@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ความต่างของวินัยกับศีล

รายละเอียด

ทุกวันนี้ ไปถามฆราวาสชาวพุทธ ว่าพระมีศีลเท่าไหร่ เขาก็จะบอกว่า 227 ซึ่ง 227 มันเป็นวินัย มันไม่ใช่ศีล แค่นี้ก็ไม่รู้แล้วเห็นไหม ความต่างของวินัยกับศีลต่างกันอย่างไร 

วินัยไม่ใช่ธรรมนูญ วินัยเป็นกฎหมายลูก มีอาญามีโทษรับโทษ อย่างน้อยก็ปลงอาบัติปาจิตตีย์ นอกนั้นก็จะต้องถึงขั้นติดคุกถึงขั้นปาราชิก ประหารชีวิต นั่นคือวินัย แต่ศีลไม่มีบทลงโทษ ใครไม่ทำไม่ปฏิบัติศีลคุณก็ไม่ได้ดีเอง คุณก็ไม่เจริญเอง ไม่มีนิพพาน วินัยเหมือนรั้วป้องกันบ้านไม่ให้อะไรเข้ามา แต่ศีลนั้นเป็นเนื้อแก่นแท้ๆ แม้แต่สะเก็ดคือศีลของต้นไม้ทั้งต้นก็ไม่อาจเอาได้ ไปลงอยู่แค่วินัย นี่คือความจริงที่ยืนยัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 21:05:40 )

ความต่างของสติเมื่อตื่นกับเมื่อหลับ

รายละเอียด

ใช่ๆ ก็สติมันมีพลัง ท่านเรียกว่าอธิปไตย เป็นอำนาจ เป็นพลัง สติเมื่อตื่นเต็มลืมตา มันจะเป็นธรรมชาติธรรมดา คนนอนหลับไปมันก็ตกภพ 

สติ มันแปลว่าร้อย มาจากศัพท์คำว่า สต แปลว่าร้อย ก็คือตื่นเต็มร้อย ชาคริ หรือชาคระ หรือชาคริยา ตื่น มีภาวะตื่นเต็ม

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาชาคริยานุโยค แม้จะหลับตานอนหลับก็ต้องตั้งความตื่น พยายามอย่าให้มันตกหลับใหล ถ้าหากหลับใหลก็ถูกผีเข้า ถูกอำนาจกิเลสครอบงำ มีฝันเลอะเทอะไปหมด ซึ่งเยอะมากในตอนนอนหลับนี้ เพราะเราปิดทวารทั้ง 5 ข้างนอก มันก็เลยไปรวมอยู่ในทวารข้างใน 

ชีวิตตอนตื่นนอนเรามีทั้ง 5 ทวารแบ่งไปตาหูจมูกลิ้นกาย มันก็กระจายออกไป ทีนี้เมื่อไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายไปรวมอยู่ภายในหมดเลย มันก็เลยเป็นพลังงาน รูปก็ดี เป็นเสียงรสสัมผัสมันมะรุมมะตุ้มรวมกัน ปรุงแต่งกันเป็นเรื่องราว 

เรื่องของรูปมันก็ต้องเอาของมันบ้าง เสียงก็จะเอาของมันบ้าง กลิ่นก็จะเอาของมันบ้าง ไม่ว่าจะกลิ่นหรือรส แม้ โผฏฐัพพะ มันก็มีมโนสังขาร มีการปรุงแต่งทางจิต มันก็เต็มไปหมดเลย เรื่องก็เลยเยอะอยู่ในจิต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 11:35:51 )

ความต่างของสมุนไพรกับสารสกัดสารเคมี

รายละเอียด

อาตมาก็ขยายให้ฟังว่า ยาก็คือความหมายของมันคือรักษาโรค แต่มันคือสมุนไพรหรือพืชพันธุ์ธัญญาหารอันเดียวกัน เอาสกัดมามันไม่เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร มันร้อน มันแรง ใช่ มันจะใจเร็วด่วนได้ มันมักง่ายแต่ทำยาก คือไปสกัดมัน แต่ไปเอาพืชมาทั้งดุ้น มันไม่ยาก เรารู้ความสำคัญและหน้าที่ของพืชตามแพทย์แผนไทยที่ศึกษากัน แพทย์แผนไทยคือแพทย์ที่ใช้พืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นหลักในการรักษานี่แหละจะเจริญในอนาคต เพราะไม่มีพิษข้างเคียง มีแต่รักษาแล้วก็พาให้เจริญ 

ส่วนสารสกัดสารเคมีอะไรพวกนั้น เร็ว แต่บอกแล้วตายไวโดยไม่ต้องไตวาย หายเร็วแต่ตายไว อายุไม่ยืนเท่าไหร่หรอก พวกที่ใส่สารเคมีเข้าไปมากๆ เพราะฉะนั้นถ้าหันมาทางสมุนไพรมาทางพืชพันธุ์ธัญญาหาร จะอายุยืน โรคภัยไข้เจ็บจะน้อย พวกใจเร็วด่วนได้นั้น หายไวตายไวโดยไตไม่วาย เอาพยัญชนะนี้ ไปทำความเข้าใจเอา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 กันยายน 2565 ( 12:42:14 )

ความต่างของสายปัญญากับสายเจโต

รายละเอียด

สายปัญญาจึงเร็วกว่าเจโตสองเท่า ตรัสรู้เร็วกว่าเจโตสองเท่าใช้การตรัสรู้เป็นพระ พุทธเจ้า 20​ อสงไขย เศษแสนมหากัปป์ ส่วนเจโตใช้ 40 ส่วนพวกวิตักกะ กลับไปกลับมา ใช้เวลา 80 มันเสียเวลายาวนานเหลือเกิน จนกระทั่งไม่รู้เอาสังขยาเลขอะไรมานับ กัปป์หนึ่งๆ เราก็ให้มันสั้นก็แล้วกัน สายปัญญาสั้นที่สุดก็พยายามแสวงหาปัญญา สังเกตต่อก็พยายามบรรลุได้ แต่ถ้าเป็นเจโตอยากจะเสริมปัญญา เพื่อให้เป็นสายปัญญาบรรลุสูงสุดก็ได้ ถ้าจะเป็นพระพุทธเจ้า สายเจโตก็ต้องทำปัญญา ถ้าจะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ถ้าจะบรรลุเป็นอรหันต์ก็ไม่ต้อง สลายอัตภาพตัวเองไปได้ แต่ถ้าเผื่อว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้า หรือแม้แต่แค่เป็นโพธิสัตว์ จะสลายอัตตาคุณเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะคุณทำอรหันต์ได้ เป็นอนุโพธิสัตว์ก็ทำได้ จะเป็นนิยตโพธิสัตว์ เป็นอนิยตโพธิสัตว์ จะปรินิพพานเป็นปริโยสานเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องเป็นพระพุทธเจ้า หรือเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เอาแล้วจะไม่ประกาศศาสนา ได้สัมมาสัมโพธิญาณแล้ว คุณก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไม่สร้างศาสนา โดยไม่เป็นเจ้าของศาสนา 1 สมัย ท่านเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธะแล้วก็ปรินิพพานไปก็เรื่องของท่าน

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:53:30 )

ความต่างของสายศรัทธากับสายปัญญา

รายละเอียด

แต่ถ้าคุณเป็นสายศรัทธา เป็นสายที่ยังไม่จบง่ายๆ คุณก็ต้องทวนแล้วทวนอีก จึงต้องมีเนวสัญญานาสัญญายตนะ มันยังไม่สิ้นสงสัย มันยังไม่เก่ง ถ้าหากเก่งแล้ว อากิญจัญญายตนะ เพราะฉะนั้น สายปัญญา 100% ดำเนิน ปฏิบัติไปเป็นธัมมานุสารีที่เป็นทิฏฐิปัตตะได้กายสักขี ปัญญาวิมุติ จบเลย ไม่ต้องไปเนวสัญญานาสัญญายตนะ 

คนจะพ้นสักกายะ ทิฏฐิปัตตะ กายสักขีได้ ต้องออกจากสัทธาวิมุติ ต้องพ้น สักกายทิฏฐิ ปัตตะคือการบรรลุ บรรลุทิฏฐิสมบูรณ์แบบของ สักกายทิฏฐิต่างกันมาก ทิฏฐิปัตตะกับสัทธาวิมุติ สัทธาวิมุติหยาบจึงช้าและยาก ต่างกันกับทิฏฐิปัตตะตรงที่ ถ้าสายสัทธาวิมุตมาได้กายสักขี ก็ไม่เหมือนทิฏฐิปัตตะมาได้กายสักขี 

แม้ทิฏฐิปัตตะเลื่อนฐานมาเป็นกายสักขี ก็ยังต่างจากสัทธาวิมุติมาเป็นกายสักขี สัทธาวิมุติทั้งช้าและยาก ไม่มีความเร็ว ไม่ง่าย ไม่ฉลาดอย่างทิฏฐิปัตตะ อย่างพวกสัมมาทิฏฐิท่านเป็นมาแต่ต้นเลย สัมผัสกายข้างนอกมามีวิโมกข์ 8 ด้วยสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายมาตลอด ไม่เคยไม่มีกายข้างนอกเลย จึงได้ไว เพราะฉะนั้นพอไปถึงกายสักขี ก็ต้องบอกว่า สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย แต่ ปัญญาวิมุติไม่ต้องบอก ให้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย เพราะว่า ท่านมีสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายมาตั้งแต่ต้นแล้ว สายสัทธาต้องใช้ 4 ขั้นจึงได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ 

ที่เขาแปล น เหวโข ว่า ไม่ถูกต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายนั้น มันแปลผิด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 50 ตอบปัญหาผ่าปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 กันยายน 2565 ( 15:33:21 )

ความต่างของสิริมหามายา

รายละเอียด

นักมายากลกับสิริมหามายานั้นจึงเป็น 2 คำ ที่บอกความหมายสุดยอดแล้ว อันหนึ่งไม่จริงเป็นมายา อันหนึ่งจริง สิริมหามายา 

มายา หรือ นักมายากลที่เก่ง ยิ่งไม่จริงมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น 

ส่วน สิริมหามายานั้น ยิ่งทำความไม่จริงนั้น แยกให้เห็นความจริงกับความไม่จริง ชัดขึ้น ๆๆๆๆ ชัดขึ้น ชี้สิ่งที่ 2 อัน ที่มันไม่เป็น 1 รวมลงไม่เป็น 1 ถ้ามันเป็น 2 มันจะต้องมีอันหนึ่งที่ควรกับอันหนึ่งที่ไม่ควร เราก็จะต้องเลือกเอาสิ่งที่ควรเสมอ ซึ่งไม่เที่ยง ขึ้นอยู่กับกาละ เทศะ ฐานะ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของทั้งหลาย 

อาตมาย่อๆลงมาเหลือ กาละคือเวลา เทศะคือที่ต่างๆ ฐานะคือตัวเรา เราจะตั้งอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ กาละเวลา เทศะคือที่ต่างๆ ฐานะคือตัวเรา ขึ้นอยู่กับ สรุปสั้นย่อลงมาเหลือ 3 คำนี้ คือกาละ เทศะ ฐานะ แล้วเราก็จะรู้ว่า เอามาใช้ร่วมกันตั้งแต่ 2 ขึ้นไปเป็น 3-4 เป็น 5 เป็น 6 เป็น 7 จนหาประมาณมิได้ ต้องจับคู่ทีละคู่ก็จะค่อยๆรู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 51 เป็นผู้แพ้ผู้รับใช้ได้ไม่ยาก ด้วยฌานทั้ง 4 วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2565 ( 14:17:12 )

ความต่างของอบายมุข 6 กับอบายมุข 4

รายละเอียด

สรุป อบายมุขไปแค่ 6 ข้อ ที่จริงแล้วมีอบายมุข 4 อีก มีความแตกต่างกันอยู่ข้อหนึ่ง ใน 4 และ 6 

เช่น การละเล่น ที่เรียกกันว่า กีฬา หรือ ความรวย ที่เรียกว่า ความมั่งมีร่ำรวย ผู้ที่ร่ำรวยมากๆคุณเก่ง คุณฉลาด คุณมีกลยุทธ์ สามารถรวบรวมมาเป็นของตนได้มาก แล้วคุณก็พอใจยินดีในสิ่งที่ตนมีมาก ได้มากนั้น พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่อย่างสุจริตด้วยนะ คุณก็ยังเป็นคนใจร้ายใจดำอำมหิต เพราะเท่ากับทรมานเท่ากับเบียดเบียนผู้อื่น เพราะคุณเก่งคุณสามารถ คุณเอามาเป็นของตนได้ คนอื่นก็ขาดแคลน ยากลำบากถึงขั้นบางคนต้องฆ่าตัวตาย เหตุเพราะคุณนะ นี่ไม่ใช่พูดเรื่องขี้ตู่นะ แต่เป็นเรื่องจริง 

โดยคุณไม่รู้เลยว่าคุณเองจะเป็นเจ้าของสิ่งนี้ไปอีกเท่าไหร่ ให้ 200 ปีเลย คุณอายุ 200 ปี เก่งมากเลยอยู่ได้ 200 ปี คุณก็ต้องตายจากสิ่งของเหล่านั้น สิ่งของเหล่านั้นไม่ใช่ของคุณหรอก มันไม่ใช่ของคุณแน่นอนอีก 200 ปี คุณจะเขียนพินัยกรรมให้เป็นของคุณไปอีกชาติหน้า เขียนให้ตายไปอย่างไรไม่มีทางเป็นไปได้ มีแต่คุณจะไปใช้หนี้เขาในชาติหน้า เมื่อคุณรู้เรื่องกรรมวิบากแล้ว อาตมาจะไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องกรรมวิบาก คุณไม่รู้ตัวหรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 17:47:04 )

ความต่างของเวทนาแท้กับเวทนาเก๊

รายละเอียด

มาแยกตรง ความรู้สึกที่เวทนา เวทนาแท้ๆ เวทนาเห็นอันนี้สีขาว ขาวฉ่อง เป็นความจริง แต่เวทนาเก๊ก็บอกว่า​ ขาวนี้ อยากได้ ขาวนี้ชอบใจ ขาวนี้ไม่ชอบใจเลย นั่นคือ เก๊แล้ว เพี้ยนไปจากเดิม ก็ขาว มันก็ขาวอย่างนี้ 

ไทยมาเจอขาวก็ใช้ภาษาไทยว่า ขาว ใช้ภาษาจีนว่าอะไรก็ว่าไป ขาว หรือจะภาษาฝรั่งว่า ขาวว่าอะไรก็เรียกไปตามภาษาฝรั่ง ภาษาอะไรอีกก็แล้วแต่ ภาษาสเปน ภาษาแอฟริกัน เขาจะเรียกอันนี้ว่าอะไรก็ว่าตามภาษาของเขา แต่สัจจะมันคือ อันนี้คือขาว เป็นหนึ่งเดียวเหมือนกันหมด อย่างอื่นก็เรียกตามประสาไป แต่เหมือนกันหมด 

ส่วนที่ไม่เหมือนกันคือ อารมณ์ต่างกัน ชอบหรือไม่ชอบ มันมีแฝงออกมาจากการรู้จักความขาว อันเป็นอย่างหนึ่งอย่างเดียว สัจจะเป็นหนึ่งเดียวถ้าไปเป็นอีกอันหนึ่ง นั่นแหละคือมันเป็นสิ่งที่เป็นของเก๊ ต้องเรียนรู้ของเก๊นี้ให้ได้ อย่าให้มันมาปน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 จากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2565 ( 05:16:59 )

ความต่างระหว่างการยืดถือเป็นกายกับยึดถือสิ่งที่ไม่ใช่กายว่าเป็นกาย

รายละเอียด

คือการไม่ใช่กาย คือไม่มีความรู้สึก ไม่มีเวทนา แม้ว่ามันจะเป็นพืช เป็นชีวะ เราจะแยกความรู้สึก เป็นพีชะมันจะรู้สึกอย่างไร เป็นจิตนิยามที่มีความรู้สึกเจ็บปวด มีความรัก ความชัง มันคืออย่างไร ก็จะต้องเกิดความเฉลียวฉลาด ระดับปัญญาให้รู้ได้ ว่า นัยข้อความต่างระหว่างการยึดถือเป็นกายกับยึดถือสิ่งที่ไม่ใช่กายว่าเป็นกาย เราก็จะรู้ว่าการทำกับสิ่ที่ไม่เจ็บปวด ไม่สุข ไม่ทุกข์ แม้ว่าจะเป็นชีวะ อย่างพืชคุณก็จะไม่บาป กินพืชนี้ ไม่มีบาป ไม่มีบุญ เขาก็จะไปเข้าใจว่ามันก็เป็นชีวิตเดียวก็เป็นบาป นั่นคือ มิจฉาทิฏฐิก็แยกไม่ได้ เขาก็แย้งว่ามันเป็นชีวะ ก็ต้องมีบาปบุญ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:50:06 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 16:58:01 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:20:18 )

ความต่างระหว่างนิพพาน ปรินิพพานและปรินิพพานเป็นปริโยสาน

รายละเอียด

สรุปแล้ว นิพพาน ได้ผลที่รู้จักกิเลส ปรินิพพานตรวจสอบยืนยันพร้อมในการดับรอบอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ก็แค่นี้ ส่วนจะปรินิพพาน เป็นปริโยสาน ก็แล้วแต่คุณสิ คุณเป็นพระอรหันต์แล้วจะปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ได้ เป็นพระอรหันต์จะต่อภพภูมิเป็นอนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ก็ได้ แต่คนจะไม่ต่อตอนนี้ ผ่านเป็นปริโยสานก็ได้ แต่พระพุทธเจ้าทุกองค์ปรินิพพานเป็นปริโยสานไม่มี 2 สมัย เพราะฉะนั้นไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งสมัยที่ 2 ไม่มี ชัดขึ้นนะ ก็สนุกดีเหมือนกันนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 11:55:14 )

ความต่างระหว่างบริบูรณ์กับสัมบูรณ์

รายละเอียด

คำว่า บริบูรณ์กับสัมบูรณ์ คำว่าบริบูรณ์ยังไม่สิ้นสุดเท่ากับคำว่าสัมบูรณ์ บริบูรณ์ก็เป็นแต่เพียงความครบระดับ แต่ถ้าสัมบูรณ์ครบเป็น 0 เลย บริบูรณ์นี้ครบเป็น 9 คือ ปริ กับ ปูรณะ ส่วน สัมบูรณ์นั้น สัมม กับ ปูรณะ สมบูรณ์สุดจบ ไม่ใช่ปริรอบ แต่มีทั้งนอกทั้งในทั้งเนื้อทั้งเปลือกเลย สัมบูรณ์  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3 วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 08:07:48 )

ความต่างระหว่างพลเอกประยุทธ์กับพลเอกเปรม

รายละเอียด

พลเอกประยุทธ์เอาเรื่องการกระทำมากกว่าเรื่องพูด มันก็เลยเงียบ เป็นการยึดอำนาจไหม พลเอกเปรมท่านก็เป็นคนที่ไม่พูดมาก ใครจะพูดอย่างไรท่านก็นิ่ง ท่านก็ปล่อยให้ตบมือข้างเดียวไป เรื่องก็เลยไม่ค่อยมาก ต่างกับบุคลิกของพลเอกประยุทธ์ พูดมาท่านก็ตอบโต้ มันก็เลยคนละเรื่อง คนละอย่างกัน ก็เลยเป็นอย่างนี้แหละท่านผู้ชม มันก็ไม่เสียหายอะไรหรอกอย่างนี้รู้เรื่องดีไม่อึมครึม แต่พลเอกเปรมก็มีความรู้อย่างท่านบริหารไปได้ดี ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ทำแล้วจะสำเร็จไปในตัว พลเอกเปรมนั้นแม้จะดีแต่เมื่อเปลี่ยนจากพลเอกเปรมมันก็ไม่อยู่แล้ว มันไม่นิ่ง มันไม่สำเร็จ มันได้ชั่วคราว เหมือนพวกนั่งสมาธิหลับตาสะกดจิตได้ชั่วคราว พอออกมามันก็กลับคืนเหมือนเดิม แต่อย่างพลเอกประยุทธ์เหมือนอย่างวิปัสสนา สามารสแจกแจงว่าอย่างไรผิดก็จัดการอะไรสูกทำต่อไปอะไรผิดให้เลิก เลิกอย่างถาวรด้วย เข้าหลักของพุทธศาสนาเข้าหลักของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 11:25:10 )

ความต่างระหว่างอิทธิวิธีกับมโนมยิทธิ

รายละเอียด

ตอบ เราต้องใช้สังกัปปะ 7 นั่นแหละมาปฏิบัติจัดการ คำว่าอิทธิวิธี คำว่าอิทธิวิธีคือวิธีปฏิบัตินี่แหละ แล้วเราจะเก่ง อิทธิคือเก่ง มันทำได้ สามารถทำได้ อิทธิวิธะคือทำได้หลายอย่าง มโนมยิทธิคือ ทำได้สำเร็จ แล้วความสำเร็จได้ มีหลากหลายขึ้นก็จะเก่งขึ้นมีมโนมยิทธิ คือเก่งในการทำให้กิเลสตายจากจิต ทำได้มากขึ้นๆ ก็เป็นจิตที่หลากหลายวิธี เรียกว่าอิทธิวิธี แล้ววิธีทำก็คือสังกัปปะ 7

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 10:46:20 )

ความต่างระหว่างเรื่องความดีกับเรื่องเพศ

รายละเอียด

เราต้องแยกให้ออกว่าเรื่องความดีเป็นพฤติกรรมทั่วไปเยอะ แต่เรื่องเพศ มันเป็นประเด็นเฉพาะของเรื่องเพศ เสพสมสู่สมสัมผัสเสียดสีเรื่องเพศ แต่เรื่องความดีนี้ไม่รู้กรรม กี่อย่าง สะสมกี่อย่าง

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลนน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 10:59:22 )

ความต่างในกรรมวิบากของพระโพธิสัตว์กับพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

คุณตัดสินได้หรือไม่ว่าองค์นี้เป็นพระอรหันต์ คุณมีภูมิถึงขั้นนั้นจริงหรือ อาตมาขอตอบสรุปก็แล้วกันว่า เพราะคุณคนนี้ยังไกล ยังสับสน ขอตอบสรุปก็แล้วกันว่าคุณสับสนระหว่างโพธิสัตว์กับพระพุทธเจ้า คุณเอาคุณสมบัติของพระพุทธเจ้ามาพูด ในขณะที่คุณกำลังพูดกับพระโพธิสัตว์ แล้วคุณจะให้พระโพธิสัตว์มีคุณสมบัติเหมือนกับพระพุทธเจ้า คุณผิดแล้ว มันไม่ใช่ คนละฝา คนละตัว คนละขนาด แต่คุณสับสน คุณพูดผิด ไปไตร่ตรองตรวจทานที่คุณพูดมาให้ดี 

อาตมายังไม่เคยบอกว่าตัวเองมีกรรมกิริยา มีพฤติกรรม อะไรต่างๆนานา เป็นพระพุทธเจ้า อาตมาไม่เคยบอก แต่บอกเสมอว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ แค่ระดับ 7 และพยายามขึ้นเป็นระดับ 8 อย่างนี้เป็นต้น พูดมาทำมาเป็น 50 ปีกว่าแล้ว ติดตามให้ดีๆ อย่าโมเม จับแพะชนแกะ มันบาป พูดผิดคนอื่นเขาฟังเชื่อตาม มันบาปนะคุณ คนที่พูดแล้วทำให้คนหลงผิดหลงเชื่อความผิด มีกรรมวิบากเป็นอกุศลกรรม บาป เข้าใจอันนี้ให้ได้ก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นอย่าพยายามพูดในสิ่งผิด มันเป็นกรรมที่เป็นอันทำนะ คุณทำผิดจะบอกว่าไม่เอาอันนี้แล้วลบล้างทิ้งก็ไม่ได้ กรรมเป็นอันทำ แม้การคิดก็เป็นกรรมเป็นอันทำ พูดก็เป็นอันทำ ออกทางกายวาจาใจก็ครบเต็มรูป กรรมเลยเป็นกัมมันตะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 41 คนโง่ซวย รวยเด่น และเป็นกลาง วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2565 ( 14:56:29 )

ความต่างในความเป็นคู่ในอภิภู

รายละเอียด

ต้องแยกความต่างในความเป็นคู่ในอภิภู ละเอียดเข้าจนกระทั่งถึงขั้นจับสี เช่น สีเขียวก็เป็นเขียวแก่ เขียวอ่อน เป็นเฉดต่างๆ สีแดงก็มีความต่าง ละเอียดลออไป  สีเหลืองก็ยิ่งบางเบา แต่ก็มีความแตกต่างกันนะ ผู้ที่เป็นอภิภูจะแยกความแตกต่างได้ เอาสีมาให้คิดพิจารณาแยกความแตกต่างได้ จะมีความละเอียดลออ จนกระทั่งความขาวก็แยกความแตกต่างได้ มีเฉดที่แตกต่างกันอย่างไรๆ ก็รู้หมด คนถึงขั้นว่ามีการแยกขาวต่างกันได้ จะเป็นคนขนาดไหน คิดดูสิ เป็นความขาวที่ไม่เท่ากันอีก ไม่ใช่มีความเป็นเปื้อนโสโครกนะไม่ใช่ แต่เป็นเฉดสีของสีขาวที่มันต่างกัน ต้องเอาความแตกต่างที่เป็นความขาวด้วยกันทั้งหมดที่มีความต่างกันในตัว ตามที่รู้ละเอียดในความต่างที่เรียกว่า ลิงคะ ที่จบ ได้เห็นความต่างและสุดท้ายเข้าใจความต่างอันเดียวกัน เท่ากัน และเป็น อนุปคัมมะ ไม่ไปหลงติดทั้งสองข้าง ในโลกก็มีอย่างนี้แหละ สุดท้ายก็จบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 42 อรหันต์คือมนุษย์พืชที่มีกายแต่ไม่มีกาย วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2565 ( 12:30:16 )

ความต่างในพระไตรปิฎกของเถรวาทกับมหายาน

รายละเอียด

โชคดีมากที่ศาสนาพุทธยังรักษา คำสอนไว้อย่างพอเพียง จะว่าครบก็ไม่ครบหรอก เถรวาท ยึดว่าคือคำของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่มีคำของพระเถระ เถรวาทะอีก ที่เอามาเก็บไว้ เถระที่อุบัติรวมกับพระพุทธเจ้าที่ได้พูดกัน  จากคำที่พูดกันเองก็ดี รุ่นเกิดยุค เดียวกันกับพระพุทธเจ้า ก็เก็บบันทึกไว้ในนี้ จะเป็นฆราวาสหรือพระก็ตาม ที่พูดกัน จะเก็บบันทึกเอาไว้ในพระไตรปิฎก อันนี้คือเถรวาท ไม่ใช่คำของพระพุทธเจ้า นี่คือ พระไตรปิฎของเถรวาท ส่วนของมหายาน ไม่ใช่ในยุคพระพุทธเจ้าอย่างเดียว แต่เป็นของอาจาริยวาท ของอาจารย์รุ่นหลังจากยุคพระพุทธเจ้า  อย่างวิสุทธิมรรค เก็บของพระพุทธเจ้า และความเห็นตนเองด้วย ดีไม่ดีบัญญัติใหม่ด้วย อย่างของพระพุทธโฆษาจารย์ เขียนวิสุทธิมรรค บันทึกมาเป็นบาลี ภาษาที่ลงไว้ แม้เป็นความเข้าใจ ตนเองก็ใช้ภาษาบาลี เขาก็นึกว่าเป็นของพระพุทธเจ้าหมด ไม่ใช่ แต่ที่จจริงคือภาษาของพุทธโฆษาจารย์ด้วย แต่มีของพระพุทธเจ้าด้วยแน่ แต่เขาก็มีของเขาด้วย พระพุทธโฆษาจารย์เข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้าเท่าไหร่ก็เอาไปบันทึกเข้าใจแต่การบันทึกเป็นภาษาบาลี ซึ่งไม่ใช่ภาษาของพระพุทธเจ้า อะไรที่พระพุทธโฆษาจารย์เข้าใจก็เป็นของพระพุทธโฆษาจารย์มันไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าแต่ก็พยายามบันทึกของพระพุทธเจ้าโดยภาษาบาลีที่เป็นความรู้ของพุทธโฆษาจารย์ ของพุทธเจ้าก็มี ของพุทธโฆษาจารย์ก็มี เท่าที่ตัวเองเข้าใจว่าอันนี้เป็นธรรมะที่ถูกต้องหรือจะแยกผิดแยกถูกก็บันทึกไว้หมด อันมิจฉาหรือสัมมาก็ให้เลือกเอาอันที่ถูก แล้วก็เอามาปฏิบัติให้ถูก ที่เคยปฏิบัติผิดๆก็แก้ไข การหลับตาปฏิบัติผิด แก้เป็นการลืมตาปฏิบัติถูก อาตมาก็เอามาให้พวกคุณปฏิบัติก็ได้

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:20:51 )

ความต่ำความสูงของบัญญัติกับสภาวะจริง

รายละเอียด

ตอบว่า ได้ ว่า อาตมาบัญญัติ สิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติได้ คำว่าบัญญัติคำนี้เป็นภาษาที่หมายความว่า กำหนดหมาย อธิบาย กำหนดหมาย ตั้งคำกำหนดหมายกับอธิบายความขึ้นมา สภาวะอันหนึ่งตั้งชื่อกำหนดหมายขึ้นมา แล้วก็ขยายความขึ้น ทีนี้ ตั้งชื่อก็ดี กำหนดหมายขยายความอันนั้นให้คนเข้าใจก็ดี ด้วยภาษาตัวเอง ที่ยุคนี้ต้องใช้ภาษานี้ อธิบายอันนี้แหละพระพุทธเจ้าอนุญาตแล้ว คุณเดชา อัมพร ไม่มีความรู้อันนี้

ยุคนี้ไม่ใช้คำพูดของพระพุทธเจ้า ยุคนี้เอาภาษาพระพุทธเจ้ามาพูดไม่รู้เรื่องกันหรอก โดยเฉพาะไทยต้องแปลจากภาษาที่ง่ายๆ ก็คือมาจากบาลี เป็นต้น เอามาเป็นไทย กระนั้นก็ยังรู้ยากเลย อาตมาก็ต้องมาขยาย กำหนดเป็นภาษาไทย ขยายความเป็นสำนวนไทย เนื้อหาไทย ให้พวกคุณได้รู้ อาตมาทำตามคำสอนพระพุทธเจ้าที่อนุญาต 100% เต็ม คุณเดชา อัมพร ไม่ใช่ คุณอย่า คุณไม่รู้ อาตมาทำตามคำสอนพระพุทธเจ้าที่อนุญาต 100% เต็ม คุณเดชา อัมพร คุณไม่รู้ คุณอย่าตู่ อย่าเอาบัญญัติมาขู่อาตมาเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาพ 2 ของกฎหลักเกณฑ์กับพฤติกรรมจริง วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 29 กันยายน 2565 ( 13:13:06 )

ความต้องการของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

หากภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นสาวกและสาวิกาของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ยังไม่ได้รับคำแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรมยังปฏิบัติธรรมไม่สมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรมที่เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอกแสดงบัญญัติแต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์  และข่มขี่ปรัปปวาทะที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อย โดยสหธรรมไม่ได้เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้นฯลฯ .  

ที่มา ที่ไป

มหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฏก เล่ม 10  ข้อ 102, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 13:32:39 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 16:59:13 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 05:04:46 )

ความถอยหลังอย่างน่ากลัวของประเทศที่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

แต่ถ้าไม่เข้าใจแล้วจะไปทำร่วมกับพวกรุนแรง อย่างทุกวันนี้สังคมที่จะร่วมกันและทำความรุนแรง ประชุมกันเรื่องค้าอาวุธ เป็นต้น ประชุมกันเรื่องพยายามส่งเสริมพัฒนาการของพลังงานที่จะให้เกิดความรุนแรงยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้เอาความรุนแรงเอาไปประหาร ไปแข่งดีแข่งเด่นอะไรกันต่างๆนานา ซึ่งมันเป็นความถอยหลังอย่างน่ากลัวตามที่ในหลวง ร. 9 ท่านตรัสไว้แล้ว แต่คนเข้าใจยังไม่ได้หรอก เขายังไม่รู้ง่ายๆ หรอก เขายังเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญเป็นความเจริญ เหมือนอย่างประเทศเกาหลีเหนือเชื่อ เหมือนอย่างสหรัฐอเมริกาเชื่อ หรือแม้แต่รัสเซียก็ตาม แม้แต่ตะวันออกกลางที่เขาเอง เขายังไม่ค่อยประสีประสาเท่าตะวันตก เท่ารัสเซีย หรือยิ่งเป็นเกาหลีเหนือเขายังไม่เท่า เขายังไม่ทราบซึ้งถึงพลังงานที่รุนแรง มากๆ เก่งๆ ยิ่งใหญ่ เหมือนกับคิม จองอึน เขาหลงหนัก เพราะว่าเขาได้อันนี้เป็นหนึ่งเลย เขาจะใช้อันนี้แหละเป็นตัวนำเขาไป จนกว่าเขาจะตาย อาตมาทำนายได้เลย คิม จองอึนนี้ เขาก็จะนำพาเรื่องนี้ไปตลอดชีวิตของเขา 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 19:55:17 )

ความถี่ที่จะรับรู้เรื่องซับซ้อนทางธรรมที่มีสัจจะทั้งปรมัตถ์และสมมติ

รายละเอียด

สรุปก็คือ อาตมาและชาวอโศกเราอยู่ในฐานะของผู้หลุดพ้นแล้วด้วยไม่ต้องเป็นภาระใดๆแก่ใคร แม้แต่ในหลวง หรือแม้แต่รัฐบาล ไม่เป็นภาระพวกเราก็ดี ไม่ต้องเป็นภาระของใคร หากจะให้เป็นภาระของในหลวง อาตมาเกรงพระทัยท่านมากเลย ไม่ต้องเป็นภาระทางด้านเศรษฐกิจการเมือง หรือแม้แต่สังคมเราก็ช่วยสังคม ช่วยรัฐบาลช่วยเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยอย่างนี้ต่างหากที่เราจะต้องทำ เราไม่ได้เป็นภาระให้ใครเลย มีแต่เบาภาระช่วยภาระให้แก่สังคม,ประเทศชาติ,ให้แก่รัฐบาล แม้แต่ในหลวง เราก็ไม่ต้องให้ท่านมาเป็นภาระกับเราเลย เป็นเรื่องซับซ้อนทางธรรม มันมีสัจจะทั้งปรมัตถ์และสมมุติ หากคนไม่มีความถี่ที่จะรับรู้สิ่งที่อาตมาพูดไม่ได้มันก็รับไม่ได้มันคนละความถี่ เขาก็ฟังผ่านไปไม่เห็นมีอะไร เหมือนกับคนรับคลื่นแสงอันนี้ไม่ได้เขาก็รับไม่ได้ เพราะว่าคลื่นแสงอันนี้มันละเอียดเกินไป เกินกว่าเครื่องรับของเขาจะรับได้ หรือแม้แต่ความถี่ของวิทยุขณะนี้เขาก็รับไม่ได้เพราะความถี่มันละเอียดกว่าเครื่องรับของเขา เครื่องรับของเขารับได้ในระดับต่ำมันก็เป็นธรรมชาติธรรมดา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 15:02:42 )

ความถูกตรง (สัมมัตตะ) 10

รายละเอียด

คือความถูกตรงที่ทําให้บรรลุมรรคผล

1.สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นถูกตรง)

2.สัมมาสังกัปปะ (ความดําริถูกตรง)

3. สัมมาวาจา (วาจาถูกตรง)

4. สัมมากัมมันตะ (การงานถูกตรง)

5. สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพถูกตรง)

6. สัมมาวายามะ (ความพยายามถูกตรง)

7. สัมมาสติ (การระลึกถูกตรง)

8. สัมมาสมาธิ (จิตตั้งมั่นถูกตรง)

9. สัมมาญาณ(ความรู้ถูกตรง)

10. สัมมาวิมุต(ความหลุดพ้นถูกตรง)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 24 “สัมมัตตสูตร” ข้อ 104


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 02:57:29 )

ความถูกต้องจริงนี่จะชนะสิ่งที่มันไม่ค่อยเต็มเต็ง

รายละเอียด

ตามความเห็นของอาตมา พลเอกประยุทธ์ถ้าวางมือไม่รู้ใครจะขึ้นมา คนที่อยากมีอำนาจแล้วกระเหี้ยนกระหือรือด้วย มีอยู่ไหม เสี่ยง คนฉลาดรู้ทั้งนั้นแหละ พลเอกประยุทธ์ก็รู้ แต่คงไม่อยากพูด ไม่อยากพูดเพราะมันแรง อาตมาเป็นคนกลางๆก็พูดได้  ที่เกิดเหตุก็คืออยากจะส่งลูกสาวมาครอบครองอำนาจแทน แล้วก็คุยโม้ อาตมาก็ไม่อยากจะไปข่มเขาอะไรมากมายหรอก ไม่อยากจะข่มหลายๆด้าน ที่เขามีความด้อย ฝ่ายคุณทักษิณที่ส่งตัวแทนเป็น nominee มาใหม่ 

ตอนนี้สังคมก็พอรู้อยู่ เห็นทีว่าเอ๊ นอมินี ตัวใหม่ สงสัยคงไปได้ยากก็เลยส่งตัวแม่มา ส่งตัวแม่มาประกบ ไม่รู้ว่าตัวแม่จะมาเป็นเองหรือว่าตัวแม่จะมาช่วย อะไรก็ไม่รู้ได้นะก็ดูกันไป มันเป็นสงครามสังคม ที่สวยมากเลย ในประเทศไทย แต่ก็แรงนะที่ต่อสู้ถือว่าแรงจัดจ้านน่าดู ทั้งๆ ที่มันน่าจะยอมแพ้แล้วแต่ก็ไม่ยอม ก็ดีเหมือนกัน พิสูจน์ว่า ความจริงหรือความดีจริง ความถูกต้องจริงนี่จะชนะสิ่งที่มันไม่ค่อยเต็มเต็ง ไม่ค่อยถูกต้อง ค่อนไปทางทุจริตมากด้วยซ้ำ ประชาชนคนไทยจะโง่ในระดับไปสนับสนุนทางโน้นเชียวหรือ ก็ดูๆ กันไป

ซึ่ง อาตมาก็อยู่กับพวกเราก็พูดอยู่ว่า ถ้าเผื่อว่าเกิดเหตุจลาจลจริงๆ เกิดเหตุการณ์จนกระทั่งจำเป็นที่เราจะต้องออกไปแสดงพลังมวลของประชาชน เพื่อแสดงตัวเองให้เห็นว่า นี่ ประชาชนกลุ่มหนึ่ง ใครจะมาร่วมก็มา ยังสนับสนุนพลเอกประยุทธ์อยู่ ถ้าเกิดเหตุการณ์จำเป็นจะต้องออกไป ไป จะต้องทำ นี่บอกไว้ก่อนไม่ใช่ขู่นะ เพราะว่าเรา เอ๊ จะว่าชำนาญก็ชำนาญพอใช้นะ ชำนาญในการประท้วง เป็นประชาธิปไตยที่สวยของโลก เป็นประชาธิปไตยที่ประท้วงด้วยความสงบ เอาความจริงเข้าสู้ ซึ่งสุดยอดแล้ว เป็นประชาธิปไตยสุดยอดแล้ว ออกไปแสดงอีกก็จะเด่นชัดขึ้นไปอีกไม่ต้องห่วงหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 54 ผู้เป็นกลางคือผู้วางกามกับอัตตา วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 14:33:55 )

ความถูกต้องที่แตกต่างกันหมายถึงนานาสังวาส

รายละเอียด

ถ้าเอาแค่นี้อาตมาก็ตัดสินได้แล้วว่าคุณกำลังเล่นคารมแค่นั้นเอง เพราะความถูกต้องสูงสุดเป็นสัจจะมีหนึ่งเดียว นี่เป็นคำตรัส ของพระพุทธเจ้าด้วยและอาตมาก็เห็นจริงและเป็นจริงตามความถูกต้องสูงสุดมีหนึ่งเดียวไม่มีสอง ถ้ามี 2 ยังไม่ใช่ความถูกต้องสูงสุด แต่นี่ คุณบอกว่าความถูกต้องที่แตกต่างกัน มันก็ใช้โวหารว่า ความถูกต้องที่แตกต่างกันมันก็ได้ มันหมายถึงนานาสังวาส

ก็ต่างคนต่างเห็นต่างกัน คุณก็อย่างหนึ่งเราก็อย่างหนึ่ง มันก็ต่างคนต่างไป มันไม่ได้เห็นว่าความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันแต่นี่มัน 2 อย่างคุณก็อย่างหนึ่งเราก็อย่างหนึ่ง อยู่แค่นี้ก็ไม่ต้องถกเถียงกัน คุณเห็นอย่างหนึ่งก็ทำไปเราเห็นอีกอย่างนึงก็ทำไป นี่ก็เป็นนัยยะสำคัญที่พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ อาตมาขยายอีกก็ได้ แต่มันเป็นการพักยกยังไม่จบสมบูรณ์ ถ้าจบสมบูรณ์ความถูกต้องต้องมีหนึ่งเดียวเหมือนกันหมดเลยเรียกว่านิพพาน 

คุณ คนนี้กำลังจะอธิบายนิพพาน แต่เขากำลังเล่นคารมให้คนหัวหมุนและสรุปว่า ความถูกต้องมีแตกต่างกัน ก็ได้ต่างคนต่างอยู่ แต่ต่างคนก็ต่างทำนะ อันนี้พระพุทธเจ้าก็สรุปว่า สรุปด้วยศัพท์คำว่านานาสังวาส คุณก็เห็นอย่างนึงเราก็เห็นอย่างนึง ก็ต่างคนต่างทำ ส่วนคนอื่นก็เลือกเอาเอง คุณฟังความทั้งสองฝ่าย คุณเห็นว่าฝ่ายไหนดี คุณก็เอาฝ่ายนั้น จบอีกเหมือนกัน ไม่ได้ไปบังคับ อิสรเสรีภาพ คุณเห็นฝ่ายไหนดีคุณก็เอาฝ่ายนั้น ก็จบอีก ก็จบต่างคนต่างเห็นที่ตัวเองชอบ สรุปแล้วก็คือไปที่ชอบที่ชอบเถอะ จบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:43:50 )

ความทุกข์ 10 ประการที่เลี่ยงได้และเลี่ยงไม่ได้

รายละเอียด

คนเราเกิดมานี่ ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป ผู้ที่บรรลุแล้ว พระอรหันต์ทุกองค์ก็พูดแบบนี้ เห็นทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป พระพุทธเจ้าท่านแยกทุกข์ที่หลุดพ้นได้ เลี่ยงได้ 4 ประการ ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้อีก 6 ประการ 

เพราะฉะนั้นทุกข์เท่านั้น ผู้บรรลุอรหันต์แล้ว ทุกข์ 4 ประการหมดเลี่ยงได้หมดทุกข์ หมดสุขแล้ว เพราะรู้เหตุมันดับไปแล้ว แต่ทุกข์อีก 6 ประการ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็เลี่ยง ไม่ได้ ในทุกข์ 10 ประการ 

ก. ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ (ทุกข์อันเกิดจากกาย) 

1. สภาวทุกข์ ทุกข์ประจำสังขาร เกิด แก่ เจ็บ ตาย ใครก็เลี่ยงไม่ได้การเกิดก็เป็นทุกข์ การแก่ก็เป็นทุกข์ การเจ็บก็เป็นทุกข์ การตายก็เป็นทุกข์ นี่ เรียกว่า สภาวะทุกข์ สภาวะแปลว่า อันปรากฏ ปรากฏอยู่ให้เห็น 

2. นิพัทธทุกข์ ทุกข์อยู่เนืองนิตย์ คือ หนาว ร้อน หิว กระหาย ปวดอุจจาระ  ปวดปัสสาวะ 

3. อาหารปริเยฏฐิทุกข์ ทุกข์ในการหากิน-การทำงาน ต้องขวนขวาย แม้แต่สัตว์ก็ต้องหากิน

4. พยาธิทุกข์ อวัยวะเจ้าการทำหน้าที่ไม่เป็นปกติ คนไม่ป่วยเลยตลอดจนตาย ไม่ปวดหัวเลยมันคงจะหายาก อย่างน้อยก็ต้องป่วยบ้าง อย่างน้อยก็ต้องเจ็บ แก่มา ปวดขา ปวดแข้ง ปวดนั่นปวดนี่ เป็นพยาธิทุกข์

5. วิปากทุกข์ ทุกข์เพราะผลกรรม เลี่ยงวิบากเก่าไม่ได้ วิปากคือวิบาก วิบากตามทันเราเหมือนหมาไล่เนื้อ มันจัดการทำให้เราทุกข์ อย่างอาตมานี้มีวิบากต้องไปรับทุกข์ ถูกแก๊สน้ำตา มันไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน ความเป็นพยาธิทุกข์เจ็บป่วยนั่นก็ทุกข์อยู่แล้ว เจ็บป่วยก็ทุกข์ อาตมาเจ็บป่วยก็ทุกข์ ไอ้นี่วิปากทุกข์ วิบากมันตามมาถึงทัน โอ้โห แสบ ทุกข์ ทรมานทรกรรม 

6. ทุกขขันธ์ ทุกข์รวบยอดเพราะการประชุมแห่งขันธ์ 5 อันยังอาศัยมีชีวิตอยู่  

เพราะฉะนั้นคนที่เกิดมามีรูปนามขันธ์ 5 มันเป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ว่า จะพ้นทุกข์ได้จริงๆ ต้องไม่เกิดมามีรูปนามขันธ์ 5 สลายจิตวิญญาณ สลายอัตตาเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมไปเลยได้ สุดยอดแห่งการตรัสรู้เลย รู้วิธีทำ รู้วิธี รู้จักจิตนิยาม รู้จักจิตเจตสิกต่างๆ รู้จักเหตุให้เกิดจิต ดับเหตุเสียได้ทุกอย่างสลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม อันนี้ก็คืออยู่ในทุกข์ที่เลี่ยงได้ แล้วมันจะพาให้ความทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้นั้น เลี่ยงได้ด้วย อีก 4 อันที่เลี่ยงได้ ในขณะที่คุณยังเป็นๆ ทำไมพระพุทธเจ้ารู้ว่าทุกข์ที่เลี่ยงได้ ถ้าคุณไม่มีชีวิต คุณจะรู้ได้ไหม ... ไม่ได้ จึงต้องมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้นก็ค้นคว้าในขณะมีชีวิตว่า อ๋อ…มันเลี่ยงได้ ก็คือ อริยสัจ 4 ทุกข์อริยสัจ คือ ทุกข์ที่เลี่ยงได้ เมื่อสามารถปฏิบัติจนหมดทุกข์ที่เลี่ยงได้นี่แล้ว มี

ข. ทุกข์ที่เลี่ยงได้ (เจตสิกทุกข์ อันสามารถดับเหตุได้แท้) 

7. ปกิณกทุกข์ (ทุกข์จรแห่งกิเลส คือ โศก ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส  อุปายาสะ  เมื่อพรากจากคนที่รัก หรือพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก เป็นต้น) คือ คุณอวิชชา คุณโง่ คุณไม่รู้ คุณก็ไปมีทุกข์ มีโศก ไปโศกทำไม ไปพิรี้พิไรอยู่อะไรต่างๆ อยู่ทำไม ไปคร่ำไปครวญ แล้วก็ไปหลงโง่ ไปทุกข์โทมนัสอะไรอยู่กับมัน จะเหลือเศษทุกข์ อุปายาสะ ต้องเรียนรู้มาให้ได้มันเป็นปกิณกะทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย 

 

8. สันตาปทุกข์ (ทุกข์ คือ ความร้อนเผาใจ อันนื่องมาจากกิเลสไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ แผดเผา) ทุกข์ที่เกิดจากกิเลส เราสามารถดับเหตุคือ ราคะ โทสะ โมหะได้ นี่ก็เลี่ยงทุกข์นี้ได้แล้ว 

9. สหคตทุกข์ (ทุกข์ไปด้วยกันกับโลก เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข) เป็นความทุกข์ที่ยังพัวพัน ยังเกี่ยวข้องอยู่ เหมือนกับพวกมหาเถรสมาคมยังต้องไปเกี่ยวข้อง ไปมีลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อยู่อย่างนั้น ทั้งที่มันเลี่ยงได้ ไม่ต้องไปเอา พระพุทธเจ้าเกิดมามีลาภ เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ มียศ มีสรรเสริญมีสุข พระพุทธเจ้ามาอุบัติขึ้นมาเมื่อรู้ตัวแล้วไม่เอาเลยก็ทิ้งเลย เดินออกมาตัวเปล่าเลย 

มาถึงก็พบพระเจ้าปเสนทิโกศล บอกว่าอย่างนี้ดีจังเลย มาบริหารประเทศด้วยกันจะแบ่งให้ครึ่งหนึ่ง พระพุทธเจ้าก็บอกไม่เอาแล้วพระเจ้าข้า ครึ่งหนึ่งของแคว้นโกศลมันใหญ่กว่าแคว้นของพระพุทธเจ้าคือแคว้นกบิลพัสดุ์นะ แคว้นกบิลพัสดุ์ของพระพุทธเจ้านั้นแคว้นเล็ก แคว้นโกศลกับแคว้นมคธเป็นแคว้นใหญ่ ไม่เอาเลยพระพุทธเจ้าไม่เอา มันชัดเจนทุกอย่าง เขาให้แผ่นดินยังไม่เอาเลย ให้ยศศักดิ์ยิ่งใหญ่ต่างๆไม่เอาเลย ให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ใหญ่กว่าเก่าก็ไม่เอา ยศศักดิ์อะไรต่างๆนานาก็ไม่เอา เพราะฉะนั้นคนที่ยังหลงติดยึดในยศศักดิ์ก็ยัง ยังเป็นสหคตทุกข์

10.วิวาทมูลกทุกข์ (ทุกข์มีสงครามวิวาทะเป็นรากเหง้า) เป็นทุกข์จากเหตุทะเลาะวิวาท

อาตมาถูกเถรสมาคม ถูกมหาประยุทธ์ มาชวนทะเลาะวิวาท อาตมาไม่เคยมีจิตทะเลาะวิวาทกับมหาประยุทธ์เลย ท่านเขียนหนังสือว่าอาตมาเล่มแรกออกมา อาตมาก็เขียนจดหมายขอบคุณท่านไปแล้ว ท่านคงนึกว่าไอ้นี่ประชดนะโพธิรักษ์นี้ หนอย..ด่ามันแท้ๆมันยังเขียนขอบคุณ ท่านก็เลยออกเล่ม 2 เล่ม 3 มาอีก ท่านก็บอกว่าจะเขียนต่ออีกนะ จะก่น เอาสิ่งที่ท่านว่าอาตมาผิดอย่างมหาศาลเลย ท่านจะเขียนต่อ แต่ท่านอย่างไรไม่รู้ พอเล่ม 3 ท่านก็หยุด 

อาตมาก็ว่า เออนะ ถ้าจะพูดคำว่า ทะเลาะ ก็คือ ปะทะกัน ท่านปะทะอาตมา เพราะท่านไม่รู้ว่าอาตมานี้เป็นตัวถูก ท่านไปหลงผิด ตรงที่ว่าอาตมายังใช้ภาษาไม่ถูก แรกๆต้นๆใช้ภาษาบาลี แปลบาลีไม่ถูก ก็ท่านเป็นเจ้าแห่งผู้รู้ไง ท่านก็มีอัตตามานะของท่าน ท่านก็ซัดอาตมาเลย ท่านมีชื่อในทางนำ เพราะใครก็ต้องนับถือว่าท่านเป็นผู้นำทางด้านศาสนา ตอนนั้นทางเถรสมาคมก็เอาเลย นั่นเป็นวิบากของอาตมา วิปากทุกข์

ท่านมาทะเลาะอาตมา แต่จริงๆ แล้วอาตมา มันเป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ มันเป็น วิปากทุกข์ เป็นวิบากของอาตมาที่ต้องได้รับทุกข์อันนี้ มันเป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้มันเป็นวิบาก 

โพธิสัตว์มีวิบากพวกนี้ทั้งนั้น เพราะโพธิสัตว์จะต้องตำหนิ ตำหนิถูกด้วยนะ แต่ก็เป็นวิบาก นี่ก็คือวิบาก เศษวิบาก เศษวิบากก็ยังไม่ใช่เบา โอ้โห ต้องใช้เวลานาน แต่อาตมาไม่ได้ทุกข์อะไรหรอก ที่ถูกเล่นงาน ไม่ได้ทุกข์อะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47 วันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 แรม 2 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2566 ( 12:02:22 )

ความทุกข์ความสุขคือมายา

รายละเอียด

ก็ใช่ มันมีอวิชชาก็สังขาร สังขารไป เป็นสังขารที่เป็นโลกีย จะมีวิญญาณนามรูปอายตนะผัสสะเวทนา เวทนานั้นก็เป็นสุขเป็นทุกข์ สังขารก็ทำให้เกิดการเป็นไป ไม่รู้ก็เป็นโมหะ เมื่อไปถึงเวทนามันก็เป็นอารมณ์สุขอารมณ์ทุกข์อยู่ในสังขารนั่นแหละ พระพุทธเจ้าถึงให้เรียนแยกสังขาร ยากกว่าแยกเวทนา ท่านก็ให้เรียนรู้ความเป็นเวทนาในจิตให้ได้ พอสัมผัสแล้วมีเวทนา แล้วก็อ่านแยกเวทนาได้แล้วก็อ่านแห่งเวทนาที่ทำให้เป็นสุขเป็นทุกข์อยู่แล้วก็ฆ่า โดยพระพุทธเจ้าท่านให้อ่านอาการทุกข์เพราะว่าอาการสุขมันอ่านยาก ท่านก็คือเอาเหตุแห่งทุกข์ แต่ความทุกข์ความสุขก็คือมายา ฆ่าตัวทุกข์ตัวสุขทุกข์ก็หมดไปด้วยไม่ต้องไปฆ่าความสุขหรอก ความสุขความทุกข์เป็นมายาเป็นตัวเดียวกันเป็นผีหลอก หลอกมาเป็นเทวดา ที่แท้มันเป็นเทวะ ที่ปลอมตัวหลอกล่อมนุษย์อยู่ เป็นมายา เพราะฉะนั้นเราจะต้องเป็นสิริมหามายา เกินกว่ามายาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นสิริมหา ก็จะฆ่ามายาได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:44:59 )

ความบริสุทธิ์ต้องพิสูจน์ด้วยการมีผัสสะเป็นปัจจัย

รายละเอียด

ใช่ ทุกอย่างต้องมีผัสสะเป็นปัจจัยอยู่ตลอด ยิ่งแข็งแรงเหตุปัจจัยที่จะมา กระทบ กระทุ้ง กระแทกคุณก็จะยิ่งแรง ยิ่งจะทดสอบคุณไปสูงขึ้นๆ นี่เป็นสัจจะ ตามบารมีด้วย สู้ได้คุณก็ชนะ สู้ไม่ได้คุณก็แพ้ ก็ศึกษาให้ดีๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 17:44:20 )

ความบริสุทธิ์ที่ฝังลึกในปัญญา เป็นสัญชาตญาณ

รายละเอียด

คือลึกๆแล้วเขาซื่อจริงใจ มีมาในตัวของเด็กไม่เดียงสา เป็นความจริงใจของเขา ธรรมดาเด็กไม่เข้าใกล้พระหรอก เขาเกรงกลัว แต่จริงๆ มีจิตลึกๆที่ว่าผีกลัวพระ แต่ทีนี้จิตเด็กคนนี้ไม่เป็นเด็กผี จิตเป็นพระลึกๆ เขาสนิทสนมกับอาตมาด้วย เขาพึ่งจะมาด้วยซ้ำไป สิ่งเหล่านี้เป็นความบริสุทธิ์ที่ฝังลึกในปัญญา เป็นสัญชาตญาณ ก็มาแสดงบทบาท สัตว์เดรัจฉานก็มีสัญชาติญาณแม้ไม่มีใครสอนก็รู้ตัวเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(กรรม) ตอน อัตภาพและสังสารวัฏ
วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:55:57 )

ความบริสุทธิ์เท่านั้น จะชนะทุกสิ่งทุกอย่าง 

รายละเอียด

ธรรมะต้องไม่แยกกับการเมือง ถ้าธรรมะแยกกับการเมือง อธรรมก็จะเข้าไปหาการเมือง อธรรมมันแทรกอยู่ตลอดเวลาไม่เคยหยุดหย่อน มันเป็นธรรมาธรรมะสงคราม เรียกได้อย่างนั้นเลย ตลอดเวลาเลย แม้จะสงบดีที่สุดก็ยังมีนิดหน่อย ถึงเรียกว่าสงบ มันก็ยังมี แต่ทำอะไรไม่ได้ อย่างในประเทศไทย ที่จะพูดต่อไปนี้คณะรัฐบาลนั้นดี แต่อย่าเหลิง รักษาสถานะไว้ ท่องคำว่า “ความบริสุทธิ์เท่านั้นจะชนะทุกสิ่งทุกอย่าง” แล้วทำให้จริงอันนี้ให้ได้ ทำให้จริงตรงนี้ให้ได้ แล้วรับรองชนะตลอด ความบริสุทธิ์เท่านั้นจะชนะทุกสิ่งทุกอย่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 14:07:09 )

ความบริสุทธิ์เท่านั้น ที่จะชนะทุกสิ่งทั้งโลกนี้เป็นที่สุด

รายละเอียด

การเรี่ยไร พูดถึงการเรี่ยไรนี้ อาตมาภูมิใจในชีวิตนี้ ไม่มีการเรี่ยไร ทำงานศาสนามาไม่ได้เรี่ยไรมาเลยตลอด นอกจากจะมีบ้างตรงที่ไปทำงานกับสังคม ออกไปสู่การเมืองที่จะต้องไปประท้วง ซึ่งต้องใช้สตางค์อยู่บ้าง มีข้าวมีน้ำมีการใช้จ่ายอะไรต่ออะไร ก็บอกบุญเขาไป คนเขาก็มาทำงานก็เขียนให้ดูรายละเอียดว่าวันนี้มีคนมาบริจาคเท่าไหร่ ก็ทำอย่างซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้เอามาเข้าพกเข้าห่อ เอามาใช้ในงานศาสนาชาวอโศกเลย ก็ทำงานเฉพาะกิจ ที่เป็นงานการเมืองนั้นตรงนั้น งานศาสนาก็เป็นงานศาสนาไป 

อาตมาถึงบอกว่าชาตินี้บริสุทธิ์ใจ ดีมากเลยที่อาตมาได้ทำงานศาสนามาถึง 50 กว่าปีนี้ มันรู้สึกว่าสะอาดบริสุทธิ์ ภาคภูมิ อาตมาภาคภูมิในความสะอาดบริสุทธิ์ จึงมีโศลกถึงขั้นว่า  “ความบริสุทธิ์เท่านั้น ที่จะชนะทุกสิ่งทุกอย่างในโลก นี้เป็นที่สุด” มันจริงที่สุดเลย แล้วก็กลายเป็นโศลกที่คนจะต้องยอมรับแล้วก็ใช้ไปอีกตราบนานเท่านาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 34 ปัญญา สมาธิและสันติภาพแบบพ่อครู วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กรกฎาคม 2565 ( 11:26:43 )

ความบริสุทธิ์เท่านั้น ที่จะชนะทุกสิ่งทั้งโลกในที่สุด 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้ที่จัดการให้อาตมาเป็นนิกาย พวกนั้นเป็นอนันตริยกรรมเอง นี่เป็นธรรมะนะ สัจธรรม คุณเข้าใจว่าอาตมาเป็นคนละนิกายนี่ คุณก็อนันตริยกรรมเอง อาตมาไม่เอา เรื่องที่ไปแยกสงฆ์ เป็นนิกาย เป็นอนันตริยกรรม 

_คนนี้ฟังไปฟังมาก็เอากวีที่อาตมาเขียนไว้

ความบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะชนะทุกสิ่งทั้งโลกในที่สุด 

(1)ชื่อว่า “คน” สูงสุดไซร้ คือสัจจะ 

จริงหนึ่ง “ปรมัตถ” จิตแท้ 

สอง “สมมุติ” คือคณะ ประชาร่วม กันรา

หากผนึกมั่นมุ่งแก้ วิกฤติได้ทันกาล

(2)ถ้าพาลเฉื่อยช้าอีก ก้าวเดียว 

ฝูงสัตว์นรกกรูเกรียว ขย่มซ้ำ

ฝันสวรรค์แหลกลาญเหลียว  หาบ่ เหลือเลย

มารยักษ์มันขยี้ขย้ำ ขบเคี้ยวกินหวาน

(3)ต้องหาญหักบัดนี้ ทันใด

ฤกษ์บ่เคยรอใคร อย่าช้า

สุกจะเน่าแล้วไฉน ไม่กัด กินเฮย

“เอาเถิดเจ้าล่อ” ท้า ห่อนแคล้วบรรลัย

(4)ใดใดก็ชัดแท้ ทุกเม็ด

แต่ไม่ลงมือเผด็จ ศึกเสี้ยน

ตนไม่ช่วยตนเสร็จ ก่อนอื่น  ช่วยแฮ

โรคจิตกระมิดกระเมี้ยน พิษร้ายจงระวัง

(5)โลกยังจมอยู่ด้วย ปุถุชน

ยากจักตามรู้ตน ชัดได้

อัตตาไม่ “กล้าจน” ทรัพย์โลก

จึงไม่บริสุทธิ์ให้ เศรษฐ์สร้างความจริง

(6)ไทยชิงธงพุทธแท้ มาครอง

โลกุตระวสีของ สัจจ์ชี้

จึงบรรลุก่อนผอง มนุษยโลก

ความชนะยิ่งใหญ่นี้ สุดไร้เทียมทาน

(7)คนประหารกิเลสได้ เป็นจริง

จึงบริสุทธิ์เอ่ยอิง สัตย์แท้

เพราะพร้อมทุกสิ่งกิง- ชัจจะ*ศาสตร์

ที่สุดบริสุทธิ์แล้ เท่านั้นชนะสรรพ์

“สไมย์ จำปาแพง” 22 ก.ค. 2559

กิงชัจจะ แปลว่า ผู้มีชาติเกิดจากอะไร

คำแรกที่ว่า ถ้ามัวช้าไป ฝูงนรกจะกรูเกรียว 

ข้อที่ 3 มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ สรุปแล้วนะ ชาวอโศกไม่มีซากศพนะ แต่มหาเถรสมาคม โอ้! ซากศพ พวกคนเปื่อยเน่า ขี้เรื้อนกุดถัง อะไรๆ เต็มอยู่ในมหาสมุทรนั้นเลย ต้องขอภัยที่ต้องพูดความจริง อยู่ด้วยกันได้ยังไงมันก็เป็นสัจจะจริง น่าสงสาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 20:06:32 )

ความบริสุทธิ์เท่านั้น ที่จะเป็นสิ่งที่ชนะในที่สุด 

รายละเอียด

อาตมาก็ว่า เออเนอะ ทำอย่างไรเขาจะชัดเจน ซึ่งก็ไปบังคับไม่ได้หรอก ผู้ที่เขามีสิทธิ์ที่จะพิจารณา พิพากษาอะไรต่ออะไร แล้วเขาก็ทำอะไรต่ออะไรไปนี้  เราก็ไปบังคับให้เขาเข้าใจอย่างที่เราเข้าใจไม่ได้ เขาก็ต้องเข้าใจอย่างที่เขาเข้าใจ แล้วเขาก็ปฏิบัติไปตามที่เขาเข้าใจ ก็ถือว่าวิบากเก่าอย่างที่แก้วตะวันพวงบุบผาว่ามาก็แล้วกัน ซึ่งลึกๆ ก็คงเป็นเช่นนั้น

เหมือนอย่างอาตมา อาตมาเกิดมาชาตินี้ ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ เลย และฟังดีๆ นะไม่ใช่ว่าอาตมาเข้าข้างตัวเอง และอาตมาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แต่อาตมาก็โดนคดีอะไรต่างๆ นานา จนสุดท้ายมันหมดเรื่องคดีแล้ว จนทุกวันนี้ อาตมาก็อิสรเสรีภาพ ก็ทำว่าอะไรตามที่อาตมาจริงจัง ตามปรารถนาดี ตามเจตนาที่ควรจะทำ มันก็ได้ผลนะ ได้ประโยชน์อะไรๆ ขึ้นมา เพราะว่าความจริงเท่านั้นแหละจะเป็น หรือความบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะเป็นสิ่งที่ชนะในที่สุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 จากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:58:39 )

ความบริสุทธิ์เท่านั้นจะชนะทุกสิ่งในโลก

รายละเอียด

อาตมาพยายามทำความเข้าใจเรื่องประชาชนทำรัฐประหารรัฐบาลด้วยมือเปล่าด้วยความดีด้วยความจริงไม่ได้ใช้อาวุธ รัฐบาลทรราชก็แพ้ความจริง แม้ว่าจะมีศาลช่วยตัดสินให้ก็ตามจะมีทหารช่วยก็ตาม เป็นองค์ประกอบที่ช่วยอย่างเราไม่ได้ใช้อาวุธเลย คุณได้ละอายต่อความจริงความจริงมันได้ดันคนออกไปจากเราไม่ได้มาใกล้ได้ เรามีคุณงามความดีความถูกต้อง ของคุณนั้นเป็นความเลวความแรงความไม่ถูกต้องเข้ามาใกล้ไม่ได้ รัศมีของความดีงามความถูกต้องเป็นกำแพงไร้สภาพมีฤทธิ์มากมาย เมืองไทยนี้ประชาชนไปปฏิวัติอาวุธคือความจริงความรู้ความสงบสำเร็จมาแล้ว 4-5 รัฐบาลซึ่งคนยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของการปฏิวัติหรือประชาธิปไตยที่มันเป็นคุณธรรมเอาความสงบไปเป็นอาวุธ เอาความจริงเป็นอาวุธ เราทำมาแล้วชนะมาแล้วมีรูปธรรมเป็นหลักฐานยืนยันคุณก็ไม่เข้าใจ จะมาเข้าใจสิ่งเหล่านี้จึงพาพวกเราไปทำพวกเราก็เข้าใจแล้วช่วยกันทำโดยไม่ผิดพลาดมันจะมี Error คนอื่นมาผสมผสาน โมเมว่าเป็นพวกเรา เราไม่ได้ไปทำร้ายไปฆ่าใครมีแต่คนอื่นมาทำร้ายมาฆ่าเรา พวกเราก็มีตายอยู่คนนึงแต่ก็ไม่ได้เพราะว่าถูกเขายิง แต่ถูกรถชนถูกรถตุ๊กๆชน เจ้าอ้อยน้องของตาล ก็มีพวกเราเสียชีวิตคนเดียว นอกนั้นก็คนร่วมกันพันธมิตรมีบ้าง น้องโบว์ สารวัตรจ๊าบ ก็เอาล่ะเป็นหลักฐานยืนยัน เราได้ไปทำการรบที่เป็นสนามรบของประชาธิปไตยซึ่งพวกเราเป็นพวกนักรบที่ใช้ธรรมาวุธ ใช้ความจริงความรู้กับสิ่งที่ถูกต้อง ความถูกต้องชนะความผิดจริงความจริงชนะความเท็จหมด ความดีงามชนะความเลวทรามอย่างนี้เป็นต้น ความบริสุทธิ์เท่านั้น จะชนะทุกสิ่งทั้งโลกในที่สุด สรุป อิทธิวิธญาณ คือ มโนมยิทธิที่มากขึ้น มากเหลี่ยมมากมุมขึ้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 10:45:13 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:43:24 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 05:05:53 )

ความบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะชนะทุกสิ่งในโลก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเมื่อคนที่ประพฤติปฏิบัติได้จริงก็มาร่วมอยู่กับเราก็เป็นเอกีภาวะ เอกธรรม เป็นหนึ่งเดียวกันเห็นๆอยู่ร่วมกันเป็นรูปร่างชัดเจน เราชัดไหม แต่คนอื่นไม่ชัดก็จะมองเรา เขาตายังไม่ดี เขาไม่เชื่อ ไม่มีปัญหาเลย ใครจะเชื่อจะชัดหรือไม่เชื่อไม่ชัดก็ไปบังคับเขาไม่ได้เราก็ทำของเราจริงๆ ความบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะชนะทุกสิ่งทั้งโลกในที่สุด อันนี้ก็เป็นสัจจะที่อาตมาเห็นจริง ทุกคนทำให้สะอาดด้วยตัวเอง มันจะมีบกพร่องไม่สะอาดก็ทำให้มันสะอาด มันยังไม่ได้ก็พยายามให้รู้ว่าอันนี้ยังเกินตัวเองอยู่ ถ้าไม่ไหวก็เอาไว้ก่อน ก็ไม่ต้องอยากเจริญเร็วก้าวหน้าอยากจะสูงเร็ว เราก็รู้ฐานะของตัวเอง ช่วยกันอยู่แล้ว เป็นสังคมมิตรสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2563 ( 09:47:03 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:44:27 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:21:01 )

ความบังเอิญไม่มี

รายละเอียด

ความบังเอิญไม่มี ทุกอย่างถ้าเผื่อว่ามันลงตัว สิ่งนั้นก็เป็นบารมีของเราเป็นสิ่งที่เราควรจะรู้ว่าเป็นอย่างนี้ เห็นว่าหลายๆคนก็จะมีลักษณะอย่างที่คุณทองแก้วพูดนี้ ใครเคยมีในสภาวะนี้ มันจริง แต่อย่าไปตีขลุมเอาง่ายๆ เดี๋ยวจะหลงตัวเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 22 เมษายน 2563 ( 14:17:12 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:50:24 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 05:06:22 )

ความประพฤติพื้นฐานของชาวอโศก

รายละเอียด

ความประพฤติพื้นฐานของชาวอโศก คือ มีศีล5 ละอบายมุขทุกอย่าง เป็นอย่างต่ำ อโศกทุกวันนี้ บ้านมีเหลือเฟือ แต่คนไม่ค่อยมาอยู่ ทุกวันนี้ชุมชนชาวอโศกทุกชุมชนยินดีต้อนรับคนภายนอก จะมาเป็นชาวอโศก มาประพฤติปฏิบัติกัน  อย่ามาเป็นหมาหัวเน่าก็แล้วกันขี้เกียจเกินไป ขี้โกงเกินไป หรือว่า มีเล่ห์เหลี่ยมเกินไป ไม่มีศีล คนเก่าก็คงไม่อยากจะให้อยู่ด้วย ก็คงมีวิธีการเอง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16  ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:48:39 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:01:21 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 05:07:10 )

ความประมาท

รายละเอียด

ความประมาทเป็นสุดยอดของอุปกิเลส 16 เลย ข้อสุดท้ายของอุปกิเลส  เลวร้ายรายละเอียดที่สุด ปมาทะ เป็นกิเลสที่หยาบที่สุด และละเอียดที่สุด

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม บ้านราช จรณะวิชชาที่พาเป็นคนจนอยู่เหนือคนรวย วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 05 พฤศจิกายน 2562 ( 15:07:33 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:02:07 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:21:32 )

ความประมาทของญาติธรรม

รายละเอียด

การที่ญาติธรรมอยู่ข้างนอกแล้วส่งข้อความมาว่าจะขอตายที่แผ่นดินพุทธเป็นความประมาทนะ ตอนตายจะไปรู้ตัวเหรอ หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย คุณจะรู้ได้อย่างไรหรือเชื่อมั่นตัวเองว่าตัวเองไม่ต้องทรมานตอนตาย เพราะฉะนั้นทรมานถึงจะวิ่งมาไม่ทรมานจะไม่มาอย่างนั้นหรือ หรือว่าตัวเองต้องการทรมานจะตายแล้วถึงได้หามมาอย่างนั้นเหรอ วาสนาเราคนจะมาเอาธรรมะต้องหามมาหรือ ถ้าไม่ถึงขั้นหามมาก็ยังไม่มา คุณเองประมาทไม่ใช่เรื่องของเหตุปัจจัยภายนอกหรอก คนประมาทอย่างนี้มีหลายนัย แม้แต่บางคนไม่ถึงขั้นควรจะออกก็ออกไปแล้วก็ยังไม่เข้ามา ก็ยังงงๆ ทำไมออกไป ยังไม่ชัดเจนว่าที่ควรเกิดอยู่ที่นี่

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2562 ( 16:06:18 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:03:21 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 05:08:18 )

ความประเสริฐ (อริยะ) ของพระโสดาบัน

รายละเอียด

ยิ่งกว่าเอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน 

ยิ่งกว่าสวรรคาลัย

ยิ่งกว่าอธิปไตยใดในโลกทั้งปวง 

คือ พระโสดาปัตติผล 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 14:29:54 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:04:41 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 05:08:42 )

ความประเสริฐของพระโสดาบัน 3

รายละเอียด

ผู้บรรลุผลเป็นพระโสดาบัน (พระอริยะขั้นต้น) ได้ย่อมประเสริฐยิ่งกว่า

1. ยิ่งกว่าความเป็นเอกราชในแผ่นดิน

2. ยิ่งกว่าสวรรคาลัย (ไปสู่สวรรค์)

3. ยิ่งกว่าอธิปไตย (ความเป็นใหญ่) ใดๆในโลกทั้งปวง

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 25 "โลกวรรค" ข้อ 23

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก หน้า 20


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2562 ( 14:51:26 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:50:20 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 05:09:18 )

ความประเสริฐที่มนุษย์เกิดมาเจอพุทธศาสนา

รายละเอียด

มนุษย์เราเกิดมาแล้วเกิดมาเจอพระพุทธศาสนา แล้วสามารถที่จะเอาศาสนาพุทธเอาธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้าไปได้ก็ประเสริฐแล้ว เป็นกุศลอันเลิศแล้ว ในชีวิตที่เกิดมาเพราะฉะนั้นคนจะไปสนใจลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขอยู่ หรือจะไปสนใจในธรรมะก็หลงในโลกียธรรม หมุนเวียนวนเก่า เช่นไปนั่งหลับตาออกนอกวิธีการของพระพุทธเจ้านั้นน่าสงสาร อาตมาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรนี่พูดจากใจจริงน่าสงสารไปนั่งหลับตายึดมั่นถือมั่น แล้วมาฟังอาตมาก็ไปบอกว่าอาตมาด่าเขา ก็อย่าไปคิดว่าด่าสิอาตมาด่าเอาบุญ ด่าเอาคำว่าบุญไปยัดเยียดให้คุณ ให้รู้จักคำว่าบุญ เพราะว่าคุณไม่รู้จักคำว่าบุญหรอก สิ่งที่อาตมาทำนี้คุณควรได้ควรเอา ยิ่งถ้าเป็นนักปฏิบัติธรรมแล้วควรสนใจเอาไปอย่างยิ่ง 

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 10:15:10 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:47:09 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:22:56 )

ความประเสริฐสุดสูงสุดของคนจบที่ตรงไหน

รายละเอียด

ถ้าอยู่ก็อยู่โดยที่ไม่ทำชั่วอีกเลย ทำแต่ดีถ่ายเดียว มีธาตุรู้มีปัญญารู้กรรมชั่ว กรรมดี กรรมกุศล อกุศล แล้วเลิกอกุศล เลิกชั่ว ทำแต่ดีได้เที่ยงแท้ถาวร เป็นชีวิตที่มีหลักประกัน ถึงจะอยู่ก็ไม่เป็นพิษภัยอะไรกับใคร กับสัตว์โลกกับสรรพสิ่ง อยู่ไปก็มีแต่คุณค่าประโยชน์เท่านั้น ก็เป็นหลักประกันของชีวิตที่อยู่ในโลกได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็สามารถจะเลิกเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลยได้อีก จึงจบสุดแห่งธาตุจิตนิยาม สูงสุดแล้วในความตรัสรู้ในความเป็นมนุษย์ที่ทำได้ อาตมาศึกษาตามพระพุทธเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ก็ทำได้ถึงเอามาพูดอย่างยืนยันมั่นคง อย่างมั่นใจ แน่ชัดว่าที่พูดนี่คือความจริงที่ประเสริฐสุดสูงสุดในหมู่คน แล้วทำได้ก็เป็นคนประเสริฐสุดแล้ว จะอยู่ต่อไปก็ไม่มีปัญหา อยู่ต่อไปมีแต่ปัญญา อยู่ต่อไปมีแต่คุณค่าประโยชน์ 

งานที่ให้คนมารู้สิ่งนี้ ให้คนมาประพฤติปฏิบัติให้เป็นแบบนี้จึงเป็นงานสุดท้าย ของความเป็นจิตนิยามที่เกิดมาเป็นมนุษย์หนึ่งคนในโลก คืองานพระโพธิสัตว์ จนกระทั่งเป็นโพธิสัตว์ที่ใหญ่ที่สุด ไม่มีใครตามทันแล้ว ก็เป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง จนกระทั่งสุดท้ายก็บอกว่า พอทีจบอัตภาพของเราได้เลย เลิก ก็เท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 18:37:58 )

ความปราณีอนุโลมกันทำได้ยากกว่ารุนแรงโหดร้าย

รายละเอียด

คนนี้ให้สติ comment มา เขาก็โทษว่ารัฐบาลอ่อนแอ ที่จริงอาตมาก็เห็นใจนะ เพราะว่าโดยคุณธรรมของคน จะรุนแรงโหดร้ายมันได้ แต่ว่าความปราณีอนุโลมกันมันไม่ง่าย ฉะนั้นถึงบอกว่าพยายามอยู่ แต่พวกนั้นก็ห่ามเหลือเกิน ทำอย่างยียวนไม่เกรงใจ พวกที่เขามาป่วนอยู่ แล้วบอกว่ากลัวเขาจะว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ก็ต้องระวัง ที่จริงก็ไม่ควรจะให้คนเข้าใจผิด คนที่เข้าใจไม่ดี ต้องระมัดระวัง อย่าให้เขาเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ประชาธิปไตยคืออะไร อาตมาก็ขอยืนยันว่า ทั่วโลก ประเทศต่างๆ นักรัฐศาสตร์ยังเข้าใจประชาธิปไตยที่ Absolute หรือ Ultimate สุดยอด ประชาธิปไตยสุดยอด หมายความว่าสูงสุด สมบูรณ์สุด ไม่ใช่จะเข้าใจกันได้ง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:09:25 )

ความปรุงแต่ง มันอยู่ที่ความยึด

รายละเอียด

อัตตามันคือสังขารธรรมเท่านั้น มันเป็นอนัตตาแล้วก็หลงว่าจิตวิญญาณยิ่งใหญ่เป็นนิรันดรไม่ใช่ ถ้าสามารถแยกนามรูปแยกเป็นเทวดาแล้วก็ศึกษาให้มีผัสสะ ให้มีเวทนา มีอายตนะ แล้วก็แจก ทำอายตนะของตน เรียนรู้อายตนะของตนให้ได้ ว่า อ้อ.. มันเป็นตัวกิเลสตัวแฝงอยู่ในนี้ อายตนะ มันก็คือความปรุงแต่งของสังขารนั่นแหละ ความปรุงแต่งของธาตุสองนั่นแหละรูปนาม ปรุงแต่งกันอยู่แล้วก็เป็นสวรรค์เป็นนรกเป็นสุขเป็นทุกข์ก็อยู่ตรงนี้ ติดสุขความทุกข์ก็เลยอยู่ด้วยมันแยกไม่ออก ต้องไม่เอาสุขไม่เอาทุกข์ ทิ้งหมดเลย ไม่สุขไม่ทุกข์จึงเป็นเรื่องอจินไตย เป็นเรื่องที่เดาไม่ได้ 

คนไม่สุขไม่ทุกข์มันเป็นอย่างไร ก็คือพระอรหันต์ไง ท่านไม่สุขไม่ทุกข์แล้ว ท่านเลิกความสุขความทุกข์แล้ว ยึดอะไรก็สุขอวิชชา ยึดเมื่อไหร่ก็ทุกข์ หยุดเมื่อไหร่ก็ทุกข์ มายึดเมื่อไหร่ก็สุข ก็ทั้งทุกข์ทั้งสุข มันอยู่ที่ความยึดกับไม่ยึดเท่านั้นแหละ ก็รู้ว่ามันเป็นเทวะมันเป็น 2 อย่างบวกลบ จะบวกอันนั้นเป็นลบ อันไหนเป็น ปัสสาสะ ก็ได้ เป็นสิริมหามายาแล้วก็ชัดเจนความบวกความลบความเป็นหน้าเป็นหลังก็ชัดเจน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2565 ( 12:23:24 )

ความผิดของผู้แปลพระบาลีเป็นไทยบาปหรือ

รายละเอียด

อาตมามีกุศลกรรมหนักมาก แต่ที่คุณไม่กล้าด่า ก็เป็นความดีของคุณ ก็ยังรู้จักไว้ รู้จักฐานะ อาตมาก็ขอบอกว่า อาตมาควรพูดอย่างนี้ เพราะสมัยพระพุทธเจ้านั้น ท่านด่าเดียรถีย์อย่างกับอะไรดี แต่คุณบอกว่าท่านไม่ด่า แต่ท่านว่า ท่านบริภาษก็คือด่า แล้วคนมาแปลพระบาลีเป็นไทยก็แปลด้วยคำวิจิตรไพเราะที่ไม่เป็นโลกุตรธรรม ที่จริงมันต้องแปลแรงกว่านั้น แต่ท่านแปลให้ดูนิ่มนวลให้ดูไม่แรง เลยทำให้น้ำหนักของความผิดที่มันหนัก ความผิดที่มันมันหยาบก็เลยกลายเป็นเบานุ่มนิ่มไปหมดเลย นี่ก็เป็นบาปของผู้แปล เป็นความผิดของผู้แปลที่เจตนาดี แต่เป็นการทำอกุศลใส่ตัว ทำผิด 

ยกตัวอย่าง อย่างพระสารีบุตรท่านกระโดกกระเดก ท่านก็เดินไปชนได้ แต่ท่านไปแปลว่า เอาชายผ้าไปกระทบ ก็เป็นเจตนาดีของท่าน อยากให้สุภาพ สวยดูดี แต่มันผิดสภาวธรรมก็เลยเพี้ยนไปเรื่อยๆ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 11:38:44 )

ความผิดพลาด(มิจฉัตตะ) 10

รายละเอียด

คือความผิดพลาดที่ทําให้ไม่บรรลุมรรคผล

1. มิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิดพลาด)

2. มิจฉาสังกัปปะ (ความดําริผิดพลาด)

3. มิจฉาวาจา (วาจาผิดพลาด)

4. มิจฉากัมมันตะ (การงานผิดพลาด)

5. มิจฉาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพผิดพลาด)

6. มิจฉาวายามะ (ความพยายามผิดพลาด)

7. มิจฉาสติ (การระลึกผิดพลาด)

8. มิจฉาสมาธิ (จิตตั้งมั่นผิดพลาด)

9. มิจฉาญาณ (ความรู้ผิดพลาด)

10. มิจฉาวิมุต (ความหลุดพ้นผิดพลาด)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 24 “มิจฉัตตสูตร” ข้อ 103


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 03:01:34 )

ความผิดเพี้ยนของคำว่าบุญในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

สภาวะของปุญญะ ถ้าอาตมาไม่เปิดโลกบุญนิยม คอลัมน์ เปิดยุคบุญนิยม ในหนังสือพิมพ์เราคิดอะไร หากอาตมาไม่ไขคำว่าบุญ ซึ่งเป็นตัวสุดยอดในศาสนาพุทธเดี๋ยวนี้มันผิดเพี้ยนไปไกลๆ จนกระทั่งศาสนาเทวนิยมก็เอาไปตั้งเป็นนักบุญ ซึ่งมันไม่ได้เรื่องเลยเขาไม่รู้จักบุญเลย บุญนี้เป็นสภาวะธรรมที่สุดยอด เกิดในปัจจุบัน เกิดแล้วก็ดับในตัวเองเร็วมาก เป็นตัวตบท้ายของฌาน เป็นพลังงานไฟ บุญเป็นพลังงานไฟ เป็นตัวนักฆ่าเป็นตัวทำลาย สุดยอด ผู้ที่ทำพลังงานบุญขึ้นได้ในจิต มีประสิทธิภาพสลายตัวจบของกิเลส สลายเสร็จแล้วก็หมดไป ในพยัญชนะบาลีจึงมีคำว่าปุญญปาปปริกขีโณ ทำลายบาปหมดสิ้นจิตวิญญาณของคนที่เป็นพระอรหันต์ทุกคน คือ ปราบบาปได้หมด บุญมีหน้าที่ปราบบาป สลายกิเลสบาป สลายได้เกลี้ยงหมด บุญก็ไม่ต้องมีอีกเลยสลายไปหมดเลย อรหันต์จึงเป็นคนสิ้นบุญ แต่เขาเข้าใจบุญไม่ได้ไปแสวงหาบุญ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2563 ( 20:26:53 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:05:35 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:23:43 )

ความฝันฟุ้งเป็นอุปาทานใช่หรือไม่

รายละเอียด

เสียงพูดคุยที่เกิดขึ้นมันเป็นสัญญา ที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์บอกว่า สัญญาความจำนี่แหละมันไม่หายไปจากจิตง่ายๆ 

บอกว่ามันเป็นอุปาทานก็ถูกต้อง มันเป็นความยึดถือที่เห็นว่าอย่างนี้มันจริง มันยังยึดถืออยู่ มันจริงหรือมันยึดถือว่าเป็นเราเป็นของเราอยู่ เพราะฉะนั้นมันก็เลยติดอยู่กับตัวเรา เกี่ยวเกาะอยู่กับตัวเราประหวัดไปถึงมัน จิตประหวัดไปถึงมัน แล้วก็มีวนเวียนอยู่ยังไม่หายยังไม่คลาย 

ยิ่งมีอาการรู้สึกว่ามันดี มันน่ามีน่าเป็น หรือมันอร่อย มันก็จะยิ่งนึก ยิ่งจะอยู่กับเรานานและแน่น เพราะฉะนั้นก็พยายามเลิกอาการอย่างนี้ ให้จิตมันคลายมันปล่อยแต่ไม่ต้องถึงกับไปกดข่มมัน ต้องทำความเข้าใจให้แจ้ง ทำปัญญาให้แจ้งว่า มันเกิดเป็นอย่างนี้ กลายเป็นเรื่องต้องเกี่ยวข้องพัวพัน ต้องมีร่วมกันอย่างนี้ไปปรุงแต่งอย่างนี้ เราก็มาเรียนรู้อันนี้กัน 

เมื่อเรามีปัญญาเข้าใจ มันมาก็ช่างมันเถอะเราอย่าไปเอาใจใส่มัน อย่าไปเกี่ยวข้องกับมัน มันเป็นสัญญาผ่านไปแล้วมันก็ก่อให้สุขทุกข์หรือไม่สุขไม่ทุกข์เท่านั้นแหละ มันก็คือความรู้สึกนึกคิด เป็นความจำเป็นความรู้สึกนึกคิด เป็นความปรุงแต่งเรียกว่าเจตสิก 3 เวทนา สัญญา สังขาร มันก็มีเท่านั้น 

มันก็ฟุ้งอยู่กับใจเรา เป็นอุทธัจจะก็ใช่ มีได้ถึงแม้ในภาวะตื่น และยิ่งเป็นได้ในตอนหลับ หลับแล้วยังมีการระลึกถึง เราได้ปฏิบัติประพฤติอย่างนี้ แบบนี้นะอยู่ในศีลออนไลน์ ควบคุมการระมัดระวังกาย วาจา ใจ อะไรอย่างนี้เป็นต้น ก็เป็นประโยชน์ ดีกว่าไปฝันฟุ้งซ่าน ระลึกฟุ้งซ่านตอนนอนหลับ     

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 12:11:24 )

ความพยายามกับมีสติ เป็นคู่หูที่ยิ่งใหญ่อย่างไร

รายละเอียด

ยิ่งตอนนี้อาตมาเขียนหนังสือ อธิบายไปถึงความลึกซึ้งของความพยายาม วายามะ โอ้โห..เห็นความยิ่งใหญ่ของพยายามจริงๆ ความพยายามจะนำไปสู่ผลสำเร็จทุกอย่าง ถ้าไม่มีความพยายาม ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านเอามาเป็นคู่หูของสติ เอามาประมวลผูกเอาไว้เป็นสูตรสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อยู่ในมรรคมีองค์ 8 มีความพยายามกับมีสติ เป็นคู่หูยิ่งใหญ่ ที่จะช่วยกันเพื่อที่จะทำให้ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบได้ 

พลัง 2 อันนี้ ซึ่งเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สติ นี่มันเป็นตัว static พยายามเป็นตัว dynamic ที่เป็นคู่นิวเคลียส คู่บวกลบ  คู่เอก ทำงานอยู่ตลอดกาล ตลอดเวลา พลังงานที่มันมีความพยายาม กับมีสติ เป็นคู่เอกที่ยิ่งใหญ่ 

โดยเฉพาะ สติ ก็พูดมายิ่งใหญ่ เป็นตัวนำหน้า เป็นตัวที่ 1 ของโพชฌงค์เลย เพราะฉะนั้นตัวพยายามนี้ ขาดไม่ได้อีกเหมือนกัน ขาดไม่ได้ การที่จะทำอะไรให้สำเร็จ ขาดความพยายามไม่ได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 18:45:06 )

ความพร้อมของสรีระในการเทศน์สอนของสมณะ โพธิรักษ์

รายละเอียด

ก็ดีทุกตอน สรีระไม่มีปัญหา ก็ Active ตลอดเวลา อาตมาถูกกับอากาศเย็น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิตบ้านราช วันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 14:38:10 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:06:09 )

ความพลัดพรากหรือความตาย

รายละเอียด

มาศึกษาศาสนาพุทธจนป่านนี้ได้ความรู้ถึงขั้นนี้แล้ว มันไม่ง่ายหรอกที่เราแหม จะหมดความกังวล หรือว่าเข้าใจเรื่องการตายการเกิดแล้ว ไม่ต้องห่วงหาอาวรณ์กัน มันไม่ง่าย เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆ ศึกษาไป ไม่ต้องกลัวว่าเราจะไม่เข้าใจ ศึกษาไปอย่าใจร้อน ศึกษาไปปฏิบัติไปเรื่อยๆ มันจะมีภูมิปัญญาที่จะรู้ได้ด้วยตนว่า จริงๆ แล้วการตายการเกิดนี่ มันไม่ยิ่งใหญ่เท่าไหร่หรอกถึงขั้นอรหันต์ก็ชัดเจนแล้ว ถึงขั้นอนาคามีถึงขั้นไม่ต้องไปถึงอรหันต์ก็จะชัดเจนแล้ว ไม่กลัวแล้วตายเกิด เกิดตาย 

เพราะคุณเชื่อกรรม คุณเชื่อวิบากจนสามารถทำกรรมวิบากด้วยปัญญาของเราเองเลย กำหนดทำได้ ละชั่วประพฤติดี ทำแต่ดีไม่ชั่วอีก อันนี้เป็นแค่สมมุติด้วยเป็นโลกียะ ดีชั่วนี่เป็นโลกียธรรม เพราะฉะนั้นเราจะมาเกิดอีกชาติไหนชาติไหน มีสมมุติอยู่กับสังคมไหนก็แล้วแต่ เราก็ไม่ทำชั่วกับเขา ทำแต่ดี เที่ยงแท้ นิยตะด้วย นี่เป็นการจบกิจขั้นที่ 1

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มกราคม 2567 ( 14:10:51 )

ความพอเพียงในปัจจัยสำคัญของชีวิต

รายละเอียด

ทุกวันนี้ปัจจัยที่นับว่าสำคัญในชีวิต มันเฟ้อ เสียหายเปล่าดาย หลอกล่อกันมากเหลือเกิน ผู้ใดเข้าใจปัจจัยสำคัญของชีวิตอันจำเป็นจริงๆ นั้น แล้วรู้จักกรอบขอบเขตของความพอเพียง พอเท่านี้ไม่ต้องเอามากกว่า คนหลงก็ปล่อยไป บอกเขาเตือนเขา เขาไม่เชื่อก็ไปตามยถากรรม สุดท้ายเราก็เตือนผู้ที่พอจะมีปัญญา รับเอาได้ ก็ให้สติกัน เตือนกันบอกกัน ด้วยความปรารถนาดีด้วยความเมตตา ก็มีเท่านี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:53:01 )

ความพอเหมาะ ความต่างกับความเป็นอันเดียวกัน

รายละเอียด

ฉะนั้นเราต้องรู้จักสัดส่วน เอาพอเหมาะ ปโหติ เอาให้พอดีสมสัดส่วนก็อธิบายด้วยภาษาได้แค่นี้เหมาะกับแต่ละคนไม่เท่ากัน และมิติก็คนละต่างมิติ นัยก็คนละนัย ประเด็นก็คนละประเด็นไม่ตรงกันทีเดียว อาจจะคล้ายกันบ้าง ซ้ำกันบ้าง หลายอัน เล็กๆ น้อยๆ ละเอียดไปไม่มีใครเหมือนกันหรอก 2 อันไม่มีอะไรเหมือนกันหรอก ให้เป็นแฝดขนาดไหน ปรมาณูแฝด ละเอียดยิบที่มันต่างกัน คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไปรู้รายละเอียดความต่างกันได้ง่าย คุณก็เอาของคุณนั่นแหละเท่าที่คุณจะมีเซ้นส์ หรือมีตัวรู้ที่จะไปกำหนดรู้มีสัญญากำหนดได้ ได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น 

เรารู้ความต่างกับความเป็นอันเดียวกัน ที่สรุปจบที่สุดก็คือความต่างกับความเป็นอันเดียวกัน เท่านั้นเองที่เรียนในโลก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 15:00:26 )

ความพอใจ

รายละเอียด

ความใคร่

หนังสืออ้างอิง

จากถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 162

 


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 06:50:29 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:44:43 )

ความพากเพียรอยู่ต่อและลักษณะการตายที่พ่อครูกำหนดไว้

รายละเอียด

อาตมาทำงานมาถึงขนาดนี้ เนื้อหาของโลกุตระขนาดนี้ มันจะมีเป็นหัวเชื้อที่จะต่อไปอีก 2,000 กว่าปี กว่าจะหมดพุทธกัปของสมณโคดม หัวเชื้อนี้จะมีพอไปถึงไหม อันนี้แหละ อาตมาต้องเผื่อพอ เข้าใจไหมคำว่า “เผื่อพอ” ต้องทำให้เผื่อพอ ต้องทำให้มันจนมั่นใจจนแน่ชัด เผื่อไว้เลยว่าถึงแน่ 

เพราะฉะนั้นในอนาคตข้างหน้า ถ้าอาตมารีบตายลงตอนนี้ ซึ่งขันธ์มันก็แย่แล้วจริงๆ แล้วด้วย อาตมาว่าขันธ์มันฝืน ขันธ์มันลากมาจริงๆ แล้วที่อธิบายมาบ่อยๆ แล้วตอนหลังๆนี้ยิ่งอธิบายบ่อยพูดถึงบ่อย แต่เพราะความจำเป็น จำนน จำต้อง จำใจ ที่จะต้องต่อเนื่อง สืบทอด ต่อยอดไป 

ถ้าอาตมาตาย อันนี้มันไม่พอแน่ เนื้อหาของมัน เนื้อหาโลกุตระไม่พอ เชื้อนี้ไม่พอไปถึง 2,000 กว่าปีที่จะไปถึง 5,000 ไม่พอนะ อาตมาก็ต้องมาเกิดอีก กว่าอาตมาจะโต พอที่จะพูดธรรมะคนเชื่อ อาตมาก็ไม่รู้ได้ว่าอาตมาเกิดมาอีก มันก็จะต้องมีวัยเด็ก วัยอะไรมา แล้วกว่าจะมีฤทธิ์มีอำนาจพอ จนกระทั่งพวกคุณเห็น แล้วก็เชื่อว่านี่แหละพระโพธิสัตว์พ่อท่านมาเกิดอะไรต่ออะไร แล้วจะเชื่อมันก็ไม่ง่ายใช่ไหม มันไม่ง่าย มันก็จะเสียเวลา 

ถ้าอาตมายังอยู่นี่มันง่ายกว่าไหม  มันชัดเจนอยู่แล้ว มันเชื่อไม่มีปัญหา ถ้าไปเกิดมาอีกจะปัญหา จะเกิดความเชื่อความต่อเนื่อง มันก็ไม่ต่อเนื่องไม่สมูท(smooth ราบรื่น) มันก็กระฉึกกระฉัก มันก็จะมีความลังเลไม่เข้าท่า 

เพราะฉะนั้น ก็ไม่คิดอยากจะทำอันนั้น ก็ต้องพยายามทำอันนี้ไปต่อ ถูๆ ไถๆ ไปจนกว่าจะสิ้นฤทธิ์เองของมัน เพราะฉะนั้นอาตมานี่มานึกถึงตัวเองแล้วว่า เอ๊..อาตมาคงไม่ได้ตายประเภทที่เรียกว่า ค่อยๆผ่อน ค่อยๆผ่อนตาย มันคงจะต้องตายแบบตายคาสนามรบ หรือตายประเภทที่เรียกว่านอนคืนนี้แล้ว พอรุ่งเช้าไม่ตื่นแล้ว มันสุดฤทธิ์แล้ว พักผ่อนแล้ว พักไปเลย ตายหายไปเลย มันคงจะตาย 2 ประเภท นี่ตายตอนบรรยายธรรมะอย่างมันเขี้ยว ง่อก ตายตรงนี้ไปเลย หรือไปนอนหลับ พักไปเลย ไม่ตื่นรุ่งเช้าขึ้นมา เอ๊.. พ่อท่านทำไมไม่ตื่นสักที ไปดูอีกที ผู้ที่รู้แล้วก็ อ้าว.. นี้เรียบร้อยแล้วนี่ ตายแล้วนี่ อาจจะเป็นอย่างนั้น 

แต่อาตมาก็เห็นว่า การพากเพียรที่จะเติมพลังงาน พลังงานทดพลังงานปฏิภาคทวี Coefficient มันได้อยู่ มันมีอยู่ มีผล ก็พยายามไม่ให้มันโอเวอร์โหลด(Overload เกินกำลัง) ไม่ให้มันเกินเลย ถ้าเกินเลยมันจะเสื่อม ต้องทำให้พอดี แล้วมันจะเกิดพัฒนาปฏิภาคทวีขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ศึกษาพวกนี้อยู่ แล้วก็ทำกับตนเองจริง 

เพราะฉะนั้นทุกวันนี้อาตมาจึงนอนมาก พักนอนมากวันๆ หนึ่ง แล้วก็ลดงานอื่นเยอะ เหลือแต่เขียนกับเทศน์ นอกนั้นไม่อะไรเลย ไม่เอาใจใส่เลย วันนี้ขี้หรือยัง จะอะไรๆหรือยังต่างๆ นานา ไม่เอาใจใส่ ไม่จำ ไม่ใช้พลังงานไปเสียเวลากับมันเลย ให้ทุกคนช่วยจำ ช่วยดูแล ว่าเดี๋ยวมันไม่ดี มันไม่เหมาะ วันนี้ยังไม่ขี้นะ อะไรอย่างนี้ก็ว่าไป ยังไม่ขี้ มันยังไม่ปวด เสร็จแล้วเราก็ไปกระตุ้นมัน เฮ้ย ขี้นะ สักประเดี๋ยวมันก็จะขี้ ไอ้พวกนี้มันอยู่ที่จิตจริงๆ จิตมันเป็นไป มันก็ทำได้ แต่โดยธรรมชาติอัตโนมัติมันลึกซึ้งจริงๆ เลย มันสังขารสังเคราะห์ปรุงแต่งกันอยู่ต่างๆ โอ้โห มันละเอียดลออจริงๆ 

เพราะฉะนั้นเราก็ศึกษาพวกนี้ไปด้วย จนสามารถที่จะเข้าไปร่วม ไปร่วมจัดการกับธรรมชาติพวกนั้นได้เก่งขึ้นๆ เราสามารถทำอย่างนี้ได้จริงๆ นั่นคือความพากเพียรที่อาตมาเล่าให้ฟัง พวกเราก็ฟังประดับ เป็นการประดับความรู้ เป็นการฟังประดับความรู้ไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 14:39:14 )

ความพิดเพี้ยนขบถไปจากคำว่าโดเมสติก

รายละเอียด

ทีนี้ พลเอกประยุทธ์ทำงานแล้ว ทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยนี้ จริง มองแง่โลกีย์ จะต้องรวย จะต้องมีรายได้เข้าประเทศ จะต้องมีเงินคงคลัง มี GDP หรือเงินที่จะได้เปรียบ GDP คือเขาคิดได้เปรียบมาจากภายนอกประเทศ ทั้งที่โดเมสติกก็คือภายใน ประเทศ GDP ควรจะเป็นองค์รวมผลผลิตภายในประเทศ แต่ก็ไปคิดเอาเปรียบบวกจากภายนอกขายแพงให้แก่ต่างประเทศเอามารวมเป็นรายได้ภายใน นี่คือความผิดเพี้ยนขบถไปจากคำว่าโดเมสติก คือของภายใน ต้องคิดรายได้ภายในของประเทศผลผลิตของประเทศเองอย่าไปเอามาจากต่างประเทศเข้ามาสิ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:33:50 )

ความพิเศษทางจิตวิญญาณ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านมาค้นพบสิ่งที่เป็นความพิเศษทางวิทยาศาสตร์ ทางจิตวิญญาณ สามารถที่จะรู้รายละเอียดอันเป็นชีวะ  พลังงานที่เป็นชีวะ ระดับจิตนิยาม เราก็จะรู้พลังงานของพีชะ พลังงานของพืชอย่างสำคัญ พลังงานจิตนิยามเป็นพลังงานที่สามารถเข้าไปรู้ พลังงานแบบพีชะเป็นอย่างไร พลังงานแบบอุตุเป็นอย่างไร แล้วทำจิตนิยาม ทำจิตวิญญาณของตนให้อยู่ในสภาพของการเป็นพีชะ หรือแยกเป็นอุตุได้เลย นี่คือสุดยอดความเป็นนักวิทยาศาสตร์ของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 16:52:26 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:06:47 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:24:57 )

ความฟุ้งซ่านของอาจารย์ผู้ยังมิจฉาทิฐิ

รายละเอียด

ก็เพราะอาจารย์เหล่านั้นยังผิดทางยังเป็นมิจฉาทิฐิ มันก็ไม่รู้อย่างที่อาตมารู้ ซึ่งอย่างที่อาจารย์เหล่านั้นรู้ อาตมารู้มาหมด ไม่ใช่ข่ม แต่พูดจริง เพราะอาจารย์ต่างๆ ที่รู้กันมันไม่มากเป็นของเก่าแก่ อาตมารู้มากกว่านั้นเยอะ ที่เขารู้เป็นของต้นๆ อาตมานี่เป็นนักฟุ้งซ่านมาก่อนไม่ต้องห่วงหรอก แม้ว่าเขาจะฟุ้งซ่านอย่างนั้น อาตมาถึงมาอธิบายเป็น นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย พระพุทธเจ้าสรุปแล้วใน พรหมชาลสูตร ไปนั่งฟุ้งซ่าน เอาระหว่างอนาคตกับอดีตปรุงแต่งกันอยู่ในนั้นมีอนาคต 44 มีอดีต 18 ปรุงแต่งกันอยู่ในนั้น อาตมาไม่ได้หยิบเอามาขยายความ เพราะยิ่งยากลึกซึ้งอยู่ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพอมีภูมิธรรมระดับสูงๆ ถึงเวลาวาระค่อยฟังกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 20:07:12 )

ความภาคภูมิใจของพ่อครูที่เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้

รายละเอียด

อาตมาเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ภาคภูมิใจ ไม่มีงานอะไรประเสริฐ งานสุดประเสริฐเลิศยอด มาถึงปางนี้มาถึงวันนี้ อาตมาก็ยืนยันว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่มาเกิดในยุคนี้ ขอยืนยันพูดความจริงคนไม่เชื่อไม่ศรัทธามันบังคับกันไม่ได้ แต่คนที่เข้าใจดีแล้วเชื่อว่าจริง แล้วก็รู้ว่าตัวเองเป็นกุศล เป็นกุศลอย่างยิ่งที่ได้พบ ได้พบคุณธรรมได้ฟังสัจธรรม เป็นกุศลหรือเป็นบุญของเราแล้วหนอ บุญก็คือจะได้รับรู้ความเป็นบุญความหมายของบุญและเอาไปปฏิบัติจนสำเร็จ บุญของตนเอง ทำบุญให้สำเร็จยิ่ง สำเร็จจริงเลย บุญยิ่งแก้วเลย ทำให้สำเร็จได้จริงๆเลย บุญนี้ ยิ่ง แก้วนี่เป็นคำภาษาไทย เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าไม่ดีก็เรียกว่าขี้ สิ่งดีเขาเรียกว่าแก้ว นี่เป็นหลักของคนไทยเลย ของดีเรียกว่าแก้ว ของไม่ดีเรียกว่าขี้ แบ่งแยกง่ายๆ 2 ประเภท 2 นัยยะ เป็นเทวฺ สรุปสั้นๆง่ายๆ ของคนไทยขี้กับแก้วแบ่ง 2 อย่างนี้ เพราะฉะนั้นแก้วนี้สุดยอดแล้ว 

ในคุณธรรมขั้นโลกุตระ บุญจึงเป็นโลกุตระที่ยิ่งจริงๆเรียกว่าแก้ว สุดยอด รู้ให้จริงแล้วทำให้ได้เป็นผลสำเร็จเถอะ นั่นแหละสุดยอดดีแล้ว ยอดแก้วแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:40:29 )

ความภาคภูมิใจของพ่อครูที่เกิดมาในชาตินี้

รายละเอียด

อาตมาภูมิใจนะ ที่เกิดมาในชาตินี้ไม่ได้เอาเวลาไปทิ้งขว้าง เวลาไปหลงเลอะเทอะ ไม่ใช้เวลาทุนรอนหาเงินหาลาภยศ ชาตินี้อาตมาเกิดมาไม่เคยมียศเลย ยศชั้นจัตวาก็ไม่มี ชั้นตรี โท เอก ก็ไม่มี ยศทางการศึกษาปริญญาตรีปริญญาจัตวาก็ไม่มี ยศก็ไม่มีชั้นก็ไม่มี ชาตินี้ปราศจากยศ ลาภ ลาภธัมมิกา แสวงหาลาภทำงานเพื่อแลกลาภโดยธรรม ก็ได้ลาภมาโดยธรรม ในชีวิตเป็นชีวิตครอบครัวอาตมาไม่ได้แต่งงาน ครอบครัวก็มีแต่น้องนุ่ง พ่อแม่ตายหมดทิ้งน้องให้เลี้ยง เป็นพี่คนโตก็เลี้ยงน้องไป ทำงานไป ก็เป็นสัมมา สัมมาอาชีพ ทำงานเข้ากับส่วนกลางของกองกลางของเรา เสร็จแล้วอาตมาปฏิบัติธรรม สุดท้ายก็เอากองกลางยกให้น้องแบ่งกันไป อาตมาก็หนีมาบวช ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ เขาก็อยู่กันไป ตามประสา ก็ดูดีทุกคนก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเสียตระกูลอะไรก็ดูดีทำดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไปตามฐานะ ส่วนอาตมามาทำงานทางด้านนี้ไม่ได้เสียดายชีวิต แต่ภาคภูมิใจตัวเองตั้งแต่ระลึกรู้อายุ 36 มาจนถึงอายุ 84 ก็ดีใจว่าเราได้รู้ทันเร็ว อายุ 36 ก็ไม่ช้านัก แต่น่าจะเร็วกว่านี้หน่อย มาเอาชีวิตมาทางนี้คุ้มค่าคุ้มประโยชน์ให้คนได้รู้จักธรรมะ โดยเฉพาะโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า แม้จะมีจำนวนแค่นี้ในโลกที่มีประชากร 7 พันกว่าล้าน จำนวนคนที่มาฟังมาได้โลกุตรธรรมอยู่แค่นี้ ประมาณ 700 คนอยู่ในนี้

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:52:03 )

ความภูมิใจของโพธิสัตว์ระดับ 7

รายละเอียด

อาตมาทำงานได้คนจำนวนหนึ่ง เท่านี้ก็เท่านี้ ซึ่งถ้าเกิดว่าพระพุทธเจ้าก็น่าจะไม่คุ้มนะ พระพุทธเจ้าสอนคนได้เท่านี้ ก็ไม่ต้องมาเกิดหรอก ให้โพธิสัตว์มาเกิด อาตมาก็มาทำหน้าที่สืบทอดภูมิธรรมนี้ต่อกันไปก็ได้ผลอยู่ ตามฐานะของอาตมาแหละ 

อาตมาภูมิใจที่ได้ทำงานนี้มากกว่าจะได้เงินอีกหมื่นล้านแสนล้าน นี่แหละภูมิใจมากกว่า ยืนยันความจริงทุกวันนี้อาตมาไม่มีเงินหมื่นล้านแสนล้าน ไม่ใช่หมายถึงหมาเห็นข้าวเปลือกหมาเห็นองุ่นเปรี้ยว ตัวเองกินไม่ได้แล้วบอกว่าไม่อยากกิน ไม่ใช่ 

ถ้าสมมุติเล่นๆจะไม่เป็นจริงหรอก ใครเอาเงินหมื่นล้านแสนล้านมาให้อาตมาเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วก็บอกว่า ต้องเอาไปทำอย่างนี้ๆนะ คุณว่าอาตมาเอาไหม.. ไม่เอา มีแต่อาตมาจะจ้างคุณอย่าเอามาให้เลย เพราะจ้างให้คุณเอามาให้อาตมาก็ไม่เอาหรอก มีแต่อาตมาจะเอาเงินจ้างคุณว่าอย่าเอามาให้นะ จ้างคุณ 10 บาท อย่าเอาเงินแสนเงินล้านมาให้อาตมา อย่าเอามา พูดกลับไปกลับมานี้หัวหมุนไหมเด็กๆ ฟังเข้าใจทันไหม เข้าใจทันก็เก่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌ ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:46:33 )

ความมหัศจรรย์ 8 ประการในปหาราทสูตร

รายละเอียด

ที่นี้มาถึงความมหัศจรรย์ พระพุทธเจ้าตรัสไว้นะ ปหาราทสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 23 ข้อ 109 

มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ฟังดูเป็นเรื่องโลกๆเป็นเรื่องของ กว้างๆ โลกๆ อธิบายไว้ กล่าวถึงไว้ แต่ในเนื้อหาสาระแล้วมันลึกซึ้งมากเลย ลองอ่านดูก่อน 

พ. ดูกรปหาราทะ ในมหาสมุทรมีธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาสักเท่าไร ที่พวกอสูรเห็นแล้วย่อมอภิรมย์ ฯ   

ป. มี 8 ประการ พระเจ้าข้า 8 ประการเป็นไฉน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึกลงไปโดยลำดับ หาได้โกรกชันเหมือนเหวไม่ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึกลงไปโดยลำดับ หาได้โกรกชันเหมือนเหวไม่ นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 1 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้ว จึงอภิรมย์อยู่ ฯ 

อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอไม่ล้นฝั่ง นี้เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 2 ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้ว  แล้วจึงอภิรมย์อยู่ ฯ

อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ เพราะในมหาสมุทรคลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้าหาฝั่งให้ขึ้นบกทันที ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ และในมหาสมุทรคลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้าหาฝั่งให้ขึ้นบกทันที นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 3 ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้ว จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

อีกประการหนึ่ง แม่น้ำสายใหญ่ๆ บางสาย คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมละนามและ โคตรเดิมหมด ถึงความนับว่ามหาสมุทรนั่นเอง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่ แม่น้ำสายใหญ่ๆ บางสาย คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี แม่น้ำ เหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมเปลี่ยนนามและโคตรเดิมหมด ถึงความ นับว่ามหาสมุทรนั่นเอง นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 4 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้ว จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

… ชาวอโศกมาจากนามสกุลไหน แซ่ไหน ก็มาเป็นนามสกุล จน กันหมด คือมาเป็นคนจน หมดตัวหมดตนกัน

อีกประการหนึ่ง แม่น้ำทุกสายในโลก ย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทรและสายฝนจากอากาศตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็มิได้ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้นๆ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่แม่น้ำทุกสายในโลกย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทร และสายฝนจากอากาศตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็มิได้ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้นๆ นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 5 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้ว จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

ถ้าว่าจริงๆ แล้วมันมีเต็มมีพร่องอยู่ แต่มันไม่ไปไหนมันรวมอยู่ตรงนี้แหละมีน้อยลงมากขึ้นอยู่เท่านั้น แต่มันไม่ไปไหน เพราะแรงดึงดูดของโลก อันนี้มหัศจรรย์ อธิบายเชิงวิทยาศาสตร์ให้ฟัง ถูกแรงดึงดูดของโลกดึงดูดเอาไว้ เพราะฉะนั้นมันจะมีน้ำขึ้น น้ำลง ๆๆๆ เรียกกันอย่างสั้นๆ ลัดๆ ทะเลน้ำขึ้นน้ำลง 

แต่ในบรรยากาศของน้ำ มันมีค่อยๆ ระเหยขึ้นไป สู่ที่สูงไกลไปในอวกาศ จะเรียกว่า  นอกโลกออกไป แล้วค่อยๆ จับตัวอีก อากาศเย็นจัดจับตัวกัน หนักลงๆๆ ก็ถูกอากาศร้อนสลายเป็นน้ำหมุนเวียนอยู่อย่างนั้น นี่ก็เป็นธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ ขออธิบายแทรกไว้นิดนึง แต่ท่านไม่เอามุมนี้มาพูด แต่ท่านเอามุมไม่เต็มไม่พร่องมาพูด 

อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็ม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็ม นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 6 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้ว จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด ในมหาสมุทรมีรัตนะเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬเงิน ทอง ทับทิม มรกต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด ในมหาสมุทรนั้นมีรัตนะ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 7 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้ว จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของพวกสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆและสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรนั้นมีดังนี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคลา ปลาติมิรมิงคลา พวกอสูร นาค คนธรรพ์ แม้ที่มีร่างกายประมาณ 100 โยชน์ 200 โยชน์ 300 โยชน์ 400 โยชน์ 500 โยชน์ ก็มีอยู่  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ และสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรนั้น มีดังนี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคลา ปลาติมิรมิงคลา พวกอสูร นาค คนธรรพ์ แม้ที่มีร่างกายประมาณ 100 โยชน์ 200 โยชน์ 300 โยชน์ 400 โยชน์ 500โยชน์ ก็มีอยู่ นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 8 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นี้แลธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา 8 ประการ ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ภิกษุทั้งหลายย่อมอภิรมย์ในธรรมวินัยนี้บ้างหรือ ฯ

พ. ดูกรปหาราทะ ภิกษุทั้งหลายย่อมอภิรมย์ในธรรมวินัยนี้ ฯ

ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในธรรมวินัยนี้ มีธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาสักเท่าไร ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้ว จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ชาว‌อโศก‌มี‌ความ‌มหัศจรรย์‌ได้‌ตาม‌ปหาร‌าท‌สูตร‌ ‌วันพุธที่ 5 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 21:21:33 )

ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก 

รายละเอียด

เข้าสู่ความมหัศจรรย์ที่อาตมาจะพูด ความมหัศจรรย์นี้ต้องขออภัยต่อสังคมว่า ความมหัศจรรย์นี้เกิดแล้วในสังคมมนุษยชาติ มีวัฒนธรรมที่เป็นวัฒนธรรมโลกุตรธรรม เกิดที่ชาวอโศก เกิดที่คนไทย ในประเทศไทย กลุ่มคนที่มีชื่อเรียกว่า ชาวอโศก มีคุณวิเศษ หรือคุณสมบัติ วัฒนธรรมถึงขั้น สาธารณโภคี เศรษฐกิจในระดับสาธารณโภคี 

แม้แต่ รัฐศาสตร์ การเมือง ก็เป็นการเมืองระดับสาธารณโภคี สังคมศาสตร์ก็เป็นสังคมระดับสาธารณโภคี เอาเศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์มาขยายความก่อนจัดการบริหาร จัดการเงินของประเทศ กองกลางของประชาชน ของสาธารณะ แล้วผู้บริหารก็เอามาจัดการกับประชาชนในประเทศ

อาตมาอธิบายหลายทีแล้วว่า วิธีการบริหารประเทศมันก็มีกองกลาง เรียกว่า เงินกองกลางของรัฐบาล ผู้บริหารเป็นคนจัดการ การเงินของประเทศ เหมือนกองกลางของประชาชน ของประเทศ เรียกว่า เป็นเงินกองกลางหรือเงินสาธารณะ แล้วผู้บริหารก็เอามาจัดการกับประชาชนในประเทศ จะเฉลี่ยกันหรือบริหารอย่างไรก็แล้วแต่ จะแลกเปลี่ยนหรือจะให้ยังไงก็แล้วแต่ อย่างวิธีการของพลเอกประยุทธ์ ให้คนละครึ่งบ้าง ให้ฟรีบ้าง หรือให้รายเดือน รายบุคคลไป มันก็เป็นวิธีการ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2564 ( 21:35:35 )

ความมหัศจรรย์ของความสงบ

รายละเอียด

ความสงบคือ การขัดแย้งอันพอเหมาะ เคยสรุปคำนี้ไว้ 

ซึ่ง สิ่งที่ประหลาดสุดก็คือ ความสงบไปสยบความรุนแรง ไปสยบความเลวร้ายได้  อันนี้เป็นมหาอัศจรรย์ที่สุด แล้วเราได้ปฏิบัติมาแล้วในเรื่องการเมืองนี่แหละ เราเอาความสงบของประชาชนมวลประชาชนไปปฏิบัติยืนยันเลย ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆ หมดๆ ก็ยาวไปพอสมควร ใช้เวลาตั้งหลายปี กว่าจะถึงราว พ.ศ.2557 พลเอกประยุทธ์มารับไม้จากประชาชน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 14:43:44 )

ความมหัศจรรย์ของมนุษย์โลกในยุคนี้ เกิดแล้วในประเทศไทย

รายละเอียด

ถ้าผู้ใดเห็นจริงแล้ว มันเป็นความมหัศจรรย์ของมนุษย์โลก ในยุคนี้โดยตรง ยุคพระพุทธเจ้าทำได้เฉพาะในภิกษุ ฆราวาสยังเป็นไม่ได้ เพราะมันเป็นยุคที่มีข้อจำกัด เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคสังคมทาส ยุคที่มนุษย์ยังไม่รู้จักสิทธิมนุษยชนอะไร ก็เลยขยายไม่ออก ไม่ได้หมายความว่าอาตมาเก่งกว่าพระพุทธเจ้านะ แต่มันมีข้อจำกัดในยุคพระพุทธเจ้า แต่ในยุคนี้ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นประชาธิปไตยกันหมดแล้ว ทาสก็ไม่มี มนุษยชนมีสิทธิใช้สิทธิกันเกินสิทธิมนุษยชนกันทุกวันนี้ ถึงบอกว่าเป็นไปได้อาตมาถึงทำสิ่งนี้ได้ ไม่ใช่อาตมาเก่งอะไร แต่มันเป็นยุคสมัยที่เป็นไปได้ เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาให้ปฏิบัติ 

และพวกชาวอโศกเอง ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หรือคนแก่ที่อยู่กับชาวอโศกได้ เขาเก่งเขามีปัญญา มีธาตุรู้ รู้ว่าอย่างนี้เป็นมวลมนุษยชาติที่เป็นอาริยกะ ไม่ใช่พวกมิลักขะ พวกคนมิลักขะ เถื่อนๆ ยังไม่เจริญ  เป็นคนที่รู้ว่าชีวิตที่เจริญเป็นอย่างนี้ รู้จักชีวิตที่แท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับลาภยศ สรรเสริญ โลกียสุข ทรัพย์ศฤงคาร สรรเสริญยกย่อง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโลกีย์ อันนี้จึงสุดยอด เกิดแล้วเป็นแล้วในประเทศไทย เป็นกอบเป็นกำ เป็นหมู่กลุ่มสังคมเป็นชุมชน 10-30 ชุมชนอยู่ในประเทศไทย เป็นมาแล้วถึง 50 กว่าปี มีเนื้อแท้ มีเนื้อหามาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2564 ( 21:19:50 )

ความมหัศจรรย์ของศาสนาพุทธข้อที่ 1

รายละเอียด

เอ้า ที่นี้มาเข้าสู่เรื่องที่อาตมาอธิบายอยู่ตอนนี้คือ เรื่อง ความมหัศจรรย์ ของศาสนาพุทธ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ของโลกจริงๆ มหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ 

_มหาสมุทรน่าอัศจรรย์ 8 ธรรมวินัยน่าอัศจรรย์ 8 

พ. ดูกรปหาราทะ ในมหาสมุทรมีธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาสัก

เท่าไร ที่พวกอสูรเห็นแล้วย่อมอภิรมย์ ฯ

ป. มี 8 ประการ พระเจ้าข้า 8 ประการเป็นไฉน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึกลงไปโดยลำดับ หาได้โกรกชันเหมือนเหวไม่

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึกลงไปโดยลำดับ หาได้โกรกชันเหมือนเหวไม่ นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 1 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

(พระไตรปิฎกเล่ม 23 "ปหาราทสูตร" ข้อ 109)

ข้อที่ 1 เป็นความมหัศจรรย์ตรงที่ว่า เป็นศาสนาที่มีความเป็นลำดับ เพราะฉะนั้นความเป็นลำดับนี้ ถ้าเผื่อว่าคนที่ไปลัดสั้นตัดตอนคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่เรียนไปตามลำดับแต่ละสูตรก็ดี แต่ละกระบวนธรรมก็ดี ไปตัดทิ้งเสีย เช่น กระบวนธรรมของพุทธคุณ ซึ่งมีจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นต้น ถ้าไปตัดซะ 

เช่น จรณะ 15 ต้องขึ้นต้นด้วยศีล แล้ว อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 แล้ว ฌาน 4 อย่างนี้เป็นต้น หากไปตัดศีลทิ้ง ไม่เอา ไม่ต้องเกี่ยวข้อง อปัณณกปฏิปทา 3 ก็ตัดไปอีก ดีไม่ดี สัทธรรม 7 ตัดทิ้งอีก เอา ฌาน แล้วไม่ต้องไปเกี่ยวข้องเลยกับศีล อปัณณกปฏิปทา 3 จะไม่เกิดสัทธรรม 7 เลย เมื่อไม่เกิดสัทธรรม 7 ฌานที่ได้จึงไม่ใช่ฌานที่ไม่อยู่ในกระบวนธรรมของศาสนาพุทธเลย 

เพราะฉะนั้นไปนั่งหลับตาปฏิบัติไม่ได้เกิดกระบวนธรรมที่มีเหตุมีปัจจัยแก่กันและกัน เพราะมีศีล จึงมีอปัณณกปฏิปทา 3 เป็นเหตุเป็นปัจจัย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 19:27:45 )

ความมหัศจรรย์ของศาสนาพุทธข้อที่ 2 

รายละเอียด

ประการที่ 2 อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอไม่ล้นฝั่ง นี้เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 2 ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

นี้เป็นคำตอบของมหาปราทะนะ ที่พระพุทธเจ้าตรัสถาม

พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ฯ จึงยินดีปรีดาอยู่ ถ้าอสูรไม่ได้เห็น ก็ไม่ยินดีปรีดาแน่นอน ไม่รู้เรื่อง แต่ถ้ารู้เรื่องละก็ยินดีปรีดา

ประเด็นที่ 2 ท่านจับประเด็นที่ว่า เต็มเปี่ยมและไม่ล้น ก็หมายความว่า มัชฌิมา ไม่พร่อง ไม่ล้น อยู่ในขอบ Horizon(แปลว่า แนวราบ) อยู่ในเส้น Horizon ไม่เปลี่ยนไม่ล้นอยู่อย่างนี้ตลอดกาลนาน หมายความโดยทางธรรมะ ก็หมายความว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นไม่ขึ้น-ไม่ลงกับอำนาจอะไรเลย น้ำขึ้นน้ำลง ขึ้นตามที่จะต้องหมุนเวียนไปตามข้างขึ้นข้างแรมอะไร ไม่ใช่ ทรงสภาพอยู่อย่างนี้ตลอด สัจจะเป็นหนึ่งเดียวไปตลอด นี่เป็นข้อที่ 2 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 19:53:13 )

ความมหัศจรรย์ของศาสนาพุทธข้อที่ 3

รายละเอียด

ประการที่ 3

_อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ เพราะในมหาสมุทรคลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้าหาฝั่งให้ขึ้นบกทันที ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ และในมหาสมุทรคลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้าหาฝั่งให้ขึ้นบกทันที นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 3 ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

ต้องขออภัยที่จะต้องพูดความจริง ในความเป็นจริงที่เป็นที่นี่จริง ถ้าอโศก มีคนปาราชิกเมื่อไหร่ ต้องขจัดออกเลย ไม่เอาไว้ เน่าเหม็นหมักหมม ไม่เอา แม้แต่สังฆาทิเสส ใครที่สังฆาทิเสสก็ต้องให้อยู่กรรม ก็ต้องปฏิบัติ แม้คุณจะบกพร่องมา พวกเราเท่าที่มีระลึกได้ ต้องอยู่กรรมคนละเท่าไร มากสุด ไประลึกได้ว่า โอ้โห! นี้เคยบวชแล้ว แล้วก็เคยผิดสังฆาทิเสสมา ต้องเก็บ ก็ต้องมาอยู่กรรม บางคน 6 ปี อย่างนี้เป็นต้น 

ปาราชิกนี้ซากศพแน่ แม้แต่แค่สังฆาทิเสสก็เรียกว่าซากศพ ต้องทำให้สะอาด ซัดขึ้นฝั่งหมด แต่ในเถรสมาคม ซากเน่าซากศพ ซากคนเป็นโรคเป็นภัยอะไรเต็มอยู่ในมหาสมุทรเถรสมาคม อยู่ด้วยกันอย่างเละเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นสัจจะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 19:55:54 )

ความมหัศจรรย์ของศาสนาพุทธข้อที่ 4

รายละเอียด

ก็มาอันที่ 4 อีกประการหนึ่ง แม่น้ำสายใหญ่ๆ บางสาย คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมละนามและโคตรเดิมหมด ถึงความนับว่ามหาสมุทรนั่นเอง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่ แม่น้ำสายใหญ่ๆ บางสาย คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมเปลี่ยนนามและโคตรเดิมหมด ถึงความนับว่ามหาสมุทรนั่นเอง นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 4 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่  

อันนี้ลึกซึ้ง มียืนยันที่สุดในชาวอโศก ชาวอโศกนี้ลึกซึ้งมาก จิตมาชัดเจน มาเข้าถึงธรรมว่า อ๋อ.. ธรรมะต้องมาเป็นคนจน 

เอาประเด็นคนจนแค่นี้ก็เถอะ ชาวอโศกมารู้แล้วว่าต้องมาเป็นคนจน เพราะฉะนั้นมาจากตระกูลใดๆ มาเปลี่ยนสกุลหมดเลย ตอนแรกก็มาเปลี่ยนนามสกุลเป็น อโศกตระกูล เป็น ชาวหินฟ้า เป็นนาวาบุญนิยมแค่นั้น ตอนหลังนี้มาเป็นจน ไม่รู้กี่จนต่อกี่จน เปลี่ยนชื่อเป็นจนหมดเลย จะเรียกว่าเกิดแฟชั่นภาษา จน เลยก็ได้ โอ้โห..มาเปลี่ยนชื่อ เลิกตระกูล เลิกชื่อเลิกนามเก่าหมดเลย ไม่เอาจริงๆ ไม่แยแสเลย มาเอาอย่างนี้แหละ เลือดเนื้อที่มาเป็นแบบวรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้านี่แหละ มาเข้าใจไง มาเป็นคนจน คนมักน้อย คนสันโดษ คนไม่สะสม คนขยันหมั่นเพียร วิริยารัมภะ 

ซึ่งมันเป็นเนื้อหาสัจจะของธรรมะที่เข้าไปถึงใจ ของชาวอโศกที่ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าแล้ว มันเป็นเรื่องของสัจธรรมเช้าไปถึงจิตใจ เพราะฉะนั้นมันจึงมาเป็นจริงๆ เลย ไอ้สมมุติข้างนอกๆ นั้นยังกับเล่นกันเละเทะเลย บัญญัติภาษาข้างนอกยังเละเลย แต่ทุกคนมาจุดเดียวกันหมดเลย เอาแต่แค่เรื่องจนเรื่องเดียวก็ซาบซึ้งกินใจมากเลย นี้เป็นเรื่องสัจจะที่มหัศจรรย์มาก 

แม่น้ำทั้งหลายละชื่อหมดเลย มาเป็นชื่อเดียวกันหมด นี้ฟังดีๆ สัจจะของพระพุทธเจ้า และเดี๋ยวนี้ชาวอโศกพิสูจน์ความมหัศจรรย์อันที่ 4 ก็อันนี้แหละ เห็นๆ อยู่นี้แหละ จะเข้าใจได้ไหมที่อาตมาพอขยายความนี้ นี่เป็นสัจจะความจริงนะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 20:09:22 )

ความมหัศจรรย์ของศาสนาพุทธข้อที่ 5 

รายละเอียด

ข้อที่ 5 อีกประการหนึ่ง แม่น้ำทุกสายในโลก ย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทรและสายฝนจากอากาศตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็มิได้ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้นๆ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่แม่น้ำทุกสายในโลกย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทร และสายฝนจากอากาศตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็มิได้ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้นๆ นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ประการที่ 5 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

หมายความว่าเรื่องนี้ คุณธรรมโลกุตรธรรม ใครจะมีมากเท่าไหร่เท่าไหร่ก็ไม่มีพร่องและไม่มีเต็ม ไม่มีล้น โลกุตรธรรมนี้ คุณจะมาปฏิบัติอีกกี่คนกี่คน พูดง่ายๆ เป็นรูปธรรม

อโศกตอนนี้เราต้องการคนประมาณ 777 คน ต่อให้อยู่ 70,000 อโศกนี้อยู่ เลี้ยงได้ มาเถอะ ไม่เต็ม ไม่พร่อง ไม่ล้น เพราะอะไร เพราะเป็นคนสงบ เป็นคนมักน้อยสันโดษ เป็นคนสาธารณโภคี ขอให้มาจริงเถอะ ทุกวันนี้ก็อยู่ได้ ไม่ได้เกิดเดือดร้อนอะไรเลย ตั้งแต่ พ.ศ. 2537 จนถึง พ.ศ. 2565 ย่างเข้า 28 ปีแล้ว ยังสงบเรียบร้อย ไม่เดือดร้อนวุ่นวายเลย ต่อให้มีตายไป ไม่พร่อง ไม่เต็มและไม่มีทางล้น จะเพิ่มอีกเท่าไหร่ก็ไม่มีทางล้น เพราะมันจะอยู่ได้จริงๆ 

ทุกวันนี้ในบ้านราช เรือนเรือว่างเยอะเหลือเกิน เรือนเรือ เราสร้างเรือนเรือเป็นหลัก แม้แต่เรือนที่ตั้งเสานี้ก็เถอะ มาตั้งๆ กันอยู่นี่ คนเป็นเจ้าของไม่ได้อยู่ คนที่อยู่ไม่ได้เป็นเจ้าของ มีเยอะเลย ว่างอยู่อีกก็มีเยอะ เพราะฉะนั้นมาอยู่ได้อีก ไม่เต็มง่ายเลย ไม่พร่อง ไม่เต็ม ไม่ล้นง่ายหรอก แต่คนที่จะมาอยู่โดยสัจธรรมก็ต้องทำได้ ได้เนื้อได้หนังของชาวโลกุตระบ้าง ไม่อย่างนั้นมาอยู่ไม่ได้ เข้ามาไม่ได้หรอก ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองเข้ามาอยู่ไม่ได้ เป็นเรื่องอัศจรรย์ข้อที่ 5 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 20:21:23 )

ความมหัศจรรย์ของศาสนาพุทธข้อที่ 6

รายละเอียด

ข้อที่ 6 อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็ม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็ม นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 6 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

คำว่ารสเค็มนี้ก็คือ มีคำพังเพยว่า เกลือรักษาความเค็ม ขี้รักษาความเหม็น เป็นสัจจะที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ขี้รักษาความเหม็น เกลือรักษาความเค็ม มันเป็นเรื่องสัจจะที่ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงไม่เป็นอื่นเลย เป็นสัจจะหนึ่งเดียวไม่แปรเปลี่ยน นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) เป็นได้แล้วเป็นได้เป็นเลย 

ผู้ที่มีอาริยธรรมจะเกิดความเที่ยงแท้ เริ่มตั้งแต่โสดาบัน จิตเข้ากระแส แล้วก็จะอยู่เข้ากระแสนี่แหละ จะมี อวิปริณามธัมมัง อาตมาเคยใช้ภาษาว่า ยึกยัก จะลงไม่ลงแหล่อยู่เนี่ย แต่ไม่ตกต่ำ ถ้าตกไปไม่ใช่โสดาบัน มันก็จะอยู่ในขีดนี้เข้ากระแส ไม่หล่นไปจากกระแส ถ้าหล่นไปจากกระแสก็ไม่ใช่โสดาบัน อวินิปาตธรรม

จนกระทั่งถึงขีดนิยตะ ไม่ยึกยักแล้ว ทีนี้เที่ยง อยู่กับที่ อยู่กับเที่ยงแล้ว ทีนี้จะขึ้นแล้ว จากนิยตะที่เที่ยงแท้แล้วก็ สัมโพธิปรายนะ เห็นสภาวะธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านแบ่งไว้ไหม โสดาบัน นี้คือคุณลักษณะของสัจจธรรมของพระพุทธเจ้า นี่แหละมีรสเดียวคือรสเค็มรสเดียวกัน ถ้าเข้ากระแสแล้วไม่ไปอย่างอื่นแล้ว โลกียะไม่ไป เริ่มเข้ากระแสแล้วก็จะมี แต่มันไม่ใช่เร็วนะ  บางทีนี้เป็นหลายชาติ โสดาบันบางคนในตำนานพระพุทธเจ้า เข้ามาแล้ว ต้องเขวี้ยงบักจก เขวี้ยงจอบทิ้งไปตั้ง 7 ที ต้องบวชแล้วก็สึกออกไปถึง 7 ครั้ง อย่างนี้เป็นต้น มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ โลกียะมันกระแสแรง แต่ถ้าเข้ากระแสแล้ว เสร็จ รสเดียวรสเค็ม ไม่ไปหารสอะไรอีกแล้ว รสอื่นไม่เอา 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 20:36:40 )

ความมหัศจรรย์ของศาสนาพุทธข้อที่ 7

รายละเอียด

ข้อที่ 7  อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด ในมหาสมุทรมีรัตนะเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬเงิน ทอง ทับทิม มรกต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด ในมหาสมุทรนั้นมีรัตนะ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 7 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

พวกอสูรที่ไม่มีปัญญา เห็นความมีคุณสมบัติแบบนี้ มหาสมุทรมีทรัพย์ศฤงคาร มีแก้วต่างๆ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต อะไรต่างๆ เยอะแยะ เป็นวัตถุ 

เป็นวัตถุที่โลกเขาต้องการ เห็นว่าเป็นของมีค่ามีราคา เป็นของที่แย่งชิงกันจริงๆในชีวิตของสังคมมนุษยชาติ ในมหาสมุทร 

ฉะนั้นคนที่มีปฏิภาณไหวพริบดี ก็จะรู้ว่าในมหาสมุทรมีสิ่งประเสริฐ สิ่งวิเศษต่างๆพวกนี้ ที่มนุษย์พึงควรมีควรได้ แต่คนตาบอดคนตาถั่วคนที่ไม่มีภูมิปัญญา จะมองไม่ออก จะไปหลงลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ว่าเป็นแก้วประพาฬ แก้วมุกดา แก้วมรกต อะไรต่ออะไรอยู่นั้น เป็นคนที่ไปคนละทิศ เป็นความรู้คนละอย่าง จะไปหลงเละๆเทะๆ เน่าๆ เหม็นๆ อยู่กับพวกซากศพด้วยกันก็จะเป็นอยู่กันไปอะไรไป จะเป็นอย่างนั้น ขออภัยนะ พูดไปแล้วก็รู้สึกส่วนตัวว่า ไปด่าเขาทำไม แต่ไม่ได้ด่าหรอก พูดความจริงสู่ฟัง ขออภัยที่พูดแล้วเป็นเชิงนั้นจริงๆ ไปข่มไปด่าไปว่า มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 20:39:02 )

ความมหัศจรรย์ของศาสนาพุทธข้อที่ 8

รายละเอียด

_ข้อที่ 8 อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของพวกสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ และสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรนั้นมีดังนี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคลา ปลาติมิรมิงคลา พวกอสูร นาค คนธรรพ์ แม้ที่มีร่างกายประมาณ 100 โยชน์ 200 โยชน์ 300 โยชน์ 400 โยชน์ 500 โยชน์ ก็มีอยู่  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ และสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรนั้น มีดังนี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคลา ปลาติมิรมิงคลา พวกอสูร นาค คนธรรพ์ แม้ที่มีร่างกายประมาณ 100 โยชน์ 200 โยชน์ 300 โยชน์ 400 โยชน์ 500โยชน์ ก็มีอยู่ นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 8 ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นี้แลธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา 8 ประการ ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ภิกษุทั้งหลายย่อมอภิรมย์ในธรรมวินัยนี้บ้างหรือ ฯ

ย้อนมาถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ตอบ มี ปหาราทะ ภิกษุทั้งหลายย่อมอภิรมย์ในพระธรรมวินัยนี้ เช่นภิกษุชาวอโศกย่อมอภิรมย์ในพระธรรมวินัยนี้ จะเห็นได้ว่าภิกษุชาวอโศก สึกยาก แต่กระนั้นก็ยังมีสึกไปไม่น้อย แต่ถึงสึกแล้วก็ยังอยู่ในแวดวง เพราะจิตเข้ากระแส อยู่ในแวดวง ที่ออกไปจริงๆ เลยน้อยมาก ชาวอโศกที่บวชแล้วและออกไปมีน้อยมาก 50 กว่าปีมาแล้ว 

มีปลาต่างๆ นี้หมายถึงอะไร ปลาต่างๆ นี่หมายถึง พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ปลาต่างๆ ที่เป็นปลาใหญ่ หมายถึงอย่างนั้น

_ท่านสรุปตอนท้าย ว่า  ข้อที่ธรรมวินัยนี้เป็นที่พำนักอาศัยแห่งสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ สิ่งชีวิตมีในธรรมวินัยนี้มีดังนี้ คือ พระโสดาบัน ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล พระสกทาคามี ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล พระอนาคามี ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล พระอรหันต์ ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอรหันต์ นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาประการที่ 8 ในธรรมวินัยนี้ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่

ดูกรปหาราทะ ในธรรมวินัยนี้ มีธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา 8 ประการนี้แล ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

จบสูตรที่ 9

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 20:43:21 )

ความมหัศจรรย์ของศีลข้อที่ 1 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่ยังฆ่าคนอยู่ในโลก ยังสร้างระเบิด สร้างปรมาณู สร้างอะไรมาฆ่ากันโครมๆ อยู่นี่ ยังชั่ว พวกเราไม่ฆ่าคน ไม่ฆ่าสัตว์ เจริญกว่าคนพวกนั้นไหม เจริญ นี่ไม่ได้พูดเอาเล่น ไม่ได้พูดเล่นลิ้น ไม่ได้พูดเอาดีใส่ตัวแต่มันเป็นความจริง เห็นไหม 

เพราะฉะนั้นคนที่เกิดมาเลิกฆ่าสัตว์เลิกฆ่าคนเลิกฆ่าสัตว์ เลิกเบียดเบียน เลิกทำร้ายสัตว์ใดๆปล่อยให้เขาอยู่ตามยถากรรมของเขาตามวิบากกรรมของเขา นี่คือศีลข้อที่ 1 มีรายละเอียดดังนี้ เขาศึกษาศีลกันที่ไหน แล้วเขาไม่ได้สังวรระวังดังที่อาตมาพูดนี้หรอก แต่พวกเราสังวรระวัง อาตมาพาทำมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้สำเร็จ มีคนจํานวนหนึ่งทำได้สำเร็จ นี่คือความมหัศจรรย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌ ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:44:39 )

ความมหัศจรรย์ของสังคม

รายละเอียด

เถียงได้ มันคือสังคมคนโง่เขาทำกัน สังคมชาวอโศกนี้เอาเงินมาซื้อพวกนี้ไม่ได้ น้ำท่วมนี้ชาวบ้านเขาไม่ได้เป็นชาวอโศกเขาไม่มีจะกิน แต่บ้านราชนี้น้ำท่วมมากกว่าเขามีอาหารไปแจกเขา นี่คือความวิเศษ ความมหัศจรรย์ของสังคม ที่ดูพิลึกพิลึกคือ ประหลาด มันทวนกระแส ปฏิโสตัง แล้วมันยังไง รวย แล้วบอกว่าจน จนจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น ไม่ได้โกหก ไม่ได้มาหลอกลวงอะไร 

นี่ก็จะเปิดตลาดอาริยะปีใหม่จะขาดทุนสัก 10 ล้าน เป็นเรื่องจริงก็พูดไปแล้ว ไม่ได้พูดเล่นพูดจริงๆ เราไม่ได้ทำหลายปี มีเงินเหลือ บอกเขาสิ เอาชาวบ้านมา ควักเงินจากกระเป๋า ชาวบ้านจะมีมากหรือชาวอโศกจะมีมากกว่ากัน พิสูจน์ได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มกราคม 2566 ( 12:31:19 )

ความมหัศจรรย์ของสังคมชาวอโศก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสังคมชาวอโศกนี่คือสังคมมหัศจรรย์ เป็นมนุษย์มหัศจรรย์หรือสัตว์มหัศจรรย์เป็นสัตว์ใหญ่มหัศจรรย์ เป็นมหาสมุทรที่มีสัตว์ใหญ่ ท่านเทียบปลาใหญ่ๆ คือ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ 

อาตมาสบายพูดได้เต็มที่ เปิดเผยไม่มีอะไรปิดบัง หากปิดบังมันจะเขินอายมังกุ อุทธัจจะกุกกุจจะ ในการอธิบายธรรมะ แต่อาตมาไม่มี มันชัดเจนแม่นชัดเราไม่ได้พูดผิดเป็นธรรมดาของเราเลย อันนี้ก็แหม พูดไปแล้วคนจะเข้าใจแค่ไหน แต่มันเป็นเรื่องจริง พูดอรหันต์กันเฉย พูดโสดาบันกันเฉย สกิทาคามีกันเฉย มีสำนักอื่นเขาพูดกันไหมว่าสำนักเขามี สกิทาฯ อนาคา มีพูดกันไหม

มีคนไปถามพระสมเด็จฯ สมเด็จอะไรก็ไม่รู้จำชื่อไม่ได้ มีคนไปถาม ท่านก็บอกว่า โสดาโสแดอะไร ก็แย่งลาภยศสรรเสริญโลกียสุขกันโครมๆ เต็มไปหมด ท่านก็ว่าอย่างนั้นท่านเป็นสมเด็จ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 07:16:03 )

ความมหัศจรรย์ข้อที่ 2 ของศีล

รายละเอียด

ความมหัศจรรย์ข้อที่ 2 ของศีล ไม่ทุจริต ต่อวัตถุ ต่อพืชพันธุ์ธัญญาหาร มันมีอยู่ในโลก ใครจะสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารเขามีสิทธิ์สร้างของเขา อย่าไปเอาของเขามาในฐานะขโมย อย่าไปเอาวัตถุ อย่าไปเอาสสาร สสารนั้นคือเพชรพลอย คือธนบัตรของเขา อย่าไปเอาของเขามา มันไม่ใช่ของเรา อย่าทุจริต ไม่เกี่ยวกับสัตว์แล้วศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับธาตุอุตุกับธาตุพืช ก็อย่าทำผิดอย่าทำชั่ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌ ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:54:56 )

ความมหัศจรรย์ที่พ่อครูเดินตามรอยบาทพระศาสดา

รายละเอียด

คุณมองเป็นเช่นนั้น ถ้าคุณ 0852 ได้ติดตามฟังอาตมาแสดงออกมา ทุกอย่าง ทั้งพูดทั้งสาธยายทั้งพฤติการณ์ต่างๆ ที่อาตมาได้ทำมาตลอด จนกระทั่งมามีชุมชนมีวัฒนธรรม มีพฤติการณ์ของสังคม ถึงขั้นสาธารณโภคีอย่างนี้เป็นต้น ถ้ามองว่าอาตมาแสดงธรรมมาตลอด แม้จะเกิดปรากฏการณ์ต่างๆอย่างที่ว่ามาก็ตาม คุณก็ยังมองว่าอาตมาเป็นคนวัดรอยเท้าพระพุทธเจ้า มันเป็นเชิงว่านะที่บอกมา 

อาตมาก็กำลังเดินตามรอยเท้าของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ไปวัด คุณใช้ภาษาวัดรอยเท้าในคนไทยเป็นที่เข้าใจกันว่า มันเป็นสำนวนไทย แต่อาตมาไม่ได้วัดรอยเท้า อาตมากำลังดำเนินรอยตามพระบาทพระพุทธเจ้ามาตลอด 

เป็นการเดินตามรอยเท้า ไม่ใช่ไปวัดรอยเท้า ทำให้มองเห็นว่า ทัศนคติของคุณมีทัศนคติอย่างไร ก็ชัดๆอยู่แล้วว่า คุณเป็นคนที่จะต้องเป็นอย่างที่คุณเป็น ก็คงไปถือสาคุณไม่ได้หรอก เพราะว่า อาตมาก็พูดอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 แค่ระดับ 8 ก็ไม่ได้ เหิ่มหาญทำอะไร ก็บอกแค่เป็นสยังอภิญญา ไม่ได้เป็น สยัมภู ละเอียดหมดทุกอย่าง แต่คุณก็พยายามมองอย่างยัดเยียดเพ่งโทษอาตมาไป ก็อาจจะเป็นวิสัยของคุณก็เป็นได้คงเลยวิสัยไปบ้างก็คงจะเป็นเช่นนั้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์จากพ่อครูผู้ตามรอยบาทพระศาสดา วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤษภาคม 2565 ( 09:34:59 )

ความมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ของศาสนาพุทธต้องมีตามลำดับ ตัดลัดความไม่ได้

รายละเอียด

ในข้อที่ 1 มันต้องดำริคิดให้มากเลยว่า เอ๊ เราไปตัดลัดความ มันผิดตั้งแต่อันแรกเลยนะแค่ตัดลัดความ เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์เหรอ เห็นไหมของพระพุทธเจ้า ซึ่งของพระพุทธเจ้านั้นมหัศจรรย์แล้วเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ตัดไม่ได้นะ ตัดลัดความ ของพระพุทธเจ้าทิ้งไม่ได้ ของท่านลาดลุ่มเรียบลงไปไม่ขาดตอนเลยนะ  กิเลสมักมากมักใหญ่มักเร็ว ใจเร็วด่วนได้จะต้องเอาให้ได้เร็วไวอยากได้ไวๆ ไม่มีขั้นตอน ไม่มีเนื้อหาที่จะเต็มบริบูรณ์ได้ มันก็ขาด 

แม้แต่มหัศจรรย์ข้อแรก อาตมาก็ว่ายิ่งใหญ่มากจริงๆถึงขั้นมหัศจรรย์ คุณไม่ตามลำดับ คุณก็ผิดแล้ว ความมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ของศาสนาพระพุทธเจ้ามีเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลายเป็นลำดับอย่างละเอียดลออนะ แต่นี่คุณไปหั่นขาดทิ้งขว้างกันอย่าง น่าสมเพชเวทนา ตัดทิ้งไปหมด ศีลก็ตัดทิ้ง อปัณณกปฏิปทา 3 ก็ตัดทิ้ง สัทธรรม 7 ก็ตัดทิ้ง

หลงไปเอาที่ฌานเลย ไปเอาฌานจากทฤษฎีไหนก็ไม่รู้ เป็นฌานของเดียรถีย์ ศาสนาพุทธไม่เหลือเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 05:05:47 )

ความมหัศจรรย์เป็นลำดับของศีลข้อที่ 1,2 และ 3

รายละเอียด

ในสิ่งมหัศจรรย์เป็นลำดับนี้ก็มหัศจรรย์จริงๆ ซึ่งยังมีข้อศีลเป็นตัวหลักอยู่นะ​ ศีลข้อ 1 พวกเราก็ปฏิบัติได้บริสุทธิ์จนกระทั่งไม่กินเนื้อสัตว์ ศีลข้อที่ 2 ก็ง่ายกว่าด้วยซ้ำแต่มันเป็นข้อที่ 2 อย่าทุจริตในสิ่งของที่ไม่ใช่ของของเรา ที่ได้มาในฐานะอันเป็นขโมย ไปเอาของเขามาในฐานะที่เป็นขโมย แม้จะถือวิสาสะก็จะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งเลย ของกันเองวิสาสะ

เช่น​ ในครอบครัวพี่น้องก็อย่าถือวิสาสะ ในเพื่อนๆ ก็ตาม อย่างอาตมาเคยอยู่กับเพื่อน​ แล้วเพื่อนกันก็ยืมแปรงฟันเพื่อนมาสี เขาก็บอกว่า ทำไมเอามาแปรงได้อย่างไร 

แปรงของเจ้าออด(วัลลภ วิชชุกร) เอาของบุญส่งมาสี เจ้าบุญส่งก็บอกว่า เอามาแปรงได้อย่างไร

เล่าให้ฟังก็ให้รู้ว่ามีคนที่ยังไม่ติดใจก็มี ก็สีฟัน ขี้ฟันก็ไม่มีปัญหา เวลาเขาสีฟันเสร็จแล้วก็ล้างแปรงสีฟันทุกทีแหละ คนอื่นก็เอามาใช้สีกันบ้าง​  ทีแปรงขัดส้วมก็ยังขอยืมใช้กันได้นี่ ทำไมเล่า แปรงสีฟันเขายืมใช้สีไม่ได้หรืออย่างไร เล่าให้สนุกๆ ไปบ้าง ทางหมอทางแพทย์ก็ไม่ได้ส่งเสริมให้ใช้แปรงสีฟันร่วมกัน แม้แต่เป็นพ่อแม่ลูกเต้า ก็มีแปรงสีฟันเป็นของตัวเองเป็นสัดส่วน​ เพราะว่าแบคทีเรียก็ของใครของมัน เดี๋ยวจะเป็นเชื้อโรคติดต่อกันไป​ ยุ่งกันใหญ่ 

เป็นลำดับ สัตว์ ของ ยิ่งข้อ 3 รูป​ รส​ กลิ่น​ เสียง​ สัมผัส ต้องเข้าใจถึงศีล 3 ข้อ พระพุทธเจ้าท่านแยกไว้ มันคนละเรื่องกัน ถึงต้องแบ่งกันเป็น 3 

ยิ่งรูป​ รส​ กลิ่น​ เสียง​ สัมผัสแล้ว คือกิเลสตัวที่ติดยึด ไม่ได้เข้าใจง่ายๆ เลย จะพูดถึงเรื่องไม่ฆ่าสัตว์ก็ยังพอฟังรู้เรื่องกันบ้าง ไปพูดถึงเรื่องทุจริตในศีลข้อที่ 2 ก็เข้าใจกันได้ 

พอพูดถึงศีลข้อที่ 3 รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไปงมงายติดยึดอยู่ทำไม ไปหลงรูป​ รส​ กลิ่น​ เสียง​ สัมผัสเสียดสี มันลึกซึ้งขึ้นไปครบกระบวนการเลย ศีล 3 ข้อนี้ 

ถ้าทำให้บริสุทธิ์ 3 ข้อนี้ได้เป็นพระอรหันต์ อาตมาไม่ได้พูดโมเมสุ่มสี่สุ่มห้า เข้าใจให้ได้ครบเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์จากพ่อครูผู้ตามรอยบาทพระศาสดา วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤษภาคม 2565 ( 11:29:48 )

ความมหัสจรรย์ของธรรมะ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเองได้

รายละเอียด

ใช่ เราจะเข้าใจถึงความไม่ยึดมั่นถือมั่น ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น แล้วก็ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ภาษาแค่นี้เรียกว่า ไตรลักษณ์ สุดยอด จบแล้วทุกอย่าง ถ้าเข้าใจ มันก็ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา มันไม่ใช่ตัวตน แต่เมื่อเรายังยึดเป็นเราเป็นของเรา มันยังเป็นตัวตน มันก็เป็นธรรมดาที่จะเกิดอาการทุกข์สุขหรือว่ายังยึดถืออะไรต่ออะไรต่างๆ อยู่ เพราะฉะนั้น ถ้าเราเกิดปัญญา เกิดความเฉลียวฉลาด เกิดปัญญายิ่งๆ ขึ้น เข้าใจได้ ความมีปัญญามันไม่ได้อยู่เท่าเดิม ปัญญาไม่ได้อยู่เท่าเดิม มันจะเจริญงอกงามไพบูลย์ขึ้นเรื่อยๆๆๆ ตามลำดับ 

ปัญญาข้อ 1 ข้อ 2 ได้ฟังเรื่อยๆ แล้วเอามาปฏิบัติไปอีก เราจะเข้าใจความสงบ ปัญญาข้อที่ 3 เข้าใจความสงบ 2 อย่าง แบบโลกุตระกับแบบโลกียะ ขึ้นมาเป็นลำดับ ๆๆ ยิ่งปฏิบัติข้อ 4 ปัญญาข้อ 4 ปฏิบัติตามศีล ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ ไปเรื่อยๆก็จะได้มรรคได้ผล สรุปไปเรื่อยๆ กลายเป็นพหูสูตข้อที่ 5 ก็ยิ่งเห็นว่า เราเจริญเป็นพหูสูตไปมันดีนี่นะ ข้อที่ 6 ก็จะมี วิริยารัมภะ ยิ่งจะพากเพียรปฏิบัติ ไม่เหนื่อยหน่าย ต้องเอาให้ได้ให้ดี จนสำเร็จเป็นบัณฑิต 

ข้อที่ 7 ก็เป็นบัณฑิตก็คือ ทีนี้ก็รู้แล้วเข้าสภาจะปฏิบัติตนอย่างไร นอกสภาจะปฏิบัติตนอย่างไร ไม่แย่งไม่ชิงพูด รู้จักสงบ รู้จักหยุด รู้จักเคารพ รู้จักคารวะ รู้จักเวลา กาละ เทศะ ฐานะ รู้จักโอกาสดี ในข้อที่ 7 ข้อที่ 8 รวมหมดเลย รู้จักการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รู้จักขันธ์ทั้ง 5 รู้จักการหมดสิ้นการยึดถือในขันธ์ 5 คือเป็นปัญญาที่รู้จบ 

แม้แต่เริ่มต้นเป็นอรหันต์ก็รู้จบ เป็นโพธิสัตว์แต่ละระดับไปอีก ก็รู้จบ รู้จบ ไปตามกิจของฐานะของตน โสดาฯก็ขนาดหนึ่ง สกิทาคามีก็ขนาดหนึ่งอนาคามีก็ขนาดหนึ่ง อรหันต์ก็ขนาดหนึ่ง อนุโพธิสัตว์ก็จบอีกกรอบหนึ่ง อนิยตโพธิสัตว์ก็อีกกรอบหนึ่ง นิยตโพธิสัตว์ก็จบอีกกรอบหนึ่ง เป็นมหาโพธิสัตว์ เป็นสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า สุดท้ายท่านจะประกาศตนเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในโลกหรือไม่ เป็นเรื่องของท่าน ตอนนี้อย่าไปยุ่งกับท่าน บางองค์ท่านไม่ประกาศศาสนา ท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป 

ท่านทำงานมาพอแล้ว ผ่านสัมภารวิบากมาเหมือนกัน เท่ากันกับพระพุทธเจ้า แต่ท่านก็ไม่เอา ท่านพอแล้ว เรื่องของความไม่ยึดติดในฐานะในตัวตนในอะไร มันสูงยิ่ง เกินที่จะคิดไม่ต้องไปคิดแทนท่านเลย ที่ท่านเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า คนที่ยังไม่เข้าใจพอ แปลปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า คือผู้ที่สอนคนไม่ได้ พระพุทธเจ้าที่สอนคนไม่ได้ ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าคือผู้ที่ได้เฉพาะตน คุณเข้าใจผิด เข้าใจไม่ได้ ก็ไปแปลอย่างนั้น ไปเอาสั้นๆว่า ปัจเจกพระพุทธเจ้าสอนคนไม่ได้ 

ซึ่งมันก็ซ้อนอีก เป็นเทวทัตก็ตามเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้า ไม่สามารถจะประกาศศาสนา ไม่สามารถมีศาสนาของตัวเอง บรรลุได้แต่ตัวเอง เพราะฉะนั้นคำว่า ปัจเจกพระพุทธเจ้าของเทวทัตนั้น เป็นปัจเจกที่ยังไม่สัมมา เพราะฉะนั้น จะตายด้วยธรณีสูบ การตายด้วยธรณีสูบ แม้อรหันต์ก็ไม่ตายแบบนั้นแล้ว  เพราะฉะนั้นเทวทัตเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้า ก็เป็นคำศัพท์ที่พระพุทธเจ้าท่านว่าเอาเถอะ เหมือนคนที่นั่งหลับตาแล้วก็นึกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ก็เหมือนกันกับเทวทัตนึกว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า แต่ก็แค่ ปัดโธ่เอ๋ย..ยังตายด้วยธรณีสูบ เห็นไหมความซับซ้อน แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ไปเบลม(Blame) ไม่ได้ไปกดไปว่า พระเทวทัต เป็นผู้ที่ไม่ไปทำอย่างนั้น แต่ตำหนิ เพราะว่าตำหนิพระเทวทัตนั้นตำหนิมาพอแรงแล้ว สุดท้ายตายแล้วด้วยธรณีสูบ จะไปตำหนิอีกทำไม มันก็เป็นอย่างนี้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เคล็ดวิชา 9 ประการ ของจอมยุทธโลกุตระ วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2566 ( 20:26:29 )

ความมั่นใจในสาธารณโภคี

รายละเอียด

สมณะโพธิรักษ์ขอพูดตรงๆพวกชาวอโศกมาอยู่ในนี้ ก็ยังมีกระเป๋านอกกระเป๋าใน นี้หลายชั้นกันอยู่ทั้งนั้น น้อยนักที่จะไม่มีจริงๆของตนเอง มีใช้ก็ตอนปัจจุบันถ้ามีเหลือก็คืนเขา ไม่คืนก็เอาไปใช้ต่อบ้าง ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ดิ้นรนอะไร ถ้าจะเอาไปต่อก็ต่อหมด ก็ไม่เป็นไรมั่นใจในกองกลาง มั่นใจในความเกื้อกูลช่วยเหลือกัน ถ้ามันเดือดร้อนที่จำเป็นจะต้องใช้เงินของส่วนกลาง เราก็เกื้อกูลกัน เรามีความมั่นใจในสาธารณโภคี เป็นของส่วนกลางที่เราจะร่วมกันกินกันใช้อยู่ได้เราคงไม่ใช่หมาหัวเน่า ถ้าเป็นหมาหัวเน่าไปเบิก ใช้ไม่ได้ก็อยู่ไม่ได้หรอก แต่ถ้าเขายังเกื้อกูลช่วยเหลือก็ยังพออยู่ได้ให้กันได้ คุณก็สามารถอยู่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:25:41 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:07:22 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:26:15 )

ความมี/ความไม่มี 2

รายละเอียด

โลกนี้โดยมากอาศัยส่วน  2 อย่างคือ

1. ความมี (เห็นว่าเที่ยงแท้)

2. ความไม่มี (เห็นว่าขาดสูญ)

เมื่อบุคคลเห็นความเกิด (กิเลส) แห่งโลก (โลกีย์) ด้วยปัญญาที่ถูกตรงตามเป็นจริงแล้ว ความไม่มี (คือเห็นว่ากิเลสขาดสูญ) ในโลก (โลกีย์) ย่อมไม่มี เมื่อบุคคลเห็นความดับ (กิเลส) แห่งโลก (โลกีย์) ด้วยปัญญาที่ถูกตรงตามเป็นจริงแล้วความมี (คือเห็นว่ากิเลสเที่ยงแท้) ในโลก (โลกีย์) ย่อมไม่มี

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 16 "อาหารวรรค" ข้อ 43

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก หน้า 14


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2562 ( 16:05:46 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:50:56 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:26:48 )

ความมีกับความไม่มี

รายละเอียด

ของพระพุทธเจ้าเลิกทั้งความมีและความไม่มี หากท่านยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็รู้ว่าโลกยังต้องมี อรหันต์ทุกองค์ จะเข้าใจว่าทุกอย่างมี 2 ก็แยกความเป็น 2 แล้วอยู่ให้ได้ เหมือนคนตลบแตลง เขายึดว่ามีเราก็อยู่กับมีกับเขาให้ถูกต้อง เขาคิดว่าไม่มีเราก็อยู่กับความไม่มีให้ถูกต้อง แล้วเราต้องอยู่เหนือ เหนือความเจริญของความมี เหนือความเจริญของความไม่มี แล้วพยายามเป็นผู้ที่มีอำนาจอยู่เหนือ ทำให้เราเจริญขึ้น 

คุณไม่มีนั้นดีแล้ว ก็อย่าไปยึดความไม่มี แต่คุณก็ต้องอาศัยความไม่มี หากคุณมี ก็อย่าหลงยึดว่าเป็นสิ่งที่มีนิรันดร มันไม่มีหรอก มันจะมาจบที่ความไม่มีของพระพุทธเจ้า จะมาจบที่ไม่มี ที่ไม่มีคุณอาศัยให้เป็นอาหารอาศัยให้เป็นประโยชน์เป็นคุณค่า เสร็จแล้วคุณก็ เร็วกว่า วินาที ทำเป็นประโยชน์เสร็จแล้วเร็วกว่าวินาทีก็จบ ผ่านปัจจุบันที่เร็วกว่าวินาทีนั้นเสร็จแล้วหรือจะช้านานกว่านั้น

คุณก็ร่วมทำร่วมเป็นประโยชน์กับเขา เสร็จแล้วก็จบ จบแล้วก็ไม่มีมันมาจบที่ความไม่มี สูงสุดจบที่ไม่มี 

แต่ก็อย่าลืมว่าตนเองยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เราก็มี เพื่อที่จะทำประโยชน์ให้แก่คนอื่นตลอดเวลาที่เรามีเรา0 อันนี้แหละเป็นตัวจบที่มันยาก สรุปแล้วคนที่ไม่มีสรุปว่ามี 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 02 มกราคม 2563 ( 14:56:28 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:08:29 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:27:48 )

ความมีกับความไม่มี

รายละเอียด

ถูกต้อง คำสองคำนี้คำว่ามีกับไม่มี คุณเองขณะนี้คุณอยู่ในฐานะมีหรือไม่มี คุณยังมีชีวิตอยู่ ยังเป็นคนมีความรู้สึก เราก็ต้องใช้ความรู้ความรู้สึกนั้น อะไรควรหรือไม่ควร ความรู้สึกดี ความรู้สึกไม่ดี ความรู้สึกที่เป็นกุศล ความรู้สึกที่เป็นอกุศล เราก็ต้องอยู่ในภาวะที่อยู่ในความดีเป็นกุศล และสามารถทำแม้แต่ดี แม้แต่สิ่งที่มีก็อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่ามี ว่าเป็นเราเป็นของเรา นี่เป็นของสูงสุด

พระไตรปิฎกล. 16 ข. (43) [43] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรกัจจานะ โลกนี้ โดยมากอาศัยส่วน 2 อย่าง คือ ความมี 1 ความไม่มี 1 ก็เมื่อบุคคลเห็นความเกิดแห่งโลก(โลกสมุทัย)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความไม่มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก นตฺถิตา สา น โหติฯ) เมื่อบุคคลเห็นความดับแห่งโลก(โลกนิโรธ)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความ มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก อตฺถิตา สา น โหติฯ)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน เตวิชชสูตร ทางไปสู่พรหมโลก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:36:37 )

ความมีกับความไม่มี

รายละเอียด

เราก็ต้องรู้ความต่างว่าความมีกับความไม่มี จะต้องรู้ด้วยญาณปัญญาของเรา แม้จะเป็นนามธรรม นามธรรมมันเคลื่อนไหวแล้วมันมีความเคลื่อนไหว กับนามธรรมที่หมดความเคลื่อนไหวแล้วนิ่งสนิทเลย ไม่กระดิกเลย ไม่มีอะไรเกิดความเคลื่อนเลย อยู่ในจิตของเราโดยเฉพาะจิตมันเป็นสุญญะ จิตเราไม่มีอาการ แต่ก่อนจิตเรามีอาการที่เรียกว่าทุกข์ ทุกข์ธุลีละอองเหลือน้อยเรียกอาสวะ จนถึงอนุสัย จนหมดอนุสัยเลย ว่างสนิท คุณจะต้องกำหนดหรืออ่านรู้ด้วยธาตุรู้ของเราจริงๆ มีกับไม่มีมันต่างกันจริงๆ ไม่มีแล้วมันจะกลับมามีอีก เราก็ยังรู้ว่ามันไม่เที่ยง มันมีได้ชั่วคราว ถ้าไม่มีได้นาน มันเผลอแพล็บมามีอีกนิดนึงเล่นงานเราได้อีกนิด มาตีท้ายครัวได้ แสดงว่ายังไม่ควบแน่นพอ เราก็เติมความควบแน่นเป็นสมาธิให้แข็งแรงตั้งมั่น

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:08:18 )

ความมีกับความไม่มี

รายละเอียด

ถ้าผู้ใดสามารถรู้ความจริง ว่า ความจริงมันก็มี ตาย กับมีชีวิต ความจริงมันก็มีมืดกับสว่าง ความจริงมันก็มีความจริงกับความไม่จริง พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่าเราก็อาศัยสองคำนี้แหละ โหติ กับนโหติ นัตถิกับอัตถิ คือความมีกับความไม่มี ท่านก็สรุปในพระสูตรนี้

พระไตรปิฎกล. 16 ข. [43] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรกัจจานะ โลกนี้ โดยมากอาศัยส่วน 2 อย่าง คือ ความมี 1 ความไม่มี 1 ก็เมื่อบุคคลเห็นความเกิดแห่งโลก(โลกสมุทัย)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความไม่มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก นตฺถิตา สา น โหติฯ) เมื่อบุคคลเห็นความดับแห่งโลก(โลกนิโรธ)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความ มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก อตฺถิตา สา น โหติฯ)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:32:56 )

ความมีกับความไม่มี

รายละเอียด

พูดถึงเรื่องความมีกับความไม่มี มันก็สุดยอดแล้ว แต่คนเข้าใจไม่ค่อยได้ก็ไปติดที่ความมี เพราะเขาทำความไม่มีไม่เป็น อย่างเช่นเทวนิยม ความมีของพระเจ้านิรันดรแล้วก็ยึดถือความรู้ของตัวเองและก็ไม่รู้ตัวเองว่า ตัวเองได้มาอย่างไร ก็เลยไปยกให้กับผู้ที่ลึกลับคือ พระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ให้มา พระเจ้าเป็นเจ้าของธรรมะ ทั้งๆที่มันเป็นของตัวเอง เป็นกรรมวิบากของตัวเองที่ทำได้ ของตัวเองแต่ละศาสดาเทวนิยม ก็ต่างคนต่างสะสมวิบาก ต่างคนต่างสะสมความรู้ แล้วมาแข่งกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 13:24:34 )

ความมีกับความไม่มีในโลก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนเรื่อง ความมีกับความไม่มี ในพระไตรปิฎก เล่ม 16 ข้อ [43] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรกัจจานะ โลกนี้ โดยมากอาศัยส่วน / อย่าง คือ ความมี 1, ความไม่มี ๅ ก็เมื่อบุคคลเห็นความเกิดแห่งโลก(โลกสมุทัย)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความไม่มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก นตฺถิตา สา น โหติฯ)

เมื่อบุคคลเห็นความดับแห่งโลก(โลกนิโรธ)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความ มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก อตฺถิตา สา น โหติฯ)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 13:59:09 )

ความมีความไม่มี

รายละเอียด

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรกัจจานะ โลกนี้ โดยมากอาศัยส่วน 2 อย่าง คือ ความมี  1 ความไม่มี  1 ก็เมื่อบุคคลเห็นความเกิดแห่งโลก(โลกสมุทัย)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความไม่มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก นตฺถิตา สา น โหติฯ) เมื่อบุคคลเห็นความดับแห่งโลก(โลกนิโรธ)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความมีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก อตฺถิตา สา น โหติฯ) เป็น 2 เสมอ ใครตีเทวะไม่แตกก็จะอยู่ในสายเทวนิยมเป็นพระเจ้า ส่วนสายพุทธนั้นจะมาตีเทวะแตกแล้วจะรู้จักพระเจ้า สุดท้ายดับพระเจ้าได้ เป็นปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ ศาสนาเทวนิยมนั้นยิ่งใหญ่กว่าพระเจ้า เพราะดับอัตตาสูญ แยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไป ไม่เกิดอีกเลยไม่เหลือเชื้อ แต่ทางโน้นดับไม่ได้ก็เลยต้องอยู่ไปนิรันดร ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้าจะลงนรกขึ้นสวรรค์ก็อยู่ที่พระเจ้าจัดการ ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเอง เป็นศาสนาที่ไม่พ้นความเป็นทาส อย่างน้อยที่สุดก็เป็นทาสพระเจ้า แต่ศาสนาพุทธนั้นไม่มีใครใหญ่กว่าเรา พระเจ้าไม่มี ศาสนาเทวนิยมจำนน ตีธาตุอัตตาอาตมันตัวเองไม่ได้ จำนน จึงกลายเป็นเทวนิยม เป็นศาสนาที่จะต้องมีจิตวิญญาณนิรันดร ดับจิตวิญญาณของตนเองไม่ได้ นี่คือจุดสำคัญระหว่างเทวนิยมกับ อเทวนิยม คนที่ไม่รู้มีอวิชชานั้นมีจำนวนมาก คนมีวิชชารู้ถ้วนรอบมีจำนวนน้อยคือคนศาสนาพุทธ ของพุทธหนึ่งเดียวสมบูรณ์แบบครบหมดแล้ว คุณจะอยู่นานแบบเขาก็ได้ เป็นพระอวโลกิเตศวร บรรลุแล้วแต่ไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน จะอยู่ไปอีกกี่ล้านล้านล้านล้านปี ก็อยู่ไปสิ นี่คือสิ่งที่มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 09:39:55 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:52:01 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:28:36 )

ความมีความไม่มี

รายละเอียด

หนึ่ง คือสภาพนั้นที่ยังมีเป็นอัตถิ ไม่มี นั้นคืออะไรที่ต้องดูว่าอะไรที่ทำให้ไม่มี ท่านจึงสอนในพระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 243 เรื่องความมีกับความไม่มี อยู่กับโลกจิตก็มีสังขาร ความเป็นนิโรธ หรือ สมุทัยมันไม่มีแล้ว จิตใจของคุณแม้กระทั่งอยู่ในโลก คุณก็มีนิโรธ คุณไม่มีแล้ว สมุทัย อย่างหยาบ กลาง ละเอียด คุณก็ไม่มีแล้วคุณถึงจะรู้อันนี้คือความมี และความไม่มี แล้วก็จะรู้ว่า ที่บอกว่า พระไตรปิฎกล. 16 ข. [43] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรกัจจานะ โลกนี้ โดยมากอาศัยส่วน 2 อย่าง คือ ความมี  1 ความไม่มี 1 ก็เมื่อบุคคลเห็นความเกิดแห่งโลก(โลกสมุทัย)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความไม่มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก นตฺถิตา สา น โหติฯ) เมื่อบุคคลเห็นความดับแห่งโลก(โลกนิโรธ)ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้ว ความ มีในโลก ย่อมไม่มี(โลเก อตฺถิตา สา น โหติฯ) คุณยังมีชีวิตอยู่ ยังมีกระทบสัมผัสรู้อยู่ แต่ต้องรู้ถึงความไม่มีที่มี อะไร คือกิเลสเศษธุลีอะไรไม่มีในจิตใจเรา คุณถึงจะรู้ทั้งหมดถึงความมีและความไม่มี 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 14:21:54 )

ความมีความไม่มีเป็นภาวะ 2 คู่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสว่า อาศัย“ความมี”กับ“ความไม่มี”นี้แหละในโลกที่ใช้“สื่อ”แสดงต่อกันให้รู้  ไม่มีอื่นหรอก “ความมี-ความไม่มี”จึงเป็น“เทฺว”หรือ“ภาวะ 2”คู่ยิ่งใหญ่ อาศัยสิ่งนี้แหละสอนกันพูดกันทำกันได้ครบ ที่ทำให้คนผู้สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงก็จะ“รู้จบ”ทุกสรรพสิ่งได้ (พระไตรปิฎก เล่ม 16 ข้อ 43) 

สรุปแล้ว ในโลกนี้มี“ความมีกับความไม่มี” แม้แต่พญานาค ก็คือ สิ่งที่“มี”หรือสิ่งที่“ไม่มี” เป็น“ภาวะ 2” แต่อาตมาเป็น“อนุปคัมมะ” เป็นผู้มัชฌิมา คือเป็นคนกลางๆ ก็เห็นอยู่ว่า“พญานา”มันก็มีสำหรับคนผู้“มี” และมัน“ไม่มี”สำหรับคนผู้“ไม่มี” เพราะเป็น“ผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบานแล้ว” ชื่อว่า “พุทธ” จึงไม่ต้องใช้วิธี“หลับตา”ปฏิบัติหรอก 

แต่คนในโลกมันมี“ผู้ไม่รู้(อวิชชา)”เทียบ“ฐานปีรามิด” นั้นย่อมมากกว่า “ผู้รู้(วิชชา)”ที่เป็นส่วน“ยอดของปีรามิด” มัน ก็เป็นธรรมดาสามัญแท้ๆ ตามสัจจะ ไม่เห็นจะผิดปกติอะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 21:52:42 )

ความมีคุณภาพของพลเอกประยุทธ์

รายละเอียด

จริงๆ แล้ว การเมืองในประเทศไทยขณะนี้ กำลังจะไข กำลังจะไขประตูเข้าไปสู่ความลงตัว อาตมายังรู้สึกว่ามันจะออกหวยอะไรหนอ อาตมาไม่มีปฏิญาณปัญญา ไม่มีอาเทสนาปาฏิหาริย์ที่จะไปหยั่งรู้ว่ามันจะออกอะไร ไม่มีจริงๆ แต่รู้สึกว่ามันดูประนีประนอมกัน อะลุ่มอล่วยกัน ตกลงมันก็ช่วยกัน เอาไปเอามา เพราะมันก็เป็นสมมุติสัจจะ คุณจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ สมมุติสัจจะ เช่นสมมุติว่าเป็นนายก แต่คำว่า นายกคือผู้บริหาร คุณจะขึ้นไปบริหารได้ ต้องมีสมรรถนะมีความรู้ มีความสามารถที่จะบริหารทำงานได้ 

อย่างพลเอกประยุทธ์นี้เป็นนายกที่เป็นนายกทำงานบริหารได้คุณภาพมาก คนที่จะขึ้นมานี่ ขออภัยเถอะอาตมาว่ามันไม่ใช่ไปดูถูกปรามาสหรอก ไม่มีใครจะขึ้นมาทำงานหน้าที่บริหารนายกได้เท่านายกประยุทธ์ ไม่ได้หรอกไม่ได้เท่า แต่เอาล่ะ มันก็เป็นไป แล้วก็นายกประยุทธ์ก็อยู่ ถ้าจะแสดงตัวทำทีเป็น candidate อยู่ขณะนี้ก็ได้นะ แต่ไม่ทำ ก็เลยบายไปให้พวกคุณ คุณว่ากันไปเถอะ คุณจะแย่งอะไรกัน ผมไม่เป็นอะไรหรอก แต่ถ้าประชาชนออกมาให้ผมเป็นอีก ผมก็ทำได้ นี่ตอบแทนเลยพลเอกประยุทธ์ ผมยังทำได้ ยังแข็งแรงมาก ยังปราดเปรียวดีอยู่ แต่ถ้าไม่ให้ทำผมก็ไม่มีปัญหาอะไร ยิ่งแสดงถึงความมีคุณภาพของพลเอกประยุทธ์ 

มันเป็นของประเทศ จะไปรังเกียจรังงอนไม่อุ้มอย่าง นั้นได้ยังไง ถ้าคุณจะไปล้มกิจการการบิน ไม่อุ้ม ให้ล้มไปเลย ได้ยังไง แต่นี่มันล้มไม่ได้ ก็ต้องบูรณะขึ้นมา ปฏิสังขรณ์ขึ้นมา แล้วถ้าทำได้สำเร็จ อาตมาว่าเป็นเรื่องฝีมือที่ไม่ใช่ธรรมดานะ พลเอกประยุทธ์กอบกู้คืนมาได้สำเร็จนี่ ที่จริงแล้วมันเป็นเหตุปัจจัยร่วมกัน มันไม่ได้หมายความว่ามันอยู่เดี่ยวๆ การบินไทยคือเดี่ยวๆไม่เกี่ยวกับใคร มันไม่ใช่ มันโยงใยกับอะไรอีกหลายอย่าง เพราะฉะนั้นเมื่อพลเอกประยุทธ์เขาทำอะไรต่ออะไรมา มันก็เชื่อมต่อกันมา แล้วก็มาทำให้กิจการการบินไทยนี้ ยกระดับขึ้น 

แน่นอนตัวมันเองมันก็แย่ แต่หลายๆ อย่างมันรวมกันแล้ว ก็แก้กันได้ แก้ให้ง่ายขึ้น แล้วแก้กันสำเร็จ ถึงบอกว่าผลงานของพลเอกประยุทธ์เป็นสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์ไม่รู้กี่อย่าง ที่แก้ไขอะไรต่ออะไร ปลดเรื่องเลวร้ายที่เสื่อม ให้ฟื้นตัวขึ้นมา ไม่ใช่ว่าพลเอกประยุทธ์ทำงาน แล้วก็คนอย่างพวกเราศรัทธากันอย่างงมงาย คนข้างนอกพวกนักตรวจสถิติความเจริญของประเทศนั้นประเทศนี้ งานนั้น งานนี้ กิจนั้น กิจนี้ มันสอดส่องดูแล้วมันก็บอกมา ใช่ไหม เขาก็สรุปผลมาตลอด ไม่ใช่สรุปผลธรรมดานะมันเป็นสรุปผลแบบไตรมาสเป็นครึ่งปี เป็นปี ทุกเวลาวาระเขาจับงาน ที่บอกว่าบิ๊กตู่โชว์ผลงานพลิกฟื้นการบินไทยกลับมากำไรกว่า 2 พันล้าน จากเป็นหนี้ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ แต่ละปี มากำไร 2,000 ล้าน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าอวิชชาหลับตาโง่ๆ วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2566 ( 09:13:06 )

ความมีหรือไม่มีที่ใช้พยัญชนะแทนสภาวะ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นความมี ความไม่มีนี้ ที่ใช้พยัญชนะแทนสภาวะมีหรือไม่มีกัน เริ่มต้นพยัญชนะ

 รากเหง้าของภาษาบาลี 

 วรรคที่ 1 ก ข ค ฆ ง

 วรรคที่ 2 จ ฉ ช ฌ ญ

 วรรคที่ 3 ฏ ฐ ฑ ฒ ณ

 วรรคที่ 4 ต ถ ท ธ น

 วรรคที่ 5 ป ผ พ ภ ม

 เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อํ

เขาก็ใช้ตัว ส เป็นพลังงาน ตัวที่ 5 เป็นพลังงานกึ่งหนึ่งของ 10 เป็นตัวครึ่งของ 10 หรือเป็นตัวกึ่งหนึ่งของ 9 ถ้าแบ่งเป็น 4 ในความมี มี 4 กับ 4 ตัว 5 ก็คือตัวกลาง ถ้าตัดไปเป็น10 เลย 5 ก็คือตัวครึ่งหนึ่งของ 10 ถ้า 9 วนมาอีก ก็วนที่ 9 นี่คือความมี ถ้าเลยไป 10 แล้วไม่ต่ออีกเลยไม่วนอีกแล้ว คือ 0 ก็ไม่วนอีกแล้วคือจบ

เพราะฉะนั้นในโลกนี้มี 1 กับ 0 ในโลกนี้มี 0 กับอินฟินิตี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3 วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 07:39:09 )

ความมีอะไรอยู่

รายละเอียด

สัญลักษณ์แห่งความเกิด ความก่อ ความสร้าง ความเจริญ ความก้าวหน้า ความใหญ่โต  จึงจะต้องมีความเกิดให้เห็น ตายให้เห็นต่อหน้าต่อตา เพราะเป็นสภาวะทางด้านความมีอะไรอยู่

หนังสืออ้างอิง

จากคนคืออะไร? หน้า 417


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 06:51:52 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:45:16 )

ความมีและความไม่มีเป็นความรู้ที่ตัดสินใจทุกอย่าง

รายละเอียด

ขอวิจัยต่อเพื่อให้สิ้นกระแสความเกี่ยวกับนายกฯตู่ คือเมืองไทยนี้อาตมา เคยชี้ เคยพูดว่าเป็นเมืองตัวอย่างของโลกยุคนี้ ถ้าใคร โดยเฉพาะชาวพุทธเราเชื่อว่า พระพุทธเจ้านี้เป็นมนุษย์ ชื่อว่ามนุษย์ คนเหมือนกันกับทุกๆ คน เป็นมนุษย์ ที่เป็นมนุษย์ได้ เกิดตาย..ตายเกิด เพื่อศึกษาความเจริญสูงสุด ในความเป็นมนุษย์ 

ความเจริญสูงสุดในความเป็นมนุษย์มันคืออย่างไร นี่แหละ พระพุทธเจ้าเป็นผู้แสวงหาจุดนี้ ค้นคว้าเอาชีวิตเกิดตาย..ตายเกิด ซึ่งพวกเราก็เข้าใจแล้ว เชื่อแล้วว่าการหมุนเวียนตายเกิด..เกิดตายเป็นเรื่องสามัญ มันไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไร เป็นอมตบุคคล ผู้บรรลุอมตบุคคลแล้วจะเกิดจะตายอีกเท่าไหร่ก็เกิดก็ตายไป แล้วก็กำหนดความตายของตัวเองเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลยได้ แยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไปได้ ก็อธิบายไปจนหมดแล้ว 

เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้ที่รู้ความมีและความไม่มีสมบูรณ์แบบ ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ตรัสเรื่องนี้ไว้ ความมีกับความไม่มีนี้ ในพระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 43 ชัดเจนใช้ความมีกับความไม่มี เป็นธาตุรู้ที่ตัดสินสัจจะทุกอย่าง

ก็ฟังภาษาที่อาตมาพูด พยายามทำความเข้าใจกับสภาวธรรม ว่ามันหมายถึงอะไรดีๆ ศึกษาไปดีๆ แล้วก็จะรู้ สัจธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านเรียนรู้ อาตมาก็เรียนรู้ตาม พระพุทธเจ้า มาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 กำลังไต่ไปเหลื่อมเข้าไปหาระดับ 8 ก็พูดความจริงทั้งนั้น ไม่ได้มีความเท็จ ไม่ได้มีความเพ้อเจ้ออะไรที่เอามาพูดหรอก มีแต่ความจริงเป็นสัจจะทั้งนั้น ไม่มีความหลอกลวงในขณะแสดงสัจธรรมนี้ อาตมาจะไม่มีความเหลาะแหละหลอกลวง มันมีแต่ความจริง จะมีบางวาระบางสำนวนโวหารสนุกๆ บ้าง ทุกคนก็เข้าใจด้วยปฏิภาณว่าอันนี้หมายถึง ให้มันลดหย่อนความเคร่ง ความเข้ม ลงไปบ้างเท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2565 ( 15:09:07 )

ความมีใจพอเป็นหลักประกันสำคัญ

รายละเอียด

ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะเรามีจุดสำคัญที่จิตของเรามีความสงบมีความพอแล้วนี่ มันเป็นหลักประกันสำคัญเลย พอ 

มันพอกินพอใช้พออยู่ พอกิน ว่าไปแล้วมีแต่เหลือเกินเหลือเฟือเกินไปอีก แล้วก็เป็นสิ่งจำเป็นสำคัญด้วยเป็นปัจจัยชีวิต ปัจจัย 4 ที่แท้จริงที่มนุษย์อย่างไรก็ต้องกินทุกคน ต่อให้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องฉันต้องเสวย เป็นคนจะชั่วดี มีจนสูงต่ำดำขาวอย่างไรก็ต้องกินกันทั้งนั้น อาหารเป็นหนึ่งในโลกจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 20:17:35 )

ความยอดเยี่ยมที่ละเอียดลึกลงไปอีกคือ อนุตตริยะ หมวด 2 อันมี 6 ข้อย่อย!

รายละเอียด

หรือจะเป็น“อนุตตริยะ”อีกหมวดหนึ่ง คือ“อนุตตริยะ 6”ได้แก่ 

1.ทัสสนานุตตริยะ(การเห็นอันเยี่ยม) 

2.สวนานุตตริยะ(การฟังอันเยี่ยม)​ 

3.ลาภานุตตริยะ(ลาภหรือการได้อันเยี่ยม) 

4.สิกขานุตตริยะ(การศึกษาอันเยี่ยม) 

5.ปาริจริยานุตตริยะ(การรับใช้อันเยี่ยม) 

6.อนุสสตานุตตริยะ(การระลึกอันเยี่ยม) ล้วนเป็น“ความยอด

เยี่ยม”ของคนผู้ได้ศึกษาปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

อย่างสัมมาทิฏฐิ

แล้วจะสามารถ“อยู่เหนือโลก-อยู่เหนืออัตตา-อยู่เหนือ

ธรรม”ได้อย่างเป็นคุณวิเศษที่เป็นคุณแก่โลก 

และเป็นคุณแก่ตนสุดยอดเยี่ยมเป็น“อนุตตริยะ”แท้จริง 

เพราะมี“ธรรม”ที่เป็น“โลกุตรธรรม”คือ“ธรรมอยู่เหนือโลก” 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 122 หน้า116


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2564 ( 05:13:02 )

ความยากของสมณะโพธิรักษ์ เทียบกับพระพุทธเจ้าในการประกาศพุทธศาสนายุคนี้

รายละเอียด

คือ การฟื้นฟูศาสนาพุทธที่ถูกตรง  ยุคนี้  โพธิรักษ์ทำได้ยาก  เพราะมีพุทธประกาศแล้ว  ส่วนพระพุทธเจ้านั้นประกาศของใหม่เลย  และเป็นของจริงกว่า  คนมาแสวงหาก็เลยเอาได้เลย  ส่วนอาตมานี้ ผู้ที่ประกาศเป็นอาจารย์ชาวพุทธเยอะ เราเองมา  ไม่มีอลังการ  ไม่ได้จบสำนักไหน  ไม่ได้มีครูบาอาจารย์  ไม่ได้มีศิษย์พี่ ศิษย์น้อง หัวเดียว กระเทียมลีบ  โดดๆมา เจ้าประคุณ  มาประกาศ  เปิดร้านขายปาท่องโก๋  ข้างถนน  ข้างทาง  ร้านใหญ่  เขาก็สอนปาท่องโก๋ สูตรพิสดารสูตรผิด  กินแล้วท้องขึ้นท้องเฟ้อ  ไม่ได้ธรรมะพระพุทธเจ้า ไม่ได้ล้างกิเลส  มีกิเลสทับถมมากขึ้น  อาตมาเห็นแล้วก็สงสารก็เลยมาประกาศร้านเล็กนี่แข่ง  ประกาศร้านเล็กแล้ว  จะอยู่กับเขาก็ไม่ได้  ก็เลยต้องแยกตามที่พระพุทธเจ้าสอนเป็นนานาสังวาส  ก็ขอแยกมาก็แล้วกันนะ  อาตมาขออยู่หมู่เล็กๆ  ตอนนั้นมีภิกษุ สมณะแค่ 21 รูปกับเณร 2 รูป  ก็ขอแยกมาประกาศเป็นทางการเลย  ทำเป็นลายลักษณ์อักษรเขาก็รับไปนะ  เจ้าคณะอำเภอเจ้าคณะจังหวัด ส่งไปถึงเถรสมาคม  ก็เป็นที่ยอมรับ ตั้งแต่  พ.ศ.  2518   อาตมาก็ทำงานต่อมาได้จนกระทั่ง พ.ศ. 2532 ตั้งหลายปีนะ  หลังจากประกาศไป ปี  18-32 พ.ศ.2532   พันตำรวจตรีอนันต์  เสนาขันธ์  ก็มาตีฆ้องร้องป่าว ปลุกพวกพระต่างๆ  มาเอาโพธิรักษ์ลงหน่อย  มันประกาศ ค้านแย้ง  ลาภ ยศ สรรเสริญ  ของเขา เขาก็เอาทั้งพระธรรมยุต และมหานิกายมารวมกันเพื่อจะทำ ปกาสนียกรรมของพระโพธิรักษ์  ทั้งที่เราประกาศนานาสังวาส  ถูกต้องตามธรรมวินัยแล้ว  ท่านทั้งหลายแหล่ ทั้งพระมหานิกาย  และธรรมยุต  ทำผิดวินัยมารวมกันทำปกาสนียกรรมกันทำสังฆกรรม  ซึ่งทำไม่ได้มันคนละนิกาย  อย่างที่เหตุการณ์ผ่านมา ตัวอาตมาถูกยำซะน่วม  แต่น่วมอย่างไร อาตมาก็เป็นโมคคัลลานะ  แมวเก้าชีวิตฆ่าไม่ตาย  ตายแล้วฟื้น  ชุบตัวเองใหม่  ไม่ยอมตาย  จนสุดท้ายก็ฆ่าไม่สำเร็จ  เพราะว่ามันไม่ตายมันเป็นอมตะ  เป็นอมตะบุคคลฆ่าอย่างไร ก็ไม่ตาย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 13:46:21 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 17:12:41 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 15:32:13 )

ความยินดีที่เป็นกิเลส ต่างจากยินดีในการสงบจากกิเลสอย่างไร

รายละเอียด

ความยินดีที่เป็นกิเลส มันก็ไม่น่าจะเข้าใจยาก ต้องเข้าใจคำว่ากิเลสคืออะไรให้ได้ แล้วคุณก็ไปยินดีกับมันทำไม มันได้สมใจกับกิเลสแล้วก็ยินดีกับมัน ไปให้คะแนนกิเลสอยู่ มันก็โง่อยู่ ถ้าเราชัดเจนตรงนี้แล้วก็จบ 

ทีนี้ จะไปยินดีกับสิ่งที่เป็นคุณธรรมโดยเฉพาะโลกุตรธรรม น่าจะมีอาการยินดีที่ท่านเรียกว่าอุปกิเลส ไปยินดีในสิ่งที่เราเจริญ เป็นโลกุตรธรรมเสียด้วย มันก็เป็นธรรมดาขององค์ฌานที่จะต้องมี ปีติ ปัสสัทธิ ความยินดีในการสงบจากกิเลส ในกระบวนการ 4 ของฌานที่ 1 ก็ต้องมีวิตกวิจารปีติ ยังไม่สุขทีเดียว ยังมีวิตกวิจารแรงอยู่ อาตมาอธิบายมีอาการเคร่งคุมยังไม่ปล่อยไปในอัตโนมัติวางยังไม่ได้ ฌานยังไม่เรียบร้อย ยังไม่สมบูรณ์เหมือนขี่จักรยาน ปล่อยมือไม่ได้หรือว่าวางปล่อยมือได้เลย ก็เป็นลำดับคุณทำสมรรถนะที่เจริญไปตามลำดับ 

เพราะฉะนั้นถ้าเราแยกออกไปยินดีกับกิเลสนี่มันต่างกันคนละขั้ว กับมายินดีในทางธรรม ถ้ายินดีในทางธรรม ถ้ามันแรงมัน ถ้ามันสูง มันไม่ดี มันสูง ก็ยังรู้สึกมีอาการซ้อนในกิเลส ถ้าไปส่งเสริมยินดีตรงนี้มากจะจัดจ้านมากขึ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 19:19:49 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์