คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
มาไล่เรียงดูเวทนา 108 หรือมาเรียนรู้ปัญญา 8 กันดู
เวทนา 108 เป็นรายละเอียด ส่วนปัญญา 8 เป็นโครงสร้างใหญ่ที่ครบบริบูรณ์ ถ้าเป็นเวทนา 108 มันเจาะลงไป แล้วพวกเราพอมีภูมิธรรม มีฐานที่จะฟังเวทนา 108 ลงไปได้
เวทนา 108 ส่วน ปัญญา 8 เป็นโครงสร้างใหญ่ที่ครบเลย โดยเฉพาะข้อสุดท้ายจบเลย
เวทนา 108
เวทนา 2 (แบ่งเป็น 2 เวทนา ได้แก่..)
-เวทนาที่มีกายเป็นเหตุ (กายิกเวทนา อาศัยมหาภูตรูป+นาม)
-เวทนาที่มีใจเป็นเหตุ (เจตสิกเวทนา อาศัยนามรูป).
นี่แหละคือภาวะ 2 เมื่อเป็นเวทนาก็คือมีความรู้สึก กายิกะ คุณต้องรู้จักความรู้สึกหรือเวทนาที่เป็น กาย เรียกว่า กายิกะ
กายิกะ จะต้องมีภายนอกภายใน และกายจะต้องมีกิเลสอยู่ภายนอกต้องมีกิเลสอยู่ ล้างกิเลสภายนอกคือกามได้หมดแล้ว จึงจะเหลือแต่กิเลสภายในเป็น เจตสิกะ เป็นกิเลสในเจตสิก จึงจะชัดเจนว่า กายิกะกับเจตสิกะ มันชัดเจนอย่างนี้ ถ้ายังไม่หมดกิเลส แล้วยิ่งเข้าใจผิดเลย คุณไม่ทำข้างนอกก่อน คุณมาทำข้างในเลย เจตสิกะ โดยปิดประตูข้างนอก หลับตาเลยเป็นโมฆะ หรือ มิจฉาทิฏฐิ กายิกะ มีแต่ภายนอกไม่มีภายใน โมฆะอีก
กายิกะกับเจตสิกะ จึงเป็นภาวะ 2 ที่ไม่มีแยกกัน ใช้คู่นี้ปฏิบัติจึงจะรู้จักสุขทุกข์ และถึงขั้นไม่สุขไม่ทุกข์
เวทนา 3 (แยกเป็น 3 เวทนา ได้แก่..)
สุขเวทนา
ทุกขเวทนา . .
อทุกขมสุขเวทนา (ไม่สุขไม่ทุกข์ อุเบกขา).
ไม่สุขไม่ทุกข์นี้ มิจฉาทิฏฐิเขาก็ทำได้ แล้วเขาก็หลงผิดแล้วก็จมอยู่ในความหลงผิดนั้น ว่าเป็นเป้าหมาย เป็นผลอันสำคัญ ไม่สุขไม่ทุกข์ด้วยการดับสัญญา อสัญญีสัตว์ หรือไม่ อสัญญีสัตว์ เก่งที่สุดก็ได้แค่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็น 2 อายตนะหรือ อสัญญีสัตตายตนสัตว์กับ เนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์
2 สัตว์นี้ เป็น 2 สัตว์ที่ตัดออกทิ้งได้เลย ของศาสนาพุทธ มีปัญญาสัมมาทิฏฐิแล้วไม่เล่นทั้งคู่ ไม่เอาทั้งคู่ เมื่อไม่เอาคุณจะต้องมาปฏิบัติอย่าให้มันมี ถ้ามีอยู่ก็เป็นสัตตาวาส 9 คุณก็ต้องปฏิบัติอย่างมีวิญญาณฐิติ 7 ไม่ต้องไปมีสัตตาวาส 9 เอา อสัญญีสัตว์ กับ เนวสัญญานาสัญญายตนะออก วิญญาณฐิติจึงไม่มี เนวสัญญานาสัญญายตนะ มีแค่ อากิญจัญญายตนะ
(รู้กำลังของเวทนาทั้ง 5 ได้แก่)
สุขินทรีย์
ทุกขินทรีย์
โสมนัสสินทรีย์
โทมนัสสินทรีย์
อุเบกขินทรีย์
มีน้ำหนักและภายนอกภายใน คือความหนัก ความแน่น ความเบา ความบาง ความหนา เป็นดีกรีของมัน มีภายนอกภายใน มีมากมีน้อย มี 5 ขั้น สุขินทรีย์ ทุกขินทรีย์เป็นสุขเวทนา ทุกขเวทนาภายนอกเลยเกี่ยวกับภายนอกจนถึงเหลือโสมนัสกับโทมนัสเป็นภายใน หมดภายในอีกจึงจะเป็นอุเบกขาเวทนา หรือเรียกว่า อุเบกขินทรีย์
เวทนา 6 (แยกเป็น 6 เวทนา ได้แก่)
จักขุสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทตา
โสตสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทหู
ฆานสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทจมูก
ชิวหาสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทลิ้น
กายสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทกาย
มโนสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากใจปรุงแต่งเอง
ทั้ง 6 ทวาร มีสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ได้ก็เป็น ได้แก่ มโนปวิจาร 18 (คือ เวทนา 3 ร่วมกับอายตนะ 6)
สุขเวทนาแบบโสมนัสสูปวิจาร (6 ทวาร+โสมนัส)
ทุกขเวทนาแบบโทมนัสสูปวิจาร (6 ทวาร+โทมนัส)
เฉยๆ ที่เป็นอุเบกขูปวิจาร (6 ทวาร+อุเบกขา)
ต้องมาเรียนรู้ลดกิเลสภายนอกจะเหลือแต่กิเลสภายใน เป็นโสมนัส โทมนัส จนกระทั่งเป็นจิตสะอาดบริสุทธิ์ไม่มีทั้งภายนอกภายใน ปริสุทธาไม่มีสุขทุกข์ ไม่มีโสมนัส โทมนัส ละสุขทุกข์ก่อนได้แล้วละโสมนัสโทมนัส นานัตสัญญา สัญญากำหนดได้หมดทั้งภายนอกภายใน ทั้งความสุขความทุกข์โสมนัสโทมนัส เหตุอย่างกิเลสหมดอันนี้จึงเรียกว่าอุเบกขาสะอาดจากกิเลส ไม่สุขไม่ทุกข์เพราะสะอาดจากกิเลส
แต่มิจฉาทิฏฐินั้นไม่สุขไม่ทุกข์ เพราะไปสะกดสัญญา ไปสะกดเวทนา ดับสัญญาดับเวทนาไม่ให้มันรับรู้สึก เป็นพวกสะกด เขาก็ทำได้เป็นพวกมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีทางถาวร ไม่มีทางยั่งยืน ไม่มีทางเป็นอรหันต์ ถ้าเข้าใจสัมมาทิฏฐินั้นจะรู้ว่าไปนั่งสะกดจิตหลับตาไม่ได้ ต้องมาเรียนรู้ เหมือนแก้วน้ำกับฝุ่น เอาฝุ่นออกจากน้ำในแก้ว จนฝุ่นหยาบๆจนถึงละเอียดออกหมด เหลือแต่น้ำที่ใสในแก้วน้ำ แก้วน้ำนี้ก็ไม่ขุ่นอีก ใสตลอดกาล ใสอย่างสะอาดบริสุทธิ์เลยด้วย
มันต่างกัน เรียนรู้ด้วยปัญญากับเรียนรู้ด้วยวิธีที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ต้องย้ำตีหัวตะปู พวกที่หลับตาและพวกที่ใช้ตรรกะ เรียนจนหัวโตใส่แว่นตาแบกหัวน้ำหนักความรู้ เป็นพญาครุฑกับพญานาค
พวกพญานาคก็เป็นพวกที่แบกความรู้เหินหาว อยู่เหนือคนอื่นหมดเลยพญาครุฑ ไม่ลงมาหาดินเลย ส่วนพวกที่ไม่อยู่บนดินไม่ขึ้นฟ้าแต่ลงบาดาลเลยคือพวกนาค ไม่ได้มีความรู้หรอก แต่ดับความรู้สึกคือพวกนาค
น่าสงสาร เป็นพวกสายเทวนิยม มีพญานาค บูชาพญานาค มีงานพญานาคมีพญานาคออกมาเลื้อย เห็นรอยตีนพญานาคกัน หรือเห็นพญานาคว่ายอยู่ในแม่น้ำ
แล้วพญานาคจะต้องมีหงอนตามความคิดของจิตรกรหรือศิลปิน ก็คืองูหรือนาคคือ พวกนอนหลับไป แล้วหลับอยู่ใต้บาดาล แล้วกว่าจะตื่นทีหนึ่งคือพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นทีละองค์ถึงจะตื่นแต่ละครั้ง ถึงจะรู้สึกตัวแต่ละครั้ง คิดดูซิว่ามันจะจมขนาดไหน นานขนาดไหนกว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นมาในโลกสักองค์หนึ่ง แล้วก็จะลอยถาดมา กระทบกับถาดที่เรียงกันของพระพุทธเจ้าเป็นถาดทองคำ ก็ดังกริ๊ก ก็จะตื่นขึ้นมา รู้ว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นอีกองค์หนึ่งแล้วหรือ รู้สึกแล้วก็รู้แล้วพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น 1 องค์แล้ว รู้แล้วก็ดับ หลับต่อไป นานจนกว่าพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งจะได้มาอุบัติแล้วก็มาลอยถาดทองมาใหม่ แล้วก็มาคลิก ค่อยรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีหนึ่ง เวทนาความรู้สึกของคนนี้มันขนาดไหน กว่าจะรู้สึกตามที่อุทาหรณ์ ตำนานที่พระพุทธเจ้าอธิบายให้ฟังนี้มันสุดสงสาร สุดสาคร สุดสินสมุทรจริงๆ เลยเจ้าประคุณ
ส่วนพญาครุฑก็เหินหาว เป็นพระยาพรหมทัต ใหญ่ รื่นเริงบันเทิง เสพกากี จนกระทั่งมีตัวเล็นเข้ามาแฝงอยู่กับขนพญาครุฑ แอบเสพนางกากีเป็นชู้ของพญาครุฑ นี่ก็คือนิทานอันหนึ่งก็เป็นกามอันหนึ่งก็เป็นอัตตา
พญาครุฑที่มีคนธรรพ์หรือมีเล็นแฝงอยู่ในขนและแอบเสพเป็นชู้กับกากีเมียของพญาครุฑ แล้วก็จมอยู่ในกามกับจมอยู่ในอัตตา เป็นพญาครุฑกับพญานาค
ที่มา ที่ไป
พ่อครูปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:30:04 )
รายละเอียด
ขอแวะนิดนึงว่า ที่เรียนปริยัติกันทุกวันนี้เปรียญ 9 ดร.ทางศาสนา ไปเรียนกันที่ภาษา คำว่า โยนิโสมนสิการ เป็นต้น ก็เรียนแต่ไปเรียนเน้นกันแต่คำว่าพิจารณา ได้แต่พิจารณาก็คือใช้ตรรกะ ใช้เหตุผล ใช้หลักการ ใช้ 2 พิจารณาเทียบเคียงไปครบ คิดเป็นคู่ 2 ไปเรื่อยๆ พอได้ความนึกคิดที่สมบูรณ์ลงตัวดีเขาก็ถือว่า อันนี้เข้าใจแล้วจบ สุดยอดเลย เหตุปัจจัยมากมายกี่รอบกี่รอบมันมีตัวจบได้ คนนี้ถือว่าตัวเองสำเร็จก็เลยได้แต่แค่นี้ สำเร็จทางความคิด ไม่เข้าไปถึงใจ ไม่ลงไปที่ใจแยกจิตเป็น 2 โดยเฉพาะรู้จักเวทนาในเวทนา ก็ต้องแยกคู่ 2 กาย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 20:32:27 )
รายละเอียด
จึงชัดเจนแจ่มแจ้งว่า “วิญญาณ-จิต-มโน”หรือ“เทฺว”ทั้งหลายนั้นแท้ๆ แล้วเรียนรู้ได้ใน“ธาตุรู้ตัวเอง”นี่เอง ไม่ใช่ของใคร และไม่มีใครเป็น“เจ้าของ“ เราเองแท้ๆ “เป็นเจ้าของวิญญาณตนเอง” เพราะเราสามารถทำ“วิญญาณ”ของตนเองให้สลายเป็น“อุตุธาตุ”ได้ เป็น“พีชธาตุ”ได้ ตั้งแต่ยังมีชีวิตที่เป็น“จิตนิยาม”อยู่นี้แหละ จึงเป็นผู้รู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“เทฺว-มาร-พรหม” หรือ“วิญญาณ”แท้ๆ เพราะทำการ“ดับ”ความเป็น“มาร”ในตนได้จริงๆ แม้แต่“ดับสนิท”ความเป็น“เทฺว-พรหม”ก็ทำได้จริงหมดสิ้น ที่สุดแห่งท้ายสุด เมื่อทำ“เทฺว”ให้เป็น“0”ได้แท้ “เทฺว”ก็หายไปจากวัฏฏสงสาร นั่นก็คือ ทั้งความเป็น“เทฺว”หรือทั้งความเป็น“วิญญาณ” นั่นแหละหายไปจากวัฏฏสงสาร หรือจาก“กาละ” จึงรู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า“เทฺว”ไม่มีอยู่จริง จึงเป็นผู้เห็น“อนัตตา”แท้ๆ เพราะทำ“เทฺว”ให้“0”หายไปจาก“กาล”ได้สำเร็จจริงๆ นี่เอง
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้าที่ 444-445 ข้อที่ 612
เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2565 ( 14:24:54 )
รายละเอียด
อันนี้คุณเข้าใจได้ถูกต้องดีมาก ว่าการเรี่ยไรไม่ใช่หน้าที่ แม้ระดับประเทศก็ตาม ไม่ใช่หน้าที่ของสงฆ์ที่จะไปทำ มันเสียแนวลึก แล้วก็ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นไปตามกรรมวิบาก เราไม่น่าจะต้องไปอวดดี โดยไปแสดงถึงจิตของเราเหมือนเก่งเหมือนใหญ่ ฟังดูมุมหนึ่ง มันเหมือนดูดีเหมือนเราช่วยชาติช่วยประเทศ แต่ดูดีของคุณ คุณก็ทำส่วนตัวของคุณสิ คุณไปเรี่ยไรโดยเอาอภิสิทธิ์คือเป็นภิกษุ เอาศาสนาไป พูดชัดๆ คือคุณเอาศาสนาไปหากิน ใช้ศัพท์ตัวนี้จะชัดขึ้น คุณไม่ได้หากินหรอก คุณเอามาก็เอาไปให้ประเทศชาติ แต่มันเป็นเหมือนคุณเอาศาสนาไปทำมาหากิน ไปได้สิ่งนั้นมา แม้คุณจะเอาสิ่งนี้มาทำทาน
ฟังดีๆ อันนี้ลึกซึ้งนะ คุณไปเรี่ยไรเงินคนแล้วเอามาทำทาน การที่คุณเรี่ยไรนั้น คุณไม่ได้บอกนะว่าคุณเอาแต่คนรวยนะ ถ้าจะเรี่ยไรคนต้องรวยขนาดนี้จึงจะมาทำทานกับเราได้ ถ้าต่ำกว่านี้คุณไม่รับ แต่คุณบอกว่าได้บุญ บุญใหญ่บุญมาก คนจนมันอยากรวย คนจนนั่นแหละมาบริจาคด้วย คนจนนั่นแหละมาบริจาคเยอะ เพราะอยากได้ตามที่คุณไปครอบงำตามความคิดว่าเขาจะได้รวย ซึ่งเขาจะได้รวยหรือไม่ได้รวย มันมีเหตุการณ์อยู่แค่มานั่งเรี่ยไร แล้วเขาจะได้เสียสละ
คนเสียสละทำทาน คุณก็สอนไม่เป็น มหาบัวสอนทำทานไม่เป็น สอนทำทานให้จิตขี้โลภ ไม่ได้สอนทำทานให้จิตเสียสละออก ตาม”ทานสูตร” (พตปฎ.เล่ม 23/ข้อ 49) ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ คือทำจิตไม่ให้อยากได้อะไรเลย ไม่มีแม้แต่ความหวังอยากได้อะไรตอบแทนคืน เรียกว่า ไม่มี”สาเปกโข” จึงจะเป็นการทำทานที่มีอานิสงส์ ถ้ายังมีสาเปกโขนั่นไม่มีอานิสงส์ขั้นหนึ่ง และยิ่งมีการยึดไว้ต่อเลยนะ นอกจากสาเปกโขหวังว่าจะได้สิ่งตอบแทน ถ้าไม่คิดผูกพันก็มีวิบากแค่นั้น แต่ถ้ายังมีคิดว่านี่เราทำทานแล้วจะต้องได้ผลตอบแทนคืน เป็น “ปฏิพัทจิตโต” เป็นเวรภัย เป็นกรรมวิบากที่จะต้องผูกพันจิต จะต้องตอบแทนกันไปกันมาด้วยความโง่ก็ยิ่งแก้แค้นคืนอยากได้คืน ดีไม่ดีหนักเข้า แย่งชิงกันเลย
จากนั้นอีก จากปฏิพัทจิตโต ยังมี “สันนิธิเปกโข” สั่งสมเป็นคลังเลยทีนี้ อ้า นี่เราได้ทำบุญเท่านี้ๆๆ ต้องได้คืนเท่านี้ๆ ดีไม่ดี คิดดอกเบี้ยด้วย หรือที่งมงายขึ้นคือจะได้อาศัยใช้กินในชาติหน้า นั้นเป็นระดับที่ 4 “ปริภุญชิสสามีติ” ว่านี่เป็นของฉันจะได้เอาอาศัยกินในภพชาติหน้าที่ตายไปแล้ว นี่คือเป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งสิ้น เหล่านี้คุณไม่ได้สอน ทานสูตร มีอยู่ในพระไตรปิฎก ล.23 ข.49 ทานสูตร ไปเปิดดูถ้ามีพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ชัดเจน
ทานสูตร เทวดา 6 อย่าง พรหม 1 อย่าง อันที่ 1 จาตุมหาราชิกา(ท้าวกุเวร ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์) คือ ทำทานแล้ว 1. ยังมีความหวัง ให้ทาน สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ 2. มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ 3. มุ่งการสั่งสม ให้ทาน สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ 4. ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ อันที่ 2 ดาวดึงส์ คือ ทำทานเพราะเห็นว่าเป็นความดี อันที่ 3 ยามา คือ ทำทานเพราะเพื่อเป็นประเพณี อันที่ 4 ดุสิต คือทำทานเพราะเห็นว่า สมณะหุงหาอาหารเองไม่ได้ อันที่ 5 นิมมานรดี คือทำทานเพราะทำตามฤาษีใหญ่ๆ อันที่ 6 ปรนิมมิตวสวัตตี ทำทานเพราะว่า อยากได้ปลื้มใจ(อตฺตมนตาโสมนสฺสํ) อันที่ 7 สหายแห่งพรหม คือทำทานอย่างมี จิตฺตาลงฺการ จิตฺตปริกฺขารํ (ต้องทำปุญญาภิสังขาร ทำทานเพื่อลดกิเลส)
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 35 ที่สุดแห่งที่สุดที่จะเกื้อกูลโลกได้คือโลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 8 (2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 19:07:26 )
รายละเอียด
คือ เรือนำขบวนมีสิกขมาตุ กรัก ปะหญิง โดยสารในขบวนธรรมยาตรานาวาบุญนิยม
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 187
เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:45:19 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:09:50 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:05:55 )
รายละเอียด
คือ เรือลากจูง เรือต่างๆในขบวนธรรมยาตรานาวาบุญนิยม
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 187
เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:48:18 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:09:12 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:06:18 )
รายละเอียด
คือ เป็นโครงสร้างของเรือ มีโครงเหล็กอยู่ข้างในยึดบ้าง อาศัยอยู่เหมือนบ้าน ถ้าสองชั้น ข้างล่างเราก็ปั้นเหมือนเรือตั้งบนก้อนหินใหญ่ อาตมาก็เลยเรียกเรือนนี้ว่า stone house เรียกภาษาแสลงอีสานว่า สิโตนเฮ้าส์
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:04:43 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:45:29 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:06:44 )
รายละเอียด
คือรูปร่างเรือ แต่เอามาทำเป็นเรือนบนบก เราเรียกว่าเรือนเรือ แต่ในน้ำเราเรียกว่า เรือเรือน
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:04:01 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:46:15 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:07:04 )
รายละเอียด
คือ ชื่อเรือท้องแบนที่ใช้ในขบวนธรรมยาตรานาวาบุญนิยมทั้งขบวนใช้เรือมากกว่า 40 ลำ
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 187
เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:50:28 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:08:42 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:07:30 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 13:00:33 )
รายละเอียด
เรือโนอาห์ อยู่ในศาสนาเทวนิยม เขาบอกว่าน้ำจะท่วมโลก สัตว์จะตายกัน ก็เลยสร้างเรือมาลำหนึ่ง เอาไว้ช่วยสัตว์เท่าที่ช่วยได้ ใครมีกุศลบารมีจะได้ขึ้นเรือโนอาห์ ก็หมายถึงแค่นั้นเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ทำไมไม่อยากให้ลูกมีแฟน
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:26:22 )
รายละเอียด
คือ เรือที่พ่อท่าน และหมู่คณะสมณะโดยสารในขบวนธรรมยาตรานาวาบุญนิยม
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 187
เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:46:54 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:08:05 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:07:54 )
รายละเอียด
อย่าว่าแต่มีเมียหลายคนเลย พระโพธิสัตว์ฆ่าคนเป็นเบือเลยก็มี ฆ่าคนเป็นเบือเลย แต่ก็ต้องฆ่าคนที่ควรฆ่า อย่างนี้คุณจะเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ หรอก คุณจะถืออย่างเผินๆ ตีความไป ให้ศึกษาไปให้ดีๆ อาตมาขอยืนยันว่าไอน์สไตน์เป็นโพธิสัตว์ระดับ 1 มีภูมิปัญญา แต่ยังเข้าใจภูมิปัญญานั้นเป็นจินตนาการ ยังไม่เข้าใจว่า ปัญญาไม่ใช่แค่ความรู้หรือจินตนาการ แต่ปัญญาคือความจริง ไอสไตน์ก็ยังเข้าใจอันนี้ไม่ได้ แต่ไอสไตน์เข้าใจถึงเรื่อง Bomb of love
คำว่า Bomb Of Love ของไอน์สไตน์ อาตมาชัดเจนว่าไอสไตน์เป็นโพธิสัตว์ Bomb Of Love คือเขาทำนายไว้เขียนจดหมายทิ้งไว้ให้ลูกสาว บอกว่าพ่ออธิบายไปบางคนก็ยังเข้าใจได้ยาก ทางรูปธรรมทางวัตถุ แต่นี้จะมีเหตุการณ์เลย Bomb Of Love ลูกคอยดู แล้วก็มีปรากฏการณ์ Bomb Of Love ที่เมืองไทย ซึ่งแน่นอนว่าพระโพธิสัตว์จริงๆ เลยคือในหลวงรัชกาลที่ 9
ซึ่งจะมีใครไปบังคับจิตวิญญาณของประชาชนคนไทยล่ะ เมื่อท่านสิ้นพระชนม์ เต็มเลย ร้องห่มร้องไห้กันทั้งประเทศ ใครจะไปบังคับจิตวิญญาณประชาชนคนไทยให้เขารู้สึกร่วมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อันนี้ยอมรับทุกอย่าง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:39:08 )
รายละเอียด
เริ่มประเด็นที่ 1 นั่นคือ เศรษฐศาสตร์แบบโลกุตระของพุทธ ถ้าระบุลงไปว่า Domestic ที่แปลว่า ภายในประเทศ ก็จะ“ไม่นับ”เอา“ผลผลิต”ที่ขายได้รายได้จาก“ต่างประเทศ” หรือ“ไม่นับ”เอาที่คนไทยในต่างประเทศไปมีรายได้อยู่ในประเทศอื่นเขาแล้วส่งเข้ามาให้เราในประเทศ ปนเปกันหรอก เรา“ไม่นับ”รวมเอาที่เป็น“รายได้”ที่ได้จากภายนอกประเทศ อันไม่ใช่“รายได้”ที่ได้จาก“ผลผลิต”ที่ผลิตจาก“ภายในประเทศโดยเฉพาะเท่านั้น”มารวม
คำว่า “รายได้ที่เกิดภายในประเทศ”นั้น ต้องไม่รวมเอา“รายได้”ส่วนที่ได้จากต่างประเทศเข้ามารวมด้วยเลย ไม่ว่าจะเป็น“รายได้”จากสินค้าที่ไม่ใช่ผลผลิตของไทย หรือจากคนไทยที่ไปมีรายได้จากต่างประเทศ
ก็ให้เอาเฉพาะที่เป็น“รายได้ภายในประเทศ”ที่ได้จาก“ผลผลิตภายในประเทศไทย และขายกันระหว่างคนไทยในประเทศไทยเท่านั้น” ที่นับเป็น“รายได้มวลรวมภายในประเทศ” คือ เอาของ“คนไทยที่ผลิตเองขายกันเองในประเทศไทยเอง เป็นรายได้“ทั้งเงินทั้งผลผลิตเฉพาะของคนไทยเองเท่านั้น”จริงๆ
“ความแตกต่าง”ของแนวคิดทาง“เศรษฐศาสตร์”ของทุนนิยม หรือที่ยังเป็นแบบ“โลกียะ”ทั่วไปในโลกสากลกับแบบ“โลกุตระ”ของ“พุทธ”ที่เป็น“บุญนิยม” มีเฉพาะของพุทธนั้นมีนัยสำคัญหลายนัยะ หลากมิติ มากประเด็น
ตามประเด็นที่ 1 ที่สาธยายมานั้น ก็คือ ทั้งๆที่ท่านนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยมกำหนดหมายว่า “รายได้มวลรวมที่เกิดขึ้นในประเทศเท่านั้น” แต่นักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยมไพล่ผิดเพี้ยนไปคิดเอา“รายได้”ซึ่ง“มันไม่ใช่รายได้มวลรวมที่เกิดขึ้นในประเทศเท่านั้น” ตามกำหนดหมายและพูดๆ กันอยู่ทั่วไปเป็นสากลหรอกนะ! ทว่ามันเป็น“รายได้มวลรวม”ที่บวกเอารายได้จากการขายผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของตนเองที่ผลิตภายในประเทศของตนเองแท้ๆ เมื่อส่งออกไปขายแก่ต่างประเทศได้รายได้มา ก็เอา“รายได้”จากต่างประเทศมารวมกันกับทั้งที่จาก“ผลผลิต”ขายในประเทศด้วยรวม“รายได้เข้าเป็นมวลรวม” มันก็รวมเป็น“รายได้”ที่ขาย“ผลผลิต”ได้ทั้งจากขายให้ต่างประเทศ รวมกับ“รายได้”ทั้งที่ขายได้ในประเทศ มันเป็นการเหมารวมปนภายนอกกับภายในเป็น“มวลรวม”ทั้งหมดหนะซี!
นั่นมันไม่ใช่“การขายผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ของตนเองในประเทศตนเองเท่านั้น” แท้จริงกันที่ไหน? มันยัง“ขี้ตู่”ไปผนวกเอา“ผลผลิต”ที่ขายให้ต่างประเทศ แล้วได้“รายได้”จากต่างประเทศ”แถมเข้ามาอยู่ดี มันก็เป็น“รายได้มวลรวม”ที่ไปนับเอา“รายได้”จากที่ขาย“ผลผลิต”ออกไปให้แก่ต่างประเทศโน่นมา “รวมเป็นรายได้ปนเปเข้าไปด้วยอีก” แล้วหลงผิดนับว่า เป็น“รายได้มวลรวมเฉพาะภายในประเทศ”
...มันสำคัญผิดไปมั้ย? พินิจดูกันให้คมๆ แม่นๆ ชัดๆ กันเถิด
พินิจกันลึกๆชัดๆคมๆแม่นๆ แล้ว จะเห็นว่า ที่ว่า“รายได้มวลรวมในประเทศเท่านั้น” หรือจากภาษาที่ว่า Gross Domestic Product นี้ มันเป็น“รายได้มวลรวม”คือ Gross ที่ถูกต้องตรงตามความกำหนดหมายกันแล้วหรือไม่ใช่? มันเป็น“รายได้มวลรวม”ที่เกิดขึ้น“เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น”จริงหรือ?
มันต้องเอา“รายได้ที่เกิดขึ้นจากการนับ‘รายได้’อันได้ขายผลผลิตของไทยที่ไทยผลิตขึ้นได้”กันในประเทศ”เท่านั้นเป็น“รายได้มวลรวมจากผลผลิตของไทยเอง”ต่างหาก
ประเด็นที่ 1 นี้ จึงเป็นการหลงผิดในการขาย“ผลผลิต”ที่ควบรวม“รายได้”จากภายนอก ของ“ผลผลิต”ที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ และหรือนับเอาของคนไทยที่ไปได้“รายได้”อยู่นอกต่างประเทศแล้วส่งเงินเข้ามาให้คนไทยในประเทศไทย ว่า เป็น“รายได้มวลรวม”เฉพาะของไทยคนไทยภายในประเทศไทยเท่านั้น ว่า เป็นการขาย“ผลผลิตไทยกันเองภายในประเทศเท่านั้น” แต่หลงว่า“รายได้มวลรวมเฉพาะภายในประเทศ”
“เศรษฐกิจ”ประเด็นที่ 1 นั้นกำหนดหมายผิดเพี้ยนตรงหลงควบรวมเอาที่“ไม่ใช่ภายในเท่านั้น”แท้ๆ มาควบรวมเป็น“ภายในแท้”เข้าไปด้วยอย่างสับสนอยู่ ไม่“ตรง”แท้
ถ้าจะว่าเศรษฐกิจที่โลกเขาหมายถึงเราไม่ได้มีเรื่องเศรษฐกิจไม่ใช่ เราก็มีเรื่องเศรษฐกิจด้วย ทุกคนเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจทั้งนั้นจะว่าไปแล้ว
คือเป็นสมาชิกของประเทศสมาชิกของสังคมก็ต้องอยู่กันอย่างที่เขาหมายความว่าผู้บริหารจะต้องแบ่งแจกทรัพยากรให้มีอยู่มีกินกันอย่างทั่วถึง แต่ถ้าไม่มีการลดกิเลสมีสมรรถนะสร้างสรรทำให้เหลือให้เกินแล้วเผื่อแผ่ผู้อื่นมันก็ไม่พอ ต้องทำอย่างที่พระพุทธเจ้าพาทำ อาตมาพาทำพวกเรานี้เป็นพวกที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจจบ และมีผลช่วยสังคมประเทศอยู่ทางเศรษฐกิจ จบแค่นี้ก่อน คุยต่อไปเดี๋ยวจะมากกว่านี้อีก
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDP แบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:49:55 )
รายละเอียด
เรื่องนี้อาตมาไม่ได้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่อะไรในอาหาร ซึ่งอาตมาว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันก็มีธาตุที่เอามาเลี้ยงรูปขันธ์ประมาณนั้นประมาณนี้ ก็ประมาณให้มันอยู่ได้มาสังเคราะห์เป็นสังขารขันธ์ โดยเฉพาะรูปขันธ์ อาตมาว่ามันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากมาย มันได้มีธาตุที่พอสมควรประมาณหนึ่ง แล้วก็สังขารปรุงแต่งกันอยู่อย่างพอเหมาะพอควร เราไม่ต้องการเทอะทะ ไม่ต้องการที่มันจะมีน้ำหนักใหญ่ เปลืองเปล่า ไปเอาแคลอรี่มาเพิ่ม อะไรที่มีน้ำหนักมากต้องใช้แคลอรี่ประคองร่างกาย จะทำให้เร็วไวก็ต้องใช้แคลอรี่เสริมซ้อน ก็ถ้าหากเบาๆ เล็กๆ ปราดเปรียวแคล่วคล่องว่องไวดีออกจะตาย อาตมาก็ตั้งแต่หนุ่มจนถึงปัจจุบัน อาตมาพยายามอยากอ้วน พยายามบำรุงตัวเอง นอนๆ ทำอะไรที่เขาบอกว่าจะอ้วน เคยทำอยู่ ตอนท้ายๆ ก่อนจะออกมาบวช เพิ่มน้ำหนักได้ถึง 60 กก.มีพุงนิดๆ ยื่นออกมาหน่อย ทุกวันนี้ขณะนี้อาตมา 47-48 กก.นี่กำลังไล่ๆ 48 กก.ก็เร่งกันอยู่ ชั่งน้ำหนักทุกวัน วัดทุกวัน ตรวจสอบ ความดันทุกวัน ไม่หลังอาหารก่อนอาหารก็ดีแล้ว มีผู้โน้ตผู้จดหลายคน ผู้วัดก็วัดหมดตั้งแต่น่อง มาจนเดี๋ยวนี้เล่นกล้ามก็ขึ้นมานะ ก็ดีขึ้นมาพอสมควร ไม่แห้งตามที่คนสามัญว่ามันแห้งไป มีอะไรบึ๋งบั๋งหน่อยก็น่าจะดี
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:29:56 )
รายละเอียด
นี่ก็เข้าใจเรื่องกรรมวิบากเพิ่มขึ้น จริง เรื่องกรรมวิบากเป็นอจินไตย ที่ศาสนาเทวนิยมไม่รู้ แต่ของศาสนาพุทธนั้นเรียนรู้ ลดเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดวนเวียนไปรับวิบาก แล้วสามารถจบเป็นอรหันต์ได้ จบทุกอย่างเลย จบแม้กระทั่งรู้จักพระเจ้า ทำลายจิตนิยามตัวเองได้เลย ไม่ต้องไปเชื่อพระเจ้าหรอก หรือเป็นของพระเจ้า ต้องไปอยู่กับพระเจ้าไม่ต้องเลย พิสูจน์เด็ดขาดเลยว่า มันของเรา จิตวิญญาณนี้ของเรา ไม่ใช่ของพระเจ้า เราจัดการสลายเลิกไปได้เลย อันนี้เป็นสัจจะที่ยิ่งใหญ่ ของเทวนิยมเป็น อเวไนยสัตว์ เขาก็เรียนรู้ได้ยาก แต่ก็มีนะผู้ที่รับวิบากไปเป็นเทวนิยมอยู่ เป็นชาวศาสนาอื่น หากฟังเข้าใจ วันหนึ่งเขาก็จะต้องมา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 11:16:38 )
รายละเอียด
ของพระพุทธเจ้าไม่แข่งเลย พระพุทธเจ้ามีองค์เดียว องค์ใดๆ ตรัสรู้ก็สอนเหมือนกันหมด สัจจะมีหนึ่งเดียวไม่มีแย้งกันเลย มีนิพพานอันเดียวกันบรรลุได้แล้วไปในทางทิศเดียวกัน เอเสวมัคโค นัตถัญโญ ตรงกันหมด ที่ไม่ตรงก็ไม่ตรง
เช่น ขณะนี้อาตมานำธรรมะมาประกาศว่าอย่างนี้ ท่านอื่นไม่กล้าแย้งไม่กล้ามาเถียงว่าของเขาก็โลกุตระ ยังไม่มีใครกล้าแย้งเป็น 2 เลยทุกวันนี้ เขาก็ว่าของเขาถูกทั้งนั้น แต่ไม่กล้าบอกว่าเป็นโลกุตระ นอกจากอาตมาจะยืนยันว่าเป็นธรรมะคำสอนพระพุทธเจ้ามีความหมายอย่างนี้ ขยายความให้เข้าใจเนื้อหาอย่างนี้ พวกคุณฟังเข้าใจแล้วก็มาปฏิบัติตามอย่างนี้ ปฏิบัติตามศีล
ศีลข้อ 1 แล้วก็จะมีเมตตาจนกระทั่งเห็นประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องทำร้ายทำลายเบียดเบียนสัตว์ เข้าใจลึกซึ้งไปถึงขั้นกรรมวิบากที่เป็นอจินไตย การมากินเนื้อสัตว์ หรือแม้ที่สุดจะไม่เลี้ยงสัตว์ ไม่ไปเอาสัตว์มาผูก มาประเหลาะให้มันมาหลงเราอีก ไม่ มันก็อยู่ตามประสามัน มันจะเชื่องก็ด้วยตามสัญชาตญาณ ไม่ได้ด้วยเราประเหลาะ อย่างพวกเราสัตว์ต่างๆรอบตัวมันเชื่องด้วยสัญชาตญาณ มันไม่กลัวแต่มันไม่ให้ใกล้ ไปจับมันไม่ได้ เราก็ไม่ไปจับมัน เราไม่ได้เที่ยวไปทำอะไรกับมัน มันก็รู้ว่าพวกนี้ไม่ทำอะไรมันหรอก ก็เหมือนกับในป่า สัตว์ตัวไหนที่รู้ว่าสัตว์ใหญ่สัตว์น้อยอยู่ร่วมกันไม่ทำอะไรมันมันก็อยู่ร่วมกันไป ดีไม่ดีนกต่างๆมันก็ไปขี่หลังขี่หัววัวควายอะไรไปเฉยๆอะไรอย่างนี้ มันก็อาศัยกัน
เรื่องของจิตวิญญาณเรื่องของวิบาก อันนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ท่านยืนยันว่าเป็นอจินไตย เรื่องกรรมวิบากนี้ เป็นเรื่องที่สุดยอด
อจินไตย มี 4 ข้อ
1.พุทธะวิสัยยกไว้ คนใดที่จะมีความรู้ถึงขั้นเป็นพุทธะเป็นชื่อว่าเจ้าของธรรมะเป็นธรรมะสามี
2. ฌานวิสัย เป็น อจินไตย ที่พูดกันไม่รู้เรื่อง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 20:02:57 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:09:15 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:09:08 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:08:13 )
รายละเอียด
อาตมามันตอบไม่ได้หรอก ในฐานะที่อาตมาเป็นสมณะแล้ว จะบอกให้เขาพรากจากกันก็ไม่ได้ ได้บอกให้เขาไปหาคู่ก็ไม่ได้ มันผิดไปหมด เพราะฉะนั้นจึงไม่ขอตอบใดๆ มันไม่ได้ มันไม่ดูดี พระพุทธเจ้าท่านใช้ศัพท์คำว่า ไม่พยากรณ์ ไม่ตัดสิน ไม่พูด มันเป็นเรื่องของวิบาก เป็นเรื่องของสัจธรรม โทษแต่วิบาก ถ้าเราไม่ตั้งใจที่จะตัดรอบ เลิกให้ได้ ละให้ได้ อดให้ได้ ทนให้ได้ มันก็จะมีวิบากเกี่ยวพันไปอีกนานนับชาติ
พวกเราก็มาปฏิบัติธรรมหลายผู้หลายคน ที่พรากคู่ได้ พรากสำเร็จด้วยดี พรากสำเร็จด้วยเคืองกันบ้าง ไม่ดูดำดูดีกันบ้าง มันก็ต่างกันไปแล้วแต่วิบากของใครวิบากของมัน
แต่พอมาถึงเวลาวาระที่มีภูมิธรรมถึงขั้นว่า โดยเฉพาะ เออ..เรา..เรื่องเพศคู่นี้ เราเบื่อจริงๆ แล้ว พอพรากกันได้จริงๆ แล้ว คุณก็ไม่วนเวียนกลับไปอีกเลย เรียกว่าเข็ดหลาบ ไม่เอา รู้แล้ว ก็จะมีจริงตามภูมิธรรมของแต่ละคน
บางคนออกมาใหม่ๆ ก็เข็ดหลาบ แต่อยู่ไปอยู่ไปก็เวียนวน กามขึ้นมาใหม่ ก็ไปมีอีก เป็นไปอีก แม้จะอยู่ในหมู่เรา ศึกษาดีพอสมควรแล้วก็ยังมีวนเวียนไป เป็นธรรมดา ธรรมชาติของแต่ละวิบาก แต่ละผู้ แต่ละคน แต่ละฐาน
ทุกอย่างมันลงตัว ทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นของมันตามเหตุตามปัจจัย
เพราะฉะนั้นจึงอยู่ที่ใจของแต่ละคนเอง ตั้งใจ อดทน ต่อสู้ พยายามทำปัญญาให้แจ้งว่า พรากให้ได้ก่อน กว่าคุณจะเป็นผู้ที่ไม่ต้องมีสิ่งนี้
สรุปง่ายๆ มันไม่ได้หรอก มันต้องมีวิบาก ก็พระพุทธเจ้าทั้งองค์ มีเมียไหม ก็ยังมีเมียอยู่จนได้ สมัยเป็นเจ้าชายสิทธัตถะอยู่ อาตมาก็ต้องมีคู่มาก่อน คู่รักตั้งสามคน อะไรอย่างนี้เป็นต้น แต่อาตมาโชคดีที่ไม่ได้แต่งงานสักคน ก็มาอย่างไม่ได้เกิดข้อขัดแย้ง ไม่ได้เกิดทะเลาะวิวาท มาด้วยดีกันหมดทุกคน อาตมามานี่ รู้ว่าอาตมามาทางดี และผู้ที่จะเป็นคู่ของอาตมาก็ต้องเป็นคนที่เข้าใจดีว่า อาตมาก็มาทางนี้ มาทางสูง เขาก็ไม่มีมารบกวน ไม่มีมาตอแยให้อาตมาต้องลำบากอะไรเลย รู้จักหน้าที่ว่าต้องปล่อย อาตมาจริงๆ อย่างนี้เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ไม่มีแฟนอาตมาหรือคู่รักเก่าของอาตมาจะมาจุ้นจ้านวุ่นวายอะไร มาแสดงตัวอะไร
สิ่งเหล่านี้เป็นผลตามวิบากกรรมบารมีตามฐานะของแต่ละคู่แต่ละคนจริง พวกนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า บารมีของผู้นั้นผู้นั้น เจริญสูงส่ง อย่างอาตมาก็มีสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องชี้บ่งว่า อาตมานี้เป็นสัตบุรุษหรือเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 จริงๆ อะไรอย่างนี้ ผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาจะเข้าใจได้ว่า ใช่นะ มีเหตุปัจจัยที่ยืนยันหลักฐานต่างๆ นานา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 48 อยากหมดอวิชชาต้องเริ่มคบพ่อครูผู้สัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 20:10:41 )
รายละเอียด
ภพ 3 ในปฏิจจสมุปบาท เข้าไปสู่ ภพ ตั้งแต่ภพ 3 ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ภพคือแดนเกิด วนเวียนอยู่ในกาม
สายหลับตา ไม่ได้เรียนรู้ กามภพ ทิ้งกามคุณ 5 ก็เลยไม่รู้ ก็เลยติดยึด กามคุณ 5 แล้วก็ไม่รู้ และไปหลงตัวเองว่าได้นิโรธ เป็นสัทธาวิมุติแบบเดียรถีย์ ไปงมงายดับแบบ อสัญญีสัตว์ ก็เลยจมอยู่อย่างนั้น นอกจากจมแล้วยังอวิชชาหนักด้วย แล้วยึดติด ยึดอาจารย์ ยึดติดมั่นเลย อ.มั่น สมชื่อจริงๆ ยึดติดอยู่อย่างนั้น ซึ่งมันโมฆะ มันเป็นไปไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็ไม่สอน แต่ก็ไม่เชื่อที่อาตมาพูด เขาไปเชื่อครูบาอาจารย์ อ่านพระไตรปิฎกก็ไม่แตก ก็วนเวียนอยู่อย่างนั้น พระไตรปิฎกที่ท่านก็ตรัสไว้ชัดหมดแล้วเขาเข้าใจไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 20:59:29 )
รายละเอียด
ถ้าไม่เข้าใจเรื่องกาย ไม่เข้าใจเรื่องกาม ปิดประตูนิพพานได้เลย ต้องให้พ้นวิจิกิจฉาพ้นความสงสัยคลางแคลงว่า กายคืออะไร สักกะคืออะไร ตัวเรา กิเลสเรา โดยเฉพาะนามธรรมของเรา ตัวจิตเจตสิกต่างๆ รู้แล้วก็ชัดเจน แยกเอาสิ่งที่มันละเอียดมันเป็นกายกลิ เป็นตัวกิเลสที่ต้องอาศัยกาย เป็นตัวนอกก่อน แล้วค่อยเป็นจิตกลิ ถ้ากายกลิยังไม่หมด แล้วคุณจะไปทำจิตกลิ มันผิดขั้นตอน ผิดลำดับ
มาเน้นอีกที กายกับกาม
กามเป็นสิ่งที่นรชนทั้งหลายในโลก ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ชนทั้งหลายในโลกจะละได้โดยง่าย กาม ภาษาพูดสั้นนิดเดียว
ผู้ใดไม่รู้จักกาย ไม่รู้จักกาม แยกไม่ออก กายมีทั้งกายนอกกายใน แต่กามไม่มีกามนอกกามใน กามมันข้างนอก มีแต่กามคุณ 5 ไม่มีกามคุณ 6 กามคุณ 7 ต้องเอากามคุณ 5 ออกก่อน ถ้าไม่เอาออกก่อนไปทำภายในไม่ได้ เหมือนกับทุเรียน หากไม่เอาเปลือกทุเรียนออกก่อนคุณกินข้างในไม่ได้ ทุเรียนมีหนามป้องกันเยอะ ทุเรียนคงมีลีลาออกไปนอกประเทศอีกเยอะ เมืองอื่นประเทศอื่นก็มีทุเรียนเหมือนกัน แต่ทุเรียนของไทยรู้สึกจะพัฒนาพลิกแพลงไม่รู้กี่ชื่อ ขายกันลูกละเป็นแสน เจ้าประคุณแต่เขาประมูลหรอก ถ้าราคาจริงๆ ก็คงไม่ได้ อย่างเก่งก็สี่พู พูละสองหมื่นห้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 6 วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564 แรม 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2564 ( 19:17:50 )
รายละเอียด
พวกคุณทุกคน อาตมาพูดไม่ผิดว่าเคยตายมาแล้วทั้งนั้นเชื่อไหม เพราะเราลำบากรู้การเวียนตายเวียนเกิด rebirth กว่าจะได้มาฟังธรรมะโลกุตระอย่างนี้ได้ พุทธเจ้าท่านตรัสว่า จะพบพระพุทธศาสนาก็ยาก จะได้ฟังจากสัตบุรุษ เข้าใจจากสัตบุรุษ เข้าใกล้เงี่ยโสตสดับ เป็นภูมิธรรมนะ หากไม่มีภูมิธรรมจะไม่มาฟังธรรมจากอาตมา จะไม่มาเข้าใกล้ คุณมีภูมิปัญญาของคุณเองถึงจะมีสัมมาทิฏฐิ พระองค์นี้ใช่ เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้วจะตั้งใจฟัง ส่วนคนที่ฟังธรรมะอาตมาแล้วบอกว่าไม่ใช่คนนี้ก็น่าสงสาร เป็นคนที่ยังอีกนานอีกไกล
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 19:47:54 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:50:50 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:08:52 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 12:01:40 )
รายละเอียด
ตอบง่ายๆ ไม่ยากที่คุณสงสัย ท่านจันทร์นั้นเข้าไปในดงเสือ แล้วจะไปทำตัวเป็นหมู เป็นอะไรที่มันต่างไปจากเสือ ก็โดนกัดกินหมดสิ ท่านก็เลยต้องพลอยเขียนลายเสือ เขียนตัวให้เป็นเสือไปตามเสือ ก็อยู่กับเสือไปรอดได้ เป็นธรรมดาธรรมชาติท่านจะไปเป็นไอ้เข้ขวางคลองเกินไปโดยไม่รู้จักกาละ เทศะ ฐานะ
กาละอย่างนั้นเราต้องอนุโลมก็ต้องอนุโลม เช่น พระพุทธเจ้าท่านอนุโลมพระเจ้าปเสนทิโกศล บอกว่านั่นเปรต กำลังโปรดเปรต กำลังกรวดน้ำ แล้วทำไมพระพุทธเจ้าไม่สอนไม่ห้าม ก็เพราะมันไม่อยู่ในฐานะที่พระพุทธเจ้าจะไปห้าม เพราะ 1. พระเจ้าปเสนทิโกศลใหญ่เหลือเกิน เป็นเจ้าของแคว้นโกศลที่ใหญ่ แคว้นของพระพุทธเจ้าเป็นแคว้นกบิลพัสดุ์เล็กนิดเดียว 2. พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ยังไม่ได้มีภูมิธรรมที่จะพูดกันรู้เรื่อง ไม่อยู่ในกาละเทศะ ฐานะที่จะไปสอนไปแย้งไปบอกอะไรจริง ได้
แม้ถ้าอยู่ในดง เทศะ อยู่ในแดนดินถิ่นที่ อย่างท่านจันทร์ไปอยู่กับเขา ไปอยู่ไหน เทศะ ถิ่นที่แหล่งของเขา ตรงนั้นก็เป็นแดนของเขาทั้งหมด เราจะไม่อนุโลมกับเขา จะไปขวางลำเขาก็ต้องมีบารมี อย่างอาตมาถ้ามีบารมีพอก็พอทำได้ แต่ท่านจันทร์ท่านรู้ตัวดี รู้กาละ เทศะ ฐานะ มันผิดก็รู้ผิด ทำไม่ได้ก็ต้องอนุโลมตามไป ถึงเรียกว่าอนุโลมปฏิโลม ถ้าไม่มีอนุโลมปฏิโลมอยู่กับใครเขาไม่ได้หรอก แล้วมันก็จะไม่ได้ประสานกันเลย ไม่มีที่ต่อที่ติด ไม่มีที่เชื่อมกันเลย
อย่างอาตมานี้แข็ง ไม่เชื่อม ไม่ได้ไปพบคนนั้นคนนี้ติดต่อคนนั้นคนนี้เหมือนท่านจันทร์คนละเรื่องเลยกับอาตมา เป็นคนปฏิสันถารแย่เต็มที ไม่ค่อยปฏิสันถารไม่ค่อยเชื่อมต่อ เพราะแค่ที่มีนี้อาตมาก็ตั้งใจจะทำให้ดีก็หนักก็ยากแล้ว อาตมาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำอย่างนั้น ก็ทำตามฐานะของแต่ละคน กาละ เทศะ ฐานะด้วย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อคาูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 14:24:48 )
รายละเอียด
อยู่ที่ว่าคุณเชิงสมถะ เชิงศรัทธา หรือเชิงปัญญาที่วิจัยวิจารณ์มีเชิงปัญญาอยู่ รู้รายละเอียดอาการจิต ต่อองค์ประกอบนั้น ดีแล้วละเอียดดีในการปฏิบัติ ปฏิบัติอย่างนี้อ่านอาการอย่างนี้ เรื่องกินนี่แหละ เป็นเรื่องที่จะบรรลุธรรมเลย โภชเนมัตตัญญุตา เป็นหลักการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า เรื่องกินเรื่องอาหารใส่ปากนี่แหละ มีกามคุณ 5 นี่แหละกามคุณ 5 เรียกอีกทีว่า ยินดีในกาม หรือกามฉันทะ
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:29:17 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:51:28 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:09:16 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 09:39:47 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:08:30 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:10:14 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นในประเด็นเรื่องของ กาม เป็นเบื้องต้น กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา กามเป็นเบื้องต้น คนไม่รู้จักกามเลย กามคือ ภายนอกที่มีทวาร 5 ทั้งภายนอก
กาม หมายถึง กามคุณ 5 ก็คงจะเคยได้ยินกัน กามคุณ ไม่ใช่มี 2 หรือ 3 หรือ 4 ไม่ใช่มี 6 แต่กามคุณมี 5 คือทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ที่จะต้องกระทบกับทางตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะ คือทั้งร่างกายภายนอกทั้งหมดกระทบกับอย่างอื่นอยู่แล้วมันจะเกิดกิเลส เกิดกิเลส
เพราะฉะนั้นต้องเรียนรู้อันนี้เป็นเบื้องต้น เรียนรู้กาม กิเลส เป็นเบื้องต้น แล้วก็ล้างกิเลสที่เป็นเบื้องต้น เราจึงจะศึกษากิเลสที่เหลือ เมื่อหมดกิเลสหรือกิเลสภายนอกมันเบาบางไปเกิน 50% เราถึงจะไปล้างกิเลสภายในได้
เหมือนเราจะเข้าไปถึงใจกลางภูเขา หรือเราจะเข้าไปกินเนื้อในเมล็ดของผลไม้เราก็ต้องฉีกเปลือกออกก่อนแล้วฉีกเนื้อจึงจะเจอเมล็ดที่อยู่ภายในเป็นชั้นๆ อย่างนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:24:53 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:27:51 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 10:02:16 )
รายละเอียด
เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกซึ้งมาก เรื่องของจิตวิญญาณเรื่องของปัญญา มันซับซ้อนทั้งโลกียะโลกุตระ
คนค้านเป็นเรื่องธรรมดาอย่างไรก็มีคนคัดค้าน คนค้านแบบโง่สุดๆ กูไม่ยอมแพ้เหมือนอย่างที่เป็นอยู่นี้ เพราะฉะนั้นขณะนี้ ประเทศเรา ทักษิณดำเนินการเป็นฝ่ายรัฐบาลได้หลายรัฐบาล เป็นฝ่ายบริหารตกค้าง ที่ควรเลิกตอแยได้แล้ว ถ้าอาตมาเป็นผู้บริหารปัจจุบัน จะเลิกตอแย แต่จะกวาดล้างให้ถึงที่สุด ทำการบริหารไปถ่ายเดียว ปิดบัญชีฏีกาเลย จบเรื่องทักษิณนี่เลวชั่วไม่มีทางแก้ไข ดื้อด้านไม่มีทางแก้ไข ขอพูดสักทีอาจจะแรงแต่เป็นความจริง เสียเวลาที่จะไปตอแย ปิดบัญชีเลย เก็บกวาดเศษเหลือของพวกลิ่วล้อให้เสร็จให้หมด เท่านั้นเองเรื่องของเรื่องที่ควรจะทำ
เพราะฉะนั้นขณะนี้ ที่พูดนี้ซับซ้อน ถือว่าทักษิณเป็นฝ่ายเสนอ ของบิ๊กตู่ที่กำลังทำงานอยู่นี้เป็นฝ่ายค้าน มันสลับไปมา เพราะฉะนั้นฝ่ายเสนอ ฝ่ายบริหารกับฝ่ายค้าน มันก็เป็นอย่างนี้ไปตลอดกาลนาน เพราะฉะนั้นปิดบัญชีได้เลย ฝ่ายทำงานเราเหมือนฝ่ายค้าน คนที่ยังโง่ค้านอยู่ ก็ยังตกอยู่กับฝ่ายเสนอหรือฝ่ายบริหารเก่า ฝ่ายค้านนี้จะเป็นส่วนน้อย เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นส่วนน้อยอยู่ ทั้งๆที่ขณะนี้ มีคนเห็นด้วยกับบิ๊กตู่ก็ชัดเจนขึ้นมา แต่ก็ยังคลุมเครืออยู่ แม้แต่พวกสื่อสาร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 21:19:33 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:23:53 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:09:41 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:10:50 )
รายละเอียด
เขาไปอยู่ต่างประเทศเสียตั้งหลายสิบปี ไปมีครอบครัวอยู่ต่างประเทศ เสร็จแล้วเจอธรรมะก็เลยข้ามน้ำข้ามทะเลมาเมืองไทย เพื่อจะมาใกล้ๆ หมู่มิตรสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี ก็เป็นปัญญาของคุณเอื้อมพร หรือคุณอ๋อย ปัญญาที่ได้พบสิ่งที่ดีๆ ในชีวิตก็อายุ 40-50 ปีขึ้นไปแล้ว ก็เข้าใจ ผ่านชีวิตมาพอสมควร อยู่กับโลกไปต่างประเทศไปทางเทวนิยมเขา แต่ก็ยังมีเลือดพุทธอยู่ พอมาเจอก็บอกว่าใช่ อันนี้เป็นเรื่องของบารมี เป็นเรื่องของคนที่มีดวงตา มีภูมิธรรมสัมผัสธรรมะ ฟังธรรมะที่อาตมานำเสนอแล้วสะดุดใจน่าสนใจ ซึ่งชีวิตบางคนก็ไม่เคยได้สนใจธรรมะอะไร พอฟังอาตมาก็สนใจแสดงว่ามีบารมี ส่วนคนแสวงหาธรรมะพระพุทธเจ้าอยู่ เสร็จแล้วก็ไปตกอยู่กับพวกหลับตาบ้าง พวกที่ไปเรียนภาษาบัญญัติเป็นมหา เป็นนักธรรมตรีโทเอกเป็นเปรียญ 9 เป็นด็อกเตอร์อะไรไป ได้ตำแหน่งยศศักดิ์ เป็นพระครูเป็นเจ้าคุณ เจ้าคุณธรรมดา เจ้าคุณราช เจ้าคุณชั้นเทพ ชั้นธรรมอะไรไปจนเป็นสมเด็จอะไรไป ก็ไปอยู่อย่างนั้น ก็น่าสงสารผู้ที่สนใจจึงบอกว่ามันลึกซึ้งโลกุตระเป็นอจินไตย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญคือคนที่เสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 19:07:17 )
รายละเอียด
ในชาตินี้อาตมาเคยบอกหลายที อาตมาไม่เคยโดนตีนใครถีบใครเตะใคร ชกเอา ไม่เคยมี ไม่เคยได้รับ ก็มาได้รับแก๊สน้ำตานี่แหละหนักสุดในชีวิต ส่วนรถมอเตอร์ไซค์เป็นวิบากอีกอย่าง แรงซึ่งมันไม่เจตนา แต่พวกนี้มันน่าจะฆ่ากัน มันคนละฐานะ ขนาดเราถือไมโครโฟน 2 ตัวอยู่บนเวที ไม่ต้องใช้ Sniper เลย มันใช้ปืนอะไรยิงก็ได้เป้าเบ้อเร่ออยู่กลางเวที จะไปรอดหรือไม่เหลือหรอก หากเขาจะยิงจริงๆ แต่นี่ไม่มีใครยิง มันก็เป็นบารมี เป็นกำแพงไร้สภาพที่มาช่วย ไม่ได้ท้าทาย ไม่ได้พูดยียวน แต่มันเป็นไปจริงๆ เรียกว่าหนังจบไปแล้วจะไปสร้างอย่างเก่า มันจะน่าเบื่อนะ
สิ่งที่เป็นจริงเหล่านี้ รอดตัวมาจนกระทั่งถึงวันนี้ มันมีหลักฐานต่างๆยืนยันมาให้เห็น อาตมาก็ขยายความหลายทีแล้วว่า ผู้ที่ท่านไม่ยอมรับอาตมาเป็นสัตบุรุษ ขออภัยที่พูดไปยืนยันตัวเองว่าเป็นสัตบุรุษ เป็นโพธิสัตว์ ระดับ 7 คือ สัตตะ-บุรุษ ไม่รู้จะยืนยันอย่างไรอีก ทั้งพยัญชนะ ทั้งพฤติกรรมจริง ตัวตนบุคคลเราเขาจริงๆ มียืนยันหมดทุกอย่าง ผู้ที่เป็นคนกลางศึกษาจะเห็นชัดเจน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 10:46:24 )
รายละเอียด
คุณจำลองถ้าไม่มาพบอาตมาเป็นพลเอกเลย มาคบกับอาตมาเสียนี่ เลยไม่ได้เป็นพลเอกเลยเป็นแต่พลตรี จะเสียใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่จริงเป็นคนเก่งในหมู่ด้วย เป็นหัวหน้ากองทหารในรุ่นไหนอะไรมา จริงๆ ถ้าอยู่นะ ไม่มาพบอาตมาได้เป็นพลเอกคนแรกเลยนะสงสัย แล้วก็จะไปทางโน้น ดีไม่ดีได้เป็นนายก แต่ไม่ได้เป็นนายกดีแล้วไม่เมื่อย เป็นแค่รองนายกยังเมื่อยขนาดนี้ ถ้าเป็นนายกแล้วเจ้าประคุณเอ๋ยป่านนี้ ดีแล้ว แต่พวกนี้ว่ากันตามจริง ใครจะหมั่นไส้หรือไม่ก็แล้วแต่ มันเป็นเรื่องของบารมี แล้วมันก็เป็นเรื่องของตถตา มันต้องเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นมันไม่ใช่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 19:19:23 )
รายละเอียด
มันก็“สุดวิสัย”ที่จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงกันแล้ว เพราะทั้งลึกทั้งลับ จับแตะ“ความลึก-ความลับ”นั้นไม่ได้ เปลี่ยนแปลงอะไรก็ไม่ได้“กาละ”เที่ยง “เทศะ”เที่ยง “ฐานะ”เที่ยง ตายตัวไปหมดแล้ว ก็คิดดูเอาเถิด ทั้งๆที่“กาละ”ก็ตาม “เทศะ”ก็ตาม “ฐานะ”ก็ตาม มันไม่เคยเที่ยง มันไม่ได้อยู่กับที่ มันไม่เคยอยู่โดดเดี่ยวแท้จริงเลยในเอกภพมหาจักรวาล หรือใน nuclues ยิ่งเป็น “วิญญาณ” เป็น “พระเจ้า” ซึ่งเป็น “ธาตุรู้” ก็ยิ่งต้องมี “รูป” กับ “นาม” ก็ยิ่งเป็น “2” ต้องมี “ตังตั้ง” และ “ตัวเคลื่อน”แต่ไปหลงผิดกันว่า “เทฺว” เป็น 1 ยิ่งๆใหญ่ ยิ่งเป็น 1 ยิ่งๆ ก็ยิ่ง “เที่ยง” ยิ่งๆก็ยิ่ง “ไม่รู้”“เอกภพมหาจักรวาล”นั้นเคลื่อนไหวอยู่ตลอดกาลนานแท้ๆ แต่ก็ยึดมั่นถือมั่น จะให้“เอกภพมหาจักรวาล”เที่ยงอยู่กับที่ให้ได้
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนืยม เล่ม 2 ข้อ 165 หน้า 145
เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 11:17:10 )
รายละเอียด
ผู้ที่สามารถมีภูมิรู้รับได้ถึง ก็เป็นภูมิบารมีของผู้นั้น ผู้ไม่รู้หมายถึงรู้ไม่ได้ มันเข้าใจไม่ได้ บังคับก็ไม่ได้ บังคับไม่ได้หรอก เราจะบังคับให้สัตว์เดรัจฉานชั้นนี้ไปรู้เหมือนกับสัตว์อีกชั้นหนึ่งไม่ได้ เราจะสอนไส้เดือนให้มันรู้เหมือนกับเราจะสอนหมา หมายังพอสอนให้รู้อย่างนั้นอย่างนี้ แต่สอนไส้เดือนให้มันรู้อย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ มันอยู่คนละขั้นคนละระดับ
เพราะฉะนั้นคนก็เหมือนกัน คนในเรื่องที่สอนไม่ได้ก็สอนไม่ได้ เขาไม่มีภูมิที่ขึ้นมารู้ได้เลย สอนให้ตายก็เหนื่อยเปล่า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 12:03:04 )
รายละเอียด
เรื่องของมนุษยชาติ เป็นวิทยาศาสตร์ในตัว มีเหตุมีผลครบ ทุกอย่างมาแต่เหตุ คำนี้ของพระพุทธเจ้าก็คือวิทยาศาสตร์ 100% ถ้าหากมนุษย์ได้องค์รวมความรู้ศาสตร์นี้แล้ว เขาจะอยู่กับมนุษยชาติอย่างไม่ถ่วงโลก มีแต่ทำให้โลกดีที่สุด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 11:40:02 )
รายละเอียด
เรื่องของเขามันเป็นวิบากกรรม คนละศาสนาอยู่แดนไกลอีก ปล่อยคนเขาอยู่แดนไกลไปเถอะ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขามากหรอก เป็นแต่เพียงรับรู้ สลดกับเขา ก็เพียงพอแล้ว ถ้าสลดมากก็เป็นทุกข์ของคุณเอง ก็รู้อาการของจิตใจที่เราไปติดยึด เขาเป็นกันมากนัก ซึ่งสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 1 วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 กรกฎาคม 2564 ( 10:53:51 )
รายละเอียด
ศีล ตั้งแต่ข้อ 1 2 3 เป็นศีลหลัก 4 5 6 7 เป็นเรื่องของ วจี ละการพูดเท็จ ละการส่อเสียด ละคำหยาบ ละคำเพ้อเจ้อ ส่วนศีลข้อ 8 9 10 ก็เป็นเรื่องรายละเอียดเพิ่มเติม
ข้อ 8 เกี่ยวกับพืช เว้นขาดการพรากพืชคามและภูตคาม
ข้อ 9 เกี่ยวกับการโภชเนมัตตัญญุตา ฉันหนเดียว ไม่ฉันราตรี ไม่ฉันเกินกำหนด
ส่วนข้อ 10 ก็ไปใหญ่เลย ไม่เอาแล้วเรื่องฟ้อนรำ
ข้อ 11 ก็ไม่เอาเครื่องประดับตกแต่ง ไปใหญ่เลย ที่จริงตื้นขึ้น ผู้ที่รู้แล้วอย่างชาวอโศกศีลข้อที่ 11 ตกแต่งประดับทัดทรงร่างกาย ด้วยดอกไม้ของหอมเครื่องประทินผิว ก็ไม่แล้ว แต่เราตกแต่ง ไม่ใช่เพื่อตัวเองหรอก แต่เพื่อชาวบ้าน ก็แต่งไปอย่างนั้นแหละมีอะไรก็เอามากองไว้
เพราะว่าคนที่เขาเรียกว่าศิลปะคือพวกที่เละเทะ ก็เอามากองเลอะเทอะเละเทะไป ศิลปินของเราก็จัดไปแต่ละวันจะได้ครั้งเดียวนะ ครั้งที่ 2 ไม่ได้แล้วไม่อยู่ในหลักอะไรระเบียบอะไรหรอก พรุ่งนี้ได้ของใหม่ก็เอามากองใหม่ เท่านั้นแหละ มีบวกกับลบ มีกองกับกระจายเท่านั้นแหละไม่มีอะไรหรอกศิลปะ เขาเรียนกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:15:15 )
รายละเอียด
ก็ขยายความต่อ เรื่องของพฤติกรรมของมนุษย์ จะเป็นพฤติกรรมที่เรียกด้วยศัพท์ว่า “เศรษฐศาสตร์” ก็ตาม จะเรียกพฤติกรรมของความเป็นประชาธิปไตยก็ตาม ก็เป็นเรื่องของมนุษย์ เรื่องของสังคมมนุษย์นี่แหละ
เพราะฉะนั้นความเข้าใจของผู้ที่ไปเรียนมา เรียนมาจากวิชาตักสิลาไหนๆ วิทยาลัยไหนๆ มหาวิทยาลัยใหญ่ๆของโลกที่เป็นเทวนิยมทั้งสิ้น
แต่สังคมจะมีเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ จะมีรัฐศาสตร์หรือจะมีเรื่องของการเมือง มันอยู่ในธรรมชาติ ทีนี้พระพุทธเจ้าแบบของท่านสอนคนโดยใช้จิตเป็นประธาน จิตสามารถที่จะบรรลุธรรมหรือจิตที่จะสามารถรู้ธรรมะได้แล้วเข้าใจธรรมะ รู้ทิศทางที่พระพุทธเจ้าท่านนำพาสอนไปแล้ว มันเข้าใจและเรียกว่ามันบรรลุไปตามลำดับ เป็นอาริยธรรมเจริญขึ้น มันก็จะเข้าใจว่า เราควรประพฤติอย่างไรในสังคม หรือตัวเราเจริญเราก็เข้าใจอย่างนี้เราก็ทำอย่างนี้ มีคนนึงมี 2 คน มี 5 คน 100 คน 1,000 คนก็เป็นมวลหมู่กลุ่ม ของสิ่งที่เรียกว่าเศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์ที่รู้หรือเรียกว่าการเมืองหรือเรียกว่ารัฐกิจ รัฐศาสตร์ที่รู้ มันก็เกิดขึ้นมา เป็นพฤติกรรมจริงขึ้นมาในสังคม
ไม่ว่าที่ไหนมันเป็นธรรมชาติของที่ เขาเข้าใจเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์แบบใดกลุ่มหมู่เขาก็เป็นอย่างนั้น เขาเข้าใจอย่างไรรัฐศาสตร์การเมืองก็เป็นอย่างนั้น เช่นในหมู่ 3 นิ้วเขาก็เข้าใจว่าเขาเป็นเจ้าของประชาธิปไตยเต็มที่ เพราะหมู่อื่นไม่มาตะโกนบอกโหวกเหวก เขาก็มีมวลไปตามเขา
เช่น พรรคการเมืองพรรคนี้เข้าใจประชาธิปไตยแบบนี้ พรรคการเมืองแบบนั้นเข้าใจประชาธิปไตยแบบนั้น เขาก็พยายามทำให้คนมาทำตามที่เขาเข้าใจ เขาจะมีอำนาจหรือมีฤทธิ์เดชหรือมีความสามารถ ทำให้คนเป็นไปตามเขาได้เท่าไหร่ๆ นั่นคือการทำอยู่กับสังคม ไม่ว่าพรรคไหน
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDP แบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:12:03 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 14:26:11 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:52:02 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:12:01 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2563 ( 09:54:08 )
รายละเอียด
เรื่องคนคู่เรื่องเมถุน เรื่องเพศสัมพันธ์ มันเป็นเรื่องของสัตว์โลก เป็นเรื่องง่ายไม่ใช่เรื่องยากมาก เพราะฉะนั้นอย่าไปกังวลนะ เป็นแต่เพียงเราเข้าใจ คำว่าอย่ากังวลมากนักก็คืออย่าไปหมกมุ่น หรือว่าปักดิ่งจะเอาเป็นเอาตายมันจะเครียด แต่ให้เข้าใจความสำคัญ ว่าศาสนาพุทธเรานี้ เป็นโลกุตรธรรม คือเป็นศาสนาที่จะไปนิพพาน จะเลิกแล้วนั้นเพื่อไปนิพพาน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:21:48 )
รายละเอียด
อย่างทุกวันนี้นี่มันถ่ายทอดแข่งขันเอเชียนเกมส์ ก็เปิดกันดูก็มีโทรทัศน์หลายช่อง ก็ดูเขาแข่งขันกัน ก็ส่งไป ไทยก็ส่งแข่งไปกับเขา ชนะบ้าง ไม่ชนะบ้าง เราก็ดู คนนั้นมันเก่งอย่างนี้ คนนี้เก่งอย่างโน้น คนนั้นทำลายสถิติ แล้วก็ดู เห็นความจริงตามความเป็นจริง เขาก็ว่ากันไป เราก็ดู
เราเองเราไม่ได้อยู่ในวงการนั้นแล้ว เราไม่ไปใช้แรงงาน เวลาทุนรอนที่จะไปทำกับสิ่งนั้นแล้ว เพราะว่าเราเห็นว่า จริงๆ อาตมาก็เคยพูดว่ามันเป็นอบายมุข เรื่องการแข่งขันกีฬา การละเล่น ภาษาบาลีท่านเรียกว่า กีฬา แปลว่าการละเล่น ไม่ใช่การละจริง มันเป็นอบายมุข ละครละเม็ง เป็นต้น การละเล่น เป็นต้น กีฬาหรือการละเล่น ละเม็งละคร มันไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นเรื่องครอบงำมอมเมาด้วย มันก็จัดจ้านไปอย่างหนึ่ง ผูกดึงมนุษย์ให้ติดยึดอยู่อย่างหนึ่ง ใช้เวลา แรงงาน ทุนรอนกับมันไปทั้งชาติ เยอะ พวกที่ไปหลงกีฬา หลงการละเล่น หรือหลงละเม็งละครก็อยู่กับมันไป เลี้ยงชีวิตตัวเองด้วยอันนั้นไป ก็จมงมงายอยู่กับมันนั่นแหละ ถ้าไม่ศึกษาแล้วก็ติดอยู่กับมัน
ขนาดหลุดพ้นมา หลุดพ้นออกมาจากไอ้พวกนี้ ละเม็งละคร กีฬาการละเล่นพวกนี้ได้ สาระที่เราจะเอาเวลา แรงงาน ทุนรอน ที่เราจะใช้เอามาทำงานกับมัน มันมีตั้งเยอะตั้งแยะมากมาย สาระตั้งแต่ระดับโลกีย์ จนกระทั่งถึงระดับโลกุตระ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 14:04:44 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 10:03:54 )
รายละเอียด
อันนี้มันมีเรื่องว่า พระอานนท์ท่านเป็นนักเก็บผ้าบังสุกุลมา มีกฐินหรือจอสดึง ไปเก็บผ้ามาได้ ผ้าทิ้ง ท่านก็เอามาตัด ตัดให้มันเป็นสี่เหลี่ยม มันก็จะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัส เอาที่มันจะได้ขนาด ก็เอามาเย็บต่อกันไว้ ตรึงไว้ ได้มาอีก เอามาเย็บต่อ กว่าจะได้ผ้าเต็มจอผืนใหญ่มันก็เป็นช่องๆๆๆ มันไม่ได้เท่ากันทีเดียวหรอก แต่ทีนี้ คนก็ว่าไม่ได้รูปร่างดี ก็มาจัดให้เป็นแถวเป็นแนว มันก็เป็นเรื่องความประดิษฐ์ประดอย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 15:13:30 )
รายละเอียด
คือ มันเป็นเวรานุเวรเป็นเรื่อง ผูกพัน ต้องใช้หนี้ ต้องอยู่เวร คนมีเวรมีกรรมต้องมาใช้หนี้ เจอปุ๊บ รักปั๊บ คุณจะรักตรงสเปค ปัจจุบันนี้ก็ตาม จะเป็นวิบากเอาไหม พอเจอปุ๊บ มันผูกพันกันมาเป็น บุพเพสันนิวาส เวรกรรมชาติก่อนมาเจอปุ๊บรักแบบเกิดผูกพันทันทีก็ตาม หรือมันเข้าสเปค ชาตินี้ก็ตามมันเวร ๆๆ มันซวยนะ เป็นเรื่องทำให้เกิดความทุกข์ยากผูกพัน เวรมันเป็นเรื่องความผูกพัน ความรักกันอย่างนี้ผูกพันไม่รู้กี่ชาติ เพราะว่าแม้จะเป็นคู่เวร คู่กรรมกันมาแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็ต้องพรากจากกันให้ได้ มันคู่เวร มันจะเวรกรรมไปอีกนานนับชาติ ทุกคนมีคู่เวรกรรมมาหลากหลายมากมาย ไม่ได้เกิดมาในชาติเดียวกันก็เยอะ สัมพันธ์กันมา ผูกพัน กันมา คนเกิดมาไม่รู้กี่ล้านชาติแล้วแต่ละคน ก็เป็นเรื่องสืบเนื่อง ติดต่อกันมา ทำให้เกิดความทุกข์ ความสุข ศาสนาพุทธ จึงบอกว่าให้เลิก ความทุกข์ ความสุขและ ความผูกพันเลิก เวร ให้ชัด คู่เวรคู่กรรม ยิ่งชัดว่าต้องเลิกให้ได้ที่รักกันอยู่นั้น ยังอวิชชา ทุกข์ สุขไม่มีจบ มันยังไปอีกนาน
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:44:48 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:54:04 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:12:53 )
รายละเอียด
เรื่องงู 7 ตัวมันเป็นเรื่องนิมิต เลข 7 เป็นเลขที่เป็นฐานของอาตมา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องเล่น เป็นเรื่องจริง พระพุทธเจ้าต้องประสูติ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ต้องตรัสรู้ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ต้องปรินิพพานขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 มันไม่ใช่เรื่องสมมุติ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาทำเอาโก้ ซึ่งมันไม่ใช่ มันต้องลงตัว ลงตัวทั้งรูปและนาม มันเป็นหนึ่ง มันต้องลงตัว เรื่องนี้ก็จะได้พูดขยายภาษาให้ฟัง กว่าจะใช้ได้ กว่าจะรู้
อย่างอาตมา ร่วมใช้สิ่งที่จะต้องรวมเป็นหนึ่งได้ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ร่วมใช้ได้ ยิ่งระดับ 8 จะลงตัวเนียนยิ่งกว่านี้ เป็นระดับ 9 แล้วต้องเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่ ต้องเป็นอย่างนั้นเป๊ะเลย มันไม่เป๊ะ มันไม่ลงตัว มันไม่จบ เป็นเอกัคคตา เป็นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นสิ่งอันนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องสมมุติ อาตมานำสิ่งเหล่านี้มาอ้างอิงยืนยันอธิบายไป ก็ฟังไปก็แล้วกัน ผู้ที่ยังไม่เห็นว่าจริง ยังไม่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ก็ไม่เป็นไร ไปบังคับกันไม่ได้ แต่ผู้ที่จะเข้าใจเห็นจริงๆ แล้ว มันจริงที่สุด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2565 ( 12:53:48 )
รายละเอียด
คนผู้ยังอวิชชาอยู่ ยังไม่มีปัญญารู้ว่า โดยความเป็นจริงนั้น ใน “ความมี” ทั่วสากลรู้กันดีแล้วว่า มันต้องมี 0 - 1 - 2 - 3 - 4 - 5 - 6 - 7 - 8 - 9 - 0
จึงจะเริ่ม 1 ใหม่ ต่อจาก 0 ใหม่ อ่านว่า 10 ภาษาไทยก็อ่านว่า สิบ ภาษาจีนอ่านว่า จั๊บ ภาษาอังกฤษอ่านว่า ten
10 มีเลข 1 กับเลข 0 ถ้าจะเพิ่มต่อไปอีกก็คือ วนรอบสองแล้ว จึงจะเริ่มเป็น 11 - 12 - 13 - 14 - 15 - 16 - 17 - 18 -19 - 20 แล้ว ต่อไปอีกเป็น 30 ก็จะทบไปอีก เพิ่มไปอีกแต่ละ 10 ก็เป็น 20 - 30 หรือจะเพิ่มไปอีกเป็น 4 - 5 - 6 - 7 - 8 - 9 และ 10 ต่อๆๆๆ ไปอีก ทับทวีไปจนไม่มีที่สิ้นสุด ได้ไหม?... ได้
ก็คือ ความวนรอบ สรุปเป็นภาษาว่า “ความวนรอบ” ของ 0 - 1 - 2 หรือ 1 - 2 - 3 อาตมานำมา “สามเส้า” เป็นความวนของ 0 - 1 - 2 หรือ 1 - 2 - 3 หากจะเพิ่มเป็น 4 ก็วนหมุนต่อไปเป็นรอบใหม่ คือ 4 - 5 - 6 มันก็คือความวนอยู่ใน 1 - 2 - 3 นั่นเอง ที่วนเพิ่ม “สามเส้า” ขึ้นไปอีก ขึ้นไปๆๆ เป็น “ความมี”
เมื่อเกิดความมี เริ่มยึดความมี ก็ลืมความวน คือ 0
0 นี่คือความวน ก็เลยมีแต่ 1 - 2 - 3 ลืม 0
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 20:21:37 )
รายละเอียด
ยังๆ อย่าเพิ่งชมหมด เดี๋ยวจะไม่มีคำชมอีก ยังมีสุดในที่สุด ยิ่งกว่าสุด แล้วก็จะไปสุดๆๆๆๆ
คนที่เข้าใจก็พยายามไปช่วยกันขยายผล ขยายจุดสำคัญที่เราเข้าใจให้คนอื่นได้รู้ร่วมด้วยได้เข้าใจด้วย อาตมาก็รู้สึกว่า ขออภัยที่พูดไปจะเป็นการชมตัวเอง ไอ้ชมตัวเองเท่านั้นก็ต้องขออนุญาต ขออภัย เรานี่จริงๆ เลยนะ ทีคนอื่นคุยตัวเอง โมัตัวเอง อวดตัวเอง โชว์ตัวเองอย่างกับอะไรดี นางโป๊นางเปลือยอะไรก็เยอะแยะ หรือคนอวดรวย อวดโก้ อวดอำนาจ อวดความรู้ ความอะไรเยอะแยะ ก็ไม่ค่อยไปว่าเขา ไอ้เราจะโชว์ตัวเองในสิ่งที่เป็นอนัตตา เป็นสิ่งสูญด้วย
อาตมาอธิบายพวกนี้ไปหาสูญทั้งนั้น ไม่ได้ไปหามาก หามี หาร่ำ หารวย หาเก่ง หาใหญ่ หายิ่งอะไร มีแต่มาหาหมดๆๆๆ มาหาสูญๆๆๆ แล้วก็มาว่าอาตมา อาตมาพามาหาสูญแท้ๆ แล้วก็มาว่าอาตมา
เพราะฉะนั้นในสิ่งที่อาตมาจะพูดจะอธิบายอะไรไปนี้ ..มันเป็นเรื่องง่ายสุดแสนยาก มันเป็นเรื่องยากที่สุดแสน ง้าย ง่าย .. จบ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 21:20:56 )
รายละเอียด
จริงๆ อาตมาก็รู้ลึกๆ อจินไตยว่า มันเป็นธรรมดาของอาตมา เพราะอาตมามันเป็นคนพิเศษ ที่มายุคนี้แล้ว มันขัดแย้งกับอะไรต่ออะไรของเขาต่างๆ นานา เกือบทั้งนั้น อะไรก็ขัดหูขัดตาอยู่ตลอดเวลา เพราะว่ามันไม่เป็นสามัญ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี ก็ค่อยๆ ติงกัน ปรับไปปรับมา มันก็ต้องเป็นอย่างนี้ไปอยู่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะอาตมาก็ ทั้งความเป็นจริงก็ควรจะเป็น ทั้งสิ่งที่มันมาก มากชนิดที่เรียกว่าไม่ได้จ้างนะ มันไม่ได้วาน มันไม่ได้ไปเรียกร้อง ไม่ได้บังคับ ก็เป็นความสมัครใจ เป็นความเจตนาดี เป็นความปรารถนาดี มีมากกว่านี้ด้วยซ้ำถ้าจะว่าไป ถ้าปล่อยไปจริงๆ รับรอง เต็มแน่นหมดเลย กั้นได้ขนาดนี้ อาตมาก็ว่าเก่งแล้วได้เหลือแค่นี้ก็เก่งแล้ว นี่มันก็เป็นเรื่องจริงที่ซับซ้อนอยู่อย่างนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 04:47:56 )
รายละเอียด
อาตมาไม่เน้นให้คุณมาตาม แม้แต่พวกเราอาตมาก็ไม่เน้นเลยไม่ได้ให้ไปศึกษาชาติก่อนๆ ของอาตมา แต่มันจะรู้บ้างก็แล้วแต่บางคนซึ่งมันจะพิสูจน์ยาก อาตมาก็ไม่ได้นิยมแล้วไม่พยายามด้วย บางทีจำเป็นก็ต้องยกอ้างบ้าง แต่ก็เอาเนื้อหาสาระของธรรมะเป็นหลัก อย่างเช่นพูดถึงคนชาติก่อนๆ คนนั้นคนนี้ ก็พูดเอาถึงสารัตถะของพระโมคคัลลานะ หรือพระสารีบุตร พระกัจจายนะ พระอานนท์ก็ดี ไม่ต้องไปติดบุคคลเอาเนื้อหาสาระแท้ๆ ดีกว่า ว่ามีนัยยะอย่างไรแตกต่างกันอย่างไร แบ่งกันเป็นขั้วศรัทธาและขั้วปัญญาอย่างไรดีกว่า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:24:30 )
รายละเอียด
อาตมาว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คิดว่าพวกเราเป็นปัญญาชน คงจะจบลงได้ดีระดับหนึ่ง
ไม่เช่นนั้นก็ คนนั้นเขาจะอยู่ในนี้ไม่ได้เอง คนนั้นคนไหนก็แล้วแต่ ถ้าส่วนรวมเข้าใจอย่างนี้ มันก็จะขับกันเองก็จะอยู่ไม่ได้ ถ้าเขาจะอยู่เขาจะต้องยอม ถ้าเขาไม่ยอม ถ้าหมู่ใหญ่เขาเอาจริงๆ ก็จะต้องผลักดันเอง จนกระทั่งเขาต้องดิ้นรนอยู่ลำบาก แล้วหมู่ใหญ่เขารวมกันได้ เราเป็นตัวเล็กตัวน้อย ถ้าจะอยู่ก็ต้องอดทนไม่ยอมก็ต้องอดๆ ดึงดันก็ถูกบีบบี้ถูกชี้ถูกว่าไปเรื่อยๆ จนสักวันหนึ่งก็ระเบิด จะไปถึงไหนอาตมาไม่พยากรณ์ ก็เป็นไปตามธรรม มันเป็นเรื่องของสังคม เป็นเรื่องของจิตวิญญาณของมนุษยชาติ เพราะฉะนั้นอยู่อย่างไม่มีตัวตน สุดยอดที่สุด เป็นคำสรุป เป็นเรื่องจริงที่วิเศษที่สุด ไม่มีตัวตน จะเป็นอย่างไรก็ให้เขาสรุปกันเอง เราถอดตัวออกมาจากเขา เขาจะเป็นฝ่ายพิจารณาเอง มันจะเป็นไปตามธรรมชาติแต่ไหนแต่ไร จนกระทั่งในประเทศไทยก็ตาม ในหลายประเทศก็ตาม รวมตัวเป็นสังคมกลุ่ม แล้วมันก็จะรวมพลังความคิดความเห็นขึ้นมา ขนาดซ้อนๆๆ อยู่ขนาดนั้น ก็มีพลังงานใหญ่ พลังงานมวลใหญ่ที่มีอำนาจ ที่เป็นไปได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 14:27:05 )
รายละเอียด
หลวงปู่ก็ไม่ไปข่มแม่นะ ซึ่งมันเป็นบุญเก่าบารมีเก่าที่หลวงปู่มีมา เราก็มีมาแม่ก็มีมาด้วย ก็เลยไปด้วยกันได้ ไม่ต้องได้อธิบายกันด้วย หลวงปู่จะทำอะไรแม่ไม่เคยห้ามเลย จะทำอะไรก็ปล่อยให้ทำ บางทีชาวบ้านยังบอกว่าปล่อยให้ลูกทำได้อย่างไร เป็นกรรมกรทั้งที่แม่เป็นคุณนาย มีคนว่า แม่เขาก็เฉยๆ ปล่อยให้หลวงปู่ไปทำกรรมกร ทำอะไรตามที่คิดเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เป็นสิ่งเสีย เป็นสิ่งตีกลับด้วย ทางโลกเขาว่าไม่ดีเป็นสิ่งต่ำ แต่ทางธรรมะเป็นเรื่องสูง เรื่องบริสุทธิ์ เรื่องสุจริตขยันหมั่นเพียรอุตสาหะ เป็นแต่เด็กจนมาโตแล้วก็มีอีกหลายอย่าง แม้ทุกวันนี้ก็มีสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ยังเข้าใจผิดในเรื่องของความใหญ่ หลวงปู่เห็นทุกวันนี้เขายังมีมักใหญ่ ก็ยังหลงติดความใหญ่ หลวงปู่ก็ได้พาทำสิ่งที่ดีกว่าเช่นถ้าให้มาจนอย่าไปหลงรวย ถ้าให้มาเป็นผู้ที่รวมตัวกัน ทุกคนอย่าไปเห็นแก่ตัวมารวมตัวกันเสียสละเข้ากองกลาง เป็นทุนรอนที่ได้ยิ่งใหญ่เลยนะ อย่างนี้เป็นต้น เอาสิ่งที่ซับซ้อนเหล่านี้มาให้ค่อยๆ ศึกษาไป
ทุกวันนี้ก็ได้ความซ้อนแบบนี้ คนก็ค่อยๆ เข้าใจกันเยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านกสิกรรม ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเมือง ก็ค่อยๆ ศึกษาไป เด็กๆ เล็กๆ พวกเราโตมาจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:29:57 )
รายละเอียด
ศาสนาเทวนิยมทั้งหลายอ้อนวอนพระเจ้า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอผู้ที่มีอำนาจใหญ่ในมหาจักรวาล นี้ทำความดีงามเพื่อไปให้แก่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้เป็นพระเจ้า ผู้มีอำนาจใหญ่ จะบันดลบันดาลอะไรให้ทุกอย่าง แล้วก็ขอ ถูกสร้าง Concept ความรู้แบบนี้มาตลอด
คุณเคยเข้าใจบุญอย่างหนึ่ง เข้าใจฌานอีกอย่างหนึ่ง พอมาฟังอาตมาอธิบายและศึกษาธรรมะกับอาตมาแล้ว ก็เข้าใจบุญเข้าใจฌาน ไม่เหมือนอย่างที่ได้รู้กัน สอนกัน พูดกัน ที่คุณจับใจ บอกว่าได้รับการฝังชิฟ (Memory Chip อุปกรณ์หน่วยความจำ ขนาดจิ๋ว) ฝังความรู้ ฝังความเชื่อถือแบบนั้น แต่ก่อนแต่เก่ามาทีเดียว
มาเข้าใจ พอมาศึกษาที่อาตมาทำความเข้าใจให้ ก็มาเข้าใจ "บุญ" มีหน้าที่ล้างกิเลส…ให้หมดไป แล้ว "บุญ" ก็จบหน้าที่ แล้วบุญก็ไม่มีแล้ว เลิก พอจบกิจ บุญก็หมด ปริกขีโณ สูญไป ปุญญปาปะ ทั้งบุญทั้งบาป บาปหมด บุญหมด ก็สูญสิ้น ปุญญปาปปริกขีโณ
ฌาณมีหน้าที่จัดการทุกเรื่อง (ตั้งแต่กิเลส) พอกิเลสหมด ฌานก็เป็นจิตสะอาด เป็นปัญญา อยู่ทำงานต่อไปอีกกับชีวิตไปตลอดกับพระผู้บรรลุ ตั้งแต่อรหันต์ไปจนกระทั่งเป็นพระพุทธเจ้า ก็เป็นฌานหรือเป็นปัญญาที่พัฒนาขึ้นไปจนถึงสัมมาสัมโพธิญาณ
ความเสื่อมของศาสนาพุทธจริงๆ เลยทุกวันนี้ ที่ไม่ได้เข้าใจคำว่า ฌาน ที่ถูกต้อง ไม่เข้าใจคำว่า บุญ ที่ถูกต้อง มันไม่เข้าใจจริงๆ มันเป็นมิจฉาทิฐิ ทุกวันนี้ชาวพุทธไม่ว่าจะเป็นปราชญ์เอกขนาดไหนอาตมาก็ว่ายังยากมาก อาตมาเชื่ออย่างนั้นเห็นอย่างนั้นจริงๆ เลย ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นท่านผู้ที่มีหน้าที่ได้รับการยอมรับนับถือในประเทศในเรื่องศาสนา อธิบายเรื่องฌานและบุญ ถ้าสัมมาทิฏฐินะมันก็จะเป็นผล
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือผู้สถาปนาโลกุตระปัญญา ล้างอวิชชาในยุคนี้ วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 17:54:29 )
รายละเอียด
เรื่องตัวเลข คุณเป็นคนที่ใช้ไม่เป็นก็บอกไม่ได้ว่าใช้ทำอะไรดี เหมือนกับคนที่ไม่รู้จักตะเกียบแล้วไปร้านก๋วยเตี๋ยวคนขายก็บอกว่าเอาตะเกียบไหม เขาไม่รู้จักก็เลยตอบว่าอันไหนแซบซอยใส่ ก็หั่นตะเกียบใส่ให้เขากิน ก็คล้ายกัน
อาตมาใช้ชื่อคนและตัวเลข เป็นแต่เพียงว่า คุณเห็นช้างขี้อย่าขี้ตามช้าง คุณอย่าไปอุตริใช้เลย คุณยังไม่รู้เรื่อง ยังไม่เป็นจริงด้วย อย่างพระพุทธเจ้าท่านจะรู้เลยว่าสาวกซ้ายขวามาแล้ว ท่านรู้เลยว่าชื่ออะไร หรือพระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ว่าใครจะไปเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าองค์นั้นองค์นี้ ชื่อนั้นชื่อนี้ ทุกอย่างมันลงตัวหมด อาตมาว่าทำไมอาตมาต้องชื่อรัก ทำไมอาตมาต้องชื่อมงคล แล้วทำไมต้องมาชื่อรัก แล้วทำไมต้องมาเป็นโพธิรักษ์ มันมีเหตุปัจจัยที่จะต้องมาเป็นเช่นนั้นทั้งนั้น ตัวเลขอาตมาทำไมต้องเลข 7 อย่างนี้เป็นต้น แล้วเป็นเรื่องจริงเป็นเรื่องประกอบเลย คล้ายๆ กันกับดวงดาวต่างๆ มีชื่อต่างๆ แล้วก็มีตัวเลขประกอบกัน ให้หมอดูทั้งหลายแหล่คำนวณได้ มีวงจรของมัน มีความซับซ้อนของมัน แต่จริงๆ แล้ว มันก็เปลี่ยนแปลงไปอยู่ มันเคลื่อนที่มันเปลี่ยนแปลงไปอยู่ เสื่อมลง มีทั้งดวงดาวเส้นทาง เจริญขึ้นก็มีทั้งดวงดาวและเส้นทางมันไม่เที่ยงแท้เป๊ะ แต่มันก็เปลี่ยนแปลงได้ยาก เฉพาะคนที่อยู่ในโลกดวงหนึ่ง สิ่งที่ตัวเองจะมีเหตุปัจจัยใช้ ของดวงดาวนี้มันสูงกว่า แม้จะไม่ได้ความละเอียดของดวงดาวก็เอามาทำนายได้
อย่างเช่นรัชกาลที่ 4 ทรงคำนวณจันทรุปราคา สุริยุปราคา เป๊ะๆ หรือสมัยก่อนคนเรียกว่าโลกแบนแต่คำนวณอะไรออกมาก็ได้อยู่ใกล้เคียง หรือถูกในความหยาบไม่ละเอียดพอ ก็พอเอามาพูดกันได้รู้เรื่องแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:09:07 )
รายละเอียด
ก็มีความรู้ในความเป็นธรรมะของเขาอยู่ในกรอบของความเป็นกะลา เขายังไม่เข้าใจถึงความกว้างขวางของความเป็นธรรมะของมนุษยชาติ เมืองที่กว้างขวาง เขามีความรู้อยู่ในกรอบประมาณกะลาครอบ อาจจะกะลาใบเล็กไม่โตหน่อยก็ตามเถอะ
เรื่องเล็กเรื่องน้อยเรื่องทานสงเคราะห์เป็นเรื่องโลกียะสามัญง่าย ที่กำลังพูดอยู่นี้อาตมาขอยืนยันอย่างที่คุณพูดว่า มันเป็นเรื่องโลกุตตระ เป็นเรื่องสุดยอด เป็นเรื่องเหนือชั้น เหนือชั้นจะว่าเป็นการเมืองก็เหนือชั้น เศรษฐกิจก็เหนือชั้น เป็นเรื่องของสังคมก็เหนือชั้น ขออภัยนะที่พูดนี้เหมือนกับใหญ่ เหมือนคนหลงตัวเอง ใหญ่เหลือเกินขออภัย
คุณพยายามศึกษาเอาความจริง อย่าไปติดยึดอยู่ในพยัญชนะภาษามาก เอาความจริง แม้ชาวอโศกเราจะมีจำนวนน้อย ตอนนี้เรากำลังพยายาม เรามีพฤติกรรมของราษฎร การเมืองที่เป็นราษฎรไปแล้ว ยังไม่เข้าไปในกรอบของราชการ
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 17:26:05 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:08:09 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:10:17 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:13:16 )
รายละเอียด
แต่เหตุประการนี้ ทุกอย่างมาแต่เหตุ เราก็ยังนึกว่าอโศกเอ๋ยทองคำยังดำเป็นสนิมเลย เจ้าประคุณมันไม่ใช่สนิมทองคำแต่เป็นสนิมอื่นเข้ามา จบ มันไม่สะอาดบริสุทธิ์สดใสชัดเจนได้ มันจะต้องคลุมเครืออยู่อย่างนั้น ทองคำก็ยังคลุมเครือหาว่าเป็นทองคำจริงหรือไม่ แต่แปลกนะหากดูพระเจดีย์นี้ตอนกลางวันจะเป็นสีคล้ำดำ แต่ว่าถ้าเห็นตอนกลางคืนจะมีแสงไฟสาดสองจะเห็นเจดีย์เหลืองเป็นทองคำแต่ตอนกลางวันจะดำ ถ้าเป็นกลางคืนเหลืองเป็นสีทองอร่าม เป็นเรื่องที่ทุกอย่างมาแต่เหตุ ไม่ได้เป็นเรื่องลึกลับ หรือเรื่องแปลก แต่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดอย่างมีเหตุปัจจัย นี่คืออโศก เป็นเรื่องที่ชาวอโศกต้องเป็นเช่นนี้ อาตมาเข้าใจตัวเองเกิดมาปางนี้
ที่มา ที่ไป
เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:41:51 )
รายละเอียด
ขออภัย มันเป็นเรื่องที่ยังงมงายไม่มีปัญญา อวิชชากันอยู่ แล้วก็ไปเป็นรสสุข รสทุกข์กับมัน คุณติดอย่างนี้คุณจะอยู่กับโลกนี้ คุณพิสูจน์ชีวิตตอนเป็นๆ คุณติดกับมัน ยังสุขยังทุกข์กับมัน ถ้าคุณพิสูจน์เกิดภูมิปัญญาเข้าไปแล้วค่อยๆ คลายออกมา ละหน่ายออกมา ลดสุขลดทุกข์ น้อยลงๆ น้อยลงจนกระทั่งคุณจะเห็นความจริงว่า ทำไมแต่ก่อนเราไปยึดติดว่ามันเป็นของจริง อร่อยจริงๆ มันสุขจริงๆ โอ้โห สะใจจริงๆ มันจริงๆ คุณจะรู้เลยว่าคุณโง่ ถูกครอบงำทางความคิด แล้วไปหลงบ้ากับเขา รสชาติมีสุขว่าเป็นตัวจริง เลิกมาได้ จนกระทั่งคุณเลิกได้ขาดสนิทเลย นั่นคือดับโลกแข่งเตะฟุตบอล หมดโลกอร่อย หมดสุข หมดทุกข์ แล้วก็เห็นเขาเหน็ดเหนื่อย เขายิ่งใหญ่ รวยด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เป็นโลกียะเต็มเบ้าเลย
มีเรี่ยวแรงมีเวลาทุนรอน ไปหลงกับสิ่งนั้นเต็มที่เลยชีวิตทั้งชีวิต ตายชาตินี้ชาติหน้าขึ้นมาสานต่อ เป็นนักบอลที่ยิ่งใหญ่ในชาติหน้าต่อ พวกสายเข้ามาหาการกำเนิดเกิดใหม่ เป็นธรรมทายาทใหม่ ก็จะมาอย่างนี้ ชาติหน้าเราจะเจริญของที่เราชอบนี้ จะเป็นนักฟุตบอลเอก ชาติหน้าจะต้องเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ นั่นแหละมันผูกพันแล้วก็เป็นตัวตน เป็นอัตตาไปตลอดนิรันดร แต่คนที่รู้แล้วปัดโธ่เอ๋ย เปล่าดาย สูญเปล่าแล้วทำลาย หลอกกันอีกด้วย
นี่ยกตัวอย่างแค่ฟุตบอล ไม่ได้ยกตัวอย่างว่า สร้างอาวุธแบบเกาหลีเหนือ หรือแบบประเทศต่างๆ ที่ไม่ยอม ฉันจะต้องสร้างให้ใหญ่เหมือนกัน ตอนนี้เรายังรู้ไม่ได้เลย ว่าอาวุธของเกาหลีเหนือกับอาวุธของประเทศอื่นที่เขาบอกว่าไม่ได้ด้อยกว่ากัน ของใครมันจะระเบิดออกมา ของใครจะยิ่งใหญ่จริง
แต่ถ้ามันมาใช้ระเบิดจริงๆ แล้วมันก็ทำลายโลกไปนั่นแหละ กลียุคใหญ่ มันจะเป็น มันก็ล้างโลกไป พวกที่กดระเบิดมันก็ตายเอง เพราะอะไร เพราะอำนาจ ทั้งเร็ว ทั้งประสิทธิภาพในการระเบิด แรงร้ายมาก อาตมาเคยอธิบายว่า นักแม่นปืน 2 คน แม่นที่สุด เร็วที่สุด ทั้งเร็วทั้งแม่น หันหลังชนกัน แล้วให้เดินไป เดินไปแล้วให้กรรมการเป่านกหวีดปี๊ด หันหน้ามาแล้วยิงเปรี้ยง เป็นอย่างไร มันตายทั้งคู่เพราะมันกดได้เร็ว แล้วกระสุนมันก็เก่ง เร็ว ไว แม่นด้วย ตายพร้อมกันทั้งคู่ แล้วพวกนี้ก็จะฆ่ากันตายทั้งคู่อย่างนี้แหละ
เขาไม่รู้นะ อวิชชาจริงๆ ถ้าเขาจะต้องฆ่ากันตายเพื่อจะแก้แค้นกันชาติแล้วชาติเล่าเหมือนหนังจีนอย่างที่ว่า คุณมาทางโลกุตระ คุณจะให้อภัย อโหสิหมดเลย แม้แต่คุณตายไปแล้วก็สูญหายได้เลย ไม่มีพลังงานของจิตวิญญาณ ไม่มีพลังงานของมนุษย์ ไม่มีพลังงานของความเป็นคน ตัวตนบุคคลอะไรขึ้นมาอีกเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 11:05:35 )
รายละเอียด
ศาสนาพุทธนี้ต่างจากศาสนาเทวนิยม ก็คือเรื่องสุขเรื่องทุกข์ ศาสนาเทวนิยมเขาเรียนแต่ดีแต่ชั่ว เรื่องสุขเรื่องทุกข์เขาไม่ประสีประสาเขาไม่ได้เรียน และยิ่งหลงความสุขด้วย ติดสุข อยากได้สุข ยึดสุข แล้วก็สะสมสุขมาเสพเป็นสุขนิยม จะได้สุขจากอะไรก็แล้วแต่ แม้แต่จากอบายมุขเขาก็เอา เขาก็ไม่รู้ สุขจากอบายมุข สุขจากกาม นั่นแหละทั้งนั้น สุขจากกาม สุขจาก ปฏิฆะ ไม่ชอบใจ แล้วอยากให้คนที่เราไม่ชอบใจ ได้รับอะไรตอบอะไรที่มันน่าสมใจเขา เขาก็สุข ไปจนกระทั่งถึง รูปจิต อรูปจิต กาม ปฏิฆะข้างนอก รูปจิต อรูปจิตข้างใน
ความรู้ของพระพุทธเจ้าสอนเรื่องจิตเจตสิกต่างๆ ละเอียดลออครบหมด เรียนรู้แล้วปฏิบัติตาม เข้าใจได้ อ๋อ! ชีวิตคือสังขาร ปรุงแต่งกันขึ้นมาแล้วรวมเรียกว่าวิญญาณ แยกไปศึกษาได้คือ นามรูป เป็น 2 สภาพ นี่แหละทำปฏิกิริยากันตลอด เมื่อมากระทบสัมผัสกันเข้าก็เป็นอายตนะเกิดเวทนา สุขทุกข์ก็เกิดอยู่ตรงนั้น จะสุขเพราะมีตัณหาอุปาทานเป็นตัวตั้ง
จึงได้จมอยู่ในภพชาติ ไม่รู้เรื่อง วนเวียนอยู่ในภพ เป็นชาติเกิดแล้วเกิดอีก แล้วหลงตนว่าตนไม่ต้องเกิด ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า จบ ความรู้ถูกตัดขาดตรงนี้ เทวนิยมตายแล้วอยู่กับพระเจ้าพระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน จะให้ลงนรกหรือจะอยู่กับพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นเจ้าของสวรรค์ เป็นสวรรค์ สวรรค์อัตตา นิรันดร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:15:37 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สั่งสอนไว้ สัปปายะ 4
เสนาสนะสัปปายะ บุคคลสัปปายะ อาหารสัปปายะ ธรรมะสัปปายะ มีสถานที่ที่รื่นรมณ์สมอุรา ชื่นตาฟ้าเบิกบาน สถานที่รื่นรมย์ไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อกิน สาธารณโภคีอยู่กันอย่างพี่น้อง อยู่อย่างญาติโกโยติกาพึ่งพาอาศัยกัน ไม่ได้พึ่งพาอาศัยแค่เล่นๆ แต่พึ่งพาอาศัยกันได้จริงๆ
อาตมาอยากจะพูดว่ายิ่งกว่าญาติพี่น้องทางสายเลือดนะ อยากจะพูดว่าอย่างนั้น พึ่งพาอาศัยกันได้จริงๆ กว่าญาติพี่น้องทางสายเลือดเพราะมีของกองกลาง ถึงไม่ใช่กองกลางส่วนตัวก็ยังช่วยกันได้เลยไม่ต้องไปถึงกับกองกลางก็ยังช่วยอยู่ มันเป็นเรื่องที่ไม่เป็นตัวกูของกู
มันมีอะไรก็เป็นเครื่องอาศัยที่ไม่ได้ยึดมั่นว่าเป็นตัวกูของกูมันสำเร็จ ผลพิสูจน์ได้ยืนยันได้อย่างแท้จริง ที่พูดไปนี้มันเป็นความจริงทั้งนั้น จึงภาคภูมิใจว่าทำงานศาสนาหรือเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามายืนยันพิสูจน์ทางนี้สำเร็จ เป็นโลกุตระธรรม เป็นของอริยชนแท้ๆ จริงๆ ซึ่งเป็นโลกุตระเป็นอารยธรรมที่ไม่ใช่โลกีย์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก
เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:30:01 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:54:41 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 14:58:40 )
รายละเอียด
ที่อาตมาประพฤติมา ในวันที่ 6 สิงหาคม 2518 ที่บอกว่า สันติอโศกถูกขับออกจากเถรสมาคม อย่างขณะที่อาตมาประกาศอันนี้ต่อหน้า สงฆ์ 180 รูป ต่อหน้าพระสังฆาทิการ ที่วัดหนองกระทุ่ม เรียกว่าเป็นการประกาศเป็นทางการ ตามธรรมวินัย เป็นการประกาศขอแยกนานาสังวาส ประกาศต่อหน้าอย่างเรียบร้อย 45 ปีผ่านมาในวันนั้น ไม่ใช่อาตมาถูกมหาเถรสมาคมขับออก แต่อาตมาทำเอง อาตมาไม่อยากอยู่ร่วม กับการปกครองบริหารดูแล อาตมาขอแยกมาจัดการเองเป็นคณะอโศก กล่าวให้ชัดเจนเลยว่า เป็นการทำนานาสังวาสอยู่ในธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า สามารถทำได้ คณะเล็กคณะน้อย สามารถขอทำนานาสังวาสได้หรือคณะใหญ่จะขอแยกให้คณะน้อยเป็นนานาสังวาสก็ได้ เช่น พระพุทธเจ้าให้คณะของพระเทวทัตเป็นนานาสังวาสกับคณะของพระพุทธเจ้าอย่างนี้เป็นต้น ท่านไม่ได้แยกเป็นนิกายกับพระเทวทัต แต่ท่านประกาศนานาสังวาส เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากแต่เข้าใจกันไม่ได้ การทำนิกาย เป็นเรื่องมหาอเวจี แน่นอนพระพุทธเจ้าไม่ทำ ท่านทำแค่นานาสังวาสก็พอแล้ว สำหรับคนคนนั้นเขาก็เป็นอย่างนั้นไป สำหรับที่เถรสมาคมจะมาทำนี้ก็ทำเกินทำผิดพระธรรมวินัย พูดไปแล้วก็ยิ่งเห็นความไม่ประสีประสาในเรื่องศาสนาพุทธตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าของเถรสมาคม วันที่ 6 ประกาศ วันที่ 7 ก็เป็นวันอิสระเสรีภาพ ก็ออกมา ตอนนั้นยังไม่มีคำว่านานาสังวาส และอาตมาบอกตรงๆว่าตอนนั้นก็ยังไม่รู้จักเรื่องนานาสังวาส แต่เป็นสัจธรรมที่จะต้องเป็นจริงในโลก จะต้องเกิดจริงอันนี้ขึ้นมา มันจึงเป็นเรื่องความจริง ไม่ได้ดูตำรามาก่อนเลย เป็นความจริง เป็นของติดตัวมาแล้วเราทำ แล้วอาตมาไม่ได้ทำผิดพระธรรมวินัยเลย ถูกหมดเลย ไปตรวจสอบตามพระพุทธเจ้าตรัสไว้ แต่ทีนี้เวลาเถรสมาคมมาทำให้มันออกนอกเรื่องทำผิด คณะปูรกะ ผิดวิธีการตามพระธรรมวินัย อาตมาประกาศตั้งแต่ 6 สิงหาคม 2518 เจ้าคณะอำเภออยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยก็ได้รับสิ่งที่อาตมาเซ็นชื่อให้ไปด้วย ท่านก็เอาไปให้เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะจังหวัดก็ส่งตรงไปถึงเถรสมาคมก็เป็นที่รับรู้ในขณะนั้น ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2518 เราก็เป็นนานาสังวาสมาตลอด อยู่กันด้วยราบรื่นดีนะ ต่างคนต่างก็ปฏิบัติ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อยู่กันอย่างเรียบร้อยต่างคนต่างทำ เพราะความเห็นต่างกัน
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 11:12:26 )
รายละเอียด
ศาสนาพุทธรู้เรื่องความหลอก รู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนสำคัญในเรื่องมายา คำว่า มายา คำนี้นี่สุดยอดในศาสนาพุทธนี้ เพราะฉะนั้นผู้ใดสามารถทำจิตของตัวเองให้เป็นสิริมหามายาได้ แล้วก็คลอดจิต โอปปาติกโยนิ ของเราเองทำคลอดของเราเองโดยเราเป็น มาตา ปิตา มีปัญญาเป็นพ่อ มีศีลเป็นแม่เป็นต้น มีโพชฌงค์ 7 เป็นพ่อ มีมรรคองค์ 8 เป็นแม่ทำให้เกิด จิตวิญญาณที่เรียกว่าโอปปาติกะ เกิดมาเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานเกิดใหม่ เกิดเป็นอาริยบุคคล เกิดเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี จนเป็นพระอรหันต์ นี่คือสัมมาทิฎฐิข้อที่ 7 8 9 มาตา ปิตา สัตตาโอปปาติกา และสมณพราหมณ์ฯ
แม่พ่อ ผู้ที่สัมมาทิฎฐิได้รู้ว่าแม่ว่าพ่อในสัมมาทิฏฐิ 10 หมายถึงอะไร ไม่ใช่เรื่องง่ายไม่ใช่เรื่องธรรมดา ผู้ที่ไม่สัมมาทิฏฐิก็แปลไม่ได้ ไม่รู้เรื่อง เขาไปแปลว่าบุญคุณของความเป็นแม่ บุญคุณของความเป็นพ่อ มันคนละเรื่องเลย มันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องปรมัตถธรรม เป็นเรื่องจิตเจตสิกของตัวเองทั้งนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชุมชนบุญนิยมที่มีมรรคผลจริง วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่สันติอโศก
เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:45:37 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นคนทุกวันนี้ เข้าใจแค่ Economy กับ Luxury เข้าใจแค่ประหยัดมีน้อยมักน้อย กับการไปหลงมีมากมากๆ พยัญชนะบาลีหลักการพระพุทธเจ้าก็คือ อัปปิจฉะกับมหัปปิจฉะ มักน้อยคืออัปปิจฉะ มีน้อยๆ หรือสูญไปเลยก็ได้ กับ มหัปปิจฉะ มีมากเท่าไหร่ก็ไม่มีขอบเขต ไม่พอ มีมากเท่าไหร่นับไม่ถ้วนจนไม่มีประมาณเลย อัปปมัญญา มันก็พูดกันไม่รู้เรื่องคนที่มีไม่พอ มากเท่าไหร่ก็เอา กับคนที่มีที่จบ มีที่ศูนย์ มีที่พอ มีกรอบ พอแค่นี้อาศัยแค่นี้มี 1 มี 2 มี 3 มี 4 มี 5 อย่างมากก็แค่มี 5 ก็พอแล้ว ปัญจะมีเลข 5 อย่างดีถ้าคุณสามารถควบคุมได้ก็เป็น 7 มีพลังงานส่วนเหลือส่วนเกินก็เอาไปทำงานรับใช้ผู้อื่น
แต่ถ้าคุณมีส่วนเกินที่มากกว่า 5 แล้วคุณก็เอามาโลภ เอาไปทำร้ายผู้อื่น กรรมวิบากของคุณก็ต้องเป็นจริง แต่ถ้าคุณซื่อสัตย์รับใช้ให้แก่ผู้อื่น กรรมวิบากของคุณก็ดี เรียนรู้กรรมวิบากอันนี้เป็นสัจจะความจริงเลยไม่มีใครแย้งได้ เพราะฉะนั้นเรื่องประหยัดกับเรื่องมักมาก แค่นี้ก็ยังเข้าใจไม่ได้ในความจริง แล้วคุณก็ประพฤติจริงอยู่ในร่องในรอยของคำพูดนั่นแหละ บัญญัติหรือมักมากฟุ่มเฟือยหรูหรา ทีนี้เราก็ไปมองดูคนส่วนใหญ่ คนส่วนใหญ่มักมากหรือมักน้อย …มักมาก มันเป็นธรรมชาติของกิเลสของเขา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 16:21:12 )
รายละเอียด
แต่ละคนเป็นคนเลี้ยงง่ายบำรุงง่าย เป็นคนมามักน้อย มากล้าจน มาตั้งใจ จน เต็มใจจน จนเป็นคนจนสำเร็จจริง ไม่ใช่จนเล่นๆ แต่จนจริงๆ ไม่สะสมไม่ต้องมีอะไรเลย อยู่กันอย่างสุดยอดเศรษฐศาสตร์ เป็นคนจน เป็นความจริงที่ทวนกระแสโลกเขา เขาให้ไปรวยเราไม่เอา เรามาจน ไม่บ้าด้วยนะ
จนก็พอ เพียงพอ คนรวยนั่นมันไม่มีเพียงพอหรอก แต่คนจนเราเพียงพอได้เพราะมันจนถึง 0 แล้วไม่มีทางเป็นอื่นอีก มันก็พอเท่ากัน จึงมีความเสมอภาคกัน เพราะมันจนเท่ากันหมดเลย
เอ้า! รับสมัครงานล้านตำแหน่ง ทุกคนมาทำงานที่นี่ได้เงินเดือนเท่ากันกับเจ้าของร้านเลย เท่ากันกับผู้อำนวยการเลย เงินเดือน 0 บาทเท่ากันหมด ท่านหนักแน่นบอก อย่างนี้มีด้วยหรือ มาสมัครเลย เลยอยู่เลยไม่ไปเลย พวกคนงานบ้านคำกลาง บ้านกุดระงุม มาทำงานอยู่ที่นี่เงินเดือนสูงกว่าเจ้าของอีก ซื้อรถแบคโฮรถปิคอัพรถเก๋งได้เลย แต่พวกเรานี้จน 0 เป็นเรื่องประหลาดมหัศจรรย์
สังคมอย่างนี้จึงกลายเป็นสังคมวิเศษ สังคมพระศรีอาริย์ สังคมคนเจริญที่มีคุณสมบัติ คุณวิเศษที่ลอกเลียนกันได้ก็เชิญเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภู คือผู้นำพาคนไปสู่ความจนอันประเสริฐ วันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2564 ( 16:00:03 )
รายละเอียด
เรื่องของเศรษฐศาสตร์ ที่อาตมาขยายคร่าวๆ จึงเป็นเรื่องลึกซึ้งยิ่งใหญ่ อาตมานำเสนอศาสตร์พระราชารัชกาลที่ 9 ของเรา ที่ท่านยืนยันแบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา อาตมาก็เอามาขยาย ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อหรือเป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องประเสริฐและยิ่งใหญ่
คนที่ไม่มีตัวตน ตัวตนน้อยอย่างชาวอโศกก็พิสูจน์ได้ ตัวเองอาศัยแบบ ใช้น้อยเปลืองน้อย แต่ตัวเองก็แข็งแรง สุขภาพร่างกายก็ดีพร้อม ไม่เสื่อมทรุดเสียไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:44:57 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
เวลาบันทึก 29 กันยายน 2565 ( 11:03:18 )
รายละเอียด
ทีนี้มาเข้าเรื่องผี เรื่องจิตวิญญาณ เรื่องผี เรื่องเทวดา เรื่องมนุสโส ฟังดีๆ
จิตผี ภาษาไทย ผี ภาษาบาลีเป็นเรื่องของมาร เปรต สัตว์นรก อวินิปาตะ อะไรพวกนี้ต่างๆ นานา พวกที่ตกลึกจนไม่รู้จะลึกยังไง อวินิปาตะ ตกลงไปในที่ต่ำ ในที่เสื่อม ในที่โง่
จิตของเรานี่แหละ มันเป็นอย่างนี้ อยู่ในตัวเรา ยังอวิชชา ยังเป็นจิตผี จิตตกต่ำ จิตไม่เจริญ การเจริญของจิตนั้น ขั้นที่ 1 เขาเจริญแบบโลกีย์ มันมีความเจริญอยู่ 3 ประการ พระพุทธเจ้าตรัสไว้
1. สมมุติเทพ เทพหรือเทวดา แปลว่า จิตเจริญ
2. อุปปัตติเทพ 3. วิสุทธิเทพ
เป็นเทวดา 3 ประการ
สมมุติเทพ คือ โลกีย์
อุปปัตติเทพกับวิสุทธิเทพ เป็นโลกุตระ จิตเจริญแบบโลกุตระ
มาวิเคราะห์วิจัยเรื่องสมมุติเทพ เทวดาโง่ สมมุติโลกีย์นี่เทวดาโง่ เทวดายังไม่เจริญ เทวดาคือจิตของคน จิตในปัจจุบันนี่แหละ จิต
1.ฆ่าสัตว์ คนฆ่าสัตว์นี่ก็จิตไม่เจริญแล้ว สัตว์เดรัจฉาน สัตว์อะไรก็แล้วแต่ สัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก ไม่เจริญ ไม่ใช่มนุษย์ เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นพวกตกต่ำ เป็นพวกสัตว์นรก อวินิปาตะ
2.ยังลักทรัพย์ ยังเอาของที่ไม่ใช่ของเรามาเป็นของเรา เป็นทุจริต ยังเป็นสัตว์นรก ทุจริตมากโกงมาก อย่าว่าแต่โกงเลย เอาเปรียบเอารัดมากก็ยังเป็นสัตว์อยู่ ยังไม่ใช่เทวดาเจริญ ยังเป็นสัตว์
3.ยิ่งไปติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส อย่างไปหลงละเมอเพ้อพกกับสิ่งเหล่านั้นแล้วหลงว่าเป็นเทวดา หลงว่าเจริญ หลงว่าได้เสพรส สวย มายา เสพสวยสมใจสุข ทุกข์ ยิ่งสุขหนักทุกข์หนัก โง่หนัก ปรุงแต่งหนัก ลึกเข้าไปหนัก โง่เข้าไปหนัก ปรุงมาเสพ ปรุงมาหลอกคน ดีไม่ดีปรุงมาขายอีก หลอกมาให้คนซื้อ เอาของเล็กๆน้อยๆมาหลอกโฆษณาใช้จิตวิทยา ราคาได้แพงอีก ยกเป็นของไฮโซอะไรไปอีก พวกนี้พวกมิลักขะ พวกคนเถื่อนคนไม่เจริญ ไม่ใช่อริยกะ เป็นคนเถื่อนแท้
เพราะฉะนั้นในศีล 3 ข้อนี้ ศีลข้อ 4 วาจา เพราะฉะนั้น 3 ข้อเป็นอย่างไร คุณก็พูดอย่างนั้นเป็นวาจา เพราะจิตของคุณ ข้อ 4 เพราะมัวเมาโมหะหนัก จิตที่โง่ที่หลงหนักก็พูดอย่างนั้นเพราะทำอยู่ 3 ข้อนี้ ถ้ายังฆ่าสัตว์ก็ไม่ใช่จิตมนุษย์แล้ว ไม่ใช่ผู้ที่จิตสูงแล้ว ยังฆ่าคน ยิ่งไม่ใช่มนุษย์หนักเข้าไปอีก ยิ่งสร้างอาวุธฆ่าคน ยิ่งคนเถื่อน มิลักขะหนักเข้าไปอีก
เพราะฉะนั้น ใน มิจฉาวณิชชา 5 อย่าง
1.การค้าขายอาวุธ (สัตถวณิชชา)
2.การค้าขายสัตว์มีชีวิต (สัตตวณิชชา)
3.การค้าขายเนื้อสัตว์ (มังสวณิชชา)
4.การค้าขายสิ่งมอมเมา (มัชชวณิชชา)
5.การค้าขายสิ่งที่เป็นพิษ (วีสวณิชชา)
(พตปฎ. เล่ม 22 ข้อ 177)
5 อย่างนี่ถ้าเข้าใจจริงแล้วเลิกเลย เป็นมนุษย์แต่คนที่ยังค้าขาย 5 อย่างอยู่นี้ยังเป็นเดรัจฉาน ยังเป็นสัตว์ สัตว์ต่ำสัตว์ตกนรกลึก ยิ่งมากหนักเท่าไหร่ ยิ่งฆ่าสัตว์ แล้วสร้างอาวุธฆ่าคนด้วยยิ่งบาปหนัก ยิ่งอวิชชาเป็นคนเถื่อนแล้ว ไม่ใช่คนเจริญ ไกลความเป็นมนุษย์มาก แล้วหลงว่าตนเป็นเทวดา จะเป็นจตุมหาราช จะเป็นเจ้าโลก มีอำนาจบาตรใหญ่ ทุกวันนี้ที่ศาสนาเทวนิยมเขาไม่รู้เรื่องเลย แต่พอฟังออกว่าด่ากูนี่หว่า ดีไม่ดีเขาจะถือสาเอา
อาตมาเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดความจริงให้ฟัง พูดความจริงระหว่างพวกเรา อาตมาโชคดีที่พูดภาษาฝรั่งไม่ได้ก็เลยไม่มีคนต่างประเทศมาเข้าใจแล้วก็ไม่มีใครแปลบรรยายธรรมะที่อาตมาพูดด้วย นี่เป็นกุศลของอาตมา ถ้าไม่อย่างนั้นคนแปลออกไป นั่นมันด่ากูนี่หว่า อาตมาเจอแน่ได้เรื่องแน่ เพราะอาตมาวิเคราะห์วิจารณ์ไปจนกระทั่งถึงพระเจ้า ถึงศาสดาเทวนิยมที่พากันอวิชชา ต้องพูดขออภัยหน่อย แล้วมันเป็นความจริงที่ต้องขออภัย ด้วยมารยาท มารยาทผู้ดีก็ต้องขออภัยเขาเพราะไปตำหนิเขาหนัก เพราะเขายกย่องเชิดชูบูชากัน เพราะเขาเข้าใจเช่นนั้นจริง เขาทำอย่างนั้นจริง ซึ่งมันก็ต้องพูดกัน จะว่าเป็นการข่ม เป็นการตำหนิก็ถูก เป็นนิคคัณหะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 20:10:02 )
รายละเอียด
แม้แต่เรื่องอาตมาอธิบายไปถึงเรื่องผู้หญิงก็เหมือนกัน
1. อาตมาเป็นอรหันต์
2. อาตมาก็อายุปาเข้าไป 86 - 87 ปีแล้วยังระแวงอะไรกันนักกันหนาหนอ อายุก็ปาเข้าไป 86 - 87 ปีแล้ว เอาเถอะ อายุก็อย่าไปคิดอะไร อายุเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้ แต่อรหันต์ก็น่าจะไว้ใจได้ แต่ก็ไม่ไว้ใจ แล้วก็ไม่เข้าใจว่าอรหันต์จะกังวลอะไรกับเรื่องนี้ แต่อย่างว่าล่ะ โลกวัชชะ มันห้ามยาก ก็เอามาพูด ร้องเรียนมา ยาวเลยทีเดียวว่า ให้ปรับเปลี่ยนได้ไหม
มันขัดแย้งกันตรงที่ว่า อาตมาก็อายุมากขึ้นต้องมีคนดูแลมากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นทั้งโลกเขาไม่มีปัญหาเลยใช่ไหม ผู้ที่อยู่ในฐานะบริหาร อยู่ในฐานะทางสังคมพวกนี้ แล้วมีคนที่จะสมัครใจ อย่าว่าแต่สมัครใจ เขาต้องจ้างมาช่วยดูแลด้วย นี่ไม่ได้จ้าง แต่มาด้วยใจ มันก็เป็นธรรมดา ของความเข้าใจ ความเห็น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 04:46:13 )
รายละเอียด
อาตมาอธิบายลำบากเพราะเป็นเรื่องอจินไตย ยิ่งถามเรื่องทำไมต้องมีคู่อีก เรื่องมีคู่นี้ในสัตว์โลกเกิดมาไม่รู้กี่ล้านชาติ มันจะติดอยู่ในสันดานเท่าไหร่ ยังติดเป็นวิบากอีกเท่าไหร่
ยกตัวอย่างง่ายๆคนคนหนึ่งไม่ได้มีคู่คนเดียวนะ มีเป็นร้อยเป็นพัน คู่ของคนแต่ละคน กว่าจะมาพบศาสนาพุทธมานั้นมีคู่ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานมีคู่ตั้งเท่าไหร่ สัตว์เดรัจฉานชั้นดีมีคู่เดียว สัตว์เดรัจฉานธรรมดาจะมีเท่าไร ก็เลอะไปเรื่อยใช่ไหม ก็เป็นวิบากกันไป สรุป เรื่องนี้เป็นกรรมวิบากที่เป็นอจินไตย ยากมาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:05:31 )
รายละเอียด
อย่าเอาอาตมาเปรียบเทียบกับวัดพระธรรมกาย วัดพระธรรมกายนั้น แม้แต่ที่ดินต่างๆเขาก็จดชื่อบุคคลจะเป็นใครก็แล้วแต่ ที่เขาไม่ได้จดบัญชีเป็นของนิตินัยเป็นของรัฐ แต่เนื้อที่ของที่นี่แม้จะมีพันกว่าไร่ก็จดทะเบียนเป็นนิตินัยเป็นของประเทศเป็นของชาติเป็นของส่วนกลาง จะไม่เป็นของบุคคลอย่างเช่นธรรมกายเลย แค่นี้คุณก็ไม่รู้ในเรื่องพฤตินัยของธรรมกายกับอโศก แค่นี้คุณเข้าใจไม่ได้แล้วคุณก็ต้องไปศึกษาให้ดีก่อนมาตำหนิอาตมา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:47:41 )
รายละเอียด
มีคนเก็บรายละเอียดไว้ก็จะมารวมกันตามหลักฐาน รวมเข้าแล้วจะเห็นว่าอันนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา คนจะเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของมนุษย์ชาติ ที่พิเศษชนิดหนึ่งและเป็นชนิดเดียวที่คนเป็นไปได้ยากแต่เราก็เป็นไปได้ ซึ่งคนก็จะค่อยๆรู้ค่อยๆเป็นไปในอนาคต ก็ไม่ต้องไปพูดถึงมากมายเป็นแต่เพียงว่าเราก็ทำสิ่งที่ควรทำไปเรื่อยๆ
มีมายิงและวางระเบิดที่สันติอโศก เขามายิงปืนแล้วยิงไม่ออกก็เลยหนีไปเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:10:24 )
รายละเอียด
ภาวะจิตใจของพระอรหันต์ไม่มีปัญหาแล้ว ถือว่า พระอรหันต์เป็นผู้ที่สามารถทำจิตใจของตนเองมีปัญญา รู้การเกิดการดับอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ติดใจ ไม่ขึ้นไม่ลงไม่บวกไม่ลบ กลางๆ แล้วก็จะเป็นผู้ที่ศึกษาโลก ศึกษาสิ่งที่มันปรุงแต่งขึ้นมาต่างๆ อีกเยอะแยะ ซึ่งมันประกอบด้วยองค์ประกอบของทางวัตถุทางชีวะสัตว์โลกหรือคน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 16:55:38 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าไม่ได้ศึกษาอะไรอย่างอื่นที่ยิ่งใหญ่อย่างอื่น แต่ท่านหันมาศึกษามนุษย์กับสังคม ไม่ว่าสังคมศาสตร์เศรษฐศาสตร์รัฐศาสตร์เป็นเรื่องมนุษย์กับสังคมเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดพระพุทธเจ้าตรัสรู้หมดแล้วสารพัด 18 สาขาวิชาในยุคของท่าน ทำได้เกียรตินิยมหมดแหละ วิชาต่างๆเหมือนอย่างสมัยนี้แหละ ไปได้ปริญญาคณะต่างๆ ก็เหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้มันมากกว่า 18 สาขาวิชา แต่ท่านไม่เอาโยนทิ้งหมดมาเอาอันเดียวเอาเรื่องความเป็นมนุษย์กับสังคม นอกนั้นเป็นองค์ประกอบที่จะรู้เขารู้เรา แล้วท่านก็ช่วยเขา นี่ก็เหมือนกัน เดี๋ยวนี้ในยุคไหนก็เหมือนกันล้อเลียนกันไม่ได้ยากอะไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:11:33 )
รายละเอียด
เป็นคนไม่สะสมเงินทองเป็นของตนเองเลยแต่ขยันหมั่นเพียรสร้างสรร แล้วสะพัดออก แม้จะขายก็ขายถูกๆ หรือแจกฟรี สะพัด คนนี้เป็นคนยอดนักเศรษฐศาสตร์ที่ช่วยบรรเทาความแย่งชิงกันได้ในสังคมโลก ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรทำไม่มีการงานทำ แต่เป็นคนที่ทำงานร่วมกันได้อย่างดีด้วย เป็นงานที่ไม่มอมเมาไม่ทุจริต หรือเป็นงานที่ไม่เข้าท่าเสียเวลาแต่อย่างใดแต่เป็นงานที่เป็นแก่นสารสาระ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 66 วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:21:17 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:55:30 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:13:37 )
รายละเอียด
ทุกวันนี้ รากฐานของธรรมะพระพุทธเจ้า เรียกว่าโลกุตรธรรม หรือเรียกว่าศิวิไลเซชั่น โลกุตระ ไม่มีภาษาอังกฤษ supramundane ก็พอได้ พูดแค่นั้นก็ได้ แต่มันก็ยังไม่เข้าถึงความหมายที่แท้จริง ว่าที่แท้จริง มันเป็นเรื่องของปรมัตถสัจจะ เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นเรื่องยากแต่ยากก็ต้องทำ มันไม่มีทางเลือก
เมืองไทยเป็นเมืองมีจิตวิญญาณตัวนี้แล้ว สิ่งที่แสดงออกว่า คนไทยมีโลกุตรธรรม คือ Bomb of Love นั่นคือการแสดงออกของ ประเทศไทย ในหลวง ร.9 สิ้นพระชนม์ ปึ๊บ ระเบิด ความเห็นความดีงาม การเห็นความดีงามของประชาชน คนไทยเต็มที่เลย แสดงออก ปรากฏการณ์สนามหลวง ปรากฎการณ์การมาเคารพคารวะทั้งปี เคารพพระศพ ในหลวง ร.9 ท่านสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เป็นการแสดงออกจากจิตวิญญาณจริง ไม่มีใครไปหว่านล้อม นี่คือรากฐานจิตวิญญาณของคนไทยจริงๆ เป็นเลือดโลกุตรธรรม
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 20:41:56 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 14:06:46 )
รายละเอียด
ส่วนโลกุตระออกนอกทวาร 6 เป็นเรื่องทวนกระแส พวกเรามีพื้นฐานพูดกับรู้เรื่อง ส่วนข้างนอกเป็นโลกียะ ยากมากเลย ปัญหามีเยอะมาก แล้วก็อีกอย่างที่เป็นเรื่องยากของอาตมาก็คือพระสมณโคดม พระพุทธเจ้าองค์นี้ ท่านไม่สอนใบไม้ทั้งป่า ท่านไม่สอนโพธิสัตวภูมิ ท่านสอนแค่อรหันตภูมิเท่านั้น ใบไม้กำมือเดียว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:38:10 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 11:31:30 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:48:32 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:15:00 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น กามก็ไม่ได้แล้ว ไปจมที่ใจเท่านั้น หลงทิศทาง อสัญญีสัตว์ เป็น
อาฬารดาบส อุทกดาบส พระพุทธเจ้าก็อุทานว่า ช่วยไม่ได้แล้ว แล้วจะเป็นอย่างนี้อีกนาน อีกกี่ล้านกัป มันน่าสงสารไหม แล้วก็ไปนั่งหลับตาได้ฌาน 7 ฌาน 8 เหมือน อาฬารดาบส อุทกดาบส ก็จะฉิบหายใหญ่ เหมือนพระพุทธเจ้าอุทานนั่นแหละ หากมีพระไตรปิฎกอ้างอิงพระพุทธเจ้าตรัส ไม่ใช่อาตมาพูดอย่างลอยลม เมื่อไหร่จะพอเข้าใจได้ แล้วเลิกกันมา เสียเวลากันจริงๆ เสียเวลาแล้วตัวเองจะหนัก
เพราะตัวเองทำผิดไปจากของพระพุทธเจ้า มันเท่ากับทำลายศาสนาพุทธ ทำให้มันผิดเพี้ยนไป คุณได้บาป คุณได้นรก แต่คุณไม่รู้จักนรก ไม่รู้จักบาป เพราะมันเป็นเรื่องของกรรม คุณทำกรรมนั้นจริงก็เป็นบาปจริง นรกจริง ตอนนี้คุณอยู่อย่างนี้ คุณยังไม่เป็นไร แต่คุณตาย จิตของคุณต้องเป็น เป็นนรก คุณก็ต้องไปนรก แต่คุณยังไม่ตาย คุณก็ยังไม่เชื่อว่าต้องลงนรกเท่านั้นเอง ไม่รู้จะช่วยอย่างไรคนพวกนี้ สุดท้ายก็ไม่กลัวบาปไม่กลัวนรก ทั้งๆที่เรียน แล้วก็หลงผิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นนรก ทั้งๆที่อยู่กับนรก เหมือนนกไม่เห็นฟ้า ปลาไม่เห็นน้ำ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 21:03:32 )
รายละเอียด
ท่านพุทธทาสก็มีอะไรดีที่ถูกต้องอยู่บ้างแต่ท่านยังวนอยู่
อันนี้เป็นเรื่องร่วมสมัย เป็นเรื่องของบรรยากาศเป็นเรื่องของโลกที่เปลี่ยนไปอะไรหลายอย่าง คนก็มาอนุเคราะห์อาตมาไปตามควร อาตมาพยายามฝืนสังขารรักษาร่างกาย ทวัตติงสาการ อาการ 32 ให้มันสดให้มันเป็นไปให้เสื่อมช้า เพื่อจะทำงานต่อไป ไม่ใช่ว่าอาตมาอยากอยู่สบายเสพอะไรต่ออะไร แม้แต่เอาคอมพิวเตอร์มาใช้ อาตมาก็ไม่ได้เอาไปใช้เรื่องอื่นนอกจากมาทำงานศาสนา เมื่อยแสนเมื่อย ก็มีเครื่องทุ่นแรงบ้าง คุณยังเข้าใจองค์ประกอบกระบวนการที่เป็นเหตุปัจจัยแก่กันและกันตามควร คุณไม่รู้จักมหาปเทส สัปปุริสธรรม 7 ประการเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:35:07 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561
เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:33:57 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นก็ค่อยๆ ศึกษา เราจะได้ค่อยๆ เข้าใจถึงความเป็นโลก คือทุกอย่างปรุงแต่งกันอยู่ในองค์ประกอบของข้างนอกอันอื่น จนกระทั่งมาเกี่ยวข้องกับเรา แล้วก็มีพฤติกรรมพฤติการณ์ต่างๆ ปรุงแต่งกันขึ้นเป็นเรื่องเป็นราว คนมีธาตุรู้เป็นเจ้าเรือน ก็เป็นตัวที่จะกำหนด ซึ่งจิตวิญญาณที่มันกำหนดนี่แหละ มันหลากหลายมากที่สุดเลย พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วเอามาสอนเรา แล้วก็เอามาตรัสเป็นสูตรต่างๆ ในการที่จะเรียนรู้อาการที่พระพุทธเจ้าท่านแบ่งแยกย่อยเอาไว้ ตั้งแต่ 2-3 มากมายขยายเป็น 4 5 6 7 8 9 จนนับไม่ถ้วน เป็นรายละเอียดที่มีต้นตอคือจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง ที่มันเป็นตัวกำหนดทั้งรู้ กำหนดทั้งเกิด กำหนดทั้งดับ ก็เป็นเรื่องลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์แต่ละคนๆ
ตั้งแต่พระพุทธเจ้าเองทุกพระองค์ ท่านก็เป็นคนหรือเป็นมนุษย์เหมือนกับเราทุกคน แต่ท่านได้ศึกษาตามพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เราไม่รู้หรอกพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 ที่เป็นต้นธาตุแท้ๆ คือใครตามไม่ได้ไม่มีใครจะรู้ต้นทางต้นธาตุของพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ไม่สามารถตรัสบอกได้ ว่าพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 เมื่อใด แต่ประมาณผู้ที่สามารถระลึก พระพุทธเจ้าระลึกชาติย้อนไปได้ เป็นล้านๆ ล้านๆ ปี
แล้วก็ผู้ที่เกิดแม้แต่พระพุทธเจ้าอุบัติประสูติหรือว่าตรัสรู้แล้วก็ประกาศพระธรรม แต่ละองค์แต่ละองค์ก็ตามไปถึงต้นตอ ต้นธาตุ ต้นธรรมไม่ได้ คนที่อวดเก่งว่าเป็นต้นธาตุต้นธรรมเอง อวดเก่งว่าเป็นผู้รู้จุดเริ่มต้นของพระพุทธเจ้าองค์แรกก็ดี เป็นเรื่องอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน เพราะมันเป็นไปไม่ได้นอกจากเป็นเรื่องอุปาทานตัวเองสร้างเรื่องเอง แล้วก็กำหนดหมายเองเอามาพูดเลอะเทอะ
ที่มา ที่ไป
พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2566 วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2566 ที่บวราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 17:28:04 )
รายละเอียด
คือ มีความเจริญต่อเนื่องตามลำดับอีกมากมาย
สัมปชัญญะ = ความรู้ตัว ต่อกับการมีสติ ระลึกรู้
สัมปชานะ = รู้สำนึกตัวในการปฏิบัติ สติปัฏฐานอยู่
สัมปาชาติ = เหตุไปสู่การละเลง เพื่อสัมปัชชติ
สัมปาชชติ = ความรู้จากการแยกแยะ ขจัด
สัมปาเปติ = การสังเคราะห์กันขึ้นอย่างอวจร
สัมปฏิสังขา = ญาณรู้จักการทบทวนกระทำซ้ำ
สัมปัชชลติ = เข้าสู่การโหมไหม้ สว่างเรืองรอง
สัมปัตตะ, สัมปันนะ = การเข้าบรรลุผล (ในรอบนั้น)
สัมปฏิเวธะ = ความรู้ที่รู้แจ้งแทงตลอดในรอบนั้น
ปฏิสาเรสสามิ = จักทำให้เขาสำนึก
ปัจจเวกขันตัสสะ = ได้สำนึก
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 14:10:53 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:56:28 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:15:26 )
รายละเอียด
อาตมาอธิบายถึงขั้นว่าขนาดคุณไปเหยียบหัวงู โดยที่ไม่ได้เจตนา มันรู้หรือว่าคุณไม่เจตนาแต่มันตาย มันเจ็บแล้วมันจะโกรธคุณไหม เราบอกว่าเราไม่เจตนานะ งูมันจะบอกว่าอภัยให้หรือ มันรู้หรือ ไม่รู้หรอก ใช่ไหม อย่างนี้เป็นต้น อย่าไปยุ่งกับมัน เรื่องสัตว์เดรัจฉานพูดกันไม่รู้เรื่อง
ขนาดมนุษย์ยังต้องแบ่งกันว่า พาลชน อย่าไปเกี่ยวกับเขา เขาเข้ามาใกล้เราก็ห่าง อย่าไปให้เขามาทำชั่ว เขามาทำชั่วกับเรานั่นบาปหนักหนานะ เราอย่าไปให้เขามาใกล้เรา เราป้องกันอย่างหนึ่งไม่ต้องไปตอบโต้อะไรเขา ไม่ใช่ว่าเรารังเกียจ แต่มันอยู่ในวาระที่จะต้องทำอย่างนี้ ดีที่สุด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:46:32 )
รายละเอียด
เรื่องสามัญของโลก คือ ดีหรือไม่ดีเป็นเรื่องสามัญของโลก ศาสนาไหนสามัญชนก็รู้ว่าต้องทำความดีแล้วงดเว้นทำความชั่ว ไม่ต้องมีศาสนา สามัญสำนึกเขาก็ทำกัน แต่ความสุขความทุกข์นี่สิ มีศาสนาเดียวคือศาสนาพุทธเท่านั้นที่สอน อันนี้เป็นเรื่องพิเศษ
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 10:45:30 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:57:06 )
รายละเอียด
อาตมานำพระราชดำรัสอย่างนี้ ที่ได้คลิปของในหลวง เปิดทางโทรทัศน์บุญนิยมทุกวัน วันละไม่รู้กี่เที่ยว เปิดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และก็จะเปิดต่อไป ใครจะว่าซ้ำซากอย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องสุดยอดของมนุษยชาติ มีสองคลิปที่ในหลวงท่านตรัส แบบคนจน กับแบบขาดทุนของเราคือกำไรของเรา อาตมาก็เอามาเผยแพร่ เอามาบอกมนุษยชาติอยู่ตลอดเวลา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ปัจฉิมกถาปิดงาน มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินครั้งที่ 12
ที่มาบเอื้อง จ.ชลบุรี วันที่ 18 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:12:27 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นสัตว์เดรัจฉานตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว 2 เซลล์มันก็เริ่มมีตัวกูของกูขึ้นมายึดถือเลย แล้วก็รักตัวรักตนยึดตัวยึดตน ใครมาทำร้ายฉัน ฉันสู้ เพราะฉะนั้นไวรัส หรือว่าเชื้อโรคเล็กๆ มันกัดคุณอย่างเดียว มันทำร้ายคนอย่างเดียว มันไม่รู้ มันเอาตัวเองเป็นหลัก
เพราะฉะนั้นก็จำนน จะบอกว่าหมอนี่ก็ฆ่าสัตว์สิ ฆ่าไวรัสมันสัตว์ ก็ต้องฆ่า ไม่ฆ่ามันก็ฆ่าเรา เป็นเรื่องสุดวิสัย จะบอกว่าเชื้อโรคก็ไม่ให้ฆ่าอย่างพวกเชน เป็นโรคภัยก็ไม่รักษาปล่อยไป หรือแม้แต่ชาวพุทธนี่แหละพวกที่เคร่งๆ ก็ไม่เอาไม่รักษาปล่อยไป อย่ามารักษา โธ่เอ๋ย! คนมีคุณค่าก็อยากรักษาไว้ ไม่อยากให้ตายง่ายๆ อยู่ให้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรก็ยังได้ แต่ดัดจริตสะดิ้ง
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:49:27 )
รายละเอียด
ทำอย่างไร ทำอย่างที่เราเคยปรุงแต่งตั้งแต่มันหยาบคืออบายมุข คือหัวหน้านรก ไม่เหมือนกันใครที่ไปติดสิ่งที่หยาบต่ำในโลก ก็แล้วแต่ปฏิภาณปัญญาของแต่ละคนไปรู้ อย่างหยาบต่ำเกเร ทำกรรมกิริยานั้นคนก็รู้ดี แต่เราไม่เป็นอย่างนั้น มันยังมีกรรมกริยาที่ต่ำชั่วบาปของเราอีก กรรมกิริยาชั่วหยาบนี้ซ้อน เช่นคนฉลาดฉลาดซับซ้อนใช้มนุษย์ มีกลวิธีให้มนุษย์คนอื่นทำชั่วแทนเลย แต่ตัวเองได้รับประโยชน์ยอดจากชั่วนั้น คนนี้แหละคือมหายอดจอมอบายมุขเลย ในทางโลกเขาเรียกว่าพวกหัวหน้านักเลง หัวหน้าแก๊ง หัวหน้าใหญ่ที่บำเรออัตตาใจโหด ไม่ได้ทำให้คนอื่น มีแต่ตัวกูของกู สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องหยาบใหญ่ที่สุด ที่จะต้องมาเรียนรู้ ไม่อย่างนั้นเราก็หลงสะสม โลภ ตนกับของตน อัตตากับอัตนียา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด นักเรียนสัมมาสิกขา ปีการศึกษา 2562-2563
วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 20:53:13 )
รายละเอียด
ก็เท่ากับตัวเอง มันทำหลงผิด มันถลำตัว ไปยกสิ่งที่ไม่เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า มาประพฤติ มาปฏิบัติ มาเป็น มามี เช่นศาสนาพุทธให้เลิกไปหลงในการติดลาภยศสรรเสริญสุข แต่สังคมศาสนาพุทธทุกวันนี้กระแสหลักก็ยังเต็มไปด้วยเรื่องลาภ เลอะเทอะเละเทะกับเรื่องลาภ เลอะเทอะเละเทะกับเรื่องยศ สรรเสริญเป็นเรื่องนามธรรม สุขเป็นเรื่องนามธรรม ก็เพียบพร้อม ไม่ใช่ไม่มี สรรเสริญไม่ใช่ไม่มีสุข ติดอย่างลึกซึ้งเลย ทั้งสรรเสริญ และสุข เรื่องลาภยศเป็นเรื่องภายนอกที่เห็นได้ง่ายก็ชัดเจนอยู่อย่างนั้น ติดเต็มไปหมด ซึ่งก็ไม่รู้ตัว ตัวเองก็เป็นอยู่อย่างนั้น เมื่อไม่รู้ตัวก็เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาพูดไม่ได้ เพราะตัวเองตรงกันข้ามกับที่พระพุทธเจ้าสอนเสียแล้ว หากเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผยมันก็เป็นการประจานตัวเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิธรรมของศีลข้อ 1 ที่ชาวอโศกปฏิบัติได้ วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน2 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:03:29 )
รายละเอียด
เรื่องหลับตา นี้มันเป็นประเด็นนะ หลับตานี้ไม่ได้หมายความว่าหลับตาเฉยๆ แต่หมายถึงทำให้จิตเข้าไปอยู่ในภพภายในคุณตัดภพภายนอก คุณจะหลับตาหรือไม่หลับตา แต่ถ้าคนไม่รับรู้ภายนอกเลยคือหมายความว่าคุณหลับตาในความหมายหยาบๆ ความหมายอันลึกซึ้งคือคุณไม่ได้ใส่ใจในตาหูจมูกลิ้นกาย ไปเอาความรู้สึกไปอยู่ในภพภายใน อันนี้คือการปฏิบัติเชิงหลับตา ที่ถามมานี้พระพุทธเจ้าจะหลับตาหรือไม่หลับตาไม่มีปัญหา แม้แต่ลืมตาอาตมาสามารถทำจิตเข้าไปภายในไม่รับรู้ภายนอกก็ทำได้ ไม่เกี่ยวกับภายนอกก็ทำได้ ไม่ต้องถึงพระพุทธเจ้าหรอก จะบอกว่าพระพุทธเจ้าหลับตาหรือลืมตาก็ไม่รู้ ถ้าหลับตาก็สบายๆตอนนั้นเป็นตอนกลางคืนด้วย จะนั่งหลับตาก็ได้ ในวันเพ็ญเดือน 6 15ค่ำยามหนึ่งยามสองยามสาม จะหลับตาหรือลืมตาก็ไม่มีปัญหาอะไร รายละเอียดจริงๆพ่อครูก็เข้าใจว่าคนไม่เข้าใจได้ง่ายๆหรอก อย่างของพระพุทธเจ้าท่านนั่งระลึก จะหลับตาหรือไม่ก็ได้ แล้วท่านก็ระลึกถึงของเก่าบุพเพนิวาสานุสติญาณ ท่านก็ระลึกถึงว่าท่านเป็นใครมาจากไหน ปฏิบัติมาแล้วกี่ชาติแล้วอย่างไร ท่านก็รู้ว่าท่านเคยผ่านมาแล้วจุตูปปาตญาณเคยมีมาอย่างนั้นถ้าเคยทำอย่างนั้น เป็นพระโพธิสัตว์มาจนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วท่านก็รู้ของท่าน ท่านถึงชัดเจนเมื่อตรวจสอบตัวเองว่าจะทำงานตรวจสอบโลกแล้ว ว่าจะต้องประกาศหรือไม่ประกาศ ก็เหมือนเปิดตำรา ท่านก็ตรวจภูมิธรรมของท่านแล้วเอามาประกาศตามลำดับ นี่เป็นการขยายรายละเอียด
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 10:46:35 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:58:28 )
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 07:20:31 )
รายละเอียด
อาตมาสรุปผลสูงสุดตามที่เรียนมาของพระพุทธเจ้าและก็ตรงกันกับของในหลวง ร.9 ตรงกับความรู้ความเห็นของอาตมาที่ทำมาตั้งแต่ต้น อาตมาชัดเจนในตัวเอง และออกมาทำงานทางนี้โดยตรง ทางด้านศาสนา 47 ย่างเข้า 48 ปีแล้ว ใกล้ๆ 50 ปีแล้ว ก็เห็นผลได้ยากมาก แต่ก็ยังมั่นใจว่าไม่มีประเทศไหนจะทำได้อย่างประเทศไทย พูดแล้วมันเหมือน ยกตัวเบ่งใหญ่ จริง มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก ของพระพุทธเจ้า พูดไปเป็นเรื่องอจินไตย เข้าใจได้ยาก วันนี้พูดได้เวลาน้อย เอาตีกรอบเท่าที่อาตมาจะพูด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ปัจฉิมกถาปิดงาน มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินครั้งที่ 12
ที่มาบเอื้อง จ.ชลบุรี วันที่ 18 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:05:52 )
รายละเอียด
เพราะเป็นเรื่องอนิจจตา เป็นลักขณรูปตัวที่เกือบสุดท้าย เพราะไม่ใช่ปัจจุบัน ปัจจุบันที่เล็กที่สุดคือความเที่ยงแท้ งั้นเพราะฉะนั้นใครจะไปคิดว่าอะไรเที่ยง ท่านจึงจบด้วย อนิจจตา เป็นตัวรูป 28 ในลักขณรูป 4 สุดท่าย อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจตา เราอย่าไปยึดมั่นถือมั่น
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 11:16:04 )
รายละเอียด
[143] สมัยนั้นแล อัมพัฏฐมาณพ ศิษย์ของพราหมณ์โปกขรสาติ เป็นผู้เล่าเรียนทรงจำมนต์ รู้จบไตรเพท พร้อมทั้งคัมภีร์นิฆัณฑุ 1- คัมภีร์เกตุภะ 2- พร้อมทั้งประเภทอักษร มีคัมภีร์อิติหาสเป็นที่ 5 3- เป็นผู้เข้าใจตัวบท เป็นผู้เข้าใจไวยากรณ์ ชำนาญในคัมภีร์โลกายตะ 4- และมหาปุริสลักษณะ อันอาจารย์ยกย่องและรับรองในลัทธิปาพจน์ คือ ไตรวิทยา อันเป็นของอาจารย์ของตนว่า ฉันรู้สิ่งใด เธอรู้สิ่งนั้น เธอรู้สิ่งใด ฉันรู้สิ่งนั้น.
ครั้งนั้นแล พราหมณ์โปกขรสาติ เรียกอัมพัฏฐมาณพมาเล่าว่า พ่ออัมพัฏฐะ พระสมณโคดมศากยบุตร พระองค์นี้ทรงผนวชจากศากยสกุล แล้วเสด็จจาริกไปในโกศลชนบท พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป ถึงอิจฉานังคลคาม โดยลำดับ ประทับอยู่ ณ ราวป่าอิจฉานังคลวันใกล้อิจฉานังคลคาม ก็เกียรติศัพท์อันงามของท่านพระโคดมพระองค์นั้นแล ขจรไปอย่างนี้ว่า
แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว(สุคโต) ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรมพระตถาคตพระองค์นั้น ทรงทำโลกนี้ พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:13:10 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 09:56:41 )
รายละเอียด
และคุณเข้าใจว่า ที่เป็นโลกียะนั้นไม่มีทางไปถึงนิพพาน คุณเข้าใจตรงนี้ถูกแล้วดีมาก ชื่นใจพอมีหวัง
คำว่า มี คำนี้ คนที่มีอุปาทาน ยึดมั่นถือมั่นว่าตัวเองหนังเหนียว เขาก็หนังเหนียวจริงๆ จิตที่มีอุปาทานยึดถือ มันไม่ใช่ง่ายๆ อาตมาก็เคยเล่นมา หนังเหนียวที่ไหนกัน เราเล่นกัน เช่นใช้มีดโกนยิลเลตต์ คมขนาดว่า ก่อนจะกรีด โกนขนร่วงเลยนะ ก็เอามาฟัน กรีด หากกรีดแรงๆ ก็จะเป็นรอยแดงเป็น ยางบอน เจ็บ แต่ไม่เหวอะหวะ มันฟันไม่เข้า แค่เป็นรอยแรง
เรื่องอุปาทาน สิ่งไม่มีก็กลายเป็นมี อย่างที่เทศกาลกินเจภูเก็ต เขาเอาอะไรมาแทง เอาท่อเหล็กมายัดปาก เจ็บ แต่เขาก็ไม่เจ็บ เขาทนได้ เดินลุยไฟไม่ไหม้ เจ็บบ้างแต่ก็ทนได้ แต่ไปเดินแช่กลางกองไฟไม่ได้หรอก มีแต่วิ่งผ่านไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาตนให้รู้ความเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:50:36 )
รายละเอียด
ตั้งแต่บัดนั้นมาอาตมาไม่หนังเหนียวเลย ซึ่งแต่ก่อนเล่นไสยศาสตร์เอามีดโกนกรีดก็ไม่เป็นแผล แต่เดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้วทิ้งหมดเลย มันเป็นอุปาทาน อาตมาก็เรียนรู้อุปาทานนี้มาเยอะ เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ ทดสอบ สะกดจิต มันเป็นไปได้เรื่องอุปาทาน อย่างที่ภูเก็ตเขาจะแทงตรงไหนก็ไม่เจ็บ เป็นเชื่อมั่น เป็นอุปาทานรักษาก็หายไม่เป็นแผล มันเป็นเรื่องจริงเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างที่บอกว่าเป็นปาฏิหาริย์แบบนั้น เป็นการเกิดจากจิตอุปาทานทั้งนั้น เดินลุยไฟไม่ไหม้ไม่พองไม่เจ็บ ก็อุปาทานทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร แล้วคุณทำไปทำไมมันก็เก่ง แต่ไม่ได้เรื่องอะไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:23:06 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name