คนก็เริ่มรู้ มัวแต่ไปหลงงมงายอาจารย์เก๊เชื่อคนสอนที่ผิด ไม่ถูกต้องอยู่อย่างนั้นยึดถืองมงาย ฟังบ้าง ก็เริ่มฟังอาตมาบ้าง แล้วเปิดจิตรับ จะได้ประโยชน์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 12:32:10 )

พูดไม่เก่งทำอย่างไร

รายละเอียด

ถ้าอยากพูดเก่ง ต้องมาฟังธรรมะบ่อยๆ อ้าว ดินสอ น้องดินสอ หลวงปู่ขอถามว่า หลวงปู่พูดเก่ง …เก่งค่ะ ให้มาฟังหลวงปู่บ่อยๆ แล้วจะพูดเก่ง จบ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจัทร์ที่ 14 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 11:07:12 )

พ่อ ทางจิตวิญญาน

รายละเอียด

อนุโมทนาที่ฟังธรรมแล้วเอาไปทำ ไม่ใช่ฟังธรรมแล้วหลงว่าฉันมีธรรมะชั้นสูง อาตมาเห็นอาจารย์ใหญ่ๆในทางสายพุทธนี่แหละ เวลาแสดงธรรมท่าทางท่านรู้ธรรมะเยอะ แต่ท่านก็ยังติดๆยึดๆเห็นๆ ท่านก็พูดลึกไกลสูงด้วยพยัญชนะ แต่สภาพเป็นจริงของตัวท่าน ยังไม่ได้ปลดปล่อย เป็นผู้หญิงอายุ 90 กว่าแล้วก็ยังทาปาก ยังย้อมผมยังดัด แค่นั้น แค่รูปธรรมเท่านั้น แต่อธิบายธรรมะนี่ โอ้โห.. ใครฟังแล้วนี่อื้อหือ ระดับเลยปรินิพพานไปเลย เอาล่ะ พอ พูดแล้วน่าสงสาร เห็นแล้ว ได้บัญญัติได้ภาษากัน แต่สภาวะธรรมนั้นมันไม่ลงกันเลยกับตัวเอง 

อาตมาพูดถึงพระพุทธเจ้าว่าพระพุทธเจ้านี้ เป็นพระจอมศาสดา พอเป็นเจ้าชายสิทธัตถะท่านก็เป็นเจ้าชาย พอท่านรู้ตัวว่าเป็นพระพุทธเจ้าแล้วโอ้โห.. ท่านลอกคราบออกไปเลย ปลดออกไปจากตัวเองไม่เหลือ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) ที่ท่านจะไปหลงติดแบกไว้กับตัวเอง ไม่มีเลย ฟังดีๆอาตมาพูดให้ฟัง ตอนนี้อาจารย์ใหญ่ๆ แบก ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แบกสุขที่ติดใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) เห็นๆ ถ้าผู้ที่รู้จักแล้วจะละอายว่ายังแบกยังติด เราบอกว่ามันหมดนะในภาษาธรรม แต่ตัวเองยังแบกยังติดยังไม่ได้ออกจากตัวเองเลยยังอยู่กับตัวเองชัดๆ 

ขนาดพระพุทธเจ้าท่านก็วางหมดเลย ยกตัวอย่างอันนี้ให้ฟังไม่รู้กี่ทีแล้ว เขายังเข้าใจกันไม่ได้ ตัวเองก็ยังไม่ละอายยังไม่เหนียมตัวเอง ว่าทำไมเรายังให้ผู้ที่รู้เขาติได้ ท้วงได้ ว่าได้ มันก็เป็นสัจจะเขายังไม่จริง เขารู้ยังไม่จริงมันก็ได้แต่พูดเท่ๆ โก้ๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 23 การเมืองไทยวันนี้คือ สงครามความรู้กับการกระทำ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 14:55:17 )

พ่อครุกับโลกุตรธรรม

รายละเอียด

ถูกต้อง อันนี้ที่อาตมาพูดเหมือนอวดดี ที่จริงมันเป็นความดีที่ควรอวด แต่อาตมาอวดนี้ไม่มีสาเฐยจิต ศาสนาพุทธเป็นศาสนาโลกุตรธรรม อาตมาเป็นโพธิสัตว์ที่รับผิดชอบสิ่งนี้ก็พูดความจริงมาหลายครั้ง คนที่เขาไม่เชื่อก็ไม่เชื่อนอกจากไม่เชื่อแล้วจะหมั่นไส้ด้วย เขารับไม่ได้เขาไม่เชื่ออันนั้นก็เป็นวิบากของเขา เป็นเรื่องที่น่าสงสารเขาก็จะต้องจมอยู่ในสงสารน่าเวทนาเขาก็ยังไม่รู้เวทนาก็ต้องจมอยู่ในเวทนาอย่างนั้นแหละ มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ อย่าว่าแต่โลกุตระหรือว่าคำว่าสาธารณโภคี พยัญชนะตัวนี้ เทวะ ที่แปลว่า 2 แล้ว 2 นี้คือ พยัญชนะกับสภาวะ เท่านี้แหละยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกกี่กัปป์กี่กัลป์ก็อยู่ตรงนี้ เทวนิยมที่เขายึดมั่นถือมั่นเทวะว่า 1 อย่าแตะนะ มหาเทวะเรียกว่าพระเจ้า เทวะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือพระเจ้า เป็น 1 แล้วเขาก็ไปยึดพยัญชนะว่า 1 ห้ามไปแยกห้ามไปวิจัยวิจารณ์อะไรออกไปอีกเลย เป็นอย่างไรก็พาซื่ออย่างนั้น เป็นอย่างไรก็ต้องอย่างนั้น พระเจ้าหรือพระศาสดาของเทวดานิยม พระเจ้าตรัสว่าอย่างไรว่าอย่างไรก็ทำตามทั้งหมด กี่กัปกี่กัลป์ เวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปจะบริบทอย่างไปก็ยึดมั่นถือมั่นอย่างเดียวนี่คือพวกพาซื่อ มันเป็นไปไม่ได้ ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนตามกาละเวลา เปลี่ยนไปตั้งเยอะแยะองค์ประกอบสิ่งที่เป็นปัจจุบันนี้กับองค์ประกอบของยุคกาล แค่ 100 ปีผ่านไป พันปีผ่านมา มันยิ่งเปลี่ยนมาก 2,000 5,000ปี มันไม่เที่ยงหรอก มันไม่อยู่คงที่อย่างนั้น เพราะฉะนั้นพวกยึดมั่นถือมั่นอย่างนั้นจึงไม่ทันสมัย และก็ไม่อยู่ในฐานของความเป็นจริงที่สมัยนั้นมันมีอะไรเป็นอย่างไร สมัยนี้มันมีโทรทัศน์มันมีเทคโนโลยีที่ ตั้งเยอะแยะ ตั้งต่างๆนานาสารพัดแล้วก็เปลี่ยนอะไรอีกตั้งเยอะแยะ อาศัยอะไร ไม่อาศัยอะไร มันเป็นไปแล้ว ยุคกาลแต่ก่อนอาศัยอยู่แค่นั้นเดี๋ยวนี้ไม่ต้องอาศัยอย่างที่โบราณอาศัยก็เยอะแยะไป ก็ไม่รู้ความจริงตามความเป็นจริง ตามบริบทของ status quo สถานะที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ มันก็เลยเถียงกัน เรารู้เราเข้าใจว่าเขายึดมั่นถือมั่นอยู่อย่างนั้นมันก็ใช้ไม่ได้ แต่เราก็เข้าใจเขาแล้ว เราก็เห็นใจเขาเท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่น ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:51:09 )

พ่อครู ลิงลมอมข้าวพอง อยู่ 36 ปี

รายละเอียด

ศาสนาพุทธมันยาวนานมากว่า 2,500 ปี กึ่งพุทธกัปป์ของศาสนาพระสมณโคดมจะมีอายุยืน 5,000 ปี เมื่อถึง 2,500 ปี มันก็เสื่อมมาจนอาตมาอุบัติขึ้นในยุค 2,500 คืออาตมาเกิด 2477 ไปอยู่ทางโลกเป็น ลิงลมอมข้าวพองอยู่ 36 ปี จะต้องไปแย่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แบบโลกๆเขาไปตามวิบาก มันเป็นตามธรรมชาติ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็มีลิงลมอมข้าวพองของท่าน และก็ถูกพระบิดามอมเมาจนต้องมีเรื่องของโลกๆ เรื่องกาม เรื่องวัตถุอยู่บ้าง 

จนกระทั่งมีวิบากที่ถูกลัทธิ ถือว่า 6 ปี ไปทรมานอยู่ในป่า 6 ปี จึงค่อยๆระลึกรู้ความจริงของท่านได้ว่า ท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เกิดมาชาตินี้จะมาทำงานสถาปนาศาสนาพุทธลงไปในโลก ในยุคของท่าน ท่านก็ระลึกได้ตั้งแต่วัน 15 ค่ำเดือน 6 แล้วก็ออกมาทำงานไปอีก 45 ปี แล้วก็ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นอรหันต์นั้นมีลำดับอันน่าอัศจรรย์ วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2566 ( 10:51:53 )

พ่อครูกลัวคนที่เก่งกว่าพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

อาตมาว่า ตัวคุณเดชา อัมพร แม้แต่ความรู้ของเขาก็รู้มาก ก็อยู่กับความรู้มากของเขาเอามาจับผิดผู้นั้นผู้นี้ จับผิดไปหมด แม้กระทั่งพระพุทธเจ้าคิดดูสิ หาว่า สอนไม่ได้เรื่องได้ราว ไม่ระบุไปเลย ทำไมคลุมเครือ อะไรต่างๆ นานาสารพัด 

อาตมาเคยพูดว่า อาตมากลัวคนที่เก่งกว่าพระพุทธเจ้า อาตมาไม่กลัวใครเลย อาตมากลัวคนที่เก่งกว่าพระพุทธเจ้าคนเดียวจริง อาตมาก็ไม่เคยกลัวพระพุทธเจ้าเท่าไหร่นะ คนที่เก่งกว่าพระพุทธเจ้าอาตมากลัว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:37:55 )

พ่อครูกล่าวถึงความสำคัญวันอโศกรำลึก 5 มิถุนายน 2565

รายละเอียด

วันนี้ที่ 5 มิถุนายน เขาตั้งให้เป็นวันสำคัญของทางการระดับโลก เขาตั้งให้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เป็นวันข้าว และชาวนาแห่งชาติ เป็นวันเกิดของชุมชนราชธานีอโศกด้วย นับตั้งแต่งานสมโภชปี 2537 ก็ผ่านมา 28 ปี หมายความว่ามี 8 2 ตัว พอดีเลย 88 ก็ได้ และเป็นวันเกิดของมหาลัยวังชีวิตด้วย สำหรับชาวอโศกเรามีทั้งวันเกิดชุมชนราชธานีอโศก ทั้งวันเกิดของมหาลัยวังชีวิต เราไม่เรียกมหาวิทยาลัย เดี๋ยวนี้ก็หายไปแล้ว มันไม่ขึ้น มันจะเป็นอะไรอย่างอื่นอีกก็ยังไม่ขึ้น อย่างเป็นทางการ ก็ไม่เป็นไรเท่านี้ก็เหลือแหล่แล้ว 

งานนี้ก็มีหนังสือ 2 เล่มออกมาพอดีเลย ขอแนะนำมันเป็นเล่มสุดท้ายแล้วสำหรับหนังสือรวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร เล่ม 5 รวมคอลัมน์จากการเขียนในหนังสือเราคิดอะไร คอลัมน์คนจะมีธรรมะได้อย่างไร ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงครั้งสุดท้ายแล้วเอามาขยายความ ก็ได้หนังสือถึง 5 เล่ม 

อาตมามีหน้าที่ไขความสัจธรรมที่เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าทั้งหลายแหล่ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็ได้ทำเต็มที่ไม่ได้ออมมืออะไร สุดฤทธิ์สุดเดช ทำมาเรื่อยๆ ขยายความมา จนตอนนี้ก็ยังเขียนปัญญา 8 อยู่ยังไม่เสร็จหมด แต่ก็เสร็จไปเล่มหนึ่งแล้วนะ ปัญญา 8 ก็กำลังเขียนขยายต่อ จะมีเล่ม 2 ตอนนี้มี 700 กว่าหน้าแล้ว ก็น่าจะแบ่งเป็น 2 เล่ม เอาจริงๆน่าจะถึง 800 หน้า ก็สามารถแบ่งได้อีก ตกลงปัญญา 8 ก็จะมีถึง 3 เล่ม 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 20:52:03 )

พ่อครูกับ 625 คนที่แผ่นดินพุทธ

รายละเอียด

ยุคนี้อาตมาก็เป็นผู้พากเพียร เป็นโพธิสัตว์ที่จะมุ่งไปสู่พุทธภูมิเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งตามที่พูดไป ไม่ได้เป็นเรื่องมุข โมเม ศาสนาพุทธปางบรรพ์ก็มีอย่างนี้เป็นลำดับ แต่ในยุคนี้คนไม่รู้ มีอวิชชามิจฉาทิฏฐิกันไป ไม่รู้จักแล้วก็ไปเป็นพวกมิจฉาทิฐิเข้าใจผิด เป็นพุทธด้วยกันนะ แต่เขาเข้าใจไม่ได้ว่าจริงๆพฤติกรรมจริง ความรู้จริงที่จริง ที่เป็นโลกุตระสัจจะเป็นอย่างไร เขาไม่รู้กันจริงๆ อาตมาพูดไป เขาไม่รู้เขาฟังไม่เป็น มีพวกคุณนี้ฟังเป็น จะว่าไปแล้วมีคนที่ฟังธรรมโลกุตระได้อย่างพวกคุณนี่แหละ จะเรียกว่า 1,250 รูป ของพระพุทธเจ้านะ ของอาตมานี้ 625 ครึ่งของ 1,250 มิน่าล่ะ อาตมาต้องการ 777 ก็เลยไม่ได้ แต่มันผิดความเป็นจริง สัก 625 พอเข้าท่า เกณฑ์นี้ก็ยังพอได้ 625 น่าจะพอได้ ไปหลงเกณฑ์ 777 อยู่ตั้งนานไม่ได้สักที นี่ก็ประมาณ 625 แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นอรหันต์นะ หมายความว่าอยู่ในหมู่กลุ่มของคนที่จะต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหมู่บ้านที่คนมีศีล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 14:38:54 )

พ่อครูกับท่านธรรมปาละไม่ใช่คนคนเดียวกัน

รายละเอียด

ปณิธานเดียวกันเลยกับอาตมา ก็จริงๆแล้วอาตมาให้พูดด้วยใจจริงเลย ท่านธรรมปาละกับอาตมามันคนละคน เท่าที่เป็นเซ้นส์ของอาตมา ไม่ใช่หรอก ท่านธรรมปาละกับอาตมาไม่ใช่คนคนเดียวกัน ท่านก็เป็นโพธิสัตว์ทำหน้าที่ของท่านไป อาตมาก็ทำหน้าที่ของอาตมา แต่แน่นอน สัจธรรมมันอันเดียวกันเหมือนกันคล้ายกัน แม้จะเกิดในระยะใกล้กันโพธิสัตว์ก็ทำได้ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าเกิดในระยะใกล้กันไม่ได้ โพธิสัตว์ก็มีเยอะบำเพ็ญไป ดี ก็สังเกต จะได้รู้ๆกันไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:24:20 )

พ่อครูกับอิทธิบาทในการฉันอาหาร

รายละเอียด

เรื่องนี้ไม่ปรากฏกับตัวก็ไม่เข้าใจ ปรากฏกับตัวเองเราก็ปฏิบัติธรรมจนกระทั่งลดรูปรสกลิ่นเสียง รู้แต่รสที่เป็นความจริงตามความเป็นจริง มันก็ทำได้จนกระทั่งมันเลิก มันจะเลยเถิดไปหรือเปล่า คือจนกระทั่งมันก็เฉยๆกับการกิน ที่จริงมันรู้สึกไม่หิว ไม่อยากมาหลายสิบปีแล้ว มันหมดความหิว ความอยาก ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลาฉันก็ฉันเลี้ยงขันธ์ไป จนมาถึงบัดนี้อายุก็มาก ร่างกายไม่ค่อยอยากรับอาหารแล้ว คือมันจะไป แต่เราก็เห็นว่ามันควรจะยืดอายุไปหน่อยน่า ทำงานไปก่อน ลองใช้อิทธิบาทดู พยายามฝืนอายุขัย ต่ออายุขัยด้วยอิทธิบาท พยายามพูดมาหลายที มันก็ได้จริงๆ มันยิ่งนานก็ยิ่งเหนื่อย นี่นอนตั้งแต่ 2 โมงหรือ 3 โมง จนเขาบอกว่าได้เวลาเทศน์แล้วก็มา 

คนเราก็เท่านี้แหละ รู้แล้ว สุดท้ายมันก็ดูดหรือผลัก นี่มันค่อนข้างจะผลัก เราก็พยายามวางใจไม่ให้ผลัก ควรรับก็รับไป มันก็เลยไม่มีแรงดูดอะไรเลยก็ต้องพยายาม กินก็พยายาม มันก็คงฝังอยู่ในอนุสัยอาตมานะ ทำงานก็เขียนหนังสือหรือแม้แต่เทศน์ ไม่รู้สึกยากแต่มันง่าย เทศน์แล้วก็เพลิน เขียนแต่หนังสือธรรมะเท่านั้น จนเขาต้องเตือนต้องบอกให้ไปนอนๆ ก็ต้องไปนอนไปพัก ก็ดี ชีวิตเกิดมาก็ยิ่งรู้ว่าเกิดมาไม่มีอะไร กินอยู่หลับนอนชีวิต เสร็จแล้วเราจะต้องทำงาน รู้เพียรรู้พักตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส อัปปัตติฐัง อนายุหัง รู้พักรู้เพียรแล้วเราก็จบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมะพ่อครูไม่เหมือนใครตรงที่...คนทำตามบรรลุได้จริง วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2566 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2566 ( 20:18:08 )

พ่อครูกำลังเข้าหาระดับอภิภูโดยมีหมู่กลุ่มเป็นข้อยืนยัน

รายละเอียด

เป็นเองที่เรียกว่าเป็นเอง เพราะผู้นี้สั่งสมได้ติดตัวแล้วตายข้ามชาติมาก็ต้องไม่มีครูบาอาจารย์แล้ว มีได้ด้วยตัวเองเรียกว่า สยังอภิญญา อย่างอาตมา เป็น สยังอภิญญา กำลังเข้าหา อภิภู อาตมาก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วชาตินี้ไม่มีใครมาเป็นครูบาอาจารย์อาตมา อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ แล้วก็ยืนยันว่าอาตมาไม่ได้หลงเลอะเทอะ  อาตมาพาทำจริง ส่วนคนที่ไม่เชื่อจะไปบังคับเขาได้ยังไง เขาไม่มีปัญญาพอที่จะรู้ว่าอันนี้ถูก อันนี้ใช่ ที่เขายึดถือเลอะเทอะนั้นมันไม่ใช่ เขาไม่มีปัญญาตัดสิน ไม่มีปัญญารู้ได้ ก็เป็นความจริงที่ตัวเขา เขายังไม่มีภูมิจะมารู้อันนี้ เราทำ เราประกาศมา 40-50 ปี มีสภาวะ มีสิ่งจริงปรากฏการณ์จริง มีมนุษย์ มีพฤติกรรม มีวัฒนธรรม มีความเป็นอยู่ มีชีวิตจริง นี่เป็นหมู่กลุ่มเป็นสังคมเป็นชาวอโศกแต่ละชุมชนกระจายกันอยู่ทั่วประเทศในขณะนี้แล้ว เขาก็ไม่แยแส แล้วจะทำอะไรได้ เราบอกความจริงอยู่เขาก็หาว่าอวดตัวอวดตนไปโน่น เรามีของดีจริงๆจะไม่อวดได้อย่างไร ของไม่ดีคุณยังอวดกันเละเทะ เราของดีจริงๆ สุดยอดยิ่งกว่าทองคำ แล้วไม่ให้อวด จะไปอวดขี้หมาทำไม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 12:37:03 )

พ่อครูขยายความละเอียดของ กาย กับ จิต เพิ่มเติม

รายละเอียด

มาเข้าสู่ ความละเอียดของคำว่า กาย กับ จิต มันทำให้งงตรงที่ คำว่า กาย มันยังมีความเข้าใจผิดตามที่เคยเชื่อ เคยถือ เคยยึดมาเก่าๆ ว่า กายนี่ มันคือหนึ่งเท่านั้น มันคือร่างภายนอกอย่างเดียว มันมาเป็นภาษาไทยสนิทสนมแล้วนะ คำว่ากาย ก็เลยงงกันอยู่ 

แต่ถ้าเข้าใจได้ว่า กาย นี้ ไม่ได้มีความเป็นหนึ่ง กายนี้เป็น องค์ประชุม ในพจนานุกรมไทยบาลีแทบทุกอัน แปลว่า หมวดหมู่ แปลว่าฝูง ไม่ได้แปลว่า 1 กายนี้มี 2 องค์ประชุมขึ้นไป หรือสังขารที่ปรุงแต่งร่วมกันจาก 2 ธาตุขึ้นไปโดยเฉพาะมีนามเป็นหลัก ซึ่งพระพุทธเจ้าก็จะลงไปเลยว่า ตถาคตเรียกกายนี้ว่า จิต มโน วิญญาณ ขนาดในภาษาไทยมีพยัญชนะ คำว่า กาย ที่เข้าใจผิดๆถูกๆกันมา จนกระทั่งอาตมาเอามาฟื้นเพื่อให้ถูกแท้ ในความเป็น 2 นี่แหละ ที่ไปเข้าใจว่าเป็น 1 มันผิด แค่นี้แหละ ถ้าเข้าใจอย่างนี้ได้ คุณก็จะเริ่มรู้แล้วว่า อ๋อ.. 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2565 ( 14:18:16 )

พ่อครูขยายความเรื่องพระโพธิสัตว์ กับพระอรหันต์

รายละเอียด

คือมีพระพุทธเจ้าท่านตรัสถึง บุรุษ 7 
1.สัทธานุสารี

2.ธัมมานุสารี

3.สัทธาวิมุติ

4.ทิฏฐิปัตตะ

5.กายสักขี

6.ปัญญาวิมุติ

7.อุภโตภาควิมุติ 

7บุคคล บุคคล7 อาตมาเกริ่นไว้แล้วว่า จริตของคนมันมี 2 แบบจริงๆ เหมือนอย่างพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตร 2 แบบ มันเป็นจริตตระกูลของตนเองมาแต่ไหนแต่ไร มันไม่ได้แกล้ง มันเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ 

เพราะฉะนั้น สัทธานุสารี มาก่อน แล้วถึงเป็นธัมมานุสารี เป็นระดับเหนือกว่ากันขึ้นหน่อย แล้วสลับมาเป็น สัทธานุสารีก็มาเป็นสัทธาวิมุติ ส่วนธัมมานุสารีจะไปเป็นทิฏฐิปัตตะ สัทธาวิมุติจะไปเป็นกายสักขี ส่วนทิฏฐิปัตตะจะไปเป็นปัญญาวิมุติ ผู้ที่ถึงปัญญาวิมุติแล้ว คือผู้ที่สิ้นอาสวะได้ กายสักขีนี้ อาสวะบางอย่างสิ้นไปผู้ที่มีกายมีความรู้เรื่องกาย สัมมาทิฏฐิในเรื่องกาย และปฏิบัติธรรมได้ ก็จะมีความบรรลุ 

เริ่มต้นมีปัญญาหรือว่าพ้นทิฏฐิปัตตะ เข้าถึง บรรลุถึงทิฏฐิเป็นสัมมาขึ้นมา ปฏิบัติได้ เข้าใจเรื่องกาย ก็ทำให้กายพ้นทุกข์ได้ ก็เป็น กายสักขี เพราะฉะนั้น อาสวะตัวที่กายพ้นทุกข์ได้ มันก็เป็นตัวบรรลุของตัวเองไปได้เรื่อยๆ อาสวะสิ้นไปตามลำดับ บางอย่าง จนถึงปัญญาวิมุติ เพราะฉะนั้น แม้แต่สายศรัทธา ก็จะต้องกระเถิบตัวเองให้มาเป็น ธัมมานุสารี ไม่ใช่เอาแต่ศรัทธาวิมุติ ให้ไปเป็นทิฏฐิปัตตะ ให้บรรลุถึงทิฏฐิ ให้บรรลุถึงทางสายปัญญา จนกระทั่งมีปัญญาแล้ว ก็ถึงจะเข้าใจเรื่อง กาย ก็จะปฏิบัติมีกายสักขี ทำอาสวะบางอย่างได้หมดไปเรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2565 ( 14:22:39 )

พ่อครูขยายคำว่าสัมผัส วิโมกข์ วิโมกข์ 8 กาย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ใบแพร เขาได้รู้เข้าใจแม่นเป้าตรงประเด็นขึ้นมา ดี แม้จะเข้าใจตามที่เขียนมาในพยัญชนะนี้ ก็แสดงว่า เรารู้ความลึกซึ้งเข้าไปอีก มันก็จะได้ประโยชน์ มีพยัญชนะ คำว่า 1.สัมผัส 2. คำว่า วิโมกข์ 3. คำว่า วิโมกข์ 8 4. คำว่า กาย

สัมผัส คุณต้องมีการสัมผัส โดยเฉพาะสัมผัสต้องมีภายนอกด้วย ต้องสัมผัสอย่างเปิดเผยทั้งหมดไม่มีอะไรลึกลับ คุณจะมีธาตุรู้ สามารถจะรู้ภายนอกได้มาก ได้ไกลได้เยอะเท่าไหร่แล้วแต่บุคคล ที่จะเก่งที่จะสามารถ ก็ต้องรู้ตามที่เรามีจริง สัมผัส  วิโมกข์ แปลว่า ความหลุดพ้น หลุดพ้นจากกิเลส กิเลสหลุดพ้นไปจากเรา เราหลุดพ้นไปจากกิเลส มันขาดจากกันไปจากเราแล้ว แล้วพระพุทธเจ้าท่านก็ขยายความ มันขาดจากกันไป 8 หลัก จึงเรียกว่าวิโมกข์ 8 แล้ว วิโมกข์ 8 หลักนี้ ศึกษาด้วยกาย สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2565 ( 14:04:34 )

พ่อครูขยายนิยาม 5 ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เพิ่มเติม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ชัดเจน ท่านรู้ว่า อุตุนิยาม หรือธาตุวัตถุแท้ๆ เป็นพลังงานความร้อนแสงเสียงแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่ใช่ชีวะ มันก็ทำงานไปตามแบบของมัน เป็นแม่เหล็กมันก็ดูดกัน แสงมันก็ออกมา เสียงมันก็ออกมา แม่เหล็กไฟฟ้ามันก็ทำงานไปตามสภาวะของพลังงานแบบวัตถุ พอมาเป็นชีวะ เริ่มเป็นพืช มีความรับรู้และก็มีความเป็นตนในส่วนหนึ่งแล้ว 

มะนาวก็เป็นตนของมัน มีช่อเดียวนะ มีหนาม มันก็เป็นตนของมัน ธาตุรู้ของมัน มันก็จะต้องทำงานเพื่อสร้าง เอาเมล็ดไปปลูกอีก มันก็จะสร้างแบบนี้ เอาเมล็ดของลูกใหม่ ไปปลูกมันก็จะสร้างตัวมันเองแบบของมัน แต่มันไม่เบียดเบียนทำร้ายใคร มันทำแต่ตัวมัน 

พอมาเป็นจิตนิยามมันทำร้ายผู้อื่นด้วย มีบาปมีบุญ มีดูดมีผลักกันแรง แรงจนกระทั่งถึงทำร้ายทำลายกัน ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม  แล้วท่านก็ตรัสรู้เรื่องกรรมนิยาม และธรรมนิยาม สิ่งที่ทรงไว้ตามระยะเวลา 

การกระทำ พอเรารู้ทุกอย่างมันเกิดจากกรรม แล้วเราเป็นเจ้าของกรรมที่จะให้เกิดพลังงาน ทำลายหรือสร้างสรร กรรมต่างๆ กรรมที่เป็นการกระทำทำลายหรือสร้างสรร  

ส่วนเวทนาความรู้สึกนั้น รู้สึกชอบ รู้สึกไม่ชอบ รู้สึกดูดดึง หรือรู้สึกผลัก 

มันมีตัวตั้งกับตัวที่เจตนา สมเจตนา เมื่อสมเจตนาก็เป็นสุข ไม่สมเจตนาก็เป็นทุกข์ นี่เป็นลักษณะของจิตวิญญาณที่แจกเป็นเจตสิกต่างๆ เจตนาเจตสิก เวทนาเจตสิก สัญญาเจตสิก ตัวที่กำหนดรู้อะไรขึ้นมาก็ดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 21:21:45 )

พ่อครูขยายสัจจะอย่างพิศดาร

รายละเอียด

นี่เป็นสัจจะที่ขยายความ สู่ฟังวันนี้ 

เป็นธรรมดาของผู้รู้ที่อธิบายได้อย่างพิศดาร อย่างละเอียดลออกลับไปกลับมาอนุโลมปฏิโลมได้ ส่วนผู้ไม่รู้ก็อธิบายด้วยความเมา ไม่มีสภาวะจริงก็จะสับสน แต่ผู้ที่รู้จริงมีสภาวะจริงแล้วไม่สับสน มีแต่รู้จักสภาวะที่มันละเอียดและเล็ก กลับไปกลับมา เร็วไวเท่าไหร่ก็ไม่งงไม่หลงไม่เมา เพราะฉะนั้นก็จะเป็นสภาพที่สัจจะจริงทุกอย่างทุกเวลา เหมือนมันเมาแต่มันเป็น สิริมหามายาเป็นสิ่ง 2 สิ่งที่อธิบายแยกแยะ ทั้งดีทั้งมาก สิริคือดี มหาคือมาก เป็นสิริมหามายา 

ส่วนคนมีมายา เป็นมายาเต็มตัวเรียกว่านักมายากล สลับไปสลับมาแต่ก็หลอกคนอื่นเขาทั้งหมด หลอกว่าจริง ไม่จริง แต่ของพระพุทธเจ้าทำความเกิดอย่างมีสิ่งที่เป็นของจริงสิริมหา ไม่มีอะไรหลอก ผู้สามารถทำความเกิดเป็นสิริมหามายาได้สำเร็จนี้แหละ ผู้นั้นคือสิทธัตถะ สิทธัตถะคือผู้ที่สำเร็จแล้วอย่างบริบูรณ์ อันเดียวกันสิริมหามายากับสิทธัตถะ 2 มาเป็น 1 นี่คือสภาวธรรม ไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขา แต่การเกิดตัวตนบุคคลเราเขา เจ้าของศาสนาจึงมีตัวตนของแม่ผู้ให้กำเนิดที่ชื่อสิริมหามายา และมีตัวตนของลูกที่เป็นสิทธัตถะ เป็นตัวตน ส่วนธรรมะนั้นเป็นสภาวธรรมไม่ใช่ตัวตน  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 19:28:02 )

พ่อครูขอทำการเมืองภาคประชาชนทำแต่กุศลไม่มีหนี้

รายละเอียด

ถ้าหากมีคนเสนอตัวมาแล้ว คุณแน่ ประชาชนก็เอากับคุณ แต่ถ้าประชาชนไม่เอาด้วยคุณก็ไม่ได้ แต่อาตมาขอทำการเมืองแบบไม่มีตำแหน่งอะไร ทำการเมืองภาคประชาชน ได้เท่าไหรก็เอาเท่าที่ได้ ตายไปแล้วก็กลับมาทำต่อ ยังไม่ล้มเลิก อาตมาเข้าใจกรรมวิบาก ทำแล้วเป็นหนี้ อาตมาทำแต่กุศลไม่มีหนี้ เกิดมาชาติหน้าหล่อกว่าเก่าแข็งแรงกว่าเก่ามีบารมีมากกว่าเก่า จะไปกลัวทำไม ใครจะมาห้ามไม่ได้หรอก จะเป็นพระเจ้ามาทำลายวิบากอาตมาไม่ได้ เป็นสัจจะ อาตมาทำมาถึงชาตินี้อาตมาสร้างตัวมาเองทั้งนั้น หากอยากได้ของคนอื่นมาเป็นของตน ไม่ทำเอาจะได้อะไร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:50:16 )

พ่อครูควรฉีดวัคซีนหรือไม่ เรื่องนี้มันเอาตายนะ ทำเป็นเล่นไป

รายละเอียด

มันก็ทำให้เห็นความสำคัญ เมื่อกี้นี้ภาษาที่อาตมาขึ้นมามันบอกว่า เอ้อ เรานี่นะ จะทำอะไรไม่ทำอะไร มันเป็นคำหยาบ อาตมาจะทำอะไรไม่ทำอะไร มาใช้ตาชั่งอาตมา แต่เขาจะเห็นว่าไม่ได้ จะทำอะไรไม่ทำอะไร ต้องช่วยคิดต้องช่วยรักษาต้องช่วยดูแล ต้องช่วยระมัดระวัง เพราะว่าทำเป็นเล่นไปไม่ได้ เดี๋ยวตายง่ายๆ เขายังไม่อยากให้ตาย สรุปเข้าเป้า เขายังไม่อยากให้ตาย เรื่องนี้มันเอาตายนะ ทำเป็นเล่นไป เขาก็มีส่วน เขาก็พยายามออกความเห็นก็ต้องขอบคุณทุกคน 

อาตมาก็จะว่าไปแล้ว ภาคภูมิใจอยู่ว่าในชาตินี้ เกิดมาแล้วคนก็ยังเห็นว่าเราเป็นคนมีประโยชน์ เป็นคนมีความสำคัญอะไรอยู่บ้าง ที่ยังมีคนมองว่า อย่าเพิ่งตายนะให้อยู่นะ ต้องทำอะไรต่ออะไรให้ เขายังอยากได้อะไรจากอาตมาอยู่ อาตมาไม่มีเงิน เขาไม่ได้อยากได้เงินจากอาตมา อาตมาไม่มีการปูนบำเหน็จรางวัลให้ใคร เขาก็ไม่อยากได้ จะให้ยศศักดิ์ตำแหน่งก็ไม่ได้ เพราะอาตมาไม่มีสิทธิ์จะให้ได้ แม้แต่จะให้ความสุขความทุกข์แก่ใครก็ให้ไม่ได้ เป็นแต่เพียง บอก บอกการศึกษา บอกให้ศึกษาเรื่องสุขเรื่องทุกข์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:11:31 )

พ่อครูคาดหวังให้สัมมาสิกขาเป็นเช่นใด

รายละเอียด

ให้ดีที่สุด ให้เจริญให้มีประโยชน์ต่อผู้มาเรียน จะเรียนชั้นประถม มัธยมอาชีวะหรือวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ก็ให้ดีที่สุดเท่าที่จะพัฒนา ตามที่หลวงปู่รู้ว่า ดีเป็นสามเส้า คือ ศีลเด่น คือดีทางธรรมะ ธรรมก็ต้องเป็น ดีเพราะวิชาการ ความรู้ความชำนาญทางโลก เป็นเรื่องของโลกีย์ แต่เป็นกุศลทางโลกีย์ด้วย ทำเป็นด้วยไม่ใช่แค่รู้ เป็นงาน ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา จึงรวมไว้ครบทั้งโลกียะโลกุตระที่เป็นกุศลและบุญอยู่ในนี้หมดครบ สามเส้า ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:32:24 )

พ่อครูคือ สยังอภิญญา

รายละเอียด

อาตมาก็ว่าใช่นะ อาตมาเป็นพูดแจกแจงธรรมะละเอียด พยายามอธิบายให้ละเอียดทั้งนั้น คนนี้เชื่อว่าอาตมามีธรรมะแจ้งด้วยตนเองในหนทางแห่งโพธิญาณที่แท้ ขยายความชัด ก็เท่ากับยอมเชื่อว่าอาตมาเป็น สยังอภิญญา 

ใช้คำว่า ทรง คือมันมีอยู่ตอนนี้ มีอยู่ ไม่ใช่เป็นคำราชาศัพท์นะ อาตมาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะใช้คำราชาศัพท์ คำว่า ทรง มันมีอยู่ ทรงอยู่ คนนี้เขามองความจริงออก อาตมาก็อนุโมทนาด้วยที่คุณเห็นความจริงอันนี้ คนเขาไม่เห็นก็ไม่เห็น คุณเห็นก็ดีแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 26 เป็นอรหันต์แล้วจึงหมดผีปอบ วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2566 ( 19:27:26 )

พ่อครูคือก้อนแห่งสัมมาทิฏฐิที่คนต้องมีฉันทะมาเอา

รายละเอียด

คุณธรรมที่พระพุทธเจ้ามีบัญญัติ มีคำพระบาลีเป็นหลัก แล้วไปแปลเป็นภาษาไทยกัน อย่างที่อธิบายกันอยู่นี้ แล้วคุณธรรมเหล่านั้น มนุษย์เอามาเรียนรู้ แล้วก็เอามาปฏิบัติประพฤติ เกิดผลที่ตัวเอง สำเร็จได้ ยืนยันได้ ก็เกิดมนุษย์อาริยะที่แท้จริง 

สิ่งที่ยืนยันว่าเป็นอาริยะที่แท้จริงนั่นก็คือ ผู้ที่รู้จริง ผู้ที่ทำจริง ปฏิบัติจริง ประพฤติจริง ได้ผลสำเร็จ แล้วก็เอามาเปิดเผย เอามาอธิบาย เอามาขยายความให้ผู้อื่นรู้ตาม ผู้อื่นรู้ตามแล้วเข้าใจลึกซึ้ง เกิดพัฒนามีรากงอกถึง 10 ราก

รากทั้ง 10 ภาษาบาลีว่า มูลกา ในมูลสูตร (พตปฎ. เล่ม 24 "มูลสูตร" ข้อ 58) ใครจำได้บ้าง 10 ข้อมีอะไรบ้างยกมือ? ...  มูลสูตร 10 ราก 10 มีอะไรบ้าง เอาบาลีก่อน ง่ายๆ 

1.ฉันทะ 2.มนสิการ 3.ผัสสะ 4.เวทนา 5.สมาธิ 6.สติ 7.ปัญญา 8.วิมุติ 9.อมตะ 10.ปรินิพพานเป็นปริโยสาน

มูลสูตร 10 

รากเหง้า เป็นที่หยั่งลงและเป็นที่สุด

1.ฉันทะเป็นมูล(มูลกา) 2.มีมนสิการเป็นแดนเกิด(สัมภวะ) 3.ผัสสะเป็นปัจจัย(สมุทัย) 4. เวทนาเป็นที่ประชุมลง(สโมสรณา) 5.สมาธิเป็นประมุข(ปมุขะ) 6.สติเป็นใหญ่(อธิปไตย) 7.ปัญญาเป็นอุตตระ 8.วิมุติเป็นสาระ 9.อมตะเป็นที่หยั่งลง จากอมตะเป็น 10.ปรินิพพานเป็นปริโยสาน
(พตปฎ. เล่ม 24 "มูลสูตร" ข้อ 58
)

ราก 10 ข้อนี้ ผู้ที่ชัดเจนแล้วก็จะเข้าใจสภาวะธรรม “ยินดี” ข้อที่ 1 จะใช้พยัญชนะบาลีว่า ฉันทะ เป็นมูลกา มันไม่ใช่เรื่องตื้นเขินเลยนะ มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง เพราะฉะนั้นคำว่า ยินดี ฉันทะ คำนี้ ทำเป็นเล่นไป เป็นต้นรากของโลกุตระเลย มันเกิดความยินดี  มันเกิดความศรัทธา มันเกิดความมีปัญญา มันยินดี มีศรัทธา มีปัญญาอย่างสัมมาทิฏฐิ อันนี้ลึกซึ้งนะ 

อาตมานี่ คุณว่าอาตมาสัมมาทิฏฐิไหม อาตมาว่าอาตมาเป็นก้อนแห่งสัมมาทิฏฐิเลยนะ เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดเห็นอาตมา เห็นก้อนสัมมาทิฏฐิ ที่ไม่ใช่ก้อนเล็กๆด้วยนะ เป็นก้อนสัมมาทิฏฐิที่เข้มข้นไม่ใช่เล่น เพราะฉะนั้นคนที่มีดวงตา สัมผัสก้อนสัมมาทิฏฐิคืออาตมานี้ ถ้าเขามีภูมิปัญญามีปฏิภาณเห็นแล้วรู้ว่า โอ้โห อันนี้ก้อนสัมมาทิฏฐิ เขาคือ ผู้มิจฉาทิฏฐิไง แล้วเขาเกิดฉันทะ เขาเกิดยินดี โอ้นี่คือก้อนสัมมาทิฏฐิหรือ ถ้าเกิดฉันทะเป็นข้อที่ 1 แล้ว เขาจะปรับจิต ทำจิตทำใจใหม่ มนสิการ เป็นข้อที่ 2 แล้วข้อที่ 3 4 5 6 7 8 9 10 ดำเนินไปตามสัมมาทิฏฐิไปจนจบได้ 

แต่ถ้าไม่ยินดีแล้ว ไม่ถูกต้อง ไม่สัมมาทิฏฐิได้ตั้งแต่ข้อที่ 1 คุณทำใจในใจ-มนสิการ คุณก็ทำมิจฉาทิฏฐิ แม้คุณจะไปผัสสะ คุณก็ผัส สะมิจฉาทิฏฐิ แม้คุณจะรู้ภาษาคำว่าเวทนา ท่องพยัญชนะเวทนาได้ 108 เหมือนที่อาตมาพูด ก็ไม่เหมือนของอาตมาพูด อย่านึกว่าเวทนาไม่ได้ผล มิจฉาทิฏฐิไม่ได้ผลนะ ได้ผลของเขาเหมือนกัน เวทนาอธิบายแบบ 108 ของเขา เขาก็อธิบายได้ แต่มันไม่ใช่เหมือนกันเลย มันคนละแบบ คนละสัจจะ มันคนละเรื่อง คนละสภาวะเลย เพราะฉะนั้นแม้แต่อรหันต์ แม้แต่วิมุติ แม้แต่นิพพาน มันก็คนละอย่าง อรหันต์เก๊กับอรหันต์แท้ มันจะเป็นอย่างนั้นเลย ใช้คำภาษาอธิบายเดียวกัน แต่สภาวะคนละอย่าง 

คุณว่า มหาบัวสนิทใจของตัวเองไหมว่า ตัวเองจะเป็นพระอรหันต์ ไม่เกิดอีกแล้ว ชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้าย มหาบัวเค้าประกาศชัดเจน มหาบัวจริงใจเองไหม จริงใจ เพราะเขาโง่สนิท เขามืดสนิท เขาหลงผิดสนิท เห็นไหม 

ขออภัยนะ ขออภัยมหาบัวหรือว่าลูกศิษย์มหาบัวทั้งหลายแหล่ ที่ศรัทธาท่านมหาบัวอยู่ อาตมาก็พูดสัจจะ อาตมมาเลี่ยงสัจจะไม่ได้ พูดความจริง แล้วมันมีตัวจริงยืนยัน มันเป็น  specimen (ตัวอย่างจริง) ที่ขอยืมมาเป็นตัวอย่างที่เอามาใช้ยืนยัน เดี๋ยวจะหาว่าพูดไปแล้วใครเป็นอย่างที่ว่า ไม่มีตัวอย่างยืนยัน อาตมาก็เลยขอยืมมาเป็น specimen มาเป็นชิ้นตัวอย่างที่จะมายืนยันให้ผู้ที่รู้จัก ก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น มันมีหลักฐาน มีสิ่งอ้างอิง อย่างนี้เป็นต้น ไม่ได้หมายความว่าไปข่ม ไปดูถูก ดูแคลน ไม่ใช่ ไม่มีจิตตัวนี้เลย ไม่มีจิตจะไปดูถูกข่มเลย แต่อาตมาสงสารมหาบัว 

อาตมานี่ ไม่มีหรอกที่ไปดูถูกดูแคลนคน แต่มีแต่พูดข่ม หรือพูดความผิดของเขา เหมือนไปข่มไปดูถูกเขา มันดูเหมือนกัน แต่มันเป็นความจริง ไม่ใช่ดูเหมือนเท่านั้นด้วย ที่อาตมาพูดนั้นมันจริง ฟังเข้าใจไหม อาตมาไม่ได้เล่นลิ้นนะ แต่อาตมาพูดสัจจะความจริง 

เพราะฉะนั้น อาตมาตำหนิใคร ตำหนิด้วยความสงสาร ตำหนิด้วยความจริงใจปรารถนาดี อย่างมหาบัวนี่ อาตมาตำหนิได้เต็มที่ เพราะว่าเสียไปแล้ว เป็นตัวอย่างชัดเจนแก้ไขไม่ได้แล้ว ก็ตำหนิได้เต็มที่แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะฟื้นมาแย้งอาตมาได้อีก มาแก้ตัวกลับตัวกับอาตมาก็ไม่ได้ เพราะตัวเองตายไปแล้ว ผิดไปเต็มรูปแล้ว ไม่มีการฟื้นมาแก้ไขตัวเองได้แล้ว ใช่ไหม อาตมาก็ตำหนิได้แน่นอน คนไม่แก้ไขตัวเองหรือไม่ฟื้นมาปรับตัวเองจนกลายเป็นดี ติ ฉันไม่ได้แล้ว เป็นคนดีแล้วนะ ไม่มีทางตำหนิได้เต็มที่

คนที่ผิดยังมีชีวิตอยู่อาตมาไม่ตำหนิเต็มที่ อาตมาก็ยังยังมีสาเปกโขอยู่ ยังมีความหวังอยู่ว่า ท่านน่าจะเข้าใจ เกิดตื่นขึ้นมาถ้าเกิดเห็นโพธิรักษ์ 

คนที่เคยเข้าใจอาตมาว่าเป็นมิจฉาทิฎฐิ ตีลังกากลับเป็นตรงกันข้ามกับท่านเลย พอท่านรู้สึกว่า โอ๊ยตาย เกิดภูมิปัญญาขึ้นมาเลย โอ้โห นี่เราไปตำหนิท่านโพธิรักษ์ผิดเลยนะนี่ หิริ-โอตตัปปะจะเกิดไหม? หิริ-โอตตัปปะก็จะเกิด เห็นไหมสัจธรรมพระพุทธเจ้า 

ยิ่งเป็นคนมีสำนึกสูงด้วย จะเห็นว่า ตาย! ตาย ๆ ๆ เราไปตำหนิผิด ละอายขายขี้เท่อ จะละอายอย่าง”ติพพัง” โอตตัปปะอย่างติพพัง “ติพพัง แปลว่า แรงกล้า” นี่คำสอนพระพุทธเจ้าทั้งนั้นที่อาตมาอธิบาย มันมีสัจธรรมที่เป็นตัวอย่าง เห็นๆอย่างทุกวันนี้ อาตมาก็ว่าน่าสงสาร คนที่ถูกพาดพิงถึงขนาดนี้  แม้แต่ออกชื่อบ้างไม่ออกชื่อบ้าง พวกเราก็คงจะพอเข้าใจคนที่มีลักษณะตามที่อาตมาพาดพิงถึง  นี่เป็นสัจจะ 

สรุปอีกทีตรงนี้ว่าเป็นคนเกิดมาแล้วนี่ ไม่มีอะไรดีไปกว่ามาศึกษาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า คุณจะไปเรียนวิชาอะไรแล้วก็ไปทำงานตามวิชาที่คุณมี อีกกี่แขนง ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ไม่มีแขนงไหนสำเร็จดีเท่า 

พระพุทธเจ้าไปศึกษาในยุคของท่าน มหาวิทยาลัยยิ่งใหญ่ ตักศิลามีความรู้ 18 วิชาหรือ 18 คณะ หมดสูงสุดแล้วในยุคนั้น ความรู้ 18 คณะนี้ยิ่งใหญ่สูงสุดแล้ว ท่านเรียนจบหมดทุกคณะ อาตมาเคยแถมว่าท่านได้เกียรตินิยมมาทุกคณะด้วย พระพุทธเจ้า แล้วจริงด้วย 

จะต้องค่อยๆ เติม กว่าจะรู้สึกตัวก็หลายชาติอย่างที่ว่านี้แหละ แต่ก็ต้องทำตาม พระพุทธเจ้าว่าเราจะต้องตำหนิแล้ว ตำหนิอีก ไม่ยั้งมือ เหมือนช่างปั้นหม้อที่นวด นวดดินที่กำลังอ่อนๆที่นวดได้ ท่านพุทธทาสใช้คำว่า ขนาบแล้วขนาบอีก ท่านใช้สำนวนอย่างนี้ 

อาตมาสรุปมาให้ฟังหลายทีแล้วว่า พระพุทธเจ้าไปเรียนรู้วิชาทางโลก ที่ตักศิลา 18 สาขาวิชา จบหมดแล้ว กลับมาท่านก็ไม่เอาสักวิชา ท่านเอาวิชาของท่านที่ท่านมี คือวิชาพระพุทธศาสนาที่เป็นโลกุตระของท่าน แม้ท่านจะเรียนที่ไหนๆ จบมาแล้ว ท่านก็ไม่เอา รู้โลกเขาหมดไปเรียนมา 

อย่างชาตินี้ อาตมาบารมีไม่ได้ไปเรียนกับเขาเลยในตักศิลา มหาวิทยาลัยใดๆ ก็ไม่ได้ไปเรียนปริญญา สักแค่ขั้นจัตวาก็ไม่ได้ อย่าว่าแต่ปริญญาตรีเลย ปริญญาแค่อนุปริญญาจากมหาวิทยาลัยนั้นมหาวิทยาลัยนี้ วาสนาโพธิรักษ์นี่ชาตินี้ ซึ่งอาตมาภูมิใจนะ  ภูมิใจที่อาตมาไม่ได้ไปเป็น ไม่ได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยอะไรใดๆ ไม่ได้จบมหาวิทยาลัยใดๆ เลย ภูมิใจ 

ภูมิใจตรงไหน ภูมิใจตรงที่ว่าเราจะได้พิสูจน์ว่าเรามีความรู้ โดยไม่ต้องอาศัยความรู้จากใคร บางคนอาจจะบอกว่าที่อธิบายธรรมะได้อย่างนี้เพราะจบมหาวิทยาลัยนั้น มหาวิทยาลัยนี้ โอ๊ย คนนี้มันเรียนจบมหาวิทยาลัยตั้ง 5 มหาวิทยาลัย มันก็อธิบายได้เก่ง จบปริญญาเอกมาตั้ง 5 ใบ 7 ใบ มันก็อธิบายได้ดีสิ อย่างนี้เสียศักดิ์ศรีธรรมะพระพุทธเจ้าหมด 

เพราะฉะนั้นอาตมาไม่ต้องจบมหาวิทยาลัยใดๆเลย แต่อธิบายธรรมะของพระพุทธเจ้าได้ เข้าเนื้อเข้าหนังได้ เป็นอาริยสัมมาทิฏฐิ แทงถึงแก่นได้จริงๆเลย พิสูจน์ความจริงของธรรมะพระพุทธเจ้าเพียวๆ เลย เห็นไหมอย่างนี้ มันเป็นลักษณะอย่างนี้ อาตมาอธิบายนี้เข้าใจชัดเจนลึกซึ้งไหม อย่างนั้นจริงๆมันเป็นอย่างนั้น อาตมาถึงบอกว่าอาตมาไม่ได้น้อยใจ เสียใจว่าเกิดมาชาตินี้ แต่เคยพ้อๆไปงั้นแหละ พ้อไปเป็นวิธีการอธิบายธรรมะ แต่ใจจริงแล้วไม่มีปัญหา เรื่องเหล่านี้ 

เพราะอาตมา พูดตอนนี้จะคุยตัวเองไปด้วย โดยที่ว่าไม่มีหลักฐาน ชาติก่อนๆอาตมาเคยพวกนี้ผ่านมาแล้วทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอาตมาไม่ How many ไม่ยี่เจ้ย ไม่เท่าไหร่หรอก อาตมาไม่มีปัญหา  ไม่ตกอกตกใจ ไม่น้อยใจเสียใจ ไม่เว้าใจแหว่งใจเรื่องเหล่านี้หรอก 

อาตมาทำงานมาจนถึงวันนี้ อาตมาก็ไม่ได้จบมหาวิทยาลัย อาตมาจบแค่ศิลปะ ศิลปะก็ไม่จบปริญญาตรีนะ ตอนนั้นจบ เขายังไม่ได้ยกสถานะของสถาบัน ตอนนั้นเป็นโรงเรียนเพาะช่าง เขาไม่ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัย เขาไม่ถือว่าเป็นวิทยาลัย เพราะฉะนั้นประสาทวิชา ประสาทขั้นตอนใบรับรอง แม้จะเรียน 5 ปี ไม่ใช่น้อยนะ 5 ปี มันน่าจะจบ มันน่าจะ 6 ปีใช่ไหม เตรียม 2 ชั้นแล้วเรียนอีก 4 ปีปริญญาตรีเป็น 6 ปี นี่เรียนตั้ง 5 ปี ก็น้อยกว่ากันนิดเดียว ก็ไม่ได้ปริญญาตรี เขาบัญญัติกันไง กำหนดกันว่าขั้นนี้ ขั้นนี้ ตามกำหนดของเขาตั้งกัน ก็ไม่มีปัญหาอะไร 

สรุปแล้วความรู้ที่มันเป็นความรู้ที่มนุษย์หรือที่เกิดมาเป็นคนแล้วนี้ อาตมาจะต้องใช้คำว่า “ต้องเรียน” ไม่ใช่ “จะต้อง” เลยนะ ความรู้ที่ต้องเรียนกันจริงๆ คือโลกุตรธรรม คุณจะเกิดอีกกี่ชาติ กี่ชาติ กี่ชาติ ถ้าคุณไม่ได้โลกุตรธรรม คุณก็ตกนรก ขึ้นสวรรค์ ตกนรก ขึ้นสวรรค์กันอยู่ เป็นเทวนิยม เป็นชาวปุถุชน วนเวียนๆแล้วเวียนเล่า หมุนเวียนตกต่ำขึ้นสูงสูงต่ำ ต่ำสูง สูงต่ำ ไม่ได้เสถียร ไม่ได้”นิยตะ” ไม่ได้”เที่ยงแท้” ไม่มีนิยตะ ไม่มีความเที่ยงแท้ที่จะไม่ตกต่ำ “อวินิปาตธรรม” หรือ”นิยตะ” ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา หรือว่าเที่ยงแท้ มีแต่ไปสู่ที่สูงที่สุดถ่ายเดียว 

อาตมาสรุปด้วยภาษาสมัยนี้และของภาษาสมัยโบราณสมัยพระพุทธเจ้ามายืนยันศึกษา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือก้อนแห่งสัมมาทิฏฐิที่คนต้องมีฉันทะมาเอา วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 19:13:16 )

พ่อครูคือธัมมิกราช ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอาตมาว่าเมืองไทยขณะนี้ เป็นประเทศไม่ใหญ่ ประชากรยังไม่ถึงร้อยล้าน แล้วก็มีพฤติกรรมสังคมอยู่ในโลก อาตมาเคยพูดไม่รู้กี่ทีแล้ว แต่คนฟังก็อาจจะหมั่นไส้มาก ว่าประเทศไทยเป็นที่ 1 ของโลก อาตมาว่า ไม่ว่าด้านเศรษฐศาสตร์ ไม่ว่าด้านรัฐศาสตร์ ขณะนี้ เป็นสังคมที่เป็นอยู่สุข ว่ามีเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ดีเป็นอยู่สุข ก็มีคนบอกว่า ประเทศที่มีความสุขในโลก เขาวัดแบบโลกียะนะ เขายังไม่มีความรู้โลกุตระเหมือนอย่างศาสนาพุทธด้วย เขาก็ยังยอมรับเลยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุข เป็นประเทศที่น่าคบหา เป็นประเทศที่น่ามาสัมผัสสัมพันธ์ มาเที่ยว เป็นอันดับต้นๆเลย เลขตัวเดียวขึ้นไป ดูเหมือนจะทางเอเชียอะไรพวกนี้ก็ดูเหมือนเป็นระดับที่ 1อะไรอยู่ 

มีความทุกข์น้อยที่สุดในโลก เขาว่าอย่างนั้น คนที่พูดนี้น่าจะเก่งทางรู้ทุกข์อริยสัจคืออะไรนะ ซึ่งมันไม่ใช่ทุกข์สามัญของโลกนะ  เป็นทุกข์ทางโลกีย์เท่านั้น แต่มันเป็นทุกข์อริยสัจ คือไม่มีทุกข์แล้วไม่มีสุขด้วย นี่คือทุกข์ของพระพุทธเจ้าคือทุกข์กับสุขเป็นสภาพเดียวกันเป็นเทวะ เป็น dialectic ทั้งคู่ เป็นเครื่องสลับฉากกันเท่านั้นสำหรับคนไม่รู้เรื่อง ถ้าคนที่รู้เรื่องแล้ว จิตเป็นอุเบกขา ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข จิตไม่มีกิเลสตัวเหตุแห่งทุกข์ ก็อยู่กับสังคมอย่างเป็นผู้ที่มีโลกวิทู แล้วก็ช่วย โลกานุกัมปายะ อยู่ไทยยังครองแชมป์ประเทศที่มีความทุกข์ยากต่ำที่สุดในโลกปี 2560 เขาเอาขึ้นจอ 

นี่ก็เขาวัดด้วยภูมิธรรมแค่โลกียะ มันยังสอดคล้องไปด้วยกันเลย ถ้ายิ่งมาเข้าใจโลกุตระแล้ว อาตมาว่าคนในโลกนี้ มองอย่าง เผินๆ ไม่ต้องเอาในโลกหรอก เอาในประเทศไทยก็ได้ จะมามองว่าชาวอโศกนี้มันเป็นพวกที่ มันจะมีความสุขหรือ มันจะไม่ทุกข์หรือ มาอดมาทน มาอดมาอยาก จะมาทรมานตนทำไมอะไรต่างๆนานา ซึ่งความจริงเราไม่มีความทรมานเลย จิตมันไม่ทรมาน มันรู้จักเวทนาในเวทนา รู้จักความรู้สึก รู้จักอารมณ์ รู้จักลักษณะอาการ ลิงค นิมิต ของจิตตัวเวทนาเจตสิกอย่างละเอียดดี ว่ามันอยู่เหนือโลกที่เขายึดติดกัน เขายึดติดสุข เทวนิยมเป็นพวกสุขนิยม  พระเจ้าเป็นพวกสุขนิยม ไม่รู้จักทุกข์อริยสัจ พระเจ้ามีแต่สุขนิยม เป็นสุขนิรันดรด้วยพระเจ้าเป็นเจ้าของสุขนิรันดร อยากได้ก็ไปอ้อนวอนขอให้พระเจ้าประทาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทุกคนของตนเองทำเอาเอง จะเป็นสุขเป็นทุกข์ 

เพราะฉะนั้นในสัจจะในโลกที่อาตมาเองพูด เอาของพระพุทธเจ้ามาแล้วศึกษาพระพุทธเจ้ามาไม่รู้กี่ล้านชาติแล้ว ติดตามมาเอาของพระพุทธเจ้ามาทุกวันนี้ยังประกาศตนทุกวันนี้ ว่าอาตมาเป็นธัมมิกราช เป็นอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ ก็พูดไปจนหมดตัวแล้ว ไม่ได้พูดเล่น ไม่ได้พูดโกหก ถ้าโกหกนี้อาตมาบาปมหาศาลเลยนะ ถ้าเป็นทางสัจธรรมทางพระธรรมวินัย อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตนนี้ปาราชิก เอาหลักธรรมวินัยง่ายๆมาจับ อาตมาปาราชิก อวดตัวเป็นอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ เป็นธัมมิกราช มันใหญ่มากเลยนะนี่ แต่อาตมาธรรมดาง่ายๆไม่ได้ยากอะไร 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 25 พ่อครูคือธัมมิกราช ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2566 ( 19:14:13 )

พ่อครูคือนักประชาธิปไตยโลกุตระอย่างแท้จริงเพราะคือผู้แพ้

รายละเอียด

จะได้ตำแหน่งกบฏเอานะ จริง เขาจะทำสิ่งที่ประเทศชาติยังไม่เคยฉิบหายเท่านี้ เขาจะทำได้ เขาประกาศอย่างนั้นจริง เอาจริงๆ นะ น่าสงสารนะคนพวกนี้ คนที่เขาจะเข้าใจทิศทางนรกว่าเป็นสวรรค์ เขาก็จะทำอย่างเชื่อมั่นด้วยนะอย่างที่เขาเข้าใจว่าเป็นนรกนั่นแหละคือสูงสุด แต่เขาไม่รู้ความจริงของความจริงชั้นเสื่อมทรามชั้นต่ำชั้น ฉิบหายวายป่วง เขาหลงว่าอันนั้นแหละเป็นสวรรค์วิมานสิ่งที่ประเสริฐ มันกลับกันไง ไปห้ามกันไม่ได้นะ 

ก็เหยียบขี้ไง ตาดูดาว เท้าติดดิน เดินไม่เห็นอะไร อย่างฝรั่งกับไทยเดินไปด้วยกัน คนไทยเห็นพระจันทร์เต็มดวงสวย คนไทยก็ชี้บอกว่า มูลๆๆๆ แต่ที่จริงเขาชี้นั้นเขาไม่ได้ชี้ มูน(Moon พระจันทร์) ตรงโน้น เขาชี้มูลที่เป็นขี้อยู่ที่พื้น เขาอยากจะพูดสุภาพไม่อยากจะบอกว่าขี้ บอกฝรั่งว่า อย่าเหยียบมูลนะ ฝรั่งก็มองดูพระจันทร์ มันไม่ใช่พระจันทร์เต็มดวงนี่ มูนสวยที่ไหนล่ะ มันไม่มี แต่เจ้านี่คนไทยบอกว่า มูลๆๆ ฝรั่งเจ้านี้ก็เหยียบเผล็ะเข้าเลย มองข้างบนไง ไม่ได้มองดิน มองมูนข้างบน  เลยเหยียบกองมูล กองมูลคือกองขี้ เอ๊! อาตมาอธิบายไม่ค่อยเก่งนะ ไม่ค่อยสนุกตรงนี้ ที่จริงมันเป็นภาษาที่อธิบายสนุกนะมุมนี้ 

คือ ยุคนี้เป็นยุคที่จะแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่เป็นผู้ชนะแท้ๆคือเป็นผู้แพ้ มันกลับหน้ามือเป็นหลังมือ เมืองไทยนี่เป็นเรื่องนั้น อย่างอาตมานี่ คุณว่าอาตมาเป็นผู้ชนะหรือเป็นผู้แพ้... มีคนตอบทั้งสองอย่าง คุณว่าจะมาเป็นผู้ชนะหรือเป็นผู้แพ้ ... 

เป็นผู้ชนะ ไม่ใช่ผู้ชะแน้ เป็นธรรมะ 2 เป็นสัจธรรม 2 อย่าง ผู้มีภูมิปัญญาก็มีสิริมหามายา ผู้ที่ไม่ใช่สิริมหามายา ไม่มีภูมิปัญญา ก็ไปเป็นจอมมายา นี่เห็นไหม มันซ้อนอยู่ในนี้ นี้เป็นสัจจะที่พวกเราคงจะเข้าใจสัจธรรมอย่างนี้ดีขึ้น 

อาตมาทำงานมาโดยไม่ได้หวังตำแหน่งอะไร ในตำแหน่งเกือบจะเป็นกบฏ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือก้อนแห่งสัมมาทิฏฐิที่คนต้องมีฉันทะมาเอา วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 19:16:07 )

พ่อครูคือผู้ปั้นเพลงโลกุตระหนึ่งเดียวในโลก

รายละเอียด

อาตมาก็ไม่ได้ไปปั้นใครอะไรมากมายก็ไปกับนักร้องเขา เท่านั้น ครูที่เขาปั้นนักร้องกันเขาเป็นคนปั้นกันในสังคม แต่เพลงของอาตมานั้นเป็นเพลงธรรมะ เพลงที่อาตมาแต่งตั้งแต่ตอนอยู่โลกสมัยที่อยู่ทางโลกไม่ได้มาธรรมะไม่ได้มาบวช อาตมาก็แต่งเพลงโลกียะที่เป็นราคะ แต่ไม่เคยไปแต่งเพลงลามก

อาตมาแบ่งเพลงไว้ 5 อย่าง 1. เพลงโลกุตระ 2. เพลงธรรมะ 3. เพลงสาระ 4. เพลงราคะ 5. เพลงลามก 

อาตมาแต่งเพลงค่อนไปทางธรรมะไปทางโลกุตระ จากสาระนั่น อาตมาว่าอาตมาแต่งเพลงโลกุตระ ซึ่งก็น่าจะมีคนเดียวนะในประเทศหรือในโลกก็ได้ ก็ต้องเข้าใจโลกุตรธรรมจริงๆ คือเข้าไปแจ้งเหตุกิเลสที่เป็นจุดตัวสำคัญของเนื้อแท้เนื้อหาแก่นสาร เพลงมันจะชี้บอก ถ้าคนรู้จักสาระหรือว่าฟังแล้วเข้าใจได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 14:29:27 )

พ่อครูคือผู้สถาปนาโลกุตระปัญญา ล้างอวิชชาในยุคนี้ 

รายละเอียด

มาสรุปให้เห็นว่า อาตมาเกิดมาชาตินี้ได้มาทำงานเอาธรรมะของพระพุทธเจ้า เอาแก่นเอาวิมุติมาสถาปนาลงไปให้แก่คนได้สำเร็จ ชาวอโศกมีวิมุติ วิมุติขั้น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ขั้นโพธิสัตว์แต่ละระดับ แต่ละคนที่จะเข้าใจซ้อนลงไปอีก และทำได้สำเร็จ จึงมีผลปรากฏจริง มีมนุษย์เลิกละโลกียะมา ไม่ไปติดหลงใหลใน ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข จึงสบาย ชีวิตสบาย มาได้จนกระทั่งเป็นหมู่มวล แล้วก็เอาชีวิตเอาแรงงานเอาความรู้ในชีวิตของตนมารวมกัน สร้างสรรค์สิ่งที่ตัวเองถนัดแต่ละผู้แต่ละคน บางคนถนัดปอกกระเทียมก็ไปช่วยกัน ตั้งแต่เช้าก็ไปนั่งปอกกระเทียม คนถนัดเก็บผักก็ไปเก็บผัก คนถนัดเก็บมะเขือเทศก็ไปเก็บมะเขือเทศ คนถนัดกวาดก็กวาด 

เหมือนงานชั้นต่ำ พวกเราทำเหมือนงานชั้นต่ำ งานไม่ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้เฉลียวฉลาด หรืออะไรที่เขาตีราคายกค่ากันในสังคมว่าเป็นผู้ที่มีตำแหน่งยศศักดิ์หน้าที่ทางสังคม 

อาตมาเกิดมาชาตินี้ไม่มียศศักดิ์ ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่ทางสังคมเลย ไม่มี ซึ่งก็ยังนึกอยู่เลยว่า เออเราทำไมไม่ไปรับราชการ อยากเป็นเหมือนกันนะ อยากเป็นนายร้อย เรียนจบแล้ววิ่งเต้นจะไปเป็นทหาร แม้แค่ ปวส. ก็ได้ยศได้ดาวดาวหนึ่งเหมือนกัน ได้นายร้อย รู้สึกเท่ เพื่อนเขาก็เป็นกันเยอะ เขาก็ไปเป็นนายร้อยนายพัน เราก็อยากเป็น 

ไปวิ่งเต้นแล้วเหตุการณ์ที่เราวิ่งเต้นตอนนั้น ในกระทรวงกลาโหมตอนนั้น ตำแหน่งมันไม่มี มันยาก แล้วชีวิตของอาตมาจะต้องมีงาน จะต้องทำงาน เพราะเป็นคนจน ต้องมีรายได้ไปเลี้ยงครอบครัว ครอบครัวก็คือมีน้องๆ อาตมาไม่ได้แต่งงาน มีน้องตั้ง 6 คนต้องเลี้ยงน้อง ส่งเสียเรียนกันอยู่ พ่อแม่ก็แย่แล้ว แม่เสียไปแล้วเหลือแต่พ่อ แม่เสียไปตั้งแต่ตอนอาตมาเรียนเพาะช่างปี 3 เหลือแต่พ่อ พ่อก็ขี้เหล้ากินแต่เหล้า เอาสมบัติไปขายกินเหล้าไป อาตมาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสมบัติพ่อแม่ ก็ทำงานเลี้ยงตัวเองสร้างฐานะขึ้นมา 

ตกลงชีวิตนี้มันดีจังเลย เหตุการณ์มันบังคับ บังคับให้เราเองรู้จักการทำงานเลี้ยงชีวิต เลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่งขึ้นมา คนก็ชมเชยเลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่ง อะไรต่ออะไรต่างๆนานา ซึ่งเราก็เห็นว่าเป็นหน้าที่ ก็เลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่งก็ธรรมดา ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต พี่ก็เลี้ยงน้อง มันเป็นหน้าที่ ยิ่งพ่อแม่ แม่ก็ไม่มี แม่เป็นหัวหน้าครอบครัว พ่อก็กินแต่เหล้าอย่างที่ว่า เราก็เลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่งมา ก็ไม่มีปัญหา จะไปว่าไงพ่อกินเหล้า เขาก็กินเหล้าของเขาไป เราก็ไปทำอะไรไม่ได้ 

มันเป็นเหตุปัจจัย เป็นวิบากของเราอย่างนั้น แต่ก่อนก็ไม่ได้เข้าใจเรื่องวิบากหรอก แต่เข้าใจเพียงว่ามันก็ต้องทำ ไม่ได้เคยไปมีจิตอคติไปตำหนิพ่อ ไปตำหนิอันนี้ ไม่มี ไม่ได้เคยมีจิตอย่างนั้น เขาก็เป็นของเขา เราก็ทำหน้าที่ของเราไป 

ก็ยินดีในหน้าที่ที่ตัวเองทำเหมือนกันว่า มันเป็นความดีงามนะ เราก็ทำงาน สร้างฐานะจนกระทั่งตามวิบาก ถ้าอาตมาจะอยู่รวยทางโลกก็รวยไป ซึ่งเคยพูดแล้วว่า ถ้าอาตมาอยู่นี่ แกรมมี่ไม่ได้เกิดหรอก ต้องเกิดสำนักหัวใจสีชมพูขึ้นแน่ แกรมมี่ไม่ได้เกิด หัวใจสีชมพูเกิดแน่ ซึ่งกว้างกว่าด้วย เพราะอาตมาชอบทั้งสื่อสารอะไรต่างๆ แล้วสื่อสารมีสาระด้วยนะ ไม่ใช่สื่อสารเอาแต่บันเทิงอย่างเดียว 

ทีนี้วิถีชีวิตวิบากของเรามันไม่ไป มันก็ตัดมาเอาแค่พวกนี้ แล้วก็ตัด ถ้าอาตมายังอยู่ทางโลก อยู่เป็นทางบันเทิงธุรกิจนี่แหละ กำลังติดลมบน อาตมาหัก ปฏิบัติธรรม แล้วก็เห็นแล้วว่าไม่ไปต่อ กำลังจะรุ่ง หัก ลัดมาทางธรรมเลย จะมาทางธรรมอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นพอปฏิบัติธรรมอยู่ปี 2 ปีก็ไม่กลับไปเอาทางโลก เลิกเลย เพราะมันมีภูมิเก่า ปฏิบัติธรรมแค่ปี 2 ปีก็ไม่เอาแล้วทางโลก ทั้งๆที่ทางโน้นทำเงินทำทองทำ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แบบโลกๆ

โทรทัศน์ก็ช่องแรก อาตมาเป็นคนทำงานมาก รายได้ค่าตัวราคาถูก แต่ทำงานได้มากกว่าเขา ฐานะดีกว่าเขา ขี่รถคัน เรียกว่ารถเก๋งรถใหม่ ขนาดดาราเป็นพระเอกก็สู้อาตมาไม่ได้หรอก อาตมาขี่รถเก๋งคันใหม่เอี่ยม ซื้อแบบถอดด้ามแกะกล่องมาก่อนใครๆเขาเลยในยุคโน้น

ทำงานอยู่แค่ 1 นักษัตร 12 ปี ก็ไม่เอาแล้ว ต้องมาทางนี้ แล้วก็ยังมาเห็นว่าตัวเองไปเสียเวลาอยู่ได้ เป็นฆราวาสอยู่ตั้ง 36 ปี ไปทำงานอยู่ตั้ง 12 ปี เสียเวล่ำเวลา 

สรุปลงได้ว่า เกิดมาเป็นคน อาตมาเชื่อกรรมเชื่อวิบากอย่างมากเลย เพราะกรรมวิบากที่อาตมาได้มาเป็นอย่างนี้ มาเกิดในยุคนี้ที่เป็นยุคที่เสื่อม ศาสนาพุทธเสื่อมมากจนไม่รู้จักคุณค่าของโลกุตรธรรม แล้วอาตมาก็เอาโลกุตรธรรมที่มันเสื่อมไปหมดแล้วตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณีสูตรว่า โลกุตรธรรมจะหมดไป แล้วอาตมาเอามาฟื้นขึ้นมาใหม่ 

อาตมาก็ยังไม่ค่อยจะรู้ รู้ไม่ค่อยได้ว่า คนทางเถรสมาคมจะพอเข้าใจเรื่องโลกุตรธรรมที่อาตมานำมาสถาปนา นำมาอธิบาย นำมาขยายความ ตราลงไปในสังคมขณะนี้ยุคนี้ เขาจะพอเข้าใจ พอซาบซึ้ง หรือว่ารับรู้ขึ้นมาว่า “โอ้ แปลกนะ ทำไมเรายังไม่เข้าใจแบบโพธิรักษ์ได้ รู้สึกว่าน่าสะดุดใจ”  เขาว่าเราพูดผิด อาตมานำสิ่งที่ไม่ใช่พุทธ นำอะไรก็ไม่รู้ พูดไปก็ไม่รู้เรื่อง นี่จะมาทำลายศาสนาพุทธหรือนี่ จนกระทั่งจะเล่นงานอาตมาตาย หาว่าอาตมานำธรรมะพระพุทธเจ้ามาผิด 

อาตมาก็นำธรรมะมาจากพระบาลีตัวเดียวกันอธิบายไปต่างจากเขาแน่ คำว่า “กาย” คำว่า “บุญ” อย่างนี้เป็นต้น คำว่า ฌาน คำว่า สมาธิ อย่างนี้เป็นต้น แล้วคำว่า โลกุตระ โลกียะ นี่แหละ อาตมาก็อธิบายของอาตมาไปดุ่ยๆ 

ความรู้เหล่านี้อาตมามีมา บอกตัวเองแล้วว่ามีมาเองตั้งแต่ปางก่อน ชาติก่อน ชาตินี้ไม่มีครูบาอาจารย์ ไม่ได้เรียนจากใคร ถ้าอาตมาไปเรียนจากใคร อาตมาก็ต้องไปเข้าใจแบบเขา อ้าว นี่มันไม่ใช่แบบเขา มันค้านแย้งเขา ตกลงมันก็มี 2 อย่าง อย่างเขาถูกหรืออย่างอาตมาถูก แล้วอาตมาก็มั่นใจทำมา 50 กว่าปี จะทำต่อไปอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือผู้สถาปนาโลกุตระปัญญา ล้างอวิชชาในยุคนี้ วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 18:49:47 )

พ่อครูคือผู้มาสืบทอดมาสถาปนาศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล

รายละเอียด

อาตมาจึงต้องมาเพราะเป็นผู้สืบทอดมาสถาปนาศาสนาพุทธขึ้น ที่พูดนี้พูดความจริงเพราะอาตมาพูดเท็จไม่เป็น ใครจะฟังแล้วเชื่อ เข้าใจขึ้นก็ดี ใครฟังแล้วไม่เชื่อ เข้าใจไม่ได้จริงๆ มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ไม่รู้จะไปบังคับกันอย่างไรนะ มันต้องเป็นอย่างนั้น 

เพราะฉะนั้นเมื่ออาตมาอุบัติขึ้นมานั้น โลกุตระไม่มี มีภาษาคำว่า โลกุตระ อยู่ในพระไตรปิฎก มีบ้าง ก็ยังดี ยังมี แบ๊บติส  คือท่านพุทธทาส เหมือนแบบที่นำมาก่อน นำมาก่อนแล้วก็จะมีผู้ที่ตามมาอธิบายทีหลัง เปิดฉาก จะมีคนมานะ ผู้ทรงคุณธรรมมาเกิดนะ ของทางศาสนาคริสต์เขาก็มีแบ๊บติส อาตมาอุบัติขึ้นมาก็มีท่านพุทธทาสเป็นแบ๊บติส อุบัติขึ้นมาก่อน ท่านพุทธทาสก็ยังไม่มีตัวจริง นำเอาคำว่าโลกุตระมาแต่ไม่ได้สาธยาย เขาสาธยายไม่ออก แต่รู้แล้วโลกุตระเป็นของพระพุทธเจ้า ก็เอาภาษาคำพูดขึ้นมาว่าเป็นโลกุตระ 

จากนั้นก็มีผู้ที่เห็นว่าคำว่า โลกุตระ มันเหนือโลกโลกีย์ก็เข้าท่า แต่ก็ไม่ได้มีใครขยายได้ นำเนื้อหาสาระของโลกุตระขึ้นมาสถาปนาขึ้นในมนุษย์จริงๆ ในจิตวิญญาณ ในกายในจิตในตัวบุคคลจริง อาตมามาทำ มาอธิบายมาพาทำ จนเกิดจนเป็นได้จริง ยืนยันได้ว่าเป็นโลกุตรธรรม ตามหลักฐานอ้างอิงยืนยัน มากมายหลากหลายสารพัด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 40 ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ 4 ประการ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 15:04:04 )

พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ

รายละเอียด

พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ

เมื่อกี้พูดถึงว่าอาตมาเป็นเชฟปรุงอาหารเป็นพ่อครัว เป็นกุ๊ก อาตมาทำอาหารให้คนรับประทานทุกวัน แม้ไม่ได้เทศน์สดก็มีเทศน์แห้งรีรันกันอยู่ ชาตินี้อาตมาเป็นเชฟเป็นกุ๊ก อาหารนี่แหละที่อาตมาปรุงให้อยู่ คนผู้ที่ชอบรสเห็นว่าอาหารที่อาตมาปรุงรสนี้ มีรส เป็นรสธรรมะ รสดีจังเลย เป็นธรรมรสถึงขั้นวิมุตติรส  คนผู้ที่เห็นรสอาหารที่อาตมาปรุง คนก็นิยมชมชื่น ชอบอาหารของอาตมา มากินอาหารอาตมาเป็นร้านน้อยๆ ทุกวัน มีอาหารสด อาหารกรอบ อาหารแห้งอะไรก็ปรุงไป เป็นอาชีพของอาตมา คนได้อาหารของอาตมา จิตใจก็เจริญไปตามอาหาร

อาหารของอาตมาไร้สารพิษ มีสารอาหารเยี่ยมเลย ก็เห็นว่าชีวิตของคนเจริญ ด้วยสารอาหารของโลกุตระ เจริญขึ้นๆๆๆ อาตมาก็จะมีชีวิตเป็นเชฟเป็นกุ๊กไปตราบที่ยังมีคนอุดหนุน 

อาตมาไม่ขายด้วยแต่แจก ถ้าเผื่อว่าปรุงให้แล้วไม่มีคนรับ อาตมาก็ต้องหยุด แต่ถ้ามีคนรับอยู่ ก็ดูจะมีคนรับเพิ่มขึ้นอยู่นะ ถึงเวลาวาระที่อาตมาเทศน์ก็มารับ รู้ว่าอาหารนี่คืออาหารที่ยิ่งใหญ่อาหารที่สำคัญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 14:54:06 )

พ่อครูคือมนุษย์พืช

รายละเอียด

อาตมาเคยพูดว่าอาตมาเป็นมนุษย์พืช มนุษย์พืชคืออย่างไร มนุษย์ที่นอนอยู่ในห้อง ICU มีมนุษย์พืชเยอะ คือมนุษย์ที่พลังงานทางจิต มันตก มัน Drop ลงไป มันหยุดพลังงานขั้นจิตนิยามลงไปเป็น พีชนิยาม ลงไปเป็นพืชแล้ว คือ เป็นพลังงานที่มีแต่สัญญากับสังขาร กำหนดรู้แล้วก็ปรุงแต่งของมันเท่านั้น มันไม่มีเวทนา 

ในขันธ์ 5 พืชมีรูป สัญญา สังขาร มีรูปร่างกำหนดก็รู้ตัวมันเอง เมื่อตัดออกจากต้นตอชีวะของมัน มันก็ตายมันไม่ต่อแล้ว มีแต่ปรับตัวภายในของมันเหมือนมนุษย์ มันมีพลังงานเหลือก็เป็นโมเมนตัมของมัน สังเคราะห์ของมันไปจนกว่าจะหมด พืชมันจะยืดยาดกว่าจะหมดแรงนาน แต่คนนี้รู้จักตาย เมื่อตายแล้วก็จะทิ้ง แต่คนไม่รู้ก็จะวนเวียนซ้อนกันจนกลายเป็นไม่ยอมทิ้งร่าง ไปยึดร่างเป็นตัวเรา ตายแล้วก็ไม่ยอมทิ้งร่าง ร่างก็เลยไม่เน่า สังเคราะห์เป็นพลังงานโมเมนตัมที่อยู่เหลือในร่าง สังเคราะห์ไปมีเล็บที่ยาวขึ้น ตายแล้วใส่โลงแก้ว ผมก็ยังยาว เล็บก็ยังยาวขึ้น มันมีอาหารที่สังเคราะห์ได้อีกเบาบางซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ นี่แหละมันเป็นความซับซ้อนลึกซึ้ง ผู้ไม่มีความรู้ก็ไปเคารพนับถือกัน ที่ในวิญญาณมิจฉาทิฏฐิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:44:41 )

พ่อครูคือสยังอภิญญาผู้มาประกาศโลกนี้โลกหน้า

รายละเอียด

ในวาระสำคัญ ขออธิบายในรายละเอียดลึกซึ้งเข้าไป ไม่ได้เพื่อขู่ เอามาอ้าง เอามากำหราบผู้อื่นไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องสัจจะหลักฐานยืนยัน อาตมาไม่ได้เป็นคนแปลพระไตรปิฎกด้วย อาตมาก็ขยายความจากภาษาไทย ที่ท่านแปลมาดีแล้ว เช่น สัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในโลกนี้มีอยู่ (อัตถิโลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ)

สยังอภิญญา อาตมามั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้นี้ บุคคลที่ระบุในข้อที่ 10 ของสัมมาทิฏฐิ 10 นี้แหละ คือเรา สยังอภิญญา เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 มีของตัวเองนำมาเองและมาทำหน้าที่นี้ เรามีผู้เป็นโพธิสัตว์อื่นก็มีก็บอกไปบ้างแล้ว ใครบ้างก็บอกไปบ้าง แล้วอาตมาก็ยังยืนยันว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้แหละมาในยุค 2,500 ปีมาจนกระทั่งถึง 5,000 แหละ อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ต่อไปในอนาคตไม่กล่าวถึง เอาแค่ตอนนี้ก่อน 

สยังอภิญญา เป็นภูมิเดิมภูมิเก่า ปุพเพกตปุญญตา มีบุญที่ทำได้สำเร็จมาแล้ว ในจักร 4 ได้อธิบายมา ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ อธิบายบุญเป็นกุศลก็เละเทะกัน 

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม อาตมาขยายความจาก 8 หน้าเป็น 608 หน้าจากแค่ 2 บท 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมในงานพิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2564 ( 15:37:21 )

พ่อครูจะยังชีพให้มีชีวิตอยู่ยืดยาวเพื่อสิ่งใด

รายละเอียด

อาตมาพยายามที่จะยังชีพให้มีชีวิตอยู่ยืดยาวต่อไป ก็เพื่อจะแก้ไขสิ่งผิด ให้มันถูกต้องไปเรื่อยๆเลย ก็ได้มีอัตราการก้าวหน้าขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นทั้งชีวิตจริงที่อาตมานำพา มีพฤติกรรม พฤติการณ์ จนเกิดบุคคลมาเป็นอย่างที่อาตมายืนยันว่าปฏิบัติตรงคำสอนพระพุทธเจ้า มาเป็นศีล สมาธิ ปัญญา หรือมี อปัณณกปฏิปทา 3 เป็นสัทธรรม 7 เป็นฌาน เป็นวิมุติ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วก็ตรงตามนั้นมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 40 ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ 4 ประการ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 14:37:44 )

พ่อครูจะสมบูรณ์บริบูรณ์ในเวลาอีก 45 ปีนับจาก 1 ม.ค.65

รายละเอียด

คนนี้ก็ฟังแล้วซาบซึ้งใจดี อาตมาตั้งใจ ถ้าพิสูจน์สำเร็จ อายุ 133 ปีจริงๆ ชาตินี้ อาตมาสมบูรณ์บริบูรณ์ ช่วงเวลาอีก 45 ปี ที่คุณใบฟ้าสรุปมา เท่ากันกับที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมทำงานเผยแพร่ศาสนาและท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปแล้ว ส่วนอาตมาก็จะใช้เวลานับจากวันนี้ไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 20:15:43 )

พ่อครูจะอยู่ถึง 151 ปีไหม

รายละเอียด

ยังโชคดีที่มีพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ เมื่อกี้นี้ตอนเดินมาก็ยังพูดอยู่เลยว่า อาตมาจะถึง 151 ปีไหมมีคนไม่เชื่อว่าจะไปถึง อาตมาก็ว่าจะรอ151 หรือ 152 ก็ไม่มีปัญหาหรอก เป็นห่วงกังวลทำไมมีเท่าไหร่ก็พอถูลู่ถูกังไป ก็ไม่พอทุเรศทุรังการอะไร เอาเป็นไปได้ก็ดีแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:17:16 )

พ่อครูจะอยู่พิสูจน์ความจริงจนคนตาบอดเห็นได้

รายละเอียด

เขาไม่เพ้อเจ้อหรอก เขาก็ชัดเจนว่าอันนี้ดี เขาก็คิดว่าดี ว่าถูกต้อง แต่เขาไม่มีบารมี ทั้งๆที่คนไทยมีชาวอโศก มีให้รู้ให้เห็น ให้มาพิสูจน์ อกาลิโก เอหิปัสสิโก มาพิสูจน์ได้เลยขณะนี้ อกาลิโกยุคนี้มาเลย เอหิปัสสิโกมาพิสูจน์ได้ แต่เขาไปเชื่อสังคมกระแสหลัก ที่ดิสเครดิตอาตมาไว้ ไปหลงคารมเขา ไปเชื่อว่าทางโน้น บอกว่าทางนี้มาทำลายศาสนา มาทำลายสังคม มาทำลายอะไรต่ออะไร อันนี้แหละที่ทำให้อาตมาฮึด ยังไม่ยอมตายง่ายๆ ที่คุณหยามอาตมามากตรงนี้ อาตมาก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร หยามอาตมา อาตมาจะยังไม่ตายง่าย จะอยู่เพื่อพิสูจน์ความจริงไป เพื่อที่จะขยายผลออกไปจนกระทั่งคนตาบอดเห็นได้ คุณจะบอดต่อไปก็ให้มันรู้กันไป ขยายต่อไปจนกว่าคนตาบอดจะเห็นได้อย่างนี้เป็นต้น 

อาตมาเขียน กวีของอาตมาบ้าง ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2556 ผ่านไป 9 ปีแล้ว ชื่อกวีว่า คนพ้นทาส ชาติพ้นทุกข์ ในวารสาร เราคิดอะไร ฉบับ 271/1

ชนพ้นทาส ชาติพ้นทุกข์

(1) ชาติคือบ้านที่แท้ ของตน

มนุษย์ชาติไทยทุกคน พี่น้อง

ทั่วไทยใช่ต่างชน ต่างชาติ  

ล้วนญาติชาติเชื้อต้อง ผนึกให้เป็นจริง

(2) กิเลสสิงใจชั่วไซร้ ไม่ระลึก

หลงโลกไป่รู้สึก สักน้อย

ทำไฉนจักสำนึก อริยสัจ บ้างนอ 

ไทยนี่พุทธอ้อยต้อย แต่ร้างแรมธรรม

(3) จึงระกำช้ำชอก ฉะนี้แล

หลงศาสตร์บ่แยแส ศาสน์บ้าง

เป็นทาสขลาดอ่อนแอ สุดสุด  

สยบเยี่ยงผีถูกจ้าง โม่แป้งขบถธรรม

(4) ย้ำให้ไทยทุกผู้ ทบทวน

ทุกระบบทุกกระบวน หมดหล้า

คือระบอบแห่งโซ่ตรวน ผูกมนุษย์ ไว้แฮ

ลาภยศแผลงฤทธิ์กล้า เบ่งบ้าเป็นนาย

(5) คนกลายเป็นสัตว์ผู้ ถูกมัด

สังโยชน์ผูกร้อยรัด หลุดมิได้    

อะไรผูกก็บ่ชัด เท่าอวิช- ชาเลย

นายที่โหดเหี้ยมใช้ กิเลสร้ายผูกคน

(6) ช่วยตนโดยก่อหนี้ คือแอก

รัฐช่วยกระหน่ำซ้ำแบก แต่หนี้ 

บริหารแบบกู้แหลก แจกล่อ

สร้างระบบทาสเช่นชี้ ชัดฉะนี้บรรลัย

(7) หากไทยหวังพ้นทาส กันจริง

ต้องปลดแอกตามคิง ธ ไท้

พึ่งพุทธมิต้องอิง แอบอื่น อีกเลย

ช่วยมนุษย์พ้นทาสได้ ชาติพ้นทุกข์ระทม.

สไมย์ จำปาแพงŽ

4 ม.ค. 2556

(พ่อครูอ่านบทกวีและอธิบายประกอบแต่ละบท) 

(1) ชาติคือบ้านที่แท้ ของตน

มนุษย์ชาติไทยทุกคน พี่น้อง

ทั่วไทยใช่ต่างชน ต่างชาติ  

ล้วนญาติชาติเชื้อต้อง ผนึกให้เป็นจริง

มันไม่ใช่คำยากอะไรที่อาตมาเอาคำความมาใช้ในกวีนี้บทที่ 1 ชาติคือบ้านที่แท้ ของตน ไม่ว่าบ้านชาติไหน คนชาติไหนๆ ก็เหมือนกัน มนุษย์ชาติไทยทุกคน พี่น้อง ที่จริงเราไม่ได้จำกัดเฉพาะมนุษย์ชาติไทยเท่านั้น เราถือว่า แม้มนุษย์ชาติอื่นๆ เราก็ถือเป็นพี่น้อง แต่แน่นอนพี่น้องก็ต้องห่างกันไป ห่างกันไปตามความเป็นจริง ทั่วไทยใช่ต่างชน ต่างชาติ เพราะฉะนั้น ไทยทั่วไปทั้งหมด อย่าไปเห็นแปลกเป็นคนต่างชนต่างชาติ ล้วนญาติชาติเชื้อต้อง ผนึกให้เป็นจริง  ญาติกันหมดนะ ต้องผนึกรวม รวมกันสามัคคีให้เป็นจริง 

(2) กิเลสสิงใจชั่วไซร้ ไม่ระลึก

หลงโลกไป่รู้สึก สักน้อย

ทำไฉนจักสำนึก อริยสัจ บ้างนอ 

ไทยนี่พุทธอ้อยต้อย แต่ร้างแรมธรรม

อ้อยต้อย ภาษาอีสาน ไทยนี่พุทธอ้อยต้อย  คือ ทั้งนี้ทั้งนั้นนะ ไทยเป็นพุทธทั้งนั้นนะ ทั้งนั้นๆ นี่ อ้อยต้อย แต่ร้างแรมธรรม

(3) จึงระกำช้ำชอก ฉะนี้แล

หลงศาสตร์ บ่แยแส ศาสน์บ้าง

เป็นทาสขลาดอ่อนแอ สุดสุด  

สยบเยี่ยงผีถูกจ้าง โม่แป้งขบถธรรม

หลงศาสตร์ หลงความรู้ทั้งหลาย บ่แยแส ศาสนาบ้าง 

(4) ย้ำให้ไทยทุกผู้ ทบทวน

ทุกระบบทุกกระบวน หมดหล้า

คือระบอบแห่งโซ่ตรวน ผูกมนุษย์ ไว้แฮ

ลาภยศแผลงฤทธิ์กล้า เบ่งบ้าเป็นนาย

(5) คนกลายเป็นสัตว์ผู้ ถูกมัด

สังโยชน์ผูกร้อยรัด หลุดมิได้    

อะไรผูกก็บ่ชัด เท่าอวิช- ชาเลย

นายที่โหดเหี้ยมใช้ กิเลสร้ายผูกคน

(6) ช่วยตนโดยก่อหนี้ คือแอก

รัฐช่วยกระหน่ำซ้ำแบก แต่หนี้ 

บริหารแบบกู้แหลก แจกล่อ

สร้างระบบทาสเช่นชี้ ชัดฉะนี้บรรลัย

คนที่ช่วยตนด้วยการก่อหนี้ นี่คือแอก รัฐช่วยกระหน่ำซ้ำแบก แต่หนี้  แว้งไปถึงรัฐด้วย ซ้ำ เอาแต่กู้หนี้ยืมสิน บริหารแบบกู้แหลก แจกล่อ ยุคนั้นมันเป็นยุคทักษิณ ยุคปู ยิ่งลักษณ์ สร้างระบบทาสเช่นชี้ ชัดฉะนี้บรรลัย นี้แหละเขาสร้างระบบทาสขึ้นมาอยู่ในโลก โดยเฉพาะตอนนั้น อย่าลืมนะกวีนี้แต่งตั้งแต่ปี 2556  ยุคปูยิ่งลักษณ์ พวกเราก็ยังไปชุมนุมกันอยู่เลย เพราะฉะนั้น ระบบทาสเช่นนี้ ชี้ชัดมันบรรลัย

(7) หากไทยหวังพ้นทาส กันจริง

ต้องปลดแอกตามคิง ธ ไท้

พึ่งพุทธมิต้องอิง แอบอื่น อีกเลย

ช่วยมนุษย์พ้นทาสได้ ชาติพ้นทุกข์ระทม.

หากไทยหวังพ้นทาส กันจริง ต้องปลดแอกตามคิง ธ ไท้ คือ ต้องปลดแอกตามพระเจ้าแผ่นดิน คิง ธ ไท้ ก็คือ ของพระเจ้าแผ่นดินไทย และแถมเข้าไปอีก พึ่งพุทธมิต้องอิงแอบอื่น อีกเลย ทั้งพุทธก็ตาม พระเจ้าแผ่นดินไทยก็ตามซึ่งเป็นพุทธมามกะ เป็นโพธิสัตว์ที่แท้จริง  ช่วยมนุษย์พ้นทาสได้ ชาติพ้นทุกข์ระทม. นี้คือ ชนพ้นทาส ชาติพ้นทุกข์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลก 10 แบบ ที่ไม่ใช่แค่ Imagine ตอนที่ 1 วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤษภาคม 2565 ( 12:00:02 )

พ่อครูจะไม่เสียเวลาไปสอนโลกียธรรมเลยเพราะอะไร

รายละเอียด

โลกุตรธรรม ก็ไม่ใช่โลกียธรรมชั้นสูงด้วย แต่เป็นธรรมะอีกต่างหาก จึงเป็นเรื่องอจินไตยมาก เป็นเรื่องที่คิดไม่ได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นในเวลาที่มี เวลาชีวิตที่จะมาทำงานด้านธรรมะ 100 ปีน้อยไป เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ต้องไปเสียเวลากับอันโน้น เพราะอันนั้นเขาก็สอนกันอยู่แล้ว มีผู้รู้สอนกันอยู่แล้ว เขาก็ทำกันได้ในความดีความชั่วความถูกความผิดของโลกียะ เขาก็สอนกันแล้วก็วนเวียนอยู่ตรงนั้น ซึ่งมันไม่เที่ยง คุณจะดีอย่างไรคุณก็ต้องวนเวียนตกต่ำไม่จบ มันไม่เหมือนโลกุตระที่เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่า อันนี้จบอันนี้ไม่มีวนเวียน ไม่มีตกต่ำได้แล้วไม่ตกต่ำ อวินิปาตธรรมถึงขั้นนิยตะ แล้วไม่มีตกต่ำมีแต่จะไปสู่ที่สูงที่สุด สัมโพธิปรายนะ อย่างแท้จริง 

เพราะฉะนั้นจึงมีที่สอนมีที่จบอย่างแท้จริง มีความเจริญอย่างเที่ยงแท้ไม่ตกต่ำ แต่อันนั้นมันยังวนเวียนซ้ำแล้วก็วนเวียน สอนให้ขึ้นไปดีเท่าไหร่เดี๋ยวก็วนเวียนตกต่ำอีก เพราะมันไม่มีปัญญาไม่มีจุดที่รู้แจ้งรู้จริง ถึงอะไรหมดสูญก็หมดสูญ ไม่มีมาอีกมันก็ไม่มี เอากิเลสให้หมด 0 ไปแต่ละเรื่อง มันหมด 0 แล้วมันไม่มี มันไม่เกิดอีกในตัวคน มัน นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) มันก็จบ 

เพราะฉะนั้นมันจึงสมบูรณ์แบบได้ จบแล้วมีที่สุดที่จบ เพราะฉะนั้นค้นคว้าธรรมะ ธรรมะที่จะได้ โลกุตรธรรม จึงมีที่จบแม้จะเป็นคนเป็นๆ คุณจะยังไม่ยอมปรินิพพานเป็นปริโยสานก็เป็นคนที่มีหลักประกันว่าจะมีชีวิตไม่ตกต่ำไม่ทำบาปทั้งปวงมีแต่ดีถ่ายเดียวกรรมชั่วไม่ทำเลย ถ้าจะอยูไม่มีกรรมชั่ว ที่เจริญไป ใครจะสูงขนาดไหนก็ตามกาละเทศะของเขา เข้าใจกาละเทศะสถานะ อนุโลมปฏิโลมไปได้กับเขาทุกๆสมัย 

ในยุคนี้นิยมอันนี้ว่าเจริญ ยุคต่อไปก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปนิยมอันโน้นว่าเจริญ เช่น ผู้หญิงยุคนี้นิยมสั้น คนเจริญคนทันสมัยต้องนุ่งสั้นๆ ยุคนี้ว่า เชยแหลกเลย ต้องยาวๆ มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นโลกียะมันไม่เที่ยง 

การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าจึงเป็นธรรมะที่มีที่จบมีความเที่ยงแท้แน่นอนมีความสมบูรณ์แบบ และก็ไม่ต้องศึกษาอีก จบกิจสมบูรณ์แบบแล้วไม่ต้องศึกษา ไอ้โน้นศึกษาแล้วศึกษาอีกไม่จบหรอกวนเวียนได้หน้าลืมหลังได้เก่าลืมใหม่ได้ใหม่ลืมเก่า วนไปอยู่อย่างนั้นไม่มีจบ เพราะว่าเขายังไม่รู้สูงสุดเขาก็เป็นอย่างนั้น ไม่บอก ใครแต่งไม่บอก เดี๋ยวจะรู้ไม่เอา 

ทีนี้ก็มาเข้าเรื่องที่คิดว่าน่าจะพูดวันนี้วันที่ 5 สิงหาคม 2565 ผ่านวันเกิดของอาตมา 2 เดือนแล้ว ประกาศวันที่ 6 วันที่ 7 สิงหาคมก็เป็นวันมีอิสระ พ.ศ 2518 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 14:51:41 )

พ่อครูจำเป็นต้องใช้ข้อด้อยเพราะอนุโลม

รายละเอียด

ไม่มีกิเลสไม่มีอุปกิเลสอะไรจริงๆ แต่คนที่ไม่เชื่อเขาไม่เชื่อมันก็ห้ามกันไม่ได้ ก็เขาเข้าใจไม่ได้ ขนาดบางอย่างอาจจะมาทำดูเหมือนจะ เป็นข้อด้อยข้อเสียหายก็ไม่ค่อยดีขึ้นยังไม่ถือสาเลย อาตมาก็ประมวลข้อด้อยของอาตมามีตั้งหลายข้อ ที่อาตมาว่าอาตมาจำเป็นจะต้องรู้จริง จำเป็นต้องใช้ข้อด้อยนี้ก่อน เพราะอาตมาอนุโลมไปตามที่อาตมาจะต้องทำ พูดไปตามที่คนจะเป็น บางคนบอกว่าทำไมต้องลดลงมาหาต่ำเมื่อตัวเองสูงแล้ว ลดลงมาหาต่ำก็เพื่อช่วยพวกคุณ ดูว่าเราประพฤติต่ำก็เหมือนเป็นข้อด้อยใช่ไหม แต่ก็จำเป็นต้องทำเช่นนี้กับผู้ที่อยู่ในฐานที่ควรจะทำด้วยกัน เพราะฉะนั้นบางฐานบางอัน อาตมาใช้อัตโนมัติทำแรงมากดุมากด่ามากกว่ามาก เพราะว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันต้องทำอย่างนั้น เขาจะไม่รู้สึกได้ขณะนี้ ต่อไปในอนาคตเขาจะรู้สึก เขาจะรู้สึกว่าพระโพธิสัตว์ท่านได้ว่าเรา จะรู้สึกได้ในอนาคต แต่ตอนนี้เขายังไม่รู้สึก ก็บังคับกันไม่ได้ จึงต้องเป็นไปตามนั้น อาตมาต่ออายุขัยไปเหมือนกัน แต่ก็อย่าประมาทเพราะชีวิตนั้นอายุ 100 ปี 200 ปีน้อยนัก คนสมัยเมื่อก่อนเกิดมาเป็นล้านปี จิตนิยามที่คุณได้มาตั้งแต่เป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นสัตว์เซลล์เดียวมาจนป่านนี้ไม่รู้กี่ล้านชาติแล้วคุณเกิดมา คุณจำไม่ได้เฉยๆ อาตมาจำได้ไม่เท่าไหร่ก็ยังเอามาอ้างอิงยืนยันกับพวกคุณได้ขนาดนี้ ถ้าหากอาตมาจำได้มากกว่านี้จะได้เยอะกว่านี้อีก แต่ขนาดนี้ก็เมื่อยแล้วย่อยออกมาไม่ค่อยไหวแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 14:19:37 )

พ่อครูจำแนกธรรมสาธยายธรรมให้คนเข้าใจได้

รายละเอียด

แล้วก็มี การจำแนกธรรม การสาธยายธรรมให้คนเข้าใจได้ เป็นสารถีฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ คนที่ฟังแล้วเข้าใจรับได้ ก็มาเรียนรู้ตาม จนกระทั่งเกิดมรรคผล แล้วก็เอาตัวเองเข้ามารวมตัวกันเป็นชุมชน เป็นหมู่บ้าน เป็นสังคม สังคมชาวอโศก ยืนยันปรากฏผล ให้คนมาดูได้ เอหิปัสสิโก เชิญให้มาพิสูจน์ได้ มีความจริง ความจริงของมนุษยชาติที่มีตัวตนบุคคล ทั้งรูปภายนอก ทั้งพฤติกรรม ทั้งจิตวิญญาณ

ที่เป็นจิตวิญญาณลดละ หน่ายคลาย จากโลกที่เป็นโลกุตตรธรรม เป็นของจริงที่พิสูจน์ได้ ยืนยันได้ และมันกำลังเจริญมากขึ้นเรื่อยๆอยู่ ยังไม่มีอัตราการก้าวหน้าที่มากนัก พยายามจะให้มันมากอยู่ แต่มันก็จะมีปฏิภาคทวีขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะอาตมากล้าพูดได้ว่าคนทั้งโลกจะต้องมาเรียนรู้โลกุตรธรรม แต่เขาไม่เห็นค่าก็เลยไม่มาเอา คนที่แสวงหามาเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นเทวนิยม โดยเฉพาะพวกชาวพุทธที่ไม่ใช่เทวนิยมทีเดียว แต่ก็มาเป็นเทวนิยมอยู่ในนี้ เป็น เดียรถีย์ มาแสวงบุญนอกเขตพุทธอยู่ในนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 06:55:20 )

พ่อครูชาตินี้เกิดมาเขียนธรรมะ

รายละเอียด

อาตมาชาตินี้เกิดมาเขียนธรรมะ ตั้งแต่เป็นฆราวาสอยู่ในโลก ยังไม่รู้ตัว ยังไม่มาทางธรรมะก็เขียน เขียนนวนิยาย เขียนเรื่องรักใคร่ เขียนเรื่องอะไรต่ออะไร เขียนก็ไม่มากเท่าไหร่หรอก เขียนแล้วไม่ฮิต ไม่ติดตลาด ไม่ดัง ก็พอลงพิมพ์บ้างนิดๆหน่อย แต่พอมาเขียนธรรมะแล้วนี่ โอ้โห เขียนเป็นร้อยๆเรื่อง ร้อยๆเรื่องนะ แต่ชื่อเรื่องแต่ละเรื่องเป็นร้อยกว่าเรื่อง ไม่รู้ร้อยเท่าไหร่ เขาทำสถิตินี้มาให้อยู่ในนี้ก็มีขี้เกียจงัดขึ้นมาดู เขาทำให้รวบรวมให้ เป็นตั้งร้อยๆเรื่อง แต่ละเรื่องก็พิมพ์ลงเล่มเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน บางเรื่องพิมพ์เป็นแสน มีพิมพ์ไม่ถึงล้านหรอก แต่มากคือหนังสือ “กวางน้อย” นะ ถึงหลายแสน พิมพ์กระจาย ตอนนั้นกำลังเกิดเรื่องกันก็พิมพ์ หรือว่าตอนนั้นเรื่องยูโทเปีย ตอนนั้นก็พิมพ์ ไม่ได้จดสถิติพิมพ์ซ้ำ โดยที่ไม่ได้บอกว่าพิมพ์ครั้งที่เท่าไหร่ พิมพ์เพิ่มขึ้น ออกมาแจกหลายครั้ง เป็นหลายแสนเล่ม  สรุปแล้ว หนังสืออาตมาก็แจกไปมากมาย กระจัดกระจาย คนไม่เห็นค่าก็ทิ้งขว้างกัน เยอะ หนังสือทั้งหมดหลายล้านเล่ม 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 18:40:08 )

พ่อครูชาตินี้ไม่ได้มาบวชเพื่อปฏิบัติธรรมแต่มาบวชเพื่อกอบกู้ศาสนา

รายละเอียด

เป็นความจริงอย่างนั้น อาตมาปฏิบัติธรรมเป็นโพธิสัตว์ หลุดพ้นจากความเป็นโลกียะมาเป็นอรหันต์ เป็นโลกุตระมาแล้วแต่ชาติปางก่อน ดังที่ได้พูดเปิดเผยมาแล้ว อาตมามาชาตินี้ไม่ได้มีครูบาอาจารย์ ไม่ได้มีสำนัก อาตมาเอาของอาตมามาเอง ที่ได้มาแล้วบรรลุมาแล้ว เป็นสมบัติของตนเองแล้ว มีจรณะวิชชาสมบัติมาแล้ว เอามาเปิดเผย เอามากอบกู้ด้วยซ้ำ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2565 ( 08:54:29 )

พ่อครูชำนาญทางอักษรศาสตร์

รายละเอียด

เราเป็นนักโภชนาการที่จะรู้ว่า มนุษย์เหมือนกันนี้มันจะคล้ายกัน มันต้องใช้อาหารชนิดนี้แหละ ที่จะเรียกด้วยภาษาเคมี อะไรอีกเยอะแยะ อาตมาไม่เก่งเคมี เพราะเรียนมาได้คะแนน 10 ส่วน 100 รองศาสตราจารย์ทองสุข พงศทัต อาตมาก็เรียนจากอาจารย์สตางค์อาจารย์ทองสุข นี่แหละ ท่านก็ไปสวรรค์หมดแล้ว เรียนวิทยาศาสตร์จากอาจารย์ระดับประเทศไทย คนเก่าแก่รุ่นอาตมา เรียนมาตั้งแต่อายุ 14 15 จนกระทั่งม.7 ม.8 นี่แหละอาจารย์เคมีของอาตมาก็มี 2 คนนี่แหละ อาจารย์สตางค์กับอาจารย์ทองสุข อาตมาก็เรียนได้คะแนน 10 ส่วน 100 ก็เลยไม่เอาดีทางวิทยาศาสตร์ มา เอาดีทางอักษรศาสตร์ แต่ดันไปเรียนเตรียมวิทยาศาสตร์ เสียเวลาเรียนเตรียมวิทยาศาสตร์ อยู่ตั้ง 3 ปี ทิ้งเปล่าๆเลย แต่ก็ได้ความรู้มานะ ได้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทางโน้นมาพอสมควร ไปเรียนก็ไม่เสียหลายหรอก แต่ว่าไปแล้ว ชำนาญทางอักษรศาสตร์มากกว่า ทุกวันนี้ก็ใช้อักษรศาสตร์ ใช้วรรณกรรม ใช้วรรณคดี ใช้ภาษา ใช้อักษร สื่อ ทำงานอยู่ทุกวันนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ 

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:49:26 )

พ่อครูดูข่าวต่างประเทศด้วยไหม

รายละเอียด

ดูข่าวต่างประเทศที่เขาบรรยายเป็นภาษาไทยให้ฟัง หากเป็นภาษาต่างประเทศแล้วไม่ดูเพราะดูไม่รู้เรื่อง ก็ไม่เสียเวลาดู

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:35:00 )

พ่อครูดูทีวีทีละหลายช่อง ดูอะไร

รายละเอียด

ดูที่เขาส่งมา มันมากด้วย แต่ละช่องก็เลยอะไรบ้างก็หมดสิทธิ์จะตอบเพราะว่ามันมากรายการ มีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง ในทีวีส่วนมากไร้สาระทั้งนั้น มีสาระบ้างก็น้อย สาระที่มีก็สาระของโลกีย์ สาระของคนที่พยายามทำ สารคดี สาระเรื่องราว ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมมนุษยชาติบ้าง นอกนั้นเป็นสิ่งไร้สาระเสียเยอะ มีฟุตบอล การละเล่น เป็นอบายมุขไร้สาระ หรือค้าขายโฆษณาเพื่อให้ได้เงินทอง ก็ว่าไป มันมากเกิน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:32:09 )

พ่อครูตอนที่ยังเป็นลิงลมอมข้าวพอง

รายละเอียด

อาตมาตอนที่ยังเป็นลิงลมอมข้าวพอง อาตมาก็ไปเล่นไสยศาสตร์ ก็ไปเข้าทรง เข้าทรงนี้มีลักษณะเขื่องนะ เข้าทรงนี้เราจะต้องเข้าทรงสภาพวิญญาณชั้นสูง มีอำนาจเหนือกว่าสิ่งที่เราจะเอามาเข้าทรงแล้วเราก็แสดงออกอะไร เพื่อที่จะแสดงอำนาจบาตรใหญ่หรือแสดงความเก่ง แม้กระทั่งถึงขั้นจะแสดงฤทธิ์ เป็นอาเทสนาปาฏิหาริย์ เป็นอิทธิปาฏิหาริย์ได้ ก็ทำ เพื่อแสดงความเก่งนั้น มันก็มีแล้วก็มีได้ คนไม่เข้าใจก็เชื่อสิเพราะเป็นเรื่องเกินสามัญ แสดงออกทางอาเทสก็ตาม หยั่งรู้อันนู้นอันนี้ ทายแม่นก็ตาม อิทธิฤทธิ์ อย่างน้อย พอเข้าทรงได้แล้วสูบบุหรี่ทีละ 10 มวน อม พ่น เอาไฟจี้ ก็ไม่เจ็บอะไรก็แล้ว แต่ที่ดูเหมือนอิทธิปาฏิหาริย์อะไรพวกนี้ 

หรือพวกปักษ์ใต้ ในวันกินเจ เขาแทงด้วยมีด ทำไปสารพัด เสร็จแล้วพอหายเข้าทรง เขาก็เพลาพวกนี้ไป บางคนแผลมันหายไปเลยด้วย ซึ่งมันเป็นฤทธิ์ เป็นอิทธิปาฏิหาริย์ มันเกินเชื่อ อาตมาไปเล่นไสยศาสตร์ อาตมาก็ทำ เล่นพวกนี้ก็เล่นมาทั้งนั้น หนังเหนียว หนังทนก็เล่นมาแล้ว เพราะฉะนั้นพลังงานที่มันยึดถือ แล้วเอามาใช้เป็นฤทธิ์ เป็นอิทธิฤทธิ์ เป็นอาเทสนาปาฏิหาริย์ หรืออิทธิปาฏิหาริย์ก็ตาม มันก็เป็นได้ 

เพราะฉะนั้นถ้ามีพลังจิตที่รวมได้จริงๆ ถึงขั้นเหาะได้ มันเหาะได้จริงๆ พลังงาน ถึงขั้ใจนหายตัว อย่างสมัยโบราณเขาก็เป็น จริงๆการหายตัวไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรหรอก หายตัวนี่ คือการสะกดจิตคน ให้คนเชื่อว่าฉันไม่มีตัวตน มองไม่เห็นตัว มองไม่เห็นเลย เป็นคนว่าง เป็นความว่างเป็น invisibleman ก็คือการสะกดจิตให้คนเห็นอย่างนั้น 

เหมือนคนที่สะกดจิตตัวเองให้ไม่เห็นสิ่งนี้ มันก็ไม่เห็น อาตมาเคยเล่นสะกดจิตทางวิทยาศาสตร์ สะกดจิตแล้วสั่งให้เขาไม่เห็น อย่างบนโต๊ะนี้มีหิน เขาก็บอก เราก็สั่งให้เขาไม่เห็นว่าบนโต๊ะนี้ไม่มีอะไร เราก็บอกให้เขาหยิบเห็นก้อนสีแดง จะควานหาเลย เขาจะไม่เห็นว่ามันอยู่ทนโท่ เขาก็ไม่เห็น เราทำบางทีมีแก้วใส่น้ำอยู่ บนโต๊ะ เขาก็ควานไปกลิ้งตกแตกเลย เขาก็สะดุ้งตื่น ว่าแก้วแตก เขาไม่เห็นจริงๆ อาตมาเคยสะกดจิตพวกเรา คุณสุภาพที่ตายไปแล้วเป็นสิกขมาตุ ไปสะกดจิตเขาแล้วเอาพริกให้เขากิน สั่งให้ไม่เผ็ด เขาก็กินเฉย ป้อนให้เขา เขาก็กินเฉยไม่แสดงอาการเผ็ดอะไรเลย อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องอุปาทานจิตทั้งนั้น ผู้มาเข้าใจด้วยปัญญาอันสมบูรณ์แบบแล้ว ไม่มีอุปาทานเหล่านี้ ผู้นั้นเองผู้หมดอุปาทานเอง ก็รู้ว่าพวกนี้มีอุปทานอยู่มากหรือน้อย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 26 เป็นอรหันต์แล้วจึงหมดผีปอบ วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2566 ( 20:06:20 )

พ่อครูตอบคุณวนวุฒิ เรื่องธรรมะพ่อครูทันยุคทันสมัย

รายละเอียด

จริงที่สุด อาตมาเขียนหนังสือปัญญา 8 ตอนนี้ไปถึง 700 กว่าหน้าแล้ว ที่เป็นเล่ม 2 ซึ่งเล่ม 1 ตัดไปแล้ว ถ้า แบ่งก็ได้อีก 2 เล่มใหญ่ 350 หน้าขึ้นไป ยังเพิ่งจะแก้ไขอยู่อีก ถึงหน้า 300 กว่า แล้วมันอีกตั้ง 400 กว่าหน้า พยายามบอกตัวเองว่า อย่าเพิ่มอีกเลย ก็ยังมีอะไรใหม่ที่จะต่อยอดไว้อีก ซึ่งไม่น่ารังเกียจอะไรที่เราจะทำเช่นนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2565 ( 08:57:11 )

พ่อครูตัวจริงเทศน์ให้ฟัง เห็นตัวจริงก็ดีกว่าออนไลน์ 

รายละเอียด

ตัวจริงตัวเป็นๆ ยังไม่ตายก็รีบมา ตายแล้วเขาก็เอาไปเผาไปฝัง ชอบพูดเราก็นิยมการเผา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2565 ( 17:46:22 )

พ่อครูตั้งจิตโพธิสัตว์กับพระพุทธเจ้ามาหลายพระองค์

รายละเอียด

อาตมาตั้งจิตเป็นโพธิสัตว์ไม่ใช่ตั้งจิตกับพระสมณโคดมเท่านั้น อาตมาตั้งจิตโพธิสัตว์นี้มาหลายพระพุทธเจ้าหลายพระองค์แล้ว ไม่ใช่องค์พระพุทธเจ้าสมณโคดมเพียงพระองค์เดียว ตั้งมาจนมาเป็นโพธิสัตว์ระดับนี้แล้ว ไม่ได้เจอพระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้น เจอมามากมาย เพราะฉะนั้น มาถึงพระพุทธเจ้าองค์ไหนก็แล้วแต่ พระพุทธเจ้าสมณโคดมก็ตาม เราเกิดร่วมขึ้นมา เราก็จะต้องเข้าไปทำงานด้วย เพื่อสืบสาน เพื่อรับความรู้ต่อ มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติจะไปเอาจากไหนล่ะ มีพระพุทธเจ้าอยู่ ไม่เอาจากพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าเกิดแล้วไม่เอาจากพระพุทธเจ้า จะเอาจากใคร เป็นโชคดีของเราแล้วที่ได้เกิดร่วมกับพระพุทธเจ้าใช่ไหมเราก็ต้องไปเอาจากพระพุทธเจ้า หรือมีโพธิสัตว์คนที่เกิดร่วมกับพระพุทธเจ้า ไม่เอาจากโพธิสัตว์ เขาก็ไม่มีปัญญารู้เหมือนกับพระพุทธเจ้าเกิดอุบัติขึ้นมาทั้งพระองค์ คนไม่รู้จักพระพุทธเจ้า อย่างพวกนอกรีตเยอะแยะ เขาก็ไม่เอา เขาก็ไม่รับพระพุทธเจ้า เขาก็ไปของเขา มันก็ธรรมดา 

ต่อมาที่บอกว่าเจอโจทย์เร็วแรงพลิกผันชีวิต ก็ถูกอย่างที่คุณพูด อาตมาเจอด่านทดสอบจิตใจ เราจะอยู่อย่างไม่มีตัวตน ได้หรือไม่ ถูก สลายอัตตาก็ใช่ มันเป็นโจทย์ให้แก่เรา ถูกต้องแล้ว สิ่งที่ได้รับเกี่ยวกับวิบากกรรมเก่าด้วย ก็ใช่ ก็แสดงว่าเข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดที่เลิศยอดยิ่งใหญ่ที่สุดของคนคือพ้นสุขพ้นทุกข์ วันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 12:25:40 )

พ่อครูตั้งชื่อตัวให้ได้ แต่ไม่ตั้งชื่อสกุลให้คน

รายละเอียด

อาตมาก็ตอบตรงนี้เลยว่า ชื่อสกุล ชื่อนามสกุลนี้อาตมาไม่ตั้งให้ใคร อาตมาตั้งไว้แล้ว เปรยๆ ปรายๆ จำไม่ได้แม่นทีเดียวว่า เช่นว่า อโศกตระกูล อาตมาตั้งหรือพวกเราบัญญัติยังไง ซึ่งก็มี เกร็ดดิน เป็นเจ้าของต้นตระกูล นาวาบุญนิยม ก็มีท่านน่านฟ้า เป็นเจ้าของต้นตระกูล อย่างนี้เป็นต้น ส่วน ชาวหินฟ้า นั้นก็คือคุณประโยชน์ ซึ่งตายไปแล้ว ตอนนี้นามสกุลชาวหินฟ้าก็ขออนุญาตจากคุณประโยชน์ไม่ได้แล้ว เพราะว่าตายไปแล้ว ก็จะเหลือสืบทอดกันทางสายเลือด หรือลูกเลี้ยงคนที่มีนามสกุลชาวหินฟ้า ลูกเลี้ยงก็สามารถใช้นามสกุลชาวหินฟ้าร่วมได้ ลูกเลี้ยงที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างนี้เป็นต้น ก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายเขา 

อาตมาไม่ตั้งชื่อสกุลให้ใคร ไม่งั้นอาตมาเป็นภาระ ตั้งชื่อตัวเท่านั้นอาตมาก็จะแย่อยู่แล้วทุกวันนี้ ตั้งไปหลายหมื่นชื่อแล้ว จะเป็นแสนชื่อหรือยังก็ไม่รู้ ตั้งเสียจนสมุดบันทึก แต่ก่อนบันทึกใส่เครื่องคอมพิวเตอร์ เดี๋ยวนี้ไม่รู้หายไปไหนหมดแล้ว อาตมาก็ไม่ได้ทำแล้วบันทึกแต่ในสมุดบ้าง เล่มนั้นเล่มนี้ แล้วก็ไม่รู้เล่มที่บันทึกไว้หายไปไหนบ้าง เอาละอันนี้อาตมามีอยู่ ชื่อตัว อาตมาก็ตั้งให้ไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 13:55:58 )

พ่อครูตั้งใจให้อายุถึง 100 ปี

รายละเอียด

อาตมาตั้งอกตั้งใจให้อายุถึง 100 ปี เมื่อเช้าพูดถึงชาลี อินทรวิจิตรตอนนี้อายุ 97 ปี แก่กว่าอาตมา 9 ปี ตอนนี้ก็ได้ข่าวว่านอนติดเตียงแล้ว ที่อาตมานึกไปถึงชาลีอินทรวิจิตรก็เพราะรู้จักกันดี อยู่ในวงการเขาก็เป็นลูกศิษย์พี่ล้วน ควันธรรม คนนึง อาตมาก็เป็นลูกศิษย์พี่ล้วนเขาเหมือนกันแต่อยู่กับพี่ล้วน 2 ปี เป็นไปตามวิบากกรรม เรื่องวิบากกรรมนี้สนุกถ้าไปเขียนนิยายได้มากมายก่ายกอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกฯ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:11:26 )

พ่อครูตำหนิพวกหลับตามาก เป็นการคัดคน

รายละเอียด

พวกที่เขาศึกษาบัญญัติภาษายังพอกระเตื้องได้ฟังไป ยังพอมีการคิดนึก แต่นี่ไม่ได้คิดนึกเลย ตีทิ้งเลยพวกนั่งหลับตา อาตมาพูดนี้เขาไม่ฟังหรอกพวกนั่งหลับตา จะฟังบ้างก็พวกศึกษาตาม ไม่ใช่พวกนั่งหลับตา พวกที่หลับตาไม่ฟังอาตมา นอกจากคนส่วนตัวที่มีปฏิภาณ รู้ว่า สะดุดว่า ฉุกคิดว่า ซึ่งมีไม่กี่คนหรอกในกระบวนพระหลับตา ที่จะฟังอาตมา มีน้อย มีแต่จะด่าแล้วด่าอีก เพราะอาตมาตำหนิพวกหลับตามาก 

จริงๆนะ หลับตามันโมฆะ มันไม่ใช่ศาสนาพุทธเลย แต่พระพุทธเจ้าไม่ตรัสหนักๆเหมือนอาตมาพูด ท่านไม่ตรัสอย่างหนักว่าพวกหลับตาไม่ดี เพราะท่านรู้ว่าเขาหลงการนั่งหลับตากันไปทั้งหมด ท่านไปด่าเขาหมดไม่ได้ ไม่เหมือนอย่างอาตมา ด่าไปแล้วเขาก็มายาก แต่อาตมาถือว่าอาตมาคัดคน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:22:48 )

พ่อครูต้องกลับมายืนยันเอาเนื้อเก่าของกลองแท้ ของตะโพนแท้กลับคืนมา

รายละเอียด

อาตมาเกิดมาในยุคนี้ในขณะที่มันเสื่อมมาก ศาสนาโลกุตระของพระพุทธเจ้านั้นเสื่อมหมดไปตามที่พระพุทธเจ้าท่านได้พยากรณ์เอาไว้ ในอาณีสูตร กลองอานกะหรือตะโพนอานกะ มันได้เสื่อม มันถูกเปลี่ยนแปลง มันถูกปฏิรูปกลายเป็น กลองปลอม กลองเก๊ อาตมาต้องกลับมายืนยันเอาเนื้อเก่าของกลองแท้ เนื้อทุกส่วนของกลองแท้ ของตะโพนแท้ กลับคืนมา อาตมาพูดออกไป เอาตัวเองเต็มตัวออกไปเลยยืนยัน ไม่ได้ยับยั้ง ไม่ได้อมพะนำ ไม่ได้ปิดบังอำพรางอะไรเลย เรียกว่าล่อนจ้อน พูดอย่างเปิดเผยทั้งหมด เป็นใครเนื้อหาอะไรอย่างไร จะหาว่าบังอาจก็ได้ แต่มาพูดยืนยันความจริง แต่ขอยืนยันว่าเป็นความจริงใจ พูดอย่างมีน้ำหนักแรงน้ำหนักเน้นอะไรมากมาย เพราะว่าดื้อด้านดึงดันเหลือเกิน เหนียวเหลือเกิน แทงจนหอกหักหมดเลย เข้ายาก มันก็เลยจำเป็นต้องใช้ลักษณะพวกนี้อยู่ 

ถ้าไม่ใช้ซะได้ก็ดี อาตมาเมื่อยน้อยลง แต่มันจำเป็น ก็เสียพลังงานนะเหนื่อยก็เหนื่อย แต่ก็จำเป็น ถ้าทำได้มันก็สวยสภาพดีกว่านี้เยอะก็รู้ว่าเป็นข้อด้อย อาตมาได้เรียบเรียงข้อด้อยของอาตมา 10 ข้อ ซึ่งในยุคนี้ต้องทำอย่างนี้ เป็นเรื่องลึกซึ้งซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 19:57:51 )

พ่อครูต้องการคนแบบไหนมาศึกษาโลกุตระธรรม

รายละเอียด

คนจะรู้โลกุตรธรรมนั้นมีไม่มาก อาตมาไม่ต้องการพวกที่ ไม่เอาจริง ไม่เกิดจิตศรัทธา มีปฏิภาณปัญญาว่าอันนี้เป็นของแท้ที่ควรใส่ใจ อาตมาต้องการคนมีปฏิภาณปัญญารู้ จะต้องมาศึกษาด้วย ใครที่เห็นว่าอันนี้ไม่ใช่ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องหนักอาตมามากเกินไป เอาผู้ที่มีความเชื่อ มีความเข้าใจ มีศรัทธา มีปฏิภาณปัญญารับโลกุตรธรรมได้ ถ้าหากว่าเอาปริมาณมากๆ อาตมาไม่เคยคิดว่าจะต้องได้แบบนั้น ไม่พยายามทำ เป็นแต่เพียงเอาโลกุตรธรรมเป็นหลัก ถ้าใครพยายามศึกษา ติดตามบ้าง สะสมอัญญธาตุ คือธาตุ โลกุตรธรรม ค่อยๆรับไป จนกระทั่งมี อัญญธาตุ ได้ถึง 50% จึงค่อยเห็นว่ามีน้ำหนัก ได้ 60% ก็ถึงบอกว่าอันนี้ใช่ มีอัญญธาตุ เป็นธาตุรู้ที่มีโลกุตรธรรม หากมีถึง 70% ถึงยินดีถึงมีฉันทะยินดีจริงๆ แล้วมันจะมาศึกษา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:23:09 )

พ่อครูต้องการให้ชีวิตยืนยาวอยู่กับกาละให้มากที่สุดเพราะอะไร

รายละเอียด

อาตมาก็เลยจะต้องยืนยาวอยู่กับ กาละ ให้มากที่สุด เพื่อพิสูจน์ความจริง พิสูจน์สัจจะนี้ ก็เลยจำเป็นต้องพยายามลากสังขารไปให้ยืนยาวนาน ก็พยายาม ทำเพื่อความจริง ไม่ได้ทำเพื่อความอยาก อยากอะไรไม่อยากอะไร อาตมาว่า อาตมาคือ สิทธัตถะ ผู้หนึ่ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2565 ( 19:15:10 )

พ่อครูต้องขึ้นศาลเป็นวิบากบาปหรือบุญ

รายละเอียด

ผมหมดคดีไปแล้วตอนนี้ ไม่มีคดี จะถือว่าเป็นวิบากก็ได้ถือว่าเป็นภาระ มองในแง่สมมติสัจจะ ก็ถูกตู่ถูกท้วงถูกว่าในแง่ไม่ดี ส่วนที่ไม่ดีมากระทบเราก็มีบ้าง จริงๆแล้วอาตมาผ่านสิ่งเหล่านี้มาก็รู้ชัดเจนยิ่งชัดเจนในตัวเองว่านี่แหละเนาะมนุษยชาติ วิบากมันก็ต้องเป็นธรรมดาธรรมชาติอย่างนั้นเพราะฉะนั้นจะไม่ได้หนักเรื่องที่มันมีมาเจอ เราไม่ได้หนักในแต่ละเรื่อง มันหนักแต่สภาวะที่มันจะต้องไปปรุงไปร่วมต้องเสียเวลาแรงงานแต่งกาย ดีไม่ดีเสียเงินเสียทองกับเขาเสียเวลากับเขาไปบ้าง มันก็เป็นเรื่องของวิบากที่จะต้องใช้หนี้ก็ทำไป แต่มันก็ปลดปล่อยหรือว่ามันก็ทำให้เกิดคนอื่นได้รับรู้ได้เห็น

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2563 ( 09:46:06 )

พ่อครูต้องตอแยหรือเอาภาระกับคนพวกใด

รายละเอียด

เราไม่ไปเกี่ยวข้องตอแยกับเขา ก็ไม่มีผลให้เขามายุ่งกับเรา จะมายุ่งเกี่ยวข้องตอแยเกี่ยวข้องขึ้นมา มันจะมีผลต่อกัน ทุกวันนี้อาตมาเมตตา สงสารผู้แสวงหา ใฝ่หา พากเพียรที่มิจฉาทิฎฐิ ใฝ่หาแสวงหามีบารมี แต่ไปยึดผิด อาตมาก็ต้องตอแยหรือเอาภาระกับคนพวกนี้ ดื้อด้านดึงดันยึดมั่นถือมั่น ในความเป็นจริงในยุคนี้มันก็ยาก ถ้าไม่ยากอาตมาก็ไม่มีสิทธิ์เก่ง อาตมาจะต้องเป็นแชมป์ รองแชมป์ก็ต้องมีฝีมือหนักฝีมือเยี่ยม ถ้ารองแชมป์ขี้กะโล้โท้ เอามือจับหัวไว้ชกลมอยู่อย่างนั้นเราก็ชนะแล้ว จะไปได้เรื่องอะไรเหมือนเด็กๆ ชกมาแขนก็ไม่ถึงเรา แค่นี้ก็อยู่แล้ว ใช่ไหม มันจะไปได้เรื่องอะไร มันต้องเป็นคู่ชกที่ไล่เลี่ยกัน ถึงจะเป็นแชมป์ชั้น 1 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:03:43 )

พ่อครูต้องฝืนกินอาหารเพราะขาดรสอัสสาทะ

รายละเอียด

ก็หมายความว่าไม่มีรสอัสสาทะ รสกิเลส อย่างอาตมาไม่มี ก็เลยต้องฝืดฝืนให้มีรสชาติอัสสาทะขึ้นมาบ้าง มันจะมีแรงกระตุ้นให้ได้กินอาหารได้ดีๆได้ง่ายๆได้เร็วๆมากๆ ช่วย ทุกวันนี้ต้องฝืนกินอาหาร รสชาติมันก็รู้อยู่ครบ จะเค็มจะเปรี้ยวจะหวานจะเผ็ดอะไร รู้หมด รู้ตามความเป็นจริงของคนธรรมดา ลิ้นไม่ได้เสียประสาท แต่เวทนาของเราที่ได้ทำเลยเถิดไป ก็พยายามจะฟื้น ตอนนี้ก็จะมีคนมาช่วยปรุงแต่ง ปลุกให้ฟื้นขึ้นมาบ้าง บางทีก็ไม่ได้กินเพราะว่าปรุงมา บางทีก็จัดจ้านไป ดีไม่ดีก็เอาวัตถุดิบที่ไม่ปลอดภัย ผู้ดูแลก็ไม่ให้กิน คัดออกอะไรอย่างนี้ ก็กินไป ก็ช่วยไป ช่วยกันอย่างนี้แหละ ก็ขอบคุณทุกคน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 17:43:50 )

พ่อครูต้องพยายามแก้ความเข้าใจผิดว่ามหาบัวเป็นอรหันต์จนกว่าจะได้ผลเช่นไร

รายละเอียด

คุณคิดถูกแล้วล่ะไม่ผิดหรอก ไม่งั้นอาตมาก็เลิกป.1 ไปแล้ว คุณพูดถูก คิดถูกแล้ว ไม่ผิดหรอก เพราะว่าสิ่งนี้ยังมีคนนับถือและเข้าใจผิดหลวงตามหาบัวอยู่อีกเยอะ กว่าที่มาเข้าใจชาวอโศก คนที่เชื่อว่าหลวงตามหาบัวนี้เป็นพระอรหันต์ เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสมบูรณ์แบบจนบรรลุธรรมสมบูรณ์สูงสุด ซึ่งมันเป็นความเห็นที่ผิดไปถึงยอดเลย เป็นถึงอรหันต์เลย ซึ่งมันต้องแก้ไขมันต้องบอกกัน เพราะไปผิดอย่างนั้นแล้วปล่อยให้ผิดๆอย่างนั้นมันก็พังสิศาสนาพุทธ อาตมาจึงจำเป็นจะต้องพูด อย่างน้อยจะต้องเห็นว่า คนในประเทศไทยนี้ เข้าใจอย่างที่อาตมาพูด อย่างชาวอโศกเข้าใจได้ถูกต้อง แล้วก็ลดความเข้าใจที่ไปนั่งหลับตาก็ดีไปปฏิบัติมีการบรรยายอย่างหลวงตาบัว สำนวนก็เก่งนะโวหารนะ ทุกวันนี้นักการเมืองก็พูดได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง พูดจนลิงตกต้นไม้เลย พูดอย่างมีเหตุมีผลยืนยันอ้างอิง ฉันเดียวกัน อาตมาจึงจำเป็น ถ้าเกิดว่าอาตมาเห็นว่าคนไทยในประเทศไทย ถ้ากระแสของความเข้าใจ เข้าใจถูกต้อง ไม่ได้เข้าใจผิดว่ามหาบัวเป็นอรหันต์ แล้วเข้าใจสิ่งที่ถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐิ ว่าโลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นเช่นนี้ๆ อย่างที่อาตมาอธิบายละเอียด ยังเข้าใจกันได้ไม่เท่าไหร่หรอก มันไม่ง่ายมันก็เห็นใจอยู่จึงต้องพยายาม จนกว่าจะได้ผลพอสมควร ว่าเห็นสมควร เข้าใจกันได้มากแล้ว อย่างน้อยก็ต้องเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ได้ 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ก็จะหยุด ตอนนี้ยังไม่ถึง ยังเข้าใจไม่ได้ยังเชื่อว่ามหาบัวเป็นอรหันต์บรรลุสูงสุด ซึ่งมันผิดจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 10:28:22 )

พ่อครูต้องลงมือทำเองทุกอย่างกว่าจะสร้างคนอโศกขึ้นมาได้ใช่หรือไม่

รายละเอียด

ใช่ เวลาของอาตมามีน้อย ถ้าหากมีเวลามากอาตมาจะทำได้ละเอียดได้นานได้มากกว่านี้ เช่นทำงานทางออกแรงทางระดับล่าง อาตมาจะต้องไปทำมากกว่านี้ ยาวนานกว่านี้ แต่เวลาอาตมามีไม่ยาวนานพอ  จึงได้มาทำงานเฉพาะนามธรรมเนื้อของโลกุตระให้ละเอียดจนบัดนี้ก็ยังไม่จบ ยังไม่มากพอ ถ้ามันมากพอคนจะจำนน คนจะเข้าใจได้ แต่อาตมาอธิบายขนาดนี้คนก็ยังเข้าใจไม่ได้ ที่ใช้ศัพท์เป็นอุทาหรณ์ของพระพุทธเจ้าเองมาอธิบายซ้อนลงไปว่า เหมือนอาตมาใช้หอก 100 เล่มแทง เช้า มันก็ไม่รู้สึก แทงอีกตอนกลางวัน มันก็ไม่รู้สึก ไม่รู้สึกสำนึกไม่รู้สึกเจ็บสะดุดอะไรเลย  มันเหมือนกับอะไรมาถูกเป็นลมพัดผ่านผิวหนังอย่างนั้นหรือเปล่า ไม่รู้เรื่องอะไรมันซับซ้อน 

แต่มันไม่สูญเปล่าไม่เป็นหมัน ยังมีพวกคุณเข้าใจได้ไงจึงมีมวลขนาดนี้ ในยุคกาลนี้ก็ถือว่าได้ผล อาตมามักน้อยอาตมาไม่ได้มักมาก ได้ขนาดนี้ก็เป็นเครื่องรองรับ ใช้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร 

วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก 


เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 13:39:03 )

พ่อครูทำงานช่วยประเทศอย่างไรโดยไม่เคยรับเงินเดือน

รายละเอียด

อาตมาก็สบายใจตรงที่ว่าอาตมาได้ช่วยชาติ ช่วยตรงที่ทำให้คนเป็นคนมีภูมิปัญญาพุทธศาสนาที่เป็นโลกุตระ จึงเป็นคนที่อยู่ในสังคมประเทศ เป็นมวลประชาชนของประเทศที่ไม่มีภัยไม่มีโทษ ไม่เป็นตัวก่อความวุ่น แต่เป็นคนช่วย ไม่ว่าจะช่วยทางเศรษฐศาสตร์ ช่วยทางรัฐศาสตร์ ช่วยทางสังคม สมบูรณ์แล้ว อาตมาทำงานนี้ได้ช่วยประเทศอย่างหนึ่งโดยไม่เคยรับเงินเดือน แต่ก็ช่วยคนได้ เป็นพลเมืองของประเทศจำนวนเท่าไหร่ก็เท่านั้น แล้วก็พยายามขยายเพิ่ม คนที่ฟังรับได้เข้าใจก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่ได้แล้วก็เป็นแก่นแกนของสังคมของประเทศไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 19:13:30 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์