คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
คือ สังคมที่เป็นประชาธิปไตย อาตมายืนยันว่าพระพุทธเจ้านี่คือสุดยอดของนักประชาธิปไตย คนก็ฟังไม่เข้าใจบอกว่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไรในยุคนั้นไม่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตย ก็ใช่ มนุษย์ชาติต่างๆยังไม่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตยเพราะโลกในยุคนั้นยังไม่มีประชาธิปไตยมีแต่ราชาธิปไตย สมบูรณาญาสิทธิราชย์กันทั่วโลก เป็นสังคมทาส แต่มีประชาธิปไตยแล้วพระพุทธเจ้าพาทำประชาธิปไตย พระพุทธเจ้านี่แหละคือองค์ธรรมะประชาธิปไตยและออกธรรมนูญของท่านผู้ที่มาเข้ารีตเข้าหมู่ของพระพุทธเจ้าเช่น ภิกษุ เป็นต้น ภิกษุคือนักประชาธิปไตยของศาสนาพุทธในยุคนั้น คนยุคนั้นภิกษุหรือพุทธศาสนิกชนที่ใส่ใจศึกษาตามพระพุทธเจ้าความเป็นประชาธิปไตยแล้ว ยิ่งภิกษุก็คือจริง ภิกษุมานี่ ญาติปริวัตรตังปหายะ โภคขันธปหานะ แล้วมาเดินทางของพระพุทธเจ้าเป็นสาธารณโภคี สาธารณโภคีนี่แหละคือสุดยอดประชาธิปไตย ผู้อยู่ในนี้เสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ พูดไปแล้วไม่รู้กี่ทีสุดยอดหรือจะเป็นคอมมิวนิสต์ ก็คอมมิวนิสต์ที่สุดยอด เสียภาษีให้แก่ส่วนกลาง 100% ไม่มีตัวตน ไม่มีของตัว ยุคโน้นพระพุทธเจ้าทำได้ สงฆ์ภิกษุของพระพุทธเจ้า ญาติปริวัตรตังปหายะ โภคขันธปหานะ ไม่มีสมบัติส่วนตัวจริงๆ จะมีพวก ภรตะ บ้างเล็กน้อย องค์รวมเป็นไปได้อย่างแท้จริง
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:48:08 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:33:24 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:45:08 )
รายละเอียด
คนที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวเอง ความรู้ของตัวเองก็ยังไม่มั่นใจในความรู้ตัวเอง แล้วมันจะไปบริบูรณ์ได้อย่างไร ของพระพุทธเจ้านั้นสอนแม้แต่ความรู้นั้นยังไม่ต้องถึงพระศาสดา ก็รู้แล้วว่าเรารู้ด้วยตัวเอง เริ่มต้นรู้แล้วก็ปฏิบัติจนมันเป็นความจริงลำดับที่ 1 2 3 ไป ก็จะรู้ความจริงนั้นได้ด้วยตนเรียกว่า ปัจจัตตัง ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ ท่านรู้ความรู้นั้นแล้วก็ทำความจริงจนรู้เองจึงไม่หลง ว่าความรู้เหล่านั้นเป็นของเราเอง มีพระพุทธเจ้าค้นพบรู้สูงสุดมีความรู้กับความจริงมากที่สุด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:56:01 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:09:12 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:52 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:46:10 )
รายละเอียด
โลกุตรธรรมไม่ใช่ของตื้นๆที่จะรู้ได้ง่าย แต่ละยุค แต่ละกัปกัลป์ จะมีศาสดาอย่างพระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องนี้ นานๆจะมีสักองค์ อย่างในยุคนี้พระสมณโคดมได้มาอุบัติแล้วศาสนาจะไปอีก 5,000 ปี จาก 5,000ปี ศาสนาจะว่างจากศาสนาพุทธไปอีกนานเป็นพุทธันดร กว่าจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้อีกองค์หนึ่ง เพราะมันมีกลียุค
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส
วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 ตุลาคม 2565 ( 18:45:28 )
รายละเอียด
อันนี้แหละพระพุทธเจ้าผู้รู้ทั้งหลายก็ทำนี้ เมื่อลอยถาดทองคำไปกระทบมีเสียงดังพระญานาคก็ตื่นขึ้นมารู้ว่าพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาอีกหนึ่งพระองค์แล้วหรือ รู้แล้วแล้วก็หลับต่อไป รอพระพุทธเจ้าองค์ใหม่เกิดใหม่แล้วก็เสียงดังเกิดอีกก็จะตื่นขึ้นมารู้อีกทีนึง แล้วก็หลับต่อไป นาน... พระพุทธเจ้าเกิดแต่ละพระองค์ ไม่ใช่ว่าระยะสั้นๆ จะเกิดแต่ละองค์เป็นเวลาเป็นแสนเป็นล้านปี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:26:25 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าสมณโคดมจะไม่ตกอยู่ในสุทธาวาสทั้ง 5 ท่านจะกลับมาเกิด มีดินน้ำไฟลม มีตาหูจมูกลิ้นกาย จึงเป็นโพธิสัตว์ อาตมาคนหนึ่งเป็นโพธิสัตว์ระดับนี้ จะไม่เอาอย่างนั้นเพราะเสียเวลา มันนานมาก มันไม่ได้ล้างเลย เอาปัจจุบันมาทำตาหูจมูกลิ้นกายดับแล้วปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลยไม่ต้องค้างอยู่ในภพในอีก ไม่ต้องอยู่ในสุทธาวาส 5
ชั้นที่ 17 อากาสานัญจายตนภูมิ
ชั้นที่ 18 วิญญาณัญจายตนภูมิ
ชั้นที่ 19 อากิญจัญญายตนภูมิ
ชั้นที่ 20 เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
อันนี้คืออรูปพรหมชนิดมาเกิดอีกไม่ใช่จมในสุทธาวาส ซึ่ง มีทั้งแบบมิจฉาและสัมมา
สัตตาวาส 4 ก็มิจฉาแล้ว ไปเป็นสัตว์หลับตาปฏิบัติ เพราะฉะนั้น ฌาน 1 2 3 4 เป็นฌานหลับตาทั้งนั้น ยิ่งมิจฉาหมด ยิ่งฌาน 5 ดับสัญญาไปเลยแล้วก็ไปหลงเป็นนิโรธ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2565 ( 14:20:50 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตรัสถึงความมี คือ โลกสมุทัย
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:30:00 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:35:26 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 08:52:19 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ตั้งแต่ท่านยังทรงพระชนม์ชีพ ท่านก็ตรัสไว้ว่าต่อไปคนจะเสื่อมจากโลกุตรธรรม ก็มันเสื่อมในยุคกึ่งพุทธกาลนี่แหละ 2500 ที่อาตมาเกิดมาในยุคเสื่อม มันเป็นยุคเสื่อมจากศาสนาพุทธ คนได้เสื่อมจากศาสนาพุทธ เป็นคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าที่เกิดเหตุการณ์จริงด้วย ถ้าคนชัดเจนและเข้าใจว่าจริงๆพระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์ไว้ถูก เพราะมันเสื่อมตอนนี้ไงมันต้องไม่ต้องไปรอ 4,500 ปีแต่นี่แค่ 2,500 ปีก็เสื่อมให้เห็นแล้ว จะต้องไปรอถึง 3,500 ปีหรือ 4,500 ปีนู่นถึงจะเสื่อม แล้วค่อยๆหมด 5,000 ปีไม่ใช่หรอกแต่มันเสื่อมตอนนี้แหละ อาตมาอุบัติขึ้นมามันก็เสื่อมอยู่แล้ว อาตมามาทำงานศาสนา 2512 ก็เห็นว่ามันเสื่อมแล้ว ก็ต้องฟื้นฟูสิ่งที่ถูกต้องคืนมา 50 ปีก็ได้มากระหย่อมเดียว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:52:31 )
รายละเอียด
เรื่องสุขเรื่องทุกข์ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้เรื่องดีชั่ว เพราะดีชั่วนี้รู้กันมากก็รู้กันหมด เทวนิยมหรือว่าศาสนาทุกศาสนาสอนเรื่องดีเรื่องชั่วทั้งนั้น แต่ศาสนาพระพุทธเจ้าสอนเรื่องสุขเรื่องทุกข์ แล้วให้เลิกจากความสุขความทุกข์ให้ได้ นี่คืออริยสัจของศาสนาพุทธ นี่คือหัวข้อที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยปัญญาอะไร เป็นปัญญาโลกุตระ ปัญญาที่ไม่เหมือนคนในโลกที่ใครๆจะมี เพราะฉะนั้นในโลกนี้ไม่มีใครมีปัญญาเหมือนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าค้นพบอันนี้แล้วเลิกสุขเลิกทุกข์ เพราะฉะนั้นเทวนิยมไม่มีทางสิ้นความสุขสิ้นความทุกข์ และจะหลงความสุขความทุกข์อยู่อย่างนั้น เพราะความสุขความทุกข์เป็น dualism
ความสุขความทุกข์เป็นเหมือนเหรียญสองด้าน เหมือนคู่ที่แกะออกจากกันไม่ออก คนหลงความสุขแต่ความทุกข์นั้นมันก็ติดอยู่กับคนนั่นแหละ ด้วยคุณทำทีเป็นไม่รู้ มันแยกไม่ออก แต่เขาตีสองอันนี้ไม่แตกแยกอันนี้ก็ไม่ได้ ศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นี้ตีมันทิ้งหมดเลยทั้งสุขทั้งทุกข์ ไม่เอาไว้ทั้งสอง
หมดทั้งสุขและทุกข์ก็จบ หมดทั้งสุขและทุกข์นี้คือหัวใจศาสนาพุทธ ตรัสรู้อะไรตรัสรู้ความสุขความทุกข์ มีปัญญาอะไร ปัญญารู้ความสุขความทุกข์
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:46:21 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:36:07 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 08:53:10 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อัตตา คือ สภาวะธรรมที่มันมีตัวตนนั้นคืออย่างไร มีอะไรที่อวิชชาอยู่ ให้มีอัตตาอยู่ในกาละ อยู่ในวัฏสงสาร ก็รู้เหตุที่ทำให้มันยึดติดในความเป็นอัตตาหรือในความเป็นตัวตนเรา ยึดเป็นเรา เป็นของเราอยู่ เหตุที่มันโง่อ๋อ..เหตุนั้นคือกิเลส หรือความโง่ อวิชชานั่นเอง ท่านก็ลดกิเลสมาตามลำดับตั้งแต่มันหลงวน หลงไปยึดติดว่าน่าได้น่ามีน่าเป็น อยู่ในโลกของอบาย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 19:21:47 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความไม่เที่ยง มันเป็นสุดยอดแห่งความจริงของทุกอย่าง สุดยอดแห่งความจริงของทุกอย่าง แม้แต่ที่สุด สิ่งที่ทุกคนเห็นว่ามันไม่เคลื่อนแล้วนะ แต่มันก็เคลื่อน เพราะมันขึ้นอยู่กับลมนี่แหละ หรือว่าฝุ่น เหมือนมันเล็กละเอียด ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่มันก็เปลี่ยนมันก็เคลื่อนไป ตามความเคลื่อนของทุกๆ อย่างเคลื่อนไป เหมือนโนรู นี่แหละ มันก็เคลื่อนแรงเคลื่อนเร็ว
ทุกอย่างไม่เที่ยง นี่เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย มีเที่ยงอย่างเดียวเท่านั้นที่นิรันดร ก็คือ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน มันซ้อน อะไร ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ความเป็นจิตเจตสิก ความเป็นจิตนิยามของแต่ละอัตภาพ อันนี้ต่างหากที่มันสูญสลายไป นี่คือไม่มีแล้วก็เที่ยง สูญไปอย่างนิรันดรเลย หายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 12:15:27 )
รายละเอียด
อ่านภาษาของคุณผาหิน จอมภูผา ว่ามานี่ อาตมาเข้าใจว่า คุณผาหินเข้าใจถูกตามพยัญชนะที่พูดมาเป็นภาษาวิชาการ Technical terms มันถูก มันใช้ได้ อาตมาก็สบายใจที่อธิบายธรรมะให้ฟังกันแล้วนี่ สามารถเข้าใจถูกสภาวะ ที่ถูกต้อง จักษุ ปัญญา ญาณ วิชชา อาโลก อันนี้คุณเขียนมาไม่ตรง
จักษุก็คือต้องมีตา ปัญญาก็คือต้องมีความรู้ ญาณก็คือสูงขึ้นไปกว่าปัญญา วิชชาก็สูงขึ้นไปกว่าญาณอีก อาโลกคือมีแสงสว่างของพระอาทิตย์ เป็นข้อยืนยันหลักฐานต่างๆ ว่า ศาสนาพระพุทธเจ้า ไม่ได้เกิดตรัสรู้ด้วยวิธีไม่มีแสงสว่าง ไม่ตาลืมๆ ไปหลับตาตรัสรู้นั่น นั่นก็ไปหลงผิดว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ตอนที่นั่งเตวิชโชอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ในตอนกลางคืน ตรัสรู้กลางคืน ในวันวิสาขบูชานั่น
ซึ่งมันเข้าใจผิดกัน ก็น่าเห็นใจเหมือนกัน นึกว่าท่านตรัสรู้ด้วยอันนั้น ที่จริงท่านไม่ได้ตรัสรู้ ท่านระลึกย้อนระลึกในเตวิชโช ระลึกความตรัสรู้ของท่าน ที่ท่านมีสัมมาสัมโพธิญาณมาแล้ว พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาหรือประสูติขึ้นมาในยุคนี้ ท่านมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ท่านมีสัมมาสัมโพธิญาณครบพร้อมมาหมดแล้ว ท่านไม่ได้มาเรียนรู้ ไม่ได้มาตรัสรู้ใหม่อะไรเลย พอเริ่มรู้ ระลึกรู้ได้ แล้วเอามาตรัส เอามาพูด ตรัสนี่คือคำพูดเอามาพูด คำว่า ตรัสรู้เป็นภาษา 2 คำคือ ตรัสกับรู้ ที่ท่านรู้นั้น ท่านเอามาตรัส ก็เลยรวมคำว่าเป็น ความตรัสรู้ รู้ มาพูดตามความรู้ของพระพุทธเจ้า ของพระองค์เอง เรียกว่า คำตรัสรู้ ท่านเอามาพูด เอามาตรัสประกาศให้คนทั้งหลายได้รับรู้ตามที่ท่านตรัสรู้ แล้วกว่าจะตรัสรู้นี้ก็สั่งสมบารมีมามากมายยาวนาน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 12:12:51 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 08:50:10 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 10:36:35 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:36 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:47:31 )
รายละเอียด
จนกระทั่งพระพุทธเจ้าตรัสรู้ มันปนกันกับนั่งหลับตา เตวิชโช ระลึก พวกนี้ คนก็เลยแยกไม่ออกว่า จริงๆพระพุทธเจ้า ตระกูลปัญญา ไม่ใช่ตระกูลศรัทธา ตระกูลปัญญา 100% ด้วย มันมีปัญญาบ้าง หลับตาบ้าง หลายอย่าง แต่พระพุทธเจ้า เพียวๆ ปัญญา 100% ตระกูลปัญญาที่เรียกโดยภาษา ว่าธัมมานุสารี 100%
พระพุทธเจ้าแบ่งว่ามี สัทธานุสารี ผู้ที่บรรลุธรรมด้วยการศรัทธา ตามปฏิบัติด้วยศรัทธา กับการตามปฏิบัติธรรมด้วยธรรมะ ท่านไม่ได้เรียกปัญญานุสารี
พอมีทิฏฐิปัตตะ พอเริ่มบรรลุทิฏฐิที่เป็นสัมมา ก็จะชัดเจนขึ้นมาแบ่งธรรมะเป็นปัญญาขึ้น แต่ยังไม่เรียกว่าปัญญาทีเดียว พอบรรลุก็เรียกปัญญาวิมุติ
กายสักขี จะปรากฏออกทางกายก่อน เช่น ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพระโพธิสัตว์ที่ปรากฏทางกายก่อน จะยังไม่ชัดเจนในทางปัญญา จะออกทางศรัทธา ทางเจโต ทางนี้ก่อน
ส่วนสายปัญญา โดยเฉพาะปัญญานั้น ถ้าเป็นสายปัญญาเต็มๆ ทั้งรูปธรรมและนามธรรมจะออกมาพร้อมๆ เท่าๆ กันพอๆ กัน อย่างอาตมานี้สายปัญญา ไม่เต็มที่เดียว กำลังบำเพ็ญอยู่ให้เต็ม ก็ออกมาทางนามธรรมหรือธรรมะมากกว่ารูป มากกว่ารูปธรรม รูปธรรมมีด้วย แต่อย่างที่เห็นอย่างชาวอโศก อย่างในหลวง ร.9 ส่วนมากรูปธรรมเป็นโลกุตระ แต่คนมองไม่ออก
แต่ท่านอธิบายนามธรรม ท่านไม่ใช้ปฏิสัมภิทาญาณ ก็เลยได้สาธยายเท่าที่ท่านสาธยายได้พอสมควรอย่างนี้เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 05:09:53 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตรัสรู้วิญญาณ เป็นการปรุงแต่งของ 2 สภาพ เป็นรูปกับนาม จึงเริ่มรู้ว่ามันเกิดจาก 2 สภาพปรุงแต่งกันและเป็นสภาพที่ 3 เป็นสภาพบวกลบ แล้วก็เป็นนาม หมุนเวียนอยู่อย่างนั้นเป็น cyclic order ออกจากสภาพนี้ไม่ได้ มีแต่เสื่อมแล้วก็เจริญ เจริญแล้วก็เสื่อม เสื่อมแล้วก็เจริญ สลับกันไปสลับกันมา สั้นบ้างยาวบ้าง มากบ้างน้อยบ้าง อะไรก็ได้ แต่วนเวียนอยู่อย่างนี้นานไม่รู้กี่ล้านชาติ เทวนิยมก็เป็นอย่างนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 พาพ้นขิฑฑาปโทสิกะและมโนปโทสิกะ วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 20:39:58 )
รายละเอียด
วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก วันเวลาก็เปลี่ยนไป เราก็เปลี่ยนไปตามธรรมชาติ จากเด็กจนถึงหนุ่มจากหนุ่มจนถึงแก่ จนกระทั่งถึงวันนี้ก็แก่หลายแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่าเกิดมาจะมีอะไร อย่างไร คือ คนมีจิต แล้วมีปัญญา มีธาตุรู้ที่มันเฉลียวฉลาด มันรู้ เพราะฉะนั้นผู้รู้ที่เป็นศาสดาของแต่ละศาสนา ทุกองค์ก็พยายามที่จะพาผู้คน แต่ละศาสดาก็เห็นว่ามันควรจะดีอย่างนี้ๆ ก็พากันสอนแนะนำอธิบาย มีหลักฐานเหตุผลก็เอามาขยายความกันให้เข้าใจว่า มันเป็นอย่างนี้ถูกต้อง อย่างนี้ถึงจะดี อย่างนี้ถึงจะเจริญ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
สังขารกับการเวียนว่ายตายเกิด
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:33:37 )
รายละเอียด
ทีนี้ส่วนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ตรัสรู้ความดีความชั่วที่เขาเรียนรู้ ท่านก็รู้ ไม่ใช่รู้อย่างตรรกะ คะเนคำนวณเอา แต่รู้อย่างที่มีความรู้ความเป็นอย่างนั้นได้ด้วย ดีอย่างไรเป็นได้อย่างนั้น แล้วรู้ความเป็นได้ด้วยว่า มาจากเหตุอะไรทั้งหมด
จนสุดท้าย ความรู้ว่าจิตวิญญาณ หรือพระเจ้า ก็คือสังขารธรรม ธรรมะที่ปรุงแต่งขึ้นมาเป็นสภาพ รูปและนาม จับตัวกันเข้า ปรุงแต่งกันเข้า เรียกว่า สังขาร แล้วก็มาเรียกอีกคำว่า วิญญาณ ตั้งเป็นคำว่า วิญญาณ แล้ววิญญาณที่ยิ่งใหญ่ด้วยความเป็นพระวิญญาณยิ่งใหญ่ แต่ละองค์ๆ ของพระเจ้า ของที่พระศาสดายกไว้ แต่ไขความไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 16:45:42 )
รายละเอียด
สรุปลงตรงนี้ว่า ศาสนาพระพุทธเจ้านั้น พระพุทธเจ้าตรัสรู้จนกระทั่งรู้ว่า วิญญาณคืออะไร วิญญาณคือสังขารที่ปรุงแต่งกันขึ้นมาด้วยเหตุปัจจัย ตั้งแต่เป็นธาตุดินน้ำไฟลม ซึ่งมันสังเคราะห์สังขารกันขึ้นมา เป็นอุตุก็สังเคราะห์สังขารกันอยู่ เป็นความร้อนแสงเสียงแม่เหล็กไฟฟ้า จนกระทั่งจับตัวเกิดมาเป็นชีวะ ก็จึงเป็นพืชขึ้นมา จะเรียกว่าอัตตาก็ยังไม่เต็มอัตตา แต่มันก็เป็นตัวตนของมัน มีการยึดถือธาตุ ธาตุต่างๆ ที่ฉันก็ต้องเอาธาตุอย่างที่ฉันรู้กำหนดเอา มะเขือเทศก็ต้องเอาธาตุอย่างนี้มาสังเคราะห์ให้ตน เอาพลังงานเอาสารมาสังเคราะห์ให้เป็นเนื้อตัวตน เป็นเนื้อมะเขือเทศ เป็นเนื้อกะหล่ำปลี ธาตุอันไหนมันไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นธาตุที่ต้องการของมัน มันมีของมัน มันจะต้องมีธาตุอะไรบ้าง มันก็รู้ ดินน้ำไฟลม จะละลาย อยู่กับดิน อยู่กับน้ำ อยู่กับลม พืชบางอย่างห้อยต่องแต่ง อยู่บนอากาศ ดูดเอาน้ำเอาลมจากไอน้ำจากลมจากธาตุไฟจากอากาศ แต่ส่วนมากพืชมันก็อยู่กับดิน มันอยู่กับอากาศน้อย อยู่กับน้ำกับดินก็เยอะ มันก็เกิดเป็นชีวะของมัน
จนกระทั่งมันพัฒนาธรรมชาติของมันจนถึงรอบครบถ้วนจึงไปเป็นชีวะของจิตนิยาม มันก็เป็นได้ ธรรมชาติของมันมันเป็น มันสะสม เป็นพัฒนาการของมันอย่างนี้ เมื่อมาเป็นจิตวิญญาณพระพุทธเจ้าท่านก็รับผิดชอบ เพราะท่านรู้จบว่าจริงๆ แล้วแยกธาตุจิตวิญญาณ ให้สลายไปได้เลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจด้วยฌานทั้ง 4
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:20:35 )
รายละเอียด
พระเจ้าไม่ได้เคยเรียนรู้ทุกข์ ที่เป็นคู่ของสุข พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่าสุขทุกข์นี้มันคืออันเดียวกัน สุขก็คือมายาของทุกข์ รู้ทุกข์แล้วพระพุทธเจ้าถึงชี้หน้าว่า ไอ้เจ้าทุกข์ เหตุแห่งทุกข์คือกิเลส ไอ้กิเลส ไอ้เหตุแห่งทุกข์ ข้ารู้เจ้าแล้ว หักเรือนยอดของพวกเจ้าแล้ว ท่านใช้สำนวนของท่าน อาตมาพูดภาษาไทย แปลมาจากภาษาบาลีอย่างที่อาตมาอธิบายเป็นภาษาไทยนี่อันเดียวกัน หักยอดแล้ว เลิกตาย ท่านก็เลยดับทุกข์สนิทเลย พอได้หักยอดของทุกข์แล้ว มุนอุ้ยปุ้ย แปลว่า หักแหลกสลายไปเลย เรียกว่า มุนอุ้ยปุ้ย ภาษาอีสาน
อย่าว่าแตกละเอียดธรรมดาเลยแต่เป็น ละเอียดแบบ นิปุณา ละเอียดระดับนิพพานเลย เป็นความละเอียดแต่เป็นความละเอียดระดับนิพพานเลย นิปุณา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 มกราคม 2566 ( 14:07:18 )
รายละเอียด
ตกลงพระพุทธเจ้าตรัสรู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ท่านก็ศึกษาเอาชีวิตนี้เข้าศึกษา สิ่งใดท่านสงสัยท่านไปเกิดเลย ก็พัฒนามาจากอุตุนิยามเป็นดินน้ำไฟลมมาเป็นพืช กระทั่งมาเป็นสัตว์ จนกระทั่งมาเป็นสัตว์เจริญ เป็นเวไนยสัตว์ เป็นสัตว์ที่พัฒนาทางความคิดทางจิตวิญญาณ เป็นอาริยชน สูงกว่าโลกียชน ซึ่งโลกียชนนั้นถือเป็นคนดีถือว่าเป็นกัลยาณชน ยังไม่เรียกว่า อาริยะ
ที่มา ที่ไป
พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:05:45 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึงสัจจะความจริงของสังคม ท่านบำเพ็ญเพียรศึกษาเรื่องของมนุษย์ความเป็นมนุษย์กับความเป็นสังคม แล้วก็ช่วยมนุษย์ช่วยสังคม เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 15:43:43 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:36:39 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าก็มาตรัสรู้ว่าต้องเรียนรู้เรื่องของกรรม การกระทำ
1.มันมีดีมีชั่ว โลกียะเขาก็ต้องพยายามเอาแต่ดี ให้ละชั่วประพฤติดีนี่เป็นโลกียะ ได้ดีต่อไปมันก็ไม่เที่ยง วนอยู่อย่างนั้นไม่รู้กี่ล้านๆ ชาติ พระพุทธเจ้าจึงศึกษาว่าดีก็ดีแหละ แล้วเอาด้วย พฤติกรรมที่มันเป็นกรรมดี ก็เอา เอากรรมดี สุ=ดี ทุ=ชั่ว ก็ทำสุ ให้เป็นสุคติไปเรื่อยๆ สั่งสมแต่ดี
2. แล้วจะอยู่กับกรรมกับธรรมะความทรงสภาพนี้ ไม่รู้จักจบ สลายจิตวิญญาณนี้ ไม่ให้เป็นจิตวิญญาณเลยได้ไหม ....พระพุทธเจ้าก็เป็นผู้ค้นพบ ว่า อ๋อ.. สลายได้ มันเป็นเหตุปัจจัยของสังขารของการปรุงแต่งกันอยู่เท่านั้น แล้วก็เกิดวิญญาณ แล้วก็มาจบอยู่ตรงนี้ อวิชชา สังขาร วิญญาณ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 พาพ้นขิฑฑาปโทสิกะและมโนปโทสิกะ วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 20:38:25 )
รายละเอียด
ไม่มีความรู้ ไม่สามารถจะเข้าใจสัจธรรมอันนี้ได้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์ เรื่องอื่นความรู้ประดาที่โลกมีท่านก็เรียนรู้มาหมด 18 สำนักตักสิลา ท่านได้เกียรตินิยมจบทุกวิชา เสร็จแล้วทิ้งหมด มาเอาวิชชาที่ท่านเองตรัสรู้เอง
ท่านเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะท่านต้องไปเรียนในตักสิลา มหาวิทยาลัยในยุคโน้นของทวีปอินเดียตักสิลาเป็นอาคาเดมี่ใหญ่ในยุคนั้นก็ไปเรียนจบหมดทุกวิชา 18 วิชชา เสร็จแล้วทิ้งหมด แล้วท่านก็มาเอาวิชชานี้ตลอดพระชนม์ชีพ มาสอนวิชชานี้ มาทำให้คนรู้จักรู้แจ้งรู้จริงในวิชานี้ไม่ทำงานอื่นเลย 18 วิชชานั้นขี้หมาแท้ๆทิ้งหมด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8
วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 20:51:00 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตรัสเกี่ยวกับมื้ออาหาร คือ คนที่มาบวชแล้วกินวันละมื้อไม่ตาย ถ้ากำหนดให้กินวันละมื้อ ยังไม่เคยเห็นในพระไตรปิฎก ภิกษุจงฉันวันละ 2 มื้อ เห็นมีแต่ฉันวันละมื้อเดียว ที่นั่งแห่งเดียว สอนอยู่อย่างนั้น ไม่เคยให้กิน วันละ 2 มื้อ กำหนดมื้อเพื่อที่เราจะได้รู้ว่ามันพอ มื้อหนึ่งนี้อาหารจะเข้าไปเลี้ยงร่างกายมันพอ คนที่มาหัดกิน 1 มื้อ ส่วนมากมันจะท้องตึงกลัวไม่พอ ใส่เข้าไปๆ อึดอัดเลย พอนานๆ ไปเข้า ก็ค่อยลดลงจะพอดี จะเป็นอย่างนั้นทั้งนั้นแหละ ตอนใหม่ๆ กินมื้อเดียว เมื่อมันชินแล้วก็จะรู้แล้วว่า กินเท่านี้ก็พอ วันละ มื้อ ก็พอ พวกเราแม้แต่ ฆราวาสไม่ใช่เป็นภิกษุ ก็กินวันละ 1 มื้อ สบายๆ ยิ่งคุณไม่ติดรส ติดยศศักดิ์ กิน 1 มื้อ ก็พอแล้วสบายๆ ไม่ต้องติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส กินเพื่อกันตายเฉยๆ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 14:01:43 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:38:24 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 08:54:37 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ คือ ความเที่ยงอันเป็นโลกุตระธรรม โลกียะไม่มีทางเที่ยง ตกต่ำแล้วก็สูงขึ้นแล้วก็ตกต่ำ ไม่แน่นอนไม่มั่นคง ไม่ตั้งมั่น ไม่เที่ยงแท้ เป็นอย่างนั้น เป็นธรรมดา ธรรมชาติ เป็นสัจจะ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้จุดที่ทำให้เที่ยงแท้ได้อย่างไร
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 12:34:56 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:39:14 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:48:12 )
รายละเอียด
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดที่มีประโยชน์ก็ทรงทำ พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ ชีวิตมีเท่านี้ แค่เนี้ย พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ เท่านี้ ชีวิต มีสามเส้า เท่าเนี้ย
ที่มา ที่ไป
การสนทนาธรรมกับพ่อครู สมาธิพุทธเร็วจี๋และนิ่งสนิท บ้านราช วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:10:05 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:40:10 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 08:55:06 )
รายละเอียด
มีทางฟื้นทางเดียว ฟังพระพุทธเจ้าแล้วเชื่อท่านว่าอย่าไปนั่งหลับตาปฏิบัติ อาฬารดาบส อุทกดาบส มันหลงทิศทาง ตายแล้วหายไปเลย พระพุทธเจ้าเกิดมาก็ไม่ทันเพราะตายไปก่อน มันเป็นอย่างนั้น จนกว่าคุณจะเกิดมาชาติไหนบอกว่า ฟังพระพุทธเจ้า คนพวกนี้จะไม่ได้ฟังพระพุทธเจ้า พอมันเกิดมา พระพุทธเจ้าไม่ทัน ตายก่อนพระพุทธเจ้าเกิด มันซวยถึงขนาดนั้น เพราะฉะนั้นจะเกิดมาพบสัตบุรุษเท่านั้น ไม่พบพระพุทธเจ้าหรอก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10
วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 21:16:56 )
รายละเอียด
อาตมาทำงานมาถึง 50 ปีแล้ว ถ้าอาตมาทำงานไปถึง 80 ปี ที่จริงพระพุทธเจ้าทำงาน 45 ปี แล้วท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปแล้ว ท่านทำงานตั้งแต่อายุ 35-80 ก็ปรินิพพาน อาตมาทำงานเกินท่านมา 5 ปีแล้ว ยังจะต้องทำต่อไปอีก ท่านทำมา 45 ปีอาตมาจะต้องทำถึง 90 ปี ตอนนี้ทำมา 50 ปีแล้ว ก็คงจะต้องทำไปอีก 40 ปีเป็นอย่างน้อยว่าอย่างนั้นตั้งใจนะ แต่อย่าประมาทนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 20:58:31 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตายแล้วแต่รู้จักจิตขั้นละเอียดอรูปฌาน พระอนุรุทธตามอ่านจิตของพระพุทธเจ้าตอนปรินิพพานว่าท่านทำอย่างไรตอนปรินิพพาน ท่านก็ดำเนินตาม รูปฌานมาก่อน แล้วเลยมา อรูปฌาน แล้วก็ย้อนกลับตรงกลาง คืออุเบกขา ฐานกลาง แล้วท่านก็ดับสิ้นทุกอย่างที่จุดนั้น ไม่มีทั้งรูปฌาน ไม่มีทั้งอรูปฌาน ตรงกลางสูงสุด เป็นอจินไตยที่เดาไม่ได้ อาตมารู้ทฤษฎีเหล่านี้และทำได้แล้ว ดับอัตตา อาตมาทำได้แล้ว ทำปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ทำได้ แต่ไม่ทำ ยังต่อภพภูมิอีก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:27:37 )
รายละเอียด
บอกว่า พระอรหันต์ไม่มีงานให้บุญได้ทำ บุญ ไม่มีความหมาย บุญไร้ค่า หมดสภาพ พระอรหันต์เก่งแค่ไหนก็ทำบุญไม่ได้อีกแล้ว แม้มีอิทธิฤทธิ์มากปานใดก็ตาม แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ทำบุญไม่ได้อีกแล้ว ท่านก็ตรัสว่าท่าน ปุญญปาปปริกขีโณ ยืนยันเลยในพระสูตรที่ท่านตรัสรู้ ที่พูดถึงวิบากกรรมเก่า ท่านก็บอกเลย มีพยัญชนะบอกว่า ปุญญปาปปริกขีโณ อยู่ในนั้นด้วย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาลที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2565 ( 19:45:45 )
รายละเอียด
อาตมาเป็นคนคนหนึ่งเหมือนกันกับทุกๆ คน เหมือนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็เป็นคน ที่มีอาการ 32 ครบเหมือนกันหมดในคนมีอาการ 32 นี้เป็นส่วนเต็ม อาตมาก็ได้บำเพ็ญตนเองเกิดมาเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรในศาสนา ในธรรมะ อาตมาระลึกไม่ได้หรอกในช่วงที่เกิดมาตั้งแต่ยังเป็นคนชั่ว เป็นคนไม่รู้เรื่องอะไรจนกระทั่งรับวิบากไป จนกระทั่งได้มาพบพระพุทธเจ้า มาพบศาสนาพุทธ จนกระทั่งศรัทธาเลื่อมใสแล้วก็ปฏิบัติตาม ได้บรรลุธรรม นานมาเป็นหลายล้านปี จนกระทั่งถึงยุคปัจจุบันนี้ อาตมาก็ระลึกได้เท่าที่ระลึกได้
ระลึกได้ว่าอาตมาเป็นผู้ที่บำเพ็ญธรรมะของพระพุทธเจ้ามาเป็นพระโพธิสัตว์ ในประเทศไทยนี้ศาสนาพุทธไม่ได้เข้าใจเรื่องของความเป็นพระโพธิสัตว์ ก็พูดถึงบ้างแต่ไม่ค่อยรู้เรื่องกัน อาตมาต้องเป็นคนนำสิ่งเหล่านี้มาประกาศลงไปในเมืองไทยในยุคนี้ ในที่อื่นๆ ในประเทศอื่นๆ ที่มีศาสนาพุทธ ญี่ปุ่นเป็นต้น พม่า เป็นต้น ลาว จีน ก็มีศาสนาพุทธ แม้แต่ในเกาหลี ในเขมร
แต่ศาสนาพุทธเหล่านั้นเสื่อมไปหมดแล้ว เสื่อมจนไม่เหลือโลกุตรธรรม ไม่รู้จักโลกุตรธรรม กลายเป็นศาสนาที่เป็นโลกียธรรมหรือเป็นเทวนิยม เหมือนกันกับส่วนใหญ่ของคนส่วนใหญ่ในโลก ศาสนาเทวนิยมจะแยกแบ่งกันไปเป็นศาสนาหลายศาสนาที่มีความเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้าง แย้งกันบ้าง ก็ต่างคนต่างอวดเก่ง พระศาสดาแต่ละองค์ก็มีความเก่ง มีความรู้คนละแง่คนละเชิง ก็เลยแข่งกัน แล้วก็สร้างศาสนาของแต่ละองค์ ก็จะมีสมาชิก มีศาสนิกของแต่ละศาสนา
ศาสนาเทวนิยมมีเยอะหรือ ศาสนาโลกีย์ ส่วนศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาโลกุตระ มีศาสนาเดียวจะเกิดในยุคไหนๆ กาละไหนๆ ก็จะมีศาสนาเดียว จะมีคนเห็นผิด แตกแยกออกไปจากสิ่งที่ถูกต้อง เรียกความไม่ถูกต้องนั้นว่านิกาย ศาสนาพุทธจึงเกิดนิกายขึ้นมาได้เหมือนกัน เรียกว่าไม่ใช่พุทธกายหรือธรรมกายของพระพุทธเจ้า แต่เป็นกายที่ผิดเพี้ยน เข้าใจความเป็นกายก็ยังไม่ถูกต้องอะไรอย่างนี้เป็นต้น วันนี้คงไม่ได้พูดรายละเอียดตรงนี้
ที่มา ที่ไป
พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2566 วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2566 ที่บวราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 17:32:46 )
รายละเอียด
ขณะนี้อาตมากำลังเขียนหนังสือเรื่อง “คน” คำว่า คน ตัวเดียว ตั้งใจจะเขียนไม่ให้ยาวเกิน 100 หน้า แต่ดูเหมือนจะถึง 100 หน้าแล้ว จะหยุดได้เท่าไหร่ก็ยังไม่รู้ คิดว่า กำลังขยายความมาถึงจุดสำคัญของชาวโลกโลกียะ กับโลกุตระ ตรงไหน ฟังดีๆ ตรงนี้ จะพอเข้าใจกันไหม
คือธรรมชาติโลกนี้ ธรรมชาติของจักรวาล ธรรมชาติของเอกภพ มันเป็นธรรมชาติที่หมุนจากซ้ายไปขวา ใช่ไหม? จากซ้ายไปขวาทั้งนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นหมอดูก็ใช้ซ้ายไปขวา คุณจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ คุณก็ใช้ซ้ายไปขวา จะเป็นนักดาราศาสตร์ คุณก็ใช้ซ้ายไปขวา คุณจะเป็นนักปราชญ์ยอดรู้เป็นศาสดา คุณก็ซ้ายไปขวาทั้งนั้น หมุนอย่างนี้ทั้งนั้นหนึ่งเดียว มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นมาทำทวนกระแส ถึงกระนั้นท่านก็ทวนกระแสวัตถุไม่ได้ ท่านไปพาโลกหมุนกลับไม่ได้ โลกจักรวาลเอกภพไม่ได้ ท่านทำได้ที่จิตวิญญาณ ทวนกระแส เขาไปรวย ท่านพาจน นี่ยกตัวอย่างง่ายๆ เขาพากันสร้างอำนาจบาตรใหญ่ ท่านบอกให้มาลดตัวลดตนให้น้อย ไม่เหลือตัวตน อะไรอย่างนี้ นี้ยกตัวอย่างง่ายๆ ตื้นๆ อาตมากำลังอธิบายถึงสัจจะตรงนี้ สัจจะตรงที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านพาเราทวนกระแส ตรงนี้
เพราะฉะนั้นชาวโลกทั้งโลกทุกวันนี้ ฆ่าแกงกันเดือดร้อนกันอยู่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นทุนนิยม หรือนักสร้างอำนาจจะเป็นเจ้าโลก เป็นผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ในโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าจะแบบไหน แบบใช้เงินทอง แบบใช้อำนาจ แบบใช้อาวุธ แบบใช้อะไรก็ไม่รู้ที่เขาจะใช้สารพัด ใช้เทคโนโลยี ใช้อะไรต่ออะไรก็แล้วแต่ สารพัด ก็ล้วนแล้วแต่ตามกระแสโลกีย์ทั้งนั้น
แต่ของพระพุทธเจ้านั้นย้อนเลย ย้อนทวนเลย ทวนกระแสโลกีย์เลย แล้วทวนกระแสโลกีย์นี่มันชนะตรงไหนรู้ไหม มันชนะตรงที่ว่า เขาไม่สู้ คุณจะรวย เราเอาจน คุณก็เอาไปสิ จบแล้ว แม้ที่สุด คุณจะอำนาจบาตรใหญ่จะฆ่า คุณก็ฆ่าสิ คุณฆ่าเราก็ตาย คุณก็อยู่ไปสิ ไม่โกรธด้วย ไม่พยาบาทด้วย ฆ่าเราตาย อโหสิ เราจะทำดีกับคุณแล้วคุณจะฆ่าเราลงไหม ต้องการพิสูจน์อันนี้ เราจะไม่ตอบโต้คุณด้วยความโกรธแค้น ถือสาพยาบาท ไม่มี มีแต่จะช่วยคุณ แล้วก็จะเตือนสติคุณด้วยว่า อย่าทำเลยอันนั้นมันชั่ว ทำอย่างนั้นมันบาปมันไม่ดี เอาล่ะคุณเข้าใจกรรมวิบาก คุณไม่กลัวบาปก็ไม่เป็นไร แต่มันเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีหรอกไปฆ่าคน ช่วยคนอื่น เขาจะตายแล้วช่วยเขาให้มีชีวิตอยู่สิ ดีกว่าไหม เข้าใจไหมแค่นี้ แทนที่คุณจะไปทำให้เขาตาย คุณช่วยให้เขามีชีวิตขึ้นมารอดชีวิตสิ มันประเสริฐกว่านะ ถ้าแค่นี้คุณเข้าใจไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร คุณก็ต่างคนต่างอยู่กับเราก็แล้วกัน เพราะต้องพูดกันไม่รู้เรื่อง แค่นี้คุณก็ไม่รู้ว่าไอ้ช่วยเขานี่ดีกว่าไปฆ่าเขา แค่นี้ก็พูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว ก็นานาสังวาสก็แล้วกัน ต่างคนต่างอยู่ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงได้
ที่มา ที่ไป
ครบรอบ 53 ปี โพธิกิจ พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 16:54:12 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านมีบทเรียน ให้เรียนจิต เจตสิก รูป นิพพานแล้วก็เรียนรู้ปฏิบัติทฤษฎีของพระพุทธเจ้าให้เจริญงอกงามไพบูลย์ให้เป็นที่สุดให้ได้จริงๆ ซึ่งมันสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงอาการของจิตวิญญาณ ชนิดที่แยกเป็นเจตสิกย่อยออกไปละเอียดลออ ถึงขั้นสามารถทำเวทนาเจตสิก ด้วยความมี“กาย-เวทนา-จิต-ธรรม” แล้วแยก“กายในกาย-เวทนาในเวทนา-จิตในจิต-ธรรมในธรรม”ได้อย่างบริบูรณ์สัมบูรณ์
“ความจบกิจ”จริงแท้เด็ดขาด จึงสำเร็จกันได้ “การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”หรือแก้ปัญหา“การเมือง” ตามตำราหรือทฎษฎีที่เรียนกันมาจากเมืองนอกอันมีแต่“ความรู้”ของชาว“เทฺวนิยม”ที่เป็น“โลกียภูมิ”เท่านั้น รับรองได้ว่า จะไม่มีวัน“จบกิจ”ในการ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ” หรือไม่มีวัน“จบกิจ”ในการแก้ปัญหา“การเมือง”เด็ดขาดได้แน่ๆ เพราะฉะนั้นไม่มีทางจบกิจกันได้ง่ายๆหรอก ขนาดพวกคุณยังไม่ง่ายเลย
เพราะ“ความรู้-ความฉลาด”ประดามีของชาวโลกทั้งหลายทั้งหมดที่เป็นแค่“โลกียภูมิ”นั้นยังเป็นแค่“เฉโก” แม้จะเก่งกาจปานใดก็ไม่สามารถ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ” หรือ“แก้ปัญหาการเมือง”ได้สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”สุดสิ้นที่เป็น“เศรษฐกิจ”เป็น“การเมือง”ได้มั่นคงยั่งยืนถาวรยาวนาน ต้องทำคนให้เกิด“ปัญญา”มี“ความรู้” ที่เป็นพุทธขั้น“โลกุตระ”เป็นชาว“อเทฺวนิยม”ที่แก้ปัญหากันด้วย“ความรู้”ที่เป็น“โลกุตรธรรม”จึงจะจัดการกับ“พระเจ้า”ที่เป็น“เงินๆ ทองๆ” ซึ่งจะมี“ปัญญา”รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“เทฺว”ทั้งที่เป็น“จิตวิญญาณ”อย่างถึงแก่นแท้ครบทั้ง“พระเจ้า”ทั้ง“เงินทอง”เพราะมี“ความรู้-ความฉลาด”ขั้น“ปัญญา”โลกุตระ
อธิบายเฉลี่ยไปหมดเลยทั้งจิตวิญญาณของพระเจ้าและจิตวิญญาณของคนที่โง่ ไปหลงเงินว่าเป็นพระเจ้า “การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”ตามตำราหรือทฤษฎีของพระพุทธเจ้าที่เรียนกันในเมืองไทยที่มี“ศาสนาพุทธ” ให้“สัมมาทิฏฐิ” จึงจะ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”ในการแก้ปัญหาได้จริง ตำราหรือทฤษฎีของศาสดา เทฺวนิยมแค่“เฉโก”แก้ไม่สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”เศรษฐกิจแน่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม #16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2566 ( 12:36:04 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าเอาคนมาเข้ารีตแล้ว คนก็มาเป็นคนไม่มีพิษภัยกับใคร ไปเป็นหมู่กลุ่มใหญ่ก็ไป เงียบสงบเหมือนตอนพระเจ้าอชาตศัตรูไปพบ พระพุทธเจ้าบอกว่าถ้าเอาคนของพระเจ้าอชาตศัตรูมาเป็นคนดีมาบวชแล้วจะเอาคืนไปไหม พระเจ้าอชาตศัตรูบอกว่ายกให้เลยยิ่งดีเลยมีแต่จัดส่งเสริมสรรเสริญ
ช่วยเหลือคนอย่างไม่ต้องใช้อำนาจปัจจัยใช้ยศศักดิ์อย่างพระพุทธเจ้า มันจึงยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า ยิ่งมีคุณธรรมทางโลกุตรธรรมยิ่งมีความสูงส่ง
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:42:24 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:40:56 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 08:55:40 )
รายละเอียด
รากของโลกุตระคือรากของประชาธิปไตยที่ประเทศไทยมี
เพราะฉะนั้น ในเมืองไทยอาตมาว่า มันมีรากของศาสนาพุทธนี่เป็นโลกุตระธรรมเป็นอาริยะแท้ๆ ไม่ใช่พวกมิลักขะ แต่เป็นพวก อาริยกะ ที่แรกเริ่มและทำมา ขยายมา จนกระทั่งถึงวันนี้ ประเทศไทยเป็นแกนตัวแท้ของ อาริยกชน ซึ่งเป็นตัวแก่นแกนของโลก เริ่มไปเรื่อยๆ ขยายผลไปเรื่อยๆ อย่างงอกงาม ไพบูลย์ ใช้ศัพท์ของพระพุทธเจ้าเจริญงอกงามไพบูลย์ไปตามลำดับ ไพบูลย์แปลว่าเต็ม เจริญงอกงามไป ภาษาก็พูดว่า เจริญงอกงามไพบูลย์ไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้น เรื่องมนุษยชาติจึงเป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าท่านศึกษา ท่านเกิดมาบำเพ็ญบารมีมาตลอดจนกว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านศึกษาเรื่องมนุษยชาติกับสังคม และในตัวมนุษย์นี้มีจิตวิญญาณ จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง พระพุทธเจ้าท่านสรุปไว้หมด
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา
วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 20:34:06 )
รายละเอียด
อย่างพระพุทธเจ้าท่านอุบัติขึ้นมาในโลก ท่านก็ตรงกันข้ามกับเดียรถีย์ แต่ท่านมีบารมีมาก คนยอมรับทันที พระเจ้าแผ่นดินต่างๆ ยอมรับหมด ไปแคว้นไหนก็ยอมรับ อย่างอินเดียมีสองแคว้นใหญ่คือ แคว้นโกศลกับแคว้นมคธของพระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าพิมพิสาร แคว้นเล็กๆ ก็เชื่อตามหมด พระเจ้าพิมพิสารบอกว่าให้มาครองแผ่นดินครึ่งหนึ่งเลยให้ท่านบริหาร พระพุทธเจ้าก็บอกว่าท่านบริหารเถอะ ท่านมีหน้าที่มาทำงานทางศาสนา สมัยโน้นยังไม่มีคำว่าขอบคุณ และคงยังไม่มีคำว่าพอใจๆ มหาบัว จะขอบคุณก็ดูจะลดศักดิ์ศรี ก็เลยคัดภาษาแทนขอบคุณว่า พอใจๆ มหาบัวเขาใช้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 18:43:51 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:53:02 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:41:28 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 08:56:33 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:20:31 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:16:34 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:49:30 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:57:17 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:41:56 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 08:56:57 )
รายละเอียด
คือ คนจนยกตัวอย่างง่ายที่สุด พระพุทธเจ้าเป็นกษัตริย์อยู่ในกองบัลลังก์ เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นพระเจ้าแผ่นดินแต่ละรัฐ แต่ละแคว้นในทวีปอินเดีย ทุกรัฐก็ยอมรับหมดเลยท่านเป็นเจ้าแห่งลัทธิ เจ้าแห่งกฎหมายคือ พระธรรมวินัยของท่าน ท่านจะไปที่รัฐไหน ประเทศไหน ก็ประกาศธรรมวินัยของท่านได้ พระเจ้าแผ่นดินในยุคนั้นที่ประกอบด้วยแคว้นเล็กแคว้นใหญ่ก็แล้วแต่ก็ยอมให้ท่านหมด นี่เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า ประชาธิปไตย สมณโพธิรักษ์แปลประชาธิปไตยอย่างสั้นที่สุดสรุปที่สุดให้ฟังนี่แหละพระพุทธเจ้านี่แหละ เพราะฉะนั้น ธรรมนูญ ธรรมวินัย คือ ธรรมนูญตั้งแต่ศีล คำสอนวินัยต่างๆ คือกฎหลักถ้าใครทำความเข้าใจแล้วยึดถือ ศีล และวินัย ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ ผู้นี้ก็เป็นคนของรัฐนี้ ประเทศนี้ รัฐพุทธ ประเทศพุทธ รัฐของพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 22:41:18 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:07:34 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 08:58:09 )
รายละเอียด
จริงๆแล้วไม่มีใครรู้ว่าวันเพ็ญขึ้น15 ค่ำเดือน6 พระพุทธเจ้านั่งตรัสรู้นั้นท่านลืมตาหรือหลับตาก็ไม่มีใครบอก ท่านระลึกถึงสัญญา เอาจากคลังความจำ แต่ท่านจะลืมตาหรือหลับตาท่านก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ แล้วที่ท่านระลึกได้ก็เพราะว่าท่านมีแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่นั่งหลับตาเข้าไปคุณยังไม่มีโสดาภูมิ นั่งระลึกให้ตายก็เอาโสดาภูมิมาระลึกไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสกิทาคามีก็เอามาเตวิชโชระลึกได้ อนาคามีก็ทำได้ อรหันต์ก็ทำได้ เป็นความจำอยู่ในคลังความจำอยู่ในเซฟของคุณเปิดออกมาดูได้ อ๋อ ซุกไว้ในซอกไหน แต่ถ้าคุณไม่มี เปิดเซฟออกมาก็มีแต่ขี้แมงสาป ขี้หยากไย่ มันไม่มีหรอก อาตมาว่า ว่าให้หนักแล้วนะ คนที่โง่งมงายอยู่กับการนั่งหลับตา พูดขนาดนี้ก็หนักก็แรงแล้วนะ ทำไมยังบื้อขนาดนี้ ก็ว่าแรงแล้วนะ ทำไมโง่เง่าเต่าตุ่นอยู่อย่างนี้ อาตมาไม่ได้อวดเก่งอวดดี หรืออยากอวดเก่ง แต่อาตมาว่าอาตมาเข้าใจถูก ท่านไปหลงผิดแล้วพาพุทธศาสนิกชนงมงายตามเต็มไปหมด น่าสงสาร
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:25:05 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:08:28 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 08:59:07 )
รายละเอียด
ขอขยายความนิดหนึ่ง พระพุทธเจ้า เมื่อท่านบวชก็เห็นแต่คนนั่งสมาธิ ลิงลมอมข้าวพอง คุณเข้าใจความหมายนี้ยาก ท่านก็เลยต้องไปนั่งสมาธิ แต่ท่านนั่งไปท่านก็ไม่ได้บรรลุอะไรสักอย่าง ไปนั่งกับอาฬารดาบส อุทกดาบส จนกระทั่งวันสุดท้ายวันเพ็ญเดือน 6 ท่านก็นั่งของท่าน แต่การนั่งอันนี้ คนทั้งหลายที่ไม่เข้าใจละเอียดพอ จะไม่รู้ว่าท่านนั่งอานาปานสติ อะไร?
ท่านเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านนั่งท่านก็ไปตรวจสิ่งที่ท่านมีท่านได้แล้วมีแล้วในสัญญาไม่ได้สร้างปัญญา ท่านไม่ได้ตรัสรู้ด้วยการนั่ง แต่เขาไปเรียกด้วยหวัดๆว่า ท่านตรัสรู้ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ตอนที่ท่านนั่งหลับตาเข้าไป แต่ความจริงแล้วท่านนั่งเข้าไปตรวจสอบอดีตที่ท่านสั่งสมสัมมาสัมโพธิญาณ ตั้งแต่ยามสองยามสามท่านก็รู้แล้วว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าท่านสำรวจตรวจสอบตัวเองเสร็จจนรู้แน่ใจว่า สิ่งที่เราได้ทำมาแล้ว เราทำครบแล้วเราเป็นพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน สมณพราหมณ์ผู้มาเปิดเผยสัมมาทิฏฐิของพุทธ
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 11:16:12 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้านี้เกิดเป็นคนเหมือนเรา เหมือนกันทุกคน พระพุทธเจ้าเกิดเป็นคนเหมือนกับเราทุกคน เสร็จแล้วท่านเห็นความสำคัญของมนุษยชาติ ของชีวิตทั้งชีวิต ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านตรัสรู้สิ่งที่ดีที่สุด สูงที่สุดสำคัญที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดตรัสรู้ความรู้ธรรมะโลกุตระ
เสร็จแล้วชาติสุดท้ายท่านมีหมดทุกอย่างที่โลกเขาจะมี แผ่นดิน ตำแหน่ง ยศศักดิ์หน้าที่ อำนาจต่างๆ ทรัพย์ศฤงคารมีหมด ท่านก็ไม่เอา จากใส่รองเท้าทองก็ทิ้งรองเท้าทองมาเดินพระบาทเปล่า เสื้อผ้าหน้าแพรเครื่องทรงที่เคยหรูหรา ถอดออกหมด นุ่งผ้าบังสุกุลห่มผ้าบังสุกุลแทน แล้วก็ทำงาน เผยแพร่โลกุตรธรรมตลอดพระชนม์ชีพ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า ส่งท้ายปีเก่า งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน สวดอภิธรรมส่ง
ท้ายปีเก่าให้เข้าถึงนิพพาน วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 11:33:19 )
รายละเอียด
วิภวตัณหา(ต้องเรียนรู้ตั้งแต่ กามภพ…)จนหมด กามภพ ภวภพ จนเป็น วิภวภพ คือ เป็นผู้ที่ไม่มีภพผู้หมดภพแล้ว แต่เป็นวิภวภพ เป็นภพที่ไม่มีสิ่งที่ไม่มี แต่มีสิ่งที่ควรมีได้อย่าง วิเศษ วิสุทธิ์ วิศิษฏ์ ผู้ที่มีตัณหาเป็นตัณหาอุดมการณ์เป็นตัณหาที่เรียกว่า “วิภวตัณหา” เป็นตัณหาที่ยิ่งใหญ่ที่อาตมาเคยพูดแล้วคนว่าอาตมาตั้งแต่แรกๆ เดี๋ยวนี้ไม่กล้าว่าแล้ว อาตมาบอกว่าพระพุทธเจ้านี้เป็นสุดยอดวิภวตัณหา เขาก็บอกว่าไปว่าพระพุทธเจ้าอีกว่ามีตัณหา
ตัณหาเป็นคำกลางๆ ตัณหาแปลว่าความอยากความปรารถนา พระพุทธเจ้ามีความอยากความปรารถนา พอบรรลุรู้ตัวเองว่าเป็นพระพุทธเจ้าแล้วมารก็เลยมาอาราธนา เป็นพระพุทธเจ้าแล้วรู้ตัวก็ตายเสียสิ พระพุทธเจ้าบอกว่ามารเราตายไม่ได้ เรายังไม่ตายเพราะว่าเรายังไม่ได้สถาปนาธำมรงค์ไปให้แก่มนุษยชาติให้เกิดให้ตั้งอยู่ ไม่มีมนุษยชาติรับได้จนกระทั่งเป็น ปรับวาทะ มนุษย์อื่นไม่ได้จำแนกได้อธิบาย ได้สาธยาย ได้ให้พูดให้เป็นที่รู้จักนำมาใช้อาศัยในมนุษยชาติ ให้เป็นธรรมะที่มนุษยชาติรับไว้ แล้วก็เอาไปใช้ กันอยู่ ให้สมบูรณ์แบบก่อนที่เราจะตาย
ที่มา ที่ไป
ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:51:17 )
รายละเอียด
วันนี้จะพูดถึงการตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ในวันเพ็ญเดือน 6 กับการหลับตาปฏิบัติออกป่า การตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์นี้ พระพุทธเจ้าออกบวช แล้วก็นั่งจะหลับตาหรือไม่หลับตาก็ตาม หลับตาก็ได้ทำเตวิชโช บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ
บุพเพนิวาสานุสติญาณ นึกถึงอดีต ที่เคยอุบัติผ่านมาแล้ว ระลึกได้ว่าเราได้เคยบำเพ็ญบารมี 10 ทัศมาครบแล้ว ตรัสรู้มีพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะอุบัติประสูติมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะแล้ว ระลึกได้ ก็คือมีรู้ มีความรู้สัมมาสัมโพธิญาณคือความรู้มีมาแล้วตั้งแต่ชาติก่อน ที่บำเพ็ญมาเต็มแล้ว รออยู่ที่ดุสิต ก่อนอุบัติมาเป็นพระพุทธเจ้า จนถึงวาระมงคลก็มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า มาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ อายุ 29 ก็ออกบวช ไปเสียเวลาอายุ 6 ปี ลิงลมอมข้าวพอง ถูกจารีตประเพณีในยุคนั้นคือออกป่าเป็นเดียรถีย์ครอบงำว่าจะต้องออกป่าปฏิบัติหลับตา ซึ่งเป็นการปฏิบัติแบบผิดๆอย่างที่กระแสหลักทุกวันนี้นิยมกันอยู่ ก็เสียเวลาอยู่ 6 ปี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:42:10 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านบริภาษเดียรถีย์ อย่าไปบอกว่าท่านไม่บริภาษ แต่ท่านบริภาษโดยสภาวะ เพราะว่าเดียรถีย์เขาไม่ใช่ชาวพุทธ ท่านว่าเนื้อหา ก็ไม่ต้องพูด สมาคมเดียรถีย์ แต่อาตมาก็ต้องว่า ในกลุ่มพุทธ ก็ต้องว่า เถรสมาคมเดียรถีย์ มันก็คนละยุค และก็คนละหน้าที่ หน้าที่พระพุทธเจ้าไม่ต้องมาว่าชาวพุทธหรอก ก็มีส่วนเล็กน้อยที่เกะกะเกเรอย่างพวกฉัพพัคคีย์ หรือลูกศิษย์พระเทวทัต ท่านก็ว่าแรง ว่าจะถูกแผ่นดินสูบลงนรกอเวจี จะบอกว่าท่านไม่ว่าได้อย่างไร ท่านว่า แต่คุณได้พยายามกลบเกลื่อนให้คนที่พร้อมจะตามฟังอย่างที่คุณพูด ให้มาฟังอาตมาบ้าง (ว่าภิกษุสาติ ท่านก็ว่าแรงอย่างเช่น เธอขุดเรา เป็นคำแรง)
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น
จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 14:20:51 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 11:20:44 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:10:20 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:50:30 )
รายละเอียด
ฌาน ของพระพุทธเจ้านี้มันไม่ใช่อย่างที่คนทุกวันนี้เข้าใจแล้วปฏิบัติกันเลย มันห่างต่างกันลิบลับเลย ฌาน ของทุกวันนี้เขาปฏิบัติเป็นของฤาษีเป็นของลัทธินอกรีต เป็นฌานที่ไม่มีมรรคผลของพระพุทธเจ้า เพียงแต่ใช้ภาษาเดียวกันคำว่าฌาน แต่จริงๆแล้วเดิมนั้น ฌานเขาก็แปลว่า ไฟ แล้วก็พยายามสร้างจิตให้มันเกิดพลังงานไฟธาตุ มาละลายไฟราคะโทสะโมหะ เพราะฉะนั้นพลังงานฌานไม่ได้เกิดจากการไปนั่งหลับตาเด็ดขาดเลย มันเด็ดตรงไหน เด็ดที่ว่า พระพุทธเจ้าบอกว่าฌานเกิดจากข้อที่ 1-11 ฌานเป็นจรณะข้อที่ 12-15 เกิดจากการปฏิบัติศีลให้ถูกต้องแล้วมีอปัณกธรรม 3 ปฏิบัติตามจะต้องมี 3 ข้อนี้ สำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ถ้าไม่ครบ 6 ก็ไม่ตื่นนะไม่เกิดชาคริยานุโยคะ ไม่หลับตาปฏิบัติก็ไม่สำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 มันจะตื่นได้อย่างไร เพราะหลับตามันก็ไม่ได้มีโภชเนมัตตัญญุตา มันก็ไม่ได้พิจารณาของกินของใช้
ฌาน คือพลังงานที่มันจะไปกำจัดพลังงานไฟราคะโทสะโมหะ เมื่อกำจัดได้ก็เป็นบุญเป็นผลสำเร็จ
ฌาน กับ บุญ เป็น ซินโนนีม(synonym) เป็นตัวใช้แทนกันได้ เป็นพลังงานของจิตวิญญาณที่ผู้สร้างเป็นทำเป็น ก็จะเกิดจริง แล้วพลังงานนั้นก็เอามาชำระกิเลสออก เพราะ...
ฌานก็ดีบุญก็ดี ต้องมีปัญญา
ปัญญาไม่มีฌานไม่ได้
ปัญญาอยู่ที่ไหนฌานก็อยู่ที่นั่น
ฌานอยู่ที่ไหนปัญญาก็อยู่ที่นั่น
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วย จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลกะ จึงเป็นปัญญา
เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 08:44:14 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:21:09 )
รายละเอียด
การฉันมื้อเดียว มีคนค้นพระไตรปิฎกมาให้
รวมพระสูตร ภิกษุฉันมื้อเดียว
1.จุลศีล(เล่มที่ 9 ข้อที่ 1)
2.วิตถตสูตร (อุโบสถ 8 ประการ ) (เล่มที่ 13 ข้อ132)
3.กีฏาคิริสูตร คุณของการฉันอาหารน้อย(เล่มที่ 13 ข้อ 222)
4.กกจูปมสูตร ประโยชน์ของการฉันอาหารมื้อเดียว(เล่มที่ 12 ข้อ 263)
5.อุโปสถสูตร (เล่ม 20 ข้อ 510 )
6.ภเวสิสูตร (เล่ม 22 ข้อ 180 )
7.พระภัททาลิฉันอาหารหนเดียวไม่ได้ (เล่ม 13 ข้อ 161)
(บอกว่าพระพุทธเจ้าให้ฉันมื้อเดียว พระภัททาลิไม่เห็นด้วยที่ทรงบัญญัติให้ฉัน 1 มื้อ ต่อมาได้ยอมรับ)
ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าให้ฉันมื้อเดียวมีพระสูตรต่างๆที่ได้อ่านไปแล้ว แม้แต่ในจุลศีลก็มีอยู่ชัดๆ แต่เขาบอกว่าไม่มีพระพุทธเจ้าบอกให้ฉันมื้อเดียวมีที่ไหน แม้แต่ศัพท์ที่เขาว่าให้ฉันแต่ที่นั่งแห่งเดียว เขาก็แปลกันก็ยังไม่รู้ ฉันมื้อเดียวนี่ก็เหลือแหล่แล้วชีวิต อาตมานี่ทรมานฉันวันๆหนึ่งกว่า 2 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จ มันไม่อร่อยก็เลยฉันไปได้บ้างแต่ก็พยายาม อาตมามันมากไป อาตมาบำเพ็ญมาก จนกระทั่งกลายเป็นยังยากที่จะดึงกลับคืนมา สัญญาณมันดึงกลับคืนยาก ในจุลศีลก็มีบอกว่าฉันมื้อเดียว
สมณโคดมฉันหนเดียว ไม่ฉันในยามวิกาล ฉันหนเดียวอยู่ในจุลศีล ข้อ 1 พระไตรปิฎกเล่ม 9
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 20:51:02 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าท่านบุกเบิกสร้างศาสนาพุทธ และเริ่มต้นท่านก็สร้างพระป่า สร้างเดียรถีย์ สร้างพวกที่หลงป่าสนิทจมให้ตื่นฟื้นขึ้นมา ว่ามันเสียคน คนมันเจริญได้ ยุคเดียวกัน พวกเดียรถีย์ ยังเป็นพวกไม่เจริญ เป็นพวกมิลักขะ เป็นคนเถื่อน เขาอาริยกะแล้ว พระพุทธเจ้าพาไป แม้ในยุคนั้นจะยังไม่มีความรู้ในเรื่องความเป็นผู้ประเสริฐ ความเป็นอาริยะ ยังไม่มี ท่านก็มาสร้าง ปลูกฝังความเป็นอาริยะขึ้นมา ความประเสริฐขึ้นมา โดยมีอริยสัจ 4 เป็นต้นเอามา
สร้าง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:49:53 )
รายละเอียด
ก็น่าเห็นใจเพราะในยุคพระพุทธเจ้าเขาก็ปฏิบัติเพียงเปลือก บอกว่าพระเจ้าพานั่งหลับตาออกป่า แท้จริงแล้วไม่ใช่ การออกป่าปฏิบัตินั้นเป็นการหลงทาง ตอนออกบวช ท่านเจอพระเทวทูตทั้ง4 แก่ เจ็บ ตาย สมณะ ท่านก็บอกว่าอ๋อ จะมีทางออกต้องมาปฏิบัติธรรมเป็นสมณะ ตอนนั้นเขาก็ต้องออกป่าเป็นลิงลมข้าวพองตามสังคมพอกไว้ก็ไปออกป่า พระพุทธเจ้าก็มาสารภาพที่หลังว่าเป็นทางที่ผิด ที่พาออกป่า6 ปี ท่านก็ตรัสแก้ไข ท่านก็บอกว่าเป็นทางผิดท่านหลงไป มันเป็นวิบากของท่าน ท่านก็เล่าวิบากท่านให้ฟัง คนไม่เข้าใจพระไตรปิฎกและอ่านพระไตรปิฎกไม่แตกฉาน อาตมาก็เลยต้องเอามาอธิบาย
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:39:08 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:13:46 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:01:00 )
รายละเอียด
ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศ“ทฤษฎี”ที่วิเศษให้ศึกษา
“ความจริง”ที่เป็น“อัตตา” เป็น“อาตมัน” เป็น“ปรมาตมัน”นี้แล้ว
ประกาศไว้ก่อน“พระศาสดา”ของชาว“เทฺวนิยม”มากมาย
หลากหลายศาสนาจะอุบัติขึ้นมาในโลกนี้ด้วยซ้ำ
ดังนั้น ชาว“เทฺวนิยม”จึงไม่มี“ทฤษฎี”ศึกษา เพราะปิดประตู
ตนเองเสียเอง ไม่ยอมรับ“ทฤษฎี”อื่นไปศึกษา ไม่มี“ปรโตโฆสะ”
เพราะหลงยึดอยู่แต่ทฤษฎีของ“พระศาสดา”เทฺวนิยม ที่ไม่
รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ตนเอง” อันมี“ธาตุวิญญาณ”อยู่เองแท้ๆ ไม่สะดุดใจเลย ไม่แวบไหวในจิตสักนิดเลย ว่า “ธาตุรู้” ก็ดี “ความรู้”ก็ดี ล้วนคือ“ธาตุ” หรือ “ธรรม”ที่เรียกว่า “วิญญาณ”
ซึ่งล้วนก็คือ“อัตตา”คือ“อาตมัน”คือ“ปรมาตมัน”ที่แปลว่า“ตนเอง”ทั้งนั้น
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 232 หน้า 191
เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 18:54:49 )
รายละเอียด
คือ พระพุทธเจ้าประกาศศาสนาพุทธ 2500 ปี กว่าปีที่แล้วคนเขานั่งหลับตาปฏิบัติการทั้งหมด พระพุทธเจ้าจึงไม่ตีแรง หากตีแรงเขาเอาตายเลยศาสนาพุทธจะไม่ได้สร้างขึ้น ก็เลยต้องประนีประนอมมา แต่อาตมาเกิดมาในยุคนี้พูดกับวงการศาสนาพุทธที่เป็นพุทธศาสนิกชน แต่พระพุทธเจ้าทำให้เลิกการปฏิบัติหลับตา ซึ่งมันไม่ใช่ศาสนาพุทธแต่เป็นเพียงว่าท่านไม่ได้ปฏิเสธนั่งหลับตา ถ้าจะใช้การนั่งหลับตาเป็น เตวิชโช นั่งหลับตาเพื่อพักผ่อนบ้างก็เป็นประโยชน์ หรือนั่งหลับตาเพื่อที่จะพิจารณาอะไรก็ได้ มันก็สงบดี แล้วมันก็พิจารณาได้เงียบๆดี เป็นการทบทวน เป็นการทำความละเอียดของธรรมะบ้าง หลับตานึกคิดถึงข้างในจิตมันก็คิดได้ ไม่มีอะไรรบกวนมันก็สะดวกดี ก็เป็นประโยชน์ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าหากสัมมาทิฏฐิแล้ว ก็จะเข้าใจ เอาไปทำประโยชน์คุณค่า แต่ไม่ได้ไปปฏิบัติ ฌาน หรือสมาธิด้วยการนั่งหลับตานี่คือประเด็น
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:23:07 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:22:17 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:02:57 )
รายละเอียด
คือ พระพุทธเจ้าท่านก็วางหมดเป็นอุเบกขาเพราะว่าเป็นจุดศูนย์กลางของทุกอย่างไม่มีบวก ไม่มีลบ ปรินิพพานต้องบอกว่าออกจากอุเบกขา พยัญชนะจะบอกว่าเข้าหรือออกก็ไม่มีปัญหา แต่คือ เป็นพลังงานที่ไม่มีพลังงานจับตัวกันแล้วหมดการรวมตัวกันแล้วในธาตุชีวะของตัวเองหมด จะใช้พยัญชนะคร่อมไปมา
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 14:46:42 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:23 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:03:20 )
รายละเอียด
คือ ตรัสรู้ใหม่ๆ กับปรินิพพาน
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 169
เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 15:31:44 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:46:36 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:03:42 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นมันจะต้องฟังซ้ำซากของเก่านี่แหละ เพราะสัจจะจะสรุปมาเรื่อยมาด้วยวิธีพระพุทธเจ้าฝึก
เปรียบเทียบกันทีละ 2 เรียกว่า “เทวะ” อ๋อ..อันนี้ถูกต้องลงไป อีกทีละ2 สรุปลงมาสิ่งที่ไม่ใช่มันจะออกไปเรื่อยๆ สุดท้ายจะมีเหลือสัจจะมีหนึ่งเดียว ไม่มี 2 เห็นไหม ไอ้ที่ยังเถียงแย้งกันอยู่ คนนั้นยังไม่ลงท้ายที่สุดจะมีหนึ่งเดียวจบเลย ผู้ที่ยังแย้งอยู่นั้นยังจบไม่เป็น ยังไม่รู้ที่จบ เราผู้ที่รู้ที่จบก็จะรู้ที่จบ พูดขยายไปอีกก็จะรู้ที่ขยาย รู้ว่ามันถึงที่จบก็จะรู้ว่ามันจบ มันเป็นอย่างนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:46:46 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าพยากรณ์ไว้ว่าโลกุตรธรรมจะสูญไปจากศาสนาพุทธ ใน อาณิสูตร ล.16 ข้อ [672] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่าทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึกมีอรรถ อันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟังจักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษาแต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มีอักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ
ในข้อ [673] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
หนังสืออ้างอิง
พระไตรปิฎก อาณิสูตร เล่ม 16 ข้อ 672 -673
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 12:54:39 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:28:26 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:05:40 )
รายละเอียด
โลกียะจะลากชีวิตให้ไปหลงความสุขแล้วก็จะต้องมีสุขนิรันดรซึ่งมันไม่จริง พระพุทธเจ้าพิสูจน์แล้วว่าความสุขไม่นิรันดร ความสุขเป็นของหลอก เป็นมายาเป็นความเก๊ และเป็นคนพิสูจน์ได้ตั้งแต่ตอนเป็นๆ หมดสุขหมดทุกข์ได้ เพราะว่าสุขทุกข์เป็นคู่หูที่แยกกันไม่ออกเหมือนกระดาษ 1 แผ่นมี 2 หน้า ฉีกไม่ออกแยกไม่ออก จะฉีกให้มันเป็น 2 หน้าไม่ได้ นอกจากจะฉีกให้เป็น 2 แผ่น 100 แผ่นก็ได้ได้ฉีกหน้าของมันให้เป็น 2 หน้าไม่ได้ หรือบางคนนี้ยิ่งฉีกไม่ได้ใหญ่เลย อย่างนี้เป็นต้น
เป็นสัจจะอย่างนี้ ศาสนาพุทธเรียนรู้ว่าสุขทุกข์มันอันเดียวกัน มันหลอกคนว่าเป็นสุข แต่แท้จริงมันเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นคนที่วิปลาสเห็นทุกข์เป็นสุข คนที่มีจิตวิปลาสก็ไปหลงเสพอารมณ์สุข มันเป็นแค่อารมณ์ที่เป็นของไม่เที่ยง ไปตั้งอยู่ชั่วขณะหนึ่งเสร็จแล้วก็หมดไป แล้วก็หมุนเวียนมาใหม่สำหรับอวิชชา หรือเฉโก ก็จะหมุนวนมาอยากได้สุข เกิดตายตายเกิด เกิดตายตายเกิด เกิดตายตาย ชีวิตจะหมุนอยู่แต่กับความหลงสุขนิรันดร์ เทวนิยมเป็นสุขนิรันดรพระเจ้านิรันดรแต่ของพุทธนั้น สูญ ไม่มี นิรันดร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 16:16:35 )
รายละเอียด
พอลูกเกิด พระราหุลเกิด พระราหุลเลยได้ชื่อว่าห่วง ชื่อดีกว่านี้ทำไมไม่เรียกนะ เป็นลูกพระเจ้าแผ่นดินแท้ๆ ชื่อคุณห่วง ท่านก็ออกบวช บวชแล้ว ก็ยังถูกครอบงำทางศาสนา มันยังไม่มีศาสนาพุทธก็มีแต่ศาสนา เดียรถีย์ เข้าป่าปฏิบัติ ทุกรกิริยา ทรมานทรกรรมหนักหนาสาหัสอะไรต่างๆ นานา ท่านก็ไปทำกับเขาหมด ลิงลมอมข้าวพองอีกอย่างนึง
ลิงลมอมข้าวพอง ทางโลกก็เจอมาแล้ว ยังมาเจอทางธรรมอีก พระพุทธเจ้าก็เป็นเจ้าของธรรมะโลกุตระ แต่ความเป็นพระพุทธเจ้ายังไม่ขึ้นมา ก็ยังต้องมารับวิบากอยู่อีก 6 ปี อยู่กับ เดียรถีย์ 6 ปี พวกที่ไม่ค่อยมีปฏิภาณปัญญาก็จะไปเข้าใจว่าเป็นการบำเพ็ญของพระพุทธเจ้า ที่จริงมันไม่ใช่ มันเป็นสัมภารวิบากที่จะต้องถูกครอบงำ ทางโลกีย์ทางธรรม ถูกครอบงำอีก 6 ปี เป็นสัมภารวิบากของท่าน ท่านก็ตรัสอธิบายไว้ แต่คนไม่เข้าใจ ตีความไม่แตก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 17:48:06 )
รายละเอียด
ส่วน“พระเจ้า”ยืนยันไม่ได้เลย แม้แค่“กาย”ก็ให้มนุษย์สัมผัสไม่ได้ ยิ่ง“จิต”ก็ยิ่งรู้ได้อยู่คนเดียวคือ“พระศาสดา” หรือ“พระบุตร”เท่านั้น นอกนั้นเป็น“สิทธิ์ของพระจิต” หรือ“พระวิญญาณ”ที่เป็น“พระเจ้า”เท่านั้นมีสิทธิ์เด็ดขาดแต่ผู้เดียว ถือกันว่า “พระเจ้า”เป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งในเอกภพมหาจักรวาลนั้นแต่ผู้เดียว”
ทั้งๆที่“พระเจ้า”กับ“พระบุตร”ก็คือ “ภาวะ 2”แล้ว หรือ“พระเจ้า”กับ“โลกเอกภพมหาจักรวาล”ก็เป็น “ภาวะ 2”แล้ว หรือ“วัตถุ”กับ“จิต”ก็‘ภาวะ 2”อยู่แท้ๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2
วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 19:35:28 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น มันยิ่งแย่เลย พระพุทธเจ้าจึงมีทางออก ให้มาอยู่กันอย่างมีจิตวิญญาณเป็นประธาน อย่างพวกเราอยู่ด้วยกันอย่างมีวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างเป็นความจริง แต่ละคนมีจิต สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ พวกเราไม่มีการทะเลาะวิวาท ตำรวจมาตั้งป้อม อยู่ที่หน้าปากซอยไม่เคยเห็นเข้ามาในบ้านราชเลย จนเดี๋ยวนี้ร้างแล้ว ป้อมไม่มีตำรวจแล้ว เลิกไปแล้ว เพราะว่า หมู่บ้านใหญ่ที่สุดคือหมู่บ้านราชฯ ในย่านนี้ หมู่บ้านราชฯ ไม่เห็นต้องใช้ตำรวจเลย ไม่ต้องไปนั่งปักหลักกันตรงนี้ ที่เห็นปักหลักเพราะบ้านราชฯเป็นหมู่ใหญ่ มีคนหลายร้อย เขาก็มาช่วยดูตามหน้าที่ แต่มันไม่มีงานอะไรให้ตำรวจทำ เขาก็เลยต้องเลิกไป ไปอยู่ที่อื่นที่มันมีเยอะ
นี่ นัยยะอะไรต่างๆ ที่อาตมาเอามาอธิบาย เพราะในยุคนี้เป็นยุคใหม่ มีเหตุปัจจัยเยอะองค์ประกอบของมนุษยชาติของชีวิตมากมาย ก็ต้องอธิบายมากกว่าพระสารีบุตรอีกตั้งเยอะเลย แจกแจง อย่างโน้นอย่างนี้เพื่อจะให้รู้เท่าทัน จนกระทั่งรู้เข้าใจแล้ว รู้จุดสำคัญของชีวิตว่า โธ่เอ๋ย.. ชีวิตไปติดไปยึด ไปหอบไปหาม อันนั้นอันนี้ ก็ ไม่ต้องไปมีขนาดนั้น มีขนาดนี้ก็พอแล้ว สบม ทมด ปกต หห จจ มชยลล ไม่ต้องไปยุ่งมาก นี่ ชีวิตของคน เข้าใจเรื่อง ชาติ ชาติต่างๆ ที่อาตมาสาธยาย มันพิสดารนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10
วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 20:55:57 )
รายละเอียด
อาตมาว่า ในธรรมะพระพุทธเจ้ารวมทั้งเรื่องของเศรษฐกิจสังคมมนุษยชาติทั้งหมดด้วยพระพุทธเจ้ามีธรรมะที่ไม่ได้นอกไปจากความเป็นมนุษย์ ในสังคมก็มีเรื่องเศรษฐกิจการเมือง หรือจะบอกว่ามีเรื่องของธรรมะก็ต้องมีแน่นอน เราก็เข้าใจอย่างที่เขาเข้าใจ อาตมาไม่มีปัญหาหรอกอาตมาเข้าใจได้ ไม่ใช่จะมีธรรมะอยู่ในกรอบแค่ในจิตในจิตแม้แต่กรรมก็ไม่รู้เรื่องแม้แต่อบายมุขก็ไม่รู้เรื่อง แม้แต่เรื่องสากลของโลกคุณก็ไม่รู้เรื่องเป็นการรู้แค่ความแคบอยู่ในกะลาครอบ ก็ไปมีจินตนาการความลึกซึ้งในนั้นอีกเป็นนิรมาณกาย เป็นสิ่งเพ้อพกเป็นอนาคต
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:34:10 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:29:38 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:53:20 )
รายละเอียด
มาเข้าสู่เนื้อหา อาตมาจะขอพูดโดยสังเขป สรุป พูดถึงพระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงพระองค์เอง ว่า มีพุทธคุณ 9 แล้ว แล้วท่านก็บอกว่าผู้ที่ได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้าแล้วก็เลื่อม ใส แล้วก็ออกมาปฏิบัติธรรมตาม ออกบวช ทำตาม ปฏิบัติอยู่ใน อาจารโคจร สำรวมสังวรระวังในปาติโมกข์ พร้อมด้วยมารยาทและโคจร มีปกติเห็นโทษภัยอันมีประมาณน้อย เห็นโทษภัยของการเกิดมาเป็นสังขารร่างกาย แล้วก็สมาทานศึกษา เพื่อละเพื่อลดสิ่งเหล่านั้นอยู่
ทั้งทำตนให้มี กายกรรม วจีกรรม ที่เป็นกุศล มีอาชีพที่บริสุทธิ์ ถึงพร้อมด้วยศีล แล้วพระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสถึงศีล จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล โดยกำหนดแต่ละข้อๆ ว่า ข้อนี้เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง ภิกษุทั้งหลาย เดี๋ยวนี้ภิกษุทั้งหลายไม่รู้แล้วว่า จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ก็เป็นศีลของภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่ศีล 227 ข้อ เดี๋ยวนี้ศาสนาพุทธไม่มีศีลแล้ว มีแต่วินัย 227 ยังดีที่มีศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ที่ย่อลงไปให้ปฏิบัติกันอยู่ เป็นจารีตประเพณี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 13:53:58 )
รายละเอียด
เมื่อกี้นี้ประเด็นที่อาตมาแว๊บๆ พูดถึงพระพุทธเจ้ากับอาตมาว่า พระพุทธเจ้าดุ อาตมาไม่ดุ มันคนละคน คนละกาละเทศะ พระพุทธเจ้านอกจากจะดุแล้วพระพุทธเจ้าท่านยืนยันว่าท่านสอนใบไม้กำมือเดียวด้วย หมายความว่า ท่านจะจบจะหยุดแล้ว ท่านทำมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์มาตั้งไม่รู้เท่าไหร่ก็คือ เป็นโพธิสัตว์ในระดับ 8 ไปยืนอยู่ในบัลลังก์สัมมาสัมโพธิญาณ
ส่วนอาตมาเป็นโพธิสัตว์ที่ต้องทำงานพวกนี้อีกเยอะอีกนานมาก หากไปดุคนก็หนีหมด แม้ตอนนี้ไม่ดุ มีเล่นบ้างก็ยังขนาดนี้เลย ขนาดเด็กๆ ยังเข้ามาสนิทสนมกลมเกลียวไม่กลัวเลย ขนาดนั้นผู้ใหญ่ก็ยังไม่เอาเลย มันไม่อยากได้หรือกลัว กลัวธรรมะจะกินตัวหรือไง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:07:09 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 13 มกราคม 2564 ( 09:35:54 )
รายละเอียด
วิ เป็นสิริมหามายาตัวยิ่งใหญ่ วิ เป็นวิเศษ กับ วิ ไม่ คุณก็อยู่กับภพ อย่างวิเศษ
คำว่าวิภวตัณหา อาตมาเคยพูดว่าพระพุทธเจ้าท่านมีวิภวตัณหา คนจะเอาอาตมาตายหาว่าพระพุทธเจ้ามีตัณหา นี่คืออธิบายอย่างสิริมหามายา อย่างผู้ไม่ติดยึดในพยัญชนะ สภาวะที่บริบูรณ์แล้วไม่ได้ติดยึด ใครจะว่าอย่างไรเขาไม่เข้าใจก็จะแย้งเถียง หากเข้าใจอาตมาก็จะหยุด อย่างพวกคุณเข้าใจอาตมา อาตมาพูดโดยเข้าใจสัจจะ เพราะฉะนั้นใน จูฬวิยูหสูตร ไปอ่านเถอะ อันนี้ไม่ใช่เข้าใจได้ง่ายๆ ไปอ่านให้ดีๆ อ่านสัก 100 เที่ยวไปทำความเข้าใจให้ดีๆ เลยพิจารณาให้ดีๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:43:23 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้ามีอยู่ 3 สาย
สายปัญญา ใช้เวลา 20 อสงไขย เศษแสนกัปป์
สายศรัทธา ใช้เวลา 40 อสงไขย เศษแสนกัปป์
สายวิตักกะ ใช้เวลา 80 อสงไขย เศษแสนกัปป์
อสงไขยนั้นนานนับชาติไม่ถ้วนเลยเป็นล้านล้านล้านๆชาติไม่ต้องนับเลย
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช 2/ 08/ 2562
เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 13:06:47 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:30:57 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:06:05 )
รายละเอียด
ถ้าเป็นผู้ที่มีปฏิภาณปัญญา รู้เพียงแต่ว่า รู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ ท่านเป็นคนรวย ท่านมีฐานะเป็นกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ด้วย มีทรัพย์สมบัติ มีแผ่นดิน มีข้าทาส มีฐานะเป็นเบอร์หนึ่งของแคว้นด้วย มีฐานะทุกอย่างตามที่สามัญปุถุชนอยากได้อยากมีอยากเป็น แต่ท่านก็แสดงชัดเจนว่าท่านทิ้งเลย เดินพระบาทเปล่าออกมาทำงาน ให้คนมาเป็นอย่างที่พระองค์เป็น ให้คนเข้าใจเลยแต่ไม่ได้ไปบังคับ ออกมาเป็นจริงๆ ไม่ได้มาทำในยุคหนึ่งเสร็จแล้วก็จะกลับคืน ไม่ใช่ มาเลย มาเป็นอย่างนี้ เป็นจนจบชีวิตเลย เป็นแล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลย ตายแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย ไม่ได้ไปตายบนบัลลังก์ไม่ได้ไปตายบนกองเงินกองทองอย่างเจ้าของแผ่นดินเลย ไม่ใช่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน 9 แบบ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2564 ( 05:02:38 )
รายละเอียด
เก่งอิทธิปาฏิหาริย์ หรืออาเทสนาปาฏิหาริย์อย่างไร ไม่มีทางพ้นทุกข์ มีแต่หลงติดยึดกับความเก่งนั้น พ้นทุกข์ไม่ได้ แล้วตัวเองก็ไม่สามารถจะช่วยคนอื่นให้พ้นทุกข์ เพราะตัวเองก็ไม่พ้น นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดที่พระพุทธเจ้ายืนยันชี้บ่งปาฏิหาริย์
มีปาฏิหาริย์อันเดียวคือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ใน ปาฏิหาริย์ทั้ง 3 อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้านั้นยกย่องเชิดชูอนุสาสนีปาฏิหาริย์อันเดียว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:48:53 )
รายละเอียด
ทีนี้มาดูรายละเอียด พระพุทธเจ้ายกอุทธาหรณ์
อาหารอันแรกหยาบที่สุด เป็นเบื้องต้นของพรหมจรรย์ต้องเรียนรู้เรื่องนี้
ล.16 ข้อ 63 (พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ)
กวฬิงการาหาร จะพึงเห็นได้อย่างไร
คือ เปรียบเหมือนภรรยาสามีทั้งสอง ถือเอาเสบียงเล็กน้อย เดินทางกันดารเขาทั้งสองมีบุตรน้อย หนึ่งคนทั้งน่ารัก และน่าพอใจ ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางกันดาร เสบียงที่มีเพียงเล็กน้อยได้หมดสิ้นไป แต่ทางกันดารของพวกเขายังไม่ผ่านไปยังเหลืออยู่ไกล ลำดับนั้น เขาทั้งสองตกลงกันว่า ‘เสบียงที่เหลืออยู่เล็กน้อย ได้หมดสิ้นไปแล้ว แต่ทางกันดารยังเหลืออยู่ไกล ทางที่ดี พวกเราช่วยกันฆ่าบุตรน้อย ที่น่ารักน่าพอใจคนนี้เสีย ทำเป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตร ก็จะข้ามพ้นทางกันดารที่เหลืออยู่ได้ เราทั้งสามอย่าพินาศพร้อมกันเลย’ ต่อมา ภรรยาสามีทั้งสองนั้นก็ฆ่าบุตรน้อยที่น่ารักน่าพอใจคนนั้น ทำเป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนั้นแหละจึงข้ามพ้นทางกันดารนั้นไปได้ พวกเขาบริโภคเนื้อบุตรไปพลาง ทุบอกไปพลางรำพันว่า ‘บุตรน้อยอยู่ที่ไหน บุตรน้อยอยู่ที่ไหน’
เพราะฉะนั้นคนพวกนี้ไม่ได้เริ่มเรียนตั้งแต่คุณติดยึดอะไร ติด รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสจากเนื้อ จากเนื้อ มันติดยิ่งกว่าพืช
เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้นอันนี้คุณไม่มีปัญญาจะรู้ แล้วคุณจะเดินไปในทางไกลกันดารคือนิพพาน คุณจะเอาทรัพย์สมบัติทั้งโลกมาจ้าง ก็ไม่มีทางสำเร็จ ไม่มีทางเดินทางไปถึงได้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เธอทั้งหลายจะเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
คือ พวกเขาบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร เพื่อเล่น เพื่อความมัวเมา หรือเพื่อตกแต่ง เพื่อประดับร่างกายหรือ”
“หามิได้ พระพุทธเจ้าข้า”
“พวกเขาบริโภคอาหารที่ปรุงจากเนื้อบุตรเพียงเพื่อจะข้ามทางกันดารให้พ้นหรือ”
“ใช่ พระพุทธเจ้าข้า”
“ภิกษุทั้งหลาย อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น เรากล่าวว่า ‘บุคคลพึงเห็นกวฬิงการาหาร (เปรียบเหมือนเนื้อบุตร)’ เมื่ออริยสาวกกำหนด 2- รู้กวฬิงการาหารได้แล้ว ก็เป็นอันกำหนดรู้ราคะซึ่งเกิดจากกามคุณ 5 เมื่อกำหนดรู้ราคะซึ่งเกิดจากกามคุณ 5 ได้แล้ว สังโยชน์ที่เป็นเครื่องชักนำอริยสาวกให้มาสู่โลกนี้อีก ก็ไม่มี
@เชิงอรรถ :
@1 ทางกันดาร ในที่นี้หมายถึงทางที่ข้ามยากและมีภัย 5 อย่าง คือ (1) ภัยจากโจร (2) ภัยจากสัตว์ร้าย
@(3) ภัยจากอมนุษย์ เช่น พวกยักษ์ (4) ภัยเพราะไม่มีน้ำ (5) ภัยเพราะอาหารน้อย (สํ.นิ.อ. 2/63/118)
@2 กำหนดรู้ ในที่นี้หมายถึงกำหนดรู้ด้วยปริญญา 3 อย่าง คือ (1) ญาตปริญญา การกำหนดรู้ขั้นรู้จัก
@(2) ตีรณปริญญา การกำหนดรู้ขั้นพิจารณา (3) ปหานปริญญา การกำหนดรู้ขั้นละ (สํ.นิ.อ. 2/63/124)
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 16 หน้า : 120}
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 19:52:07 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561
เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:13:36 )
รายละเอียด
เราต้องรู้ กาละ เทศะ ฐานะ สังคมในยุคนั้นทั่วโลกเผด็จการหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทั้งนั้น ยุคนั้นเป็นสังคมทาส เป็นสังคมที่มนุษย์ไม่เข้าใจสิทธิมนุษยชน นั่นคือสังคมยุคนั้นมีบริบทอย่างนั้น แต่ในยุคนี้มันไม่ใช่สังคมทาสแล้ว ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ ไม่ใช่สังคมสมบูรณาญาสิทธิราชย์แล้ว ถ้าเข้าใจอย่างนี้ไม่ได้ คุณก็จะวนไปวนมาแย้งอยู่นั่นแหละ ถ้าเข้าใจได้แล้วก็จบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:25:50 )
รายละเอียด
จริงๆแล้วเทวนิยมเขาไม่มีปัญญาที่จะเชื่อว่าพระพุทธเจ้านี้ยิ่งใหญ่ พระพุทธเจ้านี้สูงสุดในการเกิดมาเป็นมนุษยชาติ เกิดมาเป็นอัตภาพ จนกระทั่งเลิกอัตภาพได้เลย สูงสุดแล้ว ไม่ต้องมีอัตภาพ ไม่ต้องเหลือเป็นจิตนิยามอีก สลายหายไปเลย เลิกมีเลิกเป็น เพราะฉะนั้นผู้ที่จะมาเข้าใจได้ คนจะมาเห็นว่าชีวิตเกิดมา มันมีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป จะมาเห็นทุกขอริยสัจอย่างนี้ไม่ใช่ง่ายๆ แล้วก็มาเห็นจริงเชื่อมั่นว่า ก็มีศาสนาพุทธนี่แหละ จะพ้นทุกข์ พ้นการเกิดมามีทุกข์อีกได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 10:49:42 )
รายละเอียด
คำสั่งสอนหรือพระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ทรง
ประกาศด้วยพระองค์เอง ทรงยืนยันว่าเป็นของพระองค์เอง เปิด
เผยไม่มีอะไรคลุมเครือเหลืออยู่เลย ทุกอย่างกระจ่างแจ้งหมดสิ้น
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ท่านเปิดเผยทุกอย่าง เหมือน“สองมือแบ”
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 215 หน้า 179
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2564 ( 11:19:36 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 09:51:25 )
รายละเอียด
คุณคิดเองอย่างที่อาตมาพูดยังไม่ได้หรอก เพราะคนต้องสั่งสมความรู้จากต้นตอจริงๆคือพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่รู้จักเรื่องจิตวิญญาณครบที่สุด ไม่มีใครรู้มากเรื่องจิตวิญญาณมากที่สุดเท่าพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง พระพุทธเจ้าที่เป็นพระพุทธเจ้า มีสัพพัญญุตญาณสูงสุดแล้ว ที่เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ประกาศตนเป็นพระพุทธเจ้า ก็ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเท่านั้น แต่ท่านก็มีภูมิเท่ากับพระพุทธเจ้า เคยอธิบายไปแล้วและท่านก็ปรินิพพานไป ไม่สร้างศาสนาของตัวเอง จึงไม่มีทำเนียบของความเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งชื่อว่าอันนี้ๆ ไม่มีใครรู้จักท่าน ท่านปรินิพพานเป็นปริโยสานของท่านไปเอง หายไปเลย จบ นี่ก็เคยอธิบายไว้แล้ว
เพราะฉะนั้นที่เรียกกันอยู่ว่าพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง มันหมายความว่าอะไร ก็คือหมายความว่าอย่างนี้ เข้าใจชัดเจนไหม มันไม่ได้มีอะไรที่สับสนยาก เป็นพระพุทธเจ้าที่ไม่ได้ไปสร้างศาสนาให้ตัวเอง เอามาประกาศให้คำสอนของตัวเองต่อคนในยุคของท่าน ในกัป พุทธกัปของท่านก็จะต้องมีศาสนาของท่าน ก็ต้องประกาศในยุคที่เหมาะ แต่ท่านไม่ประกาศ ท่านก็ปรินิพพานของท่านไป ท่านไม่ได้ไปเข้าตำแหน่งประกาศตนประกาศตัว สมัครเป็นประธานาธิบดี สมัครเป็นนายกอะไรอย่างนี้ ไม่เอา แต่ท่านมีความรู้เท่ากันกับนายกยิ่งกว่าด้วยก็ได้ ก็เท่ากับพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง แต่ท่านไม่เอา ท่านก็ปรินิพพานส่วนตัวไป อันนี้ไม่ใช่เรื่องเดา ที่อธิบายสู่ฟังนี้เป็นเรื่องลึกซึ้งละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 20:23:01 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 10:10:47 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:31:31 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:07:35 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตีแตกหมดเรื่องพระเจ้า จนรู้ว่า คนมาหลงสุขหลงทุกข์นี่เอง จึงเรียนรู้ว่าอาการสุขทุกข์อยู่ที่ไหน อาการสุขทุกข์อยู่ที่ไหน ? เฉพาะให้ชัดเลยว่าอยู่ที่ไหน เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ?
อยู่ในเวทนา รู้รายละเอียดของวิญญาณเจตสิกต่างๆ แยกอาการของจิตออก เวทนานั้นมีธาตุจิตหรือธาตุเจตสิกแบบหนึ่ง สัญญามีลักษณะหน้าที่อย่างหนึ่ง สังขารมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง นี่เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตของพระพุทธเจ้าสุดยอดอย่างนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 14:52:23 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าร่างกายผ่องใส 2 ขณะ คือ พระอานนท์ถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าใกล้ๆ จะปรินิพพานทำไมร่างกายผ่องใสนัก พระพุทธเจ้าก็ตรัสตอบพระอานนท์ว่า...อานนท์ กายตถาคตจะดูผ่องใสนี่เป็นเรื่องจริง ทำไมผ่องใสมีนัยละเอียดที่จริงท่านก็ผ่องใสอยู่เรื่อยๆ แต่ที่ผ่องใสมากขนาดคือ ขณะที่จิตมีปิติ
1. ปิติจากการตรัสรู้
2. ปิติจากการได้หยุดทำงาน จะปรินิพพาน
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 12:42:07 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:36 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:11:03 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นเรื่องลึกซึ้งสุดยอดแล้ว ไม่มีใครอีกในเอกภพมหาจักรวาลนี้ที่จะรู้ได้ครบถ้วนอย่างนี้แล้ว ไม่ได้พูดข่มศาสดาของศาสนาอื่น ในศาสนาเทวนิยมก็จะเห็นต่างและแข่งกันตลอด จึงมีศาสดาเยอะ แต่ในศาสนาพุทธ ในยุคหนึ่ง พุทธกัปของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ บางองค์มีเป็นแสนเป็นล้านปี บางองค์มีแค่ 80,000 ศาสนาพระสมณโคดมมีแค่ 5,000 ปี
แต่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์รู้หมดจบเหมือนกันหมด ไม่มีอะไรที่จะไม่รู้ได้อีกแล้ว ในมหาจักรวาลที่เป็นชีวะในระดับจิตนิยาม เพราะฉะนั้นท่านก็เอามาประกาศเอามาบอกโลกเอาไว้ให้ศึกษา เพราะว่าความรู้ของพระพุทธเจ้านี้ มันสุดยอดเจริญของความเจริญของคน สุดยอดแห่งคนดีที่ทำดีไม่มีชั่วเลย ก็สุดยอด สุดยอดรู้จักความสุขความทุกข์และความไม่สุขไม่ทุกข์และรู้เข้าใจจริงๆว่าจิตวิญญาณเป็นอนัตตาไม่ได้เป็นของพระเจ้าหรือของใครที่จะอยู่นิรันดร เป็นธาตุที่ไม่สูญสิ้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 14:23:00 )
รายละเอียด
(ตอบท่านฟ้าไท)
ไม่ใช่วาง แต่ผมบำเพ็ญมาแล้วมาตรงกัน มันเป็น Born To Be พระพุทธเจ้าก็ต้องหยั่งรู้ว่าเป็นผู้รับสืบทอด มันห้ามไม่ได้ ผม โพธิรักษ์ทำไมต้องมาเกิด มันต้องมาเกิดมันห้ามไม่ได้ ของจริง ศาสนาพุทธของพระสมณโคดมต้องไปอีก 5,000 ปีถ้าไม่มีอาตมามันไม่เกิด ขอยืนยันว่ามันไม่เกิด
ในหลวง ร.9 นี่ ก็เป็นคู่บารมี ท่านเป็นทางรูปธรรม จะพูดอย่างเทียบๆกัน ก็คือท่านเป็นโมคคัลลานะ อาตมาเป็นสารีบุตร อะไรอย่างนี้ ก็ทำมาคู่กัน อันนี้พูดมาแล้วบอกมาแล้วว่าเป็นธัมมิกราชสองรูปที่จะมาเกิดในยุคนี้ คนไม่ศรัทธาก็ไม่เชื่อหรอก แต่ก็เอาเถอะไม่มีปัญหาหรอก อาตมาก็มีสิทธิ์ที่จะพูดความจริงก็พูดให้ฟังเท่านั้นเอง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องเป็นต้องมีต้องเกิด แล้วก็พิสูจน์ยืนยัน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานมา 70 ปี อาตมาก็จะอิลากอิเหลื่อไปให้ถึง 70 ปีให้ได้
ก็ต้องพยายามเพื่อที่จะสืบทอด ธรรมะตอนนี้ก็มีคนเข้าใจมากขึ้น แต่แม้จะขัดแย้งกับเถรสมาคม ซึ่งเขาก็ทำให้คนอื่นเขาเชื่อกัน อาตมาก็พิสูจน์ตัวเองมา 50 ปีนี้ ธัมโมหะเว รักขติ ธัมมะจาริง ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม มีปรากฏผล มีบุคคลจริงพฤติกรรมจริง อ้างอิงจาก พระไตรปิฎกต่างๆนานา แม้แต่ขยายความได้ต่างกันแต่มันสอดคล้องร้อยเรียงกัน ไม่ขัดแย้งกันในตัวมันเอง แต่มันขัดแย้งกับของเขา เขาก็ดูรู้ เขาก็เข้าใจขึ้น
เพราะฉะนั้น การต่อต้านการขัดแย้งก็ลดลง นอกจากคนไม่รู้เรื่องไม่รู้ธรรมะอะไร ก็เยอะ ใครได้ดูอาตมาบ้างออกทางสื่อต่างๆ เขาก็คอมเม้นท์ อยู่ในสื่อสาร มีผู้รวบรวมคอมเม้นท์ที่เขาด่าอาตมา อ่านเป็นชั่วโมงจนเมื่อย ยังมีคนเข้าใจผิดไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ มันเป็นธรรมชาติ ธรรมดา ต้องเป็นอย่างนั้นในยุคนี้ มันจะมีส่วนน้อยเท่านั้นที่คิดได้ ส่วนมากรู้ไม่ได้ จะไปบังคับเขาก็ไม่ได้ด้วย ไม่สามารถทำให้เขาเข้ามาเข้าใจได้
ถ้าเขามีบารมีพอจะเข้าใจได้ ผู้ไม่มีบารมีพอมันเข้าใจไม่ได้ มันไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับกันได้ มันเป็นอิสรเสรีภาพ มันเป็นเรื่องของความจริง คนมีบารมีพอได้จะรู้เข้าใจ ใครเข้าใจดีก็เลิกทั้งโลกมา ซึ่งมันไม่ใช่ของง่าย ไม่ใช่ของเล่นๆนะที่จะทิ้งโลกโลกีย์มา จนกระทั่งมาอยู่ในนี้ พวกคนนี้เป็นพวกไม่มีอนาคต
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ งานโพธิบูชากตัญญู ครั้งที่ 3
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565 แรม 15 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 12:14:48 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:31:01 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:33:28 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:09:30 )
รายละเอียด
คุณเชื่อว่าพระพุทธเจ้าศึกษาจากตำรานั้นคุณผิดไปไกลแสนไกลพระพุทธเจ้าจะไม่ศึกษาจากตำราเพราะพระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง อาตมาขอยืนยันความคิดนั้นเป็นของพระพุทธเจ้าแท้ ของคนอื่นที่สอนกันมามีแต่เก่าก่อนนั้นพระพุทธเจ้าไม่ได้เอาเลย ท่านไม่ได้อ่านตำราของใครเลย อันนี้เป็นความเห็นที่ผิดขอยืนยันว่าคุณเข้าใจผิดไม่เช่นนั้นจะมีคำว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้เองตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นพระพุทธเจ้าหรอก สยังอภิญญาอย่างอาตมา ก็มีความรู้ของตัวเองขึ้นมาแล้ว สยัง แปลว่าของตนเอง เป็นผู้ที่เรียนรู้ตามศาสนาพระพุทธเจ้ามา เมื่อถึงขีดความรู้หนึ่งก็เป็นของตนเอง ที่จริงไม่ใช่ของตนเองแต่สืบสานมาจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ แต่ก็จะเป็นเจ้าของสะสมเป็นของตนเองไปเรื่อยๆ จากปัจจัตตังเป็นปัจเจกจากปัจเจกไปเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าจากนั้นก็เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:11:42 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:09 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:11:07 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 11:08:40 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าก็มาศึกษาอีก จนกระทั่งรู้ว่า อ๋อ มันไม่เที่ยงหรอกไม่มีอะไรเที่ยง และสามารถรู้จักสังขาร รู้จักการปรุงกันอยู่เป็นสภาพ 2 พยัญชนะของบาลีว่า เทวฺ เขาจะเรียก เดวะ หรือดะเว ก็ว่าไป
จนกระทั่งพระพุทธเจ้าท่านสามารถที่จะรู้ว่า 2 อย่างนี่แหละ สภาพ 2 สภาวะ เทวฺธัมมาเมื่อเขาไม่รู้ 2 อย่างเขาก็ว่าเที่ยง ปรุงแต่งอย่างเก่งที่สุดเป็นพระเจ้าสูงสุด ดีสุด แล้วเขาก็ถือว่าเที่ยง เพราะเขาไม่รู้จักต่อไปกว่านั้นแล้ว ยาวนานไปกว่านั้นหรือว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอีกเขาไม่รู้แล้ว พระพุทธเจ้าก็มาเรียนรู้ 2 อะไรกันหนอ อ๋อ.. 2 นี่แหละปรุงแต่งกันอยู่ แล้วก็มีธาตุรู้เรียกว่าวิญญาณ สังขาร วิญญาณ ก็ต้องมาแยก 2 นี้ออกให้ได้ ต้องรู้อันหนึ่ง ตัวเราเป็นธาตุรู้ คือตัวอัตตาหรืออาตมัน รู้อีกอันหนึ่งให้ได้แยกให้ได้ เรียกว่า นามรูป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
นิพพานเป็นอย่างไร
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:33:22 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 16:27:54 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:24 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:11:34 )
รายละเอียด
คือ ผู้ที่เกิดมาเปิดเผยตนเองว่าเป็นพระพุทธเจ้า ท่านเกิดปริวิตกจะประกาศสัจธรรมนี้ ร้อนถึงสหัมบดีพรหมว่าฉิบหายแล้วหนอ เป็นปุคลาธิษฐาน สรุปเนื้อหาคือพระเมตตา ก็เกิดมาในภาวะแวบเดียวที่ปริวิตกว่าสอนไปแล้วมันจะไหวหรือ ก็เลยเกิดปฏิภาณว่าผู้มีธุลีในดวงตาน้อยยังมีอยู่ ก็คงไม่เสียของก็สอนเพราะพระทัยของพระสมณโคคมแท้ๆ จึงประกาศพระพุทธศาสนาพวกเราจึงได้รอด พูดภาษาเทวนิยม คือ ได้ขึ้นเรือโนอาร์นี่คือ พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 13:32:54 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:37 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:16:52 )
รายละเอียด
เป็นแต่เพียงว่าพระพุทธเจ้าองค์ใดที่จะมีสัมภารวิบากอย่างไรของแต่ละองค์ สำหรับพระพุทธเจ้าสมณโคดมมีสัมภารวิบากที่เป็นอย่างนี้ คือจะต้องผ่านการสอน ผ่านการช่วยคนจำนวนมากมาก่อนได้ แล้วก็ค่อยๆลดลงๆๆ ตามกาละที่อายุกาลที่เสื่อมจากศาสนา ก็ช่วยคนได้น้อยลงๆ จนมาถึงปางสุดท้าย เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านก็สุดจะเมื่อยสุดจะเบื่อ เต็มแล้ว เต็มจนกระทั่งไม่เอาอะไรมากหรอก ขอตายดีกว่า ฉะนั้นท่านจึงแสดงอาการเข้ม ดุ คนก็จะได้ไม่เข้าใกล้มาก แม้อายุท่านก็ไม่เอาถึงกัป ตัดสินใจปรินิพพานตอนอายุ 80 พระอานนท์ไม่มีปฏิภาณอีก ท่านก็บอกว่าเอาเถอะถ้าเผื่อว่ามันจะเดือดร้อนอะไรก็ต้องอาศัยผู้อื่น หากว่าพระอานนท์เห็นดีเห็นควรก็จะอาราธนาเอง ท่านก็ทำนิมิตตั้ง 16 ครั้ง พระอานนท์ก็ไม่รู้เรื่อง แล้วไม่อาราธนาให้เราอยู่ต่อ เราได้ตรัสไปแล้ว เราได้พูดไปแล้วว่าเราจะตายเมื่อใด เป็นความผิดของเธอ พระอานนท์ก็เลยถูกปรับอาบัติด้วยเหตุเช่นนี้ ต้องเข้าใจเป็นความซับซ้อนอีกเยอะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:08:40 )
รายละเอียด
ธรรมะในการเป็นพระพุทธเจ้าก็คือศาสนาพุทธ ไม่เหมือนของเดียรถีย์หรือของศาสนาอื่นใด แล้วท่านก็มาประกาศสอน กับปัญจวัคคีย์ ประกาศแล้วปัญจวัคคีย์ก็รับได้ จนเกิดเป็นพุทธศาสนาขึ้นในโลก ซึ่งตอนนั้นพุทธศาสนาได้สูญไปแล้วในโลก พระพุทธเจ้าสมณโคดมก็มาสถาปนาขึ้นมาใหม่ เป็นศาสนาพุทธ
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:18:53 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:33 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:17:18 )
รายละเอียด
คืออาตมาขยายความมาก พระพุทธเจ้าสมณโคดมสอนใบไม้กำมือเดียวไม่ได้ขยายความมาก อจินไตยต่างๆ พระสมณโคดมเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็เป็นโพธิสัตว์ช่วยศาสนามานานมากแล้ว จนกระทั่งคนเจริญ จนกระทั่งเสื่อม จนกระทั่งมาถึงเหลือน้อยที่สุดในปางที่เกิดเป็นสมณโคดม จนตอนที่ได้เป็นพระพุทธเจ้าสมณโคดมแล้ว ท่านก็จะรีไทร์แล้ว ไม่สอนคนแล้ว จะเสียของเปล่า ตายดีกว่า ท่านจะไม่ประกาศศาสนา เสร็จแล้วก็มีสหัมบดีพรหม สหะ คือ ร่วม พรหม คือ พระเมตตาให้ท่านประกาศศาสนา เราไม่ได้ติดยึดว่าพระพรหมต้องมีรูปร่างเป็นตัวตน แต่เป็นธรรมาธิษฐานที่ใช้ภาษาแบบปุคลาธิษฐาน ศิลปิน ก็ว่าพระพรหมสี่หน้า อาตมาก็ว่าพระพรหมเวลานอน จะนอนอย่างไร
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:24:21 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:04 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:16:17 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกาคม 2563
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 13:56:20 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 11:09:55 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 22 เมษายน 2563 ( 14:11:34 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 13:38:10 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:18:13 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 11:47:20 )
รายละเอียด
อย่างยุคนี้นี่ ก็มีพวกคุณนี่แหละ จำนวนหนึ่ง จนอาตมาตายมันก็ไม่มากหรอก ไม่มาก มันจะต้องมีจำนวนหนึ่ง ที่คนจะมารู้โลกุตรธรรม นี่เป็นสัจธรรมที่สำคัญ
แล้วคนอย่างพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นคนเหมือนเราทุกคน สุดท้ายท่านแสวงหาแล้วก็ได้สิ่งที่สูงสุด จนกระทั่งสุดท้ายท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายชาติสุดท้ายที่เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็เลิกเกิด จิตนิยามของท่านหายไป อัตภาพของท่านก็สูญสลายไป เป็นดินน้ำไฟลม ที่อาตมาไขความไปแล้ว อธิบายสัจธรรมสุดท้ายพวกนี้จนหมดสิ้นแล้ว
เพราะฉะนั้นเกิดมาเป็นคนหนึ่งคน ได้อัตภาพมาตั้งแต่เป็นชีวะ จิตนิยามเซลล์เดียว จนพัฒนามาเป็นมนุษย์ไม่รู้กี่ล้านชาติ กว่าจะได้มาเป็นคน จากเซลล์ ตั้งแต่แบคทีเรียจนถึงเป็นสัตว์ จนกระทั่งเป็นสัตว์ที่มีเซลล์ไม่รู้กี่ล้านเซลล์ จนกระทั่งมาเป็นสัตว์ สัตว์น้ำ สัตว์บก 2 ขา 4 ขา จนกระทั่งมาเป็นคนได้ แล้วพัฒนาจากคน จากปุถุชนมาเป็นอาริยะ กว่าจะจบอรหันต์ แล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ นี่คือใบไม้กำมือเดียวที่ศาสนาพระพุทธเจ้าสรุปไปให้แต่ละคนรู้ความจริงอันนี้ แล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประเด็นโลกุตระจากงานศพอาจารย์สมเกียรติ วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2564 ( 11:20:58 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าสร้างความเป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่ยุคของท่าน ท่ามกลางสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 100% ในยุคโน้น ยังไม่มีประชาธิปไตยใดเลย ไม่ว่าที่ไหนในโลก แต่พระพุทธเจ้าท่านทำให้เกิดได้แล้ว เมื่อ 2,500 กว่าปี มีอันนี้มาแล้ว อาตมาจึงเข้าใจประชาธิปไตยตามนัยยะสำคัญของพระพุทธเจ้า แม้แต่ทุกวันนี้อาตมาก็ยังยืนยันว่าอาตมามี Concept ของประชาธิปไตยตรงกันกับของพระพุทธเจ้า ขอยืนยัน ความรู้องค์รวมทั้งหมดของอาตมาในความเป็นประชาธิปไตย อาตมาว่าของอาตมาตรงกับของพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:11:27 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์คือ ผู้ทรงเรียนรู้และทรงบำเพ็ญมาก่อน ให้เกิด“อัญญธาตุ”ขึ้นมา แล้ว“ธาตุ”ตัวนี้ก็เจริญเป็นธาตุรู้“อัญญา” และแล้วจึงพัฒนาขึ้นเป็น“ปัญญา”ที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“โลกุตรสัจจะ” ซึ่งได้รู้จาก“เจ้าของ”โลกุตรธรรม เรียกว่า “ธรรมสามี” หรือจากสัตบุรุษ หรือจากผู้อยู่ในฐานะ“ครู”ที่สัมมาทิฏฐิ
ผู้ใดก็ตามที่เป็นผู้มี“ปัญญา”อันเป็น“โลกุตระ”แล้ว กล่าวธรรมที่เป็น“โลกุตระ” จึงจะเกิด“จรณะ 15 วิชชา 8”อันเป็น
“พุทธคุณ”แท้ๆที่สัมมาทิฏฐิขึ้นได้
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 46 หน้า 70
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 12:39:36 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจโลกธรรม แล้วไม่อาศัยอำนาจลาภ มีเงินทองเยอะ มีสมบัติพัสถาน วัตถุเยอะ คนนับถือ
คนมีสรรเสริญ ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็นคนดี เป็นคนประเสริฐอย่างนั้นอย่างนี้ได้ อิงอาศัยสรรเสริญ ไม่เอา ใครจะมาให้คำสรรเสริญยกยอเรามันเป็นเรื่องของเขา เขาจะให้ผู้ใดมันเป็นเรื่องของเขา ยังไม่พอยังหลงสุข เสพสุขเรื่องสรรเสริญ เสพสุขด้วยตำแหน่งยศศักดิ์ เสพสุข ด้วยลาภ ทรัพย์ศฤงคาร วัตถุต่างๆ
ติดสุข อาตมา เกิดมาในชาตินี้ในเมืองไทย ศาสนาพุทธในเมืองไทยไม่ได้สอนให้เลิกความสุขนะ ให้เลิกแต่ทุกข์ พระพุทธเจ้าสอนทุกข์อริยสัจ แต่เขาไม่รู้ว่าสุขทุกข์เป็นมายาที่เป็นอันเดียวกัน แยกกันไม่ออก แล้วต้องทำให้เป็น อทุกขมสุข คือไม่มีทั้งทุกข์ไม่มีทั้งสุข มันเป็นซินโนนีมของอุเบกขา แต่มันไม่ใช่อันเดียวกัน มันไม่ทุกข์ไม่สุข เพราะคุณทำจิตสะอาดจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน เกลี้ยงหมด หมดอาสวะ หมดอนุสยะ อาสวะ
อนุ สยะ เล็กละเอียดกว่า ว ใน ย ร ล ว
ย เป็นตัวที่ 1 เล็กละเอียด อนุสยะ เล็กละเอียดกว่า อาสวะ
อนุ ก็เล็กละเอียดกว่า อา
พวกเรามีสภาวะจึงเข้าใจพยัญชนะได้ดีด้วย
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 20:26:41 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:10:41 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:30 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 09:18:48 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name