@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

มโนปโทสิกะ

รายละเอียด

คือ การสวดแล้ว ทำให้ผู้ฟังเกิดยึดความขลัง หลงว่ามีอำนาจพิเศษฤทธิ์เดชลึกลับสารพัดที่จะได้ ที่จะช่วยให้เราสมใจสารพัด ตามที่อยากได้ ซึ่งมันไม่มีจริง

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 196


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:11:48 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:23:13 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:34:46 )

มโนปโทสิกะ

รายละเอียด

ผู้หลงอยู่กับจิต หลงอยู่กับความนึกคิดจนเกิดความเสียหาย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 403


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:41:53 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 16:00:17 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:33:43 )

มโนปโทสิกะ

รายละเอียด

คือ จิตใจเป็นอวิชาเป็นโทษต่อตนอยู่ก็ไม่รู้ตัว คือความมุ่งร้ายด้วยใจ ใจตัวเองแท้ๆ มุ่งร้ายตนเองด้วยใจตัวเอง

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 288


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 13:28:18 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:57:30 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:32:13 )

มโนมย

รายละเอียด

1. สร้างขึ้นมาได้สำเร็จทางใจอย่างน่าอัศจรรย์

2. มีรูปเกิดแต่ใจ , สำเร็จกันที่ใจ , การเกิดทางใจได้สำเร็จ

3. สำเร็จได้ด้วยจิต

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 271, อีคิวโลกุตระ หน้า 28, หน้า 29, เปิดโลกเทวดา หน้า 30

 


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 14:00:25 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 16:02:03 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:27:24 )

มโนมยกาย

รายละเอียด

กายที่ทำด้วยใจ , องค์ประชุมที่สำเร็จด้วยใจ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 278


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 14:08:36 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 16:03:39 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:24:44 )

มโนมยอัตตปฏิลาโภ

รายละเอียด

1. ก่อตัว ปั้นตนได้สำเร็จในจิต

2. ผู้สามารถปั้นรูป ปั้นร่างให้ปรากฏแม้แต่ในจิตของตนเองได้สำเร็จ หรือรูปที่ปั้นแล้ว ปั้นเล่าขึ้นจนสำเร็จได้ด้วยจิตเท่านั้นโดยเฉพาะ

3. มีความเก่งที่จะปั้นรูป ปั้นร่างดูเป็นตัวเป็นตนได้ สำเร็จได้แค่ใดก็จะทำบางคนก็ปั้นเป็นตัวตนบุคคล สัตว์ มนุษย์ สิ่งของ

4. การเข้าครองหรือได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 376, ทางเอก ภาค 3 หน้า 13, หน้า 302, ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 64


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 14:10:51 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:28:39 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:21:24 )

มโนมยอัตตา

รายละเอียด

1. รูปที่สำเร็จด้วยจิต

2. สิ่งที่สำเร็จด้วยการรู้

3. รูปที่เกิดสำเร็จผลอยู่แต่ในจิต เป็นเพียงจิต

4. อัตตาที่สำเร็จด้วยจิตที่ปั้นเสกสรรสร้าง ล้วนหลอก ๆ ล่อ ๆ ลวง ๆ กัน

5. รูปที่ปั้นขึ้นในจิต จนเห็น จนสัมผัส รู้ได้เองชัด ๆ ราวกับรูปที่เห็นที่สัมผัสด้วยทวารทั้ง 5 ข้างนอกทีเดียว

6. เป็นรูปภาพที่สำเร็จได้ด้วยจิต

7. เป็นการปั้นสร้างจนสำเร็จขึ้นมาได้ด้วยจิต

8. อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ คือตัวตนที่เนรมิตหรือปั้นขึ้นจนเป็นรูปที่สำเร็จด้วยใจ มีส่วนน้อยส่วนใหญ่ครบองค์ประกอบซึ่งเป็นการปั้นนิมิตขึ้นในใจ เช่นปั้นเมืองสวรรค์เป็นรูปวิมานอยู่ในใจตนสำเร็จแล้วก็หลงติดหลงยึดเอารูปนั้นเป็นจริง

9. ปั้นอารมณ์ในใจเป็นตัวตน

10. รูปที่สำเร็จด้วยจิต ที่จิตเป็นตัวปั้นหรือนิรมิตแท้ๆ จิตปั้นสำเร็จจริง แต่เป็นของไม่จริง

11. รูปที่รู้อยู่ภายในด้วยจิต

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 67, หน้า 183, ทางเอก ภาค 2 หน้า 78, หน้า 154, ทางเอก ภาค 3 หน้า 72, หน้า 496, สมาธิพุทธ หน้า 252, วิถีพุทธ หน้า 45, หน้า 46 , คนคืออะไร? หน้า 386, ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 176, ค้าบุญคือบาป หน้า 210


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 14:16:38 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:39:53 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:19:49 )

มโนมยอัตตา

รายละเอียด

กิเลสตัวกลางปั้นในจิต

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 15:28:41 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:58:01 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:16:05 )

มโนมยอัตตา

รายละเอียด

ที่เล่ามานี้ เขาเรียกว่า มโนมยอัตตา เป็นรูปที่สำเร็จด้วยจิต แม้ว่าเขาเห็นผีเขาเห็นเปรต จะเป็นรูปร่างยังไงก็ตาม อุปาทานเขายึดไว้ เขาเข้าใจว่า มันต้องเป็นอย่างนี้เขาก็จะเห็นอย่างนี้ เขาปั้นเอง เป็นมโนมยอัตตา ที่จริงมันไม่มีจริงหรอก ใครมีอุปาทานอย่างไร ก็เห็นอย่างนั้น เช่น คุณหลับตาปั๊บ จะมืดใช่ไหม แสงก็ไม่มี สีก็ไม่มี แต่คนที่ยังมีอุปาทานอยู่ หลับตาเข้าไปก็จะมีแสงสี ดีไม่ดีก็ทำแสงสว่างในตอนหลับตาได้เป็นอุปาทานทั้งนั้น แสงหรือสีที่คุณเห็น คนที่ยังมีอุปาทานในจิตใครก็แล้วแต่ จะเป็นพระอาริยะก็ตาม ยังไม่หมดอุปาทานนั้น หลับตาก็จะเห็นแสง สีม่วง สีแดง สีเขียว สีเหลือง สีม่วง ก็หลับตาไปมันก็ต้องมืด ลืมตาก็สว่าง หลับตาก็มืด ยิ่งไม่มีแสงก็จะมืดชัดเจน ถ้ามีแสงมากก็จะมีบ้าง แต่ถ้าไม่มีแสงก็มีเลยอยู่ในที่มืดหลับตามันก็ต้องมืด ที่เห็นยิบยับๆ คืออุปาทานทั้งสิ้น คนที่ไม่หมดอุปาทาน หลับตาก็จะมีแสง ไม่ใช่แค่แสง มันจะมีเป็นดวงไฟขยายเข้าขยายออก เละไปหมด นี่คือพวกที่มิจฉาทิฏฐิไม่เข้าใจความจริงตามความเป็นจริง นี่ลึกละเอียดลงไปให้ฟัง หากเห็นโอปปาติกะเป็นตัวเป็นตนนั้น มันไม่มีหรอก แต่เป็นมี เป็นรูปที่สำเร็จด้วยจิตเรียกว่ามโนมยอัตตา รูปที่คุณสร้างเองปั้นเองมีเองเป็นอุปทาน เป็นจริง อย่าง อาจารย์มั่น เรียกว่าเข้าฌานสนิท มีสมาธิสูงแล้วก็ไปสอนเทวดา เทวดามาจากต่างประเทศก็มีวิญญาณเป็นโอปปาติกะที่มีตัวตน นี่คือมิจฉาทิฏฐิทั้งสิ้น อาจารย์มหาบัวเขียนไว้ อาจารย์มั่นก็เล่าไว้บอกว่า เทวดาองค์นี้มาจากเยอรมัน พระอาจารย์มั่นก็สอนเทวดาที่มาเรียนรู้กับอาจารย์มั่น นี่เป็นมโนมยอัตตาอย่างหนึ่ง ยิ่งเป็นตัวตนยิ่งเป็นรูปร่างยิ่งอยากมาก น่าสงสารบอกอาจารย์มั่นเป็นอรหันต์ยังไม่รู้ในอัตตา 3 โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา แม้ที่สุดให้เราหมดความยึดถือใน อัตตาก็อาศัยอัตตาได้ ขออภัยที่ต้องตำหนิอ.มั่น ก็เพราะว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิในศาสนาพุทธบอกให้รู้ เพื่อจะได้ไม่ไปหลงกัน มันจะทำให้เกิดความเสียหายเละเทะ อาตมารู้ว่าเขามีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ อาตมาพูดไปเขาก็จะชังน้ำหน้า อาตมาก็ยินยอมเสี่ยง เพื่อสัจธรรมที่ถูกต้อง อาตมามาทำงานเพื่อจะทำให้ศาสนาพุทธให้ถูกต้องขึ้นมา สิ่งที่ผิดพลาดจะปล่อยให้ผิดพลาดไปทำไม มันไม่ดี มันเสียหาย ก็ต้องตำหนิ ก็ต้องบอกความจริงใจ ส่วนคุณจะไม่เชื่อจะศรัทธาหรือไม่อาตมาจะไปบังคับคุณได้อย่างไร คุณศรัทธาสิ่งที่ผิดอยู่มันก็น่าสงสารก็บอกให้รู้ตัวหากว่าคุณมีปรโตโฆษะบ้าง อย่าไปยึดติดสิ่งที่ตัวเองยึดถืออยู่ อย่างที่อาจารย์มั่นทำนั้นอาตมาก็เคยผ่านเคยทำมาทั้งนั้น แต่อาตมาไม่มีอุปาทานเป็นเทวดาเยอรมันอย่างอาจารย์มั่นเท่านั้นเอง ต้องขอโทษอย่างที่พระทั้งหลายอย่างที่อาจารย์มั่น อาจารย์มหาบัว ทำนั้นอาตมาผ่านมาหมดทำได้อย่างนั้นน่ะ แต่ว่าอาตมารู้แล้วว่ามันเป็นมิจฉาทิฏฐิก็เอามาพูดมาบอก เอาสิ่งที่ถูกต้องมาพากันทำ อย่างที่พวกคุณเข้าใจกัน หลายคนไม่ต้องไปเสียเวลาไปหลง คนไหนไปลงก็เลิกเสียมาศึกษาสัมมาทิฏฐิให้ดีๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:36:11 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:48:31 )

มโนมยอัตตา

รายละเอียด

คือ รูปหรืออัตตาที่สำเร็จด้วย จิตวิญญาณของตน ก็มี“เฉพาะตน”ที่ตนยึดมั่นถือมั่นยิ่งสุดๆ เท่านั้น”ของใครก็เป็นส่วนตัวของตนเฉพาะตนในตน และ เป็นทั้ง“อรูปอัตตาอย่างยิ่ง(ตัวตนที่เป็นรูปไม่มีรูปแล้ว)” มี“อัตตา” ของตนผู้เดียว แม้จะยึดเองในตนที่ถึงขนาดเป็น“โอฬาริก อัตตา”แต่เป็นจิตภายในจิต คือ ตนใหญ่ยิ่ง-ยิ่งใหญ่สุดๆ (ปรมาตมัน,ปรมัตตา,บรมอัตตา)ในภายในของตนเท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 378


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 15:18:50 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:58:48 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:54:17 )

มโนมยอัตตา

รายละเอียด

“มโนมยอัตตา” ก็คือความสำเร็จด้วยจิต มโนมยะ มยัง มยะ คือความสำเร็จ มโน ด้วยจิต สำเร็จด้วยจิต 

คุณสามารถที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จ ในคำว่า “สำเร็จ” ในวิชชา 8 หรือเรียก “วิปัสสนาญาณ” แล้วก็ “มโนมยิทธิ” 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:51:51 )

มโนมยอัตตา 

รายละเอียด

มโนมยอัตตา  คือ  อัตตาในจิตที่เกี่ยวข้องกับข้างนอกด้วย  แต่เน้นในจิตต้องใช้จิตวิญญาณที่เป็นธาตุรู้   เรียนรู้ตามไป  พวกหลับตาเอียงเข้าไปในทางมโนมยอัตตา  เป็นรูปภพ  อรูปภพ  แต่กามภพไม่รู้เรื่อง จะเสพติดอย่างมหาบัวเสพติดหมากยังไม่รู้จักความหยาบของสิ่งเสพติดที่ธรรมดาๆ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอารยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:53:03 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:59:47 )

มโนมยอัตตาภายนอก ต่างกับมโนมยอัตตาภายในอย่างไร

รายละเอียด

มโนมยะ มันหมายความว่าจิตของเรา มโน มยะ มยังนี้ อันเป็นเรา มโน ก็จิตของเรา 

มันไม่ขาดจากกันหรอกระหว่างภายนอกกับภายใน ไม่ขาด ถ้าคุณสามารถปฏิบัติตนแล้ว จิตของคุณมีพลังงานอยู่เหนือภายนอก คุณไม่ได้ขาดจากภายนอกนะ คุณยังรู้จักภายนอก คุณยังกระทบสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องทำงานร่วมกันกับภายนอกอยู่นะ แต่พลังงานจิตของคุณนี่เก่ง สามารถที่จะอยู่เหนือคืออุตระ อยู่เหนือพวกนี้แล้ว พวกนี้ทำอะไรไม่ได้ พลังของภายนอก อิทธิฤทธิ์ภายนอกทำอะไรเราไม่ได้ เราอยู่เหนือ 

และจริงๆแล้วถ้าเป็นธาตุรู้ภายนอกจะกลัวธาตุรู้ภายในที่เป็นพลังเหนือ พลังปัญญา พลังตัวที่เป็นอุตระ พลังภายนอกจะกลัว เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าบอกว่า มารเจอกับตถาคต พระพุทธเจ้า มารจึงบอกว่าตถาคตเห็นเราแล้ว มารวิ่งหนีหูตูบเลยที่เคยอธิบาย 

เรียกว่ามันมีอำนาจหรือมีฤทธิ์อย่างนั้นกันจริงๆเลย มันอธิบายด้วยพยัญชนะก็ได้แค่นี้ โดยสภาวะมันเป็นอย่างที่อธิบาย อย่างที่พูดนั้นจริงๆ (ถ้า)ของตัวเองมีแล้ว คุณจะรู้อย่างที่อาตมาอธิบาย อาตมาเอาของตัวเองมาอธิบาย 

เพราะฉะนั้นจะบอกว่า มโนมยอัตตาภายนอกต่างจากมโนมยอัตตาภายในยังไง อาตมาก็เห็นใจคุณถามมาอย่างภาษาที่คุณยังไม่มีความรู้ ในเรื่องมโนมยอัตตาหมายถึงขนาดไหน อย่างไร แค่ไหน  ภายนอกแค่ไหน ภายในแค่ไหน มันก็เลยถามมาอย่างนั้น ก็ค่อยๆศึกษาไป ค่อยๆเรียนรู้ไป พยัญชนะก็อย่าไปติด อย่าเพิ่งไปถึง บางทีมันยังไม่ถึงภูมิของเรา เราอยากไปรู้เกินภูมิของเรา มันก็รู้ยาก และดีไม่ดีจะรู้ผิดเอา เอาหัวเป็นหาง-เอาหางเป็นหัว มันจะยุ่ง ค่อยๆศึกษาไป แล้วอ่านจากของจริงของเรานั้นแหละ แล้วเราจะรู้ว่ามโนมยอัตตามันคืออะไร 

ภายนอกก็คือมันเกี่ยวกับภายนอก แล้วเราเหนือภายนอกหรือยัง ภายในก็คือธาตุรู้ที่อันเดียวกันนั่นแหละ แต่มันจะมีอำนาจเลิกจากหรืออยู่เหนือกิเลสไปได้หรือไม่ ถ้าได้ก็บรรลุธรรม ถ้ายังไม่ได้ก็ยังไม่บรรลุธรรม จบด้วยแค่นี้ก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้จบกิจ 4 ประการเป็นผู้อยู่เหนือกาละได้ วันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 03:54:30 )

มโนมยอัตตาภายนอกต่างกับภายในอย่างไร

รายละเอียด

ตามที่คุณใช้พยัญชนะพูดมามันก็ต่างสิ ภายนอกมันไม่ใช่ง่ายทีเดียวเป็นภาษาที่ต้องอธิบายพอสมควรติดตามไปก็แล้วกันวันนี้ยังไม่อธิบาย มโนมยาอัตตา หมายถึง อัตตาที่สำเร็จด้วยจิต มโน ส่วนมย คือสำเร็จ เป็นอัตตาที่ปั้นสำเร็จด้วยจิต แม้แต่อุปทานก็คือปั้นด้วยจิต หรือแม้แต่ไม่ใช่อุปทานแต่จิตของเราเกิดสัมผัสข้างนอกแล้วเราก็ยังยึดติดอยู่เรียกว่าอัตตา ยังติดยึดอยู่ ล้างติดยึดนี้ ที่เกี่ยวข้องกับภายนอกกระทบตาหูจมูกลิ้นกาย หมดมโนมยอัตตาภายนอก เหลือแต่มโนมยอัตตาภายใน ต้องทำมโนมยอัตตาภายนอกให้สำเร็จก่อน แล้วจึงมาทำมโนมยอัตตาภายใน อันนี้แหละต้องย้ำแล้วย้ำอีกกับพวกเรา 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 13:09:32 )

มโนมยอัตตาไม่อาจพาบรรลุธรรม

รายละเอียด

มย สำเร็จ มยัง สำเร็จเป็นเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกซึ้งสำคัญมาก ความตรัสรู้พระพุทธเจ้าวิเศษที่รู้สิ่งเหล่านี้ แล้วเราก็มารู้ตาม เพราะฉะนั้นจึงเห็นได้ว่าทุกอย่างไม่ใช่อัตตา ทุกอย่างเป็นอนัตตาทั้งนั้น แต่เรารู้แล้วก็อาศัยไป โดยที่เราไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น สักวันจะปรินิพพานเป็นปริโยสานก็มีอำนาจจิตสลายมันลงไปได้ แต่ถ้าคุณยังยึดอยู่มันก็ยึดอย่างประมาณนี้ยังไม่ปล่อย ตายแล้วจะเกิดอีกก็ต้องเกิด เราจะเกิดอีกมันง่าย จะตายสูญ ปรินิพพานเป็นปริโยสานมันยากมากๆ การจะเกิดอีกเรื่อยๆนั้นไม่อยากจะเกิดเลย ไม่เกิดแล้วเบื่อแล้วก็ยังหลอก ถ้าคุณไม่มีญาณปัญญาที่แท้จริงที่จะทำนิโรธให้แก่ตัวเองได้ ทำนิพพานทำปรินิพพาน จนเป็นปริโยสานให้แก่ตัวเองได้ตามจริง คุณก็ไม่จริง คุณก็ได้แต่ว่านึกว่าตัวเองได้ อย่างเช่น มหาบัวบอกว่าไม่เกิดแล้ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย 

ซึ่งอาตมาว่ายังไม่เกิดมาเป็นมนุษย์หรอก คงจะไปอยู่ในแดนที่เป็นแดน 3 ได้ 8-10 อะไร เพราะว่าทำลายศาสนาพุทธอย่างซับซ้อน จนคนหลงผิดตาม มันก็เลยบาปมาก ทำใจทำหลอกคนอื่นเป็นจำนวนมาก ลูกศิษย์ลูกหามหาบัวมีมากกว่าอาตมาเยอะและจำนวนที่ทำผิดด้วยก็เลยบาปมาก อาตมาไม่บาปเป็นกุศล คนละอย่างกัน อาตมาไม่ได้พาบาปมาคนละทิศ เพราะฉะนั้นมันจึงน้อยจริงๆ ไม่ได้แย่ง ไม่ได้แข่ง มันน่าสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:15:39 )

มโนมยัง

รายละเอียด

หมายเอาเฉพาะในใจอันเป็นของเราเท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 80


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 14:18:23 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:40:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:51:17 )

มโนมยา

รายละเอียด

1. จิตใจนั้นเป็นตัวต้นทำให้เกิด ตัวทำให้สำเร็จ

2. ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยจิตวิญญาณ

3. ใจเป็นผู้เป็นไป

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 547, รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 193, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 254


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 14:20:41 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:43:22 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:50:38 )

มโนมยิทธิ

รายละเอียด

มโนมยิทธิ คือ อำนาจทางจิต

1. ฤทธิ์ทางใจ

2. การทำได้สำเร็จในบทบาททางใจอย่างเก่ง อย่างวิเศษ

3. มีอินทรีย์ หรือมีอำนาจทางจิต

4. กระทำจิตให้เกิด ให้ดับได้โดยความสามารถของเราเองจริง มีความสามารถยิ่งในการกระทำทางใจ โดยเฉพาะทำให้กิเลส ตัณหา อุปาทานดับสิ้น หลุดพ้นไปหมดจากใจ จะมิใช่กระทำฤทธิ์เดช เดรัจฉานวิชาเลอะเทอะเป็นอันขาด

5. การบันดาล บันดลให้มีรูปมีตัวเกิดขึ้นมาด้วยพลังอันเก่งของใจ คือบันดล บันดาลให้มีกายอื่น ตัวอื่นจากกายนี้ มีรูปมีตัวเกิดขึ้นด้วยพลังฤทธิ์เดชอันเก่งของใจ มีหู หัว แขน ขา ตับ ไต ไส้พุง ผมขน มีร่างมีกายมีเนื้อตัวไม่บกพร่อง

6. ทำจิตเก่ง หยุดจิตได้จริง วางจิตได้สำเร็จ แม้ขณะรู้ ๆ ทำงานเป็นปกติ มีสัมผัสอยู่ แต่หยุดจิตจากโลภะ โทสะได้แท้ ๆ ทั้ง ๆ ที่จิตเปิดรู้อยู่เต็มที่ทุกทวาร

7. “มโน + มย + อิทธิ”   มโน = ใจ , มย = ทำให้เป็นจนได้แล้ว , อันเป็นแล้วในเรา , อิทธิ = เก่งยิ่ง

8. ฤทธิ์ทางใจตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพุทธ คือจิตที่สามารถกำจัดกิเลสได้ถูกตัวตนของมันจริง

9. ความมีฤทธิ์ของจิตที่ประสบความสำเร็จในการกำจัดกิเลสลงได้จริงจนมีการตายของกิเลสในจิต จิตจึงเกิดใหม่ได้สำเร็จเรียกว่า “การผุดเกิด” (โอปปาติกโยนิ) เมื่อกิเลสตายลงในจิต จิตใหม่ก็เกิด เป็นการถอดจิตอยู่ในจิต เป็นการเปลี่ยนสภาพจากจิตเดิมสู่ภาวะใหม่อีกแบบหนึ่ง เพราะกิเลสก็เหมือนจิต กิเลสตายเท่ากับจิตเกิดใหม่ เปรียบเสมือนชักใส้ออกจากหญ้าปล้อง เสมือนงูลอกคราบฉะนั้น

คำอธิบาย

ปัญญาที่สามารถหยั่งรู้ ฤทธิ์แห่งวิชชาของตน กำจัดกิเลสตนได้จริง

(หนังสือคนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? เล่ม 1 หน้า 14)

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 262, หน้า 267, หน้า 548, ทางเอก ภาค 1 หน้า 47, ทางเอก ภาค 3 หน้า 80, หน้า 297, หน้า 303, เปิดโลกเทวดา หน้า 27, พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 100, หน้า 101


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 14:28:07 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:49:22 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:49:09 )

มโนมยิทธิ

รายละเอียด

ทำให้กิเลสดับ ทำให้จิตเกิดใหม่ นี่คือมโนมยิทธิ เกิดสัตว์โอปปาติกสัตว์

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:16:47 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 17:00:33 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:43:53 )

มโนมยิทธิ

รายละเอียด

ทำให้กิเลสดับทำให้จิตเกิดใหม่ นี่คือมโนมยิทธิ เกิดสัตว์โอปปาติกสัตว์ในตัวเรา ทำให้กิเลสตายได้ก็เกิดใหม่ เหมือนงูลอกคราบ ดาบออกจากฝัก หรือหญ้าไส้ปล้อง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 14:05:13 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 17:01:07 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:43:25 )

มโนมยิทธิ

รายละเอียด

เมื่อคุณมีวิปัสสนา รู้จักกิเลสลดกิเลสได้คุณก็มีฤทธิ์เรียกว่า มโนมยิทธิ มีฤทธิ์ทำจิตของตัวเองได้สำเร็จเรียกว่า มโนมยา สำเร็จด้วยจิต คือฆ่ากิเลสได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นวิชาความรู้ที่เก่งขึ้นไปมีความรู้และทำได้ผลล้างกิเลสได้ผล 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:15:31 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:24:03 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:41:36 )

มโนมยิทธิ

รายละเอียด

“มโนมยิทธิ” อิทธิทางมโน อิทธิคือ ความเก่งความสามารถของความสำเร็จทางใจ แล้วเขาไปแปลเป็นอาเทสนาปาฏิหาริย์อิทธิปาฏิหาริย์ซึ่งมันผิด แต่อันนี้เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์มีฤทธิ์ทางคำสอนให้ลดกิเลส สรุปง่ายๆ 

ลดกิเลสสำเร็จตามคำสอนของพระพุทธเจ้า “วิปัสสนาญาณ” คือญาณวิชชาอันต้น ที่ทั้งรู้ทั้งเห็นทั้งสัมผัส ปัสสะ “ปัสสติ” แปลว่าเห็น, “ปัสสนะ” แปลว่าเห็น รู้เห็นอย่างยิ่งด้วยญาณ ต้องดูต้องเห็นต้องสัมผัสอยู่อย่าง หลัดๆ ต้นๆ มีรูปมีนามแล้วทำเป็นผลสำเร็จก็คือมี มโนมยิทธิ

ไม่ใช่เก่งอิทธิปาฏิหาริย์แต่เก่งทางทำให้ลดกิเลสได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:52:55 )

มโนมยิทธิ

รายละเอียด

2.มโนมยิทธิ คือมีฤทธิ์ทางใจ มีฤทธิ์อะไรเมื่อเห็นกิเลสแล้ว คุณก็ต้องมีธัมมวิจัยแยกแยะกิเลส แล้วคุณก็ต้องมีฤทธิ์ทางใจ ทำให้กิเลสลดได้ มโนมยิทธิญาณ มีความรู้ทำให้กิเลสลดได้ นี่คือวิชชา ข้อที่ 2 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 14:11:49 )

มโนมยิทธิ

รายละเอียด

ถ้าสามารถลดกิเลสไปตามลำดับ รู้กิเลสด้วยปัญญาอันยิ่ง ปัญญาเป็นธาตุรู้ที่ยิ่งใหญ่มีพลังมีฤทธิ์ ในตนเองเรียกว่ามโนมยิทธิ มโน คือจิตนี่แหละ บวก อิทธิ มโน แล้วก็มยัง ตนเอง มโนมยิทธิ มีฤทธิ์ มีเดชในปัญญาหรือญาณเป็นวิปัสสนาญาณ เป็นอย่างที่รู้ที่เห็นของจริงต้องสัมผัสมี วิปัสสนา รู้ความจริงของความเป็นจริงแยกกิเลสออกได้ แล้วก็เกิดปัญญาจริงเรียกว่าญาณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:19:16 )

มโนมยิทธิ 

รายละเอียด

มโนมยิทธิ  มยัง แปลว่าอันเป็นเราตัวของเรา อิทธิคือฤทธิ์ มโนมยิทธิคือเรามีฤทธิ์ มีฤทธิ์อย่างไร คืออำนาจพลังงานที่ฆ่ากิเลสได้กำจัดกิเลสได้ เป็นพลังงาน สร้างพลังงานทางจิตเช่น ฌาน ทำฌาน มีพลังงานมีฤทธิ์ 

พลังอันนี้เกิดขึ้นมาจริงเป็นความจริงแล้ว เจ้าผีมารกิเลส หนีเลย กลัวเลย อย่างที่อธิบายผ่านมาแล้ว เป็นตัวจริงของปัญญา ตัวจริงของวิชชา ตัวจริงของญาณ มโนมยิทธิญาณ มีฤทธิ์เช่นนั้นจริง 

รู้จักคุณวิเศษ รู้จักคุณลักษณะของญาณอันนี้ คนที่สร้างญาณอันนี้ได้เอง คนที่ทำได้เองก็จะเห็นว่า โอ้โห! กิเลสมันจางคลายกิเลสมันหนีเลยกิเลสไม่เข้าใกล้เลยก็รู้ได้ด้วยตนเอง อ๋อ! พลังงานอย่างนี้แหละเรียกว่าพลังงานปัญญา พลังงานญาณ พลังงานวิปัสสนาญาณ และพลังงานนี่แหละมันทำให้กิเลสหาย มโนมยิทธิ เราทำเองเราเองทำเอง เห็นกิเลสมันไม่รอหน้ามันกลัวมันวิ่งหนีเลย เห็นหน้ามันวิ่งหนีจู๊ดเลยไม่กล้าเข้าใกล้เลย นี่เป็นความจริงที่พูดด้วยพยัญชนะภาษาสู่ฟังได้ คนที่เกิดพลังงานนี้ เกิดปัญญาอย่างนี้ เกิดมโนมยิทธิญาณ อย่างนี้ก็รู้ด้วยตน ก็ทำเพิ่มขึ้น หลากหลายมากขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:50:10 )

มโนมโย อัตตปฏิลาโภ

รายละเอียด

การเข้าครองหรือได้ตัวตนที่สำเร็จด้วยใจ [เป็นมโนมยอัตตา]

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 143


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 14:45:20 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:50:46 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:40:43 )

มโนยอัตตา

รายละเอียด

กิเลสตัวกลางปั้นในจิต

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:40:24 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 17:01:56 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:39:30 )

มโนวิญญาณ

รายละเอียด

1. ความรับรู้ที่อาศัยใจ

2. ความรับรู้เมื่อรับมาจากทางใจแล้วร่วมปรุงแต่งด้วยกิเลสในใจ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 105, อีคิวโลกุตระ หน้า 220


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 14:48:13 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:52:14 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:38:53 )

มโนสัญเจตนา

รายละเอียด

1. ความมุ่งมาดปรารถนาในจิต ในของเขาผู้นี้จะมีอย่างนี้และเท่านี้

2. จิตสำคัญมั่นหมายมุ่งหมาย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 191, รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 101


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:13:35 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:53:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:38:04 )

มโนสัญเจตนา 3

รายละเอียด

มโนสัญเจตนามีอยู่ 3 ชนิด

1. กามตัณหา 2. ภวตัณหา 3.วิภวตัณหา เราใช้วิภวตัณหาคือตัณหาที่จะทำให้ไม่เกิดภพ ตัณหาคือความต้องการเป็นความประสงค์ เป็นความปรารถนาที่จะให้จิตเราไม่มีภพ เป็นวิภวตัณหา

เสร็จแล้วก็เรียนจาก กามตัณหา เป็นฐานภายนอกฐานเบื้องต้น กามตัณหา 5 คือกามคุณ 5 ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย กระทบสัมผัสแล้วก็เกิดเวทนา คุณก็วิจัยเข้าไปในเวทนา แล้วก็จัดการ วิจัยเวทนา เป็นกรรมฐาน ศาสนาพุทธมีกรรมฐานเดียวคือเวทนาเป็นกรรมฐาน แต่เขาออกนอกทิศนอกทางไปตามวิสุทธิมรรค เป็นกรรมฐาน 40 อันนั้นไม่ต้องทำเลย ทำอย่างนี้แหละ จะมีสมถะจิตแข็งแรง ที่เป็นสภาพโลกุตรธรรมกว่าไปนั่งแยกทำสมถะที่ 1 วิปัสสนาที่ 1 เสร็จแล้วก็ไปปนเปกัน แล้วก็นึกเอาว่าวิปัสสนา ถ้ายังไปนั่งหลับตาสะกดจิตแล้วยกจิตสู่นิพพานนั้นเป็นการขี้โม้ สภาวะจิตมันไม่มี นั่งหลับตาให้จิตสงบแล้วยกจิตสู่วิปัสสนานั้นมันหลงเลอะเทอะไปใหญ่เลย ผู้รู้เห็นแล้วก็บอกว่า ตลกมกจ๊กหลอกเด็ก อธิบายวิปัสสนาแบบอยู่ในภพ มันยิ่งกว่าตลกมกจ๊กผสมเชิญยิ้ม

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:20:31 )

มโนสัญเจตนาของอาหาร 4

รายละเอียด

ที่นี้มันไม่มีจริงแต่เราไปหลงเสพติดมันอยู่มีตัณหาไม่คลายมีการปรุงแต่งในจิตเรียกว่ามโนสัญเจตนาหาร มีการปรุงแต่งในจิต แล้วมีวิญญาณ​มีเจตนา เพราะมันมีเจตนาที่ยังหยาบอยู่

อาหาร 4 (เครื่องยังสัตว์ให้อยู่ได้)

1. กวฬิงการาหาร (อาหารคำข้าว  ให้รู้กิเลสเบญจกาม)

2. ผัสสาหาร (อาหาร คือ  ผัสสะกระทบให้เกิดเวทนา) 

3. มโนสัญเจตนาหาร (อาหารใจที่เจตนามุ่งกับตัณหา) 

4. วิญญาณาหาร (อาหารของวิญญาณ กำหนดรู้นาม-รูป  อันเป็นปัจจัยให้ตั้งอยู่แห่งสังขาร เพื่อการเกิดในภพใหม่ คือมีปัจจัยเกิดชาติชรามรณะ ทุกข์ และความคับแค้น) 

(ปุตตมังสสูตร  พตปฎ. เล่ม 16   ข้อ 241-244)

 หยาบ เริ่มต้นภายนอกเลยคือกามตัณหา อันที่ 3 มโนสัญเจตนาของอาหาร 4 คำว่า มโนสัญเจตนา สัญญากำหนดรู้ กำหนดด้วยตัณหา ตัณหาคือ มันมีเจตนาเจตนาจะเอาเอาอะไรเอากาม

มันยังหยาบกาม ก็ต้องมาเรียนรู้กามก่อนมันหยาบ เป็นกามฉันทะกำหนดรู้ความกำหนัดยินดี สัญญ กำหนดรู้ความกำหนัดยินดีซึ่งเกิดจากเบญจกามคุณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:41:14 )

มโนสัญเจตนาคือจิตมีทิศมุ่งหมาย

รายละเอียด

มีผัสสะได้ยิน พอได้ยินแล้วก็มีเจตนา เป็นอาหารที่ 3 มโนสัญเจตนา พอได้ยินแล้วก็มุ่งมาเลย จิตก็มีทิศมุ่งหมาย มุ่งเข้าไปสู่จุดนั้น ก็จะกินนั่นแหละ 

ถ้าคนไปกินมันก็ไม่มีปัญหา มีแต่กิน สัมผัสตาหูจมูกลิ้นกายใจก็กินในสิ่งที่กินตามที่มันมี รูปอย่างนี้ รสอย่างนี้ กลิ่นอย่างนี้ สัมผัสอย่างนี้ วันนี้มันไม่ถูกปากทั้งหมดเป็นอย่างนี้แต่มันโง่ มันจะต้องมีตัวโง่ประกอบไปว่า กินวันนี้มันไม่อร่อย กินวันนี้มันไม่ถูกปาก ใส่เข้าไปเคี้ยวกลืนไปแล้วบอกว่าไม่ถูกปากอีก สำนวนนี้มันโกหก ก็ใส่เข้าไปตัวเองกินแล้วยังบอกว่า ว้า… วันนี้อาหารไม่ถูกปาก จะกินเข้าไปใส่ท้ายทอยหรืออย่างไรมันไม่ถูกปาก ก็ใส่ปากอยู่ดีๆฟันเคี้ยวลงไป แต่ไม่อร่อย บอกว่าไม่ถูกปาก 

ภาคกลางบอกว่าไม่ถูกปากหรือเปล่า อีสานถามว่า หญังกิน คือถามว่า สิ่งที่จะกินมีอะไร? เป็นคำถาม มีอะไรจะให้กิน ก็เลยไปเรียกอาหารสิ่งที่จะกินว่า หญังกิน คนมีอุปาทานยึดถือไม่คลายไม่ปล่อยตลอดกาลนาน เมื่อมาล้างมาเข้าใจอุปาทานว่าปัดโธ่ ไปยึดไปติด จนกระทั่งสรุปเลย ยึดติดว่าจิตวิญญาณนี้เป็นของตัวของตน ตนอยู่กับวิญญาณนี้นิรันดรในเทวนิยม ไม่หายไปไหน แล้วมีพระเจ้าเป็นเจ้าของ พระเจ้าก็สมมุติขึ้นมาว่าเป็นเจ้าของ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 12:25:21 )

มโนสัญเจตนาจะรู้ได้เมื่อมีผัสสาหาร

รายละเอียด

เราก็รู้ชีวิตรูปมีกาม พยาบาท เป็นอาหาร มโนสัญเจตนา เป็นกามเป็นพยาบาท มโนสัญเจตนาจะรู้ได้เมื่อมี ผัสสาหาร

ปฏิบัติไม่มีผัสสะนั้นไม่รู้จักกามตัวจริงพยาบาทตัวจริง ก็รู้แต่ของเก่า ปฏิบัติไม่มีผัสสะไม่เป็นทิฏฐธรรมไม่เป็นปัจจุบัน เหมือนคุณจะไม่รู้จักอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้ามันจะเป็นอาการ กามภพ มันก็เป็นจริงมันจำได้อยู่ว่าเรายังเหลือมันก็เกิดจริง แล้วคุณก็จะฆ่ามัน คุณจะทำลายมันก็ได้ แต่มันก็ได้อย่างไม่สมบูรณ์แบบ ถ้าลืมตาทำภายนอกเป็นลำดับหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ฆ่ากิเลส จบแล้วจบเลย เป็นลำดับไม่ซับซ้อนไม่วกวนเลย เป็นปัญญาธิกะ ไม่ใช่สัทธาธิกะ หรือวิริยาธิกะ ยิ่งพวกนั่งหลับตาก็เป็นวิริยาธิกะ ต้องมาปฏิบัติให้เป็นปัจจุบันธรรม เป็นตามลำดับแล้วก็จะเร็ว ถูกตัวถูกตนได้ชัดจริงกว่าจริงด้วย เร็วกว่าด้วย ง่ายกว่าด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:15:58 )

มโนสัญเจตนาที่พ้นกิเลส

รายละเอียด

โลกจะมีสิ่งหลอกมากมาย ผัสสาหาร เราเลิกงมงายชัดเจนสว่างแจ้ง ไม่ถูกหลอก เราหยุดแล้วแต่เธอสิยังไม่หยุด ทุกวันนี้ฟ้าบ่กั้น เราผัสสะได้หมด แต่เราไม่เป็นทาสแล้ว เราจึงอยู่กับตัวเราโดยเป็นคนที่มี มีมโนสัญเจตนาที่พ้นกิเลส มีจิตวิญญาณที่สะอาดบริสุทธิ์ เพราะเรารู้จักนามรูป รู้เจตนา 3

1.กามตัณหา

2.ภวตัณหา

3.วิภวตัณหา

เราก็เลิกไปมีตัณหาอย่างกามอย่างโลกที่เขาติดยึดโง่ เราฉลาดมีวิชชาครบ เราก็ผัสสะอยู่กับโลกเขา เจตนาเราไม่เป็นทาสกาม ทาสโลก ที่จะไปใคร่อยาก เราจะเป็นอยู่มีเครื่องกินใช้พออาศัยสมบูรณ์ มีเขตความพอ แล้วไม่ต้องไปกะดี๊กะด๊า มีอัปปิจฉะ สันตุฏฐิ ปวิเวกะ รู้จักวิเวก 3 กาย จิต อุปธิ  สบาย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอริยธรรม บ้านราช เศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 13:31:30 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 17:03:45 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:37:18 )

มโนสัญเจตนาหาร

รายละเอียด

เมื่อไม่มีผัสสะ มโนสัญเจตนา ที่จะเกิดตั้งแต่เริ่มต้นคือกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ก็เรียนรู้กามเลิกกาม ก็อยู่ในโลกนี้แหละมีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสแต่กิเลสกามไม่เกิดแล้ว ก็เหลือแต่ในรูปภพอรูปภพก็ดับต่อไปอีก ที่ยังติดในรูปราคะ อรูปราคะ ก็ลดอีกกำจัดอีก ก็เหลือสุดท้าย ปลายเหลือรูปราคะ ก็ยังไม่ได้หลับตาปฏิบัติสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายแต่มันเหลืออยู่ข้างในนิดหน่อยเป็นขั้นปลาย ก็ล้างอีก ครบ ไม่มีกิเลสทั้ง 3 ภพ กามภพ รูปภพ อรูปภพไม่มีแล้ว หมดกิเลสแล้ว วิภวะ ไม่มีแล้วทั้ง 3 ภพ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูฝืนตายฝืนกินอยู่ด้วยอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2565 ( 12:29:28 )

มโนสัญเจตนาหาร เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง

รายละเอียด

ไปถึงมโนสัญเจตนาหาร ท่านเปรียบเหมือนหลุมเพลิง คนมันจะวิ่งลงหลุมถ่านเพลิง ก็มีคนพยายามดึงสองแขนขึ้นมาจากหลุมเพลิง หรือมีบุรุษ 2 คน ดึงอีกคนหนึ่งที่จะวิ่งออกจากหลุมถ่านเพลิง ลงหลุมถ่านเพลิง สรุปแล้วโง่ทั้งขึ้นทั้งล่อง ก็เลยมีเจตนาที่คนละทิศกับโลกุตรธรรม เจตนาผิดเป็นโลกียะ เสวยสุข อยู่กับ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตร มหาสาโรปมสูตร  ล.12  ข.347 

เขามีความยินดี มีความดำริเต็มเปี่ยมในลาภและความสรรเสริญ  เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรามีลาภสักการะและความสรรเสริญ  ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ไม่ปรากฏ มีศักดาน้อย.      เขาย่อมมัวเมา ถึงความประมาท เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น  เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้วย่อมอยู่เป็นทุกข์ เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้แสวงหาแก่นไม้  เที่ยวเสาะหาแก่นอยู่  เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่  ละเลยแก่น  ละเลยกระพี้  ละเลยเปลือก ละเลยสะเก็ดไปเสีย   ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น. ศีลเป็นสะเก็ด สมาธิเป็นเปลือก ปัญญาเป็นกระพี้ วิมุติเป็นแก่น ดอกใบผลเป็นลาภสักการะสรรเสริญ 

ศาสนาพุทธทุกวันนี้เหลือเพียงใบดอกผลที่เป็นโลกียธรรม สะเก็ดคือศีลก็ยังไม่มี บอกว่าพระมีศีลเท่าไหร่ ก็บอกว่า 227 นั้นมันเป็นวินัยไม่ใช่ศีล เท่านี้ก็ไม่รู้เรื่องแล้ว ยิ่งสมาธิ อาตมาพูดไปเถอะ สมาธิของพระพุทธเจ้าคือ สมาหิโต ก็พูดไปเถอะ เขาก็บอกว่า สมาธิคือจิตตั้งมั่นสะกดจิตให้มันแข็งให้มันนิ่งอยู่เฉยๆ ซึ่งมันไม่ใช่ สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นจิตใจยิ่งคล่องแคล่วว่องไวเป็น จิตปาคุญญตา ภายนอกก็กายปาคุญญตา ไม่มีกิเลส จิตใจยิ่งคล่องแคล่วว่องไวปราดเปรียว นั่นแหละคือสมาธิของพระพุทธเจ้า 

ไม่ใช่ว่า ทั้งกายกรรม วจีกรรม นัจจะ คีตะ วาทิตะ แสดงคล่องแคล่ว สื่อภาษาท่าทางสุ้มเสียงสำเนียงเขาก็หาว่าพระอรหันต์อะไรยังกับลิง ที่จริงแล้วยิ่งกว่าลิง ไม่ใช่พูดประชดเล่นคารม แต่ความจริงเขาเข้าใจไม่ได้หรอก เขาเข้าใจว่าอรหันต์ต้องนิ่งช้าๆเฉยๆ เขาเรียกว่า สุภาพ ซึ่งฟังแล้วก็น่าสงสารเขาเหมือนกัน 

อย่างเรานี้เหมือนเป็นผู้มีกำลังดึงผู้ที่วิ่งลงนรกอเวจีหลุมถ่านเพลิง ดึงพวกนั้นขึ้นมา หรือสองคนจะดึงลงหลุ่มถ่านเพลิง คนที่จะขึ้นก็คือคนที่ปรารถนาดี ต้องเป็นคนดึงจะลงหลุมเพลิง ดึงคนปรารถนาดีมีสัมมาทิฐิจะขึ้นจากอเวจี แต่ก็มีคนดึงลงไป 2 คน ให้คนที่ถูกดึงนี้มีคนเดียว นั่นคือเจตนา มโนสัญเจตนาหาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 33 ไม่มีความไม่จริงในสิ่งที่

พ่อครูพูดเรื่องโลกุตระ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 13:55:07 )

มโนสัญเจตนาหาร 

รายละเอียด

ต่อมาที่ มโนสัญเจตนาหาร เจตนาเป็นตัวตัดสิน เจตนาเป็นกรรมที่คุณต่อไป ต่อยาวไปหรือกรรมที่คุณตัด คุณเจตนาหยุดมุ่งหยุดต่อไป คุณก็รู้ของคุณว่าคุณหยุดต่ออาการของจิตของคุณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 19:16:51 )

มโนสัมผัส

รายละเอียด

ความกระทบที่มาสัมผัสทางใจ

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 220, ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 106


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:14:43 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:54:34 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:34:58 )

มโนสัมผัสสชาเวทนา

รายละเอียด

ความรู้สึกที่เกิดจากการแตะต้องทางใจ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 118


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:15:34 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:55:20 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:34:24 )

มโนเสฏฐา

รายละเอียด

1. จิตใจนั้นประเสริฐที่สุด วิเศษที่สุด

2. จิตวิญญาณเป็นที่ประเสริฐ เจริญได้แท้

3. ใจเป็นตัวประเสริฐสุด

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 547, รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 193, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 254


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:19:39 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:56:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 13:33:14 )

ยกตัวอย่างกามภพของมหาบัว

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น กามภพ มหาบัวถึงซัดหมากแหยะๆ กามคุณ 5 ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าตัวเองติดกามคุณ 5 อยู่เต็มปาก แล้วหลงว่า ตัวเองเป็นพระอรหันต์ หลงจริงๆหรือไม่ก็ไม่รู้ คงจะพอรู้ตัวเอง แต่มันทำอย่างไรได้ ตกกระไดพลอยโจน มันติดหมากพลูแล้ว ก็เลยบอกว่ามันไม่ใช่กิเลสหรอก ฉันเป็นอรหันต์ ฉันไม่มีกิเลสหรอก ก็จับส้นจับหางได้อยู่ คำว่า กามคุณ 5 ก็ไม่รู้เรื่อง ติดอย่างไม่ขาดปากเลยนะ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ดีอยู่หน่อย ไม่มีเมีย ไม่มีเรื่องเสียหายเรื่องมีเมียเรื่องผู้หญิง นี่ก็ชัดเจนแล้วกามคุณ 5 แล้วติดจัด ติดไม่ขาดปาก วันๆหนึ่งไม่รู้กี่คำ กินข้าวยังกินมื้อเดียว แต่หมากไม่รู้กี่ 10 คำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10

วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 21:08:48 )

ยกตัวอย่างทักษิณโง่แบบเหยียบเบรคซึ่งโง่ยิ่งกว่าแบบเหยียบคันเร่ง

รายละเอียด

กำลังจะยกตัวอย่างคุณทักษิณ ว่า แกพูดเพื่อตัวเองของแกเป็นปกติธรรมดา พูดเพื่อตัวเองเป็นตัวเองให้แก่ตัวเองตลอดเวลา เป็นเช่นนั้น ส่วนมากหนักหนาสาหัสทั้งนั้นแต่แกไม่รู้ตัว แกก็พูดไปพริ้วไปเรื่อยๆ แต่ไม่ออกจากการเพื่อตัวเองเลย โดยแกไม่รู้ตัว โง่เหยียบคันเร่ง

คุณทักษิณนี่ เขาโง่ เหยียบเบรคด้วย แต่โง่ๆๆๆไปกับเบรค เลยกลายเป็นโง่ที่แน่นหนักเข้าไปใหญ่เลย โง่เหยียบเบรค เบรคก็ยิ่งแน่นยิ่งหนัก เข้าไปใหญ่เลย มันหนักกว่าเหยียบคันเร่ง โง่เหยียบคันเร่งยังเบานะแต่นี่ยิ่งหนักยิ่งแน่น ยิ่งแข็งตื้อ เอาคำว่าโง่เหยียบเบรคไปใช้ก็แล้วกัน หมุนวนถอยหลังกลับเลย หรือหยุดจึ๊กแล้วถล่มทะลุไปในดินเลย อย่างนั้นเลย มันยิ่งมีผลกระทบสูงขึ้นไปอีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 สิงหาคม 2565 ( 14:04:38 )

ยกตัวอย่างมหาบัวไม่ได้ศึกษาเวทนาจากการเสพติดหมากพลู

รายละเอียด

เขาไปอธิบายวิตก วิจาร คือการวิจัยนั่นแหละ ไปอธิบายอะไรก็ไม่รู้ วิจัยอยู่ในภพชาติอยู่ในภวังค์ อยู่ในจิต ไม่วิจัยตั้งแต่หยาบภายนอก สิ่งนี้เป็นอบายมุข เป็นสิ่งเสพติดนะ ไม่รู้จัก ก็เสพติดเฉย เหมือนอย่างมหาบัวเสพติดหมากพลู เป็นรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส แล้วเสพติด ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ซับซ้อน เป็นรูป อรูป 

ติดยึดร่ำรวยมากมาย ได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นผู้ที่หาเงินหาทองคำเข้าพระคลัง แล้วก็ยึดเป็นผู้มีคุณธรรมสูงสุด จนกระทั่งทุกคนเคารพหมด แม้กระทั่งสถาบันชั้นสูงสุดของประเทศ ก็หลงสรรเสริญเยินยอยิ่งใหญ่ แล้วไม่รู้ตัวหรอก มหาบัวไม่รู้ตัว

แค่รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสติดหมากพลูก็ยังไม่รู้เลย หยาบทนโท่ แล้วลาภยศสรรเสริญยกย่องเชิดชู ร่ำรวยมหาศาล เป็นเจ้าใหญ่ ว่า เงินคงคลัง ทองคำ ในท้องพระคลัง ฉันหามานะ ใส่คลังไว้ สิ่งเหล่านี้ซับซ้อน ผู้ไม่รู้ก็ไม่รู้ 

ที่อาตมานำตัวอย่างจากมหาบัวประพฤติหรือมีพฤติกรรม เอามาเป็นตัวอย่างก็ต้องขอบคุณมหาบัวที่ให้ได้ใช้เป็นตัวอย่างให้มนุษย์ได้ศึกษา เหมือนกับของพระพุทธเจ้าก็เอาพระเทวทัตมาพูดเพื่อให้ศึกษา หรือ พวกที่ไม่ดีๆหลายคนเอามาพูด แม้แต่เทวทัต เขาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเป็นต้น 

ยุคนี้ อาตมาก็ไม่ได้ขออนุญาตมหาบัว อาตมาเอามาโดยพลการก็ขออภัย แต่มันเป็นการศึกษาที่มีตัวตนจริง มีพฤติกรรมจริง สามารถที่จะเอามาเรียนรู้ได้ ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เพียงตำนาน เป็นเรื่องที่อยู่อย่างเก่าๆแก่ๆ เอามาพูดกันเฉยๆ เป็นชาดก เป็นเรื่องเล่า ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องที่พอรู้ตัวตนกัน พอไล่ทันกันอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 21:26:28 )

ยกตัวอย่างมาอยู่ในระบอบคนจนที่สุดยอดคนเห็นจริงก็มาเอาจริงตาม

รายละเอียด

ซึ่งยกตัวอย่างง่ายๆที่พูดกันอยู่ในขณะนี้ บอกว่า มาจนนี้มันสุดยอดนะ ถ้ามาอยู่ในระบอบแบบคนจน มาอยู่เป็นคนจนนี่สุดยอดแล้วสังคม มีใครพูดวะ นี่ เป็นสำนวนไทยภาษาไทย พระพุทธเจ้าท่านไม่พูดอย่างนี้ทีเดียว เออจริงนะ คนฟังแล้ว เห็นจริงก็มาเอาจริงตาม อาตมาก็พูดแล้วในประเทศไทยมีอยู่ 2 คน อาตมากับในหลวง ในหลวงก็ตรัสของท่านไปแล้วมาตรงกันได้อย่างไร ในหลวงท่านตรัสแล้วคนเห็นความสำคัญนะ แต่อาตมาพูดไปเถอะ น้ำท่วมทุ่ง พูดไปก็มีแต่ผักบุ้งเต็มไปหมด ได้แต่ผักบุ้ง โหรงเหรงเต็มไปหมด พูดไป แต่ในหลวงท่านตรัสแล้ว ไม่มีใครต่อเรื่องนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวิชาที่เป็นความจริงแท้ๆของพุทธ วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 กันยายน 2565 ( 15:02:52 )

ยกที่ให้น้องทำจิตให้เป็นต้นไม้ไม่หวังอะไร

รายละเอียด

ใช้ได้ทีเดียว พืชมันไม่ต้องการอะไรตอบแทนเลย มันให้อย่างเดียว เพราะฉะนั้นคุณลักษณะคุณวิเศษอันนี้ คุณต้องเอาอย่างพืช ให้อย่างเดียว สร้างสรรอย่างเดียว ให้อย่างเดียว ไม่ต้องการอะไรตอบแทน ใครจะตอบแทนมัน รดน้ำให้ ให้ปุ๋ย “ให้” ก็เรื่องของคุณธรรมของคน ไม่ให้มันก็ไม่เรียกร้อง มันเรียกร้องไม่เป็นด้วย พืช ศึกษาคุณลักษณะของพืชให้ดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2565 ( 13:39:53 )

ยกประโยชน์ให้คนใกล้ชิดที่มีจิตวิญญาณร่วมเป็นผู้ดำเนินการ

รายละเอียด

ฟังไปและเอาไปคิด อาตมายังไม่ออกความเห็นร่วม เพราะไม่ได้ใกล้ชิดแล้วไม่มีอะไรไม่มีจิตวิญญาณร่วม คนที่มีจิตวิญญาณร่วมสนิทกว่าอาตมา ก็ยกประโยชน์ให้ดำเนินการ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:09:32 )

ยกย่องชมเชยผู้ที่ปฏิบัติธรรมหน้านองน้ำตาอยู่

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสอีกอย่างว่า ท่านยกย่องชมเชยผู้ที่ปฏิบัติธรรมหน้านองน้ำตาอยู่ ทนยาก ร้องไห้ร้องห่ม วันแล้ววันเล่า หน้านองน้ำตาอยู่ ท่านสรรเสริญยกย่องคนเช่นนี้ คนที่เอาจริงเอาจังสู้ตาย มันไม่ตายหรอกกิเลสมันจะตาย อย่างน้อยกิเลสอัตตามันจะตายก่อน นี่คุณรักอัตตามากกว่าที่จะรบ ธรรมาธรรมะสงคราม ไม่สู้ ใจไม่สู้ รักกิเลส รักอัตตา คุณก็กอดอัตตาไปอีกหลายชาติ แม้แค่นี้คุณก็ถอยแล้ว เป็นนักรบที่อ่อนแอมาก ชัดเจนไหม ไม่ได้ว่าคุณนะ อาตมาพูดวิชาการ พูดความจริงความรู้ให้ฟัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 18:33:32 )

ยกเหตุการณ์สภาวะจริงของประเทศไทยมายืนยัน

รายละเอียด

มาเข้าสู่ คำตรัสของในหลวงที่บอกว่า ประเทศไทยเราเป็นหนึ่ง อันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นแต่เป็นเรื่องจริง อาตตมายกเหตุการณ์สภาวะจริงของประเทศไทยมายืนยันแล้วว่า เมืองไทยเป็นเมืองสงบ สบาย มั่นคง ตามที่ในหลวงท่านตรัส ถ้าเรามีความสงบและมีความสบาย ความมั่นคงที่สุดในโลกนั้น รู้สึกจะไม่มีใครสู้เราได้ ทั้งโลกสู้เราไม่ได้ ถ้าเรามี มีหรือยัง

มันมีในกลุ่มหนึ่งคือพวกเรานี้ ยืนยันความจริงอยู่นี้ จนกระทั่งสามารถเป็นสาราณียธรรม 6 เป็นชุมชนสาราณียธรรม 6 คืออะไร สังคมอยู่กันอย่างพี่อย่างน้อง มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภที่ได้โดยธรรม ลาภธัมมิกา เอามารวมกันกินใช้ร่วมกันเป็นสาธารณโภคีและอยู่ร่วมกัน พัฒนาตัวเอง ศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา นี่คือ 6 อย่างของสาราณียธรรม สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:06:43 )

ยกให้พระพุทธเจ้าองค์เดียวที่จะมีอาเทสนาปาฏิหาริย์ได้

รายละเอียด

เอ้า เด็กคนนี้คิดแล้วเด็กคนนั้นจะไปรู้ความคิดของเด็กคนนี้ไหม คนนี้เขาคิดของเขาอยู่คนเดียวคนนั้นจะไปรู้เขาได้ไหม ไม่มีทางจะไปรู้ได้หรอก จะไปอวดเก่งทำเป็นรู้ การจะรู้คนอื่นได้ต้องประกอบด้วยตาหูจมูกลิ้นกาย เข้าไปหาตัวใจ ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายเป็นองค์ประกอบช่วย จะไปรู้ใจภายในเลยไม่ได้ง่ายๆหรอก 

ยกให้พระพุทธเจ้าองค์เดียวที่จะหยั่งรู้จิตคนโดยไม่จำเป็นต้องไปอาศัยตาหูจมูกลิ้นกายเป็นบันได เอาพรวดเข้าไปหาจิตเลย ยกให้พระพุทธเจ้าองค์เดียว นอกนั้นอย่ามาทำอวดดี แต่มีบ้าง มีคนที่มีความพิเศษ ชอบในการที่จะหยั่งรู้จิตคนอื่น มีอาเทสนาปาฏิหาริย์ ก็ได้ แต่มันก็จะต้องใช้ความฝึกฝน สร้างพลังงานที่สามารถไปทำอย่างโดดเดี่ยว แล้วมันไม่มีประโยชน์อะไร ไปรู้คนอื่นแต่ของตนเองไม่รู้ เลว ขาดทุน เสียท่า เพราะฉะนั้นเอาตัวเองดีกว่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 04:40:51 )

ยถภูตะ

รายละเอียด

ผัสสะใดมันเกิดก็เกิดตามเหตุตามปัจจัย มีผลออกมาตามความจริงที่เป็นจริง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 215


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:11:12 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:58:00 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:00:53 )

ยถากรรม

รายละเอียด

คือ “กรรม”ที่เป็นไปตาม ยถา มีชีวิต มีกรรม 3 ที่เป็นไปกับเหตุปัจจัยห้อมล้อมนั่นแหละ ย้อมใจครอบงำทำให้ใจจมซมซับซึมซึ้ง โดยไม่รู้ตัว

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า113


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 13:36:47 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:25:08 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:02:15 )

ยถาภูตญาณ

รายละเอียด

1. ความจริงแท้

2. เกิดความรู้ ความเข้าใจชัดแจ้งขึ้น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 153

ทางเอก ภาค 3 หน้า 22


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:12:13 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 07:59:37 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:03:41 )

ยถาภูตญาณทัสสนะ

รายละเอียด

1. รู้ความจริงของสิ่งที่ได้สัมผัส รู้ตามความเป็นจริงมีจริงอยู่

2. เราเป็นผู้รู้เหตุ รู้ผล รู้ความเป็นจริงตามเหตุ ตามปัจจัยที่แท้จริง

3. ปัญญารู้แจ้งความจริงตามความเป็นจริง

4. ความรู้ยิ่งในของจริง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 122, หน้า 214, หน้า 321,

 เปิดโลกเทวดา หน้า 66


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:14:37 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:01:56 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:34:15 )

ยถาภูตัง อัตตานัง อวิกัตตา

รายละเอียด

ด้วยความจริงตามความเป็นจริง

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 220


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:20:15 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:02:45 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:50:11 )

ยถาวาที ตถาการี

รายละเอียด

1. พูดอย่างใด ทำได้อย่างนั้น

2. พูดอย่างไรทำอย่างนั้น  ทำอย่างไรพูดอย่างนั้น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 292,

สมาธิพุทธ หน้า 431


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:21:08 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:04:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:34:40 )

ยถาวาทีตถาการี

รายละเอียด

อาตมาว่าพูดไปแล้วมันเข้าตัวเอง พูดจากสภาวะจริงของตัวเองว่าเป็นเช่นนี้ ใครจะหมั่นไส้อาตมาว่าพูดเอาแต่ตัวเองก็ช่าง อาตมาว่าสิ่งอย่างนี้เป็นคุณสมบัติของคนที่เป็นจริงได้ ไม่ใช่คำพูดลอยลมอาตมาว่า อาตมาพูดอย่างนี้ก็ทำได้อย่างนี้ ยถาวาทีตถาการี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 12:06:29 )

ยถาสัพพีมีคำของพระพุทธเจ้านิดหน่อยนอกนั้นแต่งใหม่เป็นเรื่องนอกรีต

รายละเอียด

พาให้ ยถาวารีวหา ปุราปริปุเรนติสาครัง ความหมายผิดเพี้ยนไปเลย ซึ่งเป็นการบรรยายธรรมชาติธรรมดาเท่านั้นเอง แล้วเอามาใส่แปะไปหน่อย พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสผิด แต่เอาเงินมาสัพพีติโย มาถวายเพื่อให้บุญของคุณจะได้เต็มเปี่ยมอย่างนี้ผิด ให้เอามาประกอบให้ยินดีในการทำทาน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดออกนอกรีตไป ก็เลยทำให้มีบทประกอบ บทคำประณามคาถา หมายความว่าเป็นคำที่สรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า ที่แต่งใหม่เรียกว่าประณามคาถา เป็นคำสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า ผู้ที่เป็นสาวกแต่งขึ้นสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า แต่สรรเสริญอย่างผิดๆ มันก็ได้บาปไม่ใช่ได้บุญ 

อาตมาพูดนี้มันแรง ไปลบล้างความเชื่อถือเป็นลัทธิของเขา อาตมาพูดไปนี้มันยาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 1

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2564 ( 19:18:53 )

ยถาสุขัง วิหรติ

รายละเอียด

1. อยู่ตามสบาย ๆ , ปล่อยตนตามสบาย

2. ปฏิบัติสบาย ๆ อยู่ ตามที่กิเลสมันต่อรอง

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 259, หน้า 490, หน้า 491


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:22:04 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:06:28 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:33:04 )

ยถาสุขังโขเมวิหรโต

รายละเอียด

ถ้าเรายังอยู่ตามสบาย เสพสุข อกุศลธรรมจะเจริญยิ่งขึ้น กุศลธรรมจะเสื่อม เพราะฉะนั้นคุณต้องออกจากความสบายสิ่งที่คุณยึดติดแล้วเมื่อเราเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบาก เพราะฉะนั้นคุณเห็นอะไรที่คุณจะต้องลำบากที่คุณทำได้ที่ทนไม่ได้คุณก็คงไม่เอา เอาที่คุณทำได้ มันลำบากบ้าง ทนเถอะ อยู่กับหมู่มิตรดี สหายดี  พาให้ลำบาก แต่ไม่ได้ตกต่ำ เป็นสิ่งที่เป็นกุศล ทั้งนั้นทำให้เต็มที่เลย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 15:57:40 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 03:53:36 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:34:05 )

ยอดคอมมิวนิสต์หรือยอดประชาธิปไตยเป็นอย่างไร

รายละเอียด

เอาคอมมิวนิสต์มาใส่อาตมา...ใช่ ทำไมรู้! อาตมานี่ยอดคอมมิวนิสต์ ยอดประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ทั้งหลายสู้อาตมาไม่ได้ อาตมาให้คนเสียภาษีได้ 100% พูดอย่างนี้เลยว่าถ้าคนในประเทศนี้เสียภาษีให้รัฐ 100% ซึ่งซ้อนในประเทศ มีหมู่กลุ่มที่คนเสียภาษีให้ส่วนกลาง 100% มีแต่เพื่อประชาชนกระจายสู่ประชาชน 100% คงคลังก็จะไม่สูงขึ้นเหมือนกับคนนิยม แต่อัตราการสะพัดจะสูงขึ้นๆๆๆ กระแสสะพัดจะสูงขึ้น แต่เรื่องของคงคลังจะไม่สูงขึ้นก้าวหน้าเหมือนอัตราการสะพัด มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:55:52 )

ยอดปุโรหิตคือใคร

รายละเอียด

เห็นชัดเจนไหมว่าเรารับใช้ผู้อื่นเป็นคนมีการงาน ยิ่งเราทำการงานได้มีความสามารถมีความรู้ ที่จำเป็นที่สำคัญ ขออภัยที่ยกตัวเอง อย่างอาตมาไม่เลือกแล้วงานอื่นทำ ปฏิบัติแบบโลก อาตมาเอางานที่มาสอนความรู้ความสามารถที่สูงสุด เป็นความรู้ความสามารถทางโลกุตระ อาตมามีความรู้อันนี้ก็เอามาสอน มาเป็นปุโรหิต มาเป็นครู ผู้ที่จะต้องสอนมนุษย์โลก 

พระพุทธเจ้าเป็นยอดปุโรหิต เป็นผู้ที่สอนมนุษย์โลกดีที่สุด อยู่ในพุทธคุณ ข้อฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า ปุริสธัมมสารถิ อาตมาไม่ถึงพระพุทธเจ้าแต่ก็ต้องทำอย่างที่ท่านทำ อาตมาไม่มีงานอื่น มีแต่งานเดียวกับพระพุทธเจ้าพาทำ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 แล้ว อาตมารู้ตัวแล้วก็มาทำงานนี้ตลอด ผ่านมา 50 – 51 ปี ย่างขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว อาตมาบวชตั้งแต่ 7 พฤศจิกายน 2513 นี่มันเลยปี 50 ขึ้นมาเป็นปี 51 แล้ว 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 13:34:08 )

ยอดพีระมิด

รายละเอียด

ประเทศไทยเรามี ประเทศอื่นไม่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์แบบนี้ความจริงของเศรษฐศาสตร์แบบนี้ในประเทศโลกุตระ ประเทศที่เป็นโลกียะเทวนิยมมีไม่ได้ ไม่มีปัญญารู้ด้วย แล้วเขาจะไม่เชื่อหรอก เขาจะว่าพวกเรานี้อดทนเอา กดข่มไว้เอา มันดูดีมันเท่ แล้วก็ทำอดทนเอา ทรมานไป ซึ่งเราไม่มีการทรมาน มันสบายๆ มัน อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ ด้วย เป็นปลายเปิด มีชีวิตมีแต่เพิ่มพูนการเสียสละเท่านั้น สุดท้ายชีวิต 

เป็นได้แล้ว แต่เป็นอยู่ในสังคมประเทศไทย สังคมของประชากรประเทศไทย ที่มีกระจาย เป็นส่วนน้อยไม่ได้มาก ธรรมดาของยอดพีระมิดมันมีน้อย ไม่ใช่ฐานพีระมิด เป็นธรรมดาธรรมชาติ ฟังเข้าใจไหม เอาเถอะ มันเป็นไปได้ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 25 พ่อครูคือธัมมิกราช ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม  วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 19:40:49 )

ยอดพีระมิดของสังคมมนุษยชาติที่เป็นคนสร้างให้เกิดอายะ 3

รายละเอียด

ให้เป็นสาธารณโภคีให้เจริญยิ่งขึ้น เราสร้างสมบัติมาให้เป็นกอบเป็นกอง แล้วก็กระจายไม่ใช่สะสมกักตุน เผื่อแผ่เกื้อกูลออกไป ซึ่งเป็นสุดยอดของเศรษฐกิจแล้ว สุดยอดของพฤติการณ์แห่งเศรษฐกิจ ไม่มีเศรษฐกิจไหนจะสุดยอดเท่าสาธารณโภคีอีกแล้ว แต่ก็ไม่ใช่จะทำได้กับทุกคน มันจะได้คนจำนวนหนึ่งที่เป็นหัวยอด ยอดพีระมิดของสังคมมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนในโลกก็ตาม ทำได้แล้วจะเป็นหัวยอดที่เป็นคนสร้างให้ 

เป็นอายะ 3 พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)

อายะ คือประโยชน์ คือกำไร คือ gain คือ economic คือเศรษฐศาสตร์ เป็นเรื่องกระจาย สะพัดเพื่อคนอื่น เราสร้างเรากินเราอาศัยเราก็เหลือแล้ว ไม่หวงแหน แบ่งกันกินกันใช้กันได้ เกื้อกูลกันจริงๆด้วย พุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ อย่างนี่ ผลไม้พืชผักดีๆแบ่งใส่ปันสุขบ้างนะ มันซ้อนที่ว่า ไม่หมดตัวตนง่ายๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 19:18:58 )

ยอดพีระมิดสิ้นสุดสูงที่สุดมันน้อยคนแต่จะเป็นไปตามลำดับ

รายละเอียด

ก็มีความเข้าใจได้ซาบซึ้งได้ สิ่งเหล่านี้บังคับกันไม่ได้ บางคนรู้แล้วซาบซึ้งเอาตาม เชื่อฟังแล้วทำตามปฏิบัติตาม เขาก็ได้ตามไปด้วย จนกระทั่งเข้ามาเป็นเนื้อใน ไปตามลำดับ แต่ก็เป็นเรื่องยากเพราะว่ายอดพีระมิดสิ้นสุดสูงที่สุด มันน้อยคน ก็จะเป็นไปตามลำดับ จะเอามากทันทีไม่ได้ ปลอมแปลงไม่ได้ สมมุติเล่นไม่ได้ ต้องเป็นไปตามจริง อาตมาเอง ไม่ได้ตื่นเต้นไม่ได้น้อยใจเสียใจ เข้าใจสิ่งเหล่านี้ดี เข้าใจดี กำลังใจเต็มที่ไม่ได้ย่อหย่อน พยายามฝืนสังขารให้ไปถึง 151 ปี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:31:55 )

ยอดสุดของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เรื่องยอดสุดของศาสนาพุทธคือสุขทุกข์นี้แหละ ถ้าคุณเข้าใจเรื่องสุขทุกข์เป็นเวทนา เป็นความรู้สึก มี อาการ ลิงค นิมิต แตกต่างกัน ลิงคะคือแตกต่างกัน จับอาการ จับนิมิตของมันได้ นิมิต เป็น static อาการ เป็น dynamic อาการสภาวะ 2 คุณจับความแตกต่างกันได้ ทั้งสภาวะนิ่งกับสภาวะเคลื่อนไหว ละเอียดเท่าไหร่ๆ ก็สามารถเข้าใจได้ รู้ได้จริงๆ แล้วคุณก็จะสามารถเห็นว่ามันลงตัวแล้วเป็น 1 หรือเป็น 0 

0 ก็คือไม่มีหมดเลย 1 ก็คือไม่มีการปรุงแต่งแล้ว  แม้คุณจะไปยืนอยู่ฐานสุข 1 มันก็ไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนอะไรมากมาย มันก็สุขหนึ่งเดียว แต่มันก็ไม่หมดเชื้อ 

เพราะฉะนั้น จับคู่ 1 กับ 0 เข้า ก็จะเห็นความแตกต่าง หรือ ลิงคะของมัน ซึ่งมันละเอียดมากแล้ว 0 กับ 1 ละเอียดมากแล้ว มันจะจบแล้ว คู่สุดท้ายแล้ว คุณเห็นความละเอียดแล้วคุณก็ทำเป็น 0ได้ เห็นความต่าง คุณเกิดเห็นความต่างของ 1 และ 0 ได้เมื่อใด แล้วก็ไปอยู่ที่ 0 จบ ใช้พยัญชนะอธิบายได้เท่านี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนารายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 24 มกราคม 2567 ( 15:17:54 )

ยอดหัวใจของศาสนาพุทธคืออะไร

รายละเอียด

ขอสรุปตรงนี้แหละว่า นี่แหละคือยอดหัวใจของศาสนาพุทธ หมดสวรรค์หมดนรกนี่แหละคือนิพพาน นี่คือยอดหัวใจของศาสนาพุทธ ซึ่งไม่ได้ยากอะไรเลย แต่มันยากตรงที่เราเองมีกิเลสอุปาทาน ตัณหาที่เราล้างไม่ได้ แต่ความเข้าใจนี่ฟังให้ดีไม่ยาก เพราะฉะนั้นเราเองเกิดความสุขความทุกข์ เกิดความชอบความชังเป็นเทวะ เป็น 2 เป็นธรรมะ 2 แต่โลกียะหรือเทวนิยมไม่เรียนธรรมะ 2 ไม่เลิกสุขทุกข์ เขาถือว่าต้องไปอยู่กับพระเจ้าเป็นสุขด้วยซ้ำไป ไม่มีสวรรค์ไม่ได้ เขาไม่รู้จักสวรรค์ไม่รู้จักนรก สวรรค์คือนรก นรกคือสวรรค์เขาไม่รู้ เขาตีแตกเทว เขาตีแตกธรรมะ2 เขาตีแตกพระเจ้าเทวดาเทวะที่ยิ่งใหญ่นั้นไม่ได้ God เป็นภาษาอังกฤษ ภาษาบาลีคือ มหาเทวะหรือพระพรหม เขาไม่รู้จักหรอก แนวเรียกอย่างโก้ว่า วิสุทธิเทพ แต่คนไม่รู้จัก รู้จักแต่พรหม ในรูปพรหม 16 ส่วน อรูปพรหมอีก 4 ก็มีอีก รวมเป็นพรหม 20 ชั้น ความเป็นพรหมเป็นเทวดาเป็นเรื่องเก๊ สวรรค์ 16 ชั้นก็ไม่มี เพิ่มอีก 4 ชั้นก็ไม่มี แต่มันมีเพราะคนโง่ โง่อยู่ก็เลยมี ไม่รู้จักก็เลยมีอันนั้น คือผู้หลุดออกมาไม่ได้ ผู้ที่หลุดออกมาได้แล้วไม่มีเทวดา 6 ชั้น ก็ไม่มีของหลอกของเก๊ จิตไม่มีอาการที่จะเป็นสุข

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:18:57 )

ยอดเยี่ยมข้อ 1 ทัสสนานุตตริยะ สัมผัสจริง!

รายละเอียด

1.“การเห็น(ทัสสนา)”คือ ต้องมี“การดู”ด้วยตา 

“การได้ยิน”ด้วยหู หรือต้องมีทวารภายนอกทั้ง 5 “สัมผัส”กระทบกันจริงๆ

แล้วได้มี“การรู้จักรู้แจ้งรู้จริง”ด้วย“การสัมผัสสภาวะภายนอก

นั้นๆ” และเกิด“การรู้”ด้วยธาตุรู้ภายในเป็น“คู่”ของ“รูป-นาม”เสมอ 

ยืนยัน“การเห็น”ทุกอย่างครบครันถ้วนรอบบริบูรณ์ 

สุดยอดแห่ง“การเห็น”ไม่มีอะไรเทียมเท่าอีกแล้ว

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 119 หน้า 114


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 15:21:33 )

ยอดเยี่ยมข้อ 2 ปฏิปทานุตตริยะ ปฏิบัติจริง!

รายละเอียด

 

2.“การปฏิบัติ(ปฏิปทา)”คือ ต้องมีการประพฤติ-การกระทำ-

การปฏิบัติเรียนรู้ฝึกฝนกันจริงๆ จนเกิด จนเป็นได้ จนมีสภาพของผลในการปฏิบัตินั้นๆเจริญตามลำดับขั้นจริง ยืนยัน“การประพฤติปฏิบัติ”อย่างเยี่ยมยอดเต็มที่แล้วจริง มิใช่ได้แต่รู้ ได้แต่ผกผันขบคิดหรือได้แต่รวบรวม รอบรู้ให้มากๆๆ เท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 120 หน้า 115


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 15:23:42 )

ยอดเยี่ยมข้อ 3 วิมุติตานุตตริยะ บรรลุจริงไม่กลับกำเริบ! 

รายละเอียด

3.“การหลุดพ้น(วิมุตติ)”คือ ต้องมีการบรรลุถึงจุดสุดยอด

จบกิจของการปฏิบัตินั้นๆ ดับเหตุที่จะให้เกิด“ภาวะนั้น”อีกได้แท้จริง

ได้ทบทวนพิสูจน์“ผล”ว่าเป็น“ความจบ”จริงอย่างเที่ยงแท้-ยั่งยืน-ตลอดกาล-ไม่แปรเปลี่ยนเป็นอื่นไปอีก-ไม่มีอะไรหักล้างได้ ไม่กลับกำเริบ อย่างสุดยอดสุดเยี่ยมแน่แท้แล้ว

“ความยอดเยี่ยม” 3 ประการนี้ ก็ยืนยันความสำเร็จกันได้เยี่ยมยอดแล้ว 

โดยเฉพาะเรื่องของการ“ดับกิเลส”หรือเรื่องของ“การพ้นทุกข์-พ้นสุข”ที่เป็น“อาริยสัจ 4”     

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 121 หน้า 115


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 15:27:06 )

ยอดเศรษฐกิจ

รายละเอียด

เขาว่าเป็นอาริยะกันง่ายจังเห็นแต่ทำงานกันวุ่นๆ แต่ชาวอโศกทำงานเป็นกัมมัญญตา ไม่ใช่ทำการงานวุ่นๆ กัมมัญญตาเป็นความคล่อง กายกัมมัญญตาเป็นความคล่องของ เวทนา สัญญา สังขาร จึงทำงานได้อย่างเหมาะควร ไม่เป็นพิษเป็นภัย ทำได้อย่างดีเหมาะสมควร นี่เป็นยอดเศรษฐกิจ เพราะเป็นการทำงานมีงานทำไม่ตกงาน แล้วงานนี้ไม่ต้องพูดถึงรายได้แลกเปลี่ยน เพราะทำงานแล้วใครมีเรี่ยวแรงก็ทำ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:20:46 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 03:55:16 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:35:20 )

ยอดแห่งเศรษฐศาสตร์ ยอดแห่งรัฐศาสตร์ ยอดแห่งสังคมศาสตร์ คืออะไร

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้ขี้ตู่เอา แต่มีหลักฐาน มีปรากฏการณ์จริง มีบุคคล มีพฤติกรรมจริง มีผลงานจริง มีสภาวะบุคคล ทำได้ มี วรรณะ9 สาราณียธรรม6 มีสาธารณโภคี เป็นคนที่อยู่รวมกันไม่ต้องมีรายได้ ไม่ต้องเอารายได้เลย เสียภาษี 100% 

ซึ่งทางโลกเขาก็เรียนรู้เศรษฐศาสตร์บทนี้ ให้คนเสียภาษีให้แก่ส่วนกลางให้แก่รัฐบาล ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ของชาวอโศกนี้ไม่ใช่ส่วนมาก แต่ทุกคนเลยมีรายได้เท่าไหร่เอาเข้ากองกลางหมดเลยแล้วก็กินใช้ร่วมกันเรียกว่า “สาธารณโภคี” 

ซึ่งเป็นยอดแห่งเศรษฐศาสตร์ ยอดแห่งรัฐศาสตร์ ยอดแห่งสังคมศาสตร์ ซึ่งเขาต้องการนะในโลก ผู้ที่มีปัญญารู้ดีทั้งนั้น ทางเศรษฐศาสตร์ก็ตาม ทางรัฐศาสตร์ก็ตาม ทางสังคมศาสตร์ก็ตาม เขาต้องการอันนี้ 

อาตมาพูดไปเผยแพร่ไป เขาก็ฟังอยู่แต่เขายังไม่เชื่อ เขาจะดูซิว่านี่มันจะจริงหรือเปล่า มันจะไปได้กี่น้ำ เขาก็รอดู อ้าวนี่ 50 กว่าปีแล้ว เขาก็ยังไม่เชื่อเท่าไหร่ ถ้าไปถึง 100 ปี แหมถ้า 100 ปีนี้ อาตมาต่อไปอีก 52 ปีต่อไปอีก 48 ปี ทำงานถึง 100 ปี ก็ต้องต่อไปอีก 48 ปี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2565 ( 04:59:26 )

ยอมรับแล้วจะได้ประโยชน์อะไร

รายละเอียด

ยอมรับก็หมดอัตตาสิ ปัญญา เป็นความสว่างที่จะเป็นปัญญาว่าอย่างนี้หรือแค่นี้เองหรือ แล้วหากท่านเปิดจิตยอมรับจริงๆ ว่า โพธิรักษ์เป็นโพธิสัตว์จริงๆ เท่านี้แหละ จิ๊ดเดียว อจินไตยไหม เป็นเรื่องที่คิดไม่ออกเลยว่า แล้วอะไรมันเล็กมันใหญ่กันแน่ มันบางหรือมันหนากันแน่ เห็นไหม 

ก็ไม่มีปัญหา อาตมาไม่ได้ไปดิ้นรนปรารถนาว่าท่านจะเชื่อ ท่านจะยอมหรือไม่ อาตมามีหน้าที่ใช้ปากหอก ก็ซัดปากหอกไปเรื่อยๆ เพราะปากหอกของอาตมาเป็นของได้เปล่า ซัดไปเรื่อยๆ ซัดแล้วไม่เสียดาย ซัดไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 11:30:00 )

ยอมหมดเนื้อหมดตัวเถิด

รายละเอียด

มีใครมีความเข้าใจอย่างนี้กันไหม? มีใครเคยเข้าใจอย่างนี้กันไหม? คนเข้าใจว่ากายคือ วัตถุดินน้ำไฟลม ในศาสนาพุทธมีอยู่ไหม? มี .. มีมากไหม? มาก 

เพราะฉะนั้น การจะปล่อยผู้รู้ปัญญาชน ปราชญ์ ที่เขายอมรับว่า เป็นปราชญ์ในทางศาสนา ท่านยังไม่เข้าใจ ถ้าท่านฟังอาตมาสัก 2-5 ครั้ง ท่านเข้าใจแน่ อาตมาว่าท่านไม่โง่ดักดานขนาดนั้น แต่ท่านจะมีมานะอัตตาไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณชน ยอมรับต่อสาธารณชนว่าโพธิรักษ์ถูก อาตมาผิด ท่านก็หมดเนื้อหมดตัวเลยนะ แล้วท่านก็โง่ซ้อนว่า ถ้าเรายอมรับว่าโพธิรักษ์เป็นสัตบุรุษแล้วเราผิด มันจะหมดเนื้อหมดตัวเลยหรือ เข้าใจไหม? 

ถ้าจริงใจจริงๆเลย ยอมรับจริงๆเลย ท่านก็หมดเนื้อหมดตัวตรงนี้เลย เสร็จแล้วศาสนาพุทธในเมืองไทยจะพลิกเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 11:28:12 )

ยอมอย่างมีสติสัมปชัญญะสมควรจะยอม

รายละเอียด

อาตมาเคยสรุปไว้ว่าการยอมเป็นอันสุดท้ายแต่ไม่ได้ยอมอย่างเสียรู้เสียท่าแต่ยอมอย่างมีสติสัมปชัญญะสมควรจะยอม อย่างอาตมายอม ไม่ได้ยอมอย่างเสียท่าเสียอะไรไป ไม่ได้เสียความจริง ไม่ได้เสียสัจธรรม เป็นการยอมเสียสละ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 11:17:17 )

ยอมเป็นตัวจบเป็นตัวสำคัญมากอย่างไร

รายละเอียด

ก็นายทุนเขาเสียผลมันก็ถ่วงๆดึงๆอยู่นั่นแหละ เพราะฉะนั้นก็ละเว้นเสีย แต่มันจำนนต้องเอาลูกไปเลี้ยงไม่มีใครดูแล ปล่อยไว้ไม่ได้ ลำบากก็ต้องยอม ไม่มีปัญหาถ้าเรายอมเสียอย่าง นายจ้างยอมก็ไม่มีปัญหา คนงานเขายอม ก็ไม่มีปัญหา เพราะฉะนั้น ยอม ตัวนี้ตัวจบ เด็กๆฟังไว้นะ ตัวยอม เด็กๆไม่เท่าไหร่ ผู้ใหญ่ก็เถอะ ตัวยอม ตัวสำคัญมาก ยอมได้นี้ลดอัตตา สละอัตตา ทำไมมันรักอัตตานักคนเรา อย่างทักษิณ woodsome ไปเป็นโทนี่ woodsome อาตมายังแปล woodsome ไม่ได้แปลไม่ออกว่าเขาหมายถึงอะไร ทำไมเอามาเป็นนามสกุล เอาเถอะไม่คิดให้เสียเวลา 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:58:41 )

ยอมเป็นผู้แพ้เสีย ให้เขาบริหาร อย่างไร

รายละเอียด

ถ้าคุณยอมเสีย สมมุตินะ ตอนนี้ ขออธิบายแทรก ถ้าคุณยอมเป็นผู้แพ้เสีย คุณก็อยู่ให้เขาบริหาร เขาก็ทำงานบริหาร คุณก็เป็นพลเมืองสร้างสรรอยู่กิน สบาย คนทำงานบริหารอยากบริหาร คุณก็บริหารไปสิ คุณทำงานหนักเหนื่อย ก็ขอบคุณ คุณทำไปสิ ฉันก็รับ ดีไม่ดี ฉันก็รับจากคุณ คุณก็พอกินพอใช้ คุณไม่แจ้งฉัน ฉันก็ว่าคุณนะคุณบริหาร 

คนละTarget คนละเป้าหมาย คนละกลุ่มเป้าหมาย กำลังพูดถึงรัสเซียกับยูเครน คุณข้ามไปหาทักษิณได้ไง ทักษิณมันยิ่งหนักกว่านั้น ยึดมั่นถือมั่นยิ่งกว่านั้น อาตมาเชื่อว่าสงครามของยูเครนกับรัสเซียจะรู้จักจบ อาตมาเชื่อว่าสงครามของทักษิณ แกตายแล้วแกก็ไม่จบ แกก็จะยังยึดมั่นถือมั่นว่า ขอให้เอาศพไว้นะ อย่าเผานะ จะเป็นอย่างนั้นเลยจริงๆ นั่นคือแนวคิดของทักษิณ เขายึดมั่นถือมั่นมีตัวตนนิรันดร เป็นอมตะของเขา เป็นอย่างนั้นจริงๆเขาพูดถูกของเขา เขาเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ แต่เขาไม่รู้ตัวเลย ว่าเขาสุดแสนจะอวิชชา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2565 ( 12:06:31 )

ยอมเป็นผู้แพ้แต่ไม่ยอมเป็นผู้ผิด

รายละเอียด

อาตมาชัดเจนในตัวเองว่าไม่เคยไปหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร ทักไลน์มาหาเรื่องวิวาทกับอาตมาไปอธิกรณ์ อาตมาก็ยอม แล้วทำไมต้องขึ้นศาลไม่รู้กี่จังหวัด ก็ยอมไม่ไปว่าไม่เป็นอะไรเขา เขาถือว่าเขาใหญ่ เราก็ยอม แล้วอาตมาจำเป็นจะต้องบอกสิ่งที่เป็นสิ่งที่ถูกเป็นการอธิบายธรรมะ การอธิบายธรรมะต้องตำหนิในสิ่งที่ผิดยกย่องสิ่งที่ถูกอาตมาก็ต้องพูด เขาจะทำกับอาตมาอย่างไรอาตมาก็ยอมให้ทำ คนที่บอกว่าผู้ที่ไม่ตำหนิก็เลยเป็นคนดี อันนี้เป็นคนโง่ ก็ไม่มีปัญญาจะตำหนิใคร คนที่จะตำหนิคนต้องมีปัญญาต้องมีความรู้ ว่าจะตำหนิอะไร แล้วต้องมีความเมตตากรุณา อาตมามีจิตใจที่เมตตากรุณาสงสารเขา พูดไปอยู่บ่อย ยกตัวอย่างไปนั่งหลับตาทำไม ถล่มไปอ้างอิงบอกทุกอย่าง โดยเฉพาะที่อาตมาบอกว่า

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 11:43:38 )

ยอมเสียรังวัด ท้วงติง อย่าหลงอรหันต์เก๊

รายละเอียด

คุณคนนี้ก็เรียนรู้ลดกิเลสจากการสัมผัส เรียนรู้กามเป็นเบื้องต้น การปฏิบัตินั่งหลับตาไม่เรียนรู้กามเลย อย่างมหาบัว ติดกินหมากเสพติดรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไม่ขาดปากก็เลยไม่รู้ว่าอะไรคือ กาม อะไรคือความติดยึดในกามคุณ 5 รูป รส กลิ่น เสียงสัมผัสอยู่ในนั้นเต็มเลย เป็นสิ่งเสพติดแต่โบราณ เดี๋ยวนี้มาแปรรูปเป็นเฮโรอีนเป็นยาบ้าอะไรของมันเยอะแยะ นี่ก็เหมือนกันเป็นธรรมชาติเป็นหมากพลู ก็ไม่ได้เรียนรู้แล้วมาบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ อาตมาจึงบอกว่าให้ศึกษาให้ดีๆท่านทั้งหลายอย่างไปหลงอรหันต์เก๊ มันติดหนักเลย อบายภูมิเหมือนสุรา หากเข้าใจผิด เข้าใจสิ่งที่ไม่ใช่อรหันต์ว่าเป็นอรหันต์มันก็หมดท่าไม่ได้เรื่องอะไร ไม่ได้พูดลบหลู่ แต่พูดสัจธรรมยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายๆ โดยอาตมายอมเสียรังวัด เพราะคนเคารพนับถือมหาบัวไม่ใช่น้อย เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์เยอะเลยนะ อาตมามาบอกว่าไม่ถูก ผิด แล้วตรงกันข้ามกับคนยกย่องด้วย เหมือนอาตมาลบหลู่ตรงกันข้ามเลย อาตมาก็ได้รับความต่อต้าน หากอาตมาต้องการความยกย่องชมเชยก็จะไปแตะทำไม แตะทำไมไม่เกี่ยว  พูดสัจธรรมไม่ได้ทำเพื่อจะให้คนมาชอบมาให้คนนับถือให้คนมายอมรับ อาตมาพูดสัจธรรมที่มันผิดก็บอกว่าผิดชัดๆ ผิดมากจนเป็นพิษภัยต่อศาสนาก็พูดชัดเจน พูดจริงชัดเจนก็ไปตำหนิเขาอย่างแรง 

ที่มา ที่ไป

รายการอริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2563 ( 18:39:39 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 03:58:38 )

ยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนมาก

รายละเอียด

เราทำรุนแรงมีวิธีการ ชี้ผิดเขามากก็ยิ่งแรงมาก แต่ก็ต้องทำเพื่อให้เขารู้นะว่ามันเยอะนะที่ทำผิดไม่รู้กี่แผลกี่โง่ซับซ้อนจนแยกไม่ออกก็เอามาแยกให้ฟัง คนที่ฟังได้ประโยชน์เยอะ แต่คนที่ถูกเอามาเป็นตัวอย่างนี้ตีไม่แตกแยกไม่ออก เป็นมุมกลับ คุณเป็นประโยชน์แก่คนอื่นมากเลย ให้คนอื่นแยกแยะให้เห็นมุมเหลี่ยมต่างๆ แต่ตนเองนั้นโง่ดักดานอยู่เรื่อย ดีไม่ดีอาฆาตมาดร้ายด้วย มันเป็นการโง่ซ้ำซ้อนได้อย่างนี้ แต่ประโยชน์ก็ได้อยู่ อาตมาก็ต้องยอมเสียสละ เขาจะอาฆาตก็ไม่เป็นไร แต่คนได้ประโยชน์เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสน ก็คุ้มอย่างนี้เป็นต้น อาตมากยอมเสียส่วนน้อยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนมาก เราก็ทำให้เกิดคุณค่าขึ้น และมันมีเหตุปัจจัยให้เราทำ ถ้าเราไม่มีตัวอย่างไม่มีสิ่งยืนยันมันก็ลอยลมไม่มีน้ำหนัก แต่อันนี้เราเห็นอยู่ทนโท่ ดีไม่ดี ทำกับเราด้วย ก็ยิ่งได้ดีได้ชัดเจนเป็นประโยชน์มาก เราจะเสียบ้างก็ต้องเสีย ดีไม่ดีเขาจะมาว่าอาตมามันก็มีอีก ก็ไม่เป็นไรเราก็ยอม

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 11:38:30 )

ยอมแพ้แต่ไม่ผิด

รายละเอียด

แถมให้อีกนิด เรารบมา เราใช้วรยุทธ ของจอมยุทธ ด้วยเคล็ดวิชานี้แหละยอมแพ้โดยไม่ผิด ยอมแพ้แต่ไม่ผิด ขณะนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ใช้วรยุทธอันนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นพวกนักรบในโลกสมรภูมิยุทธการทั้งหลายแหล่กำลังรบกันอยู่ในสงคราม ผมสะกดคำว่า “แพ้ไม่เป็น”นั่นแหละคือปู่ทวดเขา คือพ่อเขาคือผู้ยอมแพ้ไม่เป็น ก็นั่นแหละดูเป็นธรรมาธรรมะสงครามที่น่าดู อาตมาก็เคยบอก โดยอจินไตยอย่างหนึ่ง นักรบคนนี้จอมยุทธคนนี้ชื่อประยุทธ์ อาตมามีคนชื่อประยุทธ์อยู่ 2 คนในชาตินี้ ที่อาตมาจะต้องดูท่าที เอาละพอไม่ขยายความไปกว่านี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 12:39:50 )

ยอมแพ้แม้ไม่ผิด

รายละเอียด

อาตมาก็ยอมนะ ก็เลยให้ฆาราวาสไปฟ้องศาล ให้ศาลตัดสินทางพระวินัย อาตมาก็บอกว่าผิดธรรมวินัย ศาลก็ไม่ฟังหรอก ไปฟังทางเถรสมาคม อาตมายืนยันตามพระไตรปิฎกหลักฐาน ศาลก็ไม่รู้เรื่องก็ตัดสินให้อาตมาแพ้ อาตมาก็ยอมแพ้ แพ้คือให้ติดคุก ลงโทษให้ติดคุก ก็ยังดีนะให้ติดคุก โดยปราณี รอลงอาญา 2 ปี ให้อยู่นอกคุก แต่คุมประพฤติตามคำสั่งศาล เสร็จแล้วก็มีเจ้าหน้าที่คุมประพฤติมาควบคุม ผู้คุมประพฤติก็มา พอมาแล้วก็กลายมาเป็นคนกินมังสวิรัติตามอาตมา ไปมาได้ 2-3 ครั้งก็ไม่มาอีกเลย จนกระทั่ง 2 ปี ไม่รู้เขาเอาอะไรไปรายงานตัว แล้วแถมยังมาเข้ารีตกับพวกเรา มากินมังสวิรัติ ฟังธรรมะกับพวกเราเสร็จเรียบร้อย คือมันละอาย มันเห็นจริง จะมาเอาผิดตรงไหน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:40:05 )

ยอมโง่ ก็ยังดีอยู่นิดว่า ยอมโง่

รายละเอียด

อาตมาก็ห้ามได้อย่างไร เป็นธรรมดา คุณก็เชื่อของคุณอยู่ ไม่มีปัญหาอะไร ยอมโง่ ก็ยังดีอยู่นิดว่ายอมโง่ หรือถือว่าผมฉลาดจะเชื่ออย่างเดิมก็ไม่ใช่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:10:27 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:49:15 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:26:18 )

ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม

รายละเอียด

บอกตายตัวไม่ได้หรอก ชี้ชัดไม่ได้หรอก เป็นแต่เพียงว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า อย่าค้าขายแบบนี้ จะไม่เป็นพุทธ

1. อย่าค้าขายอาวุธ  

2. อย่าค้าขายสัตว์เป็น

3. อย่าค้าขายเนื้อสัตว์

4. อย่าค้าขายสิ่งที่เป็นพิษ

5 .อย่าค้าขายสิ่งมอมเมา

พระพุทธเจ้าตรัสห้ามไว้ คนที่ทำอยู่ก็ไม่ควร มันเป็นมิจฉาไม่พาเจริญ คนเป็นโสดาบันจะเป็นคนเจริญ ผู้ปฏิบัติแล้วละเมิด การค้าขายสิ่งที่ท่านห้ามอยู่ อาตมาก็ไปชี้ชัดไม่ได้ว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่มันไม่ถูกต้องตามพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าไม่ต้องไปค้าขายแบบนั้น พวกที่ยังค้าอยู่จะตอบว่าได้โสดาบันหรือไม่ได้ โสดาบันเป็นพื้นฐานของความเจริญในศาสนาพุทธนี้ โดยสาระสัจจะของมันแล้ว มันก็ต้องไม่ได้ เพราะว่าความเจริญไม่มีหากไปค้าขายที่มิจฉาอยู่ แม้ไม่ตรงเป๊ะ คำต่อคำ แต่จะไปเลี่ยงทำไม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:16:05 )

ยังจิตเป็นวัสวัตตี

รายละเอียด

แต่ถ้ามีพลังงานจิตนิยามร่วมกันอยู่กับพีชนิยาม พลังงานจิตยังเป็นผู้ที่บงการจิตให้เป็นพีชะ แล้วทำให้เกิดอุตุได้  อุตุได้แล้วก็ทิ้งๆ ไม่ต้องไปเกี่ยวกับอุตุ เพียงแต่อาศัยพีชะ ได้อยู่อย่างสงบสบาย หรือจิตคุณมีวสวัตตี ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้คุณก็ควบคุมจิตได้ คุณไม่ให้มันออกไปทางอกุศลอะไรเลย ไม่ให้ไปก็ไม่บาปอะไรเลย บุญคุณก็จบแล้ว เพราะกิเลสของคุณจบหมดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:37:57 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:00:21 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:04:55 )

ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้อย่างไร

รายละเอียด

ในขณะที่ยังเป็นๆ อยู่ ก็สามารถทำจิต ทำใจในใจของตนมีอำนาจ ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ เพราะฉะนั้นสามารถทำจิตให้เป็นพืชได้ เป็นอุตุได้ แม้ขณะตอนเป็นๆ มีชีวิตอยู่ 

จะยังจิตตรงไหน ยังตรงที่ว่า 1 ต้องรู้เลยอาการของจิตต่างๆ ตัวกำหนดรู้ตัวสำคัญก็คือสัญญา เป็นความสามารถของจิตท่านตั้งชื่อไว้ว่าคือสัญญา มันสำคัญมั่นหมาย กำหนดรู้อาการของจิต อาการอย่างนี้มันปรุงแต่งกันอยู่เรียกว่าสังขาร อาการอย่างนี้เรียกว่าเวทนา อาการอย่างนี้เรียกว่าเจตนา เพราะฉะนั้นในนามธรรม

1. เวทนา 2. สัญญา 3. เจตนา 4.ผัสสะ 5.มนสิการ 

นี่แหละคือนามธรรม เมื่อมีผัสสะครบ รูปนามผัสสะ มีสิ่งที่ถูกรู้กับธาตุรู้ของเรา สัมผัสและปรุงแต่งกัน ก็สามารถทำจิตทำใจในใจ จัดการใจได้เรียกว่ามนสิการ จัดการกับจิตใจตัวเองได้ มันปรุงแต่ง ปุ๊บ เป็นจิตนิยามเต็มแล้ว เราก็พยายามทำจิตทำใจของเรา ให้มันมีอารมณ์มีอาการเวทนา ให้เป็นลักษณะแค่พีชะ หรือให้เป็นลักษณะอุตุ ทำได้ 

ก็ทำได้จริงๆ จนกระทั่งทำได้บริบูรณ์ ทำได้คล่องแคล่ว ทำได้ชำนาญ ทำได้เรียบร้อย ก็เรียกว่าจบอรหันต์ ทำได้เรียบร้อยก็หมายความว่า จิตเมื่อมีผัสสะ กระทบสัมผัสกับอะไรก็สามารถมนสิการ ทำจิตของตัวเองให้เป็นอุตุ เป็นพีชะได้ ตามต้องการเสมอ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจด้วยฌานทั้ง 4


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:22:40 )

ยังชีพโดยไม่สร้างวิบาก

รายละเอียด

ถ้าเข้าใจอย่างนี้แล้ว สิ่งที่เราจะยังชีพโดยไม่ต้องไปทำให้มันมีวิบาก มันมีพันธกิจ กับวิบาก เกิดมาจองเวรกันชาติแล้วชาติเล่า เพิ่มเข้าๆ อาตมาว่าก็กินสิ่งที่มันจะยังชีพได้โดยไม่สร้างวิบาก มันไม่ฉลาดกว่าหรือไง ฟังแค่นี้เข้าใจไหม พวกคุณเข้าใจแล้วก็เลิกมาได้ คนไม่เข้าใจก็บอกว่าศาสนาพุทธไม่เคยสอน อาตมาที่สอนนี้มันโยงใยเกี่ยวข้องไม่ได้พรากจากคำสอนพระพุทธเจ้านะ มันเป็นอย่างนี้ ใครฟังที่อาตมาอธิบายเข้าใจก็เป็นพระพุทธเจ้าองค์เดียวกันกับอาตมาเข้าใจก็ปฏิบัติตาม หากใครไม่ยอมรับ ก็ไปเชื่อตามที่คุณเชื่อ ก็ได้อันโน้นก็ไม่มีปัญหาอะไร เราก็ไม่ว่าอะไรเราก็ทำตามที่เราเชื่อมั่นตามที่เราเห็นว่าถูกต้อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม 5 รูป 28


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:09:50 )

ยังชีพได้โดยไม่สร้างวิบาก

รายละเอียด

ถ้าเข้าใจอย่างนี้แล้ว สิ่งที่เราจะยังชีพโดยไม่ต้องไปทำให้มันมีวิบาก มันมีพันธกิจ กับวิบาก เกิดมาจองเวรกันชาติแล้วชาติเล่า เพิ่มเข้าๆ อาตมาว่าก็กินสิ่งที่มันจะยังชีพได้โดยไม่สร้างวิบาก มันไม่ฉลาดกว่าหรือไง ฟังแค่นี้เข้าใจไหม พวกคุณเข้าใจแล้วก็เลิกมาได้ คนไม่เข้าใจก็บอกว่าศาสนาพุทธไม่เคยสอน อาตมาที่สอนนี้มันโยงใยเกี่ยวข้องไม่ได้พรากจากคำสอนพระพุทธเจ้านะ มันเป็นอย่างนี้ ใครฟังที่อาตมาอธิบายเข้าใจก็เป็นพระพุทธเจ้าองค์เดียวกันกับอาตมาเข้าใจก็ปฏิบัติตาม หากใครไม่ยอมรับ ก็ไปเชื่อตามที่คุณเชื่อ ก็ได้อันโน้นก็ไม่มีปัญหาอะไร เราก็ไม่ว่าอะไรเราก็ทำตามที่เราเชื่อมั่นตามที่เราเห็นว่าถูกต้อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม5 รูป28


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:33:28 )

ยังพูดไม่ได้ พูดไม่ถึง อย่างไร

รายละเอียด

แต่อาตมาก็ว่า อาตมาพอรู้อย่างที่ได้แสดงออกไป อาตมารู้จักอินเดียบ้าง รู้จักจีนบ้าง รู้จักเกาหลีเหนือ รู้จักสหรัฐ แม้แต่รัสเซียอะไรต่างๆนานาที่เขายังไม่เข้ามาเท่าไหร่ เขาก็อยู่ตามประสาของเขาไป น่าสงสารก็มี แต่ยังพูดไม่ได้ พูดไม่ถึง น่าสงสาร แต่ที่จริงเขาเหมือนสุขสบายดีนะ อย่างผีตองเหลือง เขาก็อยู่สบายดี หรือพวกที่อยู่ที่แอฟริกา เขาก็สบายดีของเขาไปตามประสาของเขาอยู่ เขายังไม่เข้ามาร่วม จะมาอยู่ในสังคมที่นำหน้า

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ 

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 20:07:51 )

ยังมั่นใจว่าสัจธรรมที่เป็นโลกุตระยังจะชนะได้อยู่ 

รายละเอียด

ที่บอกว่าพลังเงียบและความเงียบนี่นะ อันนี้แหละ เป็นตัวชี้บ่งถึงความยังไม่เจริญ อยู่เงียบๆงุ่นๆคนเดียวไม่เกี่ยวกับใคร มันเป็นมิจฉาทิฎฐิที่ลึก มันไม่ใช่เรื่องของความเป็นมนุษย์เต็มรูปที่มีความตื่นเต็ม รู้จักสังคมข้างนอกก็รู้จักข้างใน รู้จักทั้งภายนอกภายในเต็ม100 สมบูรณ์แบบ มันไม่เป็นเช่นนั้น มันเป็นอวิชชาจริงๆของคน 

แต่ทีนี้อาตมายังหวัง ยังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียวว่า คนไทยจะมาถึงวันนี้แล้ว จะเสื่อมถึงขนาดนั้น อาตมายังมั่นใจว่า คนไทยทุกวันนี้เจริญ โดยเฉพาะทางด้านของการเมืองก็ตาม ศาสนาก็เอาเถอะมันอาจจะยาก 

แต่เมืองไทยนี่แม้ว่าศาสนาที่ว่ายาก แล้วก็ยังมีกลุ่มคนที่เข้าใจที่เข้าถึงสัจธรรมโลกุตระแท้ๆจะมีจำนวนน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนไทยส่วนใหญ่จะไม่มีเชื้อโลกุตระอยู่ ไม่ใช่ 

มี แต่มันพัฒนาขึ้นมาตามลำดับ ถึงวันนี้นี่อาตมาก็ยังมั่นใจว่า มันจะชนะได้อยู่ ยังมั่นใจว่าสัจธรรมที่เป็นโลกุตระยังจะชนะได้อยู่ 

ถ้าจะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่อาตมาจะคุยโม้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 17:06:18 )

ยังมีกายอยู่ คุณก็ยังมีกามอยู่

รายละเอียด

คนจะรู้กามนี่ไม่ง่าย อย่างที่อาตมาว่าอยู่ทุกวันนี้ รู้กามต้องรู้กาย

คุณรู้กาม คุณต้องมีสัมมาทิฏฐิในความเป็น กาย เพราะกามนี้กับกายแยกกันไม่ได้ ถ้าคุณไม่รู้จักกาย ยังมีกายอยู่ คุณก็ยังมีกามอยู่ 

ฟังอีกที คุณยังมีกายอยู่ คุณยังมีกามอยู่ คุณต้องหมดกาย เป็นชีวิตพืช พืชไม่มีกาย จิตนิยามมีกาย พีชนิยามไม่มีกาย ยิ่งอุตุนิยามยิ่งไม่มีกายเลย แยกกายแยกจิตตรงนี้ยากก็เห็นใจจึงต้องอธิบายสัจธรรมที่ลึกซึ้งอันนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 6 วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564 แรม 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2564 ( 19:03:05 )

ยังสนุกอยู่กับภาษาไม่ลงไปในสภาวะธรรม

รายละเอียด

คุณยังสนุกอยู่กับภาษาไม่ลงไปในสภาวะธรรม ยังมองไปในการตำหนิติติงยังเห็นแง่ร้าย เพราะฉะนั้นก็เป็นอย่างนี้ไปก่อนไม่เป็นไรอย่าเพิ่งทิ้งนะ ยังไงก็คบหาติดตามกันไปเรื่อยๆนะคุณ Hdhdhd

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 09:42:00 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:24:22 )

ยังห่างไกลกันมาก อเมริกากับไทย

รายละเอียด

อเมริกายังไม่รู้เรื่องเลยว่าการฆ่าคน มันเลวร้ายขนาดไหน ฆ่าคนหน้าตาเฉยฆ่าคนอย่างไม่คิดเห็นแก่ชีวิตเลย รับสร้างอาวุธมาให้ฆ่ากันยังมากมาย เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปสงสัยหรอกว่าคนในประเทศเขาจะฆ่ากัน มันเป็นเรื่องสามัญที่เขาเองเขาถือว่าไม่เห็นมีอะไรมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติของคนมันก็ต้องฆ่ากัน ซึ่งเขาจะไม่มีจิตแม้แต่เมตตาข้อที่ 1 แม้แต่จิตที่จะเห็นว่าเขาก็เป็นชีวิตและเราก็เป็นชีวิต อย่าไปพูดถึงว่าอย่าไปฆ่าสัตว์ ไม่ต้องไปพูดกับเขาเลยในเรื่องชาวอเมริกัน 

อย่าไปฆ่าสัตว์ จะบ้าหรือ ไม่ฆ่าแล้วจะไปกินมันได้อย่างไร เขาต้องกินเนื้อสัตว์ แต่ก็ยังมีพวกคนที่เป็นพวกวีแกน เป็น vegetarian ในคนอเมริกันก็ยังมีนะ ยังเข้าใจ แต่เขากินเพื่อสุขภาพ มีบ้างที่เข้าใจในเรื่องของกรรมวิบากทางด้านจิตวิญญาณ แต่มีน้อย แต่เขาจะเน้นไปทางสุขภาพเพราะมันเป็นทางวิทยาศาสตร์ เขาเจริญทางวิทยาศาสตร์ เขาเข้าใจ คนที่เป็น Vegetarian ของอเมริกัน เป็นเรื่องของเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ เขาไม่ได้ศึกษาเรื่องกรรมวิบากเพราะเป็นอจินไตย เทวนิยมยังไม่เข้าใจเรื่องกรรมวิบาก พูดไปแล้วยังห่างไกลกันมากเลยอเมริกากับไทยในเรื่องคุณธรรมโลกุตรธรรม 

เปรียบเทียบกับชาวแอฟริกันกับชาวอเมริกัน ถ้าจะเอาชาวแอฟริกันกับชาวอเมริกันมาเรียนรู้ธรรมะ ชาวแอฟริกันอาจจะเข้าใจก่อนอเมริกัน ยิ่งถ้าเอาคนอินเดีย มาศึกษาโลกุตรธรรม ก่อนชาวแอฟริกันก่อนอเมริกา แน่นอน อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นในสัจธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งในความเป็นโลกียธรรมกับความเป็นโลกุตรธรรม มันจึงยากมาก ถึงจะยากอย่างไรก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เป็นสิ่งที่จะต้องนำพาให้คนไปสู่คุณธรรมอันนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนดีต้องเมตตาคนเลวและต้องไปด้วยกันได้ วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2566 ( 11:29:29 )

ยังอวิชชาอยู่ อาฆาตทั้งนั้น

รายละเอียด

ที่ยังอวิชชาอยู่มันอาฆาตทั้งนั้น แล้วคุณว่าสัตว์เดรัจฉานมันจะมีวิชชาไหม มันจะไม่อาฆาตไหม ขนาดร่างมันตายแล้วนี่นะ มันก็ยังนึกว่าร่างของกู ร่างของกูอยู่ มันจะไปรู้อะไร ขนาดคนมันยังไม่ออกจากร่างง่ายๆ ดีไม่ดีมิจฉาทิฏฐิไปเรียนอีก ตายแล้วตัวเองไม่เน่าอีก กลายเป็นมนุษย์พืชที่ไม่เน่า 

ถ้าคนให้อาหารมนุษย์ที่ตายแล้วเป็นพืช ต่อท่อไว้เหมือนอยู่ในห้องไอซียู ก็อยู่ไปได้อีกนานเท่านาน เท่าที่สรีระสังขารมันจะเลิกปรุงแต่งของตัวมันเอง จิตของตัวเองบอกว่าไม่เอาแล้วร่างนี้ พอแล้ว ถ้าเขายังพอใจในร่างที่ยังนอนนิ่งตลอดกาลนาน เขาก็จะอยู่อย่างนั้น ถ้าบอกว่าไม่เอาแล้ว ก็เรื่องของเขาตัดสิน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 13:16:09 )

ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ

รายละเอียด

สรุปเข้าหาชื่อเรื่อง ความเป็นรอง อาตมายังเป็นรองจริงๆ ยังไม่ถึงเป้าหมาย เพราะฉะนั้นก็ฝืนสังขารไป พยายามพากเพียรไปอีก ให้ได้ พวกเราก็ช่วย ช่วยทุกอย่างเลยที่จะให้สังขารอาตมายืนยาวทุกวันนี้จนเฟ้อแล้ว เครื่องอาศัยที่จะให้ชีวิตยืนยาว ก็เหลือแต่อาตมาเอง 

เพราะฉะนั้นจึงลงตัวตรงที่ว่า ต้องอุตสาหะ เพราะเรายังเป็นรอง เรายังไม่ขึ้นถึงเป็นเอก อธิบายไปแล้วเป็นรองคืออย่างไร เป็นเอกคืออย่างไร อย่างพอสมควร ห่างพอสมควร เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าอาตมา นี่ก็พูดเหมือนคำพยากรณ์ 

ถ้าอาตมาจะยืนยาวไปอีก ทำอายุขัย ให้ยืนยาวไปอีกได้ เก็งเอาไว้ งามที่สุดคือ 133 ปี แต่ไม่ได้ 133 ปี 120 ก็เอาว่ะ ไม่ได้ 120 ได้ 108 ก็เอา ได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่ถึง 100 ตอนนี้ก็แค่ 89 จะ 90 แล้ว พูดถึง 90 เขาจะฉลอง พระพันปีหลวง จะฉลอง 90 ก็ดี สิ่งนี้เป็นสิ่งดีไม่ใช่สิ่งเสียหายเป็นสิ่งประเสริฐ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 19:31:51 )

ยังไม่ตายก็อาศัยใช้ทำงานไม่ได้ติดยึด

รายละเอียด

ที่พูดวนไปเวียนมา มาหาเป้าสาระแท้ๆ ตรงๆ ของสภาวะนั้นๆ แล้วเราก็จะเข้าใจความจริงเลยว่า มันก็มีอยู่ประมาณนี้แหละที่เราใช้เรียนใช้ศึกษา จนกระทั่ง เราเข้าใจแล้วเราก็ ละล้างที่มันติดยึด จนจิตเราไม่ยึดติด อะไรที่เราต้องอาศัยก็อาศัยมันไป ชีวิตก็เข้าใจแล้วว่าเราอาศัยมัน คนไม่เข้าใจก็หาว่าเรายังยึดติด ก็มันไม่ตายยังไม่ตายก็อาศัยมันหน่อยไม่ได้ติดยึดหรอก ไม่มีแม้อาศัยไม่มีแม้แต่อาลัย ก็อาศัยมันหน่อย ตายจากกันแล้วก็เลิกไม่อาลัยอาวรณ์อะไรอีก มีแต่อาศัยไปบ้างก็ขอใช้ทำงาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:02:26 )

ยังไม่ทันเปิดประตู แต่ผ่าเข้าไปนั่งในบ้านได้อย่างไร?     

รายละเอียด

เมื่อ“หลับตา”เข้าไปใน“ภวังค์” ก็ไม่มี “กาย” คือ “ภายนอก” ร่วมอยู่ในการปฏิบัติ หลงผิดเข้าไปมีแต่“ภายใน”

ขออภัย เช่น ท่านมหาบัว ญาณสัมปันโน กับหมู่พวกที่มีทิฏฐิเดียวกันกับท่านนั้น ล้วนไม่รู้จัก“ทุกขอาริยสัจ 4”เลย เพราะท่านยังวิปลาสกันอยู่ โดยเห็น“ทุกข์” เห็น“เหตุแห่งทุกข์”ว่า เป็น“สุข”อยู่ชัดๆโต้งๆ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 372 หน้า 271


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:28:41 )

ยังไม่ทำกาละคือยังไม่ตาย

รายละเอียด

ตราบที่คนยังมีชีวิตจิตใจเลี้ยงชีพอยู่ ยังไม่ทำกาละ ยังไม่ตาย กาละ เวลาโลกหมุนก็เกิดกาลหรือวนรอบพระอาทิตย์ก็คือทำกาล แต่ถ้าตายไปไม่มีธาตุรู้จะทำอะไรได้อีก ก็คือ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไม่มีอะไรเหลือ กายัสสเภทา ปรัมมรณา ทำกาละให้หมดกาละจากความเป็นชีวะของตน ตนก็ยังมีธาตุรู้ ยังไม่หมดอัตภาพยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เช่น อาตมาเป็นโพธิสัตว์ตายแล้วก็จะยังไม่สูญ มีธาตุรู้ที่จะวนเวียนเกิดอีกอยู่ คือไม่หมดกาละ ถ้าไม่เวียนวนแล้ว แตกสลายไปจาก กาละ ไม่มีโลกไหนจะไปอยู่ได้อีก คือแตกสลายกาละได้ที่สุด แต่กาละ เขาแปลว่า ร่างตาย แต่ว่าหลังตายแล้วก็ยังมีอัตภาพอยู่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:14:21 )

ยังไม่พ้น ยังหลงตน แต่อวดดีไปช่วย ย่อมได้รับ“วิบาก”!

รายละเอียด

อย่า“อวดดี-ถือดี”กันปานนั้นเลย 

ส่วนคนที่หลงตนว่า ตนบรรลุทั้งๆที่ตนไม่บรรลุนั้น แต่เขาหลงตน เขามีมิจฉาทิฏฐิ มันก็ช่วยไม่ได้ มันเป็นอิสระเสรีของเขา ก็ต้องปล่อยเขาสร้างวิบาก สั่งสม“วิบากบาป”นั้นไป เพราะเขา“หลงตน”จริง เขามี“อวิชชา”จริง ทำไงได้!

ผู้รู้จริงก็ได้แต่ตักเตือน ทักท้วง ด่าว่า ตำหนิ ให้สติกันไป ด้วยเห็นแล้ว“สงสาร”ที่เขามีอยู่นั้น มันแท้จริง เพราะเขาไม่มีความรู้ใน“ปฏิจจสมุปบาท” เขายัง“อวิชชา”อยู่จริง 

เขาก็ไม่รู้จัก“สังขาร-วิญญาณ-นามรูป-อายตนะ-ผัสสะ-เวทนา ฯลฯ” จึงยังมี“ภพ-ชาติ” 

ฉะนี้คือ ความรอบรู้ที่จะเรียนรู้ของคนอื่น และช่วยรื้อขน“คนอื่น”ให้เจริญเป็น“อรหันต์” และเป็น“โพธิสัตว์”สูงขึ้นไปตามลำดับ 

เป็น“โพธิสัตวภูมิ 8-9 ขั้น” จนกว่าจะบรรลุขึ้นไปๆตามลำดับกระทั่งสูงสุด“สัมมาสัมโพธิญาณ”เป็น“อนุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า”โน่นแหละ

จึงจะถึงขั้น 9 สูงสุดเท่าที่ความเป็นคนในโลกจะมี“ความสูงสุด”กันได้

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 415 หน้า 301


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 13:04:48 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:25:04 )

ยังไม่พ้นยังไม่บรรลุก็ชอบเถียง!

รายละเอียด

โดยเฉพาะไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงคนผู้เป็น“อรหันต์”แล้วจริง ก็จะยังแย้งยังเถียงอรหันต์อยู่ร่ำไป ซึ่งจะแย้งแม้แต่“พระอรหันต์”ที่ท่านบอกว่า“ท่านเองเป็นอรหันต์”ด้วยความจริงใจบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอกุศลจิตแม้อุปกิเลสใดในจิตแท้ๆปานใดเขาก็จะไม่เชื่อ 

เพราะ“สัญญา”ของเขายังเป็น“สัญญา”ที่ยัง“กำหนดรู้”ความจริงแท้แน่นอนของ“สัจจะหนึ่งเดียว”ไม่ได้ 

“วิชชา”ของเขายังไม่มี ถึงมีก็ยังไม่เที่ยงแท้แน่นอน เพราะ“สัญญา”ของคนผู้นั้นยัง“ไม่เที่ยงแท้แน่นอนในโลก” 

“สัญญา”คือ“การกำหนดรู้”ยังไม่ถูกต้องสัมมาทิฏฐิเป็น“วิชชา”บริบูรณ์สัมบูรณ์

“สัญญา”จึงเป็น“ธาตุรู้”ที่สำคัญยิ่งในการปฏิบัติธรรม

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 193 หน้า 164


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 19:43:03 )

ยัญพิธีคือวิธีปฏิบัติธรรมเพื่อให้ลดกิเลส

รายละเอียด

ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว  มีผล (อัตถิ ยิฏฐัง)  ท่านก็แปลว่าสังเวยที่บวงสรวงแล้วมีผล ก็เป็นสำนวนโบราณของเดียรถีย์ จริงๆแล้วก็คือวิธีปฏิบัติธรรมเพื่อให้ลดกิเลส เพราะฉะนั้นวิธีการน้อยเท่าไหร่ที่จะปฏิบัติธรรมให้สู่จุดสำคัญในการกำหนดวจีกรรม มโนกรรมแล้วอ่านกิเลสให้ออก วิธีปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วตากระทบรูป หูกระทบเสียงนี่แหละคือวิถีของพระพุทธเจ้า และอ่านให้ทันอ่านเวทนาในเวทนา แยกเวทนาออก ตัณหาเกิดจากเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาทำให้เกิดเวทนา อ่านออกจากตัณหาได้ก็ล้างตัณหาเสีย กำจัดตัณหา อาการตัณหาเป็นอย่างไรเป็นกามตัณหาอย่างนี้เป็นต้น ล้างให้หมดหมดกามตัณหาก็เหลือภวตัณหาที่เป็นรูป อรูปก็ล้างให้หมดจนไม่เหลือตัณหาเลย เป็นวิภวตัณหาก็จบ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2563 ( 10:02:01 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:57:28 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:25:40 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์