@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ยัญพิธีที่บูชาแล้วมีผลอย่างสัมมาทิฐิ

รายละเอียด

2. ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว  มีผล  (อัตถิ  ยิฏฐัง) ในการปฏิบัติข้อปฏิบัติธรรมแบบผิด ไปนั่งหลับตาปฏิบัติอาตมาอธิบายสมาธิที่เป็นสมาธิของพระอริยะเป็นมรรคมีองค์ 8 ในมหาจัตตารีสกสูตร ก็ไม่รู้กันแม้แต่ใน พรหมชาลสูตร ว่าไว้ ล. 9 ข.87 [87] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์เหล่าใดมีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบัน ย่อมบัญญัติว่า นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ด้วยเหตุ 5 ประการ เขาเหล่านั้นเว้นผัสสะแล้วจะรู้สึกได้ นั่นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

เวทนาที่เป็นเวทนาเก๊ ไปหลงสุขขัลลิกะ ก็ไม่รู้ว่าต้องทำเวทนาเก๊ให้หมดไป เหลือแต่เวทนาแท้ที่เป็นเวทนาหนึ่งเดียว แล้วทำให้เป็นศูนย์ได้ วิธีปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติเวทนา 108 แล้วใครขยายความ มรรคเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่อาตมาเพราะฉะนั้นแม้แต่สัมมาทิฏฐิข้อที่ 2 ที่เป็นวิธีปฏิบัติ อาตมาก็ขอวิจัยให้ฟังว่าวิธีปฏิบัติปฏิปทาของพระพุทธเจ้า ที่เขาทำกันทุกวันนี้มันล้มเหลวหมดแล้วมันวิปริตผิดทาง มันเพี้ยนไปหมดแล้ว ศาสนาพุทธวิกฤตหมดแล้ว มันฝังรากหยั่งลึกลงหมดแล้ว จึงได้แก้ไขยาก อาตมาจึงต้องรักษาอายุให้ยืนยาวไปถึง 151 ปี ต่อไปจะไม่ว่าต่อ ไม่ติเตียนมาก ก็ขออธิบายเนื้อหาสาระธรรมะต่อไปดีกว่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน สมณพราหมณ์ผู้มาเปิดเผยสัมมาทิฏฐิของพุทธ


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 12:31:12 )

ยัญพิธีมีผลคืออย่างไร

รายละเอียด

ในสัมมาทิฏฐิ 10 หรือ มิจฉาทิฏฐิ 10 ผู้ที่มิจฉาทิฏฐิก็คือยัญพิธีไม่มีผล ผู้ที่สัมมาทิฏฐิก็คือยัญพิธีมีผล เรียกว่า อัตถิยิฏฐัง ก็เป็นสัมมาทิฏฐิ ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิก็เป็น นัตถิยิฏฐัง ท่านแปลเต็มๆว่า ยัญที่บูชาแล้ว ยัญ คือ วิธีปฏิบัติ แล้วพฤติกรรมพฤติการณ์ของการปฏิบัติ มันรวมใน ยัญ มีพิธีการและมีความรู้ความเข้าใจในวิธีปฏิบัติ แล้วก็ทำพิธีปฏิบัติด้วย ทำแล้วเรียก ยัญพิธีที่บูชาแล้ว รู้จักวิธีปฏิบัติแล้วลงมือกระทำการปฏิบัตินั่นแล้วมีผลหรือไม่มีผล ทีนี้เอาภาษาโบราณมาเรียก ยัญพิธีมีผลแล้ว กับไม่มีผล ก็เลยไปเข้าใจตาม concept มีว่า ยัญพิธี ก็ต้องมีพิธีแบบโบราณในการบูชายัญ เช่นเอาแพะเอาแกะมาเผาไฟ หรือวิธีอะไรเลอะเทอะที่จริงก็คือวิธีปฏิบัติ ทฤษฎีที่ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นผู้ที่ 1 รู้จักทาน ในสัมมาทิฏฐิ อันที่ 2 ยิฏฐัง ปฏิบัติตามวิธีการและเกิดมรรคผลหรือไม่ เพราะฉะนั้นการทำทานทุกวันนี้ไม่มีมรรคผล ทานแล้วจิตที่มีกิเลสโลภจัดขึ้น ทานแปลว่า ล้างกิเลสออกจากโลภ ทานนี่เสียสละออก กำจัดกิเลสตัวโลภ แต่ทำทานแล้วจิตก็ยิงขี้โลภ อยากได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมา การทำทานแล้วแทนที่จะลดกิเลส แต่จิตใจกลับที่โลภหนักกว่าเก่า มีภพสวรรค์มีนรกมีอะไรเยอะแยะไปหมดเลย อ่านจิตเจตสิกไม่ออก ขยายไม่ออก โยนิโสมนสิการทำใจในใจไม่เป็น ไปนั่งสะกดจิต ปฏิบัติศีลก็อย่างหนึ่ง ปฏิบัติสมาธิก็ไปนั่งสะกดจิต มันไม่รู้เรื่องถึงการสัมผัสแล้วอ่านกิเลสแยกกายแยกจิต กิเลสมันปนในจิต แล้วเอากิเลสนั้นมาพิจารณาให้เห็นว่ามันไม่ใช่ตัวตน มันเป็นสัตว์ มันเป็นอาคันตุกะ มันเป็นตัวที่เข้ามาทำลายจิต แล้วก็มีปัญญาอันยิ่งเห็น จนกิเลสมันยอม กิเลสมันไม่สู้หน้าปัญญา ปัญญาก็ทำลายกิเลส เขาไม่ได้ทำตามคำสอนพระพุทธเจ้าได้เพราะฉะนั้นมันก็เลยออกนอกลู่นอกทาง เลอะเทอะไปกันใหญ่ยัญพิธี ก็เลยไม่มีผล ยัญพิธีจะมีผลอย่างไรก็เรียนรู้ให้สัมมาทิฏฐิ อย่างที่อาตมาสอนไปแล้วเราจะมีวิธีการการลดกิเลสไปได้ตามลำดับๆๆ ไม่ตัดลัด ไม่ตะกละตะกราม จะได้ผลเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:06:05 )

ยั่งยืนอย่างยั่งยืน

รายละเอียด

แต่ของชาวพุทธโดยเฉพาะประชาธิปไตยพุทธโดยเฉพาะนี่แหละ สงบไม่แย่ง ใครอยากแย่งเอาไป เขาได้แต่โลกีย์ให้เขาไปอีก แต่ของเราได้โลกุตระของเราแล้วไปแย่งทำไมเราไม่ได้ไปอยากได้โลกีย์ เขาอยากได้อยู่เขาก็แย่งกัน เหมือนกัน ขณะนี้มีคนเขาเอาชาวอโศกง่ายๆเลย คนเขาแย่งเงินแย่งทองกัน ชาวอโศกไม่ได้ไปแย่งเงินแย่งทองอะไร พวกเรานี้ก็ทำพออาศัยไปนิดๆหน่อยๆหมุนเวียนสะพัด แม้จะอยู่ในสภาพของความมีน้อย ก็เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้น 1 มีน้อยนี่แหละหมุนเวียนสะพัดกันในความมีน้อยนี่แหละ แต่พวกนักเศรษฐศาสตร์เขาบอกว่ามันจนนี่แหละทำไมมันทำอะไรใหญ่ๆได้ รถแบ็คโฮลด์ 800 มีอยู่ในประเทศไทย 2 คัน 1 คันอยู่ที่นี่ อีก 1 คันอยู่ที่เหมืองถ่านหิน เราก็ทำเฉยๆเอาแบ็คโฮลด์ 800 ไปถางหญ้า ทำไม อโศกจะทำ 

แต่เราก็เอาไปทำงาน ของเรานี้ตอนนี้ก็ทำภูเขา ภูเฮา ยกหิน ต้องใช้แรงดียกขึ้นสบายหน่อย จนกระทั่งทุกวันนี้เรามีเครื่องมือพอใช้ อุปัทวเหตุก็ยังไม่ปรากฏนะ พวกเราทำงานกันมาต่อสิ่งที่หนักที่ลำบากลำบน มันเป็นการพิสูจน์สิ่งที่ลำบาก สร้างสิ่งที่ลำบากสร้างกันอย่างยากเย็น เขาไม่สร้างหรอกแต่เราสร้างเพราะเราเห็นว่าควรทำซึ่งเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง ในยุคอาตมาพาทำ จะไม่ไปสร้างปราสาทสวยๆเป็นนครวัดนครธม หรือไปสร้างพีระมิดอาตมาไม่ทำ แต่อาตมาจะพามาทำธรรมชาติ และซับซ้อนเป็นธรรมชาติที่ลึกซึ้งกว่ากันเยอะกว่า พีระมิดจะมีอะไรแหลมๆกองๆเรียงหิน แม้แต่กองหินเป็นนครวัดนครธมก็ทำได้ แต่อาตมานี้สารพัดมีต้นไม้มีลำธารมีภูเขา ตอนนี้มีปลูกหญ้า เขาเรียกว่าถั่วบราซิลเราปลูกไปปลูกมาจะเปลี่ยนชื่อจากถั่วบราซิลมาเป็นหญ้าอโศก เรียกหญ้าดอกเหลืองน่อย เอาละ 

เพราะฉะนั้นสรุปแล้วตอนนี้ เหลืออีก 5 นาทีก็ ความเป็นสังคมประชาธิปไตยสรุปความอย่างนี้ก็แล้วกัน โลกเขาก็ใช้คำร่วมประชาธิปไตย ภาษาอังกฤษภาษาฝรั่งเศสภาษาจีนเขาจะใช้อะไรก็ว่ากันไป หมายถึงความเป็นสภาวะของประชาธิปไตยนี่แหละ ของไทยจึงเป็นแบบไทยโดยเฉพาะ ซึ่งมาจากปัญญาพระพุทธเจ้า อาตมานำมาขยายและพาทำ และในหลวง ร. 9 ท่านก็พาทำอยู่แล้ว พวกเราก็มีภูมิธรรมโพธิสัตว์ร่วมมือกันทำขึ้นมา เป็นประชาธิปไตยแบบพระพุทธเจ้า ก็จะเป็นตัวอย่างของโลก เป็นตัวอย่างประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ที่เรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยโลกุตระ นอกนั้นประเทศอื่นๆยังเป็นประชาธิปไตยโลกียะอยู่ทั้งนั้น 

เพราะประเด็นหลักๆ ประชาธิปไตยของชาวตะวันตกหรือชาวเทวนิยมนั้น เขายังแย่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เขายังยึดจะเอาสุข สุขก็ได้ลาภยศสุขก็ได้ยิ่งใหญ่ในลาภยศสรรเสริญสุข เขาจะมีอยู่แต่โลกียะอย่างนั้นเป็นประชาธิปไตยที่หมดสุขหมดทุกข์ไม่ได้ ของเขาไม่รู้เรื่อง หมดจนกระทั่งจิตเป็นอุเบกขาจริง เป็นจิตบริสุทธิ์ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา เขาจะทำไม่ได้ ซึ่งมันยั่งยืน  มั่นคงเที่ยงแท้ด้วย มันเป็นอุเบกขาหมดสุขหมดทุกข์อย่างยั่งยืน เขาจะทำแค่ลดสุขลดทุกข์ก็ยังไม่มีปัญญาเลย แค่จะเป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ เขาก็เป็นไม่ได้ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยของพวกตะวันตกพวกยุโรปอเมริกาก็ตามหรือทุกชาติในโลกที่ไม่มีศาสนาพุทธ ที่สัมมาทิฏฐิ จึงเป็นประชาธิปไตยที่แย่งโลกียธรรมกัน แย่งกันอย่าง ไม่ลดลาวาศอกกัน แย่งกันอย่างนั้นจริงๆมีแต่จะแย่งสมบัติแล้วก็ผลัดกันชม มันก็ไม่เที่ยง โลกียสมบัติไม่เที่ยง ไม่เที่ยงอยู่ตลอดกาลไม่มีจบไม่มีพักนี่แหละ เป็นหมาหอบแดดที่แย่งกันไป แง่งๆๆ กันอยู่นี่ 

เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยแบบพุทธที่เป็นโลกุตระเท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตยที่ยิ่งกว่าสุข คือ ปรมังสุขัง ไม่ติดสุขติดทุกข์เลย แล้วก็ประสบภาวะอิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละอย่างนี้แหละ ยั่งยืนอย่างยั่งยืน จะเป็นตัวอย่างที่เป็นจริง อย่างน้อยมาดูได้จากหมู่มวล ชุมชน สังคมชาวอโศกจ้า พูดได้ไหม อนุญาตแล้วนะ พวกเรายืนยันว่ามันเป็นจริง ที่อาตมาประมวลคำว่า อิสระก็ตาม สบายก็ตามสงบอบอุ่นอะไรก็ตาม เหมือนภาษาง่ายๆ เหมือนภาษามันเป็นภาษาไทยง่ายๆ มันรู้สภาวะแต่ลึกซึ้ง

เทวนิยมไม่เป็นอิสระแม้แต่เป็นทาสพระเจ้า แต่ชาวพุทธไม่เป็นทาสพระเจ้ารู้จักพระเจ้าดี และจะจัดการแยกสลายพระเจ้าให้สูญไปเลยได้ หรือพระเจ้าไม่มายุ่งกับเรา เราจะเกิดจะตายก็ของเรา เราจะสุขจะทุกข์ก็ของเรา พิสูจน์ได้เลยเราพิสูจน์แล้วพระพุทธเจ้าพาพิสูจน์มาแล้วอาตมาเป็นชาวอโศก นำพาพวกเราชาวอโศกพิสูจน์ได้ ได้ไหม ...ได้ โอ้โห…แข็งแรง ได้ ที่จริงน่าจะเอาไมโครโฟนรับเสียงหน่อย จะได้ขานรับ มันไกลไม่ค่อยเข้าไมค์ ได้จริงๆ นี่คือสัจธรรมที่อาตมาก็จะนำเปิดเผย ยังมีเวลาอีก 2 วัน จะได้สาธยายประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ กันต่อไปอีก อีก 2 วัน ในงานนี้ตั้งใจที่จะสาธยายอันนี้ อาตมาร่างเอาไว้ได้พูดมาได้ 4 หน้า ที่ร่างเอาไว้นี้ 13 หน้า เพิ่งบรรยายไปได้ 4 หน้า เดี๋ยวอธิบายข้างหลังนี่ มันจะต้องเร็วขึ้นแล้ว อีก 2 วัน เวลาหมดแล้ว 11 กุมภาพันธ์ 2566 คู่เอกกับคู่ 6 สำหรับวันนี้ก็จบเพียงเท่านี้เจริญธรรมทุกคน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กันยายน 2566 ( 16:17:01 )

ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2

รายละเอียด

มาเข้าสู่คำอธิบายที่ว่า ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 พูดมานานหลายทีแล้วเรื่องนี้ แล้วก็ยังจะพูดต่อไปอีก อายุ 100 กว่าปีก็คงต้องพูดเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องต้น และเป็นเรื่องปลายจบ ในโลกนี้มีแต่ 2 กับ 1 กับ 0 นี่แหละเป็นเป้าหมายหลัก คือ 3 เส้า ที่ต้องศึกษา ถ้ารู้แจ้งรู้จริง ทำ 0 ได้ ทำ 1 ได้ อย่างเข้าใจด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว คุณก็อยู่กับ 2 อย่างอาศัย 1 และจบด้วย 0 มีความเป็น 1 เป็นที่อาศัย มีความหยุดความไม่ต่อมันก็ 0 แล้วก็อยู่กับ 2 กับคนอื่นอนุโลมปฏิโลมอยู่กับโลกด้วย 2 

มันไม่ง่ายอย่างที่พูด ผู้ที่พูดได้ทำได้ ก็จะสามารถช่วยคนอื่นได้ แต่ถ้าผู้ที่ไม่รู้ บางคนอาจจะพูดได้แต่วน วนไปแล้วก็เมา วนหนักเข้าๆ ก็เมา เพราะตัวเองก็วน ซับซ้อนไม่รู้ว่าเข้าหรือออก ไม่รู้ว่าออกหรือเข้า ไม่รู้ว่าบนหรือล่าง ปนกันไปใหญ่ ก็จะเละ โดยที่ตัวเอง ผู้ที่ไม่รู้ว่า ตัววน เพราะว่าตัวเองสามารถขยายไปไกล แต่วนนะ เขาก็เลยไม่เมา ถ้าเขารวบความวนนั้นเข้ามาให้ใกล้เข้า ตอนนี้ล่ะ เขาเวียนหัว อ้วกแตกเลย เขาจะเมาเขาจะรู้ว่า เขาเอง เขาก็ไม่รู้เรื่องแล้ว สภาพ 2 มันจะเร็วเข้าเร็วๆๆ จนกระทั่งคุณเมา อะไรเว้ย ไม่รู้เรื่องเว้ย นี่ขนาดทำมือให้ดูนี้ยังช้านะ แต่คุณก็จะพยายามจับสภาพ 2 นั่นแหละ สภาพ 2 ก็จะหมุนจนกระทั่ง ไม่รู้เรื่องแล้ว เมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2565 ( 11:33:04 )

ยากมากอย่างไรในการทำงานศาสนาพุทธยุคนี้

รายละเอียด

การทำงานศาสนาพุทธทุกวันนี้ที่อาตมาเกิดมาในชาตินี้มาทำงานมันยากมากตรงที่ว่า มันไม่มีแล้วธรรมะพระพุทธเจ้า โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่มีแล้ว มีแต่ธรรมะเพี้ยนผิดไป เป็นกลองอานกะแบบใหม่ สมัยใหม่ไปหมด ไม่มีเนื้อไม่มีเชื้อของกลองใบเก่าเลย ไม่มีโลกุตรธรรม แต่เป็นโลกียะที่ปรุงแต่งเลอะเทอะเละเทะ เป็นโลกียะที่หยิบมาจากของต่างๆ แล้วเอามาปรุงแต่งเองด้วยนะ นี่คือความคิดของชาวพุทธนี่แหละปรุงแต่งโลกียะต่างๆ ของเขาที่มีเก่า ปรุงแต่งใหม่ดูแล้วยาก น่าเศร้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 1

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2564 ( 19:44:14 )

ยากสุดยากแสนเข็ญอย่างไรก็จำเป็นต้องทำเพราะจำนน 

รายละเอียด

เมื่อคุณเกิดมาเป็นสัตว์ เริ่มต้นเป็นสัตว์เซลล์เดียว จนเป็นสัตว์ไม่รู้กี่ล้านเซลล์ เป็นคนเป็นมนุษย์ คุณหนีไม่ได้ คุณได้เกิดมาเป็นสัตว์แล้ว เกิดมาเป็นจิตนิยาม พลังงานของคุณนี้จับตัวเป็นอัตภาพ เป็นจิตนิยามแล้ว คุณหนีไม่ได้ แล้วเมื่อมันเริ่มเกิดมาเป็นสัตว์เซลล์เดียว มันไม่รู้เรื่องอะไร มันเป็นอวิชชา มันก็สะสมกิเลส สะสมรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเพราะมันอวิชชา สัตว์เซลล์เดียว  สัตว์ล้านเซลล์ สัตว์ที่เป็นเดรัจฉาน ขนาดที่เป็นมนุษย์แล้ว ที่ไม่ได้เรียนรู้ ไม่ได้ฟังสัจธรรม ไม่ได้พบสัตบุรุษไม่ได้ฟังสิ่งที่ถูกต้อง มันก็ยังงมงายอยู่อย่างเดิม หนักกว่าเก่าด้วย มาเป็นมนุษย์แล้วปรุงแต่งได้เก่ง คิดปรุงแต่งต่างๆนานาสารพัดเป็นเรื่องหลอกตัวเองหลอกคนอื่น หลอกกัน จนกระทั่งทุกวันนี้มันมีแต่สิ่งหลอกกันจนซับซ้อนไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ มันยากเลยที่จะช่วยให้ฟื้นกลับไป แต่ยากก็ต้องทำ ไม่มีทางเลือก 

อาตมาถ้าจะเปลี่ยนชื่อเป็นตระกูลจำ ก็จะต้องชื่อว่า จำนน  มันไม่มีทางไปไหนหรอกคุณจำลองก็ทำหน้าที่คุณจำลองไป  อาตมาก็ทำหน้าที่จำนนไป มันจำนนไม่มีทางเลี่ยงเลยมันต้องทำอย่างเดียว ยากสุด ยากแสนเข็ญก็จำเป็นต้องทำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:02:28 )

ยากับอาหารสำคัญกว่าที่อยู่กับเครื่องนุ่งห่ม

รายละเอียด

คนจะเห็นความสำคัญของพืชพันธุ์ธัญญาหาร หรือที่เรียกอีกศัพท์หนึ่งว่า “สมุนไพร” สมุนไพรนี้ แปลอีกอย่างหนึ่งว่า เอาไพร เอาป่า เอาพืช มาย่อย เอาพืชพรรณ เอาต้นไม้ เอาใบไม้ เอาลูกไม้ มาย่อย ย่อยจนกระทั่งเป็นอาหารเป็นยา ไว้อาศัยในร่างกายเพราะมันเป็นปัจจัย 4 ยากับอาหาร นอกจากนั้นเป็นที่อยู่กับเครื่องนุ่งห่มเท่านั้นเอง เป็นปัจจัย 4 

เพราะฉะนั้นปัจจัย 4 นี้ คุณขาดที่อยู่  ขาดเครื่องนุ่งห่มก็ยังไม่ตาย แต่คุณขาดอาหารหรือขาดยาถ้าคุณป่วย คุณก็ตาย ใช่ไหม ยากับอาหารสำคัญกว่าที่อยู่กับเครื่องนุ่งห่ม ก็ไม่ได้เข้าใจยากอะไร เอาล่ะปัจจัย 4 นี้ก็สมบูรณ์แล้ว ต้องมีเครื่องนุ่งห่ม ไม่นุ่งห่มจะเป็นแบบพวกเชน เปลือยกายนั้น มันผิดมนุษย์มนา มันไม่มีทั้งภาคทางจิตวิญญาณ ไม่มีทั้งความละอาย ไม่มีทั้งสิ่งที่สมควร ต้องปิดบัง ต้องโป๊เปลือย มันก็ไม่ถูก เพราะจิตวิญญาณของคนมีกิเลส มีกามราคะอีกตั้งเยอะแยะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 15:10:22 )

ยากเย็นแสนเข็ญ แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ

รายละเอียด

ก็พยายามไป อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับนี้ก็ยิ่งเข้าใจความเป็นชีวะ ความเป็นชีวิต ซึ่งอาตมาเป็นผู้ที่เอาธรรมนิยาม 5 มาขยายความให้เข้าใจชัดเจนขึ้นว่า อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม  กรรมนิยาม ธรรมนิยามต่างๆ ก็ดี มันเป็นเรื่ององค์ประกอบของพลังงาน ตั้งแต่พลังงาน อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม  กรรม ธรรมะ จนถึงขั้นพลังงานธรรมะที่เป็นโลกุตรธรรม 50 กว่าปีนี้อธิบายมาได้ขนาดนี้ ของพระพุทธเจ้าที่อาตมาได้เอามาพูดนี้สุดครบ จนวนรอบ ขยายแล้วขยายอีก รอบแล้วรอบอีก จบแล้วจบอีก ขยายใหม่แล้วใหม่อีก ก็ว่าไป ผู้ที่สามารถเข้าใจได้ก็เป็นประโยชน์ไป ก็มีเท่านี้แหละชีวิตชีวะก็เป็นประโยชน์อยู่เท่านี้ 

ถ้าอาตมาตายลง แล้ว ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลยก็จบไป ก็สบาย แต่พอมีปณิธานจะไปเป็นพระพุทธเจ้าจะต้องไปให้ถึงจุดเป็นพระพุทธเจ้า 1

2. ยังเห็นประโยชน์ที่จะต้องช่วยมนุษยชาติ ประโยชน์ที่จะต่อพุทธกัปป์ ของพระพุทธเจ้าสมณโคดมไปให้ถึง 5,000 ปี ประโยชน์ที่จะพิสูจน์ยืนยันสัจธรรมที่โลกส่วนใหญ่ทั้งหมด ยิ่งตะวันตกเทวนิยมเขาไม่มีปัญญาจะรู้สัจธรรมอันนี้เลย แม้แต่ชาวพุทธไทยเดี๋ยวนี้มันก็เสื่อมมากจริงๆ ไม่ใช่อาตมาลงโทษ ขออภัย คนชาวพุทธเสื่อมไปจากสัจธรรมโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณิสูตร เรื่องกลองอานกะ มันเสื่อมหายไปจริงๆอาตมาต้องเอามาสถาปนาลงไป จึงยากเย็นแสนเข็ญ แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ มันเป็นหน้าที่ ที่อาตมาจะต้องทำ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 23 การเมืองไทยวันนี้คือ สงครามความรู้กับการกระทำ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 14:52:54 )

ยาน

รายละเอียด

การไป เครื่องนำไป วัตถุสำหรับนำไป

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 104


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:22:45 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:07:41 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:24:11 )

ยามะกับยาวะ

รายละเอียด

คำว่า ยามะกับ ยาวะ ยะ กับ อามะ กับ ยะกับ อาวะ  อาวะนี้สั้นกว่าอามะ อามะนี่ยาวกว่ายาวะ แต่ภาษาคำว่ายาวคือยาว ภาษาคำว่ายามคือ กรอบสั้น ยามก1 2 3 ก็เลยไปเข้าใจสภาวะกองคำว่ายามนี้หยาบน้อยกว่ายาว คุณเอาพยัญชนะเป็นหลัก แต่ถ้าหากเอาสภาวะเป็นหลักยามนี้จะมากกว่ายาวเพราะว่า ม สื่อจิต เป็น นั่นคือความยึดมั่นถือมั่นยืนยันเป็นอัตราแต่ ว นี้ไม่ใช่ ว เป็นเศษวรรค ตัวที่ 4  ยาวะ นี้สั้นกว่ายามะในสภาวะ จะสลับไปมาระหว่างสภาวะกับพยัญชนะ ห 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:27:57 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:09:57 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:24:40 )

ยามา

รายละเอียด

เฝ้าอยู่แล้ว รวบรวมไว้แล้ว ครบรอบแล้ว หรือมีผล

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 32


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:23:28 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 08:08:36 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:23:46 )

ยารักษาโรคระบาดได้ดีคือการมีวรรณะ 9

รายละเอียด

ถูกต้อง สรุปได้ดี มีวรรณะ 9 ได้ดีได้ถูกต้องชัดเจนเป็นคนเลี้ยงง่าย บำรุงง่ายเป็นคนกล้าจน ใจพอ ศีลเคร่ง อาการกาย วาจา ใจ น่าเลื่อมใส ไปเรื่อยๆ จบด้วยไม่สะสมยอดขยัน เป็นทรัพย์อันยิ่งของมนุษย์ เป็นผู้ขยันเสมอขี้เกียจไม่เป็น แต่ก็ไม่ขยันจนเกิน รู้จักพักรู้จักเพียร ไม่ใช่ไม่รู้จักพัก ไม่รู้จักพอ ก็จะทำให้เสียสุขภาพ แม้แต่การประพฤติอยู่กับสังคม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ 

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 14:40:01 )

ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆ หมดๆ

รายละเอียด

ที่อาตมาออกมอตโต้ ว่า “ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมด” 

ประโยคทองอันนี้ต้องเอามาศึกษาให้ดีๆเถอะ นักรัฐศาสตร์ทั้งหลาย เอาความจริงที่ว่ารัฐบาลคุณผิดอย่างไร ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณจนถึงยิ่งลักษณ์ ผิดๆๆอย่างไรไม่เหมาะสมที่จะบริหารประเทศอย่างไร เราก็ไขความจริงออกมา มีอะไรบ้าง อย่างนี้เป็นต้น เรื่องเอาความจริงกับความถูกต้อง สิ่งดีงามมาชนะสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ผิด สิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งนั้นเลย ไม่ได้ไปใช้เลือดเนื้ออาวุธ แต่อาวุธนั้นพวกคุณพวกรัฐบาลที่มาทำ พวกเรามีเสียหายล้มตายไป คนสงบทั้งนั้นเลยคิดดูสิ 

แม้แต่ที่เราตั้งหลักทำเต็นท์ เราก็ทำกันเอง เต็นท์ขาวเต็นท์ใหญ่ช่วยกันสร้าง ตอนนั้นเกือบ 10 เต็นท์ใหญ่ เต็มถนน เป็นแบบอย่างที่ทำกัน คนที่ทำช่วงนั้นก็มี ตูน เป็นตัวหลักในการทำ ที่ศีรษะอโศก ช่วยกันทำ นั่นคือประเด็นที่อาตมาต้องการบอกความจริงให้ฟังว่า มันไม่ใช่เข้าใจอย่างคมชัดลึกได้ถูกต้องง่ายๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 14:56:58 )

ยาอายุวัฒนะต่ออายุขัยทางนามธรรม

รายละเอียด

อันนี้เป็นความรู้ที่อาตมาคิดได้ อาตมาว่าเป็นจริง อาตมาพิสูจน์จากพลังงานชีวะของตนเอง อาตมานี่มีอายุขัยจริงๆ 72 ปีจะต้องตาย แต่มาได้พลังงานความรู้ coefficient นี้ก่อน 72 อาตมายังไม่เก่งพอจะเรียกชื่ออีกหลายอย่าง หากทำได้จะเป็นยาอายุวัฒนะต่ออายุขัยทางนามธรรม อาตมาพิสูจน์แบบอาตมา ตอนนี้เลย 72 มา 1 นักษัตรก็เป็น 84 ปี แล้วก็เลย 84 มาได้ 12 ปีแล้ว หากเลยไปอีกเป็น 90 ก็เพิ่มไปอีก 6 ครึ่งหนึ่งของนักษัตร เอาไว้ฉลองตอน 90 ดูสิว่าอาตมาจะหนุ่มกว่านี้ไหม หากหนุ่มกว่านี้สูตรนี้อาตมาว่าเข้าท่านะ จากนั้นก็หวังว่าจะได้เพิ่มเป็น 96 เป็น 2 นักษัตร หากไปได้อีกนักษัตรเป็น 108 ทั้งโลกจะเหล่มาที่เรา เพราะอาตมาไม่ใช่คนที่อยู่ในหลุมก็เป็นที่มีผลงานที่เขารับกันได้ และเป็นผลงานที่ใช้ได้จริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:07:00 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:01:52 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:28:06 )

ยาอายุวัฒนะทางนามธรรม

รายละเอียด

ถ้าอาตมายืนยันไปได้ สามารถสร้าง หลายคนก็คงพอจะเชื่อ อาตมาตอนนี้รักษาขันธ์พยายามทำงาน จะเรียกว่าทำงานมาก อาตมาก็ไม่ได้ไปลงน้ำหนักเรื่องการลงแรงที่หนักมาก ก็เป็นการทำงานอยู่ในฐานข้างใน จิตวิญญาณปรุงแต่งสร้างสรรทำอะไรไปในทางนามธรรมมากกว่ารูปธรรม ก็พอทรงได้ ถ้าเผื่อว่าพลังงานขององค์รวมของแกนจิตของอาตมา มันมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาอีก จนกระทั่งมันสดขึ้นมาอีก สดขึ้นมาได้อีก ธาตุจิตของอาตมาก็จะก้าวหน้าขึ้นไปได้อีก 120 130 มันก็จะขึ้นไปได้ อาตมาก็พยายามสร้างสรรสัมประสิทธิ์ให้แก่ธาตุจิตของอาตมา อาตมาไม่เก่งในการบอกรายละเอียดของสัมประสิทธิ์ให้พวกคุณได้ชัดเจนกว่านี้ อยากขยายนะแต่มันยังไม่ได้ ไม่รู้จะขยายอย่างไร อาตมาว่ามันโดดเดี่ยวนะชาตินี้ไม่มีผู้ที่เป็นพี่มาช่วยเลย มันก็เลยอยู่อย่างนี้แหละ พูดไปก็นึกถึงน้องชายเขาว่าเขาเป็นพี่อาตมาเขาเป็นพระพุทธเจ้า อาตมาเป็นผู้ที่มาทำงานสร้างสรรค์ เขาเป็นพระพุทธเจ้าอยู่นิ่งๆไม่ต้องทำอะไรให้อาตมาทำงาน 

 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:41:29 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:02:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:08:07 )

ยินดีต้อนรับผู้มีศีล 5

รายละเอียด

ในเมืองอุบลฯ นี้ ที่นี่จะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เราก็ไม่ได้ต้อนรับแบบทางการ ไม่ต้องมีรีเซพชั่นแต่เขาก็มากัน จนทุกวันนี้มีผู้คนเดินเข้าไปถึง เฮือนหญังกิน ถือชามข้าวมากิน เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เราก็ถือว่าดีด้วยซ้ำไป มากินมังสวิรัติ เราก็ยินดีที่จะมีผู้ที่มา พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ที่มีศีลแล้วถ้ายังไม่ได้มาก็เชิญมา เพราะศีล 5 นี้ ของศาสนาพุทธเมืองไทยเป็นชาวพุทธ 95% คุณมีศีล 5 นี้มาเลย ยินดีต้อนรับ welcome มาอยู่ที่นี่ได้เลย อยู่กันไปแล้วพัฒนาขึ้นเป็นศีล 8 ศีล 10 ศีล 26 จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล แต่เรามีมหาศีลอยู่แล้ว ที่นี่ไม่มีเดรัจฉานวิชาเดรัจฉานกถา ที่ห้ามในมหาศีล

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 13:06:20 )

ยินดีต้อนรับใครต่อใครที่มีศีล

รายละเอียด

อดีตเขาอยู่กับเครื่องบินเป็นแอร์โฮสเตส จากนั้นก็เปลี่ยนอาชีพมาอยู่ที่นี่คุณผึ้ง พิมพ์เพชรรุ้ง เปลี่ยนจากอาชีพแอร์โฮสเตสมาเป็นชาวอโศกไปก็อย่างนี้แหละ แล้วก็ยินดีต้อนรับใครต่อใครที่มีศีลมาที่นี่ต้องมีศีลนะ ถ้าไม่มีศีลอย่าเพิ่งมาอย่างน้อยศีล 5 คุณมาที่นี่ต้องสมาทาน แม้คุณไม่สมาทานแล้วต้องทำได้อย่าละเมิดแม้ทางกาย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:41:45 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:04:57 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:28:44 )

ยินดีที่จะติหรือตำหนิเพราะเหตุใด

รายละเอียด

โทสาคติก็ไม่มี โมหาคติก็ไม่มี จะมีบ้างก็มีฉันทาคติ คือยินดีที่จะติ ฉันทะ ติด้วยความยินดี ถ้าใจเราเองมีฉันทาคติ เพราะว่าอาตมายินดีที่จะติ ตั้งใจที่ติให้รู้ตัวให้เข้าใจ ไม่มีโทสะหรือโมหะ หรือแม้แต่ภยาคติ คติที่เป็นภัยก็ไม่มี จะมีก็มีแต่ฉันทาคติ คือยินดีที่จะติคุณด้วยความจริงใจ พูดตามภูมิอาตมา แน่นอนอาตมาอาจจะผิด เพราะว่าอาตมายังไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาตมาก็อาจจะผิด คุณแย้งมาก็ขอบคุณ 

อาตมาไม่มีอคติกับพระไทย แต่อาตมามีฉันทาคติ ที่ท่านทำผิดเราก็ต้องตำหนิ ไม่ได้ตำหนิอย่างเมามันในอารมณ์เป็นโมหาคติ อาตมารู้สึกเมื่อยนะ ที่ตำหนิคนนี้อาตมาต้องทำงาน อาตมามีอุเบกขาไม่ได้มันในอารมณ์ แต่อาตมาแสดงธรรมเน้นๆๆ คุณก็ว่าแรง อาตมาต้องการเน้นให้ชัดไม่ต้องการให้เหยาะแหยะ 

คุณอ่านอาการเอาตามอาการ ไม่เอาตามกาลามสูตร 10 คุณเข้าใจว่า อาการอย่างนี้กำลังโกรธอาการอย่างนี้กำลังเมามันส์ คุณอ่านตามอาการเอง คุณตรวจตัวเองเสีย อย่าไปอ่านเอาตามอาการ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:43:27 )

ยินดีที่จะรับฟังความเห็นแย้ง

รายละเอียด

คนที่ยังเห็นแย้งอยู่ จะแสดงความเห็นออกมาก็ขอบคุณด้วยซ้ำ ยินดีที่จะรับฟังความเห็นแย้ง ยิ่งขยายความเอาหลักฐานมาด้วยยิ่งดีแต่ถ้าไม่มีหลักฐานมาด้วยก็ยังรับฟังดี ใครจะด่าทอมาอย่างไร เราจะทนต่อการพิสูจน์ไหม บางทีคำหยาบเกินไป เราก็ไม่กล้าพูดออกอากาศก็จะบอกเป็นนัยๆว่าคำนี้หยาบนะ คุณว่าคุณปฏิบัติว่าเราไม่ได้ปฏิบัติซึ่งการปฏิบัติของเรากับของคุณนั้นก็ต่างกัน เดี๋ยวจะได้อธิบาย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:25:39 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:49:35 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:29:18 )

ยินดีเปิดรับคนเพิ่ม

รายละเอียด

หมู่กลุ่มชาวอโศกถึงบอกว่ามารวมกันอยู่นี่จะปฏิบัติได้เร็ว ถ้าแยกกันอยู่นี้จะปฏิบัติได้ช้า พูดไปใครเห็นดีได้ก็มา เปิดรับอยู่ มาอยู่ร่วมกันไม่ต้องกลัวหรอกว่ามันจะหนาแน่น ขอให้มันหนาแน่นเถอะ และพวกเราก็ช่วยกันหาที่เพิ่มไง ถ้าคนมาติดใจ คุณก็จะเข้าใจเรื่องการแชร์ เรื่องที่จะมารวมกันเสียสละรวมกันเป็นส่วนกลาง อาตมาไม่จนทาง คนไม่สิ้นไร้ไม้ตอกหรอก เผื่อคนมีคนไม่มีก็แชร์มาเป็นส่วนกลาง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:38:00 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:06:29 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:30:38 )

ยินดีโลกุตระต่างจากยินดีแบบโลกๆทั่วไป

รายละเอียด

ยินดีโลกอุตรเคยยินดีที่จะเลิกจากโลกีย์ ยินดีในหนัง ละครเป็นอบายมุข ยินดีออก เรียกว่า เนกขัมมะ อย่าไปติดอร่อยมันเลย พอทีเถอะ เลิก  คุณมีสติสัมปชัญญะ ปัญญา  หรือว่าอันนี้ควรหยุดได้แล้วนะ ไปยินดี ไปเกี่ยวข้อง ไปคลุกคลีเกี่ยวข้อง สัมผัสสัมพันธ์มีชีวิตร่วมกับมันอยู่ในนี้ ถ้าไม่มีมันแล้วจะโหยหาดิ้นรนเดือดร้อน มันไม่ขาด ไม่หลุด จากโลกีย์เสียที หากมีปัญญาอย่างนี้แล้วยับยั้งหยุดไม่ต่อ อาการไปติดยึดรสโลกีย์ ไม่สัมผัสผู้ที่เกี่ยวข้อง สนุกสนาน เกี่ยวข้อง สัมพันธ์เกี่ยวข้อง เลิกมา ตัดขาด หยุด คุณเข้าใจอย่างนี้แล้ว มีความคิดอย่างนี้ คือคุณจะเริ่มมายินดี โลกุตระมาพอใจทางนี้ดีกว่าดีใจโลกีย์อย่างนั้น จิตคุณมีอาการอย่างนั้นจริงคือความจริง แต่คุณเข้าใจภาษาอย่างที่อาตมาเทศน์ แต่จิตคุณยังไม่ทำจริง ต้องพยายามให้รู้ว่าไอ้นั่นมันไม่น่ามี ไม่น่าเป็น ไม่น่าไปเกี่ยวข้องมันน่าจะเลิกละ ทำจิตให้มันหยุด มันขาด มันหลุด จางคลาย หยุดความดูดดึงโดยร่าง  โดยการเกี่ยวข้อง สัมผัสทางภายนอก ตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัสเกี่ยวข้อง มีชีวิต มีงานการ มีการสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกันอยู่ ไม่ต้องตัดก็ได้ ข้างนอกก็สัมผัสอยู่ แต่ทำแต่ใจเรา ทำใจเราห่าง ล้างรา เลิก ไม่เกิดรส  ไม่เกิดความยินดี อยากจะไปทำมัน เห็นว่าควรเลิก ควรตัด ควรปล่อยมันไป เราอย่าไปเกี่ยวข้องกับมัน  มันเป็นสิ่งไร้สาระ มันไม่มีประโยชน์คุณค่า มันไม่ใช่ความเจริญอะไร คุณจะต้องให้ความรู้ปฏิภาณ ปัญญา รู้ปัจจัย ความหมายต่างๆเหล่านี้มาแย้ง มาต้านมาเห็นความหมายว่า มันเลิกได้แล้วนะ มันเป็นสิ่งไร้สาระ ไม่คุ้มค่าแก่ชีวิต ที่จะไปเสียเวลา แรงงาน ทุนรอน ขาดมาได้ นั่นแหละคือความหลุดพ้น ขาดมาได้นั่นแหละคือความสบาย ครบแล้วนะอย่างนี้คือความยินดีโลกุตระยินดีออกจากความทุกข์เกี่ยวข้องที่จะเห็นว่าเราจะต้องไปแย่งเงินอยู่เราไม่พอใช้หรือเราใช้น้อยเท่าที่เราใช้ก็มีเหลืออยู่แล้วนะ ไม่พอหรือ ทำไมต้องมาทำ อย่างนั้นมาอยู่กับหมู่ก็น้อยลงไปเรื่อยๆมันดีกว่าไหม ก็พิจารณาความจริงของตัวเองเราจะมาอยู่ได้ไหม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:24:21 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:12:10 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:41:06 )

ยินดีในป่า เขา ถ้ำ ต้องมาสร้างธรรมชาติเอง

รายละเอียด

ขอพูดต่อว่า มีคนว่า ไปวุ่นกับสร้างเหล่านี้ทำไม ก็ไขความอีกที มันลึกซึ้งมีอะไรอยู่ในตัวของมัน อาตมาเคยอธิบาย มันเป็นตัวทำขึ้นมาเพื่อจะถ่วงดุลวัดวาต่างๆ พระ เจ้าต่างๆ เขาก็ไปสร้างอาคารวิหารโบสถ์ ดีไม่ดีก็ไปสร้างคางคกสร้างอะไรก็แล้วแต่เป็นรูปสัตว์รูปอะไรต่างๆนานา ก็เป็นความคิดของเขา แต่อาตมาว่า ทำไมไม่มาสร้างธรรมชาติ อาตมาไม่ได้ไปบุกป่าบุกภูเขา ไม่เคยคิดจะไปแบบนั้น แต่อาตมายินดีใน ป่า เขา ถ้ำ แต่อาตมาไมไปรุกล้ำ แต่จะสร้างเองเลย ยินดีในป่าก็สร้างป่าเอง ตั้งแต่บวชเริ่มต้นมาก็สร้างป่าทุกแห่ง ท้องนาเน่าๆตั้งแต่เริ่มต้นเลย ที่ปฐมอโศกเป็นแห่งแรกเลย ก็เป็นท้องนาเน่า จนเดี๋ยวนี้ก็เป็นป่าไปแล้ว แม้แต่ในเมือง สันติอโศกก็สร้างป่า ภูเขาเอามาไม่ได้ก็เอาแค่น้ำตกมา มีพื้นที่แค่นั้นในเมืองก็ทำ ที่อื่นก็ทำอีกหลายแห่ง แม้เกิดทางภาคใต้จะมี ที่ภาคกลางก็มี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 18:26:17 )

ยินดีในโลกุตระเป็นอัญญธาตุ

รายละเอียด

อาตมาเกิดมาก็ต้องมาฟื้น เอาโลกุตรธรรมนี้คืนมา 

พอฟื้นขึ้นมาได้มีผู้เข้าใจยินดี เริ่มมีฉันทะกัน ฉันทะ ในความเป็นโลกุตระ ลึกซึ้งนะ คำว่ายินดีในโลกุตระ เพราะธรรมดาจะไม่มีฉันทะไม่มียินดีหรอก เช่น โลกุตระสอนให้มาจน เขาก็ไม่เอา ศาสนาแบบนี้ไม่เอาหรอก มาสอนให้จน สอนให้มาหมดเนื้อหมดตัวเขาก็ว่าหมดเนื้อหมดตัวได้อย่างไรมันต้องมีมากๆสิ จะให้ไม่มีตัวตนไม่มีของของตน เขาก็ไม่เอาหรอก เขาจะไม่ยินดี แต่ผู้ที่เกิดธาตุรู้ที่เป็นธาตุรู้หรือ เรียกว่า อัญญธาตุ ธาตุรู้ที่ไม่เกิดในโลกียสามัญคนธรรมดาทั่วไป ผู้ใดมีธาตุรู้ตัวใหม่ แตกต่างเหมือนคนต่างดาว คนละโลกเลย โลกโลกียะก็โลกหนึ่ง ส่วนโลกโลกุตระก็เป็นอีกโลกหนึ่ง 

ผู้ที่กล่าวสอนโลกุตระคือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านรู้เรื่องนี้หรือ หรือสัตบุรุษท่านรู้เรื่องนี้หรือ โอ้โห! ได้เจอพระพุทธเจ้า ได้เจอสัตบุรุษแล้วก็ยินดี ความยินดีจึงเป็นเรื่องที่มีฉันทะเป็นมูลกา ในมูลสูตร 10 โอ้ ยินดีก็เข้าพบ เข้าคบหา เข้าคบคุ้นฟังธรรมท่าน เกิดปัญญาข้อที่ 1 2 3 4 จนเป็นปัญญา 8 ข้อ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 12:32:43 )

ยิ่งกว่าน้ำมัน 

รายละเอียด

เขานึกว่ามันเป็นประสิทธิภาพ เป็นประสิทธิภาพ เราสร้างอาหาร ถ้าประเทศไทยประเทศเล็กๆนี่แหละ สร้างอาหารได้มากทั้งคุณภาพและปริมาณ มากจนกระทั่งเป็น การ Export เป็นสินค้าออกให้แก่ประเทศอื่นๆได้กิน ประเทศไทยเรามีอยู่มีกินกันเหลือเฟืออุดมสมบูรณ์สบายแล้ว ยิ่งกว่าน้ำมัน 

ประเทศที่มีน้ำมัน แล้วก็ขายได้เงินมาเลี้ยงประเทศ มีโถทองคำ เช่น บรูไน อย่างนี้เป็นต้น ไม่เท่าไหร่เลย แต่สร้างอาหาร สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารนี่ขึ้นมา แล้วในประเทศก็อาศัยกินกัน อุดมสมบูรณ์ อิ่มหนำสำราญหมดแล้ว ขายออกราคาถูก ไล่แจกประเทศต่างๆ มีทูตไปดูประเทศนั้นประเทศนี้ แล้วส่งข่าวมาซิ ประเทศนี้ดูแล้วควรจะแจกจ่าย ควรจะส่งพืชพันธุ์ธัญญาหารไปให้แก่ประเทศนั้น ประเทศนั้น เกื้อกูลเขา พึ่งตนเองรอด มีเหลือเฟือ เสียสละเกื้อกูล นี่เป็นสุดยอดมนุษย์ 

แล้วไม่ต้องไปสำคัญในเรื่องธนบัตรเรื่องเงินเรื่องทองเรื่องทองคำ เรื่องเพชร ก็ไม่ต้อง มันกินเพชรไม่ได้หรอก มันกินทองคำไม่ได้หรอก มันต้องกินพืชพันธุ์ธัญญาหาร อาหาร กวฬิงการาหาร เป็นหนึ่งในโลก พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงอันนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์  วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มกราคม 2566 ( 12:52:48 )

ยิ่งกว่าเพชร

รายละเอียด

ผู้ที่เข้าใจที่อาตมานำธรรมะพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย มาอธิบายนี้ ก็เห็นว่าเป็นของมีค่า เป็นเพชรยิ่งกว่าเพชร ไม่ว่าจะเป็นเพชร ศีลสมาธิ ปัญญา หรือเพชรมาเข้าใจการเมือง เศรษฐกิจ การปกครอง เป็นเพชรที่ฉายส่องประกายสูงส่ง ก็เป็นของคุณซึ้งซื่อ วิเชียร ที่เข้าใจ ก็ศึกษาให้ดีๆ แล้วก็ใช้ภาษากำกับสิ่งที่เราเข้าใจ ก็ต้องรู้ให้ได้ถึงสภาวะ องค์ประกอบของความหมาย ที่เราเข้าใจนั้นๆให้ได้ แล้วปฏิบัติได้ ได้ศีล ได้สมาธิ ได้ปัญญา ได้ความเป็นการเมือง ความเป็นเศรษฐกิจ การปกครอง จนกระทั่งเราได้อย่างสมบูรณ์แบบมีเนื้อหา อย่างกับเพชรฉายส่องแสงแวววาวเลยก็ดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำเดือนห้าปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 20:11:10 )

ยิ่งตำหนิ ยิ่งเป็นประโยชน์

รายละเอียด

จริงอาตมาก็ไม่ได้อยากจะพูดตอนเขาเป็นๆเพราะมันจะเถียงกัน อาตมาไม่อยากให้เกิดสงครามรบทางภาษา ขออภัยนะ อาตมาไม่ได้เกรงกลัวลูกศิษย์ของมหาบัว แม้แต่ตอนมหาบัวเป็นๆ ลูกศิษย์ก็มีเยอะ ตายแล้วลูกศิษย์ก็ยังมีอยู่นั่นแหละ อาตมาไม่ได้กลัวลูกศิษย์ ไม่ได้กลัวมหาบัว ว่าเป็นๆ หรือตายแล้ว แต่เพราะว่าไม่อยากจะเกิดการถกเถียง เกิดการพูดกันเยอะ เพราะฉะนั้นตอนที่หมดแล้วนี่ มหาบัวตายแล้ว ก่อนมหาบัวตายอาตมาก็พูดแต่เกรงใจกว่านี้ เหมือนกับอาตมาขออภัย อาตมาเกรงใจมหาประยุทธ์ ถ้ามหาประยุทธ์ตายแล้วอาตมาจะพูดหนักกว่านี้ ฉันเดียวกัน เอาละจบ อธิบายตรงนี้แล้วคงเข้าใจกัน

แต่ว่ามหาประยุทธ์นี้ยังดี ยังทำการรวบรวมคัมภีร์ต่างๆ แต่มหาบัวไม่ได้รวบรวมัมภีร์อะไรเลย มีแต่ภาษาเละไป ไปตามประสาของมหาบัวเอง แล้วคนก็เก็บภาษานั้นมาฟังกันเป็นภาษาในโลกของมหาบัว ก็เลยเป็นอีกลัทธิหนึ่ง ถ้าฟังธรรมของมหาบัวก็จะเข้าใจ สรุปผลได้ตามที่มหาบัวพูด แล้วมันก็เป็นอีกลัทธิหนึ่ง ที่มีความหลากหลายอยู่ในทิฏฐิ 62 ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ 

ก็ตีความเอาตามอาการ ในกาลามสูตร ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ (พระไตรปิฎกเล่ม 20 “เกสปุตติสูตร” ข้อ 505)  ดูอาการอาตมาว่าเป็นการจองเวรจองแค้น แต่ที่จริงอาตมาพูดสัจธรรม ชี้ถูก ชี้ผิด ตำหนิผิด แล้วก็ยกสิ่งที่ถูก จะไปยกสิ่งที่ถูกก็ยกแต่พวกเราชาวอโศก ก็เลยไม่ค่อยได้ยกมาก ก็เลยตำหนิเสียมาก แล้วเรื่องที่ตำหนินี่แหละพระพุทธเจ้าก็สรรเสริญยกว่า ต้องตำหนิ เรื่องตำหนิ ยิ่งตำหนิ ยิ่งเป็นประโยชน์ สรรเสริญไม่มีค่าไม่มีคุณอะไรเลยเป็นเรื่องต่ำทรามด้วยคำสรรเสริญ 

เพราะฉะนั้นเรื่องตำหนินี้เป็นเรื่องถูกต้อง เจริญได้ดีได้ก็ด้วยการตำหนิสิ่งที่ผิดกันให้แก้ไข อาตมาว่าอาตมาไม่ได้เป็นคนหยาบคาย ไม่ได้เป็นคนพูดสาดเสียเทเสีย อาตมาพูดอิงหลักอิงธรรมพูดสัจจะ อาจจะพูดแรงๆ พูดดัง เพราะอาตมาเป็นคนพูดดัง พูดแรง เป็นคนพูดเน้น มันก็เลยดูแข็ง ดูแรงโดยสัจจะ เพราะอาตมาจะไม่พูดเหยาะแหยะ คนพูดเหยาะแหยะมันชอบกล อาตมาไม่ค่อยถนัด ถนัดพูดเน้นๆ ชัดๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าอวิชชาหลับตาโง่ๆ วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2566 ( 13:32:55 )

ยิ่งสู้ยิ่งเบิกบานแจ่มใสด้วยเหตุใด

รายละเอียด

อาตมาทุกวันนี้แสดงธรรมร้องเพลงประกอบด้วยต้องใช้เพลงที่ฮิตติดตลาด รุ่นนี้เขาก็ไม่รู้ด้วยแล้ว เพลงสุนทราภรณ์เก่า (สมณะฟ้าไทว่า ทุกวันนี้เขาฮิตเพลงหนักแผ่นดินกัน) ก็ขย่มกันต่อ ก็สู้ๆพลเอกประยุทธ์ ก็เห็นพัฒนาขึ้นยิ่งสู้ยิ่งเบิกบานแจ่มใส แต่ก่อนนี้สู้แล้วทุกข์มาก จนกระทั่งแข็งแรงแก้ไข ทุกวันนี้เจริญขึ้นดีขึ้นมากเลย นี่แหละๆ มีธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วก็ได้ประโยชน์ ปฏิบัติตามธรรมะพระพุทธเจ้าและทำงานไปด้วย เป็นเรื่องการปฏิบัติตนจริงๆเลยทำงานอาชีพอยู่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 10:36:33 )

ยิ่งหยุดยิ่งสมถะยิ่งฟุ้งซ่าน เฉโก

รายละเอียด

ดี เรียนธรรมะตั้งใจศึกษาธรรมะแล้วได้มรรคได้ผล เขานั่งหลับตามิจฉาทิฏฐิก็ได้มรรคได้ผล แต่เป็นมิจฉามรรค มิจฉาผล เป็นสมถะเป็นเรื่องนิ่ง เป็นเรื่องหยุด เป็นเรื่องไม่เอาถ่าน เป็นเรื่องไม่รู้จักสัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมาสังกัปปะ อะไรหรอก รู้จักแต่หยุดๆๆๆ เหมือนอย่าง ธัมมชโย เหมือนอย่างหลวงพ่อสด ให้หยุด หยุดๆตัวเดียวสำคัญยิ่งใหญ่ที่สุด แล้วเขาก็พยายามหยุดแต่ก็ฟุ้งซ่านขนาดหนักเลย ธัมมชโยนี่นะ หลวงพ่อสดนี้สอนให้หยุดนะ หยุดที่กลางกาย จิต จดจ่ออยู่ที่จุดสูงกว่าสะดือ 2 นิ้วกลางกาย หยุดอยู่ที่นั่น เขาสะกดจิตว่าหยุดแต่เขาฟุ้งซ่าน เห็นไหมมันมีสภาพ 2 ใน 1 

ฟุ้งซ่านไปจนกระทั่งกลายเป็น เฉโก ฉลาดแกมโกงได้ ซับซ้อนลึกซึ้งมากมาย คนที่ถูกสะกดจิตแล้วจะครอบงำอย่างไรก็สำเร็จ บอกให้ปิดบัญชีของตัวเอง ถอนมาให้ทำทานให้หมดก็ทำ คิดดู แล้วครอบครัวเขา บ้านเขาจะเป็นอย่างไร บ้านแตกช่างคุณสิ คุณก็บ้านแตกเรื่องของคุณ คุณเอาเงินมาก็แล้วกัน…. โหดเหี้ยมที่สุดเลย เหี้ยมจริงๆ สุดยอดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2565 ( 19:46:54 )

ยิ่งใหญ่ อยู่ที่ยิ่งเล็ก 

รายละเอียด

ก็สรุปลงไปตรงนี้ว่า การเมืองโลกุตระนี่ ตัวอย่างอยู่ในประเทศไทย ประเทศอื่นขอยืนยันได้ว่ายังไม่มี ขอยืนยันเลยแม้แต่ประเทศอื่นที่จะเป็นพุทธศาสนา ถึงมีก็ยังไม่รู้ตัว เช่น อินเดียนี้เขามี แต่ลักษณะเป็นอย่างเจโต หรือประเทศจีนเขามี แต่เขาเป็นเชิงปัญญา เป็นเชิงพุทธิจริต มันยังจับไม่ติดแต่เขาเอาไปใช้งานได้ เพราะฉะนั้นสายจีนจะเห็นสภาพ เห็นสภาวะอ่านได้ง่าย ส่วนสายอินเดียนั้น สายศรัทธาจะอ่านยาก สายปัญญาจะอ่านจีนง่าย แล้วตอนนี้จีนกับอินเดียก็จับมือกันแล้วด้วย สหรัฐเอ๋ย 

สีจิ้นผิงเขารู้ เขาก็ผูกสัมพันธ์กับอินเดียไว้ก่อนแล้ว อินเดียก็รู้ อย่านึกว่าอินเดียไม่รู้จักอเมริกานะ อินเดียรู้จักอเมริกา อินเดียรู้จักจีนนะ อย่านึกว่าเขาไม่รู้ รู้เดี๋ยวนี้มันพอรู้กันก็ขอเตือนพิธาเอ๊ย ศิษย์ harvard ยิ่งใหญ่ อยู่ที่ยิ่งเล็ก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองบุญนิยมโลกุตระที่เป็นปรากฏการณ์จริง วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2566 ( 20:04:11 )

ยิ่งใหญ่มากคือคนจนที่มีความขยันและสมรรถภาพ

รายละเอียด

อันนี้สูงสุดนะ คนที่ได้ให้ผู้อื่น ผู้รับอยู่ในฐานะที่เป็น ปฏิคาหก เป็นผู้ให้นั้นเป็น ทายก เป็นผู้ให้ทาน จริง เราเป็นผู้รับ เป็นปฏิคาหก อย่างอาตมานี้ อยู่ในฐานะเป็นผู้รับแล้ว ไม่ได้เป็นผู้ให้  และเป็นผู้ให้ เป็นทายกทางธรรม เป็นผู้ให้ทาน มีธรรมทาน มีธรรมะเป็นทาน ส่วนวัตถุข้าวของอะไรอื่นอาตมาไม่มีจะให้แล้ว ให้แต่ธรรมะ เลยกลายเป็น ปฏิคาหก เป็นผู้รับวัตถุจากคนอื่นๆที่ให้มา ทางวัตถุ ทางข้าวของ เรี่ยวแรงต่างๆ การช่วยเหลือที่สูงสุดคือการช่วยให้คนพ้นทุกข์ได้ นี่ก็เข้าใจสัจจะที่ถูกต้อง 

ครอบครัวแม้จนก็สงบ อีกทั้งแม้จนก็สามารถช่วยผู้อื่นได่ยิ่งใหญ่มาก คนที่จนแล้วสงบ ยิ่งใหญ่มาก จน ไม่ได้หมายถึงไม่มีอยู่ไม่มีกิน จน ไม่ได้หมายถึงว่าเบียดเบียนคนอื่น จน ไม่ได้หมายความว่าเป็นภาระคนอื่น จน คือตัวเองไม่สะสมไว้เป็นของตน แต่เป็นคนจนที่มีแจกผู้อื่นด้วย เป็นสิทธิของตนด้วยที่เอาไปแจก เพราะมีความขยันและสมรรถนะ 

อาตมาเคยสรุปว่า ความรวยอยู่ที่ 1. มีสมรรถนะ 2. มีความขยัน นี่คือความรวย ไม่ใช่ไปเอาธนบัตร ไปเอาทองคำ ไปเอาเพชรนิลจินดาวัตถุเป็นเครื่องกำหนดความรวย ไม่ใช่ อย่างนั้นมันเป็นปลายทางปลายเหตุ ความรวยจริงๆของบุคคลอยู่ที่ 1.มีสมรรถนะ ความรู้  2. มีความขยัน แล้วก็ทำงานขยันตามที่ความรู้เรามี ความรู้ นี้กินความว่า อะไรควรขยัน อะไรควรสร้าง เราก็ทำสิ่งที่ควร นี่อย่างที่พวกเราและเราก็มีเยอะแยะไป เพราะเราไม่สะสม สร้างขึ้นได้ มีผลผลิตเยอะแยะ แล้วก็แจก เราไม่สะสมไว้ เอาไว้แต่พอกินพออยู่ กินพอแล้วก็แจก แล้วเราก็ทำอยู่ทุกวัน ก็แจกได้ทุกวัน เหลือแหล่อยู่ทุกวัน นี่คือ เศรษฐศาสตร์ที่จบกิจ  เศรษฐศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบ 

เพราะฉะนั้น นักแก้ปัญหาเศรษฐศาสตร์โดยทฤษฎีของทางตะวันตก จบด็อกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์มา ยังไงก็แก้ปัญหาไม่จบกิจ แต่อาตมาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้า แก้ปัญหาเศรษฐกิจ จบกิจแล้ว พวกเราจบกิจเรื่องเศรษฐศาสตร์ ไม่ต้องเบียดเบียนใคร ไม่ต้องไปหวังพึ่งรัฐบาล ไม่ต้องไปหวังพึ่งใครอื่น พึ่งตัวเอง พึ่งพวกเรานี่แหละ แล้วได้ช่วยคนอื่นด้วย แจกได้ถึงทุเรียน อย่าว่าแต่แจกฟักแฟงแตงกวาเลย แต่ทุเรียนของเราก็น้อย ของวังจันทร์พฤกษา ก็เอามาแจกกัน 800 กิโลกรัม สนุก อย่างนี้เป็นต้น นี่มันเป็นสัจจะที่มันมีของจริงยืนยัน รองรับ 

คนที่ศึกษาธรรมะ เห็นพฤติกรรมของบุคคล พฤติกรรมของกลุ่มหมู่บุคคล เป็นปรากฏการณ์ให้เห็นว่า เขาเป็นอิสระนะ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนความเสียสละ ดีนะ แล้วเขาก็อยู่สบาย อิสระ สบาย เหลือกินเหลือใช้ สร้างสรร ขยันเพียร วันๆ คืนๆ จนกระทั่งไม่ต้องฟุ้งซ่าน ไม่ต้องไปอยู่ที่อื่น แล้วอยู่กับพวกกับหมู่ นี่แหละสังคมที่สมบูรณ์แบบแล้ว คนที่มีปัญญา กิเลสมันไม่ดิ้นอะไรแล้ว มันก็มีที่จบ มันก็รู้ที่ควร 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 36 ชีวกสูตรคือเจาะจงฆ่าไม่ใช่เจาะจงชื่อคนกิน วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 แรม 13 ค่ำ เดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2566 ( 08:32:37 )

ยิ่งไม่เอายิ่งมี ยิ่งไม่มียิ่งมี ยิ่งสูญยิ่งอนันตัง

รายละเอียด

โดยสัจจะแล้วผู้ที่ไม่ไปแย่งใคร มีแต่ให้ สร้างให้ มีแรงงาน มีความรู้ ความสามารถ ก็สร้างๆๆ เป็นสิทธิของตัวเอง 100% คนนี้ก็ให้ให้ให้ คนนี้เป็นเจ้าหนี้ตลอดโลกแตกเลย คนนี้ที่ได้แต่ให้ให้ให้ โดยที่ไม่เอาคืนด้วย เขาจะตอบแทนคืนมาก็ดี แต่เราก็ให้ต่อไปอีกคืนไปอีกโดยไม่สะสม เป็นคนไม่สะสมเลย แล้ว ยิ่งจะต้องมีลูกหนี้เยอะ แล้วลูกหนี้จะใช้หนี้คืนอีก ก็ยิ่งจะมีมากขึ้นๆๆ แล้วเราก็ยิ่งจะไม่เอาๆๆ เรายิ่งไม่เอา เขาก็จะยิ่งยัดเยียดมา ท้าทายให้มาพิสูจน์เลย ยิ่งให้ไปยิ่งได้มา ยิ่งไม่เอายิ่งมี ยิ่งไม่มียิ่งมี ยิ่งสูญยิ่งอนันตัง ยิ่งสูญ ยิ่ง Infinity นับไม่ถ้วนเลย นี่เป็นสัจจะ เพราะอาตมาพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้ามาถึงชาตินี้ มากอบกู้โลกุตรธรรมของพุทธขึ้นมา ถึงไม่ได้ไปพูดสิ่งที่ไม่จริง อาตมาพูดว่าเป็นไก่ตัวพี่อย่างนี้เป็นต้น 

สรุปแล้วคุณซึ้งซื่อ ปฏิบัติศีลธรรม หรือ จะฟังธรรมจากพ่อท่าน สมณะ สิกขมาตุ จำเป็นแค่ไหน ก็จำเป็นสิ เพราะผู้นี้รู้มาก่อนได้มาก่อนคุณแล้วก็เชื่อไหมว่า ทางสายนี้เป็นทางตรง เป็นทางหนึ่งทางเดียวของพระพุทธเจ้าเลย เชื่อไหมล่ะ เชื่อก็เอา แต่ถ้าคุณยังลังเล ก็ไม่เต็มที่ พูดไปก็จะหาว่าบังคับ ประเหลาะ ศึกษาดีๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 ตุลาคม 2565 ( 11:04:15 )

ยึดของเก๊เป็นของจริงเพราะตัวอย่างของจริงหมดไปแล้ว

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น อาตมาไม่สงสัยหรอกที่คนไม่เข้าใจ แล้วอาจจะเข้าใจผิดด้วย เพราะว่ามันเป็นจริง เขายังไม่มีตัวอย่าง ตัวอย่างของจริงมันหมดไปแล้ว นอกจากหมดไปแล้วยังไม่พอยังเข้าใจตัวอย่างของเทียมของเก๊มาเป็นของจริงซะอีก ยึดถืออย่างนั้นอย่างยึดมั่นถือมั่นเลยว่าอย่างนั้นจริง  อย่างของอาตมานี้ไม่จริง อย่างนี้เลยเป็นต้น มันก็เลยยิ่งยาก แต่ในยุคนี้มันไม่มีแล้ว อาตมาเกิดมาหัวเดียวกระเทียมลีบ มีคนเดียวด้วย เรียกหาผู้พี่ก็ไม่มี ส่วนผู้น้อง บางทีก็ยืนยันว่าเป็นน้องไม่ได้ ก็พูดไป อธิบายไปเรื่อยๆ ก็เป็นไปตามที่เรามีผู้ช่วยกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 20:54:50 )

ยึดความผิดเป็นความถูกอย่างมั่นใจ

รายละเอียด

แล้วเขาก็ปักมั่นเหลือเกิน ซึ่งมันยากมากที่ในยุคกึ่งพุทธกาลแล้ว เขาได้หลงผิดเป็นถูก ยึดแต่ความผิดเป็นความถูกอย่างมั่นใจ เมื่อคนถูกเอาความถูกมาพูด เขาก็ฟังไม่ขึ้นเห็นเป็นตัวตลก เห็นว่าจะเป็นตัวมาทำลายขัดแย้ง ที่อาตมาพูดได้ทุกวันนี้เพราะมีพระไตรปิฎกเป็นหลักฐาน แม้แต่จรณะ 15 วิชชา 8 เท่านี้แหละรวมคำสอนเป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้า เป็นหนึ่งในพุทธคุณ 9 ของพระพุทธเจ้าอันนี้เป็นตัวเนื้อเลย คือ วิชชาจะระณะสัมปันโนคือเนื้อหาแท้ๆของศาสนาพุทธ เขาก็เถียงไม่ได้เพราะว่าเรายืนยันหลักฐาน เขาก็จำนน แต่ก็ยังไม่เชื่ออยู่นั่นเอง ผ่านมา 50 ปีแล้ว อาตมามายืนยันปฏิบัติตามหลักธรรมพระพุทธเจ้าเป็นโลกุตรธรรม เป็นโพธิปักขิยธรรมหรือศีลสมาธิปัญญาที่สัมมาทิฏฐิ ไม่ใช่อย่างที่เขาปฏิบัติ ศีลก็ไปอย่างหนึ่ง สมาธิก็ไปนั่งหลับตา ส่วนปัญญาก็ไปเรียนเอาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งมันไปกันใหญ่ ผิดไปจากธรรมะพระพุทธเจ้า แยกส่วนศีล สมาธิ ปัญญา กันไปหมด หั่นเป็นตอนๆๆ ไปเลยตัดขาดเป็นตอนๆ ไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:08:18 )

ยึดดียังเป็นพิษภัยและวิบาก

รายละเอียด

ดีของเราได้ดีแล้ว ถ้ายังยึดดีนี้ก็เป็นภัยเป็นพิษยังเป็นวิบาก ดีก็ดีแล้วไม่ต้องเอาดีไปข่มใครเบียดเบียนใคร ไปทวงหนี้ ทวงบุญคุณใคร ถ้าเห็นว่าเราดีก็ยกย่องนับถือเองโดยอิสรเสรีภาพไม่ต้องไปอวดอ้าง และเล็มเขา บอกความจริงได้ เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิของเขา อย่างอาตมาพูดบอกความจริงยืนยันย้ำ จนกระทั่งเขาไม่เชื่อว่าจะต้องมาบอกอะไรมันเหมือนมาอวด อาตมาก็บอกว่าไม่ใช่ อาตมาไม่มีตัวนี้ ซึ่งมันซับซ้อน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 20:50:51 )

ยึดถือแมันิดแม้น้อยก็แสดงว่ายังไม่ถึงซึ่งสัจจะ!

รายละเอียด

คนผู้ใดยัง“ยึดเอา,ถือเอา(อุปาทา)”แม้แต่“ความจริงที่ตนกำหนดรู้ว่าเที่ยงแท้แน่นอนแล้วในโลก(สัญญายะ นิจจานิ โลเก)”นั้นว่าเป็น“ตน” 

ยังมีความหลงเหลือความยึดเป็น“ตน”อยู่ แม้แค่น้อยนิดธุลีละอองเท่าใดก็ตาม ก็ยังชื่อว่า ผู้ยังไม่ถึงซึ่ง“สัจจะอย่างเดียว”อยู่แท้ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 187 หน้า 161


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 19:25:27 )

ยึดปัจจุบันที่เล็กที่สุด

รายละเอียด

เราไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าอดีต หรืออนาคต ถูกหรือผิด เรายึดปัจจุบัน ปัจจุบันที่มีองค์ประกอบที่เหมาะสมที่สุดทุกอย่างไม่เที่ยงอย่าไปยึดมั่นถือมั่นตามเหตุปัจจัยองค์ประกอบ อาตมาอยู่กับปัจจุบันที่เล็กที่สุดเล็กนิดเดียวนั่นก็ยากที่จะเข้าใจกันก็มีองค์ประกอบอะไรที่อาตมาตัดสินใจก็ด้วย ความจริงใจด้วยภูมิปัญญาที่มีเห็นว่าอันนี้มันดีที่สุด ก็ตัดสินอันนี้ก็จบไปยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ อาจจะผิดอาตมาว่าอาตมาอาจจะตัดสินใจผิดก็ได้หรือถูกก็ได้ แต่แน่นอนเรามีความจริงใจ เราไม่ต้องการให้เกิดสิ่งที่ตัดสินแล้วมันไม่ดี ตัดสินสิ่งนี้ต้องดีแน่นอน แต่แน่นอนเราไม่หลงตัวเองว่าเราถูกหมด เราตัดสินนั้นถูกหมดแต่เราจริงใจว่าเราไม่ผิด เราจริงใจไม่ให้ผิดแต่ถ้ามันผิดมันก็เป็นเรื่องสุดวิสัย เก่งเท่านั้นใครก็อยากเก่งที่สุด ใครก็ไม่อยากผิดใช่ไหมแต่มันสุดวิสัยก็จบ จะลงโทษคนที่สุดวิสัยจะไปทำต้มยำกุ้งก็ตามใจไม่ว่ากัน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 02 เมษายน 2563 ( 13:08:09 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:24:44 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:31:20 )

ยึดปัจจุบันที่เล็กที่สุด

รายละเอียด

เราไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าอดีต หรืออนาคต ถูกหรือผิด เรายึดปัจจุบัน ปัจจุบันที่มีองค์ประกอบที่เหมาะสมที่สุดทุกอย่างไม่เที่ยงอย่าไปยึดมั่นถือมั่นตามเหตุปัจจัยองค์ประกอบ อาตมาอยู่กับปัจจุบันที่เล็กที่สุดเล็กนิดเดียวนั่นก็ยากที่จะเข้าใจกันก็มีองค์ประกอบอะไรที่อาตมาตัดสินใจก็ด้วย ความจริงใจด้วยภูมิปัญญาที่มีเห็นว่าอันนี้มันดีที่สุด ก็ตัดสินอันนี้ก็จบไปยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ อาจจะผิดอาตมาว่าอาตมาอาจจะตัดสินใจผิดก็ได้หรือถูกก็ได้ แต่แน่นอนเรามีความจริงใจ เราไม่ต้องการให้เกิดสิ่งที่ตัดสินแล้วมันไม่ดี ตัดสินสิ่งนี้ต้องดีแน่นอน แต่แน่นอนเราไม่หลงตัวเองว่าเราถูกหมด เราตัดสินนั้นถูกหมดแต่เราจริงใจว่าเราไม่ผิด เราจริงใจไม่ให้ผิดแต่ถ้ามันผิดมันก็เป็นเรื่องสุดวิสัย เก่งเท่านั้นใครก็อยากเก่งที่สุด ใครก็ไม่อยากผิดใช่ไหมแต่มันสุดวิสัยก็จบ จะลงโทษคนที่สุดวิสัยจะไปทำต้มยำกุ้งก็ตามใจไม่ว่ากัน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 02 เมษายน 2563 ( 13:08:09 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:10:41 )

ยึดปุ๊บก็เป็นซาตานทันที

รายละเอียด

ยึดปุ๊บก็เป็นซาตาน เราไม่ยึดมั่นถือมั่น แต่ยึดถือเพื่ออาศัย เพื่อปฏิบัติเพื่อทำเพื่อเกิดปฏิกิริยา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:29:24 )

ยึดมั่นถือมั่นทหารคือเผด็จการเป็นคนตื้นเขิน

รายละเอียด

ถามพวกเราว่าตอนนี้เมืองไทยเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย…พวกเราตอบกันว่าเป็นประชาธิปไตยกันทุกคน ใครที่ไปยึดมั่นถือมั่นทหารเท่ากับเผด็จการคนนี้ตื้นเขินมาก ในยุคนี้มันไกลจากตรงนั้นแล้วก็พูดอีกนิด ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้ามาบริหารประเทศก็เคยบอกกับสังคมจำไม่ผิดนายกฯประยุทธ์นี้เคยบอกว่า ผมเคยเป็นทหารแต่ตอนนี้ผมเป็นนายกฯ ผมไม่ได้เป็นทหารผมบริหารปกครองในฐานะของนายกรัฐมนตรี ผมไม่ได้เป็นทหารแต่ผมเอาทหารออกจากตัวผมไม่ได้ยศพลเอกผมก็เอาออกไม่ได้ ในหลวงเป็นคนตั้งก็เท่านั้นเอง ผมไม่ได้ไปทำการด้วยอำนาจในกองทหาร ทำหน้าที่นายกฯไม่ได้ทำหน้าที่พลเอกประยุทธ์ ถ้าถ้าใครฟังออกพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ซึ่งแน่นอนว่าทหารมีอำนาจบาตรใหญ่ทั้งอาวุธและกองทัพ แต่นี่เขาไม่ได้เอาอำนาจนั้นมาใช้ จริงอยู่ว่าเขาเคยเป็นผู้ควบคุมความมั่นคงของชาติอันเก่าต่างๆนานา เป็นคสช.เป็นหัวหน้าคสช.ก็แล้วแต่แต่เขาไม่ได้ไปเอาอำนาจพวกนั้นไปใช้ เขาให้อิสระเสรีภาพต่อสังคม ซึ่งอาตมาก็กำลังอธิบายประชาธิปไตยที่มี(อิสระเสรีภาพ ทาน ปัญญา อนุกัมปา อนัตตา) ปัญญาก็เอาของพระพุทธเจ้า เป็นความรู้ความฉลาดของโลกุตระซึ่งมันคนละตระกูลของโลกีย์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 02 เมษายน 2563 ( 13:11:06 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:11:13 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:42:39 )

ยึดมั่นถือมั่นอาจารย์สอนให้หลับตา

รายละเอียด

คำว่าวิญญาณมีที่ตั้ง ต้องมีตาหูจมูกลิ้นกายครบ มีทั้งภายนอกมีทั้งภายใน มีทั้งรูปมีทั้งนาม สัมผัส สัมพันธ์กันอยู่ครบถ้วนเป็นภาวะ 2 ตลอดเวลา ไปหลับตาเสีย ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกาย มันเหลือหนึ่งเดียวไม่มีสอง แค่นี้แค่สองกับหนึ่งแค่นี้ ทำไม่ได้ เพราะยึดมั่นถือมั่น ว่า อาจารย์ของข้าพเจ้าสอนให้อย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะต้องหลับตา เอามาอ้าง พระพุทธเจ้าตรัสกับ อุตรมานพ ที่ไปเรียนกับอาจารย์มา อาจารย์สอนว่าอย่างไร จงหลับตาเสียอย่าให้เห็นรูป จงปิดหูเสียอย่าให้ได้ยินเสียง อ้อ…. อย่างนั้นเธอก็เหมือนสอนให้ทำลายตาหูจมูกลิ้นกายเสีย อุตรมานพฟังแค่นั้น เขามีความเฉลียวฉลาดปฏิภาณก็เข้าใจ แต่นี่แทงด้วยหอกร้อยเล่ม เช้ากลางวันเย็น ขออภัยที่พูดแรง  มันก็เหมือนไป กระทบกระทั่งกระทุ้งแรงนิดนึง มันก็สุดวิสัย อาตมาก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็สงสาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน วิบากของอรหันต์ที่อภิญญาน้อย


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 17:29:01 )

ยึดมั่นมากก็ทุกข์มาก

รายละเอียด

กาย มันก็เป็นไปตามธรรมดาธรรมชาติเหตุปัจจัยที่เป็นสามัญเหมือนๆกันคล้ายๆกัน ไอ้ที่ ไปทำให้พิการจากคนส่วนใหญ่สามัญเขาเป็น คุณก็พิกลพิการไปจากเขาแล้วไปนับว่าเก่งซึ่งมันไม่ใช่ มันสูงกว่านั้นเป็นโลกุตรจิตหรือโลกุตรธรรม เป็นอย่างนี้ก็คืออย่างนี้ รู้ความจริงตามความเป็นจริง อย่าไปพิกลพิการ อย่าไปอุตริแตกต่างจากส่วนใหญ่ที่เขาเป็นกัน เราก็เป็นอย่างเขาแต่เรายึดมั่น หรือไม่ยึดมั่น 

ยึดมั่นมากก็ทุกข์มาก  ไม่ยึดมั่นมากก็ทุกข์น้อยลง ไม่ยึดมั่นเลยมันก็เป็นตามสัจจะ มันเป็นอย่างนั้น เรียกมันว่าสุข เรียกมันว่าทุกข์ มันก็กลางๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2566 ( 12:48:46 )

ยึดมั่นสุขนิยมย่อมดับทุกข์ไม่สำเร็จ!

รายละเอียด

“นิพพาน”คือ การ“ดับสูญวิญญาณ”หรือ“เทฺว”คู่สำคัญอันคือ“สุข-ทุกข์”นี่เอง“คู่เอก” ที่“เทฺวนิยม”ยังยึดมั่นถือมั่นเป็น“สุขนิยม”ยังตีแตกแยกแยะ“เทฺว”ไม่ได้ จึง“ดับสิ้นสุข-ทุกข์”ไม่ได้ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 264 หน้า 211


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:25:31 )

ยึดว่าเป็นสวรรค์ ยึดว่าเป็นนรกโง่ทั้งนั้น

รายละเอียด

มาเข้า สัตตาวาส 

อันที่ 1 สัตตาวาสกับวิญญาณฐิติ 7 

วิญญาณฐิติ 7 เป็นสัมมาทิฏฐิที่จะต้องปฏิบัติให้ถูก วิญญาณฐิติ คือมีวิญญาณตั้งอยู่ วิญญาณคือธาตุรู้ที่มีทั้งภายนอกภายใน มีกาย มีภายนอกมีภายในคือวิญญาณ 

ไปหลับตาเสีย ไม่มีภายนอก ตาหูจมูกลิ้นกายไม่มี อันนั้นเรียกว่าสัมภเวสี คือผู้ไม่มีที่ตั้ง ผู้ไม่มีที่เกิด ผู้ไม่มีที่เกาะ ลอยละล่องไป อยู่ในภวังค์ อยู่ในภพแห่งความไม่รู้จักอะไรไม่มีอะไร ตาไม่มี หูจมูกลิ้นกายไม่มี คุณมีแต่จิตของคุณอยู่ในภพของคุณ เรียกว่าองค์แห่งภพ ภวังค์ คุณอยู่ตรงนี้แต่คุณไม่รู้กับใคร ตาหูจมูกลิ้นก็มีแต่คุณไม่สัมผัสกับใคร อยู่ในกะลาครอบของคุณอยู่ในภวังค์ เพราะฉะนั้นไอ้ที่ไปคิดว่าตายแล้วจะไปเจอคนนั้นคนนี้ จะไปเจอวิญญาณคนนั้นคนนี้นั้น  ไม่มี ตายแล้วนรกของคุณ คุณก็อยู่ของคุณคนเดียว สวรรค์โง่ๆของคุณ คุณก็โง่ของคุณคนเดียว หมดฤทธิ์ของสวรรค์ หมดแรงยึดแล้วคุณก็ตกนรก เพราะว่าสวรรค์กับนรกมันอันเดียวกัน แล้วสวรรค์มัน โอ้โห.. 

สวรรค์ความรู้สึกมันดูเหมือนมันเร็ว นรกมันรู้สึกมันดูเหมือนมันนาน นรก 1 นาทีกับสวรรค์ 1 นาทีนี้ สวรรค์ 1นาทีทำไมมันเร็วจังเลยวะหมดไปแล้ว แต่นรก 1 นาทีนี้ โอ้โห..ทำไมมันนานมาก มันทำไมไม่หมดสักที ใช่ไหม

นี่คือเวทนา ความรู้สึกของคุณเป็นเองทั้งนั้นเลย แล้วคุณเป็นก็ต้องเป็นนะ เพราะคุณโง่คุณไม่รู้คุณก็ไปยึดมันอยู่อย่างนั้น ยึดว่าเป็นสวรรค์ ยึดว่าเป็นนรก คุณก็โง่ทั้งนั้น 

สรุปแล้ว ความเป็นกายต่างกัน สัญญาต่างกัน เพราะฉะนั้นจึงเละไปหมดเลย ความเป็นมนุษย์ก็สารพัดมนุษย์ ความเป็นเทวดาก็สารพัดเทวดา ความเป็นมารเป็นผีก็สารพัดผี สังคม สงคราม มนุษย์ก็รบกับมนุษย์ มารก็รบกับมาร เทวดาก็รบกับเทวดา ดีไม่ดีเทวดารบกับมาร มารรบกับมนุษย์ มนุษย์รบกับเทวดา ล่อกันเละทุกวันนี้ คุณไม่มีสิทธิ์รู้

กายต่างกัน สัญญาต่างกัน แล้วในภาษาที่ท่านสอนไว้ในพระไตรปิฎก มีแค่ว่า เช่น มนุษย์ เทวดา มาร ผี สัตว์วินิปาต อะไรพวกนั้น แยกกันให้ชัด สัตว์วินิปาต คือสัตว์ที่มันตกร่วงลงไป ไม่รู้อะไรเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นมาร ไม่รู้เรื่อง

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 10:35:51 )

ยึดสวรรค์อยู่ไม่ใช่ของพุทธ

รายละเอียด

ทุกวันนี้ ศาสนาพุทธสอนการทานอย่างมีภพชาติ ตั้งจิตเป็น

1.สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ 

2.ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน)  ทานํ  เทติ 

3.สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม)  ทานํ  เทติ 

4.อิมํ เปจฺจ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ)  ทานํ เทติ

ทานข้อเดียว อาตมาก็อธิบาย ทานให้มีผลบ้างสิ แต่เขาทานไม่มีผล แล้วสอนให้มีภพชาติใหญ่โต ศาสนาพุทธสอนกันอย่างสร้างภพชาติจะได้เกิดในสวรรค์ สวรรค์ที่ไหน พระพุทธเจ้าสอนให้ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรกอะไร ให้หมดสวรรค์หมดนรก ผู้ใดสอนให้ตกอยู่ในสวรรค์ไปยึดสวรรค์อยู่ ผู้นั้นไม่ใช่พุทธ

ฟังไหวกันไหม เขาบอกว่าจะให้หมดสวรรค์ทันทีได้อย่างไร ก็ให้ทำสิ ทำให้สุดสิ ถ้าไม่สุดก็อยู่อย่างนั้นแหละเมื่อไหร่ จะเลิกเป็นนางวิสาขาเสียที ได้ภูมินิดเดียว โสดาบันนิดเดียวจมอยู่ ป่านนี้ยังไม่ขึ้นมาเลยติดแป้น มีเมถุนองค์ที่ 7 ในเมถุนสังโยค 7 เป็นเทวดาติดแป้น วัฏฏภิรตโสดาบัน นางวิสาขา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:01:05 )

ยึดสัญญาเที่ยง ทิฐิว่าเป็นสัจจะจึงมีมากมาย

รายละเอียด

ชนสองพวกยึดมั่นอยู่ในทิฐิของตนๆ  ถือมั่นทิฐิแล้วปฏิญาณว่าพวกเราเป็นผู้ฉลาด ได้ว่ากล่าวกันและกันเพราะทิฐิว่าเป็นผู้โง่ เรา(ตถาคต)ไม่กล่าวทิฐินั้นว่าเป็นสัจจะ  เพราะเหตุว่าสัตว์ยึดทิฐิของตนว่า “สิ่งนี้เท่านั้นจริง”  (สิ่งอื่นตรงข้าม เปล่าดาย ไม่เป็นจริง)  สัจจะหลากหลายต่างๆกันนั้นมิได้มีเลยในโลก   สัจจะมีอย่างเดียวเท่านั้นมิได้มีสองอย่าง แต่ที่ไปเห็นว่ามีมากมายก็เพราะสัญญากำหนดว่าเที่ยงแท้แน่นอนเท่านั้น   (น  เหวะ   สัจจานิ  พหู  นิ  นานา  อัญญัตระ  สัญญายะ  นิจจา  นิ  โลเก)

 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 25 ข้อ 419 จูฬวิยูหสูตร  และ เล่ม 29 ข้อ 519- 599

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2562 ( 20:47:36 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:13:59 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:44:32 )

ยึดอย่างมีปัญญา

รายละเอียด

คนไม่รู้ก็หาว่าอาตมาเพ้อหลงตัวเองหลงหมู่กลุ่มบรรลุ ไม่เห็นคนอื่นเขาบรรลุกันเลย เขาบรรลุก็ไปปลีกเดียวอยู่ใครอยู่มัน อยู่ป่า สร้างวังเวียงของตัวเองไป ไม่เหมือนกัน มันมีนัยยะสำคัญที่ต่างกัน ต่างคนต่างทำ สรุปแล้วเป็นนานาสังวาส มันเห็นต่างกัน ต่างคนต่างปฏิบัติ เข้าใจต่างกัน จะเรียกว่ายึดถือ ก็ยึดถือต่างกัน แต่ยึดถือของเรานั้นไม่ใช่อุปาทาน แต่เป็นสมาทาน ยึดอย่างเป็นสัมมาทิฏฐิ ยึดอย่างมีปัญญา สัมมาปัญญา แล้วพยายามสร้างสืบทอดต่อยอด ธรรมะของพระพุทธเจ้า 

ถ้าเผื่อว่ามีเวลายืนยาวต่อไปอีก นับวันคนจะรู้คนจะเห็นโลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้ายิ่งขึ้นๆๆ อาตมาไม่สงสัย ไม่กังวล ว่า โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าจะสูญสิ้นไป คนรับไม่ได้ มีแต่จะเจริญยิ่งขึ้นๆ อาตมาตายไปแล้วนั่นแหละ คนถึงจะรู้สึกว่า นี่ โพธิรักษ์เอาอันนี้มาปลูกฝังลงไป ซึ่งมันไม่มีในโลกแล้วมันหายไป เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น มีคนบอกว่า อาตมาจะได้รับ Nobel prize อาตมาบอกว่าคุณอย่าไปคิดฝันคิดหวัง กรรมการNobel prizeไม่มีทางรู้จักโลกุตรธรรมเขาจะมาให้รางวัลอาตมาได้อย่างไร เขาไม่รู้จักคุณค่าของโลกุตรธรรมว่ามันเหนือชั้นกว่าโลกียธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 21:45:47 )

ยึดอย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น

รายละเอียด

คือ  การยึดในสิ่งที่ควร ตอนนี้ควรยึดทำ ตอนนี้ควรวางได้ ยึดไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์ ทำไม่ไหวเราก็ปล่อย ยึดหรือไม่ยึดก็ประมาณเอาตามควร

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71


เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 15:02:17 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:14:27 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:41:36 )

ยืดอายุขัยได้ด้วย 8 อ.

รายละเอียด

ก็นึกถึงสุเทพ …ตอนนั้นตั้งวงดนตรีชื่อ เทพวิชชุ เอาชื่อสุเทพกับเจ้าออดมารวมกัน ตอนนั้นพวกเรายังเด็กๆ เงินทองก็ไม่มี พี่หมานเป่าทรัมเปต  เอาละอย่าไปพูดถึงเรื่องกว่าเก่าเดี๋ยวก็จะหาว่าแก่ สุเทพแก่กว่าอาตมา 10 วันตายไปก่อนแล้ว อาตมาจะขอทำงานต่อ พยายามพิสูจน์ Coefficient ที่จะทำให้ยืดอายุขัยได้มาว่าอาตมาไม่ได้หลงผิด อาตมาว่าได้ยืดอายุไขตัวเองมาได้ถึงเกินนักษัตรแล้ว ที่จริงอายุขัยอาตมา 72 ปี หากปล่อยก็ไปแล้ว ไม่มาถึงตอนนี้ แต่ตอนนี้ก็พยายามใช้ของพระพุทธเจ้านี่แหละก็พยายามแยกเป็นภาษาไทยถึงกระบวนการของการยืดอายุขัยได้ 8 อ. ก็พยายามทำ ทุกคนก็ช่วยกันพิสูจน์ก็ดีขึ้นอาตมาพิสูจน์มาตั้งแต่อายุ 72 ปีเป็นต้นมาตั้งแต่เริ่มต้นเข้าทางธรรมะอายุ 36 ปีมาได้อีก 1 ส่วนแล้วจาก 36 มาเป็น 72 ก็ได้แล้ว ตอนนี้ปีนไปอีก 3 ถ้าได้อีก 36 ปีก็จะเป็น 108 ปี  ถ้า 108 นี่ได้อีก อาตมาก็คิดว่า สังขารร่างกายควรหนุ่มกว่านี้ แต่ถ้า สังขารร่างกาย เสื่อมกว่านี้คงจะยาก จาก 108 คงไม่ถึง 144​ แต่ถ้า 108 แล้ว fresh up ดีขึ้นก็น่าจะถึง 144  พอถึง 144 ก็มีโมเมนตัมของชีวิตไปอีก 7 ปี 151 ปี จาก 114 ปีก็ไม่ใช้ Coefficient แล้ว นี่เป็น pattern ที่อาตมาเขียนไว้ ขีดไว้เป็นรูปสามเหลี่ยมคนไม่เข้าใจ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:56:06 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:11:54 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:45:17 )

ยืนยัน “บรรลุธรรม” ต้องด้วยการ “ลืมตา” เท่านั้น!

รายละเอียด

ศาสนาพุทธนั้น“บรรลุธรรม”ด้วยการ“ลืมตา”มี“จักษุ-ปัญญา-ญาณ-วิชชา-อาโลก(โลกที่สว่างแจ้งด้วยแสงแดด)” จึงชื่อว่า เป็น“การรู้จัก

รู้แจ้งรู้จริง”จาก“ทั้งรูปและทั้งนาม” นั่นคือ “วิญญาณ(รูปกับนาม)” หรือ“เทฺว” หรือ“กาย” ซึ่งเป็น“การรู้แจ้งๆ เห็นๆ สว่างๆ”   

ไม่ใช่เป็น“การรู้มืดๆ” หรือ“การรู้อย่างคลุมเครือ”เด็ดขาด พุทธนั้น“ลืมตา”เรียนรู้ฝึกฝนให้หมดกิเลสกันทุกการประพฤติแม้กำจัด“กิเลสกาม”อยู่ แม้หมดไปได้แล้ว ก็ยัง“ลืมตา”ปฏิบัติเพื่อกำจัด“กิเลส”ขั้น“รูป”ต่ออยู่นั่นเอง หมดสิ้น“รูป”แล้วจึงจะกำจัดกิเลสขั้น“อรูป”ที่เหลือขั้นปลายต่อไปให้หมดสิ้นเกลี้ยง ตามลำดับ 

มิใช่ว่า“ปฏิบัติตัดกิเลสขั้น“รูป-อรูป”นั้นต้อง“หลับตา”เข้าไปตัด แต่“ลืมตา”ปฏิบัติทุกพฤติบท ทุกขั้นตอนต่างหาก เพราะทุกวันนี้ไม่เชื่อว่า “ฌาน”ของพุทธนั้น“ลืมตา”ปกติ แต่ไปหลงผิดว่า “ฌาน”ต้อง“หลับตา”จึงจะเป็น“ฌาน”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 400 หน้า 288


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 16:05:19 )

ยืนยันครั้งที่แปดร้อย “หลับตา”ปฏิบัติ ไม่มีทางบรรลุเพราะมิจฉาทิฏฐิมาตั้งแต่ต้น!

รายละเอียด

ดังนั้น การ“หลับตา”ปฏิบัติจึงชัดเจนว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิแท้ๆ 

ผู้ไม่ให้ความสำคัญในความเป็น“กาย” ปฏิบัติขาด“กาย”จึงโมฆะ! 

อาตมาจึงขอยืนยันว่า “หลับตา”ปฏิบัตินั้น มันปิดประตูที่จะเกิดมรรคผลในศาสนาพุทธไปเลย ไม่บรรลุ มัน“มิจฉาทิฏฐิ”ร้อยเปอร์เซ็นต์

เมื่อไม่มี“ภายนอก” ไม่มี“ผัสสะ 6” ก็ไม่มี“เวทนา 6”ให้ปฏิบัติ แล้วจะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ความรู้สึกสุข-ทุกข์”ให้เรียนรู้ประพฤติธรรมกันจริงๆได้อย่างไร?  

หรือแม้สามารถทำ“ความไม่มีสุข-ไม่มีทุกข์”ในจิตได้ ก็ต้องอ่านความจริงให้ชัดอย่างสำคัญอีกว่า มันมีอย่างไร? เข้าขั้น“โลกุตระ”มั้ย?

อาการที่ไม่มี“ความรู้สึกสุขหรือทุกข์ หรือเฉยๆ = ไม่สุขไม่ทุกข์(อทุกขมสุข,อุเบกขา)”นั้น 

เราต้องแยกแยะ“อาการของความรู้สึก”ต่างๆออกว่า มัน“รู้สึกสุขหรือไม่สุข-ทุกข์หรือไม่ทุกข์”ได้ชัดเจน ซึ่งมันมีนัยสำคัญแตกต่างจาก“ความไม่รู้สึกเลย(นัตถิ)”อย่างมีนัยสำคัญยิ่ง

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 443 หน้า 322


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 19:41:18 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:41:44 )

ยืนยันความเป็นอรหันต์

รายละเอียด

อาตมารู้ว่าตัวเองเป็นอรหันต์ได้อย่างไร พูดเป็นภาษาธรรมดานะ อาตมารู้ได้ว่าอาตมาเป็นอรหันต์เพราะว่าอาตมาอ่านใจตัวเองเป็น อ่านใจตัวเองออกถึงอาการจิตเจตสิกรูปต่างๆ กามจิต รูปจิต อรูปจิตต่างๆ นอกจากจุดที่มีกิเลสก็รู้ แล้วเราก็ทำจิตใจของเราไม่ให้มีกิเลสได้ จิตที่จะแบ่งโลกุตระแบ่งโลกียะ เราก็ชัดเจน ซึ่งทุกวันนี้เขาไม่รู้กัน  เขาแบ่งไม่เป็นจิตใจแบบโลกุตระเป็นอย่างไรเขาอธิบายไม่ได้ด้วยโลกียะเป็นอย่างไร แบ่งมโนปวิจาร 18 18 อาตมายิ่งชัด นำมาอธิบายให้พวกเราเข้าใจแล้วปฏิบัติได้ด้วย แล้วความเป็นอุเบกขา 5 ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา อาตมาก็เอามาอธิบายยืนยัน แม้แต่ศึกษารูปนาม ศึกษาวิชชาจรณะ 15 จรณะ 15 วิชชา 8 แบ่งเป็น ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นอย่างไรชัดเจน อาตมาก็เอามาอธิบายตามที่มีความสามารถเก่งเท่านี้ และพยายามจะอธิบายให้ดีขึ้นอีก ในความเป็นปฏิจจสมุปบาทเป็นอย่างไร อวิชชาและมีสังขารเป็นวิญญาณต้องเรียนรู้เรื่องนามรูป นามรูปจะเกิดได้ต้องมีเวทนา ก็ศึกษาขยายเวทนา เป็นเวทนา 108 ก็จะรู้จักกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขารอย่างชัดเจน แล้วเราก็รู้ถึงภพชาติ แม้แต่ชาติ 5 ชาติ สัญชาติ โอกกันตะ นิพพัตติ อภินิพพัตติ อาตมาก็ชัดเจนเอามาขยายให้ฟังแยกโลกียะแยกโลกุตระ ถ้าสามารถจะแยก เคหสิตเวทนากับเนกขัมสิตตเวทนา เราก็จะสามารถทำนิพพัตติ อภินิพพัตติได้ หยั่งลงจนถึงที่สุดเป็นอรหันตผล อาตมาชัดเจนเอามาอธิบายได้ และอธิบายไปยิ่งชัดเจนในตนเอง แม้ในยุคกึ่งพุทธกาลมันเสื่อมไปแล้วอาตมาก็เอามายืนยันได้ อาตมาเป็นสยังอภิญญา เป็นสัตบุรุษผู้นี้ที่เป็นไก่ตัวพี่เจาะกระเปาะไข่ออกมาได้ แล้วเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาประกาศอธิบายได้ ถ้าเป็นโพธิสัตว์ด้วยกันก็จะอธิบายได้เหมือนกัน ถ้าเป็นผู้พี่ในยุคนี้ก็ต้องทำได้ยิ่งกว่าอาตมา มีหมู่กลุ่มมีผู้ที่บรรลุธรรม อธิบายโลกุตระชัดเจนได้เด่นกว่าอาตมาใช่ไหม แต่นี่ก็ไม่เห็นมีใคร อาตมาก็ไม่ได้มาหลงตัวตนอยู่คนเดียว ว่าตัวเองเล่นคนเดียวไม่มีใครเหนือ ก็เหนือได้แต่อยู่ที่ไหนล่ะในยุคนี้ กาละนี้อยู่ที่ไหน ที่พูดไม่ใช่ท้าทายแต่พูดความจริงให้กันฟัง รู้จักจิตเจตสิกต่างๆกิเลสมีหรือไม่มีแล้วมั่นใจว่าจะอยู่ให้นาน ๆ เพื่อให้พวกคุณหรือใครๆก็แล้วแต่พิสูจน์อาตมา พิสูจน์เลย เอาตำรามากาง วัดไปเลย ยืนยันเทียบอาตมากางพระไตรปิฎกใส่เลย อาตมาเพิ่งเห็นจริงว่าสัตบุรุษอธิบายสัจจะพระพุทธเจ้านี้ยังมีอยู่ ตราบใดยังมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ ตราบนั้นโลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ ก็เข้าใจเห็นจริงพิสูจน์ดู อรหันต์เป็นอย่างนี้ ไม่ได้ปิดบังไม่ได้อำพราง แต่ก็ค่อย ๆ เปิดเผย ขณะนี้ในพวกเราก็มีอรหันต์เป็น ๆ อนาคามี อรหันต์จริงๆก็มีหลายขั้น

1.อรหันต์ในพระโสดาบัน

2.อรหันต์ในพระสกิทาคามี 

3.อรหันต์ในพระอนาคามี

4.อรหันต์ในอรหันต์

5.อนุโพธิสัตว์

6.อนิยตโพธิสัตว์

7.นิยตโพธิสัตว์

8.มหาโพธิสัตว์

9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช จรณะวิชชาที่พาเป็นคนจนอยู่เหนือคนรวย วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 14:21:23 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:19:02 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:11:45 )

ยืนยันตนว่าเป็นสยังอภิญญาจริง

รายละเอียด

ก็ยังมีผู้ปฏิบัติได้ผล มีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ตราบใด โลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ เปรี้ยงเลย อาตมายืนยันตนเองว่า ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็น สยังอภิญญา จริงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เลย ปางนี้ไม่เคยรู้จากใคร อาตมารู้ของอาตมาเองมาก่อน ชาตินี้อาจารย์ต่างๆเขาก็สอนไม่เหมือนอาตมาด้วยขัดแย้งด้วย เพราะฉะนั้นถ้าหากอาตมาผิดเขาก็ถูก ถ้าหากอาตมาถูกเขาก็ผิด พูดกันมา 50 กว่าปีแล้วยืนยันกันชัดเจน พูดไม่ไว้หน้าไม่เกรงใจว่ามันผิด 

มันผิดแล้วอธิบายเอาพยัญชนะหลักฐานเนื้อหาสาระมาประกอบด้วยยืนยันอ้างอิงอธิบายเช่น มันผิดไปตั้งแต่คำว่า กาย ซึ่งเป็นคำแรกที่จะต้องเรียนรู้ เริ่มบวชปั๊บ มีธรรมวินัยให้อุปัชฌาย์แยกกายแยกจิตก่อนอื่นเลย ถ้าไม่เข้าใจแยกกายแยกจิตไม่ได้ไม่มีทางได้เป็นอรหันต์ บวชเอาแต่เพื่อสอนความเป็นอภิสิทธิ์ บิณฑบาตเลี้ยงชีวิตไปจนตาย คนเขาเคารพผ้าจีวร มันก็เลยกลายเป็นเรื่องเปลือกๆเรื่องแย่เลย มันแย่อะไรไม่แย่เท่ากับเขาเข้าใจผิดไปหมดแล้ว เมื่อเราเอาของถูกมาประกาศยืนยัน ดันจะมาล้มล้างของที่ถูก แล้วไปยึดถือสิ่งที่ผิดซึ่งมันน่าสังเวชใจ น่าสงสารจริงๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร อาตมาก็ทำอยู่อย่างที่อาตมาพาทำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:13:00 )

ยืนยันว่าชาวอโศกสามารถเรียนรู้และลดละกิเลสได้จริงเป็นอรหันต์ได้จริง

รายละเอียด

อาตมาขอยืนยันว่าชาวอโศกเป็นพวกโลกุตรธรรม สามารถที่จะเรียนรู้จักกิเลส อ่านจิตเป็น ลดละกิเลสได้จริง เป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ได้จริง รวมกันเป็นหมวดหมู่สังคมจนกระทั่งเกิด สาราณียธรรม 6 เป็นชุมชนเป็นหมู่กลุ่ม ชาวอโศกกระจายอยู่ทั่วประเทศ มี สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม มีสาธารณโภคี มีลาภธัมมิกา (ได้ลาภมาโดยธรรม) ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา  

กินใช้เป็นส่วนกลางไม่ยึดเป็นของตัวของตน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจชั้นหนึ่งของมนุษยชาติ โลกเขาเป็นกันไม่ได้ง่ายๆ แต่ชาวอโศกเป็นได้ นำหน้าคนทั้งโลก พูดนี้ดูเหมือนใหญ่แต่มันใหญ่จริงๆ ชาวอโศกปฏิบัติสัทธรรมปฏิบัติธรรม อธิบายเป็นแบบเศรษฐกิจ ก็เป็นเศรษฐกิจชั้น 1 เป็นเศรษฐศาสตร์ชั้น 1 เป็นเศรษฐศาสตร์ที่คนทุกคนเสียภาษีอย่างเต็มใจ เสียภาษีคือมีรายได้เท่าไหร่ก็มาหักภาษี ชาวอโศกมีรายได้เท่าไหร่ไม่ต้องหักภาษี เอาเข้ากองกลาง 100% ไม่มีโลกไหนเขาทำได้ มีโลกชาวอโศกนี่แหละทำได้ เรียกเป็นโลกเลยนะ ไม่ใช่แค่เรียกประเทศหรือรัฐ เรียกเป็นโลกชาวอโศกเลย ทำได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 14:50:00 )

ยืนยันว่าทำเนียบพระอรหันต์ในไทยเป็นอรหันต์เก๊

รายละเอียด

ก็ขอยืนยันว่าทั้งหมดเป็นอรหันต์เก๊ ไม่ถูกต้องตามคำสอนพระพุทธเจ้าที่เดียว เราไม่ได้ข่ม แต่พูดความจริงวิจัยวิจารณ์ทางวิชาการ ตามความเป็นจริง สายเหล่านี้ทั้งหมดนั้น หลับตาปฏิบัติ สายเหล่านี้ทั้งหมดนั้น ปฏิบัติหลับตาปฏิบัติ ไม่ใช่จรณะ 15 วิชชา 8 เพราะฉะนั้นมิจฉาทิฏฐิแล้ว ทางปฏิบัติคนละทางเป็นมิจฉาทิฐิ 100% จะเป็นอรหันต์จริงหรือว่าอรหันต์ถูกต้องไม่ได้ อันนี้อาตมาต้องพูด ใครจะบอกว่าไปว่าท่านทำไมท่านก็ปฏิบัติดี อาตมาไม่เถียงในเรื่องพฤติกรรมของท่าน เป็นความดีงาม ท่านก็ไม่หยาบคาย ไม่เลอะเทอะอะไรมากมาย แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่ามันมิจฉาทิฏฐิ มันผิดของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:43:53 )

ยืนยันว่าพระบุตรหรือพระเจ้าไม่รู้อะไรเลย

รายละเอียด

ที่ยืนยันว่าพระบุตรหรือพระเจ้าไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าคำสอนนี้เป็นของใคร ไม่รู้เจ้าของคำสอนคือใคร ไม่รู้ แล้วก็สอนเอาๆ ว่านี่ของพระเจ้า ที่แท้ความรู้เหล่านั้นคือของตัวพระศาสดาเองที่ได้สั่งสมบารมีมา แต่เพราะไม่รู้ตัวเอง ไม่รู้ความเป็นอัตตาคือตัวเอง ไม่รู้ ก็ไม่เชื่อว่า เรามีความรู้นี้ด้วยหรือ มันไม่ใช่ของเรามั้ง มันเป็นของพระเจ้าเพราะฉันก็พยายามอย่าให้ผิดของพระเจ้านะพยายามรักษา อธิบายขยายความตามพระเจ้าให้ได้อย่างดี 

โดยที่เขาทำอย่างไม่มั่นใจอย่างไม่รู้ตัวเองเลย ว่าตัวเองเป็นเจ้าของความรู้ เป็นธรรมสามี เป็นเจ้าของความรู้ความจริงอันนี้เลยเขาไม่รู้ตัว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:54:40 )

ยืนยันว่าเข้าใจถูกหมดคือสัมมาทิฏฐิตามที่พระพุทธเจ้าสอน

รายละเอียด

คำว่าท่านทำอะไรสูกหมด กับคำว่าอาตมาเข้าใจถูกหมด ทำอะไร แม้แต่อาตมาก็เคยบอกว่าทำผิดเพี้ยนไปก็มี แต่ขอยืนยันว่าอาตมาเข้าใจถูกหมด คือสัมมาทิฏฐิตามที่พุทธเจ้าสอน เพราะอาตมาเข้าใจศาสนาพุทธถูก และได้ตีทิ้งศาสนาพุทธทั้งหมดว่ามิจฉาทิฏฐิ อาตมาก็ต้องแน่ใจว่าพูดออกไป คนต้องถามคนต้องซัดอาตมาเพราะเขาต้องยึดถืออย่างนั้นมันถูก อาตมาไปค้านแย้งเขาต้องเจอแน่ ไม่ได้ประหลาดหรือแปลกอะไร หากไม่แย้งสิ อาตมาเข้าใจผิดแน่ แต่คุณยึดแล้วว่าอันนั้นถูกแล้วมาตู่ว่าอาตมาผิดไปจากที่คุณคิด

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:03:55 )

ยืนยันศาสนาตอนนี้มีแต่การเดาหลงผิดยึดถือผิด

รายละเอียด

อาตมาเข้าใจทุกอย่างที่พูด และทำจริงอย่างที่พูดนี้ตลอดเวลา ที่ต้องยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้ถูกต้อง ไม่ได้มีจิตอยากอวดเบ่งข่มไม่ได้อวดดีอะไร อาตมาพูดความจริงอย่างเดียว ยืนยันความจริงในศาสนาตอนนี้ที่มีแต่การเดาหลงผิดยึดถือผิด ผู้ที่บรรลุก็บอกว่าบรรลุ ผู้ที่ไม่บรรลุก็บอกว่าไม่บรรลุ เอาให้ชัด อย่ามาเหนียมอายเก้อเขิน ไม่ต้อง ยุคนี้ยุคอะไรแล้ว การหลอกลวงมันเยอะแล้ว คุณมาพูดจริงบ้างสิ อย่าไปหลอกลวงคนให้เก่งกันเลย โง่ฉิบหาย เป็นคนหลอกคนได้เก่งนึกว่าตนเองดี โอ้ คุณหลอกคนได้เก่งเท่าใดคุณก็ชั่วได้เท่านั้น อาตมาไม่เอาหรอก หลอกคน มาพูดแต่ความจริงๆๆ หากมีส่วนหลอกลวงพรางเราก็ไม่เอาไม่ทำ คนไปหลอกคนอยู่นี่ชั่ว แต่พูดตรงจริงก็หาว่าหลอก คนตรงคนจริงมาพูดจริงใจไม่เชื่ออีก จะเอาอะไรกันอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน แก้ปัญหาได้จริงแท้ต้องแก้ที่สุขหรือทุกข์


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:39:59 )

ยืนยันศาสนาโลกุตระเป็นของจริงอยู่ในประเทศไทย

รายละเอียด

เป็นสัจจะความจริงที่อาตมาพูด แต่คนเข้าใจไม่ได้ก็น่าอาเจียน น่าเห็นใจคนที่เขาไม่เชื่อถือ น่าสงสาร แต่อาตมาก็พูดสำหรับคนที่เข้าใจเราชัดเจน ว่ามันมีลักษณะอย่างนี้ในโลก มันไม่ใช่เป็นเรื่องเปล่าดายไม่ใช่เรื่องไม่มีของจริง แต่มันมีของจริง ศาสนาโลกุตระเป็นของจริงอยู่ในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในโลก ยังไม่มีประเทศอื่นใดจะมีโลกุตรธรรมเท่าของไทย มีธรรมิกราชมาช่วยกัน สถาปนาลงไป 

ซึ่งเป็นเรื่องของจริงแล้วก็ยืนยัน แล้วมันเป็นจริงไหมล่ะ มาพิสูจน์สิ เอหิปัสสิโก อกาลิโก โอปะนะยิโก แล้วตรวจสอบมีพระไตรปิฎกเป็นหลักฐานอ้างอิง มีวรรณะ 9 จริงมีสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างสบายมี สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา  

แม้พระโพธิสัตว์หรือสัตบุรุษเกิดมาในโลกมาทำหน้าที่ สืบสานธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้า เหมือนอาตมานี่ทำมาประมาณ 50 ปีแล้ว ประกาศอย่างไม่มีมังกุ ไม่มีเก้อเขินไม่มีอะไรแฝง แต่พวกพญานาค พญาครุฑ ไม่มีการรู้สึกรู้สาเลย อาตมาพูดไปแล้วเขาก็เบื่อฟัง เพราะเขายังยึดถืออย่างที่เขายึดถือ เพราะฉะนั้นพวกที่ไม่เอาแล้วก็ต้องปล่อยเขาไปตามที่ชอบที่ชอบ ไปที่ชอบที่ชอบ เพราะเขาไม่เอาอย่างนี้ เขาชอบอย่างนั้นก็ต้องปล่อย แต่คนที่ยังรู้สึกว่ามีอะไรน่าศึกษา น่าได้ น่ารู้อยู่นะ คนนี้ก็จะได้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเปิดตาพญานาคลงสู่การเมืองไทย วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2565 ( 20:26:21 )

ยืนยันหลับตาเป็นฌานนอกรีต ฌานฤษีเป็นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

ขอยืนยัน ฌานของ หลวงปู่แหวน หลวงตาบัวหลวง ปู่ตื้อพวกนี้เป็นฌานเป็นมิจฉาทิฏฐิ ฌานของพระพุทธเจ้าเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 ต้องมีศีลต้องลืมตาจึงจะมี ฌานได้ ไปหลับตานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับตาหูจมูกลิ้นกาย หลับตาแล้วก็เป็นฌานนอกรีต ฌานฤาษี เป็นมิจฉาทิฏฐิ ฟังวันนี้อาตมาไม่ประนีประนอม พูดหักเลย ผิดก็ว่าผิดถูกก็ว่าถูก วันนี้อาตมาไม่ออมมือ หักด้ามพร้าด้วยเข่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตนให้รู้ความเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:48:26 )

ยืนยันหลับตาเป็นทิฏฐิของเดียรถีย์ ย้ำซ้ำให้เข้าถึงจิต!

รายละเอียด

 “หลับตา”มันก็มีแต่จมอยู่แต่“ในภายในจิต(สัญญา)”กันเท่านั้นนั่นมันเป็น“ทิฏฐิ”ของเดียรถีย์ที่มีกันครองโลกมาตลอดกาลต่างหาก  อย่า“หลงหลับตา”งมงายมืดบอดกันอยู่ต่อไปเลย  โปรลืมตา“ตื่น (ชาคร)”มาเป็น“พุทธะ”กันเสียทีเถิด!!!“หลับตา”ปฏิบัตินั้นมันไม่ใช่ผู้มี“ชาคริยานุโยคะ”เห็นมั้ย? ประเด็นที่“เชื่อ”กันหนักกันหนา แม้ในทุกวันนี้ ว่าต้อง“หลับตา”จึงจะพาบรรลุธรรมนี้แหละ..ยากสุดยาาากสสส์ ที่จะแก้มิจฉาทิฏฐินี้ แต่มันก็ต้องพูดให้แก้ไข สู่ความถูกต้อง แม้จะซ้ำซาก ซากซ้ำกันขนาดไหนปานใดก็ตาม เพราะมัน“มิจฉาทิฏฐิ”แท้ๆจริงๆ ไม่เช่นนั้นก็จะ“หลับตา”ปฏิบัติมี“มิจฉาทิฏฐิ”เป็นเดียรถีย์กันไป ก็เป็นผู้ยืนหยัดปฏิบัติการทำลายศาสนาพุทธกันไม่รู้แล้วอยู่นั่นแล

ผู้ยังหลง“หลับตา”ปฏิบัติจึงเท่ากับเป็น“โจร”ทำลายศาสนาพุทธอยู่ ที่พระราชามีพระกระแสรับสั่งให้ประหารมันเสียด้วยหอกร้อยเล่ม ทั้งเช้า ทั้งกลางวัน ทั้งเย็น ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตายสักที ก็ยังเป็น“โจร”ผู้“หลับตา”ปฏิบัติจึงคือ“โจร”ทำลายพุทธศาสนาอยู่ไม่หยุดนั่นเอง ที่ยืนหยัดชี้บอกอยู่นี้ไม่ใช่การใส่ไคล้หาเรื่องเลยนะมันเป็น “ความผิด”ไปจากศาสนาพุทธจริงๆ เพราะมันไม่ใช่การปฏิบัติที่มีครบ “อปัณณกปฏิปทา 3” (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด) ใน“จรณะ 15 วิชชา 8” อันเป็น“พุทธคุณ”ของพระพุทธเจ้า ไปเอาของเดียรถีย์มาปฏิบัติศาสนาพุทธนั้นหลุดพ้นออกมาจาก“มิจฉาทิฏฐิ”แบบเดียรถีย์เด็ดขาด เลิกเป็นทาสเดียรถีย์ตั้งแต่พระพุทธเจ้าทรงปลดปล่อยมาตั้ง 2500 กว่าปีมาแล้วนะ! จะ“วนกลับ”ไปเป็นทาสเดียรถีย์กันอีกทำไม? ..หา!!!เลิกปฏิบัติ“หลับตา”กันเถิด! มันไม่ได้เริ่มปฏิบัติที่ถูกต้องแบบพุทธตามลำดับกันจริงๆนะ!

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม2 หน้า 435-436 ข้อที่ 598


เวลาบันทึก 09 มิถุนายน 2565 ( 14:54:33 )

ยืนยันเป็นจริงได้ตามหลักฐานในพระไตรปิฎก

รายละเอียด

ยืนยันตามหลักฐานในพระไตรปิฎก นี่ยังดีที่เขาก็ยังเชื่อถือพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐได้เหมือนกัน ก็ยังดี ถ้าไปคนละฉบับคนละเรื่องคงจะยาก ขนาดนั้นก็ยังอธิบายกันคนละอย่างเลย คำสอนพระบาลีอธิบายกันคนละอย่าง

อาตมายืนยันว่าอย่างไรอธิบายนี้มันเป็นจริงได้และสอดคล้องกับโลกุตระ เช่น มาเป็นวรรณะ 9 ได้ เกิดสาราณียธรรม 6 ได้ คนเกิดได้เพราะมีพุทธพจน์ 7 ตามที่ว่า อยู่กันอย่างสาราณียะ ปิยกรณะ ครุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ

เอามายืนยันเป็นสัจจะจริง มันแย้งมันเถียงไม่ได้ง่ายๆหรอก ที่พูดนี้อาจดูเน้นน้ำหนักแรงก็ขออภัย ก็เพื่อที่จะให้ชัดเจนแข็งแรงแข็งขัน เพื่อให้รู้ ซึ่งอาตมาก็ว่า มันยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:55:05 )

ยืนยันและพิสูจน์แล้วว่าคนเป็นสัตว์กินพืชแท้ๆ

รายละเอียด

พืชผักผลไม้เรากินก็เอาไปสังเคราะห์ร่างกาย เอาไปบำรุงให้ร่างกายอยู่ได้ เพราะคนเราเป็นสัตว์กินพืช คนเราไม่ใช่สัตว์กินเนื้อสัตว์ แล้วไม่ใช่สัตว์ที่กินทั้งเนื้อสัตว์และพืชด้วย คนนี่สัตว์กินพืช ขอยืนยันไม่ใช่ทั้งพืชทั้งเนื้อสัตว์ คนนี้กินพืชเป็นสัตว์กินพืชแท้ๆพิสูจน์ได้สารพัดตั้งแต่ภายนอกไปถึงภายใน ตั้งแต่เล็บเป็นเล็บ nail เหมือนสัตว์กีบทั้งหลายแหล่ ฟันก็เป็นฟันกราม ไม่ใช่ฟันเขี้ยวเหมือนหมาแมวเสือสิงห์งู คนมีฟันจอบ ฟันกราม อันนี้เป็นต้น กินน้ำก็ดูด ถ้าเลียก็พวกกินเนื้อ สารพัด แม้กระทั่งน้ำย่อย ลำไส้ อวัยวะหลายส่วนก็ยืนยันพิสูจน์แล้ว ตกลงรายละเอียดของสรีระคนมันเป็นสัตว์กินพืช ไม่ใช่สัตว์กินเนื้อสัตว์ จริงๆเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 20:25:09 )

ยืนยันได้ว่าเป็นผู้หลุดพ้นจริงสามารถปรับวาทะสำเร็จ

รายละเอียด

จะเป็นผู้ที่ยืนยันว่าเป็นผู้ที่หลุดพ้นจริงๆ แล้วก็มีสมรรถนะมีความสามารถ ที่จะทั้งอธิบาย จำแนกธรรม แยกแยะ ให้ผู้ที่ไม่รู้ได้เรียกว่า ปรับวาทะ คือ ประ(อื่น) กับวาทะ คนอื่นที่เขาไม่รู้เรื่องก็ใช้วาทะมาย้อนแย้ง คนที่ยังไม่มีอัญญะ ยังไม่มีความรู้ที่เป็นอื่น ธาตุรู้ที่มีความเป็นอื่นเรียกว่า อัญญธาตุ หรือปรธาตุ มันรู้แต่ของที่ตนเองรู้ในกรอบกะลาครอบ ที่ตัวเองเป็นโลกียะมา โลกุตระเขาไม่รู้ จนกระทั่งสามารถรู้ได้เรียกว่า ปรับวาทะสำเร็จ 

ค่อยๆเข้าใจมาเรื่อยๆก็สำเร็จมาเรื่อยๆ จนเป็นผู้มารวมกัน มีวัฒนธรรม มีความเป็นอยู่ มีเศรษฐกิจสังคม สุดยอด มีการเมืองมีรัฐศาสตร์สุดยอด พวกเราบริหารโดยไม่ต้องบริหารยากเลย ดูแลกัน ยังชีวิต มีอาชีพ ไม่ต้องไปสั่งการจนเกินการ คนนี้ต้องบังคับให้ทำงานนี้ คนนี้ต้องบังคับให้ทำงานนี้ไม่ต้อง รู้ควร แล้วแบ่งเบากันรู้ มีปฏิภาณไหวพริบไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ส่วนรวม เห็นแก่หมู่กลุ่ม มันมีคุณสมบัติที่เป็นคุณธรรม เลิศยอด มันเป็นจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 06:47:47 )

ยืนยันได้อย่างไรว่าบรรลุธรรมมรรคผล

รายละเอียด

คำเดียวกัน สมาธิ ฌาน คุณก็ใช้ แต่ก็ใช้คนละขั้วกับอาตมา อาตมาผิดคุณก็ถูก หากอาตมาถูกคุณก็ผิด คุณยืนยันไหมว่าคุณบรรลุมรรคผล แต่อาตมายืนยันว่าอาตมาบรรลุมรรคผล อาตมาไม่ได้หมายความว่าอาตมาเอาชนะคนอย่างที่จะเพียงเอาชนะ แต่อาตมาอ่านกิเลสว่ากิเลสอาตมาเบาบางลง กิเลสมันหมดกิเลสมันไม่มี จิตมันสั่งสมตกผลึกตั้งมั่นเป็นสมาธิ กระทบสัมผัสกับเหตุทุกปัจจุบันเมื่อไหร่มันก็ไม่เกิดกิเลส อย่างทีเผลอก็ไม่เกิดกิเลส อย่างรู้ตัวก็ไม่เกิดกิเลส กระทบอย่างไรก็ไม่เกิดกิเลสแล้ว เพราะสั่งสมตกผลึกตั้งมั่น ยั่งยืนถาวรแข็งแรงมั่นคง นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2564 ( 11:12:50 )

ยืนยันได้อย่างไรว่าพระพุทธเจ้าให้มาจน

รายละเอียด

อาตมาก็ขอต่อจากท่านฟ้าไทที่ได้เกริ่นว่า พวกเราได้ทำอะไรต่ออะไรกันมีชีวิตอยู่กัน อาตมาก็ยิ่งมาเห็น เห็นความจริงว่าคนเรานี้ คนที่เกิดมาเป็นคน ต่างก็มีแนวคิดมีแนวชอบ จริงๆก็รู้กันอยู่ ชอบไปในแนวทางที่จะได้ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แม้แต่อย่างนั้นก็มีนัยยะที่แตกต่างกันบ้าง ที่ตรงกันก็คงไม่มีใครปฏิเสธที่จะได้ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แต่อีกแนวหนึ่งของพระพุทธเจ้า เป็นแนวที่ปฏิเสธ เรียกว่าปฏิเสธจริงๆ ไม่ใช่แค่ว่าดัดจริตพูด ว่าพระพุทธเจ้าท่านรวยก็ได้จนก็ได้ ดัดจริตพูดไป พระพุทธเจ้าท่านยืนยันเลยว่ามาเป็นคนจน ท่านมาเป็นคนจน ก็ตัวท่านเองมาเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็มาเป็นคนจน ใช่ไหม 

ยศศักดิ์อำนาจท่านก็มียิ่งใหญ่เบ้อเร่อ แต่ท่านก็ไม่เอา ชัดเจน ไม่ได้ดัดจริต มันก็ชัดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคนที่มีแนวคิดอย่างนี้มันจึงไม่ใช่คนธรรมดา เพราะคนธรรมดาทั่วไปนั้นยินดีในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข คนธรรมดาทั่วโลกเลย ศาสดาไหนๆก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ศาสดาบางองค์ก็พอเข้าใจเหมือนกันว่ามาจนนี้ดีกว่า แต่ก็ไม่กล้า ไม่กล้าที่จะยืนยันว่ามาจน 

อาตมายืนยันว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าให้มาจน ในธรรมะวรรณะ 9 อัปปิจฉะคือกล้าจน มักน้อย ชอบน้อยๆ ไม่ชอบมากๆ(มหัปปิจฉะ)แต่ให้ชอบมามีน้อยๆ ถึงขั้น อปจยะ ไม่สะสมเลย แต่วิริยารัมภะ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นยอดมนุษย์จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุภกิณหาอย่างพุทธดับสุดสิ้นอาสวะ วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ

 

 


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 13:07:49 )

ยืนหยัด

รายละเอียด

คือ หลักแน่ๆ หลักแท้ๆ หลักสุดท้าย ที่ชัดว่า เป็นสัจจะ เป็นแกนจุดหนึ่งจุดเดียว เพื่อไม่ให้เสียธรรม ก็ต้องยืนหยัดด้วยชีวิต ด้วยทุกอย่าง

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 436


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:53:50 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:26:34 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:45:59 )

ยืมพฤติกรรมของคุณทักษิณมาขยายความทางสัจธรรม

รายละเอียด

การมีจิตนิยาม เกิดแล้ว วนแล้ววนเล่าในโลกียะทางเทวนิยมจึงมีทุกข์ มีสุข มีชั่ว มีดี มีอะไรต่ออะไร วนเวียน สมบัติผลัดกันชมอยู่นั่นแหละตลอดกาลนาน ไม่มีจบสิ้น แก้แค้นกันไป ดึงกันมา ตั้งแต่เบาไปจนกระทั่งถึงหนัก ถึงยาก ถึงทรมานทรกรรมยังไงก็ทำไป​ 

อาตมาเองไม่พยากรณ์ แต่จะขอบอกว่า ทักษิณเขายังอยู่ในภาวะที่เขาได้ เสวยภพที่ไม่เป็นทุกข์เกินไป ไม่เป็นนรกเกินไป เขานึกว่าสวรรค์ มันกำลังมายา มันหลอกว่าเป็นสวรรค์กับเขา เขาได้ชนะทุกอย่าง เขานึกว่าเขาขึ้นสวรรค์เสมอ เขายิ่งชนะ เขามีอภิสิทธิ์ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ ก็นึกว่าเป็นสวรรค์แก่เขาตลอด  มันซับซ้อนไปอีกเลยว่าคุณยิ่งโง่ซับซ้อน โง่ยกกำลัง โอ้โห! ยกกำลัง 100 ยกกำลัง 1000  ขึ้นเรื่อยๆ พูดไหวไหม 100 ยกกำลัง 1000 1,000 ยกกำลัง 1,000 ขึ้นเรื่อยๆ ให้แก่ตัวเองโดยความฉลาดของเขา ใช่ไหม โดยความมหาอภิมหาฉลาดของเขา นี้เป็นอย่างนี้ ฉลาดเฉโก 

ขออภัยนะ ที่อาตมาต้องยืมพฤติกรรมของคุณทักษิณมาขยายความทางสัจธรรม มันเป็นตัวอย่างที่หยิบมาเห็นๆ พวกเรารับรู้แล้วก็นึกได้ ถึงอาตมาอธิบายถึงกรรมกิริยาที่เขาละเอียดลออในการที่จะเอาชนะคะคาน ที่ไม่ยอมแพ้ ที่เขาได้เปรียบ ได้เปรียบ ได้เปรียบ อาตมาหยิบมาพูดไม่ไหว ใช่ไหม เขาทำมากเกินละเอียดซับซ้อน สมกับที่เป็นด็อกเตอร์ทางอาชญวิทยา บิ๊กโจ๊กนี่ไม่ติดเลย บิ๊กโจ๊กนี่ยังไกลห่างมาก ทักษิณเขาแค่พันโทนะนี่ พลตำรวจเอกอย่างบิ๊กโจ๊กสู้ไม่ได้ ความฉลาดเฉโกบิ๊กโจ๊กสู้ไม่ได้ ไม่ได้เทียบครึ่งหนึ่งเลย นี่ก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะออกหัวออกก้อยอย่างไรสำหรับบิ๊กโจ๊ก 

นี่ก็ขออาศัยสิ่งที่มีจริงในสังคมเอามาอธิบายธรรมะ ขอบคุณทุกคนที่อาตมากล่าวนามพาดพิงถึง ขอบคุณจริงๆ ด้วยใจจริง คุณเป็นตัวอย่างให้อาตมาเอามาอาศัยสอนธรรมะ คุณได้กุศลนะ 

ได้กุศลตรงที่อาตมาเอาคุณมาใช้เป็นตัวอย่างขยายความให้คนอื่นเขาได้รู้จักสัจธรรม แต่แน่นอนคุณอาจจะถือสา ถ้าคุณถือสาคุณก็พยาบาทอาตมา อาตมาก็ยอมรับวิบากนั้น คุณก็พยาบาทอาตมา โกรธแค้นอาตมา ลูกหลานของคุณทักษิณก็คงแค้นอาตมา โกรธอาตมาไม่ใช่น้อย ซึ่งมันก็ซวยของเขา เขายิ่งโกรธ เขายิ่งอาฆาต เขายิ่งซวย นี่เป็นสัจจะ เขาจะฟังออกไหม เขาจะรู้เรื่องไหม ถึงรู้เรื่องเขาจะทำได้ไหม ให้จิตไม่อาฆาตพยาบาท ไม่โกรธ แต่อาตมายอม ยอมให้วิบากนั้นเกิด เพื่อจะได้ประโยชน์จากผู้ที่ได้รับฟังสัจธรรม อาตมาเห็นว่า อันนี้ราคาแพงกว่า ราคาของธรรมะแพงกว่า อาตมาก็ยอมเอาตัวเองเป็นผู้ที่ขาดทุน พวกคุณฟังก็ได้กำไรมากขึ้น อาตมาก็ต้องยอมใช่ไหม นี่อาตมาไม่ได้พูดเอาดีใส่ตัวนะ สัจจะมันเป็นอย่างนั้น..ใช่ไหม  เอ้านี่ขยายความลึกซึ้งขึ้นไปแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดสำคัญที่สุดในสัจธรรมของพุทธคือสุข-ทุกข์ วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 11:06:31 )

ยุคกาลใดควรจะใช้อะไรต้องรู้มหาปเทส

รายละเอียด

สมณะที่1 สามัญที่ถามมานี่ ไม่เป็นหลักประกันอันนี้ไม่ได้เลย สรุปตรงนี้ก่อนเข้าเป้า ตรงนี้มันเป็นเครื่องอลังการ ถ้าจะเอาแต่อรหันต์มีปัญญาวิมุติไม่ต้องเอาอันนี้เลย ได้ แต่ถ้าคุณจะเอาให้บริบูรณ์เลย คุณก็ต้องนั่งด้วย อย่างอาตมานั่งมาจน อาตมารู้เข้าใจ แต่อาตมามีภาระที่ต้องปลูกฝังอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ในยุคนี้ไม่เป็นยุคที่จะต้องใช้อาเทศนาปาฏิหาริย์อิทธิปาฏิหาริย์ คุณใช้แค่ตลับเล็กนี่ก็ได้แล้วเก่ง ใช้ทางวัตถุวิทยาศาสตร์นี่ ไม่ต้องเสียเวลาเลย ไม่ต้อง เพราะฉะนั้นเราจะต้องรู้นะ มหาปเทส ยุคกาล ว่ายุคกาลใดควรจะใช้อะไร ในยุคนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเสียเวลากับสิ่งเหล่านั้น แต่ถ้าเราจะต้องไปปฏิบัติ คุณรู้ให้สัมมาทิฏฐิแล้วคุณก็ฝึกเอา ได้แล้วยิ่งจะเป็นโพธิสัตว์ที่ต้องทำ แต่ถ้าไม่ไปคิดจะเป็นโพธิสัตว์แล้วก็ไม่ต้องหรอก เอาพระอรหันต์แล้วพาสชั้นไปเลย ได้เร็วด้วยสบายด้วยไม่ต้องเป็นภาระ ทำให้เกิดอิทธิปาฏิหาริย์อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้นเหน็ดเหนื่อยนะ เหน็ดเหนื่อยกว่าเป็นพระอรหันต์แบบธรรมดา ต้องอุตสาหะ วิริยะ มากเลย กว่าจะมีจิตสงบถึงขั้นที่จะทำพลังงานที่จะเอาไปใช้ในอิทธิปาฏิหาริย์พวกนี้อาเทสนาปาฏิหาริย์พวกนี้มาก จะหนักไปทางเจโต

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 14:54:46 )

ยุคกึ่งพุทธกาล

รายละเอียด

ในประเทศไทยเป็นประเทศพุทธศาสนาจะมีรูปนามของธรรมะพระพุทธเจ้าในยุคนี้ ศาสนาพุทธได้เสื่อมไปมากแล้ว เสื่อมจนกระทั่งไม่เหลือเชื้อของโลกุตระ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำเป็นรูปธรรมก่อน อาตมาก็ขยายนามธรรม เพื่อที่จะเติมโลกุตรธรรมให้เป็นความยาวยืนต่อไปถึง 5000 ปีของพุทธกัปของสมณโคดม

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:51:51 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 04:20:45 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:47:41 )

ยุคกึ่งพุทธกาลคนเสื่อม

รายละเอียด

นี่มันเป็นยุคที่มีความซับซ้อน ลึกล้ำจนกระทั่งประมาณไม่ได้เลย เรื่องนี้ พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสถึงความเก่งกาจของกิเลสตัณหา มันเก่งกาจทำให้คนติดข่าย ทำให้คนติดอยู่ในข่าย ตามพรหมชาลสูตร คนตกอยู่ในข่ายแห เหมือนลิงถูกข่ายแห ยิ่งดิ้นยิ่งพัน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ คนที่ติดอยู่ในข่ายนี้ เดี๋ยวนี้มันเป็นจริงอย่างนั้น ในยุคกึ่งพุทธกาล คนได้เสื่อมไปถึงที่ แม้แต่ในผู้ดูแลศาสนาพุทธเอง ก็ไปห้ามหรือไปว่าเขา เขาก็ถูกว่าเปล่า จะแก้ตัว อาตมาว่าแก้ไม่ได้ เขาจะยอมรับก็ยอมรับยาก เพราะว่ามันต้องจำนน ต้องเป็นอย่างนั้นไปจนกว่าจะผ่านกาละ เพราะฉะนั้นในขณะนี้มันไม่มีทางแก้อย่างอื่นเลย นอกจากต้องระวังตัวอย่าประมาท ระมัดระวังเท่าที่มันจะประมาณได้ แล้วกาละเวลา จะทำให้อันนี้เปลี่ยนแปลงไปได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:51:35 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:12:34 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:46:48 )

ยุคของพระพุทธเจ้าไปประกาศศาสนาพุทธยาก

รายละเอียด

พระพุทธเจ้ามาประกาศศาสนาพุทธในดงคนเสื่อม ฉันเดียวกับอาตมากำลังมาพูดธรรมะพระพุทธเจ้าอยู่ในดงคนเสื่อมของศาสนาพุทธ เป็นแต่เพียงรากฐานของศาสนาพุทธมีตำราอยู่ก็สบายขึ้น แต่ของพระพุทธเจ้าท่านยากกว่าอาตมามากเพราะมันไม่มี ท่านเป็นเจ้าของตำรา แต่ของอาตมานั้นตำราเป็นของพระพุทธเจ้ามีแล้วทุกอย่าง เป็นแต่เพียงยกขึ้นมายืนยันเท่านั้นเอง อาตมาก็ค่อยยังชั่วกว่าพระพุทธเจ้าเยอะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 13:24:31 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:25:51 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:52:32 )

ยุคที่ชาวพุทธเสื่อมความรู้เรื่อง“โลกุตระ”

รายละเอียด

แต่คนในยุคนี้ส่วนมากส่วนใหญ่ยังไม่รู้“ความจริง” หรือไม่รู้“อรหันต์จริง” ว่า เป็นเช่นใดกันแท้?เพราะคนชาวพุทธยุคนี้ ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“โลกุตรธรรม”กันแล้ว ตามคำพยากรณ์เรื่องกลองอานกะของพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสเปรียบเทียบไว้นั้นแหละ ...ว่า

จะมียุคที่ชาวพุทธเสื่อมความรู้เรื่อง“โลกุตระ”ในโลกยุคนั้นก็จะไม่มี“คนจริง”ที่มี“ความรู้โลกุตร ธรรมจริง-อรหันต์จริง”กันเลย ยังมีก็แต่“พยัญชนะ” 

เมื่อ“มีผู้มีโลกุตรธรรมจริง-อรหันต์จริง”ประกาศตนต่อสังคมในยุคสมัยที่เสื่อมจริงๆนี้ จึงยากที่จะให้“คนผู้เสื่อม”แล้ว ซึ่งพากัน“มิจฉาทิฏฐิ”ไปสุดหนักหนาสาหัส และหลงยึดมั่นถือมั่นใน“ความรู้เก๊-อรหันต์เก๊หรืออริยะเก๊”กันสนิทเนียนแล้วนั้น หันกลับมา“เข้าใจ”หรือ“เชื่อถือในความรู้โลกุตรธรรมจริง-อรหันต์จริงหรืออาริยะจริง”กันได้ง่ายๆ

จิตวิญญาณคนมันยึดมั่นถือมั่นกันจริงๆ แล้วยิ่งอาตมาเป็นอาภัพบุคคล ใช้ความพยายาม มีวิบากเยอะ ต้องมีบูรณภาพเต็มที่ เพราะฉะนั้นมันย่อม“ยากสสส์”สุดยากกันแน่ยิ่งกว่าแน่เลย!!!

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ งานอโศกรำลึก 2566 ธัมมิกราชประกาศโลกุตรธรรม วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ประกาศธัมมิกราชต้องมีองค์ประกอบครบ


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2566 ( 19:59:00 )

ยุคที่แล้งศาสนาพุทธที่เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

เพราะว่าเป็นยุคที่แล้งศาสนาพุทธที่เป็นโลกุตระไปแล้ว เหลือแต่ศาสนาพุทธที่เป็นเดรัจฉานวิชา เป็นไสยศาสตร์ มีแต่หลงโลกีย์ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

ศาสนาต่อไปจะไม่เหลือ  จะเหลือแต่ผู้ที่เอาใบดอกผลไม่เอาแก่นกระพี้ ซึ่งเป็นเรื่องจริง ศาสนาพุทธทุกวันนี้เขามีความยินดี มีความดำริ เต็มเปี่ยมในลาภ ยศและความสรรเสริญ

เขาไปหาแก่นไม้แต่ไปหลงผิด ไปเอาใบดอกผล ไปหลงติดใบดอกผลของต้นไม้งามพริ้ง ไม่มาศึกษาเอาแก่น ติดลอยลมอยู่บนต้น ไม่มาเรียนรู้เปลือก กระพี้ สะเก็ด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 12:43:51 )

ยุคนอมินีสมชาย

รายละเอียด

ทักษิณก็เก่งอีก เอานอมินีสมชายขึ้นมาได้อีก สมชายก็สุดยอด ถูกประชาชนไล่จนเข้าทำเนียบไม่ได้เลย เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่ไม่ได้เข้าปฏิญาณตนในทำเนียบรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีเร่ร่อน สัมภเวสี เรามีประชาชนที่ไปประท้วงอย่างปราศจากอาวุธ ไม่รุนแรง

ภาพอันนี้โดนแก๊สน้ำตา….การปฏิวัติจึงมีประชาชนทั้งหมดโดยมีสมณะนักบวชไปร่วมด้วยสมบูรณ์แบบ ทำอย่างเปิดเผย พาทำให้เกิดความสงบ ป้ายอะไรต่างๆตัวหนังสืออหิงสาอโหสิ เราเขียน เราทำกระจายทั้งนั้นเลย มีสมเด็จปู่วิชิตอวิชชา เป็นองค์แรก ไปแสดงฤทธิ์ พวกสายเจโตเห็นท่านปล่อยแสงออกจากหัตถ์เลยนะ มันเป็นธรรมดาธรรมชาติของพวกสายเจโต ทำกันอย่างซับซ้อนลึกซึ้ง กินอยู่หลับนอน ไม่แคร์เรื่องเวลาเลย ใช้เวลาตั้งหลายร้อยวัน รวมหลายวาระ ดูเหมือนจะสามร้อยกว่าวัน ...นี่ก็ทรมานทรกรรม เขาจะปิดทางไม่ให้เข้าออกเลย ซึ่งมันเป็นการต่อสู้ เป็นตัวอย่างที่ไม่เคยมีในโลก เป็นความสงบจริงๆ ไม่รุนแรง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 14:14:50 )

ยุคนี้ก็ต้องมีคู่เทียบธรรมะกับอธรรม

รายละเอียด

เอาคนที่ติดคุกเพราะโกงบ้านกินเมือง มาเป็นประธานที่ปรึกษานายก  เอาคนที่เป็นนักโทษเด็ดขาดมาเป็นที่ปรึกษานายก เป็นนักโทษเด็ดขาด มีบันทึกด้วยนะ บันทึกในพระราชกิจจานุเษก ชื่อทักษิณ ชินวัตร พูดชัดเจนเลย แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็น โทนี่ วูดซัม หรืออะไรก็ตาม 

นี่ก็เป็นตัวอย่างอันที่สุดว่า เมืองไทยยังตกอยู่ในอิทธิพลความเลวร้ายนี้ถึงขนาดนี้ ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ก็ไม่ได้สำนึกเลย ซึ่งก็ยังทำกันอยู่นี้ แหม!  ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่เห็นว่ามันไม่น่าจะเป็นนี่นะ มันก็ได้แต่มันเขี้ยวอยู่เท่านั้น ทำไมคาราคาซังอย่างนั้นอยู่ได้ 

ป่วยหนักจริงไม๊ นอนร.พ.จริงมั๊ย นี่คนไทยทุกวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ เหมือนอย่างธัมมชโย ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ อยู่ไหน มันมีทั้ง 2 ทาง ทางธรรมก็คือธัมมชโย ทางโลกก็คือทักษิณ นี่ก็เป็นอจินไตยที่ชัดเจน ตัวอย่างต้องมีตัวจริง เหมือนอย่างในยุคพระพุทธเจ้าต้องมีเทวทัต อะไรอย่างนี้ มันของแน่ๆ ไม่งั้นมันไม่ยืนยันความจริงนะ หรือในยุคนี้ต้องมีโพธิรักษ์อะไรอย่างนี้ เขายังไม่รู้หรอก แต่พวกคุณรู้แล้ว ยังไงๆ พวกคุณก็รู้แล้ว แต่คนที่ยังไม่รู้ ยังไงๆ เขาก็ยังไม่รู้ คนค่อยๆ รู้มาจะค่อยๆรู้ 

มันจะยืนยันอยู่ว่า พวกเราจะล้มเหลวไหม หรือเขาจะเปลี่ยนแปลงมาไหม เขาไม่เปลี่ยนแปลงมาก็เรื่องของเขา ถ้าพวกเขาเปลี่ยนแปลก็จะมีมา ถ้าเราแน่นอน เที่ยงแท้ ยั่งยืน นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง (ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) เช่นนี้ก็ยั่งยืนเที่ยงแท้แน่นอนตลอดกาล มันไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไร มันของจริง นี่เป็นคำยืนยันของพระพุทธเจ้า เป็นพระบาลีที่อาตมานำมาใช้ตลอดเวลา 

รัฐบาลนี้ไม่โปร่งใสนะ ก็เห็นอยู่ว่ารัฐบาลนี้ยังไม่โปร่งใส ยังมีอะไรคลุมๆ เครือๆ ที่ไม่เปิดเผย ทำไมเป็นอย่างนี้กันได้ยังไง มันไม่น่าจะขัดข้อง มันไม่น่าจะคลุมเครืออึมครึมอะไรอยู่อย่างนี้ได้ไง 

แถมทำให้ประชาชนมองว่า ทักษิณมีอภิสิทธิ์เหนือคนไทยทุกคน มันดูไม่ยุติธรรมในสายตาคนไทย นายกควรจะจัดการเรื่องนี้มากกว่าจะเอาคนแบบนี้มาเป็นประธานที่ปรึกษา

คุณบุญญากรพูดชัดเจนยิ่งกว่านายก คนนี้มองได้ชัดเจนยิ่งกว่านายก เอ้าผ่าน..นี่ก็ดูไป เพราะพวกเราเป็นพวกดูไป เราไม่ใช่พวกดูไบ เราก็ไปอย่างนี้แหละ เขาก็อุตส่าห์ไม่เป็นคนดูไบแล้ว จะมาเป็นคนไทย แต่คนไทยก็ยังเป็นคนไถอยู่ ยังไม่เป็นคนไทย ตอนนี้ก็ไถๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 42 ประชาธิปไตยโลกุตระที่มีอายะ 3 และ อธิปไตย 3 วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2567 ( 19:57:58 )

ยุคนี้ก็ยังมีโพธิสัตว์ ที่มาร่วมทำงานฝึกฝนอยู่ด้วยกับอาตมา

รายละเอียด

ใช่ มีเยอะด้วย เป็นโพธิสัตว์ก็เยอะ ไม่มีปัญหาอะไร ช่วงนี้ศึกษาดีๆติดตามดีๆและจะเข้าใจ แม้แต่ในยุคนี้ก็ยังมีโพธิสัตว์ที่มาร่วมทำงานฝึกฝนอยู่ด้วยกับอาตมา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:50:20 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:50:40 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:48:13 )

ยุคนี้คนที่แสวงหาทำได้แม้ในฆราวาส

รายละเอียด

ส่วนคนที่ไม่ติดยึดคนที่แสวงหา แสวงหาแล้วเจอจริงๆได้จริงๆอย่างพวกคุณก็ได้มาเป็นของจริง อาตมายืนยัน จะเอาหลักธรรมพระพุทธเจ้าหมวดใดพระสูตรใดมายืนยัน เอาสาราณียธรรม 6 มายืนยัน กลายเป็นสังคมที่อยู่กันอย่างเมตตา สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตาในยุคนี้ทำได้แม้ในฆราวาส ตอนสมัยพระพุทธเจ้ายังทำไม่ได้เพราะว่าเป็นยุคของสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ในยุคนี้คนรู้จักสิทธิมนุษยชนแล้ว คนมามีสิทธิ เพราะมันมีอิสระมาได้ พิสูจน์ครบถ้วน พิสูจน์วรรณะ 9 มาแสดงธรรมคนก็มาฟังกันเต็มๆ แม้จะไม่ใช่ยุคโควิด ยุคปกติก็มากันเต็ม ไม่ใช่มาฟังก็กระริบกระร่อย ค่อยๆหายไปก็ไม่ใช่ กลายเป็นว่าเริ่มต้นก็ยังมีไม่มาก แต่เมื่อจบแล้วก็กลับมีมากกว่าเดิมอีก อันนี้เป็นสัจจะ ใครจะว่าอาตมาหลงตัวหลงตน อาตมาทำงานมา 20 กว่าปี มีคนรู้คนเข้าใจ เปลี่ยนวิถีชีวิตมารับเอาสิ่งนี้จนกระทั่งเกิดเป็นชาวอโศก เกิดเป็นชุมชนชาวอโศกเป็นหมู่บ้านเป็นชุมชนกระจายอยู่ทั่วประเทศขณะนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 15 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 11:17:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:26:31 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:49:11 )

ยุคนี้คนหมดอาสวะอนุสัย เป็นได้ในชาวอโศก

รายละเอียด

อาสวะนั้นจะมีคู่อีกตัวหนึ่งคืออนุสัย ขอพูดลึกลงไป อนุสัยอาสวะนั้นไม่ใช่ภาวะธรรมดาที่จะรู้กันเป็น อจินไตย อาสวะ คือการบรรลุธรรมของปัญญาวิมุตติ ตัวอนุสัย ตัวซ้อนลึก เป็นการบรรลุธรรมของ อุภโตภาควิมุติ ผู้ที่เป็นอรหันต์พระพุทธเจ้าตัด curve ที่พ้นอาสวะไม่ถึงขั้นพ้นอนุสัยก็ได้แล้ว ตัดcurveเป็นอรหันต์แล้ว อาสวะสิ้น แต่อนุสัย มี 2 สภาพ เป็นสภาวะ 2 เป็นเทวธัมมา เป็นสิ่งที่ผู้ยังมีชีวะ สามารถที่จะควบคุมอนุสัย อยู่เหนืออนุสัย จัดการอนุสัย ให้พ้นผิด ให้เป็นถูกได้ นี่คือความเป็นสิริมหามายา ของศาสนาพุทธ

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าสังคม เหตุปัจจัย หรืออยู่ในองค์ประกอบ อยู่ในกระบวนการของ กาละ เทศะ ฐานะ ตั้งแต่บุคคล สถานที่ และภูมิธรรม 3 อย่างนี้ เป็น 3 เส้า ในขณะใด ในวาระใด ในยุคใด ที่สามารถที่จะทำให้มันสมดุลได้ อิสระเสรี สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ได้จริง อันนี้ จะเป็นสิ่งที่เป็นคำตอบเป็นเครื่องตัดสินของมนุษยชาติ  ผู้ที่บรรลุสภาวธรรมตามพยัญชนะที่อาตมาพูดไป แล้วคนเหล่านั้นมีจริง มันก็มารวมกันจริง แล้วก็เป็นมวลมนุษย์ที่จะมีคุณสมบัติจากจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวงได้ เป็นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ กันจริง เพราะฉะนั้นชาวอโศกเป็นสัจธรรมของพุทธศาสนา ที่มีอาริยะ 4 เหล่า สมณะ 4 โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี  อรหันต์จริง แต่คนเข้าใจไม่ได้ 

1. พวกที่เข้าใจได้ก็มีมา 

2. ผู้ที่เข้าใจได้ แต่เขายังทิ้งสิ่งที่เขายังอาลัยอาวรณ์ อาลยะ เขายังอาลัย เขายังอาศัยเขายังทิ้งมาไม่ได้ ทั้งที่เข้าใจแล้ว แต่บารมีของเขายังมาไม่ได้ เขาก็ยังจมอยู่ตรงนั้น แต่เขาศรัทธา เขาเข้าใจแล้ว เดี๋ยวนี้มีคนเข้าใจอโศกอยู่ในกลุ่มนี้ ในชาวพุทธทั้งหลายแหล่มากขึ้นแล้ว แม้แต่ในวงการการศึกษา ในมหาจุฬา มหามกุฏ นักบวชเข้าใจกันบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นพวกอาตมาจึงอยู่ได้โดยสงบ ไม่ถูกรบกวนเหมือนอย่างพวกที่ร้อนวิชาที่แก่ๆตายไปเยอะแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแล้วล่ะ เหลือแต่พวกเด็กๆที่ยังเข้าใจไม่ได้ก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่มีฤทธิ์แรงที่จะทำอะไรขึ้นมา เราก็เลยอยู่อย่างสงบสบายๆ ชาวอโศกทุกวันนี้ มีแต่พัฒนาเพื่อที่จะให้บุคคลใดที่มีปัญญา มีภูมิธรรม เป็นโลกุตระธรรมเข้ามา มีอัญญธาตุ เติมเข้ามา เติมเข้ามา เขาจะค่อยๆทยอย เข้ามารู้ เข้ามาเข้าใจ เข้ามาเป็นหมู่เป็นมวล เข้ามาศึกษาแล้วมาประพฤติปฏิบัติไปตามลำดับๆ มีแต่จะขยายผลไปขณะนี้ 

เป็นแต่เพียงว่า การขยายผลนี้ ยังได้แค่ขั้นระดับบวก ยังไม่ได้ระดับคูณนะ ชาวอโศกโลกุตรธรรมยังไม่ได้เจริญถึงขั้นระดับคูณ ได้ขั้นระดับบวก และบวกกันไม่กี่ตัว ยังไม่ถึงขั้น 7 บวกกันแค่ 1 2 3 4 5 เกิน 5 ไปขั้น 6 ก้าวหน้าไป ที่จริงแล้ว ก้าวหน้า ก้าวหน้าคือเลข 9 จะมีเลข 5 เป็นเลขกลางและมี 4 ขา 2 ข้าง เพราะฉะนั้นเลข 5 คือเลขที่โอเวอร์แลปไปทางเจริญแล้ว ทางด้านก้าวหน้าแล้ว เพราะมันเป็น 5 เกิน 4 อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นพัฒนาการของชาวอโศกมีเลย 5 ไป 5 6 ยังไม่ถึง 7 ถ้าเผื่อว่าชาวอโศกมีมวลประมาณ โดยเฉพาะที่ราชธานีอโศก มีพลเมืองถึง 777 คนขึ้นไป เป็นตอง  7 เนี่ย ตรงนี้จะบอกรูปธรรม และจากนั้นไป 6 จะก้าวขึ้นถึงคุณธรรมที่เป็นนามธรรมที่ไปถึง 7 ได้ อาตมาพูดไปตามประสาอาตมานะ คนที่เข้าใจก็น่าจะมี และคนที่ไม่เข้าใจก็น่าจะมาก มี 3 ประเด็น OK เข้าใจ คนที่เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง และพวกที่ไม่เข้าใจเลย 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 7 พ่อครูพบ ดร.นพ.มโน เลาหวณิช เรื่อง บาปของทุนนิยม วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565 แรม 11 ค่ำเดือน อ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2565 ( 19:25:40 )

ยุคนี้คนหลงพยัญชนะแต่ไม่เก่งสภาวะ

รายละเอียด

อัมพัฏฐมานพก็คือนักศึกษา เหมือนยุคนี้ก็คือพระ มีสำนักต่างๆ ยุคพระพุทธเจ้าก็คือพราหมณ์ เรียนไตรเวท แต่ความรู้ของพุทธกับพราหมณ์ก็สลับกันไปมา จนสับสน สับสนในเรื่องพยัญชนะกับสภาวะ ผู้ที่ติดใจศึกษาแต่พยัญชนะมากๆแต่สภาวะไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยรู้ ไม่ค่อยได้ปฏิบัติแล้วไปหลงพยัญชนะในยุคนี้มีเยอะ แม้แต่ผู้ที่โด่งดังที่ถูกยอมรับในประเทศก็เก่งแต่พยัญชนะ แต่ไม่เก่งสภาวะ จริงๆแล้ว สภาวะกับพยัญชนะนี่ อาตมาอธิบายธรรมะมาถึงวันนี้แล้ว สภาวะกับพยัญชนะคือ 2 ภาษาบาลีคือ เทฺว ฉะนั้นผู้ที่เรียนรู้ธรรมะโดยที่แยกเทฺว แยกสภาวะ พยัญชนะ แล้วไม่ชัดเจนว่า อะไรเมื่อไหร่ที่เป็นภาวะของสภาวะ เมื่อไหร่เป็นพยัญชนะ กำหนดไม่แม่นเหมือนนักเล่นกล เดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มี เหมือนกันเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 13:00:54 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:27:04 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:49:46 )

ยุคนี้คนเสื่อมจากธรรมะพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

กล่าวถึงประวัติที่ผ่านมาเพื่อให้เห็นว่ามันยากมากเลย ธรรมะในยุคนี้เป็นโลกุตระเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ในอาณีสูตร ที่บอกว่า ยุคนี้คนเสื่อมจากธรรมะพระพุทธเจ้าไม่ใช่ศาสนาเสื่อมนะ แต่คนนั้นเสื่อมไป เสื่อมจากธรรมะโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:48:31 )

ยุคนี้จะสัมมาทิฏฐิต้องรับธรรมะจากสยังอภิญญา

รายละเอียด

ฟังดี ๆ ทำไมถึงย้ำสำทับว่าต้องพบ จริงๆแล้วอาตมาย้ำว่าต้องพบโพธิสัตว์ระดับ สยังอภิญญา ถ้าอาตมาจะพูดว่า จริงๆไม่ใช่แค่พบเฉพาะ สยังอภิญญา แต่ควรจะพบพระพุทธเจ้าด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นถ้าคุณได้พบพระพุทธเจ้าก็สุดยอดแล้ว เมื่อไม่ได้พบพระพุทธเจ้าก็พบ สยังอภิญญา ก็ยังดีกว่าที่ต่ำกว่า สยังอภิญญา เพราะฉะนั้นจึงควรพบ สยังอภิญญา 

เพราะอะไร เพราะ สยังอภิญญา คือผู้ที่มีเนื้อธรรมโลกุตระในตัว เป็นเองในตัวเอง สยังอภิญญา ตายข้ามชาติก็มีโลกุตรธรรมติดตัวมา แต่ถ้าคนที่ยังไม่มีโลกุตรธรรมนั้นจะต้องได้รับจากพระพุทธเจ้าเป็นต้น หรือต้องได้รับจากสัตบุรุษ สยังอภิญญา ก็ตาม สยังอภิญญา คือผู้ที่มีโลกุตระในตัวเองไม่ต้องรับจากใคร เกิดมาในยุคที่ไม่มีโลกุตระท่านก็ประกาศได้เหมือนปัญหานี้ผมก็เคยสงสัยในยุคนี้อาตมาเอามาประกาศได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 25 พ่อครูคือธัมมิกราช ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 18:14:42 )

ยุคนี้ซวยเพราะพระพาปฏิบัติผิดเพี้ยนอย่างไร

รายละเอียด

ยุคนี้มันซวย ที่พระพาปฏิบัติผิดเพี้ยนไปหมดเลย สายพระป่าก็ไปหลงลาภยศสรรเสริญอย่างที่เห็น มันไม่ใช่การเรียนรู้ปฏิบัติ เรียนรู้แล้วไปหลงในลาภยศสรรเสริญโลกียสุขคือพระสายเปรียญสายวัดบ้าน ส่วนพระป่าไปหลับตาปฏิบัติก็ออกนอกประเทศทั้งคู่เลย 

แล้วเข้าใจว่าศาสนาพุทธนี่แหละ มีอยู่ 2 สายคือพระป่ากับพระบ้าน พอพระไม่ใช่พระป่านะแน่นอนแล้วไม่ใช่พระบ้านอย่างของคุณ อย่างชาวอโศกไม่ใช่พระบ้านไม่ใช่พระป่า เขาก็หาว่าไม่ใช่พุทธ อาตมามาสอนธรรมะพระพุทธเจ้าเอาธรรมะพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องมาสอน เขาบอกว่าไม่ใช่พุทธ ซึ่งน่าสงสารจริงๆเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:39:08 )

ยุคนี้ต้องพูดความจริง ดีมากที่มีพระไตรปิฎกเป็นหลักฐาน

รายละเอียด

ไม่รู้จะทำยังไงอาตมาเกิดมาในยุคนี้ต้องพูดความจริง คือมันยุคนี้เขาไม่มีความรู้ของโลกุตระมีแต่ความรู้โลกียะ อาตมาก็จำเป็นที่จะต้องมาพูดมาบอก มันก็เลยเป็นความข่ม เหมือนอาตมารู้อยู่คนเดียว ดูสิเขามีครูบาอาจารย์มาเป็นร้อยปีเชื่อถือกันมารับช่วงกันมา แล้วก็โพธิรักษ์เป็นใครหัวเดียวกระเทียมลีบ สำนักของตัวเองก็ไม่มี ครูบาอาจารย์ของตัวเองก็ไม่มี โผล่มาไม่มีศิษย์พี่ศิษย์น้อง แล้วก็มาพูดอยู่คนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบ ใครเขาจะไปเชื่อถือ ดีมากที่อาตมามีพระไตรปิฎกเป็นหลักฐานยืนยันอ้างอิงมาจึงรอดตัวได้ ถ้าไม่อย่างนั้นอาตมาไม่รอด นัยของพระไตรปิฎกที่เขาแปลกันไม่ออกมาก็เลยต้องมาแปลซ้ำซ้อน มันก็เลยไปหักล้างที่เขายึดถือกันมามีความเจริญได้หลายชั้นมันก็เลยย้อนแย้งกับเขาไปใหญ่ ความรู้สภาพหมุนรอบเชิงซ้อน อาตมาใช้ ปฏินิสสัคคานุปัสสี หรือคัมภีราวภาโส เหมือนก้นหอย วนเวียนซ้ายขวา แต่มันมีชั้นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เขาก็บอกว่าอาตมาพูดแค่ซ้ายกับขวาเพราะเขามีความรู้แค่ระนาบเดียวชั้นเดียว เมื่ออาตมาพูดซ้ายขวาแล้วก็มาซ้ายขวาอีกเขาก็เข้าใจไม่ได้ หาว่าพูดไม่ตรงกับเขาแล้ววนเวียน ก็เลยยิ่งหน้ามืดเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 10:17:28 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:27:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:54:22 )

ยุคนี้ต้องมีผู้รู้จริงที่เป็นสยังอภิญญามาแสดงตัว

รายละเอียด

ยุคนี้มีพ่อครูว่า ยุคนี้มี อัตถิโลเก สมณพราหมมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เยอิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยังอภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ ในยุคนี้ต้องมีผู้รู้จริงที่เป็นสยังอภิญญามาแสดงตัวว่าเหนือกว่าอาตมาทำสิแสดงสิ คนจริงต้องเปิดเผยไม่ได้มีมังกุ หรือสาเฐยยะแบบสบายๆเหมือนกามนิตไม่รู้จักพระพุทธเจ้าก็ฉันใดคนที่สัมผัสอยู่อาจจะมาทำงานมาเกือบ 50 ปีแล้วไม่ใช่แค่คืนเดียวเหมือนกับกามนิตคุณฟังอาตมามาเกือบ 50 ปีคุณก็ไม่รู้เหมือนกับกามนิต เพราะว่าไม่มีภูมิปัญญาจะรู้ได้พูดไปนี้ไม่ได้ด่าว่าหรือข่มคุณแต่พูดตามสัจธรรมความจริงตามความเป็นจริงขออภัยเหมือนอาตมาไปกดที่ดูถูก แต่ไม่ใช่หรอกอาตมากำลังพูดสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้ไปดูถูกอะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:48:41 )

ยุคนี้ต้องมีมหาปเทสอย่างไร

รายละเอียด

เดี๋ยวนี้บริขารมากกว่านั้น เป็นต้นว่าเราจะต้องใช้แว่นตา หรือจะต้องใช้อะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะเราจะใช้อุปกรณ์ อย่างน้อยพระป่าก็ต้องใช้ไมโครโฟนเวลาบรรยาย เวลาเทศน์ ต่างๆนานาพวกนี้เป็นคลื่นมันเอาอะไรมาใส่ก็เต็มไปหมดละ ไม่ใช้ก็ได้แต่ว่ามันไม่พอมันไม่เหมาะสมมันก็ไม่ค่อยได้ยินกัน บรรยากาศทุกวันนี้ไม่เหมือนสมัยพระพุทธเจ้า คลื่นต่างๆมีอะไรใส่เข้าไปเต็มไปหมด มันยาก เสียงมันจึงไม่ไปไหนไกลๆหรอก ต่างกับสมัยพระพุทธเจ้าที่พูดแล้วได้ยินกันไปไกลๆเพราะว่ามันสะอาด ไม่มีอะไรเป็น resistance เป็นตัวต้านให้ลดคุณภาพ เสียงมันจึงไปได้ไกล เดี๋ยวนี้ไปได้ไม่ไกลหรอก พระป่านี้หากไม่ใช้ไมโครโฟนมีลูกศิษย์เป็น 1,000 จ้างก็ไม่ได้ยินหรอก ถ้าไม่ใช่ไมโครโฟน แต่สมัยพระพุทธเจ้าได้ยิน บรรยากาศมันไม่เหมือนเดี๋ยวนี้หรอก อากาศบรรยากาศทั้งหมดไม่เหมือน ต่อให้ในป่าก็ไม่เหมือน เพราะในป่าก็มีเสียงรบกวน เสียงเครื่องบินก็รบกวน คลื่นวิทยุก็มีในป่า มันไปได้ทั่ว

สรุปเข้าเนื้อหาเข้าเป้าอาตมานำศาสนานำธรรมะพระพุทธเจ้ามาประกาศในยุคนี้แล้วแล้วมันจะต้องมีสิ่งที่ยอมรับในยุคนี้สมัยนี้ มีมหาปเทส อย่างอาตมาก็ต้องยอมรับว่าอันไหนควรอนุโลมในสิ่งที่ควรอนุโลมตามเหมาะควร ก็ไม่ต้องอะไรมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ สุภกิณหาอย่างพุทธดับสุดสิ้นอาสวะ วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 15:13:57 )

ยุคนี้ต้องมีโพธิสัตว์มาประกาศความจริงนับแต่คำว่าบุญและกาย

รายละเอียด

คำว่าบุญ คำว่ากาย เขาก็ไม่รู้เรื่อง อาตมาเอามาเปิดเผย คำว่า กาย เป็นสังโยชน์ข้อที่ 1 คำว่ากาย  หากเข้าใจว่าไม่มีจิตเข้าไปร่วมเลยนั้นผิดไปเลยใช้ไม่ได้ จะไปบรรลุได้อย่างไร สังโยชน์ข้อแรก สักกายทิฏฐิ ก็มิจฉาทิฏฐิก็จะพ้นไม่ได้ แล้วปฏิบัติธรรมก็จะไม่ได้ผลอะไร แล้วยิ่ง กว่าจะมารู้จักมรรคมีองค์ 8 กว่าจะมาปฏิบัติสังโยชน์ได้ ต้องพบแสงอรุณ 7 ก่อน 

ต้องพบสัตบุรุษ เช่น ในยุคนี้ไม่รู้คำว่ากายคำว่าบุญเป็นต้น พอไม่รู้ก็ไม่รู้กันทั้งหมด อาตมาก็มาประกาศความจริงจึงต้องมาพบอาตมาต้องมาฟังอาตมาต้อง ปรโตโฆษะ อาตมาอย่างสัมมาทิฏฐิจึงจะรู้ว่า กายเป็นอย่างนี้บุญเป็นอย่างนี้ สมาธิเป็นอย่างนี้ คุณก็จะไปปฏิบัติโยนิโสมนสิการได้ ปฏิบัติและพัฒนาจิตใจทำใจในใจของคุณให้มันสัมมา ให้มันบรรลุได้ 

แต่นี่คุณเห็นโพธิสัตว์มาพูด โพธิสัตว์มาบอกคุณก็ไม่ฟังไม่เอาแล้วไม่เชื่อเลย คุณก็อยู่ในกะลาครอบของคุณตลอดกาลไม่มีทางที่จะบรรลุธรรมพระพุทธเจ้าได้เลย แล้วก็ไปหลงนับถืออรหันต์บูชาเชิดชูกันที่เป็นอรหันต์หลอก ซ้ำซ้อนกัน น่าสังเวชใจ มันสุดสงสาร ไม่รู้จะทำอย่างไร อาตมาก็ได้แต่บ่นอย่างนี้แหละ ก็ว่าไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไรบังคับกันไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันนี้พ่อครูบอกทางรอดของมนุษยชาติ วันพุธที่ 22 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:23:57 )

ยุคนี้ทำตามจารีตเท่านั้น ไม่แก้ใขจิตวิญญาณ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพวกเราเป็นพุทธบริษัทที่มีสมณะ 4 เหล่า ส่วนคนที่เขายังเป็นพุทธศาสนิก ตามทะเบียน ตามตระกูล ตามจารีตประเพณีมีเยอะมากเลยในยุคนี้ พุทธศาสนิกเยอะ แค่บางคนก็ไปพูด ไปเปล่งกล่าว ไปวัดไปวา พระท่านก็พากล่าว พุทธังสะระณังคัจฉามิ เขาก็กล่าวตาม ฆราวาสเขาก็ไม่กล้าออกเสียงเหมือนกับพระที่ใส่สำเนียงอย่างเท่ๆหรอก เขาก็กล่าว พุทธังสะระณังคัจฉามิ พระก็ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ ลากเสียงยาวกว่านี้ อาตมาละอายหน่อยๆก็เลยไม่ลากยาว ลากยาวก็เป็น อาตมาเป็นนักร้องเก่า ก็ไม่เอาแล้ว ฆราวาสเขาก็รับตามไป ธัมมังสะระณัง คัจฉามิ สังฆังสะระณัง คัจฉามิ

ก็ได้แต่ไปกล่าวรับกันเฉยๆเป็นอัตวาทุปาทาน ยึดได้แค่วาทะกล่าว เป็นอัตตาอยู่อย่างเก่านั่นแหละ ไม่ได้แก้ไขความเห็น ไม่ได้แก้ไขจิตวิญญาณ ไม่ได้แก้ไขตามศีลตามพรตอะไร เพราะฉะนั้นก็ได้แต่ อัตตวาทุปาทาน ทิฏฐุปาทาน กามุปาทาน ก็อย่างเดิม แม้แต่เช่นพระชื่อดังที่กำลังดังตอนนี้ ทั้งโกงเงินตั้ง 180 ล้าน ทั้งเสพเมถุน เมถุนก็เป็นการเสพผิดเพศอีก พวกวิตถารอีก อะไรอย่างนี้เป็นต้น ก็อย่างนี้เต็มเละกันอยู่ในวงเถรสมาคม ซึ่งอาตมาก็จำเป็นจะต้องบวชอยู่ในประเทศไทยที่มีสงฆ์ บวชเสร็จแล้วก็ไม่ไหว เราจะอยู่ต่อก็ไม่ได้ก็เลยต้องประกาศนานาสังวาสขอแยกออกมาบริหารเอง ไม่ไหวอยู่ด้วยไม่ไหว มันปนเละหมักหมมเน่าใน นี่เป็นสัจจะตามเรื่องจริงที่มันผ่านมาแล้ว อาตมาประกาศ นานาสังวาส 

สงฆ์หมู่ใหญ่ก็ไม่รู้เรื่อง นานาสังวาส จัดการกับอาตมาอย่างโน้นอย่างนี้ เป็นบาปของท่าน เพราะท่านไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จักธรรมวินัย มาจัดการกับอาตมา ก็เลยได้บาปซ้ำบาปซ้อนอะไรต่ออะไรกันไป อาตมาก็ได้แต่สมเพชเวทนา ไม่รู้จะทำยังไง มันสุดวิสัยที่จะแก้ ที่จะช่วย จนป่านนี้แล้ว ยิ่งเป็นหัวหน้าผู้ที่นำพา นึกว่าตัวเองเป็นผู้รู้ แสนรู้ นำหมู่ออกมาจัดการกับอาตมา ป่านนี้ท่านจะสำนึก ท่านจะรู้สึกว่าเราผิดแล้วหรือยังหนอ ก็ยังไม่รู้ได้ ก็น่าสงสารไป 

ส่วนอาตมานั้น อาตมาไม่มีปัญหาเลย อาตมาอยู่อย่างไรก็รอดตัว อยู่ยังไงก็อยู่ได้ อยู่ได้แม้แต่ในที่ร้อนขนาดไหนอาตมาก็สบายเย็น เพราะมีภูมิคุ้มกัน มีสิ่งที่ตัวเองสามารถที่จะคุ้มกันตัวเองได้ ไม่ละลายไป ไม่เสื่อมไป ไม่เพี้ยนไม่เปลี่ยนไปตามเขา เป็นผู้ที่มีทั้งเจโตและปัญญาที่พร้อมแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 13:56:22 )

ยุคนี้ทำไมต้องรวงทองแพงทำไมต้องทำกสิกรรม

รายละเอียด

ระวังโควิดจะเอาไปติดเด็กเขานะ อย่าไปชิดมาก รวงทองแพง (ด.ญ.) อาตมาก็อยากขยายความ ทำไมอาตมาเน้นรวงทอง มีนัยแฝงนะ มี potential นะ ตั้งชื่อนี้ ให้ทันสมัยให้นำสมัย ให้เป็นเครื่องชี้นำ รวงทองหมายถึงข้าว ข้าวเปลือกเป็นหนึ่งในโลก พืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นอาหารที่มนุษย์ต้องกิน ทั่วโลกไม่ว่าจะอยู่ขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ ที่กินเนื้อสัตว์เป็นหลักเพราะไม่มีพืชให้กิน มันเป็นวิบากกรรมคนต้องไปเกิดอยู่ทางโน้น ศาสนาพุทธไม่ได้เจอหรอก จะเป็นวิบากอยู่อย่างนั้นอีกนานไม่รู้จะทำอย่างไรช่วยเขาไม่ได้ 

เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อว่าไม่มาเรียนศาสนาพุทธ ไม่มาแก้ ไม่มารู้ จะไม่รู้เลยว่ามนุษย์ เป็นพวกกินพืช ทุกวันนี้ยังมีคนแย้งอาตมาว่า เลิกกินเนื้อสัตว์ทำไมอร่อยจะตาย สิ่งที่พวกเราหลายคนกินเนื้อสัตว์ก็ยังอร่อยแต่รู้ว่ามันต้องมาทางนี้ใช่ไหม หลายคนก็จนกระทั่งมันไม่อร่อยแล้วดีไม่ดีมันรู้สึกคาวด้วยสู้กินพืชไม่ได้สบายกว่าเยอะ จิตใจมันจะเป็นจริง 

ล้นโลก เพราะว่าพลเมืองในโลก เมื่อใดๆ คนเทวนิยมก็มากกว่าคนอเทวนิยม

สรุปเรื่องรวงทองแพง ชื่อรวงทองแล้วต้องแพงด้วย “แพง” ไม่ใช่ให้ขายข้าวราคาแพง “แพง” หมายความว่ามันสูงค่า ภาษาอีสานว่า “คำแพง” เป็นคนสูงเป็นคนเจริญ หมายถึงคนก็ตาม ของก็ตาม มันแพง มีภาษาที่หมายถึงหวงด้วย เช่นว่า แพงของ คือหวงของ เพราะมันมีค่าเขาก็เลยหวง ก็เลยเป็นคำประชด ทำไมแพงของ สำนวนอีสาน หมายถึงหวงของ แต่ของนั้นแพงก็เลยหวง คนนี้โง่ก็เลยหวง แต่หากคนไม่โง่ ของแพงต้องทำให้มากแล้วเอาไปเผื่อแผ่ สร้างให้เยอะๆไม่ใช่เอามาเยอะเหมือนปัญญา สร้างเยอะๆ ส่วนปัญญาเขาจะบอกว่าเอามาเยอะๆแจกเยอะ แจกเยอะๆคนก็ต้องเอามาก่อน แต่เราไม่เอามา เราสร้างด้วยน้ำมือของเราเองด้วย จะได้เน้นเศรษฐกิจอันนี้ เราเป็นผู้สร้างเราเป็นพระเจ้าผู้สร้าง สร้างกับมือให้เยอะๆ งามๆ อย่างที่โชว์นี้ แล้วก็แจกจ่ายเจือจานเกื้อกูลกันไปเศรษฐกิจประเด็นนี้ 

สรุปว่า รวงทองแพง เป็นชื่อมีนัยแฝงให้มาเร่งสร้างเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ในยุคนี้ เพื่อมาช่วยโลกเพราะเป็นยุคที่ใกล้กลียุคแล้ว ของมันหายากขึ้นมาอะไรต่างๆนานา มันผลาญพร่าทำลาย ดินก็เสีย น้ำก็เสีย ลมก็เสีย เสียไปเละเทะไปหมดแล้ว แล้วก็สร้างมลพิษซ้อนขึ้นไปอีก มันก็เลยแย่เลย โลกแย่ลงไปเรื่อยๆเพราะว่าฝีมือคน คนไม่เข้าใจสัจธรรม เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ แล้วก็สอนให้คนเห็นแก่ตัว เห็นแต่แก่ได้ ไปร่ำรวยไปได้เปรียบอะไรมากมาย ไปเน้นอะไรอย่างนี้

สรุปแล้วรวงทองแพง จะเป็นไปได้อย่างที่ว่าก็อาศัยชื่อเขา คนก็ฟังรู้เรื่องก็ศรัทธาเลื่อมใสเด็กเกิดขึ้นมาก็หน้าตาจิ้มลิ้มเนาะ นี่พ่อเขานายปุ๊ก อาตมาก็ไปเยี่ยมเยียนเขาแต่ใส่แมสนะ อาตมาไม่มีเชื้อหรอกแต่ใส่แมส พ่อเขาก็ใส่แมส 

เพราะฉะนั้นทุกคนเน้นจบ จงมาช่วยกันสร้างกสิกรรม มาช่วยกันพัฒนากสิกรรม ตั้งแต่ข้าวรวงทองจนถึงพืชพันธุ์ธัญญาหารเอาไว้เลี้ยงโลก ข้าวอาตมาเคยพูดว่าไม่ใช่สินค้าแต่เป็นอาหารที่ต้องแบ่งปันกัน เพราะว่าไปเห็นเป็นสินค้าก็เลยเอาไปขายเป็นทุนนิยมก็เลยพัง ข้าวต้องขายให้ถูกๆขายแพงไม่ได้หรอกเพราะคนก็ต้องกินข้าว คนรวยก็ต้องกินข้าว และคนจนมากกว่าคนรวยมาก ถ้าขายข้าวแพงๆ คนจนก็ตายหมดเหลือแต่คนรวย คนรวยก็รวยจากการดูดไปจากคนจน คนจนตายหมดจะอยู่แต่คนรวยด้วยกันหรือใครจะไปทำเอาแต่รวยแล้วคุณรวยอย่างไรก็กินแรงคนข้างล่าง คนรวยนี้ส่วนมากกินแรงคนข้างล่างมีวิธีการซับซ้อน ให้คนพวกนี้ใช้แรงงานเสร็จแล้วตัวเองก็ควักเอาหัวกะทิไป ลักษณะทุนนิยมเป็นอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้ วันพุธที่ 6 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 11:20:24 )

ยุคนี้พระตกเป็นทาสโลกีย์อย่างไร

รายละเอียด

ทุกวันนี้อาตมาประสบความสำเร็จของงานศาสนาพระพุทธเจ้าที่ท่านสอนไปมากเลย อาตมาพูดไปแล้ว อาตมาพาทำได้ถึงสังคมฆราวาส ให้เป็นสาธารณะโภคี ภิกษุสมัยโบราณไม่ได้รับเงิน คนเขาก็รู้กันว่าไม่เอาเงินไปให้ภิกษุ แต่ยุคนี้พวกฆราวาสนี่ตัวรู้ดี ใช้เงินเป็นอำนาจไปให้พระ จนพระนี้ตกเป็นเบี้ย เป็นคะแนน เป็นลูกน้อง เขาเป็นนายทุน พระ เจ้าก็เลยรับใช้นายทุนกันไป เป็นการอธิบายสัจธรรมที่ผิดเพี้ยนไปให้รู้ว่ามันไปกันใหญ่แล้ว ไม่มีฤทธิ์เดชด้านคุณธรรมเลยศาสนาพุทธ เป็นทาสโลกีย์แหลกเหลวหมด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:12:03 )

ยุคนี้พระศรีอาริยเมตไตรยยังไม่มาเกิด 

รายละเอียด

ยุคนี้พระศรีอาริยเมตไตรยยังไม่มาเกิด เขาคงหมายถึงพระศรีอาริยเมตไตรย ตอบว่า ยัง เป็นคำตอบที่ถูกต้อง 

คำว่าศรีอาริยเมตไตรย คนยังไม่เข้าใจได้ง่ายๆว่าหมายถึงอะไร มันหมายถึงว่าพระพุทธเจ้าในอนาคต ทุกองค์นั่นแหละ มันเป็นตำแหน่ง ตำแหน่งของพระพุทธเจ้าองค์ข้างหน้า องค์ไหนที่เกิดเป็นพระพุทธเจ้าก็คือพระศรีอาริยเมตไตรย เมื่อเกิดพระพุทธเจ้าองค์นั้นแล้วก็จะมีตำแหน่งไปข้างหน้าอีก ใครไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปก็คือพระศรีอาริยเมตไตรยองค์ต่อไป แล้วก็มีพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันองค์ใดองค์หนึ่ง แล้วก็ยังมีพระศรีอาริยเมตไตรย ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปทั้งนั้น 

เป็นภาษาอนาคต คนที่บอกว่าตัวเองเป็นพระศรีอาริยเมตไตรยมาเกิดในยุคของพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งนั้นที่ยังอยู่นั้น คนนั้น ยังไม่รู้เรื่อง ยังไม่เข้าใจพุทธศาสนา จะมีพระพุทธเจ้ามาเกิด 2 องค์ได้อย่างไร องค์นี้ยังไม่หมดเนื้อของพระพุทธเจ้าเลยมันเป็นไปไม่ได้พระพุทธเจ้าก็ตรัส ก็คือเป็นเรื่องความปรารถนาใหญ่ของคนที่จะเป็นพระศรีอาริยเมตไตรยมาเกิด เป็นคนหลง เป็นคนไม่รู้เรื่อง โง่ๆ หลงตัวเอง        

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังคมของคนที่ตายจากกิเลสจนเป็นพระอาริยะ วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2565 ( 11:19:16 )

ยุคนี้พ่อครูเก่งกว่าพระพุทธเจ้า เก่งเช่นไร

รายละเอียด

พูดอย่างนั้นก็ไม่ผิดนะ เพราะพระพุทธเจ้าไม่สามารถจะเกิดมาอธิบายในยุคนี้ได้ อาตมาก็ต้องเก่งกว่า ไม่มีใครเก่งเกินในยุคนี้ ใช่ไหม พระพุทธเจ้ามาไม่ได้ เสียของหมดเลยเกิดในยุคนี้ ไม่คุ้มกับความเป็นพระพุทธเจ้า ต้องให้อาตมาเก่งก็ถูกแล้ว แต่อาตมาก็ไม่ได้หลงตัว อาตมาไม่ใช่ศาสดา อาตมาไม่ได้ประกาศตนเป็นศาสดานี่ ก็ไปเข้าใจผิดกันใหญ่ คือ ก่อนจะมาตำหนิอาตมาตั้งหลักให้ดีก่อน มีหลักฐานอ้างอิงยืนยันบ้าง จะมาตู่อาตมา มาตู่เละเทะ มันโดนศรเสียบย้อนไปเสียบคอตัวเอง

สงฆ์หมู่ใหญ่ของเถรสมาคม ไม่เป็นสาธารณโภคีเลย กระเป๋าใครกระเป๋ามัน ดีไม่ดียักของวัดเข้าตัวเองด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:45:53 )

ยุคนี้ฟังความรู้ที่เป็นมรรคเป็นผลของพระพุทธเจ้าไม่ออก

รายละเอียด

ยุคสมัยนี้ผู้เข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้านั้นไม่มี มีแต่มิจฉาทิฏฐิ ฟังความรู้ที่เป็นมรรค เป็นผลของพระพุทธเจ้าไม่ออก แต่ไปเข้าใจมิจฉามรรค-มิจฉาผล เช่นไปเข้าใจว่าพระอรหันต์ในยุคนี้เป็นพระอรหันต์ ซึ่งเป็นอรหันต์เก๊ ปฏิบัตินั่งหลับตาก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่ออาตมาเป็นปัญญาวิมุติมาพูดขึ้นในยุคนี้มันก็ขัดแย้งกับทิฏฐิอื่น แล้วเขาก็บอกว่า เอาสิ่งที่ผิดของเขาว่านั่นเป็นของพระพุทธเจ้า เขาเห็นว่าความแตกต่างระหว่างปัญญาวิมุติคืออาตมากับพระพุทธเจ้านี้ไม่ได้เหมือนกัน พระพุทธเจ้ากับอาตมาที่เป็นปัญญาวิมุตินี้แตกต่างกันตรงที่พระพุทธเจ้าท่าน ตรัสรู้ในมรรค แล้วเอามาสอน อาตมาไม่ได้เป็นผู้ที่ตรัสรู้มรรค แต่ปฏิบัติตามมรรคจนบรรลุ แต่เขาเข้าใจมิจฉาทิฏฐิในมรรคในผลไปแล้วว่า คือของพระพุทธเจ้าเขาเลยเห็นว่าสิ่งที่อาตมาปฏิบัตินั้นผิด แต่แท้จริงอาตมาเหมือนกับพระพุทธเจ้าเขายึดถือผิด นี่คือความลึกซึ้งที่ยากที่จะเข้าใจ เพราะฉะนั้นคุณ กำธร คัดเอามาจากพระไตรปิฎกอ่านให้ฟัง ก็เลยเห็นว่าคุณคนนี้ลึกซึ้งที่นำพาสูตรที่ลึกซึ้งนี้มาให้อาตมาอธิบายสู่ผู้ที่ลึกซึ้งให้ฟัง ส่วนผู้ที่ตื้นก็เข้าใจได้แค่นั้นเอง อาตมาพูดนี้พูดตามสัจจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ปัญญาวิมุติกับพระพุทธเจ้านั้นต่างกัน


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 11:09:03 )

ยุคนี้มีชาวอโศกปฏิบัติศีล 5 ได้จริงจึงมหัศจรรย์จริงๆ

รายละเอียด

เป็นความมหัศจรรย์ของศีล 5 ผู้ปฏิบัติได้จึงถือว่ามหัศจรรย์จริงๆ ขอตีหัวเข้าบ้านนิดนึง อย่าหมั่นไส้กัน ชาวอโศกมีศีลโดยเฉพาะมีศีล 5 เป็นพื้นฐาน ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ หยาบ กลาง ละเอียด ก็มีไปตามฐานานุฐานะของแต่ละบุคคล ปฏิบัติได้ ยุคนี้ ปฏิบัติได้ 

ปฏิบัติได้จริง ปฏิบัติได้อย่างมีคุณสมบัติหรือคุณวิเศษนั้นๆ สมบูรณ์แบบ แล้วก็ทำได้แล้วไม่ได้ฝืน ไม่ได้ต้องกดต้องข่ม หรือต้องระวังไว้ ไม่ต้องเลย ทำได้จนเป็นอัตโนมัติ ไม่ฆ่าสัตว์เป็นอัตโนมัติ ไม่เอาของผู้อื่นเป็นอัตโนมัติ แม้แต่ของผู้อื่นที่เขาจะให้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 17:35:00 )

ยุคนี้มีพลังของความเป็นโพธิสัตว์ที่แสดงออกครบรูปครบนาม

รายละเอียด

จริงๆแล้วผู้ที่ช่วยกันทางธรรมะ แกนของศาสนาพุทธเมืองไทย มีกันเยอะ เพราะว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธมาแต่อ้อนแต่ออก และเป็นพุทธที่ดีที่ถูกต้องมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วก็พัฒนามาเรื่อยๆ ซึ่งมันช้ามาก่อน จนกระทั่งถึงยุคนี้ แล้วมันก็มีโพธิสัตว์มาอุบัติ มีพลังของความเป็นโพธิสัตว์ที่แสดงออกอย่างเต็มรูปเต็มนาม ครบรูปครบนาม ถึงยุคครึ่งหนึ่งของศาสนาพระสมณโคดม 2,500 ปี สัจจะของมันต้องถึงกาลเวลาด้วย แล้วก็มีสภาพความเป็นจริงในตัว ไม่ใช่ว่าทุกอย่างมันบังเอิญ จะต้องมา ไม่ใช่ ทุกอย่างจะต้องลงตัว สิ่งที่สมบูรณ์ที่สุดจะต้องสมบูรณ์ทั้งรูปทั้งนาม ทั้งองค์ประกอบ ทั้งเหตุปัจจัยครบถ้วนในตัว มันถึงจะเป็นความจริงแล้วถึงจะมีพลังที่จะดำเนินไปได้ เพราะฉะนั้นถึงยุคนี้ก็จะมีความจริงเป็นไปได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 20:57:00 )

ยุคนี้มีแต่พ่อครูที่เป็นไก่ตัวพี่ที่หาตัวน้องไม่ได้

รายละเอียด

แม้แต่คำว่าปัญญาทุกวันนี้ก็เสื่อม คนได้เสื่อมจากความรู้ที่เป็นวิชชา ปัญญา พระพุทธเจ้าไปแล้ว เข้าใจสิ่งที่อาตมาพูดไปนี้ไม่ได้แล้ว 

แค่คำว่า กาย คำว่า ปุญญะ คำว่า สมาธิ คำว่าฌาน เป็นของพระพุทธเจ้าก็เสื่อมเพี้ยนไปหมดอาตมาก็เอามาอธิบายแก้ไปหมด พูดไปแล้วก็เหมือนกับตัวเองรู้ยิ่งอยู่คนเดียว เกิดมาในยุคนี้มีคนเดียวจริงๆ เป็นไก่ตัวพี่ที่หาตัวน้องไม่ได้ มีแต่ไก่นอกคอก เปิดสุ่มมาเขารุมจิกเราอยู่ตัวเดียวเลย แต่เราก็อึด รุมจิกอย่างไรก็จิกไป เราก็ทนยอมให้จิก แล้วเราก็บอกเขาด้วยความสงสาร พูดไปแล้วก็เหมือนกับยกตนข่มผู้อื่น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 12:41:28 )

ยุคนี้มีในหลวงร.9 กับพ่อครูที่พูดตรงกันคือต้องมาเป็นคนจน

รายละเอียด

ขออภัยตอนนี้อย่าหาว่าอาตมาเองตีตนเสมอท่าน อย่าหาว่าอาตมาอาจเอื้อมอะไรเลย ในเมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในยุคเดียวกันกับอาตมา อาตมาอายุน้อยกว่าท่าน 7 ปี ท่านอายุมากกว่าอาตมา 7 ปี ท่านกับอาตมาพูดคำเดียวกัน คำนั้นคือ ต้องมาเป็นคนจน 

ไม่มีพระเจ้าแผ่นดินในประเทศไหนในโลก จะตรัสอย่างเต็มๆเลยว่า ต้องมาบริหารประเทศแบบคนจน แต่คนไทยแม้เป็นชาวพุทธ โลกุตรธรรมนั้นยังเสื่อมมาก ก็ไม่กระดิกหูเท่าไหร่ แต่ไม่กล้าทาน ไม่กล้าแย้ง ถ้าในหลวงไม่ตรัสถึงความจน อาตมาจะเขียนหนังสือแบบคนจนนี้ออกมาไม่ได้ คงจะถูกด่าขรมเลย ขนาดในหลวงท่านตรัส ต้องมาเอาแบบคนจนซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ฟังแล้วก็บอกว่าไม่ใช่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 19:58:14 )

ยุคนี้ยังมีพยัญชนะเหลืออยู่ แต่เขาเข้าใจผิดหมดจากโลกุตระธรรม

รายละเอียด

ส่วนพระโพธิสัตว์ก็มีอยู่แล้วในโลก ของพระพุทธเจ้าประกาศไว้ แม้มันจะเสื่อมไปจนเกือบจะหมด เราก็สืบทอดมาจากของพระพุทธเจ้าที่ประกาศไว้ แต่ถือว่าไม่มีเชื้อไม่ได้เพราะยังไม่หมดยุคสมัย ยังมีโลกุตรธรรมเหลืออยู่ อย่างน้อยก็มีพยัญชนะอยู่ แต่ในยุคพระสมณโคดมหมดเลยนะพยัญชนะก็ผิดหมดเลย จริงๆแล้วพยัญชนะมีอยู่ แต่เขาเข้าใจผิดหมด เข้าใจผิดๆไปจากโลกุตรธรรม พยัญชนะคำเดียวกัน เช่น คำว่า กาย คำว่า บุญ ตัวเดียวกัน แต่เข้าใจผิดหมดเลย 

อาตมาเอาคำว่า กาย คำว่า บุญ มาพูดก็ยังดียังเหลืออยู่ แม้แต่ในบันทึกพจนานุกรมยังอธิบายว่า ปุญญะ แปลว่า การชำระจิตสันดานให้บริสุทธิ์สะอาด เขาก็แปลไว้อยู่ก็ตรงดี แม้แต่กาย ก็แปลว่า องค์ประชุมของนามธรรม ก็ยังมีอยู่ อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 20:58:22 )

ยุคนี้ศาสนาพุทธผิดเพี้ยนไปจนเข้าใจความผิดเป็นความถูก

รายละเอียด

คุณพูดไปพูดมาในนี้ ไม่อยากให้คนอ่านไม่อยากให้คนรู้ อาตมาก็เลยตัดสินใจอ่าน พวกเราชาวอโศก ที่มาปฏิบัติธรรมที่อาตมานำพา โดยที่อาตมามีความเข้าใจในพุทธธรรมของพระพุทธเจ้า มีความเข้าใจศาสนาพุทธเท่าไหร่ อาตมาก็นำมาอธิบายขยายความ ให้รู้ว่าธรรมะพุทธเจ้าหมายถึงอย่างนี้นะแม้แต่จะแตกต่างจากเถรสมาคมทางส่วนใหญ่ทางโลกที่เขาเข้าใจศาสนาพุทธ อาตมาก็เข้าใจว่ามันแตกต่าง และนอกจากจะเข้าใจเท่านั้น ก็ยังมีความเข้าใจยิ่งกว่านั้นอีก ว่ามันถูกต้องแล้วที่อาตมาเข้าใจว่าในยุคนี้มันผิดเพี้ยน ศาสนาพุทธผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ของความเป็นศาสนาพุทธตรงๆแล้ว 2,500 กว่าปีมาแล้ว มันได้ผิดเพี้ยนไปๆมาก จนกระทั่งเข้าใจความผิดเป็นความถูก คิดถึงความผิดเป็นความถูกเลย เช่น ประเด็นที่อาตมาพูดย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกก็คือ การไปนั่งหลับตาทำสมาธิหรือทำฌาน พวกที่เข้าใจว่าศาสนาพุทธทำสมาธิทำทานก็คือไปนั่งหลับตา ซึ่งมันผิด 180° เลย แล้วมีหลักฐานอะไรยืนยันว่า นั่งหลับตาทำฌาน สมาธิ มันผิด ก็มีหลักฐานยืนยันในพุทธคุณ 9 โดยเฉพาะพุทธคุณข้อที่ว่าวิชชาจรณะสัมปันโน ซึ่งมีจรณะ 15 วิชชา 8 มันก็ยืนยันเต็มๆอยู่ในนั้นเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:52:16 )

ยุคนี้ศาสนาพุทธเป็นเหมือนกลองอานกะ

รายละเอียด

จึงเป็นเรื่องที่ 2500 กว่าปี ศาสนาพระพุทธเจ้าประกาศโลกุตระมาตั้งแต่ยุคของท่าน มาถึงยุคนี้ไม่รู้เรื่องแล้วโลกุตระ สิ่งที่พระพุทธเจ้าพยากรณ์ไว้ใน อาณีสูตร กลองอานกะ จนถึงยุคนี้มันก็จะหายไป ความเป็นเนื้อกลอง หนังกลอง เชือกกลองหายไปหมด มีแต่ของปลอมใส่เป็นกลองอานกะ วัตถุดิบใหม่หมดเลย แต่เป็นชื่อเก่า อย่างชื่อศาสนาพุทธเป็นชื่อเก่า แต่เนื้อหาสาระเป็นของปลอม กลายเป็นศาสนาพุทธที่เปรียบเป็นกลองอานกะ ถ้าคนเข้าใจคำตรัสพระพุทธเจ้ารู้แล้วยินดีตรวจสอบความจริงที่มันเกิด มันเป็นจริงๆ 

อาตมาเกิดมาในยุคนี้เพื่อจะสื่อสารโลกุตรธรรม ยิ่งเห็นจริงอย่างที่โอ้โห!ซึ่งน่าท้อเลยมันจะขุดขึ้นไหวหรือ แต่มันก็พอเป็นไปได้อย่างที่เป็นไปแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 20:25:37 )

ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

อาตมาก็ขอพูดตรงนี้เลยว่า คำว่าสมาธิ ความเป็นสมาธิหรือจิตตั้งมั่นทุกวันนี้ ที่เป็นของพระพุทธเจ้าที่เกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 มีอยู่ในชาวอโศกนี้เท่านั้น สวนโมกข์ก็ไม่มี เถรสมาคมนั้นไม่ต้องพูดเลย ไม่มีเด็ดขาด ยังไม่มี 

สมาธิเป็นภาษากลางๆ แปลว่า จิตตั้งมั่น สมาธิที่เป็น สมาหิโต สมาหิตะ แบบของพระพุทธเจ้าที่ปฏิบัติจากจรณะ 15 วิชชา 8 ยังไม่มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:50:15 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์