@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

กรรมวิบาก

รายละเอียด

คือ “เหตุ”ที่เป็น“การกระทำ” ตกผลึก เป็น“ผล”ที่สะสมไว้คือ“วิบาก(แปลว่าผล)” ที่ชาวโลกีย์ยัง ไม่มี“ธาตุปัญญา”สามารถใช้หยั่งรู้อย่างเป็น“ระบบระเบียบ” อย่างเป็นลำดับขั้นตอนละเอียดลออได้ จึงเป็น“อจินไตย”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 481


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 16:26:13 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:07:44 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:32:12 )

กรรมวิบาก

รายละเอียด

ก็ถือว่าเป็นวิบาก อาตมาเป็นโพธิสัตว์ที่สร้างวิบากเยอะ ที่มีวิบากเยอะก็ไปด่าเขา ผู้ที่ถูกด่าเขาก็ต้องพยาบาท แล้วพลังงานของกรรมวิบากมันมีจริง แต่ว่าอาตมามันยังดีตรงที่ว่าอาตมาทำงานด่าเขาด้วยสัจธรรม แต่มันด่านะว่าเขา ตำหนิเขา มันไม่มีความชอบหรอก นอกจากคนซาดิสม์ มาโซคิส เป็นคนวิตถารใครมาด่าก็ชอบไม่ถูกด่านอนไม่หลับ คนพวกนี้ไม่ธรรมดาหรอก อาตมาด่ามาไม่รู้กี่ชาติแล้ว ยิ่งในชาตินี้ยิ่งแรงหนักและมาก เพราะว่ามันเสื่อมมากต่ำมากหนักมาก และเป็นอลัชชีหนักคือเป็นคนที่ไม่ละอายต่อบาป สิ่งที่ผิดไม่รู้ ถ้าเขาจะโกรธตอบแสดงโต้ตอบด้วยจัดการปิดปากอาตมาให้หยุดได้เขาก็ต้องทำ แต่สุดท้ายเขาทำไม่ได้ก็ต้องปล่อย ให้มันเห่าไป เขาก็ว่าไป ให้อาตมาเห่าไป เขาก็ต้องใช้สำนวนภาษาอย่างนั้น อาตมาก็ไม่มีปัญหาอะไรอาตมาเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:45:18 )

กรรมวิบาก 1 ในอจินไตย 4

รายละเอียด

เอาเรื่องกรรมวิบากก่อน จะไม่พูดรายละเอียดทั้งหมด เพราะมันคือทั้งหมดเลย จะไปพูดทั้งหมดได้อย่างไร มันรองลงมาจากโลกจินตา ซึ่งโลกคิดกันมันเก็บมาไม่ไหวหรอก คนมันคิดกันทั้งหมดในโลก พระพุทธเจ้าก็รู้มากที่สุดแล้ว  แต่ท่านก็ยังบอกว่ารู้ไม่หมดหรอก และพุทธวิสัยที่ว่ารู้มาก แต่โลกจินตารู้ไม่หมด ไหนว่าเป็นบุคคลที่รู้มากที่สุดคือพุทธวิสัย ก็ยกไว้ก่อน 

กรรมเป็นของของตน วิบากเป็นผลของกรรมที่ทำแล้ว ไม่มีขาดหกตกหล่น ไม่มีระเหิดไม่มีระเหย วิบาก มีเท่าไหร่สะสมเป็นของเราหมด ทั้งชั่วทั้งดี ทั้งโลกุตระทั้งโลกียะ วิบากของคนที่ยังไม่มีโลกุตระนั้น นั่นแหละมากกว่ามาก เท่าฐานปิรามิด เลยกลางปิรามิดขึ้นมา โลกุตรธรรมนั้นมีส่วนยอดของปิรามิดเท่านั้น 

เพราะฉะนั้นกรรมวิบากของพวกที่เป็นโลกีย์จึงมหาศาลเยอะ กรรมวิบาก ของพวกที่เป็นโลกุตระก็มีแค่ยอดปิรามิด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศสื่อธรรมะพ่อครู ตอน อจินไตยของกรรมวิบาก พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกฯ  ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 17:44:31 )

กรรมวิบาก มีอย่างไรก็ต้องมีไปตามนั้น

รายละเอียด

วันนี้ขอตอบเป้าลึกๆเลย คุณต้องปฏิบัติธรรมให้คุณมีวิบากน้อยลง น้อยลง แล้วคุณจะมีเหตุปัจจัยพวกนี้แล้ว คุณจะตายโดยไม่เจ็บปวด เพราะกรรมวิบากของคุณดี แต่ถ้ากรรมวิบากของคุณมีอย่างไรก็ต้องมีไปตามนั้น ตามวิบากของคุณมันจะต้องมีมากหรือมีน้อยอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นจะไปสะกดไว้ ระงับ ขอผัดหนี้ มันไม่ใช่ความเป็นจริงที่ถูกต้องตาม กาละ เทศะ ฐานะ ของมัน ทุกระยะเวลา ซึ่งไม่ควรทำ ควรจะเผชิญ ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าคุณมีวิบากก็ต้องเจอ ถ้าคุณไม่มีวิบากมากก็ไม่เจอ ปฏิบัติธรรมให้มันดีเท่านั้นก็พอแล้ว ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องไม่กลัว  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2566 ( 12:51:04 )

กรรมวิบากกับฌานวิสัย

รายละเอียด

ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นโลกุตระเป็น อจินไตย เป็นพุทธวิสัย เป็นฌานวิสัย เรียนรู้กรรมวิบาก ส่วนผู้ไม่เข้าใจก็จะเรียนรู้กรรมวิบากแบบตลกๆ เป็นบุพเพสันนิวาสเป็นนิยายนิทานตลกไป จริงๆแล้วไม่ต้องไปสนุกสนานอยู่กับนิยายพวกนี้เลย เรานี่แหละ เป็นตัวบทบาท เป็นตัวแสดง เป็นตัวจริงของนิยายของทุกคน เพราะฉะนั้นต้องมองเข้าไปถึงความจริง เพื่อนทั้งหลายแหล่มีนิยายของแต่ละคน พี่น้องของแต่ละคน คนอื่นเขาก็มีนิยาย เห็นด้วยกันรู้ด้วยกัน ก็เออ ดูความจริงจากนิยายพวกนี้ ใครเขาเป็นอย่างไร 

สมณะโพธิรักษ์เป็นอย่างไร มีนิยายจนถึงทุกวันนี้อย่างไร สู่แดนธรรม มีนิยายอย่างไร เข่งมีนิยายอย่างไร ดูความจริง เราก็จะเห็นความจริงในนิยายพวกนี้ ว่า อ๋อ! มันเป็นกรรมวิบาก คนไม่รู้เรื่องก็เป็น โลกจินตา คิดไปตามโลก โลกพาคิด พาฟุ้งซ่าน พา ละเมอเพ้อพกก็พูดไปเป็นโลกจินตา คิดไปตามโลกๆ เขาหมด ไม่ศึกษาว่าชีวิตคนมีกรรมวิบาก เป็นนิยายให้เราศึกษา แล้วจะได้รู้จักว่า พระพุทธเจ้า สอนฌานวิสัย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2565 ( 09:09:09 )

กรรมวิบากของตัวเอง

รายละเอียด

ผิด อาตมาเป็นประกาศกของพระเจ้า พระเจ้าคือพระพุทธเจ้าของเราไม่ใช่พระเจ้าลึกลับ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้มีตัวตนบุคคลจริง เอามาประกาศไม่ใช่สิ่งลึกลับซึ่งเหนือชั้นกว่าพระเจ้าที่เป็นสิ่งลึกลับ พระเจ้าไม่เคยปรากฏตัว จริงๆแล้ว พระเจ้าไม่ใช่ใครหรอก พระเจ้าก็คือพระศาสดาเอง ตัวพระศาสดาเองก็คือพระเจ้า พระเจ้าไม่รู้กรรมวิบาก พระศาสดาของสายเทวนิยมสายพระเจ้าไม่รู้จักกรรมวิบากไม่รู้จักอัตตาไม่รู้จักกรรมของตัวเอง ตัวเองสร้างกรรมวิบากของตัวเอง จนกระทั่งมีความรู้มีความดีมีความจริง สูงไปจนกระทั่งได้เป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะ เป็นศาสดา ของตนเองทั้งสิ้นแต่ตนเองไม่รู้ตนเองว่า ตัวเองมี สุกตทุกฎานังกัมมานังผลังวิปาโก ไม่รู้ว่ากรรมวิบากที่ตัวเองสร้างสมสิ่งที่ดี สิ่งที่วิเศษ สิ่งที่ประเสริฐ สิ่งที่เป็นความจริงมาได้ด้วยตนเอง มาขนาดนี้จึงได้เป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะเป็นศาสดา เขาไม่รู้เรื่อง 

จริงๆแล้วท่านไม่รู้ ท่านอวิชชา ความรู้นี้เป็นความรู้ที่สูงจริงเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งละเอียดซับซ้อนมากเลยนะ แล้วก็เป็นความจริง เพราะฉะนั้นเอามาประกาศแล้วแม้แต่ปราชญ์อื่นๆก็ยกให้เป็นศาสดา จึงเป็นเจ้าหมู่คณะแม้แต่เป็นปราชญ์เป็นปุโรหิตต่างๆก็ต้องมายอมยกให้เป็นศาสดาได้ มันก็จริง แต่ท่านไม่รู้บาปไม่รู้กรรม ไม่รู้อัตตา ไม่รู้ความเป็นตัวตนสั่งสมมาเอง สั่งสมกรรมวิบากมาเอง ไม่รู้ว่าทำกรรมอย่างไรจึงเกิดมาเป็นอย่างนี้โดยไม่รู้อัตตาว่า ที่แท้มันไม่มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2565 ( 12:20:19 )

กรรมวิบากควรเลิกเป็นหนี้สัตว์

รายละเอียด

เป็นเรื่องศีลข้อที่ 1 เพื่อที่จะให้รู้ว่าไม่ต้องยุ่งขนาดไหน ในจุลศีลพระพุทธเจ้าตรัสไว้ตั้งแต่ข้อที่ต้น ในข้อปลายก็มี 2-3 หมวด ก็เล่าให้ฟังเป็นเรื่องเอาไปกินเอาไปใช้ประโยชน์ 

1.. กินเนื้อ 2.. ใช้ส่วนประกอบของมัน 3.. เอามาใช้แรงงาน 

เราเอามาใช้ประโยชน์ได้ก็จริงแต่ถ้าหากละเว้นได้ก็ควรทำ เพราะว่าไม่งั้นจะไปเป็นหนี้สัตว์ บางคนเป็นหนี้มันอย่างมาก คนที่เลี้ยงดูมันดีๆก็ดีหรอกแต่ก็ใช้มัน ส่วนผู้ที่หลงเลี้ยงสัตว์ไม่ได้ใช้หรอกแต่ให้มันเป็นนายเป็นขี้ข้าสัตว์ แล้วให้มันเป็นหนี้ผู้เลี้ยงไปให้มันเป็นโรคเลยมันไม่ต้องทำอะไร ดีไม่ดีเอาเพชรเอาพลอยไปห้อยคอมันอีกใส่น้ำหอมให้มันอีก ซึ่งคนเรามันงมงายหลงเลอะ ซึ่งมันก็ผูกพันนะ เป็นเวรานุเวรผูกพันกันไปอีกไม่รู้กี่ชาติกว่าจะใช้หนี้กันไป ซึ่งมันไม่รู้จักกรรมวิบากก็เป็นอจินไตย รู้ได้ยังไง ฟังอาตมาอธิบายบ้างแล้วควรจะได้รู้ว่าควรเลือกอะไร อาตมายืนยันว่าอธิบายธรรมะสอดคล้องกับพระพุทธเจ้าทุกประการไม่ขาดตกบกพร่อง อาจจะยังไม่ครบแต่ถึงไม่ครบพวกเราก็ศึกษาตามเถอะรับรองเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะอาตมาพูดนี้มันเกินอรหันต์เป็นพระโพธิสัตว์ไปเยอะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:30:04 )

กรรมวิบากเป็น อจินไตย

รายละเอียด

ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ควร มีเรื่องราวสงสัยก็ถามได้ อยากรู้ก็จะบอกให้ฟัง การฆ่าคนขององคุลีมาลในเวลานั้น เขามีเจตนาที่เป็นอกุศลจิตหรือไม่ เจตนาจริงของเขานั้นไม่เป็นอกุศลจิตหรอก เป็นกุศล แต่เป็นกุศลแบบโลภวิชา เขาโลภวิชาการ เขาไม่ได้เจตนาจะฆ่าคน แต่ถูกอาจารย์หลอกให้ฆ่าคน โดยคิดว่า ให้ไปฆ่าคนสักวันคงถูกคนฆ่าตายก่อน แต่องคุลิมาลเก่ง จนกระทั่งฆ่าคนได้ถึง 999 คน จะถึงคนที่ 1,000 แล้ว 

ถามว่ามีอกุศลจิตไหม จะว่าเป็นกุศลหรืออกุศล มันเป็นบาป มันก็บาป แต่โดยจริงๆแล้วมันซ้อนว่า เขาไม่ได้เจตนาฆ่าคน เขาเจตนาจะเอาวิชาการความเจริญให้แก่ตนเอง เจริญที่เขาจะได้วิชาที่อาจารย์เขาหลอกว่ามียอดวิชา ถ้าฆ่าคนได้ 1,000 คนจะสอนยอดวิชานี้ อย่างกับหนังจีนนะ เขาก็เลยไปฆ่าคน ไปทำบาปโดยอาจารย์หลอก ให้ฆ่าคนถึง 1,000 คนแล้วมันคงไม่รอดหรอกองคุลิมาล อาศัยมือคนอื่นฆ่าองคุลีมาล แต่องคุลีมาลก็เก่งนะ 

เรื่องกรรมวิบากต่อไปอาตมาตอบไม่ได้ ไม่มีความรู้ได้ ไม่มีความหยั่งรู้ไปถึงกรรมวิบากของผู้ที่มีกรรมถึงขั้นละเอียดพวกนี้ กรรมวิบากเป็น อจินไตย อจินไตย ระดับที่คุณถามมา อาตมาไม่มีปัญญาจะตอบได้ ก็ตอบว่า ตอบไม่ได้ ว่าเป็นลักษณะใด อยากรู้จริงๆก็ตอบไปแล้วจริงๆตามที่อาตมามีความรู้พอที่จะตอบได้ อันไหนตอบได้แล้วตอบยาวเชียว อันที่ตอบไม่ได้ก็ตอบสั้นๆพอประมาณ ก็ได้ขนาดนี้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิคนวรรณะ 9 เป็นคนรวยที่จน เป็นคนจนที่รวย วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 10:59:00 )

กรรมวิบากเป็นเรื่องจริง

รายละเอียด

อย่าทำเป็นเล่น เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องกรรมวิบาก ทำแล้วบอกว่าไม่ทำไม่ได้ แม้แต่จะคิด แม้แต่กระทั่งทางวาจา ยิ่งทำทางกายมาเต็มรูป ทั้งกายวาจาใจมันก็เป็นของตนเต็มๆ เราทุกวันนี้ พึ่งพาอาศัยกันได้ลงตัว มีคนบางคนเท่านั้นที่แทรกแซงอยู่ในนี้ที่ยังไม่ค่อยดี ก็อยากให้ตรวจตัวเอง อย่างน้อยอย่าเป็นบาป แม้คุณไม่ได้กุศลหรือไม่ได้บุญ ก็อย่าให้เป็นบาปหรือเป็นอกุศล แม้มันจะไม่เจริญด้วยบุญ เจริญด้วยแค่กุศลก็ยังดี แต่นี่กุศลก็ยังไม่เป็น เป็นอกุศล เป็นบาปมันก็ซวย นี่ก็บอกเตือนพวกเรา ไม่ได้เน้นกับตัวบุคคลกับตัวพวกเรา ก็ขอย้ำเน้นลงไปด้วยสำหรับวันนี้ ได้ย้ำได้เน้นแล้ว ผู้ใดไม่ได้ยินไม่ได้ฟังไม่ขวนขวายฟังก็ยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ อาตมาจะสอนอะไร จะพูดอะไร ไม่ได้ประโยชน์อะไร มีแต่ทำอกุศลต่อไปก็ยิ่งซวยหนัก ถ้าใครสามารถถ่ายทอดจากอาตมาบอกไป ถ้ารู้ว่าคนนี้ไม่ค่อยฟังธรรมไม่ได้ยินหรอกเขาก็ทำอย่างที่อาตมาพูดนี่แหละมันไม่ดี ใครที่มีน้ำใจจะบอกเขาได้ สามารถทำได้ ก็ช่วยกันบอก บอกเขาบ้างให้เขารู้ตัวรู้ตนบ้าง ไม่เช่นนั้นมันก็ซวยไปตลอด 

การทำงานนั้นมันดี แต่งานนั้นเป็นกุศลหรืออกุศล มันก็มีองค์ประกอบที่จะขยายไปตั้งเยอะแยะ 

วันนี้เวลาหมดลงก็จบกันเพียงเท่านี้ก็แล้วกัน เจริญธรรมทุกคน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 20:44:38 )

กรรมวิบากเป็นเรื่องสูงสุดของมนุษย์

รายละเอียด

อจินไตย พระพุทธเจ้ารู้ในสิ่งเกี่ยวกันทำให้เกิดผลประโยชน์ หรือโทษ เป็นโทษก็เป็นตัวอย่างของโลก เป็นประโยชน์ก็เป็นตัวอย่างของโลก เกิดเป็นตำนานตกค้างมาให้เราได้ใช้ศึกษาให้รู้ว่า ความจริงของพลังงานจิต เป็นรูป นาม พลังงานสอง เทวะ ซับซ้อนปรุงแต่งกัน

ให้ตอบว่าทำไม อาตมาตอบไม่ได้ไม่เก่งอจินไตย จะต้องการคำตอบนี้ตอบไม่ได้ ก็ตอบได้แต่ว่า เป็นเรื่องพฤติกรรมจริงฝากไว้ในตำนานชาดก พฤติกรรมมนุษย์สืบทอดกันมาให้เห็นใครจะเชื่อหรือไม่ก็บังคับกันไม่ได้

อาตมาเชื่อว่ากรรมวิบากเป็นเรื่องสูงสุดของมนุษย์ กรรมนี่แบ่งกันไม่ได้ ถึงเวลาก็มาออกฤทธิ์กับตนเอง อาตมาสั่งสมภูมิปัญญามา เรื่องเก่าๆยิ่งทำให้เรามั่นใจเรื่องกรรมวิบากที่ออกผลต่อความจริงเป็นสัจจะที่ซื่อสัตย์สุด อาตมาจำนนเลย กรรมนี้ซื่อตรงซื่อสัตย์ไม่มีใครทำผิดเพี้ยนได้เลย เปลี่ยนไม่ได้ ถึงเวลาออกฤทธิ์ห้ามไม่อยู่ ดันทุรังไม่ได้ กัมมุนาวัตตีโลโก กัมมังสัตเตวิภัชติ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมจำแนกสัตว์ เป็นเรื่องสุดยอดยิ่งใหญ่ที่สุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

 


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 16:48:42 )

กรรมวิบากเรื่องการสะสมพลังงานอาฆาตพยาบาทแก้แค้น

รายละเอียด

คุณก็เลยยิ่งบาปซับซ้อนไม่รู้กี่ชั้น อันนี้ กรรมวิบากอันนี้ ขณะนี้ กำลังเปิดเผยตัว กรรมวิบากอันนี้กำลังเปิดเผยตัว ให้เห็นว่าคนที่เขายังหลงในทิศทางที่เขาสามารถ หลงตัวเองว่าตัวเองสร้างอำนาจ มีฤทธิ์ระเบิดทำลายอาวุธได้เก่ง แล้วก็สามารถแสดงพลังที่จะเอาเปรียบเขาได้ต้องซื้อข้าราคาแพง ข้าตั้งราคาเท่าไหร่เอ็งก็ต้องซื้อ ของคนอื่นไม่มีใครมีฤทธิ์สู้ เพราะฉะนั้นคนที่มีเงินและมีวัตถุที่จะเอามาแลกกับอาวุธนี้ได้ เขาก็ต้องจำนนเขาก็กลัวประเทศเขาจะด้อย จะไม่มีอะไรป้องกันเขี้ยวเล็บ ก็ต้องซื้อเอาไว้แล้วเอาไว้เพื่อทำร้ายทำลายกัน ซึ่งเป็นบาปที่ไม่มีวันจบสิ้นเป็นการฆ่ากันทำร้ายกันไปมายิ่งแรงยิ่งขึ้นยิ่งอำมหิตยิ่งขึ้นยิ่งทับทวีในเรื่องพิษร้ายหนักไปในเบื้องหน้า ซึ่งมันผิดหมดเลย และก็ไม่ได้ศึกษาเรื่องกรรมเรื่องวิบาก ไม่ศึกษาเรื่องพลังงานทางจิตวิญญาณ 

ว่ามันมีกรรมวิบาก ในการสะสมพลังงานอาฆาตพยาบาทแก้แค้นเขาไม่เข้าใจเขาไม่เชื่อไม่ได้ศึกษาสัจธรรมอันนี้ เขาพยายามศึกษาก็ไม่ง่ายเพราะพื้นฐานมันยังไม่ได้มีคนพยายามศึกษาแต่มันก็ดีขึ้น ตายแล้วชาตินั้นชาตินี้หลายชาติก็พอรู้ จนกระทั่งค่อยๆทยอยมาจากยุโรปมาหาเอเชียมาหาความรู้ทางด้านจิตวิญญาณ ในสิ่งเหล่านี้มันจะต้องอาศัยเวลาที่จะเห็นความจริงพวกนี้ปรากฏขึ้นไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ พ้นความโง่อวิชชากับ ปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:36:50 )

กรรมหรือการกระทำ

รายละเอียด

ให้ชีวิตตนเองขึ้นสวรรค์ หรือเป็นไปดี(กุศล) เป็นไปเลว(อกุศล) หรือจะทุกข์-จะสุข-จะไม่ทุกข์ไม่สุขเลย ก็ตัวเองนี่แหละเป็นผู้“กระทำ”ให้ตนเองเป็นไปทั้งสิ้น ไม่มีใครจะมาทำให้เรายิ่งใหญ่ไปกว่าเราเป็นเด็ดขาดแน่นอนที่สุด “ไม่มีอำนาจ”ใดจะมาทำให้เราเป็นไปอย่างนั้นอย่างนี้ได้ยิ่งกว่าเรา“ทำเอง”ได้เลย พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ในพระไตรปิฎก เล่ม 14 ข้อ 581 ว่า “ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน(กัมมัสกะ) เป็นทายาทของกรรม(กัมมทายาท) มีกรรมเป็นกำเนิด(กัมมโยนิ) มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์(กัมมพันธุ) มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย(กัมมปฏิสรณา) กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้(กัมมัง สัตเต วิภชติ) หรือในพระไตรปิฎก เล่ม 25 ข้อ 282 ว่า “โลกย่อมเป็นไปเพราะกรรม(กัมมุนา วัตตตี  โลโก) หมู่สัตว์ย่อมเป็นไปเพราะกรรม(กัมมุนา วัตตตี ปชา) สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นเครื่องผูกพัน(กัมมนิพันธนา สัตตา) เหมือนกำกงวงล้อรถที่วิ่งหมุนไปอยู่(รถัสสาณีว ยายโต)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 14 ข้อ 581 และ พระไตรปิฎก เล่ม 25 ข้อ 282


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:49:31 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:12:15 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:34:16 )

กรรมเก่งกว่าGODอย่างไร

รายละเอียด

เรื่องกรรมของศาสนาพุทธเท่ากับ God เราเป็นเจ้าของเก่า จึงยิ่งใหญ่เท่ากับGod เราเป็นผู้ทำกรรม เราทำกรรมให้เก่ง สุดยอดได้ = God สรุปแล้วเรายิ่งกว่าGod ก็เพราะ God เก่งอย่างไรก็ไม่มีใครเคยเห็นจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ แต่ของเรานี่เป็นคนจริงใจ จึงเป็นบุคคลจริงๆแสดงพฤติกรรมจริง พระพุทธเจ้า จะถือว่าเก่งที่สุดในความเป็นมนุษย์ จะบอกว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้าก็ได้ เก่งที่สุดเท่าที่คนในโลกทั้งหมดมี คือพระพุทธเจ้า ส่วนพระเจ้านั้นเก่งของใครก็ของใคร อาตมานี่ถ้าจะให้ รวมทุกโลกเลยได้ไหม ได้ จะไม่ให้รบกันเลยทั้งหมดก็ทำได้ ความคิดของคน คิดเท่าไหร่ก็ได้พระเจ้ายังทำไม่ได้เลย จะไม่ให้มีซาตานเลยก็ได้ กรรมของเราจริงกว่า ยิ่งกรรมเก่งเท่ากับพระพุทธเจ้าสุดยอดเลยทำได้พิเศษสุดยอดเก่งขนาดนี้คือกรรม ค่อยๆเข้าใจค่อยๆฟังไปเรื่อยๆเข้าใจสัจธรรมไปเรื่อยๆ ขออภัยไม่ได้เบ่งข่มศาสนาเทวนิยม เพราะผู้เทวนิยมควรก้าวหน้ามาเป็นอเทวนิยมบ้าง เท่านั้นเอง ไม่ใช่หาบริวารนะ แต่อธิบายสัจธรรม จะมาหรือไม่มา อาตมาไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้หว่านล้อมและเล็มเลียบเคียง เป็นแต่เพียงอธิบายสัจธรรมอย่างไม่กลัวตาย เขาจะมายิงเราตายก็ไม่เป็นไร ตายก็ตาย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:20:12 )

กรรมเป็นของของตน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าตรัสปลายเปิดเอาไว้ คำสุดท้ายนี้ ผู้ที่อรณะ หมดสงคราม เป็นพระอรหันต์ขึ้นไป จบ พึ่งความจบที่เป็นอรหันต์ ก็จะเกิดความสบาย เกิดความสงบ ที่แท้จริง เพราะปฏิบัติอย่างผู้ที่เข้าใจว่า กรรมเป็นของของตน ตนเป็นทายาทของกรรม กรรมพาเราเป็นพาเราไปจริง เป็นไปจริง แล้วก็กรรมสั่งสมเป็นเผ่าพันธุ์ของเราเอง DNA ของเราเท่านั้น แล้วเราก็ถึงเป็น กัมมปฏิสรโณเป็นปลายเปิดเอาไว้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2566 ( 12:56:23 )

กรรมเป็นของของตน 

รายละเอียด

กรรมเป็นของของตน  คือ เจตนาของสมณะโพธิรักษ์บอกไม่มีครูบาอาจารย์เลยในชาตินี้ ก็คือ มีกรรมเป็นของของตนแล้ว  รู้แจ้งในกรรม  แล้วก็จัดการกรรมของตนเอง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม  ให้ทำกรรมที่ไม่มีบาป  ทำกรรมที่ไม่มีกิเลสอะไรได้แล้วจริงๆ จนเด็ดขาด  จิตของเราก็ไม่มีกรรมที่เป็นบาป  สิ้นบุญ  สิ้นบาป  ปุญปาปริขีโณ  อย่างนิจจัง (เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร)  สัสสตัง (ยืนนาน)  อวิปริณามธัมมัง (ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง (ไม่กลับกำเริบ) ซึ่งเป็นของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 08:47:17 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:45:33 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:35:45 )

กรรมเป็นของของตนและตนเป็นทายาทของกรรม

รายละเอียด

กัมมัสโกมหิ หรือกัมมัสกตา กรรมเป็นของของตน แล้วตนเองก็ต้องเป็นทายาทของกรรมของตน แบ่งใครไม่ได้เลย จะอยู่กับคุณไปจนกระทั่งปรินิพพานเป็นปริโยสาน จะดีจะชั่วจะเป็นโลกุตระหรือโลกียะ แบ่งไม่ได้ จะแบ่งเป็นญาติโกโยติกา ทางด้านเป็นนามธรรมของตน พระพุทธเจ้าจึงไม่สามารถแบ่งกรรมให้ใครได้ กรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นของท่านเอง กรรมของเราก็รับได้แต่คำสอนและเอามาทำกรรมของเราเองที่จะเกิดเป็นของเรา แล้วเราก็จะเป็นทายาทของของเรา แบ่งทางสรีระแบ่งทางเชื้อสายทางวัตถุไม่ได้เลย

คุณต้องเป็นทายาทของกรรม คุณต้องรับช่วงกรรมของตัวเอง ไม่เอาไม่ได้ คุณทำความชั่วและจะบอกว่าไม่เอาความชั่วนี้ไม่ได้ แล้วจะได้อย่างไร กรรมเป็นอันทำทั้งนั้นของคุณ แล้วคุณต้องเป็นทายาทไม่เอาไม่ได้ ชั่วก็ต้องเอาดีก็ต้องเอา มันเป็นของคุณ กัมมทายาโท กัมมโยนิ และอันนี้แหละเป็นต้นทางพาให้คุณเกิดเป็นไปในวัฏสงสาร ตราบที่คุณยังมี ตัวกรรมนี้เป็นพลังงานพาเกิด

มันพาไปบนก็พาไปบน คุณทำกรรมขึ้นบนก็พาไปบน คุณทำกรรมไปล่างก็พาไปล่าง คุณทำให้เกิดองศาไปทางไหนมันก็ไปทางนั้น จะทำให้เกิดองศาน้อยอย่างไร มันก็ไปตามนั้น เราทำให้อัตตาของเราสลายไปก่อนได้เลย นั่นคือกุศล เราสลายตัวเราก่อนกุศลก็หมด อกุศลก็หมดที่มันเป็นอดีตแล้ว

แต่คนที่ไม่ทำกรรมชั่วไม่ทำกรรมบาปไม่ทำกรรมอกุศลอีกเลย คนนั้นก็มีแต่กุศลสะสม เพราะฉะนั้นก็ได้อาศัยกุศล

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561  แรม 7 ค่ำ เดือน 8 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 15:29:34 )

กรรมเป็นของตน

รายละเอียด

ตอนนี้ก็เป็นเวลาสุดชีวิตของทุกคน ส่วนใครจะสุดจริงๆปรินิพพานเป็นปริโยสานหรือว่าใครจะกลับมาอีกก็แล้วแต่ เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบว่าทำได้เป็นจริงอาตมาพิสูจน์มาแม้แต่ในชาตินี้บางทีก็มาพิสูจน์ยืนยันความจริง จนอายุปูนนี้ชัดเจนทุกอย่างสรุปแล้วก็อยู่ที่กรรม เป็นของเราทำมัสกัดทำอะไรก็เป็นของเราทั้งสิ้นไม่มีใครหลีกเลี่ยงคำได้จ๊ะๆจะน้อยจะนะจะมากจะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ก็เป็นจริงตามที่เราทำแล้วก็สะสมไว้เป็นวิบากของตัวเองออกฤทธิ์ เราจะไปคิดด้วยคณิตศาสหรือสัตว์ใดใดก็ยากแต่มันเป็นจริงเกิดผลตั้งคนแต่ละคนมาศึกษาว่ามันจะมีผมทำตัดสินหรือแม้แต่โยมบุญธรรมก็ตัดสินได้อยู่มาหลาย 10 ปีจนกระทั่งสุดท้ายสิ้นชีวิต

ที่มา ที่ไป

เทศน์ก่อนเผาศพ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:48:36 )

กรรมเป็นของตนแบ่งใครไม่ได้

รายละเอียด

กรรมของใครก็ของใคร ยกตัวอย่าง พ่อเราไปตีหัวคนแตกเป็นบาป ก็ไปบอกให้ลูกช่วยหน่อยได้รับวิบากไปครึ่งหนึ่ง แต่ลูกไม่ได้ตีหัวคนนี้เลยพ่อตีหัวคนนี้ไปบาปเป็น 100 หน่วย พ่อก็ต้องรับบาป  100 หน่วยนั้นเป็นของตัวเอง กัมมัสกะ ตายไปตนเองก็ต้องรับมรดกบาป 100  นี่แหละแบ่งใครไม่ได้ ตอนเป็นๆก็แบ่งกันไม่ได้ ตอนตายแล้วก็แบ่งกันไม่ได้ ไม่ตกไม่หล่น ไม่ระเหยไม่ระเหิด เป็นของตัวเองเต็มๆ ตลอดเวลาจนกว่าคุณจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณจึงจะล้างกรรมที่มันสะสมเป็นของตน ซึ่งมันไม่หายไปไหนด้วย อันนั้นก็เข้าใจยากเป็นอกุศล มันไม่หายไปไหน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 15:09:07 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:23:33 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:37:17 )

กรรมเป็นของๆ ตน

รายละเอียด

คือ สัตว์ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวก็มีกรรมของตน  คนอื่นจะไปแบ่งแย่งเอากรรมคนอื่นไม่ได้  อยากแบ่งให้ก็แบ่งไม่ได้  แบ่งกุศลอกุศลก็ยังไม่ได้เลยอย่าว่าถึงแบ่งบุญบาปเลย  กรรมเป็นการกระทำ  อย่างเช่นการทำดี  ทำแล้วเป็นของคุณ  แต่อีกคนไม่ได้ทำกรรมนี้ด้วย  ก็บอกว่าเอาไปครึ่งหนึ่ง  เขาก็ไม่ได้  เพราะกรรมมันอยู่ที่ตัวเองกระทำ  จะทำในที่ลับหรือในที่แจ้ง  ก็ต้องรับสิ่งที่ตนกระทำทั้งหมด  แบ่งให้คนอื่นไม่ได้  คนจะรู้หรือไม่รู้ก็แบ่งกันไม่ได้กรรมนี้ยิ่งใหญ่กว่า God พระเจ้า พิสูจน์ได้เปลี่ยนแปลงให้เจริญได้  ทำให้ถึงบุญ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก วันจันทร์ที่ 30 กันยายน  พ.ศ. 2562


เวลาบันทึก 03 ตุลาคม 2562 ( 17:10:24 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:40:17 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:39:17 )

กรรมเป็นตัวกระทำ วิบากเป็นตัวผล

รายละเอียด

อย่างอาตมาก็รู้เรื่องกรรมวิบากตามพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆที่ตรัสรู้มา ศึกษามาจนกระทั่งมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับนี้ แล้วมานำพาเรื่องนี้ให้จริง แล้วคุณก็เชื่อกันเอง คนที่มีภูมิปัญญาปฏิภาณก็เชื่อ ในชีวิตสังคมมันเกิดจาก สภาพ 2 คือเหตุกับผลหรือกรรมกับวิบาก กรรมเป็นตัวกระทำ วิบากเป็นตัวผล เกิดจากเหตุคือกรรม วิบากคือผล อะไรอย่างนี้ แล้วมันก็สังเคราะห์สังขารกัน สืบเนื่องต่อกันเป็นพลังเป็นอำนาจไป จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องราวของมนุษยชาติ เป็นเหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยขึ้นมา ในมนุษยชาติ จนกลายเป็นเรื่องเป็นราว เป็นสตอรี่ เป็นนิยาย เป็นนิทาน เป็นบุพเพสันนิวาส จนกระทั่งไปได้รางวัล ในสังคมหนัง เขาสร้างหนังบุพเพสันนิวาส 

อาตมาว่าเป็นนิมิตดีอย่างหนึ่ง ที่สังคมหนังเขาให้รางวัลบุพเพสันนิวาส เขาจะได้รู้ว่า มันมีอย่างนี้ด้วยหรือ เพราะว่าสังคมเทวนิยม สังคมทางตะวันตก สังคมทางด้านศาสนาพระเจ้า หรือ God เขาไม่รู้จักบุพเพสันนิวาส เขาไม่รู้จักเรื่องของสังขาร การปรุงแต่งของเหตุปัจจัย และก็เป็นตัวนำพา เป็นตัวกัมมโยนิ เป็นตัวกรรม ที่จะพาดำเนินไปตามเหตุปัจจัย ที่มันปรุงแต่งกันไป เป็นการนำพาของธาตุจิตวิญญาณของแต่ละคนเกิดสืบเนื่องต่อเนื่องมา กลายเป็นพัฒนาการของการโลภโกรธหลงกัน แล้วก็แก้แค้น แล้วก็รักกันจริง เป็นนิยายมาตลอด ก็มีเรื่องรักเรื่องชัง เรื่องฆ่าเรื่องแกง เรื่องพยาบาท เรื่องโมหะ อยู่เท่านี้ ในมหาจักรวาลนี้มันมีเท่านี้ แล้วเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขาเริ่มรู้ค่อยๆรู้ไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 12:49:29 )

กรรมเป็นสุดยอดแห่งวิทยาศาสตร์ความจริงทางจิตวิญญาณ

รายละเอียด

พวกเราอย่าได้แต่ชื่นชมอย่างเดียวให้ขยันหมั่นเพียรด้วย ชีวิตคนแต่ละคนนั้น มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นของของตน เพราะฉะนั้น ตราบที่คุณยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน จะเป็นสำเภาทองให้แก่คุณได้อาศัยไปตลอดจนกว่าจะแยกธาตุตายปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกธาตุจิตนิยามเป็นดินน้ำไฟลม ซึ่งอธิบายไปหมดแล้ว ไม่มารวมติดกันอีกแล้ว แค่พีชก็ไม่เหลือ จิตยิ่งมีความเป็นสัตว์ยิ่งไม่เหลือ

นี่คือความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ทำได้จริงๆเป็นสุดยอดแห่งวิทยาศาสตร์ความจริงทางจิตวิญญาณ คนทั่วโลกทางวิทยาศาสตร์ก็ตามยังไม่ถึงง่ายๆ ก็ค่อยๆเป็นไป เพราะว่าพิสูจน์ความจริงไป อย่างอาตมาพาทำได้อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ มานำพาทำในยุคนี้ คนมาทำได้จนเกิดเป็นวัฒนธรรม ตามคำสอนพระพุทธเจ้า เช่น มีวรรณะ 9 มีสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 เป็นสิ่งที่สุดยอดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะยิ่งกว่านี้อีกแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 32 ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2565 ( 13:54:08 )

กรรมเป็นอันทำ อวิชาของผู้ทำลายศาสนาพุทธไม่รู้ตัว

รายละเอียด

เมื่ออ่านพระไตรปิฎกฉบับพระมหากัสสปะเป็นประธานสังคายนา ก็จะชัดเจนว่า บุคคล 8 สองสายการปฏิบัติเป็นอย่างไร จะชัดเจนว่า อย่างหลวงปู่มั่นไม่เป็นพระอรหันต์อย่างไรกรรมเป็นอันทำ แม้แต่คนที่กำลังทำลายศาสนาพุทธอยู่โดยไม่รู้ ยิ่งกว่าคนกินเนื้อบุตรตัวเอง ยิ่งกว่าวัวไม่มีหนัง ยิ่งกว่าคนดันทุรังวิ่งลงนรกอเวจี ผู้ปรารถนาดีดึงขึ้นมาเขาก็วิ่งลง เรื่องของวิญญาณก็แยกนามรูปไม่เป็น เหมือนพระราชาให้เอาโจรไปฆ่า คือโจรทำลายศาสนาหนัก พระราชาก็เจตนาดีไม่อยากให้เขาทำบาป ก็ให้พนักงานเอาไปฆ่าด้วยหอกร้อยเล่ม เช้ากลางวันเย็นก็ยังไม่ตาย เดี๋ยวนี้ก็ยังมี สุดลึกซึ้งสุดน่าสงสารเลย พูดแล้วก็น่าสงสารจริงๆ เขาไม่รู้จริงๆมืดสุดมืด นี่คืออวิชชาที่ทั้งหนา ทั้งหนัก แข็งโง่ดื้อ ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ต้องปล่อยให้เขาตกนรกหมกไหม้ไปไม่รู้กี่ล้านชาติ เขาต้องเป็น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:39:19 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:47:38 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:42:18 )

กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ถ่ายทอดกันไม่ได้

รายละเอียด

คำว่า”กรรม” คือ การกระทำ คุณทำก็ของเอ็ง มันไม่ใช่ของเราหรือของใคร มันก็ต้องของคนนั้น นี่เรียกว่ากรรมพันธุ์ ของของใครก็เป็นของตนเองเป็นผู้รับมรดกทายาทของกรรมตัวเอง กรรมทายาโท แล้วมันจะพาคุณให้เกิดความสุขความทุกข์ตกต่ำได้ดีตกยากอะไรก็เป็นกรรมของคุณทั้งนั้น กรรมโยนิ พาเป็น ไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆมาบันดาล ของเอ็งคนเดียว อาตมาพูดแรงแล้วนะ ไม่ได้หยาบ อาตมามีเพื่อนพูดหยาบ เช่นพูดมึงๆ แต่อาตมาก็พูดหยาบไม่ออก คำว่ากูก็ไม่พูดอาตมานี้ พูดอั๊ว ข้า เอ็ง ลื้อ อย่างนี้ ไม่ว่าจะในครอบครัวพี่น้องก็ยิ่งไม่พูด คนอื่นจะพูดกับเราอย่างไรก็แล้วแต่ เขาก็ว่าเขาก็พูดแต่เราไม่ได้ออกเป็นคำพูดอย่างนั้นไป เพราะฉะนั้นคนที่จะมาถือพันธ์ จะสัมพันธ์กันอย่างไรก็ถ่ายทอดกันไม่ได้ ด้วยการสัมพันธ์กันก็ถ่ายทอดไม่ได้ที่สุดและการสืบพันธุ์ก็ถ่ายทอดกันไม่ได้เป็นของของเราทำเองเป็นเผ่าพันธุ์ของเราเอง เราแบ่งพันธ์ุนี้ให้คนอื่นไม่ได้เราต้องพึ่งพากรรมของตัวเองกรรมปฏิสรโณ เป็นสุดยอดความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า 

1. กัมมัสสโกมหิ (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน)  

2. กัมมทายาโท (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน) 

3. กัมมโยนิ (มีกรรมเป็นแดนเกิด-หรือพากำเนิด)  

4. กัมมพันธุ (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, พันธุ์เทพ,พันธุ์มาร)  

5. กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ)  กัมมังสัตเตวิภัชชติ กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 11:08:26 )

กรรมเป็นเรื่องจริง

รายละเอียด

กรรมเป็นเรื่องจริง กรรมวิบากเป็นเรื่องจริง ใครไม่เชื่อก็แล้วไปไม่มีปัญหาอะไรของใครของมัน 

      เพราะยังเป็นแค่ความรู้“เฉโก”ที่วนอยู่ในกรอบของ “โลกียะ” ยังไม่มี“ความรู้ใหม่”ขึ้นมาเป็น“โลกุตระ” 

      “สัตว์”หรือ“ปุถุชน”ระดับ“โลกียะ”เทฺวนิยม”จึงยังไม่เริ่มสะสมหน่วยกิตของ“โลกุตรธรรม”ใส่จิตตนเป็น“อาริยะ”

      จนกว่าจะได้พบ“พระพุทธเจ้า”หรือ“สัตตบุรุษ” ได้ฟังธรรมที่เป็น“โลกุตระ”จากท่าน แล้ว“ศรัทธา” และ“ศรัทธา” นั้น“แรงกล้า(ติพพัง)”เพียงพอ ศรัทธาไม่แรงกล้าก็ไม่เอาตามหรอก เห็นความสำคัญของคำว่าแรงกล้าไหม เหมือนกับผู้ที่ศรัทธาพวกเรา ไม่แรงกล้าพอจะมาที่ไหน เข้าใจว่าดี ดี ท่านดี เขาก็จะต้องไปของเขา ก็ไปปรุงแต่งแบบของเขาอยู่ก็สะสมวิบากตามที่อยู่ในวงของเขา 

เพราะฉะนั้นศรัทธานั้นต้องแรงกล้าเพียงพอ จึงจะตั้งใจสะสมหน่วยกิตของอัญญธาตุ ยังไม่ถึงโลกุตระ แต่จะเริ่มสะสมก่อนสะสม “อาริยะโลกุตรธรรม” ใส่จิตตน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 20:05:47 )

กรรมเป็นเรื่องอจินไตย เทวนิยมรู้ไม่ได้

รายละเอียด

กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตติโลโก  

เขาไม่รู้เรื่อง กรรมจำแนกสัตว์ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมเขาก็ไม่รู้เรื่อง เพราะเขาเชื่อพระเจ้า เขาเชื่อก๊อด เขาไม่เชื่อกรรมวิบาก 

กรรมวิบากเป็นเรื่องอจินไตยคิดเอาไม่ได้ ต้องเรียนรู้ด้วยความเป็นจริง แล้วเรียนรู้จัดสรรวิบากให้เกิดความเที่ยง ศาสนาพระพุทธเจ้าตรัสรู้ความเที่ยง 

1. ถ้ายังมีกรรมหมุนเวียนอยู่ในโลก ก็จะต้องทำแต่กรรมดีไม่ทำกรรมชั่ว รู้เลยว่า กรรมชั่วกรรมดีคืออะไร แล้วก็ทำจิตตั้งมั่นแข็งแรง ไม่ทำกรรมชั่ว สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง ทำแต่ดี ไม่ทำชั่วทำแต่ดี ก็ทำได้ สำเร็จ 

สำเร็จด้วยวิธีที่รู้จักเหตุ แล้วดับเหตุที่พาดีพาชั่ว ดับเหตุที่พาชั่วสนิทเลย ถ้ายังมีชีวิตยังเกิดอยู่ ก็ไม่ทำชั่ว ทำแต่ดี เพราะดับเหตุที่พาไปทำชั่วแล้ว เหลือแต่กรรมดี เป็นเครื่องอาศัยของชีวิต 

ศาสนาพุทธทำได้อย่างเที่ยงแท้ถาวร นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนานตลอดกาล) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) ได้แล้วได้เลย ตายแล้วตายเลย นั่นคือดีและชั่วก็บรรลุสูงสุด สูงสุดเที่ยงแท้ถาวรด้วยในศาสนาพุทธ เรื่องดีกับชั่วก็ทำแต่เรื่องดี ถ้ายังเกิดอยู่ก็มีแต่ดีๆๆๆ ไม่มีชั่วเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2565 ณ ราชธานีอโศก วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 19:18:09 )

กรรมแม้แต่เริ่มคิดก็จริง 

รายละเอียด

 ต่อก็ได้ เพราะฉะนั้นในเรื่องของ กรรมวิบาก เป็นสัจธรรมที่เป็นจริง กรรมที่ทำแล้วจริง แม้แต่เริ่มคิดก็จริง คนที่มีความคิดขั้นโลกุตระแล้ว คิดขึ้นมามันก็จะเป็นเชิงโลกุตระ คนที่ยังมีความคิดอยู่ในขั้นโลกียะ แต่เป็นกัลยาณธรรม เป็นธรรมะขั้นดี คนนั้นเขาไม่ค่อยจะคิด ดำริแต่สิ่งที่มันเป็นกัลยาณธรรม คนที่คิดชั่ว มันก็จะดำริแต่ความคิดชั่ว นี่เป็นสัจธรรมกำปั้นทุบดิน ก็คนทำชั่วมันก็ต้องดำริแต่ชั่ว คนทำดีก็ต้องดำริแต่ดี คนถึงขั้นโลกุตรธรรม มันก็ดำริแต่โลกุตรธรรม มันเป็นสัจจะกำปั้นทุบดิน 

เขาเป็นเช่นนี้ เขาก็ต้องเป็นเช่นนี้ ภาษา เอาภาษาไทยมาใช้  ก็มีเขากับความเป็น ก็เขาเป็นเช่นนี้ เขาก็ต้องเป็นเช่นนี้ เช่นนี้ก็ต้องเป็นเขา เขาก็ต้องเป็นเช่นนี้ เช่นนี้ก็ต้องเป็นเขา จะไปไหน มันก็จบแล้ว ใช่ไหม ก็เขาเป็นอย่างนี้ เป็น คือคำกิริยา เขา คือคำนาม ก็ 2 ตัวสุดท้าย ตัวเป็นเอง กับตัวเขา เป็นกิริยา เขาเป็นคำนาม ก็เป็น 2 อย่าง รูปนาม จบแล้วเวลาก็ 00.00.00 หมดแล้ว โอ้โห วันนี้ อจินไตย ถึง 000000 หกตัวเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ

วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 11:27:35 )

กรรมและกาละ

รายละเอียด

กรรมกับกาละ อาตมาสรุปลงได้แล้ว ทุกอย่าง ลงที่กรรมกับกาละ จึงได้สรุปเหมือนกับไอน์สไตน์สรุปว่า Space and time of continuum อาตมาก็สรุปได้ที่ Karma and time of continuum เหมือนกันแต่เป็นนามธรรม ไอน์สไตน์รวมหมดทุกอย่างที่ space and time เป็นเรื่องใหญ่และเล็กละเอียดในตัวมันเอง แต่ของพระพุทธเจ้า กรรมกับกาละ เพราะฉะนั้นกรรมเจริญยิ่งใหญ่ที่สุด ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ค้นพบเอามาเปิดเผย กรรมยิ่งใหญ่กว่า God 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:53:04 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 12:48:32 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:49:10 )

กรรมและเวรความหมายต่างกัน

รายละเอียด

กรรมคือการกระทำทั่วไป กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม แต่เวร คือลักษณะของกรรมที่ทำไปแล้วเป็นวิบาก หากแยกคำว่า กรรม กับ เวร ไม่ได้ แล้วจะเป็นพระอรหันต์ ก็เป็นผู้ที่อ่านหนังสือสอบจอหงวนไม่ได้ หากสอบจอหงวนได้ต้องมารับราชการ มาไล่ลำดับอีกนะ ไม่ใช่ได้เป็นเจ้านายใหญ่โตทันที ก็สอนทั่วไปว่า เวลาชีวิตมีน้อยนักอย่าประมาท ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า ก็เป็นคำสอนที่ดี 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 13:29:17 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:35:04 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:50:57 )

กรรมใครกรรมมันจะโง่ทำบาปอกุศลใส่ตัวเองทำไม

รายละเอียด

ใช่กรรมใครกรรมมัน อาตมาถึงมั่นใจว่าอาตมาไม่ทำกรรมที่เป็นอกุศลเป็นพิษภัยให้แก่ตัวเอง และกับผู้อื่น อันนี้ขอยืนยัน อาตมานี้เข้มงวดกวดขันกับตัวเองมากเรื่องนี้ ที่อาตมาพูดจะต้องให้ถูกต้อง ถ้าผิดมันเป็นบาปหรือบุญ เป็นกุศลหรืออกุศล แล้วใครได้ล่ะ ก็อาตมาได้อัตโนมัติจะโง่ไปทำใส่ตัวเองทำไม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 11:32:36 )

กรรมไม่เลือกศาสนา

รายละเอียด

กรรมในทางพุทธศาสนาใช้กับคนทุกคน กรรมเป็นคำกลางๆ ผู้ไม่ได้เรียนกรรมแม้แต่ทางโลกีย์ กายกรรมนี้ดีหรือชั่ว ทุกคนก็ต้องมีการกระทำกายวาจาใจทุกคน จะเป็นศาสนาใดก็ตาม กรรมที่เป็นบาป ศาสนาพุทธระบุไปเลยว่าการฆ่าสัตว์คือบาป อีกศาสนาหนึ่งบอกว่าไม่บาปฆ่าสัตว์ได้ อันนั้นแหละ ตามนั้นแหละตามศาสนาพุทธนะ แม้แต่คุณไม่ได้ถือศาสนาพุทธ ศาสดาคุณถือว่าฆ่าสัตว์ไม่บาปแต่คุณก็ได้บาป เพราะว่ากรรมอันนั้นมันทำแล้วเป็นวิบาก สัตว์นั้นมันจะมีความอาฆาตไหม มันรักชีวิตมันไหม ใครฆ่ามันมันก็ต้องอาฆาต จิตมันจะไปรู้เหรอว่าจะต้องไปอาฆาต หากมันไม่อาฆาตมันก็ต้องเป็นพระอรหันต์แล้วสิ แต่นี่มันเป็นสัตว์ ยิ่งเป็นสัตว์ที่มันติดยึดตัวตนเลยแล้วไปฆ่ามัน มันก็ต้องผูกพยาบาทไปตลอดชาตินั้นชาตินี้ไปตั้งเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นจะนับถือศาสนาไหนก็ตาม แต่ว่าสัตว์มันไม่มีศาสนาหรอก มันไม่รู้หรอก จะไปให้มันบอกว่าศาสนานี้ไม่ให้มันอาฆาตไม่ได้หรอก คุณไม่สามารถบังคับมันได้หรอก จิตใจมันจะอาฆาตหรือไม่อาฆาตก็ต้องของมันแล้วมันรู้ มันก็รักตัวตนของมัน หากว่าไปฆ่ามัน มันก็รักชีวิตของมัน หากว่าไปฆ่ามัน มันจะไปชอบใจหรือ ที่บอกว่าให้ฆ่าได้นั้นคือคนมันอยากได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2562 ( 14:56:12 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:51 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:53:34 )

กรรรมยิ่งใหญ่กว่า God

รายละเอียด

ขออภัยที่กล่าวคำนี้ พูดไปเหมือนยกตนข่มท่านแต่กรรมยิ่งใหญ่กว่า God 

  1. กัมมัสสโกมหิ (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน)  

  2. กัมมทายาโท (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน) 

  3. กัมมโยนิ (มีกรรมเป็นแดนเกิด-หรือพากำเนิด)  

  4. กัมมพันธุ (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, พันธุ์เทพ,พันธุ์มาร)  

  5. กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ)  

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 มีนาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 14 ข้อ 581


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:54:57 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:55:19 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:30:44 )

กรอบของความมีและไม่มี

รายละเอียด

ผู้ที่จบฐานะ 9 จาก 9ไปเป็นสิ่งที่รู้เองเป็นเอง เป็นเจ้าของหมดเลย ผู้ที่จบ 9 เข้าไปหากระแส 0 ซึ่ง 0 คือ infinity อย่าไปพูดกับท่าน ท่านจะต่อของท่าน เราทำความเข้าใจอยู่ในกรอบของ 9 นี้ดีแล้ว กรอบของความมีคือ 9  ส่วน 0 คือความไม่มีกรอบ หาที่สุดไม่ได้ แต่เราสมมุติกันว่ามีขีด 0 เท่านั้นเอง ซึ่งมันเป็นเพียงภาพลวงของโลกเท่านั้นเอง เป็นการอาศัยสมมุติขึ้นมาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น 0 เป็นสมมุติ ขีดขึ้นมาให้เข้าใจเท่านั้น โดยประมาณด้วยความรู้แล้วจาก 0 ไปเป็น Infinity ตามฐานะของแต่ละบุคคล ไม่ต้องไปพูดถึงท่านจะมีปฏิภาณ โดยปริยายรู้ตามฐานะ ท่านจะไม่มีมานะอัตตา ไม่มีอคติ ท่านจะเป็นจริงตามจริงไปเลย พวกนี้ไม่ต้องห่วงท่านหรอกพวกที่ท่านเจริญเลย 9 ไปแล้ว ไม่ต้องไปกังวล 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกฯครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 10:36:14 )

กรอบของโลกีย์คืออะไร

รายละเอียด

กรอบของโลกีย์คืออะไร ก็คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ต้องเป็นเจ้าโลก ลาภก็ต้องเป็นของข้า ยศก็เป็นของข้า สรรเสริญเป็นของข้า ความสุขก็เป็นของข้า แต่โลกุตระนั้นไม่เอาเลย เลิกหมดเลย ลาภยศสรรเสริญสุข ใครอยากได้ก็เชิญ กลายเป็นคนที่หมดลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ซึ่งพูดก็จะเข้าใจกัน ไม่ใช่เป็นภาษาลึกลับอะไร หรือจะบอกว่าไม่ใช่ภาษาลึกซึ้ง แต่ก็ลึกซึ้ง ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข เขาก็พูดกันทั้งนั้น แล้วท่านก็ไม่เอาจริงๆ ปล่อยวางหมดจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:31:19 )

กรอบพฤติกรรมของแต่ละนิยาม 5

รายละเอียด

ทีนี้เมื่อรู้แล้ว แยกได้ว่า อุตุนั้นกรอบหนึ่ง พีชะอีกกรอบหนึ่ง จิตนิยามอีกกรอบหนึ่ง ความรู้ ขั้นต่อไป พีชนิยาม ไม่มีบาปบุญคุณโทษ ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความพยาบาทจองเวร ยังไม่มีวิบากถ่ายทอดวิบากไม่ได้ เพราะฉะนั้นความรู้ในระดับพืชจึงเป็นความรู้ที่ปลอดภัยในเรื่องของกรรมวิบาก

แต่จิตนิยามสามารถฉลาดในระดับโลกุตระ ระดับปัญญา รู้เรื่องกรรม เรื่องธรรมะ รู้พฤติกรรม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม รู้การทรงไว้เรียกว่าธรรมะ เป็นกรรมนิยาม ธรรมนิยาม ใน อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม เอากรรมนิยามและสองตัวนี้มาเปรียบเทียบธรรมนิยามกรรมเป็นแรงเคลื่อนธรรมะเป็นกระแส ธรรมะเป็นสแตติค กรรมเป็นไดนามิค ผู้ที่ยิ่งใหญ่ รู้จักนำกรรมนิยามและธรรมนิยาม มาใช้เพื่อให้เกิดสภาพ 2 กรรมนิยามเป็นสภาพ DYNAMIC ธรรมนิยามเป็นสภาพ STATIC

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ สภาพ 2 ของกฎหลักเกณฑ์กับพฤติกรรมจริง วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 29 กันยายน 2565 ( 14:58:52 )

กรอบพื้นฐานของอโศก

รายละเอียด

ซึ่งพวกคุณจะเสแสร้งอดทน กดข่มก็ตาม หรือไม่ต้องกดข่ม แต่มาได้อย่างสบาย มาได้เต็มตัวก็มา หรือนานๆทีมาก็เป็นอิสรเสรีภาพเต็มที่ ที่นี่ไม่ได้ปิดบังอะไร เป็นแต่เพียงว่าเข้ามาอยู่ในนี้จะมีกรอบพื้นฐานก็คือศีล 5 ไม่กินเนื้อสัตว์ กินมังสวิรัติ ไม่มีอบายมุข

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ 

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:21:46 )

กรอบแรกของความเจริญอาริยธรรม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่เป็นอริยบุคคลตั้งแต่โสดาบันจนถึงอรหันต์แล้วจริงๆนี่เป็นกรอบแรกของความเจริญอาริยธรรม ระดับ 1 2 3 4 เป็นอริยบุคคลระดับ 1 2 3 4 เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่าอย่างนั้นเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์พระพุทธเจ้าสมณโคดมท่านบอกว่าท่านเองท่านทำงานในปางที่ท่านเป็นพระสมณโคดมนี้ ท่านทำงานเพียงสอนเบื้องต้นให้พุทธรรมคือใบไม้กำมือเดียว ไม่ได้สอนใบไม้ทั้งป่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2566 ( 20:12:45 )

กระจกที่ดีต้องส่งให้เห็นตัวตนของตน

รายละเอียด

จะให้เรามองดูตน อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า ทุกวันนี้อาตมาเป็นผู้ที่ได้เป็นคนดิบคนดีขึ้นมา เพราะอาตมาดูตน ส่องกระจกดูตนแล้วแก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเองมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ที่อาตมาเจริญ อาตมาชัดเจนนะ ไม่ได้พูดอย่างเหนียมอายหรือบันยะบันยัง อาตมาพูดความจริง 100% ให้ฟัง 

ทุกวันนี้อาตมาได้ดิบได้ดีเพราะอาตมามีกระจกอย่างดี ส่องดูตัวเอง อันนี้พระพุทธเจ้าท่านสอนเราเลย ท่านบอกว่าเหมือนดูน้ำใสแล้วจะเห็นอะไรอยู่ในน้ำใสนี้หมด เหมือนเราดูตัวเองเราจะเห็น มีหอยมีปูมีปลา มีดิน มีเศษธุลีละออง ก็จัดการทำให้สะอาด อาตมาทำอย่างนั้นมาจึงเป็นคนสะอาดมาถึงทุกวันนี้ เพราะอาตมามีกระจก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบคนมืดบอดให้เห็น ผลงาน 8 ปี นายกฯลุงตู่ วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566  แรม 6 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2566 ( 10:28:30 )

กระฎุมพี

รายละเอียด

คือ คนร่ำรวย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก (วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562)


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 14:37:29 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:38:04 )

กระฎุมพีคือคนแค่ร่ำรวยไม่ใช่เศรษฐี

รายละเอียด

ซึ่ง เศรษฐกิจของศาสนาพุทธเราจะเสียสละให้โลกได้มากเท่าไหร่ นั่นคือความเจริญของผู้ที่เป็น เสฏโฐ เศรษฐีผู้เจริญผู้ประเสริฐที่แท้จริงไม่ใช้กฏุมพี กระฎุมพีคือคนแค่ร่ำรวยเท่านั้น แต่เอาใช้ศัพท์คำว่าเศรษฐีนั้นน่าอาย ควรเรียกตัวเองว่ากระฎุมพีอย่ามาเรียกตัวเองว่าเศรษฐี เพราะตัวเองไม่ใช่เศรษฐี ตัวเองเป็นแค่คนร่ำรวยเป็นคนใจดำ เป็นคนใจร้ายไม่ได้เสียสละเป็นคนขี้โลภเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ขออภัยไม่ได้ด่านะ แต่อธิบายสัจธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:29:01 )

กระดาษคำตอบสำหรับข้อสอบกากบาท งานพุทธาภิเษกฯ ปี 2565 

รายละเอียด

กระดาษคำตอบสำหรับข้อสอบกากบาท งานพุทธาภิเษกฯ ปี 2565 

 

ชื่อ………………………….……...สกุล…………………………...…….กลุ่ม/สี………



 

ข้อ

1

       

2

       

3

       

4

       

5

       

6

       

7

       

8

       

9

       

10

       

11

       

12

       

13

       

14

       

15

       

16

       

17

       

18

       

19

       

20

       

21

       

22

       

23

       

24

       

25

       


 

ข้อ

26

       

27

       

28

       

29

       

30

       

31

       

32

       

    33

       

34

       

35

       

36

       

37

       

38

       

39

       

40

       

41

       

42

       

43

       

44

       

45

       

46

       

47

       

48

       

49

       

50

       




 

ข้อสอบอัตนัย งานพุทธาภิเษกฯ 2565 ให้เขียนอธิบายสั้นๆสอดคล้องกับคำถาม

(ข้อละ 2 คะแนน)

1. ท่านเห็นทุกข์ เห็นโทษของกามคุณ 5 จากเรื่องการกินอาหารอย่างไร

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ เป็นอันตรายอันแสบเผ็ด ท่านมีสภาวะอย่างไรในเรื่องนี้ ยกตัวอย่างมาเพียง 1 ข้อ

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. อปัณณกปฏิปทา 3 คือทางปฏิบัติไม่ผิด ท่านฝึกตนตามอปัณณกปฏิปทาอย่างไร ตอบมาสั้นๆให้ได้ใจความ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………

4. จะเข้าหาพระพุทธเจ้า เข้าหาพ่อครู เข้าหาผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู แล้วทำไมต้องตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรัก ความเคารพอย่างแรงกล้า จึงชื่อว่ามีปัญญาด้วย....…………………………………….....................

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5. จะบริบูรณ์ด้วยปัญญา ทำไมต้องฝึกตนเองหนัก บากบั่นไม่ทอดธุระ ต่อเนื่องกับการปรารภความเพียรเพื่อละอกุศล ฝึกยังกับสายศรัทธาสายเจโตผู้เคร่งครัดเพราะอะไร ท่านมีความเห็นข้อนี้อย่างไร………………...............

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………

6. จงบอกความแตกต่างของปัญญา 8 ของพระพุทธเจ้ากับปัญญาของอัจฉริยะในโลก………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………… 

7. ท่านมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการทำกสิกรรมอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………

8. การปฏิบัติธรรมแบบหลับตาคือ โจรร้ายทำลายศาสนา ร้ายตรงไหน ท่านเข้าใจอย่างไร………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………… 

9. ยอดสาธารณโภคี เสียภาษี 100% ท่านเข้าใจอย่างไร ท่านเข้าสู่ระบบนี้กี่เปอร์เซนต์ ………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

10. ให้อธิบายว่า ปลายเล็บของท่าน ส่วนไหนเป็นอุตุ เป็นพีชะ ส่วนไหนเป็นกาย .....……………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 

…………………………………………………………………………… 

➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤➤

       คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2565 ( 08:53:48 )

กระดาษชำระหนี้ 

รายละเอียด

กระดาษชำระหนี้  คือ  กระดาษธนบัตรเป็นกระดาษชำระ ก็จะเห็นว่าเป็นแค่กระดาษชำระจิตใจคุณจะเห็นได้จริงว่ามันแค่เป็นกระดาษชำระหนี้ ได้ตามกฎหมาย ซึ่งคนไทยเรียกว่าแบงก์เงินบาท พวกเราชาวอโศกปฏิบัติธรรมจนกระทั่งสามารถเป็นคนที่ไม่ต้องสะสมกระดาษชำระหนี้ เราจำเป็นจะต้องชำระเราก็ใช้มันโดยไม่ได้  อย่างพวกเราในชุมชน  บางคนไม่สะสม ถึงเวลาจะใช้ก็ไปเบิกใช้แล้ว ไม่มีมันก็ว่างไม่ต้องใช้  มีงานจะทำก็ไม่ต้องเห็นเป็นเงินทองอะไร  คนมีงานกสิกรรม  งานอุตสาหกรรม  ก็มีให้ทำ  ก็ไปเข้าเวรก็ทำ เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ  พวกเราเข้าเวรโดยสมัครใจเอง  ไม่ต้องมีเงินทองอะไร  ไปทำเวรทำกรรมตามเรื่องแต่ของเราเวรก็ดี กรรมก็ดี เป็นกุศลไม่เป็นอกุศล

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:54:35 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:47:46 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:29:04 )

กระดาษชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

รายละเอียด

เขาไม่สนใจในพฤติกรรมจริงของคน เขาทำอะไรมีสาระอะไร ชีวิตอาศัยใช้สอยหรือว่าจะไป ให้เงินๆทองๆหรือแบงค์โน้ต มันคือเศษกระดาษชำระ เป็นแต่เพียงว่าใช้หนี้ได้ตามกฎหมายเท่านั้นเอง มันเป็นกระดาษชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย มันเป็นเศษกระดาษชำระจริงๆ 

เพราะฉะนั้นพวกเราไม่สำคัญในแบงค์โน้ตไม่สำคัญในธนบัตร เห็นธนบัตรเป็นเรื่องขี้ผง มีก็ได้ไม่มีก็ได้ มีก็ใช้ได้ไม่ลำบากลำบน ไม่ใช่ใช้ไม่เป็นแต่ใช้เป็น แล้วก็ไม่ได้ไปแย่งไปชิงใคร พอมีสะสมก็รู้ว่าโลกเขาสมมุติเป็นค่าก็เก็บไว้ ไม่ทิ้งไม่ขว้างเท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2566 ( 11:27:55 )

กระดาษเปื้อนหมึก เป็นเช่นไร

รายละเอียด

ประเทศไทย สถิติที่อาตมาผ่านๆมาพอจะจำได้ว่า ประเทศไทยเป็นหนี้ต่างประเทศอยู่ แต่ประเทศไทยมีเงินคงคลัง อยู่มากอยู่ ซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยจะไปยืมเขามาไปกู้เขามา มาพัฒนาประเทศ เพราะมันต้องมีธนบัตร ใบรับรอง ถ้าเมืองไทยจะปั๊มธนบัตรออกมามากๆ ธนบัตรไทยก็สู้ธนบัตรที่สากลเขายอมรับ เช่นดอลลาร์เป็นต้น ทั้งๆที่ดอลลาร์มันคือแบงค์กงเต็ก แต่ในโลกเขายอมรับ เราก็จำนน เราก็บอกว่า เอ็งยอมรับเราก็เอาอันนี้มาใช้ จะให้กู้อเมริกาก็ให้กู้ได้ ก็เอามาทำงานให้เกิดเศรษฐกิจคือความเคลื่อนที่ แลกเปลี่ยน เศรษฐกิจมันก็ดำเนินไปได้ เป็นตั๋วแลกเงิน 

แต่ถึงอย่างไร ประเทศไทยแม้ว่าจะไม่ค้าไม่ขายกับประเทศอื่นเลย คุณเชื่อไหมว่าประเทศไทยอยู่รอด ปิดประเทศ เหมือนอย่างเกาหลีเหนือ เขาก็ค้าขายอยู่ แต่เขามีแต่อาวุธค้าขายอย่างอื่นเขาก็พออยู่พอกิน เอาจากเกาหลีใต้ เอาจากจีนหรือประเทศอื่นไปกินใช้ จีนนั้นเป็นหลัก เขาต้องเลี้ยงชีพ เขากินไม่ได้หรอกลูกระเบิดนิวเคลียร์ เขากินไม่ได้ แต่ลงทุนไว้เยอะนะ ลงทุนด้วยกระดาษชำระ กระดาษเปื้อนหมึกนี่แหละ แต่เราไม่รู้หรอกเงินเกาหลีเหนือ เราก็ใช้เงินวอน ในโลกก็ใช้สมมุติพวกนี้แหละอาศัยกันไป พวกเราใช้สมมุติกันน้อย ที่นั่งอยู่ในนี้ขอถามหน่อย ใครมีธนบัตรดอลลาร์บ้างยกมือขึ้น ขณะนี้มีกี่ดอลลาร์ 

มันมีฤทธิ์มากนะดอลลาร์ แต่พวกเราไม่มี พวกเราไม่แยแสดอลลาร์ เราใช้แต่ธนบัตรไทยก็พอแล้ว ถ้ายังใช้อยู่ พวกเราก็ใช้น้อยจนกระทั่งหลายคนไม่ต้องมี มีก็ไว้กองกลางหรือฝากเพื่อนไว้ เอาไว้เราต้องรักษาดูแล เราต้องเก็บ 10 บาท 20 บาทก็ต้องเก็บนะ แต่ของที่มันทิ้งเรี่ยราดแพงกว่า 10 บาท 20 บาท ไม่เก็บ แต่ธนบัตรนั้น 10 บาท 20 บาท 100 บาทก็เก็บ แต่ของราคาเป็นพัน ทิ้งขว้างไม่เก็บไม่ดูแล แต่ธนบัตรอย่าให้เห็นเชียว ทำไมมันโง่จัง เห็นไหมเห็นความโง่ของคนไหม มันไปติดสมมุติธนบัตร ปัดโธ่เอ๊ย เศษกระดาษ กระดาษชำระ กระดาษเปื้อนหมึก แล้วตั้งค่าสมมุติกันไป มันหลอกกันในโลก มันเกิดมาจากตั๋วแลกเงิน เสร็จแล้วก็กลายเป็นธนบัตรประจำของแต่ละประเทศ วิวัฒนาการของมันก็ไม่ต้องพูดยาว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565  ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:53:26 )

กระดูกเป็นพระธาตุได้อย่างไร

รายละเอียด

ธาตุ ก็เอามาเรียกกระดูกของคนที่ตายแล้ว ก็มีแคลเซี่ยมเป็นหลัก ปฏิกิริยาของแคลเซี่ยม เมื่อถูกต้องกับความร้อนความเย็น กับพลังงาน สายเจโตเทวนิยมก็สะสมพลังงานเย็น ก็ทำให้กระดูกจับตัวกันได้ บางทีจับเป็นเม็ดมันๆเหมือนมุก เป็นธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ พระธาตุเอามายืนยันความเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ แต่ก็ได้บ้างสำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติเย็นและร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็จะได้เป็นพระธาตุมาบ้าง แต่ทีนี้เกิดเป็นเม็ดๆมันๆเหมือนเพชรพลอยมีสีสันด้วย ถ้าอย่างนั้นเป็นพวกฤาษีหนักก็จะเป็น ซึ่งไม่ใช่เครื่องสืบสานอรหันต์เลย แต่ขี้ตู่กันมากหลงใหลเลอะเทอะ ไม่รู้จะยืนหยัดอย่างไรก็เลยอาศัยพวกเหล่านี้ พระพุทธเจ้าสอนเรื่องอนุสาสนีปาฏิหาริย์ อย่าไปเอาใจใส่เรื่องอื่นเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36 วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 11:09:05 )

กระทำด้วยอัญญาหรือปัญญาคือกัมมัญญา

รายละเอียด

หลังมุทุภูตธาตุคือกัมมัญญา กระทำด้วย อัญญาหรือปัญญา ควบคุมจัดการจึงดีตลอด ครบ สัปปุริสธรรม 7 ครบมหาปเทส 4 ได้ตลอดเวลา กรรมทุกกรรมก็เป็นกัมมัญญาทั้งนั้นเลย เป็นตัวเจริญไปตลอด เป็นตัวที่พัฒนาสะอาดสะอ้านไปตลอดจะไม่มีบกพร่อง สัพพปาปัสสะ อกรณัง กระทำอะไรขึ้นมา กรรมกิริยาที่กระทำจะไม่มีตัวบาป จะไม่มีตัวไม่ดี ตัวกลิ ตัวโทษตัวภัย ไม่มีตลอด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 07:38:59 )

กระบวนการ 5 ของหลักประชาธิปไตยแบบโลกุตระ

รายละเอียด

ประชาธิปไตยดีสุดต้องโลกุตระ

มีหลักประชาธิปไตย 5 ประการ 

1. ประชาธิปไตยต้องมีกษัตริย์ 

2. มีกษัตริย์เป็นประมุข 

3. มีพระจริยวัตร มีการประพฤติจริง มีบทบาทจริงด้วย สืบสันตติวงศ์ 

4. มีทศพิธราชธรรม แล้วยิ่งสูงยิ่งละเอียด 

5. ประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ เป็นประชาธิปไตย 2 ขาคือ มีกษัตริย์กับประชาชน เรียกว่าราชประชาสมาสัย รวมเรียกสรุปอีกอันเป็นกระบวนการ 5 

หากเป็นระบบที่มีขาเดียวมีแต่ประธานาธิบดี ก็จะเป็นการโกงมีวิธีการเข้าสู่อำนาจอย่างขี้โกงได้ง่าย แต่หากสืบสายสันตติวงค์ ก็จะมีทศพิธราชธรรมอย่างดี แล้วก็มีบทบาทแสดงออก ทำงานเพื่อราษฎร ปกป้องราษฎรอย่างมีเลือดและวิญญาณจริง ไม่ใช่เอาการเลือกตั้งเป็นที่ตั้ง คุณจะมีกลวิธีการมีสภาพซับซ้อนสะสมค่ายกลมาอย่างไรจนกระทั่งได้มาเป็น ประธานาธิบดี มันไม่จริงหรอกมันไม่แท้เท่าหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 15:12:08 )

กระบวนการ 5 ประการของประชาธิปไตย

รายละเอียด

ประชาธิปไตยของไทยมีลักษณะที่อาตมาหยิบเอามาอธิบายพวกนี้ ไม่มีในตำรารัฐศาสตร์ แม้แต่ในตำราพุทธศาสตร์ก็ไม่มีที่รวบรวมอันนี้เอาไว้ แต่ในตำราพุทธศาสตร์ของพระพุทธเจ้าอาตมาก็เก็บคำนี้ อิสระ คำว่าทาน คำว่าปัญญา คำว่าอนุกัมปา คำว่าอนัตตา มีของพุทธเจ้าครบหมดแล้ว อาตมา คัดมา อาตมา grouping มา เป็นต้น แล้วมันก็จะทำงานเป็นกระบวนการ 5 ประการของประชาธิปไตย คือ อิสระ ทาน ปัญญา อนุกัมปา อนัตตา จดไว้เลย แล้วในหนังสือประชาธิปไตยไทยที่ใครก็ไล่ไม่ทัน ก็จะออกมา ขยายความพวกนี้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 16:39:04 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:49:34 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:33:39 )

กระบวนการของการเรียนรู้กิเลส

รายละเอียด

คือ การจัดการกำหนดกรอบ เรื่องเกี่ยวกับสัตว์ กับของกับพืช กับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็มีภูมิธรรม มีสมรรถนะสูงขึ้น  เป็นอาริยะที่สูงขึ้นมันเป็นกระบวนการของการศึกษา เรียนรู้กิเลสในสิ่งเหล่านั้น จับตัวกิเลสเป็นหัวใจฆ่ากิเลสได้  ฆ่าได้แล้ว องค์ประกอบต่างๆ เข้าร่วมแล้วแต่เป็นสัจจะปรุงแต่งอย่างไม่มีตัวโทษ  หรือ กลิ หรือ กาลี ไม่มีแล้วอาการ เจตสิกของสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีแล้ว ก็เป็นจิตสะอาดทุกปริเฉท ทำได้ไม่มั่ว ไม่มากเกิน ทำทีละหมวดหมู่ ก็จะเป็นสิ่งที่ชัดเจน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:20:36 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:50:42 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:35:36 )

กระบวนการของจิตนิยามพัฒนาขึ้นไปอย่างไร

รายละเอียด

ในกระบวนการของจิตนิยาม เรียกว่าเป็นพลังงานในระดับชีวะ ที่เป็นสัตว์ ตั้งแต่เซลล์เดียวขึ้นไปแล้วก็พัฒนาขึ้นไปจนกระทั่งเป็นล้านๆๆเซลล์ มาเป็นอาริยะ เป็นพระพุทธเจ้า ก็คือพลังงานที่เป็นจิตนิยาม กว่าจะพัฒนาขึ้นไปได้นั่นแหละ 

สัตว์ตัวที่เป็นสัตว์เซลล์เดียวขึ้นมาแล้วตัวหนึ่ง ตัวนี้นะ สัตว์ตัวนี้นะ อาจจะพัฒนาขึ้นไปเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในอนาคตกาล อีกล้านๆๆๆปีก็ได้ คุณไปทำลายจิตวิญญาณ ของสัตว์ตัวนั้น เซลล์นั้น คุณทำลายเป็นการตัดสิ่งที่เป็นประโยชน์ในโลกควรจะได้รับ พระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งซักองค์จะเกิดขึ้น คุณก็ไปตัดทอน คุณก็ไปทำลายแล้ว คุณจะบาปขนาดไหน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 14:25:31 )

กระบวนการของสมาธิ

รายละเอียด

คือคำว่าสมาธิ  ถ้าจะแยกว่ามีอะไร  แยกทำเป็น กระบวนการก็จะมีทำงานอยู่อย่าง มุทุ  สภาวะ  อาการของจิตที่เคลื่อนไหวได้อย่าง ลหุ เบาเร็ว ได้ทั้งไว ปราดเปรียว  คล่องแคล่ว  ทำงานมีความวิเศษมาก  สงบนิ่งสะอาด เรียบร้อย ไม่มีด่างพร้อย  ไม่ตกหล่นยิ่งเก่ง  ก็ยิ่งตกหล่นน้อย  ยิ่งบริบูรณ์  สัมบูรณ์มากขึ้นเรื่อย  ๆ  จึงทำการงานได้อย่างดี  เหมาะควรทุกที่  ๆ  เพราะผ่านคุณสมบัติที่ได้กลั่นกรอง  วิธีทำสำเร็จ  ทำเสร็จแล้วจะต้องปภัสสร   ก็บริสุทธิ์อันนี้

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราชฯ วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 13:26:14 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:52:45 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:37:08 )

กระบวนการของสังกัปปะ 7

รายละเอียด

ตักกะ คือเริ่มดำริ แล้วก็มาเป็นกระบวนการของ สังกัปปะ 7 ทำได้ยิ่งยอดก็วิ สิ่งที่ไม่เอาก็คัดออก วิ มีความหมาย 2 นัย ดีสุดยอด กับเก๊เลย ไม่เอากับเอาเลยอย่างถาวร จบด้วย ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ แล้วก็สั่งสมลงเป็นอัปปนา เป็นความควบแน่น หากเติมพยัปปนา ควบแน่น เติมเจตโสอภินิโรปนา ไม่ได้ สายสมถะ เจโตศรัทธาไม่เก่ง ในการเติม static แล้วสองขั้วรวมกันเป็นวจีสังขาร   สังกัปปะ 7 ออกมาเป็น กายวิญญัติ วจีวิญญัติ หรือออกมาเป็นวจีกรรม นี่คือลักษณะรายละเอียดของธรรมชาติต่างๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 11:04:25 )

กระบวนการความขัดแย้งแบบเก่าๆ

รายละเอียด

อาจารย์ “ธีรยุทธ” ท่านยังลงรายละเอียดไปถึงขั้นว่า...ท่านคิดว่าพลังที่ว่านี้ เป็นพลังที่ข้ามพ้นไปจากความเป็นรัฐ ความเป็นพรรคการเมือง ความเป็นเอกชน และแม้แต่ความเป็นขั้ว-เป็นฝ่าย จนทำให้ท่านคิดของท่านเองว่า ถือเป็นพลังที่อยากจะหลุดพ้นไปจาก “กระบวนการความขัดแย้งแบบเก่าๆ” ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองกับพรรคการเมือง ระหว่างพรรคการเมืองกับทหาร หรือแม้แต่ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มก้อนมวลชนแบบประเภทเหลืองๆ-แดงๆ อะไรทำนองนั้น และยังเป็นพลังที่ไม่ได้อยู่นิ่งๆ เฉยๆ แต่กำลัง “เฝ้าดู” และ “ตรวจสอบ” ทุกๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ทหารการเมือง หรือใครก็ตามที่เข้ามามีบทบาทในการบริหาร-จัดการสังคมไทย...

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ  สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:19:10 )

กระบวนการฆ่ากิเลสด้วยพลังงานฌานคือปัญญา

รายละเอียด

ฌานต้องมีปัญญา ฌานไม่มีปัญญาไม่มี ฌานคือพลังงาน ที่เราสร้างพลังงานขึ้นมา ละลายพลังงงานไฟราคะไฟโทสะไฟโมหะได้ 1 มันจะต้องเป็นไฟ ไฟแบบพิเศษที่เป็นไฟฌาน แต่เขาแปลฌานว่าคือการเพ่ง จะว่าเพ่งก็ต้องจดจ่อในการทำการศึกษาทำใจในใจไม่ใช่ไปเพ่งกสิณดินน้ำไฟลม เพ่งข้างนอกเหมือนนักสะกดจิตมันไม่ใช่ เพ่งต้องรวมที่หทยรูปจิต คุณต้องทำให้จิตมีบทบาทมีพลังงาน ไม่ใช่เพ่งให้เป็น  static แต่ต้องเพ่งให้เกิด dynamic ไม่ใช่เพ่งให้เป็นก้อนให้หยุดนิ่ง มันเข้าใจคนละทิศทางก็เลยไปกันใหญ่ คนละเรื่องเลย เพราะฉะนั้นทำไฟฌานได้แล้ว มีพลังงานจริง มีพยัญชนะเอาไปแทนสภาวะธรรม เอาภาษาไทยว่าคือไฟเอาภาษาบาลีว่า ฌาน ภาษาไทยก็คือพลังงานอันนั้นไฟเป็นสภาวะอันนั้น คุณก็ทำใจในใจของคุณเป็นมนสิการเป็น ทำการโยนิโสมนสิการ ฟังธรรมะแล้วคนก็เอาไปศึกษาเมื่อเกิดการกระทบสัมผัสคุณก็พยายามทำใจในใจให้มันเกิด 1 รู้ มีพลังงาน ฌาน ไฟ เป็นพลังงานธาตุ ฌานคือปัญญา ปัญญาคือฌาน ฌานไม่มีปัญญาไม่ได้ ปัญญาไม่มีฌานไม่ได้ ก็จะรู้สภาพพลังงานที่เราทำถูกต้องมีประสิทธิภาพเข้าไปรู้จิตในจิต เข้าไปรู้เวทนาในเวทนา แยกเวทนาออก แยกตัณหาออกจากเวทนาได้  ไฟ เข้าไปแยก เทวะ แยกคู่สองออก โอ้ อันนี้คือตัณหา แยกตัณหาได้ แล้วจึงทำลายตัณหา เหมือนตำรวจจะไปจับโจรผู้ร้าย ต้องจับให้ถูกตัวของโจรไม่ใช่จับแพะมาเข้าคุก มันผิดตัวผิดตน ตำรวจต้องไปหาตัวจริงเลยตัวแท้เลย ยิ่งไปจับตัวการใหญ่ได้เลย แต่ถ้าหากไปจับได้แค่ลูกน้องของมันมา ก็ไม่รู้จัก ผู้บงการ ได้แต่ลูกน้องระดับลิ่วล้อ แต่ลิ่วล้อ ไม่เคยเห็นหัวหน้าใหญ่ จางซูเหลียง นิยายเรื่องเล็บครุฑของพนมเทียนเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 14:03:47 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:25 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:40:36 )

กระบวนการทำงานของจิตแกนDynamic และแกนStatic

รายละเอียด

ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ เป็น แกน Dynamic อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา เส้นแกน Static ทำงานสังเคราะห์สังขารเป็นวจีสังขารยังไม่พูดออกมา ถ้าพูดออกมาก็เป็นวาจากรรม บางทีก็เรียกว่าวจีกรรม แต่ว่าจิตสังขารยังไม่ออกมามันยังอยู่ข้างใน ยังอยู่ในขบวนการ 7 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 10:57:27 )

กระบวนการทำจิตให้อุเบกขา

รายละเอียด

ทำจิตให้อุเบกขาให้ได้ มีคุณสมบัติอันนี้ ฐานของศาสนาพุทธอยู่ตรงนี้อรหันต์อยู่ตรงนี้ จิตที่เป็นอุเบกขานี่แหละ แล้วไม่ใช่ไปหลับตาอุเบกขา อุเบกขาแบบนั้นเรียกว่า เคหสิตอุเบกขาเวทนา ยังเป็นโลกีย์ ทำให้กิเลสออกได้ ล้างกิเลสหมด ถึงจะเป็นเนกขัมสิตอุเบกขา ในมโนปวิจาร 18 ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ 6 ทวาร กระทบสัมผัสแล้วเกิดความสุขทุกข์หรือไม่สุขไม่ทุกข์ 3 ประการ ถ้าเป็นโลกีย์ก็เกิด สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ แบบโลกีย์ แต่ถ้ามาโลกุตระแล้ว เอากิเลสออกเป็นเนกขัมมะ กิเลสหมดก็เป็นมโนปวิจารโลกุตระ อาริยะต้องรู้เวทนาในเวทนาแยกสองอันนี้ออกให้ได้ พิจารณาเวทนาในเวทนา แยกได้แล้วทำเนกขัมมะให้ได้เรื่อยๆ จึงเป็นพระอรหันต์ ไปนั่งหลับตาไม่ได้พิจารณาอย่างนี้ก็ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ต้องทำอย่างที่พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ ไม่อย่างนั้นก็แค่มานั่งหลับตาก็จบแล้ว ความจริงมันไม่ใช่นั่งหลับตา มันไม่ได้ เป็นพระอรหันต์ไม่ได้ แต่ต้องมาศึกษาอ่านความจริงที่กระทบสัมผัสด้วยนะ ต้องมีผัสสะเป็นปัจจัย ถ้าไม่มีผัสสะเวทนาก็ไม่เกิด แยกเวทนาไม่ออก เวทนาอันหนึ่งมีกิเลสอันหนึ่งไม่มีกิเลส ต้องทำกิเลสให้ออกไปจึงเหลือเวทนาที่แท้จริง กระทบอันนี้ตากระทบ สีแดง แดงก็คือสัจจะ กระทบแดงแล้วเกิดผลักดูด ชอบไม่ชอบอันนี้มันคือกิเลส เมื่อกำจัดเวทนาเก๊นี้แล้ว ชอบก็ไม่มี ไม่ชอบก็ไม่มี เฉยกลาง รู้ความจริงตามความเป็นจริงอย่างเดียว 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต ครั้งที่85 วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:52:58 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:08:56 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:44:25 )

กระบวนการที่ยิ่งใหญ่ของสาธารณโภคี

รายละเอียด

เข้าสู่จุดความจนมหัศจรรย์ ความจนนี่คือความไม่มีอะไร วัตถุก็ไม่ต้องไปมีอะไรมากมายเลย มันมีวิธีการสาธารณโภคี 

เป็นวิธีการเป็นกระบวนการที่ยิ่งใหญ่ มันไม่เป็นของใครมันเป็นของส่วนกลาง เราก็อาศัย จะยังชีพก็อยู่กับส่วนกลางหรือจะอาศัยทำงานก็อาศัยส่วนกลาง จะทำงานแล้วก็จะต้องใช้วัสดุ วัสดุใดหาได้ก็ใช้ วัสดุหาไม่ได้ก็ไปเบิกเงินมาซื้อใช้เขาก็ให้ก็เอาเงินไปซื้อ เขาไม่ให้ก็ทำเท่าที่มี มันไม่สิ้นไร้ไม้ตอกหรอกดินน้ำไฟลมพืชมากมายมีไม้มีเหล็ก มันหาได้เท่าที่หาได้ทำได้ แม้ที่สุดไม่ต้องทำอย่างวิศวะทำอย่างกสิกรรมกสิกร ก็ปลูกได้ ไม่มีอะไรก็เอาหญ้ามาปลูก นี่เขาเอาต้นกล้าลูกเดือยมาประดับโต๊ะ ลูกเดือยก็มีคาร์โบไฮเดรตเยอะ มีคาร์โบไฮเดรตมากกว่าโปรตีนก็แล้วแต่ก็คล้ายๆกับข้าว อาตมาไม่มีความรู้ละเอียดลงลึก ลูกเดือยก็นิยมกินกันอยู่เหมือนกัน ก็ทำขึ้นมายังชีพช่วยชีพได้ มีผักกาดหัว หรือเรียกว่าไช้เท้า ก็มีรสมีกลิ่นมีสัมผัส อย่างนั้นอย่างนี้ ก็อาศัย มีธาตุในตัวของมัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 14:46:20 )

กระบวนการที่เป็นชะตาโดยเนื้อแท้มีสภาวะจริง

รายละเอียด

โดยสภาวะจริงไม่ใช่เรื่องของบัญญัติภาษาหรือรูปแบบ หรือแม้แต่ตามพิมพ์เขียวใดๆที่มีอยู่ มันไม่มี มันเป็นชะตาของมันแท้ๆโดยเนื้อแท้ มาจากประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน โดยตรงเลย 100% แล้วก็เกิดอันนี้ เป็นกระบวนการที่เป็น relation สืบต่อกันมา เป็นตัวที่เรียกว่า continuum ไม่ใช่แค่ relation ไม่ใช่หยาบแค่ connect เป็นเรื่องที่ละเอียดเนียนต่อเชื่อมกันจริงๆเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 14:44:47 )

กระบวนการนายทุน ศักดินา นักวิชา ข้าราชการ พาลชน

รายละเอียด

นายทุนจะเป็นเส้นวงรี ไปทางขวางหรือทางตรงก็แล้วแต่ ก็จะไปขวางให้ได้ 

ศักดินา เป็นทรงกลม เป็นผู้ทรงอำนาจอยู่ ไม่ไปอาละวาดใคร มีพลังสูงสุดกลม 360 องศาหรือ 180 องศามีอำนาจสูงสุด เป็นวงกลมอย่างสนิทนิ่งเท่าไหร่ยิ่งมีพลังแรงและสงบนิ่งสูงสุดเท่านั้น ส่วนวงรีนี่ยังขวางไปขวางมาเป็นดาวหาง กลมจริงๆเลย หากคุณนิ่งแล้วเป็นพระอาทิตย์ ส่วนวงโคจรของดาวหางอ้อมไกล ถ้าเก่งเข้ามาก็จะสงวนพลังงานตัวเองไม่ต้องออกไปยาวไกลให้เสียเวลา อยู่ในตัวเองก็จะเป็นศักดินา เต็มรูป 

ส่วนนักวิชา ก็พยายามสะสมเหลี่ยมให้มาก เหลี่ยมนี่เขียนไว้แค่ 6 เหลี่ยม หรือจะแปดเหลี่ยมละเอียดขึ้นก็มีเหลี่ยมมากจนกระทั่งเกือบใกล้กลม ไม่รู้จักเหลี่ยมมาเลย หน้าเหลี่ยมๆๆๆ ยิ่งสี่เหลี่ยมก็ยิ่งจะเห็นชัด 

เพราะฉะนั้นสี่เหลี่ยมก็เลยตกอยู่ที่ข้าราชการ เป็นพวกที่รู้ตัวเองว่าสูงไม่ได้หรอก เป็นข้า เป็นข้าราชการหรือข้าราษฎรการ จะเป็นข้ารับใช้นายทุนหรือจะเป็นข้ารับใช้ศักดินา 2 อันนี้เท่านั้น

ส่วนพาลชนคือมวลของประชากร มวลของคนในโลกทั้งหลายแหล่ที่จะเริ่มมาหา 4 เหลี่ยมอย่างนี้แหละ เป็นคน เป็นมนุษย์ เป็นตัวมวลบริวารของความเป็นมนุษย์ เป็นคน ไม่ใช่สัตว์ถ้าสัตว์ก็ไม่ใช่เดรัจฉานที่เป็นคนแล้ว เริ่มต้นสะสมชีวิตมีกรรมวิบากให้ตัวเองมาเป็นข้าราชการ เป็นศักดินาหรือเป็นนายทุน ก็จะเป็นอย่างนี้วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ นานไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติกว่าจะรู้ความจริงถึงจะรู้ว่าเราหลงความเป็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:43:32 )

กระบวนการล้างกิเลสกามในอาหาร 4

รายละเอียด

ทีนี้จะพิจารณาอาหารได้ต้องมีผัสสะ อาหารตั้งในครัว แต่ไม่ได้ไปเอามากิน ต้องมีผัสสาหาร มีผัสสะแล้วถึงจะอ่านนามถึงเจตนาที่มี พอเกิดผัสสะ เกิดเวทนาก็จะมีเจตนาในเวทนาหรือมีมโนสัญเจตนาเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันหากมีเจตนาเป็นกิเลส กามก็ล้างกาม ล้างกามแล้วเหลือรูป อรูป ล้างต่อเป็นอนาคามี ในภวตัณหา โดยไม่ได้หนีจากกามาวจรภูมิ จิตยังดำเนินสัมผัสสัมพันธ์กับความเป็นไปของกามภพ ภายนอก เสร็จแล้วเรียนรู้ดับกิเลสที่เหลือ กิเลสรูป อรูป ก็ไม่มีทั้งกามภพ รูปภพ อรูปภพก็เป็นวิภวภพ ไม่มีภพที่เป็นกิเลสแล้ว แต่มันเป็นความปรารถนาความต้องการ เรียกว่าตัณหา ตัณหาที่ไม่มีรูปภพอรูปภพแล้ว หากไม่มีสภาวะธรรมชัดเจนจะอธิบายไม่เหมือนอย่างที่อาตมาอธิบาย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่17 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 13:54:08 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:11:59 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:46:56 )

กระบวนการสังกัปปะ 7

รายละเอียด

คือ มีตรรกะก่อน  คือดำริ แล้วมี  วิตรรกะ คือ จัดการตรรกะให้สำเร็จ วิ พฤติกรรมของมันแยกกิเลสออกมาให้ได้แล้วฆ่ากิเลส ต่อมาก็เป็น  สัมมา สังกัปปะ เป็นผลสำเร็จ ของการนึกคิด  ไม่ใช่ไม่นึกคิดอะไรที่เขาไปสอนกันในสายเจโต สายเทวนิยม สายนั่งหลับตา สะกดจิต ไม่นึก  ไม่คิด และ ปัญญาจะโผล่ขึ้นมา  อันนั้นเป็นคนละเรื่องของศาสนาพุทธ 180 องศาเลย ของพระพุทธเจ้าจะต้อง วิตก  วิจัย  วิจารอย่างยิ่งไม่ใช่โผล่ขึ้นมาเลย  ไม่ได้คิดเรื่องอะไรเลย มันมีแต่สัญญาในเรื่องความคิด

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราชฯ วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 13:35:30 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 03:28:03 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:49:08 )

กระบวนการเกิดปัญญา

รายละเอียด

ในพระไตรปิฎกเล่ม 14 ข้อ 257 ถึง 258 พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ แล้วจะมี ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ สัมมาทิฏฐิ มัคคังคะ มีสัมมาทิฏฐิเป็นประธานและปฏิบัติมรรคองค์ 8 เมื่อเกิดการปฏิบัติสังเคราะห์สังขารก็จะได้เกิดความรู้ที่เรียกว่าปัญญา แล้วความรู้เป็นปัญญานี้ จะเกิดพัฒนาเพิ่มขึ้น คือมีอินทรีย์ ปัญญินทรีย์ เจริญได้สูงสุดเป็นปัญญาผล คือปัญญาพละ เป็นตัวสุดท้าย นี่คือการเกิดผล หากขยายองค์รวมคืออินทรีย์ 5 พละ 5 ก็จะเกิดมีองค์ธรรมพร้อม ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา จากอินทรีย์ 5 มีศรัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ มาเป็นพละอีก 5

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 09:49:27 )

กระบวนการเวทนา 108

รายละเอียด

ทุกอย่างเราศึกษาด้วยตนแล้วก็เกิดความรู้สึก เวทนา นี่แหละ เป็นตัวสำคัญ เพราะฉะนั้นผู้ใดศึกษาอาการของจิตที่เรียกรวมว่าอารมณ์หรือความรู้สึก แล้วแยกแยะให้เห็นความสุขความทุกข์ให้เหตุแห่งความสุขความทุกข์แล้วก็เนกขัมมะออกมา ด้วยเวทนาท่านแจกแจงเอาไว้ถึง 108 ซึ่งครบกระบวนการเวทนา 108 ถ้าเข้าใจเวทนา 108 แล้วปฏิบัติให้ถูก โดยเฉพาะ มโนปวิจาร 18 ที่เป็นเคหสิตะโลกๆ พอเราเข้าใจแล้วว่าเรายังติดสุขติดทุกข์ตั้งแต่อบายภูมิไปติดของหยาบต่ำ ทุเรศ แต่ก่อนเราไม่รู้ แต่ตอนนี้เรารู้แล้ว เราก็ทุเรศในตัวเองเลย แต่ใครไม่เคยไปติด แต่เราก็ได้แล้วไม่ได้ติดยึดอะไรเลย ดีไม่ดี คุณจะไปดูถูกดูแคลนเขาด้วย จะไปติดทำไม คุณไม่ติดมาแล้วในชาตินี้ เราก็เคยผ่านมาแล้ว โสโครกๆเราก็เคยผ่านมา มันไม่ติดก็ดีแล้วคุณได้ละมาแล้วก็ดีแล้ว ถ้าเราติดเข้าไป หรือเราติดในชาตินี้ก็ตาม มันก็ต้องมาเรียนรู้ปล่อยวาง ใครที่บอกว่า เคยติดมาแล้วเราก็มาปฏิบัติธรรมกับชาวอโศก ปฏิบัติแล้วไม่นึกว่ามันจะวางได้ปล่อยได้มีไหม เราไม่ได้นึกว่าตัวเราเองจะล้างได้ แต่มาถึงทุกวันนี้มันก็เฉยก็กลางๆ แต่ก่อนมันดูดผลักไม่ได้เลย จะเป็นจะตายเลยขาดไม่ได้ ลองนึกไปดูสิ แต่ใครระลึกแล้วก็ไม่มีนะที่เราจะติดจนกระทั่งเราขาดไม่ได้ก็เป็นบารมีของเรา บารมีของแต่ละคน ชาตินี้ไม่ได้ยากอะไรเท่าไหร่ หรือบางทีได้มาก่อนแล้วไม่เคยไปติดเลย ทำไมเขาไปติดนะ เราไม่เคยชอบ เราไม่เคยชังเราเฉยๆ อันนี้อย่างนี้แหละ สิ่งนี้ที่เขาติดกัน เราก็ไม่ได้ติด ยกตัวอย่างสิ่งที่พวกกะเทยเขาทำ ปรุงแต่งมาก แต่เขาไม่รู้ตัว เขาว่าสุดยอด เขาแสดงออกว่าสุขนะ เขาก็สุขของเขาไป ที่อาตมายกตัวอย่างกะเทย เพราะว่าเป็นความหลงที่ซับซ้อน รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆนานาในศักดิ์ศรีด้วย เขาก็ปรุงกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เวอร์สุดเวอร์ แล้วนิยมชมชอบกัน มันก็ต้องมีในโลกเป็นตัวอย่างถ้าไม่มีเราก็ยืนยันไม่ได้ ใครจะไปทำอย่างนั้นได้ ที่จริงที่เขาไม่ได้เอาอากาศมันมีเวอร์กว่านี้อีกเยอะ เขารู้ตัวเหมือนกันว่ามันมากไปไม่ได้ออกอากาศ แต่ของเขาก็ใช้ปรุงแต่งสัมผัสเสพสมสุขสม เขารู้แล้วว่ามันน่าอายแต่เขาติด เขารู้แล้วว่า มันเกิน เวอร์ไปเยอะแยะ ที่เราเห็นนี้ก็แค่นี้ แต่ที่ยังไม่เห็น potential ยังแฝงซ่อนอยู่อีกเยอะแยะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:41:32 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 12:57:05 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 03:54:07 )

กระบวนทัศน์(paradigm) ในการปฏิบัติ

รายละเอียด

ถ้าผู้ปฏิบัติมี“กระบวนทัศน์(paradigm)”ที่มี“ขั้นต้น-ขั้นกลาง-ขั้นปลาย”และปฏิบัติ เป็นลำดับเข้าขั้น“สัมมาทิฏฐิ”ตาม“ทฤษฎี”(ทิฏฐิ)ของ“ศีล-สมาธิ-ปัญญา”พระพุทธเจ้า ซึ่งจะเกิดผลจากการปฏิบัติไปตามลำดับ ลาด ลุ่ม ลึก สนิทเนียน แนบแน่น(อัปปนา) แน่วแน่(พฺยัปปนา) ปักมั่น(เจตโส อภินิโรปนา)ไปตาม“กระบวนการ”ของ“สังกัปปะ 7” และการอบรมศึกษาฝึกฝนก็เป็นขั้นๆไปตาม“ศีล”ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ คือลงมือปฏิบัติศีล จากสำรวมทางกายกรรมภายนอก แล้วเกิดผลทางจิตเป็นอธิจิตไปตามศีล อันมีกำหนดขั้นตอน ข้อ 1-2-3-4-ฯลฯ...เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:25:38 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:18:33 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:04:25 )

กระบวนธรรมที่สมบูรณ์ต้องมีครบทั้งศีล สมาธิ ปัญญา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ใดสอนไม่ให้มาเริ่มที่มีศีล จะเป็น สายท่านพุทธทาสก็ตาม ยิ่งสายทางมหาบัวหรือ ธัมมชโยเอาแต่นั่งสมาธิก็ตาม เละ ไม่เริ่มต้นด้วยศีล 

ศีลต้องมาอโศกนั่นแหนะ เขาไม่รู้ว่าเอาความยิ่งใหญ่มาให้อโศก พวกเขาถือขวานตัดธรรมะพระพุทธเจ้าทิ้งกันหมดแล้ว สมาธิต้องไปเอาที่ธรรมกาย หรือ นั่งหลับตาพระป่า ปัญญา ต้องไปเอาที่สวนโมกข์ อะไรอย่างนี้ หั่นทิ้งหมดเลย หั่น ศีลสมาธิทิ้งหมดเลยไปเอาปัญญาเลย เห็นไหมว่ามันเป็นความไม่เป็นลำดับให้เป็นอัศจรรย์  

เห็นความไม่เป็นมหัศจรรย์เพราะตัดลัดทิ้ง นี่ชัดๆ อาตมาไม่ไปขี้ตู่นะ นั่งสมาธิแบบธัมมชโยหรือสายวัดป่าก็ตัดศีลทิ้ง สวนโมกข์ก็ตัดศีลทิ้ง ต้องมีครบศีล สมาธิ ปัญญา วิมุต วิมุตติญาณทัสสนะไม่ขาด ต้องเป็นกระบวนธรรม ที่ครบสมบูรณ์แบบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 05:26:37 )

กระเทยนี้เป็นผู้ที่น่าสงสาร

รายละเอียด

อาตมาก็ไม่อยากจะซ้ำเติมกะเทย กระเทยนี้เป็นผู้ที่น่าสงสารเป็นผู้ที่ลงเสร็จในเรื่องของกาม เรื่องเพศ ข้ามชาติแล้วสั่งสมติดเข้าไปในก้นบึ้งอนุสัยในเรื่องเพศ ธรรมดาสัตว์ก็ตามก็มีเพศผู้เพศเมีย ก็สมสู่สัมผัสเสียดสีกันก็เป็นเรื่องของเพศคู่ แต่เพราะกามวิตถารผิดเพศสลับไปสลับมาจนกระทั่งติดในกามแท้ๆ เพราะฉะนั้นกูไม่คิดหรอกว่าจะเป็นเพศไหน เอาแค่สัมผัสเสียดสีไปได้ตรงไหนชอบรสตรงไหนได้ชอบตรงไหนก็เอาตรงนั้นไป มันกลายเป็นหลงใหลในเรื่องสัมผัสเสียดสี ติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสหนักหนาสาหัส ติดมากติดเยอะ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าอย่ามาบวชเลย บวชไม่ไหวหรอกมันหนามันหนักวิตถารท่านก็ละเว้นไว้ไม่ให้มาบวช แต่จะใส่ใจศึกษาฝึกฝนก็ตัวใครตัวมันเพียรเอา แต่จะให้มาบวชเลย ไม่รับผิดชอบเพราะมันยากมันเกินขนาด เพราะไปสะสมมาไม่รู้กี่ชาติ มันเป็นเรื่องน่าสงสารพวกนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:45:32 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 06:58:40 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:22:41 )

กระแสของธรรมะโลกุตระกระจายขึ้นไปที่เมืองจีนบ้างแล้ว

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ทุกอย่างมันไม่หยุด มันไม่จบหรอก สรุปอีกทีหนึ่งก็คืออาตมามองเห็นว่า ไม่ได้สะดุดเลย การพัฒนาหรือที่พัฒนาการของประเทศไทยไม่ได้หยุด โดยเฉพาะลักษณะอารยธรรมแบบโลกุตรธรรม ที่ไม่เหมือนโลกียะของชาวโลกทั้งโลก อาตมาเกริ่นไปแล้วว่าเมืองไทยมีแก่นแกน มีรากของโลกุตระ 

วันนี้เริ่มต้นมีประเทศจีน ที่มีกระแสของ อัญญธาตุ กระแสของธรรมะโลกุตระกระจายขึ้นไปที่เมืองจีนบ้างแล้ว  สีจิ้นผิงเขาก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นโพธิสัตว์เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่โพธิสัตว์ทำงานอย่างนี้ไม่ได้ ทำงานจนคนจีนไว้ใจ ก็อยู่ไปเลยจะอยู่กี่ปีกี่ปี ก็เป็นประธานาธิบดีไปอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ แสดงถึงเมืองจีนประชาชนจีนเขา เขาก็มีตัวราก หรือความรู้โลกุตรธรรมหยั่งลงไปแล้วเหมือนกัน เขาจึงยกให้สีจิ้นผิง เอาไปเลยอะไรอะไร อย่างนี้เป็นต้น เพราะว่าพฤติกรรมอันนั้นเข้าตาเข้าใจในใจของประชาชน

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 3 พ่อครูพบ ดร.สุริยะใส กตะศิลา วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2565 ( 19:24:59 )

กระแสสังคมโลกทุกวันนี้เข้าสู่สาระธรรมของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ทุกวันนี้ก็พยายามขยายธรรมะให้ละเอียดลึกซึ้งเข้าไปอีก พวกคุณก็ตั้งใจฟัง บรรยายรอบไหนก็เต็มห้อง นอกจากจะติดงาน ถ้าไม่ติดงานก็จะเต็มห้องอย่างนี้ ทางบ้านก็จะมีด้วย มีมากมีน้อยก็แล้วแต่

ทุกวันนี้มั่นใจว่า จุดหมายปลายทางของกระแสสังคมโลกเข้ามาแล้ว ดูสาระธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่หลงตัวเองหลงพระพุทธเจ้า แต่อาตมาว่ามันเป็นสัจจะที่จริง ก็ต้องขออภัยทางเทวนิยม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:34:44 )

กระแสหลักพิสูจน์ถึงสุดยอดสาธารณโภคีสาราณียธรรม 6 ไม่ได้

รายละเอียด

ยิ่งมันเป็นยุคที่พระพุทธเจ้าท่านบอกแล้วว่ายุคนี้โลกุตรธรรมไม่ปรากฏ เพราะฉะนั้นต้องมีผู้ที่รู้โลกุตรธรรมมากพอสมบูรณ์พอ อย่างอาตมา จึงจะเข้ามาสถาปนาโลกุตรธรรมลงไปได้ แล้วเขาก็มีการย้อนแย้ง จนอาตมาพิสูจน์ว่า ที่ย้อนแย้งนั่นแหละคือความจริง

กระแสหลักก็ดีผู้ที่นับถือเขาก็ดี ถ้าเขาถูกก่อนอาตมาเขาก็ต้องนำโลกุตรธรรมมาก่อนอาตมา พวกคุณก็ต้องไปอยู่ทางนู้นแล้ว แต่เขาไม่ใช่ ก็ที่ไม่ใช่ก็เพราะว่าพิสูจน์ถึงสุดยอดสาธารณโภคีสาราณียธรรม 6 ไม่ได้ อธิบายวรรณะ 9 ก็ไม่ได้ อธิบายสาราณียธรรมหรือพิสูจน์ความเป็นวรรณะ 9 พิสูจน์ความเป็นสาราณียธรรม 6 พิสูจน์ว่ามีพุทธพจน์ 7 สังคมนี้จะมีสาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะจริงๆ
มีคุณลักษณะ 7 ประการนี้แน่นอน มาตรวจสอบสิ ขออภัยไม่ได้ท้าทายนะ แต่เป็นเอหิปัสสิโกเชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ความจริงนี้ได้ ไม่ได้เชิงท้าทายอะไร อย่าไปเข้าใจผิดเพี้ยน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 19:49:01 )

กระแสหลักศาสนาพุทธไม่มีโลกุตระธรรม

รายละเอียด

ภาษาที่ในหลวงตรัสแล้วบันทึกไว้ เป็นสุดยอดของความรู้โลกุตรธรรม ทีนี้อาตมาก็ต้องพูด คือ กระแสหลักศาสนาพุทธไม่มีภูมิโลกุตรธรรม เพราะฉะนั้นผู้บริหารประเทศที่บริหารอยู่ในประเทศเขาก็ได้รับความรู้ศาสนาจากเถรสมาคม ก็จึงเป็นอย่างนี้ อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อาตมาพูดก็หาว่านอกรีตนอกรอย ก็เชิญมาดูสังคมชาวอโศกบ้างว่าปฏิบัติอย่างที่อาตมาพูดนี้ แม้ที่สุดโควิด เดือดร้อนเราก็สบาย แม้ที่สุด วิกฤตต้มยํากุ้งพ.ศ 2540 ก็ไม่เดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจ พิสูจน์ยืนยันมาให้เห็นเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 24 เมษายน 2563 ( 14:36:46 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:20:17 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:06:08 )

กราบครั้งเดียว

รายละเอียด

การกราบนี่ไม่เสียภาษี ไม่เป็นไร ไม่ผิดกฎหมาย ขออภัยตอบแล้วเหมือนยวนๆ กวนๆ กราบครั้งเดียวเราก็สื่อความหมายว่า กราบผู้ที่เรากราบ หากกราบสามครั้งก็คือกราบตามระบบ หมายถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บางคนไม่รู้เรื่อง ก็ทำความเข้าใจกัน เป็นเครื่องหมายแสดงออกถึงความเคารพ   เป็นวัฒนธรรม 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:47:11 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:19:34 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:07:29 )

กรุณา

รายละเอียด

คือ ความเห็นใจ ความสงสาร จึงผลักดันให้เข้าช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นให้พ้นทุกข์

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.392


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:25:03 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:08 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:19:06 )

กรุณา

รายละเอียด

1. รากศัพท์มาจาก กรณ อันหมายถึงกิจ การผลิตขึ้น การกระทำอันพึงควรทำ หรือมีปกติให้สำเร็จลงเท่านั้น

2. ลงมือช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์

คำอธิบาย

เมตตาจากจิต ,กรุณาคือลงมือกระทำ ,มุทิตาคืออนุโมทนาหรือยินดี ,อุเบกขาคือปล่อยวางความดี

( พ่อครูเทศน์ 26.7.2562)

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 144 ,หนังสือสมาธิพุทธ หน้า 373


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:23:16 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:23:33 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:20:50 )

กรุณา

รายละเอียด

กรุณาคือการลงมือช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์-พ้นสุข

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 05:08:16 )

กรุณาธิคุณ , พระกรุณาธิคุณ

รายละเอียด

1. การได้มีประโยชน์ต่อผู้อื่น ได้เสียสละให้ผู้อื่น ได้ช่วยผู้อื่นให้มีพุทธคุณขึ้นมาสืบเนื่อง ๆ ต่อไป ๆ อีก

2. เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เป็นผู้สร้างสรรค์จรรโลง เป็นผู้ได้ให้ เป็นผู้มีค่ามีคุณแก่มนุษย์ แก่โลกแท้

3. จิตที่มีคุณลักษณะในการกำจัดอธรรม ซึ่งเป็นคุณธรรมของพระศิวะในตรีมูรติ 

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 69

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 215

จากยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 350


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:25:29 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:24:13 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:22:12 )

กลปรานี

รายละเอียด

กลปรานี อาตมาบัญญัติเอง มันเป็นเชิงกล แต่ไม่ใช่มายากล เป็นเชิงกลที่เหมือนมีความซับซ้อนย้อนแย้งกันอยู่ในตัว dialagtic แต่มันเป็นสภาพจริง สภาพที่ถูกต้องตามสภาวะ คนไม่รู้ก็หาว่าพูดสับสนกำกวมไม่เห็นชัดเจน แต่ผู้ที่รู้ชัดเจนนี่แหละเป็นสิริมหามายาตัวจริงไม่ใช่มายา

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:09:20 )

กลปรานี

รายละเอียด

ซึ่งมีปรากฏการณ์ที่ทางผู้บริหารสามารถทำได้จริง ทั้งมวลประชาชนก็เป็นอยู่สุขสบายอุดมสมบูรณ์เพียงพอจริงๆ และทั้งมีกลวิธี ที่เรียกว่ากลปรานี ไม่ใช่กลวิธีที่เป็น tactics สะเปะสะปะ แทคติกที่สร้างกันมาใช้สร้างอำนาจ ไม่ใช่ ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ในเชิงหลอกลวงวิธีหมกเม็ด ครอบงำหลอกล่อ แต่นี่เป็นสิ่งที่จริงใจ เป็นกลปรานีให้ประชาชน เลือกอยู่ อย่างเหมาะสมดีเยี่ยม กว่าสังคมประชาธิปไตยกลุ่มใดหรือแม้แต่คอมมิวนิสต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566   ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:41:39 )

กลละ

รายละเอียด

1. รูปจิตที่เริ่มเกิด หรืออัตตาที่เริ่มเกาะตัว หรืออรูปที่ตกตะกอน

2. เชื้อชีวะแรก

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 285

จากยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 280


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 08:26:24 )

เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 15:25:39 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:23:11 )

กลองอานกะ

รายละเอียด

กลองอานกะ คือ ในอาณีสูตรพระพุทธเจ้าพยากรณ์ไว้ว่ากลองอานกะในยุคต่อไปจะไม่เหลือเนื้อของกลองเดิม  เป็นของใหม่หมด  ทั้งไม้ที่ประกอบเป็นกลองหรือส่วนประกอบอื่นก็เป็นของใหม่แต่รูปลักษณ์เดิม  ท่านตรัสไว้ตั้งแต่ศาสนายังไม่เสื่อมว่าต่อไปจะพูดโลกุตระกับคนไม่รู้เรื่อง  มันเหมือนกลองอานกะก็เป็นชื่ออานกะ  ศาสนาพุทธก็ชื่อว่า  ศาสนาพุทธเหมือนกันแต่มีแต่ชื่อ เนื้อแท้นั้นไม่มีแล้วแก่นแท้ของเก่าไม่มี

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2562 ( 08:47:46 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:20:47 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:46:06 )

กลองอานกะ 

รายละเอียด

กลองอานกะ  คือ  ที่มีชื่อว่าพุทธ  แต่สาระไม่ใช่แก่นสารเนื้อแท้ของศาสนาพุทธเลย คือ บุญ กาย สมาธิ  ฌาน ศาสนาพุทธไม่เหลือเลย

คำอธิบาย

กลองอานกะ คือ ในอาณีสูตรพระพุทธเจ้าพยากรณ์ไว้ว่ากลองอานกะในยุคต่อไปจะไม่เหลือเนื้อของกลองเดิม  เป็นของใหม่หมด  ทั้งไม้ที่ประกอบเป็นกลองหรือส่วนประกอบอื่นก็เป็นของใหม่แต่รูปลักษณ์เดิม  ท่านตรัสไว้ตั้งแต่ศาสนายังไม่เสื่อมว่าต่อไปจะพูดโลกุตระกับคนไม่รู้เรื่อง  มันเหมือนกลองอานกะก็เป็นชื่ออานกะ  ศาสนาพุทธก็ชื่อว่า  ศาสนาพุทธเหมือนกันแต่มีแต่ชื่อ เนื้อแท้นั้นไม่มีแล้วแก่นแท้ของเก่าไม่มี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 09:00:46 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:22:34 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:24:19 )

กลองอานกะ 

รายละเอียด

กลองอานกะ  คือ  ที่มีชื่อว่าพุทธ  แต่สาระไม่ใช่แก่นสารเนื้อแท้ของศาสนาพุทธเลย คือ บุญ กาย สมาธิ  ฌาน ศาสนาพุทธไม่เหลือเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  (วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562)


เวลาบันทึก 21 ตุลาคม 2562 ( 08:46:09 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:21:32 )

กลองอานกะหรือตะโพนอานกะไม่ใช่ของเดิม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถึงวาระความเสื่อม ภาษาเป็นภาษาสวย เป็นภาษาวิจิตร ดังที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ใน อาณีสูตร (พตปฎ. เล่ม 16 ข้อ 672-673) กลองอานกะหรือตะโพนอานกะ เป็นภาษาสวยที่อาจารย์เขาร้อยเรียงไว้วิจิตร แต่มันเป็นของใหม่ มันไม่ใช่ของแท้ มันไม่ใช่ของเดิม ของกลองอานกะหรือตะโพนอานกะ ดังที่พระพุทธเจ้าท่านหมาย 

มันจึงเกิดความเสื่อมเพราะไปยืนยันผิดกับพยัญชนะผิด ภาษามันก็ต้องผิด ยืนยันจากพยัญชนะผิด เขาอาจจะอธิบาย คำว่า กาย เป็นต้น ง่ายๆ โดยเพี้ยนผิดไปหมดเลยว่า กายคือภายนอกอย่างเดียว มิจฉาทิฏฐิแล้ว เข้ารกเข้าป่าเลย

หรือเขาไปอธิบายเรื่องของฌาน โอ้โห ฌาน ไปใหญ่เลยนะ ฌานเป็นนิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย ไม่รู้กันหรอกไม่มีใครเห็นของใคร แล้วต่างคนต่างก็พูดไป แล้วต่างคนก็บอกว่า เออ ตรงกัน พูดรู้เรื่องกัน เข้าใจกัน ต่างก็สมมุติไป เอารูปเป็นอย่างไร เอากายเป็นอย่างไรที่ในการสมมติ กายพิเศษนะ กายปั้นเอง กายเก๊ๆ กายไม่มีภายนอกจริง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ไม่มีจริง เพราะพวกหลับตาเขาไม่ใช้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นตัวกำหนดหมายด้วยเลย เขาก็ปั้นรูป ปั้นอะไรก็ได้ใช่ไหมล่ะ แล้วเขาก็มาพูดอธิบายให้เข้าใจมุมเหลี่ยมกัน สมมุติกันไป เหมือน Star Wars เห็นไหมล่ะตัวละครของเขา เขาปั้นรูปนั้นรูปนี้สารพัดใช่ไหม 

คุณว่าจริงไหมใน star wars ใครดูหนังเรื่อง Star Wars กันบ้าง อาตมาก็ไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่ แต่ก็พอดูผ่านๆ ก็เห็นตัวละคร หู เหมือนท่านด่วนดีนี่ก็มี ชื่ออะไร เจได ปากอย่างโน้นหูอย่างนี้ เขาก็ปั้นไป แขนขาก็ทำไปสารพัด มันเป็นรูปธรรมที่คล้ายกันกับนามธรรม แล้วนามธรรมมันทำได้สารพัดพิลึกกว่านี้ที่ไปปั้นมา

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 16:41:07 )

กลอน การกำหนดรู้รูปนาม 4  (มหานิทานสูตร)

รายละเอียด

การกำหนดรู้รูปนาม 4  (มหานิทานสูตร)

กิเลสในโลกหล้า ​ ​ อับประมาณ

​​ตามเห็นด้วยอาการ​​​ จิตไซร้

​​ผู้เสพภพนั่งผลาญ-​​​ พร่าทิฏ-ฐธรรมเอย

​​กิเลสแท้รู้ไว้ ​​​​เถิดไร้สิทธิ์เห็น

​​​ลิงคะความต่างใช้​​ แยกเพศ

​​จิตธาตุอันทรงเจต​​​ (ต)สิกไซร้

​​สัมผัสหกยังเหตุ​​​ ให้เวท-(ท)นาแฮ

​​ทรงทิฏฐกาลไร้​​​ ทิฏฐิไซร้หกสิบสอง

​​​นิมิตนั้นเปรียบด้วย​​ เครื่องหมาย

​​แยกรูปแต่ละกาย-​​​ กลิไว้

​​มีอาโลกผู้ฉาย​​​​ แสงส่อง

​​ผัสสะภายนอกให้​​​ จิตใช้สังขาร

​​​สุดท้ายอุเทสใช้​​ ขยายความ

​​ลักษณะกิเลสตาม​​​ ระดับไซร้

​​เสกขศึกษากาม​​​(ม) ภพก่อน-เลยนา

​​รูป-อรูปภายในให้​​​ ศิกษ์ไซร้ภายหลัง

​อโศก สัมปวังโก

31 ธ.ค.66

​​ฐานข้อมูลจาก หนังสือคนจนที่มีแบบเล่ม 2 หน้า 78

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ  ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 19:40:35 )

กลอน....อิสรา

รายละเอียด

วันนี้วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ 3 วันนี้อาตมาตั้งใจจะเทศน์เรื่อง จะใช้คำพูดว่าการเมืองก็ใช่ มาพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย โดยเฉพาะชื่อของเรื่องคือ “ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ” ก่อนจะได้บรรยาย ในวันอันเป็นวันมงคลนี้ ก็มีคนเขียนคำอวยพรเป็นกลอนเป็นกาพย์อะไรมาให้ อันนี้เป็นของอิสรา 

อัฏฐาริยสัจจายุ

“อัฏฐาริยสัจจายุ บรรลุอุดมการณ์สานฝัน 

88 ปี 8 เดือน 8 วัน อิทธิบาทอัศจรรย์จวบวันนี้

วันแห่งความรัก ของ“รัก รักพงษ์” สูงส่งยิ่งใหญ่กระไรนี่ 

เทวดาฟ้าดินร่วมยินดี มุ่งไปสู่...99 ปี 9 เดือน 9 วัน”

....อิสรา

อ้าว ขอให้สมพรปากเถอะ 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1 วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2566 ( 09:47:19 )

กลอนธรรม วันแห่งความรัก ของรักษ์ รักษ์พงษ์

รายละเอียด

วันนี้วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ 

บทกวีจาก.. สมณะเพาะพุทธ.. 

สมณะโพธิรักษ์ ครบ 88 ปี 8 เดือน 8 วัน

ผู้แบ่งปันธรรมะลดละสุข

ผู้สละกิเลสเหตุแห่งทุกข์

ผู้พ้นคุก ขังใจ ไร้จองจำ

ผู้เข้าถึงอรรถะสละอัตตา

ผู้นำพา นิพพาน บานฉ่ำ

ผู้กล้าติลำบากตรากตรำ

ผู้จุดประทีปธรรมผู้ชี้ทาง

สมณะชนะผี ...

...วันความรักพ่อครู...

เดือนกุมภาพันธ์วันแห่งความรัก

ซึ้งประจักษ์ในฤดีมีความหมาย

ความรักพ่อทวีมิเสื่อมคลาย

มอบถวายเป็นสำคัญหมั่นบูชา

พ่อให้แสงทองส่องชีวิต

พ่อประสิทธิ์รักไว้ในศาสนา

ทุกๆสิ่งด้วยความรักประทานมา

เราชาวอโศกหรรษาทั่วหน้ากัน

.. สมณะแด่ธรรม .. 

แด่ครูรัก รักพงษ์ ด้วยรัก

เหนื่อยหนักเท่าใดไม่ท้อ

ชาติศาสน์กษัตริย์ไปต่อ

เกิดก่ออโศกมาพาทำดี

                ส.ธัมมรักขิโต

สาธุทุกๆคนที่มีน้ำใจ มีอีกของเพื่อนท่านเด่นตะวันแต่ง แต่ว่ามันไม่ถูกแผนผังเลยเขียนมา เขียนโคลงสี่สุภาพ เขียนกาพย์ยานี กาพย์ยานี 11 

โคลง 4

๏ แปดสิบ ฉนำนับเนิ่น นานเนา

แปด เพิ่มเติมปีเอา บวกพร้อม

ปี นี้เดือนวันเนา ณ เลข แปดแฮ

อัฏฐอริยสัจจ์ น้อม ส่งสร้างอายุครู.ฯ

ยานี 11

๏ ครบแปดสิบแปดปี

นับราตรีอีกแปดเดือน

บวกอีกแปดวันเหมือน

อริยาสัจจายุครู.

๏ ขอตั้งจิตตะน้อม

กายใจพร้อมพะพร่างพรู

ดูโลกอันตราตรู 

ที่พ่อครูท่านสร้างทาง.ฯ

โคลง 4

๏ พ่อ คือท่านผู้สร้าง  ทางจร

ครู ที่ริตัดรอน  เกลศแก้

โพธิ รักษ์ผู้สั่งสอน  สรรพศิษย์

รักษ์ โลกรักธรรมแท้ เทิดผู้ภควัน.ฯ

ยานี 11

๏ พ่อครูโพธิรักษ์

ท่านเป็นหลักนำทางจร

พร่ำคำตำหนิสอน

หมู่ศิษย์ทั่วบ่กลัวเกรง.

๏ เทิดธรรมพุทธองค์

อย่างเที่ยงตรงมิข่มเหง

ข่มให้กิเลสเกรง

บ่ยำเยงเหล่าอธรรม.

๏ นับวันนับเดือนปี

คิดให้ดีก็น่าขำ

แปดสิบฉนำทำ

เพื่อน้อมนำสู่ทางดี.

๏ เกินมาอีกแปดเดือน

แปดวันเคลื่อนเพิ่มมามี

เหล่าศิษย์ก้มเศียรศรี-

ษะน้อมนอบขอบพระคุณ.

๏ เจริญศรีศิริสวัสดิ์

พูนพิพัฒน์โพธิบุญ

เลขแปดช่วยนำหนุน

โอบเจือจุนสัจจธรรมา.

๏ วาระดิถีโชค

ชาวอโศกส่งวจนา

บูชาครูผู้หา

บุคคลเปรียบมาเทียบเทียม.

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 2 

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ 

 


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2566 ( 11:45:09 )

กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปหมด! 

รายละเอียด

ที่อาตมากำลังพูดอยู่นี้ เริ่มจากคำว่า กาย อันเป็นคำแรก

ของสังโยชน์ 10 ข้อที่ 1 มาเลย มันจึงต้องมาเรียนรู้ทำความ

เข้าใจกันให้สัมมาทิฏฐิกันให้ได้ ไม่เช่นนั้นกลัดกระดุมเม็ด

แรกผิด มันก็ผิดไปหมด อย่างที่สังคมชาวพุทธในทุกวันนี้ที่จม

อยู่ การเรียนรู้ของศาสนาพุทธต้องมีนามรูปหรือกายเสมอ

ขาดความเป็นกายไม่ได้ การเรียนรู้จะผิด วิปริตพิการ

ไป  ดังนั้นหลับตาเข้าไปศึกษาในภวังค์ จึงเป็นการปฏิบัติที่ผิด

แบบพุทธ ซึ่งโลกีย์เดียรถีย์ปฏิบัติกัน จึงงมงายอยู่แต่กับ

กายคือ วัตถุภายนอกทั้งหลายแค่นั้น

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 247 หน้า 201


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 12:54:32 )

กลับไปกลับมาจากความมีกับความไม่มี

รายละเอียด

อธิบายสภาวะหยิบมาอธิบายสู่พวกเราฟัง โดยที่อาตมาไม่ต้องไปแกล้งเสแสร้ง แต่มันเป็นจริง เชื่อว่าสักวันคงเป็นได้ เสร็จแล้วก็ต้องมาล้างมันอีกนะ ที่จริงอาตมาเป็นโพธิสัตว์นะ ถ้าตายโดยไม่มีสิ่งนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร สบาย โดยไม่ติดไม่ยึดไม่เหลือค้างอะไรเลย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ไม่ติดค้างอะไรเลย มันก็สบาย แต่มันจำเป็นจะต้องมามีเพื่อจะสอน เพื่อที่จะยืนยัน เพื่อจะอธิบาย กลับไปกลับมาจากความมีกับความไม่มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤษภาคม 2565 ( 09:23:13 )

กลับไปเป็นเดียรถีย์เต็มรูป

รายละเอียด

การปฏิบัติที่ไม่ผิดทางของพุทธ มี 3 ข้อคือ สำรวมอินทรีย์ทางตา หู จมูก ลิ้น กายใจครบพร้อมนี้เป็นข้อ 1 ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กายภายนอก มีแต่นั่งไปหลบไปหลับ พระพุทธเจ้าประกาศศาสนาก็มีแต่พวกนั่งหลับตาเต็มไปหมด เดี๋ยวนี้ศาสนาพุทธได้เสื่อมไปหมด จนกลายเป็นมีแต่นั่งหลับตา เขาถือว่าเป็นการทำสมาธิทำฌานทำให้กิเลสออกให้หมดแล้วจะได้ไปนิพพาน มันกลับไปเป็นเดียรถีย์เก่าเต็มรูป อาการหนักมากอาตมาพูดขึ้นนี้เหมือนกับอาตมาทำเป็นเก่งคนเดียวทำเป็นรู้ ครูบาอาจารย์ผ่านมาหลายร้อยปีพากันนั่งมาจนกระทั่งทุกวันนี้ยึดถือกันว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องไปหมดแล้ว เหลือผู้ที่รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องจะมีครึ่งคนไหมในครูบาอาจารย์ศาสนาพุทธ ถ้ามันผิดนะการนั่งหลับตามันผิด แล้วไปเอาคำว่านั่งหลับตาสมาธิเป็นอุปการะ คำว่าอุปการะไม่ใช่ปฏิปทา 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 09:40:41 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:30:42 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:53:57 )

กลัวความตาย

รายละเอียด

คนที่รู้สึกกลัวความตาย สามัญก็กลัวความตาย แต่เขาจะไม่สะดุดตัวเองว่ากลัวความตาย แต่ถ้า เมื่อเจ็บป่วยกลัวจะตายหรือว่ามีเหตุการณ์อะไรที่เขาไปแล้วเราจะกลัวตายก็เป็นธรรมดา แต่ถ้าไม่มีอะไรแต่เรารู้สึกกลัวความตายอันนี้เป็นเหตุการณ์พิเศษ คำตอบที่สูงที่สุดก็คือคุณยังไม่บรรลุธรรม ไม่รู้จักความเกิดความตายซึ่งเป็นธรรมดา ยังไม่รู้ว่าเป็น “ธรรมะ-ตา” ธรรมดา ถ้ามีสิ่งใดเกิดสิ่งนั้นก็ต้องตาย ถ้าจะไม่ตายสิ่งนั้นก็ต้องไม่เกิด คนจะมีปัญญาเข้าใจว่าเกิดอะไรต้องตาย เพราะฉะนั้นคุณจะดีคุณจะชั่ว ตายทั้งนั้น จึงว่า ไม่ต้องไปกลัวไม่ต้องไปห่วงหรอกตายแหงๆ จะไปกลัวทำไมทุกคนต้องตาย ก็ต้องกลัววิบาก ทำอย่างไร เราจะตายโดยที่ตายดี ไม่ตายด้วยอุบัติเหตุ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 18:02:49 )

กลางคือคนจะต้องรู้ 2 ข้าง

รายละเอียด

คือ 1. กาม 2. อัตตา 

ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร จริงๆแล้ว กาม กับอัตตา มันก็อันเดียวกัน แต่คุณจะต้องเรียนจากข้างนอกมาหาข้างใน อบายคือกามหยาบ แล้วมาเรียนรู้ กามคุณตาหูจมูกลิ้นกาย แล้ว 5 นี้ก็ยังซ้อน โคจรรูป 5 ปสาทรูป 5 สัมผัสกัน ก็จะเกิด ภาวรูป 2 คือ อิตถีภาวะกับปุริสภาวะ สรุปแล้วผู้ที่เรียนทางสายกลางคุณแยก กาม แยก จิต หรือแค่แยกกาย แยกจิต แยกสภาวะสองนี่แหละยิ่งใหญ่ไม่ได้ จะแยกกายแยกจิตก็แยกไม่เป็น เมื่อไหร่เป็นกายเมื่อไหร่เป็นจิต กายต้องมีภายนอกและภายในร่วมกัน แยกไม่ได้ จนกระทั่งสามารถหมดกาม ตาหูจมูกลิ้นกายเป็นกามคุณ 5  เมื่อกามคุณ 5 หมดก็จะเข้าไปสู่ รูป อรูป คุณกระทบสัมผัสรูป อรูปภายใน ก็ต้องกระทบรูปภายนอก ตาหูจมูกลิ้นกายทำงานด้วยแล้วคุณอยู่เหนือมัน ไม่ต้องทำอะไรกับมันแล้วสบายแล้วหลุดพ้นแล้ว แต่ไอ้ที่เหลือคือจิตของคุณยังไม่หมด มันไม่ออกมา ข้างนอกจะแสดงสุขทุกข์กับภายนอกไม่แล้ว ไม่เอาแล้ว มันไม่มีที่จะมีรส มีความพอใจที่จะเสพ แต่ไม่เสพแล้วแต่เสพภายใน ไม่มีใครรู้ใครเห็นด้วย เป็นรูป อรูป 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ศิลปะในการใช้ชีวิตให้เกิดปัญญามัชฌิมา วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2562 


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 17:23:53 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:24:30 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:57:34 )

กลิ

รายละเอียด

คือ โทษ

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า.199


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:27:07 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:20 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 04:59:04 )

กลิ หรือ กาลี

รายละเอียด

คือ การปรุงแต่งอย่างไม่มีตัวโทษ ไม่มีอาการเจตสิกของสิ่งที่ไม่ดี ไม่มี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:22:27 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:25:40 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:00:01 )

กลิ คือหัวใจพลังงานรากเหง้าของกิเลส

รายละเอียด

จับอาการ ลิงค นิมิตได้ นี่เป็นอุปธิตัวที่1 แล้วมันก็มาฝังแฝง อยู่ในรูปนามขันธ์ 5 

จนกระทั่งมาศึกษาอภิสังขารแยกแยะได้ ประหารตัว กลิ ตัวไม่ดีให้ได้ ก็เหลือแต่รูปนามขันธ์ 5 ที่สะอาดปราศจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่มี กลิ ตัวกิเลสนี่

กิเลสคือตัวองค์ใหญ่ แต่กลิ คือ หัวใจพลังงาน รากเหง้าของกิเลส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 11:37:34 )

กลิ ตัวโทษภัยเป็นตัวการใหญ่

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นก็ต้องเรียนรู้ นาม ที่มันเป็นตัวนามธรรม เป็นตัวการใหญ่เลย ปลอมตัวเป็นตัวเราแฝงซ้อน หลอกตัวเราเองว่าเป็นตัวเราเอง ที่จริงมันเป็นแขกจร มันเป็นอื่น แต่เราไปยึดถือเป็นเราด้วยอวิชาด้วยความโง่ 

มาฝังอยู่ในรูปว่าเป็นเรา มาฝังอยู่ในวิญญาณว่าเป็นเรา ฝังในเวทนาสัญญาสังขารว่าเป็นเรา มันแฝงมันฝังอยู่ เพราะฉะนั้นคนตาไม่ดีแยกแยะจับตัวมันไม่ได้ เพราะว่ามันสนิทแน่นมาก ทำตัวเป็นตัวเราเฉยตีกินไปนิรันดร กว่าจะมาแยกแยะรู้ได้ รู้ว่าตัวนี้เป็นตัวโทษภัย กลิ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 11:36:19 )

กลียุค

รายละเอียด

กลียุค คือแม้ยุคนี้ เป็นกลียุคกันพอสมควรแล้วทั่วโลก แต่พวกเราก็อยู่ได้ท่ามกลางกลียุคอันร้อนแรง สำนวนท่านพุทธทาสว่า ก้อนน้ำแข็งท่ามกลางเตาหลอมเหล็กอยู่ได้ หรือเขาเรียกว่าอยู่บนปากเหยี่ยว คือ ล่อแหลมกันมาก 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:58:33 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:26:34 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:01:59 )

กลียุค

รายละเอียด

ก็ช่างเก็บคำมาถามนะ กลียุค หมายความว่า ในตอนนี้ สมัยนี้ ขณะนี้ เราอยู่ในโลกนี้เวลานี้ มันเป็นเวลาที่มีเรื่องยุ่ง กลี เป็นเรื่องวุ่นวายเป็นเรื่องไม่ดี บางทีก็มีเหตุการณ์ไม่ดีเหตุการณ์ร้ายๆแรงๆด้วยเรียกว่า กลียุค เวลานี้มีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นในขณะนี้เรียกว่า กลียุค อย่างขณะนี้เรื่อง โควิด เชื้อโรคมันวุ่นวายอยู่ทั้งโลก เรียกว่ากลียุคเรื่องของ โควิด มันละเอียดมันเล็ก ถ้าเขาจับมั่นคั้นตายแล้ววิเคราะห์วิจัยได้ว่า จะเอาอะไรมาจัดการมันเด็ดขาดเมื่อนั้นแหละเสร็จ แต่ตอนนี้ก็ยังจัดหาอาวุธจับหาตัวสิ่งที่จะเอามาฆ่าตัวโควิด ยังไม่แม่น เมืองไทยได้ข่าวว่าลองฟ้าทะลายโจรแล้วก็พอใช้ได้แต่ยังไม่ชัดเจน พวกนักวิจัยกำลังทำกันอยู่ สักวันหนึ่งก็คงจะได้ตัวสำคัญ เอ๊ ต้นไมยราบยักษ์จะใช้ได้ไหม เอาไปวิจัยได้ ถ้าไม่มีมาเอาที่นี่ได้ อยากให้มันได้ ถ้ามันมีประสิทธิภาพ ก็เอาไปเลยเยอะๆ เอาไปเลยไม่หวง เพราะไม่กลัวว่ามันจะหมดไปง่ายๆ มันมีเชื้ออยู่ ไม่ต้องใส่ปุ๋ยไม่ต้องรดน้ำ เผลอแผล็บเดียวเต็มไปหมด แข็งแรงด้วยนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:30:50 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:40 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:03:56 )

กลียุคกับยุคพระศรีอาริย์

รายละเอียด

พระสมณโคดมก็เป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายแล้วในภัทรกัปนี้ ที่จะไปขึ้นเป็นภัทรกัปป์ใหม่ เป็นพระศรีอาริย์ ที่จะเป็นผู้ที่เกิดในยุคที่ คนง่าย คนสูง คนเจริญ มีมวลมาก พระศรีอาริย์จะได้สอนสบาย ก็จะมีคนที่เข้าใจโลกุตรธรรมได้เยอะได้สบาย เป็นยุคที่เปลี่ยนแปลงกลียุคที่คนหมดแล้ว ล้างของเก่าไปขึ้นต้นใหม่เป็นคนที่ไม่มีกิเลสมากกิเลสหนา 

ในยุคกลียุคจะผลาญทรัพย์ศฤงคาร ผลาญทรัพยากรไปหมด แล้วก็จะหยุดค่อยๆ เพาะทรัพยากรของโลกขึ้นมาใหม่คนก็สะสมเกิดขึ้นมาใหม่ จนกระทั่งเกิดขึ้นมาก็ยังสุขสบาย ธรรมชาติก็ยังเยอะคนไม่มีกิเลสมาก ก็อยู่ค่อยๆสะสมพลเมือง จนมีพลเมืองมากจนกระทั่งเกิดกิเลส เกิดแย่งชิงเกิดทะเลาะกันขึ้นมาวนเวียน เป็นตามวัฏจักรอย่างนี้ตลอดกาลนาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 18:59:25 )

กลียุคหลังความตายคือจิตรับวิบากทุกข์

รายละเอียด

อาตมาชักจะไม่มีภูมิจะตอบคุณแล้วนี่ ถามเรื่องโลกหลังความตาย และโลกหลังความตายจะมีกลียุคหรือไม่ ถามมาเนี่ย เอาๆ พอจะมีปฏิภาณตอบ 

มี สำหรับคนที่มีวิบากบาปเยอะๆ พอคุณตายไป หลังความตายคุณก็ต้องมีกลียุคของคุณแน่เลย คุณต้องสู้กับนรกผีเปรต ผีนรก ผีอะไรต่ออะไรที่คุณสร้างวิบากบาปไว้ คุณต้องมีกลียุคของคุณเลย นี่ตอบอย่างพอเข้าใจได้ใช่ไหม คุณต้องมีแน่นอนเลย 

เพราะจริงๆมันเป็นเรื่องจิต จิตของใครทำกรรมอะไรไว้ วิบากอะไรไว้ มันไม่หนีคุณหรอก มันเล่นงานคุณแน่ เพราะฉะนั้นคุณจะใช้ศัพท์คำว่ากลียุคเป็นเรื่องของโลก วิบากของคุณนี่ มันต่อสู้กับไอ้เรื่องนรกจกเปรต อะไรต่ออะไรที่ทุกข์ร้อนเหมือนกับอยู่ในกลียุคของคุณ มันเป็นแน่ 

อธิบายความแล้วนะว่า..มี กลียุคหลังความตาย คือลักษณะของจิตที่คุณจะต้องเผชิญกับวิบากทุกข์ วิบากบาป วิบากอกุศล ที่คุณสร้างไว้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สำนึกรู้เพื่อเข้าสู่โลกที่ดีที่สุด คือโลกโลกุตระ วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2566 แรม 14 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 15:35:15 )

กลุ่มคนมหัศจรรย์เป็นไฉน

รายละเอียด

ก็เลยหันมาทำทางนี้เพราะว่าเราทำได้แล้ว เพราะว่าคนแสวงหาทางนี้ คนตั้งใจจะเป็นอย่างนี้มีอยู่ เพราะฉะนั้นเราเกิดกลุ่มคนมหัศจรรย์ คนที่อยู่กันอย่างสาราณียธรรม 6 มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม แล้ว ลาภที่ได้โดยธรรม โดยสุจริตด้วยดี เอามาเข้ากองกลางใช้ร่วมกันในกองกลาง เรียกว่าสาธารณโภคี แล้วเป็นอยู่กันอย่างพัฒนาตัวเองด้วยศีล ด้วยทิฏฐิ มีศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา หมายความว่าพัฒนาตามลำดับ ตามลำดับศีล แล้วก็จะเกิดทิฏฐิที่เจริญเป็นสัมมาทิฏฐิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสัมมาทิฏฐิสูงขึ้นเรื่อยๆก็บรรลุอาริยธรรม บรรลุโลกุตรธรรม จบสมบูรณ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564  ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้ายปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2564 ( 05:08:52 )

กลุ่มชาวอโศกมีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง

รายละเอียด

ในกลุ่มของชาวอโศกคนเลอะเทอะเข้ามาไม่ได้หรอกมันเป็นสัจจะเหมือนกัมมันตรังสี มันดันเอาไว้ ทำให้เข้ามาไม่ได้เป็นเรื่องอจินไตยอย่างหนึ่ง คนอยู่ในนี้เหมือนมีอะไรคุ้มครอง เหมือนขยายความไปไกลๆกว้างๆว่า ประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง ก็นัยคล้ายกันหลายอย่าง ในประเทศไทยเป็นต้นว่าธรรมชาติรุนแรง ประเทศไทยเราก็ไม่ค่อยมีไม่เหมือนประเทศข้างเคียง โดนเยอะแยะโดนธรรมชาติรุนแรงต่างๆนานา แต่ประเทศไทยไม่โดนหรือว่าเป็นเรื่องหางๆ เข้ามาเท่านั้นเองจริง เมืองไทยนี้ไม่เจออย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 21:02:52 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:38 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 05:06:29 )

กลุ่มชุมชนชาวอโศกเกิดจริงเป็นจริงสุดยอดจริงอย่างไร

รายละเอียด

แต่พวกเราก็สามารถทำได้จนกระทั่งเกิดผลอย่างที่เป็น  ผลของชาวอโศกซึ่งเป็นกลุ่มชุมชน ที่ไม่ใช่ว่าทำเล่นเป็นทีๆ ทำเล่นชั่วคราว ทำเล่นอย่างเป็นแฟชั่นอะไรต่ออะไรมันไม่ใช่ อาตมาว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย แต่มันเป็นเรื่องจริง มันเกิดจริงๆ แล้วคนก็มาอยู่อย่างนี้แต่ละคนแต่ละคนต่างคนก็อยู่บนฟ้าบางคนก็อยู่บนวิมานอยู่ในชั้นสูงๆต่างๆ คนที่อยู่บนดินก็มารวมกันคนที่อยู่บนฟ้าบนวิมานอยู่สูงก็มารวมกันมาอยู่ด้วยกันอย่างนี้ แล้วมันก็เสมอสมานกันอบอุ่นมีความสุขเพราะต่างก็มากันคนละทิศคนละทางความยึดมั่นถือมั่นกันคนละแบบคนละอย่างแต่มาอยู่ด้วยกันไป ก็ไม่เห็นทะเลาะกัน ไม่เห็นแย่งสิ่งนั้นสิ่งนี้กัน มีแต่จะช่วยกันสร้างช่วยกันแบ่งกันกินกันใช้ไป ซึ่งมันสุดยอดแล้วอาตมาว่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:45:42 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์