@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

การปฏิบัติเจริญอิทธิบาท 4

รายละเอียด

1. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาท  อันประกอบด้วย ฉันทสมาธิปธาน-สังขาร

2. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาท  อันประกอบด้วย วิริยสมาธิปธาน-สังขาร 

3. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาท   อันประกอบด้วย จิตตสมาธิปธานสังขาร

4. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาท  อันประกอบด้วย วิมังสาสมาธิปธานสังขาร ฯ

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 11 ข้อ 321 
ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2562 ( 15:25:31 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:45 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:10:18 )

การปฏิบัติเป็นลำดับจากภายนอกสู่ภายในอย่างน่าอัศจรรย์

รายละเอียด

คือเมื่อไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แสดงว่าไม่ได้ปฏิบัติสัมผัสภายนอก  คุณปฏิบัติอยู่แต่ภายใน ไม่มีใครรับรองว่าคุณจะบรรลุได้ สูงสุด ไม่ครบ  ไม่ปฏิบัติภายนอกไม่ครบ  ยิ่งปฏิบัติไม่เป็นลำดับ  ถ้าคุณปฏิบัติเห็นลำดับจากกายภายนอกมาหมดไป  คุณก็จะอยู่เหนือกายภายนอก  แล้วเข้าไปหาข้างในเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์  โดยที่คุณไม่ได้ทิ้งกายภายนอก  แต่ผู้ที่ปฏิบัติไม่เป็นลำดับ  กายภายนอก คุณปฏิบัติไม่ได้ คุณจะได้แต่ปฏิบัติหลับตาเมื่อลืมตา คุณปฏิบัติไม่ได้พิสูจน์ยืนยันไม่ได้ ว่าคุณหลุดพ้นหรือเปล่า ดีไม่ดียังไม่รู้ตัวเลย หลุดแล้ว  แต่คนอื่นเขาเห็นง่าย ถ้าหากว่ารู้แล้วในกายภายนอก ก็ยังสัมผัสสัมพันธ์อยู่ก็เหลือตากายภายใน เป็นรูป  อรูปต่อไป   กายภายนอก็จะไม่มีปัญหายิ่งจะแข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วย แต่ถ้าคุณปฏิบัติ แต่เพียงภายใน คุณไม่แข็งแรง สู้ไม่ได้ กลับกัน คุณจะไม่แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย แต่ถ้าปฏิบัติถูกต้องยิ่งจะแข็งแรงมากขึ้น หากไม่ได้ปฏิบัติภายนอก เอาแต่ภายใน ข้างนอกก็จะยิ่งอ่อนแอ คุณจะยิ่งไม่รู้ทัน ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ ยิ่งทุกวันนี้ มันจะหยาบด้วย เหตุการณ์ ทุกวันนี้ มันไม่เที่ยง  มันมีปรุงแต่งสารพัดมา โอ้โฮ กระเทยมันปรุงแต่งมาให้คุณเท่าไหร่ยอดนักปรุงแต่งกิเลสโลก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:17:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:42:38 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:09:21 )

การปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นอนุสัย7 ตามลำดับ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น อัตตาจึงไม่สังเคราะห์เข้าไปในโลก พระพุทธเจ้าจึงแยกคำว่า โลกคำหนึ่ง เพราะฉะนั้นผู้ที่มีอำนาจทางโลกก็เรียกว่าโลกาธิปไตย ผู้ที่มีอำนาจทางอัตตาก็เรียกอัตตาธิปไตย ก็แยกเป็นสองอัน ผู้ที่รู้แยกธรรมะชัดเจนก็จะรู้ว่ากามคือเบื้องต้น เป็นตัวอย่างต้องทำให้หมดก่อน หมดกามแล้วเหลือแต่อัตตาก็ต้องมาล้างอัตตาทีหลัง ผู้หมดกามเป็นอนาคามี เหลือส่วนเศษของกามคือรูปราคะอรูปราคะ ส่วนมานะ อุทธัจจะคืออัตตาแท้ๆ หรือแม้แต่ทิฏฐิกับวิจิกิจฉาก็สังเคราะห์ในอัตตา เป็นส่วนที่จะลึกซึ้งละเอียดไปถึงอนุสัย อนุสัย ทิฏฐิกับวิจิกิจฉานี้จะต้องทำต่อ ทิฏฐินี้เป็นตัวต้นของอาสวะด้วย กามเป็นสักกายทิฏฐิตัวหยาบเลย แล้ววิจิกิจฉา สังโยชน์ 1 กับ 2 ส่วนอาสวะ วิจิกิจฉาจะเป็นตัวกลาง มีกาม ปฏิฆะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา มานะ ภวะ แล้วจึงอวิชชาเป็น 7 อนุสัย รายละเอียดที่สลับกันพวกนี้ อาตมาจึงค่อยๆอธิบายมันไม่ง่าย จึงไม่รีบอธิบาย ไม่ต้องกลัวหรอกหากคุณหมดอาสวะก็เป็นพระอรหันต์แล้ว ส่วนจะเหลือเป็นอนุสัยอีกยังไม่ครบอุภโตภาควิมุติก็ไม่เป็นไร เมื่อเป็นพระอรหันต์ก็สามารถปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ เหลือเศษก็ไม่มีโมเมนตัมเพียงพอจะดึงขึ้นมา จะชรตา เข้าหาสุญญตาเองไม่มีปัญหาอะไร นี่ค่อยๆอธิบายไป ผู้ที่เข้าใจแต่พยัญชนะก็เข้าใจพยัญชนะไปก่อน เมื่อมีสภาวะแล้วก็จะเข้าใจได้ดีทั้งสองสภาพทั้งสภาวะและพยัญชนะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2563 ( 12:36:27 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:08:35 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:11:03 )

การปฏิบัติเพื่อให้สะอาดจากกิเลสคือเช่นไร

รายละเอียด

การปฏิบัติอยู่เพื่อให้สะอาดจากกิเลสก็คือ ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ เมื่อจิตสะอาดแล้วก็สั่งสมตกผลึกลงไป อัปปนา พยัปนา เจตโสอภินิโรปนา อย่างนี้เป็นต้น ส่วนวจีสังขารนั้นคือ จิตที่ปรุงแต่งให้สะอาดสะอ้านก็ตาม ปรุงแต่งให้มีกิเลสมากก็ตาม ปรุงแต่งให้อภิสังขารจัดการให้กิเลสออกไปจนจิตสะอาด ได้ผลแล้วก็เป็น อภิสังขาร อาเนญชาภิสังขาร เป็นต้น หรืออปุญญาภิสังขาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 16:00:50 )

การปฏิบัติเมื่อมีสัมมาทิฎฐิแล้ว

รายละเอียด

การปฏิบัติเมื่อมีสัมมาทิฎฐิแล้ว คือ จะต้องปฏิบัติศีลเป็นข้อต้น  เริ่มต้นข้อ 1คือ สัมผัสกับสัตว์จะต้องปฏิบัติ  ถ้าไม่ปฏิบัติตามนี้  มันไม่มีลำดับเป็นขั้นตอน  ไม่น่าอัศจรรย์  สัตบุรุษกล่าวว่าใครมาปฏิบัติธรรม  ต้องปฏิบัติศีลก่อน  แล้วจึงเริ่มมีฉันทะเมื่อเริ่มตั้งศีลเป็นข้อแรก  มีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6  แล้วมีการเกี่ยวข้องกับเครื่องอุปโภคบริโภค  และต้องเป็นผู้ตื่นอยู่กับทวารทั้ง 6 (ชาคริยา) นี่คือหลัก 3 ข้อการนั่งหลับตาไม่มีคุณธรรม 3 ข้อนี้เลย  ตีทิ้งสำรวมอินทรีย์  ทั้งยังไม่ตื่นเป็นนิทราไปเลย  ไสยไปเลย

ที่มา ที่ไป

  รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 39  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 21 ตุลาคม 2562 ( 08:29:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:59 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:11:29 )

การปฏิบัติเริ่มที่บันไดขั้นที่ 1

รายละเอียด

คือ  ถ้าผู้ใดไม่เริ่มต้นด้วย ศีล คุณก็ปฏิบัติผิดแล้วตั้งแต่ต้น  เพราะว่าไม่ได้เริ่มที่บันไดขั้นที่ 1 คือศีล  แล้วยิ่งคุณไปปฏิบัติยึด ปัณกปฏิปทา คือข้อปฏิบัติที่ผิดอีก3  แต่ต้องปฏิบัติอปัณกปฏิปทา 3 คือข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด เพราะคุณไปเข้าป่า  หลับตาปฏิบัติไม่มีสำรวมอินทรีย์ทั้ง6 ไปหาอาจารย์ในป่าเก็บผลไม้ในป่ากินไม่มีสิ่งอุปโภค  บริโภคที่มีในโลกนี้ทั่วไป แต่ไปอยู่ในป่า  มีแต่ต้นหมากรากไม้ เสือสิงห์มันไม่มีเครื่องอุปโภคบริโภค ที่จะประมาณโภชเนมัตตัญญตาแล้วไปนั่งหลับตาปกติก็ไม่มี  ชาคริยานุโยคะ  ก็โมฆะตั้งแต่ศีล  ไม่มีการปฏิบัติอปัณกปฏิปทา3 เลย  ก็ไม่ได้ปฏิบัติจรณะ15  ศรัทธาคุณก็มิจฉาศรัทธา  ไปเชื่อลัทธินอกกรีต  ลัทธิออกป่า  ลัทธิไปนั่งหลับตา  ลัทธิถือเทวนิยม  ลัทธิจะเป็นได้ปฏิบัติแค่ทิฏฐิ 62  ได้แค่อดีตกับปัจจุบัน  จะไม่มีทิฏฐิธรรม นิพพานทิฏฐิเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:41:02 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:17:43 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:10:21 )

การปฏิบัติแบบพุทธในโลกนี้มี 2 แบบ 

รายละเอียด

การปฏิบัติแบบพุทธในโลกนี้มี 2 แบบ  คือ  แบบที่มีทฤษฎีที่ปฏิบัติโดยหลับตา กับแบบที่มีทฤษฎีปฏิบัติลืมตา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 08:33:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:18 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:42:12 )

การปฏิบัติแบบลืมตา

รายละเอียด

การปฏิบัติแบบลืมตา คือ การปฏิบัติไปตามหลัก เริ่มจากหลักศีล แล้วศรัทธาจะเกิดก็คือ ความรู้ ความเชื่อถือ  ความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นไปอีก มันจะเกิดซับซ้อนขึ้น จากการปฏิบัติ 3 ข้อหลัก ถ้าหากปฏิบัติได้ถูก มันก็จะยิ่งมีศรัทธา จิตใจก็จะยิ่งมีความละอาย ละอายต่อศีลที่ห้ามไว้ ละอายต่อสิ่งไม่ดีงาม มีความละอายสูง ไปเป็นโอตตัปปะ จะกลัวเกรงไม่ทำผิด เป็นเครื่องชี้บ่งความเจริญของจิตที่เป็นคุณสมบัติ คุณธรรมที่มันยิ่งใหญ่ขึ้นมันจะเป็นเครื่องประกันเลยว่าจะไม่ทำบาป มันละอาย กลัว ไม่ทำ หิริ โอดตัปปะ ยิ่งทำก็มีมากขึ้นเป็นพหูสูต การเป็นพหูสูตไม่ได้หมายถึงเป็น learned man ผู้รู้มากอะไรอย่างนั้น แต่นี่คือความรู้ที่มันมีมากขึ้นจริงๆ แล้วจะมีธาตุรู้ที่เป็นปฏิภาณปัญญา ว่าเป็นความรู้ที่ได้นี่ดีจริงๆ มันควรจะได้สูงกว่านี้มีอีกไหมอย่างนี้ มีอีกก็จะทำการวิริยะ สติปัญญาที่เป็นจริง ซับซ้อน วิริยะ สติ ปัญญา ความเพียร สติ ตื่นมารู้ ปฏิบัติแล้วจะเกิดปัญญา สำทับด้วย ปัญญา มันเป็นปัญญินทรีย์เพิ่มขึ้น ศรัทธาก็เป็นศรัทธินทรีย์เพิ่มขึ้น ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหูสูต สติ  ปัญญา มาถึง ปัญญาก็เป็นข้อ 11 (ของจรณะ15)

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 08:34:29 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:19:34 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:12:23 )

การปฏิบัติแบบลืมตา 

รายละเอียด

การปฏิบัติแบบลืมตา คือ มีสัมผัสเป็นปัจจัย แยกเวทนาในเวทนา ขอยืนยันว่าอาจารย์มั่นจะไม่รู้หรอกจะไม่รู้ มโนปวิจาร18 เนกขัมมะ18 เคหสิตะ18  แล้วทำเวทนาให้เป็นเนกขัมมะในส่วนปัจจุบันสั่งสมเป็นอดีตที่ 0 จนอนาคตก็ 0 ตลอดกาล อาจารย์มั่นจะไล่สภาวะที่สมณะโพธิรักษ์พูดนี้ไม่ได้ เพราะจะไม่รู้จักสภาวะจิต เจตสิก รูป นิพพาน สมบูรณ์แบบ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:50:07 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:20:19 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:12:47 )

การปฏิบัติแบบหลับตา จะไม่รู้จักสอุปาทิเสสะนิพพาน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ก็มี อนุปาทิเสสนิพพานธาตุทั้งนั้น เป็นผู้ที่ไม่เหลือธาตุที่เป็นกิเลสตัณหาเลย แต่ทีนี้ พวกที่ลัดๆ ไม่รู้จัก สอุปาทิเสสะ ไม่รู้จักความเป็นเสขบุคคล ไปนั่งหลับตาเข้า จะเอาอรหันต์อย่างเดียว ลำดับโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ไม่มี ไปถามพวกนั่งหลับตาลองไล่เรียงให้ฟังซิ โสดาบันที่ลืมตาเป็นๆเป็นอย่างไร สกิทาคามีที่ลืมตาเป็นอย่างไร อยู่กับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสแล้วเป็นอย่างไร ยังกินหมากปากเปรอะอยู่หรือเปล่า รู้เรื่องเสพติดไหม ติดแค่หมากพลู จะไปเป็นอรหันต์ได้อย่างไร ไม่ได้รู้เลยข้างนอกตาหูจมูกลิ้นกาย เสพติดอะไรที่หยาบๆอยู่ แค่เขาถือเป็นสิ่งเสพติดก็ไม่รู้ นั่งหลับตาปึ๊งปั๋ง สงบ สู้กับกิเลส แล้วกิเลสมันเป็นตัวอย่างไร ก็ไม่รู้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 38 อัมพัฏฐสูตรและกายในกาย

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กันยายน 2565 ( 14:22:55 )

การปฏิบัติแบบหลับตา 

รายละเอียด

การปฏิบัติแบบหลับตา คือ ทำให้เสียเวลาต้องไปหาสถานที่ไม่หาสถานที่ก็แล้วแต่ คุณไม่เกี่ยวอะไรกับใคร  แต่การลืมตาปฏิบัติเกี่ยวข้องอยู่กับคนอื่น อย่างอื่นทันทีทันใด อย่างมีปกติสามัญชีวิต

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:17:17 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:14:59 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:13:15 )

การปฏิบัติแบบไม่นั่งหลับตา

รายละเอียด

โดยเฉพาะไม่นั่งหลับตาแล้วก็ปฏิบัติไปอย่างสำคัญเลย นอกจากไม่นั่งหลับตาแล้วลืมตาปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์ แล้วก็เกิดสัมมาสมาธิ เขาเข้าใจกันที่ไหน อยู่ในมหาจัตตารีสกสูตร หรือแม้แต่ในจรณะ 15 ปฏิบัติกว่าจะได้สมาธิกว่าจะได้ฌาน 1 2 3 4 แล้วต้องมีวิชชา 8 ด้วยต้องมีองค์ประกอบไปด้วยกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:22:10 )

การปฏิบัติในรูป 28

รายละเอียด

มหาภูตรูป 4 คือรูปธรรม อุปาทายรูป 24

เริ่มแต่ ปสาทรูปโคจรรูป ถ้าเกิดการสัมผัสก็มีการทำงาน มีผัสสะ ก็จะเกิดเวทนา ตามปฏิจจสมุปบาทก็มีตัณหา ฆ่าได้ก็หมดตัณหาไปเรื่อยๆ คือตัวสมุทัยอาริยสัจให้มันดับมันลด

การปฏิบัติรูป เมื่อมีผัสสะก็เกิด ภาวรูป

ภาวะจะมีสอง เกิดเทวธัมมา เป็นธรรมะ 2 ก็จัดการที่เวทนา ที่มันเป็นสอง แล้วก็ทำเวทนา 2 ให้มันเหลือเวทนา 1 ที่รู้ว่าเวทนาเก๊ กับเวทนาแท้

เวทนาแท้ รู้ความจริงตามความเป็นจริง เช่นแตงโมลูกนี้ไม่เล็กเลยนะ ลายทหารพรานเลย เราก็รู้สีรู้รูปเส้นสาย ตากระทบรูปก็กำหนดรู้ ถ้าจิตของเราเกิด มันสุขมันทุกข์นั่นเป็นอิตถีภาวะ ถ้ามันรู้ความจริงตามความเป็นจริงก็เป็นปุริสภาวะ แยกได้แล้วทำจิตให้เหลือปุริสภาวะ เป็นจิตที่เป็นหนึ่ง ไม่สุขไม่ทุกข์มันก็สำเร็จแล้ว ยิ่งทำให้เป็นปุงลิงค์ได้แล้วเพศชายได้แล้วเป็นเอกได้แล้ว แล้วก็อ่านลึกเข้าไปในจิตที่เป็นเอก ว่ามันสามารถทำให้จิตเป็นอุเบกขา ไม่มีการปรุงแต่งอะไรเก่งขึ้น เรียกว่านปุงสกลิงค์ คือ 0 จากหนึ่งก็ปลอดภัยแล้ว ไม่มีคู่ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ได้แล้ว ถึงขั้นนี้ได้แล้ว ปุงลิงก์จิตเป็นหนึ่งได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ

วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:34:48 )

การปฏิบัติให้สูงขึ้นตามลำดับ

รายละเอียด

“ศีล-สมาธิ-ปัญญา”นี้ จะปฏิบัติได้ผล“อธิศีล-อธิจิต-อธิปัญญา-อธิมุตโต”ไปตามลำดับ และเกิด“วิมุตติ”ไปเป็นขั้นๆ เป็นเรื่องๆ

  เมื่อผลของ“ศีล”นั้นทำให้“จิต”สะสมผลได้“อธิจิตตั้งมั่น”เข้าขั้น“สมาธิ”ครบรอบต้น “อธิปัญญา”ก็รู้แจ้งรู้จริงในผลที่สั่งสมตกผลึกเป็น“สมาธิ”รอบต้นนั้นไปตามลำดับ

จนกระทั่ง “ศีล”ข้อนั้นปฏิบัติจนมีผลทำให้“จิต”สะอาดบางจางจากกิเลสไปเรื่อยๆ และควบแน่นเข้าๆ กระทั่ง“ตั้งมั่น”เป็น“ขั้นกลาง” และที่สุด“ตั้งมั่น”เป็น“ขั้นปลาย”เรียกว่า “วิมุตติ” ก็จะมี“อธิปัญญา” ตามรู้ใน“อธิ”ต่างๆทั้งหมดนั้นๆไปด้วยตลอด จนที่สุดกิเลสหมดเกลี้ยงก็รู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า“กิเลสเกลี้ยง”ด้วย“อธิปัญญา”(หรืออภิปัญญา)นั่นเอง เรียก“ผล”สุดท้ายนั้นว่า “วิมุตติญาณทัสสนะ”ใน“สมาธิ”นั้นๆ สมาธิเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ตาม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:22:35 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:16:55 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:12:25 )

การปฏิบัติไม่ต้องหนีให้เผชิญ

รายละเอียด

คือ พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ต้องหนี ให้เผชิญและศึกษาให้ดีแล้วอยู่ด้วยกันให้ได้ ถ้าจะให้เปรียบเทียบให้ชัดเจนก็คือ แม้เสือกับคนอยู่กันคนละที่ แต่เราก็ค่อยศึกษาแล้วพยายามมาอยู่ด้วยกันได้ เสือกับคนอยู่ด้วยกันได้นี่คือการเปรียบเทียบ คนนี่แหละจะร้ายยิ่งกว่าเสือหรือร้ายยิ่งกว่ายุงก็ได้ เราก็อยู่กับเขาได้ เรารู้กันแล้วให้เสือรู้จักใจเราไว้ใจเรา เข้าใจเรา โดยเฉพาะเราเป็นผู้ที่เกื้อกูลเสือ เสือมันก็ไว้ใจเรา ไม่ทำร้ายอะไรเรา เขาก็ปฏิบัติมาแล้ว แต่เสือมันก็เลยกลายเป็นเรื่องตัวเองไม่เป็น ช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น มันแสดงความรักทางนามธรรม แต่นิสัยมันเสีย สันดานเสือเสียหมด ปล่อยเสือเข้าป่ามันก็ตาย มันอยู่ไม่รอด มันป้องกันตัวเองก็ไม่ได้ มันเสียความเป็นสัตว์หมด เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันอยู่ห่างเสือมันก็อยู่กับเสือ เราก็อยู่กับเราไม่เกี่ยวกันอยู่แล้ว เสือมันไม่มาเพ่นพ่านอยู่ในเมืองอะไรหรอก มันอยู่ในป่าก็มีกวางมีเก้งให้จับกินหรอก มาจับคนกินไม่ได้หรอก เสือก็ไม่สู้ฝีมือคนหรอก แล้วมันก็ไม่มีความคิดรุกรานคนหรอก แต่คนนี่มันโง่กว่าเสืออีก คนนี้มันจัดการกันได้

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2562 


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 12:17:37 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:55 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:13:10 )

การปฏิรูปกับการปฏิวัติ

รายละเอียด

ซึ่งความหมาย 2 อันนี้ทางวิชาการเขา Reform กับ รีโวลูชั่น Revolution  Reform คือการปฏิรูปนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปเรื่อย แต่ว่า Revolution การปฏิวัตินั้นหักด้ามพร้าด้วยเข่าเลยเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงรวดเร็วต้องให้ประสบผลสำเร็จในทันทีทันใด เร็วที่สุดนั่นคือลักษณะของการปฏิวัติ กับการปฏิรูปต่างๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 10:25:12 )

การปฏิวัติของคนไทย

รายละเอียด

ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ไปทำปฏิวัติ แต่ประชาชนทำการปฏิวัติรัฐประหารต่างหาก ตอนนั้น ยิ่งลักษณ์ไม่มีอำนาจแล้ว มีแต่รักษาการณ์นายชัยเกษม ไม่มีฤทธิ์ไม่มีอำนาจอะไร พลเอกประยุทธ์ถึงบอกว่า ผมขอยึดอำนาจมันก็เรียบร้อย เพราะว่าประชาชนปฏิวัติรัฐประหาร ประหารรัฐบาลต่างๆไปหมดแล้ว อันนี้ พูดถึงเนื้อหาเนื้อแท้ของสัจธรรม นักรัฐศาสตร์ควรทำความเข้าใจให้ดีเพราะว่ามันไม่เคยมีในโลกมีในประเทศไทยนี่แหละ ประชาชนไปรัฐประหารกำจัดรัฐบาลออกไปอย่างดีงามที่สุด เพราะกำจัดด้วยความสงบเรียบร้อยไม่มีความรุนแรง ไม่ใช้อาวุธ เอาแต่ความจริง คุณผิดคุณขี้โกง มาประกาศยืนยัน จนคนขี้โกงต้องยอมจำนน เขาต้องยอมโดยศิโรราบ เราไปประท้วง ไปปฏิวัติ ไปประหารเขา ไปเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่ให้เขามาปกครอง เพราะฉะนั้นทักษิณก็ไม่ได้แล้ว นอมินี นายสมัครเราก็เอาออกไป มีนายสมชายเราก็ออกไปอีก เมื่อเป็นยิ่งลักษณ์อีก ที่จริงอภิสิทธิ์ก็มาคั่น อภิสิทธิ์ไม่มีความผิดต้องออกไปจากต่างประเทศ แต่นอกนั้นมีความผิดหมดเลย นายกฯยิ่งลักษณ์ผลาญพร่าทำลายประเทศจนเป็นหนี้มาจนถึงทุกวันนี้ พลเอกประยุทธ์ต้องมานั่งใช้หนี้อีกตั้งเท่าไหร่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 4 มกราคม  2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 19:05:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:54 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:13:40 )

การปฏิวัติด้วยบุญญาวุธของประชาชนโดยมีในหลวงเป็นประธานของประเทศ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในการปฏิวัติ หรือรัฐประหารที่เมืองไทย ประชาชนได้ทำมาแล้วตั้งแต่ปฏิวัติรัฐบาลทักษิณ ปฏิวัติรัฐบาลสมัคร ปฏิวัติรัฐบาลสมชาย ปฏิวัติรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปฏิวัติรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ทำหมด และเป็นแกนหลักด้วย แกนหลักของเราไม่ได้อยู่นิ่งหรอก เดี๋ยวก็มีมากเดี๋ยวก็เหลือน้อย แต่อยู่เป็นแกนเลย ก็พวกเรานี่แหละเป็นแกน เดี๋ยวก็เหลือน้อยเดี๋ยวมาก มากจนกระทั่งเป็นล้านหลายล้าน ถึงเวลาน้อยก็เหลือน้อย ถ้าหากมีอีกเราก็ออกไปประท้วงอีก ไปประท้วงแต่ละครั้งใช้ความสงบสยบชนะเท่านั้น ที่ตายนั้นไม่ใช่พวกเราเลยที่จะใช้ความรุนแรงก็ใช้อาวุธ ที่ตายนั้นเป็นพวกที่เป็นรัฐบาลเลวร้ายเป็นคณะของรัฐบาลเลวร้ายทั้งนั้น พวกของรัฐบาลเลวร้ายทั้งนั้น ที่ทำให้คนตายขึ้นมา ทีนี้พอสงบจบ พอชนะเสร็จ ยังไม่สะเด็ดทีเดียว อำนาจรัฐบาลทักษิณก็ใช้นอมินีตั้งแต่สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ ใช้อำนาจตัวแทนมาตลอด เราก็ต้องออกไปแสดงการปฏิวัติโดยประชาชน ทุกรัฐบาล ชนะ แต่มันไม่สะเด็ดน้ำ ก็เลยยังไม่มีตัวรับไม้ตัวสุดท้ายที่จะทำ เมื่อถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อำนาจของทักษิณขาด ให้นิวัฒน์ ธำรงบุญทรงไพศาล เป็นคนรับหน้าเสื่อแต่อำนาจทางนิตินัยนั้นเขาขาดไปแล้วด้วย เพราะประชาชนปฏิวัติเสร็จเรียบร้อย เป็นสิ่งใหม่เป็นหัวเจาะ เป็นประเทศแรกที่ได้ประชาธิปไตยที่สะอาดบริบูรณ์ ซึ่งเป็นอำนาจของประชาชน ทำการปฏิวัติด้วย บุญญาวุธ เพื่อความสงบด้วยความจริงเป็นอาวุธใหญ่ เอาความจริงมายืนยันจนกระทั่งยอมจำนน กับความสงบที่ไม่ไปทำร้ายตอบเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก คนที่มีปัญญาถึงจะพอเข้าใจ อำนาจนี้คนมีปัญญาก็จะรับรู้ว่าเป็นอย่างนี้เหรอ อำนาจของความสงบมีฤทธิ์เดชขนาดนี้เชียวหรือ เป็นฤทธิ์เดชความจริงจะเอาชนะความไม่จริงได้ขนาดนี้เลย ความจริงเอาชนะความไม่จริงได้อย่างนี้เชียวหรือ เพราะเป็นประเทศที่มีในหลวงเป็นประธาน เพราะฉะนั้นสงครามนี้ การปฏิวัตินี้ นี่คือความสำคัญของในหลวง แน่นอนในหลวงเข้าข้างประชาชน ประชาชนเข้าข้างในหลวง ผู้ที่ปฏิวัติไป คุณจะใช้อำนาจของทักษิณ คนก็ดูว่าเขาจะตั้งตัวเป็นกษัตริย์หรือประธานาธิบดี ทักษิณชนะไม่รู้ว่าจะตั้งระบอบไหน ยังไม่มีใครรู้ แต่มาถึงวันนี้ก็บอกได้ว่าเกิดไม่ได้แล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 10:54:36 )

การปฏิวัติรัฐประหารแบบของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เขาบอกว่าอาตมาเป็นตัวตั้งตัวตีเอาอันนี้มาใช้ อาตมาว่าอาตมาเอาจากของพระพุทธเจ้ามาใช้ การปฏิวัติรัฐประหาร ใช้ศัพท์สมัยใหม่ 

ปฏิวัติหรือรัฐประหาร ประหารอะไร ประหารรัฐบาลทรราชย์ ไปปฏิวัติล้มรัฐบาลทรราชย์  ที่บริหารปกครองไม่ดี ตั้งแต่ทักษิณซึ่งมันก็ยังไม่เข้าร่องเข้ารอย ทักษิณก็ยังต้องมีเชิงจะใช้ทหารเข้ามาปฏิวัติ ทำทีเป็นมาปฏิวัติ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก็ทำทีเป็นปฏิวัติ แต่ก็ไม่ได้ยิงอะไรให้เขาบาดเจ็บเลย ประชาชนก็ประท้วงเป็นหลัก พอชนะแล้วประชาชนก็เฮโลเอาดอกไม้ไปใส่ปลายปืน ไม่ว่าจะเป็นรถถัง ปืนใหญ่ ปืนเล็ก ก็แล้วแต่ อะไรอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีการที่เห็นกันได้ชัดเจน ​บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์มา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40

ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:12:43 )

การปฏิวัติรัฐประหารแบบโลกุตระ

รายละเอียด

ประโยคนี้สำคัญนะ “ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ” สำคัญนะ อันนี้ในอนาคต อันนี้จะสำคัญในความเป็นประชาธิปไตย แล้วก็ทำได้สำเร็จด้วย ยาวขนาดนี้อันนี้รัฐบาลแพ้ 3-4 รัฐบาลสำเร็จ โดยการปฏิวัติรัฐประหารแบบโลกุตระ ใช้ความสงบสยบปืนสยบระเบิด เอาชีวิตเข้าแลกเลย จะใช้ความดีซึ่งมีฤทธิ์อำนาจมีคุณงามความดีความถูกต้อง จนคนรับได้ และดีอย่างหนึ่งคนไทยเป็นคนมีปัญญา และเป็นคนมีธรรมะ มีแก่นโลกุตระ จึงรับได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:31:39 )

การปฏิวัติโดยประชาชน

รายละเอียด

ปี 2557เป็นการปฏิวัติรัฐประหารโดยประชาชนที่กองทัพทำ เราทำ ขออภัยนิดนึง ทางด้านคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ กปปส. กองทัพธรรมออกมาเป็นตัวต้นตัวหลักก่อน แล้ว กปปส. คุณสุเทพทางสามเสนก็มา เขามีพลจัดตั้งเยอะ ต่อเนื่องกับเรา คนก็เลยมาอย่างยิ่งใหญ่ เราเองไม่มีแรงเท่าคนสุเทพ มาร่วมกันเลยกลายเป็นพลังงานประชาชนเต็มที่เลย กปปส.เลยใหญ่ แต่แท้จริงจุดก่อตัวคือกองทัพธรรม เป็นจุดเล็กๆขาวใสในขอบฟ้ากว้าง แล้วค่อยๆมารวมกันเป็นพลังงานใหญ่ เราไม่ได้ปฏิเสธว่าพลังงานเกิดจากพวกคุณ ถ้าปล่อยให้พวกเราอย่างเดียวป่านนี้ มันจะชนะไหมนี่ ประท้วง 40 กว่าปีก็คงจะไม่ชนะหรอก แต่ก็เพราะอย่างนี้แหละมันเกินความจริง ต้องรวมกันอย่างนี้แหละอย่าไปทิ้งกัน ศึกษาให้ดี neoprotest อย่างที่พวกเราจะเป็นประวัติศาสตร์ทางรัฐศาสตร์ จะเป็นตัวอย่างที่ต้องใช้ศึกษาและพัฒนาการให้เป็นมนุษย์แบบนี้ ตราบใดที่ยังมีการใช้ความสงบเป็นหลักเกณฑ์ ไม่ใช้อาวุธใช้ความจริงเป็นตัวจัดการให้ชนะ เพราะฉะนั้นคนที่ชนะก็จะชนะด้วยความจริง ยอมรับด้วยความจริงก็จบ ไม่เช่นนั้นไม่มีเสร็จเรียบร้อย มีความจริงเท่านั้นจะชนะทุกสิ่งทุกอย่าง ความบริสุทธิ์สะอาด จะชนะทุกสิ่งทุกอย่าง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:41:30 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:57 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:14:04 )

การปฏิวัติโดยประชาชน

รายละเอียด

พวกเราเป็นมนุษย์ เป็นคนไทย มีความรับรู้สังคม ไม่ได้เป็นคนหลับไม่รู้คู้ไม่เห็น เป็นคนรู้อยู่ว่าเหตุการณ์บ้านเมืองควรจะช่วยกันอย่างไร ทำอย่างไรให้มันเกิดความสงบ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ นี่เป็นการเสียสละ แม้ที่สุดเสียสละชีวิตและร่างกายในสิ่งเหล่านี้ เราไม่ได้ไปทำร้ายใคร คนร้ายจะทำร้ายเราก็สุดวิสัยที่เขาทำร้ายเราด้วยความโหดเหี้ยมของเขา ก็เป็นเรื่องความร้ายแต่เราไม่ไปทำร้ายตอบ ไม่อาฆาตมาดร้ายด้วย 

เราได้ปฏิบัติมาแล้ว เราเป็นลูกพระพุทธเจ้า แล้วเราเชื่อมั่นโดยเฉพาะอาตมาเชื่อมั่นตนเองว่าไม่มีปัญหา อาตมาออกไปสนามรบ ไปร่วมชุมนุมตั้งแต่ พ.ศ 2549 จนถึง 2557 หลายครั้งหลายงวด ตั้งแต่ ไปร่วมสมทบไล่ทักษิณ ไล่สมัคร ไล่สมชาย ตอนไปไล่สมชายนี้จำได้เลยว่า ไปนอนกันอยู่ในทำเนียบ ปลูกข้าวทำนากันอยู่ในทำเนียบ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าทำเนียบไม่ได้เลย เป็นนายกที่ไม่ได้เข้าทำเนียบเลย ตลอดจนออก 

จนกระทั่งยิ่งลักษณ์สุดท้าย แล้วเราก็ถือว่าพวกเรานี้ใช้กำลังประชาชนปฏิวัติหรือรัฐประหารรัฐบาลทรราชทั้งหลาย สำเร็จเสร็จจบ ถูกต้องตามกติกาสากลโลก เป็นการประท้วง protest ไม่ใช่ม็อบ โปรเทสคือประท้วงอย่างสงบ ไม่มีอาวุธ ไม่รุนแรง ไม่หยาบคาย แต่พูดเสียงดัง จะดังจนคอแตก ใครมีกำลังก็ว่าไป ไม่ให้หยาบคาย ไม่ให้ผิด จะดังอย่างไรก็ดังไป แล้วเราก็ได้ทำมาแล้ว มีโทรทัศน์ เราก็เอาโทรทัศน์เข้าไปทั้งกลางวันกลางคืน ถ่ายทอดกันอยู่ที่นั่นแหละ ลงทุนลงแรงกันเต็มที่ ทำกันต่อเนื่องตั้งหลายปีหลายงวด 

แล้วเป็นการแสดงการปฏิวัติโดยประชาชน ให้รัฐบาลทรราชทักษิณล้มไปพ่ายแพ้ไป เขาก็พยายามตั้งนอมินีขึ้นมาเป็นสมัคร สุนทรเวช เราก็ไปขับไล่อีก ซึ่งก็มีองค์ประกอบ มีตุลาการภิวัฒน์ ท่านช่วยด้วย สมัครก็ตกเก้าอี้ไป สมชายก็เป็นนอมินีขึ้นมาอีกเราก็ไล่อีก จนสมชายตกไป เลือกตั้งใหม่ เก่งอีกเอายิ่งลักษณ์ขึ้นมาได้อีก เราก็ไล่อีก จนยิ่งลักษณ์ออกประตูหมาลอดไป จนเดี๋ยวนี้ยังจับตัวไม่ได้ ช่องทางหมาลอดไม่ใช่ประตู

คือจริงๆแล้วเมืองไทยเป็นเมืองเมตตา ถ้าจะไปตามจับมาจริงๆนั้นได้ ถ้าโหดเหมือนอย่างเกาหลีเหนือ พี่ชายเขาก็ตามฆ่าเลยเกาหลีเหนือ แต่คนไทยไม่ได้เป็นคนใจโหดอย่างนั้น ก็เลยเอาตามวิบากกรรมใครก็วิบากกรรมของเขา เขาจะรู้สึกเหมือนเขามีสุข เพราะเขามีเงินบำเรอตัวเอง เป็นสุขไป แต่นรกทั้งนั้น นี่เขายังไม่หยุด ยังออกมามีการใช้อำนาจบาตรใหญ่ให้ประเทศไทยรวนเร แต่อาตมาพูดตามจริงเลยนะ ก็รู้สึกว่าเขาทักษิณลดลงแล้วนะ จะเพราะแก่รึเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าจะเห็นความจริง สาธุขอให้เขาเกิดเห็นความเห็นความจริงเถิด จะได้เจริญขึ้นบ้าง ว่าเราควรลดบทบาท เราน่าจะเป็นผู้แพ้ได้แล้ว แต่เขากล่าวไม่ได้ เขาจะไม่กล่าวคำว่าเป็นผู้แพ้ 

อาตมาก็เคยพูดอันนี้กับทักษิณ ไม่ได้พูดกับเขาหรอกแต่พูดออกไปทางสาธารณะ ว่าถ้าเขากล่าวว่า เขาเป็นผู้แพ้ ยอมแพ้ได้ นี่โอ้โหประเทศไทยจะมีประสิทธิภาพขึ้นเยอะเลย แต่นี่เขายังไม่กล่าวก็ยังทำทีทำท่า ตอนนี้ก็ดันลูกสาวคนสุดท้องขึ้นมาอยู่เลย ซึ่งก็ดูท่าทีแล้ว ก็ยังยอมอ่อนข้อ เอาคุณเศรษฐา ทวีสิน พรรคเพื่อไทย มาเป็นหนังหน้าไฟ นี่ยังไม่รู้เลยว่าประเทศไทยจะออกหัวออกก้อยอะไร ตอนนี้แคนดิเดตผู้จะเป็นนายก ไม่รู้ใครต่อใครกันแน่ จะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาจากไหน แล้วจะมา Shane, come back! หรือเปล่าไม่รู้ ใครเคยดูหนังเรื่อง Shane, come back! ฟังนัยยะสำคัญให้ดีๆนะ come back นะ จะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอาละ พูดเป็นนัยๆว่าพี่ไปหลายวันก็พอแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #30 ประกาศกองทัพธรรมไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจสว. วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566 วันแรม 15 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 13:16:29 )

การปฏิสันถาร

รายละเอียด

ขอบคุณมีความคิดอย่างคุณเหมือนกัน ความคิดถึงคุณอาตมาก็คิดได้ ไปอาตมาไม่ใช่เป็นคนที่จะไปใช้วิธีอย่างนั้น ที่จะใช้จิตวิทยา ที่จะ ใช้ลักษณะว่าเราเป็นผู้ที่มีชั้นเชิง จะเป็นการยัดเยียดจะเป็นการบังคับไม่เอาแน่ แค่หว่านล้อม อาตมาก็ไม่ทำ ให้เขาสัมผัสอย่างอิสรเสรี เป็นแต่เพียงว่าพวกเรานี่แหละมีปฏิสันถารบ้าง แต่พวกเราก็ค่อนข้างบื้อ แขกไปใครมาก็ไม่ค่อยทักทาย ตั้งแต่อาตมาเป็นคนไม่ค่อยปฏิสันถาร อาตมาก็รู้ข้อบกพร่องของอาตมาต่างกับท่านจันทเสฏโฐ อาตมามันไม่มีใจแบบนั้นเลย พวกเราก็เลยต้องช่วยอาตมาหน่อย ให้เหมือนวัดวาต่างๆ วัดไหนก็ทำให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ถ้าเขาสนใจเขาก็จะค่อยๆเข้ามา เราก็ค่อยๆอธิบาย ไม่ใช่พอเขาถามปุ๊บเป็นชุดเลย ก็ต้องค่อยๆพูด อย่ายัดเยียด เป็นตามลำดับ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:01:45 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:35:17 )

การปฏิสันถารนั้นเทียบเท่ากับการเคารพยำเกรงพระพุทธเจ้าและแสดงว่าพุทธเป็นศาสนาไม่หนีสังคม

รายละเอียด

การปฏิสันถารเป็นการบอกว่าศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาออกจากสังคมเหมือนศาสนาเชน ศาสนาพุทธที่ท่านตรัสกล่าวถึงขั้นนั้น การปฏิสันถารนั่นเทียบเท่ากับการเคารพยำเกรงพระพุทธเจ้า เท่ากันเลย สำคัญยิ่ง 

อาตมานี่เป็นคนไม่ดีเลยไม่เก่งในการปฏิสันถารเลย เทียบกับท่านเพาะพุทธ ท่านจันทร์ คนละด้านเลย อาตมานี้เป็นคนแย่มากเลยในเรื่องของปฏิสันถาร 

ถ้าอาตมาปฏิสันถารเก่งกว่านี้อีกสักนิดเดียว ไม่ต้องมาก อื้อหือ จะดีมากเลย แต่มันก็สุดวิสัยเพราะมันเป็นวิสัยไปแล้ว ไม่ใช่นิสัยเท่านั้น ก็ได้ประมาณนี้ก็รู้เป็นข้อบกพร่องของอาตมา ปฏิสันถารน้อย แต่ก็นั่นแหละ ก็แก้ตัวว่า ขนาดไม่ปฏิสันถารนี่ยังมีผู้ที่จะต้องสอนอยู่ไม่ใช่น้อยแล้ว ไปปฏิสันถารอีก ลูกค้าอาตมาจะเยอะขึ้น มันจะไหวหรือ ป่านนี้คงตายแล้วล่ะ ก็เอาแต่พอตัว จะเรียกว่าแก้ตัวก็ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนังพญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 22 พฤษภาคม 2565 ( 15:00:50 )

การปฏิเสธเพื่อนที่ไม่เป็นศัตรูกัน

รายละเอียด

รู้ทั้งรู้แล้วว่าไม่มีสาระ เคยยกตัวอย่างง่ายๆ มีคนสองคนเป็นเพื่อนกัน เขาก็มาชวนว่าไปกินเหล้ากัน อีกคนก็บอกว่าไม่ไป เขาก็บอกว่าเอ็งเป็นเพื่อนข้าหรือเปล่า ก็บอกว่าเป็น เขาบอกว่าเป็นเพื่อนข้าก็ต้องไปกินเหล้า คนนี้ก็บอกว่าเอาอย่างนี้ เอ็งเป็นเพื่อนข้าใช่ไหม ใช่ แต่ถ้าไม่กินเหล้า เพราะฉะนั้นเอ็งก็มากับข้าไปกินเหล้าไม่ดีหรอก ไม่กินเหล้าดีกว่าใช่ไหม ถ้าคนนั้นบอกว่ากินเหล้าดีกว่า คนนั้นก็ให้ไปที่ชอบที่ชอบเลย พูดกันให้ชัดเจน ไม่ต้องแข็งหรอกพูดอย่างนี้นิ่มๆ มันจะมีสามัญสำนึกรู้เลยว่าการกินเหล้าไม่ดี เขาจะไม่มีสามัญสำนึกรู้เลยเหรอคน ถ้าเขาไม่มีสามัญสำนึกก็บอกว่าไม่กินเหล้านี่เป็นหมานะ ก็อย่าไปคบเลยคนระดับนี้ พูดอย่างนี้อาตมาอธิบายอย่างนี้ถึงใจดีไหม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:37:19 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:21 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:13:43 )

การประกาศนานาสังวาส

รายละเอียด

คือ ประกาศว่า.. เอาล่ะ ความเห็นของเธอก็เป็นความเห็นของเธอ เป็นความเห็นของสองฝ่าย นานาสังวาส ความเห็นของเธอก็อย่างหนึ่งความเห็นของเราก็อย่างหนึ่ง เมื่อแยกความเห็นของกันและกันแล้วก็เป็นอิสระเสรีภาพ คุณก็ดำเนินของคุณไป เราก็ดำเนินของเราไป ต่างคนต่างอยู่ หลักเกณฑ์ของนานาสังวาสข้อ 1 มีว่า ห้ามสองฝ่ายนี้ที่เป็นสงฆ์ด้วยกัน ห้ามไปอธิกรณ์กันและกัน คือ ห้ามไปฟ้องร้อง มีสงฆ์สองฝ่าย ฝ่ายใดไปฟ้องฝ่ายใด คนนั้นล่ะบาปคนนั้นตกนรก คนนั้นล่ะผิด ฟ้องร้องกันไม่ได้ ต่างคนต่างทำ จบ นี่คือ กฎระเบียบธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า นานาสังวาสแล้วฟ้องร้องกันไม่ได้ โดยเฉพาะนานาสังวาสที่ทำพิธีประกาศกันเป็นหลักฐาน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ยอดสุดของความต่างคือนานาสังวาส วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2563 ( 15:33:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:36:19 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:14:48 )

การประกาศพระสูตรแรกเกิดอัญญธาตุ

รายละเอียด

เริ่มต้น ตั้งแต่อัญญธาตุทีอาตมาแยกให้ฟัง ตั้งแต่พระพุทธเจ้าประกาศเอาไว้ ท่านเทศน์กัณฑ์แรกเลย  อัญญาโกณฑัญญะ ฟังกับเพื่อนพราหมณ์อีก 4 รูป ก็คือนักบวชนั้นแหละ พระพุทธเจ้า ก็มาพบผู้ที่แสดงหาที่จะบรรลุพรหมจรรย์ คือ นักบวช ตอนนั้นศาสนาพุทธยังไม่เกิด พระพุทธเจ้าทานก็มี วิชชาของท่านมา เป็นพระศาสดาองค์หนึ่ง ก็เอามาประกาศขึ้น เมื่อประกาศพระสูตรแรก อัญญาโกณฑัญญะ อัญญา ก็คือความรู้จากอัญญธาตุ  ไม่ใช่ความรู้แบบโลกีย์ เป็นธาตุรู้คนละโลก ธาตุรู้ของโลกียะมันอย่างหนึ่ง ธาตุรู้ของโลกุตระมันอีกอย่างหนึ่ง มันเป็นคนละโลก

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:21:30 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:38:45 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:14:11 )

การประกาศอรหันต์ของพ่อครู

รายละเอียด

อาตมาบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์เมื่อ พ.ศ. 2558 คิดดูสิ อาตมาทำงานตั้งแต่ พ.ศ. 2513 อาตมาบอกว่าแสดงเป็นโพธิสัตว์ก่อน แต่อาตมามาบอกว่าตนเองเป็นอรหันต์เมื่อ พ.ศ. 2558 ไม่ใช่ว่าอยากบอกเล่นๆง่ายๆ แต่อาตมาก็มีหลักฐาน

อาตมาบอกว่าตนเองเป็นอรหันต์ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2520 เคยบอกไป 2 คนคืออาจารย์ดร.ขวัญดีกับอาจารย์แสง จันทร์งาม 

อ.แสง จันทร์งาม เคยมีคนไปถามว่าจำได้หรือไม่ท่านก็บอกว่าจำไม่ได้ ตอนนั้นอาจารย์แสงก็อายุ 90 กว่าแล้วก็บอกว่าจำไม่ได้ 

ถ้าเผื่อว่า อ.แสง จำไม่ได้ ที่ไม่เคยบอก มันน่าจะจำได้มากกว่า เคยบอกแล้วจำไม่ได้ก็เอาล่ะ แต่ถ้าไม่เคยบอกนี่ น่าจะจำได้มากกว่า 

ซึ่งอ.แสง เคยมาเซ้าซี้ถามว่า อาตมาเป็นอรหันต์หรือไม่อาตมาก็เคยตอบว่าเป็นจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 20 วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:47:35 )

การประท้วงด้วยความรู้ ความจริง และธรรมาวุธ

รายละเอียด

อาตมาก็ประท้วงความจริงความรู้เป็นธรรมาวุธ เอาความจริงที่มีมาเปิดเผยขยายความรู้ความเข้าใจที่เขาควรรู้ว่าอันนี้มันหมายถึงอันนี้ แล้วก็มี motto ว่า ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ คือจะนานเท่าไหร่เราก็ไม่เป็นไรจะยืนยันเลย เย็นเรื่อยไปไม่ต้องร้อนรนรุนแรงเลย เย็นสงบไป ไขความจริง คือ ความจริงทำอะไรก็แล้วแต่ที่เอามาอ้างอิงให้เขาจำนน และข้าศึกก็จำนวนด้วยความจริง ชนะเพราะเขาแพ้ความจริง อันนี้แหละเป็นที่หนึ่ง เป็นสุดยอดแห่งความสุดยอดความจริงจะชนะทุกอย่าง เมืองไทยได้ทำในระดับการเมืองของประเทศ แต่ชนะมาทุกรัฐบาลนี้ที่ได้ทำมาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ แถมรัฐบาลอภิสิทธิ์อีกหน่อยก็ได้ แต่พอดีว่าอภิสิทธิ์เขาไม่ได้ทำผิด ก็เป็นเรื่องของการเมือง เขาก็แพ้ไปในการเมืองก็จบ เขาก็ลงไป แต่เขาไม่มีความรุนแรง แต่อันที่ผิดมันผิดตั้งแต่ทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ จึงกลายเป็นผู้แพ้ที่แท้อย่างเป็นสัจธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2563 ( 10:36:42 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:22:17 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:15:14 )

การประท้วงที่สำเร็จด้วยกลวิธีโลกุตรธรรม

รายละเอียด

นักรัฐศาสตร์ต้องไปศึกษาอีกนานว่าประเทศไทยไม่ได้ทำการปฏิวัติโดยคณะทหาร รัฐบาลปัจจุบันนี้เลย พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ไปปฏิวัติอะไร พลเอกประยุทธ์นั้นอยู่ในค่าย กรมทหาร ไม่ได้ออกมาเกี่ยวเลย ปล่อยให้ประชาชนพวกเรารบกับรัฐบาลในยุคนั้น จนสำเร็จด้วยกลวิธีโลกุตรธรรม รบด้วยมือเปล่า ด้วยความสงบ ด้วยความจริง ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ แล้วเขาก็แพ้ความจริง เพราะเขาผิด เขาเลว เขาทำลายประเทศ เขาขี้โกงทุกอย่าง เราเอามาแฉเปิดเผยให้หมดเลย จนที่สุด ศาลก็ช่วยด้วย มีทั้ง ตุลาการภิวัฒน์ มีทั้งประชาภิวัฒน์ พัฒนาสังคมไปจนกระทั่งมีผลสำเร็จยืนยันไม่รู้กี่รัฐบาล ตั้งแต่ทักษิณ สมัคร สมชาย  ยิ่งลักษณ์ ที่จริงแถมอภิสิทธิ์ด้วยนะ แต่อภิสิทธิ์นั้นคนเขายังไม่เชื่อ ก็เขายุบสภา เลือกใหม่เลยไปแพ้ทักษิณ เอายิ่งลักษณ์ขึ้นมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ 

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 20:22:47 )

การประท้วงแต่ละประเทศยังไม่จบเป็นสมบัติผลัดกันชม

รายละเอียด

คือ สรุปการประท้วงประเทศต่างๆ มาถูกต้องเราก็ได้ทำมาแล้วก็ไม่ขอขยายความอีก ตัวอย่างของประเทศไทย  คนไทยทำสำเร็จมาแล้วไม่ใช่แค่รัฐบาลเดียว 3 รัฐบาลเป็นอย่างน้อย  เพราะฉะนั้นออกจะศึกษาการศึกษานี้ก็เชิญเลย ประวัติศาสตร์มีให้ เป็นเรื่องจริง ที่ได้ปฏิบัติจริงสำเร็จผลจริง ผ่านมาแล้วจริงๆ ไทยจึงเป็นผู้ที่ผ่านมาก่อนประเทศเหล่านี้ ประเทศต่างๆเหล่านี้ยังวิ่งตามมาเลย ประเทศไหนไม่เกิด ก็ยังมีประเทศจีน ประเทศอินเดีย ยังไม่เกิดก็ยังดี  ยังสามารถประคองอยู่ได้ก็พอเป็นไป แต่ว่ามันไม่จบหรอกเป็นสมบัติผลัดกันชม อำนาจอัตตาตัวกู ของกูมันยังมีอยู่ ถ้ายังไม่หมดตัวกูของกูไม่จบ ถ้าไม่มีทฤษฎีจะไปทำลายตัวกูของกูให้หมด ไม่มีจบ ไม่มีเสร็จ เพราะฉะนั้นทฤษฎีหมดตัวกูของกูของพระพุทธเจ้า ใครเห็นไหมว่า มีธงนำอยู่ปลายอุโมงค์ เป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ใครเห็นแล้วก็ต้องมาเอา

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 12:30:48 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:54 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:17:16 )

การประมาณปริตตังให้รู้ขอบเขตของตัวเองอย่าไปรู้ของคนอื่น

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคำว่า สักกายะ กายคือสภาพสอง ภายนอกภายใน ความเป็นรูปนาม สักกะของตนเอง เกี่ยวกับตนเอง เราให้รู้ขอบเขตของตัวเอง อย่าไปรู้ของคนอื่น อ่านตรงนี้ ทำตรงนี้ 

พุทธต้องมีการประมาณไปตามขั้นต้น กลาง ปลาย อย่างสัมมาทิฏฐิที่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากตามแบบพระพุทธเจ้า ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลก มีแต่แบบของศาสนาพุทธเท่านั้น ศาสนาพุทธมีเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย อย่างสายหลับตาไม่มี เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย ไม่มีกายข้างนอก ไปตัดลัดเอาที่การหลับตาปฏิบัติ แล้วไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 ไม่มีสัทธรรม7 ความละอายก็ไม่มี มีแต่ความหลงมืดสะกดจิตให้ดับหลับเป็น อสัญญีสัตว์ ผู้ที่เข้าใจอย่างอาตมาเข้าใจก็จะรู้สึกสงสารเขาเหล่านั้นที่งมงายปฏิบัติไปสู่ความมืดความดับ ไปหลง สุภกิณหา ไปหลงความมืดความดับเป็นนิโรธเป็นจุดที่ควรยินดี ยินดีในความมืดความดับอย่างมิจฉาทิฏฐิ ก็เลยได้แต่ความมืดความดับ พวกนี้จึงเป็นพวกที่วิ่งไปสู่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เราก็ตามไม่เจอ คว้ามาสอนไม่ได้ เพราะแกจมมืด จนเราตามตัวไม่เจอ หายไปในความมืดดำ

คือ เขาเรียนรู้อะไรไม่ได้เลยนะ ในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ทางโลกก็มี เขาไม่เรียกว่า
วงกลมเบอร์มิวดา เขาเรียกว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา วงกลมมันยังหมุน แต่สามเหลี่ยมมันเข้ามุมมืดไปได้หมดเลย ไปกันคนละทิศคนละทางทั่วทิศ

 ปริตตังประมาณ มีขอบเขตจำกัดให้แก่ตนเอง ตรงข้ามกับอัปปมัญญา พุทธะต้องประมาณไปตาม เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย อย่างสัมมาทิฏฐิเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ตามแบบพระพุทธเจ้านี้ ที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในโลก มีแต่ในแบบของศาสนาพุทธเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 19:07:57 )

การประมาณในการงาน

รายละเอียด

การงาน การพูด การนอน การอยู่กับหมู่ก็ดี กาละนี้ การงานการพูด การนอน การอยู่กับหมู่ ตอนนี้ฟังธรรม ก็ละจากการงาน การงานก็ดี แต่อันนี้ควรกว่าไหม? เป็นกาละ อันนี้ควรกว่าก็ทิ้งมาเถอะ แต่ถ้าไม่ควรกว่า ถ้าเราไม่ทำไม่ได้นะ มันขาด ก็ต้องทำ แต่กาละนี้ต้องพูดก็ควรพูด กาละนี้ควรนอนสุขภาพจะเสียก็ต้องนอน ตอนนี้ต้องอยู่กับหมู่ หรือตอนนี้ควรพักได้ หมู่ก็ว่าไป เราก็ขอเวลาที่จำเป็น มันเป็นกาละอันควร ที่ละเอียดขึ้น ยังมีปปัญจรามตาอีก

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562
 


เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 17:58:47 )

การประหยัด

รายละเอียด

ยับยั้งการใช้จ่ายให้ลดให้ได้มากขึ้น ๆ , ระมัดระวังจัดการลดทอนความเปลืองความสูญเสียให้ได้ยิ่ง ๆ เพิ่มคุณค่าประโยชน์ให้ได้มากขึ้น ๆ


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:04:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:55:11 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:48 )

การประหารกิเลสจะมีได้ก็เฉพาะขณะปฏิบัติลืมตาใช่ไหม

รายละเอียด

เข้าใจได้ถูกต้องทีเดียว ไปปฏิบัติหลับตาไม่มีการประหารกิเลส เพราะไอ้การปฏิบัติหลับตามีแต่อดีตกับอนาคต มันเป็นสัญญากำหนดระลึกเอาความจำหรือไปคิดฟุ้งซ่านไปในอนาคตมาคิดเท่านั้น มันไม่มีตัวจริงของกิเลส แหม พวกหลับตานี้สุดสงสาร สุดสาคร สุดสินสมุทรจริงๆ สุดจริงๆ เลยนะ พูดไม่รู้จะพูดยังไง ก็น่าจะฟังอาตมาบ้าง แล้วให้เข้าใจให้ได้ว่า อย่าไปทำสูญเปล่าเลย ยิ่งทำตัวเองก็ยิ่งจมเป็นเดียรถีย์ ก็ไปได้มรรคผลที่เป็นมิจฉามรรค มิจฉาผล แล้วก็หลง แล้วก็มีพรรคพวกเยอะด้วย มันสุดสงสาร สุดสินสมุทรสุดสาครจริงๆ เลยนะ จริงๆ โอ้ 

จะทำยังไงให้เขากระเตื้อง มี ปรโตโฆษะ อย่าไปฟังผู้ที่ดูถูกดูแคลนอาตมามากนักเลย ลองมาฟังบ้างไม่เสียหลายหรอกนะ ฟังอาตมาตั้งใจฟัง ฟังด้วยดีนะ อย่ามีอคติ จะได้ปัญญา สุตสูสังลภเตปัญญัง ฟังด้วยดี อย่ามีอคติ จะได้คิด มันจะสะดุดได้คิดได้อะไรขึ้นมาจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ นิยามของเศรษฐศาสตร์ฉบับโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2566  ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 16:06:21 )

การปรับจิตให้ได้ดุจเป็นพืช 

รายละเอียด

ก็ต้องใช้สูตรพระพุทธเจ้าทั้งนั้นโดยเฉพาะตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เจาะเข้าไปที่โภชเนมัตตัญญุตา จิตที่เป็นพืชเป็นอย่างไร จิตที่เป็นพืชคือจิตที่ไม่สุขไม่ทุกข์แล้วไม่มีวิบากบาปวิบากบุญแล้ว พืช พ้นวิบากบาปวิบากบุญ ก็ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องสุขไม่ต้องทุกข์ก็ปลอดภัยในตนเองอีก ไม่มีวิบากบาปวิบากบุญก็ปลอดภัยกับองค์รวมทั้งหมดต่อใครๆ 

ไม่สุขไม่ทุกข์ของตนเอง ก็ปลอดภัยของตนเองเลย จบในตัวเลย เพราะฉะนั้น จุดที่เป็นพีชนิยาม มีชีวะแต่ไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณมีแต่สังขารกับสัญญา มีการกำหนดรู้แล้วก็เอามาปรุงแต่งกันให้เป็นตัวเอง อย่างเช่น พืชพันธุ์ธัญญาหารเหล่านี้ 

กะหล่ำปลีก็รู้จักธาตุที่จะเอามาปรุงเป็นตัวเองเขาก็ทำได้ มะเขือเทศก็จะเอาธาตุอะไรเขาก็รู้เขาก็ทำได้ก็เอามา ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่แย่งใคร ดูดเอาธาตุที่ได้ ทั้งนั้นๆแหละ พืชพันธุ์ธัญญาหาร 

เพราะฉะนั้นมาทำพลังงานจิตของตัวเองให้เป็นดั่งพืช ทำได้จึงหมดสุขหมดทุกข์ปลอดภัย ถือว่าเป็นฐานนิพพาน ฐานอรหัตตผล ทำได้มากเรื่อง มากราว มากอย่าง จนครบทุกเรื่องก็เป็นอรหันต์บริบูรณ์เต็มที่เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 17:40:33 )

การปรับมนุษยชาติในสังคมอย่างเป็นองค์รวม 

รายละเอียด

พวกเรามีคนมาเยี่ยมเยือนแล้วก็พักผ่อนอาศัย มาแล้วเราก็เอาผักไปแจก ไปกองแจกผักอะไรเยอะๆเราก็ช่วยกันไปเก็บไปตัดมาเป็นกองแจก วันเสาร์วันอาทิตย์คนมาเยอะๆก็เอาไปกองแจก จนกระทั่งทุกวันนี้คนมารับก็ไม่ตะกละตะกลาม แต่ก่อนนี้ตะกละตะกลามแต่เดี๋ยวนี้เข้าใจ เขาเห็นว่าคุณต้องการเท่าไหร่ก็หยิบไปพอสมควร นี่มันเป็นสภาพสะท้อนกลับ แทนที่คนจะว่าเรายิ่งแจกคนจะยิ่งขี้โลภ แต่มันเป็นสภาพเชิงซ้อน มันกลับทำให้เขาละอาย รู้สึกตัวเราไม่ควรจะเอามาก เหมือนอย่างแต่ก่อนที่ตลาดอาริยะเดี๋ยวนี้คนก็เข้าใจมากขึ้น เข้าแถวเข้าคิวค่อยๆแบ่งกัน ซื้อกันไม่ตะกละตะกลามแย่งกัน นี่เป็นการสอนสังคมหรือการปรับมนุษยชาติในสังคมอย่างเป็นองค์รวม 

ชีวิตพวกเราเป็นคนจน แล้วก็เป็นคนจนที่สำเร็จแต่เป็นคนจนที่เพิ่มพูนการเสียสละ เป็นคนจนจอมแจก แต่คนรวยนี้สุดๆเหนียวจัด คนรวยเหนียวจัดกับคนจนจอมแจก เราไม่ได้ใช้คำว่าขี้เหนียวนะ คือเหนียวทรัพย์สิน เราก็เป็นคนจอมแจก ชีวิตคนเรา ถ้าเผื่อว่าเราเป็นผู้ที่สามารถเป็นผู้ที่ได้ให้ ชีวิตเราเป็นชีวิตที่จะได้เสียสละ มันสุดเป็นความสุขแล้ว มันสุดยอดแห่งชีวิตแล้ว ชีวิตที่ได้แต่ตะกละตะกลาม เอามาได้มากเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ แล้วเขาก็จะตายจากทรัพย์ศฤงคารที่เขามีนั้นไป เขาก็รู้ แต่มันก็จะตะกละ อยู่อย่างนั้นแหละมันไม่รู้ตัวมันไม่เข้าใจว่าไปทำให้จิตของเราเสื่อม จิตของเราต่ำทำไม 

คนจะทำจิตของเราให้สูงๆ มีใจเกื้อกูลเป็นใจที่ทำทาน เป็นใจที่เป็นผู้ให้ เป็นใจที่เป็นผู้เสียสละ การเสียสละการได้ให้ผู้อื่นเป็นคนที่มีประโยชน์ คนที่ไปเอาจากผู้อื่นเป็นคนที่มีโทษเป็นคนที่มีภัย กอบโกยเอาแล้วมาเก็บกักตุน ดีไม่ดีไปออกดอกออกผลทำอะไรเพิ่มให้แก่ตัวเอง เพิ่มวิธีต่างๆนานา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบคนมืดบอดให้เห็น ผลงาน 8 ปี นายกฯลุงตู่ วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566  แรม 6 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2566 ( 12:12:37 )

การปรุงแต่งของสังขาธ มีทั้งแบบธรรมชาติกับชนิดสะกดจิต

รายละเอียด

มันก็เป็นการปรุงแต่งตามจริงของมัน มีความรู้มีความหมาย ก็มี 2 ชนิด ชนิดปรุงแต่งเป็นธรรมชาติ กับชนิดสะกดจิตไม่ให้ทำงาน ที่จริงมันทำงานได้ แต่พวกหลับตาสะกดจิต สะกดจิตไว้ สะกดจิตตัวเองให้ไม่เอาสัญญามารับรู้ มาปรุงแต่งอะไร ซึ่งไม่ใช่มันไม่ปรุงแต่งนะ มันไม่หยุดปรุงแต่งหรอกสำหรับพลังงานสังขาร มันก็ปรุงแต่งอยู่ แต่ตัวเองไปดับสัญญาดับการกำหนดรู้ ดับความรู้สึกดับเวทนา มันก็เลยไม่รู้จักสังขาร โง่เองเป็นวิธีของเดียรถีย์นั่งหลับตาสะกดจิต ดับสัญญาดับเวทนาก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองปรุง มันก็เลยสะดวกใหญ่ไม่มีอะไรไปควบคุมไม่มีสติสัมปชัญญะมันก็ปรุงหนักเข้าไปใหญ่ มันยิ่งหนักกิเลสยิ่งได้โอกาส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 11:59:33 )

การปรุงแต่งต้องมี 2 ขึ้นไป

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านฉลาดการจะปรุงแต่งต้องมีสิ่งตั้งแต่ 2 สิ่งเป็นต้นไป มารวมกันปรุงแต่ง ผสมผสานกันเข้าไป อย่างเดียวมันจะไปรวมอย่างไร อย่างเดียวไม่มีการรวมกับอันอื่นต้องมี 2 ขึ้นไป นี่เป็นความฉลาดที่เถียงไม่ได้ เป็นเรื่องจริง ท่านก็ให้เรียนแยกรูป แยกนามเป็น 2 แยกกาย แยกภายนอก ภายในไปเรื่อยๆ เทวแยกเป็น 2 เป็นกาย เป็นภายนอก ภายในเป็นกายเป็นจิตอะไรต่ออะไรต่างๆนานา แม้แต่แยกเวทนาในเวทนา กายในกาย จิตในจิต ธรรมในธรรม ทีละคู่ๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:56:25 )

การปรุงแต่งอย่างโลกุตระ

รายละเอียด

การปรุงแต่งอย่างโลกุตระ  คือ การทำจิตให้ว่างจากกิเลสมาปรุง แต่เป็นการปรุงอย่างอภิสังขาร  ถ้าเป็นพระอรหันต์ไม่มีกิเลสแล้ว ก็ อปุญญาภิสังขารทำจิตให้อเนญชาภิสังขาร  สั่งสมรักษาผลของอุเบกขา 5ไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:51:45 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:45 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:18:54 )

การปลงอาบัติ

รายละเอียด

คือ  การสารภาพความผิดที่ตนเองทำให้คนอื่นทราบ เพราะเมื่อเรารู้ว่า เราผิดไม่ต้องไปปิดบัง ก็ยอมรับผิดแล้วแก้ไข หากคุณยอมรับผิดคนอื่นก็จะเบาใจไปหมดแล้ว คนนี้รับแล้วว่าผิด แม้คุณยังไม่แก้ไข คนอื่นก็จะสบายใจขึ้น ยิ่งรับผิดแล้วแก้ไขเองด้วยก็ยิ่งอนุโมทนาสาธุ นี่คือ สัจธรรมง่ายๆ นี่คือความเจริญของมนุษยชาติ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71


เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 14:56:21 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:49 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:14:58 )

การปลูกอยู่ ปลูกกินจะเป็นการปฏิบัติธรรมตรงไหน

รายละเอียด

นี่สิๆ ถ้าไม่เข้าใจว่า ปฏิบัติธรรม สัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจาสัมมาสังกัปปะ คือการปฏิบัติธรรมในมรรคองค์ 8 ก็จะกลายเป็นฤาษีนั่งหลับตาไม่ทำอาชีพ ทำอยู่ทำกิน เพียงวินัยเท่านั้น วินัยเท่านั้นที่กำหนด ไม่ทำอาชีพบางอย่าง สำหรับภิกษุ แต่ฆราวาสนั้นไม่มีกฎข้อห้ามอะไรไม่ให้ไปปลูกอยู่ปลูกกิน ฆราวาสไม่ได้ผิด อาตมามีสมาชิกเป็นฆราวาส แล้วก็ปลูกอยู่ปลูกกินอย่างพออยู่พอกิน อุดมสมบูรณ์มีเหลือด้วย แจกจ่ายไปให้คนอื่น ดังที่ได้ทำอยู่ สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้เป็นความผิด แต่มันเป็นความถูกต้อง เพราะว่าคนต้องทำอยู่ทำกิน 

คนปฏิบัติธรรมแล้วต้องไม่ทำอยู่ทำกินโยมบุญเข้าใจอย่างนั้น โดยเฉพาะมาบวชแล้วไม่ทำอยู่ทำกิน อาตมาไม่ปลูกพืชผักจริง แต่อาตมาทำอยู่ทำกินนะ อาตมาทำงาน โดยรับผิดชอบในเรื่องของธรรมะเป็นหลัก ในงานที่มันไม่ผิดธรรมวินัย ยกแบกหาม ไม่ได้ไปขุดพืช ที่ผิดวินัย การแบกหามไม่ได้เป็นไร เป็นการออกเรี่ยวแรง ทำงานเหมือนกรรมกร อาตมาทำ หินตั้งที่โน่นที่นี่อาตมาทำ อาตมาไม่ทำผิดวินัยตรงที่ไปพรากพืชไปขุดดิน แต่งานอื่น ขนขี้โคลนตักน้ำ ทำอันนั้นอันนี้ ไม่ได้มีห้ามไว้ในพระวินัย อาตมาทำทั้งนั้นแหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาโยมบุญ ให้รู้จักทำบุญอย่างถูกพุทธ วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 6 ค่ำ   เดือนอ้าย ปีขาล


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 12:33:07 )

การปั่นจักรยานต้องมีจิตนิยามเข้าไปร่วม

รายละเอียด

การปั่นจักรยานเป็นกรรมกิริยาชนิดหนึ่ง เขาไปสอนให้ลิงปั่นจักรยานก็ได้ บางทีก็ให้ช้าง แต่ไม่ค่อยไหว การปั่นจักรยานเป็นกิริยาชนิดหนึ่ง เพราะฉะนั้นการปั่นจักรยานถึงจะต้องเกิดด้วยจิตหรือธาตุรู้ที่ต้องไปควบคุมกรรมกิริยาการปั่นจักรยาน เพราะฉะนั้นการปั่นจักรยาน อุตุเองปั่นไม่ได้หรอก อุตุ มีพลังงานในตัวมันเองก็ทำอะไรไม่ได้ มันไม่มีจิต การปั่นจักรยานต้องมีจิตนิยามเข้าไปร่วม เพราะฉะนั้นอุตุก็ไม่มีจิตเข้าไปร่วม พีชะก็ไม่มีจิตเข้าไปร่วม การปั่นจักรยานจึงเป็นอุตุไม่ได้เป็นพีชะก็ไม่ได้ การปั่นจักรยานจึงเป็นจิตนิยามทำเท่านั้น เป็นกรรมนิยามจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 11:09:38 )

การปิดอบายภูมิคือการปฏิบัติมรรคองค์ 8

รายละเอียด

ใช่ จบไปหลัดๆเมื่อกี้นี้  สิ่งที่เราไปติดที่เป็นภาระของเรา อันนี้ตัวเราหรือโลก ถือว่าเป็นเรื่องหยาบ เรื่องตื้น ไร้สาระ คุณจะหลงว่าเป็นสาระทั้งนั้น การขี้โกงก็ถือว่าเป็นสาระสำหรับคนหลงผิด เพราะว่าโกงได้ถ้าเก่งแล้วโกงได้ ไม่เชื่อไปถามทักษิณสิ เขาก็ภาคภูมิใจในการที่เขาโกงได้เก่ง ไม่ใช่ว่าตัดสินให้ถูกจำคุกคดีเดียว ยังมีคดีอื่นอีกก็หนีเลยไม่ยอมให้พิพากษา เพราะว่าคดีอื่นมันร้ายแรงกว่าคดีที่ถูกตัดสินติดคุก คดีอื่นยังมีอีกน่ะ จะตายในคุกหัวโตเลย คดีเดียวนี้ติดคุก 2 ปี ทักษิณนั้นเป็นคนขี้กลัวขี้ขึ้นสมองเหมือนกุ้งเลยไม่ได้เป็นคนกล้า เพราะฉะนั้นเขาจึงอยู่กับปูเป็นกุ้งกับปู ขออภัยนะคนที่ชื่อกุ้งมีเยอะ ขออภัยอาจารย์กุ้ง พาดพิง

สรุป อบายมุขนั่นคือสิ่งที่เราตัดสินว่าอันนี้ต้องเลิกให้ได้ก่อน มันไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรเลยมันไร้สาระ แม้จะเป็นสาระก็ควรทิ้งไปได้แม้จะเป็นเพชรพลอยเป็นอะไรที่เป็นสาระบ้างก็ไม่ต้องแล้วเราลดละไปได้เรื่อยๆ ศึกษาให้ดีไปตามกรรม อาตมาดูภูมิธรรมก็ค่อยๆก้าวก็แล้วกัน ยินดีต้อนรับ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เตวิชชสูตร ตอน1 วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชธาอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:15:41 )

การผูกพันธ์กับสัตว์เพิ่มวิบากให้ตนเอง

รายละเอียด

อาตมาถึงบอกไม่รู้กี่ทีว่าสัตว์ต่างๆมันจะเป็นอะไรของมันก็แล้วแต่ นอกจากมันมาชิดมาใกล้เรา เราจะพอช่วยมันได้บ้างก็ช่วย แต่ที่ไม่สมควรจะไปช่วยก็พูดไม่รู้กี่ทีแล้ว ไปเห็นงูมันกินเขียด คุณก็จะไปเอาเขียดออกจากปากงู…มันไม่ใช่ มันเป็นวิบากของมัน มันเป็นวัฏจักรของมัน คุณอย่าไปยุ่งกับมัน ถ้าคุณไปยุ่งก็เกี่ยวกับวิบากแล้ว งูมันจะชอบคุณหรือไม่ คุณไปแย่งเขียดออกจากปากมัน คุณก็ได้วิบากเพิ่มจากงู คุณจะไปทำทำไม ไปแถมมาทำไม อยู่ดีๆไม่พอวิบากของตัวเองก็มีอยู่แล้ว ไปแถมวิบากขึ้นมาอีกให้งูมันอาฆาตเรา หรือคุณไปเลี้ยงสัตว์เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว คุณก็ไปรักหมารักแมว คุณก็ผูกพันกับมันอีกเยอะ อาตมาเคยอธิบายอย่างหยาบว่าคุณไปรักหมาไปเลี้ยงหมาอีกหน่อยคุณจะมีหมาเป็นผัว มีจริงนะหมาเป็นผัว เคยได้ยินไหมคนมีหมาเป็นผัว หมาเป็นตัวเป็นตนนี่แหละ คุณจะเอาไหมล่ะ คุณชอบคุณก็เอาเท่านั้น แต่มันทุเรศะแค่ไหนที่จะไปชอบ เพราะฉะนั้นอย่าไปยุ่งเกี่ยวทั้งความรักความชัง ต้องชื่อสุรพล สมบัติเจริญ 16 ปีแห่งความหลังทั้งรักทั้งชังทั้งหวานทั้งขมขื่น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 11:39:32 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:25:32 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:15:31 )

การฝึกจิตของพระพุทธเจ้านั้นฝึกได้ตลอดเวลา 

รายละเอียด

การปฏิบัติธรรม คือ การฝึกจิต ก็ถูกของคุณ แต่การฝึกจิตไม่จำเป็นต้องไปนั่ง นิ่งๆเฉยๆเสียเวลา เสียสถานที่แล้วก็เต๊ะท่า ไม่ใช่ การฝึกจิตของพระพุทธเจ้านั้นฝึกได้ทั้งในการทำการงานอาชีพการงานทุกอย่างและขณะพูด ขณะทำ ขณะคิด ฝึกคิดได้ตลอดเวลา 

ถ้าจิตของเรายังฝึกไม่ดีพอจะไปทำงานได้อย่างไร คนที่ไม่ฝึกจิตนั้นอยู่เต็มไปหมดเลย เขาทำงานได้อยู่นะ เขาทำงานเลี้ยงโลกด้วย แค่นี้คุณก็โง่ได้ คนไม่ได้ฝึกจิตทำงานได้อย่างไร ก็คือเขามีสติสัมปชัญญะแม้จะเป็นโลกีย์ คนไม่ฝึกจิต ทำงานไม่ได้เลย บ้าหรือเปล่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล 


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 12:59:34 )

การฝึกฝนจิตใจให้ไม่กลัวและวิตกกังวลมากเกินไป

รายละเอียด

เมื่อได้สัมผัสสิ่งนั้นคนนั้น ที่เราไม่ค่อยอยากจะเจอ เราไม่ชอบนั้นก็หลีกเลี่ยงเสียก็แล้วกัน ถ้าหากรับความรู้สึกไม่ได้เดี๋ยวมันก็จะเกิดตบะแตก ควบคุมไม่อยู่โทสะขึ้น ราคะขึ้นก็ไม่ดี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าพรากไม้ที่ชุ่มด้วยยางออกจากน้ำก่อน ก็มันมีปฏิกิริยาต่อสิ่งนี้แรงไปเราจะต้องเลิกมา เหมือนกับสิ่งที่เราสู้ไม่ได้ เราก็ห่างไกลมันก่อนไม่ต้องไปสัมผัส แต่เมื่อพอเป็นไปได้ก็ไปสัมผัสกับมัน แล้วก็อ่านดูใจมันจะเกิดกิเลสมาก กิเลสแรงอย่างไร ก็พิจารณาด้วยวิธีของพระพุทธเจ้า พิจารณาให้เห็นความไม่ดีของมัน มันเป็นตัวการมันเป็นความหลอก เป็นมายาเป็นผีเป็นสิ่งที่ยั่วเย้า เราจะต้องเห็นจริงว่ามันเป็นตัวหลอกเกิดจิตใจที่เห็นจริงว่า มันเป็นตัวโง่ของเราเอง เป็นอวิชชาของเราเองที่มันเกิด เราไปเกิดชอบเกิดฉัน อาการชอบอาการชังก็เป็นมายา เป็นอนัตตาไม่ใช่ของจริงหรอก มีอาการอย่างนี้มาแล้วมันลำบากมันทุกข์ แล้วเรื่องเดียวกันนี้ เราเห็นว่ามันเป็นทุกข์แล้วมันไม่ใช่ตัวตน เดี๋ยวมันก็ไม่เที่ยงเดี๋ยวมันก็หายไป มันอยู่กับเราไม่นานหรอก มันอยู่ในอาสวะอนุสัยเท่านั้นเอง ถ้าชัดเจนแล้วมันก็หายไป ที่พูดอธิบายนี้คงพอเข้าใจ ปฏิบัติง่ายๆไม่ยากเท่าไหร่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:38:34 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 06:59:37 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:19:51 )

การฝึกฝนต้องลืมตาๆๆ เน้นลืมตาๆเท่านั้น!

รายละเอียด

เพราะ“ฌานวิสัย”ของพุทธนี้ ต้องปฏิบัติ“ลืมตา” มี“ศีล-สำรวมอินทรีย์ 6-โภชเนมัตตัญญุตา-ชาคริยานุโยคะ-ศรัทธา-หิริ-โอตตัปปะ-พหุสุตะ-วิริยะ-สติ-ปัญญา-ฌาน 1-ฌาน 2-ฌาน 3-ฌาน 4-วิปัสสนาญาณ-มโนมยิทธิ-อิทธิวิธญาณ-ทิพยโสตญาณ-เจโตปริยญาณ-ปุพเพนิวาสานุสติญาณ-จุตูปปาตญาณ-อาสวักขยญาณ”

แต่“หลับตา”ปฏิบัติมันไม่มีแม้แต่“ศีล-สำรวมอินทรีย์ 6-โภชเนมัตตัญญุตา-ชาคริยานุโยคะ” มันจึง“ผิด”ไปจาก“ฌาน”

ที่เป็น“วิสัย”ของพุทธ

เห็นมั้ยว่า “ฌาน”ของพุทธนั้นเป็น“อจินไตย” ไม่ใช่“ฌานวิสัย”ของปุถุชนคนสามัญจะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงกันได้ง่ายๆ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 280 หน้า 219


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:01:16 )

การฝึกฝน“อาการ-ลิงคะ-นิมิต-อุเทศ”

รายละเอียด

ทั้ง 4 ภาวะนี้ เรียกว่า “ความตรอง” หรือ“กลั่นกรอง”  “ความตรอง”หรือ“การกลั่นกรอง”ก็คือ เราวิเคราะห์วิจัยดูและวินิจฉัยภาวะเหล่านั้นด้วย“ปัญญาอันยิ่ง”เท่าที่เรามีให้ถ้วนรอบทั้ง“ตักกะ”ทั้ง“จาร” จนแจ่มกระจ่างชัดเจน เมื่อ“ความสำเร็จ”ของ“ตักกะ”และ“จาร”บริบูรณ์ก็เรียกว่าจบเรื่อง“ตักกะ”และ“จาร”ก็สัมบูรณ์สำเร็จใน“วิตก-วิจาร”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 290 หน้า 225


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:26:21 )

การฝึกลดละความอร่อย

รายละเอียด

การฝึกฝนด้วยการเคี้ยวอาหารแล้วคายใส่มือ แล้วเอามาดู แล้วเอาใส่ปากไปเคี้ยวใหม่ เคี้ยวไปแล้วก็คายออกมาดู คุณจะทำได้กี่ครั้ง มันก็แหลกไปตามที่เราเคี้ยว บางทีบอกว่ามันเหมือนกับอาเจียนเลย มันก็ไม่ได้ไปไหน ถ้ามือคุณสะอาดมันก็สะอาดอยู่ดี หรือคุณจะบ้วนใส่ช้อนใส่ชามก็ได้ มันก็ไม่มีอะไรนี่ ยังไม่เลอะเทอะอะไร แต่คุณบอกว่ายังเหมือนกับอาเจียน รากหมูรากหมา มันไม่ใช่หรอกนี่มันคืออาหารที่คุณเคี้ยวให้แหลกแล้วเอามาผสมกับน้ำลายเท่านั้นเอง ต้องอดทน สู้กับความอร่อย นี่เป็นการฝึกฝน เด็กๆพวกเราก็ได้ฝึกฝนเพราะนี่เป็นสัจธรรม นี่แหละคือการปฏิบัติธรรมของพุทธ ให้พิจารณา ลดโลกียะ ลดอัสสาทะ ต่างๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:05:24 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:43 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:16:05 )

การฝึกเจโตสมถะแบบลืมตา มีประโยชน์ต่อสัมมาสิกขาไหม

รายละเอียด

เจโตสมถะมีสองแบบเขารู้ด้วย สมถะคือ เอาจิตให้รวมเป็นหนึ่งอย่าดิ้น หลับตามันก็ไม่ดิ้นง่ายก็เลยนิ่งได้ง่าย ฝึกเข้าจะมีพลังงานควบคุมได้เก่งก็เรียกว่าเป็นสมถะ เมื่อลืมตากระทบสัมผัส ก็จะรวมไม่ค่อยอยู่ ก็มาหัดลืมตาแล้วรวมให้ได้ ก็จะเก่งสมถะลืมตา สมถะต่างจากวิปัสสนาได้มาก สมถะรวมกันเป็นอย่างเดียวเป็นฟิวชั่น วิปัสสนาทำให้มันกระจายออกๆจนมาหา ฟิสชั่น ให้กระจายออกขยายออก มันก็มีสองทิศสองนัยยะอย่างนี้ วิปัสสนารู้การปรุงแต่ง 2 อย่าง 3 อย่าง 4 อย่าง 5 อย่าง 6 อย่าง 7 อย่าง จับให้รู้เป็นคู่ 2 คู่ 5 คู่ 10 คู่ 100 คู่หมื่นคู่แสนคู่ อย่างนี้ก็เป็นความรู้ความเข้าใจที่รู้ รู้อันนี้เป็นอย่างนี้ เราไม่ขัดแย้งในหัวใจเรา เรารู้อันนี้ว่าเป็นอย่างนี้อย่างนี้ ต่างคนต่างยอม มันก็เห็นต่างกันได้เราเราก็อยู่ร่วมกัน คนที่ทำได้อย่างนี้รู้อย่างนี้ก็อยู่ร่วมกับอะไรได้มากได้หมดได้ดี เจโตสมถะ จริงๆเขาไม่ลืมตา พอฉลาดมาก็รวมเป็นหนึ่งให้ลืมตา ฉลาดกว่านั้นอีกก็เป็นอย่างนั้น จะมีสมถะในวิปัสสนาอีกทีหนึ่ง สมถะเราก็สงบอยู่ วิปัสสนารู้แล้วว่าอ๋ออันนี้คืออย่างนี้ ก็รวมลง อันนี้ก็ยังอยู่อันนี้ก็ยังอยู่อันนี้เขาทะเลาะกันอันนี้ไม่ทะเลาะกัน เขาไม่ลงกัน แต่เราลงกับเขาได้หมด เราก็เป็นผู้ที่ประนีประนอม อย่าไปตีกันมาก อยู่ให้เขาสงวนตัวเอง ควบคุมตัวเองบ้างอยู่ได้ ถ้าเข้าใจก็รวมกันได้ แต่คนที่ไม่เต็มใจมารวมกันก็บังคับกันยาก ใครเต็มใจจะอยู่มารวมกันก็ทำได้ ทั้งที่มันมีพลังงานนะไม่ได้หยุดนะ จนกระทั่งเข้าใจอยู่อย่างสงบไม่ดีดดิ้น อยู่อย่างสบายไม่มีอะไรที่จะทะเลาะกัน อยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรที่เป็นประโยชน์คุณค่าได้ ก็ร่วมกันสร้างสรรอย่างนี้ดี เราเอาแต่สิ่งดี สิ่งไม่ดีไม่เอา เราทำได้อย่างที่พูดด้วยนะ ยถาวาที ตถาการี เราไม่ได้หลอกลวงใครพูดอย่างนี้เราก็ทำได้อย่างนี้ แต่คนอื่นเขาพูดอย่างนี้แล้วทำไม่ได้อย่างนี้คุณก็หลอก แต่นี่จะพูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้นได้ก็จบ ง่ายๆสัจจะที่อาตมาพาทำอยู่ก็อย่างนี้แล้วสบาย เข้าใจลึกกว่านี้มีสมมุติและภาษามากกว่านี้อีก พระพุทธเจ้าตรัสว่าสัจจะมีหนึ่งเดียว เพราะฉะนั้นใครจะรู้ ล้าน สารพัดสิ่งเลย โธ่เอ๋ย สูญทั้งนั้นเป็นหนึ่งเดียวเลย พอเข้าใจไหม

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 11:28:10 )

การฝืนกับชนะสภาวะต่างกัน

รายละเอียด

การฝืนอยู่ถือว่ายังไม่ชนะ จิตคุณฝืนก็ยังไม่ชนะผู้ชนะแล้วก็ไม่ฝืน มีอะไรมากระทบเราก็สบายรู้อะไรตามความจริงตามความเป็นจริงเราไม่ได้ฝืน

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน บาป บุญ สิ้นบุญสิ้นบาป วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:06:49 )

การฝืนทำจะทำให้เราเจริญจริงขึ้นหรือไม่

รายละเอียด

ได้ การฝืนทำมันเป็นเรื่องง่ายๆธรรมชาติเบื้องต้น สิ่งที่ไม่ดีเราก็ฝืนทำในสิ่งที่ดี สิ่งที่ควร แต่คนเราถ้าไปฝืนทำในสิ่งที่ไม่ดีมันโง่ซ้อนซ้ำ มันโง่ซับซ้อน ไปฝืนทำในสิ่งที่ไม่ดี 

ธรรมชาติง่ายๆ อย่างนี้เขาว่าดีมันก็ต้องฝืน คำว่าไม่ดีนี้มวลโง่ๆก็ไม่ทำตามเลย ยิ่งเป็นโลกุตรธรรมแล้วมันซับซ้อน ทั้งดีและไม่ดี เราไม่ติดไม่ยึด จนกระทั่งเราสามารถมีพลังจิตของเรา อยู่เหนือจิตของเรา สามารถที่จะทำให้ไปเข้ากับแบบนี้ได้ เขาว่าอย่างนี้ดีก็ไปทำจิตของเราทำตามอย่างนี้ได้ ไปอีกหมู่นึงเขาว่าอย่างนี้ดี อย่างนี้ไม่ดี ก็ต่างกับอีกหมู่นึง เราก็ปรับกับเขาได้ 

อย่างนี้แหละคือสุดยอดของจิต อยู่ในสมมติสัจจะ ส่วนซับซ้อนลึกซึ้งในเรื่องสุขเรื่องทุกข์นั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นโลกุตรธรรมที่พวกเราก็ได้เรียนรู้ หลวงปู่พยายามสอนอธิบาย มันเป็นเรื่องสูงสุด จนกระทั่งรู้จักลักษณะของจิตของเวทนา ของเจตสิกต่างๆ แล้วรู้จักครบบริบูรณ์เลย 

จึงสามารถที่จะทำ สามารถปรับจิตของเราตามที่เราต้องการได้ โดยที่ ถ้าเราต้องฝืนทำ เราก็ไม่สุขไม่ทุกข์ได้ เราทำอย่างนี้จนไม่ต้องฝืน ทำให้จิตเป็นได้ตามที่เราต้องการโดยไม่ต้องฝืน จะเป็นอย่างไรก็ไปอยู่ในโลกกับเขาได้ดีกับที่หมู่เขาเป็นได้หมดทุกหมู่ทุกลักษณะ แล้วเราก็อยู่ของเราโดยไม่สุขไม่ทุกข์ มันเป็นสิทธิ์ของเรา 

สุขทุกข์มันเป็นกิเลส มันไปยึดว่าเป็นสุขเป็นทุกข์ ถ้าว่าจริงๆแล้วมีชีวิตหมดสุขหมดทุกข์ได้ ก็อยู่กับโลกียะ อยู่กับความดีความชั่วของกลุ่มหมู่ที่สมมุติกันเท่านั้นเอง

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 05:06:45 )

การพลัดพรากจากทุกสิ่งอย่างไรที่สุดยอด

รายละเอียด

พิจารณาไปไม่มีอะไรไม่พลัดพรากจากกัน แล้วจะเห็นเลยว่าไม่มีอะไรไม่พลัดพรากจากกัน สุดท้ายจบที่คุณจะปรินิพพานเป็นปริโยสานพลัดพรากจากทุกสิ่งในมหาจักรวาลในวัฏสงสารเลยอันนั้นแหละสุดยอด อาตมขอบอกล่วงหน้าเอาไว้ จะรู้จริงเลย พระอรหันต์ขึ้นไปทุกองค์ทำได้ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ แล้วแต่ท่านจะปรินิพพานเป็นปริโยสานเมื่อไหร่ ท่านบรรลุได้ก็เป็นอมตะบุคคล จะตายหรือยังไม่ตายเกิดอีกเกิดแล้วก็ได้ แต่กิเลสตายไม่เกิดอีก แต่ถ้าจะเกิดอีกเกิดแล้วก็ได้ รายละเอียดเป็นโลกุตระเป็นปรมัตถธรรม เป็นความรู้ที่อาตมามีเอามาอธิบายให้ฟัง เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า เพื่อยืนยันความเป็นโพธิสัตว์ปางที่ 7 ของอาตมา ส่วนคนที่บรรลุไปเรื่อยๆก็จะรู้ไปเรื่อยๆจะมีร่องรอยเป็นทิฏฐิสามัญญตา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:27:06 )

การพักการเพียรให้สมดุลเป็นการสร้างสัมประสิทธิให้อายุยืนต่อไปได้

รายละเอียด

ซึ่งโดยสัจจะมันก็จะต้องผ่อน ต้องพักผ่อน ต้องพักให้สมดุลกับเพียรให้มากขึ้น อายุมากแล้วต้องพักมากกว่าเพียร อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเขาก็พยายามอยู่ คนก็ช่วยพยายามที่จะให้อาตมาพักมากกว่าเพียร ความเพียร มันก็มากกว่าพักอยู่ ก็พยายามอยู่ มันก็ได้ 

และเป็นการพิสูจน์สัมประสิทธิ์ Co-efficient ความซ้อนให้เกิดพลังงานทด ไม่ยอมให้เป็นตามปกติสามัญ​เราต้องฝืน ปกติสามัญ ให้เป็นไปได้ อาตมาได้พิสูจน์ตัวเองมา

รู้ก่อนอายุ 72 ปีแล้วก็ได้เตรียมตัวสร้าง Co-efficient จึงทำได้ สร้างสัมประสิทธิ์ได้ ว่าจะต้องอยู่ให้เกิน 72 อยู่มาได้ถึง 84 ปีก็เกินมา 1 นักษัตร แล้วจะอยู่ต่อไปให้ถึง 96 ปี สองนักษัตร แล้วจะอยู่ต่อไปอีกนะ ตอนนี้ย่างเข้า 89 ปีมาแล้ว 10 วันแล้ว 

ก็จะพิสูจน์ไปอีก ดูซิว่าอายุ 90 ปีจะมีพลังงานทดขึ้นมาอีกเท่าไหร่ มันจะพอรู้ตัวเอง แต่ก็รู้สึกว่ากระฉับกระเฉงขึ้นมากว่าตอนที่มันไม่ค่อยดี ตอนนี้ก็รู้สึกว่าดีขึ้นหน่อย ต่างคนก็ต่างดู จะต้องโด๊ปด้วยอะไรต่ออะไร อาตมาพยายามจะโด๊ปด้วยอาหาร พยายามกินอาหารให้มันอร่อย มันก็กินอาหารไม่อร่อยมาหลายสิบปีแล้ว มันไม่รู้จักว่าอร่อย แต่รู้จักว่าขันธ์มันต้องกิน ซึ่งใช้เวลาในการกินนาน 2-3 ชั่วโมงกว่าจะได้ปริมาณ ให้มันได้รับธาตุที่ใช้มากพอหรือเกินพอ ก็พยายามทำตามความรู้ที่พอรู้ มันไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรมากมาย ก็พากเพียรไป ส่วนจิตนั้นมันนำหน้าไปแล้ว พยายามพัฒนาให้มันยาวยืน

ก็พยายามดูว่าโรคที่จะทำให้เราตายมันไม่มีทีเดียวแต่มันก็มี กระเปาะที่คอทำให้ไอ ส่วนโรคที่จะทำให้ตายก็มีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาตมาก็ไม่ได้ไปสำคัญมั่นหมายกับมัน เอ็งอย่ามาเล็งอาตมามากนะ อาตมาเล็งเอ็งก็ได้นะ จริงๆอาตมาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะก็ยังไม่มีอาการหนักหนาสาหัสอะไรมากมาย ถ้ามะเร็งในต่อมน้ำเหลือง มันจะเก่งหนักหนาอย่างไร อาตมาว่า น้ำเหลืองมันเป็นน้ำ มะเร็งในน้ำเหลืองมันเป็นมะเร็งในธาตุน้ำจะร้ายแรงเท่ามะเร็งในธาตุดินหรือไม่นะ ที่เป็นเนื้อร้าย แต่นี่น้ำร้ายมันเกิด เราไม่รู้เราก็ช่างมันเถอะ  อาตมาว่ามันจะมีมันก็มีมา เราไม่ได้ซื้อหามา มันมาเอง หนูเปล่านาเขามาเอง อาตมาก็มีอารมณ์ขันอย่างนี้แหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ หากเลิกหลับตาปฏิบัติได้ประเทศไทยเจริญ วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 14:28:42 )

การพัฒนาการของจิตนิยาม

รายละเอียด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2563 ( 10:22:09 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:44:46 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:17:22 )

การพัฒนาสัญชาตญาณของชีวิตจนกว่าชีวิตจะหาไม่

รายละเอียด

มันไม่เคยรู้มาก่อนจะได้อย่างไร คนจะมาเกิดเป็นนกกระจาบ จนกระทั่งค่อยๆมีสัญชาติของนกกระจาบ ก็เป็นอะไรมาก่อนจนมาสัมพันธ์ อาจจะชอบใจว่านกกระจาบสร้างรังสวยมาเป็นนกกระจาบเถิด แต่ก่อนอาจจะเป็นนกกระจุก ต่อมาก็ศรัทธาในการสร้างรังนกกระจาบ เราก็ไม่รู้ได้อาจจะเป็นได้เพราะว่าเซลล์นี้อาจจะเป็นได้ว่าชอบนกกระจาบ เห็นว่านกกระจาบเก่งสร้างรังดี มันก็ตั้งจิตมา ค่อยๆสั่งสมสัญชาตญาณ จนกระทั่ง ถ้าเป็นสัญชาตญาณที่ดีพอ มันเกิดมามีพร้อมตัวเองมันจะรู้ เหมือนสัญชาตญาณของสัตว์แต่ละอย่างมันก็จะรู้คลอดออกมามันก็จะออกมากินนมออกมาเข้ากระเป๋า มันคลอดที่อื่นแต่ก็เดินหากระเป๋าเจอกระเป๋าจิงโจ้ มันจะมีสัญชาตญาณที่จะเป็นเช่นนั้น เกิดมาก็มีสัญชาตญาณนั้นแล้ว ตั้งแต่แบบสัตว์เดรัจฉาน หรือแม้แต่เซลล์ที่เป็นเซลล์พืช มันก็มีสัญญา สัญชาติของมัน เซลล์ที่เป็นชีวะเกิดมาอย่างนี้ดอกเหลืองไม่หยุดมันก็ออกมาทำงาน มันก็จะสร้างแบบของมัน บักหุ่งมันก็จะเป็นสัญชาติของมัน เพราะว่าพืชมันมีสัญญากับสังขารมันไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ มันจำได้ แล้วก็ปรุงแต่ง ไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ อันนี้แหละ การศึกษาธาตุจิตธาตุรู้ ธาตุรู้ในขณะที่พืชมันยังไม่มีเวทนาเรียกว่าเป็นพีชนิยาม เป็นชีวะนะ พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรามีหมดจึงอาศัยสภาพอย่างพืชมาใช้ในธาตุจิต สร้างธาตุจิตให้เป็นพืชก็ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ไม่มีบาปไม่ทำบาป บาปหมดแล้วไม่ต้องทำบุญไม่มีบุญไม่มีบาป ปุญญปาปปริกขีโณ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีชั่วมีแต่ดี นัยละเอียดเหล่านี้ เป็นจิตวิทยาพระพุทธเจ้าที่เยี่ยมยอดในคนสูงสุด เพราะฉะนั้นไปคิดว่าน่าจะศึกษาดูก็มาศึกษาทดลองแล้วจะรู้ความจริงในตัวเองไม่ต้องไปยกตนข่มท่าน แต่มันจะรู้เอง อ่อเรารู้อย่างที่เขารู้เทวนิยมเราก็รู้เขา แต่นี่แม้แต่เทวดานิยมที่นิรันดรก็รู้ได้ว่ามันไม่ใช่ จิตวิญญาณไม่ได้นิรันดร แล้วจะมีใครเป็นนายของจิตวิญญาณด้วย มีนายใหญ่ที่สุดเรียกว่าพระเจ้า ไม่ใช่ เพราะว่าจิตของเราเป็นของเราเองเราสามารถบงการจิตเราเอง จะทำดีไม่ดี เรามีสิทธิ์ทุกอย่าง จนกระทั่งสุดท้ายเราจะตายเอง ไม่มีใครที่จะทำให้เรานิรันดรอยู่ไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงตัดสินใจได้ว่าจิตไม่มีนิรันดร จิตเป็นศูนย์ได้ แยกธาตุเป็นอุตุธาตุกระจายเป็นดินน้ำไฟลมเลยได้ นี่คือความรู้ของพุทธเจ้าทำลายนิรันดรทำลายอัตภาพอัตตา กลายเป็นอนัตตาได้ จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 11:17:41 )

การพาณิชย์ของชาวอโศก

รายละเอียด

สมณะโพธิรักษ์พยายามสอนพวกเราอย่าไปเอากำไรจากคนภายนอก จงใช้สมรรถนะของเราสร้างให้เกินกินเกินใช้ มีส่วนเหลือส่วนเกินแล้วสะพัดออกไปให้แก่คนอื่น ขายจะต้องขายให้ต่ำกว่าทุน อย่าไปเอาเปรียบเอารัดเขา เราขายต่ำกว่าทุนแล้วเราอยู่ได้ไหม ก็อยู่ได้ เพราะว่าแต่ละคนมีสมรรถนะมีความสามารถเกินกินเกินใช้ ของเราหลายผู้หลายคน เผื่อแผ่กันในที่นี้ ในมวลสมาชิกชาวอโศกพึ่งเกิดแก่เจ็บตายกันได้ พอกินพอใช้ไม่กระเบียดกระเสียรไม่แย่งไม่ชิงมีส่วนเกินจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 มกราคม  2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 18:56:09 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:21 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:17:49 )

การพิจารณา จิต มโน วิญญาณ

รายละเอียด

อาตมาก็มาเอาสภาพจริง ที่คนไทย ชาวพุทธไทยไม่พิจารณาข้างนอกเลย ซึ่งข้างนอกนั้นพิจารณาง่ายกว่า ละลดง่ายกว่า แล้วค่อยมาพิจารณาจิต มโน วิญญาณ แต่เขาไม่ได้ทำตามลำดับอย่างนี้เลย ซึ่งทำให้เกิดความเสื่อม ความล้มเหลว เขาใจเร็วด่วนได้ ไปนั่งหลับตาสะกดจิตเอา มันนอกรีต นอกเรื่องศาสนาพระพุทธเจ้าหมด 

ต้องรู้จักกายภายนอกและพิจารณา เมื่อกระทบสัมผัสด้วยตาหูจมูกลิ้นกาย โผฏฐัพพะ แล้วให้เรียนรู้ผัสสะและเวทนา 

เมื่อมีผัสสะ มีเวทนาแล้ว เรียนรู้เวทนาแล้วก็แยกแยะให้ออกว่า เวทนานี้คือจิตหรือเจตสิก แยกเจตสิกออกก็มีกิเลสอยู่ คืออาการของจิต อาการของ สราคะ สโทสะ สโมหะ แล้วทำให้หมดไปเรียกว่า วีตราคะ วีตโทสะ วีตโมหะ ปฏิบัติได้แล้วก็จะเกิดเป็น สังขิตฺตํจิตตํ วิกขิตตังจิตตัง

ปฏิบัติให้มันเจริญยิ่งใหญ่ขึ้นเป็น มหัคตะ ทำไม่ได้ก็อมหัคตะ ทำได้แล้วจิตก็เจริญขึ้นไปตามลำดับเรียกว่า สอุตระ แต่ดีกว่านี้ยังมีอีก ยังไม่ถึงอนุตตรังจิตตัง ทำไปจนจิตตั้งมั่นเป็นวิมุติเป็นสมาหิตัง ที่ไม่สมบูรณ์ก็อสมาหิตังหรืออวิมุติ มีปฏิภาณรู้จะมีเจโตปริยญาณ 16 อย่างนี้

เจโตปริยญาณไม่ใช่ไปรู้ใจคนอื่น แต่เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็นการรู้สภาวธรรมในจิตที่มีกิเลสหรือไม่มีกิเลส จะรู้จัก อุปธิ 3 คือ 1. รู้กิเลส 2. รู้ขันธ์ 3. รู้อภิสังขาร นี่คืออุปธิ 3 รู้กิเลส แล้วรู้ขันธ์ ใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คือขันธ์ 5  ขันธ์แปลว่ากองหมู่หมวด แล้ว สามารถรู้จักอภิสังขาร สามารถปรุงแต่งสิ่งเหล่านี้ ให้เกิดเป็นบุญ เป็นปุญญาภิสังขาร บุญคือ เครื่องชำระกิเลสให้สะอาดบริสุทธิ์จากสันดานหมดเลย  สันตานังปุนาติ วิโสเทติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 38 อัมพัฏฐสูตรและกายในกาย วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กันยายน 2565 ( 14:03:03 )

การพิจารณาตามเห็นกิเลสภายในจิต

รายละเอียด

ผู้ปฏิบัติเองจะรู้ของตนเอง แล้วก็จะรู้ชัดเจนตรงที่ว่า  

ขณะที่ตากระทบรูปนี่แหละเห็นเลยว่าจิตเราก็เกิดกิเลส แล้วก็ปฏิบัติทันที อ่านกิเลสให้ลดทันที ลดอย่างช้าหรือลดอย่างเร็ว ดูเหมือนลดอย่างเร็วแต่มันไม่รู้ทัน จนกระทั่งรู้ทัน มันลดจริงๆ อ่านอาการมันจางคลาย ท่านบอกว่า 

1. อนิจจานุปัสสี (ตามเห็นความไม่เที่ยงของกิเลสตัณหา) 

2. วิราคานุปัสสี (ตามเห็นความจางคลายของกิเลส)  

3. นิโรธานุปัสสี (ตามเห็นความดับของสัตว์กิเลสตัณหา)

4. ปฏินิสสัคคานุปัสสี (เห็นการย้อนทวนกลับไปสลัดคืน)

(พตปฎ. เล่ม 14  ข้อ 288)

ตามเห็นจิตตัวเองเลยที่บอกว่ามันไม่เที่ยง แต่ก่อนเราไม่เคยทำให้มันจางคลายได้เลยตีไม่แตก เพราะมันเที่ยง แต่ก่อนนี้มันเที่ยง เพราะไปหลงติดมันอย่างหนัก หนักก็เที่ยง พวกศาสนาที่เที่ยงก็คือศาสนาที่ติดยึดด้วยอวิชชาก็เลยเที่ยง เพราะฉะนั้นผู้ที่เห็นความเที่ยงและยึดถือความเที่ยงก็คือพวกที่ติดยึด ติด จนกระทั่งรู้เห็นว่ามันไม่เที่ยงหรอก มันทำให้จางคลายได้ มันไม่ติดอยู่อย่างนั้นหรอก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 11:07:48 )

การพิจารณามูลกรรมฐาน 5 เพื่อให้รู้อะไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นการพิจารณากรรมฐาน เรียกว่า มูลกรรมฐาน 5 ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ท่านให้พิจารณาให้รู้ นิยามชีวิต 5 แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้จักแล้ว ไม่รู้จักว่าท่านให้พิจารณาอันนี้ ไปบอกให้พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันไม่เที่ยงมันเสื่อมมันเป็นทุกข์ ถ้าเป็นหนุ่มเป็นสาวก็เต่งตึง แต่ถ้าเลยหนุ่มสาวก็เหี่ยว ก็พิจารณาแค่ว่ามันเจริญหรือเสื่อมไปแค่นั้น ซึ่งมันไม่ใช่ มูลกรรมฐาน 5 นั้นพิจารณาจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม แต่เดี๋ยวนี้ศาสนาพุทธนั้นเสื่อมเพี้ยนไปแล้วไม่มีความรู้นี้แล้ว จะพูดศาสนาพุทธแม้จะเป็นนักปฏิบัติธรรมให้พูดถึง อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม เขาจะไม่พูดรู้เรื่องกันแบบพวกเรารู้ แต่พวกเราจะรู้สึกจะเข้าใจเมื่อพูดถึงเรื่องพวกนี้แล้วเข้าใจ มันเป็นปรมัตถ์ที่ดี มันจะแยก ชีพก็อย่างหนึ่ง โลกก็อย่างหนึ่ง สรีระก็อย่างหนึ่ง จะรู้อันตคาหิกทิฏฐิ 10 นี้ได้มากขึ้น ข้างนอกเขาจะไม่รู้ไม่เข้าใจเพราะเขาจะแยก อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ไม่ได้เลย แล้วรู้สึกว่าจะไม่มีที่ไหนเขาเรียนกันด้วย อาตมาว่า ในประเทศไทยมีที่นี่แห่งเดียว มาเรียนรู้แล้วคุณได้สาระจากอันนี้ไหม เอาไปปฏิบัติธรรมของเราเองได้ไหม มันเกี่ยวกับชีวิตจริงๆ มันเกี่ยวกับจิต มันเกี่ยวกับกิเลสจริงๆ แล้วสามารถที่จะเป็นกระบวนการ เป็นสารัตถะ เอามาปฏิบัติได้

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:01:15 )

การพิจารณาสุญญตาก็ไม่สิ้นสุดหมายถึงอะไรจะปฏิบัติต่อไปอย่างไร

รายละเอียด

คือเรายังทำความว่างให้ได้ไม่เที่ยงแท้ถาวรยั่งยืนไม่เหลืออีกนิดหน่อยคืออย่างไร เรียกว่าเนวสัญญา อากิญจัญญาฯ จนมันสูญเด็ดขาดเลย เป็นศูนย์ตัวสุดท้าย เป็นนิโรธหรือมันดับสูญ ไม่มีเด็ดขาด เราก็มีธาตุรู้เรียกว่า สามารถกำหนดรู้ สัญญาเวทยิตตังนิโรธังโหติ สามารถกำหนดรู้ เคล้าเคลียในเวทนาในจิตเรา เราจะชัดเจนพลังงานเวทนาและแยกแยะเวทนา 108 ออก สามารถแยกโลกุตระ เนกขัมสิตเวทนา กับเคหสิตเวทนา 108 เทียบกันได้ อย่างเคหสิตะคืออย่างไรเนกขัมมะเก่งกว่า จนมีแต่เนกขัมมะ สั่งสมตกผลึกแน่น เป็น นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) จนไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกเด็ดขาด จะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ เราก็ได้สะสมมาจนมั่นใจจริงๆ โดยไม่คำนึงถึงเวลาเลย กี่กัปป์กี่กัลป์กี่ล้านชาติ เราได้สะสมสุญญตามาไม่รู้กี่ล้านชาติ มันจะไม่มีอีก ไม่เปลี่ยนแปลง นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) อะไรที่จะเป็นระเบิดปรมาณูมีฤทธิ์ร้ายแรงขนาดไหน ก็ไม่สามารถทำลายคุณสมบัตินี้ได้ ไม่มีอะไรทำร้าย พลังงานอะไรก็ทำอะไรไม่ได้ อสังหิรัง อสังกุปปังไม่ได้แล้วไม่กลับกำเริบกิเลสตายแล้วตายเลยไม่ฟื้น พยัญชนะก็สื่อสภาวะ คุณทำได้แล้วจะเห็นจริง สุญญตาคุณไม่สิ้นสุดก็คือคุณทำไม่บริบูรณ์จนมั่นใจว่าเป็น นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)สมบูรณ์แบบแล้ว ถ้าไม่สมบูรณ์แบบก็คือไม่สิ้นสุด คุณต้องสั่งสม0 ให้ควบแน่น

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:09:56 )

การพิสูจน์ยืนยันให้เขาเชื่อต้องอาศัยองค์ประกอบใดบ้าง

รายละเอียด

มันเป็นจริงที่อาตมาต้องพิสูจน์ความจริงว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกนี่ อาตมาอธิบายแล้วมีคนเข้าใจและมีคนปฏิบัติได้เป็นจริงเลย มีภาวะยืนยันปรากฏ ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้า เช่น มีวรรณะ 9 มีสาราณียธรรม 6 มีอะไรต่างๆนานาสารพัด มีสาธารณโภคียืนยัน ซึ่งยากมากที่สุดเลยแต่มันเป็นไปได้ เขาก็ยังไม่เชื่ออยู่อีกนั่นเอง 

ก็ต้องอาศัย 1.ความเป็นจริงในคน 2.มวลปริมาณมากพอ 3.เวลาต้องยาวนานเพียงพอ 4.เขาจึงจะกลับมาเข้าใจว่าตรงตามพระไตรปิฎก แล้วแม้ว่าตรงกับพระไตรปิฎกแล้วเขาก็จะอาจจะบอกว่าแล้วพระไตรปิฎกมันจริงไหม หรือพระไตรปิฎกถูกแก้ไขมา ก็ไม่เป็นไรคนเชื่อก็ได้ไป คนไม่เชื่อก็ไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 16:19:04 )

การพิสูจน์ว่า เราเป็นเจ้าของวิญญาณ ทำอย่างไร

รายละเอียด

การทำจิตวิญญาณของตนเองให้เป็น 0 ได้เป็นการพิสูจน์ว่า เราเป็นเจ้าของวิญญาณ เราจัดการทำลายจิตวิญญาณให้สูญไปได้ไปเลยเป็นดินน้ำไฟลม

เพราะฉะนั้นถ้าจิตวิญญาณหรือ อัตตา ก็สูญหายไป ศาสนาเทวนิยมบอกว่า อัตตา นี่แหละ ตายไปแล้วจะต้องไปกับพระเจ้า ต้องไปอยู่กับพระเจ้าไปไหนไม่ได้ เพราะพระเจ้าเป็นเจ้าของอัตตา แล้วอัตตา จะมีอยู่นิรันดรไม่มี 0 มันจึงค้านแย้งระหว่างเทวนิยม กับศาสนาพุทธหรืออเทวนิยม ยิ่งใหญ่ตรงนี้ ศาสนาเทวนิยมจึงอยู่กับความมีนิรันดร แต่ความเป็นศาสนาพุทธนั้นทำความมีอยู่ก็ได้ทำความไม่มีก็ได้ เลิกทั้งมีและไม่มี เป็นไม่มีเลย​นิรันดรได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 40 ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ 4 ประการ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 13:56:04 )

การพิสูจน์ว่าผีไม่มีในโลก

รายละเอียด

คือสมณะโพธิรักษ์สอนคนให้พิสูจน์ว่าผีไม่มีในโลก ไม่มีตัว ไม่มีรูปร่างให้คนเห็นหรอก  อาตมามีคาถา  วิธีแก้  คุณจะหายเลย  จากนั้นคุณจะไม่เห็นผีอีกเลย  คาถาของอาตมาคือ  แค่ตาย ถ้าเห็นแล้ว ท่องไว้ว่า  แค่ตาย สะกดใจให้ดีๆ  เดินเข้าไปตรงที่เห็นว่าเป็นผี  คุณเข้าไปเลยยิ่งถ่ายทอดสดได้เอาให้ชัดเจนเลย  ถ้าตาคุณหลอก มันก็จะหายไปไม่เห็นอะไรเลย แต่ถ้ามันมีเค้าอะไรเป็นผ้า  เป็นเสา เป็นอะไร  คุณก็จะได้รู้ของสิ่งใด  ดีไม่ดี มันดิ้นได้ มันมีสัตว์เคลื่อนไหวอยู่  เช่นหนู แล้วคุณ อุปาทานว่า ผี  เดินเข้าไปดูเลย  จะได้เห็นว่า เป็นการปั้นขึ้นมาเอง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:27:22 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:26 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 14:18:37 )

การพึ่งตนของพระอรหันต์เจ้าเป็นอย่างไร

รายละเอียด

จะถึงเส้นก๋วยเตี๋ยวไหมนี่ นี่พูดเหมือนแกล้งเล่นลิ้น ไม่ใช่ อาตมากินอะไรไม่อร่อยมานานแล้ว แต่นี่เพื่อที่จะบำรุงให้กินได้มากขึ้น มันก็จะได้เอามาใช้ในร่างกายสังเคราะห์สังขารปรุงแต่งขึ้นเพราะธาตุอาหารดีๆที่คุณให้มาก็ดีแล้ว เอามาใส่เพิ่มขึ้น ร่างกาย สังขารอาตมาก็ย่อยได้ดีอยู่ ไฟธาตุย่อยได้ดีอยู่ ก็จะได้อาศัยเอาธาตุอาหาร เอาสารอาหารมาสังเคราะห์ร่างกายให้แข็งแรงขึ้น อาตมาก็จะได้หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวเพิ่มขึ้น จะได้ทำงานไปได้อีกนาน 

ไม่ใช่ความอยากที่อยากอายุยาว อยากจะหล่อแข็งแรงไม่ใช่ มีเหตุผลว่า จะให้แข็งแรงทำไม จะให้อยู่ยาวได้ทำไม มันมีเหตุผลอยู่ อยู่ไปทำงาน อยู่ไปรับใช้พวกคุณ อยู่ไปทำงานเพื่อจะเอาสิ่งที่ดีๆนี้ อาตมาไม่ได้แกล้ง อาตมามีสิ่งที่ดีจริงๆ ก็เอาสิ่งที่ดีๆนี้ให้ พวกที่เขารู้ค่าเขาก็ไม่มีปัญหา คนที่ไม่รู้ค่าก็แล้วไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2565 ( 05:20:06 )

การพึ่งตนเองคืออะไร

รายละเอียด

อันนี้นี่นะ การพึ่งตนเองคืออะไร พระพุทธพจน์ก็มี ตนต้องพึ่งตนเอง คนอื่นจะพึ่งอะไรได้ การพึ่งตนเองนี้ยิ่งใหญ่ที่สุด อาตมาเคยทำ หมวดของธรรมะ พูดง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ ไว้ในการพึ่งตนเองนี้ 

1. อย่าเป็นหนี้ 

2. พึ่งตนเองให้รอด 

3. สร้างสิ่งที่ดีที่สำคัญควรที่เหมาะสมให้ได้มากๆ

4. แจกคนอื่นแม้จะขายก็ขายต่ำกว่าทุน จะไปขายสูงกว่าทุนมันจะเป็นวิบาก มันบาป 

ถ้าขายต่ำกว่าทุน คนที่ไม่มีผลิตซ้ำมันธรรมดาก็ชอบทั้งนั้นแหละ นอกจากพวกขี้โลภมากๆเท่านั้นแหละ การขาดทุนนี้เป็นที่พึ่งอันเกษม เป็นที่พึ่งอันบริสุทธิ์ การให้ผู้อื่นจึงเป็นที่พึ่งที่บริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่ การเอาเกินทุนนี้เป็นหนี้ การเอาเกินทุนเป็นการสร้างศัตรู เป็นการสร้างหนี้บาปหนี้เวร ยิ่งกำไรมากเอากำไรมาเกินทุนมากได้เท่าไหร่ ยิ่งทั้งชั่วทั้งต่ำทั้งเลว ทั้งวิบากมาก คุณอย่านึกว่า วิบากมันไม่จริงนะ กรรมวิบากจึงเป็นเรื่องอจินไตย อย่างพวกเทวนิยมไม่รู้จักเรื่องกรรมวิบาก เขาไม่รู้จักเรื่องเกิดแล้วเกิดอีก เกิดอีกเกิดแล้ว rebirth แม้แต่บางศาสนาที่รู้จักการเวียนว่ายตายเกิด เขาก็ไม่รู้จักที่จบที่สำเร็จ สลายเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายโดยตัวเราเอง เราทำตัวเองเราต้องการสูญ ตัวเราเองรอดตายจากจิตนิยามเป็นดินน้ำไฟลมไป เราทำได้เองแล้วก็ทำตัวเราเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 14:49:45 )

การพูดกระทบกิเลสนั้นมันจะเกิดความรู้สึกเป็นความแรงเสมอ

รายละเอียด

มีนิสัยแบบอ่อนๆ เบาๆ ไม่พูดให้ตรงกิเลส ถนัดแบบนี้ก็แสดงของท่านไป ต่างคนต่างถนัด อาตมาจึงดูแตกต่างจากผู้ที่นิ่มนวล เบาๆ แล้วเห็นว่า อย่างเบาๆ ไม่ตรงเปรี้ยงๆลงไปที่กิเลส เป็นความ“สุภาพ”  พูดเฉียดไปเฉียดมา กลัวคนว่า ไปว่าเขา ไปดูถูกเขา ก็เป็นธรรมดาของการแสดงออกแบบนั้น เพราะท่านเห็นว่าแบบอาตมาแสดงออก“ไม่สุภาพ” เพราะมันแรงๆ มันตรงๆ ทิ่มเข้าไปในเป้าเสมอ โดยเฉพาะทิ่มถูกเป้าคือกิเลส  มันจึงรู้สึกแรงแน่ๆ ท่านไม่เอาก็เป็นความเห็นจริงของท่าน ที่แตกต่างจากอาตมา ก็ต้องขออภัยต่อผู้รู้สึกต่างและถนัดต่างกับอาตมา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดๆว่า การพูดกระทบกิเลสนั้นมันจะเกิดความรู้สึกเป็น“ความแรง”เสมอ อาตมารู้ความเป็นจริงนี้ จึงไม่ได้ตกใจ แปลกใจอะไร เพราะถ้ากิเลสมีในใคร แล้วใครมาพูดถูกกิเลสผู้นั้น หรือยิ่งตำหนิกิเลส ถล่มกิเลส ด่าว่ากิเลส แล้วมันตรงกับกิเลสของตน แน่นอนผู้มีกิเลสสะดุ้ง สะเทือนทันที อาตมาต้องการพูดแล้วคนผู้ฟังรู้สึกว่ากระทบกิเลสของผู้ฟังทันที ไม่ออมมือ อาจจะไม่ขี้เกรงใจในเรื่องนี้ ใครจะว่าอาตมานิสัยไม่ดี นิสัยเสีย ที่เที่ยวได้ว่ากิเลสของคนไปทั่ว อาตมายอมรับว่าอาตมามีนิสัยแบบนี้ จะว่า“เสีย ก็“เสีย” ยอมรับว่าเป็นคนมีนิสัยแบบนี้ มันเสียเวลา ไม่พูดให้ใครรู้จักกิเลสของตนเสียที สักที แล้วอาตมาจะมาพาคนลดกิเลสได้ยังไง มารยาทอาตมาในเรื่องนี้เป็นอย่างนี้ ผู้ที่ไม่ยินดีแบบนี้ก็อาจจะตำหนิอาตมาก็เป็นธรรมดา ต้องขออภัย ก็ขออภัยจริงๆ ที่อาตมาเห็นว่าอย่างนี้ถูกแล้ว ดีแล้ว และก็ขอทำอย่างนี้ต่อไปจนตายคือ พูดให้กระทบกิเลสของคน เปรี้ยงๆนี่แหละ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:35:02 )

การพูดความไม่จริงไม่เป็นของพ่อครู

รายละเอียด

อาตมาไม่รู้เรื่องเหล่านี้หรอก รู้น้อย น้อยจนกระทั่ง ผู้ที่รู้รายละเอียดมากจนกระทั่งอย่างนี้อาตมาว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ ที่รู้โลกุตระ รู้มากเพียงพอและถูกต้องด้วย อาตมาว่าอาตมาเป็นคนยุคนี้ที่นำธรรมะพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย 

พูดไปไม่ได้อวดเก่งแต่ย้ำความจริง อาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น ก็อีกแหละ เขาจะว่าอะไรว่ะ พูดความไม่จริงไม่เป็น เขายังพูดเป็นเลย พูดคำไม่จริง อาตมาพูดไม่เป็น เขาก็ว่า มีหรือคนพูดความไม่จริงไม่เป็น ก็มี อาตมานี่แหละ พูดความไม่จริงไม่เป็น พูดเป็นแต่ความจริง ความไม่จริงพูดยังไงหรือ เป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆนะ ไม่ใช่พูดเล่น 

คนที่ชัดเจนก็จะบอกว่า อาตมาพูดนั้นไม่ต้องคิดมาก ไปทำความเข้าใจและปฏิบัติตามเถอะ ก็ได้ดีกันมาไม่ใช่น้อย คนที่ไม่เชื่อก็ไม่ได้ ก็เป็นธรรมดา เขาไม่เชื่อเขาก็ไม่ทำตาม ก็ไม่ประพฤติ ปฏิบัติไม่ได้ คนที่เข้าใจก็ได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชาวหรรษาที่แท้จริง วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 19:24:01 )

การพูดด้วยโวหารพูดโก้

รายละเอียด

คือที่บอกว่าอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ถ้าไม่มีกิเลสตัณหา เป็นการพูดด้วยโวหาร  คุณก็พูดโก้เท่านั้น  คุณเรียนรู้โดยปรมัตถ์ของพระพุทธเจ้าไม่ได้เลย ถ้าได้แล้ว คุณจะไม่พูดอย่างนี้  พูดอย่างนี้มันเป็น  ตรรกะเป็นภาษา  คารมเฉยๆ  เพราะคำว่าสุขนี้  จะชัดเจน เขาบอกว่าอยู่ที่ไหนก็สุขได้ ถ้าไม่มีกิเลสตัณหา ถ้ามีความสุขได้ คุณก็ยังไม่หมดกิเลสตัณหา  ยิ่งมีความสุขมากๆ  ก็ยิ่งมีกิเลสตัณหาหนา เพราะคุณจะติดในความสุขโดยคุณไม่รู้ว่า ความสุขนั้นมีคู่คือ ควาวมทุกข์ คุณแยกไม่ออกหรอก ไม่ใช่แยกไม่ออก แต่คุณไม่รู้หรอกว่า  ความสุข  ความทุกข์ นี้ มันแยกกันด้วยความรู้ แต่แท้จริงมันแยกกันไม่ได้  แต่คุณต้องแยกด้วยความรู้  ต้องให้เป็น 2 ด้วยความรู้แต่จริงๆ  มันแยกกันไม่ได้มันต้องดับทั้งคู่  คุณต้องดับทั้งคู่  ดับทั้งความสุขและความทุกข์ เพราะมันแยกไม่ได้แต่คุณรู้สึกนี้ คุณคือเอาได้ คุณเลือกเอาความสุข  คุณเลือกเอาความทุกข์ เพราะฉะนั้น คนซาดิสเห็นคนอื่นทุกข์แล้วชอบ คนที่เป็นมาโชคริส ตนเองเจ็บปวดทรมานก็ชอบ เป็นความบ้าบอ  ความวิปลาส

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:43:30 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:15 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:21:50 )

การพูดด้วยโวหารพูดโก้

รายละเอียด

ที่บอกว่าอยู่ที่ไหนก็มีความสุขได้ถ้าไม่มีกิเลสตัณหา เป็นการพูดด้วยโวหารคุณก็พูดโก้เท่านั้น คุณเรียนรู้โดยปรมัตถ์ของพระพุทธเจ้าไม่ได้เลย ถ้าได้แล้วคุณจะไม่พูดอย่างนี้ พูดอย่างนี้มันเป็นตรรกะเป็นภาษาคารมเฉยๆ เพราะคำว่าสุขนี้จะชัดเจน เขาบอกว่าอยู่ที่ไหนก็สุขได้ถ้าไม่มีกิเลสตัณหา ถ้ามีความสุขได้คุณก็ยังไม่หมดกิเลสตัณหา ยิ่งมีความสุขมากๆก็ยิ่งมีกิเลสตัณหาหนา เพราะคุณจะติดในความสุข โดยคุณไม่รู้ว่าความสุขนั้นมีคู่คือความทุกข์ คุณแยกไม่ออกหรอก ไม่ใช่แยกไม่ออกแต่คุณไม่รู้หรอกว่าความสุขความทุกข์นี้มันแยกกัน ด้วยความรู้ แต่แท้จริงมันแยกกันไม่ได้ แต่คุณต้องแยกด้วยความรู้ ต้องให้เป็น 2 ด้วยความรู้แต่จริงๆมันแยกกันไม่ได้ มันต้องดับทั้งคู่ คุณต้องดับทั้งคู่ ดับทั้งความสุขและความทุกข์ เพราะมันแยกไม่ได้ แต่คุณรู้สึกนี้คุณเลือกเอาได้คุณเลือกเอาความสุขคุณเลือกเอาความทุกข์ เพราะฉะนั้นคนซาดิสจะเห็นคนอื่นทุกข์แล้วชอบ คนที่เป็นมาโซคิสตนเองเจ็บปวดทรมานก็ชอบ เป็นความบ้าบอความวิปลาส 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 09:24:20 )

การพูดที่ไม่อยาก

รายละเอียด

ก็ต้องทำด้วย พูดที่ไม่อยาก เราพูดนี่ด้วยไม่อยาก แต่เห็นควรว่ามีประโยชน์คุณค่า ต้องใช้ความอุตสาหะวิริยะ มันเป็นคุณค่ามีประโยชน์ พูดไปแล้วยิ่งคุยโต คุยเขื่องให้ตนเองอีก แต่เพื่อผู้อื่นไม่ได้เพื่อตัวเอง 

ถ้าเรามีการอวดเพื่อตัวเอง อวดแล้วสบาย ได้ชื่นใจตัวเอง เป็นการบำรุงกิเลส แต่เราไม่มีกิเลสนี้แล้ว เราพยายาม บางทีก็เหนื่อย มันยังอะไรก็แล้วแต่เถอะ เราก็พยายามทำไปเพื่อประโยชน์ผู้อื่น บางทีเหนื่อยบางทีอยากจะพักแล้ว บางทีก็ยากแสนยาก แต่เห็นคนอื่นเขาก็อยู่ในห้วงแห่งทุกข์ ที่ควรจะช่วยเราก็พยายามช่วยเขาเท่าที่เราจะสามารถก็ช่วยกันไป  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:17:05 )

การพ่ายแพ้ความดีงามพ่ายแพ้ความจริง

รายละเอียด

คือผู้ที่มีอำนาจจะฆ่าจริงๆ เขาฆ่าไม่ลง ทักษิณมีอำนาจ ไม่ได้ฆ่าเองให้คนอื่นเป็นตัวแทนมาฆ่า แต่ว่าตัวแทนมาสัมผัสจริง ก็มีปัญญามีจิตวิญญาณ ก็เลยแพ้ความดีงาม ความจริง สัจธรรม จนสุดท้ายทหารตำรวจ ก็หอบโล่ถอยออกไป พูดอย่างนี้มีภาพ มีเรื่องราว มีหลักฐานยืนยันนะ  เพราะมันพ่ายแพ้ความดีงาม พ่ายแพ้ความจริง แพ้ความถูกต้อง ความผิดมันก็ต้องแพ้ ความถูกต้องมันต้องชนะ ไขความจริงออกมามากๆ หมดๆ ประชาชนก็รับได้

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 12:38:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:38 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:45:50 )

การพ่ายแพ้ความดีงามพ่ายแพ้ความจริง

รายละเอียด

ผู้ที่มีอำนาจจะฆ่าจริงๆเขาฆ่าไม่ลง ทักษิณมีอำนาจไม่ได้ฆ่าเองให้คนอื่นเป็นตัวแทนมาฆ่า แต่ว่าตัวแทนมาสัมผัสจริงก็มีปัญญามีจิตวิญญาณ ก็เลยแพ้ความดีงามความจริงสัจธรรม จนสุดท้ายทหารตำรวจก็หอบโล่ถอยออกไป พูดอย่างนี้มีภาพมีเรื่องราวมีหลักฐานยืนยันนะ เพราะมันพ่ายแพ้ความดีงามพ่ายแพ้ความจริง แพ้ความถูกต้อง ความผิดมันก็ต้องแพ้ ความถูกต้องมันต้องชนะ ไขความจริงออกมามากๆหมด ประชาชนก็รับได้ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 13:47:05 )

การพ้นมิจฉาชีพทั้ง 5 คือสมาธิประจำตัว

รายละเอียด

(คำถาม) มิจฉาอาชีวะ 5 ในพระไตรปิฎก มีที่ 1 บอกไว้ว่าสัมมาสมาธิของชีวิตมันคืออย่างไร ซึ่งผมก็นึกว่า การพ้นมิจฉาชีพทั้ง 5 ก็คือสมาธิประจำชีวิตของพวกเราทุกวัน เราไม่มีการโกง ไม่มีการตลบตะแลงไม่มีการมอบตนในทางที่ผิดนี่คือสัมมาสมาธิ 

(พ่อครูตอบ) ใช่ รวมถึงจิต จิตที่ตั้งมั่นคือจิตที่สะอาดปราศจากกิเลส จิตที่มีสมาธิต้องมีทั้งความตั้งมั่น มีทั้งศรัทธาและปัญญา มีทั้ง วิริยะสติ สมาธิ ปัญญา มีอินทรีย์ 5 ครบ จิตมีอินทรีย์ 5 ครบก็จะมีพลัง พลังงานความเชื่อ พลังงานปัญญา พลังงานความขยันหมั่นเพียร พลังงานการตื่น มีสติตั้งมั่นคง จิตมีแกนจิต มีทั้งความเฉลียวฉลาดสมาธิปัญญา เป็นปัญญาที่เป็นโลกุตระ ไม่ฉลาดแค่โลกีย์เท่านั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:51:34 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:28:46 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:22:49 )

การพ้นสักกายทิฏฐิได้ต้องมีการเกิดรู้เช่นไร

รายละเอียด

ถ้าหากเป็นการวิวัฒนาการของธรรมชาติก็เกิดในตัวมันเองได้ หรือมันได้รับเชื้อจากผู้อื่น เชื้อที่เจริญมาก็ได้เร็วได้มาก หากจะรอมันพัฒนาตัวเองจากอุตุเป็นพีชะ จากพีชะเป็นจิต ยิ่งจิตได้พบสัตบุรุษก็ได้เรียนกรรมวิบาก พอจะเข้าใจว่าจิตนิยามหรือจิตวิญญาณมันต้องมีพลังงานที่เรียกว่ากรรมเป็นของของตน กรรมตัวเองทำ ไม่ใช่ไปฝากไว้กับ GOD ไม่เช่นนั้นคุณก็ไม่พัฒนาตัวเองต้องพึ่งพา GOD ตลอดตายเกิดแล้วตายอีกนั่นแหละ ถ้ามารู้ว่าเรานั่นแหละจัดการธาตุ 2 ของเราเองจัดการธาตุ 2 ของเราเอง การเกิดรู้เช่นนี้ขึ้นมาโดยสภาวะ นี่แหละคือการพ้นสักกายทิฏฐิ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 11:28:40 )

การฟังธรรมจากสัตบุรุษมันเป็นลาภอย่างยิ่งของชีวิต

รายละเอียด

ผู้ที่เข้ามาหาสัตบุรุษ มาฟังธรรมะไต่ถามอย่างพวกเราทำ ก็เห็นความสำคัญเรื่องของการฟังธรรม โดยฟังธรรมจากสัตบุรุษมันเป็นลาภอย่างยิ่งของชีวิต คนที่รู้ค่ารู้สาระ จะต้องพยายามเข้ามาในชีวิตนี้ ผู้ที่ไม่รู้ค่าเห็นอย่างอื่นสำคัญกว่า เขาก็ยังอยู่กับลาภยศสรรเสริญโลกียสุขไป เห็นโลกโลกีย์ มีครอบครัว มีคณะบริวารอะไรที่สำคัญ เขาก็ไป 

แต่บางคนเห็นว่าเกิดมาทำแบบนั้นมันทำมาไม่รู้กี่ล้านชาติแล้ว เกิดมาแสวงหา คลุกคลีอยู่กับโลกที่เขาพากันทำ มันน่าเบื่อ เพราะฉะนั้นพวกคุณนี้ชัดเจนว่าโลกียะไม่เอา จึงมาทางนี้เลย แล้วก็ชัดเจนว่า คนที่ถูกโลกครอบงำ ยังมีจะเรียกว่าบารมีก็ไม่เชิง คือยังมีโอกาสจะต้องรวย จะต้องมียศฐาบรรดาศักดิ์ ต้องอะไรต่ออะไรอยู่ มีโลกธรรม ติดอยู่อย่างนั้น ยิ่งยศสูงๆร่ำรวยก็ยิ่งยาก 

ชาวอโศกเห็นได้เลยว่า มีนายพลได้แค่ พลตรีจำลองศรีเมือง นอกนั้นนายพันก็หายากอยู่แล้ว เท่านี้ หรือคนระดับชั้นปริญญาเอก ระดับชั้นซี 8 ซี 9 ซี 10 ไม่มาหรอก รวยก็ไม่มา ยศสูงก็ไม่มา มากันอย่างพวกคุณนี่แหละ มันสมคล้อยว่า โพธิรักษ์ได้ลูกศิษย์ลูกหาแค่นี้หรือ นายพลมีหรือ ปริญญาเอกมีหรือ ซี 9 ซี 8 ซี 10  ไม่มีหรือ?  ไม่มีหรอก มีแต่พวกกระจอกๆ พวกนี้แหละ น่าสงสารเนาะ อาภัพอัตภาพ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 12:20:04 )

การฟังธรรมสำคัญกว่าอาชีพ

รายละเอียด

ที่ว่าการฟังธรรมสำคัญกว่าอาชีพก็เพราะว่า คนเราก็ต้องทำอาชีพเป็นธรรมดาสามัญ หากเราไม่ให้ความสำคัญของการฟังธรรม เราก็จะอยู่เหมือนคนทั้งหลายแหล่ ชีวิตเกิดมาชาติหนึ่ง ถ้าเราไม่เรียนรู้ธรรมะไม่มีธรรมะ จิตวิญญาณก็จะใฝ่ต่ำ จิตวิญญาณจะไม่รู้ทางที่เจริญ ไม่ว่าอยู่ในศาสนาไหนทั้งนั้น ก็พาให้พฤติกรรมให้จิตใจเจริญทั้งนั้น ศาสนาพุทธสอนให้ดีให้เจริญ ถ้าคนไม่ใส่ใจอันนี้เลย ได้แต่ทำมาหากินเป็นอาชีพแล้วมันจะไปได้อย่างไร ชาตินี้ก็ตายเปล่า คุณทำอาชีพด้วยกิเลสเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวติดเชื้อในโลก ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ก็จมไปเรื่อย ชาติหนึ่งก็หนัก เกิดมาให้กิเลสมันผลาญอย่างเดียว มันจึงเป็นความสัมพันธ์อย่างไรก็ต้องมาฟังธรรม หาทางเพิ่มภูมิไม่ให้เราจมไปกับกิเลส

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:50:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:06:21 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:23:23 )

การฟังเทศน์ต่อหน้าได้ครบกว่า ครบวิญญาณ

รายละเอียด

อาตมาว่าก็สู้มาฟังต่อหน้านี้ไม่ได้มันครบกว่า ครบวิญญาณ มีวิญญาณที่กระทบกันมี responding มันเป็นเรื่องไม่ธรรมดาเป็นเรื่อง อจินไตยที่อธิบายไม่ไหว การพูดการคบสัตบุรุษที่บริบูรณ์ การเข้าใกล้เงี่ยโสตสดับ ท่านตรัสรายละเอียดเลยพระพุทธเจ้าอย่าประมาท เราจะได้ในสิ่งที่ควรได้โลกุตรธรรมของพุทธเจ้ารู้เองไม่ได้ต้องได้รับการถ่ายทอดฝึกฝนอบรมจากผู้รู้ และก็ไปทำให้ได้จนกระทั่งได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรมเข้าไปถึงนามธรรมเราบรรลุทำไปได้เรื่อยๆ  

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 14:21:58 )

การฟ้องร้อง 5

รายละเอียด

ผู้ฟ้องร้องปรารถนาจะกล่าวหาผู้อื่นพึงตั้งความดี 5 ประการนี้ไว้ในตน

1. จะกล่าวหาในเวลาอันเหมาะสม

2. จะกล่าวหาด้วยคำจริง

3. จะกล่าวหาด้วยคำสุภาพ

4. จะกล่าวหาด้วยคำมีประโยชน์

5. จะกล่าวหาด้วยเมตตาจิต

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 7 ข้อ 505 "ปาติโมกขฐปนขันธกะ"

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก หน้า 71


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2562 ( 21:39:56 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:35 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:23:46 )

การฟ้องร้อง 5

รายละเอียด

ผู้ฟ้องร้องปรารถนาจะกล่าวหาผู้อื่น พึงตั้งความดี 5 ประการนี้ไว้ในตน

1. จะกล่าวหาในเวลาอันเหมาะควร

2. จะกล่าวหาด้วยคําจริง

3. จะกล่าวหาด้วยคําสุภาพ

4. จะกล่าวหาด้วยคํามีประโยชน์

5. จะกล่าวหาด้วยเมตตาจิต

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 7 “ปาติโมกขฐปนขันธกะ” ข้อ 505


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 18:49:08 )

การมนสิการ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคุณจะทำการมนสิการ ในนาม 5 จะทำใจในใจ ที่พูดที่อธิบายนี้คุณจะต้องทำมันอยู่ในใจของคุณ หากคนไม่มีปัญญารู้จักอาการ หทยรูป มันไม่มีตำแหน่งที่อยู่ แต่มันอยู่ในตัวตนเรานี่แหละไม่นอกจากกายยาววาหนาคืบกว้างศอกพร้อมสัญญาและใจอยู่ในนี้ในคูหาสยัง หากไม่มีอาการมันก็ดูยาก แต่ถ้ามันมีอาการก็ดูง่ายกว่า จับอาการได้รู้หทยรูป แล้วคุณก็ตีแตกแยกแยะให้ได้ แยกทีละคู่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:23:23 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:08:05 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:24:09 )

การมองของธัมมชโยหายตัวไปต่างกัน

รายละเอียด

คือ  ตอนนี้ก็เท่ากับธัมมชโยถูกธรณีสูบ ใครเห็นบ้าง ถูกธรณีสูบอยู่ แล้วคน ลูกศิษย์ที่มีความศรัทธาเขาจะมองว่าท่านมีอภินิหาร ท่านสามารถล่องหนหายตัวได้ ทำอะไรท่านไม่ได้ท่านอยู่เหนือชั้น เขามองไปมีแง่หนึ่งเลย แต่เรามองว่าขณะนี้เขาก็คือผู้ถูกธรณีสูบ เห็นไหมมันต่างกัน มองเข้าใจต่างกันสมณะโพธิรักษ์เห็นอย่างนี้ก็พูดตรงๆ ขออภัยที่พูดเหมือนไปลงโทษธัมมชโย แต่ไม่ได้ลงโทษ เขาเป็นอย่างนั้นก็เลยเอามาอธิบาย ความรู้ทางศาสนาทางธรรมะสู่กันฟัง ท่นไม่ได้มีจิตใจอำมหิตลบหลู่ไม่ได้มีอุปกิเลสพวกนี้ มายา สาเฐยยะ มักขะ ปลาสะ อิสสา มัจริยา มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ ก็ไม่มีหรอกไม่ใช่อวดดีพูดอย่างประมาท ก็ไม่ใช่พูดอย่างมีเจตนาให้เห็นพอสมควรมีแต่เจตนาที่จะพูดหรือไม่พูด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่  1 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:57:11 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:23:19 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 08:25:15 )

การมอบตนอยู่ในชาวอโศกดีอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพวกคุณหลายคนมอบตนอยู่ในชาวอโศกแล้ว ไม่ได้มอบตนอยู่ในทางผิดแล้ว อยู่ในชุมชนชาวอโศกทั้งนั้น ทำงานอยู่ในนี้ไม่ไปรับใช้โลกภายนอก แม้ว่าจะค้าขายก็ค้าขายแบบชาวอโศก ค้าขายขาดทุน แล้วจะไปเป็นหนี้ที่ไหน พวกเรานี้ซับซ้อนอยู่ในทางเศรษฐศาสตร์ พวกเราค้าขายขาดทุน คุณปลูกบวบ(บักลอย)  คุณขายคุณไม่ได้คิดค่าแรงงานหรอก แถมคุณยังไปขายต่ำกว่าราคาตลาดอีก ยิ่งขายขาดทุนได้มากเท่าไหร่คุณยิ่งเจริญ เห็นไหมของเราทวนกระแสโลกีย์ แจกฟรีเลย ทุกวันนี้พืชพันธุ์ธัญญาหารของเราเยอะก็เอาไปใส่ศาลา ไปใส่กระท่อมปันสุข (เดี๋ยวนี้)ไม่ค่อยมีเลย พวกเราขยันขยันหน่อย ไปเก็บกัน 

อาตมาอยากจะพูดถึงเรื่องว่า พวกเรามันขี้เกียจจะกินตัวเยอะแล้ว มันสบายเกิน มีกินมีอยู่สบายแล้ว มันรู้จักมีภูมิธรรมสูงกว่า อันนี้ทำแล้วเสื่อม เราควรจะขยัน เมื่อตัวเองหลุดพ้น ตัวเองไม่ต้องเป็นคนลำบาก กินน้อยใช้น้อย ที่ก็ไม่น้อยเกิน ที่ทำให้สุขภาพร่างกายไม่เสีย ก็กินอย่างเลี้ยงตนเองให้ดี 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธาโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 13:24:02 )

การมาตั้งตนอยู่บนความลำบากกุศลธรรมจะเจริญยิ่ง

รายละเอียด

ใช่ เขาจะไม่เห็นคุณค่า ของการมาตั้งตนอยู่บนความลำบาก กุศลธรรมจะเจริญยิ่ง ตามคำตรัสพระพุทธเจ้า เขาจะไม่เข้าใจ เขาจะไปแสวงด้วยความมักง่าย ด้วยความมักมาก ด้วยความมักเร็ว ไปหาที่มันง่ายมันสะดวก  มันอำนวยความสะดวก มันไม่ยาก อันนั้นแหละเป็นความคิดที่ย้อนแย้ง คนคิดอย่างนั้นโง่ คนคิดอย่างเรานี่ฉลาด พูดเบาๆหน่อย เรื่องนี้เป็นเรื่องซับซ้อน เป็นเรื่องสิริมหามายา เป็นเรื่องที่ dialectic เป็นเรื่องที่จะต้องเรียนรู้ดีๆ ตัดสินดีๆ ถึงจะรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 19:58:19 )

การมาเกิดในแดนอาริยะ ศิวิไลซ์

รายละเอียด

อยู่ไหนคุณก็จะต้องมีวาสนาบารมีพอ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นกามนิต ที่แม้ว่า อาตมาบอกเราเป็นโพธิสัตว์ เราเป็นผู้รู้  คุณก็จะแลบลิ้นใส่ ตีทิ้ง แต่ถ้าคนที่มีภูมิก็จะรับฟัง ก็ได้เข้าไปซึมเข้าไปบ้าง แต่ช้า แต่ถ้าบอกว่าน่าสนใจ ที่จริงก็พูดดีเหมือนกันเนาะ จะลดอคติ ลดชังอาตมา แม้ไม่ดูดก็ลดผลักก็ยังดี เมื่อเหตุปัจจัยมากพอ จนกระทั่งสุดท้ายเข้าใจ จนมีอาริยธรรมอาริยภูมิในจิตมากพอ จนกว่าจะยอมรับเห็นไหมว่าไม่ใช่ง่ายๆกว่าสัมภเวสีจะตื่นกว่าจะมีภูมิที่รับได้

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2562 ( 15:48:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:30:07 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 12:35:44 )

การมีชีวิตที่ไม่เนรคุณโลกและใครๆคืออย่างไร

รายละเอียด

การมีชีวิตยืนยาวไปอย่างน้อยก็เปลืองพื้นที่อย่างน้อยก็สูดลมหายใจ แผ่นดินก็กินพื้นที่ ดูลมหายใจเข้าออก กินลมอยู่ตลอดเวลา กินอาหาร ถ้าเราเป็นคนอกตัญญู เกิดมาเสียชาติเกิด คนธรรมชาติเนรคุณแผ่นดินได้รับคุณอากาศ เนรคุณสิ่งที่เขาให้เราอาศัย มันก็ถือว่าเลวนะ เพราะฉะนั้นเราจะต้องเป็นคนที่มีคุณค่าประโยชน์ 

คุณค่าประโยชน์คืออะไร คือจะต้องมีพลังงานในตัวเราสร้างสรรทำการงาน สร้างตั้งแต่วัสดุที่เป็นประโยชน์คุณค่าเป็นปัจจัยของชีวิต ซึ่งเราพยายามสรุปไว้ว่าอาหารที่เรากิน กวฬิงการาหาร รักษาร่างกายเป็นที่ 1 ไม่มีอะไรอย่างอื่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 20 วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:17:54 )

การมีชีวิตอยู่เพื่ออธิบายพาทำ

รายละเอียด

  คือ การที่สมณะโพธิรักษ์มีชีวิตอยู่เพื่อที่จะอธิบายและพาลูกๆทำ แม้ท่านจะตายสิ้นใจขณะนี้  ต่อไปพวกเราก็จะทำต่อไปมีคนเขาว่าเหมือนกันว่าอโศกนี่ถ้าโพธิรักษ์ตายก็รับรองกระจายไปตัวใครตัวมัน  เหมือนสำนักอื่นๆ ก็เป็นจริงสำหรับคนที่ฐานโลกียะ  แต่ฐานโลกุตระจะไม่เป็นอย่างนั้น ฐานโลกุตระยิ่งพ่อตาย โอ้โห! ลูกยิ่งจะรักกัน พ่อตายแล้วนะหากลูกไม่รวมกันพลังรวมจะลดลง ปฏิภาณที่เป็นความฉลาดโลกุตระจะทำให้ถูกต้อง ท่านไม่ตัดสินว่าพวกเราจะเจริญหรือเสื่อม แต่เป็นเพียงว่าพวกคุณจะจริงหรือไม่จริง แต่ถ้าท่านตายไปพวกคุณยิ่งรวมกัน พอท่านตายไป คนราชธานีอโศกจะถึง 777 คนน่าลงทุนดูนะ ลูกๆว่าไหม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 14:10:14 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:30:59 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 12:46:17 )

การมีปัญญาเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการไม่เวียนกลับไปฝั่งโลกียะอีก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น สิ่งที่อาตมาทำนี้ อาตมาก็ยืนยันว่าเป็นความจริง ยากนะ ไม่ใช่ง่าย แค่รู้ก็ยากแล้ว มาปฏิบัติให้ได้อีก มันก็ยิ่งยาก ให้ได้ ได้แล้วจะต้องได้เลยอีก มีปัญญาสำทับอีกเลยว่า ปัญญาตัวนี้เป็นตัวกำกับเลยว่าไม่มีเวียนกลับ ไม่ไปแล้วทางโน้น ปัญญานี้มีฤทธิ์ มีอำนาจ มีพลังอย่างนั้น อย่างนี้แล้วไม่ไปแล้วอย่างโน้น ไม่ไป อย่างน้อยต้องมี 2 ฟาก ฟากนั้น ไม่ไปอยู่ฟากนี้ ฟากโลกุตระ ฟากของพระพุทธเจ้า ฟากโน้นไม่เอา บ๊ายบาย จะช่วยก็ช่วยคนฝั่งโน้นให้มาฝั่งนี้ ช่วยส่งเสียงไป อธิบายไปให้คนฝ่ายนู้นได้ยิน ดีไม่ดีกระทุ้งกระแทกให้แรงๆด้วย ฝั่งโน้น กระทุ้งกระแทกอย่างที่อาตมาทำอยู่นี่ เผื่อแผ่ด้วยเมตตาจริงใจ ด้วยความสงสารไม่ได้ทำเล่นๆ ไม่ได้พูดเล่น แต่เป็นเรื่องจริง 

เมื่อทำแล้วอาตมาก็ได้ผลมา ก็บอกไปแล้ว มาได้ขนาดนี้ 50 ปี เป็นที่น่าพอใจ แต่อาตมาก็ไม่หยุดยั้งหรอก เพราะอาตมาทำหน้าที่ จะต้องกอบกู้ธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้าให้ถึง 5,000 ปี ก็พูดไปอีก ก็บอกความจริง ถ้าหากอาตมาพูดผิด อาตมาก็บาปหนักบาปหนาสิ เรื่องอะไรอาตมาจะทำบาปใส่ตัวเอง ถ้าแน่ใจว่ามันไม่ถูกหรอก มันเป็นบาปอาตมาจะบ้าหรือ อาตมาเป็นโพธิสัตว์นะ สั่งสมสิ่งที่มันสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วจะหาเรื่องไม่บริสุทธิ์สะอาดเข้าไปใส่อีก แล้วเมื่อไหร่มันจะจบสักที โง่ซ้ำซ้อนเท่านั้นเอง อาตมาก็ไม่ทำเด็ดขาด 

เพราะฉะนั้นก็ ประโยชน์ตนก็ต้องรักษา อาตมารักษาประโยชน์โพธิสัตว์ของอาตมา ประโยชน์ท่านอาตมาก็ต้องทำให้ได้ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 นี่ก็เป็นหัวใจของศาสนาพุทธ ทำ 2 ให้เป็น 1 

อาตมาก็ทำอยู่ตามคำสอนพระพุทธเจ้า ก็ได้ผลสำเร็จมาเรื่อยๆ เพราะงั้นทำให้พวกเราเกิดฌาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 13:34:51 )

การมีศีลนำไปสู่ความเจริญ

รายละเอียด

“ศีลนี้แหละทำให้เกิด“อธิจิต” เกิด“อธิปัญญา” และเกิด“อธิมุติหรืออธิโมกข์(จิตเจริญโน้มไปสู่ทางสูงขึ้นๆ)”ไปตามลำดับ กระทั่งเกิด“วิมุตติญาณทัสสนะ” กล่าวคือ กายกรรมก็เจริญ วจีกรรมก็เจริญไปตามลำดับ เพราะมี“จิต”เจริญเป็นประธานอยู่ข้างในแท้ๆที่บงการ“กาย-วาจา”ให้ดีขึ้นๆ เพราะแน่นอน“จิต”นั้นแหละที่เจริญก่อนตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “จิตเป็นประธานสิ่งทั้งปวง”ไง ผู้ปฏิบัติเองจะรู้ได้ด้วยตัวเองแท้ๆ  เห็นไหมว่า มันไม่ใช่“เจโตสมาธิ”ที่ปฏิบัติด้วยวิธี“หลับตา”แล้วหลงผิดกันไปว่า จะบรรลุอรหันต์กันด้วยทางลัดทางตรงกันเลย(นายตเกเนว อัญญาปฏิเวโธ) โดยไม่เกี่ยวอะไรกับ“ศีล”กับ“ปัญญาภายนอก” ดังที่นักปฏิบัติ “หลับตา”ทั้งหลายปฏิบัติกันนั้นเป็นอันขาด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:26:33 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:32:26 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 12:50:30 )

การมีสังคมเศรษฐกิจการเมืองดีเป็นเช่นไร

รายละเอียด

ก็เป็นการมองบางคนก็มองไปในมุมลบก็หาข้อมูลมาอ้างอิงของตนเองไปต่างๆนานา เรื่องที่จะพูดว่าเศรษฐกิจดีก็ดี การเมืองดีก็ดี สังคมดีก็ดี 

คำว่าดี ของสังคม หรือคำว่าดีของเศรษฐกิจ คำว่าดีของการเมืองมันเป็นการประมาณของผู้ที่เอาความรู้สึก เอาความรู้ของตัวเองเป็นมาตรวัด 

อาตมาเองเกิดมาในยุคเดียวกับสังคมข้างนอก อาตมาพาพวกเรามาจน พวกเรานี้ได้มาเป็นคนจนมีคุณภาพ มาเป็นคนจนได้จริง แล้วก็อยู่เย็นเป็นสุขสำราญขนาดนี้ อาตมาพูดนี้เป็นการพูดเล่นลิ้น พูดโก้ๆไม่เข้าร่องเข้ารอยหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ เป็นการพูดความจริง ได้สะสมความมากด้วยเงินทองทรัพย์สินข้าวของ แต่สละออกให้คนอื่นเขาใช้ได้มาก เรามีน้อยก็อยู่ได้ตามฐานานุฐานะของเรา จิตใจจริงๆมุ่งหวังตั้งใจลดละให้ไม่มีตัวตน ยึดหลักวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 แล้วพวกเรามาปฏิบัติได้โลกุตรธรรมตามพระพุทธเจ้าเป็นได้ขนาดนี้ 

อาตมาว่าพวกเราที่อยู่นี้คือการมีสังคมเศรษฐกิจการเมืองดีแต่คนเขามองไม่ออก

ด็อกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์ ด็อกเตอร์ทางการเมือง เขามองไม่ออก หรือเขาอาจจะพอเห็นว่ามันน่าจะดี แต่อั๊วไม่เอาตามเพราะทำตามไม่ได้ขายขี้หน้า ไปยอมรับแล้วทำไม่ได้จะโดนว่า เพราะฉะนั้นก็ไม่ยอมรับดีกว่าก็เป็นได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 16:25:13 )

การมีอธิศีล

รายละเอียด

การมีอธิศีล คือมีอธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 11:03:59 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:32:55 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 12:51:19 )

การมีอวิชชา

รายละเอียด

การมีอวิชชา คือ จะเกิดกิเลสเราแยกรูป แยกนามว่า อันนี้คือจิตที่ถูกรู้รับสัมผัสไปตามจริง ตามความเป็นจริง  แล้วก็มีเจตสิกอีกทีมีกิเลส หากมันมีกิเลสปรุงแต่ง ชอบ ไม่ชอบ งามไม่งาม ก็ต้องทุกข์สุขกับมัน  เราควรรับรู้ความจริงตามความเป็นจริง  ตอนนี้เขาไม่ได้แยกกายแยกจิต ไม่ได้เรียนอย่างนี้เลย นั่งหลับตาปิดทวารทั้ง 5 ไปเอาแต่ในสัญญา บอกว่านั่งเป็นฌานเป็นสมาธิ  แต่ก็ไปหลับตาสะกดจิตเข้าไป  จิตนิ่งเขาก็บอกว่านั่นแหละจิตเป็นสมาธิ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:34:56 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 07:35:03 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 12:52:13 )

การมีอำนาจนรกร้อนแต่เราอยู่ได้

รายละเอียด

อิทธิวิธญาน ข้อที่ว่าการผุดขึ้น ดำลง แม้ในแผ่นดินเหมือนในน้ำก็ได้ แทรกแผ่นดินลงไปได้ สิ่งที่หยาบกร้านแข็งเหมือนกำแพงก็ไปได้ ดำลงไปได้ ดินก็ดำไปได้เหมือนลงน้ำ เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้ เหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได้ คนอื่นถูกน้ำหนักถ่วงแต่เราเดินสบาย เหมือนเหาะในอากาศ ลูบคลำพระจันทร์ พระอาทิตย์ ซึ่งมีฤทธิ์มีอานุภาพมากด้วยฝ่ามือก็ได้ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ สมณะโพธิรักษ์อธิบายว่าลูบหัวล้านพระอาทิตย์พระจันทร์ได้ เหมือนแม่นาคยื่นมือไปจับได้ คุณจะสัมผัสในโลกของนรกสวรรค์หรือความร้อนหยาบแรงของโลก แต่เรามีอำนาจนรกร้อนแต่เราอยู่ได้ สู่แดนธรรมว่า… เหมือนพ่อท่านพาเดินไปชุมนุมทางการเมือง ท่ามกลางความหวาดเสียวอาทิตย์คือทักษิณพระจันทร์คือปู อำนาจมากกว่าหลอกได้  Woman Touch ซับซ้อนกว่าทักษิณ ละเลงความชิบหายวายป่วงได้มากกว่าทักษิณ ทักษิณจะทำลายประเทศถึงห้าแสนล้านหรือ แต่ปูนี่ปู้ยี่ปู้ยำ กว่าห้าแสนล้าน สรุปได้ว่าลูบคลำพระจันทร์ พระอาทิตย์ซึ่งมีฤทธิ์มีอานุภาพมาก ด้วยฝ่ามือก็ได้

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:25:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:33:07 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 12:54:47 )

การมีอิทธิบาทและโพชฌงค์สำคัญอย่างไร

รายละเอียด

ถ้าไม่ใช่สมณะโพธิรักษ์ แต่ผู้มีอิทธิบาท มีโพชฌงค์ จึงสามารถทำให้ชีวิตอายุ 86 ปีนี้ ยังเต่งตึงอยู่พอสมควร เอ้า จริง นี่เป็นเรื่องธรรมะนะ อาตมาไม่ได้พูดเล่น ไม่ได้พูดประโลมใจหรือสนุกๆ แต่เป็นเรื่องจริง อาตมาทำงานหนักมา 50 ปีถ้าเผื่อว่าอาตมาไม่มีโพชฌงค์ ไม่มีโพธิปักขิยธรรม 37 ของพระพุทธเจ้า อาตมาทรุดโทรมกว่านี้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพลังในการพูด ในการแสดงกายกรรมออกมา จิตมันอาจจะแข็งแรงเต็มที่ แต่ออกมาไม่ได้แล้ว จะให้แสดง นัจจะ คีตะ วาทิตะ ออกมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:15:55 )

การยกตนข่มท่าน

รายละเอียด

คือ การที่สมณะโพธิรักษ์ว่าอาจารย์มั่นและอาจารย์บัวไม่เป็นอรหันต์ ท่านไม่ได้ต้องการการยกตนข่มท่าน ท่านเคารพนับถือบูชา แต่ความไม่ถูกต้องท่านก็ต้องบอกมันไม่ถูกต้องของพระพุทธเจ้า เพราะว่าปล่อยให้คนไปงมงายอย่างนั้นไม่ดี หากคุณเลิกมาทำตามสิ่งที่ถูกก็จะดี แต่ถ้าไม่เชื่อทำสิ่งผิดก็จมไปกับความผิดไปอีกนาน คุณมาลองดูอย่างที่ท่านสมณะโพธิรักษ์พูดบ้างแล้วคุณจะได้ 2 อย่างที่ท่านพูดและพาทำ ไม่ต้องสงสัย คุณจะได้ผลและเปรียบเทียบดูทั้ง 2 อย่าง เมื่อเปรียบเทียบเสร็จคุณก็จะตัดสินได้ว่าอย่างไหนที่น่าจะรับ น่าเอากว่ากัน คุณก็จะได้อันนั้น

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71


เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 14:46:55 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:53:38 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:07:05 )

การยอมเป็นการเพิ่มอัตตาให้เขาแต่ถ้าเราพยายามอธิบายจะเป็นการเพิ่มอัตตาเราใช่หรือไม่

รายละเอียด

เขาอยากอัตตาเพิ่มขึ้นก็เรื่องของเขาสิ 

คุณก็ดูใจของคุณมันอยากอธิบายแก้ตัว หรือมันเห็นว่าเราควรจะอธิบายให้เขาเข้าใจได้บ้างเราก็ต้องประมาณ ถ้าอธิบายไปอย่างนี้ ลองอธิบายไป อธิบายไปเขาก็แย้งก็เถียงก็หยุด แต่ถ้าอธิบายไปเขาเข้าใจฟังก็อธิบายต่อ ถ้าเขาจบเข้าใจก็รู้จบก็พอ หากว่าเขาเข้าใจแล้วก็ยังรุกต่อบางทีมันก็จะมากไป ต้องรู้ความพอเหมาะพอดีไม่มากไปไม่น้อยไปนี่แหละ ประมาณให้ดีๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29 วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 20:28:46 )

การยังชีพทางโลกุตระต้องมาจน

รายละเอียด

แม้จะมีธรรมะโลกุตระ เราก็ยังยังชีพของเราไปได้ และการยังชีพของเราในทางโลกุตระนั้นมาจน จนได้ก็ไม่เห็นว่าต่ำต้อยน้อยหน้าอะไร ใครคิดว่าเราน้อยหน้าบ้าง แต่ก่อนเราเคยเคืองไปไหนมาไหน แม้แต่วันนี้ไปไหนมาไหนคนก็มองตั้งแต่หัวจรดเท้า คิดว่าบ้าหรือเปล่า เขาจะมองจะเหยียดหยามมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไร ก็เข้าใจเขา เราก็ไม่รู้สึกว่าเขาเหยียดหยามเรา เพราะเขาก็ต้องรู้สึกของเขา อย่างไรก็แล้วแต่เราก็เป็นอย่างที่เราเป็น เขาจะรู้สึกยังไงก็เป็นของเขาอย่างนั้น บางคนก็เหยียดหยาม บางคนก็เข้าใจ บางคนยกย่องด้วยซ้ำก็ไม่มีปัญหา ชัดเจน คนเข้าใจของใครก็ของมัน เราก็ชัดเจนของเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 18:44:26 )

การยังชีวิตหรืออายุขัยต้องใช้อะไรหนอ

รายละเอียด

ต้องมีบารมี ต้องมีบารมีในตัว ถ้ามีบารมีไม่พอไม่ขึ้น ต้องใช้ฉันทะสิ ใช่ ฉันทะเป็นมูล นี่ยิ่งใหญ่ 

หมอเฉกก็ดูๆกันไป ตอนนี้ก็ว่ากันไป อาตมาดูๆกันอยู่ ก็หลายคนไม่ออกชื่อหรอก หลายคนก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ถึงตาย แล้วใครจะตายก่อนกันเนาะ อาตมากับหมอเฉก อาตมา ใครคนอื่นอีกไม่ออกชื่อ หรือจะดูเจ้าน้อย สุรพล โทณะวณิกก็ได้ ตอนนี้นอนติดเตียงอยู่ ติดเตียงแล้วเขาจะตายก่อนอาตมาหรืออาตมาจะตายก่อนเขาก็ได้ คนอื่นๆอีกไม่ออกชื่อ 

ที่ว่าดูๆกันไปคือไปดูอย่างไม่มีการศึกษา แต่ดูว่าเขาก็สามารถที่จะยังชีวิต ยังอายุขัยของเขา เขาใช้อะไรหนอ อย่างเช่น หมอเฉกก็ใช้อย่างหนึ่ง อย่างสุรพล โทณะวณิกก็แน่นอน เขาก็ต้องใช้อะไรอย่างหนึ่ง อย่างคนอื่นๆใครก็แล้วแต่ ที่เขาพยายามยังชีวิตของเขาไปต่อ เขาก็พยายามของเขาตามที่เขามีภูมิรู้ มีความพยายาม 

สู่แดนธรรม... เขาใช้ความมีความปรารถนาไม่อยากตาย 

พ่อครูว่า... อันนั้นเป็นตัวหลักเป็นเจตนายังไม่อยากตาย ยังไม่อยากปล่อย มันก็เป็นไปตามธรรมชาติก่อน เป็นตัวนำเป็นตัวตั้ง ส่วนจะไปได้ตามที่ปรารถนา ทำให้ได้ตามที่ต้องการหรือไม่ มันก็มีเหตุปัจจัยอื่นๆอีกเยอะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมจากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2565 ( 05:07:28 )

การยึดติดสิ่งผิด

รายละเอียด

การยึดติดสิ่งผิด คือ เป็นเรื่องที่ยากมากเลยที่จะอธิบายก็มันได้ลองผิดทำตามกันมายึดถือสิ่งที่ผิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกเสียแล้ว กว่าจะฟื้นคืนมาสู่ความถูกต้องใครเห็นใจ สมณะโพธิรักษ์บ้าง ท่านถึงบอกว่าชาตินี้เกิดมาทำงานที่ยากจริงๆ  แต่ก็ต้องทำเพราะไม่มีทางเลือก เขายิ่งติดยึดสิ่งผิดเป็นสิ่งถูกท่านก็ต้องมาพูด  เหนื่อยก็เหนื่อยปากเปียกปากแฉะอย่างไรก็จำนนต้องทำจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอารยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 16:49:06 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 16:55:36 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:09:16 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์