@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

สาราณียธรรม 6

รายละเอียด

เป็นหลักการอยู่ร่วมกันคือ ให้ระลึกถึงกันด้วย...

1. เมตตากายกรรม (เมตตัง กายกัมมัง)

2. เมตตาวจีกรรม (เมตตัง วจีกัมมัง)

3. เมตตามโนกรรม (เมตตัง มโนกัมมัง)

4. แบ่งปันลาภแก่กันเป็นสาธารณโภคี (ลาภธัมมิกา)

5. ศีลบริบูรณ์เสมอกัน (สีลสามัญญตา)

6. ความเห็นอย่างอาริยะเสมอกัน (ทิฎฐิสามัญญตา)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 22  "สาราณิยสูตร"  ข้อ 282

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 05 กรกฎาคม 2562 ( 14:38:32 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:25 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:27:56 )

สาราณียธรรม 6

รายละเอียด

อย่างสาราณียธรรม 6 มีเมตตากายกรรม เมตตามโนกรรม เมตตาวจีกรรม มีสังคมสิ่งแวดล้อมดีถึงขั้นมีสาธารณโภคีลาภธัมมิกา ลาภได้โดยธรรมก็เอามารวมกันกับส่วนกลาง กินใช้ร่วมกัน แล้วปฏิบัติประพฤติไป มีศีลเสมอกัน โสดาบันเสมอโสดาบัน สกิทาคามีเสมอสกิทาคามี อนาคามีเสมออนาคามี อรหันต์เสมออรหันต์ แล้วมีทิฏฐิสามัญญตา มีจุดแนวร่วมสุดท้ายคือนิพพานร่วมกัน เป็นคนที่เจริญที่สุด 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:51:15 )

สาราณียธรรม 6

รายละเอียด

เป็นหลักการอยู่ร่วมกันคือ ให้ระลึกถึงกันด้วย

1. เมตตากายกรรม (เมตตั้ง กายกัมมัง)

2. เมตตาวจีกรรม (เมตตัง วจีกัมมัง)

3. เมตตามโนกรรม (เมตตัง มโนกัมมัง)

4. แบ่งปันลาภแก่กันเป็นสาธารณโภคี(ลาภธัมมิกา)

5. ศีลบริบูรณ์เสมอกัน (สีลสามัญญตา)

6. ความเห็นอย่างอาริยะเสมอกัน(ทิฏฐิสามัญญตา)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 22 “สาราณิยสูตร” ข้อ 282


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 15:18:56 )

สาราณียธรรม 6

รายละเอียด

สาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่าง สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ทรัพย์สินเอามารวมกัน ลาภได้โดยธรรม ไม่ได้อย่างอธรรมด้วย ได้มาก็เอามารวมเป็นส่วนกลางกินใช้ร่วมกันเป็นสาธารณโภคี ลาภธัมมิกา นอกนั้นส่วนตัวใครจะมีฐานจิตเท่าไรก็ปฏิบัติตนเองไปตามฐานานุฐานะ เป็นศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา รวมกัน ศีล 5 ก็สมานเสมอกับศีล 8 ศีล 8 ก็สมานเสมอกับศีล 10 ศีล 10 ก็เสมอสมานกับศีลที่สูง สูงขึ้นไปอย่างดีทีเดียว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:23:12 )

สาราณียธรรม 6 คือเนื้อคือแก่นของศาสนา

รายละเอียด

มาถึงสาราณียธรรม 6 นี่คือสิ่งที่คั้นออกมาได้ คั้นมาเป็นเนื้อเป็นแก่นของศาสนา สาราณียธรรม 6 นี่แหละคือเนื้อคือแก่นของศาสนา ใครตอบไม่ได้ว่ามีอะไรบ้างสาราณียธรรม 6 ยกมือ.. (มีคนยกมือ) นี่ด็อกเตอร์เปิดไม่ได้หรือ ต้องเปิดตำรา นี่เป็นเด็กอโศกตั้งแต่เล็กจนไปทำงานรอบโลกแล้วหันกลับมาเอาธรรมะยังช้าเลย คิดดูสิ พาจนไม่ยอมจน ดื้อแน่ะ แต่อาตมาก็บังคับไม่ได้หรอกตัวใครตัวมัน ก็อ้างอิงประกอบยืนยัน เป็นวัตถุประกอบในการอธิบายธรรมะ โลกเรามันมีอะไรต่างๆยิ่งกว่าอธิบายได้ดียิ่งกว่าตัวหนังสือมันมีพฤติกรรมที่รู้จักกันเข้าใจกัน มันมีโดยปริยาย พวกเราแต่ละคนมารวมกันแล้วต่างมีความเข้าใจ อาตมาสรุปลงที่สาราณียธรรม 6 เกิดจิตเมตตาแล้วก็มาอยู่กันด้วยกายกรรมเมตตา วจีกรรมเมตตา เพราะมีมโนกรรมเกิดเมตตา เกิดจิตตัวนี้เป็นจิตเมตตา ใครมีมากมีน้อยก็มีตัวเมตตา เมตตาคืออะไร มันเกิดจิตเป็นจริงอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:29:14 )

สาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 เป็นความพิเศษของมนุษยชาติที่อยู่ร่วมกัน

รายละเอียด

มีความเห็นอย่างที่คุณเห็นแต่อาตมาอธิบายยังไม่เก่ง เท่าที่มีปฏิภาณพูดได้มันเป็นความพิเศษของมนุษยชาติของสังคมองค์รวมที่อยู่ร่วมกัน ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเกื้อกูลกันมีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม อยู่กันอย่างมีเมตตากันจริงๆ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไม่เดือดร้อน ด้วยสาราณียธรรม 6 เรามีอย่างนั้นจริงๆ สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา พุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคคียะ เอกีภาวะ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2563 ( 18:41:46 )

สาราณียธรรม 6 มีพุทธพจน์ 7 เป็นตัวจิต มีวรรณะ 9 เป็นรูปธรรม

รายละเอียด

แต่ของเรานี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจตกแล้ว สำเร็จแล้ว เพราะฉะนั้นชุมชนชาวอโศกทุกวันนี้ อาตมาว่าอาตมาหยุดแล้วไม่ไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้พวกเราแล้วพวกเราก็ดำเนินไป มีความเป็นอยู่กันไป ถ้าพวกคุณไปกบฏ ต่อสิ่งที่เป็นทฤษฎีที่ได้แล้วของพระพุทธเจ้า ตัวเองลดค่าของวรรณะ 9  สาราณียธรรม 6 ของคุณก็ไม่เข้าท่า อยู่กันอย่างไม่เมตตา ลาภที่ได้โดยธรรม ก็มายักไปยักมา ของกูของมึงของใครของมันอีก ทฤษฎีของพระพุทธเจ้าไม่เสมอสมานกันแล้ว ศีลก็ไม่เสมอสมานกันแล้ว เจ๊ง ใช่ไหม เพราะฉะนั้นในสาราณียธรรม 6 มีพุทธพจน์ 7 พุทธพจน์ 7 นี่คือตัวจิตเลย ถ้าวรรณะ 9 คือ ขยายความเป็นรูปธรรม ถ้าเป็นพุทธพจน์ 7 นี้เป็นจิต 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 11:24:28 )

สาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9

รายละเอียด

โอฬารคือหยาบใหญ่ ไม่ฝากไว้ได้ไงมันขยับไม่ได้เลย นี่ก็หิน 77 ตันเอามานี่จะไปตั้งที่ไหน มีสามก้อนมาเมื่อวาน เป็นนิมิตเหมือนกัน ปี 63 มาเป็นรูปธรรมเบ้อเร่อ สังคมที่มีสาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 มีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ   ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) อัปปิจฉะ น้อยได้เท่าไหร่ก็ยังพอ น้อยจนเป็น 0 คนที่ไม่มีหนี้เลยคือเริ่มต้นได้แล้ว มาในอโศกก็ใช้หนี้ให้เสร็จก่อน มาแต่ตัวกับหัวใจอย่าพกหนี้มา หรือพกหนี้มาก็อย่าให้ยุ่งกับหมู่ ปิดบังไว้ก็ทำหนี้ให้หมด มาก็มาเถอะ แต่อย่าให้มาวุ่นวายกับหมู่เขา เพราะที่นี่หมู่เขาไม่มีหนี้แล้ว มันเป็นทุกข์จริงๆเรื่องหนี้ อาตมานึกถึงชีวิตตัวเอง ผ่อนหนี้เก่งด้วยนะ ธนาคารชมเลย พอผ่อนส่งปั๊บก็มีใบมาบอกให้กู้อีก เพราะว่าเราเครดิตดี ส่งได้ไม่ขาด เขาจะรู้ คนไหนเป็นลูกหนี้ชั้นดี คนไหนเป็นลูกหนี้ไม่น่าคบ 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 พ่อครูบวชมาย่าง 50 ปี มีผลอะไร 1 วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:19:44 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:05:00 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:28:58 )

สาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างอบอุ่น

รายละเอียด

สาราณียธรรม 6 ยืนยัน อยู่กันอย่างมี สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม อยู่กันอย่างอบอุ่น อยู่กันอย่างเมตตาเกื้อกูลไม่ว่าเด็กเล็กผู้ใหญ่ คนป่วยติดเตียงก็ต้องช่วยกัน ตอนนี้เห็น “ยอม”ติดเตียง ช่วยกันดูแลรักษาเด็กๆก็ช่วยกัน ก็ขออภัย พูดชัดๆ ยังไม่ตายก็ดูกันไป พวกเราก็มีคนนอนติดเตียงก็ช่วยกันไป ก็อยู่กันอย่างเมตตากายกรรมก็เห็นๆ วจีกรรมก็ไม่มีวจีกรรมที่หยาบคายด่าทอทะเลาะเบาะแว้งเหมือนข้างนอกเขา ไม่ หรือแม้แต่พูดหยาบ พูดกูพูดมึง แค่นั้นก็ยังหาได้ยากในนี้ แต่มีบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่หาได้ยาก อย่างนี้เป็นต้น 

มันอบอุ่น มันสมบูรณ์ อาตมาว่า พูดไปแล้วมันเหมือนกับคนหลงตัวหลงตน เมืองไทยนี่ มีอยู่อย่างหนึ่ง คนดีเขาไม่ค่อยยกย่อง แต่คนไม่ดีเขากระทืบเก่ง อย่างนั้นจริงๆ เหมือนอย่างสำนวนของชูวิทย์ ไม่ต้องทะเลาะ กระทืบเลย หนัก ไม่ต้องเอาแค่ทะเลาะ กระทืบเลย ชูวิทย์ สำนวนเขา โอ้โห มันรุนแรงจริงๆ เอาละ อาตมาพูดไปพูดมาเวลามันทำไมมีเท่านี้หรือ เกินไปแล้ว 7 นาที 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตย 3 อย่างในโลก

วันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 11:55:41 )

สาราณียธรรม 6 เกิดจากอะไร

รายละเอียด

แล้ว สาราณียธรรม 6 เกิดจากอะไร ทำอย่างไรถึงจะบรรลุคุณธรรมตาม 6ข้อที่ว่า จะเกิดได้ก็จากการปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 อย่างสัมมาทิฏฐิ เป็นเงื่อนไขหลักเลยนะ เมื่อได้ปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 อย่างสัมมาทิฏฐิมันก็จะเกิดสัมมาทิฏฐิ 10 ซึ่งก็ต้องบริบูรณ์ทั้ง 10 ข้อ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2564 ( 09:40:02 )

สาราณียธรรม 6 เป็นหลักการบริหารบริบาลทางสังคมศาสตร์

รายละเอียด

มาสรุปเข้าตรงที่ว่า เศรษฐศาสตร์ก็ดี รัฐศาสตร์ก็ดี ซึ่งเป็นเรื่องของสังคม สำคัญ 2 อย่างนี้ รวมแล้วก็เป็นเรื่องของสังคมศาสตร์ ใหญ่ๆ ก็คือเศรษฐศาสตร์กับรัฐศาสตร์ เขาก็เรียกเศรษฐศาสตร์การเมือง เป็น 2 คำที่ศึกษากัน เศรษฐศาสตร์คือการอยู่การกิน รัฐศาสตร์หรือการเมืองคือการช่วยเหลือเกื้อกูลการบริหารกัน บริบาลกันบริหารกัน ผู้ที่มีความรู้มีความสามารถก็เป็นผู้บริหารผู้บริบาล ผู้ที่ไม่มีความรู้หรือความรู้น้อยก็บริบาลบริหารกันไป ตั้งแต่ระบบพี่บริหารบริบาลน้อง พ่อแม่บริหารลูก ญาติโกโยติกาที่เป็นผู้ใหญ่ก็บริหารลูกหลาน จนกระทั่งถึงผู้ที่เป็นอยู่ในสังคมที่มีความรู้ความสามารถมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็บริหารช่วยกันไป ด้วยความเอ็นดูด้วยความเกื้อกูลช่วยเหลือกันไป 

สรุปรวมลงไปจบที่ สาราณียธรรม 6 อยู่กันด้วย เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภที่ได้โดยธรรมลาภธัมมิกา ก็รวมมาเป็นกองกลางแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ทุกคน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:55:29 )

สาราณียธรรม 6 เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงสังคมประเสริฐสุด

รายละเอียด

สัตว์เดรัจฉานมันไม่รู้เรื่อง ลิปสต่ง ลิปสติค อะไรหรอก น้ำหงน้ำหอมไม่เกี่ยวกับสัตว์เดรัจฉาน แต่คนนี้แหละมันทำมาหลอกกัน เสื้อผ้าหน้าแพรอย่างนี้สวยอย่างนี้ชั้นสูง ตัดแม็กซี่ยาวๆธรรมดา ติดขนไก่บางๆเล็กๆ ตัวนี้แสนห้า มีตัวเดียวนะ ใครซื้อได้รีบแย่งกันซื้อแล้วเอาไปใส่ครั้งเดียวด้วยถ้าใส่ซ้ำ 2 ครั้งขายหน้าอาย ต้องใช้ครั้งเดียวแล้วห้อยเลย นี่มันหลอกกันได้ขนาดนี้ใช่ไหม เห็นไหม คนเรามันโง่หรือฉลาดเอ่ย โง่ พวกเรารู้แล้วก็ไม่ไปถูกหลอก แต่ก่อนคนเรายังโง่ เดี๋ยวนี้ก็ยังโง่ โง่หนักกว่าเก่า แล้วจะสู้กันไหวเหรอ จะกอบกู้ขึ้นมาได้ไหมนี่ 

เพราะฉะนั้นคำว่าอำนาจเอามาใช้กับประชาชนที่เป็นการบริหารหรือบริบาล หรือดูแลเลี้ยงดูปกครองกัน ก็ใช้อำนาจนี้กับประชาชนเรียกว่า ประชาธิปไตย คนที่รู้อย่างอาตมารู้จริง อาตมาก็ทำประชาธิปไตยกับคน แล้วเป็นประชาธิปไตยระดับโลกุตระด้วย จึงได้เกิดผู้รับรู้มีความเป็นประชาธิปไตยในตนขึ้นมา เป็นประชาธิปไตยโลกุตระด้วยมาอย่างนี้ จึงอยู่ในระบบ สาราณียธรรม 6 ได้ 

สาราณียธรรม 6 เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงสังคมประเสริฐสุด ที่จะมีกลุ่มคนที่เป็นสังคมนี้ สังคมอย่างนี้เขาเป็นอย่างไร เขาอยู่ด้วยกันมี สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ลาภที่ได้มาโดยสุจริตโดยธรรม ดูอย่างหน้าเวทีสิ กะหล่ำปลีและพืชผักผลไม้อื่นๆ 2 ข้างเต็ม และยังมีข้างหน้ามีบวบเหลี่ยมไม่รู้กี่หัว กินเข้าไป ของอุดมสมบูรณ์ กินบ้างแจกบ้าง เอาอย่างนี้ไปแจกที่กระท่อมปันสุขบ้างสิ ก็ไม่ค่อยกล้ากัน เอาแต่ลูกเล็กๆไป หวง ถ้าคุณกล้าเอาลูกสวยๆนี้ไปให้เขานะ ลูกเล็กหรือลูกโตมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก กินมันก็มีธาตุอาหารไม่น้อยไม่มากกว่ากันเท่าไหร่ มันเป็นแบบกะหล่ำปลีก็มีธาตุอาหารอย่างกะหล่ำปลี โอ้โห ชื่นชม คนข้างนอกเขาจะมาคอยแอบดู เมื่อไหร่จะเอาลูกสวยๆ มาตั้ง พรึ่บ รับรองไม่กี่นาที ทำไมตาเร็วยังกับแร้ง ปั๊บ หายเลย  

อาตมาเคยพูดเคยบอกว่า พลังงานที่เรามี คนมีพลังงานและเอาพลังงานนี้มาสร้างพลังงานยิ่งใหญ่เรียกว่า พลังอำนาจ พลังที่เป็นอำนาจมีมวลมีพลังเยอะ เอามาสร้างพืชพันธ์ุธัญญาหารให้มากแล้วไล่แจกโลกไป เราได้เท่านี้ก็แจกเท่านี้ ได้มากเพิ่มขึ้นจะแจกเยอะเพิ่มขึ้นขยายผล ดูซิก่อนอาตมาจะตาย เราจะเจริญแค่ไหน ลงมือเป็นกสิกรกันแล้วก็สร้างขึ้นมา นี่อยู่กันไม่ใช่น้อยแล้วนะ 400 ถึง 500 ขึ้นมา มวลบ้านราช แต่ยังไปขมีขมันทำกสิกรรมไม่เท่าไหร่ ยังไม่อุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ ยังแห้งๆ รกๆ ร้างๆ อีกเยอะ ถ้าขยันแล้วทำได้มากๆ โอ้..เราจะขายถูกๆ เชิงแจกไป คนจะได้อาศัยกิน เป็นกุศลอย่างยิ่ง และเราก็ทำการลดกิเลสในตัวเราเป็นบุญ บุญก็เกิดในตัวเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 7 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2566 ( 12:29:49 )

สาราณียธรรมมีหลักอยู่ที่หมู่กลุ่มเป็นเอกีวิภาวะเหนียวแน่นแข็งแรงไหม

รายละเอียด

จะเป็นตัวอย่างแก่โลก เป็นระบบเศรษฐกิจที่สูงสุด สูงสุดตรงที่คนอยู่ในสังคมชุมชน ในกลุ่มนี้ เป็นสาธารณโภคี กินใช้ร่วมกันกับส่วนกลางทุกคนมีส่วนร่วมกับส่วนนี้โดยอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของชุมชน เป็นสมาชิก คนนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะกินใช้มีสิทธิ์ส่วนในการเบิกส่วนกลาง หลักการของสาธารณโภคีจึงมีขั้นตอนอีกเยอะ จนกระทั่งแม้แต่คนที่อยู่ภายนอกหมู่บ้านก็สาธารณโภคีได้ เขาเข้ามาก็จะปฏิบัติอย่างนี้ แม้เขาจะมีส่วนตัวไม่ได้เอามาร่วมกับส่วนรวมไม่ได้สละออกมา ส่วนคนที่อยู่ในนี้มีสละทั้งหมดก็มีไม่สละหมดก็มี ยังหารายได้ส่วนตัวนิดๆหน่อยๆก็มี แต่หารายได้หลักส่วนตัวอย่างเอาเป็นเอาจริงเขาไม่กล้าหรอกในนี้ หารายได้อย่างเอาเปรียบเอารัดเห็นแก่ตัว เอาของที่นี่ไปขายเอาเงินทองเข้ากระเป๋าส่วนตัวเลยเป็นต้น หรืออยู่ที่นี่แล้วไปหากินภายนอกเอาเงินเข้ากระเป๋าส่วนตัวเลยไม่บริจาคให้ที่นี่เลยก็ไม่มี มีบริจาคบ้างมีบริจาคไม่มากนัก มีบริจาคมากขึ้นเอาไว้ส่วนตัวบ้าง ก็มีทุกระดับ ไม่มีปัญหา อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นสาธารณโภคีมีหลักอยู่ที่ว่ากองกลางส่วนกลาง ที่เป็นหมู่กลุ่ม เอกีภาวะ เหนียวแน่นแข็งแรงไหม ถ้าแข็งแรงคนอื่นจะอย่างไรก็ตาม คนอื่นจะเห็นแก่ตัวจะไปแบ่งส่วนย่อยส่วนใหญ่มากน้อยของเขาก็ว่าไป อย่างไรๆ ส่วนหลักก็ยังช่วยคนอื่นได้ ตัวเองคุ้มตัวเองเหลือ ยังแจกจ่ายคนอื่นได้อีกไม่กระทบกระเทือนเลย เช่นพวกเราทุกวันนี้ ถึงขั้นว่าถนนสาธารณะที่เป็นสาธารณูปโภคต่างๆ ถ้าเราทำได้เราจะทำไปเรื่อย ตอนนี้เราทำถนนเทคอนกรีต หมดไปกี่ล้าน ทางการเขาจะมาให้บ้าง จนป่านนี้มาบ้างไม่มาบ้าง ได้มาบ้างแล้ว แต่ไม่มีปัญหาเราก็อนุโมทนาด้วยให้ทำต่อไป แต่เราก็ทำอยู่ ที่ให้มาของทางการ จะมาก่อนที่เราเสร็จหรือไม่ก็ไม่รู้แต่เรายังมีที่จะทำต่อไปอีก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 11:23:13 )

สาราณียะ

รายละเอียด

ความระลึกถึงกัน

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 102 

วิถีพุทธ หน้า 10


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:56:04 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:29:55 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:04:15 )

สาราณียะ 6 พุทธพจน์ 7

รายละเอียด

เป็นจิตใจที่มีเมตตาจริงไม่ใช่ทำทีเป็นเมตตาไม่ใช่ท่องแต่เมตตา ไม่ใช่ แต่จิตใจมันเกิดสัจธรรมอย่างนั้นจริง เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นองค์ธรรมที่รวมไม่แยกกัน เมตตาก็เจริญขึ้น กรุณาก็เจริญขึ้น มุทิตาก็เจริญขึ้น อุเบกขาก็เจริญขึ้น พวกนี้เป็นอุตตริมนุสสธรรมเป็นธรรมะที่วิเศษ เมื่อมีเมตตาก็อยู่อย่างพวกเราจะมีสาราณียธรรม มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรมกันอยู่จริงๆ มีพุทธพจน์ 7 มีสาราณียะ มีความระลึกถึงกัน เยี่ยมเยียนกันติดต่อกัน ระลึกถึงกัน 

  1. สาราณียะ (รู้จักระลึกถึงกัน คำนึงถึงคนที่ควรเอื้อ) 

  2. ปิยกรณะ (รักกันสัมพันธ์ดี-ปรารถนาดีต่อกัน) . 

  3. ครุกรณะ (เคารพกัน รู้จักฐานะ รู้จักคุณวุฒิ) 

  4. สังคหะ (สงเคราะห์เกื้อกูลช่วยเหลือกัน) . . .

  5. อวิวาทะ (ไม่วิวาทแตกแยกกัน) .

  6. สามัคคียะ (พร้อมเพรียงกัน มีพลังรวมยิ่งใหญ่) .

  7. เอกีภาวะ (เป็นปึกแผ่น มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน)  (โกสัมพีสูตร พตปฎ. ล.22  ข.282-283)

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

โกสัมพีสูตร พตปฎ. ล.22  ข.282-283


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 14:27:24 )

สารี แปลโดยสภาวะต่างจากพยัญชนะนั่นถูกแล้ว

รายละเอียด

ถูกต้อง สารี แปลว่า ผู้ที่เดินไปหรือผู้เที่ยวไปก็ได้ แปลว่า ระลึกก็ได้ แสวงหาก็ได้ สัทธานุสารี ธัมมานุสารีก็ได้ ผู้แสวงหาสายศรัทธาหรือสายปัญญาก็ดี ก็ถูก สารี แปลว่า อย่างนั้นก็ถูก แต่อาตมาแปลว่า ผู้ที่ตามหาสาระ ซึ่งแปลเอาสภาวะ แต่เขาก็ว่าไม่ตรงพยัญชนะเขา เขาก็ว่าอาตมาผิดนั่นก็ถูกแล้ว แต่สภาวะเขาตามอาตมาไม่ถูกก็ไม่เป็นไรก็ขอบคุณที่คุณพูดมาตรงๆ ตามที่เขาเข้าใจกัน โดยพยัญชนะ

อาตมาแสดงธรรมนี้มาจากสภาวะส่วนใหญ่ หลายอย่างหลายอันเลยไม่ตรงกับพยัญชนะที่เขายึด อย่างคำว่ากาย ปุญญะ สมาธิ หรือฌาน เป็นต้น เขาเข้าใจผิดกันไปเยอะ ในพจนานุกรมไทยบาลี แปล กายว่า หมวดหมู่ ไม่ใช่สิ่งเดียว แม้แต่ในพระไตรปิฎก ท่านก็หมายถึง จิต มโน วิญญาณด้วยซ้ำ อาตมาก็เชื่อแน่ว่า อาจารย์ที่สอนธรรมะมาคงจะงง ไม่เหมือนที่เขาสอนกันมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:58:18 )

สารีปุตโต

รายละเอียด

เป็นผู้ที่เป็นบุตรของพระพุทธเจ้า เอาสาระสัจจะของพระพุทธเจ้าจริงๆ เอาสาระของพระพุทธเจ้ามาแจกจ่าย เป็นผู้ที่เป็นบุตรของพระพุทธเจ้า เอาสาระสัจจะของพุทธเจ้ามาขยายความมาแจกแจงยืนยัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 20:37:45 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:05:45 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:29:38 )

สารีปุตโต คือใคร

รายละเอียด

สอนอยู่ 3 เดือนนั้น ผู้ที่เป็นสารีบุตร รู้ความจริงทั้งหมดเลย สารีบุตรไม่ต้องไปนั่งฟังอยู่ที่บนเขาหรอก แต่นั่งฟังอยู่ตีนเขา รู้หมดเข้าใจหมดเห็นหมดเพราะรู้สาระ เป็นลูกแท้ๆที่รู้ เป็นบุตรที่แท้ที่รู้สาระพระพุทธเจ้าทั้งหมด 

สารีปุตโต คือ ผู้รับเอาสาระจากพระพุทธเจ้าได้ครบได้เต็ม ฟังธรรมะด้วยกัน สารีบุตรเอาไปก่อนหมด ไม่ต้องไปเสนอหน้า พระพุทธเจ้าไปเทศน์อยู่ที่ดาวดึงส์ เสร็จแล้วก็ลงจากดาวดึงส์ ที่จริงไม่ได้ลงไม่ได้ขึ้นอะไรหรอก สอนอยู่นี่แหละ 3 เดือน ก็ได้แม่ที่ไปเผยแพร่ธรรมะต่อ นี่คือนัยยะสภาวธรรมที่ลึกซึ้ง ถ้าไปติดอยู่แค่ตัวตนบุคคลเราเขาก็จะไม่รู้เรื่อง อาตมาขยายความเข้าใจกันบ้างไหม ถ้าเข้าใจก็เป็นสารีบุตรทั้งหลาย ก็ไม่ต้องยึดมั่นถือมั่นว่าข้านี่แหละสารีบุตร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 13:27:53 )

สารีแปลโดยสภาวะต่างจากพยัญชนะนั่นถูกต้องแล้ว

รายละเอียด

ถูกต้อง สารี แปลว่า ผู้ที่เดินไปหรือผู้เที่ยวไปก็ได้ แปลว่า ระลึกก็ได้ แสวงหาก็ได้ สัทธานุสารี ธัมมานุสารีก็ได้ ผู้แสวงหาสายศรัทธาหรือสายปัญญาก็ดี ก็ถูก สารี แปลว่า อย่างนั้นก็ถูก แต่อาตมาแปลว่า ผู้ที่ตามหาสาระ ซึ่งแปลเอาสภาวะ แต่เขาก็ว่าไม่ตรงพยัญชนะเขา เขาก็ว่าอาตมาผิดนั่นก็ถูกแล้ว แต่สภาวะเขาตามอาตมาไม่ถูกก็ไม่เป็นไรก็ขอบคุณที่คุณพูดมาตรงๆ ตามที่เขาเข้าใจกัน โดยพยัญชนะ

อาตมาแสดงธรรมนี้มาจากสภาวะส่วนใหญ่ หลายอย่างหลายอันเลยไม่ตรงกับพยัญชนะที่เขายึด อย่างคำว่ากาย ปุญญะ สมาธิ หรือฌาน เป็นต้น เขาเข้าใจผิดกันไปเยอะ ในพจนานุกรมไทยบาลี แปล กายว่า หมวดหมู่ ไม่ใช่สิ่งเดียว แม้แต่ในพระไตรปิฎก ท่านก็หมายถึง จิต มโน วิญญาณด้วยซ้ำ อาตมาก็เชื่อแน่ว่า อาจารย์ที่สอนธรรมะมาคงจะงง ไม่เหมือนที่เขาสอนกันมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:59:40 )

สาวก

รายละเอียด

คือ ผู้ฟังมาจาก ผู้เป็นปัจเจกคนก่อนๆหรือจากสยังอภิญญา หรือสยัมภูคนก่อนๆเป็นต้นเหตุ

หนังสืออ้างอิง

สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4 โพธิรักษ์…โพธิกิจ หน้า 203


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 12:23:30 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:40 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:03:59 )

สาวก

รายละเอียด

1. ผู้ฟัง [มิใช่ผู้พูด,มิใช่ธรรมกถึก] มิใช่ผู้รู้เองจากภาวะจริงของตน ต้องได้มาจากผู้อื่น เริ่มจากการฟัง หรืออ่าน หรือเห็น สัมผัสจากคนอื่นก่อน

2. ผู้ต้องฟังจากผู้อื่นจึงจะรู้ได้ เพราะรู้เองไม่ได้

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 141, ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 47


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:57:04 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:30:49 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:30:33 )

สาวกคือผู้ที่ยึดถือพระพุทธเจ้าและเอาคำภาษิตพระพุทธเจ้าแล้วยืนยัน

รายละเอียด

สาวกคือพูดให้ชัดๆ คือท่านคึกฤทธิ์ ที่รวบรวมพระพุทธวจน แล้วท่านก็แปลว่า ว่า สาวกคือใครก็ไม่รู้ แต่จริงๆแล้วคือผู้ที่ยึดถือพระพุทธเจ้าและเอาคำภาษิตพระพุทธเจ้าแล้วยืนยันว่านี่คือคำของพระพุทธเจ้าพระไตรปิฎกยืนยันนะ แล้วก็บอกว่าผู้อื่นที่จะนอกจากท่านคึกฤทธิ์ที่บัญญัติจึงไม่ใช่สาวกนอกนั้นเป็นสาวกทั้งนั้น อย่างพระเถระเถรีหลายรูป ท่านคึกฤทธิ์ท่านไม่เอาเลย ท่านถือว่าเอาแต่คำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ยืนยันในพระไตรปิฎกมา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 10:20:45 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:23:31 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:31:58 )

สาวกภูมิ

รายละเอียด

1. ผู้ที่มีความรู้ชนิดโลกุตรธรรม ซึ่งต้องได้ฟัง หรือได้รับมาจากอื่น เพราะความรู้ชนิดนี้ตนเองมีเองไม่ได้

2. คนที่ยังไม่มีภูมิถึงขั้นปัจเจก , คนที่ยังไม่มีของตนเอง

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 90,ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 141


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:58:12 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:31:43 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:42:21 )

สาสวะ

รายละเอียด

1. ทำถูกต้อง แต่ยังไม่ถึงขั้นหมดสิ้นอาสวะ

2. เป็นไปกับกิเลสดุจของดอง แม้มีบุญ มีกุศลก็มี ก็ได้ พร้อมๆ ไปกับสภาพยังมีกิเลสส่วนลึกที่เหลือนอนเนื่องอยู่ในสันดาน

3. ยังไม่ถึงอนาสวะ ถ้าผู้ที่สิ้นอาสวะแล้วก็ไม่ต้องปฏิบัติมรรคแล้ว

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 178, หน้า 414

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 238


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:00:00 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:32:50 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:02:54 )

สาเฐยจิต

รายละเอียด

สาเฐยจิต  คือเป็นอุปกิเลส คือ จิต อยากอวด อยากโอ่  เป็นจิตอกุศล

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:36:16 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:23:10 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:02:31 )

สาเฐยยะ

รายละเอียด

สาเฐยยะ คือ จิตอยากโอ่อวด  อยากเบ่ง  พอเรามีอาการจิตเหล่านี้ มันเป็นอุปกิเลสเป็นจิตไม่ดี เป็นอกุศลจิต  เราก็ละอาย  โอตตัปปะ  คุณได้พิจารณาจิตในจิต  เวทนาในเวทนา  ในตนเองหรือเปล่า  มันเกิดอาการคุณพิจารณาจนเก่ง  พอจิตใจมีอุปกิเลส คุณก็จะละอาย  นี่เป็นศาสตรา  ความรู้  ถ้าคุณยังมีสิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งจะไปประหัตประหาร มันประหัตประหารความเจริญก้าวหน้ามันทำให้เสื่อม  เราก็จะสังวรระวังและมีความรู้อย่างที่อธิบาย  หากไม่มีก็ทำความรู้อย่างที่อธิบายก็เจริญก็จะไม่ดื้อด้าน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:47:34 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:06:50 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:02:14 )

สาเฐยยะ

รายละเอียด

อวดโอ่ , อวดดีที่ไม่มีดี , แม้ทำดี แสดงดีอยู่จริง แต่ก็ยังมีจิตหลงในดีนั้น หรือหลงผยองตน , จิตยังมีความไม่ดีแฝงอยู่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 433


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:45:39 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:33:31 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:42:58 )

สาเถยยะ

รายละเอียด

อวดดี

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 46 

สมาธิพุทธ หน้า 367


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 07:46:11 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:34:24 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:01:34 )

สาเปกโข

รายละเอียด

คือ จิตที่มีเยื่อใยกับการได้ให้ไป โดยหวังว่าจะได้อะไรจากผู้ที่เราได้ให้ไป ไม่ว่าจะเป็นคำสรรเสริญ เยินยอ หรือการสร้างภพชาติในทานที่ได้ให้ไป การให้ทานอย่างสัมมาทิฏฐินั้นผู้ให้จะต้องทำใจในใจขั้นสูญสิ้นสาเปกโข สาเปกโข คือ มีอาการหวังว่าจะได้อะไรคืนมาแม้เล็กน้อยก็สาเปกโข ต้องไม่มีสิ่งเหล่านี้จึงจะทำการให้ทานอย่างสัมมาทิฏฐิ ยังได้ผลสูงสุด และได้ชื่อว่า ปุญญภาคิยา(ผู้มีส่วนในการได้ชำระกิเลส) คำว่าปุญญภาคิยา หรือปุญญภาคิยะ แปลว่า ส่วนบุญ 

ที่มา ที่ไป

620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:36:35 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:07:43 )

สาเปกโข

รายละเอียด

มันไม่ 0ไม่กลาง สา กับ อุเบกขา ก็คือมันไม่ว่าง ไม่กลาง ไม่มีหลัง ลม ๆ แล้งๆ จุดหวัง วิมาณ อยากได้ ภพชาติ มันมี ความเป็นภพชาติอีก อย่าไปตั้ง คนที่ไม่มีสัมมาทิฏฐิก็ไปตั้ง

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราชฯ  วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562                            

หนังสืออ้างอิง

ทานสูตร พระไตรปิฎก  เล่ม 23 ข้อ 49 - คือ  เทวดา 6 อย่าง  พรหม 1  อย่าง


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:40:34 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:09:45 )

สาเปกโข

รายละเอียด

คือ การทำทานอย่างมีภพ ชาติ มุ่งหวัง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 12:59:11 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:11:00 )

สาเปกโข

รายละเอียด

คือมันไม่ 0 ไม่กลาง สา กับ อุเบกขา ก็คือมันไม่ว่างไม่กลาง ไปมีหวังลมๆแล้งๆ จุดหวังวิมานอยากได้ภพชาติ มันมีความเป็นภพชาติอีก อย่าไปตั้ง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2563 ( 10:09:09 )

สาเปกโข

รายละเอียด

ซึ่งเป็นเรื่องที่นักเศรษฐศาสตร์คิดไม่ถึงว่า มันจะมีด้วยหรือคนแบบนี้ คนทำงานฟรี เขาก็พูดกันว่าของฟรีไม่มีในโลกด้วยซ้ำไป อย่าว่าแต่คนทำงานฟรี มีด้วยหรือ เขาบอกว่าของฟรีมีที่ไหนในโลก มนุษย์ต้องมีสิ่งตอบแทน แต่ของชาวอโศกให้โดยไม่มี สาเปกโข แล้วคนนี้ยืนอยู่ในทิศทางของคนมีแต่ให้โดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน จิตของคุณไม่สร้างสาเปกโขเลย ไม่หวังอะไรตอบแทนโดยไม่หวังสิ่งใดเลย นั่นคือจิตที่จบแล้ว จิตที่สูงสุดเลย เป็นผู้รับใช้สังคมเป็นผู้รับใช้ผู้อื่นอย่างเต็มร้อยไม่มีตัวตน อย่างนั้นจริงๆ แล้วจิตจริงคุณเป็นอย่างนี้ก็จบทำความเข้าใจได้และทำอย่างที่ทำความเข้าใจได้ นี่คือศาสตร์ของพระพุทธเจ้าพุทธศาสนา หรือพุทธศาสตร์นี่แหละ เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธไม่หวังอะไรเลยในการทาน ในทานสูตรนี้ยิ่งใหญ่มาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 12:02:54 )

สาเปกโข 

รายละเอียด

สาเปกโข  คือ การทำงานจิตได้ทานแล้วแต่หวังผลตอบแทน เป็นผลในชาตินี้ ชาตินี้ ชาติโน้น มากยิ่งขึ้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 12:45:46 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:11:38 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:46:09 )

สาเปกโขคืออะไร

รายละเอียด

แม้แต่ความเป็น“ชาติ”ที่มีภาวะเกิด“อาการว่าจะได้” อันคือ การก่อ“ภพ”แห่ง“ความหวัง”ขึ้นมาในใจ ที่บาลีว่า“สาเปกโข”

“สาเปกโข”คือ จิตที่มี“ภพ”ของ“ความหวัง” หรือ“ชาติ”ซึ่งเป็น“อาการ”ของ“จิตที่หวังว่าจะได้” มักก่อเกิดขึ้นในจิตใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:38:02 )

สาเหตุที่พ่อครูยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานเพราะอะไร

รายละเอียด

1. เป็นภาระที่ต้องต่อภพ ต่อศาสนาพระพุทธเจ้าไปให้ถึง 5,000 ปี 

2. อาตมาก็ตั้งปณิธานไว้ไปเป็นพระพุทธเจ้า อะไรอย่างนี้ เป็นต้น 

อาตมาจึงจำนนอยู่ทุกวันนี้พยายามพิสูจน์แล้วพิสูจน์อีก การฝืนสังขารขันธ์ ฝืนการลากสังขาร ที่พูดหลายทีแล้ว พยายาม..เป็นได้ พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ ผู้ที่จะให้อายุยืนยาวกว่ากัป ก็ทำได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเกินสามัญของมนุษย์ธรรมดาที่จะรู้ได้ ทำได้ เป็นได้ ก็มาพิสูจน์สิ คนที่อยากจะรู้ว่าโลกุตระนี้  เป็นธรรมะที่เหนือโลกียะอย่างไร? เชิญมาพิสูจน์นะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 42 ประชาธิปไตยโลกุตระที่มีอายะ 3 และ อธิปไตย 3 วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2567 ( 19:39:39 )

สำคัญคือหากิเลสให้เจอ ที่กิเลสอยู่คือเวทนา

รายละเอียด

อุเทสคือคำบรรยายอย่างอาตมาพูดนี้ ให้รู้ให้เข้าใจด้วยบัญญัติพยัญชนะภาษา แล้วเราก็ไปอ่านอาการ ลิงค นิมิต ของใจเราว่า อาการอย่างนี้เป็นอย่างไร เป็นรูป แล้วมีนามไปอ่านรู้ แยกแยะกิเลสออก จุดสำคัญมันอยู่ที่ใดอย่างไร ข้อสำคัญคือหาตัวกิเลสให้เจอที่กิเลสจะอยู่ได้คือ เวทนา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 07:27:13 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:16:45 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:01:12 )

สำคัญที่กรรมวิบากเป็นอจินไตย

รายละเอียด

นั่นคือประเด็นหนึ่งที่ว่ามังสวิรัติกับเจ ทีนี้ทำไมสำคัญเป็นหมายเลข 1 เรื่องของสัตว์กับเรื่องของชีวิต เรื่องของคน มันเนื่องกันต่อกัน ซึ่งอาตมาอธิบายไปมาก แต่ก็เข้าใจได้ยากเพราะมันละเอียด จิตวิญญาณเป็นธาตุรู้ ที่โง่ที่สุด อวิชชา โง่ตรงไหน โง่ตรงไม่รู้จักอจินไตย เขาโง่จนคิดไม่ออกหรอก หรือแม้บอกแล้วบอกอีก ก็เข้าใจไม่ได้ง่ายๆ เป็นอจินไตย 

อจินไตย ตรงกรรมวิบาก ศาสนาเทวนิยมเขาไม่รู้จักกรรมวิบาก ไม่ได้รู้เรื่องกรรมวิบากไม่ได้เรียนรู้เลย ขนาดชาวพุทธเรียนรู้เรื่องกรรมวิบากเรียนปฏิจจสมุปบาท 

เพราะอวิชชา จึงมีสังขารปรุงแต่งขึ้นมาเป็น มีสภาพแล้วที่ปรุงแต่งกันรวมกันเป็นขันธ์ 5 เวทนาสัญญาสังขารรวมกันเป็นวิญญาณ เป็นกอง ธาตุรู้กับธาตุไม่รู้รวมกันปรุงแต่งเป็น 2 สภาวะ 

ก็ต้องมาแยกวิญญาณเป็น 2 สภาวะคือ นามกับรูป แยกแล้วมันก็มาสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเป็นอายตนะ ถ้ามันไม่มาสัมผัสเกี่ยวข้องกันอายตนะก็ไม่มีให้คุณศึกษา คุณต้องศึกษาอายตนะ อายตนะมันสนิทกว่าคำว่า สังขารเลย เนียนสนิทกว่าคำว่าสังขาร 

ทีนี้ คนจะเกิดอายตนะต้องมีรูปนาม เกิดผัสสะกันภายนอกภายในสัมผัสกัน เป็นภาวะ 2 คำว่า ภาวะสอง ภาษาบาลีว่า เทฺว คือสิ่งที่ต้องเรียนเทวฺ พระพุทธเจ้าให้มาเรียนรู้ที่เวทนา 108 จะได้รู้ตัณหาอุปาทาน เป็นเหตุให้หลงติดอยู่ที่เวทนาติดอะไรแยกสุขทุกข์ที่เป็นเทวเป็น 2 สภาวะ เขาแยกไม่ออก เทวนิยมจึงไม่ได้เรียนสุขทุกข์ เรียนแต่ดีชั่วมันไม่เป็นโลกุตระ เขาจึงจบไม่ได้ มันไม่รู้กรรมวิบาก ไม่จบแม้กระทั่ง เขาเป็นจิตวิญญาณที่ศาสดาของเทวนิยมก็ต้องวนมาตกนรก มาขึ้นสวรรค์ มาตกต่ำขึ้นสูงอีก ไม่ได้เลิกลาเลย 

1. ไม่ทำความดีเที่ยง 2. เลิกสภาวะจิตนิยามเป็นดินน้ำไฟลมไปเลยได้ ไม่จบต้องจบตรงที่ 1. ถ้าเป็นโลกีย์จะเกิดอีกกี่ชาติก็เป็นคนที่ดี ไม่ทำอีกแล้วบาปทั้งปวงจะทำแต่ดี เป็นหลักประกันของจิตนิยามเลย 2. จิตนิยามสลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย ได้ด้วยจึงเรียกว่า จบ นี่คือศาสนาพุทธที่รู้ที่จบที่จริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 10:29:18 )

สำคัญที่สุดอยู่ที่การโภชเนมัตตัญญุตา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นการปฏิบัติสำคัญที่สุดอยู่ที่การโภชเนมัตตัญญุตา อยู่ที่การกินการใช้ เรียนรู้เรื่องการกินการใช้นี่แหละ เท่านี้ก็เป็นพระอรหันต์ ไปนั่งหลับตานั้นปัดโธ่เอ๋ย ไม่มีสิทธิ์เลย ต้องมาปฏิบัติที่การกินการใช้ ไอ้ที่การกินมันจะไปแตะที่ลิ้น ถ้าไม่เข้าไปแตะลิ้น มันก็มีแต่ข้างนอกตาหูจมูกลิ้นกาย ตกเย็นเขายังกินน้ำปานะเลย เอาอะไรต่ออะไร เอาสมอเอามะข้ามป้อม ใส่น้ำตาลใส่เกลือใส่พริก จนกระทั่งเขาเคี้ยวสมอ เคี้ยวมะขามป้อมก็ถือว่าเป็นปานะ อาตมาผ่านมาหมดแล้ว 

เขาติดยึดอยู่อย่างนั้นก็ไม่รู้ คือ ในทวาร 6 ทวาร 5 ภายนอก ตา มันก็ยังเห็นในรูป มันมีทวารเดียวที่ยากคือลิ้น แล้วมันจะเรียนรู้เยอะด้วย แล้วไม่เรียนรู้กิเลสจากลิ้น ไม่มีโงเงยเลย แล้วไปติดรสในอันนั้นอันนี้ รสลิ้น ในอาหารชนิดโน้นชนิดนี้ ติดในลาบ ติดในก้อย ติดในต้มยำ ติดในผัด ติดอะไรก็แล้วแต่ ติดพิซซ่า ติดแพนเค้ก ติดขี้หมูราขี้หมาแห้งอะไรก็แล้วแต่ที่เขาหลอกทำมาปรุงแต่งไป อะไรไม่อะไรไปติดหมากติดพลู ซึ่งมันไม่ใช่อาหาร มันไม่มีประโยชน์เลย อาตมาก็ไม่รู้ว่าจะเป็นโทษหรือเปล่า แต่ก็ไปติดมัน มันมีรสเผ็ดมันมีรสฝาดมันมีรสเค็มขมขื่นอยู่ในนั้นหมด 

ใครเคยกินบ้าง พลูใครเคยกินพลูบ้าง โอ้โห ใบพลู แล้วก็ทาปูนเข้าไปอีก ปูนนี่มันกัดนะ แล้วหาของฝาดๆ สีเสียด แก่นคูน เป็นต้น ไม้ฝาดๆ ใส่เข้าไปอีก เก่งจริงๆเลยทนทายาดเลยนะ แต่ก็ไปติดมันเพราะมันมีรสจัด เคี้ยวไปก็ไม่รู้ไม่ชี้อย่างพวกสายหลับตานี้กินหมากกันจั๊บๆ อย่างมหาบัวนี้ไม่ขาดปากเลย แต่เขาไม่รู้ว่าอันนั้นคือสิ่งเสพติด แล้วก็ติดยึดกันอยู่อย่างนั้น แล้วจะไปเรียนรู้ธรรมะอะไร ในกามคุณ 5 รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอยู่ในหมากพลูเต็มไปหมดเลย ทั้งรูปทั้งกลิ่นทั้งรสทั้งเสียงได้ด้วยนะ เคี้ยวจั๊บๆๆ หมากสดๆนี่กร๊อบ เสียงดีจังเลย น้ำหมาก หมากแห้งก็กรอบดีเนาะ สีเสียดก็กรอบ แก่นคูนก็มา อะไร 

แต่พวกคนสมัยใหม่ไม่ค่อยรู้เรื่อง อาตมาคนสมัยโบราณ คนสมัยเก่าเขากินกันเยอะ อาตมาพอรู้แต่ไม่เคยไปกินกับเขาหรอก  เคยลองแล้วไม่ไหว กัดพลูทีนึงก็จะตายแล้ว เลิกทั้งนั้นแหละไม่เห็นน่ากินสักอย่างเลย ไม่เห็นน่ากินสักอย่าง แต่ไปติดไอ้สิ่งที่กินยากเหล่านี้แล้วนึกว่าเก่ง มันติดเข้าไปแล้ว มันก็เลยไม่ยาก มันก็เลยไปติดไปยึดอีก เลยกลายเป็นคนเลิกไม่ได้ อย่างมหาบัวพอรู้ว่าเขาพยายามจะเลิก แต่เลิกไม่ได้ ก็เลยปุโลปุเล บอกโลกไปว่าเป็นเรื่องของธาตุขันธ์ ไม่ใช่เรื่องของสิ่งเสพติด ตัวเองหลอกคนอื่นอีกว่าไม่ใช่สิ่งเสพติด มันก็เลยไม่ดีหนักเข้าไปอีก มันไม่เข้าท่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผลงาน 50 ปี ตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพ่อครู วันพุธที่ 18 มกราคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ปี 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2566 ( 12:39:20 )

สำคัญอย่างไรในจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

อาตมาแจก จรณะ 15 ​พอมาถึงอปันกธรรม 3 ก็ต้องปฏิบัติ 3 อย่างนี้ เป็นข้อปฏิบัติ 3 อย่าง ถ้าไม่มี 3 อย่างนี้เป็นการผิดจากศาสนาพุทธ ก็บอกอยู่แล้วตรงๆ อะไรจะไปทางหน้าด้านทุกอย่าง จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นหนึ่งในพุทธคุณ 9 อย่างนะ 

วิชชาจรณสัมปันโน เป็นพุทธคุณ เป็นเนื้อแท้ของศาสนาพุทธเลย นอกนั้นอีก 8 ชนิดนั้นเป็นคำชมเชยยกย่องพระพุทธเจ้านะ ในพุทธคุณ 9 ท่านเป็นอรหันต์ เป็นผู้จำแนกธรรมเป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่าง ไม่มีใครยิ่งกว่า 

ตัวทฤษฎีเนื้อแท้คือจรณะ 15 วิชชา 8 ปฏิบัติจนถึงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ 

ในกระบวนการของจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นกระบวนการของศาสนาพุทธที่ครบถ้วนเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:08:06 )

สำทับให้เห็นความสำคัญในทฤษฎีของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เป็นการพูดรำพึงรำพันเพื่อทบทวนท้าวความ ให้เห็น ให้ได้ยิน ให้ได้ฟังกันว่าเรามีความปรารถนาต้องการมีจุดมุ่งหมายให้เป็นเช่นนั้น อาตมาก็เสริมว่า พวกเราก็ทำได้แล้วเกิดผลจริง ทุกวันนี้ก็เกิดผลแล้วเป็นจริงได้จริงแล้ว ซึ่งได้สำทับลงไป เพื่อให้พวกเราได้ชัดเจนได้เห็นความสำคัญ และรักษาบูรณะทำให้ดีมากยิ่งขึ้นๆ

อาตมาภาคภูมิใจในตัวเองที่เข้าใจในทิศทางของพระพุทธเจ้า และเข้าใจทฤษฎีของพระพุทธเจ้าได้นำมาสืบทอดต่อยอด ของพระพุทธเจ้าต่อไปอย่างที่ได้ทำมาแล้ว แล้วก็มาสืบทอดต่อยอดขึ้นไป แล้วก็เห็นผลมันเป็นอย่างที่มันเป็น 

ก็สำทับอย่างที่ว่าให้พวกเราชัดเจนย้ำเข้าไปในจิตใจให้เข้าใจซาบซึ้งให้เห็นจริงว่า พวกคุณทั้งหลายทำถูกแล้วทำดีแล้ว รักษาไว้ให้ดีและบูรณาการให้มันเจริญๆๆ ขึ้นไปเถิด ขอให้เจริญเจริญทุกๆ คน เทอญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:56:54 )

สำนวนที่ว่า

รายละเอียด

คุณก็ไปหาสังข์มาขัดสิ ขัดเองเลย อาตมาไม่ได้ไปขัดสังข์นะ แต่สำนวนบริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วนดุจสังข์ขัด มีคำว่าโดยส่วนเดียวด้วยนะ

สังข์นี่ข้างนอกจะมีคราบเหลืองแดงน้ำตาล เมื่อขัดแล้วก็ขาว จะมีความบริสุทธิ์ สีของ แคลเซี่ยม ขัดเข้าไปก็ขาว นี่เป็นคำตอบโดยปฏิภาณของอาตมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:26:03 )

สำนวนว่าคุยกับเทวดาเป็นไฉน

รายละเอียด

สรุปโอวาทปาฏิโมกข์พระพุทธเจ้านั่งสมาธิหลับตาบรรลุธรรมนั้น อย่าไปคิด แบบนั้นไม่ใช่ ท่านปฏิบัติลืมตา ท่านนั่งนึกทบทวนของเก่าเอามาใช้ แม้แต่อาตมาทุกวันนี้ก็ทำ ยังไม่หมดนะ การระลึกยังระลึกได้อยู่ แม้แต่ของพระพุทธเจ้าท่านก็ได้อยู่เสมอ ที่ท่านใช้สำนวนว่าคุยกับเทวดา เทวดามีรัศมีสว่างจ้าไปทั่ววิหารเชตวัน ท่านคุยกับจิตสูงจิตเจริญของท่านเองไม่ใช่เทวดาที่ไหนหรอก ของท่านเองแล้วก็เอามาเพิ่มขึ้น ท่านคุยกับเทวดาในตอนที่อยู่ในภวังค์ คือตัวเราเอง คนไม่มีเทวดามาคุย มีเทวดาปลอมปรุงแต่งเองใหม่ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ กลายเป็นนิรมาณกาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ทำไมพ่อครูพาชาวอโศกลงสู่สนามการเมือง วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:05:51 )

สำนักหลับตาความผิดเพี้ยนของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คำว่านั่งสมาธิอานาปานสติ ดูลมหายใจเข้าออก เป็นของเดียรถีย์ทั้งนั้น มันจะต้องศึกษาทั้งหมด ในอานาปานสติจะต้องมีสติปัฏฐาน 4 ของพระพุทธเจ้า จะต้องตื่นมาพิจารณากายนอกกายในเวทนา ไม่ขาดจากกัน กาย เวทนา จิต ธรรม แยกออกจากกันไม่ได้ เมื่อศึกษาผิดก็ผิดเพี้ยนไปหมด อาตมากำลังถล่มวงการศาสนาพุทธในเมืองไทยที่พากันไปหลง แล้วก็มีสำนักหลับตากันนับไม่ถ้วน สำนักที่จะมาลืมตาแล้วก็มาพูดอย่างเด็ดขาดเหมือนอาตมานี้ ตีทิ้งหลับตา ไม่ดูดำดูดีกับหลับตาเลย หาไม่ได้ ไม่มี เพราะว่าไม่กล้าไม่ชัดเจน ไม่แน่จริง ว่าจะต้องยืนยัน การนั่งหลับตาพิจารณานั้นเป็นสิ่งที่ง่ายไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไปหลงสร้างภพชาติอยู่ในการนั่งหลับตา เลยอยากไปปั้นภพชาติ ไปเล่นอยู่กับสิ่งที่มันไม่มี เลยเกิดเป็นนิรมาณกายเป็นสวรรค์เป็นนรกเป็นเทวดา เป็นผีมาร อะไรอีกมากเลย เป็นการสร้างนิรมาณกายขึ้นมาเป็นเอง แล้วหลงว่านั่นคือเป็นผู้ที่มีกายทิพย์ สิ่งที่ไม่มีภายนอกไม่ใช่กาย เอากายไปเรียกอย่างนั้นเป็นการใช้พยัญชนะของพระพุทธเจ้าผิด แล้วก็หลงระเริงกันว่าผู้ที่เห็นภาพเป็นรูปเป็นเรื่องราวอยู่ในภายใน คือผู้วิเศษ คือผู้ที่มีความรู้ทางธรรม มีฤทธิ์เดช มีความเจริญทางการปฏิบัติธรรม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดไปหมดเลย ว่าเป็นความเห็นที่ถูก 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:05:00 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:17:44 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:48:05 )

สำนักแห่งธรรมะ 62 สำนักยุคนี้

รายละเอียด

คือ ในยุคโน้น  คนก็มีปัญญายกให้พระพุทธเจ้าจริงๆ แต่ในยุคนี้คนไม่มีปัญญาแม้แต่จะเป็นเมืองพุทธ  ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ เสร็จแล้วก็มีสำนักต่างๆ เหมือนหนังกำลังภายใน ไม่ว่าสำนักอะไรต่ออะไร  ต่างนับถือว่า ตัวเองเป็นสำนักที่ถูกต้อง เป็นสำนักแห่งธรรมะทั้งนั้น  แต่ผิดกันหมด   รวมแล้วประมาณ 62 สำนัก พระพุทธเจ้าได้ลงไปแล้วประมาณ 62 ทิฏฐิ 62 สำนัก  ผู้เข้าใจก็ไม่ได้ติดยึดสำนักไหน  แต่รู้ความจริงตามความเป็นจริงว่าสำนักนี้ถือกันอย่างนี้  ผู้ไม่ติดยึดก็มีทุกอย่างอนุโลมกับเขาได้  แต่ไม่ได้เป็นอย่างเขา สมณโพธิรักษ์นี้อยู่กับทุกลัทธิแต่ผู้ที่ยึดลัทธิตน ผลักไม่ให้ท่านไปอยู่ด้วย  แต่ท่านแอบแทรกในชุมชน  คนธรรพ์  แทรกในชุมชนพญาครุฑ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 22:43:28 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:18:45 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:00:38 )

สำนักใดบรรลุจริงไหม ดูได้จากมีสาราณียธรรม 6 วรรณะ 9

รายละเอียด

อาตมาว่า อาตมาทำได้อย่างนี้ ทุกวันนี้ยังมั่นใจ ก็มีหลักฐานตามพระไตรปิฎก อาตมาก็อ้างอิงพระบาลี ใช่ นี่เป็นสังคมสาราณียธรรม 6 ถึงขั้นอยู่กันอย่างมี สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา  

ปฏิบัติไป ยืนยันอยู่อย่างนี้เต็มๆ หรือแม้แต่จะแจกเป็นวรรณะ 9 ก็จริง เลี้ยงง่าย (สุภระ) ให้มาดันสุรังก็ไม่มา เอาแต่ดันทุรังอยู่อย่างนั้นแหละ คุณจะบอกว่าจะมาแปลไปเองไม่เห็นพูดเข้าหลักเกณฑ์ไวยากรณ์บาลีเลย อาตมาก็มีหลักเกณฑ์ของอาตมา อาตมาเข้าใจคุณได้ แต่คุณเข้าใจอาตมาให้ได้ 

ถ้าเขาทำได้ เขารู้เขาก็ต้องมาอธิบายอย่างอาตมาทำได้ พาทำได้ อาตมาก็เอามาอธิบายได้ แม้วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 6 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2565 ( 15:01:17 )

สำนึกของคนสมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกัน

รายละเอียด

สมัยก่อนคนเขาก็สำนึกดีพูดแล้วเขายอมรับได้แต่คนสมัยนี้พูดไปเขายอมรับได้ยากกว่ามาก พระพุทธเจ้าทำแบบประนีประนอมกับพวกเดียรถีย์ งงหลับตา แต่ของสมณะโพธิรักษ์ไม่ไว้หน้าเพราะพระพุทธเจ้าท่านทำมาก่อนไม่ใช่โพธิรักษ์กล้าแต่ไม่ใช่จะกล้าหรือไม่กล้าไม่เกี่ยวอยู่กับองค์ประกอบใช้ สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 7

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562 


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:13:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:19:29 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:48:47 )

สำนึกของผู้มีสัปปุริสธรรม 7

รายละเอียด

เราไม่ได้ไปออกกำลังอะไรมากมาย เหมือนกับอย่างสมัยก่อนๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังมีกำลังวังชา ยังไม่อ่อนล้าอะไรเลย เป็นแต่เพียงว่า เรารู้สึกตัวว่าเราอายุยาวแล้ว จะไปแสดง action ที่มัน มันไม่เหมือน มันไม่สมเหมาะกับวัยอะไรเกินก็ไม่ดี เท่านั้นเอง แต่จะให้คะนอง แสดง ลีลา action แบบ วัย 20 วัย 30 ก็ทำได้อยู่ มีเรี่ยวมีแรง มีอะไร ทำได้แต่ว่ามันไม่เหมาะสมเท่านั้น

เราสำนึกของเราเท่านั้นว่า อย่าไปออกมากนักให้รู้ มันไม่ดี มันเวอร์ มันรู้สึกคนเขาจะเข้าใจไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะหาว่าบ้า เป็นนะผู้ใหญ่มันทำอะไรเหมือนเด็กๆ มันก็บ้า คนนี้มันไม่เต็ม ก็มันผู้ใหญ่แล้ว ไปทำเหมือนเด็กๆได้ไง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนาธรรมกับปัจฉา วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม 2561 ผู้ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจ


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:39:01 )

สำนึกอย่างนี้จะเกิดหิริ

รายละเอียด

พยายามฟังดีๆแล้วจะได้ปัญญา สุสูสัง ลภเต ปัญญัง ฟังดีๆแล้วจะเกิดปัญญาแล้วฉลาดรู้ว่า อ๋อ..นี่เรายึดถือสิ่งที่ไม่ดีว่าเป็นสิ่งที่ดี คนสำนึกอย่างนี้จะเกิดหิริ ดีไม่ดีหาว่าเราโง่ ตัวเองฉลาด หาว่าเรานี้ผิดแล้วมาทำลายสิ่งที่ถูก 

เช่น คนมาทำลายอาตมา เขาจะสำนึกรู้ว่าตายๆๆ ถ้าเขาเห็นจริงเกิดปัญญาปฏิภาณเห็นจริงก็จะรู้ว่าตายๆๆ จะต้องกราบขอคารวะขอสำนึกผิดจริงๆ เราทำไมถึงโง่ขนาดนั้น 

โดยเฉพาะมันซับซ้อน เราก็อยากได้ความรู้อันเป็นโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าอันนี้แต่ตนเองโง่ไม่รู้จักโลกุตรธรรมไปเข้าใจผิดอย่างเดียรถีย์ไปไกล แล้วเมื่อเราเอาโลกุตรธรรมมาพูดอธิบายยืนยัน กลับหาว่าเราเป็นกบฏอีก เห็นไหมมันซับซ้อนอยู่อย่างนี้ เพราะฉะนั้นผู้ใดรู้ตัวสำนึกเมื่อไหร่แล้วก็จะ โอ้โห.. 

เห็นไหมคำว่า ละอายต่อสิ่งที่ตนเองโง่ ก็รู้ว่าตัวเองโง่อย่างจริงจังชัดเจนจะสะดุ้งเลยนะ ไอ้หยาขายขี้หน้า พันห้าหมื่นเบี้ย มันจะรู้สึกอย่างนั้นเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 17 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 2

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:44:58 )

สำนึกอย่างไรน่าเคารพบูชาในคุหัฏฐกสูตร

รายละเอียด

อาตมาอยากจะซ้ำที่ว่า...ตรงที่พระพุทธเจ้าตรัสแล้วพระสารีบุตรเอามาขยายความให้ชัดเจนลึกซึ้งเข้าไปอีก ตรงที่ว่า ผู้ที่พบสัตบุรุษ ผู้ที่พบพระพุทธเจ้า หรือพบผู้ที่อยู่ในฐานะของครูที่สัมมาทิฏฐิ พูดถึงเรื่องโลกุตรธรรม คนที่เขามีภูมิปัญญา หลงผิด ว่า พระพุทธเจ้านี้ ไม่ได้เรื่องอะไรหรอก สัตบุรุษ เคยดูถูก เคยเข้าใจผิด แต่พอศึกษาค้นคว้าปฏิบัติไป วันหนึ่ง เข้าใจได้ ก็ว่าเราตาบอดมานาน โอ้โห! มันเกิดถ้วนรอบของเขา มันรู้สึก เราดูถูกดูแคลนประมาทข่มขี่ นึกว่าของเราถูกแต่ที่จริงเราแบกขยะอยู่แท้ๆไว้ พอรู้สึกตัวเท่านั้น ก็รู้สึกว่าละอายอย่างหนัก ละอายอย่างแรงกล้า (ติปปัง) เราเข้าใจผิดเหลือเกิน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ 

หิริโอตตัปปะ ท่านรวม 2 คำไว้ ละอายเกรงกลัว จึงต้องเข้าไปหาอย่างเกรงกลัว สำนึกอย่างแรงกล้า เคารพอย่างแรงกล้า มีความรักอย่างแรงกล้า 

พระพุทธเจ้าท่านตรัสอันนี้ไว้เห็นจริงเลย คนที่สำนึกอย่างนี้ น่าเคารพบูชา รู้สึกละอายในสิ่งที่เราเคยไปดูถูกลบหลู่ มันมีมุมกลับสะท้อนกัน อาตมาเห็นว่าอันนี้ยิ่งใหญ่ อันนี้อยู่ไหน คุหัฏฐกสูตร สูตรยาวดูอีกซ้ำแล้วซำ้อีก ตอนนี้เอามาเขียนขยายความให้เป็นภาษาที่รู้เรื่องซึ่งมันไม่ง่าย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:22:19 )

สำนึกโลกุตระจะพบทางออกที่สงบ มีประโยชน์หมดโทษภัย

รายละเอียด

หลายคนเขาไม่ได้ฟังธรรมะอาตมาหรอก หลายคน แต่มีบ้างฟังตามรายการของเปี๊ยกนี่แหละ เขาก็เปลี่ยนผันชีวิตมาได้ ไม่เอาแล้วเป็นข้าราชการ เป็นนักธุรกิจทางโลก ก็มาสร้างป่าสร้างพืชผัก มีที่ดินของพ่อของแม่เท่านี้ก็มาทำ มันเป็นสุขมันสบาย ตามดูสิ เป็นสัจจะที่มีคนกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกตื่นตัว (ดีง่ายว่า จากมนุษย์เงินเดือน มาเป็นมนุษย์ไส้เดือน ทำให้ดินดีขึ้น) 

จริงนะ คนจะได้คิดแบบนี้ มีปฏิภาณปัญญารู้แบบนี้ มันเป็นโลกุตระจริงๆ มันเป็นเรื่องเหนือชั้น เหนือชั้นกว่าคนสามัญธรรมดาทั่วไปที่เป็นเทวนิยม
โลกียะ ไม่รู้ได้ง่ายๆไม่สำนึกได้ง่ายๆ 

เพราะฉะนั้นคนที่สำนึกมาทางนี้ มันคือธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นโลกุตระ มันเป็นทางออกที่สงบ มีประโยชน์ หมดโทษหมดภัย เป็นชีวิตที่ประเสริฐจริงๆ อาตมาก็ไม่รู้จะสรุปอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 20:49:36 )

สำมะปี๋

รายละเอียด

สำมะปี๋ แปลว่า ทุกอย่างยำเละกันทุกอย่าง หรือ พูดอย่างวิชาการ คือ ปกิณกะ มโนสาเร่ สัพเพเหระ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายราย การสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71  30 กันยายน  พ.ศ. 2562


เวลาบันทึก 03 ตุลาคม 2562 ( 17:00:29 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:20:42 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:00:01 )

สำรวม

รายละเอียด

มีความพยายามรวบรวมไว้ , รัดรอบไว้ ไม่ใช่ให้มากออก

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 349


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:01:03 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:35:13 )

สำรวมสังวรของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ฟังแล้วคนจะรู้สึกว่าเหมือนกับหลงตัวเอง เอามาพูดส่งเสริมตัวเองให้ยิ่งขึ้นอีก ว่า อรหันต์เป็นอย่างนี้เลย เขาว่าอรหันต์ต้องสำรวมสังวร สังวรสำรวมอย่างไรได้ล้างกิเลสคำว่าสังวรสำรวมคุณก็ไม่เข้าใจ สังวรสำรวมนั้น สังวรสำรวมกายวาจาใจ สำรวมตาหูจมูกลิ้นกาย สำรวมนั้นไม่ได้หมายความว่าจะให้มันมาอยู่นิ่งๆ สำรวมนั้นคือมีสติสัมปชัญญะปัญญาหรือว่ากิเลสเข้ามาร่วมกับสติสัมปชัญญะปัญญา หรือจิตของเราเมื่อไหร่รู้กิเลสจับกิเลสให้ทัน ล้างกิเลสออกให้ได้ ๆ อย่างนี้ต่างหากนี่คือสำรวมสังวรของพระพุทธเจ้า จิตของคุณจะแคล่วคล่องกายกรรมของคุณจะแคล่วคล่องอย่างไร ก็เป็นธรรมชาติของคุณแต่ คุณต้องอ่านทุกกรรมกิริยาของคุณมีกิเลสร่วมหรือไม่ ถ้าคุณเองไม่มีปฏิภาณไหวพริบ มุทุภูตธาตุของคุณไม่ไวพอที่จะจับทันคุณก็ต้องให้ช้าลงหน่อย

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:23:20 )

สำรวมสังวรระวังในปาติโมกข์ พร้อมด้วยอาจาระและโคจร หมายถึงอะไร

รายละเอียด

ทีนี้ถามมาว่า ความหมายของพระพุทธเจ้าที่ว่า สำรวมสังวรระวังในปาติโมกข์ พร้อมด้วยอาจาระ และโคจร 

ก็ปฏิบัติประพฤติสำรวมสังวรระวังในพระปาติโมกข์ 

สำรวมสังวรระวังอะไร ก็ระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย สังวร ทวาร 5 ข้างนอก ทวารใจอีกทวารภายใน ในคำสอนในพระปาฏิโมกข์ ในสิ่งที่ท่านบอก อันที่ห้าม ว่าอย่าทำ อันที่ให้ก็ทำให้เจริญขึ้น ความหมายอย่างนั้น อธิบายรายละเอียดประมาณนี้ 

อาตมาพาทำอยู่แล้ว ด้วยความประพฤติโดยคำอธิบายทางพยัญชนะและภาษา ก็ยังรู้สึกข้องใจสงสัยซ้อนในรายละเอียดพวกนี้ อาตมาก็เก่งประมาณนี้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 05:24:22 )

สำรวมอินทรีย์

รายละเอียด

ระมัดระวังอินทรีย์

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 65


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:01:50 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:35:51 )

สำรวมอินทรีย์ 6 มีนามข้างในและภายนอก

รายละเอียด

เรียนรู้และปฏิบัติตามจรณะ 15 ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด มันก็มี 3 ข้อ จะต้องมีการสำรวมอินทรีย์ อินทรีย์ทั้ง 5 ภายนอกและมีตัวที่ 6 เป็นตัวภายใน เป็นตัวร่วมเป็นกลายเป็นตัวผู้รู้เป็นเทว ต้องมีรูปนาม ต้องมีคู่ ตัวถูกรู้กับตัวที่เป็นผู้รู้ หากคุณโดดเดี่ยวไม่มีรูปนอกนั้นก็เป็นโมฆะ ผิด เพราะฉะนั้นจึงต้องหันมาสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 โดยมีนามข้างในกับรูปภายนอกทั้ง 5 ทวารทั้ง 5 ขาดจากทวารทั้ง 5 อินทรีย์ทั้ง 5 และมนินทรีย์ภายใน ร่วมกันเป็นคู่ปรุงแต่งกันอย่างขาดกันไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 14:23:38 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:21:22 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:50:50 )

สำรวมอินทรีย์ 6 เรื่องกินอย่างไร

รายละเอียด

แล้วมาตั้งใจศึกษาจรณะ 15 โดยเฉพาะกำลังสรุปเข้าไป อปันกปฏิปทา 3 มาเรียนรู้อันนี้สำรวมอินทรีย์ 6 เรียนรู้เรื่องกินนี่แหละ กวฬิงการาหาร มันจะมี รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ให้ศึกษากิเลสที่ขึ้นกิเลสที่มี ไม่ต้องไปพูดถึง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขหรอก เอาตัวรสชาติ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสนี้ ตัวนี้แหละ เป็นตัวลึกซึ้งซับซ้อน มาพิจารณาให้ดีอ่านอาการในจิต เออ.. เรายังชอบรส ชอบกลิ่น ชอบสี ชอบรูปร่าง ชอบอะไรไปจนกระทั่งถึง ยศ สรรเสริญ รูป รส กลิ่น เสียง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุดยอดก็คือ ยังหลงว่ามันเป็นสุขอยู่ ยังพอใจยินดีชื่นใจ ยังยินดี พอใจ ชอบมาก ชอบมากมันมากมันหยาบแล้วนะ ชอบน้อยๆอยู่ นี่ยังชอบอยู่น้อยๆ ยังพอใจในอาหารนี้ พอใจๆ มหาบัวว่า ยังชอบ ยังพอใจๆ นั่นแน่ะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 05:29:54 )

สำรวมอินทรีย์ก็ต้องมี 6 ทวาร

รายละเอียด

แล้วยืนยันว่าต้องตื่นรู้ในการประมาณ เป็นอปันกปฏิปทา ส่วนใครปฏิบัติผิดไปจาก 3 ข้อนี้ก็คือผิดไปจากศาสนาพุทธ นี่เป็นเครื่องชี้บ่งไว้ในจรณะ 15 ที่เป็นข้อหนึ่งในพุทธคุณของศาสนาพุทธ 9 หากไม่ทำความเข้าใจแล้วเลิกจากสิ่งที่ผิดก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว 

ที่มา ที่ไป

ธรรมมาธิบาย  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 25 กันยายน 2562 ( 14:39:04 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:22:02 )

สำรวมอินทรีย์เป็นอาริยะ

รายละเอียด

สำรวมอินทรีย์เป็นอาริยะ คือ ต้องมีความจริงชัดๆ ว่าสำรวมอินทรีย์ ต้องมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทีละทวาร หรือหลาย ทวารไปด้วยกันก็ได้ ได้จริงๆ จึงมาจัดการทวารใน เป็นภวภพ ไม่ใช่กามภพที่เป็นข้างนอก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอารยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:10:24 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:22:47 )

สำหรับคนขี้ลืมสั่งงานไว้แล้วภายหลังบอกไม่ได้สั่งหรือรับปากเขาแล้วไม่ทำตาม

รายละเอียด

ถ้าเป็นคนอย่างที่คุณว่าก็ห่างไกลเขาหน่อย แต่ถ้าไม่เขาไม่เป็นอย่างนั้นเราก็ประมาณเอา 

ถ้าเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ อาตมาว่าเขาบกพร่องนะ เป็นหมาหัวเน่าอยู่ในนี้แหละ ไม่ต้องกังวลหรอก เป็นกรรมวิบากของใครของมัน ไม่มีปัญหาอะไร 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2565 ( 15:35:51 )

สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล

รายละเอียด

สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล สังเวชใจเฉยๆ ก็พอฟังดี แต่พอบอกว่ากับพวกสัตว์นรกพวกนั้นจริงๆ ก็ค่อนข้างจะ เห็นไปในความแรง พวกเราจะเข้าใจภาษาสื่อสารสภาวะพวกนี้ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 10:59:58 )

สำเร็จที่นามธรรม

รายละเอียด

อย่างอาตมาพาทำ ในหลวงร. 9 ท่านก็ทำได้แต่แนวกว้าง แต่อาตมาทำได้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน สาราณียธรรม 6 สาธารณโภคี วรรณะ 9 ต่างๆ อ้างอิงยืนยันได้หมดเลย อาตมาทำอย่างเป็นองค์รวมของคุณธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งวัฒนธรรมและคุณธรรมมาเป็นรูปธรรม ที่ผู้ที่มีดวงตามีภูมิปัญญาจะเห็นได้แต่คนก็ยังเห็นไม่ง่าย  

มันมีนิมิตที่เกาหลีใต้ มูลนิธิแมนเฮ มองอาตมาออก ให้รางวัลมา อาตมาก็บอกว่ากลุ่มนี้ จริงๆแล้วเขาไม่ได้มาคลุกคลีกับราชธานีอโศกด้วยซ้ำไป เข้าไปคลุกคลีกับทางศีรษะอโศกแต่เขารู้ว่าอาตมาเป็นผู้นำ เขาก็ต้องให้แก่ผู้นำ ก็คือให้แก่ศีรษะอโศกนั่นแหละ 

เนื้อแท้ก็คือ เขาใช้พยัญชนะว่า เป็นผู้นำสันติภาพมาสู่โลก ซึ่งเป็นสันติภาพโลกุตระ เป็นสันติภาพแบบโลกุตระที่คนยังไม่เข้าใจได้ง่ายๆหรอก นี่ก็ยังได้ยินเสียง สันติภาพผี ชี้ใครหลอกคน เพลงที่อาตมาแต่งไว้ มันไม่มีสันติภาพจริงที่ไหนหรอก นอกจากสันติภาพแท้ของโลกุตรธรรม และตอนนี้มีแก่นแกน อยู่ที่ประเทศไทยในอโศก และพลเอกประยุทธ์หรือในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็คือศาสนาพุทธโลกุตรธรรมกำลังขยายผล 

งาน APEC ขยายขึ้นไป อาตมาสรุปไปแล้วทีหนึ่งว่า เอเปคนี้ผลสำเร็จอยู่ที่รูปหรือนาม...ผลสำเร็จอยู่ที่นามธรรม ยังไม่เกิดรูปธรรมนะ ผลสำเร็จเอเปคที่ประชุมสำเร็จไปสำเร็จที่นามธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2565 ( 13:14:45 )

สำเร็จบุญ ส่วนแห่งบุญ

รายละเอียด

ถ้าบุญได้ลงมือสำเร็จบุญ ส่วนแห่งบุญยังไม่จบ ถ้าสำเร็จบุญกิเลสไม่กลับมาเกิด และบุญก็หมดหน้าที่สำหรับอันนั้นเหตุนั้นกิเลสนั้น บุญนั้นทำงานกับกิเลสนั้นกิเลสนั้นตายแล้ว บุญก็ไปกับกิเลสเหมือนกัน นี่เป็นความลึกซึ้งของสัจธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 17:54:56 )

สำเร็จไตรลักษณ์อย่างไร

รายละเอียด

หากว่าทำเป็นโก้ บอกว่าทุกอย่างก็เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป คุณก็จะวนเวียนอยู่กับความเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปนิรันดร เราต้องทำให้สำเร็จไตรลักษณ์ต่างหาก 

ต้องรู้ว่ามันยังอยู่นะแล้วทำให้มันไม่เกิด ทำให้มันไม่อยู่ ทำให้มันดับสูญนิรันดร์ ตั้งแต่สิ่งที่มันเกิดในจิตเป็นสภาพนรก สภาพง่ายๆ ตื้นๆ หยาบๆ ที่ติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ แล้วคุณก็เลิกสิ่งนี้ไม่ให้มันเกิด ไม่ให้มันตั้งอยู่ ไม่มีในจิตอีกเลย นั่นคือดับไป คุณทำความดับไปให้สำเร็จบริบูรณ์ได้ นี่คือจุดหมายของศาสนาพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ตอนเป็นเป็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 21:15:49 )

สิ

รายละเอียด

ผูกพันเข้ารอย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 622


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:02:38 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:37:01 )

สิกขมาตุนักบวชหญิงชาวอโศกมีศีล 10 บริสุทธิ์

รายละเอียด

อย่าว่าแต่สงฆ์เลย แม้แต่สิกขมาตุ ก็มีศีล10 บริสุทธิ์ยิ่งกว่าพระ เจ้าคุณ ยิ่งกว่าสมเด็จ สิกขมาตุเราสะอาดเรื่องเงินทองกว่า ขออภัยที่พูดดูไปข่มเบ่ง แต่เป็นอย่างนั้นจริงๆนี่คือสัจจะที่มันรู้จักความจริง จิตมันรู้ว่า มาบวชเอาอะไร ก็ต้องมาล้างมาละ สิ่งของ เงินทองข้าวของ ลาภยศ สรรเสริญ โลกียสุข แล้วมันมีความเข้าใจจริงๆจนสามารถเลิกละได้ แล้วอยู่ตามฐานะพวกเราก็เข้าใจ ฐานานุฐานะกันและกัน จนอยู่กันได้เป็นสาธารณโภคีเป็นพี่เป็นน้อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริยืแห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 14:58:44 )

สิกขมาตุอโศกรักษาศีลได้ยิ่งกว่าพระภิกษุของเถรสมาคม

รายละเอียด

สิกขมาตุเราจริงๆพูดกันแล้ว ในจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล สิกขมาตุเราทำได้ยิ่งกว่าพระภิกษุของเถรสมาคม ไม่ใช่ว่าชี หรือ แม่ทศ (ทศศีลมาตา)

ก็เป็นความจริง พูดไปก็เหมือนกับยกตนข่มท่านอยู่เรื่อยๆ ผู้มองเห็นก็เห็น พวกมองไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหาอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 05:17:03 )

สิกขมาตุเป็นนักศึกษาหญิงทางพุทธศาสนา ไม่ใช่ภิกษุณี

รายละเอียด

ไม่ได้ ..ผิดกฎหมายนะ อย่าไปเรียกเข้า เรียกไม่ได้ ให้เรียกสิกขมาตุ เป็นนักศึกษาหญิงทางพุทธศาสนานี่แหละไม่ใช่ภิกษุณี ภิกษุณีต้องมีวินัย 311 ข้อ ซึ่งเขาเรียกกันว่าศีล เขาว่าพระมีศีล 227 ข้อ ส่วนภิกษุณีมีศีล 311 ข้อ เขาเรียกกันเป็นศีลเลย ที่จริงเป็นวินัย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:48:12 )

สิกขา

รายละเอียด

การศึกษา

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 357


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:03:17 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:37:37 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:59:38 )

สิกขา 3 (ไตรสิกขา)

รายละเอียด

คือการศึกษาปฏิบัติตนเลิกทำชั่วทั้ง กาย - วาจา - ใจ ให้ยิ่งๆขึ้น ด้วยการปฏิบัติ 3 อย่าง

1. อธิศีลสิกขา (ศีล) คือ ศึกษาศีลอันยิ่ง

2. อธิจิตตสิกขา (สมาธิ) คือ ศึกษาจิตอันยิ่ง 

3. อธิปัญญาสิกขา (ปัญญา) คือ ศึกษาปัญญาอันยิ่ง

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 11 "สังคีติสูตร" ข้อ 228

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2562 ( 21:43:08 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:13:49 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:53:58 )

สิกขานุตตริยะ

รายละเอียด

การศึกษาอันเยี่ยม

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 412


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:03:57 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:39:03 )

สิญจนยัญ

รายละเอียด

1. การใช้น้ำเป็นสื่อ 

2. ใช้น้ำเป็นสื่อพิธีกรรม

3. พิธีบูชาด้วยน้ำ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 439

อีคิวโลกุตระ หน้า 203

ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 53


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:05:38 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:40:31 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:59:20 )

สิญจนยัญ

รายละเอียด

คือ การบูชาด้วยน้ำ, รดน้ำมนต์, พ่นน้ำมนต์ โดยมีน้ำมนต์ เป็นสื่อกับเทวดา

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 275


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 14:45:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:02 )

สิตะ

รายละเอียด

ขาว คือยังไม่มีสีอะไร ยังถือว่าบริสุทธิ์ที่สุด แต่ก็มีสี

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 58


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:07:22 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:42:10 )

สิทธัตถะ

รายละเอียด

เป็นผู้ที่ทำให้เกิดความสำเร็จได้จริงเลย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 20:21:42 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:25:51 )

สิทธัตถะคือ

รายละเอียด

สิทธัตถะคือ ผู้ที่มีความต้องการอันสำเร็จแล้ว พยัญชนะคำว่าสิทธัตถะนี้ แปลว่าความต้องการ ผู้มีความต้องการอันสำเร็จแล้ว 

นี่แหละคือความเป็นสิทธัตถะ โอ้โห พวกคุณนี้เป็นลูกของพระนางสิริมหามายาทั้งนั้นนะ พวกคุณนี้เป็นลูกเป็นบุตรของพระนางสิริมหามายาทั้งนั้นเลย ที่ให้กำเนิดมาอย่างเป็นผู้มีความต้องการอันสำเร็จแล้วได้จริง 

เพราะฉะนั้นจะมีกิเลสตัณหาในระดับใดก็แล้วแต่ กามตัณหาภวตัณหา วิภวตัณหา ก็อยู่สูงสุดหมดจบ แม้เป็นความต้องการหรือความอยากในระดับไม่มีภพแล้วเป็นวิภวตัณหา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 10:00:47 )

สิทธัตถะคือผู้สำเร็จ สำเร็จอะไร

รายละเอียด

อาตมาเคยอธิบายให้พวกเราฟังผ่านมาแล้วหลายที ว่าผู้ที่สามารถให้กำเนิดสิทธัตถะ สิทธัตถะคืออะไรอีก สิทธัตถะเป็นลูกของสิริมหามายา เรียกโดยศัพท์ก็เรียกว่า โอรส สิทธัตถะคือผู้สำเร็จ สำเร็จอะไร สำเร็จการเลิกตัณหา เลิกความอยาก ผู้ที่สิ้นแล้วซึ่งความอยาก ผู้ที่สำเร็จแล้วซึ่งความไม่มีแล้วความอยาก หมดความอยากไปแล้ว นี่พูดภาษาง่ายๆพูดภาษาไทยๆ ไม่มีอาการ เราก็ต้องรู้อาการอยาก ตั้งแต่ความอยากชนิดที่โอ้โห…ต้องมี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) มีกาย ภายนอกเลยต้องปรุงแต่งสัมผัส สัมผัสเสียดสีแตะต้องกันคลุกคลีกันจริงๆ แล้วจึงเกิดรส มันก็หยาบที่สุดแล้ว

จนกระทั่งไม่มีแล้วก็มีแต่ฝันเฟื่องอยู่ใน รูปภพ ข้างนอกไม่มีแล้ว มีหิริ มีโอตตัปปะละอายไม่กล้า มันก็มีฤทธิ์ เมื่อมีหิริ มันก็ไม่เอาแต่ ถ้าเผลอลับๆ มันก็เอาอีกได้ จนกระทั่งคุณธรรมมันสูงขึ้นเป็นโอตตัปปะมันแรง แม้ในที่ลับก็ไม่ทำ ละอายอย่างแรงกล้า ละอายอย่างยิ่ง ไม่เกิดสิ่งนี้ไม่มีการเกิด พยัญชนะแทนสภาวธรรม มันไม่ได้ทุกข์ มันไม่ได้ลำบากในการที่จะต้องละอาย หรือเกรงกลัวต่อสิ่งที่มันจะเกิด มันง่ายสบายเบา มันไม่มีอะไรเลย ฟังเหมือนมันจะต้องต่อสู้ ไม่ใช่ มันเกรงกลัวต่อบาป มันโอตตัปปะ 

เพราะฉะนั้นใน สัทธรรม 7 เป็นผู้เข้าใจ เป็นผู้รู้ มีความศรัทธาเป็นผู้รู้ว่าอาการของ หิริ เป็นเช่นไร นี่คือเครื่องบ่งบอกของความเจริญ คนที่ไม่ละอายต่อสิ่งที่ควรเลิก ควรละ ไม่ว่าจะเลิกละ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข หรือ เลิกละ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) มาก็ตาม ถ้าคุณไม่รู้จักละอายจนกระทั่งไม่เกรงกลัว คุณไม่มี สัทธรรมหรอก เพราะฉะนั้น สัทธรรม โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า อาตมาเป็นแม่ กำลังให้กำเนิดให้พวกคุณได้รู้และพวกคุณไปทำเองนะ ทำคลอดเอง เกิดเองนะ จัดการกับกิเลสของคุณเอง 

เพราะฉะนั้นเมื่อสามารถทำให้กิเลสมันลดละจางคลายจนกระทั่งหมดรูป หมดอรูป ได้อย่างแท้จริงแล้วเราจะรู้ได้ด้วยตนเองว่า เราดับได้ บริสุทธิ์แล้วสะอาดแล้ว ทีนี้ล่ะ มันก็เป็นคนที่จบด้วยคำว่าหมดกิจจบกิจที่จะทำต่อแล้ว มันสมบูรณ์แบบแล้วเหตุหรือกิเลสตัณหาอุปาทาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นแม่ที่ให้กำเนิดโลกุตรจิต วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2566 ( 19:49:29 )

สิทธัตถะแปลว่าอะไร

รายละเอียด

ประสบความสำเร็จในการเกิดมา พระพุทธเจ้าประสบความสำเร็จคือผู้รู้ หายโง่ รู้จบ รู้ครบ บริบูรณ์รู้ถ้วน จนกระทั่งเรียกว่าอมตะ รู้เลยว่าจะอยู่เป็นคนนี้จะอยู่กันอย่างไร อยู่ไปทำไมอยู่ไปแบบไหน ที่ดีที่สุด สบายที่สุด มีประโยชน์ที่สุด มีคุณค่า ให้แก่ทั้งโลก ทั้งมนุษย์ทั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเป็นประโยชน์ให้แก่เขาได้ รู้จบก็รู้ครบเลยเป็นผู้สำเร็จ พระพุทธเจ้าจึงได้ชื่อว่าสิทธัตถะ สิทธัตถะแปลว่าความสำเร็จตามที่ต้องการ พระพุทธเจ้าสำเร็จหมดเลยตามที่ต้องการ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 20:40:04 )

สิทธิมนุษยชนเต็มที่จนเลยเถิด

รายละเอียด

เดี๋ยวนี้ทุกคนมีสิทธิในตัวเอง เป็นสิทธิมนุษยชนเต็มที่เป็นของตน จนเลยเถิด ไปมีสิทธิเป็นของตัวเองจนกระทั่ง กูนี่แหละใหญ่กว่าใครเลย ไม่เคารพแม้กระทั่งพ่อแม่ ใครที่มีคุณค่าประโยชน์ไม่มีความเคารพเลย กูนี่แหละใหญ่ กูนี่แหละมีสิทธิอย่างนี้ เด็กๆเดี๋ยวนี้กำลังถูกครอบงำทางความคิดอย่างนี้ไป บอกว่าเป็นสิทธิเท่าเทียมกันทุกคนอย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 11:35:04 )

สิทธิเสรีภาพสูงสุดคือสิทธัตถะ

รายละเอียด

สิทธิเสรีภาพ

สิทธิ คือ ความสำเร็จ 

เสรีภาพ คือ ของตนเอง 

ผู้ที่มีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด หมดสิ่งที่มาถ่วง หลุดพ้นลอยตัวหมดเลย เรียกว่าเป็นผู้ที่มีอิสรเสรีภาพสมบูรณ์แบบ คือผู้ที่เป็นสิทธัตถะ เป็นผู้ที่มีอัตถะ เป็นผู้ที่มีเนื้อหาสาระที่ประสบความสำเร็จสูงสุด เพราะฉะนั้นโดยพยัญชนะสิทธัตถะแปลว่า ผู้กำจัดสำเร็จในความอยาก สำเร็จในการกำจัดความอยากให้หมดสิ้นแล้ว นี่คือความหมาย คำแปลจากพยัญชนะ สิทธัตถะ 

อาตมาเอาพยัญชนะมาขยายความให้เป็นสภาวะให้ฟังลึกๆอย่างละเอียด ผู้ที่ประสบความสำเร็จจบเป็นสิทธิหรือสิทธะ โดยตนเอง ลอยตัวไม่เป็นทาสของอะไรเลย ไม่เป็นทาสของกิเลส ไม่เป็นทาสของโลก ไม่เป็นทาสของอัตตา ไม่เป็นทาสของใครเลยสมบูรณ์แบบ แม้แต่พระเจ้า แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เป็นทาสพระพุทธเจ้า แต่เป็นผู้บรรลุสูงสุดแล้ว เป็นสิทธัตถะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประกาศสิทธิสำเร็จสูงสุดคือสิทธัตถะ วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 สิงหาคม 2566 ( 14:16:18 )

สิทธิเสรีภาพในความเห็นที่แตกต่างกันเป็นนิกายนานาสังวาส หรือ สมานสังวาส

รายละเอียด

จริงๆแล้ว สมบูรณาญาสิทธิราชย์ คนไหน อย่างคุณดี-เด่น ชอบ เราก็ไม่สามารถไปละลาบละล้วงคุณได้ มันเป็นสิทธิเสรีภาพ เราไม่เคยไปริดรอนสิทธิเสรีภาพใคร ใครจะสมัครใจจะชอบใจนับถืออย่างไหน เขาก็ต้องยึดถืออย่างนั้น ไปละเมิดเขาไม่ได้ ยิ่งยึดอย่างคุณ แล้วมองคนอื่นแรงๆด้วย เราก็ต้องค่อยๆมีการแสดงสถานะ Social distancing เราก็ต้องทิ้งระยะห่างกับคุณหน่อย จริงๆแล้วเรามีความรู้ในความต่าง ความแตกต่างอย่างเป็นนิกาย หรือนานาสังวาส หรือจะมาสมานสังวาส มันก็มีความหมายตามพยัญชนะเหล่านี้ เราก็รู้ความต่างของมันดีว่าต่งกันอย่างไร เป็นภาษาวิชาการของพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้หมด วันนี้จะไม่ลงรายละเอียด มันมีได้ในคนและกลุ่มหมู่คนในโลกนี้มันมีได้ ในคนทั้งหลาย เขาก็ยึดถือกันไป คุณกับเรานี่แหละเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า มันต้องเห็นต่างกันแน่ๆอยู่แล้ว เป็นแต่เพียงว่าจะวิเคราะห์วิจัยลงไปว่า แล้วจริงๆนี้คุณกับเราจะต่างกันแบบคนละนิกาย หรือว่าทั้งชาตินี้ ก็ไม่ต้องร่วมกันแล้ว อสังวาสเลย มันจะต่างกันแค่ไหน หรือแตกต่างกันอย่างนานาสังวาส ต่างกันอย่างที่ต่างคนต่างเห็น อย่างเราก็เห็นต่างกันก็แล้วกันไปบังคับกันไม่ได้ เราก็ให้เกียรติคุณบางทีคุณอาจจะถูก ส่วนคนอื่นๆจะว่ากันไป อย่างไรก็แล้วแต่มันเป็นสัจจะของมัน อันนี้เราเห็นว่าถูก แต่จริงๆคุณอาจจะถูก หรือจริงๆคุณไม่ถูกหรอกแต่เราถูกก็ได้ มันยังไม่ได้ตัดสิน ก็ต้องปล่อยไปอย่างนี้เป็นต้น ก็เรียกว่า จุดจบของความเห็นของตน พระพุทธเจ้าท่านตรัส ว่าต่างคนต่างทำก็แล้วกัน ท่านเรียกว่านานาสังวาส ความเห็นของเธอกับความเห็นของเรานั้นต่างกันเสียแล้ว ถ้าเราเห็นว่าต่างกันแล้ว แล้วไม่ได้เรื่องเลย เราก็ไม่ต้องยุ่งกันเลยเป็นนิกาย หรือเป็นอสังวาส เช่น คนปาราชิก หรือคนพูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว นิกาย คือ ต่างแบบ ถึงอย่างไรก็ ถ้าจะร่วมกันก็ต้องเปลี่ยนแบบมาเข้ากัน คุณจะไปแก้กฎเกณฑ์ แก้วัฒนธรรมกันไม่ได้ คุณมาแก้เราก็ไม่ได้ เราไปแก้คุณก็ไม่ได้ ถ้าจะเข้ามาก็คือคุณต้องออกจากคณะนั้น ตามกฎเกณฑ์ ตามวินัย ตามแบบอย่างนั้นแล้วมาเข้ากับแบบอย่างเรา แต่ถ้าเป็นฆราวาสจะมาเป็นนักบวชก็ต้องสึกก่อน เรียกว่านิกาย แยกนิกาย อาตมาไม่เอาเรื่องนิกาย อาตมาเอาตามธรรมะพุทธเจ้า ก็ถือว่าเป็นชาวพุทธด้วยกัน อาตมาก็เป็นชาวพุทธคุณก็เป็นชาวพุทธ ก็เป็นคนละนิกาย อย่างเช่นมหายานกับธรรมยุต กับเรา อาตมาไม่พูดว่าพวกเราเป็นนิกายกับคนเหล่านั้นไม่ใช่ มันเป็นอนันตริยกรรม เราพยายามสมาน พยายามประสานไว้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 12:03:35 )

สินค้าจากขยะวิทยา

รายละเอียด

ก็ลดลงเอาใจลูกค้าหน่อยที่จริง คนไปช่วยมีน้อยนะ เป็นสินค้าจากขยะวิทยาของเรา ส่วนสินค้าแปรรูปจะไปอยู่ที่เฮือน บ่ฮ่อนมีแต่เย็น

เรือนที่นั่นมีชื่อ เซามีแฮง แพ่งบ่หล่า ท่าหมู่แน 

ก็ช่วยกันคิด คนเดียวตัดสินก็ไม่ดี หลายๆ คนช่วยกันตัดสินจะดี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 8


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 14:15:12 )

สินเชื่อ

รายละเอียด

คำว่าสินเชื่อคำเดียวนี้เลวที่สุดในโลก เพราะฉะนั้นทุกประเทศ ประเทศที่ยิ่งใช้มากถือว่าเจริญมากยิ่งมีก้อนหนี้เยอะ คนที่ทำกิจการใหญ่ๆมีหนี้เยอะ แล้วกู้เงินจากธนาคาร มีเครดิตมากขอกู้เงินห้าพันล้าน เขาก็เซ็นให้ทันทีเลย มีเครดิตมากเอาให้ไปใช้ แล้วก็เป็นหนี้ไปจนกระทั่งตายก็ยังเป็นหนี้ในบัญชีบริษัทนี้ กองกิจการนี้ที่รับช่วงไป ใช้หนี้ต่อไป

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2563 ( 09:32:34 )

สิปปะ

รายละเอียด

มีฝีมือเชี่ยวชาญ จัดเจนความเก่ง ความสามารถที่รู้จริง ที่ทำได้ในการพัฒนาวัตถุกับจิตวิญญาณ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 427


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:08:50 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:42:41 )

สิริ

รายละเอียด

ความเจริญ ความสำเร็จ ความเป็นใหญ่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 369


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:09:59 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:43:14 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:10:35 )

สิริมหามายา

รายละเอียด

คือ เป็นผู้ทำ ความเกิดได้ เพราะทำความดับตามประสงค์สำเร็จ หรือความเป็นอะไรต่างๆได้โดยไม่ลึกลับเลย

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 217


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:46:13 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:49 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:57:54 )

สิริมหามายา

รายละเอียด

คือ เป็นผู้ทำ ความเกิดได้ เพราะทำความดับตามประสงค์สำเร็จ หรือความเป็นอะไรต่างๆได้โดยไม่ลึกลับเลย

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 217


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:45:45 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:16:44 )

สิริมหามายา

รายละเอียด

คือ เปลี่ยนแปลงไวมาก  เร็วเหมือนนักมายากล  แต่ไม่ได้มาหลอกลวง  เจตนา หรือว่า  อันนี้มันใช่ หรือไม่ใช่จะบอก  แต่มันมีความเร็ว ปัจจุบันมาอันนี้  มาอีกปัจจุบันก็เป็นอีกอันหนึ่ง  ไปอีกก็เป็นอีกปัจจุบันหนึ่งที่บอกว่าเร็วยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ มันก็ยังช้ามหาศาล  กินเวลา .0000001 วินาที

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:56:10 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:04:55 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 13:59:35 )

สิริมหามายา

รายละเอียด

สิริมหามายา คือ เป็นเรื่องสลับซับซ้อนกลับไปกลับมา สิริมหามายา หมายความว่าเป็นผู้ให้ความเกิด แต่ผู้ให้ความเกิดนี่ให้มาเพื่อความไม่เกิด  สมณโพธิรักษ์มาเกิดเพื่อสอนให้คนไม่เกิด ให้เกิดผู้ที่จะมาสอนให้คนไม่เกิด 

คือ เป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน  เป็นผู้ให้กำเนิดสิทธัตถะเป็นสาระที่เยี่ยมยอดสูงส่งเป็นชาวอโศกนี้ยิ่งต้านไว้ยิ่งเจริญ  หากมาส่งเสริมจะเสื่อม  จะเป็นนักสู้  ไม่ใช่นักตีกิน นักชุบมือเปิบ  ถ้าไม่มีธาตุนี้อันนี้จะกลายเป็นนักตีกิน  นักชุบมือเปิบชาวอโศกมีภูมิปัญญารู้อันนี้  นี่คือสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนของสัจธรรม

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:58:06 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 04:27:33 )

สิริมหามายา

รายละเอียด

คือ เป็นแม่ (มารดา) ที่สามารถค้นหา พ่อ (ปิตา) มาช่วยกันทำ “ความเกิด” ให้แก่จิต (สัตว์โอปปาติกะ) จนสามารถทำ “ความเกิด” (โอปปาติกโยนิ) ได้จริง ซึ่งความเป็น พ่อ คือ เชื้อวิเศษที่เป็น ความรู้ขั้นโลกุตระ พ่อ จึงได้แก่ ปัญญา ซึ่งก็คือ ความรู้ขั้นโลกุตระ ความรู้โลกุตระ จึงไม่ใช่ความรู้โลกียะ

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 246


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 13:01:59 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:17 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 14:01:16 )

สิริมหามายา

รายละเอียด

ถ้าคิดอย่างคุณมันก็ตื้นๆง่ายๆ ได้ แต่ นัยลึกซึ้งซับซ้อนเกี่ยวกับบุคคลเกี่ยวกับเจตนา เป็นสายเลือดเป็นตระกูล ทั้งความที่จะในสายเลือดคนที่ไม่รักลูกเต้าเป็นคนไม่ดี แต่นี่เขาสุดรักสุดหวงแหน เป็นภาวะซับซ้อนที่คิดยาก เป็นอจินไตย เพราะงั้น พระเวสสันดรจะเสียสละลูกต้องกรีดหัวใจไปเลยนะมันต้องเสียสละ ต้องยกหัวใจให้คนเขาไปเลย คนไม่เข้าใจ มองตื้นๆตามประสาเขามันก็เป็นไป เที่ยวไปดูถูกดูแคลน แต่ความจริงมันเป็นสภาพสภาวะซับซ้อน เป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนไม่รู้กี่ชั้นสลับไปสลับมา เป็นสิริมหามายา กลับไปซ้ายขวา ขวาซ้ายผิดถูกผิด ไม่รู้กี่ชั้น แต่คุณมีความรู้แค่ถูกผิดหรือผิดถูกแค่ชั้นเดียว แล้วจะไปทะลุหาที่เขาถูกผิดผิดถูกไม่รู้กี่ชั้นแล้ววนเวียนเป็นก้นหอย อาตมาสื่อสารได้แค่นี้ก็เก่งพอสมควรแล้วนะ จะเข้าใจพอสมควร ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ระนาบเดียว มันมีขวาซ้ายซ้ายขวามันมีบนล่างมีอะไรอีก ให้สู่แดนธรรมเขียน pattern พวกนี้เขาเขียนไม่ได้ เพราะมันยาก มีมากมิติ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 09:06:42 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:06:00 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 14:04:17 )

สิริมหามายา

รายละเอียด

ในความเป็นสิริมหามายา หน้ามือเป็นเอก หลังมือเป็นรอง ทำไปเรื่อยๆ ทำไปให้พัฒนาไปเรื่อยๆ เป็นจอมยุทธ เร็วดังพลิกฝ่ามือ เหมือนนักเล่นกล เป็นจอมมายากล มันเร็วหลอกให้คนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เอาหน้ามือมาหลอกเอาหลังมือมาหลอก มีไม่มี อะไรเป็นอะไร มันมีกลยุทธ์ กลเม็ดหลอกกันทั้งนั้นเลย

ตรงกันข้ามกับสิริมหามายามี 2 หน้าเหมือนกัน แต่ไม่หลอก หยิบหน้าไหนมาเป็นความจริงหมด (พ่อครูทำมือ พลิกมือ) ว่า 

เพราะฉะนั้น คนจะมีปฏิภาณ ปัญญา ไหวพริบให้เร็วเหมือนจอมมายากล แต่ไม่หลอกใคร แสดงทุกหน้าเป็นหน้าจริงให้หมด เป็นหน้าที่ควรให้หมด แสดงกับคนแสดงออกในตนไม่มีหลอก ไม่มีเท็จ มีแต่จริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 18:45:57 )

สิริมหามายา

รายละเอียด

“สิริมหามายา”จึงหมายถึง ความเป็น“ผู้ให้กำเนิด”ซึ่งในที่นี้ขณะนี้นั้น เป็น“การกำเนิดทางจิต”โดยตรงโดยเฉพาะของ“แม่”ที่อยู่ใน“ข้อ 7 ใน“สัมมาทิฏฐิ 10” และคำว่า “สิทธัตถะ”ก็หมายถึง ความเกิดเป็น“ลูก”อันเป็น“ความเกิดทางจิต” ของใครก็ตามย่อมคือ“ลูกทางจิต”ทั้งนั้น เรียกโดยศัพท์ว่า “การเกิดของสัตว์ทางจิต คือ “สัตว์โอปปาติกะ”

      ซึ่งทั้งคำว่า“สิริมหามายา”ก็ดี และคำว่า“สิทธัตถะ”ก็ดี ที่เป็น“ภาวะ”ของ“จิตในจิต”นี้ จึงไม่ใช่หมายถึง“ตัวตนบุคคล” ที่มีเนื้อหนังมังสาเป็น“พระมารดา”ของ“เจ้าชายสิทธัตถะ” หรือระบุเฉพาะว่า เป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคือ“องค์พระมารดา” หรือคือ“องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า”เท่านั้น

      แต่เป็นเรื่องของ“ธรรมะ”ที่คนผู้ใดก็มีสิทธิ์ปฏิบัติ “กาย-เวทนา-จิต-ธรรม”ที่เป็น“ธรรมในธรรม”โดยตรง มิใช่หมายเอา“ตัวบุคคล” อย่าสับสน“หลงผิด-กำหนดผิด”ไป  

      ฉะนี้เองคือเรื่องของการปฏิบัติธรรมทำ“กายในกาย-เวทนาในเวทนา-จิตในจิต-ธรรมในธรรม”ของใครก็ทำได้เป็น“กรรมกิริยา”ที่วิจิตรวิสิฏฐ์วิเศษวิสุทธิ์เยี่ยมยอดจริงๆ

      เพราะคนมี“กาย” มี“เวทนา” มี“จิต” มี“ธรรม” ซึ่งถ้าขาด“กาย”มันก็ไม่เป็น“คนเต็มคน” 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:42:06 )

สิริมหามายา กับ สิทธัตถะเป็นคู่ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์

รายละเอียด

สิริมหามายา มีคำว่ามายา เพราะฉะนั้นก็เหมือนกับเป็นมายาชนิดหนึ่ง ในเรื่องของเทวนิยม หรือในเรื่องของอวิชชา แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่มายา แต่เป็นสิ่งที่ดีที่ประเสริฐสุด สิริมหา ยิ่งใหญ่มากแล้ว จบ สิริมหามายา เพราะฉะนั้นความหมายและสภาวะจริงของสิ่งนี้ จริงๆแล้ว มันหมายถึง จิตเจตสิก ต่างๆ แต่มันเป็นตัวตนบุคคลก็ลงตัวกัน ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระมารดาก็จะเป็นสิริมหามายาทุกองค์ พระพุทธเจ้าก็จะเป็นสิทธัตถะทุกองค์ โดยพยัญชนะมันบอกอย่างนั้นเลย แต่สภาวะของแต่ละอัตภาพ แต่ละยุค แต่ละสมัย แต่ละอะไร มันก็คนละอัน 

ไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์นี้ไปเกิดแล้วเกิดอีก เกิดแล้วเกิดอีกตลอด ไม่ใช่ ก็คนใหม่นั่นแหละ แต่มาอยู่ในบัญญัติเก่า อยู่ในพยัญชนะเก่า อยู่ในคำสอนเก่าของพระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ตรงกันหมด อาตมาก็เติมความเป็นสิทธัตถะมาเรื่อยๆ และพยายามสอนให้พวกเรารู้จักสิริมหามายา และสร้างสิริมหามายาของตัวเอง เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดสิทธัตถะ 

สิทธัตถะคือ มีตัณหา หรือมีความอยาก อันสำเร็จแล้ว สิทธัตถะ ท่านแปลไว้กระชับดี 
สิทธัตถะคือ มีตัณหาหรือมีความอยาก ผู้มีความอยากอันสำเร็จแล้ว มีความอยากเป็นกิริยา มีความอยากอันสำเร็จแล้ว และก็ทำความอยากอันนี้ให้สำเร็จเรียบร้อยแล้วด้วย คำแปลนี้กระชับดีมาก 
นั่นแหละ มันเป็นซินโนนีมเดียวกัน ใช้ได้ 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ตุลาคม 2565 ( 13:49:14 )

สิริมหามายา ยอดมายากล

รายละเอียด

กระนั้นก็ยังไม่ใช่จะเก่งเรื่อง“ภพ” เรื่อง“ชาติ”กันได้ง่ายๆ ถึงขั้นเป็นผู้รู้จักรู้แจ้ง รู้จริงว่า “การก่อเกิดภพ”นั้นคืออย่างไร? และ“การดับภพ”คืออย่างไร? แล้วสามารถปฏิบัติได้สำเร็จจนกระทั่งเก่งพิเศษอีกด้วย จึงจะ“ก่อเกิดหรือไม่ก่อเกิดภพขึ้นมาให้ปรากฏแก่โลก”ได้ชนิดที่วิเศษจริงๆเข้าขั้นประหนึ่ง“ยอดมายากล”ทีเดียว เช่น จะให้หายวับไปก็ได้ หรือจะให้มีวับขึ้นมาก็ได้ เพราะท่านเป็นผู้ยังมี“การเกิด”ที่ยัง“ทำชาติ-ทำภพ หรือไม่ทำชาติ-ไม่ทำภพ”ขึ้น มาด้วยตนเองได้อย่าง“ยอดมายากล”จริงๆ จนต้องให้ฉายานามท่านว่า“สิริมหามายา(ผู้ทำการเกิดสัตว์ขั้นโอปปาติกะ)” เพราะ“ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายไปก็ได้”(อาวิภาวัง ติโรภาวัง ; พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 133)ที่หมายถึง “ภาวะประหนึ่ง‘ยอดมายากล’ยอดเยี่ยมสุด แสนประเสริฐมหัศจรรย์ยิ่ง”แท้ๆนั่นเอง แต่เป็นสัจจะ เป็น“ความจริง”อันวิเศษพิเศษขั้น“อนุสาสนีปาฏิหาริย์”ที่มีใน“โลกุตรธรรม”ของพุทธ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 12:22:46 )

สิริมหามายา เป็นไฉน

รายละเอียด

มันเป็นการทวนกระแส เป็นสิริมหามายา เป็นเรื่องที่ซับซ้อนลึกซึ้งยิ่งกว่านักมายากลที่เล่นมายากล แม้แต่คำว่าสิริมหามายา คำว่านักมายากลนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกันดีๆเลยว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องหลอก ไม่ใช่เรื่องมายากล แต่เป็นเรื่องจริงนะ เป็นความจริงตามความจริง ที่มันเร็ว แล้วมันกลับไปกลับมาๆ ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ นี่มันสุดยอดถึงขนาดนี้ ให้ติดตามดีๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 13:17:10 )

สิริมหามายากับสุดยอดพระเจ้า

รายละเอียด

นี่แหละเป็นสิริมหามายามันดีแล้วยิ่งใหญ่แล้ว ไม่ใช่หาว่าเราเป็น พระพุทธเจ้าก็จบตรงนี้เหมือนกัน มันเป็นผู้ที่กำหนดความเกิดเลยคือสิริมหามายา เพราะฉะนั้นเราจะให้เกิดมีหรือเกิดไม่มีก็อยู่ที่เจ้าของ นี่แหละสุดยอดพระเจ้า เราเป็นสุดยอดพระเจ้า จะให้มีหรือให้ไม่มี แม้ที่สุด ให้ไม่มีจิตนิยามเลย สลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย พระเจ้า เด๋อเลย งงเลย ไปถามนายทะเบียนว่าคนนี้ตายแล้วทำไมไม่ขึ้นมาหาข้า อิสรเสรีภาพ ไม่ขึ้นอยู่กับพระเจ้าไม่เป็นลูกกระจ๊อกของพระเจ้า ไม่เป็นทาสของพระเจ้า หมดสิ้นความเป็นทาสของพระเจ้าอย่างสูงสุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พญานาคมีจริง พญานาคไม่มีจริง วันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ธันวาคม 2564 ( 21:00:01 )

สิริมหามายากับอำนาจในการควบคุมจิต

รายละเอียด

ในมนุษยชาติที่มีธาตุรู้ ตลอดนิรันดร์กาล สลับไปมาตามภูมิปัญญาที่ซื่อสัตย์คนหาว่ากลับกลอก จึงชื่อว่าสิริมหามายา

ธรรมะ 1 ธรรมะ 2 ธรรมะ 0

0 นี้ไม่มีอะไรไม่ทรงไว้ ไม่ใช่คำว่าธรรมะ 0 เพราะมันจะแย้งกันไม่ใช้คำนี้ ก็ใช้ 0 เฉยๆ

ธรรมะต้องมี 1 ขึ้นไป 0 ธรรมะ 1 ธรรมะ 2 ธรรมะ 3  ธรรมะ 4 5 6 7 8 9 10 ขยายออกไปเรื่อยๆไปถึงร้อยก็คือ 0 ถ้าจบที่พันหมื่นแสน ก็เป็นศูนย์ ถ้าไม่ก็ไปถึง Infinity ได้

เพราะฉะนั้นศูนย์จึงเท่ากับอินฟินิตี้ 0 = ล้าน

ผู้ที่สามารถที่จะมีอำนาจ

อำนาจพระพุทธเจ้าใช้คำว่า เรียกว่าอำนาจในการควบคุมจิต ทำให้จิตเป็นไปในอำนาจได้ นี่แหละเป็นตัวสูงสุด

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญาคือประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน เศรษฐกิจแบบต่างๆ 5 ประเภท


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:35:44 )

สิริมหามายาของผู้มีบารมีกรณีไม่หนีตาย

รายละเอียด

อย่างอาตมาบอกได้เลยว่าอาตมาไม่เอาใจพวกคุณมาเป็นตัวอาตมา เอาใจอาตมาเองพูด อาตมาเองอาตมาไม่หนีตาย ถ้าจะทำงานเพื่อมวลประชาชนไม่หนีตาย ซึ่งอาตมาก็ได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว แล้วมันมีภาวะแทรกซ้อนตรงที่ว่า คนที่ยิ่งมีบารมีไม่หนีตาย สิ่งที่ร้ายไม่ค่อยเข้าใกล้ไม่ค่อยแผ้วพาน มีสิริมหามายา ไดอแลกติก ได้แต่พูดอย่างนี้ให้ฟังไม่ได้ท้าทายอวดดี เดี๋ยวจะเอาระเบิดนิวเคลียร์ของคิมจองอึนโยนใส่หัวโพธิรักษ์ อาจจะเป็นของตะวันออกกลางสะสมไว้ หรือของอเมริกา หรือเป็นของรัสเซียก็แล้วแต่ มาใส่หัวโพธิรักษ์ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ลูกปืนเล็กนิดเดียวก็ตายแล้วโพธิรักษ์เนี่ย ธรรมดาธรรมดานี่แหละลูกปืนง่ายๆไม่ต้องไปใหญ่อะไร ตาย ไม่ต้องไปเอาระเบิดขนาดนั้น..ราคาตั้งแพง ไม่ได้ท้าทายอะไรเพราะเรารู้ดีตายก็ตาย อาตมาไม่ไปอาฆาตพยาบาท เพราะเขาทำไปโดยไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ้นความโง่อวิชชากับ
ปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:39:59 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์