@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ธรรมนิยาม 5

รายละเอียด

        1. อุตุ คือพลังงานสามัญวัตถุทางฟิสิกส์ เช่นความร้อน แสงเสียงแม่เหล็ก เป็นพลังงานของมหาจักรวาล ของเอกภพ เป็นสามัญทั่วไป พลังงานเหล่านี้ไม่เป็นชีวะ แม่จะพลังงานวิเศษเท่าใดก็ตามก็ไม่เป็นชีวะ เช่นพลังงานนิวเคลียร์ พลังงานนาโน เราจับหยิบมาใช้ได้ไม่กี่อย่าง แม้สูงส่งแรงมีอำนาจพิเศษเท่าใดก็ไม่ใช่ชีวะ เรียกว่าแค่อุณหธาตุเท่านั้น

        2. พีชะ หรือพืช เป็นพลังงานในระดับที่ปรับตัวสูงกว่าอุตุ สามารถพัฒนาอัตโนมัติของตนเองได้ สามารถให้เกิดหรือดับเองได้ มันสามารถสังเคราะห์เองได้แล้วก็ดับไปตามกำหนดได้ แต่ไม่มีความรู้สึก ไม่เจ็บปวด ไม่สุขทุกข์ ไม่ดีใจเสียใจ จึงไม่มีบุญหรือบาป ใครบอกว่าไปพรากพืช ก็บาปสิ คนที่พูดเช่นนี้ยังไม่เข้าใจรายละเอียด มันไม่มีโลภโกรธหลง มันมีอัตโนมัติ มันมีสัญญาของมันเองว่าจะเอาธาตุอันไหนมาสังเคราะห์หรือสังขารได้

        3. จิต นิยาม หรือวิญญาณ อันนี้พัฒนาตนสังเคราะห์มาเป็นขั้นที่มีวิญญาณ เรียกว่าพลังงานที่มีวิญญาณครอง หรือกรรมครอง เรียกว่า อุปาทินกสังขาร มีกรรมบาปกรรมบุญ  เช่นสัตว์เดรัจฉาน ตั้งแต่สัตว์ชั้นต่ำเซลล์เดียวไป มันก็มีของมันซื่อๆ แล้วพัฒนามาเป็นสัตว์ชั้นสูง เป็นเดรัจฉาน เป็นคน

       คนที่เวียนตายไปเกิดเป็นเดรัจฉานไปใช้วิบากก็เป็นได้เป็นจริง สัตว์พวกนี้มีเวทนา มีวิญญาณ มีรักมีชัง มีโลภ โกรธหลง มีมากน้อยตามระดับ สัตว์ชั้นต่ำก็มีน้อย สัตว์ชั้นสูงก็ยิ่งมีมาก แค้นมาก รักมากก็ได้ ถ้าไม่ศึกษาธรรมะก็จะไปตามพลังงานไปตามกรรม

       จิต นิยาม จะเรียนรู้กรรมได้ มีกรรมด้วย ผู้ที่เรียนรู้เรื่องกรรมได้ เรียกว่า เวไนยสัตว์​ รู้ว่ากรรมนี้พาเกิด พาเป็นไป แต่ละศาสนาก็อธิบายไปตามภูมิ แต่พุทธเรียนรู้เรื่องชาติตัวที่สองนี้แหละ

       สัตว์ที่เป็นจิตนิยามนี้แบ่งเป็น เวไนยสัตว์และอเวไนยสัตว์  พวกอเวไนยฯคือพวกที่สอนเรื่องกรรมวิบากไม่ได้ ซึ่งแม้เป็นชาวพุทธแต่ไม่สนใจเรื่องกรรมวิบาก แย่งชิงทุจริตโดยไม่ใส่ใจสัจธรรม ก็วนเวียนไปตกนรกเยอะ แม้พระพุทธเจ้าก็เป็นเพียงผู้ชี้ทาง ไม่มีใครเก่งแก้กรรมได้ แต่มีบางคนเก่งกว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าแก้กรรมได้ คนนี้น่ากลัวจริงๆเลย แล้วคนพวกนี้รวยนะไปแก้กรรมวิบาก

        4. กรรม  นิยาม เป็นผลของกรรมหรือการกระทำ ทำชั่วทำดีทางกาย วาจา ใจ ซึ่งเวไนยสัตว์คือสัตว์ที่สอนให้ละชั่วทำดีได้ อาจจะกดข่มอย่างบางศาสนา ได้เป็นนิสัยที่สะสม แต่จะไม่ถึงขั้น วิสัย ของพุทธเท่านั้นจะทำถึงวิสัยได้

       เวไนยสัตว์ระดับกัลยาณชน ก็ทำดีละชั่ว แต่ไม่รู้โลกุตระ ส่วนเวไนยสัตว์ระดับรู้โลกุตระจะรู้จักตัวกิเลส แล้วมีวิธีดับกิเลสได้ ดับชาติได้ ให้ชาติตัวนี้ตายจริง นี่คือศาสนาพุทธมีตัวนี้ที่พิเศษ สามารถดับตัวชาติไม่ให้เกิดขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นๆนี่แหละ ก็จะเรียนรู้ได้จากชาติที่เกิดจากกรรม โดยเฉพาะที่เกิดจากใจนี่แหละ ใจเป็นประธานของทุกอย่าง

        5. ธรรม นิยาม คือสิ่งทรงไว้ โดยเฉพาะในจิต จิตที่เป็นอกุศลจิตก็ฆ่าให้ตายไปเลย ไม่ทรงไว้ซึ่งอกุศลจิตหรืออกุศลธรรม ไม่ให้ตั้งหรือทรงไว้ ให้เหลือแต่กุศลธรรม เป็นการทรงไว้ซึ่งนามธรรม แม้จะเหลือเล็กน้อยเท่าใดก็รู้ ให้ดับหมดไม่กลับกำเริบอีกสุดเลยก็ได้ ยืนยันได้ว่ามันไม่เกิดอีก นี่คือพลังงาน 5 อย่าง เราต้องดับชาติในธรรมะ ธรรมะพระพุทธเจ้าคือธรรมะที่ดับชาติ ถ้าไม่ดับถึงชาติก็ไม่ถึงโลกุตระ สิ่งที่ทรงอยู่ก็มีแต่สัตว์ประเสริฐไม่มีสัตว์ชั้นเลวเลย

ที่มา ที่ไป

560922


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2563 ( 14:40:11 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:18 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:34:31 )

ธรรมนิยาม 5

รายละเอียด

แต่ถ้าบวชจริงๆเหมือนอย่างชาวอโศก บวชอย่างเกิดปัญญา รู้ว่า อ๋อ! ปัญญา ญาณวิชชา ความรู้ที่เกิดแล้วนี้มันไปถึงนิพพาน สามารถรู้ที่ต้นธาตุ ต้นธรรม แล้วก็รู้ที่ปลายของธรรมรู้ที่ต้นของการเกิด รู้ที่ปลายของการเกิด โดยเลิกการเกิดของจิตนิยามได้อย่างสลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย กลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย สิ่งนี้ก็เป็นเรื่องที่ ในเถรวาทไม่มี ไม่ได้อธิบายเอาไว้ เพราะมีความรู้ในธรรมนิยาม 5 รู้ในอุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐก็ไม่มี แต่อาตมาเจอในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ของ พระพุทธโฆษาจารย์ บันทึกไว้ อาตมาได้รับ ไปเจอเข้า ก็รู้ว่าอันนี้เป็นของพระพุทธเจ้า 

ธรรมดาธรรมชาติ คนจะรู้จักนิยาม 5 นี้ ไม่ได้เด็ดขาด จะรู้เองไม่ได้เลย  พลังงานในระดับ 5 แยกเป็น 5 อย่างนี้ ตั้งแต่เป็นฟิสิกส์ อุตุนิยาม จนกระทั่งเป็นไบโอโลจี เป็นพีชนิยาม จนเป็นจิตนิยามที่ลึกซึ้งซับซ้อน วิจิตรพิสดาร ผู้ที่มีจิตนิยามจึงศึกษาเป็น เวไนยสัตว์ ศึกษาที่จะไปรู้ กรรมนิยาม ธรรมนิยามได้ 

เมื่อรู้แล้วก็พิสูจน์ตัวเอง ทำพลังงานแบบนี้ในตัวเองได้ ก็จะรู้โดยมีความเป็นโลก ที่เราจะต้องไปเกี่ยวข้องหมุนวนอยู่ ตั้งแต่ใช้ภาษาว่า อบายภูมิ ภูมิต่ำ ภูมินรก ภูมิไม่สบาย  ภพภูมิต่ำ เราก็ยังไปคลุกคลีเกี่ยวข้องอยู่ ยังไปสุขไปทุกข์ อยู่กับภพภูมิอย่างนั้น หยาบๆ ซึ่งเป็นโลกียะที่หยาบแล้ว เป็นรสเป็นชาติแบบโลกียะ เป็นสุขเป็นทุกข์ แย่งชิง ฆ่าแกงกัน (พ่อครูไอตัดออกด้วย) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 34 ปัญญา สมาธิและสันติภาพแบบพ่อครู

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2565 ( 17:27:58 )

ธรรมนิยาม 5

รายละเอียด

ซึ่งไม่ง่ายแต่พวกเราก็เข้าใจกันได้ แต่จะให้มาอธิบายเองจริงๆ บางทีก็ยากสับสนอยู่บ้าง ใช่ไหม ลองอธิบายอีกทีก็ได้ ในธรรมนิยาม 5 มีภาษา 5 คำ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม 

ธาตุอย่างนี้ อุตุนิยาม คือธาตุที่คือสสาร พลังงาน ไม่เป็นชีวะ เป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งยังไม่เป็นชีวะ พอเริ่มเป็นชีวะ จากอุตุมาเป็นชีวะชั้นแรกเรียกว่าพืช โดยยืนยันเริ่ม จะเป็นตัวมันเอง มีประธาน มีตัวที่รวบรวมตัวมาเป็นกลุ่มก้อนตัวเองขึ้นมาอย่างพืชพันธุ์ธัญญาหารที่มีอยู่เต็มโต๊ะนี้ มันก็เริ่มเป็นชีวะ แต่มันมีแค่สัญญากับสังขาร ปรุงแต่งโดยมีการกำหนดรู้ว่า ธาตุนี้เอาธาตุนั้นไม่เอา เอามาปรุงแต่งสังขารเป็นชีวะของพืช ยังไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ แต่มีรูปสัญญา สังขาร แต่ยังไม่มีเวทนาหรือยังไม่มีวิญญาณ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข  ไม่จับตัวกันไปเป็นวิบากต่อเนื่องกันไป 

เพราะฉะนั้น พืชพันธุ์ธัญญาหาร จึงเป็นชีวะซึ่งไม่ใช่อุตุ ไม่ใช่ดิน ไม่ใช่น้ำ  ไม่ใช่ลม ไม่ใช่ไฟ ซึ่งคนเขาไม่ต้องไปถึงขั้น ธาตุดินไปกินบ้าง มีอะไรหลายอย่างในธาตุดิน ต้องกินต้อง ใช้บ้าง แต่เรากินธาตุพืชเป็นหลัก ไม่ต้องไปกินธาตุที่เป็นชีวะถึงขั้นสัตว์ เอาชีวะขั้นพืช ปลอดภัย ไม่มีบาปไม่มีเวร ไม่มีวิบากต่อกันและกัน ไม่จองเวรจองกรรม ไม่มีโทษมีภัยต่อกัน แต่มีประโยชน์ต่อกันอย่างเดียว 

นัยยะ ละเอียดลึกซึ้งพวกนี้เป็นความตรัสรู้ลึกซึ้งของพระพุทธเจ้าที่ท่านสอน อาตมารับรู้แล้วเอามาสาธยายให้ฟัง อาตมารู้ได้จำได้  จนกระทั่งทุกวันนี้ เหมือนเอาเป็นของตัวเองแต่ก็จากพระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรียนรู้ตามพระพุทธเจ้ามา ทุกวันนี้ความรู้ทั้งหลายแหล่ของอาตมาเอามาจากพระพุทธเจ้าทั้งนั้น แล้วก็เอามายืนยันพิสูจน์ปลอดภัยที่สุด 

ซึ่งสังคมจะต้องเข้ามาสู่จุดนี้ จุดปลอดภัยนี้ แต่คนยังหยาบ ยังเลว ยังเสื่อมอยู่ ยังไม่เหมือนพวกเรา เขายังเป็นภัยอยู่เลย ยังห้ำหั่น ฆ่าแกงกัน ยังไม่รู้จักวิบาก ต่างชาติยังเละกันอยู่เลย แล้วเขาก็บอกว่าพวกเขาเป็นพวกที่เจริญซึ่งเจริญ อย่างโลกียะ อย่างหยาบ ไม่เจริญอย่างสูงเป็นโลกุตระ มันเจริญด้วยการยึดอำนาจ ยึดวัตถุ ทั้งนั้นเลย แต่มาถึงโลกุตระแล้ว ไม่เอาอำนาจ ไม่เอาวัตถุเป็นหลัก มีพออาศัย แต่เอาคุณธรรมความดีงาม ความไม่มีตัวตน ความมีประโยชน์ต่อผู้อื่น เป็นคุณค่าเครื่องชี้วัดว่าเจริญ ซึ่งวิเศษ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 35 จิตวิญญาณแห่งสาธารณโภคีที่มีในชาวอโศก วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2565 ( 09:31:59 )

ธรรมนิยาม 5 ที่พระพุทธเจ้าศึกษา

รายละเอียด

ธรรมนิยาม 5 ที่พระพุทธเจ้าศึกษา คือ  อุตุ  พีชะ  จิตนิยาม  กรรมนิยาม  ธรรมนิยาม

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 17 กันยายน 2562 ( 06:33:08 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:12:42 )

ธรรมนิยาม 5 ยิ่งใหญ่อย่างไรทำไมไม่มีในพระไตรปิฏก

รายละเอียด

ในธรรมนิยาม 5 ยิ่งใหญ่มาก ซึ่งไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ เพราะพระกัสสปะเก็บมาไม่หมด ก็ไปอยู่ในมหายาน อยู่ในเล่มอื่น ธรรมนิยาม 5 ถึงไปอยู่ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค หรืออยู่ในอรรถกถาจารย์องค์อื่น

ผู้ที่ยึดถือพระไตรปิฎก ว่าไม่มีธรรมนิยาม 5 ในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ก็จะบอกว่าอันนั้นเป็นของอรรถกถาจารย์นอกรีตนอกเรื่อง เขาบอกว่าพระไตรปิฎกต้องเอาเฉพาะที่พระกัสสปะรวบรวมไว้ฉบับสยามรัฐนี่แหละ แต่เป็นการเก็บคำสอนพระพุทธเจ้ายังรู้น้อย ไม่ครบ จุดสำคัญอย่างที่ว่า อย่างที่มีธรรมนิยาม 5 อาตมาอธิบาย ถ้าผู้ใดไม่รู้เรื่องธรรมนิยาม 5 แล้วทำให้จิตเป็นอุตุนิยามเป็นพีชนิยามได้ ทำส่วนของกรรมนิยามไว้แล้วทรงไว้ซึ่งธรรมนิยาม ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ ผู้ที่ทำได้จึงเป็นพระอรหันต์โดยเฉพาะเป็นพระโพธิสัตว์ ที่จะรู้อย่างอาตมา เอามาพูดให้เป็นความรู้ของตัวเองเอามาพูดสาธยายให้ฟัง 

เพราะฉะนั้นสายเทวนิยมจึงไม่มีความรู้ ไม่รู้แจ้ง ไม่รู้จัก รู้แจ้งรู้จริงเรื่องกรรม เรื่องวิบาก ไม่รู้อย่างถ่องแท้ กรรมวิบากจึงเป็นเรื่องอจินไตยมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2

 วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 14:23:57 )

ธรรมนิยาม 5 รู้จากผู้รู้ระดับพระพุทธเจ้าหรือสยังอภิญญา

รายละเอียด

จิตคือธาตุรู้ คือสิ่งหนึ่งที่เกิดจากภาวะมนุษย์กับสัตว์ สัตว์เดรัจฉานสัตว์เซลล์เดียวเป็นสัตว์ที่มีจิต หรือเรียกว่าจิตนิยาม เริ่มมีธาตุรู้ซึ่งมันต่างกันกับพีชนิยาม อุตุนิยาม 3 สภาพนี้อีกเหมือนกัน หรือทั้งธรรมนิยาม 5 อย่างนี้ เดาเอาไม่ได้ จะมาเที่ยวได้สู่รู้เฉยๆไม่ได้ต้องรู้จากผู้รู้ ระดับพระพุทธเจ้าหรือสัตบุรุษ อย่างน้อยก็ต้องเป็นสยังอภิญญาอย่างอาตมา อาตมาไม่ได้อธิบายเรื่องธรรมนิยาม 5 ซึ่งต่างกันกับธรรมชาติ นิยามคือการกำหนด กำกับกรอบความรู้ลงไป ส่วนธรรมชาติเป็นคำกลางๆ นิยามก็คือ Definition การกำหนดความหมายอยู่ในกรอบขอบเขตหนึ่ง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 22 เมษายน 2563 ( 13:56:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:43:04 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:36:18 )

ธรรมนิยาม 5 หรือการแยกกายแยกจิต

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคำว่าธรรมนิยาม 5 หรือการแยกกายแยกจิต ผู้ที่มาบวชแล้วมีพระวินัยให้พระอุปัชฌาย์อธิบายเรื่องมูลกรรมฐาน 5 นี้ก่อนอื่นเลย อธิบายจากผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ที่เป็นอวัยวะส่วนนอกของร่างกาย แล้วเอามาเป็นตัวอย่าง เป็นตัวสำคัญ เอามาใช้เป็นเครื่องหมายที่จะอธิบายแยกแยะกายแยกจิต อย่างที่ลองอธิบายอีกทีนึง หลายคนอาจจะยังไม่คมไม่แม่นยังไม่ชัด ใครยังไม่ชัดในการแยกกายแยกจิตบ้างยกมือ   ยังมีอีกหลายคน  อย่างนั้นอธิบายอีกที

กายกับจิต สองตัวนี้ ถ้าแยกกายแยกจิต ไม่รู้จักสภาวะหรือความหมายของความรู้สึกเวทนา ความรู้สึกในความเป็นกาย ความรู้สึกในความเป็นจิต แยกกายกับจิต ความรู้สึกเวทนาในความเป็นกายเวทนาในความเป็นจริง ถ้ากายไม่มีเวทนา กายนั้นไม่เป็นกายแล้ว ฟังดีๆนะ กายนั้นไม่เป็นกายแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4

วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 15:53:44 )

ธรรมนิยาม 5 เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด

รายละเอียด

ทีนี้กลับมา ธรรมนิยาม 5 ที่เมื่อกี้พูดถึงค้างไว้ ธรรมนิยาม 5 นี้แหละ เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด ที่ ถ้าไม่เข้าใจ ไม่มีทางบรรลุอรหันต์ ไม่เข้าใจอย่างชัดเจนเลยในธรรมะนิยาม 5 แบ่งสภาวะของนิยามก็คือแบ่งสภาพนิยามไว้แต่ละอย่าง นิยามไว้ว่า อุตุนิยาม ไว้ว่า พีชนิยาม ไว้ว่า จิตนิยาม ไว้ว่า กรรมนิยาม ไว้ว่าธรรมนิยาม รวมมี 5 คำนี้ 

พระพุทธเจ้าจึงให้สอนผู้ที่จะสอนคนคืออุปัชฌาย์ เมื่อรับศิษย์เข้ามาจะศึกษา ก็ต้องดูแลรับผิดชอบลูกศิษย์ลูกหา อันเตวาสิกนี้แล้วสอนเขาให้บรรลุธรรมนิยาม 5 นี่แหละ 

ถ้าอุปัชฌาย์ไม่รู้จักธรรมนิยาม 5 นี้แล้ว อุปัชฌาย์เต่า อุปัชฌาย์เป็ด อุปัชฌาย์ไม่ได้เรื่องหรอก อุปัชฌาย์ไม่มีทางที่จะสอนให้คนเขาบรรลุธรรมได้ อุปัชฌาย์อย่างนั้นมีไหม มี มีที่ไหน มีทั่วไป อุปัชฌาย์ทุกวันนี้เป็นอุปัชฌาย์เป็ด อุปัชฌาย์เต่า เต่าก็ไข่ทิ้ง เป็ดก็ไข่ทิ้ง มีลูกแล้วก็ทิ้ง เดี๋ยวนี้ไข่ขายราคาแพง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้โลก 9 แบบ จนเป็นมนุษย์พืชมหัศจรรย์ วันพุธที่ 19 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2565 ( 21:12:20 )

ธรรมนิยาม 5 ไม่มีในพระไตรปิฏกแต่ไปมีในอรรถกถาที่เขาเก็บไว้

รายละเอียด

โชคยังดีที่พระไตรปิฎกชุดของพระมหากัสสปะยังเก็บ อาณีสูตรไว้ ยังมีอาณีสูตรอยู่ แต่ไม่มีธรรมนิยาม 5 ในพระไตรปิฎก 45 เล่ม ไม่มี อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยามไม่มี แต่ไปมีอยู่ในอรรถกถาที่เขาเก็บไว้ ก็เลยได้มาเรียน ซึ่งมันเป็นความรู้สูงสุดในเรื่องธรรมนิยาม 5 ก็ตาม เรื่อง นิวรณ์ 5 ก็ตาม มันต้องเรียนรู้ความจริงว่าเรายังมีเหลือ เหลืออาการ แล้วก็ต้องเรียนรู้อาการจากสิ่งที่ไม่ใช่อาการของกาม จับนิมิตของกามให้ได้ นิมิต คือ หมาย เครื่องหมาย การแสดงความหมาย ที่หมายว่า อาการอย่างนี้หมายว่ากาม จับให้ได้ มันต่างจากสิ่งที่ไม่ใช่กาม เช่นคู่ของมัน ปฏิฆะ อย่างนี้เป็นต้น 

คนเรานี่ รักกันมาก รักนะ หวงแหน เป็นของกูคนเดียว ใครมาแตะข้าก็ปฏิฆะขึ้นมา ฆ่าเพราะกาม ฆ่าคือกาม กามคือปฏิฆะ แยกไม่ออกเลย คุณรักมากคุณจึงฆ่าเขา โกรธที่เขาไปกบฏต่อความรักของตนเอง เห็นไหมว่ามันเป็นมายาซ้อนกันอยู่ 2 เป็น 1 , 1 เป็น 2 กามกับปฏิฆะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2565 ( 15:01:56 )

ธรรมนิยามแห่งสมุปบาท 4

รายละเอียด

1.ตถตา (ตนเป็นเช่นนั้นๆได้อย่างอัตโนมัติแล้ว หรือได้ความว่างเป็นสัจธรรมเช่นนั้นเองในตัวแล้ว) 

2. อวิตถตา (ความจริงที่เที่ยงแท้แล้ว-ไม่กลับกลาย) 

3. อนัญญถตา (เป็นไปอย่างนั้นแน่จริงชนิดไม่มีสิทธิ์เป็นอื่นอีกแล้วอย่างนิรันดร์) 

4. อิทัปปัจจยตา (เพราะเป็นสิ่งนั้นได้จริงแล้ว  จึงสืบต่อเชื้อความจริงในสิ่งนั้นได้.. อย่างมีของแท้จริงเกิดขึ้นสืบทอดให้กันและกันจริง) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 21:06:19 )

ธรรมนูญของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าจึงมีประชากรที่มานับถือพุทธศาสนาเท่าไหร่มากเท่าไหร่ นั่นคือประชากรของประเทศพระพุทธเจ้า นี่ไม่สงสัยนะ เข้าใจ  แต่ท่านก็ไม่ได้เอาไปไหน ท่านก็ให้ปฏิบัติธรรมนูญของท่านได้หมด ซึ่งไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับการปกครองของรัฐไหน ถ้าปฏิบัติตามจุลศีลมัชฌิมศีลมหาศีล ของพระพุทธเจ้า มันไม่ได้ทำให้สังคมเสียหายเลย มีแต่ความเจริญเพราะมันสูงส่ง เป็นธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นธรรมนูญที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นแม้แต่ประเทศไทย ถือศาสนาพุทธ ไม่ต้องไปเอาจุลศีลมัชฌิมศีล  มหาศีล แค่เอาศีล 5 ข้อนี้แหละ มาเป็นธรรมนูญ เรียกว่ารัฐธรรมนูญศีล 5 ไม่ต้องไปล้างให้ยากเลยทั้งนั้นแหละ รับรองเลยประเทศไทย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 09:35:48 )

ธรรมนูญของพระพุทธเจ้าคืออะไร

รายละเอียด

คนไม่เข้าใจว่าในยุคพุทธเจ้ามีประชาธิปไตยได้อย่างไร เนื้อหาเป็นประชาธิปไตยแท้ แต่มันมีความเข้มข้นมีพลังงานอย่างปาฏิหาริย์ ในทวีปอินเดียยกให้พระพุทธเจ้าหมดเลยพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ขนาดพระเจ้าปเสนทิโกศลพระเจ้าพิมพิสารยกให้หมด แคว้นที่ใหญ่ที่สุดของโลกในยุคนั้นนะ ในทวีปอินเดีย ท่านเป็นรัฐอิสระไปที่ไหนประกาศธรรมนูญของท่าน จะเรียกว่าประกาศรัฐธรรมนูญของท่านก็ได้ ก็คือจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลเป็นธรรมนูญใหญ่ ทุกรัฐทุกแคว้น ยกให้ท่านเลยประชาชนจะมาเข้ารีตของท่านก็ยกให้เลย ชัดเจน พระเจ้าอชาตศัตรูเป็นลูกของพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าอชาตศัตรูก็เป็นตัวอย่างได้ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องราวมีเหตุนิทานสมุทัยปัจจัยยืนยันอ้างอิงชัดเจน เพราะฉะนั้นค่อยๆทำความเข้าใจกัน นักศึกษานักรัฐศาสตร์การเมืองประชาธิปไตย จะค่อยๆเข้าใจว่าประชาธิปไตยคืออะไร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:02:58 )

ธรรมนูญของพระพุทธเจ้าไม่มีเดรัจฉานวิชา

รายละเอียด

ระบอบการปกครองของมนุษย์ เป็นระบอบที่ดีที่สุดก็ต้องมีทิฏฐิ มีกฎรัฐธรรมนูญนี้ อย่างของพระพุทธเจ้าก็มีจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เรียกเป็นธรรมนูญ ในประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้ามีธรรมนูญคือจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล สามหลัก เรียกว่ามีธรรมนูญ แล้วก็จะเห็นได้อย่างง่ายดายที่สุดก็คือ ในธรรมนูญของพระพุทธเจ้าไม่มีเดรัจฉานวิชา ไม่มีวิชาที่มีอาชญวิทยาเลย ใช้ศัพท์นี้แทนได้เต็มรูปเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 15:15:08 )

ธรรมนูญของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

อาตมาทำตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า 1. ศีลไม่เสมอกัน 2. กรรมปฏิบัติกันคนละอย่างไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรม อุเทส ก็อธิบายกันคนละอย่าง นี่คือเหตุปัจจัยที่เป็นนานาสังวาสกันโดยสัจธรรม มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะว่าพระท่านไม่ได้ถือศีลกันแล้ว ท่านถือแต่พระวินัย 227 จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ท่านไม่รู้เรื่อง แต่ชาวอโศกต้องถือศีลอันเป็นธรรมนูญของศาสนาพุทธ คือจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล คนในยุคนี้ไม่ได้รู้เรื่องด้วยซ้ำ โชคดีที่พระไตรปิฎกยังอยู่ครบ จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล บอกว่านี่เป็นศีลของเธอประการหนึ่งของเธอภิกษุทั้งหลาย ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วเขามีแต่วินัย 227 แล้วก็เข้าใจไม่ได้ว่าวินัยกับศีลต่างกันอย่างไร แค่วินัยก็ยังเอาไม่อยู่เลยไม่ต้องพูดถึงศีล เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มีศีล ก็จะมีเดรัจฉานวิชา ไสยศาสตร์ อยู่ในมหาศีลเป็นต้น เดรัจฉานกถาอยู่ในมัชฌิมศีล เป็นต้น ไม่เหลือเลย มีเต็มศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นถ้าจะพูดไปแล้วมันก็น่าสงสาร ที่มันหมดรูปของความเป็นศาสนาพุทธ มันกลายเป็นเดียรถีย์ อาตมาว่าร้ายกว่าในยุคพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาเดียรถีย์นั้นอยู่เต็มป่า ซึ่งเรียกว่า สมณพราหมณ์ แล้วท่านก็ตรัสว่าสมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกได้ฉันอาหารที่เขาทำมาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังมีน้ำหน้ามาทำอย่างนี้อย่างนี้ ญาติโยมเขาเอาให้อาหารเลี้ยงดูไว้รับประทานแล้วยังไปปฏิบัติให้ผิดศีลผิดธรรมวินัย ในยุค พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะมันยังไม่มีคำว่าภิกษุของพุทธยังไม่เกิด เพราะฉะนั้นก็ใช้คำว่าสมณพราหมณ์เหมือนกันหมด 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 11:02:18 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:59 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:36:49 )

ธรรมบท

รายละเอียด

คือคำสอนก็กล่าวเป็นคำสอน แล้วอธิบายคำสอนนั้นๆไป ผู้สอนก็สอนอธิบายได้ทีละคน ธรรมบทอย่าเอามาสวดสอนพร้อมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ธรรมบทใช้นำมาสอนทีละคนได้ และห้ามนำคำสอนมาสวดโชว์พร้อมกัน ซึ่งก็มี "วินัย" ห้ามแล้ว ขืนทำก็ "อาบัติ" ทุกคำกล่าว

กล่าวหนึ่งคำ อาบัติหนึ่งตัว

กล่าวมากขึ้นไปกี่คำ ก็อาบัติไปตามจริง

กล่าวเท่าใด ก็อาบัติเท่านั้น

ยิ่งกล่าวมากก็ยิ่งอาบัติมาก

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 27


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:38:59 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:10:56 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:37:15 )

ธรรมมิกราชที่มาแสดงรูปธรรมและนามธรรมของโลกุตรธรรม

รายละเอียด

ถ้าจะพาดพิงถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงตรัสไว้ว่า “ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา” เอาเป็นแบบคนจน ท่านเป็นธรรมมิกราชที่มาแสดงรูปธรรม แล้วก็สร้างทำ อาตมาขออภัย บอกความจริงว่าอาตมาคือธรรมิกราชคนหนึ่ง ก็มาอธิบายธรรมะโลกุตรธรรม ขยายความ ซึ่งในหลวงท่านก็ทำทางรูปธรรม อาตมาก็ทำทางนามธรรม จนกระทั่งเกิดสังคมเศรษฐกิจสาธารณโภคี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 17:27:33 )

ธรรมมิกราชสององค์ในยุคนี้

รายละเอียด

เขาพูดมาเก่าแก่แล้ว อาตมาบอกความจริงเท่านั้น ความจริงว่าธรรมิกราชเป็นอย่างไร คนมีปัญญาเขาพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่จริง มีพฤติกรรมมีปรากฏการณ์จริง มีหลักฐานที่ทำให้คนเช็คตรวจสอบดู คุณมีความรู้เท่าไหร่ ตรวจสอบดู ธรรมิกราชคือผู้มาแสดงธรรม มาปรากฏการกระทำทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ในธรรมะ แล้วก็เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตรธรรมนี่แหละ ทำอย่างไม่มีตัวตน ทำอย่างซื่อสัตย์ ทำอย่างเพื่อประชาชน มีสมรรถนะ มีความรู้ความสามารถ ทำได้ผลจริงๆ ก็บอกซะให้เต็มที่เลยว่าธรรมิกราชคือในหลวงรัชกาลที่ 9 กับอาตมา พูดกันให้เต็มเต็ม ไม่ต้องมังกุ เหนียมๆอายๆหรอก มันเป็นเรื่องจริง ความจริง ก็ได้ทำมาแล้ว มีสิ่งที่จริงไหม มีหลักฐานยืนยัน มีปรากฏการณ์ มีธรรมะแล้วออกไปให้บุคคลและบุคคลปฏิบัติ เกิดเป็นคนที่มีคุณธรรม ที่เรียกว่าโลกุตระ 

แล้วโลกุตระคืออะไร คุณมีความรู้เท่าไหร่ล่ะ นี่มันใช่ไหมล่ะ อาตมาภาคภูมิใจที่สามารถเอาโลกุตรธรรมมาให้พวกคุณปฏิบัติจนกระทั่งเกิดถึงขั้น สาราณียธรรม 6 มีสาธารณโภคี ได้ถึงขนาดนี้ ยืนยันธรรมะของพระพุทธเจ้าว่าเป็นจริงได้ เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็นปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า คำสอนของพระพุทธเจ้าทำได้จริงๆ เกิดจริงเป็นจริง นี่แหละเรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปฏิบัติตามคำสอนได้ มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มีวิมุติ จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 5 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 14:19:03 )

ธรรมมิกราชในยุคกึ่งพุทธกาล

รายละเอียด

ในยุคนี้มันกำลังแยกระหว่างคนเจริญคนที่ประเสริฐกับคนที่ยิ่งแย่ลงแย่ลง เพราะใกล้กลียุค เพราะฉะนั้นแก๊ประหว่างคนประเสริฐคนฉลาดจริงๆ พูดไม่ได้หลงตัวเอง แต่เป็นเรื่องจริง คนโง่ลงไปมากขึ้น อำมหิตมากขึ้น สร้างอาวุธร้ายแรงยิ่งขึ้นอย่างนี้เป็นต้น ต้องมีอำนาจใหญ่มากขึ้น แทนที่จะไม่ต้องยึดถืออำนาจในตัว ไม่มีตัวตนหรือเห็นแก่ผู้อื่นให้หมด แม้แต่คนอื่นจะฆ่าเราก็ฆ่าไป ตบมือข้างเดียวเราไม่พยาบาท หรือเป็นพระอรหันต์แล้วจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายแล้วจะสลายจิตนิยามเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย พระอรหันต์ขึ้นไปก็ทำได้แล้ว ก็ยิ่งไม่ต้องไปจองเวรจองกรรม ตายชาตินี้จะจบแล้ว เข้ามาช่วยให้จบเร็วก็ไม่ต้องจองเวรจองกรรมใครก็จะเลิกแล้ว ปรินิพพานเป็นปริโยสาน จะไม่เกิดอีกเลย

เพราะฉะนั้นพระอรหันต์รุ่น 1 เห็นสัมภารวิบากว่าขันธ์ 5 เป็นทุกข์ ก็จ้างคนอื่น ไม่มีอะไรก็เอาบาตรไปจ้างคนอื่นให้ฆ่าตนเอง ฆ่าฉันหน่อย ฉันจะได้ตายไป แล้วท่านก็ตายอย่าง นิพพาน 3 สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน  ท่านก็จบ อย่างนี้เป็นต้น อาตมาก็ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดลออแล้ว ขอยืนยันว่าอาตมาเป็นธรรมมิกราช มาในปางนี้ยุคนี้ซึ่งเป็นยุคเสื่อม โลกุตระเสื่อมตามอาณิสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าโลกุตระจะหายไปหมดไม่มี อาตมาก็เอาความรู้มาจากชาติก่อน ชาตินี้ไม่มีใครสอน ไม่มีใครสอนได้สัมมาทิฏฐิเหมือนอาตมา เอามาปฏิบัติจริงให้เป็นจริงได้เลยบรรลุเป็นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ มีสมณะ 4 เหล่า เขาทำไม่ได้ แต่อาตมาทำได้ 

 แต่คนยังเข้าใจไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นอาตมาก็ได้แต่สงสารเมืองไทย เมื่อไหร่จะมีดวงตาเห็นแล้วพวกเราก็มีมากเพิ่มขึ้น แต่มันไม่ง่ายมันช้าเพราะพวกอาตมาทำแล้วก็ได้แล้วมีแล้ว ถ้าคนข้างนอกมีจำนวนมากซึ่งเป็นพุทธ ใส่ใจศึกษาศาสนาที่เป็นศาสนายิ่งยอดกว่าศาสนาใดๆในโลกแล้ว พระพุทธเจ้าท่านไม่ยกย่องตนเองเกินไป แต่อาตมาพูดความจริงเท่านั้น ที่พูดนี้เป็นความจริงไม่ได้อยากอวดโอ่อยากยกตนข่มท่านเลย แต่เป็นความจริงที่อาตมาพูด อาตมาเป็นคนซื่อและพูดจริง พูดเท็จไม่เป็นอีก คนฟังเขาจะบอกว่าเป็นคนพูดโกหกไม่เป็น มีด้วยหรือ? อาตมาก็รู้ตัวเองว่าไม่เคยพูดโกหก ตั้งแต่เป็นโพธิสัตว์รู้ตัวเองมาไม่เคยพูดไม่จริงไม่เคยพูดโกหก แต่ก่อนตั้งแต่เป็นเด็กเป็นฆราวาส ลิงลมอมข้าวพอง ยังไม่ฟื้นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ก็ไม่โกหกไปตามโลกตั้งแต่รู้ตัวเองเป็นโพธิสัตว์มาจนอายุถึง 88 ย่าง 89 ปีแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 14:42:38 )

ธรรมยาตรา

รายละเอียด

คือ สัญลักษณ์เพื่อให้เกิดพลังรวมนำพากันไปสู่จุดหมายปลายทางของชาวอโศก คือ เบิกบาน แจ่มใส มัธยัสถ์ สุภาพ สงบ หมดความอยาก สิ้นความเสพย์

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า187


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:39:47 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:28:08 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:37:41 )

ธรรมยาตรานาวาบุญนิยม

รายละเอียด

คือ การจัดขบวนเรือเป็นครั้งแรกที่ลำน้ำมูลมีผู้เข้าร่วมขบวนกว่า 1,000 คน มากกว่าที่กำหนดไว้เดิม คือ 777 คน

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 187


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:42:34 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:28:42 )

ธรรมยุตกับมหานิกาย

รายละเอียด

เรื่องนานาสังวาส ขอขยายอีกนิด ในยุคพระพุทธเจ้าไม่มีอะไรเกิดนานาสังวาส ทำไม่ได้ มันไม่มีตัวอย่าง แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัส ประกาศธรรมวินัยอันนี้เอาไว้ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า จนท่านปรินิพพานไปแล้วก็ไม่เกิดคดีนานาสังวาสอีกเลย จนกระทั่งมาถึงในยุค 2,500 นี่แหละ เรามาเป็นตัวนานาสังวาส แต่ที่จริงเถรสมาคมเขาก็มีนานาสังวาสเหมือนกัน คือธรรมยุตกับมหานิกาย แต่ต่างคนต่างไม่เข้าใจ ต่างคนต่างไม่ไหว ไม่เข้าใจในรายละเอียด ก็เลยไม่ได้ทำให้ถูกตรงกับวิธีการ ไม่ตรงตามระบบของพระพุทธเจ้า จะพูดต่อไปนี้มันเสี่ยงนิดนึง แต่ว่าธรรมยุตนั้น ประกาศตนเองเป็นนานาสังวาส โดยธรรมยุตนั้นอยู่ในฐานะของ พระประยูรวงศ์ ก็เลยสำเร็จผล เขาก็ไม่กล้า เท่านั้นเอง ส่วนรายละเอียดของพระธรรมวินัยนั้น ไม่ต้องพูดถึง ต้องยอมเพราะว่า เป็นพระประยูรวงศ์ เรื่องของเรื่องเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้มันจะมีความซับซ้อนอีกเยอะ สมเด็จพระสังฆราชเจริญ​ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร ก็เป็นหนึ่งในชื่อของการประกาศธรรมยุตที่จะประกาศแยกมหานิกาย กับธรรมยุต ตอนนั้นท่านอยู่ในฐานะของพระศาสนโสภณ เป็นเจ้าคุณชั้นต้น อย่างนี้เป็นต้น ตอนนั้นก็สำเร็จผลแต่ก็ดำเนินไปแยกกันเป็นนิกายไปพักใหญ่ ร่วมกันไม่ได้เลย และกรรมนั้นเกิดแล้ว ผ่านไปแล้ว อนันตริยกรรม ใครเป็นคนก่อคนแรกก็แล้วแต่ ของใครของมัน ใครเป็นตัวตั้งตัวตีก็แล้วแต่ เสร็จแล้วตอนหลังถึงเข้าใจมากขึ้น ทุกวันนี้ตอนนี้ประนอมกันอย่างมาก แต่ตอนนั้นไม่ประนีประนอมกัน แล้วก็มาทำผิดพระธรรมวินัย ตรงที่ว่า มหานิกาย กับธรรมยุต เรียกว่าเป็นคนละนิกายนะ เรียกชื่อเต็มๆโดยไม่เข้าใจคำว่านิกายเป็นคำแสลง ไม่ควรจะเอามาใส่ตัวเอง เหมือนเป็นเชื้อไม่ดี เหมือนเอาเชื้อนรกมาใส่ตนเอง มันเป็นนิกาย เพราะฉะนั้นเขาเรียกว่ามหานิกายกับธรรมยุติกนิกาย ปฏิบัติประพฤติไม่เข้ากันเลย แต่พอมาถึงทีจะมาตีๆอโศกนั้น ก็ร่วมกันมาทำสังฆกรรมอีกมันผิดพระวินัย รวมกันทำสังฆกรรมเพื่อจัดการกับอโศกก็เป็นการผิดวินัยอีก นี่คือความไม่ประสีประสากับธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า แล้วท่านรวมกันเป็นหมู่ใหญ่ เป็นแก่นๆนะ ทำกันทั้งคณะ ไม่ใช่ทำแบบปลีกย่อยขนาดเล็ก แต่เป็นคณะใหญ่ทำ หลายอย่าง ถ้าจะพูดไปแล้วเหมือนเป็นการรื้อฟื้น แต่ขอระลึกถึงกันบ้าง คือแสดงความถูก ความผิด เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าที่จะบอกว่าสิ่งที่ผิดคือสิ่งที่ผิด สิ่งที่ถูกคือสิ่งที่ถูก ฟังแล้วก็อาจจะน่าเกลียดเหมือนกับการยกตนเอาดีให้แก่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ก็มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการที่จะพูดความจริงที่จะไปกระทบ พูดดีก็ไปกระทบคนดี พูดชั่วก็ไปกระทบคนชั่ว แต่ถ้าพูดแล้วไม่กระทบใคร คุณจะบ้าหรือ คนเขาไม่ได้เป็นไม่ได้ผิดอย่างนี้ไม่ได้ดีอย่างนี้ แม้จะชั่วอย่างนี้แล้วคุณก็พูดไป ไม่กระทบใคร มันก็ไม่มีใครทำอย่างนั้นก็ไม่กระทบ แล้วจะพูดไปทำไม ต้องพูดในกรณีที่มีคนทำ คนนี้ทำดีหรือชั่ว พูดถึงประเด็นความชั่ว ก็ต้องกระทบคนชั่ว พูดถึงประเด็นความดีก็กระทบคนดี เป็นกรรมกิริยาที่เขาประพฤติจริง ถ้าไม่มีใครประพฤติ คุณจะไปพูดทำไม พูดแต่ภาษาก็ได้ คุณจะไปพูดเก่งกว่าพระพุทธเจ้า หรือเก่งอย่างไรมาเสริมข้อผิดถูกให้แก่พระพุทธเจ้า วันนี้ก็วันฉลอง ครบ 45 ปีในการประกาศนานาสังวาส 6 สิงหาคม 2518 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 10:29:30 )

ธรรมยุตแยกจากมหานิกายทำได้โดยปริยาย

รายละเอียด

เมืองไทยเหมือนกันก็คือ ธรรมยุตแยกจากมหานิกาย ผู้แยกเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่ตอนที่แยกยังไม่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่เป็นเจ้าฟ้าที่จะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ท่านก็เป็นใหญ่ท่านก็ทำได้โดยปริยาย ท่านก็ตั้งขึ้นมา ไม่มีใครจะห้ามท่านได้ง่ายๆ แต่อาตมาเป็น layman ธรรมดา ไม่มีศักดิ์ศรียศตำแหน่งอะไรเลย เป็นกรรมกรสามัญ แล้วมาประกาศแยกจากการบริหารปกครองของคณะใหญ่ มันดูใหญ่จังเลย จะทำได้หรือ ตายลูกเดียว แต่ก็ไม่ตาย อยู่จน 87 ปีแล้ว (พ่อครูพูดผิดว่า 89 หรือ 89 จะตายแล้ว) ญาติโยมว่าไม่ได้ เอ้า อาตมาก็พยายามอยู่ มีเจตนาจะอยู่ต่อไม่ได้อยากจะตาย 89 ปียังเจตนาอยู่ว่าอย่างไรอย่างไรอายุ 90 ปีฉลองให้หน่อยนะ อย่างน้อยก็เอามันโอกินาว่า มาทำอะไร พวกเราปรุงแต่งเก่ง บวดมัน ต้มมัน ปิ้งมัน ย่างมัน ทอดมัน เอามาเป็นเมนูต่างๆมาฉลองให้อาตมา เอามันนี่แหละ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:15:01 )

ธรรมยุตและมหานิกายคณปูรกะมาร่วมสังฆกรรมเอาผิดอโศกไม่ได้

รายละเอียด

ดีไม่ดีก็เอาธรรมยุตและมหานิกายมารวมกันรุมอาตมาเลย มันก็ยิ่งแสดงชัดเจนว่าทำไมไม่ประสีประสากับธรรมวินัยเลย แค่คณปูรกะ ต่างคณะกันแล้วจะร่วมกันสังฆกรรมไม่ได้ มาร่วมกันโจมตีอาตมา โดยเรียกว่าเป็นคณะกรรมการสงฆ์ ทำสังฆกรรม ซึ่งทำไม่ได้ มันเป็นอาบัติ แต่ท่านไม่รู้หรอกว่า มันเป็นอาบัติ ก็ยิ่งแสดงความเสื่อมชัดเจน คณะทั้งคณะไม่รู้ความผิดของพระธรรมวินัย และละเมิด เป็นอาบัติในธรรมวินัยเองเลยแล้วมันจะยังไง ยิ่งทุกวันนี้ บริหารจัดแจงไม่ได้ ปล่อยให้ออกมา มีผู้ประกาศตนเป็นพระบิดา มีพระปาราชิกอะไรออกมา มีคดีผู้หญิงบ้าง เรื่องเงินเรื่องทองบ้าง 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องเงินเรื่องทองกับเรื่องผู้หญิง มันจะเต็มไปหมด 

อาตมาเคยพูดและก็ขอพูดอีกว่า แม้แต่ในคณะใหญ่นั่นแหละรู้กัน ปาราชิกเรื่องผู้หญิงหรือเรื่องเงินก็ตาม แต่ก็กลบปิดกัน เละกันอยู่ในคณะเอง อาตมารับผิดชอบคำพูดนี้ ว่า ไม่ได้ใส่ไคล้ใส่ความ มันก็มีเรื่องมีหลักฐานออกมาตั้งเยอะแยะ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อาตมาก็เห็นใจนะ ที่จริงก็เห็นใจ ให้อาตมาหรือให้คณะอาตมาไปบริหารคณะสงฆ์เป็นคณะสงฆ์ อาตมาก็ไม่รับหรอก พูดตรงๆเลยว่า อาตมาทำไม่ได้เพราะมันเละเกิน อาตมาไม่มีแรง ไม่มีๆความสามารถที่จะไปจัดการสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะอาตมาไม่ครบพร้อมไม่หยาบพอ อะไรก็แล้วแต่มันทําไม่ได้ มันก็ต้องเป็นปรากฏการณ์อย่างนี้แหละ เราก็ทำ ทางโน้นเขาก็ต้องทำ มันเป็นภาวะที่ยังไม่ลงตัว ก็ต้องให้เป็นอย่างนี้ไปก่อน ค่อยเป็นไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2565 ( 13:53:19 )

ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

รายละเอียด

พวกนี้เขาเป็นนักบวช มีหลักเกณฑ์ศีลวินัยอะไรต่างๆ มันก็เถียงไม่ได้ แย้งไม่ได้ นอกจากคนที่ตามืดตาบอด เป็นคนวิปริต เข้าใจธรรมวินัยพระพุทธเจ้าไปอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมันไม่ตรง 

แต่ถ้าคนที่รู้จักภาษาบัญญัติดีๆ อ่านพระไตรปิฎกให้แตก จะไปแย้งได้อย่างไร นอกจากคนที่โง่จริงๆก็แล้วไป เพราะฉะนั้นอาตมาถึงบอกว่าอยู่ได้ด้วย “ธัมโม หะเว รักขะติธัมมะจาริง” ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม อาตมาจึงอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ เขาก็เล่นงานตามหลักเกณฑ์จนไม่รู้จะเล่นอะไรอีก เล่าแล้วก็เหมือนฟื้นฝอยหาตะเข็บ

ที่พูดไปต้องขออภัยอย่างยิ่งเลย เหมือนกับเป็นการฟื้นฝอยหาตะเข็บ ไม่ได้เจตนาอย่างนั้นทีเดียว แต่พูดให้เป็นการศึกษา ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับรู้ ไม่เคยเข้าใจ จะได้เข้าใจถูกต้องตามธรรมวินัย อย่าให้มันพลางลวงแฝงอยู่ โดยที่เรียกว่า จะว่าแก้ตัวก็ได้เหมือนกับที่อาตมาต้องพูดเพื่อให้ตัวเองสะอาด อาตมาไม่ใช่ได้ทีขี่แพะไล่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:43:26 )

ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมแม้ใกล้กลียุค

รายละเอียด

อาตมาเกิดมาในยุคนี้จึงเป็นยุคที่ชาวพุทธเสื่อมจากศาสนา เสื่อมจาก อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เสื่อมจากโลกุตรธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้แล้ว อาตมากอบกู้ขึ้นมาเอามาประกาศ 

เออ ยังมีคนรู้ได้เป็นคนที่มีธุลีในดวงตาน้อย เข้าใจก็ทยอยมารวมกันมา จนทุกวันนี้ถูกพวกตามืดตาบอด ท้วง จะปราบให้อาตมานี่หายไป บอกว่า มาสอนอะไรที่ผิดไปจากที่เขายึดถือ ผิดไปจากที่เขาถือว่าถูกต้อง ทั้งๆที่เขาผิดเต็มประตูเลย เขาเป็นโจรปล้นศาสนาพุทธด้วย ทำลายศาสนาพุทธอยู่โดยไม่รู้ตัว เป็นโลกียะ ของพระพุทธเจ้านั้นเป็นโลกุตระ ของเขาเต็มไปด้วยลาภ ยศ สรรเสริญโลกียสุข แย่งชิงกัน หรือว่าหลงทิศทาง เป็นเดียรถีย์ ไปนั่งหลับตาแล้วจะไปปรินิพพานอะไรไป แล้วรวมหัวกัน จะมาเล่นงานอาตมา ก็เลยไปกันใหญ่ 

แต่ ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม อาตมาก็รอดมาได้ ยืนยันความจริง ยืนยันความบริสุทธิ์ใจของพระพุทธเจ้า จนกระทั่งถึงทุกวันนี้

อาตมาอายุ 80 กว่า ถ้าถึง 100 อาตมาก็ทำงานศาสนาไปได้ถึง 64 ปี ไม่ใช่น้อย ก็พยายามอยู่นะ เจตนาพยายามจะให้ถึง 100 แต่ไม่รู้มันจะถึงหรือไม่ถึง มันฝืนอายุขัยของตัวเอง ซึ่งอาตมาก็เคยพูดว่าอายุขัยของอาตมา 72 ก็พยายาม ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า อานนท์ เราจะพยายาม ยังอายุขัย ให้ไปถึงหนึ่งกัปหรือเกินกว่ากัปได้ อันนี้ก็เป็นความจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 09:01:11 )

ธรรมรส

รายละเอียด

คนไหนไม่ชอบฟังซ้ำฟังวน ก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเวธแทงทะลุรอบธรรมะพระพุทธเจ้าได้ ก็จะไม่เห็นความสำคัญ ส่วนคนที่ฟังแล้วยิ่งซ้ำแล้วก็ขยายซ้ำวน เห็นแง่มุมที่ออกไป ฟังแล้วจึงเกิดธรรมรส มีความพิสดารหลากหลายของธรรมะแง่มุมต่างๆของธรรมะมันก็ยิ่งจะชื่นใจ คนที่ไม่เข้าใจธรรมะองค์ประกอบรายละเอียดอย่างที่ว่านี้ก็ยาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 09:44:57 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:13:28 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:38:33 )

ธรรมรส วิมุติรส

รายละเอียด

คือ คนที่ไม่สุข ไม่ทุกข์แล้ว เป็นอุเบกขา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2562 ( 18:30:53 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:14:03 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:39:38 )

ธรรมรส วิมุติรส

รายละเอียด

อธิบายไปซ้ำๆ จนบางคนบอกว่ารู้แล้วรู้แล้ว แต่ถ้าปฏิบัติแล้วจะเข้าใจไม่เบื่อหรอกมันมีนัยยะที่สัมผัสกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ เราก็จะเข้าใจมากขึ้นได้แล้วปฏิบัติ ยิ่งตัวเองมีความรู้และเอาไปปฏิบัติได้ผล มันจะเห็นที่มันละเอียดขึ้นไปอีกไม่มีเบื่อง่ายๆ ในที่สุดคุณเป็นพระอรหันต์ คุณจะสบายแล้วก็จะไม่เบื่อหรอก ธรรมะพระพุทธเจ้าโลกุตระแล้วไม่มีวันเบื่อ แม้แต่เป็นพระอรหันต์ก็มี ธรรมรส มีวิมุติรส ไม่มีรสอื่นเท่าเทียมเลย เป็นความมหัศจรรย์ในความมหัศจรรย์ 8 ข้อ มหาสมุทรไม่มีรสอื่นเทียบเท่า มีรสเดียวคือรสเค็ม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 08:50:43 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:14:44 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:38:58 )

ธรรมรส วิมุติรสคืออะไร

รายละเอียด

คือมันสามารถฟังแล้ว มันก็เข้าใจในบัญญัติ ว่ามันถึงขั้นวิมุติคืออย่างไร หนึ่ง และ สอง เข้าใจแล้วคนนั้นถ้ามีเจโต มีจิตวิมุติไป มันก็จะเข้าใจทันทีว่า อ้อ วิมุติเป็นอย่างนี้เอง เราได้แล้ว มีแล้ว แต่ถ้าคุณยังไม่มีก็เข้าใจความหมายของวิมุติ ก็เป็นรสประเภทเข้าใจความหมาย ยิ่งมีแล้ว เจโตหรือจิตของคุณเป็นวิมุติแล้ว โอ้ เป็นเช่นนี้เองเหรอ วิมุติรส เรามีแล้วล่ะ เจโตเราก็วิมุติแล้ว แล้วเรามารู้ด้วยปัญญา ในสภาวะที่เป็นได้ คุณก็จบเป็นอุภโตภาควิมุติ เลย

พระยสะยังไม่ถึงขั้นวิมุติทีเดียว ฟังขั้นแรกก็ได้แค่ขั้นเข้าใจธรรม เป็นสัมมาทิฏฐิ พระยสะฟังเทศน์กัณฑ์แรกก็บรรลุโสดาบัน สกิทาคามีขึ้นมา พอฟังกัณฑ์ที่ 2 พระพุทธเจ้าเทศน์ให้พ่อฟังอีก พ่อมาตามหา มาเจอ พระพุทธเจ้าก็เลยตรัสเทศน์ให้ฟังอีกกัณฑ์หนึ่ง แล้วพระยสะฟังเทศน์กัณฑ์ที่ 2 ก็เลยบรรลุ อันนี้แหละเป็นวิมุติ  

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 29 พ่อครูฝืนสังขารเพื่อต้องการลูกๆได้ PI (โพธิรักษ์ Intelligence)วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม 2566 แรม 8 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2566 ( 16:51:37 )

ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม

รายละเอียด

แม้แต่ทุกวันนี้เถรสมาคมเขาเงียบ เขาไม่กล้าประท้วง ไม่กล้าตอแย เพราะเราเอาพระไตรปิฎกเป็นหลัก เขาก็ยึดถือพระไตรปิฎก ถ้าใครไม่ยึดถือพระไตรปิฎกไม่เอาพระไตรปิฎกเราก็ไม่คุยด้วยนะ แต่นี่โชคดีที่ประเทศไทยยังนับถือพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐด้วยกัน อันนี่เป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ของอาตมามาก ถ้าไม่อย่างนั้นอาตมาตายอย่างเขียดเหยียดขาตายถูกเหยียบตาย ตอนนี้เป็นสัจจะ เพราะอะไร เพราะเขาก็มีปัญญา เถรสมาคมต้องมีปัญญา ไม่งั้นอาตมาตายอย่างเขียด ก็คนไม่ฉลาดมันไม่รู้เรื่องจะทำร้ายผู้ที่ไม่ควรทำร้าย เขาก็ไม่รู้บาปบุญกุศลอะไรหรอก เขาก็ทำไป แต่นี่ เขามีปฏิภาณปัญญา นี่แหละคือ ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 21:45:35 )

ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม

รายละเอียด

นานาสังวาสนั้นจะไม่มาเกิดการฟ้องร้องต่อกันให้เป็นเรื่องเป็นราวเป็นอาบัติใหญ่เลย นะ แล้วทางเถรสมาคมทำจนได้ ฟ้องร้องอาตมาจนขึ้นศาลอาตมาต้องแพ้ แพ้นี่ก็พิลึกๆอยู่

ผู้พิพากษาตัดสินแล้วก็แทบตายเลย ออกมาตัดสินแล้วถูกอธิบดีมาดึงใบที่อ่านตัดสิน เอาใบอีกอันมาให้อ่าน ซึ่งมันมีอะไรซับซ้อน มีอะไรลึกลับอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก มันก็ผ่านมาตามวิบาก อาตมาจะต้องมีวิบากอันนี้ ซึ่งจะต้องเผชิญ ถ้าหากอาตมาไม่ผ่าน อาตมาแสดงธรรมที่เป็นโลกุตระยืนยันตามที่อาตมายืนยันว่าโลกุตระต้องเป็นเช่นนี้มา ไม่ถึงวันนี้ อาตมาต้องดับเครื่อง อาตมาต้องหมดสิทธิ์ อาตมาจะต้องแสดงไม่ได้ ที่ได้นี้เพราะว่า
ธัมโม
หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรมอาตมารอดมา และแสดงธรรมได้อิสระ ตอนนี้เขาทำอะไรอาตมาไม่ได้แล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูตอบปัญหาผู้ชมทางบ้าน วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 12:55:48 )

ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม

รายละเอียด

คนยังเข้าใจโลกุตรธรรมที่เป็นประชาธิปไตยโลกุตรธรรมยังไม่ได้ แม้ทุกวันนี้อาตมาก็ยังพยายามอธิบายประชาธิปไตยโลกุตรธรรม แล้วก็ยืนยันประกอบอ้างอิง ทั้งหลักฐานพยัญชนะแบบอย่างที่พระพุทธเจ้าพาเป็น แม้แต่บอกว่า“หมดตัวตน รับใช้ประชาชนโดยความซื่อสัตย์สุจริต” เป็นหลักเกณฑ์ที่ให้มาอ่านมายืนยันว่า ถ้าเป็นนักประชาธิปไตยจะรับใช้ประชาชนจริงๆ มีความรู้ความสามารถและก็ซื่อสัตย์ สามเส้าแรก พลเอกประยุทธ์มีพร้อมเลย เห็นไหม จึงผ่านมาได้ด้วยความจริง ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม 

มีธรรมะจริงก็เลยทำมาได้จริงๆและจะเป็นตัวอย่างที่มันไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีเหตุปัจจัย ทุกอย่างต้องมีเหตุปัจจัยเป็นอย่างนี้ต้องเป็นเช่นนี้ Born To Be แข่งวาสนาจะมาทำเป็นแข่งวาสนาอะไรกันไม่ได้นี่คือสำนวนเก่า แข่งเรือแข่งพายแข่งไม่ได้ แต่แข่งวาสนาแข่งไม่ได้ วาสนาคือสิ่งที่เป็นของตนเองสั่งสมมาตามบารมี เหมือนอย่างอาตมามาแข่งกับอาตมา อาตมาไม่แข่งกับใครหรอก อาตมาก็ทำของอาตมาไปเรื่อยๆ ส่วนใครจะแข่งกับอาตมาที่จริงควรแข่งแต่ไม่ต้องอวดดีแค่นั้น แข่งสิแข่งดีเหมือนอย่างอาตมาทำมาเรื่อยๆ ไม่ใช่มาตีรันฟันแทงอะไรกับอาตมา ทำดีมาให้มันดีเท่ากับอาตมาให้ได้ เพราะอาตมาทำมาเป็นตัวอย่างแล้ว นี่ภาษาไทยอธิบายละเอียดๆให้ฟังอย่าสับสน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2566 ( 12:30:45 )

ธรรมฤทธิ์

รายละเอียด

นอกจากคุณจะแน่ คุณจะดี คุณจะเก่ง ตำหนิเขาแล้วเขาก็สงบไม่กล้าแย้ง ไม่กล้าเถียง นั่นคือธรรมฤทธิ์ อย่างเช่นอาตมาทุกวันนี้ก็ตำหนิเขามาก ไม่ได้ปิดบัง ก็เปิดไปออกไปทางโทรทัศน์ ในทาง LINE หรือทางอะไรต่ออะไร เอามาใช้รีรันอยู่แล้วๆเล่าๆ แต่เขาก็อาจจะเป็นว่า ปัดไปเถอะ คนนี้มันมีแต่ตำหนิ เขาก็ตัดทิ้ง ส่วนคนที่จำนน มีปัญญารู้ว่าตำหนิถูกเขาก็ฟังก็ดี ฟังไม่ไหวแต่มันถูกว่าเหลือเกิน เกินไปก็หลบบ้าง เลี่ยงบ้าง ก็ไม่ได้เกิดการวิวาท ทุกวันนี้อาตมาทำงานอยู่ก็ไม่ได้ก่อวิวาท 

ตอนแรกๆวิวาท มีคนไม่รู้ คนอวดดีหาว่าอาตมานี้ เขาไม่ให้มาสอนแบบนี้ อาตมาทำงานสอนแบบที่อาตมายึดถือว่า ถูกต้อง จนเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ไม่มีทางเลี่ยง เพราะฉะนั้นเราก็ไม่วิวาทกับเขา เขาก็ต้องแย้งเป็นธรรมดา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 10:52:17 )

ธรรมฤทธิ์ เป็นพลังงานบริสุทธิ์ 

รายละเอียด

คนที่มากถึงขั้นเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอาริยะสูงสุด ก็ทำเต็มรูป มันจึงมีปรากฏการณ์จริง มันจึงมีอำนาจ มีฤทธิ์ เป็นธรรมฤทธิ์จริง ทำให้เกิดพลังงานนี้เกิดขึ้นในสังคม เป็นพลังงานบริสุทธิ์  เป็นพลังงานสงบ เป็นพลังงานสุภาพ เป็นพลังงานที่ สรุปเลย ชนะพลังงานเลวร้าย สรุปเข้าเป้าเลย ชนะมาแล้ว ไม่ได้พูดปากเปล่า มีคนร่วมรู้ร่วมเข้าใจและยินดีมาเปิดเผยตัว เข้ามาร่วมกินร่วมใช้ นี่คือสาธารณโภคีทั้งนั้น ภาพที่เห็นนี่ อาหารส่วนกลางทำกัน ไม่ได้มีใครมาจ้างวานสักบาท ใช้แรงงานส่วนตัวด้วย

นี่คือที่เสียสละออกมาร่วมกับมวลประชาชน เพื่อให้เกิดพลังงานร่วมที่มีธรรมฤทธิ์ แล้วพลังงานธรรมฤทธิ์นี่แหละ เข้าไปชนะพลังงานอธรรม อย่างเป็นสัจธรรมอย่างเห็นๆเลย ชนะไปแล้ว ในเมืองไทยเป็นปรากฏการณ์นั้น 

คนที่ไปชุมนุมเหล่านี้ ในกองทัพธรรมเหล่านี้ ไม่เป็นตัวเหตุที่ทำให้เกิดความรุนแรงหรือไปถึงฆ่าแกงไปทำร้ายผู้อื่น ไม่มี มีแต่ผู้อื่นมาทำร้ายพวกเรา แต่เขาก็ทำร้ายได้ไม่เท่าไหร่หรอก ก็มีความสูญเสียบ้าง แต่ไม่มากเท่าไหร่ อาตมาถือว่าเป็นสงครามสังคมที่เสียหายน้อยมาก 

ทั้งๆที่เขามีฤทธิ์เลวร้ายไม่ใช่เล่น แต่ด้วยธรรมฤทธิ์ที่เป็นพลังงานไร้สภาพ ที่ปิดกั้นไม่ให้เขาทำรุนแรงได้มากกว่านี้ นี่เป็น อจินไตย ที่อาตมาพูดได้เท่านี้ เป็นเรื่องที่เป็นจริงเป็นธรรมฤทธิ์เป็นทิพย์ เป็นเรื่องทิพย์ชนิดนึง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 19 วาระแห่งชาติ ระดมเชียร์ลุงตู่ให้อยู่ต่อ

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2566 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 พฤษภาคม 2566 ( 12:56:58 )

ธรรมฤทธิ์ของธรรมะพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

พวกเรานี้มาปฏิบัติธรรมที่อาตมาพาทำ เห็นธรรมฤทธิ์ของธรรมะพระพุทธเจ้าที่อาตมานำมาอธิบาย อาตมาไม่ได้มาบังคับพวกเราเลยนะ เทศน์อย่างเดียวที่มาก มากเทศน์ แต่ไม่ได้ไปจู้จี้จุกจิกให้ทำ ที่นอกเวลาเทศน์ มีแต่พูดเล่นนอกเวลามีแต่พูดเล่น อาจพาดพิงธรรมะก็มีบ้าง นอกนั้นก็คลายๆเบาๆ ก็รู้อยู่ว่าเราเทศน์นี้มันหนัก เป็นธรรมะหนักๆทุกที นอกเวลาอาตมาก็มีแต่จะพูดเล่นๆ พูดอะไรต่ออะไร จะเห็นได้ว่าอย่างนั้น แต่ก็ไม่นานเดี๋ยวก็เข้าหาธรรมะอีก 

อาตมาที่เอามาพูดเพราะมีประสบการณ์กับพวกเราอย่างนั้น นี่คือสิ่งที่จริงๆแล้วพวกเราก็ได้ดีจริงๆ ฟังธรรมะกันไม่มีเบื่อ ตั้งใจฟังกันแต่ละวันแต่ละวันทุกวัน อาตมาว่าคงไม่มีที่ไหนเขาเทศน์กันขนาดนี้ เทศน์ทุกวัน วันหนึ่งหลายคาบด้วย บางทีก็มีกะปริดกะปรอยแต่เป็นหลักก็คือ 18.00 น. นี่แหละ ก็ถือเป็นความเจริญ จะเป็นความเจริญของชีวิต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:00:39 )

ธรรมฤทธิ์ของปัญญา

รายละเอียด

ธรรมฤทธิ์ของปัญญาที่รู้เท่าทัน กิเลสหลบไปทันทีคือธรรมฤทธิ์ของปัญญาที่รู้เท่าทัน คือปัญญา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:26:53 )

ธรรมลักษณะ 7 ประการของเวทนา

รายละเอียด

1. รู้จักเวทนา 3    

 2. รู้เหตุเกิดเวทนา (เพราะผัสสะเกิด)

3. รู้ความดับเวทนา (เพราะผัสสะดับ) 

4. รู้วิธีดับเวทนา

5. รู้อัสสาทะของเวทนา     

6. รู้อาทีนวะของเวทนา

7. รู้นิสสระณะของเวทนา (นำออกเสียซึ่งฉันทราคะ ฯลฯ)

 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 18  ข้อ 438 , ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2562 ( 21:42:45 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:16:02 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:41:46 )

ธรรมล้างอธรรม 6

รายละเอียด

การปฏิบัติธรรมให้มาก ให้เกิดผลย่อมล้างกิเลสได้

1. เมตตา (เห็นใจมีจิตคิดช่วยเหลือ) มากขึ้น จะละพยาบาทได้

2. กรุณา (ลงมือช่วยเหลือ) มากขึ้น จะละความเบียดเบียนได้

3. มุทิตา (ใจยินดีขณะช่วยอยู่) มากขึ้น จะละความไม่ยินดีได้

4. อุเบกขา (วางใจเฉยเมื่อทำดีนั้นแล้ว) มากขึ้น จะละกระทบกระทั่งขัดเคืองได้

5. เห็นอสุภะ (ความสกปรกของกาย) มากขึ้น จะละความกำหนัดได้

6. เห็นอนิจจสัญญา (กำหนดรู้ความไม่เที่ยง) มากขึ้น จะละการถือเขาถือเราได้

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม  13 "มหาลาหุโลวาทสูตร"  ข้อ  145

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2562 ( 13:10:59 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:29:26 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:40:02 )

ธรรมล้างอธรรม 6

รายละเอียด

การปฏิบัติธรรมให้มาก ให้เกิดผลย่อมล้างกิเลสได้

1. เมตตา (คิดช่วยเหลือ) มากขึ้นจะละพยาปาท (พยาบาท) ได้

2.กรุณา (ลงมือช่วยเหลือ) มากขึ้นจะละวิหิงสา ความเบียดเบียน) ได้

3. มุทิตา (ยินดีที่ผู้อื่นได้ดี) มากขึ้นจะละอรติ (ความไม่ยินดี) ได้

4. อุเบกขา (วางใจเที่ยงธรรมเป็นกลาง) มากขึ้นจะละปฏิฆะ (กระทบกระทั่งขัดเคือง) ได้

5. เห็นอสุภะ (ความสกปรกของกาย) มากขึ้นจะละราคะ (ความกําหนัด) ได้ 6. เห็นอนิจจสัญญา(กําหนดรู้ความไม่เที่ยง)มากขึ้นจะละอัสมิมานะ (การถือเขาถือเรา) ได้

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 13 “มหาราหุโลวาทสูตร” ข้อ 145


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 05:13:27 )

ธรรมวิจัย คือการทำฌาน

รายละเอียด

ธรรมวิจัยให้ถึงการลดกิเลสในจิต ถึงอาการ ลิงค นิมิต คือการทำฌาน ฌานของพุทธคือการสร้างพลังงานเผากิเลส ตั้งแต่กามภพ เหลือรูปภพ อรูปภพ ก็ดับต่ออีกให้หมด รูปาวจร อรูปาวจร ให้หมดชีวิตินทรีย์ของอรูป ก็ดับภพของอรูปาวจร หมดการจรแล้ว มีแต่อากาศคือความว่าง กิเลสมันไม่เดินอีกแล้ว มีแต่อากาศคือความว่าง คือ อากาสานัญจายตนะ อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 21:07:52 )

ธรรมวิจัยสมโพชฌงค์

รายละเอียด

คือ ธาตุรู้ของตัวเอง ที่มันมีประสิทธิภาพอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ธรรมวิจัย ที่เป็นโพชฌงค์เป็นองค์แห่งความตรัสรู้ สามารถที่จะ รู้แยกรู้เลยว่าความเป็นภาวะ 28 เป็นอย่างไรแล้วปฏิบัติ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่  กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:34:58 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:17:06 )

ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์

รายละเอียด

คือ ธาตุรู้ของตัวเอง ที่มันมีประสิทธิภาพอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ธรรมวิจัย ที่เป็นโพชฌงค์เป็นองค์แห่งความตรัสรู้ สามารถที่จะ รู้แยกรู้เลยว่าความเป็นภาวะ 28 เป็นอย่างไรแล้วปฏิบัติ ในรูป 28 คือ ลักษณะของจิตวิญญาณ ในมิติต่างๆ แง่เชิงต่างๆ ความเป็นจิต มันมีวิจิตรพิสดารต่างๆมากมาย จะสามารถแยกรู้สิ่งเหล่านี้ในวิญญาณ วิญญาณ คือ ภาษารวมของธาตุรู้ทั้งหมด แล้วแยกแยะได้เป็น 28 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช เวทนาดอกเดียวปลิดวิญญาณ ตอนที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562


เวลาบันทึก 03 กุมภาพันธ์ 2563 ( 03:50:35 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:18:17 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:40:26 )

ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์อันเดียวกันกับวิปัสนา

รายละเอียด

สังวร คือระมัดระวัง สำรวม คือพร้อมทั้งสติสัมปชัญญะ ปฏิภาณปัญญา รู้ที่เกี่ยวข้องสัมผัสตลอด มีสติ มีสติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยะสัมโพชฌงค์ เพียรทำให้เกิดการปฏิบัติธรรม แต่คนไม่ค่อยทำให้เกิดธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ ถ้าขาดธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์เสียแล้ว คุณไม่ได้ปฏิบัติธรรม ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์อันเดียวกันกับวิปัสสนา แล้วจะเกิด ญาณ 

วิปัสสนา ก็คือการมีวิตกวิจารณ์ รู้จักวิจัย 2 สภาพ เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วมีรูปกับนามได้มีสังขารแยกสังขารออกสังขารที่เกิดทางกายวจี แล้วรู้ว่ามีกิเลสเข้าไปร่วมสังขารหรือไม่ โดยเฉพาะในใจ ถ้าหากรู้ว่ามีกิเลสร่วมก็จัดการกับกิเลสเสีย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:02:23 )

ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7

รายละเอียด

วิญญาณฐีติ 7 คำว่าต่างกันนี่มันหมายถึงอะไร 

กายต่างกันสัญญาต่างกัน อะไรมันต่าง รู้ไหม?...ทิฏฐิ คนหนึ่งมิจฉาทิฏฐิ อีกคนสัมมาทิฏฐิ ถ้าอย่างไหนตรงกันกับผู้สัมมาทิฏฐิคนนั้นก็เป็นสัมมาทิฏฐิ ถ้าอันไหนตรงกันกับมิจฉาทิฏฐิแล้วแย้งกับสัมมาทิฏฐิคุณก็เป็นผู้มิจฉาทิฏฐิ 

สัญญาคือการกำหนดหมาย กำหนดเข้าไปว่าอันนี้คืออันนี้แล้วมันตรงกับผู้ที่สัมมาทิฏฐิ มันก็เป็นสัมมาทิฏฐิ คุณก็ไปกำหนดหมายของคุณตรงกัน แต่มันไปตรงกับผู้มิจฉาทิฏฐิคุณก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:37:04 )

ธรรมวินัยของพุทธมีการศึกษาไปตามลำดับอย่างไร

รายละเอียด

ธรรมวินัยนี้ มีการศึกษาไปตามลำดับ อาตมาต้องการสำทับอันนี้แหละสำคัญ ทุกวันนี้มันหั่นทิ้งกันไปหมด ไม่เหลือซากเลย 

โดยเฉพาะ หั่นศีล หั่นอปัณณกปฏิปทา 3 พูดย้ำซ้ำอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ ไม่เอาเลย แล้วไปหลงว่าเป็นพระอรหันต์กัน ศีลไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 ไม่มี ไม่ประพฤติก่อนเพื่อที่จะให้เกิด สัทธรรม 7 เช่นนี้ไม่ใช่ธรรมะของพระพุทธเจ้า ไม่มี มีแต่ของเดียรถีย์ อย่าหาว่าอาตมาว่าเลยแต่มันเป็นเรื่องจริง 

พระที่ควรยกย่องนับถือกัน เกือบจะชาวไทยทั้งหมดกระมัง นับถือพระป่า พระหลับตาที่ไม่มีอปัณณกปฏิปทา 3 

เพราะฉะนั้นศีลไม่มี อย่าว่าแต่พระป่าไม่มีศีลเลย พระบ้านก็ไม่มีศีล ศีลของเขาเหลือแต่แค่วินัย 227 แค่นี้ไม่ใช่เรื่องตื้นๆนะ แต่เป็นเรื่องลึกซึ้ง เขาไม่รู้จัก จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล อาตมาเอามาพูด เขาก็บอกว่าเอามาจากโลกไหน ก็โลกของพระพุทธเจ้านี้แหละ ในพระไตรปิฎกยังมีมหาศีลเหลืออยู่ที่ไหน ในมหาเถรสมาคมไม่เหลือเลย มหาศีลของเถรสมาคมมีแต่เดรัจฉานวิชชา มีแต่ไสยศาสตร์ มีแต่พิธีกรรม มีอะไรต่ออะไรเต็มไปหมด 

มหาศีลนั้นคือข้อห้ามทำเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ แต่เถรสมาคมมีเต็มไปหมด แต่อยู่ในชาวอโศกไม่มี นี่แหละคือมหาสมุทรที่แท้ของศาสนาพระพุทธเจ้า เป็นมหาสมุทรที่มีปลาใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 22:07:57 )

ธรรมวินัยนี้

รายละเอียด

ในพุทธศาสนา

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 77


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 13:06:58 )

เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 16:29:39 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:41:09 )

ธรรมวินัยนี้ก็มีการศึกษาปฏิบัติไปตามลำดับไม่ใช่บรรลุอรหัตตผลโดยตรง

รายละเอียด

อย่างอาจารย์สุจินต์ คุณฟังแล้วก็ต้องบอกว่าอย่างอาจารย์สุจินต์หรือว่าอย่างสมเด็จพุทธโฆษาจารย์มันตรงกับจุดที่คุณเจตนาคุณแสวงหา คุณก็ไป เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้มันจะต้องมีรากฐานของตัวเองด้วย อาตมามาทำงานศาสนาตั้งแต่ปี 2513 ทุกคนก็แสวงหาอาจารย์ต่างๆ ใครๆก็เคยไปสำนักต่างๆมาทั้งนั้น คนต้องการมังคุดก็มาหามังคุด แล้วมังคุดอันไหนจะเป็นมังคุดตัวจริง ก็ต้องแสวงหาก็ต้องเปรียบเทียบจนกว่าเราจะเจอมังคุดตัวจริง จนว่าเอ้อ..เจอแล้วมังคุดตัวจริง  พุทธจริงๆ ตัวเราก็ต้องมีธาตุรู้มีตัวกำหนดเอา คนที่เรียนรู้ ศาสนาพุทธมีลำดับอันน่าอัศจรรย์ หากใครใช้คีย์อันนี้เป็นกุญแจไข จะรู้ว่า อันไหนเป็นธรรมะพระพุทธเจ้าที่เหมือนมหาสมุทร ลาดลุ่มลึกลงไปโดยลำดับอันน่าอัศจรรย์ ธรรมวินัยนี้ก็มีการศึกษาปฏิบัติไปตามลำดับไม่ใช่บรรลุอรหัตผลโดยตรง ปึ๊งเลย แต่มันมีลำดับอย่างนี้เป็นต้น แล้วอาตมาก็ทำลำดับมา แล้วก็มาขยายลำดับ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:07:26 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:44:00 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:42:23 )

ธรรมวินัยน่าอัศจรรย์ 8 / มหาสมุทรน่าอัศจรรย์ 8

รายละเอียด

1. ธรรมวินัยนี้มีการศึกษาไปตามลำดับ กระทำไปตามลำดับ ปฎิบัติไปตามลำดับ มิใช่บรรลุอรหัตตผลโดยตรง เสมือนมหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึกลงไปโดยลำดับไม่โกรกชันเหมือนเหว

2. สาวกไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต เสมือนมหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง

3. สงฆ์ไม่อยู่ร่วมกับผู้ทุศีล เน่าใน ชุ่มด้วยกิเลสประชุมกันยกวัตร (ห้ามร่วมทำกิจวัตรและสังฆกรรม) ทันที เสมือนมหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ คลื่นย่อมซัดซากศพเข้าหาฝั่ง ให้ขึ้นบกโดยพลัน

4. กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร บวชในธรรมวินัยนี้ ละชื่อและตระกูลเดิม นับเป็นสมณศากยบุตรทั้งนั้น เสมือนแม่น้ำใหญ่หลายสาย ไหลไปถึงมหาสมุทรย่อมละชื่อและโคตรเดิมหมดนับเป็นมหาสมุทรนั่นเทียว

5. ภิกษุจำนวนมาก แม้ปรินิพพานดับสูญไปแล้วสภาวะแห่งนิพพานก็ไม่มีพร่องหรือเต็มเลย เสมือนบรรดาแม่น้ำและสายฝนไหลไปรวมที่มหาสมุทร มหาสมุทรก็ไม่มีพร่องหรือเต็มเลย

6. ธรรมวินัยนี้มีวิมุตติรส รสเดียว เสมือนมหาสมุทรมีรสเค็ม รสเดียว

7. มีรัตนะ (ของมีค่า) มากมาย ในธรรมวินัยนี้ เช่น สติปัฎฐาน 4, สัมมัปปธาน 4, อิทธิบาท 4, อินทรีย์ 5. พละ 5, โพชฌงค์ 7, อาริยมรรคมีองค์ 8 เสมือนมีรัตนะมากมายในมหาสมุทร เช่น แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ แก้วประพาฬ สังข์ ศิลา เงิน ทอง ทับทิม มรกต

8. ธรรมวินัยนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์  เสมือนมหาสมุทรเป็นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคลา ปลาติมิรมิงคลา พวกอสูร นาค คนธรรพ์

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 23 "ปหาราทสูตร" ข้อ 109

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 15:05:36 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:30:20 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:42:51 )

ธรรมวินัยน่าอัศจรรย์ 8 มหาสมุทรน่าอัศจรรย์ 8

รายละเอียด

1. ธรรมวินัยนี้มีการศึกษาไปตามลําดับ กระทําไปตามลําดับ ปฏิบัติไปตามลําดับ มิใช่บรรลุอรหัตตผลโดยตรง เสมือนมหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึกลงไปโดยลําดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว

2.สาวกไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต เสมือนมหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง

3.สงฆ์ไม่อยู่ร่วมกับผู้ทุศีล เน่าใน ชุ่มด้วยกิเลสประชุมกันยกวัตร (ห้ามร่วมทํากิจวัตร และสังฆกรรม) ทันที เสมือนมหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ คลื่นย่อมชัดซากศพเข้าหาฝั่ง ให้ขึ้นบกโดยพลัน

4. กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร บวชในธรรมวินัยนี้ ละชื่อและตระกูลเดิม นับเป็นสมณศากยบุตรทั้งนั้น เสมือนแม่น้ำใหญ่หลายสาย ไหลไปถึงมหาสมุทร ย่อมละชื่อและโคตรเดิมหมดนับเป็นมหาสมุทรนั่นเทียว

5. ภิกษุจํานวนมาก แม้ปรินิพพานดับสูญไปแล้วสภาวะแห่งนิพพานก็ไม่มีพร่องหรือเต็มเลย เสมือนบรรดาแม่น้ำและสายฝน ไหลไปรวมที่มหาสมุทร มหาสมุทรก็ไม่มีพร่องหรือเต็มเลย

6. ธรรมวินัยนี้มีวิมุตติรส รสเดียวเสมือนมหาสมุทรมีรสเค็ม รสเดียว

7. มีรัตนะ (ของมีค่า) มากมายในธรรมวินัยนี้ เช่นสติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อาริยมรรคมีองค์ 8 เสมือนมีรัตนะมากมายในมหาสมุทร เช่น แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ แก้วประพาฬ สังข์ ศิลา เงิน ทอง ทับทิม มรกต

8. ธรรมวินัยนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ เสมือนมหาสมุทรเป็นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคลา ปลาติมิรมิงคลา พวกอสูร นาค คนธรรพ์

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 23 “ปหาราทสูตร” ข้อ 109


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 19:28:47 )

ธรรมวินัยวิปริต

รายละเอียด

คือ บุคคลหรือกลุ่มบุคคล แสดงพฤติกรรมหรือกิจกรรม หรืออภิบายศีล อภิบายวินัย อภิบายพุทธธรรมไม่ตรงสัจธรรม ไม่ตรงกับความจริงที่ควรจะเป็น ทำให้ธรรมวินัยบิดเบือนผิดเพี้ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องเสียหายร้ายแรงมาก เพราะเป็นเหตุให้ศาสนาเสื่อม ภาษาร่วมสมัยใช้ว่า ธรรมวินัยวิปริต

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 247


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 10:45:34 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:31:18 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:43:23 )

ธรรมศาสตร์

รายละเอียด

แม้จะไม่เป็นทางวิศวกรรมศาสตร์ ก็จบด้วย เพราะว่าเราไม่จำเป็นจะต้องไปเป็น ไม่ได้อยากเป็นหรือเห็นว่าก็อาศัยกันได้ มันก็มีสิ่งที่เรามี อย่างทุกวันนี้อาตมาจะทำธรรมศาสตร์ เป็นธรรมะโลกุตรศาสตร์ อาตมาก็อาศัยอย่างนี้ ชีวิตก็จบกิจ สิ่งที่จะกินจะอยู่อาศัยก็จบแล้ว สบาย กินวันละมื้อ ทำงานแลกกินไปวันๆ เหลือ ถ้าตีค่าตีราคาก็เกินที่กินที่ใช้ที่อาตมาทำงาน ตีราคาตามราคาที่ควรจะเป็นตามสัจจะ ไม่ใช่ตีราคาอย่างโลกสมมุติกัน 

โลกสมมุติกันคนที่ไร้ค่าก็ให้ราคากันแพง ซึ่งสับสน มันไม่ใช่สัจจะที่ถูกต้อง คนที่มีราคาค่าตัวแพง อย่างพระพุทธเจ้านี้จะตีราคาคำสอนของท่าน ประโยคละเท่าไหร่ บรรทัดละเท่าไหร่ คำพูดแต่ละครั้งแต่ละคราว ค่าที่ท่านบรรยาย จะให้ครั้งละเท่าไหร่ มันหาค่าบ่มิได้ ผู้ที่มีความรู้อันเป็นโลกุตรธรรมที่รองลงมา ก็เป็นความรู้ที่หาค่าบ่มิได้ เทียบกับค่าแบบโลกๆแล้วเทียบกันไม่ได้ แต่พูดไปแล้วคนก็ยังเห็นค่าทางโลกตีราคากันอยู่นั่นแหละ เพราะฉะนั้นสังคมที่ไปสนใจในเรื่องราคา ค่าแรงงาน ค่าความรู้อะไรของเขาไป ไม่มาสนใจเรื่องพฤติกรรมจริง เขาก็จะสับสนอยู่อย่างนั้น 

เช่น เศรษฐกิจ เขาไปสนใจอะไร เรื่องเศรษฐกิจเขาก็ไปสนใจยอดเงินรวม ที่เรียกว่า รายได้ เรียกกันอย่างเท่ห์ๆว่า GDP ก็ไปแย่งชิงกับตัวเลขอันนี้ ถ้าเอาตัวเลข GDP มาเทียบ ชาวอโศกมีรายได้องค์รวมของภายในกลุ่มอโศกเอง คือ Domestic แล้วก็จาก Product จากผลผลิตของพวกเรา นี่แหละเอาไปขาย ดันขายถูกต่ำกว่าราคาตลาด ดีไม่ดีแจก เพราะฉะนั้นตกลงชาวอโศก GDP นี้สูงหรือต่ำ (โยมว่าต่ำ) แล้วมันอยู่ได้ยังไง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2566 ( 11:23:39 )

ธรรมสมควรแก่ธรรม

รายละเอียด

พอออกมาทำงานด้านนี้แล้วถึง 50 ปี อาตมาอยู่ทางโลกอายุ 36 ตอนนี้ ทำงานทางธรรมะมา 50 ปีก็อายุ 86 ปี ได้ผลประมาณนี้ เป็นความจริงประมาณนี้ มีสังคมที่เป็นสาราณียธรรม 6 มีคนได้บรรลุผลไปตามควร ได้ธรรมสมควรแก่ธรรม ก็มาอยู่ร่วมกันตามวรรณะ 9 ก็มาอยู่รวมกันด้วยธรรม 6 คือ เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา พระโสดาบันก็รู้ว่าเสมอกับพระโสดาบันในพระโสดาบันก็มีความต่างระดับกันอีกมากมาย ไม่ไปเผยอ เกินเหตุ ไปตีตัวเสมอสกิทาคามี พระสกิทาคามีก็ไม่มีตีตัวไปถึงพระอนาคามี ก็จะมีปัญญารู้สัจจะ อยู่ร่วมกันอย่างสงบ มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรมโดยมีหลักของศีลสามัญญตา แล้วก็มีความเห็นความรู้ความเข้าใจคือเป้าหมายในพระนิพพานคือทิฏฐิสามัญญตา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:40:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:15:06 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:43:54 )

ธรรมสัจจะ ของพุทธศาสนา

รายละเอียด

1. สัจธรรม (เป็นธรรมที่เป็นความจริงแท้)
2. สัลเลขธรรม (มีความขัดเกลา) 
3. นิยยานิกธรรม (พ้นทุกข์ได้จริง)
4. สันติธรรม (สงบ เรียบร้อย ราบรื่น ง่าย งาม)

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2562 ( 14:38:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:21:45 )

ธรรมสามี

รายละเอียด

คือ  เจ้าของธรรมะ คือพระพุทธเจ้า ธรรมะจึงเป็นของพระพุทธเจ้าเอง

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 12:35:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:22:29 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:44:48 )

ธรรมสามี

รายละเอียด

ในเรื่องของความรู้พระพุทธเจ้าที่ท่านสอนไว้มากมาย พวกเราชาวพุทธก็คงจะไม่มีใครปฏิเสธความรู้สัมมาทิฏฐิที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้าสมบูรณ์แบบในเรื่องของมนุษยชาติและสังคม พระพุทธเจ้าศึกษาเรื่องของสังคมและมนุษยชาติ ยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการเมืองเศรษฐกิจ สังคม อะไรก็แล้วแต่ท่านศึกษาครบมุมหมด เลิศสุดยอดสุด จบในเรื่องวิชาการในเรื่องความเป็นไปได้ ที่ประเสริฐสุดแล้ว ท่านศึกษาจนเป็นเจ้าของความรู้ หรือธรรมะ คือเป็นธรรมสามี พิสูจน์กันไม่รู้แล้วกี่ชาติ กี่ปาง กี่ยุค กี่กัปป์ ไม่รู้กี่ล้านชาติก็ยืนยันได้ว่าไม่ใช่ของหลอกลวงไม่ใช่คิดเอาได้ ไม่ฝันเพ้อเอาได้ แต่ต้องยืนยันความจริงทำจริงได้จริง จนลูกโลกแตกไปหลายลูกก็พิสูจน์มา เป็นเรื่องอจินไตย เรื่องที่บอกไม่ได้ ไม่มีตำนานประวัติศาสตร์บันทึก แต่พอมีเค้าตามไปได้ไกลสุดมากตำนานสุดมากเรื่องราวหลักฐานจะยืนยันได้ก็เอามาพิสูจน์กันเท่านั้นเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:38:11 )

ธรรมสามีกับaxiom

รายละเอียด

คิดเอาเองไม่ได้ พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของธรรมะ เป็นธรรมะสามี ท่านมีความสูงส่งไม่มีใครไล่ทัน ทิ้งช่วงกับพระโพธิสัตว์ไปไกลแต่ละระดับ พระโพธิสัตว์ระดับ 8 ก็มี ต้องเป็นระดับที่ 9 เท่านั้นจึงเป็นพระพุทธเจ้า ระดับสัมมาสัมพุทธะ ระดับที่ 10 เป็นความสูญ จะเลิกไปทิ้งแล้วจบ ถ้าจะเรียกว่าเต็มก็คือเต็ม จะเรียกว่าจบก็คือจบ เป็น axiom แล้ว นัตถิอุปมา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 12:12:46 )

ธรรมะ

รายละเอียด

คือ ความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 418


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:32:32 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:31:42 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:45:10 )

ธรรมะ

รายละเอียด

คือ สิ่งที่ทรงไว้ ก็ทรงไว้ ทั้งความรู้ ทั้งพลังงาน ที่ตกผนึกผนึกกันไว้ ซึ่งมีทั้งแรงปัญญา เจโต ที่รู้จัก ดีชั่ว ถูกผิด บาปบุญ คุณโทษ ควรไม่ควร ซึ่งเป็นความสมบูรณ์ของธาตุจิตวิญญาณหรือจิตนิยามที่สูงสุด เป็นโลกุตระ ที่รู้จักกรรม รู้จักธรรม รู้จักสิ่งที่ควรทรงไว้ ใช้ปัญญารู้ ใช้ปัญญาทำ เพื่อให้เกิดการทรงไว้ ดูดไว้ ได้แน่น ได้เร็ว และสลัดออก ปลดปล่อย ปลงวางก็ไว

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 161


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 15:18:06 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:32:24 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:45:34 )

ธรรมะ

รายละเอียด

คือ ธรรมะเป็นคำกลางๆ ที่แปลว่า  สิ่งดีงาม  ถ้าเริ่มไม่มีสิ่งดีงามก็แปลว่า  จะมีอะไร  คนเราควรอยู่กับสิ่งที่ควรให้มีธรรมะเพิ่มขึ้นต้องรู้ว่าธรรมะคือความดีงามที่ทำให้เจริญขึ้น

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71


เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 14:59:15 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:23:11 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:45:52 )

ธรรมะ

รายละเอียด

ธรรมะ  คือ  เป็นส่วนที่เป็นแก่นแกนเป็น Static

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 17 กันยายน 2562 ( 14:44:26 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:23:37 )

ธรรมะ

รายละเอียด

เป็นประโยชน์คุณค่าสูงสุดของมนุษย์


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2562 ( 15:43:41 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:24:08 )

ธรรมะ

รายละเอียด

คือ ทรงไว้อย่างอาศัย ไม่ใช่ทรงไว้อย่างปักมั่นดึงดูดเป็นอัตตาไม่มีแตกสลาย นิรันดร อันนั้นไม่ใช่ นี่ก็ต้องค่อยๆศึกษาธรรมะที่เป็นโลกุตระธรรม ให้รู้ว่า อาศัยคืออะไร นิสัยคืออะไร วิสัยคืออะไร อนุสัยคืออะไร

ที่มา ที่ไป

(630304)


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 12:35:58 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:48 )

ธรรมะ 1

รายละเอียด

คือ สิ่งที่ดับได้ คือ “เหตุแห่งทุกข์” คือ อกุศลจิต ที่เป็นสิ่งที่เลวร้ายในความเป็นมนุษย์

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 217


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:42:05 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:33:36 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:51:00 )

ธรรมะ 1 กับธรรมะ 2 คืออะไร

รายละเอียด

ก็หนึ่งก็คือหนึ่ง สองก็คือสองสิ เป็นคนต้องมีธรรมะ 2  1.ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้กับตัวถูกรู้ ต้องมีสองเสมอ ถ้าคุณไม่มีสองคุณมีแต่ ธาตุ ไม่มีความรู้ คุณก็คือนิ่งเป็นอุตุนิยามหรือรู้แค่พีชะคุณภาพของธาตุรู้มันก็มีระดับ 1 ส่วนจิตตะนี้ก็เป็นธาตุรู้ที่รู้อีกสิ่งหนึ่งได้ หากคุณมีหนึ่งก็ไม่มีสอง คุณมีสองแล้วก็จะต้องมี ถ้าแค่พลังงานอุตุ มีแต่สองอย่างบวกลบไม่มีธาตุรู้ มันทำแต่ตัวมันเองไม่ไประรานรบกวนอื่นไม่มีโทษภัยกับอื่นเลย พีชะนี่ เมื่อเราไม่ใช่พีชะแล้ว เราก็ปฏิบัติให้มันเหมือน พีชะส่วนหนึ่ง เป็นธรรมะส่วนหนึ่งแล้วทำให้เป็นจิตบริสุทธิ์สะอาด เป็นพีชะ ไม่มีโทษภัยไม่มีวิบากไม่มีการจองเวร ไม่มีการดูดดึง ไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณมีแต่สัญญากำหนดรู้ คุณก็ทำอย่างนี้อาศัย แต่คุณมีธาตุจิต ที่อาศัยพัฒนาให้ได้มากขึ้น คุณก็มี 1 พีชธาตุที่ดีไว้อาศัยแล้วก็เติมธาตุดีอย่างพีชะนี้ให้ได้มากขึ้นอีก คุณจะมีธาตุสองเสมอ สำหรับโลกุตระบุคคล มันมีแล้วปฏิเสธไม่ได้ ถ้าคุณไม่มีก็จะถามวน แล้วมันเป็นสองทำไม ก็เอามาทำความเจริญเป็น Coefficient ต่อไปได้เรื่อยๆ ถ้าหากทำไม่สำเร็จก็เป็นโลกียะ ไม่มีธาตุรู้โลกุตระที่จะพัฒนาให้สูงขึ้นได้ ถามอีกเมื่อไหร่ก็วนเวียนที่โลกียะ ถ้ามีอัญญธาตุจะมีโลกุตระ และมีธาตุสองเสมอ หนึ่งโลกียะกับสองโลกุตระ ถ้าไม่มีธาตุโลกุตระร่วมด้วยก็จะมีแต่โลกียะ ก็ไม่ตอบ จนกว่าคุณจะมีอัญญธาตุ จึงจะมีโลกุตระและพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ ตอนนี้ก็อยู่กับหมู่ไป

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:39:05 )

ธรรมะ 10 ประการ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าก็บอกไว้ว่า พระเจ้าแผ่นดินต้องมีธรรม มีธรรมะ 10 ประการเรียกว่า ทศพิธราชธรรม 

พระเจ้าแผ่นดินที่มีทศพิธราชธรรม เป็นผู้ที่มีธรรมะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ 10 อย่างประมาณนั้น มี 10 อย่างนี้ก็เป็นพระเจ้าแผ่นดินเต็มสภาพ สมบูรณ์แบบแล้ว 

คือมีพระทัย มีจิตใจที่สุดก็คือไม่สะสม สละออกเต็มที่ เป็นผู้ซื่อตรง เป็นผู้สุภาพอ่อนโยน แม้ท่านจะเหลือกิเลสบ้าง ก็เป็นผู้พากเพียรเผากิเลส เป็นผู้ไม่โกรธ ไม่มีการเบียดเบียน อดทน ไม่ประพฤติผิดธรรม สุดท้าย อวิโรธนะ เป็นผู้ไม่ประพฤติผิดธรรม ซึ่งท่านก็ถ่อมตนนะ บอกว่า The King can do No Wrong ถ่อมพระองค์ บอกว่า ไม่ใช่หรอก พระเจ้าแผ่นดินก็ผิดได้ท่านว่าอย่างนั้น บอกว่า The King can do No Wrong นั้นมันไม่ใช่ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์​ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 21:16:32 )

ธรรมะ 12 วิ

รายละเอียด

เราได้เกริ่นคำว่า “วิ” ภาษาบาลีคำนี้เอามาสมาส สนธิกับคำต่างๆ ประมาณ 12 วิ (ไม่มีวินาทีนะ) 

1. วิมาน (ชุมชนมีศีล5 เป็นเทวดาที่มีสุข)

2. วิโมกข์ (ชาวศีล8 รักษาศีลพรหมจริยา)    

3. วิมุติ (ศีล10 เป็นผู้พากเพียรเพื่อการไม่กลับมาเป็นอย่างชาวโลกีย์อีก)

4. วิหาร (ศีลบุคคล คือ หลุดพ้นแล้ว บริสุทธิ์แล้ว จึงเป็นอยู่อย่างธรรมดาด้วยศีล)

ที่เป็นชุมชนที่มีความสุขสบาย (สัปปายะ) เช่นนั้นได้ เพราะขจัดสิ่งที่ไม่ดีเพียง 4 วิ คือ

5. วิปลาส 7 (สัญญา, จิตตะ, ทิฐิ / ไม่เที่ยงว่าเที่ยง, เป็นทุกข์ว่าสุข, ไม่ใช่ตัวว่าเป็นตัว, ไม่ดีงามว่าเป็นดีงาม)

6. วิปริต (แปรปรวนเป็นอื่นไปจากความสงบสุข) 

7. วินาศ (ย่อมพังทลาย เสื่อมไป) 

8. วิสันตโร (หาความหยุดไม่ได้ สงบไม่ได้ จึงวุ่นวายตลอด) 

เมื่อขจัดได้แล้ว จึงดำรงอยู่อีก 4 วิ คือ

9. วิสุทธิ์ (ความหมดจด)  

10. วิศิษฐ์ (เป็นเลิศ)

11. วิเศษ (ไม่มีสิ่งเหลือ)  

12. วิสัย (อาศัยสิ่งที่ไม่มีแล้วเป็นความเห็นนำทาง)

เพื่อสร้างอีกหลายวิตามมาอีก เช่น  วินัย  วิปัสสนา  วิภวตัณหา  วิตักกะ  วิจาระ  วิหิงสา  วิหรติ  วิกาล วิสามัญ วิบาก ช่วยทำวิจิกิจฉาของคนอื่นให้วิบัติ ฯลฯให้เกิดความสมบูรณ์แข็งแรงตั้งมั่นเป็น สมาหิโต

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 09:42:44 )

ธรรมะ 12 วิ

รายละเอียด

เราได้เกริ่นคำว่า “วิ” ภาษาบาลีคำนี้เอามาสมาส สนธิกับคำต่างๆ ประมาณ 12 วิ (ไม่มีวินาทีนะ) 

1. วิมาน (ชุมชนมีศีล5 เป็นเทวดาที่มีสุข)

2. วิโมกข์ (ชาวศีล8 รักษาศีลพรหมจริยา)    

3. วิมุติ (ศีล10 เป็นผู้พากเพียรเพื่อการไม่กลับมาเป็นอย่างชาวโลกีย์อีก)

4. วิหาร (ศีลบุคคล คือ หลุดพ้นแล้ว บริสุทธิ์แล้ว จึงเป็นอยู่อย่างธรรมดาด้วยศีล)

ที่เป็นชุมชนที่มีความสุขสบาย (สัปปายะ) เช่นนั้นได้ เพราะขจัดสิ่งที่ไม่ดีเพียง 4 วิ คือ

5. วิปลาส 7 (สัญญา, จิตตะ, ทิฐิ / ไม่เที่ยงว่าเที่ยง, เป็นทุกข์ว่าสุข, ไม่ใช่ตัวว่าเป็นตัว, ไม่ดีงามว่าเป็นดีงาม)

6. วิปริต (แปรปรวนเป็นอื่นไปจากความสงบสุข) 

7. วินาศ (ย่อมพังทลาย เสื่อมไป) 

8. วิสันตโร (หาความหยุดไม่ได้ สงบไม่ได้ จึงวุ่นวายตลอด) 

เมื่อขจัดได้แล้ว จึงดำรงอยู่อีก 4 วิ คือ

9. วิสุทธิ์ (ความหมดจด)  

10. วิศิษฐ์ (เป็นเลิศ)

11. วิเศษ (ไม่มีสิ่งเหลือ)  

12. วิสัย (อาศัยสิ่งที่ไม่มีแล้วเป็นความเห็นนำทาง)

เพื่อสร้างอีกหลายวิตามมาอีก เช่น  วินัย  วิปัสสนา  วิภวตัณหา  วิตักกะ  วิจาระ  วิหิงสา  วิหรติ  วิกาล วิสามัญ วิบาก ช่วยทำวิจิกิจฉาของคนอื่นให้วิบัติ ฯลฯให้เกิดความสมบูรณ์แข็งแรงตั้งมั่นเป็น สมาหิโต

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 09:42:59 )

ธรรมะ 12 วิ จากพ่อครูในวันสิ้นปี

รายละเอียด

ธรรมะ 12 วิ จากพ่อครูในวันสิ้นปี

เขาเอา วิ มาให้อาตมาดู ให้อาตมาพูดธรรมะ 12 วิ เขามีกำหนดการมาเลย สำหรับอาตมา และอย่าใช้คำว่าหมายกำหนดการ ใช้คำว่ากำหนดการได้ หมายกำหนดการใช้เฉพาะพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ พวกเรานี้ใช้กำหนดการเฉยๆ โดยกำหนดการมาให้อาตมา อาตมานี้ใครจะเอาอะไรมาอาตมาพูดได้ทั้งนั้น 

วันนี้อาตมาจะแสดงธรรมส่งท้ายปีเก่า ด้วย “ธรรมะ 12 วิ” 

และจะปิดท้ายสรุปธรรมะทั้ง 12 วิ นี้ด้วย “ธรรมะอะไร วะ” 

เดือนนี้คือเดือน 12 เป็นเดือนสุดท้าย เขาเลยจัดให้อาตมาเทศน์แค่ 12 วิ ก็พอ คือ  

1. วิมาน (ชุมชนมีศีล5 เป็นเทวดาที่มีสุข)    

2. วิโมกข์ (ชาวศีล8 รักษาศีลพรหมจริยา)

3. วิมุติ (ศีล10 เป็นผู้พากเพียรเพื่อการไม่กลับมาเป็นอย่างชาวโลกีย์อีก)

4. วิหาร (ศีลบุคคล คือ หลุดพ้นแล้ว บริสุทธิ์แล้ว จึงเป็นอยู่อย่างธรรมดาด้วยศีล)

ที่เป็นชุมชนที่มีความสุขสบาย (สัปปายะ) เช่นนั้นได้ เพราะขจัดสิ่งที่ไม่ดีเพียง 4 วิ คือ

5. วิปลาส 7 (สัญญา, จิตตะ, ทิฐิ, ไม่เที่ยงว่าเที่ยง, เป็นทุกข์ว่าสุข, ไม่ใช่ตัวว่าเป็นตัว, ไม่ดีงามว่าเป็นดีงาม)

6. วิปริต (แปรปรวนเป็นอื่นไปจากความสงบสุข) พูดส่งท้ายปีเก่าพวกเรานี้ไม่วิปริตพวกเรามาฟังทำให้หน้าเห็นตากัน ดี เดี๋ยวไปดูหน้าตาเจ้าที่เกิดใหม่เมื่อตอนตี 2.36 น. ตัวแดงๆ เกิดใหม่ไปดู (น้องปุณย์) 

7. วินาศ (ย่อมพังทลาย เสื่อมไป) โดยเขาไม่รู้ความวินาศ​ แล้วคนที่เต็มที่สุดคืออะไร ใครตอบได้บ้าง เต็มที่สุดคือ สูญ คนที่เต็มที่สุดคือ 0 สูญ คือ Infinity เพราะฉะนั้นมันไม่เต็มที่สุดมันวินาศอยู่ตลอดกาล จนกระทั่งที่สุด วินาศสันตะโร 

8. วิสันตโร (หาความหยุดไม่ได้ สงบไม่ได้ จึงวุ่นวายตลอด) ไม่สันติ

เมื่อขจัดได้แล้ว จึงดำรงอยู่อีก 4 วิ คือ

9. วิสุทธิ์ (ความหมดจด)  

10. วิศิษฐ์ (เป็นเลิศ)ยอดเยี่ยม

11. วิเศษ (ไม่มีสิ่งเหลือ) ไม่มีอะไรเหนือกว่า  

12. วิสัย (อาศัยสิ่งที่ไม่มีแล้วเป็นความเห็นนำทาง)  มาเป็นตัวเรา สยัง มีอภิญญามีปัญญามีความรู้ไปตามลำดับที่เป็นความรู้โลกุตรธรรม เป็น สยังอภิญญาไปตามลำดับ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:46:13 )

ธรรมะ 2

รายละเอียด

ศาสนาพุทธถ้า "ธาตุรู้" พัฒนาเจริญขึ้นๆเข้าขั้น "ฉลาด" ที่เป็น "ความฉลาด" เรียกได้ว่า "ปัญญา"นั้น ต้องเกิดอย่างมี "สัมผัส" ของ "รูปกับนาม" ต้องมี "กาย" ซึ่งนั่นก็คือ "ธรรมะ 2" ที่มีปฏิกิริยาต่อกันอยู่ ไม่ใช่ "ธาตุตัวเดียว"แต่มีอยู่ "2" เป็น "เทวะ" เสมอ จะเป็น "ธาตุตัวเดียว" หรือเป็น "ธรรมะเดียว" ที่ชอบใช้คำเรียก "เบี้ยวบาลี" กันไปว่ามัน "ผุดเกิด" หรือมีอะไรโผล่ขึ้นเอง โดยไม่มี "เหตุ" ไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีอิทัปปัจจยตา ไม่มีสัมผัสภายนอก เชื่อมต่อเข้ามาภายใน ความเห็นแบบนี้ไม่ใช่ "สัมมาทิฏฐิ" แบบพุทธ หรือแม้มีผัสสะภายนอกก็เถอะ แต่การปฏิบัติไม่มี "ธรรมวิจัยในธรรมะ 2" (เทฺว ธัมมา) แล้วจัดการฆ่าเฉพาะ "กิเลส" ใน "ธรรมะ 2" ด้วย "ปหาน 5" ให้เหลือแค่ "ธรรมะ 1" ไม่ได้ ก็ไม่ใช่ "ปัญญา" ที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง" ความจริง ตามความเป็นจริง (พระไตรปิฎก เล่ม 10 ข้อ 60 : ทฺวเยนะ เวทน่ยะ เอกสโมสรณา ภวันติ) พุทธแท้ที่สัมมาทิฏฐิหากเอาจริงเป็นผู้ปฏิบัติจะสามารถกำจัดกิเลสใน "ธรรมะ 2" ให้ดับสำเร็จลงได้ เหลือ "ธรรมะ 1" บริบูรณ์ด้วย "ปหาน 5" อย่างเป็นลำดับลาด ลุ่ม เรียบ ไม่ขรุขระ เหมือนฝั่งทะเล (พระไตรปิฎก เล่ม 23 ข้อ 109 ปหาราทสูตร) 

  • "ธรรมะ 1" เป็นประธานคือ "ปัญญา" ส่วนอีก
  • "ธรรมะ 1" เป็น "ตัวกิเลส" เราจึงจะเห็น "ตัวกิเลส" มาให้กำจัด เพราะมันของตนเองทั้ง 2 ภาวะทั้งประธานทั้งกิเลส (ธรรมะ 2 = เทฺว)

หนังสืออ้างอิง

คนจะมีธรรมะ ได้อย่างไร หน้า 29


เวลาบันทึก 11 พฤศจิกายน 2562 ( 15:36:28 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:34:50 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:47:24 )

ธรรมะ 2

รายละเอียด

ผู้ปฏิบัติต้องใช้ "กาย" เป็นฐานปฏิบัติ แล้วก็ปฏิบัติให้เกิด "ธรรมะ 1" (เอกัคคตธรรม)ให้ได้ ด้วยการ "วิจัยธรรม" อย่างสำคัญ (ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์) จึงจะสามารถเลือกเฟ้น "อาการ" ที่เป็น "ตัณหา" เหตุแห่งทุกข์ได้ถูก ภาวะที่ตรงแท้ในตน เรียกว่าต้อง "มีความรู้ความเห็นที่ว่าตัวตนของตนโดยมีผัสสะ" (คือไม่ใช่แค่รู้ "ทิฏฐิ-ตรรกะ") (พระไตรปิฏกเล่ม 10 ข้อ60) โดยมี "ผัสสะ" มี "ที่ตั้ง-หลักแหล่ง" อัน "สัมผัส 6" ได้แก่ "เวทนา" นั่นเอง และในพระไตรปิฏกเล่ม 9 ข้อ 59-90 ด้วย ที่พระองค์เน้นไว้ชัด

คำอธิบาย

ดูกรอานนท์ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา   โดยส่วนสอง
ด้วยประการดังนี้แล ฯ
      ก็คำนี้ว่า เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงเกิดเวทนา เรากล่าวอธิบายดังต่อ  ไปนี้

จักษุสัมผัส โสตสัมผัส ฆานสัมผัส ชิวหา     สัมผัส กายสัมผัส มโนสัมผัส
เมื่อไม่มีผัสสะโดยประการทั้งปวง เพราะ ดับผัสสะเสียได้เวทนาจะพึงปรากฏได้บ้างไหม ฯ
      ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ

      เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยแห่งเวทนา ก็คือผัสสะ
นั่นเอง ฯ
      ก็คำนี้ว่า เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ เรากล่าวอธิบายดังต่อ ไปนี้
      ดูกรอานนท์ เธอพึงทราบความข้อนี้โดยปริยายแม้นี้ เหมือนที่เราได้กล่าว  ไว้ว่า เพราะ
นามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ ดูกรอานนท์ การบัญญัตินามกาย  ต้องพร้อมด้วยอาการ เพศ นิมิต
อุเทศ เมื่ออาการ เพศ นิมิต และอุเทศ    นั้นๆ ไม่มี การสัมผัสเพียงแต่ชื่อในรูปกายจะพึง
ปรากฏได้บ้างไหม ฯ
      ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ
      ดูกรอานนท์ การบัญญัติรูปกาย ต้องพร้อมด้วยอาการ เพศ นิมิต อุเทศ   เมื่ออาการ
เพศ นิมิต อุเทศนั้นๆ ไม่มี การสัมผัสโดยการกระทบ จะพึง    ปรากฏในนามกายได้บ้างไหม ฯ
      ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ
      ดูกรอานนท์ การบัญญัตินามก็ดี รูปกายก็ดี ต้องพร้อมด้วยอาการ เพศ   นิมิต อุเทศ
เมื่ออาการ เพศ นิมิต อุเทศนั้นๆ ไม่มี การสัมผัสเพียงแต่ชื่อ    ก็ดี การสัมผัสโดยการกระทบ
ก็ดี จะพึงปรากฏได้บ้างไหม ฯ
      ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ
      ดูกรอานนท์ การบัญญัตินามรูปต้องพร้อมด้วยอาการ เพศ นิมิต อุเทศ     เมื่ออาการ
เพศ นิมิต อุเทศนั้นๆ ไม่มี ผัสสะจะพึงปรากฏได้บ้างไหม ฯ
      ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ
      เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยแห่งผัสสะ ก็คือนามรูป
นั่นเอง ฯ...     

หนังสืออ้างอิง

คนจะมีธรรมะ ได้อย่างไร ? หน้า 117-118


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 18:34:57 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:26:15 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:48:26 )

ธรรมะ 2

รายละเอียด

 ธรรมะ 2 คือ 1เราโกรธ กับ เราไม่โกรธ รู้จักความโกรธไหม ความโกรธกับความไม่โกรธก็สองอย่าง เราจะทำโกรธหรือทำไม่โกรธดี ..ทำไม่โกรธ ก็ต้องเลือกเอา1 ที่ดี นั้นคือเรียนรู้จักธรรมะ 2

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:23:15 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 05:27:45 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:51:26 )

ธรรมะ 2 ของความรวยความจน ในโลกและในประเทศไทย

รายละเอียด

เป็นเรื่องอจินไตย คนที่มาจนกันได้นี้เป็นเรื่องโลกุตระขั้น อจินไตย จริงๆ ให้คิดนะ ถ้าคนไม่มีคุณธรรมของจิตจริงๆ มันทำไม่ได้ คนมันต้องมีความโลภน้อยหรือไม่มีความโลภ แล้วก็เป็นคนเข้าใจจริงๆ เลยว่า ชีวิต เราอยู่เพื่อให้ อยู่เพื่อเสียสละ อยู่เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น แล้วเราก็อยู่ด้วยความสูญให้ได้ด้วย 

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็รู้อันนี้มาหมดแล้ว ขนาดอาตมาเป็นโพธิสัตว์ที่รู้ชัดเจนขึ้นมา ระดับ 5 6 7 ขึ้นมาก็จะรู้ความจริงพวกนี้ อย่างอาตมาก็รู้เพราะเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 จริงๆขึ้นไป จึงนำความจริงนี้ขึ้นมาสร้างให้คนมีคุณธรรมอันนี้ แล้วก็เกิดพฤติการณ์อันนี้ในชุมชนของเรา ทำกันได้มา นี่เราทำตลาดอาริยะมาไม่ใช่ปีเดียว ผ่านมา 40 กว่าครั้งแล้ว 40 กว่าปีมาแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องเล่น ไม่ใช่เรื่องทำได้ชั่วคราวแล้วหายจ้อย ไม่ใช่ ไม่ใช่การทำผักชีโรยหน้า มันทำด้วยรากเหง้าของจิตวิญญาณ 

แม้ชีวิตประจำวันไปเลย คนเหล่านี่ก็เป็นคนขาดทุนให้แก่สังคมคน คนโลกุตระเป็นคนขาดทุนให้แก่สังคมไปตลอดเวลา การคิดทุนของเศรษฐศาสตร์โลกีย เศรษฐศาสตร์ทุนนิยม เขาคิดทุนเขาจะต้องคิดค่าตัวของตัวเองใส่เข้าไปใช่ไหม เขาต้องบอก เสร็จแล้วเขาไม่ได้เอาทั้งค่าวัสดุ ค่าองค์ประกอบ ค่าโสหุ้ยอะไรครบหมดแล้ว บวกค่าแรงงานตัวเองเข้าไป ค่าตัวของตัวเอง โลกียะนี้รู้สึกว่าเขาเป็นคนมีราคาแพง งานของเขา ผลงานของเขาหรือตัวเขา ฐานะของเขาราคาต้องแพง ใช่ไหม เขานึกว่าสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งตั้งราคากันแพง แล้วเขาก็ตั้งกันเอง แล้วเขาก็บวกเข้าไปในก้อนที่เรียกว่า ต้นทุน 

แล้วค่านิยมเขามี ขายต้องได้เกินทุนกลับมาอีก แล้วค่านิยมที่โหดเลวมากกว่านั้นอีกคือถ้าได้กำไรเกินทุนเข้าไปอีกมากเท่าไหร่ ถือว่าเป็นผลสำเร็จ ใช่ไหม นี่คือความโลภไม่มีที่สิ้นสุด ในความโลภของคนที่สร้างความคิดให้ตัวเองที่จะเอาเปรียบได้เปรียบอย่างไม่มีขีดคั่นเห็นกันได้ มันอย่างนั้นจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 20:51:31 )

ธรรมะ 2 ของบุญกับกุศล

รายละเอียด

คำว่ามีหรือไม่มี ในพระไตรปิฎกเล่ม 17 ข้อ 43 พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่าคนเราก็อยู่กับคำว่ามีและไม่มีนี่แหละเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และผู้ที่เป็นสัตบุรุษหรือเป็นพระพุทธเจ้า ก็จะมาสอนเรื่องมีหรือไม่มี เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ฟังเริ่มต้น…คำว่ามี นายก.มีส่วนบุญ ทำบุญได้ผล ส่วนนายข. ไม่มีส่วนบุญเลย แต่อาจจะทำทานเก่ง มีส่วนกุศลเก่ง สมมุติให้ร้อยหน่วย นายข.ทำส่วนบุญไม่เป็นทำเป็นแต่กุศล ทำทาน ทำดี ที่เป็นโลกียะทั้งนั้น สมมุติว่ามีกุศล 100 หน่วย นายก.ทำบุญได้ผล หากนายก.มีอายุ 30 ปี ทำบุญกำจัดกิเลสหมดสิ้นอาสวะไหนก็เป็นอรหันต์ เป็นผู้หมดบุญ เสร็จแล้วนายก.จะมีอายุยืนไปอีก 50 ปีถึงจะตาย ชีวิตของนายก. จะมีแต่กุศลไปถึงอีก 50 ปี สัพพปาปัสส อกรณัง ส่วน นายข.ทำบุญไม่เป็น กำจัดกิเลสไม่เป็นเลย แต่ทำทานทำดีทำกุศลอายุ 80 ปีก็ตายเหมือนกัน นายข.ก้ได้สวรรค์ นายก.ได้นิพพาน ตายอายุ 80 ปีเท่ากัน มี 50 ปี ที่นายข.ทำบุญไม่เป็นเลยมีแต่กุศลบ้าง บาปบ้าง คนไม่หมดกิเลสจะไม่ทำแต่กุศลอย่างเดียวจะทำบาปด้วย เพราะแยกแยะกิเลสไม่เป็น ส่วนผู้ที่เป็นอรหันต์จะแยกเป็น กุศลอกุศล บาป บุญ​แยกจิตที่เป็นกิเลสกับไม่มีกิเลสได้ นายก.มีนิพพาน นายข. ถ้ากุศลมีส่วนทำให้ได้เสวยสวรรค​์ ก็เท่าที่จิตของเขาเอง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:36:31 )

ธรรมะ 2 ของผู้พ้นแล้วในสมัยกับผู้มิได้พ้นแล้วในสมัย

รายละเอียด

อาตมายังไม่ถึงระดับ 8 ภาษาก็ภาษาแต่ว่า สภาวะเนื้อแท้ของอาตมาคืออย่างไร ก็อธิบายอยู่ ระดับ 7 คืออย่างไร ระดับ 5 4 3 คืออย่างไร  โดยเอาความจริงของพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสไว้คือบุคคลต่างๆ เช่นผู้พ้นแล้วในสมัย ท่านแปลกันมาแต่สลับไปมา ผู้พ้นแล้วในสมัย นี่อาสวะบางอย่างดับ แต่ผู้มิได้พ้นแล้วในสมัย อาสวะสิ้นแล้ว สูงกว่านะ แต่ไม่พ้นแล้วในสมัย อาตมาก็ต้องมาอธิบายสัจธรรมให้ชัดเจน มันจะสลับซับซ้อนโดยภาษากับสภาวะมันจะสลับกัน อาตมาว่าโลกมันงงตรงที่สภาวะกับพยัญชนะ มีคำว่าเทวะกับอเทวะซับซ้อน จึงยาก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:31:25 )

ธรรมะ 2 ต้องดับเหตุแห่งทุกข์

รายละเอียด

ไม่มี“สุข-ทุกข์”ในตนคือไม่มีของตัวของตนยืนพื้น สวรรค์กับนรกเป็นอันเดียวกันมันเป็นเมถุนเป็นธรรมะคู่ ต้องดับเหตุแห่งทุกข์ สวรรค์ก็จะหายไปด้วยไฟ ดับเหตุแห่งสุขนั้นไม่ง่ายหรอก สุขมันติด เอาทุกข์สิ ดับเหตุแห่งทุกข์นั้นก็ง่าย ใครอยากทุกข์ก็ไม่มี ต้องดับเหตุแห่งทุกข์สุขมันก็หายไปด้วย เพราะมันเป็นเมถุนเป็นคู่มันเป็นธรรมะ 2 ดับเสียหนึ่งได้ก็เหลือ1 เป็นปุงลิงค์ สูงไปกว่านั้นทำให้ไป 0 นปุงสกลิงค์ ก็อเนญชา สั่งสมได้เก่งก็เป็น มุทุภูตธาตุของเรา มีเจโตที่เป็น อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา ตกผลึกควบแน่นแข็งได้เยอะ แน่นนี้ เปลี่ยนปรับตัวได้ง่าย ปัญญาก็ง่ายเจโตก็ง่ายให้เกิดก็ง่ายให้ตายก็ง่าย เกิดปุ๊บดับปั๊บ เท่าที่ความสามารถบารมีเราสะสมได้เก่งเท่านั้นก็เป็นของจริง อย่างอาตมาก็มีพอตัวของอาตมาจะเกิดจะดับ เป็นสิริมหามายา คนที่ไม่รู้ก็หาว่าเป็นนักเล่นกลนักโม้นักอวด เขาเข้าใจไม่ได้ก็ว่าอย่างนั้น นี่อาตมาไม่ได้แก้ตัวนะ อธิบายสัจธรรม สรุปแล้วไม่มีสวรรค์นรกในจิตก็คือไม่มีภพชาติ รู้สวรรค์นรกตั้งแต่ อบาย ตั้งแต่ขั้นต้นก็ดับสวรรค์กับนรกข้างต้น ไม่มีภพชาติ ภพคือสิ่งที่มีอยู่ ชาติคือการเกิด ชาติเป็นกิริยา dynamic ภพเป็นรูป static ชาติเป็นนาม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 13:20:29 )

ธรรมะ 2 ยิ่งใหญ่ที่สุดในการปฏิบัติธรรม

รายละเอียด

อาตมาก็เคยอธิบายให้ฟัง เบื้องต้นง่ายๆก็แยกธรรมะ 2 เทวธัมมาให้ออก เบื้องต้นก็คือ กุศลธรรมอกุศลธรรม ทำดีกับทำชั่ว สองอย่าง แล้วก็ต้องเลือกอยู่กับใจอย่างไร ก็ต้องอยู่อย่างรู้จักเทวะรู้จักสอง คำว่าเทวะ จึงยิ่งใหญ่ที่สุดในการปฏิบัติธรรม ถ้าคุณไม่รู้จักชื่อว่าไม่รู้จักสภาวะ 2 และแยกแยะสภาวะ 2 ให้ออกโดยเลือกเพียง 1 หรือเรียนรู้เทวะจาก 1 จนถึง 0 ด้วย จะรู้จักถึงขั้นอุตุนิยาม ทำจิตอย่างนี้จิตเราถึงขั้นอุตุนิยาม มันไม่มีชีวิตินทรีย์ จิตอย่างนี้ของเรา ยกตัวอย่างเช่น จิตของใครที่ เรื่องของจิตที่ยังมีชีวิตินทรีย์ของความเป็นอบายมุข จิตของคุณก็จะแล่นไปวิ่งไปวิ่งมากับอบายมุข คุณก็จะนึกถึง อาลัยอาวรณ์ มันมีฤทธิ์เดชมีรสมีชาติมีสุขมีทุกข์มีการกังวล แต่ถ้าจิตของคุณไม่มีชีวิตินทรีย์ หมดกำลังของชีวิตเป็นอุตุนิยามกับอบายมุข คุณก็จะรู้ว่าจิตของเราตาย ไม่มีชีวิตไม่มีอินทรีย์เป็นอุตุนิยามแล้ว จิตของเรากับอบายมุข อย่างผู้หญิงไม่ติดเหล้า จิตก็ตายกับเหล้า ผู้ชายจิตใจไม่ติดกับลิปสติก กิเลสเรื่องลิปสติกของผู้ชายก็ตายไปแล้วกับเรื่องลิปสติก นี่ยกตัวอย่างง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:50:01 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:52 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:49:07 )

ธรรมะ 2 อธิบายทีละคู่

รายละเอียด

ต้องศึกษา จะเข้าใจกาย จะทำจิตในจิตได้ ความสัมพันธ์กระบวนการของโพธิปักขิยธรรม กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม สภาพ 2 ทั้งนั้น คำว่าใน นี่นะ

กายในกายก็ 2 เวทนาในเวทนาก็ 2 ทีละคู่ๆ จิตในจิต เจโตปริยญาณ 16 ก็อธิบายทีละคู่ ธรรมะ 2 ก็อธิบายทีละคู่ ความดีความชั่ว เป็นโลกีย์ ความสุขความทุกข์ เป็นโลกุตระ บุญบาป เป็นโลกุตระ เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 05:05:13 )

ธรรมะ 2 เทวธัมมา

รายละเอียด

อาตมาขอยืนยันว่ากสิกรรมจะเป็นเรื่องที่คนจะค่อยๆเข้าใจ ทั่วโลก แล้วจะให้เกียรติแก่กสิกร ให้เกียรติแก่ชาวไร่ชาวนา เมื่อคนเรามีปัญญารู้จักสาระแก่นแท้ ของมนุษยชาติ ผู้ที่มีคุณค่ามีประโยชน์ คนให้ข้าวให้น้ำเรานี้เลี้ยงชีวิต เป็นคนที่มีประโยชน์มาก คนที่ให้เครื่องใช้ก็มีประโยชน์ แต่ประโยชน์อย่างไรคุณเทียบเครื่องใช้กับเครื่องกิน เรื่องกินก็ต้องเป็นหนึ่งในโลก อย่างไรอย่างไรจะมาล้างสัจธรรมวันนี้ไม่ได้เลย คู่นี้ ภาวะ 2 อย่าง ของกินกับของใช้ ของกินก็ต้องเป็นเอกของใช้ก็ต้องเป็นรอง แต่ไหนมา การที่จะเอาสองอย่างมาเปรียบเทียบว่ารู้แต่ละคู่ มันเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่มาก อย่างฝรั่งเศสเขาจะมีเพศผู้เพศเมียสำหรับข้าวของ เช่นช้อนกับส้อม อะไรเป็นเพศผู้เพศเมีย เก้าอี้กับโต๊ะอะไรเป็นเพศผู้เพศเมียอะไรสำคัญกว่า อะไรสำคัญก็เป็นปุริสภาวะ อะไรสำคัญรองลงมาก็เป็นอิตถีภาวะ สูงสุดในเรื่องธรรมะ 2 เทวธัมมา ทางวัตถุก็เรียนรู้ได้ยิ่งนามธรรมยิ่งละเอียดลึกซึ้ง ยิ่งไปเรื่อยๆ ส่วนสำคัญคือเรื่องเวทนาความรู้สึก อันนี้คือเป้าหลักหัวใจสำคัญของจิตวิญญาณ ต้องมาเรียนรู้ตรง จิตเจตสิก อย่าว่าแต่กามจิตเลย รูปจิต อรูปจิต ก็เรียนรู้ลิงคะ เพศที่ต่างกันแล้วจะไปประกอบเป็นเครื่องหมาย นิมิตได้ นิมิต เป็น static ส่วน อาการ เป็น dynamic ความเคลื่อนไหว นิมิตเป็นตัวที่จับรูป เทียบกัน 2 อย่าง static กับ Dynamic คำว่านิมิตเป็นรูป อาการเป็นนาม อย่างนี้เป็นต้น เราจะเข้าใจสภาพ 2 ที่เปรียบเทียบกันไปมา นามธรรมที่เป็นนามบางทีก็เปลี่ยนเป็นรูปแล้ว เป็นสิ่งที่ถูกรู้ ชัดเจนแล้วก็ทำให้เป็นนามธรรมที่เจริญขึ้นอีก รูปธรรมที่มีอยู่มันก็จะสะอาดขึ้นกลายเป็นปัญญา ปัญญาจะกลายไปเป็นนาม นามก็จะกลายเป็นรูปในฐานที่คุณยึดถือไว้ต่อไปอีก ก็จะซับซ้อนต่อไปเรื่อยๆ อาตมาพยายามอธิบายสภาวะธรรม รู้สึกว่าอธิบายไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ได้ขนาดนี้ก็ว่า เป็นสัจธรรมที่ยิ่งอาตมาทำให้เข้าใจว่ามั่นใจว่าตัวเอง ทำไมไม่มีคนมาช่วยอธิบาย ใครที่เก่งๆเรียนกันมาเป็นด็อกเตอร์ เป็นเปรียญ 9 อะไรต่ออะไร ทำไมไม่มาช่วย อาตมา อธิบายบ้าง ก็เห็นจริงว่า เขาอธิบายไม่ได้หรอกเพราะเขาไม่รู้อย่างที่อาตมารู้ ทำไมต้องอุตสาหะไป องค์ประกอบมันมีเท่านี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 14:47:02 )

ธรรมะ 2 เป็นเทวะ

รายละเอียด

คือโพชฌงค์ 7 กับมรรคมีองค์ 8 เป็นเทวะ  เป็นธรรมะ 2 คู่ที่แยกกันไม่ได้ โพชฌงค์ 7 ขาดมรรคมีองค์ 8 ก็ไม่ค่อยดีหรอก  มรรคมีองค์ 8 เดี่ยว ๆ ไม่มีโพชฌงค์ 7 ก็ไม่ได้  แต่ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ  มรรคมีองค์ 8 ไม่เกิด  และโพชฌงค์ 7 ก็ไม่เกิด  เพราะว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมรรคมีองค์  8 โพชฌงค์ 7 จึงเกิดขึ้น  มรรคมีองค์ 8 และโพชฌงค์ 7 ที่เป็นองค์รวมก็คือ โพธิปักขิยธรรม 37 โพชฌงค์ 7 และมรรคมีองค์ 8 อย่าแยกกัน

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 13:05:04 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:45:11 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:52:41 )

ธรรมะ 2 เรื่องสุขทุกข์ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

รายละเอียด

ธรรมะ 2 เรื่องความสุขความทุกข์จึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ศาสนาเทวนิยมตีคู่นี้ไม่ออกจึงไปยกให้ว่าเจ้าของความสุขคือพระเจ้า ศาสนาพุทธทำลายความสุขความทุกข์ได้ แล้วเป็นผู้บัญชาการเองเลย ศาสนาพุทธบอกอย่าไปยุ่งกับพระเจ้า  เราดับสุขดับทุกข์ได้ด้วยตัวเอง สามารถสลายจิตวิญญาณได้ด้วย เราดับจิตวิญญาณของเราเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน แก้ปัญหาได้จริงแท้ต้องแก้ที่สุขหรือทุกข์


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:36:15 )

ธรรมะ 2 แบบอโศกคือมีทั้งความรู้และเจตนา

รายละเอียด

จัดสรรเศรษฐกิจ เปลี่ยนแนวคิดแก้ให้ดีๆก็ไม่เสียทีเดียว ว่าไปแล้วเศรษฐกิจก็ยังไม่ถึงขั้นที่ ตาม fake news เขาว่าไปเรื่อย มันพยายามดิสเครดิต เมืองไทยยังไม่ได้จนยากขาดแคลนเดือดร้อนหนักหนา พวกเราเฟ้ออยู่เลย พวกชาวอโศกนี่พูดไปไม่ได้ขาดแต่เฟ้ออยู่เลย กลุ่มอื่นถ้าเป็นเครือแหสานกันในประเทศไทย มีทฤษฎีแบบนี้วิธีการแบบมีวัฒนธรรมแบบมีจิตที่มีทั้งความรู้และเจตนาแบบนี้เป็นธรรมะ 2 แบบอโศก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:01:00 )

ธรรมะ 2 ในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เพราะพุทธจะปฏิบัติด้วยทฤษฎี“ธรรมะ 2”หรือ “เทฺว”นี้แล อย่างลาด ลุ่ม ลึก ไปตามลำดับ

จึงจะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงจากความเป็น“เทฺว” ทั้งหลาย ได้เป็นลำดับๆ จนหมดสิ้น กระทั่งถึง“เทฺว”สูงสุด ที่เรียกกันว่า “พระเจ้า”ได้จริง

“ความรู้ที่วิเศษยิ่งใหญ่”โลกุตระฉะนี้แล ที่“พยัญชนะ”ใช้คำว่า “ปัญญา” ส่วน“สภาวะ”ก็เป็นเนื้อแท้ใน“โลกุตระ” ซึ่ง“สภาวะ”ที่“ปัญญา”สามารถ“รู้”ได้นั้นไม่ใช่อะไร คือ “ธาตุรู้ที่วิเศษยิ่งใหญ่”ที่คนทุกคนถ้าเรียนรู้เป็นสัมมาทิฏฐิจะสามารถ“หยั่งรู้”ความเป็น“เทฺว”ทั้งหลายทั้งหมด แยกแยะได้ ตี“เทฺว”แตกออกไปเป็น“ธรรมะหลากหลาย”ได้ จึงเป็น“ความรู้”ขั้นโลกุตระ และจุดสำคัญที่ตีแตก แยกออกเป็นแกนหลักตัวยิ่งใหญ่ของการเรียนรู้“จิตวิญญาณ”

ทั้งหลายได้หมดต่อไป ก็คือ เวทนา นี่เอง เป็นฐาน แก่นสำคัญ ที่ทำแล้วช่วยแก้ปัญหาทั้งตนเอง และสังคมได้แท้จริงไปทันที

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่18 มกราคม2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:30:34 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:46:25 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:49:43 )

ธรรมะ 2 ไม่ใช่เวทนา 2 ทุกตัว

รายละเอียด

เวทนา 2 เป็นวิสามัญนาม proper noun แต่ธรรมะ 2(เทวธัมมา) เป็นสามัญนาม common noun 

ใช่แล้ว ค่อยๆเทียบทีละคู่ๆ ค่อยรู้ละเอียดแล้วเดี๋ยวมันก็ค่อยๆกลายเป็นนาม เดี๋ยวมันก็ค่อยๆกลายเป็นรูป สลับกันไป เยอะแยะมากมาย 

คำว่า ธรรมะ 2 นี้รวมทั้งหมดในมหาจักรวาล คุณรู้แจ้งเทวได้มากที่สุดเท่าไหร่นั่นแหละคือความสมบูรณ์ที่คุณจะเกิดความรู้แล้วจัดการ รู้แล้วจัดการได้ด้วย จัดการให้เป็นหนึ่งหรือจัดการให้ศูนย์ไปเลย หรือจะต้องอาศัย 2 อาศัย 3   4 5 ไปอีกก็แล้วแต่  แต่แน่นอน อาศัย 2 ได้ อาศัย 3 - 4 -5 ก็ย่อมได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:11:28 )

ธรรมะ 3 เส้า

รายละเอียด

ผู้ศึกษาหลักสูตรของพุทธศาสนาให้“สัมมาทิฏฐิ” แล้วเริ่มเรียน“สัมมาปริยัติ” แล้วปฏิบัติแบบ“สัมมาปฏิบัติ” ก็จะเกิดผล และบรรลุเป็น“สัมมาปฏิเวธ”

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 317


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 13:51:55 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:47:00 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:53:10 )

ธรรมะ 3 เส้า

รายละเอียด

คือ เมื่อตา,หู,จมูก,ลิ้น,กาย,ใจ นี้1“สัมผัส”กับรูปหรือเสียง,กลิ่น,รส,โผฏฐัพพะ,ธรรมารมณ์ (สิ่งที่ถูกรู้=object)นี้2 ซึ่งตนเองก็มี“นาม”(consciousness) ที่เป็นประธาน(subject)ของเราเองด้วยนี้3 ก็มี“ธรรมะ3 เส้า” นี้เกิดเต็มสภาพของความเป็น“วิญญาณ” ธรรมะ 3 เส้านี้”ก็คือ เมื่อ“นาม(ธาตุรู้=consciousness ซึ่ง รวมเรียกว่า“วิญญาณ”นั่นเอง)นี้1” สัมผัสกับ“รูป”(object)นี้2ซึ่งตนเองก็มี“นาม”(ปัญญา=ธาตุรู้แบบพุทธที่เป็นโลกุตระ ที่ยังไม่มีศัพท์ เป็นภาษาอื่นนอกจากบาลีที่บัญญัติว่า“ปัญญา”นี้เท่านั้น)อีกส่วนหนึ่ง ที่เป็นประธาน(subject)ในตนเองด้วยนี้รวมเป็น 3 เส้า เกิด เต็มสภาพของความเป็น“วิญญาณ” แต่สัตว์ที่ยังไม่มี“ธาตุรู้” เข้าขั้น“ปัญญา” ยัง“อวิชชา”อยู่จะยังไม่สามารถ“รู้” ก็เป็น ธรรมดาสามัญของ“ธาตุรู้”ที่เกิดในสัตว์“จิตนิยาม”ทุกตัว

หนังสืออ้างอิง

 คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 328-329


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 14:07:35 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:47:46 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:53:52 )

ธรรมะ 4 เส้า

รายละเอียด

คือ ได้แก่ “อาการ-เพศ(ลิงคะ)-นิมิต-อุเทศ” 

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 324 


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 14:04:25 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:48:20 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:54:16 )

ธรรมะ กับธาตุ

รายละเอียด

อาตมาอธิบายแยก ธรรมะ กับธาตุ คู่สุดท้าย พระเจ้ารู้จักแต่ธรรมไม่รู้จักธาตุ

ธรรมนี้แยกเป็นธาตุได้แยอะ แต่เทวะพระเจ้ามีแต่ธรรมะ แล้วอย่าให้ตีแตก เลยไม่กระดิกเลยเป็นคำตาย เหมือนบาลีที่เป็นภาษาที่ตายแล้ว

สรุปว่า พระเจ้ามีแต่พระธรรม พระเจ้าไม่มีพระธาตุ คนในศาสนาเทวนิยมไม่รู้จักพระธาตุ แล้วกระดูกมาเป็นพระธาตุได้อย่างไร ทางเทวนิยมพระเจ้าไม่รู้เรื่อง ยิ่งเป็นนามธรรม

วิญญาณธาตุ กับวิญญาณธรรมต่างกันอย่างไร

วิญญาณธาตุคือ static วิญญาณธรรมคือ dynamic

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 21:16:04 )

ธรรมะ มีสภาพสลับซับซ้อนเป็นสิริมหามายา

รายละเอียด

ความหวังของคุณนี้จะสำเร็จผลไหมน้อ คนจะเห็นทุกข์อย่างมาก เห็นทุกข์ อาตมาว่า น่าจะเห็นอยู่ แต่จะหันมาปฏิบัติธรรมกันจำนวนมากนี้ อาตมาว่าคุณคงจะผิดหวังนะ อย่าไปตั้งความหวังขนาดนั้น เดี๋ยวจะผิดหวัง ธรรมะนี่มันมีสภาพสลับซับซ้อน เป็นสิริมหามายา มันเหมือนกับเล่นกลอย่างที่อาตมาอธิบายธรรมะมาแล้ว มันเหมือนเอาหน้าหลอก มาหลอกว่าเป็นหน้าดี เอาหน้าแย่มาหลอก เอาทุกข์มาหลอกว่าเป็นสุข มันเป็นอย่างนั้นจริงๆสัจธรรม 

เพราะฉะนั้นถ้ารู้ไม่เท่าทันแล้ว จะหัวหมุนแล้วก็หลงหน้าหลอก ว่ามันเป็นสิ่งที่น่าได้ น่ามี น่าเป็น ก็ไปหลงยึดเอา เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจในสัจธรรมจริงๆเลยว่ามายาหน้าหลอกพวกนี้อย่าไปหลงกับมัน ปฏิบัติธรรมแล้วอยู่กับความเป็นจริง สิ่งที่จริงด้วยความเป็นจริง แล้วก็อยู่ แล้วก็เข้าใจชีวิตให้ได้ ว่าชีวิตอาศัยอะไรกันนักกันหนา ปัจจัยอะไรสำคัญ ปัจจัย 4 อาศัยปัจจัยที่เพิ่มเป็นบริขารประกอบบ้าง ไม่มากมายอะไร ชีวิตก็สบายๆ ชีวิตเล็กๆน้อยๆ ชีวิตไม่ได้ใหญ่โตมโหฬาร ชีวิตไม่ได้อะไรกับที่ไปหลงเลอะเปรอะประอะไรกันมากมาย

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 39 ฌานปัญญาของคนเจริญจริงคือทำจิตให้เป็นมหาภูตได้ วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2566 ( 19:16:10 )

ธรรมะกับการเมือง ควรยุ่งเกี่ยวกันอย่างไรแค่ไหน

รายละเอียด

มันมีนัยยะอย่างนี้ คนที่มีทิฎฐิมีความเข้าใจว่า นักธรรมะอย่าไปยุ่งกับการเมืองนี้ มันมีนัยยะคือ มุมหนึ่งก็คือว่า ผู้ที่อยากจะทำงานธรรมะนี้ อย่าเอาตัวเข้าไปเปลืองตัวกับการเมืองเขาเลย การเมืองมันเลอะเทอะ มันมีแต่เรื่องไม่ได้เข้าท่าอะไร มันมาทำให้วุ่นวายอะไรต่ออะไร ต่างๆนานา ทีนี้ผู้ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีความรู้ ไม่มีสมรรถภาพพอที่จะเข้าไปยุ่งกับการเมือง ถูกแล้ว ยิ่งเป็นนักบวช เป็นนักธรรมะอย่าไปยุ่ง เพราะถ้าเขาไปยุ่งแล้วคุณจะกลายเป็นเบี้ยให้กับนักการเมือง เพราะนักการเมืองมันเขี้ยว มันก็เอาพวกเราไปเป็นหัวคะแนนไปเป็นคะแนนเสียงอย่างที่มันเป็น 

เพราะฉะนั้นเขาจึงมีแม้แต่ทางเถรสมาคมก็รู้ว่า ภิกษุหรือนักธรรมะของเถรสมาคมนั้นอ่อนแอ เข้าไปก็ไปเป็นลูกกะโล่ของนักการเมืองเขา ก็จึงไม่ให้ไปยุ่งกับการเมือง ถูกแล้ว แต่ผู้ที่มีอินทรีย์พละ มีความรู้ความสามารถพอที่จะเข้าใจการเมืองดี แล้วก็มีอำนาจ มีอิทธิพล มีกำลังอยู่เหนือการเมือง รู้การเมืองจริงๆว่าอะไรมันถูก อะไรมันผิด อะไรดี อะไรไม่ดี ขออภัยต้องยกตัวอย่างอย่างอาตมานี้เข้าใจ 

อาตมาก็ไปช่วยการเมืองให้มันมีประโยชน์ ก็ไปทำอยู่ ไม่ได้หยุดได้หย่อน คนไม่เข้าใจอาตมาอาตมาเข้าใจเขา ไม่เป็นไร เขาก็พูดตามความเข้าใจของเขา แต่อาตมาไม่ได้ไปทำเสีย แล้วอาตมามั่นใจว่าอาตมาได้ช่วยประเทศไทย ขออภัยนะที่พูดแล้วเหมือนเอาสิ่งที่เราทำแล้วมาเป็นของตน อาตมาก็ได้ทำงานให้แก่ประเทศชาติในเรื่องการเมืองนี้ไป ไปพามวลของชาวอโศกนี้ไปร่วม กับประชากรประชาชนไทย ไปลงทุนลงแรงอยู่กลางถนนมาไม่รู้กี่ครั้งกี่ครา ตั้งแต่ 2549 จนถึง 2557 ที่ทำอยู่นั้น จนกระทั่งรัฐบาลทรราชหมดไป แล้วตอนนี้ประเทศไทยก็ไม่มีทรราช ทรราชกำลังจะมาแย่งอำนาจอยู่เท่านั้นเอง 

ประเทศไทยก็มีรัฐบาลหรือมีคณะบริหารไปได้ดีอยู่แล้ว ในผู้ที่มองกลางๆ ข้างนอกเขามองมา ก็รับฟังเขาบ้างสิ ว่าการบริหารประเทศของรัฐบาลยุคนี้ อะไรดีขึ้น เขาก็มีรายงานอยู่ในด้านเศรษฐศาสตร์ ในด้านรัฐศาสตร์ ในด้านสังคมศาสตร์ เขาก็มีรายงานมาตั้งเยอะแยะ ก็อย่าหลับหูหลับตาเอาแต่ด่าๆๆ ข่มๆๆ อะไรก็ไม่มีผลงาน  อะไรก็ไม่มีประโยชน์ไม่ทำอะไรไม่ได้ พูดไปคนตาบอดเหมือนคนตาบอดพูด ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 25 พ่อครูคือธัมมิกราช ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม  วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 19:55:38 )

ธรรมะกับการเมืองมันอันเดียวกัน 

รายละเอียด

นักการเมืองที่จริง ต้องเป็นอรหันต์นั่นแหละสูงสุด ยิ่งเป็นโพธิสัตว์เลย ซึ่งคนเขาก็ยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งหาว่าธรรมะอย่ามายุ่งกับการเมือง การเมืองอย่ามายุ่งกับธรรมะ นั่นคือคนนั้นเป็นคนพิการ คนที่ไหนจะแยกจากการเมืองได้ ธรรมะกับการเมืองมันอันเดียวกัน 

คนที่เข้าใจว่าธรรมะไม่ใช่การเมืองคนนั้นคือเดียรถีย์ คือคนไปอยู่ป่า พวกเข้าใจป่าว่าเป็นการบรรลุธรรม พวกโง่พวกไม่ใช่สังคมมนุษย์ หนีไปเป็นผีป่า อย่างพวกเชนผ้าก็ไม่นุ่ง แดดลมหนาวอะไร ไม่รู้สึกรู้สา ทรมานทรกรรมตัวเองไปเดินโทงๆๆนึกว่าบรรลุธรรม แม้แต่ไม่ถึงขนาดนั้น ออกป่าก็พิการแล้ว คนไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่มนุษย์ป่า ไม่ใช่ มิลักขะ คนเป็นชาวอาริยกะ เป็นคนเจริญ เป็นคนสังคมไม่ใช่คนป่าเถื่อน เป็นคนอยู่เดี่ยวไม่ใช่ คนเป็นสัตว์สังคม 

แค่นี้ไม่เข้าใจแล้ว ปลีกแยกไปจากสังคม ผิดแล้ว มิจฉาทิฏฐิแล้ว ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งสังคม รู้จักสังคมดี สังคมเต็มๆก็เรียกว่าโลก รู้จักภาวะโลก ภาษาคำว่า สังคมคือความเกี่ยวข้อง โลกก็คือความเกี่ยวข้องที่ยิ่งกว้างขึ้น กว้างขึ้น ตามลำดับ แล้วก็เป็นผู้ที่อยู่กับโลกอยู่กับสังคมอย่างอยู่เหนือ เรียกว่าโลกุตระ อยู่เหนือโลกอยู่กับโลก 

ไม่ใช่ไปนั่งทับโลกหรอก เหนือคือผู้มีจิตที่เข้าใจแล้ว เรื่องของการอยู่กับมนุษยชาติว่าจะอยู่กับเขาอย่างไร เป็นผู้ที่มีคุณค่า เป็นอาริยะแบบไหน นี่คือสัจจะที่สุดยอดที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อาตมาก็นำเอามาสาธยายอธิบาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แพ้แน่ๆถ้าพลังเงียบไม่ช่วย

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 วันขึ้น 9 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 11:42:24 )

ธรรมะกับการเมืองเป็นเรื่องเดียวกันได้ถ้าไม่ไปปฏิบัตินั่งหลับตา

รายละเอียด

หายากนะคนที่จะมาเห็นอย่างนี้ด้วย ขอขยายความหน่อย อันนี้อาตมาก็ยังคิดอยากจะอธิบายความอยู่พอดี ที่คนนี้พูดว่า พระมาแสดงความเห็นทางการเมือง อาตมาว่าคนไม่เข้าใจเรื่องมนุษยชาติกับสังคม ไม่เข้าใจว่าความเป็นมนุษย์กับความเป็นสังคม ธรรมชาติธรรมดาของมนุษย์นี้ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ป่า เพราะฉะนั้นพวกที่หลับตาออกป่าเป็นพวกที่วิปริต 

ก็ตัวเองเป็นสัตว์สังคม พวกออกป่าเป็นพวกวิปริต เป็นส่วนน้อยมันวิปริตไปจากธรรมดาธรรมชาติไป ออกป่า ออกเขา ออกถ้ำ คน 7 พันล้าน ออกป่า ออกเขา ออกถ้ำ ก็อาจจะมีพวกหลงๆเลอะๆเยอะๆอาจจะเป็นล้าน แต่ใน 7 พันล้าน ศาสนาเทวนิยมเขายังไม่วิปริตออกป่าเลย แต่ศาสนาพุทธแท้ๆไปหลงเลอะเทอะได้ยังไง ไปหลงเป็นมนุษย์ป่ามนุษย์เถื่อน เพราะฉะนั้นการออกป่าจึงเป็นความงมงายชนิดหนึ่ง ยิ่งไปนั่งสมาธิหน้าเหว แล้วตกเหวตายไป เยอะหลายศพอยู่ บ้าๆบอๆ มันก็เป็นธรรมชาติของคนที่ พูดชัดๆก็คือพวกโง่ยังไม่ฉลาด ก็เป็นไป 

ก็ขอพูดอีกอย่างแรงๆ เลิกนั่งเถอะ อย่าโง่ต่อเลย นั่งหลับตาสมาธินั้น บอกไม่รู้กี่ทีแล้วว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ไม่ผิดนั้นคือมีสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 มีสติตื่น-ชาคริยานุโยคะ มาปฏิบัติมีตาหูจมูกลิ้นกายใจทุกเวลา เป็นต้น ว่าคุณต้องกินข้าว คุณต้องมีโภชเนมัตตัญญุตาในการปฏิบัติธรรม เพราะมนุษย์ทุกคนต้องกินข้าว พระพุทธเจ้าท่านมาสรุปเอาตรงนี้ ให้เรียนรู้ว่ากิเลสมันอยู่ตรงนี้แหละ กินข้าวนี่แหละ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) นี่แหละ พิจารณาตรงนี้แล้วจะรู้กิเลส นอกนั้นมันก็สัมผัสเหมือนกัน แต่มันไม่เหมือนกินข้าวนี่หรอก แล้วมนุษย์ทุกคนต้องกินข้าว พระพุทธเจ้าจึงมาสรุปลงตรงที่ โภชเนมัตตัญญุตา 

เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมถ้าไม่มีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ไม่มีการพิจารณากิเลสจากโภชเนมัตตัญญุตา อย่าว่าแต่กินข้าวเลยแม้แต่กินเคี้ยวหมาก ก็คือสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) เต็มเลย ยิ่งสายมหาบัวไม่รู้เรื่องเลย กินหมากกันหยำแหยะ สูบบุหรี่ปุ๋ยๆกัน คือไม่รู้แม้กระทั่งสิ่งเสพติดหยาบๆ แค่นี้ก็ไม่รู้เรื่อง พวกที่มีปฏิภาณว่าเฉลียวฉลาด ยังไปหลงมหาบัวว่าเป็นอรหันต์ ไปยึดถือเป็นครูบาอาจารย์อยู่ อาตมาว่า มันยังไงน้อ แค่นี้เข้าใจไม่ได้ ยังไปหลงอย่างนั้นว่าเป็นอรหันต์ได้น่าสงสาร 

คนเป็นสัตว์เมืองไม่ใช่สัตว์ป่า เป็นธรรมดามนุษยชาติเป็นสัตว์เมืองไม่ใช่สัตว์ป่า เป็นสัตว์ป่านั้นเป็นพวกวิปริต พูดซ้ำอีก เพราะฉะนั้นเป็นคนเมือง เป็นสัตว์เมืองก็ต้องรู้การเมือง คุณไม่เกี่ยวไม่ได้หรอก ไม่เกี่ยวมันก็มาเกี่ยวกับคุณ เช่น คนมาบวช แล้วเป็นผู้ปฏิบัติธรรมเป็นภิกษุแล้ว คุณปฏิบัติไม่ดี เขาว่าคุณไหม เขาจะเห็นคุณไหม เขาก็ซัดคุณอยู่นั่นแหละ แต่เพียงเขาเกรงใจเขาก็ไม่ว่ามาก 

มาบวชนี้ เป็นพวกได้อภิสิทธิ์ เขาถือว่านี่เกรงใจผ้าเหลืองนะเขาว่าอย่างนี้ เพราะฉะนั้น(ผ้าจีวร) นี่คือธงชัยพระอรหันต์ จนกระทั่งกลายไปเป็นวิปริตไปนุ่งห่มเหลืองห่มสีแสดสีแจ๊ดๆ ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าอันนี้ห้าม อยู่ในพระวินัยมีด้วย ห้าม 7 สี ไม่ให้ไปนุ่งห่ม (ดูภาคผนวก) แล้วเขาก็ทำกันเฉยๆ แล้วไปพบ เขาก็ประชดด้วยที่อาตมาพูดไปและเขาก็ได้ยิน แต่จะประชดใส่สีนี้ว่าทำไม ก็ประชด ผู้ที่รู้ 7 สีที่พระพุทธเจ้าท่านห้าม 

แล้วเขาก็ไปแปลเพี้ยนๆว่า ท่านบอกว่ามันล้วน แต่นี่มันไม่ล้วนนะ เขาเล่นโวหาร มันไม่ได้เหลืองล้วน มันไม่ได้แดงล้วน มันสีแสด มันเป็นสีผสม ไม่ใช่สีเหลืองล้วน เขาก็เลี่ยงไป ไอ้ที่สีเหลืองล้วน มันก็มีโทน ต้องไม่รู้กี่หลืองเลย ไม่ใช่เหลืองแกมบอททินอย่างเดียว เหลือง Yellow oak หรือ Lemon Yellow อะไรต่างๆ อีกไม่รู้กี่เเหลืองนะ ยิ่งสีแดงสีแสดยังมีอีกหลายเฉด เขาก็เล่นโวหารว่ามันไม่ใช่สีล้วน พระพุทธเจ้าสอนสีล้วนไม่ให้ใส่ สีครามล้วน สีเหลืองล้วน สีแดงล้วน ทำไมไม่บอกว่าสีล้วน สีไหนก็แล้วแต่ ถ้ามันล้วนแล้วก็ใช้ไม่ได้ สีไม่ล้วนนั้นใช้ได้ อะไรอย่างนี้ การเลี่ยงบาลีเรื่องภาษา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าอวิชชาหลับตาโง่ๆ วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2566 ( 09:08:38 )

ธรรมะกับการเมืองเรื่องเดียวกัน

รายละเอียด

ตอนจะออกบวชพระเจ้าพิมพิสารแห่งแคว้นมคธก็บอกว่าจะแบ่งแผ่นดินให้ครึ่งหนึ่งปกครองท่านก็บอกว่าท่านไม่เอาแล้ว เรื่องธรรมะจึงยิ่งใหญ่ ท่านก็ประกาศ ธรรมะกับการเมืองมันอันเดียวกัน การเมืองก็คือการทำงานกับมวลประชาชน ธรรมะก็คือการไปทำงานกับมวลประชาชน แต่ก็มีความรู้ความสามารถก่อนแล้วทำกับมวลประชาชนจึงจะดี หากยังไม่มีความรู้ความสามารถไปทำกับมวลประชาชนมันก็เสีย หรือมีความรู้ความสามารถแบบขี้โกง ความรู้ความสามารถทุจริตไม่เป็นสัจจะในตัวเอง มีความเลวร้ายเหมือนอย่างที่เกิดในปัจจุบันเป็นอยู่ ที่ ดร.ไตรรงค์ แม้ว่าจะจบดอกเตอร์จากอเมริกาเสร็จแล้วก็มาย้อนว่า นักการเมืองถึงขนาดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งเป็นเรื่องที่จริงที่เอามาพูดกันชัดๆ ใครที่เขาไม่อยากฟังความจริงก็แล้วแต่เขาก็ไม่ชอบใจ แต่ถ้าคนที่ชอบฟังความจริงแล้วมันสนุกดีเหมือนกัน แต่มันก็หนักหนาสาหัสเหมือนกัน 

เพราะฉะนั้นในขณะนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำแม้แต่วินาทีนี้ ยังรู้สึกว่าสงครามระหว่างไบเดนกับโดนัลด์ทรัมป์ยังไม่สะเด็ดน้ำ สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร 

เรื่องของ“การเมือง”กับ“ธรรมะ” แยกกันไม่ออกหรอกต้องไปด้วยกัน แต่คนที่มิจฉาทิฏฐิจะแยกกัน ธรรมะ ปางนี้มาก็ต้องมาทำจัดกระทำอาตมาพูดไปแล้วเนี่ย อย่าไปยุ่งกับการเมือง ปล่อยเขาไปเถอะเป็นนานาสังวาสเขาจะไม่มีความรู้เรื่องนี้ไม่มีความเห็นอย่างนี้ เราไม่ต้องเถียงกันหรอกเถียงไปก็ตายเปล่า เขายึดถืออย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง เราก็พูดเฉพาะคนที่พอพูดรู้เรื่องกัน 

อาตมาชาตินี้ต้องมาทำสัจธรรม ทำแล้วคนนั้นคนนี้ทำอวดดีอาตมาก็ทำเลย แล้วก็ทำสิ่งที่อาตมาภาคภูมิใจว่าได้ทำภูมิใจว่าเราได้เป็นนักปฏิบัติ จริงๆคือเราได้เป็นนักรัฐประหารรัฐบาลชั่วออกไปตั้งหลายรัฐบาล  ได้ร่วมกันกับประชาชน ส่วนอาตมาก็ไม่จำเป็นว่าเป็นผู้หนึ่งในนั้น ไม่ใช่หัวหน้านำที่เด่นอะไรแต่ก็เป็นหัวหน้าของหมู่เล็กๆ มีประชาชนเข้าไปร่วมกันมากมายกับคุณสุเทพด้วยพาคณะมารวมกันเป็นหลายล้านคน เราก็ทำอยู่แล้ว คุณสุเทพมาทีหลัง นี่ก็เป็นประวัติศาสตร์ 

ยังมีแนวลึกที่ทางด้านธรรมะนักรัฐศาสตร์ยังเข้าใจไม่ได้ ที่ว่าเอามือเปล่าไม่มีอะไร ไม่รุนแรง เอาความสงบกับความจริง เป็นธรรมาวุธประหารรัฐบาลได้ เขายังเข้าใจไม่ได้ เราเอามือเปล่าเอาความสงบประหารรัฐบาลเสร็จ เขาก็บอกว่าไม่เชื่อหรอก จริงๆแล้วขอพูดละเอียดลึกซึ้งขึ้นว่านี่คือมวลชนไปแสดงความสงบ ความสงบสยบความรุนแรงเป็นธรรมะโลกุตระที่สุดยอดลึกซึ้งที่ไม่มีประเทศไหนทำได้งามเท่าประเทศไทยที่ได้ทำไปแล้วในรัฐบาลจริงถึง 3 - 4 รัฐบาล 

เอาอำนาจความถูกต้องความดีงามความสงบ ยาวให้เป็นเย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ.. สื่อพยัญชนะให้รู้สภาวะให้พวกเราปฏิบัติกันก็ได้ใช้กันจนสำเร็จกันจริง อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 จะไม่มีอะไรเรียบร้อยบริบูรณ์ 

แนะนำอนาคตอีก 40-50 ปีจะเข้าใจกันอีกเยอะ อาตมาเป็นคนไม่มีเครดิตทางการเมือง แต่มาพูดการเมือง เขาก็ยังหมั่นไส้ว่าไปเรียนมาจากไหน อาตมาก็บอกว่าไม่ได้เรียน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:30:28 )

ธรรมะกับการเมืองเรื่องเดียวกัน

รายละเอียด

อาตมาก็ได้ร่วมชุมนุมการเมืองมาไม่ใช่ธรรมดา ซึ่งคนเขาบอกว่าอย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมือง ซึ่งเป็นความคิดที่อาตมาว่าวิปลาส เป็นความคิดของคนขี้โกงที่พูดอย่างนี้ เพราะธรรมะคือความถูกต้อง ความดีงามเรียบร้อยทุกอย่างความประเสริฐทุกอย่าง ส่วนนักการเมืองนี้ คารมของนักการเมืองก็เห็นลิ้นไก่แล้ว พูดตื้นๆแค่นี้ ซึ่งธรรมะคือความจริงความถูกต้อง เขาก็เอาความจริงความถูกต้องออกจากการเมือง ก็เห็นลิ้นไก่ของนักการเมืองชัดๆ เพราะฉะนั้นอย่าไปหลงเชื่อ ใครจะเข้าใจตื้นๆว่า การเมืองอย่าเอาธรรมะมาวุ่นวาย โดยเฉพาะนักธรรมะที่แท้ แน่นอนถ้าเอานักธรรมะอ่อน ๆไม่มีแรง ไม่มีสมรรถนะความสามารถก็จะถูกนักการเมืองเอาไปปั่นหัวเป็นมวลก็ถูก แต่นักธรรมะที่แข็งแรงจริงๆแล้วอย่างอาตมานี้รู้ดี อย่างท่านพุทธทาสหรือคานธีก็บอกว่า ต้องเอาธรรมะไปสู่การเมือง สถาปนาเข้าไปในการเมือง อาตมาเอาธรรมะเข้าไปในการเมืองเลย มั่นใจว่าทำถูก 

การเมืองคือการทำงานเพื่อมวลประชาชน ธรรมะคืองานที่ทำกับมวลประชาชน มันอันเดียวกัน มันเป็นความปรารถนาดี ต่อมวลประชาชนเหมือนกัน อัตตาตัวตนน้อย ความขี้โกงทุจริตน้อย มันก็เป็นนักการเมืองที่ดี เราทำเพื่อประโยชน์ประชาชนก็ไม่มีปัญหา อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ้นความโง่อวิชชากับ
ปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:01:02 )

ธรรมะกับธรรมชาติ

รายละเอียด

ธรรมะมีการเกิด หรือไม่มีการเกิดก็ได้ เมื่อบรรลุแล้วจะเกิดผล ไม่เกิดก็ได้ถึงขั้นไม่มีชาติได้แล้ว เพราะฉะนั้นคุณยังทำความไม่มีชาติไม่ได้ ก็โมเมไปว่าธรรมะคือธรรมชาติ คนคนนี้ก็ยังบอกตัวเองอยู่ว่า แจ้งเกิดอยู่นะ เพราะยังเป็นธรรมชาติ ธรรมะก็คือเกิดทั้งหมด เมื่อสิ่งทั้งหมดของคุณก็ยังเกิดอยู่ ธรรมะคือธรรมชาติ คือสิ่งทั้งหมดยังเกิดอยู่ คุณก็คือยังเกิดอยู่ คุณก็ยังไม่ดับ คุณยังมีชาติ เพราะฉะนั้นธรรมะที่สูงเป็นโลกุตระ มีดับไม่มีชาติ เป็น 2 หรือเป็นองค์เดียวก็ได้

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 20:09:57 )

ธรรมะกับธรรมชาติ สี่ความหมาย ของ..สมณะโพธิรักษ์

รายละเอียด

1. รู้เท่าทันธรรมชาติกิเลสนั้นๆ เกิด

2. รู้เหตุแห่งการเกิดธรรมชาตินั้นๆ

3. รู้วิธีและทำการดับธรรมชาตินั้นๆ

4. รู้การใช้ชีวิตอยู่เหนือธรรมชาตินั้นทั้งปวง 

(ตักกะว่า  ธรรมะ = ธรรมชาติ  สมการแบบนี้จึงไม่ใช่)  

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2562 ( 21:16:40 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:11:50 )

ธรรมะของคน สำเร็จด้วยกรรม

รายละเอียด

พุทธธรรมของพระพุทธเจ้า โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้ามันไม่ได้สูญหายไปไหนหรอก ก็มีคนสืบทอด เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้ายังมีโพธิสัตว์สืบทอดกันอยู่ตลอดกาลนาน ถึงเวลาวาระก็มาอุบัติขึ้นมาในโลก แม้สุดท้ายเป็นพระพุทธเจ้าก็ถึงวาระเวลา ก็จะเกิดในคน เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นเป็นธรรมะของคน ไม่ลึกลับ เป็นธรรมะของคน สำเร็จด้วยกรรม กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตตีโลโก  

สำเร็จด้วยกรรม คือการกระทำ พฤติกรรมของมนุษย์ ที่เราจะต้องมาศึกษาการทำ กายกรรมทุจริตอย่างไร วจีกรรมทุจริตอย่างไร มโนเป็นตัวประธาน ทำใจในใจให้ไม่มีเหตุที่จะไปทำชั่วทำเลว จนแม้ที่สุดเป็นโลกุตระ ทำแล้วก็ไม่ไปติดในสุขในทุกข์ หมดสุขหมดทุกข์ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 12:19:02 )

ธรรมะของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก (สงบระงับอย่างสงบพิเศษแม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นดำมิได้) นิปณา (ละเอียดลึกซึ้งถึงขั้นนิพพาน) ปัณทิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:41:39 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:55:35 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:57:28 )

ธรรมะของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก สันตา(สงบระงับอย่างสงบพิเศษแม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุชุมประณีตไปตามลำดับไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นดำมิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกซึ้งถึงขั้นนิพพาน) ปัณทิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 15:30:22 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:21:11 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 08:58:22 )

ธรรมะของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

สัมมาสัมโพธิญาณเป็นกรรมวิบากที่พระพุทธเจ้าสั่งสมมาเอง สั่งสมมาตั้งแต่เป็นโพธิสัตว์ เหมือนอย่างอาตมาแล้วก็สั่งสมมา เราถ้าบรรลุอรหันต์ระดับที่ 1 โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ก็เห็นว่ามันน่าเรียนต่อ น่าศึกษาต่อยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 14:26:34 )

ธรรมะของพระพุทธเจ้า ใหม่เสมอตลอดกาล

รายละเอียด

อาตมาว่าโชคดีมากที่มีพระไตรปิฎกเล่มนี้ด้วยกัน  ฉบับสยามรัฐนี่แหละ ถ้าเป็นพระไตรปิฎกคนละเล่มก็น่าจะยากเหมือนกัน แต่นี่เล่มเดียวกันก็ง่ายอยู่บ้าง ยังโชคดีมาก ถ้าไม่อย่างนั้นแย่ ที่นี่ชุมชนที่บริบูรณ์ อาตมาภาคภูมิใจที่เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย คนเข้าใจ ผู้ที่มีธุลีในดวงตาน้อยอย่างคุณซึ้งซื่อพูดมา ก็ฟังรู้อย่างพวกคุณก็เลยเข้ามาปฏิบัติ เสร็จแล้วก็มาอยู่ร่วมกัน เป็นสังคมกลุ่มที่มีสาราณียธรรม 6 ซึ่งมีสาธารณโภคีในข้อที่ 4 ของสาราณียธรรม 6 ข้อนี้เป็นสุดยอดเลย

ข้อ 4 เป็นสุดยอดของการยืนยันธรรมะพระพุทธเจ้าว่า เก่าสมัย ใหม่เสมอ แล้วเก่ามาเป็นสมัยไหนมาก็ตาม ก็ใหม่เสมอตลอดกาลนาน ธรรมะของพระพุทธเจ้านี้ จะเก่ามากี่เก่า เก่าแล้วก็เก่าอีก เก่าอีกเก่าแล้ว เก่าสมัยไหนก็แล้วแต่ ใหม่เสมอตลอดกาลนาน ธรรมะพระพุทธเจ้านี้ ใหม่ทุกวันนี้ 

1. ใหม่ ที่มีเศรษฐกิจสมบูรณ์แบบ 

2. ใหม่ ที่มีการเมืองสมบูรณ์แบบ 

3. ใหม่ ที่มีสังคมสมบูรณ์แบบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2565 ( 11:21:19 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์