@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ลำดับของการล้างกาม ตัณหา ภพ

รายละเอียด

เจตนาก็มีสาม กามตัณหา ก็ล้างกามตัณหา หมดแล้วก็เหลือ ภวตัณหาคือรูป ก็ล้างรูป หมดรูปก็ล้างอรูปจนหมดก็หมดภพ 3 คือกาม รูป อรูป ก็เหลือวิภวตัณหา ก็ยังเหลือความอยากความต้องการความประสงค์แต่เป็นความประสงค์ที่ไม่มีภพชาติแล้ว   เป็นความรู้ที่สุดยอด อย่างอาตมาปรารถนา อาตมาเอาสภาวะมาอธิบาย คนที่ไม่มีสภาวะได้แต่ภาษาก็แปลกลับไปกลับมาว่าวิภวตัณหาคือตัณหาที่ไม่มีกามไม่มีภพ แล้วคืออะไรก็ไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:32:04 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:43:21 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:03:54 )

ลำดับของศีลที่เจริญไป 10 ประการ

รายละเอียด

 ดี ระวัง สีลัพพตปรามาส หรือ สีลัพพตุปาทาน ระวัง ไม่ละเมิดศีลทางกายวาจาก็ดีอยู่ คือ ไม่ทำให้ศีลด่าง ศีลพร้อย เป็นสีลัพพตปรามาส ศีลจะกำจัดกิเลส ให้กิเลสลดลง ทางกาม ทางปฏิฆะ จิตที่มันลดกิเลสได้ เป็น อวิปปฏิสาร ไม่เดือดร้อน ลดลงมาเป็นข้อที่ 1 จนกระทั่งจิตจะมีความชื่นใจยินดีปราโมทย์ ปีติ จนกระทั่งกิเลสสงบเป็นปกติลงไปอย่างนี้เป็นต้น นั่นเป็นลำดับของการเจริญของศีลที่มีผล ศีลที่ถูกต้องตามลำดับ ของศีลที่เจริญไป 10 ประการนั้น มันเป็นลำดับอย่างนี้ นอกนั้นเป็นสิ่งข้างเคียงสิ่งที่ควรได้เป็นเช่นนี้ 

1. อวิปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อนใจ) 

2. ปามุชชะ - ปราโมทย์ (มีความยินดี) 

3. ปีติ (ความอิ่มเอมใจ) 

4. ปัสสัทธิ (สงบระงับจากกิเลส) ความสงบนั้นมี 2 แบบ แบบฤาษีมันไม่สมบูรณ์แบบ แต่แบบของพุทธนั้นเป็นความสงบจากกิเลส ไม่มีเวียนกลับ 

5. สุข (แบบไม่บำเรอตน คือ วูปสมสุข) เป็นความสุขอันเกิดจากความสงบที่กิเลสลดลง ๆ

6. สมาธิ (จิตมั่นคง) จริงๆควรใช้คำว่า สมาหิตะ คือจิตตั้งมั่นแบบพุทธ ตาม เจโตปริยญาณ 16 อยู่ในข้อปลายแล้ว ข้อ 14-15 เป็นข้อที่จิตตั้งมั่นหรือไม่ตั้งมั่น สมาหิตะ อสมาหิตะ แล้วตรวจ วิมุติ กับอวิมุติอีกที 

7. ยถาภูตญาณทัสสนะ (ความรู้ยิ่งในความจริง) รู้แจ้งเห็นจริง ความจริงตามความเป็นจริง รู้ที่มีสิ่งจริงสัมผัสยืนยันอยู่โทนโท่ มีสิ่งที่สัมผัสอยู่และมีธาตุรู้ที่รู้ความจริงตามความเป็นจริงเรียกว่ายถาภูตญาณทัสสนะ 

8. นิพพิทา (เบื่อหน่าย) 

9. วิราคะ (คลายกิเลส) สิ้นหมดเลยความยินดี ความยินดีเป็นอุเบกขาต่างๆ เป็นอุเบกขาเวทนา เนกขัมสิตอุเบกขาเวทนา 

10.วิมุติญาณทัสสนะ (ปัญญารู้แจ้งเห็นจริงในนิพพาน)  รู้แจ้งเห็นจริงว่าหลุดพ้นกิเลสทั้งปวงแล้ว 

(กิมัตถิยสูตร พตฎ. เล่ม 24  ข้อ 1 ,  208) 

นี่คือการปฏิบัติศีล ที่จะต้องสำเร็จถึงอรหัตผลโดยลำดับ ศีลจึงไม่ได้ระงับแค่กายวาจาตามที่สอนกันอยู่ ศีลจะสอนไล่ละเอียดไปถึงจิต ถึงจะมีอานิสงส์ ถ้าปฏิบัติแค่กายวาจาไม่เข้าไปถึงจิต แสดงว่า ไม่เกี่ยวข้องกันเป็น กาย ไม่มีกายมีจิตเนื่องกัน ไม่มี กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม เป็นสติปัฏฐาน 4 ในโพธิปักขิยธรรม 37 ที่จะมี อิทธิบาท 4 สัมมัปปธาน 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 ถ้าปฏิบัติไม่ได้ตามลำดับอย่างนี้ ทดสอบแล้วก็ไม่มีผลตามนี้ ก็ไม่สมบูรณ์บริบูรณ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก      


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 12:11:34 )

ลำดับของสายสัทธานุสารีเมื่อได้อัญญาธาตุตามลำดับมาสู่ทิฏฐิปัตตะ

รายละเอียด

ก็ได้อัญญธาตุใหม่ เป็นพหูพจน์ก็คืออัญญา อัญญะ แปลว่าธาตุอื่น พอมาเป็นธาตุตัวที่ 2 มีปฏิกิริยา 2 3 4 ก็ไป อัญญาธาตุ เป็นความรู้โลกุตระ อัญญามาเป็นกัญญา สัญญา ชัญญา พอเป็นธัมมานุสารีแล้ว จึงจะสามารถเดินทางออกไปได้ไกล แต่สายศรัทธานี้มาได้ธัมมานุสารีแล้ว ก็เดินทางมาสู่ ทิฏฐิปัตตะ อีกขั้นหนึ่ง

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 11:14:03 )

ลำดับของอุเบกขา 5

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเมื่อได้จิตสะอาดบริสุทธิ์แล้วจึงจะสะสมลงไป จิตสะอาดบริสุทธิ์ต้องมีการดับอาสวะได้ จิตไม่มีอาสวะ จึงจะเป็นจิตสะอาด ในกิเลสตัวไหนก็แล้วแต่ ต้องรู้ว่า อาสวะของกิเลสตัวนั้นมันไม่เกิดอีกแล้ว ไม่เกิดในจิต จิตก็สะอาด จิตสะอาดมาสะสมเรียกว่า ปริสุทธา สะอาดบริสุทธิ์ เมื่อปฏิบัติไปอีก กิเลสลักษณะนี้แหละ สัมผัสอีกตามชีวิตคนจะสัมผัสสิ่งที่เราปฏิบัติด้วย อย่างศีลข้อที่ 1 ปฏิบัติกับสัตว์ ศีลข้อที่ 2 ปฏิบัติกับพืชกับวัตถุ เมื่อมันเกิดกิเลสเราก็ทำได้ ทำได้ก็สะสมจิตที่สะอาดยิ่งขึ้นด้วยเรียกว่า ปริโยทาตา คือ บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น มุทุ จิตของเราก็ยิ่งเก่งด้วยธาตุสอง ทั้งเจโตและปัญญา มีทั้งศรัทธาและปัญญา มุทุนี่ เป็นธาตุที่เจริญ​ มุทุ มาจากรากศัพท์บาลีที่แปลว่า อ่อน อาตมาเลยแปลเป็นไทยว่าจิตหัวอ่อน ไม่ใช่จิตอ่อนแอ คือจิตมันไม่แข็งทื่อดื้อด้าน เป็นจิตที่เร็วไว ปรับได้ง่าย เป็นจิตปาคุญญตา เป็นจิตที่คล่องแคล่วว่องไว เร็วไวขึ้น ทั้งทำให้มันหยุดก็ได้เร็ว ทั้งทำให้มันรู้ก็ได้เร็ว หยุดเป็นทางปัสสัทธิ การหยุดของทางพุทธไม่เรียกว่าสมถะแต่เรียกว่า ปัสสัทธิ มันจะรู้ในทางปัญญาก็จะรู้ได้เร็ว มีทั้งการหยุดได้เร็วก็มี มันเป็นภาวะ 2 เร็วไวมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นจึงเอามาใช้ใน กัมมัญญา ในองค์ที่ 4 ของอุเบกขา 5 อัญญา เป็นตัวธาตุรู้โลกุตระกำกับกรรม กำกับการกระทำ คือ การกระทำที่กระทำด้วย ญาณ โลกุตระ ความรู้โลกุตระ มันจึงเป็นการงานที่ดี การงานที่เหมาะสมควรที่สุดแล้ว ไม่มีโทษ เป็นการงานที่ไม่มีโทษ เหมาะสมในบริบทนั้น ในขณะนั้น ในองค์ประกอบนั้น เป็นการงานที่ดี แม้จะทำงานอย่างไรมีการสัมผัสอย่างไรอีก จิตก็ยิ่งผ่องแผ้ว ผ่องใส ประภัสสร ก็ยิ่งแจ่มใส สว่าง เบิกบานร่าเริง ยิ่งขึ้นยิ่งขึ้น เรียกว่าจิตประภัสสร ไม่เป็นจิตที่หม่นหมอง เป็นจิตที่เป็นเพชร ไม่มีอะไรทำให้หมองได้เลย เป็นเพชรวิเศษ มีแต่ยิ่งใส ยิ่งทำให้รู้แจ้งรู้สว่างดียิ่งขึ้น เรียกว่าประภัสสร นี่คือคุณสมบัติ คุณธรรมของคุณวิเศษ 5 ประการในรายละเอียดของอุเบกขา 5 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 17:11:57 )

ลำดับขั้นของ

รายละเอียด

1. ไม่รู้ว่า โลกุตระคืออะไร

2. รู้ แต่ก็รู้ผิดๆ

3. รู้ถูก แต่ก็รู้ได้แค่ตรรกะ

4. รู้ถูกต้อง แต่ก็ทำไม่ได้

5. ทำได้  แต่ยังไม่ตั้งมั่น

6. ทำได้ ยั่งยืนสมกาละ

7. ขยายผลมีคนทำตามได้แข็งแรง

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 15:35:44 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 12:57:02 )

ลำดับขั้นตอนการพัฒนาของสติสัมปชัญญะที่เกิดจากอินทรีย์ 6

รายละเอียด

เราสามารถตรวจสอบเหตุแท้มันได้ เมื่อสามารถทำได้เราก็จะดำเนินต่อไปเริ่มต้นจาก สติ คือการตื่นรู้รอบ อะไรสัมผัสเราก็รู้ครบ ได้เท่าไหร่ก็ดีเท่านั้น เก็บความรู้รอบที่มาเกี่ยวได้จากใกล้มาหาไกลเราก็รู้ depth ของมัน รู้จัก level ของมัน เราจะเข้าใจเห็นจริง ทำให้เราพัฒนาไปได้เรื่อยๆ จาก

สัมปชัญญะ =  ความรู้ตัว ต่อกับการมีสติระลึกรู้

สัมปชานะ    =  รู้สำนึกตัวในการปฏิบัติสติปัฏฐานอยู่

สัมปาเทติ     =  เหตุไปสู่การละเลงเพื่อสัมปัชชติ

สัมปัชชติ     =  ความรู้จากการแยกแยะขจัด

สัมปาเปติ    =  การสังเคราะห์กันขึ้นอย่าง อวจร

สัมปฏิสังขา =  ญาณรู้จักการทบทวนกระทำซ้ำ 

สัมปัชชลติ   =  เข้าสู่การโหมไหม้ สว่างเรืองรอง

สัมปัตตะ, สัมปันนะ  =  การเข้าบรรลุผล (ในรอบนั้น)

สัมปฏิเวธะ    =  ความรู้ที่รู้แจ้งแทงตลอดในรอบนั้น

ปฏิสาเรสฺสามิ = จักทำให้เขาสำนึก

ปัจจเวกขันตัสสะ = ได้สำนึก

จะมีลำดับขั้นตอน level มี adaptation ของมัน ผู้ที่เรียนรู้จะรู้ร่วมกันได้ จะเข้าใจต่างๆนานา สติสัมปชัญญะ เกิดมาจาก อินทรีย์ 6 เพราะว่าเป็นทางเข้ามารู้หรือทางเข้ามาทำลาย กิเลสมันเข้ามาจากทวารทั้ง 6 ใครจะมีมากกว่า 6 ทวารก็ยกมือ ก็ไม่มี จบแล้ว พระศาสดาก็ค้นพบเท่านี้ เป็นสูตรขยายจาก 6 ทวารนี้ ไม่มีอะไรเกินกว่านี้ แม้แต่ศาสนาเทวนิยมก็ไม่ได้รู้ 6 ทวารนี้เก่งเท่ากับศาสนาพุทธ เขาพอรู้ แต่ไม่ได้ขยาย 6 ทวารนี้เป็นตัวตั้ง จะขยายไปได้มหาศาล

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:42:28 )

ลำดับขั้นตอนของการลด ละการติดยึด

รายละเอียด

ก็ดีแล้วรู้สึกว่ามีหิริ สิ่งที่ดีกว่าตัวเอง เป็นหิริ แต่ 4 ตัวนี้ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหูสูตร คุณมีแต่ศรัทธาไม่ได้เกิดความรู้สึกละอายต่อสิ่งที่ตัวเองยึดถือ เป็นเรื่องที่น่าละอายจมอยู่ในนรกสิ่งต่ำ จมอยู่ในวงไพ่วงเหล้า จมอยู่ในสิ่งเสพติด ติดในลาภยศสรรเสริญ หรือติดในรสชาติ รสชาติทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ รสกามคุณ 5 เป็นต้น ซับซ้อนเรื่องเพศ ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส มันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนจะต้องกลับมาอยู่ในสัตว์โลก แต่รูปทางตาหูจมูกลิ้นกาย กามคุณ 5 มันต้องเรียนรู้ก่อนแล้วเลิกเป็นขั้นตอน เพราะฉะนั้นลำดับของการที่เราจะต้องรู้รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส กามคุณ 5 คุณยังมีกามฉันทะอยู่ จะต้องเป็นผู้เสื่อมจากกามฉันทะ ผู้ที่ทำลายกำจัดกามฉันทะได้ คุณยังไม่รู้ลำดับลำดาเลย ยังไม่รู้เลยแล้วคุณจะไปออกจากรูปภพ อรูปภพ มันเป็นสิ่งที่ผิดจากกาละเทศะฐานะ หากยังไม่ออกจากกามได้ ออกจากกามได้เป็นอนาคามี

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 13:58:24 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:44:18 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:05:09 )

ลำดับชั้นของพระโสดาบัน

รายละเอียด

ภูมิธรรมของโสดาบันมีสัมมาทิฏฐิ 25% มิจฉาทิฏฐิ 75% 

สกิทาคามีสัมมาทิฏฐิ 50% มิจฉาทิฏฐิ 50% 

อนาคามีสัมมาทิฏฐิ 75% มิจฉาทิฐิ 25% 

อรหันต์มีสัมมาทิฏฐิ 100% 

มันก็ถูก อย่างที่คุณพูดมาเป็นโครงสร้าง เป็นสูตร เป็นมาตรวัดที่วัดไปคร่าวๆ ถ้าเข้าใจถึงภูมิธรรมระดับโสดาบัน ขั้นต้นเข้ากระแสเท่านั้น มันมีวันตกต่ำอย่างที่อธิบายเมื่อกี้นี้ จนมันมีคุณสมบัติจริงเลย อวินิปาตธรรม อธิบายเหมือนมันยึกยักแล้วมันไม่หลุดออกไป ถ้ามันหลุดมันก็ไม่ใช่ ไม่เที่ยง นี่มันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา หมายความว่ามันก็ยึกยักๆอยู่อย่างนั้น ต้องใช้เวลาอาจจะนานหลายชาติอะไรอย่างนี้ มันก็เป็นจริง 

เพราะฉะนั้นถ้าผู้ที่พากเพียรดีมีบารมีจริง มันก็ไม่ยึกยักมาก แล้วก็ขึ้นไปสู่ขั้นที่ 3 นิยตะคือเที่ยง ไม่ยึกยัก นอกจากที่เที่ยงแล้วก็พากเพียรขึ้นอีกก็ยิ่งจะเติมเนื้อขึ้นไปสู่ที่สุดที่สูงจบอรหันต์ได้ ผู้ที่จบอรหันต์ก็มีกรอบของคุณธรรม อรหันต์เบื้องต้น อรหันต์อาริยะขั้นที่ 4 อาริยธรรม โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ อาริยธรรม 4 ขั้นเป็นคุณธรรมกรอบแรกที่ตัวเองอ่านตัวเองให้ออก 

ถ้าคุณเป็นคนสูงกว่าอรหันต์กรอบแรก เป็นอนุโพธิสัตว์เป็นต้นไป มันก็จะยิ่งเร็ว มีความรู้มีปฏิภาณ มีความชัดเจน มีอะไรที่เป็นเนื้อแท้ให้เรารู้ได้ยิ่งขึ้นๆไปตามลำดับ เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้ากระแสจริงแล้ว ถึงขั้นโสดาบันจริงๆก็ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เข้ากระแสโลกุตระ มีจริงแล้วไม่ไปไหน ถ้ายังไปอยู่ ดีไม่ดีก็หายไปเลย แล้วมันจะไปเป็นจริงได้อย่างไร สัจจะมันก็บอกความจริงอยู่แล้ว 

มันมีอยู่อย่างหนึ่งคือวิบาก คนที่มีวิบากอย่างในชาติที่อยู่ร่วมกันนี้เราก็จะเห็น คนนี้หายไปเลย เขาอาจจะมีวิบากที่หนักหายไปนานเลย ชาตินี้ก็ไม่รู้ ชาติต่อๆไปเขาถึงจะกลับมาอีกก็เป็นได้ ในกรรมวิบากต่างๆพระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ละเอียด แต่เราไม่ต้องคิดถึงกรรมวิบาก มันเป็นอจินไตยที่ยากจะเข้าใจ เอาฐานตนเอง เอาความจริงของตนเองเป็นหลัก รู้ให้ชัด รู้ให้ละเอียดไปตามกรอบของมันเป็นลำดับ 

ยิ่งละเอียดเราไม่ผิดพลาดเลย ลาดลุ่มเหมือนฝั่งทะเลไม่ขรุขระ ที่จะไปแล้วก็กลับถอยหน้าถอยหลังอีก แต่ไปแล้วไม่เหมือนขึ้นเขาขรุขระ แต่ไปอย่างราบเรียบเหมือนฝั่งทะเลซึ่งหาได้ยาก คนที่ไม่มีอุปสรรคเลยไม่มีอะไรขรุขระเลย หาได้ยากมาก

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 22 สงครามข่าวสารกับปรากฏการณ์จริงการเมืองไทย วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2566 ( 20:04:58 )

ลำดับชั้นภูมิของจิต

รายละเอียด

ตั้งแต่ อบายภูมิ อบายภูมิ มี 4 คือ

1.นิรยะหรือนรก

2.ติรัจฉานโยนิ

3.ปิติวิสัย

4.อสุรกาย  คำว่า สุระ แปลว่า ครบ กล้าแข็ง เต็ม ถ้าอสุระ ก็คือ ไม่มีความกล้าหาญทางจิตวิญญาณ ถ้าอธิบายรูปธรรมก็คือ ไม่ครบสุรภาโว ไม่ครบชมพูทวีป ไม่มีอาการ 32 ครบ ในรูปธรรม ถ้าในนามธรรมก็คือความอ่อนแอ ไม่กล้าทำดี ไม่กล้าประพฤติธรรม ไม่กล้าเข้าใกล้ ผีไม่กล้าเข้าเขตสายสิญจน์

5.มนุสโส อันนี้เป็นภูมิกลาง ที่มีสุรภาโว สติมันโต อิทพรหมจริยวาโส เป็นมนุษย์ชมพูทวีป ไม่ได้หมายถึงอุตรกุรุทวีป หรือดาวดึงส์ ในภูมิดาวดึงส์นี้ไม่ได้มีความเป็นมนุษย์ หมายเอาผู้มีคุณธรรมก็คือสบายตามกุศล มนุษย์อุตรกุรุทวีป ก็คือจิตไม่หมายเอาอาการ 32 หมายเอาแค่จิต และดาวดึงส์ก็หมายเอาที่จิต แต่ชมพูทวีปนี้หมายเอามนุษย์

6.จตุมหาราชิก คือใช้เงินมาซื้อมาล่าความใหญ่โตทั้งสี่ทิศ เขาเขียนรูป มีสี่มือสี่หัว เป็นยักษ์ แย่งชิงเขามา พอได้มาก็เป็นสุข ตั้งแต่กามาวจรที่เป็นอบาย อย่างพวกที่บริหารประเทศตอนนี้ แปลงตัวเป็นมารแล้วหลอกคนอยู่ทุกวันทั้งนักธุรกิจ ข้าราชการ นักการเมือง ทำชั่วโดยแนบเนียนหลอกเขา ทั้งทุจริตโกงกินโหดร้าย เอาเปรียบเอารัดมากมาย นั่นแหละผีใหญ่เป็นจตุมหาราชิกา

7.ดาวดึงส์ คือ 33 ชีวิตคนมีแต่อาการ 32 แต่หลงหลอกให้มีอีกอาการคือ อาการ ที่ 33 ไปหลงเสพ เป็นอาการหลอกเสพติดในกามาวจร

8.ยามา  แปลว่าเวลา คือจะต้องให้ได้เสพเป็นเทวดาได้นานเท่าที่ต้องการ อยู่ไปตลอดกาลนาน ต้องการบำบัดให้ไม่ขาดตอน พยายามสั่งสมยามา

9.ดุสิต  แปลว่า พัก แม้จะต่อเนื่องอย่างไรต้องมีการพักยก งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา มีการสงบ โดยโลกีย์ก็มีพักยกหยุด เรียกว่า เคหะสิตอุเบกขา (อภยกฤติ) ซึ่งธรรมดาจะลนลานหาสุข แสวงหา ไปเรื่อยๆ จะแสวงหาสุขให้ทุกอย่าง ว่างๆปากก็หาอะไรมาอม หาอะไรมาดม หาอะไรมาฉุน ตลอดเวลา คุณหาอะไรมาบำเรอความต้องการ ที่ไร้สาระมากมาย ถามตัวเองบ้างว่าตนกำลังทำอะไร บางอย่างเลอะเทอะ มาทำสิ่งดีกว่านี้เถอะ เราไปเสียเงินให้เขาแคะขี้เล็บ ทำเล็บทีหนึ่งเป็นพันบาทเลย ไร้สาระ ซึ่งเศรษฐศาสตร์มองตื้นๆว่าเงินสะพรัด แต่เวลาแรงงานที่เสียไปสิไม่นับ การแคะขี้เล็บยังเป็นประโยชน์แต่การเล่นหวยนั้น ไร้ประโยชน์กว่าอีก ที่จริงการแคะขี้เล็บยังมีประโยชน์ แต่การแต่งเล็บเพ้นท์เล็บนั้นเสียเวลา แรงงาน แรงคิด ขอวิจารณ์เต็มเหนี่ยว มากมายไม่รู้กี่อย่าง คนเราไม่รู้สาระชีวิต คนรู้สาระว่าเป็นสาระคนนั้นมีสาระ

10.นิมมานรดี คือเนรมิตเอง สร้างเอง มีเงินก็เนรมิตเอง จ้างเทวดามาล้างส้วมให้ได้ นี่คืออำนาจที่สร้างเอา

11.ปรนิมมิตวสวัตดี คือมีอำนาจให้คนกลัวเกรง จนคนอื่นมาสร้างมาทำให้หมด

สิบเอ็ดภูมินี้ท่านเรียกว่า กามาวจรภูมิ

จากนั้นเป็นพรหม คือความใหญ่ ถ้าเป็นปรมัตถ์แล้วจิตวิญญาณพรหมไม่มีสรีระ แต่ถ้าไปทางเทวนิยมก็ไปพูดว่าพรหมเป็นรูปร่างสรีระ

  1. รูปพรหม

        1.1 ชั้นที่ 1 พรหมปาริสัชชาภูมิ

        1.2 ชั้นที่ 2 พรหมปุโรหิตาภูมิ

        1.3 ชั้นที่ 3 มหาพรหมาภูมิ

        1.4 ชั้นที่ 4 ปริตรตาภาภูมิ คือมีแสงน้อย

        1.5 ชั้นที่ 5 อัปปมาณาภาภูมิ คำว่า อัปปมาณาภา คือหาที่สุดมิได้ ไม่มีขีดขั้น

        1.6 ชั้นที่ 6 อาภัสราภูมิ เขาแปลว่าแสง

        1.7 ชั้นที่ 7 ปริตตสุภาภูมิ

        1.8 ชั้นที่ 8 อัปปมาณสุภาภูมิ คำว่า สุภะ คือดีงาม น่าพึงใจ เป็นความงาม สิ่งดี

        1.9 ชั้นที่ 9 สุภกิณหาภูมิ อันนี้เป็นหัวหน้าใหญ่เลย  แปลว่า พวกมีรัศมีเป็นลำงามกระจ่างจ้า นี่เขาแปลเป็นรูปธรรมเลย คนอ่านก็คิดว่าเป็นตัวตน บุคคล เราเขา เพราะยิ่งไม่มีภูมิปัญญาก็ยิ่งเข้าใจไม่ถูกเลย

        1.10 ชั้นที่ 10 เวหัปผลาภูมิ

        1.11 ชั้นที่ 11 อสัญญีสัตตาภูมิ ของพระพุทธเจ้าท่านไม่มี อสัญญีสัตว์ ถ้าสัมมาทิฏฐิแล้วจะไม่มีอันนี้ แม้ไปหลงผิดสิ่งที่มีอายตนะ แต่ไม่สามารถเรียนรู้อายตนะ มีอายตนะ อย่างอสัญญา คือรู้หมดแล้ว เหมือนอปุญญะคือจบการเรียนรู้แล้ว ส่วนอสัญญะ คือไม่ต้องไปทำการกำหนดหมายอีกแล้ว เพราะไม่ต้องมนสิการอีก จบกิจแล้ว แต่ในความหมายนี้ท่านไม่เข้าใจเลยแปลไปมุมกลับ ว่าไม่มีการเอาใจใส่ ไม่มนสิการ อมนสิการไปอีก

        1.12 สุทธาวาส คืออนาคามีโดยตรงเลย ถ้าใครมีคุณธรรมขั้นนี้แล้ว แต่ก็ไปยึดติดอยู่ เช่นอนาคามีตายแล้วก็ไม่กลับมาเกิด อยู่กับจิตวิญญาณ แล้วปรินิพพานในภพโน้นเลย ตั้งจิตอย่างนั้นได้เลย ไม่เกิดอีกได้ แต่มันจะนานมาก เพราะถ้าสุทธาวาสเต็มๆ อนาคามีเต็มๆก็จะทำได้ พระพุทธเจ้าเป็นสายปัญญาธิกะ รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ท่านไม่ไปแช่ใน สุทธาวาส นี้ ใช้อาศัยได้ แต่ไม่แช่ ไม่ติด         

            1.12.1 ชั้นที่ 12 อวิหาสุทธาวาสภูมิ

            1.12.2 ชั้นที่ 13 อตัปปาสุทธาวาสภูมิ แปลว่าผู้ไม่ทำความเดือดร้อนแก่ใคร

            1.12.3 ชั้นที่ 14 สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ คือเหล่าผู้งดงามน่าทัสนา

            1.12.4 ชั้นที่ 15 สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ คือเหล่าท่านผู้มีทัสนาแจ่มชัด (ทัสนาคือความรู้ มีจิตเป็นฐานความคิดที่ดี  ชัดเจน)

            1.12.5 ชั้นที่ 16 อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ เหล่าท่านผู้ไม่มีความด้อยหรือเล็กน้อยกว่าใคร อาตมาเคยแปลว่าผู้ไม่เป็นน้องใคร คือเป็นพี่ตลอดกาล เป็นผู้สูงสุด

2.อรูปพรหม

        2.1 ชั้นที่ 17 อากาสานัญจายตนภูมิ

        2.2 ชั้นที่ 18 วิญญาณัญจายตนภูมิ

        2.3 ชั้นที่ 19 อากิญจัญญายตนภูมิ

        2.4 ชั้นที่ 20 เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ      

 

ที่มา ที่ไป

580306


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2563 ( 04:44:58 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:45:21 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:06:37 )

ลำดับผ่านของสายปัญญาและเจโต

รายละเอียด

ผู้ที่คนมีปัญญาก็จะเข้าใจไปเรื่อยๆเป็นธาตุละเอียดของปัญญาที่เป็นโลกุตระปัญญา ได้ปัญญามาก็จะเพิ่มเป็น ธัมมานุสารีไปเรื่อยๆจากสัทธานุสารี หรือสัทธาวิมุติ เริ่มมีปัญญาพอมาเป็นธัมมานุสารี เต็มตัว แม้เต็มตัว สายศรัทธาก็จะช้าอยู่นั่นเอง แม้จะมาเข้าสู่สายธัมมานุสารีก็ไม่เหมือนปัญญาแท้ ธัมมานุสารี จะตรงทางทิฏฐิปัตตะ จะเจริญหาปัญญาวิมุติ วิ่งหาอุภโตภาควิมุติจบเลย # สายปัญญา ผ่าน 3-4 ขั้นตอน ถึงอุภโตภาควิมุติ จาก 2 ไป 4 ไป 6 แต่บางท่านอาจแวะไป 5 ก่อนแล้วค่อยไป 6 # สายเจโต ต้องผ่านทั้ง 6 ขั้นตอน จาก 1 ไป 3 มา 2 ไป 4 ไป 5 ไป 6 และมาช้าที่จะต้องแช่ย้ำในจิตตัวเองอีก คือ 1,3 ,5

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:49:28 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 12:58:55 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:34:09 )

ลำดับอันน่าอัศจรรย์

รายละเอียด

ตั้งแต่อบายมุขคือกามหยาบ หมดอบายมุุขก็กามอยู่นั่นแหละ กามคุณ 5 ไม่มีกามคุณ 6 ไปนั่งหลับตาเป็นภายในเป็นทวารที่ 6 แต่ 5 ทวารนอกนี้ไม่มีเลย ไม่มีลำดับอันน่าอัศจรรย์ เบื้องต้นเบื้องกลางไม่มี ไปเอาตัวที่ 6 แล้วไปสร้างภพชาติ อย่างอาจารย์มั่น เล่นลิเกไปเจอพญายมมากราบอีก หรืออย่างธัมมชโยมีวิมาน เฟส 2 3 4 จูงใจให้คนมีจินตนาการหลงเชื่อตามปั้นตาม แม้ปั้นไม่เห็นรูปเอง ก็เชื่อว่าตายไปแล้วจะเจอ นี่ไม่ตายก็ยังหลงเชื่อจริง ถูกเขาครอบงำทางความคิดถูกเขาหลอกสนิท ก็ต้องพยายามศึกษาให้ดี 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:59:12 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:00:54 )

ลำเอียง

รายละเอียด

ใช่ ก็ค่อนๆจะไปมองตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ที่มีคุณค่าคุณประโยชน์ แล้วก็เห็นของคนอื่นไม่มีประโยชน์คุณค่า มันลำเอียงไปข้างตัวเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทรืที่ 1 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 11:00:10 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:47 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:28:48 )

ลิงค 

รายละเอียด

ลิงค  คือ ความแตกต่างของสภาวะกาย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 12:02:08 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:02:24 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:27:12 )

ลิงคหรือเพศ

รายละเอียด

คือ รู้ความแตกต่าง ระหว่างอดีต ปัจจุบัน อนาคต หรืออดีตกับอนาคตมันต่างกันอย่างไรก็ไม่ต้องพูดกันเลย เพราะฉะนั้นเมื่อมาเทียบกับปัจจุบัน อดีตกับปัจจุบันหรืออดีตกับอนาคตคุณก็จะรู้ความต่าง เสร็จแล้วมาเทียบกันเลย เมื่อเทียบอดีตกับปัจจุบันอดีตมันยังจริงกว่าอนาคตกับปัจจุบัน แต่ปัจจุบันนี่สิจริงที่สุด 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 15:55:32 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:03:36 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:26:15 )

ลิงคะ การแยกแยะความต่างของสภาพ 2 เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด

รายละเอียด

ลิงคะ การแยกความต่างนี่แหละ เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดเลย แยกรูปแยกนาม แยกกายแยกจิต แยกเทวะ อเทวะ แยกสุขแยกทุกข์ แยกสภาพ 2 ออกได้ แต่เราก็ไม่ได้ไปลบหลู่ดูถูก รังเกียจสภาพ 2 เพราะมันต้องมีสภาพ 2 อยู่ตลอดหมดเลยก็อาศัยสภาพ 2 นี่แหละอยู่ในโลก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 09:15:24 )

ลิงคะ ต้องรู้ความต่างด้วยตัวคุณเอง

รายละเอียด

คุณต้องมีลิงคะเปรียบเทียบเพศว่า สุขมันเป็นอย่างนี้ ทุกข์มันเป็นอย่างนี้ คุณต้องรู้ความต่างด้วยตัวคุณเองว่าสุขมันเป็นยังไง ทุกข์มันเป็นยังไง หยาบ สุขมากทุกข์มากจนกระทั่งทุกข์น้อยลง กลางๆ จนกระทั่งละเอียดต่างกันนิดนึง จนกระทั่งแทบจะแยกไม่ออกเลยว่ามันสุขหรือมันทุกข์ 

พยัญชนะที่ว่า ไม่มีสุขไม่มีทุกข์  จนมันแยกไม่ออกเลย เหมือนกับมันไม่มีสุขไม่มีทุกข์แล้ว คำพยัญชนะว่า ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ก็บอกอาการของมันว่าไม่มีสุขไม่มีทุกข์ มันก็เป็นไวพจน์กับคำว่าอุเบกขา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3 

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 08:09:17 )

ลิงค์ , ลิงค , ลิงคะ

รายละเอียด

1. ความแตกต่าง ความยังไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวแท้ หรือเพศ

2. ให้รู้ถึงสภาวธรรมที่แตกต่างของกุศล และอกุศล

3. ที่แตกต่างกัน

4. เพศ , ภาวะชี้บ่งความต่าง

5. ความต่างกันที่แยกได้ 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 54, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 124, หน้า 246, ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 266


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:04:58 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:51:13 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:24:13 )

ลิงลมอมข้าวพอง

รายละเอียด

การมัวเมากับโลกโลกีย์ การหลงไปกับโลกโลกียะ การแสวงหา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ตามโลกทั่วๆไปนิยมแสวงหา ยังหลงอยู่กับโลกวนเวียนอยู่ ยังไม่รู้ตื่น เหมือนถูกสิง อยู่ทรงอยู่ หลงโลก

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 63


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 13:22:00 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:47:37 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:15:56 )

ลิงลมอมข้าวพอง

รายละเอียด

ลิงลมอมข้าวพอง คือ การถูกโลกครอบงำตามเขาไป การรู้จักตัวเองแล้วก็ถึงบอกว่า อันนั้นมันไม่ใช่  พระพุทธเจ้าก็เป็นอย่างนั้น  ก็มาตรัสที่หลังว่า 6 ปีนั้น ไม่ใช่ทางปฏิบัติที่ถูกต้องเป็นการไปใช้หนี้วิบากที่ไปตู่ท้วงพระพุทธเจ้ากัสสปะในสมัยอดีตชาติ  อาตมาก็ไปใช้วิบากที่หลงไปนั่งหลับตา ถามว่าได้อะไรก็ได้ความงมงาย  ตอนนั้นยังไม่ชาคริยา ไม่เป็นพุทธะ ก็เลยรู้อาจารย์สายหลับตาอาจารย์มั่น อาจารย์มหาบัว ไปหลงตัวเองว่าบรรลุเป็นพระอรหันต์สิ้นภพชาติ แต่ไม่มีความรู้เรื่องภพชาติเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:45:07 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:15:10 )

ลิงลมอมข้าวพอง

รายละเอียด

1. การละเล่นอย่างหนึ่งของไทยซึ่งผู้เล่นเป็นลิงลมนั้นจะต้องใช้ผ้ามัดปิดตาแล้วคุกเข่าหมอบคว่ำหน้าให้เพื่อนที่ร่วมเล่นโยกโคลงเขย่าไปมาจนเมางง ผู้เล่นร้องเพลง “ลิงลมอมข้าวพอง” กัน เมื่อถูกโยกโคลงได้ที่ก็จะเหมือนคนเมา มึน ๆ งง ๆ ไม่เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ โซซัดโซเซไปวิ่งไล่จับคนอื่นอย่างเมา ๆ งง ๆ  จนกว่าจะจับได้ใคร คนนั้นก็ไปเป็นลิงลมแทน 

2. เป็นคำเปรียบเทียบที่แสดงให้เห็นภาวะที่หลงแล้วไหลไปตามกระแส ถูกกระแสโลกครอบงำตามเหตุปัจจัย ตามวิบากของแต่ละคน ไม่เว้นแม้แต่พระพุทธองค์ช่วงก่อนที่จะตรัสรู้

3. ช่วงชีวิตที่ยังหลงเมา หลงโลกีย์ไปกับสังคมโลกในยุคนั้นซึ่งเป็นไปชั่วระยะที่ยังไม่ถึงเวลาจะกลับมาสู่ความเป็นปัจเจกแห่งตน เป็นการเกิดของรูปภายนอกตามสมมุติสัจจะเท่านั้น ยังไม่ใช่การเกิดของใจภายในแท้ ๆ ของตนตามปรมัตถสัจจะ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 95, หน้า 96, หน้า 148, หน้า 149


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:06:33 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:54:05 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:08:47 )

ลิงลมอมข้าวพอง

รายละเอียด

พูดเป็นสารสัจจะพูดที่หลุดพ้นแล้วจะเอาไปจุ้มแช่ต้มยำทุจริตอกุศลอย่างไรมันก็ไม่เข้าไม่ระคายเข้าไปเลย มันเต็มที่แล้วเป็นตัวเองที่เป็นโลกุตระเป็นอาริยะ สัมผัสโลกธรรมอย่างไรมันก็เข้าไม่ได้ มีช่วงลิงลมอมข้าวพอง เราก็ต้องเวียนหัว เหมือนลิงลม ก็หลงไปตามโลกเขาอยู่พักหนึ่ง อย่าว่าแต่อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์เลย พระพุทธเจ้าก็ยังมีช่วงเวลาเหล่านั้นเลยได้หลงโลกอยู่ตั้ง 35 ปี 29 ปีหลงอยู่ในโลกที่เป็น ที่พระราชบิดามอมเมาหนัก อยู่ในปราสาทสามฤดูไม่ได้เห็นคนแก่คนเจ็บคนตาย ไม่รู้เรื่องไตรลักษณ์ทั้งโลกเลย จนอายุได้ 29 ปี เสร็จแล้วท่านก็บอกไม่เอาแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:45:12 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:16:58 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:04:54 )

ลิงลมอมข้าวพอง

รายละเอียด

อาตมาได้ความว่างมาแต่ชาติก่อนๆ แต่ชาตินี้ถูกครอบงำลิงลมอมข้าวพอง จนมาฟื้นแล้วก็ทำทวนจนรู้ว่าได้ จนถึงวาระที่ว่านั้น คือโล่ง มันก็เป็นจุดตัดสินนั้นของตัวเองเพียงเหมือนพระพุทธเจ้าที่ท่านบรรลุธรรมมาตั้งแต่ก่อนแล้ว ตอนแรกท่านก็ทำแบบเดียรถีย์ สุดท้าย 15 ค่ำเดือน 6 ท่านก็ตัดสินได้ว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้า ของอาตมานั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า คุณจะบอกว่ามันเบากว่า มันโล่งเบาสบายกว่าอุเบกขาก็ถูก

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:38:17 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:46:48 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 08:00:11 )

ลิงลมอมข้าวพอง แม้จบเป็นอรหันต์ก็ต้องเจอ?

รายละเอียด

เช่น จบเป็นอรหันต์แล้วตายก็มีหลักประกันเลย เป็นหลักประกันชีวิตเลยว่าเกิดมาในชาติหน้า เกิด มาปั๊บ จะมีลิงลมอมข้าวพองบ้าง ถูกโลกครอบงำนิดหน่อย ถูกโลกฉาบพอกแล้วเป็นไปตามเขาบ้าง อาตมาเกิดมาในชาตินี้ก็มีตอนแรกๆ พระพุทธเจ้าเกิดมาก็เหมือนมีความโลภโกรธหลง มีกาม มีราคะไปตามโลกบ้าง มันก็เป็นสัจจะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก ผลงาน 50 ปี ตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพ่อครู วันพุธที่ 18 มกราคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ปี 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2566 ( 12:48:20 )

ลิงลมอมข้าวพอง 

รายละเอียด

ลิงลมอมข้าวพอง  คือ การหลงไปกับโลกีย์ชั่วคราว  เช่น พระพุทธเจ้าท่านหลงทางไป 6 ปี  ต้องไปใช้วิบากที่ท่านไปว่าพระกัสสปะพระพุทธเจ้าในชาติก่อน  แต่ชาตินี้ของท่านหลงไป ก็รู้ตัว ก็ได้มาเป็นพระพุทธเจ้า  แล้วก็สอนบอกคนอื่น

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอารยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 12:52:38 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:18:17 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:57:35 )

ลิงลมอมข้าวพอง 

รายละเอียด

ลิงลมอมข้าวพอง  คือ  การหลงไปกับโลกชั่วคราว  เมื่อพระพุทธเจ้าไปเข้าป่าท่านก็ลิงลมอมข้าวพองอยู่  ท่านก็ออกบวชไปเข้าป่า 6 ปี  เห็นเพื่อนเดียรถีย์ปฏิบัติหลับตาด้วยกันหมดไปสำนักต่างๆ ก็ปฏิบัติแบบมิจฉาทิฏฐิไม่ได้มีโลกุตระ  ท่านก็ทำได้ยิ่งกว่าเขาทั้งหมด  ทุกรกิริยา 6 ปี  เสร็จแล้วสุดท้ายท่านก็อดอาหารจนผอมมากใกล้ตาย  ก็เห็นว่าจะตายเสียเปล่า ไม่ได้บรรลุ  พระพุทธเจ้าท่านมีของเก่ามาแล้ว  สมณะโพธิรักษ์ก็มีของเก่าที่ได้บรรลุมาแล้ว  แต่ระดับไม่เท่าพระพุทธเจ้า  ของพระพุทธเจ้าท่านเป็นสยัมภู  ของสมณะโพธิรักษ์เป็นสยังอภิญญาไม่ได้ตีตนเสมอนะ  แต่เป็นสัจธรรมที่ใครก็สามารถพากเพียรไปเป็นพระพุทธเจ้าได้  ไม่เหมือนกับศานาเทวนิยมคนไม่สามารถเป็นอย่างพระเจ้าได้  แต่ของพุทธนั้นเป็นได้  การนั่งหลับตาปฏิบัติกับแบบลืมตาปฏิบัติก็มีสองประเด็นนี้  แม้ในยุคพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการสำมะปี๋ซี่วิต


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2562 ( 16:58:16 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:19:07 )

ลิงลมอมข้าวพองอยู่กับโลก 36 ปี

รายละเอียด

อาตมาบำเพ็ญธรรมมาหลายล้านชาติ จนกระทั่งมาถึงยุคนี้ ปางนี้ เป็นสมณะโพธิรักษ์ ก็รู้ตนเองได้ว่า อ้อ…ตนเองนี้คือใคร รู้ตนเองได้เมื่ออายุ 36 ไปหลงลิงลมอมข้าวพองอยู่กับโลกไปตั้ง 36 ปี จะเก่งอย่างโลกๆเขา จะต้องหาเงินได้มาก จะต้องมีอำนาจ จะต้องมีความเด่นความดังความโด่งอะไรต่างๆแบบโลกีย์เขา หลงไปตามโลกีย์เขา อิทธิพลของโลกีย์เขาครอบงำ เราก็หลงไปอยู่เป็นชาวโลกีย์กับเขา เสียเวลาอยู่ 36 ปี สามนักษัตร 

เลข 36 นี้ก็เป็นเลขลงตัวแล้ว 12 12 12 ซึ่งยังจะไม่ขยายความ 

จนกระทั่งออกมาบวชตอนอายุ 36 วันที่ 7 พฤศจิกายน 2513 บวชมาถึงวันนี้ได้ 52 ปี 

52 ปีนี้ก็ผ่าน 36 มา 16 ปี ก็หนึ่งนักษัตร อาตมาก็พยายามใช้ความรู้ตามธรรมะพระพุทธเจ้า ทุกวันนี้ยืนอยู่ทรงอยู่ ยังไม่ตาย ยังไม่มีชีวิตทรุดโทรมจนกระทั่งทำงานไม่ได้ งอกแงก จนกระทั่งดีไม่ดีติดเตียงเลย ยังไม่ถึงขนาดนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 12:30:25 )

ลีลาการด่า ของพระโพธิสัตว์

รายละเอียด

คนนี้คงเข้าใจว่า ตระกูลชินวัตรไม่โกงกินอะไรเลย คุณตื่นๆเร็วๆหยิกตัวเอง คุณเห็นอย่างไร เขาตัดสินกันแล้วไม่ใช่เหรอเรื่องสถานีโรงพัก ตัดสินแล้วว่า เทพเทือกไม่ได้มีความผิด ไม่ได้โกงกินอะไร คุณนี่นอกจากไม่ฟังข่าวสาร ไม่ฟังเหตุการณ์บ้านเมืองแล้ว นอกจากตาบอดคงหูหนวกจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นก็คงไม่ได้รับรสอีกต่างหาก ขออภัยอาตมาพูดสัจจะความจริง ทำไมคุณงมงายไปหลงทางด้านตระกูลชินวัตร 

เอาละ สุเทพ อาจจะมีความบกพร่องผิดพลาด แต่อาตมาว่าน้อยกว่าทักษิณชินวัตรกันเป็นร้อยต่อ พันต่อนะ ทำไม คุณ... อาตมาก็พอ จะบอกว่าโง่เง่าก็มากไป ที่จริงไม่มากหรอก เป็นลีลาการด่าการว่าของอาตมานะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2566 ( 12:34:25 )

ลีลาของกาม

รายละเอียด

ถ้าเรื่อง กามลีลาของกาม เจตนาจะแสดงออก ผู้หญิงบางคนเขาไม่มีเจตนามากแต่แสดงออกมาก ผู้ชายเจตนามีมาก ตัวความเป็นกามมีมากแต่ไม่แสดงออกมาก ผู้หญิง กามในตัวเองมีไม่มาก แต่แสดงออกมากจริตจก้านเหลือกิน แถมไม่พอ ปรุงแต่งใส่อีก 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 10:46:57 )

ลีลาของการเมืองไทย

รายละเอียด

ตัวอย่างของการเมืองไทย อาตมาเคยอธิบายตัวอย่างของการปฏิวัติโดยประชาชน ประชาชนเป็นผู้ปฏิวัติเป็นผู้ทำรัฐประหาร ที่อาตมาไปร่วมเป็นตัวละครมีบทบาทอยู่ตั้งหลายรัฐบาล หรือรัฐประหารจนสำเร็จ รัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นรัฐบาลสุดท้ายที่ได้ประหารสำเร็จไปแล้ว จนกระทั่งมีผู้ขึ้นมารับหน้าที่รับไม้บริหารต่อ คือพลเอกประยุทธ์ ที่ได้มารับไม้ต่อ ดูเหมือนเป็นสงครามเรียกว่าปยุทธะ ซึ่งแปลว่าสงคราม คือผู้ที่มีบทบาท ปะ คือดำเนินการอยู่ด้วยการรบ ยุทธะ แต่ไม่ได้เป็นการรบรุนแรง เป็นการรบที่ไปสู่ความยุติหรือ ยุตะ แปลว่าหยุดเป็น ปยุตตะ 

ปยุต เป็นชื่อของภิกษุชาวไทยเราคือสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ อันนี้แหละจะเป็นอาจารย์ทางการเมือง นี่แหละลีลาของการเมืองไทย มันจะเป็นอาจารย์ที่ดังไปทั่วโลก โฆษาจารย์ เป็นตัวอย่างเป็นอาจารย์ให้โลกรู้ได้ศึกษา การเมืองนี้เป็นอาการตัวอย่างเป็นอาจารย์สอนให้มนุษย์โลกรู้ว่า นี่คือการเมืองที่สวยงามที่สุดในโลก แม้จะแย่งกัน แม้จะเหมือนวิวาทกัน เหมือนแย่งชิงอะไรกันอยู่ก็ไม่ได้เหมือนชาวโลกที่รุนแรง อันนี้ไม่โหดร้าย ไม่รุนแรง ไม่ฆ่ากันถ้อยทีถ้อยอาศัย ตอนนี้เขาก็ยังตกลงกันอยู่แต่ยังไม่สำเร็จ แต่ยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าหัวหางแย่งกันอยู่ จะมีใครเอาตัวกลางไปกินหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังไม่รู้ หวยยังไม่ออกก็ต้องดูกันไป 

แต่ลีลาพฤติการณ์ของการเมืองทั้งหลายแหล่ มันจะงาม มันจะไม่เหมือนของประเทศใดๆ คนกลัวจะเกิดสงครามกลางเมือง เช่น มีคนคิดไกลไปจนถึงว่าจะมีกลุ่มประชาชนออกมาประท้วง ลงถนน แล้วก็มีกลุ่มประชาชนไทยอีกกลุ่มหนึ่งออกมาประท้วงปะทะกัน แล้วจะเกิดทะเลาะกันวิวาทกันหรือเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นมา เขาหวั่นไหวว่ามันจะเกิดอย่างนั้น ซึ่งอาตมาก็ยืนยันว่าอาตมาก็เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่จะทำให้เกิดมีอยู่ด้วย อาตมาไม่บอกว่าจะทำหรือไม่ทำ แต่อาตมาก็จะดูว่าเหตุการณ์มันจะไปถึงขั้นไหน 

สมมุตินะ แม้ว่ามันจำเป็นจะต้องออกไปห้าม ออกไปเป็นการโพรเทส เป็นนักประท้วง การประท้วงครั้งนี้หรือครั้งตัวอย่างที่อาตมาพาไปประท้วงมา ซึ่งเป็นวิธีการประท้วงที่สวยงามที่สุด ใช้ความสงบ ใช้ความสุภาพ ใช้ความเรียบร้อย เอาความจริงมายืนยันกัน ใครผิดแพ้นะ เอาความจริง ยาวให้เป็น จะช้าจะนานเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร อยู่ในสนามรบ สนามประท้วงนั่นแหละรบกันอย่างนั้น มีอะไรก็มารบกัน เราก็สร้างวัตถุ สร้างสื่อสารเอามาขยายความจริงพูดกันให้รู้เรื่องอย่างคน คนชั้นสูงคนฉลาด ไม่ใช่โง่เง่า ไม่ใช่พวกมิลักขชน แต่เป็นพวก อาริยกะ เป็นคนเจริญคนฉลาด 

เพราะฉะนั้น ตัวอย่างการรบกันประท้วงกันตั้งแต่สมัยทักษิณ ตอนนั้นก็มีพลังงานจากกองทัพพลเอกสนธิมาช่วยนิดหน่อย ก็ถือว่าเป็นการปฏิวัติมีทหารมาร่วมนิดหน่อย จากนั้นมาตั้งแต่สมัคร สมชาย มาถึงยิ่งลักษณ์ ประชาชนทั้งสิ้นปฏิวัติ แล้วก็ปฏิวัติอย่างงดงามปฏิวัติอย่างสงบ ปฏิวัติอย่างอาริยกชน ปฏิวัติอย่างคนชั้นสูง อย่างคลาสสิคที่สุด เป็นการปฏิวัติที่คลาสสิคที่สุด หาดูไม่ได้จากไหนเลยในโลกนอกจากเมืองไทยเท่านั้นแสดงได้ และเป็นการแสดงที่จริงนะไม่ใช่เป็นการแสดงละครละเม็ง แต่เป็นเรื่องจริงของประเทศ ของมนุษยชาติแท้  ผ่านไปแล้วจบไปแล้ว มีผลสำเร็จไปแล้ว รัฐบาลพ่ายแพ้ไป 

จนทุกวันนี้เป็นตัวการที่เขาจะยึดอำนาจนี้ เขายังยึดอยู่เลย ยังเห่าอยู่เลยส่งเสียง ยังมีเศษเหลือ เศษเหลือของเยื่อใยของเขาที่ยังพยายาม จะเอาอำนาจคืนมาให้ได้ แต่อาตมาขอพยากรณ์ ขอพูดเลยว่าไม่ได้หรอก ไม่ได้แล้วล่ะ แต่เขาก็ไม่สิ้นความพยายาม ก็ทำอยู่ไปก็เป็นตัวอย่างของโลกตัวอย่างของความจริงที่มันมีอยู่ในโลกให้ดู ละครของโลก ตัวละครของโลกจริงๆ สร้างให้เห็นไป ยังไม่ลงเอยยังไม่จบทีเดียวแล้วก็ยังมีเศษเหลือมีเยื่อใยต่องแต่ง ยังมีกลเม็ดกลเชิงให้ดูกันอยู่เท่านี้ 

อย่างเห็นได้จะเป็นก้าวไกล จะเป็นเพื่อไทยสัมพันธ์กันขนาดไหนมีลีลายึกยักกันอย่างนี้ อาตมายังอธิบายไม่เก่ง อธิบายยากอยู่แต่ดูไปเถอะ เราไม่จำเป็นจะต้องบินไปดูไบ เพราะดูไบเป็นเมืองประเทศปลอมทั้งนั้นเลยอยู่ในทะเล มันถมทะเลขึ้นมาเป็นเมืองเป็นประเทศขึ้นมา เขาสร้างรัฐของเขาขึ้นมาเองอะไรพวกนี้แล้วก็เป็นเจ้าของรัฐมีเงินมีทองมาบริหาร เพราะเขามีน้ำมันมีทรัพย์ก็ว่ากันไปตามประสาชาวโลก ยังไม่ขยายความ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 24 ศึกษาความผูกพัน-ความสัมพันธ์ กรณี บี-ประทับใจ วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2566 ( 12:12:56 )

ลีโอนาร์โด ดาวินชี หากสัมมาทิฏฐิจะเป็นชาวพุทธ

รายละเอียด

ลีโอนาร์โด ดาวินซีเขาวางแผนชีวิตการตายของเขา  สมณะโพธิรักษ์  กล่าวว่า การตายแล้ว ก็วางแผนในการตายให้สงบ ให้ดี ให้มันเข้าท่า  ก็ดี แต่จริงๆ แล้ว วิบากของเรามันจะพาเราเป็น พาเราตายจริงๆ  แล้วเรามีพลังงานจิตที่ตั้งใจแล้ว ใช้กำลังใจนั้นมาทำให้เราเป็นไปตามที่เราต้องการ มีส่วน ถ้าเรามีอำนาจทางจิตเพียงพอ  ทำให้เป็นไปได้อย่างที่ต้องการได้  สรุปแล้ว และลีโอนาร์โด ดาวินซีเป็นคนที่พยายามพากเพียร ด้วยความไม่รู้ ไม่ได้มาทางสายตรงของพุทธ  แต่ก็หาทางเจริญ ที่จะจัดการกับจิตวิญญาณของตัวเอง มาทำจิตวิญญาณของตัวเองให้ได้ได้เท่าที่ควร  จะทำมาเรื่อยๆ  ก็จะไหลเลื่อนมาทางโพธิสัตว์  ถ้าได้รับรู้ทิศทางที่สัมมาทิฏฐิลีโอนาร์ดาวินชีก็จะเป็นชาวพุทธไล่ขึ้นมาเลยในความฉลาดที่ดาวินชีเขาได้พยายามสั่งสมไว้มากแล้ว มันจะช่วยให้เขา ทำได้เร็วขึ้น  จะมาทางพุทธได้ดีขึ้น มีฐานในการปฏิบัติ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช  วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562                         


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 20:21:16 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:20:58 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:52:48 )

ลี้ลับกับลึกลับ

รายละเอียด

ชุมชนของเราสร้างกันมาได้อย่างเปิดเผย ตั้งอยู่ในที่สว่าง แต่ชาวโลกีย์ก็ยังไม่อาจเห็นได้โดยง่าย จึงเห็นเป็นสิ่ง “ลี้ลับ”  เพราะอยู่ห่างไกลหลายหมื่นลี้ จึงลี้ลับสำหรับผู้ไปไม่ถึง และมาไม่ถึง แต่พวกเขากลับไปเข้าถึงความ “ลึกลับ” ซึ่งลึกจมบาดาลแค่ไหน มืดลึก มืดลับแค่ไหน ก็อยากไป

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:52:45 )

ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่อย่างไรในคำว่ากาย

รายละเอียด

จะมาตั้งใจจะพูดเรื่องของกาย คำว่ากายคำนี้ เป็นคำที่ลึกซึ้งเป็นคำที่ยิ่งใหญ่ ถ้าไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง จนบริบูรณ์ในความเป็นกาย เพียงพอแล้ว ไม่สามารถแยกกายแยกจิต 1.แยกให้เป็นอุตุนิยามไม่เข้าใจความหมายของอุตุนิยาม พืชนิยาม จิตนิยาม แล้วก็มีกรรมนิยาม ธรรมนิยาม อีก 2 ตัว หากไม่เข้าใจถ้าอย่างนี้จะบรรลุธรรมเป็นอรหันต์ไม่ได้เด็ดขาด สมมุติบัญญัติ คำว่ากายก็ต้องเข้าใจให้มันสมาธิบริบูรณ์เพียงพอที่จะสามารถทำใจในใจ การทำใจในใจไม่ใช่สมมุติ ทำใจในใจเป็นการปฏิบัติเข้าไปหาสภาวะธรรมถึงขั้นปรมัตถ์ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่สามารถที่จะทำให้พลังงานจิต แปรสภาพมาเป็นอุตุ หรือแปรสภาพมาเป็นพีช อุตุก็คือดินน้ำไฟลมวัตถุ พีชก็คือ พืชพันธุ์ธัญญาหารที่เป็นชีวะไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณแต่มีสังขารและมีสัญญา กายกับจิตจึงมี 2 อย่าง ภาษาบาลีมีคำใหญ่เรียกว่าเทวะแปลว่า 2 หรือภาวะ 2 เป็นคำที่ยิ่งใหญ่สำคัญที่สุด ที่ผู้ที่ไม่สามารถที่จะแยกไม่เป็น ผู้ที่แยกออกได้แล้วก็จะต้องศึกษา ให้สมบูรณ์ด้วยสัมมาทิฐิ แล้วก็ปฏิบัติไปตลอด เพราะว่ามันละเอียดในความเป็นสังขารปรุงแต่งมีความซับซ้อนมาก เมื่อมันปรุงแต่งสังขารกันอย่างสนิทเนียนก็ต้องแยกออกกันยาก และอยากให้รู้ปลายรู้ต้นรู้กลางอย่างชัดเจน จึงจะสามารถบรรลุนิพพานได้เป็นขั้นๆตั้งแต่ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:36:30 )

ลืมตาปฏิบัติ เห็นกิเลสจริง

รายละเอียด

ปฏิบัติอย่างมีสติเต็ม อย่าไปนั่งหลับตา หลักการปฏิบัติไม่เจอเวทนาตัวจริงมีแต่ของปลอม ลืมตาปฏิบัติเห็นของจริง หลัดๆ ที่มันกำลังเกิด พิจารณาทันทีเดี๋ยวนี้ จะเห็นมันกำลังลดละจางคลายเลย วิราคานุปัสสี จะเห็นเลยว่ามันไม่เที่ยงเพราะมันลดได้ มันไม่เที่ยง ถ้ามันเพิ่มขึ้นได้มันเป็น ราคะโทสะโมหะ เป็นความเจริญของกิเลส แต่ถ้าทำให้มันลดได้มันก็ไม่เที่ยง แต่มันไม่เที่ยงเพราะจางคลายแล้วก็ดับไป เห็นอาการอย่างที่อาตมาว่า 

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:47:49 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:40 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:50:41 )

ลืมตาปฏิบัตินี่แหละได้เรียนรู้ภายในมีภายนอกเป็นอภิภูหรืออนุปคัมมะได้

รายละเอียด

อปัณณกปฏิปทา 3 ของพระพุทธเจ้านั้นเป็นผู้ตื่น เป็นผู้ที่มีการสำรวมอินทรีย์ 6 นั่นของพุทธ ไอ้หลับตามันไม่ใช่ ประเด็นแค่นี้ถ้าเข้าใจจะสะดุดเลยว่า หลงมานาน แล้วก็จะเกิด หิริ อย่างแรงกล้า ละอายอย่างแรงกล้า เกรงกลัวอย่างแรงกล้า เคารพอย่างแรงกล้า ลืมตานี่แหละได้เรียนรู้ภายในคุณเอ๋ย เรียนภายในแล้วก็มีภายนอกเป็นอภิภูหรืออนุปคัมมะ จะเรียนรู้ภายนอกภายในพร้อมกัน นี่คือผู้บรรลุธรรมพระพุทธเจ้า หรือผู้จะปฏิบัติให้บรรลุธรรมพระพุทธเจ้า หากรู้แต่เพียงภายในระดับไม่รับรู้ภายนอกเลยนั่น ลงทะเลมหาสมุทรยะเยือกเย็นไปเลย ปลาฉลามกินหมด ไม่ได้เรื่องหรอก 

ธรรมดาภายในต้องมีตลอดและภายนอกก็ต้องมีอยู่ตลอดในการปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้า แค่ประเด็นแค่นี้เข้าใจกันไม่ค่อยได้ ต้องมี 2 สภาพทั้งนอกและในเรียกว่า กาย เห็นไหม เพราะฉะนั้นเมื่อเพี้ยนแล้วก็กลายเป็นเพี้ยนไป ไปเข้าใจว่ากายมีแต่เพียงภายนอก มิจฉาทิฏฐิขาดลอยเลย เป็นอวิชชาไปสนิทสนมเลย เป็นอวิชชาอย่างถนัดถนี่ไปเลย 

อาตมายกพระสูตรมาอย่างได้ศัพท์ ไม่ได้จับเอาไปกระเดียดอย่างคุณว่า คนนี้ยกตัวอย่างว่าวันนี้เราได้กินทุเรียน เท่ากับเราได้ไปว่ายน้ำ พูดคนละเรื่องเลย เอามาเปรียบเทียบ เอามาชนกัน เอาฝากับตัวคนละอันมารวมกัน ฝาก็อย่างหนึ่ง ตัวก็อย่างหนึ่งเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2565 ( 08:43:43 )

ลืมตาปฏิบัติมีจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

นี่แหละคือคนที่ทำให้โลกเสื่อม ทำให้สังคมเสื่อม ทำให้สังคมขาดแคลน เป็นตัวปลิงของสังคม ได้แต่เกาะคนอื่นกิน  ปฏิบัติธรรมไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องทำงานอะไร เอาแต่นั่งสะกดจิตอยู่อย่างนั้น นี่คือพวกเดียรถีย์ ไม่เข้าใจมรรคมีองค์ 8 ที่ปฏิบัติธรรมในขณะทำงานอาชีพ ในขณะทำการงานทุกอย่าง สัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะในขณะที่พูด และในขณะที่คิด ไม่ได้ไปปลีกออกจากหมู่ ไม่ได้ปลีกออกไปนั่งหลับตาอะไรที่ไหนเลย สมาธิของคุณก็เข้าใจไม่ได้ 

คำว่า สมาธิ เจโตสมาธิ นั่งหลับตาแบบนั้นมีอยู่ในโลกของโลกีย์ตลอดเวลา แต่พระพุทธเจ้านั้นมาตรัสรู้สมาธิของท่านใหม่ เป็นสมาธิไม่ต้องนั่งหลับตาปฏิบัติ ลืมตาปฏิบัติมีจรณะ 15 วิชชา 8 คุณเอาหูมาฟังหน่อย ไม่ใช่ปิดหูฟัง หรือจะฟังทะลุหูซ้ายทะลุหูขวา ฟังดีๆแล้วเอาไปคิดดีๆ คุณจุฑามาศ นายจุฑามาศฟังดีๆ เปลี่ยนชื่อเป็นผู้ชายๆหน่อยไม่ได้หรือไง 

การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้านั้นอยู่ในการทำอาชีพให้เป็นสัมมา กระทำอยู่ พูดอยู่ก็ให้เป็นสัมมา คิดอยู่ก็เป็นสัมมา แค่นี้คุณก็เข้าใจไม่ได้ ว่าการปฏิบัติธรรมที่เป็น สัมมาทิฏฐิเป็นอย่างนี้ นี่อยู่ในสัมมาทิฏฐิ10 ในมรรคมีองค์ 8 นะ ศึกษาดีๆคุณจุฑามาศ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 12:57:00 )

ลืมตาปฏิบัติอยู่กับปัจจุบัน

รายละเอียด

จะครบพร้อมทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต สามารถตรวจสอบ ภายในอดีตและในอนาคตที่เราใช้ขันธ์นึกคิด แม้ที่สุดจะมีผู้ปรุงแต่งใหม่ยังไม่เคยมีในตัวเราเองเลยก็ได้ จากอดีตก็ได้ จากอนาคตก็ได้ ปัจจุบันนี้ก็ผลิตขึ้นใหม่ให้เรารู้ ไม่มีอดีต หรืออนาคต ที่เราเคยผ่านมา หรือทำได้ เราก็จะดูอะไรต่ออะไรครบพร้อม สรุปแล้วผู้ที่ไม่รู้ปัจจุบัน ไม่อยู่กับปัจจุบัน ครบพร้อมทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วก็กระทบกับสิ่งที่อยู่ภายนอก รับรู้ทางทวารทั้ง 6  จะต้องมีแสงสว่างจาก พระอาทิตย์มาถึงโลก หรือใช้แสงจากแหล่งอื่น เช่น ไฟฟ้าก็ได้ กระทบวัตถุแล้วเข้าสู่ตา ประสาทตาไปสู่ สมองที่จะรับรู้ และมีจิตวิญญาณ เป็นตัวพิจารณา เป็นตัวรับรู้ เป็นตัวทำงาน มีสมองเป็นอุปกรณ์ ให้วิญญาณทำงาน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 14:04:45 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:12 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:45:52 )

ลืมตาปฏิบัติในรูปฌาน อรูปฌาน

รายละเอียด

แม้ไปที่รูปฌาน อรูปฌาน ก็มีการลืมตาปฏิบัติหมดนะ หมดกามภพแล้ว ปฏิบัติกิเลสที่เหลือใน รูปภพ อรูปภพ ก็ยังลืมตาสัมผัสเป็นเหตุและกิเลสของเราก็ยังอยู่ข้างในเป็นอนาคามีภูมิก็ลดลงไปอีก  รูปภพดับ ก็เหลืออรูปภพ ก็ยังต้องสัมผัสทางทวารทั้ง 5 อยู่ เป็นอรูปฌาน อากาสาฯ วิญญานัญจา อากิญจัญญา ก็ไม่หลับตาปฏิบัติทั้งนั้นแหละ ส่วนหลับตาปฏิบัติเป็นของฤาษีทั้งหมด ปฏิบัติหลับตาเป็น อสัญญีสัตว์ เป็นนิรมาณกายไปหมด เป็นเรื่องไม่จริงทั้งนั้นต่างคนต่างสร้างนิรมาณกายขึ้นมา เป็นวิญญาณเป็นอากาศอะไรเองหมดเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:09:08 )

ลืมตาสะกดจิตเพื่อให้เกิดสมาธิ

รายละเอียด

คือทางโลกียะทำวิธีการสะกดจิต สายหลับตา    หรือลืมมาสะกด  จิตก็ได้   สายท่านพุทธทาสลืมตา  สะกดจิต  แต่สายอาจารย์มั่นหลับตาสะกดจิต  ก็ทำสำเร็จไม่ใช่อาจารย์ใหญ่  เหล่านี้เท่านั่น  แต่ก่อนเขาก็ทำกันมา  เป็นโลกีย์ที่ยังไม่สมบูรณ์  ไม่ถึงนิพพาน  ยังไม่สูญ  ทำมาแต่ไหน  แต่ไร  ส่วนของพระพุทธเจ้านั้น มีสูตรของพระพุทธเจ้าองค์เดียวที่ทำได้สำเร็จ  สุดท้ายสรุปลง ที่ทำให้สงบ อย่างปัสสัทธิ

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 13:56:57 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:46 )

ลืมตาสะกดจิตเพื่อให้เกิดสมาธิ

รายละเอียด

ทางโลกียะทำวิธีการสะกดจิต สายหลับตา หรือลืมตาสะกดจิตก็ได้ สายท่านพุทธทาสลืมตาสะกดจิต แต่สายอาจารย์มั่นหลับตาสะกดจิต ก็ทำสำเร็จ ไม่ใช่อาจารย์ใหญ่เหล่านี้เท่านั้นแต่ก่อนเขาก็ทำกันมา เป็นโลกีย์ที่ยังไม่สมบูรณ์ไม่ถึงนิพพานยังไม่สูญทำมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนของพระพุทธเจ้านั้น มีสูตรของพระพุทธเจ้าองค์เดียวที่ทำได้สำเร็จ สุดท้ายสรุปลงที่ทำให้สงบอย่างปัสสัทธิ

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 18:03:19 )

ลืมตาเท่านั้นจึงจะปฏิบัติได้!

รายละเอียด

“อาโลก”คือ โลกแจ้งๆที่มีแสงสว่างของแดด 

ผู้ปฏิบัติต้องมีความเห็นแจ้งที่มีแสงพระอาทิตย์ ในขณะ“ลืมตา”กลางวัน

แจ้งๆนี่แหละ จึงไม่ใช่“หลับตา”ปฏิบัติจริงๆ พระพุทธเจ้าจึงทรงชี้บ่งยืนยันว่าต้องตรัสรู้ด้วยภาวะที่มี“จักษุ-ปัญญา-ญาณ-วิชชา-อาโลก”ไง!  ตาหูจมูกลิ้นกายภายนอกรับรู้อยู่ปกติคนตื่น หรือแม้แต่“กลางคืน”ก็ต้องมีแสงสว่างของแสงที่สามารถช่วยให้“ตาเนื้อ”สัมผัสเห็นได้ จะไม่ใช่“การเห็น”ด้วย“อุปาทาน” ที่สร้างขึ้นเป็น“ภาพในจิตจนสำเร็จด้วยมโนมนอัตตา”แน่ๆ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 88 หน้า 97


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 19:07:26 )

ลืมตาแบบสมถะกับแบบวิปัสสนา

รายละเอียด

เป็นสมาธิแบบลืมตาก็ได้ต้องมีธัมมวิจัย แยกแยะกิเลสให้ออกจริงๆ แยกรูปนาม หรือเป็นกาย กายนี้เป็นจิตนะ ไม่ใช่เป็นวัตถุ กายนี้เป็นจิต มโน วิญญาณ อ่านอาการกาย จิต นี้แหละ หยาบ กลาง ละเอียด จะรู้ตามบารมีไปเรื่อยๆ ในขณะลืมตาเหมือนกัน แต่ลืมตาแบบสมถะก็มี ขออภัยท่านติช หรือท่านพุทธทาส ก็ขอบคุณที่เป็นตัวอย่างมาอธิบาย สายอาจารย์มั่นเป็นสมถะแท้ มันง่ายคนก็เลยเยอะ ทางนี้ก็น้อยหน่อย ก็พยายาม ส่วนอาจารย์ชานั้น พยายามให้ใช้ทั้งสองอย่าง ทั้งสมถะและวิปัสสนา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:22:43 )

ลุงจำลองไม่กินขนมและทุเรียนเลยแล้วจะรู้ตัวว่าเป็นอรหันต์ได้อย่างไร

รายละเอียด

ได้ ทำไม ก็อาตมาบอกอยู่นี่ไง ไม่ได้ไง คุณจำลองก็ไปคิดไปไตร่ตรองตรวจสอบเองว่าอรหันต์คืออะไรอย่างไร ก็ต้องไปตรวจสอบดู 

ชีวิตยาวถึงอายุ 80 แล้วมีประสบการณ์ ตรวจทานได้ อรหันต์นี้ก็คือจิตของเรานี้ ไม่ติดยึดแม้แต่ในกาม ก็ไม่ติด ไม่ติดขนมไม่ติดทุเรียนก็ไม่ติดแล้ว รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็ไม่ติดแล้ว ก็เหลืออนาคามีก็อ่านจิตอนาคามี มีรสชาติในอนาคามีไหม ยังมียินดีระริกระรี้อยู่ไหม มีมากมีน้อยก็อ่านตัวเอง.. อ๋อ มันไม่เข้าใจตัวเอง มันไม่เข้าใจสาระสัจจะของพระพุทธเจ้าของธรรมะก็ยังไม่ลงตัว ถ้าเข้าใจเสียแล้ว อย่างเช่น ค้างๆอยู่ว่าเราติดรสมะม่วง มะม่วงมันก็เป็นรสของมันอย่างนั้น แต่เราไม่เข้าใจสาระรายละเอียดที่ไปติดในรสมะม่วง แต่พอพิจารณาดีๆแล้วคนที่มีพื้นจิตอนุสัยอยู่เก่ามาแล้ว ตอนนี้พอถูกครอบงำให้หลงต้องมีรสอร่อย เหลือค้าง

ก็เอาแค่สัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายรู้ความจริงตามความเป็นจริง เหลือเชื้ออยู่ที่อนาคามี หมดเชื้ออนาคามีก็เป็นพระอรหันต์ ไม่เห็นมันยากมันเย็นอะไรเลย คุณจำลองฟังชัดเจนไหม ฟื้นตัวให้ได้ เป็นอรหันต์วันนี้ให้ได้ ถูกลิงลมอมข้าวพองมานานแล้ว เอ้าจริง อาตมามีอจินไตย รู้อะไรมากกว่านั้น คุณจำลองพยายามตั้งใจฟังธรรมะให้ดี ไตร่ตรองตรวจสอบตั้งใจทำ ฟื้น จริง เอาน่า เป็นโกณฑัญญะ หน่อย ฟังแล้วเกิดอัญญธาตุปื๊ดเลย อัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ โกณฑัญญะรู้แล้วหนอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 21:15:37 )

ลุงตู่เเพ้เพราะใช้สื่อโซเชียลไม่เก่งเหมือนฝ่ายค้านเดิมใช่ไหม

รายละเอียด

 อาจจะมีส่วนแต่ก็เดาไปแต่ก็จริงๆก็สรุปผลอย่างที่อาตมาได้พูดไป เขาได้ใช้เครื่องมือ เฉโกประดิษฐ์ แม้แต่การใช้ IO เป็นการใช้ยุทธการ ยุทธศาสตร์เครื่องมือสื่อสารมวลชนก็ใช้หมด มันก็เลยผสมผสานมีผลพลังงานขึ้นมาสำเร็จ 

แต่เรื่องเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นเรื่องประดิษฐ์มันเป็นเรื่องทำขึ้น เพราะฉะนั้นก็มีผล ให้เขาใช้ผลนั้นไป มันก็ต้องเป็นการทดลองมนุษยชาติ มันก็ต้องเป็นไป คนที่จะต้องทำอย่างนี้เขาก็ต้องทำถึงเวลากาละตามวิบากที่เขาต้องทำ เป็นวิบากเก่าหรือวิบากใหม่ก็ตามเขาก็ทำ มันก็ทำแล้วอย่างที่เขาทำไม่มีปัญหาอะไร เราก็ดูและเราไม่ได้ปล่อยปละละเลย มีอะไรที่เราพอจะไปร่วมไปช่วยก็ค่อยๆช่วยกันทำตามกันไป 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เศรษฐกิจดี หรือ เศรษฐกิจไม่ดี คืออย่างไร วันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566  แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มิถุนายน 2566 ( 17:02:56 )

ลุงตู่ให้ใช้เตาถ่านเป็นสิ่งถูกแต่ทำไมถูกด่า

รายละเอียด

ช่างจับมาเนาะ อาตมาก็ไม่ได้ยินผ่านหูว่า ลุงตู่ได้พูดแนะนำให้ชาวบ้านใช้เตาถ่าน อาตมาไม่ได้ยิน ไม่ได้ผ่านหูว่าลุงตู่ได้พูด แต่คุณทุ่งทองได้ยิน คนอื่นก็ด่าลุงเลย ไปเอานิยายอะไรกับคนด่า เราจะต้องมีความมั่นคง มีความรู้ความมั่นใจว่าที่เราเสนอ เราช่วยสังคมมนุษยชาติไป มันเป็นสิ่งที่สมควร มันเป็นสิ่งที่จำเป็น มันเป็นสิ่งที่ควรที่จะต้องเสนอให้แก่สังคม เราก็ไปทำด้วยความรู้ความมั่นใจของเรา แต่คนจะด่านี้มันก็ด่าตะพึด มันหาเรื่องด่าไอ้โน่นไอ้นี่ไป เราก็ฟัง เขาด่าบางทีเขาด่าดีมีเหตุผลก็เป็นประโยชน์ บางทีมันด่าสาดเสียเทเสียเพื่อที่จะให้ดิสเครดิต ด่าเพื่อจะด้อยค่าเราไปเท่านั้น มันก็เป็นธรรมชาติมีอยู่ เราจะไปเอานิยายอะไรกับมันได้ เราก็ฟังไปมีประโยชน์บ้างก็เอามา ไม่มีประโยชน์ก็ปล่อยทิ้งไป 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่18 ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณมนุษย์ และอภิวัฒน์สังคม วันจันทร์ที่ 17 เมษายน 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:44:44 )

ลุงตู่กับพ่อครูทำคนละหน้าที่

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้เหมือนลุงตู่สักเท่าไหร่ ลุงตู่ไม่โจมตีใครจริงเลยพูดแต่ส่วนที่ดีไปแล้วก็แก้ไขส่วนที่อะไรไม่ดี ซึ่งไม่ได้ไปกระทบบุคคลนั้นบุคคลนี้ จะแก้ไขปรับปรุงอะไรก็บอกนโยบาย สิ่งใดที่จะกระทบก็เลี่ยง นั่นเป็นส่วนที่ดีของลุงตู่ แต่อาตมาเป็นคนชี้ เป็นคนกลาง ชี้ถูกชี้ผิด นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ  ควรข่มคนที่ควรข่ม  ยกย่องคนที่ควรยกย่อง เป็นคนชี้ทั้ง 2 ส่วนอันนี้ถูกอันนี้ผิดอันนี้ผิด อันนี้ถูกก็บอกให้เข้าใจลักษณะอย่างนี้อย่างนี้ เพื่อให้รู้รอบถ้วน เป็นหน้าที่ของอาตมา อาตมาก็เลยทำไม่เหมือนลุงตู่เท่าไหร่ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 13:40:04 )

ลูกกตัญญู กับลูกอกตัญญู ต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ก็มันตรงกันข้ามกัน ลูกกตัญญูก็หมายถึงลูกที่เขารู้จักบุญคุณ Vs ลูกอกตัญญู มันก็ตรงกันข้ามกัน ไม่ได้ยากอะไร คือคนรู้บุญคุณของพ่อแม่เรียกว่า ลูกรู้จักบุญคุณของพ่อแม่ นั่นเรียกกว่า ผู้มีกตัญญู ส่วนลูกที่ไม่รู้จักบุญคุณพ่อแม่เลยคือ ลูกอกตัญญู เปรียบได้กับเดรัจฉาน หมูหมากาไก่มันไม่รู้พ่อแม่มัน ต่างคนเกิดมาแล้วก็ต่างไป แต่คนจะต้องรู้บุญคุณของพ่อแม่ ผู้ให้กำเนิดนี่ มันมีกรรมวิบากมีเรื่องลึกซึ้ง มีกรรมกิริยาอะไรต่ออะไรอีกเยอะแยะ ยิ่งพ่อแม่ที่ดี เลี้ยงดูเรามาจนโตจนดีจนได้ดี แล้วเราก็อกตัญญู นี่โอ้โห มันชั่วมากเลยนะ 

แม้ว่าพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเรามาแล้วไม่ได้เลี้ยงดู ไม่ได้ทำให้เราเจริญอะไร แต่เราเจริญเองก็ตาม การห้กำเนิดก็เป็นผู้มีบุญคุณแล้ว ที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ดีไม่ไปเกิดในท้องหมา เกิดในท้องคน พ่อแม่นี้ได้ทำให้เราเกิดมาเป็นคน เกิดมาเป็นคนก็ดีกว่าเข้าไปในท้องหมาและไปเป็นลูกหมาใช่ไหม ก็ต้องขอบคุณพ่อแม่อย่างนี้เป็นต้น ไม่ยาก ง่ายๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่น งานตลาดอาริยะ 2566 วันศุกร์ที่ 14 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 16:37:02 )

ลูกพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

อาตมาก็พูดและคำคล้ายๆกับพระพุทธเจ้าแต่เขาก็บอกว่าลอกเลียนพระพุทธเจ้า อาตมาก็ว่า อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า แต่มันไม่ตรงกับที่เขาเรียนรู้เขาเข้าใจ เขาก็บอกว่าไม่ใช่ เขาไปยึดมั่นถือมั่นในความรู้ที่ผิดไปแล้วเช่นการออกป่า เป็นต้น ในอัมพัฏฐสูตรท่านยืนยันไว้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:26:47 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:47:48 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:40:11 )

ลูกศิษย์ชาวเทวนิยมกลายเป็นทาสพระเจ้าอย่างไร

รายละเอียด

เทวะแปลว่า 2 ทัตตะแปลว่าโง่ พยัญชนะ เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังไม่รู้ความเป็น 2 และแยกความเป็น 2 ให้เป็น 1 หรือ ทำ 1 ให้เป็น 2 โดยมีอำนาจ มีพลัง สามารถมีอภิภุยยะ หรือมี วสวัตตีโก ผู้ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ ทำจิตให้เป็น 2 ก็ได้เป็น 1 ก็ได้เป็น 0 ก็ได้เขายังทำไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าแยกได้หรือแยกไม่ได้ ยิ่งเป็นเทวะอย่างเทวนิยม ชาวเทวนิยม ยิ่งไม่รู้ใหญ่เลย ไปฮุบเอาสภาพ 2 เป็นพระเจ้าหรือเป็น 1 แล้วก็พระเจ้าบัญชาว่าอย่างไร เป็นหนึ่งหมดเลยต้องตรงตามพระเจ้าบัญชาหมดเลย หมดสิทธิ์คิด ต้องตามพระเจ้าว่าทุกคำ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นลูกศิษย์พระเจ้าจึงกลายเป็นทาส ที่ต้องรับฟังจากพระเจ้า พระเจ้าว่าอย่างไรก็เป็นพระประสงค์ พระเจ้าจะให้เป็นจะให้ตายเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าทั้งนั้น พระเจ้าทำให้เกิดให้ตายทำให้สุขให้ทุกข์ ทำให้สบายไม่สบาย ทำให้รวยทำให้จน ทำให้เป็นอะไรเป็นอย่างนั้น จะเป็นคนพิการเป็นคนเต็มๆ เป็นคนสวยคนงาม คนไม่สวยไม่งาม เป็นคนเจริญเป็นคนไม่เจริญ เป็นคนมีอำนาจเป็นคนไม่มีอำนาจ พระเจ้าทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:28:51 )

ลูกศิษย์ลูกหาฟังอย่างงมงายอาจารย์ที่มิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

แล้วอาตมาก็สงสาร อธิบายให้คนฟัง อาตมาไม่ได้ไปใส่ความมหาบัว อาตมาพูดให้ฟัง เรียนรู้ให้ดีตั้งใจฟัง เป็นการช่วยเหลือไม่ได้เป็นการทำลายไปข่มเบ่ง อาตมาจะไปข่มเบ่งทำไม มหาบัว ไม่ต้องเสียแรงข่มใคร หากอาตมาไปข่มใครก็เสียแรงเปล่า อาตมาก็โง่ ไม่ทำ ที่พูดนี้ก็เสียเวลา เสี่ยงต่อการให้ลูกศิษย์ลูกหาเขาเกลียด อาตมาต้องการให้ลูกศิษย์ลูกหาของเขาฟังบ้างอย่าไปหลงงมงายในอาจารย์ที่มิจฉาทิฐิอยู่ อาตมาก็พูดสัจธรรมให้ฟังว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิฟังให้ดี สุสูสังลภเตปัญญัง อย่ามีอคติ ให้เกียรติอาตมาสักนิดแล้วฟังดีๆคุณจะได้เข้าใจสัจธรรม ไม่อย่างนั้นคุณก็จะหลงงมงายจมกับสิ่งที่ผิด ซึ่งมันน่าสงสารอาตมาก็เลยจำเป็นต้องพูดเรื่องเหล่านี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:53:50 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:48:43 )

ลูกศิษย์อรหันต์เก๊อาจารย์ก็อรหันต์เก๊

รายละเอียด

อาจารย์เป็นของเก๊ ส่วนลูกศิษย์ก็ต้องเป็นของเก๊เหมือนกันทำไมต้องพูดความจริง ถ้าไม่บอกก็จะมีข้อแม้ว่าคนเขารู้แล้วก็ไม่กล้าบอกเหมือนอย่างเช่นอาตมาบอกตัวในขณะนี้กล้าบอก บอกความจริงอย่างมีหลักฐานเหตุผล ด้วยอธิบายได้ด้วยยืนยันต้องตามพระไตรปิฎกเอาคำสอนพระพุทธเจ้ามายืนยันด้วยว่าการนั่งหลับตานั้นไม่ได้อยู่ในจรณะ 15 หลับตามันไม่ใช่ อปันกธรรม 3 มันไม่ใช่ ผิดไปจากศาสนาพุทธ เอาแต่หลับตาไม่ได้สังวรสำรวมอินทรีย์ทั้ง 5 ไม่ได้เกี่ยวกับการประมาณในการกินการใช้ ไม่ได้รู้รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส มันผิดไป จากจรณะ 15 ซึ่งเป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้า ถ้าผู้ใดฟังแล้วมีสติปัญญารู้ก็จะหยุด ถ้าไม่หยุดคุณก็จะมีแต่จม มีกิเลสมากบังไว้แล้วตั้งอยู่ จมลงในความหลง เป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำไกลแสนไกลจากวิเวก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:41:01 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:49:21 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:35:06 )

ลูกๆ จะช่วยเรื่องทรมานกายขันธ์ของพ่อครูได้อย่างไร

รายละเอียด

ตอบอันหลังก่อน จะช่วยให้บรรเทาได้ คืออย่าเป็นคนว่ายากสอนยาก เท่านั้นแหละ จะช่วยให้อาตมาไม่ทรมาน พวกเราตั้งใจศึกษาให้เข้าใจและปฏิบัติให้ได้ให้ดี นั่นก็ช่วยอาตมาในเรื่องนี้ ส่วนตัวอาตมารู้ดี คำว่าทรมาน มันเป็นภาษาพยัญชนะที่บอกว่า ทรมาน มันเป็นเรื่องของใจที่ไม่สบาย ทร ใจมันไม่สบาย จริงๆ ใจไม่สบายจริงๆของอาตมาไม่มี ทรมาน มันเป็นพยัญชนะ มาสื่อเท่านั้นเอง มันไม่ใช่ทรมานใจ แต่มันทรมานสังขารขันธ์ ที่มันมีอวัยวะเจ้าการไม่สมดุล อันนี้มันเป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ของอาตมา มันเป็นวิบากของอาตมา ที่อาตมาจะต้องรับ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:49:01 )

ลูกๆ จะมีส่วนช่วยพ่อครูด้านใดได้บ้าง

รายละเอียด

ปฏิบัติตน ก็อยู่กันอย่างนี้แหละตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ คนที่อยู่ไหนก็แล้วแต่ชาวอโศกให้อยู่ในหมู่ชาวอโศกหรืออยู่นอกชุมชนชาวอโศกก็ปฏิบัติได้ ถ้ายิ่งออกจากที่ตัวเองอยู่ มารวมกันเป็นสังคมที่ใหญ่ขึ้นมันก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพไม่ใช่เพื่อตนเองแต่เป็นประสิทธิภาพเพื่อมวลมนุษยชาติมันยิ่งจะได้มากขึ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 20:18:07 )

ลูกๆ อโศกต้องการเห็นพ่อมีอายุถึง 151 ปี

รายละเอียด

คนแบ่งเป็นหลายแบบ กินแต่พืช กินแต่เนื้อสัตว์ กินทั้งพืชทั้งเนื้อสัตว์ คนที่ไม่กินเนื้อสัตว์เลยกินแต่พืชมีอายุยืนยาวกว่าพิสูจน์ได้เลย อย่างลีชิงยุน อายุ 256 ปี ถึงตาย  การทำปศุสัตว์ประมงเป็นเรื่องทำวิบากให้แก่ตัวเอง คนเลี้ยงสัตว์เอาเนื้อสัตว์มาขายมาให้คนกิน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในมิจฉาวณิชชา 5 ว่าเป็นมิจฉาเป็นความผิด ชีวิตของอาตมารู้ว่าตนเองอายุ 72 ปีก็จะตาย แต่อาตมาใช้ การสร้างพลังงานสัมประสิทธิ์ให้อายุยืนยาวขึ้นมาได้ สมัยพระพุทธเจ้าคนอายุยืนยาวเป็นร้อยปีได้เป็นปกติ สงฆ์สาวกพระพุทธเจ้ามีอายุ 120 ปีถึงจะตายก็มีเยอะ อย่างอาตมานี่ เรียนรู้พลังงานสัมประสิทธิ์ สามารถที่จะทำให้เกิดค่าของพลังงานช่วยเสริมพลังงานที่จะมาต่ออายุขัย ต่อให้เกิดสรีระ ไม่ให้ทรุดให้เสื่อม เกิดความสดชื่นก้าวหน้า มีพลังงานเสริมซ้อนทำให้ตัวเราอายุขัยไปได้ อาตมาก็ทำ เลย 72 มา จะเต็ม 84 ปีในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ก็รอดูอาตมาอายุยืนยาวต่อไป ถ้าแข็งแรงขึ้นหนุ่มขึ้นกว่าเก่าอีก จะเป็นอย่างไร ก็ตามพิสูจน์ ไม่ได้ท้าทายแต่ให้พิสูจน์ความจริง พิสูจน์แล้วจะได้นำมาเสนอพวกเราให้ทำกัน อายุยืนยาวและให้แข็งแรงดีด้วยนะไม่ใช่ยืนยาวแล้วเป็นโรคภัยไม่แข็งแรง อาตมามีแต่โรคที่ไอ แต่ไม่เจ็บคออะไรมีแต่เหนื่อยเวลาไอมากๆเท่านั้น ถ้าหากอาตมาต่ออายุไปถึง สามเส้า ของสามเส้า 36 + 36 + 36 ก็เป็น 108 อาตมาว่าจะต่อไปอีกสามเส้าเป็น 144 ปี ทีนี้จะเกิดโมเมนตั้มอีก 7 ปี ชะลอไป 151 ปี จบ พยายามทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้โดยเอาตัวเองเป็นตัวทดลอง เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า ทำได้จริงๆ เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณอาตมาจึงตั้งใจเต็มใจพากเพียรพิสูจน์ อย่างวิบากที่ทำให้ไอนี้ จะทำให้เสียชีวิตก่อนหรือเปล่ามันก็ไม่มีพิษภัย แต่เตี่ยอาตมานี้เป็นโรคหอบหืดตาย มันอาจจะเชื่อมต่อมาหรือเปล่า บางอย่างอาตมาไม่รู้รายละเอียดในวิบาก อาตมาก็เลย ลองพิสูจน์ความจริงเท่าที่เราพอจะทำได้ เท่าที่พอจะรู้ได้ พูดสิ่งที่เป็นจริงและเป็นสิ่งที่ดีให้ฟัง สายโพธิสัตว์นี้ไม่ใช่เป็นโทษกับใคร บางทีพูดตำหนิเหมือนด่า แต่ก็ด้วยความปรารถนาดีพยายามบอกความจริง ให้ทุกคนได้ศึกษาให้ดีและปฏิบัติตามก็จะได้ความดีนี้ด้วย ไปตามลำดับๆ เป็นเรื่องดีของตนเองของสังคมมนุษยชาติ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:21:49 )

ลูกๆจะช่วยเข็นกงล้อพระธรรมจักรอย่างไร

รายละเอียด

เอาตนเองก่อนเถอะน่า เอาให้ดี มันจะเป็นไปตามธรรมดา คุณมีคุณก็ช่วยเข็นกงล้อไปเอง เขามาเห็นก็มาเอาไปหรือคุณบอกเขาได้ก็บอกไป แต่ถ้าคุณรู้ผิดไปบอกเขาก็จะเป็นการเข็นกงล้อลงขี้โคลนขี้เลนหมดมันไม่ได้เรื่อง เอาตัวเองนี่แหละให้ได้แล้วคุณจะเป็นผู้เข็นกงล้อเองโดยอัตโนมัติ อัตตสัมมาปณิธิให้ได้ เมื่อมีปุพเพกตปุญญตาแล้ว คุณก็เป็นสัตบุรุษ คนก็จะมาคบหามาทำต่อไปได้ ทำแล้วก็จะเกิดขึ้นมามีสถานที่อย่างนี้ ปฏิรูปเทสวาโส หรือมีเสนาสนะสัปปายะ อย่างนี้มีสถานที่ที่น่ารื่นรมย์ มีสถานที่ที่เหมาะสม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 20:33:07 )

ลูบคลำพระจันทร์ พระอาทิตย์

รายละเอียด

ลูบคลำพระจันทร์ พระอาทิตย์ ที่มีฤทธิ์อานุภาพมาก ยิ่งพระอาทิตย์มีฤทธิ์มีอำนาจแน่นอน ลูบด้วยฝ่ามือได้ อาตมาว่าลูบหัวล้านพระอาทิตย์เล่นได้ มือไม่ไหม้ เหมือนเราอยู่ในทุกข์ร้อนของทุนนิยมของอบายมุขในโลกที่ยังฆ่าแกงกัน อันนี้แหละ ซึ่งมันเป็น ปาฏิหาริย์ที่สุดยอด เราเอาความสงบไปรบกับปืนระเบิด ชนะ เอาความสงบมือเปล่าไปรบจึงยังยากอยู่การเมืองเขาก็ยังงง เอ็งเอาอะไรมาพูดวะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 20:15:49 )

ลูบหัวพระอาทิตย์พระจันทร์ได้ด้วยฝ่ามือ คืออย่างไร

รายละเอียด

ปัญญาเป็นตัวฆ่ากิเลส กิเลสมันอยู่ไม่ได้เพราะคนมีปัญญาเข้าไปครอบอยู่ในตัวจิตวิญญาณของมนุษย์ พระอรหันต์มีปัญญาเต็ม กิเลสเข้าไม่ได้เลย ใกล้ก็ไม่ได้ กิเลสเข้ามาใกล้ไม่ได้ รัศมีปัญญามันทำให้กิเลสเมื่อเจอรัศมีปัญญาวิ่งหูตูบไปเลย เข้าป่า ไม่กล้าเข้าใกล้ นี่บรรยายเป็นสภาวะสู่ฟัง ที่อาตมาบรรยายได้เพราะอาตมามีสภาพจริงเหล่านี้ เอาของจริงของตัวเองมาบรรยาย กิเลสมันเข้าหาอาตมาเข้าหน้าไม่ติดหรอก มันมีกิเลสอยู่ในโลกมนุษย์ มันสังขารเต็มไปหมดรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเต็มไปหมด เป็นตัวบ่อเกิดกิเลส อาตมาก็อยู่ในนี้ ไม่ได้หนีไปไหน อยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่กิเลสมันไม่กล้าเข้าใกล้อาตมา 

อาตมาก็ลูบหัวกิเลสเล่นอยู่อย่างนี้ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเลยว่า ลูบหัวพระอาทิตย์พระจันทร์ได้ด้วยฝ่ามือทั้งที่มันร้อน สำหรับคนที่ถูกมันเอาไปกินมันร้อน มันต้มสุกหมดเลย แต่อาตมาลูบหัวพระอาทิตย์พระจันทร์เล่นได้ นี่ไม่ได้พูดเล่น ไม่ได้แค่อุปมาอุปไมยเฉยๆ แต่เป็นเรื่องจริงเป็นอย่างนั้น ฟังพอเข้าใจไหม เด็กๆ เข้าใจไหม ผู้ใหญ่นั้นไม่ต้องถาม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 18 มกราคม 2566 ( 10:43:12 )

ลูบหัวล้านพระอาทิตย์

รายละเอียด

แม้มันจะมีอยู่เราก็ไม่ชอบไม่ชัง ใช้สำนวนว่ารูปหัวล้าน พระอาทิตย์ ถ้าเป็นพระอาทิตย์จริงแล้วเอามือไปลูบไม่ได้ แต่มันเป็นสำนวน พระอาทิตย์ทำอะไรเราไม่ได้ ไม่มีอาการของโลกีย์ ไม่เหลือเศษธุลีละอองขนาดไหน ว่างจริง อาการสุขแม้นิดก็ไม่มี ทุกข์ก็ไม่มี ทุกข์กับสุข มันเป็นของคู่กันแยกไม่ออกเป็นเหรียญ 2 ด้าน สุขไม่มีทุกข์ก็หมดไปด้วย ไม่อยู่ด้วย

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:16:12 )

ล่องลอยรู้อยู่คนเดียว!

รายละเอียด

ซึ่งจะ“ล่องลอย”ไปไหนต่อไหนตามอำเภอใจในภวังค์ หรือเป็น“วิญญาณ”ที่ไม่มี“ที่ตั้ง (ฐีติ)”หรือไม่มี“แดนเกิด (สัมภวะ,ปภวะ)” โดยใครๆอื่นใดไม่ต้องมาร่วมรู้-ร่วมเห็นด้วยหรอก “ตนรู้ในตนคนเดียวแค่นั้น”

แท้ที่จริงนั้นคนผู้นี้ก็คือ ผู้มี“อัตตาเต็มตัวเต็มบ้อง”นั่นเอง!“สัมภเวสี”จึงเป็น“ธาตุรู้”ที่ไม่มีที่ตั้ง-ไม่มีแดนเกิด”อันไม่สามารถสัมผัสศึกษาปฏิบัติกันให้รู้จัก-รู้แจ้ง-รู้จริงกันอย่างบริบูรณ์ได้เลย

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 437 หน้า 317


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 19:18:11 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:42:10 )

ล้างกามและอัตตาคือเกิดความเป็นกลาง

รายละเอียด

การเดินทางสายกลางก็เลยเหลือแต่ทาง แล้วทางสายกลางเป็นอย่างไร เขาไปอธิบายว่าทางสายกลางคือไม่สุดโต่งไปข้างนี้หรือข้างนี้ ท่านก็สอนไว้ชัดเจนในธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ข้างหนึ่งคือกาม ข้างหนึ่งก็คือ อัตตา หากเป็นกลาง ฉันมีกามก็เดินกลางๆ มีอัตตาก็เดินกลางๆ เดินไปในทางนี้แหละ ไป ทางนี้คือทางกันดาร มีเสบียงให้ตัวเองกินก็หมดแต่ยังไม่ถึงเป้าหมาย ตัวเองมีกามเท่าไหร่ มีอัตตาเท่าไหร่ แล้วก็ล้างกามล้างอัตตา จนหมดทั้ง กามและอัตตาก็คือเกิดความเป็นกลาง ก็ไม่เข้าใจไปนั่งหลับตาแล้วไม่รู้ทั้งรู้ กามและอัตตา ศาสนาพุทธทั้งศาสนาพุทธก็เลยจมลงหยั่งลงในที่หลง หนักเข้าไปใหญ่นี่คือการไม่ชัดเจนในความหมายของคำสอนพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:43:50 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:01 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:38:05 )

ล้างกิเลส ทั้งในตัณหาและอุปาทาน

รายละเอียด

ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น​ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34) 

เมื่อปฏิบัติจับตัณหาได้ จับอุปาทานได้ ตัณหาคือความเคลื่อนของกิเลส อุปาทานคือตัวเสถียรสถิตย์ตัวสมถะของกิเลส ล้างกิเลสได้ทั้ง 2 สภาพ ทั้งในตัณหาและอุปาทาน ภพก็หมดชาติก็หมด ภพก็ดับชาติก็ดับ ปฏิจจสมุปบาทอย่างนี้แหละ ปฏิบัติถูกต้องสภาวธรรมจบเป็นวิชา ภพดับชาติดับเป็นอรหันต์ ฟังดีๆนะอาตมาอธิบายนี้เป็นภูมิอรหันต์ที่จริง เพราะอาตมาเป็นอรหันต์จริง ขออภัยไม่ได้อวดตัวเอง แต่ย้ำยืนยันให้ฟังเพราะคุณไม่เชื่อก็ต้องย้ำแล้วย้ำอีก ไปเชื่ออรหันต์เก๊อยู่ได้ ก็น่าสงสาร อาตมาไม่ได้มีกิเลสอวดตัว ไม่มีสาเฐยจิต ขอให้เชื่อก่อนเลย แล้ว คุณจะเชื่อจริงทีหลัง แต่เอาเถอะขอมันไม่ดี คุณพยายามด้วยตัวเองก็แล้วกันนี่เป็นสัจจะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:08:28 )

ล้างกิเลสทุกข์ความสุขก็ไม่มี

รายละเอียด

อันนี้แหละเป็นประเด็นที่เข้าใจยากมาก ทวนกระแสก็คือโลกเขาก็จะมีกระแสที่ไหลไปในทางทิศทางเดียวกันคือโลกีย์ เขาต้องได้ลาภยศสรรเสริญโดยเฉพาะได้สุข แต่ของพระพุทธเจ้านั้นหมดความสุขหมดความทุกข์ เพราะพระองค์ตรัสรู้ว่าความสุขความทุกข์มันเป็นของหลอก สุขอัลลิกะ ที่จริงสุขกับทุกข์ เป็นตัวมายาอันเดียวกัน แต่ความทุกข์นี้คนรู้สึกและบอกกันได้ง่าย ท่านจึงเอาประเด็นนี้ความรู้สึกนี้มาเป็นประเด็นให้ศึกษา แล้วล้างกิเลสตัวนี้ เมื่อล้างจิตไม่ให้มีความทุกข์ความสุขก็ไม่มีเพราะความทุกข์ความสุข มันเป็นมายา สองขั้ว ซึ่งมันเป็นเทวะสภาพสอง เราหลงสุขเราก็หลงทุกข์ เราหลงในทุกข์เราก็หลงในสุข โลกุตระตรัสรู้ในเรื่องสุขทุกข์นี่แหละ นี่แหละคือสุดยอดสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเรื่องอะไรเลย ถ้าจะเอาสำนวนอย่างท่านพุทธทาส ท่านก็บอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเรื่องอื่นเลยนอกจากสอนแต่เรื่องทุกข์ แล้วก็เหตุแห่งทุกข์และการดับทุกข์ นี่เป็นสำนวนท่านพุทธทาส 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:08:35 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 02:50:44 )

ล้างกิเลสให้พ้นวิจิกิจฉาด้วยปัญญาใช่หรือไม่

รายละเอียด

ได้ คุณจะใช้อันนี้เป็นตัวตัดสินก็ได้ จะเป็นตัวต้นที่ให้พ้นวิจิกิจฉาแล้วก็จะลังเล แม้ที่สุดจะพ้นวิจิกิจฉาตัวสุดท้ายอีกก็ได้ เป็นตัวต้นหรือตัวท้ายก็ได้ เอาความเป็นสภาวะ วิจิกิจฉาคือ มันยังไม่สิ้นสงสัย มันยังไม่มีความรู้รอบที่สมบูรณ์แบบอย่างไม่มีอะไรข้องคาเลย ทะลุปรุโปร่งครบรอบหมดเลย ครบรอบหมดเลย มันก็หมดวิจิกิจฉา 

ใช่แล้ว เป็นปัญญาที่สมบูรณ์แบบด้วย แล้วก็พ้นวิจิกิจฉาด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 17:46:17 )

ล้างความหลอกออกจากจิตได้คือพระอรหันต์

รายละเอียด

ความชอบความชังความรักดูดดื่มก็สร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น ดูดดึงผูกพันสร้างมาเองทั้งนั้นผีหลอก ผู้ที่รู้แล้วเป็นพระอรหันต์แล้วจะเห็นได้ว่า โอ้โห ผีหลอกมันหลอกเก่งจริงๆ หลอกคนทั้งโลก พลเมืองโลก 7,000 ล้าน จะถูกหลอกอยู่ประมาณ 8,000 ล้าน มั้ง ก็ยังไม่เกิดมาอีก เกิดมาอีกก็ถูกหลอกอยู่นั่นแหละ ไม่ง่าย ถ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้าจะไม่รู้ความจริงอันนี้ จะไม่สามารถที่จะล้างความหลอกอันนี้ออกไปจากจิตได้เลย คนที่สามารถศึกษาของพระพุทธเจ้าแล้วสามารถล้างความหลอกนี่ออกไปได้นั่นแหละคือพระอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 16:05:20 )

ล้างความอิสสาริษยาคนรวยได้อย่างไร

รายละเอียด

สรุปแล้วคุณก็ต้องดูสาระ อ่านจริงๆว่าเขาคนรวย แล้วรวยเลวด้วยนะ ยิ่งคุณสมมุติโจทย์มา รวยแล้วเลวด้วย จะไปทำเลวอย่างเขาแล้วก็รวยอย่างเขา ริษยาก็คือ เขาทำเกินหน้าเรา เกินหน้าด้วยอะไร อันนี้เกินหน้าด้วยความรวยที่เลว คุณไม่ต้องไปริษยาเขาหรอกมันเป็นเวรเป็นภัยเป็นโทษ ไม่น่าเป็นหรอก เขาน่าสงสารด้วยซ้ำไป ริษยาคือเราต้องการเป็นอย่างเขาไม่ให้เกินหน้านี้คือริษยา คุณเป็นคนรวยที่เลวหรือ แล้วเขาเป็นคนรวยที่เลวเกินหน้า คุณก็เลยริษยาเขาอย่างนั้นหรือ ไม่เอาน่าเอาให้มันแม่นให้ชัด แม้แต่คนรวยที่ไม่เลวเราก็ไม่ส่งเสริมหรือสนับสนุน ที่อาตมากำลังพยายามอธิบาย พยายามพาคนมาเป็นคนไม่รวย มาเป็นคนจนกัน แล้วเป็นคนจนที่ประเสริฐ เป็นคนจนที่มหัศจรรย์ เป็นคนจนที่ดี ซึ่งมันเป็นได้และเป็นความดีทั้งตัวเราและสังคมทั้งโลกเลย ทำได้แล้วเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งโลกเลยไม่ใช่เป็นประโยชน์น้อยๆ แล้วเป็นความสบาย จะเรียกว่าด้วยความสุขเป็นคำอนุโลมก็ได้ มันไม่ได้ลำบากลำบนอะไรเลย ไม่ได้ทุกข์ทรมานอะไร สะอาดสว่างสบายดีศึกษาให้ดี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 10:17:02 )

ล้างจิตเห็นแก่ตัวไม่ได้ ไม่มีทางเฉลี่ยรายได้ให้ทั่วถึงกัน

รายละเอียด

คอมมิวนิสต์พยายามตั้งคณะรวมหัวกันกินเขาก็ทำได้สำเร็จ ส่วนความคิด ประชาธิปไตย บอกว่าไม่รวมหัวกันกิน กระจายให้ทั่วถึงกันเขาว่าอย่างนั้น ซึ่งเป็นความคิดเผินๆมันเป็นไปไม่ได้ ซึ่งใครจะไปกระจายให้ทั่วถึงกันได้หมดเพราะจิตใจคนไม่ได้ลดละความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ก็ไม่มีทางกระจายให้ทั่วถึงกัน ไม่มีทาง เพราะฉะนั้นจะแก้ไขด้วย motto ว่า พยายามเฉลี่ยรายได้ให้ทั่วถึงกันนี้ ความตั้งใจมีหลักเกณฑ์อย่างนั้น มีปรัชญาอย่างนั้น แต่เขาทำจริงๆไม่ได้เพราะจิตเป็นตัวประธาน มันเห็นแก่ตัวเห็นแก่พวก เสร็จแล้วมันก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมซับซ้อนมาให้แก่ตัวมากกว่าผู้อื่นทั้งนั้น เพราะจิตมันไม่ได้ล้าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 10:45:19 )

ล้างสิ่งโง่เง่า อาหาร ล้างได้หมด

รายละเอียด

เครื่องอาศัยนี้เป็นสุดยอดเลย ซึ่งจะล้างสิ่งที่โง่เง่า ในสิ่งที่อาศัยที่เรียกว่าอาหาร ล้างได้หมดเลย ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นคนที่ 1. กินเนื้อลูกแต่ไม่รู้สึกรู้สา 2. จะเป็นคนที่เหมือนวัวถูกลอกหนังออกหมดเลย เดินไปก็แสบปวดร้อนตลอดเวลาไม่รู้สึกรู้สาโง่ตลอดเวลาเหมือนคนกินเนื้อที่โง่ไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังกินเนื้อลูก แล้วบอกว่าลูกที่น่ารักของฉันหายไป แสบปวดอยู่กับโลกเมื่อสัมผัสกับโลกเป็นวัวที่ไม่มีหนัง ก็ไม่รู้ตัว หรือว่า 3. เป็นคนที่มีคนแข็งแรงมากดึงให้หนีออกจากหลุมถ่านเพลิงอวเจีก็ยังดิ้นรนลงหลุมอเวจี แม้แต่ที่สุดเป็นโจรใหญ่สร้างบาปกรรมมหาศาล พระราชารู้ก็เลยบอกให้เอาไปฆ่าด้วยหอกร้อยเล่ม เช้า  กลางวัน เย็น ก็ไม่ตาย เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ตาย โอ้โห! คุณเข้าใจแค่ไหนนี่ อาตมาเอามาพูดซ้ำซากหลายที เข้าใจกันไหม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:01:03 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:20 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 07:30:21 )

ล้างอุปาทานด้วยจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

คำว่าอุปาทานนี้แหละ คนไม่รู้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้วิธีที่จะมาล้างอุปาทาน มีหลักจรณะ 15 วิชชา 8 ให้มาปฏิบัติ ทำความเข้าใจให้สัมมาทิฏฐิ แล้วตั้ง อันแรกเกี่ยวกับคนเกี่ยวกับสัตว์ แล้วมันก็มีอุปาทาน กับคนกับสัตว์กัน ต้องโกรธกัน ต้องรักกัน คนกับสัตว์ต้องโกรธกันต้องรักกัน 

ศีลข้อ 2 ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์ เป็นวัตถุกับพืช เรียกว่าเป็นทรัพย์ เป็นทรัพย์สิน ก็แย่งกัน แย่งกันแล้วก็โกงกัน โลภโมโทสัน ขี้โกง ทุจริตกัน พระพุทธเจ้าก็ให้มาศึกษาว่าพวกนี้แหละ รักกันโกรธกันก็เป็นอุปาทาน วัตถุ พืชพันธุ์ธัญญาหารมันเป็นทรัพย์สิน อยากมีทรัพย์สินก็สร้างมันขึ้นมา หาให้เป็นสุจริต ก็จะมีดินมีน้ำมีลมมีไฟ แล้วจะมีพืชผักผลไม้ ก็รู้สิทธิว่าเราเองเราจะได้สิทธินั้นๆอย่างไร ถ้าเราสร้างเอง ก็ได้เป็นเจ้าของเอง มีสิทธิ เป็นทรัพย์สินเป็นวัตถุ ก็มาอุปาทานแย่งกันจะต้องได้วัตถุได้ทรัพย์สินอะไรต่ออะไร 

ศีลข้อ 3 รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ก็ไปยึดกันอย่างหนักว่ามันเป็นรสอร่อย ในศีลข้อ 3 รูปอย่างนี้พอใจ ได้มาเป็นของของเราได้สัมผัสแตะต้องได้เห็นได้ยินได้กลิ่นได้รส ได้สัมผัส ถ้าตรงกับอุปาทานก็ดี เป็นอัสสาทะ ถ้าอย่างนี้แล้วก็ไม่ดี เป็นอุปาทานทั้งนั้น 

คนที่รู้ว่าเราไปหลงอุปาทาน เกิดมาก็เป็นอย่างนี้ในโลกคนเทวนิยมโลกียะเขาไม่รู้เรื่อง เขาก็เป็นสุขเป็นทุกข์อยู่อย่างนั้น รวมแล้วสรุปลงไปว่าไม่สุขก็ทุกข์ ที่จริง เกิดมามันก็เป็นทุกข์แล้ว แม้ที่สุดคุณจะหมดอุปาทาน คุณก็ทุกข์ เพราะคุณยังมีขันธ์ 5 ทุกขขันธ์ ยังมี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่ต้องดูแลรับผิดชอบมัน อาบน้ำอาบท่าให้มัน หาอาหารให้มัน มันป่วยมันเจ็บก็ต้องรักษาดูแลมัน เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 20:05:01 )

ล้างเหตุแห่งสุขทุกข์ได้อย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าก็ไม่เอาบัญญัติภาษาที่กำหนดด้วยกาย สัญญาอย่างนี้ ท่านก็มาเรียนรู้เหตุเลย  ไม่ต้องไปงมงายกับสิ่งเหล่านี้ มาศึกษาเหตุตั้งแต่การเรียนรู้ภาวะ 2 ตั้งแต่มันรู้สึกสุขและทุกข์อย่างหยาบสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอะไรก็แล้วแต่ ทางทวารทั้ง 6 สัมผัสทางทวารทั้ง 5 ตาหูจมูกลิ้นกายแล้วมาปรุงแต่งเป็นสุขเป็นทุกข์เป็นเรื่องทีละคู่เป็นเทวะ ล้างอย่างหยาบก่อน หมดหยาบล้างอย่างกลาง จนหมดก็ล้างอย่างละเอียดต่อ จนมันหมด โดยอ่านสภาวะจากจิตจริงๆเลย โดยที่ไม่ใช่ว่าไปทำให้จิตมันว่าง สร้างภพความว่างๆขึ้นมา มันไม่จบหรอก ให้มาปฏิบัติจริงๆเลยกับสิ่งที่จะปฏิบัติคือ ต้องมีสิ่งสัมผัสเป็นเหตุเป็นปัจจัย สำรวมอินทรีย์ 6 ตาหูจมูกลิ้นกายใจ แล้วก็ตื่นรู้ให้เต็มทั้งข้างนอกข้างใน กาย วจี มโน มีสติเต็มร้อย เป็นชาคริยาเป็นความตื่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 08:37:31 )

ล้านๆ ชาติเป็นอย่างไร

รายละเอียด

คำพูดว่าล้านๆชาตินี้เป็นสังขยาเลขเท่านั้น ให้รู้ความจริงมันมากกว่าคำว่าล้านๆชาตินะ คนเราที่เกิดมานี้ มันจำไม่ได้ ถ้าจำได้ตายเลย หากจำชาติเก่าได้ยังไม่มีอะไรคุ้มกันตัวเองเลย ขนาดคนที่บอกว่าระลึกชาติได้ ที่มีภูมิคุ้มกันตัวเองมีความรู้ความสามารถปฏิบัติธรรมแล้วก็ยังบ้าไปได้เลย 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 11:04:33 )

วกมาเรื่อง “หลับตา”อีกที อย่าให้ความสำคัญ หากเป็นได้ก็แค่ “อุปการะ”เท่านั้น!

รายละเอียด

ที่อาตมาพูดย้ำอย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า “การประพฤติธรรม”ในขณะ“หลับตา”นั้น พุทธศาสนาไม่ให้ปฏิบัติ“หลับตา”เลย ห้าม“การหลับตา”ทั้งสิ้นทุกกรณี ก็ไม่ใช่สุดโต่งอย่างนั้น การปฏิบัติในขณะ“หลับตา”นั้นมีได้ แต่เป็นแค่“อุปการะ” คือ เป็นแค่“องค์แห่งการช่วยเหลือ” ไม่ใช่“ทฤษฎีหลัก”โดยตรง พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็น“อุปการะมาก” ซึ่งเป็น“องค์ประกอบ”ในระดับ“การช่วยเหลือ,เครื่องเสริมหนุน”เท่านั้นทำความเข้าใจในความเป็น“เครื่องอุปการะ” กับ“ทฤษฎีหลัก”กันให้คมชัดตรงแม่นกันดีๆ และผู้ที่ปฏิบัติสัมมาทิฏฐิดียิ่งแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมี“เครื่องอุปการะ”หรือ“ตัวช่วยอื่น”หรอก 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 179 หน้า 156


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 19:06:07 )

วงการบันเทิงธุรกิจหยุดเสียทีเป็นอบายมุข 

รายละเอียด

เราก็เลิกมา คนไหนติด เราก็อนุโลมบ้าง แต่คนไหนติดจัดเราก็ว่าแรงๆ ถล่มอย่างอาตมานี่ อาตมาเคยอยู่ในวงการบันเทิงธุรกิจ เคยอยู่ในจอมายามา มีเพื่อนฝูงอยู่ในทางนี้เสร็จแล้วออกมาทางธรรมต้องถล่มเพราะเป็นอบายมุข เขาก็ไม่ค่อยคบหาอาตมา หนีไปไม่มองหน้ามองตาไม่ทักก็เกือบเยอะ แต่ผู้ที่ยังเข้าใจ ก็มีอยู่ เขาเข้าใจและเข้ามามีอยู่

แต่ผู้ที่ไม่เข้าใจ เมินเฉย ไม่เอาด้วย ถึงกับขนาดผลักไส ไม่มองหน้ากัน ไม่เอาอะไรเลย มันก็อย่างนี้ ซึ่งมันเป็นสัจจะที่มันย้อนแย้งอยู่ในตัว ก็ค่อยๆศึกษากันไป ชีวิตจริงที่จริงแล้วไอ้พวกนั้นมันไม่จบ แล้วมันก็ยิ่งจัดจ้านทำให้เสียเวลา เกิดแล้วเกิดเล่าตายแล้วตายเล่า เสร็จแล้วก็ทุกข์ๆอย่างนั้นชนะก็ดีได้มา สมบัติผลัดกันชมแล้วก็เสื่อมไป ถูกแย่งไปแล้วก็ฆ่าแกงกันไปใหญ่เลยนะเป็นวิบากสารพัดวิบาก อ้าวหยุดเสียที 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้ วันพุธที่ 6 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 10:40:38 )

วงการพุทธศาสนาเขาไม่เรียนรู้“กาย” เขาไม่รู้จัก“กาย” จึงผิดพลาดใหญ่หลวง!

รายละเอียด

เห็นมั้ยว่า หากใครไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“กาย” 

ไม่มีสัมมาทิฏฐิในความเป็น“กาย”ไปตั้งแต่ต้นแห่งการศึกษา

การปฏิบัติพุทธศาสนา  มันก็ล้มเหลวหรือโมฆะหมดเลย 

การจะบรรลุธรรมในศาสนาพุทธก็ปิดประตูไปสนิท

ทุกวันนี้ ชาวพุทธทั้งหลายได้“มิจฉาทิฏฐิ”คือ เข้าใจผิดในความ

เป็น“กาย”กันเกือบจะทุกคนแล้ว แม้แต่อาจารย์หรือผู้ที่นับถือกันว่า

เป็นปราชญ์ในวงการศาสนาพุทธแท้ๆ ก็ล้วนไม่เข้าใจ“กาย”ตาม

นิยาม ตามนัยะ ตามมิติ ตามเนื้อแท้ที่อาตมาได้สาธยายมานี้กันแล้วทั้งนั้น 

จึงเป็นเครื่องชี้บ่งยืนยันได้ชัดๆว่า การนับถือหรือการเรียนรู้

ปฏิบัติกันอยู่ทั้งหลายนั้น ล้วนไม่ใช่ศาสนาพุทธกันแล้ว 

ได้กลายเป็นศาสนาเดียรถีย์กันไปสนิทสนม จนยากสุดยากที่จะทำให้กลับไปสู่พุทธ!  

แต่ก็ปรากฏว่า ยังพอมีคนไทยจำนวนหนึ่งน้อยนิดที่สัมมาทิฏฐิได้

จึงยังไม่สิ้นเชื้อ“โลกุตรธรรม”ของพุทธไปเสียทีเดียว

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 466 หน้า 347


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2564 ( 09:19:53 )

วงการศาสนาพุทธเป็นแบบเดียรถีย์เข้าใกล้เป็นศาสาเชน

รายละเอียด

เพราะว่าความเพี้ยนมันมาก่อน มันเป็นมานานจนกระทั่งแต่เข้าใจความเพี้ยนความผิดเป็นความถูก ในวงการศาสนาพุทธเป็นแบบเดียรถีย์ มันเข้าใกล้เป็นศาสนาเชนแล้ว มีแต่อยู่กินนอนขี้เยี่ยว ตาย ไม่เอาอะไรจริงๆผ้าผ่อนก็ไม่นุ่งห่ม แล้วก็จะรอเวลาตายเท่านั้นเองเหมือนพวกเชนเข้าไปทุกที เดียรถีย์ ซึ่งมันไม่ใช่เลยศาสนาพุทธ อาตมาจึงต้องเอาศาสนาพุทธมาประกาศ ตรวจสอบตามพระไตรปิฎก ชัดเจนทุกวันนี้อาตมาขยายความยืนยัน ทุกวันนี้เขาอธิบายอย่างผิดเพี้ยนแล้วก็อ้างอย่างเบี้ยวบาลีผิดๆ อาตมาก็ต้องมาแก้กลับอยู่ทุกวันนี้ นี่คือศาสนาพุทธที่เรากำลังทำอยู่ 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 17:11:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:08 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:07:06 )

วงการเพลงเป็นอบายมุข

รายละเอียด

สุเทพกับอาตมาย่างเขามาในวงการเพลง พร้อมกัน อายุเท่ากันเวลาเดียวกัน ป้วนเปี้ยนกับพี่ไสล ไกรเลิศ ส่วนอาตมาอยู่กับคุณล้วน ควันธรรมมากกว่า ก็สนิทกัน แต่ที่ห่างกัน อาตมามาเป็นสมณะแล้วว่า ว่าพวกนี้เป็นอบายมุข เป็นเดรัจฉานวิชชา บางคนไม่มองหน้าอาตมาเลย ขนาดเป็นเพื่อนกัน แต่มันเป็นสัจธรรมก็เลยต้องพูด 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:06:23 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:16:00 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:08:32 )

วงการแพทย์ก็ยัง งง “มนุษย์พืช”ในร่างคน จะตัดสินว่าตายได้หรือยัง?

รายละเอียด

ดังนั้น จึงจะต้องศึกษาว่า ส่วนไหน? เมื่อใด? อย่างไร? ที่มัน
ไม่ใช่“กาย”แล้ว แต่มันยังมีความเป็น“ชีวะ”อยู่ในตัวเรา คือ เป็น“พีชนิยาม”ไปแล้ว เพราะมัน“ไม่มีเวทนา-ไม่มีจิตหรือไม่มีวิญญาณ”กันแล้วนั่นเอง ซึ่งมันมิใช่“สัตว์”ไม่ใช่ชีวิตของ“จิตนิยาม”แค่เป็น“พืช” ในวงการแพทย์ จึงเลี้ยง“พืช”ที่อยู่ใน“ร่างคน”ไว้ชนิดที่ยังงงๆ ยังยากที่จะตัดสินใจจัดการเด็ดขาดลงได้ในความเป็น“ชีวะ”ซึ่งเป็นความลึกซึ้งยิ่งนักในความเป็น“อุตุ-พืช-จิต”ที่สัมพันธ์กัน จึงต้องศึกษาให้“สัมมาทิฏฐิ”กันจริงๆว่า ส่วนไหน? เมื่อใด? อย่างไร? จึงจะเรียกว่า “จิตนิยาม”ที่ส่วนนี้ยังเป็น“กาย”อยู่ ยัง“มีจิต-มีวิญญาณธาตุ” ซึ่งยังทำหน้าที่“อุปาทินนกสังขาร
(สังขารที่มีวิญญาณครอง นั่นก็คือ เป็นธาตุที่มี“เวทนา” มี“กรรม” มี“วิบาก”สั่งสมเป็น“อัตตา”)” ยังเป็นพลังงานที่เมื่อกระทบกับสิ่งส่วนใดก็จะเกิด“ความรู้สึก” คือ ยังเกิด“เวทนา”ในความเป็น“วิญญาณ”เราก็จะปฏิบัติได้ถูกต้องกับ“ชีวิต”ที่เป็น“พืช”ไม่มี“เวทนา” แล้วหรือ“ชีวิต”ที่เป็น“คน”ที่มี“วิญญาณ”อยู่ ไม่ผิดพลาด

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 454 หน้า 332


เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2564 ( 08:50:51 )

วงวนของคนทำแต่กุศลไม่รู้จักบุญ

รายละเอียด

คนทำกุศลมาก ทำทานมาก ทำดีมาก แต่ในชีวิตนี้คุณไม่รู้จักความโลภก็คืออะไร  คุณโลภความดี โลภทาน โลภกุศล คุณคิดว่าอย่างนี้ดีก็ทำๆๆ ก็รวย ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ในวิบาก คุณก็ได้ คุณก็เสวยผล แล้วคุณก็ไม่รู้เรื่องหรอก ก็จะยิ่งซับซ้อน เสวยผลทางกามคุณก็กามจัด เสร็จแล้วคุณก็ไม่รู้จักโทสะ ก็โทสะจัด คนไม่ได้ศึกษาก็โมหะจัด ก็วนเวียน ในกามจัด  โทสะจัด โมหะจัด วนดูสักกี่ชาติ ฟังแล้วก็น่าเบื่อน่าออกจาก วงวนนี้ ใครก็ตามได้ฟังแล้วทำความเข้าใจให้ดี โลกโลกีย์ไม่ทำให้เราเจริญได้จริงหรอก จึงมาตั้งหลักเป็นโสดาบัน ได้สมบูรณ์แบบถาวร คนถาวรสุดคือคนไม่ทำบาปทั้งปวงถ้าจะมีชีวิตอยู่ กรรมทุกกรรมก็จะเป็นกุศล จิตก็จะสะอาดไม่เป็นโทษเป็นภัยต่อไปเรื่อย  เป็นพระอรหันต์แล้วมีแต่เจริญมีแต่ทำประโยชน์คุณค่าและสอนคนอื่นต่อ ไปจนกระทั่งเป็นนิพพาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:39:47 )

วงวนจิตวิญญาณ

รายละเอียด

1 2 3 เป็นวงวนธรรมดาธรรมชาติตั้งแต่พลังงาน จนถึงจิตวิญญาณ ซึ่งมี หญิงชาย และจิตวิญญาณ เรียกว่าวงวน หรือโลก cyclic order จะอยู่อย่างนี้แต่ไหนแต่ไร ผู้ใดมีพลังพิเศษแยกจากวงวนนี้ได้เรียกว่าออกจากโลกียะ จุดแรกออกสู่โลกุตระ มา4 แล้วต้องพยายามสร้างพลังงงานเป็น 5 เป็น 6 จาก 6 ต้องออกมาจากคู่ดูดดึงสองเส้าให้ได้เป็น 7 เป็นพลังงานโลกุตระที่แหวกออกมาเป็นเส้าสุดท้าย เป็น 9 พลังงาน 7 เป็นพลังงานตัวหลักของวงวน 1 2 3   4 5 6 7 8 9   9 จึงเป็นพนักงานที่เร็วที่สุดตรงที่สุดสมบูรณ์ที่สุดของ cyclic order ของอันนี้ เขาก็ใช้วงวนตัวเลขเหล่านี้ ทำเป็นพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่วฟิชชั่น ปรมาณูที่ไอน์สไตน์ค้นพบ E=mc2 ส่วนอาตมาคิดได้ทางนามธรรมเป็นการขยายผลจากไอน์สไตน์ว่าไว้ อาตมาก็มาบวก A  A คือ mc2 นั่นเอง เมื่อบวกไปหลายๆอันก็เป็นคูณ​จากหลายคูณก็เป็นยกกำลัง เป็นปฏิภาคทวีไปได้เรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:59:01 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:48:09 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:09:45 )

วงโคจรคือวังวน

รายละเอียด

ถูกต้องแล้ว ขยายนิดนึง วงโคจรคือวังวน ในจิตวิญญาณของคน เกิดมามันวน เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอย่างนี้เป็นต้น หรือ กิเลสมันเกิด เกิดแล้วมันก็พักยก มันไม่ตาย มันสะสมเพิ่มเติมขยายตัวอีกด้วยซ้ำไป แถมกิเลสสะสมเข้าไปเติมก็ขยายไป อวิชชา หรือความไม่รู้มันจะเป็นอยู่ในคนตลอดกาลนานเลย 

เพราะฉะนั้นตั้งแต่อวิชชาเกิดมาไม่รู้จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้คิดดูสิ มันจะสะสมอวิชชามาหนาเท่าไหร่ ทั้งหนาทั้งหนักทั้งมากทั้งเยอะ มันจะเท่าไหร่กัน ทุกวันนี้ดูในสายที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า สายเทวนิยมต่างประเทศสายพระเจ้ากัน เขาไม่รู้กันเลยนะ โอ้โห..ฆ่ากันแกงกัน โอ้โห.. เห็นแล้วน่าสงสารจริงๆเลย ฆ่าแกงกัน เบ่งกัน เพื่อที่จะแสดงอำนาจ บาตรใหญ่อะไรกันประเทศต่างๆ ชาวพุทธเราแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นที่เป็นแบบโลกุตระอย่างประเทศไทย พุทธอื่นๆที่ใกล้ๆเคียงๆก็ยังไม่เข้าไปวุ่นวายในเกมฆ่าแกงกัน เห็นชีวิตเป็นผักเป็นปลา ฆ่ากัน ด้วยระเบิดสมัยใหม่ด้วยอาวุธแบบใหม่ ก็เห็นแล้วน่าสงสารไม่รู้จะทำยังไงได้ ผ่าน

ถ้าเผื่อว่าคุณปล่อยปละละเลยจริงๆไม่ได้ประโยชน์อะไรจากความฝันเลย มันก็กลายเป็นเรื่องเผลอไผลไป มันก็ไม่ดีแต่ถ้าเผื่อว่าคุณรู้สึกอย่างนี้ว่า รู้สึกแล้วเอามาเตือนตนมันก็เป็นประโยชน์ มันไม่ใช่ยึดมั่นถือมั่น คุณจะยึดมั่นถือมั่น คุณก็รู้สิ อาการยึดมั่นถือมั่นมันเป็นอย่างไร อาการเห็นแล้วก็เข้าใจแล้วเราก็ทำความเข้าใจปฏิบัติไปไม่ได้ไปยึดมั่นถือมั่นอะไรมัน ก็ทำความเข้าใจได้สำเร็จก็รู้แล้วก็วาง

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:13:42 )

วจนัตถะ

รายละเอียด

ความหมายแห่งถ้อยคำที่จะสื่อ , ความหมายแห่งถ้อยคำให้เจ้าตัวรู้อยู่ในภายในก่อนจะใช้ออกมาเป็นวจีกรรมภายในนอก กัมมันตะภายนอก

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 279


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:59:12 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:55:13 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:10:06 )

วจนเภทะ

รายละเอียด

1. คำที่แตกต่างกัน , ชนิดของคำ 

2. การทำคำพูด , สิ่งที่เหมือนคำพูดที่อยู๋ในใจ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 279, หน้า 280


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:58:02 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:56:26 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:10:22 )

วจนเสสะ

รายละเอียด

ส่วนที่เหลือของถ้อยคำ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 279


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:58:33 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:57:16 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:10:37 )

วจีกรรม

รายละเอียด

งานทางคำพูด ภาษา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 20


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:59:42 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:57:55 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:10:54 )

วจีคุตตะ

รายละเอียด

ถูกควบคุมคำพูด

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 279, หน้า 280


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 09:00:22 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:58:50 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:11:09 )

วจีวิญญัติ

รายละเอียด

ถ้ามีการเคลื่อนไหวภายนอกมากมีแต่ปากพะงาบๆ มีแต่เสียงมีแต่ วจีวิญญัติ เงียบ นิ่งสงบ ไม่มีลีลาอะไรมากมายมีแต่เสียง ท่าทางไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มี เหมือนกับหุ่น ที่ปากพะงาบๆพูดได้ เหมือนเชิดหุ่นกระบอก ก็เป็นแค่ วจีวิญญัติ การเคลื่อนไหวที่มีเสียง ให้ฟังไม่มีภายนอกมา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 17:13:09 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:21 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:11:35 )

วจีวิญญัติ

รายละเอียด

คือ คีตะ วาทิตะ คือ ภาษากับสุ้มเสียง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:26:54 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:50:18 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:11:49 )

วจีวิญญัติ

รายละเอียด

การจัดแจงตกแต่งกันอยู่ของของจิต – เจตสิกภายในใจที่ต้องศึกษา[ซึ่งหมายถึงภาษาที่เกิดอาการไหวให้รู้อยู่ ถ้าภายนอกคือวิญญัติรูป ที่แสดงอาการเต็มรูป  ถ้าภายในใจคือวิการรูป ที่แสดงอาการอยู่ภายใน]

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 279


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 09:01:01 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 10:59:40 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:12:09 )

วจีสังขาร

รายละเอียด

1. พฤติกรรมที่เจ้าตัวรู้แจ้งอยู่ในใจ รู้ชัดแล้วมีการสังขาร มีการปรุงแล้ว อาจปรุงจนเต็มตัวเต็มที่แล้วแต่ยังไม่ออกมาเป็นพฤติกรรมให้ผู้อื่นได้รู้ ได้ยิน ได้เห็น ได้เข้าใจตามเท่านั้น

2. ความปรุงขึ้นจนออกมาเป็นภาษาพูด

3. การจัดแจงหรือการตกแต่งกันของรูปกับนามซึ่งรวมกันอยู่เป็นนามรูปกับนามกายภายในใจ , อาการปรุงแต่งกันอยู่ของจิตในจิตเท่านั้น ยังไม่ออกมาเป็นกรรมเป็นคำพูดที่เป็นเสียงพูดภายนอก

4. องค์รวมหรือองค์ประชุมของภาษาสุ้มเสียงสำเนียง

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 372

ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 145

ค้าบุญคือบาป หน้า 279

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 287 หน้า 50


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 09:02:45 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 11:01:32 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:12:52 )

วจีสังขารเกิดจากจิตสังขาร

รายละเอียด

เราเรียนรู้กายสังขาร แต่วจีสังขารก็เกิดจากจิตสังขาร เกิดในคน นกหนูปูปีกมันก็ส่งเสียงภาษาของมัน แต่คนมันเก่งด้านภาษาของมันไม่รู้กี่ภาษาเป็นพันเป็นหมื่นภาษา ภาษาที่สูญหายไปแล้วก็มี เหลือภาษาที่ยังอยู่เท่าที่หยิบมาใช้แทนได้ เขาบอกว่าภาษาบาลีเป็นภาษาที่ตายแล้ว แต่ยังคงอยู่ไม่ผิดเพี้ยนไม่เป็นอะไรมากมาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:48:46 )

วจีสังขาโร

รายละเอียด

วจีสังขาร

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 115


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 09:03:18 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 11:02:55 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:13:07 )

วจีสัญเจตนา

รายละเอียด

ความตั้งใจด้วยถ้อยคำนั้น ๆ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 280


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 09:03:55 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 11:03:43 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:13:20 )

วนปัตถสูตร ว่าด้วยการอยู่ป่า

รายละเอียด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเข้าไปอาศัยป่าชัฏแห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ เมื่อเธอเข้าไปอาศัยป่าชัฏนั้นอยู่ สติที่ยังไม่ปรากฏ ก็ไม่ปรากฏ 

จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่น อาสวะที่ยังไม่สิ้นไปก็ไม่ถึงความสิ้นไป และภิกษุนั้น ไม่ได้บรรลุธรรมอันปลอดโปร่งจากโยคะอย่างสูงที่ยังไม่บรรลุด้วย 

ส่วนปัจจัยเครื่องอุดหนุนชีวิต คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัช บริขารเหล่าใด ที่บรรพชิตจำต้องนำมาบริโภค ปัจจัยเหล่านั้น ย่อมเกิดขึ้นได้โดยยาก

ภิกษุนั้นพึงพิจารณาเห็นดังนี้ ว่า.. 

- เมื่อเราเข้ามาอาศัยป่าชัฏนี้อยู่  

- สติที่ยังไม่ปรากฏก็ไม่ปรากฏ  

- จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่น  

- อาสวะที่ยังไม่สิ้นไปก็ไม่ถึงความสิ้นไป  

- และเราไม่ได้บรรลุธรรมอันปลอดโปร่งจากโยคะอย่างสูงที่ยังไม่บรรลุด้วย  

ส่วนปัจจัยเครื่องอุดหนุนชีวิตคือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขารเหล่าใด ที่บรรพชิตจำต้องนำมาบริโภค ปัจจัยเหล่านั้นย่อมเกิดขึ้นได้โดยยาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นควรหลีกไปเสียจากป่าชัฏนั้น ในเวลากลางคืน หรือในเวลากลางวันก็ตาม ไม่ควรอยู่ 

(วนปัตถสูตร พตปฎ.เล่ม 12 ข้อ 235) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 22:02:31 )

วนยิ่งกว่างูกินหาง ยิ่งกว่าวัวพันหลัก

รายละเอียด

อาตมาก็ไม่ขยายความหรอก ก็ขอให้คุณเดชา ฉายาว่า คุณ​ Question Mark จบ 

ในหัวสมองคุณจะเต็มไปด้วยคำถามตลอดเวลา จะไม่มีที่ลง ไม่มีที่จบ ไม่มีที่สรุป คุณเดชานี้วนยิ่งกว่างูกินหาง ยิ่งกว่าวัวพันหลัก พันวนกลับไปกลับมาก็ไม่รู้ว่าวนกลับ งูกินหางก็ไม่รู้ว่ากินตัวเองไปไม่รู้แล้ว คุณได้ต้นแล้วลืมปลาย คุณไปปลายแล้วลืมต้นคุณเก็บอันนั้นอันนี้มาเป็นเหตุผล คุณไม่เอาแค่ปฏิจจสมุปบาท คุณไปเอา ระบาดทุกอย่างเลยเก็บมาหมด ได้หัวลืมหางได้หางลืมหัว อยู่อย่างนั้นแหละไปตลอดกาลนาน อีกนานนนนนนนน ยังไม่มีสรุปนะ ก็ตอบคุณเดชาแค่นี้ อาตมาไม่มีปัญญาจะตอบมากกว่านี้ ตอบแค่นี้ก่อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:24:00 )

วนเข้าหรือวนออกต้องรู้ตัว

รายละเอียด

สรุปง่ายๆ ในโลกของความวน คุณวนเข้าหรือวนออก ง่ายดีนะ คุณวนเข้าหรือวนออก ต้องรู้ตัวนะว่าเราอยู่ในวงโคจรที่มันเข้ามาหาจุด 0 จุดแก่นกลาง หรือ คุณกำลังวนออกไป แล้วเสียเวลาวนออกไปในชีวิต แล้วคุณจะอยู่ถึง 200 ปีไหม ไม่ถึงหรอกเดี๋ยวก็ตายแล้ว คุณก็วนอยู่อย่างนั้น แต่วนออกไปแล้วคุณก็ค้างอยู่อย่างนั้น ตายเกิดมาอีก คุณก็จะตั้งต้น คุณจะวนออก 

ถ้าคุณไม่เข้ามาหาแก่นแกนแล้วจบอรหันต์ คุณจะมีทิศทางวนออกไปตลอด ขอบอก.. ขอบอก.. จงจำคำบอกนี้ไปโบก หากไม่โบกตามที่บอก เดี๋ยวคุณก็จะโบยบินไป หลุดออกจาก บอก แน่นอน หลุดออกจากบอกนี้แน่นอน ออกจากบอกหรือออกจากโบก ภาษาอีสาน โบกนี่คือบอก แปลภาษาไทย ก็อยู่ในบอกนี้ เสร็จแล้วก็บินออกไป ออกไปเลยนอกเขตเทศบาลไป ออกไปนอกโลก 

มันไม่เข้านะมันจะมีทิศทางลูกศร 2 อย่าง ต้องจับทิศทางของตัวเองให้ได้ว่าต้องเข้ามา เหมือนอย่างไม้ร่ม เขาชอบเล่นลูกศร เขียนจังเลยลูกศร เดี๋ยวนี้ลูกศรก็ชี้เข้าแล้วเขาไม่มีที่ไปแล้ว ตายอยู่ตรงนี้ ไม่มีที่ไปเอาจริงๆให้ตายก็ไปไหนไม่รอด ลูกศรมันหักหมดแล้ว ไอ้ข้างนอก มันเหลือแต่ลูกศรวิ่งมาข้างใน แล้วเขาก็จะทำ 0 ของเขาให้ได้อย่างไรก็เรื่องของเขา เขายังไม่ 0 ก็ว่ากันไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 มกราคม 2566 ( 14:02:18 )

วนเวียนทำบารมีให้มันเต็มเปี่ยมเป็นโพธิสัตว์

รายละเอียด

เลิกการเกิดเพื่อวนเวียน กับการเกิดเพื่อเลิกวนเวียนให้ได้ก่อนสิแล้วคุณจะมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 5 6 7 ไปตามลำดับ คุณเป็นโพธิสัตว์ระดับ 4 ก่อน 

หรือว่าพระโพธิสัตว์บางทีต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานบางตัว เพื่อจะได้รู้ว่าในโลกอย่างนั้นมันเป็นยังไง ไปติดไปยึดเป็นยังไงอย่างนี้ สัตว์เดรัจฉานแบบนี้ ซึ่งมันก็หยาบ เพราะฉะนั้นโพธิสัตว์ก็ไม่ต้องเกิดเป็นเดรัจฉานมากหรอก ก็เกิดเป็นคนเป็นแบบคนอื่นก็ต้องเกิดเป็นเขาบ้าง แล้วมันจะรู้ว่าลักษณะหรือมิติ หรือนัยยะต่างๆของคนนี้มันติดอยู่นัยยะอย่างนี้อยู่ในมิติอย่างนี้อยู่ในมุมอย่างนี้อยู่ในเหลี่ยมอย่างนี้ ก็จะชัดเจนขึ้นไปตามจริง สรุปแล้วก็เลิกวน ชัดเจนทุกอย่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 19:32:17 )

วปัญจิตัญญูบุคคล

รายละเอียด

ผู้ที่เมื่อจำแนกเนื้อความแห่งภาษิตโดยย่อให้พิสดารสู่ฟังก็บรรลุได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 263


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 09:04:35 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 11:04:23 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:13:36 )

วปัสสนูปกิเลส

รายละเอียด

สภาพที่ยังหลงชื่นชม ติดดีดังที่เป็นมารสังโยชน์ เป็นต้น

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 513


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 09:05:56 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 11:05:01 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:13:53 )

วร

รายละเอียด

เพื่อจะทำให้เราก้าวหน้า หรือประเสริฐขึ้นได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 103


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 09:06:40 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 11:05:33 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:14:11 )

วรยุทธ์การดูหนัง ดูละคร-ดูข่าว

รายละเอียด

1. เห็นทุกข์เกิดอาริยญาณ 
2. ทำการปฏิบัติ 
3. อัดพลังกุศล 
4. ฝึกฝนโลกวิทู  เพิ่มพหูสูต  

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2562 ( 14:40:58 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:12 )

วรรณกรรมจินตนาการเปรียบเหมือนคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้

รายละเอียด

อาตมาว่าถ้ามีอย่างพระอภัยเป่าปี่ดีและมีเมียเยอะอย่างนี้แย่เลยมนุษยชาติคือมีแต่ขี้ยาเป่าปี แล้วก็ยกย่องสุนทรภู่ก็ต้องขออภัย เป็นพื้นฐานทางวรรณกรรมจินตนาการที่มีความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมา จะบอกว่ามีเนื้อหาสาระของปรัชญาที่เป็นไปในทางดีก็มีบ้าง คือเอาสิ่งที่ดีกับไม่ดีมาคู่กันเพื่อให้รู้ว่า สิ่งไม่ดีไม่น่านับถือ มีอะไร ก็ให้เลือกเอาสิ่งที่ดีตามประสาของสุนทรภู่ขี้เหล้า เป็นนิรมาณกายคือเนรมิตเป็นของไม่มีในโลกสมมุติขึ้นมา ซึ่งเป็นของที่ไม่มีขึ้นจริงในโลก และมีคนร่วมหลงสมมุติขึ้นมาด้วย เป็นสัมโภคกาย คนชนิดนี้คือคนตาบอด คืออาทิสมาณกายต่างไม่รู้ไม่เห็นความจริงกันทั้งคู่หรือกี่คนก็แล้วแต่ร่วมกัน ที่เป็นหลงเป็น สัมโภคกายร่วมกัน สมมุติกันตรงกันเป๊ะเลย แต่ว่าต่างคนต่างตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ บอกว่าสนุกด้วยกันเลยนะ ตาบอดหนังก็ใบ้อีก แต่รู้เรื่องนะพูดคุยกันขโมงโฉงเฉง นางเอกสวยจังพระเอกเก่งจัง ไปกันใหญ่เลย ตาบอดไม่เห็นรูปเห็นภาพ เสียงก็ไม่มีด้วย แต่พากันสุขสนุกกันใหญ่เลย เป็นพวกโมเมคุยกันต่างคนต่างโมเมคุยกันเหมือนเด็กๆ คุยกันแต่รู้เรื่องกันนะสนุกแบบเด็กๆ เด็กๆยังจะดีกว่าคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:47:32 )

วรรณทิพย์

รายละเอียด

เป็นสภาพบอกระดับฐานะของอารมณ์จิต วิสัยจิตที่เน้นเอาฝักฝ่ายรูปฝ่ายนอก ฝ่ายศักดิ์ศรี ฝ่ายปริมาณ และปรารถนาที่สุดที่จะต้องให้ดีเลิศที่สุดเท่าที่จะได้มาเสมอ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 250


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 09:07:16 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 11:06:08 )

เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2563 ( 09:15:22 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์