@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ศาสนาพุทธเรียนรู้กิเลสอย่างไร

รายละเอียด

ศาสนาพุทธนั้นเรียนรู้กิเลสเป็นจริงตามความเป็นจริง ตาที่กระทบรูปเกิดกิเลสภายนอกหูกระทบเสียงเกิดกิเลสภายนอก ก็ล้างกิเลสภายนอกทางตาหูจมูกลิ้นกายให้หมด ให้ลด กาม พยาบาท ลดแล้วมันก็ไม่มี แม้ว่ามันไม่มีแล้วคุณก็ไม่ต้องไปหลับตาลืมตา กระทบอีกมันก็ไม่มีในรูป รส กาม พยาบาท มันไม่มีก็เป็นอนาคามีก็ล้างกิเลสที่เหลืออีกเป็นรูปราคะ อรูปราคะอีก ก็ลืมตาปฏิบัติกระทบรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส แต่กิเลสชั้นหยาบของคุณหมดแล้ว โอฬาริกอัตตาหมดแล้วก็เหลือ มโนมยอัตตา ชั้นที่ 2 มันเป็นลำดับอย่างนี้ 

การไปนั่งหลับตานั้นมันไม่เป็นลำดับไม่รู้จะพูดอย่างไร มันเป็นของเดียรถีย์หมดเลยน่าสงสารจริงๆ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที แต่เขาไม่ฟังอาตมาหรอกพวกนี้ คือยอมโง่ ตลอดกาลนาน ไม่รู้จะพูดอย่างไร อาตมาก็มีแต่คำว่าน่าสงสาร ไม่รู้จะทำอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:46:56 )

ศาสนาพุทธเรียนรู้บุญอย่างล้างกิเลส

รายละเอียด

คือ การทำบุญแบบล้างกิเลส  ศาสนาพุทธรู้อย่างละเดียด  รู้จักตัวเหตุปัจจัยที่มันจะเป็นตัวกิเลส แล้วมีวิธีที่เด็ดขาด ทำให้กิเลสมันตายได้จริงๆ มันเป็นพลังงานทางนามธรรม เพราะทำได้  ตั้งแต่ พระโสดาบันก็เริ่มเป็น  พระสกิทาคามีก็ทำได้มากขึ้น เก่งขึ้น อนาคามีก็เก่งมาก พระอรหันต์ ก็เก่งที่สุด ทำได้ครบหมดกิเลสในตัวเองจบเลย จะต่อเป็นพระโพธิสัตว์ก็ได้  แต่ในตัวพระโสดาบัน  สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ก็มีโพธิสัตว์อยู่แล้ว คุณก็พัฒนาขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้อื่นต่อไป  เมื่อจบเป็นพระอรหันต์แล้ว คุณยังจะช่วยผู้อื่นต่ออีก ก็ทำได้ ถ้าคุณหมดความสุข  ความทุกข์แล้ว  เหลือแต่ความทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้  ทุกข์อริยสัจนั้นไม่เกิดอีกแล้ว เหลือแต่ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็เลี่ยงไม่ได้ ยกตัวอย่างพระพุทธเจ้า นิพัทธ์ทุกข์  ก็ต้องปวดขี้ ปวดเยี่ยว  พยาธิทุกข์ มีความเจ็บป่วย เช่น    จากเชื้อโรคเป็นต้น อย่างพระพุทธเจ้าก็ยังพูดให้พระอานนท์ฟังว่า เรายังมีปวดหัวเลย  หรืออาตมาก็ยังมีวิบาก   ไม่รู้จะทำอย่างไรให้มันหมดวิบาก ก็ต้องทำไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:36:23 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 04:11:51 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:13:36 )

ศาสนาพุทธเสื่อม

รายละเอียด

คือ การไปเอากสิณ  คือ กสิณ 40 ของเดียรถีย์ เป็นสมถะ Meditation  แล้วได้จิตสงบแบบนั้นแล้วนึกว่าบรรลุ  บรรลุฌาน สมาธิ  แต่เป็นฌาน สมาธิ  เดียรถีย์ แสวงบุญนอกเขตพุทธ  ไม่ได้บุญเลยเป็นโลกียะ เพี้ยน มิจฉาทิฏฐิ เข้าใจบุญคือกุศล

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 13:59:09 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:57 )

ศาสนาพุทธเสื่อม

รายละเอียด

ศาสนาพุทธนั้นมันเสื่อมจนกระทั่งไม่รู้ว่าสมี คือบุคคลต้องห้ามเลยในวงการสงฆ์ ยิ่งกว่าผู้มีความผิดขั้นพรหมทัณฑ์ พรหมทัณฑ์ยังอยู่กับหมู่ได้แต่ปฏิบัติกับเขาเหมือนเขาไม่ได้อยู่ร่วม แต่ปาราชิกนี้ให้มาสุงสิงด้วยอยู่ด้วยไม่ได้เลย แต่นี่เขาให้มาเป็นมัคทายกอีก ไม่รู้เรื่องเลย เขาว่าเป็นเณรก็เลี่ยงไป แต่คุณก็ควรรู้ว่าควรคบหรือไม่ควรคบสิ ถ้าไม่ได้เขาแล้ววงการศาสนาพุทธจะไปไม่รอดหรืออย่างไร เขารู้มากแค่ไหนแล้วยังมาพากเพียรเน่าๆอีก ปาราชิกกันเละอยู่ในสังคมศาสนา โดยเฉพาะปาราชิกเรื่องเงินมาก จะไม่เหลือเลยนะ ใช้เงินผิดประเภท โยกทรัพย์ไปมา เข้าข่ายปาราชิกนะ แค่เกิน 5 มาสก เอากันจริงจะไม่เหลืออะไรเลย อาตมาให้มีสมณะ มาจะ 50 ปีแล้วไม่มีด่างพร้อยเรื่องเงินทองเลย แม้สิกขมาตุถือศีล 10 ก็ยังบริสุทธิ์ได้ จะพูดแก้ตัวว่า ในยุคนี้ไม่มีเงินไม่ได้จะเดินทางได้อย่างไร...แต่อย่างท่านเพาะพุทธไปมาต่างประเทศไม่รู้กี่ประเทศก็ไปได้โดยไม่ต้องมีเงินใช้เงินเลย มีฆราวาสเขาอนุเคราะห์ ไวยาวัจกรเขาก็จัดการไป คือจะมีผู้สงเคราะห์อนุเคราะห์ขอให้จริงเถอะเขายิ่งจะสนับสนุนด้วยท่านจะไปทำงานศาสนา ไม่ต้องมาพูดแก้ตัวเลยแม้ในยุคเดียวกันนี้ อาตมาไม่มีเงินทอง  เมื่อวานอยู่ที่บ้านราชฯแต่วันนี้ก็มาอยู่ที่สันติอโศกแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 14:15:30 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:36 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 13:59:47 )

ศาสนาพุทธเสื่อมตรงหลงพยัญชนะ

รายละเอียด

ที่นี้ความเสื่อมของศาสนาพุทธมันเสื่อมตรงที่มาหลงพยัญชนะ มีความรู้พยัญชนะแล้วก็มาสร้างระบบของพยัญชนะเรียกว่า ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ วิชาการพยัญชนะก็จะบัญญัติภาษาสนุกกันใหญ่ มีความรู้ความสามารถรู้มาก คนนี้รู้ไวยากรณ์ ไวยากรณะ ผู้นี้รู้วจีวิภาค ผู้นี้รู้ วากยสัมพันธ์ ผู้นี้รู้มากฉันทลักษณ์ อาตมาก็ไม่ไปลงพวกนี้เท่าไหร่ 

เพราะฉะนั้นอาตมาก็เหมือนลูกทุ่งในเรื่องของวิชาการ ไม่ว่าจะเป็น  ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ อาตมาก็ไม่ลงไปในรายละเอียดพวกนี้เท่าไร แต่ก็พอมีความรู้นำมาใช้ได้อยู่ ได้อยู่ ไม่ว่าจะ  ไวยากรณ์ มีประธาน มีกิริยา มีกรรม อะไรพวกนี้ก็เอามาใช้ มันไม่ได้ออกนอกจากสารัตถะแท้ๆของมัน จะมาอธิบายคำพูดภาษา วจีวิภาค จะพูดถึงเรื่องวากยสัมพันธ์ ความแตกต่าง อะไรแตกต่างกันอะไรสัมพันธ์กัน อธิบายเอาสาระ เอาเนื้อหา เอาความหมาย หรือจะมาร้อยเรียงเป็นร้อยกรองเป็น ฉันทลักษณ์ อาตมาจะมาอาศัยฉันทลักษณ์บ้าง ร้อยกรองแบบภาษา เอาภาษามาร้อยกรอง ร้อยเรียงกันไปง่ายๆเรียกว่า “ร่าย” ตั้งแต่ร่าย แล้วก็กลอน 

ร่ายก็อย่างหนึ่ง สัมผัสกันลงท้ายกัน อันนี้ต่ออันนี้ เชื่อมกันไปเฉยๆ เรียกว่าร่าย กลอน ก็มีแผนผังบ้าง ลงท้ายกลอน 4 กลอน 8 อะไรพวกนี้ กลอนกาพย์ มีการลงหนัก ลงเบา ลงแม่กด แม่กก แม่กบ มีอีกหลายกาพย์ กาพย์มีเยอะ กาพย์ 11 กาพย์ 12 

ทีนี้ยิ่งฉันทลักษณ์ มีครุ ลหุ อาตมาก็ชอบนะแต่ว่าไม่มีเวลาในชาตินี้ เราจะมาสาธยายเนื้อหาสาระของสัจธรรมที่ทุกคนรับไดั คุณไม่รู้เรื่องของไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ ไม่ต้องเป็นเลยแต่งกลอนแต่งกาพย์ ไม่ต้องเป็นเลย เอาภาษาธรรมดามาสื่อสาระแท้ๆได้ให้แก่กันและกัน แล้วก็รู้เรื่อง เอาไปใช้ อันนี้คือกิเลส อันนี้คือสิ่งที่จะต้องเลิกต้องละ ต้องประมาณ ยืดหยุ่นได้นะอันนี้ จะต้องประมาณต้องใช้กับสังคมมนุษยชาติ เราไม่ใช่สัตว์ปลีกเดี่ยวจะต้องอยู่คนเดียวเดี่ยวๆแล้วบรรลุเป็นอรหันต์ อันนั้นเป็นการออกนอกรีต เป็นเดียรถีย์อยู่แต่ผู้เดียวเดี๋ยวเดียวก็เป็นพระอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงาน ปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47 วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 13 เมษายน 2566 ( 20:21:17 )

ศาสนาพุทธเหนือกว่า GOD

รายละเอียด

ศาสนาพุทธสอนเรื่องกรรมสอนเรื่องทุกข์ นี่จับประเด็นได้ดี คำว่ากรรมของศาสนาพุทธนี้ยิ่งใหญ่ อย่าว่าแต่เทียบเท่าเลย เหนือกว่า GOD ด้วย ขออภัยที่พูดไม่ได้ข่มเบ่งGOD เพราะ God สลายตัวเองไม่ได้ แต่ศาสนาพุทธทำกรรมสลายตัวเองให้สูญได้ ไม่ต้องให้พระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิต 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2563 ( 18:16:34 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:05:21 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:58:18 )

ศาสนาพุทธเหนือกว่าเทวนิยม

รายละเอียด

พรหมคือ God เราทำได้เหนือกว่าพระเจ้า เห็นพระเจ้า เห็นเจ้าเห็นองค์ลงใหญ่ๆเราก็อยู่เหนือได้ อยู่เหนือปรมาตมัน ดับสนิท แล้ว ศาสนาพุทธดับสนิทได้แม้แต่พระเจ้าก็ไม่เหลือ จึงมีสุญญตา เพราะฉะนั้นศาสนาเทวนิยมไม่รู้จักพระพรหมไม่รู้จักปรมาตมัน จับตัวพระพรหมไม่ได้ พระพรหมหรือปรมาตมันจึงมีอยู่นิรันดร มีอยู่ตลอดถ้าคุณดับไม่เป็น ดับไม่ได้ให้พระเจ้าเป็นใหญ่อยู่อย่างนั้น

 แต่พระเจ้าคือที่ยังมีคือพระเจ้าตัวแปลงกาย เป็นปรนิมมิตวสวัตตี จริงๆคือธาตุเป็นธาตุมีของโลกเป็นอัตตา

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:37:22 )

ศาสนาพุทธเหลือโลกุตรธรรมอยู่ที่อโศก

รายละเอียด

ขอยืนยันคุณมีภูมิเท่าไหร่มาตรวจสอบได้เลยศาสนาพุทธเหลือโลกุตรธรรมอยู่ที่อโศก ในเถรสมาคมไม่มี พูดให้ชัดเลย มีคนที่รู้ผิวเผินบ้าง แล้วเขาไม่สามารถที่จะรวมกลุ่มทำให้เกิดโลกุตรธรรมขึ้นมาได้ เช่น ท่านพุทธทาส ท่านรู้โลกุตรธรรมอย่างผิวเผินไม่สามารถสร้างกลุ่มที่เป็นโลกุตรธรรมได้ ลูกศิษย์ท่านพุทธทาสมีแต่อัตตวาทุปาทาน พูดด้วยภาษาวิชาการแค่นี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:24:34 )

ศาสนาพุทธแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่หมดปัญหาเรื่องสุขเรื่องทุกข์ หมดปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ อย่างเช่นชาวอโศกเราเป็นได้ หมดปัญหาเรื่องรัฐกิจการเมือง หมดปัญหาเรื่องสังคม เป็นสังคมที่สุขสำราญเบิกบานใจ จึงหมดปัญหาในสังคมพุทธ อย่างชาวอโศก

พูดแล้วก็น่าชื่นใจตัวเองที่ได้รู้จักทฤษฎีพระพุทธเจ้า และนำทฤษฎีพระพุทธเจ้าเอามาประกาศอธิบาย พวกเราก็เข้าใจแล้วมาเอา จนเกิดเป็นหมู่มวล เป็นสังคมกลุ่มมันก็ได้สังคมกลุ่มเล็กๆ สังคมชาวอโศก อยู่กันอย่างนี้ มีเศรษฐศาสตร์ขั้นสูงสุดเป็นสาธารณโภคี การเมืองก็อยู่กันอย่างไม่ต้องบริหารเพราะช่วยกันบริหารในตัว รู้หน้าที่ ไม่ต้องบังคับอะไรกันมากมายไม่ต้องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน ไม่ต้องสั่งการอะไรด้วยซ้ำ บอกกันนิดหน่อย ถ้าจะบอก ไม่บอกก็รู้สำนึกกันเองว่าควรจะทำอะไร ทำแล้วก็มีการสร้างสรร มีผลผลิตมีพฤติกรรมการงานที่จะเป็นหน้าที่การงาน ก็ต้องใช้แรงงานทำแบกยกหาม การผลิตจะต้องปลูกผัก ต้องซ่อมแซมต้องทำอะไรต่างๆก็ทำกันไป ที่เป็นสัมมาอาชีพ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:34:22 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:41 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:59:25 )

ศาสนาพุทธแตกต่างจากศาสนาอื่นอย่างไร

รายละเอียด

ศาสนาที่พระพุทธเจ้าประกาศเป็นศาสนาใหม่ที่ถูกสถาปนาขึ้นในโลกไม่เหมือนกับใครเลย เป็นศาสนาที่มีสมณะ 4 เหล่า มรรคมีองค์ ​8 โพชฌงค์​ 7 เป็นศาสนาที่มีโลกุตรธรรม แยกธาตุจิตนิยาม สูญเป็นอุตุธาตุไปหมดได้เลย ไม่มีชีวะเกิดอีกเลย นี่คือนิพพานของศาสนา เทวนิยมไม่มีสิทธิ์จะรู้เลยในเรื่องของปรินิพพาน แยกธาตุ เพราะเทวนิยมเขาตีไม่แตกเทวะ ยิ่งใหญ่ที่สุด ดีที่สุดอย่างโลกีย์ก็คือศาสดา เป็นผู้ดีคนดี แต่เป็นแค่ดีไม่มีชั่ว ไม่ได้ล้างอัตภาพตัวเอง ไม่มี

เขาถือกันว่าพุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาเพราะไม่มีพระเจ้า แต่ศาสนาพุทธรู้จักจิตวิญญาณจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ และสามารถสลายได้ ไม่มีนิรันดร แต่ของเขาแยกไม่ได้ต้องจำนนต่อจิตเทวะ แล้วไม่รู้จักจิตเทวะจริง ตายไปแล้วเขาไม่รู้เรื่องว่าเขาต้องมีวิบากวนเวียนอีกเขาก็ไม่รู้ เชื่อว่าตายไปแล้วอยู่กับพระเจ้า จบอยู่แค่ในสวรรค์ ถ้าไม่ดีพระเจ้าเองจะเป็นผู้สั่งให้ลงนรก  ต้องอ้อนวอนต่อพระเจ้า จริงๆแล้วเราเข้าใจอย่างเทวะ เป็นอัตภาพสูงส่งยิ่งใหญ่ แต่วนเวียน เทวนิยมแท้ๆ เกิดชาติเดียวไม่รู้การเวียนตายเวียนเกิด

ศาสนาบางศาสนาก็พอรู้แล้วแต่ไม่สามารถล้างอัตภาพสลายเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ แต่เขาก็รู้ว่ามีการหมุนเวียนของวิบากบ้าง มีอดีต 18 และอนาคต 44 เทวนิยมไม่รู้จัก ทิฏฐิ 62 นี้เลย เขาถือว่าพระเจ้าเป็นสิ่งสูงสุด 

อย่างอาตมาผ่านอรหันต์มาแล้ว รู้แล้ว สามารถปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ แต่ยังไม่ยอมปรินิพพาน ต้องพิสูจน์ เลิกวนเวียนในความสุขทุกข์แล้ว แต่ผู้ที่มีภพชาติจะต้องมีวิบากอะไรอีกตั้งเยอะแยะ สำหรับในการเกิดเป็นคน อาตมาก็ไม่พอ เกิดเป็นคนแล้วก็จะปรินิพพานเลยก็จะไม่สามารถเรียนรู้กรรมวิบากของคนอื่นอีกเยอะแยะ จริงๆอยากจะรู้ว่า สูงสุดที่จะเป็นความรู้ในเรื่องของความเป็นผู้มีความรู้ความเป็นคนรู้จักมนุษยชาติสังคมมหาจักรวาลนี้ วิบากต่างๆนานา มากน้อยอย่างไร อาตมาเองไม่ยอมปรินิพพานเป็นปริโยสาน แม้แต่ผู้ประสพผลสำเร็จทางโลก สำเร็จเป็นศาสดาของศาสนาใดๆ จนกระทั่งเป็นผู้สำเร็จของศาสดาของศาสนาพุทธ อาตมาจะเป็นอย่างศาสดาของแต่ละศาสนาสามารถเป็นได้ พ้นจากความดีความชั่วแต่ไม่สามารถพ้นจากความทุกข์ความสุข อาตมาก็ต้องผ่าน แต่ก็ไม่ต้องพูด ต้องผ่านศาสนาเทวนิยม ต้องบำเพ็ญไม่รู้กี่ล้านชาติ กว่าจะได้เป็นศาสดาของพุทธศาสนา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2562 ( 08:29:31 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:21 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:01:46 )

ศาสนาพุทธแบบเถรวาท

รายละเอียด

เป็นศาสนาที่รับเอาคำสอนพระเถระผู้ใหญ่ ที่ได้เกิดพร้อมยุคพระพุทธเจ้าและได้รับคำสอนความรู้ตรงจากพระองค์ ตามที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก เช่น พระอานนท์ พระสารีบุตร เป็นต้น นั่นคือ พระเถระรุ่นที่ 1 ซึ่งเป็นคำสอนที่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้าที่สุด

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 530


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 12:41:13 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:46:21 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:00:02 )

ศาสนาพุทธแบบโลกียะกับแบบโลกุตระ

รายละเอียด

คนเราที่เกิดมามีชีวิต โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชน เกิดมาแล้วก็มาพบศาสนาพุทธ ก็ไม่ได้เคยสนใจศาสนาพุทธ จนไม่รู้ว่าพุทธศาสนานี้ มันมีแบบโลกียะโลกุตระด้วยนะ โลกุตระเป็นสิ่งวิเศษเขาไม่เคยสนใจ พุทธศาสนา 95% ในประเทศไทยไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ มีคนที่สนใจธรรมะสนใจศาสนาส่วนหนึ่ง จะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ เอาใจใส่เรื่องธรรมะธัมโมบ้าง ส่วนมากก็ทำมาหากินเช้าเย็น วันสำคัญทางศาสนาเฮฮาไปกับเขาบ้าง อย่างเก่งก็เท่านั้น นอกนั้นก็บอกว่าไม่มีเวลา ไม่ว่าง จะต้องไปเอาเงิน จะต้องเอาไปใช้หนี้เขาก่อน ขัดดอกไว้ก่อน หรือไม่อะไรก็แล้วแต่ มันมีแต่เรื่องของชีวิตที่ไปสร้างหนี้สิน ทำมาหากินชีวิตไม่รู้จักพอ แล้วก็ไม่รู้ว่าชีวิตควรจะศึกษาให้ชีวิตมันเบาสบาย มาเรียนรู้ธรรมะแล้วชีวิตจะเบาสบายจะต้องไม่ไปสร้างหนี้สินจะรู้จักความพอ มีกินใช้เท่านี้ มีหมู่นักธรรมะที่พากันปฏิบัติตัวเองประมาณนี้ไม่ต้องไปแย่งชิงลาภยศสรรเสริญ จะต้องไปเจริญแบบโลกียจะต้องไปเป็นเศรษฐีเป็นคนร่ำรวยเป็นคนชั้นสูงเป็นคนมีอำนาจบาตรใหญ่ ก็ไม่ต้องก็จะเข้าใจ เราจะบ้าบอไปแย่งชิงทำไม เราไม่มีบารมีอย่างนั้นก็อยู่ประมาณนี้เราก็สบาย ไม่เหน็ดเหนื่อยไม่เติมกิเลส ไม่กระสัน อยากใหญ่อยากโตอยากสูงส่ง มันไม่ต้องไปมีลักษณะอย่างนั้นเลย ชีวิตเราก็ไม่เป็นผู้ที่มีหนี้ ไม่กระทำทุจริตกรรม ไม่ต้องไปหนักหนาเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป ช่วยกันทำมาหากินได้พออยู่พอกินขยันหมั่นเพียร สิ่งที่เป็นสุจริตกรรม อาชีพที่สุจริตอาชีพที่ไม่ขี้โกง กุหนา ลปนา อาชีพโกหกมดเท็จไม่เอา อาชีพที่พ้นมิจฉาชีพ 5 ไปเรื่อยๆ จนมาถึงชาวอโศกปฏิบัติศีล 5 จนพ้นมิจฉาชีพข้อสุดท้าย ลาเภนลาภังนิชิคิงสนตา เป็นคนปฏิบัติไม่เอารายได้เลย ไม่เอาลาภแลกลาภไม่เอาสิ่งแลกเปลี่ยนเลย แล้วก็อยู่สบาย อาตมาพาพวกเราทำกันพ้นมิจฉาชีพ 5 ข้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ เถรสมาคมทำไม่ได้ ไม่เคยพูดถึงเหล่านี้เลย ลาเภนลาภังนิชิคิงสนตา เถรสมาคมไม่เคยพาทำ แม้แต่เป็นพระก็ทำไม่ได้ ขออภัยที่พูดแรงไปหน่อย ถ้าพูดเบากว่านี้ก็พอฟัง แต่นี่พูดแรงไป แม้แต่เถรสมาคมก็ยังทำงานเป็นพระก็มีเงินเดือนนิตยภัต ไปวุ่นวายเรื่องเงินทำไม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:40:05 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:55 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:04:14 )

ศาสนาพุทธแยกธาตุได้หมด

รายละเอียด

แต่ศาสนาพุทธทำ1 ได้แล้วเลิก1 ได้ เป็น 0 ได้แยกธาตุได้หมด จึงสามารถศึกษาได้ทุกอย่าง แยกแยะ อุตุนิยามก็ได้ ทางฟิสิกส์เขาก็เก่ง เข้าใจแยกฟิสิกส์บวกลบให้หายจนเป็น1เป็น0ได้ นี่คือความสามารถของศาสนาพุทธ เป็นพีชะก็แยกได้ เป็นสัตว์ก็แยกได้ แยกได้ด้วยการกระทำ แยกได้ด้วยกรรม

แยกได้ด้วยการกระทำ กระทำแล้วจะให้ทรงอยู่ก็เป็นธรรมะ อันไหนจะไม่ให้ทรงอยู่ก็คืออธรรม

อาตมามีสภาวะและเข้าใจจึงอธิบายได้ การอธิบายของอาตมาจะไม่เหมือนกับคนอื่น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน กาลามสูตร


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:08:50 )

ศาสนาพุทธโมฆะหมด

รายละเอียด

คำว่าพิจารณากายในกายนั้นไม่ขาดภายนอก แต่เน้นไปพิจารณาที่ข้างใน ฟังอีกทีนึง การเรียนรู้กายในกาย พิจารณากายในกายนั้น ในโพธิปักขิยธรรม 37 อันแรกเลยกายในกาย ถ้ามิจฉาทิฏฐิตั้งแต่กายในกายตัวแรกของโพธิปักขิยธรรมเลย อีก 36 ผิดหมด เพราะไม่เอาข้างนอก เพราะฉะนั้นการไปนั่งหลับตาสะกดจิตไม่มีภายนอก โมฆะหมดศาสนาพุทธ มันจึงเกิดอย่างนี้แหละ อาตมาหัวเดียวกระเทียมลีบ แล้วก็ไม่มีอะไรมากที่จะยืนยันหลักฐานนอกจากในพระไตรปิฎกเล่มที่ 14 ในสัมมาทิฏฐิ 10 ข้อ 10 สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ)

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:39:36 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:20 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:14:38 )

ศาสนาพุทธในประเทศไทย

รายละเอียด

ศาสนาพุทธในประเทศไทยมีมาในประเทศไทยเป็นพันปี ที่จริงศาสนาพุทธมีอยู่ในถิ่นนี้ย่านสุวรรณภูมินี้มากว่า 2 พันปีแล้ว ก่อนที่ประเทศไทยจะเกิด ก่อนที่จะรวบรวมกันเป็นประเทศสยาม หรือประเทศไทยเสียอีก

หนังสืออ้างอิง

สาธารณโภคีเศรษฐศาสตร์ชนิดใหม่ หน้า 125


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2562 ( 15:09:51 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:45:31 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:00:36 )

ศาสนาพุทธในประเทศไทยทุกวันนี้ งดงามอยู่ด้วยใบดอกผล

รายละเอียด

อาตมาเคยพูดความจริงมายืนยันประกอบให้เห็น ว่าความจริงแล้ว ประเทศไทยนี้ ฉาบพอกไปด้วย ฉากบนที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ในพระไตรปิฎก ที่บอกว่าคนที่ไม่รู้จักแก่น แสวงหาแก่น แล้วก็ไปพยายาม แสวงหาแก่น แต่เพราะความไม่รู้เป็นอวิชชาโง่ ก็เลยไปได้แต่ใบดอกผล งดงามมีผลเต็มไปหมด ใบสวย ดอกหอมกลิ่นฉุยเลย 

แต่ไม่ได้แก่น ไม่ได้แม้แต่กระพี้ ไม่ได้แม้แค่เปลือก แต่ไปได้แค่สะเก็ด แต่ไปได้ใบดอกผลงามหลงอยู่อย่างนั้น เหมือนศาสนาพุทธในประเทศไทยทุกวันนี้ งดงามอยู่ด้วยใบดอกผลคือ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข โลกียะเต็มๆ แต่โลกุตระที่เป็นแก่น ศีลเหมือนสะเก็ด สมาธิเหมือนเปลือก ปัญญาเหมือนกระพี้ วิมุติเหมือนแก่น 

เขาไม่ได้แม้ศีล เพราะฉะนั้นเมื่ออโศกเกิดขึ้นเขาก็บอกว่า พวกนี้มันทำเคร่งศีล มันได้แต่ศีล มันไม่ได้มีสมาธิ มันไม่ได้มีปัญญา มันไม่ได้มีวิมุติอะไรหรอก มันมีแต่ศีล เขาก็ว่าอย่างนั้น ผู้รู้ทั้งหลายก็ว่าอย่างนั้น ศีลต้องเอาที่อโศก สมาธิต้องเอาที่ธรรมกาย ปัญญาไปเอาที่สวนโมกข์ ท่านพุทธทาส ว่าอย่างนั้นเลยนะ ข้อสรุปของเขา อาตมาก็ว่า เขาก็ว่ากันไป เพราะเขามีภูมิรู้เท่านั้นขนาดนั้น ก็ว่าไป 

จนมาถึงวันนี้แล้วอาตมาหยิบอันนี้มาพูดจะเห็นได้ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ มันเป็นองค์รวมไม่ได้หมายความว่ามันได้อย่างใดอย่างหนึ่ง มันเป็นสภาพของอภิสังขารที่ลึกซึ้ง สิ่งที่ปรุงแต่งกันอยู่อย่างลึกซึ้งมาก เพราะฉะนั้นพวกเราต้องสำคัญศีลเป็นของต้นเลย มองว่าเราบริสุทธิ์ด้วยศีล แล้วศีลนี้ขัดเกลาไปถึงจิต กิเลสออกจากจิตก็คือถูกขัดเกลากิเลสไปเรื่อยๆ จิตก็สูงขึ้นเป็นสมาธิหรือ อธิจิต 

จิตสะอาดขึ้น ปัญญาเราก็ยิ่งรู้ความจริงของศีลกับจิต หรือศีลกับวิธีปฏิบัติ แล้วเราก็ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์แต่ละข้อๆ เกิดการขัดเกลากิเลสออกจากจิตเป็นอธิจิตจริงๆ กิเลสออกจากจิตก็เรียกว่า วิมุติหรือนิโรธ กิเลสดับหรือหลุดพ้นจากกิเลส ก็ได้เป็นวิมุติๆ ขึ้นไปเรื่อยๆเป็น อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ  สูงขึ้นไปเรื่อยๆตามลำดับ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 22 สงครามข่าวสารกับปรากฏการณ์จริการเมืองไทย วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2566 ( 19:42:43 )

ศาสนาพุทธในประเทศไทยหลงผิด

รายละเอียด

เล่ม 9 ข้อ [87] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์เหล่าใดมีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบัน ย่อมบัญญัติว่า นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ด้วยเหตุ 5 ประการ เขาเหล่านั้นเว้นผัสสะแล้วจะรู้สึกได้ นั่นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้เมื่อไม่มีผัสสะก็ไม่มีเวทนา ไม่มีเวทนาก็ไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้า ยิ่งไปนั่งหลับตาปฏิบัติในป่าอีกก็เป็นผู้ที่ไกลแสนไกลจากวิเวก เป็นผู้ติดข้องอยู่ในถ้ำ ยังไม่มีวันที่จะออกจากถ้ำเลย แม้แต่ศาสนาพุทธในประเทศไทยที่ทั่วโลกเขายกให้เป็นที่หนึ่ง ก็ได้หลงผิดอย่างนี้ แล้วจะเป็นที่พึ่งของโลกเขาได้อย่างไร เพราะมันผิดอย่างนี้ มันน่าสมเพชเวทนาหรือไม่ พูดแล้วเหมือนยกตนหลงตนว่าคนอื่นผิดหมด ตัวถูกอย่างเดียว ก็จริงแบบนั้นอีกอาตมาเป็น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง  ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา  เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) ขอยืนยันว่าอาตมาเป็นผู้นี้จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:46:47 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:19:14 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:06:21 )

ศาสนาพุทธในยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้าก็มีสัตบุรุษหรือโพธิสัตว์ในระดับ 7 ขึ้นไปมาช่วยมนุษย์

รายละเอียด

แต่ศาสนาพุทธไม่มีพระพุทธเจ้าหรือมีศาสดา 2 องค์เกิดพร้อมกันในยุคเดียวกันหรือใกล้ๆกันก็ไม่มี จะมีศาสดาองค์เดียว 

จริงๆแล้ว ศาสนาพุทธในยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้าก็มีสัตบุรุษ สูงสุดเป็นศาสดาของศาสนาพุทธแต่ละยุค เป็นสัตบุรุษหรือโพธิสัตว์ในระดับ 7 ขึ้นไป สัตตะคือ 7 เป็นศาสดาของแต่ละยุค ไม่มีสัตบุรุษโพธิสัตว์ระดับ 7 ระดับ 8 ก็มีเป็นมหาโพธิสัตว์ เป็นศาสดาของแต่ละยุคกาล ถือว่าเป็นคนที่รู้สูงสุดในยุคนั้นกาลนั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงที่ได้สั่งสมสัมภารวิบากมาจริง มีภูมิธรรมที่แท้จริง แล้วก็มาช่วยมนุษย์มาแจกแจงมาสาธยาย ให้มนุษย์เรียนตาม ปฏิบัติตาม บรรลุตาม มนุษย์ก็เจริญ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า อวิชชาคือสิ่งสูงสุดพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว 18 สาขาวิชาทิ้งหมด มาเอาวิชานี้วิชาเดียวหมดจบ 

เพราะฉะนั้นตั้งแต่เกิดมาไม่รู้กี่ชาติเป็นล้านชาติจนได้เป็นพระพุทธเจ้า เพื่อมาเอาวิชานี้ โลกุตระนี้วิชาเดียว สุดท้ายก็ชาติสุดท้ายของพระพุทธเจ้า สิทธัตถะ แปลว่าผู้มีความต้องการอันสำเร็จแล้ว ต้องการอะไร ต้องการรู้ความเป็นจริงว่ามันคืออะไรกันแน่ คือไม่มีอะไร ความจริงคือไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเพราะอวิชชาหรือมันมีก็เพราะอวิชชา มีคือมี ก็อาศัยมีได้ พอเป็นอรหันต์แล้วก็รู้แล้วในความมีกับความไม่มี ก็อาศัยไป ก็จะเป็น อนุปคัมมะ ไปเรื่อยๆ ก็รู้ไป ความมีความไม่มี ก็ไม่ได้หลงความมีความไม่มี 

ตอนนี้เราจะอยู่กับความมี ตอนนี้เราจะอยู่กับความไม่มีก็เท่านั้น ไม่ใช่รู้เฉยๆ แต่ทำได้ เช่นไม่มีกิเลส ทำได้จริง ไม่มีลักษณะที่จิตจะต้องปรุงแต่งอะไรเลย สังขารแปลว่า การปรุงแต่ง มีวิชชาไม่ต้องปรุงเลย จิตเฉยๆ จิตกลางๆ ไม่ปรุงอะไร ก็เฉยๆไม่ต้องปรุงอะไร ไม่มีกรรมไม่มีวิบากไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยทำเฉยๆ ภาษาอีสานว่าโจโลๆ ก็คืออุเบกขานั่นแหละ เฉยๆกลางอยู่กับความว่างๆกลางๆ 

ไม่สุขไม่ทุกข์เป็นซินโนนีม ที่จริงความทุกข์ก็ไม่มีความสุขก็ไม่มี มันกลางๆไม่มีทั้งสุขและทุกข์ กลางๆ ภาษาว่า ไม่มีทั้งความสุขและความทุกข์ก็คือ อทุกขมสุข มันก็อยู่กลางๆนั่นแหละ แล้วเรารู้เวทนาของเราด้วย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2565 ( 15:36:32 )

ศาสนาพุทธในเมืองไทยเสื่อมไปหมดแล้ว

รายละเอียด

อธิบายอันนี้ 3 ปี 8 ปี ที่อ่านมาครบ ก็คือธรรมะพระพุทธเจ้าทั้งหมด อาตมาไม่ใช่พระพุทธเจ้าแต่ก็เรียนมาจากพระพุทธเจ้า และก็ยืนยันว่าอาตมาเป็นผู้ที่เอาของพระพุทธเจ้ามาประกาศตอนนี้ เพราะตอนนี้มันเสื่อมไปหมดแล้ว พูดกันจริงๆอย่างนี้ไม่ไว้หน้า แม้แต่เถรสมาคม หรือที่ใดๆก็เสื่อม ขณะนี้ศาสนาพุทธในเมืองไทยเต็มไปด้วยใบไม้ดอกและผลไม่มีสะเก็ด ไม่มีเปลือกไม่มีกระพี้…ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีแก่น ไม่มีทางเป็นไปได้เลย กระพี้คือปัญญาก็ไม่มี มีแต่เฉโก เปลือกคือสมาธิก็ไม่มีมีแต่สมาทุ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 13:33:19 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:51:30 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:07:12 )

ศาสนาพุทธให้เชื่อตัวเอง

รายละเอียด

ศาสนาพุทธไม่ได้เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศาสนาพุทธให้เชื่อตัวเองหรือผู้ที่มีจิตจริงที่จะสามารถช่วยกันได้มีตัวตนจริง ศาสนาพุทธสอนให้คนช่วยกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่ขาดคนที่จะช่วยกัน มีน้ำใจช่วยกัน ถ้าคนไม่ช่วยกันแล้วจะให้พระเจ้าช่วยนั้นยาก แต่ละคนอยู่ด้วยกันอย่างนี้มันช่วยกันได้ทันทีมันเป็นของจริงที่พิสูจน์ยืนยันได้ศาสนาพุทธเรายืนยันได้พิสูจน์ได้จับต้องได้ สิ่งที่จับต้องได้ไม่ได้อยู่ไหนก็ไม่รู้ พระพุทธเจ้าก็บอกว่าอย่าเพิ่งทำแต่คนจะเชื่ออย่างนั้นมันก็ลึกซึ้งซับซ้อน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:52:02 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:22:36 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:01:15 )

ศาสนาพุทธไม่มีการขอ

รายละเอียด

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่จะขอ ขอให้ร่ำรวย ขอให้มีความสุข ขอให้เจริญ ขอใดๆ ไม่มีการขอ แม้จะเรียกว่า ภิกษุ แปลว่า ผู้ขอ ภิกษุหรือภิกขุ แปลว่า ผู้ขอ 

ผู้ขอนั้นเป็นพฤติกรรมของผู้ที่ให้มาบวชแล้วมีสำนึก ว่าชีวิตเรานี่  ปรปฏิพัทธา เม ชีวิกา  เราเป็นผู้ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างที่ผู้อื่นเขาเลี้ยงไว้ ให้ผู้อื่นเลี้ยงไว้ 

ถ้าคุณไม่มีคุณธรรม เขาไม่เลี้ยงไว้  ภาษาไทยเขาจะเรียกว่า  คว่ำบาตร คือเขาไม่ใส่บาตรให้คุณ คุณหงายบาตรมาเขาไม่ใส่ เขาไม่เอาจานข้าวมาใส่บาตรให้คุณ ไม่มี บิณฑะ ที่แปลว่า ก้อนข้าวไม่ได้ตกลงไปในบาตรของคุณ ปาตะ แปลว่า ตก ใน บาตร แปลว่า บาตร ปาตะแปลว่า ตก เขาไม่เอาปาตะ ไม่เอาก้อนข้าว(บิณฑ) ไปตก(ปาตะ)หย่อนลงไปในบาตรของเรา ลึกซึ้งมาก คำที่บอกว่าทั้งผู้ให้และผู้รับ คุณต้องให้ ผู้ที่มาใส่บาตรนั้น ที่จริงมาตักบาตรหรือมาตกบาตร ตกะ คือตกหรือตัก ภาษาบาลี ตักกะหรือตก เฮ้ย ข้าวเราตกในบาตร ปาตะ แปลว่าตก ลงไปใน ปาตระ พูดไปก็มันเยอะ มันเพี้ยน พระบาลี มีสภาวธรรมเยอะมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2566 ( 11:53:15 )

ศาสนาพุทธไม่มีการบังคับ

รายละเอียด

พวกเราเริ่มเข้าใจได้ไปตามลำดับตั้งแต่โลกอบาย โลกต่ำหยาบ ที่เราเคยเป็นแต่ก่อนเราก็ไม่รู้เราเคยหลงอร่อยสนุกสนานแย่งชิงเขาไปมีชีวิตชีวาเป็นคู่แข่งเขาอยู่ พอรู้แล้วไอ้หยา แบบนั้นไม่เอาแล้ว เราก็เลิกมาเป็นอย่างที่เราเห็นนี้ ซึ่งเราก็ไม่มีใครเดือดร้อน ไม่เลยไม่ต้องไปแข่งไปแย่งชิงกับเขาหรอก  คนที่เขายังหลงใหลเลยเถิดอยู่ก็ปล่อยเขาไป บังคับเขาไม่ได้หรอก บอกความจริงความดีให้เขามาเอาไม่เอา เขาก็ไปทิ้งไปบังคับกันไม่ได้ ศาสนาพุทธไม่มีการบังคับใคร เกิดญาณปัญญาปฏิภาณของตนเองเท่านั้น 

เพราะฉะนั้น เราเลิกมาเป็นขั้นๆ ตั้งแต่กามหยาบ อบายมุข กามคุณ 5 อย่าง หยาบ กลาง ละเอียด เราก็รู้แล้ว พ้นกามมาเป็นขั้นๆ ไม่ต้องไปไล่ภาษาก็ได้มันก็มีอย่าง หยาบ กลาง ละเอียด จนเรียกภาษา รูปภพอรูปภพอีก กระทบสัมผัสแล้วก็วางเฉย เฉยสนิทบ้าง เฉยไม่สนิทบ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 35 จิตวิญญาณแห่งสาธารณโภคีที่มีในชาวอโศก วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2565 ( 09:42:16 )

ศาสนาพุทธไม่มีพระเจ้า

รายละเอียด

ของพระพุทธเจ้านั้น ยืนยันสูงสุดว่าศาสนาพุทธไม่มีพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าเป็นวิญญาณนิรันดร วิญญาณคือธาตุที่เป็นจิตนิยาม ศาสนาพุทธได้เรียนรู้แล้วทำลายจิตวิญญาณ​จิตนิยามตนเองหายสาบสูญ แยกธาตุเป็นอุตุนิยามได้ อย่างมีหลักเกณฑ์มีสัจจะยืนยัน เพราะฉะนั้นจิตวิญญาณถึงไม่ใช่ขึ้นกับพระเจ้า ไปแล้วสลายเองศูนย์หมดเลย พระเจ้าเป็นเจ้าของจิตวิญญาณของเราเองไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ศึกษาให้ดีจะรู้ความจริงที่ซับซ้อนลึกซึ้งเหล่านี้มากมายเยอะแยะเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 20:09:45 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:24:32 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:07:58 )

ศาสนาพุทธไม่มีมรรคผลแท้จริง 

รายละเอียด

ศาสนาพุทธไม่มีมรรคผลแท้จริง  คือ  ทุกวันนี้ศาสนาพุทธมีแต่ ดอก ใบ ผล เต็มไปหมด อวดอ้าง  มีแต่  ลาภ  ยศ  สรรเสริญโลกียสุข  น่าอาย  มันไม่รู้จะแก้อย่างไร  เกินแก้ไขที่กระแสหลักศาสนาพุทธมันเป็นไป  เป็นฐานของภิกษุต่างๆ เป็นพระผู้ใหญ่  ผู้น้อย  ยิ่งใหญ่  ยิ่งมี ลาภ ยศ สรรเสริญ  สุข  ก็มีพระจำนวนหนึ่งเป็นพระปฏิบัติ  ก็ออกป่า  ไม่สะสม  ออกป่าหลับตาปฏิบัติ  อันนี้ก็สุดโต่งอีกแบบ  สะสมอัตตา  โดยไม่เรียนรู้  ลดอัตตา  ตั้งแต่โอฬาริกอัตตา  มโนมยอัตตา  อรูปอัตตา  ที่อยู่ภายใน  ก็ล้างอัตตา 3 จนหมด  อันนี้เขาไม่รู้เรื่องกันแล้ว  ศาสนาพุทธไม่มีมรรคผลแท้จริง  มีแต่เดรัจฉานวิชชา  ไสยศาสตร์ไม่ได้ใส่ความหาเรื่องนะ  จะปฏิบัติให้ได้สมาธิ  ปัญญาเขาไปนั่งหลับตา  ก็คือ  เป็นผู้ไกลจากวิเวก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:25:03 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:26:25 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:15:56 )

ศาสนาพุทธไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ประเทศไทยขณะนี้มีคนเข้าใจถูกต้อง อยู่จำนวนมาก มีเศษ เล็กๆน้อยๆเท่านั้นที่มันห้ามไม่ได้ ในโลกมันต้องมี พระพุทธเจ้าทั้งองค์อุบัติขึ้นมามีคนค้านไหม มีคนค้านมีคนประท้วงมีคนพูดภาษาง่ายๆว่ามีคนด่าด้วย เป็นธรรมชาติอยู่เลย เพราะฉะนั้นมันไม่เป็นไปได้หรอกที่จะไม่ให้มีใครเห็นค้านเห็นแย้ง เห็นเป็นหนึ่งเดียวกันไปหมดทั้งโลกทั้งประเทศเหมือนอย่างที่พูดอะไรเขียนมา จะให้ใครมาเห็นอย่างชาวอโศกจะเห็นได้อย่างไร อาตมาก็ไม่ได้คิดผิดไปจากคุณนี่ อาตมาก็พอเข้าใจอยู่ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ แต่มันได้มาแค่นี้ก็ดีหนักหนา เป็นประโยชน์แก่สังคมมนุษยชาติยิ่งใหญ่แล้ว 

อาตมาเคยพูดแล้วว่าอาตมาเกิดมาในชาตินี้อาตมาพอใจ ที่อาตมานำธรรมะพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตรธรรมนี้ เป็นอาริยธรรมที่แท้จริง เอามาอธิบายสาธยายแล้วก็มีคนเข้าใจอย่างพวกคุณ จนเอาไปประพฤติปฏิบัติเห็นดีเห็นงาม เอาชีวิตเข้ามาดำเนินชีวิตกันอยู่อย่างนี้ เรียกว่ามาดำเนินไปอย่างนี้คือ มีคติการดำเนินไป ถือว่าอย่างนี้เป็น สุคติ ถ้าจะแปลอีกคำหนึ่งก็แปลว่าความเข้าใจทั่วไปโดยปริยายเหมือนกัน ว่านี่แหละคือสวรรค์สุคติ แต่ของเรานั้นยิ่งกว่านั้น มันเหนือสวรรค์ เหนือนรก เมื่อกี้นี้จะอธิบายจตุมหาราช แล้วก็ดาวดึงส์แล้วก็ ยามา ดุสิต นิมานรดี ปรนิมิตวสวัตตี นั่นแหละเป็นภพเป็นชาติของคนมีสวรรค์ทั้งนั้นเลย ศาสนาพุทธไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก มีแต่ความจริงในปัจจุบัน ที่เกิดจากกรรมกิริยาเป็นพฤติการณ์ของมนุษยชาติ ศาสนาพุทธเป็นอย่างนั้น 

แต่เข้าใจคนที่ยังโง่อยู่ว่าเขายังมีสวรรค์ เช่น ประเทศที่ยังโง่อยู่ ก็ต้องเป็นจตุมหาราช ก็ต้องสร้างอาวุธตั้งหน้าตั้งตามีเขี้ยวโง้ง ตาโปน ทำสงครามรุกรานฆ่าฟันกันกับคนอื่นเขาอยู่ ประเทศไหนที่สร้างอาวุธ ประเทศไหนที่จะต้องห้ำหั่น เอาแรงเอาการฆ่า ไม่หยุดไม่สงบ ไม่เลิกวางอาวุธวางศาสตราแม้แต่ศีลข้อที่ 1 นี่แหละคนนั้นยังไม่ใช่คน คนที่ยังไม่มีศีลแม้แต่ 1 ข้อเลยก็ไม่ใช่คนเลย ศีล 5 ไม่มีแม้แต่สักข้อก็ยังนับเป็นคนไม่ได้ ยังเป็นสัตว์นรกหรือเป็นสัตว์อบายอยู่ ยังไม่ใช่คน ยังเป็นสัตว์นรก ยังเป็นสัตว์อบาย อาตมาอธิบายหลักวิชาการนะ ไม่ได้ไปด่าทอไม่ได้ไปว่าใคร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 19:37:29 )

ศาสนาพุทธไม่มีเข้า-ออกฌาน

รายละเอียด

ของศาสนาพุทธไม่มีเข้าไม่มีออกฌาน ทำนิโรธทำดับได้ โดยไม่ต้องเข้าต้องออก สามารถฝึก ชำระกิเลสดับกิเลสได้โดยที่กิเลสมันดับได้ แวบหนึ่ง สองแวบ ดับได้นานขึ้น มีทั้ง ขุททกะ ขณิกะ สภาพทำได้เป็นตัวๆ ทำได้เป็นกำหนดเวลาได้เร็วขึ้นและนานขึ้นด้วย ทำได้แข็งแรง ทำได้ละเอียดทำได้ครบทำได้มาก ทำอะไร ทำลายตัวกิเลสไง ก็เป็น คุณสมบัติของการประพฤติปฏิบัติธรรม ที่เราสามารถปฏิบัติได้ดีขึ้นเจริญขึ้น

ท่านไปขยายความไปเป็นฌาน ฌานก็ไม่ได้หลับตา ฌานต้องปฏิบัติลืมตาคือศาสนาพุทธ อย่างพวกชาวอโศก อาตมาพาให้ปฏิบัติฌานสมาธิจนเกิดนิโรธ ก็ลืมตาทั้งนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ

วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:08:40 )

ศาสนาพุทธไม่มีใจดำมีแต่ใจดี

รายละเอียด

ศาสนาพุทธนั้นไม่มีสุขไม่มีทุกข์ยืนอยู่ 1 ไม่มีผลักไม่มีดูด ยืนอยู่อย่างไม่มีปฏิกิริยาร้ายต่อใคร แม้จะมีปฏิกิริยากับอันอื่นอีกก็มีแต่ดีมีแต่ประโยชน์ คุณค่า กับคนไม่ดีก็คือมีประโยชน์กับเขาคือชำระเขาให้ได้ ขูดเขาให้ได้ ช่วยเขาทำลายสิ่งที่ไม่ดีให้ได้ก็เลยดูเหมือนจะไปจัดการเขา ส่วนผู้ที่ไม่ทำอะไรกับใครเลยก็เอาของตัวเองก็แล้วกัน ชำระสิ่งที่ไม่ดีในตัวเองออกให้ได้ก็แล้วกันก็ได้แต่ของตัวเอง คนอื่นเขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่ช่วย ก็เป็นคนใจดำไป ศาสนาพุทธไม่มีใจดำมีแต่ใจดีให้รู้ ทำให้ตัวเองด้วยทำให้คนอื่นด้วย แม้คนอื่นจะไม่เข้าใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน ธรรมะ 2 ให้เป็น 0 ได้ต้องยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:12:03 )

ศาสนาพุทธไม่รู้จักนามรูป คือโจรปล้นศาสนา

รายละเอียด

ภาษาดูง่ายๆ แต่ยากลึกนะ แม้ที่ไปหลงทิศหลงทางก็จมในความหลง เพราะกิเลสที่ไม่ได้อยู่ใกล้วิเวก แต่ไกลห่างจากวิเวก พระพุทธเจ้าตรัสไว้ เป็นยุคนี้จริงๆ เป็นยุคที่อาตมาว่าเป็นอาหารข้อที่ 4 ไม่รู้จักวิญญาณ ไม่รู้จักนามรูปคือโจรปล้นศาสนา ที่ถูกพระราชาจะเอาไปฆ่า โจรที่ปล้นจี้ยิ่งกว่า ผอ.กอล์ฟ ไม่รู้กี่เท่า ตอนนี้ก็เป็นข่าวกัน คนอะไรทำได้ขนาดนี้ แต่นี่ยิ่งกว่าอีก อาตมาพยายามแก้ไขไม่ให้เป็นโจรก็เป็นโจรที่ฆ่าไม่ตาย ไม่กระดุกกระดิก จมอยู่อย่างนั้นไม่ฟังด้วย กระทุ้งอย่างไรก็หนังเหนียว ไม่ถูกตัวด้วยนะ ยาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:55:16 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:27:36 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:08:58 )

ศาสนาพุทธไม่ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์

รายละเอียด

ทีนี้ไม่ว่าจะเป็นอุตุหรือพีชะ จะกินจะอยู่จะใช้ในชีวิตประจำวันไม่เห็นต้องเกี่ยวกับสัตว์เลย เอามาใช้งาน แม้เอามาเลี้ยงท่านก็ไม่ให้เลี้ยง ไม่ให้เลี้ยงสัตว์ ศาสนาพุทธไม่ส่งเสริมการเลี้ยง แล้วจะปล่อยสัตว์อย่างไรก็ให้มันอยู่ตามยถากรรม ไม่ต้องไปมีชีวิตร่วมอยู่กับมัน แม้จะทำอย่างโทสะหรือราคะก็ตามคุณก็ต้องมีวิบากกับมัน ตามสายโทสะหรือราคะ โมหะมูลเลอะเทอะเลยเกี่ยวกับสัตว์ก็เข้าใจให้ได้ว่าต่างคนต่างอยู่ ช่วยกันได้ก็ช่วยกันตามควร เราก็ปล่อยมันไปตามยถากรรม เห็นว่างูกินเขียดก็เห็นว่ามันกิน มันเป็นอาหารของมัน มันเป็นคู่วิบากกันระหว่างเขียดกับงู คุณไปร่วมกันอีกคนนึงหรือ อยู่ดีๆไปร่วมอยู่ในสังคมสงครามกับเขา เขาเรียกว่าเอามือไปซุกหีบ หมูจะหามเอาคานเข้าสอด มันไม่ใช่เรื่อง

ที่มา ที่ไป

ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 12:23:13 )

ศาสนาพุทธไม่หมดไปจากมหาจักรวาล

รายละเอียด

คนนี่แม้จะเป็นคน ยังเป็นอเวไนยสัตว์ ยังมีกามพยาบาท ยังมีรักมีชังไ ม่รู้กี่ขั้นกว่าจะศึกษามาเป็นโลกุตรธรรม กว่าจะลดกิเลสรักและชัง เป็นไปลำดับกว่าจะเป็นอรหันต์หมดความโลภความโกรธเลยมันไม่ง่าย เพราะฉะนั้นคนที่หมดความโลภโกรธหลงได้ จึงต้องกราบเคารพบูชา เพราะมันไม่ง่าย และผู้ที่หมดโดยทฤษฎีของพระพุทธเจ้านี้ไม่กดข่มเท่านั้น แต่เป็นคนที่หมดความโลภโกรธหลง และสอนผู้อื่นและพาผู้อื่นมาให้เป็นคนไม่โลภโกรธหลงซ้อนอีก โลกจึงได้รับประโยชน์มหาศาล คุณธรรมไม่มีสูญไปอย่างนี้ แม้ว่าศาสนาพุทธจะมีพุทธันดร จะมีช่วงระยะที่ไม่มีศาสนาพุทธอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ศาสนาพุทธก็ไม่หมดไปจากมหาจักรวาลนี้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:13:42 )

ศาสนาพุทธไม่ออกป่าออกดง

รายละเอียด

จากการปรุงแต่งที่มิจฉาทิฏฐิ ศาสนาพุทธมีคำว่า ดงและเดิน ซึ่งออกนอกเขตศาสนาพุทธมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นมิจฉาทิฏฐิในการออกป่าดง หรือความเข้าใจผิดคำว่าธุดงค์แปลว่าการเดิน การออกป่าออกดงผิดไปไกลเลย ซึ่งมันไม่มีในศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธไม่ออกป่าออกดง แม้แต่ผู้ที่จะปฏิบัติเชิงไปอยู่ในป่าบ้าง ท่านก็มีกำหนดว่าอย่าห่างจากหมู่บ้านไม่เกิน 2 กิโลเมตรหรืออย่างไร ท่านมีพระวินัยกำกับ ไม่อย่างนั้นก็จะเข้าใจผิด กลายเป็นออกป่าเขาถ้ำไปสู้กับเสือสิงห์ เอามาเล่ากันอีกต่อไป ว่าไปลูบหัวเสือมาแล้ว เป็นความน่าสงสารมากเป็นความไม่เดียงสา สมัยนี้เดินก็เดินไปกิจธุระ ถ้าไม่มีกิจจะเดินจะไปเดินทำไม เถรสมาคมต้องออกกฎระเบียบให้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ใช่ไปให้เที่ยววุ่นวายเดินไป เดินไปเหยียบข้าวนั้นมันสมัยพระพุทธเจ้า ก็เดินไปชนรถราเขาทั้งหมด เพราะคุณเหนียว คุณเป็นพระเก่งธุดงค์กรรมฐาน มีคาถา ชนรถราเขาพังหมด พูดประชดแดกดันไป ก็บอก ก็ว่าอยู่กันพอควร อาตมาเคยพาพวกเราเดิน จากนครปฐมไปโคราช ค่ำไหนก็นอนนั่น โอ้โห ใช้เวลาเป็นเดือน ขากลับไปถึง ยังจำได้ ก่อนเข้าแดนอโศก ฝนมันมา โอ้โห ยังนึกถึง สิกขมาตุสดใส ร้องไห้เลย ทั้งฝนทั้งลม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:48:27 )

ศาสนาพุทธไม่เหลือสักวัด ถ้าจับอาบัติปาราชิกเรื่องเงิน

รายละเอียด

แต่เพราะทางโลกเขามีการคอรัปชั่นคอมมิชชั่นมีเงินทอนอะไรอีก เงินมันเอามาทำทานล้านหนึ่ง เหลือเข้าวัดสักประมาณ 100 หนึ่ง นอกนั้นโกงกันไปหมด นอกนั้นบาปทั้งนั้นขี้โกงกิน ร้ายกาจกว่าชาวโลกด้วย ชาวโลกเขายังมีกฎเกณฑ์แต่ที่วัดนี้ไม่มีกฎเกณฑ์ ส่วนมากเจ้าอาวาสวัดจัดการหมดเลยอย่างเช่นธัมมชโยเป็นต้น หรือวัดอื่นๆส่วนใหญ่เลย เขาจะมีกรรมการตั้งไว้ มุกไว้ แต่จริงๆแล้วเจ้าอาวาสก็จัดการทำเป็นเขียนเสือให้วัวกลัวเป็นคณะกรรมการ แต่เสร็จแล้วเจ้าอาวาสจัดการเองหมด ถ้าจะจับอาบัติปาราชิกเรื่องเงินแล้วศาสนาพุทธไม่เหลือสักวัด ปาราชิกทุกวัดเพราะใช้เงินผิดประเภทแค่ 5 มาสก 1 บาทก็ปาราชิกแล้วเพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดเลย การไปจัดการวุ่นวายเรื่องเงิน

นอกจากเจ้าอาวาสไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินเลย ปล่อยให้ฆราวาสจัดการเลย ท่านองค์นี้ก็รอดอยู่ในวัด ไม่ยุ่งกับเงินเลยปล่อยคนอื่นเขาจัดการ หากผู้ที่ทำเป็นพระก็ปาราชิก ฆราวาสก็ได้บาปไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:39:11 )

ศาสนาพุทธไม่แข่งกัน

รายละเอียด

ส่วนของพระพุทธเจ้าศาสนาพุทธไม่แข่งกัน พระพุทธเจ้ามีองค์เดียวในยุคไหนก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวไม่มีแข่งกัน อย่าว่าแต่พระพุทธเจ้ามีองค์เดียวเลย ขออภัย ในยุคนี้ก็ไม่มีใครแข่งอาตมา เขาก็แข่งแต่ก็แข่งด้วยความไม่รู้ โดยสัจจะนี้เขารู้สู้อาตมาไม่ได้ เขาไม่ได้รู้โลกุตรธรรมอย่างที่อาตมาสาธยาย ต่อให้เขาเรียนจนหัวผุหัวพัง เป็นผู้คงแก่เรียนสักเท่าใด ก็ไม่สามารถสาธยายสภาวธรรมกับบัญญัติอย่างที่อาตมาสาธยายนี้ได้ ต้องขออภัย อาตมาเกรงใจ๊เกรงใจ ที่ต้องพูดว่า ตัวเองยิ่งใหญ่ ตัวเองสูงแล้วมันสูงจริงๆ ในยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้าก็มีอาตมา หรือมีสัตบุรุษมีผู้รู้สุดยอดรองจากพระพุทธเจ้า เกิดมาในยุคหนึ่งๆ ซึ่งอันนี้คือสภาวะของธรรมะพระพุทธเจ้าที่มีผู้สืบทอดจนกว่าจะหมดยุค 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 13:27:00 )

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก  

รายละเอียด

“พญานาค”นี้คือ ลัทธิ“หลับตา”หลับไม่รู้คู้ไม่เห็นของศาสนาเดียรถีย์เขา เขาก็“หลับตา”ปฏิบัติของเขาไปยืนยันความเป็นเดียรถีย์ของเขา ก็เป็นธรรมดาสามัญของเขาที่เดียรถีย์“มี”อยู่ประจำโลก

“พุทธที่เป็นโลกุตระ”ต่างหากที่“ไม่มีอยู่ประจำโลก”

“การหลับตาปฏิบัติ”นั้นมัน“มี”อยู่ประจำโลก มันเป็น “หลักปฏิบัติของเดียรถีย์”แท้ ไม่มีขาดหายไปหมดโลกหรอก การ“หลับตา”ปฏิบัติเป็น“โลกียธรรม” เป็นของ“เทฺวนิยม” เขาก็“มี”ของเขาไป มันก็เป็นปกติธรรมดาของโลกียะ    

จึงไม่ใช่“ศาสนา”ที่จะมีอยู่ใน“กาลของโลก”ประจำโลกนิรันดร มีบางช่วงที่เป็น“พุทธันดร” หมายความว่า ระหว่างกาลเวลาช่วงใดที่ไม่มีศาสนาพุทธอยู่เลย  ช่วงนี้แหละคือ “พุทธันดร” เป็นช่วงที่โลกกาละนั้น“ไม่มีศาสนาพุทธ”

ในโลกทุกกาละนั้นมีแต่ศาสนา“เทฺวนิยม”ที่ไม่ใช่พุทธ  คือ มีแต่ศาสนาที่เป็น“โลกียธรรม”ทั้งหลายมากมายหลายศาสนามีอยู่ในโลก เรียกว่าในโลกตลอดกาลจึงมี“เทฺวนิยม” ประจำโลก ไม่ขาดหายไปจากโลกในกาละไหนเลย มี“ศาสดา เทฺวนิยม”ในทุกยุคทุกสมัยแข่งกันมากมายหลายองค์ ต่างแยกเป็น“ศาสนาเทฺวนิยม”ในยุคเดียวกันคนละศาสนามากหลาย องค์ ซึ่งต่างแยกกันคนละศาสดา ทุกศาสดาล้วนมี“โลกียธรรม” ยังไม่มี“โลกุตรธรรม”ทั้งนั้น ดังที่เห็นๆ กันยืนยันอยู่แม้ปัจจุบันนี้ไง!

แต่ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาเดียวที่มี“โลกุตรธรรม” และในแต่ละยุคกัปป์ จะมีเพียง“ศาสดาพระพุทธเจ้า”องค์เดียว

จะไม่มี“ศาสดาพระพุทธเจ้า”ซ้อนกัน “2 องค์”เป็นอันขาดในยุคกัปป์เดียวกัน หรือในรยะเวลาใกล้ๆกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2 

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 20:36:25 )

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก  

รายละเอียด

“ศาสนาพุทธ”ไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก  

“พญานาค”นี้คือ ลัทธิ“หลับตา”หลับไม่รู้คู้ไม่เห็นของศาสนาเดียรถีย์เขา เขาก็“หลับตา”ปฏิบัติของเขาไปยืนยันความเป็นเดียรถีย์ของเขา ก็เป็นธรรมดาสามัญของเขาที่เดียรถีย์“มี”อยู่ประจำโลก “พุทธที่เป็นโลกุตระ”ต่างหากที่“ไม่มีอยู่ประจำโลก”

ศาสนาพุทธจึง“มี”ขึ้นในโลกเป็นคราวๆ แล้วก็จะ “ไม่มีศาสนาพุทธ”ไปช่วงหนึ่งเรียกว่า“พุทธันดร(ช่วงที่โลกไม่มีศาสนาพุทธในกาลช่วงนั้น)” แล้วจึงจะ“มี”พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา“สถาปนา”ศาสนาพุทธขึ้นมาใหม่อีก เรียกว่า “ภัทรกัปป์(คือในช่วงที่มีศาสนาพุทธมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาประกาศศาสนาต่อกันหลายพระองค์ บางภัทรกัปป์ก็มีมากเกิน 5 พระองค์เป็น 10 เป็น 100 กัปป์ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาน้อยที่สุด เช่น ใน“ภัทรกัปป์ของพระพุทธเจ้าสมณโคดม”นี้แล ก็มีเพียง 5 พระองค์ จากนี้ก็เป็นกลียุค เป็นยุคโหดเหี้ยมเลวร้าย ฆ่ากันตายมากมาย ทั้งเลือดร้อน เลือดเย็น มนุษย์ในโลกก็เหลือน้อยลงๆ ก็จำต้องหยุดพักยกการฆ่ากัน) สิ้น“ภัทรกัปป์”ก็เป็น“พุทธันดร”คือช่วงที่ไม่มีศาสนาพุทธ จะเว้นระยะเวลาโลกว่างจากศาสนาพุทธไปช่วงหนึ่ง จะสั้นจะยาว ก็ตามแต่“กาละ-เทศะ-ฐานะ”ที่จะมีเหตุมีปัจจัยเป็นสัดส่วนปรุงแต่งกันให้ “เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป” ได้นั้นๆเท่าที่มันจะมีจะเป็น กำหนดตายตัวไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 32 ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2565 ( 14:04:32 )

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาเชน

รายละเอียด

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาเชน ไม่ทำอะไรเลยอยู่ไปวันๆหนึ่ง กินอยู่ธรรมดา นั่งโด๋ ผ่านวันผ่านเดือนผ่านปีไปจนกว่าจะตายไม่มีประโยชน์ไม่มีคุณค่าอะไรเลยไม่ทำอะไรเลย อันนั้นไม่ใช่ศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธนั้นเราก็รู้ว่าเราเกิดมามีชีวะ มีวันมีคืน กลางวันก็ทำงานกลางคืนก็พักผ่อน นอนพักกลางคืน กลางวันก็ตื่นมาทำงาน เมื่อยก็พัก ไม่เมื่อยก็เพียร มีแสงสว่างก็ทำงานไป งานที่จะทำเป็นงานที่มีประโยชน์คุณค่าก็ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์คุณค่าขึ้นมาให้แก่สังคมให้แก่โลกอย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เราอาศัยกินใช้ หรือจะทำสิ่งที่เป็นองค์ประกอบ เท่าที่เรามีความรู้ความสามารถเราก็สร้างสรร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:33:33 )

ศาสนาพุทธไม่ให้รดน้ำมนต์ไม่จุดธูปเทียน

รายละเอียด

ยกตัวอย่างง่ายๆเช่นจะไม่ให้มีการรดน้ำมนต์ ไม่จุดธูปจุดเทียน ไม่มีอัคคียัญ ไม่มีสิญจนยัญ เพราะศาสนาพุทธห้ามไว้ในมหาศีล ไม่ให้ใช้น้ำใช้ไฟเป็นสื่อในพิธีการ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาสิ่งเหล่านี้ก็มีเต็มไปหมด สมัยนี้ก็ใช้ธูปเทียน ใช้กำยาน ใช้ขี้เลื่อยข้าวสารมาโรยภายในเตาอังโล่ เอาน้ำมันเปรียง น้ำมันเนยสมัยก่อน แต่เดี๋ยวนี้ไปยกมาเป็นเทียนไขมาเป็นรูปอย่างนี้เป็นต้น แต่ก็คืออัคคียัญ ใช้ไฟเป็นสื่อ แต่ว่าอัคคียัญเขาก็ไปแปลความว่า เอาคนมามัดเผาในกองไฟกองฟืน หรือเอาสัตว์มาบูชายัญมาเผาไฟ เป็นการใช้ไฟเป็นสื่อ เป็นเทวนิยม ใช้น้ำก็กรวดน้ำให้ไปถึงคนตาย ใช้ไฟก็จุดให้ถึงวิญญาณต่างๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องลัทธิเดียรถีย์ ลัทธิเทวะนิยมต่างๆศาสนาพุทธนั้นไม่มี วิญญาณแบบนั้นและก็ไม่ใช้วิธีการ สิญจนยัญ​อัคคียัญ อย่างนั้น เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่มีการจุดธูปจุดเทียนก่อนไปไม่เป็นเลย สวดภะวะตุสัพพะมังคลัง ก็หยดเทียนติ๋งๆ เสร็จเป็นน้ำมนต์ เอ้า..ได้แล้วน้ำมนต์ เอาใบหญ้าคาเอาใบมะยมมาสาดน้ำใส่แล้วก็จบที่หัวสาธุ ได้แล้ว ศาสนาสำเร็จพิธีการอันยิ่งใหญ่  ดูแล้วก็น่าสงสาร 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 10:13:26 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:53:04 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:09:45 )

ศาสนาพุทธไม่ได้มุ่งออกป่าแต่ต้องยินดีในป่าหรือสร้างป่าในเมือง

รายละเอียด

อยากจะขยายความ ข้อที่ 5 พวกที่หลงยึดถือป่า ข้อที่ 1-4 ไม่ยาก

1. เพราะเป็นผู้เขลา งมงาย จึงถืออยู่ป่า

2. เป็นผู้มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงำ จึงถืออยู่ป่า

3. เพราะวิกลจริต มีจิตฟุ้งซ่าน จึงถืออยู่ป่า

4. เพราะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้า สรรเสริญ จึงถืออยู่ป่า

5. เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และเพราะอาศัย

ความเป็นแห่งการอยู่ป่ามีประโยชน์ ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถืออยู่ป่า ที่จริงมีคำพูดว่าเรายินดีในป่า ยินดีในเรือนว่าง ยินดีในเสนาสนป่า ไม่ใช่บอกว่าหลงไปอยู่ป่า ขอถามเอาอาตมาเป็นตัวยืนยัน อาตมาออกบวชแล้วไม่เคยบุกป่า แต่อาตมาพาสร้างป่าทุกแห่งที่ไปอยู่ แดนอโศกเป็นที่ของเขา พอมามีที่ของเราแห่งแรกคือปฐมอโศก อาตมาก็พาสร้างป่าจากนาเน่าๆ ถมที่ ปลูกต้นไม้ จนเดี๋ยวนี้ปฐมอโศกเป็นป่า สร้างพุทธสถานทุกแห่งก็เป็นป่า มาอยู่ที่ราชธานีอโศกเป็นดินแดนน้ำท่วม มีแต่ไม้พุ่ม ไม้ริมทาง เราก็พยายามสร้างปลูกต้นหมากรากไม้ ปลูกต้นไทรปลูกต้นฉำฉา ที่เป็นไม้เบญจพรรณ ตอนนี้ปลูกต้นยางเยอะ ต้นอะไรที่ควรปลูก เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าอาตมาไม่ได้พูดแต่ปาก พูดแล้วทำด้วย ผู้ที่เข้าใจในสิ่งที่มันถูกต้องว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญป่า แต่มีใจยินดีในความเป็นป่า ซึ่งมันเป็นเรื่องอธิบายยาก พระสมัยพระพุทธเจ้ามีป่าเยอะ ขนาดวังก็ยังเป็นป่าเลย พระเจ้าอชาตศัตรูเดือดร้อนที่ตัวเองฆ่าพ่อ ต้องหาวิธีแก้ไขทุกข์นี้ ชีวกโกมารภัตก็เลยบอกว่า ไปพบพระพุทธเจ้าที่อยู่ข้างๆนี้ อยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ ก็ยกขบวนไปม้า 500 ช้าง 500 ไปหาพระพุทธเจ้าตอนเกือบมืด เข้าไปหาพระพุทธเจ้า อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งไม่ได้ไกลกันเลย ต่างๆนานาพวกนี้ มีทางประวัติศาสตร์ภูมิศาสตร์ ถ้าเข้าใจแล้วศาสนาพระพุทธเจ้านั้น 1 ไม่ได้มุ่งออกป่าแต่ก็ต้องยินดีในป่า สร้างป่าในเมือง เพราะฉะนั้นการสร้างป่าในเมืองก็คือสร้างวัดป่า ป่าอะไร ป่าคือสวน สวนเจ้าเชต สวนมะม่วง สวนไผ่ เวฬุวัน เชตวัน ก็มีหลักฐานยืนยัน แต่จิตใจมันมุ่งหมายผิด มีความปรารถนาลามก ก็เลยเห็นว่าต้องออกป่าดง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:15:34 )

ศาสนาพุทธไม่ได้เสื่อม แต่คนต่างหากที่เสื่อมไปจากศาสนาพุทธ

รายละเอียด

มาจากศรีสะเกษที่ไหน มาจากกรุงเทพฯ ไปอยู่กรุงเทพฯโดน จริง ตกฟากที่ศรีสะเกษ แต่รกรากอาตมาอยู่ที่อุบลราชธานี ที่พิบูลฯ นี่แหละ ต้นตระกูลก็คือท้าวคำผงนี่แหละ อาตมาพูดขึ้นมาเหตุผลก็ง่ายๆไม่ได้ยากอะไร ที่อาตมานำธรรมะของพระพุทธเจ้าพูดขึ้นมา มันไม่เหมือนกับที่เขามีอยู่ ก็ถูกแล้วที่เขามีอยู่นั้นมันเป็นความเสื่อมของศาสนาพุทธไง มันผิด ศาสนาพุทธเสื่อมนั่นมันคือคน คือชาวพุทธเองเสื่อมไปจากความรู้ที่ถูกต้อง ผิดเพี้ยนไปจากความรู้ที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้า นั่นคือความเสื่อม เสื่อมมันไม่คืออะไรหรอก คืออย่างนี้แหละ มันผิดไปจริงๆ 

เพราะฉะนั้นอาตมาเอามาพูดขึ้น มันจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างไปจากสิ่งที่ผิด แล้วมันก็มีอะไรล่ะ อันนี้มันผิด สิ่งที่พูดขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งก็คือถูกนั่นเอง ถ้าอันนี้ผิด อันนั้นก็ต้องถูกสิ ไอ้ที่ผิดแล้วก็มีผิดไปอีกผิดไปอีกมันก็เป็นกันแล้ว ก็สรุปแล้วมันผิดไปกันหมด มันจึงคือเสื่อม ผิดแล้วผิดอีก ๆ นั่นคือความเสื่อม ผิด 1 ครั้ง 2 ครั้ง 1 ระดับ 2 ระดับผิดไปอีก ผิดจนไม่รู้กี่ระดับ พอมีความต่างพูดขึ้น มันก็ไม่เหมือนเลย ถ้าผิดนี้มันยังต่อเชื้อกันนะ มันลึกขึ้นมันมากขึ้น ผิดนี่มันต่อเชื้อ ถูกมันคนละอย่างใช่ไหม ผิดกับถูกก็ต้องคนละอย่าง มันผิดแล้ว ผิดลงไปอีก ผิดไปอย่างนั้นอีก มันก็ต่อเชื้อกัน แต่ไอ้นี่ถูกมันก็คนละเชื้อเลย คนละทางคนละอย่าง 

เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่การพิสูจน์ความจริงกันว่า อธิบายถูก เข้าใจถูก หรืออธิบายผิด เข้าใจผิด แล้วก็นำไปปฏิบัติ  เมื่ออธิบายผิดปฏิบัติผิด ผลก็ผิด อาตมากล้าพูดว่าผิดกันจนกระทั่งไปนึกว่าได้มรรคได้ผลก็ได้ ได้มรรคได้ผล คือทำดีแล้วมีผลแห่งการกระทำ ทำชั่วก็เป็นผลทำชั่ว ทำดีผลของความดีเกิด นะ ทำถูก ผลของความถูกต้องก็เกิด ทำผิด ผลของความผิดก็เกิด มันก็เป็นธรรมดา เหมือนกับทักษิณเขาทำผิด ผลของการทำผิดมันก็เกิดๆๆ แต่มันวิปริต ผิด ก็ยังพยายามดิ้นรน เลี่ยง ไม่ยอมรับโทษจากผิด ไปเรื่อยๆ อย่างทักษิณเขาทำ ก็เห็นอยู่ชัดๆง่ายๆ ไม่ได้ยากเย็นอะไร เรื่องง่ายๆ ก็ยิ่งเห็นชัดเจนในความเป็นจริง 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 39 ฌานปัญญาของคนเจริญจริงคือทำจิตให้เป็นมหาภูตได้ วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2566 ( 18:37:21 )

ศาสนาพุทธไม่ได้ใช้หลับตาเลย

รายละเอียด

ฌาน ของพระพุทธเจ้าต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่า ฌาน หลับตาไม่มีจรณะ 15 ไม่มีอปัณกธรรม 3 ไม่มีการลืมตา จบเลย จบแล้ว ใช่ไหมล่ะ แค่นี้ก็ยังไม่ตื่นยังไม่รู้ยังไม่สะดุด แล้วเขาไปหลับตาอยู่ต่อทำไม ศาสนาพุทธไม่ได้ใช้หลับตาเลย มีแต่ลืมตาอยู่กับชีวิตปกติ ทำอาชีพทำกรรมต่างๆ กัมมันตะ พูดจาอยู่คิดอยู่ทั้งหมดเลยในมรรคมีองค์ 8 มีพร้อมตลอดหมด จรณะ 15 ก็มีพร้อม อปันกธรรม3 ก็ยืนยันแล้ว ต้องมีสัมผัส 6 ทวาร แล้วต้องเกี่ยวกับเครื่องกินเครื่องใช้ เอาแต่เรื่องการกินมาพูดก่อน แค่นี้ก็ไม่รู้เรื่องกันแล้ว แค่เรื่องอาหารเรื่องการกินไม่ต้องเอาเครื่องใช้หรอก มันหยาบกว่า เพราะเครื่องใช้ก็คือเครื่องใช้ภายนอก เครื่องกินมันเป็นภายในเอาไปบริโภคภายใน เครื่องใช้มันเป็นบริโภคนอก ฉะนั้นละเว้นจากบริโภคนอกแล้ว คุณไม่มีบริโภคในคุณจะอยู่รอดไหม ...ไม่ได้ สัตว์โลกต้องมีบริโภคใน อาหาร คำข้าว ถ้าไม่มีอาหารไม่มีคำข้าวไม่มีบริโภคใน คุณเป็นสัตว์โลกไม่ได้ ก็ได้แต่ Robot ได้แต่หุ่นไง บริโภคนอก แสงเสียงแม่เหล็กไฟฟ้าไง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน  อจินไตยของฌานวิสัย


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 20:55:13 )

ศาสนามิจฉาทิฏฐิไปนั่งหลับตาเป็นโมฆะอย่างไร

รายละเอียด

ศาสนามิจฉาทิฏฐิไปนั่งหลับตา ไม่ได้ทำเลยตามลำดับ ไม่มี จึงไม่มีเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย ไม่มีลำดับอันน่าอัศจรรย์ตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน มันเลยเป็นโมฆะหมดเลย เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้เริ่มต้นล้างกิเลสตั้งแต่หยาบ สายหลับตาไม่รู้จักกามคุณ 5 มหาบัวกินหมากติดหมากก็ไม่รู้จักว่าเป็นกามคุณ 5 นึกว่าตัวเองได้ล้างกิเลสภายในนั่งหลับตาสู้กับกิเลสภายใน บอกว่าตนเป็นอรหันต์แล้วแต่ก็ยังเสพติดหมากพลู เป็นกิเลสกามภายนอก นึกว่าตัวเองเข้าไปอยู่ใจกลางภูเขาได้แล้ว แต่ที่แท้พวกเขาอย่างเต็มรูปเลยมีขี้ไคลของภูเขา จะมีขี้อะไรของภูเขาภายนอกเสพติดอีก เสริมเข้าไปๆ เพราะไม่รู้ข้างนอกข้างใน ไม่รู้ก่อนหลัง ไม่รู้เบื้องต้นท่ามกลางบั้นปลาย ซึ่งต้องเอาออกไปทีละส่วน มันจึงจะเรียกว่าออก จะเอาไปเซาะกิเลสภายในเลยมันจะได้อย่างไร มันไม่ได้ การไปหลับตาปฏิบัติภายในก่อนจึงโมฆะ จากศาสนาพุทธมันไม่มีมรรคผลของศาสนาพุทธได้เลย เห็นแล้วมันน่าเศร้าจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:33:34 )

ศาสนาหลับตาปฏิบัตินั้นให้ตายอย่างไรก็ไม่มีนิพพาน

รายละเอียด

สรุปแล้ว การสำรวมอินทรีย์ 6 ไม่มี นี่แหละมันเป็นตัวยืนยันว่า ศาสนาหลับตาปฏิบัตินั้นให้ตายอย่างไรก็ไม่มีนิพพาน หลับตามันตัดออกไปตั้ง 5 ทวาร สำรวมอินทรีย์ 6 ไม่ได้สำรองภายนอกเลย มันไปสำรวมแต่ใจอันเดียวอันใดอันหนึ่ง แค่เราอธิบายเป็น 9 เป็น 10 เป็น 12 ก็ยังยากเลยแล้วไปนั่งหลับตาอย่างเดียวมันจะไปรู้อะไร รายละเอียดความซับซ้อนแค่นี้ก็ยังยากแล้ว เพราะฉะนั้นจะยิ่งเห็นความจริงว่าการกระทบทางตาเป็นอย่างไร รูปเป็นอย่างไรหูเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นสรุปแล้วจึงไม่มีทาง พูดกันมีอะไรก็พูดกันไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะพูดกับเขาอย่างไร เพราะเขาไม่ได้ปฏิบัติเลย แล้วเขาก็มีของหลอก มันเป็นมโนมยอัตตาหลอกไปสร้างภพชาติสร้างรูปเรื่อง แล้วเขาไปสร้างเป็นนิรมานกายสร้างอุปาทานได้เหมือนกันอีก หลับตาเป็นนั่นมันง่าย แต่ลืมตานี้มันยาก ยังมีเกินกว่านั้น พวกสร้างหลับตาสร้างมโนมยาอัตตาได้เก่ง หรือสร้างภาพเนรมิตภาพเก่ง จนกระทั่งเห็นสิ่งที่มันไม่มี เช่นมี เห็นเป็นโครงกระดูกที่เดินไปเดินมาก็มี เนื้อหนังมังสาไม่มี มีแต่โครงกระดูกก็เดินได้ เพ่งจนเป็นอุปาทานเห็นคนไม่มีเนื้อเลยมีแต่กระดูก เห็นการเคลื่อนไหวของร่างกาย ก็เห็นเป็นโครงกระดูกเดิน หรือเห็นร่างกายของเราเปื่อยเน่าเสื่อมลงไป เขานั่งสมาธิแยกกายแยกจิตเห็นตัวเองนอนเน่าอยู่ ตัวเองนั่งอยู่อย่างนี้ แต่เห็นภาพตัวเองนอนเน่า น่ากลัวมันไม่เที่ยง มันก็เป็นประโยชน์บ้างนะ แต่มันไม่เข้าเหตุปัจจัยแท้ มันก็ได้แต่ ตรรกะ ได้แค่เหตุและผลชั่วคราวมันไม่ได้เข้าใจของจริง นี่พวกนี้ซับซ้อนยาก ตกลง การสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 

  1. เรื่องของศีล เขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย 2. สำรวมอินทรีย์ เขาก็ไม่ได้ปฏิบัติให้สำรวมอะไร ยิ่งเป็นอาริยะก็ไม่ต้องพูดเลยคุณไม่ได้ทำเลย ที่นี้สติสัมปชัญญะอันเป็นอริยะ ก็คือความเป็นร้อย มีพลังมีกำลังที่เป็นอธิปไตย เป็นกำลังที่ช่วยในการตื่นรู้เรียกว่า ชาคริยา ทางกายก็ตื่น ทางตาก็ตื่น หูจมูกก็ตื่นเต็มไป

  2. คุณไม่มีสติอาการคุณก็ไม่ตื่นเต็ม วาจา คุณก็ไม่เต็ม คุณก็ได้แต่ใจตื่นเต็มอยู่อย่างนั้น มันก็ไม่ใช่สติอาริยะ สติต้องครบร้อย เป็นชาคริยา ตื่นไม่ใช่ไปหลับ ไม่ใช่ไปอยู่ในภวังค์ 

ความตื่น ชาคริยา คือ ความตื่นในภาคปฏิบัติเหมือนกับฌาน ชาคริยา คือ การสร้างอาการตื่นให้แก่จิต แต่ถ้าพุทธะก็คือ ผู้ตื่น แต่ชาคระ มันมีพยัญชนะเยอะ แต่เอาความหมายคือ ตื่นเต็ม ปฏิบัติในจิตที่ตื่นเต็มทั้งกาย ความเกี่ยวข้องทางกายกรรมภายนอก วจีกรรมก็ตื่นเต็มด้วย นี่คือความตื่น ที่มีสติเป็นอาริยะ นอกจากจะตื่นแล้วคุณต้องมีเหตุปัจจัยรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสด้วย จนสามารถลดละกิเลสได้ จนมีสันโดษอันเป็นอาริยะตัวที่ 4 เวลาก็มีเท่านี้ สำหรับวันนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:05:48 )

ศาสนาอมพะนำ อย่างไร

รายละเอียด

อาตมาพูดแล้วก็เห็นใจเขานะ เห็นใจเลย น่าสงสาร แต่เขากลับหาว่าอาตมา ไปลบหลู่เขา ที่จริงอาตมาไม่มีความลบหลู่ ไม่มีข่มไม่มีเบ่ง ไม่มีการตีตัวเสมอ ไม่มีอุปกิเลส 16 แต่เขาไม่เชื่อ พูดเอาเองอย่างไรก็ได้ อาตมาพูดความจริงจะไปพูดโกหกทำไม อาตมารู้จักจิตเจตสิกรูปนิพพาน รู้ใจตัวเองว่ามีเศษเสี้ยว อรูปจิตหรือรูปจิต มีไหม ไม่ต้องพูดเรื่อง กามจิตภายนอกเลย มันหยาบ รูปจิต อรูปจิต อาตมาก็รู้ตัวเองว่าไม่มีแม้แต่ อรูปจิต ที่เป็นอกุศล ก็พูดไป ยืนยันตัวเองไป เขาก็หาว่าคุยโม้อวดตัวยืนยันตัวเอง 

จะให้อาตมาพูดอย่างไร ขนาดยืนยันอย่างนี้ พวกคุณก็ยังบอกว่าไม่ฟัง ไปฟังพวกที่เขาไม่รับรองตัวเอง ถามว่าเป็นอรหันต์ไหม เขาก็บอกว่า พูดไม่ได้หรอกคนตอบว่าตัวเองเป็นอรหันต์นั้นคือคนไม่ใช่อรหันต์ ตอบไปโน่น ขนาดคนที่นับถือเป็นเบอร์หนึ่งในพุทธศาสนาพุทธอย่างนั้นเลยนะ บอกว่า คนที่บอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์คนนั้นน่ะไม่ใช่อรหันต์ ก็ว่าไป ทั้งๆที่เรียนมา อภิณหปัจเจกขณ์ 10 บอกไปว่า ถ้าผู้ใดมีคุณธรรมมีคนมาถามก็บอกเขาได้ แม้ในโลหิจจสูตร ก็ให้บอกได้ ที่บอกไม่ได้คือตัวเองไม่มี มันเก้อๆเขินๆมันก็ยาก จึงเป็นศาสนาเดาเพราะเป็นอรหันต์เป็นอาริยะใครถามก็บอกไม่ได้ ก็เลยมีแต่อรหันต์เดา ก็เลยมีแต่สังคมอรหันต์เก๊ เพราะเดาทั้งนั้น บอกไม่ได้เจ้าตัวบอกไม่ได้ ศาสนาอมพะนำ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2566 ( 12:27:35 )

ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาอาชญา

รายละเอียด

สถาบันกษัตริย์ของตะวันออกกลางยังมีเยอะ เขายังมีเครือญาติฐานของกษัตริย์ประยูรวงศ์เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน ยังมีระบบวิธีนั้น ตามศาสนาอิสลาม มันเป็นได้เพราะ ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาอาชญา เผด็จการของพระเจ้าแต่ละองค์ ศาสนาเขาก็มีพระเจ้าแตกต่างกันไปพระเจ้าคนละองค์ แต่พยัญชนะเขายังตีไม่แตกจากพระอัลเลาะห์ ไม่ว่าจะเป็นนิกายต่างๆก็เป็นพระอัลเลาะห์คนละองค์ ตีความคำสอนของพระศาสดาไปคนละอย่าง อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันมีสภาวะที่มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเป็นเอกภาพ เพราะอำนาจกิเลสมนุษย์มันมีความชิงดีชิงเด่นกัน จะไปอยู่เป็นหนึ่งเดียวกันยาก ไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหนก็ตาม 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:24:31 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:53:52 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:02:26 )

ศาสนาอื่นจากพุทธ

รายละเอียด

เพราะขี้เกียจจะจัดการตนเอง หรือไร? ก็เลยปล่อยให้พระเจ้า”เป็นผู้จัดการให้เสียเลยหรือเปล่า ก็ไม่รู้!!! หรือเพราะเชื่อเด็ดขาดว่า “ตัวเองเป็นผู้จัดการตนเองทุกกรรมกิริยาของเราเองไม่ได้จริง” ต้องพระเจ้า”เท่านั้นที่มีสิทธิ์เป็นผู้จัดการเรา เราไม่มีสิทธิ์แท้จริงเลย ...ก็ไม่รู้ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:47:00 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:34:38 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:10:30 )

ศาสนาอื่นเขาไม่แบ่ง เขาแบ่งไม่ได้ ศาสนาอื่นทั้งหมดเป็นโลกียะ เป็นเทวนิยมทั้งสิ้น แบ่งเป็นโลกุตระไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้รู้จักไม่ได้เรียนจิตวิญญาณ

รายละเอียด

ก็ปล่อยให้คุณหลงตัวไปก่อน อย่างนี้คนไทยยังไม่ได้คิดอย่างนี้เลย  มันไม่ง่ายคุณรู้ว่าอันนี้สิ่งประเสริฐไม่มีใครเท่าเทียมรู้อย่างจริงใจ พวกนี้ ภูมิปัญญา พูดไปแล้วก็เหมือนกับจะไปยกตนข่มท่าน มันไม่ดีเท่านั้นเอง เราก็ทำสิ่งที่เราเห็น เราเข้าใจ เราเชื่อว่าดี พวกเราก็ได้ไปตามจริง  เท่าที่เราเกิดมาชาติหนึ่งว่าคนเราเกิดมาจะมาเอาอะไร คนที่จะไปเอาลาภยศสรรเสริญ หรือตามแต่ละศาสนาที่เขาจะให้ศึกษาอย่างไรให้ถึงยอด ตามที่เขาพาเป็น แต่ละศาสนาเขาก็ยอมรับผู้ที่ปฏิบัติธรรมของศาสดาแต่ละศาสนา แล้วก็ได้รับการยอมรับมียศชั้นมีตำแหน่ง คนนี้ก็เป็นยอด แล้วก็มีผู้ที่รองลงมา ของแต่ละศาสนา ชาวพุทธก็เหมือนกัน แต่ที่นี้ความจริงของสัจธรรมนั้น แม้แต่เป็นเทวนิยม อเทวนิยมคือโลกุตระ มันแบ่งตรงนี้ พุทธศาสนาอื่นเขาไม่แบ่งเขาแบ่งไม่ได้ ศาสนาอื่นทั้งหมดเป็นโลกียะ เป็นเทวนิยมทั้งสิ้น แบ่งเป็นโลกุตระไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้รู้จักไม่ได้เรียนจิตวิญญาณ ศาสนาพุทธเรียนจิตวิญญาณสมบูรณ์แบบ จึงเรียกว่า อภิธรรมของพุทธคือ รู้จักจิต เจตสิก รูป นิพพาน ยอมเอาไว้แค่จิตเจตสิก คือในจิตแล้วแตกอาการของจิตไปเยอะแยะมากมาย แล้วก็เรียนรู้เจตสิกโดยเฉพาะเจตสิกตัว เวทนาเจตสิก นั่นแหละเป็นกรรมฐานตัวแท้ กรรมฐานธรรมะของพระพุทธเจ้าถ้าไม่มีเวทนาไม่มีฐานะแห่งการปฏิบัติไม่มีฐานะแห่งความเป็นไปได้ ท่านก็ตรัสไว้ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 พรหมชาลสูตรผู้ที่จะมีเวทนาจะต้องมีผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงเกิดได้ ต้องมีตากระทบรูป หูกระทบเสียง ฯ แต่วันนี้เขาเรียนกันไปนั่งหลับตาปฏิบัติไม่มีตากระทบรูป จึงโมฆะไปจากศาสนาพุทธแล้ว อาตมาเอาศาสนาพุทธมาปัดฝุ่นใหม่มาทำให้เป็นของจริงแล้วก็ได้ ทำมา 50 ปีก็ได้ประโยชน์พอสมควร ให้ผู้ที่ได้ธรรมะเป็น ธรรมขาธรรมะปฏิปัติ เพราะสามารถมีโยนิโสมนสิการก็ได้ฟังสัทธรรมจากอาตมา ในปัญญาวุฒิ 4 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:55:58 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:17:23 )

ศาสนาอื่นไม่มีสมณะ 4 เหล่า

รายละเอียด

อธิบายให้ครบจะได้เข้าใจว่าหลับตาปฏิบัติเป็นโมฆะอย่างไร ศาสนาพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาชัดเจนความจริงถูกความจริงบรรลุธรรมสำเร็จเป็นอริยะบุคคลสมบูรณ์เป็นพระอรหันต์ได้ ศาสนาที่ไม่ใช่พุทธเป็นเดียรถีย์ ไม่มีทางบรรลุธรรมที่เป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมาผลไม่มี มีก็ของเขาไม่เกี่ยวกับการลดกิเลส ศาสนาอื่นไม่มีสมณะ 4 เหล่าไม่มีโสดาบัน สกิทาคามีอนาคามี อรหันต์ ไม่มีคนที่จะรู้จักกิเลสแล้วก็กำจัดกิเลสทุกตัวจริงๆ กิเลสก็หมดได้จริงๆไม่มีสมณะ 4 เหล่า 

ระงับกิเลสระดับต้นเป็นโสดาบัน ระดับกลางเป็นสกิทาคามี ระดับต่อมาเป็นอนาคามีระดับหมดกิเลสก็เป็นอรหันต์ เขาไม่มีสมณะ 4 เหล่าในศาสนาอื่นไม่มี เรื่องที่ลึกซึ้งเป็นเรื่องที่ชัดเจนเป็นเรื่องความจริงความรู้ที่บริบูรณ์จริงๆ สมบูรณ์จริงๆเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 08:59:52 )

ศาสนาอเทวนิยม

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่สามารถทำลายจิตวิญญาณของตนเองได้ และเป็นศาสนาที่ไม่นิรันดรและเข้าใจว่าพระเจ้าไม่มี พระเจ้าไม่ได้เป็นตัวชี้บงการนอกจากตัวเอง

อัตตาหิอัตโนนาโถ โกหินาโถปโรสิยา ตนนี้แหละเป็นที่พึ่งแห่งตนไม่มีใครให้พึ่งพาได้ นี่สุดยอดแห่งศาสนาพุทธ อเทวนิยม สามารถล้างกิเลสเป็น

คือ  ศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้านั้นมีทั้งละความชั่ว ประพฤติความดีแน่นอนสูงกว่านั้นอีกก็คือ รู้จักความสุข ความทุกข์  ซึ่งเป็นปรมัตถ์ เป็นโลกุตระ คนดีสุขก็ได้ทุกข์ก็ได้  คนชั่ว สุขก็ได้ ทุกข์ก็ได้ ความสุขความทุกข์จึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่กว่าความดี  ความชั่ว  ต้องเรียนรู้ที่เวทนา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 15:17:36 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:37:20 )

ศาสนาเกาหลีเหนืออิซึ่ม 

รายละเอียด

แต่ของเขานั้นจิตวิญญาณไม่เป็นจริง เอากฎระเบียบ กฎหมาย หลักเกณฑ์ เอามาบังคับ บังคับไปบังคับมามันไม่ได้ สุดท้ายมันก็จะเป็นแบบเกาหลีเหนือ นั่นแหละ สุดท้ายกลายเป็นทั้งคอมมิวนิสต์และประธานาธิบดี เป็นทั้งกษัตริย์ ในตัวคิมจองอึน เป็นทั้งนายก เป็นทั้งประธานาธิบดี เป็นทั้งกษัตริย์ ดีไม่ดี เป็นทั้งเจ้าศาสนาหรือลัทธิด้วย แต่เขาพูดไม่เป็น เรื่องลัทธิหรือศาสนาก็คือศาสนาลัทธิเกาหลีเหนือนั่นแหละ ศาสนาเกาหลีเหนืออิซึ่ม เพราะฉะนั้นเรื่องของมนุษย์ มันก็เป็นเช่นนั้น สนใจศึกษาให้ดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์

วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 12:09:33 )

ศาสนาเข้าใ่จยาก

รายละเอียด

ชีวิตไม่มีอะไรหรอกชีวิต ถ้าไม่เอาธรรมะเกิดมาก็สูญเปล่า ถ้าเอาธรรมะชีวิตก็จะเกิดมาชาติหนึ่งชาติหนึ่งก็จะพัฒนา พัฒนาจิตวิญญาณเรานี่ มันจะเป็นอัตภาพของเรา ค่อยๆพัฒนาขึ้นไป จนกระทั่งสามารถจบเป็นอรหันต์ ถ้าจบเป็นอรหันต์แล้วคุณจะอยู่หรือไม่อยู่ก็เรื่องของคุณแล้วตอนนี้ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่สุดยอด ว่าไปแล้ว คนอื่นเขาก็ว่าของเขาสุดยอด เขาเข้าใจของเราไม่ได้ก็ชัดเจนอยู่แล้วศาสนาอื่น ไม่ใช่จะเข้าใจได้ง่ายศาสนาพุทธ จนกว่าจะมาเป็นพุทธแล้วเราจึงจะรู้ว่าเขาเข้าใจเราไม่ได้ง่ายๆหรอก แต่เราเข้าใจเขา 

พอเป็นพุทธจริงๆแล้วหรือถ้าเป็นพุทธที่ไม่เข้าถึงแก่นก็จะไปเป็นศาสนาอื่นได้ ถ้าเป็นพุทธที่เข้าถึงแก่น โสดาบัน สกิทาคามี แล้วไม่มีทางไปเข้าศาสนาอื่น อันนี้เป็นนิยตะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:16:19 )

ศาสนาเดียวคือศาสนาพุทธสอนสุขทุกข์

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้อธิบายเรื่องดีหรือไม่ดี แต่อาตมาอธิบายเรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องดีหรือไม่ดีไม่ได้เน้น เพราะว่าดีหรือไม่ดีเป็นเรื่องสามัญของโลก ศาสนาไหนสามัญชนก็รู้ว่าต้องทำความดีแล้วงดเว้นทำความชั่ว ไม่ต้องมีศาสนา สามัญสำนึกเขาก็ทำกัน แต่ความสุขความทุกข์นี่สิ มีศาสนาเดียวคือศาสนาพุทธเท่านั้นที่สอน อันนี้เป็นเรื่องพิเศษ

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 14:44:39 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:13 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:12:09 )

ศาสนาเดียวในโลกที่ให้ละกิเลสแล้วดับสุขดับทุกข์

รายละเอียด

ธรรมะของพระพุทธเจ้าต้องเป็นโลกุตระเป็นอารยธรรม ต้องบรรลุอรหันต์ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ใช่ศาสนาพุทธเพียงศาสนาโลกียะ เทวนิยม เหมือนกับโลกเขาไปหมด ปฏิบัติให้ละชั่วประพฤติดี ศาสนาใดๆในโลกเขาก็ทำกัน ไม่มีศาสนาไหนเหมือนศาสนาพุทธ ที่ให้ละกิเลส แล้วดับสุข ดับทุกข์ มีศาสนาเดียวในโลก ให้ละกิเลสแล้วดับสุขดับทุกข์ ส่วนความชั่ว ความดีก็เรียนรู้ด้วย แล้วรู้ด้วยว่าดีชั่วไม่เที่ยง 

ดีชั่วคือการสมมติ แล้วแต่กลุ่มไหน ศาสนาพุทธก็มีดีชั่ว วงศาสนาอื่นก็มีดีชั่วแบบที่ศาสดาเขาว่า ก็ทำตามศาสดา ศาสนาใดก็มีดีชั่วตามที่ศาสนาเขาว่ากันไว้ซึ่งไม่เหมือนกันนะ ขัดแย้งกันอยู่ จนกระทั่งรบกัน เทวนิยมรบกันเลยแต่พุทธไม่รบ พุทธไม่มีรบ แยกนิกายอย่างไรก็ขัดแย้งกันแค่ปากหอก ไม่ได้ไปรบราฆ่าฟัน ตีรันฟันแทง ไม่ทำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 20:49:57 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

คือ สิ่งดีวิเศษสุด ประเสริฐสุด ยิ่งใหญ่สุด เลิศยอดจริงๆ คือ พระเจ้า ไม่ใช่กรรม

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 209


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 12:40:55 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:45:02 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:02:58 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยม คือ เกิดมาเพียงชาติเดียวตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า  เป็นศาสนาที่เกิดแล้วเกิดอีกไม่รู้กี่ชาติ  ต่างวิบาก  เขาไม่ได้เรียน เขาไม่รู้เรื่องเขาไม่มี rebirth ไม่มีความรู้เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

คำอธิบาย

ศาสนาเทวนิยม  คือ เขาไม่ได้มีความรู้เรื่องการเวียนเกิด เวียนตาย แล้วไม่มีอะไรเชื่อมต่อชาติต่อไป จากการตาย  ความรู้ของเขาจึงสั้นอยู่แค่ชาตินี้  เขาไม่เชื่อบุญบาปก็เลยได้แต่อ้อนวอนพระเจ้า  ศาสนาอิสลามละหมาดวันละ 5 ครั้ง  เขาต้องอ้อนวอนกราบพระเจ้าให้มาก  ศาสนาเทวนิยมก็จะกราบมาก  อย่างธิเบตเอาแต่กราบไปตามถนนก็กราบ  พอเวลาศาสนาเสื่อมก็เอาแต่กราบไหว้อ้อนวอน  ในเมืองก็เอาแต่สวด  ธิเบตก็สวดจัง  กราบมากทำไม่ไหวก็เคาะระฆัง  หมุนเอง  แล้วเขียนตัวหนังสือ ธรรมะให้หมุนเอาแทนตัวเอง  ท่องทำไปสารพัด  ดูแล้วเหมือนเด็กๆ ทำ

(รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราชฯ  (วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562)

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 เดือนกันยายน 2562


เวลาบันทึก 24 ตุลาคม 2562 ( 12:29:58 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:33 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:13:01 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยม คือ คนที่ประสบผลสำเร็จคือ คนที่อยู่สวรรค์กับพระเจ้า คือ อยู่แดนสุขาวดี ศาสนาเทวนิยมจึงไม่ได้เรียนรู้ความสุข ความทุกข์ เรียนรู้แต่ดี แต่ชั่ว เป็นโลกียะที่หมุนเวียน ได้ดี ตกต่ำ ชั่วดี หมุนเวียนไม่รู้จบ สมบัติผลัดกันชม  ส่วนความสุขความทุกข์เป็นอริยสัจ เป็นเรื่องโลกุตระจิตของเรามันโง่ที่ไปหลงอารมณ์สุข  แล้วเกลียดอารมณ์ทุกข์โดยศึกษาไม่ดี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:39:19 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:44:27 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:03:30 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยม คือ ศาสนาเทวนิยมไม่มีปรินิพพาน ใครจะอยู่นิรันดรก็ไปอยู่กับพระเจ้า ศาสนาเทวนิยมส่วนใหญ่ตายจากชาตินี้ไม่รู้อะไรก็ไปเกิดกับพระเจ้า เพราะไม่ได้ศึกษากรรมวิบาก ศาสนาทุกวันนี้จึงไม่รู้จักกรรมวิบาก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:52:15 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:45:50 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:13:35 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

       ศาสนาเทวนิยม คือ ศาสนาที่ไม่สามารถทำลายจิตวิญญาณได้  ไม่รู้จักวิบากของแต่ละอัตภาพ ซึ่งสะสมแล้วก็วนเวียนและไม่สามารถที่จะตีแตกอัตภาพได้ จึงจบอยู่ที่พระเจ้าแล้วก็ไม่รู้เรื่องพระเจ้าคืออะไรก็ไม่รู้ จำนนต่อจิตวิญญาณอยู่อย่างนั้นนิรันดร ไม่สามารถทำให้กิเลสเป็นศูนย์ได้ อย่างมากก็กดข่มไว้ ข่มไม่ได้ก็ไปทำชั่วมากขึ้นเท่านั้นเอง คำสอนของเทวนิยม เขาบรรยายได้แค่ชาติเดียวไม่สามารถบรรยายข้ามชาติได้ ก็ทำให้ดีก็แล้วกันถึงสอนแต่เรื่องดี ไม่มีความรู้เรื่องความสุขความทุกข์ไม่มีความรู้เรื่องนิพพานรู้แต่ความดีความชั่ว จึงเป็นศาสนาที่สอนให้คนทำดีละความชั่ว ก็ช่วยมนุษย์โลกเอาไว้ เพื่อที่จะเป็นหลักยึดและเป็นหลักคำสอนให้คนต้องทำดีมีบาปมีบุญ แต่ว่าบาปบุญนั้นยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวแท้เป็นบุญแท้ ศาสนาเทวนิยมทำดีไม่ได้นิรันดรหรอก เดี๋ยวก็ตกต่ำเดี๋ยวก็วนเวียนอยู่เป็นล้านชาติ ชาติที่เกิดเทวนิยมยิ่งไม่รู้ใหญ่เลย ตัวเองเกิดมาก็ทุกข์ทรมานในแต่ละชาติเป็นนิยายในแต่ละชาติ นิยายชาติปัจจุบันตายแล้วก็ยังไม่รู้เรื่องตายแล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องเกิดแล้วเกิดอีก rebirth ซึ่งมันเป็นความรู้ที่แคบสั้นมาก   คือ  จะปฏิบัติอย่างไรก็แค่ปฏิบัติตนให้เป็นคนดี  ไม่พยายามให้ชั่ว สังคมก็ต้องมีสิ่งนี้สังคมไม่มีคนดีไม่ได้  เพราะฉะนั้นจะต้องมีปราชญ์  มีศาสนาที่สอนให้คนเป็นคนดีเป็นธรรมดา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 11:20:38 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:59 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมเขาไม่ได้เรียนรู้เรื่องกรรมวิบาก เขาไม่รู้จักชาตินี้ ชาติหน้า ศาสนาเทวนิยมตายแล้วเขาก็คิดว่าไปอยู่กับพระเจ้า แล้วจบแค่นั้น ความรู้อยู่แค่พระเจ้าเกิดชาติเดียว เขารู้จักความมีชีวิตแค่ชาติเดียว ชาติต่อไปจะมีกรรมวิบาก จะมีบาปบุญมีกุศลอกุศลอีกเยอะแยะ เขาไม่ได้เรียนกันเลยในศาสนาเทวนิยม เพราะฉะนั้นเขาจึงรู้เรื่องกรรม เรื่องการกระทำ น้อยมาก เพราะเขาไม่รู้จักวิบาก ไม่รู้จักผลของกรรมก็เลยไม่เชื่อกรรมวิบาก เขาเชื่อแต่ว่าตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า อ้อนวอนประจบพระเจ้าไว้ ตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้าไปสวรรค์ นรกความทุกข์ร้อนจะเป็นอย่างไรเขาไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 16:09:06 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:47:33 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:14:13 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

การเรียนรู้ ความดี ความชั่ว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:09:25 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:34 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:03:57 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

รู้แต่ความดี ความชั่ว ก็ทำตัวให้ดี อย่าทำความชั่วมันดีประมาณหนึ่ง แต่มันไม่เที่ยง มันไม่รู้วนเวียนอยู่กับความสุขความทุกข์ ความสุขความทุกข์นั้นเหนือกว่าความดีความชั่ว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 20:08:38 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:44 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:05:31 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

ทุกศาสนาศาสดาพาให้เจริญทั้งนั้น ศาสนาเทวนิยมเข้าใจในวงกรอบโลกียะแต่ก็ทำให้ดีเท่าที่จะมีภูมิปัญญา พากเพียรประพฤติดี คงคุณความดีให้นานเท่านาน ซึ่งตรงนี้แหละ มันเป็นไปไม่ได้ มันค้างอยู่ไม่ได้มันต้องเลื่อนไหลมาตกต่ำลง ไม่ชาตินี้ก็ชาติต่อไป เพราะมันดีแล้วก็จะชินชาแฉะแล้วลงต่ำลงไป กิเลสมันก็เตรียมตัวจากที่มันเคยชินชา มันก็ไปยินดีกับความเป็นกิเลสความเป็นรสชาติรสโลกียะ ได้ลาภยศสรรเสริญ จากโลกียะอีก

มันซ้อน คนดีมีความสามารถมีสมรรถนะมีความฉลาดเฉลียวแบบโลกียะ แม้มันจะเฉื่อยชามันก็ยังมีความชำนาญ มีสมรรถนะที่ดีในตัวเยอะ มันก็จะได้ ได้แล้วก็จะชะล่าใจ ก็มีการเสพติดแล้วตกต่ำไปหมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้ เพราะไม่ได้รู้จักสัจจะที่เป็นกิเลส ว่าเราไปโลภยินดีกับไม่ยินดี ยินดีในโลกที่บำเรอความได้ความมีความเป็นของโลกีย์ ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขไม่รู้จักโลกธรรม ก็เลยต้องวนเวียนเป็นสุขเป็นทุกข์คู่กันไม่มีจบ เป็นเทวนิยม เป็น 2

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:12:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:23 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:04:57 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

เทวนิยม เขาแยก 2 ไม่ออก ตายเด๊ะอยู่ที่นั่น จิตวิญญาณอยู่ที่ไหนอยู่ที่เทวะ   เทวะคืออะไร มีผู้รู้เกิดขึ้นมาในศาสนาเทวนิยม แล้วก็เอามาประกาศความรู้ขึ้นมา แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้จักตัวเอง ประกาศความรู้ออกมาแล้วบอกว่านี่คือของพระเจ้าเป็นความรู้ของพระเจ้า ที่แท้ก็คือความรู้สึกของคนคนนั้นเอง ของศาสดาของศาสนาแต่ละศาสนา คือความเป็นหนึ่งของความรู้ ความรู้สุดยอดเขารวบยอดของผู้นั้นที่เอามาประกาศ แต่ผู้ประกาศนั้นไม่มีความรู้ในอัตตาไม่มีความรู้ในตัวเองไม่แน่ใจว่าเราจะรู้ขนาดนี้เชียวหรือ แค่นี้มันบอกเลยว่าคนไม่มีความรู้แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีความรู้อันนั้น ไม่มั่นใจว่าเป็นความรู้ของตัวเอง ก็เอาไปฝากไว้ที่สุดยอดแห่งความรู้ คือพระเจ้า เป็นผู้ประทานให้มาประกาศ เป็นประกาศก เป็นผู้ประกาศความรู้สุดยอดนี้ให้แก่มนุษยชาตินี่คือความไม่แน่ใจ ความไม่รู้สุด ความไม่รู้จบความไม่รู้ยอดในความเป็นมนุษย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 11:07:53 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:56:33 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:13:22 )

ศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมสอนแต่แค่ว่า ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า แล้วพระเจ้าจะพิพากษาเองว่าจะอยู่สวรรค์กับพระเจ้าหรือจะให้ลงนรก พระเจ้าเป็นผู้ทรงตัดสินเอง พระเจ้าจะเป็นคนตัดสิน และไม่มีใครรู้ ตายแล้วทุกคนก็นึกว่าตัวเองอ้อนวอนพระเจ้า เคารพพระเจ้า  ยินดีต่อพระเจ้า นับถือบูชาพระเจ้าเต็มที่ เพราะฉะนั้นก็มั่นใจว่ายังไงๆพระเจ้าก็ต้องรักเรา ยิ่งศาสนาอิสลามแล้วละหมาดวันหนึ่งตั้ง 5 ครั้ง อะไรอย่างนี้ กราบถึงพระเจ้าตลอด ระลึก เป็นศรัทธาที่มั่นคงต่อพระเจ้าจริงๆแล้วเขาก็มั่นใจว่าเขาได้ขึ้นสวรรค์แน่ เพราะเขารักพระเจ้า เขาเคารพพระเจ้า เขานับถือพระเจ้า ไม่บกพร่องไม่น้อยลงเลย ให้ปฏิบัติอย่างไรๆ เพื่อที่จะแสดงออกถึงการรักพระเจ้า เขาทำหมด แต่เขาไม่ได้อ่านกรรม ไม่ได้อ่านพฤติกรรมทางกาย วาจา ใจ ของเขาเลย ไม่มีปรมัตถธรรมพวกนี้เลย ศาสนาเทวนิยม 

ยิ่งจิตวิญญาณมีเจตนา รายละเอียดถึงเวทนา สัญญา เจตนา  ผัสสะ มนสิการ ยิ่งไม่รู้เรื่องรายละเอียดพวกนี้เลย เขาก็ยิ่งวิเคราะห์วิจัยรายละเอียดว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อะไรถูก อะไรผิดไม่ได้เลย 

เพราะฉะนั้นจึงประพฤติปฏิบัติอยู่อย่างนั้น ไม่รู้จักเรื่องของชีวะชีวิต ชีววิทยาของจิตวิญญาณ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 มกราคม 2567 ( 12:28:25 )

ศาสนาเทวนิยม 

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยม  คือ มีพระเจ้านิรันดร  แต่ของพระพุทธเจ้าท่านจะปรินิพพานตายไปแล้วจะไม่มีเทวดาผู้ยิ่งใหญ่นิรันดรเหลืออยู่  ของพระพุทธเจ้ารวมทั้งหมดสูญเลิกไปหมดเลย  สลายเป็นอุตุธาตุก็จบ ผลมะม่วงที่ติดขั้วอยู่ผลใดผลหนึ่งก็ไม่เป็นพีชะแล้ว  ก็ขาดจากความเป็นพีชะแล้ว  เหมือนเล็บเราถูกตัดออกไป  กายแตกไปก็ไม่เหลือ อุตุธาตุ พีชธาตุ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16  ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 12:26:14 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:42:49 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:06:02 )

ศาสนาเทวนิยมกับอเทวนิยม

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมเขาก็มุ่งหมายดี ไม่ต้องเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน คุณจะส่งเสริมอะไรเล็กๆน้อยๆก็ได้ แต่ถ้าไปทำเสียเต็มที่เลย คนก็จะสงสัย คุณเป็นเทวนิยมหรือเป็นอเทวนิยมกันแน่ เขาก็จะสงสัย เพราะจริงๆแล้วอเทวนิยม ไม่ได้ส่งเสริมสนับสนุนให้คนไปติดอยู่กับเทวนิยม เพราะคนติดยึดในเทวนิยมก็ไม่ออกนอกกรอบโลกีย์ ก็วนใน cyclic order ไม่มีเจริญไปกว่านี้

วงวนโลกียะไม่จบไม่เลิก แต่โลกุตระนั้นจบเลิก ลดความวนไปจนสูญได้ รู้จักอัตภาพรู้จักความเป็นจิตนิยามที่สมบูรณ์ จนกระทั่งรู้ความปรุงแต่งของจิตนิยาม ปรุงแต่งเป็นธรรมะ 2 ทำให้เป็น 1 รักษาสภาพ 1 ให้แข็งแรง หรือทำให้เป็น 0 ทำให้ไม่เหลือสภาพปรุงแต่งก็ได้ ก็เป็นพระอรหันต์ อยู่ไปก็มีแต่ความบริสุทธิ์สูญเฉยกลาง แล้วจิตใจของเราจะยิ่งแข็งแรงและเก่งควบคุม static ได้ดี กลุ่มพลังงานบวกลบในนิวเคลียสในจิตของเราได้ดีให้เร็วหมุนได้เร็ว เปลี่ยนแปลงได้เร็วแข็งแรงเป็นแก่นแกนได้ดี เหมือนลูกข่างหมุนเร็วกินน้ำจั้น นิ่ง มันแข็งแรงเป็นมุทุภูตธาตุ โลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็รับมือได้ไวความรู้เร็วทั้งเจโตและปัญญา ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโดยเสียหาย มีปฏิภาณปัญญามีความหวังดีปรารถนาดีเร็ว ช่วยคนอื่นได้เร็วขึ้น ควบคุมไม่ให้ผิดพลาดมาให้เสียหายได้ดียิ่งขึ้น จิตก็จะยิ่งประภัสสรแจ่มใสไปเรื่อยๆนี่คือองค์ธรรม 5 ข้อของอุเบกขา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:15:47 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:11 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:26:23 )

ศาสนาเทวนิยมจะมีโลกุตรธรรมได้อย่างไร

รายละเอียด

ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาประกาศ ไม่มีโลกุตระในโลก ศาสนาเทวนิยมไม่มีโลกุตรธรรม จนกว่าศาสดานั้นจะศึกษาจนมีมวลโลกุตรธรรมเพียงพอ มั่นใจเชื่อว่าอันนี้เข้าที ถึงจะกล้าออกมาพูดส่งเสริมหรือแนะนำให้ผู้อื่นได้ ถ้าไม่เช่นนั้นจะไม่กล้าแล้วไม่อยากออก เพราะว่าถ้าเป็นศาสดาของโลกีย์ มันก็จะถือตัว อันนี้ไม่ใช่ของตัวเอง ยังไม่เชี่ยวชาญก็ไม่กล้าเอาออกไป แล้วมันไม่ยินดีในโลกุตระ ถ้าจะพูดก็พูดข่มเลย จนกว่าจะเกิดความยินดีรู้สึกว่าเข้าท่า ตัวนี้เป็นตัวแรกเลยในมูลสูตร ถ้าไม่มีฉันทะ ไม่มีความยินดีในสิ่งนี้ ในลักษณะนี้ ก็จะไม่เกิด การสืบต่อของโลกุตระ เขาก็จะจมอยู่ในโลกีย์อยู่อย่างนั้น แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามีโลกุตระก็ตาม 

คำว่าฉันทะในมูลสูตรจึงเป็นสิ่งยิ่งใหญ่มาก ฉันทะเป็นมูลกา เป็นต้นทางให้มาศึกษาและทำใจในใจเกิดมนสิการได้ จะเจริญขึ้นไปต้องมีผัสสะเป็นสมุทัย มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง ในมูลสูตร 10 ศึกษาให้ดีๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4

วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:23:00 )

ศาสนาเทวนิยมมีแต่รบราฆ่าฟันกัน

รายละเอียด

แต่ศาสนาเทวนิยมแบบนั้นเขามีตัวอย่างมาที่จะรบราฆ่าฟันกันในเชิงเทวนิยมเยอะ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาเดียวกันหรือคนละศาสนาแต่เป็นเทวนิยมเหมือนกัน อย่างเช่นศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามก็มีสงครามครูเสด เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:25:56 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:54 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:06:28 )

ศาสนาเทวนิยมยังไม่เต็มบริบูรณ์เรื่องใด

รายละเอียด

ศาสนาโลกีย์ศาสนาที่ยังไม่บริบูรณ์ยังไม่รู้จักหน้าตาพระเจ้า ไม่รู้จักแล้วก็แก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิจัย ธรรมะของพระเจ้าไม่ได้ อย่าไปแตะต้องเชียวนะของพระเจ้า 

ของพระพุทธเจ้าให้วิจัยเลยไม่เป็นไร ให้วิจัยได้ แต่ของพระเจ้านี้อย่าเชียวนะ พระเจ้าไม่อยู่ไหนหรอก พระเจ้าไม่มีมาเอาพวกที่ควบคุมกฎ เอาตายเลยนะ ใครอย่าไปวิจัยธรรมะพระเจ้า ผู้คุมกฎเอาตายเลยนะ ไม่ได้เลยนะ เพราะอะไรเพราะเขาไม่รู้ว่าพระเจ้าคือใคร พระเจ้าอยู่ที่ไหนพระเจ้าสั่งมา เป็นคำสั่ง ต้องทำตามนี้ อย่าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลง พวกคุณไม่รู้ดีเท่าพระเจ้าหรอก เพราะฉะนั้นต้องกำหนดอย่างนั้นเลย แก้ไม่ได้หรอก คือ ทุกอย่างจะละเอียดอย่างไรก็เป็นหนึ่งอย่างเดียว หนึ่งของพระเจ้า แตกแยกออกไปไม่ได้ วิจัยวิจารณ์ไม่ได้ ทำตามลูกเดียว นี่แหละคือความยังไม่เต็มไม่บริบูรณ์ของศาสนาเทวนิยม ยังไม่เป็นอิสระเสรีภาพสมบูรณ์ ยังไม่กระจ่างแจ้งสมบูรณ์ ยังมีอะไรซ้อนๆแฝงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 21:09:04 )

ศาสนาเทวนิยมรู้สูงสุดแค่ 1 ไม่รู้จักความเป็น 2 ว่าเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมรู้สูงสุดแค่ 1 แยกความเป็น 2 และก็รู้จักความแตกต่างกันต่างๆ ของความเป็นรูปเป็นนาม เริ่มตั้งแต่เป็นชีวะ ที่จริงยังไม่ใช่รูปนามแต่เป็นภาวะ บวก ลบ เป็นภาวะ 2 ของวัตถุสสารพลังงาน ซึ่งทางวิทยาศาสตร์เขาก็รู้กันแล้ว ไบโอโลจี พยายามเรียนภาวะแตกต่างของความเป็นคู่ ก็เรียนรู้มาได้ขนาดหนึ่ง พืชก็ตาม หรือ สัตว์โลกขั้นจิตนิยาม วิทยาศาสตร์ในโลกไม่สามารถรู้ได้ละเอียดลออเท่าพระพุทธเจ้า นักวิทยาศาสตร์ไหนๆ ก็พยายามเรียนรู้ พระพุทธเจ้าก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เรียนรู้ได้สมบูรณ์แบบที่สุด เหมือนที่นักวิทยาศาสตร์เขาอยากรู้นั่นแหละ แต่พระพุทธเจ้าเรียนรู้ ท่านก็มีความอยากรู้ จนท่านมีความรู้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ 

จนกระทั่งรู้ว่าจิตวิญญาณมันเป็นอนัตตา มันไม่ใช่ตัวตนอะไร มันรวมซ้อนกันอยู่ในจิตเจตสิกมันเป็นอุปาทานยึดติดไว้ พอชัดเจนว่าอุปาทานคืออะไร จะไม่ให้อุปาทานไปยึดติดได้อย่างไร ท่านสามารถศึกษาจนรู้แจ้งจนแยกอุปาทาน เรียกว่ามันเป็นตัณหาเป็นอุปาทาน คู่สุดท้าย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 13:49:34 )

ศาสนาเทวนิยมล่าบริวาร

รายละเอียด

ทางด้านเทวนิยมทางยุโรปตะวันออกกลาง เขาก็มีพระเจ้าเหมือนกัน พระเจ้าของเขาใหญ่ ใหญ่ก็ไม่รู้จักตัวของพระเจ้าเหมือนกัน ไม่เคยรู้ว่าพระเจ้าเป็นอันหนึ่งกับคำสอน คำสอนของพระเจ้าคือมีศาสดาเป็นลูกของพระเจ้าก็เป็นแต่ละศาสนา ก็มีลูกของพระเจ้าของแต่ละศาสนา พระเจ้าก็คนละองค์ พระบุตรก็คนละองค์ ศาสนาก็คนละศาสนา ก็พยายามรวบรวมเอาความดีมาให้ทำอย่าทำชั่ว แต่ละศาสดาคนก็ต้องยอมรับว่าอย่างไรอย่างไร ดีมันก็ยังดีกว่าชั่ว แล้วผู้รู้ดีวิธีทำดีทำได้มากกว่า คนนั้นก็ชนะได้เป็นศาสดา เพราะฉะนั้นก็มีคัมภีร์สอนของแต่ละศาสนาอาตมาไม่ขอกล่าวชื่อศาสนาในโลกเทวนิยมหรอก เดี๋ยวนี้ก็มีศาสนาเทวนิยมใหญ่ๆไม่กี่ศาสนาหรอกที่พยายามล่าเอาบริวารในโลกไปได้ 

มีศาสนาใหม่ๆขอออกชื่อ เช่น ศาสนาบาไฮ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ พยายามจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาแต่สู้ศาสนาเทวนิยมเก่าๆของเขาไม่ได้ เพราะเขาปักหลักยึดหัวหาดได้ เขาก็เลยพยายามสร้างบริวารกันซึ่งต่างกับศาสนาพุทธที่ไม่สร้างบริวาร ให้อิสรเสรีภาพทุกคน รู้ดีรู้ชั่วรู้  รู้โลกียะ รู้โลกุตระ รู้ถึงขั้นสูญสลายจิตวิญญาณไม่ใช่ของพระเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:19:55 )

ศาสนาเทวนิยมเป็นศาสนาที่น่ากลัวอย่างไร

รายละเอียด

สรุปแล้วเกิดมาเป็นคนได้ เกิดธาตุรู้ธาตุปัญญา ก็จะรู้ความจริงสูงสุดว่า อ๋อ.. เกิดมาแล้ว ธาตุชีวะชีวิตเป็นจิตนิยาม กี่ล้านๆชาติก็วนเวียน สุขๆ ทุกข์ๆ สูงๆ ต่ำๆ ร่ำรวย จน ทรมานทรกรรม หรือสบายไปตามเรื่องตามราว ไม่รู้เรื่องกรรมวิบาก 

ศาสนาพระเจ้า ศาสนาเทวนิยมไม่รู้จักกรรมวิบาก ไม่รู้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นศาสนาที่น่ากลัว แต่ก็บังคับไม่ได้ จะน่ากลัวยังไงก็ต้องเป็นไปตามนั้น ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานไป ศาสนาพุทธจึงหมดความกลัว บรรลุอย่างพระอรหันต์บรรลุแล้ว ไม่ได้กลัวอะไรจะเกิดจะตายอย่างไร หรือจะเกิดอีกๆๆๆๆ ไม่ยอมสลายเป็นดินน้ำไฟลม อย่างเช่นอาตมาจะบำเพ็ญโพธิสัตวภูมิไปอีกเรื่อยๆก็ได้ จะให้นานไปอีกก็ได้ เหมือนพระอวโลกิเตศวร เจ้าแม่กวนอิม จะอยู่ไปอีกเท่าไหร่ เป็นนานนิรันดร ก็อยู่ไปสิ นี่เป็นเรื่องอจินไตย เป็นเรื่องที่คิดเล่นๆไม่ได้ แต่เป็นเรื่องจริงที่ลึกซึ้งสูงสุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประเด็นโลกุตระจากงานศพอาจารย์สมเกียรติ วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2564 ( 11:27:57 )

ศาสนาเทวนิยมเป็นสายเจโตที่ยังอยู่ในวังวน

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมเป็นสายเจโต เขายังไม่มีปฏิภาณความรู้ที่จะไปรู้เหตุปัจจัย รู้ภาวะ 2 รู้รูปรู้นาม หรือชัดๆก็คือไม่รู้ในโลกียะ โลกุตระ เขาเป็นโลกีย์ที่ยังมืด วน และมีอวิชชายังไม่เข้าใจเรื่องของอัตตาตัวกูของกู มีมานะ มีทิฐิ อะไรต่างๆนานาอีกเยอะ ก็เป็นไปตามจริงของสัตว์โลก เป็นวิบากของเขาตามความเป็นจริงที่เขาจะต้องค่อยๆพัฒนาการขึ้นมา มันก็ต้องเป็นไป เพราะฉะนั้นพวกเราก็ได้แต่รู้ได้แต่เห็นและสังเวชใจ สงสารเขามากเราก็ทุกข์มาก ก็ไม่ต้องไปสงสารมาก ไม่ใช่พูดอย่างใจดำใจจืด ก็เห็นแค่ปลงสังเวชก็น่าจะพอ เขาก็ยังอยู่ในสิ่งที่น่าสงสารน่าเห็นใจ แต่ก็เป็นเรื่องของเขาที่จะต้องเป็นเช่นนั้น เขายังอยู่ในวัฏฏะ อยู่ในวังวนของเขาอย่างนั้น เป็นอจินไตยอีกเยอะ แม้แต่เขาพยายาม ถ้าผู้นี้ยังมีวิบากอยู่ แม้เขาจะพยายามศึกษามารู้แล้วก็ยังออกไม่ได้ ก็ตายไปชาติแล้วชาติเล่าอีกเยอะ เพราะงั้นเรื่องวิบากกรรมจึงเป็นเรื่องอจินไตยที่ลึกซึ้ง คิดเอาเองตื้นๆ ไม่ได้ง่ายๆ ศึกษาดีๆ จะเห็นถึงความซับซ้อนและความยึดมั่นถือมั่นในทิฏฐิ ในมานะพวกนี้ซ้อนๆ เยอะอยู่ในโลก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 1 วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กรกฎาคม 2564 ( 10:55:10 )

ศาสนาเทวนิยมเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมเขาจะเป็นอย่างนั้นอยู่ทั้งนั้น แม้แต่วันนี้เป็นวันคริสต์มาส มีฤทธิ์เดชมีอำนาจอะไรต่างๆนานาไม่ใช่เป็นอนุสาสนี เอาคำสอนที่เป็นคำสอนและปฏิบัติคำสอนพิสูจน์คำสอนได้ ใครปฏิบัติตามสามารถเป็นพระเจ้าหรือเป็นพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาที่จะประกาศศาสนาได้จนชื่อว่า ธรรมะสามี ชื่อว่าเป็นเจ้าของธรรมะไม่ใช่ของพระเจ้านะ แต่เป็นเจ้าของธรรมะเองตรัสรู้เองเป็นของตนเองไม่ใช่ไปเอาของใครมาประกาศ แล้วไม่รู้ว่าที่เอามาประกาศนี้เป็นของพระเจ้า และพระเจ้าตรัสเอาไว้เมื่อไหร่อย่างไรเขาไม่รู้ ไม่รู้คืออะไร ศาสดาของเทวนิยมไม่รู้ตัวเองว่า คำสอนที่ประกาศอยู่นั้นเป็นของตนเองไม่ใช่ของใคร ตนเองสั่งสมบารมีมาจนได้เป็นพระศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งในศาสนาเทวนิยม ของใครก็ของใคร ของอิสลามก็ของอิสลาม ของศาสนาคริสต์ก็ของศาสนาคริสต์ ของศาสนาบาไฮก็ของศาสนาบาไฮ ของศาสนาโซโรอัสเตอร์ก็ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ของใครก็ของใครสั่งสมบารมีมาแต่เขาไม่รู้ตัวเอง 

เขาไม่แน่ใจว่าข้าพเจ้าจะมีความรู้เช่นนี้ได้หรือ มันไม่ใช่กระมัง คงจะเป็นผู้รู้ท่านประธานมาให้เราเพราะว่าไม่มั่นใจ ไม่ไว้ใจ ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรก็เลยได้เป็นเรื่องแฝงว่า ได้เพราะว่าพระเจ้า เห็นว่าเรานี้เป็นผู้ที่เชื่อใจมั่นใจที่สุดที่จะให้เอาความรู้นี้มาประกาศ ไม่เชื่อมั่นว่าความรู้นี้เป็นของคุณเองเป็นของศาสดาเอง ไม่เชื่อ เพราะว่าไม่ได้เรียนรู้เข้ามาหาจิตวิญญาณที่แท้จริง หรืออัตภาพที่แท้จริง อัตตาหรืออาตมัน จนสูงสุดถือว่าเป็นปรมาตมันหรือบรมอัตตา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:17:55 )

ศาสนาเทวนิยมแต่ละศาสนาจะมีศาสดาหลายองค์

รายละเอียด

พระศาสดาทุกคนก็จริงใจ ก็อยู่ดีเป็นสังคมแต่ละกลุ่ม ตามแต่ศาสดาแต่ละองค์เท่าที่แนวคิดของแต่ละศาสนา จะมีหลายศาสดา ในยุคเดียวกัน ยุคไหนๆก็ช่าง จะไม่มีศาสดาองค์เดียวที่เป็นเทวนิยมที่เป็นโลกียะอย่างนี้ จริงๆนะจริงใจแต่ละศาสดา จริงใจไม่มีการแฝง ด้วยเรื่องไม่ดีอะไรเลย มีแต่ความดีจริงที่บริสุทธิ์ 

หรือก็เก่งตามแนวแต่ละศาสดาก็จึงต่างกัน เช่น ที่มีอยู่ทุกวันนี้ ก็มีศาสดาที่เป็นเจ้าศาสนาหลายศาสนาอยู่ในโลกใหญ่ๆเล็กๆ เป็นสิบๆเป็นร้อยๆศาสนา แต่ใหญ่ๆจริงๆก็มี เห็นๆที่รู้ๆกันอยู่ 2-3 ศาสนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมจากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:05:47 )

ศาสนาเทวนิยมไม่มีกรรมวิบาก ไม่มี rebirth

รายละเอียด

เพราะศาสนาเทวนิยมไม่มีกรรมวิบาก ไม่รู้จักกรรมวิบาก ตายชาติเดียวแล้วไปอยู่กับพระเจ้า เลยไม่รู้แล้วว่าต่อไปคืออย่างไร ต้องเวียนตายเวียนเกิดอีกไม่มี ศาสนาเทวนิยมไม่มี rebirth(การเกิดใหม่) ไม่มีการเวียนตายเวียนเกิด ตายชาติเดียวแล้วไปอยู่กับพระเจ้าไปอยู่ที่สวรรค์ ส่วนใครจะทำให้ไม่ดี พระเจ้าไม่ชอบใจสั่งลงนรกก็ตัวใครตัวมัน ถึงมีแต่การอ้อนวอนพระเจ้า ศาสนาอิสลามก็ทำละหมาดวันละ 5 ครั้ง อ้อนวอนพระเจ้า บังคับเลยนะอิสลามวันหนึ่งต้อง 5 ครั้ง ส่วนคริสต์ก็ไม่บังคับถึงขนาดนั้นแต่ก็อ้อนวอนกัน อ้อนวอนเสมออ้อนวอนส่วนตัว ไม่เป็น
กิจจลักษณะ ไม่เป็นพิธีการ อันนั้นจะต้องมีรูปแบบ มีสถานที่ มีวิธีการก่อนจะอ้อนวอน ก่อนจะทำละหมาดต้องชำระตนให้สะอาด ทำให้ขลัง มันก็ดีไม่ใช่ไม่ดีนะ แต่มันก็ไม่รู้แล้ว เหมือนธิเบต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:11:22 )

ศาสนาเทวนิยมไม่มีจบ

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมจึงไม่มีวันจบ แต่เขาไม่มีปัญญารู้ เขาไม่รู้ว่าเกิดแล้วก็ต้องเกิดอีก เกิดแล้วก็ต้องเกิดอีก เขาไม่มีปัญญา ศาสดาเขารู้แต่ว่าไปอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าก็สอนต่อไม่ได้ เกิดมีกรรมมีวิบากอะไรอีก แล้วมีการเวียนตายเวียนเกิด เหตุแห่งการเวียนตายเวียนเกิด แล้วก็มีสุขมีทุกข์อยู่อย่างนั้น เขาไม่ได้เรียนเขาไม่ได้รู้เลย เขาจบอยู่ที่พระเจ้า เขาก็อั้นตู้อยู่ตรงนั้นมีความรู้สั้นๆ จุ๊ดอยู่ตรงนั้น ชาติเดียวแล้วเขาก็ไม่รู้อะไรเลย กรรมวิบากเขาก็ไม่รู้ สุขทุกข์เขาก็ไม่รู้ แต่เขาว่าจะต้องเอาสุข เพราะฉะนั้นพวกนี้จึงโง่ไม่มีจบ โง่ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเขาไม่ได้ดับความสุขความทุกข์ 

ศาสนาพุทธดับหมดสุขหมดทุกข์ได้เลย จึงไม่มีแดนไม่มีภพ ไม่มีภพ ชาติก็ไม่มี ไม่มีแดนทุกแดน ทุกแดนสวรรค์ แดนนรกไม่มี หมดแดนสวรรค์ แดนนรกไม่มี ไม่มีแดน รู้แต่สูญ สุญตธรรมหรือนิพพานธรรมก็จบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:40:46 )

ศาสนาเทวนิยมไม่มีทางล้างอัตตา

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมไม่มีทางล้าง อัตตา ไม่มีทางพ้นทุกข์พ้นสุข ก็เป็นสุขนิยมคือ สุขเที่ยงแท้ตลอดกาลนิรันดร พระเจ้านิรันดรความสุขนิรันดร ความสุขเที่ยง เมื่อไปเข้าใจมิจฉาทิฐิว่าความสุขนิรันดรแล้วก็หมดทาง ถ้าใครเข้าใจผิดว่าความสุขมันดีแล้วต้องบำรุงความสุขอยู่ตลอดกาล จบเห่เลย คุณจะต้องรู้ว่าเรากำลังมีความสุข เราก็ต้องหยุด อย่าแสวงความสุข หยุดไปเรื่อยๆ พวกนี้จะรู้ก็ยาก ยิ่งจะทำยิ่งยาก ไม่เอาความสุข ที่จะไม่เอาสุขแล้วทุกข์ก็จะลดได้ด้วย ต้องรู้ว่าทุกอย่างมันเกิดจากเหตุปัจจัยการกระทบสัมผัสมันไม่มีความสุขความทุกข์อะไร แต่คุณไปอุปาทาน แล้วก็ไปมีเทวะ คือ 2 อย่างนี้ชอบไม่ชอบอย่างนี้ ความสุขความทุกข์คุณก็มีแค่ 2 เท่านั้นแหละ คุณมีหนึ่งให้ได้  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ฌานวิสัยของอรหันต์และโพธิสัตว์ ศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 15:52:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:11 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:14:13 )

ศาสนาเทวนิยมไม่รู้จักกรรมวิบากว่าเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ไม่งั้นคุณก็โง่อยู่กับพันธุกรรมอยู่นั่นตลอด ศาสนาเทวนิยมไม่รู้จักกรรมวิบาก เกิดมาก็สร้างกรรมวิบากไป ใฝ่ดี สะสมดี รู้ดีเป็นดี สูงสุดได้เป็นพระศาสดา แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั่นแหละ เป็นคนสั่งสมวิบากมา จนรู้อย่างนี้มีความรู้ความจริงเท่านี้ได้เป็นศาสดา คนก็มาขึ้นมาเป็นศาสนา เทวนิยมจึงมีศาสนามากมายในโลก แข่งกันอยู่เยอะแยะ เสร็จแล้วก็ไม่รู้ว่าความรู้นั้นเป็นของใคร นึกว่าเป็นของใครหนอสร้างได้รู้ดีมากอย่างนี้ไม่รู้ตัวเอง ที่แท้ศาสดาก็คือความรู้ของตัวเอง ความจริงของตัวเองที่มีเท่าที่ตัวเองสั่งสมกรรมวิบากมา ไม่ใช่ของพระเจ้า ไม่ใช่ของพระบิดา ก็เป็นของตัวเองนั่นแหละ แต่เขาไม่รู้ตัวไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร มันจึงงง เห็นไหมตัว ง. มาได้ยังไงรู้ขนาดนี้ คนอื่นเขายอมรับความรู้นี้ด้วยนะ ไม่เชื่อตัวเองว่าตัวเองจะรู้ขนาดนี้ แล้วก็มีคนมาเป็นบริวารเยอะแยะ ก็เลย ไม่เชื่อว่าเราเป็นได้ขนาดนี้ด้วยหรือ เพราะไม่รู้ตัวเองจริงๆ เพราะฉะนั้นคนพวกนี้จึงไม่มีทางรู้จักอายตนะหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ งานอโศกรำลึก 2565 อภิภายตนะ 8 ตอน สังคมสาราณียธรรมที่จริงยิ่งกว่ายูโทเปีย วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2565 ( 14:03:35 )

ศาสนาเทวนิยมไม่รู้จักสวรรค์และจบสวรรค์

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมไม่มีทางรู้จักสวรรค์และจบสวรรค์ จึงไม่มีนิพพาน แล้วก็กลายเป็นว่าพระเจ้าเป็นเจ้าของสวรรค์เป็นเจ้าของสุข ใครอยากได้สุขก็ต้องไปขอจากพระเจ้า ถ้ามันไม่ได้สุขก็บอกว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ถ้ามันได้สุขก็คือบอกว่าพระเจ้าประทานที่แท้คือความโง่ของตัวเองทั้งสิ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 21:03:59 )

ศาสนาเทวนิยมไม่รู้ว่าตายแล้วต้องเกิดมาแล้วต้องมารับวิบาก

รายละเอียด

อย่างศาสนาเทวนิยม ที่เป็น ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม เขาไม่รู้ว่าตายไปแล้วต้องเกิดมารับกรรมวิบากอีก ศาสดาเขาไม่มีความรู้เรื่องนี้ ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า จะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกพระเจ้าบงการก็จบ นี่คือศาสนาคริสต์หรือศาสนาอิสลามศาสนาเทวนิยม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:11:48 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:56:59 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:08:14 )

ศาสนาเทวนิยมไม่รู้เรื่องกรรมรู้แต่God

รายละเอียด

ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็น 2 ก็จะตีเทวะไม่แตก 

เป็นเพราะว่า เทวนิยม เชื่อกันมั่นใจกันว่าพระเจ้าคือจิตวิญญาณสูงสุด แล้วเป็นผู้บงการจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคน พระเจ้าจะบันดาลให้มนุษย์ได้หรือมีสิ่งที่ดีที่สุด แล้วมนุษย์ทุกคนเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น 

จริงแล้วเรื่องของกรรม เรื่องของGod สองคำนี้ก็ยิ่งใหญ่ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งกรรม ศาสนาเทวนิยมเป็นศาสนาแห่ง God ส่วนของพุทธนั้นกรรมเป็นผู้กระทำ แล้วพวกศาสนาเทวนิยมก็ไม่รู้เรื่องกรรม เพราะเขาไม่รู้  กรรมวิบากเป็นอจินไตย ไม่รู้การตายเกิดวนเวียน เขาเชื่อว่าตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้าแล้วแต่พระเจ้าจะให้ไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกเขาไม่มีอะไรต่อจากชาติเดียว ที่เป็นความเกิดเป็นกรรมวิบากวนเวียนในวัฏสงสารเขาไม่รู้เรื่อง เขาไม่เชื่อกรรมไม่เชื่อวิบาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 20:27:35 )

ศาสนาเทวนิยมไม่รู้เรื่องจิตวิญญาณและกรรมวิบาก

รายละเอียด

เขาไปมีความรู้แต่แค่ว่า มันไม่รู้นั่นแหละก็ดูแค่ว่า ดีที่สุดก็เป็นพระศาสดาก็เป็นพระบุตรของผู้ที่เป็นเจ้าแห่งความดีที่สุดคือพระเจ้า ศาสดาเป็นพระบุตรของผู้ที่ดีที่สุดของจิตวิญญาณที่ดีที่สุด แล้วจิตวิญญาณนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเป็นอย่างไร แต่เขาก็บอกว่าพระบุตรเอาคำสอนของพระศาสดามาสอน ทำไมพระบุตรเอาคำสอนมาแล้วไม่รู้จักศาสดา เพราะศาสนาเขามันไม่เปิดเผย ศาสนาเขารู้ไม่ทะลุรู้ไม่รอบรู้ไม่สิ้น จริงๆคำสอนของศาสดาก็คือคำสอนของตัวพระบุตรเอง สั่งสมมาแต่ละชาติๆ จนกว่าสูงสุดได้เป็นศาสดา ก็ความรู้หรือกุศลกรรมหรือความรู้ความเฉลียวฉลาดความดีงามของพระศาสดาเองนั่นแหละไม่ใช่ของพระเจ้าที่ไหนหรอก แต่พระบุตรหรือพระศาสดาไม่มีความรู้ต้นทาง ต้นทางก็คือของตัวของตนของอัตตาของตน เมื่อไม่รู้ก็เท่ากับไม่เชื่อว่าความรู้นี้เป็นของเราหรือ เกิดมาเราก็ไม่ได้มาทำอะไรเท่าไหร่นะแต่เรารู้อันนี้ แล้วก็เอาอันนี้มาสอนคนจนคนเขายอมรับว่าเราเป็นศาสดา เราจะเก่งขนาดนั้นเลยหรือเกิดมาชาตินี้ ก็อายุต่อไปกันทุกคน 60 70 80 ปี พระเยซูก็อายุไม่ยาวนานถูกเขาฆ่าตายก่อนอายุแค่ 30 กว่าปีก็ตายแล้ว บางองค์ก็อยู่ได้ถึง 80 90 ปี 100 ปีอะไรอย่างนี้ ก็ไม่แน่ใจว่า เอ๊.. เราจะสามารถมีความรู้ เกิดมาก็แค่นี้เป็นศาสดาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ก็ทำไม เกิดมาไม่เท่าไหร่แล้ว เป็นหนุ่มแล้วก็มีความรู้เป็นศาสดา เขายกให้เป็นหนึ่งเป็นเจ้าของความรู้เลย เราเอามาแต่ไหน ไม่เชื่อใจตนเองเพราะไม่รู้จักกรรมวิบากที่ตัวเองได้สั่งสมมา แต่ละชาติๆ ศาสนาเทวนิยมไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องกรรมวิบากไม่รู้เรื่องเกิดตาย ตายแล้วตายอีกสั่งสมความรู้ความสามารถ สั่งสมความดีงาม เขาไม่มีความรู้ ไม่รู้จักการเกิดการตาย ไม่รู้จักกรรมวิบากของตน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน บุญนิยม คืออะไร และอปันกธรรม 3


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 13:58:17 )

ศาสนาเทวนิยมไม่เข้าใจเรื่องกรรมวิบาก

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยมไม่เข้าใจเรื่องกรรมวิบาก ไม่มีรายละเอียดของกรรมวิบากอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านสอน แล้วเมื่อมาเป็นคนเรียนรู้ตามตำราตามทฤษฎีพระพุทธเจ้า รู้ว่ากรรมเป็นอันทำ แล้วเราไม่ทำกรรมชั่วอันนี้อีกในศีลข้อที่ 2 มหัศจรรย์มาก พวกเรานี้ระมัดระวังเรื่องนี้ แล้วทำได้สำเร็จ ไม่กระทำการทุจริต มหัศจรรย์จริงๆ ในโลกมนุษย์ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังทุจริตอยู่ ยังจะตกนรกไปอีกตั้งเท่าไหร่ วนเวียนลงนรกหนัก นรกใหญ่ เพราะเขาไม่รู้เรื่องกรรมเรื่องวิบากที่เป็นเรื่องจริง ฟังไว้เด็กๆเรื่องกรรมนี้เรื่องใหญ่อย่าไปทำเล่นๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:57:32 )

ศาสนาเทวะเลิกสุขทุกข์ไม่ได้ แต่ชาวพุทธทำได้

รายละเอียด

ศาสนาเทวะ เลิกสุข ทุกข์ไม่ได้ แต่ชาวพุทธทำได้ ยังจิตเราให้เป็นไปในอำนาจได้ มีโลกุตรธรรมได้แล้วอยู่ไป จะอยู่เป็นคน เราเป็นพระเจ้าที่จะให้เกิดให้ดับเองจะอยู่นานเป็นพระอวโลกิเตศวรที่ยังไม่ยอมปรินิพพานเป็นปริโยสานก็เชิญ แต่อาตมาไม่สงสัย จะอยู่จะตายจะปรินิพพานตอนไหน แต่อาตมาจะยังไม่ดับวิญญาณไม่แตกสลายเป็นอุตุธาตุ ยังไม่ทำ ยังจะทำงานสืบสานศาสนาพระพุทธเจ้านี้ต่อไปเพื่อให้ถึง 5,000 ปี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน แก้ปัญหาได้จริงแท้ต้องแก้ที่สุขหรือทุกข์


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:38:00 )

ศาสนาเทฺวนิยม

รายละเอียด

พุทธเป็นศาสนาที่ตีแตกแยกแยะ(dis-tinguish)ความเป็น“เทฺว”ได้ จึงได้ประโยชน์จาก “เทฺว”หรือ“ธรรมะ”ถึงขั้นบริบูรณ์สัมบูรณ์  

ผู้ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง”ความเป็น“เทฺว” จึงจำนนอยู่กับ“เทฺว”นิรันดร เป็นลัทธิหรือศาสนา“เทฺวนิยม”อยู่อย่างนั้น มีกันมากทั่วไปตกอยู่ใต้อำนาจ หรือมีความรู้อยู่สูงสุดเพียงเท่าที่“เทฺว”ที่ตนจัดการอะไรไม่ได้เลยนี้มีกันอยู่เท่านั้น ดิ้นไม่หลุด ไม่มีอิสระไม่ทะลุ ไม่หลุดพ้น ไม่ลอยตัว ไม่เป็นตัวของตัวเองได้อย่างอิสระเสรีสัมบูรณ์ “ติดกัก”หรือ“สูงสุดชงัก”อยู่เพียงแค่นั้น

ไม่มีความรู้ในระบบ“วงวน”ที่หมุนเวียนอยู่อย่างเป็นระเบียบบริบูรณ์ตามสามัญของ“วงวน”ทั้งหลาย นั่นคือ ไม่มี cyclic order แล้วตีแตกระบบนี้ไม่เป็นทาสระบบนี้ ออกนอกโลกเก่าได้แล้ว

เพราะยังไม่รู้จักความเป็น“เทฺว” แยก แยะ“เทฺว”ไม่ออก ไม่รู้เท่าทัน ที่สำคัญไม่สามารถทำ“ธรรมะ 2”หรือ“เทฺว”ให้เป็นอื่นไปได้ จึง“อยู่เหนือ(อุตตระ)”ทุกสรรพสิ่งไม่ได้

ซึ่งผู้อยู่เหนือ(อุตตระ)”สรรพสิ่งนั้น คือพระเจ้า หรือ “เทฺว”ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งที่สุด

เริ่มแรกจึงต้อง“รู้จักเทฺว”กันเสียก่อน แล้วจึงจะเรียนรู้ให้“รู้แจ้งเทฺว” ก็จะ“รู้จริงเทฺว” ได้ถ้วนบริบูรณ์สัมบูรณ์สัมมาทิฏฐิแน่แท้  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:08:06 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:31 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:29:12 )

ศาสนาเสื่อม

รายละเอียด

ทฤษฎีหรือหลักการของศาสนานั้น ที่ศาสนิกปฏิบัติได้ผิดเพี้ยนไป คนที่เป็นศาสนิกจึงปฏิบัติไม่เกิดธรรมะตรงตามที่เป็นของศาสดาแห่งศาสนานั้น ๆ

หนังสืออ้างอิง

จากคนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉ.286หน้า 49


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:36:34 )

ศาสนาเสื่อมสุดแล้วต้องมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ

รายละเอียด

ที่อาตมาทำงานกู้ศาสนามาเกือบ50 ปี ซึ่งศาสนาได้สูญเสียไปหมดแล้ว จนเขาหาว่าอาตมาเป็นพวกอวดดีรู้คนเดียวมันใหญ่มาจากไหน ก็น่าสงสารเขาเห็นใจเขา อาตมาพูดถูกทุกอย่างแต่เขาเข้าใจอาตมาไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าในโลกนี้มีคนดี เช่น พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาใน โลก ท่านดีที่สุดสูงที่สุด ท่านพูดได้เต็มพระโอษฐ์ ศาสนามันเสื่อมสุดแล้วต้องมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ อาตมาเกิดมาในยุคครึ่งศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธได้เสื่อมจะบอกว่าหมดแล้วก็ เท่าละอองธุลีนิดหน่อย ที่มันเหลือเชื้ออยู่ อาตมาก็อยู่ในลักษณะที่เห็น นัยยะเดียวกับที่พระพุทธเจ้าเห็น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:37:23 )

ศาสนาเหนือเมือง ไม่ใช่หนีเมือง

รายละเอียด

ประเด็นสำคัญคือศาสนาพุทธไม่ได้หนีแต่เป็นศาสนาที่เหนือเมือง ไม่ได้หนีเมือง เหมือนลูบหัวล้านพระอาทิตย์ได้ 

ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก เข้าใจยาก แม้จะอธิบายอนุสาสนีปาฏิหาริย์เป็นแบบโลกุตรธรรมเป็นอนุสาสนี ไม่ใช่เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทศนาปาฏิหาริย์ก็ยังยากที่จะเข้าใจตาม แต่ผู้ที่มีปัญญา ผู้ที่เข้าใจดีก็จะเข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 20:01:40 )

ศาสนาไม่รู้กรรมวิบากน่ากลัว

รายละเอียด

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาสุขนิยมแต่ลดทั้งความสุขความทุกข์ จบหมดสุดยอดแล้วไม่มีสุขไม่มีทุกข์จึงไม่มีเทวะ ที่เป็นแดนสุขาวดี ตายไปแล้วต้องอยู่แดนสุขาวดีกับพระเจ้า ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาอย่างนั้น ส่วนศาสนาเทวนิยมนั้น ฟังแล้วมึน เอ็งตายแล้วจะไปไหน เพราะว่าจิตวิญญาณนิรันดร เขาเข้าใจว่าจิตวิญญาณสูญไม่ได้เลิกไม่ได้ เป็นอัตตาอาตมันนิรันดร แล้วยิ่งศาสนาที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ศึกษาแค่ชีวิตชาติเดียว เป็นชีวิตที่สั้นมาก ชีวิตเกิดมาชาติเดียวตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า ไม่มีกรรมวิบากชาติที่ 2 ชาติที่ 3 ต่อไป ศาสนาที่ไม่รู้กรรมวิบากเป็นศาสนาที่น่ากลัว เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดต่อไปอีกได้เป็นนรก เขามีแต่จะไปอยู่กับสวรรค์กับพระเจ้า ถึงต้องประจบพระเจ้าให้ดีๆอย่าให้พระเจ้าชัง ส่วนกรรมกิริยาที่จะมีวิบากไม่รู้ ก็ทำเถอะอย่าให้พระเจ้ารู้ พระเจ้าก็ไม่ค่อยรู้หรอก เราทำกรรมของเราประจบพระเจ้าอย่างเดียวเลย มันพรางลวงแฝง จึงกล้าทำกรรมหนักบาปแรงโดยไม่รู้ ไม่รู้ต่อไปเป็นชาติๆ สั่งสมหนักหนาสาหัส แต่ศาสนาพุทธอธิบายได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ประชาธิปไตยไทย เกิดมาเพื่อให้ศึกษา วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 16:48:17 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:46 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:07:46 )

ศาสนาไม่ได้เสื่อมแต่ใจคนเสื่อม

รายละเอียด

ถูกต้อง ศาสนาของพระพุทธเจ้าไม่ได้เสื่อม ความรู้โลกุตระของพระพุทธเจ้านั้นเที่ยงแท้ นิยตะ นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) ของพระพุทธเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง ยุคไหนๆ อุบัติขึ้นมาก็เหมือนเดิม เหมือนยุคสมัยพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แต่คนมันรับไม่ไหว คนมันเสื่อมจากความรู้นี้ เช่นในยุคกัป 2,500 ปีนี้ อาตมาเน้นย้ำไปพูดไปก็สงสารคนไม่ศรัทธาอาตมาจะอ้วกแตก แต่มันก็ต้องยืนยัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองบุญนิยมโลกุตระที่เป็นปรากฏการณ์จริง วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2566 ( 15:09:42 )

ศาสนาไหนสอนให้คนเป็นหนี้มีตังค์แต่ไม่ยอมจ่าย

รายละเอียด

ศาสนาเทวนิยม ทุนนิยมสามานย์ ที่สอนเป็นหนี้มีตังค์แต่ไม่ยอมจ่าย เราชอบไปเป็นหนี้แม้จะเสียดอกก็ไปเอาต้นทุนนั้นที่ยืมเขามาเล่นนี่นั่นแหละ มาเอาไปหาผลประโยชน์ไปปันผลให้ได้มาก แล้วก็ไปใช้หนี้ดอก แล้วไม่จ่ายหนี้ดอกอีก คนนี้เป็นหนี้ คำว่าเป็นหนี้มีตังค์ไม่ยอมจ่าย ไม่จ่ายทั้งดอกและต้นทุน เดี๋ยวคุณก็ได้รับผลหรอก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 12:08:55 )

ศิริมหา

รายละเอียด

เป็นสภาพที่ดียิ่ง รุ่งเรืองจริง มีคุณสมบัติสูงขึ้นแท้นั่นเอง

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 426


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:30:08 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:37:46 )

ศิริมหามายา (มหามารดา , มหามาตา)

รายละเอียด

พระผู้สร้าง ผู้ให้ ผู้ก่อกำเนิดแท้ๆ จริงๆ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 427


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:30:42 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:38:30 )

ศิลปอิสระ , ศิลปเปลือย

รายละเอียด

ความปรารถนา ความใคร่อยาก ความชอบ ความรัก ความติดยึดที่มีอยู่ก้นบึ้งของจิตแห่งตน จะแสดงออกมาอย่างไม่มีอะไรกดข่ม

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 330


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:31:55 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:30 )

ศิลปะ

รายละเอียด

อาตมายืนยันว่าศิลปะคือมงคลอันอุดมศิลปะ คือสิ่งที่พาไปสู่ความเจริญสูงสุด ถึงขั้นโลกุตระ ถ้ายังไม่ถึงศิลปะโลกุตระ มันก็ต้องมีขั้นตอนของมัน อาตมาจึงได้บัญญัติ ขั้นตอนของความเป็นศิลปะถึง 5 ขั้น ลามก ราคะ สาระ ธรรมะ และโลกุตระ ก็ได้ขยายความเอาไว้พอสมควร อาตมาก็เรียนวิชาการศิลปะมาตามฐานะพอสมควร จริงๆแล้วงานศิลปะจัดเป็นงานที่ต้องรู้ในศาสตร์ต่างๆ ต้องใช้ศาสาตร์ต่างๆอย่างมีศิลป์ร่วมกัน หากศาสตร์ไม่มีศิลปะร่วมกันเลยมันก็เป็นแค่สารคดี ศิลปะนั้นต้องมีสุนทรียศิลป์และสารศิลป์ สารศิลป์คือเนื้อแท้ สุนทรียศิลป์ เป็นองค์ประกอบร่วม ให้มีสิ่งที่ทำให้สาระมีรสชาติ เป็นกษัยมีเนื้อก็ต้องมีน้ำมีน้ำก็ต้องมีเนื้อ ไม่อย่างนั้นมันแข็งไม่สมบูรณ์ 2 สภาพนี้จะเป็นปฏิกิริยาทำให้พลังงานต่างๆเดินไปได้ ถ้าหนึ่งเดียวไม่มีพลังงานคู่ อะไรก็ไม่เกิด เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดดำเนินไปจะต้องมี 2 ขึ้นไป แล้วต้องกระทบสัมผัสมีปฏิกิริยา Action reaction ถ้าไม่เช่นนั้นไม่มีอะไรมาเพิ่มไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็มีแต่ตั้งอยู่แล้วก็จะเสื่อมไป สู่ 0 สุดท้ายก็สูญสลายไป นี่คือสัจจะสั้นๆ ศิลปะต้องมีศาสตร์และศิลป์ประกอบ ไม่อย่างนั้นมันไม่ลื่นมันฝืด มันแข็งไม่ชี้ชวนไม่มีผู้ช่วย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ธรรมะคือเครื่องถ่วงดุลยุคทุนนิยมเคออส วันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 14:22:16 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:54 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:09:11 )

ศิลปะ

รายละเอียด

มี สารศิลป์กับสุนทรียศิลป์ หากว่ามีแต่สาระไม่มีสุนทรียศิลป์เลย มันก็กินยา มันเหมือนยาที่ขื่นมันขม เราก็มีการเคลือบสีทำให้มีรสที่พอกินได้แต่อย่าให้เขาติดใจในสีและรสที่เคลือบ ทุกวันนี้ศิลปินมีแต่ไร้สาระมีแต่น้ำตาลมีแต่สีเลอะเทอะหลอกให้คนมาติดตัวเองตัวเองจะได้เป็นศิลปินใหญ่จะได้มีชื่อดังจะได้ร่ำรวย จะได้ยิ่งใหญ่ แม้แต่สาระคืออะไรเขาก็ไม่รู้ เขามีแต่ของที่จะต้องแปลกต้องใหม่ กลุ่มเป้าหมายคนต้องรู้กว้างขวางมาก คนนิยมชมชอบ เท่านั้นเอง มันเป็นการสร้างตัวเองให้ยิ่งใหญ่ให้คนชื่นชอบให้ตัวเองเด่นเท่านั้นเอง ไม่ใช่ศิลปินอะไรเลยมันเป็นนักค้านักสร้างตัวเองให้เด่นให้ดังให้ร่ำให้รวยให้โด่งดังเท่านั้นเอง ไม่ใช่ศิลปินศิลเปรอะอะไร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:53:20 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:56:52 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 14:31:04 )

ศิลปะ (สันสกฤต) หรือ สิปปะ (บาลี)

รายละเอียด

คือ มี 5 ขั้น

1. ลามก

2. ราคะ

3. สาระ

4. ธรรมะ

5. โลกุตระ

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า139,143


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 13:44:49 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:44:24 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:16:09 )

ศิลปะ , สิปปะ

รายละเอียด

มีความเก่ง มีความเชี่ยวชาญ จัดเจนในทางช่วยโลก หรือนำทางในทางทำให้พ้นทุกข์

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 320


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:32:30 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:56 )

ศิลปะ 5 ขั้น

รายละเอียด

คือ

1.ลามก

2.ราคะ

3.สาระ

4.ธรรมะ

5.โลกุตระ

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพุทธศาสนา หน้า 34


เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2562 ( 11:23:20 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:38 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:09:34 )

ศิลปะ 5 ขั้นของเพลง

รายละเอียด

สรุปอย่างนี้ ไอ้เรื่องของเพลงการ มันก็เป็นอันนึง แม้เพลงการที่แต่ง ที่อาตมาแบ่งศิลปะออกเป็น 5 ขั้น ไอ้ที่ไม่ใช่ศิลปะเลยเรียกว่าลามก เพลงก็ตาม ศิลปะขีดเขียนจิตรกรรมก็ตาม วรรณกรรมก็ตาม Music ก็ตาม เพลงมันลามก มันแฝงเรื่องไม่ค่อยดี เรื่องหยาบๆ เรื่องไม่ค่อยดี มันมี เขาเรียกเพลงใต้ดินพวกชอบร้องกัน ..ลามก ต่อมาศิลปะขั้น 2 คือ ราคะ คือเพลงที่มีกาม เรื่องรักใคร่มีเยอะมาก ราคะนี้เยอะมาก ตั้งแต่ราคะค่อนๆไปถึงลามก จนกระทั่งขึ้นมาถึงบนดิน เป็นจัดจ้านราคะจัดจ้าน ราคะมากมายเรื่องรักเรื่องใคร่แล้วดังเยอะ ใช้อาศัยเยอะยิ่งกว่าเพลง ลามก

จากราคะเพิ่งจะหมดจากกิเลสพวกนี้ มาเป็นเพลงสาระ ลามก ราคะ สาระ เป็นเนื้อหาเป็นแก่นสาระ ก็อาจจะเป็นเพลงไม่ค่อยดี ไม่ค่อยเพราะ เพราะมันจะเป็นสาระที่แข็งๆไปบ้างก็มี ผู้ที่แต่งยังไม่ค่อยเก่ง ก็จะเป็นเพลง ทื่อๆแข็งๆ เป็นเพลงไม่ค่อยจะไพเราะเท่าไหร่ 

จนกระทั่งมาถึงเพลง ธรรมะ ก็จะเป็นธรรมะขั้นโลกีย์ ก็พอสมควรไม่น้อย แต่เพลงราคะนี่แหละเยอะมาก สาระก็เป็นเพลงเช่น เพลงเพื่อชีวิต เพลงชมธรรมชาติ เพลงชมคุณงามความดี ปลุกใจรักชาติพวกนี้ เพลงสาระ พอมาถึงธรรมะก็เป็นคุณงามความดีเป็นหลัก เป็นเพลงคุณงามความดีต่างๆสารพัดแบบโลกีย์ จนกว่าจะสูงสุดเป็นเพลงระดับโลกุตระ สูงกว่าเพลงธรรมะสามัญโลกีย์เป็นเพลงโลกุตระ ซึ่งมีน้อยคนมากที่แต่ง น้อยจนอาตมาก็จะยกตัวอย่าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 29 อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 13:05:19 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์