@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

วิทยาศาสตร์ของพุทธสุดยอดบริบูรณ์กว่าของชาวโลกจริง

รายละเอียด

วิทยาศาสตร์ของชาวโลกเช่นไอน์สไตน์ เขารู้เพียงระดับพลังงานกับสสาร เขายังไม่เข้าถึงไบโอโลจี้ Biology ไม่เข้าถึงชีวะเท่าไหร่ ได้บ้าง เรียนรู้ชีวะได้บ้างแต่ยังไม่ลึกซึ้งเท่า

ชีวะของพระพุทธเจ้านั้นท่านรู้หมดเลยตั้งแต่เริ่มต้นอาศัยอุตุ แล้วไปเป็นพีชะ แล้วไปเป็นจิตจนกระทั่งขยายเป็นกรรมเป็นธรรมะเรียกว่าธรรมนิยาม 5 นี่เขาก็จะต้องเรียนตาม อาตมาก็ต้องค่อยๆขยายความไป แล้วพวกเรานี้จะเอาไปปฏิบัติจริง มีผลจริงไปเรื่อยๆ เพื่อยืนยันให้เขามีสภาพนี้พิสูจน์ 

เช่น พวกเราได้รับผลแล้ว กลายเป็นเศรษฐศาสตร์อย่างไร กลายเป็นรัฐศาสตร์อย่างไร กลายเป็นสังคมศาสตร์อย่างไร นั่นแหละคือความรู้วิทยาศาสตร์ แล้วมันจะค่อยๆรู้ความเป็นจริงนี้ไปเรื่อยๆ 

ตอนนี้ขยายความไปได้ไม่มากที่คุณถามมา ก็ตอบวิทยาศาสตร์ของพระพุทธเจ้านี้สุดยอด บริบูรณ์หมดทั้งรูปและนาม 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 20:51:05 )

วิทยาศาสตร์ของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

วิทยาศาสตร์ของศาสนาพุทธ  คือ 

การเรียนรู้สภาวะของ 3 ทำให้เป็น 2 

เรียนรู้ภาวะของ 2  ทำให้เป็น 1 

สภาวะของ 1  ทำให้เป็น 0 

อาตมาอธิบายได้เพราะเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7  แม้จะไม่สูงสุดแต่ก็อธิบายได้ละเอียดกว่าใครในยุคนี้จึงเรียกว่าเป็นไก่ตัวพี่  เจาะกระเปาะไข่ออกมาได้ก่อนใครในยุคนี้

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 17 กันยายน 2562 ( 14:47:06 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 11:44:02 )

วิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณ

รายละเอียด

สรุปแล้วเป็นเรื่องของปรมัตถสัจจะ เป็นเรื่องของจิตวิญญาณจิตใจมันทั้งรู้และทำได้ ทำได้สูงสุดเป็น ปรินิพพานเป็นปริโยสาน สุดท้าย หรือมีนิพพาน มีปรินิพพาน ในชีวิตเป็นๆอยู่แล้วเราก็ยังไม่จบ ไม่จบขั้นทำ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน หลังจากการตายแล้วก็ไม่รวมจิตวิญญาณแตกสลาย ไม่มารวมเป็นจิตวิญญาณของเราอีก เลิกอัตตาเลย กลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย จบไปเลยไม่มีเราไม่มีอะไรส่วนที่จะเหลือเศษอยู่อีก เป็นอัตภาพ ของจิตนิยามหรือจิตวิญญาณ 

นี่เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ ที่โลกมีพระพุทธเจ้าองค์เดียวตรัสรู้ ศาสดาเทวนิยมทั้งหลายแหล่จำนนหมด เขามีจิตวิญญาณนิรันดรหมด แต่ของพระพุทธเจ้านั้นจิตวิญญาณเลิกสลายได้ จะอยู่ยาวไปนิรันดรเลยก็ได้ แต่จะอยู่ไปทำไมเพราะรู้ทุกข์แล้วการเกิดเป็นทุกข์ ชาติปิทุกขา ก็ไม่ต้องไปเกิดอีก เกิดไปก็เท่านั้น อย่างนี้เป็นต้น เกิดไปก็มีทุกข์ แต่ก็ยังเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างหลวงปู่เนี่ย รู้ว่ามันทุกข์แต่มีประโยชน์ 

หนึ่งสืบทอดสิ่งที่เป็นความรู้ คนอย่างพระพุทธเจ้าตรัสรู้มาแล้วก็สืบทอดต่อไปอีก เป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดแล้วในความเป็นคนกับความเป็นสังคม ก็ทำไป สืบทอด เป็นประโยชน์แก่คนสืบศาสนาด้วย ต่อศาสนานี้ ให้ไปยาวยืน แต่เราก็ไม่ไปหลงใหลว่า มันยาวยืนไม่ได้ มันต้องจบ เราก็ไม่เป็นคนใจดำถึงขนาดนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาท พิธีรับกลด ปี 2566 รุ่นใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ วันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:31:14 )

วิทฺธังเสติ

รายละเอียด

ทำลาย , กำจัด

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 220


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:26:09 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:59 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:40:19 )

วิทฺธังเสถ

รายละเอียด

จงกำจัด

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 220


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:26:51 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:27 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:42:15 )

วิทฺธังเสนฺติ

รายละเอียด

ย่อมกำจัด

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 220


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:27:33 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:55 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:42:52 )

วิธมติ

รายละเอียด

ทำลาย

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 220


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:24:11 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:38:05 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:42:34 )

วิธมถ

รายละเอียด

จงทำลาย

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 220


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:24:52 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:39:03 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:43:14 )

วิธมันติ

รายละเอียด

ย่อมทำลาย

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 220


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:25:31 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:39:57 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:43:33 )

วิธี (อิทธิ + วิธี)

รายละเอียด

ขบวนการที่ทำให้เป็นไปได้อย่างดี อย่างเก่ง หรือบทบาทนั้น ๆ ที่ถูกหลัก ถูกเหลี่ยม มีประสิทธิภาพ

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 303)


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:28:39 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:34 )

วิธีการ ความเข้าใจความรู้ให้คนมีความรู้ปฏิบัติ

รายละเอียด

คือให้เรียนรู้วิธีการ หรือความเข้าใจ  ความรู้ แล้วก็พากันให้คนเข้าใจ  ให้คนมีความรู้แล้ว ก็มาปฏิบัติ ประพฤติ  มีวิธีจนเกิดผลสำเร็จลงตัว จิตใจก็สงบ ก็พอใจ  เลี้ยงง่าย บำรุงง่าย มักน้อย  สันโดษ  แล้วก็ขัดเกลาตัวเองในสิ่งที่บกพร่อง ตัวเองสัลเลขะ  ขัดเกลาตัวเองให้มากยิ่งขึ้น  ตามที่เรามีความรู้ที่พระพุทธเจ้าสอนตามหลักของ  ศีล  สมาธิ  ปัญญา  วิมุตติ ให้สูงขึ้น  เจริญขึ้น  มีศีลสูงขึ้น  เจริญขึ้นมี  อธิศีล  อธิจิต   อธิปัญญา   มีอาการกิริยา  กาย วาจาใจ  ที่น่าเลื่อมใส  ปาสาทิกะ  แล้วจะเป็นคนที่จบ  จบด้วยความไม่สะสม  แต่เป็นคนยอดขยัน   อปจยะ  วิริยารัมภะ

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 15:04:57 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 11:49:34 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:35:03 )

วิธีการของธรรมกายหลวงพ่อสด ธัมมชโย เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างไร

รายละเอียด

เหลืออีก 19 นาที อาตมาก็เลยอยากพูดเรื่องของธรรมกายบ้าง ส่งท้ายธรรมกาย ดร.จำลอง ทิ้งสุข ส่งหนังสือของธรรมกายมาให้เสมอๆ ก็ขอบคุณ อาตมาก็ได้รับรู้เรื่องธรรมกายเขา นี่ล่าสุดส่งหนังสือที่ชื่อว่า .. เมื่อไม่รู้จะอ่านอะไร3.. มีเลข 3 คงเป็นเล่มที่ 3 แล้ว เมื่อไม่รู้จะอ่านอะไรก็อ่านหนังสือเล่มนี้ก็แล้วกัน คงเป็นอย่างนั้น แล้วก็มีรูปของอาจารย์ใหญ่ของเขาคือ สมีธัมมชโย แล้วก็ เผด็จ ทัตตชีโว อาตมาขอยืนยันไม่ได้เกลียดได้ชัง ได้แต่สงสาร เขาเป็นสมีจริงๆ คือเขาปาราชิก 2 ตัว ปาราชิกโกงเงินโกงทอง กับปาราชิกในเรื่องอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน 

สมเด็จพระสังฆราชก็มีพระบัญชา มีพระเลขามา 4-5 ใบ ประกาศให้รู้ว่า ธัมมชโยปาราชิก พระสังฆราชเจริญนี่แหละ ด้วยอะไรต่ออะไรมีหลักฐานยืนยันชัดเจนทุกอย่าง แต่คนที่หน้ามืดตามัวถูกหลอก ก็น่าสงสารพวกที่โง่ๆยังไปหลงคารมธัมมชโย ตื่นเถิดชาวไทยอย่าหลับใหลลุ่มหลงเลย เพราะว่าพวกคุณนั้นจะเหลืองจะดำลงไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ประเทศชาติดำประเทศชาติเหลืองหรอก พวกคุณนั่นจะดำจะเหลืองจะซีดลงไปเรื่อยๆ ถูกธัมมชโยหลอก 

จนกระทั่งตอนนี้ออกมาไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ปิดเงียบเลยแล้วก็พยายามรักษาความลับอันนี้กันจนไม่มีใครรู้ เก่งด้วยนะเก่งวิชามาร ไม่ได้กล้าหาญชาญชัยอะไรเลย หลบ แล้วก็ใช้โวหารอะไรหลอกคนที่โง่ๆไป คุณก็ได้แต่คนโง่ ธัมมชโยเอ๊ย คุณก็หลอกได้แต่คนโง่ คุณก็ได้คนโง่ แล้วคนโง่เขาก็จะเจริญขึ้นแล้วก็หนีคุณไปเรื่อยๆ อีกหน่อยคุณก็ไม่มีหรอก ตอนนี้ก็มีคนโง่อยู่ด้วยบ้างอีกหน่อยเขาจะค่อยๆรู้ เขาก็จะไปเขาก็จะหนี จะอยู่กับคนที่สุดยอดโง่หลอกลวงได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องจริงที่อาตมาก็ได้แต่สงสาร พูดไปก็ได้แต่สงสารเขา ไม่รู้จะพูดอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2566 ( 19:00:34 )

วิธีการควบคุมจิตทำเรื่องง่ายๆและเอาสภาวธรรมก่อน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเราอย่าไปกังวลมาก รู้มากยากนาน เราก็ควบคุมจิตของเรา ตามที่โบราณอาจารย์หรือคนอื่นเขาทำอย่างเรื่องง่ายๆก่อน สมาธิก็ทำให้มันรวม อย่าให้มันกระจายฟุ้งซ่านมาก ให้มันรวมเป็นหนึ่ง อยู่กับ 1 กับ 2 กับ 3 ได้ก็ดีแล้ว ควบคุมเรื่องที่เรากำลังทำ เก่งหน่อยก็ควบคุม 4 อย่าง เก่งขึ้นก็ควบคุมมี 5 มี 6 มันก็จะเจริญขึ้นเก่งขึ้นเรื่อยๆมี 7 ถ้าหากผู้ควบคุมมีตั้ง 7 เส้า แค่ 3 เส้าก็เก่งแล้ว 4 ก็เก่งขึ้น 5 6 ก็เก่งขึ้นเป็น 2 เส้าของ 3 ก็เก่งแล้ว เก่งขึ้นไปถึง 7 ทีนี้มันจะสมบูรณ์แบบขึ้นเป็น เส้าที่ 3 เรียกว่ายกกำลังเลย  ถ้าหากครบ 7 8 9 ก็จะเต็ม ^ 3 เป็น 3 ^ 2 ที่จริง 3+3+3 นี่เป็นวิธีคิดทางคณิตศาสตร์ ทางสังขยาเลข ก็ค่อยๆศึกษากันไป

เอาสภาวธรรม ก็ค่อยๆทำไปจาก 2 3 4 เราอย่าไปอยากได้เร็วนัก ค่อยๆทำไปจะค่อยๆแข็งแรง จะค่อยๆก้าวหน้า คนเรามันจะมีปฏิภาณ เดี๋ยวเราก็รู้ว่า 3-4 คืออะไร โดยไม่รู้พยัญชนะหรอก แต่รู้โดยปฏิภาณว่าเป็น 4 เป็น 5 แล้วขยายความรอบรู้เพิ่มขึ้น มันจะรู้เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปกังวลมากนัก ค่อยๆฝึกไปตามลำดับ อย่าอยากเร็ว ส่วนมากเราอยากรู้พยัญชนะมากก็อยากให้ได้เร็วๆ ก็ไม่ต้องให้ทำตามลำดับ 

ของเราไม่ได้พาให้อยู่ที่เก่า วนอยู่ที่เก่า ไม่ใช่ พวกเรานี้รู้มากยากนาน ด้วยซ้ำไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:05:38 )

วิธีการจัดการความเกลียดที่มีต่อคน

รายละเอียด

เราต้องมองหน้าเขาให้มากเราต้องมองสิ่งที่ดีงาม ในคนไม่มีความชั่วไปหมดจนไม่มีความดีเลยไม่ได้ มันมีความดีงามอยู่มองหาความดีงามของคนที่เราเกลียดขี้หน้าให้ได้ มองเห็นความดีงามคุณค่าของเขาให้ได้ แล้วเราจะศรัทธา จะค่อยยังชั่วในความไม่อยากมองหน้า กิเลสความชังก็จะลดลง อย่างน้อยที่สุดเขาก็เป็นคนที่เป็นตัวอย่างให้แก่เรา เป็นตัวอย่างอะไร เขาชั่วให้เราเห็น ก็เป็นความดีงามอย่างหนึ่ง เขาเสียสละมากช่วยให้เราเห็น ขอบคุณเขา คุณจะคลายความไม่อยากมองหน้า ไม่อยากสัมผัส  ยิ่งมองเห็นคุณค่า เขาชั่วให้เราเห็น ก็เป็นความดีชนิดหนึ่ง เขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม อย่างอาตมาอนุโลมให้หยาบไปกับคน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าทำชั่วโดยไม่เจตนา แต่ท่านทำชั่วโดยเจตนา ไม่บำเรอกิเลสตน  ที่ทำจะบอกว่าฝืนใจก็ได้ แต่ได้โดยไม่ยากลำบากซึ่งฌาน 4

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 17:29:34 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 11:51:01 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:36:34 )

วิธีการบริหารที่เป็นประชาธิปไตยขาเดียว​​​​​ 

รายละเอียด

พูดจริงๆแล้วอเมริกากับจีน จีนนั้นใหญ่กว่าอเมริกาเยอะ ทั้งพลเมืองทั้งทางด้านนามธรรมทางจิตวิญญาณด้วย อเมริกานี่ยิ่งไปใหญ่เลย แทนที่จะใหญ่กลับไม่ใหญ่เลย ลงนรก ขออภัยที่อาตมาพูดความจริงมากๆ ตำหนิอเมริกา ตำหนิด้วยความเมตตา ตำหนิด้วยความสงสาร ไม่ใช่ตำหนิด้วยความหวังร้าย หวังข่ม ไม่ใช่ แต่สงสาร โง่ไม่เสร็จนี้สงสารจริงๆ 

เพราะฉะนั้นประเทศหรือว่าสหรัฐ เขาไม่ได้เรียกประเทศเพราะเขามีรัฐต่างๆมารวมกัน เขามีระบบบริหารแบบนั้น แล้วทุกวันนี้มันก็เสื่อมลง เสื่อมลง สักวันก็จะแตกแบบรัสเซีย สหรัฐนี้ รัฐต่างๆก็จะแข็งตัวแข็งข้อ ขอแยก สหรัฐในอนาคตไม่ช้าจะเกิดการแข็งข้อ แยกรัฐ คือมันยังแย่งอำนาจกัน วิธีการบริหารปกครองเหมือนกันเป็นวิธีการบริหารที่เป็นประชาธิปไตยขาเดียว​​​​​ 

กษัตริย์มีทศพิธราชธรรม แต่ประธานาธิบดีไม่มีทศพิธราชธรรม มันเป็นเรื่องมุขขึ้นมา ว่าไอ้คนนี้ใหญ่ เชิดขึ้นมาด้วยกลยุทธ์กลวิธี มันไม่มีความสืบทอด มันไม่มีสันตติวงศ์ ไม่มีกฎมณเฑียรบาล ไม่มีการฝึกตน ไม่มีการสืบทอด ตั้งแต่ DNA มาเลย ไม่มี ใครก็ได้ มุขขึ้นมา สมมุติขึ้นมาดื้อๆง่ายๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องพิการ มันเป็นเรื่องไม่สมบูรณ์แบบ มันเป็นเรื่องของสองมันเป็นเรื่องหนึ่ง ทุกอย่างอุบัติขึ้นมาในโลกที่มีจิตวิญญาณกับวัตถุมันเป็น 2 อย่าง รวมตัวกันมีมหาภูตรูป 4 อุปาทยรูป 24 รวมกันแล้ว จิตวิญญาณก็รู้ นี่รูปคู่ของสภาพนามรูป ที่สังขารกันอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มกราคม 2566 ( 12:03:20 )

วิธีการประชาธิปไตยอันวิเศษ

รายละเอียด

 วิธีการประชาธิปไตยอันวิเศษ  คือ ประชาธิปไตยของประเทศไทยมีวิธีการประท้วง  การชุมนุมตั้งแต่ปี 2549  ที่สนามหลวงทำมาเรื่อยๆ  จนกระทั่งเป็นหมู่มวลก็ไปยึดที่ถนนราชดำเนิน  วิธีการรบอย่างมือเปล่า  เอาความจริงกับความรู้และอดทนยาวให้เป็นเย็นเรื่อยไปไขความจริงออกมาให้มากๆ หมดๆ  คนพวกนั้นจำนนแก่ความจริงทั้งนั้น  เขาแพ้เพราะเขาผิดจริงเราชนะเพราะเราถูกจริง  ดีจริง  เขาไม่ถูกไม่ดีก็แพ้ไป 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 17 กันยายน 2562 ( 14:52:41 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 11:53:05 )

วิธีการพัฒนาสังคมประเทศชาติโดยไม่ตั้งพรรคการเมือง

รายละเอียด

การพัฒนาสังคมประเทศชาติ อาตมาจะไม่ตั้งพรรคการเมือง จะพยายามทำงานกับประชาชนรวมตัวกับประชาชน เป็นพรรคประชาชน หรือบางคน ว่า พรรคนี้คือพรรคผ่อน คือผ่อนสั้นผ่อนยาว อยู่กับสังคมรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ไม่ตัดรอน มีแต่ให้ เพราะเรามั่นใจว่าจะผ่อนสั้นได้ ถ้าผ่อนยาวไปเราไม่ไหว ผ่อนยาวไประยะทางช่วยไม่ได้ เผื่อแค่นี้ช่วยได้ เหมือนคนช่วยคนตกบ่อ เราก็เอื้อมมือไปยาวขนาดนี้ น้ำหนักของคนตกบ่อพอรับได้ เผื่อไว้นะ เราคำนวณน้ำหนักเขา หากเขาดิ้นหรือน้ำหนักมากเราก็ดึงได้แต่อย่าไปอวดเก่งไม่ประมาณ เขาดึงเราตกบ่อตายทั้งคู่เลยได้ ผู้ที่ประมาณต้องเผื่อไว้เสมออย่าไปทำอะไรเต็มเท่าที่เรามี จะได้ไม่พลาด ยังมีทุนเพื่อจะช่วยกันพลาดได้ หากไม่มีทุนเหลือกันพลาด ตายมาเยอะแล้ว นี่ก็เป็นสัจจะที่อาตมารู้และทำเอามาใช้อยู่ ไม่พยายามประมาท ต้องไม่ประมาทให้ได้ นี่ก็อธิบายสู่กันฟัง ตามเวลาอันพอเหมาะควรที่จะอธิบายกันได้  ...เอวัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:44:39 )

วิธีการลดการถือสา

รายละเอียด

รู้ว่า เขาก็ไม่มีอำนาจอิทธิพลในชีวิตเรา แต่เราก็เอาสิ่งนั้นมาเก็บมาคิดจนปวดหัว ทำอย่างไรจึงไม่ถือสาเรื่องเล็กๆน้อยๆ แล้วเอามาเก็บไว้อีก เอามาคิดมากอีก แสดงว่าโง่ซ้ำซ้อน โง่ซ้อนซ้ำหลายชั้น นี่รู้ทุกอย่างแต่ไม่ทำ ถือสาทำไมเรื่องเล็กๆน้อยๆ พอเอามายึดไว้มันก็ไม่น้อย มาติดยึดที่เราก็ไม่น้อยแล้ว เรื่องนั้นเรื่องนี้เอามาคิดมาก ปวดหัวอีก จะโง่ไปถึงไหน ทำเองทั้งนั้นเลย ก็เขาไม่ได้มีอิทธิพลอำนาจในชีวิตเรา แต่เราเองไปหลงตัวเอง ทั้งที่ไม่มีอะไร เป็นอวิชชาความโง่ของตัวเอง ก็รู้ให้ได้ว่าเราโง่ แล้วเอาเก็บไว้ทำไม เอาเก็บไว้ให้ปวดหัว เขาก็ไม่มีอะไร ไม่มีอิทธิพลอำนาจเหนืออะไรเรา ก็เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่ถามมาก็รู้ตัวดีมีปฏิภาณปัญญา แล้วมันก็ไม่มีอิทธิพลอะไรกับเรามากแล้วเราก็สะสมความคิดอย่างนั้นบ่อยๆ ก็ต้องปล่อยวางเลิกสิ่งที่ไม่ดี สรุปแล้วรู้ให้ได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี อย่าให้มีในความคิดในสมองเรา อย่าให้มีในอารมณ์ของเรา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:15:59 )

วิธีการอ่านกิเลส

รายละเอียด

สำคัญที่สุดคือคุณต้องอ่านอาการกิเลสที่มันทำตัวเป็นจิต เป็นตัวเรา เป็นเจ้าของเราเลยเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมันคือกิเลสนี่แหละ อ่านอาการกิเลสนี่แหละให้ออกมันเป็นนามธรรมจิตของเรามันเป็นนามธรรม อ่านให้ออก ตั้งแต่จับตัวมันให้ได้ตั้งแต่หยาบๆ เป็นราคะโทสะหรือขี้โลภ หรือโกรธ หลงนั่นคือมันแยกยากมันโง่ หลงใหลมัวเมาก็อย่าให้มัวเมาหลงใหลงมงาย ไม่มีความตื่นเต้นไม่มีความงมงาย ที่สำคัญคือที่อาการความดูดกับความผลักอาการโกรธกับอาการรัก อาการทั้งสองนี้ให้ชัดแล้วให้มันลดลงจนไม่โกรธเลย นี่เป็นทำให้ได้ก่อนมันไม่มีประโยชน์อะไรในอาการความโกรธ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:07:24 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:17:38 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:47:48 )

วิธีการเกิดฌานของพุทธ

รายละเอียด

“ฌานโลกีย์ ลวงจิต ให้ติดจม” ไปติดอยู่ที่ฌานโลกีย์ อันนี้ก็น่าเห็นใจ เพราะฌานโลกุตระ ฌานวิสัยของศาสนาพุทธนั้นเป็นอจินไตย  เป็นเรื่องไม่ใช่ง่าย อาตมาก็พยายามจะอธิบายให้เข้าใจ อาตมาก็ไม่เก่งกว่านี้ ก็พยายามอยู่ที่จะให้เข้าใจ แต่ก็ฟื้นได้ในพวกเราชาวอโศก 

อาตมากล้าพูดด้วยว่า แม้ชาวอโศกเราจะเข้าใจฌานของพระพุทธเจ้า อาตมาก็กล้าพูดได้ว่า ยังไม่ดีพอหรอก ที่จะรู้จักฌานของพระพุทธเจ้า ฌานวิสัย ที่เป็นลักษณะของฌานพระพุทธเจ้าอย่างบริบูรณ์เต็มๆ ที่ถูกต้อง 

เช่น ฌานไม่ได้จากการหลับตา หลับตาไม่เป็นฌาน ไม่ได้สร้างฌานให้ศาสนาพุทธเลย หลับตาเป็นฌานของเดียรถีย์ทุกอัน ไม่ว่าคุณจะไปตีขลุมเอาว่า คุณหลับตาทำฌานเสร็จแล้วคุณก็พิจารณาธรรมะหรือคุณเตวิชโชได้ ในขณะคุณนั่งหลับตาทำเตวิชโชพิจารณาธรรมะได้ แต่มันก็ไม่ใช่วิธีการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดฌานที่เป็นเหตุ มันไม่ใช่ เพราะการจะให้เกิดฌานของพุทธนั้น ต้องลืมตา ต้องมีศีล มีอปัณณกปฏิปทา 3 เกิดสัทธรรม 7 และเป็นฌาน 1 2 3 4 เจริญไปได้ตามลำดับ

ฌาน 1 ก็เริ่มได้ ฌานที่ 2 ก็เจริญยิ่งขึ้น ฌาน 3 เจริญยิ่งขึ้น ฌานที่ 4 ยิ่งเจริญยิ่งขึ้น และก็มีความรู้มีวิชชา 8 มีวิปัสสนาญาณ 8 ที่เป็นตัวสร้างความรู้ให้แก่ผู้ปฏิบัติ 

เอาไว้ค่อยๆ อธิบายเรื่องฌานนี้อีก เพราะว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ตั้งแต่เรื่องที่อาตมาหยิบมาอธิบายในศาสนาพุทธที่มันเสื่อมแล้วมันผิด เพราะผิดแล้วมันไม่ได้อะไร 

ที่มา ที่ไป

ครบรอบ 53 ปี โพธิกิจ พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 16:12:35 )

วิธีการเพิ่มอัตราเร่งแบบทวีคูณทำได้อย่างไร

รายละเอียด

ไม่เก่งอธิบาย เราไม้ได้ปิดบังความรู้นะ อาตมาทำอยู่นี่พวกเราทำความเข้าใจแล้วมาตามวิเคราะห์วิจัยร่วมกันสาธยายถกกันเพื่อให้แตกความรู้ มีการสื่อสารโทรทัศน์ช่องนี้ เราก็ไม่ได้นิ่ง เรารู้เราก็สาธยาย ถกกันวิจัยกันให้ร่วมแสดงออก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:50:25 )

วิธีการเรียนรู้กิเลส

รายละเอียด

แล้วเรียนรู้กิเลสจากรูป รส กลิ่น เสียงสัมผัสที่กินเข้าไปนี่แหละ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รับรส เย็นร้อนอ่อนแข็งสัมผัสนี่แหละ แล้วเราติดในมุมไหนเหลี่ยมไหนของรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ติดมันหมดเลย ก็ไม่รู้ตัวติด  

พอรู้แล้วเราติดตรงไหน ติดองค์ประกอบ ติดสิ่งหนึ่งในอีกสิ่งหนึ่ง สิ่งหนึ่งคือสิ่งจริงสิ่งที่เป็นธรรมชาติใครๆก็ต้องรับรู้อันนี้ได้ จะต้องกินแป้ง มีคาร์โบไฮเดรต จะต้องกินวิตามินอันนั้นอันนี้ ธาตุต่างๆมาประกอบก็ต้องรู้ชัดเจน แม้ไม่เป็นนักโภชนาการนั้นก็พอได้โดยปริยาย ตามแฟชั่นตามพ่อแม่ลูกถ่ายทอดกันมาตามธรรมชาติอยู่แล้ว เราก็ดำเนินตาม แล้วเราก็รับ สิ่งที่เป็นสัจจะนั้นมาใส่แก่ชีวิตร่างกาย 

คุณจะรับกวฬิงการาหารมาสู่ร่างกาย คุณก็ต้องผัสสะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย นอกจากคุณต้องใส่ท่ออาหารเข้าไป ทำเป็นอาหารเหลวใส่ให้ไหลเข้าไปเลี้ยงร่างกาย เป็นมนุษย์พืช กินเองไม่ได้แล้ว ดีไม่ดีไม่รู้เรื่องด้วย ถ้าเขาไม่เอาให้กินก็ตาย เป็นมนุษย์พืช มันไม่เหมือนพืชที่มันกินเองของมันได้ แต่มนุษย์พืชนี้กินเองไม่ได้ต้องมีอะไรช่วย มีผู้อื่นช่วย ถ้าไม่ช่วยก็นอนตายอยู่อย่างนั้นแหละ มนุษย์พืชก็เหมือนกับเด็กๆ เด็กเกิดมา อุแว้ๆ ถ้าพ่อแม่ไม่ให้อาหารก็นอนตายอยู่นั่นแหละ ใครๆไม่ได้ให้อาหารไม่ได้เอาไปเลี้ยงก็ตาย ไม่รู้เรื่องช่วยตัวเองไม่ได้หรอก ฉันใดก็ฉันนั้น 

เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ถึงขั้นเป็นพืชเป็นคนมีธาตุรู้ตา หู จมูก ลิ้น กาย รู้อะไรว่าควรหรือไม่ควรกินเองเป็น จึงมีผัสสะ เมื่อมีผัสสะแล้วก็จะมีเจตนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:36:30 )

วิธีการเห็นแก่ผู้อื่น

รายละเอียด

การมีกายกรรมที่แสดงออกเป็นความเห็นแก่ผู้อื่น วิธีการเห็นแก่ผู้อื่นมโนกรรมถ้าเห็นว่าอย่างนี้เป็นอาการไม่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ผู้อื่นคุณเข้าใจแค่ไหนทำเต็มที่เลยแล้วมันจะค่อยๆลึกซึ้งค่อยๆชัดเจนขึ้นจะเป็นสัจจะขึ้นไปเรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:56:52 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 11:54:38 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:58:13 )

วิธีการแยกกายแยกจิตของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านให้เรียนรู้จาก อวัยวะภายนอก มันมี ผมขนเล็บฟันหนัง เรียนรู้จากการพิจารณาเอาส่วนใดมาอธิบายก็ได้แยกกายแยกจิต จากเอาเล็บมาเป็นตัวอย่าง เอาผมมาเป็นตัวอย่าง เอาขนมาเป็นตัวอย่าง เอาฟันมาเป็นตัวอย่าง เอาหนังมาเป็นตัวอย่างได้ทั้ง 5 ตัวอย่าง 

แต่อาตมาชอบที่จะเอาเล็บมาเป็นตัวอย่าง ผมมันก็ยาว เล็บมันก็ไม่ยาวไม่ใหญ่อะไร ฟันก็ละเอียดไปข้างใน แต่เล็บนี่มองเห็นด้วย อธิบายได้ง่ายกว่าเมื่อใดเล็บเป็นอุตุ เมื่อใดเล็บเป็นพืชะ เมื่อใดเล็บเป็นจิต 3 สภาพนี่แหละ คุณต้องทำกรรมให้เกิด ถ้ารู้แล้วทำแล้วคุณจะทรงไว้ ถ้าสมบูรณ์แบบคุณก็เป็นนิพพาน เป็นนิโรธธรรม 

เล็บ ส่วนที่ถูกตัด ตัดออกมา เล็บที่มันยาวยืดออกมา แล้วคุณตัดออกมาหลุดออกจากร่างกายเล็บนั้นก็เป็น อุตุนิยาม หมดพีชะ หมดความเป็นชีวะ เหมือนต้นไม้ ถูกถอนออกจากสิ่งที่มันอาศัยอยู่ หากต้นไม้อยู่กับดินก็อีกเรื่องหากต้นไม้กินอากาศก็อีกเรื่อง 

เอาเล็บนี่แหละ ตัดเล็บออก คุณตัดไม่เจ็บ เล็บ ส่วนที่เลยออกจากระบบประสาท ชีวะ พีชะ มันเป็นชีวะพีชะ มันเลยออกมาจากระบบประสาทมันเป็นพืช ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ เล็บส่วนที่เลยออกจากเส้นประสาทมาที่มันยาวออกมาได้ ยังเลี้ยงด้วยอาหาร ยาวออกไปได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 21:10:25 )

วิธีของพระพุทธเจ้ามาร่วมกันสร้าง แล้วเป็นของกองกลาง

รายละเอียด

นอกจากสัตว์แล้วข้าวของที่ไม่ใช่ของของเรา เรารู้ว่าไม่ใช่ของของเราเลย อย่าไปเอามาโดยวิสาสะ ยิ่งจะไปทุจริตไปปล้นจี้ไปเอาเปรียบเอารัดมาก็ไม่เอา คุณสร้างด้วยมือของคุณสิ ระบบวิธีของพระพุทธเจ้ามาร่วมกันสร้าง แล้วเอาเป็นของกองกลาง แล้วร่วมกันแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ตามควร

หากคุณอยู่ในนี้จะมีความตะกละกินให้มากเท่าไหร่ก็มีให้พอ มันอุดมสมบูรณ์มีพอ เราเป็นสังคมสมบูรณ์แล้วคุณจะกินให้ท้องแตกเลย ก็ไม่มีใครห้าม แต่คนเราก็ควรกินอย่างพอเหมาะ ยิ่งถ้ามันมีมากมีเยอะ มันไม่กินมากหรอก แต่ถ้ามันมีน้อยจะรีบแย่งกันตะกละตะกราม เอาไปสต๊อกไว้ในท้อง เอาแบบลิงที่เอาไปใส่ในกระพุ้งแก้มก่อนเอาไว้เคี้ยวทีหลัง แย่งเอามาก่อน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม 5 รูป 28


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:06:43 )

วิธีคัดเลือกชาวอโศกของพ่อครู คัดเพื่ออะไร

รายละเอียด

อาตมาจึงได้คนที่มาเป็นชาวอโศกเป็นแก่นๆ เนื้อๆ เพราะว่าเป็นวิธีคัดเลือกของอาตมา เพราะอาตมามีความเห็นว่า ธรรมะโลกุตระนี้มันยากมาก เพราะฉะนั้นจะปลูกฝังลงเป็นแก่น จะต้องให้เป็นของจริงๆ คนจริงๆ มีบารมีจริงๆเข้ามาก่อน มาเป็นแก่นแกน มาเป็นกลุ่มแรก กลุ่มต้น เพื่อจะได้ช่วยกัน เข้ามารวมตัว 

โลกุตรธรรมมันสูญไปแล้ว ตามที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมท่านทรงพยากรณ์เอาไว้ว่ามันจะเสื่อม ในอาณีสูตร แล้วมันก็เสื่อมจริงมาถึงยุคครึ่งพุทธกัปป์ 2,500 ปี จาก 5,000 ปี มันเสื่อมจริงๆ อาตมาพูดความจริงไม่ได้พูดเล่น 

อาตมาอุบัติขึ้นมาศาสนาพุทธมันเสื่อมมากแล้วมันไม่เป็นศาสนาพุทธ แต่อาตมาเป็นบอร์นทูบี จะต้องเป็นอย่างนี้ต้องมาทางนี้แน่นอน อยู่ในทางโลกไป 36 ปี อายุ 36 ปี ก็จบ มันไปไม่ออกแล้ว ไปไม่ได้แล้ว ต้องมาทางนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ตุลาคม 2565 ( 11:11:01 )

วิธีจบกิจในเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องชีวิตที่เกิดมา

รายละเอียด

สิ่งที่ดอกเตอร์ชิดตะวันนำเสนอมานี้อาตมาเห็นด้วย 1,000% ไม่ใช่ 100% ไม่ควรที่จะให้เกิดการพนันสารพัด แม้แต่เล็กๆน้อยๆที่เขาเคร่ง ขนาดแข่งเรือเป็นการพนันก็ยังไม่ได้เลยดีมาก เพราะฉะนั้นก็คิดว่า น่าเอาอย่าง แต่ค่อยๆทำไป มันจะทำรวดเร็วรีบรัดก็คงไม่ได้ ก็ต้องไปเรื่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ 

มันจะทำได้ตรงที่คนต้องสร้างคน ต้องทำให้คน 1. เห็นความเลวร้ายของการไปติดการพนันที่เป็นเรื่องของอบายมุข เป็นนรกใหญ่ อบายมุขคือหัวหน้านรก นรกใหญ่ในภาษาพระพุทธเจ้า มันเป็นเรื่องเลวร้าย เป็นเรื่องต่ำ ที่สุดเรื่องอบายมุขไม่เป็นเรื่องที่ควรทำเลย 

2. ให้คนพึ่งตนเอง ให้คนมารู้วิธีที่จะมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะคนไทย เมืองไทย อยู่ได้ด้วยการทำกสิกรรม กสิกรรมนี้ทำมาแต่ปู่ย่าตาทวด แล้วมีกสิกรในเมืองไทย 70-80% เดี๋ยวนี้ก็ยังมีมากอยู่อย่างนั้น เป็นกระดูกสันหลังของชาติ แล้วก็จะเป็นกระดูกสันหลังของชาติไปอีกนานเท่านาน เพราะเราอยู่ในโซนของแผ่นดินที่ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร เพิ่มจากการทำนาปลูกแต่ข้าว เพิ่มเป็นการพืชพันธุ์ธัญญาหารอื่นๆอีกขึ้นมา ให้มันได้อุดมสมบูรณ์ อย่างที่อาตมาเคยพูดมาหลายทีแล้ว 

ถ้าเมืองไทยเป็นเมืองที่เก่ง เก่งในเรื่องของกสิกรรม เป็นกสิกรแข็งขัน จริงๆ แล้วทำได้มีประสิทธิภาพ ทั้งมีพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ดี ให้มากๆ แล้วส่งไปขายต่างประเทศให้มันถูกๆ เป็นของดีราคาถูก ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ อย่างนี้ มันจะเป็นสิ่งที่ประเสริฐ จะเป็นสิ่งที่เลี้ยงโลก เป็นสิ่งที่สุดยอดแล้ว 

เพราะมันเป็นปัจจัยชีวิต อาหารนี้เป็นหนึ่งในโลก ในปัจจัย 4 อาหารเครื่องนุ่งห่มก็เป็นรอง ยารักษาโรคและที่อยู่อาศัย ปัจจัย 4 นั้น พระพุทธเจ้าสรุปไว้แล้ว อาหาร กวฬิงการาหาร อาหารคือสิ่งที่ใส่เข้าไปในปาก เคี้ยวกินเลี้ยงร่างนี้เป็นหนึ่งในโลก ชาติไหนชาติไหนทุกชาติ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ยังกินอาหาร เกิดเป็นสัตว์ขึ้นมาแล้วต้องกินอาหาร 

เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากเลย ต้องเห็นความสำคัญ อาตมาพูดเอาไไปตั้งเยอะ ถ้าเผื่อว่าแม้แต่กสิกรชาวไร่ชาวนาก็ได้รับเหรียญตรา ได้รับความยกย่อง  ได้รับความนับถือ สามารถจริง พากเพียรทำงาน กสิกรรมพวกนี้ให้ดีให้เจริญให้ได้มากๆขึ้น เพราะฉะนั้นประเทศไทยถ้าเร่งรัดพัฒนาเรื่องของอุตสาหกรรม ไทยเราก็ทำบ้าง แต่ไม่เก่ง เราก็เน้นสิ่งที่ดีสิ่งที่ควรของเราสิให้ยิ่งใหญ่ ยิ่งอาวุธแล้วไม่ต้องไปทำเลยเสียเวลา แล้วจะไปสร้างเครื่องปรุงแต่ง เครื่องประเทืองอะไรต่างๆนั้นเลิกเลย เป็นอบายมุขอย่างยิ่งเหมือนกัน 

เลิก แล้วมาสร้างสิ่งที่เป็นสาระแก่นสารพวกนี้ โดยเฉพาะกสิกรรม ถ้าเผื่อว่าดำเนินนโยบายตั้งแต่วันนี้ไป พากเพียร ผู้บริหารรับทราบไปแล้วเร่งอันนี้ไปให้ดี ให้ใช้วิธีบริหารซึ่งฉลาดกว่าอาตมาเยอะแยะ เคยบริหารมนุษยชาติสังคม อาตมาสอนเรื่องธรรมะ ชาตินี้อาตมาเน้นธรรม เพราะฉะนั้นเรื่องการบริหาร เศรษฐกิจไม่เท่าไหร่ แต่ทางธรรมะนี้อาตมามั่นใจ อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นถ้าช่วยกันอย่างนี้ได้จะยอดเยี่ยม อาตมาก็เลยมีความเห็นเมื่อดอกเตอร์ชิดตะวัน เขียนมา อาตมาก็เลยมีความเห็นของอาตมาเป็น Comment ของอาตมาก็แล้วกัน 

ประเทศไทยจะให้เป็นประเทศที่มีสวัสดิการจากรัฐ เต็มที่เหมือนประเทศทางสแกนดิเนเวียน ตามที่ธนาธร หรือใครก็แล้วแต่ ที่ธนาธรเขาต้องการอย่างนั้นหรือ คนต้องให้รัฐเลี้ยงดูว่างั้นเถอะ เป็นภาระของรัฐเลยโดยการเก็บภาษีแพงๆสูงๆเข้ารัฐให้ได้มากๆ นำมาให้รัฐบาลแบกภาระรับจัดสรรเลี้ยงดูประชาชน ข้าราชการที่ทำหน้าที่ก็จะมีอำนาจ ถ้าเป็นเช่นนั้นนะ เพราะข้าราชการมีหน้าที่ในการจัดสรรทรัพยากรให้แก่ประชาชน น้ำหนักก็จะไปอยู่ที่ข้าราชการมาก 

ประชาชนก็จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างของข้าราชการที่ทำหน้าที่ ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐหรือข้าราชการเป็นอาริยบุคคล ก็ดีไป หรือเป็นอรหันต์ก็ยิ่งดี ไม่มีกิเลส ซื่อสัตย์ก็ดี 

แต่ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐหรือข้าราชการมีกิเลส  ไม่ซื่อสัตย์ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ หรือขี้โกง ประเทศจะเป็นยังไง อำนาจก็ตกอยู่กับเจ้าหน้าที่รัฐหรือว่าข้าราชการเต็มที่ มันก็ตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยกันคนละขั้วเลย เพราะอำนาจไปอยู่ที่ข้าราชการ อำนาจไม่ได้อยู่ที่ประชาชน ผู้บงการมีอำนาจใหญ่เสียแล้ว ประชาชนต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการ 

ก็เป็นประเทศที่ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นนาย ประชาชนเป็นทาส แทนที่จะเป็นประชารัฐ แทนที่ประชาชนมีอิสรเสรีเต็มที่ พึ่งตนเองให้ได้ ไม่เป็นภาระของรัฐให้ยิ่งๆ คนต้องทำตนให้ไม่เป็นภาระของรัฐให้ยิ่งๆ และสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สังคม เกื้อกว้างออกไปเป็นสามัคคีสังคมอบอุ่น คนนี้แหละช่วยกันเผื่อแผ่เกื้อกูล ถ้าจะพูดแล้วเหมือนชาวอโศกทำกันอยู่ ถ้าทำอย่างนี้กันจะอบอุ่น ก็ตามแบบของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 17 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 2

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:35:26 )

วิธีซับซ้อนแบบทุนนิยมคิด

รายละเอียด

สร้างหุ้น สร้างหวย สร้างวิธีการต่างๆนานาสารพัดเพื่อที่จะกอบโกยตะกละตะกราม เป็นวิธีคิดที่เลวทรามมากเลย ทุนนิยม เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าสัจจะพวกนี้ อาตมาพูดด้วยสัจจะด้วยความจริงใจ พูดมันแรง ว่าพวกนี้ตำหนิในสิ่งที่เขาผิด มันไม่ดีก็น่าตำหนิพูดไปมันก็แรง แต่ก็รู้ว่าต้องพูดแรงเพื่อที่จะไปกระทบกระแทกให้เขารู้ตัว ให้เขาได้สำนึกบ้างมันก็ต้องพูด เพราะว่ามันเหนียวมันหนา มันแน่น มันไม่ค่อยรู้ตัวไม่ค่อยสำนึก ไม่ค่อยเข้าใจจึงต้องพูด

อย่างนี้ มันแรงอาตมาก็รู้ว่าแรงเพราะว่าพูดเบาๆมันไม่ได้เรื่องหรอกเขาไม่กระเตื้อง ต้องใช้ภาษาแรงแต่ว่าสำเนียงก็ไม่อยากจะให้แรงก็เลยเป็นอย่างนี้ พูดภาษาเบาเป็นสำเนียงเบาแต่ภาษาแรง ก็พูดบอกกันไปให้คนได้ฟังได้เข้าใจสัจจะ ไม่ได้โกรธเคืองแต่สงสารด้วยเพราะคุณไม่น่าทำอย่างนั้น คนมาเป็นคนจนทำตัวให้จนด้วยปัญญาอันยิ่งแล้วก็จนได้สำเร็จนี่เป็นคนไม่ใช่เป็นคนน่าสงสาร แต่คนที่เขาจนสำเร็จต่างหากเขาสงสารพวกคุณที่ไปหลงความรวย ไปหลงสะสมกักเก็บ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบคนมืดบอดให้เห็น ผลงาน 8 ปี นายกฯลุงตู่ วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2566 ( 12:15:33 )

วิธีดับชาติดับสังขารดับอวิชชาคือจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

อาตมาจะอธิบายธรรมะ ปฏิจจสมุปบาท เริ่มตั้งแต่ชาติ จะพูดกันเป็นเรื่องยาวเลย จะนานหลายเดือนขยายความตั้งแต่คำว่าชาติไปดีๆ พอตั้งต้นเข้าใจคำว่าชาติให้ดีแล้ว ก็จะเข้าใจว่าเพราะเกิดชาติจึงเกิดภพ เพราะเกิดภพจึงเกิดอุปาทาน สำหรับคนมีอวิชชาจึงเกิดชาติเกิดภพ แล้วมีอุปาทาน เพราะเกิดมีตัณหาจึงมีเวทนา แล้วจึงเกิดผัสสะเกิดอายตนะ จึงเกิดนามรูป เกิดวิญญาณ เกิดเป็นสังขาร เพราะสังขารมีจึงมีอวิชชา ที่ยึดถือว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่ตลอดแก้ไขไม่เป็นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็ดับชาติไม่ได้ดับสังขารไม่ได้ เพราะมีชาติอยู่ตลอดกาล อธิบายฟังดีๆแล้วเพราะเราจะเข้าใจ อธิบายปฏิจจสมุปบาทนี่แหละอันเดียวนี่แหละคุณทะลุเป็นพระอรหันต์จบเลยในชีวิต จริงๆแล้วอาตมาก็อธิบายมารอบค่ายมาเยอะ มาเรียนรู้อันนี้แล้วเราจะเรียนรู้วิธีทำให้ดับสังขารก็คือจรณะ 15 วิชชา 8 ซึ่งเป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ วิธีที่จะดับชาติดับสังขารดับอวิชชาคือจรณะ 15 วิชชา 8 นั่นคือรวมทั้งหมดของเนื้อหาสัจธรรมพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ได้ที่จะมาเรียนรู้ว่ามันเป็นโลกอยู่ด้วยอวิชชาก็คือ ปฏิจจสมุปบาท

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
 


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 18:29:05 )

วิธีดับสูงสุด

รายละเอียด

วิธีดับสูงสุดก็ดับอย่าง  ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็ถือว่าจบกิจแล้วเบื้องต้น อรหันต์เบื้องต้นต้องปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ เพราะฉะนั้นคุณตาย..สุดท้ายคุณก็ตายด้วย นิพพาน 3 สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปปนิหิตตนิพพาน ทำสูญ จิตสูญ ไม่เกาะนิมิตใด ไม่ตั้งจิตใหม่อีกเลย..สูญ ธาตุจิตก็แยกไปหมด สลายกลายเป็นดินน้ำไฟลม นี่ก็อธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วก็รู้สภาวะ 

เราก็นึกถึงขณะเป็นๆ นี้แหละ ไอ้ที่เราแต่ก่อนนี้เคยวนเวียนไป อย่างผู้หญิงนี้มีเยอะ อบายมุข ฉัน โอ้โห เฟอะฟะต่างๆ ใช่ไหม อบายมุขแต่ก่อนนี้เลอะเทอะเยอะแยะผู้หญิง โอ้โห..แต่ก่อนนี้เราหลงมันว่าเลิศเลอ แต่เดี๋ยวนี้เห็นแล้ว โธ่ เราไปติดไปยึดมันมาได้ แต่เดี๋ยวนี้เราก็ไม่แล้ว 

ถ้าเราไม่แล้ว เราปล่อยวาง เราไม่ยินดีแล้วด้วย คุณอย่าไปยินร้ายกับคนที่เขาติดอยู่ อันนี้เป็นภาวะซ้อน มันน่าสงสารเขา เราอย่าไปยินร้ายกับเขา ถ้าบอกเขาได้ ปรารถนาดีกับเขา ก็บอกเขาบ้าง ช่วยเขาด้วย ไม่ใช่ไปยินร้าย แล้วก็ชิงชังผลักไสกัน..ไม่ใช่ ต้องเข้าใจเขาเห็นใจเขา ต้องรู้ว่าเราเองเราก็เคยเป็นอย่างนั้นมา ตอนนี้นี่เราไม่เป็นแล้ว 

ส่วนคนที่ไม่เคยเป็นอย่างนั้นมา ก็จะเข้าใจมันเกินกว่าที่เราเป็นนะ เกินกว่าที่เราเคยเป็นเคยมี เขาทนได้ยังไงนะ น่าสงสาร ไอ้อย่างนี้ก็ไม่กระไร แต่ถ้าเราเคยเป็นมา แล้วเราก็ไปเหยียดหยามเขา เธอทิ้งไม่ได้ ฉันยังทิ้งมาได้เลย มันก็ไม่ดีในลักษณะของจิต 

โสดาบันมันไม่มากไม่มาย ศีล 5 คุณได้สมบูรณ์แบบ ศีล 5 ยังไม่ละเอียดอะไรมากมายหรอก อย่างหยาบ คุณก็ไม่เป็นแล้ว หรือเมื่อกี้ก็บอกแล้ว 3 อย่าง อะไรบ้างล่ะ 

1. มีจิตยินดี แล้วก็ 2.ทำใจในใจได้ แล้ว 3. มีผัสสะ ในมูลสูตร 3 ข้อแรก อย่างนี้มันเป็น อปัณณกปฏิปทา 3 ปฏิบัติไม่ผิด คุณปฏิบัติมีความยินดี แล้วก็ทำใจในใจของคุณ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 17:06:59 )

วิธีดับเทวะให้ไม่มีสุขทุกข์

รายละเอียด

ถ้าจะดับเทวะ ถ้าจะไม่มีสุขทุกข์ก็ต้องรู้จักเทวะอย่างดี รู้จักอารมณ์หรืออาการของสุข รู้จักอาการของทุกข์อย่างดี จนกระทั่งดับเหตุได้แล้ว ก็หมดสุขหมดทุกข์ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ 

ทำกิเลสออกจากจิต สะอาดบริสุทธิ์จนจิตเป็นอุเบกขา จิตบริสุทธิ์ไม่มีเหตุคือกิเลสอีกเลย ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตนี้ จึงเป็นจิตที่เป็นปัญญาล้วนๆ ซึ่งเป็น อัญญธาตุ บริบูรณ์ เป็นปัญญาเป็นโลกุตระที่รู้จักสุข รู้จักทุกข์ รู้จักการออกจากสุข จากทุกข์ รู้แจ้งในจิตนิยามหรือว่า อัตตา อาตมัน หรือ ปรมาตมัน มันเป็นอย่างนี้เองมันเป็นเหตุปัจจัยสังขารกันอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พญานาคเดียรถีย์ลัทธิหลับตาทำลายศาสนาพุทธ วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 16:05:27 )

วิธีตรวจนิพพาน

รายละเอียด

ตั้งแต่อบายภูมิต่ำสุดแล้ว คุณต้องตรวจความรู้สึกต้องรู้ว่า ในความรู้สึกซึ่งมันมีความต่าง ลิงค เพศ​ มัน 0 ไม่ดูดไม่ผลักแล้วสูญเที่ยงแท้ด้วย เราก็อยู่ในโลกเขาสูญไม่ได้ในอบายมุขเราก็อยู่กับเขากับสัมผัสกับเขาแต่จิตใจเราก็เป็น 0 คุณอ่านเวทนาของคุณได้จริงๆมันหยุดได้จริง 0 ได้จริง คุณก็ทำได้ที่สุดยืนยันได้ทุกคน เอามายืนยันกันได้เลย โลกอบายเขาตะลิดติดชึ่งกันอยู่ แต่เราก็สูญ คุณก็ต้องรู้อ่านจิตใจตนเองว่าคุณติดหรือไม่ติดก็อ่านสภาวะยืนยัน เราไม่มีแล้วตรงกันกับคนอื่นอย่างไรมันก็เป็นผู้ที่สูงขึ้นต่อไปจากอบายภูมิ ก็จะพูดกันรู้เรื่องหมดเลย 

มันต้องผัสสะจริง ผัสสะสิ่งที่มันมีอยู่ในโลกคุณไม่ต้องกลัวหรอกในโลกมันจะหยาบขึ้นตลอดเวลาเพราะฉะนั้นมันจะมีให้คุณสัมผัสตลอดเวลา ไม่ต้องแสวงหาด้วยมันจะวิ่งมาหาคุณ เดี๋ยวนี้กดในมือถือมันก็จะมา คุณไม่อยากสัมผัสมันก็จะได้ด้วยซ้ำไป สัมผัสมันเถอะแล้วคุณจะรู้ว่าเป็นอย่างไรคุณจะไม่โกหกตัวเอง ถ้าคุณไม่โกหกตัวเองคุณก็สบาย แต่ถ้าคุณโกหกตัวเอง ทำเป็นเราไม่เสพหรอก แต่ก็วุ่นวายไม่จบ แต่คนที่ไม่แล้วจริง มันเสียเวลาเสียแรงงานมันไม่เข้าท่า เสียแคลอรี่ มันจะชัดเจนจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2562 ( 12:20:07 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 11:56:37 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:59:02 )

วิธีตัดใจกับสิ่งหนึ่งควรทำอย่างไร

รายละเอียด

ประเด็นที่ว่า “วิธีตัดใจกับสิ่งหนึ่ง ควรทำอย่างไรคะ”.. ตัดใจนี้เป็นวิธีของการปฏิบัติอย่างสมถะ เขาเรียกด้วยภาษาหนึ่งว่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า หยุดมัน เลิก ตายเป็นตาย ดื้อๆ ก็ได้ มันจะมีแรงทำให้เราหยุดได้ ทีนี้การหัก หรือตัด หรือหักด้ามพร้าด้วยเข่า ทำให้เราหยุดได้ ทีนี้เมื่อหยุดได้แล้วเราก็ต้องมาศึกษาต่อว่า ที่เราหยุดนี้มันจะได้ฐานดีขึ้นไง ถ้าหยุดได้สนิทก็เป็นฐานอุเบกขา ฐานไม่สุขไม่ทุกข์ มันก็จะเห็นธรรมรส ตัวที่ไม่ทุกข์ไม่สุข คุณก็จะต้องซาบซึ้งพอใจยินดีกับความไม่สุขไม่ทุกข์นี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นคุณก็จะไปเป็นโลกีย์ มันก็จะเป็นสุขเป็นทุกข์เป็นธรรมะ 2 อันนี้มันเป็นธรรมะหนึ่งแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:41:14 )

วิธีทำจนแล้วมีซ้อนมารวย

รายละเอียด

ทีนี้ คนจนอีกชนิดหนึ่งก็มีความรู้ว่ามาทำตัวเองให้เป็นคนจนนี้ดี เช่น นักบวชสายหลับตา เขาก็ไม่สะสมเงินทอง เขาไม่เอาสมบัติพัสถาน เขาก็ทำตนให้เป็นคนจน แต่ก็ได้ไปนั่งหลับตา ไม่ได้ตัดกิเลสจริง จะเห็นได้ว่าจนอย่างนั้นเป็นพระกรรมฐานอะไรก็ตาม แต่เสร็จแล้วได้สิ่งที่สังคมเขานับถือ ว่าเป็นพระกรรมฐาน เป็พระธุดงค์ เป็นพระปฏิบัติ เพราะฉะนั้นคนก็อยากจะมาทำทาน อยากจะบริจาค เรียกด้วยภาษาโลกว่าทำบุญด้วย ทั้งที่ยังไม่ได้ทำบุญล้างกิเลสอะไร ก็รวยสิ 

เสร็จแล้วก็ไม่รู้เรื่อง อัตตา ก็เอาเงินที่ได้ไปทำโก้ ไปทำบริจาคต่อ ไปซื้ออุปกรณ์ให้โรงพยาบาล ซึ่งมันก็ดีอยู่แบบโลกๆ แต่อัตตาตัวเองพองโต ยินดีปรีดาสิ้งที่ได้ทำได้ ก็เลยทำให้ยิ่งได้เงินได้ทองถ้าให้แก่ตัวเองคือ กิเลสโต อัตามานะโต อวิชชามืดบอดไม่รู้ อย่างมหาบัวหรือพระธุดงค์กรรมฐานหลายองค์ ไม่ต้องเป็นนักบวชหรอก ฆราวาสอย่างโตโน่ อย่างตูนาเขาก็ทำ  ไม่ต้องเป็นนักบวชหรอก ฆราวาสเขาก็ทำ เรื่องตื้นๆง่ายๆ 

แต่ถ้าตัวเองอาศัยคราบนักบวชไปเรี่ยไรหารายได้สิ ได้กำไรกว่าด้วย มากกว่าฆราวาสด้วย โดยสามัญ จะเข้าใจเป็นอย่างนั้นกัน ก็คือการได้เปรียบ เสร็จแล้วความซับซ้อนความที่มีกิเลสของเขาเอง โดยที่เป็นทั้งสภาพที่ตัวเองรู้ ๆแต่ส่วนมากไม่รู้ ซึ่งมันซับซ้อนหลายชั้น

เพราะฉะนั้นความจนชนิดนี้จึงเป็นความจนที่ลึกซึ้งสูงสุด ทั้งในด้านที่มันตื้น และความลึกของพระพุทธเจ้า สูงสุดพระพุทธเจ้ามาเอาความจน ไม่ได้จนอย่างที่เขาจะทำเป็นโก้ เป็นเท่ และมีวิธีทำจน คือวิธีทำจนแล้วมีซ้อนมารวย มาให้กินให้อยู่ มีคนมาให้ก็เอาไปสะสมไว้ตรงนั้นตรงนี้ เอาไว้แบ๊งค์ ทานชนิดที่พระพุทธเจ้าสอนทานนี้ 

1.ทานที่แท้จริงทานปุ๊บตัด ไม่มีความคิดต่อว่า เราจะได้จะมีอย่านั้นอย่างนี้คืน สูญ ทานนี้เป็นอานิสงส์สูงสุด

2.ทานแล้วมีการ ปฏิพัทธจิตโต ยังพัวพันกับความหวังยาวยืด ต่อภพชาติแก่ตัวเอง

3. สันนิธิเปกโข เป็นคลังเป็นที่เก็บ สะสม มีที่เก็บมีทั้งคงคลังและสะพัดหาเพิ่มใส่เข้าไปอีก

4. เอาไว้กินชาติหน้า ปริภุญชิตสามีติ ตายแล้วเอาไว้กินใช้ชาติหน้า ทานแบบนี้ ยิ่งอานิสงส์น้อย ไม่เหลือเลย ไม่มีอานิงส์ไม่มีผลไม่มีประโยชน์ทางโลกุตรธรรมของ พระพุทธเจ้า เลย 

5. อัตตมนตาโสมนัสสัง .. เขาแปลว่าปลื้ม เหมือนอย่างที่ธัมมชโยทำ ทานแล้วปลื้ม ดีอกดีใจ อัตตาโตไป เบ้อเริ่มเทิ่ม นี่คือผู้ไม่รู้สอนกันแล้วก็เอาธรรมะ พระพุทธเจ้า มาปู้ยี่ปู้ยำเละเทะหมด 

พระพุทธเจ้าสอนธรรมะของท่านให้ลดภพชาติ ไม่มีภพไม่มีชาติ แต่ของผู้ที่ไม่รู้ ยุคนี้มีพวกทำลายศาสนาพระพุทธเจ้า กลายเป็นโจร คือพวกมาสอนผิดๆ โดยไม่รู้ว่าสร้างให้ตนเองเป็นผู้มีภพมีชาติ แล้วภพชาตินั้นเป็นชาติที่เป็นตัวตน เต็มไปด้วยกามเขาก็ไม่รู้กาม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2565 ( 18:08:37 )

วิธีทำจิตให้มีความเป็นพีชะความเป็นอุตุ ได้อย่างไร

รายละเอียด

เราก็พัฒนาตัวเองของแต่ละคนๆ เกิดมามีชีวิตแล้วไม่มีอะไรดีกว่ามาพัฒนาตัวเองให้มันถึงที่สุด เป็นอรหันต์ เป็นการจบกิจ เป็นอรหันต์ได้ ทำจิตวิญญาณของตนให้สลาย เลิกเวียนเกิดเวียนตาย ในวัฏสงสารนี้หรือว่าใน กาละได้อย่างแท้จริง ซึ่งผู้ที่บรรลุธรรมของพระพุทธเจ้านั้น เมื่อบรรลุธรรมตั้งแต่เป็นๆ มีชีวิตเป็นๆ สามารถมีปัญญาอันยิ่งและสามารถเห็นความเกิดความตาย ความเกิดความตายของจิตวิญญาณ เกิดตายในระดับพีชะ ทำจิตวิญญาณให้เกิดตายในระดับพีชะ ก็ทำได้ เห็นจริง พิสูจน์เลยว่าในโลกนี้สิ่งที่เราสัมผัสสัมพันธ์มาสังขารปรุงแต่งกับเรา สิ่งที่เราจะไม่เกี่ยวข้องเหมือนมันตายจากเราไปเลย มันมีอยู่ในโลกดินน้ำไฟลม พีชะ สัตว์ทั้งหลาย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ลาภยศ สรรเสริญ มันมีอยู่ในโลกทั้งนั้น แต่เราสัมผัสแล้ว เรามีปฏิภาณปัญญารู้ทันสิ่งเหล่านี้หมด 

จนสุดท้ายแล้วเราก็ มันอยู่ก็อยู่ของมันไป เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับมันเลย เรียกว่าหลุดพ้นหรือตัดขาดจากมันได้ มันก็อยู่ของมันเป็นอุตุ อุตุก็คือมันเป็นดินน้ำไฟลมที่เราไม่ต้องการใช้ มันอยู่ในอะไรก็แล้วแต่ เราก็ไม่ต้องการมัน มันจะปรุงแต่งอยู่ แม้แต่จะเป็นผีหลอก เป็นมนุษยชาติปรุงแต่งอยู่ เป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ใส่ตนเอง ยิ่งใหญ่หรูหรามาหลอกเรา ชักชวนเรา เราก็เฉย เราไม่ได้ใยดี ไม่ได้ไปหลงกับรูป รสกลิ่น เสียง สัมผัส หรือ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ที่เขาเป็นอยู่ เราก็รู้ว่า เขาเป็นเขามี แต่เราไม่แล้ว มันพิสูจน์ได้เลย สิ่งนั้นเขาเป็นกัน แต่เราขาดไปเลยเป็นอุตุ มันมีอยู่เราก็สัมผัสอยู่ มันขาดจากเราเป็นอุตุ ไม่มีกายของเราไปสัมผัสตรงนั้นเลย กาย คำว่ากายะ คำนี้จึงยิ่งใหญ่มากที่จะเข้าใจได้ 

ก็คนจะเข้าใจว่า กายคือร่างภายนอก คำว่าภายนอกไม่ผิด แต่ว่าไม่ถูก ถ้าเข้าใจว่าเป็นเพียงภายนอกอย่างเดียว กายมีอย่างเดียวไม่ได้ กายต้องมี 2 เสมอ แล้ว ทั้งภายนอกภายในนั่นแหละเป็นตัวหลัก และแม้จะขยับเข้าไปถึงข้างใน เราหลุดพ้นจากตาหูจมูกลิ้นกายแล้วขยับเข้าไปภายใน สัมผัสอยู่เป็นรูปเป็นนาม เราก็ไม่ได้เรียก กาย เต็มที่ อยู่ภายในเราไม่เรียก กาย เต็มที่ ก็พอเข้าใจกัน เพราะคนที่มิจฉาทิฏฐิเลยเถิดสุดโต่งก็นึกว่ากายมีแต่เพียงภายนอก ข้างในไม่มีกายเลย ไม่มีสภาพ 2 เลย ที่จริงแล้ว กาย ต้องเป็นสภาพ 2 เสมอ อย่างนี้เป็นต้น ไปเหลือแต่จิตในจิต ก็เลยเอาแต่จิตในจิต ไม่มีสัมผัสภายนอกเลย อันนี้แหละ ผิด ผิด 

เพราะฉะนั้นต้องมีกาย มีสัญญา มีวิญญาณฐีติ วิญญาณที่ตั้งอยู่ทางรูปทางตา ทางหู จมูก ลิ้น กาย 5 ทวาร ต้องมีทั้ง 5 ทวารอยู่พร้อมทั้งภายนอกและภายใน มีกาย 5 เรียกว่า วิญญาณฐีติ วิญญาณตั้งอยู่ทางตา วิญญาณตั้งอยู่ทางหู วิญญาณตั้งอยู่ทางจมูก วิญญาณตั้งอยู่ทางลิ้น วิญญาณตั้งอยู่ทางโผฏฐัพพะ ทางภายนอกสัมผัส แตะต้องกับผิวหนัง โผฏฐัพพะ ของเรา ทั้งหมดภายนอก ก็ผิวทั้งนั้น ภาษาไทย ผิว ภาษาบาลีก็เป็นโผฏฐัพพะ  เมื่อสามารถสัมผัสแล้ว ก็เอามาปรุงแต่งเป็นชีวะ ที่มีรส เสพรส อยู่เป็นจิตนิยาม ไม่เสพรส รู้ความจริงเฉยๆ เรียกว่าพืช ขาดจากเราออกไปเลย ไม่มีชีวะในตัวเราเลย เป็นดิน น้ำ ไฟ ลมไปเลย นั่นคือ อุตุ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาโยมบุญให้รู้จักทำบุญอย่างถูกพุทธ วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 แรม 6 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 11:24:46 )

วิธีทำนานาสังวาส

รายละเอียด

นั้นเป็นวิธี มี 2 อย่าง 1. ฝ่ายน้อยลาออกจากฝ่ายใหญ่ 2. ฝ่ายใหญ่ไล่ออกเรียกว่าอัปเปหิเลย หรือว่าประกาศ​ เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธของเมืองไทยเขามีแต่ อัปเปหิ ไล่ออกจากเหมือนอย่างที่เขาว่าเรา เถรสมาคม เขาพูดตรงเลยนะ เขาบอกอโศกนั้นเถรสมาคมอัปเปหิออกไป ซึ่งเป็นคำโต คำบาป คำผิด เขาไม่ได้ อัปเปหิเรา แต่เราลาออก ขอแยกออกจากเถรสมาคมเอง ด้วยตัวเอง อย่างอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย เล่าทวนก็ได้ อาตมาพูดต่อหน้าของพระสังฆาธิการ 180 ด้วยภาษาที่ไม่ได้บันทึกไว้เป็นตัวอักษรว่าเปรียบประดุจกับอโศกนี้เป็นคณะน้อย ซึ่งทำปาท่องโก๋ขาย อาตมาว่า เถรสมาคมก็ทำปาท่องโก๋ของพุทธเจ้าเหมือนกัน แต่สูตรมันผิด คนกินแล้วมันสุขภาพเสีย ท้องร่วง ท้องเสีย สูตรมันผิด เพราะฉะนั้น อาตมาเป็นผู้น้อย แต่เรายืนยันว่าสูตรของเราถูก ก็ขอเสนอสูตรอันนี้ให้ท่านก็ไม่เอา แต่ท่านก็ไม่ให้เผยแพร่ ไม่ให้ขยายความ ไม่ให้ทำอะไร ใครจะบวชก็ไม่ให้บวช คือเรียกว่า รังแก ถ้าอาตมาอยู่ด้วยก็จะถูกท่านรังแก ก็จึงขอลาออกมาปกครองตนเอง อาตมาจึงใช้ภาษาว่าจะใช้สูตรปาท่องโก๋ เลยมาขายข้างทาง ใช้คำนี้ด้วย ร้านเล็กๆขายข้างทาง ไม่ใช่ร้านใหญ่ ท่านเป็นร้านใหญ่ท่านอยู่รอดแน่ อาตมาพูดอย่างนี้จริงๆ แต่เราออกมาขอแยกมาเป็นร้านเล็กๆ ขายข้างทาง ถ้าหากสูตรของเราดี สูตรของท่านไม่ดี คนจะมานิยมกินของเรา คนจะมารับเอาของเราเอง อาตมาก็จะพาหมู่นี้ไปรอด อยู่ได้ เพราะจะมีประชาชนมารับไปใช้พอสมตัว ก็จะคงไม่ใหญ่เท่าท่าน แต่ก็จะรอดตัว แต่คนพวกนี้คือพวกที่สุขภาพดี อันนี้ไม่ได้พูดตอนนู้นน่ะ มาขยายความตอนนี้ แม้จะมีลูกค้าไม่มาก เราก็อยู่ได้ อย่างที่เป็นจริงมาถึงวันนี้แล้ว แม้จะมีลูกค้าจำนวนสู้เถรสมาคมไม่ได้ อย่างเทียบกันไม่ติดฝุ่น อโศกกับเถรสมาคม เดี๋ยวนี้มีคณะที่ศรัทธาเยอะอย่างที่เทียบกันไม่ได้ แต่อาตมาไม่มีปัญหา เข้าใจชัดเจนว่า เท่านี้อาตมาก็ว่า ถ้าท่านยังไม่มีศีล หรือท่านไม่มีขนาดที่จะมาอยู่กับพวกเราได้ อย่าเพิ่งเข้ามา ถ้าผู้ใดเห็นว่าจริงใจ เข้ามาได้ พอจะมีศีล มีภูมิ อย่างน้อยที่สุด 1. ไม่กินเนื้อสัตว์  2. มีศีล 5  3. ไม่มีอบายมุข นี่คือพื้นฐานของกฎเกณฑ์ ถ้าคุณทำอันนี้ได้อย่างสบายใจหรือพอเป็นไป สู้ได้ คุณมา แต่ถ้าคุณมาอยู่ที่นี่ได้แล้วมารวนก็อย่ามาเลย ศีล 5 ก็ยังไม่ได้ เราไม่ไหวหรอก เอาอบายมุขยังเอามาเล่นในนี้ หรือเอาเนื้อสัตว์ เอาไก่ย่างเอามากินที่นี่ ไม่เอา เอาแค่นี้แหละเป็นต้น ต่อไป ก็คงจะมีคนที่ขอสัมภาษณ์ เอารายละเอียดจากเรื่องนี้ ในอนาคต อาตมามีหลักฐานพอจำได้เท่านี้ เมื่อจะทำเอาไปเป็นประโยชน์ขึ้นมา แต่ตอนนี้ก็ค่อยๆทำไป เท่าที่เป็นไปอย่างนี้อาตมาก็ว่ามันก็ดี ใช้ได้ เรื่องนานาสังวาส อิสระเสรีภาพสูงสุด เหตุการณ์ตอนที่เขาจะมาจับเรานั้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 10:27:02 )

วิธีทำใจในใจ

รายละเอียด

ถามคำใหญ่ ทำใจในใจภาษาบาลีคือมนสิกโรติ แปลว่าทำใจในใจเป็นคำกิริยา ถ้าเป็นคำนามก็คือมนสิการ ก็คือการทำใจในใจ ก็คือ ใจเรา หรือจิตหรือวิญญาณ หรือมโน อาการจิต ธาตุรู้ เราก็ต้องรู้ธาตุรู้ของเรา อาการถ้ารู้มันกำลังโกรธต้องเข้าใจ อาการตอนนี้กำลังโลภ อาการตอนนี้กำลังแสดงกาม แสดงราคะก็ต้องรู้มัน รู้ด้วย อาการ ลิงค นิมิต อุเทส อาการ แล้วรู้ความแตกต่าง คุณรู้อาการของใจแล้ว คุณก็จัดการกับใจ ศาสนาพุทธหากไม่เข้าใจคำว่ามนสิการ คำว่าโยนิโสมนสิการ หรือมนสิกโรติ เอาไปเข้าใจคำนั้น เอาไปแปลว่า โยนิโส แปลว่า ถ่องแท้แยบคายละเอียดลออ แล้วก็เป็นปฏิภาณปัญญารายละเอียด มันไม่ได้หมายความว่าเป็นการทำใจในใจ มันไม่ได้เป็นการทำใจในใจเป็นแค่ความเฉลียวฉลาดความรู้เท่านั้น ค้างอยู่แค่นี้ ปัจจุบันศาสนาพุทธในเมืองไทย โยนิโสมนสิการแปลว่าเฉลียวฉลาดเอาความเฉลียวฉลาดพิจารณาเก่งรู้ จบ แต่ทำใจไม่เป็นใจที่มีกิเลสรูปร่าง อาการ ลิงค นิมิต ใจเรากำลังโกรธใจเรากำลังโลภ แล้วก็ล้างกิเลสด้วยไตรลักษณ์ เข้าใจไม่ง่ายเพราะไตรลักษณ์นี้ยากอาการพวกนี้เป็นอุปาทานแล้วมาแสดงบทบาทออกมาเขาเรียกว่าตัณหา  อาการโลภ เกิดขึ้นตอนนี้มันค้างอยู่ที่จิตแสดงบทบาทเป็นตัณหาออกมาเป็นความโลภ ราคะ หรือโทสะ คุณก็พิจารณาต่ออีกว่า จะเรียกมันว่าตัณหา จะเรียกมันว่าอุปาทาน จะเรียกว่าราคะ โทสะก็ตาม มันก็เป็นพลังงานที่ทำปฏิกิริยากันด้วยความโง่ มันก็เพราะยึดว่ามันมีจริง มันอยู่กับคุณ คุณก็อยู่กับมัน คุณฟังอาตมาแล้วก็ไม่ต้องทำให้เกิดอาการนี้ขึ้นมาในจิตอีกเลย ถ้าคุณหยุดตอนนี้คุณเป็นอรหันต์ได้เลยเป็นอรหันต์จะยากอะไร เข้าใจมันให้จริง ประเดี๋ยวมันก็มาประเดี๋ยวมันก็ไป มันไม่เที่ยง แล้วมันเป็นเหตุแห่งทุกข์ แล้วมันหลอกว่าเป็นสวรรค์ จริงๆมันเป็นตัวทุกข์ ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มันไม่มีหรอกสวรรค์อะไรขี้หมา มันเป็นตัวหลอก สวรรค์นี้เป็นของเก๊ สุขขัลลิกะของเท็จ มันไม่มีตัวตนมันไม่มีสภาพนี้หรอก คุณทำให้มันหมดก็เป็นสภาพอนัตตา อาการนี้ไม่เกิดในจิตอีกเลยเรียกว่าอนัตตา ไม่มีอาการราคะโทสะอีกเลย มันไม่มีแล้วอันนี้ นั่นคืออัตตาตัวตนที่มันมี พลังงานที่มันมีตัวนี้ เข้าใจจริงๆแล้วก็พยายามเรียนรู้ด้วย มันเข้าใจด้วยปัญญาไม่ต้องกดข่มระวัง แต่นี่คุณก็ยังใช้คาถา มนต์ มีมาก็ไม่เอาน่าดันไว้เฉยๆ ต้องเข้าใจด้วยปัญญา เอ็งอย่ามาเสนอหน้า พระพุทธเจ้าบอกว่าเราหักเรือนยอดของมันแล้ว อาตมาอธิบายเหมือนกับปลิงแพ้น้ำมันหม่อง แตะแล้วก็ร่วงผลอยเลย สัมผัสเรามันเข้าไม่ได้ มันมีออร่ารังสีพลังงานที่กิเลสเข้ามาใกล้ไม่ได้ อย่าว่าแต่สัมผัสเราเลย นี่คือพลังงานจริงที่ลึกซึ้งมาก ความรุนแรงที่เป็นโลกจัดจ้านเข้ามาใกล้เราไม่ได้หรอก พวกจัดจ้าน ราคะโทสะจัดไม่ค่อยมาใกล้อาตมาหรอก อยู่ไกลเข้าไม่ได้ อาตมาอนุญาตให้มาได้แต่ก็ต้องถูกขัดอย่างแรงนะเพราะว่ามันจัด รับรองเลือดไหลเลยนะ ผีก็กลัวพระเป็นธรรมดาธรรมชาติ มันเป็นเรื่องสัจจะต้องเป็นอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 13:04:27 )

วิธีทำให้มันไม่เกิดทำอย่างไร 

รายละเอียด

ก็มารู้ให้ได้ว่าเวทนามันคืออย่างไร สังขารมันทำหน้าที่อย่างไร สังขารมันเป็นอยู่อย่างไร อ๋อ สังขารคือมันปรุงแต่งอยู่มีสามเส้า มีประธาน มีบวก มีลบ มี อิตถีภาวะ ปุริสภาวะ มีสิ่งต่างกันเป็น 2 แล้วเราก็ต้องรู้ 2 อย่าง 

2 อย่างนี้อย่าให้มันมาร่วมเมถุน ร่วมรส ร่วมสังวาส ร่วมทำ ปฏิกิริยามีความเกิด เกิดอะไร เกิดกิเลส เกิดกาม เข้าเป้าไปสู่เป้า เกิดกาม อย่าให้มันเกิด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 19:07:15 )

วิธีนั่งหลับตาคือการสะกดจิต

รายละเอียด

วิธีนั่งหลับตาคือการสะกดจิต สะกดจิตจริงๆไม่ได้พูดใส่ความ สะกดจิตให้อยู่นิ่งจนกระทั่งสามารถสะกดจิตตัวเองได้ ควบคุมจิตตัวเอง แต่ไม่ได้ลดการหลงลาภยศสรรเสริญโลกียสุข เช่นธัมมชโย สะกดจิตตนเองได้ จนเป็นผู้มีอำนาจ มีบริวารอะไรเยอะ จนสามารถสะกดจิตบริวารได้ จึงมาเป็นบริวารเยอะ แล้วก็สั่งเลยนะ มีเงินมีทองก็เอามาปิดบัญชี ครับอาจารย์นี่แหละ ครูไม่ใหญ่ จะร่ำจะรวยต่อไป ก็หลงกันจนกระทั่งทะเลาะกับครอบครัว ปิดบัญชี ตายๆ เก่งนะ หลอกคนจนกระทั่งปิดบัญชีเลยเอามาทำบุญทำทานกับอาจารย์หมด แล้วก็ไม่รับผิดชอบนะ คนที่เยอะแยะไปลำบากลำบน จนกระทั่งที่บ้านที่ครอบครัวก็เดือดร้อน เขาก็ต้องทำงานต่อกระเสือกกระสนไป ไม่รู้ตัวก็หลงทำอยู่อย่างนั้นต่อไป ส่วนฝ่ายนั่งหลับตาเข้าป่าเขาถ้ำ ไม่รู้เรื่อง ไปหลับตาปิดหูปิดตา เขาก็หาบริวาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน โจรปล้นศาสนาที่ฆ่าด้วยหอกหลายร้อยเล่มก็ยังไม่ตาย


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 11:27:32 )

วิธีปฏิบัติกำจัดกิเลส

รายละเอียด

วิธีปฏิบัติกำจัดกิเลส คือ  ต้องมี ศีลพรต  ที่กำจัดกิเลสได้  นั่นคือ ไตรสิกขา (อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา)  จึงจะเกิดฌานแบบพุทธได้  แล้วไม่ใช่รู้กันง่ายๆ ที่จะรู้จริงๆ  ผู้รู้แล้ว เข้าใจจะต้องมาปฏิบัติอย่างนี้  ทีละลำดับ  ตั้งแต่ศีล  สมาธิ  ปัญญา  วิมุติ  วิมุติญาณทัสนะ  จึงเป็นฌานแบบพุทธ

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:23:07 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 11:57:57 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:59:32 )

วิธีปฏิบัติของพระพุทธเจ้าเมื่อเข้าใจกาย

รายละเอียด

พืช กว่าจะพัฒนาขึ้นไปเป็นสัตว์ นานนับชาติไม่ถ้วน นับเวลาไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นก็พอ ไม่ต้องไปคิดมัน มาเอาความ สำคัญวิธี ที่เราเข้าใจ เราจะให้หมดสุขหมดทุกข์ เราจะสลายจิตนิยามให้เป็นดินน้ำไฟลมไปเลย ไม่ต้องเวียนตายเวียนเกิดอีก เพราะคนที่ได้ธาตุจิตวิญญาณมาแล้วโดยธรรมชาติ คุณไม่ได้อยากได้ แต่คุณก็ต้องพัฒนาขึ้นมาจากพืช มันก็จะมาเป็นจิต ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว เห็นไหมตั้งแต่สัตว์อยู่ในน้ำ ละเอียดกว่าอยู่บนบก กว่าสัตว์จะขึ้นบก ก็เป็นสัตว์ในน้ำก่อน เป็นเซลล์กว่าจะปรับตัวมาสารพัด 

เมื่อรู้กายรู้จิตแล้วก็ทำด้วยกรรมแล้วก็สะสมเป็นธรรมะ คุณก็ทำธรรมนิยาม 5 นี้ได้บริบูรณ์ เข้าใจได้ทำไปเรื่อยๆ คุณก็จะเริ่มต้น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ไปตามลำดับ

ทีนี้วิธีปฏิบัติของพระพุทธเจ้าเมื่อเข้าใจกาย และเข้าใจเวทนาเข้าใจจิต ไปตามลำดับแล้ว คุณก็มาทำกรรม แล้วก็สะสมเป็นธรรมะ คุณก็มาทำสติปัฏฐาน 4 

เรียนรู้สติปัฏฐาน 4 คุณก็ต้องเข้าใจเวทนา เข้าใจจิต โดยกรรมกับธรรมะ ทำให้จิตมันมาเป็นพืช มันมาเป็นอุตุให้ได้ ตามสัมมาทิฏฐิ

ผู้ใดที่จะมาในทางธรรมของพระพุทธเจ้า แล้วตั้งใจจะไปนิพพาน ต้องตั้งใจนะ ต้องยินดีนะที่จะไปนิพพาน ถ้าคุณไม่ยินดี ไม่ตั้งใจ เมินเสียเถิด อย่าคิดถึง ว่าคนๆนี้จะบรรลุนิพพาน ไม่มีทาง คุณต้องมายินดี แล้วต้องมาตั้งใจประพฤติ เอาใจใส่ประพฤติจริงๆ คุณจึงจะมีหวังได้นิพพาน 

เพราะฉะนั้นคุณจะต้องมาตั้งใจทำสติปัฏฐาน 4 เพื่อเลิก ความเป็นสัตว์ เพราะฉะนั้น สัตว์ พระพุทธเจ้าแจกไว้ 9 

เมื่อคุณเรียนรู้ความเป็นสัตว์ 9 ชนิดนี้ แล้วคุณก็เลิกความเป็นสัตว์ทำให้เกิดความเป็น เป็นการเกิด นิพพัตติ การเกิดมี

ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ และอภินิพพัตติ  

ชาติ คือการเกิดที่เป็นคำกลางๆ การเกิดใดๆเป็นทุกข์ทั้งนั้น  ชาติปิทุกขา การเกิดที่เป็นจิตนิยามขึ้นไปนั้นเป็นทุกข์ทั้งนั้น เป็นพืชเป็นอุตุนั้นไม่ทุกข์ 

เพราะฉะนั้นคนจะโง่อยู่ในฐานจิตนิยาม ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานไป อย่างสัตว์นรกต่างๆมันนานมาก จนกว่าจะมาพบธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้า แม้คุณจะเกิดพบเทวนิยมไปพบศาสดาเทวนิยม คุณก็ได้แค่เป็นสัตว์ที่ทำดี แต่คุณก็ไม่มีทางที่จะปรินิพพาน ไม่มีนิพพาน ก็ไม่มีสิทธิ์จะไปนิพพาน คุณก็จะได้แต่แค่ทำดี เทวนิยมได้แต่แค่ดีชั่วแล้วก็หมุนเวียนไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 ราชธานีอโศก วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 10:16:33 )

วิธีปฏิบัติของเทวะ

รายละเอียด

ไม่มีทฤษฎี-ไม่มีวิธีปฏิบัติที่จะทำให้จัดการกับความเป็น “ธรรมะ 2”หรือ“เทฺว”ในตนได้หลากหลายเลย ไม่มีกระบวนการของ“อธิศีล-อธิจิต-อธิปัญญา” จนเกิด“วิมุติ-วิมุตติญาณทัสสนะ”เป็นไปตามลำดับ จึงไม่สามารถได้รู้ความจริงตามความเป็นจริงไปตามลำดับ เป็นอันขาด

การได้รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ความจริง”ของอะไรต่ออะไรต่างๆสารพัด ด้วย“การสัมผัสของตนเอง”ทั้งหลายนี้ด้วยตนเอง จึงทั้งรู้ทั้งทำให้เกิดเองเป็นเองได้อย่างสุดวิเศษ ซึ่งมันน่าอัศจรรย์ เพราะมันลาด ลุ่ม ลึก ไปตามลำดับชนิดที่เดาเอาไม่ได้เลย มันต้องมี“ของจริง”กันจริงๆ จึงจะได้สัมผัสถึงความเรียงลำดับที่เรียบราบสุดวิเศษนี้ ว่าเป็นจริงเช่นใด? ไม่มีอะไรขรุขระ หรือวุ่นไปวนมา กันไฉน? มันจึงทั้งสูงสุด(ultimate) ทั้งสัมบูรณ์(absolute) นี่ก็เป็น“ธรรมะ 2”ครบครันอีกคู่หนึ่ง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:29:19 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:00:58 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:37:37 )

วิธีปฏิบัติขัดเกลากิเลส

รายละเอียด

ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ไม่รู้เรื่องซึ่งผลของการปฏิบัติที่เรียกว่า ยิฏฐัง เขาก็แปลกันไม่รู้เรื่อง เขาแปลกันว่าสังเวยที่บวงสรวงแล้ว ที่จริงก็คือการปฏิบัติทานก็ดี การปฏิบัติศีลก็ดีในข้อ 1 และข้อ 2 ของสัมมาทิฏฐิ 10 ที่ทำแล้วปฏิบัติแล้ว ยิฏฐัง มันมีผลไหมนี่คือหุตัง  คือพยัญชนะก็อยู่ในภาษาโบราณ ภาษาที่อาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องอาตมาก็ขยายเป็นภาษาไทย หมายถึงว่า วิธีปฏิบัติ ปฏิปทาต่างๆ มันได้ขัดเกลากิเลสไหมในข้อ 3 นี้ก็ต้องอ่านดู  มันลดละจางคลาย วิราคานุปัสสี นิโรธานุปัสสี หรือไม่ แล้วแล้วคุณถึงจะปฏิบัติธรรมะได้ถูก ถ้าหากไม่เข้าใจในสัมมาทิฏฐิ 10 ข้อที่ 1.. 2.. 3 ปฏิบัติไม่ถูกแล้วจะไปปฏิบัติข้ออื่นได้อย่างไร ขนาดข้อต้นเป็นประธานก็ยังไม่รู้เรื่องแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2563 ( 10:04:53 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:18:58 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:38:24 )

วิธีปฏิบัติที่สุดวิเศษในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าทรงค้นพบวิธีปฏิบัติที่สุดวิเศษ ที่มีจุดเริ่มต้น และมีขั้นต่อไป จนถึงที่สุดจบได้จริง ครบรอบถ้วน หมด“ติดกัก” ไม่มี“ความสะดุดชงัก” เพราะลาด ลุ่ม ลึกไปสู่ที่สูงที่สุดแห่งความสุด เป็นลำดับได้สัมบูรณ์

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:16:03 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:02:14 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:38:51 )

วิธีปฏิบัติลดกามลดอัตตา

รายละเอียด

ฉะนั้นวิธีปฏิบัติใด คุณก็ศึกษาวิธีปฏิบัติงานเพื่อเรียนรู้เรื่องของกามและอัตตาใน 2 เรื่องนี้ในธัมมจักกัปปวัตนสูตรบอกไว้ แล้วก็ลดกาม ลดอัตตา ลดกามลดอัตตา จนหมดกามหมดอัตตาก็ถึงจุดเป็นกลาง ถ้าแปลว่าทางสายกลางก็จะเป็นแต่เพียงมีถนน แล้วก็เดินไปตรงกลางถนน ก็ยังมี กาม อัตตาเต็มบ้อง เหมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงพ่อแม่ลูกเดินไปในทางไกลกันดารไม่มีจุดหมาย จะไปนิพพานเมื่ออาหารหมดก็เลยต้องฆ่าลูกกินกลางทางนี่คือพวกความโง่ของพวกที่เดินทางสายกลางจะเป็นอย่างนี้ นานเข้าหมดอาหารก็ต้องฆ่าลูกกิน เสร็จแล้วก็บ่นหาลูกที่รักของฉันไปไหน แต่เอ็งฆ่ากินจนเป็นขี้ไปหมดแล้วถามหากอีก ทำชั่วขนาดเห็นแก่ตัวฆ่าลูกเพื่อประโยชน์แก่ตัวเองยังไม่รู้อีก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2563 ( 14:57:40 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 03:19:24 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:19:57 )

วิธีปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลส

รายละเอียด

ตอนนี้แหละคุณจะต้องหาทางหรือหาวิธี ว่าจะทำอย่างไรวิธีหรือทางปฏิบัติเพื่อให้ไอ้กิเลสนี้ไม่อยู่กับเรา และก็ปฏิบัติตามที่เราจะเข้าใจวิธีนั้น จนกระทั่งมันไม่มี แล้วไอ้ที่จะให้ไม่มีมันมี 2 อย่าง 

1. กดข่มหรือลืมมัน มันก็ไม่มีได้ แต่มันไม่ถาวร 

2. มันต้องรู้ความจริงเลยว่า เอ็งไม่อยู่ถาวรไม่มีตัวตนหรอก เอ็งเป็นเหตุแห่งทุกข์ เอ็งนี่เป็นตัวผีเหตุเลย แล้วเอ็งไม่มีจริงหรอกและเอ็งก็ไม่อยู่ถาวรแน่นอนเที่ยงแท้อะไรหรอก ไปๆ มาๆ ทำเป็นเล่น ภาวะไตรลักษณ์ จะเกิดขึ้นมาให้คุณได้เห็น ทีนี้ ความฉลาดหรือปัญญารู้จักไตรลักษณ์มันจะมีพลังฤทธิ์เอง ดับไปเลย พอพลังปัญญามี ถ้วนเต็มพอ ตัวนี้ก็จบอนัตตา มันไม่ใช่ตัวจริง มันไม่เที่ยงแท้ มันเป็นเหตุแห่งทุกข์ด้วยมันชัดเจนเลย ตัวนี้ พลังรู้พลังปัญญาอันนี้ มันจะขจัดเลย ขจัดตัวกิเลสนี้หายไปเลย มันเป็นเช่นนั้นจริง อธิบายเป็นภาษาไทยง่ายๆ อธิบายสภาวะจริงให้ฟังตามที่อาตมาผ่านมา ได้มา เป็นมา มันเป็นอย่างนี้บอกให้ชัด พอเข้าใจไหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29 วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 19:52:13 )

วิธีปฏิบัติแบบพุทธ

รายละเอียด

“วิธีแบบพุทธ”นั้น ต้องเป็น“จรณะ 15 วิชชา 8” หนึ่งในพุทธคุณ 9 มีวิชชา มีความรู้มีปัญญาเข้าร่วมในการปฏิบัติตั้งแต่มีปัญญาไปกับศีล มีปัญญาไปกับ อปัณณกปฏิปทา 3 มีปัญญาไปกับ สัทธรรม 7 ตัวปัญญาคือฌาน ตัวฌานก็คือปัญญา มีฌานที่ไหนมีปัญญาที่นั่น ฌานที่ไม่มีปัญญาไม่มี และปัญญาที่ไม่มีฌานก็ไม่มี ปัญญาที่ไม่มีฌานนี่แหละ จะเข้าใจยากกว่า ฌานที่ไม่มีปัญญา ปัญญาความรู้อีกชนิดหนึ่ง ที่จะต้องเป็น ฌาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พญานาคเดียรถีย์ลัทธิหลับตาทำลายศาสนาพุทธ วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 16:28:48 )

วิธีระงับความอาฆาต 5

รายละเอียด

ธรรมอันเป็นที่ระงับความอาฆาต (ผูกใจเจ็บ) คือ

1. พึงเจริญเมตตา (คิดช่วยเหลือ) ในบุคคลนั้น

2. พึงเจริญกรุณา (ลงมือช่วยเหลือ) ในบุคคลนั้น

3. พึงเจริญอุเบกขา (วางใจเที่ยงธรรมเป็นกลาง) ในบุคคลนั้น

4. พึงไม่ระลึกถึง (อสติ) ไม่ใส่ใจ (อมนสิกาโร) ในบุคคลนั้น

5. พึงนึกถึงความเป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด 

    มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ุ มีกรรมเป็นที่พึ่ง ทำกรรมดีหรือชั่วก็ตาม จะเป็นทายาทของกรรมนั้น

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม  22"อาฆาตวินยสูตรที่ 1"  ข้อ  161

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 24 มิถุนายน 2562 ( 22:32:52 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 16:06:12 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 05:00:31 )

วิธีระงับความอาฆาต 5

รายละเอียด

ธรรมอันเป็นที่ระงับความอาฆาต(ผูกใจเจ็บ) คือ

1. พึงเจริญเมตตา(คิดช่วยเหลือ)ในบุคคลนั้น

2. พึงเจริญกรุณา(ลงมือช่วยเหลือ)ในบุคคลนั้น

3. พึงเจริญอุเบกขา(วางใจเที่ยงธรรมเป็นกลาง)ในบุคคลนั้น

4. พึงไม่ระลึกถึง(อสติ) ไม่ใส่ใจ (อมนสิกาโร)ในบุคคลนั้น

5. จึงนึกถึงความเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็น

กําเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง ทํากรรมดีหรือชั่วก็ตาม จะเป็นทายาทของกรรมนั้น

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 22 “อาฆาตวินยสูตรที่ 1” ข้อ 161


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 20:33:18 )

วิธีลดกิเลสทำอย่างไร

รายละเอียด

1. รู้กิเลสของตัวเอง 2. เรียนวิธีกำจัดกิเลสคือคำว่าบุญ สร้างพลังงานบุญให้มันกำจัดกิเลสให้ได้ เอาแค่นี้ก่อน

1.ต้องรู้กิเลสของตัวเองจริงๆว่าอาการมันเป็นอย่างไร เรียกว่าสักกายทิฏฐิ สักกายะตัวตนของกิเลส รู้ตัวนี้แล้วมีวิธีที่เรียกว่า ศีลพรต มีวิธีที่จะกำจัดกิเลสตัวนี้ก็ใช้วิธีนั้น เป็นวิธีที่สัมมาทิฏฐิและถูกต้อง อธิบายไว้แค่นี้ก่อนเป็นศีล สมาธิ ปัญญา หรือว่าจรณะ 15 โพธิปักขิยธรรม 37 นั่นแหละคือวิธีการของพุทธเจ้าคือมรรคองค์ 8 โพชฌงค์ 7

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 19:07:19 )

วิธีลดทุกข์ไปตามลำดับ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะชัดเจนว่า อย่าเอาสุขมาหลอก มันมีแต่ทุกข์เท่านั้น เพราะฉะนั้นพวกนี้จึงหลงทิศทางไปทรมาน ทุกรกิริยา มากมาย จนกระทั่งพระพุทธเจ้าอุบัติ ให้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าท่านปฏิบัติเถิด ปฏิบัติให้รู้จักเหตุ ทุกข์นั่นมันมีเหตุ และมันมีวิธีที่จะลดความทุกข์ไปตามลำดับเป็นข้อๆ เกี่ยวกับสัตว์ เกี่ยวกับข้าวของ เกี่ยวกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส 3 ข้อหลัก ศีล 1 2 3 ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็จบหมดแล้ว ศีล ข้อใดๆก็เป็นตัวขยายออกไปเรื่อยๆ ศีลแก่นแกน มี 3 ข้อนี้ ข้อที่ 4 เป็นวาจา ข้อที่ 5 ก็คือจิตที่มันจะเป็นอวิชชา หรือไม่อวิชชา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 10:53:55 )

วิธีลดอัตตา ลดยึดมั่นถือมั่น ลดดื้อดึง ตัวเราถูก ใครว่าไม่ได้ ไม่ยอม

รายละเอียด

ค่อยๆอ่านภาวะพวกนี้ แล้วคนถามแสดงว่ามีโทสจริตเยอะ มีความดื้อดึงดี ดีที่คุณมีภูมิปัญญารู้ตัวเอง และยึดมั่นถือมั่นว่าตัวเองถูก ที่พูดมานี้ถูกหมด เริ่มรู้ตัวไม่มี ยึดว่าตัวเราถูกก็ตาม ว่าใครๆผิด เราไม่ยอม ก็ตามก็ค่อยๆปฏิบัติไป ต้องใช้เวลา หากยึดขนาดนี้ต้องใช้เวลา อยู่ในหมู่มิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีจะพัฒนาเจริญได้จริง เชื่ออาตมาแล้วจะเจริญไม่ต้องห่วง อยู่กับหมู่จะได้สภาวะจริง

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:20:45 )

วิธีละกามด้วยการตัดขาด . (สมุจฺเฉทโต กาเม ปริวัชเชติ)

รายละเอียด

ย่อมเว้นขาดกามโดยการตัดขาดอย่างไร?  แม้บุคคลผู้เจริญโสดาปัตติมรรค  ย่อมเว้นขาดจากกามอันให้ไปสู่อบาย โดยการตัดขาด  (โสตาปตฺติมคฺคํ  ภาเวนฺโตปิ  อปายคมนีเย  กาเม  สมุจฺเฉทโต  ปริวชฺเชติ)

แม้บุคคลผู้เจริญสกทาคามีมรรค ย่อมเว้นขาดกามส่วนหยาบโดยการตัดขาด (สกทาคามิมคฺคํ  ภาเวนฺโตปิ  โอฬาริเก  กาเม     สมุจฺเฉทโต   ปริวชฺเชติ)

แม้บุคคลผู้เจริญอนาคามีมรรค  ย่อมเว้นขาดกามอันเป็นส่วนละเอียดโดยการตัดขาด (อนาคามิมคฺคํ  ภาเวนฺโตปิ  อณุสหคเต  กาเม  สมุจฺเฉทโต  ปริวชฺเชติ )

แม้บุคคลผู้เจริญอรหัตมรรค ย่อมเว้นขาดจากกามโดยอาการทั้งปวง โดยประการทั้งปวงหมดสิ้น  มิได้มีส่วนเหลือ  โดยการตัดขาด.  ย่อมเว้นขาดจากกามโดยการตัดขาดอย่างนี้

(อรหตฺตมคฺคํ  ภาเวนฺโตปิ   สพฺเพน   สพฺพํ  สพฺพถา  สพฺพํ  อเสสํ   นิสฺเสสํ  สมุจฺเฉทโต  กาเม  ปริวชฺเชติ ฯ) 

ที่มา ที่ไป

เล่ม 29/12  ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 15:46:14 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:03:10 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:40:07 )

วิธีละอาสวะ 7

รายละเอียด

คือกิเลสที่หมักหมมในสันดาน ละได้ด้วย...

1. การเห็นแจ้ง (ทัสสนา)

2. การสำรวมระวัง (สังวรา)

3. การพิจารณาแล้วเสพ (ปฎิเสวนา)

4. การอดทนอดกลั้น (อธิวาสนา)

5. การเว้นออกทั้งหมด (ปริวัชชนา)

6. การบรรเทาลง (วิโนทนา)

7. การอบรมฝึกฝนให้เกิดผล (ภาวนา)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 12"สัพพาสวสังวรสูตร"  ข้อ 11

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 06 กรกฎาคม 2562 ( 08:37:56 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 16:04:56 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 04:59:59 )

วิธีละอาสวะ 7

รายละเอียด

คือกิเลสที่หมักหมมในสันดาน ละได้ด้วย…

1. การเห็นแจ้ง (ทัสสนา)

2. การสํารวมระวัง (สังวรา)

3. การพิจารณาแล้วเสพ (ปฏิเสวนา)

4. การอดทนอดกลั้น (อธิวาสนา)

5. การเว้นออกทั้งหมด (ปริวัชชนา)

6. การบรรเทาลง (วิโนทนา)

7.การอบรมฝึกฝนให้เกิดผล (ภาวนา)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 12 “สัพพาสวสังวรสูตร” ข้อ 11


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 20:53:51 )

วิธีล้างกิเลสในปัจจุบันชาติด้วยปัญญาอย่างไม่กดข่ม

รายละเอียด

ญาติธรรมชาย : ทำอย่างไรจะได้พระอรหันต์เร็วขึ้น 
.
พ่อท่าน : ก็ทำที่ตัวเอง ทำความเข้าใจกับคำอธิบาย ทำความเข้าใจกลับที่สาธยายอธิบายให้ได้ดีๆแล้วก็เอามาตรวจสอบกับความเป็นจริงของตัวเอง ที่มันมีทั้งที่เรารู้สึก ทั้งองค์ประกอบ หรือว่ากาย ทั้งความรู้สึก หรือว่าเวทนา 
.
แล้วก็เจาะเข้าไปที่จิตของเรา ว่าเหตุปัจจัยจิตนี้ รู้จักเจโตปริยญาณ 16 จิตในจิตของเราว่าเรามีกิเลสอย่างนี้ เหตุปัจจัยอย่างนี้ มันเป็นจริง ปัจจัยของกิเลสของเรา จะเป็นราคะโทสะอย่างไรอย่างไร กับอะไรอะไรอะไรอยู่ แล้วเราก็มีชีวิต มีพฤติกรรมจริงไปสัมผัสกับมันอยู่ เกิดเมื่อไหร่ก็อ่านมันให้เห็น 
.
แล้วก็พิจารณาความจริงในขณะที่สัมผัสจริง เห็นนี่แหละ ปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าต้องเป็นทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ ต้องเป็นการปฏิบัติแล้ว มีความจริงในขณะปัจจุบันชาติ เป็นทิฏฐกาล ในขณะที่สัมผัสจริง เห็นมันจริง แล้วก็เรียนรู้ความจริงที่มันเกิดจริงๆในขณะสัมผัส เราจึงจะจัดการกับตัวจริงของกิเลสที่มันเกิดในขณะนั้นจริงๆ 
.
แล้วเราก็ได้ทำ เราได้กดข่มก็กดข่มจริง แต่กดข่มมันไม่ถาวร เราได้พยายามพิจารณาด้วยปัญญาว่าไอ้พวกนี้ มันมาเล่นงานเรา มันเป็นผีเป็นมายามันหลอก มันไม่ใช่ตัวจริงมันไม่เที่ยงหรอก มันเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ เอ็งมาหลอกข้า เอ็งมันไม่มีตัวตนจริงหลอก ทำความเข้าใจของปัญญาให้ได้ว่า เราต้องเกิดอ่านจริงๆ ต้องทำจริงๆ ต้องทำจริงๆไม่ใช่ได้แต่บัญญัติ ภาษา สัมผัสจริงๆ 
.
เพราะฉะนั้นการปฏิบัติไปนั่งหลับตาไม่มีผัสสะจริงๆมันโมฆะ ต้องมามีผัสสะจริงแล้วเห็น อ่านในขณะปฏิบัติ พิจารณาเห็นด้วยปัญญาอันยิ่ง ปัญญาจะเป็นพลังงานจัดการ เพราะเวลาปัญญาเกิด เปิดสมรรถนะ เกิดประสิทธิภาพของตัวปัญญาจริงๆ โอ้ยมันรู้หน้าอย่างนี้เอง อย่างพระพุทธเจ้าท่านตรัส เราได้เจอกับตัวเองแล้วมาร  เราได้หักเรือนยอดของมาร นี่ท่านก็พูดเป็นภาษา เป็นรูปธรรม หรือว่าเป็นบุคลาธิษฐาน แท้จริงเป็นนามธรรมที่ท่านเจอแล้ว แล้วท่านก็ได้จัดการด้วยภูมิปัญญาของท่าน ให้กิเลสหักยอดเรือนยอดของมารพังทลายไปหมดแล้ว เราก็ปฏิบัติอย่างนั้น อย่างพระพุทธเจ้า เห็นด้วยญาณปัญญาลึกๆ 
.
ใช้ภาษาก็ได้เท่านี้ ต้องปฏิบัติเอง เป็นปัจจัตตังจึงจะเห็น แล้วมันก็เห็นความจางคลาย ไอ้ความไม่แจ้งที่มันจะเจริญขึ้น มันเป็นความไม่เที่ยงที่มันลดจางคลายลง  หรือมันไม่เที่ยงแล้วมันยังไม่จางคลายแล้วมันดับ ดับได้สำเร็จจริง ก็เป็นตัวสำเร็จจริงเลย อย่างนี้เป็นต้น ต้องปฏิบัติให้อ่านออกอย่างนั้น แล้วจะต้องเกิดญาณปัญญาหยั่งรู้ จิต เจตสิขต่างๆ อย่างที่พูดจริงๆเลย แล้วเราจะรู้ว่าเราปฏิบัติธรรมเนี่ยได้มรรคได้ผลถูกต้องจริง 
.
นี่การอธิบายของพระอรหันต์นะ ตามที่พวกคุณเชื่อ ว่าอาตมาเป็นพระอรหันต์ และอาตมาอธิบายจริงๆ ไม่รู้ว่าแต่ละคนฟังแล้วจะเข้าใจแค่ใดก็แล้วแต่ อาตมาเอาสภาวะต่างๆมาอธิบาย ไม่ได้อ่านตำรามาให้ฟังหรอก สภาวะจริงๆมาขยายความเป็นภาษาไทย เป็นภาษาพวกเราสู่กันฟัง 

…..…..…..…..…..…..…..…..…..
คนที่ได้ ที่บรรลุสัจธรรม (ความจริง) นั้น เพราะเอาจริง แต่มีข้อแม้ว่า ผู้นั้นต้องใช้ปัญญาวิจัยอย่างแน่ชัดแล้วว่า สภาพที่เราจะเอาจริงนั้น ต้องเป็นความจริงที่ดีจริง ถูกต้องจริงแน่แท้
(พ่อครูสมณะโพธิรักษ์)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2563 ( 14:13:13 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:28 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 07:41:52 )

วิธีล้างความรู้สึก

รายละเอียด

ทีนี้ ชีพ หรือชีวะ คือ ความรู้สึก กับความรู้ ชีพหรือชีวะของพืชก็มีแล้ว มันมีความรู้สึกหรือความรู้ คุณว่าความรู้สึกกับความรู้ ธาตุไหนใหญ่กว่ากัน ถ้าเป็นเจโตแล้วความรู้สึกใหญ่กว่า พืชมีความรู้ แต่ไม่มีความรู้สึก มันรู้ว่าธาตุนั้นธาตุนี้เป็นตัวมัน แต่มันไม่รู้สึกชอบไม่รู้สึกชัง ไม่รู้สึกผลักดูด รัก ชัง แต่มันรู้ธาตุ จนกว่ามันจะพัฒนามาเป็นเซลล์สัตว์ มันถึงจะมีความรู้สึกมีเวทนา เมื่อมีเวทนาแล้วก็จะมีวิญญาณครบธาตุรู้ทั้ง 4 ถ้าธาตุรู้ที่เป็นพืชจะมีแค่สังขารกับสัญญากำหนดรู้ พอโตมาเป็นจิตก็จะมีความรู้สึกมีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เราก็จะต้องค่อยๆรู้เข้าใจ แม้บัญญัติที่เป็นภาษาเรียกจิตที่เป็นตัวรู้ อาตมาได้ลงลึกถึงความต่างโลกียะกับโลกุตระ จะมีธาตุรู้เป็นตัวแบ่ง ธาตุรู้ที่ใช้คำว่าฉลาด พืชยังไม่มีทวาร 6 ไม่มีปัญจสาขา หากมันมีความรู้สึกเป็นจิตก็จะสุขทุกข์วนเวียนไปตลอด จิตนิยามคือคนคือมนุษย์สามารถศึกษากรรมนิยามได้ เป็นอเวไนยสัตว์ก็ศึกษาเรียนรู้โลกุตระไม่ได้ แต่เวไนยสัตว์สอนได้ กรรมกับธรรมะ อันไหนเป็นเจโตอันไหนเป็นปัญญา อันไหนเป็นรูปอันไหนเป็นนาม ธรรมะเป็นรูป กรรมเป็นนาม กรรมเป็น Dynamic ธรรมะเป็น Static กรรมเป็นตัวเคลื่อนไหว ธรรมะเป็นตัวทรงอยู่ที่อาตมาอ่านที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้ว ท่านตรัสเป็นคุณหรือโทษ กับความรู้สึก และวิธีล้างความรู้สึก คืออุบายเครื่องออกจากเวทนา เพราะฉะนั้นในเรื่องคุณหรือโทษก็เป็นโลกียะ เป็นสมมุติสัจจะ ส่วนเวทนานั้นเป็นปรมัตถสัจจะ เป็นความรู้สึก พระพุทธเจ้าให้เรียนรู้ประธานคือความรู้สึก ไม่ใช่คุณและโทษ คุณและโทษ เป็นสมมติที่ไม่ตายตัว คุณและโทษหรือดีกับชั่ว คุณเป็นชั่ว โทษเป็นดีใช่ไหม?…ไม่ใช่ เออ พอเข้าท่าอยู่ สมมุติภาษาชัดเจน คุณก็ถือว่าชั่ว คุณโทษ ดีชั่ว สลับกันไปมาได้เป็นสมมุติ แต่เวทนานั้นต้องศึกษาตัวนี้เป็นตัวหลัก อุบายเครื่องออกกับความรู้สึก อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม อุบายเครื่องออกเป็นรูป ความรู้สึกเป็นนาม สรุปลงสุดท้ายก็คือรูปกับนาม รูปคือตัวเป็น นามคือตัวรู้สึก รูปคือตัววัตถุ นามคือจิตวิญญาณเป็นตัวรู้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช จันทร์ที่ 30 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 12:14:22 )

วิธีวัตร

รายละเอียด

ว่าด้วยแบบอย่างที่พึงกระทำ

หนังสืออ้างอิง

ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 5


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:29:20 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:42:48 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:19:09 )

วิธีวิปัสนาฆ่ากิเลสรสทางลิ้นได้ รสทางเพศก็ลดลง

รายละเอียด

ตรงนี้แหละเป็นตัวจริง มันไม่ใช่เรื่องเล่น รสอร่อย อัสสาทะ ที่มันหลอกคนเป็นมายาตัวเก่ง เก่งนะตัวรสอร่อยนี่ รูปสวยก็ยังละได้ก่อน รสอร่อยตัวลิ้น กลิ่นหอมก็ยังละได้ก่อนตัวลิ้น เสียงไพเราะหูก็ยังละได้ก่อนตัวลิ้น ลิ้นกับการสัมผัสเสียดสีทีหลังเลย โผฏฐัพพะ ทางลิ้น

พระพุทธเจ้าถึงมี โภชเนมัตตัญญุตา หรือกวฬิงการาหาร อาหารที่เป็นคำข้าว อาหารที่สัมผัสลิ้นนี่แหละ เป็นตัวสำคัญที่ให้เรียนตัวนี้ ถ้าเรียนตัวนี้หากลดละอันนี้ได้ก็จะลดละอันอื่นได้ตาม นี่คือคำตอบให้คุณคนนี้ มาเรียนรู้พิจารณาโภชเนมัตตัญญุตา อาหารนี่แหละ รสอร่อยของอาหาร มันเป็นผีหลอก นี่แหละประเด็นเรียนพิจารณาเข้าไป 

คุณติดอะไรในรสอาหาร ชนิดนั้นชนิดนี้พิจารณามันจนจางคลายได้ แล้วก็พิจารณาตัวอื่นอีก ตัวไหนที่คุณติดจัดๆ รสอาหาร เอาเฉพาะอาหารที่คุณกิน เอามาเรียนพิจารณามัน กินมันบ่อยๆ ซ้ำๆ รับรองอีกหน่อยก็ โธ่เอ๋ย

ซ้ำๆ นะ โดยเฉพาะ นี่เป็นวิธีเป็นแท๊คติคอย่างหนึ่ง เอากินที่มันชอบๆ กินมันทุกวันๆ ซ้ำๆ ซ้ำๆ แล้วคุณก็พิจารณาโดยสัจจะ มันอยู่ไหนรสอร่อยๆ มันเป็นอย่างไร จะเห็นค่อยๆชัดเจนว่า อ้อ อยู่ที่ความหลง หลงติด หลงยึด หลงอุปาทานว่ามันอร่อย 

มันจะรสอย่างไร ให้รสอร่อยเหมือนเดิมสุดๆเลย ให้แม่ครัวทำให้รสอร่อยเหมือนเดิมทุกๆวัน เดี๋ยวจิตคุณก็จางคลายเองจริงๆ มันไม่เที่ยงหรอก กิเลสนี่มันไม่เที่ยง มันหลอกคนมานัก มันหลอกคนมามากมาย หลอกชั่วกัปชั่วกัลป์ 

การหลุดพ้นเรื่องอาหารได้นี่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะทางลิ้นยิ่งใหญ่มากเลย กับรสทางสัมผัส โผฏฐัพพะ สัมผัสเสียดสี โดยเฉพาะสัมผัสเสียดสีทางเพศ สองมุมนี้แหละ 

พิจารณาเรื่องเพศ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าไม่ต้องไปสัมผัส ไม่ต้องไปทดสอบ เอาอันนี้ รสทางลิ้นนี่แหละ หมดได้ รสทางเพศก็ลด ทางเพศก็ไปด้วยกัน 2 อย่างนี้ ไม่ต้องไปเรื่องเพศ แต่เอาเรื่องลิ้น มาเป็นนักบวช มาเป็นพระพุทธเจ้า ก็ลดรสชาติทางลิ้นนี่แหละ จะได้สุดเลย คงเป็นคำตอบที่พอสมควรแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้โลก 9 แบบ จนเป็นมนุษย์พืชมหัศจรรย์ วันพุธที่ 19 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:43:08 )

วิธีสลายวิญญาณหรืออัตตาของเรา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้ความจริงก็รู้ แต่เราจำนนตรงที่ว่า เรายังมีตัวนี้แล้ว เรายังไม่ตรัสรู้ทยังไม่รู้ว่าเราจะทำให้มันไม่มีจริงได้อย่างไร วิญญาณหรืออัตตาของเรา ทำให้มันสลายก็ต้องมาเรียนรู้ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เรียนรู้ตามแล้วก็ทำให้หลุดออกไปจากโลก จากอัตตา ตั้งแต่โลกหยาบ โอฬาริกอัตตา หยาบๆ มาถึง มโนมยอัตตา โลกกลางๆ จนกระทั่งถึง อรูปอัตตา ก็ดับหมดโลกกับอัตตา

จบมีแต่ความรู้ที่เรียกว่าธรรมะ เป็นธรรมาธิปไตย รู้จักโลก โลกาธิปไตย รู้จักอัตตา อัตตาธิปไตย  รู้จักอำนาจทางโลกทางประชาธิปไตย รู้จักธรรมะที่เป็นโลกุตรธรรมสมบูรณ์แบบ ก็จัดการโลก จัดการอัตตาได้หมดเลย เป็นอธิปไตยของธรรมะยิ่งใหญ่ ความรู้ของธรรมะขั้นโลกุตรธรรม ก็ดับโลก ดับอัตตาได้ รู้จักโลกสมุทัย ทำโลกนิโรธได้ อัตตาก็ทำอนัตตาได้ 

ผู้ที่ตรัสรู้ ผู้ที่รู้เป็นพระอรหันต์ขึ้นไป โดยเฉพาะอรหันต์ขั้นโพธิสัตว์ก็รู้แตกฉาน โดยเฉพาะอาตมานี้ รู้แตกฉาน ก็พูดชัดๆ ที่อาตมาพูดไปเมื่อกี้นี้อาตมาพูดความจริงนะ  อาตมาพูดความจริง อาตมาบอกว่าตนเองเป็นผู้รู้แตกฉานนี้อาตมาพูดจริง พวกที่หมั่นไส้คงจะอาเจียนเป็นโลหิตร้อนพุ่งออกจากปาก อาตมาไม่ได้คุยตัว อาตมาบอกความจริง ไม่ได้คุยโม้พูดความจริงของการพูดพูดความจริงในสิ่งที่เป็นความจริง จริงๆ ไม่ได้คุยโม้คุยอวดอะไรอย่างนั้น อาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น ที่พูดไปนี่ไม่ได้แก้ตัว มีแต่ความจริงทั้งนั้นเลย แก้ตัวไม่เป็นหรอก อาตมาพูดอย่างไรก็มีแต่ความจริง คนไม่รู้ความจริงก็หาว่าอาตมาพูดแก้ตัว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พญานาคเดียรถีย์ลัทธิหลับตาทำลายศาสนาพุทธ วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 09:33:44 )

วิธีหลับตาผิดไปจากจรณะ 15

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่เพี้ยนไป ไปกำหนดวิธีหลับตาก็ผิดแล้ว หลับตาผิดไปจากจรณะ 15 แล้ว เพราะจรณะ 15 ระบุไว้ว่าต้องมีศีลต้องมี อปัณณกปฏิปทา 3 ชัดๆกำหนดไว้ว่าหลับตาไม่ได้ สำรวมอินทรีย์ 6 ก็บอกว่าแล้วว่าต้องมีการรู้ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ 6 ไปอยู่ที่หนึ่งเดียวและปิดอีก 5 ทวารไม่สำรวมสังวรเลยมันก็ผิดไปทันที พูดไปเท่าไหร่ท่านก็ไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 16:28:26 )

วิธีหายตัว

รายละเอียด

วิธีหายตัว คือ วิธีสะกดจิตคนอื่น ให้คนอื่นไม่เห็นตัวเรา อันนี้พิสูจน์ได้ วิชาสะกดจิตนี้สะกดจิตเสร็จแล้ว สามารถสั่งให้ผู้ที่ถูกสะกดจิตไม่เห็นสิ่งใดเขาก็จะไม่เห็นตัวเรา อย่างเช่นนักมายากลที่เล่นบนเวทีก็จะมีความสามารถในการสะกดจิตให้คนฟัง ตามเขาได้เลย เขาก็จะจูงนำไปได้ทุกอย่าง เหมือนกับเขาสั่งได้จะเห็นตามเขาเพี้ยนตามเขา เชื่อตามเขาหมด นี่คือวิธีจูงใจสะกดจิตแล้วก็กำหนดให้เขาเป็นไปตามที่เราสั่ง เป็นไสยศาสตร์

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 15:34:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:14:18 )

วิธีอย่างวิปัสสนาอย่างใช้ปัญญาที่จะต้องรู้จักเหตุ

รายละเอียด

ที่นี้เราก็ต้องหาวิธีอย่างวิปัสสนาอย่างใช้ปัญญาที่จะต้องรู้จักเหตุ มีศีล อปันกปฏิปทา สัทธรรม 7 สัทธา หิริ โอตตัปปะ พหูสูต วิริยะ สติ ปัญญา 

วิริยะ สติ ปัญญา เป็นพลังงานที่เสริมให้เกิดพหูสูต ให้เกิดศรัทธาที่เต็มศรัทธาที่เต็มด้วยปัญญาก็คือบริบูรณ์ หิริกับโอตตัปปะเป็นตัวกลางที่จะเกิดในจิตมนุษย์

ทีนี้เมื่อเกิดมีหิริโอตตัปปะ จิตมันก็จะกลัวไม่เอาแล้วว่าอันนี้เป็นสิ่งไม่ดีไม่ควร ควรจะต้องเลิกละหน่ายคลาย พลังของปัญญาที่รู้ว่าอันนี้เป็นโอตตัปปะ อันนี้เป็นของน่ากลัว ไม่ใช่ละอายเท่านั้น ก็จะไม่เอาเพราะมันน่ากลัว มันก็จะเลิก ทีนี้เลิก มันก็จะเป็นสมถะไปก่อนแล้วก็จะศึกษาไปตามลำดับโดยการมีเหตุปัจจัยแล้วก็จะเกิดการพิจารณามีธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ปฏิบัติไป หรือหลักเกณฑ์ต่างๆ ประดามี มันจะเป็นธรรมวิจัยเทียบสอง เทวะ เทียบ อันไหนดีกว่าอันไหนจับคู่กันอันนี้ดีกว่า จับคู่กันได้หมดทุกอัน จับมาเป็น 2 เทียบคู่กันได้หมดแล้วจะรู้ว่าอะไรดีกว่าอะไร แล้วเราก็เลือกเอาสิ่งที่ดี มาเป็นหรือมาอาศัย ไม่ใช่ไปยึดถือว่าเป็นเราเป็นตัวเราแต่ว่าอาศัยอันที่ควรอาศัยเราก็จะอาศัยอันนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:42:44 )

วิธีเรียนของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

วิธีเรียนของพระพุทธเจ้าคือเรียนเทวดาทีละคู่ก็จะรู้ความแตกต่างเรียกว่า ลิงคะ เรียกว่าเพศ ก็จะเลือกเอาอันหนึ่งที่ดีขึ้น แล้วจะมีสองไปอีก ก็เรียนรู้ต่อไปอีก อะไรดีขึ้นไปอีกก็เรียนรู้กันไปอีกก็จะมี 2 อีก จนกระทั่ง 2 2 2 จาก 2 เป็น 1 จาก 2 เป็น 1 ไปเรื่อยๆจนกระทั่งห่างไปเลยทีนี้ คนได้ 2 แล้วก็เลือกเอา 1 สูงขึ้นไปเป็นโพธิสัตว์ก็จะห่างออกไปจากคนระดับล่าง จนห่างมากเลยเรียกว่าสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็น 1 ที่ห่าง 2 มาก ไม่มีทางไล่ทัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:52:42 )

วิธีเลิกทั้งสวรรค์และนรก

รายละเอียด

นรกคือทุกข์สวรรค์คือสุข เป็นธรรมะ 2 เป็นของคู่ มีอันใดอันหนึ่งก็ต้องมีอีกอันหนึ่ง เป็นของคู่ ต้องทำให้เป็นเดี่ยว แล้วเดี่ยวนั้น ต้องทำสิ่งดีให้มันเกิด ไม่ดีให้มันหายไปเลยจากตัวเราไม่มีเลยในกรรมกิริยาในจิตของเรา ไม่มีเลยทำก็ไม่เป็น เข้ามาก็ไม่รับ สวรรค์นรกคนโง่มันก็จะเกิดในตัวเรา แล้วเราไม่รู้วิธีเลิกทั้งสวรรค์และนรก ศาสนาพุทธนั้นไม่มีทั้งสวรรค์และนรกได้ จิตว่างๆ จิตกลางๆ แต่รู้สวรรค์นรก ถ้าจะทำก็ทำแต่สวรรค์ แล้วไม่หลงดีว่าเป็นเราเป็นของเรา ทำสวรรค์แต่ไม่ยึดถือสวรรค์เป็นเราเป็นของเรา ทำแต่เพียงอาศัย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:40:53 )

วิธีเลิกสิ่งยึดติดให้เกิดสุข

รายละเอียด

เป็นวิธีของพระพุทธเจ้า คือให้เลิกมันจากสิ่งที่ทำให้เกิดความสุข เราก็ต้องรู้ว่าอะไรที่เราวนเวียน เป็นคำกริยาที่ทำเรียกว่า อบาย มันควรเลิกได้แล้ว เราควรจะเลิกได้แล้ว เช่น สร้างแต่อาวุธมาฆ่าคนนี้มันบาปมหาศาล ต่ำมาก เลิกได้แล้ว ผู้ที่สร้างอาวุธอยู่ทุกวันนี้เขา จะฟังเข้าหูไหม

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 15:52:12 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:15:55 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:28:11 )

วิธีเอามาใช้ปฏิบัติ เพื่อให้ถึงความเป็นกลาง

รายละเอียด

เขาไปแปล มัชฌิมาปฏิปทา ว่า ทางสายกลาง ความเป็นกลาง แล้วคุณก็ไปเอา ปฏิปทา มาแปลว่า เป็นทาง ที่จริง ทางเหมือนถนนเดิน แต่ถ้าบอกว่าวิธีปฏิบัติ มันไม่ใช่แค่ถนนเดิน มันคือวิธีที่คุณจะเอามาใช้ปฏิบัติ เพื่อให้ถึงความเป็นกลาง แต่  คุณไปแปลว่าทางเดิน ถนนเดิน คุณก็เดินตรงกลางถนนไป จะไปไหน ต้องไปทางสายกลาง แล้วจะไปถึงไหน ทางสายกลาง แล้วกลางอยู่ตรงไหน เขาก็ว่าเดินอยู่กลาง ถามว่าเมื่อไหร่จะถึง เขาก็บอกว่า เดินอยู่กลางอยู่แล้ว คุณไม่รู้ว่า กลางนี่คือจะต้องไม่มีทั้ง 2 อย่าง ไม่มีทั้งขั้วบวกขั้วลบ กลางคือ nautral คุณต้องมีจิตขั้นนั้น ปฏิบัติ 2 ข้าง มันดูดผลักอะไรคือ กามกับอัตตาก็มาเรียนรู้หมดกาม หมดอัตตา กามหมดก่อนเหลือ รูปอัตตา อรูปอัตตา หมดอีก จบจ้อย 

ไม่ได้มาเรียนรู้ความเป็นกลางอย่างว่านี้ เพราะฉะนั้นแม้แต่ความเป็นจริงเท่านี้ก็เข้าใจไม่ได้ มันก็เลยปฏิบัติไม่ได้ เพราะฉะนั้นผู้ใดที่แปล ซึ่ง มันน่าเห็นใจเหมือนกัน มัชฌิมาปฏิปทา ไปแปลว่าทางสายกลางนี่ มันก็เลยไปกันใหญ่เดินอยู่ที่ตรงกลางและไปไหนไปทางสายกลาง แล้วอธิบายประกอบด้วยนะว่าเหมือนพิณ 3 สาย อย่าไปหลงเส้นต่ำ อย่าไปหลงเส้นสูง อ้าว แล้วให้ดีดแต่สายกลาง แล้วจะเป็นเพลงได้อย่างไร ดีดสายเดียว ให้ได้สมดุลและดีดทุกเส้น เรียนรู้ทุกอย่างรอบถ้วน ไปเลือกเอาหน่อยๆ ส่วนหนึ่ง เท่านั้นไม่พอไม่ได้ไม่ครบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 19:10:41 )

วิธีแก้ง่วง 8

รายละเอียด

1. ตั้งสัญญา(กำหนดหมายรู้) ไว้ในใจให้มาก ๆ

2. ตรึกตรองพิจารณาธรรม  ตามที่ได้ฟังมาแล้ว ได้เรียนมาแล้วด้วยใจ

3. สาธยายธรรมตามที่ได้ฟังมาแล้ว ได้เรียนมาแล้วโดยพิสดาร

4. ยอนช่องหูทั้งสองข้าง  เอามือลูบตัว

5. ลุกขึ้นยืน  เอาน้ำล้างหน้า  เหลียวดูทิศทั้งหลาย  แหงนดูดาวที่ส่องสว่าง

6. ทำในใจถึงอาโลกสัญญา(กำหนดหมายรู้แสงสว่าง)  ทำจิตให้เกิดแสงสว่างขึ้น

7. อธิษฐาน(ตั้งจิต)จงกรม(เดินไปมาโดยมีสติกำกับไม่ให้กิเลสครอบงำได้)

8. กระทำสีหไสยา(นอนตะแคงขวา มีสติสัมปชัญญะ  กำหนดหมายเวลาตื่น  ตื่นแล้วลุกขึ้นทันที  ตั้งใจว่าจะไม่เสพสุขในการนอน)   

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 23“โมคคัลลานสูตร” ข้อ 58

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 16:47:50 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 16:03:52 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:18:45 )

วิธีแก้ง่วง 8

รายละเอียด

1. ตั้งสัญญา (กําหนดหมายรู้) ไว้ในใจให้มากๆ

2. ตรึกตรองพิจารณาธรรม ตามที่ได้ฟังมาแล้วได้เรียนมาแล้วด้วยใจ

3. สาธยายธรรมตามที่ได้ฟังมาแล้วได้เรียนมาแล้วโดยพิสดาร

4. ยอนช่องหูทั้งสองข้าง เอามือลูบตัว

5. ลุกขึ้นยืน เอาน้ำล้างหน้า เหลียวดูทิศทั้งหลายแหงนดูดาวที่ส่องสว่าง

6. ทําในใจถึงอาโลกสัญญา(กําหนดหมายรู้แสงสว่าง)ทําจิตให้เกิดแสงสว่างขึ้น

7. อธิษฐาน (ตั้งจิต) จงกรม (เดินไปมาโดยมีสติกํากับไม่ให้กิเลสครอบงําได้)

8. กระทําสีหไสยา (นอนตะแคงขวา มีสติสัมปชัญญะ กําหนดหมายเวลาตื่น ตื่นแล้วลุกขึ้นทันที ตั้งใจว่า จะไม่เสพสุขในการนอน)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 23 “โมคคัลลานสูตร” ข้อ 58


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 20:07:56 )

วิธีแก้จนมี 2 แบบ

รายละเอียด

คือ

1.  แก้จนโดยให้ทุกคนรวย   

2. แก้จนโดยให้ทุกคนจนอย่างสุข สำราญ เบิกบานใจ   สุขภาพแข็งแรง  ขยันสร้างสรร เสียสละ  แก้จน แบบไหนประเสริฐกว่ากัน

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:38:54 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:17:40 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:21:08 )

วิธีแก้จนมี 2 แบบ

รายละเอียด

1. แก้จนโดยให้ทุกคนรวย 2. แก้จนโดยให้ทุกคนจนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจสุขภาพแข็งแรงขยันสร้างสรรเสียสละ แก้จนแบบไหนประเสริฐกว่ากัน …แบบที่สอง

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 10:16:15 )

วิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

รายละเอียด

สมบัติผลัดกันชม ศัพท์คำนี้ สมบัติผลัดกันชม คำนี้สูงมาก แย่งสมบัติกันเท่านั้น มันต้องแก้ปัญหาที่จิตวิญญาณให้คนมีความรู้ ให้คนมามีวรรณะ 9 ให้คนมาจน จนนให้สำเร็จ ไม่ได้พูดเล่นในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่ได้ตรัสเล่นท่านเป็นโพธิสัตว์ แต่ในประเทศไทยมีหลายศาสนา ท่านจะพูดลงลึก เกินหน้าเถระสมาคม ไปไม่ได้ แต่สมณะโพธิรักษ์ขึ้นต่อพระธรรมโดยตรง จะมากอบกู้ศาสนามากู้ธรรมะด้วย ในหลวงท่านรู้ทุกอย่างว่าอะไรเป็นอย่างไร ทีนี้คนที่ไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยไม่เข้าใจถึงว่า ต้องแก้ที่คน ให้คนรู้จักการดื่มการกิน ให้รู้จักพอเลี้ยงง่ายบำรุงง่ายเป็นคนมักน้อย เป็นคนสันโดษเป็นคนใจพอ เป็นคนขัดเกลากายวาจาใจอย่าไปหลงระเริงกับโลกแฟชั่น ไม่ต้อง อะไรพวกนี้ เป็นคนที่มีวรรณะ 9 แล้วจะอยู่เย็นเป็นสุขมีสาราณียธรรม 6 อย่างที่ชาวอโศกเป็นลูกพระพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมสำเร็จ มีสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างมีเมตตากายกรรมวจีกรรมมโนกรรม มีลาภโดยธรรม ทุกคนผลิตทุกคนทำเอามารวมกับกองกลาง ซึ่งเป็นเรื่องเศรษฐกิจสูงสุดของโลก สูงสุดที่สุดไม่มีอะไรเกินได้คอมมิวนิสต์ก็สู้ไม่ได้ประชาธิปไตยก็สู้ไม่ได้ เศรษฐกิจคือคนอยู่ในสังคมกลุ่มนี้เป็นสมาชิกสังคม ทำงานแล้วเสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ คนที่เป็นแกนเป็นหัวยอดของพีระมิดนี่ กลุ่มอื่นก็จะมีจิตที่มักน้อยสันโดษลงไปตามลำดับ สังคมประเทศชาติก็จะเจริญ ให้คนเข้าใจทิศทางของธรรมะ ทิศทางของคนเจริญ เข้าไปสุดยอดพีระมิด ยอดพีระมิดคือสาธารณโภคี ไม่ต้องมาเสียสละ 100% ตามชาวอโศก แต่ตามฐานะของสังคม แล้วใครเสียสละได้มากคือคนเจริญความเจริญไม่ใช่คนรวยแต่ความเจริญคือคนจนคือศาสนาหมดตัว การพูดอย่างนี้ไม่ได้สุดโต่งเพราะชาวอโศกมีจริงเป็นจริงได้ เป็นการปฏิบัติได้ แล้วอาตมานำพุทธศาสนามา 40-50 ปี ถ้าจะเริ่มต้นก็มีสาธารณโภคีตั้งแต่ต้นจนเดี๋ยวนี้ยังไม่ล้มละลายเลยมีแต่ดีขึ้น เป็นสุดยอดคุณธรรมคุณประเสริฐของมนุษย์ที่เป็นไปได้เพราะรู้ด้วยปัญญา เข้าใจจริงๆว่านี่เป็นสิ่งที่ดีงามเป็นสิ่งที่ถูกต้องสิ่งที่ประเสริฐ ฉะนั้นคนประเสริฐเป็นคนที่เสียสละ พูดก็เข้าใจ คนประเสริฐคือคนไม่เอาเปรียบ คนประเสริฐคือคนที่มีอยู่มีกิน พึ่งพาตนเองรอด หรือยังเป็นสังคมที่พึ่งพาตนเองได้หมดแล้วเหลืออีก พึ่งตนรอดแล้วมีเหลืออีก ซึ่งมีผลผลิตที่มีมวลมากขึ้น จึงสะพัดคือแก่คนอื่นได้และมีปัญญารู้ว่าไม่เอาแรงงานไม่เอาเวลาไปสร้างหรือไปทำสิ่งที่ไม่ได้เรื่อง ไร้สาระ เอาแรงงานไปเตะบอลไปเต้นแร้งเต้นกาไม่ทัน เอามาสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติต่อสังคม ประโยชน์สูงประหยัดสุดอะไรพวกนี้ ซึ่งเป็นสุดยอดคำสอนของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2563 ( 12:40:36 )

วิธีแยกกายแยกจิตอย่างลัดคัดสั้น

รายละเอียด

ก็เห็นใจนะ คำว่าแยกกายแยกจิตไม่ใช่เรื่องตื้นเขิน เป็นเรื่องที่ยากยิ่งที่จะเข้าใจอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์ 

ถ้าผู้ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้า แยกกายแยกจิต ไม่ได้ดี ถึงขีดเพียงพอ เข้าใจไม่สัมมาทิฏฐิเพียงพอ ไม่มีทางบรรลุอรหันต์ อาจจะบรรลุความดี บรรลุความเจริญ แต่มันจะไม่ตัดขาดกิเลส และก็รู้จักรอบแห่งการตัดขาดกิเลสไปตามคำว่า โลก คำว่า การสัมพันธ์ระหว่างกายนอกกับสิ่งข้างนอก 

เช่น สมมุติง่ายๆขณะนี้มี กล้วย เขาเรียกว่ากล้วยดาบหรือกล้วยงาช้าง ลูกเบ้อเริ่มเลย คนที่เขาเห็นสัมผัสแล้วปั๊บก็บอกว่าน่ากิน น่ากิน อยากกิน ชอบใจ เห็นสัมผัสแล้วน่ากิน คุณยังมีการสัมผัสๆเกี่ยวข้องและยังมีความเห็นว่า น่าได้ น่ามี  น่าเป็น น่าอยากอยู่ นั่นคือคนที่ยังมีโลกเกี่ยวพันกับอันนี้อยู่ 

กายมีภายนอกกระทบด้วยตา อาจจะได้กลิ่นด้วย ได้รส ได้สัมผัสด้วยอะไรก็แล้วแต่ แต่มันไม่ได้ออกเสียงมา แต่ชอบใจ นี่คือคุณยังติดยึดเกี่ยวข้อง ยังเป็นโลก คุณยังดับโลกของการติดอันนี้ ยังไม่ได้ 

แต่ถ้าคุณสัมผัสแล้วก็เห็นว่า เออ เฉยๆ รู้ความจริงตามความเป็นจริง หมายความว่าสัมผัสแล้วก็รู้ว่า กล้วย กล้วยนี้มันมีความแตกต่างจากกล้วยชนิดอื่น กล้วยงาช้างหรือกล้วยดาบลูกมันโตมันใหญ่กว่ากล้วยเล็บมือนางเยอะ ก็รู้ความจริงเท่านั้นเอง รสมันอาจจะหวานไม่เท่ากล้วยเล็บมือนาง เออ…ก็สู้ไม่ได้ ก็ไม่ได้ติดใจว่า เราติดใจกล้วยเล็บมือนาง กล้วยดาบเราไม่ติดใจ ก็ไม่ใช่ 

ก็รู้ความเป็นจริงว่า ถ้าเกิดสมควรจะต้องกินก็กินได้ กินกล้วยเล็บมือนางก็ได้  กินกล้วยดาบก็ได้ ไม่ได้ผลักหรือดูดอย่างไร 

ถ้าเราจะต้องรับเพื่อจะกินเป็นอาหารเลี้ยงชีวิต  เราก็กินมัน ไม่เกิดภาวะผลักหรือดูด..  กลางๆ.. อย่างนี้คือจิตไม่มีชอบไม่มีชัง ไม่มีอยากได้หรือไม่อยากได้ กลางๆ มีแต่ปฏิภาณปัญญาเห็นว่าควรไหมควรกิน ควรใช้ ควรอาศัยมันไหม ถ้าไม่ควรอาศัยก็ไม่กิน มันรู้สึกว่ากล้วยนี้มันแสลง ลมมันเยอะหรืออะไรก็แล้วแต่อะไรอย่างนี้เป็นต้น เราไปรู้มันอีก ยิ่งไม่ควรใหญ่เลย ก็ว่าไป อย่างนี้เป็นต้น รายละเอียดเหล่านี้เราจะค่อยๆมีปฏิภาณความเฉลียวฉลาดที่จะรู้รายละเอียดเหล่านี้ไปเรื่อยๆ 

แม้มันไม่ละเอียดมัน หยาบ มันผลักก่อน มันถูกต้อง คุณก็รอดจากมันได้แล้ว และยิ่งถ้ามีเหตุผลอธิบายเพราะเหตุว่าไม่ควร เพราะเหตุอย่างนี้อย่างนี้ก็ยิ่งมีภูมิปัญญาปฏิภาณรู้รอบมากขึ้นอย่างนี้เป็นต้น 

แต่ถ้าคุณ ละได้ก่อนแล้วก็ดี จริงๆแล้วอะไรๆก็ไม่ควรไปติดไปยึดทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น ละได้ก่อน ได้แล้ว คุณไม่ได้ขาดอาหาร คุณไม่ได้ขาดสิ่งที่จะมาใช้ในชีวิต เพราะกล้วยนี้ถ้าจะว่าจริงๆแล้วเป็นส่วนเกินด้วยซ้ำ ไม่ต้องก็ได้ตลอดชีวิตไม่ต้องกินกล้วยดาบเลย รับรอง อยู่เจริญเป็นพระอรหันต์ได้ เป็นโพธิสัตว์ได้ อ้าว ผ่าน

กายกับจิตให้ฟังไปเรื่อยๆจะอธิบายไปตามลำดับ ตอนนี้ขอต๊ะไว้ก่อน ต๊ะไว้ก่อน คือชะลอไว้ก่อนยังไม่ดำเนินการ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่น งานตลาดอาริยะ 2566 วันศุกร์ที่ 14 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 16:31:01 )

วิธีแยกธาตุจิตเรียนได้ในสำนักสัมมาสิกขาเท่านั้น

รายละเอียด

ถ้าเรายังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานหรือเรายังไม่รู้ รู้แล้วก็ยังไม่สามารถแยกธาตุจิตของเราได้ เราก็ไม่สามารถที่จะบรรลุผลสำเร็จที่จะตายแบบนิพพาน ตายแบบแยกธาตุจิตของเราให้เป็นอุตุ ไม่จับตัวแม้เป็นพืช หากจะรวมตัวเป็นอุตุใหม่ผสมส่วนเข้า ถึงขั้นเป็นชีวะ ไบโอโลจี วิธีแยกธาตุจิตนี้เรียนได้ในสำนักสัมมาสิกขาเท่านั้น แหละมหาวิทยาลัยใดๆในโลกยังไม่มี รู้ในมหาวิทยาลัยสัมมาสิกขาเท่านั้น ที่เรียนรู้พระพุทธศาสนา รู้ตอนนี้ แยกอุตุ แยกพืชะ แยกจิตด้วยกรรมด้วยธรรมะ นี่เป็นธรรมนิยาม 5 

มีสัมมาสิกขาสอนอยู่แห่งเดียวในโลก อีกหน่อยต่อไปในอนาคตแหล่งอื่นๆเขาเข้าใจแล้วเขาก็จะเอาไป เขาจะเอาไป เขาก็จะต้องเป็นสัมมาสิกขาเหมือนกัน คนจะเอาไปปลอมมันก็ได้ปลอม แต่ถ้าเขาเอาไปแล้วไม่ปลอมได้จริง เขาก็จริง เขาก็กลายเป็นสัมมาสิกขาจริงๆว่าจิตปัญญา มันจะรู้ทุกอย่างละเอียดหมดเลย ตามปัญญาข้อที่ 8 

จะรู้ เวทนา สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ จะรู้ขันธ์ 5 แล้วรู้ อุปธิ ทั้ง 3

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด นักเรียนสัมมาสิกขา ปีการศึกษา 2562-2563

วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 20:46:31 )

วินสฺสติ

รายละเอียด

พินาศ คือถูกทำลายจนฉิบหาย

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 542


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:30:52 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:21 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:23:16 )

วินัย

รายละเอียด

เป็นเรื่องของข้อห้าม เป็นสิ่งที่ละเมิดแล้วมีบทลงโทษ ซึ่งเป็นเรื่องของสัจจะที่พระพุทธเจ้าแยกไว้ชัดเจนอยู่แล้ว

คำอธิบาย

วินัย คือ เป็นความผิดแต่ละข้อ ไม่ได้ลำดับ แต่ท่านก็เอาไปเรียงลำดับ หยาบ ถึงละเอียด วินัย 227 ข้อ หยาบสุด ปาราชิก 4, สังฆาทิเสส 13, อนิยต 2, นิสสัคคิยปาจิตตีย์ 30, ปาจิตตีย์ 92

(รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราชฯ  (วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2562)

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 16:01:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:19:43 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:22:24 )

วินัย

รายละเอียด

เป็นความผิดแต่ละข้อ ไม่ได้ลำดับ แต่ท่านก็เอาไปเรียงลำดับ หยาบ ถึงละเอียด วินัย 227 ข้อ หยาบสุด ปาราชิก 4, สังฆาทิเสส 13, อนิยต 2, นิสสัคคิยปาจิตตีย์ 30, ปาจิตตีย์ 92

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:39:10 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:21:58 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:22:55 )

วินัย 227 ก็เรียกว่าปาติโมกข์แต่ต่างจากศีลอย่างไร

รายละเอียด

พระปาฏิโมกข์เป็นคำสอน ที่ระบุลงไปชัดว่า นี่สำหรับฆราวาส นี่สำหรับนักบวช แม้ที่สุด ไปเรียกกลุ่มของวินัย 227 ก็เรียกว่าปาติโมกข์ เอาไปใช้ระมัดระวัง ฝึกหัด อย่าให้ละเมิดผิดเพราะว่ามีอาบัติ วินัยมีอาบัติ แต่ว่าศีลไม่มีอาบัติ ศีล เป็นความเจริญของแต่ละบุคคลที่ปฏิบัติด้วยความเข้าใจ 

ปฏิบัติ ศีล อปันกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 เกิด ฌาน เกิดวิมุติ มีปัญญา วิชชา 8 อะไรพวกนี้ได้เรื่อยๆไป ก็เจริญขึ้นพัฒนาไปตามลำดับ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 05:20:36 )

วินัย 227 ไม่ใช่ศีล

รายละเอียด

วินัย 227 มันไม่ใช่ศีล มันเป็นข้อปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าตั้งขึ้นมาทีหลัง จากการที่มีพฤติกรรมจริงของคน กรณีที่เกิดขึ้นต่างๆ อันไหนผิด ท่านก็ค่อยๆตั้งพระวินัยขึ้นมา มีคนเป็นต้นเหตุแล้วถึงไปตั้งวินัย อย่างนี้เขาก็ไม่เข้าใจกัน ก็เลยสลับสับสน ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว ไม่เกิดมรรคผลไปตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ ของศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นจรณะ 15 วิชชา 8 อันเป็นพุทธคุณแท้ๆของศาสนาพุทธ จึงเสื่อมไป ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 ไม่มี เพราะฉะนั้น สัทธรรม 7 ไม่มี ฌานไม่มี วิชชา 8 ไม่มี ก็เท่ากับศาสนาพุทธไม่มี วิชชาจรณสมบัติไม่มีแล้วในศาสนาพุทธ 

วิชาจรณสมบัติที่แม้แต่ในยุคพระพุทธเจ้า อัมพัฏฐมานพยังยึดมั่นถือมั่นว่าฉันเป็นพราหมณ์เป็นผู้ที่เป็นเจ้าของวิชชาจรณสมบัตินะ ยื้อแย่งกันอยู่กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเลยบอกว่าพวกคุณจะรู้จัก วิชชาจรณะได้อย่างไร ในอัมพัฏฐสูตร เอาละไม่เท้าความต่อ พูดถึงหลายทีแล้ว (พตปฎ. เล่ม 9 “อัมพัฏฐสูตร” ข้อ 141-177)

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 34 ปฏิบัติธรรมไม่เริ่มต้นที่ศีลก็เหมือนผีหัวขาด วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 หนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 10:46:12 )

วินัยกับศีล

รายละเอียด

ภิกษุทั้งหลายแหล่ทุกวันนี้ไม่ชัดเจนในคำว่าวินัยกับศีลยังไม่ละเอียดชัดเจน ยังไม่ลึกซึ้งพอ ไปหลงพระวินัย 227 ไปแทนศีลแล้วก็ไม่เข้าใจศีลตามลำดับ อานิสงส์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นแก่ผู้ทรงวินัย 227 ข้อแต่ไม่ได้ศึกษาศีลสัมปทาได้หรือไม่อย่างไร ..ตอบว่าไม่ได้ วินัย เป็นความผิดแต่ละข้อ ไม่ได้ลำดับ แต่ท่านก็เอาไปเรียงลำดับ หยาบถึงละเอียดวินัย 227 ข้อ

หยาบสุด ปาราชิก 4 

รองลงมาก็เป็นสังฆาทิเสส 13 

จากนั้นเป็นอนิยต 2 

มีนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 30 

ปาจิตตีย์ 92 

แล้วก็มีเสขิยวัตร ต่างๆ เป็นต้น

ศีลหยาบแต่ได้ผลละเอียดคือ

ศีลข้อ 1 2 3 หยาบ 3 ข้อ แต่ได้ผลละเอียดไปตามลำดับ ถ้าเข้าใจละเอียด 3 ข้อแล้ว คุณจะไปหาอธิศีลเอง ก็จะได้แต่มันยาก ต้องมีพยัญชนะต่อข้อ 3 4 5 ศีลทั้ง 3 ข้อแรกที่จริงครบแล้ว ข้อ 4 เป็นวจี ข้อ 5 เป็นมโน ความละเอียดที่ขยายเป็นศีลมากขึ้นนั้นสภาพความหยาบก็จะมากขึ้นเช่น

จุลศีล 26 ข้อ

ข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ ข้อ 2 ไม่ลักทรัพย์ ข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม ข้อที่ 4 5 6 ต่อไปก็เป็นเรื่องคำพูด ข้อที่ 8 ไปหา พีชะแล้ว ไม่พรากพืชคาม แล้วก็กินหนเดียว อาหารน้อยลงข้อ 9 ข้อ 10 เว้นขาดฟ้อนรำ ข้อ 11 ไม่ประดับตกแต่ง มาฟ้อนรำดูเหมือนละเอียด ไม่หยาบ แต่กินลึกละเอียดกว่าการฆ่าสัตว์ เพราะมันไปติด หากไปติดฟ้อนรำเนียนกว่า กินในกินลึกยากกว่า ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ สภาพซับซ้อน ยิ่งเนียนละเอียดแต่ยิ่งหยาบ มาข้อไม่เลี้ยงสัตว์ก็เนียนแต่ลึกกว่าอีก รับเงินรับทอง หยาบ แต่ละเอียดกว่านอนกว่านั่งนะ

ศีลละเอียดกว่าวินัย ...ศีล “ละเว้น”การฆ่าสัตว์ แต่วินัย “จงใจ”ฆ่าสัตว์เป็นปาจิตตีย์

ศีลไม่มีบทลงโทษ วินัย ไม่ใช่ข้อปฏิบัติเพื่อจะบรรลุเป็นอรหันต์ แต่ปฏิบัติเพื่อเป็นอุปการะ

ทำให้คุณดีขึ้นและกิเลสลดลงได้บ้าง แต่มันเหมือนมีจิ๊กซอ ปนกันเต็มไปหมด ไม่เป็นระบบไม่เป็นลำดับ ธรรมะพระพุทธเจ้านั้นมีลำดับอันน่าอัศจรรย์ ต้องปฏิบัติศีลสมาธิปัญญาอย่างเป็นลำดับ


เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 13:22:51 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:27:24 )

วินัยกับศีลต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

วินัยกับศีลต่างกัน วินัยคือข้อบังคับทำผิดแล้วถูกลงโทษ ส่วนศีลไม่มีบทลงโทษ ทำแล้วก็ได้ลดกิเลสตัวเอง ไม่ทำก็ไม่ได้ลดกิเลส แต่วินัยคือข้อบังคับถ้าทำผิดก็มีบทลงโทษเรียกว่า ศีลอาชญา เหมือนกฎหมายอาญาต้องมีบทลงโทษ ต่างกันอย่างนั้น คือศีลกับวินัย

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:02:21 )

วินัยกับศีลนั้นมันต่างกัน

รายละเอียด

วินัยมันมีโทษ มีข้อปรับโทษ แต่ศีลไม่ได้มีข้อปรับโทษ ศีลเป็นอิสรเสรีภาพ วินัยมันเป็นเรื่องของข้อบังคับ  แต่ศีลไม่ได้เป็นเรื่องของข้อบังคับ เป็นอิสระ เป็นเรื่องของปัญญาสมบูรณ์แบบ คุณพอใจปฏิบัติศีล คุณก็ปฏิบัติ คุณไม่พอใจปฏิบัติศีล คุณไม่เห็นคุณค่า คุณก็ไม่ปฏิบัติ แต่คุณไปบวช คุณมีวินัย คุณจำเป็นจะต้องทำตามวินัย ถ้าคุณไม่บวชคุณก็ไม่มีวินัย 227 ใช่ไหม คนที่ไม่บวชเขาก็ไม่ได้ถือวินัย 227 อย่างนี้เป็นต้น เขาก็ไม่เข้าใจแล้ว ที่จริงมันเป็นความลึกซึ้งละเอียดนะที่อาตมาอธิบาย แต่เขาก็ไม่เข้าใจหรอกที่ว่ามันมีความลึกซึ้ง เขาก็หาว่าพูดอะไรก็ไม่รู้ ใครก็รู้ 227 แล้วเขารู้จริงๆหรือเปล่า คุณได้แค่นี้คุณนึกว่าคุณมีวินัย คุณนึกว่าคุณมีศีล คุณปฏิบัติศีลที่จริงไม่ได้ปฏิบัติศีล 

แล้วปฏิบัติศีลคืออะไรคุณก็ไม่รู้ ปฏิบัติวินัยเพื่อไม่ให้มันอาบัติไม่ให้มันละเมิด คุณก็ว่าไป วินัยหนักที่สุดปาราชิก 4 คุณไม่ให้มันปาราชิกก็เลิศยอดแล้ว ก็จริงไม่มีสังฆาทิเสสอีก 13 ก็ดี แต่ทุกวันนี้อาตมาพูดได้เลยว่าสังฆาทิเสสเต็มไปหมดเลย อย่าว่าแต่สังฆาทิเสสเลย ปาราชิกก็มีเยอะ โดยเฉพาะปาราชิกในข้อเงินทอง กับอวดอุตริมนุษธรรมที่ไม่มีในตน เยอะเลย เรื่องกามก็ไม่ใช่น้อย เรื่องฆ่าคนยังมีเลยในปาราชิก 4 อยู่ในนั้นแหละเละเน่าเฟะอยู่ในนั้น ปาราชิกก็ให้มาบวชกันซูเอี๋ยกัน อาตมาบวชมาอาตมาก็อยู่ด้วยไม่ได้ จึงประกาศนานาสังวาส อาตมาไม่ได้มาทำเล่นไม่ได้มาทำอวดดีอวดเก่งอะไร มันเป็นไปตามสัจธรรม อาตมาก็ต้องขอมาเป็นนานาสังวาส แก้ไขไม่ได้แล้วทางโน้นอาตมาก็อยู่ด้วยไม่ได้ เพราะมันหมักหมมเน่าในอยู่อย่างนั้นอาตมาก็ต้องนานาสังวาส 

แต่เสร็จแล้วคุณไม่เข้าใจเรื่องนานาสังวาส อาตมาก็ทำถูกต้องดีไม่ดีออกกฎหมายใหม่ให้อาบัติกินหัวอีก ออกกฎหมาย 2505 เอามาเล่นงานอาตมา โดยไปบัญญัติใหม่ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติคือ ให้สังฆราชมีอำนาจสั่งให้ภิกษุสึกได้ พระพุทธเจ้ายังไม่สั่งสึกใครเลย ขนาดพระเทวทัต พระพุทธเจ้ายังไม่ได้สั่งให้สึกเลย แต่ให้จับเทวทัตเป็นนานาสังวาสเท่านั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ไปสั่งให้เทวทัตสึก แต่นี่ไปเอากฎหมายให้สั่งสึกได้ เก่งกว่าพระพุทธเจ้าอีก นั่นแหละเป็นการบัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่บัญญัติ เขาก็ไม่รู้ตัวอย่างนี้เป็นต้น อาตมาก็พูดความจริงอันนี้ออกไปแล้ว มันจะไปแสลงหูแสลงใจของเขาขนาดไหน แต่อาตมาจำเป็นต้องเปิดเผยสิ่งที่คุณทำผิดไปแล้ว อย่าทำอีกนะ ทำไปครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว แต่นี่ก็ทำซ้ำกันไม่รู้กี่ครั้ง ผิดแล้วผิดอีกๆๆๆ แล้วก็เอามาขี้ตู่อาตมาให้บาปใส่ตัวเอง 

ที่อาตมาพูดนี้ อาตมาไม่ได้ไปขี้ตู่ว่าพวกคุณบาปหรอก แต่มันเป็นสัจธรรมที่คุณบาปเอง เพราะฉะนั้นจะบอกว่าลำเลิกเบิกประจานก็ขออภัย  แต่เป็นเรื่องสัจธรรมที่มันเกิดมาและอาตมาก็อาศัยสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เอามาเป็น บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ เอามาเปิดเผยเป็น จุตูปปาตญาณ สิ่งที่เกิดไปเป็นไปสิ่งที่จุติ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 32 จรณะ 15 คือการยืนยันหลักปฏิบัติไม่ผิดของพุทธ วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 8(8) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2566 ( 11:35:13 )

วินัยที่ห้ามภิกษุกล่าวธรรมพร้อมกับคฤหัสถ์

รายละเอียด

อันนี้หมายความว่าพูดคำเดียวกัน แต่ถ้าเป็นประณามคาถาไม่เป็นไร แต่ถ้าเอาธรรมบทมา พูดพร้อมกันอย่างนี้ อาบัติ ท่านห้าม เพราะภิกษุกับฆราวาส อย่าตีตนเสมอกัน มันลึกซึ้ง ต้องให้เกียรติกัน ถ้าภิกษุนั้นท่านอนุญาตให้คุณพูดธรรมะ จะเป็นธรรมบทไหนก็แล้วแต่ คุณก็พูดได้ แต่อย่าเอาธรรมบท ที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า หรืออนุสาสนีย์มันไม่ใช่ประณามคาถาที่เป็นคำสรรเสริญพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ใครแต่งก็ได้ แต่ธรรมบทเป็นคำตรัสคำสอนของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:56:54 )

วินัยไม่ใช่ปาติโมกข์ศีล

รายละเอียด

เริ่มต้นด้วยศีล มีโอวาทปาติโมกข์ มีจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล แต่เดี๋ยวนี้เป็นพระก็ไม่รู้เรื่องแล้ว ถามว่ามีศีลเท่าไหร่ เขาก็จะบอกว่ามี ศีล 227 ข้อ (พ่อครูถามสู่แดนธรรมว่าเคยบวชมามีศีลเท่าไหร่.. 227) นั่นมันวินัย ไม่ใช่ศีล

วินัยไม่ใช่แก่น ไม่ใช่ปาติโมกข์ แต่ศีลต่างหากพาไปสู่วิโมกข์ วินัยเกิดจากคนทำผิด แต่ศีลเป็นแกนหลักในการปฏิบัติได้สูงสุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:03:55 )

วินัสสติ

รายละเอียด

พินาศสิ้น

หนังสืออ้างอิง

(จากพุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 83)


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:32:21 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:44:19 )

วินาทีนี้ ผมก็ขอยึดอำนาจ

รายละเอียด

แต่สรุปแล้ว ขออภัย อาตมาพูดคำนี้แหละคนจะหมั่นไส้ ประชาชนไปปฏิวัติจนเรียบร้อยแล้ว แต่ตัวอย่างที่เรียบร้อยขนาดนี้ สวยงามสภาพขนาดนี้ มันไม่มีแล้วในโลก พอเสร็จ เขาก็เดินตามประเพณีจารีต มันต้องมีคน ประชาชนปฏิวัติเสร็จแล้ว ไม่มีใครไปเอาตำแหน่งหน้าที่ รอจนพลเอกประยุทธ์เข้ามา และบอกว่า ถ้าเช่นนั้นวินี้ ผมก็ต้องขอยึดอำนาจ คือ ชัยเกษมเขาเล่นลิ้นบอกว่า วินาทีนี้ ผมยังไม่ลาออก พลเอกประยุทธ์ก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้น วินาทีนี้ ผมก็ขอยึดอำนาจ คือพูดเหมือนเล่นๆกัน มันง่าย มันสะดวก มันไม่มีตัวอย่างในโลกหรอก 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์​ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:19:32 )

วินิบาต

รายละเอียด

ตกต่ำ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 214


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:33:02 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:45:18 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:25:25 )

วินฺทติ

รายละเอียด

พบ , ประสบ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 187


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:29:56 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:55 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:25:43 )

วิบบากบาปของธัมมะชโย

รายละเอียด

ธัมมชโยนี้เป็นคนมีปฏิภาณฉลาดเฉโก สูงมาก รู้ว่าคำนี้สูงก็เอาคำนี้ไปใช้หลอกมนุษยชาติเขาเอาไปทำการหลอกจริงๆหลอกบำเรอลาภยศสรรเสริญโลกียสุขใส่ตัวเอง ดั่งที่พฤติกรรมของเขาเองเป็นจริงวิบากบาปของเขาเป็นเช่นนั้น เอาธรรมกายเป็นคุณวิเศษของพระพุทธเจ้า แล้วคุณเอาธรรมกายของพระพุทธเจ้าไปหลอกคนหากินและมันจะบาปขนาดไหน ขณะนี้ธัมมชโย ไม่ใช่ถูกแผ่นดินสูบแต่ถูกอากาศสูบ ไม่รู้จะอยู่ที่ไหนแล้วเหลืออากาศหาไม่เจอยิ่งกว่าฝุ่น ตอนนี้เขาอาจจะหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ เขาพยายามจะตัดสื่อสารไม่ให้เขารู้มากเขาก็อยู่ได้เพราะคนจะสับสน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 11:24:06 )

วิบาก

รายละเอียด

คือ เป็นการกระทำที่ได้ทำแล้วของผู้นั้นเอง ผู้นั้นเอง แบ่งให้ใครอื่นไม่ได้ ไม่ยอมรับว่าเป็นของตนก็ไม่ได้ มันเป็นความจริง (สัจจะ) แน่ๆแท้ๆ ที่ต้องให้ผล ตอบสนองตามสัจจะดีหรือชั่วของตนๆ

หนังสืออ้างอิง

“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 188


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:03:24 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 16:02:50 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:26:17 )

วิบาก

รายละเอียด

1. ผลกรรม

2. ผลแห่งการกระทำของตน

3. ผลของกรรมที่ตนได้สั่งสมไว้ , ผลกรรมที่ตนสั่งสมมา

4. ผลแห่งกรรม , ผลของกรรม

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 118

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 248

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 15,178

ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 265


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:35:47 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:48:32 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:27:12 )

วิบาก รู้แล้วอย่าต่อ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอาตมาก็ พาทำเรื่องของ วัตถุกับพืช ในศีล ข้อต่อไป ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับวัตถุและพืช สัมผัสวัตถุกับพืช ก็ต้องเรียนรู้กิเลส หรือ อย่าไปทุจริต อย่าไปขี้โกง โกงในวัตถุกัน โกงในพืชกัน จะไปโกงใหญ่ในทุจริตจะไปทำชั่ว ในสิ่งเหล่านั้น หรือ จริงๆแล้วก็อย่าไปหลง หลงความสุขทุกข์กับวัตถุก็ดี กับพืชก็ดี 

พวกเรากินมังสวิรัติ สุขทุกข์อยู่กับพืชมีเยอะ ต้องเรียนสุขทุกข์เป็นคู่เอกในศาสนาโลกุตระ โลกียะเขาเรียนแต่ดีกับชั่ว แต่โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้านั้นเรียนรู้สุขทุกข์ แล้วคุณก็รู้ว่าสุขทุกข์นี้เป็นมายา มันเป็นอนัตตา มันไม่มีทั้งคู่นั่นแหละ จนคุณหมดเวทนาสุขหมดเวทนาทุกข์ ความรู้สึกของจิตวิญญาณ คุณกินพืชก็ดีแล้ว ถูกแล้วไม่ต้องไปอร่อยกับเนื้อสัตว์แล้ว ไม่เอาแล้ว หรือคุณเป็นกลางกับเนื้อสัตว์ รู้ว่ากินก็กินได้อย่างอาตมานี้เอาเนื้อสัตว์มาใส่ปากก็เคี้ยวกินได้ แต่ไม่รู้จะไปกินทำไมให้มันเปื้อนปากหรือให้มันเกิดวิบาก มันเป็นวิบากนี่ลึกซึ้งด้วย กินเข้าไปก็เป็นวิบากเปล่าๆ เพราะว่าเนื้อสัตว์มันก็มีวิญญาณของสัตว์ที่มันยังยึด แม้จะเป็นเนื้อบังสุกุล มันก็ยึดเป็นของกูนั่นแหละ เรื่องอะไรจะไปต่อวิบากกับสัตว์ เรากินพืชก็ไม่ต้องไปเกี่ยวกับวิบากกับสัตว์ ตัดขาดไปเลย รู้อย่างนี้แล้วอย่าไปต่อ คนไม่รู้เท่านั้นแหละเขายังต่อ ต่อวิบากมันเป็นบาป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 18 มกราคม 2566 ( 12:28:43 )

วิบากกรรม

รายละเอียด

ผลที่เป็นสิ่งเก่าของตนทำไว้ ขณะนี้เราหมายถึงร่างกายอันนั้น มันเป็นของเราที่เราเคยหลงสร้าง เคยสะสม เคยให้อาหาร เคยก่อ เคยบำรุงมันไว้ มันก็เป็นวิบากกรรมของเรา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 198


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 14:36:57 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:49:32 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:27:34 )

วิบากกรรม 6 ปีของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

พระป่านั้นมีอยู่เก่าก็คือพวกเดียรถีย์พวกนักบวช ภาษาไทยเรียกนักบวชว่าพระ ก็คือพวกนักบวชป่า สมณะป่าที่ปฏิบัติธรรมไปเข้าป่า พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา ก็ถูกสังคมครอบงำว่านักบวชต้องออกป่า ก็เลยเป็นลิงลมอมข้าวพองออกป่าตามเขา ก็ไปป่า แล้วก็ไปเป็นนักบวชแล้วก็ปฏิบัติตามที่เขานำพาด้วยทุกรกิริยาต่างๆ เป็นกิริยาที่ไม่ถูกต้อง เขาแปลง่ายๆว่าทรมานทรกรรม ไม่เข้าสัมมาทิฏฐิตามพระพุทธเจ้า ก็ทำกับเขาอยู่ 6 ปี สุดท้ายอดอาหารจนกระทั่งจะเดินไม่ไหวก็เลยเลิก เลิกแล้วก็นั่งลงใช้สัญญาตรวจสอบ นั่งสงบตรวจสอบในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 นั่งตรวจสอบใต้ต้นโพธิ์ ตอนนั้นยังไม่เรียกต้นโพธิ์ ตอนนั้นเรียกว่าต้นอัสสัตถพฤกษ์ ไปนั่งใต้ต้นนั้น ระลึกชาติ ในยาม 1 ในยาม 2 ในยาม 3 ก็รู้แจ้ง 

คือท่านนี้ได้รับการถูกทำนายตั้งแต่ประสูติเลยว่าผู้นี้จะได้เป็นพระพุทธเจ้า ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านได้รับการทำนายมา ตั้งแต่มีพราหมณ์ 7 รูปมาทำนาย มีพราหมณ์ชื่อโกณฑัญญะที่เป็นหนุ่มกว่าเพื่อน นอกนั้นเป็นพราหมณ์แก่หมด โกณฑัญญะทำนายคติเดียว เจ้าชายสิทธัตถะยังไม่ได้ครองเมืองทีเดียว 

เมื่อท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านจึงรู้ว่า อ๋อ ที่ 6 ปีนั้น เป็น 6 ปีที่ต้องไปใช้หนี้บาป ที่เคยไปท้วงพระพุทธเจ้าองค์กัสสปะ ยุคที่ตอนที่ท่านเป็นโชติปาละมานพ เราเป็นผู้ชื่อว่า โชติปาละ ได้เคยกล่าวกับพระสุคต พระนามว่า กัสสปะ ว่า  “การตรัสรู้เป็นของได้โดยยาก   ท่านจะได้จาก โพธิมณฑลที่ไหน  โพธิญาณท่านได้ยากอย่างยิ่ง” ด้วยผลแห่งกรรมนั้น  เราได้บำเพ็ญทุกกรกิริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลา 6 ปี เราถูกบุรพกรรมตักเตือนแล้ว (ปุพพกัมเมนะ โจทิโต)  จึงแสวงหาโพธิญาณโดยทางผิด  เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยทางนั้น บัดนี้เราเป็นผู้สิ้นบุญสิ้นบาป(ปุญญปาปปริกขีโณ)(เล่ม 32  ข้อ. 392)

ไปว่าแค่นี้ ว่าจ้างก็ไม่ได้หรอกจะมานั่งใต้ต้นโพธิ์นี้ เพราะว่าสัมมาสัมโพธิญาณเป็นเรื่องยาก ไปจาบจ้วงพระพุทธเจ้าแค่นั้น เป็นวิบากกรรม 6 ปีเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:07:18 )

วิบากกรรมของมนุษยชาติกับสัตว์ที่น่าสงสาร 

รายละเอียด

เพราะเรื่องของวิบากกรรมของมนุษยชาติกับสัตว์ทั้งหลายแหล่ มันเป็นวิบากที่เนื่องกันมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ซึ่งไม่สมควรที่จะต้องไปทำวิบากพวกนี้ เรื่องสัตว์ที่มันเกิดมาทุกตัว มันเป็นวิบากของมัน ปล่อยให้มันอยู่ไปตามยถากรรมของมัน คุณไม่ต้องไปเกาะเกี่ยวกับมัน ไปเอามันมารักมาชัง ไปเอามันมาฆ่าแกง หรือไปรักมันอย่างดูดดื่ม จนต้องประคบประหงมเป็นลูกเต้า เลี้ยงดูอุ้มชูมันยิ่งกว่าลูกจริงๆอะไรอย่างนี้ มันเกินไป มันเป็นการสร้างวิบากให้แก่ตนเอง ซึ่งเขาไม่เข้าใจในเรื่องกรรมวิบากนี้ ก็เลยน่าสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 20:54:18 )

วิบากกรรมของอนันตริกรรม

รายละเอียด

ถ้าวิบากกรรมของอนันตริยกรรมนี้หมดเป็นอาริยชนได้ พระเจ้าอชาตศัตรูนี้หมดวิบากก็เป็นพระพุทธเจ้าได้ในอนาคต  พระพุทธเจ้ายังตรัสเลยว่า หากว่าพระเจ้าอชาตศัตรูไม่มีอนันตริยกรรมจะฟังธรรมะพระพุทธเจ้ารู้เลย แต่เพราะเขามีวิบากกรรมไปฆ่าพ่อของเขา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:27:09 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 12:45:20 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 06:28:45 )

วิบากกรรมที่เป็นอจินไตย

รายละเอียด

น่าสงสารคนพวกนี้มันจะเกิดจริงๆ คนไม่เห็นความสำคัญในความสำคัญอันนี้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องเตรียมตัวทำเอาไว้เพื่อช่วยเหลือคนที่เขาต่อไปจะขาดแคลน เรามีความรู้ก่อน เข้าใจโลกก่อน เข้าใจสิ่งสำคัญนี้ 

อาตมาว่าทำเถอะ ยิ่งทุกวันนี้การสื่อสารมันไปได้เร็ว ไปได้มาก ไปได้สะดวก เพราะฉะนั้นเราหาตลาดขายหรือแจกไปเถอะ มีคนที่เข้าใจในการติดต่อ เพื่อที่จะสะพัด ขายหรือแจกสิ่งเหล่านี้แก่คนออกไปอีก แม้ในประเทศนี้ก็เถอะ แจกก่อนก็ได้แจกในประเทศเรา คนอื่นๆในแว่นแคว้นจังหวัดไหน ที่ขาดแคลน เอาพวกนี้ต่อไปก่อนก็ได้ เสร็จแล้วใครมีความรู้ที่จะต่อไปอีกสู่ประเทศต่างๆอื่นๆข้างนอกเขา นอกประเทศอีก ก็เอา 

สรุปแล้วเผื่อแผ่เกื้อกูลผู้อื่นให้ยิ่งๆขึ้น อันนี้แหละ โอย..ซื้อได้คนละ 3 ลูกเจ้าประคุณ น่าสงสาร มีคนเก็บอยู่ รุณก็ยังพาเจ้าปุณย์ไปเก็บมะเขือเทศมาให้อยู่ทุกๆวัน อายุ 2 ขวบแล้วเขาก็ฝึกให้ไปเก็บเอามาแจก เอามาเผื่อแผ่ เอามากินอย่างนี้เป็นต้น 

ซึ่งมันต้องเกิดในโลก มันมีข้อเปรียบเทียบที่จะเห็นจริงเป็นได้ อย่างประเทศตุรกี ใครจะไปคิด ตุรกีกับแผ่นดินไหว ตายไปจะ 40,000 แล้วเท่าที่เห็นศพ อย่างนี้แหละน่าสงสาร 

หรือแม้ว่าเขาไม่ได้เกิดภัย จะเป็นแผ่นดินไหว จะเป็นสึนามิจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ธรรมชาติ ภัยธรรมชาติ ผู้ที่อยู่ในบรรยากาศที่จะได้รับภัยธรรมชาติมันก็เป็นเหตุปัจจัยที่เป็นอจินไตยอย่างหนึ่ง 

ส่วนไทยนี่ เป็นประเทศที่อยู่ในภูมิประเทศที่ดีที่สุดในโลกแล้ว เหตุปัจจัยที่จะมีธรรมชาติที่จะทำให้ทุกข์ร้อนลำบากไม่มากเหมือนเขา มันประกอบไปด้วยวิบากกรรมที่เป็นอจินไตยอย่างแท้จริงด้วย 

 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์แนวคิดเศรษฐกิจของชาวโศกที่ทำจริงมีผลสำเร็จจริง วันพุธที่ 1 มีนาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 18:27:37 )

วิบากกรรมพ่อครูที่ต้องมีหน้าที่ตำหนิ

รายละเอียด

อาตมารู้นะวิบากที่อาตมาไม่หาย ก็ต้องมาพูดต้องใช้แรงเป็นเรื่องสถานที่ต้องแสดงออก เป็นเรื่องอจินไตย วิบากกรรมอาตมาที่ต้องไปตำหนิ แม้จะตำหนิถูก เขาก็ถือสา เขาก็กระทบสัมผัส เกิดความไม่สบายใจเกิดความไม่ชอบใจถึงขั้นโกรธเคืองพยาบาทก็ธรรมดา อาตมาก็ต้องยอมให้เขาโกรธเคืองพยาบาท ให้เขารู้ว่าผิดนะ ที่พูดนี้ด้วยเมตตาสงสารซื่อสัตย์จริงใจ พูดผิดนี่คือเขาผิด แต่อาตมาไม่ได้มีผิดอะไร อาตมาพูดสิ่งที่ถูกต้องก็ให้ฟังบ้าง อาตมาให้เขารู้ว่าผิดแล้วแก้ไขให้ถูก อาตมามาทำหน้าที่นี้

ที่มา ที่ไป

ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 12:28:16 )

วิบากกรรมวิบากทรมานของพ่อครู

รายละเอียด

อันนี้เป็นวิบากกรรมวิบากทรมาน ไอทีนึง เสียแคลอรี่ เสียพลังงานไปเยอะ มันแก้ไขไม่ได้ก็ทนไป ก็ประคองไป มันก็ยังทำงานได้อยู่พอเป็นไป ก็พยายาม มันยังเป็นประโยชน์อยู่ มันก็ไม่ดูน่าสมเพชเวทนาอะไรเกินไป มันก็เป็นไปพอไปได้ ตั้งใจทำไป ถ้าอาตมาสามารถที่จะประคองขันธ์นี้ไปได้เรื่อยๆ แม้จะไม่ดูแข็งแรงปราดเปรียวเหมือนหมอเฉกทีเดียว ก็สามารถชะลอได้เหมือนกัน อีก 10 ปี จะเท่าหมอเฉก ตอนนี้ถ้าถึง 5 ธันวาคมก็จะ 87 ปีกับอีก 6 เดือน ไปถึงมิถุนายนปีหน้าก็เต็ม 88 เต็ม ขึ้น 89

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 19:23:38 )

วิบากกรรมอะไรทำให้ต้องไปเกิดในที่ๆ มีสงคราม 

รายละเอียด

เล่นถาม อจินไตยเลยนะ วิบากกรรมอะไร ที่ทำให้เราต้องไปเกิดที่มีสงครามคำว่า สงครามคือรบราฆ่าฟันกัน คุณจรรยพร คงหมายถึงสงครามที่มันรบราฆ่าฟันกันอย่างหยาบๆ เอาระเบิดเอาอาวุธยุทธภัณฑ์ทำลายฆ่ากัน ตายกันเป็น..ร่างกายตายกันนี่แหละ อิโหน่อีเหน่อะไรก็แล้วแต่ ประชาชนคนสามัญไม่ได้ไปหลงแย่งอำนาจแย่งลาภยศอะไร ไม่เป็นตัวตั้งตัวตีอะไร ก็พลอยตกเป็นเหยื่อสงคราม ตายเป็นเบือกันอย่างที่มันเป็นอยู่อย่างที่เห็น 

มันเป็นธรรมชาติของ มิลักขชน สงครามที่เขายังฆ่า ยังทำกันอยู่ ก็พูดตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นสงครามขณะนี้ที่ประเทศไหนกับประเทศไหนที่เขารบราฆ่าฟันกันอยู่นี่ ด้วยการใช้อาวุธยุทธภัณฑ์ ที่ฆ่ากันให้ตาย มันเป็น พฤติกรรมของ มิลักขชน เป็นพฤติกรรมของคนเถื่อน ไม่ใช่คนเจริญ 

คุณจะสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์ขึ้นมาให้เก่งกาจรุนแรง มีประสิทธิภาพในการฆ่า มีความเลวร้าย ร้ายกาจขนาดไหน 

เก่งชิบหาย เก่งทำลายล้าง ไม่ได้มาล้างกิเลสนะ ล้างชีวิตมนุษย์ ล้างอะไรก็แล้วแต่ วัตถุสิ่งของอะไรต่ออะไร ชิบหายวายป่วงไปหมดเลย 

ที่พูดนี้ไม่เห็นยากอะไร ง่าย คนไม่ต้องฉลาดมากก็ฟังแล้วเข้าใจ ว่าพฤติกรรมอย่างนี้มันไม่ใช่พฤติกรรมของคนเจริญ มันเป็นพฤติกรรมของคนยังป่าเถื่อนอยู่จริงๆ แต่เขาก็ทำกัน เพราะเขายังเป็นคนเถื่อนที่แท้จริง หลงกันว่าเจริญ โดยเฉพาะตัวการที่เป็นผู้ส่งเสริมยุยง เป็นแก่น ใช้ทั้งอำนาจ ใช้ทั้งทรัพย์ศฤงคาร ใช้ทั้งสิ่งที่เป็นองค์ประกอบต่างๆ ที่จะก่อเกิดเอาชนะคะคานในการชนะแบบคนเถื่อน เอาชนะแบบคนยังไม่เจริญ แปลเป็นไทยชัดๆ ว่า เอาชนะกันอย่างคนโง่ดักดาน คนอยู่ในมหานรกจกเปรต มันเป็นสงครามของอสูร ผู้ชนะคืออสูร อสูรกาย 

นี่คือคำอธิบายที่อาตมาสามารถอธิบายได้ สุภาพที่สุดแล้ว สุภาพที่สุดแล้ว แรงแล้วนะ  ชัดเจนแล้ว ห้ามไม่ได้หรอก สัจจะเขาเป็นเช่นนั้น เขาเป็นคนอยู่ในฐานะนั้น อยู่ในภูมิขั้นอย่างนั้น ภูมิอสุรกาย ภูมิมิลักขชน เพราะฉะนั้นเราเป็นชาวพุทธลูกศิษย์พระพุทธเจ้าต้องเห็นให้ดีๆ อย่าเอาส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปร่วม เข้าไปเกิดการร่วมกับพฤติกรรม หรือกิจการ กิจกรรม ของคนเถื่อนเช่นนั้นเลย 

ไม่ใช่เรากลัว แต่เราไม่ยินดีที่จะไปประพฤติเช่นนั้นแล้ว เรารู้แล้วว่า ความประพฤติเช่นนั้น การกระทำเช่นนั้น ไม่ใช่คุณสมบัติเลย เป็นโทษสมบัติ ไม่ใช่ฉลาดสมบัติ เป็นโง่สมบัติ อย่างบริบูรณ์ 

เพราะฉะนั้นก็ถ้าเผื่อว่า ไม่ไปเข้าไปอยู่ในแวดวงนั้นเลย รักษาตัวตนให้ตัวเราอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ให้เป็นกลาง อยู่กันอย่างที่เราก็มีกำลัง มีแรงงาน มีความรู้ ความสามารถที่จะสร้างสิ่งที่จะช่วยเหลือพวกคุณได้ ไม่ใช่ไปช่วยทำลายอย่างที่คุณทำที่ส่งเสริมกันอย่างที่ทำกัน แล้วก็ฆ่าแกงกันเขาจะตาย จะชิบหายวายป่วง กูเป็นผู้ชนะก็ใช้ได้อะไรอย่างนี้ ซึ่งมันคิดตื้นมากเลย 

เพราะฉะนั้น อันนี้ต้องระมัดระวังให้ดีเลย ผู้ที่บริหาร โดยเฉพาะประเทศไทย ยุคนี้เป็นยุคที่ต้องใช้ผู้บริหาร ผู้นำที่มีภูมิธรรม ศัพท์ง่ายๆ ก็คือ ที่เฉลียวฉลาดอย่างลึกซึ้ง เฉลียวฉลาดอย่างสมควร ตอนนี้ก็กำลังจะผลักดันเอาอะไรต่ออะไรเข้ามา มาเป็นผู้นำ มาเป็นผู้บริหาร อาตมาไม่ได้ไปดูถูก ไม่ได้ไปดูแคลน แต่ว่า มันจะเป็นไปได้หรือ ไม่อยากพูดให้มันลึกย้ำลงไปมากมาย เป็นการข่ม แต่คิดว่าพูดแค่นี้ผู้ที่มีปฏิภาณปัญญา ก็คงจะพอเข้าใจแล้วว่าอาตมาหมายอะไร หมายถึงใคร หมายถึงกำลังช่วยกันทำอะไร ก็คงจะเข้าใจแล้ว อย่าเลย อย่าดันทุรังเลย ไม่ควรดัน ดันสุรังก็ไม่ควรดัน ไอ้ยิ่งดันทุรังทำ อยู่นี้อย่าเลย อาตมาว่านะ นี่เป็นความเห็นส่วนตัว อาตมาเห็นอย่างนี้ ว่า มันไม่ดีไม่ควร ไม่เหมาะ ไม่สม เป็นไปไม่ได้ 

ขณะนี้เมืองไทยกำลังตกอยู่ในภาวะธรรมา ธรรมะสงคราม สงครามธรรมะกับอธรรม ซึ่งมันกำลังล่อแหลมอยู่ในวง..อื้อหือ! ถ้าเป็นการชกมวย ถ้าสากลเขาจะชก 12 ยกนะ ถ้ามวยไทยก็จะชก 5 ยก ขณะนี้มันอยู่ที่ยกที่ 5 ของมวยไทย อยู่ที่ยก 12 ของมวยสากลแล้ว 

แล้วมันเห็น ถ้ากรรมการตาดี เห็นชนะแล้ว เห็นชัดแล้ว ว่าคุณจะจับมือใครแพ้ รู้คนแพ้ชัดๆ แล้ว ควรจะจับยกมือคนแพ้ได้แล้ว จะเรียกว่า น็อคเอาท์ หรือจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ นับคะแนนก็ตามใจเถอะ มันชนะ มันแพ้เห็นชัดๆ อยู่แล้ว ให้ประเทศไทยเถอะชนะ อย่าให้อสูรเหล่านั้นมาชนะเลย มันน่าสงสารไปถึงวงการของ ยุติธรรมทุกวันนี้ มันน่าสงสารไปถึงขั้นนั้น 

สถาบัน 3 สถาบันหลักของประเทศไทย เราจะพึ่งสถาบันใดก็ไม่ได้เชียวหรือ อ้าว พอแค่นี้ดีกว่า พูดไปแล้วมันจะลึกมากเกินกว่านี้เกินไป แต่ก็คงจะชัดเจนแล้วว่าอาตมาหมายถึงอะไรเท่าไหร่ อาตมาก็แสดงสิทธิมนุษยชนตามที่อาตมาเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็นของตน แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะไปละลาบละล้วงอะไรต่ออะไรได้ เป็นการแสดงออกของคนคนหนึ่งเท่านั้นเอง ก็ขอแสดงไว้เท่านี้ก็แล้วกัน 

ที่นี้คุณคนนี้ถามว่าวิบากกรรมอะไรที่ไปเกิดในที่สงคราม อาตมาก็เลยวิเคราะห์สงคราม เขาต้องการถามง่ายๆ ว่าทำไมถึงต้องไปตกอยู่ในประเทศที่มีสงครามกันอย่างหยาบๆ เช่น ไปตกอยู่ในประเทศที่กำลังนำลำเลียงคนไทยกลับเข้ามาจากประเทศที่มีสงคราม ตายฟรีไปตั้งเท่าไหร่แล้ว เอาศพกลับมา 

ถามว่าเขามีวิบากอะไร อาตมาตอบไม่ได้หรอกว่ามีวิบากอะไร ก็ตอบได้อย่างง่ายๆ ว่า เขาก็มีอกุศลวิบากของเขา นี่ตอบกำปั้นทุบดิน เป็นวิบากที่เป็นวิบากบาปหรือเป็นวิบากอกุศลที่เขาได้สั่งสมมาเขาก็ต้องเกิดไปทำอย่างนั้น 

แม้ที่สุดคนที่เห็นแก่เงิน ก็มีเห็นไหมคนไทยแสดงออก เขาจะกลับไปอีก เขาจะกลับไปนั่นแหละ ทั้งๆ ที่มันสงครามกันอยู่ เขาจะกลับไปอีก เพราะเห็นแก่เงินจนมากกว่าชีวิต มันก็เป็นธรรมชาติของกิเลสของคน รักเงินมากกว่ารักชีวิต เขาจะอ้างว่าเขาต้องการไปหาเงินมาเพื่อเลี้ยงครอบครัว เพื่อจะช่วยเหลือครอบครัว ก็เป็นกุศลนะ ฟังดูก็เป็นกุศล แต่ลึกๆ จริงๆ แล้ว ครอบครัวเขาต้องการให้คุณไปตายหรือเพื่อจะได้เงินมาช่วยเขา เขาต้องการชีวิตคุณมากกว่าเขาต้องการเงินหรือ ลึกๆ ของเขา และครอบครัว เห็นไหมนี่มันซับซ้อนอย่างนี้ความซับซ้อนต่างๆ 

อาตมาว่า คนไทยสำนึกกันเถอะ บ้านเมืองไทยเราพยายามทำงานในนี้แล้วศึกษาธรรมะ อย่าไปหลงเงินหลงทองอะไรมากนัก ที่พึ่งเงินทองไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษมอะไร เงินทองไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษมขอยืนยัน ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหนบอกหรอกว่าเงินทองเป็นที่พึ่งอันเกษม ไม่มี มาศึกษาให้ดีๆ พึ่งกรรมพึ่งวิบากที่ดี ที่เป็นที่พึ่งที่ดีอันเกษม โดยเฉพาะกรรมวิบากที่เป็นโลกุตรธรรม

เพราะฉะนั้น ตอบก็ตอบไม่หวาดไม่ไหวหรอกเป็นวิบากอะไรก็ตอบกำปั้นทุบดินเท่านั้น เป็นอกุศลวิบากที่เขาสร้าง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 45 Soft power โลกุตระของพ่อครู นำสู่การพ้นคนโลกเก่า วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2567 ( 15:21:55 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์