@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

อายุยืนยาวเกินกว่า 1 กัป

รายละเอียด

พระเจ้าบอกว่าท่านจะอายุยืนยาว กัป หรือเกินกว่ากัป ก็ได้ อันนี้แหละที่อาตมาพยายามพิสูจน์อยู่ ว่าเราจะมีอายุยืนยาว เกินกว่า 1 กัป ในยุคนี้เขาประมาณกันแล้วว่าคนอายุยืนยาวเท่าไหร่ คนไทยอายุประมาณ 80 ปี 100 ปีนั้นหายาก เพราะฉะนั้นส่วนมากก็ตายก่อน 80 อายุ 80 ปีขึ้นไปถือว่าอายุยืนยาว เพราะฉะนั้นคนที่อายุ 60 ปีก็ปลดเกษียณ พอไปถึง 80 ก็ถือว่าอันนี้อายุยืน ถ้าเลย 80 ไปก็ยิ่งยืน ถ้าเป็นร้อยก็หายาก แต่ตอนนี้มีการแพทย์ ศึกษาความรู้ทางโภชนาการวิชาการทำให้อายุยืนยาวไปอีกได้ แต่อันนั้นด้วยไม่ได้ตีทิ้งเรื่องวัตถุ ที่ต้องใช้สรีระร่างกายก็ทำทั้งสองด้าน ทางจิตก็ทำช่วยกันทั้ง 2 ด้าน อาตมามั่นใจตอนนี้ได้มา 1 นักษัตรแล้ว อาตมารู้ว่าอายุขัยของอาตมามีแค่ 72 ปี อาตมารู้ก่อน 72 จึงได้สร้างสัมประสิทธิ์ไล่มาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ พิสูจน์มาได้อายุเลย 84 ปีแล้วก็บอกว่าใช้ได้นะ ถ้าถึง 96 ปีก็จะได้ 3 นักกษัตร สังเกตดูเถอะถ้าไปรอดอาตมาจะดูหนุ่มกว่านี้ถ้าไปไม่รอดค่อยๆโรยราก็คงไปไหนไม่รอด ถ้าเผื่อว่าอายุ 96 ฉลองใหญ่เลยนะ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นแค่ 90 ปีนี้ก็เถอะ ตอนนี้ 87 แล้วอีกแค่ 3 ปี แค่เห็นร่องรอย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 14:19:09 )

อายุยืนยาวไม่ยอมแก่

รายละเอียด

อายุยืนยาวไม่ยอมแก่ อาตมาจะทำอายุให้ยืนยาวไปเรื่อยๆ ไม่ยอมแก่  จะฟื้นให้มันสดชื่นแข็งแรงไปให้ได้  ตั้งอกตั้งใจช่วยไม่ให้มันแก่เร็วทั้งภายนอกและภายในด้วยทุกวิธีที่จะเสริมหนุน  ตั้งแต่เอาวัตถุที่เข้าไปในร่างกาย  ก็คือกิน กวฬิงการาหาร  จนกระทั่งพยายามสร้างให้มันปรุงแต่งเป็นพลังงานในตัวเอง  พลังงานทางกายภายนอก  พลังงานทางวจี  พลังงานทางจิตเองก็ต้องพยายามรู้ว่าอันนี้คือ อันนี้  ทำอย่างนี้คือ พลังงานทางกาย วาจา จิต  รู้แล้วก็ทำจริงๆ ทุกวันนี้ ก็มั่นใจว่าเพิ่มสัมประสิทธิ์ได้ นี่มานักกษัตรหนึ่งแล้ว  ถ้าไปอีกถึง 96 ก็เป็นสองนักกษัตร  จะเข้าใจจะรู้ความจริงที่เป็นสัมประสิทธิ์มากยิ่งขึ้น ไม่รู้จะพูดได้ดีกว่านี้หรือเปล่า  ซึ่งมันต้องดีขึ้นกว่านี้  มันรู้เพิ่มขึ้น อย่าเพิ่งไปไหนกันนะ 96

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 13:45:08 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:12 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:22:59 )

อายูหน (อิทธิบาทท 4)

รายละเอียด

เจริญไปด้วยความขยันขันแข็ง กระตือรือร้น พากเพียร

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 353


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:56:48 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 09:48:16 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 17:43:39 )

อายูหา

รายละเอียด

1. อายุ คือกาลของชีวิตที่ยังไม่ตาย

2. ผู้มีอายุ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 353 , ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 61


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:55:23 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:20:27 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 17:44:01 )

อายแรงๆ กลัวแรงๆ เรียก หิโรตัปปัง

รายละเอียด

เมื่อรู้ชัดเจนว่ามันเป็นภัย อาทีนวะ ตอนนี้ก็..เออ! แต่ก่อนนึกว่ามันเป็นพ่อพระแม่พระ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าแท้ๆมันเป็นยักษ์เป็นมาร ปัดโธ่! ก็ระลึกสำนึกตัวเองว่า โง่จริงๆเราไปเข้าใจถึงมารผียักษ์เป็นพ่อพระแม่พระ อุ๊ย!.. อาย หิริ 

โพธิรักษ์บอกแล้วบอกเล่า ทีนี้ล่ะ เจอโพธิรักษ์ก็อาย ไม่ต้องกลัว อายแรงๆ ดื้อเข้าไป อายแรงๆ ละอายแรงๆ ดื้อเข้าไป กลัวแรงๆก็ดื้อเข้าไปทวนกระแสเข้าไปเรียกว่าตัปปัง 

หิโรตัปปัง ทั้งหิริ และโอตตัปปะ หิริ..อายกลัวแรงก็ดันเข้าไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 05:26:22 )

อารติ

รายละเอียด

ความงด

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 116


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:53:36 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:20:58 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 19:55:09 )

อารมณ์

รายละเอียด

สิ่งที่จิตเสวย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 500


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:52:09 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:22:24 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 06:32:02 )

อารมณ์ ความรู้สึก เวทนา เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

อารมณ์ความรู้สึกเวทนา อีกแหละ เวทนาเป็นภาษาบาลี อารมณ์ก็มาจากบาลีด้วย แต่ความรู้สึกนี้เป็นภาษาไทย อันเดียวกันหมด เป็นแต่เพียงพยัญชนะต่างกันแต่เนื้อหาอันเดียวกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เศรษฐกิจดี หรือ เศรษฐกิจไม่ดีคืออย่างไร วันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มิถุนายน 2566 ( 17:10:02 )

อารมณ์ขันของพ่อครู เดินไปกับอายุ

รายละเอียด

อาตมาเดินก็ต้องเอาอายุไปด้วยสิ ไม่เอาไปด้วยจะทำอย่างไร อาตมาอายุ 88 ก็ต้องเดินเอาอายุไปด้วย ของทุกคนอายุ 55 ก็อายุ 55 ไปด้วย อายุ 88 ก็เอาอายุไปด้วย ก็เดินไปกับอายุ แปลก เดินไปได้อย่างไร อาตมาเล่นมุข คงหมายถึงอายุมันมากแล้วมันก็คงจะแก่งอกแงก ควรจะนั่งวีลแชร์ได้แล้ว อายุ 88 ก็ยังไม่มากนะคนอายุ 90 อายุน้อยก็เดินได้มีเยอะไป อาตมาไม่ใช่คนแรก ไม่ใช่คนเดียว มีเยอะไป อายุ 88 ยังเดินเหินได้แข็งแรง แข็งแรงกว่าอาตมายังมีเลย เรายังวิ่งทน แข่งขันได้เลยอายุ 80 90 มีเลย อาตมาไปวิ่งทนไม่ได้แล้วทุกวันนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 12:11:23 )

อารมณ์ความรู้สึก เรียกว่าเวทนา 

รายละเอียด

เมื่อปรุงแต่งกันขึ้นมาด้วยรูปนามนั้น จิต ของผู้ที่ปรุงแต่งที่มีอายตนะ 2 อันนี้รวมกันหมดเลย แล้วก็มีการสัมพันธ์กันระหว่างสิ่งอื่นภายนอกกับตัวเรา มีผัสสะกัน เรียกว่าเกิด อารมณ์ความรู้สึก เรียกว่า เวทนา ผู้ปฏิบัติธรรมก็จะเก่งในการอ่านเวทนา เวทนา 108 มีกายิกเวทนา เจตสิกเวทนา เป็นเวทนา 2 แล้วมีเวทนา 3 สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 18:50:30 )

อารมณ์ความรู้สึกของเทวดา 6 ชั้น

รายละเอียด

อธิบายอารมณ์ความรู้สึกของเทวดา 6 บ้าง ท่านอธิบายถึงความรู้อาการของสภาวะที่เราเสพติด แล้วแบ่งแยกออกเป็นภาษาให้รู้ ให้รู้ว่าตัวเองยังมีอาการอะไร ก็ให้ล้างเสียอย่าให้มีในจิต เพราะมันไม่มีแล้ว คุณก็เป็นนิพพานเป็นวิมุติ ชั้นที่ 1 ของ เทวดา 6 ชั้น ล.23 ข.49 ทานสูตร เทวดา 6 อย่าง พรหม 1 อย่าง

อันที่ 1 จาตุมหาราชิกา(ท้าวกุเวร  ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์) คือ ทำทานแล้ว มี คือยักษ์คือมาร วาดรูปมาก็เป็นยักษ์เขี้ยวแหลม ถืออาวุธ เป็นพวกล่า ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขโลกธรรม ล่าอย่างดุเดือดมากมายเอาเป็นเอาตายจึงเรียกว่าจตุมหาราช ล่าเลย กูจะต้องได้มาหมดทุกทิศ 4 ทิศเอามาให้หมดทุกทิศ เป็นของข้า ข้าจะเป็นเจ้าโลก นี่คือจตุมหาราชแรงร้ายดุเดือด แต่ก็ยังถือว่าเป็นเทวดา เมื่อได้มาแล้วก็หลงสุขใจเรียกว่าดาวดึงส์

1.สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ  

2.ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน)  ทานํ เทติ

3.สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม)  ทานํ เทติ

4.อิมํ เปจฺจ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ)  ทานํ เทติ

อันที่ 2 ดาวดึงส์ คือ ทำทานเพราะว่าเห็นว่าเป็นความดี ดาวดึงส์ภาษาบาลีว่า ตาวติงสะ คือ อาการที่ 33 จริงๆแล้วคนมีแค่ทวัตติงสาการ อาการ 32 ตาหูจมูกลิ้นกาย ตับไตไส้พุงทั้งหมดคืออาการ 32 แต่คนไปมีอาการบ้าๆโง่ๆอีกอันหนึ่ง เกิดมาได้นั่นก็คืออาการที่ 33 เป็นอาการที่ไม่มีจริงเป็นอุปาทาน เพราะฉะนั้นดาวดึงส์ที่เป็นความสุขจึงเป็นอาการที่ 33 ได้อารมณ์นี้ขึ้นมา ก็จะอยากให้ได้อยู่นานๆ ยามา

อันที่ 3 ยามา คือ ทำทานเพราะเพื่อเป็นประเพณี อยากให้รสสุขอย่างนี้อยู่นานๆอย่าหมดไปอย่าหายไป

อันที่ 4 ดุสิต คือทำทานเพราะเห็นว่า สมณะหุงหาอาหารเองไม่ได้ ชั้นนี้เขาให้พัก ดุสิตะให้หยุดบ้างแต่ไม่หยุด เพราะฉะนั้นผู้รู้จักหยุดพักบ้าง จึงถือว่าเจริญขึ้นได้ (สิตะ หรือสีดา แปลว่าเย็น) ถือว่าเป็นที่พัก โง่มาตั้งแต่ จตุมหาราช ดาวดึงส์ ยามา ก็มาหยุดบ้าง เลิกบ้างแต่ก็หยุดเพราะเมื่อย จำเป็นต้องหยุด แต่เดี๋ยวเถอะออกพรรษาก่อน หนักกว่าเก่า ก็เลยกลายเป็น นิมมานนรดี

อันที่ 5 นิมมานรดี คือทำทานเพราะทำตามฤาษีใหญ่ๆ คือ ยิ่งมีอุปาทานจัด สร้างขึ้น นิมาน คือเนรมิตทำเอาเอง สร้างอุปาทาน สร้างนรกสวรรค์สร้างสิ่งหลงงมงายว่าน่ามีน่าได้น่าเป็น ต้องเลิกสร้าง ยังสร้างอยู่ก็โง่

อันที่ 6  ปรนิมมิตวสวัตตี ทำทานเพราะว่า อยากได้ปลื้มใจ(อตฺตมนตาโสมนสฺสํ) สูงสุดจนมีบริวารมาสร้างให้เลย เป็นใหญ่ หลอกคนให้มาสร้างให้ตัวเองเสวย พวกมีอำนาจใหญ่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:20:49 )

อารมณ์จริงกับอารมณ์เก๊ ทำให้เป็นหนึ่งอย่างไร

รายละเอียด

สุข พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า คนยังโง่อยู่ ก็ยังหลงความสุขความทุกข์ เป็นภาวะ 2 ของอารมณ์ ก็มาเรียนรู้อารมณ์ 2 ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ )  ล.10 ข.60 

อารมณ์จริงกับอารมณ์เก๊ อารมณ์เก๊ก็คือความสุขความทุกข์ อารมณ์จริงก็คือความรู้สึกเมื่อตาเห็นรูป รูปอันนี้เป็นอย่างนี้ อันนี้เป็นลูกกลม อันนี้ไม่กลม อันนี้ลูกยาว อันนี้รูปแดงๆ อันนี้รูปเขียวๆ ก็รู้ความจริงตามความเป็นจริง ก็เป็น 1

ถ้าเป็น 2 ขึ้นมาก็สวย ไม่สวย น่าได้ไม่น่าได้ น่ากินไม่น่ากิน น่าอยากไม่น่าอยาก ก็เป็นกิเลสผสม ผเส ปนไปเรื่อย

ผู้ที่รู้ความจริงใน 2  รู้ความจริงตามความเป็นจริงคือมันเป็น 1 ไม่มีต้องมี 2 มาปรุงแต่งปรุงโฉมขึ้นมาก็จบ รู้ความจริงตามความเป็นจริงก็จบ 

คนนี้ดำคนนี้ขาว คนนี้หน้าเหลี่ยมคนนี้หน้าแหลมคนนี้หน้ากลม คนนี้หน้าเขายกย่องว่าสวย คนนี้หน้าเขายกย่องว่าไม่สวย ก็เข้าใจความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 21:58:50 )

อารมณ์นิพพานคืออารมณ์ที่เข้าใจสุขเข้าใจทุกข์โดยไม่ยึดความสุขความทุกข์

รายละเอียด

นิพพานไม่เป็นอัตตา นิพพานเป็นอนัตตา นิพพานเป็นศูนย์ นิพพานศูนย์รอบ อารมณ์นิพพาน คือ อารมณ์ที่เข้าใจสุขเข้าใจทุกข์ไม่ยึดความสุขความทุกข์แต่มีชีวิตที่เป็นจริง ยังไม่ สูญร่างสูญธาตุรู้สลายกาย ยังเป็นยังมี ก็จะต้องอาศัยตามสัจจะความจริง อนุโลมปฏิโลมกับความมี ในการอนุโลมปฏิโลมกับการมี ต้องอย่าเอาตัวเองเป็นหลัก เอาองค์ประกอบของคนอื่นเป็นหลัก แล้วคนร่วมอยู่ด้วยก็ต้องเอาคนที่แวดล้อมอยู่กันอย่างสำคัญ ใกล้ชิด ที่จะเป็นผลดีผลเสียแก่กันและกันอยู่ในกรอบขอบเขตที่ควร ไม่ใช่ไป โอ้โห กว้างเกินไปมากเกินไป มันจะเฉลี่ยจัดการให้ได้สมบูรณ์แบบที่สุดไม่ได้ มันคูณร่วมน้อย หารร่วมมากไม่ลง มันทำไม่ได้ มันเยอะเกินไป ต้องมีกรอบจำกัด เอามาใช้ให้เหมาะสม ต้องดูตัวเองเป็นหลักด้วยว่า ตัวเราก็เท่านี้ เราทำอย่างเตี้ยอุ้มค่อม ทำอย่างตัวเองไม่ประมาณตนไม่ได้  เราเท่านี้ก็ร่วมสุขทุกข์ร่วมช่วยเกื้อกูลได้เท่านี้ บางอย่างเราเกื้อกูลเขาไม่ได้ต้องให้เขาเกื้อกูล ก็อย่าหยิ่งผยอง เราช่วยตัวเองไม่ได้ก็ต้องให้คนอื่นเขาช่วยอย่าหยิ่งผยอง เหมือนกับพวกอเมริกันที่เขาทำกันนั่นแหละเป็นตัวอย่างของความหยิ่งผยอง ศึกษาให้ดีๆแล้วจะเห็น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:21:42 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:40:54 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:39:55 )

อารมณ์นิพพานเป็นเช่นไร

รายละเอียด

คุณก็ไปฝึกของคุณเอง คุณฝึกได้จะรู้ว่าเป็นของคุณเช่นนี้ คนมาถามว่าอารมณ์นิพพาน อารมณ์ของอรหันต์เป็นเช่นไร ก็กำลังอธิบายพวกนี้แหละจิตต้องกระทบสัมผัสแล้วมีปรากฏการณ์จริงของคุณ อ่านเองจริงๆ ว่าจิตของคุณมันจะสงบสงัด วิเวกลงไปแล้วก็สงบ กิเลสสงบจริงๆ เหตุมันคือกิเลสออกไป สงัดนี่ คุณทำได้อย่างสัมมาทิฏฐิระดับหนึ่งมันก็สงัดแล้ว แต่เป็นมิจฉาทิฏฐิ แค่ความสงัดคุณก็ยังไม่ได้ ยังไกลจากวิเวก เห็นไหมว่าไกลขนาดไหน คนพวกนี้ยังไม่รู้รายละเอียดที่จะลงไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 19:50:55 )

อารมณ์สุขและอารมณ์ทุกข์เป็นมายา

รายละเอียด

อารมณ์สุขและอารมณ์ทุกข์เป็นมายาทั้งสอง แต่อารมณ์สุขที่เป็นโลกุตระยังดีกว่าอารมณ์ที่เป็นทุกข์ แต่ถ้าเป็นสุขของโลกียะเลวร้ายกว่าทุกข์ คุณรับทุกข์โลกียะเสียดีกว่า คุณจะเข็ดจะกลัว แต่สุขคุณจะหลงมันติดในสุสุข แต่โลกุตระนี้รู้เลยสุขนี้ร้ายกว่ว่าทุกข์ แต่ความสุขความทุกข์นั้นเป็นสภาวะ 2 เป็นมายาแยกกันไม่ได้ แค่คำว่าเทวะคือธรรมะ 2 ที่แยกกันไม่ได้อันนี้เทวนิยมก็เข้าใจกันไม่ได้ สุขกับทุกข์นี้แยกเป็น 2 ก็พอฟังรู้เรื่อง แต่คุณไม่เคยเรียนรู้เรื่องทุกข์เลย คุณหลงแต่ความสุขงมงายแล้วอยากได้แต่ความสุข แล้วไม่เรียนรู้ความทุกข์ความทุกข์คือซาตานคือความเลวความร้ายคือตัวชั่ว คุณไม่เรียนตัวชั่ว คุณรู้แต่ว่าเลวแต่ดี ทำแต่ดี ชั่วก็ช่างหัวเขาเอาแต่ดี อย่างที่ท่านพุทธทาสว่าอย่างนี้ไปใหญ่เลย แล้วเขาก็แยกความเป็น 2 นี่ไม่ออกอย่างนี้เป็นต้น ค่อยๆศึกษาไปอาตมารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆต้องค่อยๆไปเรื่อยๆแล้วปฏิบัติกับตัวเอง ถ้ามีสภาวะธรรมที่สูงขึ้นจะฟังรู้เรื่องมากขึ้นเรื่อยๆ อาตมามั่นใจว่าสัจธรรมที่อาตมานำของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผยในยุค 2,500 กว่าปีนี้ มาถึงวันนี้ 2563 อาตมามาทำงานสายไป 13 ปี นี่ทำมาได้ 50 กว่าปีแล้วสายไป 10 กว่าปี แต่ไม่เป็นไร  less is better than never.

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 12:29:07 )

อารมณ์เครียด

รายละเอียด

ไม่เครียดมาก อาตมาก็เคยพูด จริงๆแล้วอาตมาไม่รู้ว่าอาการอารมณ์เครียดเป็นอย่างไร อาตมานึกไม่ออก นึกไม่ออกว่าเป็นอาการอย่างไร ก็คิดตามสามัญสำนึก คงเป็นอารมณ์ที่มันไม่โล่งไม่โปร่ง ที่อึดอัด ฮึดฮัด (สู่แดนธรรมว่ามีอารมณ์ความต้องการแล้วไม่สมความต้องการเลยเรียกว่าเครียด) เออ นี่เป็นคำตอบแล้ว คุณก็อย่าไปสร้างความต้องการอะไรให้แก่ตัวเองจะได้ลดความเครียด อาตมาเห็นด้วย จริง อันนี้อาตมาว่าจริง คำตอบลึกเข้าไปอีกว่า อาตมานึกไม่ออกว่าอารมณ์เครียดเป็นอย่างไร ไขความว่า อาตมาไม่เคยต้องการที่เมื่อเกิดความไม่สมความต้องการแล้วจะเกิดความเครียด มันเป็นคำตอบ หากต้องการมากได้มาเท่าไหร่เหลือไม่ได้ก็เครียดเท่านั้น ไม่สมใจอะไรขึ้นมาความเครียดมันก็มีจริงอันนี้ก็จริงเหมือนกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 12:58:19 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:41:09 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:44:10 )

อารมณ์เสพ อารมณ์สุข เป็นอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้แล้วก็ชัดเจน มันลึกซึ้งละเอียดนะ อารมณ์เสพ อาตมาไล่ตั้งแต่หยาบจนถึงละเอียด อารมณ์สุขอะไร สุขว่างๆ ได้อยู่ว่างๆ ว่างเป็นอย่างไร ก็อยู่เฉยๆ ใครจะทำอะไรก็ทำไปสิ เราอาศัยกินเป็นปลิงเกาะกินอยู่กับพวกคุณ ก็จะรู้สึกว่า เราเป็นปลิงไปเกาะกินเขามันเบียดเบียนนะ มันเป็นหนี้นะ ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรนะ เราก็ไม่เอา เราก็ไปทำประโยชน์สร้างสรร เราเห็นว่าอะไรสำคัญเราก็สร้าง ปลูกกล้วยปลูกผลไม้อะไรต่ออะไรมากินกัน เราก็ไปช่วยทำโน่นทำนี่เล็กๆน้อยๆ แม้เราจะไม่มีฝีมือไปช่วยอย่างโน้นอย่างนี้ก็ได้ แล้วเราก็เข้าใจลึกซึ้งอย่างนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:05:16 )

อารยธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ในมรดกของโลก

รายละเอียด

ซึ่งมันไม่ใช่จะลอกเลียนกันได้ง่ายๆ มาเสแสร้งแกล้งเป็น มันทำไม่ได้ มันต้องเป็นจริง มันไม่จริงมันไม่ได้เลย อยู่ไม่ได้ เป็นไม่ได้ อย่างไรก็ไม่เหมือน อย่างไรก็ไม่คือ ถึงคือ ทำเต๊ะท่าได้หน่อยเดียวก็ต้องดิ้นหนี โดยไม่ต้องไปไล่หรอก มันทนไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีคุณสมบัติทางจิตแท้ๆอยู่ไม่ได้หรอก 

จึงไม่ได้เป็นเรื่องที่ไปเบียดเบียน ไม่ได้ผลักดันเข้ามาแล้วก็ไม่ได้ผลักไส ไม่ได้ขับดัน ไม่ได้ไปทำร้ายทำลายอะไรกัน มีแต่เกื้ฃอกูลช่วยเหลือกัน เป็นของแปลกเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่เขาควรยกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกชนิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้แต่กินเนสบุ๊คน่าจะบันทึกนะ วัฒนธรรมอย่างนี้ก็มีด้วยหรือ วัฒนธรรมอย่างนี้เป็นวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ในมรดกของโลก ประเทศไทยมีมรดกอันนี้อยู่ที่พวกเราทำ เป็นมรดกของพระพุทธเจ้าตกทอดมาถึงเรา เป็นมรดกที่ยิ่งใหญ่มากเลยมรดกของโลก มาถึงวันนี้ยังทำได้เป็นวัฒนธรรมอย่างนี้ มันเป็นเรื่องสัจจะจริงๆเองเลย เป็นสัจจะของแต่ละคนๆ จริงเอง มันสุดยอดอย่างนั้น 

จึงเป็นการพิสูจน์คน พิสูจน์จิตวิญญาณที่ได้ฝึกปรือเรียนรู้อาริยธรรมของพระพุทธเจ้า มันจึงเป็นคนพิเศษจริงๆเป็นคนวิเศษจริงๆ ที่ไม่เหมือนโลกียะเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภู คือผู้นำพาคนไปสู่ความจนอันประเสริฐ วันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2564 ( 16:03:25 )

อารยธรรมขั้นโลกุตรธรรมกำลังเดินทางมา

รายละเอียด

ที่อาตมาพาทำอาตมาก็เห็นใจว่าคนเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ เช่นว่า มาเป็นคนจน มาเป็นคนยอมแพ้ มาเป็นคนเสียสละ แล้วก็บอกว่าเป็นคนจนนี่แหละเป็นคนมีคุณค่าประโยชน์ เป็นคนเสียสละ เป็นคนยอมแพ้นี่แหละเป็นคนที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งเขามองตื้นๆรอบเดียวไม่กี่ชั้น เขาก็ไม่เข้าใจหรอก คนที่ยังเข้าใจไม่ได้ อาตมาก็ยังเห็นอยู่ว่าโลกทั้งโลกนี้กำลังมีปฏิภาณปัญญาหันมาหาสู่สัจธรรม สัจธรรมชั้นสูง อารยธรรมขั้นโลกุตรธรรมกำลังเดินทางมา เราจะไปบีบบังคับให้คนรีบๆรู้ รีบๆเห็น รีบๆเข้าใจ มันทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องทำตัวเราเอง สร้างพวกเราเองนี่แหละสร้างสภาพขององค์ประกอบอะไรต่างๆขึ้นมาให้มันสมบูรณ์บริบูรณ์ให้ได้ “จนคนตาบอดเห็นได้” ใช้โศลกนี้เลย ต้องทำอย่างนั้น

ทุกวันนี้ แม้แต่ชาวอโศกก็มีคนมีดวงตาเห็นขึ้นมาก็ค่อยๆเข้าใจขึ้นมา เราก็เลยอยู่ค่อยยังชั่ว ไม่เดือดร้อน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:33:03 )

อารยะ

รายละเอียด

คือ ยังเป็น“โลกียธรรม” ยังเป็นความเจริญแค่ “ลาภ,ยศ,สรรเสริญ,สุข”อย่างดีก็ได้เจริญที่“สุจริต”เท่านั้น นั่นคือ “ความเจริญ”ที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่ยัง“ผิดศีล” แม้ “ศีล5”ก็ยังไม่ครบ เป็นต้น แม้แค่“ความเมาระดับ‘สุรา’ที่มี ความหมายเพียงขั้นต้นหยาบใหญ่ที่สุด” มิใช่แค่เมาเหล้า กันอยู่เท่านั้น แต่หมายถึง“ความเมาในโลกธรรม”ทั้งหลาย ที่ยังหลงมัวเมางมงายติดยึดกันอยู่ หรือไม่ผิด“ศีลหยาบ” แต่ยังผิด“ศีล”ที่สูงขึ้น ”ศีล”ที่ มีอีกสูงขึ้นๆเป็นลำดับๆ ที่มีความหมุนรอบเชิงซ้อน(คัมภีราวภาโส,ปฏินิสสัคคะ)อยู่อีกมาก ซึ่งมีนัยสำคัญที่ต้องศึกษากัน อย่างถ่องแท้ ดีๆ

หนังสืออ้างอิง

 คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 396-397 


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 15:34:29 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:53 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 19:55:50 )

อารยะ อริยะ อาริยะ

รายละเอียด

อารยะนี้โลกเขาไปใช้อารยชน อารยธรรม ใช้กันอย่างโลกๆเจโต ส่วนสายปัญญาสายพุทธศาสนาใช้ อริยะ แต่มันหมายถึงพวกมิจฉาโลกียะหมด 

อารยะทางโลก ส่วนอริยะคือทางจิต เช่นพวกอรหันต์เก๊ หลับตาปฏิบัติ ส่วนอาริยะเป็นคำที่อาตมาใช้ ก็มีคำว่าศรีอาริยเมตไตรย ก็มีใช้อาริยะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 08:17:44 )

อารักข , อารักขัง

รายละเอียด

การป้องกัน

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 317


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:47:04 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:23:05 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 19:56:09 )

อารักขนา

รายละเอียด

รักษาบูรณะสิ่งดี ความดี ความเป็นสัจธรรมไว้

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 280


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:49:51 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:23:47 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 19:56:30 )

อารักขสัมปทา

รายละเอียด

ถึงพร้อมด้วยการรักษาผลที่ได้

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 165


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:48:21 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:24:25 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 19:56:49 )

อารักขาธิกรณัง

รายละเอียด

เกิดเรื่องในการป้องกันขึ้น

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 317


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:46:16 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:25:09 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 19:57:11 )

อารัพภธาตุ

รายละเอียด

สภาพริ ดำริ ปรารมภ์ , เริ่มแรกของอาการเกิดภายในจิต , รำพึง เป็นความพยายาม จุดแรกที่สุดของการเกิดของจิต ของตัวงานในจิตแต่ละเรื่อง แต่ละรอบ

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 359


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:44:56 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:25:56 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 19:57:33 )

อารัมภธาตุ

รายละเอียด

1. ความริเริ่ม

2. สภาพต่อจากอารัพภธาตุเมื่อความพยายามเริ่มแรกเกิดแล้ว มีอาการต่อเนื่องต่อมา เป็นสภาวะโตขึ้นได้

3. ธาตุริเริ่มดำริ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 533 , สมาธิพุทธ หน้า 359 ,ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ272


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:43:25 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:27:55 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 19:58:12 )

อาราม

รายละเอียด

1. ความผูกติด ไม่จางคลาย ปล่อยไม่ได้ , กิเลสหลงดีใจ

2. ความพอใจ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 266 , ทางเอก ภาค 3 หน้า 500


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:41:57 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:29:07 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 19:58:36 )

อาราม, รามะ

รายละเอียด

อาราม แปลว่าน่ายินดี  รามะ แปลว่าน่ายินดี 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 17:49:06 )

อารามตา

รายละเอียด

1. หลงยินดี ดีใจ ปลื้มเปรมใจ

2. ความยินดีพอใจ ความชื่นชอบกำหนัดใคร่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 266, ทางเอก ภาค 2 หน้า 520


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:40:52 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:30:17 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:00:09 )

อาริยกะ คืออย่างไร

รายละเอียด

แล้วอาริยกะ หรือว่าคนเจริญมันคืออย่างไร ทำไมว่าเขาเป็นพวกมิลักขะ ศัพท์สองคำ “มิลักขะ” คือ คนเถื่อน คนป่า คนไม่เจริญจริงๆนี่คือสัจจะ ไม่ได้ไปว่าไม่ได้ไปลบหลู่ใคร ส่วน “อาริยกะ” คือคนประเสริฐ คนเจริญ คนฉลาดที่มีเมตตาธรรม โลกุตระธรรมแล้ว ก็ศึกษาไปแล้วก็พัฒนาตนเองไป อาตมาก็เรียนรู้มาทางความเป็นคนเหมือนพระพุทธเจ้า มาถึงระดับนี้ก็พูดความจริงบอกความจริงว่า อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ7 นี่ก็จะไต่ขึ้นถึงระดับ 8 ก็เอาระดับ 8 มาพูดให้ฟังบ้าง แล้วพวกคุณเข้ามาศึกษาตามได้บรรลุตาม มี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ จริงๆไม่ได้พูดเล่น ไม่ได้พูดโกหก ไม่ได้ไปหลอกลวงอะไรใคร แต่พูดความจริงก็พิสูจน์กันได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2565 ( 05:25:05 )

อาริยกะ ผู้เจริญ

รายละเอียด

แต่นั่นไม่ใช่ผู้เจริญแบบ“โลกุตระ”ที่นับเป็น“อาริยกะ (ผู้เจริญ)” คือ ผู้มีจิตเป็น“อาริยคุณ”ที่รับประกันได้ว่า “จิต“เป็น“ผู้เข้ากระแสโลกุตระ (โสตาปันนะ)” เป็น“ผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา (อวินิปาตธรรม) เป็นผู้เที่ยงแล้วในเส้นทางโลกุตระ (นิยตะ) เป็นผู้จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า (สัมโพธิปรายนะ) ตามพระไตรปิฎก เล่ม 19
 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 13:26:54 )

อาริยกะ เหนือกว่า มิลักขะ

รายละเอียด

แรกๆต้องใช้พระเดช ส่วนคนที่มีภูมิธรรมขึ้นมาก็ไม่ต้องใช้พระเดช อย่างเช่นพระพุทธเจ้าเอาความสงบไปปราบดาบปราบปืนได้ 

ทุกวันนี้แม้แต่คนไทยที่เจริญ แม้แต่พวกที่จะมาต่อต้านประท้วงจะโค่นล้มสถาบัน เขาก็ยังเข้าใจว่าจะต้องมีคุณธรรม ต้องสงบ อย่าไปทำความรุนแรงนะ แพ้เลยนะ ถ้าอยู่ในพม่าชนะเลยนะ ไม่แพ้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ของง่ายๆที่จะทำได้ เป็นเรื่องซับซ้อนลึกซึ้ง แต่ความเข้าใจปฏิภาณความเฉลียวฉลาดรู้แล้วว่า สิ่งที่ประเสริฐสูงสุดก็คือคุณธรรมอันวิเศษ อาริยธรรมชั้นสูงนี่มันเหนือกว่า พวกมิลักขะ พวกยังเถื่อนยังต่ำอยู่ แต่พวกอาริยกะ เหนือกว่า มิลักขะ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:10:16 )

อาริยกะกับมิลักขะ

รายละเอียด

แต่ของศาสนาพุทธ อาตมาก็เอามาสรุปแล้วว่า ป่ากับบ้านนี้ แยกกัน ป่าก็เป็นดงเป็นป่าเป็นที่เถื่อนของสัตว์เดรัจฉานสัตว์อะไรต่างๆอยู่ ส่วนคนที่เจริญแล้วเป็นอาริยกะแล้วก็อยู่เมือง ส่วนมิลักขะ ยังเถื่อนอยู่ ยังไม่เจริญก็อยู่ในป่าเป็นคนเถื่อนคนป่า มันเป็นธรรมดาธรรมชาติเพราะฉะนั้นทุกวันนี้ก็ยังมีคนป่าคนเถื่อนคนที่ยังไม่เจริญยังไม่เป็นประสาคนเมืองเขาก็อยู่ของเขาไป แต่มันน้อยลงเรื่อยๆ พลเมืองโลก 7 พันล้านพวกอยู่ป่าจะมีเท่าไหร่ ตรวจสถิติดูก็จะมีไม่เท่าไรน้อยลงเรื่อยๆเพราะอะไร เพราะเขาเกิดเป็นมนุษย์จะรู้ว่าเขาเป็นมนุษย์ก็ต้องพัฒนาความเป็นมนุษย์ แล้วมนุษย์พัฒนาประชาชน 7 พันล้านในโลกขณะนี้ เป็นคนเมืองไปเท่าไหร่ คนป่าจะมีกี่ล้านคนทั่วโลกทุกวันนี้ จะถึง 1 ล้านไหม จะถึงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ทั่วโลก อาจจะถึงก็ได้เพราะว่ายังไม่ได้สำรวจจริงๆไปถึง เป็นพวกผีตองเหลืองเป็นพวกคนป่า สมมุติว่าให้คนเถื่อนมีสักพันล้าน แล้วคุณจะไปเป็นคนเถื่อนอยู่อีกทำไมเขาก็จะต้องมา เขาเจริญเขาก็ต้องมา ไม่นุ่งผ้าจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็นุ่งผ้า คนป่าที่เขาไปสำรวจพวกนักศึกษาไปสำรวจ เขาก็นุ่งผ้าแล้ว เอามาออกข่าวออกสารคดีให้เราดูกัน แล้วเราก็เข้าใจว่าคุณจะอยู่อย่างนั้นไป ไม่มีทางเจริญที่จะมาสู่ความเป็นเวไนยสัตว์ มาเป็นคนเมือง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:30:08 )

อาริยคุณของคุณจำลอง ศรีเมือง

รายละเอียด

จำลองนี้ยังไม่รู้แม้แต่โสดาบัน แต่ที่จริงมีแล้วโซดาปั่น เกินกว่าโสดาบันแล้วเป็นโพธิสัตว์แล้ว ยังเป็นโสดาบันอยู่นั่นแหละ แต่มันยังไม่ขึ้น คุณจำลองเป็นสายศรัทธา คุณจำลองเป็นสายสัทธาธิกะ คุณจำลองเรียนเก่งตามโลกีย์เขา นี่คือใช้ธาตุรู้ได้เก่ง แต่ชาตินี้ได้อยู่เท่านี้ ดีไม่ไปเป็นนายกฯ เป็นรองนายกฯเท่านั้น ดีแล้วที่ไม่ต้องไปผูกพันตรงนั้น  มันยากอจินไตย สรุปคือ ไปกับอาตมานี่แหละไม่ต้องห่วงหรอก อาตมาพาไป เพราะอาตมายังอีกนาน กว่าคุณจะขยับมาเท่าอาตมา คุณเองก็จะต้องมา ถ้าไม่มาคุณไม่รู้จักจบ มันก็วนอีกอย่างเก่าเพราะฉะนั้นไม่เอา ให้ตามมา ตอนนี้ใจไม่สู้ก็ต้องสู้เพื่อให้จบเป็นอรหันต์ให้ได้และนี่บอกว่าตัวเองยังไม่เป็นโสดาบันจะไปจบได้อย่างไร คุณต้องรู้โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี คุณเกินอรหันต์แล้ว เข้าขั้นโพธิสัตว์แล้ว พูดแล้วเดี๋ยวก็ไม่รู้เพราะแค่โสดาบันยังไม่รู้เลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 16:04:12 )

อาริยชน

รายละเอียด

อาริยชน คือ มาเรียนรู้ออกจากเคสิตเวทนาอย่างปุถุชน เอากิเลสออก ทำลายกิเลสคือเนกขัมมะจนหมดกิเลสเป็นอุเบกขา ไม่สุขไม่ทุกข์ แล้วทำความไม่สุขไม่ทุกข์นี่แหละอาศัยอุตุก็ได้ เป็นพีชะก็ไม่ทุกข์ไม่สุข  เรารู้อาการของจิตอย่าว่าแต่อุตุเลย  ถ้าคุณทำจิตให้เป็นอุตุไม่ได้ปรินิพพานเป็นปริโยสานไม่ได้  ตายแล้วแยกธาตุเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่ได้ตั้งแต่ตอนเป็นๆ แยกจิตให้เป็นอุตุไม่ได้แล้วจะปรินิพพานเป็นปริโยสานได้อย่างไร เป็นพีชะปรินิพพานเป็นปริโยสาน ทำไม
อาตมารู้ เพราะอาตมาเป็นโพธิสัตว์ อาศัยพีชะตลอดเวลา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:56:36 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:23:00 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 19:59:35 )

อาริยชนต้องทำใจในใจเป็น

รายละเอียด

เราไม่ได้บังคับกัน ทุกคนมาอย่างสมัครใจ มีความยินดี มีความเข้าใจ มีปัญญา ตามมูลสูตร 10 ของพระพุทธเจ้า มีความยินดี และก็ทำใจในใจเป็น มนสิการ มีความยินดีเป็นมูลกา มนสิการ เป็นแดนเกิด คุณจะเกิดมาเป็นอาริยชนเป็นคนเหาะได้ คุณต้องทำใจในใจเป็น 

อาตมาแปลมนสิการทำใจในใจเป็น พูดเต็มๆว่าโยนิโสมนสิการ พอทำได้ มันก็สั่งสมเป็นแดนอาศัย เป็นแดนเกิด สัมภวะหรือปภวะ คุณก็อยู่อย่างนี้ จิตของคุณมีหทัยรูป มีสิ่ง อาศัยอยู่ในนั้นเป็นชีวิตินทรีย์ ตราบใดที่ไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ต้องมีชีวิต มีชีวิตรูป ก็ต้องมีพลังงานเรียกว่าเป็นชีวิตินทรีย์ ทำงานไปอย่างเป็นคนอาริยะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 17:22:09 )

อาริยชนเข้าระบบโลกุตระของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ทีนี้ของอาริยชนก็เข้าระบบโลกุตระของพระพุทธเจ้า ก็ไล่ไปตั้งแต่พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ นี้ก็เป็นกรอบหนึ่ง บรรลุอรหันต์แล้วก็สุด เป็นผู้ที่จะตายก็ได้ไม่ตายก็ได้เป็นอมตะบุคคล จะบำเพ็ญโพธิสัตว์ต่อหรือจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน เลิกไปเลยจบไม่มีปัญหามีสิทธิ์ทำได้ จะทำหรือไม่ทำ ถ้าต่อไปเป็นโพธิสัตว์ก็เข้าสู่โลกุตระระดับโพธิสัตว์ ก็เริ่มต้นตั้งแต่ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 10:14:51 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:41:22 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:46:32 )

อาริยชนแบบพุทธ

รายละเอียด

ในมนุษย์นั้นจะต้องมีความเฉลียวฉลาดเป็นอาริยะ ของพระพุทธเจ้ารวมไว้หมดแล้ว อาริยะนี้รู้หมดจะเป็นเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ เป็นสังคมศาสตร์ใดๆ รู้เรื่องมนุษย์รู้เรื่องสังคม เพราะฉะนั้นจะแบ่งเป็นวิชาการสมัยใหม่เป็นเศรษฐศาสตร์เป็นรัฐศาสตร์หรือว่าเป็นการเมืองเป็นเรื่องใหญ่ ที่เขานำหน้ากันอยู่ทุกประเทศตอนนี้ 

เทวนิยม เขาก็รู้ มันเป็นเรื่องที่ต้องมีในสังคมมนุษยชาติ แต่เขาไม่รู้จักจุดพอจุดจบ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่สามารถที่จะ ให้ปฏิบัติกันให้ทำกันสอนกันบอกกันบริหารกันอย่างไร ไม่จบกิจ เศรษฐกิจก็ไม่จบกิจ การเมืองก็ไม่จบกิจ 

มีของพระพุทธเจ้าเท่านั้นจบกิจ เศรษฐกิจก็จบ รัฐกิจหรือว่ากิจการเมืองก็จบ จบคืออะไร จบคือก็ไม่มีปัญหาแล้ว ไม่เป็นภัยเป็นโทษกับสังคมแล้ว มีแต่ประโยชน์ให้แก่สังคม สั้นๆสรุปแค่นี้ 

อย่างชาวอโศกเรานี้ทำสำเร็จเศรษฐกิจก็สำเร็จการเมืองก็สำเร็จไม่มีปัญหากับสังคม เพราะฉะนั้นจะไม่เป็นภาระหนักกับรัฐบาลเลยชาวอโศกเรา ขออภัยต้องพูดความจริง มีแต่เป็นประโยชน์ช่วยรัฐบาล ช่วยสังคม ช่วยประเทศชาติ ไปเรื่อยๆ เพราะคำสอนพระพุทธเจ้า 

เมื่อได้เรียนคำสอนพระพุทธเจ้าแล้ว ก็จะเป็นผู้มีปัญญา ที่เป็นโลกุตรธรรม มีปัญญาโลกุตรธรรม เป็นคนจริงบรรลุจริงจึงเป็นอาริยะ จะใช้ภาษาอังกฤษว่า ศิวิไลซ์ เจริญอาริยะศิวิไลซ์ แต่มันเป็นแบบพุทธของพุทธ 

เพราะฉะนั้นศิวิไลซ์หรืออาริยชนแบบพุทธ เป็นอาริยบุคคล 4 เป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ จึงเป็นนักเศรษฐศาสตร์หรือเป็นนักการเมืองที่มีความรู้ความสามารถ จัดการกับเศรษฐกิจและการเมือง แต่ละคนก็จัดการของตน เป็นนักเศรษฐกิจ เป็นนักการเมืองของตนเองชนิดจบกิจถ้าเป็นอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 11:13:05 )

อาริยชาติที่ได้มงคล 38

รายละเอียด

อันนี้จำได้อาตมาเขียนไว้ ที่ชื่อว่า อาริยชาติ ที่ได้มงคล 38 นี่ ที่ได้ความลึกซึ้งอันนี้ อาตมาได้จากเข้าป่า ไปอยู่ป่าที่กาญจนบุรีเดือนกว่า เข้าไปอยู่คนเดียวอยู่ในป่าอยู่บนเขา แล้วก็ได้อาริยชาติมา ก็เลยเขียนไว้แล้วเขาก็เอามาพิมพ์ไว้แบบหนังสือพับ แล้วก็ทำอยู่ครั้งเดียว เดี๋ยวนี้ไปตกหล่นค้างไว้พวกคุณไปเจอเข้าก็เลยเห็น อาตมาจำไม่ได้แล้ว ตอนนั้นมีความหมายอยู่ในกรอบบริบทนั้น แม้แต่ภาษาก็ออกจะไม่ใช่ภาษาอย่างทุกวันนี้หรอก ก็ถ้าเอามาก็ต้องมาปรุงภาษามาสู่ยุคใหม่หน่อยจึงจะได้ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะค้านแย้งกันอยู่ในตัว อาตมารู้สึกว่ามันจะมีมุมลึกซึ้งที่ค้านแย้งกันอยู่ในที ที่จริงก็ไม่ต้องเอามาก็ได้ เป็นแต่เพียงว่าใครพบแล้วก็เอานัยความลึกซึ้งซับซ้อนมาให้แก่ตัวเองก็แล้วกัน ทุกวันนี้ทุกอย่างเบื้องต้นท่ามกลางบั้นปลายตั้งแต่ปุถุชน เป็นกัลยาณชนจนถึงอาริยชนจนกระทั่งถึงพระอรหันต์จนกระทั่งถึงเป็นโพธิสัตว์เพิ่มขึ้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 10:10:53 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:41:52 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:32:34 )

อาริยทรัพย์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นใครยิ่งเห็นว่ามันก็ใกล้ใกล้ยุค สิ่งเหล่านี้มันจะร่อยหรอ เราเกิดมา เราก็ได้พบ ก็ต้องรีบเอาๆๆ จะได้เป็นอาริยทรัพย์ที่มันติดตัวเองไป ไปซื้อเอาตามร้านขายยา ไปซื้อตามห้างใหญ่ๆสรรพสินค้าใหญ่ๆ มันไม่มีขาย จริงๆ มันต้องมาศึกษา สั่งสมๆ ไม่ใช่ว่า มันจะมีได้ง่ายๆในแต่ละยุคๆ ที่เป็นโลกุตระธรรมแท้ๆอย่างนี้ ช่วงระยะเวลาที่มันขาดโลกุตรธรรม อาตมายังไม่เกิด มันคือความไม่มีโลกุตรธรรม มาเป็นพันปี เห็นไหม มันเสื่อมมา เสื่อมมาตั้งเป็นพันปี มันมีบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 12:13:02 )

อาริยทรัพย์ 7

รายละเอียด

คือ ทรัพย์แท้อันประเสริฐของมนุษย์ 7 อย่าง

   1. ศรัทธา (ความเชื่อมั่นอย่างสัมมาทิฎฐิ)

   2. ศีล (ข้อปฎิบัติเว้นจากความชั่ว)

   3. หิริ (ละอายต่อการกระทำผิด)

   4. โอตตัปปะ (เกรงกลัวต่อการกระทำผิด)

   5. สุตะ (ตั้งใจฟังธรรมเสมอ)

   6. จาคะ (เสียสละแบ่งปัน)

   7. ปัญญา (รู้แจ้งเห็นจริงชำแรกกิเลสได้)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 23 "ธนสูตร" ข้อ 6

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 14:19:33 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 07:15:39 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 06:32:30 )

อาริยทรัพย์ 7

รายละเอียด

คือทรัพย์แท้อันประเสริฐของมนุษย์ 7 อย่าง

1. ศรัทธา (ความเชื่อมั่นอย่างสัมมาทิฏฐิ)

2. ศีล (ข้อปฏิบัติเว้นจากความชั่ว)

3. หิริ (ละอายต่อการกระทําผิด)

4. โอตตัปปะ (เกรงกลัวต่อการกระทําผิด)

5. สุตะ (ตั้งใจฟังเสมอ)

6. จาคะ (เสียสละแบ่งปัน)

7. ปัญญา (รู้แจ้งเห็นจริงชําแรกกิเลสได้)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 23 “ธนสูตร” ข้อ 6


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 19:04:56 )

อาริยทรัพย์ 7 และสัทธรรม 7

รายละเอียด

  1. ศรัทธา 

  2. ศีล 

  3. หิริ (ละลายต่อบาป) .

  4. โอตตัปปะ (สะดุ้งกลัวต่อบาป) 

  5. สุตะ, พาหุสัจจะ  (รู้ธรรมที่แทงตลอดได้มาก) 

  6. จาคะ (การสละ ให้ – บริจาค  เอาออก) . .

  7. ปัญญา    (ธนสูตร  พตปฎ. เล่ม 23   ข้อ 6) 

ส่วนสัทธรรม 7 ก็มี ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหูสูตร วิริยะ สติ ปัญญา ก็มีนัยต่างกันเล็กน้อยแต่เป็นคุณธรรม 2 อย่างที่เราต้องรู้ให้ครบแล้วทำได้ทั้งสองอย่างไม่ว่าจะเป็นอริยะทรัพย์หรือสัทธรรม 7 ในจรณะ 15 อยู่ในสัทธรรม 7

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:34:43 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:42:04 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 06:33:00 )

อาริยธรรม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นภาษาที่บอกว่าประชาธิปไตยโลกุตตระนี้ ในโลกเขามีโลกียะอยู่ทั้งโลกเป็นเทวนิยมทั้งนั้น มีความรู้ประชาธิปไตยแบบโลกีย์กันอยู่ทั้งนั้น ยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในประชาธิปไตยโลกุตระหรอก ที่นี้ในโลกยุค 2500 ปีนี้ ประชาธิปไตยโลกุตตระ ที่มีรากอยู่ในประเทศไทย มีรากเหง้ามีมูลกา จะเกิดเป็นตัวอย่างให้แก่โลก แม้ชาวไทยเองแท้ๆ ก็ไปเรียนการเมือง เรียนรัฐศาสตร์มาจากต่างประเทศใช่ไหม แล้วก็เอามาโลดแล่นทำงานการเมืองอยู่ในไทย มันก็ยังเป็นประชาธิปไตยโลกีย์ ตามตำราที่ในหลวง ร. 9 บอกว่า แล้วก็ปิดตำรา ปิดตำราแล้วก็เปิดตำราใหม่ ก็ให้เอาแบบคนจนเอาแบบก้าวหน้าอย่างมากไม่เอา ขาดทุนคือกำไรของเรา ท่านพูดไปในเชิงเศรษฐกิจ คนก็ยังเข้าใจยากอยู่ อาตมาก็ยังต้องมาขยายความและนำพาพวกเรานี้ให้จริง ให้เป็นตัวอย่าง 

อาตมาถึงยังไม่อยากตาย อยากจะนำพาพวกเราให้เกิดเป็นรูปเป็นร่าง มีคณะนักการเมืองเรียกว่าชาวอโศก ขึ้นไปแล้วก็ทำตามระบบเขานั่นแหละ ตามระบอบที่เขามีกฎหมายมีหลักเกณฑ์ก็ทำตามเขา เราไม่ทำผิดกฎหมายหรอก ทำไปตามนั้นแหละ แต่เราเอาแก่นเนื้อของความเป็นประชาธิปไตยหรือคุณธรรมนี้ เป็นประชาธิปไตยเนื้อแท้ของพระพุทธเจ้า ทำอันนี้ไปเลย 

เพราะฉะนั้นสรุปลงเบื้องต้นนี้ว่า เมืองไทยจะเป็นประชาธิปไตยโลกุตระในโลกขณะนี้ เพราะมีประชาชนคนไทยที่มี DNA ของศาสนาพุทธ ตั้งแต่สร้างประเทศไทยมาจนกระทั่งบัดนี้ เมื่อประเทศไทยถึงยุค ธรรมิกราช 2 องค์อุบัติขึ้นมาในยุคนี้ เป็นคนจริงๆ นี่ก็พูดไปแล้วมีในหลวง ร. 9 กับอาตมานี่แหละ มาประพฤติโลกุตรธรรมขึ้นจริงๆ เป็นปรากฏการณ์จริงเป็นฟีโนมินอล ตัวอย่างเจ้าเดียวนี่แหละ ศึกษาจากสังคมศาสตร์อันเป็นพฤติกรรมจริงของมนุษย์ที่เป็นได้ ศึกษาจากรัฐศาสตร์อันเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่เป็นจริงในไทยก็ได้ แม้แต่ศึกษาจากเศรษฐศาสตร์ที่เป็นบุญนิยมที่เราพาทำนี้และเรียกศัพท์ว่าบุญนิยมว่าเป็นเศรษฐศาสตร์ที่ฆ่ากิเลส เศรษฐศาสตร์ที่เป็นลัทธินิยม ism เป็น boonnism เป็นลัทธิที่ฆ่ากิเลสของตนเอง บุญนี้ชำระกิเลสของตนเอง เป็นนักฆ่ากิเลสของตัวเองไม่ไปยุ่งกับกิเลสของคนอื่น เป็นนักประหารมือสุดท้ายรองจากฌาน 4 

เพราะฉะนั้นคนทางทุนนิยม คนทางโลกียะ คนทางเทวนิยม เขาก็ยังหหลงทุน หลงกำไรหลงสะสมกอบโกยเงินทองอำนาจบาตรใหญ่ของโลกีย์หมด มันก็เห็นตัวอย่างมีหลักฐานยืนยันทั้งนั้น คนไทยที่เราทำกันอยู่นี้ ผู้ที่มีภูมิปัญญาจริงๆศึกษาเถอะ จะเห็นจริง จะเข้าใจจริง 

ไม่ไอเลยนะวันนี้ต่ออีกหน่อยหนึ่ง แต่เอาความเหมาะสมควร 

เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่าธรรมิกราช 2 องค์ ในหลวง ร. 9 ก็ทรงทำหน้าที่ของพระองค์ ยังไม่ปรินิพพานหรอก ในหลวงเป็นโพธิสัตว์ที่จะต้องต่อไปอีกอยู่ ไม่มีปัญหาอะไร แล้วท่านก็สิ้นพระชนม์ไปก่อน อาตมานี้ทำหน้าที่ไก่ตัวพี่ ในยุคนี้อาตมาพูดว่าไก่ตัวพี่ เป็นไก่ตัวพี่จริงๆในยุคนี้ อาตมาไม่ได้พูดเล่น 

อาตมาประกาศตนว่า อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ที่จะนำพาโลกุตรธรรมนี่แหละ คืออาตมานี่มันพร้อมทั้งรูปทั้งนาม และพาไป ในหลวงท่านก็นำทำรูป ส่วนอาตมามาทำทั้งสองอย่างทั้งรูปทั้งนามให้ชาวพุทธนี้ นำพาชาวพุทธ ซึ่งที่จริงแล้วพุทธมันเสื่อม แต่ก็แน่นอน ผู้แสวงหาผู้ที่เป็นอาริยะที่จะต้องพากเพียรให้เจริญเป็นอาริยธรรมมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี คนไทยที่อยากได้ของจริง เป็นคนแสวงหาที่จะได้ธรรมะโลกุตตระจริงๆ สัมมาทิฏฐิจริงๆเขาก็จะ ค่อยๆ เห็น 

ตอนนี้พวกที่ขัดแย้งต่อต้านอาตมาก็เบาลงไป จนกระทั่งแม้แต่เอาหลักเกณฑ์ของโลกกฎหมายมาทำให้อาตมาแพ้ และอาตมาต้องแพ้และต้องถูกผู้พิพากษาลงโทษติดคุกหกเดือน แต่รอลงอาญา เมื่อหมดรอลงอาญา 2 ปีก็หมดสิ้น เราก็มาอยู่นอกคุก 2 ปีตามคำตัดสินกฎหมายแล้วก็จบแล้ว เถรสมาคมก็เลยไม่รู้จะเอาอะไรมา เพราะเอาธรรมะมาสู้กับอาตมาเขาก็สู้ไม่ได้ เขาเอากฎหมายมาสู้ทั้งๆ ที่จริงนานาสังวาส เถรสมาคมทำอะไรอาตมาไม่ได้ อาตมาประกาศบอกแยกไปแล้ว มาฟ้องไม่ได้อธิกรณ์อาตมาไม่ได้ นั่นแหละเถรสมาคมไม่มีความรู้มาฟ้องอาตมาก็ละเมิดธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นอาบัติ ซึ่งอาตมาก็เคยแยกแยะไปแล้ว 

เพราะฉะนั้นสรุปเข้าหาเรื่องที่เรากำลังพูด เพราะฉะนั้นอาตมาก็มาเป็นธรรมิกราชที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์เอาไว้ใน อาณิสูตร ก็ยืนยันพิสูจน์กับอาตมาไปว่าอาตมาเป็นใครคนนั้นคนนี้จริงๆอย่างที่ว่าไหม 

เพราะฉะนั้นมันมีสภาพจริง มันมีอะไรอ้างอิงยืนยันหลักฐานตามพระไตรปิฎกหลักฐานคำสอนที่พูดตามๆกันมา เป็นตำนานก็มีหลักฐานในพระไตรปิฎกก็มี ตำนานก็มีที่ไม่ได้บันทึก ในพระไตรปิฎกก็มารวมกันหมดตรงกันหมด เอามายืนยัน และก็พิสูจน์จริงลงไปสิ อย่างในยุคนี้แหละ พวกคุณเป็นคนในยุคนี้ติดตามพิสูจน์ จะได้ดูสิ่งที่จริงและที่ดีที่สุดในความเป็นมนุษย์ 

เพราะฉะนั้นในวงการศาสนาที่แม้แต่จะเสื่อมแล้ว เราก็พยายามที่จะพัฒนาขึ้น จากที่ไปหลงใหล คนที่หลงใหลก็ยังหลงใหลติดยึดอยู่ ยังไม่รู้ตัวก็ยังเยอะในวงการสงฆ์กระแสหลัก เอาเถอะ ก็ขอสรุปไว้ตรงนี้ก็แล้วกันว่า 

อย่างไรก็ตามประเทศไทยคือ ประเทศที่มีประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ไม่มีในตำราในต่างประเทศหรอก ไม่มี นอกจากตำราในประเทศไทยนี่แหละ แล้วตำราที่เป็นประชาธิปไตยโลกุตระนั้น อาตมาได้เขียนขึ้นมาเรียกมันว่าตำรารัฐศาสตร์ เขายังไม่รู้หรอกว่านี่คือ ตำรารัฐศาสตร์ที่แท้จริง เศรษฐศาสตร์ด้วยสังคมศาสตร์ด้วย แต่เขาจะไปแยกกันเอง ผู้รู้ต่อไปจะไปแยก 

รัฐศาสตร์เอาไปทางนี้อย่างโพธิรักษ์พูดรัฐศาสตร์แบบนี้ โพธิรักษ์พูดเศรษฐศาสตร์แบบนี้ โพธิรักษ์พูดสังคมศาสตร์แบบนี้ ต่อไปจะมีคนไปแยกเอง อาตมาก็พูดรวมๆไปทั้งหมดไม่ได้ไปพูดแยกกันทีเดียว ให้มันเกิดการสังเคราะห์สังขารกันไป 

เพราะฉะนั้นอาตมานี่แหละเป็นผู้เขียนตำรารัฐศาสตร์เอาไว้ตามประสาของอาตมา อ้าว.. พักยกวันนี้ไว้ก่อน อธิบายมาถึงหน้า 6 แล้ว ร่างไว้ถึงหน้า 13 ยังมีเวลาต่อไปอีก แม้งาน 88 ปี 8 เดือน 8 วัน จะหมดลงไปแล้วงาน แต่การบรรยายธรรมะอันเป็นโลกุตระ ก็ยังจะต้องอธิบายกันต่อไปอยู่ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นก็ติดตามฟัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2566 ( 12:49:58 )

อาริยธรรม อาริยะคนของประชาชน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสามัญชนทั่วไป ที่เป็นปุถุชนยังไม่ใช่อาริยธรรมการเมืองอาริยะยังไม่ได้ ก็คือแบบที่ 1 ที่ 2 ที่กล่าวไปแล้ว เป็นห่วง ไม่พ้นไปจากประชาธิปไตย อาศัย ทุน กับอาศัย อำนาจ ประชาชนที่มาอ้างจากตัวเลขของการเลือกตั้ง อาตมาเห็นการเมืองที่เขาทำกันเล่น มันจะเล่น คะแนนเสียง นักวิจัยวิจารณ์ เอาตัวเลข เข้าพิธีการจะเรียกคนมาเข้าพรรค ชนะด้วยคะแนนเสียง จะใช้วิธีการแทคติกต่างๆ สารพัด ละเอียดลออฝีมือด้วยกลเม็ดเชิงต่างๆนานา ซึ่งไม่ใช่การทำงานเพื่อประชาชนและประชาชนเห็นผลงานหรือประชาชนก็ยอมให้รับรองให้ ว่าคนนี้ๆ หรือว่ามวลกลุ่มนี้ คณะนี้ พฤติกรรมอย่างนี้เขาทำงานประชาธิปไตย ที่แท้จริงเพื่อประชาชน เขาเป็นคนของประชาชน เขาไม่ได้มีอำนาจอะไรต่ออำนาจของพรรคด้วยซ้ำไป ไม่มีอำนาจในกลุ่มเผด็จการ เป็นตัวของเขาเอง 

เช่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำ ประพฤติมาตลอด 8 ปี ไม่ต้องไปเข้าพรรค เป็นนายกอิสรเสรี พรรคไหนประชาชนยกให้ก็ทำ มันจะมีวิธีการอะไรในกฎหมายก็ตาม หยั่งเลยจะได้เสียงของประชาชนที่แท้จริง เขาก็พยายามจะให้มี สส.สว. แต่ก็มี แทรกแซงทางโลกีย์มีเยอะนะมันเลยไม่ค่อยบริสุทธิ์เท่าไหร่ แต่พฤติกรรมแท้ของผู้ทำอย่าง นายกประยุทธ์ ประมวลผลงานมา มีเยอะแยะมากมาย อาตมาเคยอ่าน มีคนประมวลมาถึง 60 กว่าประเด็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:29:37 )

อาริยธรรม 

รายละเอียด

ผู้ไม่มีปัญญาไม่รู้จัก อาริยะแท้ๆจริงๆ เขายังเห็นเป็นคนตกยุค อย่างชาวอโศกนี้เขาจะมอง มันไม่เห็นเก่ง ทำเครื่องเทคนิคต่างๆมาโชว์ สร้างปืนก็ไม่เป็น สร้างประทัดยังไม่เป็นเลย ชาวอโศก อย่าไปพูดถึง สร้างระเบิดปรมาณู สร้างระเบิดนิวเคลียร์อะไร เพราะอย่างนั้นอโศก เอาประเทศเขาทั้งประเทศมาจ้างเรา เราก็ยังไม่สร้างเลย ต่อให้คุณเอาประเทศมาเป็นค่าจ้างยกประเทศมาจ้าง ก็ไม่ทำไม่สร้าง สร้างแล้วมันเป็นบาป สร้างแล้วมันไร้สาระ ไร้ประโยชน์ มีแต่โทษ โทษแล้วสร้างไปทำไม เพราะเราไม่ได้เห็นแก่เงินแก่ทอง ไม่ได้เห็นแก่ค่าจ้าง เราเอาที่สาระที่ประเสริฐของมนุษย์ 

เพราะฉะนั้น เราจะมาสร้างคุณธรรม ความรู้ ความฉลาด ความจริง ที่ประเสริฐวิเศษ เรียกว่า โลกุตรธรรมหรืออาริยธรรม อาตมาใช้คำว่า อาริยธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปี ขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:48:01 )

อาริยบุคคล

รายละเอียด

คือ ชั้นที่ 6 ช่องว่างวงกลมจะขยายใหญ่ขึ้น มีความหมายแทนว่า อรหันต์ มีหน้าที่ขยายความว่างเปล่า หรือการหลุดพ้นให้กว้างขวางขึ้น

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 137


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:03:03 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:32:52 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 06:33:50 )

อาริยบุคคล

รายละเอียด

คือ ชั้นที่ 5 ชั้นของอาริยบุคคล ระดับอนาคามี จะเป็นลานโล่งทีไม่มีหลังคาแทนความหมายของนักแสวงบุญ ที่ไม่เน้นการมีชีวิตแบบฆราวาสครองเรือน เป็นผู้ที่ไม่มีบ้านช่องเรือนชาน หรือไม่มีหลังคาพักพิง

หนังสืออ้างอิง

“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า137


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:01:26 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:31:55 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:03:41 )

อาริยบุคคล

รายละเอียด

บุคคลที่บรรลุมรรคผลอันเป็น “โลกุตรธรรม 9”

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 174


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:38:39 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:31:26 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:06:13 )

อาริยบุคคล

รายละเอียด

ตอนนี้อโศกมีรูปร่างความเจริญที่เรียกว่าโลกุตรธรรม เป็นอาริยบุคคล เจริญในโลกแบบโลกุตระ ไม่เหมือนโลกียะทีเดียวมันเหนือกว่าโลกียะ ก็จะนำพาไป เพราะมันทวนกระแส โลกจะเอาแต่ร่ำรวยหรูหราฟู่ฟ่า เรามาหาความพอดีความเหมาะสมไม่มากๆแล้วไม่น้อยเกินไปด้วย อุดมสมบูรณ์ แม้จนก็จนยังอุดมสมบูรณ์ไม่ได้จนอย่างกระเบียดกระเสียรจนอย่างยากแค้น จนกันอย่างลำบากลำบนไม่ใช่หรอก มีกินมีอยู่มีเล่นมีพักผ่อนพอเหมาะพอดี ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป เพราะฉะนั้นต้องเรียนรู้คำว่าพอเหมาะพอดีหรือสมดุล ได้สัดส่วนที่พอเหมาะพอดี เป็นลักษณะที่ดีที่สุด ลงตัวที่สุด ยืนนานที่สุดเรียบร้อยที่สุด ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครแม้แต่ตัวเองก็อยู่กันอย่างยั่งยืนเรียบร้อยราบรื่นง่ายงาม เรียกว่า สันติ

ลักษณะพวกนี้เป็นสิ่งที่มีจริงเป็นจริงแล้ว เป็นกิริยาอาการของความเป็นมนุษย์ทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่สัตว์โลก หรือมนุษย์ จะเป็นกัน จะต้องทำกัน ซึ่งเราก็ทำกันอยู่ ใช้ภาษาเรียกและสื่อบอกให้รู้ความจริง ให้รู้จักสภาวะจริงเท่านั้นเอง

ที่มา ที่ไป

รายการพ่อครูให้โอวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2562  ที่บ้านราช วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:30:19 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:24:21 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:04:42 )

อาริยบุคคล

รายละเอียด

อาริยบุคคล ท่านกำชับไว้เลยว่า ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย จึงจะทำให้กิเลส อาสวะ สิ้นได้ 

เพราะฉะนั้น ปฏิบัติวิโมกข์ 8 ไม่มีกาย เพราะไปหลับตา พอเขาบอกว่าเข้าวิโมกข์ หรือเขาเรียกว่าเป็นสมาบัติด้วยนะ เข้าสมาบัติ สมาบัติ 8 หรือวิโมกข์ 8 แล้วไปหลับตาไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 นี้ด้วยกาย ไม่มีกายไม่มีภายนอก กายต้องมีทั้งภายนอกและภายใน ไม่แยกกันด้วย นี่แหละเข้าใจกันยาก ไม่แยกนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:26:11 )

อาริยบุคคล 7

รายละเอียด

อุภโตภาควิมุติ  ปัญญาวิมุติ  กายสักขี  ทิฏฐิปัตตะ สัทธาวิมุติ ธัมมานุสารี  สัทธานุสารี

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 19:26:04 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:33 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:05:53 )

อาริยบุคคล 4

รายละเอียด

คือบุคคลผู้ประเสริฐ เพราะห่างไกลจากกิเลส เป็นผู้บรรลุธรรมอันวิเศษ มี 4 ฐานะ

1. พระโสดาบัน (ละสังโยชน์ 3 ได้)

2. พระสกทาคามี (ละสังโยชน์ 3 ได้เด็ดขาด และทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลงมากแล้ว)

3. พระอนาคามี (ผู้ละสังโยชน์เบื้องต่ำทั้ง 5  ได้อย่างเด็ดขาด  แต่ยังยึดขันธ์ 5 บริสุทธิ์เป็นของๆ ตน)

4. พระอรหันต์ (บรรลุเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ เพราะหมดกิเลสที่หมักหมมในสันดานแล้ว, ผู้ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ-ปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 9  "มหาลิสูตร"  ข้อ 250-253

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2562 ( 12:50:02 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:31:03 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:05:13 )

อาริยบุคคล 4

รายละเอียด

คือบุคคลผู้ประเสริฐ เพราะห่างไกลจากกิเลส เป็นผู้บรรลุธรรมอันวิเศษ มี 4 ฐานะ

1. พระโสดาบัน (ละสังโยชน์ 3 ได้)

2. พระสกทาคามี (ละสังโยชน์ 3 ได้และมีราคะ โทสะ โมหะเบาบางแล้ว)

3. พระอนาคามี (ละสังโยชน์เบื้องต่ำทั้ง 5 ได้)

4. พระอรหันต์ (บรรลุเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติเพราะหมดกิเลสที่หมักหมมในสันดานแล้ว)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 9 “มหาลิสูตร” ข้อ 250-253


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 12:30:04 )

อาริยบุคคล 4

รายละเอียด

กิเลสตาย กิเลสตายระดับหนึ่งก็เป็นพระโสดาบัน กิเลสตายเพิ่มขึ้นเป็นขั้นที่ 2 เป็นพระสกิทาคา กิเลสตายระดับ 3 เป็นพระอนาคามี กิเลสตายระดับ 4 ก็เป็นพระอรหันต์ อันนี้เรื่องจริงพิสูจน์ได้ แม้ทุกวันนี้อาตมาก็ยืนยันว่าพวกเรามีอาริยบุคคล 4 มี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ 

เถรสมาคมเขาไม่เชื่อหรอก ประชาชนที่ไปนับถือเถรสมาคม มีความรู้แบบเถรสมาคม เขาก็ไม่เข้าใจ เขาก็ไม่เชื่อเหมือนเถรสมาคม มีคนดวงตาดีคือพวกคุณ เข้าใจแล้วพากเพียรมาปฏิบัติ คนที่ได้จริงๆแล้ว บรรลุธรรมจริงๆแล้ว อย่างน้อยโสดาบันเข้ามา ไม่บรรลุธรรมจริงๆไม่เข้ามาหรอก อย่างเก๊ที่สุดก็รู้ว่าควรเข้ามาแต่มันเข้ามาไม่ได้ เขาก็ไม่เข้ามา จรไปจรมา สัมพันธ์อย่างสนิทใจ เชื่อถือเคารพนับถือจริงๆแต่ว่าเขาเข้ามาไม่ได้ อันนี้เป็นวิบากของคน มันก็เป็นธรรมชาติธรรมดาจริงๆ 

คนที่เข้ามาได้ก็เข้ามาให้มาก จะมีอะไรติดยึดข้างนอกอยู่ ก็ไปน้อยลง ๆน้อยลงไป จนปลดวางได้ปลงได้ก็เข้ามาอยู่ได้ เข้ามาอยู่รวมอยู่ในนี้ได้ มันแสดงออกถึง 1. ไม่อนาคามีก็อรหันต์ นี่เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้านะ มันซ้อน อยู่ในความเป็นจริงว่า อนาคามีขั้นไหน อรหันต์ขั้นไหน หรือ โสดาบันขั้นไหน สกิทาคามีขั้นไหน อาตมากำลังอธิบายอย่างพิสดาร อย่างละเอียด 

เช่น โสดาบันในยุคพระพุทธเจ้านั้นสูงกว่าโสดาบันพวกคุณ เข้าใจไหม พระพุทธเจ้าบอกว่าคนนี้เป็นพระโสดาบัน ประเดี๋ยวเดียวก็เป็นพระอรหันต์ไม่นานหรอก แต่โสดาบันพวกคุณนี่หลายคนชาตินี้ก็คงจะไม่ได้เป็นพระอรหันต์ อาจจะเป็นโสดาบัน สัตตขัตตุปรมโสดา เกิดอีก 7 ชาติก็จะได้เป็น หรือเป็นสกิทาฯ เป็นโสดาฯในระดับสกิทาฯ ก็เป็นโสดาฯ ที่อยู่ในโกลังโกละ อาจจะ 6 ชาติไม่ใช่ 7, 6 ชาติที่จะบรรลุ อาจจะ 5 ชาติ 4 ชาติ 3 ชาติ อาจจะ 2 ชาติ 

ถ้า 1 ชาติท่านเรียกว่า เอกพีชี เกิดมา 1 ชาติ เอกพีชี แตกต่างจากสกทาคามีอย่างไร สกิทาคามีท่านก็แปลว่า ผู้จะเกิดอีกหนเดียวก็บรรลุอรหันต์ เอกพีชี ก็คือผู้ที่เกิดหนเดียวบรรลุอรหันต์เหมือนกันเป็นโสดาฯเอกพีชี นี่แหละเข้าใจยาก หมายความว่าเป็นผู้ที่เพียร เป็นผู้ที่สามารถพาสชั้น ลัด ตัดชาติ แทนที่จะเป็น โกลังโกละ 6 ชาติ 5 ชาติ 4 ชาติ 3 ชาติ 2ชาติที่จะบรรลุแต่ท่านพาสชั้น พรึ่บ เอกพีชี ชาติเดียวบรรลุอรหันต์เลยเป็นสมรรถภาพของพระโสดาบัน ผู้เอกพีชี ผู้น้ัน บรรลุได้ อย่างนี้เป็นต้น 

ส่วนสกิทาคามีต้องเกิดจริงๆไม่ใช่บรรลุในชาตินั้น สกิทาคามีต้องไปเป็นตามลำดับ ต่างกันตรงนี้เป็นนัยยะสำคัญของธรรมะพระพุทธเจ้าที่อาตมาหยิบมาให้ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ พวกเราอยู่ในฐานที่ฟังแล้วเข้าใจ ฟังแล้วเอาไปปฏิบัติได้เป็นลำดับ เพราะพวกเราเข้าใจ กาย โดยเฉพาะเข้าใจกายอย่างพ้น วิจิกิจฉา เป็นสังโยชน์ข้อที่ 2 แล้วก็พามาปฏิบัติศีลพรต บรรลุพ้นจาก สีลัพพตุปาทาน พวกเรา มาอยู่ในฐาน สีลัพตปรามาส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 13:51:29 )

อาริยบุคคล 7

รายละเอียด

คือ  อุภโตภาควิมุติ  ปัญญาวิมุติ  กายสักขี  ทิฏฐิปัตตะ สัทธาวิมุติ ธัมมานุสารี  สัทธานุสารี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 12:21:49 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:42:27 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:05:30 )

อาริยบุคคลที่แท้จริงต้องศิวิไลซ์

รายละเอียด

การปกครองมนุษย์นี้มันยาก แต่ละชาติๆก็ค้นหาวิธีการปกครอง ไทยมีกุศลมีบุญเก่า เพราะว่าเป็นประเทศที่มีศาสนาพุทธมีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา เป็นโลกุตระเป็นอเทวนิยม มีมาเก่า มันจึงมีลักษณะของธรรมะพระพุทธเจ้า มันเป็นความรู้ที่ยิ่งยอดเป็นโลกุตระสูงส่งเป็นอาริยบุคคลที่แท้ ศิวิไลซ์ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า civilize ภาษาไทยก็ไปเอาคำว่าศิวิไลซ์มาทับศัพท์ แม้จากภาษาอังกฤษก็คือ civilize ภาษาบาลีก็สิวิไล ในภาษาบาลีท่านไม่ใช้ ศ แต่ใช้ ส ภาษาอังกฤษก็น่าจะเอามาจากภาษาบาลีเพราะภาษาบาลีเก่าแก่กว่าภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลว่าเจริญ หรืออาริยะ ทางโลกเขาใช้อารยชน ส่วนทางสายเจโตพระป่าใช้คำว่าอริยะ

ซึ่งอาตมาว่ามันเพี้ยนทั้งคู่ อาตมาเลยมาใช้คำว่า อาริยะ ซึ่งมันสภาวะเดียวกันแต่เพี้ยนกันไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 11:56:20 )

อาริยบุคคลเป็นผู้ที่รู้เหนือกว่าคนโลกีย์

รายละเอียด

มาเป็นอาริยบุคคลจึงเป็นผู้ที่รู้เหนือกว่าที่คนโลกีย์เขารู้ในโลกโลกีย์เทวนิยม พูดอย่างนี้ไม่ได้ยกตนข่มท่านหรืออวดดี แต่ดูความเป็นจริงตามนั้น โลกีย์เขาสลายธาตุสัตว์​หรือจิตนิยามเขาสลายไม่ได้ เขาจึงจำนนว่า จิตวิญญาณ หรือจิตนิยาม เป็นธาตุที่ต้องมีอยู่นิรันดรหายไปไม่ได้ ถ้าตายแล้วก็ต้องไปอยู่กับธาตุใหญ่เป็นเจ้าธาตุที่เรียกว่าพระเจ้า God แล้วความรู้ใน God จะอยู่อย่างไรกับพระเจ้า เขาไม่รู้แล้ว เขารู้แต่ว่าต้องไปอยู่กับ God พระเจ้าซึ่งแล้วแต่ God จะสั่งจะบัญชาให้เป็นไปอย่างไร จนกระทั่งให้มาเกิด 

จนกระทั่งส่งผู้รู้มาควบคุม มาดูแลคำสอนเอาคำสอนมาประกาศแก่คนเป็นพระบุตร คำสอนอย่างนี้เป็นต้น ศาสนาเทวนิยมก็จะมีพระเจ้าพระบุตรมาประกาศคำสอนซึ่งเป็นคำสั่ง ซึ่งต่างจากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นคำสอนที่สอนให้ใครเต็มใจศึกษาก็ศึกษา ใครจะเชื่อก็เชื่อไม่เชื่อก็ไม่ได้สั่ง ไม่เผด็จการ ไม่บังคับ ใครมีภูมิปัญญาปฏิภาณเห็นดีเห็นงามพอใจ ก็เลือกเอาเอง ถ้าใครไม่ชอบใจไม่พอใจก็ไม่เอา ไม่มีปัญหาไม่ล่าบริวาร ใครพอใจเท่าไหร่ก็เท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:07:46 )

อาริยบุคคลแบบพุทธ

รายละเอียด

ตั้งแต่ต้น พ้น สักกายทิฏฐิ เป็นเบื้องต้นเลยทุกคน ถ้าไม่เข้าใจ 1. ตัวตน 2. ความเป็นกาย เรียกว่า สักกะ คือ ตัวตน ตัวเรา 

ส กับ ก อันเกี่ยวกับตัวเรา สักกะ แล้ว ในความเป็นสักกะนี้ ก็มีลักษณะ 2 คือ กาย ลักษณะ 2 ตั้งแต่เริ่มต้น ใช้ศัพท์ซ้ำเลยว่า คือ กายกับจิต กาย เป็นลักษณะ 2 มีอะไรบ้าง ก็คือ ตัวหนึ่งคือกาย อีกตัวหนึ่งคือจิต ขยายจาก 2 จากคำว่า กายกับจิตแล้ว ออกมาก็คือ ตัวหนึ่งเป็นภายนอก ตัวหนึ่งเป็นภายใน กายภายนอก กับ กายภายใน 

กายภายใน ยังไม่เรียกว่า เวทนา กายในกาย เพราะจะต้องมาเรียนรู้มีสติปัฏฐาน 4 ก็จะต้องเรียนรู้กาย พิจารณาตามกายภายในเข้าไปหาในๆๆๆๆเข้าไปเรื่อยๆ ในจากกายก็เข้าหาเวทนา ในจากเวทนาก็เข้าไปหาจิต ในจากจิตก็คือคุณจะต้องรู้การกระทำเรียกว่ากรรม 

เมื่อทำสำเร็จเสร็จ ก็สั่งสมลงเป็น ธรรมะ กาย เวทนา จิต ธรรม 

เมื่อทำได้สำเร็จตามหลักธรรมพระพุทธเจ้า ก็เป็นโลกุตรธรรม หรือเป็นธรรมของอาริยชน อาริยบุคคลแบบพุทธ ไม่ใช่ศัพท์คำว่าอริยะ อารยะ เขาก็แปลว่า คนเจริญ คนประเสริฐ ซึ่งทางภาษาอังกฤษก็มีแค่คำว่า ศิวิไลซ์ คือ คนเจริญ แต่เขาไม่มีโลกุตระ ไม่มีแบ่งแยกละเอียดลออ อย่างที่เราทำเพราะว่าเทวนิยมเขาไม่มี เขาไม่ได้มีการเรียนรู้เรื่องกรรม เรื่องวิบาก เรื่องจิตเจตสิกต่างๆเขาไม่ได้เรียนรู้ เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่มีวันที่จะมาเข้าใจ เข้าใจโดยปริยายไปอย่างนั้นแหละ โดยเขาเรียนจิตวิทยาหรือจิตศาสตร์เขาก็เรียนพื้นๆไปอย่างนั้น เทวนิยม จะมาลึกซึ้งแบบพระพุทธเจ้า มาแยกจิตเจตสิกต่างๆอย่างที่เราเรียนกันนี้ แม้แต่รูปก็ต้องมีตั้ง 28 เกี่ยวข้องกับจิตทั้งนั้นเลยนะรูป 28 แม้แต่มหาภูตรูป 4 ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับเราตั้งแต่ดินน้ำไฟลม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 06:02:46 )

อาริยบุคคลแสดงความคิดเห็นทางการเมืองผิดพลาดได้

รายละเอียด

ตอบคำถามนี้ว่า ได้ ผิดพลาดได้ อย่างอาตมาแสดงความเห็นทางการเมืองผิดพลาดได้ อาตมาไม่ได้ถือดีว่าแสดงออกไปไม่ผิดพลาดเลย แต่แสดงออกผิดพลาดได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:11:35 )

อาริยบุคคลได้ส่วนบุญอย่างไรตามลำดับ

รายละเอียด

ถ้าจะเริ่มนับตั้งแต่บุคคล ก็เริ่มนับตั้งแต่ โสดาบัน มีบุญส่วนหนึ่ง ใน 4 ส่วน แบ่งกิเลสออกเป็น 4 ส่วน ส่วนที่ 1 หมดไปเป็นโสดาบัน นี่พูดกันอย่างตัดเลย ที่จริงมันจะเหลื่อมกัน ไม่ใช่ว่าตัดพัวะเลย แต่มันจะค่อยๆบางเบาลง อีกอันนึงก็ค่อยๆหมดลงด้วย สกิทาฯก็หมดไปด้วย โสดาบัน กิเลสบางลงๆ คุณภาพของจิตวิญญาณ คุณภาพความเจริญ คุณภาพของความประเสริฐ ของจิตวิญญาณดีขึ้นดีขึ้น ความประเสริฐดีขึ้น เจริญดีขึ้น ก็เข้าไปหาสกิทาฯ 

พอกิเลสมันหมดเขต 25 เปอร์เซ็นต์ มันก็ตัดเกรดของโสดาบันได้ เหลือแต่สกิทาคามี 

สกิทาคามีแต่ก่อนมันก็เหลื่อมกันอยู่ระหว่างโสดาบัน สกิทาคามีก็ค่อยๆหมดลงไปด้วย 

พอตัดเขตโสดาบัน สกิทาคามีแท้ๆ ก็เหลื่อมไปหาสกิทาฯ ก็เหลื่อมไปหาอนาคาฯ

ความเป็นสกิทาคามีความเป็นประเสริฐสูงขึ้นๆ อนาคามีก็ได้สูงขึ้นด้วย

พอตัดเขต 50% กิเลสของสกิทาคามีถือว่าหมด อนาคามีก็ยังมีเหลื่อมอยู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:22:24 )

อาริยภูมิ

รายละเอียด

คือ ความเป็นโสดาบันถึงอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ขั้นอาริยภูมิเท่านั้น ยังไม่ใช่โพธิสัตว์ขั้นโพธิสัตว์ ที่มีขั้น “พุทธภูมิ”

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า180


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 14:42:42 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:25:31 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:06:46 )

อาริยมรรคมีองค์ 8

รายละเอียด

คือทางสายกลางอันประเสริฐ 8 ประการที่เป็นข้อปฏิบัติสู่ความเป็นอาริยะ 1. สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นที่ถูกตรงในอาริยสัจ 4 คือทุกข์ ทุกขสมุทัย ทุกขนิโรธทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา)

2. สัมมาสังกัปปะ (ความดําริที่ถูกตรง ในการออกจากกาม ในการไม่พยาบาท ในการไม่เบียดเบียน)

3. สัมมาวาจา (การเจรจาที่ถูกตรงในศีลข้อ 4 คือ เจตนางดเว้นจากการพูดเท็จ พูดส่อเสียดพูดคําหยาบ พูดเพ้อเจ้อ)

4. สัมมากัมมันตะ (ทําการงานที่ถูกตรงในศีล 5 ข้อคือ เจตนางดเว้นจากการฆ่า การลักขโมย การประพฤติผิดในกาม)

5. สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพที่ถูกตรง คือละการเลี้ยงชีพในทางผิดอันเป็นมิจฉาอาชีวะ 5มาเลี้ยงชีพในทางถูก)

6. สัมมาวายามะ (ความเพียรที่ถูกตรง คือ ไม่ให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด บังเกิดขึ้น ละอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ให้หมดไป ทําให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด บังเกิดขึ้น เจริญกุศลธรรมที่เกิดแล้วให้บริบูรณ์)

7. สัมมาสติ (การระลึกที่ถูกตรงย่อมพิจารณาเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนาจิตในจิต ธรรมในธรรม)

8. สัมมาสมาธิ (ความตั้งจิตมันที่ถูกตรง คือบรรลุฌานทั้ง 4 มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 19 “วิภังคสูตร” ข้อ 33-41


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 20:54:37 )

อาริยมรรคมีองค์ 8    

รายละเอียด

อาริยมรรคมีองค์ 8  คือทางสู่ความเป็นกลางอันประเสริฐ 8 ประการ    ที่เป็นข้อปฏิบัติสู่ความเป็นอาริยะ 

ส่วนมรรค 7 องค์ ตำราพระพุทธเจ้าด้วยปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์เพื่อให้เกิด สัมมาสมาธิคือมรรคข้อที่ 8 ก็ต้องปฏิบัติด้วยมรรค 7 องค์ ถึงจะเกิดสัมมาสมาธิ 

1. สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นที่ถูกตรงในอาริยสัจ 4 คือ  ทุกข์ ทุกขสมุทัย  ทุกขนิโรธ   ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา) – เป็นประธานไปทุกมรรค

2. สัมมาสังกัปปะ (ความดำริที่ถูกตรงในการออกจากกาม  ในการไม่พยาบาท ในการไม่เบียดเบียน) – เป็นประธานปฏิบัติ

3. สัมมาวาจา (การเจรจาที่ถูกตรงในศีลข้อ 4  คือ เจตนางดเว้นจากการพูดเท็จ  พูดส่อเสียด  พูดคำหยาบ  พูดเพ้อเจ้อ) – เป็นตัวปฏิบัติ

4. สัมมากัมมันตะ (ทำการงานที่ถูกตรงในศีล 3 ข้อ คือ  เจตนางดเว้นจากการฆ่า  การลักขโมย  การประพฤติผิดในกาม) เป็นตัวปฏิบัติ

5. สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพที่ถูกตรง  คือ ละการเลี้ยงชีพในทางผิดอันเป็นมิจฉาอาชีวะ 5 มาเลี้ยงชีพในทางถูก) – เป็นตัวปฏิบัติ

6. สัมมาวายามะ (ความเพียรที่ถูกตรง  คือ ไม่ให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด  บังเกิดขึ้น   ละอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ให้หมดไป   ทำให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด บังเกิดขึ้น    เจริญกุศลธรรมที่เกิดแล้วให้บริบูรณ์) – เป็นตัวเร่งห้อมล้อม

7. สัมมาสติ (การระลึกที่ถูกตรง  ย่อมพิจารณาเห็นกายในกาย  เวทนาในเวทนา  จิตในจิต  ธรรมในธรรม) – เป็นดวงตาห้อมล้อม

8. สัมมาสมาธิ (การมีจิตตั้งมั่นที่ถูกตรง  คือ บรรลุฌานทั้ง 4 มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่) – เป็นผล

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 14 “มหาจัตตารีสกสูตร ข้อ 252 – 281  และ  

พระไตรปิฎกเล่ม 19 “วิภังคสูตร” ข้อ 33-41

หนังสืออ้างอิง

หนังสือธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:01:12 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:29:16 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:52:07 )

อาริยสงฆ์

รายละเอียด

หมู่ของคนผู้ประเสริฐ  หมายถึงสมณะหรือโสดาบันบุคคลขึ้นไปจนถึงอรหันต์ แม้จะเป็นฆราวาสที่อยู่ในรูปอุบาสก – อุบาสิกาก็ตาม ถือเป็นพุทธบริษัทแท้ 

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 80


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:37:46 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:32:11 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:07:58 )

อาริยสมบัติ

รายละเอียด

คือ ศีล – สมาธิ – ปัญญา – วิมุตติ – วิมุตติญาณทัสนะ ที่พวกคุณต้องขนขวาย เอาสิ่งนั้นมาเป็นอาริยสมบัติให้ได้

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า563


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 13:39:14 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:24:51 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:07:10 )

อาริยสัจ

รายละเอียด

คือ ความจริงอันประเสริฐยิ่งใหญ่ของพุทธจึงศึกษาในจุดสำคัญ คือ ทุกอย่างมาแต่เหตุ ดับเหตุเสียได้ทุกอย่างก็ดับ นี่คือที่มาของทฤษฎี อาริยสัจ 4

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า188


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 14:52:07 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:24:04 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:00:52 )

อาริยสัจ

รายละเอียด

คือ เอา เรื่อง“ความทุกข์-ความสุข”ที่มนุษย์สามารถ“เรียนรู้และดับ มันไปจากจิต” จาก“ความเป็นคน”ได้เด็ดขาดแท้จริง

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 300


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 13:38:12 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:18 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:01:13 )

อาริยสัจ 4

รายละเอียด

คือความจริงอันประเสริฐสุดของชีวิต

1. ทุกขอาริยสัจ (รู้แจ้งทุกข์) อุปาทานขันธ์ 5 ล้วนเป็นทุกข์

2. ทุกขสมุทัยอาริยสัจ (รู้แจ้งเหตุให้เกิดทุกข์) ตัณหา 3 เป็นเหตุ

3. ทุกขนิโรธอาริยสัจ (รู้แจ้งความดับทุกข์) วิราคะดับตัณหาสิ้นโดยไม่เหลือ

4. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอาริยสัจ (รู้แจ้งข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์) คืออาริยมรรคมีองค์ 8

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 19  "ตถาคตสูตร"  ข้อ 1664

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2562 ( 12:55:10 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:23:30 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:07:37 )

อาริยสัจ 4

รายละเอียด

คือความจริงอันประเสริฐสุดของชีวิต

1. ทุกขอาริยสัจ (รู้แจ้งทุกข์)อุปาทานขันธ์ 5 ล้วนเป็นทุกข์

2. ทุกขสมุทัยอาริยสัจ (รู้แจ้งเหตุให้เกิดทุกข์)ตัณหา 3 เป็นเหตุ

3. ทุกขนิโรธอาริยสัจ (รู้แจ้งความดับทุกข์)วิราคะดับตัณหาสิ้นโดยไม่เหลือ 4. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอาริยสัจ (รู้แจ้งข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์)คืออาริยมรรคมีองค์ 8

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 19 “ตถาคตสูตร” ข้อ 1664


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 12:32:38 )

อาริยสัจ 4

รายละเอียด

“ทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค”คือ “อาริยสัจ 4”ที่จัดเป็นเรื่องสำคัญขั้นหัวใจคนทีเดียว ในศาสนาพุทธที่ชาวพุทธจะต้องดูแลจัดการอย่าให้มี“เหตุ”ก่อพิษภัยเป็น“ทุกข์”แก่ตน 

      ผู้สามารถ“ดับทุกข์”ทำ“นิโรธ”ได้สำเร็จเป็น“สัมมาทิฏฐิ”ถูกต้องแบบ“โลกุตระ” ถึงขั้น“ดับเหตุแห่งทุกข์”ซึ่งเป็น“วิทยาศาสตร์ทางจิตสูงสุด”ในโลก อันเป็น“ชีววิทยา”ที่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“พลังงาน”ตั้งแต่ขั้น“อุตุนิยาม”คือ “มหาภูต 4” อันได้แก่ “ดิน น้ำ ไฟ ลม” แล้วก็พลังงานที่เป็นภาวะเป็น“ชีวะ” ขั้น“พีชนิยาม” 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 20:17:10 )

อาริยสัจ 4 มีหนึ่งเดียว ลงกันได้ไม่ขัดแย้ง นอกนั้นต่างความเห็นต่างความเชื่อก็ว่ากันไป!

รายละเอียด

อันคือ ผู้จบกิจใน“อาริยสัจ 4”ด้วยกัน ก็มี“หนึ่งเดียว”นี้เท่านั้น ที่“ลงกันได้” ตรงกันจริง ไม่มีแย้งกันเป็น“2”เลย

นอกนั้น อย่างอื่น เรื่องอื่น ไม่มีอะไรเลยที่จะ“ตรงกัน” เป็น“หนึ่งเดียว”ถึงที่สุดแห่งที่สุด กระทั่งไม่มีภาวะแตกต่าง ไม่มีแย้งกันอีก จนไม่ต้องถกกันไม่ต้องเถียงกัน  

ดังนั้น ผู้ยังมีอะไรต่างๆหรือยังมี“นานา” ที่เป็นความแตกต่างอยู่ แล้วต่างก็ยึดถือตาม“ความเห็น-ความเชื่อ”ของตนๆแต่ละคนที่มี“การกำหนดรู้ที่ยึดถือของตนอย่างเที่ยงแท้แน่นอน”นั้น ไปตามธรรมชาติปกติของคนแต่ละคน 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 269 หน้า 213


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:34:56 )

อาริยสัจ 4 สร้างความเป็นอาริยะ

รายละเอียด

ซึ่งอาริยสัจ 4 มีกระบวนการปฏิบัติชัดเจน มาเป็นคนที่สร้างความคิด สร้างวาจา สร้างการกระทำทุกอย่าง สร้างอาชีพ สังกัปปะ วาจา กัมมันตะ อาชีวะ มาเรียนรู้พวกนี้ให้สัมมา ให้ได้สัดส่วน ให้ได้สมดุล ให้ไปสู่ความเจริญ ซึ่งมันก็ไม่เที่ยง แต่มันอาศัยได้ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ปรุงแต่งไปมากปรุงแต่งไปน้อย อะไรต่างๆนานาพวกนี้ รู้จักจะชนะด้วยกรรม ด้วยการกระทำกับปัญญาทั้งสิ้น มีปัญญา ควบคุมกรรม แล้วให้ทำตามปัญญา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:51:51 )

อาริยสัจความจริงอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

แต่ถ้าคนใดที่ได้พบสิ่งที่ประเสริฐของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่าอาริยสัจ สิ่งที่เป็นความจริงอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า ศึกษาและจะรู้จักจุดสำคัญของชีวิตว่าเรามี อวิชชา ไม่รู้จักว่าเราถูกเจ้าราคะโทสะโมหะ มันเป็นเจ้าเรือนเป็นเจ้านายใหญ่บังคับให้ชีวิตเราเป็นไปตามคำสั่งของมัน ตกเป็นทาสมันอยู่ พระพุทธเจ้าก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องจัดการด้วยวิธีที่ท่านค้นพบ วิธีที่จะศึกษาเรียนรู้โลกีย์ที่เห็นได้อ่านกิเลสให้ออกให้เรียกว่า สักกายะของตน อ่านอาการ ลิงค นิมิต อุเทสของตน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 07:24:37 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:05 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:54:20 )

อาริยสัจหรือสัจจะของผู้ประเสริฐคืออะไร

รายละเอียด

ทีนี้คนธรรมดาที่มันฝังหัวไว้ลึก กินลึกในจิตว่า มันจะต้องมีลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขจึงจะอยู่ได้ ไม่มีลาภ ยศ สรรเสริญ แล้วจะเป็นสุขได้อย่างไร คนเรามันก็ต้องเอาความสุข นี่แหละมันคือประเด็น 

ประเด็นที่ใหญ่มากเลย ศาสนาพุทธไม่เอาทั้งสุขและทุกข์ อทุกขมสุข อันนี้แหละ ไม่มีใครพูดกัน แม้แต่ในวงการศาสนาพุทธ ขออภัยพูดจริงๆพูดตรงๆ เขาไม่มีปัญญาที่จะรู้ว่า ศาสนาพุทธนั้นไม่เอาทั้งสุขและทุกข์ ต้องรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งว่าอาการความสุขเป็นอย่างไรอาการความทุกข์เป็นอย่างไร และที่ลึกซึ้งกว่านั้นก็คือความสุขกับความทุกข์นี้มันเป็นอาการที่แยกกันไม่ออก มันเป็นอารมณ์ลวง เป็นเรื่องอัลลิกะ เป็นเรื่องโกหก เป็นเรื่องเท็จ เป็นเรื่องมายา เป็นเรื่องไม่จริง ความทุกข์กับความสุขไม่ใช่เรื่องจริง นี่แหละคืออาริยสัจ สัจจะของผู้ประเสริฐ ผู้ฉลาด อาริยะหรืออริยะคือ ผู้ประเสริฐ ผู้มีปัญญาจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ สุภกิณหาอย่างพุทธดับสุดสิ้นอาสวะ วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 14:10:52 )

อาริยะ

รายละเอียด

1. คนผู้ประเสริฐ

2. ความประเสริฐ [ไม่ใช่เก่งแบบลึก ๆ ลับ ๆ ]

3. ความประเสริฐ ,คุณวิเศษทางธรรมซึ่งเป็นความเจริญทางพุทธธรรมของคน หรือบรรลุพุทธธรรมของพุทธโดยเฉพาะอันถูกต้องครบถ้วนแท้จริง

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 281 , ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 24 , พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 58


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 11:36:59 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:33:28 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:08:29 )

อาริยะ

รายละเอียด

แปลว่า ความประเสริฐ ความเจริญของมนุษยชาติ และกำกับว่าเจริญแบบพุทธศาสนา 

ที่มา ที่ไป

630420


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2563 ( 08:15:02 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:42:40 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:08:52 )

อาริยะ อรหันต์

รายละเอียด

พระแท้

หนังสืออ้างอิง

(จากคนคืออะไร? หน้า 381)


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 21:41:40 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:34:12 )

อาริยะ อริยะ อารยะ

รายละเอียด

อาตมาใช้คำว่า อาริยะ แต่เดิมเขาใช้คำว่า  อริยะ แล้วก็เป็นคำสันสกฤต มีอารยะ ซึ่ง หมายความถึงเป็นผู้ประเสริฐ ทั้ง 2 คำ แต่ว่าอาตมาเห็นว่าเขาเอาไปใช้คำว่าพระอริยะเก่งทางปลุกเสกพิเศษ อารยะ ก็ไปอธิบายถึงเป็นทุนนิยมประเทศที่เป็นบ้านเมืองเจริญแบบทางตะวันตกมีความศิวิไลซ์ เจริญโลกีย์ ซึ่งเป็นความหมายที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงไปทั้งสองคำ ก็เลยเอาคำว่า อาริยะ ไม่ใช่อารยะหรืออริยะ ก็เอาทั้งสองอันเลย มาเป็น     อาริยะ มีคนท้วงว่า เป็นคำที่ไม่มีในศาสนาพุทธแต่จริงๆแล้วก็มีคำว่า พระศรีอาริยเมตไตรย ก็ยังมีคำว่าอาริยะอยู่เลย อาตมาก็เจตนาสื่อให้คนเข้าใจได้ประโยชน์

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2563 ( 15:10:42 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 11:01:22 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:09:29 )

อาริยะของโลกุตระของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ขอพูดกับคุณหน่อย อย่าถือสาอาตมานะ คุณยังงุ่มง่าม อยู่กับเรื่องของลัทธิที่คุณติดยึด เป็นลัทธิที่ยังไม่สว่าง ยังไม่ออกมา ยังเข้าใจว่าญาณสมาบัติ ปัญญาสมาธิบารมี ญาณอะไรก็ดี สั่งสมบุญอะไรก็ดี ภาษาที่คุณพูดมาทั้งนั้นมันเป็นแบบ เจโต ยังเป็นเทวนิยม ยังไม่ตื่นมาสู่ของพระพุทธเจ้าเลย ก็ขอสรุปว่าคุณพยายามทำความเข้าใจคำว่าโลกุตระอันเป็นของพระพุทธเจ้า อันเป็นอาริยะของโลกุตระของพระพุทธเจ้าให้ดีๆ ให้รู้ปฏิบัติ ตั้งแต่ สักกายทิฏฐิ หลักเกณฑ์ศีล สมาธิ ปัญญา มีจรณะ 15 วิชชา 8 เพื่อจะให้ล้างกิเลสให้หายไป จนเป็นพลังงานจิตที่เป็นฌาน เป็นพลังงานไฟ มันจะมีฤทธิ์มีอำนาจ แล้วจะไปฆ่า ไฟราคะ ไฟโทสะ หรือไฟกิเลส ตัวกาม ตัวพยาบาท แล้วไฟฌานไฟโทสะ ไฟโมหะ เสร็จแล้วพลังงานอุณหธาตุนี้ ก็จะไปสลายไฟราคะ โทสะ โมหะ จะมีปัญญาพลังรู้ว่าอันนี้เป็นเรื่องหลอก อันนี้มันเป็นผีหลอก มันไม่ใช่ตัวตน ความมีปัญญามันจะไปล้างความยึดถือความมีตัวตน มันจะเห็นว่ามันไม่ใช่ตัวจริง มันก็จะอ่อนตัว สำหรับพลังงานที่เป็น ราคะโทสะ คุณจะอ่าน สราคะ แล้วจะเข้าใจ  วีตราคะ คุณจะอ่าน สโทสะ แล้วคุณก็จะอ่านสภาวะสโทสะ ทำให้วีตโทสะ ลงไปเรื่อยๆได้ อาการ เครื่องหมายลิงคะของจิตเจตสิกต่างๆคุณจะจับอาการอาการได้แล้วจะรู้ว่าทำให้มันอ่อนตัว วิราคานุปัสสีความไม่เที่ยงหมายถึงว่า กิเลสก้อนนี้มันไม่เที่ยง มันจะโตขึ้น มันก็ไม่เที่ยง  เราก็รู้ว่าอะไรทำให้กิเลสโตขึ้น มันไม่โตขึ้นแล้วมันก็ลดลงมันก็ไม่เที่ยง คุณก็รู้ความไม่เที่ยง ทั้งที่มันมากขึ้นหรือมันน้อยลง ถ้ากิเลสมันมากขึ้น คุณจะเอาไหม อันนี้ไม่ต้องพูดเลย ทำให้มันจางลง ไฟราคะโทสะมันไม่เที่ยงแต่ลดลง ก็จะเห็นความจางคลายของกิเลส วิราคานุปัสสี ก็จะเห็นวิธีทำทำอย่างนี้แหละ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง เห็นนิโรธานุปัสสี ดับมันได้สนิทจนกระทั่งมันนาน จนมันไม่มาเลย แต่มันยังมาหลอนอีก ค่อยๆอธิบายไป

ที่มา ที่ไป

รายการการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:04:05 )

อาริยะขัดขืน

รายละเอียด

รู้ว่าการกระทำนั้นผิดหรือชั่ว(ตามความหมายแห่งธรรมหรือสังคม) แต่มัน “ควร” ทำอย่างยิ่ง จึงต้องสวนกระแสสังคมหรือขัดแย้งกับผู้อื่นด้วย “กุศลเจตนา” แท้ ๆ เพื่อผู้อื่นหรือเพื่อโลกจริง ๆ

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 221


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 21:40:47 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:34:55 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:09:52 )

อาริยะจริงๆคืออย่างนี้หรือ

รายละเอียด

ส่วนประเทศที่ไม่ไปรังแกใคร ไม่มีตัวตนถึงขั้นนั้นด้วย เขากลับมองไม่ออกว่านี่คืออาริยะแท้ๆ 

เห็นไหมว่าโลกุตรธรรมนี่มันทวนกระแส มันคนละทิศทางที่มนุษย์สามัญจะเข้าใจได้ว่า ที่เป็นอาริยะจริงๆมันคืออย่างนี้หรือ 

สรุปชัดๆก็คืออย่างชาวอโศกนี่เป็นมนุษย์อาริยะจริงๆ โอ้โห! เห็นไหม..คนเรามันเข้าใจไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะฉะนั้นกว่าจะเข้าใจได้ว่า เกิดมาเป็นมนุษย์นี่จะเป็นคนเจริญได้จริงๆ มันไม่ง่าย 

ประเทศไทยมีคนที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ชัดเจนว่าคนเจริญจริงๆคืออย่างไร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัสชัดแล้ว นี่ลูกพระพุทธเจ้า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ลูกพระพุทธเจ้าท่านต้องเรียกว่า พระโอรสพระพุทธเจ้าที่แท้จริง 

ก็ได้ออกมาทรงงานไป เพื่อสืบทอดความเป็นอาริยะในโลก เป็นรูปธรรม คนสัมผัสได้เห็นได้ แม้แต่คนในเทวนิยม คนต่างประเทศก็ยอมรับ ก็สัมผัสได้เห็นได้ 

อีกคนหนึ่ง คนนี้ต้องเรียกว่าลูกพระพุทธเจ้า เรียกโอรสไม่ได้ คือโพธิรักษ์ ลูกพระพุทธเจ้าอีกคนหนึ่ง มาทำทางนามธรรม มาเอาทางนามธรรมเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย มาแสดง มาอธิบาย มาขยายความ คนก็ยังเข้าใจยาก ยังไม่รู้ถึงคุณค่าด้วย มีคนตาดี มีคนมีภูมิปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม จึงมองออก แล้วก็เห็นได้ แล้วก็เอาไปปฏิบัติตาม มีมรรคมีผล ก็มีผลสำเร็จอยู่ ไม่ได้ไม่มีผลประโยชน์ แต่ก็ได้ผลแล้ว มีผลสำเร็จ ไม่สูญเปล่า แต่ได้ขนาดนี้อาตมาก็ภูมิใจ ก็พูดหลายทีแล้ว 

แม้ได้แค่นี้ก็ภูมิใจแล้ว เห็นคำตรัสพระพุทธเจ้าที่บอกว่า โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้านั้น คัมภีรา ทุททัสสา ทุรนุโพธา สันตา ปณีตา อตักกาวจรา นิปุณา ปัณฑิตเวทนียา 

พุทธธรรม ลักษณะ 8 ประการ

คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) 

สันตา (สงบระงับอย่างคล่อง สงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) 

ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) 

อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) 

นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) 

ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   

(พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34)

คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ลึกซื้งจริงๆ ลึกล้ำจริงๆ 

ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก)  เห็นตามก็ยาก รู้ตามก็ยาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือก้อนแห่งสัมมาทิฏฐิที่คนต้องมีฉันทะมาเอา วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 18:54:33 )

อาริยะจะรู้ในสัจจะ

รายละเอียด

ยิ่งเรื่องสุขนี้เป็นสุดยอด อันนี้แหละโลกุตระสุดยอด พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องสุขซึ่งมันคู่กับทุกข์ ท่านก็เอาเรื่องทุกข์มาให้เรียนรู้ซึ่งมันรู้ง่ายกว่าสุข ผู้ใดมีอารยธรรม เป็นอาริยะบุคคลมีความรู้อาริยะ จะรู้ในสัจจะอันนี้รวมเรียกว่า อาริยสัจ จะรู้ในสัจจะเรื่องนี้ นี่แหละคือเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และสอนเรื่องนี้ 

ในพระชนม์ชีพทั้ง 45 พรรษา สอนเรื่องทุกข์ เรื่องสุข แล้วก็ดับทุกข์ดับสุขให้ได้ เดี๋ยวนี้เพี้ยนกันไปจนกระทั่งว่า ไม่รู้ว่าทุกข์สุขเป็นอันเดียวกันเป็นมายา แล้วก็ให้แสวงหาสุขกัน จนกระทั่งไปติดยึดสุขในลาภยศ ในตำแหน่งยศศักดิ์ สรรเสริญ มีความสุขในเรื่องความรู้โลกียะ ที่สร้างกันขึ้นมา เป็นความรู้สารพัด โลกจินตา ก็นึกว่าเป็นความรู้ที่สำคัญ มนุษยชาติเขารู้กัน เราจะได้เป็นปราชญ์เป็นผู้รู้ เป็นพหูสูต ไปแปลพหูสูตผิดๆว่าเป็นผู้คงแก่เรียน  เรียนหัวผุหัวพัง แล้วก็ได้ความรู้มาเป็น ปัญญาชนสยาม อะไรกัน โอ้.. ฟังแล้วก็เลอะเทอะ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 19:04:46 )

อาริยะบุคคล 7

รายละเอียด

ระดับที่ 1 สัทธานุสารี 

ระดับที่ 2 ธัมมานุสารี เป็นพวกตามหาแก่นสาร ผู้มาแสวงหาธรรมะที่ไม่ใช่พวกสายศรัทธา ผู้ที่เป็นสายปัญญา ซึ่งแกนศรัทธากับปัญญา มันเป็นจริตของคน จะมีผู้ศรัทธาจริต อันนี้เป็นเรื่องแต่ไหนแต่ไรมา แล้วแต่ละคน พยายามรู้ตัวเองให้ได้ แต่ไม่แปลกอะไร ถึงอยู่แกนไหนก็ตาม คนที่มีศรัทธาจริตต้องพยายามคบหาคนที่มีปัญญา คนสายปัญญาต้องคบหาคนสายเจโต มันจึงจะได้ถ่ายทอดแก่กันและกัน แต่จริงๆแล้ว สายปัญญาไม่ค่อยศรัทธาสายศรัทธา สายศรัทธาไม่ค่อยศรัทธาสายปัญญา แต่โดยจริตแล้ว ศรัทธาหรือปัญญาจะต้องเข้าใจทุกอย่าง และจริงๆแล้วต้องมาเป็นปัญญา ศรัทธาตัวเดียวไม่มีปัญญานั้น หลงเพราะฉะนั้นสายศรัทธาทุกวันนี้ สายเจโตหรือสายศรัทธา จึงพากันล้มเหลวออกป่าเขาถ้ำกันไปอยู่โดยรวม สุดโต่ง เราไม่มีปฏิภาณปัญญา สายบ้าน ก็อีกแหละ ถูกครอบงำทางความคิด ไปหลงว่าพระปฏิบัติจะต้องออกป่าเป็นมิจฉาทิฐิตาม แม้ว่าตัวเองไม่ได้ออกป่าก็ตาม  แต่ก็นั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ ไม่ได้ปฏิบัติตามมรรคมีองค์ 8 หรือว่าปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์แล้วจะเกิดสัมมาสมาธิ ก็ไปนึกว่าการทำสมาธิต้องไปนั่งหลับตาสะกดจิตเข้าไป แม้สายบ้านก็ตาม แต่ตัวเองยังล่าลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จึงเป็นพระบ้านไม่ใช่พระป่า ก็นับถือพระป่า เราเป็นพระบ้านก็ต้องพยายามนั่งหลับตาสมาธิให้เหมือนพระป่า อย่างนี้เป็นต้น นี่คือความเข้าใจผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิเต็มบ้านเต็มเมือง 

ระดับที่ 3 ศรัทธาวิมุติ พวกสายศรัทธาก็จะเข้าใจวิมุติ อย่างพวกสายศรัทธาจะไปหลงตัว หรือนึกว่าตัวเองได้วิมุติด้วยศรัทธาก่อน ซึ่งก็ยังไม่สมบูรณ์ไม่สัมมาทิฏฐิ เต็มช้า ส่วนพวกสายปัญญาก็จะมีสัมมาทิฏฐิเต็ม 

ระดับที่ 4 ก็จะเป็นผู้บรรลุ ปัฏฏะ บรรลุด้วยทิฏฐิ การจะตรัสรู้ได้ต้องตรัสรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง หรือใช้คำว่าอภิญญา ก็คือปัญญาอันยิ่ง คำว่าปัญญา พยัญชนะบาลี ปัญญาอันนี้ เป็นปัญญาที่มีผลจริงๆ ต้องเห็นด้วยปัญญาอันยิ่ง เพราะฉะนั้นบุคคลที่เป็น ธัมมานุสารี พอเป็นผู้ที่บรรลุก็เป็น ทิฏฐิปัตตะ ส่วนสัทธานุสารี เลื่อนชั้นไปเป็นสัทธาวิมุต ก็ยังไม่สัมมาทิฏฐิ แต่พวกทิฏฐิปัตตะ ปฏิบัติจนได้ผลมีผลเป็นกายสักขี กายสักขีที่ไปจัดอยู่ในสายศรัทธานั้น กายสักขีคือผู้รู้กิเลสทำให้กิเลสอาสวะด้บไปได้ เพราะกายสักขีนั้น สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย นี่คือบุคคลใน

ระดับที่ 5 กายสักขี

ระดับที่ 6 เป็นปัญญาวิมุติ มีพยัญชนะกำกับว่า นเหวโข แล้วต่อไปคือ อัตถวิโมกเขกาเยนผุสิตวาวิหารติ แล้วอาสวปริขีณา คือทำให้อาสวะหมดสิ้นได้ บุคคลผู้ใดที่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย จึงจะเป็นคนทำให้อาสวะสิ้นไปได้ คนที่ไม่เข้าใจสภาวะ แม้แต่พยัญชนะ เขาก็บอกว่า นเหวโข คือยืนยันอันนั้น ไม่ต้องไปพูดถึงความจริงที่จะต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่ถ้าไปแปลเอาดื้อๆว่า บุคคลปัญญาวิมุต ก็ไปแปล นเหวโข ว่า บุคคลผู้ที่ไม่ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย มันก็เลยสลับกัน ผู้นี้สูงกว่ากายสักขี คือปัญญาวิมุติ แล้วเนื้อหาคือผู้ที่อาสวะทุกอย่างหมดสิ้นด้วย ส่วนกายสักขีคืออาสวะบางอย่างหมดไป กายสักขีคือ บุคคลที่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายสำเร็จด้วยอิริยาบถอยู่ ทั้งอาสวะบางอย่างของผู้นี้ก็หมดไปได้ ปัญญาวิมุติ บุคคลบางคนในโลกนี้ ท่านไปแปลว่าไม่ต้องสัมผัส วิโมกข์ 8 ด้วยการสำเร็จอิริยาบถอยู่ แต่อาสวะของผู้นั้นสิ้นไปแล้วเพราะเห็นด้วยปัญญา คนนี้หมดสิ้นอาสวะ แต่กายสักขีคืออาสวะบางอย่างหมดสิ้นไป คนที่แปลว่าไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย ถ้าอย่างนั้นจะต้องต่ำกว่ากายสักขี พวกปัญญาวิมุติไม่มีวิโมกข์สิ แต่กายสักขีมีวิโมกข์ก็เลยเข้าใจกลับกันเลย ทั้งที่ปัญญาวิมุติสูงกว่ากายสักขี นี่คือความไม่รู้จักสภาวะธรรม ก็เลยแปลไปตามภาษา อาตมานับถือพวกที่แปลพระไตรปิฎกนะ แต่เข้าใจว่ามันไม่ง่ายในจุดที่ละเอียดลึกซึ้งพวกนี้ มันยาก สมณะฟ้าไทว่า..เขาแปล ปัญญาวิมุติว่า ไม่ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่ก็บอกว่าสำเร็จเป็นพระอรหันต์ คืออาสวะสิ้นหมดเลย กายสักขี เขาแปลว่า ผู้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่อาสวะบางอย่างสิ้นไปได้ พ่อครูว่า..เขาแปลตามพยัญชนะไปเท่านั้น แต่ว่าปัญญาวิมุติ ผู้บรรลุธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ ไม่มีกายไม่ได้ เพราะว่าผู้บรรลุธรรมจะต้องมีจักษุ ปัญญา -ญาณ -วิชชา-  แสงสว่าง(อาโลก) ต้องลืมตามีแสงสว่างให้เห็นนะการบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้า การหลับตาไม่เห็นแสงสว่าง ไม่มีทางได้บรรลุธรรมะพระพุทธเจ้า ไม่มีกายให้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย คือไม่เข้าใจสภาวะ นเหวโข ไปแปล น ว่า ไม่ คือไม่สัมผัส วิโมกข์ 8 ด้วยกาย ปัญญาวิมุติคือ[41] บุคคลบางคนในโลกนี้ มิได้ถูกต้องซึ่งวิโมกข์ 8 ด้วยกาย สำเร็จอิริยาบถอยู่  แต่อาสวะของผู้นั้นสิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา บุคคลนี้เรียกว่า “ปัญญาวิมุติ” (กตโม   จ ปุคฺคโล   ปญญาวิมุตฺโต อิเธกจฺโจ  ปุคฺคโล น เหว โข อฏฺฐ วิโมกฺเข  กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ ปญญาย จสฺส  ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ อยํ  วุจฺจติ ปุคฺคโล ปญญาวิมุตฺโต ฯ) พ่อท่านว่า…ที่จริงต้องแปลว่า ไม่ต้องไปกล่าวว่าท่านจะต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย เพราะว่าท่านต้องทำมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว สู่แดนธรรมว่า…พอท่านทั้งหลายแปลว่า ไม่ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายเลยทำให้เข้าใจว่าไม่ได้สมาบัติ พ่อครูว่า…สมาบัติเขาบอกว่าต้องไปนั่งหลับตาสมาธิจึงจะได้วิโมกข์ สมณะฟ้าไทว่า… อุภโตภาควิมุต ผู้หลุดพ้นทั้งสองส่วน คือ ท่านที่ได้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายและสิ้นอาสวะแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา (หมายเอาพระอรหันต์ผู้ได้เจโตวิมุติ ขั้นอรูปสมาบัติมาก่อนที่จะได้ปัญญาวิมุตติ)   พตปฎ. ล.36  ข้อ 41

ระดับที่ 7 อุภโตภาควิมุติ พ่อครูว่า..อุภโตภาค คือท่านสมบูรณ์ทุกอย่าง ปัญญาวิมุติก็ถือว่าเป็นพระอรหันต์แล้ว เรียกอรหันต์ได้แล้ว  เพราะท่านรู้จักอาสวะและถอนอาสวะสิ้นไปได้ ถ้าสิ้นอาสวะเลย อาสวาปริกขีโณโหนติ คือ คนผู้นี้สำเร็จแล้วหมดสิ้นอาสวะแล้ว คือปัญญาวิมุติ อยู่ในบุคคล 7 ก็สูงกว่ากายสักขี พูดไปพูดมาเขาเข้าใจว่าผู้สัมผัสภายนอก 8 ด้วยกายคือต้องไปนั่งหลับตาสมาธิ เขากว่ากายสักขีนี้สูงกว่าปัญญาวิมุติ ทั้งที่ปัญญาวิมุติเป็นผู้ที่สูงกว่ากายสักที คนนี้เป็นนักกายกรรมเปียงยางตีลังกากลับไปกลับมา เพราะไม่รู้จักความจริง ไม่รู้จักสภาวะธรรมหรือธรรมะที่เป็นโลกุตระ เป็นสัจธรรมที่สมบูรณ์ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562

ภาพจาก...พ่อครูและสมณะแสนดิน

ภาพจาก...คุณดั้นเมฆ


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 08:13:00 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:53 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:20:45 )

อาริยะเป็นของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ส่วนพระอาริยะก็อย่างที่อาตมาอธิบายไปแล้ว  อาริยะเป็นของศาสนาพุทธก็รู้จัก  กิเลสจริง  มีวิธีทำไฟ ทำฌาน  ทำสมาธิ  บุญคือทำกิเลสหมดไฟฌาน ฆ่ากิเลส  ฌาน  1 2 3 4  ล้างกิเลสได้หมด  จบเรียกว่าบุญ  ถ้ายังมีกิเลสไม่เรียกว่าบุญ หรือว่าอธิบายแบบมีส่วนบุญไม่สิ้นอาสวะทีเดียว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช  วันจันทร์ที่  11 พฤศจิกายน 2562 


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:32:55 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:43:12 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:10:39 )

อาริยะเป็นของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ส่วนพระอาริยะก็อย่างที่อาตมาอธิบายไปแล้ว  อาริยะเป็นของศาสนาพุทธก็รู้จักกิเลสจริง  มีวิธีทำไฟ ทำฌาน  ทำสมาธิ  บุญคือทำกิเลสหมดไฟฌาน ฆ่ากิเลส  ฌาน  1 2 3 4  ล้างกิเลสได้หมด  จบเรียกว่าบุญ  ถ้ายังมีกิเลสไม่เรียกว่าบุญ หรือว่าอธิบายแบบมีส่วนบุญไม่สิ้นอาสวะทีเดียว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79  วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:03:45 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:11 )

อาริยะแต่ละระดับง่ายหากเคยมีเคยได้แล้วแต่อย่าหลงตน

รายละเอียด

พระพุทธเจ้านั่งหลับตาระลึกท่านมีภูมิธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วก็ทำเตวิชโช โสดาบันก็มีภูมิของพระโสดาบัน แล้วก็นั่งระลึกถึงพระโสดาบัน สกิทาคามีก็มีในเซฟของคุณมีเพชร 20 กะรัต มันตกหล่นอยู่ซอกไหนก็ค้นมาได้ แต่ถ้าไม่มีเพชร จะไปเปิดเซฟค้นหาอย่างไรก็ไม่เจอหรอก คุณปฏิบัติพระโสดาบันเป็นอย่างนี้ได้แล้วก็เอาใส่เซฟไว้ ปฏิบัติพระสกิทาคามีได้ก็เอาใส่เซฟไว้ เป็นพระอนาคามีก็เอาใส่เซฟไว้ ถ้าคุณเป็นพระโสดาบันมาแล้ว คุณจะปฏิบัติพระโสดาบันในชาตินี้ได้ง่าย มันจะไม่ยากอะไรเลยถ้าคุณมีแล้ว ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหลงตัวเองว่ามีแล้วนึกว่าตัวเองได้แล้ว แล้วคุณก็ไม่ปฏิบัติเพื่อที่จะได้ว่าคุณหลงว่าตัวเองมีแล้ว ทั้งๆที่ตัวเองไม่มี ไม่ใช่พระโสดาบัน แต่นึกว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์แล้ว มันน่าสงสาร การที่พระพุทธเจ้าท่านนั่งใต้ต้นอสัตตพฤกษ์ เมื่อท่านตรัสรู้แล้วก็เรียกว่าเป็นต้นโพธิ์ โพธิแปลว่าตรัสรู้ แล้วท่านก็ระลึกของท่านได้จนรู้ว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าก็มาประกาศบอกปัญจวัคคีย์ก่อนเพื่อน ท้าวความตำนานให้เรียนรู้ คนที่ไม่ใช่ผู้ที่มีแล้วอย่าไปนั่งระลึก แล้วก็ไม่จำเป็นต้องนั่งระลึก คุณมาปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วคุณได้พระโสดาภูมิ จนได้แล้ว ทีนี้คุณก็ไปนั่งหลับตาทบทวน คุณก็จะยิ่งรู้จักพระโสดาบันมากยิ่งขึ้นอย่างไม่ประมาทเลย ไม่ต้องอวดดีว่าเรามีมาแล้ว แล้วมันก็ง่ายด้วยถ้าคุณมีมาแล้ว อาตมาก็ไม่ต้องหลับตาระลึกเลย ศาสนาพุทธที่ไม่ประสีประสากับโลกุตรธรรมฟังอาตมาอย่างไรก็ไม่เข้า เขาเอาเรื่องเดียรถีย์ที่พระพุทธเจ้าทิ้งไปแล้วไปปฏิบัติก็เป็นอย่างนี้ ให้เป็นคนชาที่พร่องไม่เต็มถ้วย ต้องเทของเก่าทิ้งหรือเอาเก็บไว้ก่อนแล้วมาลองของอาตมาหน่อย ถ้าไม่ใช่ก็เอาทิ้งไป เอาของเก่าที่เก็บไว้มาคืน ก็ได้ ขอให้ลองหน่อย อาตมาเทียบเคียงกับพระไตรปิฎกตลอดมา เพราะฉะนั้นเห็นช้างขี้อย่าขี้ตามช้าง พระพุทธเจ้าท่านมีบารมีมาแล้วท่านก็ระลึกได้ แม้ว่าจะมีแล้วแต่ถ้าปฏิบัติเบื้องต้นไปก่อนแล้วมันได้มันก็จะไม่สายเกินไปหรอก ที่ไปนั่งระลึกไม่มีปัญหา ถ้าแน่ใจว่าเป็นมรรคผลจะไม่ระลึกก็ได้หรือจะระลึกก็ได้มันไม่ยากหรอกถ้าคุณมีแล้ว ซึ่งคุณไม่ใช่พระพุทธเจ้า คุณไม่ใช่พระอรหันต์ไม่ใช่พระอนาคามี คุณไม่ใช่ผู้ที่มีพระอริยะคุณแล้ว หรือแม้แต่คุณมีก็ต้องปฏิบัติในปัจจุบันนี้ให้มีมรรคมีผลในปัจจุบันนี้ แล้วไปนั่งระลึกก็จะได้ระลึกถึงได้ในสิ่งที่คุณมีแล้ว อาตมาก็ย้ำสิ่งที่ผิด อย่าเบื่ออาตมาเลย พยายามตั้งใจฟังพิจารณาให้ดี จะได้เลิกเสียเวลาแรงงานทุนรอนกับสิ่งผิดน่าเสียดาย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:31:36 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:34 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:10:19 )

อาริยุตตมะ – โลกุตระ

รายละเอียด

ยิ่งกว่าประเสริฐเลิศมนุษย์ – เลิศสังคมโลก

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 199


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 21:39:35 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:35:49 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:11:43 )

อาลัย

รายละเอียด

ตัณหา , ความห่วง

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 235


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 21:38:31 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:36:54 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:11:59 )

อาวัชชนะ

รายละเอียด

พิจารณาความเป็นฌาน

หนังสืออ้างอิง

กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ 265


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 21:34:39 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 21:37:41 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:12:29 )

อาวุธ 3

รายละเอียด

1. สุตาวุธ (อาวุธคือการฟัง)

2. ปวิเวกาวุธ (อาวุธคือความสงัด)

3. ปัญญาวุธ (อาวุธคือปัญญา)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 11 "สังคีติสูตร" ข้อ228

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2562 ( 21:25:16 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:21:49 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:12:50 )

อาวุธ 3

รายละเอียด

1. สุตาวุธ (อาวุธคือการฟัง)

2. ปวิเวกาวุธ (อาวุธคือความสงัด)

3. ปัญญาวุธ (อาวุธคือปัญญา)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 11 “สังคีติสูตร” ข้อ 228


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 19:34:06 )

อาวุธ ธนบัตร น้ำมัน ราคาตก แนวโน้มของโลกโน้มมาหาคุณธรรม

รายละเอียด

โควิด ทำให้เกิดสิ่งต่างๆตอนนี้เพราะฉะนั้นในฐานะจิตของมนุษย์ สมาชิกสังคม ถ้าตัวบุคคลจริงไม่มีฐานจิตที่เป็นจิตดี เป็นจิตที่ไม่ใช่จิตที่ประเสริฐแท้ๆมันจะไม่แสดงออกอย่างที่เป็นอย่างนี้ มันจะเกิดความโกลาหลดีไม่ดีเกิดจลาจล แต่ประเทศไทยเป็นตัวอย่างไปทั่วโลก นักข่าวก็สังเกต แนวโน้มของโลกโน้มมาหาคุณธรรม ทุกวันนี้ราคาอาวุธตก เครื่องใช้ที่เป็นอาวุธตก แม้แต่ธนบัตรก็ราคาตก น้ำมันราคาตก ยังมีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยตกคือทองคำ แต่ถึงอย่างไรทองคำก็จะราคาตกในอนาคต อาตมาพยากรณ์ไว้ก่อน ในอนาคตทองคำก็จะราคาตก มันไม่สำคัญเท่ากับพืช 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2563 ( 10:41:58 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:43:29 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:13:24 )

อาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

รายละเอียด

สรุปเข้าเป้าคือ กิเลสมันยอมด้วยธาตุรู้ เพราะฉะนั้น ปัญญาวุธจึงยิ่งใหญ่ที่สุด อาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สุภาพที่สุดแล้ว ในประดาสัจจะทั้งหมด ที่จะประหัตประหาร แล้วประหารแต่กิเลสด้วย เพราะฉะนั้นปัญญาแท้ๆของพระพุทธเจ้า ไม่ไปประหัตประหารอะไร ให้ไปประหัตประหารกิเลส เพราะฉะนั้นปัญญาที่ประหารกิเลสนี้คือ ฌาน และ บุญ 

นี่คือปัญญา ฌาน อยู่ที่ไหนปัญญาอยู่ที่นั่น เริ่มต้นตั้งแต่ปัญญาข้อ 1 ถึงข้อ 8 นั่นคือความหมายจริง เอาความจริงในความหมายเหล่านั้นมาจัดการกิเลส จัดการความโง่ จัดการความชั่ว สลายไปหมด สรุปแล้วก็คือ coeffecient พลังที่พยายามอย่าเพิ่งตาย หนุ่มขึ้นให้ได้

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 22:16:10 )

อาวุธที่เลวร้ายที่สุดของสังคมคือเงินเชื่อกับประกัน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า อาวุธที่เลวร้ายที่สุดของสังคมคือเงินเชื่อ กับประกัน ประกันภัย กลัวโทษภัย ก็มาล่อเอาประกัน แต่ก็ล้วงตับกินไส้อยู่นั่นแหละ ซึ่งถ้าไม่รู้เท่าทันก็ถูกพวกนี้ล้วงตับกินไส้อยู่ต่อไป สิ่งเหล่านี้ต้องเปิดเผย ต้องบอกความจริง พูดไปด้วยความสงสารผู้ที่ยังหากินในทางนี้ หากินในระบอบทุนนิยมสามานย์ หากินในสิ่งซ่อนแฝงพวกนี้อยู่มันบาป อาตมาเชื่อกรรมวิบากที่เป็นสัจจะ อาจอยู่อุดมสมบูรณ์โดยใช้อำนาจเงินและทรัพย์สิน จริง แต่ด้วยสัจจะของกรรมวิบาก เขาไม่ได้จบแค่นี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:15:32 )

อาวุธใดที่สุดยอดที่เป็นกุศล

รายละเอียด

พลังงานบุญนี้ นับตั้งแต่ฌานที่ 4 จะเรียกว่าฌานที่ 5 ก็ตามใจ มันเป็นตัวสรุปจบ เป็นตัวฆ่ากิเลสตัวสุดท้ายที่ตายแน่ๆ เด็ดขาดเลย แล้วมันมีสภาวะเป็นจริงได้ด้วย มาฝึกฝนดีๆ พวกเราจะรู้ว่า โอ้ มันจริงมันมี แล้วก็ดับกิเลสมาตามลำดับๆ ตั้งแต่กิเลสหยาบมา เราจะรู้ว่าเราทำได้ ก็จะรู้ว่าอย่างนี้เอง มันไม่มีตัวตน มันไม่มีรูปร่างนะพลังงานจิต พลังงานของจิตที่ปรุงแต่งเป็นพลังงานอาวุธร้ายที่เรียกว่า บุญ นี้ แล้วมันมีฤทธิ์ มีอำนาจจัดการได้ มาศึกษาดีๆเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ความรู้ความตรัสรู้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อาตมาเอามาเปิดเผยในเมืองไทย เมืองไทยจะมีความรู้อันนี้ คนที่สร้างอาวุธ ต่อให้คิมจองอึน ต่อให้ปูติน ต่อให้ไบเดน ที่ไหนๆก็แล้วแต่ ที่สร้างอาวุธร้ายประหารพวกนี้ นั่นแหละบาปกินหัวทั้งนั้น อย่าไปทำเลย 

อาวุธอันนี้แหละสุดยอดที่เป็นกุศล สุดยอดที่เป็นสิ่งประเสริฐสิ่งดีที่สุด ที่จะต้องสร้างขึ้นมาให้มนุษยชาติ และมนุษยชาติได้ประหารกิเลสกันแล้ว คนก็จะเป็นสังคมมนุษยชาติอีกชนิดหนึ่ง มนุษยชาติที่ได้ฆ่ากิเลสของตัวเองแล้วมารวมกันอยู่ ร่วมกันของโลกนี้แหละ โลกของคนชนิดนี้ สังคมมนุษยชาติของโลกชนิดนี้ สุดยอดประเสริฐที่สุด ขอยืนยัน เมืองไทยปักหลักอันนี้แล้ว มีโลกุตรธรรมอันนี้ จนกระทั่งถึงกลุ่มหมู่ที่เป็นแก่นแกนเรียกว่า กลุ่มอโศกหรือกลุ่มชาวสาธารณโภคี จะก่อ ขยายผล ก่อแล้ว จะขยายผลต่อไปในโลก 

ไม่ได้อวดดีนะ ที่อาตมาพูดไม่ได้อวดดี แต่เอาความจริงมาพูด ยืนยัน มาช่วยกัน ใครจะร่วมมาเป็นมวลก็เป็นกุศลของตนเองอย่างยิ่ง เชิญ เร็ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 13:00:48 )

อาวุธใหญ่คือความจริงกับความสงบ

รายละเอียด

อย่างพวกเราไปทำอะไร ไปลงสนามรบปฏิวัติรัฐบาล โอ้โห งานใหญ่นะไม่ใช่งานเล็ก ปักหลักเลย เป็นปีเลยนะมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยรวมแล้วเป็นปี รวมหลายช่วงเพราะหลายรัฐบาล รวมแล้วก็เป็นปี ไปนอนอยู่กลางถนน เราไม่ได้ออกป่าไม่ใช่สนามรบในป่า ใช้อาวุธคือความสงบ ใช้อาวุธคือความจริง มีความจริงกับความสงบเป็น 2 อาวุธใหญ่ ความจริงมีเท่าไหร่ก็ไขความจริงออกมา ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆ หมดๆ ความจริงมันก็ชนะความไม่จริง เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ แล้วความสงบนี้มันชนะความรุนแรง อันนี้มันเป็นปาฏิหาริย์ เป็นสิริมหามายา เป็นความซับซ้อน ที่มันพูดเล่นลิ้นหรือเปล่า.. เอาความสงบสยบความรุนแรง ผู้ที่มีอำนาจเป็นความรุนแรงไปสงบเขาได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ สิ่งอย่างนี้แหละเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ของโลก ซึ่งเกิดในจิตมนุษย์ เพราะฉะนั้นเป็นกลุ่มมนุษย์ดีที่ทำได้ ถ้าเราไปปฏิวัติรัฐประหารอย่างนี้ในสังคมคน ทึ่มๆโง่ๆบ้าๆบอๆ พวกเราตายหมด พวกมันจะมากกว่า สังคมคนที่ยังโง่มากๆ นี่แสดงว่าประเทศไทยฉลาด ส่วนใหญ่เข้าใจมาเข้าร่วม ไม่มีปฏิกิริยากับพวกเราเท่าไหร่ ก็มีแต่ผู้ที่เป็นศัตรูตรงๆมาทำร้ายเรา ซึ่งก็ทำร้าย เขาจะทำร้ายจริงๆได้ยิ่งกว่านี้ ระเบิดเขาก็ยิง ปืนเขาก็ยิง แต่มันก็เป็นเรื่องซับซ้อนลึกลับ มันเหมือนลึกลับ แต่มันมาจากเหตุปัจจัย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 10:41:21 )

อาวุโส

รายละเอียด

ผู้บวชภายหลัง ตามสมมุติสัจจะ

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ”หน้า 473


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 11:26:49 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:21:04 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:13:47 )

อาศัย

รายละเอียด

คือ เราก็ใช้ไป แต่อาลัยหากพรากจากกันจะรู้สึกห่วงหาอาวรณ์ มันจะเหลือเชื้อของความอาลัย ยังไงก็ต้องพรากจากกัน มันก็ตองมีปัญญารู้ แต่ก็ต้องใช้อาศัยในปัจจุบันหมดปัจจุบันแล้วก็วางจบ จะเข้าใจสภาวะพวกนี้ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ

1. จิตมีเป้า

2. ที่อาศัย , ภาวะรูปกับนาม , กายกับใจที่ตนเองอาศัยเป็นชีวิตอันมีเหตุ – นิทาน – สมุทัย – ปัจจัยทั้งมวล

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 235


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 21:34:02 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:41 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:14:15 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์