@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

สุรภาโว

รายละเอียด

คือ ภาวะที่ได้สัดส่วน เป็นภาวะของเหตุปัจจัยต่างๆ แข็งแรง มากเพียงพอ สุระแปลว่า แรงกล้า เช่น มีบุคคลมีอาหาร มีสถานที่ มีธรรมะสัปปายะ อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

630424


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2563 ( 14:04:40 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:49 )

สุรา

รายละเอียด

1. สิ่ง หรือเรื่องที่จะทำให้ติดยึด มัวเมา ร้ายแรงทั้งหลาย

2. กล้าแรง , ยอมเลว

3. สิ่งที่ติด เรื่องที่ติดนั้นร้ายกาจ ติดมากจัด หยาบกล้า เมามายในสิ่ง-ชั่ว เลวแรง 

4. กล้า , แรง , ร้าย , หยาบ , มาก

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 450

ทางเอก ภาค 3 หน้า 445, หน้า 446


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:42:54 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 02:37:46 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:47:25 )

สุราเมรย

รายละเอียด

เมาความเก่ง

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า136


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:43:49 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 02:39:09 )

สุราเมรยะ มัชชปมาทัฏฐาน

รายละเอียด

เสพในความติด

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 517


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:44:24 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:23:09 )

สุริยะเปยยาล

รายละเอียด

สุริยะเปยยาล  คือ  แสงอรุณ 7 เมื่อดวงอาทิตย์ (มรรคองค์ 8) จะขึ้นสิ่งที่ขึ้นก่อนเป็นนิมิต (เครื่องหมาย) มาก่อนคือ แสงอรุณ (แสงเงินแสงทอง)

1.     มิตรดี    เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

2.    สีลสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค            

3.    ฉันทสัมปทา   เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

4.    อัตตสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

5.    ทิฎฐิสัมปทา   เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

6.     อัปปมาทสัมปทา    เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

7.    โยนิโสมนสิการสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 09:34:04 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:53 )

สุริยเปยยาล 7

รายละเอียด

ผู้ที่จะปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ต้องมี 7 อย่างนี้ก่อน

[129]  มิตรดี เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค . . ดูรายละเอียดมิตรดี -> .

[131]  สีลสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค .

[132]  ฉันทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค .

[133]  อัตตสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค .

[134]  ทิฐิสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค . .

[135]  อัปปมาทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

[136]  โยนิโสมนสิการสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค .

พระอาทิตย์นั้นเปรียบเสมือนมรรคมีองค์ 8 คนจะเห็นพระอาทิตย์ได้ต้องเห็นแสงอรุณก่อน แสงอรุณนั้นก็คือ 7 ข้อสุริยเปยยาล

ถ้าไม่มี 7 ข้อนี้ถ้าปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ก็จะไม่สามารถเกิดได้ เพราะไม่สามารถทำใจในใจโยนิโสมนสิการได้ คุณต้องศึกษาทฤษฎีปริยัติจากผู้รู้ที่เป็นมิตรสหายดี เป็นสัตบุรุษของคุณ คุณกลับตาบอดเห็นสมณะที่เป็นสัตบุรุษ เป็นพวกนอกรีต ไปเห็นพวกอสัตบุรุษเป็นพวกมิตรดีสหายดี ไม่เจ๊งวันนี้แล้วจะไปเจ๊งวันไหน ศาสนาพุทธจึงน่าสงสาร ไปยินดีกับอสัตบุรุษ ไปปฏิบัติศีลพรตอย่างสีลัพพตปรามาส ศีลทุกวันนี้ก็ไม่มี มีแต่ศีล 227 ไม่มีจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มีแต่เดรัจฉานวิชาเต็มไปหมด ไม่เป็นศาสนาพุทธเลย พูดแล้วน่าสังเวชใจ ทำไมเป็นอย่างนี้ ศาสนาพุทธถึงได้ล้มเหลว อาตมาจึงเหลือใจจริงๆ มันอัดอั้น จะพูดก็ไม่ออกได้แต่กรอกตา มันไม่เหลืออะไรอยู่ในใจ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:02:11 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:49 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:36:37 )

สุริยเปยยาล 7 ลึกซึ้งอย่างไร

รายละเอียด

มันควรต้องมาอยู่กับหมู่กลุ่มที่เป็น มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ในเรื่องสุริยเปยยาล 7 ข้อ ต้องมีความเข้าใจ ความจริง สุริยเปยยาลของแสงอรุณ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นต้องมีแสงเงินแสงทองมาก่อน ลึกซึ้งมาก ใน 7 ข้อนี้คนที่สามารถเข้าใจได้ ทำความเป็นจริง

[129]  มิตรดี เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค . . ดูรายละเอียดมิตรดี เรามาสัมผัสหมู่กลุ่มนี้พฤติกรรมสังคมวัฒนธรรมนี้ เราก็ว่าใช่ เรายินดีพอใจ มาแล้วก็จะมีหลักเกณฑ์ศีล

[131]  สีลสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค . อย่างน้อยศีล 5 ละอบายมุขมังสวิรัติ ทำได้ก็จะรู้สึกสุดยอดประเสริฐ จะเกิดความรู้เป็นปัญญา ปัญญาจะชัดเจน ศีลเป็นตัวทำให้เราเจริญสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ ก็จะรู้ว่ามีศีลจะลดอัตตา

[132]  ฉันทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค .

[133]  อัตตสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

[134]  ทิฐิสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค . .

[135]  อัปปมาทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

[136]  โยนิโสมนสิการสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยรรค .

จะมาเป็นลำดับๆเลยในสุริยเปยยาล 7 ข้อนี้ ก็จะปฏิบัติตามลำดับไม่ประมาท ทำโยนิโสฯเป็น ตามสวากขาตธรรม แล้วจิตเราทำได้ผล โยนิโสมนสิการ ทำให้กิเลสออกกิเลสลดลงๆ ตามกระบวนการที่พระพุทธเจ้าสอนไว้

ทั้ง 7 ข้อหากทำได้ครบถึงโยนิโสมนสิการ เป็นหลักการ คุณต้องมี 7 ข้อนี้ชัดเจนแล้วถึงเริ่มฝึกมรรค 7 องค์  7 ข้อนี้แค่ความรู้นะ ยังไม่ได้ปฏิบัติ แล้วก็ทำมรรค 7 องค์ มีการคิด พูดทำ การทำอาชีพ ตามมรรคมีองค์ 8

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 17:00:31 )

สุริยเปยยาล 7 

รายละเอียด

คนคนนี้คิดดี หากคนที่ไม่ฟังอาตมาเลยปิดประตูไม่ฟังเลยจะไม่มีปรโตโฆษะ ไม่มีโยนิโสมนสิการได้ อันนี้เป็นข้อที่ 7 ของสุริยเปยยาล 7 แสงอรุณ 7 

สุริยเปยยาล 7 

[129]  มิตรดี เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

[131]  สีลสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[132]  ฉันทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[133]  อัตตสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

[134]  ทิฐิสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[135]  อัปปมาทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[136]  โยนิโสมนสิการสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 13:58:09 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:24 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:48:38 )

สุริยเปยยาล 

รายละเอียด

สุริยเปยยาล  คือ  การจะเห็นพระอาทิตย์ได้จะต้องเห็นแสงอรุณก่อน 7 ข้อ

1.     มิตรดี  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

2.    สีลสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

3.    ฉันทสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

4.    อัตตสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

5.    ทิฐิสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

6.     อัปปมาทสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยะ

7.    โยนิโสมนสิการสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 08:49:40 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:36:21 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:38:30 )

สุริยเปยยาล 

รายละเอียด

สุริยเปยยาล  คือ  การจะเห็นพระอาทิตย์ได้จะต้องเห็นแสงอรุณก่อน 7 ข้อ

1.     มิตรดี  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

2.    สีลสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

3.    ฉันทสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

4.    อัตตสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

5.    ทิฐิสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

6.     อัปปมาทสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยะ

7.    โยนิโสมนสิการสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยะ

ที่มา ที่ไป

  รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 21 ตุลาคม 2562 ( 08:29:01 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:38:14 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:37:35 )

สุริยเปยยาล 

รายละเอียด

ข้อที่ 7 โยนิโสมนสิการ ใน สุริยเปยยาล  ผู้จะปฏิบัติธรรมมรรคมีองค์ 8 ต้องเห็นแสงอรุณ 7 มาก่อน ผู้ที่ปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 โดยไม่รู้จัก แสงอรุณคือ สุริยเปยยาล  7 ไม่เข้าใจสุริเปยยาล 7 มาก่อน ก็ล้มเหลว คุณจะอุตริเห็นพระอาทิตย์โดยไม่เห็นแสงอรุณก่อน คุณก็คือไม่ได้อยู่ในโลกเขาสิ ไปหลับตาอยู่ที่ไหนแล้วโผล่มาเห็นพระอาทิตย์เลย โดยทำที่ลืมตารู้โลก รู้การเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ก็ต้องเห็นแสงอรุณก่อน ก่อนจะเห็นพระอาทิตย์ ก่อนจะปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 เป็นเรื่องลึกซึ้ง ซับซ้อนมากเลย ถ้าไม่เข้าใจสภาวะจริง อธิบายไม่ออกหรอก อาตมามีสภาวะจริง ผ่านมาแล้ว เข้าใจแล้ว ทำได้แล้วด้วย ก็เลยเอามาพูดได้อย่างสบายใจมาก อธิบายให้ฟัง มันก็เลยจำสภาพได้หมดเลย มันมีเนื้อแท้ของเราอยู่ เป็นลำดับที่น่าอัศจรรย์ มันไม่ขลุกขลัก ไม่กระโดดไปกระโดดมา มันเรียงตาม เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย สวย

คนจะโยนิโสมนสิการ จะทำใจในใจได้อย่างถ่องแท้ แยบคาย ถูกต้อง ละเอียดลออจริงๆ ไม่ใช่ธรรมดา เพราะฉะนั้นบอกว่าโยนิโสมนสิการ อย่าไปมัวแปลว่า พิจารณาให้ถ่องแท้ ไม่เข้าถึงมนสิการ ไม่เข้าถึงการทำใจในใจเป็น มนสิการ เป็นตัว มูลสูตร ข้อที่ 2 ฉันทะ เป็นข้อที่ 1 มนสิการเป็นข้อที่ 2 ใน มูลสูตร 10 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 54 ผู้เป็นกลางคือผู้วางกามกับอัตตา วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 11:54:31 )

สุริยเปยยาลสูตร ข้อที่ 4

รายละเอียด

ที่จริงเราจะไปปฏิเสธไม่ได้ ในสุริยเปยยาลสูตร ข้อที่ 4 ที่ให้รู้จัก อัตตา คนจะรู้จักอัตตา ต้องพบสัตตบุรุษ พบ มิตรดี สหายดี ซึ่งคือใคร มิตรดีสหายดี จะปัญญาน้อยหรือปัญญามาก ศรัทธาหรือปัญญา จับให้ปฏิบัติศีลก่อนเลย เฮ้ย มาหาอโศก ต้องไม่กินเนื้อสัตว์นะไม่มีอบายมุขนะ คือศีลทั้งนั้นเลยต้องจัดการให้ถือศีลก่อนแล้วจะเห็นว่ามิตรดีสหายดีเขามีหลักเกณฑ์ของชีวิตมีหลักปฏิบัติคือศีล ปฏิบัติศีลนี้มันเจริญ ก็จะเกิดฉันทะ เกิดความยินดีเป็น สุริยเปยยาล ข้อที่ 3 อ้อ ถ้าไม่พบมิตรดีก็ไม่ไปพบนิพพานก็จะไปเรื่องแฟชั่น เรื่องยินดีที่จะได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เละเทะไปหมด แต่มาที่นี่ไม่ใช่ให้เพียงลด แต่ให้เรียนรู้เท่าทันมันด้วย เอ้ ดีแฮะ ชัก ยินดี มิตรดี ปฏิบัติศีลแล้วเกิดความยินดีจึงรู้จัก อัตตา

เป็นอันที่ 4 ถึงได้รู้จักว่าตัวเรานี่แหละคือ อัตตา เรามันเกิดมาพร้อมอวิชชา คนทุกคนเกิดมาพร้อมกับอวิชชาไม่รู้สังขาร ไม่รู้วิญญาณ ไม่รู้นามรูปไม่รู้อายตนะ ไม่รู้ผัสสะ อายตนะ ตัณหา อุปาทาน ภพชาติ แล้วก็ศึกษาแก้ไขปรับปรุง ปรับปรุงชาติตัวเองให้เป็น นิพพัตติ อภินิพพัตติ ไม่ได้ไม่รู้ไม่เข้าใจไม่ศึกษาคำสอนพระพุทธเจ้า เพราะไม่ได้เรียนรู้จากสัตบุรุษ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2565 ( 12:34:02 )

สุริยเปยยาสูตร

รายละเอียด

ผู้ใดที่มีฉันทะมีความยินดีเข้าใจก็มาเริ่มต้น ตามสุริยเปยยาลสูตร แสงเงินแสงทองต้องมาก่อน สุริยเปยยาล (เล่ม 19  ข.129 – 136)

[129]  มิตรดี เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

[131]  สีลสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[132]  ฉันทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[133]  อัตตสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

[134]  ทิฐิสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[135]  อัปปมาทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[136]  โยนิโสมนสิการสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

มนสิการแปลว่าการทำใจในใจ เขาทำเหมือนกันแต่ทำไม่ถูก ไปนั่งหลับตาไปศึกษาอาจารย์ต่างๆที่มีความแตกต่างแต่เป็นสำนักที่ทำแบบนั้นเยอะมากมาย ก็เหมาะสมกับตัวเองศึกษาแล้วก็จะรู้จริงรู้พอคนช้าก็ช้าคนเร็วก็เร็ว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:49:26 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:12 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:39:15 )

สุริยเปยาล 7

รายละเอียด

สุริยเปยยาล 7 เป็นเรื่องลึกซึ้งมากเลย ศาสนาพุทธทุกวันนี้เขาไม่พูดถึงแล้ว เขาไม่เห็นความสำคัญทั้งที่มันสำคัญมาก พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ที่จะปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ต้องมี สุริยเปยยาล 7 ถ้าไม่มี ก็ไปปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ก็คือคนหลับตาหรือคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ตลอดชีวิตคุณก็เป็นคนตาบอด จูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ ด้วยกัน จะเป็นอย่างนั้นตลอดกาลเลยเพราะอะไร ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนจะต้องได้เห็นแสงอรุณก่อนจึงได้เห็นพระอาทิตย์ คนที่จะเห็นพระอาทิตย์และปฏิบัติกับพระอาทิตย์ได้คุณต้องเห็นแสงอรุณก่อน ถ้าไม่เห็นแสงอรุณก่อนคุณจะเห็นพระอาทิตย์ก็ตาบอดเลย

[129]  มิตรดี เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

[131]  สีลสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[132]  ฉันทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[133]  อัตตสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

[134]  ทิฐิสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[135]  อัปปมาทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

[136]  โยนิโสมนสิการสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 24 เมษายน 2563 ( 14:22:36 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:19 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:38:08 )

สุรุยเปยยาล 7

รายละเอียด

คือ เป็นผู้มีมิตรดี  เป็นข้อต้นของสุริยเปยยาล 7

1.     มิตรดี  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

2.    สีลสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

3.    ฉันทสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

4.    อัตตสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

5.    ทิฐิสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

6.     อัปปมาทสัมปทา  เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

7.    โยนโสมนสิการสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค     

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 13:48:31 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:36 )

สุวัณเณ

รายละเอียด

มีผิวพรรณดี ทำให้ปรากฏงามได้ขนาด ได้คุณภาพตามระดับ ตามชั้นอย่างชัดเจนถ่องแท้อยู่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 213


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:45:07 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 02:50:20 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:48:18 )

สุวาน

รายละเอียด

คือ หมา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 21:22:52 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:42:33 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:47:59 )

สุสสูสัง

รายละเอียด

ฟังธรรมด้วยดี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 486


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:45:42 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 02:51:12 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:34:12 )

สุสูสัง ลภเตปัญญัง

รายละเอียด

ฟังธรรมะนี้คนฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 20:36:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:43:21 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:34:36 )

สุสูสังลภเตปัญญัง ตั้งใจฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา

รายละเอียด

ยกตัวอย่างสิ่งที่กินคือมะขาม หรืออื่นๆ กินหมากนี่ไปถามมหาบัวดู เขาบอกว่าเป็นการรักษาโรคแต่รักษาจนตายไม่หาย ต้องกินอยู่ตลอด พูดจากลบเกลื่อนเพราะว่าตัวเองติด พูดไปอย่ามาปรับอาบัติอาตมา มหาบัวจะถือว่าเป็นปาราชิกก็ได้ คือ ตัวเองรู้ทั้งรู้ ว่าหมากพลูเป็นของเสพติด แต่ไปโกหกเขาว่าไม่ใช่ของเสพติด โกหกทั้งๆที่รู้ ของเสพติดว่าไม่ใช่ของเสพติด แล้วตัวเองเสพติด เพราะเคยพยายามเลิกแต่เลิกไม่ไหวก็เลยมากลบเกลื่อน ว่าไม่ใช่ของเสพติด อย่างนี้เป็นต้น 

เห็นแล้วอาตมาก็ว่ามันเสื่อมหนักเลยศาสนาพุทธ จนกระทั่งหลงกันถูกหลอก เป็นพระที่ไม่ใช่พระ เขาก็ไปนับถือบูชา พูดไปก็น่าสงสาร นับถือกันหมดทุกระดับ ไม่รู้จะทำยังไงเพราะไม่เข้าใจ ผู้รู้ไม่มาบอก แล้วผู้รู้ที่มาบอกอย่างอาตมาก็ไม่มีเครดิต แต่อาตมามีแต่ความจริงพูดความจริงด้วยความจริงใจ ด้วยความปรารถนาดี แต่ผู้ที่ตั้งใจฟังโดยไม่อคติ สุสูสังลภเตปัญญัง ตั้งใจฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา อาตมาอธิบายให้ละเอียดลออไปเรื่อยๆ พากเพียร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:56:30 )

สุสูสังลภเตปัญญัง 

รายละเอียด

สุสูสังลภเตปัญญัง  คือ การเข้ามาฟัง เข้ามาพิสูจน์  ศีล  สมาธิ  ปัญญา  คุณมาลองฟังมาลองพิสูจน์ ศีล 3 ข้อ จะชัดเจน  นอกจากคุณจะไม่จริง หรือบารมีไม่ถึงแต่ถ้าบารมีพอได้จะเห็นเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:36:50 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:01 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:35:04 )

สุสูสังสภเตปัญญัง

รายละเอียด

คือ ฟังด้วยดีจะเกิดปัญญา  หากไม่ฟังด้วยปัญญาด้วยสัจธรรม  ฟังด้วยอคติ  ฟังอย่างไม่มีความยินดีไม่มีฉันทะเป็นมูล  ฟังอย่างเข้าใจไม่ได้  ฟังไม่ได้มนสิการ  ทำใจในใจไม่ได้  ศาสนาพุทธต้องมีมนสิการ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 13:45:26 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:39 )

สุเทพถือเป็นหนึ่งในคลองดีกว่าเป็นสองในทะเล

รายละเอียด

คุณสุเทพตอนแรกเราเรียกจรกาด้วย เป็นนักการเมือง คนนี้เราเรียกจรกา เรียกจรกาลงสรง ออกมาตอนหลังมีแนวโน้มมีลักษณะเข้าใจทิศทางเข้าใจเนื้อของสัจจะขึ้นมาบ้าง อาตมาก็เลยว่าเขาชื่อสุเทพ หรือสุเทวานี่เอง เขาชื่อว่าเทวดาดีไม่ใช่จรกาลงสรง ก็คบหากันมา นำพากันมา จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังสนิทสนมกัน แล้วเขาก็เอาแนวของสัจธรรมไปทำ ทุกวันนี้ไปทำโรงเรียนอาชีวะ เน้นพืชพันธุ์ธัญญาหารกสิกรรมด้วย ก็เข้าทางเข้าสายถูกต้องเสริมสร้างกันกับชาวอโศกเลย แต่เขาก็มีตัวของเขา เป็นตัวของเขา เขาก็เป็นหนึ่งในคลองดีกว่าเป็นสองในทะเล เขาก็ต้องไปอยู่ของเขา ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของคนคนหนึ่ง เขาก็ถือหนึ่งในคลองดีกว่าสองในทะเล เขาก็ไปทางโน้นแทนที่จะมาร่วมกับเรา เป็นหนึ่งในคลองดีกว่าเป็นสองในทะเล ก็เข้าใจเขา สิ่งเหล่านี้มันร่วมกันได้ไม่มีปัญหาเพราะไม่ได้ขัดแย้งอะไร เขาก็เข้าใจเพิ่มมาเรื่อยๆ มีรายละเอียดหลายอย่าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:36:34 )

สุโปสะ

รายละเอียด

บำรุงง่าย

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 70


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:33:28 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 02:52:05 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:33:30 )

สุโปสะ

รายละเอียด

สุโปสะ หมายถึงว่า เป็นความเจริญ เจริญทางความรู้ เจริญทางความจริงที่เป็นโลกุตระ เจริญทางธรรมะ เจริญทางพฤติกรรม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้เจริญขึ้นได้ง่าย อันหนึ่งเลี้ยงให้มีชีวิตยังอยู่ง่าย อีกอันหนึ่ง เสริมขึ้นไปอีกนอกจากเลี้ยงไว้แล้ว อย่างเราเลี้ยงเด็กให้อยู่สบาย แล้วทำให้เจริญก็ได้อีก สุโปสะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต ครั้งที่ 85


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:45:52 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:46:31 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:33:57 )

สุโปสะ

รายละเอียด

 คือพาให้พัฒนาได้ง่าย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:31:35 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:14 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:33:15 )

สุโปสะ

รายละเอียด

สุโปสะ ข้อนี้เข้าใจกันยาก ท่านแปลว่า บำรุงง่าย หมายความว่าทำให้เจริญ เจริญในอะไร เจริญในธรรมนี่แหละ เจริญในธรรมะนี่แหละสำคัญ ทำให้กายกรรมเจริญ วจีกรรมเจริญมโนกรรมเจริญ เป็นกุศลและลดกิเลสได้ด้วยเป็นโลกุตระ กายกรรมก็ลดกิเลส วจีกรรมก็ลดกิเลส มโนกรรมก็ลดกิเลส พวกสุโปสะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2566 ( 11:05:25 )

สูงสุดคืนสู่สามัญเป็นไฉน

รายละเอียด

อย่างอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ทำกรรมได้เก่ง ทำเหมือนคนธรรมดาเลย สูงสุดคืนสู่สามัญ ทำเหมือนคนมีกิเลส เขามองไม่ออกหรอก เขาอ่านตามอาการ ว่า อย่างนี้มันต้องคนมีกิเลส แต่ที่จริงไม่มีแล้วแต่ก็ทำเหมือนคุณได้เข้ากับพวกคุณได้ สบายๆ 

อาตมาไปนั่ง เขารินเหล้า เราก็ถือเหล้าดื่มได้ ดื่มมากๆมันก็มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท อาตมาเคยกินเหล้าไม่เมา ไม่เคยกินเหล้าเมา ในชีวิต กินเบียร์จนกระทั่งเขาปิดร้าน นั่งกินตั้งแต่กลางวันจนกระทั่งเขาปิดร้าน เขาไม่มีเบียร์ในร้านนี้แล้วเขาไปเอาเบียร์จากร้านอื่นมาให้กิน กินแล้วก็เดินเข้าส้วมเยี่ยวๆๆ จนเขาปิดร้าน เกรงใจเขาก็ต้องกลับแต่ไม่เมา ขับมอเตอร์ไซค์ด้วยตอนนั้น ก็ขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านสบายไม่เป็นอะไรแล้วอาตมาไม่ได้อ้วกเก่งด้วยมีแต่เยี่ยว ธรรมดาคนเมาจะอ้วกแตกอ้วกแตน แต่เคยมีครั้งนึง 2 ครั้งเมาแล้วก็อ้วกดูเหมือนจะมีเหมือนกัน ก็ไม่เหมือนคนอื่นเขา เขาเมาแล้วไม่รู้เรื่องแต่อาตมาไม่เคยเสียสติ เมาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเสียสติขับมอเตอร์ไซค์ได้ กินด้วยกันนี่ เพื่อนก็ต้องเอาไปส่งบ้าน เอาเขาไปส่งบ้าน ต้องเอาผ้ารัด มันก็ฟุบกับหลังเราเดี๋ยวมันจะตก สมจินต์ ธรรมทัต เอาไปส่งบ้าน เมียลากขึ้นบ้าน นอนเมา เราก็ไม่เมา ส่งเขาแล้วก็กลับบ้านก็กินด้วยกันพอกัน 

กินเฮนเนสซี่จำได้ครั้งหนึ่ง อาตมากับสมจินต์ 2 คน ล่อกัน อยู่เวรโทรทัศน์มันก็สบายๆไม่มีอะไรมาก ก็เข้าเวรก็นั่งดวด โซดาขวดเดียว เฮนเนสซี่ 1 ขวด โซดาไม่หมด แต่เฮนเนสซี่ หมดขวดเลย ไม่พอไปสั่งแม่โขงอีก ตอนแรกก็สั่งแบนหนึ่งหมดก็สั่งอีกกลม กว่าจะเลิกงาน 2 ยามกลับบ้าน สมจินต์ไม่ได้เรื่องเลยก็สองคนล่อไปขนาดนั้นจะเมาขนาดไหน แต่อาตมาไม่เมาก็เอาใส่หลังขับรถส่งบ้าน ก็เป็นครั้งเดียว นอกนั้นก็กินไปตามเรื่องราวอาตมาก็ไม่ได้ไปกินมากมายมีแต่กินบางครั้งบางครั้ง ก็กินกับเขาได้ กินกับเขามากมายก็ได้แต่อาตมาไม่เมา มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ไม่เหมือนกับเขา ตลก มันเป็นอย่างนั้นมันเป็นธาตุของตนเอง แต่ไม่ได้อวดเก่งจะไปกินโชว์ ไม่เอา ไม่เห็นควรทำ ก็เลี่ยงไปทำประโยชน์อย่างอื่นกินก็เท่านั้น คือ กินแล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะสนุกตรงไหน มันเมาแล้วมีแต่อยากนอน พาลปวดหัวด้วย แล้วกินเข้าไปทำไม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 19:14:10 )

สูงสุดคืนสู่สามัญเพื่อทำงานให้แก่โลก

รายละเอียด

อาตมาพยายามจะปลุกรสชาติให้มันขึ้นมาเพื่อจะได้กินเร็วขึ้นหน่อย แต่นี่มันจะใส่ทีเจ้าประคุณเอ๋ย 2-3 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จ ปริมาณอาหารพอสมควร ก็คงไม่มากเท่าพวกหนุ่มสาวหรอกนะ ไม่เท่านายเพนกวิ้นแน่นอน รับรองปริมาณอาหารแต่ละมื้อไม่เท่าเพนกวิน 

ที่จริงเปลี่ยนได้มันก็มีขึ้นมาได้แต่มันช้าก็เลยอยากจะเร่งให้มันเกิดรสกาม พูดกันชัดๆก็คือกามคุณ 5 รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มันจะมีประตูไหน รูไหนที่จะ stimulate เร่งรัดให้มันมีความรู้สึกตัว

 อาตมาจะพยายามปลุกรสชาติให้มันขึ้นมา จะได้กินเร็วขึ้นมาหน่อย แต่นี่มันจะใส่ทีเจ้าประคุณเอ๋ย 2-3 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จ ปริมาณอาหารพอสมควร ก็คงไม่มากเท่าพวกหนุ่มสาวหรอกนะ ไม่เท่านายเพนกวินแน่นอน รับรองปริมาณอาหารแต่ละมื้อไม่เท่าเพนกวิน 

ที่จริงเปลี่ยนได้มันก็มีขึ้นมาได้ มันก็ช้าก็เลยอยากจะเร่งให้มันเกิดรสกาม พูดกันชัดๆก็คือกามคุณ 5 รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มันจะมีประตูไหน รูไหนที่จะ stimulate เร่งรัดให้มันมีความรู้สึกตื่นต้ว ตัวเวทนาตัวนี้ เร่งรัดให้มันมีอาการที่เกิดความต้องการ ความอยากความปรารถนา อาตมาสอนพวกเราจนกระทั่งว่า มีเจตนาแต่อย่าอยาก เราก็เป็นได้แล้วล่ะถึงมาสอน มันก็เลยมีแต่เจตนา ทุกวันนี้ใช้แต่เจตนา สอนด้วยเจตนา 

คือมันกลับไปกลับมา สูงสุดคืนสู่สามัญ เพื่อจะทำงานให้แก่โลก ตัวเองไม่มีปัญหาหรอก แต่มันก็จะมีประโยชน์ขึ้น

ตัวเวทนาตัวนี้ เร่งรัดให้มันมีอาการที่เกิดความต้องการ ความอยากความปรารถนา อาตมามาสอนพวกเราจนกระทั่งว่า มีเจตนาแต่อย่าอยาก มันก็เลย เราก็เป็นได้แล้วล่ะถึงมาสอน มันก็เลยมีแต่เจตนา ทุกวันนี้ใช้แต่เจตนา สอนด้วยเจตนา 

คือมันกลับไปกลับมา สูงสุดคืนสู่สามัญ เพื่อจะทำงานให้แก่โลก ตัวเองไม่มีปัญหาหรอก แต่มันก็จะมีประโยชน์ขึ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 6 วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564 แรม 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2564 ( 13:01:26 )

สูงสุดที่สุดก็คือต่ำสุดหรือมีที่ไม่มีประมาณเท่ากับศูนย์

รายละเอียด

ท่านตรัสรู้นะ มีความรู้สูงสุดนะ และท่านก็ทำตลอดพระชนม์ชีพ จนกระทั่งปรินิพพานไปก็จบ ท่านค้นคว้า ค้นหา จนกว่าจะได้ความเป็นพระพุทธเจ้ามาไม่รู้กี่ล้านชาติ อย่างอาตมา เป็นโพธิสัตว์ กว่าจะรู้ว่า โอ้โห..คนเรากว่าจะสูงสุดมันแค่นี้เอง แต่มันโอ้โห สูงสุดที่สุดจริงๆ สูงสุดที่สุดก็คือต่ำสุด ไม่มีอะไรไม่เอาอะไร มีทุกอย่างที่มนุษย์จะพึงได้พึงเอา ท่านกลับไม่มีไม่เอา “มี” ที่ไม่มีประมาณเท่ากับ 0 สนิทเลย เท่ากัน แล้วท่านก็เลือกเอา 0 ไม่ไปเลือกเอาอย่าง “มี” ที่ไม่มีประมาณ ซึ่งมันเกินกว่าที่คนจะคิด เพราะฉะนั้นศาสนาที่ยังไม่เข้าใจโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าจึงยากมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประเด็นโลกุตระจากงานศพอาจารย์สมเกียรติ วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2564 ( 11:32:31 )

สูงสุดอภินิพพัตติ

รายละเอียด

สะพานคือ การปรุงแต่ง ต่อ สะ คือปรากฏ ยุ่งเกี่ยว เป็นไป กับ นิ คือไม่ ถ้าสะพานมันมี แต่นิพพานไม่ ตัดสะพาน ลดสะพาน เป็นนิพพาน นิพพานหรือพยัญชนะว่า นิพาน นิพพาน นั่นแหละ ไม่ต่อตัวนี้ จึงเรียกว่า นิพพัตติ เป็นผู้สร้างสภาพนิพพานไปเรื่อยๆ จนสูงสุดเป็นอภินิพพัตติ ก็จบ ไม่มีอะไร พาน อีกแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเป็น พฤติ ชนะอยะยั่ว รู้ทันอยะยั่ว ยั่วอย่างไรก็ไม่เกิด ไม่พัวไม่พัน เป็นผู้ที่รู้ทันหมด 

เพราะฉะนั้นเมื่อสุดยอดอภิ สูงสุดอภินิพพัตติ ทำการไม่มีนิพะ นพะ 

นิ ไม่มีถึง 3 อะ อา อิ  นะ ไม่มี พ ตัว พ คือพฤติ ไม่มีเลย 

ใช้พยัญชนะอธิบายขยายความสภาวะมาถึงขั้นนี้ เวลาก็เลยไปแล้ว 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 10:44:26 )

สูงสุดอยู่ที่กรรม

รายละเอียด

กรรมจึงเป็นที่สุด ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สอนเรื่องกรรม จบด้วยกรรม มีอะไรสูงสุดอยู่ที่กรรม ไม่มีอื่นเลย กรรมรวมทุกอย่างอยู่ในกรรมหมด ประพฤติตรงประพฤติถูกก็สมบูรณ์แบบ 

ค่อยๆ ปฏิบัติไปอย่างที่พูดมานี่ มันเข้าสู่จุดสำคัญ ที่ปฏิบัติแล้วมีมรรคมีผล มันดีจริงๆ นี้มันก็เป็นการยืนยัน การอธิบายหรือรายงานมรรคผลของแต่ละคนมา อย่างคุณสว่างแสงพูดมานี่ ก็ถูกต้องของตัวเอง ก็มาเทียบเคียงตรวจสอบกับธรรมะพระพุทธเจ้า ก็อธิบายไปแล้วนะ  

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 16:14:48 )

สูงสุดแห่งความสุขโลกุตระ

รายละเอียด

คือ ไม่สุขไม่ทุกข์  หมดสิ้นความสุข หมดสิ้นความทุกข์  เพราะรู้ดีว่าสุขกับทุกข์นั้นมันเป็นเทวะเป็นสองที่คนยังเข้าใจไม่ได้ตีไม่แตก  ก็เลยถูกความทุกข์หลอกเป็นความสุข  อยากได้ความสุข  แต่คุณไม่พ้นทุกข์เพราะตีไม่แตก  ความสุขความทุกข์นั้นเอาอันใดอันหนึ่งไม่ได้  มันเป็นของคู่กัน

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:03:22 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:53 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:35:49 )

สูงสุดในการพ้นมิจฉาชีพข้อที่ 5

รายละเอียด

การทำงานฟรีมาเอาลาภแลกลาภ พ้นลาเภนลาภัง นิชิคิงสนตา ทำงานไม่แลกเปลี่ยนแม้แต่เงินทองข้าวของ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 62 วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:54:58 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:29:45 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:42:08 )

สูงไปกว่า“อนิยตโพธิสัตว์”ที่นับมาตามลำดับ

รายละเอียด

“อรหันต์ขั้นที่ 3”ต่อก็จะได้ชื่อว่า “อนิยตโพธิสัตว์”

“อรหันต์ขั้นที่ 4”จึงจะเป็น “นิยตโพธิสัตว์” 

สูงไปกว่า“อนิยตโพธิสัตว์”ที่นับมาตามลำดับตั้งแต่ขั้น“โสดาบัน”คือ ภูมิขั้นที่ (1) และ“สกิทาคามี”เป็นขั้น (2) จนกระทั่งถึงภูมิ“โพธิสัตว์”ขั้นที่ (8) ก็เรียกชื่อว่า “มหาโพธิสัตว์” ถ้าจะเรียกเต็มยศก็“อรหันตมหาโพธิสัตว์” เป็น “อรหันต์ขั้นที่ 5” แต่เป็น“โพธิสัตว์”ระดับที่ 8 ตั้งสติไล่เรียงกันดีๆ อย่าให้สับสน “อรหันต์”ขั้น 6 หรือ“โพธิสัตว์”ระดับที่ (8) ก็สูงต่อขึ้นไปเป็น         “ปัจเจกสัมมาสัมโพธิสัตว์”

ซึ่งคนผู้เป็น“ปัจเจกสัมมาสัมโพธิสัตว์”ที่สูงสุดก็มี ภูมิธรรมเท่าเทียม“พระสัมมาสัมพุทธเจ้า”สูงสุดก็ภูมิที่ (9) เกินกว่า “ปัจเจกสัมมาสัมโพธิสัตว์” คือ พุทธภูมิสูงสุด“อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า” จบสัมบูรณ์ ถ้านับจากเริ่มเป็น“ผู้เข้ากระแสโลกุตระโสดาบัน” เป็น“โสดาบันโพธิสัตว์” ก็นับเป็น“โพธิสัตว์ระดับ 1” มาถึงขั้นเป็น“สยัง อภิญญา”ก็เป็น“โพธิสัตว์ระดับ 7”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม งานอโศกรำลึก 2566
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2566 ( 11:17:09 )

สูญ

รายละเอียด

คือ ภาวะที่ “ไม่มีภาวะนั้นๆ” หรือ “ภาวะนั้นๆไม่ทรงอยู่-ไม่ทรงไว้ในที่นั้นแล้ว” ภาษาก็ว่า “สุญญ” หรือ “สูญ” เพราะไม่มีความรู้ตามศาสนาพุทธ ที่ “สัมมาทิฏฐิ” ผู้ไม่สามารถทำ “ธรรมะ 2” ให้เป็น “0” ได้สำเร็จจริง จึง คือผู้ชื่อว่า “เทฺวนิยม” หรือศาสนาที่ยังเป็น “เทฺวนิยม” เพราะยังมี “ธรรมะคู่” หรือ “ธรรมะ 2” ยังอวิชชาอยู่ ในความเป็น “เทฺว” ยังไม่สามารถทำ “ความอิสระ” ให้แก่ตน ได้อย่างวิเศษ จึงชื่อว่า ยังไม่มี “ความอิสระ” ที่ยิ่งใหญ่

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 317-318


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 13:54:02 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 15:46:09 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:32:58 )

สูญ คือจบกิจที่เจริญสูงสุด

รายละเอียด

นี่คือการพัฒนาเศรษฐกิจถึงขั้นจบกิจ เศรษฐศาสตร์ของเทวนิยมไม่รู้จักการจบกิจ ไปหลงอยู่แต่ตัวเลขของรายได้ แล้วรายได้ก็พิกลพิการจะเอาเปรียบได้เปรียบ เจริญมันจะต้องมีเปรียบให้ได้มากๆมากๆแต่ของพระพุทธเจ้านี้ สูญ ผู้จบรายได้ 0 ไม่ต้องมาสะสมอีกแล้ว นี่ต่างหากคือจบกิจที่เจริญสูงสุด มันทวนกระแสกันเลย แล้วเขาจะเข้าใจได้ไหมนี่ เขาจะเข้าใจได้ไหม ข้างนอกเทวนิยมโลกทั้งโลก เข้าใจได้ไหม แล้วพวกคุณเข้าใจได้ไหม.. ได้ ทำได้ โอ้โห..สุดประเสริฐเลย เยี่ยมยอดเลย ทำแล้วยังทำต่อไปอีก ทันสมัย ใหม่เสมอ ก็จริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 12:39:17 )

สูญญตา

รายละเอียด

ไม่มี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 266


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:46:12 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:23:31 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:32:36 )

สูญที่ยิ่งกว่าสูญทั้งปวง

รายละเอียด

เมื่อสัมปชานบุคคล ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน-ธาตุ   ความเป็นไปแห่งจักษุนี้ย่อมหมดสิ้นไป   และความเป็นไปแห่งจักษุอื่นก็ไม่เกิดขึ้น

ความเป็นไปแห่งหู ฯลฯ  ความเป็นไปแห่งจมูก ฯลฯ  ความเป็นไปแห่งลิ้น ฯลฯ ความเป็นไปแห่งกาย ฯลฯ

ความเป็นไปแห่งใจนี้ย่อมหมดสิ้นไป  และความเป็นไปแห่งใจอื่นก็ไม่เกิดขึ้น 

นี้ความครอบงำความเป็นไปแห่งสัมปชานบุคคล  สูญมีประโยชน์อย่างยิ่งกว่าความสูญทั้งปวง  ฉะนี้แล

 

ที่มา ที่ไป

เล่ม31  ข้อ 658

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2562 ( 13:03:17 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:54 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:36:29 )

สูญเสีย

รายละเอียด

ไม่ว่าจะมีน้อยหรือมากก็ต้องพบกับการสูญเสียทั้งหมด ถ้าไม่อยากสูญเสียก็ต้องไม่มี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:57:11 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:50:48 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:32:21 )

สูตร E=C (mc2+A) เป็นของโพธิรักษ์ ไม่ใช่ของไอน์สไตน์

รายละเอียด

สรุป สัมประสิทธิ์ ขั้นสมการที่เราแทนค่าด้วย +A  E=C(mc2+A) นี่เป็นสูตร E ของโพธิรักษ์ ไม่ใช่ของไอน์สไตน์นะ ค่า A ผู้ที่ศึกษาตามก็ชัดเจนขึ้น มันบวกเข้าไปในสมการอย่างไร A = mc2 +mc2 +mc2 +mc2 +mc2 +mc2 ...บวกไปก็เป็น x หรือคูณ คูณมากๆก็เอาไปยกกำลัง เป็นวิธีทางคณิตศาสตร์ให้สรุปได้เข้าใจสั้น ไม่ต้องเขียนให้ยาว เราบวก mc2 ประมาณหนึ่ง A เป็นตัวแทน บวกกันได้ระดับหนึ่งก็เป็นคูณ และเป็นยกกำลัง เช่น เป็น 9 อันก็เป็น 3A จะพัฒนาเป็น C ได้อย่างไร ก็เพราะว่ามันคูณมากๆและเป็นยกกำลัง หากจะเอา mc2 คูณกันมาก ก็ทดไปเป็น C หากใครจะทำให้เป็นสูตรที่ละเอียดกว่านี้ได้เหมือนกัน แต่อาตมาเอาแค่นี้ พอแค่นี้ อาตมาว่า ตามการคาดคะเนของอาตมา สามารถทำให้เป็นสูตรที่ละเอียดกว่านี้ได้ C จาก mc2 +A นี้ก็ได้แต่อาตมาว่า เอาแค่นี้ เพราะต่อไปอีกก็เป็นการขยายทดไปอีกแค่นั้น อาตมาว่าแค่นี้ปรินิพพานปริโยสานได้ ถ้าจะสร้างเอกภพนี้ คุณยืดเอกภพนี้ให้โตไปอีกเท่านั้นจะรวม อุตุ พีช จิต  นี้ เป็นกรรม (dynamic) ต่อไปในอนาคต แล้วเป็นธรรมะ (static) เท่านี้เองในมหาจักรวาลนี้ก็วนเวียนกันเท่านี้ C ที่อาตมาว่า เป็น Coefficient บอกได้เลยว่าเป็น E ของ โพธิรักษ์ ส่วน E ของไอน์สไตน์นั้นตายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่จบหรอก ยังจะมาต่อไปอีก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:48:40 )

สูตรการแก้ปัญหาความจนได้สำเร็จ

รายละเอียด

คือการแก้ปัญหาไม่ใช่ให้คนไปแย่งกันรวย  แต่ให้แย่งกันมาจน  จนที่สุดคือ  มี 0 คือไม่เป็นหนี้  คือมีความขยันหมั่นเพียร  สร้างสรรผลผลิต  ผลิตแล้วเอามากินใช้อย่างพอเพียง  มีเหลือกินที่ตัวเองกินใช้และก็ยิ้ม  แจกจ่ายผู้อื่นหรือขายให้ถูกนั่นแหละคือคนแก้ปัญหาความจนได้อย่างสำเร็จ  อาตมาพูดสูตรนี้

1  ไม่เป็นหนี้   

2  ต้องพึ่งพาตนเองรอด 

3  ผลิตให้เหลือเฟือ 

4  เอาออกไปแจกจ่าย

ประเทศใดสังคมใดก็แล้วแต่  แก้อย่างนี้สำเร็จ ในชาวอโศกแก้ปัญหาเศรษฐกิจนี้สำเร็จแล้ว จบแล้ว  คุณสมคิด  ได้ยินไหม  

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:28:36 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:23 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:53:36 )

สูตรกำกับจ้าวโลกของโพธิรักษ์ E=C(mc2 + A) 

รายละเอียด

พลังงานของอุตุของพืช ของวัตถุดินน้ำไฟลม ที่สังเคราะห์กันเกิดพลังงานสูงสุดเป็นพลังงานนิวเคลียร์ ที่รู้กันอยู่ทั่วโลกทุกวันนี้ ถ้ามีพลังงานชีวโดยการสามารถที่จะเข้าไปจัดการและเราก็รู้แล้วว่า เป็นผู้ที่มีจิตที่ดี สร้างพลังงานนี้ให้เจริญขึ้นอีก ให้ได้พลังงานที่สูงขึ้นไปอีกตามสูตร นี่เป็นสูตรของโพธิรักษ์นะ ไม่ใช่สูตรของไอสไตน์ 

สูตรของไอสไตน์ก็ได้  E=mc2

สูตรของโพธิรักษ์อาตมาว่าบริบูรณ์แล้ว E=C(mc2 + A) 

ตัว A ก็คือ mc2 บวกกันมากขึ้นก็เอาไปนอกวงเล็บเป็น C เป็นคูณ เป็นตัวกำกับขยายผลปฏิภาคทวีซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ อีกหน่อยในโลก ใครเข้าใจสูตรที่อาตมาคิดนี้เอาไปใช้ได้ รับรองเป็นจ้าวโลกเลย แต่มีกำกับอยู่ว่า ถ้าคนใจไม่ละเอียดไม่มีใจสูง ไม่มีสาราณียธรรม ไม่มีสังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ เอาไปทำไม่ได้ ทำขึ้นมาจะรู้ว่าคนนี้เกินหน้าคน ซึ่งโลกนี้เขากำกับกันอยู่ว่าอย่าให้สร้าง ตอนนี้มันก็ซ่อนกันสร้างไม่รู้กี่ร้อยกี่พันลูกระเบิดนิวเคลียร์ อเมริกาตัวดีทำเป็นตำรวจโลกและบอกว่าคนอื่นจะสร้าง แล้วอเมริกาสร้างไปเท่าไหร่ไม่รู้แล้ว ไปบอมบ์อิรักบอกว่ามีนิวเคลียร์ แต่ไปตรวจดูก็ไม่พบอีก  กลัวจนเกินเหตุเป็นพวกกุ้งขี้อยู่บนหัว ขายขี้หน้าตัวเองเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 14:59:21 )

สูตรขยายอายุขัย

รายละเอียด

ที่จริงขันธ์ของอาตมาชีวิตมันหมดแล้ว ขันธ์มันจะต้องตายแล้ว แต่อาตมาก็พยายามมีความรู้ของพระพุทธเจ้านี้ เพิ่มอายุขัย ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ อาตมาจะไม่ตายแค่ 80 หรอกจะมีอายุยืนยาวไปอีกเกินกว่า กัปป์ ก็เป็นได้ ใช้ 8 อ. มีนามธรรมคือ อิทธิบาท อารมณ์ อาหาร อากาศ ออกกำลังกาย เอนกาย เอาพิษออก การงานอาชีพ ที่สุดไปก็จะรู้ว่าสูตรนี้เป็นสูตรที่จะขยายเป็นอายุวัฒนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 16:29:42 )

สูตรของพ่อครูคือ E=C (mc2 + A)

รายละเอียด

อาตมากำลังนึกอยู่ว่า ประเทศไทยเปรียบเทียบกับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประเทศไทยนั้นเป็นการให้น้ำหนักของ kama and time of continuum 

ไอน์สไตน์เขาสรุปมาแล้วว่าเป็น space and time of continuum มันต่างกับอาตมา อาตมาเข้าถึงจิตเจตสิกรูปนิพพาน แต่ไอสไตน์ยังอยู่กับรูปธรรมเท่านั้น 

เพราะฉะนั้นสูตรของไอน์สไตน์คือ  E=MC2  ส่วนสูตรของอาตมาคือ E=C(mc2 + A) นี่คือสูตรเต็มของอาตมา

ลูกของไอน์สไตน์บอกว่า คนยังเข้าใจไม่ได้หรอก ซึ่งเอาไปเป็นพลังงานสันติยังไม่ได้ สันติคือต้องมาปฏิบัติทางจิต เอาพลังงาน E=MC2  มาปฏิบัติทางจิต ก็ยังเข้าใจไม่ได้หรอกก็เลยสารภาพกับลูกสาวว่าไม่สามารถอธิบายได้มากกว่านี้ แล้วก็ขอให้ดูไป ว่าจะมีคนมาทำได้ จนกระทั่งคนเข้าใจแล้วรู้ว่าอันนี้เป็นเช่นนี้หรือ พลังงานวิเศษที่เป็นพลังงานทางจิตที่ยิ่งใหญ่มันเป็นอย่างนี้หรือ คนก็จะเข้าใจ แล้วก็จะ ฮือฮา เป็นระเบิด Bomb of Love 

ไอน์สไตน์ใช้คำว่า Bomb of Love เป็นระเบิดแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ช่วยมวลมนุษยชาติ 

ก็มาเกิดในประเทศไทย เมื่อรัชกาลที่ 9 สิ้นพระชนม์ก็เกิด Bomb of Love ก็มีคนท้วงว่าไม่น่าจะใช้คำว่า Bomb น่าจะใช้คำว่า Explosion of Love

เกิดเป็นรูปธรรม อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเปิดเผยในส่วนของรูปธรรม ส่วนอาตมามาเปิดเผยธรรมะโลกุตรธรรมในส่วนที่เป็นนามธรรม ซึ่งมันลึกละเอียดยิ่งกว่ากันมาก ยากมากกว่ารูปธรรม เพราะรูปธรรมนั้นใครเห็นใครเข้าใจได้ง่าย ยอมรับนับถือบูชาในหลวง ร.9 อย่าว่าแต่ในประเทศไทยเลยในต่างประเทศก็เข้าใจ 

แต่ว่าของอาตมานั้นไม่ต้องพูดถึงต่างประเทศเลยเอาแต่ประเทศไทย ยังได้แค่กะติ๊ดหนึ่งเท่านี้ 50 กว่าปีแล้วทำงานมา ถ้าหากอาตมาทำงานถึง 70 กว่าปีเท่ากับในหลวง จะขยับ ขึ้นไปกว่านี้ไหม ก็คงจะขยับไปบ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 11:05:19 )

สูตรง่ายๆทำ 2 ให้เป็น 1 จับให้แม่น!

รายละเอียด

“ฌานโลกุตระ”ของพุทธจึงสามารถ“ดับเทฺว”คือ ภาวะ 2 ได้สำเร็จอย่างเป็น“ปรมัตถธรรม” จึงรู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“เทฺว” แล้ว “ดับ”ความเป็น“เทฺว”หรือ“ภาวะ 2”ตัวตนของ“เทฺว”ก็ดับ “สูญ”หมดสิ้น“อัตตา”หรือ“เทฺว”ไม่เหลือ“ตัวตน(อัตตา,อาตมัน)” เป็น “อนัตตา”ด้วย“ฌาน”ตาม“กระบวนการของจรณะ 15 วิชชา 8”

ซึ่งไม่ใช่“ฌาน”แบบ“หลับตา”ที่หลงปฏิบัติกันผิดๆเด็ดขาด

ผู้ที่สามารถปฏิบัติจิตใจตนให้บรรลุ“อนัตตา”สำเร็จนั้น จะต้องเกิด“ฌาน”เกิด“บุญ”ชำระกิเลสได้จริงแท้ ชนิดที่มี “กระบวนการของจรณะ 15 วิชชา 8” จึงจะชื่อว่า เป็น“พุทธคุณ” แท้ของพุทธ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 306 หน้า 232


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:44:10 )

สูตรฉัพพรรณรังสี

รายละเอียด

ฉะนั้นความรู้ทางวัตถุความรู้ทางพวกนี้ มันหยาบ มันรู้ง่าย เรียนรู้ก็ไม่ยาก   ผู้ที่รู้แล้วโดยสูตรสำเร็จ  E=mc2 ก็จบ มาเรียนรู้ทางนามธรรมคือ  E=mc2 + A.

หรือว่า  E=C(mc2 + A) 

สูตรของอาตมา คนยังไม่กระเตื้องหรอก

ทางโลกีย์เรียกว่ากัมมันตภาพรังสี ถ้าเรียกของภาษาโลกุตระเรียกว่า ฉัพพรรณรังสี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมดรู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:15:15 )

สูตรที่พ่อครูใช้เป็นสูตรที่ต่อจาก E=MC2 ของไอสไตน์

รายละเอียด

คนนี้ยังหวังว่าประชาธิปไตยเต็มใบกับลุงตู่ สรุปรวมว่าจะให้อาตมาทำให้ลุงตู่กลับมาทำหน้าที่ประชาธิปไตยเต็มใบ พูดถึงประโยคหรือวลีนี้ว่า ประชาธิปไตยเต็มใบ เมืองไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบมาแล้วตั้งแต่ประชาชนคนไทยมาทำการปฏิวัติรัฐบาลทรราช 1 ครั้ง 2 ครั้ง 1 รัฐบาล 2 รัฐบาล 3 รัฐบาล 4 รัฐบาล ซึ่ง 4 รัฐบาลนี้คือตัวเลขที่บอก 1 2 3 เลข 4 เป็นเลขที่ยืนยัน ว่าเป็นการออกจาก cyclic order 3 มาเป็นตัวนี้ 

เลขนี้ทางวิศวกรรมศาสตร์ เขาก็รู้ว่าเป็นพลังงานในระดับที่เป็นธรรมะ เป็นพลังงานทด ที่มีพลังสูงยิ่งกว่า จึงจะออกมาจากแรงดึงดูดของวงกลมนี้ได้ แล้วก็มาเป็นอีกอันหนึ่งเสริมทัพจาก 3 เป็น 4 แล้วก็จะพัฒนาเป็น 5 เป็น 6 ได้อีก 2 เส้า ถ้า 2 เส้านี้ร่วมกันอีกเกิดพลังงานตัวที่ 7 ตัวนี้เป็นตัวพลังงานที่สูงสุด แล้วเมื่อ 7 นี้รวมกับ 8 เป็น 9 ก็ถือว่าบริบูรณ์ เป็น cyclic order ของ 3 3 3   ที่ยิ่งใหญ่ นับออกไปอีกจาก 3 3 9 เป็น 10 จะเป็นปฏิภาคทวี ตีกลับไป ซับซ้อนตีกลับไป เป็นพลังงานซับซ้อนที่มีปฏิภาคทวี อินฟินิตี้ ที่อาตมาใช้สูตรว่า  E=C(mc2 + A) นี่คือสูตรที่อาตมาใช้เป็นพยัญชนะรหัสของสูตรที่ต่อจาก E=mc2 ของไอสไตน์ เพราะอันนี้มันรวมนามธรรม

ทุกวันนี้นักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ ฟังสูตรของอาตมาพูด ก็ยังยาก แต่พวกเราปฏิบัติตามนามธรรมของสูตรนี้ไปเรื่อยๆแล้ว A ก็คือ mc2 นี่แหละ แล้วก็บวก A บวก A บวก A ถ้า A นี้มี 4 ตัวก็ยกกำลังอีก 1 ทดไปเป็น C ข้างหน้าวงเล็บ  แล้วก็ m เล็ก c เล็กยกกำลัง 2 บวก A ใหญ่  มันก็จะทับทวีขึ้นไปเป็นชั้นๆ อย่างนี้ไอสไตน์รำพึงกับลูกสาวว่า แกเองแกค้นพบ E=mc2 แค่นี้คนก็ยังเข้าใจยาก แต่เขาก็เข้าใจเพราะมันเป็นรูปธรรม แล้วเขาก็เอามาใช้งานสำเร็จอยู่ทุกวันนี้ คือ E=mc2 ส่วนอาตมานั้นมันเป็นนามธรรมถึงขั้น  E=C(mc2 + A) ดังที่อธิบายไปแล้วคร่าวๆเมื่อกี้นี้ พวกเราใช้อยู่เป็นนามธรรม มีผลเกิดอยู่นี่ เป็นปฏิภาคทวีอยู่นี่

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 30 ประกาศกองทัพธรรมไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจ สว. วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566 วันแรม 15 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 13:38:50 )

สูตรนามธรรม Coefficient

รายละเอียด

เราอยากให้เป็นพลังงานตัวแปรจาก mc2 เพิ่มก็เป็น A อาตมาจึงมี mc2+A ได้หลายตัวจนทดมาเป็นตัวคุณ ตัวยกกำลัง ซ้อนในตัวเอง อาตมาจึงทดมาเป็น C ย่อมาจาก coefficient จากคูณมาเป็นยกกำลัง  เป็น E=C(mc2+A)  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์มาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:04:35 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:01 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:43:34 )

สูตรพระพุทธเจ้าสอนสาวกให้ปรับวาทะกับผู้อื่นได้ก่อนจึงจะเสด็จปรินิพพาน 

รายละเอียด

ปรับให้คนอื่นเห็นแจ้งชัดเจนเข้าใจ จนกระทั่งเขาสัมมาทิฎฐิ เขายอมรับ ถึงแม้ว่าจะเป็นสัมมาทิฏฐิยังไม่ได้ทีเดียว แต่เขาจะต้องจำนนต่อเหตุผลหลักฐาน ต่างๆนานาว่า ที่พระพุทธเจ้าท่านเสนอว่าเป็นอย่างนี้อันนี้ถูกอันนี้ผิดอันนี้ดีกว่า อย่างจำนนหมด จนเขาจำนนได้ ท่านจะต้องสอนสาวกให้สามารถทำได้อย่างนี้ก่อนจึงจะตาย พระพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างนั้นพูดกับมารอย่างนี้เป็นต้น แล้วท่านก็ทำจนสำเร็จเป็นสูตรทฤษฎีของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:14:09 )

สูตรพลังงานของ สมณะโพธิรักษ์

รายละเอียด

คือ  E  =  C  (mc  + A)  ตัว  A  ก็คือ  mc แล้ว  A  เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากระดับบวกเป็นระดับคูณ  ก็คือ  ตัว C  นั่นเอง  เอาพลังงานนี้ไปใช้ทางวัตถุเป็นระเบิดใหญ่ได้  แต่พวกเราเอาไปใช้ทางนามธรรม  และต่อไปจะมีคนนำไปใช้ทางวัตถุได้  อาตมายังอยู่  ก็ค่อยเติมรายละเอียดเพิ่มขึ้น  นี่ก็คือ  ยาอายุวัฒนะของชีวิตที่จะสร้างได้ด้วยตนเอง  ช่วยกันกับหมู่กลุ่ม และสิ่งแวดล้อม

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่  29  พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2562 ( 11:49:47 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:41 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:47:12 )

สูตรพลังงานของสมณะโพธิรักษ์

รายละเอียด

คือ   E = C  (mc 2  + A)   หากว่าใครเขาเอาไปใช้ในทางวัตถุได้อาตมาจะดัง  แต่อาตมาได้อยากดังเร็ว แต่กลัวเหมือนไอน์สไตล์  เอาไปใช้ทางวัตพุได้เป็นระเบิดถล่มเมือง ไอน์สไตล์ก็เลยรู้สึกละอายใจ  guilty ไอน์สไตล์ตั้งใจให้เป็นพลังงานเพื่อสันติ  และเอาไปใช้ทางทำลาย  ปหายยะ  คือ ฉิบหายวายป่วง  วินาศนะ  เอาไปฆ่าคน อย่างเอาพลังงานนี้ไปใช้ทำลาย  แต่เราบังคับคนเขาไม่ได้ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกไปก็ตายสิ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:00:16 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:45 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:45:42 )

สูตรพลังงานของสมณะโพธิรักษ์

รายละเอียด

E = C  (mc2 + A)   หากว่าใครเขาเอาไปใช้ในทางวัตถุได้อาตมาจะดัง  แต่อาตมาได้อยากดัง เร็ว    แต่กลัวเหมือนไอน์สไตล์  เอาไปใช้ทางวัตพุได้เป็นระเบิดถล่มเมือง  ไอน์สไตล์ ก็เลยรู้สึกละอายใจ  guilty   ไอน์สไตล์ตั้งใจให้เป็นพลังงานเพื่อสันติ  และเอาไปใช้ทางทำลาย  ปหายยะ  คือ ฉบหายวายป่วง  วินาศนะ  เอาไปฆ่าคน อย่างเอาพลังงานนี้ไปใช้ทำลาย  แต่เราบังคับคนเขาไม่ได้  โดนัลด์  ทรัมป์  อออกไป  ก็ตายสิ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก  วันอาทิตย์ที่  17 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 17:33:27 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:30:54 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:52:44 )

สูตรมาตราฐานแห่งการหลุดพ้น“ภาวะ2-เวทนา-ผัสสะ”ยิ่งฝึกยิ่งคล่อง!

รายละเอียด

เครื่องอาศัย(อาหาร)ที่จะใช้เรียนรู้นั้น เริ่มกันที่“อาหาร”เป็น“คำข้าว-

กับข้าว”ที่กินใส่ปากเลี้ยงชีวิตเรานี่แหละ เป็นองค์ประกอบที่ให้เกิด

“เวทนา” เพราะ“ฐาน”ที่ปฏิบัติของการปฏิบัติธรรมในศาสนาพุทธ

ที่ภาษาเรียกว่า“กรรมฐาน” นั้นก็คือ“เวทนา”นี่แหละ ไม่มีอื่นเลย อย่าไป“หลับตา”ไม่มี“สัมผัส 6”เลย มันผิด!

เพราะ“หลับตา”ปฏิบัติมัน“ไม่มีภายนอกที่เป็นกาย”ครบ 2 ไง!

และการจะมี“เวทนา”ขึ้นมาให้ปฏิบัตินั้นมันต้องมี“สัมผัส 6” เป็น

คู่ๆมี“ภาวะ 2”หรือ“เทฺว”อันเป็น“นามรูป” หรือ “วิญญาณ”ขึ้นมาให้

ปฏิบัติเป็นของจริงที่จับต้องได้ 

เรียนรู้จาก“ภาวะปรากฏจริง” มิใช่มีแต่“ความคิดนึก”หรือมีแต่“จินตนาการ”ล้มๆแล้งๆอยู่แต่“จิตในจิต”กันแค่นั้น อย่างนั้นก็มีแต่“ภายใน”เท่านั้น

มันก็ไม่มีภายนอก ไม่มี“กายอันเป็นภายนอก”เลย ..ชัดมั้ย? 

  แม้เป็นชาวพุทธทุกคนที่จะปฏิบัติธรรมก็ต้องมี“สัมผัส”  ที่มี“กาย”มี“จิต”เป็น“ภาวะ 2”ให้ปฏิบัติ ไม่เช่นนั้น“โมฆะ”แน่ ไม่มีผล

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 330 หน้า 246


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 15:20:04 )

สูตรล้างอุปาทานด้วยจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ว่า จิตนิยามมันจะต้องวนเวียนสะสมดี แล้วมันก็ไม่เที่ยง มันก็เสื่อมไปได้ลดลงมาได้อย่างหนักแล้วลงนรกด้วย สะสมดีขึ้นใหม่ให้มันแข็งแรงพอหมดความดียึด ยึดดี ใช้แรงอันนี้ซ้อน มันก็เสื่อมอีกลงมาต่ำอีกหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่รู้จักจบ มันจะมีที่จบไหมหนอ พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ที่จริงมันไม่มีอัตตามันเป็นอนัตตา นี่คือจบของพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้แล้วโธ่เอ๋ยล้างได้ กิริยาสลายหายสูญไปได้เลิกเลย ไม่ต้องมีอัตตานี้จบ สลายอัตตาตัวเองสลายจิตนิยามสลายวิญญาณ ไปเป็นดินน้ำไฟลม หมดตัวตนของตน หมด เลิกจบได้เลย นี่คือศาสนาพุทสูตรสำเร็จของท่านก็มีจรณะ 15 วิชชา 8 ล้างความยึดติดอุปาทานตั้งแต่ไปติดยึดไปเป็นสัตว์ มนุษย์นี้เป็นผู้มีใจสูงสามารถล้างความผิดได้ ก็หมุนเวียนในความเป็นสัตว์ติดในโลกในความหมุนเวียน เรียกว่าโลกต่ำโลกอบาย

พระพุทธเจ้าสอนให้เลิกเป็นขั้นๆ ตั้งแต่โลกอบาย มันจะต้องติดต้องเสพต้องมีต้องได้ต้องสัมผัส สัมผัสทางตาไปก็ตามจมูกลิ้นกาย จะต้องไปสัมผัส ไม่ได้สัมผัสก็จะเป็นจะตาย ดิ้นรนเดือดร้อนทุกข์ทรมาน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 12:13:58 )

สูตรสังคมประสพผลสำเร็จตามทฤษฎีพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

สูตรสังคมประสพผลสำเร็จตามทฤษฎีพระพุทธเจ้า  คือ  แม้มีวิกฤติ  เราพึ่งตนเองได้  ไม่เป็นภาระคนอื่นแถมยังไปช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วยเป็นการพึ่งพาตัวเองรอด  แม้จะวิกฤติอย่างไรก็ตามแข็งแรงเรียบร้อย  สรุปได้คือ

1.  ไม่เป็นหนี้

2.  พึ่งตัวเองรอด

3.  ทำให้เหลือให้มากเกินกินใช้

4.  มีเหลือแจกจ่ายหรือขายถูกๆ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 07:04:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:52 )

สูตรสำเร็จในการปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ในสัจจะต่างๆพวกนี้ มันมีเจตนาเพื่อที่จะให้รู้จักกิเลส แล้วก็ฆ่ากิเลสได้ เพราะฉะนั้นการที่จะหนีสัมผัส มันก็ช้า แล้วมันก็ไม่ครบ ทั้งช้าทั้งไม่ครบ และทั้งงมงาย พวกที่หนี ไม่มีเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้า จึงมีสูตรสำเร็จยิ่งใหญ่ว่า ต้องปฏิบัติไปอย่างมีศีล สมาธิ ปัญญานั้นยอด มีศีล มี อปัณณกปฏิปทา 3 มีสัทธรรม 7 มีฌาน 

เสร็จแล้วก็จะเกิดสั่งสมการลดกิเลส ตกผลึกลงไปเป็นสมาธิเรียกว่า ศีล สมาธิ แล้วก็รู้ด้วยปัญญาหรือปัญญาก็จะเจริญ สมบูรณ์แล้วก็เป็นศีล สมาธิ ปัญญา หลักวิชาพระพุทธเจ้าคือ จรณะ 15 วิชชา 8 นั่นคือ สูตรสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ วิชชาจรณสมบัติ เป็นวิชชาจรณสัมปันโน ที่เรียกกัน ต้องบรรลุด้วยวิชชาและจรณะ เมื่อมันเสื่อม มันก็ไปหลงยึดแต่มุมเดียว ปฏิบัติไม่ครบ โดยเฉพาะไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 ซึ่ง ปฏิปทา คือ ข้อปฏิบัติ อปัณณกะ แปลว่า มันไม่ใช่ มันผิดไปจากสิ่งที่มันถูก มันเลิกไป หล่นไป ตกไปมากแล้ว ไม่ได้เรื่องแล้ว มันไม่มีการเข้าถึง อปัณณะ นี่ คือ ไม่มีการเข้าถึง ไม่มีการบรรลุ อปัณณกะ ผู้ที่ไม่มีการบรรลุเลย อปัณณกะ นี่แปลเป็นความหมายชัดๆ 

ข้อปฏิบัติที่ไม่มีการบรรลุเลย ถ้าไม่มี 3 ข้อนี้ สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ ถ้าไม่มีอันนี้อยู่ในการประพฤติปฏิบัติธรรม ไปนั่งหลับตา ไม่ได้สำรวมอินทรีย์ 6 ไม่ได้ตื่น โภชเนมัตตัญญุตาไม่ได้เรียนหรอก เวลากินต้องอ่านรู้ ในสัมผัสทั้งหลายแหล่ ไม่รู้แม่แต่กระทบทางลิ้น ทางจมูก ทางกาย ทางวาจา ไม่ได้รู้เรื่อง เหมือนอย่างสายนั่งหลับตา มหาบัว อาจารย์มั่น ที่บอกว่าเป็นอรหันต์ อรหันต์เก๊ทั้งหลาย ไปปฏิบัติสิ่งที่ไม่เป็น อปัณณกะ มันไม่มีทางบรรลุไง ปฏิบัติไม่มี 3 ข้อนี้ ออกนอกข้อปฏิบัติที่จะพาบรรลุ ไอ้พวกนั้นมันพาตกร่วง มันพาออกนอกรีตนอกทาง การปฏิบัติที่ไม่มี 3 ข้อนี้ ลึกซึ้งมากจุดนี้ 

เพราะฉะนั้นความเสื่อมเห็นชัดเจนว่า ศาสนาพุทธยุคนี้มันเสื่อมจนกระทั่งพูดกันไม่รู้เรื่อง แม้ผู้ที่ไม่ออกป่า ก็ไม่ได้มาสำรวมอินทรีย์ไม่ได้มี โภชเนมัตตัญญุตา ไม่ได้ ชาคริยานุโยคะ ไปตามลำดับ โดยมีศีลเป็นข้อกำหนด คุณจะมีการปฏิบัติธรรม คุณก็จะต้องมีตัวตั้ง หรือเหตุตั้ง พระพุทธเจ้าเรียงศีลไว้ให้เป็นลำดับ ที่เป็นลำดับอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ตั้งแต่ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวกับสัตว์ 

สัตตะ ปาณะ ภูตะ ชีวะ ที่อยู่ใน อปัณณกสูตร เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งว่า ความเป็นชีวะ ชีวะ จะเป็นสัตว์หรือชีวะยังไม่ได้เป็นสัตว์ ชีวะที่เป็นแค่พืช เรียกว่า พีชนิยาม ชีวะที่เป็นสัตว์ เรียกว่า จิตนิยาม อุตุนิยาม ไม่ได้เป็นทั้งพืช ไม่ได้เป็นทั้งสัตว์ ไม่ได้เป็นทั้งจิต ไม่ได้เป็นทั้งพืช ไม่เป็นชีวะเลย อุตุ 

พอเริ่มมาเป็นพีชะ ก็เริ่มมีเชื้อมีชีวะมีชีวิต แต่ชีวะในระดับพืชยังไม่ได้มีเวทนา ยังไม่มีวิญญาณ เป็นชีวะไม่มีบาปไม่มีบุญ ไม่มีการอาฆาตมาดร้าย ไม่มีการจองเวรจองกรรม ไม่มีรักไม่มีชัง แต่เป็นชีวะ มีเพศผู้เพศเมีย ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ลึกซึ้ง พอไปถึงเริ่มจะเป็นชีวะเรียกว่า ภูตะ ซึ่งภูตะมีทั้งมหาภูตรูป เป็นอุตุแท้เลย ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นมหาภูตรูป 4  ดิน น้ำ ลม ไฟ 

มีทั้งภูตคาม เริ่มมาเป็นพืช เริ่มเป็นชีวะ ภูตะที่เป็นมหาภูต ยังไม่เป็นชีวะ แต่พอมาเป็นภูตคามเริ่มเป็นชีวะ พอเป็นเจตภูต อันนี้เป็นสัตว์เลย อย่างนี้เป็นต้น ก็เป็นลักษณะของอาการของจิตเจตสิกทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผู้ที่เข้าใจสภาวะ ว่่า อ้อ! ถ้าจิตอย่างนี้เป็น ปาณะ

ปาณะ เป็นสัตว์แน่นอน สัตตะ แน่นอนเป็นสัตว์ เจตภูต ต้องดูรายละเอียด และเจตภูตต้องดูว่ามันใช่หรือยังไม่ใช่ มันเป็นชีวะแค่ ภูตคาม ไม่ใช่แม้แต่ชีวะเลย เป็นมหาภูต คุณต้องอ่านลักษณะ ทั้งส่วนมหาภูตออก ดิน น้ำ ไฟ ลม อยู่นอกตัวเราหรือในตัวเรา มันปรุงแต่งกันอย่างสนิทเนียนเลย เพราะในร่างกายขันธ์ 5 เรามีดิน น้ำ ลม ไฟ ร่วมสังเคราะห์สังขารกันอยู่ อย่างสนิทเนียน 

เพราะฉะนั้น เราสามารถที่จะทำใจในใจของเรา ให้มันมีลักษณะเป็นอุตุ หรือเป็นพีชะ หรือเป็นเจตภูต ได้ สามารถแยก สามารถทำได้เลย เราทำจิตเราเป็นมหาภูต เราก็ทำได้ ทำจิตเราเป็นภูตคาม เราก็ทำได้ ทำจิตเราเป็นเจตภูต หรือเป็นปาณะหรือเป็นสัตว์ เป็นชีวะในระดับจิตนิยามไปเลย ทำได้
พระอรหันต์รู้อย่างนี้อย่างอาตมานี่แหละ อาตมาเป็นพระอรหันต์จึงรู้เอามาอธิบายได้ เอาของตนเองมาอธิบายเกี่ยวเนื่องกันกับธรรมนิยาม 5 อย่างนี้เป็นต้น เขาไม่ได้มีอธิบายไว้หรอกในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ไม่มี ของพระกัสสปะเก็บมาไม่ได้มีธรรมะนิยาม 5 ในนี้ไม่ได้เก็บไว้ ไม่มีนะ ในพระไตรปิฎก 45 เล่มไม่มี แต่มีอยู่ในวิสุทธิมรรคของคนอื่นๆ 

แต่อาตมาเห็นว่า โอ้โห อันนี้มันสำคัญมากเลย ถ้าไม่มีความเข้าใจอันนี้ไม่มีทางเป็นอรหันต์ ถ้าไม่มีความเข้าใจในธรรมนิยาม 5 เข้าใจธรรมนิยาม 5 จึงสามารถรู้ ภูตะ 3 มหาภูต ภูตคาม เจตภูตได้ เมื่อรู้สามารถทำจิตของตัวเองให้เป็น 3 ขั้นนี้ได้เป็นอรหันต์ ถ้าคุณทำไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นอรหันต์ 

เพราะฉะนั้นเมื่อคุณสามารถทำเป็นอุตุได้ คุณก็สามารถที่จะตายด้วย นิพพาน 3 สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน ไม่ทำนิมิตให้เป็นชีวะเลย จะเป็นชีวะ พีชะ หรือจิต ก็ไม่ทำ ปล่อยให้แยกธาตุไปเลยไม่มีอายะ ไม่มีอยะ ไม่มียางเหนียวเลย สลายกลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมถ้วน ไม่มีอะไรเป็นเชื้อเยื่อยางใย ทุกอย่างก็แตกแยกธาตุออกไปหมดเลยเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่มีอะไรกลับมารวมตัวกันอีกเลยเพราะไม่มีอยะ จึงไม่มีอายุ ไม่มีอยะ จึงไม่มีอายุ หมดอายุเลย ไม่มีอายะไม่มีอายุ หมดเลย แตกสลายได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การถืออยู่ป่าของพระป่าเป็นสิ่งผิดตามธุดงควรรคที่ 6 วันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 19:31:42 )

สูตรสำเร็จในการแพร่ความรู้โลกุตระให้ทันช่วยคนได้

รายละเอียด

มันเป็นธรรมชาติธรรมดา พระพุทธเจ้าสอนวิธีลัด โดยไม่ใช่ว่าให้มันเต็มโดยธรรมชาติซึ่งมันนานเกิน ไม่หวาดไม่ไหวในการรอ คนหมดโลกก่อนพอดี พระพุทธเจ้าถึงใช้วิธีการที่แพร่ความรู้โลกุตระให้ทัน จะได้ช่วยคนได้ จึงมาค้นพบ เป็นทฤษฎีสำเร็จสูตรสำเร็จ เป็นทฤษฎีของพระพุทธเจ้านี่แหละ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เรียกว่า จรณะ 15 วิชชา 8 หรือสรุปตัวปฏิบัติออกมาเป็นมรรคมีองค์ 8 เป็นหัวใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:08:58 )

สูตรสู่ความสำเร็จของบุญนิยม

รายละเอียด

การตลาดเป็นศัพท์ตลาด นั่นหมายถึงการเผยแพร่ แต่การเผยแพร่ของบุญนิยมนั้นไม่ได้เป็นแบบการตลาดโจ่งแจ้งอย่างนั้น เป็นการเผยแพร่คืออย่างนี้ เช่นเรามีโทรทัศน์บุญนิยม แล้วคนดูอันนี้วันนี้เท่าไหร่มีสักร้อยคนไหม การตลาดแบบของเรา วิธีการเผยแพร่การโฆษณาทางหนังสือ ทางวิทยุโทรทัศน์ ปากต่อปาก ก็เหมือนกับการตลาดของเขาทางโลกเขาก็ทำ แต่เราก็ทำของเราย่อยๆไม่จัดจ้าน มันก็กระทบไหล่ดาราเขาเท่านั้นเอง(ยอดดูสด Youtube 118 คน) พอค่าน้ำจิ้ม (Facebook 91) 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 16:15:57 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:25 )

สูตรองค์รวมคือ ไตรสิกขาจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

อาตมาอธิบายแล้วอธิบายอีก ไม่มีอาจารย์คนไหนเอาสิ่งเหล่านี้มาขยายความให้เข้าใจให้ดีๆเพื่อปฏิบัติตามตั้งแต่ไตรสิกขา ปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 ตามพื้นฐานรากฐานสูตรสำคัญยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า สูตรองค์รวม ไตรสิกขาจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นสูตรรวมของพระพุทธเจ้าเลย แม้จะบอกว่ามรรคมีองค์ 8 โพธิปักขิยธรรม 37 ก็ตาม ก็เอามาอธิบาย แล้วเข้าใจพยัญชนะเข้าใจสภาวะของสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ตามที่อาตมาเข้าใจ พวกคุณเข้าใจแล้วปฏิบัติตามเข้าใจนี้ จนมีมรรคมีผล มี Phenomena มีปรากฏการณ์จริงของพวกคุณมาเป็นจริงเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 19:18:37 )

สูตรแรกของโสดาบัน

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าถึงมีหลักชัดเจนเลยว่า เมื่อจิตเข้ากระแส โสตาปันนะ ก็จะมีอวินิปาตธรรม แล้วจะไปเป็นนิยตะ แล้วไปสู่สัมโพธิปรายนะ เป็นสูตรแรกของโสดาบันเลยนะ 

โสตาปันนะ แปลว่า จิตเข้ากระแส บรรลุเข้ากระแสโลกุตระ พอเข้าไปได้ประมาณหนึ่ง

ท่านแบ่งเป็นสี่ส่วน

โสตาปันนะ 25% อวินิปาตธรรม 50% นิยตะ 75% สัมโพธิปรายนะ 

ถึงขั้นที่ 2 อวินิปาตธรรม อาจยึกยัก แต่ยึกยักอย่างไรก็ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา ถ้ามันตกต่ำไปออกนอกกระแส มันก็ไม่ใช่สิ อะไรก็ดึงลงไปเลยมันก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้น คำตรัสของพระพุทธเจ้าเรียกว่า อวินิปาตธรรม ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา มันก็ยึกยักเท่านั้น จนกระทั่งแข็งแรงขึ้นผ่าน 50% ก็แข็งแรงท่านตั้งชื่อว่า นิยตะ เที่ยงแท้แน่นอน ยึกยักน้อยลง จะไม่ยึกยักหนักๆแรงๆเหมือนขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3 ก็จะเล็กๆน้อยๆ จะรู้ตัวเร็ว จะมีความปราดเปรียว มีความรู้ตัวทันที แต่ค่อยๆเป็นไป 

สูงขึ้นไปถึง 75% นิยตะ เต็ม พอ 50% ก็จะเข้าทางตรงไปเรื่อยๆแข็งแรงไปเรื่อยๆ 60% 75% จึงเป็นขีดที่ 3 ที่ว่าแน่นอน นิยตะ แน่นอนแล้ว จะยึกยักอย่างไรก็ไม่หลุดลงมาเกินครึ่งแล้ว มีแต่จะไปสู่ที่สูงที่สุด สัมโพธิปรายนะ คือไปสู่ที่สูงที่สุดที่จบ ไปสู่สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แน่นอน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:38:47 )

สูตรแห่งความเจริญสุดยอดของมนุษยชาติ

รายละเอียด

อาตมายังไม่เก่งขยายความ ในอนาคตจะมีคนมาขยายความช่วยอาตมา จะมีคนโวหารดีๆ มาช่วยขยาย ตอนนี้อาตมาก็ได้เท่านี้ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าสภาวะจริงของมนุษย์ที่ปฏิบัติได้ประพฤติได้ในวรรณะ 9 ก็ดีมีจริง สังคมสาราณียธรรม 6 ก็มีจริง 

อยู่กันอย่างมีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม และมีลาภโดยธรรม โดยสุจริต ได้มาก็มารวมกันเป็นสาธารณะปกติกินใช้ร่วมกัน เป็นอยู่ด้วยหลักเกณฑ์ศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา นี่คือสาราณียธรรม 6 โดยสร้างจิตให้เกิดจิต 7 ชนิด มีความระลึกถึงกัน มีความรักกัน มีความรู้ในเรื่องความรักถึง 10 มิติ มิติที่ 7 ขึ้นไปเป็นกึ่งกลางระหว่างเทวนิยมเต็มกับพุทธ 7 นี่เป็นฐานกลาง เริ่มฐานพุทธ 7 เจริญก็เป็นพุทธยิ่งขึ้น เทวนิยมก็ลดลงๆ 7 ไปหา 8 พอ 8 หรือขึ้น 8 เป็นพุทธเพียวๆ พอเต็ม 8 ก็เป็นพุทธเต็มที่เลย แล้วสูงไปสู่ยอด 9

9 เป็นพลังงานที่เจริญสูงสุดทั้งปริมาณและคุณภาพ สภาวะ 2 ของความเจริญในมนุษยชาติ เทวะ สองอย่างเต็ม ในเรื่องของคุณสมบัติอารยธรรมต่างๆสมบูรณ์แบบ อยู่ที่ฐาน 9 สุดยอด ไม่มีที่ไปแล้ว จากนั้นก็หมายความว่า 0 ปรินิพพานปริโยสาน ถ้าจะต่อก็เป็น 10 11 12 13 ถ้าไม่ต่อก็สูญสลายหายไปเลย พระพุทธเจ้าถึง0 แล้วไม่มีใครต่อ จบเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 14:44:49 )

สูปะ

รายละเอียด

แกง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 239


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 15:46:52 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 02:54:01 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:27:27 )

สู่ความหมดอันตา คือมัชฌิมา

รายละเอียด

ชัดเจนไหม? แถมอีก พระพุทธเจ้าท่านรู้ส่วนสุดทั้งสองข้าง กามเป็นต้น กับอัตตาสองข้าง รู้ชัดเจนดียิ่ง แล้วไม่ยึดทั้ง 2 ด้าน คนพวกตีกินก็บอกว่า เขาไม่ยึดทั้ง 2 ด้าน กามเขาก็รู้ก็มี อัตตาก็รู้ก็มี เสพกามเขาก็ไม่ยึด อัตตาเขาก็เสพแต่ไม่ยึด พวกตีกิน ดื่มเบียร์ด้วยจิตว่าง คุณสมัย แก้วสม สมัยที่อยู่วัดมหาธาตุก็บอกว่าดื่มเบียร์ด้วยจิตว่าง เป็นพวกลูกศิษย์ท่านพุทธทาส นี่คือ การตีความให้แก่ตัวเอง ก็เป็นจริงของเขาแต่เราก็ฟังแล้วเราจะเอาตามเขาไหมสภาวะเราเป็นอย่างไรต้องให้ชัดเจน ของพระพุทธเจ้านั้นรู้ทั้ง 2 ข้าง แต่ไม่มีทั้งสองข้าง คือ ล้างกิเลสออกหมดแล้ว ไม่มี แต่ชีวิตยังอยู่ ชีวิตถึงว่ายังมี ก็ต้องอนุโลมปฏิโลมไปตามอย่างเขาแต่ไม่ยึดอย่างเขา ไม่ได้มีการเสพไม่ได้มีการเกี่ยวเกาะ แต่ว่าสัมพันธ์ เราจะเป็นประโยชน์แก่เขาเราจะไม่เอาประโยชน์อะไรจากกาม เราจะไม่เอาประโยชน์อะไรจากอัตตา เพราะเราไม่ต้องมี อัตตาไม่ต้องมีกาม เราอยู่กลางๆ ทุกอย่างอยู่กับความเป็นจริงทั้งนั้น นี่เป็นธรรมะ 1 ธรรมะหนึ่งคือสิ่งนั้นเป็นสิ่งนั้น เราสัมผัสแล้วก็รู้สิ่งนั้นเป็นสิ่งนั้น จิตจะเป็นกาม จิตจะเป็นอัตตา ก็ไม่มีทั้ง 2 อย่าง เรารู้สภาวะทั้งในกามหยาบ ละเอียด จนเรารู้ว่ามันเหลือหรือไม่เหลือ หมดกาม แล้วก็จะเหลืออัตตา ตัวอัตตานี้ต้องเรียนรู้ที่เน้นจิต จิตก็จะมีมโนมยอัตตา เหตุการณ์ภายนอกและมีทางภายใน มโนมยอัตตา ก็จะเป็นตัวกลางก็ยังยึดติดอยู่กับอัตตาที่สำเร็จด้วยภายนอกอัตตาที่สำเร็จด้วยภายใน หากหมดอัตตาที่สำเร็จภายนอกก็หมด มโนมยอัตตา เข้าไปเป็นโลกอัตตา ยังมีความเป็นโลกอยู่กับอัตตาภายนอกหมดแล้ว อัตตาข้างนอกดับ เหลือข้างในมีแต่อัตตา จึงมีแต่รูปอัตตา กับอรูปอัตตา เป็นภพสอง ก็มาล้างความอยากไปอีก การหลุดพ้นจากกามภพ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราหลับตา ปี๋ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับกามภพไม่ใช่  แต่เราอยู่เหนือ กามภพ เราหลุดพ้น เราบรรลุกิเลสเราหมดสิ้นแล้วเราก็ยังอยู่กับ กามภพ เราไม่มีเกี่ยวข้องในการมีรสชาติ ตัวกิเลสเก๊ เวทนาเก๊ไม่มี มีแต่เวทนาจริงรู้ความจริงตามความเป็นจริง รู้รูปก็เป็นรูป นี่รูปกลมๆยาวๆ นี่มันๆ เราก็รู้ความจริงตามความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าโอ้โห ชื่นใจอยากได้ มันไม่มีอาการกระดี๊กระด๊า  รู้ความจริงตามความเป็นจริง รูปก็ดีเสียงก็ดีกลิ่นก็ดีอะไรก็ดี จนกระทั่งเข้าไปถึงรายละเอียดที่มันยัง วิบแวบในจิต เราก็จะต้องล้างอะไรในจิตนี้อย่างดีด้วย อาตมาไม่เคยเห็นพยัญชนะบาลีทั้ง 3 คำที่เขียนมานี้เลย อัญญถตา แปลว่าความเป็นอื่น เออ อันนี้ก็รู้ แต่ความเป็นกลางอันตะ แปลว่าที่สุด อันตา แปลว่าข้างแปลว่าปลายแปลว่าฝ่ายก็ได้ หาก อัญตา อันตา จะแปลว่า ความเป็นกลางเหมือนกันเราจะใช้ร่วมกับเขาใหม่จะไปรอดไหม แต่คำเดียวกันนี้แปลได้ทั้งบวกทั้งลบภาษาบาลีนี้ใช้ได้ทั้งบวกทั้งลบ ทั้งถูกและผิดคำเดียวกันนี่แหละ แปลว่าทั้งดีและชั่วด้วยคำเดียวกันนี้มันมีเหมือนกันเยอะหลายคำ ก็แล้วแต่ว่าเราจะกำหนดหมายกรรมในหมู่กลุ่ม เพราะเป็นสมมติสัจจะ ทีนี้ก็ไปที่ปรมัตถสัจจะคุณยึดมั่นถือมั่นแล้วได้ประโยชน์ไหม ประโยชน์ที่คุณจะเจริญหรือสงบ ถ้ายึดมั่นถือมั่นแล้วมันไม่เจริญมันไม่สงบ คุณก็จะไปยึดมันทำไมก็เลิกเสีย ก็เอาที่สภาวะตรงนี้ก็แล้วกันเอาง่ายๆก่อน ค่อยๆศึกษากัน เรื่องพยัญชนะกับสภาวะนี่แหละในโลกไม่รู้จะกี่กัป โลกจะหมุนเวียนไปจนคนไม่รู้จักสภาวะธรรมที่ยิ่งละเอียดเพราะเป็นนามธรรม เป็นสภาวะถึงขนาดไม่มีตัวตนไปเลย แต่พยัญชนะเอามาสื่อกันเรียนรู้กัน มันก็จะรับรู้ได้ง่ายติดกันได้ง่าย มันก็จะเอาแต่พยัญชนะ หนักเข้าก็จะเอาแต่พยัญชนะ สภาวะเปลี่ยนไปไม่รู้กี่รอบแล้วก็ไม่รู้เลยได้แต่พยัญชนะ แล้วแถมปรุงแต่งพยัญชนะเพิ่มขึ้นอีกมาก คนเลยเต็มไปด้วยพยัญชนะ อย่างที่เรากำลังพูดถึงอัมพัฏฐสูตรอย่างอัมพัฏฐมานพ เก่งพระเวทย์ ก็เหมือนกับในศาสนาพุทธที่เรียกพระธรรมวินัย เขาก็เรียนมาจบเลยในภาษาพราหมณ์ มันก็เป็นความรู้ที่เป็นสภาวะ แล้วมันก็สับสนระหว่างสภาวะกับบัญญัติ จึงเป็นเรื่องที่ ยิ่งลึกซึ้งยิ่งเกิดเร็วดับเร็วก็เป็นสิริมหามายา ก็เลยยิ่ง คว้าไม่ทัน จับไม่ทัน ไล่ไม่ทันรู้ไม่ครบ ก็งง หยิบจับผิด ยึดผิดกันไป มันก็เถียงกัน ก็ทำความรู้ร่วมกันแล้วได้สภาวะที่เป็นจริงแล้ว เมื่อได้สภาวะที่เป็นจริงแล้วจบ เป็นสภาวะที่จบจริงเลย ซึ่งเป็นสัจธรรมอันสุดยอด พระพุทธเจ้าบอกว่าต้องรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง เรารู้สภาวะได้ เป็นต้นว่า สภาวะกิเลส เรารู้ว่าอันนี้เป็นกิเลส เราจับอาการกิเลสได้โดยทุกตัวตนจริงนะ อันนี้ไม่มีใครบอกใครได้เพราะกิเลสของเราเอง เราจับได้แล้วก็ปฏิบัติละกิเลสจนหมด หมดจนเราต้องทำซ้ำทำให้มากทำให้ถาวร บริสุทธิ์จะมีคุณสมบัติ 5 ของอุเบกขา ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสราได้แล้วเราก็รู้ของเราเองโดยไม่ต้องเชื่อใคร เชื่อของตัวเองเลยมันสุดยอดอันนี้ พระอริยสาวกนั้นมีญาณหยั่งรู้ในเรื่องนี้โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นเลย (อปรปฺปจฺจยา  ญาณเมวสฺสเอตฺถ โหติ ฯ)

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 12:42:01 )

สู่ที่สุดแห่งที่สุดของการเป็นมนุษย์

รายละเอียด

อาตมาเกิดมาไม่เสียสภาพของการเกิดมาเป็นโพธิรักษ์ แล้วก็ยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินไปสู่ที่สุดแห่งที่สุดแห่งการเป็นธาตุรู้เป็นมนุษยชาติ สูงสุดที่ท่านบอกว่าเป็นพระพุทธเจ้าสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ถึงองค์ใดองค์หนึ่ง ไปถึงวันนั้นอาตมาจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ตั้งใจที่จะเป็น ในที่สุดอาตมาเป็นสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธะแล้ว มีสัมมาสัมโพธิญาณเท่ากันกับพระพุทธเจ้า อาตมาอาจจะไปตัดสินใจตรงนั้นว่า เมื่อย จะไปเอาคำลุงจำลองบอกว่า เมื่อยก็ไม่เมื่อย เหนื่อยก็ไม่เหนื่อย เราไล่ไปเรื่อยๆเราไม่เมื่อยเราไม่เหนื่อย ก็ไม่ได้ ก็ทำงานมาเป็นโพธิสัตว์พากเพียรสั่งสมความเป็นความมี สั่งสมการงาน สั่งสมความรู้สั่งสมความจริง จนมีสัมมาสัมโพธิญาณสุดยอดแล้ว เท่ากันกับสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 09:34:00 )

สู่เส้นทางอรหันต์หรือเส้นทางโพธิสัตว์ ก็ต้องเริ่มต้นที่“กาย”!

รายละเอียด

เริ่มตั้งแต่คำว่า “กาย” คำแรกเลย ที่ผู้จะศึกษาความเป็นพุทธศาสนานั้น จะต้องเรียนรู้ก่อนอื่นใดอื่น นั่นคือ เรียนรู้“กาย”นี่เอง

เช่น ต้องเริ่มกันที่“สักกายทิฏฐิ” อันเป็น“สังโยชน์”ข้อที่ 1 ใน“สังโยชน์ 10 ข้อ” ซึ่งจะต้องเรียนรู้ทำ“ความเข้าใจ”ให้ถูกต้อง เป็นข้อแรกกันทีเดียว  ถ้าแม้นข้อแรกนี้ก็“มิจฉาทิฏฐิ”เป็นข้อต้นเสียแล้ว

ในกระบวนการปฏิบัติทั้งหลายก็เป็นอันเดินทางผิดแน่นอน ย่อมไม่บรรลุ“สัมมาผล”เป็นเด็ดขาด 

ซึ่งการทำความเข้าใจใน“สักกาย(กายของตน)”นี้แหละ ที่จะต้องมี“สัมมาทิฏฐิ(เข้าใจให้ถูกต้อง)”ให้ได้ทั้งคำว่า“กาย” และทั้งคำว่า“สัก”ที่หมายถึง“อันเป็นของตน”นั่นเองให้ถูกแท้อีกด้วย

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 418 หน้า 303


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 13:18:30 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:26:41 )

สู่แดนทอง ฉลอง 50 ปี โพธิกิจ

รายละเอียด

“โพธิรักษ์” นามนักสู้ กู้พระศาสน์  “ธรรมิกราช” ชาติเชื้อ ชินสีห์

ทรง”สายฟ้า-ในวาทะ” วจนีย์ ธรรมาวุธ หยุดไพรี ผู้บีฑา

ในยุคกึ่ง พุทธกัปป์ อับอาริยะ” ในยุค”พระ-มหาศาล” ผลาญศาสนา

สิ้นจรณะ เญยยธรรม องค์สัมมาฯ ไร้สมณะ พราหมณา ผู้พาจน

โพธิกิจ ล้างมิจฉา ฝ่าโมหันต์  สร้างสังคม พรหมจรรย์ สามัญญผล

สร้างสถาน การศึกษา อาริยชน สร้าง”คนจน สุขสำราญ เบิกบานใจ”

สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร ไร้สารพิษ สร้างพานิช เกื้อหนุน ปุญญวิสัย

สร้างแดนทอง ส่องนิยาม ความศิวิไลซ์ สร้าง”ประชาธิปไตย” ให้โลกมี

สร้างเศรษฐศาสตร์ เชิงพุทธ โลกุตระ สร้างสัมมา อาชีวะ พุทธวิถี

สร้าง”บวร-วิทยา” ไตรภาคี สร้างสุนทรีย์ สีสัน สื่อครรลอง

ห้าสิบปี ที่พ่อท่าน นั้นฟันฝ่า อุปสรรค หนักหนา จึงน่าฉลอง

“ปฏิบัติ-บูชา” ที่น่าตรอง คือ”ถอยหลังเข้าครรลอง” พี่น้องเอย

อโศก สัมปวังโก (5 มิ.ย.63)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 08:58:48 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:12 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:48:38 )

สู่แดนทองคำแพง ฉลอง 50 ปีโพธิกิจ

รายละเอียด

วันนี้วันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 5 ค่ำ เดือน 12 ปีชวด วันนี้เรา สู่แดนทองคำแพง ฉลอง 50 ปีโพธิกิจ ผู้ใดยังไม่ได้มาสู่แดนทองคำแพง ทองที่คำแพง ทองนี่คือทองคำ แล้วก็เป็นทองคำอย่างแพง อย่างถูกไม่เอา มันเป็นเครื่องหมาย แต่ละชาติก็มีภาษาเป็นสื่อสำคัญ คนใบ้ก็มีเสียงแต่พูดไม่เป็น คนใบ้คือคนหูหนวก ภาษาอีสานเรียก ปากกืก มันมีเสียงนะ แต่ไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ก็ออกเสียงอะไรออกไปก็ไม่ได้ยินตัวเอง แต่ก่อนบ้านอาตมาอยู่ที่ทุ่งมหาเมฆ อยู่รั้วติดกับโรงเรียนสอนคนหูหนวก แล้วโรงเรียนคนหูหนวกมีคนเยอะนะ คิดดูเถอะเสียงจะเป็นอย่างไร เสียงเขาก็ไม่เป็นส่ำเพราะพูดไม่เป็นภาษา 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 08:48:06 )

สู่แดนธรรม

รายละเอียด

ถ้าเราจะมีอายุต่อไปขึ้น 87 วันนี้ขณะนี้ สู่แดนธรรมก็กำหนดชัดเจน เขาก็เป็นโหราจารย์ศึกษาทางด้านดวงดาว อะไรด้วย เขาไม่ใช่มือสวะนะ เป็นมือเข้าข้างเข้าทำเนียบเหมือนกัน อันนี้ไม่ได้พูดเล่นพูดจริง คือ พูดถึงตรงนี้ก็ขอวิจารณ์สู่แดนธรรมนิดนึงเหมือนกัน สู่แดนธรรม เขาก็เป็นคนมีบารมีมีวิบากเขาจะมีปฏิภาณอะไรไวกว่าอาตมา เขาสั่งสมบารมีมา บารมีส่วนหนึ่งสู้อาตมาไม่ได้ แต่บารมีส่วนหนึ่งเขาเก่งกว่าอาตมา เก่งกว่าในภาวะที่เขาปราดเปรียวเร็วไว ไวกว่าอาตมาอีก ไวในการที่เขาจำได้เก่งกว่าอาตมา แล้วไวในการระลึกขึ้นมา จำนั้นก็อย่างหนึ่ง ไม่ลืม แต่ระลึกขึ้นมานั้นก็อีกอย่างนึง อันนี้ทั้งจำและระลึกได้เร็ว นอกจากระลึกได้เร็วแล้วยังมีปฏิภาณที่รู้กว้าง ถึงอันนั้นอันนี้แล้วก็รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2563 ( 10:07:51 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:44 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:30:12 )

สู้ไม่ท้อเพื่อต่ออายุพระพุทธศาสนา

รายละเอียด

ก็ไม่ต้องพิรี้พิไรมาก ก็ใช้วิบากไป อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ในปางนี้ ต้องมาพิสูจน์การแสดงธรรมโลกุตระของพระพุทธเจ้า แสดงท่ามกลางที่โลกยุคนี้ทิ้งโลกุตรธรรม เหมือนในอาณีสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าจะไม่เหลือเนื้อแท้ โลกุตรธรรม มีแต่โลกียธรรมเต็มไปด้วยเดียรถีย์วิธีเต็มไปหมด อาตมาจะต้องมาพิสูจน์ ในการพูดอธิบายที่ต้องใช้ความสามารถสุดๆ ในความเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ปางนี้อาตมารู้อยู่ว่ามันยาก แล้วอาตมาก็ยังชื่นใจ ที่ว่า อาตมาทำงานมา มันมีทางอุปสรรคที่ร้ายแรง ก็คือ เถรสมาคม ตีทิ้งอาตมา เหมือนอุจจาระเลย เหมือนเป็นศัตรู ไม่ต้องคบกันเลย ไม่มีค่า จิตใจเขาไม่ได้เข้าใจอาตมาอย่างแท้จริง ตั้งแต่เริ่มต้นจนบัดนี้ ก็ยังตั้งใจจะทำต่อไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต จะพยายามอยู่ให้ยาวนานไม่ได้ท้อถอยเลย เหน็ดเหนื่อยยากลำบากนะ พูดแล้วเหมือนขอความเห็นใจ แต่พูดสภาวธรรม ก็เกรงใจอยู่ ดูไม่ดี เหมือนพูดและเล็มให้คนมาเห็นใจนับถือ แต่พูดสัจจะสภาวะให้ฟัง การมาทำงานทางธรรมนี้ยากจริงๆเลย ยากกว่างานใดๆที่อาตมาเคยทำมาในชีวิต อาตมาผ่านชีวิตทางโลกมา 36 ปีทำมาหากิน  โดยเฉพาะงานที่อาตมาบรรยายธรรมะโลกุตระ แต่อาตมาก็สมัครใจ เลิกงานที่ได้ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขที่เคยทำ ก็มาทำงานโลกุตระ จนถึงบัดนี้ 47 ปีแล้ว ก็ตั้งใจจะทำต่อไปให้นานที่สุด พยายามรักษาอายุขัย หรือเรื่องจริงคือเพิ่มอายุขัยของตนเองให้ยาวนาน อาตมาทดสอบทฤษฎีของตนเอง ว่าทำให้ชีวิตมีพลังงานที่จะต่อไปได้ ถ้าอาตมาเอง พิสูจน์ได้จริง ทฤษฎีนี้จะเป็นยาอายุวัฒนะ ที่ กษัตริย์จิ๋นซี ค้นหามาตลอดชีวิต

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 10:47:20 )

สฺวากฺขาโต ภควตา ธัมโม

รายละเอียด

คือ เป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ที่ตรัสยืนยันไว้อย่างดีแล้ว 6 ประการ

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หนัา 82


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 12:26:07 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:52 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:31:48 )

สเหตุกะ

รายละเอียด

รู้เห็นแม้แต่เหตุแห่งจิตตัวที่ก่อให้เกิดเนวสัญญานาสัญญายตนะกิริยา-จิต

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 352


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 22:01:59 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 02:55:13 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:27:50 )

สโทส , สโทสะ

รายละเอียด

1. จิตมีโทสะ ก็รู้ว่าจิตมีโทสะ

2. จิตมีโทสะ

3. เป็นไปกับโทสะ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 274,555

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 111

อีคิวโลกุตระ หน้า 39 , 228

เปิดโลกเทวดา หน้า 32


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 12:24:25 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 02:57:33 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:28:30 )

สโมสรณา

รายละเอียด

ที่ประชุมลง

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 64


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:21:15 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:23:48 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:28:46 )

สโมห , สโมหะ

รายละเอียด

1. จิตมีโมหะ ก็รู้ว่าจิตมีโมหะ

2. เป็นไปกับโมหะ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 275,555

 อีคิวโลกุตระ หน้า 35,229 

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 111

เปิดโลกเทวดา หน้า 32


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:22:22 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:24:48 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:29:18 )

สโมหะ กับ วีตโมหะนั้นมีสภาวะอย่างไร

รายละเอียด

สโมหะ หรือ ส นี่ ก็แปลง่ายๆว่า สราคะ ก็คือมีราคะ วีตราคะคือไม่มีราคะ  สโทสะคือมีโทสะ วีตโทสะคือไม่มีโทสะ โมหะก็เหมือนกัน สโมหะก็มีโมหะ วีตโมหะก็คือไม่มีโมหะ ราคะโทสะ เข้าใจได้ อาการราคะอาการโทสะ อาการโมหะคือ มันหมายความว่า  มันแยกไม่ออก มันวุ่น มันวน มันสะเปะสะปะเลอะๆเทอะๆ จะว่าราคะก็ไม่ใช่ จะว่าโทสะก็ไม่เชิง จะรักก็ไม่ใช่ จะว่าโกรธก็ไม่ใช่อะไรอย่างนี้เป็นต้น สับสนปนเป หนักเข้าจะบ้าเอา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2565 ( 19:49:44 )

สโลภะ

รายละเอียด

เป็นไปกับโลภะ

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 32


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:49:28 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 02:58:29 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:29:36 )

สไมย์ จำปาแพง

รายละเอียด

สไมย์คือชื่ออาตมาในใบแจ้งเกิด สไมย์ จำปาแพง แม่ตั้งชื่อนี้ตอนเกิด นามสกุล จำปาแพง คือนามสกุลคุณตา ส่วนนามสกุลยายคือ สุวรรณกูฎ (สกุลท้าวกุทอง ท้าวคำผง) 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:35:42 )

ส่งความจริงใจถึงท่านประยุทธ์ ปยุตโต

รายละเอียด

อาตมาพูดตอนนี้ก็ระลึกถึงท่านประยุทธ์ ปยุตโต อาตมาก็อยากให้ท่านเข้าใจเรื่องเหล่านี้ให้ดี ท่านเป็นนักศึกษาและศึกษาไม่จบจนกระทั่งวันนี้ ท่านเอาแต่ศึกษาท่านไม่เข้าเป้าที่พยายามศึกษา สักกายะ แล้วปฏิบัติให้ได้ลำดับไปเรื่อยๆ อาตมาต้องขออภัยต้องสงสาร ท่านเป็นนักศึกษาที่จริงจังต่อการศึกษาซื่อสัตย์ต่อการศึกษา ท่านก็เลยขออภัยอีกที เพลินไปกับการศึกษา มากไป อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้ท่านก็เปิดเผยทั่วไปว่ามีอาการอาพาธมาก อาตมาก็เห็นใจ ก็ได้แต่ขอเอาใจช่วย แต่อาตมาก็ว่าท่านรู้ลึกอยู่แล้ว เป็นความจริงที่ท่านต้องพัฒนาตัวเอง น่าจะข้ามพ้นคำประโลมโลกแล้ว อาตมามีความจริงใจที่จะเห็นใจท่านเห็นจริงๆนะ เพราะฉะนั้นก็ส่งความจริงใจไปถึงว่า เผื่อท่านจะมีทุกข์มีร้อนจากอาพาธก็ขอให้ท่านบรรเทาเบาบาง มันขอไม่ได้หรอกแต่พูดตามโวหารทางโลกเท่านั้น ท่านเป็นคนหนึ่งที่อาตมารู้และเข้าใจตามภูมิที่จะต้องมีขึ้นมาในโลกนี้ที่จะต้องมาเป็นผู้รักษา อาตมาก็ขออภัยที่จะวิจารณ์ท่านนิดนึงว่า ท่านเก็บมากเกินไป มันเป็นอาจาริยวาทมากไป ซึ่งต่างจากเถรวาท 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2563 ( 13:16:24 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:13 )

ส่งเสริมกสิกรให้เป็นจุดเด่นของประเทศไทย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าส่งเสริมกสิกร นี่เป็นจุดเด่นนะ เป็นจุดเด่นของประเทศไทย เป็นจุดสำคัญที่คนไทยควรจะรู้จักจุดสำคัญ จุดเด่นอันนี้ ของตน แล้วส่งเสริมที่อาตมาเคยบอก แทนที่จะไปให้เหรียญตราบำเหน็จบำนาญแก่ข้าราชการเท่านั้น ให้เอามาจัดสรรกับกสิกรบ้าง หาวิธีการช่วยกสิกรให้มีกำลัง ให้ขยันหมั่นเพียร เกาหลีเหนือเขาเอาความยกย่องชมเชยติดเหรียญตรากันดูสิ.. ทหารของเขามีเหรียญตราเต็มไปหมด ก็ให้เหรียญตราแก่กสิกรชาวไร่ชาวนาบ้าง แทนที่จะให้แต่เพียงข้าราชการ ให้อย่างจริงๆ ให้อย่างสำคัญเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 19:26:36 )

ส่งเสริมการปลูก ไม่ซื้อขายแพง

รายละเอียด

ถ้าเป็นชาวอโศกแน่นอนราคาแพง ถ้าเป็นคนอื่นข้างนอกจะบังคับเขาไม่ได้เพราะเป็นสิทธิของเขา เขาก็ขายแพงเราก็อย่าไปซื้อ ถ้าคนเห็นว่าลูกละ 1,000 ไม่เท่าไหร่หรอก สวนทุเรียนจะแย่หรือไม่แย่ก็ไม่รู้สิ เราก็พัฒนาทุเรียนของเรา อาตมาขอส่งเสริมปลูกขึ้นก็ปลูก ปีนี้อาตมาก็กินทุเรียนไปไม่น้อยเหมือนกัน พิสูจน์แล้วว่าทุเรียนไม่ได้เพิ่มน้ำหนัก นึกว่าจะเพิ่มน้ำหนักแต่ไม่เลย ทั้งที่กินจังเลย ปีนี้ก็กินทุเรียนไม่ใช่น้อย ไม่เพิ่มน้ำหนัก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2565 ( 05:18:50 )

ส่งเสริมพระป่ามันผิด 

รายละเอียด

ส่งเสริมพระป่ามันผิด  คือ คนออกป่าจะไม่มีอุปธิวิเวก ออกป่าแล้วกิเลสจะเกิดไม่ได้ เกิดได้ก็เกิดในภพ  กิเลสเกิดในตอนลืมตา ไม่มีสิ่งยั่วยวน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แต่ก็มีแบบธรรมชาติ  ก็จมไปละเอียดลึกเข้าไปอีก  ก็ขอแนะนำ ขอบอกว่า เลิกเสียเถอะ ที่จะส่งเสริมพระป่ามันผิด ให้ศึกษาให้สัมมาทิฏฐิ  ปฏิบัติแบบพระพุทธเจ้าจะเกิด สัมมาทิฏฐิ  ปฏิบัติมรรค 7 องค์ จะเกิดสัมมาสมาธิ ในมหาจัตารีสกสูตร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 17:06:11 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:16 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:49:16 )

ส่งเสริมให้ถูกจุดที่จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ

รายละเอียด

ถ้าคนเข้าใจจุดสำคัญนี้ แล้วส่งเสริมในที่ที่มีเสนาสนะสัปปายะ มีกลุ่มคนที่ศึกษาเข้าใจดี แล้วสร้างสิ่งเหล่านี้ที่เรียกว่า อาหาร เครื่องอาศัยที่เป็นอาหาร โดยเฉพาะอาหารคือคำข้าวหรือสิ่งที่กินเข้าไปเลี้ยงขันธ์  ชีวิตนี่แหละ สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าผู้ที่มีความรู้  มีธรรมะ มีความจริง ที่เป็นสัปปายะ 4 แล้วช่วยกันผลักดัน ช่วยกันรณรงค์ส่งเสริม สร้างอันนี้ขึ้นมาให้เจริญ โดยเฉพาะผู้บริหารประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย ที่เป็นพุทธศาสนิกชนเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 95 % น่าจะได้ทำความเข้าใจอันนี้ให้ดี แล้วส่งเสริมให้ถูกจุด ประเทศไทยจึงจะเป็นประเทศที่มีคุณค่ามีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติที่วิเศษจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 21:31:34 )

ส่งเสริมให้ลูกเรียนต่อหรือไม่

รายละเอียด

ยังส่งเสริม ก็เห็นว่าเราเรียนแล้วเอามาใช้ประโยชน์ได้ เรียนจบ
ด็อกเตอร์แล้ว
ก็ไม่ได้ซีเรียสกันไปว่าจบไปแล้วจะไปหาเงินเลี้ยงชีพไม่ได้ เราก็ไม่ได้เอาเป็นเอาตายฟ้องร้องกันหรอกตัวใครตัวมัน เขาจะทำอย่างนั้นก็เรื่องของเขาเราก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วแต่ปฏิภาณปัญญาของเขาก็ปล่อยไป แต่ถ้าคนที่เข้าใจแล้วจะไปเรียนก็เห็นว่าเป็นคุณค่า ถ้าหากเอาความรู้นี้ไปทำร้ายไปเบียดเบียนคนอื่นมันเป็นอกุศล แต่หากว่าเราเอาไปทำกุศลมันก็เสื่อมเข้าไปอีกไม่ได้หวงแหนอะไร เราก็ส่งเสริม เด็กที่มาเรียนที่นี่บอกให้ทราบหากใครจะตั้งใจเรียนให้สูงขึ้นเราก็ไม่มีปัญหา อยู่ที่นี่ตามระเบียบก็พัฒนาอยากจะเรียนถึงขั้นไหนก็ทำได้ เรียนแล้วก็เอาไปใช้งาน ส่วนเราเรียนจบแล้วได้ ดร. แล้วไม่ดูดำดูดีที่นี่ก็แล้วแต่ ก็บาปใครบุญมัน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 16:20:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:12 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 15:50:53 )

ส่งเสริมให้แต่งงานเป็นอาบัติสังฆาทิเสส

รายละเอียด

มี อย่าหาเรื่องอย่าหาเหาใส่หัว ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างพากันปฏิบัติธรรมไป ให้คบกันเป็นเพื่อน แล้วก็มีอะไรก็เป็นเพื่อนกันไป อย่าไปหาเรื่อง ให้มีกามผสม มันพาทุกข์ ถ้าเผื่อว่าเป็นเพื่อนยังมีมิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี มันเจริญ หากว่าอาตมาไปส่งเสริมให้แต่งงาน อาตมาอาบัติสังฆาทิเสสเชียวนะ พระพุทธเจ้าห้ามเอาไว้นะ การไปส่งเสริมการแต่งงานกันเข้าไปมีคู่ ผู้ที่ไปส่งเสริมทำหน้าที่ส่งเสริม ทุกวันนี้เห็นพระ,เจ้าไปช่วยส่งเสริมอวยพรคู่บ่าวสาว อาบัติสังฆาทิเสส ไม่รู้เรื่องเลย คือมันเป็นทุกข์ พระพุทธเจ้ามีพระวินัยอันนี้ห้ามไว้ อย่าไปส่งเสริม เพราะฉะนั้นก็บอกให้เขาเข้าใจให้เกิดความเบื่อหน่าย อย่าไปทำเลยก็ได้ก็ดี ก็ใช้ศิลปะในการบอก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 11:59:42 )

ส่วนกลางของอโศกมีเยอะแต่ส่วนบุคคลไม่ได้สะสมอันนี้เป็นเรื่องเศรษฐศาสตร์

รายละเอียด

ลูกศิษย์สายวัดป่า ก็จะถามพวกเราเหมือนกันว่าแล้วทางเรามี ลาภเกิด เช่น รถแบคโฮ 800 คันใหญ่มากเลยในประเทศไทยนี้ มีอยู่ 2 คัน 

อันนี้เป็นเรื่องเศรษฐศาสตร์ที่ซับซ้อนซึ่งเขาไม่เข้าใจหรอก ไม่เข้าใจตรงที่ว่าทำไมอโศก ดูเหมือนมีอะไรใหญ่ ๆเยอะ ๆ มาก ๆ 

อันนั้นเป็นของส่วนกลาง ของแต่ละคน สมบัติของแต่ละคนนี่แหละมารวมกัน เพราะว่าตัวเราเองจะมี แบคโฮ 800 จะมีข้าวของอะไรต่างๆ จะมีโรงปุ๋ย มันเป็นของส่วนกลางทั้งนั้น ส่วนตัวบุคคลสมาชิกชาวอโศกนั้น ไม่ได้มีเงินมีทอง ไม่ได้สะสม เป็นคนจนจริงๆ แล้วเป็นคนจนที่ขยัน หมั่นเพียร สร้างสรร ถึงได้มา แล้วเงินอันนี้เราเอาเข้ากองกลางสาธารณโภคีเอารายได้เข้ากองกลางสาธารณโภคีหมด มันก็เลยไปรวมอยู่ที่กองกลางเยอะ ส่วนประชาชนแต่ละคนไม่ได้สะสม 

นี่คือเศรษฐศาสตร์บทใหญ่ เศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คนเห็นไม่ผิด ถูก ทำไมมันมีเยอะ ก็มันมีเยอะแยะเพราะว่าคนเหล่านี้สละเอาไว้ส่วนกลาง สมมุติว่าคนในนี้มี 100 คน มีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง เงินมี 50 บาท อีกคนยึดไว้ 20 อีกคนยึดไป 10 บาท อีกคนยึดไว้ 4 อีกคนยึดไว้ 5 บาท นอกนั้นแจกจ่ายคนละ 1 บาท 2 บาท ก็จะไม่มีกองกลางเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 15:49:32 )

ส่วนกลางรวมกัน ส่วนตัวเป็น อนาคาริกชน

รายละเอียด

คือการมีองค์ประกอบพร้อมมีส่วนกลางรวมกัน  ส่วนตัวไม่สะสมอะไร สบายๆ  เป็นอนาคาริกชน เป็นคนที่ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง บ้านช่องเรือนชาน ไม่ต้องไปยึดทรัพย์สิน เงินทองบ้านช่อง  เดินทางก็ไม่มี  สบายๆ  จะใช้ก็ใช้กับของส่วนกลาง  ไปเบิกส่วนกลาง  ถ้าเราเป็นหมาหัวเน่าไปเบิกเขาก็ไมให้ ถ้าเราทำตัวให้เป็นหมาหัวเน่าเขาก็ไม่ค่อยชอบหน้า  แต่ถ้าเราไม่ถึงขั้นเป็นหมาหัวเนา  เราก็เป็นคนดี ก็ไม่มีปัญหาอะไร  เขาก็ให้พอสมควร  หากว่าไปเบิกเกินสมควร  มันเกินไป  เขาก็ไม่ให้  ไม่ให้เพราะอะไร  เพราะว่านิสัยคุณจะเสีย ไม่ใช่เขาไม่ให้ เพราะว่าหวงแหนหรอก  ถ้าให้คุณไป  มันไม่สมควร  มันผิด  อย่าไปทำผิด ไปเบิกเยอะๆ  ผลาญพร่าเป็นบาปเป็นหนี้  คนเบิกไปกินกว่าที่ควรจะได้  มันก็เป็นหนี้  โดยสัจจะ  เราก็ต้องช่วยเหลือ  เห็นว่าไม่ต้องยึดถือ เป็นตัวเป็นตนอะไรหรอก ไม่มีอะไรดี  แต่มันก็ต้องมี  เป็นสัญญาว่าต้องมี  เพื่อส่วนกลาง เราก็มีส่วนในตรงนั้นจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้  ถ้าหากจิตใจเรามากน้อย  ไม่เปลืองเลยนั้นแหละดี สูญ  ถ้ามันจะต้องใช้ตามความจำเป็นก็ต้องใช้อย่างพอดี พอเหมาะ  ถึงขั้นไม่เสื่อมน้อยไว้ก่อนดี  ถ้าเกินไว้ คนละหน่อย เป็นพันคนมันก็เสียมาก  นี่อธิบายเป็นภาษาง่ายๆ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:27:28 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:00 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 13:35:14 )

ส่วนที่เป็นอดีตกับอนาคตถ้ายังไม่เที่ยงก็ยังไม่จบ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นส่วนที่เป็นอดีตกับส่วนที่เป็นอนาคต ถ้ายังไม่เที่ยงก็ยังไม่จบ ในอวิชชาความไม่สมบูรณ์แบบ 8 ข้อที่มีอริยสัจ 4 แล้วก็มีส่วนอดีต 1 ส่วนอนาคตอีก 1 เป็น 5, 6, 7 เป็นทั้งส่วนอดีตและส่วนอนาคต คือความไม่เที่ยงไม่ใช่ 0 แต่ทั้งส่วนอดีตและส่วนอนาคตที่เป็น 0 อดีตก็เป็น 0 อนาคตก็เป็น 0 มาทุกปัจจุบันก็เป็น 0 เพราะฉะนั้นในส่วนอดีตของอันที่ 7 ของอวิชชา 8 ส่วนนี้แหละต่างกันกับส่วนอดีตและส่วนอนาคตที่เคยมีมา เพราะ 2 อันนี้ทั้งส่วนอดีตและอนาคตไม่มีเที่ยง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 19:11:50 )

ส่วนบุญ หมายถึงอะไร

รายละเอียด

ทีนี้คำว่า ส่วนบุญ หมายความว่าความสามารถกำจัดกิเลสได้แล้ว ส่วนบุญคือส่วนที่กำจัดกิเลสได้แล้ว ไม่ไช่ได้อะไรมาให้ตนเป็นสมบัติแต่เป็นวิบัติ การได้ส่วนบุญจะเหมือนมีอภิภูไปทีละขั้นหรือไม่ ซึ่งก็ไม่ใช่อย่างนั้น 

เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้จักคำว่าบุญ แล้วรู้จักคำว่าส่วนบุญที่ได้ที่ทำสำเร็จ มันไม่ได้อะไรมาเป็นส่วนบุญ แต่กรรมของเราที่ทำสำเร็จ สร้างพลังงานที่ไปปราบกิเลสของเราเอง สำเร็จก็เป็นส่วนบุญ แต่มันยังไม่หมดกิเลสสิ้นอาสวะก็เป็น สาสวะ ไปเรื่อยๆจนหมดสิ้นอาสวะ กำจัดกิเลสได้หมดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภู คือผู้นำพาคนไปสู่ความจนอันประเสริฐ วันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2564 ( 14:50:54 )

ส่วนบุญ หรือ ปุญญภาคิยา

รายละเอียด

บุญถือว่าเป็นตัวจบของฌาน ทำหน้าที่เผากิเลสเสร็จแล้วจบ ถ้าเผาได้ยังไม่หมดได้ส่วนนึงก็ได้ส่วนบุญ ปุญญภาคิยา  ยกตัวอย่างมะม่วงนี้หั่นทิ้งไปได้ ทำลายไปได้ ไม่ใช่ทำรายได้ 

ทำลาย สลายหายไปได้ ส่วนที่ได้คือส่วนบุญ คือส่วนที่เสียไป นี่แหละคือส่วนบุญ เป็นภาษาสิริมหามายา เข้าใจได้ เป็นสัมมาทิฎฐิ เข้าใจไม่ได้เป็นมิจฉาทิฏฐิก็ผิด ส่วนเสียก็ได้ส่วนที่ไม่ได้ได้สิ่งที่สลายหายไปได้ที่เสีย เราเสียนั่นแหละคือเราได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 13:12:35 )

ส่วนสายพระมหาประยุทธ์อาตมาไม่อยากพูดมากเพราะ

รายละเอียด

ที่จริงคนที่ติดอย่างพระมหาประยุทธ์หรือสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ก็มีเยอะ  แต่ถ้าพูดทางโน้นแล้ว ทางโน้นจะแย้งเก่ง อาตมาก็เลยไม่อยากพูดมาก ถ้าพูดไปแล้วอาตมาไม่ต้องไปทำมาหากินอะไรพอดี ก็เลยตามควร  อันนั้นยังไม่ควร เพราะฉะนั้นอย่าไปแหย่หนวดเสือ เดี๋ยวมันกัดเอา ก็เลยทำอย่างนี้ 

ถ้าพูดถึงมหาบัวไปทางนั่งหลับตา เขาแย้งอาตมายาก เพราะเขาไม่เหมือนกับทางโน้นทางโน้นรู้มาก รู้มากกว่าอาตมาอีก แย้งอาตมาจนกระทั่งอาตมาอั้นตู้เลย อาตมาไม่ได้รู้มาก มันมีพยัญชนะ ทั้งพยัญชนะประยุกต์อีกเยอะมากที่เขาเรียนกัน เอาขี้หมูมาใส่ขี้หมาเอาขี้ลามาใส่ขี้นกปนกันเต็มไปหมด มันก็ไม่ไหว 

ถ้าได้ทางสายหลับตา สายศรัทธามานี้มันง่ายกว่า ถ้าเป็นสายปัญญามามันจะยาก อย่างเช่น พระสารีบุตรใช้เวลาตั้ง 15 วันกว่าจะบรรลุ พระโมคคัลลานะแค่ 7 วันบรรลุเลยเอาสายนี้ก่อน สายโน้นเอาไว้ก่อน มันรู้มากยากนาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2565 ( 15:23:43 )

ส่วนหนึ่งในผลงานพ่อครูสู่นาวาบุญนิยม

รายละเอียด

อาตมาก็ทำงานมาจนถึงวันนี้ ก็เห็นผลงานของตนเอง ก็กำลังจะสรุปผลงานของตัวเอง เกิดมาชาตินี้ นี่กำลังเขียนหนังสือ “เกิดมาชาตินี้” ว่าจะเขียนไม่มาก นี่ปาเข้าไปตั้งเกือบ 200 หน้าแล้ว แต่ถึงแน่ 200 หน้า ยิ่งยังไม่ได้เอาตารางงานที่ได้รวบรวมว่า เกิดชาตินี้ทำอะไรบ้าง นี่ก็ให้เขาช่วยรวบรวมงานเขียน เป็นต้น  

อาตมาเขียนหนังสือมาเป็นร้อยๆเรื่องแล้ว ไม่นึกว่าตัวเองจะเขียนได้ขนาดนี้ ทั้งเล่มเล็กเล่มใหญ่ ไม่ต้องไปนับบทความ ถ้าไปนับบทความก็เป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่นบทความ นับไปเป็นเล่มๆ เป็นเรื่องๆ นี้ เป็นร้อยๆ เล่ม หลายร้อยเล่ม พิมพ์ออกมารวมแล้วเป็นหลายล้าน เขียนออกมาชาตินี้ แล้วพิมพ์ออกไป กระจายออกไป แต่คนอ่านน้อย เพราะว่าคนอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาไม่สนุก มันไม่มีธรรมรส มันไม่มีวิมุติรสพอ 

คนที่อ่านธรรมะอาตมาเขียนนี่ แล้วเกิดธรรมรสนั้น จงรู้ตัวเถิดว่า คุณมีภูมิธรรมทางโลกุตรธรรม เพราะธรรมะของอาตมาเป็นโลกุตรธรรม คนที่ไม่รู้เรื่องเป็นโลกุตรธรรม มันก็ไม่รู้เรื่อง ก็ไปโทษเขาไม่ได้ เพราะว่าเขายังไม่มีภูมิถึง มันเรื่องจริง 

มันเป็นเรื่องจริง จนอาตมาพูดมาหมดแล้ว ว่าทุกวันนี้ศาสนาพระพุทธเจ้าที่มีโลกุตรธรรมนี่แหละ เป็นความวิเศษ เป็นความพิเศษของพระพุทธเจ้าที่ไม่มีศาสดาใดในโลก มีหนึ่งเดียว พระพุทธเจ้าไม่มีศาสดาใดในโลกที่มีโลกุตรธรรม มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น นอกนั้นก็โลกียะ เป็นเทวนิยมอยู่ทั้งหมด มีศาสนาพุทธที่ (สัมมาทิฏฐิ) ที่อาตมาต้องวงเล็บ “สัมมาทิฏฐิ”  เพราะแม้แต่ชาวพุทธนึกว่าตัวเองเป็นพุทธ ถ้ายังไม่เป็นโลกุตรธรรมยังไม่เป็นพุทธหรอก มีพวกเรานี่แหละ รู้โลกุตรธรรม เป็นพุทธ 

จึงมาพิสูจน์ พิสูจน์ผล เกิดผล เกิดเป็นสังคม สาราณียธรรม 6 อันนี้เป็นจุดอ้างอิงยืนยันได้ว่า นี่คือผลสำเร็จของศาสนาระพุทธเจ้า ก็ต้องเข้าใจจริงๆ เลยว่า คุณธรรม สาราณียธรรม 6 มีอะไร 

สาราณียธรรม 6 มีเมตตากายกรรม ก็ต้องรู้อาการเมตตาของคน  ดูได้ทางกายกรรม เมตตากันหรือเปล่า เมตตากันคืออะไร? อ๋อ.. อยู่กันอย่างเมตตา เมตตาวจีกรรม ก็มาจากมโน มโนกรรม เป็นเมตตามโนกรรม เกิดขึ้นมาจริง มีพฤติกรรมจริง มีอาการทางกาย ทางวาจา มาจากมโนเป็นประธานมา ออกมาเป็นพฤติการณ์มนุษย์ แล้วมาอยู่รวมกัน
(สาราณียธรรม 6 หลักการอยู่ร่วมกัน ด้วย 1.เมตตากายกรรม 2.เมตตาวจีกรรม 3.เมตตามโนกรรม 4.ลาภธัมมิกา 5.ศีลสามัญญตา 6.ทิฏฐิสามัญญตา จาก พตปฎ. เล่ม 22 “สาราณิยสูตร” ข้อ 282)

เพราะจิตมีพุทธพจน์ 7 จิตมี สาราณียะ ปิยกรณะ ครุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ คือ มีจิตระลึกถึงกัน สัมพันธ์กันดี รักกัน เคารพกัน รู้ภูมิธรรม รู้จักผู้สูง-ผู้ต่ำ ผู้มี-ผู้ไม่มี ผู้เจริญ-ผู้ยังไม่เจริญ ด้วยสัจจะ ด้วยความเป็นจริง ไม่ใช่เป็นตั้งศักดิ์ตั้งฐานะให้ แต่รู้กันด้วยตามความเป็นจริง แล้วก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน-สังคหะ ไม่วิวาทกัน-อวิวาทะ สามัคคียะ-อยู่กันอย่างพร้อมเพรียงสามัคคี เป็นปึกแผ่น-เอกีภาวะ  

นี่พวกเราเป็นปึกแผ่น ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ กษัตริย์ลิจฉวีแคว้นวัชชี ว่า อย่างนี้ข้าศึกตีไม่แตก จะไม่มีอะไรใครตีแตกได้

คือธรรมะอปริหานิยธรรมทั้ง 7 

1. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ 

2. เมื่อประชุมก็พร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อเลิกประชุม ก็พร้อมเพรียงกันเลิก  และพร้อมเพรียงกันทำกิจที่ หมู่จะต้องทำ 

3. จักไม่บัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ 

จักไม่เพิกถอนสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ แล้วจักประพฤติมั่นในสิกขาบทตามที่พระองค์   ทรงบัญญัติไว้ 

4. สักการะเคารพนับถือบูชาท่านผู้เป็นเถระ  ผู้เป็น..รัตตัญญู  ผู้บวชมานานเป็นสังฆบิดร  เป็นสังฆปริณายก  และจักสำคัญถ้อยคำแห่งท่านเหล่านั้นว่า  เป็นถ้อยคำอันตนพึงเชื่อฟัง 

5. ไม่ตกอยู่ในอำนาจตัณหาที่เกิดขึ้นแล้ว  อันเป็นเหตุให้เกิดเป็นภพต่อไป 

6. จักพอใจอยู่ในเสนาสนะป่า (ป่า คือ สภาพความสงบ สงัดจากกิเลส) 

7. จักเข้าไปตั้งความระลึกถึงเฉพาะตนไว้ว่า..

ไฉนหนอ  เพื่อนพรหมจรรย์ ผู้มีศีลเป็นที่รัก  ที่ยังไม่มา..ขอจงมา    และที่มาแล้วพึงอยู่เป็นสุข 

(พตปฎ. เล่ม 23  ข้อ 21) 

อปริหานิยธรรมทั้ง 7 ประการนี้ อย่างนี้ไม่มีใครตีแตก

คำว่า ยินดีในเสนาสนะป่า (ในข้อ 6. จักพอใจอยู่ในเสนาสนะป่า) นี่แหละ คำนี้แหละ เขาเอาถือเป็นตัวที่ว่า ยินดีในเสนาสนะป่า อาตมาเคยอธิบายว่า อาตมายินดีในเสนาสนะป่านะ แต่อาตมาไม่ไปอยู่ป่า แต่จิตอาตมายินดีในเสนาสนะป่า อาตมาจึงยืนยันและก็ทำจริง อาตมาสร้างป่าขึ้นในเมือง ในกรุงเทพฯ ก็สร้าง ในที่ไหนๆ ก็สร้างทุกแห่ง ยิ่งบ้านราชฯนี้ อย่าว่าแต่สร้างป่าเลย สร้างภูเขาเลย สร้างลำธารแม่น้ำด้วย เท่าที่ทำได้ นี่มันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เราพูดเล่น ที่ไหนๆ ของชาวอโศกเราก็สร้างกัน อาตมาไม่อยู่ เขาก็เข้าใจกัน เขาก็ทำกัน ทำธรรมชาติ สร้างธรรมชาติ 

เพราะเราต้องเข้าใจ เราอยู่กับธรรมชาติ แล้วธรรมชาติถูกทำลาย มันสูญเสียไปจนกระทั่ง มันไม่เป็นธรรมชาติของคนที่จะอยู่อย่างดี อยู่อย่างสมบูรณ์ มีการหมุนเวียน  มีการสังเคราะห์ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ มีไอน้ำ อะไรพวกนี้ มันไม่เป็นธรรมชาติที่เป็น cyclic order ที่เป็นความหมุนเวียน ที่เป็นระบบระเบียบขึ้นมา มันไม่เป็น 

อาตมาพาทำแล้วถึงเป็นอยู่สุข แล้วคนเขาจะไม่รู้สึกง่ายๆ แต่คนที่มีเซ้นส์ เขาก็จะรู้สึกว่า บ้านราชฯ นี้เข้ามา มีอากาศดีจัง ตื้นๆ ง่ายๆ พวกนี้ ว่า โอ้! อากาศดีจัง ก็ดีสิ ก็เราทำให้มีสิ่งที่หมุนเวียนอยู่พร้อม ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่ได้สัดส่วนที่ดีๆ 

เพราะฉะนั้น เรื่องเหล่านี้ มันเหมือนกับเรื่องที่เล็กๆ น้อยๆ แต่มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่นะ อาตมาถึงบอกว่า ทำมาแต่ละแห่งๆ ที่ในดงคอนกรีต เมืองกรุงเทพฯ ก็ไปทำ ทำได้แค่นั้น ห่างออกมาหน่อย ปฐมอโศก มานครปฐม ก็ทำ ห่างออกไปอีกเป็นศาลีอโศก เป็นโคราช ไปที่ไหนๆ เป็นชุมชนชาวอโศกก็ทำไปตามประสา กระจายออกไป ตามที่เราเข้าใจกัน ที่อาตมาพาทำ 

เกิดสภาพทั้งสิ่งแวดล้อม เป็นบรรยากาศที่อาตมาว่า ไม่สมบูรณ์แบบ ก็บริบูรณ์แบบล่ะ ช่วยกันทำ ซึ่งก็มีผู้ช่วยทำอย่างเหน็ดๆเหนื่อยๆ 

ถ้าใช้เงินจ้างทำจริงๆ แล้ว อาตมาไม่รู้จะขนเงินที่ไหนมาจ้าง พวกเราทำด้วยจิตวิญญาณ ด้วยปัญญา ด้วยความเข้าใจ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่มันเกินกว่า 

กรุงเทพฯ มีคลองก็น้ำเน่า นี่พยายามจะปรับปรุงขึ้น ก็พอใช้ได้ แต่มันไม่ใสสะอาด เหมือนน้ำในบ้านราชฯ ใช่ไหม ไม่เหมือนเลย ก็ทำไม่ได้ เพราะว่ามันยากกว่า มันทำไม่ได้ 

เพราะฉะนั้น คนจะค่อยๆเข้าใจว่า อ้อ..งานที่เราไปสร้าง สร้างอะไรก็แล้วแต่ สร้างแบบโลกๆ สร้างหอคอยใหญ่ สร้างสถาปัตยกรรมอะไรต่างๆ นานา พิลึกพิลืออะไรเกิดขึ้นมา อาตมาไม่ยี่เจ้ย เฮ้ยเท่าไหร่ How many เลย ใช้ภาษาต่างชาติหลายภาษา  How many ยี่เจ้ย เฮ้ยเท่าไหร่ อาตมาไม่ How many  ไม่ยี่เจ้ยเลย

เรามาทำสิ่งที่ดุเหมือนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูแปลกๆ มันไม่แปลกหรอก ที่จริงมันเป็นเรื่องสัจจะ สร้างที่อยู่ที่กิน สร้างสัปปายะ เป็นเส-นาสนะสัปปายะ แล้วเราก็มีคนที่เหมาะสม เป็นบุคคลสัปปายะอยู่ ถ้าไม่ใช่คนอย่างพวกคุณอยู่นี่ เละ มันก็จะเป็น สัปปาเละ ใช่ไหม ไม่รู้ค่า แต่พวกเรารู้ค่า ก็ค่อยๆ ทำกันขึ้นมา คนละไม้คนละมือ อะไรไม่ควรก็ปรามกัน อะไรที่ควรก็ส่งเสริมช่วยกันทำขึ้นมา 

ที่นี่เป็นที่น้ำท่วม หินไม่มีสักก้อน แต่เดิมเป็นที่น้ำท่วม มีแต่ขี้โคลน ขี้เลน มีไม้พุ่มไม้อุ่มอะไรอยู่ เละ ยิ่งหน้าฝนนี่ถ้าเผื่อว่าสมัยที่ยังไม่เป็นบ้านราชฯ เข้ามาไม่ได้หรอกอย่างนี้ เละๆ เทะๆ แต่นี่เป็นที่ๆ น่าอยู่  มีน้ำไหลใสสะอาด มีอากาศหมุนเวียนต่างๆ นานา 

ซึ่งพวกเราเข้าใจ ช่วยอาตมาทำมาจนป่านนี้ ก็ขอบคุณจริงๆ เลย ให้เข้าใจ เข้าใจก็ช่วยกันทำมา ตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกกันเท่าไหร่หรอก 

ในเมืองอุบลฯ นี่ เราเรียกง่ายๆ กันว่าที่นี่คือ สวนน้ำ ต่อไปในอนาคต คนที่มาอุบลฯ จะมาเที่ยวสวนน้ำ 

ถ้าเราเก็บเงิน ถ้าเราโฆษณาอะไรต่ออะไรออกไป คนจะมามากกว่านี่ แต่นี่เราไม่โฆษณา มันเลยเหมือนของไม่มีค่า นอกจากไม่โฆษณาแล้ว ฟรีด้วย เพราะฉะนั้น คนที่โง่ๆ ทั้งหลายแหล่ ก็จะบอกว่านี่ของไม่มีค่า คนที่โง่ๆ ทั้งหลายแหล่ พูดดังๆ ก็จะเห็นว่าเป็นของไม่มีค่า แต่คนที่ฉลาด บอก โอ้โห! 

อาตมาทำที่นี่เคยพูดไปว่า ที่นี่เป็นรีสอร์ทสุดยอดนะ ใครจะมาพักผ่อนที่รีสอร์ทนี้ เชิญ ฟรีด้วย ไม่รู้ค่า มีที่พัก รีสอร์ทที่พักที่นี่ ยินดีให้พักเลย เรือนเรือรามจักร อย่างนี้เป็นต้น เรือนเรือ เชิญพักเลย เป็นที่รับแขก 

เรือโคกใต้ดิน ถ้าเสร็จจะอลังการ มีหนุมาน มีหางใหญ่ อาตมากลัวมันจะกระเดื่องนะ มันจะไม่หนักจนเรือกระเดื่องเหรอ? กำลังสร้างหางเรือโคกใต้ดินอยู่ มีหนุมานตัวใหญ่มาก มันอาจจะเกาะอยู่กับเรือบ้าง แต่มันจะมีแท่นของมันที่ตั้ง ไม่งั้นมันไปดึงเรือ เดี๋ยวเรือมันทรุดหมด มันก็ต้องมีแท่นตั้งและเชื่อมไว้กับเรือ ซึ่งเป็นงานใหญ่ ตอนนี้ก็ให้เขาทำคานที่จะอยู่ตั้งให้ได้ที่ สูงขึ้นมาเมตรเศษๆ ก็ประมาณพอดี เพื่อที่จะให้ปั้นเป็นเหมือนกับเรือรามจักร ปั้นหินรองรับ แล้วเราจะไปปั้นคลื่นครอบตรงนี้อีก ถ้ามีปัญญาวาสนาทำได้ก็ค่อยทำ ปั้นเป็นคลื่นแบบ Idealistic ครอบ หล่อโลหะทองเหลือง กรอบ โอ้โห ไม่ใช่งานเล็กนะ เป็นงานใหญ่มาก กว่าจะได้ ก็ค่อยว่ากัน ถ้าไม่ได้ก็เอาแค่หินนี้ไปวาง เรียบร้อยแล้วก็ใช้ได้แล้ว 

แล้วก็จะมีหนุมาน มีหาง เรียบร้อย แล้วก็ทำเก๋งขึ้นข้างบน อะไรเรียบร้อยกว่าจะเสร็จก็คงอีกหลายปี คงไม่ถึง 10 ปีมั้ง ก็รอดูก็แล้วกัน อย่าเพิ่งรีบตายกัน 

เราก็ทำไปตามประสาเรา ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องลงทุน เป็นเรื่องเปลืองผลาญอะไรหรอก แต่เป็นเรื่อง Idealistic ของมนุษยชาติ เป็นเรื่องประดิดประดอย ไอเดียตามความคิดความเห็นทำไป ใครจะบอกว่าฟุ่มเฟือย ใครจะบอกว่าสร้างไปทำไม ก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็คุณไม่สร้าง คุณก็ไม่สร้างสิ แต่เราสร้าง เรื่องของคุณก็เรื่องของคุณ เรื่องของเราก็เรื่องของเรา เราเข้าใจ ไอ้ที่คุณพูดเราเข้าใจทั้งนั้น แต่เราก็ทำโดยที่เราไม่ได้เป็นหนี้ ที่อาตมาทำอยู่นี่ ไม่ได้ไปเป็นหนี้ ไม่ได้ไปขูดรีด ไม่ได้ไปเรี่ยไร ทำเท่าที่มันเป็นไปได้ มีผู้เห็นดีเห็นงามร่วมด้วยเลยทำ ทำอย่างนั้นมาตลอด ไม่ได้ไปเรี่ยไร ไม่ได้ไปขูดรีด ไม่ได้ไปหว่านล้อมอะไรๆ มา ก็พูดให้เข้าใจ  เข้าใจเห็นดีด้วยก็ช่วย ไม่เข้าใจก็ไม่มีปัญหาอะไร คุณก็อยู่เฉยๆได้ อยู่ทำร่วมได้ก็ร่วม อะไรคุณไม่เห็นด้วยก็ไม่ร่วม คนที่เห็นด้วยเขาก็ร่วม ก็พอเป็นไป ซึ่งมันก็เป็นไป 

มันก็ต้องมีที่จบของมัน รามจักรก็ต้องจบได้ อย่างเจิ้นเทิ่นก็เสร็จ จบแล้ว อะไรต่างๆ พวกนี้ มันมีตัวไหนๆ ทำอยู่อย่างพอสมควร ก็จบของมัน เรือโคกใต้ดินจบก็จบ ไม่มีปัญหาอะไร จบแล้วก็จบกัน ยังไม่จบ ก็ทำไปให้มันจบ ให้เรียบร้อย

อาตมานี้ ยังงงๆ ตัวเองอยู่ว่า ทำไมเกิดมาชาตินี้ เราจะต้องมาสะสมเรือ แล้วมารวมกันอยู่นี้ โอ้โห! เดินไป เต็มไปหมด ยังเป็นเรือพังๆ เพๆ อยู่อีกตั้งเยอะ ยังไม่ได้ซ่อมขึ้นมา อยู่ในโรงเรือโน่น 

เราก็ไปนึกจินไตยสูงสุดว่า ศาสนาคริสต์นี้สูงสุดเขาก็ไปจบที่เรือ  น้ำท่วมโลก ก็มีเรือโนอาห์เท่านั้น น้ำท่วมโลกมาแล้วให้สัตว์ทั้งหลายเข้าไปได้อย่างละคู่ๆ เท่านั้น เพื่อที่จะรอดจากน้ำท่วมโลก เป็นอจินไตยชนิดหนึ่ง 

นอกจากมีเรือแล้ว มันเกิดนาวาบุญนิยมมาก่อนนะ เป็นนามสกุล เป็นตระกูลเลย นาวาบุญนิยม นี่มันเป็น อจินไตย ที่อาตมาไม่อยากจะไปนึกถึงมันมากมาย มันเป็นสัจจะหนึ่งเดียวขึ้นมาในโลก ไม่ว่าจะเป็นเทวนิยม อเทวนิยม มันก็มารวมจุด ที่ถ้าเข้าใจสัจจะ แล้วแต่คนจะใช้ แล้วใช้มันยังไง นาวา อย่างเรือโนอาห์เขาก็ใช้ของเขาไปแบบของเขา  ของเรานาวาบุญนิยม เราก็ใช้อย่างนาวาบุญนิยมของเรา แล้วก็เกิดนาวาบุญนิยม 

เรายังไงๆ ก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว สำนวน เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว นี่ตอนนี้น้ำก็กำลังขึ้น ยังไม่รู้ว่าปีนี้ มันจะท่วมอะไรเท่าไหร่ เราก็คอยดูกัน มันก็มีอะไรให้พวกเราทำ สนุกไปตามประสาพวกเรา ซึ่งก็ไม่ได้ไปเดือดร้อนอะไรคนอื่น ที่จริงเราช่วยคนอื่นเสียด้วยซ้ำ จะว่าไปแล้ว เราไม่ได้ไปรบกวนรัฐบาล เราไม่ได้รบกวนคนข้างเคียงอะไร เราก็เป็นอยู่ของเรา มีอยู่มีกิน สิ่งที่จะทำอะไรต่ออะไร 

แม้แต่น้ำดื่ม เขาก็ยังมาเอาที่เรากันนะ นี่มีคนเอารถมารอ เอาน้ำดื่มไป ที่อื่นเขาก็มีน้ำ น้ำวารินชำราบมันสะอาด แต่เขาก็เห็นว่าที่นี่มันดีตรงที่ว่า นอกจากจะน้ำดีมาแล้ว ต่อท่อมาตรงแล้ว จากน้ำแร่เลยนะ เราก็ยังมีเครื่องกรองใส่แทงค์เอาไว้ให้ เขาก็มาเปิดเอาไป เอาแกลลอนมาเปิดไป สบาย ก็ดีเราไม่ได้หวงแหนอะไร เพราะว่าน้ำเราก็ได้ฟรี แล้วก็มาเข้าเครื่องกรอง ก็ได้อยู่ได้กินได้อาศัยไป ไม่ได้หวงแหน 

อาตมาว่าชีวิตอาตมาพาพวกเราทำอย่างไม่หวงแหน เรารู้สึกไหมว่า จิตที่ไม่หวงแหน มันเกิดจริงเป็นจริง มันไม่หวงแหน มันยินดีด้วยซ้ำไป ที่จะได้เผื่อแผ่ ใช่ไหม ยินดีที่จะได้เผื่อแผ่ เรามีอะไรเผื่อแผ่ได้ก็เผื่อแผ่ ไม่มีแล้วก็คือไม่มี มี เอาไปกินสิ เผื่อแผ่ได้ อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิสัทธรรม 7 ที่จะทำให้เกิด ฌานของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 08:34:24 )

ส่วนเกินนำไปเสียสละ

รายละเอียด

ให้แก่คนอื่น เรามีส่วนเกินแล้วอย่างไรก็ไม่ขัดข้องไม่กระเบียดกระเสียร ไม่แย่งชิงอะไรกันจนเกินกินเกินใช้ เพราะภูมิธรรมของเราไม่สุรุ่ยสุร่ายไม่ฟุ่มเฟือยไม่เฟ้อไม่เกิน รู้จักสิ่งที่กินใช้อย่างพอเหมาะพอควร เพราะลดกิเลสได้จริง ตัวกิเลสนี่แหละทำให้มันเปลืองกว่าที่ควร ลดกิเลสได้มันก็ประหยัดเป็นสัจจะ ที่เคยฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยเกินก็ลดลงไปได้อีก จะเห็นได้ว่าตัวคนมันถูกหลอกมาให้เฟ้อให้เกิน เอาอะไรมาบำเรอตัวเองมากมายหนักหนาสาหัส

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 18:58:28 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:41 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 13:30:19 )

ส่วนใดที่ไม่ใช่กาย

รายละเอียด

ส่วนใดที่ไม่ใช่กายแล้วคุณไม่รับรู้ เช่น ปลายผมของคุณ มันไปสัมผัสกับอะไรมันไปถูกไฟไหม้ คุณก็ไม่รู้สึกหรอก อันนั้นมันไม่ใช่กาย เล็บของคุณ ที่ตัดทิ้งได้ ไม่เจ็บไม่ปวดประสาท แต่มันมีชีวะนะ มีอาหารเลี้ยงเป็นชีวะ เป็นพีชะ ส่วนเล็บ เป็นพีชะส่วนไหน ส่วนขน ที่เป็นพีชะคือส่วนไหน ฟัน กรอไม่เจ็บเป็นพีชะ แต่มีชีวะอยู่นะส่วนไหน หนังผิวหนังที่หยาบ ที่ไม่ใช่พีชะ หลุดไปแล้วไม่ใช่พีชะ ส่วนไหนไม่หลุดแต่ไม่ใช่พีชะ เหมือนสะเก็ดที่เชื่อมกันอยู่

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:59:33 )

ส่วนใหญ่ของศาสนาพุทธวันนี้ มีแต่ฉันทะ วิริยะ แล้วแถมยังมิจฉาทิฏฐิถึงยังออกป่ากันไป

รายละเอียด

เข้าใจสภาวะจิตชัดเจนไหมว่าส่วนใหญ่ของศาสนาพุทธวันนี้ มีแต่ฉันทะ วิริยะ แล้วแถมยังมิจฉาทิฏฐิถึงยังออกป่ากันไปเป็นกระตั๊ก กระตุกมาทุกวันนี้ยังไม่สะดุ้งเลย แทงด้วยหอก 100 เล่มยังไม่สะดุ้ง แต่มันยิ่งกว่านั้น แทงเข้าไปไม่รู้สึกตัวเลย หอกอาตมาหมดไปไม่รู้กี่ร้อยเล่มแล้ว เมื่อไหร่จะกระเตื้องจะรู้สึกตัวสักที 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:50:31 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:10 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 13:31:30 )

ส่วนใหญ่คนเชื่อคำสอนอันเป็นเท็จ

รายละเอียด

เพราะโง่  เพราะว่ามีอวิชชา  ก็เพราะว่าเมาไม่รู้ว่ามันไม่จริง  เขานึกว่ามันดี  เขานึกว่า  มันไม่ใช่ความเท็จ  เขานึกว่ามันเป็นเรื่องถูกต้อง เป็นเรื่องดี เขาก็หลงเชื่อ  ยกตัวอย่างเช่น  ความสุขนี้เป็นเท็จ  เห็นไหม  คนอวิชชา ก็ไปหลงกับความสุข

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:05:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:53 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 13:29:25 )

ส่วนใหญ่เรียนรู้อยู่ที่อัตตวาทุปาทาน

รายละเอียด

คนที่เรียนรู้กันอยู่ ธรรมะนี่ อยู่ที่อัตตวาทุปาทาน ยึดได้แต่แค่วาทะ ยึดได้แต่แค่คำพูด ไม่เข้าไปถึงความเป็นอัตตาตัวจริงหรอก อัตวาทะ ใส่เป็น อัตตวาทุปาทาน ได้แค่นั้นส่วนใหญ่ได้แค่ภาษาคำพูด เนื้อหาสาระมันไม่ได้ นับตั้งแต่ สังโยชน์ข้อที่ 1 สักกายะ คำว่า กายะ นี้ จะเข้าไปถึงเนื้อหาแท้ของ กาย ถูกต้องตามสัมมาทิฏฐิ ..ไม่แล้ว 

กาย เป็นแต่เพียง วัตถุ ดิน น้ำ ไฟ ลม เขาจะไม่เข้าใจว่า กายนี้คือ จิต มโน วิญญาณ หมายถึงตัวนี้เป็นหลัก ข้างนอกง่ายๆ ไม่ใช่หมายถึงข้างนอกอย่างเดียวด้วยนะ ข้างนอกก็มีแต่คุณนอกจนหลุด คุณนอกกายนี้คุณหลุดธาตุแท้ของกาย ธาตุแท้ของกายคือ จิต มโน วิญญาณ แต่คุณเข้าใจว่ากายนี้คืออุตุ กายไม่ใช่แค่อุตุ พีชะก็ไม่มีแล้ว กาย กาย อยู่ที่จิตเท่านั้น เห็นไหมวกกลับ อธิบายธรรมนิยาม 5 เขารู้กันที่ไหนที่อาตมาพูด 

ความรู้ทางด้านศาสนาพุทธทุกวันนี้แม้แต่จบเปรียญ 9 ก็ไม่ได้เข้าใจอย่างที่อาตมาอธิบาย อาจจะเข้าใจบ้าง กายนี้ พจนานุกรมก็ยังแปลว่า หมู่พวก ของ เวทนา สัญญาสังขาร เป็นต้น ก็หมายถึง จิตเจตสิก ที่ประชุมแห่งกองสังขาร เป็นต้น 

เสร็จแล้วก็ไม่ได้เรียนอย่างนี้กัน เมื่อมาปฏิบัติคำว่ากายก็คือดินน้ำไฟลม จิตเจตสิกก็คือธาตุวิญญาณ เห็นไหม ผิดไปหมดเลย 

เพราะฉะนั้นแม้แต่สังโยชน์ข้อต้น พ้นสักกายะทิฐิ เขาก็ไม่พ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:30:57 )

ส่อเสียดพูดอย่างไร

รายละเอียด

ส่อเสียดพูดอย่างไร คือพูดให้คนนี้อย่างนี้ ให้ทะเลาะเบาะแว้งกัน ให้ไม่เป็นสุขสงบ ทำให้คนเกิดไม่โกรธก็หลงกัน ไม่โกรธ ก็ไปโลภ แก่กันและกัน

ที่มา ที่ไป

 เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 15:11:27 )

ห (อรห)

รายละเอียด

ห คือ ความเกิด (อ  คือ ความดับ ;  ร  คือความตั้งอยู่)

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 161


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:27:07 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:00:02 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 20:31:03 )

หกทวารกระทบไม่สุขไม่ทุกข์เป็นสัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

ตากระทบรูป คุณสุขก็ได้ทุกข์ก็ได้ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ได้ 3 ทางจมูก คุณกระทบกลิ่น มีความสุขก็ได้ทุกข์ก็ได้ไม่ทุกข์ไม่สุขก็ได้ หู ลิ้น กาย ทั้งนั้น ทั้ง 6 ทวาร แม้แต่ในใจเอง คุณกระทบแล้ว มีความสุขก็ได้ ทุกข์ก็ได้ 3 จึงเป็น 18 ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ได้ คนที่ไม่ได้ศึกษาให้สัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้าก็เป็น เคหสิตะเลย ยิ่งไปนั่งหลับตาทวารทั้ง 5 ไม่ได้ปฏิบัติเลยต้องปิดประตู เพราะ ผู้ที่ปฏิบัติลืมตา หมดกามภพแล้วก็ไม่ต้องหนีจากกามภพ ก็ยังสัมผัสกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอยู่ แต่กิเลสรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ ก็ล้างไปที่เหลือ ไม่ต้องไปหลับตาเลย ไม่มีเวลาใดจะต้องไปปฏิบัติหลับตาในศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นในจรณะ 15 ของพระพุทธเจ้าจึงเป็นเรื่องของการปฏิบัติที่ไม่ผิดข้อ ชาคริยานุโยคะ พากเพียรขณะตื่นๆ เป็นการปฏิบัติที่ไม่ผิดข้อที่ 3 ในจรณะ 15 เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่มีทั้ง 3 ข้อนี้แล้ว โมฆะจากศาสนาพุทธ มันผิดจากศาสนาพุทธ มันเป็นการปฏิบัติผิด ก็เรียนรู้อปัณณกปฏิปทา ต้องมีข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด 3 ข้อคืออปัณณกปฏิปทา ต้องมี สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ แต่ปิดอินทรีย์ เหลือแต่ในใจ ก็ไม่มีโภชเนมัตตัญญุตา อาหารการกินเครื่องใช้ไม้สอยไม่เกี่ยวข้อง พฤติกรรมปิดหูปิดตา ไปพากเพียรอยู่ในภพไม่มีชาคริยานุโยคะ ไม่มีพากเพียรทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไม่มี มันผิดไปหมดทั้ง 3 ข้อ มันผิดไปจากจรณะ 15 ซึ่งเป็นพุทธคุณ 9 ของพระพุทธเจ้า เห็นไหมว่าในวงการศาสนาพุทธมันไม่เหลือแล้ว มันไปยึดผิดออกนอกรีต ไปปฏิบัติผิดไปหมด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:25:35 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 10:00:45 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:06:36 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์