@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

สัญญามีสภาวะหน้าที่ 2 อย่าง จะหยิบมาใช้อย่างไร

รายละเอียด

สัญญามันมีสภาวะหน้าที่ของมัน 2 อย่างคือ 1 ความจำ 2 กำหนดรู้ สำคัญมั่นหมายในสภาพที่สัมผัสอันนั้นๆๆๆ แล้วเรียนรู้ความจริงอันนั้น ว่ามันคืออะไร ที่จริงมันคืออนัตตาทั้งนั้นมันเป็นสังขารที่ปรุงแต่งกันอยู่เท่านั้น แล้วเราไปยึด ยึดว่า มันมี มันเป็น มันอร่อย มันน่าได้น่ามีน่าเป็น ถ้าเข้าใจแล้วคำว่า น่าได้ น่ามี น่าเป็น คุณก็ไม่ต้องไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็น 

เมื่อคุณไม่ได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็นแล้ว คุณก็สลัดคืน คุณยังไม่ตาย มันไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่น่าเป็น แต่มันก็มีให้เรามาสัมผัส บางทีก็ผลักที่ไม่น่ามี ไม่น่าได้ เมื่อดูดไม่มีแล้ว จะไปผลักมันทำไม แล้วมันทำไงถึงจะจบ ก็ต้องไม่ดูดไม่ผลัก กลางเฉยให้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 12:10:40 )

สัญญายนิจจานิ

รายละเอียด

คือ การรู้เพียงผู้เดียว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 15:56:47 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:46:45 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:39:01 )

สัญญายนิจจานิ

รายละเอียด

คือ  ความเที่ยงอยู่กับสัญญาของตนเองเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 14:31:21 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:47:25 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:02:40 )

สัญญายนิจจานิ 

รายละเอียด

สัญญายนิจจานิ  คือ การสมมุติขึ้นมาของตนเอง  แล้วตัวเองก็ยึดถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เที่ยงแท้เป็นหนึ่งเดียว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 13:44:16 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:48:13 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:03:00 )

สัญญายนิจจานิโลเก คืออย่างไร

รายละเอียด

สัญญายนิจจานิโลเก คุณอยู่ในโลกก็กำหนดรู้อยู่ของคุณคนเดียว ปฏิบัติให้ตายอย่างไรก็นับเป็นความจริงกับโลกเขาไม่ได้คุณจริงของคุณคนเดียว ไม่มีใครรับรอง อันนี้จึงใช้ในโลกไม่ได้ใช้กับคุณคนเดียว เหมือนอย่างมหาบัว เป็นอรหันต์คนเดียว ตายไปแล้ว มหาบัวตาย เป็นอรหันต์จริงหรือไม่จริงหรือเปล่าก็นั่นแหละ แล้วคุณว่าอรหันต์จริงไหม…ไม่จริง ก็อรหันต์นึกว่าจริงอยู่คนเดียว แต่มีเพื่อนรับรองแฮะ นั่นคือสัมโภคกายร่วมรับรองกาย แต่ไม่เห็นด้วยกันทั้งนั้น เอามายืนยันกับคนอื่นๆ ว่าอรหันต์มีกายสักขีร่วมกันภายนอกไม่ได้ แม้ทิฏฐิปัตตะ คุณก็ไม่มีสัมมาทิฏฐิ คุณได้แต่ สัทธาวิมุต

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:21:12 )

สัญญายะ นิจจานิ

รายละเอียด

สัญญาว่าเที่ยง

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 294


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:37:16 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:12:24 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:39:35 )

สัญญาลืมยากที่สุด เป็นเพียงความจำไม่ใช่ความจริง

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าปรารภกับพระอานนท์ว่า สัญญานี้มันลืมยากที่สุด เป็นทีหลังเพื่อนเลยมันยาก แต่ก็ต้องลืม จริงๆไม่ต้องลืมหรอก ก็ต้องรู้ความจริงตามความเป็นจริงว่ามันเป็นเพียงความจำไม่ใช่ความจริง คุณไปหลงว่าเป็นความจริงก็ยึดถือไว้สิ แต่ที่จริงมันเป็นเพียงความจำจำให้ชัดก็คือ แค่จำลองเท่านั้นแหละไม่ใช่จำจริง ไม่ใช่จำรัสหรือจำนำ 

อาศัยเป็นลำลอง เสร็จแล้วเราก็จะพรากจากกันเป็นที่สุดปรินิพพานเป็นปริโยสานแต่ตอนนี้เรายังไม่ตายก็อาศัยพัฒนากันไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 16:00:44 )

สัญญาวิปลาส

รายละเอียด

1. ผู้สำคัญผิด 

2. การกำหนดหมายผิดเพี้ยนไป

3. การกำหนดหมายผิดเพี้ยนไปจากสัจจะ หรือความหมายรู้ของตนผิดไปจากความเป็นจริง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 95

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 288, หน้า 335


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:38:07 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:13:50 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:03:23 )

สัญญาวิปลาส กับวิปลาส 4

รายละเอียด

เรื่องวิปลาส มันสำคัญมากเลยคนทั้งหลายในโลกมันวิปลาสทั้งนั้น แต่เขาไม่รู้ว่าเขาวิปลาส

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:20:34 )

สัญญาวิปลาสก็คือเสพติดทุกข์แต่สำคัญว่าสุข! 

รายละเอียด

สิ่งที่ยืนยันได้ ว่า ท่านทั้งหลายนั้นต่างยัง“เสพติด“ทุกข์”และเสพติดเหตุแห่งทุกข์คือ “หมากพลู”กันอยู่นี้แหละที่ชี้บ่งอยู่ชัดๆ

หมากพลูเป็นสิ่งเสพติด ที่ผู้ติดในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสของหมากพลูนั้นแท้ๆ เขาเหล่านั้นก็ไม่รู้จัก“เหตุแห่งทุกข์ เพราะยังวิปลาสอยู่ พากันหลงเสพ“สุข”จาก“ทุกข์”แท้ๆนั้นกันไม่รู้สีรู้สา

“กามคุณ 5”คือ “รูป,เสียง,กลิ่น,รส,สัมผัสของ“หมากพลู” ที่เป็น“สิ่งเสพติด” เป็นเหตุแห่ง“กิเลส“ภายนอก”ตื้นๆ ต้นๆ หยาบๆแค่นี้ พวกท่านทั้งหลายก็ยัง“ไม่รู้”เลย  ท่านได้ละเลย ความเป็น“ภายนอก”ไปจนเลยเถิดไปไกลมากยิ่งกว่ามาก ไปหลงยึดเอาแต่“หลับตา”ปฏิบัติกัน จึงไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ทุกขอาริยสัจ 4”ได้   

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 373 หน้า 272


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:29:58 )

สัญญาวิปลาสจึงเกิดสัตตาวาส 9

รายละเอียด

อย่าไปคบพาลชนอย่าไปคลุกคลีพาลชนอย่าไปเกี่ยวข้องกับพาลชน นี่คืออสังคณิกะหรืออสังคณิกา เสร็จแล้วเขาไปๆเข้ากับสิ่งที่เขาชอบว่า อย่าไปคลุกคลีด้วยหมู่คณะ หมู่ใครก็ตาม หมู่คน เสร็จแล้วก็เข้าไปคลุกคลีกับหมู่สัตว์ สัตว์เดรัจฉาน กับพวกสัตว์พวกนี้คือพวกสัตตาวาส 9 พวกที่ยังไม่รู้เรื่องของความเป็นสัตว์ แล้วตัวเองก็ปรุงแต่ง สังขาร ทุกอย่างของตัวเองเป็นสัตว์ทั้ง 9 ชนิด โดยไม่รู้ว่ามันเป็นสัตว์เพราะไม่รู้ กาย ไม่รู้ 2 คือรูปนาม แล้วก็ไม่รู้จักสัญญาที่กำหนด กลายเป็นสัญญาวิปลาสเต็มหมด สัญญาวิปลาส สิ่งที่เป็นทุกข์ก็กำหนดว่าเป็นสุข มันหลงสัญญาผิดหมด สิ่งที่ไม่เที่ยงก็ไปกำหนดว่าเที่ยง สิ่งที่ไม่มีตัวตนก็ไปกำหนดว่ามีตัวตน สิ่งที่ไม่น่าได้ไม่น่ามีไม่น่าเป็นเลยก็ไปกำหนดว่ามี อย่างนี้คือสัญญาวิปลาสไปหมด เพราะฉะนั้นก็เลยกลายเป็นสัตว์ 9 ชนิด ชนิดที่ 5 โง่ถึงขั้นว่า อย่าใช้สัญญานะ ไปดับสัญญาเป็นอสัญญีสัตว์ ดับปี๋ สะกดจิตไม่ให้คิดนึกไม่มีเวทนาดับสัญญาดับเวทนา ไปแปลสัญญาเวทยิตนิโรธว่าไปดับไปหมดเลยทั้งสัญญาและเวทนา พาซื่อไป ที่จริงมันโง่ดักดานไม่ใช่แค่พาซื่อไม่รู้สีรู้สาเลย ที่อาตมาบรรยายธรรมไปขนาดนี้มันแรงนะไปว่าคนมิจฉาทิฐิอย่างแรง 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 15:17:09 )

สัญญาสมาบัติ

รายละเอียด

กำหนดรู้สมาบัติ(ฌาน) ที่เราได้ 

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 128 , 167


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:48:25 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:15:02 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:03:42 )

สัญญาสูตร

รายละเอียด

มีผู้เขียนมา จากคนรักชีวิต โควิด มาสัญญาก่อนสายัณห์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุ มีใจอันอบรมแล้วด้วยมรณะสัญญาอยู่โดยมาก จิตย่อมหวนกลับ งอกลับ ถอยกลับจากการมารักชีวิต ไม่ยื่นไปรับความรักชีวิต  เปรียบเหมือนขนไก่หรือเส้นเอ็นที่ใส่เข้าไปมันก็งอ ย่อมหดงอเข้าหากัน ไม่คลี่ออก มรณสัญญาเราเจริญแล้ว คุณวิเศษทั้งเบื้องต้นและเบื้องปลายของเรามี ผลแห่งภาวนาของเราถึงที่แล้ว มรณะสัญญาอันเจริญแล้ว หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:53:34 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:18:54 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:04:15 )

สัญญาเก่าคืออุตุ

รายละเอียด

สัญญาเก่า ตัวนี้ลึกซึ้งมาก สัญญาเก่าคืออุตุ ได้ ถ้าลักษณะของสัญญาเก่าในเรื่องใดก็แล้วแต่มันไม่มีอิทธิพลให้เราสุขทุกข์ ก็คืออุตุ ถูกต้อง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:18:30 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:20:09 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:40:38 )

สัญญาเป็นตัวกำหนดให้รู้เวทนา

รายละเอียด

ที่จริงต้องมีการใช้สัญญาเป็นตัวกำหนด ให้รู้เวทนา กำหนดรู้วิตกวิจาร ทำธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ต่อไป แยกแยะ เป็นตัวพลังงานต่อไป แล้วทำให้พลังงานที่ไม่ต้องการหายไป รู้จักจิตเจตสิกต่างๆ ทำอกุศลเจตสิกดับหมดสำเร็จก็มีแต่กุศลเจตสิกเรียบร้อย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:34:40 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:49:08 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:04:44 )

สัญญาเป็นตัวสุดยอดอย่างไร

รายละเอียด

ก็แยกวิญญาณออกไป แจกวิญญาณออกเป็นเวทนา สัญญา สังขาร มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร ตัวหนึ่งเป็นตัวรู้อีกตัวหนึ่งก็เป็นตัวปรุงแต่งสังขาร ตัวที่มันจะต้องรู้ว่าเอ็งเป็นสังขารเอ็งเป็นตัวเวทนาคือตัวสัญญา เป็นตัวกำหนดรู้ 

ตัวสัญญามันเป็นตัวสุดยอดเลย รู้แล้วใส่เซฟเป็นความจำ เป็นตัวทำหน้าที่ทุกอย่าง สูงสุด สัญญาตัวนี้ทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ สามารถทำตัวจบก็เป็นวิญญาณฐิติ 7 รู้จักกายกับสัญญา ใช้สัญญากำหนดรู้กายทั้งหมด ปรุงแต่งกันขึ้นมาจนเป็นกายอย่างหนึ่งได้อย่างสองอย่างสามอย่างจนละเอียดลงไปหมด 3 4 5 6 7 เป็นวิญญาณฐิติ 7 จนรู้เหตุว่า มันยังมีการเกิด ยังมีกาย กายคือรูปนามที่ปรุงแต่งกันอยู่ ต้องมีนามด้วยเสมอ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 13:32:13 )

สัญญาเป็นแค่สัญญาจริงๆ อยู่กับการลืมตา

รายละเอียด

จำได้ว่ากิเลสมันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ในสัญญา จริงๆแล้วคุณสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น 

กาย ใจ คุณไม่มีกิเลสหรอก หรือแม้แต่เอาไปปรุงข้างในเหลือเป็นรูป อรูป มันก็ไม่มี รูป อรูป

จริงหรอก แต่มันมีสัญญา มีสัญญาที่คุณจำได้ ที่เราเคยติดเป็นแบบ ภายนอก รูปอย่างนี้ อรูป

อย่างนี้เคยติด คุณไม่รู้หรอกอันนั้นเหลือแค่สัญญา แต่มันก็แค่จำได้มันก็เผลอไปกับสัญญานี้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น สัญญาก็วิปลาสไป เท่านั้นเอง ดูตัวเองให้ดีๆว่าคุณไปกำหนดเผลอที่สัญญา หรือว่าคุณเอง คุณหมดแล้ว ไอ้สัญญาเป็นแค่สัญญา จริงๆอยู่กับการลืมตา มันหมดแล้ว รูปจริงๆ อรูปจริงๆ คุณก็หมดแล้ว แต่คุณยังจำได้ กามอย่างนี้ รูปเป็นอย่างนี้ อรูปเป็นอย่างนี้ แล้วเอาความจำมาขยันขยำขี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:57:41 )

สัญญาเป็นแหล่งเรียนรู้เวทนาเป็นกรรมฐานหลัก

รายละเอียด

ตัวสัญญาเป็นตัวสำคัญมากที่สุดในการเรียนรู้ พระพุทธเจ้าสรุปไว้ มีกายกับสัญญาเป็นเทวะคู่สำคัญ ในวิญญาณฐิติหรือสัตตาวาส 9 ก็คือ กาย กับ สัญญา 2 ตัวนี้แหละเป็นตัวเรียนรู้อะไรตั้งแต่ต้นจนจบ จบด้วยสัญญาเวทยิตตังนิโรธังโหติ สัญญาเวทยิตนิโรธเคล้าเคลียอารมณ์อย่างสมบูรณ์แบบ จบ มีความสมบูรณ์แท้ลงตัว เรียกว่าใช้สัญญาเป็นแหล่งเรียนรู้มีเวทนาเป็นกรรมฐานหลักของศาสนาพุทธ แล้วก็เรียนรู้เวทนา 108 จนกระทั่งสมบูรณ์จบเลย เป็นอุเบกขา 5 เจริญแล้วเจริญอีก อย่างเที่ยงแท้  นิจจัง(เที่ยงแท้), ธุวัง (ถาวร), สัสตัง(ยืนนาน), อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน), อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้), อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:20:54 )

สัญญาเวทยิต

รายละเอียด

ต้องรู้สำคัญให้ถูกรู้ยิ่ง เป็นที่สุดให้ได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 95


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:39:00 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:16:30 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:41:24 )

สัญญาเวทยิตนิโรธ

รายละเอียด

1. เข้าไปดับลึกสุด อยู่เหนืออรูปฌาน 

2. สัญญาก็รับอารมณ์แล้วอยู่ ความดับก็ยังมีอยู่ หรือดับสนิทซึ่งกิเลสและมีสัญญาเสวยอารมณ์แล้วอย่างชัดแจ้ง

3. การดับเพียงสังขาร ไม่ให้วิญญาณที่ปรุงแต่งประกอบไปด้วยโลกียจิตใดๆ เกิด 

4. การดับที่ยังมีสัญญารับรู้อารมณ์นั้นๆ แล้วอยู่อย่างถูกตรงลงตัว

5. ชื่อที่เรียกความดับ , ชื่อลักษณะจิตอาการหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงปรีชาสามารถรู้อาการ รู้ลักษณะของมันได้

6. ผู้ถึงความดับสนิทที่มีการกำหนดรู้ด้วยประสบการณ์ของตนในตน

7. ดับได้สนิทด้วยวิชชาของพุทธ ดับเวทนาในเวทนาอย่างรู้แจ้งแล้วด้วยวิชชา

8. การกำหนดรู้(สัญญา)เคล้าเคลียทั่วถ้วนเวทนาในเวทนาครบ 108 รู้แจ้งอารมณ์ต่าง ๆ ถ้วนแล้วจนกระทั่งพ้นอวิชชาทั้ง 8 อย่างบริบูรณ์ว่ากิเลสเราเป็นสูญ ทั้งอดีตทั้งอนาคตอย่างแน่นอนถาวรตลอดไป

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 207,หน้า 402, หน้า 518, หน้า 553

ทางเอก ภาค 2 หน้า 215, หน้า 288, หน้า 289

ค้าบุญคือบาป หน้า 134-135


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:47:01 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:17:23 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:05:24 )

สัญญาเวทยิตนิโรธ

รายละเอียด

เป็นสัญญาที่ทำงานเสร็จของสัญญา10 เวทยิตตังคือสำเร็จเสร็จความรู้สึกความรู้ความรอบรู้ทั้งหมดจบ เวทยิตตัง จึงเป็นนิโรธที่ เคล้าเคลียอารมณ์เวทนาทั้งหมดจบ สมบูรณ์แบบ โดยมีสัญญาเป็นตัวกำหนดให้รู้สมบูรณ์แบบในเวทนา 108 แล้วมีนิโรธสมบูรณ์แบบ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:20:58 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:20:58 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:42:04 )

สัญญาเวทยิตนิโรธ

รายละเอียด

สัญญาเวทยิตนิโรธ มีสามคำ สัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญากำหนดรู้เคล้าเคลียอารมณ์ รู้เวทนา 108 ละเอียดแล้วก็ทำให้ดับ อะไรจะให้ดับ กิเลส กิเลส หยาบ กลาง ละเอียด ดับหมดเลย ก็เห็นก็รู้อย่างแจ้งสว่าง รู้ๆ เห็นๆ ชานโต ปัสโตวิหรติ รู้อยู่เห็นอยู่เป็นปัจจุบันนั้นเทียว ชัดเจนทุกอย่างไม่ใช่ไปดับสัญญาไม่รู้ แต่รู้แจ้งๆเลย รู้ลืมตา สัมผัสตาหูจมูกลิ้นกาย โดยใจตื่นเต็ม ชาคริยา เป็นผู้ที่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาความเข้าใจเรื่องกายของอ.แปลง วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2564 ( 14:44:42 )

สัญญาเวทยิตนิโรธที่เข้าทางพุทธเป็นเช่นไร

รายละเอียด

สัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาต้องกำหนดรู้เคล้าเคลียเวทนาให้ครบหมดเลย เป็นเวทนา 108 จนถึงขั้นจบเรื่องของนิโรธ ชัดเจนในนิโรธ นิโรธอะไร นิโรธเวทนาเก๊ อาตมาอธิบาย ลัดๆนะเวทนามีสอง เวทนาสัมผัสความจริงตามความเป็นจริง โอ้.. ฟักข้าวแดงดีจริงๆเลย เกิดชอบใจ เกิดจิตปฏิพัทธ์ หรือไม่ชอบใจ มันมีหนามเยอะ ก็เป็นเวทนาอีกตัวหนึ่ง เป็นคู่เคียงขึ้นมา แต่ถ้าเวทนาเดียวทำให้สำเร็จได้ เอกสโมสรณา ภวันติ เรียนรู้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 14:47:13 )

สัญญาแปลว่าอะไร

รายละเอียด

สัญญาแปลว่าการกำหนด เป็นเจตสิกของเรา ทุกคนก็ฝึก ศาสนาพุทธฝึก จิตของเราส่วนของจิตของเรานี้ทำงานอย่างนี้ ต้องฝึก ถ้าไม่ฝึกสัญญาไม่เก่งสัญญาต้องทำงาน มันจะกำหนดรู้อันนี้แตงโม อันนี้กล้วย อันนี้เป็นมะระ สัญญาทำงานทั้งนั้น เจออะไรสัญญากำหนดรู้ทันที เพราะฉะนั้นสัญญากำหนดรู้นี้ มันเป็นตัวทำงานที่จะให้เราได้เรียนรู้ ในฐานนามธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:04:17 )

สัญญาและเวทนาเป็นตัวเก่งที่สุดอย่างไร

รายละเอียด

ตัวจิตเองที่เรามีสัญญา เป็นตัวทำหน้าที่กำหนดรู้ รู้เวทนา เวทนาก็คือรูป ถูกรู้ มันเป็นตัวถูกรู้ เป็น object ตัวสัญญาก็กลายมาเป็น Subject ตัวประธาน รู้ แล้วก็กำหนดรู้ตัวเวทนา ตัวถูกรู้เป็นรูป แล้วก็เวทนาเป็นตัวถูกรู้ ตัวหนึ่งถูกรู้ตัวหนึ่งคือธาตุรู้ของเราเป็นตัวรับรู้ 2 ตัวนี้แหละคือตัวเก่งที่สุด 2 ตัวนี้ภาษาบาลีเรียกว่าเทวะ นี่แหละคือพระเจ้า 2 ตัวนี้แหละคือพระเจ้า คุณจะใหญ่คุณจะเล็กอย่างไรศาสนาเทวนิยมไม่รู้จักพระเจ้า มีแต่พระเจ้าสั่ง พระเจ้าคืออะไร พระเจ้าคืออนุสัย 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 08:56:29 )

สัญญาให้แม่นอย่าไปวิปลาส 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสัญญาคือกำหนดรู้ สังขารคือการปรุงแต่ง แล้วปรุงแต่งอย่าง อภิ ก็จบ แล้วสัญญาให้แม่น อย่าไปสัญญาวิปลาส 

สัญญาวิปลาส 

สัญญาว่าทุกข์เป็นสุข สัญญาว่าไม่เที่ยงเป็นเที่ยง สัญญาว่าไม่มีตัวตนว่ามีตัวตน สัญญาว่า น่าได้ น่ามี น่าเป็น ทั้งๆที่มันไม่น่ามี ไม่น่าได้ ไม่น่าเป็น อย่างนี้เป็นต้น นี่แหละคือสัญญาวิปลาส 4 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2564 ( 04:26:12 )

สัญญาไม่มีก็ไม่มีตัวเรา

รายละเอียด

สัญญานี่แหละเป็นสภาพความจำ ของใครของมัน เริ่มต้นเป็นสัตว์เดรัจฉานก็จะมีความจำที่เป็นตัวกูของกู อีกยาวนานจนกว่าคุณจะมาเจอสัตบุรุษ จนกว่าจะมารู้จักความจริง แยกธาตุอย่างนี้เหรอ แยกแตกเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย และกว่าดินน้ำไฟลมจะเป็นอะไรอีก คุณไม่ต้องนับเวลาเลย และมันก็ไม่เป็นตัวเก่าแล้วอัตตามันก็หาย ตัวเราของเราไม่มีสัญญาของเราก็ไม่มีตัวเราก็ไม่เหลือ ดินน้ำไฟลมมันหมดไปแล้ว นิทาน สมุทัย ปัจจัย นิทาน เรื่องราวที่เราก่อด้วยเหตุปัจจัยมาตลอดมันหมดเรื่องแล้ว จบนิยายของเราตลอดนิรันดร จบนิทานของเราตลอดนิรันดร ไม่มีตัวเรา ไม่มีนิทานของเรา ไม่มีเรื่องราวของเรา ไม่มีนิยายของเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 09:31:54 )

สัญญาไม่ใช่ปัญญา ปัญญามีแต่ในปัจจุบัน อดีตอนาคตไม่มีปัญญา

รายละเอียด

คนใช้สัญญาเป็น เป็นคนทำงานปฏิบัติธรรมเป็นแล้ว สุดท้ายก็ใช้สัญญากำหนดรับรู้กายในวิญญาณฐิติ 7 เป็นการตรวจสอบสมบูรณ์แบบทุกอย่างเลย อาตมาก็อธิบายมาเยอะแล้ว สัญญากำหนดรู้กาย กายต่างกัน กายอย่างเดียวกัน ซึ่งจะมีสัมมาทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิเป็นตัวตัดสิน อธิบายตัวอย่างไว้แค่นี้คุณก็ไปสร้างอาการของความโกรธแค้นขึ้นใส่จิตอีก มันก็ซ้ำก็ซ้อนอยู่นั่นแหละ แล้วเมื่อไหร่มันจะหมด มาถึงตรงนี้แล้วก็อยากจะอธิบายเรื่องฌานต่อ แต่นี่มีอีก 2 หน้า เวลาเหลือ 9 นาที คุณอย่านึกว่าคุณมีฌานได้อย่างเก่งอย่างดี แต่เอาละคุณอาจจะมีสภาวะบ้าง แต่ความเป็นฌานที่สมบูรณ์มันไม่ใช่เล่นๆเลย ฌานวิสัย เป็น อจินไตย เป็นพลังงานที่สุดยอดเลย เป็นตัวปัญญาเต็มและเป็น เจโต ที่รู้จักภาวะ 2 เจโตรู้จักภาวะ 2 

ภาวะ 2 คืออะไร คือภาวะที่รู้ทั้งมีและไม่มี ภาวะเจโตสุดท้าย รู้จักความมีและความไม่มี อันนี้เราใช้ให้มีประโยชน์ ก็คือฌานส่วนหนึ่ง เป็นพลังงานที่สุดยอดเลย เพราะฉะนั้นพระอรหันต์มีฌานไหม โอ้โห! ฌานเป็นปกติ ฌานเป็นพลังงานวิเศษ ใช้ ฌาน 1 2 3 4 โดยไม่ยากไม่ลำบากในฌานทั้ง 4 หมายความว่า ฌาน 1 จะมีวิตก วิจาร จะมีคู่วิจัย วิจาร จะมีคู่แยกแยะสภาวะ 2 ได้เก่งมาก เร็วไว ตัดสินได้เร็ว แล้วก็จัดการกับสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ควร ทำได้ แล้วก็จะมีจิตยินดีในสิ่งที่เราได้นี้ แล้วก็สงบสุข สุขคือความสงบ เสร็จแล้วก็คืออุเบกขาคือความบริสุทธิ์ นี่เป็น ชั้นอธิบายขั้นลึกขั้นสูงส่งแล้ว เพราะฉะนั้นศึกษาดีๆ ที่คุณทำได้ขนาดนี้ก็ดีแล้วล่ะ ศึกษาต่อ 

ใช่ ถ้าเป็นสัญญามันก็ไม่ใช่ เอาตัวที่สัมผัสปัจจุบัน ไม่ใช่ระลึกสัญญากำหนดความจำ ต้องเอาปัจจุบันธรรมกำหนดรู้ เพราะฉะนั้นไปหลับตาไม่มีปัจจุบันธรรม ไม่มีทิฏฐธรรม ไม่มีปัจจุบันชาติ ไปหลับตาไม่มีปัจจุบันมีแต่อดีตกับอนาคต หลับตาก็ขออภัย เมื่อกี้นี้สัญญามันบอกว่า กระทืบ ขอย้ำซ้ำลงไปอีกที ไม่ได้ใช้คำว่ากระทืบนะ ขออภัย ย้ำซ้ำ ไปอีกทีว่า เลิกเถอะ ในศาสนาพุทธไปนั่งหลับตานั่นน่ะ อย่าไปปฏิบัติ เมื่อกี้นี้ถามว่า มีนั่งหลับตาไหม หลับตานะทำได้ไหม หลับตาเป็นอุปการะ อุปการะอะไรก็เคยอธิบาย 

1. หลับตาแล้วก็ทบทวนธรรมะ ไล่เรียงธรรม อันนั้นอันนี้ 

2. พัก พักสบาย 

3. ใช้ทำการเตวิชโช ก็ทำเตวิชโชเป็นหลักเป็นฐาน จนกระทั่งตรวจสอบกิเลสตัวเอง มันเกิดมันดับ ตั้งแต่ที่เราปฏิบัติธรรมมา บุพเพนิวาสานุสติญาณ มีอะไรเกิด มีอะไรดับ มีกิเลสเกิด ทำกิเลสดับได้หรือยัง หมดหรือยัง ตรวจสอบ จุตูปปาตญาณ อ๋อ.. หมดแล้ว สิ้นอาสวะนานแล้ว อาสวะคืออะไร ก็รู้ความจริงของตัวเอง บุพเพนิวาสานุสติญาณ ตรวจสอบจิตของตัวเองว่าอาสวะของเราหมดก็รู้ว่าหมด มันก็สมบูรณ์แบบ อย่างนี้เป็นต้น 

เป็นการทบทวนธรรม เป็นบุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกเอามาทบทวนธรรม มันไม่ใช่ปัจจุบันชาติ เมื่อไม่ใช่ปัจจุบันชาติก็ไม่ใช่ตัวจริง ความจริงไม่มีในอดีต ความจริงไม่มีในอนาคต ความจริงมีแต่ในปัจจุบัน เข้าใจแค่นี้ไม่ได้ไม่ต้องไปปฏิบัติธรรมโลกุตระหรอก ไม่ได้บรรลุหรอก คุณเข้าใจแค่นี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องมาทำที่ความจริงนี้ จะไปทำทำไมกับอดีตกับอนาคต พระพุทธเจ้าแจกเอาไว้แล้วอดีตก็มี 18 อนาคตมี 44 เท่านั้น แล้วจะไปงมงายอยู่กับมันทำไม ทำตัวนี้จริงๆปัจจุบันให้มันจบแล้ว มันก็จบ อดีตกับอนาคต มันก็ได้ อดีต 36 อนาคต 36 ก็จบที่ปัจจุบัน 36 นี่ไง ก็เรียนรู้เวทนานี่แหละ ให้มีผัสสะ ให้มีเวทนา ก็เรียนรู้เวทนา 36 36 36 ก็จะจบในนี้ ไปหลับตามันเป็นโมฆะ เฮ้อ! (เอาน้ำเสียง)นิ่มๆก็ได้ มันโมขา นะ โมฆะ ไม่รู้สักทีมันสั้นๆ เอายาวๆก็ได้ มันโมขา รู้จักไหม ป่วยการมันไม่ได้เรื่อง มันเสียเวลาเปล่า 

เพราะฉะนั้นอาตมาพูดนี้เพราะอะไร เพราะอาตมาเสียดายในพุทธศาสนา เขาเอาชีวิตมาทิ้ง แก่แล้วก็ตาย ไปนั่งสมาธิกันเยอะ มาเถอะเลิกทางโน้น มาศึกษากับโพธิรักษ์นี่ ขออภัยไม่ได้แย่งลูกค้านะ อธิบายธรรมะ คุณจะมาก็คุณต้องฟังเข้าใจเองแล้วมาด้วยความเข้าใจด้วยปัญญามา แต่ถ้าคุณไม่ได้เข้าใจด้วยปัญญามา อาตมาก็ยากอีกมันหนัก เดี๋ยวก็เอาลัทธิอื่นมาเปื้อนอาตมาอีก ยุ่ง คุณมาด้วยปัญญาเข้าใจ มาเลยทางนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาต้องเกิดในปัจจุบัน จึงรู้เท่าทันเทวทัตยุคดิจิตอล วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2566 ( 17:57:16 )

สัญญี

รายละเอียด

สัญญี  คือ ผู้มีธาตุกำหนดรู้ทั้งภายนอกและภายใน, ความรู้สึก , มีความรู้สึก

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 188,191


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:49:08 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:19:37 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:05:43 )

สัญญูปาทานักขันธ์

รายละเอียด

สัญญาขันธ์ที่มีอุปาทานทำหน้าที่ยึดถืออยู่

หนังสืออ้างอิง

ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 2


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:49:49 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:22:03 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:06:12 )

สัญลักษณ์มือที่โลโก้สู่แดนทอง ฉลอง 50 ปีโพธิกิจ

รายละเอียด

ความหมายคือ มีมือที่เป็น สัญลักษณ์แห่งความรัก และอีกมือ สัญลักษณ์ของการเป็นผู้ให้ สรุปแล้วคือให้ด้วยความรักจริงใจ นี่คือ สื่อด้วยภาษาใบ้ ข้อ 3 ทับอีกทีหนึ่งว่า ผู้ที่มีศีลแล้วยังไม่ได้มาจงมาผู้ที่มาแล้วจงแข็งแรงตั้งใจเบิกบานสดชื่นให้ได้ ผู้ที่มีศีลแล้วยังไม่ได้มาจงมา ผู้ที่ยังไม่มีศีลจงพยายามพากเพียรปฏิบัติศีลให้ได้ ถ้ายังมีศีลไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องอบายมุขก็อย่าเพิ่งมาเรายังไม่มีพลังงานที่จะเอาไปสู้ได้มันไม่ไหว เพราะฉะนั้นขออภัยที่ต้องบอกว่า ถ้าคุณยังไม่พร้อมเลยยังเต็มไปด้วยอบายมุขยังเต็มไปด้วยความอยากจะเป็นใหญ่เป็นโตขนาดที่จะต้องไปแย่งชิงบ้านเมืองอะไรอยู่อย่างนี้ก็ขออภัยอย่าเพิ่งมา พวกนั้นเขาไม่ฟังด้วยไม่มาหรอกเห็นเราเป็นเศษสวะด้วยเขาไม่มา อันนี้เป็นสัจธรรมที่จัดสรรกันอยู่แล้ว ที่พูดนี้ก็เพื่อที่จะคนที่มีหูพูดแล้วเข้าหูแล้วก็เข้าใจ เข้าใจแล้วเข้ามาเข้าถึง เป็นเช่นนั้นสำหรับวันนี้ก็เอาพรุ่งนี้พรุ่งนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:42:22 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:50:24 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:43:31 )

สัญลักษณ์แห่งความถูกต้องความดีงามหรือเป็นตราบาป

รายละเอียด

ก็คุณมองอย่างไร คุณดูรายละเอียดของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเขาไหม เขาพยายามปั้น สร้างขึ้นมา เป็นสถาปัตยกรรมที่มีรายละเอียด มีทั้งสื่อแทน เป็นรูปปีกนกพิราบ เอามาพัฒนา ปีกนกพิราบแบนแข็งหน่อย แต่เป็นภาพปีกนกพิราบแล้วก็มีพานรัฐธรรมนูญ มีอะไรประกอบใต้ปีกนกพิราบ มีรูปของ คอมโพซิชั่นของคน ประกอบรายละเอียดของประชาชนที่ได้ทำงานเพื่อประชาธิปไตยต่างๆนานาอย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นคุณดูดีๆแล้วก็จะเห็นว่า เป็นสัญลักษณ์แห่งความถูกต้องดีงาม หรือเป็นตราบาป คุณมองอย่างไรว่าเป็นตราบาป คุณคิดไปเองว่าขณะนี้ความเป็นประชาธิปไตยไทยนี้มันไม่เป็นประชาธิปไตย อาตมาว่านะ อาตมาเก็งความคิดของคุณเอา ว่าคุณคงเข้าใจว่าขณะนี้ประชาธิปไตยไทยไม่เป็นประชาธิปไตย มาสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนี่มันเสียของเปล่ามันไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเลย มันเป็นตราบาปว่าอุตส่าห์ทำเป็น แหม แต่เสร็จแล้วมันไม่จริงอะไรเลย คงจะเป็นอย่างนั้นอาตมาว่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:02:31 )

สัญเจตนา

รายละเอียด

ตั้งจิตจงใจ

หนังสืออ้างอิง

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 288 หน้า 44


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:58 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:23:09 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:06:39 )

สัฏฐ

รายละเอียด

ขจัดออก

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 69


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:50:19 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:24:01 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:06:56 )

สัตตขัตตุ

รายละเอียด

หน่วยที่ 7 (ของโสดาบัน)ซึ่งมีความเที่ยงแท้

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 282


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:50:52 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:25:13 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:07:12 )

สัตตขัตตุปรม , สัตตักขัตตุปรม

รายละเอียด

พลังอำนาจถึง 7 หน่วย

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 282


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:51:21 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:27:00 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:07:28 )

สัตตวาสข้อที่ 1

รายละเอียด

คือ กายต่างกัน สัญญาต่างกัน เป็นสัตตาวาสข้อที่ 1 ได้รูปนาม องค์ประกอบสมบูรณ์ คนละกำหนดหมาย 

1. สัตว์บางพวก มีกายต่างกัน  สัญญาต่างกัน เช่นพวกมนุษย์  พวกเทพบางเหล่า  แม้เป็นพรหมก็ไม่บริสุทธิ์แต่ของพระพุทธเจ้าเป็นพรหมชั้นที่ 3 วิสุทธิเทพ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 13:26:49 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:51:19 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:44:00 )

สัตตะ

รายละเอียด

สัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ตาม

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 86


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:51:55 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:27:46 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:07:45 )

สัตตะ ปาณะ ภูตะ ชีวะ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อปัณณกสูตร

รายละเอียด

ทีนี้พอไปถึงจิต เป็นชีวะที่เจริญขึ้นไปอีกถึงขั้นเป็นสัตว์ อาตมาก็แยกแยะให้เห็น ตั้งแต่ สัตตะ ปาณะ ภูตะ ชีวะ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อปัณณกสูตร ก็ขยายความให้ฟัง เราก็จะรู้ว่า สภาพเหล่านั้นเริ่มมีธาตุรู้เข้าไปร่วมเป็นจิตแล้ว สัตตะคือสัตว์ ปาณะคือเริ่มเป็นสัตว์ แปลอย่างหยาบๆ ท่านแปลปาณะเป็นสัตว์ จริงๆ มันหมายถึงธาตุนามธรรมที่ยังไม่ได้ร่วมเป็นรูป แต่สัตตะ บางทีก็ร่วมเป็นรูปแล้ว มีรูปร่างสัตว์แล้ว สัตว์ คน สัตว์เดรัจฉาน ช้างม้าวัวควาย เป็นต้น 

ปาณะ มันไม่ใช่ มันเป็นธาตุชีวะ เป็นสัตว์แล้ว ภูตะ อาตมาก็ได้แยกแยะให้ฟังแล้ว ตั้งแต่แรก มหาภูต มหาภูตะ มันยังไม่เป็นสัตว์ ภูตะอย่างนี้ก็แยกเป็นชนิดหนึ่ง ภูตคาม เริ่มมีความเป็นพืชแล้ว แล้วยังแยกไปอีก เป็นพืชเกิดแต่เหง้า เกิดแต่หัว อะไรต่างๆไปอีก ก็คือเป็นพืชแล้วพอเป็นเจตภูติ ก็เริ่มเชื่อมขึ้นมามีความเป็นสัตว์ เริ่มขยายมาเชื่อม ปาณะ เพราะฉะนั้นความมีชีวะหรือไม่มีชีวะ สัตว์มีชีวะ ปาณะเป็นชีวะ ภูตะไม่มีชีวะก็ได้ หรือเริ่มเป็นชีวะแบบหนึ่งขนาดหนึ่งก็ได้ หรือเริ่มเป็นชีวะเข้าไปหาจิตได้ อะไรอย่างนี้เป็นต้น นี่คือรายละเอียดหรือนัยยะละเอียด ที่ตรัสรู้โดยพระพุทธเจ้า เป็นความรู้วิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณ 

ซึ่งทางโลกเทวนิยมเรียนจบด็อกเตอร์หรือศาสดาของเทวนิยมทั้งหลายแหล่ไม่มีความรู้ความละเอียดพวกนี้ จึงไม่ได้เรียนความรู้สึก ไม่ได้เรียนรู้ถึงที่จิตเจตสิกต่างๆ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณเขาไม่รู้เลย ความสุขความทุกข์ ทั้งๆ ที่เขาวิ่งไล่แย่งสุข ไม่เอาทุกข์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่ของจิตวิญญาณ เป็นเรื่องโลกุตระ พระพุทธเจ้าถึงศึกษา อาการสุขอาการทุกข์ เราไปหลงยึดมัน มันก็ต้องวิ่งไล่ตาม นิพพานไม่ได้ ปลดปล่อยไม่ได้ จนสามารถรู้ว่า อ้อ เรายึดมันก็สุขทุกข์ ไม่ยึดมันก็ไม่มี สุขทุกข์เป็นอุปาทาน เป็นมายา เป็นมายาที่ยิ่งใหญ่ แต่เทวนิยม ศาสนา ศาสดาทางเทวนิยมไม่มีทางพ้นทุกข์พ้นสุข ไม่รู้จักความจริงที่จะมีนิพพาน จะเลิกล้มหมดสุขหมดทุกข์ แล้วก็ล้างจิตวิญญาณตัวเอง ตายสูญ ตายแล้วแยกธาตุออกเป็นดินน้ำไฟลมเลย ศาสนาเทวนิยม ศาสดาทางเทวนิยมไม่มีทางรู้และทำไม่ได้ 

ส่วนศาสนาพุทธ อาตมาพูดได้ว่าเป็นศาสนาเดียวในโลกไม่ว่าในยุคไหน เป็นศาสนาเดียวที่รู้ ทั้งรู้จักความจริง รู้แจ้งความจริง รู้จริงความจริง และรู้จบความจริงนี้ เรียกว่าสัจจะหรือสัจธรรมนี้บริบูรณ์ แล้วอาตมาก็ได้เอามาอธิบายจนพวกเราเข้าใจแล้ว แยกกาย แยกจิตตั้งแต่เป็นๆ ว่ากายเป็นอย่างนี้ แล้วทำให้จิตของเราไม่ยึดกายว่าเป็นเราตั้งแต่เป็นๆ ทำให้เป็นอุตุตั้งแต่ตอนเป็นๆ ซึ่งมันเป็นการทำใจในใจของเราเองได้ เวทนาก็ไม่เข้าไปยึดไปถือไปเป็นไปมี หรือแค่พีชะ ทำจิตให้เป็นแค่พีชะ เป็นพืช ก็รู้ชัด เราก็สามารถที่จะอาศัยได้ประมาณนั้น 

จิตที่สามารถทำได้จริง มันก็พ้นทุกข์จริง พ้นสุขจริง พ้นจริงๆเลย แล้วเราก็อยู่กันเหนือจิตเจตสิก แล้วก็ทำให้จิตเป็นพลังงานที่สามารถสร้างสรร เป็นประโยชน์เลย ไม่ต้องโลภโกรธหลง ไม่มีตัวตน ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เมื่อไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ มันก็ไม่บำเรอตน ยังเหลือแม้แต่ความเป็นตนที่เป็นจิตสะอาดแล้ว เป็นอุเบกขา เราก็ไม่ยึดเป็นตัวตน อันนี้ผู้ที่มีภูมิธรรมถึงขั้นละสุขละทุกข์ได้ โดยละเหตุของมันได้ เป็นจิตอุเบกขา ก็เป็นผู้ที่มีภูมิจะรู้ว่า จะยึดเป็นตนหรือไม่เป็นตน จะมีภูมิรู้ไม่ยึดตัวยึดตน เพราะฝึกไม่ยึดมาเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดกิเลสแล้ว เหลือแต่ความจริงตามความเป็นจริง แล้วเราจะยึดความจริงเป็นตนหรือไม่ ผู้ที่บรรลุอรหันต์ไปจริงก็จะรู้ แล้วก็ไม่ยึดได้ สามารถปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ 

หรือจะยึดต่อ โดยที่ไม่เป็นสุขเป็นทุกข์แล้ว อย่างอาตมานี้พูดได้ เพราะว่าอาตมาผ่านอรหันต์ขั้น 1 2 3 4 มา อธิบายแยกแยะอรหันต์ตั้งแต่ขั้น 1 จาก โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ นี่เป็นอรหันต์ขั้นที่ 1 แล้วก็ศึกษาต่อในรายละเอียดของภพที่ลึกซึ้งขึ้นอีก เป็นอนุโพธิสัตว์ ก็เป็นอรหันต์ต่อ เป็นอรหันต์ขั้นที่ 2 ระดับที่ 2 เป็นอนิยตโพธิสัตว์ สูงไปกว่าอนุโพธิสัตว์อีก ก็มีรอบจบอรหันต์  อรหันต์ คือ อรหะ กับอันตะ ที่มันลึกลับสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ พอ ศึกษารู้หมดก็จะหมดความลึกลับ เป็นอรหันต์ขั้นนิยตโพธิสัตว์ก็สูงไปกว่านั้นอีก เข้าเขตเที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็ศึกษาให้บรรลุอรหันต์ในระดับ นิยตะ แล้วก็ยังมีสูงไปกว่านั้นอีก ที่อาตมารู้อยู่นี่ ในพิมพ์เขียวความสูงสุดของพระพุทธเจ้านี้ กว่าจะถึงอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องผ่านนิยตอรหันต์ มหาโพธิสัตว์ แล้วถึงจะเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างนี้เป็นต้น 

อาตมาอธิบายสภาวะเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องเดา แล้วไม่มีในพระไตรปิฎกฉบับของพระมหากัสสปะ ไม่มีบันทึกเอาไว้ อาตมาก็เอาภูมิรู้ของอาตมาที่มีมาเอง ตามความเป็นจริงที่อาตมาเป็นนิยตโพธิสัตว์ ซึ่งหมายความว่าเป็นสยังอภิญญา เป็นของตนเองแล้ว ติดตัวมาตั้งแต่ชาติก่อนๆ มาชาตินี้ อาตมามีโลกุตระมาเอง แล้วก็เอามาอธิบายให้รู้กัน แล้วก็ปฏิบัติกันจนบรรลุโลกุตรธรรมกันได้ ก็ยืนยันแล้วจนกระทั่งบัดนี้ ผู้ที่ฟังตาม ปฏิบัติตาม เข้าถึง บรรลุได้ ก็เห็นจริง เชื่อถือ ผู้ที่เขาฟังไม่ถึง ภูมิไม่ถึงหรือไม่ศรัทธา อคติอะไรไป เขาก็ไม่ได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 29 พ่อครูฝืนสังขารเพื่อต้องการลูกๆได้ PI(โพธิรักษ์ Intelligence) วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม 2566 แรม 8 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2566 ( 16:15:42 )

สัตตะ ปานะ ภูต ชีวะ

รายละเอียด

อาตมาเองอาตมาพูดถึงเรื่องของชีวะ ธาตุจิต ลงไปถึงขั้น สัตตะ ปานะ ภูต ชีวะ แล้วก็แยกเป็น 7 

แยกเป็น สัตตะ ปาณะ ภูตะ 

ภูตะก็แยกเป็น 3 ในภูตะ เป็นธาตุรู้ขั้นเริ่มคือ เจตสิก ธาตุรู้ขั้นเจตสิกในธาตุของจิตนิยาม เริ่มมาเป็นภูตคาม มันเป็นธาตุรู้ที่ยังไม่เป็นสัตว์ เป็นธาตุรู้แค่พืช พืชก็แบ่งเป็น 2 คือ ภูตคามกับพีชคาม ภูตคามก็แบบ  static ส่วนพีชคามก็แบบ dynamic

ภูตคาม พืชเป็นราก พืชหัว พีชคามเป็นราก เป็นกิ่ง เป็นใบ อย่างนี้เป็นต้น

มหาภูต เป็นดินน้ำลมไฟ แล้วก็มาเป็นพืช มาเป็นภูตคาม พีชคาม แล้วมาเป็นเจตภูติ เริ่มมาเข้ามาเหลื่อม overlap มาหาธาตุจิตวิญญาณ ธาตุสัตว์

จากปาณะถึงเจริญมาเป็นเจตสิก มาเป็น เจตสิก แล้วมาเป็นสัตตะ รวมแล้วก็เป็นจิตนิยาม 

รายละเอียดพวกนี้อาตมาอธิบายนี้อธิบายจากสภาวะ ที่อาตมามี แล้วก็พยายามอธิบายเป็นพยัญชนะ แล้วอาตมาก็เข้าใจพยัญชนะคำบาลีต่างๆ เข้าใจอย่างแบบของอาตมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนารายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 24 มกราคม 2567 ( 14:52:15 )

สัตตักขัตตุปรมโสดา

รายละเอียด

สัตตักขัตตุปรมโสดา เป็นพระโสดาบันขั้นต่ำสุด คือจะต้องหมุนเวียนอีก 7 กัป ถ้าพระโสดาบันก็เป็นสังโยชน์ 3 ทีนี้โกลังโกละ นับตั้งแต่ 6 ไปถึง 2 ผู้ใดจะบรรลุ 6 กัป 6 รอบ หรือคนนี้ 4 กัป คนนี้ 3 กัป ก็เป็นแต่ละบารมีของแต่ละคน สัตตักขัตตุ เป็นรอบ 7 ที่นานมาก หลัก 7 จึงเป็นหลักที่ยิ่งใหญ่มาก ไปได้ดี ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดาแล้ว

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 17:47:28 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 08:52:27 )

สัตตา โอปปาติกา

รายละเอียด

1. สัตว์ที่เป็นโอปปาติกะ 

2. สัตว์ที่เกิดอยู่ในจิตตัวเรา 

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 200

สมาธิพุทธ หน้า 209


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:52:41 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:29:08 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:08:39 )

สัตตาวาส

รายละเอียด

สัตว์ที่ยังติดยึดที่อยู่

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 46


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:54:01 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:30:01 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:08:58 )

สัตตาวาส 9

รายละเอียด

จะรู้ว่าตัวเองเรายังเป็นสัตว์ เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง สัตตาวาสที่ 1 จะเป็นมนุษย์เป็นเทวดาเป็นผีเป็นมาร ก็เห็นต่างกันได้ กายต่างกันสัญญาต่างกัน อย่างนี้เป็นต้น  นี่เป็นสัตตาวาส 9 ข้อที่ 1

  1. สัตว์บางพวก มีกายต่างกัน  สัญญาต่างกัน  เช่นพวกมนุษย์  พวกเทพบางเหล่า  พวกสัตว์วินิปาติกะบางเหล่า  

  2. สัตว์บางพวก มีกายต่างกัน  มีสัญญาอย่างเดียวกัน   เช่น  เหล่าเทพจำพวกพรหม  ผู้เกิดในภูมิปฐมฌาน เป็นต้น . พวกนี้มี 2 อย่างแบบนั่งหลับตาก็ไม่มีนิวรณ์ 5 ได้เหมือนพวกลืมตาปฏิบัติ แต่องค์ประกอบรูปงามคือกาย ต่างกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:38:21 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:58:45 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:09:22 )

สัตตาวาส 9

รายละเอียด

คือภพที่อยู่ของสัตว์โลก 9 พวก

1. พวกมีกาย(นามกาย) ต่างกัน    มีสัญญา(กำหนดหมาย) ต่างกัน   เช่น พวกมนุษย์  เทพบางพวก   เปรต(วินิปาติกสัตว์) บางพวก

2. พวกมีกายต่างกัน แต่มีสัญญาอย่างเดียวกัน  เช่น เทพพวกพรหมกายิกา(มีเมตตาฌาน)   ผู้เกิดในภูมิปฐมฌาน

3. พวกมีกายอย่างเดียวกัน แต่มีสัญญาต่างกัน  เช่น เทพสว่างพวกอาภัสราพรหม (ว่าง ใส สว่าง แผ่กว้าง)

4. พวกมีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาอย่างเดียวกัน  เช่น พวกเทพมืด สุภกิณหพรหม (ได้นิโรธมืดเป็นโชค)

5. พวกไม่มีสัญญา  ไม่เสวยเวทนา(ไม่มีอารมณ์/ความรู้สึก)   เหมือนเทวดาพวกอสัญญีสัตว์ (อุทกดาบสก็ทำนิโรธสมาบัติชนิดดับจนไม่รับรู้อะไร)

6. พวกเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ(ความว่างไม่มีที่สุด พ้นรูปสัญญา)

7. พวกเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะ(ความรับรู้ไม่มีที่สุด พ้นเสพความว่าง)

8. พวกเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ(ความดับดิ่งไม่มีอะไรๆ ไว้เลย)

9. พวกเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ(กำหนดรู้หมดสิ้นไม่ว่าสัญญาใดๆ อื่นๆ)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม ข้อ 353 และ

พระไตรปิฎกเล่ม  23 ”ววัตถสัญญาสูตร” ข้อ 228

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:14:19 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:10 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:44:54 )

สัตตาวาส 9

รายละเอียด

ถ้าเข้าใจสภาวะก็เป็นกายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน หรือว่ากายต่างกันสัญญาต่างกัน สัญญาคือจิตของเรากำหนดหมายแล้วก็ดูอาการหรือว่ารูปนาม ทำไมกายถึงต้องมีสองเสมอเพราะว่ากายนี้เป็นเรื่องของคน คนที่มีกายอยู่ สิ่งที่ไม่ใช่กายของเราแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 66  วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 18:57:40 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:01:40 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:09:49 )

สัตตาวาส 9

รายละเอียด

ก็คือความเป็นสัตว์ของตัวเองจนกระทั่งเลิกความเป็นสัตว์และจะพ้นความเป็นสัตว์ก็ต้องปฏิบัติในขณะที่มีวิญญาณฐิติ  มีวิญญาณตั้งอยู่ให้ปฏิบัติก็คือ ขณะนี้มีสัมผัสเป็นปัจจัย มีเวทนาสัญญาสังขารอยู่ครบมีขันธ์ 5 แล้วเราก็สามารถทำการอภิสังขาร หรือว่ากิเลสเกิดในรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณมันเป็นชื่อองค์รวมแล้วก็ล้างกิเลสพวกนั้นจากขันธ์ 5 ได้ เป็นผู้รู้อุปธิ กิเลสอุปาทานขันธ์ 5 แล้วล้างอุปาทานด้วยอภิสังขาร 3 ตัวแท้คือปุญญาภิสังขาร ได้แล้วก็อปุญญาภิสังขารแล้วสั่งสมอเนญชาภิสังขาร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:40:42 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:21:46 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:10:18 )

สัตตาวาส 9

รายละเอียด

ก็คือความเป็นสัตว์ของตัวเองจนกระทั่งเลิกความเป็นสัตว์และจะพ้นความเป็นสัตว์ก็ต้องปฏิบัติในขณะที่มีวิญญาณฐิติ  มีวิญญาณตั้งอยู่ให้ปฏิบัติก็คือ ขณะนี้มีสัมผัสเป็นปัจจัย มีเวทนาสัญญาสังขารอยู่ครบมีขันธ์ 5 แล้วเราก็สามารถทำการอภิสังขาร หรือว่ากิเลสเกิดในรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณมันเป็นชื่อองค์รวมแล้วก็ล้างกิเลสพวกนั้นจากขันธ์ 5 ได้ เป็นผู้รู้อุปธิ กิเลสอุปาทานขันธ์ 5 แล้วล้างอุปาทานด้วยอภิสังขาร 3 ตัวแท้คือปุญญาภิสังขาร ได้แล้วก็อปุญญาภิสังขารแล้วสั่งสมอเนญชาภิสังขาร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:40:42 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:29 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:45:34 )

สัตตาวาส 9

รายละเอียด

 สัตตาวาส 9 คือความเป็นสัตว์ มีสัตว์เป็นเครื่องอยู่ของตัวเอง คนที่เรียนรู้ธรรมะปฏิบัติธรรมมะจะเลิกความเป็นสัตว์ได้หมดทั้ง 9 ชนิด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ที่บ้านราชธานีอโศก วันศุกร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2563 (631113


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 20:47:44 )

สัตตาวาส 9

รายละเอียด

สัตตาวาส 9 คือความเป็นสัตว์ มีสัตว์เป็นเครื่องอยู่ของตัวเอง คนที่เรียนรู้ธรรมะปฏิบัติธรรมมะจะเลิกความเป็นสัตว์ได้หมดทั้ง 9 ชนิด แต่ทีนี้เมื่อไม่รู้อะไร ไม่รู้ว่า กายคืออะไร สัญญาคืออะไร คือมิจฉาความเป็น กาย มิจฉาความเป็น สัญญา กายคือ สภาพ 2 ต้องมีรูปนามมีภายนอกมีภายใน ใช้ตัวนี้ เรียนอะไร ก็เรียนจิตเจตสิกจิต มโน วิญญาณนี่แหละ กายคือจิต คือมโน คือวิญญาณนี่แหละ โดยมีสัญญาเป็นตัวกำหนดรู้ สัญญาเป็นตัวเจตสิกที่สำคัญ เป็นตัวกำหนดรู้ สัญญามีหน้าที่ 1 กำหนดรู้  2 จำไว้ เพราะฉะนั้นมันจะกำหนดความเป็นกาย โดยสัญญาเป็นตัวทำงานกำหนด ผู้ที่มีสัญญาวิปลาสหรือว่ามีสัญญามิจฉาทิฏฐิ ใช้สัญญาไม่เป็น ใช้สัญญาผิดๆ ไปกำหนดผิด สัญญาไปกำหนดโดยหลับตา มีแต่สัญญาภายใน กำหนดรู้แต่ภายในไม่มีภายนอก ก็เลยไม่มีกาย เพราะฉะนั้นมันจะรู้กายได้อย่างไร ก็ไปนั่งหลับตาเสียนี่ กายมีตั้ง 5 ทวารก็มีแต่ใจ ความรู้นี้จะเป็นความรู้ที่ไปว่าในใจอย่างเดียว ปรุงแต่งแต่เรียนรู้กันแต่อยู่ในใจ ซึ่งศาสนาพุทธนั้นแม้แต่เรียนใจก็ต้องมีข้างนอก มีตา หู จมูก ลิ้น กาย มีปสาทรูป 5 มีโคจรรูป 5 โคจระ หมายความว่า ต้องดำเนินไป ต้องทำงาน จิตต้องทำงานกับตา หู จมูก ลิ้น กาย โคจรรูป 5 ปสาทรูป 5 ต้องทำงานแล้วจะเกิดวิสัยรูป คือ เป็นตนอย่างยิ่งต้องเรียนรู้ตน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 13:13:30 )

สัตตาวาส 9

รายละเอียด

คือภพที่อยู่ของสัตว์โลก 9 พวก

1. พวกมีกาย(นามกาย)ต่างกัน มีสัญญา(กําหนดหมาย)ต่างกัน เหมือนพวกมนุษย์ เทวดาบางพวก เปรตบางพวก

2. พวกมีกายต่างกัน มีสัญญาอย่างเดียวกันเหมือนเทวดาพวกพรหมผู้เกิดในภูมิปฐมฌาน

3. พวกมีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาต่างกันเหมือนเทวดาพวกอาภัสสระ (จิตสว่างว่างใส)

4. พวกมีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาอย่างเดียวกันเหมือนเทวดาพวกสุภกิณหะ(รู้ทั้งสว่างว่างทั้งมืดมัว)

5. พวกไม่มีสัญญา ไม่เสวยเวทนาเหมือนเทวดาพวกอสัญญีสัตว์ (ไม่มีความรู้สึก)

6. พวกเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ(ความว่างไม่มีที่สุด)

7. พวกเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะ (ความรับรู้ไม่มีที่สุด)

8. พวกเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ(ความไม่มีอะไรไว้เลย)

9. พวกเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ(รู้บ้างไม่รู้บ้าง)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 23 “ววัตถสัญญาสูตร” ข้อ 228


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 21:18:59 )

สัตตาวาส 9 กับวิญญาณฐีติ 7 ต่างกันตรงไหน

รายละเอียด

กายต่างกัน กำหนดเป็นอย่างเดียวกัน เรียกว่ากายต่างกัน สัญญาอย่างเดียวกัน หรือกายต่างกันสัญญาต่างกัน ตอนนี้เข้าสู่สัตตาวาส 9 วิญญาณฐีติ 7

สัตตาวาส 9 กับวิญญาณฐีติ 7 แตกต่างกันอยู่ 2 อัน สัตตาวาส 9 มีอสัญญีสัตว์กับ เนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์ ส่วนวิญญาณฐีติ 7 ไม่มีอสัญญีสัตว์ ไม่มีเนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์ เพราะปฏิบัติถูกต้องส่วนที่เป็นสัตว์นั้นปฏิบัติไม่ถูกต้องมันก็เลยมีครบ 

คนก็จะไปงงและสงสัยตรงที่ว่า อนุปุพวิหาร 9 ตามลำดับ ในอนุปุพพวิหาร 9  มี เนวสัญญานาสัญญายตนะกับสัญญาเวทยิตนิโรธด้วย มันไม่มีอสัญญีสัตว์ 

วิญญาณฐีติ 7 นั้นมาถึงอากิญจัญญายตนะ  8 มาถึงเนวสัญานาสัญญา 9 มาถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ 

พวกมิจฉาจะมีอสัญญีสัตว์กับ เนวสัญญานาสัญญายตนะ 

ส่วนสัมมาทิฏฐิก็จะมี เนวสัญานาสัญญากับสัญญาเวทยิตนิโรธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 15:03:59 )

สัตตาวาส 9 กับวิโมกข์ 8

รายละเอียด

สัตตาวาส 9 ไล่ฌานมาก็ได้แล้ว ส่วนวิญญาณฐีติ ถ้าเรียนวิโมกข์ 8 มาเป็นหลัก วิโมกข์ 8 ซ้อนอีก ซ้อนในคำว่า อสัญญีสัตว์กับเนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์ ไม่มี แล้วไปมีคำว่า สัญญาเวทยิตนิโรธแทน ในวิญญาณฐีติและสัตตาวาส 9 ไม่มีสัญญาเวทยิตนิโรธแต่ไม่มีอยู่ใน วิโมกข์ 8 เรื่องซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อนลึกซึ้งมาก คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) .ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34) จริงๆ ก็ค่อยๆเป็นไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 9 ข้อ 34


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 16:05:15 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:03:25 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:11:07 )

สัตตาวาส 9 ข้อที่ 1

รายละเอียด

ในสัตตาวาส 9 จะยังมีความเป็นสัตว์อยู่ 

ข้อที่ 1 จะเห็นเป็นตัวตน มนุษย์ มาร พรหม เป็นสัตว์ต่างๆ 

1. สัตว์บางพวก มีกายต่างกัน สัญญาต่างกัน เช่น พวกมนุษย์ พวกเทพบางเหล่า พวกสัตว์วินิปาติกะบางเหล่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:34:59 )

สัตตาวาส 9 ข้อที่ 2

รายละเอียด

 ในวิญญาณฐีติ 7 กับสัตตาวาส 9 นี้ สัญญาก็ไม่สัมมาทิฏฐิ กายก็ไม่สัมมาทิฏฐิ เห็นความเป็นเทวดาสัตว์นรกหรือมนุษย์ต่างกัน

 2. สัตว์บางพวก มีกายต่างกัน มีสัญญาอย่างเดียวกัน เช่น เหล่าเทพจำพวกพรหม ผู้เกิดในภูมิปฐมฌาน เป็นต้น 

พวกฌาน 1 คือทำวิตกวิจาร คือทำยังไม่เก่งไม่คล่องแคล่ว เหมือนพวกหัดขับจักรยานใหม่ๆ ดีไม่ดีขี่ลงคลองได้ ถลอกปอกเปิกได้ นึกถึงสมัยตอนเด็กๆของอาตมา เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจในเรื่องของกายต่างกัน แต่มีสัญญาอย่างเดียวกันคือเช่นว่า สัญญาว่าจิตจะต้องไม่มีนิวรณ์ จิตที่ไม่มีนิวรณ์ของคนปฏิบัติเป็นฌาน 1 อย่างของพระพุทธเจ้านั้นก็จะได้ฌาน 1 อีกอย่างหนึ่ง คนที่หลับตาปฏิบัติก็ได้ฌาน 1 หลับตาปฏิบัติก็ได้อีกอย่างนึง มีความวิตกวิจารต่างกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 16:27:52 )

สัตตาวาส 9 ข้อที่ 3

รายละเอียด

3. สัตว์บางพวก มีกายอย่างเดียวกัน แต่มีสัญญาต่างกัน เช่น พวกเทพสว่าง อาภัสราพรหม (ว่าง ใส สว่าง แผ่กว้าง) จะเห็นกายเป็นอาภัสรา เป็นนางงาม นางสาวไทย นางงามจักรวาล งามผ่อง สวยใส สว่าง อาภัสรา เห็นรูปนามสว่างใส เหมือนชาวธรรมกาย ใสๆ แต่มิจฉาทิฏฐิ ใส ไปสร้างภาพความใสใส่จิตตนเอง เป็นอุปาทาน ใสจริงๆ เขาจะเห็นใสไปด้วยกัน เห็นกายใสไปด้วยกัน เป็นอย่างเดียวกัน แต่สัญญาคนละอย่าง 

สัญญาที่เห็นใสของตัวเองกับของคนอื่นเป็นคนละอย่าง กายอย่างเดียวกันแต่สัญญาต่างกัน สัญญาไปต่างคนต่างใสคนละอย่าง เพราะนั่งหลับตาไม่มีองค์ประกอบครบพร้อม สร้างนิรมาณกายใส เห็นใส แล้วเป็นไง ก็ใส ก็บอกว่าเหมือนกันกับของคุณ สัมโภคกาย ใช้พยัญชนะว่าใสเหมือนกัน แต่จริงๆต่างคนต่างใส ไม่ได้มีใสเดียวกันหรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:39:07 )

สัตตาวาส 9 ข้อที่ 4

รายละเอียด

4. สัตว์บางพวก มีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาอย่างเดียวกัน เช่น พวกเทพมืด สุภกิณหพรหม (ได้นิโรธมืดเป็นโชค) 

สุภะ แปลว่าน่าได้น่ามีน่าเป็น กิณหะ แปลว่ามืด ผู้ที่มิจฉาทิฏฐิจะเห็นว่าต้องมืดจึงจะดีน่าได้น่ามี พวกสัมมาทิฏฐิก็เห็นว่ามืดดีอย่างเดียวกัน สัญญาอย่างเดียวกัน กายอย่างเดียวกัน สัญญาอย่างเดียวกัน แต่มันไม่อย่างเดียวกัน เพราะอันหนึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ อีกอันหนึ่งเป็นสัมมาทิฏฐิ ลึกๆของความแท้แล้วก็ต้องต่างกัน 

แต่ผู้ไม่รู้ก็จะยึดความมืด กิณหา หรือกัณหา แปลว่ามืด แล้วก็จะได้ความมืด คนที่สัมมาทิฏฐิก็ได้ความมืด ความดำก็รู้ว่า อ๋อ.. มืดก็คือมืดสิ ดำก็คือดำสิ เป็นลักษณะหนึ่งของความมืดของความดำ แต่ก็รู้ว่าคนใช้ความมืดความดำ ไปใช้กำหนดความไม่มีแสงสว่าง หรือความไม่มีกิเลส ตรงนี้แหละสัมมาทิฏฐิก็รู้ว่า อ๋อ.. ความมืดความดำนี้คือหมาย เอาสภาวะแท้คือไม่มีกิเลส ไม่ใช่เอาความมืดความดำตรงหลับตา ทำความดับความดำไม่มีแสงสว่าง ไม่มีดวงตา ไม่มีความเห็นอะไร มันไม่ใช่อย่างนั้น สัมมาทิฏฐิท่านจะรู้ แต่ว่ามิจฉาทิฏฐิจะหลงผิดไปว่ามืดอย่างนี้แหละ ดำอย่างนี้แหละ น่าได้น่ามีน่าเป็น 

น่าได้น่ามีน่าเป็นเหมือนกัน แล้วก็ใช้คำว่ามืด คำว่าดำ กิณหา เหมือนกัน แล้วเขาก็ได้ของเขาเหมือนกัน เหมือนตรงมืดดำเหมือนกัน แต่มืดดำของเขา เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่ได้ลดกิเลส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:40:32 )

สัตตาวาส 9 ข้อที่ 5

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเมื่อความมืดที่มิจฉาทิฏฐิของชาวพุทธที่ไม่มีสัมมาทิฐิของพระพุทธเจ้าแท้ พอออกไปข้อที่ 5 จึงจบ จบอยู่ที่ข้อที่ 5 คือเป็นอสัญญี สัญญาพิการเลย สัญญาไม่ใช่แค่วิปลาสแต่พิการเลย ไม่มีสัญญา อสัญญีสัตว์ เป็นสัตว์ที่ไม่มีสัญญา คนที่ไม่มีการกำหนดสัญญาแล้วสัญญาใช้ไม่ได้แล้ว สัญญาเสียหายหมดเลย จึงเป็นการกำหนดสัญญาของสัตว์ สัตว์ตัวที่บ้าใหญ่เลยไม่เห็น อากาสานัญจายตนะ ไปเห็นวิญญานัญจายตนะ ไปเห็นความไม่มีต่างๆ เป็นวิปลาสไปหมดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแทๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:45:40 )

สัตตาวาส 9 วิญญาณฐิติ 7 วิโมกข์ 8

รายละเอียด

ขอผลัดไว้ก่อน มันไม่ง่าย  สัตตาวาส 9 กับ วิญญาณฐิติ 7 ต้องแยกกายแยกจิต จิตนี้รวมทั้งสัญญาอยู่ด้วย จิตนี้หน่วยใหญ่กว่าสัญญายังแยกยากเลย แต่นี่จะไปแยก กาย แยก สัญญา มันเป็นตัวจบเลยนะ แยกกาย แยกสัญญา อย่างวิญญาณฐิติ 7 ตัวแรก กายต่างกัน สัญญาต่างกัน ตัวที่สอง กายต่างกัน สัญญาอย่างเดียวกัน ตัวที่สาม กายอย่างเดียวกันสัญญาต่างกัน ตัวที่สี่ กายอย่างเดียวกัน สัญญาอย่างเดียวกัน ตัวที่ 5 6 7 เป็น อากาสาฯ วิญญานัญจา อากิญจัญญา จบวิญญาณฐิติ 7 ส่วนสัตตาวาส 9 เพิ่มอีกเป็น เนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์ กับ อสัญญีสัตว์ เป็นคู่ที่วิญญาณฐิติ 7 ไม่มี  เนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นคู่อายตนะสุดท้าย กับ สัญญาเวทยิตนิโรธ ที่อยู่ในวิโมกข์ 8 อย่างนี้เป็นต้น ค่อยอธิบาย สัตตาวาส 9 กับ วิญญาณฐิติ 7  วิโมกข์ 8 ต้องอธิบายสามสูตรให้ปฏิสัมพัทธ์อย่างสำคัญ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 11:58:08 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:23:10 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:46:22 )

สัตตาวาส 9 วิญญาณฐีติ 7 วิโมกข์ 8

รายละเอียด

สัตตาวาส 9 วิญญาณฐีติ 7 วิโมกข์ 8 สามพระสูตร ของพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจจริงๆ โดยเฉพาะวิโมกข์ 8 คนเข้าใจ สัตตาวาส 9 วิญญาณฐีติ 7 ไม่ได้

กับผู้ที่ปฏิบัติสัมมาทิฏฐิ รู้วิญญาณฐีติหมดเลย 7 ข้อ โดยอสัญญีก็ไม่ทำ หรือใช้เนวสัญญาฯคือต้องกำหนดในสิ่งที่ไม่รู้ให้หมด ไม่ใช่รู้ก็ไม่ใช่ ไม่รู้ก็ไม่ใช่ ต้องรู้หมด เป็นสัญญาเวทยิตนิโรธ คือเข้าใจเวทนากับนิโรธ โดยใช้สัญญาเป็นตัวกำหนดรู้ การปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าต้องใช้สัญญาเป็นหลัก เรียนรู้กำหนดรู้ตลอดเวลา ภายนอกภายในไปทั้งหมด ด้วยวิโมกข์ 8

ออกจากสัตตาวาส 9 โดยให้เข้าใจว่าอสัญญีสัตว์ไม่เอา เนวสัญญาฯไม่เอา จะต้องปฏิบัติโดยมีวิญญาณทั้ง 7 ตั้งอยู่ในการปฏิบัติ ถ้าหากการปฏิบัติไม่มีวิญญาณตั้งอยู่ในการปฏิบัติ ไม่ใช่ศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 15:44:39 )

สัตตาวาส 9 หลับตาปฏิบัติจะเป็นสัตว์ทั้ง 9

รายละเอียด

สัตตาวาส 9 ถ้าผู้ที่ไปหลับตาปฏิบัติสัตตาวาส 9 นั่นแหละผู้นั้นจะเป็นสัตว์ทั้ง 9 ไม่ได้พ้นความเป็นสัตว์ การแสดงหลับตาปัจจุบันก็จะได้ไม่ 1 ก็ 2 3 อย่างนั้นแหละ หรือไม่ก็เป็นสัตว์ทั้ง 9 จมอยู่ในความเป็นสัตว์ แม้ที่สุด เนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:20:03 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:24:09 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:11:28 )

สัตตาวาส 9 เป็นมิจฉา วิญญาณฐีติเป็นสัมมาทิฏฐิ ตัวอย่างข้อที่ 1

รายละเอียด

มาลงละเอียดตรงที่ว่า กายต่างกันสัญญาต่างกัน เป็นสัตตาวาส ข้อที่ 1 หรือวิญญาณฐีติ ข้อที่ 1 ภาษาเหมือนกันแต่ สัตตาวาส 9 นั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ วิญญาณฐิติเป็นสัมมาทิฏฐิ กายอย่างหนึ่ง สัญญาอย่างหนึ่ง กายคุณก็เห็นต่างกันกับเรา  สัญญาคุณก็เห็นต่างกันกับเรา นี่เป็นสภาวะ 2 กายกับสัญญา เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นความเป็นมนุษย์ก็ต่างกัน เห็นความเป็นมารก็ต่างกัน เห็นความเป็นเทวดาก็ต่างกัน ต่างกันไปเยอะเลยนะ มารก็โอ้โห ไม่รู้กี่ขั้น กี่ชั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภู ผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2565 ( 14:21:34 )

สัตตาวาส 9 เป็นสัตว์หมดเลย

รายละเอียด

ความมืด ความดำ ความไม่รู้ ความที่ไม่กระจ่างแจ้งก็ค่อยๆหายไป หายไป หายไป ในวิญญาณฐิติข้อที่ 4 จนหมดความมืดดำ เป็นนิโรธที่คือกิเลสนั่นเองไม่ใช่ความมืดดำ แต่ความที่ยังบัง ยังพราง ความที่ยังลวงทั้งหลายแหล่สิ้นไปจากจิต มีแต่ความรู้สว่างกระจ่างแจ้งเต็ม คือเป็นปัญญาอันยิ่ง 

เพราะฉะนั้นจิตวิญญาณของพระพุทธเจ้าก็จบที่วิญญาณฐิตี 7 ทรงสภาพเป็นอากาศ เป็นวิญญาณ เป็นอากิญจัญญายตนะ รู้สภาพ 2 คืออากาศกับวิญญาณ รูปกับนาม และรู้สภาพ อากิญจัญญายตนะ คือกิเลสนิดหนึ่งน้อยหนึ่งก็ไม่มี

ส่วน สัตตาวาส 9 อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ แถม เนวสัญญานาสัญญายตนะ แถม สัญญาเวทยิตนิโรธ  ที่จริง มันอยู่ในวิโมกข์ 8 หรืออนุปุพพวิหาร 9 มี สัญญาเวทยิตนิโรธ 

สัตตาวาส 9 มันเป็นสัตว์หมดเลย สัญญาเวทยิตนิโรธ ที่ถูกต้องนั้นมีอยู่ในวิโมกข์ 8 อยู่ในอนุปุพพวิหาร 9 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 10:07:09 )

สัตตาวาส 9 ข้อที่ 1

รายละเอียด

ฉะนั้นในเรื่องของ กายกับสัญญา 2 อันนี้ถ้าไม่คมแม่นชัดคุณไม่พ้นความเป็นสัตว์  สัตตาวาส 9 

ยิ่งไปนั่งสะกดจิตดับสัญญาเป็นอสัญญีสัตว์ ปิดประตูนิพพาน ปิดเลย แม้สัตว์ข้อที่ 1 กายต่างกันสัญญาต่างกัน คุณก็กายต่างกับสัมมาทิฏฐิ สัญญาก็ต่างกับสัมมาทิฏฐิคุณก็เป็นสัตว์สารพัดสัตว์พระพุทธเจ้าย่นย่อไว้ทั้ง 9 สัตว์คุณก็เป็นได้ทั้ง 9 สัตว์ปนกันอยู่อย่างนี้ซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:35:19 )

สัตตาวาส ข้อ 2

รายละเอียด

เป็นปฐมฌาน เป็นสัญญาอย่างเดียวกัน เช่นพวกหลับตาก็สงบไม่มีนิวรณ์ 5 ลืมตาก็สงบไม่มีนิวรณ์ 5

กายต่างกันแต่สัญญาอย่างเดียวกัน กายมีรูปนามของศาสนาพุทธลืมตา แต่สงบเหมือนกัน ปฐมฌานเหมือนกันสัญญาอย่างเดียวกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2562 ( 07:14:25 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:36:54 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:46:50 )

สัตตาวาส ข้อ 3

รายละเอียด

ส่วนกายอย่างเดียวกัน สัญญาต่างกัน ตอนนี้แหละ ความหมายของพระพุทธเจ้ากับของฤาษีนั้นสัญญากำหนดต่างกันแต่กายอย่างเดียวกัน ตอนนี้ทางที่นั่งหลับตาอธิบายกายต่างกันไม่ได้ ยิ่งอธิบายฌาน ทางสายหลับตาต้องเข้าฌานหลับตาลืมตาไม่มีฌาน เพราะฉะนั้น ฌาน 2 3 4 ก็นัยเดียวกัน กายต่างกันหมด แม้ว่าจะเป็นกายอย่างเดียวกันก็ซับซ้อนไปอีก

ยิ่งเป็นสัตตาวาส ข้อ 4 5 6 ยิ่งลึก ยิ่งเป็นนิรมาณกายคือรูปนามที่ปรุงแต่งในภพชาติเป็นวิมานสร้างเอง โดยคนอื่นๆที่ในพวกเดียวกันอุปาทานเดียวกันก็สัมโภคกาย พูดกันว่าใช่ๆ แต่กายต่างกันสัญญาอย่างเดียวกัน สัมโภคกายเดียวกัน แต่กายต่างกัน ถ้ามาเป็นภายนอกมันคนละเรื่องเลย แต่ของเขาภายนอกมันเป็นกายต่างกัน คนนี้ก็ปั้นเอง ของใครของมัน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2562 ( 07:16:49 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:59:53 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:12:00 )

สัตตาวาส ข้อที่ 5

รายละเอียด

มาอธิบาย สัตตาวาส สัตตาวาส ข้อที่ 5 คืออสัญญีสัตว์ เป็นสัตว์ที่ไม่มีสัญญา เพราะฉะนั้นคนที่ไปดับสัญญาไม่มีถ้าสัญญาไม่มีการกำหนดรู้ เพราะฉะนั้นสายหลับตาไปดับสัญญา สัญญาเวทยิตนิโรธของเขาคือดับไม่รู้อะไรเลย มันก็จะไม่มีอากาสานัญจายตนะเลย แต่ว่าจะไปสร้าง อากิญญจัญญา เนวสัญญาเป็นนิรมาณกาย แต่ละคนก็สร้างของตนขึ้นมาเอง คนอื่นไม่รู้ด้วยได้ เป็นสัมโภคการร่วมกัน แต่ละคนต่างตาบอดหูหนวกทั้งคู่ หรืออาทิสมาณกาย เขาไม่มีหรอกสัตตาวาส 9 แต่ผู้ที่เรียนรู้เป็นอนุปุพพวิหาร 9 จะรู้จักสัตว์หมดเลย เงินไม่มี สัญญี 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 11:04:52 )

สัตตาวาส หรือมิจฉาทิฏฐิข้อที่ 2

รายละเอียด

ทีนี้ผู้ที่มิจฉาทิฏฐิเขาก็ทำได้เหมือนกัน จึงเรียกว่ามีสัญญาอย่างเดียวกัน แต่กายต่างกัน เห็นไหม สัตตาวาสข้อที่ 2 หรือมิจฉาทิฏฐิข้อที่ 2 กายต่างกันสัญญาอย่างเดียวกัน 

สัญญาว่าไม่มีนิวรณ์ 5 เขาหลับตาสะกดจิตก็ไม่มีนิวรณ์ 5 ได้ ลืมตาไม่ต้องสะกดจิตไม่มีนิวรณ์ก็สมบูรณ์แบบกว่าแต่ไม่มีนิวรณ์เหมือนกัน สัญญาตรงกันแต่กายต่างกัน คนหนึ่งตาเห็นอะไรทั้งหมดแต่ก็ไม่มีนิวรณ์ อีกคนนึงอยู่ในที่มืดจะต้องสะกด หรือแม้แต่จะลืมตาสะกดจิตเรียกว่าสะกดจิตได้แบบลืมตา คุณก็ลืมตาสะกดได้ไม่ให้มีนิวรณ์ได้ เก่งได้ด้วยนะ พวกที่รู้นิ่งเฉยๆ นิ่งนะ ฝึกแคล่วคล่องเหมือนกันนะนิ่ง แต่ไม่ได้รู้จักตัวกิเลสอาการกิเลสอย่างไร สร้างพลังงานปัญญา พลังฌาน มาสลายกิเลสไปด้วยความรู้มาล้มล้างความยึดติด ไม่ใช่ไม่รู้เรื่อง ทำไม่เป็น เป็นสมถะเหมือนกันแต่เป็นสมถะแบบลืมตา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ 

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:40:05 )

สัตตาวาสข้อ 1

รายละเอียด

กายต่างกันสัญญาต่างกัน

ฌาน 1 กายต่างกันกับ ฌาน 2 กายต่างกันกับ ฌาน 3 กายต่างกันกับฌาน 4

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2562 ( 07:09:19 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:06:47 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:47:12 )

สัตตาวาสข้อที่ 1 กายต่างกันสัญญาต่างกัน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นมันมีตั้งแต่สัตตาวาสข้อที่ 1 กายต่างกันสัญญาต่างกัน เป็นมารเป็นมนุษย์เป็นพรหมก็สมมุติกันไปเอง เลอะเทอะกันไปหมด ต่างคนต่างสมมุติว่ากันไปสารพัดสารเพ  แม้จะสำนักเดียวกัน อาจารย์เดียวกันสอนทฤษฎีเดียวกัน แต่พอเอาเข้าจริงก็กำหนดของตนเอง รูปนามที่มันปรุงแต่งขึ้นมา เรียกว่ากายก็ตาม ก็เป็นของตนเองเท่านั้น ซึ่งต่างจากของคนอื่นไปหมดเลยไม่ได้เหมือนกันสักอย่าง กายต่างกันสัญญาต่างกัน พวกที่มิจฉาทิฏฐิก็เห็นต่างกันไป ส่วนพวกสัมมาทิฏฐิจะเห็นหนึ่งเดียวกัน สัจจะมีหนึ่งเดียวเท่านั้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภู คือผู้นำพาคนไปสู่ความจนอันประเสริฐ วันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2564 ( 11:28:36 )

สัตตาวาสตัวที่ 5 เป็นภพปลอมวิหารปลอมตัวอย่างอรูปฌาน 4

รายละเอียด

พอถึงสัตตาวาสตัวที่ 5 อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็เป็นวิหารปลอม เป็นภพปลอม เป็นนิรมาณกาย สัมโภคกาย และ อทิสมาณกาย เป็นเรื่องเพ้อพกไปหมดเลย แล้วแต่ใครจะสร้างภพชาติของใครของมัน สร้างภพชาติดาวคนละดวงของใครของมัน ตามเรื่อง เพราะฉะนั้น อรูปฌาน 4 ของอสัญญีสัตว์ เป็นเรื่องเละเทะ ทีนี้ สัมมาทิฏฐิ ไม่มีที่จะไปหลับตา ไม่มีอสัญญีเลย ลืมตาโพลงๆ มีกระทบสัมผัสตาหูจมูกลิ้นกาย จึงจะเป็นอรูปฌาน 4

อรูปฌาน 4 เป็นอย่างนี้

1.อากาศ  2.วิญญาณ 3.อากิญจัญญายตนะ 4.เนวสัญญานาสัญญายตนะ

ผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิจะมี เนวสัญญานาสัญญายตนะ ส่วนผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิจะไม่มี เนวสัญญานาสัญญายตนะ ไม่ต้องไปทวนอีก สัมมาทิฏฐิแล้วมาจนถึง อรูป อรูปก็เรียนรู้

1 อากาศ Space 2 วิญญาณ วิญญาณก็คือวิญญาณ จะเลือกภาษาฝรั่งอะไรก็ตามใจ คือธาตุรู้กับ space กับสภาวะของอวกาศของอากาศ ก็ต้องเป็นคู่อยู่ด้วย

เพราะเมื่อเป็นชีวะเป็นจิตนิยามและมันก็ต้องเป็นวิญญาณ ก็จะต้องอยู่กับ จะว่างขนาดไหนก็ตามแต่อากาศ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณก็อยู่กับอากาศว่างที่สุด ว่าง ภาษาพูดก็เป็นเรื่องของสสาร พลังงาน แต่ว่างอย่างปรมัตถ์ก็คือว่างจากกิเลส อากาสานัญจายตนะ 

วิญญานัญจายตนะ ก็ว่างจากกิเลสเพราะฉะนั้นอากาศกับวิญญาณแทบจะเป็นอย่างเดียวกัน อากาศคือว่างวิญญาณคือรู้ รู้ว่าง ว่างรู้ ที่จะมีชีวะคือวิญญาณ วิญญาณคือธาตุที่จะเป็นชีวะขึ้นมา ก็อยู่อย่างว่าง ว่างจากอะไรก็ต้องมีเหตุปัจจัย คือว่างจากกิเลส กิเลสไม่มีนิดหนึ่ง นิดหนึ่งไม่มีเลย อากิญจัญญายตนะ คือ นิดหนึ่งก็ไม่มี ไม่มีอย่างสัมมาทิฏฐิจึงไม่สงสัยอีกเลยไม่ต้องมี เนวสัญญานาสัญญายตนะ ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิที่สมบูรณ์และวิญญาณฐิติก็มี 7 เองไม่ต้องมี เนวสัญญานาสัญญายตนะ สัมมาทิฏฐิมาตั้งแต่ต้นตั้งแต่ 1 2 3 4 5 6 7 ก็จบ 

ไม่ต้องมีใช่ ก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ พวกที่ยังกั๊กไปกั๊กมา อันนี้ชัดเจนถูกต้องกำหนดสัมมาทิฏฐิมาถูกต้องอากาสคือที่ว่าง วิญญาณคือกิริยาไม่มีกิเลสแล้วก็คือ อากิญจัญญายตนะ ก็จบแล้วนี่ วิญญาณฐิติจึงมีอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2565 ( 14:37:08 )

สัตตาวาสระดับที่ 3 อาภัสรา 

รายละเอียด

อาภัสราก็ใสเฉยๆ แต่คนที่ใส ต่างคนต่างใส มันไม่ใสเหมือนกันหรอก ใสของใครก็ใสของมัน ยังเป็นสัตตาวาสระดับที่ 3 อาภัสรา 

เขากำหนดอย่างเดียวกันคือ ใส สัญญาต่างกัน แต่ว่า กาย ที่เขาได้ อย่างเดียวกัน สัญญาที่เขากำหนดในจิตแต่ละคนของใครของมัน คนละใส แต่กาย เขาบอกว่ารูปนามต้องเอา ใสๆๆ ตามสัญญากำหนด เขาก็ใสของใครของมัน แต่มันคนละใส มันไม่ใช่ใสตรงกัน มันอย่างกับลืมตา เห็นใสขนาดนี้ เช่นน้ำใส เอาไปแยกธาตุดูได้มีธุลีเท่าไหร่ ตรงกันได้ แต่นี่มันต่างกันคนละภพของใครของมัน นี่คือลักษณะของสัตตาวาสข้อที่ 3 กับข้อที่ 4 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:49:46 )

สัตถะ

รายละเอียด

อาวุธ 

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 86


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:54:33 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:30:51 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:12:19 )

สัตถา เทวมนุสสานัง

รายละเอียด

เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า122


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:55:03 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:32:07 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:12:34 )

สัตบุรุษ

รายละเอียด

คือ ผู้ได้เรียนรู้ผู้สืบทอด “ความรู้-ความฉลาด” ที่เป็นแบบ “พุทธ” สัมมาทิฏฐิแม้มานานนับชาติ สั่งสม “ความรู้-ความฉลาด” ที่เรียกกันว่า “พระโพธิสัตว์”

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 178


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 14:11:33 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:35 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:13:01 )

สัตบุรุษ

รายละเอียด

สัตบุรุษ คือ ผู้ที่มีหน้าที่จะมาแจกแจงความจริงเท่านั้น

    1. ผู้รู้จริง เป็นจริง มีจริง 

    2. คนดี คนฉลาด คนซื่อตรง คนที่มีความเป็นคนดีจริง คนที่มีสิ่งที่ดีแท้และเป็นประโยชน์จริง คนที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ชาญฉลาด ซื่อสัตย์ ดีแท้ น่านับถือ 

    3. คือ ผู้ที่มีหน้าที่จะมาแจกแจงความจริงเท่านั้น

             สัตบุรุษ คือ  สมณพราหมณ์ที่เป็นผู้ดำเนินชอบ  ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้  โลกหน้า  ให้แจ่มแจ้ง  เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในโลกนี้มีอยู่  (อัตถิ  โลเก สมณพราหมณา มัคคตา  สัมมาปฏิปันนา  เย อิ มัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกตา ปเวเทนตีติ) คบสัตบุรุษแล้วต้องเงี่ยโสตสดับฟัง 

1.     การคบสัตบุรุษที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์

2.    การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้เกิดศรัทธาที่บริบูรณ์

3.    ศรัทธาที่บริบูรณ์  ย่อมทำมนสิการโดยแยบคายให้บริบูรณ์

4.    การมนสิการโดยแยบคายที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ที่จะรู้ทันผัสสะ  รู้ทันเวทนา

5.    สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้ความสำรวมอินทรีย์บริบูรณ์

6.     ความสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ย่อมทำให้สุจริต 3 บริบูรณ์ คือ กาย วาจา ใจ เลิกทำงานทุจริต

7.    สุจริต 3 ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์

8.    สติปัฏฐาน 4 ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์

9.     โพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้วิชชาและวิมุติบริบูรณ์

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

อวิชชาสูตร พระไตรปิฎก เล่ม 24 ข้อ 61

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 314,379

 


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 08:55:58 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:47:45 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:48:38 )

สัตบุรุษ

รายละเอียด

บุรุษผู้งามด้วยการประกอบโลกุตรคุณ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 61 วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 14:45:40 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:48:20 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:13:19 )

สัตบุรุษ

รายละเอียด

ในแสงอรุณ 7 ข้อแรก คือคุณต้องคบมิตรดี สัตบุรุษก่อน คุณรู้เองรู้ไม่ได้โลกนี้คุณต้องหาสัตบุรุษให้ได้ อัตถิโลเก ขออภัย อาตมาเป็นสัตบุรุษไม่ได้พูดยกตัวตนแต่ยืนยันความจริง  ควรปรโตโฆสะได้ เพราะท่านอธิบายแสงอรุณ 7 หากตีทิ้งท่านก็เข้าใจสัมมาทิฏฐิทั้ง 10 ไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:53:22 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:07:58 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:14:52 )

สัตบุรุษ สยังอภิญญา

รายละเอียด

ถ้าเขายึดถือไม่ตรงสัตบุรุษ ก็ต้องแสดงออกมาไม่ตรงกับสัตบุรุษ แต่ถ้าเขายึดถือตรงกับสัตบุรุษก็จะแสดงออกมาตรงกับสัตบุรุษ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นสัตบุรุษก็ต้องดูกันนานๆ ก็ต้องพิสูจน์ว่า สยังอภิญญาผู้นี้ อธิบายสอนสอดคล้องกับพระไตรปิฎกธรรมะพระพุทธเจ้าหรือไม่ อาตมาไม่ได้สงสัยกังวลติดใจเลย หรือไม่ก็อยู่ที่ภูมิปัญญาของเขา ตรงตามพระไตรปิฎกตรวจสอบหรือไม่ และอีกอย่างคือเอาในพระไตรปิฎกมาสอนให้คนปฏิบัติได้ผลตรงกับที่พระไตรปิฎกบอกหรือไม่ ปัจจัตตังแปลว่ารู้ได้ด้วยตน ตนเองรู้เองหากสัมมาทิฏฐิก็ใช้ได้ แต่หากไม่ตรงเป็นมิจฉาทิฏฐิก็ใช้ไม่ได้ อาตมาจึงไม่กังวล สัจจะใครเบี้ยวไม่ได้ อาตมามั่นใจว่าจะไม่ทำบาปให้แก่ตัวเอง ด้วยการเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาอธิบายผิดไปจากสัจจะ มันบาปหนักหนา เป็นสัจจะ คุณทำแล้วบอกว่าไม่บาปไม่ได้ อาตมาออกมาทำงานศาสนาไม่ได้ออกมาเล่นๆ ไม่ได้ออกมาทดลอง แต่มากันอย่างพร้อม จริงทุกอย่างไม่มีถอยหลังแม้ครึ่งเมล็ดงา ยังไม่เต็ม 50 ปีดี แน่นอนโลกุตระรู้ไม่ได้ง่ายๆ ต้องมีคนส่วนน้อยเท่านั้นรู้ได้เห็นดี ยอมรับ ปฏิบัติตาม ได้มรรคผล ก็ต้องมีจำนวนน้อย มันมีได้ก็ดีนักหนาแล้ว หมดไปแล้วสูญหายไปแล้ว ได้แค่นี้ก็ชื่นใจนักหนา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 18:00:29 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:09:24 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:49:29 )

สัตบุรุษ หรือผู้รู้ที่สัมมาทิฏฐิในยุคนี้ยังมีอยู่

รายละเอียด

ปัญญาข้อ 1 ข้อ 2 ต้องฟังถ่ายทอดจากผู้มีโลกุตระแท้ ข้อ 1 นั้นโดยตรงจากของพระพุทธเจ้าเลย แล้วยังต้องเข้าไปถามพระพุทธเจ้าอีกในข้อที่ 2 หรือผู้รู้ไม่มีแล้วพระพุทธเจ้า มีสัตบุรุษ ผู้รู้ที่สัมมาทิฏฐิยังมีอยู่ในยุคนี้ โพธิรักษ์อย่างนี้ ก็ต้องเข้ามาถาม ต้องเข้ามาศึกษาจากโพธิรักษ์ ก็มีอยู่เท่านี้ เพราะมันไม่รู้จักค่าของความเป็นโลกุตระ โลกุตระมันหมดไปแล้ว ตามพระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณิสูตร เหลือกลองอานกะที่มันเปลี่ยนแปลงไปแล้วในครึ่งศตวรรษของพุทธกัปของพระพุทธเจ้ามันก็จริงที่สุดตามพระพุทธเจ้าพยากรณ์ไว้ทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 12:17:09 )

สัตบุรุษคือปัญญาที่มีฤทธิ์

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าก็เลยเป็นผู้ที่ยืนหยัดความจริง ความหลอกหมดเลย ความปลอมหายไปหมดเลย เพราะพระพุทธเจ้าเห็นหน้าความหลอกความปลอมหมดเลย ความหลอกความปลอมถูกพระพุทธเจ้ารู้พวกมัน พวกที่หลอกพวกปลอมเหล่านี้ พระพุทธเจ้าเห็นแล้วมันหายไปเลย ปัญญาจะมีพลังมีฤทธิ์อำนาจขจัดความหลอกขจัดความเท็จขจัดความไม่จริงหายไปหมดเลย เหลือแต่ความจริง 

เพราะฉะนั้นอาตมาถึงยืนยันพูดว่าอาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น คุณฟังขึ้นไหม ฟังเข้าใจไหม อาตมาพูดไม่เป็นพูดความไม่จริงไม่เป็น พูดออกมามีแต่ความจริง ซึ่งยากเหมือนกันที่คนจะเข้าใจเพราะว่าคนจะเข้าใจว่าคนมันก็ต้องมีหลอกมีเท็จ แต่นี่ พูดเท็จไม่เป็นเลย มันจะมากไปไหมนะ ซึ่งมันก็น่าเห็นใจคนเขาเหมือนกัน ซึ่งที่อาตมากำลังพูดกันกำลังสาธยายมันตรงกันข้ามกับที่เขารู้กัน 180 องศาเลย

“วิธีแบบพุทธ”นั้น ต้องเป็น“จรณะ 15 วิชชา 8” ซึ่งมันตรงกันข้ามกัน 180 องศากับ“วิธีปฏิบัติ”ที่เป็น “จรณะ 15 วิชชา 8”เลยทีเดียว แม้แต่ผู้ที่มาเรียนรู้ต้องพยายามรู้ความรู้ให้กว้าง พวกหลับตานั้นแคบสนิท อีกพวกเขาก็พยายามมารู้ความกว้างแต่เขาก็ฟ่ามกระจาย พวกสายปริยัติสายพระบ้านสายดร.สายเปรียญรู้พวกนี้ ซึ่ง อาตมาน่าสังเวชใจน่าสงสาร ไปเรียนพุทธศาสนาจากมหาวิทยาลัยของเทวนิยม โอ้ย! มันน่าละอายจริงๆ น่าละอายอย่างไม่รู้จะน่าละอาย เป็นพุทธศาสนิกชน แต่ไปเรียนรู้กับสำนักของเทวนิยม ส่วนผู้ที่รู้ เป็นผู้รู้จักเทวนิยม เป็นอเทวะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พญานาคเดียรถีย์ลัทธิหลับตาทำลายศาสนาพุทธ วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 08:51:13 )

สัตบุรุษคือใคร

รายละเอียด

มันยาก เป็นเรื่องอจินไตยคิดเอาไม่ได้ ถ้าไม่มีผู้รู้มาอธิบายอย่างนี้ ธรรมะของพระพุทธเจ้ารู้เองไม่ได้ต้องได้ฟังมาจากสัตบุรุษ ที่เป็นผู้รู้จริง สัตบุรุษคือผู้รู้จริง ถ้าไม่ใช่ผู้รู้จริงจะไม่ได้สัจธรรมที่เป็นจริงของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าคุณต้องหาสัตบุรุษให้เจอ สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง  เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง  ในโลกนี้  มีอยู่  (อัตถิ  โลเก   สมณพราหมณา   สัมมัคคตา  สัมมาปฏิปันนา  เย  อิมัญ จ โลกัง   ปรัญ จ  โลกัง   สยัง อภิญญา   สัจฉิกัตวา  ปเวเทนตีติ)

ถ้าโลกนี้มีสัตบุรุษคุณจะต้องหาให้เจอ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:37:20 )

สัตบุรุษจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่ไม่เหมือนตน

รายละเอียด

ถ้าของคุณสัมมาทิฏฐิ จะต้องตรงกับสัตบุรุษ เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นสัตบุรุษพูดอย่างไร ถ้าคุณสัมมาทิฏฐิคุณจะต้องฟัง แต่ถ้าเห็นว่าผู้ที่คุณสัมมาทิฏฐิ คุณเป็นสัตบุรุษ เสียเอง หรือคุณฟังสัตบุรุษของคุณเองแล้ว คุณฟังอันนี้บอกว่าไม่ใช่สัตบุรุษก็แน่นอน อย่างนั้นคุณก็ไม่ฟัง แต่จริงๆแล้วสัตบุรุษจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่ไม่เหมือนตน จะฟังสิ่งที่ไม่เหมือนตน เพราะสัตบุรุษที่ถึงขีดถึงขั้นจะไม่ปฏิเสธ ไม่มีอติมานะ ท่านจะไม่ไปลบหลู่ เป็นอุปกิเลส ท่านจะเติมเป็นโลกจินตา เป็นความรู้ว่าคนคิดอย่างนี้ก็มี เราก็ได้รับความรู้เพิ่มเติมว่าคนคิดกิเลสพิลึกวิตถารอย่างนี้ อย่างสายลืมตาก็ธัมมชโย สร้างโลกจินตา ทุจริตต่างๆ สร้างขึ้นมาได้ยิ่งกว่ากระเทยจริตจะก้านไม่มีใครเทียบกระเทย ฉันเดียวกัน เป็นทุจริตต่างๆที่เขาสร้าง เขาฟังอาตมาไม่เข้าใจ ก็เลยไม่ฟัง เขาตีทิ้งอาตมา แต่หากเขาฟังอาตมาเข้าใจจะมีธรรมรส เขาจะยิ่งฟังเลย ยิ่งเป็นอรหันต์เป็นอาริยะจะไม่เบื่อหน่ายฟังธรรม แม้คนที่เขาจะอธิบายผิด พูดซ้ำอีก ผู้ที่พูดผิดก็จะฟัง จะไม่มีอุปกิเลสยกตนข่มท่าน มานะ อติมานะ ทำให้รู้ว่าคนก็มีการคิดต่างๆนานาได้ อาตมายังชอบฟังมหาบัว คิดอย่างนี้ก็ได้เราไม่เคยคิด คิดวิตถารพลิกแพลงอย่างนี้ก็ได้นะ ไม่ใช่แค่ลูกๆ คนข้างนอกก็ฟัง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:01:18 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:27:33 )

สัตบุรุษที่สยังอภิญญา

รายละเอียด

ทวนไปถึงแสงอรุณ 7 คุณจะต้องมีมิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี ที่นี่มีครบพร้อม มีสัตบุรุษ อาตมาเป็นต้น ขนาดอาตมาคุณก็ยังไม่ยอมรับคุณก็ไม่มีมิตรดีแล้ว แต่พูด นัตถิโลเก สมณพราหมณาฯ ที่สัตบุรุษบอกอยู่แล้วว่านี่คือสัตบุรุษเป็นสยังอภิญญา คุณก็เป็นแบบอุปกะชีวกะ ไม่เชื่อ แลบลิ้นเมื่อเจอพระพุทธเจ้า เป็นคนแรก เข้าใจให้ดีๆมาทำใจให้ดีและจะชัดเจน อาตมาเหมือนพูดอวดตัวตนคนเขาก็ยิ่งหมั่นไส้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 14:43:54 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:26:14 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:50:28 )

สัตบุรุษผู้ที่เป็นพุทธการกคือใคร

รายละเอียด

สัตบุรุษ ผู้ที่เป็นพุทธการก เป็นเจ้าของผู้ที่จะมาทำพุทธ เป็นพ่อ เป็นที่พึ่ง เป็นสัตบุรุษนั้นเรียกว่าธรรมิกราช มีสยังอภิญญา มีสิ่งที่เป็นมาแต่ชาติปางก่อน 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:08:19 )

สัตบุรุษผู้ประกาศโลกนี้ โลกหน้าต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

มาเข้าสู่เนื้อหา สยังอภิญญา เป็นของจริงเป็นสัตบุรุษ สัตตะ แปลว่า 7 บุรุษที่ขึ้นรอบ 7 เป็นอจินไตย บุคคลที่เป็นสัตบุรุษระดับ 7 มีอะไรแค่ไหน ก็ขยายความไปบ้าง แต่รู้สึกว่าไม่ง่าย สรุปแล้ว อาตมาก็นำธรรมะพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตระ นำมาพยายามขยายความอธิบายโลกุตรธรรม ซึ่งเป็นโลกอีกโลกหนึ่งคือ อยังโลโก ปโรโลโก หรือ อิมังจโลกัง ปรัญจโลกัง ก็คือโลกนี้กับโลกหน้า ปร กับ อยะ นี้ ปร คืออื่น สองแบบ 

อาตมาก็พยายามอธิบายว่า มันคนละโลก โลกนี้คือโลกโลกีย์คือโลกๆหนึ่ง โลกโลกุตระ คือโลกอีกโลกหนึ่ง มันหันหลังชนกันเลยนะ ปฏิโสตัง โลกียะเดินอยู่ทางนี้วนอยู่ แต่โลกุตระเดินแล้วจบสุดก็หายไปเลย ถ้าจะวนเป็นโพธิสัตว์ก็วนมาช่วยคนจะวนเวียนสั้นหรือแคบองศาน้อยองศามากก็เรื่องของพระโพธิสัตว์แต่ละองค์ วนอย่างรู้ว่าตัวเองจะจบตรงไหนก็ได้หรือจะจบเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็สุดแล้วแต่ไม่มีพระพุทธเจ้า 2 สมัยแล้วสุดยอดตรงที่ 1 แล้วก็สุด

สรุปตรงนี้ อาตมาขยายโลกนี้โลกหน้า ให้เห็นว่ากระแสโลกุตระเป็นกระแสแห่งเนกขัมมะ ทำให้กามภพ กามตัณหา ลดลงไปได้ ถ้าจะแบ่งกามเป็น 25 ก็ได้ เช่นคุณบอกว่า กามหรือราคะ กามราคะหมดไปแล้วภาคนอกกามราคะจาก ตาหูจมูกลิ้นกายหมดทางภายนอก มันก็เหลือ ราคะ เหลือกามนั่นแหละ เป็นสภาวะเมถุน สภาวะคู่ที่ลึกเข้าไป ไม่มีพฤติกรรมทางภายนอกและละอาย ถ้าหากเข้าเกณฑ์อนาคามี ข้างนอกไม่ทำแล้ว มันชัดเจนไปทำทำไม มันก็ไม่มีรสชาติแล้ว ไม่มีรสแรงจนกระตุ้นให้ทำ ละอายมันมากกว่าที่จะไปทำ หรือ ความเกรงกลัวไปทำทำไม น่ากลัว ก็จะเข้าขั้นอนาคามีที่ลึกเข้าไปรูปราคะ อรูปราคะ ลดลง ส่วนจะผยองเป็นมานะ อุทธัจจะก็นัยละเอียดของมัน

เราจะเข้าใจเลยว่าการออกจากโลกโลกีย์คืออย่างไร หลุดออกมาเลิกออกมาหยุดออกมา คนในโลกเขามีเป็นธรรมชาติของโลก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมในงานพิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2564 ( 15:46:53 )

สัตบุรุษผู้ประกาศโลกนี้โลกหน้า

รายละเอียด

คนเราหากไม่รู้จักสัตบุรุษก็น่าสงสารมากเลย สัตบุรุษเกิดมา อัตถิโลเก ในโลกนี้มีไหมหนอ อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย  อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ

อาตมาเป็นผู้ประกาศโลกนี้โลกหน้า คือโลกโลกุตระกับโลกโลกียะ มันต่างกันอย่างไร อาตมาอธิบายและพยายาม ผู้ที่ฟังรู้เรื่องเข้าใจก็มาสู่โลกโลกุตระโลกใหม่กัน จนกระทั่งเกิด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานเพื่อฟ้าดิน เพื่อฟ้าดิน สร้างคนจนสุขสำราญฯ ตอน 4 วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 17:04:28 )

สัตบุรุษยุคนี้

รายละเอียด

ข้อที่ 1 ต้องไปพบสัตบุรุษ ฟังสัทธรรม ยุคนี้เปิดเผย มาฟังอาตมา 2. มานั่งใกล้สอบถามแล้วจะได้ปัญญาชัดเจนสูงขึ้น แต่นี่ไม่เชื่อว่าอาตมาเป็นสัตบุรุษ คุณก็เป็นโมฆบุรุษ เกิดมายุคนี้ไม่เห็นสัตบุรุษ ที่เป็น อัตถิ  โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติเหมือนกามนิตตามหาพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:44:36 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:10:11 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:18:01 )

สัตบุรุษระดับสยังอภิญญาเป็นไฉน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสภาวะของความสำนึก ของคนที่รู้สึกว่า.. โอ้โห! อันนี้เป็นของสูงมากเลยนะโลกุตรธรรม สัตบุรุษท่านผู้นี้เป็นผู้ที่มาทำงานอยู่นี้ ตอนนี้ก็ต้องให้สัตบุรุษเป็นผู้ที่ 1 อยู่ในระดับยุคนี้ ยังไม่มีพระพุทธเจ้า รองจากพระพุทธเจ้าก็ต้องเป็นสัตบุรุษในระดับไหนก็แล้วแต่ จะแบ่งเป็นปัจเจกหรือเป็นสยังอภิญญา อาตมารู้ตัวว่าเป็นสยังอภิญญา ไม่ใช่ระดับ 8 ระดับ 9 ที่เป็นสัมมาสัมพุทธะ ระดับ 8 เป็นมหาโพธิสัตว์ต่อไป ส่วน สยังอภิญญา ก็คือรู้ข้ามชาติมาเอง ไม่ต้องมีใครบอก ไม่ต้องมีอาจารย์ รู้เอง เป็นของตนเองมาแล้วเป็นธรรมะสามี ขั้นที่อาตมาไล่ไป ชั้นประถมมัธยมอุดมศึกษา นิยตโพธิสัตว์ก็เป็นอุดมศึกษาแล้ว เข้ามหาวิทยาลัยพระพุทธเจ้าได้แล้ว เมื่อต่อไปก็จะเป็นมหาโพธิสัตว์ ไปเป็นปัจเจกพุทธเจ้า เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 21:56:56 )

สัตบุรุษหรือผู้อยู่ในฐานะครู

รายละเอียด

นี่ก็คือผู้รู้ ผู้ที่อยู่ในฐานะครู เป็นพระศาสดาหรือสัตบุรุษที่อยู่ในฐานะครูนั้น ท่านไม่ได้มีวาระแสดงธรรมเหมือนอย่างอาตมา ที่แสดงธรรมวันเว้นวัน ทุกวัน แล้วพวกคุณไม่ต้องเข้ามาถามหรอก แต่พระศาสดาไม่ได้แสดงธรรมทุกวันหรือวันเว้นวันอย่างนี้ สัตบุรุษหรือผู้อยู่ในฐานะครูไม่ได้มีโปรแกรมอย่างนี้ ก็ต้องเข้าไปถาม แต่ถ้ามีโปรแกรมอย่างอาตมาไม่ต้องเข้ามาถาม หรืออยากจะถามก็ถามได้ ในที่แสดงธรรม ปุจฉาวิสัชนาได้ 

ท่านผู้มีอายุนี้ ย่อมรู้สิ่งที่ควรรู้ ย่อมเห็นสิ่งที่ควรเห็น เป็นแน่แท้ แม้ธรรมข้อนี้ก็เป็นไปเพื่อความรัก ความเคารพไว้อย่างแรงกล้า เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ฯ

อนึ่ง เพื่อนพรหมจรรย์ย่อมสรรเสริญภิกษุรูปนั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุผู้นี้ได้ฟังธรรมแล้ว ย่อมยังความสงบ 2 อย่าง คือ ความสงบกาย และความสงบจิตให้ถึงพร้อม ท่านผู้มีอายุผู้นี้ย่อมรู้สิ่งที่ควรรู้ ย่อมเห็นสิ่งที่ควรเห็น เป็นแน่แท้ แม้ธรรมข้อนี้ก็เป็นไปเพื่อความรัก ความเคารพไว้อย่างแรงกล้า เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ฯ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1

วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2565 ( 20:37:19 )

สัตบุรุษในยุคนี้

รายละเอียด

คุณจะพบไหมสัตบุรุษแบบนี้ มีแน่ อย่างน้อยก็สองคน สวรรคตไปก็มีอย่างพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ร่วมกันในยุคนี้ ในยุคนี้สมัยนี้ อัตถิโลเก กำลังวุ่นในโลกเกิดร่วมโลกกัน คุณได้พบไหม คนที่ได้พบสัตบุรุษแล้ว ไม่คบสัตบุรุษ เหมือนกามนิตหนุ่ม คุยกับพระพุทธเจ้าทั้งคืน สุดท้ายก็บอกว่าได้ประโยชน์มากคุยกับท่าน แต่ผมจะต้องไปตามหาพระพุทธเจ้าต่อไป ผมขอลา คุยกับพระพุทธเจ้าทั้งคืนก็ไม่รู้ว่าคุยกับพระพุทธเจ้า แล้วขอลาไปตามหาพระพุทธเจ้าอีก นี่คือกามนิต ใครอยากเป็นกามนิตบ้างยกมือ เขาเรียกว่า ช้อนแกงไม่รู้รสแกง ช้อนแกงอยู่กับชามแกง แม้แต่ช้อนก็ไม่รู้รส ตนเองก็ไม่รู้รส ในโลกนี้ มีคนที่เป็นสมณะนั้น อาตมาเปิดตัวเองว่าตนเองคือ สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในโลกนี้มีอยู่ เขาไม่เชื่ออีกก็จบ อาตมาจริงใจไม่ได้อวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน อาตมาบอกความจริงตามความเป็นจริงอย่างจริงใจยืนยันอ้างอิงว่ามันมี ในยุคนี้สัตบุรุษคืออาตมา เหมือนพระพุทธเจ้าอวดตัวตนว่าเรานี่แหละคือสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มาอุบัติ ไม่มีใครเก่งกว่าเราไม่มีใครรู้ได้ยิ่งกว่าเรา ท่านอวดยิ่งกว่าอาตมา อาตมาไม่ได้บอกว่ารู้เท่าทันพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าท่านได้อวดอย่างนั้นเลย

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:05:40 )

สัตว์ เป็นธาตุอัตตาของจิตนิยามที่มีเวทนา

รายละเอียด

สัตว์ เป็นธาตุอัตตาของจิตนิยาม ของใครของมันเลย ไม่มีใครไปบังอาจเปลี่ยนแปลง เจ้าตัวเป็นตัวควบคุมทุกกรรมกริยาเป็นของเจ้าตัว สำหรับสัตว์เป็นสัตว์เดรัจฉานแล้ว เป็นสัตว์แล้วต่างจากพืชขึ้นไป นี้เป็นนิยามสำคัญ ที่เขาพยายามจะทำหุ่นยนต์ ให้มันมีความรู้สึก ให้มีธาตุรู้เหมือนกับสัตว์ ที่มีเวทนา อาตมาก็จะดูเหมือนกันว่าเขาเก่งขนาดไหนที่จะไปทำได้ ให้มันมีความรู้สึก มีเวทนาเองเลย ซึ่งทุกวันนี้เขาก็ตั้งค่าให้มันมีน้ำตา มีอะไรเขาก็ทำได้ แต่จะให้มันมีเซ้นส์ ให้มันมีเวทนาเองเลย อาตมาก็ไม่มีเงินไปจ้างเขาหรอก เมื่อกี้จะพูดว่าจ้างก็ไม่ได้ แต่ก็ไม่มีเงินไปจ้าง คุณทำไปเถอะไม่มีทางได้ 

เวทนาจึงเป็นจุดกลางจุดเดียวเลยที่จะศึกษา เรียกว่ากรรมฐาน

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3 

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 08:31:57 )

สัตว์กับคน

รายละเอียด

มันก็จะผูกพันกับคนอีก เป็นเวรานุเวร เขตที่ตัดระหว่างสัตว์กับคน สัตว์ปล่อยให้มันไปอยู่ตามยถากรรม ไม่ว่าจะเจอสัตว์ที่มันฆ่ากัน งูจะไปกินเขียดเราจะไปแย่งเขียดออกจากปากงู เสือมันจะกินกวางก็ต้องปล่อยมันมันเป็นวิบากของมัน อย่าไป Tiger ใส่เกือก อย่าไปยุ่งกับมัน มันจะไปเกี่ยวเกาะกัน เพราะพวกมันนี้มันจะไปรู้เรื่องอะไรพวกสัตว์ สัตว์มันก็จะบอกว่าเอ็งเป็นก้างขวางคอ เป็นไทเกอร์ใส่เกือกมัน มันก็ผูกพันจองเวรจองกรรม เอาล่ะมันจะยืดชาติไปในรายละเอียด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2562 ( 03:50:41 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:11:36 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:18:48 )

สัตว์คน นี้ไม่ใช่สัตว์กินเนื้อสัตว์

รายละเอียด

เพราะสัตว์คนนี้ไม่ใช่สัตว์กินเนื้อสัตว์ มีหลักฐานเยอะแยะทางสรีระก็ตาม ทางอวัยวะต่างๆ แม้แต่ถึงน้ำย่อย เขาก็วิจารณ์วิจัยกันหมดแล้วว่าไม่ใช่สัตว์กินเนื้อ 

เอาจากลำไส้อย่างเดียวก็ไม่ใช่ลำไส้สัตว์กินเนื้อ เล็บ ไม่ใช่เล็บที่จะไปกินเนื้อ เล็บ nail ไม่ใช่เล็บ claw ที่มันฉีกเนื้อ เล็บเป็นกาบเป็นกีบ เหมือนช้างม้าวัวควาย ไม่ใช่เหมือนพวกเสือ ไม่ใช่เหมือนแมวเหมือนหมา หรือพวกเหยี่ยว ไม่ใช่ มันก็มีหลักฐานยืนยันชัดเจนทุกอย่าง ใครเข้าใจจะเลิกก็เป็นเรื่องของเขา​ แต่ฉันเนื้อสัตว์อยู่ก็เป็นเรื่องของเขาอีกแหละ เราก็เป็นการพูดความจริงให้ฟัง เขาจะได้เลิกได้ เขาก็จะได้เจริญ​ บริสุทธิ์ เพราะว่าการตายการเกิดไม่ใช่ชาติเดียว มันจะเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอีกไม่รู้เป็นกี่ล้านๆชาติ กว่าคุณจะบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วก็จะปรินิพพานเป็นปริโยสาน มันอีกเยอะอีกมากไม่รู้กี่ชาติ 

เพราะฉะนั้นถ้าไม่รีบเรียนรู้ให้บรรลุ ปฏิบัติให้บรรลุอรหันต์เสีย คุณก็จะต้องมีแต่ก่อวิบากหนักหน้าไปเรื่อยๆด้วยอวิชชาไปเรื่อยๆ ก็ถูกสอนผิดๆ ไปรับคำสอนผิดๆก็มีแต่อวิชชา บาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลย ไปเรื่อยๆ มันน่าสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์จากพ่อครูผู้ตามรอยบาทพระศาสดา วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤษภาคม 2565 ( 11:26:20 )

สัตว์คนนี่แหละพาสุขพาทุกข์  

รายละเอียด

เอาละ (SMS) เบญจวรรณ ลูกดิน . อยู่มา 70 ปียังไม่พ้นทุกข์” เป็นลำดับ อันนี้สำคัญ ต้องปฏิบัติจริงๆ เกี่ยวกับสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์คนนี่แหละ มันพาสุขพาทุกข์  

พวกเรานี้ เรื่องเกี่ยวกับ เห็นสัตว์เป็นเพื่อนทุกข์ได้ แต่เห็นคนไม่เป็นเพื่อนทุกข์ นี่ฟัง เออ! ประเด็นนี้ดี เห็นสัตว์เป็นเพื่อนทุกข์ได้ ไม่กิน มีเมตตาเกื้อกูล เอ้อ ไม่ทำลายสัตว์ ไม่อะไรสัตว์เลยนะ แต่เพื่อนที่เป็นคน “ไม่ได้เว้ย! เอาเรื่อง”สุขทุกข์กับคนนี้แหละ นิดก็มีเรื่อง หน่อยก็มีเรื่อง นี่แหละไม่พ้นทุกข์ตัวนี้ คุณเบญวรรณเรียนรู้ตัวนี้    

จริง คุณอาจจะไม่สุขไม่ทุกข์ในเรื่องสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายแหล่ แต่คนนี้ไม่ละเว้น ไม่ได้ศึกษา จับประเด็นให้ถูกตรงนี้แหละ แล้วลด อย่าไปถือสาเรื่องเล็กน้อย อาตมาเชื่อว่าทุกข์หยาบๆ วิบากของเบญจวรรณก็คงจะไม่มาก เช่นจะต้องตามฆ่ากันเหมือนที่เขาฆ่ากัน จะเป็นเรื่องคู่ผัวตัวเมีย จะเป็นเรื่องของความรักความใคร่คงไม่ใคร่แล้วล่ะ แต่ไอ้เรื่องที่ทำงานร่วมกัน เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้แหละ นี่เรียนตรงนี้ อาตมาคิดว่าชี้เป้าเข้าไปให้เบญจวรรณรู้ได้แล้ว เรียนรู้นี่แหละ แล้วถือสา มันก็ทุกข์ก็สุข แล้วคุณก็รู้อาการทุกข์ว่ามันไม่ราบเรียบของจิต นี่คุณคงทุกข์อันนี้ เรียนดีๆ 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือผู้สถาปนาโลกุตระปัญญา ล้างอวิชชาในยุคนี้ วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 18:05:56 )

สัตว์ตัวไหนตัวเล็กตัวใหญ่ มันก็อยู่ไปตามยถากรรมของมันซึ่งมันมีวิบาก

รายละเอียด

คุณสัมผัสเกี่ยวข้องกับสัตว์ ในศีลข้อที่ 1 ถ้าคุณไม่ได้ศึกษาไม่ได้ปฏิบัติว่าสัมผัสกับสัตว์ สัตว์อื่นๆใดๆอาตมาก็ตัดรอบให้ฟังแล้วว่า คุณอย่าไปเกี่ยวข้องกับมัน สัตว์ตัวไหนตัวเล็กตัวใหญ่ มันก็อยู่ไปตามยถากรรมของมันซึ่งมันมีวิบาก คุณเองมีวิบากกับคน ก็ยังมีอีกตั้งเยอะที่คุณจะต้องสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอยู่อีกตั้งเยอะ คุณเอาเวลา เอาอะไรมายุ่งมาเกี่ยวแค่นี้จัดการให้ได้ให้ดีไปก่อน ปลดปลงวางหรือทำให้หมดกาม หมดพยาบาท กับคนทั้งหลายแหล่ที่เราไปติดไปยึดกันอยู่ให้ได้เสียก่อนเถอะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 11:37:57 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:28:10 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 19:51:08 )

สัตว์ถูกเลี้ยงจนลืมสัญชาติของสัตว์

รายละเอียด

คุณเข้าใจก็ถูกแล้วกระจ่างแล้ว อาตมาพูดไม่ถึงกรณีคนเอาไปฆ่าแล้วก็มีคนไปไถ่ชีวิต อาตมายังไม่ได้พูดถึงขนาดนั้นคงนำมาพูดถึงก็ดีแล้วล่ะ ช่วยกันไป ยิ่งคุณไถ่เสร็จแล้วก็ปล่อยให้มันไปอยู่ตามธรรมชาติเลยพึ่งพาตัวเองรอด แต่อย่างว่า คนทำให้สัตว์ไม่เหลือความเป็นสัตว์เลี้ยงชีวิตตัวเองไม่รอดก็จำเป็นต้องเลี้ยงกันต่อมันก็เป็นภาระมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจพูดไปแล้วมันเป็นวิบากที่ซับซ้อนมาก เสียสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ปล่อยเข้าป่ามันก็ไม่รอด เอามาเลี้ยงจนลืมสัญชาติของสัตว์ เป็นการทำให้สัตว์เสียความต่างสัตว์ซึ่งมันซับซ้อนมากเลย มันก็เกินกว่าที่จะวิจัยวิจารณ์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:52:39 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:27:24 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:19:27 )

สัตว์ที่ผุดเกิดอุปปัติเอง มี

รายละเอียด

(อัตถิ  สัตตา โอปปาติกา) อันหนึ่งเป็นแม่อันหนึ่งเป็นพ่อ อันหนึ่งเป็นรูปอันหนึ่งเป็นนาม หรืออันหนึ่งเป็นพ่ออันหนึ่งเป็นแม่ทำให้เกิดจิต โอปปาติกะ เป็นอุบัติเทพ วิสุทธิเทพ อธิบายได้ พาให้ปฏิบัติได้เพราะผู้นี้เป็น 

ที่มา ที่ไป

ธรรมมาธิบาย  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 25 กันยายน 2562 ( 14:31:39 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:12:21 )

สัตว์ที่พระพุทธเจ้าสอนคือมนุษย์หรือสัตว์ในระดับคน

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าสอนให้คำนึง ให้มาเรียนรู้การเกี่ยวข้องกับสัตว์เป็นข้อต้น แต่คุณก็ไปเรียนปรมัตถ์ ไปเรียนอภิธรรม ไปเรียนอะไรต่ออะไรที่สวยหรูสูงส่ง เป็นเรื่องความรู้ขั้นสูงเขาเรียนกัน ไอ้นี่เขาถือว่าเป็นขั้นต่ำ ถือว่าศีลเป็นขั้นต่ำ ไม่ใช่ขั้นของปัญญาชน เป็นขั้นของกรรมกร เป็นขั้นของคนยังไม่ไปไหนเลย จึงต้องมาพูดถึงศีลอยู่ 

จริงๆแล้วคำว่าสัตว์ คือมนุษย์หรือคือสัตว์ในระดับคน สัตว์เดรัจฉานนั้นช่างหัวมันเถอะ ปล่อยมันไปตามยถากรรม อย่าไปยุ่งไปเกี่ยวอะไรกับมัน ไม่ต้องเอามากินไม่ต้องไปเกี่ยวเลย เพราะทุกอย่างมันมีกรรมวิบาก คุณจะไปสร้างกรรมวิบากกับสัตว์ทั้งหลายทำไม เก่าๆก่อนๆคุณก็ทำมานักต่อนักแล้ว เพราะฉะนั้นชาตินี้คุณเลิกได้เลยเกี่ยวกับสัตว์ทั้งหลายแหล่ คนไม่รู้บอกเขาอย่างไรไม่ฟัง ช่างเขา ปล่อยเป็นเรื่องของเขาไป เราไม่ต้องไปเลี้ยง ไม่ต้องไปช่วยเหลือ ไม่ต้องไปอะไรต่ออะไร อาจจะช่วยบ้างเล็กๆน้อยๆ ที่มันน่าสังเวชน่าสงสาร ซึ่งก็เป็นเรื่องสุดวิสัยจำนนจะต้องช่วยเหลือก็แล้วไป แต่ก็ไม่ต้อง เพราะวิบากของใครก็ของใคร ถ้าคุณเข้าใจเรื่องกรรมวิบากได้ดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิธรรม‌ของ‌ศีล‌ข้อ‌ ‌1‌ ‌ที่‌ชาว‌อโศก‌ปฏิบัติ‌ได้‌ ‌วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 2 ปีฉลู


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:55:23 )

สัตว์ที่มีและไม่มีวิญญาณครอง

รายละเอียด

ถ้าไม่เข้าใจการแยกจิต ทำจิตไม่ให้เป็นสัตว์ ลดสภาวะที่ยึดมั่นถือมั่นในความเป็นจิต มีปัญญาเข้าใจ ถ้าเป็นสังขารอยู่ก็เป็นแค่ พีชะ ปรุงแต่งกันอยู่ ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ เป็นอย่างนี้ เป็นอนุปาทินกสังขาร สังขารที่ปรุงแต่งกันอยู่ อนุปาทินกสังขาร (สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง) กับอุปาทินกสังขาร (สังขารที่มีวิญญาณครอง) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:51:29 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์