คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
นี่ขนาดเป็นผู้มีกู๊ดวิน เป็นที่ยอมรับทางสังคมก็ยังเข้าใจทางเทวนิยมทางลูกศิษย์มหาบัวเยอะเลย อาตมาพูดกับพวกเขาถ้าพูดเรื่องธรรมะประเดี๋ยวไม่ได้พูดต่อต้องพูดเรื่องอื่น พูดเรื่องโลกเรื่องสังคมการเมืองได้แต่อย่าเป็นเรื่องธรรมะไม่ได้ เพราะมันยังข้ามขีดข้ามเขตมาเป็นโลกุตระที่สะอาดบริสุทธิ์จริงๆไม่ได้ยังยาก
พระพุทธเจ้าจึงตรัสจริงๆว่าโลกุตระของท่าน คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34)
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:58:31 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าถึงบอกว่าถ้าผู้ใดที่เข้าใจแล้วจะอธิบายธรรมะไม่ยาก แต่ที่จริงนั้นบอกว่าธรรมะโลกุตระมันแสนยากนะ แต่อธิบายให้ไม่ยากนี่ต่างหากคือผู้ที่ ทำให้ความเกิดเป็นสิริมหามายาเป็นแม่ได้ แล้วก็มีความสำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า ทำไมแม่ของพระพุทธเจ้าจึงได้มีอายุแค่ 7 วันหลัง
คลอด 7 วันตาย เป็นผู้ให้กำเนิดจบเสร็จแล้วตัดเลยไม่ยึดมั่นถือมั่นต่อไปว่าเป็นเราเป็นของเราอะไรหรอก ทำงานด้วยพลังงานตัวที่ 7 พลังงาน cyclic order เป็น 2 รอบ 1 2 3 ก็คือ ที่ 1 และ 4 5 6 ก็คือรอบที่ 2 เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่รู้แล้วคุณทำ 6 ทำ 7 แล้วไปถึง 9 คุณจะต้องไป 10 มันก็ไม่มีที่จบสิ เพราะฉะนั้นพลังงานตัว 7 จึงเป็นพลังงานที่สูงส่งพลังงานที่แรงที่สุด คุณจะต้องรู้ว่าตัว 7 นี้ทำแรงสูงสุดแล้วหลังจากนั้นคุณจะต้องเบา อาตมาเอาสภาวธรรมของอาตมามาพูดสู่ฟัง
เรื่องแม่ก็ขอสรุป อาตมาเอาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผยมาถึงวันนี้แล้วมีแม่ แม่มี พ่อมี อัตถิมาตา อัตถิปิตา อัตถิ สัตตาโอปปาติกา จิตวิญญาณนั้นเป็นการเกิดทาง โอปปาติกโยนิ หยาบที่สุดคือ ศีลเป็นแม่ ปัญญาเป็นพ่อคุณก็ไปปฏิบัติเอาก็จะเกิดโอปปาติกสัตว์ เป็นสัตว์ทางจิตเกิดบรรลุธรรม เกิดจากสัตว์นรกเกิดจากสัตว์เดรัจฉาน เกิดมาเป็นอาริยบุคคลเกิดมาเป็นพระอาริยะสูงจนกระทั่งเป็นอรหันต์ก็จบรอบ อรหันต์แต่ละองค์รู้จักจบรอบ จบกิจเสร็จกิจ ภาษาก็สื่อสภาวะอย่างนี้วนเวียนอย่างนี้ คนไปทำจริงก็สรุปได้ทั้งภาษาสรุปได้ทั้งสภาวะ อ๋อ ใช่แล้วภาษาอย่างนี้บอกจบกิจ อรหันต์ผลหมดกิเลส สิ้นกิเลสแล้ว หมดดับ แม้แต่ อรูป กิเลสก็ไม่มีแล้ว คุณก็ต้องเป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ ก็ต้องรู้ของตัวเอง ไม่มีใครรู้แทนกันได้ ถ้าคุณรู้ผิดมันก็ผิด ก็ต้องพยายามให้มันถูกสิให้สัมมา
เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าการจะปฏิบัติ การจะไปเรียนรู้ ถ้าไม่มีหมู่กลุ่มถ้าไม่มีครูบาอาจารย์ มันรู้เองไม่ได้ โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้านี้ มันเป็นนามธรรมเหลือเกิน แล้วมันมีหลักสูตรพระพุทธเจ้าสอนไว้ครบ อาตมาก็อธิบายจนกระทั่ง อาตมาไม่เคยเมื่อย อาตมาไม่เคยเบื่อในการที่จะเขียนหนังสือ นี่อาตมารู้สึกว่า จะเขียนไปถึงไหน อาตมาเขียนหนังสือมากว่าร้อยเรื่อง นี่ เป็นเล่มๆๆ พิมพ์มาทั้งหมดไม่รู้กี่ล้านเล่มแล้ว แต่เขาไม่ค่อยอ่านกันหรอก เขาไปอ่านหนังสืออื่นกัน คนที่อ่านหนังสืออาตมาก็เป็นวาสนาของอาตมา เออ อุตส่าห์มาอ่านของเราบ้าง แล้วยิ่งได้รับรู้ได้เข้าใจ ได้มรรคได้ผล โอ้โหก็เป็นวาสนาของโพธิรักษ์เพิ่มขึ้น
ก็ต้องอ่าน ต้องรับรู้ ต้องฟัง ต้องอ่าน ไม่งั้นคุณก็ต้องเป็นเองสิ คุณก็เป็นโพธิสัตว์ระดับนั้น ระดับนี้ มาเลยสิ มันเป็นไม่ได้ถ้าไม่มีของจริงรองรับ อาตมาเสแสร้งได้อย่างไร อาตมาไปเอามาจากใคร อาตมาบอกว่าเอามาจากของตนเอง ไม่มีครูบาอาจารย์ พระไตรปิฎก คนอ่านพระไตรปิฎกมากกว่าอาตมาเยอะแยะ พวกเราอ่านพระไตรปิฎกมากกว่าอาตมาก็หลายผู้หลายคน อาตมาไม่ได้เป็นนักอ่านเลยแต่ไหนแต่ไรมา อาตมาเรียนหนังสือมาไม่เคยอ่านหนังสือ ทำการบ้านทำบ้าง ทำแล้วก็ทำไม่จบ
อาตมาเคยเล่า ทำคณิตศาสตร์พีชคณิต ครูอาจ บัวขาวสอนอยู่โรงเรียนเบญจมมหาราช แกให้การบ้านทีละ 80 ข้อ แล้วใครมันจะไปทำทัน เราก็ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง เสร็จแล้วแกก็ตีด้วย ตีข้อละที แล้วตีไม่ไหว เพราะเด็กทำไม่เสร็จ วันนี้ก็ 30 คนนี้ก็ 20 ข้อก็ตีไม่ไหวหรอกแกก็เลยตีผ่อนส่ง อาตมารู้จักการผ่อนส่งจากครูอาจ บัวขาว โอ้โห เป็นการตีผ่อนส่ง ไอ้คนนี้ไม่ทำมา 80 ก็ไม่ทำมา 30 ข้อ ตีทีละ 10 20 แล้วจำไว้ ต๊ะไว้ก่อนวันหลังมาตีต่อ แกตีไม่หมดหรอก อันนี้ก็เล่าความจริงสู่ฟัง ทีนี้อาตมาไม่เคยโดนตีเลยทั้งที่อาตมาไม่ได้ทำการบ้าน
อาตมาไม่หลบแก มีจิตวิทยาตัวนี้ ไม่หลบ แกก็ไม่ทันตรวจไม่รู้ แกก็ไปตรวจดูคนอื่น แกก็จับได้ แกก็มีปฏิภาณไซโคโลจี้ของแก คนที่หลบๆนี่แหละคือคนไม่ทำ ตรวจทีไรก็เจอทุกที แต่อาตมาถ้าตรวจก็เจอ แต่แกไม่ได้ตรวจเพราะอาตมาสู้หน้า ไม่กลัว ไม่หลบ เป็นจิตวิทยาง่ายๆไม่ได้ยากอะไรใช่ไหม สู้ได้ นี่ก็เป็นของอาตมา ปฏิภาณอาตมารอดตัวมาได้ ไม่โดนไม้เรียว สรุปแล้วก็เป็นประโยชน์ต่อกันและกันนี่แหละคือเป็นแม่ เป็นลูก แล้วประโยชน์อันสูงสุดก็คือโลกุตรธรรม อาตมาเกิดมาชาตินี้ก็พูดหลายทีแล้วว่า อาตมาไม่ได้เสียชาติเกิด เกิดมาแล้วก็นำธรรมะโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้ามาสถาปนาลงไปในคน ให้รับได้ พวกคุณก็มีบารมีที่จะรับฟังโลกุตรธรรมได้ เอาไปปฏิบัติได้ด้วยจึงเกิดหมู่กลุ่มชุมชน
มันเสแสร้งไม่นานหรอก มันเสแสร้งไม่ได้ตลอดหรอก มันเสแสร้งอยู่ไม่นาน แต่พวกคุณไม่ได้เสแสร้ง มันจึงอยู่ได้ แล้วก็อยู่กันไป ใครกะว่าจะให้เผาที่เฮือนสุดชีวิตบ้าง ใครกะยังงั้นบ้าง ไปเผาที่อื่นก็ได้ ไปอยู่ปฐมอโศกก็เมรุที่ปฐมอโศกได้ เรามีหลายเมรุอยู่ ที่ศรีษะอโศกก็มี ที่สีมาก็มี มีเมรุ มีอีกหลายแห่ง ยังเหลือแต่กรุงเทพฯสร้างเมรุไม่ได้ อาตมาเคยคิดจะสร้างที่ชั้นยอดดาดฟ้าของตึก จะสร้างตึกแล้วทำดาดฟ้าแล้วจะขอเทศบาลเขาทำกองฟอนเผา เขาจะอนุญาตไหม เคยคิดแต่ไม่ได้ทำ อาศัยเมรุที่อื่นไปพอได้ ถ้าไปทำก็ลงทุนมาก ตึกเราก็ไม่ได้ทำด้วยที่สันติอโศก มันก็มีตึกอาศัยอยู่ตั้งหลายตึกแล้ว ตึก 7 ชั้นกี่ชั้นอะไรบ้าง ไม่ใช่น้อย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นแม่ที่ให้กำเนิดโลกุตรจิต วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2566 ( 12:48:28 )
รายละเอียด
1. มีอายุหะ คือ มีอิทธิบาท เป็นเครื่องแสดง
2. มีวรรณะ คือ มีศีลผุดผ่อง เป็นเครื่องแสดง
3. มีสุขะ คือ มีฌาน4 เป็นเครื่องแสดง
4. มีโภคะ คือ มีพรหมวิหาร4 เป็นเครื่องแสดง
5. มีพละ คือ มีวิมุติหลุดพ้น เป็นพลังแสดง
คำอธิบาย
ในบรรดา "พร" ทั้ง "อายุ-วรรณะ-สุข-โภคะ-พละ" นั้น ล้วนเป็น "ความประเสริฐ" ให้แก่ชีวิต จะมี "พร" หรือได้ความประเสริฐหรือไม่ ก็ดูที่มี "อิทธิบาท" เป็นเครื่องแสดงอยู่โทนโท่ในตัวผู้บรรลุพรนั้น คือ "ผู้มีอายุ" (อายูหา) จะเห็นปรากฏได้ว่า ผู้นั้นมีความพอใจในการงานในชีวิต (ฉันทะ) มีความขยันหมั่นเพียรในการงานในชีวิต (วิริยะ) มีความเอาใจใส่ในการงานในชีวิต (จิตตะ) มีความพิจารณาไตร่ตรองในการงานในชีวิต (วิมังสา)
ที่มา ที่ไป
จักกวัตติสูตร เล่ม 11 ข้อ 50, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2562 ( 14:22:26 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:55:46 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 13:52:40 )
รายละเอียด
ดูกรอานนท์ ก็ธรรมปริยายชื่อว่า”ธรรมาทาส” ซึ่งเป็นธรรมที่มีอยู่ในพระอริยสาวกผู้ใด
ย่อมพยากรณ์ตนเองได้ว่า ตัวเราเป็นพระโสดาบันแล้ว ดังนี้นั้น เป็นไฉน?
1. เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
2. เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม
3. เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
4. เป็นผู้ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท
วิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิลูบคลำไม่ได้ เป็นไปเพื่อสมาธิ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:37:37 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นทางโน้นมา แม้จะเป็นพวกที่อยู่ในอาณัติของฝ่ายรัฐบาล ก็ยังเป็นคนไทยมีคุณธรรมอุตตริมนุสสธรรม เขาจึงไม่กล้า เช่น ตำรวจเขาสั่งให้มาฆ่าเราให้หมดเลยนะ พวกอโศก พวกกองทัพธรรม กวาดให้หมดเลยนะ ตำรวจสั่งการ ลากโล่ห์มาแล้วนะ แต่เขาทำไม่ลง พวกนี้เขานั่งสงบ นั่งประนมมือแล้วเขาจะทำได้อย่างไร มีเหตุการณ์จริงเรื่องจริงเขาก็ต้องถอยทัพกลับไป เสร็จแล้วมายิงระเบิดใส่บ้าง ก็ลากโล่ห์ถูลู่ถูกังไป รายละเอียดเหล่านี้เป็นเรื่องจริงจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยจบ พลเอกประยุทธ์ขึ้นมาก็จึงสมบูรณ์แบบ
นี่คือสัจธรรมที่จะบอกว่าเป็นเรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างธรรมะกับอธรรม เรียกว่า ธรรมาธรรมะสงคราม ธรรมะก็ต้องชนะอธรรมโดยสัจจะของมัน ถ้าหากอธรรมชนะธรรมะ มันก็ผิดจากสัจจะ ซึ่งมันก็มีอยู่ในโลกหลายประเทศ อธรรมชนะธรรมะ พวกนายทุนพวกอำนาจบาตรใหญ่ก็ใช้อำนาจอธรรมชนะธรรมในหลายประเทศ แต่หลายประเทศก็มีธรรมะชนะอธรรมก็อยู่อย่างสงบสบาย อย่างเช่นประเทศไทย เราพูดนี้ไม่ได้ยกย่องตัวเอง ไม่ได้หลงตัวเอง แต่ย้ำยืนยันความจริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40
ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:29:11 )
รายละเอียด
แล้วงานพวกนี้ งานที่ทำที่พูดถึงศีลเรามารบราฆ่าฟันกัน เป็นธรรมาธรรมะสงครามก็เป็นสงครามของคนชั้นสูง เป็นของเวไนยสัตว์ เป็นการรบของเทพ เทวดา พระพรหม การรบของคนชั้นสูง ส่วนการรบขี้หมูขี้หมานั่น ที่เขาแย่งกากเศษ แย่งลาภยศสรรเสริญ แย่งอำนาจอบายมุขกันอยู่ เราไม่ต้องไปอะไรกับเขา มันเป็นคนละเรื่องที่เราไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเขาแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ
วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:08:41 )
รายละเอียด
วัฏฏภิรตโสดาบัน ผู้ยังติดแป้นในฐานแห่งสุขอยู่ โดยไม่ยอมเลื่อนฐานให้เกิด “Co-Efficient” ให้มีวุฒิภาวะที่ก้าวหน้าขึ้น จึงจัดอยู่ใน ฐีติบุคคล ที่แม้จะรู้ทางไปสู่ที่สูงแต่ก็ยังอสุรกาย ไม่ยอมลำบากที่จะละทิ้ง “วัฏฏะอันน่าภิรมย์” (ภิรตา) นี้ พระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญความหยุดอยู่ แต่สรรเสริญผู้ที่ ตั้งตนอยู่บนความลำบาก กุศลธรรมจึงจะ Co-Efficient เจริญยิ่ง
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2562 ( 21:47:32 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:41 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 13:55:38 )
รายละเอียด
ธรรมที่เป็นอำนาจ
หนังสืออ้างอิง
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 357
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 13:07:55 )
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:30:14 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 13:59:58 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าท่านมีอธิปไตยจนมีธรรมาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ ธรรมาธิปไตยนี่แหละก็คือประชาธิปไตย เป็นไปเพื่อประชาชน พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) เป็นพยัญชนะระบุที่ชัดเจนว่าทำประโยชน์เพื่อประชาชน คำว่าสุขเป็นเรื่องซับซ้อนที่ไม่ใช่ความสุขแบบโลกีย แต่เป็นสุขโลกุตระ วูปสโมสุข หรือปรมังสุขัง ยิ่งกว่าสุขโลกีย์ทางโลก ต้องเข้าใจสภาวะจึงต้องเข้าใจความสุขที่ไม่ใช่ความสุขที่เกิดจากกามคุณโลกธรรม อัตตา ต้องรู้อย่างปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติจะรู้เองเข้าใจเองเห็นเอง
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:40:27 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:26 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 13:57:55 )
รายละเอียด
คือความสมดุล ดำเนินไปอย่างหมุนรอบเชิงซ้อนของพลวัต มันจะหมุนไปอย่างสันติ ราบรื่น เรียบร้อย ง่ายงาม Cyclic order แต่ในความสมดุลหรือในความเคลื่อนไหว ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลย ที่จะไม่มีทศนิยม ถ้าจบทศนิยม ไม่มีเลย 00 แล้วไม่มีทศนิยมเติมเพ่ม ผลักดันให้เคลื่อนที่ มันก็จะมีแต่ ชรตา หากจะให้ไปต่อต้องมีตัวกระตุก หากไม่มีอะไรกระตุกเลย ก็เข้าสู่ ชรตา จะให้เจริญอยู่จะต้องมีตัวค้าน โดยธรรมชาติพอสมควรมากไปก็วุ่นวาย มันก็ต้องมีหมาเห่าใบตองแห้งบ้างเพื่อเป็นตัวกระตุ้น
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 12:43:10 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:09:50 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:00:33 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 13:54:24 )
รายละเอียด
ตามประสาอาตมาก็เห็นว่าเมืองไทยนี้ มีตัวอย่างคนที่แย่ที่สุด แย่ชนิดที่เลวซับซ้อน กับคนที่ดีซับซ้อน คนที่ดีมาก ดีซับซ้อน กับคนที่เลวซับซ้อน ก็เห็นกันอยู่ชัดๆเลย อาตมาชัดนะ แต่ก็เห็นใจในคนที่เข้าใจไม่ค่อยได้
เพราะว่าคนจะเข้าใจ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เป็นคนหมดในการที่จะติด ติด ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แล้วก็ตัดขาด ไม่ติดแล้ว ตัดขาดเลย เหมือนพระพุทธเจ้าท่านตัดขาด พอท่านเห็นว่าไม่เอาแล้ว เรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ท่านก็ตัดปึ๊บ แล้วก็ออกมาพระบาทเปล่า ใช้ผ้าบังสุกุลนุ่งห่ม ซึ่งท่านเป็นกษัตริย์นะ ท่านเคยใส่รองเท้าทอง ทุกอย่างที่ใช้ฉลององค์ มันมีแต่อย่างชั้นดีหมด ท่านตัดพรวดเลย ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ยศชั้นต่างๆ หมด ทิ้งหมด มาเป็นคนเสมอสมานกับคนชั้นธรรมดา ธรรมชาติ ยิ่งอินเดียเขามีทั้งจัณฑาล มีทั้งศูทร มีทั้งแพศย์ มีทั้งกษัตริย์ พราหมณ์อะไร ยศชั้นถือชั้นวรรณะกันหนัก ท่านมาทำลายชั้นวรรณะหมดเลย มาบวชอยู่ในศาสนาพระพุทธเจ้าถือธรรมวินัยนี้ เลิกชั้นวรรณะ
ชั้นวรรณะ อินเดียเขาติดจัดจนกระทั่งสุดท้ายเขาเลิกไม่ได้เลย Dr. Embeggars พยายาม เพราะ Dr. Embeggars แกเป็นจัณฑาล เป็นคนร่างรัฐธรรมนูญของอินเดียฉบับเดียว แล้วเดี๋ยวนี้ก็ยังใช้ฉบับนี้มาตลอด นี่ เรียกว่า static ไม่เปลี่ยนแปลง แล้วเขาก็อยู่ของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย อาตมาดูตามภูมิของอาตมาเห็นโลกเขาทั้งโลก เอาคำว่าประชาธิปไตย มาพูด คำว่าอธิปไตยเป็นของประชาชน ประชาแล้วก็อธิปไตยเรียกว่าประชาธิปไตย อธิปไตยคืออำนาจ หรือกำลัง หรือพลังงาน หรือเรียกว่าแรง เรียกว่าฤทธิ์ยังได้เลย เป็นพลังงานแท้ๆ
เพราะฉะนั้นพลังงานหรืออำนาจ หรือฤทธิ์แรง หรือกำลังของมัน ซึ่งมันมี ท่านแยกเอาไว้เป็น 3 อธิปไตย 3 ได้แก่ โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย และ ธรรมาธิปไตย ในยุคของพระพุทธเจ้า ในสมัยพระพุทธเจ้ายังไม่มีภาษานี้ ประชาธิปไตย เพราะมันเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ยังไม่มีพยัญชนะ ยังไม่มีภาษา แต่พระพุทธเจ้าท่านทำของท่านแล้ว เป็นประชาธิปไตยแล้ว ทุกคนเสมอสมานกันหมด เลิกแม้แต่วรรณะ ผู้ใดมาอยู่ในรีตของพระพุทธเจ้ามาได้หมด ไม่ว่าจะเป็นจัณฑาล หรือ ศูทร แพศย์ ไม่ได้ติดยึดเลย ทำลายกำแพงของวรรณะได้หมด
แล้วก็เข้าใจความสัมพันธ์เรียกว่าโลก ความสัมพันธ์คือการเกี่ยวข้องกันอยู่กับภายนอก-ภายใน กับคนทั้งปวง กับพฤติกรรมทั้งปวง กับจิตวิญญาณทั้งปวง จะเข้ากันได้อย่างไร เสมอสมานกันได้อย่างไร มีอะไรเป็นเหตุ ก็มีตัวโง่เป็นเหตุ ตัวถือดี ถือตัว ถือโลก ถือชั้นวรรณะของโลก ลาภยศสรรเสริญ ทุกวันนี้ที่ว่าไม่มีชั้นวรรณะ ที่ไหนก็มีชั้นวรรณะ คนรวยคนจนแบ่งชั้นวรรณะ ดีไม่ดีอย่างอเมริกานี้ถือผิวอีก ชั้นวรรณะ คนรวยคนจนไม่ต้องพูดเลย อย่างอเมริกาเขาว่าเขาไม่ถือ ปัดโธ่ เขาถือยิ่งกว่าอะไรดี เขาไม่มีความรู้จริง ไม่รู้จริงในจิตเจตสิกว่าเขายึดถือหรือไม่ยึดถือ เขาไม่รู้หรอก ไม่รู้ตัว เขาก็ทำกันปนกันเละ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสเรื่องให้รู้ว่ามีการเกี่ยวข้อง มีพลังงานหรือว่ามีแรงมีฤทธิ์เกี่ยวข้องกัน เป็นแรงเป็นอำนาจกับสิ่งที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอยู่ทางภายนอก อัตตาคือตัวเรา เรายึดถือตัว เรายึดเข้าไปในตัวเราหนักยิ่งๆๆๆขึ้นไปเลย มันก็ยิ่งลึกเข้าไปในตัวอัตตา ส่วนโลกก็กว้างออกไปจนกระทั่งกลายเป็นเฟ้อ เป็นเพ้อเจ้อ เป็นฟุ้งซ่าน แล้วก็นึกว่านั่นแหละได้มาก ฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อได้มาก ไม่มีตัวไม่มีตน ไม่มีเรื่องจริง ก็เละไปหมดเลย เป็นนิรมาณกาย เป็นสิ่งที่ไม่มีของจริง สร้างภพสร้างชาติขึ้นมาหลงกันไป พระพุทธเจ้าให้ตัดสินเรื่องของประโยชน์ เรียกว่า อายะ
1. พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)
2. พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)
3. โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
อายะ แปลว่าประโยชน์ ผลได้ สิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นผลได้ เป็นรายได้ สิ่งที่ได้ เป็นสิ่งที่อาศัยในชีวิต พหุชนะนี่แหละ คือคำขยายความได้ว่า มวลประชาชน พหุคือมาก ชนะก็คือชน คือคน ประชาชน พหุนั่นแหละยิ่งชัดกว่าประชาชนอีก คือส่วนใหญ่เลย พหุชนะ ประชาชนก็ชี้เป็น ประชา ก็คือชน ประชา ประชุม กลุ่ม แต่มันก็ยังไม่ชัดเท่า พหุ คือชนส่วนมาก อันนี้ประชุมกันอยู่ก็กลุ่มหนึ่ง อันนี้ปลายเปิดเลย พหุเลยมาก คำว่าประชาชนนี้ สู้คำว่า พหุชน ของพระพุทธเจ้าไม่ได้ พหุชนคือรวมเลย อย่าว่าแต่หมายถึงประเทศเดียว ประชาธิปไตยมีใจกว้างไปจนถึงต่างประเทศ ไม่มีขีดคั่น ถึงขั้นไม่มีขีดคั่น
ถ้าเราสามารถทำได้ จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์คุณค่า เป็นไปเพื่อประโยชน์เรียกว่า หิตะ เป็นไปเพื่อความสุข สุขสงบ สุขอย่างสมาน สุขอย่าง อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนความเสียสละ แก่มวลประชาชนเป็นอันมากได้ ผู้ทำได้ ท่านก็สรุปลงไปว่านี่แหละมันเป็นโลก มันเป็นทั้งหมดที่ไปเชื่อมกับโลกข้างนอกเขา ไปได้กว้างขึ้นเท่าไหร่ก็แล้วแต่ โลกานุกัมปา ตามความเก่งตามความเป็นจริงที่จะเป็นประโยชน์แก่กันและกัน อนุกัมปา อนุกัมปะ ไป อนุกัมปะ อายะ อนุกัมปายะ เป็นศัพท์ที่มันรวมไว้หมดเลย เป็นปลายเปิด เป็นศัพท์ที่รวมทำได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น โลกกว้างขึ้น เอื้อมเอื้อเกื้อกว้างเข้าไปได้มากเท่าใด ก็ทำประโยชน์ ก็คือ หิตะ หรือทำให้เขาสุข
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บทพิสูจน์สัจจะของโลกุตรธรรม ที่ครบครันทั้งรูปทั้งนาม วันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2566 ( 14:26:17 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 09:58:50 )
รายละเอียด
1. ทำตาม ๆ เขาไป เพราะเห็นว่าเป็นธรรม
2. ผู้ปฏิบัติที่ใช้ปัญญา ไตร่ตรอง พิจารณา ตัดสินกระทำนำอยู่เสมอ
หนังสืออ้างอิง
พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 99
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 21:24:00 )
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:30:52 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:05:03 )
รายละเอียด
1. ทำตาม ๆ เขาไป เพราะเห็นว่าเป็นธรรม
2. ผู้ปฏิบัติที่ใช้ปัญญา ไตร่ตรอง พิจารณา ตัดสินกระทำนำอยู่เสมอ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 105
ทางเอก ภาค 2 หน้า 364
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 21:31:50 )
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:32:06 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:07:41 )
รายละเอียด
ได้พูดคุยกับ ดร.สุริยะใส กตะศิลา มาไม่กี่วัน พูดถึงเรื่องนักวิชาการ เขาเป็นคณบดีทางด้านนี้อยู่ ก็พูดถึงเรื่อง Good Governance พูดถึง ธรรมาภิบาล
คำว่า ธรรมาภิบาล ในยุคพระพุทธเจ้าพูดกันไม่รู้เรื่องหรอก เพราะเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มันมีอภิบาลกันจริงๆ แต่มันไม่เป็นธรรมะ อภิบาลกันแบบเผด็จการ อภิบาลแบบพระราชาเป็นเจ้าชีวิตเลย จะสั่งฆ่าใครได้หมด เป็นยุคทาส เป็นยุคไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน เลยเป็นแบบอัตตาธิปไตย สังคมเป็นอัตตาธิปไตย ได้มีความรู้ทางการเมืองทางสังคม ความเป็นมนุษยชาติ มีอธิปไตยของพระพุทธเจ้า ที่ยิ่งใหญ่ ในยุคโน้นใช้ภาษาว่าเป็น ธรรมาธิปไตย
ถ้าจะอธิบายคำ 2 คำ คำว่า ธรรมาภิบาล กับ ธรรมาธิปไตย
ธรรมาภิบาล ก็คือสมมุติสัจจะ หรือ สมมุติธรรม
ส่วน ธรรมาธิปไตย นั้นเป็นปรมัตถธรรม หรือ เป็นปรมัตถสัจจะ
ธรรมาภิบาลคือ การอภิบาลกันด้วยธรรมะ ซึ่งต้องเป็นธรรมะที่ดี Good Governance ต้องเป็นธรรมะที่ดี ที่สุจริต จึงจะเรียกว่าเป็น good ตามหลักวิชาเขา
ธรรมาธิปไตย คือ อธิปไตยหรือ พลังอำนาจที่เป็นธรรม อธิปไตยคือพลัง หรืออำนาจที่เป็นธรรมะ มันเจาะลึกเข้าไปถึงความเป็น เอาผู้ที่มีอธิปไตย มีอำนาจ มีธรรมะ แล้วทำงานเป็นธรรมาภิบาล
ธรรมาภิบาลธรรมาภิบาล จึงเป็นการบริหาร เป็นการปกครอง ในโลกียะหรือประเทศที่มีศาสนาเป็นเทวนิยม โลกียะคือประเทศที่มีศาสนาเป็นเทวนิยม ก็มีโลกียธรรมของเขายังมีแค่โลกียะ มันเป็นสัจจะ เป็นความจริงที่เขามี ชาวเทวนิยมชัดๆก็คือ ชาวตะวันตก แม้ตะวันออกกลางก็ตาม ยังเป็นเทวนิยมอยู่อย่างนั้น เขาก็มีแค่ โลกียธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ งานโพธิบูชากตัญญู ครั้งที่ 3
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565 แรม 15 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 12:47:43 )
รายละเอียด
1. รสรู้สึก
2. อาการรับรู้ หรือความรู้สึก
3. รสของความคิด
4. วิญญาณของจิต คือตัวรับรู้ หรือรับรสของจิต
5. อารมณ์นี้เป็นธรรมขั้นละเอียดจริง
6. รู้รสที่เกิดในจิต
7. เป็นธรรมที่ไม่ควรไปสิงสู่ ไปยึดเสพแช่อิ่มอยู่
8. รู้ธรรม
9. ธรรมที่เป็นอารมณ์เชิงพรหม
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 111 , 139 , 141 , 142, 148
ทางเอก ภาค 2 หน้า 196 , 227
ทางเอก ภาค 3 หน้า 309
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 21:44:42 )
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:35:25 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:47:34 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:13:49 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:56:25 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:02:15 )
รายละเอียด
คือ สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.468
เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 13:01:58 )
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:35:26 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:49:07 )
รายละเอียด
ที่อาตมารู้ลึกซึ้งว่าไม่มีใครล้มล้างได้เพราะชาวอโศกมีความสงบเป็นอาวุธ เพราะฉะนั้นความรุนแรงทำอะไรไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องอจินไตย ไม่มีอะไรจะล้มล้างได้เลยเพราะความสงบนี้มันยิ่งกว่าหนังกำลังภายในของจีน มันสุดยอดเลย ว่ามีจอมยุทธ์ที่ใช้ความสงบสยบทุกอย่าง เพราะฉะนั้นอาวุธของจอมยุทธ์ของชาวอโศกไม่มีอาวุธ ไม่ออกลีลา วรยุทธ คนไม่รู้จัก ทางโน้นตายแล้ว ทำไมตาย ก็โดนอาวุธของเรา โดนอาวุธของจอมยุทธ อาตมาพูดนี้คือหนังกำลังภายในนะ ซึ่งอาตมารู้ว่าโกวเล้ง กิมย้ง ก็เขียนอย่างนี้ไม่ได้ อาตมานี้ไม่ได้สนใจหนังกำลังภายในเท่าไหร่
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:17:51 )
รายละเอียด
ภูมิปัญญานี้เป็นธรรมาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่ไปล้างกิเลส กิเลสนี้มันโง่ ปัญญามันคือฉลาด เพราะฉะนั้นเกิดจิตที่เป็นปัญญาจริงๆ เป็นอัญญธาตุ ปัญญาธาตุ มันจะมีฤทธิ์อำนาจที่ปราบโง่เพราะมันฉลาดจริงๆ แต่ถ้าเผื่อว่าไม่ถึงขั้นจริง พลังงานที่เป็นปัญญาไม่จริงมันไม่ล้าง มันไม่สามารถกำจัดโง่ได้ กำจัดโง่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะต้องเป็นของจริง เพราะฉะนั้นแม้โลกุตระจะเหน็ดจะเหนื่อยอย่างไรแต่มันจบกิจ รู้แจ้งรู้จริงว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อะไรนั้น ตัวเองโง่มาไม่รู้กี่ชาติแล้ว วิ่งไล่มา ยื้อแย่งกันไป สมบัติผลัดกันชมไปมา ถึงขั้นฆ่าแกงกันก็ได้ เดี๋ยวนี้ทั้งโลกเขาก็ยังเป็นกันอยู่อย่างนั้น
เพราะฉะนั้นคนที่ไม่รู้จริงๆก็จะโง่ไม่จบสิ้น งมงาย สะสมวิบาก ก็มีวิบากที่มันจะต้องติดต้องยึดต้องซับต้องซ้อนอยู่อย่างนั้น ทับถมลงไปในจิตใส่จิตอีก ยิ่งขึ้นๆๆ มันไม่ได้คลายไม่ได้หน่าย มีแต่หนาเข้าไปอีกเรียกว่า ปุถุ มันยิ่งหนาแน่นเข้าไปอีก กิเลสยิ่งหนายิ่งแน่นขึ้นนั่นแหละคือมันชั่ว ชั่วของปรมัตถ์เลยนะ กิเลสหนาเพิ่มคือความชั่ว แม้จะมีความสุข สุขมันหลอกนะ ทำชั่วได้สำเร็จสมใจเป็นสุข มันยิ่งชั่ว มันยิ่งเลว มันยิ่งร้าย มันยิ่งแรงขึ้น หนักหน้าไปทุกที ไม่มีที่สิ้นสุด โดยคนที่ทำนี้ เขาไม่รู้ว่ามันคือชั่ว คือเลว คือร้าย แล้วเขาก็แรงโดยเขาไม่รู้หรอก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2566 ( 12:22:06 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:22:42 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:25:25 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:03:44 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นขอสรุปว่า เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ในโลกโลกุตรธรรม ความรู้อันนี้มันจะเสื่อมสูญหายไป ก็จริง จะยุคไหนล่ะ มันก็ยุคนี้แหละที่มีเหตุปัจจัยจริง มีคนชาวพุทธ มีผู้ที่รักษาดูแลพุทธ มีคนนำพาพุทธ แบบที่ท่านนำพาไป ถ้ามันไม่เสื่อมมันก็ไม่ตรงตามที่พระพุทธเจ้าท่านว่า
ฟังดีๆนะตรงนี้ ถ้าชาวพุทธกระแสหลักในยุคนี้หลัง 2,500 กว่าปีมานี้ ซึ่งก็พอรู้ว่าศาสนาของสมณโคดมจะยืนยาวไปถึง 5,000 ปี ถ้ามันไม่เสื่อมตรงนี้ ตามที่มันเป็นก็คงจะต้องไปรออีก 3-4 พันปี จึงเห็นว่ามันจะเสื่อมหรือไง
จะเสื่อมหรือไม่เสื่อม อาตมาเกิดมาในยุคนี้พอดี ก็มีคำพยากรณ์อีกแหละว่า มีธรรมิกราชที่จะขึ้นมากอบกู้ศาสนาพุทธ 2 พระองค์ สอดคล้องกันตรงกันทั้งสองพระองค์ พระองค์หนึ่งก็มีพระจริยวัตรของท่านไปแล้วผ่านไปแล้ว สวรรคตไปแล้ว ก็เหลือซึ่งอาตมาก็พูดอย่างไม่ได้ มังกุ ไม่เก้อเขินเลย พูดตรงๆ พูดความจริงว่า องค์หนึ่งก็คืออาตมา ก็ยังนำพาอยู่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้โลก 9 แบบ จนเป็นมนุษย์พืชมหัศจรรย์ วันพุธที่ 19 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2565 ( 04:52:47 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 12:44:50 )
รายละเอียด
ธรรมทาน ชนะทานทั้งปวง
รสแห่งธรรม ชนะรสทั้งปวง
ยินดีในธรรม ชนะความยินดีทั้งปวง
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎก เล่ม 25 "ธรรมคาถาธรรทบท" ข้อที่ 34
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2562 ( 13:36:41 )
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:35:53 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:50:44 )
รายละเอียด
ธรรมทาน ชนะทานทั้งปวง (สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ) รสแห่งธรรม ชนะรสทั้งปวง (สัพพัง รสัง ธัมมรโส ชินาติ) ยินดีในธรรม ชนะความยินดีทั้งปวง (สัพพัง รติง ธัมมรดี ชินาติ)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 25 “คาถาธรรมบท” ข้อ 34
เวลาบันทึก 11 มีนาคม 2565 ( 15:53:23 )
รายละเอียด
ธรรมทาน ชนะทานทั้งปวง (สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ)
รสแห่งธรรม ชนะรสทั้งปวง (สัพพัง รสัง ธัมมรโส ชินาติ)
ยินดีในธรรม ชนะความยินดีทั้งปวง (สัพพัง รติง ธัมมรดี ชินาติ)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 25 “คาถาธรรมบท” ข้อ 34
เวลาบันทึก 19 เมษายน 2565 ( 16:31:58 )
รายละเอียด
ธรรมเป็นที่อยู่แห่งพระอาริยะ 10 ประการ
1. ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้ละองค์ 5 ได้แล้ว (คือ นิวรณ์ 5 อันได้แก่ กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา)
2. ประกอบด้วยองค์ 6 (เรียกว่า ฉฬังคสมันนาคโต อันได้แก่ เห็นรูปด้วยจักษุ...ฟังเสียงด้วยหู...ดมกลิ่นด้วยจมูก...ลิ้มรสด้วยลิ้น...ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย...รู้แจ้งธรรมด้วยใจ แล้วเป็นผู้ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะอยู่)
3. รักษาแต่อย่างเดียว (เรียกว่า เอการักโข คือเป็นผู้ประกอบด้วยใจอันรักษาด้วยสติ)
4. มีธรรมเป็นที่พักพิง 4 ประการ เรียกว่า จตุราปัสเสโน คือ
1) พิจารณาแล้วย่อมเสพ
2) พิจารณาแล้วย่อมอดกลั้น
3) พิจารณาแล้วย่อมเว้น
4) พิจารณาแล้วย่อมบรรเทา
5. มีปัจเจกสัจจะบรรเทาได้แล้ว (เรียกว่า ปนุณณปัจเจกสัจโจ คือการบรรเทาได้แล้ว กำจัดออกแล้ว สละได้แล้ว คลายได้แล้ว พ้นได้แล้ว ละได้แล้ว สลัดได้เฉพาะแล้ว อันได้แก่ สัจจะว่า โลกเที่ยงบ้าง-ไม่เที่ยงบ้าง โลกมีที่สุดบ้าง-ไม่มีที่สุดบ้าง ชีพก็อันนั้นสรีระก็อันนั้นบ้าง ชีพเป็นอื่น-สรีระเป็นอื่นบ้าง สัตว์เมื่อตายไปย่อมเป็นอีกบ้าง-ย่อมไม่เป็นอีกบ้าง สัตว์เมื่อตายไปย่อมเป็นอีกก็มี-ไม่เป็นอีกก็มีบ้าง สัตว์เมื่อตายไปย่อมเป็นอีกก็หามิได้-ย่อมไม่เป็นอีกก็หามิได้บ้าง)
6. มีการแสวงหาอันสละเสียแล้วด้วยดี (เรียกว่า สมวยสัฏเฐสโน ได้แก่ ละการแสวงหากามและภพ แต่แสวงหาพรหมจรรย์ ได้แล้ว)
7. มีความดำริไม่ขุ่นมัว (เรียกว่า อนาวิลสังกัปโป ได้แก่ละความดำริในกาม พยาบาท และวิหิงสาได้แล้ว)
8. มีกายสังขารอันสงบระงับแล้ว (เรียกว่า ปัสสัทธกายสังขาโร คือ บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่)
9. มีจิตหลุดพ้นแล้วด้วยดี (เรียกว่า สุวิมุตตจิตโต คือจิตเป็นธรรมชาติ หลุดพ้นแล้วจากราคะ โทสะ โมหะ)
10. มีปัญญาอันหลุดพ้นแล้วด้วยดี (เรียกว่า สุวิมุตตปัญโญ คือ ย่อมรู้ชัดว่า ราคะ โทสะ โมหะเราละได้แล้ว ตัดรากได้ขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำให้ไม่มี มีอันไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎก เล่ม 24 “อริยวสสูตร” ข้อ 19-20
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:33:32 )
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:36:48 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:52:46 )
รายละเอียด
คือ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านแสดงธรรมที่เป็นโลกุตรธรรม คนจะฟังได้นั้นมีเพียงดินที่ติดปลายเล็บขึ้นมาเท่านั้น แล้วโพธิรักษ์จะมีน้อยกว่านั้นขนาดไหน ผู้ที่พอฟังรู้เรื่องมันคลละรุ่น คนละยุคเลย ติดตามและปฏิบัติให้ดีจะเห็นได้มากยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นนามธรรมที่เป็นโลกุตรธรรมด้วย
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:32:43 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:14:06 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:07:13 )
รายละเอียด
เพราะยึดบัญญัติ ยึดภาษา เพราะงั้นอย่าว่าแต่ของศาสนาพุทธเลย ของศาสนาเทวนิยมก็ตาม มหาวิทยาลัยต่างๆสอนบัญญัติทั้งนั้น คุณเรียนบัญญัติแล้วคุณก็เอามาปฏิบัติให้เกิดสมาธิที่จริงแล้วจะเกิดผล แต่ผู้ที่ไปเป็นอาจารย์ส่วนมาก ก็เรียนจากสำนักตักสิลาหรือว่าเรียนจากสำนักมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยที่เป็นหลักเป็นฐาน รวมผู้รู้ไว้ ถ้ามหาวิทยาลัยใดมีผู้รู้ที่เป็นสัตตบุรุษจริง เป็นผู้บรรลุธรรมจริงก็ดีไป
แต่สัตตบุรุษก็จะไม่ค่อยไปรับใช้มหาวิทยาลัยเท่าไหร่ ท่านจะเป็นอิสระเสียส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น สัตตบุรุษท่านจะเป็นอิสระ เมื่อท่านเป็นอิสระ ไม่มีคณะไม่มีโครงสร้างไม่มีองค์ประกอบ ที่เป็นอะไรต่ออะไรเป็นพิธีการ เป็นแบบ..จะว่าไป มหาวิทยาลัยมันไม่มีประโยชน์ ก็ไม่ได้ อย่างน้อยมันก็ประสาทพยัญชนะ ให้เรียนรู้พยัญชนะ ข้อสำคัญก็คืออาจารย์ที่สอนในสำนักนั้น ต้องเป็นสัตตบุรุษจริง ถ้าสัตตบุรุษเป็นอาจารย์อยู่ในนั้นจริงก็จะสำทับการปฏิบัติ ธรรมใดๆก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ ไม่ปฏิบัติ
คุณจะเรียนพยัญชนะมาเท่าไหร่ๆ เป็น Lerned Man เป็นผู้คงแก่เรียน แล้วก็จะกลายเป็น ปทปรมบุคคล แต่ก็จะเป็นบุคคลผู้รู้มาก ซึ่งขณะนี้มีตัวอย่างอยู่ในประเทศไทย ก็ยังหลุดไม่ออกจากลาภ ยศสรรเสริญ แล้วกรึ่มอยู่ในโลกียสุข อยู่อย่างนั้นแหละ บุคคลทางสายเชิงพยัญชนะความรู้ ก็มีตัวบุคคลอยู่ เดี๋ยวนี้ก็มี บุคคลทางเจโตก็มี แต่เดี๋ยวนี้ก็มี หัวหน้าๆ ตั้งแต่อาจารย์เสาร์ อาจารย์มั่น มหาบัว ซึ่งก็มิจฉาทิฏฐิกัน ขออภัยนะที่อาตมาพูดตรง พูดลัด พูดซื่อ พูดไม่ดีดูมันแข็งๆ ก็ต้องขออภัย ท่านก็เป็นภันเตนะก็ต้องขออภัยบวชก่อน ก็เสียกันไปแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 13:50:48 )
รายละเอียด
ธรรมในธรรมนั้น คู่ใหญ่ก็คือโลกียะกับโลกุตระ
คู่เล็กลงไปก็คือดีชั่ว ซึ่งเป็นโลกีย์
ถ้าวิเคราะห์โลกุตรธรรม ตรงนี้คือสุขกับทุกข์ และสุขกับทุกข์มันรู้ได้แค่ 2 แต่โลกีย์ที่แย่ที่สุดก็เลย แม้แต่ 2 ก็แยกไม่ออก เรียกว่าหัวหน้าใหญ่ ตัวเองแยกของตัวเองไม่ออก ความเป็นเทวะของตัวเอง อัตตาของตัวเองเป็นเทวะก็แยกไม่ออก ก็เลยมาบอกลูกศิษย์ทั้งหมดเลยว่าอย่าแยกนะ ลูกศิษย์ก็เลยพลอยจบ สามารถรู้ได้เท่าที่อาจารย์หรือตัวพระเจ้าตัวผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ที่ได้มีความรู้และเข้ามาประกาศขยายไว้ ตัวเองก็รู้เท่านั้น มาขยายให้คนอื่นรู้ รู้เท่านั้น ที่ไม่รู้คือไม่รู้ตัวเอง ไอ้ที่รู้นั้นคือรู้เท่าที่รู้นั่นแหละ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 20:48:08 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:50:09 )
รายละเอียด
อาหารแต่ละคำข้าวคือธัญญาหารที่กินเข้าไปเลี้ยงขันธ์เลี้ยงร่างกาย เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต เป็นปัจจัยชีวิต เป็นปัจจัยแท้ๆ เรามีอย่างอุดมสมบูรณ์ไร้สารพิษ คุณภาพดี มีวิตามินมีเนื้อหาสาระของอาหารแต่ละอย่าง ดี มันสุดยอดแล้วในเรื่องของความเป็นชีวิตมนุษย์ นอกนั้นเป็นบริขารเป็นเครื่องใช้ต่างๆ ขาดก็ไม่เป็นไรไม่ตาย แต่สิ่งเหล่านี้ขาดแล้วตาย ไม่มีเลยยิ่งตายแน่ๆ
ชาวอโศกเรา อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธัญญาหารพวกนี้ มาถึงวันนี้แล้วชัดเจน อย่างอื่นๆเราไม่ได้ตื่นเต้น เราไม่ได้แสวงหาหรือว่าเราไม่ได้ไปสะสม หรือไม่ได้อยากได้ อะไรมา ใช้ประกอบบ้าง ใช้เพื่อผู้อื่น แต่เพื่อตัวเองแท้ๆ เพื่อชีวิตคนก็คือเรื่องอาหาร นอกนั้นเป็นเรื่องของความสัมพันธ์เป็นองค์ประกอบที่จะทำประโยชน์ภายนอกต่างๆ
สรุปแล้วพวกเรานี้รู้สาระเอก สาระโท สาระตรี สาระจัตวา อะไรสำคัญเป็นเรื่อง 12345 เรื่องหลักเรื่องรองไปเรื่อยๆ จะรู้ลำดับจะรู้ขั้นตอน และเราก็มีสาระอันดับหนึ่งแล้วด้วย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 19:41:57 )
รายละเอียด
ก็ไปเทศนากัณฑ์แรก ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ตอนนั้นศาสนาพุทธยังไม่เกิดเลย มีแต่ศาสนาพราหมณ์ฮินดู เดียรถีย์ ยังไม่มีพุทธ พระพุทธเจ้าเทศนาทฤษฎีบทที่ 1 คือธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เทศน์จบกัณฑ์ ปัญจวัคคีย์ พราหมณ์ 5 คนก็มีผู้ที่รู้ได้ 1 คน มีพราหมณ์แก่4 คน พราหมณ์หนุ่มคนหนึ่งคือ โกณฑัญญะก็รู้ได้ทันที ก็เลยบอกว่าอัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ เกิดธาตุรู้ที่ใหม่มากเรียกว่าอัญญธาตุ ธาตุรู้ที่เป็นโลกุตรธรรมโลกุตรธรรมคือ ธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร เป็นพระสูตรที่เป็นโลกุตรธรรมบทแรกของศาสนาพุทธที่เกิดขึ้น บทแรกนี้คืออะไร?
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม2563
เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:21:10 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:53 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:11:58 )
รายละเอียด
อย่างธรรมกายนี่ก่อนจะลงมา พอดีท่านแสนดินเปิดธรรมกายตอนนี้จะสร้างพระบรมพุทธเจ้าอะไรขึ้นมา เป็นพระพุทธรูปเพื่อขาย เอาเงินคนคือหลอกเอาเงินคนแล้วพวกโง่ๆนี้ก็โง่ได้ดักดาน โง่ได้ถาวร มันทำไมมีคนโง่ที่ มันไม่กระเตื้องได้หนอ มันน่าสงสารจริงๆ ก็หลอกกันไปหลอกกันมาอะไรต่ออะไร คำโฆษณานี้โอ้โห.. ตื้นๆ ดูแล้วหลอกไปเหมือนหลอกเด็กๆ แล้วคนพวกนั้นก็จบปริญญาเอกบ้างปริญญาโท ปริญญาตรี หรือว่ามีปฏิภาณปัญญามีความเฉลียวฉลาด ล่าลาภล่ายศได้ ก็ร่ำก็รวย ลาภ ยศ ฉลาดทางโลกียะเอาเปรียบเอารัดทางโลกียะเขาได้ แต่ไม่มีความรู้ทางโลกุตระ ไม่มีความรู้ทางธรรมะพระพุทธเจ้า ปล่อยให้คนที่โง่ดักดาน อย่างธัมมชโย หลอกได้หลอกดี
คนที่เขาหลอกคนอื่นได้ แสดงว่าเขาก็ฉลาดกว่าคนที่โง่นะ เพราะฉะนั้นคนที่ถูกธัมมชโยหลอกนี้ โง่กว่าคนที่โง่ที่สุดในโลกแล้วเท่าที่อาตมาเห็น ธัมมชโยนี้อาตมาก็เห็นว่าเป็นคนที่โง่สุดโง่ในโลก คำว่า โง่ คำนี้ไม่ใช่เป็นคำดูถูก แต่เป็นคำที่บอกความจริงว่า ไม่มีภูมิธรรมในธรรมะพระพุทธเจ้าเลย นอกจากไม่มีแล้วยังมีความรู้ที่ผิดมา ทำลายธรรมะพระพุทธเจ้า มาบิดเบือนธรรมะพระพุทธเจ้า จนแหลกเหลวละเอียดบาปกินหัวจริงๆ ธัมมชโย
นี่ อาตมาพูดสัจธรรม ไม่ได้ไปด่าไปว่าอะไรใครเขาหรอก แต่พูดธรรมะพูดสัจธรรมสู่คนทั่วไปฟัง ใครฟังได้เข้าใจ อาตมาไม่ได้ไปเกลียดชังธัมมชโย เป็นสมี 2 ตัวแน่ะ ธัมมชโย สมีทางอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน กับสมีในทางทรัพย์สิน ทำผิดปราชิกในทรัพย์สิน จนกระทั่งสมเด็จพระสังฆราช ต้องมีเป็นลายลักษณ์อักษรลิขิตเลยว่าเป็นปาราชิก ตั้ง 4-5 แผ่น ซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำว่าธัมมชโยปาราชิก
คนที่โง่ๆที่ถูกหลอก โง่กว่าธัมมชโยก็ไม่ฟัง ขนาดพระสังฆราชตรัส เอ๊.. เขาจะหูหนวกก็ไม่น่าจะใช่ จะมืดบอดจนกระทั่งไม่ดูข่าวคราวก็ไม่น่าจะใช่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2558 ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้ พระธัมมชโยก็ไม่น่าจะเรียกพระแล้ว ธัมมชโยเฉยๆ ก็ดีแล้ว ที่จริงควรจะใส่คำว่าสมีปาราชิก สมีธัมมชโยปาราชิก 20 กรกฎาคม 2558 ผู้ตรวจการชี้ นี่เป็นวันนี้ในอดีตเขาเขียนไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ แหม.. อาตมาเป็นผู้มาทำงานทางด้านศาสนาพุทธ มากอบกู้ความผิดพลาด ก็พูดไปแล้วก็ต้องพูดถึงผู้ที่มาทำลายหรือผู้ที่ผิด แสดงอาการผิด มาชักชวนให้ชาวพุทธหลงทางหลงผิด ก็ต้องพูด มันต้องพาดพิงต้องไปเกี่ยวถึงมันเป็นธรรมดาธรรมชาติที่ต้องเป็นเช่นนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 2
วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 7 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2566 ( 12:25:20 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคุณเอง(ธัมมชโย) ไม่ได้มีความสามารถ ไม่ได้มีอุตตริมนุสสธรรมจริงอะไรเลย มีแต่มาหลอกมนุษย์ เขาก็มาเปิดเผยคนที่เขาเขียนสร้างเรื่องของเขาออกมา
อย่างน้อยก็ปาราชิกเรื่องของเงินกับเรื่องของอุตตริมนุสสธรรม ส่วนเรื่องของผู้หญิงกับการฆ่าคนยังไม่มีหลักฐานออกมา แต่ว่าไม่มีเรื่องกาม เพราะความว่าเขาค่อนข้างจะเป็นกระเทย ก็ยังไม่มีข้อมูล เรื่องการฆ่าคนกับกระเทย แต่ปาราชิก 2 อย่างนี้แน่ เสร็จแล้วก็ยังมีคนไปศรัทธาเลื่อมใส ไปเข้าข้างเขา เป็นอำนาจใหญ่ ถ้าเรื่องไม่ลุกลามมากขนาดนี้ คนของธัมมชโยที่ขุนไว้ ตอนนี้เป็นสมเด็จแล้ว เป็นอันดับหนึ่งที่จะได้ขึ้นมาเป็นสังฆราช พอมีเรื่องพวกนี้ก็เลยไม่ได้ขึ้นเป็นสังฆราช เดี๋ยวนี้ก็แก่แย่แล้วอายุ 90 กว่าปีจะ 100 ปีแล้ว มีเรื่องราวสะสมสมบัติรถยนต์อะไรต่างๆนานา สมเด็จองค์นั้น มันซับซ้อนอย่างนี้ ก็เห็นความเสื่อมของสังคมพุทธศาสนากระแสหลักหรือคณะใหญ่อย่างชัดเจน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 1 วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 กรกฎาคม 2564 ( 10:40:00 )
รายละเอียด
มหาบัวเอาเงินคนแต่ซ้อนว่าไม่ได้เอามาเป็นของฉันนะ ธัมมชโยก็หลอกว่าไม่ได้เป็นของฉัน แต่เนียนกว่า แต่ ไม่เนียนแต่หยาบกว่าเอาไปให้ประเทศเลย แต่ธัมมชโยนี้เนียนกว่าจะมีประชาชนถูกหลอกมาได้มากกว่ามหาบัวแล้วคนที่เป็นลูกศิษย์ของธัมมชโย ฉลาดแกมโกงแบบโลกีย์ หาเงินทองได้เก่งกว่าผู้ที่เป็นลูกศิษย์มหาบัว ลูกศิษย์มหาบัวหาเช้ากินค่ำแบบคนทั่วไปแต่พวกที่เป็นลูกศิษย์ธัมมชโยนี้เป็นแบบไฮโซเศรษฐีพันล้านหมื่นล้านมันซับซ้อนหลายชั้น สรุปง่ายๆธัมมชโยหลอกคนได้สูงกว่ามหาบัว และซ้อนอีก มหาบัวยังเอามาทำประโยชน์แก่ประเทศชาติแต่ธัมมชโยไม่เลยซ้อนลงไปอีกเรียกว่าจมดิ่งมาหาอเวจีหนักกว่ามหาบัวอีก ก็ต้องขออภัยที่กล่าวพาดพิง เพื่อให้เป็นวิชาการเป็นการศึกษา สมณะโพธิรักษ์ไม่ได้รังเกียจหรือชิงชังไม่ได้กระทบกระเทือนท่านเพราะตัวท่านเองไม่ได้เอาทั้งสองอย่าง แต่มันกระทบกระเทือนพระศาสนา ท่านเองไม่ได้กระทบเราหลับตาทั้งคู่ แต่สมณะโพธิรักษ์ลืมตาไม่ได้เป็นคู่แข่งเขาเลย มันเดินกันคนละรางคู่ขนานไม่มีทางชนกันหรอก
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:41:33 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:33 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:13:28 )
รายละเอียด
พญาครุฑที่หลงบินหลุดเข้าไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ไม่มีใครเห็นเลยนะ พญาครุฑนี้ไปเอง ตัวเองไปใหญ่เลยเข้าไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าหายไปเลยคล้ายๆกันกับธัมมชโยทุกวันนี้ หายไป ยังไม่มีใครหาเจอเลย ไม่ได้ข่าวกระเซ็นกระสาย ไม่มีวี่แววเลย อยู่ไหนยู้ฮู หรือตายเผาไปแล้วก็ไม่รู้ เงียบดีจริงๆเลย ไม่มีข่าวคราวให้รู้ได้เลย แต่ถ้าเผื่อว่าตาย อาตมาว่า ข่าวคงหลุดออกมาบ้างคนก็คงจะเศร้าโศกเสียใจ แต่นี่ มันยังไม่น่าจะตาย แต่โอ้โห อยู่ไหน
คุณจี๊ดจ๊าดก็อย่าถือสาอาตมามาก ขอให้ได้ประโยชน์จากอาตมาบ้าง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตีทิ้งการนั่งหลับตาปฏิบัติ วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:46:24 )
รายละเอียด
อย่างธัมมชโยอย่างนี้ โอ้โห! เลวายมาก ละเอียดพริ้งพราว จนเดี๋ยวนี้ก็ยังดูซินี่ ทางภาครัฐยังเอาไม่ลง ทั้งๆ ที่เป็นสมี (สะหมี) ไปตั้งนานแล้ว สมเด็จพระสังฆราชก็ทรงวินิจฉัยเขียนเป็นลิขิตไว้เลยตั้ง 4-5 ฉบับ ว่านี่ปาราชิกหลักฐานมี หลักฐานทางศาลทางพฤตินัยมีครบ เป็นการหลอกลวงขี้โกงประชาชนอย่างแท้จริง ทุจริตผิดพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าในปาราชิกข้อขโมยของผู้อื่นมันไม่ใช่ของเรา ซึ่งมีหลายข้อมีการอวดอุตตริมนุสสธรรมมันไม่มีในตนเอง 2 ข้อนี้ชัดเจนข้อที่โกงเงินทองกับอีกข้อหนึ่งคืออวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตนก็ใช้ 2 ข้อนี้ก็เป็นสมี Double แล้ว ส่วนกามนี้เขาจะเป็นหรือเปล่าเรื่องผู้หญิงผู้ชายยังไม่ได้ตามไปดูจริงๆก็ไม่รู้ได้มันไม่มีข่าวออกมา ก็ไม่รู้ ได้แค่ 2 ข้อนี้ก็ไม่เหลือแล้ว ถ้ากามอีกก็เป็น 3 ข้อ ยังเหลือฆ่าคนก็ไม่รู้อีกแหละ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:49:12 )
รายละเอียด
เหมือนกับธัมมชโย ทางธรรมก็ไม่รู้เรื่อง ทางโลกก็เละเทะ ไม่มีความรู้ทางธรรมะแต่แสดงตนเองว่ามีธรรมะ แล้วเอาไปใช้กับโลก เลยเอาโลกมาปนกับธรรมะเละเลย คนที่ไม่เข้าใจก็หลงไป มันเป็นเรื่องปรุงแต่ง โดยเอาอวิชชา เอาความโง่ของมนุษย์ มาปรุงแต่ง แล้วคนโง่ เป็นธาตุเดียวกับที่เขาปรุงแต่งมันก็ไปด้วยกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก
วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 11:15:56 )
รายละเอียด
ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 114
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 21:49:15 )
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2563 ( 15:19:16 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:55:40 )
รายละเอียด
1.ได้ตรองธรรมะอยู่ตลอดเวลา คิดถึงธรรมะที่จะนำมาใช้กับตนเองอยู่เสมอ ๆ เพียรหาธรรมที่ดีที่เหมาะกับตนเองมาใช้กับตนทุกโอกาส และร่าเริงยินดีกับการได้วิจัยวิจารธรรม
2.วิจัยธรรมอันมีจิต – เจตสิก – รูป
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 265, รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร เล่ม 2 หน้า 10
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 21:50:55 )
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2563 ( 15:20:11 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:07:40 )
รายละเอียด
การค้นคัดเลือกเฟ้นธรรมต่าง ๆ หรือการวิจัยไตร่ตรองพิจารณาธรรมต่าง ๆ
หนังสืออ้างอิง
เปิดโลกเทวดา หน้า 84
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 21:54:57 )
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2563 ( 15:20:52 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:58:24 )
รายละเอียด
ความหยั่งรู้ถึงขั้นสามารถเดินทางเข้าไปสู่การตรัสรู้ได้ตามฐานานุฐานะ หรือถึงขั้นมีการบรรลุธรรมได้มรรคได้ผลเป็นลำดับ ๆ
หนังสืออ้างอิง
อีคิวโลกุตระ หน้า 68
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 21:56:49 )
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2563 ( 15:21:31 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:05:19 )
รายละเอียด
คือเป็นภาคปฏิบัติ ต้องสังวรปธาน สำรวม สังวรอินทรีย์ทั้ง 6 แล้วก็ปหานกิเลสให้ได้แล้วก็รักษาผลที่ได้ ปหานกิเลสได้ นี่เป็นสัมมัปปธาน 4 ด้วยอิทธิบาท 4
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน2562
เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:34:46 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:24:09 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:04:11 )
รายละเอียด
ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ให้ได้อย่างพอเหมาะพอดี กัมมัญญตา อย่างเหมาะอย่างควร ปโหติ อย่างถูกต้องได้สัดส่วน คุณก็ต้องทำวิจัยแล้วก็จะต้องมีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิจัยอย่างมีจิตเจตสิกรูปนิพพานพร้อมอ่านอาการ ลิงค นิมิต ตามอุเทส ที่อาตมาอธิบายจับนิมิตจับอาการ ลิงค แตกต่างกัน เกิด 2 สภาพเมื่อไหร่ก็มีความแตกต่างกันเท่านั้น ก็เลือกเอาอันดีอันหนึ่งอันใดจาก 2 ทำทีละคู่เป็นเทวะ สรุปคือมี 2 ต้องเลือก 1 จะเร็วขึ้นเลยอย่างมี มุทุภูตธาตุ เอา 1 ดีที่ควรที่เหมาะเสมอ ตามกาละเทศะฐานะ มันจึงเร็วยิ่งกว่าแสงสำหรับจิต ปรุงแต่งเร็วยิ่งกว่า แสงสู้ไม่ได้ ที่ท่านเทียบว่าจิตไวยิ่งกว่าลิง ลิงบางทีมันก็ตกต้นไม้ได้เหมือนกัน มันคว้าไม่ทันตกเอง แต่นี่มันไวยิ่งกว่าลิงอีก แต่ท่านเทียบเหมือนกับลิงจับกิ่งไม้นั้นกิ่งไม้นี้ไป ท่านก็เปรียบเทียบไปอย่างหยาบอย่างละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 21:20:15 )
รายละเอียด
การปฏิบัติธรรมที่ไม่มี ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ จึงพากันหลงผิด ว่า ไปทำสมาธิแล้วจะไปนิพพาน แล้วก็ไปนั่งหลับตาสมาธิไม่คิดไม่นึกว่ามีวิจัยเลย ไม่มีสัมผัสภายนอก สติก็มีแต่สติอยู่ภายในใจ สติที่เต็มคือมีทั้งๆที่ จมูก ลิ้น กาย ใจ ภายนอกตื่นเต็ม ชาคริยา สัมผัสรู้ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส โผฏฐัพพะ ทุกทวาร ที่จริง โผฏฐัพพะคือ ตา หู จมูก ลิ้น กายข้างนอกทั้งหมด ก็จะมี รูป เสียง กลิ่น รส มี 4 เสร็จแล้ว โผฏฐัพพะเป็นตัวเดียวกับกาย กับใจ การอธิบายอุปาทายรูป ปสาทรูป มันมี วิสยรูป 4 ที่เป็นตัวกระทบสัมผัสแล้วมีตัวกายตัวใจ ก็เลยเหลือ 9 โผฏฐัพพะ กาย ใจก็คือตัวเดียวกัน หากไม่มี โผฏฐัพพะ กาย ใจ ก็ไม่มีการกระทบสัมผัส กายก็คือ จิต มโน วิญญาณ
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:43:31 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:26:39 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:59:23 )
รายละเอียด
อัญญะ เป็นธาตุรู้ตัวแรก อัญญา ก็เป็นพหูพจน์ไปเรื่อยๆกลายเป็นปัญญา
ธัมมะกับอัตถะ เป็นคู่แรก อัตตะเป็นตัวตน เอาเนื้อหาสาระเป็นอัตถะ ธัมมะเป็นคู่สอง อัตถะเป็นตัวประธาน เป็นตัวรู้ เป็นตัวสาระเนื้อแท้ ธรรมะเป็นตัวทำงานเป็นคู่เสมอ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:59:15 )
รายละเอียด
ธรรมอันสูงสุด
หนังสืออ้างอิง
พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 108
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 21:57:45 )
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2563 ( 15:22:08 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:59:50 )
รายละเอียด
การรู้แจ้ง การรู้ยิ่งในชั้นเชิง ปฏิภาณ ในทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ผู้รู้นั้นจะยิ่งจะใหญ่มากน้อยตามความมี ความเป็นจริง การรู้แจ้งในสิ่งที่ควรรู้ยิ่งซึ่งผู้ไม่มีภูมิรู้ไม่สามารถรู้ การรู้แจ้งในความถูกต้องในเหตุ
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 379
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 21:59:11 )
เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 03:58:30 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:00:17 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 11:13:21 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:26:25 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:01:17 )
รายละเอียด
บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 309
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:00:17 )
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2563 ( 15:23:41 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:00:35 )
รายละเอียด
มาข้อที่ 8 ข้อที่ 9 ธัมมัสสวนมัย กับธัมมเทสนามัย
ธัมมัสสวนมัย เป็นการฟังธรรมแล้วก็จะได้ชำระกิเลสก็จริงถ้าคุณฟังแล้วทำเป็น รับรู้เอามาปฏิบัติ หรือธัมมเทสนามัย คุณบรรลุธรรมแล้วเอาธรรมะไปเทศน์ เอาไปอธิบายเอาไปบอกผู้อื่น ก็เป็นกุศลของคุณ แต่คุณต้องมีความเป็นธรรมมะโลกุตรธรรม หรือการรู้กิเลส ละกิเลสถูกต้อง แล้วคุณทำได้คุณก็ไปบอกเขาอย่างถูกต้อง ก็ดี แต่ถ้าอย่างที่เข้าใจผิด เป็นปัตติทานมัย ปัตตานุโมทนามัย คือตัวผิดตัวแท้เลย ปัตติ แปลว่าการบรรลุการเข้าถึง เข้าถึงทานที่ผิด แล้วก็ไปยินดีในทานที่ผิด เอามาแบ่งกันอีก แบ่งบุญกันอีก ซึ่งมันแบ่งไม่ได้ บุญแบ่งไม่ได้ บุญใครบุญมัน บุญคือการตัดกิเลส ชำระกิเลสของเราเองหมด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 13:34:32 )
รายละเอียด
1. ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
2. การบรรลุธรรมไปตามการปฏิบัติธรรมที่ถูกหลัก , การบรรลุธรรม-สมควรแก่ธรรม
หนังสืออ้างอิง
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 234
เปิดโลกเทวดา หน้า 117
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:01:41 )
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2563 ( 15:25:12 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:00:54 )
รายละเอียด
คุณทำได้ โยนิโสมนสิการได้จริง คุณก็ทำปฏิบัติเข้าไปเป็น ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ปฏิบัติทำตามฐานะของคุณที่เหมาะที่ควรให้ได้ ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ คุณก็จะเจริญด้วยธรรมะได้สัดส่วนที่คุณปฏิบัติเจริญไปได้เรื่อยๆ ก็เกิดการเจริญปัญญา วุฒิๆ ด้วยปัญญา ด้วยความรู้ แล้วก็กรรม การกระทำ ตามที่คุณมีปัญญา คุณก็ วุฒิๆๆ เจริญเจริญเจริญ จนถึงที่สูงที่สุดได้ จึงเรียกว่าจักร 4 หรือปัญญาวุฒิ 4
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ
วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 15:29:02 )
รายละเอียด
ท่านไม่เรียกสายปัญญา เพราะปัญญาเป็นคำใหญ่ ไม่ได้ใช้ปัญญานุสารี แต่ใช้คำว่าธัมมานุสารี เป็นแกนตามหาสาระธรรมะ
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:22:27 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:29:35 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 13:57:22 )
รายละเอียด
บุคคลสัมผัสวิโมกข์อันละเอียด คืออรูปสมาบัติล่วงรูปสมาบัติด้วยกายอยู่ แต่อาสวะบางเหล่าของผู้นั้นสิ้นไป เพราะเห็น (อริยสัจ) ด้วยปัญญา อนึ่ง ธรรมทั้งหลายที่พระตถาคตประกาศแล้ว ย่อมควรซึ่งความพินิจ โดยประมาณด้วยปัญญาของผู้นั้น อีกประการหนึ่งธรรมเหล่านี้ คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ ย่อมมีแก่ผู้นั้นบุคคลนี้เรากล่าวว่า ธัมมานุสารีบุคคล.
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2กุมภาพันธ์2563
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:24:51 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:31:29 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:01:14 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:31:38 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:27:38 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:01:33 )
รายละเอียด
ธัมมานุสารี พระพุทธเจ้าบอกว่ายังไม่เป็นปัญญา แต่บอกไว้ว่ามีปัญญานำ ธัมมานุสารีมีปัญญานำ สัทธานุสารีใช้ศรัทธานำ ฉะนั้นจากผู้ที่แสวงหา ที่จะต้องไปเป็นปัญญานั่นแหละสูงสุด สัทธานุสารีจะต้องตามเอาปัญญาให้ได้ เพราะฉะนั้นจึงจะได้เป็นตัวที่ 7 อุภโตภาควิมุติ ได้เจโตวิมุติแล้ว ต้องได้ปัญญาวิมุติ ก็จะจบ อุภโตภาควิมุติ ส่วนปัญญานั้นนำมาแต่ต้นแล้ว ตั้งแต่คู่แรก สัทธานุสารีกับธัมมานุสารี ธัมมานุสารีก็อยู่ในระดับสูงกว่าอยู่แล้ว พอเลื่อนฐานปั๊ปก็ไปเป็นทิฏฐิปัตตะ แต่สัทธานุสารีพอเลื่อนฐานปั๊บก็ เป็นสัทธาวิมุติ แล้วก็จะไปมุดอยู่ที่ศรัทธานั่นแหละนาน กว่าจะเกิดมีภูมิ มีปัญญาเข้ามาร่วม ออกจากสิ่งที่มุดอยู่ ออกมาได้มาเป็น ทิฏฐิปัตตะ ก็นาน กว่าจะหลุดออกมาจากสัทธาวิมุติ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 51เป็นผู้แพ้ผู้รับใช้ได้ไม่ยาก ด้วยฌานทั้ง 4 วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กันยายน 2565 ( 14:35:15 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 10:46:01 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:38 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 13:54:48 )
รายละเอียด
ถ้าธัมมานุสารีรู้จัก กาย ที่สัมมาทิฏฐิได้ ก็จะเป็น ทิฏฐิปัตตะ พ้นกายได้ พ้นสัทธาวิมุตไปได้ แต่สัทธานุสารีไม่รู้จักกาย อย่างสัมมาทิฏฐิ
แต่สายปัญญา ที่มีอัตตามานะอยู่ในเถรสมาคม น่าสงสารยิ่งกว่าเพราะไม่ฟังอาตมา ฟังอาตมาก็ไม่เข้าใจเพราะอัตตามานะจริงๆมาบัง ถ้ายอมรับอาตมาว่าเป็นสัตบุรุษ คุณยังเป็นผู้ผิด เปิดจิต ทีนี้ ขยับมาย้ำที่ กายสักขี “[42] บุคคลชื่อว่ากายสักขี เป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้ ถูกต้องซึ่งวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แล้วสำเร็จอิริยาบถอยู่ ทั้งอาสวะบางอย่างของผู้นั้นก็สิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญาบุคคลนี้เรียกว่า กายสักขี”
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2565 ( 14:28:01 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:26:15 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:29:24 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:01:59 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 10:59:43 )
รายละเอียด
คำว่า ธรรมิกราช พระเจ้าอยู่หัวก็เป็น ธัมมิกราชะ ส่วนอาตมา ธรรมิกราษฏร อาตมาพูด ไม่ได้พูดเล่นหรอก พูดจริง มันมีตัวปฏิบัติจริง คนเราคิดเพ้อจะสร้างสรรอะไรต่างๆนาๆคิดอย่างไรก็ได้ มันก็ดูดีคิดดีๆได้ แต่ปฏิบัติจริงประพฤติจริงๆ มีผลรองรับชีวิตจริงๆขึ้นมาเลยนี่ มันเป็นได้ตามที่คิดหรือเปล่า
อาตมาภาคภูมิใจที่เอาแนวคิดของพระพุทธเจ้ามาใช้จนกระทั่งสำเร็จเป็น สาราณียธรรม 6 เป็นชุมชนสาราณียธรรม 6 เป็นเรื่องภาคภูมิใจเป็นเรื่องที่มีจริงในประเทศไทย เป็นสังคมที่ทำให้คนมีคุณธรรม จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง และจิตวิญญาณก็พาให้พวกเรามาดำเนินชีวิตมารวมตัวกันเป็นชุมชนเป็นหมู่กลุ่ม เป็นหมู่ชาวอโศก อย่างที่เป็น ที่มีอยู่ในประเทศไทยนี้ ชุมชนต่างๆ ชาวอโศกที่กระจายอยู่ในประเทศไทย
ซึ่งมีพฤติกรรม พฤติการณ์ของกิริยา กาย วาจา ใจ เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม แล้วก็มีลาภที่ได้โดยธรรม ลาภธัมมิกา เอามารวมกันเป็นสาธารณโภคี แล้วแต่ละคนก็ได้ศึกษาปฏิบัติ มีทิฏฐิสามัญญตา มีศีลสามัญญตา เสมอสมานกันอยู่ ศีล 5 เสมอศีล 5 ศีล 8 เสมอศีล 8 ศีล10 เสมอศีล10 ศีลโอวาปาฏิโมกข์เสมอกับศีลโอวาทปาติโมกข์ อยู่กันไป
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:30:21 )
รายละเอียด
บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 309
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 21:48:12 )
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2563 ( 15:26:19 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:02:14 )
รายละเอียด
เราไม่ฆ่าสัตว์ เรามีแต่ความเป็นมิตร เรามีแต่ความเมตตา เราไม่ทำร้ายอะไรใครต่อใครเลย ยิ่งนับวัน ยิ่งเราไม่ฆ่าสัตว์ใด ไม่ทำร้าย ไม่เบียดเบียนสัตว์ใดๆเลย ยิ่งปลอดภัย แม้แต่ในที่สุดกรรมวิบาก เราไม่ฆ่าเลย หยุดเด็ดขาด กรรมวิบากนี้จะเจริญ ประเสริฐ โอ้โห มันจะทำให้เป็นคนปลอดภัย แม้แต่เหตุร้ายอะไรที่จะมาหาเรา จะไม่มาถึงเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ เรียกว่า ปาฏิหาริย์
ที่เรื่องร้ายๆ อย่างอาตมาพิสูจน์ในชาตินี้ เข้าไปอำนวยการเพื่อจะให้เราไปชุมนุมประท้วงอยู่ในสนามรบ เขาก็ยิงกันตายไปไม่รู้เท่าไหร่ อาตมาก็เป็นเป้าอยู่บนเวที มันไม่ต้องใช้สไนเปอร์หรอก ใช้ปืนอะไรเล็งก็ถูก เป้าตัวโตๆอย่างนี้ แต่ก็ไม่มีใครคิดจะยิง
อันนี้มันเป็น อจินไตย เป็นเรื่องที่เป็นกรรมวิบากที่รักษา ธัมโม หเว รักขติ ธัมมะจาริง ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม คิดเอาไม่ได้ แต่อาตมาก็มีบารมีเรื่องนี้พอสมควร แต่ก็ไม่ได้ประมาทอวดดิบอวดดีท้าทาย อย่างที่คนอื่นท้าทาย ไม่ได้ท้าทาย ก็ทำตามเหตุปัจจัยที่มันมี ที่มีเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านมา มหัศจรรย์จริงๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 26 พฤษภาคม 2565 ( 18:12:29 )
รายละเอียด
สรุปแล้วอาตมาก็อยู่กับโลก อยู่กับมนุษยชาติ อาตมาเป็นโพธิสัตว์เข้าใจเรื่องโพธิสัตว์ ประเทศไทยอยู่ในตำราของพระมหากัสสปะ ซึ่งเป็นตำราของพวกฤาษี ไม่ใช่พวกประชาธิปไตย เป็นพวกฤาษี เป็นพวกเชน เป็นพวกพระป่า อยู่ป่า เมืองไทยก็ยังนิยมพระป่ากันอยู่ อย่างโพธิรักษ์นี้เขาไม่เอา เขาว่าไม่ใช่ธรรมะ ไม่ใช่นิพพาน ไม่ใช่อาริยะ อย่างที่อาตมาถูกต่อต้านมาแล้ว แต่อาตมาก็อยู่ได้เพราะธรรม ธัมโมหะเว รักขติ ธัมมะจาริง อาตมาอยู่ได้เพราะธรรมรักษาอาตมา ทำตามธรรมะพระพุทธเจ้าก็อยู่ได้ จนกระทั่งแม้แต่กฎหมายก็หมดไป จะให้อาตมาทำงานกับมนุษยชาติต่อไปตามกำลัง ตามที่จะลากสังขารไปได้
ก็ดีนะทำให้อาตมา พยายามจะให้มีอายุขัยยืนยาวแม้จะเป็นรูปธรรม มองเห็น โดยมีการใช้หลัก 8 อ. เขาก็ใช้กันอยู่ ใช้ได้
นอกนั้นก็ทำนามธรรมเป็นหลัก ที่อาตมาทำงานอยู่ทุกวันนี้ เป็นเรื่องนามธรรมเป็นหลักเป็นเรื่องจิตเจตสิกรูปนิพพาน และจะสาธยายต่อไปอีกเท่าที่จะทำได้ ทุกวันนี้เทคโนโลยีมันก็เก็บไว้ได้หมด เก็บที่อาตมาพูดอาตมาเขียน เก็บไว้ได้หมดอยู่แล้ว อันนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติต่อไปในอนาคต
อาตมาตายไปแล้วนั่นแหละ สัก 100 ปี 200 ปีมั้ง คนถึงจะนึกออกว่า อ้อ..อันนี้มีบันทึกเก็บไว้เป็นของโพธิรักษ์ว่าไว้ 100 ปี 200 ปี 300 ปีที่แล้ว เขาจะค่อยๆได้เห็น เพราะฉะนั้นในยุคนี้อาตมาไม่มีทางที่จะได้รับความยอมรับ จะเชิดหน้าชูตาเป็นที่ยอมรับของคนจำนวนมากจำนวนกว้างอะไร อาตมารู้ดีว่าอาตมาไม่ได้หรอก อาตมาต้องตายก่อน ในสิ่งที่บันทึกไว้นี้ มันก็เป็นไปได้ เป็นไปเอง
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 20:56:06 )
รายละเอียด
อาศัยธรรมนี้เลี้ยงชีพให้ได้จริง ๆ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 554
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:03:36 )
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2563 ( 15:26:58 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:02:32 )
รายละเอียด
คือ
1.อาภาธาตุ
2.สุภาธาตุ
3.อากาสานัญจายตนธาตุ
4.วิญญาณัญจายตนธาตุ
5.อากิญจัญญายตนธาตุ
6.เนวสัญญานาสัญญายตนธาตุ
7.สัญญาเวทยิตนิโรธธาตุ
ที่มา ที่ไป
พระสุตตันตปิฎก เล่ม 8 สังยุตตนิกาย นิทานวรรค - หน้าที่ 147
เวลาบันทึก 17 เมษายน 2563 ( 04:56:39 )
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:37:19 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:02:53 )
รายละเอียด
วายามะ 7 ธาตุแท้แห่งความพยายาม คือ สภาวะขั้นตอนของความเพียรภายในจิต
1. อารัพภธาตุ (ดำริ) ความเพียรเป็นเหตุปรารภ (ริเริ่ม)
2. อรัมภธาตุ ตั้งต้นเพียร, ปรารภดำริ
3. นิกกมธาตุ (เพียรไม่หยุดยั้ง, พยายามดำริ) เพียรเป็นเครื่องก้าวไป
4. ปรักกมธาตุ (บากบั่นมุ่งมั่นเพียร, บากบั่นดำริ) ความเพียรก้าวไปข้างหน้า
5. ถามธาตุ (เรี่ยวแรงเพียรแข็งแกร่ง, ดำริมีกำลัง) ความเพียรเป็นกำลัง
6. ธิติธาตุ (ความเพียรตั้งมั่น, ดำริ ตั้งมั่น) ความเพียรเป็นเครื่องทรงไว้
7. อุปักกมธาตุ (ความเพียรในจิตสำเร็จบริบูรณ์) ดำริสำเร็จเต็มรูป เหมือนลูกศรจะออกจากแล่ง พยายามที่จะกระทำให้เกิดกรรมออกมา
ที่มา ที่ไป
อรรถกถาแปลเล่ม 30 "กายสูตร" หน้า 194, อรรถกถาแปลเล่ม 35 "จิตตุปปาทกัณฑ์" หน้า 385, จาก อัตตการีสูตร เล่ม 22 ข้อ 309, สมาธิพุทธ "สังกัปปะ" หน้า 359 - 360
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 06 กรกฎาคม 2562 ( 07:51:31 )
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:38:16 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 13:43:04 )
รายละเอียด
คือสภาวะขั้นตอนของความเพียรภายในจิต
1. อารพาธาตุ (ริเริ่มคิด)
2. อารัมภธาตุ (ตั้งต้นเพียร)
3. นิกกมธาตุ (เพียรไม่หยุดยั้ง)
4. ปรักกมธาตุ (บากบั่นมุ่งมั่นเพียร)
5. ถามธาตุ (เรี่ยวแรงเพียรแข็งแกร่ง)
6. ธิติธาตุ (ความเพียรตั้งมั่น)
7. อุปักกมธาตุ(ความเพียรในจิตสําเร็จผลบริบูรณ์)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,อรรถกถาแปลเล่ม 30 “กายสูตร” หน้า 194 อรรถกถาแปลเล่ม 75 “จิตตุปปาทกัณฑ์” หน้า 385 สมาธิพุทธ “สังกัปปะ” หน้า 359 -360
เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 20:32:07 )
รายละเอียด
มันเป็นรายละเอียดมาก ก็ฟังอย่างหยาบๆไปก่อน
อารัพภธาตุมันริเริ่มเลย เป็นพลังงานตัวแรก
อารัมภธาตุก็ตัว อารัพภธาตุ โตขี้นมา มีพลังความเพียร ทำงานทำการเพิ่มขึ้น เป็นสองเป็นสามเป็นสี่ เป็นต้น
นิกกมธาตุ เพียรไม่หยุดยั้ง มีตัว static dynamic เพิ่มขึ้น
ปรักกมธาตุ เป็นธาตุเพียรที่เสริมมากขึ้นๆ มีธาตุอื่นซับซ้อนขึ้นเป็น coefficient ก็เป็นความเพียรที่บากบั่นมุ่งมั่นมากขึ้น
ถามธาตุ แปลว่า กำลัง ก็เป็นพลังเพียรมีเรี่ยวแรงกำลัง แข็งแกร่งขึ้น
ธิติธาตุ ตั้งมั่นมีแก่นแกนความเพียร มี static dynamic ครบ ตั้งกองความเพียรขึ้น
อุปักกมธาตุ เป็นความสำเร็จบริบูรณ์
อันนี้ละเอียดเกินไป รู้ลักษณะการเจริญขึ้น มีเจโตและปัญญา เติมขึ้นๆ เป็นสัมประสิทธิ์ เป็นธาตุเพียรที่สมบูรณ์แบบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:41:13 )
รายละเอียด
1. อารัพภธาตุ (ดำริ) ความเพียรเป็นเหตุปรารภ (ริเริ่ม) .
2. อารัมภธาตุ (ปรารภดำริ)
3. นิกกมธาตุ (พยายามดำริ) เพียรเป็นเครื่องก้าวไป
4. ปรักกมธาตุ (บากบั่นดำริ) ความเพียรก้าวไปข้างหน้า
5. ถามธาตุ (ดำริมีกำลัง) ความเพียรเป็นกำลัง
6. ธิติธาตุ (ดำริตั้งมั่น) ความเพียรเป็นเครื่องทรงไว้
7. อุปักกมธาตุ (ดำริสำเร็จเต็มรูป เหมือนลูกศรจะออกจากแล่ง พยายามที่จะกระทำให้เกิดกรรมออกมา) .
(จาก อัตตการีสูตร ล.22 ข.309)
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:39:10 )
รายละเอียด
ในธาตุจิตที่สูงสุดก็คือเป็นพระพุทธเจ้า แล้วก็รู้ครอบจักรวาลหมดเลย รู้รอบถ้วนทุกอย่างหมดเลย ว่าจิตนิยามที่มันเกิดมาแล้วนี่ มันไม่สามารถดับได้ เขาจึงจำนนไปเป็นเทวนิยม อัตตาของเขานิรันดร แต่ของพระพุทธเจ้าไม่จำนน สามารถรู้แจ้งจบ มีขั้นตอน ทำดี ไม่ทำชั่วสำเร็จ ทำแต่ดี ทำจิตให้บริสุทธิ์อย่างมีหลักประกันด้วย เทวนิยมไม่เที่ยงหรอกเป็นสมบัติผลัดกันชม แต่ของพระพุทธเจ้าทำดี ไม่ทำชั่ว เที่ยง เกิดอีกได้ เป็นอรหันต์จากชาตินั้นแล้ว เมื่อไหร่ก็ได้แล้วก็เรียนรู้ความจริงของจิตวิญญาณ ของธาตุอัตภาพของอัตตานี้ อ๋อ.. มันมีอวิชชาที่เป็นยางเหนียวจับตั้งแต่ต้น แล้วมีความรู้สามารถล้างยางเหนียว ล้างความยึดเกาะตัวเกาะติดอันนี้ได้ ก็สลายหมดจบได้ ซึ่งมันเป็นอจินไตยพิสูจน์ได้ เขาจะไม่เชื่อเลยทางเทวนิยมเขาฟังไม่รู้เรื่อง จนกว่าเขาจะค่อยๆเจริญอีกเป็นล้านๆชาติ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 04:54:16 )
รายละเอียด
ส่วนจีนนั้นก็เป็นความสงบ ขณะนี้สงบ แต่มันจะไม่เที่ยงเท่าอินเดีย ใครพอมองออกไหม จะไม่เที่ยงเท่าอินเดีย จีนเขาก็สงบได้ในช่วงนี้แหละ ก็คงจะนาน ที่อาตมามองเห็นว่าโลกยุคนี้มันมีอะไรแสดง ที่อาตมาบอกไปแล้ว ประเทศจีนชักจะมี อัญญธาตุ ขึ้นไปหน่อยๆ
เขาไม่รู้หรอก เขาไม่รู้เรื่องหรอก หรือที่อื่นๆเขาไม่รู้เรื่อง เถรสมาคมก็ไม่รู้เรื่อง อาตมาพูดก็ไม่รู้เรื่อง มีพวกคุณฟังรู้เรื่องไหม ... รู้เรื่องด้วยหรือว่า จีนเขามีอัญญธาตุ
อัญญธาตุ คืออะไร เป็นธาตุที่จะทำให้เกิดความสบาย ความสงบ ความมั่นคง สงบนี้ก็คือ เรียบร้อย สบายนี้ก็คือ ความสุข ความสบาย อารมณ์อันพอดี พอใจ สบายใจ แล้วก็มีระยะมีความมั่นคง มีระยะยาวยืนไป มีระยะความยาวนานไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 13:18:02 )
รายละเอียด
ธาตุปัญญา คือ ธาตุรู้สามารถสัมผัสว่าอันนี้แหละ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม มันมีลักษณะอาการจริงที่คุณทำ เวทนาในเวทนาให้เป็นเวทนาที่ไม่มีเวทนา หมายความว่าเป็น “อทุกขมสุข” ไม่มีความสุขไม่มีความทุกข์ กลางๆ นิวตรอน ก็จบ จบอยู่ตรงนี้ ศาสนาพุทธจบอยู่ตรงที่ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ แกนอุเบกขาจึงเป็นแกนที่ยิ่งใหญ่ ต้องเรียนรู้เวทนา 108
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:54:41 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:44:17 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:03:21 )
รายละเอียด
คือ ธาตุวิญญาณหรือธาตุจิตนั้นที่พึงมีในมหาจักรวาลและเป็นจิตวิญญาณที่ยืนยัน ความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นจิตวิญญาณที่เก่งกาจที่สุด ทั้งเป็นเจ้าของความรู้สุดยอด ทั้งเป็นเจ้าของ ความจริงสุดยอด จึงเป็นวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ไม่มีจิตวิญญาณใดไหน ในที่ใดอีกที่จะเทียบเท่า
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 209
เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:38:40 )
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:38:56 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:04:14 )
รายละเอียด
ไม่มีใครพูดได้ว่าต้องแยกธาตุจิตนิยามออกเป็นอุตุได้ ให้เป็นธาตุดินน้ำไฟลมได้ แล้วคุณก็จะจบความเป็นจิตนิยามเลิกเลย อัตภาพนี้ที่เป็นจิตนิยามไม่มีอีกแล้วในมหาจักรวาลหรือในกาละ ที่ดวงอาทิตย์เลื่อนไปจักรวาลเลื่อนไปเรื่อยๆ จะไม่มีอีกแล้ว ในอัตภาพของตัวของใครสัตว์ใดตัวใดตัวหนึ่ง จะไม่มีอยู่ในมหาจักรวาลหรือในกาละ
กาละ คือ การเคลื่อนที่ของมหาจักรวาล ไปข้างหน้า ไม่ถอยหลัง จะไม่มีธาตุรู้ ที่เรียกว่าจิตนิยามอีกเลย ถ้าธาตุรู้อันนั้นแยกออกไปเป็นดินน้ำไฟลม ถ้าคุณจะจับตัวมัน ก็เริ่มจับตัวเป็นดินน้ำไฟลมและพัฒนามาตั้งแต่วัตถุเป็นพลังงานมา จนกว่าจะพัฒนาตัวเองเป็นพลังงานสามารถกลายเป็นเริ่มมีอาการจับตัวเองรู้ตัวเองแล้วก็บังคับตัวเองได้ในตัวอะไรต่ออะไรมาถึงขั้น พีชะ ไม่ต้องนับวันเวลาว่ากี่ล้านปี จากมหาภูตรูป ก้าวหน้ามาเป็น พีชะ จาก พีชะ ระดับต่ำจนเป็นระดับสูงจนกระทั่งเป็น พีชะที่มันรู้กำหนดตัวเพศ กำหนดตัวที่จะต่อพ่อพันธุ์ได้ จนหมดพันธุ์พืชพันธุ์ก็ได้ จนกระทั่งพัฒนาพันธุ์เพศของพืชมาเป็นสัตว์เริ่มมาเป็นแบคทีเรีย เป็นสัตว์เล็กจนกระทั่งค่อยๆ พัฒนาขึ้นมาแค่พูดยังเมื่อยแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 12:45:20 )
รายละเอียด
ที่อธิบายนั่นอธิบาย อาการ ลิงค นิมิต 3 อาการ ซึ่งมีความแตกต่างกัน ถ้ามันมีแต่อาการ 1 ก็ไม่มีอะไรเปรียบเทียบรู้ว่าอะไรต่างกันอย่างไร นัตถิอุปมา มันก็นึกว่ามีหนึ่งอยู่เท่านี้ แต่ถ้ามี 2 คนเรานี้เกิดมาคุณต้องมี 2 อันนี้ก็ขอยาวยืดยาดไปหน่อย ตีหัวพวกนักการเมือง พวกคนทั้งหลาย นักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งหลาย เกิดเป็นคนแล้วเป็นจิตนิยาม มีธาตุรู้แล้ว คุณจะรู้ ต้องรู้ 2 คุณจะมี 1 แล้วเอา 1 เป็นสัจจะไม่ได้ เพราะในธาตุรู้ของโลกก็ต้องมี 2 ถ้ามันมีแต่ 1 มันรู้ตัวเดียวก็ไม่มีอื่นเลย คุณไม่รู้อะไรเลย คุณรู้แต่ตัวคุณคนเดียวมันก็มีแต่ 1 อยู่แต่ตัวเอง ก็ไม่มีใครรู้ด้วย ตัวก็ไม่รู้กับใคร ไม่สัมพันธ์กับใคร ไม่มี 2 เลย มันก็ผิดแล้ว ธาตุรู้มันต้องมี 2 ธาตุ รู้มี 1 ไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3
วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 07:54:38 )
รายละเอียด
สามเส้า คือ ปัญญา ญาณ วิชชา
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:41:55 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:48:13 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 13:37:32 )
รายละเอียด
อาตมาเองอาตมาพูดถึงเรื่องของชีวะ ธาตุจิต ลงไปถึงขั้น สัตตะ ปานะ ภูต ชีวะ แล้วก็แยกเป็น 7
แยกเป็น สัตตะ ปาณะ ภูตะ
ภูตะก็แยกเป็น 3 ในภูตะ เป็นธาตุรู้ขั้นเริ่มคือ เจตสิก ธาตุรู้ขั้นเจตสิกในธาตุของจิตนิยาม เริ่มมาเป็นภูตคาม มันเป็นธาตุรู้ที่ยังไม่เป็นสัตว์ เป็นธาตุรู้แค่พืช พืชก็แบ่งเป็น 2 คือ ภูตคามกับพีชคาม ภูตคามก็แบบ static ส่วนพีชคามก็แบบ dynamic
ภูตคาม พืชเป็นราก พืชหัว พีชคามเป็นราก เป็นกิ่ง เป็นใบ อย่างนี้เป็นต้น
มหาภูต เป็นดินน้ำลมไฟ แล้วก็มาเป็นพืช มาเป็นภูตคาม พีชคาม แล้วมาเป็นเจตภูติ เริ่มมาเข้ามาเหลื่อม overlab มาหาธาตุจิตวิญญาณ ธาตุสัตว์
จากปาณะถึงเจริญมาเป็นเจตสิก มาเป็น เจตสิก แล้วมาเป็นสัตตะ รวมแล้วก็เป็นจิตนิยาม
รายละเอียดพวกนี้อาตมาอธิบายนี้อธิบายจากสภาวะที่อาตมามี แล้วก็พยายามอธิบายเป็นพยัญชนะ แล้วอาตมาก็เข้าใจพยัญชนะคำบาลีต่างๆ เข้าใจอย่างแบบของอาตมา ซึ่งท่านสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ท่านก็พูดเสียดสี กระแนะกระแหนอาตมาอยู่ว่า ท่านโพธิรักษ์ท่านว่าท่านรู้ได้ด้วยญาณ ไม่ได้อาศัยภาษาอย่างที่อื่นเขาเรียนกัน
ที่เขาเรียนกัน ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ ที่เขาเรียนกันเป็นตำราสากล
จริง อาตมาไม่ได้เรียนอย่างนั้นจริง แต่อาตมาเข้าถึงตัวความเป็นสภาวะแท้ แล้วก็มาอาศัยภาษา ส่วนผู้ที่อาศัยภาษาเหตุผลของภาษานั้น มันก็เจริญแต่ภาษา มันเจริญออกนอกกรอบ เขาไม่รู้
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ September ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:12:19 )
รายละเอียด
อาตมาเองอาตมาพูดถึงเรื่องของชีวะ ธาตุจิต ลงไปถึงขั้น สัตตะ ปานะ ภูต ชีวะ แล้วก็แยกเป็น 7
แยกเป็น สัตตะ ปาณะ ภูตะ
ภูตะก็แยกเป็น 3 ในภูตะ เป็นธาตุรู้ขั้นเริ่มคือ เจตสิก ธาตุรู้ขั้นเจตสิกในธาตุของจิตนิยาม เริ่มมาเป็นภูตคาม มันเป็นธาตุรู้ที่ยังไม่เป็นสัตว์ เป็นธาตุรู้แค่พืช พืชก็แบ่งเป็น 2 คือ ภูตคามกับพีชคาม ภูตคามก็แบบ static ส่วนพีชคามก็แบบ dynamic
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 16:32:32 )
รายละเอียด
ความรู้สึกจริงๆตามจริงของเวทนา เป็นเวทนาที่ไม่ปรากฏตัณหา รู้สึกความจริงอย่างเป็นธรรมดาเป็นปกติ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนาที่เป็นส่วน 2 คือมีธาตุรู้ เรารู้อะไร?รู้ 0 ก็ได้ รู้ 1 ก็ได้ แต่ธาตุรู้ก็เป็น 1 ก็รู้ว่าตัวเองมี 2 คือ มีธาตุรู้กับ 0 หรือ1 จะอนุโลมให้เป็น 1 ก็ได้ ที่จริงลึกๆลงไปกว่านั้นก็คืออัตตาเวทนาของเราไม่เป็นอัตตาเลย จะว่าอัตตาเราไม่เสวยเวทนาก็ไม่ใช่ มันมีเวทนาอยู่ แต่มันไม่เป็นอัตตาของเราเลย แต่จะว่าอัตตาของเราไม่ต้องเสวยเวทนาก็ไม่ใช่ ต้องมีธาตุรู้อยู่ รับรู้อยู่ เพราะฉะนั้นอัตตาของเรามีเวทนาเป็นธรรมดา
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์2563
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:12:57 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:50:45 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:04:41 )
รายละเอียด
ศัพท์เรียกความรู้ความฉลาดเฉลียวทางโลกรู้ถึงขั้นเป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งก็ตาม ก็มีธาตุรู้ชนิด เฉโก ทั้งนั้น ภาษาเฉโก ไม่ใช่เป็นคำว่า แต่เป็นความฉลาดที่ไม่ใช่ความสะอาดบริสุทธิ์ เป็นความฉลาดที่มีกิเลสเข้าไปผสมหรือไปควบคุม เข้าไปบัญชาการอยู่ เป็นความฉลาดอย่างนั้น ซึ่งไม่ใช่ความฉลาดแบบปัญญา ปัญญานั้นพอรู้ตัวแล้วฝึกออก เป็นความฉลาดแบบใหม่และมีวิธีแบบใหม่ สามารถที่จะเรียนรู้จิต เมื่อจิตเกิดความฉลาดเฉโกก็รู้ทัน ว่ามีกิเลส จับกิเลสออกได้ เอากิเลสออก ก็เกิดปัญญาเกิดความฉลาดที่ไม่มีกิเลสไปตามลำดับ จนเด็ดขาดทำให้จิตไม่มีกิเลสเข้ามาร่วมปรุงเลย จิตจึงเป็นปัญญาเต็มรูปบริสุทธิ์สะอาด ถาวรด้วย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 11:04:03 )
รายละเอียด
“อัญญธาตุ”คือ “ธาตุรู้ชนิดใหม่”ซึ่งมัน“แตกต่าง”จาก“ธาตุรู้โลกียะเดิม”ที่เคยรู้มาแต่ไหนแต่ไร
“ความรู้ใหม่”นี้มันแปลกแตกต่างเป็นธาตุรู้ที่“ทวนกระแส(ปฏิโสตัง)”กับ“ความรู้ที่เคยมีมาแต่เดิม”
เป็นความรู้ชนิด“อื่น(อัญญะ)” เพราะมันไม่เหมือนความรู้ที่มีมาแต่เดิม”
และเมื่อได้เรียนรู้“ความรู้ใหม่”นี้มากขึ้นๆ ซึ่ง“มีมรรคมีผล”เป็นลำดับ“ต่ำ-กลาง-สูง”ตาม“อธิศีล-อธิจิต-อธิปัญญา-อธิมุติ”
และมี“วิมุตติญาณทัสสนะ”อย่างเป็น“สภาวธรรม”ให้เราบรรลุของตนในตนจริงๆ
ตั้งแต่ความเป็น“บุคคล 8-บุคคล 4”จบรอบต้นเป็น“อรหันต์”
เป็นขั้นต้นของความเป็นมนุษย์ที่ดับสิ้นความเป็น“อัตตา”ตัวตนของตนได้สำเร็จก่อน อันเป็น“ใบไม้กำมือเดียว”
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 413 หน้า 299
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 21:35:06 )
รายละเอียด
เวทนา 108 ก็เกิดจากเหตุปัจจัยต่างๆ เราก็จะรู้จักธาตุรู้เหล่านั้น ที่มันทำงานตามหน้าที่ของแต่ละชื่อแต่ละชื่อ เวทนาก็ทำงานอย่างนี้ สัญญาก็ทำงานอย่างนี้ชื่อนี้ สังขารก็ทำงานอย่างนี้ชื่อนี้ กายิกเวทนาก็ทำงานอย่างนี้ตามองค์ประกอบอย่างนี้ชื่อนี้ จิตเวทนาก็ทำงานอย่างนี้ชื่อนี้อาการอย่างนี้ ความสุขความทุกข์ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ทำงานอย่างนี้อาการอย่างนี้ชื่อนี้ แล้วจะมีดีกรีอย่างนี้ ความสุขข้างนอกหยาบ ความทุกข์ข้างนอกหยาบ มามีภายในเป็นโสมนัสโทมนัสก็มีอย่างนี้ ไม่มีอาการสุขอาการทุกข์ เป็นอุเบกขาหรืออุเบกขินทรีย์ เป็นอินทรีย์ 5 มีฤทธิ์ ก็มีขนาดของมัน มันก็ต้องมีเหตุปัจจัย เหตุปัจจัยภายนอกเรียกว่าสุขทุกข์ เหตุปัจจัยข้างในเรียกว่าโสมนัสโทมนัส ถ้าเป็นกลางๆเรียกว่าอุเบกขา
ที่มา ที่ไป
รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:51:12 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:53:54 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:15:12 )
รายละเอียด
คนผู้มี“อัญญธาตุ”เกิดขึ้นในจิตคือ คนอย่างไร?
คือ คนที่ได้ยินหรือได้ฟังหรือได้รู้“พุทธธรรม”อันมีความเป็น“ธรรมแบบโลกุตระ”จาก“ผู้อื่น”
คำว่า“อื่น”บาลีว่า“อัญญ”“อื่น”หมายความว่า ไม่ใช่ “ตนเอง” หมายถึง“ผู้อื่น”
นั่นก็คือ “ตนเอง”ที่เป็นคนโลกีย์ทั่วไปทุกคน แม้จะมี“ธรรมแบบโลกีย์”สูงส่งถึงขั้นเป็น“ศาสดาเทฺวนิยม”ก็จะเกิด“ความรู้”ชนิด“โลกุตระ”ขึ้นมา“เอง”ไม่ได้เป็นอันขาด
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 4 หน้า 47
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 12:18:05 )
รายละเอียด
ธาตุรู้ที่เป็น “อัญญธาตุ” เกิดขึ้นในจิตมีลักษณะอย่างไร?
คนผู้มี“อัญญธาตุ”เกิดขึ้นในจิตคือ คนอย่างไร?
คือ คนที่ได้ยินหรือได้ฟังหรือได้รู้“พุทธธรรม”อันมีความเป็น“ธรรมแบบโลกุตระ”จาก“ผู้อื่น”
คำว่า“อื่น”บาลีว่า“อัญญ”“อื่น”หมายความว่า ไม่ใช่ “ตนเอง” หมายถึง“ผู้อื่น”
นั่นก็คือ “ตนเอง”ที่เป็นคนโลกีย์ทั่วไปทุกคน แม้จะมี“ธรรมแบบโลกีย์”สูงส่งถึงขั้นเป็น“ศาสดาเทฺวนิยม”ก็จะเกิด“ความรู้”ชนิด“โลกุตระ”ขึ้นมา“เอง”ไม่ได้เป็นอันขาด
ต่อให้ศึกษาด้วยตนเองอย่างสุดยอดอุตสาหะวิริยะปานใดๆจนกระทั่งเป็น“อัจฉริยะ”ขั้นสูงส่ง ได้เป็น“ศาสดา”องค์ใดองค์หนึ่งของศาสนา“เทฺวนิยม”ขึ้นมาในโลกศาสนาใดศาสนาหนึ่งปานนั้น ก็ตาม ก็ยังไม่ใช่“ความรู้-ความฉลาด”แบบ“โลกุตระ”
หรือแม้“ความรู้”นั้นจะได้รับมอบมาจาก“พระเจ้า”และเราได้เป็น“ศาสดา”ผู้ถ่ายทอดคำสอนของ “พระเจ้า” สร้างศาสนาขึ้นมาในโลกได้จริง
“ความรู้-ความฉลาด”นั้นก็ยังเป็น“โลกียธรรม”อยู่นั่นเอง
อันไม่ใช่“โลกุตรธรรม”กันเลยจริงๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 11:14:07 )
รายละเอียด
ท่านก็มีพยัญชนะในปฏิจจสมุปบาททั้ง 11 เมื่อเริ่มมีวิชชา รู้จักคำว่าสังขารมันปรุงแต่งกัน รู้ละเอียดขึ้น เป็นกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร แยกได้ แล้วสังขารต่างๆนี่แหละ มันปรุงแต่งกันอยู่ มีตัวธาตุรู้ที่เรียกว่าวิญญาณ
วิญญาณเป็นธาตุรู้ที่เรียกองค์รวม วิญญาณก็ขันธ์ 5 กอง มีกอง รูป เวทนา สัญญาสังขาร มันประชุมกันอยู่เป็นกองเป็นขันธ์เป็นหมู่ ก็เข้าใจอาการของจิตเราเองที่มันเป็นหมวดเป็นหมู่ มันประชุมกันอยู่ ก็แสดงว่าไม่ได้อยู่อย่างเดี่ยวๆ
ธรรมชาติของความเป็นมนุษย์เกิดมานี้ คุณต้องรู้สิ่งสอง ถ้ารู้แต่สิ่งเดียวทำอะไรแต่สิ่งเดียวโดยไม่เข้าใจความเป็น 2 แต่คุณสามารถที่จะรู้หนึ่ง แล้วอีกหนึ่งคุณก็รู้สภาพรอง อีกอันหนึ่งเป็นสภาพหลัก มี 2 สภาพสภาพหลักกับสภาพรอง แต่ถ้ามันสภาพรองไปคบหากับมาร คบหากับผีร้าย ต้องรู้อันนี้แหละเป็นตัว กลิ เป็นตัวโทษตัวภัย ท่านให้เรียนตั้งแต่ภายนอกเรียกว่า กายกลิ ประชุมข้างนอกหยาบก่อน รู้กายกลิรู้โทษ แล้วก็จัดการรู้ให้ได้ว่าพวกนี้มันเกิดมาเป็นคนจริงๆมันต้องมีกาย แต่กายนั้น ไม่คบกับกลิแล้วรู้อาการทางจิตที่เป็นกลิอย่างไรเป็นโทษเป็นภัยอย่างไร แยกกิเลสชัดคือ กิเลสกามกับกิเลสปฏิฆะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:21:21 )
รายละเอียด
คุณเกิดมา เป็นจิตนิยาม ธาตุรู้คุณเป็นจิต เป็นวิญญาณ คุณก็มีสิ่งที่ถูกรู้กับธาตุรู้ ปฏิเสธไม่ได้ต้องรู้ อย่าไปดับมัน อย่าไปหรี่มัน อย่าไปทำให้มันตกความเป็นธาตุรู้ ให้มันรู้เต็มร้อย ต้องให้มีเต็มสติเต็ม สตะ เต็มร้อย นั่นแหละ จะหลวงพ่อชาก็ตามหรือว่าท่านพุทธทาสก็ตาม ก็บอกว่าการไปยึดถือความรู้ไม่รู้นั้นไม่ได้ทั้งนั้น ก็ว่าไปตามลำดับ
ผู้ที่รู้แล้วเป็น อนุปคัมมะ ก็จะเข้าใจว่าผู้นี้พูดถูก แต่ยึดถือผิด พูดผิดแล้วก็ยึดถือผิดด้วย ก็จะรู้ว่าผิดอยู่ ถูกบ้างผิดบ้างก็ยังสับสนมีอยู่ ถูกบ้างบางอย่างอันนี้ไม่ถูก แต่ก็ยังไม่แน่ชัด ถูกจริงไม่ผิดเลย ผิดจริงๆไม่ถูกเลย ไม่ได้แม่นมั่นอย่างนั้น ก็ยังสับสนไปสับสนมา ซึ่งที่อาตมาพูดอยู่นี้เป็นรายละเอียดของความรู้ ที่พูดแล้วก็สงสารเขา เขาก็จะเห็นว่ามันอวดดี พูดอย่างกับรู้ อ้าว… ถ้าอาตมาไม่รู้จะเอาอะไรมาพูด พูดอย่างกับมันรู้มันรู้จริงๆหรือเหนือเขาหมด แล้วมันเหนือเขาจริงๆไหมล่ะคุณรู้ไหมว่าเหนือ
ถ้าหากอาตมาไม่รู้ อาตมาจะเอาที่ไหนมาพูด แล้วอาตมาก็บอกว่า อาตมาเกิดมาในชาตินี้ไม่มีสำนักสังกัด ไม่มีครูบาอาจารย์ อาตมาก็เอาของอาตมามาพูด คุณต่างหากไม่ยอมรับอาตมา นี่พวกคุณมารับอาตมายอมรับ ได้อะไรมาบ้างไหมเล่า ...ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ
วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2565 ( 13:17:53 )
รายละเอียด
คุณจะพอเข้าใจไหมแล้วปฏิบัติจึงมีสภาวะปรากฏให้คุณรู้ว่า อย่างนี้เป็นจริงอย่างนี้ ธาตุรู้อันนี้เป็นของใครของมัน เป็นปัจจัตตังซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะบอกแทนกัน ของใครของมันแต่มันตรงกันจริงๆเลยกับของอรหันต์ทุกองค์หรือของอาริยะผู้ที่มีธาตุโลกุตระ ตรงกันหมด พูดกันรู้เรื่องเลย ไม่ใช่พูดกันอย่างโมเมๆ เป็น สัมโภคกาย ต่างคนต่างบริโภคร่วมกันแต่ไม่ได้มาสัมผัสต่างๆหูจมูกลิ้นกายหรอก แต่นี่สัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกาย ยืนยันอย่างโทนโท่ ทิฏฐกาละ ขณะนี้เลย ของพระพุทธเจ้าต้องเป็นปัจจุบัน ละเอียดครบพร้อมทั้งภายนอกภายในปัจจุบันนี้ เพิ่งจะลงมาออกรายการนี้ก็กำลังพิมพ์คำว่า ปัจจุบัน อยู่เลย มันก็สนุกมันก็น่าจะ อธิบายให้ฟังเหมือนมันไม่ยากมันไม่มาก แต่มันทั้งยากทั้งมากทั้งละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:33:48 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 08:53:05 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:30:11 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:05:19 )
รายละเอียด
ธาตุแท้แห่งคนย่อมปรากฏตามกรรม คือ การที่คนเราเปลี่ยนไปจากพฤติกรรมเดิมจากที่เราเคยเห็นหรือเคยคาดหวังนั้น จริงๆแล้ว เขาไม่ได้เปลี่ยนหรอกแต่เขาทำให้คนเห็นธาตุแท้ที่เป็นจริงมากขึ้น แต่ละคนตัวตนไม่เหมือนกัน ตัวตนของแต่ละคนก็ย่อมแสดงตัวตนอย่างที่เป็นจริง จะผิดจะถูก จะดีจะชั่วมันก็วิบากของตนเป็นกรรม คุณจะทำอะไรกันคิดนิดนึงก็บันทึกเป็นกรรมวิบาก คิดมากก็เป็นวิบากมาก ยิ่งพูดออกมาก็ทำออกมาครบทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ยิ่งเป็นตัวกรรมที่สมบูรณ์แบบ มันก็บันทึกลงไปมีน้ำหนัก ในตัวคนแต่ละคน เรื่องกรรมนี่แหละ เป็นตัวตั้งของอัตภาพของแต่ละคน
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 14:45:44 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:57:06 )
รายละเอียด
แม้แต่สรีระร่างกายดินน้ำไฟลมปรุงแต่งขึ้นไปเป็นชีวะ มันก็ใช้ธาตุไฟเป็นหลัก จิตวิญญาณก็ใช้ธาตุไฟเป็นหลัก ทางจิตวิญญาณใช้ธาตุไฟเป็นหลักเรียกว่าฌาน ทางด้านร่างกายก็เรียกว่าไฟ เรียกว่าเตโชธาตุ ก็จัดการกับสรีระร่างวัตถุ ส่วนฌานก็จัดการกับจิตวิญญาณ
เพราะฉะนั้นผู้ใดสามารถรู้ธาตุไฟที่เป็นเตโช ก็คือ หมอพวกโภชนาการ พวกพยาบาลพวกนี้ก็รู้ ธาตุไฟที่เป็นเตโช ส่วนผู้ที่รู้ทางจิตก็รู้ว่าเป็นธาตุไฟที่เป็นฌาน
ฌาน จัดการกับจิตวิญญาณที่เป็นประธานสิ่งทั้งปวง รู้ทั้งเตโช รู้ทั้งฌาน รู้ทั้ง ธาตุที่ไปจัดการปรุงแต่ง เตโช ฌาน เปลี่ยนแปลงอะไรได้ ในธาตุกายกับธาตุจิตได้ดี ก็หน้าที่ของมันจะว่าดีก็ได้ดี ไม่ดีก็ไม่ดี ได้ทั้งหมด จัดการดีก็ได้จัดการไม่ดีก็ได้เรียกว่าฉลาดหรือไม่ฉลาด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
พระอรหันต์เป็นผู้มีความรู้เรื่องอาหารดีกว่าคนโลกีย์
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 18:52:22 )
รายละเอียด
ภาวะมีอยู่ เป็นอยู่ ทรงไว้อยู่
หนังสืออ้างอิง
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 45
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:04:33 )
เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 13:45:53 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:14:47 )
รายละเอียด
คือ การเล่น การร่าเริง กีฬาเป็นผีเป็นมารหลอกหลอนตน จึงเป็นโทษต่อตนอยู่ก็ไม่รู้ตัว คือการหลงความสุขสนุกที่เป็นเชิงกามนั่นเองเป็นโทษภัยอันใหญ่หลวงของคน
หนังสืออ้างอิง
คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 288
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 13:27:36 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:59:12 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:06:35 )
รายละเอียด
มีการกระทำความเพียร มีความตั้งใจประพฤติแน่วแน่ ก่อปัญญา สร้างความเก่งกล้าโดยการทรงไว้ในกิจอันดีงามนั้น ๆ อยู่
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 130
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:05:36 )
เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 13:48:31 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:14:23 )
รายละเอียด
สภาพเข้าเขตความเป็นตัวเป็นตน ทรงสภาพอย่างนั้น ๆ ได้แน่ ได้มั่นแล้วเป็นความตั้งมั่น เป็นตัวพลังงานของความเป็นอย่างนั้น ๆ เป็นธาตุรู้ที่รู้ตัวรู้สภาพว่าเป็นอะไรอย่างไรได้แล้ว นับว่าเป็นความรู้ชนิดนั้น ๆ ได้แล้ว เพียงแต่ยังเกิดกรรมของจิตไม่ครบรอบแห่งความพยายามสุดท้ายเท่านั้น แต่ก็แน่ใจได้ว่าเป็นไปอย่างนี้แน่ ๆ มั่นคง เกิดแน่ เป็นแน่เท่ากับนักวิ่งผลัดคนที่ 6 นำหน้ามาลิ่ว มั่นใจว่าชนะแน่ ๆ เป็นตัว ได้ตัวผู้ชนะ ชี้ตัวผู้ชนะได้แล้ว
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 359
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 22:07:39 )
เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 13:56:18 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:06:59 )
รายละเอียด
มีคนเห็นว่าออกนอกรีตไปไกล เป็นพระป่ามีธุดงควัตร 13 ข้อ ซึ่งเป็นเรื่องของเดียรถีย์ทั้งนั้นเลย จนกระทั่งพระพุทธเจ้าท่านต้องยอมรับว่า กัสสปะนี้เทียบได้ มีส่วนที่เทียบเท่าได้กับเรา พระพุทธเจ้าตรัสภาษานี้ช้อนพระกัสสปะไว้ให้ เพราะอยู่ในขอบเขตที่หลุดออกจากศาสนาพุทธได้เป็น เดียรถีย์ เลยนะ พระพุทธเจ้าต้องช้อนเอาไว้ซึ่งเป็นความซับซ้อนหลายชั้นที่อาตมาเห็นว่า มันก็ต้องเป็นจริง มันเป็นสัจจะอย่างนั้น ก็ต้องค่อยๆอธิบายกันไป ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจกันได้ง่ายๆ มัน คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34)
อาตมาเอง อาตมาเป็นสายพุทธิจริต สายปัญญา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูท้องฟ้าสวย วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:22:42 )
รายละเอียด
คือองค์คุณเครื่องกำจัดกิเลส
1. ปังสุกูลิกังคะ (ถือใช้ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร)
2. เตจีวริกังคะ (ถือครองผ้าสามผืนเป็นวัตร)
3. ปิณฑปาติกังคะ (ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร)
4. สปทานจาริกังคะ (ถือบิณฑบาตไปตามลำดับเป็นวัตร)
5. เอกาสนิกังคะ (ถือนั่งฉันที่นั่งแห่งเดียวเป็นวัตร คือ ฉันวันละมื้อเดียว)
6. ปัตตปิณฑิกังคะ (ถือการฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร)
7. ขลุปัจฉาภัตติกังคะ (ถือห้ามภัตที่เขามาถวายภายหลัง คือ ลงมือฉันแล้วไม่รับเพิ่มอีก)
8. อารัญญิกังคะ (ถืออยู่ป่าเป็นวัตร)
9. รุกขมูลิกังคะ (ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร)
10. อัพโภกาสิกังคะ (ถืออยู่ที่กลางแจ้งเป็นวัตร)
11. โสสานิกังคะ (ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร)
12. ยถาสันถติกังคะ (ถืออยู่ในที่พักแล้วแต่เขาจัดให้เป็นวัตร)
13. เนสัชชิกังคะ (ถือการนั่งเป็นวัตรคือ ยืน เดิน นั่ง แต่ไม่นอน)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 8 “ธุดงควรรค” ข้อ 1192
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 21:42:49 )
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:39:27 )
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 09:07:29 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name