คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
เอาประเด็นนี้แล้วกัน ประเด็นที่ว่า พูดหลายทีแล้ว อยากจะให้เข้าใจ ไม่ได้เจตนาจะให้ตัวเองเป็นตัวเด่นในนี้ เอาไปเป็นตัวเด่นตัวดีตัวสำคัญอะไรในนี้ แต่อยากจะให้เข้าใจเรื่องการเมือง เรื่องประชาธิปไตย นี่คือประเด็นหลัก อย่าไปเข้าใจว่าอาตมาพูดเพื่อตัวเองเลย เป็นอันขาด ขออภัยต้องใช้คำนี้ รู้สึกว่าจะเป็นการ Command ไปหน่อย ก็ห้ามไม่ได้นะคนจะเข้าใจยังไง ก็ขอไว้เท่านั้นเอง ขออย่าเข้าใจว่าพูดนี้เหมือนจะชูตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่พ้นจากตัวเองเท่านั้น
เอง คือประเด็นที่ว่า การทำรัฐประหารหรือทำการปฏิวัติรัฐบาลโดยประชาชน ที่อื่นเขาเคยมีเหมือนกัน ต่างประเทศ แต่เขาก็ไม่จับจุดนั้นมาเป็นเลิศเป็นเด่น เพราะมันไม่งามไม่สมบูรณ์ต่อเนื่องพัฒนาการมา ปฏิวัติสำเร็จได้ ประชาชนปฏิวัติสำเร็จได้ แต่ต่อจากประชาชนปฏิวัติแล้ว การสืบทอดต่อจากนั้นมา มันเป็นเผด็จการซ้อน
เพราะฉะนั้นความเป็นอำนาจเผด็จการ มันไม่สืบเนื่อง มันไม่ต่อเนื่อง มันไม่รับไม้ต่อ เป็นอะไรต่ออะไรมาจนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้ จนกระทั่งไม่มีอะไรคั่น มันกลับไปกลับมา กลับไปกลับมา พอประชาชนปฏิวัติได้ คนไปรับไม้ต่อมันเป็นเผด็จการซ้อน แม้ไม่ใช่คนนี้ คนต่อไปก็เป็นเผด็จการ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมพุทธศาสนาตามภูมิ Neo Protest ประชาชนปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 12:11:03 )
รายละเอียด
การเห็นแก่ตัว ไม่มี หมดตัวตน เพราะฉะนั้นจึงเพิ่มพูนการเสียสละ เข้าใจแรงงานคือแรงงาน รู้จักพักรู้จักเพียร อัปปติฏฐัง อนายูหัง ไม่ได้ทำงาน ร่างกายเป็นประโยชน์คุณค่า ตัวเราเองเจริญสูงสุดแล้วเป็นคนไม่สะสม เป็นคนยอดขยัน อปจยะ วิริยารัมภะ
เพราะฉะนั้นจึงเป็นเหมือน Robot ที่มีจิตวิญญาณควบคุม Robot คือหุ่นยนต์ หุ่นยนต์ที่มีจิตวิญญาณเป็นพระเจ้าควบคุมหุ่นยนต์นี้ ทำงานตามที่พระเจ้าต้องการ
ใช้พลังงานน้อยแล้วทำงานได้เก่งมาก ประสิทธิภาพสูงส่ง เป็นหุ่นยนต์ที่ประเสริฐสุด รับใช้โลก รับใช้ประชาชน รับใช้มนุษยชาติอยู่ นี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่เกิดมาเป็นตัวคน จนกระทั่งพระพุทธเจ้าท่านสร้างให้พวกเราเป็นมนุษย์ Robot มนุษย์หุ่นยนต์ที่มีพระเจ้าควบคุม แล้วพระเจ้าคือใคร คือตัวเราเอง จิตวิญญาณสูงสุด ไม่มีตัวตน
มีแต่ประโยชน์ พหุชนะ ประโยชน์ทำให้พหุชนมีสุข แล้วก็เป็นประโยชน์แก่โลก โลกานุกัมปายะ ไม่มีอัตตา ไม่มีตัวตน พิสูจน์ได้ความเป็นจริงอันนี้
เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่มีตัวตนได้แล้วมาอยู่ในหมู่กลุ่ม มีประสิทธิภาพของตัวเราทำได้เท่านี้อย่างนี้ แล้วเราก็ร่วมกันรวมผลผลิตรวมผลประโยชน์ เอาไปรวมกันแล้วกระจายออกไป นี่คือการจบกิจเรื่องเศรษฐกิจเรื่องเศรษฐศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยสำนักตักสิลาไหนในโลก ก็จบกิจสู้มหาวิทยาลัยโลกุตระของพระพุทธเจ้าไม่ได้ นี่คือมหาวิทยาลัยพระพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่ จบแบบนี้ เป็นคนแบบนี้ เชิญผู้ที่จบมหาวิทยาลัยสูงสุด ดร. Post Doctor จากมหาวิทยาลัยใดๆในโลก มาวิจัยมาศึกษาเอาได้ เพราะว่ามันจบกิจ มันจบแล้ว มันสมบูรณ์แบบแล้ว มันไม่ต้องรู้ต่ออีกแล้ว กิจที่ควรทำมันไม่มีอีกแล้ว กตัง กรณียัง จบกิจ กิจอื่นนอกจากนี้ ไม่มีอีก (กตํ กรณียํ นารํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ)
คือรู้ ไม่มีอะไรที่จะไม่รู้ รู้ครบรู้จบแล้ว เพราะฉะนั้น การเรียนรู้ก็ดี การประพฤติก็ดี มันมีการจบในคน คนที่จบที่เรียกว่า อรหันต์ คือคนที่จบที่ตนเองจบกิจตนเอง หมดภาระ ภาระตัวเองไม่เป็นภาระแก่ตน ไม่เป็นภาระแก่ใคร มันมีความขยันมีความรู้ สมรรถนะ ความสามารถอยู่ในตัวแล้ว
แล้วเราก็ทำเต็มที่ด้วยความไม่มีตัวตน มันก็เกิดคุณภาพ เกิดผลผลิต เกิดสิ่งที่มนุษยชาติได้กินได้ใช้ได้อาศัย ไม่สูญเปล่า เป็นคนไม่เสียแรงงาน เสียเวลาทุนรอน ไปบำเรอกิเลส บำเรอตนเอง บำเรออารมณ์ ไม่ เราเก็บคืนมาได้หมด เป็นความสูญเสียที่เกิดจากความโง่ แต่ก่อนโง่ก็ไปสูญเสียกับมัน เสียเวลา เสียแรงงาน เสียทุนรอน เดี๋ยวนี้เรียกคืนได้หมด แล้วเอามาใช้ทั้งเวลา แรงงาน ความรู้ ความคิด ทุนรอน เอามาผลิตสร้างสิ่งที่เป็นสาระแก่นสารให้แก่มนุษยชาติ
จึงเป็นเศรษฐศาสตร์ที่สุดยอดที่จะมีสาระแก่นสาร ที่ไม่มีความรั่วซึมสูญเสียอะไรได้มากที่สุด ครบที่สุด ผู้รู้อย่างนี้ มาทำอย่างนี้อย่างพวกเรา มีทฤษฎีของพระพุทธเจ้าสอนไว้ แล้วเอามาทำได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธครั้งที่ 45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 12:47:06 )
รายละเอียด
จนทุกวันนี้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ตั้งแต่ทักษิณ สมัคร สมชาย มาถึงยิ่งลักษณ์ เป็นพวกเผด็จการทั้งนั้น แต่เขาหลงว่าเขาเป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นพวกมืดบอด ยังหลงว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย
ประเทศไทยเป็นประเทศเผด็จการที่เขาไปมองตื้นๆ แค่ว่า พลเอกประยุทธ์มารับไม้ต่อ จากเมืองไทยที่เป็นสูญญากาศแล้ว ประชาชนปฏิวัติเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งไม่มีอะไรที่จะต้องทำแล้ว ประเทศไทยกลายเป็น อากาสาณัญจายตนะ เป็นที่ว่าง อากาศ โดยมีคนไทยเป็น วิญญานัญจายตนะ ขจัดเสี้ยนหนามออกไปเป็น อากิญจัญญายตนะ หมดสิ้นแล้วไม่มีแล้ว อากิญจัญ แปลว่าไม่มี หมดเสี้ยนหนาม ไม่มีกิเลส ไม่มีคนเลว ไม่มีคนที่ต้องขจัดอีก ครบบริบูรณ์ถ้วน เป็นอากิญจัญ เป็นอายตนะ 3 อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เป็นอายตนะ 3 ที่สมบูรณ์แบบแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจนี่คือสัจธรรมที่สมบูรณ์แบบ สัจธรรมที่ลงตัว
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 14:16:36 )
รายละเอียด
มันต้องชาคริยา เมื่อชาคริยาแล้วต้องมาสำรวมอินทรีย์ การปฏิบัติธรรมะ พระพุทธเจ้ามีสติปัฏฐาน 4 พิจารณากายเวทนาจิตธรรมแล้วก็ต้องมีการสังวร สังวรปธาน พากเพียรการสังวรสำรวมอินทรีย์ 6 แล้วปหาน ปหานปธานเป็นคำสรุป ต้องธัมมวิจัยแยกกิเลส ฆ่ากิเลสปหานกิเลส ให้เป็นผลเสมอๆให้เป็นภาวนาปธาน ให้เกิดผล เมื่อคุณฆ่ากิเลสได้ผลนั้นก็สั่งสมเป็นอนุรักขณาปธาน นี่คือสัมมัปปธาน 4
มันจะมีของจริงอย่างนี้ การไปนั่งหลับตาไม่มีสติปัฏฐาน 4 ไม่มีกาย การจะมีสัมมัปปธาน 4 ไม่ต้องพูดเลย สำรวมอินทรีย์ 6 ประหารกิเลสไม่มี เพราะว่ากิเลสของเขามีแต่ของปลอม หลับตาไม่เป็นกิเลสจริง กิเลสจริงนั้นเกิดในมนุษยชาติลืมตาเปิดนั่นคือกิเลสจริงๆ แต่เป็นคนหลับตา มีแต่อดีตกับอนาคต อดีต กิเลสคืออุจจาระ มันขี้ออกไปแล้ว มาขยำทำไม มันออกไปจากเราแล้ว พวกนั่งหลับตาไม่ใช่ของพุทธเลย มันเป็นความเสื่อมของศาสนาพุทธ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 17 มกราคม 2566 ( 12:50:36 )
รายละเอียด
ใจของเรา เราทำใจของเรา ให้ตรงกับการให้ข้างนอก วัตถุคุณมี คุณเป็นเจ้าของมีสิทธิเป็นเจ้าของแท้ เช่น คุณเป็นเจ้าของนี้ ข้างหน้าอาตมามีองุ่นมาจากสวน องุ่นดำกับองุ่นเขียวสวยน่าหยิบใส่ปากเคี้ยว (จากเนินพอกิน)
องุ่นนี้เอาให้เขาไปแล้วคุณก็ตัดจิตเลย ให้แล้วก็คือไม่มีเราไม่มีเขา ไม่มีบุญไม่มีคุณอะไร ไม่ตั้งภพตั้งชาติในจิตเลย ไม่มีความหวังว่าเราจะได้สิ่งตอบแทน นี่คือความหมายที่ชัดพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าไม่มี สาเปกโข ไม่มีเลยต้องทำจิตให้เป็นเช่นนี้ ให้แล้วตัดจิตเลย สุดจบ เหมือนเราไม่ได้ทำอะไร ให้แล้วเหมือนเราไม่ได้จำอะไร ไม่ต้องไปจำว่าเราได้ให้คนนี้นะ ให้ไปร้อยนึง แม้แต่พันนึง ให้ไปหมื่นให้ไปแสนให้ไปล้าน เขาเป็นลูกหนี้เรานะ เราเป็นเจ้าหนี้เขานะเราได้ให้เขาไว้ ให้มากขนาดไหนก็แล้วแต่จนกระทั่งให้ประเทศไปทั้งประเทศเลยอย่างที่พูดไปแล้วเมื่อกี้นี้ ตัดเลย ไม่ต้องไปจำ ไม่ต้องไปมีความยึดมั่น คุณจะจำได้แต่คุณไม่ยึดว่าเป็นเรา เป็นของเรา ซึ่งเป็นศัพท์ที่สูงสุด คุณจะจำก็ได้แต่ไม่ได้ยึดว่าเป็นเรา เป็นของเราตัดขาดจากความเป็นเราเป็นของเราหมดเลย นี่คืออานิสงส์สูงสุด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 47 วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:48:48 )
รายละเอียด
อาหารแปลว่า เครื่องอาศัย อาหาร 4 มี
1.กวฬิงการาหาร
2.ผัสสาหาร
3.มโนสัญเจตนาหาร
4.วิญญาณาหาร
นี่คืออาหาร 4
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:19:15 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคนที่มีวรรณะ 9 และทำให้สังคมจบด้วยสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างมีสาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม อย่างชาวอโศกอยู่กันและก็มีรายได้ที่ได้มาโดยธรรม ใครก็ตามไม่ไปทุจริต ไม่ไปเอาจากคนอื่นมาที่มันไม่งาม แล้วเอามารวมกันเป็นส่วนกลางลาภธัมมิกา กินใช้ร่วมกัน แล้วก็ปฏิบัติตนไปด้วย ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา จึงเจริญๆอยู่อย่างนี้
นี่เป็นการพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้า แม้ในยุคนี้ก็มีคนเอามาปฏิบัติได้ มาเป็นคนจนได้ มาเป็นคนทำงานฟรีได้ เป็นคนไม่ต้องสะสม แต่ขยันสร้างสรร แล้วก็กินใช้ตัวเองกินใช้ไม่เปลืองไม่ผลาญ กินพออยู่พอกิน สบายวันๆไป ไม่ต้องกังวลเลยว่า ข้าวไม่มีกิน ดินไม่มีเดิน ตะวันไม่มีส่อง พี่น้องไม่มีเลย มีพี่น้องมีเสร็จ เห็ดไม่มีเก็บ ...มี มีป่าที่มีเห็ดธรรมชาติหรือไม่ต้องธรรมชาติก็ปลูกเองเลย เพาะเองเลย กินเห็ดเพราะเราไม่กินเนื้ออยู่แล้วอย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้นชาวอโศก อาตมาถึงพูดอย่างโอหังเลยว่า ประสบผลสำเร็จทางเศรษฐกิจ แก้ปัญหาเสร็จ แก้ปัญหาจบกิจ ใช้คำว่า จบกิจเลย จบกิจนี่เขาใช้กับความเป็นอรหันต์ จริง เป็นเช่นนั้นจริงๆ
นี่คือความ จะพูดว่าเมื่อกี้จะพูดว่า เป็นความยิ่งใหญ่ แต่ยิ่งใหญ่จริงๆ ความยิ่งใหญ่ของธรรมะพระพุทธเจ้า นี่คือความยิ่งใหญ่ของธรรมะพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรมโดยพ่อครู ครั้งที่ 14 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2566 แรม 7 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 20:47:38 )
รายละเอียด
อาตมาได้อธิบายเรื่องกายทั้ง 9 ข้อไปแล้ว 4 ข้อ
1. สักกายทิฏฐิ
2. ธรรมะนิยาม 5
3. สติปัฏฐาน 4
4. สัตตาวาส 9
5. วิญญาณฐิติ 7
6. วิโมกข์ 8
7. สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย
8. บุคคล 7
9. อรหันต์ ที่ทำกายแตกตาย ด้วยการแยกกายแยกจิตของตน เป็นดินน้ำไฟลมสำเร็จสุดท้าย คือ ปริโยสาน
สัตตาวาส 9 คือมิจฉาทิฏฐิ และเราก็มีสัมมาทิฏฐิเป็นวิญญาณฐิติ 7
วิญญาณฐิติมี 7 สัตตาวาสมี 9 มันมากน้อยกว่ากัน วิญญาณฐิติ 7 มีน้อยกว่าสัตตาวาสอยู่ 2 ข้อ สัตตาวาสมีมากกว่าวิญญาณฐิติอยู่ 2
สิ่งที่น้อยไป 2 นั้นคืออะไรบ้าง 1. อสัญญีสัตว์ 2. เนวสัญญานาสัญญายตนะ
อสัญญีสัตตายตนะกับ เนวสัญญานาสัญญายตนะ 2 อย่างนี้วิญญาณฐิติไม่มีแล้ว ผู้ที่ยังมิจฉาทิฏฐิอยู่ก็มี จะมีมากมีน้อยก็นั่นแหละ ถ้ามีมากคุณก็เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ หรือว่าสัตว์ที่ไม่ตื่นง่ายๆไม่รู้ การเป็นสัตว์นรกหรือเดรัจฉานทำความเดือดร้อน ทำความเสื่อมให้แก่ตนเองและสังคมยิ่งๆขึ้น
พอรู้แล้วเป็นวิญญาณฐิติ ก็เป็นผู้ที่เลิกสิ่งที่ทำให้เราโง่ สิ่งที่ทำให้เราเกิดความเป็นสัตว์ ก็จึงกลายมาเป็นการเจริญ ตั้งแต่เป็นวิญญาณฐิติข้อที่ 2 ทำให้จิตลด หรือจิตไม่มีนิวรณ์ทั้ง 5 ได้ รู้จักวิธีสัมมาทิฏฐิรู้จักวิธีลดละนิวรณ์ทั้ง 5 ก็คือกิเลสทั้งหมดนั่นแหละ กิเลสทั้งหมดพระพุทธเจ้าประมวลไว้แล้วมีนิวรณ์ 5
กาม พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจะกุกกุจจะ วิจิกิจฉาคือ เนวสัญญานาสัญญายตนะ
จนกระทั่งค่อยๆทำมาได้ วิธีที่ง่ายที่สุดก็นั่งสะกด ไม่ให้มันมีนิวรณ์ หลับตาสะกดจิตตามแบบฤาษี แบบง่ายๆตื้นๆ เขาก็ทำมาก่อนเป็นฐาน แต่พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่างนี้มันไม่จริง มันไม่ดับที่เหตุมันไม่รู้เหตุมันได้แต่กดทับๆๆไว้ ให้ไม่รู้ มันต้องมาแจกออก แจกออก แจกออกทีละคู่ ทีละคู่ ก็รู้ตัวกิเลสจริง รู้ว่า กิเลสมันโง่อย่างนี้ ไม่มีมันเสียแล้วก็เจริญ มันเป็นอย่างนี้ ทำออกไปตั้งแต่หยาบที่รู้ก่อน กลาง ละเอียด มันก็เจริญเป็นขั้นตอนตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ ตามหลักเกณฑ์พระพุทธเจ้าว่าไว้ แม้แต่จะทำตามศีลแต่ละข้อก็แล้วแต่ จุลศีล 43 ข้อก็ทำไล่มาๆ ไม่ถึง 43 ข้อหรอก จบอรหันต์ก่อน ถ้าทำอย่างสัมมาทิฏฐิดีๆ ศีล 5 ก็จบแล้ว เป็นอรหันต์ได้แล้วถ้าชัดเจน ถ้าฉลาดพอ ถ้ามันยังไม่ฉลาดพอ ก็แจกไปหาศีล 8 ไม่ฉลาดพอแจกไปหาศีล 10 ไม่ฉลาดพอ แจกไปเป็นศีล12 13 15 จน 20 จน 30 มันจะโง่ดักดานจนถึง 43 ก็ให้มันรู้ไป 43 แล้วยังไม่บรรลุอรหันต์ ก็ไปไหนๆ ไปที่ชอบที่ชอบก่อนเถอะ ก็หมดปัญญาจะช่วยแล้วคน
เพราะฉะนั้นคนที่เห็นความสำคัญของหลักเกณฑ์แต่ละข้อแล้วทำไปตามลำดับๆ มันจึงสามารถที่จะเรียนรู้ เหตุที่เป็นเหตุจริง ที่คนโง่ไปยึดไปติด เลิกได้แล้ว มันก็มีขั้นตอนเรียงลำดับไปอย่างสำเร็จเสร็จแน่นอนด้วย เพราะว่าทำให้กิเลสตัวโง่นั้น มันเลิกเลย มันไม่มีตัวเราอีกต่อไปๆๆ นี่เป็นทฤษฎีที่สุดยอดแล้วของพระพุทธเจ้าที่ค้นพบ รู้จักลำดับของจิต แล้วแบ่งจิตออกเป็นเจตสิกต่างๆ
จนกระทั่งมาจับที่เวทนา 108 แล้วรู้จัก มโนปวิจาร
มโนปวิจาร คือ ปวิจรติหรือปวิจยะ คือจิตที่ได้มีการเลือกเฟ้นไตร่ตรอง พิจารณาแยกแยะออกไป เพราะฉะนั้นมันจะเกิดอยู่พระพุทธเจ้าก็ค้นพบว่ามันมีการเกิดได้ 18 หลัก
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้ง 6 มีสัมผัส มีกาย แล้วมีภายนอกภายใน เมื่อสัมผัสแล้วมันก็โง่ สัมผัสแล้วก็เกิดเวทนาเกิดความรู้สึก รู้สึกสุขพอใจ รู้สึกทุกข์ไม่พอใจ จะเอาให้ไม่สุขไม่ทุกข์ แล้วก็มีวิธีที่มิจฉาทิฏฐิทำให้ไม่สุขไม่ทุกข์ ประเภทดับสัญญา มันก็เลยยังวนเวียนอยู่แค่ สัตตาวาส 5 ฌาน 1 2 3 4 มันก็เป็นฌานแบบโลกีย์คือดับสัญญา ลดสัญญาไม่ให้ทำงาน ถึงสัตตาวาสที่ 5 ก็ดับสัญญาเลย เป็น อสัญญีสัตตายตนะ เขาก็จบแค่นี้
จากนั้นไปแม้จะมี อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ หรือ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็เป็นอายตนะเก๊ๆ เป็นอายตนะเพ้อๆ ที่สร้างเอง ปั้นเอง เป็นนิรมานกาย ว่าอากาศเป็นอย่างนี้ ว่างๆ วิญญาณเป็นอย่างนี้ ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ทั้งๆที่กิเลสมีอยู่เต็มตัวเลยนะ อากิญจัญญายตนะ เสร็จแล้วก็ไม่แน่ใจว่ามันมีหรือไม่มีจริงหรือเปล่า ก็เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็อยู่แค่นี้ สุดท้ายก็งง มันใช่หรือไม่ใช่ ก็ไม่รู้ มันไม่สมบูรณ์แบบหรอก มันไม่รู้จริง มันไม่รู้ชัดอะไรหรอก มันก็เลยยังวนไปโง่อยู่กับ อย่างเก่งก็แค่ สัตตาวาส 4 แล้วจะทำให้สำเร็จก็ไปดับสัญญา ไม่ออกจาก อันนี้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มาเข้าใจกาย และจิตมีภายนอกภายใน รับรู้โลก รับรู้อัตตาอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วก็จะตีกรอบของตัวเองไปรู้จักเหตุตั้งแต่โลกอบาย กามคุณ รูปาวจร อรูปาวจร
เมื่อดับกิเลสภายนอกได้แล้ว ก็ไม่ต้องหนีไปจากโลกกามาวจรหรือกามภพ อยู่ในนี้ทั้งหมดเราไม่หนีไปไหนแต่กิเลสตัวเหตุนั้นมันตาย เราฆ่ากิเลสนั้น มันมีปัญญาเข้าไปแทนแล้ว กิเลสไม่รอหน้ากิเลสเข้ามาใกล้ไม่ได้แล้ว กิเลสไม่เกิดอีกแล้วในจิต นี่เรียกว่า อยู่เหนือกามภพ อยู่เหนือกามาวจร คือ อวจร อยู่ในภพนี้แหละ แต่ไม่ได้หนีเข้าป่าเขาถ้ำเข้ารูเลย อยู่สัมผัสสัมพันธ์กับโลกเขา ครบเต็มๆนี่แหละ แต่จิตของเรามันมีประสิทธิภาพ อยู่เหนือ โลกุตระ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธครั้งที่ 45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 12:55:38 )
รายละเอียด
เราได้ “พระอาทิตย์แรกอรุณบนยอดภูกระดึง” มาทำปกหนังสืออโศกฉบับแรก อย่างพอดิบพอดี ถ้าใครเคยขึ้นไปอยู่บนยอดภูกระดึง จึงจะรู้ดีว่า ที่จะได้เห็นพระอาทิตย์แรกอรุณนั้น ไม่ใช่โอกาสง่ายๆ เพราะบนนั้นเต็มไปด้วย “เมฆฝ้าและราคี” ที่บดบังพระอาทิตย์ไว้เสมอ ประหนึ่ง “กิเลสและตัณหา” ที่บดบังแสงแห่งธรรมไว้ ในดวงจิตของคนนั่นเอง จะไม่ยอมให้ เจิดจ้าแจ่มแจ้งโผล่ออกมาแสดงตน จนลบเลือนเกลื่อนความมืดบอดให้หายไปจากจิตของคนได้ง่ายๆ แต่เราก็ได้มาแล้ว ความเจิดจ้าแสงแดดสีสาดทอแผ่ผ่านม่านเมฆและเหลี่ยมหินทั้งหลาย อย่างท้าทายจำรัส เหยียด ยอดผาที่ท้าทายที่ยกตนว่าใหญ่โตโอ่อ่าสง่างามให้เห็นเป็นความทมิฬดำอยู่รำไร เยียดยัดความต่ำให้แก่มุ่นเมฆที่ลวงคนอย่างสนิทว่าตนเป็นเบื้องบน ให้ใครๆเห็นเป็นทะเลเรี่ยเตี้ยต่ำ นั่นก็จงดูเอาเถิด !
สัจธรรมอยู่ตรงนี้เอง ผู้แจ่มแสงแจ้งความจริงได้เท่านั้น จึงจะซึมซาบสภาวธรรมว่า โลกนี้มีบน มีล่าง ก็เพราะยึดถือ มีต่ำ มีสูง ก็เพราะสมมุติ และขีดแบ่งกันไปเอง แท้จริง เมฆ ก็มีโอกาสลงไปเป็นทะเลธารา ทะเลก็มีโอกาสขึ้นมาเป็นเมฆ ตามกาละและเทศะ แห่งบทบาทที่เป็นไปอย่างแท้จริง
แต่นั่นแหละ “สุข” นั้นไม่ใช่ทั้งการได้ชื่อว่า “เมฆฟ่องฟ้า” และหรือ ”ธาราอันไพศาล” นั้นหรอก แม้จะเป็นเมฆที่ต่ำเตี้ย หรือธาราเพียงหยาดหยดหนึ่ง ก็จะเป็นประโยชน์ให้แก่โลกมากที่สุดนั่นเทอญ
เมื่อโลกทั้งโลก “สุข” เราจะหลงไปแอบ “ทุกข์” คนเดียวอยู่ ณ ซอกใดของโลกเล่า!
โอ้โห..สํานวนโพธิรักษ์ พ.ศ. 2524 สุดลิเกทรงเครื่องเลย เดี๋ยวนี้ก็ยังมีคนหลงลีลาที่ไพเราะเพราะพริ้งเหล่านี้อีกเยอะ แม้แต่ท่านเพาะพุทธก็เถอะ ยังติด ไพเราะเพราะพริ้ง ซึ่งเป็นคำสมัยนี้ พูดคำไพเราะ เรียกภาษาสมัยใหม่ว่า วาทกรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2 วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 12:09:16 )
รายละเอียด
บอกว่า “ยกขันธ์ 5 มาพิจารณา” นะ ยกใส่พานมาเลยเหรอ เขาทำยังไง? “โดยการไม่กำหนดหมายใดๆ เลย” แล้วยกมาทำไม? “ไม่กำหนดหมายใดๆ เลย แม้แต่ความรู้สึก” ขันธ์ 5 มันก็มีบอกอยู่แล้วว่า มีเวทนาขันธ์ คือความรู้สึก แล้วดันไม่พิจารณาอะไรเลย พูดขัดแย้งคำพูดของตนเอง มันปากเปล่า มันพูดเล่นลิ้นไปเฉยๆ บอกว่า “ว่ารู้เท่าทันสังขาร” พิจารณารู้เท่าทันสังขาร แม้แต่เวทนาความรู้สึกก็ไม่พิจารณา บอกว่า “ยกขันธ์ 5 มาพิจารณา” นะ แต่เสร็จแล้วไม่พิจารณาอะไร แม้แต่ความรู้สึกก็ไม่พิจารณา อ้าว! จะเอาขันธ์ 5 หรือไม่เอาขันธ์ 5 (วะ! ถามไปเบาๆ นะ ) แม้แต่ความรู้ว่า เท่าทันสันสังขาร ความคิดปรุงแต่ง
“เขาบอกว่า การกำหนดจิตว่าต้องปฏิบัติตามครูบาอาจารย์ ใดๆ ถือว่าไม่ถูกทางทั้งหมด” นั้นๆ แน่ เก่งสะด้วย “ถือว่าไม่ถูกทางทั้งหมดเพราะยังมีการกำหนดเข้าไปรู้ ไม่มีการเดินมรรคองค์ 8 ใดๆ ทั้งสิ้น “
คุณศิลป์สร้างสรุปว่าเป็นพวกขี้เกียจจะปฏิบัติ ก็เลยพูดภาษาออกมา แสดงออกมา สรุปแล้วมันก็เลยบอกความต้องการ หรือว่าความหมายที่ตัวเองจะใช้คือ คุณก็ไม่ปฏิบัติอะไร
คนที่ปฏิบัติธรรมไม่สัมมาทิฏฐิ นี้ใช้แต่ตรรกะ ใช้แต่ความนึกคิดด้วยพยัญชนะ โดยสภาวะก็ตาม อย่างนั้นบ้างอย่างนี้บ้าง ที่นี้มันก็มีพยัญชนะบอกว่า อย่าไปยึดมั่น ถือมั่นอะไรก็แล้วแต่ แม้แต่คำว่า “ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น” มันก็ไม่ต้องทำอะไร มันก็ตีความ แบบตีกินง่ายๆ แล้วก็ไม่ต้องทำอะไร มันก็สบายดี สมใจคนขี้เกียจ
เพราะฉะนั้นถ้าคนขี้เกียจอย่างนี้แล้วก็ตีความในคำต่างๆเข้าหา บอกให้เห็น “กุสีตะ โกสัชชะ” ของตัวเอง บอกให้เห็นถึงความกุสีตะ โกสัชชะ คือความขี้เกียจของตัวเอง คนนี้ก็ เอาเถอะ เวลาของเขาก็บำเรอการไม่ปฏิบัติอะไรของตัวเอง อะไรๆ ก็ไม่ต้องไปทำอะไร นั้นก็พูดโวหารเท่ๆเหมือนกับตัวเองบรรลุนะ ก็โก้ไปอย่างหนึ่ง ก็ดูเท่ๆไปอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ
นี้ก็วิจารณ์ให้ฟัง ว่าที่ยกมานี่เป็นเรื่องของพวกที่ไปปฏิบัติธรรมะมา สรุปได้ว่า เป็นพวกขี้เกียจ
เป็นผู้รู้เร็ว เป็นผู้รู้ได้ง่ายๆ รู้แล้ว เข้าใจแล้ว บรรลุแล้ว ก็แล้วแต่ทิฏฐิ ทิฏฐิวิปลาส กำหนดวิปลาส สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส มันก็เป็นไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชีวิตที่จบกิจในระบบสาธารณโภคี นี่เป็นตัวตัดสินอรหันต์ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 17:19:16 )
รายละเอียด
นี่คือความเข้าใจผิด ยิ่งตัวเองได้สุขสมใจกิเลสแล้วก็นึกว่าตัวเองได้ ที่จริงเขาเสีย เขาเสียเขาไม่รู้ เขาได้เปรียบ เขาได้ทับทวีเลยได้เปรียบทับทวี ได้เปรียบอย่างอะไรต่ออะไรคือเขาได้ความผิด หรือได้บาปหรือได้นรก เขาก็ยิ่งทับนรกซับซ้อน เขานึกว่าเขาได้ มันเป็นภาวะหมุนรอบเชิงซ้อนที่เข้าใจยาก น่าสงสาร ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ช่วยไม่ได้ เขาไม่ศึกษาสัจธรรม เขาไปหลงโลกซะจนเลอะเทอะไปหมด อาตมาก็พูดไปแล้วว่ารสนาก็อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องของการประนีประนอมปรองดองกันก็แล้วกัน ข้ามพ้นความขัดแย้งกันให้ได้อะไรก็ว่ากันไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บทพิสูจน์สัจจะของโลกุตรธรรม ที่ครบครันทั้งรูปทั้งนาม วันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2566 ( 14:15:57 )
รายละเอียด
อันนี้เป็นประเด็นที่สำคัญมากเลย ท่านแปล ความเป็นการสัมผัสจากพยัญชนะบาลีคำว่า น เหวโข แล้วก็สัมผัสวิโมกข์ 8 คำว่า น เหวโข ท่านไปแปลว่า ไม่สัมผัส ที่จริง นเหวโข นี่หมายถึงว่าไม่ต้องไปกล่าวอีกว่าต้องสัมผัส เพราะว่าท่านสัมผัสวิโมกข์8 มาแล้ว
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์2563
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:26:04 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:53 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:51:18 )
รายละเอียด
นโยบายการค้าชาวอโศก
1.ขายถูก
2.ไม่ฉวยโอกาส
3.ขยัน อุตสาหะ
4.ประณีต ประหยัด
5.ซื่อสัตย์ เสียสละ
หนังสืออ้างอิง
สรรค่าสร้างคน
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2562 ( 13:55:49 )
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 07:04:46 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:24:29 )
รายละเอียด
พรรคสัมมาธิปไตย จะมีอย่างไร ล้วงความลับอาตมาบ้าง อาตมาก็ค่อยๆแนะนำไป พรรคสัมมาธิปไตยก็คือพวกเราชาวอโศกนี่แหละ ก็ค่อยๆเป็นนักการเมืองกับเขาไป ด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ได้อ้าขาผวาปีกที่จะไปอะไรกับเขา ก็ทำตามประสาที่เราจะพอเป็นไป
โดยสำคัญตามความจริงว่า เราทำงานกับประชาชนแล้วประชาชนจะเป็นผู้ให้เสียง จะเป็นผู้ยกคะแนนเสียงให้ จะลงคะแนนเสียงด้วยวิธีลงบัตรหรือไม่ลงคะแนนเสียงด้วยวิธีลงบัตร เราก็จะต้องตรวจสอบคะแนนเสียงจากประชาชน ก็ค่อยๆมีปฏิภาณปัญญาลึกซึ้ง ตรวจสอบความจริงจากเสียงประชาชนว่าประชาชนพอเห็นด้วยหรือไม่ แล้วเราจะไม่หลงกระดี๊กระด๊าที่จะเอาการโฆษณา นโยบายที่ตั้งค่าไว้เลย เหมือนติดสินบน ตั้งราคาอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างที่พูดกันมาไม่ว่าจะเป็น พรรคเพื่อคราย หรือก้าวกลาย เรียกว่าคุยโม้ตั้งราคาให้คน หลงใหล น้ำลายไหลด้วยความโลภที่จะได้
อาตมาว่าอย่างนี้เป็นการติดสินบนล่วงหน้า ผิดกฎหมายนะ มีกฎหมายบทนี้เหมือนกัน เป็นการติดสินบนประชาชนล่วงหน้า ไปสัญญาว่าจะให้ต่างๆนานา เมื่อได้เป็นแล้ว ทำไม่ได้นี่ผิดเลย หรือเขามีรายละเอียดของกฎหมายยังไงอาตมาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอันนี้
แต่เขามีหลักเกณฑ์พิจารณาด้วยนะ ใครไปสัญญากับประชาชนล่วงหน้าโดยที่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าซื้อเสียงสัญญาว่าจะให้มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปีพบเห็นแจ้ง กกต.
สมัยโบราณบอกว่าให้รองเท้าข้างหนึ่งไปก่อน เสร็จแล้วลงคะแนนเสียงแล้วก็มารับอีกข้างหนึ่ง มี ศรีสุวรรณ จรรยา จี้ กกต.สอบเศรษฐา-เพื่อไทย สัญญาว่าจะให้ ก็ว่ากันไป ก็มีคนสอดส่องดูแลกันอย่างนี้แหละมันจึงจะเจริญ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 19:08:17 )
รายละเอียด
ก็มีการเสนอมาว่า ปัจจุบันนี้มีความนิยมหนังสือเป็นเล่มน้อยลง คนนิยมอ่านหนังสือทางโซเชียลมีเดียอินเตอร์เน็ตซึ่งมีทั้งภาพเคลื่อนไหวภาพนิ่งและข้อมูลอัพเดท หลายคนเห็นว่าเราน่าจะยุติการพิมพ์หนังสือเราคิดอะไรได้แล้ว เพราะจะช่วยลดงานโรงพิมพ์และกระบวนการทำหนังสือลง ท่านที่ทำงานนี้มานานบางท่านก็เจ็บป่วยจะได้พักบ้าง โดยต่อไปเราก็สามารถจะพิมพ์ในคอม และส่งขึ้นทางอินเตอร์เน็ตได้เลย ซึ่งตอนนี้เราก็มีเว็บไซต์เปิดโลกบุญนิยม พวกเราก็สามารถเข้าไปชมได้ ซึ่งจะมีเรื่องราวต่างๆมากมาย ทั้งหนังสือและข้อมูลความเคลื่อนไหวมากมาย
เรื่องงานพิมพ์หนังสือเราคิดอะไร จริงๆแล้วกองอำนวยการอยากจะหยุดแล้ว แต่ว่าคนอ่านไม่อยากหยุด มีคนเห็นใจคนทำน้อยเดียว คนอ่านไม่ยอมหยุด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้างานอโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:45:36 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 09:04:31 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 06:21:46 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:24:48 )
รายละเอียด
ถึงวันนี้แล้วอาตมาบอกตัวเองได้ว่าไม่เสียหลาย ผลที่ได้แม้จะได้ประมาณนี้มีคนมาปฏิบัติตามได้มรรคผลขนาดนี้ อาตมาก็ว่าภาคภูมิใจตัวเองเพราะมันสูญหายไปจริงๆ ซึ่งมันก็ยากที่จะรู้ แต่พวกคุณก็ยังอุตส่าห์มาเข้าใจ ทั้งๆที่มันตกยุคหายไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนมานิยมชมชอบ ทั้งๆที่มันฝืนกระแสใจ แต่ก็ยังเข้าใจได้ มันน่าชื่นใจ โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้ามันฝืนกระแสโลก ทำให้คนได้โลกุตระนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 20:30:42 )
รายละเอียด
ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด ผ้าขาดมีคนช่วยชุน ไม่ต้องสะสม คนไม่สะสมแล้วอยู่ได้อย่างไรในสังคมมนุษย์ มีอาศัยเพียงเล็กน้อย เสื้อผ้าหน้าแพร อาหารการกินไม่ต้องสะสม ก็กินร่วมกัน บ้านช่องเรือนชานก็พักที่นู่นที่นี่อย่างไม่ต้องหวงแหน พึ่งพาอาศัยกันได้ มันก็พออาศัยได้ บ้านช่องเรือนชานก็ไม่ใช่โกโรโกโส ผุพัง ขนาดนั้น
เมื่อมาศึกษาเศรษฐศาสตร์ที่สมบูรณ์ก็จะรู้ตัว ควรจะศึกษาอย่างนี้เข้าใจวิถีอย่างนี้ควรจะรู้จักหมู่กลุ่มของมนุษยชาติที่เขาศึกษาอย่างไร ไม่ต้องสอบเอนทรานซ์ไม่ต้องไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย เข้ามาอโศก ไม่ต้องไปสอบมหาวิทยาลัย แค่เห็นว่าหมู่นี้น่ามาศึกษา น่ามาเป็นพลเมืองปรับชีวิตให้เข้ากันได้ มีอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อย่างนี้ สมบูรณ์แบบเลย คนก็ไม่ค่อยจะชัดเจนได้ง่ายๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างอวดตัวแต่ถ่อมตน ด้วยความจริง วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2564 ( 21:13:04 )
รายละเอียด
คนที่ทำตัวเองให้รวย คบค้าสมาคมกับคนต่างประเทศคนนั้นคนนี้ ไปทำกิจการค้าและตัวเองจะได้รวย อย่างคุณเจริญนี้รวย มอมเมาคนไทย สร้างน้ำเหล้าน้ำเบียร์ ขายให้คนไทยเมาเละ ตายฉิบหายพิการ อะไรก็แล้วแต่เต็มบ้านเต็มเมืองฉิบหายช่างมัน กูรวยอย่างเดียว อาตมาเห็นแล้วน่าสังเวชใจ น่าสงสารคนอะไร หาเงินแล้วไปทำร้ายคน ทำลายมนุษยชาติทำลายสังคม ให้สังคมมนุษย์ตกต่ำ ก็คนมันเสพติด มีกิเลส รู้อยู่แต่ก็ให้คนเขาเสพเขากินเข้าไป กูได้เงินอย่างเดียว คนพวกนี้อาตมาขอตำหนิไม่ได้ชมเชยหรอก ไม่ได้ส่งเสริม เพราะว่าเขาเป็นบาปไม่อยากให้ทำ เลิกได้ก็เป็นกุศลของเขา แต่เขาไม่เลิกง่ายๆหรอกเพราะว่าเขาได้ คนอื่นไม่รู้เรื่อง เขาหลงสิ่งเหล่านี้
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561ทีบวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:34:05 )
รายละเอียด
พวกที่หาที่สุดไม่ได้ คำว่าหาที่สุดไม่ได้นี้ คนนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นพระอรหันต์ เช่นพวกที่หลงความรู้ในสังคมมนุษยชาติหลงความรู้ ความรู้มันเยอะเหลือเกินก็รู้สึกสนุกอย่างเช่นปราชญ์ผู้รู้คนหนึ่งในประเทศไทย น่าสงสารที่ท่านติดในความรู้และท่านก็ไม่หยุดเลยไม่หันมาเรียนรู้จิตเจตสิกรูปนิพพานให้จริงจังแล้วจบ เป็นพระอรหันต์ให้ได้ก็เลยหาที่สุดไม่ได้ ท่านก็เลยไม่รู้ว่าท่านจะได้เป็นพระอรหันต์เมื่อไหร่ เพราะท่านไม่หันมาหยุดเพราะความรู้ที่จะให้เป็นอรหันต์ของท่านนั้นมันเกินไปแล้วความรู้ท่านมีมากจริงๆ ความรู้ที่ท่านมีมากเอามาใช้ปฏิบัติไม่ต้องเอามาเต็มที่ท่านรู้เพราะท่านรู้มากเกินล้นที่จะเป็นอรหันต์ เอามาประมาณหนึ่ง ปฏิบัติเท่าที่จะมีองค์รวม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:34:43 )
รายละเอียด
แล้วผู้ที่บอกตัวเองว่าเป็นสัตบุรุษเขาก็ไม่เชื่อ ผู้เป็นสัตบุรุษประกาศความรู้ อธิบายความรู้โลกุตระอีก เขาก็ฟังไม่เข้าใจ ไปยึดติดในความรู้ที่ผิดเพี้ยนแต่ฟังความรู้ที่เป็นโลกุตระถูกต้องฟังไม่เป็นฟังไม่เข้าใจก็โง่ยกกำลังเข้าไปอีก ดีไม่ดีจะมาถล่มทลายสัตบุรุษอีกมาย่ำยี ก็เป็นวิบากกรรมที่เป็นคนโง่ซ้ำซ้อนอีกไม่รู้กี่ชั้น เรื่องจริงเป็นอย่างนี้ก็น่าสงสารผู้ที่มาย่ำยี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด นักเรียนสัมมาสิกขา ปีการศึกษา 2562-2563
วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 17:25:01 )
รายละเอียด
หากว่าไม่ยินดีแล้วยังยินร้ายยังไปดูถูกผู้อื่นดูถูกดูแคลนผู้ที่เขายังหลงติดอยู่ ยังหอบหวงหามดูดดึงอยู่ ยังไม่ยอมทิ้งได้จริงๆ ก็ไปเดียดฉันท์เขา ไปข่มเขา อย่างนี้ก็ยังเลว เราก็เออ น่าสงสารไม่ได้ไปข่มไปเดียดฉันท์ ดูหมิ่นดูแคลน ซึ่งเขาก็น่าสงสารที่เขายังติด ยังยึด ยังหลงอยู่นะ หากคุณอยู่ในฐานะที่ตำหนิได้ก็ตำหนิ ตำหนิได้อย่างเก่งโดยที่เขาไม่เอาคุณตาย ให้ระวัง ไปตำหนิเขา เขาตอบโต้มาเขาโกรธเคือง ตำหนิอย่างแรงๆ ตำหนิอย่างไม่มีบารมี ไปตำหนิเขาหากเกินบารมี ตาย เขาตอบโต้ อย่างเช่นอาตมาตำหนิแรงเขาก็ไม่กล้า เพราะว่าเก่งในการยกตัวอย่างพระไตรปิฎก สิ่งที่จะหยิบจับอะไรที่มายืนยันว่านี่แหละคือของพระพุทธเจ้าเขาก็จะกลัว เพราะอาตมามียันต์ของพระพุทธเจ้า ผีก็จะถอยไปเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:27:04 )
รายละเอียด
อาตมาเกิดมาในชาตินี้ก็ได้แต่กล่าวคำว่าน่าสงสาร จริงๆมันเป็นความรู้สึกเห็นใจ เขาก็มืดบอดนะ พูดอย่างเป็นสัจจะเลยเขาไม่เห็นเราเป็นสัตบุรุษ ขนาดกามนิตนอนคุยกับพระพุทธเจ้าทั้งคืนฉันใด โถ อาตมาไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าสักหน่อย เขาไม่เคยมานอนคุยกับอาตมาทั้งคืนด้วยไม่อยากมาให้เห็น คือพบแล้วก็ไม่เชื่อ ไปเชื่ออย่างที่เขายึดถือ พวกคุณอาจจะเคยไปหลงเชื่ออย่างอื่นมาก่อน แต่เมื่อมาพบอาตมาแล้วก็บอกว่า อันนี้ใช่กว่า
เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าใครก็จะมีจักร 4 มาเข็นกงล้อศาสนาพุทธอย่างในศาสนาพุทธ ทุกวันนี้มีอยู่เต็มไปหมดที่บอกว่าเป็นอย่างนั้น ก็เป็นกงล้อ
เซียงกงเท่านั้น
ยิ่งยุคนี้ไม่มีสัตบุรุษอื่น ถ้ามีสัตบุรุษที่เป็นไก่ตัวพี่ แล้วคุณไม่รู้ไม่เห็นไก่ตัวพี่ ที่เป็นสัตบุรุษแท้คุณอาจจะเห็นแต่คุณไม่เชื่อก็ปิดประตูไป อันนี้ก็น่าเห็นใจไม่รู้จะไปบังคับความรู้ บังคับความเฉลียวฉลาด บังคับความเห็นกันนั้น บังคับกันไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 19:47:42 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 14:52:35 )
รายละเอียด
อาตมาพูดไปก็จะมากความ ไปยกย่องคนกันเอง เขาก็บอกว่ายกย่องพวกกันเอง ก็ถ้าหากไม่ยกย่องคนที่ดีจริง ก็เพราะว่าพวกนี้ดีจริง จะไปยกย่องพวกผู้อื่นที่เพี้ยนได้อย่างไร ไปแกล้งยกย่องคนอื่นก็เท่ากับไปหลอกเขา แล้วก็บอกให้รู้ว่าไปยกย่องคุณไม่ได้เพราะคุณยังไม่จริงคุณยังไม่ถูกต้องยังไม่ดีจริงไปยกย่องมันก็ผิดสิ จะพากันโง่ไปถึงไหน อาตมาไม่เอาหรอก อาตมาไม่โง่จะไปหลอกให้คุณโง่ต่อไปอีก ไม่เอา บอกให้คุณรู้ตัวว่าคุณผิดคุณโง่ มาฉลาดสักทีสิ อย่างนั้นมันโง่ นี่พูดตรงๆนะ พูดซื่อๆ พูดด้วยความจริงใจ ไม่ได้ไปข่มเบ่ง ไม่ได้ไปดูถูกดูแคลน แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริง คุณไม่ได้รู้จักโลกุตระ คุณไม่ได้ไปเข้าสู่โลกุตระได้ มาเรียนใหม่สิ ยิ่งคุณเห็นค้านแย้งกับอาตมา มันยิ่งผิดไปใหญ่ ยิ่งน่าสงสาร อาตมาก็เห็นว่าเป็นคนน่าสงสาร เพราะจมอยู่ในสงสารไม่โงไม่เงยวนเวียนอยู่ในโลกีย์สังสารวัฏ อยู่อย่างนั้นไปในโลกีย์ ก็เห็นอยู่ว่าคุณน่าสงสารเพราะคุณเอาหน้าตาเอาตัวตนอยู่ในสงสารอยู่ในสังสารวัฏ ไม่หยุดไม่หลุดออกจากสังสารวัฏ เห็นทั้งหน้าตาทั้งเนื้อตัวจมอยู่ในสงสาร ก็นึกว่าน่าสงสาร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:22:10 )
รายละเอียด
พวกที่ออกมาเย้วๆ มันน่าสงสาร เขาไม่รู้ถึงคุณวิเศษของในหลวง ร.9 เมืองไทย มีตัวอย่างของทางผู้งมงายก็พอมีตัวอย่างให้เห็น ก็ตัวอย่างดิ้นกันไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเป็นจริงที่เขาเองมีความคิดมีภูมิธรรมเท่านั้น เขามีธาตุรู้ของเขา ความรู้มีภูมิธรรม จะเรียกภูมิธรรมก็ได้แต่ไม่เป็นธรรมเท่าไหร่หรอก เขาก็เป็นอย่างที่เขาเป็น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 15:35:17 )
รายละเอียด
ปฏิบัติให้จริงแล้วอ่านให้ออก นี่คือการเรียนรู้ ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วก็เกิดวิชชา วิมุตติ ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาสะกดจิตแล้วดิ่งดับ ไม่รู้เรื่อง เมื่อไหร่มันจะวิมุตติ มีแต่มุดเข้าในถ้ำในรูในที่มืด มุดเข้าไปไม่รู้เรื่องอะไรเลย อาตมาพูดอย่างนี้มาตั้งนาน บอกว่าที่ไปนั่งหลับตามุดอย่างนี้เลิกเถิด มันไม่ใช่ของศาสนาพุทธ แต่เขาฟังอาตมาที่ไหน เขาหาว่าอาตมานอกรีตอีก น่าเวทนาสงสารไม่รู้จะทำอย่างไร พวกนี้เขาไม่ตื่นเขาไม่กระดิกเลย พูดไปเถอะ เขาก็อาจจะสงสารอาตมาว่าพูดอยู่ได้เมื่อยทำไม เอ็งนะหลงทาง เขาบอกว่าเขาอยู่ในทางสำเร็จอรหันต์ไปหลายรูปแล้วฉลองกัน เอากระดูกใส่เจดีย์ราคาสิบล้านร้อยล้าน กระดูกของอรหันต์ แล้วเอ็งมาจากไหนมาพูดนอกรีต อาจารย์คนไหนสอน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ อาตมาบอกว่า ชาตินี้เกิดมาไม่มีอาจารย์ นอกจากไม่มีอาจารย์พูดไปแล้วเขาก็หาว่าอาตมาเอาอะไรมาพูดนอกรีต เป็นการทำลายศาสนาพุทธไปโน่นอีก น่าสงสารศาสนาไหม พวกคุณมาเป็นอาตมาแล้วจะรู้สึก คุณจะรู้สึกแค่ไหนอาตมาไม่รู้ แต่อาตมานี้สงสารจริงๆเลยที่ไปหลงผิดหลงทาง ไม่รู้อย่างไรจะช่วยขึ้นมาได้ ถ้าบอกว่าช่วยคนตกน้ำนี้ มันช่วยขึ้นมา อาตมาว่าช่วยขึ้นมานี้ไม่รู้ว่าตายเน่าหรือยัง ไม่รู้จะใช้ภาษาอะไร จะว่าตายนั้นก็ตายแล้ว แต่ว่า ยังอยากจะต่อชีวิตให้อยู่ ถ้ามันเน่าแล้วต่อชีวิตไม่ขึ้นนะ ตายน่ะตายแล้ว ทีนี้มันตายเน่าหรือยัง คุณที่ยังไม่เคยเห็นคนที่ตายเน่าแล้วแต่ยังไม่ยอมตาย อาตมาเคยเห็น เขาเป็นมะเร็ง เน่าไปทั้งตัว แต่ไม่ยอมตาย อาตมาไปโปรดหลายที แกไม่ยอมทิ้งร่าง ลูกเต้าเหล่าหลานก็สงสาร แต่สุดท้ายก็ตายอย่างทรมาน ร่างกายมันเจ็บปวด แต่ก็ห่วงลูกจนกระทั่งทนพิษที่ตัวเองเจ็บอยู่ไปอย่างนั้น นี่คือความยึดมั่นถือมั่นไม่ยอมตายห่วงหาอาวรณ์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:37:29 )
รายละเอียด
ถ้าคุณจมอยู่กับสิ่งที่คุณยึดมั่นถือมั่น คุณเป็นพระอริยะเจริญงอกงามไปแล้ว แต่คุณทำไม่ได้เจริญกลายเป็นพญาครุฑกับพญานาค แน่จริงทำศาสนาให้เป็นพญาครุฑพญานาคให้หมดเลย เถรสมาคม กลายเป็นพระป่ากลายเป็นพญานาคให้หมดเลย อาตมาสรุปอย่างนี้ ตามพยัญชนะที่มีมาถ้าไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วคือมันสุดโต่ง อาตมาพูดแล้ว มันมีอย่างเดียวคือน่าสงสาร สมน้ำหน้าไม่ลง อาตมาไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ ไม่ได้สมน้ำหน้าเขาหรอก แต่มันน่าสงสารจริงๆ อาตมาพูดด้วยใจจริงทำอย่างไรหนอ เถรสมาคมก็ตาม พระป่าก็ตาม จะเรียนรู้ความสุขตรงที่ตัวเองหลงทิศทางอยู่นี้ เข้ามาศึกษาให้ได้โลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 14:09:51 )
รายละเอียด
ยุคพระพุทธเจ้าไม่มีเดรัจฉานวิชาหนักขนาดนี้ ไม่มีไสยศาสตร์ขนาดนี้ ไสยศาสตร์อยู่ในศาสนาอื่นก็มี ในยุคพระพุทธเจ้า เดรัจฉานวิชาอยู่ในศาสนาอื่นก็มีในยุคพระพุทธเจ้า เดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์เขายังไม่บ้าบอเท่ากับในยุคนี้เลย ยุคนี้คนพุทธนะ แต่ไปเอาไสยศาสตร์มาทำแล้วปรุงแต่งเขาเสียเละ เอาเดรัจฉานวิชาของเขามาปรุงแต่งเสียเละ เน่าเหม็นสกปรกเลอะเทอะบาปหนักบาปหนา โง่เง่า โมหะ ร้ายแรงกว่าเขาอีก น่าสังเวชใจจริงๆ อยู่ในวงการศาสนา เป็นนักบวชทำกันด้วยนะ มันน่าสลดใจขนาดไหนวงการศาสนา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 1
วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2564 ( 19:46:15 )
รายละเอียด
จำได้นะ..“คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ” ก็เตือนกันไว้ มันไม่ใช่เรื่องพูดลอยลม ไม่ใช่พูดเล่น แต่มันเป็นสัจธรรม การสร้างอาวุธขึ้นมาฆ่ากันมันเลวร้ายมาก มันหยาบ มันเป็นอาวุธ เป็นเครื่องมือ เป็นวัตถุทางสสาร ทางดินน้ำไฟลมแท่งก้อน โลหะ เอามาผสมกัน ทั้งดินน้ำไฟลม เอามาทำเป็นอาวุธ เพื่อที่จะฆ่าแกงกัน มีฤทธิ์ มีอำนาจ มีประสิทธิภาพ ตูมลงไป คนเนี่ยถูกระเบิดเข้า จะกลายเป็นขี้เถ้าเลย ไม่เหลือซากให้เห็นเลย เขาเอาถึงขนาดนั้น ใจคอมันโหดเหี้ยมขนาดนั้นจริงๆเลยนะคน
เขาไม่ได้สะดุด ไม่ได้ฉุกคิด ไม่ได้สำนึกเลย ซึ่งมันก็น่าเห็นใจ คนพวกนี้เขาไม่ได้เคยเรียนเรื่องกรรมวิบาก ไม่รู้จักจิตวิญญาณ มันเป็นอะไรอย่างไร มันจะต้องเกิด ต้องตาย จะต้องหมุนเวียน จะต้องรับกรรมวิบากอะไรต่ออะไรซับซ้อนอีกไม่รู้กี่ชาติ เป็นล้านๆชาติ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 04:12:55 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 10:08:03 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 06:22:24 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:50:19 )
รายละเอียด
คือ เป็นมหาภูตรูป คือ ธาตุ 4 ดิน น้ำ ไฟ ลม
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม2562
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 14:56:10 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:46 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:25:04 )
รายละเอียด
ก็อธิบายแล้วก็นำพาปฏิบัติกันจนกระทั่งเกิดจริง สรุปลงไปก็คือ อาตมาสามารถที่จะทำได้เป็นบุญนิยม ในความหมายที่อาตมาพยายามใช้ภาษา 2 คำนี้ มาใช้อธิบาย แต่ไม่ได้ไปบัญญัติใหม่คำว่า นิยม คือภาษาบาลี คำว่า บุญ ก็เป็นภาษาบาลี ไม่ได้เปลี่ยนแปลงบัญญัติพระพุทธเจ้าใหม่อะไร แต่มาทำให้ฆ่ากิเลส ให้จิตมันแข็งแรง มั่นคง ถาวร อย่างเที่ยงแท้ ถ้าจะแปลเอาความสั้นๆแค่นี้อย่างนี้ ก็คือทำสำเร็จ
จนเกิดเป็นมนุษย์ที่หมดกิเลสได้ตั้งแต่ขั้นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และอรหันต์อยู่ในชาวอโศก แต่คนเขาไม่รู้จักความเป็นอรหันต์แล้ว อย่าว่าแต่อรหันต์เลย โสดาบันเขาก็ไม่รู้ แต่ชาวอโศกนี้เป็นจริงได้จริง จึงมารวมตัวกัน น้ำก็ไหลไปหาน้ำ น้ำมันก็ไหลไปหาน้ำมัน อโศกจะเป็นน้ำหรือเป็นน้ำมันก็แล้วแต่ ก็มารวมกันเป็นเอกภาพเป็น เอกีภาวะ กันจริงๆและอยู่กันอย่างมีสาราณียธรรม 6 สาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่าง เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา ตามฉายาของคุณเมตตานันโท อยู่กันอย่างเมตตาจิต อุ้มชูเกื้อกูลช่วยเหลือ อยู่กันอย่างนั้นจริงๆเลย
เอาพุทธพจน์ 7 ของพระพุทธเจ้ามาจับ จะเกิดสาธารณโภคีต้องมี สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ ได้จริงเลย
จนกระทั่งเกิดจริงตรงกลางของ สาราณียะ คือ ข้อที่ 4 ลาภที่ได้โดยธรรม แล้วเอามารวมกันเป็นส่วนกลาง กินใช้กับส่วนกลาง
แล้วทุกคนอยู่ในระบบของทิฏฐิสามัญญตา ศีลสามัญญตา ปฏิบัติเพื่อลดละตัวตน จนไม่มีตัวตนจริงๆ เป็นพระอรหันต์กันจริงๆ มีปฏิภาณ มีสัมมาทิฏฐิกัน เป็นทิฏฐิสามัญญตาหมด แล้วมาปฏิบัติศีลสามัญญตากันได้ จึงเกิดผลจริงเป็นสังคมสาธารณโภคี สำเร็จ
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 7 พ่อครูพบ ดร.นพ.มโน เลาหวณิช เรื่อง บาปของทุนนิยม วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565 แรม 11 ค่ำเดือน อ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2565 ( 19:17:20 )
รายละเอียด
ไม่มอบตนในทางที่ผิด โดยออกมาจากสังคมเก่าไม่มอบตนในทางที่ผิด ถือว่าเรามีกายสงบ จิตสงบไหม?พ่อครูว่า.มีสิ.แล้วคุณต้องมารักเคารพมาเกรงกลัวชัดเจนเลย ถ้ามาอย่างไม่เคารพไม่เกรงกลัว มาอย่างอาบน้ำกลัวเปียก แล้วคุณก็ไม่ได้อาบน้ำฉันใดก็ฉันนั้นคุณมายังไม่มีความรักไม่มีเคารพไม่มีเกรงกลัว ดีไม่ดีมาตั้งเป้าลองของไว้เลย ดูซิ เอ็งจะพูดอย่างไรจะว่าอย่างไร อย่างนั้นไม่เข้าท่าแน่ นึกว่าจะใกล้เคียงกับที่ข้ารู้ไหม อย่างนั้นกายไม่สงบ จิตก็ไม่สงบ ตั้งท่ามาเป็นศัตรูมาเป็นคู่แข่ง มาจับผิด 100% คุณเข้ามาอย่างนี้ คุณต้องเทน้ำออกจากถ้วยชาออกให้หมดแล้วมารับ ไม่ใช่มาอวดดี ไม่ใช่มาแสดงตัวเต็มถ้วยเป็นน้ำชาเต็มถ้วย ไม่ใช่ อย่างพวกคุณมาด้วยความรักความเกรงกลัวความละอาย เอาถ้วยชาเทน้ำทิ้งมา คุณก็ได้ แต่ขนาดนั้นก็ยังไม่ง่ายเพราะชามันมีอยู่ ถ้วยรั่วอีก มีสารพัด คนที่มีกายสงบจิตสงบ กาย รวมถึงภายนอกชัดเจน จิตก็เน้นภายใน จิตกับกายแยกกันไม่ได้ เน้นให้รู้มีนัยสำคัญเท่านั้น ให้รู้ว่านี่คือจิต เน้นจิตแต่ทิ้งกายไม่ได้
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม2563
เวลาบันทึก 25 มกราคม 2563 ( 14:37:12 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:46 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:25:38 )
รายละเอียด
น้ำดื่มตรากองทัพธรรม คือ เป็นน้ำดื่มจากน้ำโจ๊ก วารินชำราบ ผ่านเครื่องกรองได้มาตรฐาน
ที่บ้านราชใช้น้ำแร่นี้ ทั้งน้ำดื่มน้ำใช้ เราทำแจกฟรีเลย วันๆ มันไหลทิ้งไปเรื่อยๆ เราก็ดักเอามาใช้งาน ตอนนี้เกิดเหตุการณ์เราก็ไปกรอกน้ำมีพนักงานจิตอาสาช่วยกันหาขวดมากรอกกัน เราทำฉลากติดเสีย ศิษย์เก่า บาส ได้มาติดตั้งเครื่องกรองนน้ำระบบ Softener ให้แล้ว คุณภาพผ่านมาตรฐาน 8 ใน 10 คะแนนเลย น้ำไหลเหลือเฟือ ตอนนี้ความเดือดร้อนของสังคมมีเราก็เลยลงทุน ลงแรงให้ประโยชน์แก่สังคม นี่คือ เศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ ที่ช่วยเหลือประเทศชาติ เราทำกันเป็นกลุ่มถ้าเงินทองก็หลายตังค์ แต่เราก็ไม่อยากจะพูด อย่าเห็นเป็นเรื่องเล็กนะเรื่องน้ำพวกเราโชคดี มีน้ำธรรมชาติ ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ คนที่นี่จะใช้จะกิน จะอาบ จะซักผ้า จะทำอะไร แม้แต่ล้างส้วมก็แล้วแต่ ก็ใช้น้ำระดับนี้ ใช้ท่อน้ำเดียวกันนี่แหละ เป็นประปาของเราทั่วบ้านราชแล้วบ่อน้ำนี้ เขามีแผนที่อากาศถ่ายไว้เป็นบ่อใหญ่ที่พันปีก็ไม่มีหมด เป็นสายน้ำ วังน้ำใต้ดินที่นี่คือ วารินชำราบ น้ำซึมซับตลอดเวลา ใต้ดินแทนที่จะเป็นน้ำมัน แต่ก็เป็นน้ำใสสะอาดตลอดมา
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการสำมะปี๋ซี่วิต
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2562 ( 17:15:29 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:45:26 )
รายละเอียด
ใช่ หลวงปู่สร้างเองแต่หลวงปู่ไม่ได้สร้างเอง เป็นความคิดหลวงปู่ให้สร้าง หลวงปู่เองไม่ได้ลงมือไปเอาดินเอาเหล็กเอาอะไรต่ออะไรมาสร้างหรอก เรามีคนช่วยสร้าง สร้างน้ำตก สร้างภูเขา สร้างอะไรพวกนี้ หลวงปู่ยกหินช่วย
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 22 กันยายน 2563 ( 19:12:42 )
รายละเอียด
ก็ได้คนมาอาบน้ำไง มันอธิบายยาก อธิบายละเอียดไม่ได้ ว่ามันเป็นเรื่องของเหตุปัจจัยหลายอย่าง 1. ทำธรรมชาติ 2. เพื่อแสดงให้คนเห็นว่าธรรมชาติสำคัญ 3. เมื่อได้มาแล้วหรือเมื่อทำขึ้นมีสิ่งนี้ เราก็ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ในตัว มีน้ำตกนี่ บรรยากาศของพวกที่เราอยู่มันจะไม่เหมือนป่าทึบที่มีน้ำตก แล้วก็เย็นยะเยือก แต่มันจะเย็น แต่ไม่ถึงยะเยือก จะเย็นอย่างโปร่ง เย็นอย่างได้สัดส่วน มีไอน้ำ น้ำตกเคลื่อนลมพัดนะ มันไปกระทบทำให้เกิดลมเคลื่อนอะไรพวกนี้ต่างๆนานา โดยเฉพาะด้านจิตวิญญาณ
คุณพูดถูกว่าเราทำฟรี เราทำให้คนมาสัมผัส ไม่กี่วันนี้ก็มีเด็กมาหลายทัวร์ มี นร.มัธยมมาเป็น 100 ชั้นประถมก็มี คือให้มันเรียบร้อยดี เขาจะได้รับประโยชน์ ที่ในจังหวัดอุบลราชธานีมันก็ไม่มีที่จะเป็นอย่างนี้ ไอ้ที่เขาทำแบบค้าขาย เขาก็ทำไปสิ นั่นแหละอีกอันหนึ่งก็บอกว่าที่อื่นเขาทำแล้วเขาทำหาเงิน ต้องเสียเงินไปเล่น แต่ของเราไม่ได้ให้เสียเงินเสียทองอะไรเลย นี่ก็เป็นสัจจะอันหนึ่ง ไม่ใช่อวดอ้างนะ แค่ให้เห็นว่าพวกเราเกื้อกูลกันได้ มนุษยชาติน่ะ
นั่นแหละมันเป็นที่พักผ่อน มันเป็นสถานที่ที่ แดนเพลินเชิญพัก Pleasant Land please rest อย่างแท้จริง เรื่องนี้เป็นเรื่องจิตวิญญาณที่เกื้อกูล อันเป็นอัชฌาสัยของโพธิสัตว์ จบด้วยอันนี้ก็แล้วกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าอวิชชาหลับตาโง่ๆ วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2566 ( 17:27:13 )
รายละเอียด
มันเป็นจิตที่เกิดเมื่อกระทบสัมผัสแล้วเรามีสิ่งที่ดีใจที่สุดยอดซาบซึ้งประทับใจก็จะมีน้ำตาไหล อุพเพงคาปีติ มากไปก็ไม่ดี พยายามรู้ว่ามันดีแล้วก็อย่าให้มันมากมันแรงเกินต้องบรรเทามัน ถ้าหากมันแรงเกินก็จะกลายเป็นคนขี้ร้องไห้ ขี้แย อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 19:48:56 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:13 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:26:10 )
รายละเอียด
เป็นธรรมดาของผู้ที่เกิดปิติยินดี เกิดฉันทะในพฤติกรรมของคนที่เราเข้าใจ ว่ามันเป็นความดีงามที่น่าเอาอย่างน่าซาบซึ้งใจ น้ำตาไหลบอกลักษณะอย่างหนึ่ง ถึงความซาบซึ้งใจ ปลื้มใจ น้ำตาไหลอีกลักษณะหนึ่ง คือความเสียใจโกรธแค้น มันก็มี 2 ลักษณะเท่านั้นเอง เป็นธรรมดาธรรมชาติของมนุษยชาติ ถึงแม้จะแข็งแรง พวกเรานี่ ชาวนักบวชแท้ๆพวกเรา สิกขมาตุก็ดี สมณะก็ดี ก็ยังเกิดเลย ยังน้ำตาไหลไหลได้ แข็งแรงไม่ใช่ไม่แข็งแรง แต่ว่ามันเป็นสำนึกอย่างที่อาตมาอธิบายไปก่อน แข็งแรง เราก็เห็นว่า มันเป็นปฏิกิริยาของจิตสำนึก มันยินดี มันปิติ มันฉันทะ มันซาบซึ้ง มันก็แสดงออก บอกแล้วว่าน้ำตามันออกได้ทั้งซาบซึ้ง ปิติ ดีใจกับเสียใจโกรธแค้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู
เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:22:44 )
รายละเอียด
มันเป็นเรื่องของปัญญาเรื่องของจิตใจไม่ใช่แค่เรื่องวัตถุ แม้เขาจะเข้าใจว่าเรามีอะไรๆจึงอยู่ได้ แต่มันมีความลึกซ้อนเรื่องจิตวิญญาณ เข้าใจธรรมชาติ เข้าใจน้ำท่วม คนเขาติดใจว่าน้ำท่วมก็ทุกข์ ของเราน้ำท่วมเราก็ไม่ทุกข์ อาตมาปลูกฝังตั้งแต่ฉลองน้ำ จนชินจนเข้าใจเรารู้เราก็อยู่กับน้ำมีข้อสังเกต เราอยู่กับน้ำแต่อุปัทวเหตุตกน้ำตายมีน้อย ดูเหมือนมีคนเดียวอีกคนก็ถูกไฟดูด น้ำท่วมแทบทุกปี ของเราก็อยู่สบาย มันเนียนสนิทหลายอย่าง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เคล็ดวิชา 9 ประการ ของจอมยุทธโลกุตระ วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 เมษายน 2566 ( 11:08:25 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 13:55:48 )
รายละเอียด
น้ำมูตร คือ น้ำปัสสาวะ
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 10:41:12 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:12 )
รายละเอียด
น้ำหนักลด แต่มันซ้อนในปรุงแต่งเนื้อใน มันก็ดีขึ้น สิ่งที่มันใช้จ่ายจะเป็นองค์ประกอบ มันก็ต้องสูญเสียทิ้งไปมันก็เป็นธรรมดา หมุนเวียนอาศัยกันอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งมันไม่ได้แปลกอะไรที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร น้ำหนักจะลดจะขึ้นบ้าง ดีไม่ดีเห็นน้ำหนักขึ้น บางคนหนัก 200 กิโลกรัม นั้นมันจะไหวหรือลุกยืนเองก็ยังไม่ได้ 200-300 กิโล น้ำหนักยิ่งเยอะ ตัวเองยังยืนไม่ไหวเลย แม้แต่ประคองตนก็ยังไม่ได้ แล้วมันจะได้เรื่องอะไร น้ำหนักไม่ใช่เรื่องชี้บ่งของความแข็งแรงอะไร มันก็เป็นอะไรบ้างนิดหน่อย แต่โดยเนื้อแท้ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
มันอยู่ที่ความสมดุลต่างหาก สัดส่วนทั้งดินน้ำไฟลมและจิตวิญญาณที่ร่วมกันอยู่อย่างได้สัดส่วน รวมกันสังเคราะห์แล้วก็แจกจ่าย สังเคราะห์แล้วก็สลาย มันเป็นธรรมชาติของมัน เอาล่ะเรื่องเหล่านั้นมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เป็นไปตามธรรม เราเข้าใจมันแล้วก็ช่วยมันบ้างอย่าให้มันขาดแคลนอย่าให้มันตกหล่น อย่าให้มันไม่พอ ให้มันพอ ได้สมดุลเท่าไหร่ก็ยิ่งดีขาดบ้างเกินบ้างนิดๆหน่อยๆก็ไม่เท่าไหร่ ก็พอเป็นไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 17:34:23 )
รายละเอียด
เมื่อไม่นานมานี้ไม่กี่เดือนผ่านมาน้ำหนักของอาตมาเพิ่มขึ้น ก่อนนี้ประมาณ 49-50 กิโลกรัม ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นมาได้ถึง 54 กิโลกรัมแล้ว จะขึ้นไป 55 แล้วนะ ทุกคนเห็นก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้น ส่วนใจนั้นอาตมาแน่นอนไม่ตายเลยหรอก ไม่คิดจะตายเลยมีแต่สรีระเท่านั้นที่เราพยายามจะทำที่สรีระให้มันเป็นไปตามที่มันจะได้จะได้แค่ไหนก็เป็นการพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่การพิสูจน์เล่นๆ เอาน่า คอยๆดูไป อาตมาอธิบายไม่ได้จริงๆแล้วทำอย่างไร อธิบายไม่ออกทำใจในใจ อย่างน้อยช่วยด้วยรวม 8 อ ที่อาตมาตั้งไว้ แล้วมีนามธรรมสองอัน มีตั้งแต่อิทธิบาท อารมณ์ นอกนั้นเป็นรูปธรรมทั้งนั้น เอาน่า สักวันคงจะอธิบายถึงรูปธรรมได้ดีกว่านี้ มีบ้าง ไม่ใช่น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากทุเรียนหรอก อาตมาพยายามฉันอาหารให้มากอยู่ ก็ใช้ 8 อ. สรุปแล้ว จะพยายาม ตั้งใจจริงๆ มันก็ถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอิทธิบาท 4 เรามีความยินดี ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา มีจิตใจเอาใจใส่แก้ไขเหตุปัจจัย จิตตะ วิมังสา แล้วก็พยายาม เมื่อเราพยายามตั้งใจทำแล้ว ด้วยจิตใจ ด้วยแรงงาน ด้วยองค์ประกอบวัตถุทั้งหมด 8 อ. เสร็จแล้วมันจะเป็นอย่างไร มันมีความเจริญมันมีประสิทธิผลที่ร่างกายของเราจะดีขึ้นมันมีมั้ย..มันก็มี อย่างอาตมาทำก็สังเกตเห็นว่าทำได้ก็เกิดวิมังสา มังสา มังสะ แปลว่าเนื้อ วิ คือเห็นอย่างละเอียดอย่างยิ่งมันก็เกิดผลจากอิทธิบาท 4 ก็เป็นการพิสูจน์ ธรรมะพระพุทธเจ้าอธิบายหลักเกณฑ์มีหัวข้อธรรมอย่างนี้แต่เราปฏิบัติธรรมจริงๆแล้วมันตรงไหม ผลที่ได้มันเป็นผลที่ได้ตามประสงค์ ตามที่เจตนาใหม จึงเป็นการพิสูจน์ธรรมะอย่างยิ่งเลย อาตมาก็ว่า มันเป็นเรื่องลึกซึ้งเป็นเรื่องที่แม้แต่ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทางไบโอโลจี โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ทางจิตเขายังตามไม่ทัน ตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าไม่ทันหรอก นี่พูดไม่ได้ดูถูกเขาแต่พูดด้วยสัจจะจริงๆเป็นเช่นนั้น
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:24:59 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:16:41 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:57:44 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:26:57 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2563 ( 15:26:10 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:58:29 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:27:23 )
รายละเอียด
ส่วนหนึ่งของพระเจ้าก็คือเทวนิยมอีกนั่นแหละ ก็เอาเถอะจะเข้าใจอย่างไร มันก็เป็นความเข้าใจของคนแต่ละคนที่จะสามารถเข้าใจได้
สรุปแล้วมันเป็นโลกียะกับโลกุตระ เพราะฉะนั้นคนที่สามารถเข้าใจโลกุตระได้ เข้าใจความเป็นโลกุตระกันจริงๆได้ ก็มาศึกษาและก็มาทำให้เกิดให้เป็น โลกุตรจิต จิตใจนี่แหละจะเป็นตัวยืนยัน เป็นตัวแสดงออก เป็นพฤติกรรม เป็นสิ่งที่เกิดที่เป็นที่จริงทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมออกมา อย่างจริงใจ อย่างจริงๆจังๆไม่เสแสร้ง ไม่ได้อยากอวดอยากโอ่
อย่างอาตมานี้ แสดงออกอยู่ตลอดทุกวัน ตั้งแต่มารู้ว่าตัวเองบรรลุธรรมแล้วต้องมาแสดง ตัวเองเป็นผู้บรรลุธรรมแล้ว เป็นผู้จะต้องมาแสดงออกจะต้องมาพูดมาพาทำจะต้องออกมาสอน ก็มาทำ ตั้งแต่วันที่เข้าใจตนเองและก็มาทำงานตั้ง 50 ปียังไม่ตายนี่ เป็นการยืนยันความจริงว่า อาตมามีสิ่งที่รู้จริงเห็นจริง ของตนเองแล้วก็เอามาทำอันนี้ ยืนยันจนกระทั่งมีผู้รู้ผู้ฟัง แล้วก็ปฏิบัติตามจนกระทั่งได้มรรคได้ผล
ได้มรรคได้ผลแล้วก็รู้สึกว่า อย่างนี้มันดีนะๆๆ จนกระทั่ง นี่ ไหลมารวมกัน น้ำไหลไปหาน้ำ น้ำมันไหลไปหาน้ำมัน อย่างพวกเราเป็นน้ำมันก็ไหลมารวมกันกับน้ำมัน พวกน้ำก็เยอะแยะไหลมาหาน้ำมันไม่ได้ พวกน้ำมันอย่างชนิดพวกเราเป็นน้ำมันแบบไหน ยิ่งกว่าอ๊อกเทน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 เมษายน 2566 ( 15:24:15 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:54:11 )
รายละเอียด
มูลสูตร 10
มีฉัน-ทะ เป็นมูล จึงค้ำคูณ ในมรรคา
องค์ธรรม ปฐมพา จิตวิญญาณ์ ให้เป็นไท
แดนเกิด คือมน- สิการะ นั้นขานไข
สนาม-รบคือใจ ใช่ความใส ยามหลับตา
เหตุเกิด นั้นหาใช่ รู้เมื่อไร้ เวทนา
แท้คือ ผัสสะห้า กับจิตสา-มัคคีกัน
สโม-สรณา ศูนย์ศึกษา เฉพาะขันธ์
อารมณ์ ร้อยแปดนั้น เรียกรวมกัน เวทนา
ประมุข นั้นคือส- มาธิพระ-ศาสดา
ยืนยัน ว่าต้องมา จากมรรคา เจ็ดประการ
สติ นั้นเป็นใหญ่ อำนาจใด บ่เปรียบปาน
ทรงความ เป็นปัฏฐาน สี่ประการ ล้วนสำคัญ
สุคต ยกปัญญา ยอดศัสตรา เทียมพระขรรค์
เป็นยิ่ง ยุทธภัณฑ์ ใช้ห้ำหั่น กิเลสมาร
วิมุติ คือผลลัพธ์ กิเลสดับ ตามต้องการ
จึงถือ เป็นแก่นสาร อภิบาล พระสัทธรรม
ผู้มี อมตะ เหนือกาละ อำนาจกรรม
ที่หยั่ง - ลงสุดล้ำ ลึกเกินพร่ำ พรรณนา
อีกป - ริโยสาน คือนิพพาน วิภพพา
เวียนเกิด ไปจนกว่า จักได้มา พุทธภูมิ
อโศก สัมปวังโก
13 พ.ย.66
เอาล่ะอาตมาไม่ขยายความ ก็เขียนเป็นกลอนมาก็ดีก็ชัดเจนอยู่ แต่เป็นภาษากวีหน่อย ผู้ที่ไม่เข้าใจภาษากวีไม่เข้าใจธรรมะก็อาจจะต้องตั้งใจฟังแล้วก็ค่อยๆแกะไป แต่เอาหล่ะอาตมาจะไม่ใช้เวลาแกะเรื่องนี้วันนี้ เพราะว่าเนื้อแท้ของธรรมะที่เตรียมไว้อธิบายกันอยู่ประจำก็เป็นเรื่องที่พูดนี่แหละ ปรมัตถธรรมพวกนี้
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 18:26:33 )
รายละเอียด
อานิสงส์การฟังธรรม 5
จักรู้ สิ่งที่ยัง มิเคยฟัง มิเคยรู้
สัทธรรม สยัมภู มิอาจรู้ ได้ด้วยตน
จักเข้า ใจชัดกว่า ที่ฟังมา อาจสับสน
การฟัง ซ้ำหลายหน จักวัดผล ความเข้าใจ
ถ้อยความ ที่ขยาย ใหม่จักคลาย ความสงสัย
อันความ ลึกล้ำไซร้ ยากที่ใคร จักหยั่งแล
จักเห็น ได้ถูกตรง สิ้นความหลง โลกีย์แล้
เหตุแห่ง วิมุติแท้ สัตถาแล ทรงยืนยัน
จักเกิด ความเลื่อมใส มั่นคงใน พรหมจรรย์
แฟนคลับ ทุกๆ ท่าน จงขยัน หมั่นฟังธรรม
อโศก สัมปวังโก
13 พ.ย.66
คนชอบกลอนก็เขียน อย่างท่านเพาะพุทธ ท่านเทศน์ที่ใดไม่มีกลอนไม่มี บางทีเทศน์ 30 นาที ท่านก็จะว่ากลอนไปประมาณ 20 นอกนั้นก็จะว่าเนื้อไป 10 อะไรอย่างนี้ ท่านชอบของท่านมันอร่อยก็อร่อยไป แต่คนเข้าใจได้ก็ใช้เป็นเครื่องประกอบในการบรรยาย แล้วคนก็ซาบซึ้งอร่อยไปตามที่ได้รับรส ธรรมรสมันมีรสชาติ ก็ดี อย่าไปหลงผิวเผินไปติดกลอนติดเปลือกติดสนุกสนานเพลิดเพลินไปตามกวีการ มันก็ช้า มันก็ไม่ทะลุทะลวงไปถึงเนื้อหาแก่นแท้
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 18:27:06 )
รายละเอียด
อานนท์ ! เราไม่พยายามทำกะพวกเธออย่างทะนุถนอม
เหมือนพวกช่างหม้อทำแก่หม้อที่ยังเปียก-ยังดิบอยู่
อานนท์ ! เราจักขนาบแล้วขนาบอีก ไม่มีหยุด
อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้วชี้โทษอีก ไม่มีหยุด
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้
ที่มา ที่ไป
พุทธพจน์จาก พระไตรปิฎก เล่ม 14 ข้อ356, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 12:30:20 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:23 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 06:53:59 )
รายละเอียด
อาตมาไม่ได้เรียนตรง โดยไปเรียนความชัดเจนของพยัญชนะ อย่างที่ท่านได้เรียนกัน ถ้าท่านเรียนพยัญชนะเก่งแต่ท่านไม่ถึงสภาวะ นี้มันก็รู้มากกลายเป็นจะเสียเวลาหลายชาติ รู้มากในพยัญชนะจะเสียเวลาหลายชาติ แต่ถ้าเรียนรู้สภาวะแล้วมันสรุปง่าย แล้วมันก็จะจบกิจได้ ถ้าไปเรียนแต่พยัญชนะนี้จบกิจยาก แล้วมันเพลินนะและหลงด้วย หลงยิ่งใหญ่ว่าเรารู้มากไปอีกเยอะ ยิ่งในโลกได้รับการรับรองว่าเป็นผู้รู้ได้รับการสรรเสริญยกย่องอีก มันไม่รู้ตัวง่ายๆหรอก กิเลสมันทำให้หลง หลงสรรเสริญยกย่องไปนี่ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าลาภสักการะสรรเสริญเป็นอันตรายอันแสบเผ็ดแม้แต่พระขีนาสพ ฟัง อาตมาก็ยังงงๆ จนไปตามดู อันตรายอันแสบเผ็ดตรงไหน พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นอันตรายอันแสบเผ็ดต่อความสงบปัจจุบัน สรุปง่ายๆ เป็นอันตรายอันแสบเผ็ดของพระขีณาสพ (พตปฎ ล.16 ข้อ 580-581 ภิกขุสูตร)
พูดถึงอันนี้ก็เอาสูตรนี้มาก็ดี สูตรที่บอกว่า คนเราต้องการแก่นธรรม (ผู้ต้องการแก่นธรรม 5 : พตปฎ. เล่ม 12 "จูหสาโรปมสูตร" ข้อ 355-359)แก่นก็คือวิมุติ ต้องการแก่นธรรม แต่เสร็จแล้ว ไม่รู้จักแก่นธรรม ไปแสวงหา เห็นต้นไม้ไปแสวงหาแก่น ไม่ได้เข้าไปหาแม้กระทั่งต้นไปติดอยู่ที่ผิวนอกเลย กิ่งใบ ได้แต่กิ่งใบ “ผู้ยินดีในลาภ สักการะ สรรเสริญ อุปมาเหมือนผู้ตัดเอากิ่งไม้ใบไม้ไป”ได้แต่กิ่งแต่ใบไป ลาภ ยศ สักการะ สรรเสริญ ต่าง ๆ นานา นี้ เขาแสวงหาแก่นนะ เขาหลงได้แต่ลาภ-ยศ-สรรเสริญ
เถรสมาคมเป็นต้น เขาแสวงหาวิมุติกัน หรือแม้แต่จะเป็นสายหลับตาก็แสวงหาแก่นเหมือนกัน แสวงหาวิมุติ แต่เขาก็ได้ลาภ ยศ สรรเสริญไป แต่ก็ยังดีเขายังไม่หลงระเริงอย่างพวกทางเถรสมาคมพวกนี้ ได้แต่ลาภสักการะแล้วก็แบกกัน เทิ่งๆ ตีกันตาย พระพุทธเจ้าท่านหลุดออกมา ท่านไม่เอาเลยลาภสักการะสรรเสริญอะไรก็แล้วแต่ แต่ของเขาแค่นี้ ยังไม่เท่าของพระพุทธเจ้าเลย เขาก็ตีกันอยู่อย่างนี้ แม้แต่เริ่มต้นสะเก็ดของต้นไม้ท่านเปรียบเป็นศีล ก็ไม่ได้ ไม่ได้ศีล คืออะไร มีความหมายชัดเจน ศีล คือสิ่งที่เป็นข้อปฏิบัติ แล้วก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องเรียกว่า อปัณณกปฏิปทา 3 ถ้าไม่ถูกตรงจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยในการปฏิบัติศีล
เพราะฉะนั้นการปฏิบัติศีลที่ไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 มันก็ไม่เกิดมรรคผลแน่นอน ศีล ก็ถือกันไปตามจารีตประเพณี บอกว่าไปไหน ไปถือศีล วันพระวันเจ้าไปถือศีลอุโบสถ ศีล 8 ว่างั้นนะ แล้วก็ไปนั่งๆนอนๆหลับๆ อย่างเก่งก็นั่งสมาธิ หรือไม่ก็ไปสนุกสนานกัน ไปกินไปเคี้ยวอะไรอยู่ในวัดนั่นแหละ รุ่งเช้าก็หาบบริขารกลับบ้าน นี่เป็นจารีตประเพณีทำกัน ได้แค่นั้นแหละ ศีลไม่ได้มีอปัณณกปฏิปทา 3
ศีลที่มี อปัณณกปฏิปทา 3 เมื่อปฏิบัติแล้วก็เกิดสัทธรรม 7 เป็นลำดับ เป็นฌาน 1 2 3 4 เขาไม่เข้าใจแล้วในภาษาพระพุทธเจ้าตรัสไว้หมดแล้ว จรณะ 15 เขาไม่เข้าใจเลย ไม่เกิดการสัมพันธ์ ไม่เกิดปฏิสัมพัทธ์กันระหว่างพวกนี้เป็นอิทัปปัจจยตาซึ่งกันและกัน เขาไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นสะเก็ดก็ไม่ได้ ศีลก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นป่วยการกล่าวไปไยถึง กระพี้ ที่ไปคิดว่าได้สมาธิ ไม่เข้าท่าเลย สมาธิก็เป็นสมาธิเปลือกไม้ ทั้งๆที่เขาจะเอาแก่น เขาก็เอาไปได้แต่แค่เปลือก สมาธินั่งหลับตากัน แล้วไปเป็นสมาธิ เป็นฌาน อธิบายกันไปทั้งสมาธิทั้งฌาน ซึ่งเป็นเรื่อง อจินไตย พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า ฌาน เป็น อจินไตย เขาไม่รู้กัน
เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปพูดถึงเลยเรื่องปัญญา หรือญาณทัศนะ ที่ท่านเทียบเป็น กระพี้ เมื่อมีญาณมีปัญญาจึงจะมีวิมุติเป็นแก่น เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ มีญาณมีปัญญาควบคู่ในจิต จิตมันถึงจะสะอาดจริง เป็นวิมุติหลุดพ้นสมบูรณ์แบบ เป็นญาณทัศนะแล้วก็มาได้เจโตวิมุติก็เป็น อุภโตภาควิมุติ มีทั้งปัญญาญาณมีทั้งจิต แล้วไม่กลับกำเริบด้วยก็ได้แก่นที่สมบูรณ์แบบ
แต่เขาไกลมากพวกเราชาวอโศกนี่ เข้าใจ แล้วเชื่อว่าเราเองมีแก่นไหม? (เสียงตอบว่า มี) มีความหลุดพ้น วิมุต หลุดพ้นจากอบายมุข เราก็เข้าใจแล้วเรื่องอบายมุขของโลก เขาสมมติอบายมุขคืออะไร เขาก็ไม่รู้ว่าอบายมุขคืออะไร ฆ่ากันอยู่ เป็นยิ่งกว่าอบายมุข เพราะฉะนั้นพวกที่ทำสงครามสร้างอาวุธพวกนี้พวกอบายมุข ไม่มีทางที่จะได้เป็นอาริยบุคคลหรอก เป็นคนเถื่อนอยู่อย่างนั้น นี่ฆ่าแกงกันอย่างไม่รู้จบสิ้น เขาไม่มีหลักเกณฑ์ในการเลิก ในการละ ในการไม่ทำ
ศาสนาพระพุทธเจ้าแม้ที่สุดมันเสื่อมจนกระทั่ง เช่น อินเดียไม่มีพุทธศาสนาที่เป็นโลกุตระแล้ว แต่อินเดียก็เป็นศาสนาที่ไม่รุนแรงถึงขั้นที่จะไปสร้างอาวุธมาฆ่าใคร อินเดีย เขาไม่สร้างอาวุธมาฆ่าใคร แต่เขาสร้างจรวดเหมือนกันนะ นี่ เขาเอาจรวดไปลงดวงจันทร์ได้แล้วอินเดีย ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความรู้ทางเทคโนโลยีนะ แต่เขาไม่เอาไปสร้างอาวุธฆ่าใคร เขาทะเลาะกันกลางถนนก็ทะเลาะกันไป มันไม่รุนแรง มันไม่จัดจ้านอะไรเหมือนกับชาติอื่นๆเลยอินเดีย มันลึกถึงขั้นอนุสัยอาสวะ เป็นจิตลึก ผลจากโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอนตามหลัก มีศีล รู้จักชีวะ รู้จักภูตะ ปาณะ สัตตะ จนกระทั่งอย่าไปทำให้เสียหาย แม้แต่ชีวะ
แล้วเขาก็ไปนับถือวัว ให้วัวเพ่นพ่านเป็นพระเจ้าเลย ยกมือไหว้วัวมาขี้รดถนนเดินเพ่นพ่าน ก็หลบให้วัวไปก่อน แล้วยกมือไหว้ปล่อยให้ไป วัวเป็นชีวะถือว่าเป็นพาหนะของพระเจ้าอะไร ของพระอิศวรอย่างนี้ มันลึกซึ้ง มันซับซ้อนเพราะมันเข้าใจเรื่องชีวะ เพราะฉะนั้นคนที่ไม่มีศาสนาที่จะสอนอย่างศาสนาพุทธนี่ จะไม่เข้าใจในเรื่องฆ่าแกงชีวิต เพราะฉะนั้นเขาจะฆ่ากันอยู่ตลอด เขาจะฆ่ากันไม่รู้จักหยุดจักหย่อน
เพราะฉะนั้นประเทศใดที่ไม่ทำสงครามกับประเทศอื่นแล้ว หยุดได้ นอกจากจะหยุดได้แล้ว ต้องประกาศความเป็นกลาง ประเทศที่เป็นกลางจะไม่เป็นศัตรู จะไม่เป็นประเทศที่ทำสงครามกับประเทศใด อาตมาว่าเมืองไทยนี่น่าจะได้ทำ เราสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร และขายให้ถูก เท่าที่เราจะทำได้ตามหลักเศรษฐศาสตร์ พอหมุนเวียนมาใช้ อย่างเรานี่มันเกินสมบูรณ์แล้ว พืชพันธุ์ธัญญาหารเราสร้างขึ้นมานี่ สามารถที่จะกินเหลือเฟือแจกจ่าย ขายก็ขายไปถูกๆ เหลือกินเหลือใช้จริงๆ ปัจจัย 4 ของพวกเรานี่คืออาหารเป็นหนึ่งในโลก นี้เราสมบูรณ์แบบแล้ว อันอื่นๆมันไม่มีปัญหาอะไร เสื้อผ้า ที่อยู่
ที่อยู่ก็โอ้โห มีคนบอกว่าจะมาอยู่บ้านราช มีที่ให้พักไม่เห็นมาเลย จริง เรืออยู่ที่เฟส 1 ยังทำเป็นก้อนหินตัวหนอนอยู่ เปียกับหม่องเขาทำปูนปั้นภูเขาเป็นรูปก้อนหิน เขาเอาเป็น Stone House แต่มันเป็น Worm House เป็นตัวหนอน มันมีแต่บ้านตัวหนอน ไม่ใช่บ้าน Stone ก็ทำเป็นรูปอื่นใดก็ได้ เป็นรูปก้อนหิน Abstract นี่มันได้แต่รูปทรงตัวหนอน
อีกกลุ่มหนึ่ง ก็เป็นบ้านสีฟ้า สีเขียว สีม่วง อย่างสวย แต่ตัวบ้านเห็นเป็นตัวหนอนทั้งนั้นเลย มีตาด้วยนะเจาะรู นี่ก็ติงๆกันไปเท่านั้นแหละ แต่เขาทำเยอะนะ หม่องกับเปีย โอ้โห..ไม่รู้อะไรทั้งหินปลอม หินจริงไม่รู้เลยนะ อยู่ในบ้านราชฯ หินปลอม หินจริงเต็มไปหมด โดยเฉพาะลานน้ำพวกนี้ หินปลอมกลายเป็นหินจริงหมด ท่านหินจริงก็ไปขนขยะ ก็ว่ากันไป
เพราะฉะนั้นถ้าพูดก็พูดอีกทีหนึ่งว่า ธรรมะพระพุทธเจ้าที่อาตมานำมา แล้วก็ให้พวกเราศึกษารู้เข้าใจเอามาปฏิบัติ อาตมาขอยืนยันว่ามันเกิดมรรคผลจริง เกิดการขัดเกลากิเลสได้ เพราะฉะนั้นอาตมาถึงกล้าพูด กล้ายืนยันว่าพวกเรานี้เป็นสังคมของสมณะ 4 เหล่า เป็นสังคมที่มี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ที่พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสไว้ว่า มีผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอยู่ตราบใด โลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ ไม่ใช่คำตรัสที่มันไม่เป็นจริง
จริงและพิสูจน์ได้ แต่คนที่เขาไม่มีปัญญาพอจะรู้ว่าโสดาบันเป็นอย่างไร สกิทาฯอย่างไร อนาคาฯเป็นอย่างไร อรหันต์เป็นอย่างไร เขาไม่รู้แล้วเขาไปหลงผิดอีกว่าอรหันต์หรืออาริยะเป็นแบบเก๊ มันก็เลยเป็นจริงตามที่เขาเข้าใจเชื่อถืออย่างนั้นจริงๆ มันเสื่อมจริงๆมันก็เลยเป็น
เหมือนเอาความจริงเข้ามาให้ยืนยันและเอามาให้พวกเราพิสูจน์ พวกเราศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้า ทำได้จนกระทั่งเกิดจริงเหมือนกัน แต่แน่นอนมันไม่ง่าย แล้วมันก็ต้องเป็นคนที่มีดวงตาที่จะมีธุลีในดวงตาน้อยมาเห็น โลกุตรธรรมหรืออาริยธรรมของพระพุทธเจ้า มันก็น้อย มันก็ได้จริงๆ ก็ได้แค่น้อย มันไม่ได้ผิดอะไรจากสัจธรรม ของจริงที่มันจะต้องเป็นอย่างนี้ อาตมาไม่ได้ไปแปลกใจ ไม่ได้ไปงง ไม่ได้ไปสงสัยอะไรหรอก คนเขาไม่เข้าใจ เขาด่าเรา ก็เห็นใจเขาสงสารเขา ก็ไม่รู้จะไปทำยังไง ก็ได้แต่สงสารไป
แต่อาตมาก็มั่นใจในความถูกต้องในความจริง ก็ทำงานอยู่นี่แหละ พยายามที่จะสืบสานธรรมะพระพุทธเจ้า ซึ่งอาตมามีอะไรต่ออะไรก็ได้เปิดเผยไป จนกระทั่งไม่ค่อยอ่านหนังสือ เกิดมาชาตินี้ อาตมาพูดอะไรหลายอย่างที่มันน่าอาเจียนเป็นโลหิตพุ่งออกจากปาก หรือง่ายๆน่าอ้วกแตก มันพูดเหมือนกับว่า เป็นผู้รู้ เป็นผู้มีความจริง เป็นผู้สูงส่ง เป็นอะไรต่ออะไรคล้ายๆอย่างนั้น แล้วก็ยืนยันตัวเองเป็นอีก มันไม่น่าพูด ธรรมะโลกุตระมันไม่มีในยุคนี้ อาตมามี อาตมาก็ยืนยันว่าอาตมาเป็นอย่างนี้อย่างนี้ เป็นอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ เป็นธรรมิกราช มันทำไมมันหลงใหลตัวเองถึงขนาดนั้น อาตมาก็เข้าใจและเห็นใจเขาอยู่ แต่อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาไม่ได้พูดผิด ไม่ได้พูดบาป ไม่ได้ปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตนเป็นปาราชิก ขอยืนยันว่าอาตมาไม่เป็น มันเป็นสัจจะที่แท้จริง
เพราะฉะนั้นพวกเรามีแค่นี้ที่มาพิสูจน์ ได้พิสูจน์ว่าอาตมาเป็นจริง จนกระทั่งพวกเรานี้ยกย่องยกยออาตมา อาตมาไม่เคยไปบอกให้พวกเรายกย่องยกยออาตมา เรียกคารวะอย่างสูงสุด สุดเศียรสุดเกล้า อะไรต่ออะไร อาตมาไม่เคยไปบอกให้พูด ถ้าจะว่าจริงๆแล้วมันน่าจะเหนียมด้วยซ้ำไป แต่อาตมาไม่เหนียม เพราะรู้อยู่ว่าความจริง รู้ความจริงที่ว่า อาตมาต้องเกิดมาชาตินี้ มาเป็นคนที่นำธรรมะพระพุทธเจ้า อันสูงส่ง เพราะฉะนั้นอาตมาก็คือตัวสูงส่ง อีกแหละ คนเขาไม่ศรัทธาจะอ้วกแตกตาย ว่ามันหลงตัว ยกตัวเองเหลือเกินเนี่ย อาตมาอธิบายสัจธรรมอาตมาไม่ได้ยกตัวเอง ไม่ได้มาหลงตัวเองอะไร พวกเราเข้าใจแล้วพูดยังไงก็ถูก อาตมามีธรรมดาของสิ่งนี้ เป็นธรรมดาของอาตมา อาตมาไม่ได้เก้อเขิน จริงใจ สนิทสนมกับสัจธรรมอันสูงส่งนี้ เป็นตัวจริงเป็นของจริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บทพิสูจน์สัจจะของโลกุตรธรรม ที่ครบครันทั้งรูปทั้งนาม วันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2566 ( 14:57:38 )
รายละเอียด
เป็นการพิสูจน์ระบบสาธารณโภคี ที่ไม่เกิดทะเลาะวิวาทแย่งชิง มันเก่งแล้วนะใครทำได้ก็ทำ สมณะโพธิรักษ์ธรรมะ 50 ปีตั้งแต่เริ่มต้นชุมชนชาวอโศกมีสาธารณโภคีตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้ ทุกวันนี้พวกเราทำเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นเป็นสิ่งที่ยืนยันกับสังคมโลกได้ แต่เขาไม่มีปัญญาที่จะรู้ ที่จะเห็นความสำคัญ บริหารนักรู้ในโลก นักวิชาการ นักศึกษาเขาจะได้มาศึกษามาเอาอันนี้อย่างใกล้ชิด มาขยายผลกับสังคมยังไม่ถึงมีบ้างมาทำ the sis ทำวิจัย ทำวิทยานิพนธ์ บ้าง แล้วคนที่เข้าใจจริงก็เอาตัวเองมาอยู่มาทำวิทยานิพนธ์เอาความรู้ บางคนก็มาคบคุ้นมาอยู่ก็มี บางคนไม่ถึงก็มาขออาศัยเพื่อได้ปริญญาแล้วก็ไปได้ปริญญาโทปริญญาเอกไปได้ เป็นเครื่องมือทำมาหากินลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็มี มันซับซ้อนในนี้
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่1 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:44:05 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:42 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:37:29 )
รายละเอียด
มรรคองค์ 8 นี้สรุปลงไปในการปฏิบัติคือเทวธัมมา แล้วเทวธัมมาก็แยกให้ได้เป็น 2 ทวเยนะ แยกอะไร?..แยกเวทนา เข้าฐานปฏิบัติมีเวทนาเป็นฐานปฏิบัติ ทำเวทนาให้เป็น 1 เอกสโมสรณาให้เป็น 1 ได้ เมื่อเป็น 1 จะรู้ว่า เวทนาก็คือสังขาร เมื่อเกิดวิชชาก็รู้สังขาร สังขารปรุงแต่งเป็นวิญญาณ เมื่อแยกด้วยนามรูป ก็รู้วิญญาณเกิดจากนามรูปปรุงแต่งเป็นสังขาร แล้วจะเกิดรายละเอียดของอายตนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น
จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 20:28:54 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:27:12 )
รายละเอียด
ได้ขนาดนี้อย่างเป็นสาธารณโภคี อาตมาว่าประสบผลสำเร็จ ไม่ได้พูดอย่างลมๆแล้งๆโง่ๆ ที่จริงมันไม่เป็นไร แต่คุณหลงลืมว่ามันมี อาตมาว่าไม่ใช่ มันเป็นสาธารณโภคีจริง
การทำงานกับมนุษยชาติทั้งจิตวิญญาณทั้งพฤติกรรมที่เป็นอยู่ร่วมแล้วเป็นชีวิต ชีวิตคนมาพูดได้ลงตัวตามพระพุทธเจ้าสอน จนกลายเป็นคนมีวรรณะ 9 เป็นสังคมสาราณียธรรม 6
อาตมาสรุปเอาคำสอนพระพุทธเจ้ามายืนยัน พวกคุณพอเข้าใจเลยใช่ไหม ส่วนคนข้างนอกจะเข้าใจได้ยาก เพราะเขาไม่รู้เรื่อง ว่าจะมาศึกษาอะไร ปฏิบัติธรรมต้องไปนั่งหลับตา หลับตาปฏิบัติและสมาธิเก่งเยี่ยมยอด ดีไม่ดีก็มีความพิเศษหลายๆอย่างในสมาธินั้น ซึ่งมันออกนอกรีตของพระพุทธเจ้าไปไกลมากเลยทุกวันนี้ ก็ค่อยๆศึกษากันไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 21:19:05 )
รายละเอียด
มันมี 2 อย่าง โลกนี้กับโลกหน้าเป็นเทวะคู่สำคัญ โลกโลกียะกับโลกโลกุตระ นี่คือโลกสองโลกยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ตรัสรู้โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะเกิดมาในโลกยุคไหนก็ตาม ถ้ามีพระพุทธเจ้าก็จะตรัสรู้เรื่องนี้แล้วก็ประกาศเรื่องนี้ ไม่ประกาศเรื่องอื่น
เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นผู้สืบทอด สยังอภิญญา เป็นผู้จะสืบทอดศาสนาโลกุตระของพระพุทธเจ้าเกิดมาจึงประกาศยืนยันโลกนี้กับโลกหน้า เท่านั้นด้วย ประกาศโลกนี้โลกหน้าอีกย้ำยืนยัน ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะมีสยังอภิญญามาประกาศโลกนี้โลกหน้าให้รู้แจ้ง
เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ อาตมาเป็นไก่ตัวพี่เกิดมาในยุคนี้ ไม่มีพระพุทธเจ้าจึงประกาศว่าตัวเองเป็นไก่ตัวพี่และเหตุที่อาตมาประกาศตัวเองเป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้ เพราะแน่ใจว่าไม่มีใครเป็นไก่ตัวพี่เกินหน้าอาตมาในยุคนี้ พูดโดยไม่ได้หลงตัวเองแต่พูดความจริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:27:04 )
รายละเอียด
เป็นคำแต่งขึ้นใหม่เรียกว่าประนามคาถา เอาเรื่องของพระพุทธเจ้าที่ผ่านมา มาแต่งขึ้นเป็นคำยกย่องชมเชยด้วยว่า ประนามคาถา ซึ่งเอามาสวดเป็นหมู่สวดชมเชยพระพุทธเจ้าเป็นหมู่ต่อหน้าสาธารณะ ต่อหน้าอนุปสัมบัน ต่อหน้าใครก็ได้ให้ได้ยินได้ฟังไม่อาบัติ เพราะเป็นประนามคาถา ไม่ใช่ธรรมบท อันนี้อยู่ในวินัยเลยมุสาวาทวรรคข้อที่ 4 แต่เขาเพี้ยนแล้วเข้าใจไม่ได้ ก็เลยทำเลยเถิด อาบัติไป ทุกวันนี้สวดมนต์กันเป็นหมู่ๆ ดีไม่ดีไปสวดกันเป็นล้านคนต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งคือความเสื่อมของความจริงมันเสื่อมไปจริง มันไม่รู้มันไม่ประสีประสา แล้วทำไปโดยโง่ๆผิดๆมันก็เลยยิ่งทำให้ศาสนาพุทธเพี้ยนกันไปใหญ่
ศาสนาพุทธไม่ใช่เป็นศาสนาอวดอ้างการสวด อาตมาขอสรุปลงไปว่าพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตในธรรมวินัย ในวินัยข้อ 20 ข้อ 21 ท่านสรุปไว้ในข้อ 20 ว่าห้าม ห้ามนะ มันมีห้ามกับอนุญาต ห้าม ไม่ให้สวดลากเสียงอันยาว ไม่ให้สวดเป็นคีตะเป็นเพลง มีทำนองไม่ได้ ลากเสียงอันยาวยังไม่ได้เลย เป็นเพลงเป็นคีตะก็ไม่ได้ นี่คือวินัยข้อ 20 ไปเปิดดูเลย ในพระไตรปิฎกวินัยข้อ 20 อันนั้นห้ามนะไม่ให้ทำ แต่ทำกันอยู่ทั้งนั้นลากเสียงอันยาว ยาวคืออย่างไร ก็ลากมันยาวเกินจริง อะ มันก็สั้นๆ อา มันก็ยาวหน่อย นะโม มันก็ยาว โมะ มันก็สั้น
นาาาาาา โมมมมมมม ตัสสสสสส สะะะะะ ภะะะะะะ คะะะะะวะโต จะยาวไปถึงไหนให้มันลงเสียงตามที่ยาวสั้นพอสมควร ไม่ใช่ลากยาวไปเกินขอบเขต นั่นมันเป็นอาบัตินั่นมันผิด ก็ท่านห้ามไว้แล้ว ลากเสียงอันยาวเกิน รัสสระ ทีฆสระ เป็นอาบัติตามจริงที่ทำจริง ทำมากเกินจริงก็อาบัติมากเท่านั้น ถ้ามันถูกต้องมันก็ถูกต้อง มันไม่ถูกต้องมันผิดนิดน้อยก็อาบัตินิดน้อย ลากไปยาวเกิน ดีไม่ดีเล่นจังหวะฮาร์ดร็อคเลย สวดอะไรต่ออะไร หรือว่าเล่นลากเสียงลูกคอ 7 ชั้น 8 ชั้นเลย มันก็ได้บาป
สวดเป็นหมู่ต่อหน้าธารกำนัลก็อาบัติ เอามาสวดลากเสียงอันยาวก็อาบัติ ร้องเป็นเพลงเป็นหมู่ เรียก choir อ่านว่า ควายเออร์ คือนักร้องหมู่ ดีไม่ดีร้องเป็นเสียงไปด้วยกันเมโลดี้ตัวเดียวกันหรือเป็นคอร์ดเลย มีการประสานเสียงแทรกเสียงผสมแต่เสียง เหมือนคณะเทวนิยมศาสนาอื่นๆ เขามีหมู่ choir อยู่ในโบสถ์ร้องสวดต่อหน้าคนนั่นแหละ ไปเอาอย่างเขาทำไมเล่า พระพุทธเจ้าท่านไม่ทำแบบนั้น ทำให้เป็นการสวดอวดสวดอ้าง ดีไม่ดีสวดทำมาหากินอย่างที่เขาทำ เอาไปสวดหากินได้เงิน ถ้าเป็นงานที่เขานิมนต์ไปที่ไหนก็ไปสวดใช่ไหม แล้วก็ได้เงิน ได้กินข้าว เขามาถวายอาหาร ได้ฉันอาหาร เสร็จแล้วก็ถวายเงินมา หรือมีอะไรเป็นของชำร่วย ซึ่งเป็นเรื่องใช้การสวดมนต์เป็นเครื่องมือหากิน น่าอายมาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพาหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2566 ( 16:35:33 )
รายละเอียด
ที่นั้นเราตกลงว่า เราไม่ซื้อ เราก็ไม่มีสิทธิ์จะอยู่ในที่ของเขา ก็ให้ออกมา ไปอยู่ในที่ของเขาทำไม ก็ตามควร ที่นี่ก็ทำไม่ไหวไม่ทัน
ต้องใช้บทเรียนที่มีประสบการณ์จริงเขาใช้สำนวนไทยว่า คางคกถ้าเลือดหัวไม่ตกยางไม่ออกก็ไม่รู้สึก ภาษาโบราณเขาว่าอย่างนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:40:27 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 12:12:14 )
รายละเอียด
อิสรเสรีภาพ (Independent) มีอิสรภาพพ้นอำนาจกิเลส
ภราดรภาพ มีภาวะแห่งรักกว้างออกไปดุจดั่งญาติ
สันติภาพ มีภาวะสงบแท้ ไม่มีตัวเหตุเบียดเบียน
สมรรถภาพ มีความสามารถสรรสร้างประโยชน์สุข
บูรณภาพ ปรับปรุงพัฒนาให้เจริญ ให้เต็มบริบูรณ์
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2562 ( 21:19:34 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:06 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 16:01:58 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 14:37:45 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 06:22:47 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 06:54:43 )
รายละเอียด
ใช่ เราไม่มีโปรแกรมที่จะทำมาก่อนมีแต่ท่านกรรมกรบอกให้อาตมาไป ก็ไปบรรจุ ก็มีผู้ร่วมกันไม่น้อย ได้บรรจุพระธาตุนั้น เป็นเรื่องอจินไตย มันจะต้องลงตัวเพราะมีเหตุปัจจัยที่มันสมบูรณ์พอสมควรสมบูรณ์แบบได้ทีเดียว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:39:37 )
รายละเอียด
เราจัดมาหลายทีแล้ว หลายปีแล้วขายของถูก Covid ทำให้หยุดไปหลายปี เราทำมาตั้งหลายปีมันจะเป็นอะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องซับซ้อน คนที่มาในงานเรา คนที่จะมาซื้อของถูกที่เราทำให้แก่ประชาชน ใหม่ๆแรกๆจะมีคนมีจิตคิดเอาเปรียบมา แม้กระทั่งคนที่ฐานะดี ก็มาแย่งซื้อของถูก และยังไม่พอยังเอาคนของตัวเองมาเข้าคิว มาเวียนเทียนซื้อของถูก ใหม่ๆเป็นอย่างนั้น
แต่ต่อมาละอายเอง ไม่มา ทุกวันนี้เราจัดมาตั้ง 40 กว่าครั้งจะ 50 ครั้งแล้ว ไม่มีแล้ว บรรยากาศของคนดี จะมีพลังด้วยตัวเองเลย จะมีพลังขับดันสิ่งที่ไม่ดีออกไป เหมือนกับทะเลกับคลื่น จะซัดเศษขยะเข้าหาฝั่งหมดเลย ในทะเลจึงไม่มีเศษอะไร เป็นธรรมดาธรรมชาติของมันเลย อันนี้เหมือนกันเลย
เพราะฉะนั้นคนที่มาซื้อ จะเป็นคนที่ได้ถูกกล่อมเกลา คนที่มาซื้อของถูกจากตลาดอาริยะของเรา จะเป็นคนเข้ามาในที่นี้เข้ามาถูกกล่อมเกลา ใครที่มาทำโด๊เด๊เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ มันจะเด่นเห็นเลย จะเป็นแกะดำในหมู่แกะขาวเลย ไม่ได้ เหมือนกับคนเข้ามาในที่นี้ผู้หญิง ถ้าปากแดงแจ๊ดเข้ามาในนี้ รับรองจะรีบไปลบเลย มีเยอะแล้วหลายคนเข้ามาในนี้ ไม่มีใครเขาทาปากแดงตลกเลย นอกจากคนที่ปฏิภาณไม่มี ตัวเองปากแดงอยู่คนเดียว เฉย คนอื่นเขามองก็เฉยไม่รู้สึกรู้สา แต่คนจะมองจริงๆ คนที่ทาปากแดงแจ๋ แต่งหน้าแป๊ดเข้ามาในนี้ จะถูกมอง จะมองด้วยมารยาทก็แล้วแต่ นี่มันซับซ้อนลึกซึ้งอยู่
เพราะฉะนั้นในชาวอโศกเนี่ย สิ่งที่แปลกปลอมเข้ามา ยาก จะพยายามเข้ามาอย่างไรก็อยู่ไม่ได้ จะกระเด็นกระดอนเอง นอกจากคนที่สติไม่ดี จะต้องให้ตำรวจมาเอาออกไป ถ้าคนสติดีเขาอยู่ไม่ได้ ถ้าเขาจะมาขัดขวางมาย้อนแย้ง มันจะไม่กลมกลืน มันอยู่ไม่ได้ นี่เป็นสัจจะที่ซับซ้อนลึกซึ้ง
เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จึงทำให้เกิดความสงบอบอุ่น ในสัจธรรมพวกนี้ มันจะไม่มีอะไรที่เข้ามาวุ่นวาย เข้ามากวน เข้ามารวนอย่างที่หลวงปู่บอก คุณมาสิ คุณมาอยู่เชิญคุณรวนด้วย รวนให้หนักให้เต็มที่เลย หลวงปู่ท้าทายเขาไปเมื่อวาน เรื่องจริงนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 12:39:34 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 14:46:50 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 06:24:17 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 06:55:35 )
รายละเอียด
เลิก , ปล่อย , ไม่ยึดที่เป็นอกุศลธรรม พ้นชั่ว พ้นผิด ห่างความต่ำขึ้นมาให้ได้จริง ๆ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค หน้า 15
เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 12:01:20 )
เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2563 ( 13:13:22 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 06:55:56 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าท่านอธิบายหยาบมาหาละเอียด ละเอียดไปสู่ที่หยาบ เพราะฉะนั้น เมื่อละเอียดหมด 0 ได้ข้อสรุปเป็นขั้นแรกเป็นพระโสดาบัน แล้วก็มาไล่ละเอียดขึ้นเป็นลำดับมาเป็นลำดับใหม่ โดยตั้งฐานใหม่ โดยที่ฐานเก่ามันจบแล้ว ตามวิธีเดิม 1 2 3 4 ไล่มา แต่มันเป็นรอบที่ละเอียดเล็กลงก็สูตรเก่า 1 2 3 4 เรื่อยมาอีก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 20:18:12 )
รายละเอียด
นี่ก็ถูกต้อง จักษุ ปัญญา ญาณ วิชชา อาโลก มันเป็นตัวกำหนดของพระพุทธเจ้าที่กำหนดว่าการที่จะรู้ครบ รู้บริบูรณ์ รู้อย่างจบแจ้งหรือแจ้งจบจริง จะต้องมีตา มีหู จมูก ลิ้น กาย ภายนอก ทำงานอย่างเต็มที่ แล้วก็เกิดปัญญา ญาณ วิชชา โดยเห็นทุกอย่างของโลก อาโลก ทุกอย่างที่ในโลกเขามีเป็นลำดับๆๆ เราเรียนโลกไปตามลำดับ มันปรุงแต่งกันอยู่อย่างไร เราก็ทำความรู้แต่ละปริเฉท แต่ละรอบ แต่ละกรอบ แต่ละเรื่องไป มันก็จะรู้ความจริงตามไปได้เรื่อยๆจนครบ มากขึ้นๆๆ ก็จะสมบูรณ์แบบเอง ไม่ใช่ตะกละตะกลาม หรือรู้เละรู้มาก อันนี้ก็จะศรัทธาไปหมดเหมือนคุณเดชา อัมพร สรุปไม่ลง
ขอพาดพิงไปถึงท่านปยุตฯ อีกคน เยอะ อะไรก็น่ารู้ น่ารู้ แล้วท่านก็รู้มาก รู้ไป ท่านควรมาเรียนที่ตัวเองแล้วมาสรุปจบให้ได้ แล้วท่านก็จะดำเนินไปตามลำดับ ทีนี้มันมากจนมันไม่มีลำดับ แล้วมากไม่รู้จบหรอก เราเรียกว่าโลกจินตา ความคิดของชาวโลก โลกมันพาสิ่งที่คิดที่เฟ้อขึ้นมาในโลก มันมากจนเรียกว่าโลกจินตา ก็ไม่จบหรอก มันก็จะปนๆอีกนานแสนนาน
ถ้าสรุป จับจุดที่ตัวเองจะปรุงแต่งเป็นชุดๆๆๆ แล้วก็ให้จบไปเป็นรอบๆๆๆ ได้ ถ้าจับอย่างนี้ไม่ได้เลย จะกลายเป็น ปทปรมบุคคล จะรู้มาก อะไรก็รู้มาก โดยเฉพาะความรู้พระพุทธเจ้า รู้มาก ท่องจำก็มาก สอนสาธยายอยู่ก็มาก แต่ตนไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินั้นๆ น่าสงสารมากเลย
อาตมาก็ได้แต่พูดความจริงอย่างนี้นะ ใครจะหาว่าอาตมาไปลบหลู่ท่านประยุทธ์ ไปยกตนข่มท่านประยุทธ์ ก็แล้วแต่ใครจะคิดไม่มีปัญหาอะไร อาตมามีแต่ความจริงใจ สงสาร อาตมาก็ว่าอาตมาไม่ได้เข้าใจผิด เป็นความเชื่อของอาตมาว่า อาตมาไม่ได้เข้าใจผิด ส่วนคนอื่นจะเชื่ออย่างไรก็ของใครของมันเนาะ ก็แสดงธรรมไปอย่างนี้แหละ ฝากฟ้าฝากลมไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 12:45:39 )
รายละเอียด
จนพระพุทธเจ้ารู้ตัวเองว่ามันไม่ใช่ ต้องมาเป็นจรณะ 15 วิชชา 8 ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาสะกดจิต ไม่ใช่ ต้องมาปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ซึ่งเดี๋ยวนี้อาตมาพูดก็ยากที่คนจะเข้าใจ เพราะเขาเข้าใจจรณะ 15 วิชชา 8 ที่เป็นโลกุตระยังไม่ได้ง่ายๆ อาตมาจึงต้องตายไม่ลง จะต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้กระจ่าง เป็นหน้าที่รับผิดชอบของอาตมาซึ่งมันเป็นโลกุตระ ถ้าหลับตาสะกดจิตออกป่าปฏิบัติ แล้วก็บอกว่าบรรลุ มันเป็นของ เดียรถีย์ เป็นมิจฉาทิฏฐิคู่กันกับศาสนาที่ปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8
แยกกันให้ดีนะ หลับตาสะกดจิตเหมือนมหาบัวนั่งหลับตาจนก้นแตกก้นพังที่เล่ากัน เสร็จแล้วก็บรรลุปึ๋ง ไม่มีรายละเอียดของธรรมะ ไม่มีลำดับ ลำดา ไม่มีลำดับที่น่าอัศจรรย์ที่เป็นศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 1 2 3 4 หรือมีศีล อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 แล้วก็เกิด ฌาน 1 2 3 4 ด้วย วิชชา 8 เป็นยาดำ เป็นกระสาย เป็นความฉลาดประกอบร่วมอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ได้มีเช่นนั้น เขานั่งหลับตา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:43:54 )
รายละเอียด
คือ เป็นผู้อยู่เหนือ (อุตตระ) ทั้งโอฬาริกอัตตาทั้งมโนมยอัตตา ทั้งอรูปอัตตา ไม่ยึดมั่น ถือมั่น เป็นตน เป็นของตน ได้ยั่งยืน ตลอดไปถึงขั้นนิรันดรกันจริงๆ ไม่ลับหูลับตา โดยมี หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ สัมผัสอยู่ ยืนยันอยู่แท้
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 208
เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:37:31 )
เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 07:05:36 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 06:56:20 )
รายละเอียด
การเป็นคนนี้ ในความเป็นคน ทุกคนจะมีจิต เป็นตัวตัดสิน เป็นตัวนำพาตนเอง จะไปอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้น มากน้อยก็แล้วแต่ บางคนก็ไปตามยถากรรม ไม่มีเจตนาที่จะไปทางนั้นทางนี้มาก แต่ก็ต้องมีจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อที่จะได้รวย เพื่อจะได้ฐานะดีมีอยู่มีกิน จะได้ลาภยศสรรเสริญ นี่ก็คือลักษณะของโลกียธรรม มากหรือน้อยก็แล้วแต่คน อาตมาอยู่ทางโลก 12 ปี ลักษณะอยู่อย่างโลกีย์ ทำเพื่อลาภยศสรรเสริญโลกียสุข เพื่อความสุขที่ตัวเองคิด ทำมา12 ปี พอมาอยู่ทางนี้ไม่ได้ทำเพื่อลาภยศสรรเสริญ หรือจะเสพสุขโลกีย์ อย่างเขาเป็นกัน อาตมาว่า อาตมาบรรลุธรรมเป็นคนโลกุตระ ตั้งแต่รู้ว่าตนเองบรรลุธรรมแล้วมาทำงานทางนี้ ตั้งแต่บัดนั้นมาถึงบัดนี้ ขออภัยที่พูดแล้วเหมือนคนอวดตัวตน แต่ผู้ไม่ชัดทางสัจธรรมความจริง ผู้ใดจะบอกว่าอาตมาปาราชิก อาบัติ อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 10:32:12 )
รายละเอียด
บรรลุธรรมไม่ได้ เพราะรู้อย่างใดอย่างเดียว รู้จักภายนอกไม่รู้ภายในร่วม รู้แต่ภายในไม่รู้ภายนอกร่วม ไม่บรรลุนิพพาน ไม่บรรลุธรรมะของพระพุทธเจ้า เพราะจะต้องมี 2 เสมอ
เพราะฉะนั้นเทวนิยมรู้จักพระเจ้าแต่ภายในอย่างเดียว ภายนอกที่กระทบด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย ไม่รู้เลย ไม่มีอยู่ ไหนล่ะพระเจ้า ไหนลองสัมผัสดูซิ เอามือจับ ตาเห็น ได้ยินเสียงจริงๆ เดี๋ยวนี้ ได้กลิ่น ลิ้นแตะได้ ก็ไม่ได้ ก็ไม่ถือว่าเป็นสัจจะครบบริบูรณ์ เมื่อไม่มีสัจจะครบบริบูรณ์ เขาก็ปฏิบัติธรรมบริบูรณ์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นแม้ข้อเดียว นามรูป หรือภายนอกกับภายใน เท่านี้แหละไม่ครบ
นี้เป็นอภิภายตนะข้อที่ 1 มีสัญญาการกำหนดรู้ภายนอกภายใน สัญญาคือการกำหนดรู้หรือสำคัญมั่นหมาย อันนี้ภายนอกนะ แล้วอันนี้ภายในนะ 2 เป็น 1, 1 เป็น 2
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมจากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2565 ( 05:25:45 )
รายละเอียด
เรื่องของจิต เจตสิก รูป นิพพาน ซึ่งเป็น “ธรรม” ขั้น “อภิธรรม” นั้น ตรัสรู้โดยพระพุทธเจ้า ที่บรรลุขั้นมี “ปัญญา” รู้จักรู้แจ้งรู้จริงที่สุด สามารถ “รู้จบ” กันจริงๆ แท้ๆ ถึงขั้นเป็นผู้จัดการ “ใจในใจขอตน” ให้เป็นไปได้สำเร็จสูงสุดอย่างสำคัญยิ่งยอด
เช่น จัดการให้ “ใจตนเอง” ทำแต่ “ดี” ไม่ทำชั่วอีกเป็นเด็ดขาดตลอดไป ชนิดไม่กลับไปทำชั่วกันอีกเลยก็ได้ จัดการให้ “ใจตนเอง” ไม่มี “สุข” ไม่มี “ทุกข์” ก็ได้ จัดการให้ “ใจตนเอง” รู้จักกิเลสก็ได้ รู้แจ้งทั้งกิเลสทั้งรู้จริงวิธีลดละดับกิเลสก็ได้ จัดการสลาย “จิตใจตนเอง” เมื่อตายกายแตกลงไป (กายัสสะเภทา) ก็ทำ “ใจตนเอง” ให้หมดความเป็นจิตใจแตกสลายกลายไปเป็นดินน้ำไฟลมกันเลยก็ได้
สรุปคือ ความเป็น “จิตวิญญาณ” นั้น สุดยิ่งใหญ่ตั้งแต่ต้นจนจบในความเป็น “จิตวิญญาณ” หรือคือ “อัตตา” คือ “เทฺว” คือ “ภาวะ 2” คือ “นาม-รูป” คือ “กาย-จิต” คือ “พระเจ้า” คือ “ปรมาตมัน” คือ “สังขาร” คือ “อนัตตา” คือ “สูญ” ผู้มี “ปัญญา 8” จะสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงและรู้จบ ใน “ความจริง” ทั้งหมดนี้ได้ครบถ้วน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ งานอโศกรำลึก 2566 ธัมมิกราชประกาศโลกุตรธรรม วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ
เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2566 ( 11:24:45 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2561
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2564 ( 11:19:33 )
รายละเอียด
อันเป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ที่สามารถ ทำ“การดับสุข-ดับทุกข์”ใน“เวทนา“ของตนได้สำเร็จแท้จริง ซึ่งเป็น“ผลการบรรลุธรรม”เยี่ยมยอดของศาสนาพุทธผู้“ไม่มีสุขเวทนา-ไม่มีทุกขเวทนา หรือไม่มีบุญ-ไม่มีบาป” ดับ“ความเป็น 2”อันคือ “ดับเทฺว”ได้สำเร็จ ชนิดที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“เทฺว”หรือรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ความเป็น 2”นี้ว่า นี่แหละ“มายา”แท้ๆ คือ“ภาวะที่ไม่จริง” เป็น“ความหลอก”ที่เป็น“อุปาทาน”ของคนแท้ๆให้คนหลงว่า“จริง” ด้วยความมี“ปัญญาอันยิ่งของตน”จึงจะพ้นการถูกหลอก
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 429-430 ข้อที่ 586
เวลาบันทึก 07 มิถุนายน 2565 ( 14:36:18 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:26:10 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 16:00:36 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 06:57:09 )
รายละเอียด
แต่พวกเรามาบรรลุธรรมมาเห็นว่าทิศทางมักน้อยสันโดษ ทิศทางมีวรรณะ 9 เป็นคนเลี้ยงง่ายบำรุงง่ายเป็นคนมักน้อยเป็นคนสันโดษเป็นคนยากจนเป็นคนที่มีจิตใจพอเพียง เป็นคนที่มีศีลขัดเกลาตนเอง มีอาการที่น่าเลื่อมใส เป็นคนไม่สะสมเป็นคนยอดขยัน ขยันเสมอ เป็นคนที่เข้าหลักเกณฑ์ของวรรณะ 9 เป็นคนชั้นสูงเป็นคนคลาสสิค เป็นผู้มีคลาส มีชั้นวรรณะ จึงเป็นความเข้าใจที่ยากมากเพราะเขาจะเห็นอย่างที่เขาเห็นแสดงออกมา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน แนวคิดแบบคนจนนั้นคนมีภูมิจึงเข้าใจได้
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 10:59:22 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:58:17 )
รายละเอียด
อาตมาพยายามนำคำตรัสของพระพุทธเจ้าพวกนี้ มากล่าวให้พวกเราได้เข้าใจ เอามาใช้ประกอบในการปฏิบัติธรรม สุดท้ายเราก็จะได้บรรลุนิพพานและจะได้เป็นประโยชน์ต่อโลก ประโยชน์ตนนั้นคือตัวเองได้บรรลุนิพพาน
บรรลุนิพพานคืออะไร คือบรรลุการรู้จักจิตเจตสิกต่างๆ จิตคือธาตุรู้ที่แยกออกไปเรียกแต่ละหมวด แต่ละเรื่อง แต่ละราวเรียกว่าจิต แล้วจิตก็ยังแยกละเอียดไปอีก
ที่มา ที่ไป
พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2566 วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2566 ที่บวราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 17:37:27 )
รายละเอียด
สมาธิของพระพุทธเจ้าเรียกว่า สมาหิโต ไม่ได้เรียกเจโตสมาธิ แล้วก็เป็นวิมุติ หลุดพ้นจากอวิมุติ ศึกษาให้ดีๆ ธรรมะที่อาตมาพูดยืนยันตามหลักธรรมะ พระพุทธเจ้าทุกอย่าง คุณอธิบายได้อย่างอาตมาไหมล่ะ คุณอ้างอิงยืนยันตามที่อาตมาอธิบายได้ไหมล่ะ คุณว่าคุณฉลาด รู้จักธรรมะพระพุทธเจ้ากว่าอาตมา ไม่ได้ข่มคุณนะ แต่พูดยืนยันวิธีตรวจสอบ คุณเอาไปตรวจสอบให้ดีๆแล้วคุณจะรู้ความจริง
ให้ฝึกสติมาก่อน ผู้ที่ฝึกปฏิบัติธรรมก็ต้องฝึกสติมาก่อน นั่นแหละดี มีสติสัมปชัญญะมีสัมมาสมาธิ เป็นสมาหิโต แล้วเรียนรู้ไปตามปฏิบัติธรรมตามหลักพระพุทธเจ้าจรณะ 15 วิชชา 8 กิเลสลดในขณะลืมตา ตรัสรู้ในขณะลืมตา เป็นนิพพาน ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ ต้องมีทิฏฐิเรียนรู้ปฏิบัติธรรม บรรลุนิพพานในขณะที่มี ทิฏฐกาล คือในปัจจุบันชาติ ในขณะลืมตา รู้อยู่กับโลกไม่ได้ไปหลับตาเลย
เข้าใจความแต่แค่ว่า การบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้านั้น บรรลุจากกาม เลิกกามได้ฌาน 1 มีฌาน 2 ฌาน 3 ฌาน 4 แล้วลงท้ายเป็นโลกุตระหรือวิมุติ นี่คือ ทิฏฐธรรม นิพพานทิฏฐิ 5 ข้อ เพราะฉะนั้นคุณเรียนรู้ให้ดีๆก็จะรู้ว่า ปฏิบัติธรรมอยู่ในทิฏฐกาละหรือทิฏฐธรรม ในปัจจุบันชาติ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 14:22:04 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 14:29:42 )
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 16:01:28 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 06:57:30 )
รายละเอียด
ตอบไม่ได้ ปัจจัยที่คุณบอกมามันไม่พอที่จะตอบได้เลย อาตมายังไม่เก่งพอที่จะตอบได้ คุณก็บอกแค่ว่าทานอาหารแค่ 1-2 มื้อปฏิบัติศีล 8 ก็เอาเถอะ อายุ 68 ปี บรรลุระดับไหน รู้ด้วยตนเองดีกว่า ฟังธรรมะให้ดีแล้วรู้ไปจริงๆ อาตมาก็พยายามเจตนา อธิบายให้ชัดเจนจะได้รู้ตัว ไม่ใช่รู้จากใครบอก แต่เรารู้ตัวเองโดยเอาตัวเองเป็นที่ตัดสินเองมันสุดยอด น่าจะเป็นเช่นนั้นมากกว่า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 11:07:12 )
รายละเอียด
ขนาดผู้ที่มิจฉาทิฐิเขาก็ยังสอนเลย โสดาบันก็จะสอนแล้ว ศาสนาพุทธไม่อมพนำ มันเป็นของดี ไปอมพนําไว้ทำไม ไปอ่านพระสูตรที่ 2 ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 โลหิจจสูตร ผู้ที่บรรลุแล้วไม่บอกคนอื่นบอกคนอื่นไม่ได้ ก็มีคติไป 2 ทาง ลงนรกหรือเดรัจฉาน ความรู้แบบนี้ยังมีในผู้รู้ในวงการศาสนาพุทธด้วย บอกว่าผู้ที่บอกว่าตนเองบรรลุคือผู้ไม่บรรลุ เขาก็บาปนะอาบัตินะ ตู่ท้วงคำสอนพระพุทธเจ้า ทำให้พระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าผิดไป เป็นวิบากเขานะ สัตบุรุษพูดก็ยังห้ามอีก ราคาบาปก็ยิ่งจะแพงขึ้น
ที่มา ที่ไป
เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:15:03 )
รายละเอียด
อธิบายได้ดี ถูกต้อง หองแปลว่าขึ้น จองหองคือของขึ้น ขออภัยอย่างมหาบัวนี้ ใครพูดเรื่องเงินเรื่องทองที่เอาเข้าคลังนี้ของขึ้นเลยนะ แล้วใครบอกว่าบรรลุอรหันต์นี้ของขึ้นใหญ่เลยอธิบายไปใหญ่ ไม่ได้เข้าร่องเข้ารอย ไม่ได้เข้าเกณฑ์พระพุทธเจ้าเทียบเคียงได้เลย พูดเอาเองทั้งนั้น เป็นอรหันต์ไม่กลัวตาย ไม่มีแล้วตาย ไม่มี ไม่มีตายว่ากันไปสารพัดสารเพ ไม่ได้เข้าหลักเกณฑ์พระพุทธเจ้าที่ว่ากันตามลำดับอย่างไร แล้วก็บอกว่าลำดับลำดา แต่ไม่เห็นมีลำดับลำดาของพระพุทธเจ้า เป็นลำดับลำดับของตัวเองว่ากันวุ่นไปหมด ขออภัยที่เอามาหาบัวมาเปรียบเทียบ เพราะว่ามาหาบัวมีคนอ่านหนังสือของท่านมาก ไปเข้าใจแบบสายหลับตา มันก็จะมีโวหารแบบหลับตา ส่วนของลืมตานั้นอาตมาพูดไม่ไหว ท่านเยอะกว่ามหาบัวเยอะ อาตมาก็ไม่เก่งเท่าท่านด้วย ท่านมีโลกจินตา ปรุงภาษาอะไรไม่รู้จบหรอก มีอาจาริยวาท มีอรรถกถาจารย์อีก เอามาขยายมาต่อไปอีกยาว แล้วเมื่อไหร่จะได้ฉีดสักทีวัคซีน มันต่อคิวยาวเหลือเกิน ตายก่อนพอดีไม่ได้ฉีดวัคซีน เอา จบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 16:19:27 )
รายละเอียด
ออกความเห็นมาเท่านั้น ก็จริง คนสนใจเรื่องจิตวิญญาณมีนะ แต่มีน้อยก็ต้องทำ ก็ต้องช่วยกัน ช่วยเหลือเขา เพราะว่ามันเป็นเรื่องจบ มันไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยปละละเลย มันเป็นเรื่องที่ต้องสนใจใส่ใจ ไม่อย่างนั้นไม่จบหรอก ไม่มาจัดการที่จิตวิญญาณกับกิเลส จิตวิญญาณกับกิเลสนี้เป็นตัวสำคัญที่ต้องเรียนรู้และจัดการกิเลส
ถ้าจัดการกิเลสจบ คุณเป็นพระอรหันต์แล้ว จะเกิดมาอีกกี่ชาติ คุณก็มีฐานเป็นหลักประกันของคุณแล้วได้เลย อันนี้ เถรวาททางศาสนาพุทธเมืองไทยก็ไม่เข้าใจ เพราะว่าเขาหนักไปทางอุจเฉททิฏฐิ คือบรรลุอรหันต์เสร็จแล้ว ตายลงไปเมื่อไหร่ต้องสูญ ต่อไม่ได้ นี่เป็นอุจเฉททิฏฐิชนิดหนึ่ง เป็นพวกปฏิเสธการเกิด ก็ยังดีนะเป็นอรหันต์ตายแล้วสูญ ถ้าไม่เป็นอรหันต์ ตายแล้วก็ต้องเกิดอีก
ถ้ายังเข้าใจผิดไปเลยอย่างพวกเทวนิยม ตายแล้วชาติเดียวไม่มาเกิดอีกก็ไปอยู่กับพระเจ้าจบอยู่แค่ชาติเดียว ไอ้นั่นยิ่งหนัก พวกเทวนิยม หลายศาสนาเลยตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้าเพราะเขาไม่รู้กรรมวิบาก ไม่รู้โลกที่มีความหมุนเวียน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 21:28:36 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคนก็ทำตามถนัดเป็น กัมมัญญา ฝึกงานที่คุณจะทำ คุณถนัดงานอะไรมีหลากหลายงาน บรรลุอรหันต์แล้วก็ทำงานที่ตนเองถนัด ที่จริงแล้ว ผู้บรรลุอรหันต์ สุดท้ายก็จะมาทำงานสอนคนนี่แหละ แต่งานที่เราถนัด เราก็ทำด้วย เป็นงานเคียงงานสร้างสรร ส่วนการสอนคน คือสอนให้คนเป็นคนดีที่สุด คือเป็นพระอรหันต์ แล้วก็จบ ผู้มาเป็นอรหันต์ก็มาทำงานที่ตัวเองทำได้ถนัดได้ดี หรือทำรองลงไปได้ หรือใครทำได้หลายอย่าง ก็ดีทั้งนั้นเป็น กัมมัญญาทั้งนั้น
คนที่ทำกรรมที่เป็น อัญญะ อัญญา ก็คือปัญญา คือญาณ ของที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ โลกุตรธรรม เป็นความเฉลียวฉลาดอย่างโลกุตระ อัญญา ที่เรียกเต็มคือปัญญา คือสิ่งที่สูงสุด จบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏฺหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 12:48:57 )
รายละเอียด
ผู้บรรลุอรหันต์ที่ไม่ต้องพึ่งพาเจโตสมถะนั่นแหละถูกต้องด้วย ผู้ที่ปฏิบัติธรรมตามหลักจรณะ 15 วิชชา 8 บรรลุอรหันต์ได้เป็นทางตรง ไม่ต้องไปพึ่งเจโตสมถะ เจโตสมถะก็คือไปนั่งหลับตาทำความสงบ หรือไปย่างหนอ ก้าวหนอ เพื่อที่จะไปยึดสมถะมีจุดให้ยึดสมถะ เพราะมันแย่ มันสงบไม่เป็น ก็ต้องใช้วิธีนั้น
แต่ของพระพุทธเจ้านั้น เรียนรู้ตามลำดับ ศีล สมาธิ ปัญญา อปัณณกปฏิปทา 3 สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ สัมผัสกับของกินของใช้อ่านกิเลสจากของกินของใช้ในชีวิตธรรมดา แล้วก็ตื่นรู้ให้ได้ว่ากิเลสเราเกิด เราก็ล้างกิเลส อย่างนี้แหละปฏิบัติทางตรงในการทำ ปัสสัทธิ ในการทำความสงบ ที่ไม่ใช่เจโตสมถะ ล้างกิเลสแล้วก็เกิดความสงบไปตามลำดับ ๆ กิเลสออกก็สงบ
กิเลสยิ่งหมด กายกรรมก็ยิ่งแคล่วคล่อง วจีกรรมก็ยิ่งแคล่วคล่อง มโนกรรมก็ยิ่งแคล่วคล่อง ไม่ต้องยิ่งแข็งยิ่งทื่อยิ่งเซ่อไม่ใช่ มันคนละเรื่องกันเลยกับวิธีปฏิบัติที่ไม่ใช่ทางของพระพุทธเจ้าสายโน้นสายหลับตา นั่งแข็งทื่อ ย่างหนอก้าวหนอ อะไรพวกนี้ ประเด็นที่บอกว่า นั่งเจโตสมถะ จะช่วยอนุเคราะห์ก็ได้ ถ้าเข้าใจเป็นสัมมาทิฏฐิ อาตมาแยกแยะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 11:02:17 )
รายละเอียด
ดี โภชเนมัตตัญญุตาเรื่องอาหารนี่แหละเป็นการปฏิบัติธรรม ถ้าคุณเข้าใจกิเลสในอาหารได้หมด แล้วทำกิเลสในการกินอาหารได้หมดก็บรรลุอรหันต์เลย เพราะมันละเอียดถึง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทางลิ้น อาหารทางลิ้นนี่ร้ายกาจมากเลย ไม่รู้ได้ง่ายๆหรอกทางลิ้นนี้ ตาก็ตาม เสียงก็ตาม รูปก็ดี เสียงก็ดี กลิ่นก็ดี สัมผัสเสียดสีก็ดี
ลิ้น เป็นตัวภายในอยู่ข้างใน เป็นตัวที่รวม รส อัสสาทะอะไรเอาไว้ เพราะฉะนั้น คนไม่รู้นี่ ไม่รู้เอามากๆ เช่นมหาบัว ญาณสัมปันโน ติดหมากพลู คือกิเลส รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสทางลิ้นนี่เป็นหลักเลย กินเคี้ยวในปาก อันนี้ อดเปรี้ยวไว้กินหวานไม่มีเมียก็ได้ อาตมาไม่เชื่อว่าหมดกิเลส ไม่เชื่อว่ามหาบัวเกิดมาชาติหน้าจะหมดกิเลสกามจะไม่มีเมีย อาตมาไม่เชื่อว่าจะไม่มีเมีย ระดับกามราคะภายนอกสัมผัสเสียดสีทางเพศ ผู้หญิงผู้ชาย อาตมายังไม่เชื่อ แต่มาบวชแล้ว อย่าง 1.มันต้องระมัดระวัง 2.มีปฏิภาณพอรู้ว่า ถ้าอดเปรี้ยวไว้กินหวานไม่ต้องไปมีเมีย เป็นภิกษุสะอาดบริสุทธิ์ โอ้โห! รับรอง ได้เลย แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ มหาบัว
นอกนั้นไม่เข้าใจรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ยิ่งทางรูปธรรม อรูปธรรม ที่ละเอียดลึกเข้าไปอีก ยิ่งไม่รู้ใหญ่เลย หลง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เป็นรูปธรรม อรูปธรรม ภายในภพ เต็มไปหมด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 17:37:09 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 07:47:57 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:23:39 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 06:57:48 )
รายละเอียด
เมื่อผู้ใดบรรลุขั้น“วุฏฐาน(ออกไปได้จากความยึดมั่นถือมั่น,ออกพ้นไปจากสังขาร)”ได้แล้ว
ผู้ยึดถืออาศัย“คุณวิเศษ”ทำงานกระทั่งบรรลุธรรมหลุดพ้นไป
จาก“อุปาทาน(การยึดมั่นถือมั่นด้วยอวิชชา)”ได้แล้ว
ผู้นี้ก็คงความเป็น“สมาทาน(การยึดถือได้อย่างเที่ยงแท้ยืนนานด้วย
วิชชา)”ไว้ทำงานต่อไปเพื่อประโยชน์อันยิ่ง ตราบเท่าที่ตนยัง
“ไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”
“สมาทาน”คือ ผู้จบกิจแล้วถึงขั้นมี“คุณวิเศษนั้น”เป็น“อัตโนมัติ”
ในตนแล้ว
ก็มี“การถือเอา(อาทาน)”คุณวิเศษนั้นไว้ใช้ต่อไปได้อยู่ประจำตน
ได้“เสมอ(สมะ)”
เฮ้อ!...ข้อ 6 นี้สาธยายกันเสียยาว แต่ก็คงจะได้รู้อะไรดีขึ้นบ้าง
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 463 หน้า 340
เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2564 ( 08:50:10 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 14:12:35 )
รายละเอียด
จบ“มหาโพธิสัตว์”ระดับ 8 ขึ้นเป็น“ระดับ 9”ก็พ้นความเป็น
“พระโพธิสัตว์”ทั้งหลายทั้งหมดเป็น“พระพุทธเจ้า” นับเป็นผู้เต็มถ้วนบริบูรณ์
ด้วย“สัมมาสัมโพธิญาณ” ก็เป็นผู้จบครบทุกอย่างสัมบูรณ์แบบ
ซึ่งจะอยู่ในวัฏฏสงสาร หรือใน“กาล”ของจักรวาลก็เท่าที่ท่านประสงค์
จะมีชีวิตอยู่ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน
เห็นชัดเจนมั้ยว่า “คุณวิเศษ(อุตตริมนุสสธรรม)”ของศาสนาพุทธนั้น
“เกินวิสัย”ที่ผู้ยังไม่ใช่ชาว“โลกุตระ”จะเดาเอา-จะคาดคะเนเอาหรือ
จะขบคิดด้วยตรรกะแบบใด ก็ไม่อาจจะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงได้แน่ๆ
“ฌาน”ก็ดี “บุญ”ก็ดี หรือแม้แต่“สมาธิ”ก็ตามแม้แต่คำว่า
“กาย”อันเป็น“เทฺว”คู่แรกก็เถอะ จึงเป็น“อจินไตย”แท้ๆ!
“ฌาน”เป็น“อจินไตย”นั้นคือ “ฌานวิสัย”แบบชาวโลกุตระ
ซึ่งมันเกินกว่าที่ชาว“เทฺวนิยม”หรือชาวโลกียะจะรู้ได้“เอง”
ชาว“เทฺวนิยม”หรือชาวโลกียะ ก็จะมีแต่“ฌาน”ตาม“วิสัย”
ของโลกียะเท่านั้น และพากเพียรทำกันได้ง่าย มีกันอยู่ดื่นดาษ
ถ้าคน“เทฺวนิยม”ผู้ใด ไม่ได้ยินไม่ได้ฟัง“โลกุตรธรรม”
จากพระพุทธเจ้า หรือจากสัตบุรุษ หรือจากผู้อยู่ในฐานะครูผู้สัมมาทิฏฐิแท้
และไม่ได้ตั้งใจเรียนรู้ด้วยดีและไม่ได้ฝึกฝนตามชาวโลกุตระ
ก็จะไม่สามารถบรรลุ“ฌาน”อันเกิดจากกระบวนการ“วิชชาจรณสัมปันโน”
ซึ่งเป็น“1 ในพุทธคุณ 9”ของชาวพุทธได้เด็ดขาด!
“บุญ”จึงเป็น“นิสัย”หรือ“วิสัย”ที่แท้ของชาวโลกุตระเท่านั้น
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 495 หน้า 367
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2564 ( 11:55:15 )
รายละเอียด
การจัดแจง การกระทำที่ได้ครบรอบ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 507
เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 12:02:16 )
เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2563 ( 13:14:02 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:37:50 )
รายละเอียด
เครื่องใช้ที่จำเป็นที่สุดสำหรับช่วยชีวิตพอเป็นไป
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 286
เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 12:03:29 )
เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2563 ( 13:14:45 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:38:08 )
รายละเอียด
แต่ก่อนเขามีบริขาร 8 กันก็บรรลุไปหมดแล้ว เดี๋ยวนี้ต้องมีคอมพิวเตอร์ต้องมีแว่นตา ต้องมีปากกา บริขารที่จำนนจำเป็นจะต้องมี หนังสือ ก็เป็นบริขารที่ต้องอ้างอิงศึกษา ต้องมีเครื่องฟังจะต้องมีสิ่งที่ได้ยิน จะไปฟังโดยเข้าหาสัตบุรุษ ครูบาอาจารย์ทั้งหมดก็ไม่ไหว อาจจะต้องอยู่บ้านอาศัยอยู่ในบ้านไปบ้าง หาอาจารย์บ้างก็อาศัยเครื่องรับ เดี๋ยวนี้ยิ่งซูมเอาเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 22:03:46 )
รายละเอียด
บอกว่าพระทุกวันนี้คุณคนนี้ว่า ถ้าพระนอนห้องแอร์ไม่ใช่พระ อาตมาก็นอนห้องแอร์ แต่ถ้าอากาศไม่สมควรนอนก็ไม่นอนแอร์ ตามควรที่เขาเห็นว่าควรจะทำก็ทำให้ หรือไอโฟนนี่อาตมาไม่รู้เรื่อง ไม่ใส่ใจจะมีก็ใช้เป็นประโยชน์อาตมาไม่ได้ดูถูกหรอก แต่อาตมาว่ามันเป็นส่วนเกินของอาตมา อาตมาไม่เอาภาระเรื่องนี้ ไม่เป็นบริขารสำหรับอาตมา คนอื่นเขามีเขาก็ช่วยพอแล้วเหลือแล้ว ขับรถเก๋ง ซื้อบุหรี่ อาตมาไม่สูบบุหรี่ แม้แต่ตอนเป็นฆราวาสก็ไม่สูบ พยายามหัดสูบแต่ก็ไม่ติด ทำยากที่จะติด มันหมดไปจากจิตจริงๆเลย มันล้างสะอาดจนไม่ติดเลย อาตมาเคยเป็นลิงลมอมข้าวพองเห็นเขาสูบก็คิดว่าเท่ หัดเข้าไปก็ไม่ติด จึงรู้สัจธรรม
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม2563
เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:54:51 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:36 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:39:05 )
รายละเอียด
ชาวอโศกจะเข้าใจการบริจาคและบริจาคกันอย่างพอเหมาะพอควร ชาวอโศกดำเนินมาเกือบ 50 ปีแล้วไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง พอเป็นพอไปเลย แล้วเกิดสังคมบวร สังคมศาสนาพุทธเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพด้วย จนกระทั่งถึงขั้นสาธารณโภคีเลย แล้วคนที่อยู่ในชุมชนชาวอโศกทำงานแล้วเสียภาษีให้กองกลาง 100% ด้วย เพราะเข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้า มาปฏิบัติธรรมให้จิตวิญญาณชาวอโศกเข้าใจธรรมะพุทธเจ้าได้ จึงบริจาค 100 เปอร์เซ็นต์ พิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าในสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 อาตมาศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้า อ้างอิงหลักฐานเป๊ะ แต่ที่ผิดพระวินัยทั้งรับบริจาค กฐิน ผ้าป่า พากันสร้างบาปสร้างเวรให้แก่ตัวเอง เป็นการทำร้ายตัวเองและศาสนา
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 18:30:59 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:54 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:39:49 )
รายละเอียด
วิมุติแล้ว ต่อเป็นอมตะอีก “อมตะ” คือจะเกิดก็ได้ จะตายก็ได้ จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ได้ มันสุดยอดอิสรเสรีภาพ บริบูรณ์ที่สุดเลยอมตบุคคล
เพราะฉะนั้นจึงรู้ว่ามันสุดจริงๆก็คือปรินิพพานเป็นปริโยสาน ยังอยู่ไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็เป็นพระอาริยบุคคลเป็นโพธิสัตว์ไปอย่างเช่นพระอวโลกิเตศวรอยู่เพื่อเผยแพร่สิ่งนี้ ท่านยิ่งใหญ่จะรื้อขนสัตว์ให้คนทุกคนในโลกนี้ได้เป็นอรหันต์หมดโลกก่อนแล้วตัวเองจึงจะปรินิพพานเป็นคนสุดท้าย สุดยอดเลยปณิธานนี้ อาตมาขอเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งแล้วก็ขอไปแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:05:57 )
รายละเอียด
1. การทำได้ การมีจริง การเป็นจริงที่จิตจริง ๆ
2. ความสงบ ความสะอาด ความหยุด ความไม่สะเทือนหวั่นไหว ความไม่มีทุจริต ความละเลิกปล่อยวาง ความหลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลาย หลุดพ้นจากความทุกข์ร้อน อาทรใด ๆ
3. มีความบริสุทธิ์ บริบูรณ์ได้ทั้ง ๆ ที่มีกรรม มีกิริยา มีอิริยาบท ชีวิตการงาน มีกำลังการป้องกันกำจัดกิเลสได้มากขึ้น
4. ความไม่มีกิเลส ความสงบจากกิเลส ความสะอาดจากกิเลส ความไม่สะเทือนหวั่นไหวต่อกิเลส ความเสียสละ สะอาด ความไม่ติด ความวางได้ ความหลุดพ้นทุกข์ สภาพหมดความดีดดิ้นก่อโลกีย์
5. ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ ไม่มีอคติใดอันเป็นอกุศลเพียงน้อยนิดร่วมระคนหรือประกอบอยู่ในทุกขณะ ทุกดวงจิต
6. จิตที่มีคุณลักษณะสะอาดปราศจากกิเลส ซึ่งเป็นคุณธรรมของพระพรหมในตรีมูรติ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 69 ,85 ,91,216
ทางเอก ภาค 2 หน้า 353
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 350
เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 12:08:08 )
เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2563 ( 13:16:42 )
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 03:40:25 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name