@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

แต่ถ้าปฏิบัติ “หลับตา” บทปฏิบัติฝึกฝน เกิด-ดับ ย่อมไม่มี!

รายละเอียด

การปฏิบัติ“หลับตา”นิ่งไม่มีการสัมผัสกับการกิน-การใช้

เป็นเครื่องอาศัยศึกษา“เวทนา”จาก“การสัมผัสนี้ ก็ไม่มี“ฐาน”

ที่จะกระทำ หรือปฏิบัติ นั่นคือ ไม่มี“กรรมฐาน”กันแล้ว  

“วิญญาณาหาร”จึงยิ่งไม่มีใหญ่ให้ปฏิบัติกันเลย เพราะ

ไม่มี“นาม-รูป”หรือไม่มี“กาย”ให้ปฏิบัติครบถ้วนองค์ประกอบ

จะจัดการ“วิญญาณ”ก็ต้องรู้จักรู้แจ้งรู้จริงได้ด้วย“นาม-รูป”

เช่น เมื่อ“ตา”กระทบ“รูป”เราก็มี“เวทนา”อันเป็น“ความ

รู้สึก”ที่เกิดอยู่ใน“วิญญาณ”ขึ้นมาให้ศึกษาของจริงกันจริงๆ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 243 หน้า 198


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 12:48:43 )

แต่รู้แบบนี้คือโลกุตระ

รายละเอียด

จึงไม่สามารถจัดการความเป็น“วิญญาณ”หรือ“เทฺว” จนกระทั่งรู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“ความรู้สึก(เวทนา)”ของตนว่า“ไม่มีสุข-ไม่มีทุกข์ในจิต” 

พิสูจน์ได้ว่า มันคือ“มายา”ที่เราหลงเป็นทาสมัน  เราสามารถ หมดสิ้น“สุข-ทุกข์”ในความ“กิเลสกาม”ได้แท้ๆ นั่นคือ จิตเป็น“เนกขัมมสิตอุเบกขา”ได้จริง เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดคือไม่สามารถ“สิ้นสุด“วิญญาณ”ของตนถึงขั้น“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ได้สำเร็จ

ความรู้“โลกุตระ”ของพระพุทธเจ้าซึ่งชื่อว่า ศาสนาที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“เทฺว” จนกระทั่งสามารถทำให้เป็น“อเทฺว”ได้สำเร็จ

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 13 หน้า 51


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 12:56:20 )

แต่ละคนก็มีพลังงานที่มีเจตนา เป็นกุศลสามัญตา มันก็ได้จริง ตัวคุณก็ได้จริงตัวคุณก็เป็นโพธิสัตว์

รายละเอียด

พวกเราก็มาเรียนความรู้เหล่านี้ไปแต่ละชาติ ก็จะเจริญเกิดพระอริยบุคคลตามแบบโลกุตระแต่ละชาติๆ ตามแบบที่อาตมาสอน ที่อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้าก็สอนตามพระพุทธเจ้ามาดีไหม พวกเรามีเจตนาดีพอเป็นไปได้ สังคมพวกเราเดินไปได้ เราก็พัฒนาตัวเราเองให้เจริญขึ้น เพราะฉะนั้นพวกเราก็จะเจริญขึ้นจริงตามความรู้และเจตนาที่จะทำให้ได้ มันก็จะจริง แต่ละคนก็มีพลังงานที่มีเจตนา เป็นกุศลสามัญตา มันก็ได้จริง ตัวคุณก็ได้จริงตัวคุณก็เป็นโพธิสัตว์ ผู้ที่ให้เขาเป็นโพธิสัตว์ ผู้ที่เอาคือปุถุชน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:42:09 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 15:16:41 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 12:56:00 )

แต่ละคนก็ยลตามช่อง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอาตมาว่า ทุกวันนี้นี่ มีผู้นำเป็นคนซื่อสัตย์ไม่คดไม่โกงซื่อตรงต่อการช่วยเหลือประชาชน ทำงานที่มีความคิดลึกและก้าวไกล วิสัยทัศน์ก้าวหน้าไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่พรรคพวกมากกว่าประชาชน แค่นี้ก็ดีพอแล้วสำหรับผู้นำประชาชน ผู้นำประเทศ  

คนที่เขามีจินตนาการ มีแนวความคิด โต่งไปในทางคนดีของเขาต้องดี๊ดีๆสวยๆหรูด้วยนะ แต่มันหาไม่ได้ หรือ จะบอกว่าหาได้ยากก็เอา อาจจะพอมีแต่ยาก คนขนาดพลเอกประยุทธ์ อาตมาว่าก็หายากแล้วนะ แต่คนไปเอาจุดด้อยจุดบกพร่องหรือว่าจุดเฟคนิวส์ต่างๆ เดี๋ยวนี้ สื่อ มีเดีย มันเฟคกัน มันโกหกกัน มันไม่ซื่อไม่ถูกต้องมันทำกันเยอะ แล้วคนก็กดอ่าน กดอ่านวันๆนั่งอ่านแต่พวกนี้ บ้าๆบอๆครอบงำทางความคิด แล้วคุณก็ไม่สามารถจะไปเช็คได้ว่าที่เขาพูดนี้มันเป็นเฟคนิวส์หรือเปล่า มันโกหกหรือเปล่า มันเจตนาจะดิสเครดิตต่างๆนานา คุณตรวจสอบหรือเปล่า ไม่หรอก ฟังไป แล้วมันก็เยอะด้วย คนที่เขาไม่ต้องไปทำอย่างนั้น ไปทำมาหากินสามัญเขาก็ไม่มานั่งกดอะไรพวกนี้หรอก 

เพราะฉะนั้นในการมองของคน มองกันก็ทุกคน ต่างคนต่างมอง แต่ละคนก็ยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม ส่วนคนตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย ก็มองกันไปได้คนละแง่มุม 

อาตมาลองร่าง เศรษฐกิจหรือที่เขาสรุปกันที่ว่าเป็นตัว GDP อาตมาก็เลยอยากแสลนกับเขาหน่อย ทั้งๆ ที่เราไม่มีความรู้เลย แต่อาตมามั่นใจว่า อาตมามี GDP แบบพุทธ ที่อาตมายืนยันแบบนั้นก็คืออาตมาพาพวกเราชาวอโศกมาปฏิบัติธรรม มี GDP แบบพุทธแล้ว ยืนยันได้ มีแล้ว 

ทั้งๆที่คนที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองนอก แต่เป็นชาวอโศกก็มี ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเมืองนอกก็ดีอยู่แล้วเป็น Domestic อยู่แล้วภายในประเทศ

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรมโดยพ่อครู ครั้งที่ 14 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 แรม 7 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 17:37:26 )

แต่ละคนมีพลังงานแฝงที่ควรจัดสรร

รายละเอียด

แต่เค้าไม่จัดสรรมันก็สะเปะสะปะไปตามยถากรรมไง มันมีพลังงานแฝง ฐานแต่ละคน เพราะถ้าไม่ไปจัดสรรมันก็สะเปะสะปะไป เลยเสียเวลาไปเฉยๆ มันก็ไม่ได้เป็นองค์รวมอะไร ไม่เข้าหมวดไม่เข้าหมู่ แต่ถ้าบอกว่า ถ้าเผื่อว่าเราไม่ไปคลุกคลีเกี่ยวข้องเป็นตัวนำ ถ้าเป็นอยู่กับโลก โลกก็เป็นตัวนำเป็นตัวที่จะเป็นเหตุปัจจัยกับเรามันก็ดึงไป แต่ถ้าเผื่อว่าเราไม่ไปมันก็ไม่เป็นไร 

ที่มา ที่ไป

พลังงานสัมประสิทธิ์คือพลังแฝง Kinetic energy วันที่ 13 กรกฎาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(สัมประสิทธิ์) ตอน พลังงานสัมประสิทธิ์คือพลังแฝง


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 14:28:51 )

แต่ละวันเวทีเราประดับไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร

รายละเอียด

เจริญธรรมทุกคน บนหน้าเวทีเรานี่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ที่อุดมสมบูรณ์ เต็ม แต่ละคนแต่ละคนได้พยายามทำ ซึ่งมีความเข้าใจด้วยปัญญาว่าอาหารโดยเฉพาะกสิกรรม พืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นหนึ่งในโลก ไม่มีวิบากไม่มีกรรมวิบาก ไม่มีพิษไม่มีภัย เราก็ทำให้มันไม่มีสารพิษด้วย ไร้สารพิษ เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ไร้สารพิษ แต่ละวันแต่ละวันเวทีเราก็ประดับไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ไม่มีสัตว์ ไม่มีปลา ไม่มีประมง ไม่มีปศุสัตว์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:13:00 )

แท้จริงแล้วความสันโดษ ขัดเกลา มักน้อย เงียบสงัด เป็นความยิ่งใหญ่ที่ต้องปฏิบัติอย่างไร

รายละเอียด

ใน 5 ข้อนี้ มีแต่ข้อ 5 เท่านั้น ที่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง นอกนั้นผิดหมด แต่แม้แต่ข้อ 5 ความเงียบสงัด ความสันโดษ ขัดเกลา มักน้อย ไม่จำเป็นต้องอยู่ในป่า เพราะว่า ป่า ตัวมันเองก็ไม่มีการปรุงแต่งโลกียะอะไรมาก มันเป็นธรรมชาติมันขัดเกลาตัวมันเองอยู่แล้ว เป็นความเงียบสงัด จากความเป็นโลกียะ ด้วยความเป็นกิเลส คำว่าเงียบสงัด ไม่ได้หมายถึงว่าไม่มีเสียง ไม่มีอะไร มันก็ใช่ ไม่มีเสียงโลกีย์ ไม่มีเสียงรถยนต์ผู้คนโวยวาย เถียงกันในเรื่องลาภยศสรรเสริญจนจะต้องอุดหู ก็อาศัยตรงนี้เหลือเศษเนื้อข้างเขียงเป็นสูตรที่ถูกต้อง แต่ที่จริงแล้วความสันโดษขัดเกลา มักน้อย เงียบสงัด เป็นความยิ่งใหญ่ที่ต้องปฏิบัติ ว่าคุณต้องเป็นคนมักน้อยท่ามกลางความมาก ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขมาก แต่คุณต้องมักน้อยได้ ต้องเป็นคนสันโดษ พอ แม้จะมีเยอะคุณก็ต้องหยุดได้ พอได้ ต้องสามารถขัดเกลากิเลสของคุณ คุณลดกิเลสลงหมด เงียบหยุด คำว่าสงัดหรือหมด ไม่ได้หมายความว่าต้องเงียบๆนิ่งๆออกป่า แต่นิ่งในใจ อย่างนั้นพาซื่อโง่ๆ เงียบสงัดหรือหยุดคือ จิตเงียบ อกุศลจิตไม่มี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:03:43 )

แท้จริงแล้วประชาธิปไตยคืออย่างใด

รายละเอียด

ต่างคนต่างยึดเอาประชาธิปไตยมาเป็นตัวประกันของตัวเองทั้งนั้นแหละ ทีนี้คำว่าประชาธิปไตยนั้น ใน Concept ของแต่ละคนที่เขากล่าว ของพรรคแต่ละพรรคที่เขายึดถือ มันมีนัยยะลึกซึ้งซับซ้อนอยู่ คำว่า ประชาธิปไตย ต่างคนต่างถือว่า ตัวเองเป็นนักประชาธิปไตย เป็นผู้ที่ยึดถือความเป็นประชาธิปไตยทั้งนั้นแหละ แต่จะถูกจะผิดอย่างไร มันต่างกันไปเยอะ ซึ่งเขาก็เป็นประชาธิปไตยแบบคล้ายๆอเมริกา เพราะอเมริกาเขาไม่มีสถาบัน ไม่มีพระเจ้าแผ่นดิน หรือหลายประเทศเขาไม่มีพระเจ้าแผ่นดิน แล้วเขาก็ไม่อยากให้มี เหมือนอย่างฝรั่งเศสทำเสร็จไปแล้ว หรืออีกหลายๆประเทศทำให้ไม่มีไปแล้ว เขาก็กลายเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีพระเจ้าแผ่นดินก็ถูกของเขา ก็เป็นประชาธิปไตยแบบของเขา จะไปว่าเขาผิดก็ไม่ได้ เพราะเขามี Concept ประชาธิปไตยของเขาแบบนั้น 

แต่ของไทยเรามีพระเจ้าแผ่นดิน หรือแม้แต่อังกฤษก็มีพระเจ้าแผ่นดินซึ่งก้าวล่วงไม่ได้ นี่แหละคือสมมุติที่แตกต่างกัน นัยยะธรรมดา เราจะไปยึดถือแบบของเขาทำไม ของเขาเป็นแบบนั้น ก็ของเขา ทำแบบนั้นก็ถูกของเขาสิ มันซับซ้อนอย่างนี้ แล้วแท้จริงประชาธิปไตยเป็นแบบใด เป็นการถามความรู้ที่ยิ่งใหญ่นะ ซึ่งประชาธิปไตยก็เป็นไปอย่างของแต่ละคนแต่ละ Concept ของเขา ที่เขายึดถือของเขาเข้าใจของเขาว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ก็แตกต่างกันไป ทีนี้มาถามว่าแล้วแท้จริงประชาธิปไตยเป็นอย่างไร 

ตอบ แท้จริงไม่มีความจริง ประชาธิปไตยก็เป็นความเห็นความเข้าใจความยึดถือของคนแต่ละคน แต่ละกลุ่ม แต่ละสังคม แต่ละประเทศ แตกต่างกันไป จึงเรียกว่าเป็นเทศะ เทศะคือความแตกต่างกันไป ไม่ผิด  เพราะฉะนั้นเราก็เข้าใจให้ได้ว่า ของเขาก็ยึดถือเข้าใจเป็นแบบนั้นถูกของเขา เราไปว่าเขาไม่ถูกซึ่งก็เรานั่นแหละไปว่าของเขาผิด ตัวเราเองผิดไปจากเขา ก็เขาถูกของเขา ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ไปยึดถือตัวตนก็ทะเลาะกัน แย้งกัน เถียงกันไปไม่จบ ถ้าจบแล้วก็เป็นนานาสังวาส 

เราก็เห็นว่าคนร่วมกันก็เข้าใจ เป็นคนร่วมกันแต่มีความคิดเห็นต่างกัน นานา แปลว่าแตกต่างกัน ต่างคนต่างถือกันไป ไม่เห็นแปลก อะไร เพราะฉะนั้นจะบอกว่าความจริงแล้วประชาธิปไตยเป็นแบบใดมันไม่มีหรอกของความจริง มันเป็นความสมมุติทั้งนั้น แต่ทีนี้ มันเป็นระบอบของการบริหารประเทศ เราก็มามองเอาตรงที่การบริหารประเทศ คุณจะใช้ภาษาเรียกแบบนั้นแบบนี้ แบบอเมริกา แบบอังกฤษ แม้แบบไทยมีพระเจ้าแผ่นดินเหมือนกับอังกฤษ แต่ก็ยังมีนัยยะสำคัญที่แตกต่างกัน ซ้อนๆ อยู่ ไม่เหมือนกันทีเดียว แม้แต่ในกฎหมายก็ยังต่างกันในข้อกำหนดกฎเกณฑ์ 

กฎหมายเกี่ยวกับในหลวง เกี่ยวกับเรื่องของการเมือง กฎหมายก็มีนัยยะต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็คล้ายกัน เพราะว่าลอกเลียนกันมา ไทยก็ไปลอกของเขามาก่อน แต่ก่อนนี้ก็เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เมื่อมาเป็นประชาธิปไตยแล้วก็ใช้ของทางด้านตะวันตก ด้านอังกฤษยุโรปมา เพราะฉะนั้นจะไปนับว่าเป็นความจริง มันไม่จริงหรอก เป็นสมมุติ ของใครก็ยึดถือกันไป 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2566 ( 19:01:17 )

แท้จริงแล้วพระพุทธเจ้าและสาวกไม่ได้สรรเสริญแต่ดูถูกการออกป่า

รายละเอียด

ในห้าข้อแรกนี้ สามข้อแรกซวยหนัก 1.โง่เขลา 2.ลามก 3.บ้า 4.ไปเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าและสาวกพระพุทธเจ้าสรรเสริญการอยู่ป่า แท้จริงแล้ว ท่านไม่ได้สรรเสริญ แต่ท่านดูถูกการออกป่า พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ดี ไม่ได้ว่าคนอย่างโพธิรักษ์ จะชั่วอย่างไรก็ไม่ก่นด่า แต่อาตมาต้องจำนนที่ต้องทำ ต้องชี้ให้ชัด เพราะมันไม่รู้ ขนาดพูดชัดขนาดนี้ยังไม่กระเตื้องเลย ยังบอกว่า ตนเองหลงผิดก็หลงไป ฉันก็จะออกป่า ฉันก็จะเดินธุดงค์ จะทำไม พระพุทธเจ้าก็สอนกายคตาสติ จะเดินก็เดิน จะก้าว จะยืน จะนั่ง จะนอน ให้ดูว่ามีกิเลสซ้อนในนั้นหรือไม่ แต่นี่ ที่ไปเดินอย่างมีกิเลสเต็มรูปเลย เดินอย่างประดับตกแต่งเหมือนธรรมกาย ไปเดินข้างถนนอย่างนั้น แล้วตกแต่งถนนเขาด้วยนะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:05:59 )

แนวความคิดของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้เรียกภาษาวิชาการว่า...

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสรุปแล้วแนวความคิดของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้นี้ ที่เรียกกันภาษาวิชาการว่า โลกุตรธรรมหรืออารยธรรม อารยธรรม เป็นศัพท์จาก คำว่าศิวิไลซ์ ซึ่งมันมีการแสดงพิเศษอีกมากมาย มันก็เป็นอยู่อย่างนั้นไม่มีใครจะมาบังคับเขาและเขาก็เป็นจริงๆ ของเขาอย่างนั้น มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นตถตา เขาก็เป็นเช่นนั้น เพราะเขาอยู่ในกรอบแค่โลกีย์ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:29:59 )

แนวคิดการทำชุมชนของพ่อครู

รายละเอียด

อาตมาไม่มีฝีมือจะทำเลยแต่ว่าเกิดโดยอัตโนมัติก็คืออัตโนมัติ อาตมามีความเข้าใจไม่บังอาจเรียกว่าความรู้เท่าไหร่ เพราะที่อาตมามีความเข้าใจแต่ไหนแต่ไร พัฒนาความเข้าใจมาทุกวันนี้ก็พยายามพัฒนาความเข้าใจของตัวเองต่อไป คิดว่าจะต่อไปจนถึงความเป็นพระพุทธเจ้า

ที่บอกว่าเป็นอะไรมาได้อย่างนี้ อาตมาก็ทำตามความเข้าใจของอาตมาว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้ก็ทำ มีเจตนารมณ์ก็ทำไปเท่าที่ตัวเองจะทำได้อย่างดีที่สุดบริสุทธิ์ที่สุดมีคุณค่าที่สุด เท่าที่จะมีปฏิภาณวิจารณญาณที่ทำได้อัตโนมัติ ถือกรรมการกระทำเป็นความยิ่งใหญ่ แล้วจัดการกรรมการกระทำของเราให้มั่นใจที่สุด เท่าที่เรามีภูมิที่จะเข้าใจรู้ได้

อาตมาถึงจะเห็นผลที่ทำตามความเข้าใจตามภูมิของเราก็มีผลออกมาดีเป็นที่น่าพอใจ อาตมาก็เลยทำอย่างนั้นมาตลอด ส่วน by product ผลที่ตามมา ก็ใช้ปฏิภาณตัวเองดูว่ามันก็ดี แต่มันก็ยังไม่ดี มันยังมีดีกว่านี้อีก ก็ต้องทำต่อไป ก็รู้สึกว่าทำดียังไม่พอก็ต้องทำดีให้มากต่อไป อาตมาก็เลยเป็นคนตะกละไม่พอ แต่ตะกละความดี

เช่น อาตมายืนยันว่าคนมาจนนี้ดีกว่ารวย อย่างนี้เป็นต้น ไม่ได้เล่นคารมภาษานะ เมื่อทำแล้วก็ได้ผลจริงซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่คนอื่นเขาเป็นกัน อาตมาอธิบายเศรษฐศาสตร์

เสฏฐะ หรือเศรษฐศาสตร์คือความเจริญ ภาษาอังกฤษก็คือประหยัดน้อยลงเท่าไหร่ได้อยู่ได้ดี อยู่อย่างสุขสำราญเบิกบานใจ แล้วยิ่งน้อยเราก็ยิ่งเห็นความเป็นคุณค่าของเรา เราเป็นผู้มีประโยชน์ต่อผู้อื่นได้มากขึ้นมันก็ยิ่งชัด อาตมาก็ทำอย่างนี้ไม่ได้หยุด จนเกิดผลเป็นรูปธรรมเป็นชุมชนเป็นวัตถุ จนกลายเป็นอาณาจักรขึ้นมามีชุมชนชาวอโศกกระจายอยู่ทั่วไป 10 20 30 กลุ่มกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพราะมันมีทิฏฐิสามัญญตา ศีลสามัญญตา มีความเห็นความเข้าใจตรงกันไม่ได้แยก ก็เลยเป็นองค์รวมที่เกิดผล มีอัตราการก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ นี่คืออาตมาที่พออธิบายได้ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:04:49 )

แนวคิดการรับประทานอาหารมังสวิรัติของพ่อครู

รายละเอียด

เรื่องที่อาตมากินมังสวิรัติก็ไม่ได้ไปเอาของใคร แต่ก็มีคนที่กินมาก่อนบ้างเช่นพวกคนจีน แต่ทั่วไปเขาก็ไม่รู้เรื่องมังสวิรัติกันหรอกมีแต่เจจีนกัน ที่อุบลราชธานีก็มีร้านเจไม่กี่ร้าน พออาตมาเอามังสวิรัติมาลงก็รู้จักกันทั่วเลยว่าเป็นมังสวิรัติ ทำหนังสือหนังหาออกเผยแพร่ด้วยจนคนเข้าใจมังสวิรัติได้ดี 

ที่ถามมาว่าเริ่มจากหลักธรรมหรือแนวคิดอะไร? ถามลึกซึ้งดี 

แนวคิดที่ไม่กินเนื้อสัตว์ มันลึกซึ้งถึงกรรมถึงวิบาก หลักธรรมของกรรมของวิบาก ลึกซึ้งมากนะเรื่องกรรมวิบาก ใครไม่เชื่อกรรมไม่เชื่อวิบาก ไม่เชื่อว่ากรรมเป็นของของตนไม่เชื่อว่าความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้เรื่องกรรมวิบาก 

เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธจึงให้เรียนรู้เรื่องกรรมยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ถามว่า อาตมามีแนวคิดอย่างไรในการกินมังสวิรัติ เพราะว่าอาตมานึกถึงกรรมวิบาก มันรัก ชัง ผูกพยาบาท

ไปกินเนื้อเขา แน่นอนเราไม่ได้ไปกินอย่างเป็นๆ หรอก แล้วรู้ไหมว่า ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน มันก็ยึดติดเป็นตัวกูของกูเท่าไหร่ ขนาดคนนี่ศึกษาว่านี่ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ก็ยังยากเลย ยึดอย่างกับอะไร แล้วสัตว์เดรัจฉานมันจะไม่ยึดหรือว่านี่เนื้อหนังของกู ตายไปแล้วก็ยังของกูอยู่นั่นแหละ แต่มันก็ไม่โง่เท่ากับมนุษย์ มันก็รู้วาระที่ตายแล้วก็ทิ้งร่างไป แต่คนนั้นยังมีตัวกูของกูเยอะ

อาตมากินมังสวิรัติเพราะว่าเป็นแนวคิดที่ลึกซึ้ง และใช้พวกนี้เอามาขยายความอยู่ทุกวันนี้ ด้วยมังสวิรัติ อาตมาอธิบายไปก็ยังรู้สึกว่าตัวเองอธิบายยังไม่เก่ง ยังไม่ถึงแก่นที่อาตมาทำไมต้อง อาตมาเผยแพร่ธรรมะเอามังสวิรัติเป็นบุญญาวุธหมายเลข 1 เลยนะ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็ค่อยเข้าถึงเนื้อหาปรมัตถ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:17:50 )

แนวคิดของชาวอโศกที่ซ้อนลึก 

รายละเอียด

 แนวคิดที่ซ้อนลึกที่ว่าก็คือ เราสามารถลงไปสู่สภาพของผู้ที่มีคุณสมบัติของผู้ที่มีวรรณะ 9 สำเร็จผลเป็นสาราณียธรรม 6 ได้ สรุปลงสู่วิชาการของพระพุทธเจ้าก่อน เอามาพิสูจน์ยืนยันทุกวันนี้ 

สังคมของชาวอโศกเป็นสังคมสาราณียธรรม 6 ทุกคนมีคุณธรรม จิตวิญญาณได้รับการขัดเกลา จิตวิญญาณได้รับการปฏิบัติเป็นอาริยบุคคล จึงอยู่กันอย่าง เมตตากันทั้งนั้นเลย ทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมและทางด้านเศรษฐกิจ สามารถที่จะทำงานเสียภาษี 100% 

ในชุมชนชาวอโศกทุกชุมชน ทุกคนไม่มีรายได้เงินเดือนประจำตัว ทำงานแล้วจะเอาไปใช้งานก็เบิกไปตามที่จะใช้งาน แล้วทุกคนมีความรู้ที่สำนึกว่าเราไม่มาขี้โลภจะมาหากินในกลุ่มชาวอโศก เพราะมันบาปซ้อนบาป ไม่ใช่แกล้งพูดแต่เป็นเรื่องจริง เพราะฉะนั้นก็เป็นคนที่มีภูมิปัญญาปฏิภาณเข้าใจเรื่องนี้ ก็ไม่มีใครเจตนาจะรับเอาไปจากชาวอโศก 

มันซ้อนลึกตรงที่ว่า ในวรรณะ 9 มันคือ คนต้องมาจนหรือมามักน้อย อาตมาพามาเป็นคนจนมาเป็นคนมักน้อย สิ่งนี้ยังยากมากที่คนในโลกโลกียบุคคล จะเข้าใจได้ว่า มาจน ไม่มีเงินไม่มีทอง เป็นคนไม่มีเงินไม่มีทอง..จะใช้ก็ต้องไปเบิกมาจากกองกลาง เขาก็นึกถึงว่าถ้าเขาจะใช้ก็ต้องไปเอาที่กองกลาง เขาจะไปเบิกกองกลางที่ไหน ถ้าไปเบิกจากรัฐบาล รัฐบาลก็จะต้องพิจารณาก่อนจะให้ซึ่งมันไม่ง่าย มันก็ไม่ได้ 

มันก็ซ้อนเพราะระบบรัฐบาลไม่สนิทเนียนเหมือนระบบชาวอโศก อาตมาเคยอธิบายไปแล้วว่า เศรษฐกิจของอโศกหรือเศรษฐศาสตร์ที่ใช้ของพระพุทธเจ้ามาพิสูจน์กันอยู่ในยุคนี้ว่า ทำได้ถึงขั้นฆราวาสว่าเป็นสาธารณโภคี ในยุคพระพุทธเจ้าทำได้แค่ในวงสงฆ์ภิกษุ  ให้ฆราวาสทำไม่ได้เพราะมีข้อจำกัดก็พูดไปหมดแล้วเพราะในยุคโน้นเป็นยุคทาส ยุคไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน เป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มันทำไม่ได้ ข้อจำกัดแค่ 3 ข้อนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว มันมีข้อ 4 ทรัพยากรในยุคนั้นยังไม่อัตคัดขาดแคลนเท่าคนในยุคนี้ด้วย สมัยนี้ทรัพยากรในโลกอัตคัดขาดแคลนแล้วแย่งชิงกอบโกยกันไปเยอะ สมัยก่อนนี้เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มันอยู่ที่พระเจ้าแผ่นดิน เป็นเจ้าของยิ่งใหญ่ และเด็ดขาดด้วยจะริบของใครก็ได้ นอกนั้นก็มีนายทุน ซึ่งนายทุนเงินมีน้อยและยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยมนายทุนก็ไม่มากแต่ก็มีมาเรื่อยๆ แต่มีน้อย แต่เดี๋ยวนี้นายทุนมันแยกกันไปไล่ระดับ นายทุนระดับใหญ่ ระดับกลาง ระดับย่อย ระดับธุลีละออง ระดับขี้ผงมีอีกเยอะเลยนายทุน มันซ้อนๆๆ กันอยู่ในโลก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์แนวคิดเศรษฐกิจของชาวโศกที่ทำจริงมีผลสำเร็จจริง วันพุธที่ 1 มีนาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 18:41:42 )

แนวคิดของโลกีย์เป็นเช่นไร

รายละเอียด

อาตมาอธิบายธรรมะมา ขยายวนแล้ววนเล่า ขยายอย่างหยาบ ขยายอย่างละเอียด เจาะลึกเข้าไป กลับมาสู่ตัวอย่าง แล้วก็ขยายจากหยาบแล้วก็ค่อยๆเป็นลำดับๆๆ ให้ต่อเนื่องเข้าใจไปได้เรื่อยๆ

พยายามแยก อาตมาพูดนี้ก็ไม่น่าจะเข้าใจยาก ระหว่างโลกียะที่คนมีความรู้กันแต่ความดีกับความชั่ว ซึ่งศาสนาพุทธก็เข้าใจ เข้าใจทีเดียว เรื่องความดีความชั่วแล้วก็ไม่ทำชั่ว ทำแต่ดีเหมือนกันกับโลกียะทุกอัน และทำอย่างซ้อนมีสภาพซ้อนเลยว่า ดีอย่างโลกียะ มันดีอย่างรวย ดีอย่างไปข่มเขาอยู่ดี ดีอย่างไปเบียดเบียน ดีอย่างที่เรียกว่าสุจริตเท่านั้น แต่ยังเป็นโลกีย์อยู่ เขายังไม่หมดตัวตน เขายังมีตัวตนที่เต็มไปด้วยความมีลาภไว้เผื่อพอ เผื่อไว้ให้แก่ลูกหลาน เผื่อไว้ให้แก่พรรคพวก มีมากเพื่อจะหว่านสร้างอำนาจ สร้างให้ผู้อื่นมาเป็นบริวารอย่างนี้ แนวคิดของโลกีย์เขาเป็นอย่างนั้น อาตมาสรุปย่อๆ ทั้งนั้นแหละแนวโลกียะทั้งโลก 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 17:06:46 )

แนวคิดที่มิจฉาทิฏฐิ เป็นผู้อุจเฉททิฏฐิ

รายละเอียด

ยมกะภิกษุเกิดทิฏฐิอันชั่วช้า (ปาปกัง ทิฏฐิกตัง)  ว่า พระขีณาสพเมื่อกายแตกตายไปแล้ว (กายัสสะ  เภทา  ปรัม มรณา)  ย่อมขาดสูญ  ย่อมพินาศ  ย่อมไม่เกิดอีก 

ภายหลังพระสารีบุตรช่วยถอนทิฏฐิอันชั่วช้านั้นของยมกภิกษุ  โดยแสดงให้เห็นถึง  รูป  เวทนา  สัญญา สังขาร  วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์  ดับไป  ถึงแล้วซึ่งการตั้งอยู่ไม่ได้แห่งขันธ์นั้น ฯลฯ  (คือ  กิเลสอุปาทานในขันธ์เท่านั้นที่ตายดับสูญไป หรือกิเลสตายขาดสนิท  กิเลสเท่านั้น  ที่ไม่เกิดขึ้นมาอีกเลย  อย่าไปเหมาว่าร่างกายจะไม่เกิดอีก)   (พตปฎ. เล่ม 17 ข้อ198-204)

อันนี้ก็พูดมาไม่ใช่น้อยในเรื่องอุจเฉททิฏฐิ โดยเฉพาะเข้าใจเรื่องอรหันต์มันไม่ใช่ไปเดา ทางบ้านก็ได้อ่านกัน อินเสิร์ทพระไตรปิฎกมายืนยัน 

สิ่งเหล่านี้อาตมาทำงานมา มีพระไตรปิฎกอ้างอิงยืนยัน อาตมาว่าอาตมาหลังพิงพระไตรปิฎกนี้อยู่รอดมา หลังพิงพระไตรปิฎกด้วยเลย ถ้าเผื่อว่าศาสนาพุทธในเมืองไทยกระแสหลักทั้งหมดไม่เอาพระไตรปิฎกด้วยนี่ อาตมาหัวคะมำเลย ล้มคว่ำหัวคะมำเลย แต่โชคยังดี เมืองไทยก็ยังยอมรับนับถือพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐนี้ ไม่เอาฉบับอีกหลายๆ ฉบับอื่นๆ มาให้มันยุ่งยากวุ่นวาย ซึ่งอาตมาว่าฉบับอื่นๆถ้าเอามาอีกมันก็ไม่แล้ว เพราะว่าฉบับนี้เป็นฉบับที่เข้มข้นแล้วที่พระมหากัสสปะเป็นผู้ที่ยอดสรุปแล้ว เอามาเหลือหัวๆ แก่นๆ เนื้อๆ แล้ว อาตมาว่าอาตมาไม่กลัว ที่จะเป็นมหายาน ที่จะอธิบายออกไปเป็นอาจาริยวาท บานตะโก้ออกไปอีก อาตมาว่าอาตมาไม่กังวล ไม่มีปัญหาอะไรมาก เอ้า ผ่านเรื่องนี้ไปก่อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 วันพุธที่ 17 มกราคม 2567 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 20:19:12 )

แนวคิดฝันเฟื่อง

รายละเอียด

ในทางการเมือง  อาตมาเชื่อว่าหากเขาสร้างใหม่เขาก็เป็นเจ้าของอำนาจอย่างเดิม ที่เขาตะโกนนี้มันเป็นการฝันเฟื่อง  ว่าเป็นการใช้อำนาจประชาชนเป็นใหญ่  อาตมาไม่เชื่อจะบอกว่าแนวคิดเขาฝันเฟื่อง  ซึ่งฝันเฟื่องได้ แต่อาตมาไม่เชื่อจริงๆ  ว่าถ้าเขาได้อำนาจจะทำได้ตามฝันเฟื่อง  แต่อาตมาพาพวกเราทำงานจนจิตใจ  มนุษย์ทำเป็นสังคมอย่างนี้ นี่ได้แล้ว ไม่ใช่ฝันเฟื่อง สุจริต ยุติธรรม ได้ขนาดนี้ ดีที่สุดแล้วในสังคมทั้งหลายของโลก  เพราะคนอโศกไม่ได้มีตัวตน ล้างตัวตนได้จริงๆ  แล้วอยู่อย่างมักน้อยสันโดษ ไม่สะสม  เสียสละ ยอมขาดทุน  เสียสละอย่างแท้จริง ขนาดธนาธร นี่ เงินไม่กี่บาทก็ยังเป็นเรื่องขาดนี้  ฟ้องร้องกันอยู่แล้ว มันจะได้อะไร แม้แต่คนในพรรคของคุณเองก็ต้องเอาดอกเบี้ยให้เอามาคืน พฤติกรรมอย่างนี้ก็แสดงแล้ว สำเนียงส่อภาษา  กิริยา  ส่อสกุลมีแต่ไอเดีย  มีแต่ความคิดฟุ้งซ่าน  ว่าฉันจะเอาสวยๆ  งดงาม แต่พฤติกรรมที่เป็นอยู่ ยังทำไม่ได้ในวงเล็กด้วย ในพรรคของคุณเอง  แล้วคุณจะมาทำของมหาศาลเลย  (ส.เดินดิน)  วันนี้คนลาออกจากพรรคเขาหลายร้อยคนเลย  นี่ส่อว่าเขาไม่ได้ รับความเป็นธรรม ความคิดเฟ้อ สวยๆ  นี้ได้  แต่กิเลสของคนก็จะทำให้คนทำจริง  คุณพูดสวย  แต่พฤติกรรมคุณไม่ได้หรอก แต่ชมธนาธร หน่อยว่า  เขาแสดงออกได้ดี ควบคุมอารมณ์ได้ดี  สวยกว่าพลเอกประยุทธ  อันนี้เขาได้แต้ม  แต่ลักษณะเลิกนั้น  พลเอกประยุทธ์ทำงานมาแล้ว 5 ปี  เกื่อบ 6 ปี แล้วพิสูจน์มาขนาดนี้  อาตมาว่า มันไม่ใช่งานง่าย  งานบริหารประเทศชาติ  แล้วก็มีเสือสิงห์ กระทิง  แรด  อยู่ขนาดนี้ ไม่ง่ายหรอก ธนาธรเอ๋ย  แต่พูดอย่างไร เขาก็ต้องทำ  ก็ดูไปไม่ต้องไปดูที่คน  จะมีสิ่งที่จริงเป็นความจริงให้พวกเราดู

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 12:15:01 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:33:12 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:05:31 )

แนวคิดแก้ปัญหาให้คนไปรวยไม่ช่วยแก้ปัญหาจริง

รายละเอียด

คือคนเรายังดี ยังมีคนรับผิดชอบเอาภาระสังคมประเทศชาติ ว่าอย่างนี้แหละ ถ้าไม่มีคนรับผิดชอบเอาภาระสังคมประเทศชาติ ยิ่งมีพวกที่จะล้มเจ้า พวกที่จะแย่งอำนาจ พวกที่จะนึกให้ตัวเองเป็นใหญ่ มีหัวก้าวหน้า จะก้าวไถลหรือก้าวไกลก็แล้วแต่ ก็ว่ากันไป 

ที่จริงก็เป็นจิตเจตนาดีกันของทุกคน เจตนาจะให้เป็นอย่างที่เราคิดว่าดี เช่น เจตนาของคนส่วนใหญ่ เขาคิดพยายามแก้ปัญหา พยายามพัฒนาเศรษฐกิจอย่างที่เป็น ในความคิดที่จะพัฒนาเศรษฐกิจก็คือจะต้องทำให้คนนี้รวย ทำให้คนมีเงินมีทองกันทุกๆ คน หรือให้ทุกๆคนมีเงินมีทองกันมากๆแล้วจะอยู่เย็นเป็นสุข นี่ก็เป็นความเห็นผิดของคนทั่วโลก เป็นความเห็นทางโลกีย์ง่ายๆ เผินๆไม่ลึกซึ้งเลย 

แต่อาตมามองว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ใช่ไปแก้ปัญหาแบบอย่างนั้น อาตมาก็ดี ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ดี ก็มองการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแนวเดียวกันกับพระพุทธเจ้า คือจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้อยู่เย็นเป็นสุข อยู่ได้ดีแล้ว ต้องมาทำให้คนเข้าใจความจน แล้วก็มาทำตนให้เป็นคนจน ทำความเข้าใจให้ได้ว่า ความอยู่ดีกินดีหรือความอยู่เย็นเป็นสุข ความประเสริฐแท้ๆ ไม่ใช่ให้คนไปแย่งกันร่ำรวยหรือจะต้องอยากรวย 

อันนั้นมันเป็นความโลภ เป็นกิเลสธรรมดาๆ โลภเห็นเงินเป็นใหญ่ เห็นตัวเงินตัวทองเห็นตัวทรัพย์ศฤงคาร เป็นเรื่องที่จะยังชีวิตหรือจะทำให้ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข หรือทำให้ชีวิตเป็นใหญ่เจริญรุ่งเรืองเขารู้สึกและเข้าใจอย่างนั้น concept หรือความคิดองค์รวมเขาไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้น 

ซึ่งมันไม่ถูกต้องทั้งตัวเองทั้งความที่เขาคิดอย่างนั้น มันต้องคิดให้เป็นผู้ที่ถ่วงไว้ เพราะธรรมดาธรรมชาติคนมีกิเลสจะต้องไปแข่งกันรวย แย่งกันรวย แต่มันแย่งกันไปได้กี่คน คนจะไปรวย มันก็จะทำให้คนจนหนักเข้าไปเรื่อยๆ 

เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องช่วยถ่วงดุล โดยเรามาเป็นเพื่อนคนจน แล้วก็พาคนจนช่วยกันสร้างสรร อยู่เย็นเป็นสุข รู้จักพอ รู้จักกินรู้จักอยู่ อันนี้แหละเป็นประเด็น อย่าไปหลงโลกว่า กินจะต้องกินแบบนี้ ถึงจะเท่ ถึงจะว่าเจริญ  ถึงจะว่าอร่อย ถึงจะว่าเป็นคนชั้นสูงอะไรอย่างนี้ ซึ่งมันไม่ใช่ 

กินก็คือกินอาหารที่มันเป็นสาระ ได้ธาตุอาหารที่ดีมีสาระ มีคุณค่าที่ดี แม้มันจะไม่หรูหรา ไม่เอร็ดอร่อยไม่อะไรก็แล้วแต่ มีปัญญาเข้าไปถึงเนื้อหาแก่นสารของอันนั้นแท้ๆว่ากินคืออะไร อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนภิกษุทั้งหลายไม่ได้กินเพื่อเล่นหัว เพื่อมอมเมา เพื่อบำรุงบำเรอ เพื่อความเอร็ดอร่อย ไม่ใช่ กินเพื่อให้ขันธ์ตั้งอยู่ได้ ให้ได้ธาตุที่ขันธ์ต้องการ ขันธ์ 5 ของเรา สังขารขันธ์ของเราต้องการ ยิ่งสมัยนี้ทางวิทยาศาสตร์ ทางแพทย์ทางโภชนาการรู้ดีเรื่องการกินอาหารอย่างไร อย่างนี้ต่างหาก 

เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ศึกษาธรรมะ ไม่ชัดเจนในสาระอันแท้จริงนี่แหละ ไม่เข้าใจจุดเป้าหมายสำคัญเนื้อแท้ของสิ่งนั้นเป็นเป้าเป็น Goal เป็น Interest Point ไม่เข้าใจจุดสำคัญพวกนี้ มันผิดเป้าหมด 

โลกหรือกิเลสมันจะหลอกให้ออกนอกเป้าอยู่เรื่อย ออกนอกเนื้อหาแท้อยู่เรื่อย แล้วคนจะโง่ไปตามผีหลอก ตามกิเลส ตามสังคม เป็นสังคมที่เป็นสังคมผี สังคมคนคือสังคมผีหลอก มันหลอกกัน เพราะฉะนั้นคนที่จะมีปัญญา รู้จักเนื้อแท้ รู้จักกันความจริง แล้วดึงคนให้เข้ามาหาแก่นแล้วอย่าให้ไปถูกหลอก ถูกจับไปเป็นบริวารผี มาเป็นผู้มีปัญญา เป็นอาริยบุคคล จึงไม่ง่ายเลย ยากแสนยาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 11:00:14 )

แนวคิดแบบ บุญนิยม

รายละเอียด

คือ เรามีการสร้างสรรของเราได้เท่าไหร่ก็กินใช้ เหลือแล้วก็เอาไปแจก แต่แนวคิดนี้คนต้องลดการใช้ให้น้อยลง เริ่มที่ลดอบายมุข ของที่สังคมเขาว่าต้องมีต้องเป็นต้องไป เราก็เลิกมาก็ลดการใช้จ่าย แต่สมรรรถภาพเรามีเต็มมีมาก เราก็ทำได้มาก พวกเราเป็นอนาคามี ไม่ต้องมีบ้านช่องเรือนชานทรัพย์สินส่วนตัวอยู่กันอย่างศูนย์รวมพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้ากับวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 เป็นธรรมะที่ปฏิบัติได้และเป็นจริง ยุคใดสมัยใด มีผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระพุทธเจ้าโลกนั้นไม่ว่างจากพระอรหันต์ เป็นแดนอาริยบุคคล แดนศิวิไลซ์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 21:03:37 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:34:10 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:07:04 )

แนวคิดโลกุตระเป็นเช่นไร

รายละเอียด

แต่โลกุตระตรงกันข้ามกันกับแนวคิดนี้ แล้วยืนยันได้เลยว่า ไม่ต้องสะสม ลาภหรือเงินทองข้าวของ อยู่ได้ไม่ต้องสะสม มีคงคลังนิดหน่อยพออาศัยหมุนเวียน น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นความเจริญสามารถ ถ้ามีคงคลัง ยิ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งเป็นความสามารถความเจริญ 

แต่โลกียะเขาบอกว่ามีคงคลังมากๆจะใหญ่คือความเจริญ เหมือนอย่างมหาบัวที่เป็นโลกียะเต็มรูปเลย พยายามเรี่ยไรแล้วไม่เอาจากใครหรอกพึ่งพาอาศัยสถาบันแล้วก็ไปเรี่ยไรมา บอกว่าเข้าชาติเพื่อชาติ เอาไปเป็นคงคลังอย่าออกมานะ แต่ตอนนี้น่าจะเอาออกมาหมดแล้วจนกระทั่งหมุนเวียนไปกู้ไปยืม เพราะว่าต้องมากอบกู้ประเทศ ทักษิณนั้นอาตมาว่าโกงไปจนรวยจนกระทั่งแกตายไปแล้วก็ใช้แค่ดอกก็ยังไม่หมด ทุกวันนี้ก็ใช้แค่ดอกเบี้ย ซึ่งที่เขาได้นั้นอาตมาไม่ได้ริษยาเลยแม้แต่ขี้ฝุ่นขี้ผง ไม่ได้ริษยาทักษิณเลยที่เขาทำ ซึ่งมันน่ารังเกียจมากที่ทำแบบนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 17:08:33 )

แนวทางการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนด้วยระบบสาธารณโภคีของหมู่บ้านราชธานีอโศก

รายละเอียด

แนวทาง 1. แนวทางการพัฒนาชุมชน 2. ยั่งยืน 3. ด้วยระบบสาธารณโภคีของหมู่บ้านราชธานีอโศก 

แนวทางการพัฒนาชุมชน ก็อยู่กับหมู่บ้าน ชุมชน ก็มีแนวทางอยู่แล้ว แนวทางที่เป็นแบบจรณะ 15 วิชชา 8 หรือเป็นแบบศีล สมาธิ ปัญญา เป็นไตรสิกขา เป็นลำดับๆไป เป็นแนวทางการพัฒนาชุมชน 

จะพัฒนาชุมชนได้ก็คือพัฒนาคน คนรวมตัวกันเข้าก็เป็นชุมชนเป็นหมู่บ้าน เพราะฉะนั้นคนจึงเป็นแก่นเป็นแกนของความจริง 

พัฒนาคนให้มีคุณธรรมที่เป็นโลกุตรธรรม จึงจะเป็นธรรมะอย่างยั่งยืน ในประเด็นต่อมา จึงจะเป็นธรรมะที่ยั่งยืน นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) 

นี่เป็นสัจจะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นธรรมะที่จบกิจแล้ว ไม่มีการวนเวียน ไม่มีการพลิกฟื้น ไม่มีการหวนกลับอีก จบแล้วจบเลย ตายแล้วตายเลย จึงเรียกว่ายั่งยืน นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) ไม่มีการตายฟื้นตายแล้วตายเลย นั่นคือความยั่งยืน 

เพราะฉะนั้นด้วยระบบสาธารณโภคี นี่เป็นอันที่ 3 คำว่าสาธารณโภคีนี่แหละ เป็นความหมายสุดยอดของเศรษฐศาสตร์ แม้แต่รัฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ที่เป็นสาธารณโภคี อธิบายยากกว่าเศรษฐศาสตร์ที่เป็นสาธารณโภคี เพราะมันเป็นเรื่องของนามธรรมที่บริหาร ส่วนเศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐกิจมันมีตัวรูปธรรม มีสิ่งที่จับติดกว่า ถ้ารัฐศาสตร์มันเป็นนามธรรมมากกว่า เศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์มันมีรูปธรรมมากกว่า ก็อธิบายได้ง่ายกว่า 

สาธารณโภคีหมายความว่า เป็นสาธารณะที่กินใช้ โภคี หรือโภคะ ร่วมกินร่วมใช้ร่วมอาศัยเป็นทรัพย์ศฤงคารเป็นอาหารเป็นผลผลิตอะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างเลย ทั้งสัปปายะบุคคล อาหาร ธรรมะร่วมกันไปหมด รวมกันอาศัยใช้กินร่วมกันหมด เป็นของส่วนกลาง 

ซึ่งอันนี้มันมีในระบบของจีนเขา เรียกว่าแบบกงสี เช่น กงสีจิ้นผิง กงสี คือ กินใช้ร่วมกันไม่แยกกัน แต่กงสีของคนจีน พอลูกเต้าลูกหลานแยกออกไปก็มีการแบ่งไปนะ แต่อันนี้ไม่มีการแบ่งไปเลย ของสัจจะของสาธารณโภคีจะไม่มีแบ่งไม่มีแยกเลย จะรวมส่วนกลางใครก็อยู่ที่นี่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย กินอยู่ร่วมกันจนแก่จนตาย เลี้ยงดูกันจนตาย 

จึงเป็นระบบวิธีที่มนุษย์ร่วมอาศัยกันอยู่ในหมู่กลุ่ม สูงสุด ไม่ไปไหน เป็นเอกภาพ เป็นปึกแผ่น เป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่เกิดจนตาย

เกิดมาจนเป็นโตเป็นหนุ่มเป็นสาววัยสูงขึ้น จนกระทั่งแก่ จนกระทั่งตาย อะไรก็ช่วยกันหมด พึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตายกันได้สมบูรณ์แบบ จึงเรียกว่า สาธารณโภคี 

อันที่ 4 ของหมู่บ้านราชธานีอโศก ก็ยืนยันความจริงกัน หมู่บ้านราชธานีอโศกไม่ใช่ความคิดไม่ใช่ตรรกะ ไม่เชื่อเรื่องฝันๆ เพ้อๆ ไม่ใช่เรื่องยูโทเปีย แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดจริงมีจริงแล้ว มีระบบระเบียบระเบียบ มีหลักฐานเต็มรูป ต่างกันกับยูโทเปียที่ยังไม่ได้เป็นรูปร่างของความจริง ยังเป็นแค่แนวคิดของ Sir Thomas More ต่างกันตรงนี้ นั่นของยูโทเปีย 

แต่ของราชธานีอโศกนี้มันเหนือชั้นกว่ายูโทเปีย เพราะมันมีสถานที่ มีบุคคล มีเครื่องอาศัย มีธรรมะสัปปายะ 4 ครบเลย เป็นลักษณะธรรมะขั้นโลกุตรธรรม 

เช่น บุคคลอยู่ด้วยกันอย่างสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างจริงมีพฤติกรรม กายกรรมเมตตา วจีกรรมเมตตา มโนกรรมเมตตา เมตตามีคุณลักษณะอย่างไร ก็คือผู้ที่ปรารถนาดี ช่วยกันให้พ้นทุกข์ ไม่ได้มาทำรุนแรง ไม่ได้ทำมาเบียดเบียนอะไรกันเลย มีแต่การเกื้อกูลช่วยเหลือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีคุณธรรมลึกซึ้งถึง 4 ขั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 18:54:40 )

แนวทางการอยู่เย็นเป็นสุขทั้งโลก

รายละเอียด

การจะมาสร้างสิ่งที่จำเป็นแล้วจะเกิดความสงบสุขของสังคมโลก ลองลืมตานึกดู  ไม่ต้องหลับตา นึกดูหรอกจะเป็นอย่างไร  สังคมจะเป็นอย่างไร  ก็จะอยู่เย็นเป็นสุขกันทั้งโลกเลย  ไม่เหมือนกับฮ่องกงที่กำลังเกิดความรุ่นแรงยังไม่จบเลย

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 16:58:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:34:41 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:07:55 )

แนะนำผู้ดูแลผู้ป่วยสูงอายุ

รายละเอียด

ผู้ป่วยสูงอายุมักทุกข์ใจเรื่องสรีระที่ร่วงโรยไปอยู่เสมอๆ และกลัวตาย พ่อครูแนะนำว้าอย่าใจร้อนอย่าใจเร่ง อยากให้มันสำเร็จ อยากให้มันได้ผล อยากให้มันได้มากอะไรเกินไป เท่าที่ฟังดูก็มีอัตราการก้าวหน้า มีโปรเกรสชั่น ratio ของพัฒนาการมีการเจริญขึ้นเจริญขึ้นอยู่ 

ก็ดีแล้วอายุขัยมาก สังขารก็ร่วงโรย เจ็บป่วยมาก เร่งมากเดี๋ยวยิ่งแย่ แย่ทั้งทางนามธรรมทางจิต แย่ทั้งทางสรีระด้วย ขอแนะนำอย่างนี้ก็แล้วกัน ไปเรื่อยๆ ก็ดีแล้วอย่างที่คุณค่อยๆ ทำ จะฉลาดเอง แล้วคุณก็จะได้รู้ด้วย จะมีเคล็ดวิชาสามารถที่จะปฏิบัติกับแม่ได้ดีขึ้นดีขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นดีทางนามธรรมหรือธรรมะ หรือดีขึ้นทางสรีระหรือดีทั้ง 2 อย่าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร(บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 13:02:16 )

แนะนำอย่างไรให้คลายความหลงยึดติดงมงาย

รายละเอียด

สรุปแล้ว ถ้าเผื่อติดยึดงมงายหลงอยู่อย่างนี้ก็จะหลงไปอีกนานเลย เพื่อนของคุณที่ว่านี้ ศึกษาให้ดีๆแล้วค่อยๆบอกกันค่อยๆแนะนำเขา อย่าเพิ่งไปหักไปโค่นเพราะเขาเชื่อมั่นยึดถือดีไม่ดีมันจะทะเลาะกันก็อย่าให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน ก็ค่อยๆพูดค่อยๆบอกกันแนะนำให้มาศึกษา ตอนนี้หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่มที่ 1 เปิดเผยอะไรไว้เยอะเลยนะ เล่มเก่าก็มี คนจะมีธรรมะได้อย่างไรเล่ม 1 2 3 ออกมาแจกหมดแล้ว หนังสือเล่มอื่นก็มีเนื้อหาธรรมะบอกไว้ แต่ถ้าจะเข้าหาธรรมะจริงๆก็คนจะมีธรรมะได้อย่างไรหรือเปิดยุคบุญนิยม เจาะเข้าหา คำว่าบุญ คำว่าฌาน คำว่าปัญญา เจาะจงเข้าไปหาพยัญชนะคำหลักสำคัญสำคัญของธรรมะ ของศาสนาพุทธ อ่านดีๆศึกษาดีๆค่อยๆศึกษาไป แล้วปฏิบัติศึกษา ปฏิบัติเรียนรู้ดีๆเบื้องต้นเป็นอย่างไร แล้วก็ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา ก็จะเกิดผลลดละจางคลายเป็นวิมุติไป ศีลข้อที่ 1 2 3 ศีล 5 ข้อเป็นพื้นฐาน ทำให้ได้เสียก่อน มาศึกษาคุยกันกับพวกเราชาวอโศกที่ปฏิบัติแล้วมาคุยกันให้ดี เรายินดีที่จะคุยด้วย และอธิบายสู่ฟังให้ไปปฏิบัติ ขอให้กำลังใจ ติดตามดีๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 10:02:38 )

แนะนำเรื่องอายุยืนยาว

รายละเอียด

ดีแล้ว ไม่ทิ้ง 8 อ. แนะนำเรื่องอายุยืนยาว ต้องมีอิทธิบาท 4 มีความพอใจในการที่จะทำอารมณ์ อาหาร อากาศ ออกกำลังกายเป็นต้น มีอาชีพที่สัมมา พ้นจากมิจฉาชีพทั้ง 5 ถึงขั้นไม่เอาลาภแลกลาภ ดีแล้วที่อยู่ในนี้คนยังไม่มา ถ้าหากเป็นคนที่มีศีลมีธรรมก็ควรเข้ามาได้เลย คนที่ยังไม่มีศีลเลยก็ยังไม่ควรจะเข้ามา ก็ต้องเรียนรู้ให้มีศีลก่อน

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 11:02:46 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 15:21:54 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:08:28 )

แนะผู้บริหารบ้านเมืองตัดรอนสิ่งที่เป็นหายนธรรม

รายละเอียด

มาถึงคราวนี้แล้วโอกาส โควิด ปิดไปเลย ประเทศไทยออกกฎหมายอย่าให้มีวัฒนธรรมอย่างนั้น อย่าไปนึกว่าเป็นวัฒนธรรมดีงามต้องมาดูวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นเรื่องเหลวไหล เสียหายเปลืองเปล่าเลอะเทะ เป็นเรื่องลามกอนาจารกลายเป็นพวกที่ทุนนิยมช่วยโอกาสทำการค้าขายทำให้เสียหายบานปลายอีกเยอะแยะ อาตมาก็แนะไว้ด้วยความจริงใจ ไม่รู้ว่าผู้บริหารบ้านเมืองจะเข้าใจดีไหม เพื่อที่จะตัดรอนสิ่งที่ไม่ใช่วัฒนธรรม นี่เป็นหายนธรรม การรด สาดน้ำ น้ำสงกรานต์ทุกวันนี้ไม่ใช่วัฒนธรรมแต่เป็นหายนะธรรม อาตมาพูดไม่ผิดหรอกเป็นเรื่องที่พูดแล้วเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็แค่ประเด็นเดียวว่าเป็นหน้าแล้งน้ำหายากแล้วเอาน้ำมาเล่นกันอย่างนี้ แค่ประเด็นเดียวก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้แล้วว่ามันผิด ยิ่ง บานปลาย เอาไปเล่นลามกเลอะเทอะก็ยิ่งไปกันใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10  เมษายน 2563


เวลาบันทึก 24 เมษายน 2563 ( 14:47:25 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 15:27:12 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:09:09 )

แบบการห่มผ้าจีวรของสมณะอโศก

รายละเอียด

ออกแบบเองใหม่ ห่มแบบเฉวียงบ่า เหมือนมีสังฆาติ เราใช้แบบนี้มาจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร กลายเป็นว่าเราใช้ผ้า 2 ผืน ไม่ถึง 3 ผืน สังฆาติ ก็ไม่ต้อง เป็นผ้าเปลี่ยนซักใช้เท่านั้นเอง ไม่ได้เดือดร้อนอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2564 ( 19:03:28 )

แบบคนจน

รายละเอียด

คือ ภาษาชัดๆอยู่แล้ว ต้องมาทำตัวให้จนเป็นคนจนกัน อย่าไปแย่งกันร่ำรวย เป็นคำศัพท์ที่สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ธรรมใด วินัยใดเป็นไปเพื่อความมักน้อย ธรรมนั้นวินัยนั้นเป็นของเราตถาคต

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 541


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 13:10:30 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 17:21:02 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:09:52 )

แบบคนจน

รายละเอียด

คือ ประเทศไทยในหลวงรัชกาลที่ 9 พามาเป็นคนจน แบบคนจน  ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา  แต่เป็นหน้าที่ของอาตมาต้องมาทำความจริงขึ้นไป  กษัตริย์ภูฏานศรัทธาในหลวงมีทิฏฐิเห็นด้วยว่ามาเป็นคนจนดีกว่ามาเป็นคนรวย  ชาววอโศกอัตรการว่างงานไม่มี  แต่อัตราความจนมีเยอะ  อโศกทำงานขยันทำงาน  เราไม่ว่างงาน  ขยันหมั่นเพียร  วิริยารัมภะ  แต่เรายากจน  ตรงกับพระพุทธเจ้าสอน  เราอุดมสมบูรณ์ไปด้วยความจน  เราอยากจน  เราจนได้ด้วยความยินดีด้วยซ้ำไป

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:01:20 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:35:52 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:11:37 )

แบบคนจน

รายละเอียด

“เราเลยบอกว่า  ถ้าจะแนะนำได้ ต้องทำ ‘แบบคนจน’

เราไม่เป็นประเทศร่ำรวย  เรามีพอสมควร  พออยู่ได้

แต่.. ไม่เป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก 

เราไม่อยากจะเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก

เพราะถ้าเราเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก

ก็ จ ะ มี แ ต่ ถ อ ย ห ลั ง !

ประเทศเหล่านั้นที่เป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมก้าวหน้า       จ ะ มี แ ต่ ถ อ ย ห ลั ง  และถอยหลังอย่างน่ากลัว ! 

แต่ถ้าเริ่มมีการบริหารที่เรียกว่า “แบบคนจน

แบบที่ไม่ติดกับตํารามากเกินไป ทําอยางมีสามัคคีนี่แหละ

คือ เมตตากัน  ก็จะอยู่ได้ตลอดไป...”

“...คนที่ทํางานตามวิชาการจะต้องพึ่งตํารา

เมื่อพลิกไปถึงหน้าสุดท้ายแล้ว ในหน้าสุดท้ายนั้น

เขาบอก “อนาคตยังมี”  แต่ไม่บอกว่าให้ทําอย่างไร

ก็ต้องปิดเล่ม คือ ปิดตํารา  ปิดตําราแลวไม่รู้จะทําอะไร   

ลงทายก็ต้องเปิดหน้าแรกใหม่  เปิดหน้าแรกก็..

เริ่มต้นใหม่ ถอยหลังเขาคลอง 

แต่ถ้าเราใช้ตํารา แบบคนจน ใช้ความอะลุ่มอล่วยกัน

ตํารานั้นไม่จบ..  เราจะก้าวหน้า “เรื่อยๆ”

 

ที่มา ที่ไป

พระราชดํารัสในวันเฉลิมพระชนมพรรษา : 4 ธันวาคม 2534 

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2562 ( 21:09:56 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:36:37 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:12:20 )

แบบคนจน

รายละเอียด

คำว่าแบบคนจนเป็นศัพท์ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัส ก็คือเอาจากแบบคนจนที่ในหลวงตรัสนี่แหละ อาตมาพูดมานี้มีสิ่งอ้างอิงเป็นหลักฐาน หากพูดโดยไม่มีสิ่งอ้างอิงเป็นหลักฐานคนก็เชื่อยาก และคนที่น่านับถืออย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 ยิ่งอ้างของท่านก็ยิ่งดีเป็นประโยชน์ ผู้ฟังก็จะได้ เข้าใจได้ด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 12:57:41 )

แบบคนจน (คนจนอาริยะ)

รายละเอียด

1. แม้จะจนก็ยังรวย เพราะส่วนตัวเป็นคนจนแต่ไม่ขาดแคลนทรัพย์สินเงินทองส่วนจำเป็นหรือสำคัญที่ตนต้องกินต้องใช้ ก็มีกินมีใช้จากส่วนกลางนั่นเอง เป็นคนจนมหัศจรรย์ เป็นความรวยของคนจนที่ลึกล้ำตามนัยะโลกุตระ

2. คนรวยที่ไม่มีวันจน

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 85-87 , 89


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 12:30:32 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:07:43 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:13:26 )

แบบคนจนคือแบบพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัสว่าเอาแบบคนจน เอาอย่างพระพุทธเจ้า แต่ท่านเป็นในหลวงก็เลยตอบไม่ได้ว่าเอาแบบพระพุทธเจ้า เพราะคนไทยมีหลายศาสนา ถ้าบอกว่าเอาแบบพระพุทธเจ้าก็เลยจะไปกระทบศาสนาอื่น ท่านเป็นในหลวงตรัสแบบนั้นไม่ได้ แต่ว่าอาตมาเป็นสาวกพระพุทธเจ้าพูดได้เต็มที่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน ชุมชนบุญนิยมสร้างจากคนจนมหัศจรรย์


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 12:48:54 )

แบบคนจนมั่นคงยั่งยืนไม่ต้องมั่งคั่ง

รายละเอียด

พูดถึงความมั่งคั่ง นั้นไม่ได้คำนึงถึงพระราชดำรัสในหลวงเลย

คุณจะมั่งคั่งซึ่งจะต้องหนึ่ง โลภมาก สอง ต้องลงทุนทางโกงจะทำการสุจริตไม่ได้ โกงไม่ได้ก็จี้ปล้น ปล้นไม่ได้ก็ฆ่าเลย เป็นลักษณะเลวร้ายมากความมั่งคั่ง อย่าไปเอาแบบความมั่งคั่ง ให้อ่านตามคำตรัสของในหลวงให้แตก เราไม่อยากรวย เราก็รวยพอสมควร คำนี้ก็หมายความว่า เราก็พออยู่พอกินของเรา ชาวอโศกพาให้คนมาจน เราไม่สะสม เราทำได้เยอะอยู่นะ แล้วเราก็พอมีพอกินพอใช้ เรามีสิทธิสิ่งที่สร้างเอง เราก็มีกิน เหลือกินเหลือใช้ แจกจ่ายอยู่ เราก็ขยันตลอดเวลา สร้างสรรค์ไม่ได้หยุดหย่อน มันก็ต้องมีกินมีใช้อยู่ตลอดเวลาเลย ยั่งยืน ตัวนี้ยั่งยืนที่แท้จริงแล้วไม่ต้องมั่งคั่ง เอาแบบคนจน มาเป็นคนจนอย่างนี้มาเป็นคนจน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 13:48:04 )

แบบที่มีทฤษฎีที่ปฏิบัติโดยหลับตา

รายละเอียด

แบบที่มีทฤษฎีที่ปฏิบัติโดยหลับตา คือ  การปฏิบัติหลับตาแล้วมันก็จะเกิดจิตเป็นฌานเป็นสมาธิ  อย่างหลับตานี่มันก็ไม่มีอินทรีย์ 6  ไม่มีโภชเนมัตตัญญุตา  ไม่มีชาคริยานุโยคะ ซึ่งเป็น 3 ข้อ  เป็นหลักปฏิบัติสำคัญ  ถ้าไม่มีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6  ไม่มีโภชเนมัตตัญญุตา  ไม่มีชาคริยานุโยคะ  ก็ผิดหลักการปฏิบัติของศาสนาพุทธในหลักใหญ่  คือ วิชชาจรณะสัมปันโน ในความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นพุทธคุณ 9 มีจรณะและวิชชามันไม่มี  เพราะฉะนั้นความเฉลียวฉลาดที่เกิดอยู่ในภพหลับตา  แล้วเขาก็มั่นใจว่ามันจะเกิดเองได้  หลับตาปฏิบัติให้สนิทดีและปัญญาจะโผล่มา  แล้วการปฏิบัติหลับตานี้  ไม่มีจรณะข้อ  ศรัทธา  หิริ  โอตตัปปะ  พหูสูต  วิริยะ  สติ  ปัญญา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 08:33:52 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:39:55 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:14:25 )

แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า

รายละเอียด

ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบต้องมีองค์สอง คือ ประเด็นนี้สำคัญเลย

  1. กษัตริย์ที่มีรัฏฐาธิปัตย์ของความเป็นราชา 

     2. มวล ประชาชน ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นต้นเป็นตัวแทนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ในความเป็นราษฎร 

ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบต้องมีองค์ 2 คือ กษัตริย์กับประชาชน 

ประชาชนก็ต่างทำกินทำใช้อย่างอิสระ สบายๆอบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูลเพิ่มพูนความเสียสละให้กันและกัน และมีกษัตริย์คือพระเจ้าแผ่นดินก็คือคนจริงๆคือมนุษย์ เป็นตัวตนบุคคลมนุษย์จริงๆในโลก กับประชาชนอีกหนึ่งในโลก ประชาชนคือราษฎร ก็คือคนจริงๆ เหมือนกัน เป็นมนุษย์เท่ากันเหมือนกัน มีนายกเป็นตัวแทน ของประชาชนเป็นต้น เป็นวิธีการของโลกสังคมมนุษยชาติ ทุกวันนี้มีนายกประยุทธ์เป็นต้น 

นายกประยุทธ์บริหารอาตมาก็ยังว่ายังไม่แก่ยังไม่ 70 ปี อาตมาเกือบจะ 90 แล้ว ยังแข็งแรงฟิตปั๋งอยู่เลย กฎหมายที่มีอยู่อาตมาว่าถ้าแก้ได้แก้เลย อย่าให้แค่ 8 ปี อาตมาเห็นว่า ขออภัยเถอะ อาตมาก็มองคนอื่นด้วยนะไม่ใช่ว่าไม่มองคนอื่น ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักคนอื่นที่เขาเสนอตัวเป็นแคนดิเดตออนนี่ก็ยกออกตลอด อาตมาว่าน่าจะให้พลเอกประยุทธ์ทำต่อ ถ้าให้พลเอกประยุทธ์ทำต่อ ตอนนี้มีผู้เข้าใจพลเอกประยุทธ์พอสมควร ยกตัวอย่างเช่น คุณพีระพันธ์ เขาก็เป็นนักกฎหมาย เป็นผู้คร่ำหวอดอยู่ในงานการเมืองมาตลอด รู้ดี คุณพีระพันธ์อ่อนกว่าพลเอกประยุทธ์ แต่เขาอยู่กับการเมืองมาตลอด คร่ำหวอดวงการการเมืองตลอด ก็รู้ดีว่าอะไรควรหรือไม่ควร เขาไม่เอาตัวเองเป็นหลักว่าเขาเป็นนักการเมืองรุ่นพี่ พลเอกประยุทธ์เป็นนักการเมืองรุ่นหลังนะ เขาก็ไม่มีตัวนี้ เขาก็ชัดเจน 

เพราะฉะนั้น เรามีกษัตริย์ในประเทศไทย ยกไว้แล้ว ประชาธิปไตยเป็นพุทธมามกะมาแต่ไหนแต่ไร เพราะฉะนั้นกษัตริย์เป็นหนึ่งรัฏฐาธิปัตย์ ประชาชนเป็นอีกหนึ่งในรัฏฐาธิปัตย์ เป็นราชประชาสมาสัย สิ่งที่กษัตริย์มีความพิเศษแตกต่างจากราษฎรจริง ที่ไม่ใช่คนทั่วไปสามัญจะสะเปะสะปะ เหมือนกับประธานาธิบดีจะเป็นใครก็ได้ ไม่ใช่ เพราะว่าประธานาธิบดี เป็นแค่ให้ประชาชนปัจจุบันนั้น ลงคะแนนเสียงเลือกขึ้นมา ซึ่งมันมีวิธีการ มีอะไรต่ออะไรต่างๆ นานา ปลูกฝังแบบอำนาจ มีวิธีการต่างๆ แต่กษัตริย์เป็นประเด็นที่แตกต่างไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:53:18 )

แบบอย่างของความเป็นประชาธิปไตย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เป็นหลักฐานปรากฏการณ์จริงอะไรต่างๆเกิดในประเทศไทย เป็นแบบอย่างของความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งอาตมาได้ร่วมอยู่ในการทำงาน ตั้งแต่นำประท้วงมา ทำสำเร็จขึ้นมาเป็นรายทางมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นรัฐบาลมาจนถึงที่ว่า รัฐบาลทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์อะไรพวกนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เปลี่ยนมาแล้วมาเป็นของประชาชนพลเอกประยุทธ์แล้ว แต่เขาก็ยังไม่หมดสิ้นเยื่อใยทักษิณ เขาก็ยังจะพยายามอยู่อีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2566 ( 12:32:42 )

แบบอโศกดีมาก รายได้มวลรวมของพวกเราร้อยเปอร์เซ็นต์

รายละเอียด

อโศกเราจีดีพีดีมากเลย รายได้มวลรวมของพวกเราร้อยเปอร์เซ็นต์ คืออะไร ทุกคนทำงานเข้ากองกลางหมดเลย สาธารณโภคี เสียภาษี 100%   

ขออภัยที่พูดเหมือนคุยโม้โอ้อวด ก็ต้องเอาสิ่งที่ถูกต้องของมนุษย์โลกมานำเสนอแต่เขารู้ไม่ถึงจริงๆ GDP องค์รวมที่มีวิธีจัดการ Products ที่ทำ วิธีจัดการของชาวอโศกทำสำเร็จแล้ว และก็สำเร็จได้จบแล้ว เพราะฉะนั้น Domestic ของชาวอโศกในหมู่กลุ่มชาวอโศก จึงมีมูลค่ารายได้มวลรวม เหลือกินเหลือใช้ แล้วก็แจกจ่ายให้ผู้อื่นได้สบาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 05:55:32 )

แบ่งกรรมหรือแบ่งบุญแบ่งบาปไม่ได้

รายละเอียด

ผลกรรมของตนทำแล้วสั่งสมให้แก่ตนออกฤทธิ์แก่ตน เขาจะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้กำหนดกรรม เพราะงั้นกรรมเป็นของตนเอง ตนเองเป็นเจ้าของกรรม กรรมที่ตนทำตนเป็นทายาทของกรรมตนเองด้วย ตัวเองต้องเป็นผู้รับมรดกกรรมตนเองด้วย ไม่รับไม่ได้ด้วย แบ่งใครก็ไม่ได้ ใครไปแบ่งกรรม แบ่งบุญแบ่งบาปให้แก่คนอื่นได้ก็สวยสิ แบ่งได้ก็สบาย เรื่องอะไรจะเอาบาปไว้ก็แบ่งทิ้งไปหมด แจกบาป เอาไปหน่อย เราจะให้หมด มันแบ่งได้หรือ การแบ่งบุญแบ่งบาป เป็นเรื่องตลก คนไม่เข้าใจพูดไปก็น่าสงสาร แบ่งอย่างไรแบ่งบุญ กรรมที่เป็นบุญชำระกิเลสได้ กิเลสของเราชำระกิเลสได้ก็เท่ากับของเราได้ คนอื่นจะไปได้ด้วย เราตัดกิเลสของเราทำลายกิเลสของเราได้ แล้วบอกว่าลูกก็อยากได้ด้วย หลานก็อยากได้ด้วย พ่อได้ด้วยแม่ได้ด้วย ไม่ได้เหรอก็แบ่งให้ มันก็ตลกดี ยิ่งกว่า Charlie Chaplin หนังตลกใบ้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 20:31:06 )

แปลธรรมะด้วยพยัญชนะและสภาวะธรรม

รายละเอียด

อาตมาอธิบายด้วยสภาวะ ไม่ได้แปล ปริโยทาตาด้วยพยัญชนะเท่านั้น ไม่ได้เอาคำของเกจิอาจารย์อรรถกถาจารย์โบราณอาจารย์คนไหนมาพูด อาตมาแปลด้วยสภาวะธรรมของอาตมาขอยืนยันว่าแปลถูกไม่ได้แปลผิดในสภาวะธรรม ถ้าใครไม่มีอคติจะฟังเข้าใจ อาตมาแปลด้วยภาษาไทยให้คนเข้าใจในสภาวะรอบถ้วน พระพุทธเจ้าท่านให้ใช้ภาษาถิ่น ภาษาที่คนฟังรู้เรื่อง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:07:02 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:40:55 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:14:49 )

แปลมัชฌิมาปฏิปทาว่าทางสายกลาง ได้บาปอย่างไร

รายละเอียด

คนที่ไปแปลมัชฌิมาปฏิปทาว่าทางสายกลางนั้น ขออภัยที่ต้องพูดว่าได้บาป มาทำให้คนเข้าใจผิดไป เลยทำให้ตกอยู่ในทางไปอยู่ในสาย ตกอยู่ในทาง ที่มีสาย สายคือที่เขากำลังใช้เชือกดึงเข้าไปในถ้ำนางนอนนี่ไง นำเข้าไปเป็นสาย ก็นำไปในทาง ทางไหนล่ะ ทางก็คือความกว้างสายก็คือเส้น เส้นนี้อยู่ในความกว้างไม่รู้จักสองฝั่งนี้เลย ไม่รู้จักจุดจบด้วย ไม่รู้จัก

อันตา เรียกว่า 2 ข้าง อันตาแปลว่า ปลาย ข้าง อันตะ แปลว่า ไม่มีที่สิ้นสุด อันตาคือพหูพจน์มีสองข้าง เราต้องรู้จักทั้งสองข้าง แล้วทำให้หมดข้างไปเรื่อยๆ ข้างหนึ่งคือกาม ข้างหนึ่งคืออัตตา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:50:23 )

แปลมัชฌิมาปฏิปทาว่าทางสายกลางได้บาปอย่างไร

รายละเอียด

คนที่ไปแปลมัชฌิมาปฏิปทาว่าทางสายกลางนั้น ขออภัยที่ต้องพูดว่าได้บาป มาทำให้คนเข้าใจผิดไป เลยทำให้ตกอยู่ในทางไปอยู่ในสาย ตกอยู่ในทาง ที่มีสาย สายคือที่เขากำลังใช้เชือกดึงเข้าไปในถ้ำนางนอนนี่ไง นำเข้าไปเป็นสาย ก็นำไปในทาง ทางไหนล่ะ ทางก็คือความกว้างสายก็คือเส้น เส้นนี้อยู่ในความกว้างไม่รู้จักสองฝั่งนี้เลย ไม่รู้จักจุดจบด้วย ไม่รู้จัก

อันตา เรียกว่า 2 ข้าง อันตาแปลว่า ปลาย ข้าง อันตะ แปลว่า ไม่มีที่สิ้นสุด อันตาคือพหูพจน์มีสองข้าง เราต้องรู้จักทั้งสองข้าง แล้วทำให้หมดข้างไปเรื่อยๆ ข้างหนึ่งคือกาม ข้างหนึ่งคืออัตตา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:56:25 )

แปลศีลไม่ทะลุ ปฏิบัติจึงไม่ทะลวง นรก-สวรรค์จึงยากจะพ้น!

รายละเอียด

มันเป็น“สิ่งเสพติด” มันคือ “สุราเมรยมัชชะ”แค่ข้อ 5 ของ“ศีล5”เท่านั้น ทาน-ศีล-สัคคะ-กามทีนวะ ก็เบื้องต้นแค่นี้ ก็ไปหลง“สวรรค์หรือสัคคะของกาม”นี้อยู่ได้ ไม่รู้จัก“โทษของกาม”จึงหลงติดอยู่ใน“นรก”แค่นี้ ไม่รู้“นรก-สวรรค์” แม้เพียงแค่นี้

จึงพากันหลงนรก-ติดสวรรค์ที่เป็น“ภพ” เป็น“ชาติ”กันไม่สามารถมี“วิชชา”กันได้เลย 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 377 หน้า 274


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:34:53 )

แปลสภาวะเป็นพยัญชนะต่อพยัญชนะ

รายละเอียด

อาตมาต้องอาศัยสื่อที่มี จำไม่ได้ เอาต้นทางมาที่มีพยัญชนะ พอสัมผัสพยัญชนะก็จะรู้ได้ เพราะการแปลสภาวะเป็นพยัญชนะต่อพยัญชนะ ทุกวันนี้เขาแปลกันผิดเพี้ยนไปจากสภาวะไปเรื่อยๆ อาตมาก็ใช้ตำราเดียวกันมาช่วย ก็จากบันทึก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:26:17 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:41:34 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:15:13 )

แปลเป็นภาษาจีน

รายละเอียด

ก็ใช้ได้ ธรรมกายเต็มๆเจ้าของพุทธธรรมก็คือพระพุทธเจ้ามีรูปนามเต็มๆ เราก็เอาตั้งแต่ กายน้อยๆ ค่อยๆเรียนรู้กายนี่แหละ คำว่า กายคำนี้ จึงต้องเข้าใจให้ดีๆให้ได้ ถ้าเข้าใจคำว่ากายไม่สมบูรณ์แบบไม่มีสิทธิ์เป็นอรหันต์ แยกกายได้ แยกจิตแยกพีชะ อุตุได้ มันอยู่กับเราขั้นนี้เป็นอุตุ พีชะ หรือจิต แล้วก็เป็นกรรมกับธรรมะ เป็นสภาวะ สอง กรรมเป็น Dynamic ธรรมะเป็น Static ที่จะให้เกิดสภาวะเป็นจิตสมบูรณ์แบบ ก็จะทำให้เป็น พีชะได้ อุตุได้ แล้วเราก็อาศัยพีชะในฐานะเป็นชีวิต สิ่งที่ไม่เป็นชีวิตก็ทิ้งไปเป็นอุตุ บายมุข เป็นอุตุไปเลย กามเป็นอุตุไปเลย รูปราคะก็ทำให้เป็นอุตุเลย สุดท้ายทำได้หมดเลย ไม่มีแล้วขั้นพีชะก็ไม่เหลือ คุณก็อาศัยพีชะโดยธรรม คือไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่บาปไม่บุญ แต่อยู่ฐานเป็นอุตุไปแล้วแต่มีจิตเป็นตัวประธานเป็นตัวรู้ครอบงำสิ่งนี้ทั้งหมด ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ นี่คือสัจจะที่อาตมาอธิบายภาษาสู่ฟังใช้สำนวนภาษาไทย อีกหน่อยไม่ถึงร้อยปี ที่อาตมาพูดไว้เขาจะเอาไปแปลเป็นภาษาอื่น เพราะไม่มีคนอื่นพูดได้อย่างอาตมา ไม่กลัวใครแย่งด้วย ต่อไปคนที่มีปฏิภาณปัญญาจะค้นคว้าขึ้นมาแล้วจะเห็นความสำคัญ อีกกี่ปีชาติไหนก็ไม่รู้ล่ะ อีก 10 ปี 20 ปี 30 ปี ก็ ไม่ต้องไปดูไบ ดูไปก็แล้วกัน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:11:30 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:16:00 )

แปลโอวาทปาติโมกข์แบบสมณะโพธิรักษ์

รายละเอียด

แต่โลกุตระคือ บาปท่านไม่มีเด็ดขาด สัพพปาปัสสอกรณัง ไม่ทำบาปทั้งปวง ไม่มีกิริยาของท่านที่เป็นบาปอีกเลย ถ้าท่านยังทำอะไรอยู่ก็ กุสลสูปสัมปทา ทำกรรมอะไรก็มีแต่ดี เพราะจิตทำได้ถาวรยั่งยืนแล้ว  สจิตตปริโยทปนัง นี่คือแปลโอวาทปาติโมกข์อย่างโพธิรักษ์ คนมีภูมิอย่างไรก็แปลอย่างนั้น คนที่ฟังจะรู้เรื่องดีอันไหนก็เอาอันนั้น ไม่มีปัญหาอะไร ก็เอาที่คุณเห็นว่าดี คนที่ฟังอาตมายังไม่รู้เรื่องยังไม่เห็นว่าดีก็ไม่ต้องเอา อาตมาพูดให้คนรู้เรื่องทำได้ ก็เอาอันนั้น อาตมาไม่เก็บค่าสอนค่าบรรยายธรรมฟรี ยิ่งไปกว่านั้น เลยจากกัมมานังแล้ว

       6. โลกหน้า  มี (อัตถิ ปโร  โลโก) หมายถึง โลกโลกุตระ 

  1. มารดา  มี (อัตถิ มาตา) 

  2. บิดา  มี (อัตถิ  ปิตา)

  3. . สัตว์ที่ผุดเกิดอุปปัติเอง มี (อัตถิ  สัตตา โอปปาติกา)

ยกเว้นข้อ 10 ก่อน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2563 ( 10:07:59 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:26 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:16:35 )

แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู

รายละเอียด

จริงๆ ก็มาไขความนิดนึง คำว่า โลกุตระ ที่คุณมุ่ง ตรงธรรม ว่า โลกุตระดำรงอยู่เพียง 500 ปีจากนี้ไป หลัง 500 ปีนี้ก็ย่อมมีแต่จิตวิญญาณที่มาเกิดย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำแทบจะส่วนเดียว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 17:22:03 )

แผนผังถ้าพ่อครูอยู่ได้ถึง 151 ปี

รายละเอียด

สามเหลี่ยมด้านซ้ายมือ จะมีสีเขียวมุมล่างสุด 

x1 นั่นคือช่วง 36 ปีที่อาตมาเกิดมาในโลกยุคนี้ อายุ 36 ปี อาตมาก็ออกบวชเป็นตัวตั้งของโลกุตรธรรม ที่จะสถาปนาลงไปในยุคนี้ 

x2 คือเริ่มทำงานไปจนถึงอายุ 72 ปี ก็ได้มรรคผลพอสมควร จากนั้นต่อไปอีก 

x3 จะต่อไปให้ถึงอายุ 108 ปี โลกุตรธรรมจะตกผลึกสถาปนาลงไปในโลกมนุษยชาติโดยเฉพาะคนไทย 

สามเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ทางซ้ายหมายถึงตอนที่อาตมาทำงานอยู่ ถ้าอายุ 108 ปี จะมีโลกุตรธรรมถึง x3 

x4 ถ้าอาตมากระเสือกกระสนไปถึง 144 ปี ถ้าทำได้ถึง 144 ปี จะได้โลกุตรธรรมถึงขนาดนั้น อาตมาก็คงจะพัก จะหยุดแล้วก็คงไม่ตายทันที ก็คงจะมีโมเมนตัมไปอีก 7 ปี เหมือนพระมารดาของพระพุทธเจ้าไปได้อีก 7 วัน มีพลังงานเต็มเหยียด 

x5 จะเรียกว่าเป็นการเสวยวิมุติอีก 7 ปีก็ได้ ตัวอาตมาจะมีชีวิตนำพาไป 151 ปี แล้วอาตมาก็ตาย พอตายลง โลกุตรธรรมที่มีอยู่ในโลกที่คนรับช่วงได้และนำพากันไป ท่านติกขะบ้าง ท่านบินบนบ้าง สมณะ สิกขมาตุ หรือฆราวาสทั้งหลาย ที่มีโลกุตรธรรมก็จะนำพากันไป มีอยู่ในตัวเองแล้วก็ขยายผลสืบทอดต่อยอดไปให้กับผู้อื่นต่อไป 

เนื้อหาสาระของโลกุตรธรรมก็จะมีอยู่ในโลกดังแพทเทิร์นที่มันจะยาว จากจุดที่พีคสุด 151 ปี แล้วความเข้มข้น เข้มสุดสีน้ำเงินก็จะค่อยจางลงไปหาปลาย ระยะทางคือ ความยาวไปถึง 2,500 ปี รวมเต็ม 

ศาสนาพุทธมีมาแล้ว 2,500 ปีอาตมาก็มาสืบทอดไปอีก 2,500 ปี ทำเอาไว้แล้วจะเกิดเนื้อแท้ของโลกุตรธรรม จนกระทั่งอาตมาไม่เกิดมาอีกแล้ว เนื้อของโลกุตรธรรมก็จะมีของมันไป ให้แก่มนุษย์โลกไปยาวถึง 5,000 ปี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 17:30:13 )

แผ่นดินพุทธคือสังคมคนอาริยะ

รายละเอียด

ไม่ได้มาพูดเล่น อาตมามีภูมิรู้สิ่งนี้ อาตมามีโลกุตระ ก็เอามาทำงานแล้วมีคนรับได้ อาตมาไม่เก่งเท่าพระพุทธเจ้าหรอก ว่าคนไหนเป็นคนรับได้คนแรก อาตมาก็ไม่รู้ได้ แต่ประกาศมาก็มีคนมารวมกัน ได้เป็นอาริยบุคคลเป็นโลกุตรธรรม สังคมคนอาริยะ จนเดี๋ยวนี้กล้าขึ้นบนหลังคาว่าแผ่นดินพุทธ ใส่เข้าไปอย่างมั่นใจ ซึ่งก็เคยเล่าว่า แต่ก่อน คำว่าแผ่นดินพุทธตั้งใจจะตั้งขึ้นที่ปฐมอโศกเป็นชุมชนแรก มันก็ไม่ลงตัวไม่สำเร็จเป็นไปไม่ได้ ก็ไม่ได้ทำใส่ เราเรียงหินที่อ่างลงหิน ในวันที่ทางกรุงเทพฯ มีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬกำลังปฏิวัติกันใหญ่ ทางคุณจำลองอยู่ที่กรุงเทพฯ เราก็สร้างอ่างลงหินที่ปฐมอโศก ทางเราก็สร้างธรรมะ เป็นอจินไตย ต้องควบคู่กัน ไม่พูดมากกว่านี้ ทุกอย่างก็มีคู่กันอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 12:35:53 )

แผ่นดินพุทธมีแห่งเดียวในโลกอยู่ที่ชาวอโศก

รายละเอียด

อาตมาตั้งข้อสังเกตมาหลายมุมหลายมิติหลายแง่ มิติที่พูดซ้ำบ่อยๆ อาตมานำธรรมะพระพุทธเจ้ามาอธิบายขยายความมาสอนมาพูด อาตมานำมาจากพระไตรปิฎก แม้แต่ก่อนนี้ อาตมายังไม่มีพระไตรปิฎก มันก็เป็นธรรมะที่ตรงกับพระไตรปิฎก ตอนหลังอาตมาก็เอาพระไตรปิฎกยืนยันอ้างอิงตลอดเวลาเลยเขาก็เลยเงียบๆไป 

นอกจากจะเอาพระไตรปิฎกมาอ้างอิงยืนยันแล้ว เราก็ปฏิบัติได้มรรคได้ผลมีชีวิตบรรลุธรรม อาตมาสรุปว่าชาวอโศกปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าบรรลุธรรมเรียบร้อย จนกระทั่งกลายเป็นสังคมที่มีสาราณียธรรม 6 เรียบร้อย มาอยู่กันเป็นชุมชนสังคมพุทธ ที่ขึ้นป้ายว่า “แผ่นดินพุทธ” ซึ่งไม่ได้ขึ้นป้ายเล่นนะ ยืนยันจริงว่ามีพุทธแท้อยู่ที่นี่ในชาวอโศก ที่อื่นไม่มี ขออภัยที่พูดความจริงตรงเกินไป ที่อื่นไม่ใช่พุทธหรอกถ้าไม่ใช่ชาวอโศก ขออภัยจริงๆ เลย รู้สึกว่าเกรงใจที่พูดคำนี้มันแรง ไปดูถูกดูแคลนคนอื่นเขาจริง แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ โดยสัจจะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:41:21 )

แผ่นดินไทยมีความสงบด้วยปัญญาด้วยภูมิธรรม

รายละเอียด

พอพูดถึงอันนี้แล้วอาตมานึกถึงที่เราไปใช้ปัญญาใช้ความจริงไปประหารรัฐบาลได้เอาประชาชนไปทำรัฐประหารรัฐบาลได้ถึง 4-5 รัฐบาล โดยใช้ความจริงความสงบความถูกต้อง และก็พยายามให้คนเกิดความเข้าใจเกิดปฏิภาณปัญญาว่าคุณแพ้คุณผิดนะคุณไม่ถูกต้องนะ คุณอย่ามาทำต่อต้านอย่ามาทำเป็นยกตัวเองขึ้น คุณควรถอยไปควรแพ้ควรเลิกควรหยุด เพราะฉะนั้นศัตรูยอมแพ้เพราะอำนาจของความถูกต้องอำนาจของความจริงที่เขาต้านทานไม่ได้ ซึ่งมันก็เป็นความซับซ้อนในแผ่นดินไทยมากกว่า ความสงบไม่ได้รุนแรงเลยเขามีมีดมีปืนมีระเบิดอะไรเข้ามาทำ จนกระทั่งเขาไม่กล้าทำ หรือแม้เขาจะถูกสั่งให้ทำคนอื่นๆที่เป็นลูกน้องก็จะไม่กล้าทำ เพราะเขามีใจ มีปัญญา มีภูมิธรรม รู้ว่าอย่ามาทำกับคนที่ดี มาทำสิ่งที่ผิดให้แก่คนถูก เกิดภูมิปัญญาละอายที่จะทำสิ่งที่ผิดที่จะไปเสริมพลังหนุนบัลลังก์ให้แก่คนผิดประชาชนทั้งหลายแหล่เป็นลูกน้องเขาเอง ก็ไม่เอาด้วยจนสุดท้ายลูกน้องก็ละอายแม้ว่าจะเอาอำนาจเงินอำนาจฐานะตำแหน่งหน้าที่อะไรก็แล้วแต่ก็ไม่ได้ จนหมดฤทธิ์หมดอำนาจทั้งเงินทองและอำนาจแห่งอำนาจก็ไม่สามารถทำให้คนมาทำอะไรได้ ตัวเองนั้นเป็นผู้บงการอยู่ข้างหลังสั่งการอยู่เท่านั้น ที่บอกว่าเสียงปืนดังผมจะมาเดินนำนี่ขี้โม้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:12:39 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:49 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:17:34 )

แผ่นดินไหวที่พระปฐมเจดีย์

รายละเอียด

พอได้พระบรมสารีริกธาตุมา กำลังนั่งล้อมวงจะฉันอาหารกัน แผ่นดินก็ไหวเลย ตรงที่พระปฐมเจดีย์นั่นแหละ ก็มีแผ่นดินไหว จากนั้นมาอาตมาจึงนำพระบรมสารีริกธาตุมาเก็บรักษาเอาไว้ จนกระทั่งมีคนนั้นคนนี้เอาพระบรมสารีริกธาตุมาให้อีกเยอะเลย ไหลมาเทมาเยอะแยะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 37 วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:34:31 )

แพทย์ศาสตร์เป็นเดรัจฉานวิชา 

รายละเอียด

แพทย์ศาสตร์เป็นเดรัจฉานวิชา อาตมาไม่ได้ด่าแพทย์ แต่อาตมาพูดหลักวิชาการ โอ้โหถ้าอาตมาด่าแพทย์ อาตมาบรรยายความจริงไม่ออก อาตมาออกจากที่บรรยายไม่ได้ ถูกอัดตายอยู่ที่นั่น มาเต็มแน่นกันเลยนะ อาตมายังจำได้ ตั้งชื่อการบรรยายว่า แพทย์ศาสตร์เป็นเดรัจฉานวิชา คนไปฟังเข้าไปในห้องประชุมที่อาตมาจะบรรยายแน่นเลย 

มีทั้งผู้ที่เรียนหมอ มีทั้งวิศวะด้วย ปนกันไปในนั้นอัดกันไป 

อาตมาก็ต้องสาธยายด้วยหลักวิชาของพระพุทธเจ้า คำว่า เดรัจฉาน หมายความว่าขวางทางนิพพาน มันไม่พาไปนิพพาน วิชาแพทย์เป็นวิชาการเทคนิคอย่างหนึ่ง  เทคนิคในการที่จะเรียนรู้สรีระมนุษย์ มีจิตวิทยาบ้าง แต่ไม่เหมือนของพระพุทธเจ้าแน่นอน โดยเฉพาะยิ่งจิตวิทยาที่ถึงขั้นนิพพาน เพราะฉะนั้นแพทย์จึงไม่ได้เรียนวิชาที่จะพาไปถึงนิพพาน 

ทีนี้นอกจากว่าแพทย์ไม่พาไปถึงนิพพาน แพทย์ยังขวางทางนิพพานอีก คือ คนที่เก่งแพทย์ มีความสามารถในแพทย์ เขาก็ภูมิใจปลื้มใจว่าเขามีประโยชน์ เขาก็จะรักในงานแพทย์ คุณก็จะรักแต่งานแพทย์ ไม่ได้พาไปนิพพาน มันก็ต้องขวางนิพพานสิ เขาก็จะวนอยู่ชาติแล้วชาติเล่า ชอบวิชาแพทย์และคุณก็รัก คุณก็จะชำนาญ คุณก็จะมีวิบากกับคนส่วนที่จะรักษากัน คุณก็จะเกิดมาในวัฏสงสารเกี่ยวข้องกันกับคนที่จะต้องรักษา ต่างๆนานา คุณก็จะเป็นแพทย์อีกไม่รู้กี่ชาติ จนกว่าคุณจะเบื่อแพทย์ ปล่อยวางไป เรียนอย่างอื่นดีกว่า โดยเฉพาะมาเรียนวิชานิพพานดีกว่า คุณจึงจะเลิกเรียนวิชาแพทย์ มาเรียนวิชานิพพานอย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 จากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2565 ( 05:09:55 )

แพทเทิร์นบุคคล

รายละเอียด

เข้าสู่ประเด็นที่เราจะซ้ำซาก บุคคล 7 สัทธานุสารี ธัมมานุสารีเป็นคู่ แต่เราก็ทำให้เห็นตามแพทเทิร์น สัทธานุสารี ก็ต่ำกว่าธัมมานุสารี 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:24:51 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:43:14 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:17:53 )

แพทเทิร์นโลกุตระจะขึ้นจุดพีคที่ 500 ปี ถ้าพ่อครูอยู่ได้ถึง 151 ปี

รายละเอียด

โลกุตระ แพทเทิร์น สามเหลี่ยมด้านซ้าย รวมแล้วระยะเวลาที่ทำงาน 500 ปี แล้วก็จะมีคุณภาพของมุมสูงตั้งขึ้นไป คุณภาพของโลกุตรธรรมสูงสุดตรงนั้น ระยะทางด้านล่าง จากมุมสามเหลี่ยมไปถึงขีดแดง 500 ปี เดี๋ยวอาตมาก็ขยายขึ้นไป 144 บวกอีก 7 เป็น 500 ปี นั่นเป็นหน้าที่ที่อาตมาจะต้องทำ ทำเสร็จแล้วก็มีมรรคผล มีวิบากมีผลที่เกิด เป็นคุณสมบัติคุณธรรม ของโลกุตรธรรม ให้มนุษย์ได้รับได้อาศัย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 17:40:11 )

แพศย์

รายละเอียด

เป็นพวกปัญญาชีพ มีจิตยึดในจิตวิสัยเป็นสำคัญ ใช้ความฉลาดรักษาตัวรอด ดำเนินชีวิตยังความเป็นอยู่ เป็นผู้ถนัดใช้ทางปัญญาเป็นเอก ใช้กำลังกายเป็นรองนั่นเอง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 194


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:05:47 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:08:57 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:18:12 )

แพ้ความจริง

รายละเอียด

แพ้ความจริง  คือ คุณทักษิณเขาไม่ได้แพ้อื่นเลย  เขาแพ้ความจริง เขาผิดจริง  ทุจริตจริงเลยพรางลวงด้วยอำนาจเงิน  จนทุกวันนี้ยังไม่พ้นเลย  ไม่ได้เป็นคนไทยแล้ว  ก็ไปซื้อบัตรประชาชนคนมอนเตเนโกร  ก็อย่างนี้เอาเงินไปทำ  ประเทศที่เห็นแก่เงินก็ทำไป  เป็นความดิ้นรน  เป็นการแส่ของตัณหา  ทั้งนั้นเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 13:57:47 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:44:29 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:18:35 )

แพ้ชนะก็อันเดียวกันคือ 0

รายละเอียด

ผู้ที่แพ้ได้เด็ดขาดอย่างไม่มีปัญหา แพ้อย่างสุขสบายแท้ ไม่ได้เดือดร้อนแท้ การแพ้คือการถอดตัวตน การไม่มีตัวตนไม่เหลือตัวตนเลย แพ้ชนะก็อันเดียวกันคือ 0 เพราะฉะนั้นท่านแพ้ได้นั่นแหละคือท่านชนะได้สุดยอด เป็นสัจจะที่เป็นสิริมหามายา ผู้แพ้คือผู้ชนะ นี่คือ นี่นักเล่นกลนะ นี่เขียวหรือแดง นี่เขียวหรือแดง นี่เขียวหรือแดง นักเล่นกลจะเร็วมากจนไม่รู้ว่าเขียวหรือแดง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 17:16:20 )

แพ้ทางโลกียะ แต่ชนะทางโลกุตรธรรม

รายละเอียด

จะเข้าใจอย่างนั้นก็ได้ แพ้ทางโลกียะ อาตมาแพ้จริงๆ ทางโลกียะ อาตมาแพ้หมด แม้แต่ทางธรรมะโลกียะธรรมะ เขาก็ชนะอาตมา แต่เขาเอาชนะทางโลกุตระไม่ได้ เขาเอาชนะอาตมาทางโลกียะได้ อาตมาก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไร เขาจะชนะก็ชนะไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือก้อนแห่งสัมมาทิฏฐิที่คนต้องมีฉันทะมาเอา วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 19:19:04 )

แฟชั่นตู้ปันสุข

รายละเอียด

ตอนนี้เมืองไทยมีแฟชั่นตู้ปันสุขเต็มไปทั่วประเทศ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 10:09:48 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:14 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:18:50 )

แม่กับพ่อ

รายละเอียด

แม่คือศีล พ่อคือปัญญา เอาพ่อและแม่มาช่วยกันเอาศีลกับปัญญามาช่วยกันให้เกิดจิตใจที่เป็นสัตว์โอปปาติกะ จิตของพวกเราก็เป็นสัตว์โอปปาติกะ เกิดใหม่เกิดเป็นกัลยาณชนเกิดเป็นโลกุตระบุคคลได้ เกิดในตัวเรานั่นเอง เป็นการอุบัติเกิดที่จริง ได้สำเร็จ นี่คือความรู้ความสามารถที่แจกแจงเปิดเผยให้คนรู้เข้าใจตามปฏิบัติตามมีมรรคผลตาม สิ่งนั้นก็บริบูรณ์สมบูรณ์ อย่างอาตมารู้ตั้งแต่ทินนังจนถึงสัตว์โอปปาติกะอย่างที่ได้กล่าวอธิบาย พวกเราพอปฏิบัติได้บ้างแล้วใช่ไหม

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:41:27 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:45:46 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:19:22 )

แม่ของพุทธะ

รายละเอียด

เป็นมโนปุพพังจิตวิญญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรงแท้

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 373)


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 20:56:01 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 08:09:45 )

แม่จนดีกว่าแม่รวย เพราะเหตุใด 

รายละเอียด

ส่วนแม่อีกคนหนึ่งก็พาลูกมาอยู่ที่นี่เลย มีลูก 3 คน ปีที่แล้วลูกเขาจะไปเรียนข้างนอก ตอนจบ ม.3 ก็บอกว่า ไปข้างนอกแม่ก็ไม่มีตังค์เพราะว่าแม่มาทำงานฟรีอยู่ที่นี่ พ่อกับยายก็ไม่มีตังค์ให้ ก็เลยให้ลูกอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน มันจนก็เลยให้ลูกมาอยู่ที่นี่เป็นไฟท์บังคับ ลูกก็นิสัยดีขึ้น แต่ก่อนเข้ากันไม่ได้เลย เช้ามืดก็ไปทำงาน เย็นก็กลับมาหุงหาอาหาร กินข้าวเสร็จ 3 ทุ่ม ก็เข้านอน เช้าก็ไปตัวใครตัวมัน อยู่ที่นี่ก็ได้คุยกับลูกบ้างมีอะไรก็เล่าให้ฟัง เขาบอกว่าอยู่ที่นี่ทำให้ลูกเขานิสัยดี เข้ากับลูกได้ดีขึ้นสนิทสนมกัน ความจนของเขาทำให้ลูกไปไหนไม่ได้ อยู่ที่นี่ทำให้ลูกนิสัยดีขึ้นด้วย สรุปว่าแม่จนดีกว่าแม่รวย แต่ก่อนก็อยากรวย 

อันนี้จริงนะ พ่อแม่จนนี้ดีกว่าพ่อแม่รวย นอกจากนิสัยมันมาจากสันดานของเด็กที่ไม่ดี เป็นเชื้อเก่าของเขาแรง อันนั้นก็จริง แต่ถ้าเผื่อว่าไม่มีเชื้อเก่าที่มันเลวร้ายแรงมาเก่า เหตุปัจจัยองค์ประกอบในปัจจุบันธรรม มันมีฤทธิ์มากกว่า มันเปลี่ยนแปลงอะไรต่ออะไรได้มากที่สุดในปัจจุบันนี้แหละ มันเป็นองค์ประกอบด้วยเหตุแวดล้อมต่างๆ ช่วยได้ ยิ่งอยู่ในหมู่ อย่างพวกเราอยู่ในหมู่คนจนกัน ต่างคนต่างไม่ฟุ้งเฟ้อ เป็นจริง เป็นใจจริงด้วย เราเข้าใจจริงๆ ด้วยว่ามันไม่แปลกอะไร มาจนจริงๆ ไม่ต้องมีเงินเลย อยู่กับที่นี่ ถ้าจะใช้จำเป็น เราก็มีกองกลางเบิกเอาไปใช้ยามจำเป็น เหลือก็เอามาคืน ใช้หมดไม่พอก็ขอเบิกอีกอะไรต่ออะไรไป ซึ่งมันเป็นสัจจะ มันเป็นความจริงใจ มันเป็นความจริงๆ เป็นความจริงจัง มันเป็นความจริง(โว้ย)

อาตมาไม่ได้เป็นผู้ค้นพบทฤษฎีนี้นะ พระพุทธเจ้าค้นพบมาแล้ว ในวรรณะ 9 มันชัดเจนที่สุดเลยนะ ตัว อัปปิจฉะ ที่อาตมามาแปลชัดๆ ว่า กล้าจน ก็คือมักน้อย ความมักน้อยเอาแต่น้อยๆ มีแต่น้อยๆ มีมากๆ ไม่เอา มีมากๆ ก็สะพัดออก เอาเท่านี้ก็พอ มีน้อยๆ แล้วมีกำกับด้วยคำว่า อปจยะ ไม่สะสมเลย แล้วมันก็มีทฤษฎีของพระพุทธเจ้าที่เป็น สาธารณโภคี มันก็จบ ทฤษฎีนี้จบ มีทั้งเหตุปัจจัยแวดล้อมหลักธรรมตามธรรมะพระพุทธเจ้าครบครันสมบูรณ์เลย แล้วมันก็พิสูจน์ได้ยืนยันได้ อย่างพวกเรามาปฏิบัติจริงยืนยัน คนที่มีจิตวิญญาณที่เข้าเกณฑ์ของธรรมะพระพุทธเจ้า บรรลุธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ทุกคำๆๆ มันจะชัด เมื่อยิ่งมีหมู่กลุ่มที่ต่างคนต่างประพฤติกันคนละมาก คนละน้อย คนละสมบูรณ์ มีคนที่สมบูรณ์แบบกันเยอะๆ เป็นตัวอย่าง มันไม่มีคำพูดที่จะอธิบายว่า นี่คือความจริงที่จริงที่สุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นแม่ที่ให้กำเนิดโลกุตรจิต วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 12:17:01 )

แม่ทางจิตวิญญาณ

รายละเอียด

ผู้ที่สอน ผู้ที่ได้บอก บอกทฤษฎีบอกนำพาช่วยกันให้ปฏิบัติ จนกระทั่งรู้ได้โดยปฏิบัติธรรม ลดกิเลสออกทีละระดับ หยาบ กลาง ละเอียด ไปเรื่อยๆ เป็นปัจจัตตัง รู้ได้ด้วยตนเอง จนกิเลสมันหมดไป ผู้ที่นำพาอย่างนั้นได้เรียกว่า แม่ เรียกว่า มาตา เรียกว่า มารดา ผู้ให้กำเนิด ซึ่งมันเป็นเรื่องของการเกิดทางจิตวิญญาณ ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องไปมีการสมสู่ มีอะไรต่ออะไรแบบโลกแล้ว เพราะฉะนั้นมาถึงขั้นสูงก็ไม่มีแล้ว กามหยาบ สมสู่ สัมผัสแตะต้อง ไม่มีแล้ว 

อันนี้เป็นนามธรรม เป็นธรรมะอันละเอียดแล้วทำให้เกิดได้ หมดกาม รูปธรรม เบื้องต้นก็จะมี มโนมยอัตตา ข้างนอกบ้าง จนกระทั่งไปถึงข้างในจนหมดเลยข้างใน หมดอารมณ์ที่จะไปปรุงแต่ง เรียกว่า ปรุงแต่งภายในจิตเอง ฝันเอง เพ้อเองเป็นสุขเอง อะไรเอง ทุกข์เอง จนกระทั่งรู้ว่ามันโง่อยู่อย่างนี้ก็เลิก ลดความสุขความทุกข์ไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นแม่ที่ให้กำเนิดโลกุตรจิต วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2566 ( 19:09:17 )

แม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทุกคนเป็นได้ 

รายละเอียด

ยุคอาตมาพาทำ พวกเราทำได้จนกระทั่งเกิด สาราณียธรรม 6 สร้างเป็นชุมชน สาราณียธรรม 6 นี่ เป็นสังคมสาธารณโภคี มาอยู่กันอย่างนี้ ซึ่งเป็นตัวอย่าง ในเทวนิยมเขาไม่มีหรอก มีในพุทธแล้วมันก็เสื่อมตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่ามันจะเสื่อมแล้วมันก็เสื่อมจริงในยุค 2500 ปี ถ้าอาตมาไม่เข้ามาสถาปนาโลกุตรธรรมลงไปอย่างนี้ ขออภัยนะ อาตมาไม่ได้อยากอวดตัวตนอะไรหรอก กำลังพูดความจริงเท่านั้น เพราะอาตมามีจริง ทำจริงแล้วก็เอามาอธิบาย เอามาให้พวกเรารู้แล้วพวกเราก็เข้าใจ แล้วก็ลดละปลดปล่อยเลิกละมา จนกระทั่งเป็นสังคมสาธารณโภคีกันอย่างที่เป็น ก็คือชุมชนชาวอโศกที่มีกระจายกันอยู่ทั่วประเทศขณะนี้ ยังไม่ใหญ่ ไม่โตหรอก แต่ว่ามันสุดยอดพีระมิดแล้ว เป็นยอดพีระมิดจริงๆ มันก็ต้องเป็นไป 

อาตมาไม่ได้สงสัย ไม่ได้อยากใหญ่ อยากมั่งอยากมีอะไรแต่มันมีมากก็ดี ไปบังคับหลอกล่อเอาไม่ได้ มันเป็นไปตามจริงจะได้เท่าไหร่ก็เป็นไปตามจริง ต้องช่วยกัน อาตมาได้ พวกเราได้ก็ขยายไปมันเป็นสัจจะ มันเป็นธรรมะ มันเป็นสัจจะที่มันเป็นไป เพราะฉะนั้นผู้ให้กำเนิด ให้กำเนิดทำไม?..ให้กำเนิดเพราะเราต้องเกิดมาแล้วเราก็จะใช้ชีวิต ชีวิตเราจะต้องถูกใช้ไปจนกว่าจะ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เพราะฉะนั้นในการใช้ชีวิตไปจึงมีฐานที่ตั้งของการจบกิจ จบเรื่อง จบสุขทุกข์นั่นเอง จบสุขทุกข์นั่นแหละเป็นตัวสำคัญ เพราะฉะนั้นท่านถึงเอาสุขกับทุกข์มาเป็นตัวตัดสิน แล้วคุณต้องอ่านอารมณ์สุข อารมณ์ทุกข์ของคุณให้ออก อันนี้ไม่มีใครจะไปบอกกับใครได้ คนหลงผิด มันก็ไปหลงเอง เขาก็ได้อย่างผิด 

เพราะฉะนั้นสุดท้ายจริงๆ แล้วใครตัดสิน ตัวเราเองเป็นผู้ตัดสิน ถ้าเราโง่ไปเข้าใจความผิดว่าเป็นความถูก จะเหลือผิดน้อยนิดเท่าไหร่ คุณก็เป็นคุณเอง ใช่ไหม จะเหลือผิดนิดน้อยอย่างไร คุณก็เป็นคุณเอง ใครจะไปรู้กับสิ่งที่คุณรู้ การรับรู้ในธาตุรู้ของเรา มันเป็นเราเท่านั้น คนอื่นมารู้แทนกันไม่ได้ ต่อให้เป็นแฟนยังไงก็รู้แทนกันไม่ได้ มันมีเพลงหลอกว่า ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ ไม่ใช่ มันลามก มันรู้แทนกันไม่ได้ มันต้องรู้เอง ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ ต้องรู้เอง 

เพราะฉะนั้นในโลก สรุปแล้วถ้ายังจะมีชีวิตต่อ ต้องรู้จักการเกิดแบบสิริมหามายา เรียกมันโดยศัพท์ว่ามายา มายามันมีอะไรก็เป็นโลกมายาทั้งนั้น แต่ต้องเป็นมายาที่เป็นสิริมหา ต้องเป็นทั้งสิริต้องเป็นทั้งมหา สิริแปลว่าดี มหาแปลว่าใหญ่ แปลว่ามากมาย ครบเลยทั้ง Quality และ Quantity ทั้งคุณภาพและปริมาณสมบูรณ์แบบเรียกว่าสิริมหามายา นี่แหละคือ แม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทุกคนเป็นได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นแม่ที่ให้กำเนิดโลกุตรจิต วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2566 ( 19:44:22 )

แม่นตรงไม่เสียเวลาทำอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังมีจิต นัตถิกทิฏฐิ หรือเต็มไปด้วย เนวสัญญานาสัญญายตนะ ยังแกว่งอยู่ เพราะฉะนั้นวิญญาณฐีติ 7 ของพระพุทธเจ้าจึงไม่มี เนวสัญญานาสัญญายตนะ จบที่ อากิญจัญญายตนะ ไม่ใช่ยังมีอะไรเหลือ จะใช่หรือไม่ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่มี 

เนวสัญญานาสัญญายตนะ คือผู้ที่ยังแกว่ง ยังจับจุดจบจุดมั่นจุดตายอะไรยังไม่ได้ ยิ่งมีทิฏฐิเนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็เลิกกันเลย เป็นพวกยาวนาน เป็นศรัทธาก็ไม่ได้ ยิ่งเป็นปัญญาก็ไม่ได้ใหญ่ 

คนที่มีศรัทธา ทิฏฐิจะเป็นหนึ่ง 1 แน่ๆไปเลย คนศรัทธานี่เอาจริง วันหนึ่งเขาจะถึงที่จบ ส่วนวิตักกะ จะกลับไปกลับมา มาๆไปๆ ไม่ถึงที่เสร็จสักที แกว่งอยู่อย่างนั้น ส่วนปัญญาธิกะนั้น แม่นตรงไม่เสียเวลา ตรงที่สุด เร็วที่สุด ไวที่สุด แม่นมาก ถึงจะสำเร็จ อนุโมทนาสาธุที่คุณศึกษาตาม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 19:05:33 )

แม่นเป้าเข้าหาแก่นโลกุตระ

รายละเอียด

วันนี้วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก เป็นวันแรกของงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ครั้งที่ 47 อาตมาอายุย่างเข้า 89 ปี วันนี้วันที่ 5 ขึ้น14 ค่ำ จะขึ้นเป็นเดือนที่ 10 ของอายุ 88 ปี 9 เดือน 1 วัน อาตมาตกฟากประมาณ 8 โมง หรือ 7 โมงกว่า แม่บอกว่าตกฟากตอนที่พระเดินบิณฑบาตกลับมาเห็นหลังไวๆ เข้าวัด 

อาตมาทำงานมาด้านศาสนาตั้งแต่รู้ตัวเองว่า เรานี่ไปเสียเวลาเป็นลิงลมอมข้าวพองอยู่ทางโลกตั้ง 36 ปี โอ๊ยตาย 36 ปีก็เลยมาทางนี้ มาแล้วไม่มีอะไรสงสัยข้องใจในเรื่องทางนี้ ทางธรรมะทางศาสนาไม่ได้สงสัยไม่ได้ข้องใจ ไม่ได้สะดุดอะไรเลยชัดเจนทุกอย่าง แม่นเป้า ไม่ใช่มุ่งเป้านะแต่แม่นเลย พั๊วเลย มั่นแม่นเป้ามาก มาแล้วก็ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ มันก็เลยเวลาตายแล้ว เวลาตายของอาตมาอายุ 72 ก็พยายามยังนะยังไม่ตายพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าดู ท่านบอกว่าพากเพียรแล้วมันจะได้เลยอายุ อายุ 72 นี่ เลยได้ 

พระพุทธเจ้าบอกว่าอานนท์ เราจะมีอายุต่อไปอีกถึงกัปเลย หรือเลยกว่ากัปก็ได้ ท่านตรัสอย่างนั้นเลย กัป ของท่านประมาณ 120 ปี ทุกองค์ พระอานนท์ก็ 120 พระกัสสปะก็ 120 จึงเสีย นอกจากอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา สารีบุตร พระโมคคัลลานะ เสียก่อน สิ้นก่อน พระพุทธเจ้า 80 ปี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงาน ปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47 วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 13 เมษายน 2566 ( 19:54:16 )

แม่บริสุทธิ์ใจรู้อะไรดีก็สอนให้ลูกจำไว้

รายละเอียด

แม่บริสุทธิ์ใจ รู้อะไรดีก็สอนให้ลูกจำไว้ แต่ต่อไปโตขึ้นก็เอามาใช้ได้ ก็ใช้ต่อไปเรื่อยๆ บางทีแม่สอนลูกไม่ดี หลอกลูก เอามาใช้แล้วเป็นโทษก็จะจำได้ บางทีไม่เจตนาหลอกลูก แต่สอนผิด ลูกก็จำเอามาใช้ก็เลยผิด เป็นโทษอย่าไปโกรธแม่ แม่ไม่เจตนาชั่วหรอก แต่มีน้อยที่แม่สอนชั่วให้ลูก มีส่วนน้อย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน คนจะตั้งจิตเป็นโพธิสัตว์ต้องเป็นอรหันต์แล้วหรือไม่


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 17:21:55 )

แม่ผู้ให้กำเนิด

รายละเอียด

ทางเอเชียเรามีอยู่หลายประเทศอยู่นะที่กราบเคารพแม่ โดยเฉพาะแม่นี้ มันซาบซึ้งกว่ากัน มันจะนัวเนีย ส่วนพ่อจะไม่นัวเนียเท่าไหร่ ทางเอเชียก็คงมีอยู่บ้าง แต่ทางยุโรป ทางตะวันตกเขา เท่าที่เห็น เท่าที่รู้เขาจะกอดกัน เท่านั้น ไม่มีวัฒนธรรมที่มีการกราบ ซึ่งมันแสดงออกถึงการคารโว เคารพนับถือซาบซึ้ง วัฒนธรรมพวกนี้มาตั้งแต่อินเดีย แต่อินเดียมันลดลง มันกระด้างขึ้น มันชินชา อินเดียจะมีเอามือไปแตะเท้า แต่ทีนี้มันนานเข้า มันชินชาก็เลยลดลง แต่ไทยเรามีสภาพอยู่ดี และก็รู้สึกว่าจะพยายามพัฒนาขึ้นส่งเสริมขึ้น เรียกว่า ชวนนิยม ชวนกันมานิยม 

ที่อาตมาคิดว่ามันน่าจะพูดเข้ากับ กาละเทศะของมัน มันเป็นเหตุแวดล้อม เป็นเหตุปัจจัยทำให้เร้าใจให้คนสนใจเพิ่มขึ้น ในเรื่อง คำว่า แม่ เมื่อกี้นี้เกริ่นไปแล้ว หน่อยหนึ่งว่า แม่คือ ผู้ให้กำเนิด แม้แต่ในพฤติการณ์ของความเป็นจริงของแม่ เมื่อให้กำเนิดแล้วก็เพาะเลี้ยงไว้ในท้อง อุ้มท้องมา 8 เดือน 9 เดือน อุ้มมา แล้วก็คลอด ไม่ใช่ว่ามันธรรมดานะ เจ็บปวด อาตมาไม่เคยคลอดลูก แต่ก็เห็นเขาคลอด 

แม่อาตมามีลูก 10 คน เสียไปแล้ว 3 ตายไป 3 ตายไปตั้งแต่เล็กๆ ตายแต่เล็กที่สุดก็คือคนสุดท้องเกิดมาไม่กี่วันก็ตาย ส่วนอีก 2 คนนั้น คนหนึ่งโตแล้วอายุ 2-3 ขวบแล้วตายเป็นผู้ชาย อีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง จำไม่ได้แล้วว่ากี่ขวบ ประมาณไม่ถึง 2 ขวบ คนหนึ่งเป็นพี่ของบัวบูชาเป็นผู้ชาย อีกคนที่เป็นผู้หญิงนี้เป็นน้องของบัวบูชา บัวบูชาเลยเป็นคนกลาง เขาเรียกว่าเป็นคนกลางผี พี่ชายตายน้องสาวตาย เป็นคนกลางผี เสียไป 3 คน ลูกของแม่ก็เหลือ 7 อาตมาเป็นพี่คนโต 

แล้วแม่อาตมาเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 42 ปี พ่อก็กินแต่เหล้า ก็เลยเป็นหน้าที่อาตมาต้องดูแลน้องๆหมด เอามาเลี้ยง อาตมาตอนเข้ากรุงเทพฯอายุ 15 แล้วก็เรียนจนกระทั่งจบ อาตมายังไม่จบดีเท่าไหร่ น้องเขาก็มาแล้ว ก็ต้องค่อยๆว่ากันไป น้องผู้ชายคนโตไม่ได้เลี้ยงเขาเท่าไหร่หรอก ผู้ชายคนรองอาตมา ก็คือนายป้อม หรือนายชาติ รักพงษ์ เขาก็ไประหกระเหินของเขาตามเรื่องตามราว กว่าจะกลับมา อยู่กับอาตมาตอนท้าย เสร็จแล้วก็ไปอยู่เอง ไปบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้าองค์เดียวในป่าองค์เดียวไป จนกระทั่งเสียชีวิต น้องสาวก็เลยเป็นพี่คนโตนอกจากอาตมา ยิ่งอาตมาออกมาบวชแล้วน้องสาวคนโตคือกิ่งรักก็เลยเป็นพี่คนโตดูแลกันไปช่วยกันไป พวกเราก็ช่วยเหลือตัวเองกันได้ ไม่มีปัญหาอะไรมาก 

สรุปแล้วอาตมาก็มาตามบารมี มีกุศลวิบากมา ไม่มีน้องเกเร ไม่มีใครเกเรสักคน เรียบร้อยดีทุกคน น้องชายคนโตไม่ได้เรียนมากแต่เขาฝึกฝนของเขาเอง เขาบอกว่าจะสร้างเรือรบ เขาก็จะสร้างให้ จะเอาไหมล่ะจะสร้างให้ เขาเคยพูดกับอาตมา ให้ทำอะไรทำได้หมด เพราะฉะนั้นเขาก็ไปอยู่ของเขา ไปเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ในโน้นคนเดียว ทำหมดชาวบ้านชาวช่องอะไรให้เขาทำนู่นทำนี่คือเป็นสารพัดช่างทำได้ทุกอย่าง ทำงานช่วยเขาไป เพราะฉะนั้นเป็นที่รักของคนที่นั้น เขาอยู่คนเดียว ไม่มีปัญหาอะไรเลย อยู่คนเดียวแล้วประกาศตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า แต่ไม่อวดตัวตนอะไรมากมาย ประกาศเล็กๆ น้อยๆ 

จนทางการเขาจับไป ก็ยืนยันว่าเป็นพระพุทธเจ้า ยืนยันกับศาล ยืนยันกับผู้พิพากษาว่าเป็นพระพุทธเจ้า ผู้พิพากษาก็บอกว่าเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ใครตั้งให้เป็นพระพุทธเจ้า เขาก็ตอบว่าแล้วพระพุทธเจ้าล่ะใครตั้งท่าน ผู้พิพากษาตกเก้าอี้เลย จบ ปล่อย ปล่อยเลย เขาก็ย้อนผู้พิพากษา เพราะแม้มาเป็นพระก็ไม่ได้ทำเสียหายอะไรและอยู่คนเดียว ไม่ได้เป็นผีบุญ ไม่ได้ตั้งก๊กตั้งเหล่าหรือไปขัดแย้งกับหมู่ใหญ่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร อยู่จนรอดตอนเสียก็อายุ 80 กว่า นอกนั้นก็อยู่กันดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นแม่ที่ให้กำเนิดโลกุตรจิต วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 12:04:18 )

แม่ยก นักร้องหรือลิเก

รายละเอียด

มันเป็นความผูกพัน ถ้าคุณยังมี สาเปกโข ปฏิพัทธจิตโต สันนิธิเปกโข มีปริภุญชิตสามีติ คุณก็ไปด้วยกันมาด้วยกันสัมพันธ์กัน ดีไม่ดี อย่าว่าเป็นนักร้อง แม่ยกเลยเดี๋ยวก็มาเป็นผัวเป็นเมีย เป็นลูก เป็นหลาน เป็นอะไรต่อกันอีกกี่ชาติต่อกี่ชาติ เหมือนกับที่วนเวียนที่ผ่านมา วนเวียนอยู่ในชาติที่หลง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ยกย่องเชิดชูอะไรๆ กัน ปลาบปลื้มดูดดื่มกัน มันมาทางโรแมนติกอีสซึ่ม ไม่ใช่เรื่องของ ซาดิสซึ่ม 

มาทางโรแมนติกอีสซึ่ม หมายความว่ามาในทางดูดดึงผูกพันไม่ใช่แยกกันทะเลาะกันฆ่ากันทำลายกัน มันมี 2 สภาพซาดิสซึ่มกับโรแมนติกอีสซึ่ม มันไม่ใช่ อย่างนี้มันโรแมนติกอีสซึ่ม แม่ยกกับลิเกเป็นโรแมนติกอีสซึ่ม ตอบแค่นี้ก็น่าจะพอเป็นภาพดูดรุมกันชอบพอกันพัวพันไปกี่ชาติต่อกี่ชาติ อย่าไปต่อเลย เลิก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 19:34:04 )

แม่เลี้ยงกับแม่นมต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ไม่ใช่อาตมาว่า พระพุทธเจ้าว่า แม่เลี้ยงกับแม่นม แม่เลี้ยงก็คือผู้ที่เป็นแม่ไม่ได้อยู่ใกล้ลูกมากเท่ากับแม่นม แม่เลี้ยงนั้นเป็นเชิงพี่ชาย เป็นเชิงพ่อ ประหนึ่งพี่ชาย ประหนึ่งพ่อ ช่วยกันดูแลเลี้ยงดูลูก ส่วนแม่นมนั้นคือเหมือนแม่จริงๆ แม่ที่ต้องอยู่ฟูมฟักให้ดื่มนมในอก เป็นต้น ยกตัวอย่างเปรียบเทียบก็เหมือน พระสารีบุตรเหมือนพ่อ พระโมคคัลลานะเหมือนแม่ ก็จะง่ายขึ้น ก็คงพอเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2565 ( 05:29:09 )

แม้กระนั้น ก็ยังมีผู้ดวงตาเห็นธรรม ปฏิบัติตามรวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อน!

รายละเอียด

และเมื่อ“นิยตโพธิสัตว์”ยืนหยัดยืนยันประกาศ“โลกุตรธรรม”

ที่ตนมั่นใจนี้ อย่างอุตสาหะไม่ท้อถอย ก็จะมีคนผู้มี“ธุลีในดวงตา

น้อย”

คือ ผู้แสวงหาที่ไม่มีอคติในใจนัก จะเริ่มเห็นได้ เข้าใจได้

จนกระทั่งเมื่อ“นิยตโพธิสัตว์”มุ่งมั่นทำงานเผยแพร่ประกาศ

ธรรมต่อไปไม่หยุดยั้ง 

จึงมีผู้เข้ามาพิสูจน์ตาม ได้มรรคได้ผลตาม ก็เป็นมรรคผลที่

เป็น“โลกุตระ”ซึ่งเป็นอีก“แบบหนึ่ง” 

ซึ่งเป็น“แบบใหม่”ที่ไม่ใช่แบบที่ชาว“โลกียะ”เป็นกันมีกันอยู่

แน่นอน 

จึงเกิดมี“รูปธรรม-นามธรรม”ขึ้นมาจริง ให้เปรียบเทียบยืนยันกัน ว่า

อย่างใดแบบไหนจะตรงตามพระพุทธพจน์แท้จริงกว่ากัน

จึงต้องใช้ทั้ง“คุณภาพ”และมีมวล“ปริมาณ”

ที่ได้ที่เกิดอันเป็น“โลกุตรธรรม”กัน 

และต้องใช้“เวลา”พิสูจน์ ทั้งตรวจสอบจากหลักฐานที่ต่างก็

ยอมรับนับถือกันว่าเป็นสิ่ง“อ้างอิง”ตรงกันคือ “พระไตรปิฎก”

ที่นับถือด้วยกัน 

และต่างก็ยอมรับในพระไตรปิฎกนี้ร่วมกันเป็นเครื่องยืนยันว่า

เป็นของพระพุทธเจ้า 

พุทธธรรมที่เป็น“โลกุตระ”จึงจะค่อยๆกลับฟื้นขึ้นมาได้

อาตมาก็พากเพียรพยายามมาตลอด

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 506 หน้า 375


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 13:05:07 )

แม้คนตาบอดก็เห็นได้เพราะโลกนี้มีวิญญาณ

รายละเอียด

เอามาย้อนศรอาตมา อาตมาเคยพูด ที่บอกว่า วิญญาณ แม้ว่าคุณจะตาบอด แม้คุณจะดับทวารทั้ง 5 ก็จะมีวิญญาณที่คุณจะเห็นได้ ก็หมายถึงว่ามันเหลือเศษ 

เพลงชีวิต หมายเลข 3

แม้เจ้าจะตาบอด มาแต่กำเนิด

แต่เจ้าก็ยัง “เห็น” แสงสว่างของโลกได้

เจ้ายัง “เห็น” แมกไม้ และเกลียวคลื่น

เจ้ายังสามารถ “เห็น” คนเศร้าโศก “เห็น” คนระเริงสุขได้

แม้เจ้าจะหูหนวกมาแต่กำเนิดอย่างสนิทปานใด

เจ้าก็ยัง “ได้ยิน” เสียงของนกร้องละเมอ…

เสียงของความอลวนของโลก

เจ้ายัง “ได้ยิน” เสียงคนด่าทอ และเสียงสรรเสริญเยินยอได้

แม้คนผู้หนึ่งจะพยายาม ปิดตา ปิดหูของตน

ให้มันบอด และหนวกสนิท เช่นนั้นก็ตาม

คนผู้นั้นก็จะต้อง “รู้” ต้อง “ทราบ”โลก “ทราบ”ชีวิต

ที่มันเป็นไปอยู่ ในโลกนี้ได้

ไม่น้อยไปกว่าคนดีๆ ธรรมดา ๆ เลย

เพราะโลกนี้ มี “วิญญาณ” ! !

การสัมผัสต่างๆ ที่ทำให้คน “รู้” ได้ นั่นแหละ คือ “วิญญาณ”

ผู้มี “วิญญาณ ” ชาญฉลาดแท้ จะสามารถเห็นแจ้ง ว่า…

อย่างนั้นแหละคือ “โลกที่ยังวนเวียน ไม่รู้จบ”

อย่างนั้นแหละคือ “อารมณ์โลกที่ดึงดูดใจมนุษย์”

อย่างนั้นแหละ คือ “ความเจ็บปวด”

อย่างนั้นแหละ คือ “ความเอร็ดอร่อย”

และนั่นเอง คือ “ความทุกข์” กับ “ความสุข”

 

“ฆ่า” มันเสียสิ ! ! !

อย่าให้ “เจ้าสิ่งต่างๆ” เหล่านั้น มามีในเรา

โลกมันต้อง “มี” สิ่งเหล่านั้นเป็นธรรมดา

สำหรับผู้ ไม่รู้ ว่า มันเป็น “มายา”

แต่ “เรา” ต้องเรียนรู้

ต้องลด ต้องฆ่าสิ่งเหล่านั้น อย่าให้ “มี” ในตน

มันเกิดอยู่ มีอยู่ อย่างเก่งฉลาด และพัฒนาเจิดจ้าเต็มโลก

หรือ แม้ในตัวเรานั่นแหละ

ที่มันยังหลง “มี”อยู่ อย่างแฝงซ่อนแท้จริง

แต่ มันไม่ใช่ “ของจริง” หรือ “ของเรา” หรอก

อย่าหลงผิดว่า มันคือ “เรา” เลย

และ อย่าหลงผิดว่า มันเป็น”ชีวิตชีวา” ของเราเลย

เมื่อผู้ใด “ฆ่า” มันได้จนตายดับสนิท

ไม่เหลือเชื้อเป็นตัวเป็นตนอีกแน่

แล้วเมื่อนั้น เราจะยืนอยู่สูงสุด “เหนือโลก” อย่างแท้จริง”

แน่นอนคนตาบอดแต่กำเนิดจะได้ไม่สัมผัสฟ้าไม่เคยเห็นฟ้า พระพุทธเจ้าถึงไม่ได้ให้คนตาบอดมาบวช 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:50:09 )

แม้จะแก่แต่จิตเจริญได้ไม่เสื่อม

รายละเอียด

เป็นศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ไหนก็แล้วแต่ ถ้าครึ่งพุทธกัป หากจะยืนยาวเป็น 10 ปีก็ 50 ปีก็เป็นครึ่งพุทธกัป จะของกี่พระองค์มันก็เสื่อมกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละคิดซะมันก็พอรู้ได้ เพราะเมื่อเริ่มเติบโตมาเต็มที่ก็จะเริ่มเสื่อมลง แต่จิตใจเท่านั้นที่เจริญขึ้นได้เรื่อยๆแม้จะแก่ก็ตามก็ไม่เสื่อม อันนี้เป็นเรื่องพิเศษกว่าเป็นเรื่องจิตวิญญาณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

เป็นโลกุตระได้เพราะเหนือมนุษย์โลก


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 19:42:32 )

แม้ชาวพุทธที่มิจฉาทิฏฐิก็อาจจะค่อยๆ เริ่มรู้ได้

รายละเอียด

จนกระทั่งเกิดปฏิภาณใหม่รับรู้ว่า อย่างโพธิรักษ์คือความถูกต้อง เป็นอาริยธรรมของพระพุทธเจ้า เขาจะค่อยๆ เริ่มรู้ แม้แต่ชาวพุทธที่มิจฉาทิฏฐิไปแล้ว เขาอาจจะค่อยๆ เริ่มรู้ ข้างนอกจะค่อยๆ มารู้ก็ค่อยๆ รวมตัวกันเพิ่มมากขึ้น เพราะจุดสุดยอดของยอดพีระมิดนั้นคือพระพุทธเจ้า คือธรรมะพุทธศาสนา นี่เราพูดในพวกเรา ที่อื่นก็เป็นศาสนาของเขา แต่ของพุทธเรา อันนี้เป็นโลกุตรธรรม 

จนกว่าคนจะมีดวงตา มีภูมิปัญญา มีไหวพริบ ว่าอันนี้เหนือกว่าอย่างไร พิสูจน์ว่าอันนี้ล้มล้างพระเจ้าเลยนะ โอ้โห! คนจะยอมล้มล้างพระเจ้านี้มันง่ายที่ไหน แต่จนกระทั่งเขาเข้าใจ อ๋อ! พระเจ้าก็ไม่เที่ยง เราไปยึดถือว่าพระเจ้าเที่ยง พระเจ้าก็รู้ในเรื่องความดี ไม่ได้ปฏิเสธ แต่แม้ดีก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเรา สูงกว่านั้นมีสภาวะ พ้นจากความสุขความทุกข์ด้วย เข้าใจความสุขความทุกข์เพิ่มขึ้น อ๋อ! ไอ้สุขนี่ มันเป็นจอมมายาเหรอ โอ้! เราเสพสุขอยู่อย่างหยาบๆ เช่น ปูติน โจไบเดน อะไรที่เขายึดถือว่าสุข เขาจะต้องเป็นเจ้าโลก จะต้องเป็นใหญ่เป็นโต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 06:57:08 )

แม้มีองค์ประกอบที่สมบูรณ์แต่อย่าช้าต้องเอาจริง

รายละเอียด

ยืนยันกับคุณได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งประเสริฐของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องแล้ว ไม่ออกนอกรีตนอกทาง ไม่ออกนอกเขตแล้ว 

ศีลทำให้เกิด อธิจิต เกิดปัญญา เป็นสามเส้า แล้วจะเกิดหลุดพ้นจากสิ่งที่เคยติดยึดมาเป็นวิมุติหลุดพ้นไปเรื่อยๆหรือเจริญเป็น มุติ เป็นโมกข์ แปลว่าหลุดพ้น 

อาตมาสอนแม้จะไม่ละเอียดเท่าไหร่แต่คุณจะเข้าใจโครงสร้างไปเข้าใจสิ่งอื่นต่ออีก เมื่อถึงรอบของมันคุณจะรู้ คุณยังไม่ถึงก็ไม่รู้ไม่มีปัญหา ไม่ต้องฝึกหัดประเทือง พยายามพากเพียรไป เมื่อถึงขีดก็จะรู้ อาตมาไม่กังวลพวกคุณจะไม่รู้หรอก อาตมาจะสอนไป คนอื่นรู้ตามก็จะช่วยขยายตามอยู่ มันเป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์ มีตัวพี่ตัวน้องตัวรองลงมาช่วยกันอยู่เป็นกลุ่มชุมชน ไม่ต้องกลัวหรอก แต่อย่าช้า อย่าไปปรามาส เหลาะแหละเล่นหัว จับๆ คลำๆ ไม่เอาถ่านไม่เอาจริง ต้องเอาจริงๆ พากเพียรเข้าเถอะ แล้วคุณจะได้มาช่วยกัน จะได้เป็นไก่ตัวพี่ขึ้นมา แล้วได้ไปช่วยกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 15:35:51 )

แม้ยึดความไม่เที่ยงก็เป็นทุกข์

รายละเอียด

คำว่าไม่เที่ยงเนี่ย มันไม่เที่ยง มันก็เป็นความรู้ชนิดหนึ่ง ว่าไม่เที่ยง เราไปยึดเอาความไม่เที่ยงจะให้มันเป็นอย่างที่มันเป็นอยู่ มันไม่ได้ มันเปลี่ยนไป มันก็เคลื่อนไป แปรรูป แปรเรื่องไป มันก็ไม่เที่ยง เพราะงั้นเราก็ไปยึดไม่ได้ ความหมายมันก็แค่นั้นเอง ถ้าไปยึดอยู่มันก็ทุกข์ ยิ่งไปยึดว่าจะต้อง ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ มันก็ยิ่งทุกข์ใหญ่เลย มันจะเป็นไปยังไง มันเคลื่อนไปแล้ว

ที่มา ที่ไป

เทคนิคการปล่อยวางความยึดและอยู่กับปัจจุบัน

14 ก.ค. 2561 ป้าขาว(สีพลบ)กับลูก(พิมพ์บูชา) มาพบพ่อครู


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 15:48:50 )

แม้ว่าจะบัญญัติหรือไม่บัญญัติ แม้จะเป็นข้อที่ควร ก็จะไม่ได้บังคับ

รายละเอียด

ดีนะ ใครใส่อะไรมาใส่บาตรก็รับ แค่หากเขาเอาเหล้าใส่บาตรคุณก็ต้องดื่ม ขออภัยพูดให้ชัดเจนเขาเอาขี้ใส่บาตรคุณต้องกินหรือ..จะบ้าพาซื่อง่ายๆอย่างนั้นได้อย่างไร มันต้องมีวิจารณญาณทั้งนั้น เราก็อธิบายเขาได้ เขาเอาเนื้อสัตว์มาใส่เราก็อธิบายว่าเราไม่ฉันเนื้อสัตว์เราฉันมังสวิรัติ เขาเอาเงินมาใส่เราก็อธิบายได้ว่ามันไม่ถูกต้องนะ เอาดอกไม้มาใส่บาตรก็ไม่ถูกต้อง สิ่งที่เป็นวัตถุอนามาสเป็นสิ่งที่ไม่ถูกไม่ดี เราก็อธิบายเขาไป ไม่ต้องมาพาซื่ออย่างนั้น เรื่องที่พระพุทธเจ้าไม่ตามใจพระเทวทัตที่พระเทวทัตให้ตั้งกฎระเบียบโดยให้ยอมรับ ธุดงควัตร 13 ข้อ ให้บัญญัติว่าให้เป็นอย่างนี้ ทั้ง 13 ข้อนี้เลย มันมีหมดทั้งไม่ฉันเนื้อ อยู่ป่า บิณฑบาตเป็นวัตร ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติของพระมหากัสสปะที่เคร่งครัด พระมหากัสสปะเป็นตัวอย่างของพระป่าที่ติดยึดมากนานมากตามประวัติ ซึ่งเป็นวาสนาของพระกัสสปะ ในที่สุดท่านรู้แล้วท่านมีสัมมาทิฏฐิสุดท้ายท่านก็ออกจากป่า จนปรินิพพานดับไปจนตายว่างั้นเถอะ พระกัสสปะก็อยู่ป่าจนตายก็มีลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นพระที่ถนัดแบบพระป่าก็ไปอยู่ด้วย พระมหากัสสปะก็ย่อมยังงั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ทำตามพระเทวทัตเพราะในยุคนั้นคนก็ฉันมังสวิรัติเป็นปกติ ก็จะไปบังคับทำไม บางคนทำไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่บกพร่องของส่วนตัว แม้แต่ธุดงควัตรข้ออื่นๆพระพุทธเจ้าก็ปล่อยให้เป็นอิสระเสรีภาพของแต่ละบุคคลอย่างนี้เป็นต้น มาศึกษาให้ดีๆจะรู้ว่า แม้ว่าจะบัญญัติหรือไม่บัญญัติ แม้จะเป็นข้อที่ควรก็จะไม่ได้บังคับแต่ให้เป็นไปตามอิสระเสรีภาพผู้ที่มีภูมิธรรมถึงเขาก็ทำเอง เขายังไม่ถึง เขายังละเมิดอยู่ เขายังต้องทำ มันก็เรื่องของเขา อย่างพวกเราชาวอโศก รู้ว่าพวกเรามังสวิรัติกัน แม้แต่นมแต่ไข่ เราก็ไม่ได้รับประทานกัน แต่ผู้ที่เขายังไม่ไหวเขาจะทานนมทานไข่อยู่ เราก็ไม่ได้ไปละลาบละล้วงอะไรเขาก็เป็นแต่เพียงว่าก็ยิ้มๆ คนที่เขาศึกษากับพวกเราดีๆเขาก็รู้ว่าพวกเรามีอนุโลมปฏิโลม เพราะส่วนใหญ่เป็นมังสวิรัติที่ไม่มีแล้วแม้แต่นมแต่ไข่ อย่างนี้เป็นต้น ไม่ทานเนื้อสัตว์ไม่ทานเนื้อปลาไม่ทานนมทานไข่ ทานแต่ผักพืช เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วไป ก็รู้กันด้วยปัญญาว่าอย่างนี้สูงกว่าดีกว่าอย่างนี้ยังไม่ดีก็ทำให้มันดีขึ้นมา ผู้ใดที่เขาไม่เห็นว่าดีเขายังจะยึดถืออย่างนั้น ก็ตัวใครตัวมันบังคับกันไม่ได้ เอาตามแต่ละคนจะเห็นควร 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 18:18:29 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:11:14 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:20:38 )

แม้ว่าอาตมาตายลงไปก็จะมีผู้สืบทอดรุ่นใหม่ก็จะตามมาอีก ศาสนาพุทธไปรอด

รายละเอียด

โอ้โห.. อาตมาได้พูดมาไม่รู้กี่ทีแล้วว่าอาตมาประสบผลสำเร็จในชีวิตชาตินี้แล้ว ตายวินาทีนี้ก็ได้ ทำงานได้พักผ่อนไม่เป็นหมันในชาตินี้ทำงานได้ผลถึงขั้นนี้แล้ว อาตมามีลึกลงไปอีกว่า ได้ขนาดนี้แล้ว ผู้ที่เข้าใจผู้ที่ได้ธรรมะ สามารถที่จะเป็นผู้สืบสาน มีเนื้อหาสาระของธรรมะที่เป็นโลกุตระนี้ และจะทำงานสานต่อกันไป แม้ว่าอาตมาตายลงไปก็จะมีผู้สืบทอดรุ่นใหม่ก็จะตามมาอีก อาตมาจึงชัดเจนว่า ไปรอด ศาสนาพุทธไปรอด แต่ถ้าจะบอกว่าเต็มที่ไหม ก็ยังไม่ชัดนัก ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น ตายได้ก็ถือว่ามีผู้สืบทอด แต่ว่าอาตมาตายชาตินี้แล้วจะต้องไม่ต้องเกิดอีกเลย หรือเกิดอีก เกิดมาแล้วก็ไม่ได้ทำงานยาก เกิดมาเพื่อมาดูผลงาน 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 10:44:37 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 15:32:39 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:21:26 )

แม้ศีลข้อ 1 ก็เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือคำสอนที่เป็นปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ ศีลข้อ 1 ก็เป็นเรื่องปาฏิหาริย์แล้ว พระพุทธเจ้าสอนเรื่องสัตว์ อย่าฆ่ากัน อย่าไปกินกัน แต่ท่านได้ละเว้นไว้ตรงนั้น วางศาตรา วางอาวุธ หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ 

เป็นคำสอนที่ผู้ที่ไม่มีปัญญาจะอธิบายอย่างนี้ไม่ได้ ผู้มีปัญญาจะชัดเจนความลึกซึ้งอย่างที่อาตมาอธิบาย คำสอนอนุสาสนีของพระพุทธเจ้าเป็นปาฏิหาริย์ 

พวกเราชาวอโศกเป็นมนุษย์มหัศจรรย์ เป็นมนุษย์ปาฏิหาริย์ เห็นไหม ชัดเจนด้วยปัญญา เราไม่ได้กินเนื้อสัตว์ ทั้งๆที่หลายคนยังติดยังอยากกิน แต่ปัญญาเข้าใจ เข้าใจแล้วว่ามันไม่ใช่ของควรกิน อกัปปิยะ เลิก สัตว์ไม่ใช่ของควรกิน นอกจากตัวเองกินบาปตัวเองแล้วไม่พอ ยังเอาไปถวายพระภิกษุพระพุทธเจ้าให้ติดยึดอีก ไปขายขี้เท่อ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นพระสงฆ์จริงก็จะบอกว่าเอ็งเอามาทำไมเนื้อสัตว์ มันเป็นสิ่งไม่ควร อกัปปิยะ ไม่ควรกิน แหม.. วันนี้ไปบิณฑบาตไม่ได้ปิ้งไก่เลย อะไรอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:15:27 )

แม้สหปัญญาแท้ๆ รู้กายไม่ได้เพราะไม่ฟังสัตบุรุษ

รายละเอียด

แต่พวกที่ไม่รู้ กาย แม้เป็นสายปัญญาแท้ๆ ไม่รู้กายได้ง่ายๆ เพราะไม่ฟังสัตบุรุษ ไม่ได้ฟังจากพระโอษฏ์ของพระพุทธเจ้า ไม่ฟังจากสัตบุรุษ ไม่เชื่อว่าเป็นสัตบุรุษจริง มีอัตตามานะในตัวเอง ดังที่คนในขณะนี้ที่อยู่ในเถรสมาคม เรียนรู้หมดที่อาตมาพูดนี้รู้หมด แต่เพราะมีกิเลสอัตตามานะ จึงฟังไม่ขึ้นฟังไม่เข้าฟังไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไร 

ไม่เข้าใจคำว่า กาย ยากไหม? ถ้าผู้นี้เข้าใจคำว่า กายในตน เป็นสักกายะแล้ว จนพ้น วิจิกิจฉา แล้วมีศีลพรต มีข้อปฏิบัติที่สัมมาทิฏฐิไปตามลำดับได้แล้ว ผู้นี้จะเจริญขึ้นทันที ลำดับที่จะปฏิบัติไปตามลำดับจริงคืออะไร ก็คือจรณะ 15 วิชชา 8

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กันยายน 2565 ( 14:37:21 )

แม้หลุดพ้นแล้วถึงจะมาสัมผัสยั่วยวนก็ไม่หวั่นไหว!

รายละเอียด

ที่สำคัญยิ่งก็คือ สิ่งนั้น,ภาวะนั้น ก็ยังมีอยู่ 

เราผู้“หลุดพ้น”ได้นี้ก็ยังสัมผัสสัมพันธ์กับสิ่งนั้น,ภาวะนั้นอยู่

ปกติ ไม่ได้หนีจากสิ่งนั้นภาวะนั้น 

กระทบสิ่งนั้นภาวะนั้นได้ 

มิหนำซ้ำสิ่งนั้นภาวะนั้นกระแทกแรงๆยั่วยวนจัดๆ ก็ยังได้ 

บอกสิ่งนั้นได้ บอกภาวะนั้นได้ 

แต่“จิต”ของเราเป็น“ตัวหลุดพ้น” 

“จิต”ของเรา“ดับกิเลสในจิต”  

“จิต”ของเราหมดสิ้น“ความเป็นทาส”สิ่งนั้นภาวะนั้น  

“จิต”ของเรามีประสิทธิภาพ“อยู่เหนือ”สิ่งนั้นภาวะนั้น

“จิต”เราเป็น“อิสระ”แท้จริง

  “อิสระ”จากอะไร สิ่งไหน ภาวะใด ก็มีสิ่ง-มีภาวะนั้นๆ เป็น

เหตุเป็นปัจจัย บอกได้ ชี้ระบุได้ 

ไม่ใช่ว่า ไม่รู้อะไรเป็นอะไร เหมารวมมั่วซั่วตีถัวไปหมด

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 129 หน้า120


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2564 ( 05:24:58 )

แม้อโศกรำลึกผ่านไปแต่กระแสการให้ยังมีต่อ เช่นทุเรียน

รายละเอียด

จริงหรือเปล่า อาตมาว่า ยังไม่ติดกระแสสังคมเขาทีเดียวหรอก ยังอยู่เล็กๆ ในวงเล็กๆ ในอโศกเรานี่แหละ อยู่ที่เชียงใหม่ก็คงจะครื้นเครง สำหรับผู้รับ แต่ผู้ให้ก็คงจะอยู่ในกรอบของพวกเรานี่แหละ ก็มีผู้เห็นดีร่วมด้วยบ้างเล็กๆน้อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หากเลิกหลับตาปฏิบัติได้ประเทศไทยเจริญ วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 13:48:32 )

แม้เขาจะเป็นโลกียะเขาก็รู้ว่าคนชาวอโศกมีสมรรถนะ

รายละเอียด

แม้เขาจะเป็นโลกียะ เขาก็จะรู้ว่า พวกนี้ ไม่ใช่เขาไม่มีสมรรถนะ คนชาวอโศกไม่ใช่ไม่มีสมรรถนะ ไม่รู้เรื่อง ไม่มีฝีมือ ไม่มีความรู้ ไม่สามารถจะสร้างอะไรได้ แต่ทำได้ ดีด้วย โดยเฉพาะเรื่องพืชธัญญาหาร เน้นอีกๆๆ พันเที่ยวร้อยเที่ยว หมื่นเที่ยวแสนเที่ยว จะมีสมรรถนะในการสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 29 อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 14:24:57 )

แม้เห็นต่างกันแต่ก็สามารถนับถือกันได้

รายละเอียด

พูดไปแล้วก็สงสารพระพุทธเจ้า ไปตำหนิสิ่งที่ผิด ไปตำหนิพระเทวทัต ดีนะคนที่เห็นต่างก็ยังแสดงความเห็นบอกมา อาตมาก็ดีใจอุ่นใจ คนที่เห็นต่างฟังแล้วก็ยังยอมเสียเวลาแสดงความเห็นตอบรับมา ก็ทำให้เราได้รับทราบความเห็นของคนเพิ่มเติมอีกเยอะ ความเห็นของอาตมาอาจจะไม่ตรงกันกับคุณ อาตมาก็ขออนุญาตเหมือนกัน แต่อาตมาขออนุญาตนับถือคุณก็แล้วกัน คุณขออนุญาตไม่นับถืออาตมา แต่อาตมาขอนับถือคุณหน่อย นับถือคุณที่บอกว่าคุณไม่ชอบใจเราเห็นว่าไม่ถูก ก็ยังอุตส่าห์บอกความเห็นมา เขาไม่บอกมาเราจะไปรู้เหรอ ใครจะไปรู้ อยู่ไหนก็ไม่รู้ ชาตินี้จะได้เจอกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาแสดงออกมาก็ได้รับฟังทางสื่อ เขาก็ยังอุตส่าห์แสดงออกมา ก็ขอขอบคุณ โปรดติดตาม มีอะไรรู้สึกว่าไม่ถูกต้องก็บอกมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:26:23 )

แยก 2 ให้เป็น 1 แล้วจนเป็น 0 จบแล้วคือไม่รู้ไม่มีอะไรเลย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น สิ่งที่มันขาดมันเหลือแต่หนึ่งเดียวเหมือนกับเทวนิยม เทวดา เป็นเรื่องใหญ่ เทวะแปลว่า โลกจะต้องมีความเป็น 2 ที่จะเรียนรู้เรื่องของความเป็นเทวดา ถ้าเรียนรู้ความเป็นเทวดาให้ครบมุมครบมิติครบเหลี่ยมคูครบเชิงชั้นสมบูรณ์แบบ คุณเข้าใจความเป็น 2 และรู้ความต่างระหว่าง 2เปรียบเทียบตั้งแต่ความหยาบว่ามีอะไรต่างกัน แล้วอะไรดีคุณก็จะเห็น  เปรียบเทียบไปเรื่อย อะไร 2 กับอะไร 2 เปรียบเทียบไปเรื่อยๆ จนคุณจะได้ 2 ที่ลึกซึ้งละเอียดลออเป็นคู่ละเอียดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสูงสุดถึงขั้น โลกกาม โลกรูปภพ อรูปภพ โลกโลกียะ โลกุตระ เทียบ จาก 2 เป็น 1 จาก 2 เป็น หากเป็น 3 อย่างเปรียบเทียบกันยาก 3 อย่างนี้อะไรเข้าข้างอะไร เลือกแยก 3 ให้เป็น 2 ให้ได้ให้เป็นคู่หนึ่ง ก็เอาจากคู่นี่แหละ 1 นั้นมันสู้ไม่ได้หรอกแล้วก็มาแยกคู่นี้อีก ถ้ายังมีละเอียดกว่านี้อีกก็แยกคู่เข้าไปอีกๆ จนสุดท้ายมันก็จะเหลือยอด อันหนึ่งเป็น 1 อันหนึ่งเป็น 2 สิ่งที่มีจะมี 2 ทั้งนั้น สิ่งที่มี 1 นั้นรู้จบสูงสุดแล้วอาศัย แม้สูงสุดก็ยังมี 0 เพราะของพระพุทธเจ้าแล้วสุดยอดแล้วก็คือไม่มีอะไร สลายทุกอย่างโดยเฉพาะเป็นจิตนิยาม ตัวรู้นี่แหละต้องสลายหมดความรู้เลยไม่ต้องรู้อะไรเลย ถ้ายังเหลือรู้อยู่ คุณก็ยังไม่จบ เขาจะบอกว่าไม่รู้ก็ไม่รู้เพราะว่าฉันเป็นดินน้ำไฟลมแล้วฉันก็ไม่รู้จริงๆ จะทำไม คุณจะรู้คุณก็รู้ของคุณ คุณไม่หยุดรู้คุณก็ไม่มีวันจบ เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้สูงสุดคือผู้ยังไม่จบ ผู้ที่จบไปแล้วก็คือไม่รู้ พระพุทธเจ้าจึงจบด้วยความไม่รู้ไม่มีอะไรเลยเป็นดินน้ำไฟลมไปแล้ว ไม่งงไม่สับสน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 12:56:51 )

แยก เล็บ ผม ขน ฟัน หนัง

รายละเอียด

แยก เล็บ ผม ขน ฟัน หนัง คือ เล็บส่วนที่ตัดออกไปไม่ใช่กายของเราแต่แม้มันติดที่ตัวเราไม่ได้ตัดออก คำว่า กายไม่ใช่หมายถึงไม่ใช่เรา อย่างหยาบ แม้ลึกเข้าถึงชีวะในระดับ พีชะ เล็บที่ยังไม่ขาดยาวออกมามันพ้นจากประสาทที่จิตเราจะไปรับรู้พีชะจึงไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณเป็นสังขารกับสัญญาอย่างเล็บที่ตัดออกไปก็ไม่ใช่กายของเราแล้ว  อย่าไปหวงแหนเลย  แม้เป็นเราก็ไม่ให้หวงแหนที่ตัดออกไปจากตัวเองเป็นอุตุแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 14:22:14 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:47:06 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:21:58 )

แยกกันด้วยดีคือที่จบแบบนานาสังวาส

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น เรารู้จักที่จบ คือ นานาสังวาสเป็นคำใหญ่ของพระพุทธเจ้าเลย แม้ที่สุดมาเป็นพุทธด้วยกันก็ต้องใช้คำว่านานาสังวาส อย่างที่เราชาวอโศกได้ประกาศแยกนานาสังวาสจากเถรสมาคม ซึ่งเป็นการแยกกันด้วยดีแล้วยอมรับ ต่างคนต่างทำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 21:23:15 )

แยกกันเป็นนิกาย เป็นอนันตริยกรรม

รายละเอียด

ไม่มี ในยุคพระพุทธเจ้าท่านก็ประกาศแค่ว่าพระเทวทัตกับเราเป็นนานาสังวาส ท่านไม่ทำนิกาย แม้ท่านไม่ทำ พระเทวทัตจะเป็นอย่างนั้นท่านก็ไม่ทำให้เกิดนิกาย แต่ผู้ใดทำให้เกิดนิกายมีจิตเจตนา ต้องแยกกันให้เป็นนิกาย คิดแบบนั้น เป็นอนันตริยกรรมแล้ว 

ถ้าจิตเราไม่เอานิกาย เรานานาสังวาส อย่างอาตมานี่ เขาจะเอานิกายกับอาตมาอาตมาก็ไม่เอา อาตมาจะเอานานาสังวาสตามพระธรรมวินัย สำหรับผู้ใดจะเข้ามาก็ต้องมีลักษณะของสมานสังวาส หรือเป็นผู้ที่เข้าใจนานาสังวาส แล้วก็พูดกันรู้เรื่อง ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง มันมี อสังวาส แล้วก็สมานสังวาส แล้วก็นานาสังวาส 

ถ้า อสังวาส คือพวกที่ปาราชิกไปแล้ว พวกที่ไม่อยู่ในพุทธเลยต้องตัดทิ้งไป อสังวาส

สมานสังวาส หมายความว่า ยังร่วมกันได้ สามารถที่จะสมานกันได้ วาระใดวาระหนึ่ง เพราะฉะนั้นยังไม่สมานกัน ก็อยู่กันอย่างนานาสังวาส อยู่กันอย่างต่างคนต่างอยู่แตกต่างกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 11:41:58 )

แยกกันไม่ได้ อานาปานสติกับสติปัฏฐาน

รายละเอียด

สติปัฏฐาน อานาปานสติ 

อานาปานสติ คือ คนที่ยังไม่ตาย มีลมหายใจเข้าออก คนนั่นแหละจะต้องมีสติปัฏฐาน แยกกันไม่ได้นะ สติปัฏฐานต้นก็คือ 4 พิจารณากายในกาย  เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม อานาปานสติ ไม่ได้มีการพิจารณาอะไรมีแต่มืดจมลงอยู่ในความจมลงไปในถ้ำอยู่อย่างนั้น อยู่ในถ้ำจมลงเป็นความหลงว่าต้องเป็นอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 11:00:46 )

แยกกาย แยกจิต

รายละเอียด

รู้ กาย รู้ จิต แยก กาย แยกจิต  กายกับจิตเป็นมูลกรรมฐาน พอมาบวชในศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้ากำชับกำชาอุปัชฌาย์ต้องมีความรู้เรื่องการแยกกายแยกจิตให้สำคัญ ถ้าไม่เข้าใจอย่างสัมมาทิฏฐิแยกกายแยกจิตไม่สัมมาทิฏฐิไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้  เพราะรูปนามสัมพันธ์กัน เรียกว่ากาย เมื่อไหร่มันสัมพันธ์แล้วไม่เรียกว่ากาย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:37:13 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:48:15 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:22:40 )

แยกกาย แยกจิตของเล็บ

รายละเอียด

เอาที่ตัวคน ผมขนเล็บฟันหนัง ให้แยกในตัวเราให้ออก ผมกับเล็บอธิบายยาก ฟันก็แน่นไป ขนก็ยิ่งเล็กกว่าผมอีก เอาเล็บนี่แหละชัดดี เป็นแท่งเป็นก้อนดี เพราะฉะนั้นความเป็นเล็บ ถ้าเล็บเรายาวออกมาพ้นประสาท ความเป็นเซลล์ความเป็นเนื้อ เวทนา ตรงที่จิตไม่ได้ร่วมแล้ว จิตจะมีเวทนา สัญญา สังขาร จิตเป็นภาษาแยกจากวิญญาณมาเรียกลักษณะหนึ่ง แบ่งเป็น วิญญาณ จิต เจตสิก ส่วนเจตสิกก็แยกละเอียดของจิต เป็นเจตสิก 89 หรือ 121

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 10:01:46 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:48:35 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:23:04 )

แยกกายกับจิต เป็นเรื่องลึกซึ้งมาก

รายละเอียด

นามรูปก็เป็นเทวะ กายกับจิตก็เป็นคู่หนึ่งที่เป็นเทวะ กายกับจิตนี่แหละ

แยกกายกับจิต เป็นเรื่องลึกซึ้งมาก เพราะในจิตแยกแยะเป็นเจตสิกต่างๆมากมาย กาย แยกเป็น 2 ทีละ 2 ๆ ง่าย กาย แยกทีละ 2 

เพราะฉะนั้น 2 คู่ที่สำคัญตัวหนึ่งก็คือกาย ตัวหนึ่งก็คือจิต กายคืออย่างไร จิตคืออย่างไร อันนี้แหละลึกซึ้งที่ยากที่สุดที่จะรู้ จิตก็ยังพอรู้ แต่กายนี่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ที่เบื่อหน่าย กาย นั่นมันง่าย แต่อาตมากำลังอธิบายว่า กายนี่แหละรู้ได้ยาก ถ้ามาเรียนรู้จิต จะเอาเป็น 2 โดยไม่เริ่มต้นตั้งแต่ กาย ปิดประตูเลย ไม่เริ่มต้นโดยลำดับเบื้องต้น กาย เป็นต้น เพราะฉะนั้นพวกหลับตานี้ปิดประตูเลยเลิก เหมือนจะเข้าไปทะลุในภูเขาในกลางภูเขา คุณไม่ได้ทำจากนอกภูเขาก่อนแล้วก็ค่อยๆ ไชเข้าไปถึงภายในกลางภูเขา คุณก็ได้อย่างเดียว เล่นอิทธิปาฏิหาริย์หายตัวแว๊บเข้าไป ก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว คนละเผ่าคนละเรื่อง ไอ้นั่นเป็นอิทธิปาฏิหาริย์เป็นเดียรถีย์เดรัจฉานวิชา ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่เอาเรื่องแบบนี้ มันพิสูจน์ร่วมกันไม่ได้ แล้วมันก็ไม่หมดเรื่องของทุกข์สุข 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:21:17 )

แยกกายแยกจิต

รายละเอียด

แยกกายแยกจิต คือ ในจรณะ15 แยกกายแยกจิต เมื่อเราปฏิบัติตามศีลของพระพุทธเจ้าเราเกี่ยวข้องกับสัตว์โดยเฉพาะคนนี้แหละเป็นสัตว์ตัวดี แล้วเราก็จะเกิดเวทนาต่างๆ รักโลภ โกรธ หลง ตลอดเวลา ถ้าศึกษาให้ดีๆ เราก็พิจารณาเอาอาการของกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง มันเกิดเมื่อสัมผัส แล้วก็ต้องสร้างปัญญาในการปฏิบัติให้เกิดพลังงานปัญญามีประสิทธิภาพ เมื่อกิเลสเกิดเจอหน้าปัญญานี้มันไม่รอดเลยนั่นคือ มีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นพลังงานสามารถระงับ พลังงานงานปัญญามันสามารถ มันเหมือนคนมีฤทธิ์เหมือนอย่างนักเลงเจอคนกระจอก หรืออย่างสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่มันก็วิ่งหนีเลย ปัญญามันจะกำจัดกิเลส มันไม่ไว้หน้าเลยฆ่าให้ตายเลย ปัญญา คือ ปุญญะ ปุญญะนี้ไม่ไว้หน้ากิเลส เจอหน้ากิเลสก็ปหาน ปัญญากับปุญญะไปด้วยกันมาด้วยกัน ถ้าเผื่อว่ามาถึงขั้น ปุญญะเมื่อไหร่กิเลสตาย ก่อนจะมาเป็นปุญญะนี้คือ ฌาน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:40:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:49:16 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:23:43 )

แยกกายแยกจิต แยกบุญกับกุศลไม่ออก จึงไม่เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

อันนี้ อาตมาก็พูดถึงเรื่องวิชาการพูดถึงเรื่องธรรมะ แต่มันไปเกี่ยวข้องกับบุคคลตัวตน เกี่ยวข้องกับตัวท่าน ซึ่ง อาตมาจริงๆ ก็แยกออกอยู่ว่า ตัวท่านก็คือตัวท่าน ตัวท่านเป็นคนดี เป็นคนที่อาตมาเคารพ เพราะท่านจริงใจกับธรรมะ แต่ท่านมีภูมิธรรมกับธรรมะของท่านเท่านั้น 

อาตมาก็เห็นใจจริงๆ ท่านพากเพียรเป็นนักศึกษาเก่งlearned man ขวนขวายศึกษาธรรมะซื่อสัตย์ต่อธรรมะ สุดยอดเลย อาตมานับถือคุณธรรมคุณสมบัติอันวิเศษของท่านตรงนี้ แต่มันไม่เป็นโลกุตระ ตรงนี้แหละมันสำคัญ มันไม่เป็นอาริยธรรมที่เป็นโลกุตระของพระพุทธเจ้า 

มันแยกกิเลส แยกจิตวิญญาณ แยกกายแยกจิตยังไม่ออก ท่านแยกบุญกับกุศลไม่ออกมันชัดเจนอยู่แล้ว เพราะว่าแปลในพจนานุกรม อปุญญะ ก็แปลว่า กลับไปเป็นบาปได้ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่ง อปุญญะ มันหมดบุญแล้วจะไปเป็นบาปอีกไม่ได้ แต่ท่านก็แปลเป็นบาปอีกได้อย่างนี้เป็นต้น มีหลักฐานอยู่ในพจนานุกรมของท่าน อยู่ในหนังสือพุทธธรรมของท่าน 

อาตมาพูดนี้เป็นวิชาการไม่ได้ไป ข่ม ท่านประยุทธ์ อาตมาเคารพนับถือยกย่องท่านจริงๆ เพราะท่านขวนขวาย แต่ท่านทำได้เท่านั้น บารมีหรือภูมิของท่านท่านทำได้เท่านั้นจริงๆ 

ถ้าท่านเปิดจิต รับอาตมา ฟังอาตมาบ้าง ในยุคนี้นะ แน่นอน ถ้าเป็นคนอื่นท่านจะไม่รับ ท่านจะรับอย่างที่เรียกว่า ท่านถือว่าท่านใหญ่กว่า แต่อาตมานี่ ลึกๆท่านก็ถือว่าท่านสูงกว่าอาตมาอยู่ โดยทิฏฐิ โดยสัจธรรม ซึ่งก็เป็นธรรมดาธรรมชาติท่านจะต้องเป็นอย่างนั้น 

ถ้าท่านยอมรับจริงๆ ว่า ท่านยัง แม้ กายะ ยังไม่พูดถึงบุญ เพราะอันนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าท่านผิด ท่านเข้าใจไม่ได้ แม้แต่กาย ไม่ต้องพูดถึงคำว่า ฌานกับสมาธิ อาตมามั่นใจว่าท่านยังไม่ชัดในฌาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้ายปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2564 ( 21:27:15 )

แยกกายแยกจิตขณะเป็นๆให้ออก

รายละเอียด

อุตุธาตุ  ก็เป็นดินน้ำไฟลม เพราะมีชีวิตอยู่ก็อาศัยมาปรุงแต่งเป็นสรีระร่าง แยกธาตุให้รู้เลย แยกธาตุอย่างไร ธาตุอย่างไรร่วมกับจิต ธาตุอย่างไรเป็นพีชะ ในขณะเป็นๆแยกกายแยกจิตให้ออก โดยแยกจากธาตุ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นมูลกรรมฐาน ที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ ที่เป็นอาการ 32 ภายนอก ที่มันเป็นอุตุได้ เป็นพีชะได้ เป็นจิตได้ และมีกรรม มีธรรมะไปจัดการมันให้เป็นธาตุ สังขารรวมธาตุ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ถ้าเข้าใจแล้วเราก็จะชัดเจนเลยว่าการทำให้ตัวกิเลสสลายตาย จบความเป็นอรหันต์แล้วไม่เกิดอะไรอีกเลย สลายธาตุจิตของเราเองที่เป็นพระอรหันต์แล้วได้ กลายเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสาน กลายเป็นคนตายครั้งสุดท้ายไปแล้วไม่ตั้งจิตต่อ จิตก็จะกลายเป็นวัตถุธาตุ เป็นดินน้ำไฟลมไปหมดเลยโดยการทำจิตตายเป็นสุญญธาตุ ทำ อนิมิตนิพพาน สุญญตนิพพาน อปนิหิตนิพพาน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 13:54:35 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:00 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:24:19 )

แยกกายแยกจิตของโลกุตระ

รายละเอียด

การแยกกายแยกจิตของโลกุตระของปรมัตถ์ โลกุตระพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องลึกซึ้งซับซ้อนที่สุดหมุนรอบเชิงซ้อนที่สุด แล้วแยกออกได้จนกระทั่งทำให้จิต กาย แยกออกเป็นรูปนาม วิญญาณธาตุรู้ของเราในขันธ์ 5 เป็นธาตุรู้ที่มีทั้งรูปเวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณก็คือภาษาเรียกธาตุรู้ที่เป็นที่สุดรวม Concept ของใครความรู้องค์รวมของใครก็จะมารวมกันอยู่ที่วิญญาณ แล้ววิญญาณนี้ เราจะรู้ได้ไง ด้วยการสัมผัส ทางตาหูจมูกลิ้นกาย

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:48:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:49:45 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:24:47 )

แยกกายแยกจิตด้วยนิยาม 5

รายละเอียด

คำว่ากาย คำเดียวถึงยากจริงๆ พระพุทธเจ้าจึงสอนกำชับกำชาอุปัชฌาย์ทุกรูป เวลาเริ่มบวชภิกษุขึ้นมาจะต้องให้กรรมฐาน 5 เรียกว่ามูลกรรมฐาน คุณต้องแยกกายแยกจิต อย่างถูกต้องสัมมาทิฎฐิจริงๆ แยกอย่างไร ก็ทำความเข้าใจให้ได้ว่ามันแยกเป็น 5 อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม  กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ต้องแยกให้ชัดเจนว่าเมื่อไหร่เป็นกาย เมื่อไหร่เป็นจิต เมื่อไหร่ไม่ใช่กาย เมื่อไหร่ไม่ใช่จิต ที่มันเป็นโดยเราไม่ได้ทำ มันเป็นไปตามธรรมชาติ วัตถุที่ยังไม่ใช่ ชีวะ เป็นอุตุก็เป็นไปตามธรรมชาติของมัน เมื่อได้มาเป็นชีวะเป็นพีชะ มันไม่ได้เป็นได้ง่ายๆ วัตถุดินน้ำไฟลมอากาศ ไม่ใช่ง่ายๆ ถ้ามีความรู้เป็นแผนที่นำทาง พระพุทธเจ้าก็สอนเราสามารถทำให้มันง่ายขึ้นได้ ง่ายกว่าเดินทางไปเป็นพีชะเอง กว่าจะเป็นพีชะได้ ไม่ใช่ธรรมดา มันเป็นเองได้แต่มันนานมาก มันไม่มีทางหลีกเลี่ยงมันก็ต้องเป็น ถ้าไม่เป็นคุณก็ตาย ถ้าคุณไม่สามารถที่จะมาเป็นจากอุตุมาเป็นพีชะ คุณก็วนเวียนอยู่กับความเป็นอุตุ มาเป็นพีชะไม่ได้ จะเป็นอุตุที่มีพลังงานสูงเท่าไหร่ มันจะมีวงวนของอุตุ ซึ่งไม่ใช่ชีวะ ไม่มีธาตุรู้ของตัวเอง เป็นพลังงานความร้อนแสงเสียงแม่เหล็กไฟฟ้าของมันเองทำงานในตัวของมันเองไป มันไม่มีประธานเป็นตัวนำในวงของมันเอง อย่างแม่เหล็กมันก็ดูดของมันอยู่ แต่ไม่มีตัวประธานที่จะนำ มันก็มีพลังงานอื่นเป็นประธาน เป็นตัวขับดันเปลี่ยนแปลง ก็เป็นไปตามทิศทางของพลังงานภายนอก ตัวมันเองพลังงานภายในมันทำอะไรของมันเองไม่ได้ เช่นมันจะเกิดกระแสลมกระแสร้อนกระแสเย็น แม้แต่แม่เหล็กไฟฟ้าที่เคลื่อนไหวอยู่ คนก็เอาพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าไปทำเป็นวิทยุ เกิดวิทยากับความรู้ สามารถนำมันได้ควบคุมมันได้อยู่ในอากาศเรียกว่ากระแสวิทยุ พลังวิทยุ ควบคุมเอามาใช้ได้ แล้วก็อยากจะตั้งชื่อเอาไปใช้เป็นรายละเอียด มันมีอยู่ก็เอามาใช้ได้ คำว่ามีและไม่มีจึงเอามาใช้ในคำตอบเป็นตัวจบหรือไม่จบก็อยู่ในนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 10:30:14 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:46 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:25:31 )

แยกกายแยกจิตตั้งแต่เริ่มมาบวช

รายละเอียด

คือ พระพุทธเจ้าท่านสอนให้แยกกายแยกจิตตั้งแต่เริ่มมาบวชก็ต้องเรียนเพื่อให้ถึงนิพพาน   ท่านก็ให้แยกกายแยกจิต เป็นอันแรกเลย แยกกายแยกจิตผู้รู้ อุปัชฌาย์ต้องให้กรรมฐานให้แยกรู้ว่า อะไรที่เป็นกายอะไรไม่เป็นกายต้องแยกเลย อะไรไม่เป็นกายเลยแม้แต่พีชะก็ไม่ใช่  แม้จะติดกับชีวะ แต่มันไม่ใช่กายเราแล้ว เป็นพีชะก็ต้องรู้อีก เพราะฉะนั้น ก็มีความทุกข์ความสุข อยู่ที่จิตเท่านั้น  จึงแคบเข้าจะศึกษาทุกข์สุข ก็ต้องศึกษาที่จิต หากไม่สุขไม่ทุกข์ก็เป็นพีชะ  อะไรไม่เป็นกายเลยแม้แต่พีชะก็ไม่ใช่  แม้จะติดกับชีวะ แต่มันไม่ใช่กายเราแล้ว เป็นพีชะก็ต้องรู้อีก เพราะฉะนั้น ก็มีความทุกข์ความสุข อยู่ที่จิตเท่านั้น  จึงแคบเข้าจะศึกษาทุกข์สุข ก็ต้องศึกษาที่จิต  หากไม่สุขไม่ทุกข์ก็เป็นพีชะ แต่เป็นจิตนะการศึกษาให้ถึงนิพพาน ต้องรู้การแยกกายแยกจิตนี้  เคยมาบวช พระพุทธเจ้าท่านให้อุปัชฌาย์สอนให้รู้จักแยกกายแยกจิต ให้รู้จักนิยาม 5 หากอุปัชฌาย์ไม่มีความรู้เรื่องนิยาม 5 อุปัชฌาย์นั้นเป็นอุปัชฌาย์เป็ดอุปัชฌาย์เต่า ไข่ทิ้งเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 12:46:43 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:51:19 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 13:26:33 )

แยกกายแยกจิตตามมูลกรรมฐาน 5

รายละเอียด

พืช มีชีวะแล้ว อุตุไม่มีชีวะ อย่างที่อาตมาพยายามแยกกายแยกจิตตามมูลกรรมฐาน 5 ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ สิ่งที่ไม่ใช่ กาย 

ทวนอีกทีนึง ฟังดีๆ

คำว่า “กายะ” คือ ความมีพลังงานจิตแล้ว กายะ คือจิต มโน วิญญาณ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในพระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 230 

สภาพที่เรียกได้ว่ากาย  อย่างเราเอา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง มูลกรรมฐาน 5 นี้  เอาแต่ละอย่างมาแยกกายแยกจิต อาตมาถนัดเอาเล็บมาแยก 

เล็บเรา นี่ ไม่เจ็บ ยาวออกมาเกินประสาทในเนื้อ เกินประสาทเกินสรีระออกมาแล้ว พ้นขีดนั้นแล้ว เรียกเล็บส่วนนั้นว่าไม่ใช่กาย แม้มันจะติดอยู่ก็ไม่เรียกว่ากายเรา เล็บที่ยาวออกมา สังเกตตรงที่ไหน มันไม่มีเวทนา ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด แม้มันจะติดอยู่กับสรีระเรายาวออกมา ส่วนที่พ้นประสาทพ้นจากความเชื่อมต่อจากประสาทความรู้สึก คุณจะตัดมันออกไปมันก็ไม่รู้สึกใช่ไหม หรือส่วนอื่นๆก็ตามที่เส้นผม ขน ฟัน หนัง ก็เหมือนกัน หนังมันละเอียด มันติดอยู่ มันอธิบายได้ยากแต่มันก็เป็นขนยาวออกมา ผมยาวออกมา ฟันก็มีส่วน หมอฟันจะรู้ดี กรอ ไปถึงประสาทฟันก็หยุดเลย 

สรุปตอนแรก ส่วนใดก็แล้วแต่ในร่างกายของเราที่ไม่มีเวทนา ไม่มีความรู้สึก แม้จะเป็นชีวะอยู่ในตัวเรา ส่วนนั้นไม่มีกาย ไม่เรียกว่ากาย ตัดออกไปเลย ก็เป็นอุตุไปเลย เป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ตัดออกไปไม่เจ็บปวด ที่ไม่เจ็บปวดนี่แหละแม้จะเป็นชีวะยังไม่ได้ตัดออกไปเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ออกจากสรีระของเรา ส่วนที่ยังอยู่นี้ ส่วนที่ไม่มีเวทนานี้ไม่เจ็บ ผม ขน เล็บ ฟัน หนังเป็นต้น ส่วนนั้นเป็นพืช เรียกว่าพืช พีชนิยาม เป็นพืช 

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 10:55:32 )

แยกกายแยกจิตต้องแยกก่อนตาย

รายละเอียด

 แยกกายแยกจิตต้องแยกก่อนตาย  คือ ผู้แยกสภาวะของพืชกับสภาวะของสัตว์ด้วยปฏิบัติตามจรณะ 15  หากแยกสภาวะของทั้งสองคือพืชกับสัตว์ไม่ได้  คนนั้นไม่ได้เป็นอรหันต์ ถ้าคนนี้แยกสภาวะจิต พืช อุตุ ไม่ได้ ก็ตายปรินิพพานเป็นปริโยสานไม่ได้  ขออภัยอย่างมหาบัว  ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้  แยกกาย  แยกจิต  เจตสิกเหล่านี้ออกไม่ได้จริงแล้วจะทำใจตนเองได้อย่างไร  เป็นๆ แยกไม่ได้  ตายจะไปแยกได้อย่างไร  ต้องแยกก่อนตายเพราะฉะนั้นจึงตายด้วยฌาน4, ฌาน4 เป็นกลาง เป็น0(ศูนย์) ทำจิตให้เป็น0 (ศูนย์) อุเบกขา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 12:27:12 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:52:36 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์