@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

นามเป็นรูป รูปเป็นนาม เจโตปริยญาณ 16

รายละเอียด

รูปกับนาม มันจะเป็นคู่ ที่ตัวถูกรู้กับตัวผู้รู้เป็นคู่กันแยกไม่ออก มันต้องทำงานร่วมกันไปตลอด เพราะฉะนั้นมันจะเริ่มต้นจากรูป ที่เป็นอื่น ไม่ใช่เรา แล้วเราก็ไปเกี่ยวข้องเข้า เกี่ยวข้องสัมผัส อย่างน้อยมาสัมผัส ไอ้ที่ยังไม่สัมผัสมันไม่เกี่ยวกับเราหรอก มาสัมผัสเข้า พอสัมผัสปั๊บก็จะเกิดตัวที่ถูกรู้ขึ้นเป็นรูป แล้วก็ตัวเราผู้รู้เป็นนาม

เมื่อยังไม่ได้ศึกษาธรรมะ ตัวนาม-ตัวถูกรู้นี่ก็จะมีชอบหรือชัง ผลักหรือดูด มันก็จะเกิด 2 เหมือนกัน โลภหรือโกรธอะไรพวกนี้ มันก็เป็นผลักหรือดูด 2 อันเสมอ เราก็มารู้จิตของเราได้ว่าเราเกิดแล้วนะ เกิด 2 โดยไปยึดอย่างหนึ่ง “ชอบ”หรือไปยึด”ไม่ชอบ” มันเป็นสภาพคู่ ชอบ-ไม่ชอบ 

สิ่งที่มันมาเกิดอาการว่าชอบ-ไม่ชอบนี้ มันเป็นเวทนา ตัวที่อยู่ข้างนอกที่เราสัมผัสแล้ว ก็เรียกว่า กาย สิ่งที่นอกตัวเราสัมผัสกับภายนอก ตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัสเข้าก็เกิด จิต เจตสิกของเราข้างในอีกตัวหนึ่งเกิดรู้ ก็เป็นอีกสภาพหนึ่ง

ทีนี้ ตั้งแต่เรายังไม่รู้เรื่องกิเลส แยกไม่ออก มันก็ปรุงเป็นชอบหรือไม่ชอบ ชอบหรือชังทันที มันก็ปรุง ไอ้ตัวไม่ชอบหรือชอบนี่แหละที่ปรุงปั๊บ มันเป็นนาม..ใช่ไหม เป็นเวทนา ทุกขเวทนา หรือสุขเวทนา หรือไม่ทุกข์ไม่สุขก็ได้ สัมผัสแล้วก็เฉยๆ ไม่ชอบก็ได้ ชอบก็ได้ ไม่ชอบไม่มี ไม่มีทั้งชอบ-ไม่ชอบ ก็เฉยๆ ก็ได้ก็เยอะแยะ สัมผัสแล้วก็เฉยๆ ชอบก็ไม่ ไม่ชอบก็ไม่ เยอะใช่ไหม ถ้าเราไปชอบ-ไม่ชอบอยู่มันเยอะแยะมากกว่าเฉยๆ แล้วคุณจะทำไง จิตอะไรก็ชอบไปหมด แล้วก็ชังไปหมด ก็เมื่อยตายเลย ถ้ามันไม่ชอบสะมาก วันๆ หนึ่งสัมผัสกับอีกตั้งเท่าไหร่กี่ล้านๆ อย่าง วันๆ หนึ่งสัมผัสเป็นล้านๆ อย่างนะ นอกจากคุณจะเบลอๆ เมาๆ ไม่รับสัมผัส ไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าคุณสังเกตสัมผัสแล้วเรา โอ้โห!! คุณนับเป็นวินาทีได้ไหม มันเร็วกว่าวินาที ใช่ไหมสัมผัสนี้ จิตมันเร็วกว่าวินาที คูณไปสิ วันหนึ่งอย่างน้อย 12 ชั่วโมงตอนกลางวัน ไม่ต้องนับกลางคืนก็ได้ เท่าไหร่ล่ะ มันไม่ไหวนี่  

เพราะฉะนั้นเมื่อคุณไปเข้าใจไอ้รูปกับนามตั้งแต่หยาบข้างนอกแล้ว พอเข้ามาข้างในมันเป็นนาม คุณก็วิเคราะห์วิจัยอันนี้เรียกว่า วิเคราะห์วิจัย“กายในกาย”ให้ไปถึง”เวทนา” คือรู้สภาพ ใช้พยัญชนะเรียกว่า “กายในกาย”นี้มันก็คือ”เวทนา”นะ  วิเคราะห์วิจัยคำว่ากายในกายมันก็คือเวทนา แล้วเวทนาตัวที่กายในกายยังไม่ได้วิเคราะห์วิจัยนี้ มันก็ร่วมยังปนๆเป็นสังขารธรรม ทุกข์สุขอยู่ หรือชอบชังอยู่ คุณก็มาดูตัวนี้อีกทีหนึ่ง ตัวนี้เป็นนามใช่ไหม ชอบชัง ไม่ชอบไม่ชัง มันเป็นเวทนาเป็นนามใช่ไหม คุณก็สัมผัสตรงนาม 

พอคุณสัมผัสลงไปตรงนี้ปั๊บ อาการนี้เป็นเวทนา ไม่ใช่กายตัวนั้นแล้ว มันเอาแต่เฉพาะนามข้างในแล้ว แต่ความสัมพันธ์จริงมันไม่ได้ขาดกันนะ ยังมีข้างนอกอยู่ แต่เราไม่เอา-ไม่เกี่ยว เรามาเพ่งที่นาม แล้วคุณก็วิจัยนามให้ออก มันเป็นของจริงกับของเก๊ เวทนาเก๊ ขอใช้ศัพท์นี้ 

เวทนาคืออารมณ์จริง หรือตัวรู้แท้กับตัวรู้เก๊ รู้เก๊ นี่มันเป็นกิเลสปรุงแต่งผสม เป็นเวทนาปรุงแต่ง ก็มาแยกตัวนี้ให้ได้อีก 

เพราะฉะนั้น ตัวที่มันถูกรู้ตัวนี้ก็กลายเป็นรูป ตัวคุณมาวิจัยอีกทีหนึ่งนี่ก็เป็นตัววิจัย วิจัยวิตกวิจารนั้นแหละ  ธัมมวิจัยสัมโภชงค์อีกทีหนึ่งเป็นเจตสิกร่วม เจตสิกของคุณไปทำงานธัมมวิจัยสัมโภชงค์เจตสิกทำงานเป็นวิจัย มันก็เป็นนาม 

ไอ้ตัวจิตเจตสิกที่เวทนาที่มันทุกข์สุขหรือมันผลักดูดอยู่นี่ ก็กลายเป็นรูป ใช่ไหม ไม่สับสนใช่ไหม คุณวิจัยตัวปรุงแต่งตัวนี้แหละ เพราะฉะนั้นเมื่อคุณวิจัยตัวนี้ คุณจะต้องมีความรู้ใน เจโตปริยญาณ 16 คือจิตในจิต 

เจโตปริยญาณ 16 มี 

1. สราคจิต  (จิตมีราคะ)  2. วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ)  

3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ)  4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ)  

5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ)  6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ) 

ฯลฯ
(พตปฎ. เล่ม 9 อัมพัฏฐสูตร ข้อ 163)

จิตมีราคะ คู่กับ ไม่ใช่ราคะ เรียกว่า สราคะ กับ วีตะราคะ

โทสะ คู่กับ ไม่ใช่โทสะ เรียกว่า สโทสะ กับ วีตโทสะ

โมหะ คู่กับ ไม่ใช่โมหะ เรียกว่า สโมหะ กับ วีตโมหะ

3 คู่(แรก) วีตะ คือทำให้ไม่มี คุณก็ทำต่อไปอีก วิจัยแล้วคุณก็รู้ว่ามันมีกิเลสร่วม คุณก็ต้องลดกิเลสราคะ โทสะ โมหะ ให้ได้  คุณก็ทำต่อไป มันได้หรือไม่ได้ มันก็อยู่ที่ฐาน 2 คือฐานเจโตกับฐานสายพุทธิ สาย Static กับสาย Dynamic 

7. สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) สาย Static เป็นก้อนตีไม่แตก  

8. วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด) Dynamic

“สังขิตตัง”นี้เหมือน Static(สถิตย์-นิ่ง) “วิกขิตตัง”เหมือนกับ Dynamic(เคลื่อนที่) ฟุ้งกระจาย / สังขิตตัง ก็เหมือนสังกะตัง เป็นก้อน ตีไม่แตก / วิกขิตตัง กระจาย รวมไม่ติด

คุณก็รู้อาการของจิตคุณว่า โอ้! คุณต้องทำ แล้วคุณก็ทำยังไม่สำเร็จ มันยังเป็น สังขิตฺตํจิตตํ หรือวิกขิตฺตํจิตตํ อยู่ ตามตระกูลจิตของคุณ พุทธจริตหรือศรัทธาจริต ก็แล้วแต่ คุณก็ต้องแยกให้ออก ทำให้มันรู้เพิ่มขึ้น 

 9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)   

10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น) 

คุณทำรู้เพิ่มขึ้นไม่ได้ ก็เป็น อมหัคตะ เจริญไม่ได้เท่าที่คุณจะทำวิจัยหรือว่าทำงานให้มันลดกิเลส แยกกิเลส ทำกิเลสออกให้ได้ คุณทำยังไม่ได้ก็เป็น อมหัคตะ 

มหัคตะ มหะ+อัคคะ มหะคือมาก อัคคะคือเลิศยอด คุณทำยังไม่ได้ก็เป็น อมหัคตะ ทำได้ก็ มหัคคตจิต นี้อีกคู่หนึ่ง

 เมื่อคุณทำได้เป็น มหัคตจิต แล้วมันก็ดีขึ้น เรียกว่าเป็น สอุตตรจิต

11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ)

12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) 

สอุตตรจิต จิตที่ดี สอุตระ ดีแบบอุตระ ดีแบบเหนือโลกียะแล้ว ทำได้แล้ว จับกิเลสได้ลดกิเลสได้ แต่ดีกว่านี้ยังมีอีก ยังไม่จบ ยังไม่ถึง อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) นี้อีกคู่หนึ่ง สอุตตรจิตตัง กับ อนุตตรจิตตัง 

คุณทำต่อไปจนกระทั่งแยกได้ว่า อ้อ..จบจริงๆแล้ว วิมุติจริงๆ และก็สั่งสมวิมุติ เช่น ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร คือ อภิสังขาร 3 (พระไตปิฎกเล่ม 11 "ลังคีติสูตร" ข้อ 228)

ปุญญาภิสังขาร คุณกำจัดกิเลส กำจัดกิเลสได้แล้ว เด็ดขาดแล้ว ไม่ต้องใช้ปุญญะอีกแล้ว อปุญญะ (แปลว่า)ไม่มีปุญญะ คือไม่ต้องใช้ปุญญะอีกแล้ว เป็น อปุญญาภิสังขาร แล้ว ก็อภิสังขารไปต่อ ไม่ต้องใช้บุญ 

ฉะนั้นจิตที่พ้นจาก ปุญญาภิสังขาร ก็คือไม่ต้องกำจัดด้วยบุญแล้ว บุญหมดหน้าที่ก็เป็นอปุญญะ คุณก็อภิสังขารต่อไปอีก   เพราะฉะนั้นมันก็จะมีแต่กุศล มีแต่ความรู้ที่เพิ่มขึ้น มีแต่ “ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา” เจริญต่อไปเรื่อยๆ คุณก็ทำต่อไปอีก 

องค์คุณอุเบกขา 5

คือสภาวะจิตวิญญาณบริสุทธิ์ไร้กิเลส (นิวรณ์ 5) 

ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา

1. ปริสุทธา (จิตบริสุทธิ์หมดจด) 

2. ปริโยทาตา (จิตสะอาดผุดผ่องแม้สัมผัสอยู่) 

3. มุทุ (จิตหัวอ่อนดัดง่ายแววไว) 

4. กัมมัญญา (จิตควรแก่การงาน) 

5. ปภัสสรา (จิตผ่องใสแวววาว) 

(พตปฎ.เล่ม 14/ข้อ 690 ธาตุวิภังคสูตร )

“ปริสุทธา”ก็คือสะอาด มันก็สะอาดยิ่งขึ้น “ปริโยทาตา”แล้วก็สั่งสมลงไปในจิตตัวเองเรียกว่าจิตมุทุภูตธาตุ “มุทุภูตธาตุ” จิตที่สั่งสมคุณสมบัติอันวิเศษของจิตที่เจริญ แล้วมันก็เจริญขึ้น ก็ไปทำงานเป็น”กัมมัญญา” จะทำงานก็เจริญสูงขึ้นไปอีกเรื่อย เหมาะควรแก่การงานมีความเฉลียวฉลาด มีความสามารถ มีสมรรถนะสูงไปเรื่อยๆ เป็นกัมมัญญา ทำงานมีแต่ถูกต้องดีงาม ไม่บกพร่อง ไปเรื่อยๆ แต่ทำงานยังไงจิตก็”ประภัสสร” ไม่มีหมอง ไม่มีหม่น ไม่มีลดคุณภาพ มีแต่ใสสว่างเพิ่มขึ้น ๆ ประภัสสร นี่คือคุณสมบัติ 5 ประการของโลกุตรจิต เรียกว่า “อุเบกขา 5” 

ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎก (ธาตุวิภังคสูตร  พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 690) อาตมาก็เอามาใช้อธิบายธรรมะมานานแล้ว มาก นี่เป็นความเจริญของความจบ 

ทีนี้พอคุณไม่ต้องใช้ อปุญญะ ก็ทำไปให้เจริญเป็น ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตของคุณก็ตกผลึกเป็น ”อเนญชา” สั่งสมความตั้งมั่นเรียกว่า “สมาหิโต” เป็นสองคู่สุดท้ายในเจโตปริยยญาณ 16  นี้เป็นจิตตั้งมั่นเป็น”สมาหิตะ” และทบทวนอีก 2 คู่สุดท้าย “วิมุติ”กับ”อวิมุติ” อีกทีหนึ่ง ทวนแล้วทวนอีกด้วยกายด้วยสัญญา ตาม”วิญญาณฐีติ 7” คุณก็ทวนอีก ตรวจสอบอีก สภาพคู่ 

13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว)  14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)  15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) . . .  16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) . (พตปฎ. เล่ม 9   ข้อ 135)   

ตรวจสอบทุกอย่างจนกระทั่งคุณชัดเจนหมด ทุกอย่างเป็น”อา-กิญจัญญายตนะ” จบที่อากิญจัญญายตนะ ตรวจสอบทุกอย่างไม่มีอะไรขาดตกหล่นบกพร่อง ไม่มีอะไรที่ไม่สมบูรณ์อีกแล้ว สมบูรณ์สุดแล้ว axiom(แอ๊กเซี่ยม) แล้ว จบที่สุดซึ่งไม่ต้องพิสูจน์อีก ซตพ. สุดท้ายจบด้วย”วิมุติ” หลุดพ้นเด็ดขาด แล้วจิตก็ตั้งมั่น 

จิตตั้งมั่นของพระพุทธเจ้าจึงเรียกว่า สมาหิโต หรือสมาหิตะ ไม่ใช่คำว่า สมาธิ  เท่านั้นนะ เป็นความจริงของจิต สมาหิตะ นี้ โดยพยัญชนะ ความจริงที่มันเกิด สมะ กับ หิตะ ยอดเยี่ยมแล้ว ไม่ต้องพิสูจน์อีกแล้ว ซตพ.แล้ว axiom แล้ว ไม่ต้องพิสูจน์อีก..จบ 

เพราะฉะนั้น จิตที่สั่งสมตกผลึกเป็น อเนญชาๆ ด้วยความบริสุทธิ์สะอาด ด้วยอุเบกขา 5 นี่แหละ  สั่งสมลงเป็นอเนญชา  “อเนญชาภิสังขาร” ชนิดที่ไม่มีบุญ ไม่ต้องบุญแล้ว มีแต่จิตสะอาดเป็นอุเบกขา อุเบกขาสั่งสมตกผลึกลง ตกผลึกลง ก็ยิ่งตกผลึกเป็น สมาหิตะ ไม่มีที่สิ้นสุด อัปปมัญญาไปเลย มันยิ่งเจริญไปยอดเยี่ยมไม่มีที่สิ้นสุดเลย เห็นไหม 

อธิบายขยายความไปจากคุณพลัฏ ถามถึงเรื่องของ รูปกับนาม มันแปลกลับไปกลับมาอย่างไร เข้าใจแล้วนะ มันก็หมุนไปหมุนมาอย่างที่ว่านี้

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดสำคัญที่สุดในสัจธรรมของพุทธคือสุข-ทุกข์ วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 11:36:33 )

นามเป็นรูปได้อย่างไร

รายละเอียด

เขาก็หาว่ารูปก็คือรูปสิจะมาเป็นนามได้อย่างไร เวลามันเลื่อนชั้น กามนั้นเป็นรูปหรือกามราคะเป็นรูป พอเป็นรูปราคะ เป็นนาม พอไปถึงรูปราคะเป็นนาม รูปราคะกลายเป็นรูปที่ต้องมีปัญญาญาณ อ่านรูปราคะล้างรูปราคะให้หมดเหลืออรูปราคะ นามเป็นรูป มีคนท้วง เคยมีคนบอกว่า ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ยิ่งใหญ่ เขาเป็นคนที่เรียกอาตมาว่าครูเป็นคนแรก เขาจะเรียกอาจารย์อาตมาก็ไม่ยอมให้เรียก เขาก็เรียกครู ตอนอยู่วัดอโศการาม แรกๆใหม่ๆเลย ตั้งแต่หนังสือคนคืออะไรทำไมสำคัญนัก พูดเรื่องนามเป็นรูปนี่ โอ้โห ลึกซึ้ง

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:36:26 )

นามเมื่อโคจรสัมผัสกับรูปจะเกิดอะไร

รายละเอียด

รูป จะถูกรู้โดยนาม นามที่ทำงาน โคจร ไปสัมผัสกับรูป ถ้านามไม่ทำงาน ดินน้ำไฟลม มันก็ไม่มีตัวรู้ เช่นเราสัมผัสกับสัตว์กับคน คนกับสัตว์เป็นรูปที่ให้นามมันถูกรู้ แล้วรูปที่เป็นคนหรือสัตว์​ โดยเฉพาะคนที่เราอยู่ร่วมด้วย ส่วนเรื่องสัตว์นั้นให้มันไปตามยถากรรม ช่วยมันได้มีเมตตาก็ช่วยมัน ช่วยไม่ได้ก็ปล่อยไปตามยถากรรม แต่สำหรับคนนี้แหละเราต้องช่วยก่อน หรือต้องเรียนรู้ว่าเรายึดมั่นถือมั่นคนด้วยกันนี่แหละที่มีวิบากร่วมกัน นี่แหละจัดการตัวนี้ 

เพราะฉะนั้นเมื่อมีภาวรูป คือ การปรากฏของรูปคือสิ่งที่ถูกรู้ แล้วนามโคจรไปรับรู้ก็เกิด  วิสยรูป

อุปาทายรูป 24

ก. ปสาทรูป 5

จักขุ (ตา) 

โสตะ (หู) 

ฆานะ (จมูก) 

ชิวหา (ลิ้น) 

กายา (กาย)

ข. โคจรรูป, วิสัยรูป 4

รูปะ (รูป) 

สัททะ (เสียง) 

คันธะ (กลิ่น) 

รสะ (รส)

โผฏฐัพพะ (สัมผัส) 

(กายกับโผฏฐัพพะ ถือว่าเป็นอันเดียวกัน) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:41:26 )

นายก 8 ปี กับ

รายละเอียด

เขาต้องรู้ว่าพวกเราเป็นคนจน แสดงว่าเขารู้ว่าพวกเราอยากจนต่อไปเรื่อยๆ เขายังส่งท้ายว่าจนต่อไป ก็ถูกต้องขอบคุณ คุณอวยพรถูกแล้ว เรามาจนจริงๆก็เลยจนสำเร็จแล้วแล้วก็เป็นสุขดีแล้วในความจน เอามา 5 ข้อก็ได้

นายก 8 ปี กับ "ผลงานนายกตู่" ทำอะไรให้ประเทศไปแล้วบ้าง

1.นโยบายทวงคืนผืนป่า   ทวงคืนผืนป่า เพื่อแก้ไขปัญหานายทุนบุกรุกป่าดำเนินการแล้วกว่า 293 แห่ง รวมพื้นที่ 4.9 ล้านไร่แต่ยังมีการผ่อนผันชาวบ้านผู้ยากไร้-ไร้ที่ทำกิน

2.แก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ความสำเร็จแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอย่างยั่งยืนทำให้สหภาพยุโรป ปลดล็อก ใบเหลือง IUU ประมงไทยรวมทั้งแก้ปัญหาการค้ามนุษย์-จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว

3.ปรับภูมิทัศน์ริมคลองหลายสาย  ยกระดับคุณภาพชีวิตคนริมคลอง ที่เคยถูกมองข้าม จัดระเบียบ "คน" กับ "คลอง" ให้อยู่ร่วมกันได้ดียิ่งขึ้นสร้างแลนด์มาร์คใหม่ในกรุงเทพ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ 

4.การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ โดยจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง และเตรียมน้ำต้นทุน สำหรับภาคการผลิต ทั้งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม  โครงการอุโมงค์ยักษ์ผันน้ำแม่แตง-เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ลงสู่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา ซึ่งแก้ปัญหาน้ำภาคการเกษตร และน้ำท่วม ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และลำพูน 

ผลลัพธ์ที่ได้รับตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ เพิ่มการกักเก็บน้ำรวม 1,452 ล้าน ลบ.ม. พัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร 124 ล้าน ลบ.ม. ลดพื้นที่ประสบภัยแล้งลงอย่างต่อเนื่อง จาก 36,944 หมู่บ้าน ในปี 2556 และในปี 2564/65 ไม่มีประกาศภัยแล้ง

5.บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สร้างสวัสดิการแก่ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางครอบคลุมประชาชนจำนวนเกือบ 14 ล้านคน ทั่วประเทศ เพื่อให้คนรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บัตรสวัสดิการ เป็นนโยบายกระตุ้น เศรษฐกิจต่อเนื่อง ช่วยตอบโจทย์คนไทยทุกระดับได้ตรงจุด

6.โครงการประชารัฐ เพื่อประชาชน รัฐบาลได้ผลักตันโครงการสำหรับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โครงการมารดาประชารัฐ เน็ตประชารัฐ เคหะประชารัฐ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยผลักดันการพัฒนาสู่อนาคต

7.เพิ่มพื้นที่สีเขียวใจกลางกรุง โครงการจัดสร้างสวนป่าเบญจกิติ ในพื้นที่กว่า 259 ไร่ ใจกลางเมืองหลวง เพื่อเป็นปอดขนาดใหญ่ให้คนกรุงเทพ

8Transport Infrastructure โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เตรียมความพร้อมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เกิดการลงทุนจริง ที่มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของ การลงทุนของภาครัฐ ในช่วงปี 2558 – 2562 ถึง 7.9% ต่อปี ได้แก่

_ ทางถนน : จากปี 2557 มี 4,271 กิโลเมตร และปี 2564 เพิ่มเป็น 11,583 กิโลเมตร 

มอเตอร์เวย์ : สร้างเพิ่ม 3 เส้นทางสำคัญ บางปะอิน-โคราช บางใหญ่-กาญจนบุรี และพัทยา-มาบตาพุด

_ทางราง : จากปี 2557 ระยะทาง 4,073 กิโลเมตร ปัจจุบันมีแผนสร้างเพิ่ม ระยะเวลา 20 ปี จะมีระยะทาง 8,900 กิโลเมตร ครอบคลุม 62 จังหวัด เป็นทางคู่-ทางสาม 5,640 กิโลเมตร และสถานีสถานีกลางบางซื่อ เป็นชุมทางรถไฟขนาดใหญ่ ทันสมัยที่สุดในอาเซียน สร้างเพิ่ม 10 สาย ระยะทางรวม 204.9 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 2 สาย

นอกจากนี้ ยังมีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

_ทางน้ำ : เพิ่มศักยภาพรองรับปริมาณการขนส่งทางน้ำ จากเดิมปี 2557 ประมาณ 279 ล้านตัน ในปี 2564 เพิ่มเป็น 355 ล้านตัน โดยพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบัง เปิดเดินเรือเฟอร์รี่พัทยา-หัวหิน ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เชื่อมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ปีละ 4,000 ล้านบาท

_ทางอากาศ : ปรับปรุงสนามบินทั่วประเทศ เพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสาร จากเดิมปี 57 รองรับ 118 ล้านคน ปี 64 เพิ่มเป็น 139 ล้านคน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบคนมืดบอดให้เห็น ผลงาน 8 ปี นายกฯลุงตู่ วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2566 ( 11:21:09 )

นายกตู่ทำการเมืองสืบทอดในหลวงหรือทักษิณ

รายละเอียด

สืบทอดอำนาจของในหลวง ไม่ใช่สืบทอดอำนาจของทักษิณ ก็เคยวิเคราะห์ให้ฟังกันแล้วว่า นายกตู่ทำการเมืองสืบทอดในหลวงหรือสืบทอดทักษิณ? ก็ต้องเป็นแบบในหลวง ก็พยายามให้มีความคิดที่ชัดเจนเปรียบเทียบกัน ให้ชัดว่า มันมีความคล้ายหรือความต่าง ลักษณะคล้ายหรือต่างกันอย่างไรบ้าง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:14:49 )

นายกตู่ทำได้เข้าตา

รายละเอียด

อาตมาก็บอกแล้วว่า อาตมามีความจริงใจ นายกฯตู่นี่ อาตมาก็พูดมาว่า ตั้งแต่เจอนายกมา 29 คน ตอนที่อาตมามีอายุขึ้นมานี้ ก็เห็นว่านายกตู่ทำได้เข้าตาทำได้จริงจังตั้งใจ พิสูจน์มา 5-6 ปีแล้วด้วย ครบเทอมแล้วด้วย ก็ยังดี ยังคิดว่า แหม ทำได้ขนาดนี้ แล้วมีเหตุการณ์อะไรเยอะหลายอย่างโดยเฉพาะเผชิญ โควิด โควิดนี่อาตมาก็อธิบายไม่เก่ง มันเป็นอุปสรรคของมนุษยชาติที่เป็นธรรมชาติที่เข้ามาพิสูจน์ความเป็นคนดี โควิดเข้ามาพิสูจน์ความเป็นคนดี 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 13:57:38 )

นายกตู่ประกาศตนเป็นนักการเมืองต่อสาธารณชน

รายละเอียด

วันนี้ อาตมาคิดว่า น่าจะพูดถึงเรื่องของ การเมือง มากหน่อย อาตมาก็รู้สึกว่าประทับใจที่นายกตู่ กล้าอาจหาญกล่าวว่า ผมเป็นนักการเมือง อาตมารู้สึกสบายใจ ที่ประกาศต่อสาธารณชน โดยตนเองก็เป็นเบอร์ 1 ของประเทศขณะนี้ และกล่าวไปต่อสาธารณชน มันเป็นเรื่องที่จริงใจจริงจัง และเป็นเรื่องที่จะต้องทำงานนั้นให้ดี เท่ากับประกาศไปแล้วก็บอกว่า จะทำงานนี้ให้จริง และทำงานนี้ให้ดี อาตมาเข้าใจตามประสา อาตมานะ ผู้ที่เจตนาประกาศอย่างนี้ต่อสาธารณชน ในขณะที่ตนเองทำหน้าที่นี้อยู่จริง ไม่ต้องไปพูดเรื่องว่าเป็นทหารจำเป็นต้องมาเป็นนักการเมืองเท่านั้นนะ ไม่ต้องพูดเลย ตอนนี้พูดว่าผมเป็นนักการเมืองเลย อาตมาก็โล่งอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 11:09:42 )

นายกตู่เดินมาตามรูปแบบยูนิฟอร์มประชาธิปไตย

รายละเอียด

ซึ่งนายกฯตู่ไม่ได้ เป็นคนปฏิวัติไม่ได้ทำรัฐประหาร นายกตู่มาเดินตามรูปแบบตามยูนิฟอร์มของประชาธิปไตยเรา เมื่อจะยึดอำนาจก็พูดเบาๆเพราะว่าคนที่จะถูกยึดอำนาจไม่มีอำนาจอะไรแล้วโดยสัจจะสภาวะก็คือมารับหน้าที่ต่อ เพราะเป็นผู้ที่ควบคุมความสงบของประเทศอยู่แล้วก็ดำเนินมาประชาชนเห็นว่าเหมาะสมแล้ว นายกตู่ทำไปเลยตั้งแต่ยังไม่ได้เลือกตั้งจนกระทั่งมาเลือกตั้งอีกประชาชนก็ยังให้คะแนน จนกระทั่งพวกที่จะโค่นล้มก็เห่าเห่าไว้มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของประชาธิปไตยที่ต้องมีฝ่ายค้าน และฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้หรอกฝ่ายค้านก็มีไว้อย่างนั้นแหละ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:19:31 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:44:54 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:13:41 )

นายกตู่เป็นนายกคนที่ 29 ทำงานโดยค่ารวมขนาดนี้ยกให้แล้ว

รายละเอียด

คนเขาทำงานโดยค่ารวม อาตมาว่านายกตู่เป็นนายกคนที่ 29 ทำงานขนาดนี้นั้นยกให้แล้ว เอาเถอะ เราไม่ติงเลย คนติงมีมากมีพวกสู่รู้ หรือว่าอีกพวกติงตลอดเวลา เพราะว่าเขาจะแย่งอำนาจอย่างที่ยกตัวอย่างไป มันหยุดที่ไหน แค่นั้นก็หนักหนาสาหัส แล้วพวกสู่รู้อีก ทำเป็นติง ขณะนี้ก็เห็นใจลุงตู่เขาก็แล้วกัน พวกที่สู้อยู่ตลอดเวลาก็หนักหนาสาหัสแล้วอะไรกันนักหนา เอาพลังงานของคุณมาให้ลุงตู่เขาไม่ได้หรืออย่างไร ทำเป็นสู่รู้อวดดีอะไรนักหนา แค่ศัตรูถาวรก็ไม่หยุดหย่อน มันควรจะเลิกร้างไปแล้วเพราะเงินก็โกงไปมากมายลูกเต้าก็อยู่สบาย

อาตมาก็ยังบอกว่า ใจดีมากแล้วประเทศไทย ถ้าไม่ใจดีลูก 3 คนก็โดนเท่าไหร่ ถ้าประเทศไทยใจไม่ดี ก็จะยึดเอาเงินคืนมา อะไรต่างๆ ตนเองหอบไปเท่าไหร่แล้ว พูดไปเดี๋ยวชินวัตรก็เกลียดขี้หน้าอาตมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 21:40:41 )

นายกตู้และคณะบริหารประเทศได้ดี

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น สังคมมนุษยชาติที่อาตมาตั้งประเด็นว่าการพูดและทำเป็นพลังงานที่จะดีหรือไม่ดีจะเชื่อหรือไม่เชื่อจะใช้ได้หรือไม่ได้พูดและทำคนก็รับกระแสนี้ได้ รับอันนี้ได้แล้วเอาไปประมวลว่า จะยินดีรับนับถือเท่าไหร่ไม่ยินดีรับเท่าไหร่เป็นสัจจะที่แสดงออกสู่สังคมเป็นพลังงานในสังคม ผู้ใช้คำว่าพลังงานของแผ่นดินพลังงานของมนุษย์โลก ย่อมส่องแสงประกาย พาไทยไปได้ในที่สุด ขณะนี้ ประกายของนายกฯตู่และคณะ ก็ส่องประกายพาไทยไปได้ดี กระแสเหมือนกับที่จีนยกให้เลย ไม่ต้องหมดวาระเลย สีจิ้นผิงพาทำไป ปูตินก็ส่อลักษณะนั้นเป็นต้น ตรงกันข้าม ที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลก มันชัดเจนว่าเสื่อมขนาดไหน มันบอกความจริงของมัน แผ่นดินนี้พลังงานดีย่อมชนะความชั่วร้ายทั้งปวง อันนี้จริง อาตมาก็มั่นใจ ยังขอพูดนำหน้า จะเรียกพยากรณ์ก็ไม่เชิง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 10:53:09 )

นายกประยุทธ์มีความซื่อสัตย์นำหน้ามีการรับใช้ประชาชนจริง

รายละเอียด

อาตมาเห็นว่านายกประยุทธ์ยังไม่สมควรจะเปลี่ยนวิธี อะไรออกไปหรอก วิธีที่ทำมานี้ดีแล้ว 

มีความซื่อสัตย์นำหน้า มีการรับใช้ประชาชนจริง มีความตั้งใจเต็มใจและทำอย่างจริงจังและมีปฏิภาณปัญญา ที่เป็นแกนของโลกุตระอยู่ด้วย ซึ่งอาตมาเห็นว่า นายกประยุทธ์มีแกนของโลกุตระ ทั้งของตัวเองและรับถ่ายทอดมาจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นโลกุตระแน่ๆ เพราะท่านเป็นพระโพธิสัตว์ 

การเมืองของไทยจึงเป็นการต่อยอด เป็นการทำงานเชื่อมต่อสืบต่อกันอย่างไม่ได้ขาดสายกันไปได้ ถ้าจะตัดไปให้คนอื่น อะไรยังไม่รู้เลยว่าคนอื่น เขาจะทำได้เท่ากับพลเอกประยุทธ์หรือเปล่า ยิ่งการทำงานรับใช้ประชาชนจริงๆด้วย หรือแม้แต่จะมีคณะ ผู้ที่จะร่วม 

เรื่องซับซ้อนเรื่องคณะ คณะผู้จะมาร่วมงาน มันเป็นเรื่องที่วิจิตรพิสดารมาก ลำบากมากเลย คณะที่จะบริหาร เช่น คณะรัฐมนตรี เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 19:45:58 )

นายกประยุทธ์มีความผิดอะไรถึงจะมาไล่

รายละเอียด

ประเด็นที่ 1 ว่า ลุงตู่มีความผิดอะไรถึงจะมาไล่ เรื่องความผิดนั้นหาความผิดใส่ได้หมด ขนาดพระพุทธรูป พระปฏิมา พระพุทธรูปคนก็ยังหาความผิดได้เลย เขาเรียกว่าพระปฏิมายังราคินคนเดินดินไม่สิ้นคนนินทา คนถูกหาเรื่องได้ทั้งนั้น แม้แต่พระพุทธรูป ท่านไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเป็นรูปปั้นธรรมดาคนยังมาตำหนิได้เลย ที่ตำหนิคืออะไร ก็พระพุทธรูปพูดไม่ได้ไง จะนานอะไร 6 ปียังไม่ถึงพลเอกเปรม 8 ปี ก็ 6 ปีเอง อาตมาว่า 6 ปีที่นายกฯตู่ทำงาน ผลงานมีหมด ทั้งใช้หนี้ ทั้งสร้างความเจริญหลายด้านหลายทาง ทั้งแสดงประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพทางด้าน ทำให้สู้กับโควิดได้ เป็นที่ 1 ในโลก อันนี้เรียกว่า สุดยอด Great Hornor เลยนะ ในโลกเขาให้เป็นเกียรตินิยมอันดับ 1 ให้ประเทศไทย รักษาคุณภาพอันนี้เอาไว้ให้ดีๆก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:27:08 )

นายกประยุทธ์ไม่ได้หลงตัวเอง

รายละเอียด

เขาเข้าใจว่าลุงตู่ไม่ดีจะต้องเอาออกให้คนอื่นมาแทน ก็เยอะ จริงๆแล้วให้ลุงตู่ออกก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไปเป็นนายกฯให้คนอื่นมาแทน แต่บางคนไม่รู้หรอกจะให้ใครมาแทน เอาออกแล้วจะให้ใครมาแทนก็ไม่รู้ เราก็เฮโลตามหมู่ นี่คือคนโง่ทั้งหลายแหล่ที่เขาจูงจมูกไป ออกไปตะโกนทั้งๆที่ไม่รู้ แน่นอนตัวเองไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหรอก แต่ไม่ได้คิดว่าจะเอาใครมาเป็นอันนี้มีเยอะนะ ลุงตู่ถึงได้ถาม แล้วคุณจะเอาใครมาบริหาร แล้วเขาจะทำดีเท่าผมไหม เขาเป็นคนตรงนะ พลเอกประยุทธ์นี้ เขาพูดชัดๆอยู่อย่างนี้ไม่ได้หลงตัว รู้ว่าตัวเองทำได้ขนาดนี้แล้วคนอื่นจะทำได้ขนาดไหน แล้วคนที่พูดอย่างนั้นก็เชื่อเลยว่า ท่านประยุทธ์จะต้องเชื่อว่ามีผู้ที่เข้าใจท่าน เข้าใจพลเอกประยุทธ์ อย่างเช่นอาตมาก็เข้าใจ แล้วผู้ที่เข้าใจก็เป็นผู้ที่อยู่ในหมู่มวลที่พูดกันไป ก็ไม่ใช่ว่า ใครเป็นอย่างที่ท่านประยุทธ์พูด แต่ที่จริงท่านประยุทธ์พูดนั้นใช่ เป็นอย่างที่ท่านประยุทธ์ว่าคือผู้ที่อยู่ร่วมกันนั้นต่างก็ยกให้อยู่แล้ว โพลออกมาก็มียืนยันแล้ว คือไม่ได้งมงาย ไม่ได้หลงตัวเอง เป็นสัจจะความจริง คนที่รู้ตัว รู้ความเป็นจริง รู้มวลองค์ประกอบอื่นๆด้วย รู้เขารู้เราไม่ใช่หลงตัวว่าคนอื่นไม่ได้ยินดีเลยไม่ได้เห็นด้วยเลย คุณประยุทธ์มีประชาชนเห็นด้วยและส่งเสริมมากกว่าโพธิรักษ์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 14:43:38 )

นายกรัฐมนตรีคนที่29 ของไทยทำงานเข้าตา

รายละเอียด

นายกฯ 29 คนของไทยมีคนนี่แหละเข้าตาอาตมา นี่ไม่ใช่พูดเล่นนะพูดจริงใจมาแต่ไหนแล้ว ตลอดเวลา จะว่าไปแล้วนายกฯสัญญา ธรรมศักดิ์ก็ดีไม่ใช่น้อย นายกฯเปรมก็ดี แต่ว่านายกฯประยุทธ์นี้ โอ้โห..ลูกเล่นลูกล่อลูกชน ครบ นายกฯสัญญาก็ได้ฉายา …ไม่พูด นายกฯเปรมก็ บอกว่ากลับบ้านเถอะลูก แต่นี้โอ้โห ลูกล่อลูกชนถึงลูกถึงคน สนุก ถ้าไม่เป็นมวยถูกน็อคไปแล้ว ไม่ว่าจะน็อคด้วยนักมวยอยู่บนเวที หรือธรรมชาติมันน็อค แต่นี่ธรรมชาติก็น็อคไม่ลง แล้วยิ่งได้แต้มอีก โอ้โห ธรรมชาติของโควิดมา ยิ่งได้แต้มอีก เขาก็ยิ่งบอกว่า พระโพธิรักษ์อย่าไปเชียร์ประยุทธ์ ยิ่งเชียร์ยิ่งเสียแต้ม อาตมาเข้าใจมุมกลับเช่นกัน อย่างนั้นก็เอาพอสมควร พอหอมปากหอมคอ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2563 ( 11:26:38 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:10:09 )

นายกรัฐมนตรีที่ไม่อยู่พรรคไหน คือประชาธิปไตยที่แท้

รายละเอียด

อาตมาได้พยายามทำให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีที่ไม่อยู่พรรคไหน คือประชาธิปไตยที่แท้ ถ้าขืนนายกรัฐมนตรีไปเป็นหัวหน้าพรรคใดพรรคหนึ่งบรรลัยเลย ผิดเลย มันจะกลายเป็นประชาธิปไตยขาเดียวขึ้นมาทันที เพราะมันจะมีพรรค มันต้องมีเพื่อพรรค เห็นแก่พรรค มากน้อยแล้วแต่ จะบริหารยาก ถ้าผู้ที่เป็นหัวหน้ามีกึ๋นพอมีภูมิพอ แน่นอนไม่ต้องเข้าพรรคใด แล้วก็ทำงาน Put the right Man on the right Job มันไม่เป็นไรหรอก ท่านก็ทำอยู่ ไม่ต้องสอนจระเข้ว่ายน้ำหรอก ดูองค์ประกอบที่เป็นไป อาตมาเห็นว่าเป็นการดำเนินไปที่ดี อาตมาขอยืนยันว่าถึงอย่างไร ประเทศไทยก็เป็นประชาธิปไตย แม้ขณะนี้ก็ยังเป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุดกว่าทุกประเทศของโลก ขณะนี้ เพราะประชาธิปไตยในโลกนี้ขณะนี้ ของอังกฤษก็ตาม ของอเมริกานั้น โนเวย์เลย ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย เป็นอัตตาธิปไตยหรือคณาธิปไตย แม้แต่ประเทศอื่นก็ตาม ทำไม่ได้ลึกซึ้งหมุนรอบเชิงซ้อนที่มีองค์ประกอบ มีกระบวนการที่ได้สัดส่วนที่ดี เท่าประเทศไทยที่ทำได้ และมันกำลังพัฒนาการ จะเจริญขึ้นไปกว่านี้อีก มันต้องอาศัยเวลา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่  14 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 10:23:17 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:10:55 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:13:26 )

นายกฯ 2 คนที่พ่อครูดูจะพอใจ คือใคร

รายละเอียด

ตอนนี้พักยกการพูดเรื่องประชาธิปไตยก่อน สรุปอีกทีว่าต้องดูการเมืองของประเทศไทยต่อไป คุณประยุทธ์ก็อายุยังไม่ถึง 70 ตอนนี้ 66 ปี ยังหนุ่มแน่นอยู่เลยยังไปได้อีก ดูท่าทางก็รู้สึกว่ายังไม่ท้อแท้ท้อถอย ไปอีกสัก 10 ปีเป็นอย่างน้อย เป็นนายกฯอีกสัก 10 ปี ที่ทำอยู่นี้เข้าตา พูดมาหลายทีแล้วว่านายกทั้ง 29 คนเท่าที่อาตมาเกิดมา ตั้งแต่พศ. 2475 ที่เปลี่ยนแปลงการปกครองก็ดูนายกรัฐมนตรีที่ดูมา ก็มีนายกฯ 2 คนที่อาตมาดูจะพอใจ คือนายกฯสัญญา ธรรมศักดิ์ กับนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่คนที่เข้าตาอีกคนก็เสียชีวิตไปแล้วคือนายกฯสัญญา ที่ยังอยู่คือนายกฯประยุทธ์ก็ทำต่อไป 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:31:35 )

นายกฯตู่กำลังวางตัวได้ดีมาก

รายละเอียด

ขอพาดพิงไปถึงนายกฯตู่ นายกฯประยุทธ์ ขณะนี้นายกฯตู่กำลังวางตัวได้ดีมาก ไม่เป็นคนในพรรคไหน ทำแต่งานอย่างเดียวให้ดีที่สุดเพื่อประชาชนให้ได้ แล้วนายกฯตู่ก็ทำอยู่ โดยที่มีพวกพลเอกประวิตร พลเอกป๊อก เป็นต้น ก็ไม่เป็นไร ก็ทำงานร่วมกัน เรื่องพลเอกป้อม ก็ว่าไป พลเอกป้อมก็มีหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคพปชร. สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ สนับสนุนก็สนับสนุน พรรคอื่นก็สนับสนุนอยู่ โดยไม่ต้องพยายามที่จะบอกว่า พรรคพปชร. แสดงตัวว่าฉันเป็นเส้นสายของประยุทธ์นะ แต่พรรคอื่นไม่ต้องพูดอย่างนั้น แต่เขาก็แสดงว่าเขาสนับสนุน ส่วนที่เขาไม่สนับสนุนไม่ใช่พปชร. เป็นพรรคอื่นใดๆเขาก็ไม่สนับสนุน มันก็มีเป็นธรรมชาติธรรมดา พลเอกประยุทธ์ก็เป็นตัวของตัวเอง ทำสิ่งที่เป็นงานเพื่อประชาชนให้ชัดเจนให้คมแม่นตรง ลึกละเอียด ทำไปเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:59:36 )

นายกฯตู่ดีอย่างไร

รายละเอียด

อาตมาวิจัยได้ อาตมาว่า อาตมาพูดตรงๆว่ายังไม่เคยเห็นนายกฯคนไหน พูดมากเท่านายกฯคนนี้และพูดได้ดีด้วย จะไปเอาว่าพูดมากพูดน้อยแล้วไม่ชอบคนพูดมาก ทำไมนายกฯตู่เขาไม่ทำหรืออย่างไร เขาพูดแล้วไม่ฟังหรืออย่างไร เขาก็ฟัง

คนที่สนับสนุน คุณชอบคุณเปรมแน่ แต่มันคนละสไตล์ ขนาดคุณเปรมยังชอบคุณตู่เลย คุณชอบคุณเปรมแน่คนนี่

คุณเอาตื้นๆว่า ชอบคนฟังมากกว่าพูดมันตื้นไป

แล้วบิ๊กตู่ตรวจสอบไม่ได้หรืออย่างไร?

อาตมาว่าเขาให้เกียรติคนอื่น ติติงได้ แม้จะมีอำนาจมาตรา 44 แต่เขาก็ทำได้ต่างจากจอมพลสฤษดิ์ที่มีมาตรา 17

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 21:57:34 )

นายกฯตู่เป็นโพธิสัตว์มาช่วยงานศาสนาในยุคนี้

รายละเอียด

อาตมาไม่ไปเชียร์ลุงตู่มากเพราะคนเขาว่าเชียร์แล้วลุงตู่คะแนนลดลง อาตมาก็ว่าประเทศไทยมีวิบากตรงนี้อย่างนี้แหละ ก็ต้องรอดูไป ยังไม่ได้ตัดสิน ยังเป็นไปอยู่ ดูแล้ว นี่ลุงตู่ก็บอกไว้ว่าถ้าเรียบร้อยผมก็ไป คำพูดของพลเอกประยุทธ์เป็นคำพูดจากใจทุกที อาตมาฟังแล้ว คนที่มีธาตุร่วมกัน มีธาตุตรงกัน โดยเฉพาะธาตุของจิตวิญญาณ ธาตุของภูมิปัญญา มันมีร่วมกัน 

ยกตัวอย่างชัดๆ คือธาตุโพธิสัตว์ร่วมกัน อาตมาก็เคยบอกว่าพลเอกประยุทธ์นี้เป็นโพธิสัตว์ที่มาทำงาน โดยหน้าที่ โดยกิจ โดยภาระของเขา มันเป็นเรื่องของโพธิสัตว์อย่างที่ว่ามา อย่างลุงตู่เป็นโพธิสัตว์ ในหลวง ร.9 เป็นโพธิสัตว์ ท่านก็ทำไปตามของท่าน หมอเขียวเป็นโพธิสัตว์เขาก็ทำหน้าที่ของเขาไป อย่างนี้เป็นต้น มันเป็นสัจจะที่เป็นไปตามลำดับ อย่างอาตมาเป็นโพธิสัตว์ อาตมาก็ทำหน้าที่ของอาตมาไป มันขยายความเรื่องโพธิสัตว์ไม่ค่อยเป็นกันเท่าไหร่ มันก็สูงหน่อย มันก็ยากที่จะรู้ 

เขาก็พูดตรงๆ ว่าให้ทำก็ทำต่อ ไม่ให้ทำตามกฎเกณฑ์เขาก็ไปไม่ต้องทำหน้าที่ ตอนนี้มันเป็นมหาวิกฤตซ้อนวิกฤต..ใช่ ทางด้านต่างประเทศ เขาหนักหนาสาหัส ของเราว่าจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ ตอนนี้พวกเล็นพวกหมัด มันก็กัดก็เจ็บอยู่อย่างนี้นิดๆหน่อยๆ อาตมาว่ามันไม่ใช่เชื้อโรคที่เอาตายหรอก มันก็เป็นพวกเล็นพวกหมัด พวกมด พวกแมลง พวกมด มันจะต้องกัด สันดานมดมันก็ต้องกัด ถูกตัวมันก็ต้องกัดหรือไปแตะมันหรือมันนึกว่าเป็นอาหารมัน มันก็ซัด นี่ก็นึกว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เป็นอาหารเขาอยากได้ ก็มากัด เหมือนมดมันรุมกินน้ำตาล เจออาหารที่มันชอบ มันเข้ามารุมกินเลย มันเป็นธรรมชาติของมัน มันเหมือนแค่มดแค่นั้น เป็นคนก็ช่วยๆกันหน่อย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองบุญนิยมโลกุตระที่เป็นปรากฏการณ์จริง วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2566 ( 15:12:10 )

นายกฯตู่เหมาะสมกับประชาธิปไตยสูงสุดในขณะนี้

รายละเอียด

อาตมาก็เห็นพ้องเห็นด้วยรายละเอียดมีมากกว่านั้นผู้ที่ไม่มีอคติไม่ลำเอียงดูกลางๆจริงๆแล้ว อาตมาก็ยังขอยืนยันว่า ผลงานนั้นสมยุคสมัย ประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยที่สูงสุดที่มีนายกฯเหมาะสมกับประชาธิปไตยสูงสุดในขณะนี้ อาตมาถึงบอกว่าทำไปเถอะ ถ้ายังแข็งแรงพอเป็นไปก็ทำไป อายุสัก 80 ปี อาตมาอายุ 80 กว่าปีแล้วอาตมาก็พูดได้ เพราะว่า 80 กว่าปีแล้วก็ยังทำ คุณยังเป็นเลือดทหารแท้ๆก็ทำไปเลยอายุ 80 ปี ไม่ต้องกลัวหรอก คนเขาจะมาหาว่าเรายึดอำนาจ หวงอำนาจอะไรต่างๆ ไม่ต้องไปกังวล ปากหอยปากปูพวกนี้มันก็พูดได้ว่าได้ เราทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ เต็มที่ไปเถอะ คนไม่เข้าใจเขาก็ไม่เข้าใจเพราะคนไม่เข้าใจก็คือคนโง่ จะไปช่วยได้อย่างไรก็ต้องปล่อยให้เขาโง่ไปก่อน ก็น่าสงสารเขาอยู่แต่เราจะทำอะไรได้เขายังไม่เข้าใจจะไปบังคับให้เขาเข้าใจก็ยากมาก เราก็ทำตามที่เราพอเป็นไปเราทำได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:12:20 )

นายกฯประยุทธ์สอบตกเรื่องไหน ในทัศนะของพ่อครู

รายละเอียด

อาตมาเห็นว่า ปรองดองมากขึ้น คนที่มีความเห็นขัดแย้งนั้นมีพวกที่ออกมาเห่าบ๊องๆเท่านั้น คณะใหญ่นี้ปรองดอง ประยุทธ์นี้ แต่ขณะที่กำลังออกมาตอนนี้เป็นลูกศิษย์ของพวกแดงที่เป็นเศษกากเท่านั้นเอง จะเห็นว่าโฆษณากันใหญ่จะให้มาชุมนุมใหญ่ แต่ขี้หมาเถอะเรื่องรวมกัน 100 คนก็ไม่ถึง มันหมดน้ำยาแล้ว มันไม่ใช่ 

ปรองดองสิ มวลของพลเอกประยุทธ์นี้เป็นมวลใหญ่ แต่มวลที่ขัดแย้งเป็น
กระจุกนิดเดียว รูปธรรมก็ยืนยันอยู่แล้วยิ่งนามธรรมก็ยิ่งยืนยัน 

ขอแทรกตรงนี้ว่า การที่จะได้พรรคพวก จะได้พวกเห็นดีด้วย ดูวิธีโฆษณาตนเอง หรือมีแทคติกในการโฆษณาตัวเอง วิธีที่ไม่ได้โฆษณาตัวเองเลยทำงานอย่างเดียว พลเอกประยุทธ์ทำได้ วิธีจะโฆษณาตัวเองนั้น พลเอกประยุทธ์สอบตกในการโฆษณาตัวเอง ซึ่งต่างกันกับทักษิณกันคนละมุมคนละโลกเลย พลเอกประยุทธ์ทำงานไม่โฆษณาตัวเอง จนกระทั่งได้รับการตำหนิว่า ไม่บอกว่าตัวเองทำอะไรบ้าง 

ลึกโดยสัจธรรม คนไม่โฆษณาตัวเองแต่ทำงานมีผลประโยชน์แก่ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการประสานทางจิตวิญญาณ เอเปคเป็นตัวชี้บ่งให้เห็นเลยว่าจิตวิญญาณมนุษย์ของแต่ละประเทศ เริ่มต้น 20 กว่าประเทศแล้วจะเป็นกำลังขยายผลไปสู่ทั้งโลก เขาก็มีกลุ่มในโลกนี้ตั้งมากมาย 

เพราะฉะนั้นมันจะค่อยๆแผ่รังสี หรือแผ่กำลัง ไม่ได้แผ่อำนาจนะ แผ่คุณธรรมออกไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 20:32:11 )

นายกฯลุงตู่ใช้บ้านใช้น้ำใช้ไฟของหลวงผิดด้วยหรือ

รายละเอียด

อาตมาก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้ อาตมาก็ใช้แต่น้ำของราษฎร จะว่าไปแล้วถ้าเผื่อว่าหลวงใจแคบ ก็ถือว่าผิด แต่ถ้าหลวงหรือรัฐบาลใจไม่แคบนัก เขาก็ทำงานให้ประเทศ ก็แค่ที่พักบ้านพัก มันจะกี่พันกี่หมื่นกันเชียว ค่าเช่าบ้านจะเป็นเดือนละแสนเชียวหรือ แต่เขาทำงานอาตมาว่าราคามันมากกว่าแสนนะ ถ้าคิดอย่างนี้อาตมาก็ว่าไม่เสียหลายอะไรหรอก แต่ใครจะคิดอย่างตัวเองคิดด้วยวิธีคิดที่ต่างกันมันก็ได้ คุณก็ว่าเป็นการเอาเปรียบ แต่ถ้าเผื่อว่าคิดให้ดีมันไม่น่าจะเอาเปรียบ 

อย่างเราเรามีตลาดประชาราษฎร์ คนมาขายของที่นี่ มาเช่าที่เราก็ไม่ได้คิดค่าเช่าที่ น้ำไฟก็ใช้ของเรา ใช้ฟรีของเรา เขาก็มาค้าขายได้เงินไปเลี้ยงชีวิตเลี้ยงครอบครัวเขา ในตลาดประชาราษฎร์ของเรา ตอนนี้คนยังไม่ค่อยมาก ผู้ที่จะมาค้าขายก็ยังไม่มากยังไม่กรูเกรียว รถทัวร์ยังไม่เข้ามาก แขกเหรื่อยังไม่มากก็เลยยังไม่มีพ่อค้าแม่ค้ามามาก ถ้าหากไปในอนาคตคนมาก ซื้อขายมากคนจะมาสมัคร ก็คงจะมากขึ้น เราก็จะเป็นที่กลางให้เขามาค้าขายใช้น้ำใช้ไฟ หรือแม้จะมาทำงานหารายได้เลี้ยงตัวเองในหมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก ก็เลี้ยงชีวิตมาหลายสิบปีมีหลายครอบครัว อย่างนี้เราก็ช่วยกันไป ที่พูดไม่ได้ยกอ้างอิงเอาบุญคุณ เอาหน้าเอาตานะ มันเป็นพฤติการณ์ของมนุษย์ที่พึงอาศัยกันและกัน เราทำได้เราไม่ได้เป็นหนี้ที่เราช่วยเขาเราไม่ได้เป็นหนี้สิน เราช่วยเขาได้ก็ช่วยกันไป นี่คือการอาศัยซึ่งกันและกันอย่างนี้แหละ ไม่ได้ไปหาทางเอาเปรียบเอารัด แต่เสียสละไปนี้ก็อย่าไปหวังว่า เราได้เสียสละเราได้เป็นคนมีบุญคุณต่อเขาอย่าไปคิดอย่างนั้นนี่คือวิธีคิด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2566 ( 20:44:59 )

นายกฯแบบใดทำเพื่อประชาชนจริงๆ

รายละเอียด

คุณเชื่อไหม ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไหนก็แล้วแต่ รับใช้ประชาชนไม่ต้องสะสมทรัพย์สิน เป็นคนจนที่ทำงานรับใช้ประชาชน  เป็นคนของประชาชน ได้อะไรมาก็แบ่งเข้ารัฐ ให้คนส่วนกลางส่วนรวม ตัวเองไม่สะสมบ้านก็อยู่เล็กๆ เครื่องมือเครื่องใช้ของรัฐบาลก็มีอยู่แล้วที่จะใช้ มีหัวหน้ากองดูแลหมดแล้ว จะเอาไปทำงานอะไรก็บอก นายกจะเอาไปทำงานไม่ได้เอาเป็นอำนาจบาตรใหญ่ ถ้านายกทำเพื่อประชาชนจริงๆใครจะไม่ support ใช่ไหม ถ้าเป็นนายกฯที่ไม่สะสมทรัพย์สินเงินทองไม่สร้างอำนาจ เรื่องครอบครัวไม่มาเกี่ยวกับการเมืองของนายกประยุทธ์เลย ทำได้ดีมาก เสร็จแล้วคนก็ไปดึงลูกสาวฝาแฝดมา 2 คน ดึงลงมา ลูกสาวก็เก่ง ชำแหละเลย เขาเลยเงียบเลย มันลงตัวทุกอย่างมันสมประโยชน์ สมสัจจะ ลงไปด้วยกันหมดเลย เป็นเรื่องที่บริบูรณ์ อาตมามาพูดไม่ได้มายกยอพล.อ.ประยุทธ แต่เป็นเรื่องสัจธรรม ทำต่อไปอย่าหลงตัวก็แล้วกัน ดีกว่านี้ยังมีอีก อาตมาว่าเมืองไทยหาก พล.อ.ประยุทธไม่เบื่อไม่เหนื่อยเองทำไปอีกสัก 10 ปีเมืองไทยจะดีกว่านี้มากตอนนี้อายุย่าง 66 อีก 10 ปีก็ 76 เอง ยังแข็งแรง อาตมา 86 ​แล้วอาตมายังเแข็งแรง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 09:53:43 )

นายกฯไทย 29 คน นายกฯตู่ดีที่สุด

รายละเอียด

ก็มองอย่างไม่มีอคติไม่มีการลำเอียง อาตมากล่าวถึงขั้นว่า นายกฯประเทศไทย 29 คน นายกฯตู่นี้เข้าตาอาตมา นอกนั้นก็มะเขือเผาบ้าง อำนาจใหญ่ หรือตามน้ำไป ไม่มีใครเข้าตาอาตมา มีแต่นายกฯตู่เข้าตาอาตมา ไม่ใช่พูดเล่นนะ แต่น่าจะอธิบายได้ดีกว่านี้ ผู้เข้าใจรัฐศาสตร์ เศรษฐศาตร์ สังคมศาสตร์ แต่เขาไม่แตะอาตมา อาตมาอาภัพ เพราะว่าถูกเถรสมาคมปกาศนียกรรมแล้วว่าต้องตีทิ้งไป เขาก็ต้องเชื่อเถรสมาคม หรือเกรงใจ เขาเป็นกระแสหลัก หลายคนเข้าใจแต่ยังไม่มีความกล้าหาญเพียงพอจะเข้าข้างโพธิรักษ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 15:28:32 )

นายตเก เนว อัญญาปฏิเวโธ

รายละเอียด

1. มิใช่จะบรรลุรู้แจ้งแทงทะลุสูงสุดกันอย่างพรวดพราด

2. ไม่บรรลุพรวดพราด 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 358,365

 


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:10:52 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 14:42:18 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:16:13 )

นายทุน --นายตัวร้าย นายผู้บั่นทอนสังคม!

รายละเอียด

“นายทุน”จึงเป็น“เหตุ”แท้ที่ทำให้คนขาดแคลน แย่งชิง

กันในสังคม เพราะ“ทุน”ถูกกักไว้เป็น“ของตน”มากเกินล้นเหลือ

ผู้ขาดแคลนก็ต้องแย่งชิง หนักขึ้นถึงขั้น“ฆ่า”กันเพื่อแย่ง

ผู้ที่โลภเอา“ทุน”ของผู้อื่น เอา“ทุน”มาจากผู้อื่น แย่ง“ทุน”

จากผู้อื่นนั่นเอง คือ ผู้ร้าย จริงๆ!

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 99 หน้า 104


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 20:32:56 )

นายทุนบอกทำอย่างนี้ถนัดกว่า! ไหนคือทางรอดของประเทศชาติ 

รายละเอียด

ผู้สามารถมีวิธีกอบโกย“ทุน” และกักตุน“ทุน”ไว้เป็นของตน

มากๆ จึงยิ่งเป็น“ผู้ร้าย”ที่ทำให้สังคมขาดแคลนแย่งชิงกันมาก

ยิ่งๆขึ้นตามสัจจะ 

สังคมก็ยิ่งยากเข็ญหนักหนาสาหัสยิ่งๆขึ้น

การสนับสนุนคนให้“แข่งหรือแย่งกันรวย”จึงเป็นการแก้

ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้เลย 

ต้องสนับสนุนคนให้“แข่งหรือแย่งกันจน” อย่าเป็น“นายทุน”

อย่ายกย่องเชิดชูส่งเสริม“นายทุน” จึงจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้

และเสถียรยั่งยืนถาวรสำเร็จด้วย 

ผู้สร้างผลผลิต แล้วสะพัดออกเสมอ พยายามไม่สะสมไว้

โดยแจกจ่ายไปให้เร็วให้ทั่วถึงกัน อาศัย ใช้ กิน 

จึงไม่มี“ทุน”ที่เป็นกอบเป็นกองใหญ่โตมากมายเสมอ ก็

ไม่ได้เป็น“นายทุน”     

ผู้สะสม“ทุน”ไว้ที่ตนมากๆ ชื่อว่า “นายทุน” คือผู้ก่อเหตุ

ให้เกิด“การแย่งชิง”ตัวร้ายในโลก เป็นภัยของโลก

ผู้สละเสมอ ไม่กักไว้ที่ตัวเอง จึงคือ ผู้ไม่ก่อเหตุแห่งการ

แย่งชิงเลยในโลก  เป็นผู้ไม่เป็นภัยในโลก      

และเราต้องเป็น“ผู้มีประโยชน์แก่คนอื่น”อีกด้วย

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 102 หน้า 105


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 20:41:06 )

นายทุนผูกตัวลวงไว้ที่อากาศและดอลลาร์

รายละเอียด

เราก็มาสรุปตรงที่ ผู้ออกความเห็นก็สรุปตรงกันว่า เรามั่นใจในระบบของพระพุทธเจ้าหรือว่าของในหลวงหรือที่อาตมาพาทำ วิเคราะห์นิดหนึ่ง แจ็คหม่านี้รวยมาก เอาไปทำไมตั้งรวยมาก มันมากเกินไปนะ แจ็คหม่านี้เขาไม่ใช่รัฐบาลนะ เป็นของส่วนตัว แจ็คหม่าก็ตะกละตะกลามโลภโมโทสันไม่ใช่น้อย เขาไม่จำเป็นจะต้องรวยขนาดนั้น ถ้าคนที่รู้จักพอเพียง คนที่เห็นแก่ผู้อื่น เขาเอาเงินหรือเอาสมบัติมาไว้ที่ตัวเขาขนาดนี้ อำนาจในการหมุนเวียนซ้อนในโลกนี้มันก็ลดลงมา เขาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ซ้อนกันกับแจ็คหม่าทำให้อาตมาเห็น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:51:18 )

นายโทนี่หรือคุณทักษิณเป็นตัวอย่างอันไม่ดีเหมือนพระเทวทัต

รายละเอียด

จากพาลชนก็จะสะสมความรู้เป็นนักวิชาการ สะสมความรู้เป็นนักวิชาการได้ ก็จะพัฒนาตัวเองเป็นข้าราชการหรือเป็นข้าราษฎรการ เป็นคนที่รวยขึ้นๆก็จะมาเป็นศักดินาในอนาคตชาติใดชาติหนึ่ง วันนี้เราก็เห็น แต่ก่อนนายโทนี่เขาก็เคยพูดว่าเขาเลี้ยงไว้ บัลลังก์กษัตริย์นี้เขาเลี้ยงไว้ ขออภัยอันนี้อาตมาไม่มีหลักฐานแต่อาตมาว่าได้ยินข้อมูลนี้มา ไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่อาตมาได้ยินข้อมูลนี้มาจากปากใครอาตมาก็บอกได้แต่ว่าไม่บอกว่าเป็นใคร นายโทนี่เขาหยิ่งผยองหลงตัว สุดท้ายก็แพ้ธรรมะ 

ขอแวะให้เขานิดหน่อย ถ้าเขารู้สึกตัวและสำนึก สังวรระวัง ขอรับผิดว่าเราได้ทำชั่วทำผิดไปแล้ว แล้วก็อาศัยมาอยู่เถอะ 70 ปีกว่าแล้ว จะอยู่อีกถึง 100 ปีอีก 30 ปี สมบัติที่เคยทุจริตไปโกงไปก็เหลือกินเหลือใช้ กินแค่ดอกก็เหลือแล้ว เขาฝากออกดอกไว้ ออกไปลงทุนเพิ่มดอกผลอีกเขาเก่งอาชญวิทยา คือ ความเลวร้ายทั้งอาชญากร เขาก็เก่งจริงๆ เห็นได้ชัดเจน ขออภัยอาตมาพูดความจริง คุณทักษิณอย่าโกรธอาตมาเลย ขอบคุณอย่างยิ่งที่คุณเป็นตัวอย่างอันเลวให้อาตมาได้ยกตัวอย่างและอธิบายสัจธรรมให้มนุษยชาติฟัง ขอบคุณด้วยความจริงใจ ที่เป็นตัวอย่างอันไม่ดีเหมือนพระเทวทัต เป็นอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 18:17:34 )

นาลัง

รายละเอียด

ไม่ควร

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 171


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:11:34 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 14:42:55 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:25:46 )

นาลัง อภินิเวสาย

รายละเอียด

ไม่ควรจะหลงอย่างนั้น คือไม่ควรจะหลงถือเอาความยิ่งใหญ่ใด ๆ เป็นประโยชน์จนไม่ยอมปล่อยวาง

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 171


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:12:23 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 14:43:38 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:26:21 )

นาวาบุญนิยมหมายถึงสิ่งที่กอบกู้มนุษยชาติสัตว์โลก

รายละเอียด

มันมีทั้งหลักฐานเรื่องราวเหตุปัจจัยสมุทัยคนนี้เขามองว่าคือเรือนาวาบุญนิยม เหมือนเรือโนอาห์ มีความลึกซึ้งหมายถึงสิ่งที่กอบกู้มนุษยชาติสัตว์โลก เรือโนอาห์มีทั้งสัตว์ทุกชนิดเลยเข้าไปได้หมดเลยไปรวมกันช่วยไปหมดเลยสัตว์โลก เมื่อน้ำท่วมก็อยู่รอดอยู่ในเรือนี้ มีครบหมด ทุกสัตว์เล็กสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ สัตว์ใดที่ไม่มีโอกาสไม่มีสิทธิ์เข้าไปอยู่ในเรือโนอาห์ ชั้นเดียวกันผู้ที่ไม่มีบารมีไม่มีสิทธิ์เข้ามาอยู่ในนาวาบุญนิยม ผู้ที่เข้ามาอยู่ได้มีสิทธิ์มีส่วนได้มาอยู่ในเรือโนอาห์จะรอด นอกนั้นน้ำท่วมโลกตายหมด เป็น อจินไตย ผู้ที่มีปัญญา จะเข้าใจดี  เข้าใจแล้วจะเอามาพูดอธิบายยังไม่ใช่ง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 09:00:43 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:11:31 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:27:13 )

นาสัญญา

รายละเอียด

ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 178


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:13:04 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 14:44:16 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:27:46 )

นาสัญญา

รายละเอียด

คือสัญญาที่กำหนดรู้ต่างๆ  ต้องให้สัญญารู้ให้หมด  ไม่ใช่ว่าเราก็ไม่ใช่ไม่รู้ ก็ไม่ใช่ไม่ได้ต้องรู้ทุกตัวเลย ให้พ้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:46:58 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:31:31 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:29:26 )

นาสัญญา

รายละเอียด

คือสัญญาที่กำหนดรู้ต่างๆ ต้องให้สัญญารู้ให้หมด ไม่ใช่ว่าเราก็ไม่ใช่ไม่รู้ก็ไม่ใช่ไม่ได้ต้องรู้ทุกตัวเลยให้พ้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 09:26:59 )

นาโมเป็นไฉน

รายละเอียด

นาโม ย่อมาจาก monolith ตอนแรกจะสร้างอาคาร แต่ก่อนนี้จะสร้างอาคารผาแหงน เป็นแท่งเดียวอย่างนี้ จะสร้างบนที่ตั้งชื่อว่านาโม เดี๋ยวนี้เป็นท้องนา แต่ก่อนจะสร้างอาคารนี้ ซื้อที่ดินไว้จะสร้างเป็นอาคาร คืออาคารต่างๆที่เขาสร้าง เป็นสถาปัตยกรรม อาตมาก็เป็นศิลปิน อาคารของเราจะเป็นรูปภูเขาแท่งหิน แล้วแท่งหินเดี๋ยวนี้ เขามีตึกระฟ้าอยู่ในเมืองแต่เราจะสร้างเป็นภูเขาที่มีห้องหับอยู่ข้างในเป็นชั้น เป็นสถาปัตยกรรม เป็นแท่งหินภูเขาสูงเหมือนอาคาร ศูนย์สูญ สูงสุดก็จะเป็นอาคาร 10 ชั้นนั่นคือความคิด monolith แต่เดี๋ยวนี้เลิกแล้วไม่เอา เมื่อย สร้างผาแหงนเสร็จก็เลิกจบ จริงๆ อาตมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง มีท่านคมคิด เป็นตัวจักรในการสร้างสำเร็จ ทุกวันนี้ก็มีขี้นกขี้หนูอยู่เต็ม ก็มีน้ำตกน้ำไหลน้ำโตนไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564 ที่บวรรชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 18:23:56 )

นาๆสังวาสทำให้พวกเราปฏิบัติสาธารณะโภคีได้มีสารณียธรรม 6 วรรณะ 9

รายละเอียด

ยิ่งอธิบายไปยิ่งเอาหลักฐานพระไตรปิฎกของพระพุทธเจ้าตรัสมาอ้างอิง ยืนยัน แล้วพวกเราก็ปฏิบัติสอดคล้อง มีพฤติการณ์มีพฤติกรรม มีบุคคลเป็นไปได้จริง มีปรากฏการณ์เกิดจริง ยืนยันจนกระทั่งคนทุกวันนี้ก็ยังปฏิบัติสาธารณโภคีได้ มีสาราณียธรรม 6 ได้ เกิดเป็นคนที่แม้หลักวรรณะ 9 เอามายืนยันก็เป็นได้ เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ6  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

มันยิ่งชัดเจน เขาแยังไม่ได้ตรงที่ว่า พูดอย่างไรมันทำได้อย่างนั้น ทำอย่างไรก็พูดได้อย่างนั้น ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที ชัดเจน สัจธรรมที่เอามายืนยันทุกวันนี้ แม้ว่าเขาจะเข้าใจไม่ได้เขาก็ไม่กล้าแย้ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 14:53:26 )

นำทองคำเข้าคงคลังประเทศมีทั้งแบบโลกีย์และโลกุตระ

รายละเอียด

อาตมาอยากจะแวะเรื่องทองคำ ที่พูดนี่เพื่อเทียบทองคำอย่างที่มหาบัวเรี่ยไรจากประชาชน เอาไปเข้าคลังหลวงแล้วก็เอาไปอวดโชว์เขา  1.ไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่ไปเรี่ยไร 2. ก็เอาของคนไทยเอง เอามาทำอวดทำโชว์ แล้วก็บอกว่ าเอาไว้นะทำเป็นคงคลังอย่าเอาออกไปอะไรพวกนี้ ซึ่งแสดงถึงความเป็นตัวเป็นตนหรือเป็นความหลงของมหาบัวหนักหนา แต่พลเอกประยุทธ์ก็ทำ ไม่เห็นมีอะไรออกมาแบบนั้นเลย มันต่างกันเลย คุณธรรมโลกุตรธรรมของคนทั้งสอง คนหนึ่งนี่โอ้โหกิเลสชัดๆ อีกคนหนึ่งไม่มีกิเลส มันแสดงให้เห็นชัดเจน 

เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าที่อาตมาเจตนาจะพูดนี้ เพื่อให้ผู้ที่นั่งหลับตาทั้งหลายแหล่เขาฟังเหตุผลต่างๆนานา ข้อมูลหลักฐานต่างๆ ฟังไปเถอะ บอกว่าพวกคุณไปหลงทางที่ไม่ใช่สัจธรรม ไม่ใช่โลกุตรธรรม ไปนั่งหลับตาฝันเพ้อกัน ปึ๊งปั๋งโมเม นี่ของเขามันเป็นสัจจะความจริงที่เป็นความสว่าง มีเนื้อหาเนื้อแท้ที่เป็นสาระแก่นสารจับต้องได้หมดทุกอย่าง หันมาทางนี้เถิดถ้าเผื่อว่าคนไทยนี้เลิก ปล่อยวางเรื่องที่ไปยึดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไปนั่งหลับตา มาปฏิบัติให้เป็นสัมมาถูกต้องเป็นจรณะ 15 วิชชา 8 ได้อย่างแท้จริง อาตมาว่า ศาสนาพุทธเมืองไทยนี้เจริญ เพราะว่าทุกวันนี้มีเยอะนะ จะต้องไปนั่งหลับตา จะต้องไปอานาปานสติ 

อานาปานสติของพระพุทธเจ้านี้ ลืมตาทุกเวลาที่มีลมหายใจเข้าลมหายใจออก ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาเต๊ะท่า ตั้งกายตรง ดำรงสติคงมั่นอะไรอยู่อย่างนั้น มันไม่ใช่ นั่นเป็นพวกเดียรถีย์เขาทำ ยุคพระพุทธเจ้ามีเยอะแยะ ก็เลยต้องพูดกันอย่างนี้ แล้วก็เอาคำพูดของพวกเดียรถีย์ เอาท่าของเดียรถีย์ทำเต๊ะท่าแบบเดียรถีย์มาทำ มันไม่ใช่ มันเป็นสมถะเท่านั้นนะ โลกุตระมันต่างกันตรงที่มีผัสสะสัมผัสจริง มีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส สัมผัสจริง มีกิเลสปัจจุบัน ไม่ใช่ไปนั่งหลับตา มีแต่ฝันเพ้อคิดไป มีอดีต 18 อนาคต 44 มันจะได้อะไรเล่า ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าให้แตกๆ นะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นแม่ที่ให้กำเนิดโลกุตรจิต วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 12:47:07 )

นำพาผู้อื่นหันมากินมังสวิรัติจะทำให้ลดวิบากได้ไหม

รายละเอียด

ได้ แม้จะเป็นแค่ครั้งคราว คำพังเพยที่ว่าให้เท่ากับงูกระดิกหาง ไก่ปรบปีกก็ได้แล้ว งูแลบลิ้นก็ได้นิดหนึ่งแล้ว ให้มีกรรมกิริยาในสิ่งที่ควรที่ดี

เช่นงดเนื้อสัตว์แม้ทีหนึ่งก็ดีแล้วยิ่งหลายทียิ่งดี กรรมเป็นอันทำ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:36:31 )

นำสัตว์มาเลี้ยงยิ่งเป็นวิบากซ้ำซ้อน ผูกพัน ติดยึดกัน

รายละเอียด

แทนที่คุณจะต้องไปทำงานกับคนคุณก็ต้องมาเลี้ยงสัตว์คุณก็ต้อง ดีไม่ดีรักมันประคบประหงมมันมาก มันไม่ได้ทำอะไร มันยิ่งกลายเป็นสัตว์ที่เหลิง มันกลายเป็นสัตว์ที่โง่หนักเข้าไปอีก ให้แต่คนเลี้ยง ให้แต่คนประคบประหงม ไม่ช่วยตัวเอง ช่วยตัวเองไม่เป็น เลยกลายเป็นเสียสัญชาติความเป็นสัตว์ คุณทำร้ายสัตว์ต่อไปอีกใช่ไหม เห็นไหมมันซับซ้อนเข้าใจไหม

เพราะฉะนั้นคุณเอาสัตว์มาเลี้ยง เอามาประคบประหงม ดูแลทุกอย่างเลยยิ่งกว่าลูก แล้วสัตว์มันจะโง่หนักเข้าไปอีกขนาดไหน มันก็จะต้องวนเวียนว่า กูจะต้องเกิดเป็นสัตว์แบบนี้อีกให้คนมารักนี่แหละ มันก็ประจบประแจงผู้ที่รักมันอีกซ้อนซับซ้อนเข้าไปใหญ่โตเลย มันก็เกิดจากความรักความชัง ความรักความชัง ชัง ก็ฆ่าก็แกงกันตลอดรักก็ผูกพันกัน จองเวรจองกรรมติดยึดกันนานหนักกว่ายิ่งกว่าการฆ่ากันอีก ไม่จบ เห็นไหม ความไม่จบของความผูกพัน กัน มันไม่มีจบ พระพุทธเจ้านี้ไม่ได้ใจดำไม่ใช่ว่าให้ผูกพันสัตว์แล้วจะไปทำร้ายสัตว์ไม่ทำร้ายสัตว์  

1. ปล่อยสัตว์ไปตามยถากรรมวิบากกรรมของเขา 

2. ช่วยคน พระพุทธเจ้าไม่ให้ไปวุ่นวายกับสัตว์เดรัจฉานแม้แต่จะไปฆ่าแกงเขา แม้แต่ไปกินเขา แต่ช่วยคน เป็นสัตว์ที่จะไปช่วยสัตว์ช่วยคนด้วย เพราะฉะนั้นประเภทที่เขาช่วยสัตว์เช่นเอามันมาทำงาน เอามันมาฝึกให้มันรู้จักอันนั้นอันนี้ควรจะเป็นเหมือนคน มันก็เจริญชนิดหนึ่งก็ได้ รับทราบกรรมวิบากแบบนั้นใส่ จิตนิยามของมันไปค่อยๆพัฒนาขึ้นมาบ้างเป็นต้น นี่คือความซับซ้อนของอะไรต่ออะไร อาตมาอธิบายเหล่านี้เป็นเรื่อง อจินไตย เป็นเรื่องละเอียดมาก มันไม่หมดง่ายๆขยายไปเล็กๆน้อยๆ 

สรุปแล้วแค่สอนคนนี้ แล้วคนก็ อเวไนยสัตว์สอนไม่ได้อีก มีมากกว่าคนที่สอนได้ด้วย พระพุทธเจ้าถึงตรัสว่า ฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้ เพราะฉะนั้นบุรุษหรือคนที่สามารถที่จะฝึกได้ ท่านไม่ตรัสว่าสตรีด้วยนะ ท่านตรัสว่าบุรุษด้วยนะ ที่ควรฝึกได้ เท่านั้น ยิ่งกว่าใครๆ ฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้ยิ่งกว่าใครๆเขาทำ ได้ เพราะฉะนั้นในความหมายภาษา บุรุษที่ไม่ควรฝึก เรียกว่า อเวไนยสัตว์ ท่านก็ไม่ฝึกไม่เสียเวลา เพราะว่าบุรุษที่ควรฝึกนั้นก็ไม่ใช่น้อยแล้วอย่างเช่นอาตมาทำนี้ อาตมาสอนทุกวันนี้ พวกคุณเข้ามา มีการคัดเลือกในตัวนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:47:16 )

นิ

รายละเอียด

1. ไม่

2. ไม่มี, เข้า, ลง, ออก, ที่ต่ำ, ต่ำที่สุด, หลังที่สุด

 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 633, ทางเอก ภาค 3 หน้า 233, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 69


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:16:41 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 14:45:29 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:15:13 )

นิกกมธาตุ , นิกฺกมธาตุ

รายละเอียด

1. ความพากเพียร

2. สภาพต่อจากอารัมภธาตุไปอีก เป็นความพยายามที่ไม่หยุดยั้ง เป็นการก้าวต่อไปของจิต บทบาทนั้น ทิศทางนั้นก้าวออกไป ต่อออกไปให้ได้ เหมือนคนวิ่งผลัดที่รับช่วงต่อคนที่ 3 ต่อไป ซึ่งจวนจะพาสู่ครึ่งสภาพนำพาไปอีก 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 533

สมาธิพุทธ หน้า 359


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:17:37 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 14:46:20 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:30:06 )

นิกขมมานา , นิกขมันตัง, เนกขัมเม

รายละเอียด

ความพยายามทำความออก ๆ ๆ ให้ได้ , การออกจากกาม ,

การออกบวช , การออกจากสิ่งที่เราติด

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 468


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:18:45 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 14:46:57 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:31:17 )

นิกาย

รายละเอียด

คือ การแตกแยกกันไปเป็นคนละพวก คนละหมู่ คนละกลุ่ม เข้ากันไม่ได้อีก สมานกันไม่ได้เลย จะเข้าหมู่นี้ก็ต้องสึกจากหมู่นั้น ออกมาเข้าหมู่นี้ใหม่

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า477


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 11:42:00 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:53:35 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:31:51 )

นิกายกับนานาสังวาสต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงแบ่งนิกาย แต่มีคำอธิบาย มีความหมาย คำว่า นิกาย ในยุคที่พระพุทธเจ้ายังอยู่ ยังไม่เกิดนิกาย แม้แต่เทวทัต พระพุทธเจ้าก็ทรงมีพระเมตตา ไม่ได้ไปจัดเทวทัตเป็นนิกาย แต่เทวทัตมีธรรมะที่คนละอย่างกันกับพระพุทธเจ้า เข้าใจกันคนละอย่าง ทิฏฐิคนละทาง พระพุทธเจ้าจึงตรัสเรื่องที่มันไม่เหมือนกันนี้ ออกไปเป็นนานาสังวาสเท่านั้น แต่ท่านก็ ได้อธิบายคำว่า นิกายว่าถ้านิกายแล้ว ผู้ทำแตกแยก เรียกว่าทำหมู่สงฆ์ให้แยกเป็น 2   อันนี้เป็นอนันตริยกรรม แตกแยกกันคือไม่ได้เป็นศาสนาพุทธด้วยกันเลย เรียกว่าแตกแยก นิกาย ไม่ได้เป็นศาสนาพุทธด้วยกัน ถ้ายังเป็นศาสนาพุทธด้วยกัน ไม่ทำสังฆกรรมด้วยกัน แยกการทำสังฆกรรมคนละอย่าง เพราะเข้าใจทิฏฐิกันคนละทาง อันนี้แค่นานาสังวาส

แต่ถ้าเผื่อว่าให้ร้ายแรงกว่านั้น ไปยึดมั่นถือมั่นเอง อันนี้เป็นจิตใครจิตมัน ไปยึดเองว่าคนละนิกาย ทั้งๆที่เขาก็ขึ้นต่อธรรมะพระพุทธเจ้านี่แหละ เขาก็ศรัทธาพระพุทธเจ้า ศรัทธาคำสอนพระพุทธเจ้า แต่เขาอธิบายคนละอย่าง ผิดแปลกแตกต่างกันไป เชื่อถือกันคนละอย่าง ได้มรรคได้ผลกันคนละอย่าง 

พระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน แต่มันต่างกัน บางทีเราก็ใช้โวหารว่าพระพุทธเจ้าคนละองค์ แต่ที่จริงคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสมมุติ เป็นพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน แต่โดยปรมัตถ์นั้น เข้าใจเนื้อความหมายเนื้อแท้ของธรรมะของพระพุทธเจ้า มันมีความแตกต่างกันในธรรมะ พระพุทธเจ้าคือ หมายถึงจะเอาจุดชัดๆก็คือ รูป มีตัวตนรูปร่างที่ยังอยู่ในยุคพระพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนม์ชีพ ก็คือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเมื่อประกาศธรรมะไว้ครบแล้วหมดแล้ว สิ้นพระชนม์ไป ปรินิพพานไป ก็เหลือแต่ธรรมะ 

ทีนี้ธรรมะก็มาเป็นนิกาย มาเป็นนานาสังวาสอะไรกัน ก็ต้องเข้าใจคำว่า ที่แตกต่างกัน อย่างนานาสังวาส เรียกว่าแตกต่าง ถ้านิกายนี้เรียกว่า แตกแยก แตกกันไปคนละเสี่ยงคนละพวก คล้ายกับคนละศาสนาเลย เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นนิกายแล้ว ผู้ที่ถือว่าเป็นนิกาย จะรุกราน หรือไม่รุกรานก็ว่ากันอย่างสาดเสียเทเสียเลย นั่นคือจิตชนิดที่เกลียดชังกันแรง  ผลักดันกันแรง ขาดความเมตตา ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ส่งเสริมให้เกิดจิตชนิดนี้ในโลก เป็นสัตว์โลกด้วยกัน มีความปรารถนาดีต่อกัน มีความหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ให้ได้ อย่างนี้เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องลึกซึ้งที่เราต้องค่อยๆศึกษากันไป 

สรุปแล้ว นิกายกับนานาสังวาส เป็นความต่างกัน 2 ชนิด นิกายก็ชนิดหนึ่ง นานาสังวาสก็ชนิดหนึ่ง เป็นคู่สุดท้ายที่เราจะต้องเข้าใจกันว่า จะแบ่งแยกอย่างไร แตกต่างอย่างไร แตกแยกอย่างไร ให้ชัดๆ สรุปไว้แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน เราเข้าใจให้ได้แล้ว อย่าทำตนให้เป็นนิกาย ทำตนอย่างไม่เหมือนกัน อย่างมากก็แค่นานาสังวาส ดีที่สุด 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #35 ที่สุดแห่งที่สุดที่จะเกื้อกูลโลกได้คือโลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 13:00:00 )

นิกายนั้นร้ายแรงกว่านานาสังวาสมาก

รายละเอียด

นานาสังวาสกับนิกาย นานาสังวาสคือความแตกต่าง ส่วน นิกายนั้นคือความแตกแยก เอาคำว่าแตกต่างกับคำว่าแตกแยก คือทำความเข้าใจคำว่าแตกต่างกับแตกแยกให้ได้ 

เพราะฉะนั้นคนที่ทำนิกายนี่คือทำความแตกแยก แตกอย่างสบายจากกัน แตกอย่างพูดให้ชัดๆก็คือแตกกันอย่างฉิบหายจากกัน ไม่ดูดำดูดีกัน ไม่นำพา กันอีก

ส่วนนานามันเป็นสมานสังวาส ยังเชื่อมโยงกันอยู่ ยังเอื้อเฟื้อกัน ยังมีใจที่ไม่เกิดจิตที่จะเป็นนิกาย ไม่เกิดจิตที่จะแยกด้วยถือว่าต้องเป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ ยังเกี่ยวข้องกัน ยังเป็นลูกพระพุทธเจ้าด้วยกันว่างั้นเถอะสมานสังวาสกัน แม้เขาจะทำตนเองเป็นนิกาย แต่เขาก็ยังมาอยู่ในชื่อคำว่าพุทธ เขาทำตนเป็นแล้วนะตัวเขาเองเป็นนิกายแล้ว เป็นบาปส่วนตัวเขาไปแล้ว เป็นอนันตริยกรรมส่วนตัวเขาไปแล้ว แต่เขาก็ยังอยู่ในชื่อว่าพุทธ นิกายก็ไม่ว่าอะไร นอกจากผู้ที่ทำนิยายนี้ 1.ปาราชิก อสังวาส เราก็ไม่นับว่าเป็นพุทธ

ถ้าไม่เป็น อสังวาส ไม่เป็นปาราชิกเลยเราก็ถือว่าร่วมเป็นนานาสังวาสได้ทุกคน ถ้าคนนี้ปาราชิกแล้วเลิก คนนี้ไม่ร่วมด้วยไม่เป็นพุทธ ไม่เป็นสังวาสเดียวกัน อย่างนี้เป็นต้น ก็ตัดรอบทิ้งตรงนั้น นานาสังวาสกับนิกาย แต่นัยยะ จิตของผู้ที่ทำนิกายเป็นอนันตริยกรรม 

เพราะนานาสังวาสยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่อนันตริยกรรมของนิกายนั้นมันก็ยิ่งหนัก เพราะฉะนั้นนานาสังวาสคือคนถูกต้องของธรรมพระพุทธเจ้า ไม่ผิดธรรมวินัยพระพุทธเจ้า ส่วนนิกายมันผิดพระพุทธเจ้าห้ามทำ อย่าทำ แต่ตัวเองไปทำเข้า เพราะฉะนั้น นิกายจึงคือผู้ผิด นานาสังวาสจึงคือผู้ถูก

เมื่อมี 2 ฝ่ายนี้เมื่อมีคนหนึ่งนิกาย คนหนึ่งนานาสังวาส คุณก็จะเลือกทำความเข้าใจให้ได้ ถามคุณกลับไปว่า แล้วคุณจะสนใจศึกษากับคนนิกายหรือสนใจศึกษากับคนนานาสังวาส เอาแค่นี้ก็แล้วกัน จบ พระพุทธเจ้าให้เรียนรู้ด้วยกันได้ นานาสังวาส แต่นิกายเป็นอนันตริยกรรม มันผิดมากกว่ากันเยอะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #51ลดละจากมหามาสู่จุล เปลี่ยนจากไม่เห็นด้วยจนมาเห็นได้ วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 ขึ้น 5 ค่ำเดือนยี่ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 20:17:36 )

นิกฺขมติ

รายละเอียด

ออกไป

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 246


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:19:56 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 15:07:09 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:14:19 )

นิคคหกรรม

รายละเอียด

คือ กรณี ว่าความ ตัดสินความข้างเดียว การกล่าวความ ต้องมีหมู่สงฆ์ พร้อมหน้าบุคคล พร้อมหน้าวัตถุ พร้อมหน้าธรรมวินัยไม่สมบูรณ์ ก็คือ ไม่พร้อมหน้า ไม่เป็นสัมมุขาวินัย

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 384


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:13:58 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:54:41 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:32:49 )

นิคคัณเห นิคหารหัง ปัคคัณเห ปัคคหารหัง

รายละเอียด

นิคคัณเห  นิคหารหัง  ปัคคัณเห ปัคคหารหัง  คือ  ตำหนิสิ่งผิดยกสิ่งถูก

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 07:16:51 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:55 )

นิคคัยหวาที เมธาวี

รายละเอียด

ข่มผู้อื่นและยกตัวเอง ก็เป็นจริงได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 140


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:20:39 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 15:07:48 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:16:54 )

นิจจะ

รายละเอียด

คงที่อยู่แค่นี้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 308


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:22:02 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 15:08:36 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:36:19 )

นิจจัง

รายละเอียด

1. เที่ยง , แท้ 

2. เที่ยงแท้ , ความเที่ยงแท้

3. มีความเสถียร เที่ยงแท้

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 19 , 29

อีคิวโลกุตระ หน้า 276

 รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 65

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า  33, 145


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:23:20 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 15:10:03 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:17:54 )

นิจจัง

รายละเอียด

นิจจัง มีนัยยะว่าเที่ยงแล้วไม่เที่ยงแท้ เพราะพระเจ้าไม่รู้ว่าตัวเองไม่เที่ยงเพราะไม่มีรายละเอียดพอ ไม่รู้จักกาล ไม่รู้จักกรรม แม้แต่จิตตัวเองก็ไม่รู้ตัวเองจริงๆ 

คนชาวพุทธจบกิจขั้นต้นจึงทำดี สัพพปาปัสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) แม้แต่จะเรียกว่ากุศล ก็ทำอย่างเที่ยง กุศลอย่างเที่ยงไม่ทำอกุศลอีก ไม่ทำบาป ได้เที่ยงนิยตะ แบบโลกุตรธรรม ของอาริยชนมีอาริยชนของโลกุตระของผู้แทนที่ต้องมี“ญาณ 3”จึงจะยืนยัน“ความจริง”สัมบูรณ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 15:20:07 )

นิจจังคือเที่ยงที่ไม่เที่ยงเป็นโลกียะ ส่วน นิยตะคือเที่ยงที่เที่ยงเป็นโลกุตระ

รายละเอียด

13) จนกว่า“จิต”ของคนผู้ใด จะมี“การเกิด(โยนิ)เข้ากระแสโลกุตระ” จึงจะรับประกันคนผู้นี้ได้ “ไม่ว่าจะตาย-จะเกิดอีกกี่ชาติ” คนผู้นี้ก็ไม่ตกต่ำ นั่นคือ“ไม่ตกนรก”และ“ไม่ทำบาป”อีกแล้ว อย่าง“เที่ยงแท้ (นิยตะ)”ไปตามลำดับ (นิจจังคือเที่ยงที่ไม่เที่ยงเป็นโลกียะ ส่วน นิยตะคือเที่ยงที่เที่ยงเป็นโลกุตระ)เพราะ“จิต”มี“อาริยคุณ”ที่เป็น“โลกุตระ”แท้ได้จริง เที่ยงแท้ ยั่งยืน ตามฐานานุฐานะแห่งความเป็น“อาริยบุคคล”นั้นๆ ตั้งแต่โสดาบันบุคคลขึ้นไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 13:37:57 )

นิจฉาตา

รายละเอียด

ไม่มีความอยาก

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 94


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:24:30 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 15:10:52 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:18:48 )

นิตยภัตเงินเดือนของพระเป็นเรื่องเสื่อมในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธที่จะมาเป็นพระภิกษุเป็นอะไรต่ออะไรกัน แต่ละองค์ๆ ตั้งแต่พระ เจ้าอาวาสจนกระทั่งถึงเป็นพระครู เป็นเจ้าคุณ เป็นเจ้าคุณชั้นนั้นชั้นนี้ จนถึงเป็นสมเด็จ มีเงินนะ มีค่านิตยภัต เป็นศัพท์ที่เท่ๆนะ แต่ค้านแย้งกับที่พระพุทธเจ้าบัญญัติซึ่งเป็นการทำลายความเป็นพระ สำหรับการไปตั้งเงินเดือน  ก่อนมาบวชนี้มีคำ นัตถิ 5 อามะ 8 ถามนะ เป็นราชปัตโต เป็นข้าราชการหรือเป็นคนที่เป็นคนมีเงินเดือนหรือเปล่า ถ้ายังมีเงินเดือนอยู่มาบวชเป็นพระไม่ได้ แต่เสร็จแล้วเมื่อบวชเป็นพระกลับมามีเงินเดือน เรียกว่า โยนคำสอนของพระพุทธเจ้าทิ้งทะเลไปเลย ตั้งนิตยภัตเป็นพระครูมีรายได้ พระครูชั้นราชชั้นธรรมชั้นเทพมีเท่านั้นเท่านี้ สมเด็จมีเท่านั้นเท่านี้ สังฆราชมีเท่านี้ก็เรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องเสื่อมหมดเลยของศาสนาพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:58:21 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:45:39 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:20:58 )

นิตยภัทติ

รายละเอียด

คือ  เงินเดือนของพระ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:57:39 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:12:50 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:36:51 )

นิททารามตา

รายละเอียด

หลงติดในการหลับนอน

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 344


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:25:07 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 02:44:37 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:41:14 )

นิทราของผู้มีฌานวิสัยสายสมถะและสายปัญญา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจะหลับ นิทรา จะหลับก็หลับก็รู้ว่าพักไม่ให้มีสติไม่มีปัญญา นอนพัก ถ้าสายสมถะก็นอนพัก หลับดับเฉย เงียบนิ่ง 

ถ้าสายปัญญานอนหลับ ก็มีแต่ธรรมะ แจ่มใส รู้ธรรมะ ไม่ได้กินเรี่ยวแรงอะไรเลย เป็นเทวดาคุยกันสามัญ ตื่นนอนก็เหมือนธรรมดา เต็มที่เหมือนทางสมถะเขานอน

แต่ทางปัญญา นอนหลับ 5 ชั่วโมง 8 ชั่วโมงเท่ากันกับสมถะ แต่ปัญญา มีธรรมะมีความรู้ทั้งได้ทบทวนทั้งได้มีของใหม่เหมือนพระพุทธเจ้าบอก โอ้! วันนี้เทวดาสว่างไสวมาคุยกันเต็ม ข้อมูลหลักฐานขึ้นมาเต็มเรื่อยๆ เอามาสอนภิกษุ เอามาสอน เอามาประกาศต่อโลกต่อไปๆ อย่างนี้เป็นต้น ความรู้นี้หาที่สุดไม่ได้หรอก ละเอียดซับซ้อนลึกซึ้งไปเรื่อยๆ แล้วไม่ต้องไปค้นไม่ต้องไปคว้า ไม่ต้องเที่ยวไปแสวงหาตามตัวหนังสือ มันจะเป็นสัจจะ

อย่างทุกวันนี้อาตมาไม่ได้เป็นนักอ่านตำรับตำรา แม้แต่พระไตรปิฎกก็อ่านเพื่อยืนยันหลักฐาน ตัวเองไม่ค่อยได้อ่านหรอก คิดจะอ่านอะไรอื่นก็นิดๆหน่อยๆ ไม่ได้เป็นคนมีความขยันหมั่นเพียรจะไปอ่านอะไรมากมาย แค่เท่าที่อาตมามีอยู่ บรรยายไป อาตมาก็ว่า มันเยอะแล้วนะ มันละเอียดลออ มันวิจิตรพิสดาร ไม่ใช่เรื่องน้อยๆ ซึ่งไม่มีคนเอามาขยายความ 

ขยายความถึงความเป็นโลกุตระของความเป็น กาย ความเป็นโลกุตระของคำว่า บุญ ความเป็นโลกุตระของคำว่า ฌาน ความเป็นโลกุตระของคำว่า วิชชา ความเป็นโลกุตระของคำว่า สมาธิ ความเป็นโลกุตระของคำว่า ปัญญา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 20:44:35 )

นิทรารามตา

รายละเอียด

ติดในหลับการนอน

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม2562


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2562 ( 16:15:06 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:13 )

นิทสฺสติ

รายละเอียด

เห็น

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 208


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:25:48 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 15:11:33 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:14:38 )

นิทาน

รายละเอียด

1. ความเป็นมา 

2. เป็นเรื่อง 

3. เรื่องราว , นิยาย , นวนิยายของคนของสัตว์

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 517

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 96

รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร เล่ม 2 หน้า 14


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:27:19 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 15:12:27 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:21:23 )

นิทานของวิญญาณาหาร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าจึงตรัสถึงอุทาหรณ์ นิทานของวิญญาณาหาร มันเหมือนอย่างกับโจร มีโจรที่ปล้นศาสนา ปล้นธรรมะทำลายธรรมะอยู่ พระราชาจะเอาไปประหารด้วยหอก แทงให้ตายเลย 100เล่มเช้ากลางวันเย็น อย่างละ 300 เล่ม เช้ากลางวันเย็น แล้วก็ทิ้งไว้แค่นั้น มันก็ยังไม่ตาย เดี๋ยวนี้มันก็ยังเป็นอยู่ อาตมาพูดนี้คือหอก เรียกว่า สตี คือ หอก มุขสตีคือปากหอก แทง เช้ากลางวันเย็น รีรันตลอด 24 ชั่วโมง แทงแล้วแทงอีก ไม่ได้ไปแทงเรื่องอะไรมากเลย

แทงเรื่องสำคัญคือ หลับตาปฏิบัติ นั่งหลับตาปฏิบัติคือ โจรปล้นศาสนาพุทธ ขออภัยจริงๆเลยนะพูดแล้วก็เกรงใจว่า ไปว่าเขาทำไม  จะไม่ว่าได้อย่างไร ก็มันผิด มันหลงผิด เพราะว่ามันเพี้ยนมันหลงผิด ก็เหมือนอาตมาเห็นลูกทำผิดอยู่ต่อหน้าต่อตา แล้วจะบอกว่าลูกทำผิดก็ช่างหัวส่งเสริมให้ทำผิดด้วยซ้ำ จะบ้าหรือ 

สรุปง่ายๆ ลูกมันก็ติดยา แล้วมันซื้อยาเสพติดมากินอยู่ที่บ้าน เห็นอยู่ทนโท่ เราก็ต้องบอกว่าไม่ได้ ต้องพูดแล้วพูดอีก กระหน่ำเลยว่าไม่ดี ก็ต้องพูดแบบนั้นเป็นธรรมดาใช่ไหม อาตมามีความรู้สึกเช่นนั้น เห็นลูกหรือว่าเห็นเพื่อนสหธรรมิก ผิดไปจากของพระพุทธเจ้า อาตมาเห็นใจเข้าใจ เขาก็แสวงหาสิ่งประเสริฐจะไปนิพพาน แต่มันหลงทิศหลงทาง เราก็บอกอย่าไป ทางโน้นเป็นเสือ ขบกินตายหมด อย่าไป 

ทักษิณก็บอก พี่เหนาะ คนตาบอดจะไปกลัวเสืออะไร ใครเคยได้ยินบ้าง พูดกับเสนาะ เทียนทอง ตาบอดไม่กลัวเสือหรอก มันก็พูดกันไป เหมือนคนนั่งหลับตา เหมือนคนตาบอดหูหนวก พูดไปเถอะ ไม่ได้ยินไม่รับรู้ ไม่ได้ฟังอะไรเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 33 ไม่มีความไม่จริงในสิ่งที่

พ่อครูพูดเรื่องโลกุตระ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 09:31:09 )

นินทา

รายละเอียด

นินทาแปลว่า เว่าพื่น ภาษาอีสาน นินทาแปลว่าพูดตำหนิลับหลัง เรียกว่านินทา เป็นคำตำหนิที่พูดลับหลังเขา คนที่เราตำหนินี้เราพูดลับหลังเขา นั่นคือนินทา พูดภาษาง่ายๆฟังแล้วชัดๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:22:52 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:13:24 )

นินทา ผิดศีลข้อ 4

รายละเอียด

บาปหมด มากหรือไม่มากกว่ากันก็แล้วแต่นินทาหนักหรือเบา ไปนินทาคนมีศีลสูงคุณธรรมสูงก็บาปขึ้น นินทาพระพุทธเจ้าก็บาปมากกว่าไปนินทาพระทั่วไป 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 มกราคม2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 16:26:48 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:13:48 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:19:09 )

นินทา “พระเจ้า” สักเล็กน้อย!

รายละเอียด

เพราะ“พระเจ้า”สัมผัสไม่ได้ ยัง“ลึกลับ”อยู่ “พระเจ้า”ยังจมงมอยู่กับ“สุขนิยม”ของตนเอง ซึ่งต้องมี“ทุกขนิยม”อยู่ด้วย เพราะ“สุข-ทุกข์”เป็น“เทฺว”เป็น“ภาวะคู่”  แถมพระเจ้าอยู่ไหนก็ไม่มีใครรู้ ความเป็น“พระเจ้า”ของศาสนา“เทฺวนิยม”นั้น“สัมผัส”ไม่ได้ด้วยอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะด้วย“ทวารทั้ง 5”แม้แต่“ทวารที่ 6”ของคนในโลกก็“สัมผัส”ไม่ได้ มีแต่“จินตนาการ”เอา ของใครของมัน จะเป็น“อย่างไร แบบไหน ก็ของใครของมัน ไม่มีใครล่วงรู้ใน“ภาวะ”ที่“ลึกลับ (รหะ,รโห)”ตลอดกาลนิรันดร ที่ไม่เคยมีใคร“รู้จริง”ได้ด้วยการสัมผัสทางทวาร 5 ของคนในโลกเลย แม้แค่ “รู้จัก”ก็ไม่มีแล้ว ดังนั้น การ“รู้จักรู้แจ้งรู้จริง”ก็ไม่ต้องพูดถึง  ยิ่ง“รู้จริง”นั้นปิดประตูสนิทสุดไปเลย  เพราะต่างก็“ลึกลับ”!

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 473-474 ข้อที่ 660


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2565 ( 13:55:32 )

นินนาเมติ

รายละเอียด

โน้มน้อม

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 84


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:00 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 15:13:14 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:22:13 )

นิบาต

รายละเอียด

การตกลงไป การต่ำลงไป

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 465


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:38 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 15:20:47 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:22:41 )

นิปุณ

รายละเอียด

1. มีฝีมือ รู้ละเอียดให้ชำนาญและต้องดับ(กิเลส)จนสำเร็จ

2. เชี่ยวชาญละเอียดละออสุด 

3. ละเอียด

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 516 , 539

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 197


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:32:43 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 15:22:03 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:46:47 )

นิปุณา

รายละเอียด

1. มีฝีมือเข้าขั้นภูมินิพพาน

2. ละเอียดยิ่งถึงขั้นนิพพาน , ละเอียดลอออย่างชำนาญ สำเร็จเข้าขั้นนิพพาน , รายละเอียด อย่างละเอียด

3. ฉลาดยิ่ง ชำนาญยิ่งในความลึกล้ำแห่งนัยสำคัญ

4. สำเร็จถึงขั้นนิพพาน 

5. ละเอียดสุดวิเศษ 

6. ละเอียดเกินกว่าจะพูดจะบอกกันได้

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 81, รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 22 , หน้า 157 , หน้า 194, พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 67, หน้า 136, ค้าบุญคือบาป หน้า 184 ,หน้า 199

 


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:35:27 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 17:20:02 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:24:26 )

นิปุณา

รายละเอียด

ละเอียดลึกซึ้งถึงขั้นนิพพาน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:24:16 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:44:08 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:23:39 )

นิปุนา

รายละเอียด

นิปุนา คือ ไม่ต้องชำระอีกแล้ว  การแปลความตามสาระของสภาวะ พยัญชนะมีรากจากสภาวะ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2562 ( 08:09:08 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:46:05 )

นิปเปสิก

รายละเอียด

การสะดุ้ง การตกใจ

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 399


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:30:13 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 17:20:44 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:24:17 )

นิปเปสิกตา

รายละเอียด

คือ  แปลว่ามอบตนในทางผิด  ก็คือ  แม้อย่างพวกคุณนี่ มาอยู่ที่นี่ก็ทำงานฟรี เสร็จแล้วก็ออกมาทำงานข้างนอก นั้นแหละนิปเปสิกตา  ไปรับใช้ยิ่งพวกเลอะเทอะไปหาพวกอบาย  มิจฉาวณิชา ก็เป็นการมอบตนในทางที่ผิด  คุณสะอาดได้แต่คุณเองยังไม่แข็งแรงพอจะต้องไปพึ่งพาอาชีพ ที่ยังต้องไปมอบตนในทางที่ผิด นอกจากคุณเอาลาภแลกลาภ คุณก็ยังไปส่งเสริมที่เขาปฏิบัติไปเชื่อทุนนิยมบางทีเป็นอบายมุขด้วย อย่างนี้เป็นต้น


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 14:01:50 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:09 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:25:45 )

นิปเปสิกตา

รายละเอียด

1. การเล่นกล หรืออุบายโกง 

2. ยังกระทำการงาน หรือเลี้ยงชีพด้วยการมอบตนอยู่ในทางผิด หรือร่วมทำงานที่มีส่วนทุจริต 

3. การมอบตนในทางที่ผิด 

4. ยังมอบตนในทางผิด เช่น ตนสุจริตแล้ว แต่ตนก็ยังยอมรับใช้คนเลว คนผิดอยู่ 

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 393 , 399

ทางเอก ภาค 2 หน้า 561

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 138


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:31:42 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 17:22:09 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:49:12 )

นิปเปสิกตา

รายละเอียด

ปฏิบัติธรรมได้มรรคผลเป็นของตัวเอง แล้วไม่ต้องมอบตนในทางที่ผิด ทำอยู่กับหมู่กลุ่มที่สัมมาทิฏฐิ หรือว่าถ้าคนบริสุทธิ์แล้วยังไปรับใช้ทุนนิยม เป็นลูกน้องลูกไล่เขาก็ยังเป็นการมอบตัวในทางที่ผิด แต่ถ้าบรรลุแล้วมาอยู่กับพวกบุญนิยมไม่ทำให้เกิดการโกงการผิดอะไรทำอย่างถูกศีลธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:53:45 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:53:55 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:20:35 )

นิปเปสิกตา

รายละเอียด

นิปเปสิกตา เป็นอาชีพที่เขาไม่ทำชั่วได้แล้ว บรรลุอนาคามีแล้ว หรือเกือบจะอรหันต์ แต่ยังเหลือติ่งโง่ อยู่บ้างว่า ยังคงไปรับใช้คนผิด นิปเปสิกตา ยังไปรับใช้คนผิดด้วยวิธีใดๆก็ตาม เช่น คุณยังไปรับใช้คนโลกีย์ อย่างพวกเราชาวอโศกไม่เอาแล้วไม่ไปรับใช้คนโลกีย์แล้วไปรับเบี้ยอะไรจากเขาไม่ทำแล้ว มาอยู่ในหมู่นี้เลยทำงานศูนย์ 

เพราะฉะนั้นขั้นต่อ นิปเปสิกตา คือ ไม่ไปรับใช้คนผิด ถ้ายังรับใช้คนผิดอยู่คือ นิปเปสิกตา เมื่อไม่รับใช้คนผิดก็มาอยู่กับคนถูกหรือคนชาวโลกุตระ ถึงขั้นสุดท้ายจริง ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนตา ถึงขั้น มาอยู่ในระบบสาธารณโภคี...

ยังรับสิ่งแลกเปลี่ยนอยู่ จากแรงงาน 1.วัตถุแลกวัตถุ ยังมี 2.ไม่แลกวัตถุแล้วเอาแรงงานทำ แลกแรงงานคิดเป็นค่ากัน แล้วเป็นคิดค่านี้ก็เอาธนบัตร มาเป็นตัวเลข ไม่ใช่วัตถุนะ เอาเศษกระดาษมาเป็นธนบัตรที่มันซ้อนอยู่ในโลกทุกวันนี้ นี่ค่าตัวของคุณฉันยังไม่ได้ให้นะ ไม่ใช่วัตถุนะ แต่เป็นค่าลมๆแล้งๆตัวเลข ก็เลยได้แต่เงินมากองเอาไว้ กินก็ไม่ได้ ใช้อะไรก็ไม่ได้ เป็นอาหารก็ไม่ได้ เอาเป็นเชื้อเพลิงเผา ถ้ามันมากก็คงจะเผาตัวเองได้ ธนบัตรกระดาษ ไม่มีค่าอะไรเท่าไหร่ นี่พูดให้ละเอียดๆไปเล็กน้อย

เพราะฉะนั้น ผู้ที่ทำงานไม่รับอะไรแลกเปลี่ยนเลย ไม่มีทั้งวัตถุไม่มีทั้งธนบัตรแลกเปลี่ยนเป็นค่าตัวทิ้งเอาไว้ ค้างเอาไว้จะใช้คืนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ล่ะ หรือไม่รับอะไรเลยอย่าว่าแต่ธนบัตร ไม่ว่าแต่อะไรจะไม่คิดรับเลย แต่ยังซ้อนอยู่ จิตผู้นั้นยังนึกว่า ฉันเป็นบุญคุณของคุณอยู่นะ ตัวเองยังยึดว่าฉันเป็นบุญคุณของคุณอยู่นะ ไอ้นี่ก็ไม่หมด ไอ้นี่ก็คือเป็นผู้ที่ทำงานยังไม่ 0 แท้ๆ ทำงานยังคิดเป็นบุญคุณ 

ถ้าภาษาทางบาลีท่านก็เรียกว่าเป็นให้ไม่หมด ทานไม่สมบูรณ์แบบ ทานสมบูรณ์แบบคือไม่มีอะไรเชื่อมต่อเลย ไม่มี สาเปกโข ที่จะหวังอะไรตอบแทนอีก ไม่มี 

เพราะฉะนั้นทานยังมีทานระดับ 2 จิตยังผูกพัน ปฏิพัทธจิตโต ติด ยังสัมพันธ์กันอยู่ นี่ก็เลยยากขึ้นจากไม่มี สาเปกโข ไอ้นี่เริ่มมีแล้วยิ่งไปสะสมเลย สันนิธิเปกโข ยิ่งสะสมใส่คลังไว้เลย

อันที่ 4 นั้นโอ้โห ทีนี้เป็นตัวเป็นตนข้ามชาติไปเลย เอาไว้ที่จะกินข้ามชาติโน้นชาตินี้ชาติหน้า ปริภุญชิตสามีติ เป็นสมบัติของกูของกูข้ามชาติของกูๆๆ ดอลล่าร์กับทองคำอยู่ในคลัง เขาเอาไปใช้ยังไงไม่รู้เรื่องแล้วเป็นจิ้งจกตุ๊กแกเฝ้า เป็นจริงๆนะ แม้แค่ว่าเป็นจีวรของกู สมัยพระพุทธเจ้าก็เคยมี อันนี้อยู่ในพระสูตรเลย เสร็จแล้วตายก็มาเป็นเล็นอยู่ที่จีวรนั้นแหละ เห็นไหมจิตคน จีวรของกู จีวรของกู ตายยังเป็นเล็นเฝ้า มหาบัวฉันเดียวกัน หนักกว่าจีวรด้วย ทั้งดอลล่าร์ ทั้งทองคำ ทำไว้ของกูของกู เขาเอาหมุนเวียนไปเท่าไหร่ แล้วจะเปลี่ยนแปลงยังไงก็ยังของกู ของกู อยู่นั่นแหละ นี่มันลึกซึ้ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 18:34:24 )

นิปเปสิกตา คืออย่างไร

รายละเอียด

ในอาชีพที่ 3 นิปเปสิกตา แปลว่า ผู้ที่มอบตนในทางที่ผิด ผู้ที่บรรลุได้แล้ว แต่ไปมอบตนไปรับใช้คนอื่นที่ผิด นี่ก็เป็นมิจฉาชีพที่น่าเกลียด คนที่บรรลุ คนที่รู้แล้วว่าอาชีพนี้ไม่ดี เราไปรับใช้อาชีพที่มันทุจริตเป็นอกุศลมันเป็นบาป ยังไม่ควรไปรับใช้เขาเลย ไอ้นี่ก็เป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นมิจฉาชีพ ข้อ นิปเปสิกตา เป็นอาชีพที่มันน่าจะ พราวด์ในตัวเอง proud ควรจะนับถือตนเองบ้าง แต่ไม่ใช่หยิ่งผยอง นับถือตัวเองบ้างว่าเราก็เป็นคนที่ไม่ควรจะต้องไปเป็นผู้รับใช้ ผู้ที่ยังไม่ดีกว่าเรา เราก็ไปรับใช้อาชีพในสิ่งที่เขาทำร่วมด้วยเป็นอาชีพที่แปดเปื้อน เลอะเทอะ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งแสดงว่า ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่รู้ว่าเราหลุดพ้นมาแล้ว แล้วไปเปลี่ยนอีกทำไม นิปเปสิกตา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 14:38:13 )

นิพพัตติ

รายละเอียด

คือการรู้ไม่ให้กิเลสหยั่งลงได้ มีคุณวิเศษสามารถเอากิเลสออกหรือไม่ให้กิเลสเข้าสำเร็จก็เป็น นิพพัตติ เป็น โอปปาติกโยนิ เป็น การเกิดทางจิตวิญญาณที่คุณสามารถทำได้ในใจมนสิกโรติ ก็สามารถทำใจในใจของคุณไม่ให้กิเลสออก หรือ ไม่ให้กิเลสเข้า จนฆ่ากิเลสสมบูรณ์แบบ สมมติว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งฆ่ากิเลสเสร็จ ก็มีคุณสมบัติอันเป็นอรหันตะในแต่ละอย่างคุณติดบุหรี่ ก็ฆ่ากิเลสติดบุหรี่เสร็จจบ ก็เป็นอรหันต์ในเรื่องการติดบุหรี่ คุณติดอะไรอื่นอีก ติดหมากเม่า ติดความสวย ติดความอร่อย ก็ล้างกามคุณ 5 ได้ เป็นอนาคามี เหลือรูป อรูป ก็ล้างได้อีก ตรวจจิตว่ามันยังมี อาการนิดน้อยกับ ไม่มี เก่ง หรือ ไม่เก่ง คุณจะมีภูมิแยกได้ชัดเจน มี หรือ ไม่มี  ถูกต้องหรือไม่ก็ตาม ก็ทำได้เป็นการสิ้นอาสวะ ถ้าคุณนึกว่ามันหมด แต่ว่ามันเหลือน้อย ถ้าธาตุรู้ของคุณไม่สามารถรู้ความเหลือน้อยนี้ได้ แต่คุณมีอนุสัยยังเหลือ คุณก็ต้องปฏิบัติให้มีความเก่ง ของแว่นขยาย อันนี้อีก จนรู้ว่ามันยังเหลือนะ ไม่หมด จนกระทั่งล้างอีก หมดอนุสัยอีก ก็ถือว่า เป็นอรหันต์ สมบูรณ์ที่สุดก็เป็นอุภโตภาควิมุติ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม2562

 


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 14:53:18 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:02 )

เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:22:21 )

นิพพัตติ

รายละเอียด

เมื่อมาเรียนรู้ได้ว่ากิเลสมันผสมแหลมหน้ามา ก็อย่าให้มันหยั่งลงผสมลงมาในเซฟของเรา จัดการสลายออกให้ได้

ผู้ศึกษาอันนี้แหละ รู้จักตัวว่ากิเลสมันจะเกิดแล้วนะ รู้ได้ จัดการอย่าให้มันเกิดได้ ก็เรียกว่า ผู้นี้รู้ทันการเกิดเรียกว่า นิพพัตติ อาตมาอธิบายสภาวะไม่เอาแค่พยัญชนะมาขยายความ อาตมารู้จักภาษาบาลีตั้งแต่รากเหง้า ก ข ค ฆ ง ฯ แต่พวกที่ใช้ไวยากรณ์นั้นติดยึดภาษาเอาสภาวะแบบนี้มาพูดกันไม่รู้เรื่อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 21:11:30 )

นิพพัตติ

รายละเอียด

นิพพัตติ คือ การเกิดที่เป็น“โลกุตระ”ไปตามลำดับ เพิ่ม“หน่วยกิต”ที่เป็น“อาริยธรรมของโลกุตระ”ขึ้นไปตามลำดับ ก็เจริญเป็น“โสดาบัน-สกิทาคามี-อนาคามี-อรหันต์”กันได้

      ผู้บรรลุ“อรหันต์”สามารถจัดการกับ“ชาติ”ของตนได้ถึงขั้นจะ“เกิด”ใน“ชาติ”ต่อไปอยู่ในกาล หรือจะไม่เกิดอีกทำ“การตาย(ทำกาละ)” ที่ตายทำลาย“เชื้อจิตวิญญาณ”ของตนเองให้แยกสลายกลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลยสำเร็จได้ เป็นอรหันต์แล้วเริ่มทำได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 20:07:47 )

นิพพัตติ กับอภินิพพัติ

รายละเอียด

อาตมาซอยให้เห็นอวิชชา คุณรู้อาการพวกนี้ก็ทำของคุณออกอย่าให้มันเกิด มันก็ไม่เกิดชาติ ทำให้ไม่เกิดชาติได้ หยั่งลงทุกกรรมก็หยั่งลงเป็นนิพพัตติ อภินิพพัติ เพราะคุณรู้โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ก็ไม่ทำให้มันเกิดสิ่งที่ไม่ดี ให้แต่สิ่งที่ควรเกิดเป็นโลกุตรจิต เจตสิก

คนที่มีความรู้อย่างนี้คือ นิพพัตติ คือเกิดไปหานิพพาน ก่อรูปนิพพาน คนที่ทำชาติให้เกิดเป็น นิพพัตติ คือ คนเดินทางอยู่ในโลกุตระเป็นผู้ที่มีหวังได้ว่าจะบรรลุนิพพาน สูงสุด อภินิพพัตติ คือจุดนิพพาน นี่คือชาติ  5 ของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:05:58 )

นิพพัตติ การเกิดใหม่ที่สั้นลงไม่วนเวียน

รายละเอียด

ตัวปัญญาตัวฉลาดก็รู้ว่าตัวตนเป็นอย่างนี้ แล้วก็ล้างเหตุปัจจัยที่จะสะสมตัวตนเป็นอย่างนี้ แยก ไม่ใช่ไปรวม แยกไปทีละคู่ๆ คู่นี้ ตั้งแต่คุณไปวนเวียนอยู่ในโลกอบายมุขต่ำหยาบ คุณก็เลิกมาจนกระทั่งคุณเลิกตัวเหตุที่ไปหลง 

จนเจริญสูงขึ้นอีก ตัวเหตุที่จะไปหลงอบายมุขต่ำสุดของคนของมันก็เลิกได้อย่างมีตัวอย่าง มีโครงสร้างรูปแบบของมัน คุณก็เอามาเป็นตัวอย่างทำอีก ทำออกๆ เนกขัมมะ ปลดปล่อย ออกไปเรื่อยๆ คุณทำได้เรื่อยๆ นิพพัตติ เพราะคุณรู้จักดับเหตุๆ โอกกันติ หยั่งลงแต่สิ่งที่ดับเหตุได้ คุณก็เกิดเป็นการเกิดใหม่ เกิดที่จะสั้นลงเป็น นิพพัตติ ไม่มีการวนเวียน นิระ วาน คือนิพพาน ไม่มีสะพาน แต่เป็น นิพพาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 10:42:47 )

นิพพัตติ คือการเกิดที่มีแต่ปัญญา

รายละเอียด

นิพพัตติ คือการเกิดที่มีแต่ปัญญา รู้ว่าเราเคยรับแต่ขยะมา ก็กำจัดขยะที่เคยหลงผิดไปยึดว่าเป็นเราเป็นของเรา ก็ลดออกลดออก อันใหม่ก็อย่ารับเละมาอีก ไอ้ที่เละมาแล้วอยู่ในตัวก็เยอะแล้ว รู้ทันเอาออกๆ นิพพัตติ 

คุณทำจิตให้เกิดนิพพัตติ คือ การเกิดที่รู้ว่าการกำจัดขยะออกจากตัวตน ที่มีอยู่เก่าก็เอาออก ที่จะรับมาใหม่ก็ต้องรู้ความสำคัญในความสำคัญ อาศัยมันไปบ้าง ที่ไม่ใช่ความสำคัญในความสำคัญ ไม่ใช่ปัจจัยแห่งชีวิตมันเยอะเหลือเกิน เยอะมากเลย นี่มารู้กันอย่างนี้ก็ปฏิบัติเอาออก โอฬาริกอัตตา เลิกไม่รับเละ จนกระทั่งรู้ว่าจะสัมพันธ์กับภายนอก โอฬาร มากมายก่ายกองภายนอก คุณก็สามารถมีปัญญาอยู่เหนือมันเลย มันไม่ทำให้กิเลสเข้ามาได้ไม่รับกิเลส เรารู้ความจริงกับความเป็นจริงอะไรที่ควรอาศัยก็พอสมควร ไอ้ข้างนอก หยาบๆใหญ่ๆโอฬาร คุณก็เบาแล้ว ระดับหนึ่ง อัตตาของคุณก็ลดลงแล้ว แต่ก่อนอะไรก็รับเละมาเป็นตัวกูของกูหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:48:31 )

นิพพัตติ คืออะไร

รายละเอียด

“นิพพัตติ” คือ การเกิดที่มีญาณปัญญา มีอัญญธาตุแล้ว มีปัญญาโลกุตระ ทำให้เกิดคุณธรรมโลกุตรธรรมสั่งสมลง ในขณะการสั่งสมการเกิดเป็นพระอริยะขั้นสูงขึ้นไปนี่แหละคือ นิพพัตติ การเกิดเป็นชาติที่เป็นโลกุตรธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:51:44 )

นิพพัตติ ดับเหตุที่มันพาเกิด

รายละเอียด

ทีนี้โลกุตระในโอกกันติ รู้จักนิพพัตติ รู้จักการเกิดอีกชนิด ที่ 4 เกิดโดยที่ทำให้เหตุที่มันพาเกิดนั้นไม่มี ดับเหตุที่มันพาเกิดให้ได้ รู้ว่าตัวนี้แหละคือ อวิชชาตัวโง่ มันพาให้เกิดอยู่เรื่อยเลย 

เพราะฉะนั้นถ้าเอ็งมีแต่เหตุทำให้เกิดอยู่ตลอดเวลาเป็นโลกสมุทัย เอ็งก็เกิดอยู่อย่างนิรันดร ก็ต้องรู้ให้ได้ว่า อ๋อ ตัวนี้เป็นเหตุต้องดับมัน ก็มาเรียนรู้ความดับ นิพพัตติ คือ การเรียนรู้เหตุที่มันพาให้เกิด แล้วดับเหตุที่มันพาเกิดนี้ให้ได้ ตั้งแต่ขั้นหยาบ ดับเหตุก็เป็น 0 นิพพัตติ จะเริ่มรู้แล้วรู้เหตุดับเหตุ ไม่ให้เหตุมันหยั่งลง โอกกันติ

เหตุที่พาเกิดตั้งแต่หยาบ คุณปรุงแต่งเป็นสังขารโลก ปรุงแต่งอยู่กับโลก เช่น ฉันจะต้องเป็นเจ้าโลกเป็นเจงกีสข่าน เป็นจอมยิ่งใหญ่เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐเป็นเจ้าโลกอะไรอย่างนี้ คนก็หลงไปอย่างนั้นจะต้องเป็นอันนั้นให้ได้ แล้วก็แสดงองค์ประกอบ จะเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร จะควบคุมทางด้านเศรษฐกิจ ทางด้านอำนาจ ทางด้านอาวุธ อำนาจสร้างความเฉลียวฉลาด อะไรก็แล้วแต่ที่มันจะเป็นเจ้า เป็นตัวกูของกู ผู้มีอำนาจ กูมีข้าวของ กูมีฤทธิ์ กูมีสิ่งที่คนอื่นสู้ไม่ได้ ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าจตุมหาราช ใหญ่สี่ทิศเลย พยัญชนะว่า จตุมหาราช ใหญ่ครอบงำทั้งสี่ทิศในโลกมหาจักรวาลเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 21:07:59 )

นิพพัตติ เรียนรู้การเกิดแห่งการเกิด แล้วลดการเกิดมันให้ได้

รายละเอียด

ต้องเรียนรู้การเกิดอีกว่า นิพพัตติ เรียนรู้การเกิด แล้วก็เรียนรู้เหตุแห่งการเกิด แล้วอย่าให้มันเกิดเรียกว่า นิพพัตติ คือ อย่าให้มันเกิดยืดยาดต่อไป ลดเหตุ ที่มันจะเกิด ตั้งแต่มันปรุงแต่งทางโลกอย่างหยาบๆ เป็นอบายมุขก็เลิก

เลิกได้การเกิดก็สั้นลงๆ เป็น นิพพัตติ เลิกโลกกาม เลิกกามคุณ 5 เลิกมาได้อีกการเกิดก็สั้นลง นิพพัตติก็สั้นลง เลิก รูปภพ อรูปภพอีก ก็เลิกได้ จนหมดเลย ไม่มีภพชาติอีก ก็เป็น อภินิพพัตติ เป็นการไม่เกิดอีก ได้เป็นพระอรหันต์ถึงขั้นนั้น อย่างนี้เป็นต้น อย่างนี้ฟังเข้าใจนะ แล้วปฏิบัติให้ได้มันก็เป็น แล้วไม่ใช่เท่านั้น เหตุที่จะไปดับเหตุอย่างไร เรียนรู้ปฏิบัติเพื่อจะดับเหตุไม่ให้มันเกิด คุณก็เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทนี่แหละ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10

วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 14:23:30 )

นิพพัตติ และอภินิพพัตติเป็นไฉน

รายละเอียด

ส่วนผู้ที่เรียนรู้ธรรมะก็จะสั่งสมจิตแท้เรียกว่าอารมณ์แท้ เวทนาแท้ ปรุงแต่ง เข้าไปร่วมกันเป็นสังขารที่เป็นอภิสังขาร ก็เกิดเจริญขึ้นๆ เรียกว่านิพพัตติ เป็นการเกิดตัวที่ 4 ชาติตัวที่ 4 

นิพพัตติ ก็จะยาวเยอะ ก็สะสมตัวที่มันไม่มีกิเลสนี่แหละให้ได้ทำกิเลสออกแล้วก็สะสมทำกิเลสออกแล้วก็สะสมๆ มากขึ้น จนเต็มโสดาบัน สกิทาคามี เต็มอนาคามี เต็มอรหันต์ ก็จบเป็นอภินิพพัตติ จบการเกิดรอบอรหันต์ 

หรือรอบของโสดาก็จากกิเลสอันล่าง อธิบายให้อ่อนลงไปอีกที อธิบายให้จบขั้นที่ 4 เรียกว่าอรหันต์ จะเป็นการจบที่รู้จักการเกิดการตาย จะปรินิพพานเป็นปริโยสานหรือจะเกิดอีกก็ได้เป็นอมตบุคคล อย่างนี้เป็นต้น เรียกว่า อภินิพพัตติ เป็นการเกิดที่ 5 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 21:11:05 )

นิพพาน

รายละเอียด

1. จบได้จริง หมดสิ้น ไม่มีอีก จบรอบไปเลย สนิทจริงได้เลย

2. ผู้หยุด ผู้ห้ามเฉพาะตนเองได้อย่างเก่ง

3. จิตไม่ปรุงแต่งกับสิ่งนั้น ๆ เรื่องนั้น ๆ แม้จะกระทบสัมผัสกับสิ่งนั้นเรื่องนั้นอยู่ รู้อยู่ เห็นอยู่ชัด ๆ เป็นปัจจุบันขณะนั้นอยู่ทีเดียว ก็เฉยว่าง ไม่หวั่นไหว ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีอาวรณ์ ไม่มีนิวรณ์กับสิ่งนั้น เรื่องนั้น 

4. ตาย , ดับกิเลส , เย็น , พ้นทุกข์ 

5. ความดับสิ้นไม่มีตัวตนของกิเลสเกลี้ยงสนิท

6. ความตายสนิท หรือดับสนิทของกิเลส , ความไม่มีกิเลส

7. ดับสิ้นอัตตา 

คำอธิบาย

นิพพาน คือ ลักษณะหลุดพ้นจิตเลยไม่ต้องมีอะไรที่ต้องทำอีกไม่ต้องมีเครื่องมือจะต้องเอาไปทำอีกมันจบในตัว ทำงานที่ล้างกิเลสซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ใช่ งั้นก็จบกิเลสก็จบ จบหมด งานที่จะล้างกิเลสถ้าเป็นพระอรหันต์ก็ล้างมากหน่อยพระสกิทาคามีพระอนาคามีก็หมดกิเลสพอดี ก็ต้องพูดย้ำซ้ำซากไปอธิบายไปเรื่อยๆ

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช(2/ 08/2562)

นิพพาน คือ ไม่มีความสุข ไม่มีความทุกข์ 

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ  (วันพุธที่ 16  ตุลาคม2562)

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 427

ทางเอก ภาค1 หน้า158

ทางเอก ภาค2หน้า463

คนคืออะไร? หน้า523

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 150

 


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:37:27 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:22 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:27:59 )

นิพพาน

รายละเอียด

ไม่ใช่อยู่ที่ดีหรือชั่ว แต่นิพพานอยู่ที่สุขหรือทุกข์ เรื่องดีชั่วถูกผิดเป็นเรื่องสมมุติของชาวโลกสมมุติสัจจะ  เราเป็นคนหนึ่งของชาวโลก โลกเขาสมมุติว่าอันนี้เป็นเรื่องถูกหรือผิด อันนี้ดีหรือชั่วเราก็อนุโลมตามเขา แต่สุขทุกข์นั้นเป็นปรมัตถ์ มันจิตของเราเป็นเอง มันไม่ใช่เรื่องของวัตถุโลก ไม่ใช่เรื่องขององค์ประกอบสังขารโลก มันเป็นสังขารจิตของเรา สุข ทุกข์ ทำให้สามารถพิจารณาถึงความยึดถือของตัวเองในความสุขทุกข์นั้น เหมือนจับโจรได้ ทำให้อาการ หวื่อ(ภาษาอีสาน)จะขึ้นลงของอารมณ์ จะหาถูกผิดตามอารมณ์ลดลงได้ สุขทุกข์ เป็นเรื่องเวทนาส่วนตนคนเดียวไม่เกี่ยวกับใคร ของตนเองแท้ๆเป็นปัจจัตตัง ที่ตนเองจะต้องชัดเจน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 16:54:38 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 07:33:11 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:50:42 )

นิพพาน

รายละเอียด

คือ อาการจิต คุณที่หมดสุข หมดทุกข์ ไม่ใช่เอาดีเอาชั่วมาเป็นตัวตัดสิน  แต่เอาสุขเอาทุกข์มาเป็นตัวตัดสิน นิพพาน ต้องอ่านจิตเป็น ต้องอ่านเวทนา  ดีชั่ว ไม่ใช่เวทนา ดีชั่วเป็น สมมุติ  โลกียะ  ดีชั่ว คือโลกยอมรับหรือไม่ แล้วแต่กลุ่ม แต่ละบริบท  ยอมรับหรือไม่ แต่ สุข – ทุกข์นี้ ทุกชาติ  ศาสนา ทุกสังคมมีเหมือนกัน แล้วแยกสุข ทุกข์ กับจิตไม่สุข ไม่ทุกข์ต่างกันอย่างไร

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 14:00:25 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:03 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:29:41 )

นิพพาน

รายละเอียด

คือ คนจะมีธรรมะก็เพื่อไปนิพพาน  นิพพานก็คือ  สภาพของการไม่ทุกข์แล้ว พ้นทุกข์  พ้นความสุข  นิพพาน ตัวแท้ก็คือ  อาการความรู้สึก   เวทนาอารมณ์  ต้องมีอาการอารมณ์ ความรู้สึกที่เรียกว่า  เวทนานี้  ว่า อาการของความสุขคือย่างไร อาการของความทุกข์คืออะไร อาการไม่สุข ไม่ทุกข์คืออย่างไร

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 14:20:03 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:59 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:51:39 )

นิพพาน

รายละเอียด

คือ ทำ“ธรรมะ 2”ให้เป็น“ธรรมะ 1 (ปุงลิงค์)”ได้จริง และทำได้ยิ่งไปถึงขั้นเป็น“0 (นปุงสกลิงค์)” เป็นผู้“จัดการ(อภิสังขาร)”ความเป็น“ธรรม(ทรงอยู่)”ให้สลายสูญ ไปได้แท้ นั่นคือ ทำให้เป็น“อธรรม”ด้วยพลังงาน“บุญ”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 341


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 14:28:19 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:13 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:30:22 )

นิพพาน

รายละเอียด

ก็มีสังขาร แต่เป็นอสังขาร หรือวิสังขาร ท่านไม่ใช้อสังขาร แต่วิ มีคุณสมบัติที่ดีกว่า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:20:31 )

นิพพาน (นิโรธอาริยสัจ)

รายละเอียด

ความตายที่ไม่เกิดอีก(กิเลสไม่เกิด – สุขทุกข์ไม่เกิด – อารมณ์โลกีย์ไม่เกิด) ธรรมชาตินั้นหมดอำนาจที่จะทำให้เกิดอีกได้เด็ดขาด

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 117


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2562 ( 08:39:39 )

เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2563 ( 17:22:51 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 14:53:34 )

นิพพาน 3

รายละเอียด

ได้แก่  สุญญตนิพพาน  อนิมิตตนิพพาน และ อัปปณิหิตนิพพาน

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 366,367


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 14:44:44 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 05:15:09 )

เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2563 ( 15:31:55 )

นิพพาน 3

รายละเอียด

เสร็จแล้วถ้าบรรลุสูงสุดจะเป็นพระอรหันต์ จะเลิกเกิดเลิกออกจากกาละ จากเอกภพจักรวาลนี้ก็เลิกได้ กลายเป็นดินน้ำไฟลม ตัวกูของกู ตัวอัตภาพไม่เหลือแล้วในกาละ ใครเคยได้ฟังได้ยินอย่างนี้บ้าง คนจบเปรียญ 9 ในศาสนามีตั้งเยอะแยะ เดี๋ยวนี้สื่อสารก็เยอะแยะมานั่งบรรยาย มีเยอะ กินหมากอยู่ก็มี อธิบายเสียงดังโวยวายด้วย 

หลวงปู่ได้สรุปให้ฟังอยู่ประเด็นหนึ่ง สรุปไม่รู้กี่ทีแล้ว บอกว่า พระพุทธเจ้านี้คือคนเหมือนเรา เกิดมาท่านเป็นคนคนนึงเหมือนกัน ชาติสุดท้าย เกิดมาเป็น พระพุทธเจ้าชาติสุดท้ายแล้วก็สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เสร็จแล้วก็เลิก จะเลิกตั้งแต่เป็นอรหันต์ก็ได้ แต่หลวงปู่ ตั้งภพภูมิ ไปเป็นพระพุทธเจ้า แต่เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว สุดแล้ว มันก็ต้องจบ จบแล้วก็เลิกมีอัตภาพเกิดแล้วก็ต่อไปอีก จบเลย ด้วย สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน เรียกว่านิพพาน 3 คือ ไม่มีแล้ว ตายอย่างสูญ ตายอย่างไม่ตั้งนิมิต 

นิมิต คือรูป ปณิหิตตะ คือนาม ไม่ตั้งทั้งรูปไม่ตั้งทั้งนาม สูญ ไม่มี รูปก็ไม่ตั้งต่อ นามก็ไม่ตั้งต่อ สูญหายไปเลย กลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย อัตภาพของผู้นั้นก็หมดสิ้นในกาละ ในมหาจักรวาล ในมหาเอกภพนี้ไม่มีอีกแล้ว

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2565 ( 22:17:04 )

นิพพาน 3

รายละเอียด

คุณตายไป คุณก็ตายด้วยนิพพาน 3 สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพานทำสูญ ไม่ตั้งนิมิตอะไร ไม่ตั้งจิตอะไรอีกคือ อัปนิหิตตนิพพาน จิตก็ไม่ตั้งจิตนิมิตก็ไม่ตั้งนิมิตก็เป็นศูนย์ ตายไปสลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมไปเลย นี่ อาตมาอธิบายนิพพาน 3 ลึกสุดแล้วนะ เข้าใจไหม เข้าใจ โอ้โห… พวกนี้อรหันต์อยู่ใกล้ๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:00:27 )

นิพพาน 3

รายละเอียด

สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน ตายอย่างนิพพาน

ถ้าคุณตายอย่างนิพพาน 3 นี้ สมมุติว่าคุณเป็นอรหันต์ยังมีวิจิกิจฉา คุณก็ไปตกอยู่ในสุทธาวาสแล้วก็สลายไปเอง ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าไม่เอาเสียเวลา แต่ไม่กลับมาแน่ อนาคามีก็ไม่มาแล้ว คุณจะเป็นอนาคามีหยาบก็นานนนน ถ้าอนาคามีสูงหน่อยก็สั้นขึ้นสั้นขึ้น หรือเป็นอรหันต์ที่ไม่รู้ก็เป็นไปตามภาวะจริงของคุณ คุณมีภูมิถึงขั้นไหนมันก็ไป เมื่อไม่กลับมาก็คือตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีกเป็นอนาคามี หรืออรหันต์ที่คุณได้แล้วก็ไม่กลับมาเกิดอีกแน่นอน อนาคามีก็ยังไม่กลับมา อรหันต์จะมาทำไม แต่ไอ้ที่มันไม่รู้เรื่องตายไปแล้วมันก็อยู่ในภพ ส่วนตัวของคุณ ตามบารมีของคุณ คุณจะอยู่อีกนานไม่นาน มันเอามาอธิบายกันไม่หวาดไม่ไหว 

เพราะฉะนั้น การพิสูจน์ที่เอาความจริงมาพูดกันยาก พระพุทธเจ้าจึงให้พิสูจน์กันในปัจจุบันธรรม พิสูจน์กันเดี๋ยวนี้สิ จนกระทั่งคุณแน่ใจว่าคุณปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ตั้งแต่บัดนี้ แยกเป็นดินน้ำไฟลม โดยชัดเจนเลยว่า อ๋อ..ภาวะของอุตุ 

อุตุนิยามหรืออุตุธาตุเป็นอย่างนี้ พีชธาตุเป็นอย่างนี้ จิตธาตุเป็นอย่างนี้ ทำได้ด้วยกรรม ทรงไว้ ธรรมะ ทรงสภาพไว้ตามกรรมที่เราสั่งสม เราทำได้คุณจะรู้จักกรรม รู้จักธรรมะ ว่าอย่างนี้ทำได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มกราคม 2567 ( 14:04:58 )

นิพพาน 3 ขั้น 

รายละเอียด

นิพพาน มี 3 ขั้นง่ายๆ 

1. นิพพาน 

2. ปรินิพพาน 

3. ปรินิพพานเป็นปริโยสาน

ปริ แปลว่า รอบ นิพพานแปลว่า ทำได้ ยังไม่รอบถ้วน ทำได้ไปแต่ละอย่าง โสดาบัน สกิทาคามี พระอนาคามี เป็นอรหันต์แล้วก็ถือว่ามี ปรินิพพาน ทำนิพพานได้รอบถ้วนสมบูรณ์แล้ว 

แล้วก็สามารถที่จะทำให้เป็น ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ คือแยกธาตุเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมไปเลยได้ด้วย แต่พระอรหันต์ที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องของพยัญชนะ เรื่องของ อนุสาสนีย์ คำสอนพระพุทธเจ้าที่เป็นตัวบัญญัติพยัญชนะที่สื่อสมมุติในโลก อาจจะทำปรมัตถ์ ทำจิตของตัวเองเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมได้แล้ว แต่ภาษาบัญญัติที่อธิบายเอาไว้ ยังไม่ค่อยเข้าใจ ยังไม่รู้ ไม่ได้เรียนรู้ทั้งพยัญชนะและอัตถะ ก็จะไม่เข้าใจ แต่ผู้ที่เรียนรู้ได้ทั้งพยัญชนะและ อัตถะ ชัดเจนตรงกันก็จะเอามาอธิบายได้ อย่างหลวงปู่ อย่างอาตมา อธิบายกันอยู่ตลอดเวลาเสมอทุกวันนี้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 26 พฤษภาคม 2565 ( 18:30:35 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์