@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

หลับเร็วตื่นเร็ว

รายละเอียด

อาตมาว่านอนให้ดีๆดีกว่าอย่าไปตีเลย อาตมาตีมาเป็น10 ปีเลย ฝึกอย่างนี้ได้หลับเร็วตื่นเร็ว อย่างอาตมา ท่านหนักแน่น ตื่น หลับ ยังไม่ทันถึงนาทีก็หลับแล้ว ฝึกแล้วจะเป็นเอง ท่านหนักแน่นกับอาตมาอยู่ด้วยกันได้เพราะหลับเร็วตื่นเร็วเหมือนกัน สบาย ไปไหนมาไหนท่านหนักแน่นเป็นปัจฉาฯ อยู่ใกล้ชิดที่สุดซักผ้าซักผ่อนให้อาตมา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 07:59:52 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:43:27 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:21:58 )

หลุดจากการข้องอยู่ที่ลูกได้อย่างไร

รายละเอียด

ก็ขอบอกอย่างนี้ว่า ลูกเป็นของคุณ มันเป็นความจำเป็นที่คุณมีลูก คุณก็ต้องดูแลเขาให้ขึ้นถึงฝั่ง อย่าไปทิ้งไปขว้างมันไม่ดี ให้เขาส่งเขาขึ้นไปอยู่ได้ด้วยตนเองให้รอดปลอดภัยพอเหมาะพอควร คำว่าพอเหมาะพอควรนี่แหละยาก เพราะลูกโต 20 ปีขึ้นก็ให้การศึกษาให้อะไรต่ออะไรเขาให้พอที่จะอยู่ได้ เลี้ยงตัวเองได้ ถ้าเขาโตเลย 20 ปี บรรลุนิติภาวะแล้วเราก็ต้องช่วย แม้บรรลุนิติภาวะแล้วก็ยังเลี้ยงตัวไม่ได้ก็ต้องช่วยเขาพอสมควร อย่างน้อยอายุสักประมาณ 21- 22 ปีถ้ามันเหลือขอจริงๆ เลย มันไม่ไหวจริงๆ 22 ปีแล้วคุณก็ยังต้องเลี้ยงดูจนตายด้วยกัน มันก็ไม่ถูก ก็ปล่อยให้เขาไปตามวิบาก 22 ปีถือว่าโตแล้ว ก็บรรลุนิติภาวะแล้ว คุณก็ไปตามยถากรรมปล่อยเขาได้ อย่างนี้เป็นต้น นี่ก็อธิบายสู่ฟังเล็กน้อย ไม่เช่นนั้น เลี้ยงลูกไม่รู้จักโต เลี้ยงพ่อแม่ไม่รู้จักตาย นี่ก็เป็นคำหนึ่งที่อาตมาเคยเตือน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 16:05:37 )

หลุดพ้น

รายละเอียด

หลุดพ้นคือจิตใจไม่สุขไม่ทุกข์กับสิ่งนั้นแล้ว นอกจากไม่สุขไม่ทุกข์แล้ว ไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็น หรือไม่ อยาก อยากก็ไม่ได้ก็ไม่มี ไม่อยากก็ไม่มี อะไรคืออะไรที่ควรเกี่ยวข้องควรรับมา จะปรุงแต่งหรือเอามาเป็นเครื่องอาศัยเป็นอาหาร เป็นสิ่งที่ต้องใช้ในการสังขารร่วมกันก็ทำตามควร โดยไม่มีจิตใจความสุขความทุกข์โดยไม่มีตัณหา ไม่มีความอยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็นก็ไม่มี มีแต่รู้ว่าควรหรือไม่ควร นี่คืออาการหลุดพ้น เพราะฉะนั้นคนนี้บอกว่าได้หลุดพ้นจากเนื้อสัตว์แล้ว ก็ต้องมีอาการอย่างที่อาตมาสาธยาย เข้าใจความหมายของคำว่าหลุดพ้นให้ได้อาการของจิตเป็นอย่างนี้ ปฏิบัติหลุดพ้นจากเรื่องของสัตว์ การกินเนื้อสัตว์ การปฏิบัติก็ต้องเกี่ยวข้องกับคนหรือสัตว์ แน่นอน คนเกี่ยวกับคน เกี่ยวกับอะไรต่อจากนี้ ไม่กิน ในกวฬิงการาหาร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:25:54 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:44:26 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:23:15 )

หลุดพ้นความโง่หลุดพ้นความหลอกได้อย่างไร

รายละเอียด

ศาสนาพระพุทธเจ้าจึงเห็นว่า โลกียะ วนเวียนอยู่แค่ความสุขความทุกข์สวรรค์กับนรก ท่านจึงหาทางออกให้ ผู้ที่ยังติดอยู่ในเทวะเป็นธรรมะ 2 ความสุขกับความทุกข์สวรรค์กับนรก ก็ให้มาเลิกจิตใจที่มันติดในสวรรค์ที่เป็นของหลอก ความทุกข์คือความโง่ ก็ไม่หลงในความหลอกและไม่มีความโง่ จนหลุดพ้นความโง่หลุดพ้นความหลอกก็จะอยู่ได้อย่างธรรมดาธรรมชาติ โดยการเรียนรู้ซึ้งเข้าไปถึงเวทนา

เวทนา 108 เมื่อเกิดความโง่ในเวทนา ความสุขความทุกข์ก็เกิดอยู่ในเวทนา ถ้าหากไม่สุขไม่ทุกข์ก็เป็นธรรมชาติ เรียกว่าเป็นเคหสิตอุเบกขา ไม่สุขไม่ทุกข์ในสภาวะที่คุณได้อาการนั้น ด้วยความโง่ด้วยความไม่รู้โดยธรรมชาติมันก็มีเป็นกลางๆ ว่าความไม่สุขไม่ทุกข์นี้ดีนะ พระพุทธเจ้าก็มาตรัสรู้ ว่าสิ่งที่อยู่ในโลกที่เป็นธรรมะ 2 มันปรุงแต่งกันแล้วมันเกิดความยึดถือ ยึดได้ก็เป็นสุขไม่ได้ก็เป็นทุกข์

เสร็จแล้วมันยึดถืออยู่ถึงเวลามันได้ตามที่ยึดถือ ตามตัณหาอุปาทาน ท่านก็ให้ล้างอาการที่เป็นตัณหา อุปาทานนั้นมันอยู่ในจิตยากกว่าที่จะรู้ ถ้าหากเป็นตัณหาก็มีการเคลื่อนไหวก็ล้างได้ง่ายกว่า มันก็เป็นตัวเดียวกันเป็นกิเลสความโง่ทั้งคู่ พอล้าง กิเลสตัณหาได้ กิเลสตัณหาลดลงอุปาทานก็ลดลงจนหมดตัณหาอุปาทานเลย

ท่านก็สอนเรื่องเวทนาที่ไปยึดอยากได้อยากเป็นอยากมี ก็แตกเวทนา 108

ตัวที่ปฏิบัติจริงก็คือ วิจาร มโนปวิจาร ทางทวารทั้ง 6 แล้วเกิดความสุข ความทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์  เป็นเนกขัมมะกับ เคหสิตะ

เมื่อเกิดกิเลสแล้วก็จับให้ได้และพิจารณาว่ามันโง่อะไรนักหนา กระทบมันก็เป็นเหตุปัจจัย เราก็เนกขัมมะออกจากความโง่ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติแล้วจะจบได้ทันทีเหมือนที่อธิบาย กว่าจะเลิกได้จริงๆต้องมีขั้นตอน เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย โดยมีหลักปฏิบัติคือศีล แล้วทำไปตามลำดับ ปฏิบัติให้เกิด อธิจิต แล้วจิตใจก็จะเกิดปัญญา เกิดวิมุต วิมุตติญาณทัสสนะ

ทำไปตั้งแต่กระทบกับความเป็นสัตว์ความเป็นมนุษย์ เกิดจิตใจที่ชอบและชัง สัมผัสกับข้าวของ สัมผัสกับพืช เราแบ่งเป็น อุตุก็ของ พีชะก็พืช ก็เหลือแต่ พืชกับสัตว์ในศีล 2 ข้อ กระทบกับสัตว์ข้าวของหรือพืช อยากได้หรือไม่ได้ก็เป็นธรรมะ 2 อยู่อย่างนี้ก็อ่านธรรมะ 2 นี้

มันควรได้ก็ค่อยอยากเอามาใช้ประโยชน์ ส่วนที่ไม่ควรได้ อย่าไปอยากเอามาเสียพลังงานเสียแคลอรี่ ใช้ประโยชน์ไปตามความเป็นจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(การตาย) ตอน ทำอย่างไรจะหายกลัวตาย


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:11:04 )

หลุดพ้นหรือยัง 

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านมีลาภยศสรรเสริญ มีสุข มีทุกอย่าง ท่านหลุดออกมาหมดเลย ท่านเด็ดขาดหมดเลยทั้งรูปทั้งนาม พระพุทธเจ้านี่เห็นไหม อย่างอาตมาก็หลุดออกมาทั้งรูปทั้งนาม ไม่ได้ยึดอะไรอยู่อย่างที่ทางเถรสมาคมหรือทางภิกษุเถรสมาคมเขายังยึดถือเขามีกัน ยังมีอย่างโน้นอย่างนี้กัน ยังเป็นพิธีการยังเป็นลาภเป็นยศ แม้แต่นิตยภัตก็ราคาไม่ใช่ถูกๆ นะ นิตยภัตก็มีตั้งแต่พระครูไปจนกระทั่งถึงขั้นสังฆราช ซึ่งก็เป็นความจริงที่อาตมาพูดนี้เถียงอาตมาไม่ได้หรอกเพราะมันเรื่องจริง มีหลักฐานยืนยันอยู่เลย พูดได้เต็มปากเต็มคำ 

ขออภัยนะที่อาตมาต้องพูดความจริงนี้เพื่อความรู้ เพื่อวิชาการ ที่จะต้องชัดเจน เอาขยายความจากวิโมกข์ จากวิญญาณฐิติมาหาวิโมกข์ 8 แล้ว คือจะต้องมีรูปข้างนอกแล้วต้องมีนามธรรมข้างในหรือรูปนามที่ครบเป็นภาวะ 2 ถือว่าต้องสัมผัสวิโมกข์ จะมีวิโมกข์ได้ต้องมีทั้งภายนอกภายในต้องมีกาย ถ้าหลับตาไม่มีกาย เป็นต้น โมฆะ ยืนยันอยู่ในวิโมกข์ ข้อที่ 2 วิโมกข์ข้อที่ 2 คือ อัชฌัตตัง อรูปสัญญี เอโก พหิทา รูปานิ ปัสสติ อาตมาจำได้เพราะอาตมามีสภาวะ ต่อไปอาจจะเลือนได้แต่ตอนนี้ยังจำได้อยู่บาลีมีแค่นี้ในข้อที่ 2 

เอโก เอกะ หมายถึงผู้หนึ่งผู้ใดที่มีทั้งภายนอกภายใน พหิทาคือภายนอก อัชฌัตตังภายใน กายต้องมีทั้งภายนอกภายใน ถ้ามีแต่ภายในอย่างเดียวไม่มีภายนอกก็ไม่ได้ ต้องมีพหิทาภายนอกด้วย สัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายอยู่จึงเรียกว่าสัมผัสวิโมกข์ด้วยกาย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทวารทั้ง 5 กาม 5 สัมผัสอยู่หลุดพ้นได้ ติดยึดอยู่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) เป็นต้น หรือ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข คุณหลุดพ้นหรือยัง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 11วิญญาณฐิติ 7 วิโมกข์ 8 อนุปุพพวิหาร 9 สัตตาวาส 9 ตอนที่ 1 วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 10:39:58 )

หลุดพ้นหรือไม่รู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง

รายละเอียด

แล้วพ้นไหม เราสัมผัสแล้วไม่ผลักไม่ดูด เห็นก็เฉยๆไม่คิดเกิดอยากอะไรขึ้นมาเลย เป็นสภาวะที่เรียกได้ว่ามันหลุดพ้น มันนิโรธ มันดับ มันไม่มีอาการเกิด มันจะต้องมีความรู้คือปัญญา ที่คุณกำลังถามนี่แหละมันเป็นความรู้ขั้นฉลาดเรียกว่าปัญญา 

มันไม่ใช่แค่ว่ามันไม่ติด ไม่ยึด มันไม่ดูด ไม่ผลักอยู่เท่านั้น มันเป็นได้แล้ว เราก็รู้ของเราอธิบายมาถูก ว่าจิตของเราขณะนั้นแม้สัมผัสอยู่หลายทีหลายครั้งเราก็เฉยๆ ไม่ผลักไม่ดูด ไม่ติด ไม่ยึด ไม่อยากอะไร แต่เราก็ยังสงสัยแสดงว่าเรายังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนยืนยันแท้คือความรอบรู้หรือปัญญาอันยิ่ง ปัญญาอันรอบ ยังไม่ชัดเจนในใจตนเอง นี่แหละ อันนี้แหละมันจะต้องมีปฏิภาณไหวพริบที่รู้ว่า อ๋อ.. ความรู้ที่รู้รอบกับความเป็นได้ มันไม่ติด มันไม่ยึด มันไม่ผลักมันไม่ดูด มันเฉยๆ นี่มันเป็นได้ 

แต่ความรอบรู้ที่รู้ว่า อ๋อ.. ทำไมเราถึงไม่ติดไม่ยึด ทำไมเราถึงไม่ผลักไม่ดูดมันล่ะ เราถามวนซ้อนลงไปอีก เพราะเราไม่เห็นว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ ชีวิตเราไม่เห็นจำเป็น ไม่เห็นต้องการ ชีวิตเราไม่ต้องมีมันได้ไหม มันก็ได้นี่ ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร สุขภาพเราไม่มีเสีย ขาดมันแล้วจะทำให้ 

1. ชีวิต ร่างกายขันธ์ต่างๆของเรามันทรุดโทรมเสื่อมไป 

2. เป็นอยู่ก็ไม่เจริญ ไม่ดีงามอะไรได้อีก มันมีแต่ไม่เจริญ มีแต่ทำอะไรก็เป็นโทษเป็นภัยไป มันมีไหมล่ะ อย่างนี้เป็นต้น เอาไปพิจารณารอบในประเด็นอื่นๆต่างๆดู ถ้าเราพิจารณาแล้วมันไม่ทำให้เกิดโทษภัยอะไร มีแต่ดีไม่ต้องเปลืองแรงงาน  ไม่ต้องเปลืองเวลา ไม่ต้องเปลืองทุนรอน ไม่ต้องไปทำอีก ไม่ต้องไปลงทุนอะไรกับมันอีก เราก็ทิ้งมันได้เลย เราก็ชัดว่า อันนี้ ไม่จำเป็นในชีวิตของเรา เราตัดปล่อยได้เลยไม่เป็นภาวะทำให้เกิดความรอบรู้หรือปัญญารู้ชัดเจนขึ้นว่า มันควรจะเป็นความขาดสิ้นจากชีวิตเรา ไม่จำเป็นจะต้องมี  ไม่ต้องเอามาใช้  ไม่ต้องเอามานึกมาคิด ไม่ต้องเอามาประพฤติ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 20:38:45 )

หลุดพ้นแท้จริงคือพีชะธาตุ

รายละเอียด

เมื่อคุณหายจากเจ็บปวด เขากระแทกด้วยหอก 100 เล่ม ภาษาสิริมหามายาคนนี้ด้านหรือเปล่า ไม่ใช่ด้าน คนที่เหนือความเจ็บปวดเป็น พีชธาตุแล้วก็ไม่เจ็บ แต่ไม่ใช่หน้าด้าน มันเป็นการหลุดพ้นที่แท้จริง มันก็มีอันนี้อยู่คนอื่นก็มีให้เราสัมผัสก็ตาม มากระทบกับเราบ้าง แต่ผู้ที่มีบารมีแล้ว มันกระทบกันอยู่กับคนอื่น อย่างอาตมาเห็นคนอื่นถูกกระทบกระแทกกระเทือนกระทุ้ง ฆ่าแกงกัน นายจ่า(ทหารที่ยิงประชาชนตาย20กว่าศพที่โคราช)คนนั้นไปยิงเขาตายก็เห็นอยู่ แต่เขาไม่ได้มาใกล้เคียงมาแผ้วพานเรา เพราะเรามีบารมี ที่พูดไม่ใช่วอนหาเรื่องนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 10:48:53 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:44:53 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:48:46 )

หลุดพ้นโลกอบายมุขในสภาพที่เป็นปัญญา

รายละเอียด

เข้าใจอย่างที่อาตมาอธิบายแล้วเข้าใจตั้งแต่ตอนนี้ ในโลกอบายมุขเราก็สัมผัสเหตุปัจจัยที่มันมีอยู่ ชาตินี้สัมผัสสัมพันธ์กับมันอยู่ เราก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับมันเลย มันจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกที่ยังหลง ทั้งๆที่มันแค่นั้น มันไม่มีพลังงานจริงอะไรเลย แต่คนก็ไปหลงว่ามันเป็นสุขเป็นทุกข์ หลงว่ามันจะต้องมีต้องเป็นต้องได้ คุณก็ต้องโง่อยู่กับมันแล้วคุณอวิชชาคุณโง่ของคุณเอง เราไม่ต้องแล้ว เป็นสภาพที่เป็นปัญญามีธาตุรู้ที่หลุดพ้นออกมาอย่างรู้ๆเห็นๆโต้งๆเลย ศึกษาให้ดีๆ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:20:19 )

หลุมถ่านเพลิงกับมโนสัญเจตนาหาร

รายละเอียด

พวกเขามีเจตนาปรารถนาตั้งใจจะให้ไกลจากหลุมถ่านเพลิง ก็อยากจะหนีจากหลุมถ่านเพลิง 

เจตนามี 3 กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา … สำหรับการเรียนรู้เจตนาหรือมโนสัญเจตนา ก็เรียนรู้ตัณหา 3 นี่แหละ จะลึกซึ้งซับซ้อนอยู่ที่วิภวตัณหา 

มโนสัญเจตนาเป็นจิตมุ่งหมายนี้ มันยึกยักซับซ้อนหลายชั้น ไม่อยากตกหลุมถ่านเพลิง วิ่งออก แล้วดันมี 2 คนดันลงไปอีกให้ไปลงหลุมถ่านเพลิง มันก็เลย 2 แรงกับ 1 แรง มันก็สู้ 2 แรงไม่ได้ ก็เลยต้องตกลงในหลุมถ่านเพลิง แล้ว 2 คนที่หลงผิดก็กระโดดลงไปด้วยกันเลยไม่รู้ว่าใครจะช่วยใคร นี่คือมโนสัญเจตนาหารที่พระพุทธเจ้าท่านยกอุทาหรณ์ขึ้นมา 

ไม่มีใครช่วยใครได้เพราะต่างคนต่างหลงผิดซับซ้อนด้วยกันทั้งคู่ แล้วก็เลยกอดคอกันลงหลุมถ่านเพลิงหมด ท่านก็เอาไว้แค่ 3 คน 2 คนช่วย 1 คน แต่เข้าใจผิดทั้ง 3 ลงหลุมถ่านเพลิงไป 

มโนสัญเจตนาของเขาก็คือจมไม่มีลอยเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:38:41 )

หลุมถ่านเพลิงใหญ่

รายละเอียด

ระวังมันเป็นคนดื้อๆๆๆ จัดๆ เขาวิ่งลงสู่หลุมถ่านเพลิงใหญ่คือกามภพ มีคนจะดึงขึ้นก็ดึงไม่อยู่ มีแขนสั้นก็เข้าช่วยกันดึงสองข้างก็ดึงไม่อยู่ ไม่มีวันรู้จักภพชาติ เหมือนวัวที่ไม่มีหนังก็แสบตลอดแต่เขาไม่รู้ตัว เขาเป็นวัวไม่มีหนังมีแต่น้ำเหลืองไหลเยิ้ม ปวดแสบปวดร้อนตลอดเวลาเขาไม่รู้ตัวเขาไม่เรียนรู้สัมผัส มันสัมผัสทุกข์ร้อนแสบเผ็ดมาก แสบก็ไม่เรียนรู้ เพราะเขาไม่ได้เรียนจากกวฬิงการาหาร เขาไม่เริ่มต้น ที่หลงกามฉันทะแล้วไม่ออกจากกาม อาหาร 4 เขาไม่รู้จัก แต่เขาหลงไปหมด ไม่เรียนรู้กามฉันทะ ผัสสะ ตัณหา 3 นามรูป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 10:02:58 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:45:22 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:23:47 )

หวังประโยชน์อย่างไรในการตีเทวนิยม

รายละเอียด

อาตมาจึงพยายามบอกแล้วบอกอีก ย้ำแล้วย้ำอีก จนคุณอะไรว่ามาเมื่อกี้นี้ว่าไปตี พวกเทวนิยมพวก God พวกที่ไม่รู้ประสีประสาของ อเทวนิยมหรือศาสนาพุทธ ซึ่งมันมิจฉาทิฐิอยู่อย่างนั้น ไปตีทำไมแรง อ้าวก็ตีนี่แหละ มันซ้อนกันอยู่ ที่จริงพูดถึงมหาบัว ขออภัยต้องใช้คำว่าตี คือข่ม อยู่เหนือ เพื่อให้รู้ชัดเจนว่าอันไหนดีกว่า มหาบัวตายไปแล้ว ก็มีลูกศิษย์ลูกหาของมหาบัวอีกที่จะได้ฟัง จะเอาสาระความรู้ความจริงไปศึกษาแล้วก็จะเข้าใจว่าอันนี้คืออันนี้หรือ อาตมาก็หวังประโยชน์อยู่ตรงนี้ ซึ่งน่าจะได้ อาตมาว่าน่าจะได้ แม้จะได้น้อยเท่าไหร่ อาตมาก็โสหลุด (เสี่ยงขาดทุน)

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:33:40 )

หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่

รายละเอียด

หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ อันนี้เป็นอจินไตยที่ยิ่งใหญ่มาก อาตมานี่พูดไปคุณรู้สึกไหมว่าแม้แต่สัตว์เซลล์เดียวอาตมาก็หวังประโยชน์ต่อเขา อย่าไปทำร้ายอะไรเขาเลย อย่าไปรุนแรงกับเขา เขียดจะถูกงูกิน คุณก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ไม่ให้งูมันกินเขียดแล้วจะให้มันกินส้มโอหรือไง กินมะละกอหรือไง ต้องเข้าใจชัดเจนพวกนี้แล้วเราจะไม่มีปัญหาก็ปล่อยไป ตามฐานะของเขา เขาจะต้องทำตามฐานะของเขา จะเห็นว่ามันเป็นวิบากแก่กันและกัน อาตมามองไปเห็น เช่นดูบุคคลที่เขาเป็นอะไรต่ออะไรอยู่ตอนนี้นะ ยกตัวอย่างหนึ่งคน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 11:44:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:45:49 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:24:35 )

หวังประโยชน์แก่มนุษย์ทั้งปวง

รายละเอียด

หวังประโยชน์แก่มนุษย์ทั้งปวง คือ การมาช่วยสัตว์มนุษย์อยู่ ปรารถนาดีต่อมนุษย์ทั้งปวง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอารยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 22กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:52:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:46:49 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:47:16 )

หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวง

รายละเอียด

ข้อสุดท้ายนี้ยิ่งใหญ่มาก หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ สัตว์แต่ละตัว ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว จะเห็นประโยชน์ของมันว่ามันจะมีประโยชน์ขึ้นมาได้เท่าไหร่ ก็จะช่วย เช่น ช่วยให้สัตว์เซลล์เดียวเป็นอรหันต์มันจะเป็นไปได้ก็ช่วยเหลือ แต่มันจะเป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นอย่างน้อยก็ช่วยให้มันมีชีวิตต่อไป อย่าไปเบียดเบียนทำร้ายอะไรมัน แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ที่จะไปทำร้ายสัตว์อื่นก็เป็นวิบากของมันเอง มันก็ต้องรับวิบากของมันเอง เราไม่รู้ ว่าเซลล์นี้หรือสัตว์ตัวนี้มันจะมีวิบากดีหรือว่าไม่ดี เราไปยุ่งเกี่ยวกับมัน เราไปแทรกแซงไม่ได้ คนแต่ละคนมีวิบากของตัวเองไม่ใช่น้อยอยู่แล้ว แถมและเสริมกันอีกมันไม่ควร พระพุทธเจ้าให้ทำสัจจะที่ปลอดภัยมาก นอกจากจะไม่แล้วยังช่วยกันให้เจริญได้อีก แต่อย่าไปช่วยเขาให้ลงนรกให้เขาจมในทางที่ผิด ก็อย่าไปทำ อันไม่สมควร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน การปฏิบัติอย่างมีลำดับของศีล 5


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:41:58 )

หวังว่าจะได้พุทธศาสนิกชนคืนมาจากพวกหลับตา

รายละเอียด

ทุกวันนี้ชาวพุทธเมืองไทยที่เป็นพวกหลับตา ถ้าให้พวกนี้เขาตื่นได้รู้ว่าการหลับตาปฏิบัติเป็นโมฆะมาตลอดเป็นเดียรถีย์ ถ้าเขาตื่นจากเรื่องนี้เลยนะแล้วหันมาศึกษาจรณะ 15 วิชา 8 จริง เราจะได้พุทธศาสนิกชนคืนมา ท่านเหล่านี้ทุ่มโถมชีวิตนะที่ปฏิบัติสายหลับตา ส่วนมากเป็นสายที่อุทิศทุ่มโถมเอาจริงเอาจัง จะได้ประโยชน์จากศาสนามากที่สุดเลย เราก็หวังว่าวันนึง

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:26:13 )

หวังอย่างยิ่งให้ชาวพุทธเกิดอัญญธาตุ

รายละเอียด

ในชีวิตที่อาตมาเกิดมานี้ เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามากลับมาสถาปนาลงไป ในวงการศาสนาพุทธ ที่มันได้เสื่อมโลกุตรธรรมไม่เหลือแล้ว ไม่ได้พูดใส่ความนะ แต่ท่านจะไม่ยอมรับหรอก ขออภัย เพราะท่านไม่มีปัญญารู้ว่า ที่อาตมาพูดนี้ถูก แล้วท่านจะยึดสิ่งที่ผิดอยู่แล้วท่านไม่รู้ตัวแล้วจะหลงยึดอย่างนี้ไป แต่ถ้าผู้ใดเกิดฟังอาตมาแล้วฉุกคิดขึ้นมา ได้สติ ว่าเราหลงผิดมานานเชียวหรือ โพธิรักษ์มาพูด มันเข้าท่าเว้ย ถ้าผู้ที่เกิดจิตใจอย่างนี้อาตมาอนุโมทนา สาธุ เออ..ดี ซึ่งอาตมาก็ทำ ถ้าจะว่าหวังก็หวัง หวังจะเกิดขึ้นอย่างนี้แหละในคนชาวพุทธ เพื่อจะได้เกิดลักษณะที่เป็นลักษณะนี้แหละ คือ อัญญธาตุ คือธาตุ โลกุตรธรรม ถ้าคุณกิดอัญญธาตุ คุณจะเป็นโกณฑัญญะเลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ พระอัญญาโกณฑัญญะได้เกิดเป็นพระโสดาบันแล้ว พระพุทธเจ้าท่านหยั่งรู้จิตของคนได้ ขออภัยอาตมาไม้ได้ยกตนเท่าพระพุทธเจ้า แต่อาตมาเอาธรรมะพุทธเจ้ามาพูด เมื่ออาตมาพูดอธิบายธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้า คุณฟังแล้วเกิดความรู้สึกว่าเข้าท่าชัดเจน เมื่อนั้น อัญญธาตุเกิด ขออนุโมทนาสาธุด้วยอย่างยิ่งเลยใครเกิดอย่างนี้ แต่ถ้าใครฟังหรือยังต้านยังขัดแย้ง ก็ขอแสดงความสงสาร จริงๆ อาตมาสงสารคุณอย่างยิ่งเลยที่ไม่รู้จะทำอย่างไร คุณจะดักดานกันไปอีกนานเท่าไหร่ ขออภัยไม่ได้ว่าไม่ได้ด่าคุณหรอก แต่มันน่าสงสาร อาตมาถึงไม่หมดคามหวัง ทำงานแล้วมีผู้ฟังที่เข้าใจอย่างพวกคุณมาได้ คนที่ไม่ได้ก็เริ่มมีมาเรื่อยๆที่ได้ อาตมาจึงไม่ยอมตายง่ายๆ พยายามดันสุรัง ไม่ได้ดันทุรังนะ นี่พูดเรื่องจริงนะ นับวันจะมีเรื่องอะไรลึกซึ้งที่ออกมาพูดให้ฟังอีก ทุกวันนี้อาตมานอนหัวถึงหมอนก็จะเป็นการชุมนุมกับเทวดา meeting ทุกวันทุกเวลา ยิ่งแตะพระไตรปิฎกแต่ละเล่ม มันสุดยอดมันละเอียด  เป็นธรรมรสที่เลิศกว่ารสใดๆ ยิ่งกว่ารสทุเรียน ลำไย ตำส้มแซบ มันเป็นรสที่ควรรับ ไม่เหมือนรสที่ดูคนเตะบอล  ดูคนเต้นแรงเต้นกา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 14:43:28 )

หสิตะ

รายละเอียด

ยิ้มแย้มพอเห็นไรฟัน ให้เห็นแจ้งชัดเจนขึ้นมาหน่อย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 236


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:32:15 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:09:05 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:24:55 )

หสิตุปปาท

รายละเอียด

ร่าเริง รื่นเริงใจ จะมากน้อยแค่ไหนก็ได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 59


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:32:51 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:09:59 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:25:17 )

หอกคือมุขสตี

รายละเอียด

พูดอย่างแรงว่านั่งหลับตาไม่ใช่ของศาสนาพุทธแต่ต้องพูดถึง เพราะมันต้องจับหลักอันนี้มาค่อยๆทำความเข้าใจแล้วก็ล้างออกมา แต่เขาไม่เชื่อก็ยึดมั่นถือมั่นอันโน้น ไม่เชื่อก็เป็นผู้ข้องในถ้ำไปอีกนาน แล้วไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ อาตมาพูดแทงด้วยหอกร้อยเล่ม เช้ากลางวันเย็น หอกอาตมาหักหมด ไม่ตาย อาตมาต้องหาหอกมาเยอะๆ มุขสตี มุข คือปาก สติคือหอก ก็แทงด้วยปากหอกตลอดเวลา คุณนึกว่าหอกอาตมาจะหมดง่ายๆหรือ ปากไม่เบี้ยว ปากไม่ตาย ก็มีหอกตลอด

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2563 ( 15:24:58 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 10:06:21 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:46:24 )

หักด้ามพร้าด้วยเข่า เข่าจะหักได้นะ

รายละเอียด

มองดีๆ อย่านึกว่านายทุนเขาไม่มีอิทธิพลนะ ก็ต้องค่อยๆ ทำไป หักด้ามพร้าด้วยเข่า เข่าจะหักได้นะ ขอให้สติคุณแค่นี้ล่ะ คุณพิพากษาลุงตู่ แต่อาตมาก็พิพากษาต่างจากคุณ เป็นการเห็นต่างกันได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:04:23 )

หักยอดเรือนคือตัณหาเป็นอย่างไร

รายละเอียด

กระทบสัมผัสต่างๆมันเป็นอย่างไร มันเป็น 2 ที่สังขารกันเป็นอย่างไร อ๋อ.. มาเป็นเวทนาอย่างนี้ เสร็จแล้วพอมันเป็นเวทนาอย่างนี้ แล้วไอ้เวทนาชอบใจมันก็สุข ไม่ชอบใจมันก็ทุกข์ มันมีอะไรเป็นเหตุให้ชอบใจ มีอะไรเป็นเหตุให้ไม่ชอบใจ อ๋อ.. มีอีกตัวนึง ตัวนี้แหละตัวดี เรียกมันว่าตัณหา ชื่อเอ็งว่า ตัณหา ก็แล้วกัน เอ็งทำให้ข้าหลงว่าสุขว่าทุกข์ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า มาร ตัวมายานี้เป็นตัวหลอก เราหักยอดเรือนของเธอได้แล้ว สร้างเคหะเรือนยอดที่ตั้ง ที่มนุษย์ไปยึดถือว่าเป็นตัวเป็นตน เราหักยอดเรือน หมดยอดของความเป็นเรือน หักหมดสลายไม่เหลือ หักได้แล้ว ท่านตรัสรู้ก็ใช้สำนวนนี้ แทนที่จะใช้สำนวนว่า เราถอนรากถอนโคนเธอได้แล้ว ใช้หักยอดเรือนเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

นิพพานเป็นอย่างไร


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:36:36 )

หักยอดเรือนมารเป็นไฉน

รายละเอียด

จนกระทั่งเห็นให้จริงเลยว่า พระพุทธเจ้าบอกว่าเรารู้หน้าตาแกแล้ว เราหักยอดเรือนของแกแล้ว แกจะมาก่อรูปร่างสร้างเรือนอยู่ในเราอีกไม่ได้ มาร

คนที่เป็นมารฟังรู้เรื่องคือเทวปุตตมาร แต่มารแท้ๆเลย อเวจีมาร มารนรก มารอวิชชา ก็จะฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่คนที่มีปฏิภาณปัญญาก็จะฟังรู้เรื่อง ที่ยกอุทาหรณ์ว่า เราหักยอดเรือนของเธอหมดแล้วมาร เธอไม่มีสิทธิ์สร้างเรือนในใจเราแล้ว (เคหะคือเรือน) อธิบายเชิงรูปธรรมคือไม่เกิดเรือนขึ้นอีกแล้ว เคหะเขาก็แปลว่า คือ ผู้อยู่เรือน ผู้ครองเรือน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2564 ( 04:27:05 )

หันเข้ามาปฏิบัติให้ถูกเถิด

รายละเอียด

ก็มาเข้าสู่ย้ำตะปูกัน ไปหลับตาปฏิบัตินั้นมันผิดแล้วจะไปหลงภาวนามัยเป็นตัวเหตุอีก ก็ไปปฏิบัติไปภาวนา ภาวนานั้นคือการเกิดผล มันคือตัวสำเร็จ นี่มันละเอียดซ้อนในภาษาอยู่ตรงนี้ แค่สรุปลงที่คำ 2 คำนี้คุณเข้าใจ เหตุเป็นผล ผลเป็นเหตุ นี่คือคำสิริมหามายา ถ้าคุณเข้าใจผิดก็เป็นมายาหลอกตัวเอง ก็จบเห่เท่านั้นไปเข้าใจเหตุเป็นผลเข้าใจผลเป็นเหตุเป็นมายาสลับอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเป็นสิริมหามายา คุณก็เข้าใจถูก อ๋อเหตุก็คือเหตุ ผลก็คือผลก็ถูกต้อง เป็นสัมมาทิฏฐิตรงนี้ 

เพราะฉะนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้าหันเข้ามาปฏิบัติให้ถูกเถิด คำสอนของพระพุทธเจ้าคือวิชชาจรณสัมปันโน และก็ปฏิบัติให้บรรลุด้วยวิชชาและจรณะ วิชชามี 8 จรณะมี 15 จรณะคือการประพฤติปฏิบัติ 15 ข้อ วิชชาคือปัญญาที่เกิด 8 ข้อ ไม่ใช่ให้บรรลุด้วยหลับตาสะกดจิตเลย เพราะหลับตาสะกดจิต จรณะ 15 ไม่มีเลย แล้ววิชชาเป็นผลของการเกิดจากการปฏิบัติ มันจะเกิดได้อย่างไร นอกจากวิชชาเดา เป็นปัญญาฟุ้งซ่านเป็นปัญญาผิดๆ เป็นปัญญาออกนอกความเป็นจริง 

เพราะฉะนั้นทานก็ไม่สัมมาทิฏฐิ  ศีลก็ไม่สัมมาทิฏฐิ ภาวนามัยก็ไม่มีผลสำเร็จเลย ไม่มีการได้เด็ดขาด เพราะปฏิบัติโดยมิจฉาทิฏฐิ คุณมนสิการ ใจของคุณ มิจฉาทิฐิเขาก็ทำใจในใจนะ นั่งสะกดจิตหลับตาสะกดจิต เขาก็ทำใจในใจนะ แต่ทำใจในใจแบบมิจฉา มิจฉาทิฏฐิมันก็เกิดมิจฉาผล เพราะฉะนั้นต้องมาทำใจในใจอย่างสัมมาทิฏฐิ อย่าไปงมงายอยู่กับการหลับตาปฏิบัติเลยเจ้าประคุณเอ๋ยเลิกกันเสียทีเถิด มันมืดมันบอดกัน มันจะมืดจะบอดจะ กิณหา เป็นสุภกิณหา หลงว่ามืดบอด มืดดำเป็นตัวสุภะเป็นตัวน่าได้น่ามีน่าเป็น ทำอย่างไรจะเปลี่ยนแปลงตัวนี้จากความเชื่อความเห็นความเข้าใจได้เสียทีหนอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47  วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 16:30:54 )

หัวข้อธรรมเหล่านี้รู้จักกันบ้างไหม?

รายละเอียด

“รูป 28”ก็ยืนยันอยู่โทนโท่ว่า ต้องมี“มหาภูต 4 มีปสาทรูป 5 มีโคจรรูป 4 ภาวรูป 2 ทำงานอยู่เป็นปกติมนุษย์ตื่นๆ สามัญในชีวิตกับ หทัยรูป 1-ชีวิตรูป 1-อาหารรูป 1-ปริเฉทรูป 1-วิญญัติรูป 2-วิการรูป 3-ลักขณรูป 4”(พระไตรปิฎก เล่ม 34 “รูปวิภัตติ”ข้อ 515-538 และเล่ม 35 “ปัจจยาการวิภังค์” ข้อ 259)   “นาม 5”ที่จะต้องใช้ปฏิบัติ ก็คือ “เวทนา สัญญา เจตนา​ผัสสะ มนสิการ” และปฏิบัติกับ“รูป 28” ก็จะบรรลุผล ถึง “อรหัตผล”ได้สำเร็จ(พระไตรปิฎก เล่ม 16 ข้อ 14) 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 172 หน้า 152


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 12:43:37 )

หัวหน้าของสมัยดึกดำบรรพ์ เป็นอย่างไร

รายละเอียด

ซึ่งในความเป็นหัวหน้าของสมัยดึกดำบรรพ์จริงๆ ก็จะเป็นคนเก่งทางหมอผี เรียกศัพท์ว่า หมอผี ที่จริงก็คือเป็นคนเก่งในทางที่จะมีปัญญา มีความรู้ในเรื่องของนามธรรม ที่เขาไม่รู้ตัว แล้วเขาก็ถือว่านามธรรมที่เป็นพลังงานศักดิ์สิทธิ์ หรือหมอผี เป็นผี เขาเรียกผีหรือเทวดาก็ตาม เขาก็จะใช้อันนั้นเป็นเครื่องนำหมอผี หรือหัวหน้าเผ่า หัวหน้าหมู่ ผู้ใดที่มีความรู้ในเรื่อง สรุปง่ายๆก็คือ มีความรู้ทางด้านจิตวิญญาณ ธาตุวิญญาณ มีความรู้ทางด้านนามธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 11:25:55 )

หัวหน้าปฏิวัติที่รวมหัวหน้าหลายหัวมารวมเป็นหัวเดียวคือประชาชน

รายละเอียด

สรุปก็คือ มิน่า นายกจึงมีนิคเนมว่า ตู่ เพราะคนขี้ตู่ท่าน ท่านไม่ใช่หัวหน้าเผด็จการหรือไม่ใช่หัวหน้าปฏิวัติ แต่ท่านมารับช่วงจาก ประชาชนผู้เป็นหัวหน้าปฏิวัติ ซึ่งรวมหลายผู้หลายคน หัวหน้าหลายหัว มารวมกันเป็นหัวเดียว

ตั้งแต่หัวที่ไม่มีหัว อย่างโพธิรักษ์ โพธิรักษ์ไม่มีตัวตน แต่ก็ไปร่วมเป็นหลักยืนหยัดยืนยันไปตลอดเลยตั้งแต่ พ.ศ. 2549 และ พ.ศ. 2557 ที่พลเอกประยุทธ์จะไปรับไม้ต่อ พ.ศ. 2557 จะเป็นหัวหน้า ผบ.ทบ. หัวหน้า คสช.มาก่อนก็แล้วแต่ 

อาตมาต้องการพูดแยกให้ชัดเจนว่า นายกประยุทธ์ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาขี้ตู่เลย ว่า

1. เป็นเผด็จการ นายกประยุทธ์นั่นหรือเผด็จการ..ไม่ได้เผด็จการเลย 

2. เป็นผู้ปฏิวัติ หรือเป็นผู้ทำรัฐประหารก็ไม่ใช่อีกด้วย ประชาชนปฏิวัติประชาชนทำรัฐประหาร ประหารรัฐบาลมาตั้ง 4 รัฐบาล จนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประชาชนทำทั้งนั้น ประชาชนปฏิวัติประชาชนทำรัฐประหารเลย ประหารรัฐบาลลงไปเรียบร้อย ด้วยความสุภาพสงบไม่ใช้อาวุธ ถูกต้องตามหลักกฎหมายสากลโลกเลย สำเร็จเรียบร้อย จนกระทั่งแสดงมวล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 14:50:58 )

หัวใจการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

การจะอ่านจิตของเรามีอารมณ์สุขอารมณ์ทุกข์ หรืออารมณ์ว่างๆ เป็น 3 อย่าง ว่างๆ ต้องอ่านอารมณ์เป็น อ่านอาการว่านี้เป็นสุข ธรรมะพระพุทธเจ้าตรงนี้แหละเป็นหัวใจศาสนา ต้องอ่านอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง อ่านอาการของจิตตัวเอง อาการอย่างนี้เป็นสุขนะ กำลังสุข เป็นสุขโลกีย์ เป็นเคหสิตโสมนัสเวทนา ก็อ่านออก หรืออันนี้เป็นสุขสงบคิดแบบไม่มีกิเลสเข้าไปปรุงร่วม ถ้าทำได้นะ แต่ถ้ารู้ว่ามีกิเลสอยู่แล้วเราก็แยกกิเลสออก แล้วพยายามทำให้กิเลสหมดไป อย่างนี้แหละคือการปฏิบัติธรรมแท้ๆไม่ได้ฟุ้งซ่าน แล้วต้องทำอย่างนี้ อ่านให้ออกเป็นเคหสิตะ เนกขัมมสิตะ มโนปวิจาร 18 ตัวนี้แหละคือ หัวใจการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ 

ต้องดูเวทนาในเวทนา การพิจารณาในจิตของเราเองที่สมบูรณ์แบบ ต้องมีเหตุปัจจัยตากระทบรูป   หูกระทบเสียง แล้วจะเกิดเวทนาที่เป็นความจริงเกิดในปัจจุบัน มีอาการนั้นแล้วแยกว่ามันบริสุทธิ์มีกิเลสร่วมหรือไม่ ถ้ามีกิเลสร่วมก็แยกกิเลสออก นี่คือคนปฏิบัติธรรมได้ถูกต้องได้ผลดีและพิจารณากิเลสนี้ ว่ามันมีอาการนี้มาผสมร่วม พิจารณาเลยเจ้าอาคันตุกะ อย่ามาแหลมหน้า เอ็งมันไม่ใช่จิตใจของข้า เอ็งมันเป็นตัวปลอม เอ็งเป็นตัวการใหญ่ ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส มาร เราหักยอดเรือนของเธอแล้ว พิจารณาจนกระทั่งมันจางคลายหายไปก็รู้ความจางคลาย  ความดับ จะเร็วขึ้นจนกระทั่งกระทบแล้วมันไม่เกิดเลยนี่คือบรรลุธรรม มันยังเกิดอีกก็รู้ทัน เมื่อใดก็รู้ทัน แล้วก็พิจารณาให้เข้าใจว่ามันเป็นไตรลักษณ์ มันไม่มีตัวตนไม่ใช่ตัวตนแท้หรอก เป็นของเกิดจากเราเองมีอุปาทานมาเก่า ก็เลยมาเกิดเพราะอุปาทานนั้นมันมีภวตัณหา เป็นตัณหาแล้วก็ออกมาทางกายวาจานั่นแหละเป็นตัณหาแท้ๆเป็นกามภพ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญคือคนที่เสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 19:28:32 )

หัวใจของนักประชาธิปไตย

รายละเอียด

คือ มี 3 เส้า 1.อิสระ 2.ไร้ตัวตน 3.มีใจจริงที่จริงใจ

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 181


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 14:47:29 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:29 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:25:42 )

หัวใจของประชาธิปไตย

รายละเอียด

วันนี้ตั้งใจพูดถึงการเมือง…

การเมืองเรื่องประชาธิปไตยอาตมาสรุปว่า ประชาธิปไตยหัวใจของมันคือ องค์ประกอบสำคัญ มีอะไร

1.มนุษย์

2.กษัตริย์

3.จิตวิญญาณ

ที่บอกว่ากษัตริย์ไม่ใช่ประธานาธิบดี ส่วนประธานาธิบดีนั้นไม่ได้มีการสืบต่อเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:40:41 )

หัวใจของประชาธิปไตยคืออะไร

รายละเอียด

ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าในยุคนั้นท่านทำได้ เนื้อหาหัวใจแท้ๆของประชาธิปไตยคือ 1 ไม่มีตัวตน ไม่มีอัตตา ไม่มีกิเลส 2. เสียสละแรงงานแรงกายแรงใจทำเพื่อผู้อื่นเพื่อมวลมนุษยชาติโดยไม่มีอคติ นี่คือยอดประชาธิปไตย ใครก็ตามที่ทำงานเป็นนักการเมือง มีคุณสมบัติทำงานแบบไม่มีอคติ ทำงานอย่างมีปัญญา อันนี้คุณจะได้ประโยชน์อันไหนก็ทำอย่างซื่อสัตย์ตามที่มีภูมิปัญญามีปฏิภาณว่าอะไรควรไม่ควร ไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร เสียสละรับใช้ตลอดเวลา ไม่ต้องการอะไรตอบแทนแลกเปลี่ยนไม่ต้องชมเชยไม่ต้องยกย่องเชิดชู หรือจะชมเชยยกย่องก็ไม่หลงระเริงอะไรเลย รับรู้ความจริงตามความเป็นจริง นี่คือเนื้อแท้คุณลักษณะคุณวิเศษของพระอรหันต์ คุณวิเศษของพระอาริยเจ้า นี่คือหัวใจของประชาธิปไตย 

ใครที่บอกว่าอย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมือง คนนี้โง่ที่สุดกว่าคนที่โง่ที่สุดในโลก 

เพราะคุณคิดอย่างนี้ นักการเมืองจึงไม่มีธรรมะ คุณไม่เอาธรรมะไปพูดกับนักการเมืองนักการเมืองก็ไม่มีธรรมะ มันจึงฉิบหายวายป่วงหมดเลย แค่นี้คุณทำความเข้าใจให้ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตนให้รู้ความเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:58:36 )

หัวใจของศาสนา หัวใจของทุกสิ่งทุกอย่าง

รายละเอียด

การจัดการบวกลบการจัดการสัญญากับสังขาร สังขารจะแตกออกไปเป็น มันจะปรุงแต่ง มันจะเกิดเป็นเวทนาก่อน เวทนาก็จะแตกเป็นเทว แตกเป็นธรรมะ 2 ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 60 คือหัวใจของศาสนาหัวใจของทุกสิ่งทุกอย่าง

ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60

เทวะ ตัวนี้ที่พูดถึง มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากที่เขาตีไม่แตกกัน เทวเลยกลายเป็นสภาพตัวตนเป็นเทวดา ความเป็นเทวดาก็เลยเป็นตัวตนมีสภาพเป็นวิญญาณ ความรู้ที่ยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวตน ถือว่าความจริงความรู้ในตัวเองเป็นธรรมะ 2 เป็นความจริงความรู้ เป็นความจริงความรู้ที่สูงสุดก็คือความลึกลับ ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเอง เป็นเทว ก็คนนี่แหละไม่รู้เทวไม่รู้จักธรรมะ 2 ทำให้ตนถูกบงการ แล้วก็ไม่รู้ตัวเทวะ ว่าคืออะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:16:17 )

หัวใจของศาสนาคือทำ 2 ให้เป็น 1

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจะแยก เทฺว ธมฺมา (ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง )  ล.10 ข.60 ที่อาตมาบอกว่านี่คือหัวใจของศาสนา 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ทำใจในใจ เข้าไปถึงเวทนา พิจารณากาย พิจารณาเวทนา พิจารณาจิต พิจารณาธรรมในธรรม พิจารณา 2 เวทนา 2 มีเวทนาเก๊กับเวทนาแท้ ไอ้ที่มันเทียมมันเก๊ ก็เพราะจิต มีราคะเข้ามาปรุง มีโทสะเข้ามาปรุง มีโมหะเข้ามาปรุง ราคะโทสะโมหะตามเจโตปริยญาณ 16 

ก็รู้จิตในจิตของเจโตปริยญาณ 16 อ๋อ.. มันเก๊ เพราะมันมีกิเลสมาผสมนี่เอง ราคะ หรือโทสะ หรือโมหะ ก็แยกให้ออกให้ได้ เป็น1 แท้ คืออันนี้ อันนี้ไม่แท้ ก็ทำให้ 2 นี้เป็น 1 ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ

เมื่อทำให้เป็น 1 ได้ จนกระทั่งคุณมีปัญญาเหนือ ชัดเจน มีพลังปัญญาของคุณ มีอำนาจ มีอภิภุยะ มีอิทธิพล เอ็งอย่ามาใกล้ กิเลสเอ็งอย่ามาใกล้  เหนือกิเลส มันไม่มาใกล้เพราะเป็นประสิทธิภาพของจิตจริงๆ ทำได้อย่างนี้แหละ พระพุทธเจ้าสรุปว่า เรารู้เราเห็น เป็นคนมีตา เป็นคนมีจมูกลิ้นกายใจ ถึงทั้งรู้ ทั้งเห็น ชานติ ปัสสติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 17:39:20 )

หัวใจของศาสนาคือมรรคมีองค์ 8

รายละเอียด

หัวใจของศาสนาคือมรรคมีองค์ 8 แต่ถ้าบอกว่าจรณะ 15 มันยากเกินกว่าที่จะรู้ เพราะมันมีมากกว่าหลายกว่า ภาคความรู้ปฏิบัติ 15 อย่าง แล้วต้องขยายความลงไปใน 8 อีก ก็มาสรุปลงเป็นมรรคมีองค์ 8 เอาความรู้ทั้ง 8 มาเป็นสัมมาทิฐิ แล้วก็กระจายความรู้ไปที่สติบ้าง ไปไว้ที่ความพยายามบ้าง นอกนั้นก็เป็นฐานในการปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นกัมมันตะอาชีวะ ใช้กรรมแท้อยู่ที่ สังกัปปะ วาจา กัมมันตะ อาชีวะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:10:22 )

หัวใจของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าอุบัติมรรคมีองค์ 8 จึงเกิด พระพุทธเจ้าอุบัติโพชฌงค์ 7 จึงเกิด อยู่ในพระไตรปิฎกมีประโยคเหล่านี้ เป็นการยืนยันถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดมรรคมีองค์ 8 โพชฌงค์ 7 ไม่เกิดไม่มีใครมาอธิบายได้เพราะเป็นหัวใจของศาสนาพุทธเป็นรูปนามคู่

จริงๆแล้วเป็นโพชฌงค์ 7 ขยายเป็นโพธิปักขิยธรรม 37 เทียบกันได้

1. สติสัมโพชฌงค์ . . --> สติปัฏฐาน 4 . 

2. ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ . --> สัมมัปปธาน 4 . 

3. วิริยสัมโพชฌงค์ --> อิทธิบาท 4 . 

4. ปีติสัมโพชฌงค์ --> อินทรีย์ 5 . 

5. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ --> พละ 5 

6. สมาธิสัมโพชฌงค์ . --> โพชฌงค์ 7 . 

7. อุเบกขาสัมโพชฌงค์ . --> มรรคมีองค์ 8 .

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2562 ( 12:45:48 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:50:09 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:27:37 )

หัวใจของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คือ"ความทุกข์ความสุข"

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 55


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 08:02:02 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:45:12 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:44:12 )

หัวใจของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ข้อ 60 ข้อนี้คือหัวใจของศาสนาพุทธ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 หมายความว่าเวทนามี 2 ทำให้รวมกันเป็นหนึ่ง โดยความรู้มีปัญญาว่ามันมี 2 เสมอ มีเวทนา 2 คือ 1 เวทนาแท้ กับ 2 เวทนาเก๊ ก็ดับเวทนาเก๊ ก็เหลือแต่เวทนาแท้ แล้วเราก็เรียนรู้แยกเวทนาแท้ คือเทวะนี่แหละ แยกจนกระทั่งรู้ว่าเทวะคือ มายาชนิดหนึ่ง คือความสุขความทุกข์ที่คนหลงผิด แล้วก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ยึดติดในความสุขความทุกข์ จิตก็ไม่สุขไม่ทุกข์ คุณไปทำจิตในจิต มนสิกโรติ ให้ได้อย่างที่อาตมาว่า สัมผัสอะไรแล้วกระทบสัมผัสมันมีเวทนา เวทนาเก๊แทรกแซงในเวทนาแท้สัมผัสทางตาเห็นมะเขือเทศ สีแดง ปรุงแต่งเป็นอร่อยน่ากินน่ากิน กิเลสขึ้นไป แต่ถ้าดูตามจริงมันก็เป็นมะเขือเทศสีแดงดูดี เห็นความจริงตามความเป็นจริงหนึ่งเดียว ก็จบ แต่ทีนี้คุณก็ยังไม่ได้ปรินิพพาน เป็นปริโยสาน ถ้าคุณทำใจถาวรเลยสัมผัสอะไรก็ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่มีเวทนาเก๊ เวทนา1 ที่เกิดอยู่ก็รู้ว่าเท่านั้นตามความเป็นจริง คุณก็อยู่กับมันไป จนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสานแล้วจะตายสูญ เพราะแยกธาตุเป็นอุตุธาตุ ไม่เป็นแม้แต่ พีชธาตุ จิตไม่ต้องพูดถึง ศาสนาพุทธแยกจิตนิยามได้ เราหักเรือนยอด ที่จริงมันเป็นตัวมารพระพุทธเจ้ารู้ทันว่ามารมันแปลงมาเป็น เทวปุตมาร เป็นเทวดาหลอกที่แท้มันคือมารใหญ่เลย เราหักเรือนยอดของท่านแล้ว หมดไม่มีอะไรเหลือ อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:24:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:52:09 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:28:25 )

หัวใจของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ในพระไตรปิฎกเล่ม 18 สังคัยหสูตรที่ 2 ข้อ 132 133 รูป ก็สักแต่ว่าเห็น ไม่ใช่เห็นอย่างเบลอๆ แต่เห็นว่าไม่มีกิเลสแฝงในความจริงนั้น เป็นคู่กระทบของอายตนะ นี่แหละเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ไม่ว่าจะเป็น ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบแล้วก็เห็นความจริงตามความเป็นจริง ข้อ 138 คนนั้นรู้ธรรมารมณ์แล้วมีสติไม่มีจิตคลายกำหนัด เสวยอารมณ์นั้น ทั้งไม่มีความติดใจในอารมณ์นั้นตั้งอยู่ บุคคลนั้นมีความรู้ธรรมารมณ์นั้น และเสวยเวทนาอยู่ทุกข์สิ้นไปไม่สั่งสมทุกข์เรากล่าวว่าใกล้นิพพานพระสูตรนี้แสดงตัวอย่างการดับเวทนาที่เป็นตัณหาดับผีที่ซ่อนในเวทนาคือตัณหา และยังมีเวทนาที่ดับตัณหาได้แล้วก็ยังเสวยเวทนาอยู่ เพราะอัตตาน้มีเวทนาอยู่ เวทนานี้เองที่ปลิดชีพวิญญาณของซาตาน อ้างอิงจากข้อ 63 ที่ผ่านมา พระไตรปิฎกเล่ม 10 แล้วจึงไปปล่อยไม่มีอัตตาในข้อ 64 เป็นลำดับ ถ้าพ่อครูไม่อธิบายเวทนาโดยส่วนสองอ่านให้ตายก็ไม่เข้าใจ นี่คือหัวใจของศาสนาพุทธ หากไม่รู้ชัดตรงนี้ไม่เป็นอรหันต์ได้ อาตมาเปิดเผยความลับมาเยอะแล้วนะ ความลับว่าอรหันต์อยู่ตรงไหนก็เปิดเผยนะ แต่ความลับที่น่าเปิดเผย อาตมาถึงต้องพยายามเอามาเปิดเผยเอามาโชว์ ใครไม่อยากฟังก็ยัดเยียด เพราะมันเป็นของดีที่สุด ไม่มีอะไรดีกว่านี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:16:02 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:54:35 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:28:52 )

หัวใจของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ข้อ 60 ข้อนี้คือหัวใจของศาสนาพุทธ  ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  เล่ม.10 ข้อ.60 หมายความว่าเวทนามี 2 ทำให้รวมกันเป็นหนึ่ง โดยความรู้มีปัญญาว่ามันมี 2 เสมอ มีเวทนา 2 คือ 1 เวทนาแท้ กับ 2 เวทนาเก๊ ก็ดับเวทนาเก๊ ก็เหลือแต่เวทนาแท้ แล้วเราก็เรียนรู้แยกเวทนาแท้ คือเทวะนี่แหละ แยกจนกระทั่งรู้ว่าเทวะคือ มายาชนิดหนึ่ง คือความสุขความทุกข์ที่คนหลงผิด แล้วก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ยึดติดในความสุขความทุกข์ จิตก็ไม่สุขไม่ทุกข์ คุณไปทำจิตในจิต มนสิกโรติ ให้ได้อย่างที่อาตมาว่า สัมผัสอะไรแล้วกระทบสัมผัสมันมีเวทนา เวทนาเก๊แทรกแซงในเวทนาแท้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:48:47 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:56:39 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:43:29 )

หัวใจของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

พวกเราศึกษาไปก็จะมีพัฒนาการในการปฏิบัติธรรมมีอานิสงส์ในการฟังธรรมต่างจากพวกที่เป็นนั่งปฏิบัติสมาธิหลับตาก็จะไม่อยากจะยุ่งกับใคร ซึ่งเขาไม่มีความคิดแบบไหนเอาอะไรคิดว่า ศาสนาพุทธให้ไปนั่งแบบนั้นนานๆ และไม่ต้องคิดอะไรมาก ทั้งที่ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าเทศนาไว้เยอะอธิบายไว้เยอะ ไม่เห็นมีบอกว่าให้นั่ง มันมีแต่ละที่นั่งก็เอามาประกอบอยู่ไม่มาก แต่ไม่ใช่หลักปฏิบัติของศาสนาพุทธ แล้วท่านก็อธิบายว่าแม้จะมานั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงจะนั่งในป่าในเขาถ้ำ ก็ดี หรือภาษาบาลีว่า วา เช่น อยู่ป่า วา อยู่เขา วา ก็คือจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ต้องปฏิบัติให้ได้คือ ลงท้ายคุณจะต้องรู้จักตามเห็นความไม่เที่ยง ตามเห็นความจางคลายของกิเลส ทบทวนทำให้กิเลสลดลง ทำความดับของกิเลส คุณจะปฏิบัติอะไรก็แล้วแต่ หัวใจของศาสนาพุทธอยู่ตรงนี้ ท่านไม่ได้ตีทิ้ง เพราะถ้าตีทิ้งก็ไม่รู้จะสอนใครเพราะมันนั่งกันหมด ตอนนั้นไม่มีใครออกมาเป็นพุทธเลย ท่านก็เลยต้องอนุโลมอธิบายจากการนั่ง แต่ว่าอาตมาไม่ใช่พระพุทธเจ้า อาตมาเกิดมามีศาสนาพุทธแล้วก็ตีทิ้งพวกนั้นเท่านั้นเอง เพราะเป็นพุทธแท้ๆยังโง่ไปทำแบบนั้นอีก อาตมาทำไม่เหมือนพระพุทธเจ้าตรงนี้ ก็พยายามบอกความจริงอย่างแรงๆให้รู้ อาตมาเอาธรรมะพุทธเจ้าอธิบายให้พวกเราฟัง ก็ทำให้พวกเรามีความรู้แตกฉานกันมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แบบนั่งหลับตาสะกดจิตเลย ตรัสรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ไม่ใช่ตรัสรู้ด้วยการสะกดจิตดับลงไป ไม่ใช่ แบบนั้นมันเข้าใจแบบฤาษี ผิดไปอีกฟากหนึ่ง เป็นพวกเดียรถีย์ลัทธินอกพุทธ พูดอย่างไรเขาก็ไม่ฟังที่อาตมาพูดหรอก เพราะเขายึดมั่นถือมั่นแบบนั้นแล้วน่าสงสาร แต่อาตมาก็จำเป็นต้องพูดเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:09:06 )

หัวใจของศาสนาพุทธคือ การทำจิตให้เป็นอุตุ พีชะ ตอนเป็นๆ

รายละเอียด

การทำจิตให้เป็น อุตุนิยาม พีชะ ตอนเป็นๆ อันนี้แหละเป็นหัวใจเลยนะ เป็นหัวใจของศาสนาพุทธเลย อาตมาก็เคยย้ำตรงนี้เป็นหัวใจของศาสนาพุทธ ตรงที่ ทำจิตให้เป็นอุตุ ทำจิตให้เป็น พีชะ ถ้าทำจิตให้เป็นอุตุในขณะตอนเป็นๆ นี่แหละ อุตุเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม อุตุนิยามเป็นมหาภูต ส่วนพีชะเป็นภูตคาม แล้วก็สูงขึ้นไปเป็น ปาณะ หรือเป็นเจตภูต จนเจริญเป็นสัตตะ ก็เป็นจิตนิยาม อาตมาเคยได้แจกแจง ภูต ตามนี้บ้างแล้ว 

มหาภูตเป็นดินน้ำไฟลม ความเข้าใจของคน แล้วก็ทำใจในใจ มนสิกโรติ หรือเต็มๆก็คือ การทำใจในใจก็คือมนสิการ ผู้ทำใจในใจของตนเป็น หรือทำใจในใจของตนได้ เช่นที่ถามมา ทำใจของตนให้มีลักษณะเป็นอุตุ เป็นดินน้ำไฟลม เขาบอกว่าเขาเข้าใจเรื่อง พีชะ เป็นพืช พืชมันเป็นชีวิตแล้ว ชีวะแล้ว แต่เป็นชีวะที่มีเจตสิกไม่ครบ มีขันธ์ไม่ครบ พืชมีแค่ สัญญากับสังขารขันธ์ มีรูป ไม่มีเวทนาขันธ์ ไม่มีวิญญาณขันธ์ ส่วนจิตเป็นสัตว์ขึ้นไปแล้ว มีครบขันธ์ 5 มีทั้งเวทนาขันธ์ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ผู้ที่ไม่มีเวทนาก็ไม่มีความรู้สึกทุกข์สุข

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิคนวรรณะ 9 เป็นคนรวยที่จน เป็นคนจนที่รวย วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 11:02:54 )

หัวใจของศาสนาพุทธคือ ทำเวทนา 2 ให้เป็น 1

รายละเอียด

เวทนาคืออะไร จุดนี้สำคัญมาก ถ้าไม่มีเวทนา คนที่ไม่เข้าใจเวทนาไม่มีเวทนาจบเห่ ก็จะไม่มีกรรมฐานที่จะปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรแรกคือพรหมชาลสูตร ท่านยืนยันไว้เลย ลงท้ายของแต่ละหมวดที่ท่านอธิบาย ตั้งแต่ข้อ 1 จนกระทั่งถึงข้อ 89 แล้วท่านก็สรุป ลงท้ายมาหลายข้อแล้ว ที่จะสรุปว่า 

“[77] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณพราหมณ์เหล่าใดมีทิฏฐิ

ว่าเที่ยง ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยเหตุ 4 ประการ เขาเหล่านั้นเว้นผัสสะแล้วจะรู้สึกได้ นั่นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้.”

 หมายความว่า คุณไม่มีผัสสะ แล้วคุณจะมีเวทนา ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ไม่มีฐานที่จะเกิด ไม่มีที่ตั้งของเวทนา ไม่มีแหล่งของเวทนาให้ปรากฎอยู่ให้คุณได้เห็นได้รู้ได้ศึกษา ได้จัดการปฏิบัติ ไม่มีอะไรทั้งนั้นให้คุณได้ปฏิบัติเลย ไม่มีฐานไม่มีที่ตั้ง 

เพราะฉะนั้น เวทนาจึงเป็นที่ตั้งเป็นจุดสำคัญ เป็นแหล่งสำคัญ ที่คุณจะต้องมี เพื่อปฏิบัติ พระพุทธเจ้าท่านสรุปรวมหมดแล้วว่า จะปฏิบัติธรรมนั้นเน้นตรงที่เวทนาเป็นตัวสำคัญ แล้วทำเวทนานี้ให้เป็น 1 ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 

สรุปไว้ครบครัน อาตมาถึงบอกว่านี่คือหัวใจของศาสนาพุทธอยู่ตรงนี้เล่ม 10 ข้อ 60 เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ตรงนี้ศึกษากันให้ดีๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:24:12 )

หัวใจของศาสนาพุทธคือล้างโลกียะให้เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

ก็ให้มันพร้อมปฏิบัติธรรมหน่อย ก็ขอย้ำต่อคนทั้งหลาย คนที่ไม่สนใจในเรื่องธรรมะ..ชีวิตหลงงมงายวุ่นวายอยู่แต่กับลาภยศสรรเสริญโลกียสุขมันเป็นโมฆะ มันเป็นชีวิตที่โมฆะ สูญเปล่าทิ้งเปล่า ไม่สนใจธรรมะ สนใจธรรมะทุกวันนี้ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ สนใจก็ยิ่งไปเติมกิเลส ไปหาวัดวาพระเจ้าที่เขาจะพารวยในลาภยศสรรเสริญสุขเละเทะไปหมด มันก็เลยยิ่งน่าสงสารใหญ่เลย เขาว่าไปหาธรรมะนะ แต่ที่จริงเป็นอธรรม  ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็คือต้องล้างโลกียให้เป็นโลกุตระ นี่คือหัวใจของศาสนาพุทธคือล้างโลกียะ เป็นหัวใจ แต่ก็ไม่ชัดอย่างว่าแหละมันก็ไม่ง่าย มันยาก มันเป็นธรรมะที่ทวนกระแสโลกีย์ แต่ก็ธรรมะพระพุทธเจ้าที่มีมรรคมีผลที่เกิดมาช่วยมนุษยชาติมาตั้ง 2 พันกว่าปีแล้ว มันเสื่อมไปจนน่าสังเวชใจ ไม่รู้คุณค่าไม่รู้ถึงเป้าหมายสาระที่เป็นโลกุตระธรรม มันเป็นโลกีย์แถมเลอะเทอะอีกด้วย โลกียะแบบเดรัจฉานวิชา ไสยศาสตร์วิชา เป็นเรื่องอบายมุขไป มันน่าสงสารจริงๆมนุษยชาติทุกวันนี้

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:39:35 )

หัวใจของศาสนาพุทธคือแยกกายแยกจิตเป็น

รายละเอียด

อธิบายสภาพ อุตุ พีชะ ของเล็บพีชะไม่มีเวทนา ไม่มีความรู้สึก ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่บาปไม่บุญ

ฟังดีๆนะ เป็นหัวใจศาสนาเลย ถ้าแยกกายแยกจิต ให้เป็นอุตุ เป็นพีชะ จิตนิยาม แยกอย่างนี้ ปรุงแต่งอย่างนี้เป็นพืชะ ปรุงแต่งนี้เป็นอุตุ ถ้าเข้าใจอย่างสัมมาทิฏฐิไม่ได้ คุณทำกรรมการกระทำให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ คุณก็ไม่ถึงธรรม จะเป็นอรหันต์ทำนิพพาน ทำนิโรธธรรม ทำไม่ถึง ทำไม่ได้ คุณต้องเข้าใจอุตุ พีชะ จิต อย่างสำคัญเลย ต้องแยกให้ชัด ถ้าแยกไม่ชัด ไม่เข้าใจ แล้วทำไม่ถูกไม่ตรง หมดทาง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 21:07:36 )

หัวใจของศาสนาพุทธอยู่ที่เวทนา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมก็คือการรู้ 2 และทำให้เป็นหนึ่ง ตามที่พระพุทธเจ้าสอนในพระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 60 ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60

นี่คือหัวใจของศาสนาพุทธทำ 2 ให้เป็น 1 ทำที่ไหน ทำที่เวทนาที่เป็นหัวใจ ของมนุษยชาติ เอาที่สุดติดที่สุดคือ ติดสุข จนกระทั่งพระเจ้าเป็นเจ้าของสุขนิยม เทวนิยมเขาตีเทวไม่ออก ก็เลยกลายเป็นว่าไปติดสุขก็เป็นอย่างนั้นแหละ ตถตาเขาก็ต้องติดอยู่อย่างนั้น เพราะเขาไม่รู้ แต่เขาก็เป็นแกน คุณรักษาความสุขเอาไว้ เราเข้าใจแล้วความสุขมันเป็นมายาของทุกข์ คุณจะเอาสุขคุณก็ได้ทุกข์อยู่อย่างนั้น สุขทุกข์มันแยกไม่ได้หรอก เหมือนกระดาษแผ่นเดียวนี่แหละ คุณจะเอาหน้าไหนไม่เอาหน้าไหน จะบอกว่าเอาหน้านี้หน้าเดียวไม่เอาอีกหน้า คุณจะเอาไปลอกอย่างไรให้เหลือหน้าเดียว ลองทำดูอย่างไรอย่างไรกระดาษคุณก็ต้องมี 2 หน้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 21:14:17 )

หัวใจของสาธารณโภคีคืออะไร

รายละเอียด

เข้าเรื่องพวกเราดีกว่า วันนี้วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ขึ้น 2 ค่ำเดือนยี่ ปีชวด คือปีที่ 1 ฉลูวัว 2 ขาลเสือ 3 

เจาะลงไปถึงหัวใจของสาธารณโภคี แล้วก็พูดถึงภาษาคำว่าสาธารณโภคี 

คำว่า สาธารณะ กับคำว่า โภคี 

โภคี หมายถึง การบริโภคทั้งอุปโภคและบริโภค บริโภคหมายความว่ารับมาใช้สังเคราะห์สังขาร ใช้ภาษาไทยๆคือ การกินประกอบไปด้วยเครื่องกิน การใช้ประกอบไปด้วย เครื่องใช้ รวมหมดเลยเรียกว่าบริโภค ในมนุษย์ร่วมกัน ก็คือกินใช้ร่วมกัน 

สรุปง่ายๆ มีของส่วนกลาง ทรัพย์สินเงินทองข้าวของเครื่องกินเครื่องใช้ก็ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ส่วนกลางเป็นเจ้าของแล้วแต่ละคนไม่ได้ยึดติดว่าเป็นของตัวคนเดียวหรือเป็นของพวกตนเองเท่านั้น ใครๆก็มีสิทธิ์ร่วมกินใช้ตามเหมาะสมควรในที่นี้ ไม่ใช่ว่า ใครจะเอาไปขายเป็นของส่วนตัว  ใครจะเอากักเก็บเป็นของส่วนตัว อันนั้นผิด ไม่กักไม่เก็บเป็นของส่วนตัว

ใครดูแลรักษาบูรณะเอาไว้ ให้ร่วมกินร่วมใช้กัน ยังชีพกันไปจนตาย ก็ช่วยกันเผาสลายสรีระร่างให้เป็นขี้เถ้าให้เป็นผุยผงไปอย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่น วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:49:57 )

หัวใจชาวอโศกพึ่งแก่พึ่งเจ็บพึ่งตายกันได้

รายละเอียด

ซึ่งเป็นนัยธรรมดาที่คนมีปฏิภาณสามัญ ก็เข้าใจ แล้วยิ่งเป็นคนอโศกแล้วก็ไม่เข้าใจไม่มีน้ำใจจะช่วยผู้อื่นนั้น อาตมาว่าคนนี้ไม่ได้มีหัวใจชาวอโศก ไม่มีสาระสำคัญของชาวอโศกที่มีสาระคือ พึ่งแก่พึ่งเจ็บพึ่งตายกันได้ เราอยู่กันอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ อบอุ่นเพราะมีเนื้อหาสาระสำคัญ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเงินเงินทองทองวัตถุสมบัติอะไร อยู่ที่น้ำใจและพฤติกรรม แล้วก็ทำให้มันจริง ส่วนอื่นๆนั้นเราเข้าใจเป็นเรื่องรอง เรื่องจะต้องทำมาหากิน ทำได้แล้วก็อย่าไปตะกละตะกราม ไม่ติดอะไรมากมาย ก็อยู่พอกินพอใช้อย่างที่พวกเราทำสบาย นอกนั้นก็พึ่งพาอาศัยกัน อย่างพวกเรานี่อาตมาเห็นมีน้ำใจช่วยเหลือกันต่างๆนานา เรียนรู้กัน เอาแบบอย่างกันในสิ่งที่ดี 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 10:35:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:57:08 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:41:38 )

หัวใจศาสนา

รายละเอียด

ที่เราพูดถึงอาการ ลิงค นิมิต อุเทศ ในพระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 60 พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในมหานิทานสูตร เป็นหัวใจศาสนาเลยเป็นสิ่งสำคัญ มี ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 เขาบอกว่าอริยสัจ 4 เป็นหัวใจของศาสนาพุทธก็ใช่ แต่อันนี้จะไปถึงเวทนาเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2563 ( 19:09:40 )

หัวใจศาสนาพุทธ

รายละเอียด

สอนสุขกับทุกข์ ไม่ใช่สอนที่ดีหรือชั่วที่เป็นสมมติ จะสุขหรือทุกข์นี้เป็นปรมัตถ์ ในการเรียนรู้ทุกข์ เราจะรู้องค์ประกอบที่เป็นกระบวนการเกี่ยวข้องอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆรวมกันหมดเลย

เมื่อเราสามารถวิจัยธรรมะ 2 นี้ออกแล้วก็ล้างตัวกิเลสที่เป็นตัวเลวร้ายมาก มันทำร้ายทั้ง ปรมัตถ์และสมมุติ มันไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ถ้าเรามาเรียนรู้สุขทุกข์และลดความสุขความทุกข์มันจะทำลายตัวกิเลส เพราะกิเลสทำให้เกิดสุขเกิดทุกข์ เมื่อทำให้หมดสุขหมดทุกข์ก็จะทำให้ดีและชั่วดีขึ้นด้วย แต่จะไปทำร้ายแต่ดีแล้วชั่วนั้นไม่ถูก คุณไม่มีวันที่จะสามารถแก้ไขจิตวิญญาณได้สำเร็จสะอาดสมบูรณ์ เพราะ สุขทุกข์เป็นเวทนา ดีชั่วนั้นแล้วแต่เขาจะสมมุติ ประเทศนี้ถือว่าดี อีกประเทศถือว่าชั่ว มันก็ไม่ตรงกันหรอก สมมุติคนละอย่างกัน ดีชั่วเป็นสมมุติ แต่ในปรมัตถ์ ความสุขความทุกข์นั้นเหมือนกันหมด ที่เหมือนกันเพราะว่ามีการยึดถือ ภาษาสิริมหามายา คุณยึดถืออะไรเพราะคุณชอบ คุณได้ตามที่คุณยึดถือคุณก็มีความสุข เมื่อคุณยึดถืออะไรแล้วคุณไม่ชอบ คุณได้มาคุณก็ไม่สุข

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:11:30 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:58:00 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:40:31 )

หัวใจศาสนาพุทธคืออะไร

รายละเอียด

นี่คือหัวใจศาสนาพุทธ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 แยกเวทนา เวทนาที่เป็นอารมณ์ของทุกข์ สุข หรืออารมณ์เก๊ แล้วมันก็มีเหตุ ดับเหตุที่เป็นเวทนาเก๊ สุข ทุกข์ ความสุขความทุกข์เป็นอันเดียวกัน แต่มายาของความสุขมันหลอกให้คนไปติด ที่จริงคุณแยกไม่ออกหรอก เมื่อแยกไม่ออกควรต้องดับมันทั้งความทุกข์ความสุข ถ้าให้คุณไปดับความสุขมันยากใครก็ไม่อยากดับ ต้องเรียนรู้ทุกข์ ไปเรียนรู้ความสุขและดับมันยาก ต้องเรียนรู้ความทุกข์นี่คือความฉลาดของพระพุทธเจ้าเมื่อดับความทุกข์ความสุขก็หมดไปด้วย อทุกขมสุข จิตก็เหลือแต่อุเบกขาเวทนา จิตกลางๆ ไม่ได้เป็นความเฉยเด๋อ ต้องรู้อย่างตื่นตัวเต็มที่ ไม่ใช่อยู่กลางๆอย่างจิตใจไม่นึกคิดอะไร จิตเด๋อ เป็นอุเบกขาเก๊ๆ ไม่ใช่อุเบกขาของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 14:49:07 )

หัวใจเป็นอุปกรณ์ คือสรีระ

รายละเอียด

หัวใจนั้นเป็นอุปกรณ์ คือสรีระ ปรุงแต่งขึ้นมาเป็นเนื้อหนังมังสากล้ามเนื้อเอ็น มีเลือดอะไรไปเลี้ยง มีเส้นเลือด มีกล้ามเนื้อ จนกระทั่งใช้งานสูบฉีดโลหิต มีเส้นเลือดลำเลียงไปจนถึงส่วนต่างๆของร่างกาย หัวใจนั้นควบคุมเลือดเป็นหลัก เลือดเป็นธาตุสำคัญของชีวิต อาศัยเลือดวิ่งทำงานในร่างกายทั้งหมดเลย ทางการแพทย์เขาก็เรียนเลือดเป็นหลักเอาเลือดไปตรวจว่าเป็นอะไร ตัวพลังงานที่เล็กที่เป็นตัวเซลล์ ตัวพลังงานที่เป็นชีวะ เล็กที่สุด ที่อาศัยต่างๆนานาสารพัดชื่อ ที่มันทำงานอยู่ในนี้มันว่าธาตุนั้น ธาตุนี้ วิตามินอย่างนั้นอย่างนี้ ก็พอเข้าใจกัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 14:12:28 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:58:51 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:32:54 )

หัวใจในการปฏิบัติธรรม

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงวิชชาและจรณะ แต่อัมพัฏฐะ ไม่รู้เรื่องได้แต่ท่องภาษาไปทางเดียรถีย์ เข้าใจแบบมิจฉาทิฏฐิ มันก็เลยไม่ได้เรื่องอะไร พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้นไม่ถูก ให้มาทำอย่างนี้สิถึงจะถูก แล้วก็จะได้ผลจริง ให้มาสู่สัมมาทิฏฐิ แต่ยังไม่ได้ให้สัมมาทิฏฐิให้กับ อัมพัฏฐะ ซึ่งเขายังไกลจากสัมมาทิฏฐิ ท่านก็อธิบายย่นย่อเข้าหา สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ มีสติสัมปชัญญะ แล้วก็มีสันโดษ  4 ตัวนี้ มีศีลอันเป็นอริยะ มีสำรวมอินทรีย์อันเป็นอริยะ มีสติสัมปชัญญะอันเป็นอริยะ มีสันโดษอันเป็นอริยะ อธิบายมาตั้งแต่สามัญญผลสูตรแล้ว พระสูตรที่ 2 อธิบายมาแล้ว 4 ข้อนี้ ปฏิบัติศีลแล้วก็ให้สัมพันธ์กับสติปัญญา ลดกิเลสได้เป็นวิมุติ นี่เรียกว่าอาริยะ สำรวมอินทรีย์คือตาหูจมูกลิ้นกาย ต้องเปิดรับสัมผัส แล้วก็รู้จักสภาวธรรมได้ แยกกิเลสได้ เรียกว่าการสำรวมอินทรีย์ มีสติสัมปชัญญะรู้ดี สัมผัสแล้วก็จับอาการสังขารวิญญาณนามรูปได้ แล้วไปถึงตัวเวทนา เวทนาเป็นฐานที่ตั้งแห่งกรรมฐาน เป็นฐานที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ ซึ่งอาตมาก็ไม่รู้จะย้ำยืนยันอย่างไร ถ้าคุณไม่มีเวทนา ไม่มีฐานที่ตั้ง พระสูตรแรกคือพรหมชาลสูตร พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ ถ้าไม่มีเวทนาไม่มีผัสสะก็ไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติ มันจะมีความดิ้นรนแส่หาของกิเลสตัณหา เท่านั้น มันปฏิบัติอะไรไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีเวทนาให้อ่าน ท่านสรุปลงเป็นหัวใจเลยว่า ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 เป็นหัวใจในการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรมโดยมีภาวะ 2 เทวธัมมา เวทนาก็เป็นเวทนา 2 เราต้องรู้ความรู้สึกที่สัมผัสกับอะไรทางตาหูจมูกลิ้นกาย มันเป็นภาวะจริงของความรู้สึก แล้วมีภาวะผีหลอก ภาวะเก๊ เวทนาผีหลอก เวทนาเก๊ เป็นคู่กัน เป็น2 เป็นเทวเยน เวทนายะ ก็เรียนรู้เวทนาที่มันเกิดจากตัณหาอุปทานเรานี้ เมื่อสมใจมันก็ชอบหรือชัง ไม่สมใจก็ชังหรือโกรธ ก็ต้องรู้ตัวเหตุที่เป็นตัณหาที่ออกมาจากอุปทาน เป็นตัวนิ่ง เมื่อมันเคลื่อนที่ออกมาก็เป็นอาการของตัณหาเป็นตัวเคลื่อนที่ขึ้นมา จับอาการของมันให้ได้ แล้วพิจารณามัน มันเป็นอาการหลอก อาการไม่เที่ยง มันเป็นตัวปลอม มันมา นอกจากเราหลงและอวิชชาเข้าใจผิดว่ามันทำให้เราเป็นอย่างนี้ ติดมันมาหลงมันมารู้สึกว่าเป็นสุข ที่จริงแล้วไม่มีหรอก มันไม่มีตัวสุขตัวทุกข์ แต่มันมีแต่ความรู้สึกเวทนาที่เป็นตัวจริง เห็นก็เห็นอย่างนี้เหมือนกันหมดไม่ว่าใครเห็นเหมือนกัน จะเรียกเป็นภาษาอะไรต่างๆก็แล้วแต่ แต่คนรู้ด้วยสภาวะธรรมก็จะรู้เหมือนกันหมด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 17:18:11 )

หาก “ทิฏฐิเดิม” ไม่บรรลุ ลองเติม “ทิฏฐิใหม่” ดูบ้าง!

รายละเอียด

เนื่องจาก“ทิฏฐิ”ที่ตนเองปฏิบัติอยู่เดิม“มันไม่พาบรรลุได้” หรือ แม้บรรลุมันก็ไม่เหมือนอีก“ทิฏฐิ”ใหม่ที่แตกต่างจากตนอยู่ ครั้นได้เปลี่ยนไปปฏิบัติตาม“ทิฏฐิ”อื่น (ปร,อัญญะ) ดูบ้าง โดยตรวจสอบพิจารณา“ทิฏฐิ”ที่ตนเองมีเดิมนั้น และก็ปฏิบัติได้ผลนั้นมาแล้ว หรือยังไม่ได้ผลบรรลุธรรมสักที เทียบเคียงกับการปฏิบัติด้วย“ทิฏฐิใหม่”นี้ว่า มี “มรรค”มี“ผล”ที่แตกต่างจากที่ตนมีตนได้กันแต่เดิม กับที่ได้ใหม่ดีๆ ว่า.... “ทิฏฐิ”อย่างไหนมันควรจะถูกต้องตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแท้จริงกว่ากัน ถ้าไม่อคติ หรือ ไม่หลงยึดมั่นถือมั่นใน“ทิฏฐิ”ของตนจนเกินไปโดยคุณมี“ปรโตโฆสะ”เสียบ้าง เปลี่ยน“การทำใจในใจ (มนสิการ)” กันมา“ทำใจในใจ”แบบใหม่ดูบ้าง ก็น่าจะมี“ผล”ให้ได้ตรวจสอบกันจริงๆนะ!  แล้วคุณก็จะได้รู้ยิ่งเห็นจริงได้ด้วยตน“เอง” 

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2  หน้า 416 ข้อที่ 564


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 13:53:56 )

หากจะตายพ่อครูคงตายตอนนอนหลับ 

รายละเอียด

ถือศีล 5 ให้ได้ นี้เป็นมาตราฐานขั้นต้นจริงๆ ก็ ศีลข้อ 1 2 3 ส่วนศีลข้อที่ 4 เป็นวาจา ศีลข้อที่ 5 เป็นจิต 

จิตเป็นตัวประธาน วาจาเป็นตัวขยายผล คู่นี้ จิตก็เป็น Static วาจา ก็เป็น Dynamic  ก็เป็นคู่ 

ฉะนั้นฐานจริงก็เป็น 3 ศีลข้อ 1-3 เป็นสมบูรณ์ ก็เคยขยายความมาบ้างแล้ว ก็ค่อยๆ ฟังไป มันยังมีนัยยะละเอียดที่อาตมาจะอธิบายได้อีกไม่น้อย อธิบายไปถ้าอายุ 120 ก็อธิบายได้อีกยาว ทำเป็นชื่นใจพอพูดจะอยู่ไปถึงอายุ 120 ซึ่งอาตมาทุกวันนี้ ไม่รอ ไม่หวัง แต่เราทำ 120 นี่ ไม่รอ ไม่หวัง เราทำไปเรื่อยๆ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น 

อาตมายังรู้สึกเลยว่า อาตมาคงจะตายไม่รู้ตัวหรอก มีแต่พยายามจะเป็น จะเป็น จะไม่ตาย จะไม่ตาย  แต่พอมันตายนี่มันก็คืออยู่ในภาวะที่อาตมาต้องพักผ่อน อาตมาต้องดร็อปตัวเองหรือต้องดับตัวเอง ใช่ไหม..พักผ่อน มันคงจะอาศัยช่วงนั้นแหละไปเลย เท่าที่อธิบายนี้พอเข้าใจใช่ไหม มันเป็นสัจจะอย่างหนึ่ง มันสุดวิสัย มันสุดฝืนแล้วมันก็ไปเอง 

ไม่ได้ตั้งใจจะตาย ตั้งใจจะต่อ แต่มันต้องตายก็ต้องตาย ก็เอา แล้วแต่ ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาเข้าใจ พวกเราก็คงเข้าใจแล้ว ไปกลัวอะไรเกิดตาย ข้อสำคัญคุณชัดตัวเองไหมเล่าว่า ทุกวันนี้ คุณพอมีกุศล มีวิบากดีมากพอได้อาศัยว่า เกิดชาติหน้า ชาติหน้าไม่ตกต่ำกว่าชาตินี้แน่นอน โดยเฉพาะนี่ อย่าให้มันไปเป็นเดรัจฉาน อย่าให้มันไปเป็นสัตว์นรกอะไรกัน เกิดมาชาติหน้า ก็จะต้องได้เป็นมนุษย์ 

และมนุษย์ก็คงจะไม่ตกต่ำอะไรมากนัก เพราะเราก็เก็บสัมภารวิบาก สัมภารวิบากที่เราสะสมกันด้วย สัมภารวิบาก ก็ทำจริงไป มันมีจริงเป็นจริง มันก็ได้จริง มันไม่ถึงขีดถึงเกณฑ์ของสัจจะ คุณจะไปเอามาจากไหนล่ะ ไปซื้อจากห้างขายยาจะมีขายไหม ห้างนั้นน่ะ Supermarket หรือห้างอะไร ศูนย์การค้าใหญ่โตมโหฬาร มันก็ไม่มีขาย คุณก็จะต้องทำ กรรมใครกรรมมัน วิบากใครวิบากมัน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 16:59:38 )

หากจะมาดูโลกุตระต้องมาดูที่อโศก

รายละเอียด

พูดแล้วเขาจะหมั่นไส้ว่าหลงตัวเอง แต่มันน่าสงสารที่เขาถูกครอบงำอย่างผิดมา พูดแต่ความจริงใจจริงๆเขาน่าสงสาร ทำไมหลงยึดมั่นถือมั่นกันขนาดนั้น อาตมามันขี้เหร่มากเกินไปหรือยังไงพูดยังไงเขาก็ไม่ฟัง อาตมาว่าอาตมาก็ไม่ได้พูดจาขี้เหร่ขนาดนั้น หน้าไม่ได้ขี้เหร่ แต่มันพูดขี้เหร่ พูดแล้วไม่เข้าหูคน ก็คนที่แสวงหาซึ่งจะเข้าหูแต่คนที่ไม่แสวงหาคนที่ปฏิเสธก็ไม่เข้า 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2563 ( 15:13:27 )

หากชาวราชธานีอโศก 80 เปอร์เซ็นต์ ทำกสิกรรมจะไปได้ดีมาก

รายละเอียด

พวกเราชาวอโศกก็เถอะ แม้แต่ชาวราชธานีช่วยกัน พยายามลงไปทางโน้นให้เยอะ ซึ่งอันอื่นก็สำคัญ แต่ถ้าอันไหนพอจะไปทำทางกสิกรรมให้มาก อาตมาว่าเอาให้เด่นเลย 

เช่น ชาวบ้านราชฯนี่ ประมาณ 1,000 เป็นกสิกรสัก 800 นอกนั้นอีก 200 แบ่งไปทำหน้าที่อะไรอย่างอื่น แล้วจะไปได้ดีมากเลย 

นี่ไม่ใช่อาตมาพูดเลอะๆเทอะๆไป แต่เห็นความสำคัญในความสำคัญนี้จริงๆ จึงพูดให้เห็น แล้วพวกเราก็ทำได้ดีด้วย ทำพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ดี ไร้สารพิษ แล้วก็เต็มไปด้วยคุณภาพ นี่ดูสิ จับหัวกระหล่ำปลีดังกร๊อบเลย ใบแก่ก็เอาไปผัดน้ำมันหอยราดซีอิ๊วดีๆได้ขึ้นเหลา จริงนะ ชั้น 1 เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้โลก 9 แบบ จนเป็นมนุษย์พืชมหัศจรรย์ วันพุธที่ 19 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2565 ( 05:02:12 )

หากชีวิตรูปอวิชชาก็ซวย

รายละเอียด

1. มันมีอยู่ 2.มันตาย มันมีกำลังมากกำลังแรง ที่เป็นอวิชชาหรือกำลังมากกำลังแรงที่เป็นวิชชา หากกำลังมากกำลังแรงของอวิชชา คุณก็ซวย หากกำลังมากกำลังแรงของวิชชา คุณก็เฮง หากชีวิตรูปวิชชาก็เฮง หากชีวิตรูปอวิชชาก็ซวย ถ้าเป็นชีวิตินทรีย์ที่มาก ที่เป็นสิ่งที่ดี ที่เป็นวิชชา คุณก็เฮง 

ต้องให้ชัดเจนว่าเป็นธาตุโลกียะหรือเป็นธาตุโลกุตระ ถ้าเป็นโลกียะมันไม่จบ แต่ถ้าเป็นโลกุตระมันจบได้มันเป็น 0 ได้ ชีวิตินทรีย์ก็เป็น 0 ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:59:54 )

หากตั้งจิตอธิฐานขอให้อายุยืนยาวได้ทำงานศาสนาเต็มที่ จะสามารถรอดพ้นความตายในครั้งนั้นๆ ได้ไหม

รายละเอียด

ก็ตอบไม่ได้อีก อาตมาว่าอย่าไปคิดแทนท่านเลยเรื่องเหล่านี้ จริงนะอาจจะเป็นเพราะว่า คุณอยากรู้เผื่อว่าคุณอยากจะไปทำอย่างนี้บ้าง ก็เลยถามมา อาตมาก็ตอบตามประเด็นที่อาตมาพูดไป เอาเถอะ 

ซึ่งถ้ามันมีวิบากมีเหตุปัจจัยครบถ้วน ระมัดระวังแล้วนะแต่เหตุปัจจัยมันครบถ้วน ซึ่งเราก็ไม่รู้ได้ว่า ที่มันจะจรมาในอนาคต เช่น คนนี้ ก็เรื่องของมันไม่ได้เกี่ยวกับเราเลยนะ มันไปคะนองของมัน มันชนข้ามฝั่งมาโดนเรา เราก็ตายไป เพราะสู้แรงกระทบตัวเราไม่ได้ แหลกไปเลย เราก็ต้องตาย เหตุปัจจัยเหล่านี้เป็นอจินไตยมันเป็นเรื่องที่ยากจะคำนวณ ตอบไม่ได้เป็นเรื่องของกรรมวิบาก ต้องยกให้ว่าเป็นกรรมวิบาก เป็นอจินไตย 4 อย่าไปคิดเกินเลยมันมากไป เอาเรื่องปัจจุบันที่เราชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องไปสงสัยอะไรมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 19:31:37 )

หากทำการโยนิโสมนสิการไม่ได้แล้ว ต้องปรโตโฆษะ

รายละเอียด

หากทำการโยนิโสมนสิการไม่ได้แล้ว ในสัมมาทิฏฐิ 2 ข้อ ผู้ที่จะมีสัมมาทิฎฐิได้จะต้องมี ปรโตโฆษะ และโยนิโสมนสิการ

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2563 ( 13:47:13 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:59:20 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:34:17 )

หากพ่อครูไม่เกิดมาต่อโลกุตรธรรมจะสูญไปหมด

รายละเอียด

อันนี้ก็สำคัญ หากว่าอาตมาไม่เกิดมาต่อโลกุตระธรรมมันก็จะสูญไปหมด เพราะมันกลายเป็นกลองอานกะแล้ว อย่างที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสพยากรณ์ไว้ ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ อาตมาก็ได้แต่พูดความจริงเท่านั้นใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่มีปัญหา 

การที่เกิดมาเป็นคน ผู้ที่จบเป็นพระอรหันต์แล้วจะปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ไม่ต้องมารับสัมภาระวิบากให้ทรมานทรกรรมอีกต่อไป ก็ทำการปรินิพพานเป็นปริโยสานไป เพื่อนๆที่เป็นโพธิสัตว์ด้วยกันมาหลายท่านก็รีไทร์ไม่เอาแล้ว อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 มีเพื่อนโพธิสัตว์มาแล้วตั้งเยอะ หนีไปกลางทางตั้งเยอะแล้ว อาตมาก็ไปพบเจอพระโพธิสัตว์ที่พอจะมีบ้างในระหว่างทาง เป็นเรื่องลึกซึ้งไม่ใช่เรื่องพูดเล่นพูดผิด มันเป็นกรรมวิบาก พูดออกไปสู่สาธารณะด้วยมันเป็นบาปไม่ใช่น้อยถ้าพูดผิด อาตมาไม่กล้าพูดไม่กล้าทำสิ่งผิด ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมก็ไม่กล้าทำอยู่แล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน 9 แบบ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2564 ( 05:22:15 )

หากมิจฉาทิฏฐิเสียแล้ว บุญที่ได้ก็จะเป็นบุญเก๊ๆ...บุญสีดำ!

รายละเอียด

ดังนั้น ผู้ยังเข้าใจผิดไปจากที่ว่านี้ ยังหลงผิดว่า ทำบุญมีผล แล้วจะ“ได้อะไร” ผู้นั้นยัง“มิจฉาทิฏฐิ”ตามส่วนผิดที่เหลือนั้นๆ อยู่ เพราะไพล่ไปเข้าใจ“กลับขั้วกัน” จาก“ขาว”เป็น“ดำ”เสียนี่! เพราะผู้นั้นปฏิบัติธรรมของพุทธแล้วประโยชน์ที่เกิดไม่ตรงตามสัจจะคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ไม่ดี แทนที่จะได้ก็กลับเสีย เพราะปฏิบัติไม่ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็บาป คือ ประพฤติ“กรรม”ไม่เป็น“บุญ” ตาม“สัมมาทิฏฐิ”ของพระพุทธเจ้า ทำ“บุญ”ผิดเป็นแค่“กุศล” ไม่เป็นโลกุตระนั่นเอง แม้แค่เข้าใจผิด ว่า“บุญ”นี้คือ มี“กุศล”เป็นผลได้ ก็ผิดแล้ว!!!“บุญ”นั้น มีแต่“เสีย”  ไม่มี“ได้”อะไรเลย! ผู้ปฏิบัติธรรมที่สำเร็จความเป็น“บุญ” คือ “เสีย”ถ่ายเดียว!“บุญ”จึงต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ และต้อง“กระทำใจตน”ให้ตรงตาม“สัมมาทิฏฐิ”ให้ได้

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 83 หน้า 92


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 05:24:46 )

หากมีสัตบุรุษเกิดมาก็เพียงแต่“เพื่อศึกษา” แต่“ไม่ถ่ายทอด”!

รายละเอียด

หรือแม้ยุคนั้นมี“สัตบุรุษ” แต่ก็มี“สัตบุรุษ”ผู้เดียวเท่านั้น 

จะเพราะ“สัตบุรุษ”ท่านไม่ถ่ายทอด“โลกุตรธรรม”ก็ตาม เพียงแต่

ท่านมาเกิดในยุคนั้นเพื่อศึกษาเท่านั้น ผู้อื่นคนใดก็มีด้วยเกิดด้วย

ไม่ได้ “โลกุตรธรรม”ก็ไม่แพร่ออกไปจากสัตบุรุษสู่บุคคลอื่นในยุคนั้น 

หรือไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถถ่ายทอด“โลกุตรธรรม”ให้ผู้ใด

ในยุคนั้นได้เลย เพราะคนในยุคนั้น“เหลือวิสัย”ที่จะถ่ายทอดโลกุตรธรรม

ให้แก่ใครๆได้ หรือแม้จะได้ก็ไม่กี่คน ไม่มากพอที่จะ

เป็น“เชื้อ”สามารถขยายผลให้แพร่หลายเจริญก้าวหน้าต่อไปได้จริงๆ

นี่คือ ผู้คนในโลกยุคนั้นระหว่างนั้น มันไม่สามารถจะสถาปนา

“โลกุตรธรรม”ให้แก่คนในยุคนั้น ระหว่างนั้นกันได้แล้วจริงๆ สุดวิสัย

เพราะคนในยุคนั้นเสื่อมหนักจนถึงขั้นแม้จะพากเพียรอบรมสั่งสอน

คนในยุคนั้นให้บรรลุธรรมที่เป็น“โลกุตระ”กัน ไม่ได้เลยจริงๆ 

ฉะนี้เอง ยุคที่เรียกว่า พุทธันดร หรือพุทธันตระ “พุทธันตระ”บาลี

ก็กลายมาเป็นภาษาไทยว่า “พุทธันดร”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 364 หน้า 267


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:19:22 )

หากมุ่งไปรวยลดความเหลื่อมล้ำต่ำสูงไม่ได้

รายละเอียด

แล้วคนโลภไม่รู้จบอย่าง Bill Gates คนนี้จนไม่รู้จบ ป่านนี้แล้ว จะตายอยู่แล้ว ออกมาแจกสิ แจกไปให้เหลือแค่ 1 ใน 4 ก็ยังกินใช้ไปจนตายไม่หมด จะไปตะกละทำไมนักหนา คือเขาไม่เข้าใจ เสร็จแล้วก็สร้างวิมาน บ้านตัวเอง มีแต่ Digital Technology พร้อมเลย เพราะเงินมันเยอะ

คือความคิดของเขา พูดแล้วมันค้านแย้งในตัว ชาวอโศกทุกคนมีรายได้ 0 ก็ไม่มีเหลื่อมล้ำ แต่ของเขาพูดไปก็ลดความเหลื่อมล้ำต่ำสูงไม่ได้

อโศกไม่ต้องรายได้สูง ไม่ได้ไปแย่งคุณเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 14:53:43 )

หากยังกินเนื้อสัตว์อยู่ไม่มีสิทธิ์เกินโสดาบัน

รายละเอียด

ท่านก็เคยส่งเสริมนะท่านพุทธทาสก็ส่งเสริมท่านก็ชอบ แต่ท่านไม่ชอบให้ไปเบียดเบียนคนอื่นถ้ามีท่านก็ฉัน อะไรมาท่านก็ฉันให้ทั้งนั้น หลวงพ่อชาก็ดูเหมือนจะอย่างเดียวกัน ก็ผ่านไปไม่เป็นไร อาตมาเอามังสวิรัติเป็นเครื่องใช้ในการปฏิบัติธรรมเป็นเหตุปัจจัย เอื้อศีลข้อที่หนึ่ง ที่เป็นอธิศีลในการไม่ฆ่าสัตว์ได้ไม่ฉันเนื้อสัตว์ มันเป็นบุญญาวุธหมายเลข 1 ของอาตมาก็ได้คัดคนขึ้นมาจำนวนหนึ่ง คนที่นอกกฎเกณฑ์อันนี้ยังฉันเนื้อสัตว์ แต่เขาจะเป็นอาริยะให้ได้ คุณจะได้อย่างเก่งจริงๆ ไม่เกินโสดาบัน ฉันเนื้อสัตว์อยู่ให้เก่งอย่างไรก็ไม่เกินโสดาบัน ถ้าเป็นสกิทาคามีจะมีภูมิปัญญา 

การฆ่าหรือไม่ฆ่าแต่ยังฉันเนื้อสัตว์ คุณจะมีภูมิปัญญาเป็นสิ่งที่เป็นอิทัปปัจจยตาหรือปฏิจจสมุปบาทเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกันจริงๆมันไม่ตัดเหตุปัจจัยมันไม่ตัดตอนของการที่จะหมดกรรมวิบากมันสูงขึ้นไปไม่ได้ ถ้าหากคุณยังกินเนื้อสัตว์คุณจะยังไม่มีภูมิสูงไปกว่านี้ได้คุณก็ได้แต่โสดาบันวนเวียนชั้นต่ำที่สุด กินเนื้อสัตว์ไม่ได้เกินกว่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:04:11 )

หากยังไม่ตายไปด้วยปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็ต้องบำเพ็ญตนสู่ “พุทธภูมิ”!

รายละเอียด

“โพธิสัตว์”คือผู้มี“โพธิ” คือ “ความตรัสรู้”ที่เป็น“ฌาน”แล้วก็เป็น“บุญ” เสร็จไปแล้ว“จิตสะอาดจากกิเลสาสวะ” แล้วจิตตกผลึกสะสมเป็น “สัมมาสมาธิ” ตามแบบพระพุทธเจ้า หากผู้นี้ยังไม่“ตายไปด้วยปรินิพพานเป็นปริโยสาน” บุคคลผู้นี้จะยังบำเพ็ญตนมุ่งสู่“พุทธภูมิ” ก็ต้องอาศัย“อัตตา”ที่ตนยังใช้ทำงานเป็น“โพธิสัตว์” 

แม้บรรลุ“อรหันต์”แล้วยังบำเพ็ญบารมีต่อไปอยู่ จาก “อรหันต์” ซึ่งเป็น“โพธิสัตว์ระดับ 4”แล้ว ก็พากเพียรบำเพ็ญ “โพธิสัตว์ระดับ 5”กัน“ต่อไป “โพธิสัตว์” จึงเป็นคน “ไม่มีบุญแล้ว” ตลอดไปเป็นลำดับๆ นับตั้งแต่“อนุโพธิสัตว์”ซึ่งจัดเป็น“โพธิสัตว์ระดับ 5”อันเข้าเขต“โพธิสัตว์ขั้นมัธยม”เป็นต้นไป “โพธิสัตว์มัธยม”มี 2 ระดับคือ“อนุโพธิสัตว์”ซึ่งเป็นระดับ 5 กับ“อนิยตโพธิสัตว์”เป็นระดับ 6 

ส่วน“โพธิสัตว์ขั้นอุดมศึกษา”ก็มี 2 ระดับคือ “นิยตโพธิสัตว์”เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 กับ“มหาโพธิสัตว์”ระดับสุดท้าย 8 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 494 หน้า 366


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2564 ( 09:38:58 )

หากยังไม่ใช่ช้างมาตังคะ ก็เน่า

รายละเอียด

ข้อสำคัญ ทิศทางที่คุณดำเนินอยู่ใน กาละ ที่คุณมีนี้จนกว่าคุณจะตาย ลูกศรของคุณหันเข้ามาหาแก่นอโศกหรือยัง หรือคุณยังมีองศาอยู่กับแก่นอโศกเหมือนกัน แต่มันออกไปอย่างนี้ มันไม่เข้ามาหาตรงกลาง แล้วมันก็ต้องออกไปนอก วันใดวันหนึ่งก็ต้องหลุด เหมือนดาวดิน เหมือนแสนจน นั่นแหละก็ไปหลงโลกบ้าๆ บอๆ คนหนึ่งหลงการเมือง คนหนึ่งหลงติ๊กต๊อกอีก คนหลงว่า ความรู้ของคุณเป็นสาระ เหมือนร้อยดาว เป็นต้น ก็ไปสร้าง 

ผู้ที่จะออกไปจากชาวอโศกนี้ หากยังไม่ใช่ช้างมาตังคะ ไปก็เน่า ตายเน่า ช้างมาตังคะ จะเป็นตัวแท้ของช้าง ที่ออกจากหมู่แล้วสร้างกลุ่มได้ เช่น ชาวอโศก อย่างอาตมานี้เป็นช้างมาตังคะ แยกออกจากกลุ่มใหญ่ มาสร้างกลุ่มเล็กได้ แล้วเป็นกลุ่มที่เข้าหาแก่นเนื้อหาแก่นสารของโลกุตรธรรมด้วย ขอยืนยันว่าพระพุทธศาสนาโลกุตระ มีอยู่ในชาวอโศก เถรสมาคมไม่มี  นี่พูดด้วยความจริงใจ ไม่ได้ดูถูกดูแคลน ไม่ได้ข่ม ไม่ได้อวดตัวตน แต่สาธยายสัจจะเท่านั้น ใครจะเข้าใจเอาเองว่าอาตมาอวดตัวอวดตน ข่มเบ่งคนอื่น ยกตัวเอง หลงตัวเอง ไม่มีปัญหาหรอก คนจะเข้าใจอย่างไรก็เข้าใจอย่างนั้นของใครของมัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 มกราคม 2566 ( 13:48:08 )

หากยึดมั่นถือมั่นจะแตกเป็นก๊กเป็นนิกาย

รายละเอียด

ส่วนมากก็เป็นอย่างนั้นถ้าหากยึดมั่นถือมั่น ก็จะแตกเป็นก๊กเป็นนิกายเป็นธรรมดา เมื่อเวลาผู้ใหญ่สิ้นแล้ว ศาสนาทุกศาสนาก็แยกเป็นนิกายทั้งนั้น มันก็ห้ามไม่ได้ เป็นธรรมชาติ เพราะฉะนั้นถ้าสามารถที่จะรวมกันได้นานเท่าไหร่ก็คือจบ  ก็จะอยู่ได้นานขึ้น ไปห้ามให้มันแยกกันไม่ได้

ที่มา ที่ไป

610613 ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ(พ่อครูมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้หมู่)
วันที่ 13 มิถุนายน 2561 สื่อธรรมะพ่อครู(อัตตา) ตอน สามัคคีคือขัดแย้งอันพอเหมาะ 


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:32:18 )

หากรอบของความจบ

รายละเอียด

เขาก็บอกว่านี่แหละอธิบายคนที่มีพยัญชนะหรือมีโวหาร อธิบายสภาพรูปธรรมนามธรรม มันวิจิตรประหลาดพิเศษอะไรต่ออะไรไป คุณภาพของหู คุณภาพของจมูก ของตาเบี้ยวๆ มี 3 ตาบ้างอะไรบ้างอธิบายวิจิตรกันไป คนก็เพ้อไปตามฝันเฟื่อง 

มันก็ยิ่งออก ยิ่งอธิบาย ยิ่งมีอะไรตกแต่งปรุงแต่งเข้ามา มันก็ยิ่งออกนอก นอกสัจธรรมไปใหญ่ ทั้งๆ ที่สัจธรรมของพระพุทธเจ้านี้จะต้องสรุปเข้ามาให้ได้ ไปหา 1 ไปหา 0 นี่มันกลับบานเป็นโลกจินตา เป็นโลกแห่งความคิดโลกจินตาไป บานทะโร่ไปหาที่สุดไม่ได้  

เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดหาที่สุด หาเรื่อง หาฐาน หากรอบของความจบ กรอบของความพอดีของความจบ หาไม่ได้ก็ไปไม่ออก ไม่มีทางบรรลุ 

อาตมาเทศน์ไว้มากแล้วฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ คนที่ฟังธรรม ฟังเทศน์ไม่เบื่อ คือธรรมะที่เป็นโลกุตระ เป็นธรรมรส เป็นวิมุตติรส พระอรหันต์ก็ฟังไม่มีเบื่อ บรรลุอรหันต์แล้วก็ไม่มีเบื่อ เพราะว่าถ้าอรหันต์แล้วนะ มันยังไม่จบง่ายๆ อรหันต์มีตั้ง 6 ขั้นที่อาตมาขยายความมา มีตั้ง 6 ขั้น 

ที่อาตมาพูดนี้ไม่ใช่เพ้อเจ้อนะ เพราะอาตมานี้ขั้น 7 ซึ่งขั้น 7 นี้นับโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์มีถึง 9 ขั้น 

1, 2, 3, 4 นี้อรหันต์ 1 แล้วบวกอรหันต์อีก 5 ขั้น ก็เป็น 9 ขั้น ถ้า 10 ท่านก็หายไปเลยหมดความเป็นพุทธะ พระพุทธเจ้าก็อยู่ขั้นที่ 9 เป็นขั้นที่ 9 ของโพธิสัตว์ ถ้าพ้นโพธิสัตว์ไปแล้วก็เป็นทางศาสนาพราหมณ์เขาเรียก กัลกิริยาวตาร คือเป็น 0 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ September ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:55:00 )

หากว่าคิมจองอึนเข้าใจนามธรรม ผลจะเป็นเช่นไร

รายละเอียด

แม้แต่ mc2 ก็ยังเอาไปใช้กันได้ขนาดนี้ หากว่าคิมจองอึนเอาสูตรของอาตมาไปใช้ แต่เอาไปใช้ไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นนามธรรมส่วนความรู้ทางด้านเกาหลีเหนือนั้นเป็นความรู้ทางด้านวัตถุนิยมแท้ๆ หนัก ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ค่อยมีความรู้ทางนามธรรม นี่เป็นสัจจะที่ไม่ใช่ไปว่าเขา แต่มันเป็นสัจจะอย่างนั้น 

ถ้าเขาเข้าใจเรื่องนามธรรม และมีจิตวิญญาณหรือว่าเขาก็มีจิตวิญญาณเหมือนกันมันก็จะรู้ว่าเราหรือเขา เขาหรือเรามันเหมือนกันนะ มันจะลดความอำมหิต ลดความเห็นแก่ตัว ลดความรุนแรงลงไปได้ แต่นี่เขายังไม่ได้หรอก เขายังโง่ เขายังไม่รู้ เขาจะต้องไปอย่างนั้นเป็นความรู้ทางเดียว อยู่อย่างนี้ไปอีกนาน เป็นธรรมดาธรรมชาติของสิ่งที่เขาเป็นเช่นนั้น

เขาต้องทำอย่างนั้นและในเกาหลีเหนือก็ไม่มีศาสนา ศาสนาก็คือคิมจองอึน เขาเป็นเผด็จการอย่างนั้น ถ้าไม่ทำอย่างนั้นก็ไม่ได้ ถ้าใครไม่อยากอยู่ก็ต้องหนีจากเกาหลีเหนือ อยู่ตรงนั้นไม่เป็นอย่างนั้นก็ต้องตาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก 


เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 12:36:06 )

หากสัจจะมีหนึ่งเดียวจะไม่แย้งกันเลย

รายละเอียด

คนไทยรับข่าวสารตรงกัน  แต่จิตที่เป็น Concept ของแต่ละคนมันมีทิฐิมันมีความเห็น มีความยึดถือความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน มันก็ต้องขัดแย้งกันมันเป็นสัจจะ สัจจะมันมีแยกแตกกันก็เป็นไปได้ เป็นธรรมดา เรื่องนี้พระพุทธเจ้าก็สุดวิสัยก็จบท่านถึงสรุป ว่าสัจจะมีหนึ่งเดียว เรื่องอื่นไม่ต้องเอามาพูดเลย มันขัดแย้งกันได้หมด มันเป็นโลกจินตา มันแย้งกันได้หมด เพราะฉะนั้นสัจจะมีหนึ่งเดียวคือเรื่องของนิพพาน คือการหมดกิเลส กิเลสของคุณหรือของใครก็เหมือนกันหมด เหมือนของตัวเองเป็นตัวร้ายให้ตัวร้ายนี่หมดจบสูญ อันนี้นั่นแหละตรงกันหมดเลยนี่ จึงเป็นสัจจะมีสัจจะอันนี้อันเดียว สัจจะอันนี้อันเดียวที่สุด พิสูจน์พิสูจน์ให้ได้สูงสุดเป็นพระอรหันต์จบเลย อย่างอื่นไม่ถือเป็นสัจจะ อย่างอื่นเป็นหมื่นเป็นพันเป็นแสน สัจจะมีหนึ่งเดียว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:24:16 )

หากสัมมาทิฏฐิจะไม่มีวันเป็นโรคซึมเศร้า

รายละเอียด

โคม่าเป็นภาษาทางแพทย์ ส่วนถีนมิทธะเป็นภาษาของธรรมะ นักปฏิบัติธรรมมีสิทธิ์เป็นไหม ถ้าหากมีสัมมาทิฏฐิจะไม่มีสิทธิ์เป็น ถ้านักปฏิบัติธรรมที่เป็นมิจฉาทิฐิก็มีสิทธิ์เป็น มีวิธีแก้อย่างไรต้องพบสัตบุรุษฟังสัทธรรมทำให้เกิดปัญญา 8 หรือแม้แต่ในจักร 4 ปัญญาวุฑฒิ 4  ก็ให้พบสัตบุรุษ ฟังสัตบุรุษ ในปัญญา 8 บอกไว้เลยต้องพบพระพุทธเจ้าต้องได้ฟังจากผู้อยู่ในฐานะครูที่เป็นสัตบุรุษ ภาวะศาสนาพุทธคุณไม่มีสิทธิ์รู้เอง ต้องได้สืบทอดการฟังถ่ายทอดมาจากพระพุทธเจ้าโดยพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า หรือได้ฟังจากปากของผู้อยู่ในฐานะครูที่เป็นสัตบุรุษที่มีของแท้ ที่เป็น สมณพราหมณา   สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 19:41:13 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:00:33 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:38:57 )

หากสำนึกดี บารมีจะเปลี่ยนแปลง

รายละเอียด

ใช่สิ ก็จะหันมาสนใจที่อาตมาพูดอธิบาย ที่เขาไปยึดติดอยู่อย่างนั้นมันต้องผิดแน่นอน แต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าอาตมาถูกเขาผิด เขาก็เชื่อว่าอาตมาผิด เขาถูก ใช่ไหม มันต้องเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นเขาจะไปฝืนอยู่ทำไม เขาต้องการนะ เขาปรารถนา หลายคนบวชมาตั้งแต่เป็นเณร แสวงหามาทั้งชีวิต อย่างมหาประยุทธ์ เป็นต้น พระพุทธโฆษาจารย์ เขาจะลงจากบัลลังก์ไม่ได้ อาตมาไม่ได้มีตัวมีตนอะไร อาตมาดีชั่วไม่เอาความสุขความทุกข์ไม่เอา อาตมาไม่เอาสภาพ 2 ใดๆ เลย อาตมา อนุปคัมมะ ไม่เข้าไปใกล้ส่วน 2 ทั้ง 2 อย่างเลย ดีชั่วก็ไม่เอา สุขทุกข์ก็ไม่เอา เจริญหรือต่ำก็ไม่เอาทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 11:20:46 )

หากหาอาหารไม่ได้สามารถกินเนื้อสัตว์ที่ตายเองได้ใช่หรือไม่

รายละเอียด

ไม่มีปัญหามากหรอกผู้ปฏิบัติธรรมไม่ได้ฉันอาหารสักวันสองวันก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปคิดมากหรอก เป็นได้ไม่เป็นเรื่องใหญ่อะไร ทำไมไปถือเป็นเรื่องสำคัญเหลือเกิน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 20:11:30 )

หากอุตุเป็นอรหันต์ ถ้าไม่หางานให้ทำอุตุก็เสื่อมได้ใช่ไหม

รายละเอียด

ใช่ ดินน้ำไฟลมก็มีเหตุปัจจัยของสังขารปรุงแต่งเอามาใช้ได้อยู่ มันก็เลยเอามาประกอบกันเป็นชีวะ ดินน้ำไฟลมประกอบเป็นชีวะ พีชะ พืชจากพืชก็ปรุงแต่งเป็นจิต 

ใช่ จึงต้องพยายามเอาดินน้ำไฟลมเอามาปรุงแต่งขึ้น เนื้อหนังมังสามันเหี่ยวอยู่นะตอนนี้ มันไม่เหมือนอายุ 20 ปีตอนนี้มันไม่ใช่อายุ 20 ปีจริงๆมันเหี่ยว มันไม่ตึงเต่ง ก็จะพยายามปรับปรุงขึ้นมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:00:22 )

หากเข้าใจเนื้อหาสาระแล้วปฏิบัติศีลข้อเดียว ข้อ 1

รายละเอียด

หากเข้าใจเนื้อหาสาระแล้ว ปฏิบัติศีลข้อเดียว ข้อ 1 ก็จะเข้าใจสภาวะจิต โดยเฉพาะ 108 เวทนาที่พระพุทธเจ้า แจกไว้ชัดเป็นกรรมฐาน การปฏิบัติของพระพุทธเจ้ามีเวทนาเป็นฐานในการปฏิบัติ หากไม่มีฐานนี้ก็ไปเอา ดินน้ำลมไฟหรือกรรมฐาน 40 ก็เป็นกรรมฐานนอกรีต อรรถกถาจารย์ที่ไม่มีสัมมาทิฏฐิก็บันทึกเอาไว้ ว่ากรรมฐานคือเครื่องให้จิตไปจดจ่อ เป็นแค่สมถะเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่กรรมฐานของศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธมีกรรมฐานอย่างเดียวคือเวทนา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:29:37 )

หากเราใช้เงินดิจิตอล 10,000 บาทบาปหรือไม่

รายละเอียด

ยังไม่ได้คิดเลย มันเป็นความฝันที่อยู่ในสายลมกับแสงแดด มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ Impossible เมษาหรือเมซะ ถ้าเราใช้เงินดิจิตอล 10,000 บาท เราจะบาปไหม อาตมาไม่เข้าใจทีเดียวว่าเงินดิจิตอล 10,000 บาท มันมีความหมายกว้างลึกยังไง เขาหมายถึงยังไง ใครโม้ว่าอะไรดิจิตอล 10,000 บาทคือยังไง แล้วจะเอาไปใช้ยังไง แจกคนละ 10,000 บาทสำหรับคนอายุ 16 ปีขึ้นไป อาตมาก็ไม่ได้จับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แล้วคนไม่ถึง 16 ปี จะมาประท้วงนะ บอกว่าไม่ใช่คนหรือไงไม่ให้เขา แล้วทีคนอายุ 16 ปีขึ้นไปให้หมื่นบาท ทำไมอายุต่ำกว่านั้นไม่ให้เขา เดี๋ยวเถอะถูกพวกนี้ไปขย้ำเอา 

นั่นแหละคือมันคิดแล้ว ทำไม่ได้ คือพวกขี้โม้เอามาหลอกเขา จะให้อันนั้นอันนี้ ไปหลอกเด็กให้ทำอันนี้สิแล้วจะให้ขนมได้กิน โอ้โห พวกหลอกเด็ก จะบาปไหม ก็มันไม่ได้ให้เรามาใช้ จะมาบาปอะไร ถ้าคุณไปร่วม อาตมาว่าก็ร่วมบาปนะ อย่าไปร่วมมือ จริงๆทุกวันนี้อาตมามีชีวิตอยู่ไม่ได้ใช้เงินรัฐบาลเลย ทุกวันนี้นี่ อาตมาได้ 900 แล้วนะ อายุ 90 แล้วย่าง 90 แล้วได้ 900 บาท แต่โยมบอกว่าได้ 1,000 บาท ไม่รู้ล่ะตั้งแต่ 60 ปีมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ อาตมาก็ไม่ได้เคยไปรับสักบาท อาตมาก็อยู่สบายๆ กระดาษชำระอาตมาก็เห็นว่าเป็นกระดาษชำระธรรมดาๆไม่ได้มีอะไร เพราะฉะนั้นพวกนี้ก็เหมือนกัน บอกว่าไอ้หนูทำอย่างนี้นะ มาเลือกเรานะแล้วเราจะได้ให้ขนม พวกลัทธิหลอกเด็ก 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาต้องเกิดในปัจจุบัน จึงรู้เท่าทันเทวทัตยุคดิจิตอล วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2566 ( 15:58:08 )

หากเรียนรู้เทฺว เรียนรู้วิญญาณในตัวเรา จับ 2 ภาวะได้ ก็จะรู้จักรู้แจ้งในโลกุตระ!

รายละเอียด

ดังนั้น ถ้าเราได้เรียนรู้ความเป็น“วิญญาณ”หรือ“เทฺว”กันอย่างถ่องแท้ลงไปถึง“ที่สุดแห่งที่สุด”ของ‘ความเกิด-ความตาย’ใน“เทฺว”หรือ“วิญญาณ”กันให้ถึงที่สุดแล้ว เราก็จะพบถึงความเป็น“สังขาร-วิญญาณ-นามรูป-อายตนะ-ผัสสะ-เวทนา-ตัณหา-อุปาทาน-ภพ-ชาติ-โสกะ-ปริเทวะ-ทุกขะ-โทมนัส-อุปายาสะ”ด้วย“ปัญญาอันยิ่ง (ความรู้โลกุตระ)” หรือด้วย“วิชชา 8”อย่างสัมบูรณ์ก็จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า ทุกอย่างล้วน“ไม่ใช่ตัวตน (อนัตตา)” มันเป็นแค่“สังขาร”ที่มีตั้งแต่“2 ภาวะ”ขึ้นไปปรุงแต่งกันอยู่ ซึ่งเป็น“ปัจจัย”แก่กัน และกันไปตลอดสายแห่ง“อวิชชา”ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน“ปฏิจจสมุปบาท”นั่นเอง

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 452 ข้อที่ 624


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2565 ( 14:48:50 )

หากแสดง“สัจจะ”หลายอย่าง มิใช่ความฉลาดรอบรู้แต่เป็นขี้เท่อต่างหาก!

รายละเอียด

คนที่ยัง“อวดดี”แสดง“สัจจะ”หลายอย่างที่แตกต่างกัน พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “สัจจะมากอย่างต่างๆกัน มิได้มีเลย เว้นแต่สัจจะที่แน่นอนด้วยสัญญาในโลก ก็พวกสมณพราหมณ์ดำริตรึกเอาในทิฐิทั้งหลายแล้วได้กล่าวธรรมเป็น 2 อย่าง ว่า คำของเราจริง คำของท่านเท็จ” ดังนี้ แล้วก็เถียงกัน ข่มกันอยู่

ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาเดียวที่มี“วิชชา”อันเป็น“ความรู้ขั้นโลกุตระ”ที่ปฏิบัติให้ถึงซึ่ง“สัจจะ(ความจริง)อย่างเดียว(เอกัง หิ สัจจัง)”ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง และทรงยืนยันว่า อย่างเดียวนี้คือ “อริยสัจ 4 (สัจจะอันเป็น

ของผู้ประเสริฐ)”นั่นคือ ทุกสรรพสิ่ง ล้วนมาแต่“เหตุ(สมุทัย)”นำเกิดทั้งนั้นถ้า“ดับเหตุ”นั้นเสียได้แล้ว ก็เป็นอัน“ดับ(นิโรธ)” นี่คือ“สัจจะ”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 196 หน้า 166


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 19:53:01 )

หากไม่ดูแลกันพฤติกรรมสังคมจะเสื่อม

รายละเอียด

ที่พูดมานี้จะเป็นบ้างสำหรับบางคนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ก็ดูแลกัน ช่วยกันมีอะไรก็เข้าหมู่กลุ่มว่ากันไป การดูแลเอาภาระรู้สึกว่าน้อยลง ต่างคนต่างก็โทษคนนั้นคนนี้ เป็นการปล่อยปละละเลย หากสังคมเราเป็นอย่างนี้ พฤติกรรมสังคมเราจะเสื่อม ไม่ดูแลกัน พฤติกรรมสังคมจะเสื่อม แล้วมันก็เสีย จะสร้างการงานอะไรขึ้นมาอีกมันก็เท่านั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(อัตตา) ตอน การอยู่ร่วมกันไม่ควรเอาบุคคลใดเป็นใหญ่

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:25:17 )

หากไม่มีจิตโพธิสัตว์จะเบื่ออยู่กับโลก

รายละเอียด

อาตมาว่าชีวิตมันสนุก ถ้าสามารถที่จะพ้นความทุกข์ได้ จิตของใครสามารถพ้นทุกข์ได้ อยู่กับโลก หากไม่มีจิตโพธิสัตว์จะเบื่อ สังคมน่าเบื่อชีวิตน่าเบื่อ นิพพิทา เพราะงั้นจิตที่ไม่มีโพธิสัตว์ เมื่ออยู่เหนือสังคมไม่ได้ ก็ไม่ยินดีอยู่ต่อ พอตายไปก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(กรรม) ตอน อัตภาพและสังสารวัฏ วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม  2561


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:59:27 )

หากไม่มีปัญญาเขาไม่ศรัทธา

รายละเอียด

ต้องมีเจโตวิมุติปัญญาวิมุติ ถ้าเราได้แค่คิดก็เป็นตรรกะมันแค่สัญญาเป็นแค่ทิฐิไม่ใช่ความจริง มันยังไม่เป็นปัญญา ถ้าเป็นปัญญาแล้วมันจบ ปัญญามันครบถ้วนทั้งเจโตและความเฉลียวฉลาด แล้วความเฉลียวฉลาดนี้ไม่ใช่ของโลกียะ แต่เป็นความเฉลียวฉลาดของโลกุตระ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 12:00:32 )

หากไม่มีภูมิ จะสามารถเข้าใจโลกุตระได้ไหม

รายละเอียด

หากไม่มีภูมิ จะสามารถเข้าใจโลกุตระได้ไหม ลึกซึ้งมากอันนี้ 

ไม่ได้ คนจะเข้าใจโลกุตระได้นั้นพิเศษ พิเศษไม่ใช่สามัญ ไม่ใช่ปกติสามัญจะเข้าใจกันได้ง่ายๆในเรื่องของโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า 

ธรรมะขั้นโลกุตระนั้น มันเป็นความแตกต่างของโลกียะ ที่มันยังไม่มีแนวคิดนี้ โลกุตระนั้นยังไม่เคยมีแนวคิดนี้เลยจนกว่าพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง จะอุบัติขึ้นมา นำเอาโลกุตรธรรมมาประกาศ จึงจะมีของอันนี้ใหม่ขึ้นมา 

ใหม่จนเขาคิดว่าอะไรวะ บ้าหรือเปล่า แปลกประหลาด แต่ที่จริงมหัศจรรย์มาก เพราะฉะนั้นกว่าคนจะเห็นได้ว่า อันนี้คือความรู้ความฉลาด ที่มันเหนือชั้นกว่าที่โลกเขามีมาแต่ไหนแต่ไร ทุกศาสดาของโลกียะ หรือเทวนิยมเขามี มันเป็นอย่างอื่นเรียกว่า อัญญธาตุ จนกว่าจะมี อัญญธาตุ มากพอ จนกระทั่งมีมวล อาตมาเคยบอกเป็นสังขยาเลขว่า ต้องมี อัญญธาตุ มากกว่า 50% ขึ้นไปถึง 60 70% จึงจะรู้ว่า อ๋อ.. อย่างนี้เองหรือโลกุตระ นี่คือภูมิธรรมที่จะสามารถที่จะ เอาตัวเองเข้ามาเรียนรู้แล้วประพฤติเป็นชาวโลกุตระเหมือนอย่างพวกเรา 

กว่าเราจะเห็นชัดเจน ยังไงๆแม้เราจะเถียงไม่ออก อธิบายไม่ได้แต่เราก็ว่าอันนี้เหนือกว่า โลกุตระนี้แปลว่า เหนือ เหนือกว่า แม้เราทำไม่ได้เลยนะ แต่ลึกๆเราก็จะยอมรับว่าอันนี้เหนือกว่า นี่มันเป็นน้ำหนักอย่างนั้น 

เพราะฉะนั้น คนที่เข้าใจจนกระทั่งสามารถ ตอบได้ว่าอย่างนี้อย่างไรก็เหนือกว่า แม้เราเองยังทำไม่ได้เลย แต่เราก็ชัดเจนว่า เหนือกว่า ไม่เปลี่ยนแปลง นี่คือคนนั้นเข้าถึงโลกุตรธรรม มีฉันทะ มีความยินดีแล้ว แต่เราไม่มีวิริยะ จิตตะ วิมังสา พอ ที่จะเข้ามาเป็นชาวโลกุตระให้เต็มรูปเท่านั้นเอง แต่จิตของคุณฝังชิพเรียบร้อยแล้ว พวกเรามีแล้ว ส่วนมากเลย 

(หากเป็นไปได้ ผมจะสามารถกอบกู้ศาสนาเหมือนท่านได้ไหมครับ) 

...ได้ อย่าลบหลู่ตนเอง หากเป็นไปได้ เข้าใจทั้งความเป็นไทยความเป็นอิสระ เข้าใจทั้งความเป็นโลกุตระ ถ้าคุณเข้าใจทั้งความเป็นอิสระได้จริง สัมมาทิฏฐิแล้วมีเนื้อหาที่ความเป็นไปได้ เป็นอิสระเพียงพอ อิสระจากโลกอบาย อิสระจากโลกกาม อิสระจากโลกที่เป็นอัตตาเข้าไปเยอะๆ แล้วคุณก็อยู่เหนือมัน อุตระ โลกุตระ พวกนี้ได้จริงก็แสดงว่า คุณเป็นคนที่มีผลสำเร็จจริง คุณก็จะเป็นผู้ที่กอบกู้โลกุตรธรรมได้ นี่เป็นคำตอบที่จริง พากเพียรสิ พระพุทธเจ้าไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ทุกคนสามารถมาทำงานโลกุตระ หรือแม้แต่จะไปเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งคุณก็มีสิทธิ์ เอาสิ 

อย่างหลวงปู่นี่ตอนนี้เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 นะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ 

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 05:38:38 )

หากไม่มีอุเทศจะไม่มีการสืบทอดต่อกันเลย

รายละเอียด

หากไม่มีอุเทศ ไม่มีการสื่อสารกันจะไม่มีการรู้กันได้จะบอกว่าส่งจิตบอกกันพวกนี้เป็นได้เหมือนกัน แต่มันจะเป็นได้นี้มันยากมากเลย มันเลยไม่ไปถึงไหนได้ไม่กี่คน ตายไปก็สืบทอดกันไม่ได้ไม่มีการสืบทอดต่อกันเลย จะสืบสายต่อกันได้ต้องมีคำอธิบายคำพูดมีภาษาสื่อ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2563 ( 19:07:52 )

หากไม่สัมมาทิฏฐิจะเข้าใจตรงกันข้ามกับของพุทธ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น คนที่ยังไม่สัมมาทิฏฐิ มาศึกษาของพุทธ มันจึงยังยากมากเลย เพราะมันจะเข้าใจ ตรงกันข้ามกันไปหมด เช่น มีความเร็วว่องไว นี่คือความเจริญความประเสริฐ ไม่ใช่เป็นความเฉื่อยนิ่งช้าลงไป มันยิ่งจะตรงกันข้ามกับคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 16:47:54 )

หากไม่เป็นสาวกฯ ก็เป็นเรื่องของการรอพระเจ้าประทาน!

รายละเอียด

และถือกันว่า“พระเจ้า”คือ “พระผู้บันดาล”ที่จะให้ใคร“สุข”ใคร“ทุกข์”ก็ได้ หรือไม่ให้ใครก็สุดแล้วแต่พระประสงค์ เชื่อกันอย่างนี้ทีเดียว ซึ่งเท่ากับเชื่อกันถึงขั้นว่า “พระเจ้า”เป็น“เจ้าของเวทนา”หรือเป็น“เจ้าของความรู้สึกคนทั้งหลายทั้งปวง” ปานนั้นเลย

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 368 หน้า 269


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:23:43 )

หากไม่เริ่มขั้นต้น จะไปหวังขั้นกลาง ขั้นปลายได้อย่างไร?

รายละเอียด

ซึ่งแค่เบื้องต้น“กามคุณ 5”โทนโท่ ท่านก็ยังเสพยังติดอยู่หนักหนาสาหัส ขาดไม่ได้ แล้วจะไปละไปขาดจากขั้นกลาง-ขั้นปลายต่อไปที่เป็นขั้น“รูป”ขั้น“อรูป” หมดสิ้นกิเลสเป็น“นิพพานปริโยสาน”ได้อย่างไร อาตมาสงสารผู้หลงผิดตามมหาบัว แม้คนใหญ่คนโตในประเทศ มีการศึกษาสูงๆแท้ๆมากมาย โง่หรือแกล้งโง่กันแน่! พากันสยบให้กับ“สิ่งเสพติดแท้ๆหยาบๆชัดๆ”อยู่ได้ไง? 

ขออภัยจริงๆ ที่จะต้องขอเอา“มหาบัว ญาณสัมปันโน”มาเป็นกรณีการศึกษาในที่นี้ และขอขอบคุณท่านมหาบัวไว้ในที่นี้ด้วยที่อาตมาได้มีท่านทำตนเป็น“ตัวอย่าง”ให้อาตมาได้นำมาใช้เป็นอุปกรณ์อ้างอิงว่า“คนจริง”ที่ไม่ประสีประสาก็มีได้ปานฉะนี้

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 354 หน้า 261


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 11:11:44 )

หาก“หลับตา” เขาเรียกฌานฤาษี หาก“ลืมตา” เขาเรียกฌานของพุทธ!

รายละเอียด

“หลับตา”เป็น“ฌาน”ก็ได้.. ทว่าฌานอย่างนั้นเป็น“ฌาน”อีกแบบหนึ่ง คือ ฌานโลกีย์ หรือ“ฌาน”ของเดียรถีย์ที่มีประจำโลก ซึ่งมิใช่“ฌาน”พุทธที่ปฏิบัติด้วย“กระบวนการจรณะ 15 วิชชา 8”

“ฌานของพุทธ”นั้นต้อง“ลืมตา” ทั้งในขณะปฏิบัติ และทั้งในขณะบรรลุผล แม้จะบรรลุผลแล้วก็มียัง“ลืมตา”อยู่ และใช้พลังงาน“ฌาน”ได้โดยไม่ยาก-ได้โดยไม่ลำบากใน“ฌานทั้ง 4” 

“ฌานพุทธ”จึงไม่ใช่“ฌาน”ที่เป็นได้ก็แต่ตอน“หลับตา”เท่านั้น “ฌานหลับตา”นั้น เป็น“ฌาน”ที่ไม่ครบถ้วน“ความจริง”ของ“โลกกับอัตตา” ยังไม่ใช่“ภาวะ 2”หรือ“เทฺว” เพราะไม่ครบถ้วน“ความจริง”

ของ“โลกที่พร้อมทั้ง 2 อย่างคือทั้งวัตถุ-ทั้งจิต” เพราะ “ฌานหลับตา ”เกิดในความเป็น “สังขารโลก” ไม่ได้ จะเป็น“ฌาน”ได้ก็แต่ในความเป็น“อัตตา”เท่านั้น ซึ่งเป็น“ฌาน”เกิดได้แต่“ภายในจิต” ในภาวะ 1 เดียว

“ลืมตา”ออกมาสัมผัสกับ“โลกภายนอก”เป็น“ฌาน”ไม่ได้

จึงไม่ครบความเป็น“เทฺว” ที่แปลว่า “2”บริบูรณ์ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 401 หน้า 289


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 16:06:27 )

หาคำตอบได้บ้างทั้งไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์

รายละเอียด

ก็ไปศึกษาทั้ง 2 ด้าน ไปเป็นอาจารย์ทางไสยศาสตร์อยู่ 8 ปี ทางวิทยาศาสตร์รู้ได้ง่ายแต่ตื้น ทางไสยศาสตร์นี้ลึกแต่รู้ได้ยาก มืดด้วย ก็เลยรู้สึกว่าไม่เข้าท่า วิทยาศาสตร์ให้ความรู้ให้คำตอบได้บ้าง ไสยศาสตร์ก็ให้คำตอบได้บ้าง แล้วทำยังไงจะรู้ ก็มีอยู่วันนึง      ก็ไปพบวิทยาศาสตร์เขาสะกดจิต ก็ให้ระลึกถึงชาติก่อน คนที่ถูกสะกดจิตเป็นฝรั่งชื่อนายโคลแมน สะกดจิตถอยลงไป อายุน้อยลงก็จะเป็นเสียงเด็กๆลงไปเรื่อยๆ คนที่สะกดจิต แล้วก่อนที่จะให้รู้ ก่อนที่จะเข้าไปในครรภ์เป็นอะไรมา นายโคลแมนก็ข้ามชาติไม่ได้ เพราะเขาเป็นฝรั่งเป็นเทวนิยม ก็ตอบไม่ได้ อาตมาก็บอกว่ามันได้อย่างนี้เหรอ มันข้ามชาติไปจากชาตินี้ได้ด้วยหรือ อาตมาก็เลยได้คิดว่ามันต้องมีการข้ามชาติ้ได้ ก็เลยสนใจทางสะกดจิต แล้วพยายามฝึกสะกดจิต ว่าข้ามชาติได้อย่างไร 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 10:22:11 )

หาค่าบ่มิได้

รายละเอียด

ความรู้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และเอามาสอนคน เอามาอธิบายให้คนฟัง มันเป็นสุดยอดแห่งความ เลิศ หมดตัวตน คนหมดตัวตนแล้วมีปัญญา เป็นอรหันต์ที่แท้จริงแล้วก็รู้แล้วว่า จิตวิญญาณหรืออัตภาพ อัตตาของเรา เราจะเลิกได้เลย แม้ทุกวันที่บรรลุแล้ว อรหันต์บรรลุแล้ว ก็ทำใจในใจของตนเอง ในช่วงที่ไม่ต้องปรุงแต่งกับใคร ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับใคร หรือยิ่งเก่งขึ้นเกี่ยวข้องก็พูดไป ปรุงแต่งกับคนอื่นไป ปรุงแต่งเรื่องราวเรื่องนั้นเรื่องนี้โอภาปราศรัย คิดด้วยทำด้วย ทั้งคิดร่วม ทำงานร่วมกัน แต่ใจท่านไม่ไปรุก ไปยึดมั่นถือมั่น กับการกระทำต่างๆ ไม่ต้องไปพูดถึงบุคคลเลย แม้แต่การ
กระทำก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น ว่านี่เป็นการทำที่ดี เป็นการทำที่ประเสริฐ พิเศษอะไร 

อย่างหลวงปู่ทำงานระดับอุตระ เรียกว่า วิเศษ คุณวิเศษ ถ้าจะตีราคากันแบบโลกๆแล้ว โอ้โห! มันหาค่าบ่มิได้ เทศน์กัณฑ์นึง จะต้องพันล้านหมื่นล้าน นี่ไม่ได้พูดเกินจริงนะ แต่คนเขาไม่รู้เรื่อง เพราะมันหาค่าบ่มิได้แล้ว มันไม่มีใครจะพูด ไม่มีใครจะเอาของวิเศษอันนี้มาขายมาแจก มาจำหน่าย มาให้ มันไม่มีหรอก เหมือนในโลกนี้ มีเพชรก้อนนี้ก้อนเดียวโผล่มาจากไหนไม่รู้ โลกนี้หมดแล้วเพชรชนิดนี้โผล่มาก้อนนี้ก้อนเดียว ราคามันจะเท่าไหร่คิดดู คล้ายๆอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่งวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2565 ( 21:22:07 )

หางช้าง (จากหางช้างติดพวยกา)

รายละเอียด

กิเลสขั้นรูปราคะ อรูปราคะเป็นต้น

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 315


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:33:48 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:11:40 )

หาจุดที่จะไปนิพพานจุดที่จะเป็นโลกุตระได้ดีมากในหนังสือเปิดยุคบุญนิยม

รายละเอียด

หนังสือเปิดยุคบุญนิยม อาตมาทำหนังสือมาหลายเล่มแล้วแต่เล่มนี้อ่านแล้วมันเข้าเป้าตรงที่ควรจะต้องให้รู้ คนควรจะรู้อันนี้ให้เข้าใจแล้วเอาไปเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะได้เอาไปทำ มันก็หาจุดที่จะไปนิพพานจุดที่จะเป็นโลกุตระได้ดีมากเลย 

(1) บุญต้อง “ทำเป็น” คืออย่างไร

          ฉบับนี้เราจะสาธยายเรื่อง“ภพ”กันให้ละเอียดยิ่งๆขึ้นโดยเฉพาะคำว่า“บุญ”ตามชื่อหนังสือเล่มนี้นี่แลที่สำคัญนัก “บุญ”คือ พลังงานของจิตใจที่ผู้เรียนรู้จะต้อง“ทำ”ให้เป็น 

          “ทำเป็น”คือ เริ่มทำให้มีพลังงาน“ฌาน”ที่เกิดจากการปฏิบัติตามกระบวนการ“จรณะ 15 วิชชา 8”อย่าง“สัมมาทิฏฐิ”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 1

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2564 ( 19:53:40 )

หาทางส่งเสริมกสิกรเพื่ออะไร

รายละเอียด

ทางด้านราชการก็ตามหรือเอกชนก็ตาม น่าจะหาทางเพื่อที่จะส่งเสริมกสิกรแข็งขัน หรือแข็งขลัง เป็นกระดูกสันหลังของชาติ น่าจะส่งเสริมให้กำลังใจกันจริงๆ เช่น ให้เหรียญตราให้ยศศักดิ์ไปเลย มันเป็นเรื่องของการเสริมกำลังใจให้รับรู้ว่าคุณเป็นคนมีคุณค่า เป็นคนมีประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อให้หลงเหลิง แต่มันเป็นเรื่องของปรมัตถ์ของสัจธรรมที่โลกียะเขาก็ทำ แต่โลกุตระเราก็ทำ แต่รู้เท่าทันสิ่งเหล่านั้น ไม่ไปหลงติดในเรื่องสิ่งเหล่านั้นที่จะทำเพื่อลาภยศ เราไม่ได้ทำเพื่อลาภยศ แต่เราทำเพื่อสัจจะสาระเนื้อแท้ของมัน ที่เขาทำกันก็เป็นการปลอมแปลง สร้างลาภยศ สรรเสริญ โลกียสุข

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทเริ่มอธิบายที่ชาติ 5 วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 13:32:24 )

หานาย ปเรติ โน วิเสสาย

รายละเอียด

เป็นผู้ถึงความเสื่อม ไม่ถึงความเจริญ

หนังสืออ้างอิง

จากรู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 216


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:34:28 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:12:49 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:35:04 )

หาว่าอวดอุตตริมนุสสธรรม

รายละเอียด

อาตมานี่แหละ ถึงขนาดนั้นเขาก็ยังไม่เชื่อน้ำมนต์ หาว่าอวดอุตตริมนุสสธรรมจะจับเอาปาราชิก ถ้าอาตมาเป็นของจริง ไม่มีทางปาราชิกหรอก อย่างเก่งก็จับปาจิตตีย์ ก็ต้องมีเข้าเงื่อนไข แต่อาตมาเทศน์นี้คนฟังคืออุปสัมบันทั้งนั้น ส่วนอนุปสัมบันเขาไม่มาหรอก ทางโทรทัศน์เขาก็ไม่เปิดฟังหรอก ก็แล้วอาตมาจะปาจิตตีย์ตรงไหน พออาตมาพูดออกทีวีไป เขาก็จะไม่ฟังเลยล่ะ แต่ข่าวโคมลอยมีนักหนาชอบกระจายนัก กลายเป็นข่าวเท็จข่าวลวงไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 11:31:21 )

หาเรื่องให้สามัคคีกัน

รายละเอียด

…ก็เป็นคนหาเรื่องก็รู้เจตนาตัวเอง คุณอาจอ่านใจเขาผิดก็ได้ แต่คนที่ได้รับการท้วง ใครก็ตามที่ทำเช่นนี้ก็ระลึกตรวจสอบตัวเอง แก้ไขเสีย อย่าหาเรื่องวิวาทส่อเสียด ควรหาเรื่องให้สามัคคีกันอย่างดี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 16:49:17 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:01:07 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:36:09 )

หิต

รายละเอียด

ประโยชน์เกื้อกูลแท้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 155


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:35:01 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:13:37 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:30:04 )

หิตา

รายละเอียด

ประโยชน์เกื้อกูล

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 155 – 524


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:35:37 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 02:47:19 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:30:24 )

หิตาย

รายละเอียด

เพื่อประโยชน์เกื้อกูล

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 366


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:36:08 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:15:27 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:30:40 )

หินดีกว่าเพชรทอง

รายละเอียด

เงินอาตมาก็ใช้ทำหินดีกว่าไปทำเพชรทอง ไม่ต้องเลย เอามาใช้ทำหินดีกว่า สร้างไปจนกว่าอาตมาจะตาย บ้านไม้เมืองหินก็มีอะไรพอสมควร นี่หินเล็กๆน้อยๆยังไม่ได้จัดเลยกองเต็มเลย น่าจะจัดบ้าง ตกลงทำหินใหญ่ก่อน หินเล็กให้ไม้ร่มทำ ส่วนหินใหญ่ก็ทำกันไป เป็นบ้านไม้เมืองหิน บ้านดินเมืองน้ำ บ้านงามเมืองพุทธ บ้านพิสุทธิ์เมืองอมตะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 10:08:59 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:01:31 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:35:04 )

หิริ

รายละเอียด

คือ ความละอายต่อบาป

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 500


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 12:07:31 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:45:58 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:31:10 )

หิริ

รายละเอียด

ละอายบาป ต่อหน้าไม่ทำ แต่ลับหลังยังทำอยู่

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:36:26 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 07:02:10 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:31:31 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์