@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

กลุ่มมวลแน่นมีสาธารณโภคี มีวรรณะ 9

รายละเอียด

ในสังคมก็ยังไม่เยอะหรอก มีกลุ่มที่เป็นมวลแน่น มี สาธารณโภคี เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา มีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:25:18 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:29:22 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:10:31 )

กลุ่มราษฎรที่ก่อม็อบอยู่ขณะนี้เป็นคนนอกคอกเป็นลูกนอกไส้อย่างไร

รายละเอียด

อันแรก ประเด็นแรกคือทำไมอาตมาไม่ให้ค่าพวกนี้ ที่เขาเย้วๆ อาตมาให้ค่าเขา แต่ให้ค่า -99 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ไม่ให้ค่า เพราะอะไร เพราะว่าเขาไม่รู้จัก ไม่รู้จักหลายประการ 1.ไม่รู้จักว่าประเทศที่เขาอยู่นี่คือประเทศไทย 2. ประเทศไทยมีรากของประเทศคืออะไร เขาไม่รู้จักเลย นอกจากไม่รู้จักแล้ว 3. เขาจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยถอนรากถอนโคนความเป็นประเทศไทยไปเป็นแบบที่เขาเองเขาศรัทธาเลื่อมใส เอาแค่ 3 ประเด็นนี้ 3 เหตุผลนี้ ก็ -99% ยังน้อยไป แล้วเขาก็ทำจริงๆด้วย ตามที่เขาเข้าใจก็เห็นว่าเป็นอย่างนั้น มันจึงเป็นคนเข้ามาไม่ควรจะเป็นคนไทย ถือว่าเป็นขบถยิ่งกว่าขบถ อยู่ในเมืองไทย เพราะฉะนั้นเขาไม่ใช่คนไทยไม่ใช่สัญชาติไทย แต่มาเกิดเป็นคนไทยมันก็มีเชื้อชาติที่ปฏิเสธไม่ได้เท่านั้นแหละ จะถือว่าเป็นคน ภาษาที่สวยที่สุดเรียกว่าเป็นคนนอกคอก เป็นลูกนอกไส้ มันเป็นเรื่องที่ไม่สมเหมาะสมควรเลย คุณบอกว่าไม่ให้ค่า อาตมาให้ค่าติดลบอย่างที่ว่านี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้อยากจะให้เกิดในพฤติกรรมใดๆที่มีอยู่ในปัจจุบันที่เขาปฏิบัติ แล้วยังมีหางเลข และเขาก็พยายาม พยายามจะ โปรประกันด้า พยายามหาเสียงที่จะสร้างทุกอย่างเลยทั้งลงทุนลงแรงโฆษณาต่างๆครอบงำทุกอย่างเลย ใช้กระแสทางเครื่องมือเครื่องไม้สมัยใหม่ ขยันทำ พยายามเสียสละทั้งทุนร้อนแรงงานทั้งกินทั้งอยู่ เวลา ทำ เพื่อจะเปลี่ยนแปลงถอนรากถอนโคน ทางวัฒนธรรมทางรากเหง้าของชาติประเทศไทยเปลี่ยนไปเป็นตามที่เขาต้องการ ซึ่งอาตมาบอกว่า คนที่ไม่มีความรู้แบบนี้ อยู่ที่ไหนก็ลำบากที่นั่น ประเทศไทยนี่เกิดก่อนประเทศอเมริกา ส่วนฝรั่งเศสเท่าไหร่ อเมริกานี้แน่นอน 300 กว่าปี 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:49:21 )

กลเม็ดกลยุทธ์สามัญของชาวโลก

รายละเอียด

การติดกลับด้านของผู้หนึ่งที่ถามสมณะโพธิรักษ์ ว่าคนนี้เป็นนักเล่นกลได้เลยคิดอย่างนี้ไม่น่าเชื่อว่าสังคมมันกลับกัน เช่น รถคันนี้สีขาว  แต่แท้จริงสีดำ เจตนาเล่นก็มี แต่เจตนาที่ต้องการให้คนอื่นรู้ไม่ทันตัวเองเพื่อให้ ตัวเองที่จะมีอำนาจใช้เป็นประโยชน์ แก่ตัวเอง เอามาเป็นบริวารเอามาเป็นลูกน้อง เป็นลูกไล่อย่างนี้เป็นต้น  นี่คือกลเม็ด กลยุทธ์ธรรมดาสามัญ ของชาวโลกแต่พวกเรา ไม่เอาไปทำให้คนอื่นลำบาก เราจะเป็นคนทำเอง ถ้าใครจะสมัครใจช่วยก็ได้ เราจะเป็นแบบนั้นจิตใจแบบนั้น จึงเป็นคนที่มีคุณลักษณะ ที่ดีพลังงานรวมสังคมมนุษย์มี พฤติกรรมที่ประเสริฐ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 11:45:46 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:14:20 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:24:34 )

กลไกการทำงานของระบบ“มิจฉาทิฏฐิ” 

รายละเอียด

ผู้ที่ยังไม่บรรลุธรรมถึงขั้นอรหันต์ได้ก็เพราะยังมี“มิจฉาทิฏฐิ”อยู่ ไม่มากก็น้อย

เหตุสำคัญที่ทำให้ยัง“ไม่พ้นมิจฉาทิฏฐิ”ก็เพราะยังยึด “ทิฏฐิ”ของตน 

ไม่มี“ปรโตโฆสะ”และ“มนสิการ”ยัง“อโยนิโส”อยู่ 

นั่นคือ “การทำใจในใจยังไม่ถูกต้องถ่องแท้”อยู่อย่างเดิมนั่นเอง

จะตัดสินได้ก็อยู่ที่“ในขณะนั้นเจ้าตัวเป็นอรหันต์อยู่แล้ว”

แต่ถ้าตนเองก็ยังไม่มี“วิชชา 8” หรือไม่บริบูรณ์ด้วย“เจโปริยญาณ 16”หรือไม่มี“โสฬสญาณ 16” เป็นต้น 

ก็ไม่มีเครื่องมือตรวจวัดตนเองจนกระทั่งสามารถรู้ว่า ตนเป็นอรหันต์จริงได้หรอก

ถ้าตัวเองรู้ว่า ตน“ยังไม่ได้เป็นอรหันต์” 

หรือยังไม่แน่ใจ ว่าตนเองบรรลุอรหันต์แล้วจริง 

มันก็ต้อง“ฟัง”คนผู้เขายืนยันตนเองได้แล้ว ผู้อื่นที่เขายืนยันว่าเขาเป็น“อรหันต์”บ้าง

ถ้าตนก็“ยังไม่แน่ใจ” มันก็ต้องมี“ปรโตโฆสะ”ดูบ้างสิ!

แต่ถ้าแน่ใจเชื่อมั่นว่า“ตนบรรลุอรหันต์แล้วอยู่ในขณะนี้” ก็แล้วไป  คุณก็มีความเป็น“อรหันต์”ของคุณแล้ว  

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 409 หน้า 296


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 21:29:52 )

กล้องจุลทรรศน์

รายละเอียด

กล้องขยาย

หนังสืออ้างอิง

จากป่ากับพุทธศาสนา หน้า 136


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:27:43 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:26:27 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:29:53 )

กล้องปริทรรศน์

รายละเอียด

กล้องส่องทะลุสิ่งกั้นขวาง

หนังสืออ้างอิง

จากป่ากับพุทธศาสนา หน้า 136


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:01 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:26:55 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:12 )

กล้องโทรทรรศน์

รายละเอียด

กล้องส่องทางไกล

หนังสืออ้างอิง

จากป่ากับพุทธศาสนา หน้า 136


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:28:19 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:27:23 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:39 )

กล้าแสดงออกเป็นการไขความจริงอย่างสำคัญ

รายละเอียด

คุณเปลวเขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ ส่วนตัวเขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีปัญหา เขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ก็เป็นคนที่ศึกษาอยู่ จิตใจเขาจริงๆจะเป็นอย่างไรเราก็ไม่รู้ จะเห็นจริงเห็นชอบอย่างไร คุณไปอ่านเขาว่าชอบ วัดป่าสายมหาบัว เขาจะชอบก็จะไปบังคับเขาได้อย่างไร อาตมาเคยว่า ข่ม นิคคัณเห นิคหารหัง เขาก็คงเข้าใจอาตมาตำหนิก็ตำหนิ ความเห็นต่างกันก็ว่ากันไป เรื่องของความชอบก็เป็นความชอบ ส่วนเรื่องความเป็นกลางเขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ก็แสดงออกอย่างเป็นกลาง ส่วนจริงเขาจะเป็นอะไรแค่ไหนเราจะไปว่าอย่างไร อาตมาก็ว่าเขาต่างกับสนธิญาณ ซึ่งสนธิญาณแสดงออกเลยว่าเขาเห็นดีเห็นงามกับอาตมา สนธิญาณก็เป็นนักหนังสือพิมพ์เหมือนกัน ก็ว่ากันไป ก็ต่างคนต่างความเห็น ต่างคนต่างกล้าแสดงออก คำว่ากล้าแสดงออกมันก็เป็นการไขความจริงอันหนึ่ง เป็นการเปิดเผยความจริงอันสำคัญอันหนึ่ง ก็ค่อยๆเป็นไป สามารถรู้ได้ สามารถเห็นจริงได้ อย่างซับซ้อนลึกซึ้งประมาณใดก็พอได้ ก็ค่อยว่ากันไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 15:13:45 )

กวลิงการภักโข

รายละเอียด

อาหารหยาบ

หนังสืออ้างอิง

จากเปิดโลกเทวดา หน้า 144


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:35 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:27:50 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:06 )

กวฬิงการาภักโข

รายละเอียด

บริโภคอาหารหยาบเลี้ยงชีพ

หนังสืออ้างอิง

จากถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 64


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:30:19 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:28:23 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:24:57 )

กวฬิงการาหาร

รายละเอียด

กวฬิงการาหาร คือ คำข้าวเป็นเครื่องค้ำจุนชีวิต พึงกำหนดรู้ความยินดีในกามคุณ 5 การทำให้คนติดในกามคุณ 5 (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส)  ในเรื่องอาหารมากมาย ไม่เข้าใจ ไม่มีไหวพริบรู้ว่าตัวเองผิด  แต่ก็ผิด น่าสงสาร

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:48:13 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:20 )

กวฬิงการาหาร

รายละเอียด

อาหารชั้นหยาบต่ำ ต้นแท้ ๆ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 190


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:30:53 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:29:37 )

กวฬิงการาหาร

รายละเอียด

คือ อาหารคือสิ่งที่เรากินเข้าไปเลี้ยงร่างกายของเรานี่เอง “กิเลส”เกิดจากสิ่งที่เรากินนี่แหละสำคัญนัก กามคุณ 5 เต็มอยู่กับอาหารการกินนี้ ผู้ปฏิบัติธรรมที่ใช้สิ่งที่เรากินเป็นกรรมฐาน

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า269


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 14:43:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:03 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:16:17 )

กวฬิงการาหาร

รายละเอียด

อาหารที่กินเข้าไปเพื่อใช้เลี้ยงกายขันธ์ เป็นเครื่องค้ำจุนชีวิต ที่อาจทำให้คนหลงติดในกามคุณ 5 (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) และยึดติดมีอัตตา (หลงหรูหราใหญ่โตมีศักดิ์มีศรี เป็นต้น) ในเรื่องอาหารมากมาย ที่คนไม่เข้าใจไม่มีไหวพริบ ไม่รู้ว่าตัวเองติดแต่ก็ติด ซึ่งจะต้องเรียนรู้โดยมี ผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร วิญญาณาหาร ครบในการศึกษาอาหาร 4

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 05:11:38 )

กวฬิงการาหาร

รายละเอียด

คุณคนนี้ก็เข้าใจเรื่อง กวฬิงการาหาร อาหารคือคำข้าวที่ตนกินเข้าไปเลี้ยงกายขันธ์ ต้องกินเข้าไปทุกคน ไม่ว่าจน ไม่ว่าผู้ดี ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นมนุษยชาติ เป็นสัตว์โลก สัตว์โลกก็มี กวฬิงการาหาร ของตนเอง เครื่องอาศัยของร่างกาย พืชพันธุ์ธัญญาหาร (พ่อครูยกมะนาวใหญ่ให้ดู) สวนไวพลัง สวนใสหม่วน กล้วยเครือใหญ่(สม.กล้าข้ามฝันบอกว่า วันนี้สวนใสหม่วนตัดกล้วยมาให้ 9 เครือ) อาตมาคงยกไม่ไหว มันอุดมสมบูรณ์เหลือกินเหลือใช้  ไม่ต้องห่วงหรอก ปลูกเข้าไป ไล่แจกเลย เอามาแจกที่เฮือนปันสุข แจกในเมืองเลย ใครจะไปบ้าง เอาเฮือนปันสุขไปแจกในเมืองเลย คือจริงๆที่พูดไม่ได้ประชดประชัน

คือ เรามีกินมีใช้อยู่อย่างเศรษฐกิจที่ดีที่สุด เพราะสิ่งที่เฟ้อ สำหรับชีวิต เลยปัจจัย 4 ไป ก็จะมีบริขารสำคัญบ้างเล็กๆน้อยๆ นอกจากปัจจัยและบริขารแล้ว นอกนั้นเฟ้อทั้งนั้น สมัยนี้มากกว่าสมัยพระพุทธเจ้าบ้าง 

ชาวอโศกปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าถูกต้องตามธรรม ปฏิบัติธรรมมามีมรรคมีผล ลดละไปไม่ยึดติด ไม่แสวงหา ปลดปล่อยปลงวาง เพชรนิลจินดา แม้แต่สุดท้ายธนบัตรก็ไม่เห็นสำคัญอะไร อย่างนี้สำคัญกว่า พืชพันธุ์ธัญญาหารเห็นว่าอาหารสำคัญกว่า เพชรนิลจินดายิ่งไกล มีปัญญา มีปฏิภาณมองเห็นความจริงอย่างนั้น 

แต่คนในโลกกลับมองเห็น ทวนกระแสกับพระพุทธเจ้า เขาเห็นเพชรนิลจินดาสำคัญกว่าอย่างนี้ เขาว่าเขามีธนบัตร เขาไม่กลัวหรอก แต่ไปซื้อกินที่ขั้วโลกเหนือหรือขั้วโลกใต้จะมีกินไหม ทะเลทรายก็ได้ จะมีอุดมสมบูรณ์แบบนี้ไหม แต่ทะเลทรายตะวันออกกลางเขามีน้ำมันมีแก๊ส เขารวยจริงๆ เขาก็ไม่รู้สึกว่าจะเดือดร้อน เขารวยมากจริงๆ เขาใช้เงินซื้อแลกเปลี่ยนเอาตัวนี้ เป็นสิ่งที่เฟ้อเกินของชีวิต

พระพุทธเจ้าตรัสถึงอาหาร 4 กวฬิงการาหาร พูดกันก็พอเข้าใจ 

ผัสสาหาร อันที่ 2 มโนสัญเจตนาหาร อันที่ 3 วิญญาณาหาร อันที่ 4 ชักรู้น้อยลงๆ ไปจนกระทั่งถึงวิญญาณาหาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 33 ไม่มีความไม่จริงในสิ่งที่พ่อครูพูดเรื่องโลกุตระ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 09:10:34 )

กวฬิงการาหาร

รายละเอียด

กวฬิงการาหาร อาหารคือคำข้าว เป็นอาหารเลี้ยงขันธ์ที่หยาบสุด มีกามคุณ 5 ครบ ต้องกินทุกวันขาดไม่ได้ จึงมีความยากที่จะแยกแยะความหิว ความรักชีวิต ความกลัวตาย แยกออกจากความติดในรูปรสกิน เสียงสัมผัสของอาหาร ที่ต้องอาศัยจนเกิดอาลัย

ผู้ที่พูดมาก็ได้เรียนรู้เข้าใจแม้แต่พยัญชนะและสภาวะ ว่า อาหารนี้เป็นของอาศัยจนเกิดอาลัย อาลัยคือยังโหยหา อาศัยคือในชีวิตยังต้อง อาศัยมันไป เพราะฉะนั้นข้อเตือนใจให้เราตั้งสติให้มั่นเวลากินอาหาร ให้เปรียบเหมือนกับกินเนื้อบุตร เป็นอาหารที่มีผลสูงมาก ทั้ง 4 ข้อรวม 3 ข้อที่ผ่านมา จะได้ไม่มัวเมาหลงในรสอร่อยของอาหาร หรือกินเพื่อให้ร่างกายมีกล้ามเนื้อสวยงาม ผิวพรรณสวยงาม กินเพื่อให้ผิวพรรณสวยงาม กินแบบเพื่อความประดับประดา กินอย่างเท่ห์อีก 

แต่ให้กินเอาสาระ รู้รสตามรสแท้ของอาหาร เพื่อข้ามทางกันดาร เพื่อข้ามโอฆะสงสาร เพื่อละกามคุณ 5 ในอาหารนั้น 

เมื่อกำหนดรู้ได้อย่างนี้แล้วความยินดีที่เกิดแต่เบญจกามคุณ จึงจะละสังโยชน์ได้ 

ดี ทำความเข้าใจไปเป็นลำดับ ผู้จะพ้นเรื่องอาหารนี้ มันเป็นเรื่องที่ แหม คือการใช้การรับรู้ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ในอาหาร มันมีครบทุกรส กามคุณ 5 มันครบ ดีไม่ดีมันมีรสทางอัตตาด้วย คือติดยึดอย่างไม่รู้เรื่องเลย อัตตา ติดยึดอย่าง ไม่รู้เรื่องเลย เพราะฉะนั้นก็จะไม่รู้ตั้งแต่รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส มันเมาเลย เหมือนคนที่มันเมาเสพยา มันก็ไม่รู้เรื่องนี่คือพ่อคือแม่ คลั่งมาก็ฆ่าพ่อฆ่าแม่ได้ ไม่รู้เรื่องเลยติดยึด เมา ไม่รู้ความเสพติด ติดยึดคืออะไร แล้วทำให้ตัวเองหลง อย่างไม่รู้ว่ากินเพื่อที่จะยังขันธ์ แต่ไปติดเฉพาะรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไม่ได้ไปกินเพื่อยังขันธ์ กินหมากกินพลูนี้เพื่อยังชีวิตยังขันธ์ให้ต่อไปได้หรือเปล่า 

พวกคุณไม่เคยกินหมากกินพลูเลยเคยถามแล้ว ชีวิตพวกคุณสบายกว่าไปติดยึดหมากพลูอีก ไม่ได้เรื่อง เพราะฉะนั้นความรู้ตื้นๆแค่ไม่รู้จักว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องกินเพื่อยังขันธ์ แล้วก็มาหลอกคนว่ามันเป็นเรื่องของธาตุขันธ์ พูดกลบๆเกลื่อนๆไปที่กินหมากกินพลู มันไม่ใช่เรื่องเสพสิ่งเสพติดแต่มันเป็นเรื่องของธาตุขันธ์ ถ้าจะให้อาตมาอธิบายตามความเข้าใจที่อาตมารู้ก็คือ โมเมเพื่อให้เขาละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า ก็เพื่อเลี้ยงธาตุขันธ์ ลึกเข้าไป กว่านั้นก็คือ คุณอยากกินต่างหาก แล้วคุณก็มาอ้างธาตุขันธ์มันอยาก ที่จริงธาตุขันธ์มันไม่ได้อยากหรอก แต่จิตนิยามของคุณต่างหากมันอยาก แล้วก็หลอกว่านี่คือธาตุขันธ์ หลอกคนทั้งบ้านทั้งเมือง มหาบัวใช้ภาษานี้ว่ามันเป็นเรื่องของธาตุขันธ์ นี่คือหลอกคนไปอีก 

ที่ยกตัวอย่างนี้ขึ้นมาให้รู้ กวฬิงการาหาร ให้มันต่อกันไปจนกระทั่งถึงผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร และ วิญญาณาหาร มันเชื่อมโยงกันหมดเลยนะ ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องวิญญาณ ก็จะรู้ในเรื่องความสุขความทุกข์ วิญญาณาหาร พระสูตรนี้ชี้ให้เห็น ความทนทุกข์ทรมานของวิญญาณ พระราชาสั่งเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานพุทธาภิเษกฯครั้งที่ 47 ปฐมอโศก

วันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก แรม 2 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ 


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2566 ( 13:25:26 )

กวฬิงการาหาร ฆ่าลูกกินเนื้อ

รายละเอียด

เขาก็เลี้ยงจนเชื่องเลยนะไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหน สัตว์มันคงคิดว่าเมตตาใจดีจังเลย มันก็สนิทสนม วันร้ายคืนร้ายก็จับมันมากินหน้าตาเฉย ฆ่ากินไป ยิ่งกว่ายักษ์กว่ามาร เหมือนเลี้ยงลูกแล้วก็ฆ่ากินหน้าตาเฉย แล้วก็บอกว่าลูกที่น่าเอ็นดูของฉันหายไปไหน ...ไอ้บ้า เอ็งฆ่ากินกับมือแล้วบอกว่า ลูกที่น่าเอ็นดูไปไหน มันไม่มีสติสัมปชัญญะไม่มีความรู้อะไรขนาดนั้นคน เป็นอุทาหรณ์ที่พระพุทธเจ้านำมาประกอบในอาหาร 4 ตั้งแต่ กวฬิงการาหาร ฆ่าลูกกินเนื้อเฉย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนังพญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 22 พฤษภาคม 2565 ( 14:10:40 )

กวฬิงการาหาร ผัสสาหาร สำคัญต่อการยังชีพโดยมีเจตนา3 อย่างไร

รายละเอียด

อาตมาขยายความ เสนาสนะ บุคคล เครื่องอาศัย เราต้องเข้าใจ อาหารรูป ในรูป 28 อะไรบ้าง เครื่องอาศัยคำเดียวนี้มีเยอะ ตั้งแต่เรื่อง กวฬิงการาหาร ผัสสาหาร คุณผัสสะ ดินน้ำไฟลม พฤติกรรมความเคลื่อนไหวของกายวาจาใจ คุณผัสสะ ต่อ ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ผัสสะต่อความรู้ จนกระทั่ง ผัสสะต่อสัตบุรุษ มีพร้อมทั้งความรู้และจะขยายความออกไปได้ อะไรต่างๆ มันซ้อนๆๆๆ กวฬิงการาหาร เป็นตัวสำคัญจะเรียนรู้รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสจากคำข้าว คุณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ทิ้งวัตถุอื่นได้แต่ทิ้งอาหารไม่ได้ ถ้าจะต้องยังชีพ ผัสสะคุณก็ทิ้งไม่ได้ อาหารที่เป็นคำข้าวก็ทิ้งไม่ได้ จากนั้นก็มีความรู้ เจตนา ซึ่งมี 3 เจตนาโลกีย์ เจตนาลึกซึ้ง อยู่เหนือโลกกีย์ รูปภพ อรูปภพ ลดกิเลสในรูปภพ เหลือกิเลสในอรูปภพ คุณก็จะรู้จักใช้เจตนา อยู่เหนือกามภพภายนอกแล้ว เหลือรูปภพ คุณก็ใช้เจตนา ถึงขั้นใช้เจตนาเป็นโลกุตระทำได้ ถ้าหลุดพ้นจากความติดยึดรูปภพ เหลืออรูปภพ ก็ใช้เจตนาได้ละเอียดเข้าไปเอง หมดอรูปภพ ไม่ติดยึดในโลกเลยแล้วอาศัยอยู่กับโลกช่วยโลก มีเจตนาที่บริสุทธิ์สะอาดไม่ติดอะไรเลย กามภพ รูปภพ อรูปภพ จึงเป็นเจตนาบริสุทธิ์ ทำงานให้แก่โลกโดยไม่แปดเปื้อนกามภพ รูปภพ อรูปภพ ทานบารมี ท่านก็จัดลงอย่างมีอภิสังขาร ด้วยสัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 อย่างนี้เป็นต้น

คนที่เป็นอาริยบุคคลเป็นคนเจริญ แบบของพระพุทธเจ้าจึงเป็นคนเจริญที่มีประโยชน์มากต่อมนุษยชาติ แม้แต่สัตว์โลกก็มีประโยชน์ด้วย แต่แน่นอนมนุษย์ต้องมาก่อน โดยเฉพาะมนุษย์ที่จะสอนได้ เวไนยสัตว์ ก็ต้องสอนก่อน อเวไนยสัตว์ ก็ต้องตามคิว ช่วยเหลือเฟือฟายเสริม ยังไม่เตี้ยอุ้มค่อม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561 ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:30:00 )

กวฬิงการาหาร เป็นหนึ่งในโลก กับ ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง

รายละเอียด

กวฬิงการาหาร เป็นอาหารคำข้าวที่กินเข้าไปเลี้ยงรูปขันธ์ นี่แหละคือสิ่งที่จะยังชีพได้ทั้งเดรัจฉาน ทั้งมนุษยชาติ ทุกระดับ ไม่ว่าคนดีคนไม่ดี ไม่ว่าคนจนคนรวย คนชั้นต่ำชั้นสูงทั้งนั้น ไม่มีใครละเว้น เรื่องอาหาร 

อาตมาเห็นว่าเป็นหนึ่งในโลกดังที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้จริงที่สุด 

ท่านตรัสว่า “ข้าวเปลือก เป็นทรัพย์อย่างยิ่ง”  “อาหารเป็นหนึ่งในโลก” 

ข้าวที่แต่ละประเทศก็เน้นเป็นแป้งชนิดที่มีวิตามินต่างๆ ในแป้งนั้นๆหรือข้าวนั้นๆ แต่ละพันธุ์ ก็สำคัญยิ่ง ทีนี้ก็คัดสรรคัดพันธุ์ สิ่งที่มีประโยชน์ ไทยเราก็มีเยอะพันธุ์ ที่จะเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ชีวิต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 10:55:21 )

กวฬิงการาหาร 

รายละเอียด

กวฬิงการาหาร  คือ อาหารคำข้าว กินเข้าไปเลี้ยงขันธ์  เป็นโภชเนมัตตัญญุตา  สามารถใช้ปฏิบัติจนบรรลุเป็นอรหันต์ได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:29:01 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:33:20 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:25:19 )

กวฬิงการาหารที่ดีที่สุดต้องหมดทั้งพิษและมอมเมา

รายละเอียด

โดยเฉพาะตั้งแต่ปัจจัยสำคัญของที่กินเลี้ยงชีวิตของสัตว์โลก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือมนุษย์ เป็นอาหารที่ดีสุดด้วย เป็นอาหารไร้สารพิษเป็นอาหารที่ถูกต้องของมนุษย์กิน ไม่ใช่ของมนุษย์ที่ยังหลงเลอะ ไปเบียดเบียนกันต่อ หรือหันไปหาสิ่งที่เป็นพิษและมอมเมาตัวเองต่อ แต่ของเราหมดทั้งพิษหมดทั้งมอมเมา เป็นธาตุแท้ของมนุษยชาติที่เจริญแล้ว พึ่งได้ให้อาศัยบริโภคเป็น กวฬิงการาหาร เป็นอาหารคือสิ่งที่กินเข้าไปสังเคราะห์ร่างกายตามธรรมชาติของมัน ก็ไม่ต้องทำอะไรมากนอกจากรักษาให้ครบอาการ 32 องคาพยพของเราทั้งหมด ให้มันทำงานได้แข็งแรงดีไม่บกพร่องเท่านั้นก็จบแล้ว รับรองว่าไปได้เรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:07:15 )

กวฬิงการาหารรวมอาหาร 4

รายละเอียด

ขออภัยยกตัวอย่างมหาบัวไม่เคยรู้กิเลสในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของหมากเลย ซึ่งก็ไม่ใช่อาหารด้วยซ้ำไป กินแต่แค่รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไม่ใช่อาหารที่เลี้ยงขันธ์ด้วยซ้ำไป ติดหนักติดหนา(สู่แดนธรรมว่าแต่เป็นอาหารของนิวรณ์) มหาบัวฉันมื้อเดียวนะ แต่อันนี้ฉันไม่มีมื้อเลย ( “อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา” ) แล้วไปเสน่หากับหมาก เป็นสิ่งเสพติดก็ไม่รู้ ขั้นสุรา แต่มหาบัวติดทั้ง สุราเมระยะมัชชะ แค่นี้ก็ไม่รู้แล้วโดยสภาวะ พยัญชนะเขาก็เรียนกัน สุราเมระยะมัชชะประมาทัฏฐานา แต่เขาก็ยังไม่รู้ก็ยังติดอยู่อย่างนั้น แล้วยังบอก ก่อนเข้านิพพาน บอกว่า อย่าลืมเชี่ยนหมากนะโว้ย ไปโรงพยาบาล บอกว่าไม่ได้เอาเชี่ยนหมากมาด้วยให้ขับรถไปเอา จริงๆแล้ว สิ่งเสพติดที่บอกว่าเหมือนอาหาร แต่นี่ไม่ใช่อาหาร แต่มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่คนไปติดในผิวมัน มันเหมือนอาหารแต่มันไม่ใช่ มันซ้ำซ้อนไม่รู้กี่ชั้นที่คุณติดยึดในสิ่งที่ไม่ควรติด ในคำข้าว กวฬิงการาหารก็พอทำเนาหากไปติด แต่นี่ไม่ใช่ ติดผัสสะ เจตนาที่เป็นกาม ก็ไม่กำหนดรู้เลย พระอาริยสาวก กำหนดรู้ในความยินดี เมื่ออริยสาวกกำหนดรู้กวฬิงการาหารได้แล้ว ก็เป็นอันกำหนดรู้ความยินดีซึ่งเกิดแต่เบญจกามคุณ เมื่ออริยสาวกกำหนดรู้ความยินดีซึ่งเกิดแต่เบญจกามคุณได้แล้ว สังโยชน์อันเป็นเครื่องชักนำอริยสาวกให้มาสู่โลกนี้อีกก็ไม่มี ฯแต่นี่คุณยังไม่รู้เรื่องเลย ข้อแรกคุณก็ยังไม่รู้ขั้นต้นเลยเรื่องอาหาร ก็จมไม่พ้นแม้สังโยชน์เบื้องต้น แต่คิดว่าตนเป็นอรหันต์ด้วย ไม่ได้แกล้งว่าใส่ความ แต่พูดเป็นตัวเป็นตนเป็นตัวอย่าง ขออภัยที่ต้องพูดถึงมหาบัว ให้เป็นตัวอย่างอันไม่น่าจะกระทำตาม อาตมานำมาอาศัยใช้ยกตัวอย่าง เอามาประกอบการอธิบายโดยพละการ ก็ขออภัย แต่เขาไม่เปิดดูพวกเราหรอก ไกลจากวิเวกเป็นอันมาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:46:01 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:18 )

กวฬิงการาหารสำคัญไฉน

รายละเอียด

จิตวิญญาณนั้นลึกแล้ว ทีนี้มาสร้างอาหารให้กับโลก กลับขั้ว จากลึกละเอียดทางนามธรรม มาเป็นรูปธรรม 

อาหารที่เป็นรูปธรรม คือ กวฬิงการาหาร อาหารคือคำข้าว เอาใส่ปากเคี้ยวกลืน  หรือคนที่กินไม่ได้แล้ว อยู่ในห้อง ICU เขาก็ใส่ท่อ ไม่ต้อง ICU บางทีอยู่ข้างนอกกินไม่ได้เขาก็เอาใส่ท่อ เข้าจมูกไป ให้อาหารเป็นน้ำละเอียด ย่อยบดให้ละเอียดใส่เข้าไป เข้าไปสู่ลำไส้ไหลไปตามความสามารถของพลังงานในอาการ 32 ของร่างกาย มันก็เอาไปย่อย ไปปรุงแต่ง ไปเลี้ยงขันธ์ เพื่อไปเลี้ยงร่างกาย ตามความสามารถของอาการ 32 ของคน ของสัตว์ 

สัตว์บางอย่างไม่ถึง 32 อาการ ไม่ต้องพูดถึง พูดถึงคนมีอาการ 32 มันก็จะทำงานไปตามอัตโนมัติของมัน ซึ่งเป็นเรื่องลึกซึ้ง ชีวะของมนุษยชาติ 

ทีนี้คนต้องกินอาหารที่เรียกว่า กวฬิงการาหาร หรืออาหารพืชพันธุ์ธัญญาหาร ไม่เน้นปศุสัตว์

ไม่เน้นประมง เน้นแต่พืช เพราะฉะนั้นเราสร้างพืชพันธ์ุธัญญาหาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:05:24 )

กวฬิงการาหารเป็นสิ่งเดียวที่เอามาใช้ปฏิบัติได้ทุกคน

รายละเอียด

กวฬิงการาหาร ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าหรือ ใครก็ต้องกิน พระอรหันต์พระโพธิสัตว์ ต้องกินอาหารทั้งนั้น ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่คุณเอามาใช้ปฏิบัติได้ทุกคน แล้วคุณต้องมีอยู่ในทุกคนด้วย ตากระทบรูป หูกระทบเสียง ลิ้นกระทบรส นี่แหละเรียนรู้มันแล้วปรุง เรียนรู้สิ่งที่มันเป็นกิเลสใหญ่เป็นเหตุเป็นปัจจัยในอันนี้ เรียนให้จริงรู้จริงแล้วละล้างตัวเหตุกำจัดเหตุอันนี้ให้ได้มันมีทุกคนเลยไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนหรอก เพราะเมื่อเวลาคุณเอามาเรียนแล้วมี กวฬิงการาหาร ต้องผัสสะ กวฬิงการาหาร คุณไม่มาเรียนโดยไม่มีผัสสะ คุณนั่งหลับตาเวลาคุณกินคุณก็ไม่มีผัสสะเพราะคุณไม่ได้เรียนรู้ให้ปฏิบัติตอนลืมตา คุณก็ไปปฏิบัติตอนหลับตาเท่านั้น เรื่องหลับตานั้นความจริงแล้วไม่ต้องทำด้วยไม่ต้องเรียนพระพุทธเจ้าไม่ได้สอน พระพุทธเจ้าสอนเรื่องกินนี่แหละ จะกินเมื่อไหร่ก็ตั้งท่าเลย ให้ปัจจเวกขณ์ด้วย ปฏิสังขาโยนิโสฯ ท่องก่อนกินด้วย เสร็จแล้วกินแล้วไม่ได้พิจารณาไม่ได้เรียนเลย เรียนก็เรียนไม่ชัดเจน ว่า อันนี้แหละคือกรรมฐานแท้ๆ มีเวทนา มีผัสสะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:28:37 )

กวฬิงการาหารเป็นไฉน

รายละเอียด

กวฬิงการาหาร เป็นสิ่งที่จะให้สัตว์โลกที่เกิดมาแล้วใช้มีอาศัยอยู่ ไม่มีไม่ได้ กวฬิงการาหาร ต้องมี ไม่ว่าจะเกิดเป็นมนุษย์เชื้อชาติไหนก็แล้ว แต่ทุกศาสนาทุกชาติต้องมีอาหาร ให้สัตว์โลก คนก็เป็นสัตว์โลกชนิดหนึ่ง ต้องรู้ว่าต้องมีอันนี้ ต้องเรียนรู้มัน 

หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด กวฬิงการาหาร นอกจากเป็นอาหารที่ทำให้ดำรงอยู่แล้วยังเป็นอาหารที่อนุเคราะห์ช่วยเหลือแก่เหล่าสัตว์ ดำรงชีวิตอยู่ สัตว์ที่แสวงหาที่เกิดคือสัมภเวสี คือจิตวิญญาณที่หาที่เกิดไม่ได้ ถ้ามีที่เกิดมันก็จะมาเห็น มารู้ มาพบ อย่างดีก็ได้พบพระพุทธเจ้า ได้มาพบสัตบุรุษ ได้มาพบผู้อยู่ในฐานะครู ได้มาพบมนุษย์ด้วยกัน แล้วมันก็จะได้ดำเนินไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:08:59 )

กวฬิงการาหารในปุตตมังสสูตร

รายละเอียด

อาหารข้อแรก เรียกว่าเนื้อบุตรเอามาเป็นชื่อสูตร เรียนรู้แค่ 4 อาหารปฏิบัติธรรมคุณบรรลุอรหันต์ได้เข้าใจอาหาร 4 ให้ดีๆ โดยรู้กายของอาหารการกิน โภชนะหรือกวฬิงการาหาร คือ อาหารที่เรากินเรา โภชนะ กว้างกว่ากวฬิงการาหาร คือคำข้าวกินข้าวไปเลี้ยงขันธ์ แต่โภชนะ หมายถึงของกินของใช้ทุกอย่าง แต่คนเรียนกันแค่ของกินเท่านั้น ก็ไปไหนมาไหนไม่รอด โภชนะเน้นแค่ของกิน ไม่ไปหาของใช้เสียที ซึ่งอยู่ในหลัก จรณะ 15 ของโภชเนมัตตัญญุตาเป็นข้อสำคัญของหลักปฏิบัติที่ไม่ผิด 3 อย่าง 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:29:01 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:25 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:25:35 )

กวฬิงการาหารในปุตตมังสสูตรข้อที่ 1 ยืนยันอะไร

รายละเอียด

แม้ข้อที่ 1 กินเนื้อลูก กวฬิงการาหาร ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนงมงาย กินเนื้อลูกไปแท้ๆยังไม่รู้ตัวไม่มีสติ ว่าตัวเอง ไม่มีสิทธิ์ที่จะพาให้ตัวเองบรรลุธรรมได้หรอก สติก็ไม่มี อำมหิตก็อำมหิต เห็นแก่ตัวก็ปานนั้น สัมมาทิฏฐิอะไรก็ไม่มีในการที่จะเดินไปสู่นิพพาน เดินในทางไกลกันดาร 

เป็นคนที่ไม่ได้ศึกษาแม้แต่คำข้าวที่กินเป็นเบื้องต้น กิเลสมันอยู่ในนี้ที่จะต้องเรียนในเบื้องต้น ของที่เคี้ยวกินเข้าไปในปาก แตะที่ลิ้นด้วยรส ไม่ได้เรียนรู้เบื้องต้นนี้เลย ใน กวฬิงการาหาร มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่ติดยึด เป็นอาหาร ก็ต้องเรียนให้ตรงว่าคำข้าวจำเป็นต้องกิน แล้วก็จะไปติดรสในอาหาร ติดรสในแกงในผัดในเนื้อในพืชผักผลไม้ ก็ยังไปติดมันได้ ก็ถือว่าเป็นคนที่ยังต่ำ ยังบรรลุได้ยาก ยังไปติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นนะ กวฬิงการาหาร คืออาหารที่ต้องกิน แต่ไปติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ติดในสิ่งที่ไม่ใช่อาหารไปติดในสิ่งเสพติด ติดหมากติดพลูเหมือนอย่างมหาบัว เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 04:48:41 )

กวี วรรณะ 9

รายละเอียด

อ่านกวี วรรณะ 9 ต่อท้ายก็แล้วกัน

วรรณะ 9 (ปฐมปาราชิกกัณฑ์)

  หนึ่งเลี้ยงง่าย สองบำรุงง่าย​​ มีเป้าหมาย เพื่อหลุดพ้น

​​ด้วยจิต สามผู้กล้าจน​​​ บังเกิดผล เป็นใจพอสี่

​​​ห้าทรงสัล-เลขธรรม ​​บุญหนุนค้ำ ฌานหลอมหล่อ

หกให้ศีล-เคร่งหากพอ-​​​ กะเทินก็ บ่เป็นตา

​​​ เจ็ดอาการ น่าเลื่อมใส ​​ น้อมนำใจ ผู้ศรัทธา

​​ให้เกิด ด้วยปัญญา​​​ ใช่ลีลา มายาวี

​​​อยู่อย่าง แปดไม่สะสม​​ พฤติพรหม-(ม)จารี

​​งามพร้อม ด้วยจิตพลี​​ ตามวิถี ผู้ดำรง

เก้าวิริ-ยารัมภะ ​​​ยังฐานะ ให้มั่นคง

​​เสฏฐ-ศาสตร์ผู้ทรง​​​ สัทธรรมองค์ สัพพัญญู

​​​นี้แล วรรณะเก้า​​ ที่ชนชาว พุทธต้องรู้

​​ชีวิต ความเป็นอยู่ ​​​ของวิญญู ผู้เจริญ

อโศก สัมปวังโก

​​​​​​​​ (นักศึกษาวิชาพุทธศาสนาตามภูมิ)

ก็อ่านกลอนอ่านกาพย์เท่านั้น ไม่ขยายความแล้วเพราะเวลาหมดแล้ว สำหรับวันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 17:09:14 )

กวีของคุณอโศกสัมปวังโก-มังสวิรัติภัตต์แท้ของพุทธ

รายละเอียด

เป็นภาษากวี ต้องขยายความนิดนึง มีประวัติว่าพระเทวทัต ทูลขอให้พระพุทธเจ้าตั้งเป็นพระวินัยเลย 5 ข้อนี้ภิกษุกินมังสวิรัติเป็นวัตรเลย ออกกฎระเบียบเลย 5 ข้อนี้ให้เคร่งครัด ให้บิณฑบาตเป็นวัตร อยู่โคนไม้เป็นวัตร กินมังสวิรัติเป็นวัตร พระพุทธเจ้าก็ไม่ทำตามเพราะว่าใช้วิธีอนุโลมให้มีอิสระในการปฏิบัติได้ เพราะในยุคนั้นคนเกือบทั้งหมดกินมังสวิรัติ แม้แต่พระเทวทัตก็กินมังสวิรัติ แล้วจะไปออกกฎบังคับ น่าจะออกกฎระเบียบมาบวชแล้วต้องกินมังสวิรัติหมด พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ออกกฎระเบียบอย่างนั้น มันมีนัยซับซ้อนลึกซึ้ง จะเป็นที่สงสัยสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็จะสับสนไปมา เคลือบแคลงไม่ลงตัว พระพุทธเจ้าไม่หลงกลพระเทวทัตที่จะไปตราพระวินัย พุทธเจ้ารู้ถึงจุดประสงค์ของพระเทวทัตที่จะหาพวก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 09:07:49 )

กวีผู้ต้องการแก่นธรรม 5 (จูฬสาโรปมสูตร)

รายละเอียด

อันลาภ สักการะ        อีกวาทะ สรรเสริญไซร้

นั้นเปรียบ ดั่งกิ่งใบ           สุดจักไร้ ความสำคัญ

สะเก็ด-ไม้สัตถา        เทียบศีลหา ได้ยืนยัน

ยอยก ผู้ยึดมั่น                 ศีลพรตขั้น จารีตนอ

ผู้ทรงสมาธิ              ก็ยังมิ สำคัญพอ

เปลือกไม้ ที่ใช้ก่อ            เปลวไฟบ่ สู้ขี้ชัน

ญาณะ ทัสสนะ         ก็ใช่จะ สุดสำคัญ

กระพี้-ไม้ที่พัน                 รอบแก่นท่าน ทรงเปรียบแล

เจโต วิมุตินั้น            สุดสำคัญ ยิ่งจริงแท้

เปรียบดัง แก่นไม้แล         เทียบเนื้อแท้ พระสัทธรรม

ดูกร ชนชาวพุทธ       อันวิมุติ ทรงค่าล้ำ

อย่าหลง โลกธรรม           ที่พาต่ำ บ่เจริญ 

อโศก สัมปวังโก

9 พ.ย.66

ลาภสักการะและคำสรรเสริญเยินยอ ท่านเปรียบดั่งกิ่งใบดอกผล ซึ่งมันสุดจะไร้ความสำคัญ คือมันไม่มีความสำคัญอะไรเลย 

ท่านเทียบต้นไม้ทั้งตนกับธรรมะของท่าน ดอกใบผลงามอร่ามสุดสวย คนก็หลง ก็งมงายอยู่แค่นั้นแหละ นกกาสัตว์อาศัยอยู่กินอยู่อย่างนั้นแบบโลกีย์ เป็นธรรมดาๆของโลกีย์ ธรรมชาติสัตว์ก็ดี คนก็ดีใครก็ดี ก็จมอยู่แค่นั้น จมงมงายอยู่กับใบดอกผลนี่ คนที่ยังไม่มีปัญญาก็ยึดติดอยู่แค่นั้น พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่าให้ไปหลงใบดอกผลอยู่เลย ถ้าจะเอาแก่นของไม้จริงๆ ก็อย่าไปหลงอยู่แค่นั้น  

“สะเก็ด-ไม้สัตถา  เทียบศีลหา ได้ยืนยัน”  (จากใบดอกผล)ไล่ลงมาอย่างแย่สุดท่านก็บอกว่าเป็นสะเก็ดของต้นไม้ มันมีเปลือกแล้วก็มีสะเก็ดเกาะอยู่ “สะเก็ด-ไม้สัตถา”  สัตถาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า สะเก็ดไม้เทียบกับศีล ในยุคนี้ จะหาศีล โดยเฉพาะจากคณะใหญ่ศาสนาพุทธกระแสหลัก จะหาได้ยาก 

“ยอยก ผู้ยึดมั่น  ศีลพรตขั้น จารีตนอ” ก็ไปยกยอกันอยู่แค่ผู้มีศีลแบบจารีตประเพณี อันนี้ก็ซับซ้อนลึกซึ้งอยู่ ถ้าไม่ขยายความก็คงเข้าใจไม่ได้ 

เขามีศีลกันในประเทศไทยศาสนาพุทธทุกวันนี้ มีศีลกันแค่เป็นจารีตประเพณี ยึดถือตามๆกันมา ไปถือศีลแล้วก็ไปได้ศีล ถ้าซื่อง่ายๆแค่ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดผัวเขาเมียใคร ไม่พูดปด ไม่ดื่มสุรา ศีล 5 แต่ไม่ได้เข้าไปถึงเนื้อพฤติกรรม ไม่เข้าไปถึงเนื้อจิตวิญญาณ ถือศีลแล้วขัดเกลากิเลสไปให้เกิด อานิสงส์ 10 ประการ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คณะสงฆ์เมืองไทย ใครได้ดอกไม้พลาสติก ใครได้มูลสูตร 10 วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 18:26:20 )

กวีอัตตา 3 (โปฏฐปาทสูตร)

รายละเอียด

อโศก สัมปวังโก บอกว่าเขาเป็น”นักศึกษาวิชาพุทธศาสนาตามภูมิ” ว่างั้น เขียนกวีมา 

อัตตา 3 (โปฏฐปาทสูตร)

 

โอฬา-ริกะไซร้ เห็นได้ ไม่ยากเลยหนอ

คน สัตว์ สิ่งของ บ่- ต้องปั้นหล่อ สร้างขึ้นมา

ทิฏฐิ วิปลาส ความเห็นคลาด-เคลื่อนเลยพา

ให้ยึด เป็นของข้า แบกอัตตา บนบ่าพลัน

มโน-มยะ นา พวกขายค้า- บุญสร้างปั้น

วิมาน สรวงสวรรค์ บ้านจัดสรร บนนภา

อีกภพ ความว่างใส ช่างเหลวไหล ใช่มรรคา

ขององค์ พระสัตถา ผู้สอนฆ่า กิเลสแล

สุดท้าย อรูปะ นั่นช่างละ-เอียดจริงแท้

อารมณ์ ทั้งหลายแหล่ ยากนักแล จักเห็นนอ

กิเลส พาฮำฮ่อน สุขลวงอ้อนให้เคลียคลอ

หากบ่ ล้ำลึกพอ ก็ยังบ่ หยั่งเห็นนา

ทั้งสาม นี้โปรดทราบ ว่าคือลาภ อันล้ำค่า

อยากเห็น อนัตตา ต้องศึกษา อัตตาเอย

 

  อโศก สัมปวังโก

(นักศึกษาวิชาพุทธศาสนาตามภูมิ)

อัตตา 3 ก็เขียนเป็นกลอนเป็นอะไรผูกไว้ ก็อ่านสู่ฟัง ส่วนรายละเอียดอาตมาก็ค่อยๆขยายไปเรื่อยๆ อาตมาก็อธิบายธรรมะพวกนี้แหละ ไม่แตกไม่ต่างไปจากที่ว่านี้แหละ จะอัตตา 3 จะเรื่องอะไรต่างๆนานา ก็อธิบาย ก็หยิบมาอธิบาย ก็คิดว่าอธิบายมานี่ 50 กว่าปีแล้ว มัน..แหม! ผู้ที่ศึกษาตามนี้เอาไปปฏิบัติ มันก็ควรจะเป็นอรหันต์ได้เยอะแยะแล้ว มันครบถ้วน ไม่ใช่น้อยๆ 

SMS อาตมาก็ใช้เป็นไกด์(ปัจจัย)อธิบายขยายความธรรมะต่างๆ ก็ดีนะ ก็เป็นการอธิบายธรรมะตรงกับผู้ที่ร่วมแสดงความเห็นเข้ามา เป็นความเห็น ก็ตาม เป็นการถามมาก็ตาม เป็นความยังข้องขัดข้องคาอะไรก็ตาม เราก็ใช้พวกนี้เป็นเรื่องเป็นไกด์ในการอธิบายธรรมะต่างๆ ก็เป็นประโยชน์ตรงร่วมกับผู้ที่ฟังธรรมกันอยู่ ไม่ใช่ว่าเอาแต่อาตมาพูด อาตมาคิดอยากจะอธิบายก็เอาแต่ของตัวเอง บางทีผู้ฟังก็คิดตามไม่ถึง คิดตามไม่ทัน ซึ่งหลายทีอาตมาก็รู้สึก แต่มันก็อธิบายไว้บ้าง ก็สงสาร ก็อธิบายกับ SMS นี่แหละจะชัดเจนแล้วอาตมาก็จะใช้อันนี้เป็นหลัก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 17:14:41 )

กว่าจะขึ้นเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7

รายละเอียด

อาตมาบอกว่าเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ไม่ได้หมายความว่าเป็นอรหันต์ขั้นที่ 4 5 6 7 แต่เป็นอรหันต์ไม่รู้กี่รอบซับซ้อนกว่าจะขึ้นเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 นั้นเป็นล้านๆปี อย่าท้อใจล้านปีนี้นิดเดียว กัปป์หนึ่ง นั้นยาวนานมาก เอาผ้าใยบัวไปลาดภูเขาเวปุลละบรรพต จนกว่ามันจะราบเรียบไปร้อยปี 1 ครั้งเอาไปลาด มันนานมากจนไม่ต้องคิดนั่นเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:22:15 )

กว่าจะตื่นรู้กว่าจะรู้ตัว

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นกว่าจะตื่นรู้กว่าจะรู้ตัวกว่าจะหลุดออกมา เอาง่ายๆ ยอมรับโพธิรักษ์ เถรสมาคมเอ๋ย กี่คนหนอจะยอมฟังโพธิรักษ์กัน ก็มีพวกคุณนี่แหละกลุ่มหนึ่ง ที่ฟังแล้วศรัทธาเลื่อมใส จนยอมรับอาตมายกย่องเชิดชูเคารพบูชายิ่ง เคารพบูชาสูงสุดอะไรต่างๆนานามันเป็นเรื่องจิตวิญญาณของผู้ที่ยกให้อาตมาโดยคุณกล้าเข้าใจ เป็นผู้ที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้าเป็นผู้ที่มีความละอายอย่างแรงกล้า เกรงกลัวอย่างแรง เป็นผู้เคารพอย่างแรงกล้า เป็นผู้ที่มีความรักอย่างแรงกล้า บูชาอย่างแรงกล้า เป็นสัจจะ มันแสดงออกจากตัวพวกคุณ จะเห็นว่าเป็นจริง ไม่ใช่เคารพที่รูปหล่อของอาตมา ขออภัยที่พูดความจริง ก็หล่อเท่าที่อาตมามีนะ พูดให้มันเบาๆสนุกบ้างไม่งั้นมันจะเคร่งเกิน 

เริ่มต้นศีลข้อ 1 เท่านั้นนะเกี่ยวข้องกับสัตว์ สัตว์นั้นคือคน เพราะฉะนั้นเมื่อคุณสัมผัสกับคน ที่เต็มไปด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ที่เต็มไปด้วยรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส คุณก็ต้องเข้าใจเขา คุณลดได้แล้ว คุณได้พอสมควรแล้ว  บอกกัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติ  


เวลาบันทึก 18 มกราคม 2566 ( 12:12:03 )

กว่าจะมาเป็นโลกุตระ

รายละเอียด

คนโลกียะมีส่วนมาก เทวนิยมยังมีมาก ดำเนินมาจากเดรัจฉาน ดำเนินมาจากธาตุรู้ที่รู้พัฒนาขึ้นมา จึงมีจำนวนมาก จนกว่าจะมาเป็นโลกุตระ เป็นเวไนยสัตว์ เป็นสัตว์ที่สอนได้ไปสู่โลกุตระ ซึ่งมีจำนวนน้อย เป็นยอดพีระมิด เป็นธรรมชาติไม่ได้หมายความว่ายกยอดพีระมิด ข่มฐานพีระมิด..ไม่ใช่ มันเป็น ธรรมชาติของความจริง ศึกษาดีๆแล้วจะรู้ว่าเราไม่ได้มีการไปข่มคนนั้น ยกตนทำตนสูงกว่า..ไม่ใช่ แต่มันอธิบายสัจจะ ผู้ที่มีสัจธรรมพวกนี้มันก็เป็นจริง 

ยิ่งเราได้แล้ว เป็นแล้ว มีแล้ว เอาสภาวธรรมของเรามาอธิบายนี้ มันสบาย มันง่าย ที่คนจะรู้เท่าทันได้ แต่มันง่ายสำหรับคนที่รู้แล้ว มีแล้ว เป็นแล้ว ง่ายทั้งพยัญชนะและสภาวะ เมื่อมีสภาวะที่เป็น 2 นี้แล้ว อธิบายได้ไปเรื่อยๆ คนต้องเจริญมาสู่จุดนี้  สู่จุดนี้ สูงสุดเป็นพระพุทธเจ้า มนุษย์ทุกคนที่เป็นมนุษย์จริงๆเกิดมาได้ร่างมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องสมมุติลึกลับเป็นพระเจ้าที่ไม่ใช่มนุษย์ เป็นจินตนาการ เป็นความคิด แต่นี่เป็นจริงเป็นมนุษย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 10:50:43 )

กว่าจะรู้เดียงสา... กว่าจะถึงฌาน 4... ไม่ง่ายเลย!

รายละเอียด

ผู้ปฏิบัติตาม“จรณะ 15 วิชชา 8“แล้วสามารถบรรลุ“สัมมาฌาน” จนกระทั่งถึง“ฌาน 4”ที่เป็น“ฌาน”บรรลุได้ถึงขั้นมีอารมณ์“อุเบกขา”อย่างสัมมาทิฏฐิกันจริงๆ จึงจะหลุดพ้น“ทุกขอาริยสัจ”ตามแบบพุทธ“โลกุตระ”ที่มีอารมณ์“อุเบกขา”กันแท้ๆจริงๆ 

โดยการปฏิบัติตามกระบวนการ“เวทนา 108”ที่มี“ผัสสะ”เป็นปัจจัยมาตลอด จนสามารถบรรลุอารมณ์“อุเบกขา”คือ จิตสัมผัสรู้จัก“อารมณ์ที่ไม่มีสุขไม่มีทุกข์”  จิตเป็นกลางๆ หมดอารมณ์สุขทุกข์ไปจากจิตแบบโลกุตระอย่างบริบูรณ์ ตามลำดับ เป็นที่น่าอัศจรรย์จริงๆ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัส(พระไตรปิฎก เล่ม 23 ข้อ 109) 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 296 หน้า 227


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:33:57 )

กว่าจะลดอัตตามานะได้

รายละเอียด

ก็ได้รู้ ได้เห็น ได้เข้าใจ ได้ประโยชน์จากข้อที่ 2 ของปัญญา 8 ก็ต้องทำอย่างนั้นจริงๆ แต่กว่าจะลดอัตตามานะ กว่าจะเข้ามาด้วยความนอบน้อม เข้ามาด้วยความละอายอย่างแรงกล้า เข้ามาด้วยความรักและเคารพความเกรงกลัว อย่างแรงกล้า แล้วมารักอย่างแรงกล้า มาเคารพอย่างแรงกล้า มันเป็นสภาวะธรรมที่ชัดเจนจริงๆ จนกระทั่งได้เข้ามา ความลดตัวลดตน หมดตัวหมดตน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกฯครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 10:53:55 )

กว่าจะสั่งสมลงเป็นอุเบกขา

รายละเอียด

กว่าจะอาเนญชา ต้องเอาที่สะอาดสมบูรณ์ๆๆๆๆนะ มันก็จะได้ของจริงที่มีแต่ของสะอาดสมบูรณ์เท่านั้น สั่งสมลงเป็นอุเบกขา ปริสุทธา ปริโยทาตา   จิตก็ยิ่งดียิ่งเก่ง มุทุ เอามาทำงาน  เอามาทำงานเพิ่มเติมอีกก็ยิ่งดี ได้ยิ่งดี ยิ่งเก่งขึ้น เจริญขึ้น สามารถขึ้นๆๆ ทุกกัมมัญญา มีแต่ทำให้พัฒนาให้สูงส่งขึ้น จิตก็ยิ่งเป็นประภัสรา ยิ่งประภัสสรผ่องแผ้วผุดผ่อง แล้วแต่ภาษาไทยที่จะไปแปลพยัญชนะบาลีเขา 

ปภัสสระ แยกพยัญชนะให้ฟัง มีทั้ง ป ภ ส ร 

ส ร เป็นเศษวรรค ละเอียดลออ เอาแค่นี้ก่อนเดี๋ยวจะไปหาพยัญชนะมากไป เอาไว้มีความรู้ความสามารถที่ดีแล้วก็ลงไปหาพยัญชนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:28:10 )

กว่าจะสำเร็จได้สั่งสมอาเนญชาภิสังขาร

รายละเอียด

ตัวที่หมดกับตัวที่เกือบหมดแล้วเหลือนิดนึงมันก็ 2 เห็นไหม? ตัวที่หมดเกลี้ยงสะอาดเลย กับ เหลือเลอะอยู่นิดนึง ต้องเอาให้ชัด สัญญาให้ชัด เนวสัญญานาสัญญา สัญญากำหนด สัญญาที่ไม่เต็มเต็งพิการ เนวสัญญา นาสัญญา ถ้าสัญญาได้แค่ เนวสัญญา คือใช่ก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่อย่างนี้ไม่เอา ต้องให้เป็นสัญญาเวทยิตนิโรธ ให้สัญญานี้กำหนดสะอาดบริสุทธิ์เคล้าเคลียอารมณ์ ปฏิเวธธรรม ซอกแซกไปทุกมุมเหลี่ยม ชัดเจนหมดทุกอย่างเลยว่าไม่มีอะไรเหลือ อากิญจัญญา ไม่มีอะไรนิดนึงน้อยนึงเศษธุลีละอองของกิเลสไม่มีเลย แล้วสำเร็จได้นานๆๆ อาเนญชาๆๆๆๆ สั่งสม อาเนญชาภิสังขารไปถ่ายเดียว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:26:20 )

กว่าจะหมดด่านอวิชชาสังโยชน์

รายละเอียด

ในประเด็นลดอัตตามานะ เข้ามาอย่างแรงกล้า ประเด็นนี้ก็คลายไป ในสภาพของกิเลสกาม กิเลสพยาบาท แล้วก็เข้ามาหากิเลส รูป อรูป มานะ อุทธัจจะ อวิชชา กิเลส กาม กับพยาบาทเป็นตัวผลักตัวดูด มันทำงานจนกระทั่งตัวผลักตัวดูดนี้หมดไปเข้ามาได้ จนกระทั่งถึง รูปราคะ อรูปราคะ ระดับรูป มันหยาบ จนทำให้รูปหยาบหมดไป มันโง่มันถือตัว ถือดี ถืออัตตา ให้ลดลง เหลืออรูป เบาบาง ก็มีมานะซ้อนในรูป ในอรูป เมื่อมานะซ้อนในรูปลดลง มานะในอรูปก็ลดลง มันก็ยังเหลือมานะในตัวมันเองอีกนะ มานะในตัวมันเองลดลงๆ มันก็ยังเหลือพลิ้วพราย อุทธัจจะ น่ารำคาญตัวเอง อะไรว้า ถือดีถือตัวอยู่อะไรว้า น้องแน้งๆอยู่อย่างนี้ อุทธัจจะกุกกุจจะ น่ารำคาญ จนกว่าจะหมดพวกนี้ ถึงจะหมดอวิชชาสวะ อวิชชาสังโยชน์ ด่าน ที่จะทำให้เราเจริญมันไม่น้อยๆเลยนะ ด่านต่างๆมันด้านมันดื้อจริงๆมันโด้จริงๆเลยด่านต่างๆ เนี่ย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกฯครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 10:55:36 )

กว่าจะหิริ ต้องเกิด ศรัทธาจริงๆ

รายละเอียด

แต่ก่อนไปนั่งหลับตาเอานะ ปฏิบัติธรรมต้องนั่งหลับตา ทำสมาธิ ทำฌาน อ้อให้มาเรียนรู้ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 อย่างนี้หรือ แต่ก่อนไม่ได้เห็นอย่างนี้เลย ไม่ได้เชื่อ ไม่ได้ศรัทธาอย่างนี้เลย ต้องมาปฏิบัติศีล อปัณณกปฏิปทา 3 นี่เหรอ นี่แหละตัวหลักการปฏิบัติใหญ่ที่ไม่ผิดอย่างนี้หรือ แต่ก่อนไปว่าที่โพธิรักษ์เอาแต่ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 นะ โพธิรักษ์มาสอนอย่างนี้นะ แล้วไปว่าโพธิรักษ์เสียย่ำแย่เลย ตายๆๆ อาย หิริ อาย กว่าจะหิริ นี่ต้องเกิด ศรัทธาจริงๆ ต้องเชื่อว่าตัวเองเชื่อมาผิด ลบหลู่ผู้ที่ถูกเป็นผิด ลบหลู่ดูถูก ปรามาส บริภาษด้วย บริภาษแปลว่าด่า มันก็ละอายที่ไปว่าผู้ที่ถูก 

หรือยิ่งโอตตัปปะ  เกรงกลัวอย่างแรงกล้า อันนี้ยิ่งเป็นความเจริญ จึงเรียกว่าเป็น สัทธรรม ธรรมะอันดี เจริญ โอตตัปปะ ผู้ที่ระลึกได้ รู้ตัว เข้าใจถูกว่าตัวเองผิด หิริด้วย โอตตัปปะด้วยจึงเข้าสู่พหูสูตหรือพาหุสัจจะ จึงเข้าสู่ว่าอ้อ! ความจริงมันเป็นอย่างนี้หรือ เราเข้าใจผิดมานะ จึงได้เริ่มต้นแก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง เมื่อแก้ไขปรับปรุงตัวเองขึ้นมา จึงเจริญด้วยวิริยะสติปัญญา จึงได้เพียรปฏิบัติตามทิศทางที่เข้าใจใหม่ เข้าใจถูกแล้ว แต่ก่อนนี้เข้าใจผิด ก็เลยต้องมาเพียรใหม่ วิริยะใหม่ ตั้งสติใหม่ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #34 ปฏิบัติธรรมไม่เริ่มต้นที่ศีลก็เหมือนผีหัวขาด วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 หนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 11:53:59 )

กว่าจะเกิดปัญญาในจิตคนยากมาก

รายละเอียด

คนจะรู้สึกอย่างนี้เข้าถึงสภาวะอย่างนี้เองในจิตยากมาก กว่าจะเกิดปัญญาตัวนี้ มีความละอายอย่างแรงกล้า มีความเคารพอย่างแรงกล้า  มีความรักอย่างแรงกล้า ที่พระพุทธเจ้าท่านใช้กำกับอธิบายเรื่องความรู้ ความฉลาด ที่เรียกว่าปัญญาที่จะเกิดในจิตคน เพราะฉะนั้นความรู้ความฉลาดจึงไม่ใช่ความรู้ความฉลาดที่จะเข้าใจกันง่ายๆ สามัญ

ผู้ที่เข้าใจได้จะชัดเจนในพระพุทธเจ้า ในความเป็นคุณสมบัติ คุณวิเศษที่ยิ่งใหญ่ หรือ สัตบุรุษหรือผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิอยู่ในฐานะครู จะรู้สึก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 20:55:34 )

กว่าจะเกิดเป็นของแท้ได้สมบัติจริง

รายละเอียด

พวกคุณรู้เรื่องไหม? ทำไมฉลาดจัง อาตมาว่า พูดสิ่งที่ไม่มีตัวตนจับมาเป็นตัวตนให้ฟัง แล้วนึกออกไหมว่า พยัญชนะ ที่พูดแต่ละคำ คุณพอนึกได้ไหมว่า พลังงานมันเป็นอย่างนี้พอเข้าใจมั้ยว่า สก เป็นอย่างไร สว เป็นอย่างไร  สย เป็นอย่างไรแล้วนึกออกไหม แล้วก็เป็น อาสวะ นิสยะ วิสยะ ใส่เซฟไว้เป็น อนุสยะ นึกออกไหมว่าเป็นสภาวะอย่างไร ใครพอรู้บ้าง 

ที่อาตมาพูดที่ขยายความไปเป็นสภาวะทั้งนั้น ยิ่งทำให้อาตมารู้ว่าตัวเองเป็นใคร อาตมาบอกให้พวกคุณเข้าใจแล้วเอาไปประพฤติปฏิบัติเป็นสภาวะจริง เกิดสภาวะจริง เกิดอาการจริง ของอาการ ลิงค นิมิต เกิดอาการทางนาม เกิดอาการทางคำพูดเกิดอาการทางตัวตนขึ้นมาจริง แล้วก็เกิดเป็นของแท้ สมปัตติ สมบัติ ปัตติ แปลว่า บรรลุ เข้าถึง สมะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 16:58:23 )

กว่าจะเป็นฌาน 4 ต้องมีศีลเป็นที่ตั้ง

รายละเอียด

กว่าจะเป็นฌาน 4 ก็มีเหตุมีศีลเป็นที่ตั้ง

เช่นศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ คนนี้แหละเป็นสัตว์ที่สำคัญ เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ก็ต้องอ่านจิตอ่านใจกับคนทั้งหลายนี่แหละ เพราะคนมีสารพัดที่จะยึดถือ เหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันทีเดียวมันมีเล็กมีน้อยมีตะแบง หลากหลายนับไม่ถ้วน แล้วเราก็รับลูกให้เป็น ปฏิบัติแล้วก็วางใจ วางใจเก่งขึ้นเรื่อยๆ มุมนั้นมุมนี้ ก็เก่งขึ้นเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้น แม้ฌาน 4 ก็ยังยากมากที่จะเข้าใจกัน แล้วก็กลับมาปฏิบัติให้ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้า จะได้มีพุทธคุณ จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นพุทธคุณของศาสนาพุทธ อันนั้นมันเป็นเดียรถีย์คุณ ไม่ใช่พุทธคุณ ทำความเข้าใจคำว่าพุทธคุณกับคำว่าเดรัจฉานกันให้ชัด เดี๋ยวนี้เข้าใจเชื่อกันว่าอย่างนั้นพระศาสดาสอนไว้ซึ่งมันไม่ใช่ พระพุทธเจ้าสอนไว้ในจรณะ 15 วิชชา 8 ต้องมีปัญญา ต้องมีฌานให้สมดุล ปัญญารู้ว่าเราปฏิบัติศีลหรือยัง เป็นศีลข้อไหนลักษณะไหนจุลศีลมี 16 ข้อ ข้อไหนบ้างอย่างไร เราปฏิบัติแต่ละข้อก็มีมุมเหลี่ยมต่างๆในการปฏิบัติ ท่านถึงแจกออกเป็น 16 มีศีล 5 ก็ปฏิบัติให้ตรง มาปฏิบัติศีลข้อ 1 2 3 ก็ให้มันตรงให้มันถูกต้องดี เมื่อคุณเข้าใจแล้วอันนี้เราปฏิบัติอันนี้กับสัตว์แล้วก็ปฏิบัติอันนี้ แล้วปฏิบัติได้แล้วผลมันจะเป็นอย่างไร สัตว์เป็นจิตนิยาม ส่วนศีลข้อที่ 2 พีชนิยาม คือของ กับวัตถุ กับพืช ซึ่งไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ เป็นนัยยะที่ละเอียดลึกซึ้งที่อาตมาอธิบายธรรมะ ไม่มีวิญญาณไม่มีเวทนา แล้วเป็นไง คุณก็ต้องทำจิตของคุณให้เป็นชีวะเหมือน พีชะ ไม่มีวิญญาณไม่มีเวทนานั่นแหละแต่จิตของเราเป็นจิต เพราะฉะนั้นจิตของเราก็เป็นวิญญาณอยู่ด้วยธรรม แต่ทำให้จิตไม่ต้องไปโง่หลงเหมือนอย่างกับจิตที่มันโง่(อวิชชา) จิตนิยามมันเกิดมาก็มีอวิชชามันโง่ไม่รู้ตั้งแต่สังขารวิญญาณตัวเองก็ไม่รู้แล้วแยกเป็นนามรูปปฏิบัติแล้วเกิดเป็นอายตนะมีวิญญาณแล้วก็รู้เหตุมีตัณหาดับตัณหาได้ ตัณหาไม่ดับลงได้ตกผลึกเป็นอุปาทาน ก็ก่อภพชาติให้ตัวเองไปนี่คือปฏิจจสมุปบาทชัดเจน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 12:21:06 )

กว่าจะเป็นพลังงานที่เจริญถึงชีวะระดับ 7

รายละเอียด

1 2 3 เป็น 1 เส้าของวงวนของพลังงานบวกลบ และประธาน เป็นพลังงานตั้งแต่นิวเคลียสเป็นต้นไป แต่อุตุมีนิวเคลียสที่เป็นพลังงานที่ไม่มีตัวตน เป็นเฉพาะตัวตนของ 3 เส้าของมันเอง ไม่ระบุว่า มันเป็นเจ้าของ แต่เป็นผู้ที่เชื่อมกันไว้ระหว่างบวกกับลบแล้วเกิดพลังงานตัวของมันเองที่เกิดแรงงานหมุนวน ทั้งในส่วนของ static กับ dynamic บวกกับลบก็เกิดพลังงานในนั้นซึ่งเป็นรากฐานของพลังงานในทุกสรรพสิ่งของมหาจักรวาล 

ผู้ใดสามารถที่จะจับเอาพลังงานนี้มาอยู่ในกรอบที่มาใช้ได้เรียกว่าเป็นนิวเคลียส ในนิวเคลียสจะมี 2 หน่วย มันก็จะขยายจาก 2 ใน 3 บวกลบเป็น 2 เป็นต้น พอมี 1 ขึ้นมา ควบคุมอันนี้ได้ ก็เป็นพลังงานไซคลิกออเดอร์ 1หน่วย เป็นพลังงานสามเส้าวงวน ได้นิวเคลียสเต็ม 1 หน่วย 

เมื่อได้ 2 นิวเคลียสก็จะเป็น 3 มี 2 หน่วย จะขยายพลังงานขึ้นมาอีก 2 หน่วยมันก็จะแย่งชิงกันยึกไปยักมา มันก็จะไม่เป็นแนวระนาบ แต่มันไม่ออกไปอาละวาดใครเป็นแต่เพียง 2 ตัวนี้ดึงดันกันอยู่แย่งกันทะเลาะกัน คู่ อยู่ในแนวระนาบไม่ออกไปในองศา ถ้าเป็นองศาก็จะเกิดระหว่างอันอื่นข้างเคียงไปอีก 

สรุปแล้วเมื่อเกิดสองเส้า 3 กับ 3 คือ 6 เมื่อเกิดพลังงานใหม่ เป็นตัวที่ยิ่งกว่า ตัวที่จะสามารถเหนือชั้นกว่า 3 กับ 3 สองอัน ออกมาเป็นอีกหนึ่งเป็นตัวที่ 7

มันก็เป็นพลังงานที่ยิ่งจะเจริญงอกงามออกไปหรือมีฤทธิ์มีแรง ที่ยังเกี่ยวพันสัมพันธ์กับ 2 เส้า คือ 3 3 คือ 6​ ถ้ามันโตมากมีแรงถึงขั้นมี 8 จะสามารถมีฤทธิ์อำนาจมาควบคุมสองเส้านี้ได้ ถ้าถึง 9 ก็ควบคุมได้ทั้ง 3 เส้าแล้ว 

หน่วยไหนที่จะมีอำนาจคุมสองหน่วย 3 3 นี้ได้ หน่วยนั้นก็เป็นประธาน 

อันนี้จะไปครอบคลุมพลังงานทั้งสสาร ทั้งพีชะ และจิตนิยามเลย เหมือนกัน แต่เมื่อเป็นจิตนิยามแล้ว พลังงานที่เจริญถึงชีวะระดับ 7 ก็คือระดับสัตบุรุษ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 20:59:38 )

กว่าจะเป็นสมาธิของพุทธ สมาหิตะหรือสมาหิโต

รายละเอียด

สมาธิของพระพุทธเจ้าจึงไม่ใช่ง่ายจะเข้าใจ แล้วไปนั่งหลับตาตื้นๆสะกดจิตทำให้จิตเป็นหนึ่ง เป็นคน Concentration เป็นเรื่องเท่านี้ บอกว่าเป็นสมาธิก็ได้ ตื้นๆเผินๆ 

แต่สมาธิของพระพุทธเจ้ามี 1. สราคจิต  (จิตมีราคะ)  2. วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ)  3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ)  4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ)  5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ)  6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ)  7. สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) .  8. วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด) 9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)   10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น)  11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ)  12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) . 13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว)  14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)  15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) . . .  16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) . (พตปฎ. เล่ม 9   ข้อ 135)  

เป็นปริมณฑลจึงเป็นจิตสะอาดตกผลึก ตั้งมั่นแข็งแรงมากยิ่งขึ้น กว่าจะเป็นสมาธิของพุทธ สมาหิตะหรือสมาหิโต จึงไม่ใช่เรื่องตื้นเขินง่ายๆเลย 

มีสมาธิก็คือ มีธาตุรู้ว่านี่คือสมาธิ ที่อธิบายสมาธิทั้งหมดคือปัญญาของอาตมา ที่รู้รอบถ้วน รู้ครบ มาอธิบายให้ฟัง ถ้าไม่มีปัญญาละเอียดลออครบรอบอย่างนี้ ก็จะอธิบายไม่ได้ แต่อาตมามี มีสมาธิตัวนั้น มีปัญญารู้ก็มาสาธยายให้ฟัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:59:44 )

กว่าจะโยนิโสมนสิการที่บริบูรณ์

รายละเอียด

เมื่อพบสัตบุรุษได้บริบูรณ์ ได้ถามอย่างบริบูรณ์ ก็ได้ทราบ ได้ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ อวิชชาสูตร จากนั้นศรัทธาที่บริบูรณ์ก็จะเกิด ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งนั้น 

เมื่อศรัทธาที่บริบูรณ์เกิด คุณก็จะมีโยนิโสมนสิการที่บริบูรณ์ ตัวนี้แหละ ย้ำแล้วย้ำอีกไขแล้วไขอีก เปิดแล้วเปิดอีก กระแทกกระทุ้งแล้วอีก สำหรับคนที่มันยังดื้อด้านดึงดัน เพราะว่าศรัทธาเขายังไม่บริบูรณ์ เพราะว่าฟังสัทธรรมยังไม่ได้สัทธรรมที่บริบูรณ์ เขาไม่เข้าพบสัตบุรุษที่บริบูรณ์ เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นสัตบุรุษจริงด้วย อย่าว่าแต่เข้าพบสัตบุรุษที่บริบูรณ์เลยเขายังไม่เชื่อเลยว่าจะเป็นสัตบุรุษ อันนี้แหละ พูดแล้ว อาตมาอยู่ในฐานะนี้ อยู่ในยุคนี้ ปางนี้ มาอย่างหมากลางตลาด ชาตินี้มาอย่างหมากลางตลาด ที่รอดตัวไม่มีแผลเหวะหวะ ถูกปังตอเขา ไม่ถูกน้ำร้อนลวก ไม่ถูกตีนถูกเท้าเขามา รอดตัวมาขนาดนี้ อย่างน้อยก็ถูกแก๊สน้ำตา โอ้โห.. มันแสบน่าดูเลย เอาถุงพลาสติกคลุมหัวมา มันก็เลยอบอยู่ในนั้นใหญ่เลยแทนที่มันจะละลายหายไปในอากาศ ที่จริงจะเอามากัน แต่มันเข้าไปแล้ว ก็เลยอบอยู่ในนั้น ก็รีบถอดออกมา แล้วก็ไปล้างน้ำกัน ก็ผ่านไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกฯครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 10:43:36 )

กว่าจะได้ชื่อว่ามีอัญญธาตุ

รายละเอียด

คนที่ฟังแล้วไม่รู้เรื่องก็น่าสงสารจริงๆ คนที่รับได้เห็นสาระเป็นสาระก็ได้จริงๆก็เป็นบารมีเก่าของเขา มีที่เป็นบารมีใหม่แต่ก็มีพื้นของบารมีเก่ามา

อธิบายโดยใช้พยัญชนะคำว่า อัญญธาตุ ธาตุจิตที่เป็นโลกุตระ แต่ว่า อัญญธาตุ ก็ไม่ได้หมายความว่า พอสัมผัสปั๊บ เป็นเทวนิยม ร้อยเปอร์เซ็นต์ เสร็จแล้วมาได้ยิน ธรรมะที่มีอัญญธาตุ คือ ธาตุอื่นที่ไม่เหมือนที่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย อาจจะเคยได้ฟังแต่รับไม่ติดก็ผ่านไปผ่านไป แต่ตอนนี้ พอเริ่มมีจิต เมื่อสัมผัสแล้วสะดุด แล้วก็ตามศึกษาต่อ อัญญธาตุ ก็จะเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น มากเกินกว่า 50% เป็น 60% ถึง จะได้ชื่อว่า อัญญธาตุ อย่าง อัญญาโกณฑัญญะ พอฟังพระพุทธเจ้าเข้าใจเลย เป็นพระโสดาบัน พระพุทธเจ้าจึงได้บอกว่า อัญญาสิ วตโภโกณฑัญโญ มีภูมิเก่ามาก่อน 

กว่าจะได้ไป อัญญา แปลว่าธาตุรู้โลกุตระ เป็นความรู้ความเฉลียวฉลาดแบบโลกุตระ อัญญาคือพหูพจน์ อัญญะคือเอกพจน์ ขยายเต็มรูปก็เป็นปัญญา กว่าจะมาถึงนี่ก็อีกนาน 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างอวดตัวแต่ถ่อมตน ด้วยความจริง วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2564 ( 21:21:47 )

กว่าจะได้ประกาศศาสนาเป็นพระพุทธเจ้าสมณโคดม

รายละเอียด

แต่พระพุทธเจ้าสมณโคดมท่านวางมือไปแล้ว เพราะท่านทำไว้มาก ไม่ใช่ว่าท่านต่ำกว่าพระพุทธเจ้าองค์ก่อน แต่ท่านทำมามากกว่าองค์ก่อนๆ จะทำร่วมกับพระพุทธเจ้าหรือเป็นโพธิสัตว์ทำเองจนเป็นพระพุทธเจ้าทำเองได้ใหญ่ได้มากได้กว้างได้เยอะ จนกระทั่งสังคมเสื่อมไป โลกเสื่อมไปก็ได้น้อยลงจนมาถึงน้อยขนาดนี้ จนกระทั่งอุบัติขึ้นมาสุดท้ายตรวจพลโลกดูแล้วว่าเท่านี้มันไม่คุ้มหรอก เสียของหมดเลย จะไม่ประกาศตัวไม่เปิดเผยไม่แสดงธรรมดีกว่า ท่านมีความปริวิตกอันนี้ แต่สหัมบดีพรหม 4 ทิศ รวมมาอาราธนา ก็ตรวจอีก ยังมีผู้มีธุลีในดวงตาน้อยเหลืออยู่ ท่านก็ประกาศศาสนาเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:14:16 )

กว่าจะได้เป็นกษัตริย์มิใช่ง่ายเหมือนการเป็นประธานาธิบดี

รายละเอียด

กษัตริย์มีการสืบสันตติวงศ์สืบชาติเชื้อกันมา แต่ว่าแบบประธานาธิบดีนั้นใช้แทคติกใช้วิธีการอะไรขึ้นมาก็ได้เป็น มันก็คือเรื่องของวิธีการกลเม็ดความฉลาดแกมโกงทั้งนั้นที่ได้มาเป็นประธานาธิบดี ส่วนพระเจ้าแผ่นดินนั้น ลึกๆไปกว่านั้น จะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน มันมีบารมีทางวิบากเก่า อยู่ดีๆจะไปเกิดเป็นลูกหลานพระเจ้าแผ่นดินเป็นเชื้อพระวงศ์ไม่ได้หรอก อยู่ๆคุณก็เกิดเป็นเชื้อพระวงศ์ไม่ได้ อยากเกิดก็ไปเกิดเอาไม่ได้ มันมีวิบากกรรมสั่งสมมา อันนี้เป็นอจินไตย มีความสืบทอดของกรรมพันธุ สืบทอดของแต่ละคนมาด้วย กรรมพันธุ เป็นของตนคนเดียวจะมีบารมีสั่งสมมาก็ต้องมีเองสั่งสมมาไม่รู้กี่ชาติ ไม่ใช่ธรรมดาจะเกิดมาเลยเกิดมาได้ง่ายๆจะเป็นเชื้อพระวงศ์ได้ง่ายๆเอาสตางค์ซื้อเอา ก็ไม่ได้หรอก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 10:16:50 )

กว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ถ้าไม่สัมมาทิฏฐิอย่างตามลำดับ จะไม่ราบลุ่มไม่เรียบเหมือนฝั่งทะเล คุณก็จะย้อนไปย้อนมาสับสนไปสับสนมา ซึ่งหาคนที่ราบเรียบละเอียดยากมาก

ใช้ปัญญาแท้เท่านั้น สายปัญญาไม่มีทางต้องวน ยิ่งเป็นสายวิริยาธิกะนั้น 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป 3 เท่าตัวเลยกว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างนี้เป็นต้น สายศรัทธานั้นใช้เวลา 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป จะต้องอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่เหงา ถ้าคนสัมมาทิฏฐิก็ไม่ถึง 40 อสงไขย ก็ลดลงมาลดลงมา จนถึง 21 หรือจนกว่าจะได้ถึง 20 อสงไขย ตามเกณฑ์มาตรฐานของพระพุทธเจ้าสายปัญญาธิกะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 15:52:27 )

กษัตริย์

รายละเอียด

พวกยึดระบบ ยึดรูปแบบการใช้กำลังเป็นเอก ใช้ความหยาบ ๆ ง่าย ๆ ตื้น ๆ  ภายนอกเป็นเอก ไม่เก่งทางปัญญา ไม่มีความสุขุมลึกซึ้ง  ใช้วัตถุเป็นความถนัดชั้นเอก ใช้ปัญญาเป็นความถนัดขั้นรองนั่นเอง

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 198


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:32:06 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:28:52 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:57 )

กษัตริย์ เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณกับประชาชน

รายละเอียด

ประชาธิปไตยขอยืนยันว่าต้องมี 2 ขา ต้องเป็นกษัตริย์สืบสันตติวงศ์เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณกับประชาชน จะว่าตัวแทนของรูปธรรมคือมวลของประชาชน จะต้องมี 2 ขาอย่างนี้ 

สรุป กษัตริย์มีทศพิธราชธรรม มีการสืบสันตติวงศ์ มีการสืบยีนส์ DNA สืบเชื้อสาย ซึ่งได้รับการอบรมฝึกฝนมีความรู้มีระดับ ผู้จะเป็นกษัตริย์ขึ้นเป็นเบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3 เบอร์ 4 ตามกฎมณเฑียรบาล ไม่ว่าชาติใด ประเทศใดเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องสุกเอาเผากิน ไม่ใช่เรื่องโมเม สะเปะสะปะ อำนาจบาตรใหญ่ที่เป็นเรื่องไม่สืบสาน ขาดวิ่นเละๆเทะๆ ไม่ใช่ แต่มันมีลำดับมีความเป็นจริงมีเนื้อแท้ ต่างกัน อาตมายังอธิบายไม่เก่งเท่าไหร่ นักรัฐศาสตร์ที่เรียนความเป็นรัฐศาสตร์ที่ดี อธิบายได้เก่งกว่าอาตมาแน่ ฟังอาตมาบ้าง ไปขยายความช่วยอาตมาบ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566  ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 20:03:49 )

กษัตริย์ของเผด็จการ

รายละเอียด

ขอพูดอีกทีนึง ยกตัวอย่างอีกที ผู้ใดที่หมั่นไส้ชาวอโศก ก็ต้องขออภัย อย่างชาวอโศกอาตมานำพา ให้เจริญที่สุดแล้ว ในความเป็นสังคม ที่มีระบอบประชาธิปไตยก็เป็นสังคมระบอบประชาธิปไตยสูงสุดแล้วในชาวอโศก จะมีความเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ชาวอโศกก็เป็นคอมมิวนิสต์สูงสุดแล้ว จะเรียกว่ามีระบบเผด็จการก็ตาม ก็เป็นเผด็จการที่สูงสุดแล้ว ขออภัยอีก ต้องขออภัยจริง ในมวลชาวอโศกนี้ใครยิ่งใหญ่ที่สุด … ใครเป็นประธานของชาวอโศก ทั้งชาวอโศกทั่วประเทศ เอาล่ะโลกก็ได้ ใคร? อาตมานี้เป็นกษัตริย์ของเผด็จการ ขออภัยที่ต้องพูดภาษาวิชาการ แต่อาตมาไม่เคยหลงว่าอาตมาเป็นใหญ่ อาตมานี้ เป็นกษัตริย์ของเผด็จการ ใช่ไหม และอาตมามีท่าทีเป็นนักเผด็จการหรือไม่ก็ไม่มี อาตมาเป็นนักประชาธิปไตย เป็นนักคอมมูน คอมมิวนิสต์เต็มรูป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:15:14 )

กษัตริย์คือ ผู้สืบสันตติวงศ์

รายละเอียด

กษัตริย์คือ ผู้สืบสันตติวงศ์ที่จะบริหารประชาชน กษัตริย์ในทุกประเทศ เป็นผู้ที่สืบสานจะบริหารประชาชนเป็นใหญ่ในประชาชน มีรัฏฐาธิปัตย์ กษัตริย์ทุกประเทศ แล้วต้องรักษากฎมณเฑียรบาล ต้องประพฤติปฏิบัติ และจริงๆจะต้องเป็นผู้ที่เกิดทศพิธราชธรรม มีคุณวิเศษคุณธรรมที่แท้จริงที่มีทศพิธราชธรรมที่แท้จริง จึงไม่ใช่เรื่องสะเปะสะปะที่ไม่มีระบบระเบียบวิธี แต่มีการสืบสายสันตติวงศ์ทั้ง DNA ทางยีนส์ ทางเชื้อสาย ทั้งอยู่ในกฎมณเฑียรบาลและมีวิธีอบรมปฏิบัติพร้อมจะขึ้น เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ชัดเจนทุกอย่าง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีของประชาชนและสันตติวงศ์ พระประยูรวงศ์ต่างๆ กับประชาชน 

เป็นที่ยอมรับ เป็นสากลทั่วโลก แต่ประธานาธิบดีเป็นเรื่องแก๊ เป็นประชาธิปไตยแก๊ เป็นประชาธิปไตยที่พลิกแพลงมาจากอังกฤษ สหรัฐเอามาปู้ยี่ปู้ยำ ตอนนี้ก็เห็นผลว่ากำลังเสื่อมหนัก ประชาธิปไตยของสหรัฐกำลังเสื่อมหนัก ขออภัย อาตมาพูดความจริง ท่านทูตต่างๆที่ฟังอยู่ พยายามศึกษาให้ดีๆ อาตมาไม่ได้ไปเบลม ไม่ได้ไปกดขี่ไปข่ม แต่อาตมากำลังสาธยายความจริงสู่ฟัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566  ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:55:37 )

กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศต้องอาศัยซึ่งกันและกัน

รายละเอียด

กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ

ข้อที่ 2 ก็มีลักษณะที่แยก กายกับจิตก็ดี รูปกับนามก็ดี ชีวิตกับจิตใจก็ดี หรือที่เอามาถาม กษัตริย์กับประชาชนก็ดี อาตมาขยายความว่า กษัตริย์เหมือนจิต ประชาชนเหมือนกาย 

เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจความเป็น 2 ที่มีคู่อย่างนี้ไป ว่าจะต้องอาศัยซึ่งกันและกันอย่างสำคัญมาก ก็ไม่เต็ม เป็นความไม่เต็มไปเหลือแต่ 1 นี้เป็นความไม่เต็ม เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยที่ไม่มีความบริบูรณ์ สมบูรณ์ 2 อย่าง ที่อาตมากล่าว เป็นประชาธิปไตยที่พิการขาเดียว ไม่ใช่ประชาธิปไตย 2 ขาอย่างที่อาตมา ใช้ศัพท์ คำว่า 2 ขากับขาเดียว 

เพราะประชาธิปไตยที่ไม่มีกษัตริย์นั้น ไม่มีการสืบทอดกันทางตระกูลของนามธรรมที่เป็นวิญญาณ ที่ใช้คำว่า “ตระกูลของนามธรรมที่เป็นวิญญาณ” คือ กษัตริย์จะสืบทอด เป็นประยูรวงศ์ สืบทอด แล้วจะต้องเรียนรู้ศึกษาฝึกฝนความเป็นเจ้า ที่จะต้องเตรียมตัว มีความรู้ในการจะบริหาร มีความรู้ในการจะอยู่กับประชาชนอย่างเป็นประชาธิปไตยหรือมีเมตตา หรือมีจิตวิญญาณที่เจริญสูงสุด มีทศพิธราชธรรม เป็นต้น 

จะต้องมีคุณธรรมจริงๆ จึงจะเป็นความจริง สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีความจริงดังที่อาตมากล่าว โดยสังเขป มันจึงไม่ใช่เรื่องจับแพะชนแกะ ทำอย่างฟลุ๊คๆ จับเอาชั่วคราว ไม่ใช่ ต้องเป็นเรื่องที่สืบสาวราวเรื่อง อาตมาใช้คำว่า อยู่มากับกฎมณเฑียรบาล ในประยูรวงศ์มีกฎมณเฑียรบาล ทุกองค์ต้องเตรียมตัว อย่างในประเทศอังกฤษ เขาต้องให้ศึกษาทุกองค์เตรียมพร้อมและเขาก็ไล่ลำดับเอาไว้ ใครจะได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ ใครจะเป็นคิง เป็นควีน เขาก็ไล่เรียงมาเป็นระบบ ส่วนของคนไทยก็มีอีกระบบหนึ่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2565 ( 13:51:59 )

กษัตริย์คือวิญญาณของประชาชน วิญญาณของประเทศ

รายละเอียด

ความเข้าใจประชาธิปไตยของอาตมายิ่งเห็นว่าประชาธิปไตยของไทยแตกต่างจากสหรัฐอเมริกาคนละขั้ว ใครเห็นว่าประชาธิปไตยขาเดียวเลือกตั้งแล้วไม่มีกษัตริย์ เป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีวิญญาณ กษัตริย์คือวิญญาณของประชาชน คือวิญญาณของประเทศ เพื่อสืบสายจิตวิญญาณเป็นกรรมพันธุ์เป็นสันตติตลอดเวลา กรรมพันธุ์นี้สืบทอดกันอยู่ในระบบของกษัตริย์ที่สืบสันตติวงศ์ที่มีกฎมณเฑียรบาลที่มีเชื้อสายสืบกันมา ต้องมีการอบรมฝึกฝนเตรียมตัว เพื่อจะต้องขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของประเทศ แม้จะเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กษัตริย์ก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ 1 องค์ แม้แต่นายกจะเป็นตัวแทนประชาชนประชาชนก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ กษัตริย์ก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ด้วยอย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นประเทศที่ไม่มีกษัตริย์ จึงเป็นรัฏฐาธิปัตย์ขาเดียว ประชาชนสืบทอดไม่มีที่ไปที่มา ไม่มีการเตรียมตัว ไม่มีเนื้อในมีแต่เปลือก อันนี้เข้าใจกันยาก เพราะฉะนั้นความเสื่อมของการเมืองในโลก เมื่อประชาธิปไตยต้นแบบเขาก็มีกษัตริย์ อังกฤษเขาก็มีกษัตริย์ แต่พอไปเป็นอเมริกาเหลือขาเดียวก็จึงเป็นประชาธิปไตยพิการ มันไม่มีทาง จิตวิญญาณไม่มีการสืบทอดทางจิตวิญญาณ ไม่มีรัฏฐาธิปัตย์ทางจิตวิญญาณ มันเอาแต่ประชาชนอย่างเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจกันยากอยู่ เขายังไม่รู้ไม่เข้าใจ 

จนสุดท้ายก็กลายเป็นคอมมิวนิสต์ แล้วคอมมิวนิสต์เองก็กลายเป็นเผด็จการเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนได้ จะเป็นเรื่องของประชาชนที่แท้เอาประชาชนเป็นหลักเลยก็ไม่ได้ เอาไปเอามาล้มเหลวหมด ทั้งประชาธิปไตยแบบสหรัฐ ล้มเหลวทั้งคอมมิวนิสต์ชัดเจนที่สุดก็คือ เกาหลีเหนือ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ยังยืนยงคงที่อยู่ดีก็คือ ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างอังกฤษเขาก็ยังทรงไม่ได้ แม้แต่ญี่ปุ่นหรือทางสแกนดิเนเวีย ทางยุโรปบางประเทศก็ยังมีกษัตริย์เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะประเทศไทยนี่แหละที่ยังเป็นประชาธิปไตยที่ยังทรงสภาพสมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์นั้นพิการ เป็นระบบบริหารประเทศที่พิการไม่เป็นประชาธิปไตย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ แพ้แน่ๆถ้าพลังเงียบไม่ช่วย วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 วันขึ้น 9 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 11:23:37 )

กษัตริย์ต้องมีธรรมะระดับโลกุตระจึงจะไปรอด

รายละเอียด

ถูก ขอสรุปแต่เพียงว่า กษัตริย์กับธรรมะก็มาด้วยกันไปด้วยกัน ถ้ายิ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรมที่มีธรรมะสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงความเป็นมหาราชเป็นจอมจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ถ้ามีน้อยทศพิธราชธรรมไม่เต็มเท่าไรน้อยเท่าไหร่ก็จะได้รับการยอมรับนับถือน้อยลงตามสัจจะมันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ ที่นี่กษัตริย์กับศาสนา เทวนิยมเขาก็มีกษัตริย์แล้วเขาก็มีศาสนา แต่ว่าศาสนาเทวนิยมนั้นเป็นเผด็จการ ศาสนากับเทวนิยมสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 100% ยิ่งยกตัวอย่างให้ฟังแล้วหลอกคนเท่านั้นว่าไม่ใช่กษัตริย์ก็ยกตัวอย่างคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ กษัตริย์ที่ไม่ใช่มีธรรมะไม่ใช่มีศาสนา ซึ่งไปไม่รอด แม้ว่ากษัตริย์มีธรรมะ มีศาสนาแต่เป็นเทวนิยมก็ยังไปไม่รอดยังไม่สมบูรณ์แบบ ต้องเป็นกษัตริย์ที่มาเข้าใจเทวะแล้วแยกเทวะออกได้ แล้วเรียนรู้ให้ครบกระบวนการของโลกกับอัตตา รู้โลกรู้อัตตา ตามกำหนดขนาด จะอธิบายพูดถึงขนาดไหนระดับจักรวาลระดับอาณาจักรระดับประเทศระดับสังคมและระดับสังคมจังหวัดแล้วก็อำเภอระดับตำบลระดับหมู่บ้านระดับครอบครัวก็ต้องรู้องค์ประกอบพวกนั้นเท่าเทียมกันไม่ได้ ไม่มีอะไรจะเท่าเทียมกันต้องรู้ในองค์ประกอบทั้งหมดที่บรรจุอยู่ในนั้นอย่างนี้เป็นต้น ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ผู้บริหารเป็นกษัตริย์ก็ต้องเข้าใจรายละเอียดพวกนี้ ให้รู้จักอนุโลมปฏิโลมตามสัดส่วนที่แท้จริง แล้วมันจะสงบได้ตามจริงเรียบร้อยอบอุ่นเจริญไปตามจริง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มันเป็นเรื่องยาก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 11:50:19 )

กษัตริย์มีจิต จึงมีหนึ่งเดียวกับประชาชนคือจิตร่วมกันสามัคคีจึงเกิด

รายละเอียด

มาสรุปอีกทีว่า กษัตริย์ คือวิญญาณ คือจิต ส่วนประชาชนคือ คน คนนั้นมีกาย มีจิต เพราะฉะนั้น กษัตริย์คือจิต กษัตริย์มีจิต จึงมีหนึ่งเดียวกันกับประชาชนคือมีจิตร่วมกัน แล้วกษัตริย์ก็จะต้องเข้าใจเรื่อง 2 อย่างคือ กายกับจิต แล้วก็จะต้องพยายามจัดการให้เขามีชีวิตอยู่ 

คนที่ไม่มีความรู้ กายกับจิตเขาก็จะไม่สามัคคีกัน ไม่ลงกัน ก็ต้องพยายามให้เขาเข้าใจ ให้มันอยู่กันให้ได้ กายกับจิตนั้น อย่าแยกเป็น 2 เพราะแยกกันไปไม่ได้ กายกับจิตมันแยกกันไม่ได้ ภาวะรูปกับนาม หรือภาวะกาย จะแยกจิตกับร่างไม่ได้แยกภาวะ 2 ไม่ได้ แต่มาเป็นภาวะ 1 หมายความว่าสมังคี หมายความว่า รวมตัวกันลง ประชุมลงเป็นหนึ่ง เอกสโมสรณาภวันติ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 สน

มันก็ประชุมกันระหว่าง 2 คือจิตกับกาย คุณต้องมีกายกับจิตแล้วประชุมลงไป เพราะฉะนั้นกษัตริย์คือกายกับจิต กษัตริย์คือมีกายกับจิตมีความรู้เรื่องกายกับจิต แล้วก็ประชาชนชัดๆก็คือ ประชาชนไม่มีความรู้เท่ากษัตริย์หรอก แต่กษัตริย์ต้องช่วยผู้ไม่รู้ เหมือนลูกเหมือนหลาน เขาไม่รู้ก็ต้องช่วย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2565 ( 14:26:46 )

กษัตริย์หรือเจ้า นายทาสกับลูกทาส

รายละเอียด

คำว่า กษัตริย์ ก็คือเจ้าของแผ่นดิน กษัตริย์หรือเกษตร หรือเขตภาษาบาลีก็เป็นขัตติยะ หรือเขต ก็คืออาณาบริเวณแผ่นดินและเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ อะไรอยู่ในแผ่นดินนี้ผู้เป็นเจ้าคือกษัตริย์เป็นเจ้าของหมด เป็นเจ้าของดิน พืช สัตว์ วัตถุ คน เป็นเจ้าของคนในแผ่นดินนี้ด้วยเป็นเจ้าของสิทธิเต็มที่ เป็นลักษณะนายทุน นายทาส 

ถ้ามาจากความลึกยิ่งใหญ่ก็คือนายทาสกับลูกทาส พระเจ้ากับคน เท่ากับนายกับทาสพระเจ้าเป็นเจ้าของ พระเจ้าสั่งการ  พระเจ้าบันดาลทุกอย่าง จะให้ลูกทาสเป็นอย่างไร อย่านะพระเจ้าจะสาปให้ บงการลงนรกขึ้นสวรรค์ สุขหรือทุกข์ได้หมด มันเป็นความเชื่อของทางเทวนิยม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:28:05 )

กษัตริย์เป็นจิตวิญญาณของประเทศ

รายละเอียด

อย่างกษัตริย์ เป็นจิตวิญญาณของประเทศ เมื่อไม่มีกษัตริย์ก็จะกลายเป็นวัตถุนิยมประชานิยม ไม่ใช่จิต แต่หากเน้นจิตนิยมก็ยังดีกว่า อย่างอินเดียเป็นจิตนิยมอย่างรุนแรงเลยก็ยังดีกว่า เพราะเป็นระบบที่เอามาจากคุณธรรม ระบอบคอมมิวนิสต์วัฒนธรรมใหม่ทุนนิยมก็กินเขายาก เขาเชื่อถือสิ่งที่เขาเอาคุณธรรม สิ่งที่เป็นคุณงามความดี ของนามธรรม ที่เขาจะถือว่าเป็นเทวะมีพระเจ้ายิ่งใหญ่ พระเจ้าทุกองค์สอนเรื่องคุณธรรมคุณงามความดีทั้งนั้น เขาก็ยังไปรอดแล้วสะดวกสบายดี ไม่เดือดร้อนเหมือนกับหลายประเทศที่เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเปลี่ยนแปลงวิธีคิดวิธีบริหารไปกันใหญ่เลยต่างๆนานา เรื่องเหล่านี้อาตมาก็ถือว่าเป็นเรื่องของมนุษยชาติสังคม ที่ทำให้ใช้เหตุปัจจัยในปัจจุบันเอามาเป็นองค์ประกอบในการศึกษาที่ฝึกฝน 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2563 ( 13:36:50 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:31 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:25:55 )

กษัตริย์เป็นโพธิสัตว์ รู้ความเป็นจริงของโลกุตระ แต่ทำไมไม่บอกโพธิรักษ์

รายละเอียด

1. ให้เขารู้ 2. ให้เขาเข้าใจความจริงแล้วเขาก็ทำได้ เพราะฉะนั้นกษัตริย์จึงต้องทำงานหนักมาก โลกมันจะมีอวิชชามันจะไม่รู้เยอะ แต่กษัตริย์นี้จะต้องทำให้ได้ กษัตริย์ ร.9 นี้ทำได้ ดีมาก ที่ดีมากก็เพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธมาตั้งแต่เกิดเมืองไทย มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ แม้ว่าโลกุตรธรรมจะเสื่อมไป กษัตริย์ก็เป็นโพธิสัตว์ท่านก็มีความรู้ในเรื่องของความจริงที่เป็นโลกุตระมาแล้ว แถมอาตมาเข้ามาอีก เอาโลกุตระมาช่วยในยุคที่ ท่านก็ทรงพระชนม์ชีพอยู่ ท่านก็ได้รับความรู้ที่อาตมาสาธยายกระจายนี้ด้วยอยู่บ้าง มันก็เลยสมทบขึ้นมาได้ แล้วท่านก็เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ของพระองค์ อาตมาอยู่ในฐานะหมาหัวเน่าด้วยในสังคม แต่ท่านเองท่านทรงรู้ท่านทรงเข้าใจ แล้วท่านก็รู้จักสังคมด้วย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2565 ( 14:37:02 )

กษัตริย์เหนือกว่าพราหมณ์

รายละเอียด

ไล่ไปไล่มาถามอัมพัฏฐมานพ ก็ไม่ว่าใครจะแต่งงานกับใครอย่างไร คนก็ยังเคารพนับถือกษัตริย์มากกว่าพราหมณ์ กษัตริย์นี้เหนือกว่าพราหมณ์นะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 10:59:50 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:19 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:26:39 )

กษัตริย์ไทยเป็นพุทธมามกะมาตลอดและมีทศพิธราชธรรม

รายละเอียด

ขออภัยไม่ได้พูดดูถูกหรือข่ม แต่กำลังพูดเนื้อหาสาระวิชาการความรู้ ว่า ประชาธิปไตยนี้เมืองไทยมีประชาธิปไตยมาจากพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะ แม้พระเจ้าแผ่นดินของคนไทยก็เป็นพุทธมามกะมาตลอด เพราะฉะนั้นในอนุสัยในเชื้อราก Root ของจิต 

ในกฎมณเฑียรบาลกษัตริย์ของไทย ในกฎมณเฑียรบาลมีที่เอาคำสอนของพระพุทธศาสนามาใช้คือกษัตริย์ต้องมีทศพิธราชธรรม ซึ่งอธิบายตั้งแต่หยาบถึงละเอียด ครบหมดเลย ในปรมัตถ์โลกุตรธรรม 

ถ้าหากอธิบาย หยาบ กลาง ละเอียดไปถึงทศพิธราชธรรม พิธ แปลว่าหลากหลาย variety ครบในนี้หมดเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 21:06:36 )

กษ้ตริย์ต้องมีกฎมีเกณฑ์ต้องฝึกฝนต้องเป็นที่น่าเคารพสูงสุด

รายละเอียด

สรุปได้ว่า มันมีกฎ หลักเกณฑ์ และจะต้องฝึกฝนพระองค์ ฝึกฝนกาย วาจา ใจ จริงๆ ต้องมีสมรรถนะ มีความสามารถ มีความรู้ มีจิตวิญญาณสูงส่ง นี่เป็นข้อบังคับเลย พระเจ้าแผ่นดินจะต้องมีสิ่งที่ประเสริฐสุดยอด สรุปง่ายๆ จะต้องเป็นคนสูงสุดประเสริฐยอด เป็นที่น่าเคารพบูชายกย่อง ทำประโยชน์ให้แก่มวลมนุษยชาติจริงๆ 

เหมือนในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นตัวอย่างที่สุดยอด ในยุคนี้หาประเทศไหนเทียบยาก พูดได้อย่างนั้นจริงๆเลย แล้วพระองค์ก็ทรงงานมาตั้ง 70 ปี มีหลักฐานข้อมูลให้ศึกษาได้ เอาใจใส่พระทัยในประชาชน ใช้ศัพท์อย่างชาวบ้านเรียกว่า รับใช้ประชาชนชั้นหนึ่ง ตามฐานะของพระองค์ ท่านก็ทรงได้อย่างเหมาะสมสมณสารูป เหมาะสมทุกอย่างที่ควรจะทำ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2565 ( 13:57:25 )

กสิกร

รายละเอียด

ผู้ที่ทำงานสร้างสรรค์ขึ้นมาเลยอย่างกสิกร ทำงานของกสิกร ก็กสิกรรม กสิกรรมก็คือ ทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร เมื่อทำแล้วก็เกิดผลผลิตขึ้นมา เมื่อเกิดผลผลิตขึ้นมาแล้วก็อาศัยผลผลิตนั่นแหละยังชีพไปเลย ชั้นเดียวไม่ต้องหลายชั้น 

พวกมาซื้อพืชพันธุ์ธัญญาหารกินคือพวกคนชั้น 2 คนกสิกรที่สร้างกสิกรรมผลผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหารขึ้นมานี่เป็นคนชั้น 1 พวกที่ทำไม่เป็น ต้องมาอาศัยพืชพันธุ์ธัญญาหารของคนชั้น 1 สร้างขึ้นมาให้ แล้วคุณก็ทำทีเป็นซื้อ แล้วเขาก็ไม่ขายแพงด้วย

กสิกรจะทำตั้งแต่ข้าว ขายแพงไม่ได้ ขายแพงคนจนตาย คนรวยนั้นมันไม่ต้องห่วงหรอก ขายแพงไม่ได้ มันจะขึ้นราคาเหมือนอุตสาหกรรม เหมือนเพชร เหมือนทองไม่ได้ ข้าวนี่ต้องขายถูก นี่เป็นข้อจำกัดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาส่งท้ายปีเก่า 2566 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 1 วันวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2567 ( 15:40:52 )

กสิกร

รายละเอียด

ผู้ที่ทำงานสร้างสรรค์ขึ้นมาเลยอย่างกสิกร ทำงานของกสิกร ก็กสิกรรม กสิกรรมก็คือ ทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร เมื่อทำแล้วก็เกิดผลผลิตขึ้นมา เมื่อเกิดผลผลิตขึ้นมาแล้วก็อาศัยผลผลิตนั่นแหละยังชีพไปเลย ชั้นเดียวไม่ต้องหลายชั้น 

พวกมาซื้อพืชพันธุ์ธัญญาหารกินคือพวกคนชั้น 2 คนกสิกรที่สร้างกสิกรรมผลผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหารขึ้นมานี่เป็นคนชั้น 1 พวกที่ทำไม่เป็น ต้องมาอาศัยพืชพันธุ์ธัญญาหารของคนชั้น 1 สร้างขึ้นมาให้ แล้วคุณก็ทำทีเป็นซื้อ แล้วเขาก็ไม่ขายแพงด้วย

กสิกรจะทำตั้งแต่ข้าว ขายแพงไม่ได้ ขายแพงคนจนตาย คนรวยนั้นมันไม่ต้องห่วงหรอก ขายแพงไม่ได้ มันจะขึ้นราคาเหมือนอุตสาหกรรม เหมือนเพชร เหมือนทองไม่ได้ ข้าวนี่ต้องขายถูก นี่เป็นข้อจำกัดเลย 

เพราะฉะนั้นคนที่ทำ คนชั้น 1 ที่เป็นกสิกร เป็นคนชั้น 1 ของโลก คนที่มาซื้อกินเป็นคนชั้น 2 ยิ่งคนทำไม่เป็นเลย ก็ทำอะไรต่ออะไรไปจนกระทั่งไปหาวิธีการซับซ้อนอะไรในสังคม วิธีการเล่นหุ้น วิธีการเล่นธนบัตร วิธีการประกันชีวิต เขาเรียกอะไรกันไม่รู้ที่เขาเรียกว่าเป็นเศรษฐศาสตร์ชั้นสูง เรียนกันซับซ้อนแล้วผู้ใดสามารถที่จะให้คน หมุนเงิน ซึ่งเอาไปเป็นตัวกลาง หมุนธนบัตรเป็นตัวกลาง แล้วเอาธนบัตรนี่เป็นพระเจ้าใหญ่เลย สามารถซื้อได้หมดเลย แม้แต่ซื้อชีวิต ซื้อความเป็นทาสได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาส่งท้ายปีเก่า 2566 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 1 วันวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2567 ( 15:45:23 )

กสิกรมีบาปน้อย

รายละเอียด

กสิกรนี่เป็นคนชั้น 1 นี่ ยังไงๆก็ไม่มีบาปเหมือนคนเหล่านั้น คนที่มีอาชีพไม่ใช่กสิกร เป็นคนชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 ยิ่งพวกที่มีความได้เปรียบ มีการเอาเปรียบด้วยเชิงคิดที่สูงหลายชั้น ยิ่งบาปมหาศาลเลย ยิ่งบาปหลายชั้น เป็นคนบาปหลายชั้น 

นี่คือความไม่เข้าใจสัจธรรม เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจสัจธรรมอย่างพวกเราชาวอโศกจึงเข้าใจแล้วว่ามาเป็นกสิกรนี้ดีที่สุด แต่มันได้เรื้อมานานหลายชาติจริงๆ ชาวอโศกนี่แหละ อยากมาเป็นแต่มันไม่ถนัด มันก็เลยเกิดความไม่ค่อยชอบไม่ถนัดไม่ค่อยชอบ แต่เข้าใจแล้วชัดเจนขึ้นแล้ว 

เพราะฉะนั้นผู้ที่มีปัญญา เหมือนอย่างหมอฟากฟ้าหนึ่ง เห็นไหม เรียนหมอเสร็จแล้วบอกว่ารู้อย่างนี้ไม่เรียนแล้ว เกิดมาเป็นกสิกรดีกว่า เห็นไหมหมอฟากฟ้าหนึ่งก็พูดตรงๆเลย นี่อย่างนี้เป็นต้น นั่นคือปัญญาปฏิภาณของเขาที่มี เข้าใจจริงเห็นจริง นี่ของเรามีคนจริงเอามายืนยันพวกเราก็รู้อย่างหมอฟากฟ้าหนึ่ง เขาก็บอกโอ้โหอุตส่าห์เอาชีวิตมาเป็นกสิกร ทำฟันก็มาทำให้พวกเราฟรีอย่างเดียวไม่ได้หาเงินหาทองอะไร หรือคนอื่นมาก็ทำให้ฟรีอย่างนี้เป็นต้น นี่คือสัจจะที่มันลึกซึ้งซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาส่งท้ายปีเก่า 2566 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 1 วันวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2567 ( 15:56:14 )

กสิกรมีประโยชน์คุณค่าต่อมนุษย์ต่อโลกมากยิ่งกว่าอุตสาหกรรม

รายละเอียด

ความละเอียดลึกซึ้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จึงเป็นเรื่องยอดที่เราจะเอามาปฏิบัติธรรมกับตนเอง ได้จริงที่สุด จริง ทำได้แล้วก็อยากจะศึกษาต่อให้มีความสามารถมากขึ้นเป็นประโยชน์ต่อโลกมากขึ้นถึงขั้นจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ เป็นผู้ที่มีประโยชน์ต่อโลกสูงสุดแล้ว เป็นโพธิสัตว์ก็ตามลำดับความเป็นจริง แต่ถ้าเป็นอรหันต์แล้ว เป็นโพธิสัตว์ระดับ 4 สุดยอดแห่งความไม่ลึกลับในสัตว์โลกรู้จักสัตตาวาส 9 คือกิเลสที่เป็นความเป็นสัตว์ในตนเอง พระพุทธเจ้าสามารถทำให้มันหมดไปได้จริง ผู้ที่เป็นกสิกร เป็นผู้ที่มีประโยชน์คุณค่าต่อโลกมาก กสิกรมีประโยชน์คุณค่าต่อมนุษย์ต่อโลกมากยิ่งกว่าอุตสาหกรรม เพราะคนต้องกินพืชพันธุ์ธัญญาหาร คนจะไปกินผลผลิตทางอุตสาหกรรม กินไม่ได้หรอก มันช่วยได้เป็นเครื่องใช้ไม่ใช่เครื่องกิน เป็นเครื่องอนุเคราะห์ช่วยเหลือให้เบาแรงที่สุดให้ทำอะไรดีขึ้นเท่านั้นเอง แต่ทางกสิกรรมนั้นเป็นการสร้างอาหารที่เป็นหนึ่งเป็นเรื่องต้น เป็นเรื่องพื้นๆของสัตว์โลก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชธานีอโศก วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:12:08 )

กสิกรรม ปุ๋ย ขยะ ปรุงแต่งกันอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นใน “คำว่ากสิกรรม, คำว่าปุ๋ย, คำว่าขยะ” มันเป็นไซคลิก​ สามเส้า เป็นสิ่งที่ปรุงแต่งกันอย่างสำคัญ คนยังเข้าใจไม่ได้ จริงๆแล้วขยะนั่นแหละคืออาหารของกสิกรรม อาหารของพืช​ เราก็เรียกมันว่าปุ๋ย เป็นภาษาไทย ปุ๋ย หรือทางอีสานจะเรียกมันว่าผงฝุ่น ภาคกลางภาษาไทยเรียกว่าปุ๋ย มันเกิดมาจากอะไรก็ไม่รู้คำว่าปุ๋ย ไม่ได้สืบสาวรากศัพท์ 

กสิกรรม พูดกันง่ายกว่าเพื่อนใน 3 คำนี้ เพราะฉะนั้นจะยกความสำคัญของกสิกรรม ก็เข้าใจกันได้ง่าย ยกความสำคัญของปุ๋ยก็พอรู้ว่าปุ๋ยกับกสิกรรมมันต้องส่งเสริมกันแน่ แน่นอนที่สุด ขยะนั่นแหละที่มีความรู้กันอยู่ว่าขยะนั้นมาทำเป็นปุ๋ย ปุ๋ยทำมาจากขยะ พอเข้าใจกันไหม ของทิ้งขนาดที่เป็นอุจจาระเลยเป็นของทิ้งจริงๆ อุจจาระของคนนี่ชั้น 1 เลยนะที่เอามาทำเป็นปุ๋ย แต่ก็เกิดอุปาทานกัน เฮ้ย! เอาอุจจาระคนมาทำเป็นอาหาร กินกันได้อย่างไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 21:34:40 )

กสิกรรมจำเป็นกว่าอุตสาหกรรม

รายละเอียด

ถ้าเข้าใจความจริงตามที่พูดมาคร่าวๆ ก็จะรู้เศรษฐกิจ ว่ากสิกรรมจำเป็นกว่าอุตสาหกรรม เราก็ไม่ได้ตีทิ้งอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมทำช้อนทำส้อมทำเครื่องไม้เครื่องมือทำรถราทำเครื่องกลไกอาศัยมันก็ใช้ทุ่นแรง จนกระทั่งเดือนนี้สามารถสร้าง Robot สร้างหุ่นยนต์มีสมรรถภาพเก่งกว่าคนด้วย ทำลูกเดียว ใส่ไฟฟ้าน้ำมันให้ เติมพลังงานให้มันดำเนินไปได้ก็ทำลูกเดียว มันไม่รู้เหน็ดเหนื่อย มันทำได้ตะพึดตะพือก็ทุ่นแรง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:40:26 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:53 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:27:13 )

กสิกรรมสำคัญที่สุด

รายละเอียด

อะไรเป็นหลักสำคัญที่สุด กสิกรรมสำคัญที่สุด โลกทั้งโลกจะเก่งอย่างไรก็สู้กสิกรรมไม่ได้หรอก แล้วเราอยู่ในโซนนี้ โซนเอเชียนี่มันดีกว่าโซนตะวันตก โซนยุโรป ป่านนี้ก็น่าสงสาร ติดลบ 50 องศา ให้อาตมาไปอยู่ก็ตายแน่ๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:57:38 )

กสิกรรมเป็นผู้เลี้ยงโลก ผู้สร้างอาวุธ เป็นนักฆ่าโลก

รายละเอียด

สรุปแล้วกสิกรหรือนักกสิกรรมเป็นผู้เลี้ยงโลก ผู้สร้างอาวุธ เป็นนักฆ่าโลก ถ้ามนุษย์ ผู้สร้างเครื่องทุ่นแรง มีประโยชน์ และก็มีโทษให้เขาขี้เกียจ มีโทษให้เกิดความมักง่าย แต่ถ้าเราไม่มีเครื่องทุ่นแรง เรามีความขยันชำนาญ ใช่ไหมฟังทันไหม

เพราะฉะนั้นถ้าโลกนี้ไม่มีเครื่องกลไม่มีเครื่องทุ่นแรงอะไร สมรรถนะของตัวเองทั้งนั้นเลย เป็นความจริงที่เราเสียสละเต็มตัว ใช้น้ำเหงื่อน้ำแรงจริงๆเลย มันเป็นเลือดเป็นเนื้อที่แท้ เพราะฉะนั้นการมาเป็นกสิกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่อับจนไม่ลำบาก มีอยู่มีกิน เหลืออยู่เหลือกิน อย่าว่าแต่พออยู่พอกินเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:59:28 )

กสิกรรมไร้สารพิษ

รายละเอียด

วัตถุดิบที่เอามาประดับฉากนี้ เป็นพืชพรรณธัญญาหารที่เราทำเองทั้งนั้น ไร้สารพิษทั้งหมดและสวยงาม แต่คนที่เขาไม่ทำอย่างไร เขาพยายามใส่ยา ใช้สารเคมี เพื่อจะให้ของเขาสวย ของเขาสวยกว่าของเราเลย มีประเภทที่แมลงไม่ตอมเลยนะ เราทำนาหอยเชอรี่ นก ปู กินบ้าง แต่สัตว์เหล่านี้มันมีเซ้นส์ ว่าไม่มีพิษมันก็มากิน กว่าจะเหลือให้เรากินก็ไม่มาก สัตว์มันเอาไปกินก่อนเยอะ แต่พวกเราไม่ได้ขาดแคลนในอาหารพืชพรรณธัญญาหาร แต่กลับอุดมสมบูรณ์ ทำไมไม่ขาดแคลน  อาตมาว่า พวกเราประสบความสำเร็จในการอยู่ร่วมกับสัตว์โลกไม่ต้องไปเบียดเบียนกัน เราทำ มันจะมากินบ้างแต่เราก็มีเหลือที่เราจะยืนอยู่ได้พอเหมาะ เราไม่ยิงไม่ฆ่ามัน อย่างเก่งก็ไล่มันไป เท่านั้นเอง นอกนั้นไม่ได้รุนแรง ที่พูดไปนี้เป็นนัยะละเอียด คนอื่นกลัวแล้วป้องกันไปหมดแต่เราไม่ทำอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:38:54 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:52 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:27:52 )

กสิกรรมไร้สารพิษ สุจริตแท้ ที่พลังบุญ

รายละเอียด

 ทีนี้มาเข้าเรื่องของพวกเรา ตอนนี้ คณะกรรมการบริษัท พลังบุญ อยู่ที่กรุงเทพฯ นี่แหละ ของเรานี้ไร้สารพิษเลยคือไม่ใส่สารพิษเลย แต่ ธรรมดาของเขาปลอดสารพิษ คือใส่ใช้สารเคมีบ้าง แต่อยู่ในระยะที่ปลอดภัย มีสะสมเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยๆอะไรอย่างนี้ ซึ่ง ธรรมดาธรรมชาติเราพยายามเอาสารพิษออกอยู่แล้ว แล้วไปเติมมันทำไม ก็เลยเอาให้เข้ม เอาพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ไร้สารพิษเลย 

เกรด  4  คือ  ไร้สารพิษ  สุจริตแท้  100  %

เกรด  3  2  1  หมายถึง ระดับความปลอดภัย ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์  ลดหลั่น กันลงไปตามลำดับ

กลุ่มที่  1.  เกรด  4 ได้แก่

1.  สวนกล้วยหอม  คาเวนดิช  กทม.

2.  สวนส้มโอลุงสุเทพ  จ.สมุทรสงคราม

3.  ผัก  ผลไม้  จากต้นน้ำ ออร์แกนิค  ฟาร์ม  อ.แม่แจ่ม  จ.เชียงใหม่

4.  สวนผัก คุณปทิต  อ.แม่แจ่ม  จ.เชียงใหม่

กลุ่มที่  2  เกรด  3 ได้แก่

1.  สวนแสงตะวัน  จ.สมุทรสาคร

2.  สวนผัก  คุณดี (ตฤณชาติ)  อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

กลุ่มที่  3  เกรด  2 ได้แก่

1.  ผัก  จากคุณบรรณวิชญ์  อ.แม่แจ่ม  จ.เชียงใหม่

2.  สินค้าจากไร่สุขสมาน  อ.กันทรารมย์  จ.ศรีสะเกษ

กลุ่มที่  4  เกรด  1  ไม่มี

กลุ่มสุดท้าย  "ติดรอ"  เนื่องจาก  ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่เพาะปลูกได้ 1  ราย  คือ  พืชผัก จากสวนคุณอุ่น (พงษ์ศักดิ์) อ.จอมทอง  จ.เชียงใหม่

มติกรรมการชุมชน ให้ดำเนินการ ดังนี้ ให้คงนโยบายจำหน่ายผักผลไม้ไร้สารพิษ 100 % และสนับสนุนส่งเสริมช่วยเหลือคนดี  ที่มุ่งมั่น ทำกสิกรรม "ไร้สารพิษ"  ให้อยู่รอด  แม้สินค้านั้น  จะแพงกว่าสินค้าทั่วไป  ประเด็นนี้  เน้นย้ำว่าต้องหาวิธีช่วยเหลือกสิกร  เช่น  การขนส่ง  การจัดส่งสินค้า  อาจต้องหารือเครือข่ายในพื้นที่ให้ร่วมด้วยช่วยกัน

ในเบื้องต้นของดี  แต่ราคาแพง  (ต้องยอมรับประเด็นนี้ก่อน  คือ ช่วยให้กสิกรไร้สารพิษ  อยู่รอด  และก้าวเดินได้) ลำดับถัดไป  เมื่อมีองค์ความรู้  ทักษะ  และความชำนาญสูงขึ้น  จึงพัฒนาสู่คำว่า  "ของดี  ราคาถูก”ดังนั้น นับจากนี้ไป  สินค้าที่วางจำหน่าย  ที่ร้านกู้ดินฟ้าหลายรายการจะหายไป  (ไม่มีของขาย) ได้แก่

1.  สิ้นค้าจากกลุ่มติดรอ คือ  ไม่สามารถเข้าตรวจเยี่ยมพื้นที่ปลูกได้  เช่น  มะเขือเทศโทมัส  เซอลารี่  เสาวรส  อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

2.  สินค้าจากกลุ่มเกรด  2 สองรายใหญ่  คือ  คุณบรรณวิชญ์  อ. แม่แจ่ม  จ. เชียงใหม่   และไร่สุขสมาน  อ. กันทรารมย์  จ. ศรีสะเกษ ได้แก่ หอมแดง  กระเทียมไทย กระเทียมโทน  บวบเหลี่ยม  มะระจีน   แตงกวา  มะเขือเปราะ  มะเขือยาว  ถั่วฝักยาว ฟักทอง  ฟักเขียว (ทั้งอ่อน  และแก่)  กระชาย ขิง   ผักชี  คื่นไช่  มันฝรั่ง  มะเขือเทศเชอรี่  ผักกาดขาว  หางหงษ์  กะหล่ำปลี  สตรอเบอรี่  ผักสลัด เช่น  คอส  เบบี้คอส  ผักกาดหอม บัตเตอร์เฮด  กรีนโอ๊ค  เรดโอ๊ค  เบบี้กวางตุ้ง คะน้า  และ สวิตชาร์ท

หมายเหตุ  สินค้าเกรด 3 2 1 และ สินค้าติดรอ  งดสั่งเข้ามาจำหน่ายในร้าน

นี่เป็นการประพฤติของพวกเราที่พยายามจะเข้มข้นเพื่อที่จะให้ได้ของดีและต่อไปได้ราคาถูก และตอนนี้จำนนอยู่ว่า ของดีแต่ต้องราคาแพงอยู่ ถ้าใครสนใจก็ว่ากันไป แพงหน่อยแต่เป็นของดีก็ซื้อเอา มันก็คัดคนที่เขาพอมีตังค์ เขาเห็นแก่สุขภาพร่างกาย ชีวิตที่ดีกว่า เขาก็ซื้อของดี ราคาแพงก็ไม่เป็นไร เป็นมาตรการเป็นวิธีการที่จะเร่งรัดให้คนเจริญขึ้นไปเพื่อผลิตของดี แม้ตอนนี้ราคาจะแพงก่อนก็ต้องยอมจำนน จนกว่าจะมีสินค้ามากขึ้น มากขึ้นก็เฉลี่ย เศรษฐศาสตร์ของเราก็ยิ่งจะทำให้ลดราคา แม้แต่เศรษฐศาสตร์ข้างนอก ถ้าของมากเขาก็ราคาลดลง มันก็เฉลี่ยกันได้มากขึ้นๆ 

ผลผลิตนั่นแหละตัวจริง ผลผลิตที่ดี ปริมาณมาก คุณภาพดี มากๆ ราคาก็ลดลงเป็นหลักเศรษฐศาสตร์สามัญเลย พื้นฐานไม่ได้ยากเย็นอะไร นี่เป็นเรื่องสุดยอด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2566 ( 18:54:44 )

กสิกรรมไร้สารพิษจะกู้ชาติได้ต้องมีปุ๋ย

รายละเอียด

กสิกรรมไร้สารพิษจะกู้ชาติได้ ต้องมีองค์ประกอบคือปุ๋ย ถ้าปุ๋ยเคมี กึ่งเคมีก็ไม่ดี แต่หากปุ๋ยอินทรีย์ปุ๋ยสะอาดใช้ได้ เรื่องกสิกรรม ปุ๋ย คนเข้าใจไม่ยากหากถือเป็นงานหลัก มีการทำได้ดีอย่างพวกเรา ขยายผลออกไปอยู่ คนก็ยังทำตามน้อย ถ้ารัฐบาลก็ดี ผู้ที่มีอำนาจทางโลกช่วยสนับสนุน แม้ที่สุดพวกชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา ให้เหรียญตราอย่างดีเลย แทนที่จะไปให้รางวัลกับพวกอบายมุข มันไม่เจริญหรอก มันผิดทาง ต้องมาให้อย่างนี้มันเข้าท่า แล้วมันจะเกิดผล เจริญงอกงาม แล้วจะเป็นผลที่จะขยายไปช่วยมนุษย์โลก จริงๆเลย เรื่องนี้ต้องพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก จะเป็นไปได้หรือไม่ได้ก็ต้องพูด เพราะเป็นเรื่องที่อาตมามองเห็นอย่างมั่นใจว่าอันนี้จะดีจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:40:08 )

กสิกรเป็นคนชั้น 1

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าเราเอง เรามีจิตยินดีในกสิกรรม นั่นแหละเป็นคนชั้น 1 กสิกรนี่เป็นคนชั้น 1 เห็นงานกสิกรรมเป็นงานวิเศษเป็นงานประเสริฐ เป็นงานที่มนุษย์ทั้งโลก ให้เก่งให้ตายยังไงก็แล้วแต่ คุณขาดผลผลิตทางกสิกรรมไม่ได้ คุณจะไปกินสัตว์ คุณก็ต้องไปไล่จับแล้วก็มีวิบากอะไรต่ออะไรไป คุณก็ไม่รู้ คุณก็กินไป เพราะฉะนั้นคนที่รู้แล้วไม่ต้องไปกินแล้วสัตว์ รู้จักกรรมวิบากแล้ว 

ศาสนาที่จะรู้กรรมวิบาก แล้วไม่กินเนื้อสัตว์นี่ มันเป็นศาสนาชั้นสูง ศาสนาที่ยังกินเนื้อสัตว์อยู่ มันเป็นศาสนาที่ยังไม่เจริญอะไร แม้แต่ศาสนาที่เขายังไม่ค่อยรู้เรื่องสัตว์(จิตนิยาม)เท่าไหร่ เขายังละเว้นเนื้อสัตว์เลย อย่างศาสนาอิสลามนี่ เขาละเว้นเนื้อหมูอย่างเดียว (หมาด้วย) จะหมูจะหมาอะไรเขาก็ไม่กินหมู 

เพราะฉะนั้นถ้ารู้แล้วจะไปกินทำไมล่ะเนื้อสัตว์ ถ้าเข้าใจอจินไตยเรื่องกรรมวิบาก เข้าใจอย่างดีเลยเรื่องกรรมวิบาก ก็ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินสัตว์ทั้งหลายแหล่แล้ว กินแต่พืชแต่ผัก ผลไม้ ซึ่งอธิบายหมดแล้วว่า มันเป็นพลังงานที่มาเป็นชีวะระดับพืช มันไม่มีจองเวรจองกรรม ไม่มีบาปไม่มีบุญ มันไม่มีทุกข์มีสุขอะไร..พืช  มันก็สบายปลอดโปร่ง ไม่มีปฏิกิริยาที่จะกระทบกระทั่งระดับไหนเลย และก็เป็นอาหารมนุษย์ 

มนุษย์เป็นสัตว์ที่กินพืช มันไปถูกหลอกมาแต่ชาติไหนก็ไม่รู้ไปกินเนื้อสัตว์ หรือมันมีอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีอะไรจะกิน เช่น อยู่ขั้วโลกเหนือ อยู่อะไรก็ต้องกินปูกินปลากินอะไรต่ออะไรไป ก็ต้องกินสัตว์ กินเนื้อหมีก็คงไม่กินกัน กินปลากันเป็นหลัก อะไรอย่างนี้

ซึ่งไม่ต้องกินสัตว์ แล้วยิ่งเข้าใจกรรมวิบาก เข้าใจเรื่องพลังงานทางชีววิทยาที่ละเอียดละออ ชีววิทยาทางจิตวิญญาณ ทางชีวะ-ไบโอ พืชก็เป็นชีวะเหมือนกัน นี่เป็นความลึกซึ้งทางวิทยาศาสตร์ของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 18:45:44 )

กสิกรเป็นชั้นคนสูงรองจากผู้สอนธรรมะ

รายละเอียด

อาตมาศึกษาตามพระพุทธเจ้ามาชัดเจนมีความปรารถนาดีจริงใจว่าอย่าไปก่อวิบากเรานี้เพิ่มเติมเลย วิบากเราก็มากอยู่แล้ว อย่าทำทุกข์ทับถมตน จะไปสร้างทุกข์เพิ่ม กสิกร จึงเป็นคุณค่าประโยชน์มากกว่า อุตสาหกร กสิกรคือ ผู้ผลิตเครื่องกินพืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นผู้ที่มีคุณค่าประโยชน์ มีกุศลสูงที่สุด บอกได้ว่า ผู้ที่ทำคุณค่าให้แก่ประโยชน์ต่อโลก มีกสิกร จะเป็นผู้ที่สร้างกุศลให้แก่ตัวเองได้สูง รองจากผู้สอนธรรมะ ผู้สอนธรรมะก็ต้องเป็นด้วยเป็นกสิกร เมื่อมีเวลา ผู้ที่เป็นกสิกรอย่าไปสำคัญตนว่าเป็นคนชั้นต่ำ แต่เป็นคนชั้นสูงรองจากผู้ที่สอนธรรมะอีก รองจากผู้ที่เผยแพร่ธรรมะอีกเท่านั้น ผู้ที่จะมาเก่งทางอุตสาหกรรมอะไรต่ออะไรที่เป็นเครื่องใช้ก็ตาม สร้างเครื่องมือเครื่องใช้ก็ไม่สำคัญเท่ากับเครื่องกิน เครื่องใช้ถ้าไม่ใช้ก็ยังไม่ตายแต่ถ้ากินนี้ไม่มีของกินก็ตาย มันสูงกว่ากัน ท่านทำงานเหล่านี้ไปเถิด ไม่มีใครมาลงบัญชี แต่สัจจะน่ะลงบัญชีไว้ว่าเราเป็นคุณค่าประโยชน์ต่อมนุษย์ เพราะเราสร้างอาหารให้มนุษย์กิน ให้มนุษย์กินก่อนถึงไปให้สัตว์กิน หรือใครจะเสียสละให้สัตว์กินก่อนแล้วเราตาย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:15:48 )

กสิกรแข็งขลังเป็นกระดูกสันหลังของชาติ

รายละเอียด

ก่อนที่จะต่ออะไรก็ชื่นชมกับ สิ่งที่เอามาแสดงนี้ก่อน ยกหน่อย โชว์ เปรียบเทียบกับหัวกระหล่ำปลีกับหัวโพธิรักษ์ นี่เป็นกะหล่ำปลีฝีมืออาจารย์ข้าดิน 

ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารนี่แหละ อาตมาอบอุ่นใจที่พวกเราพากเพียรกันจริงๆ อาตมาก็พยายามปรุงให้ลงดินเป็นกสิกรแข็งขัน หรือกสิกรแข็งขลัง กระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม นี้มีผู้รู้ประพันธ์เอาไว้ แก้ว อัจฉริยะกุลหรืออย่างไร ประพันธ์เอาไว้ 

กสิกรแข็งขลังเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม 

เดี๋ยวมันจะลืม ทวนไว้หน่อย มันเก่า แล้วไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ ถ้าได้เรื่องก็ไปทางโน้น ไม่ไหว ถ้าขืนอาตมาไปติดลมบน ไปติดลาภยศสรรเสริญอยู่ทางโน้น ไม่ได้มาทางนี้ ก็เสียดายนะ ดีแล้วมาทางนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้โลก 9 แบบ จนเป็นมนุษย์พืชมหัศจรรย์ วันพุธที่ 19 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2565 ( 04:56:56 )

กสิกรแข็งขันคือกระดูกสันหลังของชาติ

รายละเอียด

กสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ หรือกสิกรแข็งขลัง แต่อาตมาชอบแข็งขลัง ให้มันสัมผัสกับกระดูกสันหลังของชาติ เป็นกระดูกสันหลังของชาติจริงๆเป็นกระดูกสันหลังของโลกด้วย ไม่ใช่กระดูกสันหลังของชาติเท่านั้น เป็นกุศลที่สุด อาหารเป็นหนึ่งในโลก ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง

อาตมาเคยพูดถึงขั้นว่าให้เหรียญตราเลย ทำเหรียญตราจากองค์กรก่อนก็ได้ ถ้าหากพระราชทานจากเบื้องบนด้วยยิ่งประเสริฐ ให้เหรียญตราแก่ชาวนาที่ควรได้รับเหรียญ (สมณะแก่นเกล้าว่า.. ปู่ผมได้เป็นชาวนาดีเด่นได้เหรียญทองคำจากอำเภอด้วย) ให้เป็นประเพณีเป็นฤดูกาลเลยอย่างเช่นฤดูพืชมงคล พระราชทานรางวัลเหรียญตราให้แก่ชาวไร่ชาวนาชาวสวน ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ตระกูลของเขา เขาจะภาคภูมิใจ เพราะว่าเป็นพลเมืองกระดูกสันหลังของชาติและก็เป็นสิ่งที่ชั้น 1 ของโลก ไม่ใช่แค่ชั้น 1 ของประเทศไทยเท่านั้น 

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อเราพยายามสนับสนุนส่งเสริม โดยวิธีการของคน ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร แต่เป็นวิธีการที่เข้าใจกันอยู่ทั่วโลกที่ให้กัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 21:36:46 )

กสิณ

รายละเอียด

1. ทั้งหมด สิ้นเชิง หรือทุกอย่างในโลก

2. วัตถุที่ใช้เป็นเครื่องจูงใจ หรือวัตถุที่ให้ผู้ปฏิบัติเอาใจไปจดไปจ่อยึดไว้เกาะไว้ให้ใจผูกไว้ที่ตรงนั้น

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 228

จากชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉ.269


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:33:12 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:30:10 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:13 )

กสิณ

รายละเอียด

สิ่งที่ใช้เป็นเครื่องจูงใจ หรือวัตถุที่ให้ผู้ปฏิบัติเอาใจไปจดจ่อ ยึดไว้เกาะไว้แบบสมถะ ให้จิตผูกไว้ที่ตรงนั้น เป็นวิธีปฏิบัติของโลกียะเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 05:14:54 )

กสิณ 40

รายละเอียด

อรรถกถาจารย์ที่เป็นหลงกสิณ 40 เอามาปฏิบัติอยู่จึงยังมีความเป็นเทวนิยม ยังมีเชื้อของเดียรถีย์ ยังไม่ใช่ผู้ที่สมบูรณ์แบบ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 30 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:16:35 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:32 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:28:18 )

กสิณ 40 เป็นสมถะวิธีของพุทธมีกรรมฐานเป็นเวทนาเดียว

รายละเอียด

ของพระพุทธเจ้าปฏิบัติที่เวทนาเป็นกรรมฐาน มีกรรมฐานเป็นเวทนาเดียว ไม่มีหรอกเวทนากสิณ 40 มันเป็นสมถะวิธี สมถะวิธีก็เรียนบ้าง กสิณที่ท่านว่าก็มีแค่ 10 ส่วน 40 ก็เอาของอาจารย์ต่างๆมารวมไว้ ซึ่งท่านพุทธโฆษาจารย์เอามาบรรจุไว้ในวิสุทธิมรรค เป็นกสิณ 40 เป็นการทำสมถะ ก็ต้องดูรายละเอียดของสมถะกับวิปัสสนาเป็น 2 อีก ดูความแตกต่าง สมถะอาศัยบ้าง อาศัยเพียงเป็นอุปการะ ไม่ใช่เอกคตา ไม่ใช่เรื่องใหญ่(เอก อัคคะ) เป็นเรื่องแค่อุปการะช่วย เป็นเครื่องเสริม เป็นเรื่องช่วยเอาไปใช้บ้าง โดยธรรมชาติของคนก็ใช้สมถะอยู่แล้วไม่ต้องเรียนกันมาโดยสามารถธรรมชาติทุกคนก็ทำได้ไม่ว่าในชาติไหน มันมีสมถะอยู่แล้วมันมีการสำรวมสังวร ข่มไว้ กิเลสเราจะออกมันก็ทั้งนั้นแหละ ธรรมดาไม่ได้ศึกษาก็มีกิเลสทั้งนั้น มีกิเลส 3 ลักษณะ โมหะ ก็คือมั่ว สับสน กามกับโทสะ สัมผัสแล้วคุณเกิดอารมณ์กามคุณก็ควบคุมไว้ คุณก็รู้อารมณ์โกรธคุณก็รู้เป็นอารมณ์ โทสะคุณก็รู้ แต่มันไม่มีมากไม่มีเกิน มันก็แสดงออกไม่มี ไม่แสดงออก ธรรมชาติก็กดไว้ทั้งนั้นไม่ว่าจะคนชาติศาสนาไหนก็กดไว้ มีมากก็ต้องกดมาก ไปสัมผัสอันนี้มันเกิดอาการมากเพราะมันถูกสเปก ไปสัมผัสฝรั่ง คนที่ชอบฝรั่งอย่างนี้ ฝรั่งลูกไม้ไม่ใช่คนนะ ชอบลูกไม้บนโต๊ะนี้ อาการมันก็มาก คนไม่ชอบฝรั่ง ไม่ชอบดอกดาวเรืองเพราะมันไม่หอมไม่มีแต่สีสวย แต่ดอกเหม็นๆ เหม็นขิว เหม็นเขียว บางคนสัมผัสกลิ่นก็ไม่ชอบ ก็อ่านปฏิกิริยาของจิต

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 10:43:25 )

กสิณ 40 เป็นสมถะไม่ใช่กรรมฐาน

รายละเอียด

ไปเอาจุดที่เพ่งเรียกว่ากสิณมาเป็นกรรมฐาน แล้วไปไล่รวมเป็น 40 กรรมฐาน ออกนอกที่ไปไกลเลย กรรมฐานที่เขาว่าเก่งไปเพ่งกสิณ เป็นพวกพระกรรมฐานตกฐาน คำว่า ฐาน นี้แปลว่า เวจ แปลอีกทีว่า ส้วมขี้ ขออภัยอาตมาพูดให้ชัดจะได้จบ คุณไปหลงพระกรรมฐานตกเวจ มันเหม็นออกมาเสีย กรรมฐานอาตมาขอยืนยันว่านอกจากเวทนาแล้วไม่มีอะไรที่เป็นกรรมฐานของศาสนาพุทธ นอกนั้นเป็นกสิณที่เป็นสมถะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:01:25 )

กสิณของพุทธกับกสิณที่ไม่ใช่พุทธ

รายละเอียด

กสิณของพระพุทธเจ้ามีอย่างเดียวคือ เวทนา 

กสิณแปลว่าอะไร แปลว่าเครื่องเกาะ มันก็ไม่เชิง ไม่ได้เกาะของพระพุทธเจ้าไม่ได้เกาะ เวทนาจะเรียกว่าเป็นกสิณก็ไม่เชิง ไม่ได้เกาะแต่เป็นฐาน พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า ฐานคือฐานะในการปฏิบัติ 

กสิณที่แปลว่า วัตถุหรือเครื่องหมายสำหรับเพ่งอารมณ์

เป็นคำอธิบายของพุทธโฆษาจารย์ในวิสุทธิมรรค ตำราที่ศาสนาพุทธทุกวันนี้ยึดถือเป็นคัมภีร์เลย..วิสุทธิมรรค แล้วก็เป็นฐาน พุทธโฆษาจารย์นี่อาตมาก็ไม่เคยอ่านเต็มรูป แต่อ่านที่ออกมาก็รู้แล้วว่ามันมีที่ผิด ยังมีมิจฉาทิฎฐิอีกหลายประการ แต่ถึงขนาดนั้นก็ยังเป็นบุญคุณมากเลยที่ ธรรมนิยาม 5 มันอยู่ในตำราเล่มนี้แหละ ที่เขา Quote (กล่าวถึง-อ้างอิง) ออกมา แล้วอาตมาก็ได้อันนี้ สัมผัสแล้วอาตมาก็รู้เลย ธรรมนิยาม 5 แล้วก็อยู่ในอรรถกถา อยู่ในอรรถกถาแปล เอ๊​.. ไม่ใช่ของพุทธโฆษาจารย์ด้วยหรือ มันเป็นอาจาริยวาทแถมเข้าไปอีก ในอรรถกถาพวกนี้

อาตมาก็ไม่ใช่นักศึกษาที่เก่งที่ดีที่อ่านอย่างกว้างขวาง เพราะอาตมาเกิดมาชาตินี้ไม่ได้เป็นคนที่เป็นฐานะของนักศึกษา มีแต่เป็นฐานะของผู้บอกกล่าว เป็นผู้เอามาประกาศ เอามาอธิบาย ก็เลยมีแต่เวลาที่อธิบาย เอาของเดิมที่มีนี่ก็เหลือพอที่จะอธิบาย ไม่ต้องไปศึกษาจากใคร ก็เพียงพอ เพียงแต่รู้จากคนอื่นก็อาศัยร่วมคำที่เขาใช้ อาศัยเป็นฐานอธิบายไปเพิ่ม เท่านั้นเอง

กสิณ สรุปแล้วว่าเป็นฐานเกาะยึดที่เขาพูดกัน มันเป็นเรื่องของพวกนั่งหลับตา เป็นพวกสายสมถะ ไม่ใช่สายวิปัสสนา แต่เขาก็ โมเมไปเรียกกันว่า วิปัสสนาด้วย เลอะเทอะไป 

สรุปอีกทีย้ำหัวตะปูว่า อย่าไปนั่งสะกดจิตเพ่งกสิณ มาศึกษาสัมมาทิฏฐิ จรณะ 15 วิชชา 8 ให้ดีๆ อันนี้เป็นของพระพุทธเจ้าแท้ๆอันโน้นเขาก็ไม่ปฏิเสธ ปฏิเสธไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนารายการปรับทุกข์ปลุกธรรม พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 24 มกราคม 2567 ( 16:07:02 )

กสิณคืออะไร แล้วกสิณของพุทธคืออะไร

รายละเอียด

กสิณของพระพุทธเจ้ามีอย่างเดียวคือ เวทนา 

กสิณแปลว่าอะไร แปลว่าเครื่องเกาะ มันก็ไม่เชิง ไม่ได้เกาะของพระพุทธเจ้าไม่ได้เกาะ เวทนาจะเรียกว่าเป็นกสิณก็ไม่เชิง ไม่ได้เกาะแต่เป็นฐาน พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า ฐานคือฐานะในการปฏิบัติ 

เป็นคำอธิบายของพุทธโฆษาจารย์ในวิสุทธิมรรค ตำราที่ศาสนาพุทธทุกวันนี้ยึดถือเป็นคัมภีร์เลย..วิสุทธิมรรค แล้วก็เป็นฐาน พุทธโฆษาจารย์นี่อาตมาก็ไม่เคยอ่านเต็มรูป แต่อ่านที่ออกมาก็รู้แล้วว่ามันมีที่ผิด ยังมีมิจฉาทิฎฐิอีกหลายประการ แต่ถึงขนาดนั้นก็ยังเป็นบุญคุณมากเลยที่ ธรรมนิยาม 5 มันอยู่ในตำราเล่มนี้แหละ ที่เขา Quteo (กล่าวถึง-อ้างอิง) ออกมา แล้วอาตมาก็ได้อันนี้ สัมผัสแล้วอาตมาก็รู้เลย ธรรมนิยาม 5 แล้วก็อยู่ในอรรถกถา อยู่ในอรรถกถาแปล เอ๊​.. ไม่ใช่ของพุทธโฆษาจารย์ด้วยหรือ มันเป็นอาจาริยวาทแถมเข้าไปอีก ในอรรถกถาพวกนี้

อาตมาก็ไม่ใช่นักศึกษาที่เก่งที่ดีที่อ่านอย่างกว้างขวาง เพราะอาตมาเกิดมาชาตินี้ไม่ได้เป็นคนที่เป็นฐานะของนักศึกษา มีแต่เป็นฐานะของผู้บอกกล่าว เป็นผู้เอามาประกาศ เอามาอธิบาย ก็เลยมีแต่เวลาที่อธิบาย เอาของเดิมที่มีนี่ก็เหลือพอที่จะอธิบาย ไม่ต้องไปศึกษาจากใคร ก็เพียงพอ เพียงแต่รู้จากคนอื่นก็อาศัยร่วมคำที่เขาใช้ อาศัยเป็นฐานอธิบายไปเพิ่ม เท่านั้นเอง

กสิณ สรุปแล้วว่าเป็นฐานเกาะยึดที่เขาพูดกัน มันเป็นเรื่องของพวกนั่งหลับตา เป็นพวกสายสมถะ ไม่ใช่สายวิปัสสนา แต่เขาก็ โมเมไปเรียกกันว่า วิปัสสนาด้วย เลอะเทอะไป 

สรุปอีกทีย้ำหัวตะปูว่า อย่าไปนั่งสะกดจิตเพ่งกสิณ มาศึกษาสัมมาทิฏฐิ จรณะ 15 วิชชา 8 ให้ดีๆ อันนี้เป็นของพระพุทธเจ้าแท้ๆอันโน้นก็ไม่ปฏิเสธ ปฏิเสธไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 17:15:20 )

กองกลางของชาวอโศกเป็นไฉน

รายละเอียด

กองกลางอย่างที่ชาวอโศกเป็น นักเศรษฐศาสตร์จะมา ศึกษา กองกลางจากพวกเรานี้ลงทุนลงแรงผลิตแล้วเอาเข้ากองกลาง เราไม่ต้องสะสม อปจยะ ไม่ต้องสะสมเป็นของตน ของตนก็มีเพียงเครื่องอาศัยเป็นปัจจัย 4 หรือบริขารตามควร อย่างอาตมาต้องมีแว่นตาเป็นบริขาร มีปากกาเป็นบริขาร มีคอมพิวเตอร์เป็นบริขาร กระดาษก็ตัดเอากระดาษเศษมาใช้ คนก็บอกว่าไปตัดทำไมเสียเวลา อาตมาว่า อาตมาตัดเศษกระดาษมาใช้ ไม่ต้องเอากระดาษดีๆมาใช้ นานๆทีอาตมาจะปริ้นกระดาษเป็นแผ่น A4 มาใช้ นอกนั้นที่ใช้อยู่ก็เป็นแต่กระดาษที่ตัดเอาเศษมาใช้ เมื่อตัดเอาไว้มากๆมันก็เหลือเฟือ ตัดใส่ถุงไว้ อาตมาก็ยังใช้ไม่หมดสักที ก็ใช้ได้ใช้งานได้ไม่มีอะไรเสียหาย ใช้ประโยชน์ เป็นกองกลาง คนอื่นจะเอาไปใช้ก็ได้นะ แต่ก่อนนี้ตัดเป็นเศษเล็กกว่านี้อีก ตอนนี้กำหนดที่นิ้ว 2 นิ้วเป็นต้นไป ไม่งั้นมันเล็กเกินก็เอาไปใช้ไม่ค่อยได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564  ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้ายปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2564 ( 05:14:48 )

กองกลางที่เป็นอาริยะขยายไปสู่ชาวพุทธอื่นได้ไหม

รายละเอียด

กองกลางอย่างเรา เป็นกองกลาง ที่เรามีสิทธิ พวกเราหามาใส่ กองกลางของประเทศทุกคนก็มีสิทธิ์ใช้ กองกลางของชาวอโศกชาวอโศกก็มีสิทธิ์ คนนอกกองกลางของชาวอโศกก็ไม่มีสิทธิ์จะมาใช้ อันนี้เป็นเรื่องของทางพฤติกรรมและกฎเกณฑ์ พฤติกรรมจริงก็เป็นเช่นนั้นกฎเกณฑ์ก็เป็นเช่นนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องประหลาดอะไรเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ว่ากองกลางของชาวอโศก ใครๆก็มีสิทธิ์เข้ามาใช้ มันจะไปเหลือหรือ กองกลางของชาวอโศกจริงๆ ที่เป็นเงินหมุนอยู่ในกองกลางชาวอโศก 100 ล้านจะถึงไหม ที่มันเป็นคงคลังใช้อยู่ อาตมาว่าไม่ถึงนะ เป็นเงินหมุนอาจจะถึงร้อยล้าน แต่เงินคงคลังไม่ถึง ของชาวอโศก นี่บอกความลับความลึกให้ฟังนะ แต่ทำไมอาศัยได้อยู่ เพราะเป็นการหมุนเวียนที่สะพัดได้เร็วเอามาใช้ได้เร็วไม่ตกค้าง ไม่เอาไปออกดอกออกผล เงินเหล่านี้จึงเป็นเงินบริสุทธิ์ เป็นเงินที่มีหน้าที่อันเดียวไม่ไปรับใช้ดอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564  ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้ายปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2564 ( 05:16:19 )

กองทัพธรรมเหมือนมีอำนาจฤทธิ์วิเศษ

รายละเอียด

มองไปในทางคุณธรรมก็มีส่วนผสมอยู่ด้วย อาตมาก็เห็นดูว่า ให้อาตมาตัดสิน อาตมาตัดสินได้แต่ไม่พูด ตามภูมิอาตมา เป็นเหตุปัจจัยในการศึกษาทั้งนั้น ความบริสุทธิ์เท่านั้นจะชนะทุกสิ่งทั้งโลกในที่สุด ความแพ้ชนะความเป็นความตายเป็นสมมติสัจจะ มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก มั่นใจว่ายืนอยู่กับสัจจะที่เป็นคุณธรรมอย่างแท้จริง ตายเป็นตายเป็นอย่างไรก็ไม่ว่า อาตมาเองได้พิสูจน์วิบากบารมีจนถึงทุกวันนี้ อายุปูนนี้แล้วผ่านอะไรต่ออะไรมา แม้แต่สงครามอาตมาก็ว่าลงไปเจอลูกระเบิดกับเขาด้วยนะ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว พาพวกเราไปในสนามรบ หลายครั้งอยู่ ล่อแหลมตลอด แต่ก็เป็นบารมี เป็นสิ่งที่เรียกว่า มีพระรอด ก็รอดพ้นมาหลุดพ้นมา โดยที่เราก็ไม่ได้ไปทำอะไรมากมาย อันนี้ทำให้คนเขามองว่า มีอำนาจพิเศษมีฤทธิ์วิเศษ ทำให้เข้าใจอย่างนั้นได้จริงๆ จะไม่เป็นความพิเศษก็ไม่ใช่ มันก็เป็นความพิเศษ ซื้อหาไม่ได้ปลอมแปลงไม่ได้ แม้จะไปทางเจโตหรือปัญญา มันก็เป็นนามธรรมหรืออรูปที่สัมผัสไม่ได้ ของใครของใครที่มีอยู่ในตนเองจริง ไม่ว่าจะทางสายปัญญาหรือทางศรัทธา ที่มีคุณสมบัติคุณธรรมคุณวิเศษอันนี้เพียงพอ จะเป็นสายปัญญาหรือเจโตก็ตาม จะมีบารมี ที่มองไม่เห็นหรอก จะเป็นอิทธิฤทธิ์อิทธิพลอิทธิเดชอะไรก็ได้ สายปัญญา อย่างอาตมาสายปัญญาโดยตรงก็มีพวกนี้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณเป็นตัวจริง จะต้องสั่งสมบารมีไป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 12:02:28 )

กองที่ทำอาหารกับผู้ที่ทำการรักษาช่วยเหลือชีวิต 2 ฐานนี้ สุดยอด

รายละเอียด

คนนี้แม้แต่ในสงคราม กองพลาธิการกับกองกาชาด เขาก็ยกเว้นแล้วไม่ทำร้ายแล้วไม่ว่าฝ่ายไหน อันนี้รู้กันเป็นสากลแล้ว นอกจากพวกมืดบอด มืดสนิท โง่สนิท ก็แล้วไป แต่คนที่ไม่โง่สนิทเป็นเรื่องสากลเขาก็รู้อยู่แล้วว่า กองกาชาดกับกองพลาธิการ กองที่ทำอาหารกับผู้ที่ทำการรักษาช่วยเหลือชีวิต 2 ฐานนี้ สุดยอดที่จะต้องละเว้นไม่ไปทำร้าย 

เพราะฉะนั้นคนที่จะฉลาดรู้ลึกซึ้งซับซ้อนมาทางคุณธรรม ที่ประเสริฐแท้นี้ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วเอามาสอนไว้คือหลักโลกุตรธรรมกับโลกียธรรม ก็จะต้องมาเรียนรู้กรอบของความวนอยู่ใน cyclic order ของโลกียะ มันมีกรอบของมันอยู่ มันจะฉลาดเอาเปรียบเอารัด ฉลาดวนอยู่ในนี้ แบบเจริญโลกีย์เป็นผู้ชนะ อย่างเก่งก็เป็นผู้ที่สุภาพมีความดีงาม แต่ไม่รู้ลึกซึ้งไปกว่านั้นถึงกรรมถึงวิบาก ความดีงามก็เป็นแค่ความดีงามในระดับโลกีย์ ในระดับขั้นหยาบๆ อยู่ในสมมุติสัจจะ อยู่ในกรรมกิริยาที่คนตื้นๆพูดกัน 

ส่วนกรรมกิริยาที่ละเอียดลึกซึ้งซับซ้อนไปถึงขั้น รูปภพ อรูปภพ เขาไม่มีปัญญาที่จะรู้ แค่กามภพ เขาก็ยังเข้าใจไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข หรือ เป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) ทวาร 5 ข้างนอก แล้วเขาก็ยังติดยึดในรส รสของกามคุณ 5 รสของการได้ลาภ ได้ยศ ได้สรรเสริญ ยังไม่ต้องไปพูดถึงได้สุขเลย สุขทุกข์เขายังยากที่จะรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญแท้คือคนทำงานที่ไม่ไปหลงทำเงิน วันพุธที่ 26 เมษายน 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2566 ( 14:54:50 )

กองวิบากจิต

รายละเอียด

จิตที่เป็นวิบากขันธ์

หนังสืออ้างอิง

จากค้าบุญคือบาป หน้า 314


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:35:21 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:30:39 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:28:42 )

กอบกู้คืนคำว่าปัญญาและบุญเข้ามาอยู่ในสัจจะที่ควรเป็น

รายละเอียด

ทีนี้คำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ว่า ผู้มาฟังธรรมพระพุทธเจ้าได้ฟังสัตบุรุษหรือผู้อยู่ในฐานะครูก็ดี เป็นปัญญาข้อที่ 1 

คนเอาคำว่า ปัญญา ไปปู้ยี่ปู้ยำเป็นโลกีย์ไปหมด ซึ่งเสียความเป็นปัญญาไปหมด อาตมาก็พยายามกอบกู้คืน แต่ก็ต้องอธิบาย เอามาใช้ให้มันถูก เอามาให้ใช้ตามสภาวะ ซึ่งคงจะแก้ไขที่เขาเอาไปใช้ไม่ได้แล้วก็ต้องยอมรับ แม้แต่คำว่าบุญเข้ามาอยู่ในสัจจะที่ควรเป็น แต่ก็ต้องเอาความถูกต้องของเนื้อหาและพวกเราก็ใช้ภาษาเก่าของท่าน เช่น ปัญญานี่แหละ แต่อธิบายสภาวะมันไม่เหมือนอันโน้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 19:10:22 )

กอบกู้ธรรมะพระพุทธเจ้าย่างเข้า 50 ปี

รายละเอียด

ที่อาตมาแวะอธิบายสัจธรรมไป อาตมาเองอาตมาเกิดมาชาตินี้แล้วก็มารู้ตัวว่าเราต้องมาทำงานนี้อย่างแท้จริง เห็นภาระที่ต้องมาแสดงธรรม มาแก้ไขสิ่งที่บกพร่องไปจากของพระพุทธเจ้า หนัก แต่ก็ไม่เคยท้อ ไม่เคยที่จะถอยไปไหนเลย มันยิ่งเห็นว่าเป็นความจำเป็น จำเป็นที่จะต้องมากอบกู้ธรรมะพระพุทธเจ้า ที่จะต้องมาต่อเชื้อ ความผิดเพี้ยนความเสื่อม มันไปใหญ่กันเลย แล้วอาตมาก็ภูมิใจตัวเอง ที่ได้มาทำงาน 50 ปี เข้าไปยังไม่เต็มดี อาตมาบวช2513 ปีนี้2563 ก็ย่างเข้า50 ปีถ้าไปชนวันที่ 7 พ.ย. 2563 ก็ครบเต็ม 50 ปีที่ทำงานศาสนามา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2563 ( 18:23:22 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:51 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:29:23 )

กอบกู้พุทธโลกุตระมากว่า 50 ปีแล้ว ได้ผลอย่างไรบ้าง!

รายละเอียด

อาตมาก็ทำงานกอบกู้“พุทธโลกุตระ”ของพระพุทธเจ้ามาได้กว่า 50 ปีแล้วด้วย  มีคนผู้เรียนตาม ปฏิบัติตาม ได้“หลุดพ้นทุกข์” มีมรรคผลอันเป็น“โลกุตรธรรม”ตามที่อาตมามั่นใจว่าเป็น“สัมมาทิฏฐิ”ต้องแบบนี้กันจนเกิดสังคมพุทธที่เป็น“โลกุตระ” ถึงขั้นพิสูจน์ความมี“วรรณะ 9” ความเป็น“สาราณียธรรม 6”สำเร็จผล มีสังคมหมู่กลุ่มยืนยาวมาได้ถึงกว่า 50 ปีแล้ว  เชิญมาดูมาชม ผลที่เป็น“เอหิปัสสิโก”ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วนี้กันบ้าง ก็น่าจะดีนะ!

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 432 ข้อที่ 592


เวลาบันทึก 08 มิถุนายน 2565 ( 14:59:43 )

กอบกู้สิ่งที่เข้าใจผิด

รายละเอียด

ในยุคนี้มีแต่ความรู้ที่ผิดเพี้ยนไปแล้ว สมณะโพธิรักษ์ต้องมากอบกู้สิ่งที่เขาเข้าใจผิดขึ้นมาใหม่ อย่างเช่น สมาธิ ไปเข้าใจว่าสมาธิเป็นการนั่งหลับตาขอยืนยันว่ามันผิด ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าเลยไม่ใช่ศาสนาพุทธเลย หรือเข้าใจในเรื่องอื่น เช่น เรื่องกาย ก็เข้าใจว่ากายนี้เป็นแต่เพียงภายนอกก็ผิด เข้าใจว่าบุญคือกุศล ก็ผิดอีก ซึ่งท่านก็อธิบายมาตลอด ผู้ที่ยังไม่มีภูมิปัญญาพอและมีความยึดมั่นถือมั่นในความรู้เก่า ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ก็ตีทิ้งท่าน คุณก็จะได้แต่เพียงของเก่า ไม่ได้อะไรใหม่ขึ้นมาเลย ไม่มีปรโตโฆษะ จะจมอยู่ตรงนั้นอีกนานแสนนาน ซึ่งมันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ถ้าไม่ได้รับอันใหม่เข้าไปก็จะมิจฉาทิฐิไปอีกหลายล้านชาติขอยืนยันเลย

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:13:28 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:42:56 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:29:58 )

กอบกู้เรื่องผิดเพี้ยน เรื่องฌานวิมุติต้องลืมตา

รายละเอียด

อุปธิวิเวกมี 3 หากคุณไม่สัมมาทิฏฐิที่จะรู้จักกิเลส อุปธิ มี กิเลส ขันธ์ 5 อภิสังขาร หากไม่รู้จักการทำใจให้เกิดอธิ ทำฌาน ตามจรณะ 15 ฌานต้องปฏิบัติจรณะ 11 กับวิชชา 8 จึงเกิดฌาน 1 2 3 4 ฌานศีลนั่งหลับตาไม่มีศีลไม่มีสำรวมอินทรีย์โภชเนมัตตัญญุตาไม่มีชาคริยานุโยคะ เป็นฌานไม่ตื่น เป็นชานหมาก ไม่ใช่ฌานที่เป็นพลังงานไฟหรือพลังงานอุณหธาตุเผากิเลสสรุปอีกทีนั่งหลับตาเลิกได้แล้ว ไม่มีคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ไปนั่งหลับตา สร้างฌานสร้างวิมุติต้องลืมตา สร้างฌานตอนลืมตาตื่นๆ สร้างด้วยการมีผัสสะ พยายามศึกษาให้เข้าใจให้ดีๆ ตั้งใจฟังอาตมามารื้อ รื้อทำลายเรื่องที่ผิดเพี้ยนไปจากของพระพุทธเจ้า เรื่องไปหลับตาปฏิบัติ นี่คือจรณะวิชชาเป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้า ฌานก็ไปนั่งหลับตาแบบเดียรถีย์ฌานต้องลืมตาปฏิบัติตามจรณะ 15 วิชชา 8 จึงเกิดอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิวิมุติของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 20:41:05 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:45:18 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:31:04 )

กอบกู้เศรษฐกิจประเทศชาติด้วยมาเป็นคนจนให้สำเร็จ

รายละเอียด

เราเรียนเรื่องความจนแล้วมาประพฤติปฏิบัติให้มาเป็นคนจนให้สำเร็จ คือการกอบกู้เศรษฐกิจประเทศชาติ แล้วมันกินลึกไปถึงการเมือง กินลึกไปถึงสังคมด้วย การมาเป็นคนจนนี่ แล้วทุกคนก็ยินดีในความจน การเมืองก็ดีการบริหารก็ดี มีเงินเป็นหลักหมดเลย 

เพราะฉะนั้นผู้ที่สำเร็จอาชญวิทยาก็เลยพยายามมีเงินให้มาก ใช้เงิน จนกระทั่งทุกวันนี้เลยกลายเป็นคนยิ่งใหญ่ในวงการการเมือง คนอื่นก็เลยลอกเลียนแบบซับซ้อน 

เพราะฉะนั้นถ้าใครเข้าใจวิธีการของทักษิณได้ เป็นวิธีการที่เลวร้าย แต่ประเทศไทยเข้าใจเรื่องทักษิโณมิกส์ เป็นวิธีการการเมืองที่เลวร้ายที่สุด คนไทยเข้าใจขึ้น เพราะมีตัวอย่างให้เห็นจริงๆ เพราะฉะนั้นจึงต้องขอบคุณทักษิณที่ประพฤติความเลวร้าย สมกับที่เรียนจบด็อกเตอร์อาชญวิทยา เป็นตัวอย่างทักษิโณมิกส์ให้เห็น ถึงอย่างไรคนส่วนใหญ่ก็พอเข้าใจมีคนงมงายเป็นจำนวนน้อย ถ้าเข้าใจซ้อนลงไปอีกว่า ยิ่งเป็นผู้บริหาร และเป็นคนไม่สะสม เป็นคนไม่โลภโมโทสันเป็นคนจน ประเทศชาติจึงเป็นประเทศที่เจริญ บริหารแบบคนจนดังที่ในหลวงตรัส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 12:01:30 )

กอบกู้เศรษฐกิจหรือจะพัฒนาเศรษฐกิจต้องทำทฤษฎีนี้

รายละเอียด

ซึ่ง จะทำให้เป็นอยู่ จะพัฒนาเศรษฐกิจสังคมประเทศ จะไปเอาเรื่อง แชร์วัตถุ แชร์เงินทอง ไม่สำเร็จหรอก ต้องมาให้คนมักน้อยสันโดษ ต้องมาให้คนมีใจพอให้มักน้อย ให้มาจน จิตใจลดกิเลส และก็ มีปัญญา มีความรู้จน รู้ว่าพอแล้วไม่มากไม่น้อย แต่ ทำงานมาก มีสมรรถนะมาก มีความรู้ความสามารถ แต่ตัวเองใช้น้อย อย่างเช่นอาตมา งานค่าตัว ก็จะว่าแพงก็แพงนะ ค่าตัวอาตมาวันหนึ่งต้องเป็นแสนๆนะ ค่าตัว เมื่อเทียบกับทุนนิยมของเขา อาตมาต้องแพงกว่าแสนด้วยซ้ำไป เมื่อเทียบกับพวกทุนนิยมที่เขามีรายได้ประจำ แต่อาตมาใช้อาศัยของตัวเอง เดือนหนึ่งวันหนึ่ง ปีหนึ่ง ของตัวเองไม่เท่าไหร่เลย เพราะฉะนั้นอาตมาจึงมีเยอะ แล้วสะพัดออกไปเกื้อกูลคนอื่น เรา จึง เป็นคนมีกำไร ไม่ใช่ขาดทุน เพราะเรามีการเสียสละ มีการให้คนอื่นได้ตลอด จึงมีเยอะ ทุกคนเข้าใจอย่างนี้ทุกคนก็มาเป็นคนอย่างนี้ รวมกันหลายๆคนมันก็เป็นนักสร้าง และเป็นนักเหลือ แล้วสะพัดให้แก่คนอื่น ให้แก่คนอื่นที่เศรษฐกิจ ก็สะพัดไป เขาเดือดร้อนไม่มีฐานะรายได้เพียงพอ กอบกู้เศรษฐกิจหรือจะพัฒนาเศรษฐกิจ ต้องทำทฤษฎีนี้ ไม่ใช่ทฤษฎีที่จะไปเพ่งที่วัตถุเงินทองที่เป็นสมบัติผลัดกันชมแล้วก็แย่งกันตลอดกาล และก็แย่งตีกันด้วย แต่อันนี้จบอย่างพวกเราชาวอโศก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 13:21:05 )

กะเทยมาบวชไม่ได้

รายละเอียด

คือกะเทยมันก็เกินกำหนดที่พระพุทธเจ้าท่านได้บัญญัติเลยนะ ไม่ยุ่งไม่เกี่ยว  ตอบให้ได้เลย ว่าไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยว กับกะเทยเขา  กะเทยมาบวชไม่ได้  ถ้ารู้ภายหลังก็ให้สึก  แต่เดี๋ยวนี้มันเลอะเทอะไปหมดแล้ว จนกระทั้งเลเทะไปหมดแล้ว  ศาสนามันเสื่อมไม่รู้จะให้พูดอย่างไร

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:50:31 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:58 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:31:41 )

กะเทยหรือพวกผิดเพศคือพวกที่เป็นเหยื่อของนายทุน

รายละเอียด

ผู้ใดที่ไปหลงใหล เด็กๆเขาเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาแล้วไม่อยากเลิก ไม่คิดจะเลิก คุณจะติดแล้วตกเป็นทาสของลูกค้าเบี้ยในกระดานของพวกทุนนิยม เขาจะใช้คุณเป็นเหยื่อ ในชีวิตคนต่อไป ขอใช้ภาษาง่ายๆว่า กะเทยหรือพวกผิดเพศคือพวกที่เป็นเหยื่อของนายทุน ถูกหลอกปักหัวใช้ มันสุดยอดเลย จะกลายเป็นทาสอยู่ในกระดานหมากรุกโลก หรืออยู่ในสังคมโลกไปเลยทีเดียว ต้องดูตัวให้ดี จะกลายเป็นตกเป็นทาสที่ปล่อยไม่ไป หนักหนาสาหัส อย่านึกผยองในอัตตาตัวเอง หลงติดในความเป็นเพศ เป็นเพศไม่ปกตินี้ รักร่วมเพศพวกนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 10:07:51 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์