คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้าราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:07:10 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:30 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:03:53 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 12:17:48 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:38:06 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:05:43 )
รายละเอียด
เป็นผู้ที่เรียนรู้ตามศาสนาพระพุทธเจ้ามา สืบสานมาจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สะสมเป็นของตนเองไปเรื่อยๆ จากปัจจัตตังเป็นปัจเจกจากปัจเจกเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามลำดับ
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม2562
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:12:35 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:38:51 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:06:40 )
รายละเอียด
เมื่อรู้แล้วอรหันต์แยกได้จะตายสูญแยกเป็นอุตุนิยามไปเลยก็ได้ อย่างโพธิสัตว์หรืออย่างของอาตมาทำได้แยกได้ ให้คนอื่นรู้ต่อได้รับสิ่งที่ดีที่สุดก็เอามาเผยแพร่ต่อสื่อสารความรู้ความจริงนี้ต่อไปเรียกว่าสืบสานพระศาสนา ก็มาทำต่อไป เพราะมันเป็นประโยชน์มีค่าที่สุดไม่มีอะไรเท่า เกิดมาเป็นร่างกายมนุษย์อันนี้เป็นความดีความรู้เป็นเทวะ 2 อย่างที่สูงที่สุดดีที่สุดประเสริฐที่สุดที่มนุษย์พึงได้พึงมีพึงเป็นให้ถึงที่สุด พอสุดแล้ว อยากจะอยู่ถ่ายทอดสิ่งที่เกิดมาเป็นอัตภาพเป็นจิตนิยาม เสร็จแล้วก็ให้คนให้สัตว์ให้มนุษย์ที่มีจิตนิยามได้รู้สิ่งนี้เหมือนกัน เพราะรู้หมดแล้วเป็นอนัตตาจริงๆ ท่านอยู่มันก็มีแต่ทุกข์มันไม่เที่ยง อยู่ก็ช่วยเขาเพราะว่าอยู่กับพวกนี้แล้ว สรุปผู้ที่เป็นอรหันต์ได้แล้วก็ไม่มีทุกข์พ้นทุกข์ได้แล้ว ก็ต้องช่วยเขาทำไปสืบทอดความจริงความรู้นี้ให้แก่ผู้ที่เป็นต่อ เขาจะได้แล้วก็จะได้เกิดมาเป็นคน แล้วก็สามารถได้รับความรู้ความจริงอันนี้ แล้วก็เลยต้องช่วยเขา ช่วยคนต่อให้ได้รู้ความจริงอันนี้แล้วก็ถึงวาระที่เราบอกว่าพอแล้วเมื่อยแล้ว ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:01:41 )
รายละเอียด
สื่อที่ถูกต้องจะต้องแข็งแรงและกล้าหาญ จะต้องช่วยกัน โดยเฉพาะสื่อสารมวลชน แต่ว่าสื่อสารมวลชนก็ยังไม่แข็งแรง ยังตกอยู่ใต้อำนาจของโลกีย์ กลัวจะเสียลาภยศ กลัวจะเสียตำแหน่งหน้าที่ เกรงใจอะไรต่างๆ
อาตมาเข้าใจสถานะ status quo ของสังคมประเทศชาติ แต่ตอนนี้ก็ก้าวหน้าขึ้นมาแล้ว มีอัตราก้าวหน้ามา ค่อยๆบวกสูงขึ้นๆ เมื่อใดถึงขั้นคูณขึ้นไป มันเป็นตัวแปรถึงสัมประสิทธิ์ Coefficient ตอนนี้ก็ดูว่าอัตราก้าวหน้ามันเป็นไปตามลำดับ ถ้าเข้าขั้นถึงคูณ ไม่ต้องถึงกับยกกำลัง ถ้ามีอัตราก้าวหน้าที่มันถูกต้องแล้วมันก็ดีงาม กล้าแสดงออกต่อสังคมประเทศชาติ ได้ยิ่งกว่านี้ถึงขั้นคูณ ถึงตัวแปรสำคัญ Coefficient มันจะไปได้สูง แต่ตอนนี้มันก็เริ่มได้นิดๆ ยังไม่ได้คูณเลย แต่จะคูณก็คูณ .001 .05 ยังไม่ถึง 1 มันมาเรื่อยๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 15:33:39 )
รายละเอียด
ก็ดีแล้วนี่แหละจะได้รู้ตัวมีสติอยู่กับปัจจุบัน รู้ตัวความเป็นจริงหรือตามความเป็นจริง คำว่า ศัพท์คำว่า รู้ตามความเป็นจริงนี้ลึกซึ้งซับซ้อนมาก มันรู้ตามความเป็นจริงแล้ว แล้วมันก็ไม่เกิดความสุขความสุข หรือรู้ตามความจริงนั้นหมายความว่าอะไรที่เรารู้นั้นมันเป็นอย่างไร จบในตัวมันเองอย่างเดียวมันไม่เป็นสภาพ 2 ไม่มีสภาพ 2 ซ้อนขึ้นมา เป็นอาการชอบหรือไม่ชอบ ผลักหรือดูด สุขหรือทุกข์ พยัญชนะคู่ อย่างหยาบๆทำได้ แล้วจะค่อยๆมีปฏิภาณปัญญารู้รายละเอียดสัมผัสอีกแล้วมันไม่มีสภาพคู่ มันมีแต่สภาพเดี่ยว จนกระทั่งเฉยๆ 0 กลางๆ ก็เข้าไปสู่ความไม่ทุกข์ไม่สุข พยัญชนะก็สื่อได้ประมาณนี้ สภาวะไปทำเอาเอง
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:08:45 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:13 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:07:37 )
รายละเอียด
แต่ผู้หลงผิดก็มืดบอดจริงๆ ไป“หลับตา”ปฏิบัติกัน การหลับตาปฏิบัติ มันก็ตรงกันข้ามกับ“อปัณณกปฏิปทา 3” มันผิด“วิธีปฏบิติของพุทธ” แม้ภาษา“อปัณณกปฏิปทา” ก็ยืนยันอยู่โต้งๆ ชัดๆอีกปานฉะนี้ ก็ยังไม่ยอมรับความผิดนี้
3.ผู้นำวิธี“หลับตา”มาใช้ในศาสนาพุทธจึงเป็น“นาค” หรือ“งู”ปลอมเข้ามาเผยแผ่ลัทธิวิชาของเดียรถีย์ ในพุทธ เมื่อ“ปลอมตัว”เข้ามาอยู่ในศาสนาพุทธแล้วก็พยายามที่จะไม่ทำตนเป็น“งู” ก็ยังพยายามไม่ให้แสดงหลับ ไม่ให้แสดงนอน เดี๋ยวจะจับได้ว่าเป็นเดียรถีย์คือ“งู” จนที่สุดนาคที่ปลอมเข้ามาบวชในศาสนาพุทธก็ต้องเผย“ธาตุแท้”ออกมาจนได้ คือ ตอนมาขอบวชนั้นปลอมตัวเป็นคน แต่เผลอนอน เผลอหลับให้จับได้ นั่นคือ ร่างที่ปลอมเป็นคนมานั้นมันกลับคืนไปเป็นงู ตอนเผลอนอนหลับอยู่ในกุฏิ หางโผล่ออกมานอกประตู มีผู้พบเห็นก็จับได้ว่าเป็น“นาค”ปลอมตัวเข้ามาบวช จึงจับสึก ไล่ออกไป แต่นาคก็อ้อนวอนขอให้เห็นใจ คนผู้รักศาสนาพุทธ ศรัทธาศาสนาพุทธ อยากเป็นพุทธ จึงขอให้เรียกผู้ที่จะได้บวชเป็น“ภิกษุ”ในศาสนาพุทธ โดยใช้คำว่า “นาค”เป็นอนุสรณ์ จึงมีคำว่า “นาค”เรียกผู้เตรียมบวชก่อนเป็นภิกษุ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 20:29:44 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2563 ( 12:59:37 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:53 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 11:04:55 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:23 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 08:07:24 )
รายละเอียด
เป็นได้จากเครื่องรับของคุณเอง องค์ประกอบต่างๆหลายอย่าง เป็นได้ทั้งจากเครื่องส่งมันสะดุด เราก็ยอมรับว่า เทคโนโลยีของเรา low tech ไม่ high tech เราไม่ได้ซื้อแต่ของชั้นยอดมีคุณสมบัติเก่ง เราไม่มีสตางค์ถึงขนาดนั้น แต่ทุกวันนี้เราทำได้ก็ถือว่าเก่งพอสมควรนะ คนอย่างเรา โทรทัศน์เดือนหนึ่งๆมีค่าใช้จ่าย 20 ล้าน ถึง 100 ล้านพันล้านบางเจ้า อย่างช่องของรัฐบางช่องเขาให้เดือนละ 1 ล้าน ข้าวของก็ใช้อย่างชั้น 1 ดีๆทั้งนั้นเลย เป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติ ของเราอย่างไรก็ต้องขออภัย เราพยายามสุดที่ คนทำงานของเราก็ทำงานด้วยหัวใจไม่มีใครรับเงินเดือน ช่วยกันด้วยจิตใจทำงานฟรีกันทั้งนั้น ทำได้อย่างต่อเนื่องมาเกิน 10 ปีแล้ว ตั้งแต่พศ. 2550 จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ครบ 12 ปีแล้ว
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 17:49:24 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:02 )
รายละเอียด
ดีงาม , ง่าย
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 578
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:21:40 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:55:57 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:14:29 )
รายละเอียด
ทำความสะอาดอย่างดี การชำระด้วยวิธีที่ดี
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 314
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:22:09 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:56:38 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:14:45 )
รายละเอียด
อรหันต์ผู้เห็นแจ้งจริง รู้แจ้งๆ เต็มๆ อยู่โทนโท่ เดี๋ยวนี้ก็มีอยู่ว่ากิเลสแห้งสนิท
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 255
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:22:48 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:57:20 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:13:15 )
รายละเอียด
กรรมที่ทำดีแล้วสั่งสมลงเป็นผลของกรรม(เรียกว่าวิบาก) ไม่ต้องสารภาพผิด ไม่ต้องขอโทษใคร ไม่เป็นอาบัติ
หนังสืออ้างอิง
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 16
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:23:24 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:57:52 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:15:08 )
รายละเอียด
1. ใครทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่ว ต้องรับผลของกรรมนั้นแน่นอนที่สุด
2. กรรมที่คนทำทุกปัจจุบันนี้เท่านั้นสำคัญที่สุด ที่จะเป็นผล เป็นวิบากของตน
หนังสืออ้างอิง
ค้าบุญคือบาป หน้า 255, ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 57
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:31 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:59:09 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:11:19 )
รายละเอียด
คือ สุข ทุกข์ เป็นผลจากวิบากกรรม
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71
เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 14:49:13 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:42 )
รายละเอียด
หมู
หนังสืออ้างอิง
จากคนคืออะไร? หน้า 76
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:31:08 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:59:44 )
รายละเอียด
ชื่อของอาหารชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยข้าว และนมโคเป็นเครื่องปรุง
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 76
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:31:46 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:00:24 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:13:35 )
รายละเอียด
อันนี้จะว่าเป็นเห็ดพิษคนก็สงสัยว่าเห็ดสุกรมัทวะเป็นอย่างไร สุกรมัทวะคือเห็ดอ่อนที่หมูชอบกิน เห็ดอ่อนนุ่มเนื้อดี หมูชอบกินคนก็เลยไปแย่งหมู ไม่รู้ว่าเห็ดสุกรมัทวะ มันมีสารพิษหรือไม่ หรือว่าเห็ดนี้ดูดสารพิษง่าย
เห็ดนี่ ถ้างูที่มีพิษมันไปเลื้อยผ่าน หรือมันมีพิษของมันออกมาถูกกับเห็ดเข้า เห็ดมันจะดูดพิษของงูไว้เลย แล้วเห็ดนั้นจะเป็นพิษ เห็ดนี้มันอาจจะโดนสัตว์โดนงูที่เป็นพิษก็เป็นได้ ไม่ได้มีใครวิจัยไปถึงขนาดนั้น สรุปแล้วไม่ต้องไปฉงนอะไรมากมาย พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ท่านกำหนดวันปรินิพพานแล้วจะต้องตายวันนั้นเวลานั้น แล้ววันนั้นท่านก็ฉันอาหารนี้จากนายจุนทะ ที่ปรุงอาหารสุกรมัทวะมาถวาย เป็นเรื่องราวที่บอกว่ามันเป็นเนื้อหมูหรือเป็นเนื้อเห็ดกันแน่ บางคนก็วิเคราะห์ว่าเป็นอาหารอย่างหนึ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา เหมือนอย่างกับข้าวยาคูอะไรพวกนี้ เขาเรียกว่าข้าวสุกรมัทวะเหมือนกัน วิจัยกันไปแต่จะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ พระพุทธเจ้าท่านจะต้องมีเหตุให้ตาย เพราะฉะนั้นก็คงจะเป็นอย่างที่ว่ามันเกิดพิษที่เห็ด
ท่านถึงบอกว่าอันนี้เอามาถวายท่านรู้เลยว่าอย่าให้ใครกินนะ อย่าให้พระรูปไหนฉัน เราฉันแล้ว ที่เหลือเอาไปเททิ้ง ก็มีรายละเอียดบอกอย่างนั้นอยู่ แสดงว่า ต้องมีเหตุให้ท่าน ทุกอย่างมาแต่เหตุ ท่านจะตายโดยไม่มีเหตุไม่ได้ ก็เป็นอจินไตยอย่างนั้นที่จะต้องครบบริบูรณ์ด้วยเหตุปัจจัยสมบูรณ์แบบ อจินไตยที่คิดได้ยาก ว่าทำไมจะต้องลงตัวถึงขนาดนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทเริ่มอธิบายที่ชาติ 5 วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 15:59:31 )
รายละเอียด
1. สิ่งที่ได้บำบัดทุกข์เท่านั้น (ไม่มีตัวตนโดยความจริงเลย)
2. ไม่ต้องทน
3. ชื่น , ชอบ
4. ที่ว่างๆ อยู่นี่แหละงาม เหมือนกลางหาวนี่แหละง่าย[สุ + ข ; สุ แปลว่า ดีงาม , ง่าย ข แปลว่า ที่ว่าง ความว่าง กลางหาว]
5. อารมณ์หรือความรู้สึก(ที่ไม่มีกิเลสนิวรณ์) จะได้รับฌานเป็นพรให้แก่ชีวิต
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 114, หน้า 91
ทางเอก ภาค 1 หน้า 318
ทางเอก ภาค 2 หน้า 578
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 60
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:33:14 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:01:51 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:15:46 )
รายละเอียด
คือ ภาษา คำว่า สุข ก็ดี มันไม่ได้มี ตัวตน เพราะว่า คำ ข แปลว่า ว่าง สุ แปลว่า ดี สุขคือ ว่างนั่นแหละเป็นของดี มีความซ้อนทั้งพยัญชนะและสภาวะ (สมณะเดินดินว่า ถ้าไม่มีพระโพธิสัตว์มาเกิดขึ้น ก็จะหลงในความสุข ในความร่ำรวยและในการนั่งหลับตา หากอาตมาพูดคงไม่ได้เพราะไม่มีบารมี) อาตมาว่าดีนะพูดอย่างถ่อมตัว ขนาดอาตมามีบารมีมากกว่าท่านนี่ไม่ได้พูดข่มท่านนะ ขนาดมีมารมี ยังยากนะ คนมีมานะ อติมานะกันมาก
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 12:19:20 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:44:44 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:17:59 )
รายละเอียด
ภาษา คำว่า สุข ก็ดี มันไม่ได้มี ตัวตน เพราะว่า คำ ข แปลว่า ว่าง สุ แปลว่า ดี สุขคือ ว่างนั่นแหละเป็นของดี มีความซ้อนทั้งพยัญชนะและสภาวะ สมณะเดินดินว่า ถ้าไม่มีพระโพธิสัตว์มาเกิดขึ้น ก็จะหลงในความสุข ในความร่ำรวย และในการนั่งหลับตา หากอาตมาพูดคงไม่ได้ เพราะไม่มีบารมี สมณะโพธิรักษ์ ว่า ดีนะพูดอย่างถ่อมตัว ขนาดอาตมามีบารมีมากกว่าท่านนี่ไม่ได้พูดข่มท่านนะ ขนาดมีมารมี ยังยากนะ คนมีมานะ อติมานะกันมาก
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 19:24:18 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:45:27 )
รายละเอียด
สุขก็คือเพ้อๆ ฝันๆ แดนเพ้อๆ แดนเลอะๆ เทอะๆ แดนที่ไม่มี คุณสมมุติ คุณอุปาทาน คุณยึด คุณติด คุณมี คุณไปเอาสิ่งที่ไม่มีตัวตนมาเป็นตัวตน แล้วจริงๆที่คุณว่าสุขนะดาวดึงส์สวรรค์สุข ที่แท้มันทุกข์มันวิปลาสทั้งไม่มีตัวตน ทั้งวิปลาสที่เป็นทุกข์แท้ๆแต่คุณหลงว่าสุข มันไม่ใช่ตัวตนคุณก็ยึดว่ามันมีมันเป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่สิ่งที่น่าได้น่ามีน่าเป็น วิปลาสพร้อม 4 อย่างเลย คนที่มีดาวดึงส์คือคนวิปลาส 4 บริบูรณ์ ฟังดีๆนะความมีหรือความไม่มีที่อาตมาพูดถึงสภาวธรรมที่ลึกซึ้งละเอียด ไม่ง่ายนะที่จะไปรู้จักว่า โอ้โหจริงๆ ดาวดึงส์นั้นมันไม่มีหรอก ไม่มี ไอ้ที่มีอยู่คือคุณยังโง่อยู่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 15:28:41 )
รายละเอียด
มันมีสุข 2 อย่าง สุขอย่างที่กิเลสลด นี่คืออุปปัติเทพไปถึงวิสุทธิเทพ ไม่ใช่สุขที่ไปเสพสุข เสพทุกข์ อยู่แบบสมมติเทพ ไม่ใช่ สุขที่ลดลำดับเหตุแห่งทุกข์หมด วิสุทธิก็หมดสุขหมดทุกข์เลย อย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้นเมื่อปัสสัทธิ เมื่อสงบแล้วจิตจึงตกผลึกจิตสะอาดแบบนี้นะแบบกิเลสลดนะ สมาธิเป็นประมุขของจิต เป็นประมุขเพราะจิตตั้งมั่น เป็นสมาธิโตเป็นเจโตปริยญาณ 16 รู้จักกิเลส ราคะ โทสะ โมหะแล้วทำให้กิเลสลด เป็นสมาหิตตัง เป็นวิมุตติ อวิมุตติ จึงเป็นจิตตั้งมั่นที่เป็นโลกุตระ ไม่ใช่จิตตั้งมั่นแบบเดียรถีย์ ดาบสทั้งหลายแหล่ที่ยังไม่สัมมาทิฏฐิ ไม่ใช่ เป็นจิตตั้งมั่นที่เป็นสมาหิโต เกิดรู้มีเจโตปริยญาณ 16 เลย นี่เป็นสมาธิของพระพุทธเจ้า
ยถาภูตญาณทัสสนะ รู้รอบรู้ถ้วน รู้ยิ่งในความจริง นิพพิทาก็เกิด วิราคะก็เกิด สุดท้ายวิมุตติญาณทัสสนะ นี่คืออานิสงส์ 10 ประการของการปฏิบัติศีล
เพราะฉะนั้นใครที่ปฏิบัติสอนกันอยู่ ควบคุมกายวาจาที่ผิด ถ้าจะทำสมาธิก็ไปหลับตาทำ ศีลก็ควบคุมกายวาจา เขาอธิบายกันอย่างนี้มันตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้าตรงไหนล่ะ อนุสาสนีปาฏิหารย์ เห็นไหมว่ามันเพี้ยนผิดกันไปไกล ไปแยกศีลกับสมาธิของพระพุทธเจ้าออกจากกัน ผิด ศีลทำให้เกิดสมาธิก็ชัดเจนอยู่ในอานิสงส์ 10 ประการ สมาธิเกิดจากการปฏิบัติศีล ข้อ 6 นะ สมาธิ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการนั่งสะกดจิต ขอย้ำอีกตีหัวเข้าบ้านอีก นั่งหลับตาเลิกได้แล้ว มันผิด มันเดียรถีย์ มันเสื่อมหนักจริงๆ ศาสนาพุทธ อาตมาไม่รู้จะทำอย่างไร
สมาธิเกิดจากการปฏิบัติธรรมอย่างสัมมาทิฏฐิ อย่างนี้ต่างหากที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ เพราะฉะนั้นยิ่งพูดก็ยิ่งเห็นความเสื่อม
อาตมาก็ต้องพูดไปปากเปียกปากแฉะ คนที่ไม่รู้ก็ไปค้านแย้งกับคำสอนอาจารย์ของเขา เขาก็หาว่าอาตมาเป็นอะไร มันน่าสงสารเขาไม่รู้จริงๆ ไม่ได้โกรธเคืองอะไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 21:00:12 )
รายละเอียด
ชาวโลกีย์เขาไม่ดับสุข ไม่ดับทุกข์ เขายังไม่เข้าใจว่าดับสุขดับทุกข์คือนิพพาน แม้แต่ศาสนาพุทธในเมืองไทยก็ยังเอาสุขเสพสุขกันโอ้โหแย่งกัน พวกเรานี่ฟังธรรมได้ดีนะ
เขายังไม่ประสีประสาในเรื่อง“สุข”นี้กันเลย เขาจะหาว่า“บ้า” ด้วยซ้ำ ที่มา“ดับสุข”กัน คนทั้งหลายมีแต่คนจะสะสม“สุข”ให้ยิ่งๆขึ้นจัดจ้านขึ้น ไป“ดับสุข”มันทำไม? บ้ากันหรือเปล่า?
เพราะเขายังหลงติด“สุข”กันสนิทเนียนจริงๆ ชาวโลกุตระจึงจะมี“ปัญญา”รู้ว่า “สุข-ทุกข์”เป็นมายา “สุข-ทุกข์”เป็น“อุปาทาน” เป็นความ“ติดยึด”ทาง
จิตวิญญาณ ซึ่ง“พลังงานทางจิต”เป็น“ชีวะ”แล้วเริ่มมีภาวะตั้งแต่ขั้น“เจตสิก”ขึ้นไป สู่“จิต” สู่“วิญญาณ”เต็มสภาพ อาตมาไล่มาแล้ว ตั้งแต่ มหาภูต อหิจฉัตตก ภูตคาม พีชคาม เจตภูต เจตสิก ปาณะ สัตตะ (พ่อครูขยายจากอปัณณกสูตร 13/115)
แล้วก็เคลื่อนไหวออกมาเป็น“ตัณหา”ทำหน้าที่ตั้งแต่หยาบสุดคือ “กามตัณหา”
ถ้าคนผู้อวิชชาที่“ไม่รู้”เรื่อง“กาม”ก็จะ“ใคร่อยาก”ดึงดูด แย่งชิงมาให้ตน“เสพสุข” หรือ“ใคร่อยาก”ผลักดันออกไป ถึงขั้นทำลายทำร้ายฆ่าแกงกันทีเดียว ด้วย“ความไม่รู้ (อวิชชา)”
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 15:38:18 )
รายละเอียด
สุข ทุกข์ อทุกขมสุข 3 อย่าง ไม่สุขไม่ทุกข์ก็เป็นกลางๆ คำ synonyme ว่า อุเบกขา จริงๆแล้วไม่ใช่แค่กลางๆแล้ว แต่มันบริสุทธิ์จากกิเลสบริสุทธิ์จากอวิชชา จริงๆแล้วไม่ใช่ รู้แจ้งจบแล้ว หมดกิเลสแล้ว สะอาดบริสุทธิ์แล้ว อุเบกขาจึงขยายเป็น ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
อปุญญาภิสังขารจึงไม่มีบุญไม่มีบาปแล้ว ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ จิตที่จะสั่งสมลงไปเป็น อาเนญชาภิสังขาร จึงเป็นความตั้งมั่นตกผลึกเป็นสมาหิโต จิตตั้งมั่นตกผลึกเป็นอาเนญชาภิ สังขาร สังขารต่อไปอย่างไรก็มีแต่จิตที่ไม่สุขไม่ทุกข์ มีแต่จิตบริสุทธิ์จากกิเลสเป็นอุเบกขา มากองเพิ่มอยู่ในจิตอย่างเดียว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2565 ( 15:22:59 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 19:01:13 )
รายละเอียด
สุข-ทุกข์ เหมือนกระดาษแผ่นเดียวกัน แต่เป็นคนละหน้า คนรู้ทันสุขเป็นมายาน้อย เป็นโลกุตระ ส่วนคนไม่รู้ทันสุขก็เป็นโลกียะ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก คนในโลกมี 7 พันล้าน ก็นับจำนวนชาวอโศกเป็นแกน นอกนั้นก็ตามศึกษามาบ้าง จะถึงล้านคนไหมนี่ ถ้าถึงล้านคนอาตมาน่าจะมีคนยอมรับมากกว่านี้นะ แต่นี่มีอยู่แค่นี้ พูดไปไม่ได้น้อยใจนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4
วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:33:04 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:16:28 )
รายละเอียด
ศาสนาพุทธนั้นความสุขความทุกข์เป็น "โลกุตระ" ความดีความชั่วเป็นเพียง "โลกียะ"
ศาสนาเทวนิยมรู้แต่ความดีความชั่ว ก็ทำตัวให้ดีอย่าทำความชั่วมันก็ดีประมาณหนึ่ง แต่มันไม่เที่ยงมันก็ไม่รู้มันก็วนเวียนอยู่กับความสุขความทุกข์ ความสุขความทุกข์นั้นเหนือกว่าความดีความชั่ว ผู้ที่ดับความสุขความทุกข์ได้แล้ว ไม่ติดในความชั่วความดีแล้วรู้ความชั่วความดีอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ทำดีอย่างหนักๆ ทำดีอย่างหนักๆๆๆ ก็ไม่ได้รังเกียจไม่ได้ลำบากอะไร ลำบากตามสัจธรรมตามเหตุปัจจัยที่มันเป็นจริง แต่เมื่อมันเป็นประโยชน์ เป็นคุณค่าเราควรทำให้แก่โลก เมื่อรู้จบรู้ว่านี่คือสิ่งที่ดี พยายามพาคนให้มาทำดี แล้วก็บอกให้คนเลิกชั่วมาทำแต่ดีก็ยังไม่พอ ก็ต้องรู้ให้ความสุขความทุกข์เป็นอย่างไร คนติดในความดีเป็นสุขแน่นอน ก็เลยมีความเกิดเป็นชาติ จนรู้ว่า เรายังเกิดอยู่ เพราะเราไปติดในความดี ศาสนาเทวนิยมทำแต่ดี ค้างเติ่งแต่ดี ก็เลยมีแต่สุข ก็ยังดี แต่ศาสนาพุทธนี้เห็นว่าดีชั่วก็เป็นเทวะ ความสุขความทุกข์ก็เป็นเทวะ ให้ดับความเป็นเทวฺเลยหมดความชั่วความดี แต่แน่นอนดีชั่วเมื่อเป็นโลกียะก็ควรจะรู้ว่าไม่ควรทำชั่ว เพราะเป็นผู้ที่สามารถทำจิต ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ มีความเป็นประธานเหนือจิตตัวเองเหนือความสุขความทุกข์เหนือองค์ประกอบเหนือสังขารทั้งหลาย ทำแต่สิ่งที่ดีเพราะมีชีวิตมีอัตภาพอยู่
ที่มา ที่ไป
วิถีอาริยธรรม บ้านราช จรณะวิชชาที่พาเป็นคนจนอยู่เหนือคนรวย วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 10:33:52 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:46:33 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:15:03 )
รายละเอียด
สุขกับทุกข์ไม่แยกกัน พวกเราเข้าใจแล้ว ถ้าจะดับก็ดับหมดเลย จะไม่ให้มีกายก็คือ คุณไม่มีทั้งความรู้สึก เพราะกาย กายจะต้องมีเวทนา เมื่อไปตัดกายออกแล้วเวทนาคุณก็ไม่มี ไม่มีผัสสะ ไม่มีข้างนอก คุณก็ไม่มีกาย คุณก็ไม่มีเวทนา
ศาสนาพุทธนั้นต้องปฏิบัติที่เวทนาเป็นกรรมฐาน เป็นที่ตั้งแห่งกรรมฐาน เป็นที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ เมื่อไม่มีเวทนา ไม่มีที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ มันก็เลยโมฆะหมด เพราะศาสนาพุทธนั้น หัวใจคือสุขทุกข์ เรียนรู้ทุกข์นี่แหละ แล้วก็จะดับทุกข์ เมื่อดับทุกข์หมด สุขก็หมดไปด้วย เป็นอาริยสัจ 4 เป็นหัวใจของศาสนาพุทธ แต่เขามิจฉา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:27:22 )
รายละเอียด
คุณก็แยกของคุณเองแยกจาก 2 เป็น 1 ซึ่งมันไม่มีปัญหาหรอก คนที่เข้าใจ 2 เข้าใจ 1 แล้วแยก 1 ใน 2 และ 2 ใน 1 มันจะมีอย่างนี้เท่านั้นในโลก จะมีสภาวะ 2 แล้วแยกให้เป็น 1 ให้ได้ แล้วแม้ว่าได้เป็น 1 แล้วคุณก็อยู่กับ 2 เป็น อนุปคัมมะ อันนี้ดี อันนี้ไม่ดี อันไหนควรอันไหนไม่ควร อันนี้มี อันนี้ไม่ให้มี คุณก็อยู่กับ 2 อย่าง เป็นธรรมดาธรรมชาติของสิ่ง 2 สิ่งที่จะต้องต่างกันทั้งนั้น ปรมาณู 2 ตัวก็ต้องต่างกัน
อณู สุญญาณู หรือว่านามธรรม 2 มันก็ต่างกันเป็น 2 เท่านั้น มันมีอย่างเดียวที่เท่ากันนั้นคือนิพพาน ผู้ใดมีนิพพานสูญได้ในชีวิตเลย นี่คือสิ่งเดียวเท่านั้นในมหาจักรวาลที่เป็นหนึ่งเดียว นอกนั้นเป็นเรื่องคู่ แม้จะเป็นของโลกุตระบุคคลที่รู้จักสภาพ 2 หรือแม้แต่ อวิชชา ของโลกียบุคคลที่เขาไม่รู้จักสภาวะ 2 เขาก็หลงว่า เป็น 1 เหมือนกับหลงว่าพระเจ้าเป็น 1 แต่ที่แท้เป็น 2 ถ้าเป็น 1 1 ก็คือจินตนาการของเขาอันเดียว คนเดียว คุณเข้าใจสภาวะถูกอยู่แต่คนแยกภาษามาเท่านั้น ที่ต้องอาศัยอยู่ก็ต้องใช่ ก็เราเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2565 ( 19:49:17 )
รายละเอียด
ที่ที่นี้ในโลกใหม่ที่ เป็นตัวติดยึด เขาไม่รู้กันเลยก็คือสุขกับทุกข์ อาการสุขอาการทุกข์เป็นอาการของโลกโลกุตระ เขาไม่รู้เขาก็ไม่เข้าใจไม่เคยศึกษาว่า สุขกับทุกข์มันคืออะไรมันคืออุปาทาน ความสุขกับความทุกข์เป็นเรื่องมายาเป็นเรื่องผีหลอก สุขกับทุกข์เป็นซาตาน ในโลกเทวนิยมไม่รู้จักซาตานเลย ซาตานคือนายของพระเจ้า แต่พระเจ้าหลงตัวเอง ไม่เคยระมัดระวังซาตานที่สิงอยู่กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา
พระพุทธเจ้าจึงหันมาสนใจซาตาน ผีมารหรือกิเลส แล้วรู้ความจริงให้ได้ว่ากิเลสคืออะไร สุดท้ายก็มารู้ว่า เอ็งเป็นมายาแท้ๆ เอ็งไม่มีตัวจริง เอ็งไม่มีตัวตน เอ็งเป็นเหตุแห่งทุกข์เอาความสุขมาหลอก แต่แท้จริงมันอันเดียวกันมันแยกกันไม่ออก เพราะฉะนั้นจึงทำลายทั้งสุขและทุกข์ออกไปหมดเลย สูญไปเลย เลิกเลย จึงเห็นชัดเจนว่า สิ่งที่มันเกิดมาเป็นจิตวิญญาณแท้ๆ มันคือสิ่งไม่มีตัวตนอะไรหรอก เมื่อมีอารมณ์มันก็เลยจับได้ว่า ปัดโธ่เอ๋ย มันไม่อยู่กับร่องกับรอยเรียกว่าไม่เที่ยง มันมีแต่แสวงหาทุกข์ แต่มันถูกมายาหลอกว่ามาหาสุข แล้วสุขในอะไรในโลก โลกมี ลาภยศสรรเสริญแล้วก็ตัวความสุข โดยไม่รู้ว่าสุขคืออะไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 08:22:52 )
รายละเอียด
คุณเข้าใจได้ แต่ว่า มันสับสนระหว่างพยัญชนะกับสภาวธรรมที่แท้จริง อันนี้แหละยาก มันสลับกันไปบางทีก็งง เพราะฉะนั้น สลับกันอยู่นี่แหละคือ มายา มันสลับผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก หลอกเราอยู่ตลอดเวลามายา ส่วนสิริมหามายานั้นนะ รู้ทัน เพราะมันต้องมี 2 เสมอ ผิดถูก ดีชั่ว มันมีหนึ่งเดียวอยู่คือที่เป็นมายาสุดยอดมหามายาคือ สุขกับทุกข์
สุขกับทุกข์เป็น 2 หรือเป็น 1 ยกมือตอบสิ ...ใครว่าเป็น 1 ยกมือขึ้น ใครว่าเป็น 2 ยกมือขึ้น ?... จะเห็นว่าเป็น 2 นี้ยกมือเยอะ เป็น 2 แต่ผู้ที่สำเร็จแล้วสามารถรู้ว่า สุขกับทุกข์เป็น 1 เป็น 1 คืออะไร เป็น 0 คือไม่มีทั้ง 1 ทั้ง 2เป็น 1 คือรู้ว่ามี ถ้ามีอยู่ก็เรามีชีวิตก็มี 1 กับ 2 มีเรากับไอ้สิ่งนั้น อันนั้นไหมหรืออันนั้นไม่ถูก อันนี้ถูก เราก็รู้หมด แต่เราก็ไม่ไป รู้แล้ว เป็น อนุปคัมมะ ก็มันมีอยู่อย่างนี้ อะไรควรกับไม่ควร เราก็รู้แล้ว ถึงเวลาที่จะต้องสมทบ ที่จะร่วมไม้ร่วมมือ ก็ร่วมกับสิ่งที่ควร ฝ่ายที่ควรก็เป็นธรรมดา อย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นกลางแล้ว รู้ดีแล้ว มีปัญญาแล้ว ไม่ใช่ไม่เข้าข้างคนดี แต่ต้องเข้าข้างคนดีช่วยเหลือคนดีที่สมควรตาม กาละ เทศะ ฐานะ บางทีเราก็เห็นอยู่ แต่เราเข้าข้างไม่ได้ ฐานะ เราไม่ใช่ที่จะต้องไปเข้าข้าง กาละนั้นเทศะนั้น เราก็ทำอะไรไม่ได้ บางครั้งสมควรจะต้องเข้าข้าง อย่างเราไปชุมนุมประท้วงเราเข้าข้างแน่ๆอะไรอย่างนี้เป็นต้น เราแสดงออก ทุกวันนี้ก็แสดงออกเข้าข้าง อย่างพวกคุณมาเข้าข้างอโศก ไม่เข้าข้างเถรสมาคม เป็นต้น ก็ชัดๆง่ายๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2565 ( 19:52:00 )
รายละเอียด
รู้จุดสำคัญคือสุขกับทุกข์ มันเป็นคู่หูกันแยกไม่ออก ศาสนาพุทธไม่ดับแต่ทุกข์หรือเอาแต่สุข ไม่ได้ต้องดับทั้งสุขและทุกข์ โดยดับที่ทุกข์เพราะรู้ได้ง่ายกว่าสุขมันอุปาทานเนียนกว่า รู้ยาก แต่ทุกข์รู้ง่ายกว่า ดับเหตุแห่งทุกข์ได้ สุขก็หมดไปด้วย เป็นฐานกลางว่างเนกขัมสิตอุเบกขา มีตัวอย่างที่เราดูดมันมากผลักมันมาก เราก็อย่าไปยุ่งเกี่ยว เราเป็นอย่างไรในจิตเรา มันอยู่ที่เรา เราเอาออกเราหมดทุกข์หมดสุข เราจะเกิดปัจจัตตลักษณ์คือรู้ได้ด้วยของตนเองมี อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง จิตมันว่างจากกิเลสตัวนี้ จิตว่างจากภพชาตินี้แล้ว ว่างจากสุขทุกข์นี้แล้วเป็นเช่นนี้เอง ตถตา อุทานออกมาได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561
สื่อธรรมะพ่อครู(เทวดา นรก สวรรค์) ตอน คู่หูของสุขกับทุกข์
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 17:29:54 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ว่ามัวแต่คิดแต่ดีชั่วไม่พอ มันต้องมาศึกษาเรื่องสุขเรื่องทุกข์ ประเด็นนี้อาตมาพูดขยายความมาพอสมควรแล้ว ไม่รู้จะรู้เรื่องกันไหม ความต่างระหว่างคู่หูความดีความชั่วกับความสุขความทุกข์ 2 อย่างนี้ ผู้ที่รู้แต่ดีแต่ชั่วแล้วจัดการแก้ไขดีชั่ว เป็นคนดีไม่เป็นคนชั่ว กับผู้รู้สุขทุกข์ แก้ไขสุขทุกข์ จนกระทั่งเข้าใจสูงสุดว่า สุขกับทุกข์นี้ มันไม่มีจริง มันเป็นมายา มันเป็นสิ่งลวง คนไปยึดว่ามี มีสุขมีทุกข์ ก็ยิ่งมารู้จากพระพุทธเจ้ารู้ชัดว่าสุขกับทุกข์ มันคู่หูกันที่แยกไม่ออก คุณเอาสุข ทุกข์ก็ติดมาด้วย หูคุณมี 2 ข้าง คุณเอาข้างหนึ่งมา มันก็มาอีกข้างด้วย 2 ข้างไม่มีหน้าแยก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 12:42:45 )
รายละเอียด
คุณจะรู้ทุกข์ ดีชั่วก็รู้แล้วทำได้แล้วสำเร็จแล้วรู้สึก เทวนิยมไม่เรียนรู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์ ดี ชั่วเป็นโลกียะ ความสุขความทุกข์เป็นเรื่องของโลกุตระศาสนาเทวนิยมไม่เรียนรู้ไม่รู้สุขรู้ทุกข์แล้วหลงโง่กับความสุขด้วยเป็นความสุขนิยม แล้วสุขกับทุกข์มันเป็นมายาเป็นตัวเดียวกันคู่หูกัน ฉีกออกจากกันไม่ได้เหมือนกระดาษแผ่นหนึ่งนี้ คุณแยกมันออกจากกันไม่ได้หรอกมันมี 2 หน้า คุณเอาสุข คุณก็ได้ทุกข์ เสร็จแล้วคุณก็จะต้องมีสุขมีทุกข์อย่างนี้แหละหมุนเวียน นี่แหละสิ่งที่เป็นกรรมวิบาก
เพราะฉะนั้นแค่ดีชั่วคุณก็จะต้องทุกข์สุขด้วยอย่างโลกีย์แล้ว ยิ่งคุณเป็นโลกุตระคุณไปติดสุข ไปหลงชั่ว เป็นสุข หลงดีเป็นสุข คุณก็ติดแล้ว ถ้าหลงชั่วเป็นสุขนั้นมันร้ายแรงอีกเพราะโง่สุขทุกข์ พระพุทธเจ้าจึงตรัสรู้ดีชั่วด้วย ตรัสรู้สุขทุกข์ด้วย ศาสนาเทวนิยม ศาสนาพระเจ้าไม่รู้สุขทุกข์ รู้แต่ดีชั่ว สอนแต่ดีชั่วเท่านั้น จบ สุขทุกข์ไม่รู้แล้วหลงสุขหลงทุกข์ แล้วอวิชชานึกว่าพระเจ้าเป็นเจ้าของสุข ซึ่งไม่ใช่ คุณต้องเกิดมาเป็นคน คุณต้องเกิดมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน คุณไม่รู้หรอกว่าจะทำให้ไม่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานไม่ได้ พระเจ้าจะวนเวียนมาเป็นสัตว์เดรัจฉานได้ อย่านึกว่าตัวเองเป็นพระเจ้าแล้วค้างเติ่ง ไม่มีตกต่ำ ไม่ได้ ไม่จริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:58:27 )
รายละเอียด
คนที่หลงในความสุขนิรันดร สุขเที่ยงสุขนิยมก็ไปอยู่กับพวกเทวนิยมไม่รู้จักทุกข ซึ่งเป็นสิ่งที่แยกไม่ออกแต่คุณนั่นแหละแยกไม่ออก ถ้าเรียนรู้แล้วจะแยกออกสุขกับทุกข์อาการมันเป็นยังไง รู้มันแยกไม่ได้หรอกแต่แยกรู้ได้รู้อาการมันได้ อาการเหมือนกระดาษแผ่นเดียวหน้าหนึ่งมันสุข หน้าหนึ่งมันทุกข์ มันเป็นจอมมายา มันหลอกคุณเอาแต่ด้านหน้าสุขมาหลอกคุณแล้วก็บอกว่าไม่เอาความสุขอย่างไรจะได้บำรุงอัตตา ไม่ว่าจะรักหรือชังสั่งให้สมอัตตาได้ก็เป็นสุขสม รักก็เป็นสุขสม ความชังก็เป็นความสุข อาฆาตพยาบาทแล้วฆ่าเขาได้ก็เป็นสุข คนรักของเขาแล้วเอามาเป็นของเราอย่าให้แตกแยกเลยนะด้วยความหลง แตกแยกจากฉันไปไม่ได้นะคุณก็ยึดถืออยู่อย่างนั้นตลอดกาลนาน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:04:22 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:04:14 )
รายละเอียด
ได้ คำว่าสุขว่าทุกข์เป็นสัจธรรมที่วิเศษต้องรู้ให้จริง มันเป็นธรรมะคู่ที่คนหลงแยกไม่ออก แล้วก็ทำไม่สำเร็จ ในอะไรต่างๆพระพุทธเจ้าจับเป้าที่สุดทุกข์ในคน ที่เกิดตัวตนมีอวิชชา ก็บานปลายเป็นปากกรวย จึงเกิดความวุ่นวายในโลก พุทธนิยม อธิบายได้ตามนี้เลย ต้องเอาให้หมดความสุขความทุกข์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานี
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:08:51 )
รายละเอียด
สุขายะ คือช่วยให้มวลประชาชนรับความสุข ขอยืมภาษา แต่สุขจริงๆคือว่างจากกิเลสทั้งหลาย คือว่างจากทุกข์สุข อาการไม่มีทั้งคู่เป็นนิวตรอนอาการกลางจริงๆ ยิ่งใหญ่มากต้องอ่านอาการจิต ไม่มีรัก ไม่มีชัง ไม่มีดูดไม่มีผลัก กลางจริงๆ ต้องได้ หากทำไม่ได้หมดสิทธิ์เป็นอรหันต์ อรหันต์ต้องได้ อย่าว่าแต่อรหันต์เลย เริ่มต้น สกิทาฯ ก็รู้แล้วโสดาฯ ก็เริ่มเข้ากระแส เจริญเป็นสกิทาฯ ก็ได้มาเรื่อยๆ จนหมดภายนอกไม่ผลักไม่ดูด เป็นอนาคาฯ ก็ลดรูป อรูปต่ออีก หมดไปเรื่อยๆ หยาบ กลาง ละอียดของรูป ก็เอาให้หมดหยาบ กลาง ละเอียดของอรูปอีก พูดพยัญชนะสู่ฟัง คนมีสภาวะจะเข้าใจได้ แต่คนไม่ถึงก็คะเนประเมินเอาได้ พอเข้าใจ หยาบ พออธิบายได้ เช่นอาตมาอธิบาย ปัญญาวิมุติ หมดอาสวะเป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 21:10:45 )
รายละเอียด
มีสภาพเสพสมอารมณ์หมายเป็นวิสัยจิตที่เน้นเอาฝักฝ่ายนามฝ่ายใน ฝ่ายรสชาติ ฝ่ายคุณภาพเท่าที่ตนหลงยึดตามภูมิ ตามปรารถนา และก็ปรารถนาที่สุดที่จะได้ดีเลิศที่สุดเท่าที่ได้มาเสมอ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 250
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:34:25 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:03:13 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:11:59 )
รายละเอียด
สุขทุกข์ มันคือการยึด มันยึดเอง มันมีอยู่เท่านี้เอง เมื่อไม่ยึดแล้วมันก็สลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่มีภพไม่มีชาติ หมดความยึดภพ หมดความยึดชาติ นี่คือปฏิจจสมุปบาทตัวสุดท้าย หมดภพหมดชาติไม่ยึดภพไม่ยึดชาติ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:58:17 )
รายละเอียด
ความจริงคือความเท็จ นี่คือคำตอบอาตมา ความจริงที่คุณรู้สึกนั่นแหละคือความเท็จ เป็นสุขัลลิกะ อัลลิกะแปลว่าเท็จ สุขเท็จๆ สุขไม่มี ทุกข์ไม่มี นี่คือปรมัตถ์คือความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า สวรรค์ไม่มีนรกไม่มี สุขมันเป็นของเท็จ แต่ถ้าเรียกทุกข์เป็นอริยสัจเป็นของจริงกว่า เพราะว่าทุกข์เป็นเรื่องของกิเลส เป็นเรื่องของตัณหา ทุกข์เป็นเรื่องของอวิชชา เป็นเรื่องของอนุสัย มันติดในจิตวิญญาณ โง่ดักดาน เก็บไว้ในจิตมันเลยเป็นของจริง เหมือนกับคนที่คิดว่าอนุสัยจริง อนุสัยกิเลสมันไม่จริง ความสุขความทุกข์มันไม่จริง
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 11:03:59 )
รายละเอียด
จนกระทั่งพระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่า ปัดโธ่เอ๋ย จริงๆแล้วเราไปเที่ยวนึกว่า มันเป็น มันมี ที่จริงแล้วมันเกิดจากสิ่ง 2 สิ่งปรุงแต่งกันขึ้น คือจิตวิญญาณกับอีกสิ่งหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าไอ้นี่แหละเป็นตัวตน เป็นเทวดา เป็นเจ้าแห่งความสุข เป็นเจ้าแห่งอำนาจ เป็นเจ้าแห่งสมบัติ เป็นเจ้าแห่งสัมผัส เป็นเจ้าแห่งเวทนา สุขทุกข์
มาจบที่สุขและทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสรู้สุขทุกข์ แล้วก็รู้ว่าสุขทุกข์คือความลวงคือ มายาใหญ่ โธ่เอ๋ย ๆๆ หลอกมานานหนอ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า เจ้ากิเลสเรารู้หัวใจเธอแล้ว หักขั้วหัวใจเธอออกได้หมดแล้ว อย่ามาทำเป็นหลอกให้ฉันเกิดมาเป็นชีวิตที่โง่ๆอย่างนี้เลย ก็เลยรู้จักวิธีการ ดับ หยุดความโง่ หยุดที่จะวนเวียนเกิดมามีชีวิตแสวงสุข เพราะสุขเป็นมายา ทุกข์เป็นมายา พอรู้จบในทุกข์สุขเป็นมายา ดับสุขดับทุกข์ได้ทุกอย่างดับหมดเลย จิตวิญญาณสลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย นี่คือความตรัสรู้ เป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 11:11:03 )
รายละเอียด
สุขทุกข์จึงเป็นหัวใจของศาสนาพุทธ ศาสนาอื่นๆ ก็หลงทุกข์เป็นสุข เป็นพวกวิปลาส วิปลาสหลงไปเห็นทุกข์ว่าสุข ก็เลยติดความสุข เพราะมันเป็นกระดาษแผ่นเดียวแยกกันไม่ได้ ก็เลยไม่มีสิทธิ์ที่จะไปละลายล้มสุขล้มทุกข์ ก็กลัวจะไม่มีสุข ไม่ได้นะ หมดสุขแล้วจะอยู่อย่างไร หมดสุขก็ซวยตายสิ เห็นไหม ยังติดหลงอยู่ในความสุข ทั้งๆที่ในพยัญชนะอาตมาก็เคยแยกให้ฟัง
สุข คือ สุ กับ ข
ทุกข์ทำไมมี ก.และ ข. แต่สุข มี ข.ไข่ตัวเดียว
สุ กับ ข เขาก็แยกไว้ในพจนานุกรมดี ตัว ข แปลว่าว่าง สุ แปลว่าดี ว่างจากกิเลสไปนี่แหละดี สุขใช้ได้
แต่ทุกข์ไม่ว่าง ทุกข์ ไปหลงเอาตัว ทุ มันเป็นตัวไม่ดีไม่ถูกมาเป็นแกนแก่น อักข คือแกน ไปติด ก ข เป็นคู่ กะ มี, ขะ ไม่มี คุณแยก กะ ขะ ไม่ออก ก็มี กะ ขะ แล้วเอา กะ ขะ มารวมกันเป็น กะขะ ก็ติดยึด กะขะ เอา อุ ใส่เข้าไปที่ ท.ทหาร ทุกข์ เสร็จอีด่างเลย นี่คือการขยายพยัญชนะให้ฟังอาตมามีสภาวะจึงอธิบายได้ พวกเรียนเปรียญมาฟังแล้วหูหัก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 19:56:47 )
รายละเอียด
สุขทุกข์มันเป็นมายามันไม่ใช่ของจริง สุขทุกข์มันหลอกคน มันเป็นอุปาทาน เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าก็เลยสอนให้เข้าไปอ่านอาการจริงเลย คือ อารมณ์หรือความรู้สึก ที่เรียกด้วยพยัญชนะบาลีว่า เวทนา
ถ้าผู้ที่สามารถจับอารมณ์ จับความรู้สึกได้ แล้วก็เรียนรู้ว่าเรายึด ยึดอย่างนี้ มันควรมี น่าได้น่ามีน่าเป็น อันนี้ไม่น่าได้ ไม่น่ามี ไม่ควรได้ ไม่ควรเป็น เราก็เห็นให้ได้ว่า อ๋อ.. มันไม่ตรงกันตรงนี้เอง ตามอารมณ์ความรู้สึกสังขารปรุงแต่ง อย่างนี้มันปรุงแต่งน่าได้ ชอบเป็นสุข อย่างนี้ไม่น่าได้ไม่ชอบเป็นทุกข์ ก็อยู่ตรงนี้กับเวทนา มันปรุงแต่ง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
สังขารกับการเวียนว่ายตายเกิด
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:59:37 )
รายละเอียด
คนจะมีความสุขความทุกข์อย่างไรก็เพราะอารมณ์ของคุณยึดเอง แค่ อย่างนี้ว่าสวย คนนี้บอกว่าสวยจัง อีกคนนึงบอกว่าไม่เอาไม่สวย แต่มันคืออันเดียวกันนะ แต่อารมณ์ของคนสองคนเขาทะเลาะกัน เราก็รู้ว่าคนทะเลาะกันแต่เราก็รู้ความจริงตามความจริงว่าอันนี้มันอันเดียวกัน แล้วคุณต่างคนที่ทะเลาะกันก็คือต่างคนต่างยึดถือ ต่างคนต่างเห็นว่าอันนี้ถึงจะใช่อันนี้ถึงไม่ใช่ คนก็เลยแยกเป็น 2 แต่ที่จริงอันนี้มันอันเดียวคุณกระทบสัมผัสอันนี้อันเดียวกัน คนร้อยคนสัมผัสก็อันนี้อันเดียวกันนั่นหนึ่งเดียวไม่มีสอง แต่คุณแยกไปได้เป็นอนันต์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA
วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:34:09 )
รายละเอียด
ไสุขไม่รู้ว่าทุกข์ มันเกิดจากจิต รายละเอียดของจิต ที่ท่านแยกว่าเป็นเวทนา ม่รู้ว่าสุขไม่รู้ว่าทุกข์ มันเกิดจากจิต รายละเอียดของจิต ที่ท่านแยกว่าเป็นเวทนา
เวทนาคือความรู้สึก ถ้าความรู้สึกนี้มันยังมีกิเลสข้ามาร่วม แล้วคุณก็ไปเล่นกับกิเลส กิเลสก็มาผสมปรุงแต่งกับจิตของคุณ มันปรุงแต่งแล้วมันก็ไม่เที่ยง ปรุงแต่งแล้วได้ดั่งใจก็เรียกว่าสุข ปรุงแต่งแล้วไม่ได้ดั่งใจก็เรียกว่าทุกข์ ดีไม่ดีไม่ชอบใจ ก็ผลักกันเลย ฆ่ากันเลย มันก็มีอยู่แค่นั้น อารมณ์ที่แปรปรวน อารมณ์ที่เอาอะไรที่ กิระดั่งได้ยินมา เรียกเต็มๆว่า กิเลส
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 21:55:00 )
รายละเอียด
สุขทุกข์นั้นเกิดที่ใจที่เวทนา ท่านให้จับจุดสำคัญของจิตวิญญาณที่มีเวทนา สัญญาสังขาร วิญญาณ แล้วก็เรียนรู้ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนี่แหละ เวทนาเป็นสุข ทุกข์ สัญญาเป็นตัวกำหนดรู้แล้วเรียนรู้เจตนาของจิต เวทนาจะเกิดได้ต้องมีผัสสะ ต้องมีอาการอารมณ์จริง ไปหลับตาไม่มีเวทนาให้เรียนรู้ จะนั่งทำสมาธิให้จิตหยุดนิ่งอย่างนั้นเดียรถีย์คนนอกศาสนาพุทธสอน ถ้าไม่มีผัสสะไม่มีเวทนาไม่มีฐานให้ปฏิบัติได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน แก้ปัญหาได้จริงแท้ต้องแก้ที่สุขหรือทุกข์
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:31:43 )
รายละเอียด
เรื่องการลงตัว ในอะไรต่างๆเป็น อจินไตย ที่อาตมาพยายามขยายความให้ฟังอยู่เรื่อยๆติดตามฟังให้ดี ความเป็น 1 เป็น 2 ความเป็น 2 เป็น 1 สลับกันไปกันมาเป็นสิริมหามายา นี่แหละลึกซึ้งที่สุด มันเหมือนการเล่นกล
ถ้าเข้าใจความลวงกับความจริงอันยิ่งใหญ่ไม่ได้ แล้วกำจัดความจริงสองด้านนี้ไม่ได้ความทุกข์กับความสุข ถ้าจะบอกว่าอันไหนจริงอันไหนไม่จริง ความทุกข์เป็นจริงสัจจะเป็นอริยสัจ ส่วนความสุขนั้นปลอมอย่างนี้เป็นต้น แล้วก็จัดการเหตุแห่งทุกข์ ดับเหตุแห่งทุกข์ได้มันก็หมดไปทั้ง 2 อัน ทั้งความสุขและความทุกข์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทเริ่มอธิบายที่ชาติ 5 วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 16:05:44 )
รายละเอียด
สุขทุกข์เป็นนักมายากล มันหลอกอย่างนี้ เขานึกว่ามันเป็นสุขเขาก็เป็นสุข เขาได้แล้วเขาสุข ได้นรกเขานึกว่าสุข แต่เรามองออกว่านรกสวรรค์คืออะไร นี่คือภาษาสิริมหามายา ขอบคุณคุณทักษิณที่ให้มาเป็นตัวอย่างได้อธิบายวันนี้ แต่อาตมาไม่เอาอย่างคุณหรอก พวกเราก็ไม่เอา
พวกนี้ยังแย่งชิงกัน ถึงขั้นแย่งฆ่ากัน ยังไม่รู้“กรรมวิบาก”ดี หรือยังไม่เชื่อ“กรรมวิบาก”จริงจัง ก็“เกิด-ตาย ; ตาย-เกิด”กันหมุนเวียนอยู่ในวัฏฏสงสาร ชาติแล้วชาติเล่านับชาติไม่ถ้วน นี่ยังจะหมุนวนเวียนไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 20:04:42 )
รายละเอียด
สุขทุกข์เป็นผี ผีทั้งสุขผีทั้งทุกข์ แต่ผีทุกข์ คุณกลัวมันคุณไม่อยากได้มัน แต่ผีสุขคุณไม่กลัวมัน วิ่งหาด้วย มันก็หลอกคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว งมงายในความสุข หลงสุขอยู่ ฉะนั้นผู้ที่หลงสุข ยังเสพสุข ยังมีสุขอยู่ คือผู้ยังโง่
ฉะนั้นผู้ที่เป็นสุขนิยม คือผู้ที่เอาแต่สุข โดยเฉพาะไปหลงว่า เจ้าของความสุขคือพระเจ้า ผู้อยากได้ความสุขก็อ้อนวอนพระเจ้าจะประทานให้ นั่นคือผู้ไม่รู้ คือผู้โง่อยู่ นี่เป็นภาษาวิชาการ ไม่ใช่ไปด่าพระเจ้าหรือไปด่าคนนั้นคนนี้อะไรหรอก ผู้ที่ยังไม่รู้คือคนโง่คนอวิชชา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 21:52:56 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าอย่าไปเที่ยวคิดอะไรๆที่ไม่เป็นประเด็นตามที่ท่านสรุปให้แล้ว มาศึกษาเรื่องสุขเรื่องทุกข์ ถ้าคุณเข้าใจเรื่องสุขเรื่องทุกข์ ซึ่งเป็นเรื่องที่มนุษยชาตินี้ติดยึด หลงใหลงมงาย ถ้ารู้ความจริงตามความเป็นจริง แล้วเลิกติดยึด ไม่สุขไม่ทุกข์
คำว่า ไม่สุขไม่ทุกข์นี้เป็นภาษา มันไม่ถึงซึ่งความจริงหรอกเพราะว่าสุขทุกข์มันเป็นมายา มันไม่ใช่ความจริง เพราะฉะนั้นคนไปหลงมายา คนไปหลงความสุขความทุกข์อยู่ จึงเป็นการหลงไปอยู่กับโลกเขา สุขทุกข์มันเป็นเรื่องโลกๆป็นเรื่องยึดติดตามอุปาทาน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:55:59 )
รายละเอียด
ขณะนี้อาตมาจบได้สูงสุดแล้วอาจจะมีสูงสุดกว่านี้อีกว่า ความสุขความทุกข์นี่ยิ่งใหญ่ที่สุด ส่วนมากคนจะเรียนรู้เรื่องความดีความชั่วแต่ไม่มาเรียนรู้เรื่องเวทนาคือความสุขความทุกข์พระพุทธเจ้าจับจุดตรงนี้ได้ให้มาแก้ไขความสุขความทุกข์
คนบำบัดสุข บำบัดทุกข์นี้ เข้มข้นด้วยสัจจะยิ่งกว่าดีชั่ว คนทุกวันนี้ยึดถือแต่ดีชั่วเป็นสมมติสัจจะ แต่ความสุขความทุกข์เป็นเรื่องปรมัตถสัจจะ เป็นเรื่องที่จริงกว่า
มาเรียนรู้อาการอารมณ์ตรงนี้ให้ได้ ซึ่งมันยากมากที่จะแยกความสุขความทุกข์ให้ได้ ความสุขความทุกข์เป็นเหรียญคู่แยกกันไม่ได้ ศาสนาพุทธจึงไม่ได้แยก ศาสนาพุทธจะเอาสุขมาทำลายจะเอาทุกข์มาทำลายก็ได้มันก็หายไป เพราะมันแยกกันไม่ได้ ความทุกข์กับความสุข ทำลายจะต้องทำลายมันทั้งคู่ ทำลายได้ก็คือหายไปทั้งสุขทั้งทุกข์ ศาสนาพุทธจึงไม่มีสุขไม่มีทุกข์ อทุกขมสุข หรืออุเบกขา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA
วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:32:36 )
รายละเอียด
คือ มันอันเดียวกัน หัวงูกับหางงูที่จริงมันละเอียดกว่า แทบจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันเป็นสุขหรือทุกข์ มันหลอกลวงละเอียด หัวงูกับหางงูยังไกล แต่เป็นเหรียญสองด้านยิ่งใกล้กันอีกสุขกับทุกข์ มันสิริมหามายา มี หรือ ไม่มี เปลี่ยนแปลงไวมาก
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 15:55:18 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:53:46 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:17:50 )
รายละเอียด
บางคนก็บอก ไม่มีทุกข์หรอกมีแต่สุข แต่ที่ว่าไม่มีทุกข์นั้นมันไม่ได้หรอก เพราะความสุขความทุกข์มันโดยสภาวธรรมแล้วเหมือนกระดาษแผ่นเดียวกัน จะเอาหน้าเดียวไม่เอาอีกหน้าไม่ได้ มันต้องเป็น 2 แยกไม่ออกหรอกเทวะ แยกไม่ออก แต่แยกออก เป็นสิริมหามายา แยกสภาวะที่เกิด ลิงค ที่เกิดต่างกันอย่างไร เสร็จแล้วเราก็เลือกไม่มีความต่างเลยได้ ไม่เอาที่มันมีความต่าง มันก็ไม่มีอะไรขัดแย้งกันเลย มันก็ได้แต่หนึ่งเดียวหรือเป็นศูนย์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมดรู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:05:22 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าก็หาเหตุพวกนี้ที่มันโง่ มันทำให้ไม่รู้สุขไม่รู้ทุกข์ จนกระทั่งรู้ว่า อ๋อ.. ไอ้สุขทุกข์นี้ มันไม่มีจริงหรอก เราไปยึดมันเอง ให้มันสมดุลเท่านั้นแหละ ปรุงแต่งกันอยู่อย่างสมดุลพอดี ซึ่งไม่เหมือนกันไม่เท่ากันแต่ละผู้แต่ละคน ตั้งแต่สัตว์จนกระทั่งพืชก็ไม่เหมือนกัน จนกระทั่งถึงดินน้ำไฟลมก็ไม่เหมือนกันไม่เท่ากัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
พระอรหันต์เป็นผู้มีความรู้เรื่องอาหารดีกว่าคนโลกีย์
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:55:12 )
รายละเอียด
สุดยอดเลยความรู้ของพุทธเจ้า รู้ว่าจุดสำคัญอยู่ที่เวทนา ถ้าเรียนรู้เวทนาตีแตกสุขทุกข์ได้ แล้วเปิดเผยเลยว่าเจ้าสุขทุกข์ เอ็งเป็นมายา อย่ามาเสนอหน้า ข้ารู้ทันเจ้าแล้ว เจ้ามายาวิ่งตูดแป้นหนีไปเลย อันนี้เรื่องจริง
เพราะฉะนั้นคนใดที่ชัดเจนในความสุขความทุกข์ แล้วไม่ติดในความสุขความทุกข์ จบเลยเรื่องจิตวิญญาณ ไม่ใช่ภาษาพูดเล่นเท่านั้น ต้องรู้จักอาการ ลิงค นิมิต ของอาการสุขอาการทุกข์ รู้ลักษณะของบวกกับลบ ถ้าสุขเหมือนบวก ทุกข์เหมือนลบ แต่ที่จริงซับซ้อนกันเป็นสิริมหามายา ทุกข์นั้นเป็นบวก สุขนั้นเป็นลบ เห็นว่าเอ็งโผล่แต่หน้าสุขมาหลอกข้า จับได้ ที่แท้เอ็งแท้ๆคือทุกข์ หน้าจริงๆของเอ็งคือทุกข์ แต่หน้าที่เอามาหลอกข้าคือหน้าหลอกว่าสุข เอ็งอย่ามาหลอกข้าเลย เอ็งไม่มีตัวตนหรอก อย่ามาทำให้ข้าหลงว่าจะต้องเป็นสุข มีสุข อย่ามาหลอก สุขทุกข์ไม่มีตัวตน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 20:05:07 )
รายละเอียด
เป็นธรรมดาของปุถุชน ก็เกิดแล้วตายเล่า วนเวียนสูงแล้วก็ต่ำ ต่ำแล้วก็สูง
มีต่ำมีสูง มีสุขมีทุกข์ เป็น“ภาวะ 2”วนเวียนอยู่ในชีวิต เกิดๆ-ตายๆ ชาติแล้วชาติเล่า
สุขๆ-ทุกข์ๆ แย่ง“สมบัติผลัดกันชม”ไม่มีจบเวรภัย อยู่ตลอดกาลนาน เป็น“สุขนิยม”ถาวร
คำว่าสมบัติผลัดกันชมคือแย่งความสุข ไดัลาภมามากๆก็เพื่อความสุข ได้ยศ สรรเสริญ มามากๆก็สุข หลงเป็นอัตตาที่ตนเองชอบก็สุข แย่งได้ก็ได้สุข เสร็จแล้วก็จะถูกแย่งกลับไปอีก ไม่หยุดแย่งกันหรอก เทวนิยมสมบัติผลัดกันชม ไม่จบ ก็มีเวรภัยแย่งกันไปแย่งกันมา ฆ่ากันไปฆ่ากันมา แย่งกันไปแย่งกันมา ทรมานกันไปทรมานกันมา รักกันชังกันอยู่อย่างนั้น วนเวียนตลอดกาลนาน เป็นสุขนิยมถาวร เป็นสุขนิยมยั่งยืน เป็นสุขเที่ยงแท้ ที่เรียกว่า สุขนิยม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4
วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:26:04 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:37:49 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:48:00 )
รายละเอียด
เพราะห้ามตีแตกแยกแยะ“เทว”เป็นอันขาด จึงจมงมงายอยู่แต่กับ“เทฺว”ที่เป็น“สุขนิยม” ไม่โงหูโงหัว ไม่ยอมศึกษา “ทุกข์”หรือ‘“ซาตาน”
จึงไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง เจ้าตัว“ทุกข์”นี่เองคือ“มาร”ที่เป็นยอด“มายา” อันเป็น“คู่หู”หรือ“ภาวะ 2” แปลงตัวเป็น“เทพบุตร” ในนามเต็มว่า“เทพบุตรมาร”
ซึ่งที่จริงมันคือ“มาร”
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความเป็น“มาร”คือ“ยอดมายา” นี้ว่าเป็นผู้หลอกโลกหลอกมนุษย์ว่า“สุข”เป็น“ของจริง” “สุข”เป็นยอดอารมณ์ในโลก “สุขเที่ยงแท้ยั่งยืน”
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 19 หน้า 54
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 13:59:33 )
รายละเอียด
เพราะห้ามตีแตกแยกแยะ“เทว”เป็นอันขาด จึงจมงมงายอยู่แต่กับ“เทฺว”ที่เป็น“สุขนิยม” ไม่โงหูโงหัว ไม่ยอมศึกษา “ทุกข์”หรือ‘“ซาตาน” จึงไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง เจ้าตัว“ทุกข์”นี่เองคือ“มาร”ที่เป็นยอด“มายา” อันเป็น“คู่หู”หรือ“ภาวะ 2” แปลงตัวเป็น“เทพบุตร” ในนามเต็มว่า“เทพบุตรมาร”
ซึ่งที่จริงมันคือ“มาร” พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความเป็น“มาร”คือ“ยอดมายา” นี้ว่าเป็นผู้หลอกโลกหลอกมนุษย์ว่า“สุข”เป็น“ของจริง” “สุข”เป็นยอดอารมณ์ในโลก “สุขเที่ยงแท้ยั่งยืน” มารยาทคือตัว pretender นักเสแสร้ง จอมโจรบัณฑิต
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4
วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:30:31 )
รายละเอียด
คือพระออกป่า ไม่มีเมตตา แต่เขาจะสอนกันว่ามีใจเมตตาสงสารคนอื่น เขาจะสอนกันว่าต้องสงสารคนอื่นอยากให้คนอื่นพ้นทุกข์ แต่เขาไม่ได้เรียนรู้ว่า ความทุกข์คืออะไร เหตุแห่งทุกข์คืออะไร จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร เขาไม่ได้เรียน เขาไม่ได้ฝึก เขาไม่ได้เข้าใจโลก เขาไม่ได้เข้าใจการเกี่ยวข้องกับคนอื่นที่เรียกว่าโลกข้างนอก โลกข้างในเกี่ยวข้องกับภายใน สัมผัสกับคนอื่นเกี่ยวข้อง โลกนี้มีเราสองคน คนอื่นไม่เกี่ยวข้อง ก็ต้องไปอ่านความรัก 10 มิตินี้ให้ดี ไม่เผื่อแผ่ ไม่เกื้อกูล ไม่เกี่ยวข้อง โลกนี้มีเราสองคน เป็นความเห็นแก่ตัวที่เป็นกามเมถุน อาตมาจัดเป็นความรักมิติที่ 1 เห็นแก่ตัวเดี่ยวๆ เลย ไม่เห็นแก่ใครๆ เลย อาตมาไม่นับเป็นมิติที่ 1 ถือว่าพูดไม่รู้เรื่องเลยคนคนนี้ พอเริ่มต้นมีกามเป็นคนคู่พูดกันรู้เรื่อง ก็ให้เขาเรียนรู้ ถ้าไม่รู้เรื่องเลย ก็อย่างพวกเช่น ตัวคนเดียวเดี่ยวๆ ไม่ได้เรียนรู้ความรัก 10 มิติเลย พูดกันไป ก็ไม่มีสภาวะ 2 ตามธรรมชาติของจิตนิยามที่ต้องมี 2 มี 1 คือ คนอื่น กับ 2 คือตัวเราเขาไม่มี เขาจะจมอยู่อย่างนั้นกับตัวเอง เรียกว่าหยั่งลงสู่ความหลง ที่จมอย่างที่เรียกว่า จมในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า อย่าไปควานหาเลยคนนี้
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:54:18 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:45 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:22:02 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤสจิกายน 2563
เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 09:34:23 )
รายละเอียด
ในโลกนี้ทางเทวนิยม ความรู้ทางตะวันตก ทางเทวะ ทางพระเจ้า เขามีความรู้แต่แค่ดีชั่ว ทำดีไม่ทำชั่ว เขาไม่รู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ทั้งเรื่องดีชั่ว ตรัสรู้แล้วทั้งสุขทุกข์ จนรู้ว่า โอ้โห.. ไอ้ตัวสุขตัวทุกข์นี่เอง เป็นตัวผูกมนุษย์ไว้ ผูกอัตภาพไว้ ผูกอัตตา ผูกตัวตนไว้ ผูกตัวกูของกูเอาไว้ในโลก แล้วเขาก็ติดสุขจนเรียกว่า สุขนิยม
เพราะฉะนั้น เทวนิยมคือศาสนาพระเจ้า มีพระเจ้าเป็นเจ้าของสุข ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่จะประทานความสุขให้แก่ใครก็ได้ จริงไหม ไม่ให้ใครทุกข์ก็ได้จริงไหม...ไม่จริง
แต่พระพุทธเจ้าทำให้ตัวเองมาเรียนรู้ตามที่พระพุทธเจ้าพาทำ ไม่ทุกข์ จะมีสุขไม่ต้องทุกข์ขึ้นนึงได้แล้ว จนกระทั่งไม่หลงสุขด้วย ไม่ทั้งทุกข์ไม่ทั้งสุขด้วย เป็นขั้นยอด สุดยอดไหม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆ หลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2565 ( 22:19:08 )
รายละเอียด
วันนี้วันที่ 7 เดือน 11แรม 7 ค่ำเดือนอ้าย อาตมาอายุ 86 ปี 6 เดือน 2 วันนะ ไล่ไปเรื่อยๆ พอขึ้นพุทธศักราช 2564 คนก็นับตัวเลขได้ก็จะนับเป็น 87 ปี ได้ ถ้าไปอายุ 88 ปี ก็ใกล้ 89 ปี พออายุ 90 ปี ดูว่า อาตมาจะสุขภาพ Active แข็งแรงปราดเปรียวยิ่งกว่านี้คอยดู อีก 3 ปี อาตมาก็ดูแลร่างกายพยายามออกกำลังกายทำตาม 8 อ. พร้อมกับการใช้จิต ซึ่งเป็นนามธรรมที่ยากมาก ใช้จิต ที่พยายามเติมการก้าวหน้าทางจิตใจที่จะทำให้มัน Fresh up สดใสใหม่เอี่ยมเป็น Freshy เสมอ กลับไปสู่ เฟรชชี่ ตอนนี้มันมี seniority ก็พยายามให้มัน ไล่จากยาวมาหาสั้น จากสูงมาหาต่ำ
ก็พยายามใช้พยัญชนะแทนสภาวะซึ่งไม่มีภาษาเรียก ทำจริงๆ ถ้าเผื่ออาตมาลากสังขารไปจนถึงอายุ 100 ปี ก็เป็นผลสำเร็จแล้วนะ ผลสำเร็จ คนจะต้องมาค้นคว้า ตั้งชื่อให้ระดับขั้นต่อไปในอนาคต พวกเรานี่แหละ ต้องมาใช้ภาษาตั้งหลักเกณฑ์ไปก็ค่อยๆก้าวหน้าพัฒนา อาตมาเป็นไก่ตัวพี่เป็นหัวเจาะ นำไปก่อนบุกลุยไปก่อนทำไป ก็คิดว่าจะเป็นไปได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 20 วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:09:37 )
รายละเอียด
เอาเรื่องสุขภาพมาพิจารณายังไม่ได้พิจารณาถึงกิเลสมันจะโต
จนกิเลสความอยากกินมันหายไปเลย
พ่อครูว่า... มันมีปฏิภาณรู้ ปฏิภาณไหวพริบที่รู้ว่ามันอยากนี่รู้ว่ามันเป็นกิเลสเป็นตัวปฏิภาณปัญญาของคุณสว่างแสงขึ้นมา เอ๊ จะไปอ้างว่ามันเป็นภัยต่อสุขภาพก็ตามแต่ปฏิภาณมันรู้แล้วว่าไม่น่ากินนะ จนกิเลสมันหายไป
ยังไม่เรียกว่าเป็นบุญ เป็นแค่ฌาน ฟังดีๆนะพลังจิตเป็นแค่ฌาน ยังไม่ถึงขั้นบุญ เป็นส่วนแห่งบุญกำลังเริ่ม ฌาน 1 เป็นต้น ฌาน 2 เป็นต้น แล้วจะขยายความฌาน 1 ฌาน 2 ฌาน 3
ส่วนข้างบนขึ้นไปตามลำดับ คือยังไม่เต็มบุญยังไม่ถึงขั้นบุญเต็ม อาตมาเคยอธิบายมาหมดแล้วว่าฌาน 1 ฌาน 2 ฌาน 3 ก็คือกำลังทำการเผา บุญแท้ๆจะโผล่หน้าตรงฌาน 4
บุญแท้ๆจะโผล่หน้าตรงฌาน 4 ถ้าบุญได้ลงมือด้วยแล้วเป็นไง ตายไม่มีฟื้น เป็นเพชฌฆาตมือสุดท้าย บุญเสร็จ
เพราะฉะนั้นส่วนที่ยังไม่ถึงบุญตัวเต็มๆก็เป็นส่วนแห่งบุญ ปุญญภาคิยา หรือปุญญภาค เป็นส่วนแห่งบุญขึ้นไปตามลำดับๆ เป็นเสขบุคคล ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ใน มหาจัตตารีสกสูตร เป็นส่วนแห่งบุญ เป็นผลแก่ขันธ์เจริญขึ้นไปตามลำดับ ยังไม่เต็มบุญ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 17:53:32 )
รายละเอียด
1 ไม่ได้แรดๆๆ ไปหาโรคจากภายนอกมา เชื้อโรคต่างๆ ก็ไม่ค่อยเข้ามา แต่พวกที่ไปแสวงหาต่างๆ ก็จะรับเชื้อมา เชื้อทางอบายมุข หรือว่าเชื้อโรคจริงๆ เช่นไวรัส เขาก็รับมาเอง แต่ของเราอยู่ในนี้ มีสิ่งแวดล้อมที่ป้องกันดี เพราะฉะนั้นจึงอยู่กันอย่างปลอดภัย เพราะว่ามีปัญญา ปัญญาพละ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 20:06:40 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:39 )
รายละเอียด
คือ 1 ไม่ได้แรดๆๆ ไปหาโรคจากภายนอกมา เชื้อโรคต่างๆ ก็ไม่ค่อยเข้ามา แต่พวกที่ไปแสวงหาต่างๆ ก็จะรับเชื้อมา เชื้อทางอบายมุข หรือว่าเชื้อโรคจริงๆ เช่นไวรัส เขาก็รับมาเอง แต่ของเราอยู่ในนี้ มีสิ่งแวดล้อมที่ป้องกันดี เพราะฉะนั้นจึงอยู่กันอย่าปลอดภัย เพราะว่ามีปัญญา ปัญญาพละ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:47:39 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:54:55 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:56:29 )
รายละเอียด
อาหารชนิดใดที่ฉันได้คล่องก็บอกว่า มันฝืนทุกอย่าง
อาหารที่ร้อนก็ลวกปาก มันเย็นเกินไปก็ไม่ไหว ก็ไม่ร้อนจัดเย็นจัดกินได้ทั้งนั้น
อาหารที่ปรุงมาถวายเขาก็พยายามอยู่แล้ว ขนาดไร้สารพิษกับปลอดสารพิษ เขาก็ยังเอาคำว่าไร้สารพิษ แค่ปลอดสารพิษคุณภาพยังไม่ถึงไร้สารพิษนะ ปลอดสารพิษคือพยายามรักษาไม่ให้มีสารพิษ แต่ก็ยังใส่สารเคมีอยู่ แต่ก็เก็บเกี่ยวในระยะเวลาที่ปลอดสารพิษ เขาก็ทำอยู่แล้ว พยายามอยู่แล้ว
อาหารที่ก่อให้เกิดการไอนั้นอาตมาไม่รู้ เพราะว่ามันยังยาก เขาก็พยายามจะบอกว่าเป็นอันนั้นอันนี้ โดยเฉพาะบอกง่ายๆคืออาหารมันแห้งๆ จะทำให้ไอก็เป็นสามัญสำนึกตื้นๆ อาหารที่เข้าไปในปากแล้วมันจะแห้งขนาดไหนมันก็ไปปนกับน้ำลาย น้ำย่อยภายในตลอดเวลามันแห้งไม่ได้หรอก ก็เลยไปเอาความเข้าใจง่ายๆ คิดว่าอาหารแห้งจะไปเกาะกับหลอดอาหาร หลอดคอ ติดคอ ก็เป็นความรู้สึกความเข้าใจง่ายๆตื้นๆ ซึ่งจริงๆแล้วจะแห้งขนาดไหนเข้าไปในคอแล้ว มันไม่แห้งหรอกเพราะมันจะมีน้ำมีเมือก ตลอดทางของมันไม่มีแห้งได้หรอก มันอยู่ที่เหตุปัจจัยมากกว่านั้นก็คือมีกระเปาะ ที่มันทำงานชนิดใด หมอก็ยังไม่รู้รายละเอียดว่ามันเก่งขนาดไหน มันจะมีช่องทางเอาออกมาอย่างไร ปรุงแต่งอย่างไรให้เกิดอาการ แต่ที่อาตมารู้ตัวก็คือ เวลาจะไอมันจะมีอาการคันในคอ มันคันมันจึงต้องไอ ไม่ไอไม่ได้เหมือนอาการคันคุณก็ต้องเกา คล้ายๆอย่างนั้น ก็ดูไป
ไม่ได้สังเกตหรอกอาหารใดที่เพิ่มพลังงานชัดเจน ไม่รู้สิ ตอนนี้เขาให้ดื่มน้ำให้มาก เดี๋ยวก็ให้ดื่มน้ำดื่มน้ำ นี่จะมากหน่อย คิดง่ายๆว่าน้ำจะทำให้มันไม่แห้ง ซึ่งจะลดอาการไอ ถ้ามันแห้งมันก็ติดก็ทำให้ไอ ก็ตีความอย่างนั้นง่ายๆ อาตมาก็ดื่มจนพุงกางหลายที
การเป็น independent Man เขาเสนอมาอาตมาก็เลือกได้ มีอิสรเสรีภาพพอที่จะเลือก แต่เขาเสนอมา เขาพยายามให้ฉันไม่ได้ขัดแย้งอะไร เจตนาดีปรารถนาดีอาตมาก็นับถือความปรารถนาดีที่ให้กันมาก็ทำไป
สุขภาพโดยรวม ก็ถูไปไถไปได้ ตอบง่ายๆอย่างนี้ จริงนะ.. มันไม่ได้หมายความว่าเหมือนหนุ่ม 20 กระปรี้กระเปร่า แคล่วคล่อง ทำอะไรไม่ได้เหนื่อยง่าย ไม่ต้องมานอนพัก ก็ไม่ใช่ อันนี้ทำอะไรไปบ้างก็เหนื่อยแล้วต้องพัก ก็พักไปทำไป ซึ่งก็ดี ตรงที่ว่า พวกเราเข้าใจแล้วยกให้อาตมาแล้ว จะอยู่อย่างไรจะเป็นอย่างไรเชิญเลย เขารับผิดชอบช่วยกันทั้งนั้น อาตมาอยู่ให้สบายเอาชีวิตรอดให้ได้ไปเรื่อยๆก็แล้วกัน ทุกคนยกให้ ตรงนี้ก็ต้องขอบคุณทุกคน ก็พยายามไป สังขารก็ถูไปไถไป มันเป็นการพิสูจน์การต่ออายุขัยของเราด้วย เหตุปัจจัยทั้งหมด 8 อ. นั่นแหละ ก็พยายาม ก็เป็นการพิสูจน์ 8 อ. ด้วย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 พาพ้นขิฑฑาปโทสิกะและมโนปโทสิกะ วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2564 ( 13:08:28 )
รายละเอียด
ประเด็นที่ 1.หลวงปู่ก็มีอาการไอนี่แหละ มันเป็นเหตุจากกระเปาะงอกออกมาในหลอดลม แล้วก็เป็นพิษ มันสร้างความระคายเคือง มันก็คันคอมันก็จะไอ มันก็สร้างเสลดด้วย อันนี้แหละ มันจะถึงขั้นทำให้ถึงตายหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ หมอก็ไม่รู้จะแก้อย่างไรไปผ่าตัดก็ไม่ได้เพราะมันติดกับเส้นประสาทเส้นเลือดสำคัญ มันก็เป็นวิบากของหลวงปู่เอง สุขภาพอย่างอื่นไม่มีปัญหาอะไร แม้แต่เรื่องสรีระ เรื่องกล้ามเนื้อ ร่างกายอะไรก็สันทัดคน แต่คนมองหลวงปู่ว่าเป็นคนผอม ที่จริงหลวงปู่ผอมอย่างเป็นธรรมชาติมาตั้งแต่หนุ่ม จนอายุมากแล้ว เคยน้ำหนักมากที่สุดก็ 60 กิโลกรัม สูงสุด อยู่ไม่นานหรอก นอกนั้นก็ 50 50 กว่า 51 52 53 ถือว่า ดีสุดแล้ว แต่ทุกวันนี้ 51 กว่าแล้ว อายุปูนนี้แล้ว 51 กว่าก็กำลังดี กำลังคล่องแคล่วสบายนี่คือสุขภาพ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 11:54:31 )
รายละเอียด
ถ้าประเทศไทยเราเป็นโลกุตระ มีผู้บริหารเข้าใจธรรมะ ถึงขั้นทำให้คนในประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นกลาง เป็นประเทศที่ไม่เอาล่ะ รบราฆ่าฟันกับคนอื่น ใครจะทำสงครามรบราฆ่าฟัน ไม่เข้าข้างใคร ก็อยู่กลางๆ สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร สร้างอาหาร เป็นกองพลาธิการ กับสามารถที่จะมีความรู้ในเรื่องของสุขภาพ เป็นทั้งพลาธิการและกาชาดให้แก่พลโลก ทุกประเทศในโลก
ประกาศเลยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นกลาง ยินดีที่จะช่วย เราไม่ร่วมรบ ไม่ร่วมไปเข่นฆ่ากับใคร สร้างอาวุธก็ไม่ต้องสร้าง ดีไม่ดีจะลดการซื้ออาวุธด้วย มีใช้นิดหน่อยไม่ต้องไปใช้มาก
จนกระทั่งประชากรโลกประเทศในโลกต่างๆ เข้าใจ ยกให้ ว่าประเทศนี้เขาเป็นกลางนะ เขาเป็นประเทศที่มีคุณค่าต่อโลก สร้างอาหารให้แก่โลก สร้างหยูกยาช่วยเหลือ ในเรื่องสุขภาพในเรื่องของความเดือดร้อนทางสุขภาพชีวิต 2 สภาพใหญ่นี้คือ อาหารกับยา ปัจจัย 4 นี้ช่วยโลก
ถ้าประเทศเราทำได้จริง รับรองอยู่รอด แล้วก็จะเป็นประเทศที่เป็นกลางที่ยิ่งใหญ่ ก็พอมีประเทศที่เป็นตัวอย่างบ้าง แต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่มีความรู้แบบโลกุตระของพระพุทธเจ้าอย่างสมบูรณ์ แต่ของไทยนี้มีโลกุตระหรือเป็นพุทธที่มีความรู้ของพระพุทธเจ้าโลกุตระที่อาตมารื้อฟื้น หรือในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็พยายามที่จะตรัสบอก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำเดือนห้าปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 20:38:35 )
รายละเอียด
สุขภาพดี ในวัย 85 ปี อ่อนแรงบ้างก็พักผ่อนมากกว่าเก่า นอนกลางวันด้วย กลางคืนนอนเต็มที่ นอนไม่เกินสามทุ่มผู้ดูแลจะต้องบอกให้นอนๆๆ นอนแล้วต้องตื่นหกโมงเป๊ะ ไม่เป๊ะไม่ให้ตื่นก็นอนไม่น้อย กลางวันก็ให้นอนอีก อายุมากขึ้นก็นอนมากขึ้น
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 16:22:27 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:53 )
เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 13:28:21 )
รายละเอียด
ตอนนี้สุขภาพร่างกายอาตมามันเมื่อย มันตรงกันข้ามกับตอนไปชุมนุมประท้วง เมื่อยก็ไม่เมื่อย เหนื่อยก็ไม่เหนื่อย เราไล่ไปเรื่อยๆเราไม่เมื่อยเราไม่เหนื่อย เดี๋ยวนี้ให้ไปคงไม่ได้แล้ว แต่ถ้ามีเรื่องมันไม่แน่นะ มันอาจจะมี coefficient กระตุ้น (ญาติโยมว่าเดี๋ยวอุ๊งอิ๊งมา)
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 32 ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2565 ( 13:33:05 )
รายละเอียด
สุขมันไม่มีตัวตนเป็นสุขัลลิกะ สุขเป็นเรื่องขี้โกหก สุขมันเป็นเรื่องเท็จ เป็นเรื่องไม่มีจริง ซึ่งเป็นความรู้สูงสุดของศาสนาของพระพุทธเจ้า
ขออภัยที่อาตมาจะพูดต่อไปนี้ จะเป็นการอธิบายยกตัวยกตน เข้าไปร่วมกับสภาวธรรมพวกนี้ อาตมารู้จักความสุขความทุกข์ จนกระทั่งรู้ว่า เรา..โถ.. มัววุ่นวายไปติดในอาการของสุขอาการของทุกข์นี่มันโง่ โง่อย่างชนิดที่เรียกด้วยภาษาไทยว่า โง่ชิบหายเลย โง่อย่างชิบหายวายป่วง ไปงมงายอยู่กับสุขกับทุกข์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 08:26:41 )
รายละเอียด
คนเป็นจริง บรรลุจริงให้เห็นอยู่ ปฏิบัติบรรลุผล บรรลุธรรมอย่างชาวอโศกเราบรรลุผลบรรลุธรรมที่จริง รู้จักกามรู้จักอัตตา พระพุทธเจ้าท่าน ตรัสสั้นๆ ในพระธรรมบท พระไตรปิฎกเล่มที่ 15 สั้นๆว่า สุขยิ่งกว่า ความสงบไม่มี สำนวนไทยว่าอย่างนั้น นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง
ปะระ ปรัง แปลว่าอื่น สันติ คือความสงบ ความสงบอื่น ที่เป็นสุขยิ่งไม่มีหรือสุขยิ่งกว่าความสงบไม่มี ประเด็นจริงอยู่ที่ความสงบ ความสงบเป็นประเด็น แล้วสงบอย่างไร? นี่แหละคือปัญญาข้อที่ 3 ในปัญญา 8 จะมีความสงบ 2 อย่าง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 54 ผู้เป็นกลางคือผู้วางกามกับอัตตา วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 11:13:51 )
รายละเอียด
ความสุขที่ปรุงที่แต่งแล้ว
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 92
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:35:19 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:03:53 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:22:15 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าก็ได้รับคำถามนี้ย้อนเหมือนกัน มีพระสาวกถามว่า ทำไมพระอรหันต์ มีลาภสักการะสรรเสริญ ต้องเป็นอันตรายอันแสบเผ็ด ของพระอรหันต์อีกล่ะ
พระพุทธเจ้าก็ตรัสในสูตรนี้พยัญชนะเขาตรัสไว้ว่า เป็นอันตรายอันแสบเผ็ดต่อ”สุขวิหารธรรม”
ก็จะต้องเข้าใจว่า สุขวิหารธรรม คืออะไร สุขะ แปลว่า ว่าง วิหารธรรม แปลว่า เครื่องอยู่, สำเร็จอิริยาบถอยู่
เพราะฉะนั้น คุณจะสำเร็จอิริยาบถอยู่ด้วยความว่าง มันไม่ว่างถ้าคุณไปยุ่งกับลาภ ยศ สรรเสริญ สักการะต่างๆ แม้เป็นพระอรหันต์แล้ว พอเข้าใจไหม? คุณจะไปยุ่งกับมันทำไม เป็นพระอรหันต์แล้วอย่าไปยุ่งกับมัน ลาภ สักการะ ไปแบกเทิ่งๆ ทำไม พูดให้กระเทือนไปถึงเถรสมาคม นี่ยังแบกลาภ สักการะ สรรเสริญ ลาภ ยศ สรรเสริญ เจ้าคุณชั้นนั้นชั้นนี้ อะไรต่างๆ นานา ยศ สรรเสริญ อยู่นั่นน่ะ
อาตมาเคยพูดอันนี้ไม่รู้กี่ที พระพุทธเจ้าพอรู้ตัวพระองค์ออกมาหมดเลย ท่านมีลาภ สักการะ สรรเสริญ เยอะแยะเลยโลกีย์ ใหญ่กว่าเถรสมาคมด้วย ท่านออกมาเลย มาเดินพระบาทเปล่า นุ่งผ้าบังสุกุล ซึ่งยุคโน้นเขาถือจัดเลยนะ คนมาทำอย่างนี้ มาโกนหัวเขาก็หาว่ามันเป็นอะไรยุคนั้น เด็ดเดี่ยวไหม นี่แหละเด็ดเดี่ยว
แต่นี่เถรสมาคมไม่มีเด็ดเดี่ยวเลย ถูกครอบงำตกอยู่ใต้อำนาจลาภ ยศ สรรเสริญ สักการะอยู่อย่างนั้น ออกมาไม่ได้ ออกมาอย่างโพธิรักษ์สิ แค่นี้ยุคนี้อย่างโพธิรักษ์ออกมาไม่ได้เข้าไปเลย
อาตมา ถ้าอยู่ทางโลก อาตมาทำงานธรรมะมาอย่างนี้ อาตมาจะได้ตำแหน่งยศศักดิ์ไหม? ได้ อาตมากลัวจะได้ตำแหน่งยศศักดิ์ รีบออกมาเลย ฝีมือรู้ธรรมะขนาดอาตมานี้ มันจะไม่ได้ยศศักดิ์ ถ้าอยู่ทางโน้น ไม่ได้ได้ยังไง ใช่ไหม
เหมือนกันพระพุทธเจ้านั้นอยู่ ถ้าท่านอยู่ต่อเป็นจอมจักรพรรดิ เป็นอะไรต่ออะไรอีกอย่างที่ว่า ถ้าท่านอยู่ต่อก็จะได้เป็นมหาจอมจักพรรดิไปแล้ว แต่ท่านไม่เอา ไม่ได้แยแสเลย แหมเข้าใจยากเหมือนกันนะ ตอบไปแล้วนะ โอวาทปาฏิโมกข์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดที่เลิศยอดยิ่งใหญ่ที่สุดของคนคือพ้นสุขพ้นทุกข์ วันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 12:37:23 )
รายละเอียด
มาวิเคราะห์วิจัยคำว่า อทุกขมสุข กับคำว่า อุเบกขา เคยอธิบายเคยวิจัยวิจารณ์มาแล้ว ขยายจะได้รู้รายละเอียดจนกระทั่งถึงธรรมนิยาม 5
ไม่สุขไม่ทุกข์อย่างเดียรถีย์ไปนั่งดับเป็นอสัญญีสัตว์ เป็นอสัญญีสัตตายตนะ อายตนะคุณมีแต่คุณไปดับสัญญาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี่แหละ เป็น อสัญญีสัตตายตนะ เป็นสัตว์ชนิดที่ 5 อสัญญีสัตตายตนะ
ผู้ที่ไม่รู้ ก็เป็นสัตว์อยู่อย่างนั้น ทีนี้ ผู้รู้ความไม่มีสุขไม่มีทุกข์โดยสภาวธรรม รู้จักเวทนาสุข รู้จักเวทนาทุกข์ รู้จักเวทนาในเวทนา จนกระทั่งทำให้เวทนาในเวทนา เป็นสุขเป็นทุกข์
แม้จะอาศัยสภาวะสุข ก็ไม่ได้เป็นสุขอย่างที่ได้เสพสุข ที่ได้สมใจสุข แต่เป็นสุขสงบที่มันลดเหตุปัจจัยเป็นไปตามลำดับเรียกว่าสุขสงบ ปัสสัทธิ ไม่ใช่สุขอย่างโลกีย์ที่มันสุข บำเรอบำรุงกิเลสไปเรื่อยๆไม่ใช่
ขอยืมภาษาคำว่า สุข เป็นฐานอาศัยว่า มันก็สงบลงๆสบายๆขึ้น สุขหมดไปทุกข์มันก็หายไปด้วยเพราะมันเป็นอันเดียวกัน มันเป็นปัญญาที่รู้จักทัน รู้เท่าทัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตาม มันแยกกันไม่ได้
ยิ่งไปโง่เป็นซาดิสซึ่ม จะต้องการทุกข์ให้แก่ตนเอง แทนที่จะเอาสุข อย่างนี้ยิ่งหนักอาการหนักใหญ่ เป็นพวกจะต้องได้รับความรุนแรงๆ ทรมานเจ็บตัว รู้สึกได้เห็นความรุนแรงได้เห็นความวุ่นวายเดือดร้อนได้เห็นความดิ้นรนทรมานแล้วสบายใจ
เพราะฉะนั้น คนซาดิสม์อยู่ เป็นคน มโนปโทสิกะ จิตของตัวเองโง่เป็นโทษ เป็นอารมณ์ทางรุนแรง ยินดีชื่นใจอยู่กับพวกนี้ ชอบคนสมัยโบราณนี่นะ เอาคนมาสู้กับสิงโต แล้วสิงโตมันก็กัด กิน ตาย คนดูรู้สึกสนุก สู้กับกระทิง อะไรก็แล้วแต่ ดีไม่ดีก็สู้กัน ใช้อาวุธหอกขี่ม้า แทงกัน ใครตกใครตายก่อน เป็นอัศวินขี่ม้า แทง หอก
นั่นแหละมันไม่มีความรู้ มันซาดิสม์กันหนัก จนกระทั่งมารู้ว่า คนเราทำไมมันจะต้องรุนแรงอย่างนี้ ฆ่าแกงกันอย่างนี้ให้เจ็บปวดกันอย่างนี้ ก็ค่อยๆเจริญขึ้นมา มาเป็นคนเจริญ ขอลัดขึ้นไปว่า เจริญจนกระทั่งไม่ต้องไปฆ่าแกงแย่งชิง เบียดเบียน เอาที่ดินแว่นแคว้น ไม่ต้อง แบ่งกันอยู่แบ่งกันอาศัย นี่เจริญกว่า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันนี้วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 14:28:55 )
รายละเอียด
เด็กวัด ทำเพื่อละ สละเพื่อทำ น่าจะเป็นเพื่อธรรม..ก็ต้องเรียนรู้ตัวเองต้องสำนึก อย่าคะนองด้วยอัตตาตัวเอง อย่าเอาแต่ใจตัวเองเอาแต่ความเชื่อตัวเอง สรุปแล้ว จึงจะอยู่ในหมู่อย่างสำราญ ต้องเป็นคนชนิดนี้ มีวิบากกรรมสิ่งที่มากวนตัวเอง ก็ต้องพยายามศึกษาตัวเองแล้วนึกดูให้ดี
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:35:01 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:56:42 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:22:50 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นความสุขหรือสวรรค์มันเป็นของหลอกทั้งสิ้น ลดลงมาตามชั้นๆ อย่าเพิ่งมาพรวดพราดทีเดียว เป็นของหลอก จึงเรียกด้วยพยัญชนะของพระพุทธเจ้า สุขัลลิกะ สุขหรือสวรรค์ หลอกทั้งนั้น จึงต้องมาศึกษาด้วย ปฏินิสสัคคะ Action Reaction กระทบย้อนกลับไปกลับมา หมุนกลับไปกลับมา ถ้าเป็นโลกก็สวรรค์หลอกให้กว้างบานใหญ่ไปเรื่อยๆ ก็ลดลงมาๆ สวรรค์น้อยอยู่ในวงฟ้อนรำมาเรื่อยๆ จึงใช้ศัพท์ว่า นิ แปลว่าไม่ สัคคะ คือสวรรค์ก็มีปฏิ คือเรียนรู้สวรรค์ที่หลอกไปหลอกมานี้ เราก็พาหลอกมาหลอกไปมาหา 0 เลย ดับสวรรค์มาเรื่อย ๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:20:56 )
รายละเอียด
1. สัตว์พวกที่ยังความสุขให้เกิดขึ้นๆ แล้วย่อมอยู่เป็นสุข มีอยู่ เช่น พวกเทพเหล่าพรหมกายิกา
2. สัตว์พวกที่อิ่มเอิบบริบูรณ์ถูกต้องด้วยความสุขมีอยู่ สัตว์เหล่านั้น บางครั้งบางคราวเปล่งอุทานว่า “สุขหนอๆ” ดังนี้ เช่น พวกเทพเหล่าอาภัสสรา
3. สัตว์พวกที่อิ่มเอิบบริบูรณ์ถูกต้องด้วยความสุขมีอยู่ สัตว์เหล่านั้นสันโดษ เสวยความสุขทางจิตอันประณีตเท่านั้น (ไม่เปล่งปลั่ง) เช่น พวกเทพเหล่าสุภกิณหา
ที่มา ที่ไป
เล่ม 11/228 ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2562 ( 20:58:29 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:53 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:24:20 )
รายละเอียด
1. สุขที่ไม่พ้นอวิชชา ไม่พ้นโมหะ
2. สุขที่ตอแหล สุขที่ไม่แน่นอน สุขที่เหลาะแหละ หลอกลวง ยังไม่เที่ยงตายตัว ยังหมุนไปหมุนมา หลอกไปล่อมา
3. ความหลอกคือสุข หรือสุขคือความหลอก ความไม่จริง
4. สุขหลอกๆ
5. สุขโลกียะ
6. สุขเท็จ
7. สุขที่กิเลสมันได้สมใจตามที่มันอยาก , ความสุขที่ได้บำบัดบำเรอความอยาก
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 115, หน้า 259,
ทางเอก ภาค 1 หน้า 154,
อีคิวโลกุตระ หน้า 233,
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 12,
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 175,
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 226
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:39:32 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:05:44 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:23:39 )
รายละเอียด
ความประกอบตนให้เป็นสุขอย่างเดียว
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 207
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:40:09 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:06:24 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:16:11 )
รายละเอียด
เพื่อสุข
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 366
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:40:37 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:06:55 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:24:34 )
รายละเอียด
น้ำหนักหรือความเข้มข้นของอารมณ์สุขที่เกี่ยวเนื่องทั้งภายนอกภายในว่าจัดจ้าน หรือปานกลาง หรือบางเบา
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 118
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:41:12 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:07:33 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:16:42 )
รายละเอียด
คือ แปลว่าละเอียดเล็กมาก จนบางทีคนอื่นไม่มีภูมิพอจะจับไม่ติด คนมีภูมิพอจึงจับความละเอียดนี้ติด @ ภาวรูป 2 10. อิตถัตภาวะ ,อิตถินทรีย์ (ญ) 11. ปุริสสัตตภาวะ , ปุริสสิสทรีย์ (ช) @ หทยรูป 1 = 12 หทัยรูป ที่ตั้งการเกิดอาการของรูป คือ คือจับอาการนั้นได้เมื่อใดแต่คนหลับตาปฏิบัติ ก็บอกให้จิตไปกำหนดเหนือสะดือ สองนิ้ว ก็จะพบความสว่างที่สถานที่นั้น แต่ หทยรูปนี้ ไม่มีสถานที่ แต่รู้อาการของมันเมื่อใดก็เมื่อนั้น ห. แปลว่าความจริง ท. แปลว่า ความกล้าแข็ง ห มาก่อน ท ก็สื่อสภาวะที่ต่างไป หทย คือ ความเป็นตัวของมันแข็งแรง แต่ ทห นี่ความแข็งแรงแสดงออกมา
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 15:29:07 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:50:47 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:27:45 )
รายละเอียด
สัจจสัญญาอันละเอียด
หนังสืออ้างอิง
ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 276
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:41:42 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:08:18 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:17:24 )
รายละเอียด
คือ สุขัลลิกะ เกิดเป็นอาการ 33 ที่มีปุถุชนทุกคน เป็นอย่างเดียวกันทุกคนเลย คนผู้อวิชชา (คนที่ไม่มีความรู้ในอริยสัจ) ทั้งหลายจะมี รสที่ 33 (ดาวดึงส์ มาจากบาลีว่า ดาวติงส) มาหลงเสพอยู่ไม่ยอมหยุดเพราะโมหะ(หลงผิดไป หลงใหลมันแท้ ๆ ) รส 32 คือรสแห่งอาการจริง สามัญของคนปกติ
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:22:31 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:59:23 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:25:03 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 13:53:59 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 11:08:35 )
รายละเอียด
สุขมันเป็นมายาของทุกข์ เป็นตัวนักเล่นกล หน้ามือหลังมือสลับกันไปมาพลิกกลับมา คุณก็ยึดถือหลังมือหน้ามือสลับกันไม่ทันคนหลอกที่เป็นนักเล่นกลเร็วไว แม้ขยายความเป็นสิริมหามายาขยายความ นักเล่นกลพวกนี้ก็ไม่มีใครมาขยายความหรอก แล้วทำไมใช้คำ มายา เป็นสัจจะฉีกหน้ามายาเป็นสิริมหามายา
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 22:10:59 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นเมื่อความรู้สึกของคนมีสุขมีทุกข์ คนก็เข้าใจได้ ว่าถ้าความรู้สึกทุกข์คนไม่ชอบหรอก สัตว์มันก็ไม่ชอบ เกิดมาเป็นจิตนิยามมีธาตุรู้แล้ว ใครมันจะชอบ สัตว์เดรัจฉานมันก็ไม่ชอบคนก็ยิ่งไม่ชอบ แต่โง่คุณไม่เอาทุกข์แล้วก็ดับทุกข์สิ สุขที่อยู่ก็จะหมดไปด้วยแต่คุณก็ไม่รู้คุณก็จะไปดับแต่ทุกข์อย่างโง่ ไอ้ตัวนี้เป็นสิริมหามายา คนจะไปดับแต่ทุกข์ แต่ที่จริงคนไปเสพสุขไปหลงสุข สุขเป็นอัลลิกะ สุขัลลิกะ มันเป็นตัวเท็จ พระพุทธเจ้าจึงเรียกตัวทุกข์ว่าเป็นตัวจริง จึงเรียกว่าอาริยสัจ สัจจะตัวจริงของคนฉลาด คนอาริยะ คนประเสริฐ คนฉลาด จึงรู้ว่าจริงๆไม่ใช่สุขที่เป็นความจริง แต่ความทุกข์ต่างหากที่เป็นความจริง ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8
วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:38:02 )
รายละเอียด
1. รับในสิ่งที่สบาย ซึ่งเป็นอาการที่ไม่ต้องทน
2. โสมนัส
3. อารมณ์สุข เป็นความรู้สึกสบายรวมๆ ไปทั้งนอกและใน
4. อารมณ์โลกียสุข
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 117, หน้า 90
ทางเอก ภาค 1 หน้า 41
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 117
อีคิวโลกุตระ หน้า 232
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:36:54 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:10:29 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:41:18 )
รายละเอียด
ออกมาเป็นตัวที่ 1 สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุข สุขในกาม และก็ออกจากกาม เนกขัมสิตะ คือออก หากได้เสพกามสมกับความใคร่อยากที่อยากได้ต้องการ สัมผัสเข้า ทางตาก็ดี หูก็ดี จมูก ลิ้น ก็ดี สัมผัส 6 ทวาร ก็เป็นเวทนา 6 แล้วในเวทนา 6 ตากระทบรูป มันเป็นสุขก็ได้ เป็นทุกข์ก็ได้ ไม่ทุกข์ไม่สุขก็ได้ แบบโลกียะ เคหสิตะ ก็ได้ ศึกษาแล้วออกไป ไม่สุข ไม่ทุกข์ได้ หรือจะไม่สุข ไม่ทุกข์ แล้วก็ไม่ทั้งสุขและก็ไม่ทั้งทุกข์ ก็ได้ กลางๆ ทำจิตให้เป็นทั้งไม่สุขและไม่ทุกข์ก็ได้ เนกขัมสิตะ
ไม่ว่าจะเป็นตากระทบรูป โอ้โห… วันนี้กระทบรูป กะหล่ำปลีดอก ลองถ่ายภาพให้ชัดๆ เป็นกะหล่ำปลีที่เป็นลูกไม่ใช่กะหล่ำปลีดอก เขายังไม่แกะข้างนอกออก มันออก เลยเต็มใหญ่ ใหญ่กว่าหัวอาตมา 2 เท่า 3 เท่ากะหล่ำปลีที่นี่เป็นสวนของอาจารย์ข้าดิน กับอ.เป็นแก่น ปลูกกันอยู่ที่สวนอุทยาน มีทั้งกะหล่ำดอกด้วย กะหล่ำปลี คะน้าก็มี ต้นเบ้อเร่อ กรอบกร๊อบๆเลย ใครไม่ได้มาชิมของชาวอโศก หัวเดียวนะนี่ เบ้อเร่อเลย นี่ก็เป็นผลิตภัณฑ์กสิกรรมของพวกเรา พัฒนาไป อาตมาส่งเสริม ใครจะลงไปเป็นกสิกรก็เชิญ นี่ก็ของศีรษะอโศกก็มี มีทั้งกล้วย มีทั้งมะพร้าว มะพร้าวไฟ เอามากัน เต็มนี่ เราประดับประดาฉากของเราด้วยพวกนี้ คือ พูดเต็มๆ ก็คืออวด อวดพวกนี้ให้คนน้ำลายไหล เอาของน่าอวดมาอวด ใครน้ำลายไม่ไหลก็ช่างเถอะ แต่เราจะอวดอันนี้ พวกที่เขายินดียังมีจิตวิญญาณยังอร่อยไม่อร่อย ยังอร่อยอยู่ก็ คนเราก็ไปตามลำดับ มันน่ากิน น่าเป็นอาหารของเรา
นี่ก็พวก พืชพันธุ์ธัญญาหาร ซึ่งอาตมาได้ย้ำ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของโลก มาเป็นกสิกร มาเป็นผู้สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารพวกนี้ ให้แก่โลกได้กิน ขายให้ถูกหรือแจกฟรี มาทำจริงๆเลย อาตมามีชีวิตอยู่ยังไม่ตาย จะพยายามเลยจริงๆ จะพยายามที่จะปลุกเร้า ปลูกฝัง ให้เข้าใจ ให้เห็นจริง ให้ยินดี มาเป็นกสิกร
สร้างอันนี้ อย่าไปสร้างอาวุธฆ่าคนเลย อย่าไปสร้างเครื่องมือที่จะฆ่าแกงกันเลย แม้แต่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีต่างๆ อาศัยพอแล้วมันเกินมันเลยไปแล้วจนกระทั่งทุกวันนี้ อาตมาขอวิจัยวิจารณ์ไปอีกนิดหนึ่ง เกินเลยไปจนกระทั่งจะออกนอกโลก จะไปดวงดาวอื่น มันเกินมันสุดโต่งเกินไป มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก นอกจากคุณหลงว่าคุณมีความรู้ความสามารถในการที่จะสร้างเครื่องมือกับมันได้รู้ มันได้รู้อันนี้ อันนี้ ดวงดาว มีดวงดาวนี้โคจรอยู่ตรงนี้ มีอะไรต่ออะไรประกอบเป็นดวงดาวอย่างนั้นอย่างนี้ ดวงดาวในนพเคราะห์ 9 ดวงนี้ อาตมาจะบอกให้ อาตมาผ่านตรงนี้มาแล้วชาติก่อนๆ
ในดาวนพเคราะห์มีจักรวาลน้อย จักรวาลใหญ่ จักรวาลใหญ่ก็มีมากกว่า 9 ใน 9 ดวงนี้ก็เป็นหลักสำคัญ วงโคจร 1 คือวงโคจรที่เป็น cyclic order มันก็จะมี 9 ใน 9 ดวงนี้มีโลกลูกเดียวที่มีมนุษย์อยู่ได้ แล้วเจริญเป็นสัตว์โลกสูงสุดในประดาเอกภพ มหาจักรวาลนี้ ไม่ว่าดาวดวงไหน ดาวดวงที่ใหญ่เรียกว่า พระอาทิตย์ ใหญ่มาก ใหญ่กว่าดาวเคราะห์ที่เราอยู่ มีชีวิตอยู่ได้ พระอาทิตย์ชีวิตอยู่ไม่ได้ มีชีวิตที่สัตว์โลก คือมนุษย์ อยู่ได้ ดาวนพเคราะห์ที่เรียกว่าดาวโลกลูกเดียวเท่านั้นในดาวนพเคราะห์ 9 ดวง อย่าอุตริไปหาดาวดวงนั้นดวงนี้ที่จะไปสร้างไปยึดพื้นที่ซื้อขาย จนกระทั่งหลอกกัน มันไม่จริงหรอก มันไม่ได้ มันเกินความเป็นจริงไป มันพอได้แล้ว มาช่วยมนุษย์ที่อยู่ในโลกนี้ เป็นสิ่งที่สูงสุดของสัตว์โลก ไม่ว่าโลกในดาวดวงไหนหรือในโลกดวงที่เรียกว่าโลกที่มนุษย์โลกอยู่นี้ นอกนั้นมีชื่อดาวอะไรอาตมาไม่ได้ไปจำ เคยผ่านมารู้ มีวงโคจรของมันอยู่ใน 9 ดวงนี้
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:43:20 )
รายละเอียด
สัมผัสเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 50
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 08:37:29 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:11:16 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:17:53 )
รายละเอียด
คำว่าสุขด้วยความหมายของโลกียะ คำว่าสุขแบบโลกียะหรือแบบคนโลกๆคือสุขเพราะได้ ลาภเยอะ ได้ยศเยอะ ได้ตำแหน่งสูง ได้คำสรรเสริญเยินยอมาก ได้เสพทางตาหูจมูกลิ้นกายใจสมกิเลสสมตัณหาก็พอใจ ก็เป็นสุข มันเป็นโลกียสุขแท้ๆ
โลกียสุขไม่เที่ยงยั่งยืนโลกียสุขคือกิเลส คุณก็เสพสุขไปแล้วก็ไม่เที่ยงคุณก็จะหมุนเวียนได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จมไปเกิดชาติแล้วชาติเล่าต้องยาวไปอีกไม่รู้กี่ชาติ กว่าจะรู้สึกว่า กว่าจะรู้สึกว่าเราก็หลงไปกับสุข เหมือนหมาแทะกระดูก ที่มันไม่มีเนื้อ ไม่มีหนังอะไรแล้วมีแต่กระดูกเป็นแคลเซียม มันก็ดูดน้ำลายอร่อย แคลเซียมมันไม่ได้มีอะไรอร่อยๆ แต่คุณก็ดูดมันอยู่อย่างนั้นแหละ ขออภัยยกตัวอย่างคุณเป็นหมาไป มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 พฤษภาคม 2566 ( 11:53:29 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์ ไม่ใช่ตรัสรู้เรื่องดีเรื่องชั่ว เห็นว่าเรื่องนี้ยิ่งใหญ่กว่าเรื่องดีชั่วเยอะ และยิ่งใหญ่กว่านั้นที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็คือสุขกับทุกข์นั้น เป็นเรื่องเดียวกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เดาเอาไม่ได้ สุขกับทุกข์นี้มีพยัญชนะของโลกว่าเทวะ หรือ ทเว ที่แปลว่า 2
คนในโลกนี้จมอยู่ในคำว่า สอง อย่างแก้ไขไม่ได้ จึงแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ตกแก้ปัญหาการเมืองไม่ตก ทำให้สังคมสงบเย็นสุขสำราญเบิกบานใจไม่ได้ แต่ของชาวพุทธเข้าใจตัวนี้เอาตัวนี้มาแก้ไขความสุขความทุกข์จนไม่ต้องสุขต้องทุกข์ ไม่ต้องเป็นเทว รู้จักเทวะดีรู้จักพลังงานอันนี้ดี พลังงานเทวะคือพลังงานที่หลงความสุขความทุกข์ แต่จริงๆคนเราไม่หลงความทุกข์หรอกแต่หลงความสุข แต่ไม่รู้ว่าความสุขนี้มีคู่หูที่แกะไม่ออกเป็นเหรียญ 2 ด้าน มันต้องอยู่ด้วยกัน คุณเอาความสุขคุณก็ต้องเอาความทุกข์ ศาสนาพุทธจึงไม่เอามันทั้งสุขและทุกข์ฆ่าเทวะทิ้ง ไม่มีเทวะเลยนะยิ่งใหญ่กว่าเทวะที่ใหญ่ที่สุด เพราะใหญ่อย่างไรกูก็ไม่เอาสิว่ะ นี่พูดภาษาคนสภาวะธรรมจริงๆก็เป็นเช่นนั้น
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:30:20 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:00:20 )
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:40:41 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name