@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ

รายละเอียด

สัตว์อื่น – บุคคลอื่น

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 274


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:47:06 )

เวลาบันทึก 02 มิถุนายน 2563 ( 17:17:24 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:18:07 )

ปรสัตตานัง

รายละเอียด

1. สัตว์อื่น , สัตว์ที่ต่างกัน  

2. เธอย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น คือต่างหากจากใจที่เป็นสัตว์เดิมอันเราเคยเป็น ด้วยใจ 

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 34, 35, 227,

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 110

ทางเอก ภาค 3 หน้า 139


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:53:30 )

เวลาบันทึก 02 มิถุนายน 2563 ( 17:18:30 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:18:29 )

ประกันภัยก็เหมือนกันกับวิธีออกหวย

รายละเอียด

วิธีประกันภัยก็เหมือนกันนี่แหละ เหมือนกันกับวิธีออกหวย หวยรัฐบาล น่าอายจริงๆเลย คนเขาก็ต้องยอมจำนน อยากได้เสี่ยงทาย แล้วรางวัลที่ 1 ที่ 2 ให้เท่าไหร่ล่ะ หักส่วนกลางเท่าไหร่ การพนันที่นายทุนเจ้ามือเอาเปรียบขนาดนี้ สิ้นไร้ไม้ตอก สิ้นคิด ประเทศที่ต้องมีหวยบนดิน สลากกินแบ่ง แล้วก็ล้มไม่ได้ต้องพึ่งพาเงินก้อนนี้นะ ทักษิณเลยหาทางควบคุมเงินก้อนนี้เลย บอกว่าเอาเงินมาให้รัฐบาล แต่ทักษิณเอาไปเท่าไหร่ไม่รู้ เป็นความซับซ้อน เป็นระบบของโลกที่อาตมาว่าอาตมาเข้าใจระบบ อาตมาไม่มีหน้าที่ไปจัดการ รัฐบาล มีหน้าที่ขยายโลกุตรธรรมก็มากแล้ว ขนาดนั้นต้องเพิ่มอายุขัยจะให้ถึง 151 ปี ไปอยู่ 150 หรือ 149 ก็ยังดี ดีไม่ดี 130 ก็เอา ก็มันจะตายจะไปห้ามได้อย่างไร แต่ก็พยายามรักษาชีวิต โดยไม่ได้แกล้ง ก็มีคนช่วยอยู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 07:36:32 )

ประกาศ นานาสังวาสกับสงฆ์ บวชเมื่อ พ.ศ 2513 ประกาศนานาสังวาส 2518

รายละเอียด

อยู่กับหมู่เขา ก็ยากสารพัด อยู่ 5 ปี พ.ศ.2518 ก็ขอประกาศนานาสังวาสออกมาตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าซึ่งเขาไม่มีความรู้อยู่ 5 ปี 2518 ก็ขอประกาศนานาสังวาส ออกมาตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ซึ่งเขาไม่มีความรู้ อาตมาออกมาเขาก็เล่นงานอาตมา ซึ่งเขาทำผิดพระธรรมวินัยเป็นบาปเป็นภัย ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะพูดกับเขาไม่รู้เรื่อง ก็ได้แต่สงสาร ก็ยอมให้เขาทำ มันจะได้ไม่ยาวนาน ขนาดนั้นยังยืดยาดยาวนานไม่ใช่น้อย หลายปีทีเดียวกว่าเขาจะหยุด จนเอาอาตมาติดคุกให้อาตมาต้องออกไป ไม่เป็นศาสนาพุทธ อาตมาก็ไม่ยอมจะไม่เป็นศาสนาพุทธได้อย่างไร เพราะว่าศาสนาพุทธคือสิ่งที่อาตมาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ จะให้อาตมาออกไป มันจะได้ยังไง ซึ่งมันไม่ได้ อาตมาก็ยืนหยัดยืนยันไม่ใช่ดื้อด้านดันทุรังอะไร จนกระทั่งสุดท้ายก็จบไปตามธรรม กลายเป็นนานาสังวาส แต่เขาก็เข้าใจอาตมา เข้าใจอโศกว่าเป็นพวกนิกายเป็นพวกนอกรีต คนส่วนใหญ่ก็ถูกครอบงำกันอย่างนี้ เขาก็ครอบงำกันได้ เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นคนโง่มากกว่าคนฉลาด คนฉลาดจึงจะมาเข้าใจอาตมา คนโง่เขาก็ต้องเชื่อสิ่งที่มันผิดๆ นั้นก็เป็นธรรมดา อาตมาไม่ได้ประหลาดอะไร เป็นความจริงเป็นธรรมดาธรรมชาติของมัน อาตมาได้ขนาดนี้ สามารถที่จะช่วยประชาชนพลเมืองในยุคนี้ได้ประมาณนี้ อาตมาก็พอใจ พอใจๆ พอใจแล้ว ได้ขนาดนี้ ประมาณนี้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:10:38 )

ประกาศกของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ชาวอโศก เป็นผู้ที่มาสืบทอดศาสนาพุทธ มาสาธยายขยายความ เอาของพระพุทธเจ้ามาขยาย มาประกาศไว้ ถ้าจะว่าก็คือ เป็นผู้ที่แทนตัวพระพุทธเจ้ามาประกาศ ถ้าจะว่าจริงๆแล้วอาตมาก็คือผู้ที่เป็นประกาศกของพระพุทธเจ้าตัวแท้ ยืนยัน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในสัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 เป็นสยังอภิญญาผู้นั้นจริงๆ เป็นความรู้ของตัวเองที่เอามาประกาศ ประกาศโดยมั่นใจโดยไม่ได้เก้อเขินไม่ได้อยากอวดโอ่ แต่ยืนยันตัวเองว่าเป็นจริงอย่างนี้ ถ้าอาตมาอธิบาย แม้สัมมาทิฏฐิ 10 มันเป็นมิจฉาอย่างไรมันเป็นสัมมาอย่างไร แยกความแตกต่างแยกความหมายของมัน ทินนังยิฏฐังที่ถูกเป็นอย่างไร หุตัง ..ถ้าอาตมาอธิบายอย่างนี้ไม่ถูก อธิบายไม่ได้ เอาไปปฏิบัติไม่ได้ ก็เป็นสยังอภิญญาเก๊ แต่อาตมามั่นใจว่าไม่เก๊ เป็นแต่เพียงอึดอัดใจอย่างเดียวที่อธิบายไม่เก่ง อธิบายไม่ละเอียดไม่ครบพอแต่ก็พอรู้ได้ใช่ไหม อยากให้มีสยังอภิญญาตัวพี่มาช่วยอธิบายหน่อย อยู่ไหน? แต่อาตมามีน้องชายที่เขาว่า เขาเป็นพระพุทธเจ้า แล้วบอกว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตร เขาก็ว่าให้อาตมาทำงาน ตอนนี้เขาก็อยู่ที่เมืองกาญจน์ อายุอ่อนกว่าอาตมาปีหนึ่ง 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:51:18 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 03:39:57 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:18:55 )

ประกาศกฎอัยการศึก

รายละเอียด

ศัพท์คำว่า ประกาศกฎอัยการศึกคือใช้อำนาจของกำลังผู้ดูแลประเทศ ควบคุมว่าจะต้องอยู่ในกฎหมายผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศมีสิทธิ์ประกาศอันนี้แล้วควบคุมสถานการณ์ ก็เท่าที่ทำไปนั่นแหละพอควรแล้ว พูดไปก็จะเยอะแยะเกินไป ไม่ต้องพูดซ้ำซากอะไรมากมาย ก็จะมีเรื่องนั้นเรื่องนี้คนออกความเห็นไม่หยุดหรอก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:06:48 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:24:40 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:19:17 )

ประกาศกองทัพธรรมรวมตัวให้กำลังใจสมาชิกวุฒิสภา

รายละเอียด

ขอประกาศ ฟังให้ดีนะท่านทั้งหลายที่เป็นประชาชนคนไทย ในขณะนี้ suddenly เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังต้องการรู้กระแสนี้ ประกาศ พรุ่งนี้วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2566 ทางกองทัพธรรมจะได้ไปรวมตัวกัน ฟังอีกครั้ง ทางกองทัพธรรมจะได้ไปรวมตัวกัน เพื่อยื่นแถลงการณ์เป็นกำลังใจให้กับสมาชิกวุฒิสภา (เสียงปรบมือ) ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและกล้าหาญ โดยไม่เกรงกลัวต่อการข่มขู่คุกคามจากผู้ที่พยายามทำให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย โปรดฟังอีกครั้ง โดยไม่เกรงกลัวต่อการข่มขู่คุกคามจากผู้ที่พยายามทำให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย 

ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติตามพระบรมราโชวาท พระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับการบริหารประเทศ ดังมีใจความว่า “ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้” ทวนอีกครั้ง คำตรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 

“ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้” ญาติธรรมท่านใดที่พร้อมจะไปร่วมกันได้ ให้พบกันที่รัฐสภา ทางเข้าบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่จำกัด เวลา 11:30 น. ของวันพรุ่งนี้อังคารที่ 18 กรกฎาคม 2566 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 30 ประกาศกองทัพธรรมไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจสว. วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566 วันแรม 15 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 13:01:35 )

ประกาศตนเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ยิ่งต้องระมัดระวัง

รายละเอียด

พูดถึงคนบอกว่าหมอเขียวประกาศอรหันต์ ก็ดีสิ หมอเขียว จะได้ระมัดระวัง ไม่งั้นตัวเองจะหน้าแตกเอง ก็มันไม่ใช่เรื่องสามัญ ยิ่ง อาตมาประกาศตนเองเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 เกินกว่าพระอรหันต์ไปมากแล้ว ประกาศไปนั้นมันดีที่ไหนกัน มันต้องระมัดระวังจะตาย ทำเป็นเล่นไปเถอะ ไม่อย่างนั้นก็ยิ่งเน่าใหญ่เลย คนที่รู้เขามี นึกว่าคนอื่นเขาไม่มีปัญญาหรือ คนอื่นเขามีปฏิภาณปัญญาไหวพริบ นึกว่าคนอื่นเขาโง่เง่ากว่าทั้งนั้นจะหลอกเขาได้หลอกเขาดี แล้วจะหลอกคนไปทำไม พูดความจริงสิ เอาความจริง จะเอาความหลอกมาให้เป็นกรรมเป็นวิบากบาปทำไปทำไม ผู้ที่รู้แล้วนั้นไม่ทำหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 20:30:01 )

ประกาศตัวเป็นนักการเมืองในการชุมนุม พ.ศ. 2549

รายละเอียด

เรามาพูดถึงการเมือง อาตมาได้ประกาศตัวเองมานานว่าเป็นนักการเมือง ซึ่งอยู่ในร่างของสมณะนักบวชสมณะ ประกาศว่าเป็นนักการเมืองมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เปิดตัวทำงานร่วมกันในการชุมนุม ในพ.ศ. 2549 เริ่มต้นมา ปัจจุบันนี้กี่ปีแล้ว ก็ครบนักษัตรแล้ว พลเมืองต้องมีการเมือง ต้องทำงานอย่างที่ในเมืองเขาทำกัน เพราะคนในเมืองเป็นคนส่วนใหญ่ เป็นสังคมใหญ่ สังคมคนป่าเป็นสังคมที่ เป็นสังคมเล็ก ไม่มากหรอก อย่างไรๆก็ไม่มีมากเลยธรรมชาติสัจจะแล้ว คนปลีกเดี่ยวอยู่ป่าจับกลุ่มในป่าก็ตาม เป็นหมู่เล็ก แต่ถ้าเผื่อว่า ประชาชน คนมาอยู่ในเมือง มันได้ถึงพันล้านคนอย่างที่เห็น ในป่าอยู่พันล้านคนไม่ได้หรอก มันไม่เป็นป่าหรอกพันล้านคน ป่ามันไม่เหลือ ก็จะอยู่อย่างคนเมือง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:42:40 )

ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ

รายละเอียด

วันนี้วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ วันนี้ก็เป็นวันเรียกว่าสุดท้าย ส่งท้าย ของงานอโศกรำลึก บูชาพระบรมสารีริกธาตุครั้งที่ 42 ทำมากันตั้งแต่วันที่ 3 ถึงวันที่ 10 วันที่ 10 เป็นวันสุดท้ายจริงๆ ก็จะมีการทำวัตรเช้า สมณะ สิกขมาตุร่วมรำลึกอโศกรำลึก จะพูดอะไร สรุปอะไรก็ว่ากันไป พอเสร็จแล้วก็ เตรียมเดินทางกลับกัน ผู้ที่ไม่กลับจะอยู่เลยก็ขออนุโมทนาสาธุ อยู่เลยได้ไม่มีปัญหาอะไร ยังรออยู่ว่าเมื่อไหร่มันจะมีพลเมืองสัก 777 คน เอาเลขสวยๆ เท่านั้น แต่เป็น 1,000 คนเราก็ไม่เกี่ยง ตอนนี้ 1,000 คน งานนี้มีคนมาร่วมเป็น 1,000 คน และยังมีจอต่างๆ ที่เขายังไม่มา เปิดดูจออีกก็ไม่น้อย 

รายการสุดท้ายของอาตมาที่เขากำหนดเรื่องมาเลย แค่จะมาพูดคือ ให้ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม มันก็สมควรแก่เวลา ที่จริงก็เปรยมาแล้วยืนยันตัวเองว่าเป็นธรรมิกราช แล้วก็ดีนะ เขาเขียนเป็นภาษามาเลยว่า ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม ไม่ใช่ราชะ แต่เป็นธัมมิกราษฎร ประกาศโลกุตรธรรม จริงอาตมาไม่ได้เป็นราชา อาตมาเป็นราษฎร ก็ต้องประกาศราษฎร เสียงก็ตาม ภาษาซ้ำกันก็ตาม มันเป็นอจินไตย ที่เยอะเหลือเกิน อาตมาเองพยายามบอกไปพูดไป ทำไปก็แนะนำไป มันมีคำที่เป็นสำเนียงเดียวกัน ภาษาเดียวกันสะกดต่างกัน มันมีความซับซ้อน 2 ใน 1 และ 1 ใน 2 อันนี้เป็นความลึกซึ้งที่เป็นอจินไตยสูงสุด ธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้านี้ แล้วคนไม่รู้ได้ง่ายๆ 

มันเป็นสัจจะที่ต้องศึกษาและปฏิบัติมาจนมีภูมิปัญญา ที่จะสามารถรู้ได้ ไม่เช่นนั้นก็รู้ไม่ได้จริงๆ วันนี้ก็เป็นวันที่จำนนจำยอมและจำต้อง ประกาศธัมมิกราษฎร์ แต่เราจะประกาศออกไปดื้อๆ เฉยๆ มันไม่มีอะไรที่จะเป็นพลความ เป็นสิ่งที่จะต้องอธิบายสาธยายมาว่ามันมีอะไรมาบ้าง ที่เป็นเหตุปัจจัย มีองค์ประกอบ อะไรบ้าง และมีอะไรที่เป็นมาแล้วทำมาแล้ว จะรวบรวมมาเอามาย้ำยืนยัน อาตมาก็ต้องพยายามเขียนเรียบเรียงคำต่างๆที่จะเอามาสาธยายกัน ยืนยันให้ได้ เอามาเพื่อที่จะประกอบการพูดได้ว่า มันเป็นความจริงที่ยืนยันได้จริง มีทั้งหลักฐานจากพระไตรปิฎก หลักฐานจากตำนาน หลักฐานจากคำเล่าลือกันมา หลักฐานจากตัวตนจริง และตัวตนจริงก็ได้ออกมาแสดงตัว ออกมานำพา และอาตมาว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ 

นำพามาตั้ง 50 กว่าปี อาตมาก็ได้ย้ำมาอย่างจริงๆ จังๆ ว่า ยุคนี้เป็นยุคเสื่อม ตอนแรกก็ย้ำเต็มที่ไม่ได้ ขนาดนั้นเขาก็ยังพยายามจะเอาอาตมาตาย ทำงานมาตั้งแต่บวช พ.ศ. 2513 จนพ.ศ 2532 ถูกกระหน่ำ เราก็พยายามนำความจริงออกสู้ อาตมาไม่มีอะไรอื่นสู้นอกจากความจริง หมดความจริงอาตมาก็ต้องตาย อาตมาก็ต้องสู้ด้วยความจริง เพราะฉะนั้นความจริงอาตมามั่นใจว่าจะพาให้ชนะได้ มีเด็กคนหนึ่งเขาถามมา คงจะตอบอันนี้ก่อนค่อยเข้าสู่เรื่องที่จะประกาศธัมมิกราษฎร์กัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม งานอโศกรำลึก 2566
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2566 ( 11:40:05 )

ประกาศนานาสังวาส

รายละเอียด

กับคณะสงฆ์ใหญ่ เพราะว่าก็จะไปคลุกคลีเกี่ยวข้องได้อย่างไร มันเน่าเฟะกันอยู่อย่างนั้น อาตมาก็ประกาศตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า มันจำเป็น ประกาศนานาสังวาส ในวันที่ 6 สิงหาคม 2518 ประกาศ ณ วัดหนองกระทุ่ม ที่ศาลาการเปรียญ ต่อหน้าพระสงฆ์ 180 รูป ประกาศแยกตัวนานาสังวาส ยังมีลายลักษณ์อักษรเสร็จเรียบร้อย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 11:00:28 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:29:28 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:19:36 )

ประกาศนานาสังวาสจำเป็นอย่างไร

รายละเอียด

อย่างพระพุทธเจ้านี่นะ ถ้าเผื่อว่า ท่านจะอยู่เป็นผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์ แล้วก็สอนเรื่องธรรมะโลกุตระ ท่านก็ทำได้ แต่มันไม่สมประกอบ ก็เราบอกว่าจะไม่มาเอาลาภยศสรรเสริญ แล้วทำไมไปอยู่มีลาภยศสรรเสริญ แบกเทิ่งๆ อยู่ เหมือนเถรสมาคมนี้ ก็จะไปมีอยู่ทำไมก็ออกมาสิ แยกมานานาสังวาสเลย เขาก็อยู่อย่างนั้น เราจะเป็นอย่างเขาทำไม 

อย่างอาตมาชัดเจนแล้ว มาบวชแล้วถ้าขืนไปอีกอย่างนั้น ไม่เอาแล้ว แยกดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาตมาก็ต้องไปทางโน้นอีก หรือจะไปแล้วเขาก็กั้นก็ห้าม ก็อาศัยพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าประกาศนานาสังวาส อาตมาจึงประกาศนานาสังวาส แต่เขาไม่รู้เรื่องกัน เถรสมาคมไม่รู้เรื่องนานาสังวาส 

ตอนแรกพออาตมาประกาศและยืนยันนานาสังวาส เขาก็ยังงงๆ ปล่อยให้เราประกาศตั้งแต่ พ.ศ. 2518 จนกระทั่ง พ.ศ. 2532 มีมหาประยุทธ์นี่แหละ ก็บอกว่า ไม่ได้ เอาคารมที่ตัวเองตีมาว่า ถ้าเผื่อว่ามาบวชแล้ว อยู่ในหมู่นี้แล้ว ถ้าเผื่อว่าจะประกาศนานาสังวาสต้องสึก 

ถ้าจะสึกต้องไปประกาศนานาสังวาสทำไมล่ะ ดูซิว่าตรรกะแค่นี้ก็แย่เลยมหาประยุทธ์ ถ้าสึกจะไปประกาศนานาสังวาสทำไม ก็สร้างใหม่เลย เป็นนิกายใหม่เลย อาตมาทำนิกายไม่ได้ ถ้าทำนิกายมันเป็นอนันตริยกรรม อาตมาก็ต้องอยู่กับหมู่ใหญ่นี่แหละเป็นพุทธ เรียกว่าสังวาสเดียวกัน แต่ธรรมวินัยท่านให้ประกาศนานาสังวาสได้ ประกาศโดยส่วนย่อยส่วนน้อย หรือหมู่ใหญ่จะประกาศให้หมู่น้อยเป็นนานาสังวาสก็ได้ มี 2 อย่างเท่านั้นแหละ 

นี่ก็เป็นสัจจะในธรรมวินัยอย่างชัดเจน เขาก็เรียนก็รู้กันลึกซึ้งมากมาย จบเปรียญ 9 จบปริญญาเอกกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิธรรม‌ของ‌ศีล‌ข้อ‌ ‌1‌ ที่‌ชาว‌อโศก‌ปฏิบัติ‌ได้‌ ‌วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 2 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:33:54 )

ประกาศนานาสังวาสต่อหมู่สงฆ์ตั้งแต่ 2518

รายละเอียด

อาตมาประกาศนานาสังวาส เขาก็ไม่เข้าใจคำว่านานาสังวาสกัน อาตมาประกาศนานาสังวาสต่อหมู่สงฆ์ตั้งแต่ 2518 อาตมาบวช 2513 แล้วตั้งหมู่กลุ่ม 2516 ตอนแรกเขาก็ดูพอเข้าใจตอนหลังอาตมาพูดสัจธรรมมันก็ไปตำหนิไปว่าท่านผิดกันใช่ไหม ก็ว่าไปๆ พอถูกว่าพอสมควร ตั้งแต่อาตมาบวช ก็โดนว่าไปเรื่อยๆ 5 ปี อาตมาก็ถูกบีบ แกล้งสารพัดจนกระทั่ง 2517 พอปี 2518 อาตมาก็ว่าไม่ไหว ก็ปรึกษาหมู่กลุ่ม ประกาศในกลุ่มว่าขอนานาสังวาสเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นเลย ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ประกาศต่อหน้าหมู่สงฆ์ 280 รูปที่วัดหนองกระทุ่ม มีเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลอยู่ แล้วหนังสือนี้ก็ไปถึงเถรสมาคม ก็รับรองว่าเราเป็นสงฆ์ต่างนานาสังวาสกัน

จากนั้นก็ที่กรมรถไฟ ตอนแรกเราก็เสียครึ่งราคาตอนขึ้นรถไฟ เสร็จแล้วต่อมาเขาก็ไม่ให้ เราก็ถามไปทางเถรสมาคม กรมการศาสนาก็ตอบมาให้ผอ.การรถไฟ ว่า สันติอโศก ไม่ได้ขึ้นกับเถรสมาคมแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ปลอดภัยตั้งแต่บัดนั้น ก็เท่ากับรับว่าเราประกาศนานาสังวาสเรียบร้อยแล้ว ก็ต่างคนต่างอยู่ เสร็จแล้ว 2532 ไปกินยาผิดหรือยังไง ดึงเราเข้าไปในเถรสมาคมอีกและบอกว่าต้องสึก อย่างนี้เป็นต้น คือมันดูแล้วตลกไปหมด แล้วก็เป็นเรื่องตั้งแต่ 2532 ว่าความกัน เราก็โดนย่ำยีมา แต่เราปลอดภัย โดย “ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจาริง” ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม จนถึงทุกวันนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:46:34 )

ประกาศนานาสังวาสถูกต้องตามพระธรรมวินัย

รายละเอียด

อาตมาลาออกมาประกาศนานาสังวาส ตั้งแต่ทนอยู่กับหมู่ใหญ่ 5 ปี พ.ศ 2518 อาตมาก็ไม่ไหวแล้ว นอกจากนั้นเขายังมาเบียดเบียนบังคับเราด้วยเหตุปัจจัยมันสุดทน จึงต้องประกาศนานาสังวาส ถูกต้องตามพระธรรมวินัยพระพุทธเจ้าทุกอย่าง อย่างนี้เป็นต้น ตั้งแต่
พ.ศ. 2518 แต่พอปี พ.ศ. 2532 ก็ดึงเรากลับเข้าไปอีก เอาเราไปอธิกรณ์อีก ก็ผิดสัมมุขาวินัยไม่เอาจำเลยไปซักถาม แต่ตัดสินลับหลังเลยโดยเอาคณะธรรมยุตกับมหานิกายมารวมกันตัดสินซึ่งผิดพระวินัยข้อ คณปูรกะ เอา 2 คณะคนละนิกายมารวมกันทำสังฆกรรม สังฆกรรมนั้นเป็นโมฆะ ซึ่งท่านก็เรียนพระวินัยมากันดีทั้งนั้น อาตมามีหลักฐานก็เขียนไว้ในหนังสือ ประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส พิมพ์แจกเป็นแสนเล่ม

ขออภัยต่อหมู่สงฆ์หมู่ใหญ่ พูดเรื่องนี้ไม่ได้เจตนาจะมาทำลายสงฆ์หมู่ใหญ่ ขอบอกไว้ก่อนอาตมาไม่เคยทำลายใคร แต่อาตมาต้องพูดสิ่งที่ผิดสิ่งที่ถูก มันเป็นภาวะซับซ้อน อาตมาพูดภาวะความผิดถูกให้เป็นการศึกษา ให้เกิดการสำนึกสอนซ้อนลงไป ขณะนี้มีผู้กระทำผิดอยู่ จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว จะแก้ไขหรือไม่แก้ไข ก็เป็นเรื่องของท่าน ผู้สำนึกรู้สึกผิดจะต้องแก้กลับ แก้คืน กลับคืน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 1 วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กรกฎาคม 2564 ( 10:41:15 )

ประกาศนานาสังวาสโดยธรรม

รายละเอียด

ทีนี้ อีกอัน ถ้าหมู่เล็กอยู่กับหมู่ใหญ่ หรือตัวคนเดียวอยู่กับหมู่ใหญ่ อย่างอาตมานี้คนเดียว อาตมาก็อยู่ไม่ไหว จึงประกาศแยก อาตมามีภิกษุ 21 รูปกับเณรอีก 2 ประกาศในวันที่ 6 สิงหาคม 2518 ต่อหน้าสงฆ์ 180 รูป ที่วัดหนองกระทุ่ม ประกาศขอแยก ท่านก็อยู่ของท่าน 

อาตมาเปรียบเทียบว่า เราเห็นว่า ท่านเอาสูตรพระพุทธเจ้ามาทอดปาท่องโก๋ขายให้คนกิน แต่คนกินท้องขึ้นท้องเสียหมดเลย เราก็บอกว่าผิดสูตร ไม่ใช่สูตรของพระพุทธเจ้า เราเสนอสูตรของเราไปให้ คำสอนแบบเราว่า เสนอไปอย่างไรก็ไม่เอา เมื่อไม่เอา ก็เอาเถอะ ท่านเป็นบริษัทใหญ่ ร้านใหญ่ ท่านไม่ล้มหรอก ท่านก็ขายตามสูตรของท่านไป เราก็ขอประกาศแยกตัวออกมา นี่คือการประกาศนานาสังวาสโดยธรรม ตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าเลย อาตมาก็ประกาศลาออกมาตั้งแต่วันนั้นตั้งแต่ 6 สิงหาคม 2518 แยกมาอยู่ที่แดนอโศก จากวัดหนองกระทุ่มมาอยู่ที่แดนอโศก   

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2564 ( 18:52:01 )

ประกาศว่าตัวเองบรรลุอรหันต์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2512 ในหนังสือคนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก

รายละเอียด

ซึ่งอาตมาพูดนี้นะมันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ อาตมาบอกว่าอาตมาบรรลุอรหันต์  ซึ่งอาตมาก็รู้ตั้งแต่อาตมาบอกว่าอาตมาบรรลุ ตั้งแต่ พ.ศ. 2512 เขียนหนังสือ มาประกาศว่าตัวเองบรรลุอรหันต์ พ.ศ. 2558 อาตมาบรรลุธรรมตั้งแต่ พ.ศ. 2512 ไม่ใช่ว่าอาตมาอยากประกาศรีบร้อนประกาศ ไม่ใช่ คนอ่านหนังสือคนคืออะไรถึงรู้ว่าอาตมาประกาศอรหันต์ คนไม่ได้อ่านมีเยอะแยะมากมายก็ไม่ได้ฟังว่าอาตมาประกาศอรหันต์ ก็อาตมาได้มาประกาศเมื่อ พ.ศ. 2558 อย่างนี้เป็นต้นอาตมาเคยตอบบุคคลถาม 

มีน้องอาตมาถาม และมีอาจารย์แสง  จันทร์งาม ถาม ส่วนน้องอาตมาตายไปแล้ว   อาจารย์ขวัญดีเขาก็ถาม พี่แป๊ก บรรลุอรหันต์จริงหรือไม่อาตมาก็บอกว่าจริงบอกไปก่อน 2558   สองคนนี้มาถามส่วนตัวเลยบอก มีสองคนเคยถาม  ส่วน อ.สัญญา ธรรมศักดิ์ ไม่ได้ถาม แต่คุยธรรมะกันเป็นชั่วโมง ตอนนั้นยังไม่เป็นนายก คุยกันอาตมานั่งคุยอยู่ที่ห้องภาพสุวรรณแล้วก็ออกไปพูดข้างนอก อาตมาได้ยินเสียงสะท้อนมาท่านบอกว่า ท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ ไปรับรองว่าองค์นี้เป็นอรหันต์ ก็พูดอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 11:50:28 )

ประกาศศาสนาพุทธครั้งแรกกับพราหมณ์ทั้ง 5

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านนั่งระลึกชาติในยามสองยาม 3 พบว่าเราเป็นพระพุทธเจ้าครบแล้วก็จะมาประกาศตัว แล้วก็หาคนจะประกาศจะไปประกาศกับใครที่ฟังแล้วรับรู้ได้ว่าเราเป็นพระพุทธเจ้า  ก็ระลึกถึงอาฬารดาบสอุทกดาบสที่เป็นเดียรถีย์ได้ฌาน 7 ฌาน 8 ก็พบว่าเสียไปแล้ว ก็นึกถึงโกณทัญญะ ที่ตอนที่พยากรณ์ไว้ก็ยังหนุ่ม แต่ตอนนี้แก่แล้วมีพราหมณ์หนุ่มอีก 4 รูปอยู่ร่วมด้วย ทั้ง 5 คน ติดยึดว่าต้องนั่งหลับตาออกป่า แต่พระพุทธเจ้าท่านก็เห็นว่าไม่ถูกก็ปลีกมา ทั้ง 5 ก็บอกว่าล้มเหลวแล้วพระสมณโคดม ความเห็นก็แยกกัน จนกระทั่งพระพุทธเจ้าระลึกได้ก็เดินทางมา จากตัวเองตรัสรู้ แล้วรู้ว่าพราหมณ์ 5 รูปอยู่ไหนก็เดินไปหา กว่าจะมาถึง 2 เดือนก็มาเจอกัน พอมาพบ ทั้ง 5 ก็บอกว่ามาแล้ว ใครอย่าต้อนรับนะ แต่เข้ามาแล้วก็ต่างคนต่างรับรู้รัศมีบารมีของพระพุทธเจ้า ก็เงอะๆงะๆ บางคนก็อ่อนน้อม เป็นอจินไตย คือจริงๆแล้วทั้ง 5 องค์มีบารมีร่วมกันมาแล้ว เป็นกรรมวิบาก อาตมาไม่มีความรู้อธิบายละเอียดได้ มาถึงก็ท่านก็ว่าเราบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทั้ง 5 องค์ก็ไม่เชื่อท่านก็ทวนว่า ที่เราเคยอยู่ร่วมกันมาเราเคยพูดไหมว่าเราเป็นพระพุทธเจ้า​ตอนนั้นเราไม่ชัดไม่แน่ใจหรอก แต่ตอนนี้เราพูดจริงว่าเราเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทั้ง 5 องค์ก็มีปฏิภาณรู้ได้ โดยเฉพาะโกณทัญญะก็เคยพยากรณ์ไว้ด้วย ท่านก็เลยเทศน์ ธัมจักกัปปวัตตนสูตร พอเทศน์ปั๊บ โกณทัญญะก็เกิดอัญญธาตุเป็นธาตุใหม่ ธาตุโลกุตระ อัญญะยังไม่เป็นพหูพจน์นะ แปลว่าอันอื่นที่แตกออกมาไม่ใช่อันเก่า เป็นความรู้เพิ่มเติมเป็นพหูพจน์ เป็นอัญญา จากนั้นก็มาเป็นกัญญา ชัญญา ปัญญา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:29:50 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 03:46:15 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:21:35 )

ประกาศอธิบายโลกุตระธรรม

รายละเอียด

คือ  สมณะโพธิรักษ์มาเกิดยุคนี้เอาโลกุตรธรรมมาประกาศอธิบาย ได้พวกคุณมาเท่านี้ก็โพธิรักษ์เอ๋ยทำไมมีกุศลขนาดนี้ มีคนมาสนใจมีคนมานั่งล้อมเกิน 5 คน  นั่งเก้าอี้ก็พูดธรรมะไป อย่าว่าแต่ตอนตื่นเลยตอนนอนก็อยู่กับธรรมะ มันคือไม่รู้จะอยู่กับอะไร มันอยู่กับธรรมะมันก็สบายดีแล้วมันก็เจริญดี ทบทวนธรรมะอย่างนอนนี้สบายทบทวนธรรมะไป  ตอนหลับก็หลับไม่หลับก็ทบทวนธรรมะไป ก็ได้รายละเอียดที่เคยลืมไปบางอย่างดึงขึ้นมาไม่ได้ก็ดึงขึ้นมาได้เอาออกมาอธิบายเอาไว้ แต่ก่อนท่านต้องลุกมาโน้ต เดี๋ยวนี้ก็ปล่อยมัน จำได้ก็จำได้ จำไม่ได้ก็ไม่ได้ บางอย่างที่ละเอียดลึกซึ้งมันก็หลุดง่าย แต่ไม่เป็นไรสักวันหนึ่งก็คงขึ้นมาได้มีเท่าไหร่ก็เท่านั้น ที่พระพุทธเจ้าตรัสวันนี้แล้วก็มีเถรวาทะ ส่วนใหญ่จะเป็นของพระสารีบุตรอธิบายไว้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:26:52 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 03:49:58 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:22:17 )

ประกาศอย่างอาสโภได้เพราะมีมรรคผลจริง

รายละเอียด

เพราะอาตมาทำแล้วพวกเราได้ปฏิบัติธรรมบรรลุมรรคผลจริง อาตมาถึงประกาศอย่างอาสโภเลย ประกาศอย่างมั่นใจ อาจหาญแกล้วกล้า ไม่ได้ประกาศอย่างเหยาะแหยะ กลัวคนจะมาท้วงว่าพูดเกินไปว่าพูดผิด ไม่กลัวเลยอาตมาว่าอาตมาไม่ได้พูดผิดอาตมาพูดถูกต้องแน่นอน ใครที่เป็นผู้รู้จะมาสอบทานอยากจะมาพิสูจน์ มาตรวจสอบ มาเช็คมาตรวจก็แล้วแต่ เพื่อที่จะรู้ว่ามันถูกจริงหรือผิดจริงก็ได้ ยินดีเต็มที่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:04:03 )

ประกาศอรหันต์

รายละเอียด

ตอบก่อนว่าอาตมารู้ดีว่าอาตมาเป็นอรหันต์ บอกประกาศทางโทรทัศน์ไปปี 2558 ว่าอาตมาเป็นอรหันต์ ที่พุทธาภิเษกฯศาลีอโศก อาตมาไม่ใช่นึกเอา แต่เป็นอย่างจริงมั่นใจรู้ รู้ว่ามั่นใจคนเป็นอรหันต์เป็นอย่างไร คนเป็นอรหันต์เพราะมีปัญญารู้ใจตัวเองอ่านใจตัวเองออกรู้จักเวทนา 108 เป็นต้น แยกเนกขัมสิตเวทนา เคหสิตเวทนา ทำเนกขัมสิตเวทนาให้เป็นเนกขัมสิตอุเบกขาเวทนาได้ทำเป็น อาตมาทำเป็นและมีจิตอุเบกขา สั่งสมอุเบกขาเป็นปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตที่มีปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ผู้ใดทำได้โดยไม่ยากไม่ลำบากก็เป็นฌาน 4 อาตมาทำได้จึงรู้ว่าตัวเองเป็นอรหันต์ แล้วฌานของอาตมาทำได้โดยไม่ต้องไปนั่งหลับตาทำด้วย ฌานเกิดจาก จรณะ 15 วิชชา 8 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:04:44 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 03:51:11 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:22:49 )

ประกาศโลกุตระ

รายละเอียด

ศาสนาพุทธมีมา อาตมามาเกิดยุค 2500 กว่าปีนี้ มันได้เสื่อมไปแล้วสำหรับโลกุตระ จะว่าไม่มีก็ไม่มีแล้วแต่ยังมีอยู่ในตำราในหลักฐาน ยังมีอยู่ในบัญญัติภาษา อาตมามีมาข้ามชาติมายุคนี้ก็เลยติดตัวมา มีโลกุตระก็เอามาประกาศเอามาอธิบายยืนยันว่า ที่ท่านพากันทำที่ท่านเทศน์มันผิด จึงได้มายืนยันอยู่อย่างนี้ ตั้งแต่มาบวชก็ยืนยันเรื่องนี้มา 50 ปี เขาก็ยังไม่เชื่อกันส่วนใหญ่ ก็มันเป็นธรรมดา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:06:02 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 03:52:29 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:23:17 )

ประคบประหงมไม่ให้รู้จักทุกข์

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าพระราชบิดานั้นก็ป้องกันไม่ให้อะไรมากระทบกระเทือนมาแผ้วพานไม่ให้เกิดความทุกข์เลย จนไม่รู้จักความทุกข์ พระพุทธเจ้าถูกพระราชบิดาประคบประหงมไม่ให้รู้เลยว่าลักษณะความทุกข์เป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ทอย่างหยาบอย่างโลกีย์เป็นอะไรก็ไม่รู้จัก ก็ไม่สามารถป้องกันได้เพราะท่านเป็นพระพุทธเจ้าท่านบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้วในปางที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะจะต้องเป็นรูปเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็รู้จนได้ ก็ไปเห็นนิมิตไปเห็นสัญญาณจากการเจ็บ การแก่ การตาย กับอาการนักบวชผู้ที่หาทางบรรลุไม่ต้องแก่เจ็บตาย ท่านก็เกิดปฏิภาณทันทีพระพุทธเจ้าบอกกับองคุลิมาลว่า เราหยุดแล้ว แต่เธอยังไม่หยุด เพราะองคุลิมาลก็รู้ได้ทันที พระพุทธเจ้าเห็นเทวทูตทั้ง 4 แก่เจ็บตายนักบวชก็รู้แล้ว ที่จริงแล้วท่านมีของเก่าที่ท่านได้บรรลุธรรมมาแล้ว กระทั่งวันเพ็ญเดือน 6 วิสาขบูชา ท่านจึงระลึกขึ้นมาได้หมด ครบ ถึงได้รู้แจ้งทุกอย่างในสิ่งเหล่านี้ ก็ชัดเจนหมด รู้ว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าที่มีสัมมาสัมโพธิญาณ สัมมาสัมโพธิญาณ คืออะไร อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 รู้ดี แล้วพยายามสั่งสมสัมมาสัมโพธิญาณให้เป็นระดับ 8 ระดับ 9 จึงสามารถพูดด้วยความจริงใจ อธิบายให้ฟังได้ชัดเจนและละเอียด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2563 ( 13:06:27 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:26 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:24:00 )

ประชากรเข้ามาในอโศกสมัครใจอย่าอิสระเสรีภาพ

รายละเอียด

ผู้ที่อยู่ในฐานะมีบารมี มีความรู้ความสามารถที่จะไปช่วยพลเมืองไปช่วยประชาชนได้มีคุณอันสมควรแล้ว แล้วไปสอนไปช่วยดูแลตัดสินควบคุมบริหาร ก็อยู่ในฐานะอันควรจะทำได้อย่างเช่นอาตมาเป็นต้น อาตมาก็บริหาร อาตมาก็ดูแลประชาชนประชากร แต่พูดได้ว่า อาตมาบริหารดูแลประชาชนประชากรที่อาตมาดูแลอยู่นี่ เป็นประชากรที่สมัครใจเข้ามาอย่างมีอิสระเสรีภาพ ที่จะเข้ามาเป็นชาวอโศกไม่เคยไปบังคับไม่ไปล่อลวงไม่ไปหว่านล้อมไม่ไปใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรให้เขามา มีแต่สอนสัจธรรม เปิดเปิดเผยสัจธรรม บอกสัจธรรมไปให้คนได้รับฟังได้รับรู้ ใครมีปัญญาก็จะรู้อะไรอย่างนี้คนเข้ามาร่วม พวกคุณจึงมากันด้วยปัญญาของคุณเองเป็นอิสระเสรีภาพตัดสินด้วยใจตัวเองคุณก็เข้ามา อาตมาแน่ใจว่าอาตมามีความบริสุทธิ์ตรงนี้ ไม่ได้ล่อลวงและเล็มเลียบเคียง มีแต่พูดสัจจะให้ทุกคนเห็นเองเข้าใจเองและมาเอง อาตมาเคยพูดล้อเลียนเพลงของดวงจันทร์ว่าหนูเปล่านะเขามาเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 11:00:55 )

ประชาชนกับพระราชาอาศัยซึ่งกันและกัน

รายละเอียด

เขาเขียนมาให้อาตมาว่า ธัมมิกราษฎร์ และต้องคู่กับธัมมิกราชะ คือต้องมีกษัตริย์และราษฎรเป็นราชประชาสมาสัย ประชาชนกับพระราชาอาศัยซึ่งกันและกัน นี่คือประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งตะวันตกไม่มีทางที่จะเข้าใจกันได้ง่ายๆ หรือเทวนิยมหรือรัฐศาสตร์ในศาสนาพระเจ้า ศาสนาเทวนิยม ยังไม่เข้าใจความเป็นประชาธิปไตย 2 ขา ประชาธิปไตยที่ต้องมีพระเจ้าแผ่นดิน ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

ประชาธิปไตยที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นประชาธิปไตยขาเดียวนั้นเป็นประชาธิปไตยพิการ ประชาธิปไตยเก๊ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม งานอโศกรำลึก 2566
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2566 ( 11:46:59 )

ประชาชนก็เป็นนักประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างไร

รายละเอียด

เป้าแท้ๆคือประชาชนเป็นผู้ประพฤติเป็นผู้กระทำ ทำสำเร็จด้วย มีหลักฐานยืนยันสำเร็จหมด ประชาชนทำรัฐประหารสำเร็จเรียบร้อย เสร็จแล้วประชาชนก็เป็นนักประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ไม่เอาคนของตัวเองเข้าไปเลย แม้แต่ตอนนั้นพลตรีจำลอง ก็ยังตีกรรเชียงหนีเลย ไม่เอา ก็เลยติดขัดจังหวะอยู่หน่อยนึง แล้วสุดท้ายพลเอกประยุทธ์ก็มาทำ เพราะยังมีตัวละครคือคุณนิวัฒน์ธำรง จะต้องเข้าคุก เพราะไม่ได้หนี ตำแหน่งทางนิตินัยก็ไม่มีแล้ว รักษาการก็ไม่ได้เป็น พลเอกประยุทธ์ก็ออกมายึดอำนาจตามรูปแบบเท่านั้น ที่เหลือรูปรอย ที่จริงก็เข้าไปเลยได้ เพราะเขาทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ก็ทำเพื่อให้รู้สึกว่ามันมีรูปแบบ มีวิธีการ พิธีนิดหน่อยว่า “ผมขอยึดอำนาจ” ปฏิวัติอะไรสุภาพเรียบร้อย ยึดอำนาจอย่างสุภาพสงบเรียบร้อย  พูดแค่นั้นแหละ ไม่ต้องใช้มีดใช้ปืนใช้ทหารเลย ไม่เหมือนพลเอกสนธิ วลีเดียวบอกว่าผมขอยึดอำนาจก็จบ ภาษาก็อย่างหนึ่ง แต่สภาวะนั้นคือพลเอกประยุทธ์ไปรับอำนาจ รับไม้ต่อจากประชาชนที่จะยึดจากรัฐบาลสำเร็จเรียบร้อยแล้ว นี่ต่างหากคือสัจจะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 10:05:41 )

ประชาชนชั้นสูงไม่มีใครเข้าไปแย่งอำนาจของนายกประยุทธ์

รายละเอียด

เสร็จแล้วพลเอกประยุทธ์รักษาการหัวหน้าผู้รักษาความสงบก็ขึ้นไปทำหน้าที่ ประชาชนก็เป็นประชาชนจริงๆ ที่เป็นประชาชนชั้นสูง ไม่มีใครเข้าไปแย่งอำนาจของนายกประยุทธ์ ไม่มีแม้แต่พวกเราจะมีทหารอยู่ด้วย แม้จะเป็นทหารเก่าเป็นพลเอกเหมือนกัน อย่างพลตรีจำลองก็อยู่ พลอากาศเอก พลเรือเอก ก็มีอยู่ในหมู่พวกเราช่วยกันปฏิวัติ มีพลเอกปรีชาขึ้นไปบนรถ 6 ล้อ ประกาศยึดอำนาจแล้วให้ปลัดกระทรวงอธิบดีต่างๆ มารายงานตัว อาตมาจำได้ไม่มีใครเข้ามา พลเอกปรีชาแสดงตามจารีตประเพณีวัฒนธรรมของการปฏิวัติเป็นตัวแทนของประชาชน แต่ก็ไม่ได้ตั้งกันหรอก มันเป็นโดยอัตโนมัติ ก็ไม่มีใครมาไม่มีก็แล้วไปก็เลยต้องมาประท้วงต่อ จนกระทั่งเด็ดขาดอีก ทำฎีกาขึ้นไปถวายทูลเกล้า หอบฎีกาไป พูดทวนแล้วก็ขำๆ อยู่ในใจ โอ้ย มันเหมือนคนบ้านนอก เศรษฐีบ้านนอก อยากแต่งสวยก็แต่งเด๋อด๋าไป มันมีทรัพย์แต่ว่ามัน บ้านนอกเชยๆ ไม่เข้าหลักเกณฑ์เขา

เจ้าหน้าที่เข้ามารับฎีกาไป เขาก็บอกว่ามันเป็นฎีกาของประชาชนปฏิวัติไม่เคยมีเขาก็ถือมาคืนเราก็ไปนั่งประท้วงต่อ สนุกจริงๆ ประท้วงกันไปนานจนพอสมควร พลเอกประยุทธ์ก็มาสานต่อเราก็ถือว่ามารับไม้ต่อจากประชาชนเสร็จ แล้วพวกเราก็สบายเลิกกลับไปนอนบ้านตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้ออกไปอีกเลย แล้วไม่ต้องออกนะจ๊ะ ดีแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40

ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:20:51 )

ประชาชนทำรัฐประหารชนะได้เพราะอะไร

รายละเอียด

อะไรก็ทำตามใจคนทั้งหมดไม่ได้หรอก แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ทำไม่ได้ มันซ้อนมากเลย คำว่ารัฐประหารคำเดียวนี้ เราข้ามผ่านรัฐประหารแบบโลกีย์ที่ต้องใช้อำนาจอาวุธมารัฐประหารอันนี้ concept เดิม แต่ทีนี้ ที่เราทำประหารมา 4-5 รัฐบาล ประชาชนนี่แหละทำรัฐประหาร แต่เขาไม่เชื่อว่าเป็นไปได้อย่างไร มือเปล่าประชาชนจะไปสู้กับปืนระเบิดได้อย่างไร อย่างทักษิณก็สั่งคนใต้อำนาจเขามาทำ แต่เขาก็สู้พลังของประชาชนไม่ได้ พลังประชาชนเอาอะไรไปรบ เอาความจริงกับความสงบ และความไม่รุนแรง บอกไปเลยว่าอย่างนี้ผิดอย่างนี้ถูก เอ็งผิดอย่างไร แล้วเราก็ได้แต่บอกความจริง ไม่รุนแรงไม่มีอาวุธตรงกับกฎหมายโลกเลย ประชาชนประท้วงหรือปฏิวัติก็ตาม โดยสงบไม่มีอาวุธ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดกฎทั่วโลกของประชาธิปไตย ประชาชนที่ปฏิวัติชเราไม่ผิดกฎหมายโลก ไม่ผิดกฎหมายสากล รบด้วยมือเปล่าไม่มีอาวุธ สงบเรียบร้อยทุกอย่างไม่ทำร้ายตอบเลยมีแต่คุณทำร้ายมา แล้วมันชนะเพราะพลังความถูกต้อง พลังความจริงของมวลประชาชนที่มีมากพอ คุณแทรกเข้ามาไม่ได้ ความผิดความไม่ถูกต้องของคุณ คุณจะแรงขนาดไหน มันก็แทรกมาในหมู่ชนนี้ ประเทศนี้แทรกเข้ามาไม่ได้คือถึงจะต้องไปอยู่นอกประเทศ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 15:49:58 )

ประชาชนทำรัฐประหารหรือปฏิวัติสำเร็จ

รายละเอียด

เขากลัวว่ามันจะเกินเหตุถ้าทำแรงกว่านี้ก็ถูกจับนะ มันผิดกฎหมาย เขาระวังเท่านั้นเขาไม่ได้เจตนาเพื่อจะให้สงบลงหรอก แต่พวกเรานี่แหละอาตมาพูดแล้วก็ต้องพูด ภาคภูมิใจในพวกเรา เราเป็นตัวอย่างอันดีงามของโลก ไม่ใช่ของเมืองไทยเท่านั้น ไปประท้วงเพื่อปฏิวัติหรือรัฐประหาร ประชาชนไปทำรัฐประหารแต่เขาก็ฟังไม่ค่อยออกว่าประชาชนไปรัฐประหารหรือปฏิวัติ สำเร็จ เขาก็ฟังยังไม่ออกเขารู้แต่ว่าถ้าจะไปปฏิวัติรัฐประหารต้องมีกองกำลังมีอาวุธมีปืนมีทหารจึงจะปฏิวัติรัฐบาลสำเร็จ แต่เมืองไทยเป็นเมืองประชาธิปไตยประชาชนไม่ใช้ปืนไม่ใช้อาวุธเลย ไปประหารไปปฏิวัติรัฐบาลล้มไป 4-5 รัฐบาล โอ้โห พูดดังๆอย่างนี้ มันเป็นเรื่องความสมบูรณ์แบบของประชาธิปไตยที่ประเทศไทยทำสำเร็จใช้ความสงบสยบความรุนแรง แล้วชนะ ชนะตรงไหน? ชนะตรงเอาความจริง เอาความถูกต้องมาเปิดเผยมาประจานมาบอกประชาชนว่ารัฐบาลผิด ทำชั่วอย่างนี้ ไม่ทำถูกอย่างนี้ทำผิดอย่างนี้ เอาหลักฐานสิ่งจริงมายืนยันๆ ประชาชนก็รับรู้สิ่งนี้เมื่อความจริงมันปรากฏชัดเจนประชาชนรับทราบก็เกิดพลัง ไม่ยินดีต้อนรับรัฐบาลที่ชั่วและทุจริตตามที่เป็นจริง นี่คืออำนาจสัจธรรมที่ทำการปฏิวัติเป็นธรรมาวุธ ล้มล้างรัฐบาลได้ ประหารรัฐบาลสำเร็จ นี่คือการประหารของประชาชนทำ ไม่ได้เอาพลังปืนอาวุธมาทำลายกันไม่ใช่ พูดขึ้นมาก็ชื่นชมความจริงที่พวกเราทำได้สำเร็จ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2563 ( 15:02:51 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:58 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:26:05 )

ประชาชนทำรัฐประหารเอาความจริงเป็นอาวุธ

รายละเอียด

ประชาชนนี่แหละทำด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่ได้ด้วยอำนาจบาตรใหญ่ เอาความจริงไปชี้ เขาไม่เหมาะควรที่จะเป็นผู้บริหารให้เปลี่ยนแปลง เอาความจริงยืนยัน เอาความจริงเป็นอาวุธ เป็นธรรมาวุธ ไม่ได้เอาอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ได้เอาปืน ไม่ได้เอาลูกระเบิดไปประท้วงเลย จนกระทั่งสำเร็จ จนกระทั่งหมดแล้ว ในขณะที่ปฏิวัติตอนแรกจบ ยิ่งลักษณ์หนีไปทางช่องทางธรรมชาติ ไปแล้ว ไม่อยู่แล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 18:57:07 )

ประชาชนปฏิวัติจริงเกิดขึ้นที่ประเทศไทย

รายละเอียด

ในพารากราฟที่ว่าข้อสังเกตส่งท้าย : ระบอบทักษิณเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำมาซึ่งรัฐประหาร  สร้างเงื่อนไขให้กองทัพอ้างเหตุผลในการยึดอำนาจ ต่างกับสหรัฐอเมริกาที่ทหารเคร่งครัดในหน้าที่และอาชีพของตน ไม่ฉวยโอกาสเข้ามายึดอำนาจด้วยปืน

ของไทย อาตมาพูดไปไม่รู้กี่ทีแล้วว่า จะเรียกว่ารัฐประหารก็ถูก จะเรียกว่าปฏิวัติก็ถูก แต่ของไทยนั้นการปฏิวัติไม่ใช่พฤติการณ์ของทหาร การปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลของไทย ไม่ใช่ทหาร โดยเฉพาะไปบอกว่า พลเอกประยุทธ์นี่แหละเป็นผู้ที่เป็นหัวหน้าทหาร ที่เขาถือว่าพลเอกประยุทธ์ไปกล่าวว่า “อย่างนั้นผมขอยึดอำนาจ” ได้กล่าวไว้จริงๆ แต่พฤติการณ์ของเขาไม่ใช่การใช้อำนาจเกินอำนาจกองทัพ แค่ตัวตนของพลเอกประยุทธ์ที่เป็นนายทหารเป็นผู้บัญชาการทหารเป็นหัวหน้า คสช. ในตำแหน่งตอนนั้น ไม่ต้องคาราโอเกะ กระทรวงมหาดไทยเป็นข้าราชการ เช่น ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่มีฐานะมีตำแหน่งอำนาจบริหารประเทศไทย ถ้าไม่มีอันนี้ ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์เป็นใครก็เถอะ เป็นประชาชนคนหนึ่งที่อยู่ในสถานะ บอกว่า “ผมขอยึดอำนาจ ผมจะบริหารปกครอง” นิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูด ขอให้คนมีตำแหน่งหน้าที่ฐานะสมควร ยกตัวอย่างสมมุติ มาจากกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เช่น ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่มีฐานะมีตำแหน่ง บอกว่าผมขอยึดอำนาจบริหาร นิวัฒน์ธำรงก็ไม่กล้าแย้ง ไม่กล้าเถียงหรอก เพราะมันหมดท่าแล้ว หรือจริงๆ แล้วถ้าเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ก็คนประชาชนนี่แหละและประชาชนผู้นั้นเป็นผู้นำปฏิวัติผู้นำรัฐประหาร จนสำเร็จ ปฏิวัติรัฐบาลสมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ สำเร็จเด็ดขาดแล้วประชาชนผู้นั้นก็นำได้ 

ที่จริงแล้วประเทศไทยก็ทำปฏิวัติเสร็จแล้วพวกเรานำฎีกา เดินขบวน ไปที่พระบรมมหาราชวัง ก็เขาไม่เข้าใจกัน ก่อนนั้นพลเอกปรีชาได้ขึ้นไป บอกว่ายึดอำนาจแล้ว อยู่บนรถ 6 ล้อ เรียกปลัดกระทรวงมารายงานตัว เขาเห็นเป็นเรื่องตลก แต่ที่จริงเป็นเรื่องถูกวิชาการทุกอย่าง ถ้าปฏิวัติแล้วให้พลเอกปรีชาเป็นผู้นำขบวนโดยไม่มีการแต่งตั้งก็ตามพวกเราก็ยอมรับกันอยู่ ปฏิบัติประพฤติขึ้นมามีเหตุการณ์จริงปรากฏการณ์จริง ถ้าปลัดกระทรวงเข้าใจว่าเขาปฏิวัติสำเร็จแล้วนะ รัฐบาลเก่านั้นล้มละลายไปแล้วนะ ถ้าปลัดกระทรวงออกมารับรอง แม้ว่าจะเป็นประชาชนที่ไม่มีตำแหน่งยศศักดิ์ก็จะเป็นปฏิวัติโดยประชาชนที่แท้จริง แต่จริงยิ่งกว่านั้น ไม่มีใครสมมุติว่าฉันเป็นหัวหน้าประชาชนนำปฏิวัติ ไม่มีตัวตนแม้แต่หัวหน้าไปแสดงตัวเลย พลเอกปรีชาก็เลี่ยงหนี พลตรีจำลองก็เลี่ยงหนี ถ้าพลเอกปรีชาหรือพลตรีจำลองจะไปทำจริงยึดอำนาจ โดยมีคณะผู้ประท้วงตอนนั้น คุณนิวัฒน์ธำรง จะทำอะไร ก็ได้ทันทีเลย อาตมาวิเคราะห์วิจัยให้ฟัง 

เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยของไทยจึงสมบูรณ์แบบและนักรัฐศาสตร์ของไทยเองก็ตามของต่างประเทศก็ตาม นักรัฐศาสตร์ทุกวันนี้ก็ยังขี้ตู่ว่าพลเอกประยุทธ์เป็นผู้นำปฏิวัติ ซึ่งเขาไม่ได้นำมาแม้แต่ปืนแก๊ป พลเอกประยุทธ์จะมีปืนแก๊ปหมกมาทันหรือเปล่าไม่รู้ แต่มาพูดง่ายๆ แล้วก็สำเร็จเรียบร้อยทุกอย่าง  นี่คือพฤติกรรมของประชาธิปไตยที่สวยงามที่สุดแล้วสวยงามกว่านี้ไม่ได้แล้วไม่เคยมีในประเทศไหนในโลกที่สวยงามขนาดนี้ นักรัฐศาสตร์ศึกษาเถิด แม้แต่ในมหาวิทยาลัยไหนก็ตาม เขาศึกษารัฐศาสตร์แต่ไม่ได้เรียนรู้ตามธรรมะพระพุทธเจ้า ศึกษาให้ดีแล้วจะรู้ว่าความไม่มีตัวตนความไม่มีกิเลสไม่มีการข่มขี่ใครเลย เห็นแก่มวลประชาชน พหุชนหิตายะ(เพื่อประโยชน์ของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก), พหุชนสุขายะ (เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก),โลกานุกัมปายะ (รับใช้โลก ช่วยโลก) ที่แท้จริงเลย นี่คือประชาธิปไตย ไม่ใช่แต่แค่มวลชนเท่านั้นแต่ทั้งหมดเลยในโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญคือคนที่เสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 20:42:04 )

ประชาชนปฏิวัติด้วยความสงบ

รายละเอียด

คือจากบทความ บ้านเกิดเมืองนอน ของสิริอัญญา สมณะโพธิรักษ์ มองว่า การป้องกันสงครามการเมืองนั้น เป็นความคิดอ่านของ สิริอัญญาในเหตุการณ์ตอนนั้นที่พวกเราไปประท้วง จนกระทั่งชนะรายทางไปได้เรื่อยๆ  คุณสิริอัญญามองว่ามันจะเกิดสงครามกลางเมือง อาตมากลับมองว่า สงครามกลางเมืองเกิดไม่ได้เพราะประชาชนชนะมาเรื่อยๆ ดูเหมือนจะรุนแรง ตอนที่ยิ่งลักษณ์โกงไปถึง 500 ล้าน ดูเหมือนว่ารุนแรง แต่ไม่ใช่หรอกมันแพ้ๆๆ จนสุดท้ายแพ้จบ ประชาชนชนะ ตรงนี้แหละที่เขาจะยังไม่ชัดเจนว่าประชาชนปฏิวัติด้วยความสงบ ชนะ ไม่ใช่ประยุทธ์ มาปฏิวัติรัฐประหาร ความเข้าใจของนักวิชาการตรงนี้แหละยังตีไม่แตก ยังเข้าใจไม่ได้ ประชาชนจะเอามือเปล่าไปนั่งสงบอยู่ข้างถนนอย่างนั้น มันจะไปชนะอำนาจอาวุธปืนได้ที่ไหน

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 12:35:53 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 03:55:56 )

ประชาชนปฏิวัติด้วยความสงบชนะ

รายละเอียด

การป้องกันสงครามการเมืองนั้น เป็นความคิดอ่านของสิริอัญญา ในเหตุการณ์ตอนนั้นที่พวกเราไปประท้วง จนกระทั่งชนะรายทางไปได้เรื่อยๆ คุณสิริอัญญามองว่ามันจะเกิดสงครามกลางเมือง อาตมากลับมองว่า สงครามกลางเมืองเกิดไม่ได้เพราะประชาชนชนะมาเรื่อยๆ ดูเหมือนจะรุนแรง ตอนที่ยิ่งลักษณ์โกงไปถึง 500 ล้าน ดูเหมือนว่ารุนแรง แต่ไม่ใช่หรอกมันแพ้ๆๆ จนสุดท้ายแพ้จบ ประชาชนชนะ ตรงนี้แหละที่เขาจะยังไม่ชัดเจนว่า ประชาชนปฏิวัติด้วยความสงบชนะ ไม่ใช่ประยุทธ์มาปฏิวัติรัฐประหาร ความเข้าใจของนักวิชาการตรงนี้แหละยังตีไม่แตก ยังเข้าใจไม่ได้ ประชาชนจะเอามือเปล่าไปนั่งสงบอยู่ข้างถนนอย่างนั้น มันจะไปชนะอำนาจอาวุธปืนได้ที่ไหน

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 13:45:33 )

ประชาชนปฏิวัติยึดอำนาจไม่ใช่ทหารประยุทธ์

รายละเอียด

บทบาทการเมืองที่ผ่านมาก็ยังรู้สึกภาคภูมิใจอยู่ ดาวดินผิด ก็ประชาชนไปปฏิวัติยึดอำนาจ แล้วก็บอกว่าทำให้เกิดรัฐประหาร โดยทหาร ฟังดีๆ ตรงนี้ก็ยากเหมือนกัน เพราะผู้ที่มากล่าวบอกว่าผมขอยึดอำนาจคือทหาร คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รูปมันชัด แต่นามมันไม่ใช่ 

เป็นความเข้าใจของดาวดินเองว่าสิทธิและเสรีภาพของชาวไทยตกต่ำลงเมื่อพลเอกประยุทธ์มา การที่ดาวดินกล่าวว่ามายึดอำนาจ แต่ที่จริงแล้วประชาชนยึด แล้วพลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้าคสช.ตอนนั้น ก็เข้ามารับหน้าที่ต่อจากประชาชน อาตมาอธิบายว่าเป็นการรับไม้ต่อจากประชาชนที่ทำรัฐประหารสำเร็จแล้ว ถึง 4 รัฐบาล 

ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ ก็มีรัฐบาลทหารออกมาแสดงลิเกนิดหน่อย พลเอกสนธิ ออกมาทำท่ารัฐประหาร ที่จริงแล้วประชาชนรัฐประหารก่อนแล้ว ทักษิณออกไปจากประเทศมีคดีติดตัวแล้ว ทหารก็เอารถถังออกมาให้ประชาชนเอาดอกไม้เสียบๆๆ มันเหมือนลิเกละคร 

เสร็จแล้วทักษิณก็เก่งเอานอมินี่เข้ามาเป็นนายกอีก สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ ตอนนี้กระเหี้ยนกระหือรือจะเอาอุ๊งอิ๊งขึ้นมาอีก ไม่เข็ด จริงๆแล้วเป็นคนใจดำอำมหิตฆ่าตระกูลตัวเองด้วย แม้แต่ลูกก็จะเอามาฆ่า โอ๊ค เอมปั้นไม่ขึ้น แต่ปั้นอุ๊งอิ๊งขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  การปฏิวัติโดยประชาชนของไทย เป็น Soft Power วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 17:39:53 )

ประชาชนปฏิวัติรัฐประหารไม่อย่างไร

รายละเอียด

ความเป็นประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่คือประชาชนปฏิวัติ ประชาชนทำรัฐประหาร ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจกันทั้งโลก แล้วประชาชนปฏิวัติประชาชนรัฐประหารอย่างไร ด้วยมือเปล่าประชาชน ไม่ใช้ความรุนแรงเลย ไม่ใช้อาวุธเลย ประหารรัฐบาล เราทำมาทางรัฐบาลทักษิณรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย รัฐบาลอภิสิทธิ์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เราไปร่วมทั้งนั้นแต่เราไม่เสนอหน้าไปเด่นดังขึ้นป้ายอะไร เหมือนกับตัวแฝงอยู่เท่านั้นเองแต่เราเป็นตัวหลักมาตลอด แล้วก็ยืนยัน นอกจากจะเอาความสงบและความไม่รุนแรงเป็นอาวุธธรรมาวุธสำคัญแล้ว อะไรอีก ความจริง เอาความจริงมาเป็นธรรมาวุธสำคัญ ความจริงอะไร ก็คือรัฐบาลคุณผิดนะ คุณชั่วนะ คุณทำไม่ถูก คุณออกไป นั่นคือการประหารรัฐบาลออกไป จนเขาจำนนเอาหลักฐานเอาความจริงมาอ้างอิงยืนยัน ..ยาวให้เป็นเย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ.. สิ่งเหล่านี้อาตมาเป็นคนกำหนดภาษาพูดทั้งนั้น แม้แต่ในโบรชัวร์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 12:16:47 )

ประชาชนยึดอำนาจคืนจากรัฐบาลชั่ว

รายละเอียด

ถูกต้องชาวอโศกออกไปร่วมประท้วงรัฐบาล แม้จะไม่เป็นตัวเด่นแต่เป็นตัวหลัก เป็นตัวยืนหยัดยืนยันเป็นตัวบริการอยู่ในนั้น ใช้เวลาตั้งแต่ 2549 ถึง 2557 หลายรัฐบาลทำมา 3-4 รัฐบาล แล้วประชาชนนี่แหละ ไปยึดอำนาจ เพราะอำนาจเป็นของประชาชน แล้วประชาชนจะไปยึดอำนาจมันผิดตรงไหนล่ะ แล้วยึดอำนาจชนิดที่ถูกต้องตามกฎหมายสากลด้วย ยึดด้วยความสงบไม่มีอาวุธ เอาความถูกต้อง เอาความจริงมาเป็นเครื่องยืนยันด้วย ประชาชนออกมายืนยันว่าคุณต้องออกไป เอาความจริงเป็นเครื่องยืนยัน เหตุการณ์จริงปรากฏการณ์จริงพฤติกรรมจริงหลักฐานจริง ที่รัฐบาลควรปฏิบัติประพฤติเอามายืนยันยืนยัน แม้ที่สุดมีผู้ช่วยยืนยันไม่ว่าจะเป็นศาลสถิตยุติธรรมช่วยยืนยัน หลักฐานตามที่ต่างๆ ก็เอาออกมาอ้างอิงเอามายืนยันหมด ว่าอย่างนี้ไม่ถูกต้องอย่างนี้ไม่ถูกต้อง 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:11:48 )

ประชาชนรัฐประหาร 5 รัฐบาล พ.ศ.2549-2557

รายละเอียด

การบริหารที่เป็น“ประชาธิปไตย”หรือการบริหารที่เป็น “เผด็จการ” ก็ให้ดูกันที่“พฤติกรรมของผู้บริหาร”หรือดูที่คณะรัฐบาลบริหารนั้นๆ ว่าเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ หากจะนับเอาแค่มี“การเลือกตั้ง”ของประชาชนเกิดขึ้นแล้ว เท่านี้ก็ชื่อว่า เป็น“ประชาธิปไตย” นั่นคือ ผู้ไม่รู้จักความเป็น“ประชาธิปไตย”เอาเสียเลย ประชาธิปไตย จึงไม่ใช่แค่นับเอาเพียง“ประชาชน”ได้ทำพิธีการ“เลือกตั้ง”เท่านั้น เป็นแน่แท้ อย่าตื้นเขินกับความเป็นประชาธิปไตยนั้นมีอยู่แค่ประชาชนได้ทำ“การเลือกตั้ง”ตาม“พิธีการ”เท่านั้นเป็นอันขาด อาตมาขอยืนยันว่า ประเทศไทยในขณะนี้ไม่ใช่การบริหารที่จะเรียกว่า“เผด็จการ”ได้เป็นอันขาด แต่เป็นการบริหารที่เป็น“ประชาธิปไตย”ยิ่งกว่าประเทศอเมริกายุคนี้ที่มีคนยังหลงอุปาทานกันว่า“อเมริกา”เป็นประเทศประชาธิปไตยเสียอีก ความเป็น“ประชาธิปไตย”นั้นสูงส่ง มีภูมิธรรมละเอียดลึกซึ้งขั้นเป็น“โลกุตระ” ปานฉะนั้นทีเดียว เพราะความเป็นประชาธิปไตยนั้นมันต้องมี“จิตใจ”มี “คุณสมบัติเป็นประชาธิปไตยกันแท้ๆ” มิใช่เอาแค่“รูปแบบ”หรือเอาแค่ตาม“กฏหมาย”บังคับไว้เท่านั้น สังคมใดที่จะนับได้ว่าเป็น“ประชาธิปไตย” สังคมนั้นทั้งผู้บริหาร ทั้งประชาชนในสังคมต้องมี“จิตใจ”ไม่มี“ตัวกูของกู” นั่นคือ ไม่มี“ความเห็นแก่ได้มาให้ตัวเอง” ไม่เป็นผู้หลงมาบำเรอตัวเองทั้งทางวัตถุ ทั้งทางจิตใจ หรือเป็นผู้มี“อัตตา”น้อย กระทั่งที่สุดไม่มี“อัตตา”เลย ขณะนี้คนไทยมีอัตตาน้อย จึงเกิดประชาธิปไตยได้ ผู้ศึกษาศาสนามาก หรือเป็นนักการเมืองมากๆก็มีอัตตามากไปด้วย ที่สุดเป็นสังคมที่มี“สาราณียธรรม 6” จึงจะเป็นสังคมชั้นสูง คือสังคมที่มี“วรรณะ 9”แท้จริง สุดยอดทั้งความเป็น “ประชาธิปไตย” และสุดยอดทั้งความเป็น“คอมมูนิสต์” เราหันมาดูประเทศไทยกันดูดีๆ ซึ่งประเทศไหนๆก็น่าจะได้ศึกษาความเป็น“ประชาธิปไตย”หรือความเป็น“คอมมูนิสต์”กันให้ถ่องแท้  มีสังคมที่มาแวะเยี่ยมเรา คือโคโนฮานะ อยู่ที่ญี่ปุ่น หัวหน้าเขาชื่อ อิซะด้ง ทุกคนทำงานเอาเข้าศูนย์กลางหมดแต่เขามีประชากรไม่มากมีแค่ไม่ถึงร้อยคน มีผู้ร่วมสังเกตการณ์อีกรวมๆทั้งหมด 120 คน เขาก็เป็นสาธารณโภคีเขาทำได้เพราะว่ามันเล็ก เอาสมบัติส่วนตัวเข้าศูนย์กลางหมดเลยนะ ของเราไม่ได้บังคับ แต่ถ้าคุณมาอยู่ในนี้มีพฤติกรรมการงานอยู่ในส่วนกลางกินใช้กับส่วนกลาง คุณทำงานก็เอาเข้ากองกลางหมด ในเรื่องที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกหาว่าเป็น“เผด็จการ” หรือเห็นกันว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นผู้ทำ“รัฐประหาร” โดยการใช้กำลังกองทัพทหาร ที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์อยู่ในมือแล้วใช้พลังอำนาจขับไล่รัฐบาล หรือทำการปฏิวัตินั้น  ล้วนพากัน“เข้าใจผิด”ทั้งเพ ผิดกันไปทั้งโลก เลยพากัน“หลงผิด”จาก“ความเป็นจริง”ที่แท้จริงไปไกลลิบ กระทั่งไกลถึงขั้น“โง่”ในความเป็นประชาธิปไตยอย่างซับซ้อน“หมุนรอบเชิงซ้อน(คัมภีราวภาโส)” จึงจะ“สุดโง่”ไม่มีที่สุด ทั้งๆที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นผู้ทำ“รัฐประหาร”เลย “มวลประชาชนคนไทย”แท้ๆ ที่รวมกันเป็นล้านๆคน ต่างหาก ทำ“รัฐประหาร” โดยพลังอำนาจของ“มวลประชาชน” แท้ๆ ซึ่งเป็นพลัง“ประชาธิปไตย”ที่สมบูรณ์จริงๆ ร่วมกันปฏิวัติโดยการประท้วง ซึ่งเป็น “การประท้วงแบบประชาธิปไตยที่สวยงามสุดๆ”เท่าที่เคยมีในโลก โดยประชาชนไม่ได้ไปใช้กำลังอาวุธปืนผาหน้าไม้อะไรต่อสู้ ทำลายทำร้ายเลย นอกจากคณะรัฐบาลทรราช ผู้รับใช้รัฐบาลทุรชนนั่นต่างหาก ที่ทำร้ายประชาชน จนกระทั่งมีคนตายมีคนบาดเจ็บ พิการ อย่างที่เห็นและเป็นจริง  คนไทยไม่ได้ใช้ความรุนแรงเลย สุภาพ อยู่ในกฏเกณฑ์สากลมากที่สุดเท่าที่มี“การปฏิวัติรัฐประหาร”เคยมีมาในโลก คนไทยใช้“ความสงบที่มีพุทธิปัญญา” กับยืนยัน“ความจริงของคนผิด”เอามาเปิดเผยตามหลักฐานที่มีจริงยืนยันกัน วินิจฉัยกัน ซึ่งรัฐบาลทุรชนที่เลวร้ายเท่านั้นที่ทำรุนแรงฝ่ายเดียว กระทั่งจำนนต่อความจริงตั้งแต่รัฐบาลตนเองคือ นายทักษิณ ชินวัตร เอง ไม่กล้าสู้หน้า หนีออกไปต่างประเทศ แล้วใช้เงินจ้างคน จ้างทนาย จ้างคนที่เป็นทาสน้ำเงิน เอาน้องสาวออกมารับหน้าต่อสู้แทนตนเอง ตนเองขี้ขึ้นสมอง หัวซุกหัวซุน แพ้แล้วหนี ไม่กล้าเข้ามาต่อสู้ด้วยตัวเอง ไม่กล้าออกมาเสนอความจริงประกาศความจริงออกมายืนยันต่อสู้กับโลก ซ้ำมิหนำหาว่า“สถาบันยุติธรรมไทย”ไม่ซื่อสัตย์ ลำเอียง พึ่งไม่ได้ ไปโน่น มวลมหาประชาชนคนไทยได้ร่วมกันปฏิวัติรัฐประหารชนิดที่ไม่เคยมีประเทศใดในโลกที่สามารถทำการรัฐประหารหรือปฏิวัติรัฐบาลทักษิณ“จอมเผด็จการ” ซึ่งตนเองพ่ายแพ้แล้วรีบหนีออกนอกประเทศ แต่ก็ยังเป็นผู้ใช้“อำนาจเผด็จการ”ชักใยต่อไปอยู่ อย่างเกี่ยวพันต่อๆเนื่องๆกันมาไม่ขาดสาย อันมีปรากฏการณ์จริงนี้ ถึง 7-8 ปี และประชาชนทำได้สำเร็จจริงถึง 5 รัฐบาลที่มีของจริง มีหลักฐานจริง และเป็นผลสำเร็จได้จริง หลักฐานทั้งภาพ ทั้งเสียง ทั้งการขีดเขียนกันไว้ ทั้งถ่ายทำบันทึกไว้ด้วยเครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งภาพนิ่ง ทั้งภาพเคลื่อนไหวในประเทศ ทั้งต่างประเทศมีให้ค้นคว้าศึกษาหาความจริง มีให้ติดตาม ให้ค้นคว้ามายืนยันความจริง-ต่างทั้งหลายได้ ซึ่งประชาชนคนไทยได้ทำ“การปฏิวัติรัฐประหาร”ที่ถูกต้องที่สุด เพราะเป็น“ประชาธิปไตย”แท้จริงยิ่งใหญ่เกินกว่าคิด ผู้อวิชชาในความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งคือ คนผู้ยังไม่รู้ในสัจธรรมของความเป็นประชาธิปไตยที่สัมบูรณ์แบบตามที่เป็นจริงทั้งหลายก็พลอยไปหลงเออออห่อหมกกับเขา ยอมรับว่า พฤติการณ์ของการปฏิวัติรัฐประหารที่เกิดในเมืองไทยนี้ เป็นการปฏิวัติโดยคณะทหารที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า นำทำการปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งโดยสัจจะแล้ว ความเข้าใจอย่างนั้น นั่นมันไม่ใช่เลย ไม่ถูกต้องตามธรรมที่แท้ มันเข้าใจยังผิดเพี้ยนไปจาก“ความจริง” พลเอกประยุทธ์ก็พลอยรับสมอ้างว่า “ตนเองเป็นผู้ทำปฏิวัติรัฐประหาร”ไปกับเขาเสียอีกแน่ะ ก็เลยเท่ากับรับสมอ้างว่า“ตนผิด” ตนเป็นหัวหน้าปฏิวัติรัฐประหาร จึงผิดไปตามๆกัน ทั้งๆที่โดยพฤตินัยที่สัมบูรณ์ โดยวุฒินัยแท้ๆ โดยสัจจนัยจริงมันไม่ใช่เลย คนผู้ไม่รู้จริงก็พลอยหลงยึดว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นผู้“เผด็จการ”ไปกับเขาด้วย ..เข้าใจผิดกันไปทั้งหมู่ ที่จริงแท้แล้วมันเป็นเรื่องของ“ประชาธิปไตย”อันสมบูรณ์แบบทีเดียว ที่เกิดในเมืองไทย ซึ่งมีประชาชนคนไทยได้ร่วมมือกันกระทำ“การปฏิวัติรัฐประหาร” งานปฏิวัติรัฐประหารคราครั้งนี้ที่ประชาชนไทยได้พากันทำอย่างสวยสดงดงามแสนสง่ายอดเยี่ยมนี้เป็นการศึกษาที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง เพราะได้ใช้เวลาปฏิวัติรัฐประหารทั้งยาวนานทั้งสุภาพ ทั้งสงบแท้ ทั้งใช้คุณธรรมขั้นโลกุตระจริง ทั้งเต็มรูปขบวนการของประชาชน อีกทั้งประหารรัฐบาลมีผลสำเร็จสมบูรณ์ไปมากมายหลายรัฐบาลต่อเนื่องกันถึง 5 รัฐบาล ซึ่งเป็นการปฏิวัติรัฐประหารด้วย“ความสงบสยบความรุนแรง”ได้สำเร็จจริง วิเศษยิ่ง เป็นปาฏิหาริย์  ตามความรู้ของคนที่ยังไม่รู้ความเป็น“ประชาธิปไตย” อย่างถ่องแท้ก็สบสนหลงผิด ซึ่งแท้ที่จริงคนไทยปฏิบัติประชาธิปไตยได้สัมบูรณ์แบบ ตามความรู้ที่เป็นประชาธิปไตยในศาสนาพุทธอันเป็น“โลกุตระ”ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ประท้วงปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลที่ไม่สมควรบริหารประเทศแล้ว ด้วยความสงบสยบความรุนแรงอย่างมีประสิทธิภาพแท้ ได้รับผลสำเร็จแท้จริง จึงสูงสุดแล้วสำหรับ“ประชาธิปไตย”ในความเป็นมนุษย์และความเป็นสังคมที่มีชีวิตอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในโลก แต่ก็พากันสับสน“หลงผิด”กันไปได้ ทั้งๆที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ได้เป็นผู้“ทำปฏิวัติ”หรือ“ทำรัฐประหารรัฐบาล”เลยสักหน่อย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาแค่ทำหน้าที่เป็น“ตัวแทนประชาชน”ตามหน้าที่ขณะนั้น เพราะในขณะนั้น อยู่ในตำแหน่งสำคัญยิ่งของประเทศเป็นหัวหน้าผู้รักษาความมั่นคงของชาติ ก็ทำหน้าที่“แทนประชาชน”ในประเทศตามฐานะ“ข้าราชการประจำ” เข้าไปพูดด้วยคำพูดเพียงแค่ ว่า “ผมขอยึดอำนาจ” จากคนผู้ถูกอุปโหลกว่าสวม“หัวโขน”แต่แท้ๆแล้วไม่มีอำนาจอะไรจริงๆเลยในการบริหารประเทศขณะนั้น เท่านั้นเอง เป็น“ชัยชนะในการยึดอำนาจรัฐบาลโดยประชาชน”ที่สวยงามที่สุดในโลกแห่งความเป็นประชาธิปไตยของโลก ที่ได้ใช้ความสงบเป็นอาวุธ ยึดอำนาจได้เรียบร้อยสุภาพสุดยอดอย่างนี้มาก่อนเลยในโลก และเป็นการยึดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยประชาชนจริงๆตั้งหลายรัฐบาลต่อเนื่องกัน ที่พิสูจน์อำนาจของประชาชนแท้ๆอย่างขาวสะอาดสง่าผ่าเผยชนิดซึ่งไม่เคยมีได้ปานฉะนี้มาในประเทศไหนๆ ทำเป็นแบบอย่างไว้เลย ประชาชนคนไทยยึดอำนาจได้สำเร็จลง จะเห็นได้ว่า ต่างคนต่างก็ งงๆ เงอะๆ งะๆ ทำอะไรไม่ถูก เพราะมันเป็น“ของใหม่” ที่ไม่เคยมีแบบอย่างปรากฏการณ์มาก่อนในโลก  ที่เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประชาชนปฏิวัติเสร็จแล้ว ได้พากันนำผลสำเร็จไปเพื่อทูลเกล้าถวายผลสำเร็จในการทำรัฐประหารที่หน้าพระราชวัง แต่ข้าราชการก็พากันงงๆ ไม่รู้จะทำยังไงกันต่อไป เพราะไม่เคยมีแบบอย่าง ประชาชนเลยต้องพากันกลับไปนั่งประท้วงหรือ“ปฏิวัติด้วยความสงบ”กันอีกใหม่ให้ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ยืนยัน“ความสำเร็จของประชาชน”ที่ยึดอำนาจได้แล้วอยู่อีกนั่นเอง จนที่สุดในที่สุดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจึงได้เข้าพบกับตัวอุปโหลก“หัวโขน”ให้อยู่ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งไม่ตำแหน่งอะไรเลยตอนนั้น จึงได้เข้าไปทำการกล่าวว่า“ถ้างั้นผมก็ขอยึดอำนาจ”กับ“หัวโขนเก๊ๆ”ที่อุปโหลกกันขึ้นมานั้น ทันทีที่กล่าวคำจบ ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เป็นอันเสร็จจบการทำรัฐประหารบริบูรณ์ลง อย่างเรียบร้อย สุภาพ สงบ สะอาด สว่าง สมบูรณ์ในการทำรัฐประหารโดยประชาชน แล้วมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์อชาตัวแทนประชาชนเข้าไปทำหน้าที่รับช่วงจากประชาชน และบริหารประเทศต่อไป  เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาทำอย่างนั้น แม้จะมีคนผู้ไม่มีความรู้ รู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็นประชาธิปไตยกล่าวหาว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็น“เผด็จการ”ดังโหวกเหวกๆ  ประชาชนก็ไม่ได้ประท้วงพล.อ.ประยุทธ์แต่อย่างใดเลย เหมือนที่ประชาชนได้ ประท้วงรัฐบาลเผด็จการที่ประชาชนเห็นว่าไม่ดีที่ผ่านมาแล้วตั้ง 4-5 รัฐบาลสำเร็จไปแล้วหลัดๆ เพราะประชาชนเห็นดีเห็นควรตามเหตุการณ์ตอนนั้น และประชาชนก็พอใจอีกที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้ามาบริหารประเทศได้เข้าตาประชาชน จึง“ไม่มีมวลมหาประชาชน”ลงถนนรวมตัวกันประท้วงปฏิวัติรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากันอย่างนั้นอีก ไง! ความเป็นประชาธิปไตยของไทยจึงงดงามบริบูรณ์ดียิ่ง แต่...กระนั้นที่ยังมี“คน”ตกโลกหรือหลุดโลก ที่ยังมีอารมณ์ค้าง ล้นไปด้วย“ความคิดแย้ง”ซึ่งยังกะปริดกะปรอยทำการค้านอยู่“ส่วนน้อย” ทั้งๆที่“ฝ่ายค้าน”ที่ถูกครรลองครองธรรมก็มีแล้ว เขาก็ทำหน้าที่อยู่เต็มสภาพ ตามธรรมชาติของความเป็น“ประชาธิปไตย”ที่แท้จริง มันต้องมีทั้งฝ่ายรัฐบาล และต้องมีทั้งฝ่ายค้าน..ไง! ดังที่เห็นและเป็นอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ที่บริหารประเทศของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่ นายกฯประยุทธ์ไม่ได้อยู่ในพรรคไหน มีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล แต่นายกฯไม่ได้อยู่พรรคไหน เขาหาว่าเป็นเผด็จการ แต่พรรครัฐบาลก็ยินดีให้นายกฯประยุทธ์เป็นหัวหน้า แต่นายกฯก็ยังไม่เอา แต่นายกฯก็ตั้งให้คนต่างๆในพรรคเป็นรมต.ได้ นายกฯไม่ได้อยู่ในพรรคแต่เป็นผู้ตั้งให้เป็นผู้บริหารได้ เป็นนายกฯของประชาธิปไตยที่อิสรเสรีภาพมากที่สุดอย่างไม่เคยมีในโลก ก็เป็นไปอย่างถูกต้องระบอบประชาธิปไตยสัมบูรณ์ แต่ก็ยังมี“คน”ตกโลกหรือหลุดโลกกันอยู่ได้เนาะ กระนั้นความแปลกประหลาดพิสดารยิ่ง ที่มันมีฝ่ายค้าน อยู่ 2 พวก คือ มีฝ่ายค้านที่ถูกต้องตามแบบประชาธิปไตยของโลก ที่เป็นฝ่ายค้านทำหน้าที่กันอยู่ในสภา กับมี“ฝ่ายค้านแหกคอกหลุดโลก”อีกต่างหาก ที่รวมพวกกันตะโกนโหวกเหวกๆอยู่ให้รำคาญหูรำคาญตาประชาชน ทั้งๆที่ไม่มีผลอะไรกับระบอบประชาธิปไตยเลย แต่คนพวกนี้ก็มืดบอด ตะแบงออกแรงสำแดงเดชกันอยู่นั่นแหละ แล้วผู้ที่นำพาประท้วง ก็พูดเท่ๆว่าเมื่อไม่ให้ผมเข้าสภาฯผมก็จะไปอยู่กับประชาชน เป็นวาทกรรมของเขา เขาก็ไปอยู่กับประชาชนที่หูหนวกตาบอดไปกับเขา พวกสื่อสารที่พลอยหลงเลอะไปตาม ก็หลงหยิบเอาเศษสวะพวกนี้มาเป็นข่าวให้เกิดสับสนวุ่นวายในสังคมประชานขึ้นไปอยู่อีก ช่างกระไรจริงๆ มันควรจะไม่ไปแตะคนพวกนี้เอามาเป็นข่าวคราวอะไรให้เสียวงการข่าว ควรพรหมทัณฑ์ ปล่อยให้เห่าหอนกันไปตามประสา ไม่เช่นนั้นมันก็เกิดเป็นประเด็น เป็นผลกระทบ ทำให้มีน้ำหนักในสังคมขึ้นมาอีกอยู่จนได้ อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ นักสื่อสารหรือวงการข่าวก็น่าจะพิจารณาและใช้วิจารณญาณช่วยประเทศชาติกันบ้าง ในมิติที่ควรจะเป็นนี้ เพราะสื่อสารมวลชนนั้นมีอิทธิพลต่อสังคมจริงๆนะ  รัฐบาลก็แสนดีไม่ถือสา ให้อิสระเสรีภาพทำกันไป ซึ่งก็เป็นเรื่องไม่รู้จบ ไม่รู้แล้ว ทั้งๆที่มันจบกันไปแล้ว ก็ถือเป็น“การศึกษา”ที่มีปรากฏการณ์เกิดจริงเป็นจริง ประเทศไทยถึงขณะนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาก็ได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้วทั้งในแบบ“ไม่มีการเลือกตั้ง” และทั้งในแบบ“มีการเลือกตั้ง” ดังปรากฏการณ์จริงที่เกิดที่เป็นมาจริงของไทยตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมานั้น จนกระทั่งถึงขั้นฝ่ายค้านใช้“กลวิธียุทธการ”สามารถสะสม“ส.ส.”ในสภาได้มาก ถึงขั้นฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล มีส.ส.คู่คี่กัน“ปริ่มน้ำ” การมีส.ส.คู่คี่กัน“ปริ่มน้ำ”นี่แหละ ที่ยิ่งพิสูจน์กันแจ่มแจ้งชัดเจนว่า ไม่ใช่“เผด็จการ” แต่เป็นการต่อสู้กันแบบประชาธิปไตยในระบอบประชาธิปไตยที่ไม่ใช่รัฐบาลมีส.ส.ในสภามากจนเป็น“เผด็จการเบ็ดเสร็จของรัฐบาล”ที่มีส.ส.ในสภามากท่วมท้น จนฝ่ายค้านหมดท่าที่จะทำหน้าที่ค้านได้ด้วยประการทั้งปวง จึงทำการ“เผด็จการทางสภากันได้ตลอดเวลา เช่น รัฐบาลทักษิณ ชินวัตรเคยทำ ที่เป็น“สภาเผด็จการ”กันมาแล้วเป็นตัวอย่าง นายทักษิณ ชินวัตรนั้นไม่เคยทำตนเองเป็นนักประชาธิปไตยเลยตั้งแต่ต้นจนตลอดถึงวาระสุดท้ายที่มีสิทธิบริหารประเทศมา เขาเป็น”จอมเผด็จการ”มาตลอดที่ทำงานการเมืองแม้กระทั่งทุกวันนี้เขาก็ยังดิ้นให้คนหลงผิดว่าเขามีอำนาจอยู่เลย ไม่เคยรู้ตัว ไม่เคยรู้เหตุการณ์ ไม่เคยรู้ความเป็นจริงเลย ทั้งตามสมมุติสัจจะ และทั้งตามปรมัตถสัจจะ ถ้ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ยังยืนหยัดอยู่ในความเป็นผู้จริงใจใน“ความเป็นประชาธิปไตยแท้ๆ”ดังที่คณะรัฐบาลเชื่อมั่นในตนเอง และได้ประพฤติอยู่อย่างสามารถมา 4-5 ปีนั้นแหละ หรือถ้ายิ่งบริสุทธิ์สะอาดกว่านี้ยิ่งขึ้นๆก็ยิ่งขอรับรองว่า ประชาชนก็จะเป็น“ผู้รู้-ผู้เห็น”มอบอำนาจอธิปไตยให้แก่พล.อ.ประยุทธ์เองอยู่ดี แน่ยิ่งกว่าแน่ เว้นเสียแต่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะ“เปลี่ยนไป๋” จนมวลประชาชนเขา“เห็นได้”จริงว่า ไม่เหมาะไม่สมควรแล้ว ประชาชนคนไทยก็จะ“จัดการ”ตามสมควรเองแหละ  ก็โปรด“ดูไป” โดยไม่ต้องถ่อร่างไปถึง“ดูไบ”กันเลย ความเป็น“ประชาธิปไตย”ที่เป็นความจริงของประเทศไทยนี้ยอดยิ่งสุดสูง มีลักษณะ “อเทฺวนิยม”จริงๆกันฉะนี้ๆ ที่ประเทศต่างๆในโลกเป็น“เทฺวนิยม”ทั้งหลายเข้าใจไม่ได้ ทำไม่ได้ เพราะไม่เหมือน“อเทฺวนิยม”เข้าใจกัน และทำกันได้ ซึ่งประชาธิปไตย“แบบโลกุตระ”นี้มันแตกต่างกับ“แบบโลกียะ”คนละขั้วกันจริงๆในความเป็น“ประชาธิปไตย” มีนัยะสำคัญ “ประชาธิปไตยแบบโลกุตระ”มี“คุณวิเศษทางวิญญาณ” ที่ยอดยิ่ง อันเป็น“อำนาจคืออธิปไตย”ที่มีคุณธรรมตามสัจธรรม และที่พูดนี้ก็ไม่ใช่“ยกตนข่มท่าน”แต่อย่างใด พูดกันแบบตรงๆ ตามความมีจริงและทำได้จริง ไม่ได้อยากอวดอยากโชว์ด้วย พูดเป็นการศึกษา เป็นวิชาการแท้ๆ “อเทฺวนิยม”คือ ศาสนาที่ทำคนให้“ไม่มีกิเลส”หรือให้ “กิเลสน้อยลงๆ”ได้สำเร็จจริง และเป็นศาสนาที่ขยันอุตสาหะ เสียสละจริงใจ ด้วย“เหตุ-ผล” อันประกอบด้วย“ปัญญา”ซึ่งเป็น“โลกุตระสัจจะ”แท้ๆ จึง “ประชาธิปไตยโลกุตระ”ได้จริงๆ “ประชาธิปไตยโลกุตระ”นั้นประชาชนปฏิวัติด้วยหมู่มวลประชาชนเอง และประชาชนทำรัฐประหารโดยใช้ความสงบกับใช้ความถูกต้องที่เป็นจริง จนกระทั่ง“รัฐบาล”ต้องพ่ายแพ้ ต้องหยุดบริหาร เปลี่ยนรัฐบาลไปได้สำเร็จจริงๆ เพราะประเทศไทยเป็นเมืองพุทธที่นับถือศาสนาพุทธกันมาตั้งแต่เกิดประเทศไทย และเป็นชาวพุทธดั้งเดิมที่มีความจริงของ“โลกุตรธรรม”อยู่ในสายเลือดและวิญญาณฝังลึกเป็นอนุสัย(อนุสัยคือตัวตนที่อาศัยในจิตวิญญาณอยู่จริงมาตลอดความเป็นจิตนิยาม)ตั้งแต่อ้อนแต่ออกแท้ๆ “อนุสัย”ที่เป็น“โลกุตรธรรม”ก็สะสมมา และมวลประชาชนคนไทยก็ได้ร่วมกันทำ“การประหารรัฐบาลที่ไม่ดี-รัฐบาลที่ชั่วร้าย” หรือที่เรียกว่า“ทำรัฐประหาร” หรือ“ทำการปฏิวัติประเทศไทย”ที่มันตกต่ำย่ำแย่ลงให้หลุดพ้นจาก“ความเลวร้าย”นั้น ได้สำเร็จ โดยฝีมือประชาชนจริงๆ   ประชาชนไทย“ปฏิวัติ”ด้วยการประท้วง ที่เป็น“แบบโลกุตระ” อันเป็น NEO PROTEST ไม่เคยมีมาก่อนในโลกยุคศตวรรษที่ 25 นี้ โดยใช้“ความสงบสยบความรุนแรง” ใช้“ความจริง”มาเปิดเผย“ความผิดของรัฐบาล” ยืนยัน“ความถูกต้อง”ของ“ความจริง”หลากเหลี่ยมหลายมุมจนกระทั่งมีน้ำหนักทุกนัย อันมีทั้งภาวะที่เป็น“รูปธรรม”ทั้งภาวะ“นามธรรม”แท้ๆ ทั้งหลายประหาร“รัฐบาล”ได้สำเร็จมาแล้ว โดยประชาชนรบด้วยมือเปล่าปราศจาก“อาวุธ”ร้ายใดๆ ไม่รุนแรงเลวร้ายจริงๆ มีแต่ทาง“รัฐบาลเลวทุจริตร้าย”กับพรรคพวกเท่านั้นที่ใช้“อาวุธ”มาทำร้ายประชาชน จนล้มตายกันไปหลายศพ เป็น“การทำรัฐประหารโดยมวลประชาชน”รวมตัวกันออกมาประท้วงด้วยความสงบใจเย็นสุภาพ กินนอนกันกลางถนน  ใช้เวลายาวนานอุตสาหะอดทนเป็นร้อยๆวัน ทำกันอยู่หลายปี เป็นประวัติการณ์ และประชาชนก็ทำ“รัฐประหาร”สำเร็จได้หลายรัฐบาลด้วย ซึ่งยังไม่เคยมีประเทศใดๆในโลกทำได้สวยสดงดงาม ประสพผลสำเร็จด้วยดีเท่านี้มาก่อนเลย และได้ทำการปฏิวัติด้วยการขึ้นป้ายเขียนตัวหนังสือประกาศไว้ว่า “ปฏิบัติการชุมนุมประท้วงแนวใหม่ NEO PROTEST”กันทีเดียว ทั้งชักชวนด้วยตัวตนบุคคลจริง ทั้งพฤติกรรมสังคม ทั้งสื่อสารสารพัด ทั้งเป็นแผ่นพับแจกจ่ายทั่วไปกับผู้คนประชาชนทั้งหลาย ฯลฯ ทั้งเขียนตัวหนังสือใหญ่ๆใส่ฉากเวทีในการแสดงออกอันเป็นสถานที่ใช้ในการประท้วงหรือออกรบร่วมกัน เป็นต้นว่า…

 - NEO PROTEST ปฏิบัติการชุมนุมประท้วงแนวใหม่

ให้ประโยชน์ และคุณค่า กับการพัฒาประชาธิปไตย

มุ่งเอาความจริงกับความรู้ ออกมาตีแผ่

ไม่มุ่งแพ้ชนะ – ไม่รุนแรง – ไม่หยาบคาย

เพื่อยกระดับการต่อสู้ขึ้นสู่…“วิถีอาริยชน”

·  ปรัชญาการชุมนุม ได้แก่ สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น

· ยุทธวิธีการชุมนุม (รูปแบบการชุมนุม) 

1. สุภาพ สงบ และเรียบร้อย

22. ไม่มีความรุนแรง

3.เสนอ ความรู้ และ ความจริง

4. ไม่หยาบ

5. ไม่ผิด 

กล่าวคำแรง เสียงดัง เท่าใดก็ได้

· เป้าหมายการชุมนุม 

1. ไม่มุ่งหาปริมาณเป็นเอก แต่มีปริมาณแสดงออกเป็นประชาธิปไตย

2. แสดงคุณภาพของความเป็นประชาธิปไตย(จิตที่มีธรรมะ)   

3. เพื่อมาแสดงสิทธิ์ร่วมชุมนุม ยืนยันอำนาจอธิปไตย ของมวลประชาชน 

4. ไม่มุ่งหมาย ชนะหรือแพ้

5. เอาวิถีชีวิต ความเป็นสาธารณโภคี มาแสดง

· ปฏิบัติการชุมนุมประท้วงแนวใหม่ NEO PROTEST

เรามาชุมนุมประท้วงคราวนี้ จะไม่ยั่วยุ ไม่ทำให้เกิดความรุนแรง เหมือนคานธีท่านใช้สัตยาเคราะห์แบบนี้ จนกระทั่งกอบกู้ประเทศชาติได้  เรามุ่งเอาความจริงกับความรู้ออกมาตีแผ่ เปิดเผยเป็นหลัก เอาความจริงความถูกต้องที่เป็นหลักฐานแท้ ว่า มันจริงอย่างงั้น ไม่จริงอย่างงี้ ก็จะถูกเอามาเปิดเผย ให้มากๆหมดๆ  นี่คือ ยุทธศาสตร์ใหญ่ของเรา ที่จะยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ เราก็จะได้เป็นคนมีความรู้ ทำอะไรอย่างอาริยชน เป็นคนศิวิไลซ์ ซึ่งไม่ใช่คนเถื่อนๆ ที่เอาแต่เรี่ยวแรงมาฆ่าแกงกัน คนผู้ประเสริฐแล้ว  ถ้าจะชนะกันก็ต้องชนะกันด้วยความถูกต้อง หรือความจริง ผู้ใดมีความถูกต้องมีความจริงกว่าก็ชนะ ตามสัจธรรม ซึ่งจะมีทั้งตุลาการภิวัฒน์ และประชาภิวัฒน์  เป็นผู้ตัดสิน ในสังคมประชาธิปไตยนั้น ประชาชนแต่ละคนมีอำนาจ(อธิปไตย)ของตนเต็มๆ หนึ่งคนหนึ่งเสียง ร้อยคนก็ร้อยเสียง หมื่นคนก็หมื่นเสียง ล้านคนก็ล้านเสียง เป็นตัวจริง เห็นกันชัดๆเลย อันนี้แหละเป็นเรื่องประชาธิปไตยที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอธิปไตยออกมาแสดงตัวให้ปรากฏ ประชาชนท่านใดที่เห็นด้วย ก็ขอให้ออกมาชุมนุมกัน ขอให้ออกมาแสดงคะแนนเสียงความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งเราจะมีแผนกลงทะเบียน กรุณาบอกชื่อ บอกหลักฐานด้วย เราจะได้บันทึกลงไว้ เพื่ออภิวัฒน์ประชาธิปไตย ให้เจริญรุ่งเรือง [พิมพ์ที่ บริษัทฟ้าอภัยจำกัด 0-2375-8511 (20,000แผ่น)] หลักฐาน“แผ่นพับ(brochures)” โบรชัวร์ ที่เราพิมพ์ออกมาใช้ในคราวชุมนุมประท้วงนั้น จำนวนก็แค่ 2 หมื่นแผ่นเท่านั้น เดี๋ยวนี้ก็สลายหายไปจะหามาเป็นหลักฐานยืนยันก็ยากแล้ว แต่ก็ยังมีหลงเหลืออยู่ ที่อาตมา“พิมพ์”ออกมาให้อ่านนี้ ก็จากหลักฐาน“แผ่นพับ”ที่อาตมายังมีเหลือหลงอยู่ได้ลอกออกมานี่แหละ จึงพอนำมาอ้างอิงยืนยันกัน ตามที่เห็นอยู่นี่เอง ประชาชนคนไทยยุคสมัยปัจจุบันศตวรรษที่ 25 นี้ ได้แสดง“ความเป็นประชาธิปไตย”ที่แสนสวย งดงาม ยอดเยี่ยมสร้างปรากฏการณ์จริงออกมายืนยันความเป็น“ประชาธิปไตยโลกุตระ”ให้แก่ชาวโลกได้เห็นเป็นขวัญตาขวัญใจจริงๆ  มวลประชาชน“การทำรัฐประหาร”อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์สากลแท้ คือ “ปฏิวัติรัฐบาล”กระทั่งประหารรัฐบาลชั่ว” ด้วยความสงบ ไม่มีอาวุธ  จนกระทั่ง“รัฐบาลชั่ว”หรือ“รัฐบาลที่ไม่เหมาะสม”ต้องพ่ายแพ้ประชาชน และได้ประหารรัฐบาลสำเร็จ ไล่หัวหน้ารัฐบาลนั้นๆออกจากบัลลังก์ได้ถึง 5 รัฐบาลทีเดียว โดยไม่ได้ทำร้ายร่างกาย“หัวหน้ารัฐบาล”เลยแม้แต่น้อย เป็น“การประหาร”ที่สะอาด-สุภาพ-สงบ-สัมบูรณ์ที่สุด ก็ขอระบุชื่อรัฐบาลไว้หน่อยแล้วกัน ได้แก่ รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร-รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช-รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์-รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์นั้นไม่ต้องหนีออกนอกประเทศหรือต้องติดคุก ก็เพราะไม่ได้ผิดเลวร้ายถึงขั้นที่ต้องถูกลงโทษติดคุก อภิสิทธิ์จึงยังอยู่ในประเทศ ไม่ต้องหนีไปไหน และไม่ได้ติดคุก “ประชาชนคนไทยได้ทำรัฐประหารรัฐบาล”อย่างวิเศษ ดีงามถูกหลักประชาธิปไตยแท้ๆ สุดยอดจริงๆถึงขั้น“โลกุตระ” แม้แต่“นักประชาธิปไตย”ของโลกทั้งหลายก็ยังตามไม่ทัน ยังเป็นประชาธิปไตยกันแค่“โลกียะ”กันอยู่ทั้งนั้น ประชาธิปไตยคือการลดอำนาจตัวกูของกูแต่ละคนให้กระจายอำนาจสู่ประชาชนทุกคน “ประชาธิปไตยแบบโลกุตระ” ก็คือ ประชาธิปไตยที่มีคุณธรรมขั้น“ทวนกระแสโลกีย์” หรือทั้งประชาชน และผู้มีอำนาจที่บริหาร จะเป็นคนทวนกระแสโลกีย์ทั้งหมด จึงเป็นประชาธิปไตยโลกุตระ แต่ประเทศไทยมีความเป็น“ประชาธิปไตย”ขั้น“โลกุตระ”แล้ว เป็น“ความจริง”มีปรากฏการณ์ยืนยันความจริงเป็นหลักฐานแท้ๆของพฤติการณ์จริงในประเทศไทย “รัฐบาล”ที่ถูก“ประชาชนประหาร”ไปได้สำเร็จก็มีรัฐบาล “ทักษิณ-สมัคร-สมชาย-อภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์” เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในยุคศตวรรษที่ 25 นี้จริงๆ ด้วยความเป็น“ประชาธิปไตย”ตามนัยะของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็น“อเทฺวนิยม”ที่ตีแตกแยกแยะความเป็น“เทฺว”อันแปลว่า“2”แล้วสามารถทำความเป็น“2”ที่คือ“เทฺว”นั้นแหละเป็น“ตัวตน” และมีแต่“ความเห็นแก่ตัวตน” เพราะ ไม่ตีแตกแยกแยะความเป็น“เทฺว” หรือตีแตกแยกแยะความเป็น“เทฺว”ที่คือ“ตัวตน”ของตัวเองไม่ออก แต่ผู้ที่มีหลากหลายให้เป็น“1”และที่สุดเป็น“0”ได้อย่างวิเศษ และสามารถทำจาก“0”ไปถึง“หาที่สุดมิได้” หรือ“จาก“หาที่สุดมิได้”จนมาถึง“0” อันเป็นเรื่องของความ“ยึดถือของจิต”ได้อย่างวิเศษยิ่งจริงแท้ ซึ่งประชาชนร่วมกันทำความเป็น “ประชาธิปไตย”นั้นเอง เพื่อ“ประชาชน”แท้ๆ ของ“ประชาชน” ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่ง เพื่อหมู่ใดหมู่หนึ่งเลย ทั้งคอมมิวนิสต์และประชาธิปไตยก็จบสูงสุดที่สาธารณโภคีเหมือนกัน ในหลวงร.9 ตรัสว่าเราอย่าไปเป็นประเทศที่รวย ประเทศใดชุมชนใด สังคมใดที่ยัง แย่งกันรวยอยู่ ที่นั่นเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ ประเทศชุมชนสังคมใด มีความพอเพียง และมีเหลือสะพัดเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น จะไม่มีคนอดอยากและไม่มีคนรวย จะเป็นสังคมคนจน แต่อุดมสมบูรณ์แบ่งแจกกันกิน สังคมประชาธิปไตยที่แย่งกันรวยอยู่นั้นเป็นประชาธิปไตยเก๊ สังคมใดรู้ความรวยความจนรู้ชีวิตพอเผื่อแผ่แบ่งกัน ชาวอโศกมีคนรวยแต่ก็รู้แล้วแต่แคะไม่ออก ส่วนคนที่มีพลังโลกุตระสูงก็เลิกสะสมแล้วออกมา มีตัวตนจริงในอโศก ส่วนคนที่ลดไม่ได้ก็มีจริงไม่ได้มีปัญหา เราไม่ได้บังคับไม่ได้ดูถูกแต่จิตเขาเป็นฐานนั้น กิเลสเขาก็ยังหวงแหน เป็นสิทธิ์โดยสุจริตของเขา เขายังรักของข้าใครอย่าแตะก็ว่ากันไป ใครที่ชัดเจนว่าชีวิตนี้ ไปสะสมกอบโกยหวงแหนไม่สะพัดไม่เก่งหรอก ความเป็น“ประชาธิปไตย”ของ“อเทฺวนิยม”นั้นมีนัยะลึกล้ำ ใช้“ความสงบสยบความรุนแรง”ได้จริงอย่างสุภาพละเอียดอบอุ่นเย็นใจประณีตกว่าแบบ“เทฺวนิยม” ชนิดที่ชาวโลกทั้งหลายไม่สามารถใช้“ปรัชญาหรือตรรกศาสตร์แม้วิทยาศาสตร์”ใดๆมาศึกษาความจริงที่เป็น“โลกุตรธรรม”นี้ได้ “เทฺวนิยม”ก็เชื่อถือ ยึดถือ“ความเป็นประชาธิปไตย”กันแบบ“โลกียะ”วนเวียนอยู่ในกรอบของกระแส  “เทฺวนิยม”ยังไม่สามารถรู้ หรือไม่สามารถเข้าใจความเป็น“อเทฺวนิยม”ได้ แต่“อเทฺวนิยม”เข้าใจ“เทฺวนิยม”ดียิ่งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ชาว“เทฺวนิยม”ทั้งหลายยิ่งชาวโลก ประเทศอื่นๆทั้งหลายที่ล้วนแต่มีทฤษฎี “ทุนนิยม”หรือยังมีความรู้ทางสัจธรรมจำกัดอยู่ในกรอบของ“เทฺวนิยม”อยู่เท่านั้น ก็ยังไม่มีความรู้ที่เป็น“คุณวิเศษ(อุตตริมนุสสธรรม)”ตาม“คุณธรรม”แบบ“โลกุตระ(Supra mundane)”ที่มีความเป็นพิเศษซึ่งแตกต่างไปจากความเป็น“โลกียะ(mundane)” ชนิดที่เดาเอาหรือเอาตรรกศาสตร์หรือ“โลกียศาสตร์”ใดๆมาใช้ศึกษาไม่ได้ เพราะความรู้แบบ“โลกียะ”ทั้งหลายนั้นยังไม่มี“ความรู้” ใน“คุณวิเศษแห่งคุณธรรม(อุตตริมนุสสธรรม=Supra mundane)”ที่เป็น “ความจริงขั้นโลกุตระ” “ความรู้”ที่มี“ความจริง”ของ“โลกุตระ”นี้แหละที่ไม่มีปุถุชนคนใดสามารถจะ“รู้ได้เอง”เลยเป็นอันขาด ปุถุชนทุกคนจะต้อง“ได้พบ”ผู้เป็น“พระพุทธศาสดา”หรือพบ“สัตบุรุษ”อันเป็นผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู และ“ยอมรับเป็นผู้ตั้งอยู่ในฐานะครูก่อนด้วยความรักความเคารพรักอย่างแรงกล้า แล้วก็จะเข้าพบ เข้าใกล้ชิด ตั้งใจฟังคำสอนคำอธิบาย  และไต่ถามสิ่งที่ยังไม่รู้ ที่ยังสงสัย จาก“พระพุทธศาสดา”หรือจาก“สัตบุรุษ”อันเป็นผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู 

คำอธิบาย

แล้วตัวเองจึงจะนำไปปฏิบัติมีการ“ได้เห็นด้วยตา”หรือ“ได้ยินด้วยหู”หรือ“ได้ดมกลิ่นด้วยจมูก”หรือ“ได้แตะรสด้วยลิ้น”หรือ“ได้สัมผัสกระทบแตะต้องด้วยกายภายนอก” ของตนเอง ชนิดที่มี“ของจริง”นั้นๆ รู้จัก“ของจริง”นั้นๆ จนกระทั่ง“รู้แจ้ง” ที่สุด“รู้จริง” บริบูรณ์ถ้วนครบรอบ โลกุตระนั้นเรียนรู้ความเป็น“อัตตา”และลดความเป็นอัตตา หรือกำจัดความเห็นแก่ตัวเองได้หมดสิ้นสำเร็จจริง ตาม“ทฤษฎี”ของ“อเทฺวนิยม”คือ ศาสนาพุทธที่เป็นโลกุตระ จริงแท้ จึงเป็นคนที่ไม่มีกิเลสหรือลดกิเลสในใจของตนได้จริง จนถึงขั้นเป็นอรหันต์ คือ กิเลสในจิตใจหมดสิ้น และลดได้ขั้นเกือบหมดเป็นอนาคามี หรือลดกิเลสได้จริงมาตามลำดับเป็นสกิทาคามี-โสดาบัน แม้จะไม่เป็นโสดาบัน คนไทยเป็นชาวพุทธมาแต่อ้อนแต่ออก ตั้งแต่ตั้งรวมตัวกันเป็นประเทศไทยมาเลย ต่างก็จะกดข่มกิเลสกันเป็นกันอยู่ ไม่มากก็น้อยทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ประชาธิปไตยไทย เกิดมาเพื่อให้ศึกษา วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 17:12:22 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:19:57 )

ประชาชนหมู่น้อยชนะอำนาจของเงินทอง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นที่เราทำกันด้วยการมีคำขวัญต่างๆว่า “สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น” ขึ้นป้ายไว้กลางสนามรบเป็นฉากของเวทีเลย แล้วเราก็กระจายความจริงอันนี้แล้วเราก็พูด ใช้เป็น สันติอหิงสาซื่อสัตย์บริสุทธิ์ประพฤติให้เห็นความลึกลับแห่งความแม่นประเด็นก็ตาม เพื่อที่จะเอามาเป็นเครื่องยืนยันต่อสู้ นี่คือเครื่องมือการรบ นี่คืออาวุธ    ธรรมาวุธของเราที่ใช้ รวมแล้วเป็นความสงบเป็นการชนะที่ยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องของภูมิปัญญาของมนุษยชาติที่ประชาชนรวมกันมากกว่า ประชาชนอีกหมู่มีน้อยกว่าแม้จะมีอำนาจของปืนอำนาจของอาวุธอำนาจเงินทอง แอ็คไม่ขึ้น มือเปล่าชนะ จิตวิญญาณบริสุทธิ์ชนะ ความถูกต้องชนะ นี่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่คนจะเข้าใจโลกจะเข้าใจประชาธิปไตยที่ทำรัฐประหารด้วยธรรมวุฒิอย่างนี้เขาจะค่อยๆเข้าใจ มันเป็นไปแล้วไม่ใช่เรื่องมุขขึ้นมาแล้วก็ไม่ใช่รัฐบาลเดียวจริงๆมีถึง 5 รัฐบาลประชาธิปัตย์ด้วยเป็นแต่เพียงว่าประชาธิปัตย์เขาไม่ได้ทำผิดแต่เขาก็ทำไม่ได้เรื่องจะมาพังส้วมเราอย่างนี้เป็นเพื่อนเมื่อเราไปประท้วง  ส้วมพราวรุ้ง ชื่อเท่ เพราะว่าเอาพลาสติกหลากสีมาทำผนัง ข้างฟุตบาท แล้วคุณอภิสิทธิ์ก็สั่งมาให้รื้อ สั่งให้ผู้การแต้มมารื้อ บอกว่ากีดขวางทางเท้าซึ่งเราเองก็ขอใช้ขี้ใช้เยี่ยวหน่อย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:21:16 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:33:55 )

ประชาชนเท่ากับร่างกาย จิตวิญญาณนี้เท่ากับกษัตริย์ 

รายละเอียด

อาตมาก็ขอเน้นเข้าหาสาระก็แล้วกันว่า ในคนนี้ มันมี 2 ชนิด มันมีจิตวิญญาณกับมีร่างกาย เพราะฉะนั้นจิตวิญญาณมันก็เท่าเทียมกับกษัตริย์ในสังคมประเทศ ประชาชนเท่ากับร่างกาย จิตวิญญาณนี้เท่ากับกษัตริย์ ถ้าในรัฐในประเทศมันมีแต่ร่างมีแต่ประชาชน มันไม่มีกษัตริย์มันไม่มีจิตวิญญาณหรือหัวใจ มันล้มเหลว เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกซึ้งมากเลย มันเป็นอจินไตย เป็นเรื่องที่อาตมาขยายความมาหลายทีแล้ว แต่ก็ยังเข้าใจยาก จนกระทั่งเข้าใจผิด กลายเป็นว่าอิสรเสรีภาพ มองเห็นสถาบันเป็นศักดินา เป็นเรื่องอภิสิทธิ์ การเอาเปรียบเอารัด ไม่เสมอภาคอะไรไป 

ซึ่งมันไม่จริง ไปมองอย่างเผินๆ ละเอียดลึกซึ้งเขามองไม่ออกในความลึกซึ้ง โดยเฉพาะอาตมาเคยอธิบายว่า กษัตริย์ ผู้ที่เกิดมาอยู่ในประยูรวงศ์ อยู่ในกษัตริย์ เป็นราชวงศ์ เป็นเจ้าเป็นลูกหลานเจ้า สืบทอดสันตติวงศ์มาอยู่ในกรอบของผู้ที่จะต้องฝึกฝนตนเอง เป็นผู้ที่มีคุณธรรมเป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณอันสูงส่ง จะต้องประพฤติเพื่อที่จะดูแลมวลประชาชน จะต้องเตรียมเพื่อจะดูแลมวลประชาชน บริหาร บริบาลมวลประชาชน เหมือนลูกๆ อันนี้ผู้ที่ศึกษามาดีๆเข้าใจหมด ส่วนผู้ที่ไม่ค่อยมีปัญญาไม่ค่อยมีความฉลาดพอ ก็แน่นอนจะคิดไปแบบไม่เอากษัตริย์ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่เข้าใจบริบูรณ์ด้วยสัจธรรมว่าชีวิตต้องมี 2 ประเทศต้องมีกษัตริย์ ต้องมีประชาชน อย่างที่อาตมาอธิบายคร่าวๆแล้ว ในหลายเวลาเคยอธิบายเรื่องนี้มามากแล้ว และก็จะต้องอธิบายต่อ แต่วันนี้ก็ขออธิบายผ่านๆก็แล้วกัน แล้วพิสูจน์ในประเทศที่เห็นแล้ว เป็นประเทศที่ไม่มีกษัตริย์แล้ว จนกระทั่งมีการแสดงออกถึงขั้นอย่างฝรั่งเศส เขาก็ล้มล้างกษัตริย์ ตอนหลังก็โหยหาอยากได้กษัตริย์กลับมา ซึ่งก็ยากแล้วจะสร้างขึ้นมาอีก จะเอาตั้งต้นจากตรงไหนเขาก็ทำตรงนี้ไม่ได้อย่างนี้แหละ เสร็จแล้วก็ได้แต่อยากได้ เพราะเห็นแล้วว่ามันไม่มีจิตวิญญาณอย่างนี้เป็นต้น แล้วมันจะเป็นตัวอย่างต่อไปอีก 

อาตมาว่า ไปอีก 10 ปี 20 ปี 30 ปี 40 ปีอีก 100 ปี จะยิ่งเข้าใจชัดเจนเรื่องนี้ เพราะความจริงมันกำลังปรากฏตัว จะเป็นประชาธิปไตยขาเดียวที่ไม่มีวิญญาณ ก็กำลังแสดงผลล้มเหลว แสดงให้เห็นว่าไปไม่รอดหรอก สังคมประเทศที่บริหารปกครองโดยทฤษฎีที่พิกลพิการไม่เต็มเต็งไปไม่รอด ไปได้ไม่นาน เดี๋ยวก็คว่ำเดี๋ยวก็ล้ม เดี๋ยวก็จะเห็นจะรู้ได้ อันนี้อาตมามองเปรียบเทียบถึงอินเดีย อินเดียนั้นไปล้มล้างกษัตริย์ลง แต่มีลึกซึ้ง ว่าอินเดียนี้เขาไม่มีกษัตริย์ก็จริง แต่จิตวิญญาณของเขาเป็นสายเจโต เป็นสายศรัทธา ที่อยู่ในหลักเกณฑ์หลักธรรม 

หลักธรรมอะไร หลักธรรมสงบ แม้จะเป็นความสงบแบบเจโตแบบศรัทธา ไม่ใช่ปัญญา มันก็นิ่ง มันก็อยู่กับตัวเอง ไม่ไปเที่ยวกระทบกับคนอื่น คล้ายๆกับพืช แต่ถูกสะกด ไม่ได้เป็นปัญญา ถ้าเป็นปัญญาแล้วไม่ต้องสะกด จะเข้าใจแล้วว่าอยู่สงบมันดีแล้ว อย่างพวกเรา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 13:09:49 )

ประชาชนเป็นผู้ทำรัฐประหารแล้วนายกฯประยุทธ์มารับไม้ต่อเท่านั้น

รายละเอียด

พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ทำรัฐประหาร แต่ว่าประชาชนเป็นผู้ทำรัฐประหารแล้วนายกฯ ประยุทธ์มารับไม้ต่อเท่านั้น ทั้งโลกก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ คนที่บอกว่านายกประยุทธ์จันทร์โอชา เป็นหัวหน้ารัฐประหาร ทำรัฐประหารในประเทศไทยและยึดอำนาจมาบริหาร ขอยืนยันว่าผิดไม่ใช่ แต่นายกตู่พูดไม่ได้เหมือนกับอาตมาเท่านั้นเอง  ที่จริงก็น่าจะพูดได้ ถ้ารัฐประหารนั้นประชาชนรัฐประหารเรียบร้อยแล้ว ผมเองไม่ได้ทำรัฐประหาร ประชาชนทำรัฐประหารตั้งแต่ทักษิณสมัครสมชายยิ่งลักษณ์ ผมก็เป็นเพียงผู้มารับช่วงรับไม้ต่อ ประชาชนก็ ok ไม่ได้ขัดแย้งได้ต่อต้านโดยปริยาย แล้วก็ดูว่าทำงานต่อไปอย่างไร ประชาชนก็สนับสนุนทำให้ดีให้เหมาะสมด้วย ก็เป็นการสำเร็จด้วยพฤติกรรม อย่างสมบูรณ์เลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 09:13:18 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 06:44:18 )

ประชาชนเป็นผู้ปฏิวัติแม้พลเอกประยุทธ์ก็ยังไม่กล้าพูด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเราได้มานี้มันเป็นการปฏิวัติหรือรัฐประหารโดยประชาชน อันนี้แหละจะยังเป็นเรื่องที่นักรัฐศาสตร์ของโลก แม้แต่ของไทยพูดไปเลย พลเอกประยุทธ์เองก็ยังไม่กล้าที่จะพูดว่า ตนเองไม่ใช่ผู้ปฏิวัติ ประชาชนต่างหากเป็นผู้ปฏิวัติ พลเอกประยุทธ์เองก็ยังไม่กล้าพูด ทั้งๆที่มันเป็น กึ่งๆ คาคออยู่ ว่า เอ๊.. หากเรายอมรับเป็นผู้เผด็จการเอากำลังทหารมาปฏิวัติ เข้ามาทำไมก็เพราะว่าประชาชนมีหลักฐานมัดไม้มัดมือเขาไว้ ไม่เช่นนั้นพลเอกประยุทธ์จะพูดไม่ได้ว่า ผมขอยึดอำนาจ จากนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล ก็มีหลักฐานทั้งภาพและเสียงยืนยัน แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะบอกว่าไม่ได้ทำการใช้อำนาจบาตรใหญ่อะไร ไม่ได้ใช้อำนาจกดดัน มีแต่ซึ่งตอนนั้นบอกว่าผมขอยึดอำนาจ ตอนนั้นเขาก็ไม่มีอำนาจแล้ว นิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาล ก็ไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว ไม่มีอำนาจแล้ว เป็นตุลาการภิวัฒน์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 14:53:36 )

ประชาชนเป็นร่างกษัตริย์เป็นจิตวิญญาณของประเทศ

รายละเอียด

อาตมาจึงประเมินได้ว่าประชาธิปไตยของเมืองไทยนี้สูงส่งประเสริฐ ประเสริฐกว่าอเมริกาเยอะ พลเอกประยุทธ์ใช้เงินไหม ใช้อำนาจบาตรใหญ่ไหม ใช้เครือแหเครือข่ายไหม ไม่ ไม่เหมือนประชาธิปไตยแบบอเมริกาไม่เลย นั่นแหละประชาธิปไตยที่เขานึกว่าประชาธิปไตยจะต้องเป็นหนึ่ง ต้องประชาตรงๆ สายตรงจากประชาธิปไตยจากประชาชนมาเป็นประธานาธิบดี นอกนั้นไม่มีใครมีสิทธิ์ ต้องประชาชนโดยประชาชนของประชาชน ประชาชนเท่านั้น แล้วในหลวงไม่ใช่ประชาชนหรือไง 

ในหลวงนั่นแหละเป็นหัวใจของประชาชน ซึ่งเขาเข้าใจความเป็นหัวใจกับร่างไม่ได้ ประชาชนคือร่างของประเทศ ส่วนพระเจ้าแผ่นดินคือจิตวิญญาณของประเทศ มีสภาพ 2 ในความเป็นประเทศต้องมีสภาพกายและจิต ประชาชนนั้นคือกายของประเทศ ส่วนพระเจ้าแผ่นดินนั้นคือจิตวิญญาณของประเทศ 

ประเทศที่ไม่มีจิตวิญญาณ เป็นกายพิการเป็นร่างมีแต่ร่าง และจิตวิญญาณก็ไม่อยู่ในระบบ จิตวิญญาณเละเทะ จิตวิญญาณของใครก็ได้เป็นประชาชนที่ไม่มีที่ไปที่มาไม่มีทศพิธราชธรรม ไม่มีการสืบสันตติวงศ์ ไม่มีกรรมพันธุ์ ไม่มีการสืบกฎมณเฑียรบาล ไม่ได้เตรียมพร้อมจะมาเป็นผู้บริหาร จับใครมาก็ได้ สุ่มคนนี้ได้เอามาเป็นประธานาธิบดีใครก็ไม่รู้ ไม่รู้หัวนอนปลายตีนมาเลย ดีไม่ดีไปดู background แล้วเป็นคนหากินเป็นนายทุนใหญ่ เป็นตัวอำนาจเบ่งอะไรต่างๆ นานา มีแทคติกในการสร้างอำนาจอีกเยอะแยะด้วย เรื่องรัฐศาสตร์มันซับซ้อน 

สรุปแล้วอาตมาก็มองด้วยความรู้หรือภูมิของอาตมา ประชาธิปไตยแบบไทยหรือแบบพระพุทธเจ้าหรือของอาตมาเป็นแบบนั้น ยิ่งจะเป็นการบริหารประเทศแบบคนจน อันนี้จะต้องได้พูดกันต่อไป อย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราได้ตรัสไว้แล้ว ให้บริหารแบบคนจน ให้คนมาเข้าใจถึงการขาดทุนเป็นความประเสริฐ การไปเอากำไรนั้นเป็นความชั่ว ซึ่งท่านไม่ได้ตรัสอย่างนี้นะนี่อาตมาพูด ว่าการขาดทุนนี้เป็นความประเสริฐ การกำไรนี้เป็นความชั่ว หรือใช้ภาษาอีกทีว่า การเสียนี่แหละเป็นการได้ ในหลวงท่านก็ตรัสอยู่ พูดเต็มๆ คือ การเสียสละนี่แหละเป็นความประเสริฐ การไปได้เปรียบเอาเปรียบนั้นเป็นความต่ำเป็นความเสื่อม ไม่ใช่ความประเสริฐ นี่เป็นสัจจะในความเป็นจริง 

คนเข้าถึงความเป็นจริงอย่างนี้ไม่ได้มันยาก มันหยั่งถึงความจริงที่เข้าใจยาก ความจริงถ้าตั้งสติใช้การพิจารณาจริงๆอย่างที่อาตมาพูดเขาจะรู้นะว่าคนเสียสละนี้ มันจะไปต่ำกว่าคนเอาเปรียบได้อย่างไร มันประเสริฐ ความจริงแค่นี้ก็ไขไม่ออกแล้วจะไปเป็นผู้บริหารประเทศ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ก็ตามก็ล้มเหลว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แพ้แน่ๆถ้าพลังเงียบไม่ช่วย

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 วันขึ้น 9 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 13:04:58 )

ประชาชนเป็นใหญ่เป็นเจ้าของอำนาจ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคุณเดชาแปลว่าพลเอกประยุทธ์เป็นพาล และที่บอกว่าทักษินชนะการเลือกตั้งอย่างไรก็ตาม แต่ประชาชนไม่เห็นด้วยไม่เอาด้วยเขาก็ไล่ทั้งนั้น จะเลือกตั้งมาอย่างไรก็เถอะ ประชาชนเป็นใหญ่เป็นเจ้าของอำนาจ เขาไม่เห็นด้วยเขาก็ไล่ ซึ่งประชาชนไม่ได้ผิดเลย คุณไม่รู้เรื่องของพฤตินัยที่เป็นเรื่องลึกซึ้ง แล้วไทยทำสำเร็จสวยงามที่สุดแล้ว ก็ศึกษาไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:15:44 )

ประชาชนไทยมีประชาธิปไตยในจิตอย่างไร

รายละเอียด

อาตมาก็ว่า พลเอกประยุทธ์คงรู้ตัวดี แต่เหนื่อยมากทีเดียว ทำมา 5-6 ปีแล้ว ก็พยายามทำ แล้วก็ตั้งใจอยู่ มีการไล่ดุเดือด แต่มันก็งดงาม ประชาชนไทยมีประชาธิปไตย เป็นประชาชนที่ยังมีจิตอยู่ในกรอบของความถูกต้องเป็นสากล คือไม่รุนแรง มีพวกที่มี Error บ้าง เอาคีมเหล็กมาตีตำรวจ ก็ครั้งเดียว นอกนั้นก็กระทบกระทั่งกันเล็กๆน้อยๆ ดันกันไปดันกันมาเท่านั้น ไม่เหมือนที่อื่นเขา ประเทศอื่นเล่นกันหนัก ..แรง สิ่งเหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ในโลกที่อาตมายังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องดูสังคมอย่างนี้ไป ก็ออกความเห็นไปตามประสาอาตมา ใครจะว่าอย่างไรจะตำหนิติเตียนก็ไม่เป็นไร มันเป็นสิทธิ์มันเป็นความจริงที่ทำ ก็เอา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 09:17:08 )

ประชาชนไทยเข้าใจมากขึ้นจึงเป็นมวลและทุนให้พลเอกประยุทธ์

รายละเอียด

ประชาชนไทยเองเข้าใจมากขึ้นแล้วในยุคนี้ จึงเป็นมวล และทุนให้แก่พลเอกประยุทธ์ แม้จะมีคนที่ทำเป็นสู่รู้ว่า ตอนนี้ทุนของพลเอกประยุทธ์หมดแล้ว คือหมายถึงหมู่ประชาชนที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ เป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วย ต้องการให้ออก อาตมามั่นใจว่าเสียงในประชาชนในประเทศไทยขณะนี้ เกือบ 70 ล้านคน จะมีสิทธิ์ไปเลือกตั้งแค่ 40 ล้านก็ตาม เขาก็ไปตีความว่า เดาเอาว่า คนที่เห็นด้วยกับพลเอกประยุทธ์ มีจำนวนน้อยกว่าคนที่ต้องการให้ออกมาเลือกตั้งอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 12:17:25 )

ประชาชนไปประหารรัฐบาลด้วยธรรมาวุธ

รายละเอียด

เหมือนกันกับเรื่องการเมืองที่เราบอกว่าประชาชนปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาล ประชาชนไปประหารรัฐบาล ด้วย ธรรมาวุธ คือ มือเปล่าไม่รุนแรงเลยมีแต่ความสงบเรียบร้อย และเอาชนะได้ อย่างที่เขาแพ้จริงๆเข้ามาปกครองไม่ได้ เข้ามาใช้อำนาจบาทใหญ่ในสังคมประเทศไม่ได้เลย ทั้งๆที่เขายังไม่ตายเขาเป็นเจ้าอำนาจอยู่แต่เข้ามาไม่ได้ อย่างเช่น ทักษิณตัวเขาก็เข้ามาไม่ได้ พวกที่เป็นพรรคพวกของเขาในนี้ก็ยังมีแต่เข้ามาไม่ได้ สมัครก็ตายไปเสียก็แล้วไป ทีนี้ สมชาย ก็ยังอยู่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ สมชายนี้ถึงขนาดเป็นนายกฯ แต่ไม่ได้เข้าทำเนียบเลย คงเป็นนายกฯ คนเดียวในโลกที่ไม่ได้เข้านั่งทำเนียบเลย จนต้องออกไป แม้แต่ยิ่งลักษณ์ก็ตามก็เข้ามาไม่ได้ มีเงินมีทองมีอำนาจมีพรรคพวกก็ตาม อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่คิดเอาไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 03:55:45 )

ประชาชนไม่รู้เรื่องพระธรรมวินัยเชื่อตามมหาเถรสมาคม

รายละเอียด

แล้วชาวประชาชนไม่รู้เรื่องพระธรรมวินัย ก็ไม่ถนัดไม่รู้เรื่องดีในเรื่องธรรมวินัย ก็เชื่อตามมหาเถรสมาคม ก็มาเล่นงานเรามาว่าเรา เขาต้องเชื่อมหาเถรสมาคมเป็นหลักก็เข้าใจ เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเขาก็เข้าใจอย่างนั้นไปห้ามเขาไม่ได้ เราก็ปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยมาเล่นงานเรา ดีไม่ดีไปฟ้องศาลทางฆราวาสให้มาจับเราสึก ให้มาสั่งการไปทางอำนาจรัฐ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 10:53:19 )

ประชาธิปไตย

รายละเอียด

คือ ปลดแอกความเป็นทาส ปลดแอกความเป็นศักดินาวรรณะ ปลดแอกความเป็นทุนนิยม ปลดแอกความเป็น “อำนาจบาตรใหญ่” ต่างๆนานา (โลกาธิปไตย, อัตตาธิปไตย) ซึ่ง “อำนาจบาตรใหญ่นานา” นี้รวมอยู่ใน “โลกาธิปไตยกับอัตตาธิปไตย” 2 อำนาจใหญ่นี้เอง ที่มันเป็น “ความสามารถใช้กดขี่” (Power, Force, Authority) คนและกลุ่มหมู่ประชาชนได้อย่างเก่งมาก ในระบบสังคมในวัฒนธรรมของมนุษย์

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 61


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 15:46:13 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:25 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:30:19 )

ประชาธิปไตย

รายละเอียด

คือ การรับใช้มวลมนุษยชาติ และการรับใช้โลกอย่างแท้จริง (โลกานุกัมปา) ซึ่งเป็นลักษณะการเสียสละอุทิศตนรับใช้ประชาชน

หนังสืออ้างอิง

“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 553


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 13:20:10 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:14 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:30:47 )

ประชาธิปไตย

รายละเอียด

ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบต้องไม่มีตัวตน ให้อิสระเสรีภาพสมบูรณ์ไม่มีอคติ หรือว่ามีปัญญา หรือสามเส้าของอาตมาให้ไว้ตั้งเยอะแยะ ที่จริงมีประมาณ 3

อันนึงต้องมีกษัตริย์ มีประชาชน มีปัญญา

อีกอันก็มีอิสระเสรีภาพ มีความไร้อัตตา มีปัญญา

อีกอันก็ขยันรับใช้ มีแต่ให้ ไม่มีอคติ

แค่สามเส้านี้ ศึกษาและปฏิบัติให้จริงจะเป็นประชาธิปไตยที่สุดยอดในโลก สามเส้าสามหน่วยนี้ อาตมาว่า ขอให้มีสภาวะที่จริงนี้ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 19:00:57 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:21:33 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:31:17 )

ประชาธิปไตย

รายละเอียด

อาตมาก็ว่าอาตมาไม่ได้แสวงหาอำนาจเลยจริงๆ สอนก็ฟังดีๆเถอะ สอนประชาธิปไตยไม่ใช่การแสวงหาอำนาจ แต่อำนาจนั้นประชาชนยกให้เอง เขายกให้เราก็ไปรับเสียด้วยซ้ำ เราก็เลยลอยเองเพราะเขายก ประชาชนเขายก แล้วมันก็มีพลังงานคั่นไว้ด้วยนะ ไม่แตะเนื้อต้องตัวเรา เราก็เลยลอยขึ้นตามที่เขายก มันเป็นอย่างนั้น มันยากที่จะเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:40:26 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:22:17 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:31:57 )

ประชาธิปไตย

รายละเอียด

สัจธรรมของประเทศไทยพิสูจน์ประชาธิปไตยจริง พวกประชาธิปไตยเก๊บอกว่านี่เป็นเผด็จการ รัฐประหารทหารมา เผด็จการเอาไปบริหารอยู่ทุกวันนี้เป็นการบริหารของเผด็จการ แต่เขาเป็นประชาธิปไตยต้องเอาเลือกตั้ง อาตมาก็พูดตั้งไม่รู้เท่าไหร่ว่า ที่นี่คือประชาธิปไตย คุณประยุทธ์มาเป็นผู้บริหารไม่ใช่เผด็จการ แต่มาบริหารเพราะรับหน้าที่สืบทอดจากประชาชนได้ปฏิวัติ ปฏิวัติรัฐบาล 4 รัฐบาล รัฐบาลของสมัครสมชาย ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ เรียบร้อย ประชาชนเมืองไทยประชาชนปฏิวัติแต่เข้าใจได้ยาก ก็เป็นการปฏิบัติอย่างสากลไม่ใช้อาวุธใช้ความจริงเป็นตัวยืนยัน จนรัฐบาลพ่ายแพ้ไปจากความจริงอย่างเรียบร้อยราบรื่นง่ายงามมาก เมืองไทยจึงเป็นเมืองประชาธิปไตยร้อยพันหมื่นแสนล้านเปอร์เซ็นต์ เหมือน psi ชัดล้านเปอร์เซ็นต์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:14:32 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:23:48 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:32:26 )

ประชาธิปไตย 1 ขา กับ 2 ขา

รายละเอียด

ประชาธิปไตยขาเดียวคือประเทศนั้นมีผู้สูงสุดในแต่ละยุคประเทศที่บริหารประเทศในเวลานั้นจะมีอยู่คนเดียว จะมีอยู่อันเดียว เรียกว่ามีรัฏฐาธิปัตย์ จะมีอยู่คนเดียว อย่างประเทศอเมริกา มีคนที่เขาเลือกมาเป็นผู้ที่มีรัฏฐาธิปัตย์ มีอำนาจใหญ่เป็นเบอร์ 1 ของประเทศ คนเดียว แต่ประชาธิปไตย 2 ขา จะมีอำนาจที่ใหญ่ที่สุด 2 อย่าง คือ 1. ของพระเจ้าแผ่นดิน 2.  ของมวลประชาชน ต่างก็ช่วยกัน ประชาชนกับพระเจ้าแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็น Two in One , เป็น One in Two เป็น 2 ใน 1 , 1 ใน 2 เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยาก ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 เป็นเรื่องที่ไม่ขัดแย้งกับธรรมชาติความเป็นจริงของมนุษย์มนุษย์ต้องมีรูปกับนามต้องมีจิตกับกายต้องมี 2 สิ่งเสมอ เพราะฉะนั้นไปขาดสิ่งหนึ่งไปเอาสิ่งหนึ่งสิ่งเดียว โดยเฉพาะถ้ารูปธรรมประชาธิปไตยขาเดียวมันเป็นประชาธิปไตยพิการตัดส่วน 1 ออกไปตัดองค์ประกอบออกไปไม่สืบทอดมาทางรัฏฐาธิปัตย์ สายพระเจ้าแผ่นดิน มีกฎมณเฑียรบาลมีองค์ประกอบมีทศพิธราชธรรม ต้องฝึกฝนคัดเลือกอะไรมา ไม่ใช่อยู่ดีๆก็จะได้มาเป็น ไม่ใช่ และที่สำคัญที่สุดที่อาตมาบอก คือต้องมีบารมี มีวิบาก  ไม่มีวิบากจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้ กุศลวิบากต้องพอ อันนี้เป็นอจินไตยแท้ๆ ยิ่งทางตะวันตกวิชาการประชาธิปไตย เขาไม่รู้หรอกประชาธิปไตยทางธรรมะของพระพุทธเจ้ามันสุดยอดเขายังไม่รู้ง่ายๆ อาตมาถึงบอกว่าจะตายยาก ต้องพยายามอธิบายขยายความและพวกคุณจะช่วยอาตมาได้มากเลย เมื่อพวกคุณปฏิบัติดีแข็งแรงจนกระทั่งต่อไปเพราะคุณเป็นนักการเมืองเข้าไปทำงานการเมืองช่วยขึ้นมา เป็นรูปธรรมจริงๆ เมื่อนั้นอาตมาว่าประเทศต่างๆในโลก จะได้เห็นความจริงอันนี้เลย เมื่อนั้นไม่ได้ไม่รู้ อาตมาก็ไม่สร้างความหวังไว้หรอกแต่เราทำ เราไม่รอเราไม่หวังแต่เราทำ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 08:07:55 )

ประชาธิปไตย 2 ขา

รายละเอียด

เป็นประชาธิปไตยแบบมีประธานาธิบดี เพราะฉะนั้นเขาไม่มีราชประชาสมาสัย โดยเฉพาะไม่มีโลกุตรจิต มีทฤษฎีหลักแล้วเจตนาจะสร้างพฤติกรรมมนุษย์ให้เป็นอย่างนี้ไหม แต่ว่าชาวอโศกมี ชาวอโศกมีเป็นทฤษฎีหลักเลยแล้วพากเพียรปฏิบัติให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ตอนนี้ก็ยังมีอัตราการก้าวหน้าอยู่นะ ชาวอโศก 

หากจีนเขามีอย่างที่ชาวอโศกมี   มีทฤษฎีมีหลักการพากเพียรปฏิบัติรู้จุดหมายนิพพาน ถ้าจีนมี ก็ไม่มีประเทศไหนหักล้างเขาได้เพราะพลเมืองเขามีเยอะ พลังงานเขาก็มีเยอะเขาได้แน่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 19:01:50 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:28:42 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:32:58 )

ประชาธิปไตย 2 ขา

รายละเอียด

อันนี้เป็นความลึกซึ้งของอาตมาที่กำลังขยายความว่าประชาธิปไตยต้องเป็นประชาธิปไตย 2 ขา ต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับจิตวิญญาณแล้วมีการสืบทอดจิตวิญญาณสายกษัตริย์ ซึ่งสุดยอดทั้ง วิญญาณ สรีระ กฎมณเฑียรบาล แม้จะเปลี่ยนวงศ์ราชะ จะเปลี่ยนมาเป็นวงศ์กษัตริย์อื่นก็ตาม กษัตริย์วงศ์ไหนก็ตามก็ต้องขายทอดตามกฎมณเฑียรบาลทั้งนั้น อันนี้ซับซ้อนลึกซึ้งมาก เพราะฉะนั้นสายประชาธิปไตยขาเดียวเลือกจากประชาชนนี่ ถึงเรียกประชาธิปไตยขาเดียว ใครขึ้นมาก็ได้ใครมีแทคติกทางทุนนิยมใช้ทุนอำนาจวิธีการใดจะเอาชนะ เหมือนกับสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่เป็นอย่างอังกฤษทีเดียว สหรัฐอเมริกา เป็นตัวอย่างประชาธิปไตยขาเดียวที่ตกต่ำที่สุดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 12:07:21 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:27:54 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:36:23 )

ประชาธิปไตย 2 ขา

รายละเอียด

ประชาธิปไตย ที่ยิ่งใหญ่มากและคนเข้าใจได้ยากอีกข้อนึงคือ ต้องเป็นประชาธิปไตย 2 ขา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:09:06 )

ประชาธิปไตย 2 ขา

รายละเอียด

คือ คำว่า ประชาธิปไตย ที่อาตมาพยายามยืนยันให้ฟังว่า ประชาธิปไตยต้องมี 2 ขาต้องมีจิตวิญญาณและองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งรวมทั้งหมดตั้งแต่ ดินน้ำไฟลม พืชพันธุ์ธัญญาหาร หรือสัตว์ ซึ่งรวมถึงมนุษย์ องค์ประกอบทั้งหมดนั่นแหละ จะต้องมีทั้ง 2 ส่วน มีรูปกับนาม ประชาธิปไตยจะมีแต่นามอย่างเดียวหรือรูปอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้แต่เป็นไปอย่างที่ผิดสัจจะ เป็นประชาธิปไตยขาเดียว เป็นประชาธิปไตยที่พิการ เทวะ แปลว่า 2 ในสิ่งที่เกิดมาเป็นจิตนิยาม เป็นชีวะ ต้องมี 2 ต้องมี Subject กับ object ต้องมีบวกกับลบ เมื่อมาเป็นชีวะเป็นนามเป็นธาตุรู้เรียกว่า วิญญาณ ก็ต้องมีรูปด้วย มีวิญญาณ แล้วต้องมีรูปที่ถูกรู้ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:24:29 )

ประชาธิปไตย 2 ขา

รายละเอียด

มาขยายความประชาธิปไตย 2 ขาที่มีความเป็นรูปนาม มีกายและจิตครบพร้อม ไม่ใช่มีแต่รูปหรือวัตถุ ธรรมดาองค์ประกอบชีวิต นามธรรมก็เป็นใหญ่เป็นประธานของชีวิต แต่ถ้าเอารูปเป็นใหญ่ก็จะพัง เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา มันจะเจริญจนสมบูรณ์แบบได้จริงๆ ต้องมีจิตวิญญาณเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง มีจิตวิญญาณเป็นตัวรู้ตัวบงการ จิตวิญญาณจะต้องเป็นจิตวิญญาณของคนที่มีสมมติสัจจะและปรมัตถสัจจะ ในปัจจุบันนี้มีตัวตนร่างกาย ไม่ใช่นามธรรมที่ไม่ปรากฏตัวตนร่างกาย ที่เรียกว่าพระเจ้าหรือ God อย่างนั้นพิสูจน์กันไม่ได้ ทำความจริงให้ปรากฏแก่กันและกันไม่ได้ ใหญ่อยู่ที่พระเจ้าอย่างเดียว และเป็นจริงได้สมบูรณ์ทุกอย่างตามพระเจ้ากำหนดหรือเปล่า พิสูจน์ไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:22:48 )

ประชาธิปไตย 2 ขาเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ

รายละเอียด

อาตมาขยายถึง 3 ขาหรือ อาตมาพูดถึงแต่ประชาธิปไตย 1 ขากับประชาธิปไตย 2 ขา ทางด้านเลือกตั้งมีประธานาธิบดีคือประชาธิปไตยขาเดียว แต่ประชาธิปไตยที่มีทั้งนายกและมีทั้งพระเจ้าแผ่นดินหรือกษัตริย์ เป็นประชาธิปไตย 2 ขา อาตมาก็ขอยืนยันว่าเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ เพราะมีทั้งจิตวิญญาณ และมีทั้งกาย มีทั้งรูปและมีทั้งนาม แต่ประชาธิปไตยขาเดียว เป็นประชาธิปไตยพิการ ก็พูดไว้ อาตมาก็พูดเท่าที่ภูมิอาตมามียังไงก็ตามภูมิ พูดความจริงด้วยปรารถนาดีด้วยความจริงใจ เป็นการศึกษาและก็พิสูจน์กันไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 13:59:55 )

ประชาธิปไตย 3 อย่างในโลก

รายละเอียด

ทีนี้องค์รวมที่อาตมาจะพูดวันนี้ คือจะพูดเรื่องประชาธิปไตยเท่าที่มีเวลา ประชาธิปไตยเป็นภาษาเป็นพฤติการณ์พฤติกรรมของมนุษยชาติในสังคม เรียกรวมด้วยพยัญชนะว่าประชาธิปไตย คือประชาชนกับอำนาจอธิปไตย อำนาจของประชาชน 2 ตัวนี้ ประชาชนกับอธิปไตย อำนาจของประชาชนประชาธิปไตย สมัยพระพุทธเจ้าก็ไม่ค่อยพูดถึงกันเท่าไหร่ พูดถึงอธิปไตย 3 อย่าง อธิปไตยของโลก อธิปไตยของตนอัตตา และมีธรรมาธิปไตย ตอนนั้นยังไม่มีลัทธิประชาธิปไตย 

ลัทธิประชาธิปไตยมันเป็นลัทธิที่ทันสมัยสมัยนี้ คือเอาประชาชนเป็นหลัก สมัยพระพุทธเจ้าท่านก็เอาประชาชนเป็นหลัก แล้วให้ประชาชนนั้นเรียนรู้ สิ่งที่เกี่ยวข้องกันภายนอกเรียกว่าโลก เรียนรู้ตนเอง แล้วก็จัดสมดุลให้ได้ อยู่กับโลกให้สมดุล แล้วก็จัดการตัวเองให้ได้ อย่าเอาอำนาจบาตรใหญ่ของตัวเองไปทำอำนาจบาตรใหญ่ คืออธิปไตยนั่นเองกับโลกนัก จนกระทั่งเราไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ของตัวเองเลย แม้อำนาจบาตรน้อย บาตรเล็กๆ บาตรไม่ใช่ บาท บาทา นะ ตามประสาอาตมามองเห็นว่าประชาธิปไตยที่เขาเข้าใจกันอยู่ในโลกขณะนี้มันมีความเป็นประชาธิปไตยที่อาตมาแบ่งออกเป็นย่อยๆว่า มันมีอย่างนี้ 

1. ประชาธิปไตยนายทุน ที่เป็นธุรกิจโลกียะสามัญ เอาของทักษิโณมิกส์มาศึกษาดีๆ นั่นแหละคือประชาธิปไตยนายทุนธุรกิจโลกียะสามัญ ลัทธิแบบทักษิโณมิกส์ เจ้าของชื่อทักษิณ ชาติอื่นๆ ประเทศอื่นๆ ก็มีทั้งนั้น โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเป็นตัวการใหญ่ แต่เขาไม่รู้ตัวหรอกว่า เขาเป็นประชาธิปไตยแบบนายทุนธุรกิจโลกียะสามัญ 

2. ประชาธิปไตยหาคะแนนเสียงแล้วเอามาอ้างเป็นอำนาจว่า ตนเป็นมวลประชาชน ก็คล้ายกันกับนายทุนที่หาอำนาจเป็นธุรกิจ ตอนนี้ก็หาคะแนนเสียง แล้วก็เอามาเป็นอำนาจ ได้คะแนนเสียงก็มีวิธีการ มีกลเม็ดเด็ดพรายอะไรอีก สหรัฐก็เก่ง ไทยก็เอาแบบอย่างของสหรัฐมา ก็เรียนจบด็อกเตอร์มา แล้วก็มาเป็นนักการเมือง ก็ใช้วิธีพวกนี้

จนกระทั่งสอนกันว่ารัฐศาสตร์การเมืองคือการสร้างอำนาจ ไปโน่นเลย การสร้างอำนาจหมายถึงการสร้างอำนาจให้แก่ตนเองหรือพรรคของตนเอง แล้วบอกว่าประชาธิปไตย มันก็ไม่ได้ผิดไปจากคอมมิวนิสต์อะไรเลยซ้อนๆกันอยู่ แต่คอมมิวนิสต์เขาประกาศตัวจริงเลย ว่าเขาเป็นคณะ แต่ประชาธิปไตยบอกว่าไม่ใช่เป็นของประชาชน ขี้หมาเหรอครับ 

พรรคการเมืองก็คือคณาธิปไตยเหมือนกันนั่นแหละสอนกันอยู่อย่างนี้ หาคะแนนเสียง ตอนนี้ก็ดูสิ การเมืองเดี๋ยวก็จะเลือกตั้งเดี๋ยวใครจะได้คะแนนเสียง เสียเวลาอยู่ในโทรทัศน์ข่าวคราววิจัยอย่างนี้ทั้งนั้น เดี๋ยวจะรู้ว่าประชาธิปไตยเป้าหลักสัจจะความจริงคืออะไร พวกนี้ประชาธิปไตยขี้หมาทั้งนั้นประชาธิปไตยนายทุนธุรกิจโลกียะสามานย์ก็ดี  ประชาธิปไตยหาคะแนนเสียงแล้วก็มาอ้างเป็นอำนาจมวลประชาชนก็ดี 

3 ประชาธิปไตยโลกุตระ หรือประชาธิปไตยแท้จริง คือ ประชาชนเองจริงๆที่มีพลังรวม รวมความรู้ความเห็นกันอย่างอิสระ แต่มีความเห็นที่ตรงกันเป็นมวลรวมร่วมกัน เห็นร่วมกันรู้ว่า ใครเป็นคนปฏิบัติเพื่อประชาชนจริงๆ อย่างเมืองไทยเราจะเห็นอยู่นี่ เพราะฉะนั้น ขณะนี้ตัวอย่างของประเทศไทย พลเอกประยุทธ์เป็นนายกปฏิบัติเบอร์ 1 ของผู้บริหาร ประชาชนเห็นจริง โพลมันก็ไม่ตรงทีเดียว แต่ก็ยังมีความเห็นร่วมกันอยู่ ข้างนอกเขาก็มองออกมา งานของพลเอกประยุทธ์ทำ เสร็จแล้วก็พยายามเอามาวิจัยวิจารณ์ เหมือนกับร่วมคิดร่วมวิจัยกับคนอื่นๆ ในงานประชุมเอเปค แสดงพลเอกประยุทธ์ก็ได้คะแนนอยู่ โดยเขาไม่ต้องไปอ้างประเด็นต่างๆ ยกย่อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตย 3 อย่าง ในโลกวันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 10:45:13 )

ประชาธิปไตย 3 เป็นเช่นไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านตรัสได้ในยุคของท่านเพราะท่านอยู่ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระมหากษัตริย์สมัยนั้นใหญ่จริงๆ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านก็ต้องตรัส อย่างเกรงใจกษัตริย์ จะไปตรัสอย่างเอาตัวเองโดดเด่นขึ้นมาไม่ได้ ต้องเกรงใจ ท่านก็เลยตรัสเรื่องอธิปไตย แปลว่า แรง แปลว่า อำนาจ ท่านจึงตรัสอธิปไตย 3 โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย ธรรมาธิปไตย อธิปไตย 3 นี่คือแสดงความเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ โลกาธิปไตยคืออำนาจของส่วนรวมภายนอก อัตตาธิปไตยคืออำนาจในตัวเรา แต่ทีนี้ อธิปไตยอำนาจของโลกอำนาจของศูนย์รวมข้างนอกเป็นหลัก ไม่ใช่อำนาจของตัวเราเองเป็นหลัก ถ้าเอาอำนาจของตัวเราเองเป็นหลัก มันก็เป็นเผด็จการมันก็เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่ตามเดิม มันไม่ใช่ ในสมัยพระพุทธเจ้าจึงใช้คำว่าธรรมาธิปไตยเป็นตัวกลางไขความ ตามหลักศีลสมาธิปัญญาให้คนมีคุณธรรม คุณสมบัติ โลกานุกัมปายะ รับใช้โลก พหุชนหิตายะ ทำประโยชน์ให้มวลชน พหุชนะคือมวลประชาชนเป็นจำนวนมากส่วนใหญ่ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) นี่แหละคือความเป็นประชาธิปไตยคือการรับใช้ประชาชนสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนสร้างความสุขให้แก่ประชาชน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 12:29:13 )

ประชาธิปไตย 3 เส้า

รายละเอียด

คือ เป็นประชาธิปไตยที่ดีแท้ “3 เส้า” สำคัญคือ “กษัตริย์ ประชาชน ความรู้ทางจิตวิญญาณที่เป็นโลกุตระ” หรือ “อิสระเสรีภาพ” ความไม่มีอัตตา ความรู้ทางจิตวิญญาณที่เป็นโลกุตระ

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 61


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 15:47:29 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:53:19 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:36:50 )

ประชาธิปไตย 5 ประการ 

รายละเอียด

ประชาธิปไตยนี่ หลวงปู่เขียนเล่นๆ 5 ประการ 

1. ซื่อสัตย์ 2. ชัด รับใช้ประชาชน 3.ไม่เห็นแก่ตน 4.มีผลงานปรากฏ
5. กบฏต่อโลกียะ 

นี่คือประชาธิปไตย Absolute หรือ Ultimate ประชาธิปไตยสุดยอด นี่ประชาธิปไตยแท้ โลกุตระสอนประชาธิปไตยอย่างนี้ 

เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยของเมืองไทยจึงไม่มีในโลก เพราะในโลกไม่มีความรู้ มหาวิทยาลัยสอนประชาธิปไตยรัฐศาสตร์เทวนิยมทั้งนั้น ในตะวันตกในต่างประเทศ แม้แต่ในประเทศไทย เป็นศาสนาพุทธที่จะเป็นความรู้แบบที่หลวงปู่พูด แต่เขายังไม่ถึง จุฬามหาวิทยาลัยก็ตาม มหามกุฎราชวิทยาลัยก็ตาม เท่านั้นเอง แต่ก็มีคนพอรู้บ้าง เรื่องที่หลวงปู่พูดไปนี้ ผู้ที่มีปัญญา มีภูมิธรรมจะพอเข้าใจ แต่มันยังมีไม่มากพอที่จะทำให้เกิดได้ เพราะฉะนั้น มหาวิทยาลัยแห่งประชาธิปไตยในโลกมีอยู่ในอโศก อโศกนี้เป็นประชาธิปไตยสุดยอด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่  6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 12:26:13 )

ประชาธิปไตย หรือคอมมิวนิสต์มีของส่วนกลางเหมือนกัน

รายละเอียด

        คือประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์ก็เหมือนกัน คือ ต้องการให้ส่วนกลางมีมาก ให้ทุกคนเสียสละเข้ากองกลาง แล้วช่วยกันบริหารประเทศ  รวมกันของเราทุกคนนี่แหละ แต่มันแต่ละคน มีความเห็นแก่ตัว คนที่ไม่เรียน ไม่ศึกษาเรื่องเหล่านี้  มีของส่วนกลางเหมือนกัน ในประเทศประชาธิปไตยก็มีของส่วนกลางของรัฐ และก็มีคนไปบริหารแจกจ่ายเจือจาน เรียกว่าเศรษฐกิจ เฉลี่ยให้ทั่วถึงกัน เป็นเศรษฐศาสตร์คอมมิวนิสต์  ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน  แต่เป็นการบังคับมากกว่าประชาธิปไตย ประชาธิปไตยให้อิสระมากกกว่าคอมมิวนิสต์บังคับมากกว่า  มีความแตกต่างอยู่แค่นั้น

         ชาวอโศกเอาทฤษฎีของพระพุทธเจ้ามาใช้ คือให้อิสรเสรี ประชาธิปไตยเขาบอกว่า เขาให้อิสรเสรี  แต่ก็มีการบังคับด้วยหลักเกณฑ์ กฎหมาย คอมมิวนิสต์ก็เหมือนกัน  แต่ว่ามากกว่าด้วยพยายามจริงใจไม่ให้นายทุนมีอำนาจ  พยายามทำ  คนที่จะมาบังคับจัดการสังคมประเทศให้เป็นคนที่อยากเป็นคนร่ำรวย  แต่อาตมาก็ไม่รู้ว่า  พวกคอมมิวนิสต์จีนนั้น  ปิดบังความรวยของพวกเศรษฐี หรือผู้มีอำนาจผู้บริหารหรือเปล่า แล้วก็สะสม หรือไม่สะสมจริง หรือว่าจะมาเป็นคนจนแบบประธานาธิบดีอุรุกวัย  เขาจนจริงๆหรือเปล่า

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37  วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:50:53 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:27:07 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:37:25 )

ประชาธิปไตย เกิดจากจิตที่มีปัญญาอย่างไร

รายละเอียด

ประชาธิปไตยเกิดจาก จิต ที่มีปัญญา ปัญญาอะไร ปัญญาที่ไม่มีอัตตา ไม่มีตัวเอง 2 .ปัญญาที่ชีวิตต้องทานต้องเสียสละ ต้องให้แก่มวลมนุษย์อื่น เวลาเสียสละให้เลยไม่ต้องการอะไรตอบแทน หากรู้จริงเป็นจริงอย่างนี้เป็นประชาธิปไตยแล้ว อิสระ ปัญญา แล้วรู้การเสียสละ เท่านี้คุณก็เป็นประชาธิปไตยแล้ว คุณรู้จริงแล้วก็ทำจริง มวลมนุษย์มาทำอย่างนี้ 1.ไม่มีตัวตน 2 มีปัญญารู้ว่าควรจะทำอะไรแค่ไหน 3.เสียสละทำเพื่อคนอื่น ตัวเองไม่เอา ชีวิตให้พูดเรื่องว่าปรปฏิพัทธา เมชีวิกา ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รอด ไม่ต้องสะสม ไม่ต้องมีทรัพย์ศฤงคารอะไรเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 09:51:56 )

ประชาธิปไตยกับสาธารณโภคีในยุคพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ประชาธิปไตยกับสาธารณโภคี

ยืนยันว่าพระพุทธเจ้าเป็นนักประชาธิปไตยแม้ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในยุคของทาสคนยังไม่เข้าใจในเรื่องสิทธิต่างๆ สิทธิมนุษยชนสิทธิในการแสดงออกสิทธิในข้าวของก็ยังไม่มีความรู้เลย แต่พระพุทธเจ้าท่านเป็นนักประชาธิปไตยแล้ว ท่านได้ปลดแอกทาสปลดแอกออกจากกันนะ ปลดแอกออกจากนายทุน มาเป็นคนจนมาเป็นคนสาธารณโภคี กินใช้ร่วมกัน และท่านก็พาหมู่คณะไป ในยุคนั้นยังออกจากทวีปอินเดียไม่ได้

ท่านทำสังคมสาธารณโภคีได้จริงตรงที่จิตวิญญาณเกิด ให้เป็นคนมามีวรรณะ 9 แล้วเกิดสาราณียธรรม 6 โดยทำให้คนมีคุณสมบัติของพุทธพจน์ 7 อยู่ในสังคม

พุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญาคือประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน เศรษฐกิจแบบต่างๆ 5 ประเภท


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:09:56 )

ประชาธิปไตยกับเศรษฐศาสตร์และสังคมแยกกันไม่ได้

รายละเอียด

อาตมาเขียนกวี เรื่องประชาธิปไตยที่ปกหนังสือเราคิดอะไรหลายบทมาก ประชาธิปไตยกับเศรษฐศาสตร์เกี่ยวข้องกันและเกี่ยวข้องกับสังคมด้วยมันแยกกันไม่ได้ ซึ่งมันเป็นความรู้ที่จะปฏิสัมพันธ์กันไป มันเป็นความจริงแล้วก็จะเป็นความรู้ที่สัมพัทธ์ ถ้าจะให้ดีต้องมาศึกษาและปฏิบัติจะได้ที่ตนเอง เป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ อธิบายยังไงก็ไม่ละเอียดได้เท่ากับตนเองรู้ หยั่งไปถึงสัจจะเลย พระพุทธเจ้าตรัสว่าแล้วเราจะไม่ต้องเชื่อใคร รู้อันนี้แล้วไม่ต้องเชื่อใครเลย แม้แต่พระพุทธเจ้า แม้แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่ ใช่ก็ได้ แต่แม้ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็ตาม แต่จะตรงกันหมดของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ตรงกันหมด แล้วแต่จะเก็บรายละเอียดของพระพุทธเจ้ามาได้ครบไหม แต่ไม่มีใครจะรู้ได้เกินกว่าพระพุทธเจ้า ของพระพุทธเจ้านี้สุดหมดครบแล้ว จริงๆเป็นเรื่องท้าทาย เป็นเครื่องยืนยันว่าความเป็นจริงของคนกับสังคมดีที่สุดแล้วก็คือตามทฤษฎีหลักของพระพุทธเจ้านี่แหละ ในความเป็นคนกับความเป็นสังคม 2 อย่าง คนก็คือส่วนตัว สังคมก็คือองค์รวม และก็มีคุณสมบัติ คุณวิเศษ ของคนและสังคมร่วมกันอยู่ได้อย่างตรงกันหมดเลย มันไปด้วยกันหมด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:50:51 )

ประชาธิปไตยของคนต้องมี 2 ขา

รายละเอียด

ไม่เข้าใจประชาธิปไตย 2 ขา ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ขอยืนยันว่าประชาธิปไตยของคนต้องมี 2 ขา ถ้าประชาธิปไตยขาเดียวนั้นเป็นประชาธิปไตยขาหัก มีแต่ร่างไม่มีวิญญาณ ไม่มีการสืบสานทางจิตวิญญาณไม่มีกฎมณเฑียรบาลไม่มีการสืบสานของพระเจ้าแผ่นดิน มันต้องเป็นอำนาจ รัฏฐาธิปัตย์ เมื่อเป็นประชาธิปไตยแล้ว แต่ก่อนนี้ก็ตาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นนักประชาธิปไตยที่เยี่ยมยอดที่สุดมีบารมีสูงสุด ใครจะบอกว่าพระพุทธเจ้านี่เป็นพวก คอมมิวนิสต์ เป็นพวกเผด็จการไม่ได้เลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 11:46:38 )

ประชาธิปไตยของชาวเทวนิยมไม่รู้ความเป็นปัญญาธาตุรู้ที่ 2 เป็น 1 จะเกิดอะไร

รายละเอียด

คุณจะเอา 1 โดยเฉพาะ 1 ที่จะเป็นตัวกูของกู เหมือนอย่างเทวนิยมเขาไม่เข้าใจ ประชาธิปไตยของชาวเทวนิยมจึงไม่มีทางรู้ความละเอียดของความเป็นปัญญาธาตุรู้ ที่ 2 เป็น 1, 1 เป็น 2 นี้อย่างอนุโลมปฏิโลม ตามสิริมหามายา กับผู้ที่ยังยึดถืออยู่ ยึดมากยึดน้อย ยึดมากก็ไปๆๆห่างๆ ยึดน้อยลง ก็อยู่ด้วยกันได้เพราะอนุโลมปฏิโลมก็สอนกันได้ พวกที่ยึดถือมากก็สอนยากห่างไกล ถือว่าเป็นพาลชน ยังมีอยู่ในสังคมโลกที่เรียกตนเองว่า ประชาธิปไตยก็ตาม คอมมิวนิสต์ก็ตาม 

คอมมิวนิสต์ยึดในประชาธิปไตยทำทีเป็นยึดนอก แหมทำเป็นเก่งยึดนอก จะรวมกันเป็น 1 ให้สงบ อีกอันก็ยึดใน รวมกันเป็น 1 ให้สงบ พวกคอมมิวนิสต์ เสร็จแล้วก็ไม่รู้นอกรู้ในอะไรหรอก ไม่รู้โลกนอกหมดโลก ไม่รู้อัตตา เขาก็ไม่รู้ความเป็นโลก กับความเป็นอัตตา

ความเป็นโลกคือข้างนอกทั้งหมด ความเป็นในคือ อัตตา ภายในทั้งหมด เขาก็ไม่รู้ซึ่งต้องอาศัยกันและกัน โลกและอัตตา ต้องอาศัยกันและกันอย่างได้สัดส่วน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:12:07 )

ประชาธิปไตยของประชาชนเอาชนะอำนาจเผด็จการด้วยวิธีใด

รายละเอียด

แม้แต่นอมีนีสมชาย ประชาชนก็ออกไปแล้วจนกระทั่งเข้าทำเนียบไม่ได้เลย ก็สำเร็จผลอีก ต่อมาเอาน้องสาวยิ่งลักษณ์มาก็สำเร็จอีก เขาพูดเองว่า ส่งเสาไฟฟ้ามาเลือกก็ต้องเลือก เขาพูดโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นนักปฏิบัติการเขามีอำนาจใหญ่กว่าประชาชนนะ ประชาชนอยู่ใต้อำนาจแม้เอาเสาไฟฟ้ามาให้เลือกก็เป็นนายก ภาษาก็ส่อให้เห็นว่า เป็นเผด็จการ เสาไฟฟ้ามันไปทำอะไรได้  พูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่สมกับภาษา ดร.อาชญวิทยาเลย พูดไปสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เขาก็ทำได้จริงๆ แม้ที่สุดเป็นเผด็จการทางสภา ทั้งผัวและเมียมีอำนาจบาตรใหญ่เลย มันไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่สุดท้ายก็แพ้ประชาธิปไตยของประชาชน ซึ่งเป็นการใช้ความสงบความจริงความถูกต้องขับไล่ว่าคุณผิด คุณกบฏ คุณทำไม่ถูกต้อง มีอำนาจบาตรใหญ่ หลอกคนได้เก่งต่างๆนานา เขาก็มาเถียงไม่ได้ เพราะผู้มายืนยันเป็นประชาชน อย่าเอาความผิดความเลอะเทอะมาแข่งความจริงความถูกต้องเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 15:01:46 )

ประชาธิปไตยของประเทศไทยมีแกนหลัก

รายละเอียด

คือ พุทธศาสนา 

ที่มา ที่ไป

620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:47:28 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:33:43 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:37:59 )

ประชาธิปไตยของประเทศไทยมีแกนหลักคือพุทธศาสนา

รายละเอียด

 

“หนึ่งเดียว”ในโลกคือประชาธิปไตยไทย

 

(1) ไทยเปลี่ยนระบอบใช้ “ประชา- ธิปไตย”

แปดสิบเจ็ดปีมา ตราบนี้

การเมืองย่อมพัฒนา เจริญ“รูป- นาม”แฮ

“พุทธศาสตร์”ชัดช่วยชี้ บ่งให้โลกเห็น

 

(2) เป็นศาสตร์รู้จบแจ้ง ทุกนัย

ทั้ง“อัตตาธิปไตย” ชัดแท้

“โลกาธิปไตย”ไข  ได้หมด สิ้นเฮย

“อธิปไตย”จึ่งใช้แก้ “เทฺว”ได้โดย“ธรรม”  

              

(3) รู้“กรรม”จึงชัดถ้วน “ธรรมะ” 

รู้“อำนาจ”โลกุตระ วิเศษไซร้

ทั้ง“โลก”ทั้ง“อัตตะ” ครบเทฺวะ “2”รา 

จึง“สยบ”ด้วย“สงบ”ได้ เด่นด้าวโดยธรรม

 

(4) กำราบความชั่วร้าย สำเร็จ

ด้วย“สัจจเทฺวะ”เสร็จ ถูกถ้วน

“มวลชน”ร่วมกัน“เผด็จ- การ”จบ ลงแฮ

“ทหาร”ช่วยระวังล้วน ถูกต้อง“เทฺวธรรม”

 

(5) กำจัดทรราชแล้ว โดยประชา

ทหารจึ่งยื่นมือมา ต่อไม้

สืบทอดร่วมรักษา ระเบียบ ระบบ      

ใช่“เผด็จการทหาร”ได้ ชื่อผู้ลงมือ

 

(6) ซื่อบื้อกันสู่รู้ ดีนัก

หลงเปลือกบ่รู้จัก แก่นแท้ ไทยประพฤติสิทธิศักดิ์ ตรงพุทธ- ศาสตร์เลย

เป็น“รัฐประหาร”แก้ วิกฤติได้ประชาทำ

 

(7) สำเร็จ“พฤติภาพ”นี้ ของไทย            

ชื่อ“ประชาธิปไตย” วิศิษฏ์ชี้                    

ไทยปฏิบัติวิสุทธิ์ใจ ซึ่งสัมผัส ได้จริง    

ยืนหยัด“ไทย”ก่อนกี้ ตราบท้าวปัจจุบัน

(8) สำคัญต้อง“สัมผัส”ถ้วน จากไทย

 

เป็น“ประชาธิปไตย” ต่างหล้า

“ตัวอย่าง”สุดประเสริฐใน โลก“หนึ่ง- เดียว”เฮย

เด่น“เดี่ยว”แกร่งเกินกล้า แก่นแท้“กายสักขี”

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:58:40 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:35:38 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:38:28 )

ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้ามีลักษณะอย่างไร

รายละเอียด

ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าคือ ประชาธิปไตยคนที่อธิปไตย 3 มี อายะ 3 เป็นเครื่องชี้บ่ง อธิปไตยแปลว่าอำนาจ แปลว่าแรงพลัง อำนาจทางโลก โลกาธิปไตย แรงพลังอำนาจทางอัตตา แต่ละคนมีแรงในอำนาจ อัตตาธิปไตย แล้วแรงอำนาจนี้เป็นแรงอำนาจสร้างสรรทำให้เจริญงอกงาม ไม่ใช่แรงอำนาจทำลายล้าง เหมือนอย่างกับที่ เราใช้โศลกว่า คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ 

เขาสร้างกำลังอำนาจที่เลวร้าย ซึ่งแค่นี้เขาก็ไม่สำนึกสำเหนียกไม่หยุดยั้ง มันก็เป็นจริงคนเราก็มีโง่มีฉลาด เขาก็ยังโง่อยู่ เป็นกรรมเป็นวิบากของเขา เขาก็ไม่รู้หรอกเขาทำนั้นเป็นกรรมเป็นวิบาก สัจจะที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้และเอามาประกาศไว้ อาตมาก็นำมาขยายความไปอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 19:30:46 )

ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าสุดยอดอย่างไร

รายละเอียด

เรามาเข้าสู่โหมดแห่งยุคสมัยบ้างคือการเมือง ประชาธิปไตย ในเราคิดอะไรอาตมาเขียนกวีเกี่ยวกับการเมืองมามากมาย จนชักจะปวดหัว ตั้งชื่อจนผู้เขียนภาพไม่รู้จะเขียนอะไรมาประกอบแล้ว มันเป็นเรื่องซับซ้อนไม่รู้กี่ชั้น อาตมาว่ายิงเข้าเป้า ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้านี้สุดยอดที่สุด แต่คนก็ยังไม่ประทับใจสะใจเท่าไหร่เลย อาตมาว่ามันน่าจะประทับใจสะใจในประชาธิปไตยของพุทธเจ้านี้ยิ่งใหญ่ อาตมาพยายาม สรุปให้เป็นพยัญชนะภาษาให้เข้าใจกันได้ คงไม่อ่านกวี หลายอันเหลือเกินระบอบการปกครองของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ ประชาธิปไตยต้องเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณที่เห็นใจประชาชนรับใช้ประชาชนจริง ส่วนสากลเขารู้กันแล้วแต่ว่ากิเลสมันพราง ทำให้เห็นแก่ตัวเองเห็นแก่เงินทองข้าวของ ทรัพย์ศฤงคารต่างๆนานาไปกันใหญ่ สรุปแล้วถ้าจะเป็นประชาธิปไตยนั้นจิตวิญญาณจะต้องหมดความเห็นแก่ตัว หมดอัตตา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เรียนรู้อัตตา จนถึง ปรมาตมัน คือตัวตนของตัวเองแล้วมีพรรคพวกตัวเอง อำนาจบาทใหญ่ มันต้องลด ถ้าไม่ลดอัตตา หากลดอัตตมาแล้วจิตของผู้ลดอัตตาจะหลุดพ้น คือ จะมีอิสระ (ภาษาสากล)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 11:27:40 )

ประชาธิปไตยของพุทธ คือ อายะ 3 กับ อธิปไตย 3

รายละเอียด

ประชาธิปไตยเป็นคำใหม่ แต่เนื้อแท้สภาวะธรรมนั้นในยุคพระพุทธเจ้ามีอยู่แล้ว ประชาธิปไตยคือ ความรู้ในความเป็นอธิปไตย 3 และความรู้การปฏิบัติสำเร็จในอายะ 3 อายะคือ ประโยชน์ คือสิ่งที่จะเกิดได้ อธิปไตย 3 โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย และ ธรรมาธิปไตย อธิปไตยคือพลังงานที่มันเกิดในโลกในสังคมมนุษยชาติ จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นพลังงาน 

เสร็จแล้วก็เกิดจากองค์รวมทั้งหมดของคนอื่นไป เท่าที่เราจะสามารถรับรู้หรือรับได้ ในองค์ประกอบที่มันขยายออกไปเรื่อยๆ เรียกว่าโลก กับพลังงานของตัวเราเรียกว่า อัตตา พลังงานของจิตวิญญาณของคนที่ยังมีกิเลส มันก็เป็นพลังงานกิเลส ก็เราจะรู้กิเลส แล้วเราจะรู้ในอกุศลธรรมคือกิเลส ที่เป็นกุศลธรรมเรียกว่าปัญญา แล้วก็จะละลดได้เป็นธรรมาธิปไตย จะลดกิเลสโดยธรรม รู้จักลดกิเลสในตนโดยธรรมแล้วก็ช่วยโลก อัตตาเจริญขึ้นไม่ยึดมั่นถือมั่นตัวเองรู้โลกมากขึ้น มีการกระทำ มีกรรมกิริยาที่รู้จักการกระทำ รู้จักที่จะทำกับสังคมกับผู้อื่น และกรรมกิริยาที่จะทำกับตัวเอง จัดการขัดเกลากายกรรม ขัดเกลาวจีกรรม โดยเฉพาะกิเลสที่เป็นตัวเหตุใหญ่ในจิตวิญญาณและชำระจิตวิญญาณ ผู้นี้ก็จึงเป็นประโยชน์ 

เป็นประโยชน์ 3 พหุชนหิตายะ พหุชน คือมวลประชาชนส่วนใหญ่ โดยความหมายของมันก็คือมวลประชาชน หิตายะ จึงเป็นคนทำประโยชน์เรียกว่าอายะ พหุชนหิตายะ ทำประโยชน์ให้แก่มวลประชาชน ให้มวลประชาชนเป็นสุข พหุชนสุขายะ เกิดความสุขสงบ เป็นความสุขที่เป็นปัสสัทธิ เรียกว่าความสุขที่สงบ จะเห็นจะรู้จักความสุข 2 อย่าง วูปสมสุข

สุขอย่างหนึ่งคือสุขอย่างโลกียะ ไม่ได้เรื่อง สุขอีกอย่างหนึ่งคือ สุขโลกุตระ เรียกว่า ปรมังสุขัง ยิ่งกว่าสุข ขอยืมคำว่าความสุขมาใช้เป็นพหุชนสุขายะ ความจริงแล้วมันเป็นปรมังสุขัง ยิ่งกว่าสุข มันไม่ใช่สุขอย่างโลกีย์แต่เหนือกว่านั้น จึงเรียกว่าปรมังสุขัง แล้วก็ได้ช่วยโลกเป็น โลกานุกัมปายะ เป็นผู้อนุเคราะห์โลก จะว่าแล้วผู้ที่มีอายะ 3 ถึงขั้น โลกานุกัมปายะ นี่แหละคือพระเจ้าเป็นผู้ที่มีคุณธรรมและมีพฤติกรรมจริง โลกานุกัมปายะ คนนี้แหละคือพระเจ้าที่ช่วยโลกอยู่ ช่วยมวลมนุษยชาติอยู่ แท้จริง นี่คืออายะ 3 อายะ 3 กับอธิปไตย 3 นี่แหละคือประชาธิปไตยที่บริบูรณ์โดยสภาวธรรมของพระพุทธเจ้า เรียกว่า ประชาธิปไตยของพุทธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประกาศสิทธิสำเร็จสูงสุดคือสิทธัตถะ วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 สิงหาคม 2566 ( 14:14:31 )

ประชาธิปไตยของพุทธอยู่กับ กาละ เทศะ ฐานะ

รายละเอียด

ฟังให้ดี ใครอยู่ข้างนอก มีผู้นำมีหมู่กลุ่มที่ดีแล้วไม่เข้ามาจะยาก แต่เราโน่ เขาเข้าใจ คำว่า ประชาธิปไตย ตามความหมายสมัยนี้ ที่เขาเข้าใจกัน อาตมาเคยอธิบาย คำว่าประชาธิปไตยเป็นศัพท์ภาษาไทยยุคนี้ ในยุคพระพุทธเจ้าไม่มีคำศัพท์คำนี้ มีแต่คำว่าอธิปไตย อธิปไตย 3 โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย และ ธรรมาธิปไตย แล้วก็เป็นพลังอธิปไตยนั่นแหละ มันมาเป็นประโยชน์ มาเป็นอายะ 3 ที่อาตมาเอา 2 หมวดนี้มารวมกัน คืออธิปไตย 3 กับอายะ 3

อธิปไตยคือพลังอำนาจของโลก พลังอำนาจของตน แล้วก็เป็นอธิปไตย 3 แล้วก็เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ เรียกว่า อายะ 3 และเพื่อ พหุชนะ ก็คือประชาชน มวล ก็คือ พหุ จำนวนมาก หิตายะ คือ ประโยชน์ หิตาคือประโยชน์ อายะคือ ที่ได้ก็เป็นประโยชน์เหมือนกัน อันที่ 2 เพื่อความสุข พหุชนสุขายะ และ อันที่ 3 คือ โลกานุกัมปายะ เกื้อกูลโลก รับใช้โลก ช่วยโลก ทำประโยชน์ให้แก่โลกทั้งมวล เป็นการหมดตัวหมดตน เสียสละเพื่อจะทำให้แก่โลก เป็นผู้รับใช้โลกเลย ยิ่งใหญ่ 

นี่คือความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสาระสภาวะ แต่ไม่ได้มีศัพท์คำว่าประชาธิปไตยในยุคสมัยพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าก็ทำประชาธิปไตยอยู่ในสังคมยุคนั้นไม่ได้ ก็พูดมาไม่รู้กี่ทีแล้ว เขาทำไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็ทำไม่ได้ เพราะว่าเป็นยุคของคนในยุคโน้น คนเป็นทาส แล้วก็เป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคที่ไม่รู้เรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิอะไรในตัวคนๆหนึ่ง ไม่รู้เลย สิทธิในข้าวของ สิทธิในความเป็นชีวิต สิทธิในศักดิ์ศรี ในตัวตน ที่จะพูด จะคิด จะทำ ไม่รู้เรื่อง 

ดีชั่วเป็นสมมุติของโลกเป็นโลกีย์ เขาก็จะต้องทำดีก็ดีล่ะไม่มีปัญหา ยืนยันในสมมุติของโลกแล้วก็ตาม กาละ เทศะ ฐานะ ตามเวลา สถานที่ บุคคล สถานที่ ไม่ได้เที่ยง ไม่ได้อยู่คงที่เลย เพราะฉะนั้นจะเอาคำสอนตามคำสอนของพระเจ้าหรือพระศาสดา ว่าจะต้องขึ้นอยู่กับคำสอนอันนั้น ที่ยืนยันว่าอย่างนั้นอย่างเดียวไม่ขึ้นอยู่กับ กาละ เทศะ ฐานะ มันก็ผิด เพราะ กาละไม่เที่ยง ไม่ได้อยู่อย่างเดิม เทศะไม่เที่ยง ฐานะก็ไม่ได้อยู่อย่างเดิม มีองค์ประกอบต่างกันไป มันก็เลยเป็นความหลอกความปลอมอยู่ตลอดเวลา 

พวกเรามาศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า แล้วก็บอกตัวเอง อ่านตัวเอง เข้าใจตัวเองให้ได้ ผู้ที่มีอาริยธรรม มีโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าจริง คุณก็อยู่กับ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ของโลกแต่ก่อนคุณไม่รู้คุณก็หลง  อาตมาก็เคยหลงมา ใครๆ ก็เคยหลงกันทั้งนั้น แม้แต่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก็ยังหลง ถูกลิงลมอมข้าวพองเอาไป อาตมาก็ยังเคยหลง พวกคุณแต่ละคนก็เคยผ่านมาทั้งนั้น กว่าจะรู้ตัว โอ้โห.. บางคนอายุตั้งเท่าไหร่มา บางคนมาได้ตั้งแต่อายุไม่มากก็ดี เด็กๆพวกนี้ก็ยังไม่ค่อยรู้ ทั้งๆที่เรียนไปก็เข้าใจแต่เดี๋ยวเขาก็ไป สักวันหนึ่งเดี๋ยวเถอะอายุมาก หลายคนเด็กๆ ก็จะรู้ตัว ใครรู้ตัวเร็วก็มาเร็ว ใครรู้ตัวช้าก็มาช้า หลายคนก็อาจจะไม่รู้ตัวเลย โดนโลกเขาดึงไป หลงไปกับโลกเขาเลย ก็เป็นธรรมดา เพราะสิ่งที่มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นสุดยอดของมนุษย์ ประเด็นหลักๆเลยคือ พระพุทธเจ้าพาคนมาบรรลุธรรม คือ 

1.อยู่กับโลกเขา เป็นคนไม่มีโทษ ไม่มีภัย ไม่มีพิษ ไม่ทำเสียหายอะไรให้แก่โลกเลย 

2.รู้จักจิตวิญญาณ จะอยู่ก็ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ หรือไม่อยู่จะสลายไปเลยก็ได้ นี่คือจบเรื่องจิตนิยาม จิตวิญญาณสูงสุดแล้วไม่มีอะไรจะสูงสุดเท่านี้อีกแล้ว เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เทวนิยมไม่มีสิทธิ์ค้นพบ วิทยาศาสตร์เทวนิยม วิทยาศาสตร์ตะวันตก วิทยาศาสตร์ศาสนาพระเจ้าไม่มีทางมาพิสูจน์โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า หรือพิสูจน์จิตวิญญาณจนสมบูรณ์แบบเหมือนอย่างพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้พิสูจน์มาแล้ว ไม่มีสิทธิ์ บอกเลยว่าปิดประตู 

คุณต้องมาศึกษาทางนี้ แล้วบรรลุอรหันต์ คุณจึงจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่จะเข้าใจได้ เพราะฉะนั้นการเรียนรู้เรื่องศาสนา ถ้าไปเรียนรู้จากเทวนิยมจากต่างประเทศ ปัดโธ่เอ๋ย ไม่ใช่พูดเล่นนะ เขาจะมาบรรลุอย่างศาสนาพุทธไม่ได้ เขาก็ไปรู้อย่างศาสนาเทวนิยมเขา แล้วไม่เหมือนกัน ศาสดาศาสนาแต่ละศาสนาไม่เหมือนกัน เขาก็ยังขัดแย้งกัน ดีไม่ดีรบกันด้วย 

มีศาสนาพุทธเท่านั้น อันนี้เข้าใจยาก ศาสนาพุทธที่อยู่ในพุทธกัปอยู่ในยุคไหนก็แล้วแต่ ถ้าเป็นพุทธแล้วมันจะอันเดียวกันหมดเลย มันจะไม่มีศาสดาของศาสนาพุทธเป็นพระพุทธเจ้า 2 องค์ซ้อนกัน ในยุคไหนๆ ก็ไม่มี ถ้าเป็นพุทธนั้นพระพุทธเจ้าก็องค์เดียวกัน มีใครจะบอกว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า ไม่มี นอกจากคนบ้า แล้วก็เป็นคณะอะไรไม่ได้ บางคนบ้าหนัก จนกระทั่งถูกจับเป็นผีบุญ ถูกประหารชีวิตไปก็มี นึกว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า แล้วก็ก่อเกิดหมู่กลุ่มขึ้นมา เขาก็จับไปเขาก็เรียกว่าผีบุญ ถูกประหารด้วยข้อหาเป็นกบฏ เพราะสั่งสมมวลมนุษย์เขาก็จับไปจัดการ มันก็มีมาแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาชาตินี้อาตมาจำเป็นต้องประกาศอรหันต์ วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2566 ( 19:31:34 )

ประชาธิปไตยของสหรัฐเป็นประชาธิปไตยที่เสรีสุดโต่ง

รายละเอียด

แต่ประชาธิปไตยของสหรัฐ มันเป็นประชาธิปไตยที่เสรีสุดโต่ง กลายเป็นพวก Hippy เป็นประชาธิปไตย Hippy 

Hippy เป็นแสลงของคำว่า happy มันเอาแต่ความสุขส่วนตัว กูอยากจะสุขอย่างไรก็ได้กูอยากจะสมสู่ต่อหน้าต่อตาใครก็ทำ กูอยากจะบ้าบอจะทำยังไงก็ทำไปตามนั้น จะสนุกอย่างนั้นอย่างนี้ จะสูบกัญชาจะสูบฝิ่น จะสูบยาเสพติดอะไร มันทำตามสบาย มันไม่อยู่กับกฎหลักเกณฑ์อะไรเลย มันเป็นเรื่องของพวกสุดโต่งเกินขอบเขตไป มันกลายเป็นอย่างนั้น 

เพราะฉะนั้นไม่บังคับก็เลยเถิด ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย มันก็เป็นอัตตาตัวตนออกมาพุ่งออกมานอกโลก ออกไปบ้าบอๆ ไปมันก็เป็นลักษณะอย่างนั้น 

สัจจะความจริงอย่างสหรัฐอเมริกา เขาจึงเป็นตัวอย่างที่ทำมาได้ประมาณ 200-300 ปี มันเสื่อมแล้ว แรกๆมันก็พอดี แต่ตอนนี้มันเลยเถิดสุดโต่ง อัตตาของแต่ละคนมันไปใหญ่เลยแล้วมันก็ผยอง ก็ยังหลงตัวเองว่าจะต้องครอบงำโลกให้เป็นเจ้าโลก ตามที่เขาเคยยกใครเป็นเจ้าโลก โดยสร้างรูปประชาธิปไตยที่ดูดี ว่าเป็นประชาธิปไตยขาเดียวเท่านั้น ซึ่งมันเลยเถิด เลยความจริง เลยความรู้ไปเป็นธรรมชาติ เป็นลักษณะ 1 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 21:09:54 )

ประชาธิปไตยของอเมริกาครบพร้อมอะไร

รายละเอียด

ประธานาธิบดีของสหรัฐ ที่ได้ใช้กำลังเงิน กำลังโครงสร้างเครือข่ายของประชาธิปไตยทุนนิยม ประชาธิปไตยอำนาจนิยม ประชาธิปไตยของอเมริกาครบพร้อม 1. อธิปไตยของทุนนิยม 2. อำนาจประชาธิปไตยอำนาจนิยม สร้างอาวุธยุทธภัณฑ์มาบังคับโลก เป็นประชาธิปไตยบริโภคนิยม เป็นประชาธิปไตยสุขนิยม อเมริกานี้หลงทุนนิยม คะแนน 4 เต็มนี้ก็อยู่นอกเขตเทศบาลความเป็นประชาธิปไตยไปไหนๆ แต่เขาไม่รู้ตัวไม่รู้จักสาระสัจจะของมันที่แท้จริง เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นคู่แข่งของเกาหลีเหนือ เป็นคู่หูและคู่แข่ง เขาเรียกว่าคู่ตบจูบ ที่นิยมและฮิตกันในโลก เป็นภาวะสิริมหามายา เล่นกล คนดูก็สนุกดีจะเป็นอะไรกันแน่ ก็ดูว่าคู่นี้เขาจะรักหรือจะฆ่ากัน หรือพอๆกัน คือตัวเล็กกับตัวใหญ่ มันมีตัวอ้วนกับตัวผอม ขออภัยที่อาตมาใช้ภาษาสื่อให้ชัดๆ ไม่ได้ดูถูกดูแคลนเขาหรอก เลือกตั้งนี้เป็นวิธีการสุดท้ายที่ไม่เหลือแล้ว หมดจากเลือกตั้งแล้วประเทศนี้ไม่รู้เรื่องกัน มันจะไหลล้มละลายไปเลย หมดจากเลือกตั้งแล้ว เขาไม่เหลืออะไรเลย ก็จะกลายเป็นสังคมอะไรก็แล้วแต่ทิฐิของประชาชนในนั้นจะเป็นอย่างนั้น แตกระแหงกันไปเยอะแยะ
แล้วเขาบอกว่าถ้าไม่มีการเลือกตั้งไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:10:41 )

ประชาธิปไตยของอโศกที่ไม่หาเสียงเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ชาวอโศกทำงานทุกบรรยากาศคือการรายงานความจริงไม่มีการหาเสียงไม่มีการเรียกร้อง อย่างไม่เรียบร้อยก็มี เป็นความจริงแสดงออก เป็นสภาวะอจินไตย ทั้งตัวบุคคลด้วย ตราบที่อาตมายังเป็น activist ยังไม่หยุด จะต้องทำต่อไปเรื่อยๆ อาตมายังเป็นโพธิสัตว์

หากไม่มีใครมาเชิญ ไม่ไปสมัคร ถ้าถึงขนาดเชิญก็เอา แต่ถ้าไม่เชิญแต่เนื้อหาเหมาะสมก็ได้

อย่างลุงตู่มีคนเชิญมาสมัคร สส. แต่ก็ดูไปก่อน เหมือนกัน แต่อาตมานี่ขอบอกว่าเกินแกงแล้วไม่ไป ส่วนลุงตู่นี้ได้ อาตมาตีกลองเชียร์ แต่นั่นแหละ

นายกตู่มีปฏิภาณปัญญาเหมือนกับอาตมาอยู่ยังไม่ไปเคาะทีเดียว ยังไม่ถึงเวลา ก็ทำไปเถอะ แม้จะเดินเรื่องตามลำดับแต่พฤตินัยของนายกฯไม่ได้หยุด ทำหน้าที่ บริหาร อธิปไตย อภิบาล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญาคือประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน เศรษฐกิจแบบต่างๆ 5 ประเภท


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:22:27 )

ประชาธิปไตยของไทย

รายละเอียด

ในปัจจุบันนี้เมืองไทยเป็นเมืองประชาธิปไตยล้านเปอร์เซ็นต์ แล้วก็พัฒนา มาบริหาร 4 ปี จบ 1 เทอมแล้ว กำลังจะขึ้นเทอมที่ 2 อาตมาว่ารากฐานที่ได้บริหารมา 4 ปีนี้มีรากฐานที่ดีแล้ว ดำเนินต่อไป 4 ปีนี้จะเป็นเครื่องบอกว่าประเทศไทยคนไทยตาสว่างไหม คนที่เขาตะโกนหาว่าเขาเป็นประชาธิปไตย หาว่ารัฐบาลที่บริหารเป็นพวกเผด็จการ แต่ที่แท้เป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนปฏิวัติมาแล้วให้พลเอกประยุทธ์เป็นผู้บริหารเป็นนายกรัฐมนตรี ทำงานไป ประชาชนก็ยังเห็นว่าทำงานเข้าตา ในจำนวนนายกฯ 29 คนผ่านมา นายกฯพลเอกประยุทธ์นี้เข้าตาประชาชนมากที่สุด โพลล์ก็แสดงชัดเจน ต่างประเทศก็ยอมรับพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯประเทศไทย ไปที่ไหนก็ตามก็เป็นนายกฯประเทศไทย เท่าเทียมกับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นลัทธิประธานาธิบดีหรือคอมมิวนิสต์ ยังเหลือประเทศเกาหลีเหนือ ยังไม่คิดอ่านจะไป ไม่มีความจำเป็นต้องไปวุ่นวายกับเกาหลีเหนือ ให้อเมริกาเขาตอแยเอง อเมริกาต้องหาวิธีการ อาตมารู้วิธีการของเขา มันไม่ใช่เรื่องระเบิดนิวเคลียร์อย่างเดียว มันมีอะไรมากกว่านั้น ที่มาขึ้นก็คือ โดนัลด์ ทรัมป์ก็ทำไปตามประสาไม่รู้เรื่องอะไร อาตมามีความจริงอย่างเดียวใครจะว่าอย่างไรอาตมาสู้ด้วยความจริง อาตมา เทกระบะความจริงออกมาให้หมดเท่านั้น สู้จนหมดหน้าตักความจริงก็จบ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:15:33 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:37:47 )

ประชาธิปไตยของไทยขณะนี้ดีที่สุดในโลก

รายละเอียด

ซึ่งไม่เหมือนอาตมามอง อาตมามองเห็นประชาธิปไตยของไทยขณะนี้ดีที่สุดในโลก อาตมาพูดมานานแล้ว พูดมาตั้งแต่พลเอก ประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้ตั้ง 6-7 ปีนี้ ก็ยังดีใช้ได้ แม้ทุกวันนี้ก็ยังเห็นว่าเหน็ดเหนื่อยหนักหนา พยายามพากเพียรอยู่เลย ก็ขอยังไงๆ... ก็ขอ แต่ขอไม่ได้หรอก ให้ท่าน
พยายามดูแลสุขภาพให้ดีๆ ให้แข็งแรงไว้ อาตมานี่แหละ ก็คอมเม้นท์ ไม่ใช่คนมีปากศักดิ์สิทธิ์อะไร ให้เป็นอย่างนี้ไปได้หรอก ก็แนะนำนิดหน่อยไปตามประสาเรา ก็ขอให้ดูแลรักษาสุขภาพดีๆ อย่าให้โอเวอร์โหลด อย่าให้มันมากนัก ตั้งใจดีๆ ซึ่งที่จริงดูแล้วดูหน้าตาก็ผ่องใสดีนะ อาตมาว่าสดชื่นผ่องใสดี เท่าที่ดูตามประสาการดูโหงวเฮ้งของอาตมานะ มันได้แค่นี้ ก็ดูดี ชัดเจน ต่อสู้กับศึก อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ดูร่าเริงเบิกบาน มีฮิวเมอร์ สนุกสนานสบาย แล้วก็มีคารมคมคายแหย่นิดแหย่หน่อย สนุกนะ อาตมาว่า หานายกรัฐมนตรีอย่างนี้ได้ยากจริง ไม่เคร่งเครียดเอาเป็นเอาตาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:05:00 )

ประชาธิปไตยขาเดียว

รายละเอียด

คือ ประชาธิปไตย ที่ไม่มีการสั่งสมสืบทอด DNA ทางจิตวิญญาณ โดยเฉพาะทางธรรม ใครจะมีอำนาจทางบริวารผู้คนและอำนาจทางการเงิน ก็ไม่เหมือนอำนาจทางธรรม

หนังสืออ้างอิง

“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 541


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 13:08:24 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:54:22 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:39:44 )

ประชาธิปไตยขาเดียว

รายละเอียด

ประชาธิปไตยขาเดียวคือไม่มีกษัตริย์ เป็นประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดีเลือกประชาชนขึ้นไปเป็นประธานาธิบดีเป็นประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง ประชาธิปไตยขาเดียวนั้นไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ลึกซึ้งเป็นเรื่องผิวเผิน เพราะคนหรือสังคม ต้องประกอบด้วย 2 ไม่ใช่ประกอบด้วย 1 เดียว เมื่อมีจิตวิญญาณจะต้องมีรูปนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:10:22 )

ประชาธิปไตยขาเดียว มีแต่ร่างไร้จิตวิญญาณแล้วอะไรจะเกิด

รายละเอียด

ประชาธิปไตยขาเดียว หมายความว่ามีแต่ร่าง ไม่มีจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มีจิตวิญญาณมันก็แข็งกระด้าง ไม่มีธาตุรู้ที่เป็นวิญญาณ โดยเฉพาะธาตุรู้ที่เป็นกุศล ที่เป็นธาตุประเสริฐ ที่เป็นความเมตตา ความเกื้อกูล ความช่วยเหลือ ความไม่เห็นแก่ตัว ความไม่มีตัวตน คุณไม่รู้เรื่องอะไร คุณไม่ได้ศึกษา พวกประชาธิปไตยขาเดียวไม่ได้ศึกษาหรอก แล้วเขาก็ดิ้นรนและเขาก็เป็นประชาธิปไตยขาเดียวนี้ไปเถอะ อาตมาให้ 500 ปีอย่างมาก ความรู้มันจะรู้ทั่วแล้วยิ่งทุกวันนี้มันเจริญทางความรู้ แต่คนมันมีกิเลสมันเป็นไปไม่ได้เท่านั้นเอง แต่โลกุตระนี้จะเจริญขึ้นไปอีก จนกว่าจะหมดยุค หมดกัปนี้ไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2565 ( 14:21:33 )

ประชาธิปไตยขาเดียวมันผิดธรรมชาติหลอกเขา

รายละเอียด

ส่วนเรื่องประชาธิปไตยขาเดียวมันผิดธรรมชาติของมนุษย์ของสังคมคน เพราะมันมีธาตุจิตวิญญาณ ส่วนประชาธิปไตยสองขานั้นมันมีครบทั้งจิตวิญญาณและร่างกาย เพราะฉะนั้นผิดธรรมชาติมันจึงเป็นเรื่องไม่จริงไม่ถูกต้องแท้ มันไปได้แต่มันหลอกมันเหมือน ประชาธิปไตยเอาประชาชนมาเป็นมวลแต่แท้จริงมันไม่ใช่ ที่แท้มันหลอกเขาอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลอกเขาและวางโครงสร้างอำนาจเงิน อำนาจแห่งอำนาจใช้ ที่กำลังแสดงการจะเอาชนะคะคานก็คือการแสดงอำนาจแห่งอำนาจ อำนาจเงินลดลงไปบ้าง แต่ถ้าเกิดว่าเงินมากขึ้นจะมีคนมาอีกเยอะ ถ้าโดนัลด์ทรัมป์ทุ่มหมดตัวจะมาอีกเยอะ 

ทรัมป์นี่นะ ถึงแม้เขาจะชนะแต่เขาจะแย่อยู่แล้ว เขาชนะ แต่คดียังเยอะเลย เพราะเขาเป็นนายทุนใหญ่แล้วมาเล่นการเมือง ฉลาดไม่ใช่เล่นเหมือนกัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 21:32:43 )

ประชาธิปไตยขาเดียวมันผิดธรรมชาติหลอกเขา

รายละเอียด

ส่วนเรื่องประชาธิปไตยขาเดียวมันผิดธรรมชาติของมนุษย์ของสังคมคน เพราะมันมีธาตุจิตวิญญาณ ส่วนประชาธิปไตยสองขานั้นมันมีครบทั้งจิตวิญญาณและร่างกาย เพราะฉะนั้น ผิดธรรมชาติมันจึงเป็นเรื่องไม่จริง ไม่ถูกต้องแท้ มันไปได้แต่มันหลอกมันเหมือน ประชาธิปไตยเอาประชาชนมาเป็นมวลแต่แท้จริงมันไม่ใช่ ที่แท้มันหลอกเขา อย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลอกเขา และวางโครงสร้างอำนาจเงิน ใช้อำนาจแห่งอำนาจ ที่กำลังแสดงการจะเอาชนะคะคาน  ก็คือการแสดงอำนาจแห่งอำนาจ อำนาจเงินลดลงไปบ้าง แต่ถ้าเกิดว่าเงินมากขึ้นจะมีคนมาอีกเยอะ ถ้าโดนัลด์ทรัมป์ทุ่มหมดตัวจะมาอีกเยอะ 

ทรัมป์นี่นะ ถึงแม้เขาจะชนะแต่เขาจะแย่อยู่แล้ว เขาชนะ แต่คดียังเยอะเลย เพราะเขาเป็นนายทุนใหญ่แล้วมาเล่นการเมือง ฉลาดไม่ใช่เล่นเหมือนกัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 21:33:00 )

ประชาธิปไตยขาเดียวเป็นแบบพิการ

รายละเอียด

อย่างโดนัลด์ทรัมป์ตอนนี้ ขอยืนยันว่านั่นเป็นประชาธิปไตยขาเดียว เลือกเอาใครขึ้นมาก็ไม่รู้ เลือกเอาใครที่มีวิธีการมีแทคติกที่จะสามารถทำให้ประชาชนเลือกเขามาเป็นหนึ่งในประเทศได้ แล้วมาครองอำนาจไปอย่างนี้ บริหารประเทศไปอย่างนี้ เป็นประชาธิปไตยขาเดียว ซึ่งอาตมาถือว่าเป็นประชาธิปไตยแบบพิการ มันไม่ใช่ประชาธิปไตยของมนุษย์ มันเป็นประชาธิปไตยแต่รูปแบบเป็นแต่วิธีการเท่านั้นไม่มีการสืบทอดจิตวิญญาณ 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2563 ( 13:35:25 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 06:44:37 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:40:28 )

ประชาธิปไตยคนจะศึกษาในอนาคต

รายละเอียด

ประชาธิปไตยที่มีคุณสมบัติ 5 ยิ่งใหญ่สุด สังคมชาวอโศกเป็นประชาธิปไตยแบบนี้ คนจะตามศึกษาในอนาคต หากอาตมาอายุถึง 108 ความรู้นี้จะกระจายทั่วโลก เพราะทุกวันนี้เขาแสวงหาจุดสมบูรณ์ของความเป็นประชาธิปไตยที่แท้ ขอยืนยัน ไทยเราเป็นได้แล้วตามฐานะของไทย ตอนนี้ก็มีฝ่ายค้านค้านไป แต่ก็ขออภัย ต้องพูดตรงๆก็ค้านไม่สำเร็จหรอก เพราะว่ามวลของประชาชนที่เห็นดีเห็นด้วยมันมากพอ แต่ทุกวันนี้คนขยันทำงานทำพลังงานหาเสียงให้แก่ตนเองลงทุนลงแรงมากใช้เวลานานทำเต็มที่คือ ทุนรอน เวลา แรงงาน สามอย่างนี้คือองค์ประกอบ cyclic order อย่างหนึ่ง ทุนรอน แรงงาน เวลา ไปแย่งกันไม่ได้ เวลาทุกคนมีเท่ากัน แรงงานของใครของมัน ทุนรอนของใครของมัน ของไทยก็ใช้อย่างของไทย  หลักสำคัญ4อย่างคือ  1. อย่าเป็นหนี้ 2. มีพลังงานสมรรถนะเลี้ยงตัวองให้ได้พึ่งตัวเองให้รอด 3.ทำให้มากเกินกว่าตัวเองกินใช้ 4. ไล่แจก ให้มันรู้ไป ไล่แจกแล้วคนจะไม่รู้จักค่าของคุณประโยชน์ที่เราได้ช่วยเหลือเขา ไม่อยากพูดว่าจะกตัญญูเรียกร้องให้เขาตอบแทน เราไม่เรียกร้อง แต่ให้เขามีคุณธรรมของเขาเอง เราไม่เรียกร้องการตอบแทนบุญคุณ หากคุณไม่รู้สึกจริง หรือถูกบังคับมาก็อย่ามาตอบแทนเลย ยิ่งถูกหลอกล่อมาก็ไม่เข้าท่า ไม่มีศักดิ์ศรีเลย ฟังแล้วเห็นไหม ความชัดเจน สรุปมาที่ประชาธิปไตยที่มีคุณสมบัติ 5 ตั้งแต่อิสรเสรีภาพนี้สุดยอด อย่างชาวอโศกนี่มาเองนะ มากันโดยอิสรเสรีภาพไม่ไปหลอกล่อบังคับ ใครเห็นดีเห็นงามมา มาแล้วต้องเป็นคนมีวรรณะ 9 มี ศีล สมาธิ ปัญญา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:22:05 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 04:39:37 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 19:41:19 )

ประชาธิปไตยครบสูตร

รายละเอียด

แบบที่เป็น 2 ขานั้นออกนอกจากวิธีการของโลกไปแล้วเขาก็บอกว่า เขาอิสระเสรีภาพ

มาเข้าอีกหมวดหนึ่ง

ประชาธิปไตยครบสูตรจะมีมนุษย์ กษัตริย์และจิตวิญญาณที่ดีปกครอง ก็จะเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ

ประชาธิปไตยครบสูตร

 (1) “การปกครอง”รัฐต้อง      ครบสาม

 หนึ่ง“มนุษย์”ผู้มีกาม            ทุกข์แท้

 สอง“กษัตริย์”ซึ่งทรงความ- ประสริฐสุด 

 สาม“จิตวิญญาณ”แพ้-          “โลก”..แพ้“อัตตา”

 (2) ต้องศึกษา“จิต”ให้         อุตตระ  

 “เหนือ”นี้ใช่ว่าจะ                ง่ายรู้                     

  จบเปรียญก็ใช่ชนะ         “เหนือจิต” ได้เลย               

 ต้องศึกษาฝึกสู้                  กิเลสด้วยวิชชา

 (3) ซึ่งหาได้จากผู้                      เข้าถึง

 “สัตบุรุษ”ที่พึง                  สัมผัสได้

 สอนรู้“จิต”จริงจึง                จักกำจัด กิเลสแล

 ตรวจสอบพุทธพจน์ให้           ถูกพร้อมบริบูรณ์

 (4) ไม่พูนกิเลสเพิ่มซ้ำ         “จิต”มนุษย์

 ต้องพินิจให้พิสุทธิ์               ยากรู้

 กว่าจะสะอาดผุด                ผ่องสุด เป็นสัจจ์

 “อธิปไตย”จึ่งจักกู้               “โลก”ด้วย“ปัญญา”

 (5) คือ“วิชชา”พุทธแท้         “โลกุตระ”         

 ไม่่ใช่ฉลาด“เฉกะ”              แค่นั้น

 นั่นฉลาดแบบ“โลกียะ”          “เหนือจิต” มิได้เลย   

 “โลก-อัตตา”นี้หลากชั้น         หลอกผู้ปุถุชน

 (6) คนจักสำเร็จแท้                     ด้วย“จิต”

 “อุตตระ”จะพิชิต                “โลก”ได้

 “ธรรมะ”ชนะชนิด               ยอดยิ่ง จริงจบ 

 ถ้ากำจัด“อัตตา”ให้                       หมดเกลี้ยงก่อนใด

 (7) “อธิปไตย”ครบสูตรนั้น     ใช่ใด

 ตัว“อัตตา”ที่อยู่ใน               “ดนุ”นี้

 “มนุษย์-กษัตริย์”ไม่กระไร       กันหรอก

 “จิต”ไม่มี“อัตตา”ชี้           “โลก”แจ้ง“อุตตระ”

 (8) ประชาธิปัตย์นั้น                คือระบบ

 ยิ่งใหญ่สูตรครันครบ             พรักพร้อม

 “วิญญาณ”จักบรรจบ            จุดสำเร็จ

 “ไร้อัตตา-อิสรา”ล้อม            ถักร้อย“อธิปไตย”

 “สไมย์ จำปาแพง”  6 ก.ค. 2561 

  [นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 337 ประจำเดือนสิงหาคม 2561]

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:51:32 )

ประชาธิปไตยคือประชาชนเผด็จการ

รายละเอียด

นอมินีก็สู้ประชาชนทั้งหมดไม่ได้ ตอนนี้เขาก็คดีติดตัวหนี้สินพะรุงพะรัง มีหลักฐานให้ศึกษาหมดเลย ศึกษาดีๆ แล้วจะเข้าใจว่าประชาธิปไตยคืออะไร 

ประชาธิปไตยคือประชาชนเป็นตัวการ เป็นตัวมีพฤติภาพพฤติบทแท้ๆ ที่แสดงออกอย่างรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วก็มีพลัง ประชาชนเผด็จการทำให้การนี้สงบลงด้วยความสงบเรียบร้อยสุภาพ เอาความจริงเป็นหลักเป็นตัวตั้ง เอาความถูกต้องเป็นตัวตั้ง ไม่ได้มีความรุนแรง คือมันงามทุกมิติเลย 

อันนี้จะเป็นตัวอย่างของโลกคือหนึ่งเดียวของโลกอันคือ ประชาธิปไตยไทย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 16:10:43 )

ประชาธิปไตยคืออะไร อย่างไร

รายละเอียด

อาตมาก็เชื่อมั่นเหมือนกัน ใครจะหวั่นไหวก็ห้ามไม่ได้ อาตมาเชื่อ ไม่มีปัญหาอะไร ประชาธิปไตยคืออะไรเป็นการใดคืออำนาจหรือพลังฤทธิ์เดชติดแรกเป็นพลังอำนาจอันที่เป็นเดชเป็นแดงของประชาชนประชาธิปไตยประชาธิปไตยคืออะไรคือของประชาชนอย่างไร แต่มันก็จะเกิดคลื่น ประชาธิปไตยคืออะไร ประชาธิปไตยอย่างไร? ประชาธิปไตยคือ อำนาจหรือพลังหรือฤทธิ์เดช ฤทธิ์แรง ของประชาชน คืออย่างไร? อำนาจของประชาชนก็คือ อำนาจที่มีฤทธิ์มีแรงของประชาชนรวมกัน แล้วไปแสดงอำนาจนั้น แล้วอำนาจนั้นเรียกว่าชนะ ไม่แพ้นะ ถ้าแพ้ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่อำนาจชนะนั้น ถ้าชนะด้วยความรุนแรง ด้วยหอก ด้วยปืน ด้วยระเบิด เขาเรียกว่า ประชาธิปไตยเก๊ จึงชื่อว่าใช้อำนาจเผด็จการแรง ไม่ถือว่าเป็นประชาธิปไตย ฟังดูดีๆนะ ตัวนี้เป็นตัวไขความ ประชาธิปไตยจริงๆแล้วคือความเป็นอำนาจของประชาชนที่เป็นอำนาจที่ดี อำนาจที่ไม่รุนแรง อำนาจที่สงบเรียบร้อย อำนาจที่เสียสละ อำนาจที่ถึงขั้น เขาฆ่า ก็ไม่ตอบโต้ ไม่อาฆาต นี่ถึงขนาดนั้นเลย จิตจริงไม่อาฆาตไม่ตอบโต้เลย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 10:49:18 )

ประชาธิปไตยจริงที่สุดคือสังคมของพระอาริยะ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยคือล้างกิเลสให้หมดตัวตนไม่เหลือตัวเองเลย อันนี้ไม่ใช่แค่ภาษาพูดแต่พระพุทธเจ้ามีหลักเกณฑ์สอนให้ล้างกิเลสหมดตัวตนได้จริง ได้มากเท่าไหร่ก็จะเป็นประชาธิปไตยเข้าไปจริงมากขึ้น ประชาธิปไตยจริงที่สุดก็คือสังคมของพระอรหันต์ สังคมของพระอาริยะ ซึ่งมันเป็นพระอรหันต์ทั้งหมดไม่ได้หรอก ก็ต้องเป็นสังคมพระอาริยะ ก็จบตรงนี้ ซึ่งมีขั้นตอนตั้งแต่พระโสดาบัน ลดความเห็นแก่ตัวได้เป็นอันแรก รู้ตัวตนแล้วก็ต้องพยายามลดตัวตนจริงๆ สกิทาคามีก็ลดลงได้มากขึ้น อนาคามีก็ลดลงได้มากอีก อรหันต์ก็ลดลงได้หมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 10:47:13 )

ประชาธิปไตยจริงๆ คือ ระบบพุทธศาสนา

รายละเอียด

ประชาธิปไตยจริงๆ คือ ระบบพุทธศาสนา ให้คนเป็นพระอรหันต์นั่นคือ ประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่หลงใหลในศาสนาพุทธ ไม่ใช่หลงใหลพระพุทธเจ้า แต่มันเป็นความจริง ถ้ารู้อย่างอาตมารู้ คนที่รู้เขาจะพูดตรงกับอาตมาหมด จะไม่แย้งกันไปพูดอย่างอื่นหรอก เพราะมันเป็นความจริงอย่างเดียว สัจจะมีหนึ่งเดียว มันไม่มีอื่นหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 10:48:41 )

ประชาธิปไตยจะดีได้ต้องประกอบด้วยอะไร

รายละเอียด

ในประชาธิปไตยต้องมีฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลเป็นประชาธิปไตย แล้วประชาชนต้องออกความเห็นร่วม อะไรควรสนับสนุนอะไรควรจะคัดค้านเราก็ออกไปอย่างนี้โดยไม่ต้องไปในสภาหรอก เราเป็นพวกนอกสภา เราเป็นประชาชนเต็มขั้นแล้วก็มีส่วนมีสิทธิ์ตามสิทธิ์ของประชาชนในประเทศเพราะเป็นประชาธิปไตย ไม่ได้มีความผิดอะไร ไม่ได้ส่อเสียดไม่ได้หาเรื่องเป็นความจริงใจ ไม่ได้หยาบคายด้วย เพราะฉะนั้นในความเป็นประชาธิปไตยของประเทศนี้จึงจะต้องมาทำความเข้าใจกันให้ดีๆ ประชาธิปไตยจะดี ก็ต้องประกอบไปด้วยเศรษฐกิจดีสังคมกิจดี ให้ชัดเจนไปกว่านั้นก็คือต้องมีธรรมกิจดีเป็นหลักเลย ประชาธิปไตยนี้สุดยอด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 12:08:15 )

ประชาธิปไตยจะต้องมี 2 ฝ่ายเสนอและฝ่ายค้าน

รายละเอียด

สรุปก็คือความเข้าใจองค์รวม Concept ของความเป็นประชาธิปไตยของชาวอเมริกาที่เป็นประชาธิปไตยที่มันแปรรูปมาเป็นขาเดียวมาจนกระทั่ง อิสรเสรีภาพ อิสรเสรีภาพเอาตัวเองเป็นเอก ต้องเห็นอย่างข้า อย่างที่ข้าเห็นนี่แหละเป็นประชาธิปไตย ซึ่งมันไม่ใช่ประชาธิปไตยจะต้องมี 2 ต้องมีฝ่ายหนึ่งเรียกว่าฝ่ายเสนอ อีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่าฝ่ายค้าน ประชาธิปไตยอยู่โดดเดี่ยวพุ่งไปที่ 1 เดียวเดี่ยวๆ จนกระทั่งฝ่ายอื่นไม่ใช่ทั้งนั้น ไม่ได้ ฝ่ายค้านก็ต้องใช่ด้วย เขาคัดค้านได้ถูกมีสาระไหม แต่เป็นความผิดของเขาที่ยังไม่ควรในยุคนี้และองค์ประกอบขณะนี้ ในปริเฉทนี้ ในกาละนี้ หรือแม้แต่ในปัจจุบันที่ กาละนั้น น้อยที่สุดเล็กที่สุดก็ตาม คือ ต้องเข้าใจกาละเทศะฐานะต่างๆ โดยพุ่งที่อัตตาตัวเอง เอาความเห็นตัวเองเป็นใหญ่เลย เป็นอัตตาเต็มๆ เลย แล้วคนที่เห็นร่วมกันก็มาผนึกกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญคือคนที่เสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 20:15:40 )

ประชาธิปไตยจะให้คะแนนกันอย่างไร ตอน 1

รายละเอียด

ประชาธิปไตยจะให้คะแนนกันอย่างไร เอาอะไรมาชี้บ่งถึงจุดสำคัญในความเป็นประชาธิปไตยได้แท้จริง ก็ต้องเอา“หลักเกณฑ์”สำคัญ เป็นเครื่องตัดสิน ศาสนาพุทธก็มี“ศีลธรรม”แต่ละข้อของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เป็น“หลักเกณฑ์”พิจารณาตามกาละ-เทศะ-ฐานะ ที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป“หลักเกณฑ์”ที่ยืนยัน“ความจริง”แท้ได้ ต้องเป็นหลักเกณฑ์กำจัด“กิเลส”ให้หมด“อวิชชา”ได้จริงๆ จึงจะไม่มี“ความลำเอียง”มาตัดสิน แม้จะใช้ศีลธรรม ก็ต้องมีองค์ประกอบ กาละ-เทศะ-ฐานะ แล้ว จะรู้ว่ามันเกิดขึ้น-ตั้งอยู่ หรือมันดับไปแล้วก็เอามาพูดอยู่ ก็ต้องชัดเจนทั้ง กาละ-เทศะ-ฐานะ และชัดเจนจนถึงขั้น นี่มันเกิดอยู่นะนี่ และเกิดมันก็เคลื่อนไปด้วย หรือมันตั้งนิ่งอยู่หรือมันยังจมอยู่ในลักษณะนี้ ก็ต้องเอาให้ชัดๆ ลงไปในขณะที่มันเป็นอยู่ตั้งอยู่ เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ก็ต้องปฏิบัติกับตัวตั้งอยู่เป็นตัวหลัก และตัวที่ตั้งอยู่และชัดเจนที่สุด มันก็คือกาละที่มันเป็นปัจจุบันชาติ นี้แหละ และมีองค์ประกอบที่พร้อมทั้งภายนอกภายในที่เราเกี่ยวข้องอยู่ ไอ้ที่เราพ้นจากความเกี่ยข้อง เราก็ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมัน เอาที่เป็นปัจจุบันชาติที่เกี่ยวข้องกับเรากระทบอยู่ แล้วเราจะให้ได้ประโยชน์ หรือเราวางมันแล้ว มันจะเกี่ยวข้องกับเรา แต่เราวางมัน แล้วมันก็จะเป็นธรรมฤทธิ์ ไอ้ที่เราวางแล้ว มันก็จะมาเกี่ยวข้อง ธรรมฤทธิ์มาก็จะดีดมันออกไปเอง ถ้าเรามีบารมี ถ้าเราไม่มีบารมีดีดมันไม่ออกหรอก อาตมาใช้ภาษาสื่อได้แบบนี้ สภาวะแบบนี้เรียกว่าธรรมฤทธิ์

“หลักเกณฑ์”ที่ยืนยัน“ความจริง”แท้ได้ ต้องเป็นหลักเกณฑ์กำจัด“กิเลส”ให้หมด“อวิชชา”ได้จริงๆ จึงจะไม่มี“ความลำเอียง”มาตัดสิน เพราะฉะนั้น คนที่หมดกิเลส หมดอวิชชาแล้ว จึงเป็นคนตัดสินได้ดีที่สุด ลองไล่เรียง“เกณฑ์”ต่างๆ ไปทีละ“ข้อ”ดูกันซิ.. อย่างนี้จะยอมรับว่า เป็น“ประชาธิปไตย”มั้ย?

1.“ประชาชน”ส่วนใหญ่ มีอิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ เกณฑ์ที่จะเป็นประชาธิปไตย ข้อที่ 1 ฟังดูดีๆ อาตมาตอนนี้เป็นผู้ตัดสิน ตัดสินเกณฑ์ข้อที่ 1 นี้ มีคนที่อยู่ในลักษณะเช่นนี้ คนที่มีความจริงอย่างนี้ให้ตัวเองอาศัยอยู่ และตัวเองก็เป็นจริง หมู่กลุ่ม วัฒนธรรม ก็เป็นอย่างนี้จริงๆ เลย ลักษณะอย่างนี้จะแสดงออกให้เห็นได้ ปรากฏจริง คบคุ้นแล้วก็จะรู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง นะ 

นี่หลักเกณฑ์ข้อที่ 1 ในความเป็นประชาธิปไตย ก็คือประชาชน คือคนนี้เอง ประชาชนเป็นหมู่เป็นกลุ่มและก็มีพฤติการณ์พฤติกรรมของมนุษย์ทั้งหมู่ทั้งกลุ่มนี้รวมแล้วมีลักษณะ อิสระ ไม่ได้เป็นทาสอะไรเลย อิสระ มีสิทธิเต็มที่ที่จะทำและก็ไม่ทำเกินในสิ่งที่ไม่ควรทำ เป็นคนดี เป็นคนมีความรู้และเป็นคนชั้นสูง อิสระที่จะทำแต่ไม่ทำเกินที่ควรทำ แล้วก็อยู่อย่างสบาย สงบไม่ใช่อยู่นิ่งไม่ทำอะไร อยู่แข็งทื่อๆ ไม่ใช่ สงบอย่างแคล่วคล่องว่องไว ปราดเปรียว มีปฏิภาณปัญญา เบิกบานร่าเริง ได้ประโยชน์คุณค่าด้วย อยู่กันอย่างสงบและอบอุ่น อิ่มเอมคืออยู่กันอย่างดี ภาษาไทยอบอุ่น ภาษาอังกฤษหรือภาษาจีนไม่รู้ว่าอย่างไร 

อิ่มเอม เป็นความยินดีพอใจปลื้มใจ มันพอใจอย่างเต็มๆ พอใจอย่างอิ่มๆ พอใจอย่างสมบูรณ์ เกษมใส มันเบิกบานแจ่มใสร่าเริง ไม่หม่นหมอง ไม่มีมัวหมอง มันใส สบาย สว่างกระจ่าง สงบอยู่ ครบพร้อมหมดเลย แล้วมีใจเกื้อกูลตลอดเวลา สุดท้ายจบตัวนี้แหละ เป็นสุดยอดแห่งมนุษยชาติเลย ชีวิตของเรานี้ พยายามมีชีวิตอยู่ ให้เป็นผู้ที่จะเสียสละ ๆๆๆ เสียสละได้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ไปบังคับตัวเองหรอก แต่พยายามให้เกิดพัฒนาการ เป็นคนที่ได้มีอะไรเสียสละ เสียสละไม่ใช่แค่ปากพูดนะ ไม่ใช่จะไปคุยโม้ว่าเราจะเสียสละ แต่เราทำจริงๆ เลย มีผลผลิต มีแรงงาน มีกายกรรม ที่พูดผ่านไปเมื่อกี้ในรายงานผล เราจนแล้ว จนกระทั่งไม่มีอะไรจะสะสมเป็นคงคลัง มีแต่สะพัด 

ตัวสะพัดนี้ เป็นตัวยืนยันเศรษฐศาสตร์ที่ชัดเจน คุณมีแรงงานสร้างสรรสิ่งที่สำคัญ สิ่งที่เป็นประโยชน์คุณค่า สิ่งที่จำเป็น สิ่งที่เหมาะสม สิ่งที่ควรได้ ควรมี ควรเป็น ของสังคมของคนในกาละนั้น ในองค์ประกอบนั้น ได้เสียสละอย่างที่เป็นประโยชน์เป็นคุณค่า ราคาแพงจริงๆ เลย แม้แต่ราคาแพง แต่เราก็ไม่ยึดถือว่าเป็นของเรา เป็นสิ่งที่เราจะต้องเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ก็ไม่ เราเป็นเจ้าบุญเจ้าคุณอะไรยิ่งไม่คิดใหญ่ นี้เป็นข้อที่ 1. ความเป็นประชาธิปไตยสรุปไว้ข้อหนึ่ง นี่แแหละ ประชาธิปไตยในความหมาย ใน Concept ของอาตมา

2. การทำงานของ“นักการเมือง” 2.1 ซื่อสัตย์ 2.2 ขยัน ทำงานเพื่อประชาชน 2.3ทำงานเพื่อประชาชน 2.4 ไม่ทำเพื่อตนเพื่อพวกตน 2.5 เป็นกลางจริง 2.6ทำงานอย่างมีปัญญาและสมรรถนะ 2.7 ปรากฏผลงาน เมื่อกี้ ข้อที่ 1 ประชาชน ประชาชนจะต้องมีคุณสมบัติอย่างนั้น คือ มีอิสระ … เพิ่มพูนการเสียสละ ประชาชนหรือคนในระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างนั้น ทีนี้ข้อที่ 2 นักการเมือง แตกต่างจากประชาชนอย่างไร ประชาชนทุกคนก็คือคนทั่วไป แม้แต่นักการเมืองก็เป็นประชาชน ทีนี้นักการเมืองก็มีจำเพาะสำคัญลงไปอีกว่า ตั้งใจจะเป็นนัการเมือง จะเป็นข้าราชการ 

ข้าราชการ มี (1) ข้าราชการประจำเป็นนักการเมืองตัวหลัก (2)นักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง หรือได้รับแต่งตั้งขึ้นมาเป็นคราวๆ หรือจะเรียกว่า นักการเมืองจร ทั้งนักการเมืองจรและนักการเมืองประจำ เป็นนักการเมืองข้าราชการที่กินเดือนของประชาชน ส่วนนักการเมืองอีกอย่างที่ไม่ได้เป็นข้าราชการ แต่เรียกว่าเป็น ข้าราษฎรการ ก็เป็นนักการเมืองได้ อย่างชาวอโศกเรานี้ เป็นต้น

อย่างอาตมานี้ ตลอดชีวิตมาเป็นข้าราษฎรการ เป็นข้าราษฎร ไม่ใช้ข้าราช เป็นผู้รับใช้ราษฎร ให้ชัดๆ เป็นผู้รับใช้ แทนพระราชา เพราะฉะนั้น ข้าราษฎรการไม่มีรายได้ตอบแทน ไม่มีเงินเดือน นักการเมืองดูแลรับผิดชอบสังคม ทำงานเพื่อสังคม เสียสละเพื่อสังคม มีปัญญารู้ผู้คนสังคมเดือดร้อนอย่างไร ควรช่วยได้ขนาดไหนหรืออย่างไรเราก็ทำ เหมือนอย่างที่อาตมาทำและอาตมาพาทำ คนเข้าใจไม่ได้ เขาว่า เป็นพระเป็นเจ้า เป็นสมณะ เป็นนักบวช มายุ่งอะไรกับการเมือง อะไรอย่างนี้ก็เรื่องของเขา แต่เราก็เห็นตามของเรา แล้วเราก็ไปทำ ซึ่งเป็นประโยชน์คุณค่า ไม่เห็นจะเสียหายอะไร

ทำเพื่อประชาชนทำเพื่อส่วนรวม อย่างเช่นเราไปทำงานการเมืองคนจะบอกว่าไม่สมควร แต่เราก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่ควร เรามั่นใจว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิดสิ่งที่เสียหาย แต่คนเขาไม่เข้าใจ เขาก็ท้วง ก็ถูกของเขา ก็เป็นเรื่องของเขา เขาบอกว่าไม่ดีไม่ถูกไม่ควรทำ เขาเข้าใจของเขาตามประเด็นของเขา มันเป็นนานาสังวาสความเห็นต่างกัน ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร

ในข้อที่ 2. นี้ การทำงานของ“นักการเมือง” ต้อง 

2.1 ซื่อสัตย์ หลักนี้นี่คำใหญ่เลย 

2.2 ขยัน ทำงานเพื่อประชาชน 

2.3 ทำงานเพื่อประชาชน 

2.4 ไม่ทำเพื่อตนเพื่อพวกตน 

2.5 เป็นกลางจริง 

2.6 ทำงานอย่างมีปัญญาและสมรรถนะ 

2.7 ปรากฏผลงาน

7 ข้อนี้ อ่านในตัวตนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนักการเมืองที่มีลักษณะ 7 ประการนี้ ที่มีหลักฐานยืนยันได้ มีโครงการ มีแผนงาน มีผลงานปรากฏ พวกตาบอดหูหนวกก็ใส่ความ ด้อยค่าพลเอกประยุทธ์ว่าไม่มีผลงาน ทั้งที่มันมีอยู่เต็มไปหมด แล้วเขาก็มาพูดมันไม่อายหรืออย่างไร เขามีแต่ขี้โม้จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งหน้าที่เลย แต่นี่พลเอกประยุทธ์เขารับตำแหน่งหน้าที่แล้ว มีผลงานปรากฏ มีหลักฐานยืนยันแล้ว มีต่างประเทศรับรอง มีหลักฐานองค์กรนั้นองค์กรนี้รับรองต่างๆ นานา แล้วหลักฐานที่เป็นปรากฏผลงานให้พวกคุณได้อาศัยด้วย

เป็นกลางจริง การเป็นกลางนี้จึงต้องเข้าข้างคนดี จะยังไม่ขยายความต่อตอนนี้ ทำงานอย่างมีปัญญาและสมรรถนะ  ทำตามที่ฉลาดตามที่รู้แล้วก็ปรากฏผลงาน ไม่ใช่มีแต่วาทกรรม คุยโม้ แอ๊คอาทวางท่าเท่

3. ผลงานมีจริงจับต้องได้ ประชาชนได้อาศัยกินใช้ดำเนินชีวิตกันอย่างอยู่เย็นเป็นสุข เบิกบานสราญใจจริง อันนี้เอา ผลงานปรากฏมาขยายความ

4. จิตวิญญาณของประชาชนได้รับการพัฒนา ให้เป็นอาริยชนที่เป็นโลกุตระกันจริงๆ ซึ่งแตกต่างจากโลกียธรรมที่ตื้นเขิน ไม่ลดกิเลสแย่งสุขที่เป็นโลกียะ ซ้ำมิหนำมีแต่เพิ่มกิเลส 

ข้อ 4 นี้สูงส่งมาก อาริยชนที่เป็นโลกุตรธรรม ต้องสำทับอันนี้ ซึ่งแตกต่างจากโลกียธรรม โลกียธรรมนั้นตื้นเขินรู้ง่าย แต่แน่นอนโลกุตรธรรมนั้นรู้ได้ยาก เพราะฉะนั้น จิตวิญญาณของประชาชนได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างนี้ มันเป็นความเจริญ ลดกิเลสได้ แต่อย่างโลกีย์นั้นไม่ลดกิเลส แย่งสุขที่เป็นโลกียะกัน ยิ่งไม่รู้ยิ่งไม่ลดกิเลสก็ยิ่งแย่งสุข ความสุขนั้นเป็นมายาที่โง่ ความสุขหยาบๆไปหลงเรื่องเลวร้ายเรื่องเลว ความสุขตั้งแต่เป็นเจ้าโลกสร้างอาวุธฆ่าคนได้เป็นจตุมหาราช เป็นสวรรค์ชั้นที่เลวร้ายที่สุดเลย แล้วเขาก็ว่าเขาเป็นสุข เขาเป็นจอมยักษ์มาร จตุมหาราชเขาไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นคนพวกนี้มีแต่เพิ่มกิเลสโดยไม่รู้ตัวเอง สรุปข้อ 4 นี้จิตวิญญาณประชาชนต้องลดกิเลสและเจริญเป็นอาริยะ 

5. อาริยชนคืออาริยกะ (คนเจริญ)แท้ ไม่ใช่มิลักขะ (คนเถื่อน) อาริยกะแท้ คือผู้ใช้ศีลพระพุทธเจ้า เป็นเครื่องวัดได้จากกายกรรมของคน-วจีกรรมของคน ซึ่งมาจาก“มโนคติ-มโนทัศน์”เป็นประธาน บัญชาการ ใจของเรานี่แหละเป็นผู้บัญชาการหรือใจของเรานี่แหละเป็นพระเจ้าของเรา เพราะฉะนั้นศีลข้อ 1 ก็ดีข้อ 2 ก็ดีข้อ 3 ก็ดีข้อ 4 ก็ดี ศีลแปลว่าเป็นปกติ 

ศีลข้อ 1 เบื้องต้นไม่ฆ่าสัตว์ คนที่ปฏิบัติตนจนกระทั่งมีศีลแปลว่าจิตใจของตนมีทั้งปัญญาและเจโต มีความศรัทธา จิตตั้งมั่นแข็งแรงปัญญาก็ชัดเจนว่าไม่ฆ่า ไม่ฆ่าอย่างไม่ต้องฝืน ไม่ฆ่าอย่างสบาย หากไปฆ่าสิเป็นการฝืนมาก ฆ่าไม่ได้ฆ่าไม่เป็น ฆ่าไม่ลง ในที่สุดเขาจะฆ่าเรายังยอมให้เขาฆ่าเลย ไม่ฆ่าแม้กระทั่งสัตว์ที่เป็นคน จะมีปัญญารู้ว่าสัตว์นี้ คนนี้สูงกว่าเดรัจฉาน เพราะฉะนั้นเดรัจฉานเราก็ไม่ฆ่าแล้ว แล้วจะมาฆ่าคนได้อย่างไร 

เอาเถอะแม้คนมันจะชั่วมันจะเลว ก็ให้คนอื่นเขาฆ่าก็แล้วกัน มีคนรับผิดชอบคนที่ทนไม่ไหวต่อสิ่งเลวร้าย มีคนปรารถนาดีต่อสังคมเขาก็ลงมือ สำหรับเราไม่ต้องไปทำ พ้นจากหน้าที่นั้นแล้ว เรามีหน้าที่อื่นที่ละเอียดลึกซึ้งกว่านั้นได้ เราไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในวงกรรมวิบากนั้นแล้ว ไม่ใช่ว่าตีกินเอาเปรียบเขานะ แต่มันอยู่ในฐานะบารมีวาสนาบารมี มันคนละระดับ ก็ต้องปล่อยเขาไปทำ ส่วนเราก็ทำส่วนที่เราทำ 

อย่างอาตมามีวิบากถูกด่า ถูกว่า ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรมากมายกว่านั้นหรอก ทำงานมา 50 กว่าปีแล้ว อย่างแรงที่สุดก็ถูกเขาซัดแก๊สน้ำตา นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมาก ทำงานมา ไม่ว่าจะทำงานอยู่ในแวดวงพวกเราหรือออกไปสู่วงกว้างสู่ประชาชนข้างนอกการเมืองออกไปอย่างนั้น ก็นั่นแหละก็ไม่ได้มีอะไรที่ผ่านมาแล้ว 50 กว่าปี ไม่ใช่ไปท้าทาย ไม่ใช่ไปอวดดีหรอกแต่เป็นไปตามธรรม ผู้มี“กรรม 3 ที่สุจริตขั้นโลกุตระ”นั้นมี“พฤติกรรม”ตาม“ศีล” ที่เกิด“อธิศีล-อธิจิต-อธิปัญญา”กันจริงเจริญขึ้นยิ่งๆ อธิ แปลว่าเจริญขึ้น 

5.1 กรรมต่างๆ ล้วนเป็น“การกระทำดี”สังคมนับถือ 

5.2 มีประสิทธิภาพช่วยเหลือผู้คนประชาชนจริง 

5.3 กรรมนั้นชี้บอกได้ว่าเป็น“ความเสียสละ”ของมวลประชาชนส่วนใหญ่กันจริงๆ บ่งชี้ว่ามวลประชาชนต่างก็ลดกิเลส“โลภ-โกรธ-หลง”กัน สูงสุดถึงขั้นมีคนลดละกิเลสเป็น“สมณะ 4 เหล่า”คละเคล้ากันอยู่ในสังคมนั้นๆได้จริงๆ 

อย่างเหตุการณ์ที่ชาติต้องการ ออกไปชุมนุมประท้วงเป็นกิจของสังคมประเทศ ถึงขั้นที่จะปล่อยให้รัฐบาลที่บริหารอยู่นี้ ทำงานต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าพากันเสื่อม พากันทุกข์ยากพากันลำบาก สรุปง่ายๆว่ารัฐบาลทรยศเป็นรัฐบาลทรราชแล้ว จะต้องไปเอาออก 

ทีนี้วิธีการที่จะไปเอาออกที่สูงที่สุดคือต้องออกไปประท้วงเป็นลักษณะของสากล คือไปแสดงออกไปบอกความจริงว่า คุณเป็นรัฐบาลที่ใช้ไม่ได้ เราเป็นมวลประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยเราก็ออกไป ใครเห็นด้วยก็มารวมกันร่วมกัน เอามวลประชาชนนับหัวกันเลยเอาตัวจริงของประชาชนไม่ใช่ไปลงคะแนนเท่านั้น เอาเลยเข้ามารวมกัน ซึ่งเกิดแล้วในประเทศไทยหลายยก อาตมาอยู่ในเหตุการณ์ที่ไปชุมนุมกัน 

5.4 การกระทำหรือความประพฤติของคนส่วนใหญ่องค์รวมเข้าข่ายมี“วรรณะ 9” หรือมี“พุทธพจน์ 7” ที่เห็นจริงจากความเป็นจริงของมวลชนที่ประพฤติกันอยู่ เป็นปกติชีวิตของเขา ไม่ใช่แค่สำรวมท่าทีเสแสร้ง ทำเท่ๆอวดโชว์กันเท่านั้น แต่บรรลุธรรมจริง เป็นปกติของชีวิตสามัญ ชาวอโศกอยู่กันอย่างมีจิต สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ เป็นปึกแผ่นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นพุทธพจน์ 7 ที่มีจริงให้เห็นได้อย่างเป็นปกติชีวิตสามัญ 

5.5 สังคมมีความเป็นอยู่กันแบบ“สาราณียธรรม 6” อย่างเป็นจริงชัดแจ้งสัมผัสได้จากสังคมที่มีปรากฏการณ์กันจริงๆ อยู่ที่ไหนเอ่ย สาราณียธรรม 6 คือเครื่องชี้บ่งถึงสังคมที่มีความเจริญสูงสุด สังคมที่เป็นโลกุตระต้องมีคุณธรรมถึงขั้น สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา   

เมตตาคือตัวต้นของพรหมวิหาร 4 เมตตาคือเห็นคนเป็นทุกข์และน่าช่วยเหลือ เห็นเขาเป็นอยู่แล้วน่าช่วยเหลือ กรุณาคือลงมือช่วยเหลือ มุทิตาคือเมื่อช่วยสำเร็จผลแล้วก็อนุโมทนา สาธุ เสร็จแล้วนะ ดีแล้วปลอดภัยได้ดีสบายแล้วช่วยเขาได้แล้วได้ผลแล้วผลดีแล้วจบแล้ว เราก็ตัดวางเลย ในความหมายของมุทิตาจิต เห็นเขาได้ดีแล้วก็ตัดไว้ เป็นอุเบกขา ปล่อยเลยไม่ต้องไปยึดว่าเราเป็นเจ้าบุญคุณ เราได้ช่วยเหลือเฟือฟาย เรามีประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ให้มันเป็นอุปกิเลสซ้อนในตัวเอง มานะอัตตา ไปอีกไม่เอา วาง เป็นอุเบกขา 

นี่คือพรหมวิหาร 4 หรืออัปปมัญญา 4 ยิ่งใหญ่มากคุณธรรมเหล่านี้ เป็นคุณธรรมครอบโลก เป็นคุณธรรมอนุเคราะห์โลกอัปปมัญญา 4 หรือพรหมวิหาร 4 เพราะฉะนั้นผู้ที่มี สาราณียธรรม 6 โดยเฉพาะนอกจากเมตตากายกรรมวจีกรรมมโนกรรมแล้ว ตัวที่ 4 ลาภที่ได้โดยธรรม ลาภธัมมิกา เอามาเป็นส่วนกลางร่วมกัน ใครทำอันนั้นอันนี้ได้มีอันนั้นอันนี้ได้ก็ไม่ยึดเป็นของตน เป็นพฤติกรรมที่สูงสุดของมนุษยชาติ ทำงานฟรีเสียภาษี 100% เอาเข้าส่วนกลางที่เราอยู่ร่วม แล้วก็กินใช้อาศัยร่วมกัน ตลอดเกิดแก่เจ็บตาย มันเป็นปรากฏการณ์ซึ่งเป็นพฤติกรรมจริงที่มนุษยชาติทำได้ในชาวอโศก ที่เป็นมนุษย์อาริยะเป็น อาริยกชน นำโลกไป

มีใครเอาพุทธยูโทเปียของ ดร.สมบัติ จันทวงศ์ มาออกอากาศ เคยเขียนหนังสือตามหลักวิชาการ แกเป็นนักรัฐศาสตร์ แต่เสียไปแล้วล่ะ ชื่อหนังสือพุทธยูโทเปีย เราพิมพ์แจกไปเป็นแสนเล่มอาตมาเองบอกว่าอย่าไปลงจำนวนเล่มในหน้าเครดิต พิมพ์หลายครั้งแต่อาตมาไม่ได้ให้แก้ตัวเลข ตอนที่ถูกทางเถรสมาคมเล่นงาน อาตมาให้เอาอันนี้ออกไปพิมพ์เผยแพร่แจกให้มากๆ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่พุทธยูโทเปีย มันเป็นเพียงอุดมการณ์ของโทมัส มอร์ ยังเป็นจริงไม่ได้หรอก แต่ของเรานี้เป็นจริงได้แล้วมีนัยยะสำคัญที่แตกต่างจาก Thomas More ที่แกคิดไว้ แต่อันนี้เป็นของพระพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นี่เราต้องพูดไว้ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อใครจะเห็นจริงหรือไม่เห็นจริงก็มาศึกษาก็แล้วกัน อาตมาเห็นเช่นนั้นก็พูดตามประสาอาตมา 

สังคมที่มีสาธารณโภคี ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการเมือง ด้านสังคมเป็นสาธารณโภคี เพื่อมนุษย์ทั้งมวลไม่ยึดเป็นของตัวของตน การเมืองก็เป็นของส่วนกลาง เศรษฐศาสตร์ก็เป็นของส่วนกลางสังคมก็เป็นของส่วนกลาง ไม่มีตัวตน แต่แน่นอนว่ามันยังเหลือตัวตนตามฐานะของแต่ละบุคคล แต่รู้ทิศทางแล้วเป็นทิฏฐิสามัญญาตา รู้แล้วประพฤติศีลสามัญญตา เข้าใจแล้วรู้ทิศทางแล้ว แล้วต่างคนก็ต่างประพฤติ ผสมผสานกันไปรวมกันอยู่ ตามความเห็น ทิฏฐิ ตามหลักเกณฑ์ศีลที่คุณทำได้เจริญเป็น อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ไปตามลำดับ  

นี่คือ สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา มี 6 ข้อของ สาราณียธรรม 6 เป็นสังคมของอาริยะสูงสุดในโลก เป็นสังคมคลาสสิคที่สุดเป็นหนึ่ง เป็นเอก สิ่งที่พูดนี้เป็นจริงไม่ใช่พูดลอยลมเอาแต่ปาก มีของจริงยืนยัน แม้จะเป็นแค่ชาวอโศกกลุ่มเล็กๆ ในโลก เหมือนจุดสว่างจุดหนึ่งในขอบฟ้ากว้าง จุดเล็กๆจุดหนึ่งในขอบฟ้ากว้างไสวสว่าง แต่คนไม่มีดวงตามองไม่เห็น เป็นดาวดวงเล็กมากในฟ้ากว้าง เป็นดาวดวงเล็กน้อยมากในขอบฟ้ากว้างแต่เป็นจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 31ประชาธิปไตยจะให้คะแนนกันอย่างไร ตอน 1 วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 เดือน 8 เดือนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กันยายน 2566 ( 15:05:02 )

ประชาธิปไตยจะไปรอด ต้องสืบทอดทางจิตวิญญาณ

รายละเอียด

เป็นเรื่องของโลกที่แบ่งเขตทางโน้นเป็นเรื่องเทวนิยมทางนี้เรื่องเป็นอเทวนิยม เป็นเรื่องจิตวิญญาณที่สัมพันธ์กันมาก เรื่องเทวนิยมนั้นตีไม่แตกเรื่องจิตวิญญาณ จิตวิญญาณเขาจึงตื้น ก็เลยกลายเป็นประชาธิปไตยขาเดียว ไม่เห็นความสำคัญของจิตวิญญาณ เรื่องนี้เขาเข้าใจได้ยาก ประชาธิปไตยขาเดียวไปไม่รอดเพราะไม่มีการสืบทอดทางจิตวิญญาณ ทางตะวันออกมีการสืบทอดทางจิตวิญญาณ มีพระมหากษัตริย์มีการรักษา การปกครองจารีตประเพณีกฎมณเฑียรบาล มีการสืบสันตติวงศ์ ต้องรู้หน้าที่ สันตติวงศ์ก็ต้องมีหน้าที่สังวรสำรวมระวัง ความมีจิตวิญญาณสูงและมีระบบระเบียบ สิ่งที่ไม่ดีงามอย่าไปทำ มีกฎระเบียบต่างๆที่ดีงาม สืบทอดกันมาไม่รู้จักจบ ทางโน้นมันก็เลยหายไปเรื่อยๆ เรื่องของพฤติกรรมสังคมเรื่องของฮิปปี้ขึ้นไปเรื่อยๆ เอาแต่ใจตัวเองอย่างไม่มีระบบอะไร รายละเอียดลึกซึ้งเหล่านี้เขาไม่ค่อยเข้าใจ

ถ้าตะวันตกนี่นะ มีพลเมืองเป็นพันล้านรับรองเอาไม่อยู่ และจะเป็นได้ยากมันจะระเบิดและตีแตกมันจะไม่ได้ถึงพันล้านหรอกในทางตะวันตก อินเดียมีหลายพันล้าน จะไปมากกว่านี้มันก็สงบ แต่ทางจีนเขาแย่กว่า ทางโน้นเป็นเชิงความคิดทางนี้เป็นเชิงสมถะ

พลเมืองอินเดียจะถึง 2,000 จีนจะไม่ถึง 2,000 ล้านจะแตกแน่นอน เหมือนรัสเซียก็แตกแยกกันไปแล้ว ไทยเราแปลงตัวได้เก่ง ก็อยู่อย่างนี้ ไทยไม่ใหญ่โตมากมาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน เลี้ยงลูกให้รู้จักโต วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:33:47 )

ประชาธิปไตยจึงไม่ใช้อำนาจบังคับมีแต่อนุโลมปฏิโลม

รายละเอียด

ประชาธิปไตยจึงไม่ใช้อำนาจบังคับ เหมือนอย่างเผด็จการและคอมมิวนิสต์ ใช้กฎหมายใช้หลักเกณฑ์เป็นข้อบังคับอย่างหนัก เพราะฉะนั้นอย่างเช่นอเมริกา กฎหมายเขาเคร่งครัดไม่ไว้หน้ากัน ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก เขาก็อยู่กันรอด คอมมิวนิสต์ก็เหมือนกัน กฎหมายเขาเข้มข้น ผิดเป็นผิดถูกเป็นถูก อยู่รอด แต่ว่าประชาธิปไตยมีความอนุโลมปฏิโลม อย่างเช่นประเทศไทย ขับรถขับรากันยังเป็นนิสัยของคนไทย หรือเป็นจริตที่เป็นองค์รวมของจิต เป็นการอนุโลมปฏิโลมกันอยู่ ขณะนี้ผู้ที่ออกมารวนๆในประชาธิปไตย ที่ออกมาเห่าบ้องๆ ถ้าเป็นคอมมิวนิสต์เขาออกมาจัดการแล้ว ยิ่งเผด็จการยิ่งจัดการ ดีไม่ดีจะเอาตายเลยแต่ คอมมิวนิสต์ จะเอาไปแค่ขัง ถ้าเป็นเผด็จการพวกนี้ตายแล้วไม่เหลือ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:26:32 )

ประชาธิปไตยดีที่สุดต้อง“โลกุตระ”

รายละเอียด

(1) ดีสุดของระบอบแท้ คือใด

เป็น“ประชาธิปไตย”         เลิศหล้า

     ซึ่งประกอบเงื่อนไข หลายหลัก

ต้องไม่ต่ำกว่า“ห้า”     นั่นแล้จึงจริง

    (2)  สำคัญยิ่ง“หนึ่ง”นั้น มีกษัตริย์

“สอง”ประมุขคู่รัฐ ชาติเชื้อ

“สาม”พระจริยวัตร สืบสันต-ติวงค์แฮ 

“สี่”ทศพิธราชธรรมเกื้อ ราษฎร์พ้นภัยผอง     

    (3) สองขา..รัฐศาสตร์พร้อม อธิปไตย

“ห้า”ขาดขาหนึ่งใด วิ่นแท้ 

“ประชาราชสมาศัย” นาม-รูป “หก”เฮย

ครบ“เลือด,วิญญาณ”แล้ จึ่งถ้วนการเมือง

    (4) เฟื่องประชาธิปัตย์แข้(แค่) หนึ่งขา

โดย“เลือก”ประธานา- ธิปติได้

เป็นใหญ่ปุ๊บขึ้นมา     คัดสุ่ม เอาเลย

แล้วใหญ่ในรัฐไซร้ ยิ่งผู้ใดเทียม

    (5) ไม่เจียมเลยนั้นแค่ “วิธีการ”

ใช่“กฎมณเฑียรบาล” สืบสร้าง

“ทศพิธราชธรรม”ขาน ก็บ่ ได้..ฮา

สร้างรักปกปักอ้าง ราษฎร์เอื้อมีฤา

    (6) “สองขา”คือทั้ง“เลือด- วิญญาณ”

ก่อกษัตริย์ขึ้นบริหาร ทวิไท้

ต่างจากท่านประธาน อธิปติ มากแล

ใหญ่“ปุ๊บ”แต่ล้วนไร้ ชาติเชื้อ“กรรมพันธุ์” 

    (7) รัฐศาสตร์ขั้นเทพนี้ “โลกุตระ”

ใหญ่“กฎมณเฑียร”ประ- สิทธิ์สร้าง

กับใหญ่“ปุ๊บ”ก้าวกระ- โดดปั๊บ ลัดเลย 

โม้..“เพื่อประชา”อ้าง เท็จแท้ปลอมจริง

        

“สไมย์ จำปาแพง”                                             1 ก.ค. 2560

      [นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 324 ประจำเดือนกรกฎาคม 2560]

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 16:13:24 )

ประชาธิปไตยดีที่สุดต้อง“โลกุตระ”     

รายละเอียด

ประชาธิปไตยดีที่สุดต้อง“โลกุตระ”         

    (1) ดีสุดของระบอบแท้ คือใด

เป็น“ประชาธิปไตย”         เลิศหล้า

     ซึ่งประกอบเงื่อนไข หลายหลัก

ต้องไม่ต่ำกว่า“ห้า”     นั่นแล้จึงจริง

    (2)  สำคัญยิ่ง“หนึ่ง”นั้น         มีกษัตริย์

“สอง”ประมุขคู่รัฐ ชาติเชื้อ

“สาม”พระจริยวัตร สืบสันต-ติวงค์แฮ 

“สี่”ทศพิธราชธรรมเกื้อ ราษฎร์พ้นภัยผอง     

    (3) สองขา..รัฐศาสตร์พร้อม อธิปไตย

“ห้า”ขาดขาหนึ่งใด วิ่นแท้ 

“ประชาราชสมาศัย” นาม-รูป “หก”เฮย

ครบ“เลือด,วิญญาณ”แล้ จึ่งถ้วนการเมือง

    (4) เฟื่องประชาธิปัตย์แข้(แค่) หนึ่งขา

โดย“เลือก”ประธานา- ธิปติได้

เป็นใหญ่ปุ๊บขึ้นมา     คัดสุ่ม เอาเลย

แล้วใหญ่ในรัฐไซร้ ยิ่งผู้ใดเทียม

    (5) ไม่เจียมเลยนั้นแค่ “วิธีการ”

ใช่“กฎมณเฑียรบาล” สืบสร้าง

“ทศพิธราชธรรม”ขาน ก็บ่ ได้..ฮา

สร้างรักปกปักอ้าง ราษฎร์เอื้อมีฤา

    (6) “สองขา”คือทั้ง“เลือด- วิญญาณ”

ก่อกษัตริย์ขึ้นบริหาร ทวิไท้

ต่างจากท่านประธาน อธิปติ มากแล

ใหญ่“ปุ๊บ”แต่ล้วนไร้ ชาติเชื้อ“กรรมพันธุ์” 

    (7) รัฐศาสตร์ขั้นเทพนี้ “โลกุตระ”

ใหญ่“กฎมณเฑียร”ประ- สิทธิ์สร้าง

กับใหญ่“ปุ๊บ”ก้าวกระ- โดดปั๊บ ลัดเลย 

โม้..“เพื่อประชา”อ้าง เท็จแท้ปลอมจริง

“สไมย์ จำปาแพง”                                             1 ก.ค. 2560

      [นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 324 ประจำเดือนกรกฎาคม 2560]

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

กามโทษ กามาทีนวะไม่ใช่ให้เสพกามคุณ


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 20:33:56 )

ประชาธิปไตยตามสูตรพระพุทธเจ้าต้องเป็น 2

รายละเอียด

ซึ่งนักรัฐศาสตร์เดี๋ยวนี้เรียนประชาธิปไตยมาจากต่างประเทศทั้งนั้น ไม่ได้เรียนประชาธิปไตยจากสูตรของพระพุทธเจ้า จากธรรมะพระพุทธเจ้า ไม่ได้เรียนรู้ประชาธิปไตยจากความหมายสมบูรณ์แบบของพระพุทธเจ้า แต่เขาไปเรียนตามตำราของต่างประเทศ ที่ยืนยันประชาธิปไตยขาเดียว ยิ่งไม่ได้เรื่องใหญ่เลย มันผิดธรรมชาติ ประชาธิปไตยต้องมี 2 ต้องมีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เป็นต้น ต้องมีลักษณะ 2 ประชาธิปไตย มีลักษณะหนึ่งเดียวไม่ได้ต้องมีจิตวิญญาณและวัตถุ ถ้ามีสืบสาวราวเรื่อง ทั้ง DNA ทั้งมวลประชาชน มันมีคู่มาทั้งนั้น 2 2 2 ประชาธิปไตยเป็น1 ไม่ได้ ประชาธิปไตยต้องเป็น 2 นี่ก็ไม่ใช่จะเข้าใจกันได้ง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:14:12 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์