@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

พุทธคุณ 2

รายละเอียด

1. อัตตหิตสมบัติ (ความถึงแห่งประโยชน์ตน,  ทรงบำเพ็ญประโยชน์ส่วนพระองค์เอง  เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว   พระคุณข้อนี้มุ่งเอาพระปัญญาเป็นหลัก  เพราะเป็นเครื่องให้สำเร็จพุทธภาวะ  คือ  ความเป็นพระพุทธเจ้า  และความเป็นอัตตนาถะ  คือ พึ่งตนเองได้
2. ปรหิตปฏิบัติ (การปฏิบัติเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น, ทรงบำเพ็ญพุทธจริยาเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น   พระคุณข้อนี้มุ่งเอาพระกรุณาเป็นหลัก  เพราะเป็นเครื่องให้สำเร็จพุทธกิจ  คือ หน้าที่ของพระพุทธเจ้า  และความเป็นโลกนาถะ คือ เป็นที่พึ่งของชาวโลกได้  

ที่มา ที่ไป

เจ้าคุณปยุตโตเรียบเรียง

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2562 ( 21:40:02 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:46 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 05:20:01 )

พุทธคุณ 9

รายละเอียด

คือคุณของพระพุทธเจ้า  9 ประการ

1. อรหัง (เป็นพระอรหันต์ผู้ไกลจากกิเลส)

2. สัมมาสัมพุทโธ (ตรัสรู้ถูกต้องโดยพระองค์เอง)

3. วิชชาจรณสัมปันโน [ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ (ความประพฤติ)]

4. สุคโต (เสด็จไปแล้วด้วยดี)

5. โลกวิทู (ทรงรู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง)

6. อนุตตโร  ปุริสทัมมสารถิ (เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้ ไม่มีใครยิ่งกว่า)

7. สัตถา  เทวมนุสสานัง  (เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย)

8. พุทโธ (เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น  ผู้เบิกบานด้วยธรรม)

9. ภควา (เป็นผู้จำแนกธรรมสั่งสอน)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 22 "มหานามสูตร" ข้อ 281

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:11:46 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:30:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 05:17:33 )

พุทธคุณ 9

รายละเอียด

สภาวะของวิชชาจรณสัมปันโน พุทธคุณ 9 มีข้อเดียวที่คนอื่นทำได้ คือ วิชชาจรณะ สัมปันโน แล้วทำไปจะได้ฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ แต่ต้องทำไปตามลำดับ นอกนั้น เป็นคุณสมบัติของพระพุทธเจ้าทั้งนั้นเลย 

1. อรหํ เป็นพระอรหันต์ คือ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไกลจากกิเลส ทำลายกำแพงสังสารจักรได้แล้ว เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนผู้อื่น ควรได้รับความเคารพบูชา เป็นต้น

2. สมฺมาสมฺพุทฺโธ เป็นผู้ตรัสรู้ชอบเอง

3. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา คือความรู้ และจรณะ คือความประพฤติ

4. สุคโต เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว คือ ทรงดำเนินพระพุทธจริยาให้เป็นไปโดยสำเร็จผลด้วยดี พระองค์เองก็ได้ตรัสรู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพุทธกิจก็สำเร็จประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ชนทั้งหลายในที่ที่เสด็จไป และแม้ปรินิพพานแล้ว ก็ได้ประดิษฐานพระศาสนาไว้เป็นประโยชน์แก่มหาชนสืบมา

5. โลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก คือ ทรงรู้แจ้งสภาวะอันเป็นคติธรรมดาแห่งโลกคือสังขารทั้งหลาย ทรงหยั่งทราบอัธยาศัยสันดานแห่งสัตว์โลกทั้งปวง ผู้เป็นไปตามอำนาจแห่งคติธรรมดาโดยถ่องแท้ เป็นเหตุให้ทรงดำเนินพระองค์เป็นอิสระ พ้นจากอำนาจครอบงำแห่งคติธรรมดานั้น และทรงเป็นที่พึ่งแห่งสัตว์ทั้งหลายผู้ยังจมอยู่ในกระแสโลกได้

6. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ฝึกได้ ไม่มีใครยิ่งกว่า คือ ทรงเป็นผู้ฝึกคนได้ดีเยี่ยม ไม่มีผู้ใดเทียมเท่า

7. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

8. พุทฺโธ เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว คือ ทรงตื่นเองจากความเชื่อถือและข้อปฏิบัติทั้งหลายที่ถือกันมาผิด ๆ ด้วย ทรงปลุกผู้อื่นให้พ้นจากความหลงงมงายด้วย อนึ่ง เพราะไม่ติด ไม่หลง ไม่ห่วงกังวลใน สิ่งใด ๆ มีการคำนึงประโยชน์ส่วนตน เป็นต้น จึงมีพระทัยเบิกบาน บำเพ็ญพุทธกิจได้ถูกต้องบริบูรณ์ โดยถือธรรมเป็นประมาณ การที่ทรงพระคุณสมบูรณ์เช่นนี้ และทรงบำเพ็ญพุทธกิจได้เรียบร้อยบริบูรณ์เช่นนี้ ย่อมอาศัยเหตุคือความเป็นผู้ตื่นและย่อมให้เกิดผลคือทำให้ทรงเบิกบานด้วย

9. ภควา ทรงเป็นผู้มีโชค คือ จะทรงทำการใด ก็ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ หรือ เป็นผู้จำแนกแจกธรรม

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช สภาวะของวิชชาจรณสัมปันโน วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2562 ( 12:34:41 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:34:46 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 06:54:58 )

พุทธคุณ 9

รายละเอียด

ในพุทธคุณ 9 เช่น  

  1. อรหังสัมมา เป็นพระอรหันต์ คือ ผู้ไกลจากกิเลส อรหันต์ คือ ไม่ลึกลับ 

  2. สัมมาสัมพุทโธ ตรัสรู้ถูกต้องโดยพระองค์เอง ไม่ได้มาจากใครท่านค้นพบและศึกษาจากพระพุทธเจ้ามาแต่ละชาติจนรู้เองสุดยอด เริ่มตั้งแต่ปัจจัตตัง จนเป็นปัจเจกเป็น  สยังอภิญญา สยัมภู อย่างเช่นอาตมาอยู่ในฐานะ สยังอภิญญา จะไล่รู้ไปตามลำดับขั้น เป็นการบอกถึงลำดับคุณธรรมเนื้อแท้จรณะ 15 วิชชา 8 

  3. วิชชาจะระณะสัมปันโน 

  4. สุคโต แปลว่า ไปดีแล้ว ถ้ายังไม่มีผิดพลาดไม่มีไม่ดีมีแต่ดี ไปที่ไหนไปอย่างไร ไม่มีการบกพร่องในความไม่ดีเลย เรียกว่า สุคโต 

  5. โลกะวิทู รู้จักโลก รู้จักอัตตา ตัวเองนี่แหละไปรู้โลก ตัวเองคือภายใน

  6. อนุตตโร ปุริสธัมมสารถิ ทำได้แล้วก็เป็นผู้ที่เอามาสอนเอามาฝึกเอามาให้คนทำคนให้บรรลุตามไปได้ยิ่งกว่าใครๆ เป็นกระบี่มือหนึ่ง สุดยอดแล้ว สามารถสอนคน ไม่ได้หมายความว่าเนรมิตให้คนเป็นได้เลย แต่ก็มาสอน ทำให้คนสามารถเรียนรู้และบรรลุเป็นพระอาริยะได้ 

  7. สัตถาเทวมนุสสานัง เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เทวดาก็ดีมนุษย์ก็ดี จะต้องค่อยๆเรียนรู้สภาวะความเป็นเทวดา ความเป็นมนุษย์ อย่างละเอียดละออ จะแยกกาย แยกสัญญาให้ฟัง กายอย่างนึง สัญญาอย่างนึง แล้วกายของผู้ที่มีความรู้อย่างตรง ก็จะค่อยๆเข้าใจตรงกัน ไม่สลับซับซ้อน แต่มันสลับซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อนกันอย่างไม่รู้กี่ชั้น ยาก อาตมาก็พยายามจะเก็บ โดยที่ท่านตรัสเรื่อง กายที่ต่างกัน กายอย่างเดียวกัน ไว้อธิบายเรื่องวิญญาณฐิติ 7 และสัตตาวาส 9 

  8.  พุทธโธ

  9. .ภควาติ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 13:50:20 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 04:59:43 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 05:18:07 )

พุทธคุณ 9

รายละเอียด

คือคุณของพระพุทธเจ้า 5 ประการ

1. อรหัง (เป็นพระอรหันต์ผู้ใกลจากกิเลส)

2. สัมมาสัมพุทโธ (ตรัสรู้ถูกต้องโดยพระองค์เอง)

3. วิชชาจรณสัมปันโน(ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ (ความประพฤติ)

4. สุคโต (เสด็จไปแล้วด้วยดี)

5. โลกวิทู (ทรงรู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง)

6. อนุตตโร ปุริสทัมมสารถ(เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีใครยิ่งกว่า)

7. สัตถา เทวมนุสสานัง(เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย)

8. พุทโธ (เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม)

9. ภควา (เป็นผู้จําแนกธรรมสั่งสอน)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 22 “มหานามสูตร” ข้อ 281


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 21:08:41 )

พุทธคุณ 9 ของพระพุทธเจ้าสำคัญที่จรณะและวิชชา

รายละเอียด

การเรียนรู้อรหันต์จึงต้องเรียนรู้เทวะเสมอ แล้วเปรียบเทียบไปมาเป็นโลกุตระเริ่มตั้งแต่ สักกายทิฏฐิ จนพ้นวิจิกิจฉา รู้กายของตนแน่นอนนะ อย่าไปวุ่นวายเป็นเสือใส่เกือก ไปยุ่งกับคนอื่นเขา ให้รู้สักกายของตน เรียนรู้ 2 กายคือ 2 รูปนามคู่ ภายนอกภายใน จึงจะปฏิบัติธรรมเป็นเมื่อรู้ตัวนี้อย่างพ้นวิจิกิจฉา รู้หลักเกณฑ์ของศีลพรตก็คือเป็นสังโยชน์ข้อที่ 3 ศีลคือหลักเกณฑ์ พรตคือการประพฤติ มีหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นต้น หรือเป็นศีลสมาธิปัญญาย่อลงมาสั้นๆ เขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา 

ขยายความศีลปฏิบัติอย่างไร สมาธิจะได้อย่างไร ปัญญาจะเข้ามาแทรกแซงผสมส่วนจะต้องพาให้รู้ไปเรื่อยๆ คุณจึงจะเกิดเป็นวิมุติ เพราะขยายขึ้นไปเป็นจรณะ 15 วิชชา 8 นั่นแหละคือหลักวิชา เป็นพุทธคุณ 1 ใน 9 

เพราะฉะนั้นเนื้อแท้ของศาสนาพุทธอยู่ที่จรณะ 15 วิชชา 8 อยู่ในพุทธคุณ 9 นอกนั้นเป็นเรื่องอธิบายความยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่เนื้อแท้ อีก 8 นั้นเป็นเครื่องทรง

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวา ติ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 11:50:33 )

พุทธคุณ 9 ชี้ให่เห็นการหลงผิดของการออกป่าหลับตาสะกดจิต

รายละเอียด

ที่นี้มาถึงจุดสำคัญคือเรื่องหลับตาปฏิบัติออกป่า นี่ก็ยังยากมากเลยเรื่องนี้ 

เมื่อไปเข้าใจผิด หลงผิดกัน ว่าจรณะ 15 วิชชา 8 นั้น คือการรู้ ตรัสรู้ แบบที่เดียรถีย์หรือแบบพระป่าในสมัยนี้ เข้าใจว่าต้องออกป่า แล้วก็ต้องไปนั่งหลับตาสะกดจิต นั่นแหละเขาว่า ออกป่านะ 

เพราะฉะนั้นคำว่าจรณะ 15 วิชชา 8 ในวิชชาจะระณะสัมปันโน เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ อยู่ในพุทธคุณ 9 ข้อนี้เป็นเนื้อหาสาระ นอกนั้นเป็นคำชมเชย เป็นฉายาของพระพุทธเจ้า 

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโตโลกะวิทู อะนุตตะโรปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธภะคะวาติ 

อันที่ 3 นี้คือวิชชาจรณสัมปันโน 

คำว่า วิชชาจะระณะ สัมปันโน ก็คือวิชชาจรณะ 15 และวิชชา 8 เรียกว่าวิชชาจะระณะสมบัติ ผู้ที่จะมีสมบัติหรือคุณสมบัติของวิชชาจรณะ มีพยัญชนะ ภาษา ความรู้ มีการเรียนรู้พยัญชนะบัญญัติเท่านั้นก็เรียนรู้ได้ แล้วต้องเรียนรู้ก่อนด้วยเรียกว่าปริยัติ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:07:25 )

พุทธคุณ 9 บรรลุวิชาและจรณะ

รายละเอียด

วิชชาจรณะสัมปันโน ย้ำว่าเป็นความรู้ของพระพุทธเจ้า ในพุทธคุณ 9 พระพุทธเจ้าไม่ได้บรรลุอะไร แต่บรรลุวิชชาและจรณะ  ทวนพุทธคุณ 9 อะระหังสัมมาสัมพุทโธภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโตโลกะวิทู อะนุตตะโรปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 27 มีนาคม 2563 ( 11:59:45 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:35:19 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 05:18:36 )

พุทธคุณ 9 ประการ

รายละเอียด

ทุกวันนี้ไม่มีเลย จรณะ 15 …3 ข้อนี้เป็นตัวบ่งบอก จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นพุทธคุณสำคัญของศาสนาพุทธ ในศาสนาพุทธมีพุทธคุณ 9 ใครไล่ได้บ้าง “พุทธคุณ 9 ประการ” คุณของพระพุทธเจ้ามี 9 ประการ คือ

  1. อรหํ                                 เป็นพระอรหันต์

  2. สมฺมาสมฺพุทโธ                ตรัสรู้เองโดยชอบ

  3. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน          ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ

  4. สุคโต                               เสด็จไปดีแล้ว

  5. โลกวิทู                             เป็นผู้รู้แจ้งโลก

  6. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ   เป็นสารถีฝึกคนที่ฝึกได้ไม่มีใครยิ่งกว่า

  7. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ          เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

  8. พุทฺโธ                              เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว

  9. ภควา                               เป็นผู้จำแนกธรรม เป็นผู้สุดยอดแล้ว

นอกจาก วิชชาจะระณะสัมปันโนแล้ว นอกนั้นบอกถึงคุณสมบัติพิเศษเป็นอลังการของพระพุทธเจ้า เป็นผู้ที่สุดยอดแห่งจอมยุทธ ตัววิชชาจรณะสัมปันโน บ่งบอก เนื้อหาของศาสนาพุทธ นอกนั้นเป็นทางยศศักดิ์ เป็นทั้งด็อกเตอร์ เป็นทั้งพลเอก เป็นทั้งจอมพล เป็นทุกอย่างในโลกที่เขามีตำแหน่งอะไร 18 วิชาการ เต็มหมดทุกอย่างทั้งโลกเขา แต่คนไม่รู้วิชชาจะระณะสัมปันโน 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2563 ( 15:02:08 )

พุทธคุณ 9 เป็นพระอรหันต์คือจิตไม่มีกิเลส

รายละเอียด

1.เป็นพระอรหันต์ มีคนว่าอาตมาประกาศอรหันต์ทำไม ประกาศได้อย่างไร

ก็อาตมาเป็นอรหันต์ แล้วเขาก็ว่ารู้ได้อย่างไร อาตมาก็ต้องรู้

อาตมาไม่รู้จะประกาศได้อย่างไรเพราะอาตมารู้ว่าอาตมาเป็นอรหันต์แต่เขาฟังไม่ขึ้น เขาปิดประตูเชื่อ

ปิดประตูรับฟัง อาตมาก็รู้ว่าอาตมาเป็นอรหันต์ ก็คืออาตมาไม่มีกิเลส จิตอาตมาไม่มีกิเลส

เขาก็มองหน้าว่าเอ็งไม่มีกิเลสหรือ? รู้ได้อย่างไร อาตมาก็ต้องรู้สิ ไม่รู้จะพูดได้อย่างไร ก็ต้องรู้ตัวเอง

อย่างที่อาตมาสอนแล้วพวกคุณก็ทำตามได้ แต่คนอื่นนั้นไม่ได้ทำอย่างที่อาตมาสอน เขาปิดประตู

เขาไปสอนแต่การนั่งหลับตาสะกดจิตก็ไม่รู้กายรู้จิต แค่นี้คุณก็ปิดประตูแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:28:09 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:36:32 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 05:19:12 )

พุทธคุณ 9 เป็นไฉน

รายละเอียด

พอดีมีหนังสือของ ท่านประยุทธ์ ปยุตฺโต มา อาตมาต้องขอบคุณท่านประยุทธ์ ปยุตฺโตมาก วันนี้วันปีใหม่ก็ต้องขอบคุณท่านมาก ที่ท่านทำพวกนี้เรียบเรียงพยัญชนะต่างๆไว้ เป็นพจนานุกรมพุทธศาสตร์บัณฑิต ฉบับประมวลศัพท์ประมวลธรรม อาตมาใช้เป็นประจำเลย ท่านรวบรวมได้เก่ง 

[303] พุทธคุณ 9 (คุณของพระพุทธเจ้า — virtues or attributes of the Buddha)

อิติปิ โส ภควา (แม้เพราะอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น — thus indeed is he, the Blessed One,)

1. อรหํ (เป็นพระอรหันต์ คือ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไกลจากกิเลส ทำลายกำแห่งสังสารจักรได้แล้ว เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนผู้อื่น ควรได้รับความเคารพบูชา เป็นต้น — holy; worthy; accomplished)

รหะ แปลว่า ความลึกลับ แจกเป็น รโห รหัง  ส่วน อรหะ คือ ไม่มีความลับแล้วความลับอะไร ความลับที่จมอยู่ในภพในชาติจมอยู่ในโลกีย์ วนอยู่ไม่รู้จบ คุณออกจากความวนอันนี้ได้ หลุดพ้นออกจากโลกหรือความวนอันนี้ได้ ก็เป็นอรหันต์ 

ตั้งแต่โลกอันแรกคือโลกของอบายภูมิ โลกของกามารมณ์ โลกธรรม ลาภยศสรรเสริญเป็นต้น ความสุขอย่างลาภยศ 

ท่านเป็นอรหัง คือ เป็นเครื่องบ่งบอกความเป็นอลังการ เป็นผู้ที่หลุดพ้น เนื้อแท้ของสัจจธรรมก็ยังไม่ใช่

2. สมฺมาสมฺพุทฺโธ (เป็นผู้ตรัสรู้ชอบเอง — fully self-enlightened)

ที่ใช้คำว่าตรัสรู้ได้ด้วยตนเองก็คือ ท่านบำเพ็ญมามากมายอย่างอาตมาก็บำเพ็ญ จนสุดท้ายก็ได้ชื่อว่าเป็นธรรมสามี เป็นเจ้าของธรรมะ เป็นผู้ที่ได้สูงสุดในพุทธธรรม ในพุทธคุณนี้ ได้สูงสุดไม่มีใครเทียบเทียม เพราะฉะนั้นจะมาปรากฏในโลก หรือไม่มาปรากฏ เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธโธเอง แต่ท่านไม่ประกาศ ไม่ปรากฏกับใคร ท่านปรินิพพานเป็นปริโยสานไป แต่ถ้าหากท่านมาประกาศตนเองในโลกว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้า จะเอาศาสนาพุทธจะเอาพุทธคุณเอาพุทธธรรมมาสอน มาอธิบายเรียนรู้ ให้คนได้ปฏิบัติตามบรรลุได้ตาม ท่านประกาศขึ้นในโลก ท่านก็เป็นพระพุทธเจ้า ก็สอนประชาชน สอนมนุษย์ไป ให้บรรลุตาม ก็เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นทำเนียบความเป็นพระพุทธเจ้าในโลก ส่วนพระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ท่านไม่ประกาศและท่านก็ไม่ได้ขึ้นทำเนียบท่านได้ส่วนตัวและท่านก็จบเรื่อง ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป เป็นสิทธิของท่าน ท่านไม่อยากประกาศ เพราะท่านสอนมาเป็นโพธิสัตว์กว่าจะเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้าก็เหมือนพระโพธิรักษ์นี่แหละ ทำมาตั้งเท่าไหร่ มันเหนื่อยแล้ว ทำอีก ก็สอนให้คนบรรลุนี่แหละ จนกระทั่งสอนได้เป็นล้านหลายล้านคน ผ่านมาหมดจนกว่าจะเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า พอแล้ว อย่างโพธิรักษ์นี้ก็ยังสอนให้คนบรรลุเป็นล้านล้านคนนี้ก็ยังไม่พอหรอก จนกว่าจะหมดเป็นมหาโพธิสัตว์ก็สอนคนอยู่ จนกระทั่งพ้นจากขั้น 8 เป็นขั้น 9 เป็นพระพุทธเจ้าหรือเป็นปัจเจกและเป็นพระพุทธเจ้าเป็นผู้ประกาศศาสนา ส่วนเป็นปัจเจกไม่ประกาศศาสนาก็เท่านั้นเอง 

สัมมาสัมพุทโธท่านเป็นผู้ตรัสรู้เอง เรียนรู้สั่งสมบารมีมาจนกระทั่งรู้เอง ชื่อว่าเราเป็นเจ้าของไม่มีใครรู้เหนือเราอีกแล้วในยุคกาลหรือในกัปป์นั้น ไม่มีใครรู้ได้เท่าเป็นมนุษย์เป็นคนนะ ไม่ใช่เป็นพระเจ้าที่ไม่รู้ตัวรู้ตนนะ เป็นมนุษย์จะต้องมาบอกกับมนุษย์ ถึงไม่บอกมนุษย์ เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็อธิบายได้อย่างที่อาตมาอธิบายนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องลึกลับ ไม่รู้ตัวตน แต่มีที่มาที่ไป มีนิทานมีนิยาย มีเรื่องราวบุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกพวกนั้นมาอธิบายยืนยันได้ อย่างอาตมานี่ก็เอาของเก่ามาอธิบายได้ ยังไม่เก่ง ยังไม่กล้าจะบอกเป็นตัวบุคคลเป็นนิทานเรื่องราวเหมือนอย่างพระพุทธเจ้าท่าน วันนี้อาตมายังไม่บังอาจปานนั้น ยังไม่ทำ จะว่าไม่เก่งก็ไม่เป็นไร เรายังไม่เก่ง ทำไปเดี๋ยวหน้าแตกซึ่งหมอรับเย็บไม่ได้นะ 

3. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชา คือความรู้ และจรณะ คือความประพฤติ — perfect in knowledge and conduct) 

ตัวที่ 3 นี่แหละคือสาระสัจจะเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ จรณะ 15 วิชชา 8 สัมปันโนแปลว่าผู้ที่เข้าถึงบรรลุได้เรียบร้อย บรรลุในวิชชา 8 จรณะ 15 สมบูรณ์แบบ อันนี้คือเนื้อแท้ วิชชาจะระณะ ขยายไปเป็นวิชชา 8 จรณะ 15 นี่คือผู้มีเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นผู้ที่อธิบายจรณะ 15 วิชชา 8 แล้วเอามาทำให้เข้าใจ ให้คนเข้าใจแล้วเอามาปฏิบัติตั้งแต่ศีล อปัณกปฏิปทา 4 สัทธรรม 7 ฌาน 4 วิชชา 8 ขยายความ อธิบายอย่างสัมพัทธ์สัมพันธ์ให้คนปฏิบัติได้ ผู้ที่ไม่สามารถอธิบายให้คนปฏิบัติตามได้คนนั้นยังไม่บรรลุจริง ยังไม่มีวิชชาจะระณะสัมปันโนจริง 

4. สุคโต (เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว คือ ทรงดำเนินพระพุทธจริยาให้เป็นไปโดยสำเร็จผลด้วยดี พระองค์เองก็ได้ตรัสรู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพุทธกิจก็สำเร็จประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ชนทั้งหลายในที่ที่เสด็จไป และแม้ปรินิพพานแล้ว ก็ได้ประดิษฐานพระศาสนาไว้เป็นประโยชน์แก่มหาชนสืบมา — well-gone; well-farer; sublime)

เป็นผู้สำเร็จไปดีแล้ว ไปดีแล้วจะไปไหนก็แล้วแต่ จะปรินิพพานเป็นปริโยสานหรือจะเป็นโพธิสัตว์ต่อไปอีกก็แล้วแต่ ก็ไปไหนก็ได้ จะทรงก็ได้จะไม่มีที่สิ้นสุดก็ได้ เช่นเป็นพระอวโลกิเตศวร ทุกวันนี้ท่านก็ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน อย่างนี้เป็นต้น พระปณิธานของท่านจะรื้อขนสัตว์ให้หมดโลกจนเป็นคนสุดท้าย หมดแล้วท่านถึงจะปรินิพพาน สาธุ ท่านนิรันดร อวโลกิเตศวรท่านเป็นนิรันดรก็ต้องให้ท่านองค์นี้องค์เดียว ก็ว่าไป อาตมาไม่เอา อาตมาขอสมัยเดียว เป็นพระพุทธเจ้าสมัยเดียว ปรินิพพานปริโยสานเลย 

5. โลกวิทู (เป็นผู้รู้แจ้งโลก คือ ทรงรู้แจ้งสภาวะอันเป็นคติธรรมดาแห่งโลกคือสังขารทั้งหลาย ทรงหยั่งทราบอัธยาศัยสันดานแห่งสัตวโลกทั้งปวง ผู้เป็นไปตามอำนาจแห่งคติธรรมดาโดยถ่องแท้ เป็นเหตุให้ทรงดำเนินพระองค์เป็นอิสระ พ้นจากอำนาจครอบงำแห่งคติธรรมดานั้น และทรงเป็นที่พึ่งแห่งสัตว์ทั้งหลายผู้ยังจมอยู่ในกระแสโลกได้ — knower of the worlds) 

โลกอะไรก็แล้วแต่เป็นโลกเล็กๆน้อยๆ เป็นโลกที่เป็นวัตถุ เป็นโลกทางสังคมมนุษยชาติเป็นโลกของทางจิตวิญญาณ ความวนเวียนความปรุงแต่ง หมุนวนอยู่ในนั้น แล้วแยกแยะความวนเวียนนั้นออก จับให้มันนิ่งได้ จับให้มันตัวตนของความวนระดับ 2 วนระดับ 3 วนระดับ 4,  4 สภาวะ 5 สภาวะ 10 สภาวะ ร้อยพันหมื่นแสนล้านวนเวียนสังเคราะห์สังขารกันก็แยกละเอียดได้ แล้วก็จับให้มันเป็นตัวเป็นตนได้ ทำสลายได้แต่ละตัวตนก็ทำตัวตนแต่ละตัวตนสลายได้ เป็นผู้รู้โลก 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 11:53:06 )

พุทธคุณ 9

รายละเอียด 1. อรหํ เป็นพระอรหันต์ 2. สมฺมาสมฺพุทโธ ตรัสรู้เองโดยชอบ 3. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ 4. สุคโต เสด็จไปดีแล้ว 5. โลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก 6. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ เป็นสารถีฝึกคนที่ฝึกได้ไม่มีใครยิ่งกว่า 7. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นสาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย 8. พุทฺโธ เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว 9. ภควา เป็นผู้มีโชค


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2562 ( 15:43:47 )

พุทธคุณของพระพุทธเจ้าเป็นเช่นไร

รายละเอียด

ถึงพร้อมด้วยวิชาจรณะ เป็นธรรมสามี ได้ดีแล้ว เป็นตถาคต เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว หมายความว่า ท่านมีของตัวเองถึงแล้ว ท่านไปไหนก็ไปดีหมด สุคะโต ดำเนินไปอยู่ที่ไหนก็เป็นกรรมกิริยา เป็นตัวเองเป็นอัตโนมัติ เป็นอย่างนี้เป็นอื่นไปไม่ได้ด้วย ขออภัยเหมือนกับอาตมาเป็น แค่อาตมายังไม่ถึงขั้นพระพุทธเจ้า แต่เข้าขีด มีบทบาท มีอะไรต่ออะไรอย่างที่พระพุทธเจ้าเป็น ระดับ 7 ระดับ 8 จะเป็นอัตโนมัติ เป็นเจ้าของมากยิ่งขึ้น เป็นระดับ 9 ก็เป็นเจ้าของเต็มๆ เพราะฉะนั้นเสด็จไปดีแล้ว ไปกับตัวเอง อยู่กับตัวเอง ไปดี นี่เรียกว่า เป็นพุทธคุณ 9 

อรหํ เป็นพระอรหันต์ สมฺมาสมฺพุทโธ ตรัสรู้เองโดยชอบ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ สุคโต เสด็จไปดีแล้ว โลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ มีความรู้เหนือ และเป็นสารถีฝึกคนที่ฝึกได้ไม่มีใครยิ่งกว่า สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พุทฺโธ เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว ภควา ติ เป็นความจบในความเจริญ  เคยได้ยินกันแล้ว แต่ที่จริงมีรายละเอียดเยอะนะ ของเก่าคุณก็เคยได้ยินได้ฟัง หูแฉะ จำได้เก่งกว่าอาตมาอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2565 ( 13:16:49 )

พุทธคุณของพระพุทธเจ้าแท้ๆ

รายละเอียด

ขอสรุปความมหัศจรรย์ พวกเรานี้ จรณะ 15 วิชชา 8 

ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 ฌาน 4 เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้าแท้ๆ นอกจากนี้ไม่ใช่พุทธคุณของพระพุทธเจ้า ไปนั่งหลับตามันนอกจรณะ 15 วิชชา 8 เลย ซึ่งเป็นเดียรถีย์กันจริงๆ ไอ้พวกนั่งหลับตาปฏิบัติ ฌาน เขาไปได้จากการหลับตา แต่ฌานของพุทธต้องได้จาก ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 ฌาน 4 มีปัญญา 8 หรือวิชชา 8 เกี่ยวข้องเป็นยาดำแทรกอยู่ตลอดให้เข้าใจ 

ศีล ปฏิบัติจาก อปัณณกปฏิปทา 3 แล้วจะเกิดผลอย่างนี้นะ แต่ก่อนนี้ศรัทธาของเรา เราก็ว่าเราศรัทธาแบบโลกๆ เอาแต่แค่ประเด็น สัตว์ เอาล่ะเราอาจไม่ใช่ชาวประมง ไม่ใช่พวกฆ่าสัตว์ แต่เราก็ยังกินเนื้อสัตว์ ฆ่าปูฆ่าปลากินอยู่นั่นแหละโดยไม่ฆ่าเอง แต่ให้คนอื่นเขาฆ่า ก็ไม่รู้ความเนื่องเกี่ยว ที่เราไม่พ้นวิบากที่มันเนื่องเกี่ยวกับพวกนี้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 11:13:09 )

พุทธคุณข้อที่ 3 เป็นผู้เสด็จไปดีแล้วหมายอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าตรัสว่า ท่านอุบัติขึ้นมาในโลก เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ นี่ ในพุทธคุณข้อที่ 3  อันที่ 1 เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว ตถาคต อุบัติขึ้นมาในโลก เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นสัมมาสัมพุทโธ รู้เองที่เรียกว่าตรัสรู้เอง พอเริ่มเป็นอรหันต์ หมายความว่า รู้จักกิเลสล้างกิเลสอาสวะได้ เริ่มต้นเป็นอรหันต์ทำได้หน่วยกิตแรก แล้วก็ทำอีกๆ เป็นโพธิสัตว์เพิ่มขึ้น เป็นผู้ที่มีธาตุรู้เป็นโพธิ ความรู้ที่เรียกเต็มๆว่าตรัสรู้ได้ ก็ทำเพิ่มขึ้นอีก 

เป็นโพธิสัตว์หรือเป็นอรหันต์ที่สูงขึ้น เป็นโพธิสัตว์ระดับ 5 อนุโพธิสัตว์ จากนั้นเป็น อนิยตโพธิสัตว์ เป็นโพธิสัตว์ที่เจริญขึ้นไปอีกที่จะไปเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้ให้เที่ยงแท้ พัฒนาไป อนิยตโพธิสัตว์ยาว จนเข้าเขตโพธิสัตว์ระดับ 7 จาก 6 ไป ก็เป็นนิยตะ เป็นผู้ที่เที่ยงแท้ต่อการเป็นพระพุทธเจ้า เพิ่มบารมีจากระดับ 6 ไปถึงระดับ 7 ถึงเที่ยงต่อการตรัสรู้ก็พัฒนาตัวเองขึ้นไปจนเป็นมหาโพธิสัตว์ คือระดับที่ 8 เข้าลำดับที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นลำดับที่ 9 ก็เป็นพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2565 ( 09:08:02 )

พุทธคุณพุทคุณภาคปฏิบัติ 9 ข้อ

รายละเอียด

วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ที่โต๊ะเทศน์มีข้าวชนิดต่างๆหลากหลายชนิดมาเป็นตัวอย่าง ต้นกล้า ผาดาว โอเล่ ซาคาฮารี เรือ วันนี้ทั่วโลกเขาเป็นวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2565 แต่ขึ้น 13 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ปี 3 

วันเวลาก็บอกให้ใช้สมมุติกันให้ตรงกันเป็นประโยชน์ ก็มีการเดินทางของดวงดาวดวงอาทิตย์ด้วย มีอุตุมีบรรยากาศมีอากาศหมุนเวียนเย็นหนาวร้อน ไปกันตามประสาของเขา 

งานนี้ให้อาตมาเทศน์จรณะ 15 วิชชา 8 ในพระไตรปิฎกเล่ม 15 

ชาวพุทธทั้งหมดเลย เป็นเรื่องจำเป็นเพราะว่าเราเป็นชาวพุทธเป็นลูกพระพุทธเจ้า มันก็ต้องศึกษาตามคำสอนพระพุทธเจ้าซึ่งท่านก็บัญญัติเอาไว้ดีแล้ว ดีจริงๆ ยอดวิเศษเลย 

คำสอนพระพุทธเจ้าที่บัญญัติไว้เรียกว่า พุทธคุณ คำว่าพุทธคุณเป็นคำที่บ่งบอกถึงหลักปฏิบัติ ซึ่งพุทธคุณของพระพุทธเจ้ามีถึง 9 ข้อ อะระหัง สัมมาสัมพุทโธภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโรปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ 

วิชชาจะระณะสัมปันโนเป็น 1 ใน 9 ข้อ 

ข้อที่ 1 อรหัง ก็บอกถึงคุณค่าคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า เพราะว่ายังไม่มีอุบัติขึ้นมาก่อน อรหังคือผู้ไกลจากกิเลสไม่ลึกลับแล้ว ฆ่ากิเลสได้หมดแล้ว โดยพยัญชนะ อรหะ อรโห แปลว่าไม่ลึกลับแล้ว ในจิตวิญญาณ รู้จักตัวกิเลสนี่แหละเป็นตัวสำคัญซึ่งมันลึกซึ้งซับซ้อนลึกลับมันซ่อนอยู่ในจิต ศาสนาอื่นไม่เรียนรู้เรียนรู้ก็ไม่เก่ง เรียนรู้ก็ผิวเผินไม่เหมือนกับพระพุทธเจ้า รู้จักกิเลสอย่างไม่ลึกลับ หมดเกลี้ยงจนถึงขั้นอาสวะ 

จับตัวกิเลสได้ถึงขั้นอาสวะอนุสัย แล้วมีวิธีกำจัดได้หมด กำจัดได้ด้วยความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเรียกว่า สัมมาสัมพุทโธ สัมมาสัมพุทโธหมายความว่า ตรัสรู้ได้ด้วยพระองค์เอง ไม่ได้เอาของใครมา ไม่มีใครมาบอก ซึ่งไม่เหมือนกับศาสดาของเทวนิยมที่มีพระเจ้าเป็นผู้บอกเป็นเจ้าของธรรมะเป็นธรรมสามี แล้วให้พระบุตรเป็นผู้ประกาศ มนุษย์นำมาประกาศในโลกเรียกว่า ปกาศก ผู้ประกาศ  ผู้นำคำสอนของพระเจ้า หรือความจริงของพระเจ้ามาประกาศต่อโลก 

แต่ของพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เอง พูดอย่าง อาสโภ อาจหาญแกล้วกล้า ไม่หลบ ไม่เก้อเขิน ไม่มังกุ ไม่เก้อไม่ยาก พูดอย่างเต็มกำลังเต็มใจ เต็มสภาพ ไม่มีอะไรสะดุด ว่า ตรัสรู้เองรู้เอง พากเพียรค้นความรู้นี้มาเอง ตรัสรู้เอง ความตรัสรู้นั้นเอามาประกาศกับมนุษย์ก็คือ วิชชาจะระณะสัมปันโน 

เป็นผู้ที่สามารถบรรลุ สัมปันโนคือผู้บรรลุ ปฏิบัติด้วยจรณะ 15 วิชชา 8 จบสุดได้ มีอย่างนี้ทางเดียวทางนี้ทางเดียว เอเสวมัคโค นัตถัญโญ ไม่มีทางอื่น ที่บอกว่าทางปฏิบัติไปนิพพานมีไม่รู้กี่ทาง คนนี้พูดผิดนอกทางคำสอนพระพุทธเจ้า

ทางที่จะไปนิพพานมีทางหนึ่งทางนี้ทางเดียว เอเสวมัคโค ทางนี้ทางเดียว นัตถัญโญ ทางอื่นไม่มี 

เพราะฉะนั้นจึงอย่าเรียนผิดทาง ต้องเรียนให้ถูกทาง เรียนด้วยสัมมาทิฏฐิ ต้องเรียนรู้ให้ถูกพยัญชนะให้ปฏิบัติถูก มีมรรคมีผลที่ถูก จนกระทั่งจบการบรรลุธรรมสูงสุดเป็นอรหันต์ หรือ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ มีหลักให้ตรวจสอบทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 17:38:10 )

พุทธชีวศิลป์

รายละเอียด

คือ ศาสนาพุทธคือศาสตร์แห่งศิลปะเพื่อชีวิตอันเป็นมงคลอุดม

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4 ” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 527


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 12:39:39 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:34:46 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 06:55:21 )

พุทธด้วยกัน แต่ขัดแย้งกัน เพราะเหตุใด

รายละเอียด

อาตมาพูดเหมือนคนหลงศาสนาพุทธ แล้วพุทธที่อาตมาเข้าใจด้วยนะ ไม่เหมือนแบบเยอะแยะที่เข้าใจไม่เหมือนอาตมา กระแสของเถรสมาคมเป็นต้นกับอาตมา องค์รวมของความเข้าใจคนละเรื่องกับของอาตมา องค์รวมของเถรสมาคมกับองค์รวมของความเข้าใจเรื่องพุทธศาสนาของอาตมา มันขัดแย้งกันด้วยซ้ำ พุทธด้วยกัน เรียกภาษาเดียวกันแต่มันขัดแย้งกัน 

แต่ถึงจะขัดแย้งกันอย่างไร พุทธกระแสหลัก และทางสถาบันอื่นเข้าข้างด้วย อโศกนี่ หัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีสถาบันอื่นเข้าข้างเท่าไหร่เลย แต่มีอำนาจในตัวเอง มีพลังคุณค่าหรือคุณธรรมของตัวเอง จึงอยู่รอด นี่แหละคือสิ่งที่สากลเขาก็รู้ ว่า Minority rights ไอ้พวกนั้นคือ Majority Rule เปิดเผยหัวใจซะ

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 8 พ่อครูพบ คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 13:00:08 )

พุทธต่างจากเทวนิยมเรื่องตีแตกความเป็นคู่จนถึงนิพพาน

รายละเอียด

เรื่องนี้เทวนิยมก็ไม่เข้าใจ คนมาทำปริญญาเอกศาสนาพุทธเป็นคนฝรั่งก็ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทำไมต้องมาห้าม คนทำป.เอกนะ ถาม ก็บอกว่า ศาสนาพุทธไม่เหมือนกับศาสนาเทวนิยมเพราะตีแตกความเป็นคู่จนกระทั่งถึงนิพพาน จึงพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องในศาสนาเทวนิยมว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ เขาก็หาว่าเป็นไปไม่ได้เป็นเพียงตรรกะ ไม่เข้าถึงจิตวิญญาณ 

แต่ศาสนาพุทธนั้นเข้าใจจิตเป็นอย่างดี เข้าใจพระเจ้าไม่ต้องให้พระเจ้ามาประทานความเป็นสวรรค์นรกตั้งแต่ตอนเป็นๆก็ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรกเป็นอรหันต์ก็หมดสวรรค์หมดนรก เพราะเขาตีไม่แตกเทวะ ที่เป็นพระเจ้าใหญ่ของสวรรค์ และสั่งให้ลงนรกด้วย เลยเป็นนายทุนใหญ่ของสวรรค์ แต่ศาสนาพุทธชัดเจนเทวะ หมดสุขหมดทุกข์อยู่อย่างปรมังสุขังคือยิ่งกว่าสุข ไม่มีรสโลกีย์ ทางลาภ ยศ สรรเสริญ​ กามคุณ อัตตา ก็รู้สิ่งที่เกิดที่มีที่เป็นตามเหตุปัจจัยไม่ต้องมีสุขทุกข์อะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 11:03:53 )

พุทธที่กินเหล้าเล่นหวยเรียกว่าอะไรดี

รายละเอียด

ก็เอาแค่ง่ายๆก็ไม่แท้ ยังไม่ใช่พุทธแท้ เป็นพุทธเทียมพุทธเก๊ ก็ว่ามา ไปตำหนิเขาอย่างหนักก็ใช้คำหนัก ไปตำหนิไม่หนักก็ใช้คำไม่หนัก เท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 20:55:28 )

พุทธที่สัมมาทิฏฐินั้นเป็นเช่นไร

รายละเอียด

เพราะพุทธที่“สัมมาทิฏฐิ”นั้นจะมีหลักปฏิบัติแท้ๆคือจรณะ 15 วิชชา 8 ซึ่งมี“อปัณณกปฏิปทา 3”ยืนยันการเป็นศาสนาพุทธที่แท้จริงถูกต้อง มีหลักธรรมชัดเจนอยู่โต้งๆ

ถ้าการปฏิบัติใดไม่มี“อปัณณกปฏิปทา 3”การปฏิบัตินั้นก็“ผิด”ไปจากศาสานพุทธ ก็ชัดแจ้งแดงแจ๋อย่างนี้ หรือถ้าผู้ใดยืนยันยึดมั่นถือมั่น ว่า “การหลับตาปฏิบัติ”นี่แหละเป็น“ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด (อปัณณกปฏิปทา)”ของศาสนาพุทธ ผู้นั้นก็คือ “มิจฉาทิฏฐิ”ตัวแท้ ซึ่งมีความคิดปฏิปักษ์ต่อศาสนาพุทธอยู่โทนโท่ แท้ๆ ชัดๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเปิดตาพญานาคลงสู่การเมืองไทย วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2565 ( 19:23:17 )

พุทธที่สัมมาทิฏฐิเป็นไฉน

รายละเอียด

เพราะพุทธที่“สัมมาทิฏฐิ”นั้นจะมีหลักปฏิบัติแท้ๆคือจรณะ 15 วิชชา 8 ซึ่งมี“อปัณณกปฏิปทา 3”ยืนยันการเป็นศาสนาพุทธที่แท้จริงถูกต้อง มีหลักธรรมชัดเจนอยู่โต้งๆถ้าการปฏิบัติใดไม่มี“อปัณณกปฏิปทา 3”การปฏิบัตินั้นก็“ผิด”ไปจากศาสานพุทธ ก็ชัดแจ้งแดงแจ๋อย่างนี้

หรือถ้าผู้ใดยืนยันยึดมั่นถือมั่น ว่า “การหลับตาปฏิบัติ”นี่แหละเป็น“ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด(อปัณณกปฏิปทา)”ของศาสนาพุทธ ผู้นั้นก็คือ “มิจฉาทิฏฐิ”ตัวแท้ ซึ่งมีความคิดปฏิปักษ์ต่อศาสนาพุทธอยู่โทนโท่ แท้ๆ ชัดๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:19:42 )

พุทธที่เป็นโลกุตระไม่มีอยู่ประจำโลก

รายละเอียด

“ศาสนาพุทธ”ไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก“พญานาค”นี้คือ ลัทธิ“หลับตา”หลับไม่รู้คู้ไม่เห็นของศาสนาเดียรถีย์เขา เขาก็“หลับตา”ปฏิบัติของเขาไปยืนยันความเป็นเดียรถีย์ของเขา ก็เป็นธรรมดาสามัญของเขาที่เดียรถีย์“มี”อยู่ประจำโลก“พุทธที่เป็นโลกุตระ”ต่างหากที่“ไม่มีอยู่ประจำโลก”

ศาสนาพุทธจึง“มี”ขึ้นในโลกเป็นคราวๆ แล้วก็จะ “ไม่มีศาสนาพุทธ”ไปช่วงหนึ่งเรียกว่า“พุทธันดร(ช่วงที่โลกไม่มีศาสนาพุทธในกาลช่วงนั้น)” แล้วจึงจะ“มี”พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา“มี”ศาสนาพุทธขึ้นมาใหม่อีก เรียกว่า “ภัทรกัปป์(คือในช่วงที่มีศาสนาพุทธมีพระพุทเจ้าอุบัติขึ้นมาประกาศศาสนาต่อกันหลายพระองค์ บางภัทรกัปป์ก็มีมากเกิน 5 พระองค์เป็น 10 เป็น 100  กัปป์ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาน้อยที่สุด เช่น ใน“ภัทรกัปป์ของพระพุทธเจ้าสมณโคดม”นี้แล ก็มีเพียง 5 พระองค์ จากนี้ก็เป็นกลียุค เป็นยุคโหดเหี้ยมเลวร้าย ฆ่ากันตายมากมาย ทั้งเลือดร้อน เลือดเย็น มนุษย์ในโลกก็เหลือน้อยลงๆ ก็จำต้องหยุดพักการฆ่ากัน)” สิ้น“ภัทรกัปป์”ก็เป็น“พุทธันดร”คือช่วงที่ไม่มีศาสนาพุทธ จะเว้นระยะเวลาโลกว่างจากศาสนาพุทธไปช่วงหนึ่ง จะสั้นจะยาว ก็ตามแต่“กาละ-เทศะ-ฐานะ”ที่จะมีเหตุมีปัจจัยเป็นสัดส่วนปรุงแต่งกันให้“เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป”ได้นั้นๆเท่าที่มันจะมีจะเป็น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 30 ตำนานพญานาค ตอนที่ 1วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 14:25:12 )

พุทธธรรมจะมีได้ต้องมีศีลเป็นตัวตั้ง

รายละเอียด

หากเราไม่กำหนดศีลเป็นตัวตั้ง ไม่มีอะไรเลยศาสนาพุทธต้องเอาศีลเป็นตัวตั้ง พุทธธรรมจะมีได้ต้องมีศีลของพระพุทธเจ้าเป็นตัวตั้งเป็นตัวกำหนด ทุกวันนี้เขาไม่เห็นความสำคัญของศีล นอกจากไม่เห็นว่าศีลสำคัญอย่างไรแล้ว ยังไม่ปฏิบัติ ก็พูดด้วยความเวทนาสงสาร ที่กำลังเสื่อม ตกต่ำไปขนาดนี้

อาตมาพาพวกเร ให้ปฏิบัติศีล รื้อฟื้นกลับไปปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา ตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ทำมา 40 กว่าปีก็มีมรรคผลอย่างนี้ในชาวอโศก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

 สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ในศีล 8 ข้อนั้นศีลข้อใดสำคัญที่สุด


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:14:01 )

พุทธธรรมตามลำดับถึงสยังอภิญญา

รายละเอียด

คือ เริ่มต้นความมีประโยชน์ที่เป็นโลกุตระให้แก่ตนเริ่มต้นเกิดผลให้เกิดส่วนตน  เป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ  แล้วสั่งสมเป็นปัจเจกบุคคล  แข็งแรงขึ้น  จนกระทั่งปัจเจกมีมากจนถึงขั้นสยังอภิญญา มีติดตัวข้ามชาติเป็นของตัวเอง  สยังอภิญญาแม้ข้ามชาติมาชาตินี้ก็มีของตัวเองโดยไม่ต้องมีครูบาอาจารย์แม้ไม่มีพระพุทธเจ้าในยุคนี้  ครูบาอาจารย์ที่ยังสยังอภิญญาเหนือกว่ามีพุทธรรมที่มากกว่าไม่มี  เป็นผู้ที่มีมากกว่าใครๆ เป็นไก่ตัวพี่ เป็นไก่ตัวพี่เป็นพี่คนโตทางพุทธศาสนาในยุคนี้  สมณะโพธิรักษ์เป็นคนนั้น  นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า สยังอภิญญา  เป็นความรู้เรื่องโลกนี้ โลกหน้า โลกียะ โลกุตระแล้ว  เอามาอธิบายได้อย่าง สัจฉิกัตวา ให้คนมาปฏิบัติตามจนเกิดผลเป็นสังคมโลกุตระที่ยืนยันได้ถึงขั้นสาธารณโภคี  สาราณียธรรม  เมตตากายกรรม  เมตตาวจีกรรม  เมตตามโนกรรม  ลาภธัมมิกา  ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญญตา มีพุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ  สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ  เอกีภาวะ เป็นผู้ที่อยู่ในร่องในรอยตามอย่างพระพุทธเจ้าสอน เอามาเป็นเครื่องพิสูจน์ตรวจสอบได้ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นไปได้ดี   ในยุคนี้มีสยังอภิญญาจริงมาประกาศมีความรู้ของตัวเองข้ามชาติ มายืนยัน แล้วเมื่อประกาศไปแล้วว่าเป็นสยังอภิญญาที่ประกาศไปแล้วเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาขยายความให้คนอื่นรู้ตาม  ปเวเทนตีติ  แล้วมีผู้รู้ตามปฏิบัติตาม  เกิดสังคมกลุ่มหมู่ มีพฤติกรรมโลกุตระ  ถ้าในยุคนี้ถ้าไม่มีสยังอภิญญา  มาประกาศสัจธรรมแท้จะไปรอดหรือไม่  ไม่รอดมีแต่ผ้าน้อยห้อยหู  เราพูดได้อย่างสบายใจ  เพราะว่าทำได้อย่างเป็นกลุ่ม  หากบ้าก็ทำไม่ได้เป็นกลุ่มอย่างนี้พระอรหันต์ที่ยังไม่มีบารมีตามข้อที่ 10 ก็ทำงานยังไม่สมศักดิ์ศรี  แต่ว่าอาตมาทำงานสมศักดิ์ศรี  สยังอภิญญานะ  ทำไมอาตมาต้องมา มันเป็นหน้าที่  มันเป็นสิ่งที่ต้องเป็น Born to be มันต้องเกิดต้องเป็นอย่างนี้  ไม่มีมันก็ไม่ใช่โลกนี้  ถ้าไม่มีโพธิรักษ์มาเกิดยุคนี้  ในศาสนาพุทธนี้มันก็ไม่ใช่มันต้องอย่างนี้ อาตมาจึงเป็นสมณะผู้นั้น สยังอภิญญาผู้นั้น  born to be สยังอภิญญา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 14:29:13 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:37:24 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 05:23:56 )

พุทธธรรมมนูญ

รายละเอียด

ธรรมนูญของศาสนาพุทธ พุทธธรรมมนูญ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ พุทธธรรมมนูญคือจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล คนก็ไม่เข้าใจแล้ว นั่นแหละคือพุทธะธรรมนูญ เป็นธรรมนูญของศาสนาพุทธเป็นหลักเกณฑ์ให้ใช้ เป็นหลักของชีวิตมนุษย์ ทุกวันนี้ไม่ใช้กันแล้วศาสนาก็เลยเละเทะ เช่น มหาศีล ไม่มีกันก็เลยกลายเป็นเดรัจฉานวิชาบ้าบอ ในมหาศีลมี 7 ข้อ เขาก็ละเมิดจนเกือบหมดแล้วกระมัง มันจึงเสียหมดเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:43:16 )

พุทธธรรมรู้วิธีชนะมาร! ธรรมะลัทธิอื่นมัวแต่จมอยู่กับมาร!

รายละเอียด

ส่วนศาสนาพุทธนั้นเรียนรู้“ความจริง”นี้ได้ และสามารถ“ดับความรู้สึก”ส่วนที่เป็น“เทฺว”คู่สำคัญยิ่งคือ“สุข-ทุกข์”อันเป็น“เวทนาในเวทนา”ส่วนนี้ลงสำเร็จจริง จึง“ไม่มีสุข-ไม่มีทุกข์”แท้

นั่นคือ “เวทนา”เอง ก็ยังมี“เวทนาในเวทนา”ที่แยกออกไปได้อีก ว่า “เวทนา” 1 นั้น เป็น“เวทนามายา”หรือ“เวทนาเก๊”

แม้จะ“ดับเวทนาเก๊”หรือ“มายา”นี้ได้แล้ว แต่ก็ยังมี “เวทนา”อยู่ คือ ยังมี“ความรู้สึก”เต็มในเวทนาส่วนใหญ่ของตนทั้งหมดทว่าเป็น“เวทนา”ที่สะอาดบริสุทธิ์จากสุข-จากทุกข์ แม้แต่จากโสมนัส-โทมนัสก็ไม่มี หมดสิ้นไป ไม่มีไปกระทั่งอุปายาสะกันเลย

เมื่อ“ดับเวทนามายาหรือเวทนาเก๊”นี้ได้ ก็ยังมี“เวทนาแท้” 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 338 หน้า 251


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 15:39:03 )

พุทธธรรมล้มล้างคำสอนของพระเจ้า!

รายละเอียด

และที่สุดยืนยัน“ความสูญ”หรือความเป็น“อนัตตา”ของ

“วิญญาณ”ได้ว่า “ไม่มี”อยู่เป็นนิรันดรได้แน่แท้ยิ่งกว่า“มี”อยู่นิรันดร โดยการ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน” ไปหมดสิ้นกลายไปสู่“อุตุธาตุ”หรือ“อุตุนิยาม” นี้ 2 

ซึ่งการทำ“จิตนิยาม”ให้กลายเป็น“อุตุนิยาม”ได้นี้ มันเท่ากับลบล้างความยิ่งใหญ่ของ“พระเจ้า”ที่หลงเชื่อกันว่า

“พระเจ้า”เป็นเจ้าของ“วิญญาณ”จัดการทุกอย่าง ควบคุมบงการทุกอย่าง ทุกสรรพสิ่งไม่มีใครจัดการได้ นอกจากพระเจ้า นี้ 1 

และ 2.เป็นการล้มล้าง“อัตตานิรันดร”ด้วย นี้ก็อีก 1 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 318 หน้า 241


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:59:56 )

พุทธธรรมอาศัย“สัมผัส”เพื่อกระตุ้นให้เกิด“เวทนา”!

รายละเอียด

การศึกษาปฏิบัติของพุทธธรรมจึงต้องมี“สัมผัส”

แล้วจะมี“เวทนา”เป็นปัจจัยให้เกิด“อายตนะ” 

ต่อจากนั้นก็จะมี“นามรูป” มี“วิญญาณ” มี“สังขาร”ให้ศึกษา 

และอีกด้านก็มี“เวทนา” มี“ตัณหา” มี“อุปาทาน” มี“ภพ” มี“ชาติ” ที่จะต้องศึกษา

ถ้าไม่มี“สัมผัส”ก็ไม่มี“เวทนา” 

หากการ“สัมผัส”ของ“รูปกับนาม”ไม่มีขึ้น

“อายตนะ”ก็ปรากฏขึ้นไม่ได้  

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 68 หน้า 83


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 20:43:31 )

พุทธธรรมแก้เศรษฐกิจพาสู่นิพพานได้!

รายละเอียด

คนในศาสนาที่มี“เศรษฐศาสตร์”ชนิดนี้จะสามารถทำตนบรรลุ “นิพพาน”

ได้แท้จริง เพราะ“ดับอัตตา”ได้แท้ อย่างสัมมาทิฏฐิ

สังคมที่ปุถุชนคนโลกีย์หรือชาวโลกที่ยังเป็น“เทฺวนิยม”ผู้ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่กับศาสนา

ที่ยึดถือ“พระเจ้า”หรือยังยึด“เทฺว”(แม้ชาวพุทธ)ก็จะยังไม่มีนิพพาน 

“นิพพาน”ยังเป็น“อจินไตย”จริงๆสำหรับชาว“เทฺวนิยม”! 

ชาว“เทฺวนิยม”จะยังไม่สามารถตีแตกแยกแยะความเป็น“เทฺว”ที่

ตนยึดมั่นถือมั่นอยู่นั้นออกเป็นความรู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“ตนเอง(อัตตา)” 

และลดความเป็น“ตัวตน(อัตตา)”ที่สุดถึงขั้นดับ“ตนเอง(อัตตา)

สำเร็จได้จริงด้วยตนเองเป็น“อนัตตาธรรม(ความมีธรรมที่ไม่มีตัวตน)” 

หรือปฏิบัติกระทั่งจัดการกับการยึดมั่นถือมั่นใน“อัตตา”สูญสิ้นไปจากจิตตน เป็นผลสำเร็จ

สูงสุดคือ ทำ“อัตตา”ของตนหรือ“เทฺว”ของตนให้“ดับสิ้นไปจาก

“กาล”จาก“วัฏฏสงสาร”สำเร็จเป็น“อุตุธาตุ”หรือ“อุตุนิยาม”ได้จริง

จึงเป็นการพิสูจน์ความแท้จริงในความเป็น“จิตวิญญาณ”หรือ

“อัตตา”หรือ“เทฺว”หรือ“พระเจ้า” หรือ“จิตนิยาม”นั้นคือ“อนัตตา”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 523 หน้า 388


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2564 ( 16:38:32 )

พุทธธรรมแท้ก็แค่ปริมาณของยอดปิระมิด!

รายละเอียด

ก็เหมือนกับ“ปีระมิด(pyramid)”จากยอดสูงสุดแหลมเล็กลงมาหาข้างล่าง จากที่สูงก็ย่อมมีปริมาณเป็นส่วนน้อยธรรมดา และปริมาณของปีระมิดลงมาส่วนล่างมันต้องมีเป็นส่วนมาก ก็ย่อมปกติอยู่แล้ว

แม้คนชาวพุทธเองแท้ๆในทุกวันนี้ได้เสื่อมจากความรู้ที่เป็น“โลกุตระ”ไปเกือบเกลี้ยงกันหมดแล้ว ผู้ที่เข้าถึงภูมิ“โลกุตระ”นั้นย่อมมีเป็นส่วนน้อยในสังคมมนุษยโลกก็เป็นธรรมดา ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไรนี่ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 357 หน้า 262


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 11:15:05 )

พุทธบริษัท 4

รายละเอียด

คือ อุบาสก อุบาสิกา ภิกษุ ภิกษุณี

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4 ” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 534


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 13:06:52 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 06:55:43 )

พุทธบริษัท พุทธมามกะ พุทธศาสนิกชน

รายละเอียด

ผู้ที่สนใจใส่ใจจริง หรือ ผู้ที่มีภูมิมีบารมีถึงขั้นมาบวช เป็นนักบวชหญิงนักบวชชาย ถึงแม้ว่าจะไม่บวชก็สนใจธรรมะเป็นฆราวาสอยู่ก็ตามฐานะวิบากบารมี ก็สนใจ ก็เป็นอุบาสกอุบาสิกาเป็นพุทธบริษัท 1 เหมือนกัน ในพุทธบริษัท 4

พุทธบริษัท นับได้ว่าคือผู้ที่ก้าวเข้าสู่กระแสอย่างน้อยก็เป็นโสดาปัตติมรรค จึงเรียกว่าเป็นพุทธบริษัท ตามปรมัตถ์ ไม่ใช่แค่สมมุติง่ายๆ คนที่ยังไม่สนใจธรรมะสักเท่าไหร่ สำหรับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธก็จะเรียกว่าเป็น

พุทธศาสนิกชน บอกว่านับถือศาสนาอะไรก็จะบอกว่านับถือศาสนาพุทธ แต่ไม่เคยเกี่ยวข้องเลย ไม่เอาถ่านเรื่องศาสนาจะทำมาหากินอย่างเดียว จะไปวัดวาก็เพื่อล่าลาภยศให้พระเจ้าบันดาลอะไรให้ ส่งสิริมงคลให้ตัวเองด้วยลาภยศสรรเสริญ ทั้งที่ศาสนาพุทธมันไม่ใช่อย่างนั้น เนื้อแท้ของศาสนาพุทธเลยจะต้องมี โภคขันธาปหายะ วางทรัพย์ศฤงคารบ้านช่องเรือนชานออกไป ซึ่งก็เลยพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะฉะนั้นพุทธศาสนิกชนจึงได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนาแต่ชื่อ เมื่อสูงขึ้นกว่าพุทธศาสนิกชน ก็เป็น...

พุทธมามกะ คือ ผู้ที่เข้าไปแสดงตัวเองว่าเป็นชาวพุทธ ไปแจ้งกับพระว่า ขอเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์บ้าง เป็นพุทธมามกะ เช่นเข้าไปเปล่งกล่าว พุทธังสะระณังคัจฉามิ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ สังฆังสะระณังคัจฉามิ ก็แสดงว่าตัวเองขอเข้าถึงพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ตามจาริตประเพณี

ส่วนพุทธบริษัท ก็ต่างกันกับ พุทธมามกะ พุทธศาสนิกชน 

พุทธบริษัท 4 มีอุบาสก อุบาสิกา นักบวชหญิง นักบวชชาย เป็นผู้ที่มีความลึกซึ้ง 

อุบาสกอุบาสิกาก็ถือศีล 8 ก็ต้องถือศีล 5 ได้ผ่านศีล 5 มาถือศีล 8 แต่นี่ส่วนใหญ่ไม่ได้ผ่านการถือศีล 5 แต่บอกว่ามาถือศีล 8 ตามจารีตประเพณี ถือศีล 5 ก็ตามรูปแบบเท่านั้น อย่าว่าแต่ศีล 8 เลย แม้มาบวชเป็นเณร หรือเป็นภิกษุณี แต่จะรู้จักการปฏิบัติศีล 5 หรือไม่ จะรู้จัก ศีล สมาธิ ปัญญา หรือไม่ อย่างคนศีล 10 สามารถบรรลุพระอรหันต์ได้เลย ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องบ้านช่องเรือนชาน เรื่องญาติ 

อาตมาพอใจยินดีตัวเอง พอใจตัวเองมีฉันทะในตัวเอง มีปีติในตัวเอง ไม่ใช่ปิติที่เป็นอุปกิเลส แต่พูดพยัญชนะ ยินดีพอใจมีฉันทะที่เอาธรรมะมาเปิดเผยได้ผล จนคนปฏิบัติตามได้เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ พระอาริยะได้เลย เป็นพุทธอาริยะ ไม่ใช่แค่พุทธมามกะ บรรลุธรรมสมควรแก่ธรรมได้จริง จนสำเร็จผลให้เกิดชุมชนพุทธ เป็นหมู่กลุ่มสังคมเป็นหมู่บ้าน เป็นสังคมกลุ่มจริงๆที่มีวัฒนธรรมมีศีล สมาธิ ปัญญา มีความเป็นอยู่ มีพฤติกรรมสังคมจากชุมชนนั้น เป็นชุมชนที่มีศีล ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่คนแก่อยู่ในชุมชนก็มีศีลทั้งนั้น อย่างน้อยศีล 5 เป็นพื้นฐาน ดูกันที่ศีล 5 เราก็ชำระกิเลสกันจริงๆไม่ใช่แค่ทำตามจารีตประเพณี มีแต่ไม่รู้เฉยๆ นั่งตบยุงอยู่ก็ยังเฉยๆ แม้แต่ศีลข้อที่ 2 ไปทุจริตเอาของที่ไม่ใช่ของของเรา หรือละเมิดเพศ อย่างในชาวอโศกหากมาละเมิดเพศก็เอาเรื่องกัน ชำระกัน ให้ปลงอาบัติหรือให้ทำอะไรได้ก็เอา อย่างที่เราปฏิบัติกันมา เป็นหมู่ชนที่มีศีลจริงๆปฏิบัติการจริงๆได้มรรคผลจากศีล เป็นอธิจิต มีอธิปัญญา อธิวิมุติ ตามลำดับได้จริงๆ ผลจากการปฏิบัติศีล 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 09:02:18 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:46 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 06:57:10 )

พุทธบุตร

รายละเอียด

เมื่อเราล้างตัวตนล้างเผ่าพันธุ์มีเป็นตระกูลเดียวกันคือพุทธบุตร สุดยอดเลยไม่ขยายความต่อรายละเอียดจากอันนี้แล้วเป็นลูกพุทธเจ้าด้วยกัน ถอดตัวตนถอดตระกูลออกไปไม่ว่าจะเป็นคนบ้านไหน เหนือใต้ ออก ตก หรือแม้แต่ต่างประเทศ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:40:57 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:24 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 06:57:39 )

พุทธปาฏิหาริย์

รายละเอียด

ความมหัศจรรย์ทางความรู้ยิ่ง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 165


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 21:20:01 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:05:00 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 06:57:55 )

พุทธพจน์ 7

รายละเอียด

คือ  สาราณียะ คุรุกรณะ  สังคหะ  อวิวาทะ  สามัคคียะ เอกีภาวะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 14:15:54 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:30 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 06:58:19 )

พุทธพจน์ 7

รายละเอียด

เกิดจากจิต 7 ลักษณะ

1.       สาราณียะ (รู้จักระลึกถึงกัน คำนึงถึงคนที่ควรเอื้อ)

2.       ปิยกรณะ ( รักกัน สัมพันธ์ดี ปรารถนาดีต่อกัน)

3.       ครุกรณะ (เคารพกัน รู้จักฐานะ รู้จักคุณวุฒิ)

4.       สังคหะ (สงเคราะห์เกื้อกูลช่วยเหลือกัน)

5.       อวิวาทะ (ไม่วิวาทแตกแยกกัน รู้รักสามัคคี)

6.       สามัคคียะ (พร้อมเพรียงกันมีพลังรวมยิ่งใหญ่)

7.       เอกีภาวะ (เป็นปึกแผ่นมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่มที่ 22 ข้อ 283

 

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ”หน้า 516


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 13:37:53 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:37:11 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 06:59:00 )

พุทธพจน์ 7

รายละเอียด

พุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคคียะ เอกีภาวะ พวกเราเป็น เอกีภาวะ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันดีมากเลย อาตมาวัดค่าว่า ชาวอโศกอาตมาพาปฏิบัติธรรมมามี เอกีภาวะ มีเอกภาพ ขนาดนี้ สนิทสนมกลมเกลียวกลมกลืนได้กันอย่างมีปึกแผ่นแข็งแรง เอกีภาวะ สามัคคียะ พร้อมเพรียง เป๊งพรึ่บๆ อวิวาทะ มีบ้าง ภาษาขัดแย้งกันบ้างแรงบ้างเบาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ดุเดือดอะไรมากมาย ยิ่งไปตีกันไม่มีเลย 50 ปีของพวกเราชาวอโศก ในชุมชนชาวอโศกทุกแห่ง เดี๋ยวทะเลาะเบาะแว้งตีกันด้วยหมัดด้วยมือ ผู้หญิงก็ ซัดฝ่ามือ เล็บมือนางเล็บมือเธอ ก็ไม่มี ผู้ชายก็หมัดใครหมัดมันศอกเข่าก็ไม่มี(โยมว่า ผู้หญิงเขาดึงผมกัน) ชาวอโศกดึงผมกันหรือไม่ ก็ไม่มี ผู้หญิงมีผมยาวให้ดึงๆกันเนาะ  มุขสตี  มีหอกปาก แต่ไม่ร้ายแรง อาจจะมีแหลมจัดนิด ถ้าไม่แหลมนี้เจ็บนะออกมาแล้วมันเจ็บนะ หอกแหลม มันเล็ก แทงไป บางทีตั้งนานกว่าจะรู้สึก ว่าเมื่อกี้เขาว่าเราหรือตั้งนานกว่าจะรู้สึก ทำไมคำคม คำแหลมจังเลย พูดแล้วสนุกเนาะ มันมาอธิบายธรรมะในสังคมเรา

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 11:25:52 )

พุทธพจน์ 7

รายละเอียด

การหมั่นระลึกถึงกัน (สาราณียธรรม 6) ย่อมก่อเกิดคุณธรรมตามมาเป็นลําดับ 1. ระลึกถึงกัน (สาราณียะ)

2. รักกัน (ปิยกรณะ)

3. เคารพกัน (ครุกรณะ)

4. เกื้อกูลช่วยเหลือกัน (สังคหะ)

5. ไม่วิวาทกัน (อวิวาทะ)

6. พร้อมเพรียงกัน (สามัคคียะ)

7. เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (เอกภาวะ)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 22 “สาราณิยสูตร” ข้อ 283


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 15:33:50 )

พุทธพจน์ 7

รายละเอียด

ไม่ว่าจะเป็นทิฏฐิหรือศีลก็เสมอเหมือนกัน รู้ลำดับมีคุณวุฒิคุณธรรมพุทธพจน์ 7 ในสาราณียธรรม 6 จะมีจิต พุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  สาราณียะ คือระลึกถึงกันด้วยความหวังดีไม่ใช่ระลึกกันด้วยการแก้แค้น มีความรักกันปิยกรณะ มีความเคารพกันคุรุกรณะ มีสังคหะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ทะเลาะวิวาท พร้อมเพรียงสามัคคี มีความเป็นปึกแผ่น เอกีภาวะ

นี่คือคุณสมบัติ คุณธรรม คุณวิเศษ ที่เกิดจริงเป็นจริงตามหลักธรรมพระพุทธเจ้า ยืนยันเลย อาตมาอบอุ่นใจที่ยังมีพระไตรปิฎกของพระพุทธเจ้าอ้างอิง บางทีอาตมาอธิบายแยกกับผู้ที่เบี้ยวบาลีมิจฉาทิฏฐิ จนกระทั่งเขาจะเอาอาตมาตายแต่อาตมาไม่ตายเพราะอาตมามี ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง ธรรมรักษาอาตมาอยู่ก็เลยเป็นไปได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:45:44 )

พุทธพจน์ 7

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่จบกิจแล้วมาเป็นคนจนสำเร็จ ก็จะเกิดมนุษย์มีวรรณะ 9 แล้วก็เป็นสังคม สาราณียธรรม 6 ที่จิตใจมีพุทธพจน์อีก 7 ตัว จิตใจของคนพวกนี้มี สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  นี่คือพุทธพจน์ 7 คำ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 11:30:07 )

พุทธพจน์ 7 กับ วรรณะ 9

รายละเอียด

นี่ก็คือพุทธพจน์ 7 ที่ชัดเจน คุณสมบัติ 7 ตัวนี้คือจิตวิญญาณเราจะมี สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ(เคารพกัน) สังคหะ(เกื้อกูลกัน) อวิวาทะ(ไม่วิวาทกัน) สามัคคียะ เอกีภาวะ(เป็นปึกแผ่น) เป็นสุดยอดทางเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ ยิ่งผนวกกับวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) มี 0 นี่แหละไม่ต้องมีมากมีน้อยกว่านี้ไม่เป็นเตี้ยอุ้มค่อม มั่นใจว่าเป็นคน 0 ได้ก็ใช้ตามฐานะหน้าที่ เงินผ่านมือเอาให้หมดหรือเอาไว้แต่ไม่ได้ไว้เพื่อบำเรอตนก็ได้ เป็นคุณสมบัติที่แท้จริงของมนุษยชาติที่เป็นไปได้เป็นคนที่พอ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:49:30 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:32 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 06:59:40 )

พุทธพจน์ สุขยิ่งกว่าสงบ ก็เข้าใจกลับหัวกลับหาง กลับมือกลับเท้า!

รายละเอียด

แต่ไม่มี“สัมมาทิฏฐิ”ว่า “สุข”ที่ว่านี้ คือ“อาการ”อย่างไร?

ก็เล่าเรียนกันนะว่า “สุข”ที่เป็น“อาการสงบ” 

แต่ไม่เรียนรู้ให้ถ่องแท้ว่า สงบอะไร? สงบอย่างไร? สงบแบบใด? สงบแค่ใด? สงบในที่ไหน? สงบเท่าไหร่? สงบทำไม?

อ้างคำตรัสกันจังเลยว่า “สุขยิ่งไปกว่าความสงบ ไม่มี” 

แต่ยังไม่สัมมาทิฏฐิว่า “สงบ”นั้่น สงบอย่างไร? สงบลึกซึ้งแบบใด? 

สงบในที่ไหน? สงบในภพ หรือสงบแบบนิ่งไปหมดทุกสิ่งส่วนทุกกรรม ไม่มีกิริยาใดๆ

โดยเฉพาะ ที่หลอกกันว่า ถ้าหากสะสม“บุญ”ให้มากได้แล้ว

จะเป็น“สุข”ยิ่งๆ

จึงเอาคำว่า “บุญ” มาเป็น“สิ่งหลอก”คน ให้“อยากได้บุญ” 

ถ้าได้“บุญ”แล้วจะได้“สุข” ได้“สวรรค์” ได้“สิ่งที่‘มี’ทั้งหลาย”

ที่ถูกต้องที่สุดคือ “ได้“สิ่งที่‘ไม่มี’เลย”ต่างหาก !

“บุญ”คือ พลังงานที่จะทำ“ภาวะไม่มี”ให้เป็นผลสำเร็จแท้ๆ

ไม่เรียนตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า “ภาวะแท้ของสุขของทุกข์” คืออะไร? อยู่ที่ไหน? 

จะสัมผัสแตะต้องอาการ“ทุกข์หรือสุขนี้ได้

เมื่อไหร่  จึงจะรู้ชัดแจ้ง“ความจริง”นี้ ?

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 65 หน้า 81


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 20:17:08 )

พุทธพลี

รายละเอียด

พุทธนี้เป็นเรื่องของความพลี ความสละออก พุทธพลี

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 12:10:23 )

พุทธภาวะ

รายละเอียด

ความปรากฏอยู่จริงของพุทธ

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 121


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 21:20:43 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:05:41 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 06:59:55 )

พุทธภูมิ

รายละเอียด

คือ เสาโค้งจำนวน 16 ต้น ซึ่งห่อหุ้มด้วยแผ่นสแตนเลสหนา รวมกันเป็นรูปโดมครึ่งวงกลม ทำหน้าที่คล้ายซี่วงล้อธรรมจักร เสาโค้งนี้ยังคงแทนความหมายของ อาณาปานุสสติ 16และ เจโตปริญญาณ 16 รองรับเจดีย์ ที่อยู่บนยอดสุดของวิหารพันปี ซึ่งถือว่าเป็นชั้น พุทธภูมิ

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 138


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:25:30 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:57 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:00:47 )

พุทธภูมิ

รายละเอียด

1. ในภูมินี้จะมีผู้มุ่งมาดปรารถนาที่จะปฏิบัติตนเพื่อโพธิ หรือความรอบรู้โดยถือว่าเป็นโพธิกิจ และพุทธกิจเพื่อชีวิตของศาสนาพุทธโดยแท้ เป็นภูมิที่มีวัฏฏะกว้างไกล รวมเอาทั้งโลกุตรภูมิ และอบายภูมิเข้าไว้ด้วยกัน

2. ภูมิที่สูงกว่าอบายภูมิ โลกียภูมิ โลกุตรภูมิ  ภูมินี้จะมีผู้มุ่งมาด-ปรารถนาที่จะปฏิบัติตนเพื่อโพธิ หรือความรอบรู้โดยถือว่าเป็นโพธิกิจ และพุทธกิจเพื่อชีวิตของศาสนาพุทธโดยแท้

3. คือภูมิของพระนิยตโพธิสัตว์ พระปัจเจกโพธิพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกสัมมาสัมพุทธ และพระอนุตรอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสูงสุด

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 120, หน้า 121, หน้า 145


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 21:22:04 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:07:45 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:00:23 )

พุทธมารดา

รายละเอียด

แม่ของพุทธะ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 368


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 21:23:11 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:09:20 )

พุทธมีความฉลาดที่ถึงนิพพานคือหมดอุปาทาน 4

รายละเอียด

ความรู้ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้แล้วมาสอนเป็นความรู้ระดับคนฉลาด ฉลาดที่เป็นคนฉลาดจริงๆ ฉลาดที่จะต้องมีความครบในความฉลาด ความฉลาดครบคืออะไร ความฉลาดครบคือ ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกายสัมผัสกระทบภายนอก มโนกับธัมมายตนะภายใน  มีใจรับรู้เป็นคู่สุดท้าย เป็นประธานอยู่ในจิต ครบอย่างนั้นจึงจะเรียกว่าความจริง นอกนั้นมันไม่ใช่ความจริง ไม่มีสัมผัสไม่มีตาหูจมูกลิ้นกาย แล้วก็มีใจร่วมด้วย สัมผัสกันจริงเกิดอาการ เกิดเป็นสังขาร เกิดเป็นเวทนาก็แล้วแต่ 

สังขารก็คือการปรุงแต่งขั้นต้น เวทนาคือการปรุงแต่งอยู่ในจิต สังขารก็มีตั้งแต่สังขารกายสังขารภายนอก ส่วนเวทนาก็เป็นภายใน ความละเอียดลออของภายนอกกับภายในที่เรียกด้วยศัพท์ว่ากาย กาย กายะ กาโย คำนี้ต้องมีทั้งภายนอก มีทั้งภายในคู่กัน แยกกันไม่ได้เหมือนกระดาษ 1 แผ่น จะฉีกไม่ให้มันเหลือ ฉีกออกจากกันหรือแยกให้มันเป็น 2 แผ่น มันบางจนฉีกไม่ได้แล้ว แยกกันไม่ได้ กายเป็นอย่างนั้น 

เหมือนถ้าเข้าใจว่า กายนี้มีแต่ข้างนอกอย่างเดียว หรือยิ่งไปเข้าใจว่ากายคือข้างใน มันก็ยิ่งแย่ใหญ่เลย คนไทยชาวพุทธก็ไม่ค่อยหลงผิดกันว่ากายคือข้างในหรอก ข้างในก็เรียกว่าจิต ข้างนอกเรียกว่ากาย แล้วก็มิจฉาทิฏฐิหลงผิดไปจนกระทั่งว่า กายนี้คือข้างนอกที่ไม่เกี่ยวกับจิตเลย ตัดขาดไปเลย นี่แหละคือมิจฉาทิฏฐิที่เป็นความเสื่อมเด็ดขาด 

ถ้าใครเข้าใจผิดตรงนี้เรียกว่า ไม่พ้นสักกายทิฏฐิ สังโยชน์ข้อที่ 1 เบื้องต้นเลย กระดุมเม็ดแรก ที่คุณจะใส่เสื้อแล้วต้องกลัดกระดุมเม็ดแรก เม็ดแรกของคุณกล้ดผิดปั๊บก็ไปเลย จะผิดไปหมด แล้วกลัดผิดไปมันไม่กลัดผิดเรื่องเดียวนะ มันเหมือนปากกรวย พอกลัดผิดตรงนี้แล้วมันเหมือนมี 2 อัน แล้วมันก็เดินทางผิด ไม่ค่อยตรง มันไม่เป็นหนึ่ง มันกลายเป็น 2 มันก็ไปเลย เป็นปากกรวยไปใหญ่เลยไป โอ้โห หาที่สุดมิได้เลย คนโง่จึงโง่หาที่สุดไม่ได้ น่ากลัวจริงๆ โง่ไม่เสร็จ ก็โง่นานโง่ติดต่อ โง่ยาวไปถึงนิรันดร โอ้โห.. น่ากลัวจริงๆ คนที่หมดโง่ในความหมายที่กำลังพูดนี้ในเรื่องของปรมัตถ์ เรื่องของจิตเจตสิกรูปนิพพาน คนหายโง่ หมดโง่แล้ว จึงจะพบนิพพาน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 12:48:09 )

พุทธมีทั้งความจริงวิญญาณและปรัชญา

รายละเอียด

คำว่าแก่นของปรัชญาไม่ได้หมายถึงความรู้โพธิ ปรัชญา philosophy เป็นความรู้มีเหตุมีผล ทีนี้ศาสนาทางเทวนิยม เขาเข้าใจว่า religion คือศาสนาจะต้องมีเรื่องวิญญาณ spirit mental ไม่ใช่แค่ปรัชญาเท่านั้น เขาก็เลยบอกว่าศาสนาพุทธมันชอบกล บางคนก็บอกว่าศาสนาพุทธเป็นปรัชญา แต่บางคนก็ว่าศาสนาพุทธไม่มีวิญญาณ ถ้ามีวิญญาณเป็นศาสนา แต่บอกว่าศาสนาพุทธไม่มีวิญญาณก็ไม่ใช่ศาสนา บอกว่ามีแค่ปรัชญา แต่ที่จริงแล้วศาสนาพุทธมีทั้งความจริงของวิญญาณและปรัชญาด้วย รู้จักวิญญาณดีมากด้วย เพราะว่าศึกษาเพราะมีสิ่งนี้จึงมีสิ่งนี้ มีเหตุจึงมีผลตามมา พิสูจน์ยืนยันทั้งรูปและนามละเอียดลึกซึ้ง แก่นของปรัชญาคือเข้าไปถึงจิต แก่นของเหตุผล เข้าถึงจิต จิตที่ชัดเจนเหตุผลแล้ว จิตก็จะรู้จักเหตุ ประเด็นหลักจุดสำคัญของเหตุที่ศาสนาพุทธศึกษาคือเหตุทำให้ทุกข์ เรียกว่าอาริยสัจะ เป็นสัจจะความจริงนี้ ประเด็นของศาสนาพุทธคือแก้เหตุที่ทำให้ทุกข์ แล้วเป็นผู้ไม่มีทั้งทุกข์และสุข สำเร็จผล เพราะรู้ดีว่าทุกข์กับสุขอันเดียวกัน ดับทุกข์ได้สุขก็หมดไปด้วย จึงเรียกปุญญปาปปริกขีโณ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ประชาธิปไตยไทย เกิดมาเพื่อให้ศึกษา วันอาทิตย์ที่ 15ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 16:47:10 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:31 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:01:29 )

พุทธมีเวทนา

รายละเอียด

พุทธมีเวทนา  คือ  เวทนามันเป็นจิตที่ฉลาดที่สามารถทำให้เกิดอุตุได้  พีชะได้  เมื่อทำให้เกิดพีชะนี้ทำให้เป็น 1  ทำให้เป็นอุตุก็ทำให้เกิด 0 ปรินิพพาน  ถ้าเป็น 1 ก็คือการพ้นทุกข์ธรรมดา  แต่ถ้าเป็น 0 นี่คือ  ปรินิพพานเป็นปริโยสาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 เดือนกันยายน 2562


เวลาบันทึก 24 ตุลาคม 2562 ( 12:34:20 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:02:03 )

พุทธรรมนูญมี จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล

รายละเอียด

ศีล พุทธรรมนูญของพระพุทธเจ้ามี จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล

จุลศีลมี 26 ข้อ มัชฌิมศีลมี 10 ข้อ มหาศีลมี 7 ข้อ รวมแล้วก็เป็น 43 ข้อ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ปัจฉิมกถาปิดงาน มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินครั้งที่ 12
ที่มาบเอื้อง จ.ชลบุรี วันที่ 18 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:38:33 )

พุทธรู้จักเทวนิยม

รายละเอียด

เทวนิยมที่ไม่ได้ใส่ใจศาสนาพุทธเลย ไม่มีทางที่จะรู้โลกุตรธรรม รู้ นึกว่าพุทธเป็นเหมือนศาสนาเขานั้นแหละ เขาก็จะเข้าใจว่าเหมือนกัน จะต้องให้ไปถึงพระเจ้า ไปอยู่กับพระเจ้า ตามที่เขาเข้าใจว่าสูงสุดคือพระเจ้า พุทธก็ต้องเหมือนกัน เป็น เจโต พาซื่อ ศรัทธาอยู่ เขาจะไม่เข้าใจเลยว่าศาสนาที่ไม่มีพระเจ้าแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะเขาเข้าใจพระเจ้าของเขาไม่ได้ พระเจ้าของเขาลึกลับ 

พระเจ้าของเขาก็คือพระศาสดา ความรู้ที่มี ความจริงที่มี เท่าที่ศาสดาของแต่ละศาสนาเขามี เช่น ศาสนาใหญ่ๆหลายๆศาสนา หรือศาสนาเล็กๆอีกก็แล้วแต่ ความรู้ของเขามันจำกัดอยู่แค่ในศาสดาแต่ละพระองค์ เพราะฉะนั้นความหมายของพระเจ้า ความรู้ความจริงนี้ก็เท่ากับที่ศาสดาแต่ละองค์มี เพราะฉะนั้นศาสดาที่เป็นเทวนิยมไม่ใช่พุทธ จึงมีเยอะแยะเลย แข่งกันเพราะต่างคนต่างนึกว่ายอด นึกว่ายอดทุกคน ไม่มีใครจะรู้เหมือนอย่างเขา แต่เขาก็ไม่รู้คนอื่นเท่าไหร่ แต่เขาว่าเขายอดเท่านั้นเอง ยิ่งพุทธเขาจะไม่รู้เลย แต่พุทธนี้จะรู้จักศาสดา รู้จักเทวนิยมที่มีเป็นระดับๆ เพราะศึกษามาเป็นขั้นๆ ตอนๆจึงหมดเทวนิยม 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 19:43:04 )

พุทธรู้ภาวะคู่ 2 กับความเป็นคู่ให้เป็น 0 ได้นิพพาน

รายละเอียด

อันมีคู่คือ “เทฺว”หรือ“ภาวะ 2” และที่สำคัญยิ่งยวดก็คือ มีทั้ง“คำเรียกขาน”และทั้ง“สภาวะแท้”ให้เปรียบเทียบ “ความแตกต่างกัน”ของทุกสรรพสิ่งตั้งแต่“0 กับ 1”ก็เป็น“ภาวะ 2”แล้ว

หรือแม้แต่“ภาวะ 2”คือ“0 กับ 0”ก็เทียบกันได้แล้วว่า เป็น“ภาวะ 2 ที่เป็น 1 เดียวกันแล้ว” (แต่ของ พระพุทธเจ้า นิพพานคือสุญญตานั้นเหมือนกันเลย 0 คือสิ้นสุดหายไปเลย)

หรือ“ภาวะ 2”คือ“0”กับ“1”ก็เทียบกันได้แล้วว่าเป็น“ภาวะ 2 ที่ไม่เป็น 1 เดียวกันแล้ว”

ไม่ว่าจะเป็น“0” หรือเป็น“1” หรือเป็น“2” หรือเป็นคู่ ความเป็น“คู่”ย่อมเปรียบเทียบกันได้ทั้งนั้น 

ยิ่งเป็น“ภาวะ 2”อันเป็น“ธาตุรู้(วิญญาณ)”กับ“สสาร” หรือ“จิต”กับ“วัตถุ”ก็ยิ่งเทียบกันได้ว่า“แตกต่างกัน”ชัดเจน

หรือ“ความมี”กับ“ความไม่มี”ย่อมแตกต่างกันแน่ (อัตถิ กับ นัตถิ หรือ โหติ กับ นโหติ)

หรือ“ความลึกลับ”กับ“ความเปิดเผยกระจ่างแจ้ง”นั้นย่อมแตกต่างกัน

“พระเจ้า”กับ“พระพุทธเจ้า”ก็แตกต่างกันที่ยืนยัน “ความจริงได้”อย่างมีนัยสำคัญ ต้องศึกษากันดีๆทีเดียว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 19:41:58 )

พุทธวิสัย

รายละเอียด

พุทธวิสัย เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าอาตมายังไม่ถึงพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นความรู้ในระดับพระพุทธเจ้าที่เป็นวิสัยที่อาตมายังไม่ล่วงรู้ได้ก็ต้องเป็นอจินไตย อาตมาไม่ต้องไปคิดให้เสียเวลา เพราะยังไม่ใช่วาระไม่ใช่ฐานะที่เราจะเข้าไปศึกษา ละลาบละล้วง อาตมาอยู่ในฐานะของผู้ที่มี ฌานวิสัย และมีฐานะที่รู้กรรมวิบากส่วนหนึ่งไม่น้อยและรู้โลกจินตา 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2563 ( 12:44:48 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:16 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:02:25 )

พุทธวิสัย หรือ อนุตตริยะ

รายละเอียด

"พุทธวิสัย"นั้นแม้แต่ "โพธิสัตว์"ระดับสูงขั้น 9 ผู้มี "ญาณ 67" อันเป็น"ญาณพระสาวก"ได้แล้ว แต่ยังไม่มี "อนุตตริยะ 6" ครบถ้วนบริบูรณ์ "ญาณ 73" ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงมีสัมบูรณ์กัน พระโพธิสัตว์ก็สามารถบำเพ็ญเพื่อบรรลุ "อนุตตริยะ 6"นี้ได้ จึงจะมีภูมิสูงสุดเป็น "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" องค์ใดองค์หนึ่งบ้าง "อนุตริยะ 6" นั้น ได้แก่

1.อินทริยปโรปริยัติญาณ (ความรู้ที่หยั่งรู้ความยิ่งและหย่อนของสัตว์ทั้งหลาย)

2.อาสยานุสยญาณ (ความรู้ที่สามารถสร้างโลกุตรธรรมให้ตกผลึกแทนกิเลสอันนอนเนื่องของสัตว์ทั้งหลาย)

3.ยมกปาฏิหิรญาณ (ความรู้ที่แสดงปาฏิหาริย์เช่นที่เขาแสดงได้ไม่ด้อยกว่าใคร)

4.มหากรุณาสมาปัตติญาณ (ความรู้ที่ทรงเข้าถึงความเป็นพระมหากรุณาอันหาที่สุดมิได้)

5.สัพพัญญุตญาณ (ความรู้บรรลุสูงสุดที่สุดในความเป็นพระพุทธเจ้า)

6.อนาวรณญาณ (ความรู้ที่หยั่งรู้ไม่มีที่สุด อันไม่มีอะไรสามารถมากั้นบังไม่ให้รู้ได้)

หนังสืออ้างอิง

รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? หน้า 199


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2562 ( 15:46:20 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:48 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:02:49 )

พุทธวิสัยตามขนาดโพธิสัตว์

รายละเอียด

พูดไปแล้วก็ถึงจุดของ ปฏิจจสมุปบาท ที่พระพุทธเจ้าบอกว่ารู้ยิ่งด้วยตนเองแล้วไม่ต้องเชื่อใครเชื่อความจริงอันนี้มันชัดเจน ที่จริงก็ต้องเชื่อพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้าค้นพบก่อน แต่ตอนนี้พระพุทธเจ้าก็พระพุทธเจ้าเถอะ ตรงกันก็ไม่มีปัญหาเลยมันตรงกัน มันไม่ต้องเชื่อใครอีกแล้วมันจบในตัวของมันเอง แล้วท่านก็ตรัสต่อมาอีก อธิบายความไปถึง อาตมาก็มีพุทธวิสัยตามขนาดโพธิสัตว์ อจินไตยมี 4 

  1. พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย 

  2. ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน  

  3. วิบากแห่งกรรม 

  4. ความคิดเรื่องโลก (จักรวาล เอกภพ) (พตปฎ. เล่ม 21  ข้อ 77)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 21  ข้อ 77


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 11:12:12 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:05:54 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:03:31 )

พุทธศาสตร์

รายละเอียด

ศาสตร์ของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 203


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 21:24:06 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:09:58 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:03:55 )

พุทธศาสตร์เท่านั้นที่แยกเวทนา 108 ได้

รายละเอียด

ในความรู้สัตว์ทั้งหลายแหล่ในโลกมีแต่ความรู้ของพุทธศาสตร์เท่านั้นที่แยกเวทนา 108 ได้ แล้วรู้อย่างมีสภาวะจริงด้วย

กายิกกับเจตสิก แยกเวทนา 3 เป็น สุขทุกข์ไม่สุขไม่ทุกข์ แยกเวทนา 5 มีดีกรีของมันมีนอกมีใน กับอุเบกขา

แยกเวทนา 6 เกิดจากตาหูจมูกลิ้นกายใจ สัมผัสแล้วเกิด 6 สภาวะนี้ แล้วก็มาจัดการกับสภาวะ 6 นี่แหละ มันเกิดความสุขความทุกข์ความไม่สุขไม่ทุกข์ก็ได้ รวมเป็น 18 อย่าง

อย่างความเฉยๆที่เป็นเคหสิตะ มันไม่ใช่ความเฉยอย่างมีปัญญาที่เป็นเนกขัมมสิตเวทนา ก็ทั้งสองอย่างเป็นอุเบกขาเหมือนกัน แต่ก็ต้องต่างกัน ต้องอ่านสภาวะทั้งสองอย่างนี้ออกจึงเป็นผู้รู้จักเทวะ  มีอุเบกขาเป็นเนกขัมมะ หากเป็นเคหสิตะไม่จบ ต้องทำเนกขัมมะ ให้เป็น 1 ถึงที่สุดเป็น 0 ได้ ทำอันนี้แหละให้เที่ยงยืนยาวตลอดกาลนานโดยการทำซ้ำทำให้สูญทำให้จบ ให้มันเที่ยงแท้ถาวรเป็นเองเป็นอัตโนมัติ ทุกปัจจุบันที่มันเกิดแล้ว สั่งสมเป็นอดีตเป็นสิ่งที่ตกผลึกเป็นความแข็งแรงตั้งมั่น อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา มากระทบอีกเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่ตกต่ำไม่มีการถดถอยมีแต่การเจริญยิ่งขึ้นไปตลอดกาล เพราะรู้ความรอบความครบความถ้วน นี่คือสัจจะของพระพุทธเจ้าที่พูดจากสภาวะที่ตัวเองมี ตัวเองเป็นจริง ไม่ได้พูดตามตำราอย่างเดียว แต่อ้างอิงถึงสภาวะจริงของตนด้วย

คนตีแตกเทวะไม่ได้ จึงเป็นเทวนิยมในโลกก็จะมีอยู่ 2 ค่ายในโลกนี้คือเทวนิยมกับอเทวนิยม แม้แต่ชาวพุทธทุกวันนี้ไม่รู้จักเทวก็จมอยู่กับเทวนั่นแหละ แต่เรารู้จักว่า เทวะมี 2 สามารถที่จะอยู่กับเทวคือธรรมะ 2  สามารถมี วัสสวัตตี มีอำนาจ ยังจิตให้อยู่ในอำนาจได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน ธรรมะ 2 ให้เป็น 0 ได้ต้องยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:22:33 )

พุทธศาสนา

รายละเอียด

คัมภีรา (ลึกซึ้ง)

ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก)

ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก)

สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) .

ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น)

อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้)

นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน)

ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)  

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 9  ข้อ 34


เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 15:31:43 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:37 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:04:26 )

พุทธศาสนา

รายละเอียด

พุทธเป็น "อเทวนิยม" (Atheism) ไม่ใช่ "เทวนิยม" (Theism)

พุทธเป็นศาสนาพันธ์ุใหม่ (Alien species) คือ พันธ์ุ "อเทวนิยม"

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 7- 8


เวลาบันทึก 01 พฤศจิกายน 2562 ( 12:09:45 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:41:57 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:29:41 )

พุทธศาสนามี 2 ชนิดใหญ่ๆ

รายละเอียด

ทุกวันนี้พุทธศาสนามี 2 ชนิดใหญ่ๆ ชนิดหนึ่งก็อย่างที่ส่วนใหญ่เขายึดถือกันแน่นเลย อาตมาก็เชื่อว่าเขาจะยึดถือกันจนตายไปข้างหนึ่ง ตายแล้วชาติหน้าเขาจะยึดถือต่ออีก อย่างที่อาตมาเอามาประกาศเอามาอธิบายสาธยายแล้วยืนยันว่าอันนี้เป็นของพระพุทธเจ้า เขาก็ยืนยันว่าของเขาเป็นของพระพุทธเจ้า อาตมาก็ยืนยัน มันก็เลยเป็น 2 อย่าง ก็เลยเป็นพระพุทธเจ้าคนละองค์ 

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช เศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 09:53:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:36:28 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:28:22 )

พุทธศาสนามีขั้นตอน มีลำดับ ลาดลุ่มลึก ไม่โกรกชัน นี่ก็เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์!

รายละเอียด

ซึ่งของพุทธศาสนานั้นมัน“มีที่สุดแห่งที่สุด”เด็ดขาด บริบูรณ์สัมบูรณ์ถ้วนสิ้นทั้งมรรค-ทั้งผล มี“การศึกษาไปตามลำดับ กระทำไปตามลำดับ ปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่บรรลุอรหัตตผลโดยตรง เสมือนมหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึกลงไปโดยลำดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว”  ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “มีความเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่โขลกเขลก ลาด ลุ่ม เสมือนมหาสมุทร” และน่าอัศจรรย์ในประเด็นอื่นๆอีก 8 ข้อ ปานนั้นเลย(พระไตรปิฎก เล่ม 23 ข้อ 109 “ปหาราทสูตร”) เช่น ลำดับแห่งทฤษฎี“การปฏิบัติ”ที่เรียกว่า “ดับสิ้นกิเลสอาสวะด้วยการละลดตาม“สังโยชน์ 10”(พตปฎ. เล่ม 11 ข้อ 284-285) หรือแม้แต่“ดับสิ้นกิเลสอนุสัย”ด้วยการละลดตาม“อนุสัย 7”(พตปฎ. เล่ม 23 ข้อ 12)  2 ชนิดนี้ก็เป็นเรื่องที่ละเอียดน่าอัศจรรย์สูงสุดจริงๆ และเรื่องของ“อาสวะ”กับ“อนุสัย”นี้ ความเป็น“อาสวะ”เป็นกิเลสขั้นหยาบกว่าความเป็น“อนุสัย”ก็จะต้องศึกษากันอย่าง“อจินไตยกันทีเดียว ไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วย“ตรรกะ”เด็ดขาดการเรียนรู้“สังโยชน์ 10”นั้นจึงเป็นขั้นหยาบกว่า“อนุสัย 7”    

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 422-423 ข้อที่ 574


เวลาบันทึก 05 มิถุนายน 2565 ( 13:39:50 )

พุทธศาสนามีเศรษฐกิจมีเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งยอด

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่มีเศรษฐกิจมีเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งยอด แต่มันประหลาดที่ยืนอยู่บนฐานของความจน ยืนอยู่บนความไม่สะสมไม่กอบโกย ต้องมั่นใจในสมรรถนะความรู้ความสามารถของเรากับความขยัน นี่เป็นทรัพย์แท้ของแต่ละคน ก็คือความรู้คือความสามารถทางสมอง ทางนามธรรม ทางปัญญา ส่วนความสามารถก็คือลงมือทำ ทั้งการพูดด้วยในความสามารถ เรียกว่า กายวิญญัติกับวจีวิญญัติ ส่วนมโนหรือการปรุงแต่งในจิตเป็นประธาน ถ้าหากมีสัมมาทิฏฐิ เป็นความถูกต้อง มันเป็นความมีทางที่ดีงามแล้ว มันก็พาพวกเราไปเป็นคนจนที่มีสัมประสิทธิ์ เป็นความจนของอาริยบุคคล จนแบบโลกุตระ ตอนนี้พวกเราก็เป็นพวกที่มีแก่นชีพ มีชาติเชื้อ แก่นชีพเป็น static เจโต ส่วนชาติเชื้อเป็น Dynamic ปัญญา เป็นคู่ nucleus ที่ทำงานโดยมีเราเป็นประธานของพลังงานบวกลบคู่นี้ แล้วเราก็จัดการเป็นพระเจ้าบงการ สร้างสรรค์ เป็นพระเจ้าที่จะทำงาน dispensation ไป ปรุงมาทำงานเผื่อแผ่แจกจ่ายไป อย่างละเอียดเนียน เพราะว่ามันซึมซับอยู่ตลอดเวลา มันไหลออกไปตลอดเวลา พวกเราไม่ขี้เหนียว ไม่หวงแหน เป็นแต่เพียงดูว่าเราไม่ขาดแคลนนะ เราไม่ scacity นะ เรายังมีอยู่นะพอใช้อยู่นะ ไม่ run shot ไม่สะดุดไม่เป็นหนี้ อย่างราบรื่น เรียบร้อยพอเป็นไปอยู่ ซึ่งมันพิสูจน์ พวกเราขาดแคลนก็บอกกันไม่ต้องถึงกับเรี่ยไรไปถึงข้างนอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน เพิ่มสัมประสิทธิ์เพื่อสะพัดสู่ผู้ขาดแคลน


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:43:35 )

พุทธศาสนาสรรเสริญคำตำหนิ

รายละเอียด

คำที่ว่า พุทธศาสนาสรรเสริญคำตำหนิ ท่านเพาะพุทธก็ชอบ เป็นประเด็นที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างหนักเลย คำสรรเสริญไม่เคยทำให้ใครเจริญ มีแต่จะหลงตัว คำตำหนิ มีค่าที่สุดในชีวิต ด้วยความเป็นมนุษย์ ถ้าใครรู้จักคุณค่าของการตำหนิแล้ว พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้มากหลายพระสูตร แม้แต่ที่บอกว่าเราจะตำหนิเธอแล้วตำหนิเธออีกเหมือนช่างปั้นหม้อ ที่จะนวดดินที่ยังเปียกๆอยู่ยังไม่หยุดหย่อน ซึ่งเป็นสุดยอดในเรื่องคำตำหนิ เพราะฉะนั้นอาตมาจึง ที่จริงจะว่าไปแล้วอาตมาก็เหมือนคนไม่รู้ตัว แต่ทำตรงตามสัจธรรม 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 10:55:54 )

พุทธศาสนาหรือเทวนิยมต้องรู้สภาวะสองตลอดเวลา

รายละเอียด

สำหรับอเทวนิยม หรือพระพุทธเจ้าเรียนรู้ทั้ง 2 อย่าง เพราะมันต้องรู้ทั้งสองอย่าง เพราะว่าพุทธศาสนาหรือว่าอเทวนิยมต้องเรียนรู้เทวะ เทวะคือสอง ต้องรู้สองครบตลอดเวลา ไม่ใช่รู้เดี่ยว

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 22 เมษายน 2563 ( 14:25:54 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:06:14 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:26:05 )

พุทธศาสนาเกื้อกูลต่อการปกครองสังคมไทยอย่างไร

รายละเอียด

ขอพูดสั้นๆ อาตมาเป็นนักปกครองบริหาร ตั้งแต่เกิดมาทำงานศาสนาอาตมาไม่มีตัวตน บริหารให้มนุษย์ชาติเจริญขึ้น จะ 50 ปีแล้วได้ผล แต่ก็ยากมาก อาตมาใช้ทฤษฎีของพระพุทธเจ้ามาใช้ทั้งนั้นแหละ แล้วของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร ของพระพุทธเจ้าที่อาตมาเอามาใช้เหมือนกับของในหลวงที่ท่านทำ อาตมาทั้งพาทำและอธิบาย ในหลวงท่านทำแล้วอธิบายคนเข้าใจไม่ได้มาก คนเลยทำตามไม่ค่อยได้แต่อาตมาอธิบายได้คนทำตามได้ แต่อาตมาไม่มีบารมีเท่าในหลวง ในหลวงพูดนิดหน่อยคนก็ทำตาม อาตมาพูดเป็นล้านครั้งคนถึงจะค่อยทำตามบ้าง อาตมาต้องพิสูจน์ตนเองจนคนเชื่อถือๆๆ จึงต้องพยายามอายุยืนยาวให้มากหน่อย คุณจะได้ Appreciate กับอาตมาบ้างในอนาคต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 21:24:29 )

พุทธศาสนาแม้จะมีหลายนิกายก็ไม่เกิดสงคราม

รายละเอียด

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่ทำให้เกิดสงคราม แม้จะมีหลายนิกายก็ไม่เคยมีตีรันฟันแทงกัน เป็นเรื่องแก่งแย่งกันขัดแย้งร้ายแรงกัน ขั้นทำลายกันจริงๆ เหมือนอย่างกับศาสนาอื่น พุทธไม่มีเรื่องนี้เพราะมีนัยอะไรหลายอย่างไม่เหมือน พูดไปแล้วดูเหมือนจะยกตัวอย่างตนไปข่มศาสนาอื่น

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:58:58 )

พุทธศาสนาในยุคนี้ไม่มีสัมมาทิฏฐิที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้สำเร็จ

รายละเอียด

ขอยืนยันว่า ตำราเรียนหรือทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ของเมืองนอกที่ร่ำเรียนมา จนจบด็อกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์ จากยุโรป ตะวันตก อเมริกา อินเดียจีน ตะวันออกกลาง ฯลฯ หรือแม้จะเป็นประเทศที่มีพุทธศาสนาก็ตาม ในยุคนี้ไม่มี“สัมมาทิฏฐิ”ที่จะ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”ได้สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”ของปัญหาเศรษฐิกิจได้ดอก

มีอยู่แท้ก็ที่ในเมืองไทยและเป็นพุทธอันมี“โลกุตรธรรม”ด้วยนะ! 

ไม่ใช่พุทธที่ยังมิจฉาทิฏฐิอยู่ โดยเฉพาะที่แน่ๆก็เชิญพิสูจน์กันได้ใน“ชาวอโศก”  

มาเจาะลึกวินิจฉัยกันให้ละเอียดๆดูทีรึ? ว่า อะไร? ตรงไหน? ที่มันหลงกำหนดหมายผิดเพี้ยนกันอยู่ มันไม่สำเร็จเสร็จจบอย่างไร?  

จะได้รู้จักรู้แจ้งรู้จริงรู้จบใน“ความถูกต้องถ่องแท้ของความหลงผิดนั้น”กันเสียที 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:34:28 )

พุทธศาสนาในยุคพ.ศ. 2,500 เป็นอย่างไร

รายละเอียด

ทว่าก็มีบางช่วง“โลกุตรธรรม”ขาดหายไปจาก“ศาสนา พุทธ”ในบางยุคกัปป์  และที่สุดก็ถึงขั้นโลกในกาละนั้นไม่มี “โลกุตรธรรม”เลย มีแต่ชื่อศาสนาว่า “พุทธ” โลกยุคนี้ก็คือ ยุค“พุทธันดร”นั่นเอง  

“พุทธศาสนา”จึงไม่ใช่ศาสนาที่มีประจำโลก

แม้แต่ในวงการ“พุทธศาสนา”เองแท้ๆ ก็ยังมีบางกาละ บางยุคที่ชาวพุทธเสื่อมหนักมี“โลกุตรธรรม”ไม่ได้ เช่น ในยุค พ.ศ. 2,500 นี่เอง ไม่มี“โลกุตรธรรม”ในชาวพุทธ ชาวพุทธเองแท้ๆในโลกช่วงนี้ไม่มี“โลกุตรธรรม”กันอยู่ในช่วงหนึ่ง

อาตมาเกิดมาในยุคพ.ศ. 2,500 นี้ จึงต้องนำ“โลกุตรธรรม”ฟื้นคืนกลับขึ้นมาให้แก่ชาวพุทธ ตามสัจจะที่ต้องเป็นไป ขออภัยที่พูดความจริงซื่อๆ ตรงๆ เหมือนอวดตัวอวดตน แต่แท้จริงในจิตใจของอาตมาไม่มี“สาเถยฺยจิต”เลยจริงๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตำนานพญานาค ตอนที่ 2 

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2565 ( 21:07:40 )

พุทธศาสนาในเมืองไทยยัง อุจเฉทิฏฐิ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในพวกเรานี้เข้าใจโพธิสัตว์แล้วก็บำเพ็ญโพธิสัตว์กันไป จนกระทั่งเป็นอรหันต์ เป็นอรหันต์ก็เป็นอรหันต์ คนที่ยังรู้สึกอยู่ว่าไปได้หรืออยากจะเจริญไปอีก คุณก็ไม่ต้องตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณก็ตายแล้วคุณก็กลับมาเกิดอีก เพราะฉะนั้นในความเสื่อมของประเทศไทยที่ไม่รู้จักอรหันต์ ไม่รู้จักโพธิสัตว์ เข้าใจเป็นอุจเฉทิฏฐิว่า ใครเป็นอรหันต์แล้วตายลงนี้จะต้องสูญหมด เป็นอุจเฉทิฏฐิอย่างนั้นในประเทศไทยเข้าใจอย่างนั้น ซึ่งมันผิดมันเป็นอุจเฉทิฏฐิ อรหันต์แล้วตายแล้วไม่เป็นปริโยสาน ไปแล้วไม่แยกเป็นดินน้ำไฟลม ตายแล้วยังกลับมาอีกเป็นโพธิสัตวภูมิต่อไปอีกได้ เขาก็ไม่เข้าใจเป็นอุจเฉทิฏฐิอย่างนั้น มันก็เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างหนึ่งในชาวไทย พุทธศาสนาในเมืองไทย 

มิจฉาทิฏฐิ อย่าว่าแต่อรหันต์ตายแล้วไม่เกิดเลย เขาพูดถึงว่าผู้ที่บรรลุอาริยธรรม ผู้ที่บรรลุธรรม บอกตัวเองว่าเป็นพระอาริยะไม่ได้ ถึงขั้นบอกว่าถ้าตัวเองบอกว่าเป็นอาริยะ ผู้นั้นไม่ใช่อาริยะ อย่างนั้นคือบัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่เคยบัญญัติเอาไว้ คนนี้ที่พูดไว้เป็นนักปราชญ์ที่นับถือในประเทศไทยด้วยซ้ำ ยืนยันอย่างนี้เป็นต้น มันก็น่าสงสาร สงสารพุทธศาสนิกชนชาวไทย อาตมาก็เลยทำด้วยความสงสารตลอดเวลา ยิ่งท่านผู้ที่ผิดนี้ยิ่งเห็นใจ แล้วก็ไม่รู้จะช่วยท่านได้อย่างไร เพราะว่าฉันเองหยิ่งผยองว่าท่านเองเป็นผู้รู้กว่าอาตมา อาตมาเป็นผู้ไม่รู้ ท่านก็ไม่จำเป็นจะต้องรับฟังอาตมา เพราะว่าท่านถือว่าท่านรู้ อาตมาไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #25 พ่อครูคือธัมมิกราษฎร์ ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม  วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2566 ( 19:21:08 )

พุทธศาสนาไม่ทิ้งการเมือง

รายละเอียด

ทางการบริหารของรัฐบาลเขาก็มีหน้าที่ก็ทำกันไป อาตมาก็มีหน้าที่ของอาตมา อาตมาก็ต้องทำด้วยธรรมะ ธรรมะอาตมาก็เสริมหนุนที่อาตมาเห็นด้วย ตามสิทธิและตามความจริงใจ วันนี้มันจะดีอาตมาก็ไม่ไปรบราฆ่าฟันกับใครหรอก ก็เป็นหน่วยให้คะแนนส่วนหนึ่งที่อาตมาจะต้องร่วมอยู่ด้วยในสังคมประเทศ  ใครจะบอกว่ามายุ่งอะไรกับการเมือง อาตมาก็คิดว่าถ้าเราหลับไม่รู้คู้ไม่เห็น ก็ไม่ใช่ศาสนา ศาสนาพุทธนั้นมีตัวเราและสังคม มนุษย์ชาติต่างๆ ที่เราจะช่วยได้ตามที่เรามีสิทธิ์มีส่วนหรือมีเสียงที่จะร่วมออกเสียงไปด้วยเราก็ทำ เขาก็มีกฎเกณฑ์ของสังคมนี่แหละ เสียงของเรานี่ เข้าสภาไม่ได้ เราก็ออกเสียงข้างนอกนั่นแหละ ในสภามีอิทธิพลตรงนั้นไม่กี่ร้อยคน แต่จริงๆแล้วคนในประเทศมีตั้ง 70 ล้าน ก็ค่อยๆว่ากันไป อาตมาว่า มันไม่เลวร้ายอะไรเกินไปหรอก สมมติว่ารัฐบาลจะแพ้ มันก็จะดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญของกฎหมายเขามีบทบัญญัติไว้แล้วก็ทำไปตามนั้นมันก็จะได้ใครมาอีก ก็ทำกันไปอีกถ้าเป็นคนใหม่ก็ให้เขาแสดงฝีมือบ้างสิแต่ถ้าไม่ได้คนใหม่มันจะกลับมาเป็นคนเก่าอีก อันนี้จะถือว่าเป็นการชนะที่ชัดเจนมันยังยืนยันเป็นน้ำหนักที่สูง ทักษิณทำมาแล้ว ใช้ตัวแทนที่ออกฤทธิ์อำนาจจนกระทั่งมี 1 2 3 4 คน ทุกวันนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าทักษิณจะไม่มีส่วนร่วม มันยังลึกลับ ทักษิณไม่ได้มีทักษิณคนเดียวนะยังมีอดีตภรรยายังมีลูกอะไรต่ออะไรอีกอยู่ในประเทศไทย แม้แต่มีน้องสาวยิ่งลักษณ์และคนอื่นอีก เป็นพลังงานที่ร่วมกันทั้งนั้นเลยบางทีก็แสดงตัวออกมาทั้งๆที่ไม่อยากให้รู้หรอกว่าตัวเองเป็นอย่างนี้ แสดงออกมาก็รู้ว่ามันไม่ควร เพราะตัวเองไม่มีสิทธิ์มีเสียงแสดงแล้วไม่มารับโทษติดคุก ต่างมีโทษจะต้องติดคุกแต่ก็ไม่มาติดคุก ว่าไปตามกฎระเบียบกฎเกณฑ์ของโลกเราก็มีปัญญาตามรู้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:10:07 )

พุทธศาสนิกชนต้องมีทศพิธราชธรรม

รายละเอียด

หลักทศพิธราชธรรมใหญ่พวกนี้ ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าแผ่นดินเท่านั้นต้องมี ทุกคนที่เป็นพุทธศาสนิกชนต้องมี ทาน ศีล ใช่ไหม ปริจาคะ หมายความว่า สละของทั้งเล็กทั้งใหญ่ที่เป็นประโยชน์ คือมันเป็นการทานเป็นการเสียสละที่ใหญ่ที่กว้างขึ้น รอบ ปริจาคะนี้รอบ อย่างนี้เป็นต้น 

พิธะ แปลว่า ต่างๆ หลากหลาย วาไรตี้ ต้องมี 10 ข้อนี้เป็นหลักสำคัญ เป็นคุณธรรมที่แท้จริง หลักปฏิบัติอยู่ในทศพิธมีทั้งนั้น จะบอกว่า ราชธรรม ซึ่ง ราษฎรธรรมะก็มี คนที่มีคุณธรรมทางธรรม สรุปเป็นโลกุตรธรรม โลกุตรธรรมคืออะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 19:08:16 )

พุทธสามารถแยกธาตุ 2 ได้เมื่อปรินิพพาน

รายละเอียด

หากคุณดับอัตตาดับโลกสำเร็จ เป็นอรหันต์แล้วยังมีอัตตาอาศัย อยู่เหนือ อัตตา

เป็นเทวธัมมา ที่จะใช้งานเท่านั้นเอง เป็นรูปนามเราอยู่เหนือ ทำอะไรเราไม่ได้แล้วพุทธสามารถแยกธาตุ 2 นี้ได้เมื่อจะตายเป็นปรินิพพาน เหมือนพระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพรหมชาลสูตร ข้อสุดท้ายว่า คนทั้งหลายจะเห็นตถาคตมีกาย ก็ต่อเมื่อชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย จากชาตินี้ตายไปแล้วตถาคตจะไม่มีอะไรเหลืออีก ให้ใครเห็นอีก เหมือนพวงมะม่วงที่ตัดจากต้นขั้วหล่นลงสู่พื้นแตกกระจาย ต่อไม่ติดอีก เหมือน H2O ธาตุน้ำก็สลายเป็นไฮโดรเจนออกซิเจนแล้ว ไม่เหลือน้ำเหลืออัตตาอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ

วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:38:39 )

พุทธสายปัญญาแท้

รายละเอียด

เรื่องบอกว่าที่วัดทั้งหลายเคร่งครัดดี เขาไม่ทำอาหารเย็นเลี้ยง แต่ของเราเป็นบวร มีวัดด้วย มีบ้านมีโรงเรียน อยู่กันอย่างที่คุณเข้าใจยาก เขาปฏิบัติแบบตัดแบ่งส่วน ชาวศรัทธาต้องแบ่งส่วน เป็นขาดๆๆ มันจะเชื่อมโยงกันยากสำหรับสายศรัทธา ถ้าสายศรัทธามาทำอย่างสายปัญญาเละเทะหมดเลยเป็นขี้แพะท้องเสียเลย ก็ทำอย่างนั้นก็ดีแล้วเขาต้องเป็นสัดเป็นส่วน จะมาทำอย่างพุทธที่เป็นสายปัญญาแท้ๆ เดียรถีย์เป็นสายศรัทธาโดยตรง ศรัทธาจึงหนักไปทางเดียรถีย์เยอะ ซึ่งมันยากจะเข้าใจ ให้ฟังดีๆ สัทธาจริตพุทธิจริต วิตักจริต หรือแม้แต่แยกแยะให้ฟังเป็นบุคคล 7 ศึกษาให้ดีๆ แล้วจะเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 07:31:58 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:38:53 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:21:54 )

พุทธสาระ

รายละเอียด

เนื้อแท้ของพุทธ

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 385


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 21:25:22 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:10:55 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:19:55 )

พุทธสาวก

รายละเอียด

คือ ผู้ได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า คำสอนคำอธิบายพระธรรมอะไรก็แล้วแต่ของแต่ละศาสนาก็แล้วแต่ ก็เป็นสาวกของศาสนานั้นเมื่อผู้ที่ฟังธรรมคนเดียวเกิดขึ้นก็ยังไม่ใช่สงฆ์ เหมือนอย่างที่อาตมาบอกว่าวันอาสาฬหบูชายังไม่ใช่วันพระสงฆ์เพราะเกิดภิกษุรูปเดียว ที่จริงก็เกิดต่อไปเป็นลำดับแต่ว่ามันเกิดเป็นคนแรกแสดงความเป็นภิกษุสาวกรูปแรกของพระพุทธเจ้า ส่วนมาฆบูชานั้นเป็นการแสดงความเป็นสงฆ์ มีพระสาวกที่เป็นพระอรหันต์สำเร็จพระอรหันต์อย่างน้อยมารวมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตั้ง 1250 องค์ ท่านก็เอาจำนวนนั้นเป็นหลักเท่านั้นเองที่จริงก็น่าจะมากกว่า 1250 วันอาสาฬหบูชา ก็คงจะเป็นวันพระธรรม ส่วนวันมาฆบูชาน่าจะเป็นวันพระสงฆ์ มาสู่คำว่าภิกษุ ที่เป็นภาษากลางๆศาสนาอื่นเขาก็ใช้ ก็คือผู้มาบวชมาปฏิบัติเอาตัวตนเอาตัวเองมาประพฤติปฏิบัติเป็นฤาษีเป็นภิกษุเป็นนักปฏิบัติธรรมเป็นนักพรตนักบวชอะไรก็แล้วแต่ ใช่ทั้งนั้น เป็นผู้แสวงหาสู่ความเป็นผู้ที่สูงที่สุดของความเป็นมนุษย์ ของศาสนาพุทธก็คือนิพพาน นั่นคือภิกษุ ทีนี้ภิกษุ นี่ จะเกี่ยวกับการเมืองไหม การเมืองคืองานของประชาชน ก็ต้องเกี่ยวอย่างยิ่ง แล้วฐานะของตัวเราเหมาะสมหรือไม่ ถ้าเหมาะสมก็ไปทำงานนั้นได้ อาตมาว่าอาตมาไปทำงานกับการเมือง ไม่ได้ทำเสียหาย ทำได้ดี จนกระทั่งเอาความรู้ความสามารถเอาทุกอย่างไปใช้ไปทำในงานการเมืองนั้น งานอะไร งานรัฐประหารรัฐบาล อาตมารู้อยู่ว่า อาตมาพาไปทำงานปหานรัฐบาล เลยหรือว่าให้ประชาชนไปประหารรัฐบาลไม่ใช่ให้ทหารกองทัพที่เอามีดเอาปืนเอาลูกระเบิด ขู่ แล้วก็ประหารรัฐบาลรัฐบาลก็กลัวอำนาจลูกระเบิด หรืออำนาจของทหาร ที่ควบคุมอาวุธ รัฐบาลนั้นก็ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือไม่เป็นทหารก็ตามประชาชนก็ตามใช้ลูกระเบิดใช้อำนาจอาวุธยุทธภัณฑ์ใช้อำนาจไปปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลนั้น ก็คือ รัฐประหาร หรือปฏิวัติที่โลกเขาทำกันมาโดยใช้อำนาจอาวุธยุทธภัณฑ์ศาสตราไปทำการประหาร หรือปฏิวัติสำเร็จ แต่นี่ไม่ใช่ ไม่ได้ใช้อาวุธอำนาจบาตรใหญ่ แต่ใช้ความจริงกับความสงบไม่รุนแรง ซึ่งเป็นประสิทธิภาพของฤทธิ์ของความจริงที่ถูกต้องยืนยันว่าคุณผิดๆๆๆๆ คุณไม่เหมาะสมที่จะบริหารรัฐบาลคุณผิดยืนยันจนเขาจำนน แล้วก็ไม่ได้ใช้ความรุนแรงไปถึงขั้นทำร้ายทำลายรุนแรงอะไรเลย จนถึงขั้นใช้อาวุธก็ไม่ให้ใช้ ใช้แต่ความรุนแรงอย่างมากก็ มุขสตี ปากหอก ใช้ภาษาใช้คำพูด อาจจะเสียดแทง ใช้มือตบ จนกระทั่งพวกที่ตรงกันข้ามสู้ไม่ได้ก็ทำตีนตบมาสู้ มันหมดทางสู้ก็เอาตีนตบมาสู้ สรุปแล้วคนเจริญถึงเป็นเช่นนี้ได้ถ้าประชาชนคนไทยไม่เจริญไม่รู้ร่วมกันอย่างเป็นพลังร่วมของประชาชนร่วมกันหมดแสดงอำนาจ ที่ไม่ใช่อำนาจบาตรใหญ่แต่เป็นอำนาจคุณธรรมอำนาจความเป็นจริง อำนาจความเป็นฤทธิแรงของความสามัคคีความเป็นหนึ่งเดียว ที่แสดงความเป็นประชาธิปไตย แกไม่มีสิทธิ์ให้แกออกไปก็สำเร็จ แต่พวกที่เขาถูกปฏิวัติออกไปเขายังไม่รู้หรอก เขายังรู้สึกว่าเขาไม่ใช่ถูกปฏิวัติเขายังจะชนะอยู่ ประชาชนยังเอาเขาอยู่เขายังโง่อยู่ไม่เสร็จ เขาก็นึกว่าเขายังไม่ได้แพ้ เขาก็ไปโทษว่ามีพลเอกทหารไทยมาใช้อำนาจอาวุธใช้อำนาจกองทัพมาปฏิวัติยึดอำนาจซึ่งมันยังไม่สะเด็ดน้ำ การเมืองประชาธิปไตยอันสวยงาม แม้ยังไม่สวยงามสดไม่สะเด็ดน้ำ ซึ่งจริงๆแล้วก็พูดไม่รู้กี่ทีว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ไปใช้อำนาจปืนอำนาจมืดอะไร ตอนนั้นก็ดูเหมือนไม่ได้พกอาวุธอะไรเลย บอกว่าขอยึดอำนาจมันก็ทำได้อย่างสบายไม่ต้องใช้อาวุธใช้ความรุนแรงอะไรเลย ที่พูดนี้ไม่ได้รับรองตัวเองว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถจริงๆอะไร ไม่ใช่หรอกแต่มันเป็นเหตุปัจจัยที่จะต้องเป็นเช่นนั้น สิ่งนี้จะต้องเกิดต้องเป็นเช่นนี้มันเลี้ยงไม่ได้หรอก อาตมาเกิดมาปางนี้ชาตินี้ต้องมีอะไรอย่างนี้มีเรื่องราวอะไรประกอบอย่างนี้ พร้อมกับที่อาตมามีกรรมใหม่ กรรมเก่าด้วย และกรรมใหม่ที่อาตมาในฐานะพระโพธิสัตว์จะต้องปฏิบัติกรรมใหม่นี้ไปประกอบด้วย วิบากของอาตมาก็จะมีบ้างถูกเขาชังถูกเขาเล่นงาน เถรสมาคมเล่นงาน ถูกปาแก๊สน้ำตาใส่ แม้ที่สุด ที่อาตมาว่าหนักมากก็คือ เขาขว้างลูกระเบิดเข้ามาแต่ระเบิดกลับไปโดนเสาเต็นท์กระดอนกลับไประเบิดใส่เขาอีกที ซึ่งอาตมาก็อยู่บนเวทีนั่นแหละ ในขณะนั้น ถือไมโครโฟน.. พอระเบิดแล้วมีคนดึงให้อาตมาลงจากเวทีอาตมาก็บอกว่าไม่ลงจะไปไหนก็ต้องอยู่ช่วยกัน อาตมาก็บอกว่าตำรวจบาดเจ็บ ให้เอาเตียงไปรับไปช่วยตำรวจที่บาดเจ็บไป เหตุการณ์พวกนี้ค่อยๆศึกษาค่อยๆเรียงจะได้รู้ว่าอาตมาไม่ได้ทำครั้งเดียวเพื่อเป็นการยืนยันย้ำยืนยัน ขนาดว่าย้ำยืนยันเขายังไม่เชื่อ ย้ำยืนยันอะไรเนื่องรัฐบาลทักษิณตั้งแต่วันที่ 1 ก็ตาม ดูเหมือนเราไม่ได้มีอะไรเลยนะ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ทำทีเป็นทำปฏิวัติและประชาชน เห็นดีเห็นด้วย ก็เอาดอกไม้ไปเสียบปลายกระบอกปืน เขาเอารถถังออกมาเหมือนกันนะ ก็แสดงพลังทหาร อาวุธยุทธภัณฑ์ ประชาชนก็เอาดอกไม้ไปต้อนรับ พอรัฐบาลสมัคร เราก็ปฏิวัติ แต่มีเหตุปัจจัยแค่ไปทำกับข้าวและไปรับเงิน ก็ถูกตัดสินให้ออก พอถึงรัฐบาลสมชาย ยิ่งไม่ได้เข้าทำเนียบเลยพวกเรายึดทำเนียบ จนสุดท้ายสมชายก็ต้องหลุดไป รัฐบาลอภิสิทธิ์เข้ามาอีก เราก็ไปทำจนต้องหลุดออกไปรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่มีความผิดอะไร เป็นแต่เพียงว่าสู้อำนาจของความจริงของสัจธรรมไม่ได้ ก็ประกาศยุบสภา จนกระทั่งอำนาจ บาตรใหญ่ ของทักษิณก็มาเอาน้องสาวกลับมาอีก เอาเสาไฟฟ้ามาลงสมัครลองเลือกตั้งก็ได้ 49 วันก็เนรมิตให้น้องสาวเป็นนายกได้ จนกระทั่งเราไปประท้วงอีกเราไปประท้วงตั้งแต่พ.ศ 2549 จนถึงพ.ศ 2557 ก็มีเว้นวรรคบ้าง แต่ละรัฐบาล จนกระทั่งสุดท้ายก็มาถึงพลเอกประยุทธ์รับหน้าที่ไป ซึ่งตรงนี้ก็ยังไม่ยอมรู้กันทั่วโลกแม้แต่ คนไทยแม้แต่ นักรัฐศาสตร์ปริญญาเอกไม่รู้กี่ใบก็ยังไม่เข้าใจว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ใช่นักเผด็จการ แต่ว่าเพียงแต่รับไม้ผลัดจากประชาชนที่ประชาชนปฏิวัติเรียบร้อยสำเร็จแล้วนี่คือความจริง แต่เขาติดกันที่ว่า พลเอก ประยุทธ์เป็นทหารเท่านั้นแหละ แต่สาระเนื้อแท้จริงๆใครเป็นผู้ ปฏิวัติ รัฐบาล ประชาชนเป็นคนไปปฏิบัติด้วยความจริงความสงบความไม่รุนแรงกับความจริง และความอดทนยืนยาวให้เป็นเย็นเรื่อยไปไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ ทั้งหมดเป็นธรรมาวุธทั้งนั้น แต่ละคนมีความจริงก็เอามาไขจนรัฐบาลจำนน สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องของงานเพื่อประชาชน เพราะฉะนั้นคนที่ไปทำงานเพื่อประชาชนจะเป็นภิกษุหรือจะเป็นฆราวาส ก็เป็นงาน เรียกคำนี้ว่าการเมืองได้ อาตมาไปทำงานนี้ อาตมาได้ไปรับตำแหน่งทางการเมืองอะไรกับเขา จนทุกวันนี้อาตมาไปรับตำแหน่งที่ไหนอาตมาก็ไม่ได้รับตำแหน่งอะไร พวกเราก็ตามไม่ได้ไปรับตำแหน่งอะไรแม้แต่คุณจำลองก็ไม่ได้ไปรับตำแหน่งอะไรถ้าเป็นความจริงที่จริงเราก็เอาที่ความจริงนั้น อาตมาว่า อาตมาทำงานด้วยความจริงใจและความรู้เท่าที่อาตมามี สรุป คุณสมชายที่ว่ามานี้ ขอยืนยันว่าภิกษุหรือฆราวาสก็ทำงานการเมืองเพื่อรับใช้ประชาชนทั้งนั้นขอให้เข้าใจว่างานเรานั้นไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เป็นงานเพื่อประชาชน สรุปอย่างนี้ก็แล้วกัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 11:14:22 )

พุทธองค์จริงแท้ พิสูจน์ด้วยตนนานนับกัปป์ เป็นวิถีแห่งวิทยาศาสตร์มาตรฐาน! 

รายละเอียด

“คำสอน”ของพระพุทธเจ้าทุกอย่างทุกประการพระองค์ทรงรับรองว่า พระองค์ทรงพิสูจน์มาด้วยตนเองชาติแล้วชาติเล่านับชาติไม่ถ้วนทั้งสิ้น ไม่ใช่“คำสอน”ที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน

เฉพาะอย่างยิ่งได้พิสูจน์ด้วย“ความเป็น 2 (เทฺว ธัมมา)” นั่นก็คือ การพิสูจน์เยี่ยงเดียวกันกับ“นักวิทยาศาสตร์ทางวัตถุ” ที่แยกพลัง“นิวเคลียร์”เป็น“บวกกับลบ” แต่ของพระพุทธเจ้านี้เป็น“วิทยาศาสตร์ทางจิต” ที่มี“องค์ 2”แห่งพลังงาน “กายหรือจิต”  

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 326 หน้า 244


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 15:09:07 )

พุทธองค์ยืนยัน สมณะพราหมณ์ผู้รู้ได้ด้วยตน ประกาศโลกนี้โลกหน้าได้แจ่มแจ้งนั้นมีอยู่จริง!

รายละเอียด

แปลความว่า “สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ

ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกมีอยู่”  

ซึ่งอาตมาเมื่อเห็นข้อความนี้จาก“มหาจัตตารีสกสูตร” ในพระไตรปิฎก เล่ม 14 ข้อ 257

อาตมาก็รู้ได้ทันที และมั่นใจยิ่งว่านี้ คือ เครื่องชี้บ่งถึงว่า อาตมานั้น“ใช่”แล้ว “สยัง อภิญญา”

ที่จะต้องมาประกาศตน ยืนยันตน“เอง”ว่า คำตรัสที่เป็นของแท้

ของพระพุทธเจ้าสมณโคดมนี้จริงหรือไม่? อย่างไร? 

หลังจากอาตมารู้ตัวเองว่า ตนได้บรรลุธรรมแล้ว ตั้งแต่ยังไม่เคยอ่านพระไตรปิฎก

ยังไม่พบข้อความที่ว่า “สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ

ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกมีอยู่”มาก่อนเลย ว่า

พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน“มหาจัตตารีสกสูตร”นี้ ยืนยันกันถึงปานนี้ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 512 หน้า 381


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2564 ( 09:26:05 )

พุทธอภิญญา

รายละเอียด

ความรู้ ความรับทราบกันได้ด้วยกิริยาจิต คือขั้นไม่ใช่วุ่นอยู่กับรูป ไม่ใช่หลงอยู่กับโฉม ไม่ใช่งมเพ่งอยู่แต่กับสีแสง ไม่ใช่เมาเพ้ออยู่แต่กับภาพ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 99


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 21:26:05 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:11:35 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:19:25 )

พุทธอเทวนิยมอย่างนี้

เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2563 ( 13:23:07 )

พุทธะ

รายละเอียด

1. ผู้รู้แจ้งจริง

2. รู้, ตื่น, เบิกบาน

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 144, หน้า 164, หน้า 208


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 06:55:27 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:13:26 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:16:33 )

พุทธันดร

รายละเอียด

คือ กาลยุคที่จะหมดยุคหมดช่วงระหว่างหนึ่งของศาสนาพุทธที่สมณโคดมทรงสร้างไว้

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 214


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 12:42:55 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:43:13 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:15:50 )

พุทธันดร

รายละเอียด

ช่วงกาลที่ไม่มีพุทธศาสนา

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 161


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 06:56:18 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:14:08 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:14:33 )

พุทธันดร

รายละเอียด

จึงไม่ใช่“ศาสนา”ที่จะมีอยู่ใน“กาลของโลก”ประจำโลกนิรันดร มีบางช่วงที่เป็น“พุทธันดร” หมายความว่า “ระหว่างกาลเวลาช่วงใดที่ไม่มีศาสนาพุทธอยู่เลย  ช่วงนี้แหละคือ “พุทธันดร” เป็น“ช่วงที่โลกกาละนั้น“ไม่มีศาสนาพุทธ” ในโลกกาละนั้นมีแต่ศาสนาที่ไม่ใช่พุทธ คือ มีแต่ศาสนา“เทฺวนิยม”ที่เป็น“โลกียธรรมทั้งหลาย มากมายหลายศาสนาที่จะมีอยู่ในโลก  ในโลกจึงมี“เทฺวนิยม”ประจำโลก ไม่ขาดหายไปจากโลกในกาละไหนเลย

ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาเดียวที่มี“โลกุตรธรรม” แต่ก็มีบาช่วง“โลกุตรธรรม”ขาดหายไปจาก“โลก”ในบางกาละ แม้ในวงการ“พุทธศาสนา” หรือที่สุดโลกในกาละนั้นๆไม่มี“พุทธศาสนา”เลยในโลกก็เป็น“พุทธันดร”แท้ๆ“พุทธศาสนา”จึงไม่ใช่ศาสนาที่มีประจำโลก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 30 ตำนานพญานาค ตอนที่ 1วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 14:52:44 )

พุทธันดร และกลียุคคืออย่างไร

รายละเอียด

ศาสนาพุทธจึง“มี”ขึ้นในโลกเป็นคราวๆ แล้วก็จะ “ไม่มีศาสนาพุทธ”ไปช่วงหนึ่งเรียกว่า“พุทธันดร(ช่วงที่โลกไม่มีศาสนาพุทธในกาลช่วงนั้น)” แล้วจึงจะ“มี”พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา“มี”ศาสนาพุทธขึ้นมาใหม่อีก เรียกว่า “ภัทรกัปป์(คือในช่วงที่มีศาสนาพุทธมีพระพุทเจ้าอุบัติขึ้นมาประกาศศาสนาต่อกันหลายพระองค์ บางภัทรกัปป์ก็มีมากเกิน 5 พระองค์เป็น 10 เป็น 100  กัปป์ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาน้อยที่สุด เช่น ใน“ภัทรกัปป์ของพระพุทธเจ้าสมณโคดม”นี้แล ก็มีเพียง 5 พระองค์ จากนี้ก็เป็นกลียุค เป็นยุคโหดเหี้ยมเลวร้าย ฆ่ากันตายมากมาย ทั้งเลือดร้อน เลือดเย็น มนุษย์ในโลกก็เหลือน้อยลงๆ ก็จำต้องหยุดพักการฆ่ากัน)” สิ้น“ภัทรกัปป์”ก็เป็น
“พุทธันดร”คือช่วงที่ไม่มีศาสนาพุทธ จะเว้นระยะเวลาโลกว่างจากศาสนาพุทธไปช่วงหนึ่ง จะสั้นจะยาว ก็ตามแต่“กาละ-เทศะ-ฐานะ”ที่จะมีเหตุมีปัจจัยเป็นสัดส่วนปรุงแต่งกันให้“เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป”ได้นั้นๆเท่าที่มันจะมีจะเป็น

“การหลับตาปฏิบัติ”นั้นมัน“มี”อยู่ประจำโลก มันเป็น “หลักปฏิบัติของเดียรถีย์”แท้ ไม่มีขาดหายไปหมดโลกหรอก การ“หลับตา”ปฏิบัติเป็น“โลกียธรรม” เป็นของ“เทฺวนิยม” เขาก็“มี”ของเขาไป มันก็เป็นปกติธรรมดาของโลกียะ    

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 21:50:39 )

พุทธันดรคือช่วงที่ไม่มีศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ไม่ตายง่ายจริงๆ แทงด้วยหอกร้อยเล่ม เช้ากลางวันเย็น ก็ยังไม่ตาย แต่ศาสนาพุทธไม่ได้มีตลอดนิรันดร ตลอดกาล มีช่วงหนึ่งที่เกิดศาสนาพุทธแล้วจะมีช่วงพุทธันดรที่ไม่มีศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธเกิดไม่ได้ในยุคนั้น ไม่เกิด มันเป็นสัจจะอย่างนั้นจริง มันรับไม่ได้ คนรับไม่ได้เลย นี่ก็เกือบจะรับไม่ได้กันแล้ว  ยังดียังไม่หมด แต่มันยังดียังไม่พอไม่คุ้มกับที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นมาประกาศศาสนา ก็ให้แค่โพธิรักษ์ขึ้นมาทดแทนไป

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  พญานาคมีจริง พญานาคไม่มีจริง วันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ธันวาคม 2564 ( 21:14:27 )

พุทธานุสติ

รายละเอียด

ให้ระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า หรือพุทธคุณ และระลึกถึงคุณของนิพพาน หรือความสงบราบรื่นอันยิ่ง ๆ ใด ๆ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 88


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 06:57:01 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:15:02 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:13:29 )

พุทธานุสสติ หมายถึงอะไร

รายละเอียด

ตามพยัญชนะก็บอกชัดๆว่า เป็นการระลึกถึงพระพุทธ พระพุทธ เราก็หมายถึงพระพุทธเจ้า ถ้าหมายถึงพระพุทธเจ้าในรูปธรรม ก็เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ถ้าหมายถึงคุณธรรม นี่ล่ะยิ่งใหญ่ ระลึกถึงคุณธรรม เรียกเต็มๆว่าพุทธคุณของ พระพุทธเจ้า 

พุทธคุณแท้ๆที่ท่านสรุปยอดไว้ก็คือวิชชาและจรณะ เป็นผู้ที่เข้าถึงหรือบรรลุวิชชาและจรณะ เป็นผู้ที่เป็นเจ้าของวิชชาจรณะ 

จรณะคือ การประพฤติ วิชชาคือความรู้ ที่เป็นความรู้โลกุตรธรรม โลกุตรธรรมมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นผู้ตรัสรู้ หรือเป็นของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของศาสดาใดๆเลยในโลก ถ้าของพระพุทธเจ้าก็คือ วิชชาจรณะสัมปันโน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 16:36:36 )

พุทธาภิเษก

รายละเอียด

1. ทำให้เกิดเป็นพุทธ หรือบรรลุถึงความเป็นพุทธ

2. ทำให้เกิดพุทธถูกตรงโดยเฉพาะ 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 8, หน้า 103


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:02:14 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:16:06 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:11:19 )

พุทธิจริตกับศรัทธาจริต

รายละเอียด

สายศรัทธาพยัญชนะภาษาสื่อสภาวะ ออกมาจะค่อนข้างยาก ก็สายของมนุษยชาติมันมีเทวนิยมกับอเทวนิยม หรือต้นตอเลยมันคือสายศรัทธากับสายปัญญาหรือเรียกพุทธิจริตกับศรัทธาจริต เวลาเริ่มได้ธรรมะท่านไม่เรียกปัญญาก็เรียกธัมมานุสารี ก็ค่อยๆติดตามฟังพยัญชนะกับสภาวะเป็นธรรมะสอง ผู้ที่เปรียญ 9 ก็ดี ด็อกเตอร์ก็ดี ทางธรรมะนี่นะ หรือศึกษากันอยู่ทั่วไปในกระแสหลักหมู่ใหญ่ ก็ยากมากที่จะชัดเจนในสภาวะ แล้วหลงติดพยัญชนะ สายพุทธิจริตไม่ใช่สายศรัทธา ก็ต้องมาสู่ ธัมมานุสารี ก็ยังไม่ค่อยได้ ได้แต่พยัญชนะบัญญัติ เดี๋ยวนี้ก็มีกันเยอะที่ยิ่งใหญ่อยู่ตอนนี้ก็มี แม้แต่คำว่าบุญ คำว่าปุญญะ คำว่ากาย คำว่าสมาธิ เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 16:02:29 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:40:00 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:10:21 )

พุทธิมันตุ

รายละเอียด

อธิปัญญาสิกขา : เกิดจากสิกขา 3

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 59


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:02:54 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:16:51 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:08:54 )

พุทธุปบาทกาล , พุทธุปปาทกาล , พุทธุปปาทกาละ

รายละเอียด

1. กาลอันควรเกิดศาสนาพุทธ 

2. เวลาที่จะอุบัติความเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาในโลก

3. กาลที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 220, ค้าบุญคือบาป หน้า 105, หน้า 108


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 07:04:18 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:18:31 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:07:03 )

พุทธุปาทกาละ

รายละเอียด

เรียกว่า พุทธุปาทกาละ ตรวจดูมนุษย์อีกก็ยังเห็นว่ายังมีผู้ที่มีธุลีในดวงตาน้อย คือมีกิเลสเบาบาง ทีพอที่จะช่วยให้บรรลุธรรมได้ ไม่ใช่มีกิเลสหนาทั้งหมดเลย ตรวจดูแล้วก็โอ้โห มันไม่มีใครกิเลสบางเลยแล้วจะไปเทศน์อย่างไรมันเสียของหมด แต่ว่าตรวจดูอีกทีแล้ว พุทธุปาทกาละ เป็นพุทธวิสัย ก็ตรวจสอบดูอีกที พอมีคนที่มีธุลีในดวงตาน้อย กิเลสน้อยพอบรรลุได้มีอยู่ พอคุ้มไม่เสียของทีเดียวหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 12:04:52 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:06:46 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:05:44 )

พุทธุปาทกาละ

รายละเอียด

คือ พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วจะมาสอนคน ก็ต้องมีพุทธุปาทกาละ คือ กาละที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติ ก็ต้องตรวจดู ประชากรตอนนั้น พอตรวจไปแล้วก็เห็นว่า มันมีแต่คนยากที่จะสอน ยากที่จะรู้ธรรมะของพระพุทธเจ้า คนยุคนั้น ทำไม? คนเป็นอเวไนยสัตว์ คนเสื่อมมาก ที่จะสอนโลกุตระ มันไม่คุ้มเสียเวลาเปล่าก็ทรงท้อพระทัย ก็ตรวจแป๊บเดียวนะ พระพุทธเจ้าสมณโคดม ถึงปางหลังสุดที่ท่านจะหยุดแล้ว เพราะท่านผ่านการเป็นโพธิสัตว์ใหญ่ เป็นมาแล้วก็ทำงานกับโลกกับมนุษย์ ไม่รู้กี่ล้านปีมาแล้ว ทำมาจนเต็ม จนควรจะพอได้แล้วจะง่าย จะยากจะหนักจะเบาอย่างไรก็ทำมาแล้วหมด เหมือนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แต่ตอนนี้เป็นสมัยสุดท้ายแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 10:18:37 )

พุทธุปาทกาละ กับสหัมบดีพรหมคืออะไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกก็ต้องตรวจโลกก่อน ก่อนจะประกาศตัวเป็นพระพุทธเจ้าในยุคที่ท่านอุบัติขึ้นมา ท่านเรียกว่า พุทธุปาทกาละ ต้องตรวจโลกดูก่อนว่า คนยุคนี้พอจะเปิดเผยโลกุตรธรรมได้ไหม หากตรวจแล้ว ยังมีผู้มีธุลีในดวงตาน้อย พอรู้ได้พอสมควรแม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แล้วก็มีสหัมบดีพรหมหรือพระเมตตา อาการเมตตาของพระองค์เองรวมลงมาเรียกว่าสหัมบดีพรหม พูดเป็นปุคลาธิษฐาน พระเมตตาของพระองค์หรือพระพุทธเจ้า ร่วมกันมาอย่างเต็มที่มันก็พอได้นะขนาดนี้ก็เอาละ นี่ ผู้มีธุลีในดวงตาน้อยพอรับธรรมะนี้ได้ไม่เสียของไม่เสียเปล่า ไม่สูญเปล่าไม่เหนื่อยเปล่า ก็จึงประกาศตนเป็นพระพุทธเจ้าในยุคนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 12:05:00 )

พุทธเกษตรมีอยู่จริงหรือเปล่า

รายละเอียด

มีอยู่จริงไอ้คนโง่หลงภพชาติ ก็สร้างพุทธเกษตรขึ้น นั่นนับเป็นนรกของผู้ที่หลงพุทธเกษตร แล้วนรกนั้นมันหลอกว่าเป็นสวรรค์ 

พุทธเกษตร หมายความว่าเป็นดินแดนของพุทธะที่มีพระพุทธเจ้าไม่รู้กี่พระองค์กองอยู่ตรงนั้น ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปทุกพระองค์ ไม่มีภพ ไม่มีชาติแต่คุณไปสร้างพุทธเกษตรด้วยบัญญัติภาษา ไปสร้างนิรมานกายเป็นภพภูมิขึ้นมาเอง แล้วคุณก็เอามาอธิบายหรอกคนโง่ หลอกคนไม่รู้เท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #51ลดละจากมหามาสู่จุล เปลี่ยนจากไม่เห็นด้วยจนมาเห็นได้ วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 ขึ้น 5 ค่ำเดือนยี่ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 20:46:27 )

พุทธเป็นประชาธิปไตยที่สุดยอด

รายละเอียด

ผู้ที่เป็นโลกุตระจะไม่แข่งจำนวนกับโลกียะหรอก มันเป็นส่วนน้อย ประชาธิปไตย รวมหัวเอามวลมาก เอานัมเบอร์มาชนะก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย การเลือกตั้งก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมสารพัด เป็นค่ายกลต่างๆ จนกระทั่งสามารถกำหนดให้ชนะได้สั่งเสาไฟฟ้าไปลงเลือกตั้งก็ยังชนะ ใช้เงินเป็นหลักเลย ตกเขียวไปตลอดเวลา เป็นเล่ห์กลวิธีที่ไม่ซื่อสัตย์ ประชาธิปไตยจึงเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อนยากมากที่จะเข้าใจ ไทยเป็นรากฐานของศาสนาพุทธ แล้วพุทธเป็นประชาธิปไตยที่สุดยอด ประเทศไหนก็แล้วแต่ในโลก ทุกวันนี้ศาสนาพุทธมีอยู่หลายประเทศแต่ไม่มีประเทศไหนรุ่งเรืองเท่าของประเทศไทย ประเทศไทยมีโลกุตรธรรมที่เป็นแก่นแกน มีมวลมาก มีชุมชนสังคมมีธรรมะที่ละเอียดลออโดยเฉพาะชาวอโศก พูดไปแล้วก็เข้ายกย่องตัวเอง แต่มันเป็นสัจจะเลี่ยงไม่ออกก็ต้องขอบอกความจริง ใครไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหา ก็จบตรง อัตตาของเทวนิยม ยังไม่เข้าใจความเป็นอัตตาตัวเอง แต่ถ้าเป็นอเทวนิยมก็เริ่มเข้าใจอัตตาขึ้นมา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 08:09:53 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:40:56 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:03:22 )

พุทธเป็นศาสนากระจ่างรู้ ไม่ใช่ลี้ลับหลงดับดิ่ง

รายละเอียด

ใช้ได้ ซับซ้อน อยากจะขอเสริมตรงที่ว่า มิใช่สิ่งลี้ลับ คณานับหลงหลับดิ่ง ไม่ใช่ศาสนาลี้ลับ ไม่ใช่ศาสนาหลงดับดิ่ง ไม่ใช่ศาสนาลึกลับ พุทธเป็นศาสนาจะกระจ่างรู้แจ้งครบ ด้วยจักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลก เป็นการรู้อย่างนี้เลย การรู้ธรรมะพระพุทธเจ้าหรือการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า การบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้า จึงไม่ใช่การบรรลุธรรมอยู่ในภพ ดับหลับตามืด ไม่มีแสงสว่างนั่นไม่ใช่ของพุทธเลย ของพระพุทธเจ้าตรัสรู้บรรลุธรรมในขณะมีแสงสว่าง มีดวงตาเปิด  มีจักษุญาณปัญญาวิชชาอาโลก อาโลก แปลว่า แสงสว่าง นี่เป็นการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าก็ต้องอาศัยอย่างนี้  ยิ่งลูกศิษย์ลูกหาคนอื่นก็ต้องอาศัยอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 14:15:00 )

พุทธเป็นศาสนาที่สิ้นการกอด

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ปฏิเสธการกอด ที่อาตมาพูดว่าการกอด เป็นอจินไตยอันหนึ่ง ภาษามันก็อันเดียวกัน แต่มันกลายเป็นแยกแตกออกไป ในศาสนาคริสต์เขายังบอกเลยว่า ภาษาของที่แตกออกไปนั้น แตกออกไปจากภาษาเดียว แยกกระเซ็นกระสายออกไปทั่วโลก เป็นเรื่องจริง หากจะสืบสาวไปถึงราก แต่มันต่อจิ๊กซอว์ไม่ไหว ที่จะไปตามหาตัวต้นกับตัวปลายนี้ได้ มันต่อกันมาเรียงกันสลับซับซ้อนเยอะเกิน

คำว่า กอด นี้คือ คำว่าเทวะ เทวนิยมนี่ เขาตีเทวะไม่แตก แล้วเขาก็หลงผิดเลยว่าอย่าไปตีแตกเชียวนะ เทวะหนึ่งเดียวตีไม่ได้ พระเจ้าคือเทวะนะ ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างเลย แต่มีอยู่สิ่งหนึ่ง ที่พระเจ้าไม่เคยสร้างเพราะไม่มีปัญญารู้ คือโลกุตรธรรม พระเจ้าไม่ได้สร้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกฯ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:28:07 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์