@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

สวดสรภัญญะ

รายละเอียด

คือ "สร" คือ สระ(มีรัสสะกับทีฆะ) 

ภัญญะ คือ ลักษณะการออกเสียง เปล่งคำความ หรือ ความเป็นแห่งการกล่าว

การสวดสรภัญญะ คือ ความเป็นแห่งการกล่าวตามสระนั้นๆ ผู้สวดสรภัญญะก็ต้องใช้เสียงสระอันพอเหมาะตามเสียงสระ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ อย่างถูกต้อง ไม่ใช่ลากเสียงยาวเกินจริง

สรภัญญะ จึงเป็นการนำธรรมบท หรือคำสอนของพระพุทธเจ้า มาอธิบายขยายความ ไม่ใช่เอามาร้อง ไม่ใช่เอามาใส่ทำนอง แล้วครวญครางให้กันฟัง...มันเป็นการลดค่าคำสอนพระพุทธเจ้ามาให้เป็นการสวดการร้องเพลงสนุกสนานเล่นๆหรือมาร้องหากิน กระทำตนเหมือนวณิพกเหมือนคณิกา ที่รับรายได้จากการสวดการร้องเพลง

อาตมาอยู่ในยุคพระพุทธเจ้าก็ไม่เคยสวดอย่างที่เป็นแบบนี้...อาตมาพาชาวอโศกสวดแบบสรภัญญะที่ออกเสียงคำตามเสียงสระที่กำกับอยู่ 

ถ้าสระเสียงสั้น ก็ออกสั้น สระเสียงยาวก็จะออกยาว เช่นสวดว่า นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ ซึ่งมันเป็นแบบสรภัญญะที่ถูกต้อง มีรัสสระกับทีฆสระที่ถูกต้อง ใครออกเสียงยาวเป็น นามัวตาสสาาาา ซึ่งเลยขีดการสวดสรภัญญะ ก็เป็นอาบัติทุกคำ

อาตมาขอยืนยันว่า "มนต์" หรือ "คำสอน" ของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เพลง

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 13,40-41


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2562 ( 12:48:16 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:38 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:59:42 )

สวดสังคหะ

รายละเอียด

คือการสวดอย่างย่อ สังคหะคือการช่วยเหลือ การได้สังคหะคืออันย่อเข้าแล้ว แต่เขาก็สวดกันยาวๆยานคางไป เป็นความผิดเพี้ยนไปไกลจากศาสนาพุทธ

สวดสังคหะ สังคหะคือ การเติม การให้ช่วยเหลือ การทำให้พอเหมาะพอดี เป็นการได้ ซึ่งท่านก็แปลตามบาลีหมายความว่าอันนั้นแหละ อันใด คำว่า นะโม เป็นต้น ก็สวดว่า นะโม ก็สวดว่า นะโม อย่าสวดว่า...นาาาามัวววว ไม่ใช่ คำว่านะโมก็คือย่อมาแล้ว สังเขปเข้ามาแล้ว สวดสังคหะหมายถึงเช่นนั้น

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 14


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 11:38:10 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:56 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:58:40 )

สวดสังคายนา

รายละเอียด

คือสวดธรรมบท ธรรมวินัย ของพระพุทธเจ้าขึ้นมาเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง เป็นการสวดรูปเดียว อย่างลงปาติโมกข์ก็สวดคนเดียว หมู่พระสงฆ์ก็ฟังและตรวจสอบว่าธรรมบทที่ผู้นั้นท่องมามันผิดหรือถูก ถ้าสวดคนเดียวนี้ สวดผิด คนอื่นๆที่จำได้ถูกต้อง ก็ท้วงว่ามันผิด ถ้าหมู่ส่วนใหญ่ถือว่าอย่างนี้ถูก ก็ต้องเอาเสียงส่วนใหญ่ (เยภุยสิกา) 

การสวดสังคายนาจึงเป็นการสวดเพื่อรักษาสิ่งที่ถูกต้องเอาไว้ ทุกวันนี้ก็ยังอาศัยกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ควรให้ผิดหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้า เช่น พากันสวดด้วยเสียงอันยาวหรือใส่ทำนองหรือสวดพร้อมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปต่อหน้าญาติโยมฆราวาส

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 12


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2562 ( 08:29:41 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:14:35 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:00:16 )

สวดสังคีติ หมายความว่าอย่างไร

รายละเอียด

เอาหลายคนมาสวดพร้อมกันต่อหน้า ..อาบัติ พระพุทธเจ้าท่านให้สวดที่พร้อมกันเรียกว่าสังคีติ ถ้ามาสวดต่อหน้าใครๆ ท่านให้สวดองค์เดียว นอกนั้นทุกคนฟัง 

1. ผู้ไม่รู้ฟังเพื่อรู้ 

2. ผู้รู้แล้ว ฟังเพื่อที่จะยืนยันคำสอนพระพุทธเจ้าไว้ ยิ่งรู้ลึกซึ้งเลยว่าผิดเนื้อหา ก็บอกเนื้อหาไปด้วย แม้ไม่ได้เนื้อหาผิด แต่ผิดพยัญชนะก็ท้วงกัน อย่าให้ผิดพยัญชนะ รักษาไว้เรียกว่าสวด สังคายนา คือสวดเพื่อตรวจสอบไว้ รักษาไว้ 

ถ้าสวดสังคีติ หมายความว่า มาสวดท่องพร้อมกันให้มันจำได้ รักษาไว้ ซึ่งสมัยโบราณมันจำเป็น มันไม่มีการบันทึก มันต้องใช้การสวดจำไว้เหมือนสวดบทอาขยาน เหมือนสวดสูตรคูณ นักเรียนเด็กๆก็ต้องสวดสูตรคูณ สวดอาขยาน เพื่อจำไว้ เพราะฉะนั้นก็ต้องสวดกัน แต่เป็นหมู่เฉพาะของตนเอง ไม่ใช่ไปสวดต่อหน้าธารกำนัล 

การสวดเป็นหมู่นี้ เพื่อรักษาคำสอน รักษาธรรมบทคำสอนพระพุทธเจ้าไว้ ก็สวดกันแบบนี้ได้ อย่าไปสวดต่อหน้า(ธารกำนัล) นี้ท่านกันไว้หมดแล้วในธรรมวินัย การไปสวดต่อหน้ามันจะใช้ไปสวดหากิน เหมือนอย่างทุกวันนี้ ถ้าไม่มีการสวดมนต์ พวกนี้ไม่ได้เลี้ยงชีพได้รอดเลย นี่เป็นการใช้การสวดเพื่อหากิน ซึ่งมันเป็นการทำลายศาสนา 

อย่าไปอธิบายอย่าไปพูดถึงการสวดแล้วใส่ทำนอง สวดด้วยลากเสียงคำอันยาว ผิดฑีฆสระ  รัสสระ ฑีฆสระ-สระเสียงยาว รัสสระ-สระเสียงสั้นออกเสียงสั้น อย่าไปลากเสียงอันยาว ก็ไปลากเสียงยาว ในธรรมวินัยบอกไว้หมด เดี๋ยวนี้ก็ผิดวินัยหมด ไม่เหลือ มันน่าสงสารมันน่าสังเวชใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร อาตมาก็ได้แต่พูด จนกระทั่งลงน้ำหนักแรงๆ ก็เหมือนกับคนโกรธ ซึ่งมันน่าโกรธไหมล่ะมาทำลายศาสนานี่ พูดอย่างคนๆ นะ พูดอย่างโลกๆ มันน่าโกรธไหมล่ะ นี่พูดอย่างโลกีย์นะ แต่โลกุตระไม่ได้มีโกรธเกริดอะไรหรอก แต่ได้เห็นแล้วว่า โอ้โห! ทำไมมันดื้อ  ไม่ใช่ดื้อหรอก มันไม่เจริญ มันไม่เจริญหมายความว่ามันโง่จมปลักดักดานอยู่นั้นน่ะ 

นี่เป็นเครื่องชี้บ่งถึงความเสื่อมของความไม่ยอมรู้เรื่องธรรมะ อาตมาทำงานมาถึง 50 กว่าปี เขายังไม่ค่อยฟังอาตมาเลย พูดไปเถอะ พูดดีก็แล้ว พูดแรงๆ ก็แล้ว จ้ำจี้จ้ำไช ปากเปียกปากแฉะปากฉีก เอา! มันก็ต้องทำ ไม่มีทางเลือก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานโลกีย์กับฌานโลกุตระ สภาวะต่างกันเช่นไร วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2567 ( 15:41:10 )

สวดอ้อนวอนร้องขอบาปไหม

รายละเอียด

งมงาย จะตอบว่าบาปมันก็จะดูแรง จริงๆมันไม่แรงหรอก แต่มันกินลึกกว่าบาป งมงายนี่กินลึกกว่าบาป มันมืดบอดยิ่งกว่าบาปอีก ถ้าจะไปหลงแต่สวดอ้อนวอนร้องขอ หึๆ 

อาตมาจำไม่ได้ที่พระพุทธเจ้าตรัสบริภาษคนที่สวดอ้อนวอนร้องขอแล้วจะได้รับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือร้องขอ อ้อนวอนร้องขอจากอะไรที่คิดว่ามันศักดิ์สิทธิ์มันจะมีฤทธิ์ สนองตอบให้แก่ตนเองได้ ตั้งแต่ร้องขอจากจอมปลวก ไปจนกระทั่งถึงต้นไม้ แม่น้ำ ลำธาร ไปจนกระทั่งถึงท้องฟ้า ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่รู้ไม่เห็นตัว ไม่มีตัวมีตนอะไร นึกว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 

มีผู้ค้นอันนี้มายืนยันว่า “เปรียบเสมือนบุรุษโยนหินหนาใหญ่ลงไปในห้วงน้ำลึก หมู่มหาชนมาประชุมกัน แล้วสวดวิงวอน สรรเสริญประนมมือเดินเวียนรอบหินนั้นแล้วว่า “ขอจงโผล่ขึ้นเถิดท่านก้อนหิน  ขอจงลอยขึ้นเถิดท่านก้อนหิน ขอจงขึ้นบกเถิดท่านก้อนหิน” แต่ก้อนหินนั้นจะไม่โผล่ขึ้น ไม่ลอยขึ้น ไม่ขึ้นบก เพราะเหตุแห่งการสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบของหมู่มหาชนนั้นได้เลย”  พระไตรปิฎกเล่ม 18 ข้อ 599 

พระพุทธเจ้ายืนยันสิ่งที่ท่านตรัสรู้ได้ชัดมากจริงๆ เลย แหม 

พูดกับเทวนิยมเขาไม่รู้เรื่องหรอก เขาจะทำพิธีวนเวียน เขาจะทำพิธีเวียนรอบ เขาจะทำพิธีสวดมนต์อ้อนวอนอยู่นั่นแหละ เทวนิยม เพราะเขายังจมอยู่ในความมืดอันนั้น 

“เราตถาคตมิได้กล่าวว่า อายุ วรรณะ(ผิวพรรณ) สุข ยศ สวรรค์ จะพึงได้มาเพราะเหตุแห่งการอ้อนวอน เพราะเหตุแห่งความปรารถนา ก็ถ้าอ้อนวอนแล้วได้ ….” 

คุณจะมีอายุยืนได้ก็ไม่ใช่ด้วยการอ้อนวอน คุณจะมีผิวพรรณทราม ผิวพรรณดี ผิวพรรณหม่นหมองอะไรก็แล้วแต่ ไม่ได้เกิดจากการอ้อนวอน คุณจะได้สุข คุณจะได้ยศชั้นสรรเสริญก็ไม่ได้จากการอ้อนวอนสวดมนต์ จะได้สวรรค์จะได้นรก คุณคงไม่สวดอยากได้นรกหรอก แต่คุณสวดอยากได้สวรรค์แน่ มันไม่ได้จากการสวดแน่ เพราะเหตุแห่งความปรารถนา” 

นี่มันหักเหลี่ยมของพวกสวดมนต์อ้อนวอนเทวนิยมทั้งนั้นเลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานโลกีย์กับฌานโลกุตระ สภาวะต่างกันเช่นไร วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2567 ( 15:10:20 )

สวนะ

รายละเอียด

ฟังธรรม

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 308


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:50:08 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:50 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:01:06 )

สวนานุตตริยะ

รายละเอียด

การฟังอันเยี่ยม

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า412


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:50:49 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 13:54:04 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:39:17 )

สวนไม้ตาย

รายละเอียด

คือคำว่าตายนั่นแหละ จะเป็นอะไร ก็มีตาย  มีเกิด สูงสุดก็มีตายกับเกิด เพราะฉะนั้นไม้นี้  มันไม่ได้บาปอะไร ไม้มันตายแล้วด้วย  ไม่มีการงอกเงยอีก  ตายนี่คือไม่มีการงอกเงยอีก ไม่มีฟื้น  นอกจากจะเสื่อมไปเท่านั้น  จับไม้ที่ตายแล้วมาตั้ง ๆๆๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:06:37 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:22:40 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:00:49 )

สวนไม้ตาย

รายละเอียด

คำว่าตายนั่นแหละ จะเป็นอะไรก็มีตายมีเกิด สูงสุดก็มีตายกับเกิด เพราะฉะนั้นไม้นี้มันไม่ได้บาปอะไร ไม้มันตายแล้วด้วย ไม่มีการงอกเงยอีก ตายนี่คือไม่มีการงอกเงยอีก ไม่มีฟื้น นอกจากจะเสื่อมไปเท่านั้น จับไม้ที่ตายแล้วมาตั้งๆๆๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 09:42:53 )

สวรรคมีจริงแต่ไม่จริง

รายละเอียด

สวรรค์มีจริงคือสภาพที่เรายึดเพื่อใช้งานในปัจจุบัน หรืออดีตเราจำได้ เป็นสัญญาความจำของชีวิต จำได้ ถ้าสิ่งไม่ดีเราจะลืมเสียก็ได้ แต่ถ้าสิ่งที่ดีไม่ต้องลืมหรอก พยายามจำไว้ทำงาน แต่อย่าไปสำคัญมั่นหมายไปยึดถือว่ามันเป็นเราเป็นของเรา ถ้าเราทำให้มันเกิดเหตุปัจจัยสั่งสมเป็นความตั้งมั่นแข็งแรง พลังงานที่สะสมนี้ถูกต้องแล้วเราก็ไม่ต้องไปย้ำ ที่จริงจะต้องย้ำก่อน เสร็จแล้วเราต้องทำให้มันเกิด แล้วก็ต้องวาง ทำให้มันเกิดทำให้มันมี แล้วก็ต้องปล่อยใจสอนว่าอย่าไปยึดว่าเป็นเราเป็นของเรานะ ต้องบอกว่าไม่ใช่เป็นเราเป็นของเรา จะบอกว่าสวรรค์มีนรกมี สวรรค์กับนรกมันเป็นสิ่งที่คู่กัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:39:13 )

สวรรค์

รายละเอียด

เทวภูมิ สุขในจิต (สมุทัยอริยสัจ)

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 313


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:51:29 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:29 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:37:19 )

สวรรค์

รายละเอียด ติดว่าสุข


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2562 ( 15:43:41 )

สวรรค์

รายละเอียด

คือภพหรือที่อยู่ที่อาศัยของผู้มีความสุข มีสุขภาวะ มีความเจริญ ซึ่งเป็นแดนของเทวดานั่นเอง

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 17


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 15:31:49 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:14:03 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:37:39 )

สวรรค์ 6

รายละเอียด

สวรรค์ 6 สมมุติเทพ เทวดาขั้น “กามาวจร” คือ แดนสุขที่พรั่งพร้อมด้วยกามคุณ 5 เป็นที่อยู่ของเทวดา (ผู้ติดสุข) 6 ชั้น

1. จาตุมหาราชิกา  สวรรค์ของผู้เริ่มเสพความสุข, สวรรค์ที่มหาราชใหญ่ 4 ทิศปกครอง  ชื่อว่า  ท้าวสักกะจอมเทพเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นนรกบำเรอใจ

2. ดาวดึงส์  สวรรค์ของผู้หลงเสพย์สุขจนยึดติด, ที่ตั้งแห่งอาการที่33 เพื่อได้เสพอารมณ์ ท้าวสักกะ

3. ยามา  สวรรค์ของผู้พรั่งพร้อมสุขที่ยิ่งเสพมากขึ้น, แดนใจของผู้เปลื้องทุกข์ได้, ได้เป็นยามๆ /ท้าวสุยามะ

4. ดุสิต  สวรรค์ของผู้สุขสุดยอดจนอิ่มแล้วพัก, แดนใจของผู้อิ่มสงบเฉยได้ เพราะเสวยอิ่มแล้ว  /มี  ท้าวสันดุสิต เป็นใหญ่

5. นิมมานรดี  สวรรค์ของผู้ปรุงแต่งจิต, ภูมิจิตของผู้มีใจยินดีในการเนรมิต ความปรารถนา สำเร็จได้ด้วยความสามารถตน /ท้าวสุนิมมิต

6. ปรนิมมิตวสวัตตี  สวรรค์ของผู้มีความสุขสูงสุดอยู่กับคลังแห่งความสุขที่ตนมี, ภูมิที่อยู่แห่งเทพที่มีอำนาจในการเนรมิตอื่นๆ  มีผู้อื่นสนองอำนาจให้ได้อย่างเร็วไว  /มีท้าวปรนิมมิตวสวดีเป็นใหญ่  หากจิตพ้นขั้นนี้ได้แล้วย่อมเป็นพรหม

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม  20"อุปสถสูตร"  ข้อ  510"ทางเอก" ภาค 2หน้า  246-258, พระไตรปิฏก  เล่ม 4 ข้อ 17, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2562 ( 14:57:09 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:13:35 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:38:59 )

สวรรค์ 6

รายละเอียด

คือแดนสุขที่พรั่งพร้อมด้วยกามคุณ 6 เป็นที่อยู่ของเทวดา (ผู้ติดสุข) 6 ชั้น

1. จาตุมหาราชิกา (สวรรค์ของผู้เริ่มเสพย์ความสุข)

2. ดาวดึงส์ (สวรรค์ของผู้หลงเสพย์สุขจนติดยึด)

3. ยามา (สวรรค์ของผู้พรั่งพร้อมสุขที่ยิ่งเสพมากขึ้น)

4. ดุสิต (สวรรค์ของผู้สุขสุดยอดจนอิ่มแล้วพัก)

5. นิมมานรดี (สวรรค์ของผู้ปรุงแต่งจิตสร้างความพอใจที่จะเสพย์สุขละเอียดยิ่งขึ้น)

6. ปรนิมมิตวสวัตตี (สวรรค์ของผู้มีความสุขสูงสุดอยู่กับคลังแห่งความสุขที่ตนมี)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 20 “อุโปสถสูตร” ข้อ 510 “ทางเอก” ภาค 2 หน้า 246-258


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 05:30:16 )

สวรรค์ 6 ชั้น คือของคนโง่

รายละเอียด

คนอวิชชาอยู่ในสวรรค์ สวรรค์ก็คือนรก นรกก็คือสวรรค์เป็นอันเดียวกัน เป็นเทวะเป็นของคู่ เสพสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา เทวะ ที่เสพสมสุขสม สมสู่ในตัวเองคือเรียกว่าพวกไส้เดือน ไม่หมดพันธุ์ไม่หมดเชื้อเป็นพวกที่ฆ่าไม่ตาย เอาไปฆ่าด้วยหอกร้อยเล่มเช้ากลางวันเย็นก็ไม่ตาย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:03:19 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:05:31 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:40:06 )

สวรรค์ 6 ชั้นคือแหล่งของพญามาร

รายละเอียด

สวรรค์ทั้ง 6 คือแหล่งของพญามาร ตั้งแต่ จตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี 

สวรรค์ 6 ชั้นเป็นแดนของคนบ้า เป็นแดนของคนเมา เป็นแดนของคนโง่ เป็นแดนของคนที่หลงมีสวรรค์ ศาสนาพุทธไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก หมดสวรรค์หมดนรก นี่เขาไม่กล้าพูดกันหรอกเพราะเขาไม่รู้จริง อาตมารู้จริงอาตมาพูดได้พูดอย่างไม่แคร์ไม่กลัว พูดอย่างไม่เกรงฟ้าเกรงดิน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 14:58:36 )

สวรรค์ 6 ชั้นเป็นแดนของคนโง่

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าสอนคนให้รู้ได้ว่า จาตุมหาราชิกา ไปแย่งของคนอื่นด้วยนะ สวรรค์บุกเบิก พวกสวรรค์โหด พวกมีเขี้ยว มีอาวุธ ทั้ง 4 ทิศเลย จาตุมหาราชิกา ได้มาก็เป็นดาวดึงส์ชื่นใจ บำเรอ เป็นอาการขี้หมา เป็นเทวะสวรรค์ดาวดึงส์ เป็นอาการที่ 33 มนุษย์มีอาการแค่ 32 แต่ไปหลงอาการที่มันไม่มีจริง อาการที่ 33 เป็นอาการไม่มีจริง เป็นอาการเพ้อพกเป็นมายาเป็นการหลอก สัตว์โลกที่โง่แสนโง่ไปหลงอยู่กับดาวดึงส์แล้วอยากอยู่ให้นานๆเป็นยามา ได้แล้วก็จะจมอยู่ตรงนั้นเรียกว่าดุสิต หยุดอยู่ตรงนั้น เสพนิ่งตกอยู่ตรงนั้น จนจมอยู่ไม่รู้ตัวเรียกว่าสงบแบบโง่ ดุสิต เสร็จแล้วก็ให้มันมากขึ้น สร้างนิมมานรดีเนรมิตสวรรค์เพิ่มเติมขึ้นอีก ดีไม่ดีมีคนมาช่วยเพิ่มขึ้นอีกเป็นปรนิมมิตวสวัตตี 

สวรรค์ 6 ชั้น คือของหลอกของมนุษยชาติจริงๆ ยิ่งโง่ ไปสร้างสวรรค์ของพระพรหมอีก 16 ชั้น ดีไม่ดีเอาอรูปฌานเป็นสวรรค์หลอกเสริมไปอีกเป็น 20 ชั้น สวรรค์ชั้นพรหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 19:27:40 )

สวรรค์ คืออะไร

รายละเอียด

สวรรค์ คือ มายา คือความหลอก มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป มันไม่มีสวรรค์ไม่มีสนุกสนานอะไรที่มันประโลมโลกหรอก 

ภาราหเว ปัญจขันธา เกิดมามีรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณร่างกายนี้เป็นภาระ ต้องให้ข้าวให้น้ำมัน ต้องให้มันอาศัยให้มันตั้งอยู่ให้ได้ เป็นภาระจะตาย 

เพราะฉะนั้นเรารู้ความสมเหมาะสมควรก็พอแล้ว ไม่ต้องไปปรุงแต่งให้เป็นสวรรค์อะไรหรอก มีสวรรค์มันจะมีนรกคู่ แยกไม่ออกหรอก หลงสวรรค์ก็ต้องมีนรก เพราะฉะนั้นคนไม่มีสวรรค์แล้ว นรกก็ไม่มี สบาย เป็นคนไม่มีนรกไม่มีสวรรค์ เพราะเป็นคนที่มีปัญญา เป็นคนที่เฉลียวฉลาด เป็นคนที่รู้จักกิเลส รู้จักความโง่ เอากิเลสความโง่ออกจากจิต จิตก็สะอาด เป็นอุเบกขา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:30:34 )

สวรรค์ 

รายละเอียด

สวรรค์  คือ มันเป็นคู่กันกับนรก  สวรรค์หรือสุขมันตัวเดียวกันกับทุกข์ หากไปหลงสุขเท่าไหร่  คู่หู คือ ความทุกข์มันไปกับคุณตลอดกาล

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:34:45 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:03:29 )

สวรรค์ของพระพุทธเจ้ากับเทวนิยมอย่างไร

รายละเอียด

ธรรมะ 2 ที่ง่ายๆที่สุดคือนรกกับสวรรค์ แล้วใครเป็นผู้รู้ ของเทวนิยม นรกสวรรค์ พระเจ้ารู้ จะไปนรกหรือสวรรค์ก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้า เป็นผู้ตัดสินเป็นผู้พิพากษา คนอื่นไม่มีสิทธิ์ไปพิพากษาว่าใครไปนรกหรือไปสวรรค์ พระเจ้าเท่านั้นที่พิพากษา ถ้าไม่มีพระเจ้าไม่มีใครรู้จักสวรรค์นรก ศาสนาเทวนิยมจึงไม่รู้จักนรกหรือสวรรค์ แต่ว่าอยากได้สวรรค์ อธิบายว่าสวรรค์คือความดี สวรรค์ของพระพุทธเจ้ากับเทวนิยมต่างกัน สวรรค์ของพระพุทธเจ้าคือสูงสุด ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรกไม่มีธรรมะ 2 นี่คือสวรรค์สูงสุด คือจิตอุเบกขา ไม่ผลักไม่ดูดไม่มีธรรมะ 2 ทำจาก 2 เป็นหนึ่งได้ก็ไม่มีคู่ที่จะให้เกิดเหตุเกิดเรื่องได้ ยิ่ง 0 เลยคือสุดยอดของศาสนาพุทธ เรียกปรมังสุขัง สุ แปลว่าดี  ข แปลว่าว่าง ศาสนาพุทธรู้จักโลก รู้จักอัตตา รู้จักสวรรค์ รู้จักนรก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 17:08:50 )

สวรรค์คือแดนหรือภพของคนที่ยังอวิชชา

รายละเอียด

จิตที่เป็นผีหรือเป็นเทวดา ถ้าเข้าใจเทวดาสมมุติแล้วลดความเป็นเทวดาสมมุติ ไม่ไปหลงเป็นจตุมหาราช ดาวดึงส์ ยามา นิมมานรดี อะไรพวกนี้

สวรรค์ก็คือแดนหรือภพของคนที่ยังอวิชชา ยังไม่เข้าใจว่าต้องเลิกสวรรค์นี่แหละคุณจึงจะเลิกนรก เขาก็ไปสอนกันแต่ให้เลิกนรกหรือเลิกทุกข์แล้วเขาก็ไม่เข้าใจว่า เรื่องสุขเรื่องทุกข์เป็นสิ่งเดียวกัน มันก็เลยไม่มีทางสำเร็จ ไม่มีทางจะหลุดพ้นอะไรได้ พวกเราเรียนดีๆเทวะแยกให้ออก มันแยกไม่ได้ 2 อย่างนี้ สุขกับทุกข์ หรือแม้แต่กายเรื่องภายนอกภายในก็แยกไม่ได้ เรียกว่าเทวะแปลว่า 2 เพราะฉะนั้นจะมาแยก 2 ได้ต้องเข้าใจว่าอาการ 2 อยู่ใน 1 สุขเป็นหนึ่งหรือทุกข์เป็นหนึ่ง แต่สุขทุกข์มันอยู่ด้วยกัน เผลอไม่ได้ เผลอปั๊บมันเป็นมายาหลอกเลย ต้องสิริมหามายา ผู้ใดทำจิตให้เป็นสิริมหามายาได้ เท่ากับผู้นั้นเป็นสิทธิธัตถะ สิริมหามายาก็เป็นสิทธัตถะ ทำจิตตัวเองให้เกิดเป็นสิทธัตถะ สิทธัตถะคือผู้ที่เลิกกิเลสตัณหาได้หมดสำเร็จแล้ว เป็นผู้สำเร็จในสิทธัตถะในเรื่องของกิเลส ไม่มีแล้ว เพราะฉะนั้นคุณจะมาเป็นสิริมหามายานี่ คุณจะอยู่กับสุขกับทุกข์ คุณจะอยู่กับโลกเขานี่อย่างอนุโลมปฏิโลม ได้เหมือนเล่นกล แต่ไม่เล่นกลหลอกคุณมีอยู่จริง คุณอนุโลมกับเขาได้ อย่างอาตมาอนุโลมกินอร่อย อาตมาว่าอาตมาไม่ติด เพราะเป็นสิริมหามายา มีสิทธัตถะอยู่กับตัวแล้ว สิทธัตถะคือผู้ที่สำเร็จแล้วในการทำกิเลสตัณหาออกหมด นี่แปลภาษาให้ฟังไทยๆง่ายๆ เป็นผู้ที่หมดแล้วเรื่องกิเลสตัณหาของท่าน เป็นผู้ที่สำเร็จหมดแล้ว 

ผู้สำเร็จประโยชน์อะไร ในคนเรามีประโยชน์อย่างยิ่งอะไร คุณไปล่าลาภ ได้ลาภเยอะเป็นประโยชน์ โอ้..คุณจะหลงอยู่อีกนาน อีกกี่ชาติไม่รู้ น่าสงสารคนที่มาบวชเป็นภิกษุ ได้ลาภมาโดยการครอบงำเขา ขออภัยนะพูดชัดๆหลอกให้เขามาทำทานบริจาค หลอกให้เขามาบริจาค  รวยลาภยศเละเลย  มหาบัวนี้ยังดีอยู่อย่าง หลอกให้เขามาทำทาน แต่ไม่เอามาไว้เป็นของตัว แต่เอาไปฝากไว้ในคลังของประเทศเป็นดอลลาร์บ้าง เป็นทองคำบ้างเต็มประเทศ มหาบัวติดไปเป็นตัวกูของกู สมบัติของประเทศ ข้าเป็นคนหาเข้าคลังนะ มหาบัวไม่อยู่หรอก เป็นจิ้งจกตุ๊กแกเฝ้าทรัพย์ เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ภาคภูมิใจมากแล้วได้ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขเพราะทำงานอันนี้ จนกระทั่งสถาบันหลักเชื่อมโยงเลย ซึ่งมองในโลกียะก็ดูดี แต่มองในโลกุตระแล้วเนี่ย มหาบัวก็บอกว่าหลงกระทั่งเป็นอรหันต์ เพราะโลกียะพวกนี้ครอบงำจิตตัวเองว่าตัวเองทำสำเร็จยิ่งใหญ่ แล้วไปหลงหลับตาแล้วปึ้งบรรลุ แล้วจำวันที่เวลาบรรลุได้ด้วยนะ ซึ่งมันเป็นเดียรถีย์แท้ๆเป็นเรื่องของโลกโลกีย์ ขอย้ำอีกทีว่า หยุด อวิชชาเป็นผี อย่าไปหลงผีเป็นเทวดา หยุด ไปหลงนั่งหลับตานั่นน่ะไปเมืองผีแล้วไปหลงว่าเป็นเทวดาเหมือนอย่างมหาบัวหลงแล้วก็นั่งหลับตาเป็นเดียรถีย์ทั้งนั้น แล้วจะหลงเช่นนี้ก็เป็นตัวอย่างกันอยู่นี่ ขออภัยอาตมาวิพากษ์วิจารณ์หนัก ก็เอาก็วิพากษ์วิจารณ์มานานแล้วไม่อยากให้เป็น

อาตมาสงสารก็เห็นอยู่ว่าตกอยู่ในวัฎสงสาร จมอยู่ในมิจฉาทิฏฐิและอวิชชาอยู่ ใครจะกล้ามาว่ามหาบัวอย่างนี้บ้าง ว่าออกอากาศถ่ายทอดไปทั่วโลก ขอบคุณมหาบัวที่อาตมาบังอาจไปหยิบมาเป็นตัวอย่างในการใช้อธิบายธรรมะ เพราะพฤติกรรมปรากฏการณ์จริงอยู่ในสังคม อาตมาไม่ได้พูดลอยลม พูดมีเหตุปัจจัยจริงอ้างอิงได้ เพราะอันนั้นมันผิด ไม่ได้ชังมหาบัว อาตมาสงสารมหาบัว ไม่ได้ข่มคุณเพื่อจะยกตัวเอง อาตมาไม่ต้องยกตัวเองเลย เพราะยกอย่างไร เขาก็ไม่ขึ้นให้หรอก สัจธรรมเท่านั้นถ้าคุณเห็นสัจจธรรมที่อาตมา คุณจะเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 20:57:56 )

สวรรค์ชั้นยามา

รายละเอียด

เมื่อได้สวรรค์นี้ ติดสวรรค์นี้คุณก็อยากให้ได้สวรรค์นี้ของคุณไปตลอดทุกยาม ยามต้น ยามกลาง ยามปลายก็เป็น สวรรค์ชั้นยามะ ยามา ก็อยากให้มีสวรรค์อย่างนี้แหละอยู่ไม่พราก ไม่จาก ไม่ไปไหนมีตลอดทั้งยามต้น ยามกลาง ยามปลาย ทุกอย่างติดต่อเนื่อง ยามะ แปลว่ามีตลอดไป ต่อเนื่องไป ยามะ 

อย่างคุณพยายาม ก็คือ ให้ยามมันเป็น ให้มันเกิดอย่างนั้นต่อเนื่องไป เป็นสวรรค์ที่ไม่ขาด ภาษาพยัญชนะจะใช้คำว่า นิรันดรไม่มีช่วงระหว่างที่จะขาดเลย ต่อเนื่องไม่มีช่วงระหว่างที่จะขาดเลยนิรันดร ยามะ จะต้องเป็นสวรรค์นิรันดร เป็นสวรรค์ต่อเนื่องไม่ขาดสาย 

ยามาเป็นพยัญชนะ เป็นตัวเป็นตนท้าวสุยามะ สุ แปลว่าดี  แปลว่ารู้  แปลว่าฉลาด เพราะฉะนั้นคนฉลาดก็รู้แล้วว่าไปเฝ้ายามอยู่ที่นั่นหรือไม่เฝ้า คนไม่รู้จักสุ ก็คือทุ คุณก็หลงเป็นสุขเป็นทุกข์คุณก็เฝ้าอยู่ ยามะ อยู่อย่างนั้นคุณก็เป็นยาม สุขด้วยนึกว่าเป็นสวรรค์ สวรรค์ชั้น 3 จตุ แล้วก็ดาวดึงส์ แล้วก็ยามะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 15:32:21 )

สวรรค์ต้องเป็นของอาศัยด้วยหรือไม่

รายละเอียด

คุณจะต้องไปอาศัยมันอีกทำไม ต้องรู้ให้เร็ว เลิกให้เร็ว จะต้องไปอาศัยต่องแต่งมันทำไม ไม่ต้องเลย คุณต้องรู้ว่าต้องตัดให้หมด หากคุณจะต้องอาศัยต้องพึ่งก็คือคุณยังไม่หมด มันเป็นความจำนนต่างหาก คุณจะไปไว้หน้ามันทำไม เอาใจมันทำไม อาตมาเป็นคนไม่เอาใจไม่ไว้หน้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 19:29:13 )

สวรรค์ทั้ง 6 คือนรกที่เลวร้าย

รายละเอียด

จะเห็นได้ว่าเขาเข้าใจว่าประเทศนี้เจริญ แต่เป็นยักษ์จตุมหาราชอยู่ จตุมหาราชไม่ใช่สวรรค์นะแต่เป็นนรก เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าใจผิดว่า เป็นยักษ์มารที่ฆ่าแกงคนอื่นชนะ พอชนะ เขาก็ดีใจเป็นดาวดึงส์ เป็นภพลวงเป็นภพที่ 33 ธรรมดาแล้วคนมีแค่ 32 อาการ แต่เป็นอาการที่ 33 เรียกว่าดาวดึงส์หรือ ตาวติงสา เป็นภพโมเม สร้างขึ้นมาลมๆแล้งๆว่าเป็นแดนสวรรค์ที่ฉันได้ชนะ ได้เปรียบ ได้อยู่เหนือเขา ซึ่งไม่ใช่แบบอุตตระนะ ไม่ใช่จิตวิญญาณเลิศเลอเหนือ แต่เป็นความเหนือด้วยอำนาจบาตรใหญ่อะไรก็แล้วแต่ตามที่ยักษ์มารมันเหนือ แล้วก็ดีใจเป็นดาวดึงส์ แล้วก็อยากเป็นอยู่อย่างนี้ให้นานๆเรียกว่า ยามา กาละเวลายามา ทุกยาม ทุกกาละ ยาม 1 ยาม 2 ยาม 3 ต่อเนื่องกันเลยให้มันยาวนาน อย่างนี้ฉันชอบฉันต้องการอย่างนี้ ไม่รู้จักดุสิต ไม่รู้จักความหยุดความเย็น เขาก็ไม่พัก มีโพธิสัตว์เท่านั้นแล้วก็ที่รู้แล้วก็ไปพักอยู่ที่ดุสิต สัตว์นรกไม่มีทางไปพักที่ดุสิตมันกระเหี้ยนกระหือรือ ดีไม่ดี หลงทิศหลงทาง สร้างวิมานบ้าๆบอๆเป็นนรกเรียกว่า นิมมานรดีสร้างเองนะเรียกด้วยความโง่เป็นอวิชชา หนักเข้าก็หลอกชาวโลก หลอกมนุษย์อื่นๆ ปรินิมมิตวสวัตตี  เข้ามาร่วมกันสร้างนรกขึ้นมา 

เพราะฉะนั้นสวรรค์ทั้ง 6 นี่คือนรกที่เลวร้ายและซับซ้อนโง่หนักโง่ซ้อนโง่ซ้ำ จนนึกว่าตัวเองเป็น ปรินิมมิตวสวัตตี อาตมา ได้ทำลายสวรรค์ 6 ชั้นลงหมดแล้ว เพราะมันคือนรก สุขกับทุกข์เป็นมายา สวรรค์และนรกก็เป็นมายาฉันเดียวกัน ผู้ที่มีภูมิธรรมโลกุตระ ก็จะรู้ว่ามนุษย์อยู่กับความจริงอย่าไปอยู่กับภพ หรือ เชิงความคิดที่หลงนรกหลงสวรรค์อย่างโง่ๆ เง่าๆ และประพฤติออกมาอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นคิมจองอึน ที่ก็ยังจะต้องหาอาวุธสร้างอาวุธไว้ป้องกันตัว เป็นยักษ์เป็นมารอยู่ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่สร้างอาวุธขึ้นมาเก่งๆ เดี๋ยวนี้อเมริกาก็ดี รัสเซียก็ไม่ใช่ด้อย สร้างอาวุธเก่งยิ่งใหญ่เหมือนกัน ประเทศที่สร้างไม่เป็นก็ซื้อไปอย่างเช่นตะวันออกกลาง ไม่ได้สร้างเท่าไหร่หรอก แต่ก็สร้างอยู่เหมือนกัน แต่ซื้อเสียส่วนใหญ่ เพราะเขามีเงินมาก ตะวันออกกลาง ก็ยังสะสมอาวุธกันอยู่นั่น ยังไม่ได้รู้จักเรื่องของแดนนรกแดนอบาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 เมษายน 2566 ( 18:00:07 )

สวรรค์นรกคืออะไร

รายละเอียด

สวรรค์คือจิตยึด มีแรง มีพลังส่วนหนึ่งยึด ยึดในภพชาติ วิมานเก๊ ทั้งที่มันไม่มีหรอก สวรรค์นรกไม่มี สวรรค์คือแดนที่จิตไปพักแล้วเป็นดาวดึงส์ ยามา ดุสิต เป็นพยัญชนะอธิบาย ดีไม่ดีไปล่า จาตุมหาราชิกาเป็นต้น เขาจะมีแต่วิมานเก๊ ยึดเก่ง แรงมาก เป็นพลังงานอุปาทานที่เขายึด ความหลง นี่คือ นิรมานกาย เป็นกายที่เขาสร้างเอง ไม่มีจริงหรอก จิตเขาเป็นนามตั้งมาเองเป็นรูป สวรรค์จะสวยอย่างไรก็เนรมิตเอา สวนนันทวัน มิสกวัน ก็สมมุติว่า สวนนี้มีอันนี้  รื่นรมย์ตามยึดสมมุติ หนึ่งแรงปั้นตามที่ตนเนรมิต สองแรงยึด แรงยึดมากก็นาน แรงยึดหมดก็ไม่มี ก็มีเท่ากับแรงที่ยึด หมดแรงยึดก็ตกนรก นรกเป็นอนุสัย หากกุศลหมด แรงยึดหมดก็จะมีนรกมาก นรกแต่ละคนที่ทำมาด้วยอวิชชามาเยอะมาก คนเราทำอกุศลวิบากมากกว่ากุศล ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว จนมาเป็นอเวไนยสัตว์ แล้วทำชั่วทำดี กุศลอกุศลอีกนานเท่าไหร่ กว่าจะมาพบโลกุตระ กว่าจะตั้งต้น หากไม่เรียนรู้ออกก็วนเวียนอยู่กับสวรรค์นรกนานช้า สักวันก็ต้องเบื่อและหาทางออก คุณเห็นทางออกแล้วอย่าช้า คว้ามีดพร้าจอบเสียมมา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:38:21 )

สวรรค์นรกในเทวนิยม

รายละเอียด

พระเจ้าที่บอกว่าเป็นเจ้าของความสุขแล้วจะสั่งให้คนอื่นลงนรก ตัวเองมีแต่สวรรค์คนนี้หลงตัวหลงตน จะเป็นเทวดาเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่ขนาดไหนก็หลงตัวหลงตนว่าเป็นคนสั่งสวรรค์เป็นเจ้าของสวรรค์ สิ่งเหล่านี้เป็นอาทิสมานกาย พระเจ้าก็เป็นอาทิสมานกายไม่มีใครเห็น สวรรค์ที่เป็นความสุข นรกคือความทุกข์ คุณเห็นของคุณเองทั้งนั้น คุณหลงว่าเป็นความสุขให้ความสุขมีนิรันดรพระเจ้าคือผู้อยู่ที่ในแดนสวรรค์นิรันดร เป็นเจ้าของสวรรค์ แต่ศาสนาพุทธตีทิ้งทั้งสวรรค์และนรกจึงรู้จักความจริง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:32:32 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:00:10 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:40:42 )

สวรรค์นั่นแหละคือนรกมายาของนรก

รายละเอียด

"เทวนิยม" เป็นสุขนิยมเป็นความรู้ที่เป็นตื้นตันอยู่แค่สวรรค์ เพราะฉะนั้นอย่าไปหวังหมดภพหมดชาติ  ไม่มีทางหมดภพหมดชาติ ไม่มีนิพพาน จะวนเวียนอยู่กับสูงต่ำ ต่ำสูง ดีชั่ว สุขทุกข์ วนเวียนอยู่นี้นานนับกัปกาลนิรันดรเลย ซึ่งเขาเข้าใจว่าเขาตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า มันไม่ได้อยู่กับพระเจ้าหรอก มันก็จะมาวนเวียนอยู่กับวิบากกรรม เกิดตายแล้วก็เกิดตายไปสู่ตัวเองสั่งสมทำบาปไว้ ยิ่งหลง พวกเทวนิยมยิ่งหลงยิ่งมาเกิดเร็ว เขานึกว่าเขาตายแล้วจะไปอยู่กับพระเจ้านิรันดรไปเลย ไม่จริง พวกเทวนิยมนี้ยิ่งเกิดเร็ว เพราะว่ากิเลสมันจะต้องไปสวรรค์ สวรรค์นั่นแหละพาให้เกิด แต่สวรรค์นั่นแหละคือนรกมายาของนรก เข้าใจให้ดีๆ ศาสนาพุทธถึงมาล้างความหลง ว่าคนเราจะเอาแต่สวรรค์เอาแต่นรกมันไม่มีทางจบ ต้องเข้าใจว่าสวรรค์นรกมันเป็นอันเดียวกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์  วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 10:47:59 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:08:51 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:42:06 )

สวรรค์ยิ่งเก๊ขึ้นไปมากเท่าไหร่นรกยิ่งจริงมากขึ้นเท่านั้น

รายละเอียด

สัตว์ที่เกิดมาทุกตัว ..เกิดมาเป็นสัตว์ ตั้งแต่เซลล์เดียวนี่มันคือเกิดเป็นทุกข์และสุขแล้ว เซลล์เดียวมันก็เกิดสภาวะคู่อันนี้แล้ว จนกระทั่งมันหลงสุขนะ สัตว์เซลล์เดียวก็หลงสุขจนกระทั่งกลายเป็นสัตว์หลายเซลล์ ล้านๆเซลล์จนกระทั่งมาเป็นคน แต่สัตว์เดรัจฉานมันเรียนรู้ไม่ได้ มันแยกสุขแยกทุกข์ไม่ได้ มันจะเอาแต่สุขตามที่มันชอบ สุขคืออารมณ์ที่ตัวเองชอบ ตัวเองใคร่อยาก ทุกข์คืออารมณ์ที่ไม่ชอบ มันก็จะผลักทุกข์อยากได้สุขทั้งนั้น คนทุกคนก็เหมือนกัน ที่ยังไม่มีคุณธรรมทางโลกุตรธรรม 

แม้กระทั่งศาสนาเทวนิยม ก็ไล่แย่งสุข แม้แต่ทักษิณ ชินวัตร ก็ไล่แย่งสุข แม้แต่ธัมมชโยก็ไล่แย่งสุข ไม่ได้เข้าใจทุกอาริยสัจที่จะเลิก 

เพราะฉะนั้นเขาก็พยายามที่จะเลี่ยง แต่เขาก็ยิ่งทุกข์ซับซ้อน โดยอาศัยทั้งทรัพย์สิน เงินทอง อิทธิพล บริวารอะไรต่างๆนานา รองรับเขาไว้ เหมือนกับเขานอนอยู่บนฟูกที่หนาตั้งไม่รู้กี่ชั้น คล้ายๆอย่างนั้น แล้วก็นึกว่า เขาเองเขาพ้นทุกข์

เปล่า ยังไม่ได้ดับเหตุแห่งทุกข์ตามปรมัตถสัจจะอะไรเลย เพราะฉะนั้นพวกนี้ยังอีกนานหลายชาติ แล้วก็วิบากที่เขาก่อ ไปเป็นของตนที่เอาไปใช้บำเรอตัวเองนั้นอีกนาน ขออภัย ต้องบอกเป็นล้านๆชาติที่เขาจะต้องรับวิบากพวกนี้ต่อไป ถ้าเขาไม่จบอันนี้นะเขายังจะสะสมสิ่งที่เขานึกว่าหลงว่าเป็นสุขอีกนาน เขายิ่งสะสมชาติที่จะเกิดลงไปนรกอีกไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้น มันซับซ้อนอย่างนี้คุณว่าคุณได้สวรรค์เก๊แล้วนรกมันยิ่งจริง สวรรค์มันยิ่งเก๊ นรกมันยิ่งจริง คุณก็จะยิ่งได้มัน..คู่กันนะ สวรรค์ยิ่งเก๊ นรกยิ่งจริง สวรรค์ยิ่งเก๊ขึ้นไปมากเท่าไหร่นรกยิ่งจริงมากขึ้นเท่านั้น เลิกเถอะสภาพคู่พวกนี้สภาพสองพวกนี้เลิก 

ถ้าไม่เลิกคุณจะยิ่งแยกสวรรค์โลกห่างกันไปเรื่อยๆ มันหลอกเราอย่างนั้นจริงๆ เขาภาคภูมิใจรู้สึกว่ายิ่งยินดีมันจึงเป็นสัจธรรมที่คนรู้ตัวไม่ใช่ง่าย ถ้ามันง่ายมันก็มาเป็นอย่างพวกเราหมดน่ะสิ 

แม้แต่ตัวไม่สุขไม่ทุกข์มันก็ไม่ได้เกิดพร้อมกันมันคนละลักษณะ 

ขยายความให้นิดหน่อยว่า สุขกับทุกข์มันคนละอย่างกัน แม้ไม่สุขไม่ทุกข์มันก็คนละอย่างกัน แต่สุขกับทุกข์มันแยกกันไม่ได้ ถ้าจะแยก ต้องเอาทิ้งทั้งหมด ทิ้งทั้งสุขและทุกข์ก็จะเกิดความไม่สุขไม่ทุกข์ เพราะฉะนั้นคุณจึงมาหาทางไม่สุขไม่ทุกข์ด้วยวิธีเดียรถีย์เขาทำได้ เขาก็ไปดับสัญญาไม่พิจารณาอะไร เป็น อสัญญีสัตว์ เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะสุข จะทุกข์ เขาก็หลง อาฬารดาบส อุทกดาบส ทำ ซึ่งแบบมิจฉาทิฏฐิในศาสนาพุทธทุกวันนี้มีเยอะนั่งสะกดจิตทำ ซึ่งไม่ใช่วิธีที่จะเรียนรู้ดับเหตุคือดับกิเลส ตัณหาอุปาทาน ดับจนหมดสิ้นอาสวะและหมดสิ้นสุขทุกข์ไม่ได้มาเรียนรู้ตรงนี้มันก็เลยไม่หมดได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 51ลดละจากมหามาสู่จุล เปลี่ยนจากไม่เห็นด้วยจนมาเห็นได้ วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 ขึ้น 5 ค่ำเดือนยี่ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 20:39:41 )

สวรรค์ลวง

รายละเอียด

นรกแท้ ๆ ที่ตนรู้ไม่ได้นั่นเอง

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 185)


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:52:11 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:43 )

สวรรค์หรือนรก

รายละเอียด

สวรรค์หรือนรกจึงไม่มีนอกจิตวิญญาณ จิตวิญญาณอยู่ที่ไหนสวรรค์หรือนรกอยู่ที่นั่น

สวรรค์หรือนรก ไม่ใช่แดนถิ่น ที่เป็นสถานที่อันประกอบไปด้วยดิน น้ำ ลม ไฟ หรือมหาภูตรูป

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 19


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 16:19:42 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:51 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:06:01 )

สวรรค์เป็นแดนมายาเป็นแดนนรก

รายละเอียด

เป็นเทพเทวดารูปใดรูปหนึ่ง เพลิดเพลินอยู่ที่บัลลังก์

ศาสนาพุทธไม่มีสวรรค์ไม่มีเทวดาไปหลงสวรรค์ที่ไหนเลย สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี สวรรค์ 6 ชั้นเป็นแดนของคนโง่ คนโง่ยังติดสวรรค์ ศาสนาพุทธไม่ได้มีสวรรค์ไม่มีนรก หมดสวรรค์หมดนรกจึงเป็นอรหันต์ ถ้ายังเข้าใจสวรรค์ยังเข้าใจนรกไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นอรหันต์ ยังหลงสวรรค์อยู่และยังส่งเสริมกันไปสวรรค์ คุณก็ยังไม่มีทางที่จะไปช่วยมนุษย์โลกเขาได้ เพราะสวรรค์มันน่าได้น่ามีน่าเป็นยิ่งกว่านรกหรือไม่ ไปส่งเสริมสวรรค์มันก็ติดกันหนักเข้า ไปส่งเสริมนรกใครเขาก็ไม่เอา แต่ไปส่งเสริมสวรรค์มันก็ติดกันหนัก ส่งเสริมมันก็ยังเผลอติด แวบติดใช่ไหม เพราะฉะนั้นจงพยายามอธิบายสวรรค์ให้ได้ว่ามันเป็นมายา สวรรค์เป็นแดนมายาเป็นแดนนรก สวรรค์กับนรกอันเดียวกันแยกกันไม่ออกหรอก เป็นหนึ่งเดียวกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 19:25:37 )

สวรรค์โลกีย์

รายละเอียด

1. จิตที่มีอารมณ์สุขเพราะเจริญด้วยโลกธรรม 4 ได้แก่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขในกามคุณ5

2. เทวดาประเภทที่มีกามาวจรโสภณจิต

3. เทวดาประเภทที่มีสภาพรูปาวจรจิต และอรูปาวจรจิต เป็นเทวดาที่ปฏิบัติจิตภาวนาแต่ยังไม่สัมมาทิฏฐิ เป็นต้นว่าปฏิบัติสมาธิแบบนั่งหลับตาเข้าไปอยู่ในภวังค์จนได้รูปฌานโลกีย์และอรูปฌานโลกีย์ที่ยังไม่ใช่ฌานแบบพุทธอันเป็นโลกุตระ

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 29, 30


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:53:42 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:57 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:05:37 )

สวากขาตธรรม

รายละเอียด

1. คำตรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งได้ตรัสไว้ดีแล้ว

2. เป็นไปตามธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างดีแล้ว

3. คำสอนที่เป็นพุทธพจน์อันตรัสไว้ดีแล้ว

หนังสืออ้างอิง

 

ทางเอก ภาค 1 หน้า 4

สมาธิพุทธ หน้า 158

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 150


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:55:02 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:16:38 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:05:00 )

สวากขาโต

รายละเอียด

1. คำตรัสที่ตรัสไว้ดีแล้ว

2. คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ดีแล้ว

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 439

เปิดโลกเทวดา หน้า 178


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:55:55 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:48 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:03:51 )

สสังขาริก

รายละเอียด

ตัวชักจูง ดุนดัน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 393


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:56:37 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:22 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:01:59 )

สสังขาริกัง

รายละเอียด

รู้ว่ามีเหตุอยู่ มีเชื้อเค้ากระตุ้นเป็นต้นตออยู่ทั้งสิ้น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2หน้า 204


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:57:23 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:57 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:02:19 )

สสังขาริกัง 

รายละเอียด

สสังขาริกัง  คือ ตัวการมาปรุงแต่ง คือ กายกลิ คือ กิเลส อาการกิเลส

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:47:42 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:01:15 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:01:40 )

สห

รายละเอียด

ร่วม  ความประกอบที่เกิดขึ้น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 230


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:58:49 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:23:03 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:02:39 )

สหคตทุกข์

รายละเอียด

1. ทุกข์ที่ดำเนินไปร่วมกับชาวโลกีย์ เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข

2. ทุกข์ไปด้วยกับโลก เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 79

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 113


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:59:57 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:19 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:03:28 )

สหธรรมิก

รายละเอียด

เพื่อนนักปฏิบัติธรรม

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 173


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 22:00:36 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:08 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:03:01 )

สหรัฐอเมริกา ต้องให้ตัวเองเป็นหนึ่งให้ได้ ได้อย่างเดิม

รายละเอียด

คือทุนนิยมเป็นเรื่องเลยร้าย  ตอนนี้   สหรัฐอเมริกา ก็ยังไม่ยอมที่จะลดราวาศอก จะต้องให้ตัวเอง  เป็นหนึ่งให้ได้อย่างเดิม  ต้องเป็นหนึ่ง  ต้องมาก่อนอเมริกาก่อน  ต้องเป็นใหญ่ เป็นเรื่องชี้บ่งสภาวะจริงของโลก  สหรัฐอเมริกา เขาก็จะต้องประพฤติ  ปฏิบัติตามที่คนของเขามีความรู้  ความเห็น  ความยืดถือ  องค์รวมของคนอเมริกันเขาจะมีความรู้  องค์รวมใน Concept   ของชาวอเมริกันทั้งหมดมันจะเหมือนกันทั้งหมด  ถ้าไม่ทั้งหมดมันจะแตกเลย  แต่นี่มันเหมือนกันทั้งหมด  จึงได้เกาะกลุ่ม ร่วมกันประเทศเป็นสหรัฐเขาจะต้องใช้ความรวมอันนี้แหละ  เขายิ่งมสิทธิความเห็นความอย่างชนิดวิธีเลือกตั้ง  ซึ่งการเลือกตั้งก็ใช้แทคติก        ของผู้ที่จะมีวิธีการได้เปรียบเพื่อที่ตัวเอง จะให้ได้รับเลือกอย่าเช่น โดนัลด์ ทรัมป์

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:40:09 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:02:10 )

สหรัฐอเมริกาต้องให้ตัวเองเป็นหนึ่งให้ได้อย่างเดิม

รายละเอียด

ทุนนิยมเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ละคนให้มีทุนเท่าที่ตัวเองพอใจมันไม่ได้ ตอนนี้สหรัฐอเมริกาก็ยังไม่ยอมที่จะลดราวาศอก จะต้องให้ตัวเองเป็นหนึ่งให้ได้อย่างเดิม ต้องเป็นหนึ่งต้องมาก่อน อเมริกาก่อน ต้องเป็นใหญ่ เป็นเครื่องชี้บ่งสภาวะจริงของโลก สหรัฐอเมริกาเขาก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตามที่คนของเขามีความรู้ความเห็นความยึดถือองค์รวมของคนอเมริกัน เขาจะมีความรู้องค์รวมใน Concept ของชาวอเมริกันทั้งหมดมันจะเหมือนกันทั้งหมด ถ้าไม่ทั้งหมดมันจะแตกเลยแต่นี่มันเหมือนกันทั้งหมดจึงได้เกาะกลุ่มร่วมกันประเทศเป็นสหรัฐ เขาจะต้องใช้ความเห็นรวมอันนี้แหละ เขายิ่งมีลัทธิความเห็นรวมอย่างชนิดวิธีเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งก็ใช้แทคติก ของผู้ที่จะมีวิธีการได้เปรียบเพื่อที่ตัวเองจะให้ได้รับเลือกอย่างเช่นโดนัลด์ ทรัมป์ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 10:14:23 )

สหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่างของประชาธิปไตยเก๊

รายละเอียด

แบบประชาธิปไตยที่ปลอม เช่น สหรัฐอเมริกาเป็นประชาธิปไตย เก๊ มาเก๊จนกระทั่งคนเห็นพุงเห็นไส้มากที่สุดก็ในยุคโดนัลด์ทรัมป์นี่แหละ ขนาดนี้ยังไม่ยอมเลย ยังดึงดัน จะกลับไปเป็นประธานาธิบดีต่อให้ได้ ขนาดแพ้ขนาดนี้ มันเป็นเรื่องซับซ้อน 

อาตมาว่า ที่ทรัมป์ดึงดันเพราะอะไร เขาต้องดิ้นที่สุด หากหลุดออกไป เขามีเบื้องหลังที่จะถูกเปิดเผยถูกตามเก็บด้วยกฎหมาย นี่คือเรื่องของสิ่งที่มันเป็นอยู่จริง เพราะฉะนั้นเขาจึงดิ้นสุดท้ายตายเป็นตายมันก็เลยดูยิ่งทำให้ระบบการเมืองประชาธิปไตยระบอบประชาธิปไตยขาเดียวของสหรัฐซึ่งทำให้คนเข้าใจว่า สหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่างของประชาธิปไตยแท้ๆ เป็นตัวอย่างที่ดีใหญ่ ซึ่งอาตมาบอกว่าประชาธิปไตยแบบนั้นไม่สมบูรณ์แบบโดยธรรมชาติสมบูรณ์ซึ่งมันจะต้องมี 2 มีรูปกับนาม มีฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลที่สมดุลกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:27:26 )

สหรัฐอเมริกาไม่ได้เจริญกว่าไทยเลย

รายละเอียด

โควิดเป็นอันหนึ่งในสังคมโลก จะมาทดสอบมาออกข้อสอบให้มนุษย์ทำข้อสอบปรากฏว่ามนุษย์ชาติไหนเจริญ  ชาตินั้นก็จะถูกโควิดเล่นงานน้อย ตายจากโควิดน้อยก็เป็นคำตอบได้ว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้เจริญกว่าไทยเลย เพราะว่าติดโรคมากตายก็มาก ไทยติดน้อยตายน้อย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 12:03:20 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:08:23 )

สหัมบดี พรหม อาราธนาพระพุทธเจ้าอยู่สอนผู้ที่มีธุลีในดวงตาน้อย

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าสมณะโคดมอุบัติขึ้นมาแล้ว เมื่อตรวจดูโลกก็พบว่ามีแต่คนกิเลสหนา  ตัณหาหยาบและเหนียว  จะสอนกันรู้เรื่องกันได้หรือ  ก็จะไม่สอนดีกว่า  ทันที่ที่่ดำริอย่างนี้  ยังไม่ทันไร สหัมบดีพรหม ก็บอกว่า ฉิบหายแล้วพระเจ้าข้า  สหัมบดีพรหมคือ  รวมพรหมทั้งหลาย  มาอาราธนาให้ท่านสอนคนอีก ท่านก็มาตรวจดูพบว่า คนที่พอมีธุลีในดวงตาน้อย มันยังไม่ถึงขั้นมีภูเขาในดวงตา  ยังพอสอนได้นะ  ผู้มีธุลีในดวงตาน้อยยังมีอยู่ก็พอได้  ก็เลยเทศน์  กัณฑ์ที่  1 ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร มีอัญญา อัญญาโกณฑัญญะมี อัญญธาตุ รู้โลกุตระ ที่ต่างจากโลกียะเป็นธาตุใหม่  เมื่อเทศน์กัณฑ์แรก ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อัญญาโกณฑัญญะก็ได้รู้แล้ว  พระพุทธจ้าอุทานว่า  อัญญสิวตโภโกญทัญโญ  โกณฑัญญะได้ธาตุใหม่นี้แล้วปลูกฝังได้  ต่อมาเทศน์กัณฑ์ที่ 2 อนันตลักษณสูตร พรหมณ์ อีก 4 ท่าน ก็ได้รู้ จากนั้นก็ไปเทศนาโปรดพวกอื่นๆ  เช่น พวก ชฎิล 3 พี่น้อง พระพุทธเจ้าทำได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 13:45:07 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:06:19 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:45:30 )

สหัมบดีพรหม ก็คือตัวเราเอง เป็นพลังงานธาตุรู้ตัวหนึ่งที่มันสำนึกขึ้นมาอธิบายเป็นปุคลาธิษฐาน

รายละเอียด

ที่คุยกับเทวดาเช้านี้ก็เป็นธรรมะธรรมดาๆ  ว่าธรรมะอันนี้ถ้าจะลึกลงไปขนาดนี้ก็มีหลายเรื่อง "สหัมบดีพรหม" ก็ไม่น่าจะเข้าใจยาก  สห แปลว่าทั้งนั้น รวมไปหมด  สหะ แปลว่าร่วมรวมกันมากเท่าไหร่ก็สหะเท่านั้น เช่น สหบาทา มีตีนเท่าไหร่ก็เอามาลงหมด สหัมบดี บดี คือ ปติ หรือบดี แปลว่าผู้เป็นใหญ่ เพราะฉะนั้นพรหมผู้เป็นใหญ่เป็นการเรียกตามสมมุติว่าเป็นผู้ที่เป็นใหญ่ พรหมผู้ที่เป็นใหญ่เข้ามาร่วมกันเลยมาอาราธนาพระพุทธเจ้า ว่าฉิบหายใหญ่แล้วนะพระผู้มีพระภาค ถ้าเผื่อว่าพระผู้มีพระภาคไม่มาเทศน์ ไม่มาบรรยาย ไม่มาสอนมนุษย์แล้วก็ชิบหายใหญ่เลย  เตือนสติ จะว่าพระพุทธเจ้าจะสติตกหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นการเตือนสติท่าน พระพรหมก็คือจิตวิญญาณ เมตตา กรุณา มุทิตาอุเบกขาของพระองค์เอง สำนึกของพระองค์เองนั่นแหละ สหัมบดีพรหม ก็คือตัวเราเอง เป็นพลังงานธาตุรู้ตัวหนึ่งที่มันสำนึกขึ้นมา สำนึกขึ้นมาได้เองก็อธิบายเป็นปุคลาธิษฐานเป็นสหัมบดีพรหม แปลว่าพระพรหมทั้งหลายแหล่ร่วมขบวนกันมาอาราธนา บอกว่าไม่ได้หรอกพระพุทธเจ้าข้า คือพระพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงธรรมไม่โปรดสัตว์นี้ ไม่ไหวหรอก ชิบหายใหญ่แล้ว พระพุทธเจ้าก็ได้พระสติ ก็เลยตรวจอีกทีหนึ่ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เทสน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 12:03:34 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:14:37 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:46:26 )

สหัมบดีพรหม อาราชนาสมณะโพธิรักษ์ไว้

รายละเอียด

คือ อาตมาตั้งใจวันสองวันนี้  จะตายไม่ได้ง่าย ๆ เพราะว่าสังคมประเทศชาติแย่ นายธนาธร ก็ยังเอาจังเลย หนักเลย  อาตมาจึงต้องหนุ่ม  ขณะนี้ยังไม่หนุ่ม  ต้องหนุ่มกว่าธนาธร สหัมบดีพรหมก็อาราธนาไว้  อาตมาก็รับอาราธนาว่าจะไม่ตายง่ายๆ  มันจะได้พิสูจน์ว่า เราจะต้องฝืนการตายของเหตุปัจจัย  ซึ่งจริงๆแล้ว เหตุปัจจัยแน่นอนมาลงตัวจะได้เป็นไป หากกายสเภทาปรัมมรณา ก็ต้องตาย  เราจัดการรูปนาม  2 สภาวะ  ทำให้เกิดพลังงานที่สร้างตัวตน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:39:13 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:08:42 )

สหาย (สห + อาย)

รายละเอียด

ตัวร่วมประโยชน์  ผู้ร่วมประโยชน์  ประโยชน์ร่วมกัน

(สห = ร่วม,ความประกอบที่เกิดขึ้น ; อาย  = ประโยชน์)

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า630


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 22:01:17 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:55 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:04:17 )

สอง ภาษาไทยว่า เทวฺ หรือเทวะ เทวะแปลว่าสอง และแปลว่าผู้ยิ่งใหญ่ผู้เจริญ

รายละเอียด

เรื่องที่พูดเป็นเรื่องธรรมะที่ยิ่งใหญ่ อาตมาได้สรุปชี้บอก อธิบายให้เห็นว่าคำว่าสอง ภาษาไทยว่า เทวฺ หรือเทวะ เทวะแปลว่าสอง และแปลว่าผู้ยิ่งใหญ่ผู้เจริญ เจริญสูงสุดเป็นจอมเทวะเป็นพระเจ้า ศาสนาพุทธรู้สองเป็นหนึ่ง หนึ่งเป็นสอง เราก็เลือกใช้ได้ ในจักรวาลจะมีสองเสมอ มีวัตถุกับนาม มีกายกับจิต เรียนรู้สองนี่แหละยิ่งใหญ่ที่สุด จนรู้แจ้งรู้ครบรู้ชัด ใช้งานได้อย่างเป็นตัวแทนสลับไปสลับมา จะให้เกิดหรือไม่ให้เกิด เป็นผู้ให้เกิดคือมาตา ให้เกิดสิ่งวิเศษที่สุด ให้เกิดสิทธัตถะ คือมายา แต่เป็นสุดยอดของมายาคือสิริมหามายา หน้าที่ให้เกิด พลังต่อเนื่องถึง 7 วัน พระมารดาก็ต้องตาย จริงๆแล้วมีอะไรละเอียดลึกซึ้งมากกว่านี้ อาตมาอธิบายสัมมาทิฏฐิ 10 ถือว่าเปิดเผยความจริงไปพอสมควรแล้วแต่ก็รู้ว่าตัวเองไม่ลึกซึ้งละเอียดพอ

ที่มา ที่ไป

พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 10:45:09 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:10:35 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:47:04 )

สองคนยลตามช่องก็ได้ตามภูมิตามวิจารณญาณแต่ละคน

รายละเอียด

สองคนยลตามช่อง อาตมาว่า ประชานิยมน้อยกว่าตอนทักษิณมากมาย ก็ได้ตามภูมิ เขาก็ใช้วิจารณญาณตามแต่ละคน ก็ไปตัดสินเอาเองแต่ละคน มันมีความเห็นหลากหลายอย่างนี้แหละดีแต่ไม่ผิดหรอก แต่คมชัดแม่นก็แล้วแต่คน คนนี้เอาทั้งมุมกว้างและมุมเนื้อในมาดี แต่ความคมชัด ของ status quo เราจะได้รู้ถึง gap ของความคมชัดในการแม่นยำใน ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำได้ชัดเจนดี หรือ gap มากขึ้น เกิดความยึดทางที่ผิดจากความเป็นจริงหรือใกล้ความเป็นจริงก็ใช้ภูมิปัญญาของแต่ละคนเอา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:52:00 )

สองคำที่เข้าใจผิดกันมากคือธุตังคะกับธุดงค์

รายละเอียด

ต่อมา อาตมากำลังอธิบายถึงเรื่องที่เข้าใจผิดกันในศาสนาพุทธมากเลย คือ เรื่องของ ภาษาสองคำ ภาษาไทยๆง่ายๆคือคำว่า ดง กับคำว่า เดิน โดยเข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้านั้นคำว่า ธุตังคะ ภาษาบาลีคือองค์แห่งธุตะ แล้วก็ไปเข้าใจตีความหมายคำว่า ธุตังคะ หมายถึงออกดงออกป่า หรือแปลว่าธุดงค์คือการเดิน ซึ่งไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ศาสนาพุทธไม่ได้วุ่นวายกับออกดงออกป่าหรือการเดิน แต่ในอินเดียเดินมาก ภิกษุสมัยพระพุทธเจ้าออกบวชแล้วก็เดินตลอด เดินไปเดินมา ยิ่งยุคพระพุทธเจ้าไม่มีรถราอะไรมากมาย จึงได้แต่เดินไปเดินมา ไม่ได้ออกป่า แต่เป็นความจำนนที่ต้องเดินเท่านั้นเอง เดินเหยียบนาเหยียบข้าว ไม่ใช่ป่า จนกระทั่งชาวบ้านเดือดร้อนว่า พระของสมณโคดมเดินไปเหยียบข้าว ให้หยุดเสียบ้าง พระพุทธเจ้าจึงออกกฎระเบียบว่า ในเข้าพรรษาให้หยุดเดิน หน้าของการทำนา ฤดูฝน ก็แสดงว่า เดินในเมืองในนา ที่ไม่ใช่ป่า เดินเหยียบนาเหยียบข้าว ก็ประชาชนเดือดร้อน พระพุทธเจ้าจึงออกกฎระเบียบให้หยุดเดินออกไปในหน้าฝน จึงเรียกว่าจำพรรษาให้อยู่กับที่ ก็เป็นอย่างนี้ มีหลักฐานต่างๆในพระธรรมวินัย ยืนยันชัดเจน ว่ามันไม่ใช่เรื่องลึกลับ ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:37:37 )

สองตระกูลของธรรมชาติของจิต

รายละเอียด

เป็นสองตระกูลของธรรมชาติของจิต พระพุทธเจ้าก็ต้องจำนน สายเทวะกับอเทวะ สายปัญญากับศรัทธา หากสายอเทวะ สายปัญญาแต่อ้อนแต่ออกก็ง่าย แต่สายศรัทธาสายเจโต ก็อีกอย่างนึง 

สายโมคคัลลานะกับสายพระสารีบุตร มันคนละสายจริงๆ สายธัมมานุสารีกับสายสัทธานุสารี มันคนละสายจริง 

เพราะฉะนั้นถ้าไม่ยอมรับว่าอันนี้ต่างกัน มันเหมือนเชิงดูถูกว่าศรัทธามันจะช้า เจโตมันจะไม่เก่งทางเฉลียวฉลาดทางรู้เร็ว ทางฉลาดไว มันไม่ใช่ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 07:54:36 )

สองยุคกาล ที่พระพุทธเจ้าไม่มาเกิดมีในยุคใด

รายละเอียด

ฟังดีๆ ยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้าคือ

1.ยุคที่คนเสื่อม เป็นคนที่ส่วนใหญ่ของโลกมนุษย์โลก เป็นยุคที่คนในโลกมนุษย์โลกนั้นเสื่อมภูมิปัญญาที่จะรับพระธรรม จริยธรรมโลกุตรธรรมได้น้อย ได้น้อยไม่พอมือพระพุทธเจ้า ที่จริงท่านให้ได้แต่คนมันไม่มีภูมิธรรมที่จะสามารถรับความรู้ของพระพุทธเจ้า มันแกล้งไม่ได้ จะรับมันแกล้งไม่ได้เพราะว่าภูมิมันไม่ถึงจริงๆ มันเสื่อม จะบอกว่าสมองไม่เจริญพอ จะบอกว่าจิตวิญญาณไม่เจริญพอ ก็ใช่ คนยุคนี้ 

ผู้ที่เจริญผู้ที่รับโลกุตรธรรมได้จึงเป็นผู้เจริญจริงๆ ในยุคนี้ คนที่รับรองคุณธรรมได้แล้วมาเป็นเรื่องจริง เป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ระดับ 5 ระดับ 6 ขึ้นมาอีก มันจะเจริญจริงๆในโลกนี้ แล้วก็มีผู้เจริญสูงสุดในยุคที่มีพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้ามีเกิดในยุคนั้น 

2.ยุคที่คนดีสงบ ดีหมดแล้ว ไม่จำเป็นที่พระพุทธเจ้าจะเกิดอุบัติขึ้นมาสอนทำไม เป็นยุคที่คนสบายดีไม่เดือดร้อน จะเป็นมนุษย์ที่มีจำนวนไม่มากก็ตาม จะมีจำนวนมากก็ตามแต่สงบดีมากเลย มีคุณธรรมเพียงพอ พระพุทธเจ้าก็ไม่ต้องไปปรากฏตัว ให้แต่แค่พระโพธิสัตว์มาเกิดในยุคที่คนดีเท่านั้นก็พอ พระโพธิสัตว์ต้องเรียนต้องตามเรียนรู้ทั้งในยุคที่คนเสื่อมและในยุคที่คนดี พระโพธิสัตว์ต้องเรียนรู้ทุกยุค ต้องเรียนทุกยุค ตามฐานะของแต่ละโพธิสัตว์ต้องมาเรียนแต่ละยุคกาล อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2565 ( 14:05:13 )

สองเป็นหนึ่ง

รายละเอียด

ปั้นอันหนี่ง ปั้นไม่มีให้มี อีกอันหนึ่งความมีให้ไม่มี อย่างน้อยก็แก้ให้เป็น 2 ได้แล้วแต่เป็น 4 เป็น 8 เป็น 16 

สองปั้น เอามารวมกันเป็นปั้นเดียว ทั้งที่มันมี 2 ปั้น ก็ปั้นแน่นรวมกันเป็นหนึ่งให้เป็นอันเดียว ที่จริงในนั้นมันมีอีกเป็นล้าน แล้วคุณก็ไปหลงรวมกัน ไอ้นี่ก็ปั้น หลงทั้งความมีและไม่มี 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 02 มกราคม 2563 ( 14:54:12 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:12:29 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:47:41 )

สองเป็นหนึ่งคือจิตประสานกันรวมกันเป็นธรรมะสอง

รายละเอียด

คนคิดไม่เหมือนกัน นึกไม่เหมือนกัน มันก็ขัดกันไป จนกว่าคนจะรู้จัก มันธรรมดาทุกอย่างอณูปรมาณู สองตัวสองแบบ มันไม่มีอะไรเท่ากันมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แล้วเราก็รู้ เอ้อ มันก็อันนั้นของอันนั้น อันนี้ของอันนี้ แล้วเราก็จบ ทีนี้เราไม่รู้ เราบอกมันต้องเป็นอย่างเดียวกัน จริงๆ มันเป็นอันเดียวกัน มันอยู่ที่ใจเขา ใจเขาเข้าใจแล้วเขาก็ยอม ประสานกัน แต่ที่จริง มันก็คนละตัว มันอยู่ที่คนที่เขายอมประสานกันเท่านั้นเอง คนไม่ยอมประสานกัน มันก็ต้องไม่ประสานกัน เพราะว่ามันคนละอย่าง สองมันก็คือ ไม่ใช่หนึ่ง โดยสัจจะสองมันก็ต้องสอง หนึ่งมันก็ต้องหนึ่งสิ แต่ทีนี้มันสองหนึ่ง ก็คือ จิตของคุณประสานกัน รวมกัน มันก็เป็นอายตนะ มันก็เป็นธรรมะสอง

ที่มา ที่ไป

ธรรมะ 2 รวมเป็นเวทนา 1 โดยส่วน 2 ภาคประสานงาน

สื่อธรรมะพ่อครู(ปฏิจจสมุปบาท) ตอน ธรรมะ 2 รวมเป็นเวทนา 1 โดยส่วน 2 ภาคประสานงาน วันที่ 13 กรกฎาคม 2561


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 14:53:38 )

สอนกันอย่างไม่เดียงสาในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คือไม่รู้ศาสนาพุทธเลย พวกที่สอนกัน ทำทานกรวดน้ำให้ผู้ตาย เป็นเดียรถีย์ทั้งนั้นเลย แม้แต่เอาเป็นคำพร ยถาวารีวหาฯ ก็ทั้งนั้นเลย มหาบัวพอเทศน์เสร็จก็จะบอกรับพร  ยถาวารีวหาฯ จบสาธุใส่หัวใส่เกล้า เดียรถีย์ก็ทำกันอย่างนี้ น่าสงสาร เด็กๆพวกนี้ทำอย่างไม่เดียงสาเลย ไม่น่าเอ็นดู ทำแล้วน่าสงสาร เห็นแล้วว่าเขาจมอยู่ในสงสาร จะว่าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะไม่ว่าก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็จำเป็นต้องว่า มันก็ได้แต่จำนนต้องว่า เอาแต่มรรคองค์ 8 ก็ไม่เหลือแล้ว กลายเป็นนั่งหลับตา อาชีวะ 5 ก็ไม่รู้ กัมมันตะ วาจาก็ไม่รู้ วาจาก็อย่าไปพูดซะ ก็อย่าไปคิดนั่งดับเข้าไป ก็เป็นแบบนี้แหละที่เขาทำมากันตั้งแต่ไหนแล้ว ดับเข้าไปๆ อย่าไปคิดอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 16:03:29 )

สอนคนสร้างคนให้หมดตัวตนจนทำเพื่อผู้อื่น

รายละเอียด

ฉะนั้นการที่จะสอนคนสร้างคน ให้คนลดความเป็นตัวตน รู้จักสิ่งที่สังขารปรุงแต่งต่างๆกันมีความเจริญพัฒนาไปกว้างขึ้น แล้วตนเองก็ยิ่งลดตัวเอง จนหมดตัวหมดตนเป็นพระอรหันต์ ผู้หมดตัวหมดตนแล้ว เราจึงทำเพื่อผู้อื่นตลอดไปทั้งหมด ผู้ที่หมดตัวหมดตนแล้วเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ที่ฉลาดยิ่งขึ้นเกินกว่านั้นต่อไปอีก ก็จะเป็นพวกที่เพิ่ม ในปัญญา ในข้อ 4 ข้อ 5

เกิดสภาพเคี่ยวแน่น สังเคราะห์เพิ่มเติมขึ้นไปอีก เจริญตกผลึกมาเป็นพระอาริยะ เกิดเป็นปัญญาข้อที่ 6 เป็นปัญญาที่เจริญจากปัญญาทั้ง 5 แล้วก็สั่งสมลงเป็นปัญญาข้อที่ 6 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด นักเรียนสัมมาสิกขา ปีการศึกษา 2562-2563

วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 20:35:03 )

สอนฆราวาสให้พ้นมิจฉาชีพทั้ง 5

รายละเอียด

คุณว่าอาตมาอยู่อย่างราชา อาตมาไม่ได้ประกอบอาชีพอย่างฆราวาส มีแต่สอนให้ฆราวาสประกอบสัมมาอาชีพ พ้นมิจฉาชีพทั้ง 5 ประการ

1. การโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น (กุหนา)  มีในงานการเมือง .

2. การล่อลวง หลอกลวง (ลปนา) ในนักธุรกิจ-การเมือง .

3. การตลบตะแลง (เนมิตตกตา)  ยังเสี่ยง-ยังไม่แน่แท้

4. การยอมมอบตนในทางผิด  อยู่คณะผิด (นิปเปสิกตา)

5. การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ  ลาภัง  นิชิคิงสนตา)

(พตปฎ. เล่ม 14   ข้อ 275   มหาจัตตารีสกสูตร)

อาตมาสอนจนชาวอโศกพ้นมิจฉาชีพทั้ง 5 อย่าง แล้วคุณรู้ 5 อย่างนี้ไหม แล้วบอกว่าอาตมาทำงานฆราวาส แต่ไม่ใช่หรอก อาตมาสอนให้ฆราวาสมาทำสัมมาชีพต่างหาก แล้วมีที่ไหนในเถรสมาคมที่พ้นมิจฉาชีพข้อที่ 5 ลาเภนะ  ลาภัง  นิชิคิงสนตา ทำงานไม่เอาเอาลาภแลกลาภ เขาอย่างน้อยก็ทำงานเพื่อโลกธรรม ลาภยศสรรเสริญ คุณฟังดีๆแล้วจะเข้าใจว่าธรรมะนี้ลึกซึ้งนักไม่ใช่เรื่องตื้น คุณไม่รู้อะไรดีแล้วเอามาพูดกับอาตมา ขออภัยอาตมาพูดข่มคุณหนัก ในฐานะที่เป็นมนุษย์เหมือนกันก็ต้องขออภัยที่ต้องพูดสัจจะ คุณเป็นฝุ่น อาตมาไปข่มก็ไม่ถูกหรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:53:25 )

สอนตามฐานะโพธิสัตว์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในชีวิตพูดรวมๆเลย ชีวิตที่เกิดมา พวกคุณได้มาศึกษาธรรมะที่อาตมานำมา อาตมาไม่เอางานอื่นเอางานธรรมะนี้ทำงานมา 50 กว่าปี เหมือนพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ทำงานอื่นนอกจากงานเผยแพร่ธรรมะ อันเดียวกันเลย แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงสอนตามฐานะของพระพุทธเจ้า อาตมาโพธิสัตว์ก็สอนตามฐานะโพธิสัตว์ของอาตมา ไม่ทำงานอื่นหรอกงานนี้งานเดียวชัดเจน ไม่เอางานอื่น มันไร้สาระในความเป็นชีวิตของมนุษย์ 

ภาระชีวิตของมนุษย์คือธรรมะให้ได้ก็แล้วกัน ธรรมะที่เป็นโลกุตระให้ได้ เกิดมาชาติหนึ่งต้องได้โลกุตรธรรมให้ได้ อย่าเสียชาติเกิด ถ้าเสียชาติเกิดแล้วพระพุทธเจ้าเรียกว่าโมฆะบุรุษ พอใครผิดเพี้ยนทางโลกุตรธรรม ท่านก็บริภาษบอกว่าโมฆบุรุษ ผิดเพี้ยนไปท่านก็ตรัสว่า โมฆะบุรุษ ในพระไตรปิฎกมีไว้เยอะเลย มันเป็นโมฆะมันเสียเปล่า อย่างที่อาตมาบอกว่าไปนั่งหลับตาปฏิบัติมันเป็นโมฆะเต็มๆก็คือ โมฆะบุรุษ 

ไม่ได้อะไรไร้สาระ นอกจากไร้สาระแล้วทำลายศาสนาด้วยเพราะพาให้ทำผิดๆของธรรมะพระพุทธเจ้า

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2566 ( 13:11:59 )

สอนธรรมะทำไมต้องพูดภาษาบาลี

รายละเอียด

พวกเราที่ได้ติดตามฟังธรรมะที่อาตมาอธิบายมา จะเข้าใจที่อาตมาพูดไปนี้บรรยายอย่างนี้ไปพยัญชนะนี้ภาษาศัพท์ธรรมะเยอะ คนข้างนอกมาฟังแล้ว ปวดหมอง ไม่รู้เรื่อง พูดภาษาคนก็ไม่ได้ ภาษาบาลีเป็นภาษาคนนะ แต่พวกเราได้ฟังตามมาก็พอเข้าใจ แม้จำไม่ได้ก็พูดขึ้นมาก็รู้ว่าหมายถึงอะไร พอฟังผ่านหูแล้วระลึกได้ คนก็บอกว่าสอนธรรมะแล้วพูดบาลีทำไม แต่พูดบาลีของอาตมาไม่ใช่พูดให้โก้ แต่ยิ่งเรียนรู้ธรรมะสูงมากขึ้น อาตมาไม่ได้อธิบายเป็นภาษาไทยทั้งหมดเลยเพราะว่าจะยาวความมาก ไม่ไหว จึงจำเป็นต้องใช้ศัพท์ภาษาบาลีศัพท์ของพระพุทธเจ้ามาใช้ มันก็สรุปรวมเข้าสั้นเข้า ได้เรื่องเยอะ ได้เนื้อเยอะขึ้น มันเป็นเหตุผลอย่างนั้นเป็นเหตุปัจจัยอย่างนั้น จึงจำเป็นต้องพูดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นพวกเรายิ่งศึกษาอาตมาอธิบายธรรมะมาจนจะถึง 50 ปีแล้ว พวกเรานี้มาฟังธรรมะ ก็มีแต่หน้าของคนยังไม่ตาย คนหน้าเก่าซ้ำซากอยู่อย่างนี้ คนหน้าใหม่ไม่เคยมา เก่าๆ แก่ๆลงไปแล้ว แต่ก่อนมาตั้งแต่ 20 กว่าตอนนี้ 60 กว่า ก็อย่างนี้แหละอยู่ไป จนกว่าจะตามหลวงพ่อคูณไป ถ้ายังไม่ตามก็อยู่กันอย่างนี้แหละ มีอะไรดีด้วยกันก็นำเสนอกัน พากันทำ

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:50:26 )

สอนผู้ใหญ่ขี้ดื้อ

รายละเอียด

เหนื่อยจ๊ะ ทำไมภูมิช่างเห็นใจหลวงปู่ดีจังภูมิพุทธตอบว่า ผมถามเองครับ อย่าทำเป็นเล่นไปนะอย่าทำขี้กองใหญ่ให้เด็กมันเห็นเด็กรู้นะว่าเป็นขี้ทำเป็นเล่นไป 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 13:04:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:11:45 )

สอนยากกว่าจะรู้ คือพวกไหน

รายละเอียด

ส่วนผู้ที่เป็นทุกข์เพราะโรคเรื้อน ไปสอนเขาให้รู้จักกรรมวิบากได้ง่าย จะไม่สร้างกรรมวิบากที่เป็นโรคเรื้อนได้ เร็วกว่าพวกหลงความรวย หลงความมีอำนาจ หลง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ในโลกียะ ซึ่งสอนยากกว่าจะรู้ เพราะคนที่ทุกข์เพราะโรคเรื้อน สอนเรื่องกรรมวิบาก หาเหตุที่ไม่เป็นโรคเรื้อนมันจะรู้ได้ง่ายกว่า อย่างนี้เป็นต้น 

ที่จริงแล้วที่อาตมาพูด พูดอย่างไรก็ยาก ที่จะทำให้คนเข้าใจครบถ้วนรอบ ถ้วนตามที่อาตมาได้พูดมาวนเวียนมากมายมากกว่า 50 ปี อาตมาว่า อาตมามีความรู้แค่นี้แหละ แค่ที่ เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 จะบอกว่า ระดับ 8 ก็ไม่ว่ากัน ยังไม่ถึงเป็นพระพุทธเจ้า อาตมาก็รู้รอบที่สูญไม่รู้กี่สูญ รู้จักโลกรู้จักอัตตา รู้ความปรุงแต่งโลกไปกว้างใหญ่เท่าไหร่ที่อาตมาพอมีภูมิ มันก็เหลือที่จะล้างอัตตา หรือจะอยู่อย่างเหนือโลกอย่างสบายได้ มันเป็นความหลุดพ้นจากสุขจากทุกข์ จากความเดือดเนื้อร้อนใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 12:26:26 )

สอนล้างกามภายนอกอย่างมีสภาวะ

รายละเอียด

กำหนดรู้ว่าเรามีกิเลสกามก็ทำกามให้หมดก็เหนือกาม ไม่ได้ปิดตา แต่สัมผัสแต่จิตอยู่เหนือกาม เหลือแต่ภายในรูปภพอรูปภพ ก็ล้างรูปภพ ก็เหลืออรูป ก็ล้างอีก ก็หมดภพ 3ภพ มีกามภพ รูปภพ อรูปภพ เรียกภาษาว่า วิภวภพ ภพที่ไม่มีภพ หรือ หมดกามตัณหา ภวตัณหา มีแต่วิภวตัณหา อาตมาก็เห็นใจพวกที่สอนกันโดยไม่มีสภาวะ พอพยัญชนะก็เมา เขาว่าวิภวตัณหามันมีตัณหาได้อย่างไร กาม ภว ก็ไม่สงสัย แต่ไม่มีภพแล้วมีตัณหาได้อย่างไร เหมือนกับอธิบายอภิสังขาร 3 ไม่ออก ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขารปุญญ คือ อาวุธ เครื่องมือฆ่ากิเลส ฆ่ากิเลสหมดก็ไม่ต้องใช้เครื่องมือนี้แล้วก็เป็น อปุญญาภิสังขาร แต่เขาก็แปลว่า ไม่มีบุญ เป็นสังขารเป็นบาป คุณปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าไม่บรรลุ หากเข้าใจบุญเป็นมิจฉาทิฏฐิ โมฆะจากศาสนาพุทธไม่มีทางบรรลุธรรมได้เลย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:33:25 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:03:14 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:48:22 )

สอนอย่างเบากับสอนอย่างหนัก

รายละเอียด

คำตอบก็คือสอนกันคนถนัดสอนแรงก็ต้องอย่างนั้น พั๊วพ๊ะ คนที่สอนกันอย่างผู้ดีก็ค่อยๆพูดค่อยจาอาจจะช้าหน่อย แต่ที่ไม่ดี พั๊วพ๊ะ …ก็อาจจะช้าหน่อยเพราะมันอาจจะจากกันไปเลยประชดเลยมันก็เลยเสีย เพราะฉะนั้นเราก็อย่ารุนแรงจะดี ไม่รุนแรงเป็นดีกว่า ถ้ารุนแรงก็จะเสียผล เพราะฉะนั้นพยายามทำให้ไม่รุนแรงทำให้เบาๆดีกว่า ตามวิการรูป 5 (วิการรูป 3 วิญญัติรูป 2)

ลหุตา มุทุตา กัมมัญญตา กายวิญญัติ วจีวิญญัติ

ลหุตา ใช้ความเบาอย่าใช้ความแรง

มุทุตา ต้องใช้ความเร็วทั้งเจโตและปัญญา

กัมมัญญตา คือการกระทำ มีภูมิรู้อัญญะ อัญญา มีความรู้เรื่องกรรมต่างๆ ท่านจึงแปล กัมมัญญตาคือผู้ทำการงานอันเหมาะสมดีงามได้สัดส่วน เหลือนั้นคือกายวิญญัติ วจีวิญญัติ ซึ่งจะต้องมีจิตวิญญาณเป็นประธาน นี่คือวิการรูป 5 ในรูป 28

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:45:12 )

สอนเป็นลำดับต้องสอนเริ่มต้นที่ศีลไปสู่สมาธิและปัญญา

รายละเอียด

มี 8 ประการ ปหาราทะ 8 ประการเป็นไฉน ดูกรปหาราทะ มหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึกลงไปโดยลำดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว ฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีการศึกษาไปตามลำดับ มีการกระทำไปตามลำดับ มีการปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยตรง (พ่อครูว่า…น่าจะแก้เป็นโดยลัด จะถูกต้อง) ดูกรปหาราทะ ข้อที่ในธรรมวินัยนี้มีการศึกษาไปตามลำดับ มีการกระทำไปตามลำดับ มีการปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยตรง(โดยลัด) นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 1 ในธรรมวินัยนี้ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

คำว่าฌาน เดี๋ยวนี้กลายเป็นเพ่งเข้าไปหยุดเป็นสมถะ ฌานของศาสนา เดียรถีย์ เป็นอย่างนี้มาตลอดแต่ไหนแต่ไร พระพุทธเจ้าจึงได้มาสอนพุทธคุณ 1 ใน 9 ก็คือจรณะ 15 วิชชา 8 ต้องมีการสังวรศีล อปัณณกปฏิปทา 3 แล้วมี สัทธรรม 7 มีฌาน อีก 4 วิชชา 8 มีปัญญา เป็นความเฉลียวฉลาดความรู้ของพระพุทธเจ้าโดยตรง ช่วยให้เกิดความรู้อยู่ตลอดเวลากับกระบวนการจรณะ 15 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสดงธรรมรายการพุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ชาว‌อโศก‌มี‌ความ‌มหัศจรรย์‌ได้‌ตาม‌ปหาร‌าท‌สูตร‌ ‌วันพุธที่ 5 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 21:23:48 )

สอนโลกุตรธรรม ลูกศิษย์ลูกหาจึงมีน้อยที่สุด

รายละเอียด

อาตมามีลูกศิษย์ลูกหาไม่มาก หลวงพ่อคูณมีลูกศิษย์ลูกหามากกว่าอาตมาเยอะท่านพุทธทาสมีลูกศิษย์ลูกหามากกว่าอาตมาเยอะ มหาบัวมีลูกศิษย์ลูกหามากกว่าอาตมาเยอะ พระทางเถรสมาคมต่างๆที่นอกรีตมีลูกศิษย์ลูกหามากกว่าอาตมาเยอะ 

อาตมาสอนโลกุตรธรรม ลูกศิษย์ลูกหาจึงมีน้อยที่สุด ในกระบวนอาจารย์ทั้งหลายแหล่อาตมาน้อยกว่าเขาทั้งนั้น สำนักไหนก็แล้วแต่ อาตมามีลูกศิษย์ลูกหาน้อยกว่าทั้งนั้น อาตมาไม่เสียใจ แต่ภาคภูมิใจที่ยังมีเหลือผู้ที่มีธุลีในดวงตาน้อยยังมาฟังธรรมโลกุตระรู้เรื่องและเอาไปใช้ทำประโยชน์ รักษาสัจจธรรมพระพุทธเจ้าไว้ได้ 

เพราะฉะนั้นจะให้เชื่อคุณ อาตมาก็เชื่อไม่ลงเชื่อไม่ได้ คุณหวังดีอาตมาเชื่อคุณ อาตมามีลูกศิษย์ลูกหาไม่มากอยากได้มากกว่านี้ อย่างน้อยคุณอีกคนก็น่าจะดีนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:26:20 )

สอนใบไม้กำมือเดียวกับการสอนต่อโพธิสัตว์

รายละเอียด

เป็นสิ่งที่พระสมณโคดมไม่ได้อธิบายไว้เท่าไหร่ เพราะท่านสอนจบอรหันต์เท่านั้น ท่านไม่เกี่ยวกับโพธิสัตว์ ท่านสอนใบไม้กำมือเดียว หมายความว่าสอนให้เรียนรู้จบอรหันต์เท่านั้น ให้รู้กิเลส จิต เจตสิก รูป นิพพาน แล้วก็ดับกิเลสให้แก่ตนเอง ไม่ต้องไปรู้กว้างรู้มากเหมือนอย่างที่อาตมาอธิบาย พระพุทธเจ้าท่านสอนอรหันต์ไว้แล้ว อาตมาจะจำเป็นไปสอนทำไม ก็พระพุทธเจ้าท่านสอนไปแล้วอาตมาก็มาสอนต่อโพธิสัตว์ ไม่ใช่ว่าอาตมาเก่งกว่าพระพุทธเจ้า แต่อาตมาจะไปซ้ำซ้อนทำไม ก็สอนด้วยแต่พระพุทธเจ้าท่านปูทางไว้แล้ว คนไม่รู้ก็รู้ตามอาตมาได้ แต่ถ้าคนรู้แล้วก็มาเรียนโพธิสัตว์ต่อเหมือนอย่างอาตมา เป็นขั้นๆ มา

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:22:50 )

สอนใบไม้กำมือเดียวคือสอนเอาแค่ให้บรรลุอรหันต์

รายละเอียด

สิ่งที่พระมหาสมณโคดมไม่ได้อธิบายเรื่องของมหายานไม่ได้อธิบายภพภูมิของโพธิสัตว์ ท่านสอนใบไม้กำมือเดียว จริงๆธรรมะพุทธเจ้าเหมือนใบไม้ทั้งป่าแต่ท่านสอนใบไม้กำมือเดียว หมายความว่าท่านสอนเอาแค่ให้บรรลุอรหันต์ พระสมณโคดมท่านไม่ได้สอนพระโพธิสัตว์ ท่านสอนแค่เถรวาท ที่จริงแล้วเถรวาทเข้าใจผิด อีกหลายอย่าง อาตมาก็รู้ทั้งความเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ก็จะมาอธิบายเพิ่มเติม พระพุทธเจ้าท่านเอาแค่ 80 ปีไม่เอาถึงหนึ่งกัปแล้ว บอกพระอานนท์ไว้ว่าท่านให้สัญญาณเธอตั้ง 16 ครั้ง แต่เธอไม่เคยอาราธนาให้อยู่ต่อเลย อย่ามาโทษตถาคต เป็นความผิดของเธอ ก็เลยโดนปรับอาบัติซะ อะไรทำให้เสียประโยชน์พระพุทธเจ้ารีบปรินิพพานไปก่อน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 10:18:40 )

สอนใบไม้กำมือเดียวหมายความว่า อย่างไร

รายละเอียด

สอนใบไม้กำมือเดียวหมายความว่า เอาแค่ให้จบอรหันต์ ความรู้ระดับอรหันต์ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แล้วท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไปแล้วเพราะท่านทำมามากแล้ว ท่านเป็นโพธิสัตว์มามากจนถึงใกล้กลียุค ท่านเป็นองค์สุดท้ายของภัทรกัปป์ สำหรับพระพุทธเจ้าสมณโคดม จบจากกัปนี้แล้ว พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะเป็นพระศรีอาริย์ ที่จะมีอายุพุทธศาสนายาวนานที่สุด เป็นหมื่นเป็นแสนปีไม่ใช่แค่ 5,000 ปี 

5,000 ปีนี้ต่ำสุดแล้วในความเป็นพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าสมณโคดมเป็นพระพุทธเจ้า จนกระทั่งมาเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้ามานาน ทำงานมาอยู่ในโลกโดยไม่ประกาศตัว ท่านเป็นปัจเจกพุทธเจ้า ไม่แสดงตัวแต่ทำงาน ศึกษาภูมิสุดท้ายความเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า นาน จนกว่าจะประกาศตนเองเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์พระสมณโคดม เป็นองค์ที่ใกล้กลียุคสุดท้าย เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ก่อนถึงกลียุค หลังจากนี้ก็เป็นกลียุคไม่มีพระพุทธเจ้ามาเกิดและอีกนานจนกว่าจะเกิดพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ก็คือพระศรีอาริยเมตไตรย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2566 ( 20:15:19 )

สอนให้คนมาจนต้องมาดูที่อโศก

รายละเอียด

ศึกษาให้ดีแล้วใช้ทิฏฐิหรือทฤษฎีของพระพุทธเจ้านี้เลย เราใช้อันนี้ มีให้เราแล้วไม่ต้องไปคิดให้เสียเวลา สรุปว่าสอนให้คนมาจน ขออภัยถ้าไม่ชัดเจน ก็ต้องมาดูที่อโศก ขออภัยที่ต้องพูดอย่างนี้ เกรงใจจริงๆที่ต้องพูดอย่างนี้ มาดูว่าเป็นอย่างไร มันไม่ง่ายหรอกแต่มันก็ทำได้ก็ไม่ยากไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่มันก็เป็นไปได้ดำเนินไปได้ มีอัตราก้าวหน้าที่พอเป็นไป อัตราก้าวหน้า อธิบายถึงขั้น Coefficient พลังงานขนาดสัมประสิทธิ์ ไม่ง่าย อธิบายกว่าคนจะรู้ ขนาดสสารวัตถุของไอน์สไตน์ E=mc2 แกยังบ่นว่าอธิบายให้คนเข้าใจยังไม่ค่อยได้ มันยาก แต่อาตมานี้ E=C(mc2+A) อาตมาอธิบายยังไม่เก่ง พวกเราเก่งสามารถเข้าใจที่อาตมาพูดได้ก็ขอบคุณอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นเหมือนเพ้อเจ้อเป็นคนบ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:55:26 )

สอนไม่ได้ รู้ธรรมะไม่ได้คืออเวไนยสัตว์

รายละเอียด

แม้แต่ สัตว์แบบอเวไนยสัตว์ก็สอนไม่ได้ รู้ธรรมะไม่ได้ ขอถามหน่อยว่ามีเยอะไหม
อเวไนยสัตว์ อย่างเป็นผู้รู้ศาสนาก็เยอะ มหาระแบบเคยบอกว่า โพธิรักษ์เป็นใครมาจากไหน ? พออาตมาบอกว่า เป็นใครมาจากไหนก็หาว่าอวด จะปรับอาบัติ บอกว่า อวดอุตริมนุสธรรมที่มีในตนจะปรับอาบัติปาราชิกอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานเพื่อฟ้าดิน เพื่อฟ้าดิน สร้างคนจนสุขสำราญฯ ตอน4

วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 17:13:52 )

สอุตตร (สอุตฺตร) , สอุตตระ

รายละเอียด

1. จิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า 

2. จิตมีจิตอื่นยิ่งกว่าก็รู้ว่ามีจิตอื่นยิ่งกว่า

3. จิตชักจะมีอำนาจเหนือกิเลส เหนือความเคยเป็นทาสจิตอย่างนั้นๆ มาได้บ้างแล้ว

4. จิตดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็รู้ว่าจิตนี้ยังดีไม่ถึงที่สุด

5. จิตเป็นโลกุตระดีขึ้นมากแล้ว แต่ที่ดียิ่งกว่านี้ยังมีอีก

6. ใจที่มีใจอื่นอีกอันยิ่งกว่า 

7. จิตดีขึ้นมากแล้วแต่ยังมีดีอื่นที่ยิ่งกว่านี้อีก

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค3 หน้า134, 145,153 

คนคืออะไร? หน้า 555, หน้า 275

อีคิวโลกุตระ หน้า 229, หน้า 35

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 112

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า104


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 06:47:37 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:56 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:08:23 )

สอุตตรจิต

รายละเอียด

สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ) แล้วจะมีปฏิภาณรู้ดีของตัวเองว่ามันยังไม่จบ มันยังไม่ครบ มันยังไม่สมบูรณ์มันเจริญจริง อย่างนี้แหละกำลังมันเลยเราปฏิบัติธรรมมี สอุตรังจิตตัง เนื้อๆทั้งนั้นเลยแต่มันยังไม่ถึงที่สุดที่จบ ที่จบอยู่ไหน ยู้ฮู ไปเรื่อยๆ เลยโอ้โห สนุก แต่ก็เมื่อย พากเพียรไปพากเพียรไป จนกว่าจะจบเรียกว่า อนุตตรังจิตตัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 14:03:07 )

สอุตตรังจิตตัง

รายละเอียด

สอุตตรังจิตตัง คือ มีจิตที่ทำให้เจริญขึ้นได้แล้วแต่มีจิตที่ดีกว่านี้ยังมีอีก 

ที่มา ที่ไป

630524


เวลาบันทึก 26 พฤษภาคม 2563 ( 17:31:36 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:11:15 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:08:52 )

สอุตตรังจิตตังกับอนุตตรังจิตตัง

รายละเอียด

สอุตตรังจิตตัง คือมีจิตที่ทำให้เจริญขึ้นได้แล้วแต่มีจิตที่ดีกว่านี้ยังมีอีก รู้ว่าจิตดีแล้วแต่ดีกว่านี้ยิ่งกว่านี้ยังมีอีก เพราะฉะนั้นดีที่สุดก็เรียกว่า อนุตตรังจิตตัง ดีไม่มีดีกว่านี้อีกแล้วสูงสุด จะทำให้ถึงอนุตรังจิตตังได้ ก็ต้องทบทวนตรวจสอบที่ สมาหิตจิตกับอสมาหิตจิต ก็ตรวจสอบอีกว่าหลุดพ้นแล้วหรือไม่หลุดพ้นเป็นวิมุต อวิมุติ สุดท้ายจะเป็น สมาหิตังกับวิมุติ จบด้วยอุภโตภาควิมุติ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:27:39 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:11:31 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:53:34 )

สอุตรจิต 

รายละเอียด

สอุตรจิต  คือ  จิตนี้ดีแล้วแต่จิตที่ดีกว่านี้ยังมีอีก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:25:06 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:22:43 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:09:09 )

สอุตรจิตตัง

รายละเอียด

กระทั่งดีมากขึ้นเรื่อยๆ ไปยาวนานอยู่ที่ สอุตรจิตตัง จะดีกว่านี้ยังมีอีก จะมีปฏิภาณรู้ว่าดีกว่านี้ยังมีอีก (อาตมาเขียนระดับความดีไว้ตั้งหลายขั้นในสรรค่าสร้างคน) ดีก็มีดีกว่า เปรียบเทียบก็คือกิเลสนั่นแหละมันเหลือ หยาบกลาง
ละเอียด จนเราทำได้ดีคือทำกิเลสหมดไปๆ มันไม่มาอีกแล้วก็เกิดปัญญามีพลังทำกิเลสไม่ให้เกิดอีกได้จริง เราจะรู้ในจิตของเราเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 20:39:15 )

สอุปาทิ

รายละเอียด

สิ่งที่ยังยอมเหลือยึดไว้โดยอนุโลม-ปฏิโลมอยู่กับโลก และเป็นไปเพื่อโลกเท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค2 หน้า287


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 06:54:11 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:42:46 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:10:54 )

สอุปาทิเสส

รายละเอียด

มีส่วนเหลือเกิดอยู่เป็นต้นเค้า

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 553


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 06:57:03 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:49 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:11:09 )

สอุปาทิเสสนิพพาน

รายละเอียด

1. จิตหมดความเร่าร้อน แส่หาไปได้ชั้นหนึ่ง

2. ผู้ที่ยังไม่ดับเครื่องของจิตให้หมดสนิท ยังมีเวทนาขันธ์ ยังมีสัญญาขันธ์ทำงานอยู่ 

3. ถึงสภาพดับสนิทจากกิเลสแล้ว บนส่วนเหลือที่ประกอบไปด้วยขันธ์5

4. นิพพานที่ยังเหลือขันธ์5

5. ผู้นิพพานในร่างคน , ผู้ตายแล้วสำหรับตน

6. การพ้นทุกข์เพราะการดับการหมดรสชีวิตชีวาเพื่อตน

7. นิพพานแท้ๆ ของพระอรหันต์ที่ยังเป็นๆ , การตายของกิเลสแต่ยังเหลือชีวิต , ผู้ได้นิพพานนี้แล้วยังไม่สิ้นลม(ตาย) , ผู้ดับกิเลสได้หมดแล้วเป็นพระอรหันต์ที่ยังไม่ตายสิ้นลมหายใจ

8. การตายชนิดวิเศษของมนุษย์ที่พระพุทธเจ้าพาตาย , มนุษย์ที่กิเลสตายสนิท ไม่เกิดอีกแล้ว 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร?   หน้า 96,97,169 หน้า242 ,335 ,351,399,473 ,530

สมาธิพุทธ หน้า 183

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า82


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:06:05 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:51:38 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:14:49 )

สอุปาทิเสสนิพพาน

รายละเอียด

สอุปาทิเสสนิพพาน เช่น พระอนาคามี ตายแล้วก็ยังเหลือ แล้วจิตที่เหลือจะไม่กลับมาเกิดในโลกมนุษย์อีกก็ได้ ท่านไม่กลับมาอีกแล้ว อนาคตะ ไม่กลับมาอีก อาคตะ แปลว่าผู้กลับมา อนาคตะ คือผู้ไม่กลับมา เพราะฉะนั้นจิตก็จะค้างหลังตาย ที่เหลือเศษส่วนนี้ไป แต่มันก็จะไม่ขึ้นมา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:01:53 )

สอุปาทิเสสนิพพาน

รายละเอียด

สอุปาทิเสสนิพพานคือ นิพพานที่ยังเหลือ เหลืออุปธิ เหลือเชื้อวิบาก เชื้อกิเลส เพราะฉะนั้นในคำว่า สอุปาทิเสสนิพพาน จึงแย้งกันได้สองนัย นัยหนึ่ง คือ อุปาธิที่แปลว่าวิบากขันธ์ อันตัณหาเข้าไปยึดไว้แล้ว ทีนี้วิบากขันธ์ของพระอาริยะที่เป็น เสขบุคคลก็ตาม ล้างตัณหา ก็เป็นวิบากขันธ์ เป็นผลแก่ขันธ์ ขันธ์ก็สะอาดขึ้น 

เมื่อขันธ์ ที่ยังอวิชชาก็มีตัณหาเข้าไปยึดถือไว้แล้ว เมื่อล้างตัณหาได้ก็สะอาด ในขันธ์ สะอาดขึ้นก็เป็น วิบากขันธ์ เป็นเสขบุคคล ไปเป็นอเสขบุคคล ไม่เหลือ ขันธ์ทั้งหลายถูกกำจัด กิเลสตัณหาหมดสิ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 38 อัมพัฏฐสูตรและกายในกาย วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กันยายน 2565 ( 14:14:12 )

สอุปาทิเสสนิพพาน ต่างกับ อนุปาทิเสสนิพพานอย่างไร

รายละเอียด

ในความหมายเบื้องต้นง่ายๆ ส แปลว่าเหลือยังประกอบด้วยยังเกี่ยวอยู่ อนุ แปลว่าไม่ อุปาธิ แปลว่าเชื้อ

เพราะฉะนั้น สอุปาทิเสสะ หมายความว่า ยังมีเชื้อของกิเลสอยู่ นิพพานมาส่วนหนึ่ง แต่ยังเหลือ เสสะ แปลว่า เหลือ นิพพานส่วนหนึ่ง แล้วก็ยังมีส่วนเหลืออยู่ 

ส่วนคำว่า อนุปาทิเสสะ คือ อนุ กับ อุปาทิ คือไม่เหลือเชื้อของนิพพานแล้ว เบื้องต้น อนุปาทิเสสนิพพาน คือพระอรหันต์ ส่วน สอุปาทิเสสนิพพาน คือยังไม่ใช่พระอรหันต์เป็นเสขบุคคล คือผู้ได้นิพพานส่วนหนึ่ง ตั้งแต่โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อันนี้เป็นความหมายเบื้องต้น 

ทีนี้ความหมายเบื้องปลาย สอุปาทิเสสนิพพาน คือผู้ที่มีนิพพานบริบูรณ์แล้ว หมดเชื้อกิเลสแล้ว แต่ยังรักษาชีวิตที่จะเกิดจะตายหมุนเวียนอยู่อีกเป็นอมตะบุคคล เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นอมตะบุคคลนี้ที่ยังไม่ยอมตาย จึงคือผู้ไปใช้ชีวิตแบบ สอุปาทิเสสนิพพาน ก็เรียกว่าอมตะบุคคล จะตายเมื่อไหร่ จะสูญแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ยังจะสะสมสัมภาระวิบากไปสู่ที่สุดที่สูง มุ่งมั่นไปจนถึงพระพุทธเจ้านั่นแหละ ไปเรื่อยๆ

อมตะอันนี้ จึงหมายถึงชีวิตตัวเอง ของพระอรหันต์หรือโพธิสัตว์ที่จะเวียนเกิดเวียนตายอยู่ ยังไม่ทำ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ยังไม่ทำให้สิ้นสุด เป็นปริโยสาน เมื่อตายครั้งสุดท้ายแล้วไม่ต่อ ตายอย่างสุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน ตายอย่าง นิพพานสูญ นิพพานไม่ตั้งนิมิต นิพพานไม่ตั้งจิต ตายอย่างหมดเกลี้ยง สูญ จิตของผู้ปรินิพพานเป็นปริโยสานนี้ก็แยกเป็นดินน้ำไฟลมไป ในการตายครั้งสุดท้ายนั้น เรียกว่า ปรินิพพานเป็นปริโยสาน 

เพราะฉะนั้น สอุปาทิเสสนิพพาน กับ อนุปาทิเสสนิพพาน จึงอธิบายได้ 2 นัย นัยยะที่ยังเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ต่อไปอีกก็ได้ 

หรือนัยยะของอรหันต์ก็ตาม พระโพธิสัตว์ก็ตาม จะตายไปสุดท้ายหรือแม้แต่พระพุทธเจ้า จะตายแล้วแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมเลย อธิบายแค่นี้ก่อน พูดมากไปละเอียดไปเดี๋ยวจะสับสน  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 18:48:50 )

สอุปาทิเสสะ

รายละเอียด

เหลือเศษอยู่

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 14:00:08 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:23:33 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:11:33 )

สะกดจิตดับสัญญาไม่ได้เรียนรู้อรูปฌาน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นบรรลุ ฌาน อรูปฌาน ก็ตาม แล้วสำคัญวิธี อุบายเครื่องออก เขาไปสะกดจิตดับสัญญา กลายเป็น อสัญญีสัตว์ รูปฌาน คุณก็โง่แล้ว ยังไม่พอไปฟังอาจารย์เดียรถีย์สอนว่าไม่ต้องไปยุ่งกับมันหรอก มาดับสัญญา สะกดให้สัญญาไม่ทำงานให้หยุดทำงานเลยสัญญา สัญญาก็ไม่กำหนดรู้อะไรเลยนิ่ง บื้อ หยุด ก็เลยโง่เพราะว่า อรูปฌานก็ไม่ได้เรียนต่อ ไม่ได้ไขความให้เป็นทีละชั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 19:54:55 )

สะกดจิตให้นิ่งให้เข้มแข็งเป็นสมถจิต

รายละเอียด

แต่มาได้ฌาน ของพระพุทธเจ้าจะรู้เลยว่ามันไม่ใช่ฌานแบบนั้น ฌานแบบนั้นเราก็ได้  ไม่แน่อาจจะได้ดีกว่าเขาด้วยซ้ำ สะกดจิตให้นิ่งให้เข้มแข็งเป็นสมถจิต เช่นทำให้หนังเหนียว อาตมาเคยลองกัน เอามีดโกนยิลเล็ต หรือเอามีดที่คมมาก โกนขนได้ ต้องเอามีดคมๆมาฟัน ก็ฟันไม่เข้า หรือยิลเล็ต มาผ่านก็เหมือนเอาอะไรทื่อๆมาขีด มีขีดแดงๆ กดก็เจ็บ บางที่เป็นเส้นแดงๆ แต่มันไม่เข้า เพราะหนังเหนียว แต่ก่อนอาตมาขี่รถ โอเปิล คัปปิตัน มอเตอร์ไซค์ ก็ขี่ไปเชิงสะพานตรงกรมปชส.เก่า มีรถยนต์มาจากไหนมาชน มีสามล้อเห็นว่าอาตมาลอยไปเลย แต่ก็ไม่เป็นไร หม้อน้ำมันบุ๋มลงเป็นรูปขาอาตมาเลย เขาว่าพี่ลอยไปเลย หากไม่ลอยมันคงเหยียบพี่แน่ แล้วก็ไม่มีแผลเพราะคงกะพัน ตอนนั้นเล่นไสยศาสตร์ไม่มีเลือดเลย เพื่อนก็หามขึ้นรถส่งรพ.​ส่งไปทีนี้มันก็บวม กางเกงถอดไม่ออก ต้องตัดขากางเกงออก หมอก็บอกมันบวมเขียว ก็ไม่ได้ผ่าตัด ไม่หัก ที่ไหนได้ข้างในแตก แต่ข้างนอกเหนียว เนื้อมันก็แตกแยกกัน แต่หมอบอกไม่เป็นไร ก็รักษาตามอาการ ก็ส่งให้กลับบ้าน ก็มานอนรักษาไป 2-3 เดือนกว่าจะหาย หายเสร็จแล้วขาบุ๋ม เดินก็ต้องใช้ไม้พยุง แต่ตอนนี้ปล่อยวางไสยศาสตร์ไปแล้วไม่หนังเหนียว เดี๋ยวนี้แม้แต่โดนหนามก็ทิ่มเป็นแผลได้เรื่องพวกนั้นเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ เป็นกำลังของอุปาทาน เป็นได้สารพัด ทำให้หายจากโรคก็ได้ ทำให้เป็นโรคก็ได้ ไม่เป็นโรคก็ทำให้เป็นโรคได้ เป็น psychosis เป็นโรคทางจิต 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตยืที่ 21 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 18:06:12 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:56:34 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:49:46 )

สะพัดให้เร็วไม่ต้องหวงแหน คือความเฉลียวฉลาดของนักเศรษฐศาสตร์ 

รายละเอียด

เกิดมามีลมหายใจมีชีวิต ก็ได้มีแรงงานสร้างตรงนี้แหละ ดูผลงานผลผลิตเต็มหน้าเวที เอามากองเอามาอวดใช่ไหม ใช่ เอามาอวด ทำไม ก็ของดีๆทั้งนั้นเดี๋ยวก็เอาไปกินกันไปแจกจ่ายกันของดีๆทั้งนั้น ก็ทำขึ้นมาโดยน่าภาคภูมิใจ ด้วยฝีมือ ด้วยความรู้ความสามารถ แล้วก็ไม่หวงแหน เป็นความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ คนไม่หวงแหน คนที่สะพัดออกเร็ว ไม่มีตัวตนไม่มีของตัวของตน นี่แหละคือความเฉลียวฉลาดของนักเศรษฐศาสตร์ สะพัดให้เร็วไม่ต้องหวงแหน แล้วก็สร้างขึ้นมาใหม่แล้วก็สะพัดออกไป คนที่เอาแต่สะพัดแล้วไม่สร้าง มันก็ไม่ดีเท่าไหร่ ก็ต้องสร้างบ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 19:44:22 )

สะพานเข้าราชธานีอโศก

รายละเอียด

ทางเข้าสู่บ้านราชฯมีน้อย หากสร้างสะพานข้ามเพิ่มได้ก็ดี ใครจะมีทุนรอนเรี่ยวแรงสร้างก็ได้ คนที่จะมาช่วยตอนนี้อาตมาอยากจะให้ช่วยสร้างเรือ ซึ่งมีทั้งเรือในน้ำและเรือบนบก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:03:19 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:24:29 )

สะพานเชื่อมต่อระหว่างโลกุตระ กับโลกียะของสายเจโต คือการใช้ Meditation

รายละเอียด

สายเจโต ใช้ Meditation สะกดจิตให้ระงับจึงเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างของพระพุทธเจ้า เป็นโลกุตระกับโลกียะ ตัวเชื่อมตัวให้สงบ ตัวเบานิ่งควบคุมให้ได้ ไม่เอาแรง อย่างแรงอย่างร้ายอย่างโหด อย่างเช่น เจงกิสข่าน อเล็กซานเดอร์มหาราช อะไรพวกนี้หยุดเลิกเลย เดี๋ยวนี้ก็ยังจะเอาลักษณะพวกนั้นมาใช้ในสังคม นี่ยังมีหลงเหลือยังมีอยู่ แต่ก็ทำอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ เขารู้ว่ามันไม่ดี แต่ก็ต้องทำเพราะว่าจะต้องเอาชนะคะคาน ต้องเอาความรุนแรงเป็นตัวกำหนด ทำกับสิ่งที่เขาจะต้องเอาชนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:54:44 )

สะสมกรรมดีเรียกบารมี สั่งสมกรรมเลวเรียกสันดาน

รายละเอียด

คนที่มีบารมีนั้น บารมีไปซื้อตามห้างขายยา ตามห้างใหญ่ ห้างเล็กทั้งหลาย ไม่มีขายหรอกบารมี บารมีใครจะมี ก็ต้องประพฤติเอาเอง ประเด็นนี้สำคัญมาก คำว่า บารมี ทุกคนเข้าใจ คนไทยเข้าใจว่าคืออะไร คือสิ่งที่ดีงามแน่นอน สั่งสมไว้ มีบารมีเป็นต้นทุนของแต่ละคน คุณจะได้ต้นทุนนั้น คนเรียกว่าเป็นบารมี ก็บอกแล้วว่าไปซื้อเอาตามห้างขายยาไม่ได้ ซื้อตามร้านค้าที่ไหนไม่ได้ ต้องสั่งสมด้วยกรรม การกระทำของแต่ละคนเอง บารมี 

เพราะฉะนั้นเมื่อมาปรากฏในตอนนี้ แสดงออกในตอนนี้ว่า ท่านมีบารมี อย่างอาตมาเป็นต้น มีบารมี อาตมาไม่ได้ไปซื้อตามร้านขายยาที่ขายในยุคนี้ หรือว่าร้านค้าร้านขายยาใหญ่ๆเล็กๆอะไรก็แล้วแต่ในยุคนี้เขามีขายกันไม่มี อาตมาสั่งสมมาเองทั้งสิ้น บารมี บางทีก็ไม่ได้หมายเอาเรื่องดี ที่จริงถ้าเรื่องดีเขาเรียก บารมี เรื่องไม่ดีเขาเรียกสันดาน สั่งสมสันดาน อย่างทักษิณไม่เรียกว่า มีบารมี ไม่เรียกว่าสะสมบารมี ต้องเรียกว่าเป็นสันดาน ที่เขาสั่งสมมา เป็นต้น 

มันก็สั่งสมด้วยกรรม ไม่ใช่อยู่ดีๆได้มา อย่างอาตมาปางนี้ชาตินี้ มาแสดงออกได้อย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องไปเก็บเอามาจากของใคร เอามาแสดงออก ถ้าจริงๆแล้วจะพยายามลอกเลียนก็ไม่เหมือนหรอก และได้ไม่นาน เรื่องจริงมันออกมา หลอกเล่นไม่ได้นาน เรื่องจริงมันจะเป็นไปยิ่งเจริญขึ้น ยิ่งเห็นได้ สังเกตเอาเถอะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 11:33:50 )

สะสมความรวย ไม่เจริญ

รายละเอียด

คนที่ไปรวยคนที่มุ่งรวยแล้วรวยไม่เสร็จ รวยไม่จบ รวยตะกละตะกลามจะรวยไปจนกระทั่งตายแล้ว ยังสะสมความรวยเอาไว้ให้ตระกูลอีก พวกนั้นคือพวกที่โง่ไม่ลืมหูลืมตา ไม่เจริญได้เลย และเพราะไม่เข้าใจความจน จึงไปหลงแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพื่อจะให้คนรวย จ้างให้ก็แก้ไม่มีวันสำเร็จ โลกทั้งโลกสอนเรียนทางเศรษฐศาสตร์ทางดร.มากี่ใบ จะแก้ปัญหาให้คนรวยทั้งนั้น เพราะใช้ตำราเทวนิยม ใช้ตำราของผู้ที่มีความรู้ในโลกียะเท่านั้น เขาแก้ไม่จบกิจ ไม่สำเร็จ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบคนมืดบอดให้เห็น ผลงาน 8 ปี นายกฯลุงตู่ วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2566 ( 11:57:24 )

สะสมความเข้าใจให้เป็นโพธิ

รายละเอียด

ภาษาบัญญัติที่บอกว่าโพธิสัตว์คืออะไร โพธิคือความรู้ อาตมาก็สะสมความเข้าใจให้เป็นโพธิ จนเดี๋ยวนี้ก็คือรู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับ 7 อย่างนี้เป็นต้น เป็นความจริงที่อาตมาพูดไปโดยไม่ได้ มังกุ ไม่ได้อุทธัจจะ ไม่ได้สะทกทะเทือนสะท้าน ใครจะเข้าใจยังไงก็ช่างเถอะแต่อาตมาพูดความจริงเต็มรูปให้ง่ายที่สุดชัดที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายมาก

สำคัญที่สุดคือโพธิ หรือความรู้ ซึ่งไม่ได้เป็นความรู้แบบโลกที่แบบโลกโลกีย์ส่วนใหญ่ก็เป็นมา เป็นความแตกต่าง นอกจากแตกต่างแล้วยังทวนกระแสที่เขาเป็นอีก คนเขาไปรวยเรามาจน เขามีมากเรามีน้อย คนเขาเสียสละได้ยากเราเสียสละได้มาก มันทวนกระแสทุกอย่าง คนเรามันไปกระแสที่ผิดพลาดจึงต้องทำขึ้นใหม่เรื่อยๆมาอย่างนี้มันเจริญขึ้น เห็นจริงๆตามที่อาตมามีภูมิปัญญาจะเห็น จึงทำอย่างมั่นใจ และให้ตรงอย่างแสนบริสุทธิ์ไม่มีอะไรแฝงปนเปื้อน ไม่มีอะไรที่จะเป็น hidden Agentaได้ถูกตรงที่สุด อาตมาจึงสรุป motto ว่า ความบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะชนะทุกสิ่งทั้งโลกในที่สุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูพบคณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA

วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 อุบลราชธานี


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 20:11:03 )

สะสมอินทรีย์ 5 พละ 5 จึงเป็นอาริยะ จึงเป็นโลกุตระ จึงมีใจช่วยเหลือเกื้อกูล!

รายละเอียด

ใน“โลกุตรธรรม 37”ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎกเล่ม 31 ข้อ 620​ นั้น จัด“อินทรีย์ 5”อยู่ใน“โพธิปักขิยธรรม 37”ข้อที่ 4 และจัด“พละ 5 อยู่ในข้อที่ 5 พลังอำนาจที่สะสมเจริญขึ้นทั้ง“อินทรีย์ 5-พละ 5”นี้เป็นความเจริญของ“ศรัทธา-วิริยะ-สติ-สมาธิ--ปัญญา”อันเป็นของ“อาริยบุคคล” ทีมี“โลกุตรธรรม”โดยเฉพาะไม่ใช่แค่เป็น“ศรัทธา-วิริยะ-สติ-สมาธิ--ปัญญา”ที่เป็นของ“ปุถุชน” ที่มีแต่“โลกียธรรม”เท่านั้น 

จึงไม่ใช่พลังหรืออำนาจที่จะไปข่ม ไปเบ่ง ไปทำร้าย ไปเบียดเบียนใคร แต่เป็นพลังอำนาจที่จะไปช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นสัตว์อื่น สิ่งอื่นโดยแท้

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 116 หน้า 113


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 15:14:37 )

สะสมอุปาทาน สะสมความเป็นความมีว่ามันมี ทั้งๆ ที่มันไม่มี

รายละเอียด

วันนี้วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก เราเกิดมาเจอเลข 2547 มาถึงวันนี้ 2565 วันเวลาก็เคลื่อนไปๆ คนเราแต่ละวันแต่ละวันชีวิตของคนแต่ละคน เราสามารถที่จะได้รับประโยชน์ ได้รับสิ่งที่ควร ในชีวิต กับชีวิตที่ไม่มีสาระไร้สาระแล้วยังมีโทษ คนส่วนใหญ่ชีวิตไร้สาระ มีแต่โทษ ไม่เข้าใจไม่รู้ สะสมแต่อะไรต่ออะไรที่เป็นกิเลสติดยึด ติดเข้าไป ยึดเข้าไป ว่าเป็นว่ามี เรียกว่าอุปาทาน 

ติดยึดว่าไอ้นี่ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ว่าคนเราสะสมอุปาทาน สะสมความเป็นความมีว่ามันมี ทั้งๆที่มันไม่มี เช่น มันไม่มีตัวตนคนก็สะสมตัวตน จนกระทั่งตายแล้วก็ยังมีตัวตนอยู่ จนกระทั่งไม่รู้ตัวตน ตายแล้วเป็นอย่างไร ไปอยู่กับพระเจ้านิรันดร เป็นตัวตนอยู่กับพระเจ้านิรันดรไม่รู้ว่าพระเจ้าอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าไม่รู้เรื่องปิดประตูรู้นิรันดร นิรันดร จากนั้นไม่รู้แล้วว่ามันมีอะไรเป็นอะไร เป็นการจำนนยอมรับว่า พอตายเสร็จแล้วก็หมดความที่จะรู้เรื่อง ก็ไปสมมุติกันว่าพระเจ้าไปอยู่ที่ไหน อยู่กับพระเจ้า พระเจ้าที่ไหน ก็บอกว่าพระเจ้าน่ะ  

ทีนี้เขาก็สรุปเพื่อจะไม่เสียเหลี่ยม พระเจ้าคือเจ้าของความสุข ไปอยู่กับสวรรค์ไปอยู่กับพระเจ้า สวรรค์ก็เป็นอุปาทานเป็นสิ่งที่มันไม่มีแต่ไปยึดถือว่ามันมี ก็เลยมีสวรรค์ ความไม่รู้นี่คือสภาพ 2 ตัวเรา 1 กับอีกสิ่งหนึ่ง แล้วเราก็ไม่รู้ว่าอีกสิ่งหนึ่งนั้นคืออะไร เช่นไม่รู้ว่าพระเจ้าคืออะไร จนทุกวันนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าพระเจ้าคืออะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริยืแห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 19:58:19 )

สะเก็ด

รายละเอียด

สะเก็ด คือ ศีล

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:23:53 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:24:59 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:29:45 )

สัก

รายละเอียด

ใหญ่  เต็ม พร้อมไปหมด

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า182


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:07:09 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:04 )

สักกะ

รายละเอียด

คือ ตัวตนบนโลกๆหยาบๆเลย เช่น สักกายทิฏฐิ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:37:02 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:14 )

เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2563 ( 15:18:30 )

สักกะ

รายละเอียด

ใหญ่  ยิ่ง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 31


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:08:00 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:15 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:30:29 )

สักกะ กับ ตน ต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

สักกะ กับ ตน ต่างกันอย่างไร

สักกะ ใช้พยัญชนะเศษวรรค กับ กะ 

ส่วน ตนะ นั้นใช้ พยัญชนะ ตัว ต กับ นะ เป็นพยัญชนะตัวปลาย 

ต กับ น สองตัวนี้ รวมกันเข้า ก็จะมีพลังงาน ถ ท ธ สามตัวกลาง 

ถ คือ Static ธ คือ Dynamic  

ส่วน ม กับ ท เป็นพยัญชนะ 2 ตัว ตัว ท เป็นพลังงานตัวกลางที่สุด เช่น ทหาร 

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าเป็น พลังงาน 3 ตัว ถ ท ธ 

ต ตัวต้น น ตัวปลาย ถ้า  ถ ท ธ ตัว ท ตัวกลาง ตัว ถ ตัวนิ่ง ตัว ธ ตัวเคลื่อน ทรงไว้แล้วเจริญขึ้น ส่วน ท เป็นตัวกลาง ถ้าหยุดเลยเป็น สมถะ

ตน กับ สักกะ 

สักกะ ส คือเศษวรรค ตัวที่ 5  ย ร ล ว ส เป็นพลังงานตัวกลางของพลังงาน 9 เอามาใช้เป็นตัวหลักของพยัญชนะตัวบนก็เป็น สักกะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน  อจินไตยของฌานวิสัย


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 21:11:32 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์