@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

พระมหาศาโล

รายละเอียด

คือ พระผู้มี ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เหลือเฟือยิ่งกว่าฆราวาส เป็นผู้มีความประพฤติ นิสัย ความเป็นอยู่ ไม่ได้แตกต่างจากฆราวาส ปุถุชนคนอื่นๆทั้งหลายเลยแม้แต่น้อย ซ้ำกลับหลง ยึดถือ เป็นอาชีพที่มีอภิสิทธิ์ แสนจะได้เปรียบที่มีโลกียลาภ ง่ายดาย

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 110-111


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 13:33:12 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:59 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 02:54:46 )

พระมายุ่งการเมือง ผิดวินัยสงฆ์ไหม

รายละเอียด

ตอบไปไม่รู้กี่ทีแล้วว่าไม่ผิด คำว่า การเมืองนี่ มันเป็นภาษาสมัยใหม่ ภาษาในสมัยพระพุทธเจ้ามันไม่มีหรอก คำว่า การเมือง สมัยพระพุทธเจ้านั้นเป็นสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ การบริหารปกครองสิทธิ์เด็ดขาดอยู่ที่พระเจ้าแผ่นดิน ใครจะพูดอะไรมากมายไม่ได้ จะวิจารณ์เรื่องการบริหารมากไม่ได้ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านพาคนให้บรรลุเป็นประชาธิปไตยอย่างถึงขั้นสาธารณโภคีเลย แล้วท่านก็ทำอยู่ในแวดวงของท่าน ทำได้แต่ในเฉพาะหมู่สงฆ์ แล้วท่านก็มีบารมีจนกระทั่งพระเจ้าแผ่นดินยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในยุคนั้น เป็นพระเจ้าแผ่นดินแคว้นใหญ่เลยนะ พระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าพิมพิสาร เป็นเจ้าแคว้นที่ใหญ่มากในประเทศอินเดียใหญ่กว่าแคว้นอื่นๆเยอะ 

เหมือนกับจีนกับอินเดียสมัยนี้เป็น 2 ประเทศใหญ่มาก มีพลเมืองพันกว่าล้านทั้งคู่ นอกนั้นประเทศอื่นยังไม่มีพลเมืองถึงพันล้านเลย มี 2 ประเทศนี้พันกว่าล้านอย่างนี้ เป็นต้น มันก็คล้ายๆกันกับยุคพระพุทธเจ้า  ที่มีแคว้นโกศลกับแคว้นมคธของพระเจ้าพิมพิสารกับพระเจ้าปเสนทิโกศล ต่อมาพระเจ้าพิมพิสารถูกพระโอรสประหารชีวิต แล้วพระเจ้าอชาตศัตรูก็ขึ้นครองราชย์ในยุคพระพุทธเจ้า ก็เป็นตัวอย่างให้เราได้ดู อาตมาก็พยายามนำพฤติการณ์ หรือสิ่งที่มันเป็นบทบาทของการเป็นอยู่ของประชาชนก็ดี การบริหารก็ดี ที่เรียกกันจนกระทั่ง การบริหารเรียก ประชาธิปไตย มันก็เป็นภาษาของการบริหารปกครองประเทศนั่นแหละ ทุกประเทศ

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #27 ตอบปัญหาให้ถึงสัมมาธิปไตย วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2566 ( 18:23:30 )

พระมียศมีนิตยภัตเป็นความเสื่อมเป็นโลกีย์

รายละเอียด

เป็นความจริง อาตมาพูดซ้ำพูดซากแล้วว่าพระพุทธเจ้าท่านมีสมบัติพัสถาน มีเต็มไปด้วยลาภยศสรรเสริญ แต่เมื่อท่านรู้ตัวว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้า เป็นโลกุตระ ท่านก็เดินออกมาเลย ทิ้งโดยไม่ได้ใยดีเลย อาตมาพูดซ้ำซากแต่เขาไม่เข้าใจ คนทุกวันนี้มีเท่าพระพุทธเจ้ารึ?  ก็พูด เป็นพระมียศ ตั้งแต่พระครูไปจนสมเด็จ แบกยศตำแหน่งเทิ่งๆ อยู่นั่นแหละออกมาได้ที่ไหน เดี๋ยวนี้มีนิตยภัตด้วยนะ มีเงินเดือนประจำตำแหน่งด้วย เรื่องเหลวใหล เรื่องเลอะเทอะของศาสนาพุทธ ตั้งเงินเดือนให้กันแล้วก้เฉยเลยนะ คือมันไม่รู้จะพูดอย่างไร มันก็ไปเรื่อยๆตามความเป็นจริง 

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ในอนาคตโลกุตรธรรมจะเสื่อม ที่อยู่ทุกวันนี้ปัจจุบันนี้ไม่ใช่พุทธ พุทธนั้นคือโลกุตรธรรม ส่วนโลกียธรรมของทั่วไปของทั่วโลก ซึ่งเอาแต่ชั่วแต่ดี ไม่ได้มาเรียนรู้สุขรู้ทุกข์ มันต่างกันตรงนี้ประเด็นหลัก ศาสนาโลกุตระของพระพุทธเจ้าให้มาเรียนรู้สุขทุกข์และดีชั่วก็เรียนด้วย ไม่ใช่ไม่เรียน แล้วเรียนถึงขนาดว่าเป็นความดีรับรองว่าไม่ตกต่ำจากดีเลย ไม่ทำชั่วเลย สัพพปาปัสสะ อกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กรรมที่ทำอยู่ก็มีแต่กุศล กุสลัสสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) ส่วนบาปบุญนั้น มันมีการจบสุขทุกข์ ที่พูดเมื่อไรก็ยังยาก เพราะมันเป็น อจินไตย  

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #37 ฌานเป็นพลังงานปัญญาล้านองศาเผากิเลส  วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 28 สิงหาคม 2566 ( 12:05:14 )

พระยานรรัตนราชมานิต เป็นตัวอย่างของสายเจโตที่อดทนได้เก่ง

รายละเอียด

จริง ท่านเป็นสายเจโต และท่านก็โดดเดี่ยว ท่านทำตัวโดดเดี่ยว ท่านมีบารมีระดับหนึ่ง ก็พยายามพากเพียรอุตสาหะ ท่านมีความอดทนพากเพียรสูงมาก มีความซื่อสัตย์สุจริต ท่านเองท่านเคารพในหลวง ร.6 ท่านเคารพอย่างสูง แล้วก็ออกบวชทดแทน ในหลวงสิ้นพระชนม์ท่านก็ออกบวชตลอดชีพ เป็นตัวอย่างของสายเจโตที่อดทนได้เก่ง พากเพียรอุตสาหะมาก เป็นตัวอย่างแก่โลกในยุคนี้ในความเป็นเจโต แต่ก็พอมีสัมมาทิฏฐิเพราะคุยกันกับอาตมารู้เรื่อง แล้วก็เห็นว่า อาตมานี่แหละ 

อาตมาได้คุยกับท่านเจ้าคุณนรเป็นชั่วโมง ไปกับคุณสรวง ท่านไม่รับแขกนะท่านเจ้าคุณ เคยเล่าให้ฟังแล้ว คุณสรวงก็เป็นลูกศิษย์วัดเทพศิรินทร์ที่เจ้าคุณนรอยู่ ท่านก็ปิดกุฏิเงียบ ไม่โอภาปราศรัยกับใครเลย ทำวัตรเช้าทำวัตรเย็นแล้วก็กลับเข้าไปในตึกของท่านตลอดปิด ซึ่งมันเป็นฤาษีอย่าง 100% เต็มที่เกินไป มันสุดโต่งเกิน แต่ท่านมีความพากเพียรอุตสาหะสูง แล้วที่มีบารมีคือคุยกับอาตมารู้เรื่อง อาตมาไปถึงก็จะทำยังไงดี ท่านก็ไม่เคยออกมารับแขก ใครจะไปเคาะไปเรียกท่านก็ไม่รับแขก อาตมาก็ว่าแล้วจะทำอย่างไร คุณสรวงก็รู้ว่าถ้าเป็นอย่างนี้ท่านไม่รับแขกใคร อาตมาก็ลองๆดู 

ท่านก็อยู่ในกุฏิ ปิดหน้าต่างปิดประตู เงียบ อาตมาอยู่ห่างจากตึกประมาณ 5-10 เมตร อาตมาก็บอกคุณสรวงว่าจะลองดู อาตมาตอนนั้นยังเล่นเจโตอยู่ ตอนเป็นฆราวาส เป็นนายรัก รักพงษ์ อาตมาก็ใช้วิชาของอาตมา เสร็จแล้วท่านก็เปิดหน้าต่างพลั๊วออกมา คุณสรวงก็ตกใจ เป็นไปได้อย่างไร เขาเห็นอาตมาส่งจิตไป ท่านก็เปิดหน้าต่างออกมาปั๊บ เราก็บอก ขอนมัสการครับ ท่านก็ถามว่ามาทำไม อาตมาก็บอกว่าก็อยากจะมาทำความคารวะเคารพท่านครับ ท่านก็บอกว่าคารวะที่บ้านก็ได้ เราก็นึกว่าท่านจะตัดบท อาตมาก็เลยพูด ก็อยากจะมาโอภาปราศรัย มาได้รับธรรมะจากท่านบ้างครับ 

เท่านั้นแหละท่านก็ว่าเดี๋ยว ปิดหน้าต่างแล้วท่านก็ลงมา ข้างล่าง ท่านก็อยู่ข้างใน อาตมาก็อยู่ข้างนอก คุยกันเป็นชั่วโมง จำไม่ได้แล้วว่าคุยอะไรกันบ้าง พอคุยกันเสร็จแล้ว ท่านก็บอกว่า..ขอให้บรรลุนิพพานเร็วๆ ก็จบ ปิดหน้าต่าง คุณสรวงบอก พระมาอวยพรให้ฆราวาสหนุ่มๆ ด้วย มาอวยพรให้ฆราวาสบรรลุนิพพานได้อย่างไร เพราะเขาก็มีความรู้เรื่องธรรมะด้วย คุณสรวงก็รู้ว่า นิพพานเป็นเรื่องสูงส่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ พระมาอวยพรให้ฆราวาสบรรลุนิพพาน แสดงว่าพระนี้จะต้องรู้ว่าฆราวาสคนนี้ปฏิบัติไปนิพพานนะ คุณสรวง อักษรานุเคราะห์ เป็นเจ้าของห้องอัดเสียงจาตุรงค์ อยู่เชิงสะพานหัวช้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญแท้คือคนทำงานที่ไม่ไปหลงทำเงิน วันพุธที่ 26 เมษายน 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2566 ( 20:57:39 )

พระราชดำรัสของในหลวง ร.9

รายละเอียด

น่าสงสารสังคมประเทศชาติที่เป็นเมืองพุทธแท้ๆ ในหลวงเราเป็นพระโพธิสัตว์เอาคำเหล่านี้มาตรัสคนก็ไม่กระเตื้อง ใช้คำว่าเศรษฐกิจพอเพียงคนก็ยากเข้าใจ ใช้คำว่าขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ก็ยังไม่เข้าใจ นักเศรษฐศาสตร์นักบริหารของประเทศก็ไม่กล้า จะพากันมาขาดทุนนั่นแหละคือเรากำไร ถ้าให้มาจนนี่แหละคือการเจริญ การให้พาไปรวยมันเป็นความเสื่อมไม่เจริญ จริงๆแล้วที่พูดนี้ไม่ต้องเป็นประเทศเจริญ ในหลวงท่านได้ตรัสอย่างชัดเจน เราไม่ต้องเป็นประเทศเจริญ แต่เราก็พอมีพอกินพอใช้ของเรา เพราะอะไร GDP เราไม่ต้องเอาจากประเทศอื่นมาเป็นของเรา เราไม่ต้องไปขูดรีดเอาเกินจากประเทศอื่น ถึงจะเป็น GDP ที่แท้ นักเศรษฐศาสตร์ก็เข้าใจไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:47:36 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:04 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 02:55:24 )

พระวรกายของพระพุทธเจ้าผ่องใสขณะตรัสรู้ใหม่ๆ

รายละเอียด

คือ ยังเสวยวิมุติสุขอยู่ พะวรกายของพระพุทธองค์ผ่องแผ้วสดใสมีราศี เพราะยังไม่ได้หยั่งวิภวตัณหาลงไป จิตขณะนั้นบริสุทธิ์สะอาด ว่างเปล่าปราศจากเจตสิกสังขาร จึงผ่องแผ้วสดใสทั้งจิต ทั้งกาย

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.171


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 15:34:43 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:51:32 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:00:04 )

พระวรกายของพระพุทธเจ้าผ่องใสขณะทรงปลงอายุสังขาร

รายละเอียด

คือ เมื่อพระพุทธองค์ ทรงสร้างศาสนาได้มั่นคง ตามที่ปรารถนาแล้ว ก็หยุดงาน จบภารกิจ ไม่ติดทำงานอะไร พระองค์ก็ปล่อยวาง งานทุกสิ่งทุกอย่างในจิต ทรงปลงอายุสังขาร สังขาร วิสังขารใดๆก็ปล่อยวางจิต เพียงสักแต่รู้ว่ารู้ ก็สบายๆ ปลดปล่อย ปลงวาง เรียกว่า วิโมทจย เป็นจิตอุเบกขาญาน เป็นจิตทีซ้อนลึก สุขุม ประณีต ขาวรอบ ผ่องแผ้ว บริสุทธิ์ สะอาด ที่สุด พระวรกายของพระพุทธองค์ ก็กลับผ่องแผ้วสดใสขึ้นอีก

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 171


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 15:37:08 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:12 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:00:40 )

พระวินัยของพระพุทธเจ้าเลย ให้บิณฑบาตเลี้ยงตนด้วยปลีแข้ง จนกว่าชีวิตจะหาไม่

รายละเอียด

ไม่เห็นจะต้องน่าถามเลย ควรจะเปิดเผย หากไปปิดบังอยู่คนเดียวก็ตายคนเดียวสิ มันเป็นอย่างไรหากเปิดเผยว่าตัวเองไม่สบายเป็นโรคภัย บางทีถึงขั้นเป็นโรคอย่างที่เรียกว่าเราจะต้องบอก แล้วก็ต้องให้เขาเห็นด้วยซ้ำไป บางทีเป็นโรคในที่ที่เราไม่อยากให้ใครเห็นเป็นที่สงวนด้วยซ้ำ เรายังต้องบอกยังต้องให้เขาดูเลย ใช่ไหม ไม่บอกใครก็เป็นอัตตา มันต้องพึ่งพาอาศัยกัน หากถือสาอย่างนั้น อาตมาก็ไม่ต้องให้ใครเอาข้าวเอาน้ำให้ก็ต้องหากินเองหมด พระพุทธเจ้านั้นท่านลึกซึ้ง ท่านไม่ให้ออกป่าท่านไม่ให้ไปอยู่ป่า ท่านให้อยู่กับสังคมให้บิณฑบาต เลี้ยงตนเองด้วยปลีแข้ง จนกว่าชีวิตจะหาไม่ นี่เป็นพระวินัยของพระพุทธเจ้าเลย ให้บิณฑบาตเลี้ยงตนด้วยปลีแข้ง จนกว่าชีวิตจะหาไม่เลยเพราะอะไร ไม่ให้สะสมด้วย แม้แต่ข้าวเมล็ดหนึ่ง ฉันเสร็จแล้วคว่ำบาตรเททิ้งหมดล้างบาตร พรุ่งนี้เช้าบิณฑบาตใหม่ บิณฑบาตถ้าไม่มีใครเขาใส่ให้ก็อด หรือไม่มีใครใส่คว่ำบาตรคุณก็ต้องตายหรือสึกออกไป อย่างนี้เป็นต้น ท่านผูกวินัยข้อนี้ไว้เพื่อให้คนที่บวชแล้วเป็นภิกษุ ไม่สะสมข้าวเมล็ดหนึ่งไม่สะสมเงินทองแม้แต่บาทหนึ่ง ไม่ต้องซื้อขาย คุณจะต้องพึ่งพาคนอื่น ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา ต้องพึ่งฆราวาส แล้วฆราวาสต้องพึ่งพาภิกษุผู้บวช เอาสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ฆราวาสเขาให้ ก็มีสิ่งที่เป็น ทายกฯปฏิคาหก เป็นผู้ให้ผู้รับแก่กันและกันมันจะต้องสัมพันธ์กันขาดกันไม่ได้ อันหนึ่งอันเดียวกันไม่ได้มันต้องมี 2 เสมอ มันลึกซึ้งนะ แม้แค่นี้ก็ซึ้งมากการบิณฑบาต เลี้ยงตนไม่ให้สะสมไว้ให้ซื้อขาย มีเงินไปซื้อของกินไม่ได้เลย เป็นเรื่องลึกซึ้งซับซ้อนสะอาดบริสุทธิ์จริงๆเลยพึ่งพาธรรมะ ถ้าคนไม่มีธรรมะคนไม่เคารพนับถือคุณก็ตาย แต่มันไม่ตายง่ายๆหรอก คนมันมีเมตตากัน คนที่ไม่มีคุณงามความดีอะไรเลยคนก็ยังเลี้ยงไว้ ยิ่งมาบวชมีคุณงามความดีอยู่บ้างไม่ต้องกังวลหรอกไม่ตายง่ายๆหรอก มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ความจริงอย่างเป็นความจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:23:53 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 04:47:43 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:02:04 )

พระวิหารพันปี

รายละเอียด

คือ จากพื้นดิน จนถึงยอดเจดีย์กลางโดมสูงรวม 32 เมตร, มี 6 ชั้น แต่ละชั้นแสดงระดับของอาริยบุคคล หรือการเข้าถึงโลกุตรธรรม โดยเริ่มจาก กัลยาณชน ขั้นแรกสุดหรือชั้นที่ 2 โสดาบันในชั้น 3 สกิทาคามีในชั้นที่ 4 อนาคามีในชั้นที่ 5 และอรหันต์ในชั้นที่ 6

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ”หน้า 135 หน้า 136


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 10:53:21 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:50 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:02:55 )

พระวิหารพันปีเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ

รายละเอียด

คือ เป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวอโศกทั่วประเทศ เป็นสิ่งสูงค่าอันประมาณมิได้ของชาวอโศก

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 132


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 10:14:24 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:26 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:03:18 )

พระศรีอริยเมตไตรยไม่ใช่ชื่อบุคคลแต่เป็นชื่อตำแหน่ง

รายละเอียด

หากคุณไม่มีของเก่ามาก่อนคุณก็ระลึกและคิดเพ้อเจ้อไป เช่น ผู้บอกว่าตนเองเป็นพระศรีอริยเมตไตรย เป็นต้น สัตบุรุษจริงจะรู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิดซ้อนในยุคสมัยของพระพุทธเจ้าองค์อื่นได้อย่างไร คนนี้ก็บ้าเท่านั้น ยุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยของพระพุทธเจ้าสมณโคดมอยู่ยังไม่หมด พระศรีอาริยเมตไตรย คือตำแหน่งของพระพุทธเจ้าที่จะมาเกิดใหม่องค์ต่อไป เช่นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พระศรีอริยเมตไตรยไม่ใช่ชื่อบุคคลแต่เป็นชื่อตำแหน่ง

เพราะฉะนั้นคุณจะมาระลึกเอาของที่คุณไม่เคยมีของเก่ามาเลยมันก็ไม่ได้ คุณระลึกคิดไปก็เป็นการเพ้อเจ้อเอาของเก๊ๆ เละเทะเลอะเทอะ ไม่ใช่โลกุตรธรรมขึ้นมาใหม่ ไม่ได้ระลึกเอาโลกุตรธรรมของเก่าตนเองขึ้นมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 19:04:18 )

พระศรีอารย์คนใหม่บ้าหรือไม่

รายละเอียด

เราไม่ต้องไปด่าเขา มีหน้าที่ดูไปโดยไม่ต้องดูไบ คำว่าดูไปเป็นคำกริยา คำว่าดูไบเป็นคำนาม ดูไบนั้นอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อน ส่วนดูไปนั้นก็เคลื่อนไป ก็ดูเขาไป ไม่ต้องไปดูถูกดูแคลน เดี๋ยวก็เห็นก็รู้ เขาจะเป็นอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก เอื้อไออุ่นชาวสันตินาคร วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก 


เวลาบันทึก 22 มีนาคม 2564 ( 13:41:28 )

พระศรีอาริยเมตไตรยเป็นชื่อตำแหน่งพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ทุกพระองค์ 

รายละเอียด

คนนี้เข้าใจดีเข้าใจถูกต้อง เรื่องที่อาตมายืนยันว่าในยุคนี้อาตมาต่อเชื้อศาสนาพระพุทธเจ้า ซึ่งมันได้เสื่อมไปแล้วตามที่พระพุทธเจ้าได้ทำนายไว้ เหมือนกลองอานกะ เหลือแต่ของปลอมอาตมาต้องทำคืนหาของเก่าของเดิมใส่เข้าไปให้เป็นของเดิมของแท้ ได้เท่าไหร่ก็พยายามที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันเป็นเรื่องจริงที่พระพุทธเจ้าพยากรณ์ไว้ 

เป็นเรื่องจริง ถ้าใครยืนยันว่าเป็นผู้ที่จะมาเป็นผู้ต่อเชื้อดังกล่าวนี้ตามที่พระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ไว้ ก็มายืนยันสิ ถ้าตัวเองแน่ใจว่าเป็นผู้นั้น เห็นมีแต่จะไปเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ ไม่ได้เป็นผู้ต่อเชื้อหรอก จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่เห็นมีแต่อย่างนั้น เป็นพระศรีอาริยเมตไตรย 

ซึ่งจริงๆแล้วคำว่าศรีอาริยเมตไตรย เป็นตำแหน่งไม่ใช่ชื่อพระพุทธเจ้า ก็เป็นชื่อพระพุทธเจ้าแต่เป็นตำแหน่งของพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆไปตลอดกาล องค์ไหนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปก็คือศรีอาริยเมตไตร หมดองค์นั้นอีกต่อไปก็จะมีศรีอาริยเมตไตรต่อไปอีกตลอดกาล ซึ่งคนไม่เข้าใจก็ติดยึดไปเห็นได้ชัดว่าพวกนี้ไม่มีความรู้ในเรื่องศาสนาพุทธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 30 ตำนานพญานาค ตอนที่ 1วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 12:18:12 )

พระศาสดาของเทวนิยมไม่รู้จักตัวเอง

รายละเอียด

จริง ความคิดของพระศาสดา ที่จริงนะ ความรู้ทั้งหมดนั้น พระศาสดาเองไม่รู้จักตัวเอง จึงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วความรู้ทั้งหมดเป็นของตัวเองแต่เขาไม่รู้ ไม่รู้ว่าเป็นของตัวเอง ไม่รู้กรรมวิบากไม่รู้การสั่งสมบารมีมาเองเป็นของตัวเองทั้งหมด พระศาสดาของแต่ละองค์ก็มีความรู้เป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่ว่าแม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวเองก็นึกว่าใครมาบันดาลพระเจ้ามาประทาน แล้วตัวเองก็เอาอันที่ตัวเองมีนั่นแหละ มาบอกมาพูด 

1.ไม่เชื่อตัวเองว่าตัวเองจะมีความรู้ขนาดนี้ ก็เลยยกให้เป็นความรู้ของพระเจ้าสูงสุด 

2 .กลัวคนอื่นจะไม่เชื่อตัวเอง เพราะว่าถ้าหากบอกว่าเป็นของคนอื่นก็จะไม่เชื่อกันต้องบอกว่าเป็นของพระเจ้าคนถึงจะเชื่อ ฉันเป็นแค่ประกาศก รับของพระเจ้ามานะ อย่างนี้เป็นต้น มันก็เลยไม่เด็ดขาดไม่ยิ่งใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 09:49:41 )

พระศาสดาทุกองค์ไม่รู้จักตัวเอง

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าห้ามไว้เลย เพราะว่าศาสนาไหนก็มีการสวดทั้งนั้น เอาบทสวดมนต์ของพระอาจารย์ ศาสดา ก็มีศาสนาพระเจ้าเท่านั้นที่เอาคำสอนของพระศาสดา ที่จริงคำสอนของพระเจ้าคือคำสอนของพระศาสดาทั้งนั้น แต่พระศาสดาไม่รู้ตัวเอง ว่าคือคำสอนของตัวเองเอาไปสอน เป็นคัมภีร์ของพระศาสดานี้  แล้วบอกว่านั่นเป็นคำสอนของพระเจ้า ประทานให้พระบุตร ประทานให้พระศาสดา 

เพราะพระศาสดาไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองได้คำสอนนี้มา ก็คือของตัวเองทั้งนั้น เป็นความรู้ความฉลาดหรือจะยึดถือว่าเป็นความจริง ก็ตัวเองสั่งสมวิบากมาเองทั้งนั้น แต่พระศาสดาทุกองค์ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักอัตตา เสร็จแล้วก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะมีความรู้ขนาดนี้ จึงยกให้เป็นของใครก็ไม่รู้ ต้องเป็นผู้รู้แท้ๆต้องเป็นผู้ที่มีเจ้าของ ไม่ใช่เรา คือไม่รู้ตัวเอง  มันไม่รู้ตัวเองไม่รู้อัตตาว่าเรา มันมีเรา ไม่ใช่อื่น ความรู้ที่ของเรามีมา 

เพราะฉะนั้นแต่ละศาสดาของเทวนิยม มีความรู้ของตัวเอง ก็ต่างไม่เหมือนกัน  แยกกันไปเป็นนิกาย จนกระทั่งกลายเป็นคนละศาสนาเลย แต่เขาไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41

วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2566 ( 12:12:26 )

พระศิวะ

รายละเอียด

พระผู้ปราบ , ผู้กำจัด เป็นการรักษาป้องกันไม่ให้มารมาเป็นตัวรุกราน

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 352


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:55:07 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 07:51:25 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:03:42 )

พระสงฆ์ยุคนี้มีแต่สวดมนต์ทำพิธีกรรมจึงทำลายศาสนา

รายละเอียด

กลับมาขยายความที่ฝากไป ที่ว่า “พระสงฆ์ติดอยู่ที่สวดมนต์ ทำพิธีกรรมนั่งหลับตา” พระสงฆ์ติดอยู่แค่สวดมนต์ทำพิธีกรรม การสวดมนต์ เขาก็ทำการสวดเพื่อรักษาคำสอนไว้ เขาคิดว่าเป็นการรักษาศาสนา แต่ที่จริงเป็นการทำลายศาสนาเพราะว่า 1.คุณเอาไปสวดหากินแลกเงิน 2.สวดอวดโชว์ 3.หลงเป็นภพชาติ สวดได้อานิสงส์เป็นสวรรค์วิมานสวดกันข้ามวันข้ามคืน ถ้าไม่มีการสวดมนต์สรุปอย่างเดียว ไม่มีศาสนาพุทธ

พิธีกรรม ทำแต่พิธีกรรม นอกจากสวดมนต์แล้วก็มีพิธีกรรมต่างๆ ด้วยการประกอบเรื่องราวรูปแบบอย่างนั้นอย่างนี้ จนกระทั่งกลายเป็นพิธีกรรมชั้นสูง กลายเป็นราชพิธี จนกระทั่งยอมรับกัน ถือว่าศาสนาพุทธมีเท่านี้ และผู้ที่ทำพิธีกรรม จนกระทั่งถึงราชพิธี ก็ได้ตำแหน่งยศศักดิ์ขึ้นไป 

อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น พระสงฆ์มีหน้าที่รับจ้างทำพิธีกรรม วัดนี่มีธนาคารของตัวเอง รวยสะบัดเลยนะ บริหารเงินในธนาคาร ได้เงินจากการบริหารการเงินอีก ถ้าเจ้าของวัดนี้ถอนเงินตัวเองออกจากธนาคารที่ตั้งนั้น ธนาคารนั้นก็ล้ม นี่ของญี่ปุ่นเลยนะ ยิ่งกว่าพราหมณ์ มหาศาลในยุคพระพุทธเจ้า ในยุคนี้พิสดารมากกว่านั้นเยอะ สรุปแล้วพิธีกรรมต่างๆ ตั้งแต่ยกตัวอย่างไปถึงญี่ปุ่นให้ฟัง 

ที่นี้พิธีกรรมของไทยไม่เป็นอย่างนั้นทีเดียว สู้ญี่ปุ่นไม่ได้ไม่เก่งเท่า ญี่ปุ่นเป็นเจ้าของพิธีการ มีการสืบทอดไปถึงลูกหลานสันตติวงศ์ด้วย เป็นพราหมณ์มหาศาลอย่างนั้นเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาอย่างอวดตัวแต่ถ่อมตน ด้วยความจริง วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 แรม 7 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2564 ( 22:00:25 )

พระสมณโคดมมีปกติไม่ฉันเนื้อสัตว์

รายละเอียด

ในสีหสูตรอเจลกะ ชื่อสีหเสนาบดีที่เป็นผู้มีอำนาจมีชื่อเสียงมากในเมืองได้ นิมนต์พระพุทธเจ้าไปฉันที่บ้าน เขาก็ให้คนทำอาหารเนื้อสัตว์มาให้พระพุทธเจ้าฉัน ในพระสูตรไม่มีรายละเอียดว่าพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์หรือไม่ แต่พวกอเจลกะที่จะดิสเครดิตพระพุทธเจ้าก็เอาไปป่าวประกาศว่าพระพุทธเจ้าสมณโคดมฉันเนื้อสัตว์ ทั้งที่รู้ที่เห็นเขาเจตนานำมาทำอาหารให้ เอาไปป่าวประกาศไปทั่ว ชาวบ้านก็ฟัง…ก็จะคิดว่าสมณะฉันเนื้อสัตว์หรือ ประเด็นคือ หากพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์เป็นสามัญแล้ว เขาจะตะโกนบอกไปอีกทำไมว่าพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์คนก็จะไม่แปลกใจอะไรเพราะว่าท่านฉันอยู่แล้ว แต่นี่ที่เขาตะโกนบอกก็เพราะว่าปกติแล้วพระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์ ตะโกนบอกเพื่อจะดิสเครดิตพระพุทธเจ้า ว่าพระพุทธเจ้าเสียแล้วนะฉันเนื้อสัตว์แล้วนะ แต่นี่แสดงว่าท่านไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ อเจลกะก็เลยมาตะโกน แต่ถ้าท่านฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ ตะโกนจนคอแตกก็ไม่มีผลอะไร แม้ในยุคนี้ ในอินเดียก็ไม่ยอมรับพระที่ฉันเนื้อสัตว์ เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 11:17:09 )

พระสยามเทวาธิราช เป็นนามธรรมที่เป็นประชาธิปไตย

รายละเอียด

อาตมาก็ว่าเมืองไทยยังเป็นอย่างนี้อยู่ เป็นสัจจะที่เป็นอจินไตย จิตวิญญาณของผบ.ทบ. พลเอกอภิรักษ์กับนายกฯตู่ ทำไมเข้ากันได้ แล้วชัดเจนว่าจะต้องช่วยกันอย่างนี้ทำให้ประเทศไทยเจริญอย่างนี้ต้องมี 2 พลัง ต่างคนต่างทำหน้าที่ 2 พลังนี้ให้ดี แล้วประเทศไทยจะไปอีกนาน พลเอกอภิรักษ์เป็น ผบ.ทบ.อีกปีเดียว เชื่อว่าประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราช เป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ที่มีจริงเป็นจริงในประเทศไทย พระสยามเทวาธิราชเป็นนามธรรมที่เป็นประชาธิปไตย ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมีบารมี สยามเทวาธิราชคือบารมี เป็นฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:34:32 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:13:31 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:04:46 )

พระสัมภวะ กับสมณะสมชาติโก แตกต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

อาตมาไม่รู้จักพระสัมภวะ ส่วน สมชาติโก หมายถึงอะไร ถ้าถามคำแปล สัมภวะ คือเกิดภพ ส่วนสมชาติโก คือเกิดชาติ 

สัมภวะคือแดนเกิด สมชาติโก ก็คือเกิด สมณะผู้มีการเกิด 

ค่อยๆศึกษาไปสภาวะการเกิดการดับก็ศึกษาเข้าหาสภาวะ อย่าไปติดอยู่แค่พยัญชนะซึ่งจะน่าสงสารผู้ที่ติดในพยัญชนะมีเยอะมาก เยอะจริงๆ ศึกษาได้แต่พยัญชนะ ได้แต่ภาษา ได้แต่บัญญัติแล้วเอามาตีราคาเลี้ยงชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เก่งอะไรเก่งพยัญชนะบัญญัติภาษา แต่ไม่เข้าถึงสภาวะจิต อันนี้น่าสงสารจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 12:34:18 )

พระสายป่าน่าสงสารเพราะไม่มีปรโตโฆษะ

รายละเอียด

เขามีแต่ทางที่ผิดไปอย่างเดียว เขาไม่มีปรโตโฆษะ หาก ปรโตโฆษะก็จะเริ่มรู้ คือเปิดหูฟังบ้างพิจารณาตามก็จะเริ่มเข้าใจ ก็จะรู้อันนี้ถูกต้องก็จะเริ่มลอง แต่นี่คุณปิดประตูรับเลยก็จะอีกนานหลายล้านชาติ พระสายป่านี้น่าสงสารจริงๆ ก็ดูว่าผู้ที่แสวงหาไม่ปิดประตูมีปรโตโฆษะ รับฟังสักวันนึงก็จะมีอัญธาตุเกิด หวังว่าอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 10:36:52 )

พระสารีบุตร

รายละเอียด

พระสารีบุตร เป็นบุตรของพระพุทธเจ้า ที่นำเอาธรรมะของพระพุทธเจ้า หรือเป็นพระบุตรที่นำเอาธรรมะของพระเจ้าของศาสนาพุทธ เป็นสัจธรรมมาประกาศ เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า อาตมาอธิบายชัดเจนทุกอย่างก็มีคนตู่อาตมาว่าเป็นพระสารีบุตรที่เกิดในชาติก่อนๆ อาตมาก็ยืนยันว่าเป็นสารีบุตรแต่ไม่ใช่เป็นสารีบุตรแบบตัวตนบุคคลเราเขาที่คุณเข้าใจอย่างนั้น อันนี้เป็นเรื่องยากมากเลยอาตมาก็จะค่อยๆขยายความ อาตมาไม่ได้ยึดถือตัวตน มันเหตุปัจจัยมันเปลี่ยนไปแล้วถ้าหากไปยึดมั่นเป็นเราเป็นของเราอยู่ อาตมาเลิกเป็นเช่นนั้นแล้วคุณจะยึดถือก็เชิญคุณเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 66  วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:14:29 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:16:01 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:08:34 )

พระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร

รายละเอียด

มีผู้ที่ค้นตำราจากพระไตรปิฎกว่าด้วยสัญญาเวทยิตนิโรธ พระไตรปิฎกเล่ม 17 ข้อ 

[508] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น เป็นเวลาเช้า ท่านพระสารีบุตรนุ่งจีวรแล้วถือบาตรเข้าไปสู่พระนครสาวัตถีเพื่อบิณฑบาต ครั้นเที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถีแล้วกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัต เข้าไปยังป่าอันธวัน เพื่อพักกลางวัน ถึงป่าอันธวันแล้ว นั่งพักกลางวัน ณ โคนไม้แห่งหนึ่ง. ครั้งนั้นเป็นเวลาเย็น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่พักผ่อนแล้วเข้าไปยังพระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี. ท่านพระอานนท์ได้เห็นท่านพระสารีบุตรว่า อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของท่านหมดจด ผ่องใส วันนี้ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?

ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส ดังเราจะบอก เราสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมเข้าปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่. อาวุโส เรานั้นไม่ได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าปฐมฌานอยู่ หรือว่าเข้าปฐมฌานแล้ว หรือว่าออกจากปฐมฌานแล้ว.

แท้จริง ท่านพระสารีบุตรถอนทิฏฐิคืออหังการ ตัณหาคือมมังการ และอนุสัยคือมานะออกได้นานแล้ว ฉะนั้น ท่านพระสารีบุตรจึงไม่คิดอย่างนี้ว่า เราเข้าปฐมฌานอยู่ หรือว่าเข้าปฐมฌานแล้ว หรือว่าออกจากปฐมฌานแล้ว.

พระอานนท์เป็นสายเจโตใช้ภาษาก็เป็นภาษาแบบฤาษีเทวนิยมอยู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ

วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:02:47 )

พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะก็มีภูมิธรรมมาแล้วเป็นพระโพธิสัตว์เก่ามา

รายละเอียด

มาย้อนเข้าหา พระสารีบุตร พระสารีบุตรเข้ามาสมทบแล้ว โดยอดีตได้สั่งสมบารมีสายปัญญา พระโมคคัลลาสั่งสมบารมีสายเจโต มาเป็นคู่สาวกเอกของพระพุทธเจ้าสมณโคดม พอเกิดมาในปางนั้น เป็นพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะก็มีภูมิธรรมมาแล้ว เป็นพระโพธิสัตว์เก่ามา สั่งสมบารมีมาเพื่อจะมาเป็นคู่สาวกของพระพุทธเจ้าองค์สมณโคดม ไม่ใช่พึ่งมาเรียนจากพระพุทธเจ้าสมณโคดม ไม่ใช่ว่าเป็นปุถุชนมาเรียนเริ่มต้น ไม่ใช่ สั่งสมบารมีมาแล้วที่จะมาเป็นคู่บารมีของพระพุทธเจ้า ที่จะมาช่วยพระพุทธเจ้าทำงานต่างหาก 

จริง เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า แต่ไม่ใช่เป็นพระพุทธเจ้าองค์นี้สมณโคดมเท่านั้น พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะก็เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆมาตั้งหลายองค์แล้ว แต่สั่งสมบารมีมา ก็จะต้องมาทำงานหน้าที่เป็นคู่สาวกเอกของพระสมณโคดม ก็มาทำงาน แล้วต้องตายก่อนพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 07:37:49 )

พระสูตรว่าด้วยอาหาร 3

รายละเอียด

วันนี้อาตมาจะทวนเรื่องอาหาร อาหาร 3 จาก 3 เล่ม ปุตตมังสสูตร อวิชชาสูตร อาหารสูตร เล่ม.16 ข้อ 240 ปุตตมังสสูตร เล่ม.24 อวิชชาสูตร เล่ม.19 อาหารสูตร หากเข้าใจอาหาร 4 สมบูรณ์แล้ว เข้าใจการปฏิบัติดีก็บรรลุวิชชา วิมุติทั้งนั้น อวิชชาสูตร หรืออาหารสูตรก็ตาม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:48:48 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:11:03 )

พระอนาคามี

รายละเอียด

คือ จะไม่มีปฏิฆะ จะไม่มีพฤติกรรมที่จะไปเสพกามเลย กามราคะกิริยาภายนอกไม่มี สามารถอยู่เหนือโลก ตา หู จมูก ลิ้น กาย มีผัสสะ อะไรมายั่วเย้า หลอกล่อ กระทบกระแทกสัมผัสอยู่ตามธรรมชาติ ผู้ที่เป็นพระอนาคามีจะอยู่เหนือโลกได้อย่างสบายๆแล้วรู้เท่าทัน แม้อาการ กาม ปฏิฆะ ก็ไม่มี ไม่เกิดจริงๆ เห็นได้ รู้ได้ ทางกาย ทางวจี เพราะมโนหรือใจนั้นยิ่งยอด หลุดพ้นแล้ว

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.117-118


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 15:45:29 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:54 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:12:35 )

พระอนาคามี

รายละเอียด

ไม่หลับตาปฏิบัติได้ ลืมตา มีตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัส แต่กิเลสกามของท่านดับ กิเลสกามของท่านไม่มีแล้ว อาการกามที่จะเป็นความใคร่อยาก หยาบๆโลกียะกามคุณไม่มี เหลือเศษภายใน กระทบสัมผัสด้วยตาหูจมูกลิ้นกายอยู่นะ แต่อาการอารมณ์ที่จะปรุงแต่ง ลดลง ลดกามรส ไม่มี มีแต่รูปรส อรูปรส เป็นกิเลสภายใน แม้กระทบสัมผัสนี่แหละก็มี แต่กิเลสภายใน มีผัสสะเป็นปัจจัยฆ่ากิเลส เหลืออุทธัจจะ ก็ลดในสังโยชน์เบื้องสูงต่อ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ผู้ไม่รู้นามรูปก็คือโจรปล้นศาสนาที่ฆ่าไม่ตาย วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563 


เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 08:20:04 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:30 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:17:10 )

พระอนาคามี

รายละเอียด

ผู้หมดกามราคะสังโยชน์

คำอธิบาย

พระอนาคามี  คือ จะกระทบสัมผัสกับอะไรก็สบายแล้วแต่ภายในที่เป็นรูปธรรม  อรูปธรรม  เป็นรูปภพ  อรูปภพ  ของเราล้างของเราเอง  อนาคามีไม่เป็นพิษภัยต่อโลกเลย

 

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 เดือนกันยายน 2562

หนังสืออ้างอิง

จากคนคืออะไร? หน้า 410


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:56:36 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:22:38 )

พระอนาคามีก็ยังไม่หมดความเป็นเพศ

รายละเอียด

โลกของกาม โอฬาริกอัตตาภายนอก พอมาเป็น มโนมยอัตตา มีรูปที่สำเร็จด้วยจิต ก็ยังมีภาวะที่ยังมีเพศอยู่ แม้เป็นอนาคามี รูปราคะ อรูปราคะ ก็ยังเป็นเพศอยู่ เพศคือ ความแตกต่างกันที่รวมตัวกันเป็นหนึ่งยังไม่ได้ ที่หมายความว่า ยังมีเพศที่ถามมา คือ ความไม่ลงตัวเป็นหนึ่ง ถ้ารวมตัวเป็นหนึ่งแล้ว ก็เป็น นปุงสกลิงค์ ไม่เป็น ปุงลิงค์ อิตถีลิงค์แล้วแต่เป็น นปุงสกลิงค์ เป็น 1 ได้แล้วไม่มีสุขไม่มีทุกข์ได้แล้ว ก็ทำความเป็น 1 และเป็น 0 ให้ได้อีกทีหนึ่ง

ที่พูดและอธิบายกันอยู่เป็นรูปธรรมและนามธรรม สัจจะเป็นรูปธรรมนามธรรมที่อาตมาใช้เวลา 50 ปีแล้วแยกแยะอธิบายแจกแจงกันทุกวันทราบเรื่องเก่านี่แหละรูปนาม จนป่านนี้ก็ยัง จนตาย อาตมาก็ยังต้องอธิบายต่อไปอีกไม่ใช่ง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 40 ทางเสื่อมวิชชาและจรณะ 4 ประการ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 14:10:05 )

พระอนาคามีจะต้องหมดกามและเหลืออยู่ในจิตภายใน ไม่แสดงออกนอกตัว มีเหลืออยู่ในจิตนิดหน่อยและลดอัตตาลงใช่ไหม

รายละเอียด

ใช่ มันจะมีประมาณ เรียกว่ารูป กับ อรูป กามราคะ รูปหรือรูปราคะ อรูปราคะ ราคะหรือกาม ราคะเป็นคำรวมเป็นคำใหญ่เรียก ถ้าภายนอกกาม ขอขยายความ กามนี่ จะต้องเป็นกามคุณ 5 ถ้าเต็มๆก็คือกามคุณ 5 เป็นกิเลสที่เกิดจะต้องเกี่ยวข้องกับภายนอกทางตาหูจมูกลิ้นกาย 5 ทวารนี้เรียกว่ากามคุณ 5 

เพราะฉะนั้นกามไม่ใช่กิเลสภายในจิต หลับตาแล้วนี้ไม่รู้จักกาม ไม่มีกามคุณ 5 พวกหลับตานี้ไม่ได้ทำตามลำดับ จะต้องล้างกิเลสกามราคะออกก่อน ซึ่งมันจะเกิด กามราคะกับปฏิฆะ มันจะมี 3 ก่อน สังโยชน์ 3 ข้อ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส แล้วถึงจะมีกามราคะกับปฏิฆะ ซึ่งเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 12:19:30 )

พระอนิยตโพธิสัตว์

รายละเอียด

คือ ผู้ตั้งจิตปรารถนาจะเป็น พระโพธิสัตว์ที่จะไต่เต้าขึ้นเป็น พระพุทธเจ้า และตั้งใจบำเพ็ญตนตามศีล ตามจริยของโลกกุตรภูมิ แต่ยังไม่เที่ยงแท้ว่า จะเป็นผู้ได้ข้ามภูมิไปถึงพุทธภูมิหรือเปล่า อาจอยู่แค่โลกียภูมิหรืออยู่แค่โลกุตรภูมิก็ได้ หรืออาจจะขึ้นถึงเขตพุทธภูมิ มีภูมิเลยขั้น อรหันต์ สำหรับตนจบแล้วก็ได้เป็นแต่ว่า ยังไม่แน่นอน ยังไม่มีภูมิถึงขั้นเที่ยงแท้พอที่จะได้เป็น พระพุทธเจ้าเท่านั้น ดังนั้น พระอนิยตโพธิสัตว์ ที่เลิกบำเพ็ญบางรูป ที่ได้แต่ละขั้นบ้าง ไม่ได้สักขั้นบ้าง จึงอาจจะเป็นผู้ที่มีจิตต่ำกว่า ปุถุชนธรรมดาบางคนก็ได้ อาจจะสูงกว่าสมณะบางองค์ก็ได้เช่นกัน แต่ก็คือ ผู้ที่ยังไม่เที่ยงแท้ต่อพุทธภูมิ

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.195


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 12:11:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:03 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:24:01 )

พระอนิยตโพธิสัตว์

รายละเอียด

ผู้ตั้งจิตปรารถนาจะเป็นพระโพธิสัตว์ และตั้งใจบำเพ็ญตนตามศีล ตามจรรยาของโลกุตรภูมิ แต่ยังไม่เที่ยงแท้ว่าจะได้เป็นผู้ข้ามภูมิไปถึงพุทธภูมิหรือเปล่า

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 124


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:57:19 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 07:54:12 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:24:35 )

พระอนุรุธตามรู้วาระจิตของพระพุทธเจ้าจนเห็นวิญญาณของพระพุทธเจ้าสลายตัวได้จริงหรือ

รายละเอียด

ได้จริงหรือไม่จริงคุณไปยุ่งอะไรกับท่าน ท่านจะรู้ก็เรื่องของท่านคุณศึกษาไปเถอะแล้วพากเพียรให้ไปถึงขีดพระอนุรุทธะคุณจะรู้ว่าได้ แม้จะไม่มีความสามารถพิเศษเท่าพระอนุรุทธะ ก็เป็นพระอรหันต์ได้ ถ้าคุณมัวแต่คิดเรื่องพวกนี้แล้วคุณจะเสียเวลา แทนที่จะปฏิบัติจิตเจตสิกของคุณเรียนรู้วิญญาณเรียนรู้เวทนา 108 แล้วเลิกกิเลสไปตามลำดับ คุณจะไม่มาเสียเวลาคิด แต่ถ้าคุณเสียเวลาคิด คิดสงสัยนั่งคิดนอนคิด จะเป็นวิตกจริต 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คุณอยากได้อยากเป็นอย่างนั้นใช่ไหม ถ้าอยากได้อยากเป็นก็จะขึ้นไปเป็นก็แล้วกัน อาตมาขัดไม่ได้หรอก แต่อาตมาไม่อยากให้เป็นมันนานเกิน 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:50:56 )

พระอนุสาสนี

รายละเอียด

คำสอนพระพุทธเจ้า

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 94


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:58:00 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 07:55:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:25:12 )

พระอย่างสมมุติ

รายละเอียด

พระที่เพียงมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ด้วยตา คือนุ่งห่มจีวร โกนหัว และได้ผ่านพิธีที่เรียกว่าบวชมาแล้วเท่านั้น แต่แท้จริงในตัวผู้นั้นยังไม่มีคุณธรรม หรือไม่มีจิตใจสูงพอ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 40


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:58:36 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 07:55:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:25:38 )

พระอรหันต์

รายละเอียด

คือ ผู้ที่สามารถล้างอัตตาได้สิ้นเกลี้ยงจริงเมื่อตายก็จะรู้ว่า เราไม่มีเยื่อใยผูกพัน ไม่มีราคะ ไม่มีโลภะ ไม่มีโทสะ ไม่มีโมหะ เข้าไปเกี่ยวเกาะแล้วแหนงหน่ายจริงๆ วิญญาณนั้นจะสลายตัวไปเอง ไม่มีตัวตน หมดอัตตาได้ แล้วไม่มีอะไรอื่นต่ออีก

หนังสืออ้างอิง

“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 119


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 15:47:53 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:26:12 )

พระอรหันต์

รายละเอียด

คือ ผู้ที่หลังกายแตกตายก็สามารถแตกสลายอัตภาพไปได้เลยนั่นคือพระอรหันต์  ก็รวมตัวมาเป็นจิตไม่ได้อีก  จิตก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้  การตรวจว่าทำได้ไหม  บางคนทำได้ ตั้งแต่สิ่งหยาบ  เราไม่ได้มีความทุกข์ความสุขกับมันอีกแล้วก็เป็นอรหันต์  เป็นแต่เพียงว่าจะรับมาก็จำเป็นก็รับมาเหมือนพืชจิตผู้รู้ควรก็เอาแต่สิ่งที่ควร  ผู้รู้แล้วก็ทำจิตเราให้เป็นพีชธาตุ  แต่มีพลังงานจิตพีชนิยามที่เอาไปใช้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นได้อีกเยอะ  แต่ฐานของตัวเองไม่มีความทุกข์ความสุข ไม่มีบาปไม่มีบุญ  พระอรหันต์เป็นผู้ทำจิตธาตุให้เป็นพีชะเป็นฐานอาศัย อรหันต์อาศัยพีชธาตุนี้ เป็นคนไม่มีความสุขไม่มีความทุกข์ ไม่ทำบาป ไม่ทำบุญ  และนอกจากนั้นยังรู้ยิ่งกว่าพืช เพราะว่าเป็นผู้มีปัญญา  เข้าใจสิ่งอันควรอะไรดีอะไรชั่ว ก็ทำแต่สิ่งที่ดีไม่ทำสิ่งชั่ว  ทำแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์  อรหันต์ลึกกว่านั้นอีกทำดีแล้วไม่ยึดดีเป็นเราเป็นของเราอีก เป็นคุณสมบัติ คุณวิเศษของจิตวิญญาณมันซับซ้อนถ้าใครทำได้แล้ว อาตมาพูดความจริงที่ทำได้และรู้ คุณเอาไปทำได้แล้วแต่ใครจะบอกว่าคุณไม่มีคุณวิเศษอันนี้หรอกก็ไม่เป็นไร  เรามีเราเป็นได้จริงก็จะไปมีปัญหาอะไร

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 14:44:02 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:31 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:28:07 )

พระอรหันต์

รายละเอียด

พระอรหันต์ คือ ผู้ที่ศึกษาจากภายนอกแล้วหมดสุขหมดทุกข์จากภายนอกและเหลือภายในก็ทำให้ไม่สุขไม่ทุกข์ได้อีก  จึงจะเป็นพระอรหันต์เป็นลำดับ หยาบ กลาง ละเอียดได้ชัด ตั้งแต่โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตาได้ หากตั้งแต่ภายนอกกามคุณ ก็ยังพ้นความสุข ความทุกข์ไม่ได้ ต้องพ้นความทุกข์  ความสุขจากภูเขา แม่น้ำ ดิน น้ำ ไฟ ลม แล้วคุณก็เป็นทุกข์อยู่ในถ้ำ แล้วสมมุติว่าเป็นเข็มแล้วก็ลืมตาบอกว่า เอาเข็มออกมาสู้กับดิน น้ำ ไฟ ลม ภูเขา ก็เป็นสุดยอดจอมยุทธ์เลยนะซึ่งมันไม่มี มันเป็นไปไม่ได้หรอก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 09:00:19 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:12 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:28:53 )

พระอรหันต์

รายละเอียด

1. ผู้จะทำนิพพานให้ตนเองเมื่อใดก็ได้เท่านั้น แต่จะทำหรือไม่ทำแค่นั้นเอง 

2. ผู้ออกไปแล้วจากกาม จากภพ ผู้พ้นไปแล้วจากทุกข์ที่เกี่ยวกับตัวตนของเราอย่างสิ้นจบ 

3. ผู้ละวางได้แล้ว 

4. ผู้ที่ดับกิเลสส่วนตนจนสิ้นอาสวะแล้ว และขยันช่วยสัตว์โลกอยู่

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 116, หน้า 351, หน้า 355, หน้า 427, หน้า 466


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 16:00:13 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:00:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:29:56 )

พระอรหันต์

รายละเอียด

สามารถทำให้จิตเป็นพีชธาตุ แล้วอาศัย ไม่เอาจิต ไปสังขารโลก ตัดตั้งแต่โลกอบาย โลกกาม โลกรูป โลกอรูปก็ตัดได้ จึงสามารถดับความเป็นโลก เป็นธรรมเป็นธาตุได้เฉพาะตน อรหันต์ทำให้จิตเป็นพีชะได้ ไม่มีสุขทุกข์ ท่านทำแต่สุจริต ไม่ทำบาปทำแต่ดี หากมีชีวิตอยู่ ส่วนสิ่งสูงสุดท่านหมดแล้ว ไม่มีบาป ไม่มีบุญ ยังมีกรรมก็มีแต่กุศล คนมีชีวิตแบบนี้กรรมกิริยาไม่มีบาป เลยมีแต่กุศล ทำแล้วไม่ยึดตัวตนอีก ไม่เป็นภัยเป็นโทษมีแต่ประโยชน์ต่อผู้อื่นมีแต่คุณถ่ายเดียว นี่คือความรู้ของพระพุทธเจ้าที่ทำให้คนเป็นอรหันต์จบแล้ว หากจะศึกษาต่อไปเป็นพระพุทธเจ้าอย่างอาตมาก็เชิญ แต่คุณมีสิทธิ์ตายไปปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ทำได้ แต่จะเรียนต่อเป็นโพธิสัตว์เป็นพระพุทธเจ้าก็เชิญ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:40:59 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:51 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:31:26 )

พระอรหันต์

รายละเอียด

คือ ดับอาสวะสิ้นองค์ใดที่ร่างกายยังไม่ตาย  พระอรหันต์นั้นชีวิตอินทรีย์ของกายกลิของกิเลส หมดไปแล้ว  ไม่มาทำงาน ในกายพระอรหันต์  อรหันต์มีรูปกับนามที่เป็นกายสะอาดไม่มีราคะ โทสะ โมหะนี้  ถ้าพระอรหันต์ท่าน ยังไม่ยอมตาย  ถ้าหลังกายแตกตายแล้ว  กายสเภทาปรัมมรณา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:09:12 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:22:39 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:32:01 )

พระอรหันต์

รายละเอียด

ชื่อว่า ศีลบุคคล เป็นต้น   หมายความว่า อรหันต์นั้นคือ บุคคลที่“มีศีล” ของพระพุทธเจ้า ชนิดที่เป็น“อธิศีล-อธิจิต-อธิมุต-อธิปัญญา-วิมุติญาณทัสสนะ”กันแน่แท้

เช่น “องค์ 3”คือ“3 เส้า”หรือ“ISH”ของ“ศีล-สมาธิ-ปัญญา” โดยเริ่มต้นจริงๆคือ“ศีลข้อ 1”นั้น พระพุทธเจ้าจัดเป็นเรื่องต้น และเป็นเรื่องสุดท้ายด้วย ที่จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“จิตนิยาม”สัมบูรณ์ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดแน่นอน ที่จะรู้ความจริงเกี่ยวกับ“สัตว์”

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:42:39 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:24:44 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:33:25 )

พระอรหันต์

รายละเอียด

พระอรหันต์คือ ผู้“ทำจิตในจิต”อย่าง“สัมมาทิฏฐิ” ปฏิบัติ“เวทนา 108” กระทั่งบรรลุภาวะนี้ได้แล้ว คือทำ “เนกขัมมสิตอุเบกขาเวทนา”เป็นผลสำเร็จเด็ดขาด 

      “จิต”จึงได้“อาศัย”ความไม่สุข-ไม่ทุกข์ และ“ไม่สุข-

ไม่ทุกข์”เพราะได้ปฏิบัติกำจัดจาก“จิต”จนกระทั่ง“จิต”สะอาด

จากกิเลส บรรลุเป็น“อุเบกขา 5”คือ “ปริสุทธา ปริโยทาตา 

มุทุ กัมมัญญา ปภัสรา” (พระไตรปิฎก เล่ม 14 “ธาตุวิภังคสูตร” 

ข้อ 690) ซึ่งแตกต่างจากแบบหลับตา“มิจฉาทิฏฐิ”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:33:01 )

พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ 

รายละเอียด

พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์  คือ  ผู้ที่ทำจิตอย่างมีสัมมาทิฏฐิ  มีสัมมาปฏิบัติ  สัมมาปฏิเวธด้วย  จึงจะทำได้ที่ติดเลย  ทำได้อย่างที่ต้องการให้เป็น  คนนั้นเป็นผู้ที่เป็นพระอรหันต์และพระโพธิสัตว์  เริ่มรู้สมบูรณ์  โพธิสัตว์ก็รู้มากกว่าพระอรหันต์ไปตามลำดับ  ก็จะรู้จิตเลย  ดูสภาวะจิตว่ามันเกิดขึ้นมาตั้งแต่รูปที่ 1  จนถึงรูปที่ 28

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 12:47:54 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:59 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:04:40 )

พระอรหันต์ 

รายละเอียด

พระอรหันต์  คือ  ผู้ไกลจากกิเลสหรือ กิเลสไกลจากผู้เป็นพระอรหันต์ แต่ไม่ได้หนีกิเลส กิเลสมีอยู่เต็มโลก แต่อรหันต์คือผู้ไกลจากกิเลส กิเลสไกลจากผู้ที่เป็นอรหันต์ เหมือนอย่างเก้ง กวาง นี่ไกลจากเสือ เมื่อมันได้กลิ่นเสือ สิงห์มา มันก็ไม่กล้าเข้าใกล้ กิเลสมันกลัวจึงไกลจากอรหันต์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:43:07 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:34 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:05:33 )

พระอรหันต์กับการตายการเกิด

รายละเอียด

ในที่สุดการตายการเกิด พระอรหันต์เข้าใจแล้วว่า การตายการเกิดคือการหมุนเวียนในการที่จะใช้สรีระแต่ละชาติๆเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นจึงไม่มีปัญหา จะตายจากชาตินี้ก็ตาย และพระอรหันต์ก็สามารถที่จะตายแบบ ปรินิพพานเป็นปริโยสานจบสุดท้ายเลย พระอรหันต์ทำได้ทุกองค์ ทำได้แล้วก็อยู่ที่ว่าท่านจะตายอย่างนิพพาน 3 ตายอย่างสูญไปเลย ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลยหรือไม่ หรือยังตั้งจิตเติมอยู่ต่อ ยังไม่ยอมปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพระอรหันต์แต่ละองค์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 16:59:01 )

พระอรหันต์กับเรื่องอจินไตย

รายละเอียด

มีคนแย้งว่า องคุลีมาลทำไมโหดร้ายแต่ว่าเป็นอรหันต์ได้ พระเจ้าอโศกมหาราชทำไมฆ่าคนอีกเยอะแยะ แล้วบอกว่าเป็นโพธิสัตว์ระดับสูง อาตมาก็ยังไม่เก่งที่จะขยายความมันซับซ้อนหลายชั้นมากเลย เหมือนกับผู้ที่อาตมาเคยพยากรณ์ว่าเป็นอรหันต์ แต่คนที่เขาเคยถูกคนนี้ตบเอา เขาก็บอกว่าเป็นพระอรหันต์ทำไมมีโทสะตบเขา เขาก็ว่าไม่เชื่อ เป็นต้น มันมีเหตุการณ์หรือแรงอะไรอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างพระเจ้าอโศกสั่งประหารภิกษุเลว มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง คนที่เลวร้ายทำลายศาสนานี้บาปหนักมาก ถ้าจะว่าแล้วพระเจ้าอโศกมหาราชจัดการให้เขาหยุดเสีย ที่ถูกฆ่าเพราะคุณทำบาปทำลายศาสนา ท่านก็เสียสละท่านก็ยอมรับวิบากแต่ฆ่าเพื่อรักษาศาสนาให้สะอาดขึ้น หากปล่อยให้ปู้ยี่ปู้ยำศาสนาก็จะบาปมาก อจินไตยพวกนี้ ก็อย่าไปตู่ท่านเลย อย่าไปเพ่งโทษท่าน มันเป็นวิบาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 12:53:45 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:22 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:06:45 )

พระอรหันต์ก็มีความไม่อยาก

รายละเอียด

คำว่า  พระอรหันต์ย่อมไม่ปรารถนาความหมดจดด้วยมรรคอื่น คือ  พระอรหันต์ผู้มีปัญญาเป็นเครื่องจำกัด  ย่อมไม่ปรารถนา  ไม่ยินดี  ไม่ประสงค์  ไม่รัก  ไม่ชอบใจ  ซึ่งความหมดจด  ความหมดจดวิเศษ   ความหมดจดรอบ  ความพ้น   ความพ้นวิเศษ  ความพ้นรอบ  ด้วยทางอื่น 
คือ ด้วยทางอันไม่หมดจด ด้วยปฏิปทาอันผิด  ด้วยทางอันไม่นำออกจากทุกข์ เว้นจากสติปัฏฐาน4  สัมมัปปธาน4  อิทธิบาท4  อินทรีย์-พละ5  โพชฌงค์7 อริยมรรคมีองค์8  เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า  พระอรหันต์ย่อมไม่ปรารถนาความหมดจดด้วยมรรคอื่น.  

 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฏก เล่ม 29  ข้อ 222  

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2562 ( 16:00:33 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:46 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:08:58 )

พระอรหันต์ขึ้นไป

รายละเอียด จะมีแต่นิมิตดี ไม่มีนิมิตร้าย


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2562 ( 15:43:47 )

พระอรหันต์ขึ้นไป เป็นผู้รู้ตัวเอง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ขึ้นไป เป็นผู้รู้ตัวเอง และมีวสวัตติโก มีอำนาจเหนือจิตตัวเองมีความสมบูรณ์แบบแล้ว ซึ่งเป็นคนที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นผู้ที่เรียนจบ จะเกิดอีกกี่ชาติก็ได้ และอรหันต์ก็เกิดได้ แต่ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานอยู่เป็นอมตะบุคคลจะเกิดต่ออีก ซึ่งสามารถเป็นโพธิสัตว์ได้ ไม่เป็นอุจเฉททิฏฐิ แบบเทวนิยมหรือแบบชาวพุทธที่เป็นอุจเฉททิฏฐิว่า ถ้าร่างกายนี้ตายไปแล้ว แม้จะเป็นพระอรหันต์ตายแล้วต้อง 0 นี่ก็เป็นอุจเฉททิฏฐิเป็นพวกตาย 0 ที่จริงจะตายสูญหรือไม่สูญนั้นพระอรหันต์ยังสามารถที่จะไม่ตาย 0 ได้ แต่พวกที่เป็นอุจเฉทิฎฐิจะเห็นว่า ไม่ได้ถ้าตายขาดลมหายใจเป็นพระอรหันต์แล้วคุณตายแล้วต้อง 0 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 11:49:20 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:31 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:09:58 )

พระอรหันต์ขึ้นไปสัมผัสภายนอกแล้วไม่มีกิเลส

รายละเอียด

คือ ถ้าจะเรียกกันว่า ความจริงต้องมีทั้งภายนอก และภายใน  ภายนอกก็มี  ตา หู  จมูก   ลิ้น  กาย  พระอรหันต์ขึ้นไป สัมผัสทางภายนอกแล้วไม่เกิดกิเลสเลย  แต่ท่านก็ความใคร่อยากจะทำงานนี้  มีกรรมกิริยา ปรารถนาจะทำงานร่วมกับที่สัมผัส  ท่านก็ทำงานด้วยความปรารถนา ไม่ใช่อยู่เฉยๆ  ไม่คิดไม่อยาก  ไม่มีความประสงค์ ไม่มี ความปรารถนาไม่มีพลังงานอะไรที่จะทำงานได้เลย  อยู่กลางๆ  เฉย ๆ  อย่างนี้มันก็ไม่ได้ทำงานอะไร  จะทำงานจะต้องมีเจตนารมณ์มีความมุ่งหมาย  มีพลังงานพุ่งออกไปจะให้เป็นอย่างไร

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:29:41 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:25 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:11:15 )

พระอรหันต์ขึ้นไปสัมผัสภายนอกแล้วไม่มีกิเลส

รายละเอียด

ถ้าจะเรียกกันว่า ความจริงต้องมีทั้งภายนอก และภายใน  ภายนอกก็มี  ตา หู  จมูก   ลิ้น  กาย  พระอรหันต์ขึ้นไป สัมผัสทางภายนอกแล้วไม่เกิดกิเลสเลย  แต่ท่านก็ความใคร่อยากจะทำงานนี้  มีกรรมกิริยา ปรารถนาจะทำงานร่วมกับที่สัมผัส  ท่านก็ทำงานด้วยความปรารถนา ไม่ใช่อยู่เฉยๆ  ไม่คิดไม่อยาก  ไม่มีความประสงค์ ไม่มี ความปรารถนาไม่มีพลังงานอะไรที่จะทำงานได้เลย  อยู่กลางๆ    อย่างนี้มันก็ไม่ได้ทำงานอะไร  จะทำงานจะต้องมีเจตนารมณ์มีความมุ่งหมาย  มีพลังงานพุ่งออกไปจะให้เป็นอย่างไร

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต  ปฐมอโศก  วันจันทร์  18  พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 18:14:53 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:10 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:41:25 )

พระอรหันต์คือผู้มีอนุสัยใหม่

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นศาสนาเทวนิยม มีอนุสัยเป็นตัวสั่งการทั้งนั้นแต่เขาไม่รู้จักอนุสัย แล้วแก้อนุสัยไม่ได้ อาตมาได้อธิบายธรรมะให้พวกเราฟังจนสามารถเรียนรู้ถึงอนุสัย เสร็จแล้วแก้อนุสัยกลับอนุสัย จนกระทั่งพระอรหันต์คือผู้มีอนุสัยใหม่ แต่เขาเรียนรู้กันทั่วไปเขาก็เรียนรู้ว่าอนุสัยคือกิเลส แล้วก็อย่าให้กิเลสเกิด ในจิตของเราปัจจุบันที่เป็นอรหันต์แล้ว กิเลสก็ไม่เกิดลงไปในอนุสัยอีก เราก็มีแต่อนุสัยที่เป็นจิตใหม่ที่เติมลงไปๆ เป็นจิตที่ไม่มีกิเลส เพราะฉะนั้นต้องทำจิตแบบนี้แหละให้สำเร็จเป็นอรหันต์ ต้องเรียนรู้เลยว่าอาการที่มันจะมาสั่งสม ไม่ใช่ไปจัดการกับตัวที่มันสั่งสมแล้ว เมื่อสั่งสมแล้วก็เป็นอดีต ทีนี้ อดีต เราจะไปแก้ไขมันไม่ได้ สัญญาที่จะกำหนดรูปภาวะที่เกิดเป็นกิเลสแล้วก็สะสมลงไป มันต้องเกิดในปัจจุบัน ปัจจุบันที่เรามีตา หู จมูก ลิ้น กาย ถ้าไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย หลับตา ปิดหู ไม่รับจมูกก็ไม่เกี่ยวไม่เอาจิตก็ไม่เกี่ยวข้อง ลิ้นก็ไม่ได้แตะสัมผัส  กายร่างกายสัมผัสภายนอกก็ไม่เอาจิตเข้ามาเกี่ยวไม่รับรู้ด้วย ไปรับรู้แต่ใจในใจภายใน อย่างที่ศาสนา แม้แต่ศาสนาพุทธก็ตามผิดเพี้ยนไปจนกระทั่งไปสอนแต่จัดการภายใน คนนั้นก็จมอยู่แต่กับธาตุเก่า ธาตุใหม่ที่อยู่ในโลกของกาม โลก ตา หู จมูก ลิ้น กาย เรียกว่ากามคุณ 5 ไม่มีเกิดใหม่ มีแต่อนุสัยเก่า เพราะฉะนั้นพวกหลับตาเรียนจึงเรียนอยู่ในแต่อนุสัย 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 08:58:05 )

พระอรหันต์คือผู้มีอำนาจอยู่เหนือโลก

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถรู้เรื่องจิตเจตสิกเหล่านี้ ถึงขั้นจบกิจ พระอรหันต์ถึงขั้นจบกิจหมายความว่าจบแล้วในการเรียนรู้ที่จะ เกิดเป็นคนหรือจะไม่เกิดเป็นคนอีก ตายสูญ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ได้ หรือไม่ตายสูญ ก็มาเป็นโพธิสัตว์เกิดแล้วมีการมาต่อภูมิเพื่อจะช่วยรื้อขนสัตว์ ช่วยสัตว์ตัวอื่นเพราะตัวเองรอดแล้ว ตนเองสบายแล้ว ก็ไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ก็ไปช่วยผู้อื่นศึกษาผู้อื่นขยายผล เป็นผู้ที่รู้รอบ หมดความลึกลับ อรหะ ถึงที่สุด อรหันตะ หมดความลึกลับอันสูงสุดเป็นอรหันตะ

คนที่มีภูมิมีปัญญาอย่างนี้คือ รู้โลก รู้อัตตา รู้ธรรมะ จึงมีอำนาจอยู่เหนือโลก เหนืออัตตา เหนือธรรมะ เหนือธรรมะก็คือโลกุตรธรรม 

ผู้ที่มีพลังงานอธิปไตยคือ มีสติเป็นอธิปไตย อยู่กับโลกเปิดตาหูจมูกลิ้นกายใจ รู้องค์ประกอบ องค์ประชุมของโลก ของอัตตาหรือของข้างนอกของข้างใน นับแต่ของดินน้ำไฟลมจนกระทั่งถึงพืชถึงสัตว์มนุษย์ถึงคน คนแต่ละระดับแต่ละฐานะก็รู้จัก 

สามารถที่จะอยู่ร่วม สามารถที่จะทำงานร่วม จัดการในเรื่องความเป็นอยู่ได้ดีเรียกว่ามีเศรษฐกิจดี จัดการให้เป็นอยู่ให้ได้สงบระงับ อยู่อย่างอบอุ่น อย่าตีกัน อย่าทะเลาะกัน อยู่ช่วยเหลือกัน เป็นเรื่องของการเมือง จะรู้เรื่องของเศรษฐกิจของการเมืองก็ช่วยโลกเขาช่วยทำเศรษฐกิจให้แก่โลก ให้มันจบกิจด้วย ทำการเมืองให้มันจบกิจด้วยเป็นอรหันต์ ได้ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง คือไม่ลึกลับทั้ง 2 อย่าง 

คือจะเป็นการเกิดกลุ่มหมู่น้อย หรือกลุ่มหมู่ใหญ่ขึ้นเป็นสังคมที่ใหญ่ขึ้น ใหญ่ระดับประเทศ ทำได้

อาตมา บริหารประเทศได้ แต่อาตมาไม่บริหารประเทศเพราะเขาไม่ให้บริหาร เขาไม่เชื่อน้ำมนต์ แล้ว อาตมาก็ไม่ลนลาน ไม่ดิ้นรน ไม่อยากจะไปบริหารหรอก เพราะว่าคนที่จะให้บริหารนั้นเป็นคนบ้าๆ บอๆ เยอะลำบาก เพราะฉะนั้นมาบริหารคนที่มีภูมิปัญญาโดยการคัดเฟ้นเอา คัดเลือกเอา โดยธรรมชาติอาตมาไม่ต้องไปนั่งคัดเลือกเอาเหมือนคัดทหารเกณฑ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 14:03:59 )

พระอรหันต์คือผู้หมดความสุข ความทุกข์

รายละเอียด

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่ใช่เป็นสุขนิยม ศาสนาที่เป็นเทวนิยมเป็นศาสนาสุขนิยมมีความสุขนิรันดร ปรารถนาความสุขเอาแต่ความสุข ไม่คิดจะเรียนรู้ทุกข์ เพราะไม่รู้ว่าความสุขกับความทุกข์มันเป็นอย่างไรความสุขกับความทุกข์มันเป็นคู่แฝดคู่หูแยกกันไม่ได้ เหมือนกระดาษแผ่นหนึ่งเหมือนเหรียญสองหน้า เมื่อแยกกันไม่ได้พระพุทธเจ้าก็จะทำอย่างไรก็ต้องฆ่าทั้งความสุขและความทุกข์ทิ้งไปเลย หมดความสุขหมดความทุกข์​ ตั้งแต่ตอนเป็นๆ เป็นพระอรหันต์คือผู้ที่รู้จักความสุขความทุกข์และเป็นผู้ที่ไม่มีความสุขความทุกข์แล้วจิตว่างจากความทุกข์ความสุขเลย โดยศัพท์เรียกว่าอุเบกขาเป็นจิตบริสุทธิ์ สบายไม่มีทุกข์ไม่มีสุข …เป็นได้ไหม? 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2563 ( 15:46:24 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:02 )

พระอรหันต์จบกิจแล้ว สลายจิตนิยามเป็นอุตุธาตุ

รายละเอียด

พระอรหันต์ที่รู้แจ้ง รู้จริง จบกิจแล้ว ก็คือ ทำธาตุจิตนิยามของตัวเองให้สลายเป็นดินน้ำไฟลมได้เลย ตายไป กายสเภทา ปรัมมรณา หลังจากตายแล้วก็ไม่เหลือจิตนิยามของพระอรหันต์อีก ท่านสลายจิตนิยามของตัวเองเป็นอุตุธาตุ เป็นดินน้ำไฟลมไปหมดแล้ว ไม่ได้จับตัวกันเป็นอัตตาอีกเลย นี่เป็นความตรัสรู้หรือเป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์จะต้องศึกษา 

ผู้ที่บรรลุธรรมสูงสุดเป็นอรหันต์ได้แล้ว จะมีจิตเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นพระพรหม ช่วยเหลือผู้อื่นต่อ ก็ท่านพ้นทุกข์แล้วท่านปรินิพพานได้แล้ว ท่านก็ช่วยคนอื่นต่อไป ได้แล้วก็ได้เลยอีกด้วย ได้แล้วไม่มีตกต่ำไม่มีเปลี่ยนแปลง นิจจัง (เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง (ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง (ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง (ไม่กลับกำเริบ) มีแต่จะเจริญขึ้น ๆๆๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปเป็นพระพุทธเจ้า เป็นโพธิสัตว์สูงสุด อาศัยพยัญชนะคำว่า สุข เท่านั้นเอง คือ สุ แปลว่าดี ข คือว่าง อาตมามั่นใจว่าอธิบายได้ถูก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 54 ผู้เป็นกลางคือผู้วางกามกับอัตตา วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 12:12:51 )

พระอรหันต์จริงต้องกล้าประกาศ

รายละเอียด

จะไปบอกได้อย่างไรก็ไม่รู้ไม่ชัดเจนไม่มีจริงในตนเอง คนที่เขียนนี้ไปรับรองเองเป็นอรหันต์เดา ตัวเองก็ไม่กล้าพูดตรงๆ พูดแต่เพียงว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย เพราะรู้ว่าในพระวินัยห้ามอวดสิ่งที่ไม่มีในตนก็เลยไม่กล้า เดี๋ยวจะอาบัติปาราชิกก็จะไม่กล้า คนที่มีในตนจะไปกลัวทำไมปาราชิก คนที่ไม่มีในตนก็ต้องไม่กล้า คนที่มีความเข้าใจอย่างนี้ก็เหมือนกัน เขาไม่กล้าบอกเพราะว่าตัวเองไม่มีแต่ถ้าบอกว่า ไม่มีก็อายเขาจึงพูดกับเพื่อนว่าผู้ที่มีเขไม่บอก ผู้ที่บอกคือผู้ไม่มี ใครสอนวะ พระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างนั้นหรือ ถ้าพระอรหันต์ไม่ประกาศไปทั่วก็เลยทำให้ศาสนาพุทธชิบหาย เพราะว่าก็เดากันไปทั่ว ต้องเป็นจริงคนจริงมีจริงมาพิสูจน์กัน อย่าเอาแต่เข้าใจตื้นๆ เลยไม่กล้าเข้ามาหาความจริงอยู่แต่ ถูกหลอก โง่ๆ เผินๆ มันน่าสงสาร พยายามตั้งหลักหาความจริงหน่อยอย่าไปงมงายอยู่กับคนที่เขาหลอกอยู่ตลอดเวลาเลย ตื่นเสียบ้าง ตื่นรู้ความจริงเสียบ้าง อาตมาทำงานมาตั้ง 50 ปี ยังไม่ค่อยตื่นเลย แต่เดี๋ยวนี้ก็ยังรู้สึกว่าจะดีขึ้นมาบ้าง สิบตรี ยังไม่ถึงสองบั้งสามบั้ง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:47:40 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:18:18 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:45:10 )

พระอรหันต์จะต้องผิดพลาดไม่ได้ ใช้ข้อนี้ประเมินได้ไหม

รายละเอียด

พระอรหันต์ผิดพลาดได้ เพราะว่าเป็นการผิดพลาดนั้นเป็นกายกรรม วจีกรรม กายกรรม วจีกรรมนี่มันเป็นสมมุติข้างนอกเพราะฉะนั้นกายกรรม วจีกรรมตามสมมุตินี่ บางทีพระอรหันต์เจตนาไม่เหมือน ค้านแย้งด้วย เพื่อที่จะดึงคนนั้น คนนั้นไป เพื่อที่จะดึงเขา 

เช่น โลกมันจะดึงเข้าไปหาโลก พระอรหันต์ก็จะถึงไปหาโลกุตระ มันค้านแย้งอย่างนี้เป็นต้น เข้าใจไหม เพราะฉะนั้นจึงจะไปเอากิริยา เอาภาคปฏิบัติประพฤติ กายกรรม วจีกรรม ของผู้บรรลุ แล้วก็ไปประเมินค่าตามโลกๆเขา มันจะไปได้ยังไง มันไม่เข้ากันหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 19:35:47 )

พระอรหันต์จะมีความรัก 10 มิติตั้งแต่ระดับใด 

รายละเอียด

เป็นระดับที่ 8 ระดับที่ 7 เป็นเทวนิยมเต็มรูป จะแยกไม่ออก แล้วก็แยกความรักจากข้อที่ 7 นั่นแหละ มาเป็นความรักมิติที่ 8 ตีแตกแยกแยะในข้อที่ 7 นั้นออกได้ก็เป็นข้อที่ 8 เมื่อตีแตกแยกเทวะออก แยกแยะค่อยๆแยกไปทีละคู่ๆ คำว่าเทวะนี่แหละแปลว่า 2 ทีละคู่ๆ เทวนิยมปรมาตมันเต็มรูปก็เป็นระดับที่ 7 เป็นศาสดา เป็นศาสนาเทวนิยมและจะมีประจำโลก มีมาก 

เพราะฉะนั้นคนที่จะมารู้โลกุตระนั้นมีจำนวนน้อยในโลก ที่เหลือศาสนาทั้งหลายคือ 1-7 ศาสนาที่จะเป็นศาสนาพุทธก็คือ 3 ใน 10 เป็นเทวนิยมไปเสีย 7 ใน 10 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 13:03:40 )

พระอรหันต์จะรู้จักความเป็นพระเจ้าที่ดีที่สุด

รายละเอียด

พระเจ้าก็คือธาตุวิญญาณที่เขายกย่องเรียกว่าพระจิต พระจิตหรือพระจิตวิญญาณ ก็ถูกไม่ผิดหรอก ถ้าจิตวิญญาณคุณไม่ไปหลงว่าเป็นของคนนั้นเป็นของคนนี้ คุณก็ศึกษาสิ พระเจ้าก็คือพระจิตวิญญาณก็เป็นอันเดียวกัน พระเจ้าหรือพระจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ มีพระบริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ 

จิตวิญญาณจริงๆนั้นบริสุทธิ์จากกิเลส เมื่อผู้ที่มีจิตรู้ว่าจิตมันเป็นอย่างนี้ มันเป็นสังขารที่ปรุงแต่งกันอยู่ เป็นพระจิตเป็นพระวิญญาณ เป็นธาตุรู้ที่ปรุงแต่งกันอยู่ เมื่อไม่มีกิเลสมันก็ฉลาดมันก็รู้ว่า อ๋อ มันไม่ใช่ตัวตน มันเป็นอนัตตา แต่เมื่อมันได้จิตนิยาม มันได้เกิดมาเป็นธาตุรู้ ธาตุรู้อวิชชา จนกระทั่งสำรอกอวิชชาออกหมด เหลือแต่จิตสะอาดบริสุทธิ์ จิตบริสุทธิ์ก็คือจิตวิญญาณที่เป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แล้วก็รู้ตัวว่า จิตไม่มีตัวตน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2565 ( 12:54:39 )

พระอรหันต์จะออกมาทำงานการเมืองทำไม

รายละเอียด

ฟังให้ดีนะ พระอรหันต์จะออกมาทำงานการเมืองทำไม ไม่รู้อะไร โพธิรักษ์เป็นอรหันต์หรือเปล่าเป็น ออกพาทำงานการเมืองหรือเปล่า อาตมาเคยบอกว่าพลเอกประยุทธ์เป็นโพธิสัตว์หรือพูดถึงเป็นอรหันต์ เขาบอกว่ายังไม่เชื่ออรหันต์อะไร ยังมีโมโหอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วเขาได้ลดตัวเองทันทีไว เขาปรับตัวได้ทันทีได้เร็วไว พลเอกประยุทธ์ มันเป็นลิงลมอมข้าวพองที่ซับซ้อนซึ่งคุณไม่รู้ความซับซ้อนของสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนพวกนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2566 ( 20:04:12 )

พระอรหันต์จะเกิดอีกก็ได้จะไม่เกิดก็ได้

รายละเอียด

อรหันต์ก็เลี่ยงได้ไม่มีทุกข์ 4 ชนิด ส่วนอีก 6 ชนิดแม้แต่พระพุทธเจ้าก็เลี่ยงไม่ได้ ก็รู้ว่าทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แล้วสามารถดับทุกข์ส่วนที่เลี่ยงได้เป็นพระอรหันต์ แล้วพระอรหันต์จะมีภูมิธรรมที่พิเศษตรงที่ว่า อยู่ในชีวิตแล้วไม่ทุกข์ นอกจากจะไม่ทุกข์และไม่ทำชั่วไม่ทำบาปไม่ทำเสียหาย ทำแต่ดีอย่างเดียวถ้าจะอยู่ จะเกิดอีกก็ได้ อรหันต์จะเกิดอีกก็ได้ จะปรินิพพพานเป็นปริโยสาน ตายแล้วก็แยกธาตุเป็นอุตุธาตุไปเลยไม่ต้องวนเวียนว่ายตายเกิดอีกนี่คือสุดยอดแห่งศาสนาพุทธที่รู้จักความเป็นจิต เจตสิก รูป นิพพาน หรือรู้จักจิตวิญญาณ หรือรู้จักความเป็นเทวะสภาพสองที่รู้รูปนาม แยกสภาพสอง

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 11:35:52 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:48 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:47:04 )

พระอรหันต์จึงทำจิตของตนให้เป็นอุตุธาตุตั้งแต่เป็นๆ

รายละเอียด

พระอรหันต์จึงทำจิตของตนให้เป็นอุตุธาตุตั้งแต่เป็นๆ ตายไป..กายสเภทาปรัมมรณา แยกกายเสร็จจิตก็แยกด้วย หมดอัตภาพ ไม่รวมมาติดกันอีก เหมือนพวงมะม่วง ที่ถูกตัดหล่นลงมาแตกกระจายย่อมไม่ต่อกันติดอีกเป็นธรรมดา ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน พรหมชาลสูตร ท่านเองมีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนเห็นพวงมะม่วง ตายแล้วเหมือนพวงมะม่วงตัดพวงมะม่วงหล่นแตกลงมาถูกพื้น แตกกระจายรวมกันไม่ติดฉันใด ก็ไม่มีพวงมะม่วงนั้นอีก มีแต่มะม่วงแตก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 22:19:11 )

พระอรหันต์ช่วยโลกบริหารโลกด้วยปัญญาคุมสติอย่างไร

รายละเอียด

ต้องแก้ทิฏฐิ อัตตา ให้สัมมาทิฏฐิ แล้วทิฏฐิ กลายเป็นปัญญา ล้างอัตตาสุดยอด เป็นคนหมดอัตตา เป็นอนัตตา เป็นพระอรหันต์ก็จบลงที่ไม่มีอัตตา รู้ทั้งสิ่งที่เป็นอนัตตาและสิ่งเป็นอัตตา แต่ท่านอาศัยอนัตตาเป็นพื้นฐาน แล้วก็อาศัยใช้อัตตาไปโดยไม่ยึดมั่นถือมั่นทั้ง อัตตาและอนัตตา 

แล้วท่านก็รู้จักสมุทัยของโลกจึงทำให้ โลกาธิปไตย ทำให้โลกอยู่ได้ด้วยดีด้วยอำนาจแห่งธรรม อำนาจของท่านคือสติแล้วก็ควบคุมด้วยปัญญา คือสิ่งที่เหนือโลกอีกทีหนึ่ง ปัญญาก็คุมสติอีกทีหนึ่ง 

สติคือพลังงานคืออธิปไตยที่รู้โลก ก็ช่วยโลกบริหารโลกด้วยปัญญาที่อยู่เหนือโลกเหนือโลกีย์เหนือการที่จะตกเป็นทาสทั้งมวล จึงเป็นผู้ที่มีสติและเข้มแข็งแรง เป็นอธิปไตยมีปัญญาจริงๆ คือมีความอยู่เหนือโลกจริงๆ มีความรู้ที่จะบริหารด้วยความรู้ ไม่ได้ไปดูถูกข่มขี่ให้เขาลำบาก จะช่วยแม้แต่คนชั่ว ช่วยให้เขาฟื้นจากความชั่วกลับจากความชั่วเป็นความดี สุดวิสัยที่จะช่วยก็ต้องปล่อยให้เขาไปตามยถากรรม เพราะถ้าขืนไปช่วยคนนี้อันธพาลมากไปแต่ไม่ได้มันยิ่งใหญ่คืออัตตาเต็มตัวก็ต้องปล่อยไปตามยถากรรม ส่วนที่พอช่วยได้แม้แต่น้อย อย่างเช่นอาตมาช่วยได้เท่าที่พอจะช่วยได้ ช่วยอยู่พูดถึงอยู่ อาตมาพูดด้วยเมตตาเป็นการพูดให้ฟังพูดให้คนรู้เข้าไปด้วย จำเพาะเจ้าตัวรู้ด้วยยิ่งดีรับฟังแล้วก็เข้าใจว่าชั่วอย่างนี้เองหรือก็ยอมรับจริงๆยิ่งสุดยอดเลย 

อาตมาก็จะพูดในวงที่อาตมาเป็นอยู่ก็คือวงของพุทธ อาตมาไม่เคยพูดถึงวงของศาสนาอื่นศาสดาอื่น เพราะอาตมาก็อยู่ในวงนี้แหละ ไม่ไปละลาบละล้วงวงอื่น ก็ทำงานไปอยู่อย่างนี้ 

โดยเฉพาะเข้าใจชาติรวมแล้ว อาตมากระจายชาติเพิ่มเติมอีกให้รู้ในเรื่องของโลกของอัตตาที่พูดกันเข้าใจ ในยุคพระพุทธเจ้ายังพูดกันได้ยากในเรื่องของชาติของรัฐ เพราะเป็นเรื่องของสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สิทธิมนุษยชนอะไรพูดไม่รู้เรื่อง ทุกวันนี้สามารถพูดกันรู้เรื่องแล้วสามารถเปิดจิต รับได้เต็มที่ไม่มีอะไรมาห้ามไม่มีอะไรมากั้น ไม่มีอะไรมาทำให้เราไม่มีอิสระที่จะทำการรับรู้สื่อสารได้ เต็มสภาพแล้วทุกวันนี้  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:28:08 )

พระอรหันต์ดับอวิชชา ดับความเกิดแล้วจะเอาอะไรมาเกิดเล่า 

รายละเอียด

ก็เอาชีวะ เอาความเป็นชีวะมาเกิด ธาตุชีวะ หรือธาตุวิญญาณ เป็นธาตุรู้ที่สะอาดแล้วก็เอาธาตุรู้ที่สะอาดเป็นตัวเกิด และธาตุรู้ที่สะอาดจะรู้อะไร ก็รู้โลก รู้บุคคล รู้พฤติกรรมของมนุษยชาติ รู้สัตว์โลกไปอีกเยอะแยะ แล้วก็จะช่วยโลกจริงๆด้วยว่า รื้อขนสัตว์ โพธิสัตว์คือผู้รื้อขนสัตว์ ช่วยสัตว์อื่นๆต่อไปอีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #51ลดละจากมหามาสู่จุล เปลี่ยนจากไม่เห็นด้วยจนมาเห็นได้ วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 ขึ้น 5 ค่ำเดือนยี่ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 19:55:38 )

พระอรหันต์ตรวจสอบของกันและกันได้อย่างไร

รายละเอียด

ผู้เป็นพระอรหันต์ก็ตรวจสอบได้ของกันและกันก็จริง พระอรหันต์ด้วยกันก็จะรู้จักอริยสัจ 4 และรู้จักจิตเจตสิก โดยเฉพาะรู้จักจิตที่เป็นกิเลสอาสวะ อาสวะขั้นไหน ขั้นที่ยังมีอุทธัจจกุกกุจจะ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา ก็ต้องดูอาการของสิ่งเหล่านี้ มันมีอาการที่มีดีกรีต่างกัน แล้วจิตใจของเราหมดแล้ว สัมผัสเกี่ยวข้องกับสัตว์เราก็ไม่มีจิตอาสวะพวกนี้ 

สัมผัสกับข้าวของวัตถุกับพืชเป็นศีลข้อที่ 2 สัตว์อย่างหนึ่ง ของอย่างหนึ่ง ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวข้องกับของ อย่าทุจริตได้เรื่องเกี่ยวกับของ 

ศีลข้อที่ 1 อย่าไปทำร้ายกัน ศีลข้อที่ 2 นี้ ทำกับพืชกับของ มันไม่มีจิตวิญญาณไม่มีวิบากบาปบุญอะไรไม่มีเวทนาอะไร 

เพราะฉะนั้น พีชะ หรืออุตุ ก็คือศีลข้อที่ 2 เป็นแต่เพียงว่าอย่าไปทำกรรมที่ทุจริต ส่วนศีลข้อที่ 3 นั้นเป็น รสของกามคุณ 5 (ตาหูจมูกลิ้นกาย) 

ต้องเกี่ยวข้องกับศีลทั้ง 3 ข้อนี้ ถ้าทั้งหมดนี้ไม่มีกิเลสร่วมเลยคุณก็เป็นพระอรหันต์ในศีลทั้ง 3 ข้อนี้ เข้าใจให้ละเอียดเถอะ 

ส่วนข้อ 4 ทางวาจาข้อ 5 ทางจิตวิญญาณ ซึ่งไปติดเมามายใน สุราเมรยมัชชะ เขาแปลว่าสุราคือน้ำเมา เมรยะคือน้ำเบียร์ อะไรพวกนี้ มันจัดหรืออ่อนกว่ากันก็ได้ แต่มันยิ่งกว่านั้น ยิ่งมัชชะนี้เมาอย่างไรเมายาลมยาดม อะไรอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 20 วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:51:06 )

พระอรหันต์ตายด้วยสุญญตนิพพาน

รายละเอียด

ส่วนพระอริยะเจ้าเป็นพระอรหันต์ก็ตายด้วยสุญญตนิพพาน ตายอย่างสงบ แต่บางองค์ก็ตั้งนิมิตของท่าน นิมิตนิพพาน นิมิตคือเครื่องหมาย เพราะฉะนั้นผู้ที่มีฐานบุคคลหรือมีบารมีมีฐานะ อย่างอาตมาตั้งสร้างนิมิตเพื่อจะก้าวหน้าไปเป็นอย่างนี้ ก็ตั้งเพื่อจุดหมายก้าวไปแต่ละก้าวก็ตั้ง เป็นนัยละเอียดหากว่ารู้ผิดนึกว่าตัวเป็นอรหันต์แต่ทำจิตผิด เป็นอรหันต์ผิดๆ อย่างที่อาตมาเคยบอกเป็นพระอรหันต์เก๊ แต่บอกว่าตัวเองเป็นชาติสุดท้าย แล้วก็จะเป็นไปตามสัจจะ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 85


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:38:52 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:32 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:36:06 )

พระอรหันต์ตายแยกธาตุจิตเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ

รายละเอียด

ทีนี้ประเด็นที่ว่าพระองค์สอนไม่ให้มาเกิดอีก อันนี้พระพุทธเจ้าสอนให้ดับความเกิดให้ได้ เพราะฉะนั้นก่อนจะดับความเกิดได้จนกระทั่งถึงร่างกายไม่เวียนว่ายตายเกิดเลย อาตมาอธิบายไปจนหมดครบไม่รู้กี่รอบแล้ว ว่าผู้ที่เป็นพระอรหันต์สามารถแยกจิตแยกธาตุจิตของตัวเอง เมื่อตายลงไป ก็แยกธาตุจิตออกเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย จิตธาตุนั้นก็ไม่รวมตัวมาเกิดเป็นชีวะอีกจริงๆ เพราะมันหมดสิทธิ์ที่จะมารวมตัวกันเป็นเชื้อที่จะติดยึดเหมือนจิตนิยาม พระพุทธเจ้าท่านให้แยกแยะลักษณะ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยามแล้วมาเป็นกรรมนิยาม ธรรมนิยาม ศาสนาที่ไม่มีความรู้เหล่านี้ไม่รู้จักคำว่าได้เรียนรู้กรรม เรียนรู้แต่ God เรียนแต่พระเจ้าไม่เรียนรู้กรรม ศาสนาพุทธนั้นกรรมเป็นใหญ่กรรมเป็นเรื่องสุดยอด ผู้ใดทำกรรม ทางกายทางวาจาทางมโน แล้วก็ทำมโนทำจิตตนเองได้โดยทำจิตแยกธาตุเป็นอุตุนิยามได้ จึงบริบูรณ์สุดจบ เพราะฉะนั้นความจริงแล้วผู้ที่บรรลุอรหันต์แล้ว เป็นคนอมตะ ตายก็ได้ไม่ตายก็ได้เกิดอีกก็ได้ไม่เกิดอีกก็ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 09:33:17 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:36 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:37:45 )

พระอรหันต์ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีก?

รายละเอียด

แล้วบอกว่าเป็นพระสารีบุตรกลับชาติมาเกิด ความเห็นของคุณเดชา อัมพร บอกว่าพระอรหันต์ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ถ้าพระอรหันต์ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ก็เป็นอุจเฉททิฏฐิของสายเถรวาท อุจเฉททิฏฐิหมายความว่าเห็นว่าขาดสูญ ว่าได้อรหันต์แล้ว แต่ละองค์จบอรหันต์แล้วตายจากความเป็นชาติที่เป็นอรหันต์แล้ว ต้องดับสูญทุกองค์ ต่ออะไรอีกไม่ได้เลย เป็นอุจเฉททิฏฐิที่ร้ายแรงมาก เป็นมิจฉาทิฐิที่ร้ายแรงมาก ที่เป็นการหยุดศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้า เป็นการตัดศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าให้สั้นลง ให้เสื่อมเร็วให้หมดเร็ว ความเห็นอย่างนี้จะทำให้ศาสนาพุทธเป็นอย่างนั้น 

เพราะว่าพระอรหันต์สามารถยังไม่จบ และยังมีพระอรหันต์ต่อเป็นโพธิสัตว์ภูมิได้ด้วย นับเป็นอาริยะ 4 ขั้นก็เป็นอรหันต์ โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ อรหันต์ก็นับตรงโพธิสัตว์ระดับ 4 จบจากระดับที่ 4 เป็น 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

อยู่ที่ว่าโพธิสัตว์องค์นั้นจะรีไทร์ตัวเองก่อนถึงเป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ ความรู้ทางโพธิสัตว์สำหรับทางเถรวาทสายพระป่า เหมือนอย่างที่คุณเดชา อัมพรเป็นอยู่ จะเข้าใจได้ยาก ถือเป็นขั้นอจินไตยเลย จะเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นพูดไว้แค่นี้ก็แล้วกัน คุณเดชาอัมพร ก็พยายามศึกษาต่อไปเถอะ คุณก็ดูติดตามพวกเรามานานและตอบรับด้วยดี ก็ดีมากเลยสาธุ ขอบคุณอย่างยิ่ง ที่โอภาปราศรัยกันมา ถูกว่ากลับไปมั่ง คุณก็ยังใจดีใจแข็งตอบมาแย้งมา ดีมากเลย การทำอย่างนี้ทำให้เกิดวิจัยวิจารณ์หรือว่าทำให้เกิด วิพากษ์วิภาษณ์ ทำให้เกิดความเข้าใจแตกฉานเยอะดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2565 ( 14:28:22 )

พระอรหันต์ต้องอาศัยสิ่ง 2 อย่าง

รายละเอียด

พระอรหันต์อาศัยชีวะและสิ่งที่ไม่ใช่ชีวะคืออุตุกับพีชะ อาศัยสิ่งสองอย่างนี้อยู่ ต้องอาศัยกัน ไม่อาศัยกันไม่ได้ ดินน้ำไฟลมพืชเป็นบุญคุณต่อชีวิตเรามาก ส่วนสัตว์นี้ เป็นบุญคุณมากถ้าท่านเป็นอรหันตโพธิสัตว์ขึ้นไป แต่ถ้าไม่ใช่อรหันต์หรือโพธิสัตว์ เป็นบุญคุณน้อยหรือไม่มีบุญคุณเลย นอกจากไม่มีบุญคุณแล้วมีโทษด้วย โทษมากด้วย โทษ ยิ่งกว่าดิน น้ำ ไฟ ลมหรือพืช เพราะพืช ดิน น้ำ ไฟ ลม มันไม่ทำโทษไม่มีโทษอะไรกับใคร สัตว์นี่แหละร้ายและสัตว์ที่ร้ายที่สุดก็คือสัตว์คน หนักหนาสาหัส เพราะฉะนั้นต้องเรียนรู้ ต้องมีศีลเกี่ยวกับสัตว์เกี่ยวกับพืชกับผัก เกี่ยวกับดิน น้ำ ไฟ ลม เกี่ยวกับตา หู จมูก ลิ้น กาย ของเราที่จะต้องดูแลต้องควบคุมต้องจัดการ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 13:47:37 )

พระอรหันต์ทั้งหลายไม่มีอาบัติ

รายละเอียด

อันนี้ คุณคนนี้ก็ไม่เข้าใจอีกว่า พระอรหันต์องค์ใดก็ยกเว้นไม่มีอาบัติ อย่าไปถามว่าอรหันต์ จะมีอาบัติหรือไม่ แม้แต่สงฆ์ ต้องยกสติวินัยให้อรหันต์เพราะว่าพระอรหันต์ทุกองค์ จะแสดงผิด จากที่สอนกลับไปกลับมาเป็นลักษณะสิริมหามายาท่านก็สอนได้ตามที่ท่านเห็นควร 

ฉะนั้นคนที่ไม่มีปัญญาที่จะรู้ พระอรหันต์จะไม่มีอกุศลเจตนาที่จะทำผิด ไม่ว่าจะผิดศีลหรือผิดวินัยก็ตาม ท่านก็ไม่มีเจตนา ภาษาเป็นวาจาอาจจะเป็นภาษากลับกันจากที่เขาถืออยู่ แต่ท่านเห็นเหมาะควรจะต้องพูด เหมือนอย่างที่อาตมาก็พูดกับพวกคุณหลายที ที่เป็นเรื่องกลับกันแต่ทุกคนก็เข้าใจ อุปสัมบัน พูดกันจะไม่มีปัญหาเลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม  ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:35:53 )

พระอรหันต์ทำงานแล้วเมื่อยไหม? รู้พักรู้เพียร?

รายละเอียด

พระอรหันต์เป็นชีวะนะ พระอรหันต์ไม่เมื่อยได้อย่างไร ชีวะของจิตนิยาม ไม่เหมือนพืชที่ทำงานตลอดเวลาไม่เมื่อย แต่จิตนิยามมันมีเมื่อยนะ อันนี้ต้องรู้ความจริง ตามความเป็นจริงให้ได้ ไม่มีหรอก คนทำงานถึงขีดหนึ่งก็ต้องเมื่อย มันใช้พลังงานออกไป ตั้งเยอะขนาดหนึ่ง ต้องเมื่อยต้องพัก พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า รู้จักพักรู้จักเพียร เอาแต่เพียรไม่พักก็ตาย เอาแต่พักไม่เพียรก็ตาย อ้างอิงพระพุทธเจ้า เหมือนกับคนรู้มากเลยอาตมา อปัฏติฐัง อนายูหัง คือพักพอดี เพียรพอดี หมายความว่าอย่างนั้น อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2565 ( 13:55:41 )

พระอรหันต์ทำจิตเป็นพีชนิยามอย่างไร

รายละเอียด

ไม่มีเวทนาที่เป็นทุกข์เป็นสุข ไม่รู้สึก เหมือนพืชอย่างที่บอก อย่างนี้เรียกว่าอาศัย พีชนิยาม พระอรหันต์ จะอาศัย พีชนิยาม อยู่อย่างไม่มีทุกข์ไม่มีสุข อย่างไม่มีบาปไม่มีบุญ พืชไม่มีบาปไม่มีบุญ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ แต่มีชีวิตมีชีวะเท่านั้นเอง 

ถ้าไม่เข้าใจอันนี้ ทำจิตให้เป็นอันนี้ไม่ได้ ไม่ใช่อรหันต์ ผู้ทำได้แต่ไม่รู้พยัญชนะอธิบายอย่างอาตมาไม่ได้ ก็เป็นอรหันต์ประเภทศรัทธา ประเภทเจโต ทำจิตตัวเองให้เป็นอย่างนี้ได้ เมื่อมีสัมมาทิฏฐิทำได้เป็น เจโต เรียกว่าเป็นผู้มีกายสักขี แต่ตัวเองไม่รู้ พอรู้ขึ้นมาจึงเรียกว่าปัญญาวิมุติ มีธาตุรู้ว่ากายเราเป็นอย่างนี้ จิตเราเป็นอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:22:12 )

พระอรหันต์ทำจิตเป็นอุตุและพีชะได้

รายละเอียด

พระอรหันต์จะทำอันนี้ได้ เป็นอุตุธาตุแล้วจิตจะไม่เกิด หรือสงบรำงับได้แค่เป็นพืช มีชีวิต แต่ไม่มีกาย ไม่รับรู้สึกไม่มีเวทนา มนุษย์พืชสัมผัสแตะต้องอย่างไรเขาก็ไม่รู้เรื่องเพราะจิตมันตกลงไป มันไม่มีพลังงานครบสภาพที่จะมารู้เรื่องด้วยภายนอก เรียกว่า กาย แต่กายนี้คือจิตนะ จิตมันเกี่ยวเนื่องกัน กายกับจิตต้องเกี่ยวเนื่องกันแยกกันไม่ได้  หากแยกได้ ก็เป็นพระอรหันต์ หรือแม้แต่พีชะก็ตาม ส่วนหนึ่งเป็นพืช แต่มีชีวะ พระอรหันต์มีจิตเป็นพีชะ ได้ คนมีจิตนิยาม สามารถควบคุมพลังงานพีชะได้ จิตได้ด้วย สามารถเรียนรู้ทำใจในใจทำจิตในจิตให้เป็นพืชได้แล้วมีพลังงานเหลือในจิต สามารถเอาไปงานอื่นได้อีก ไม่ต้องไปเสียพลังงานกับสิ่งที่ทำให้จิตตกต่ำ โดยเฉพาะเสียอารมณ์เสียความรู้สึก มันก็เป็นคนไม่มีความรู้สึกเสียไม่มีความรู้สึกเลวร้ายเป็นพิษภัยต่อตัวเองต่อผู้อื่น นี่คือความรู้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วเอามาสอนให้คนตรัสรู้จิตเจตสิกรูปนิพพาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:22:37 )

พระอรหันต์ทำปรินิพพานเป็นปริโยสานได้

รายละเอียด

การปรินิพพานเป็นปริโยสาน พระอรหันต์ทุกพระองค์ทำได้แล้ว แยกธาตุจิตนิยามของตัวเองให้เป็นอุตุธาตุเป็นดินน้ำไฟลม ไม่มาติดต่อกันอีก เหมือนพระพุทธเจ้าสมณโคดมตรัสไว้ในพรหมสูตรข้อสุดท้ายว่า พระพุทธเจ้าบอกว่า คนจะเห็นเรามีรูปมีนามเฉพาะชาตินี้ จากชาตินี้ไปแล้วเราปรินิพพานแล้ว เหมือนพวงมะม่วงถูกตัดขั้วตกลงแตกกระจายแล้วย่อมไม่ต่อ ติดไม่มีมะม่วงพวงนั้นอีก กระจายแตกออกไปเอามาต่อกันอีกไม่ได้ เหมือนกับกระเบื้องแตก 2 เสี่ยงเอามาต่อกันก็ไม่ได้ เหมือนใบไม้ร่วงแล้วเอามาต่อกันก็ไม่ได้ เหมือนยอดตาลขาดไปแล้วก็งอกอีกไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 11:49:43 )

พระอรหันต์ทำไมต้องตำหนิหลวงตามหาบัว

รายละเอียด

ถ้าไม่ใช่อรหันต์จริงไปตำหนิหลวงตามหาบัวยากนะ หลวงตามหาบัวนี้ฉลาด เฉโก ยอด ถ้าไม่ใช่อรหันต์จริงจับส้นไม่อยู่หรอก สุดดิ้น สุดหลุกหลิก สุดมายากลเลย มหาบัวนี่

เพราะฉะนั้นอรหันต์จึงมีหน้าที่ เพราะมหาบัวมาปลอมแปลงตัวหลอกโลกว่าเป็นอรหันต์ เพราะฉะนั้นอรหันต์ตัวจริง จึงจำเป็นจะต้องยืนยันชี้บอกว่าเป็นกบฏ เป็นโจรมาหลอกโลกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ถ้าอรหันต์ไม่ทำหน้าที่ อรหันต์มีความผิด เป็นหน้าที่ของอรหันต์โดยตรงที่จะต้องยืนยันว่า เฮ้ย! มีตัวปลอมเข้ามาแทรกอยู่ในอรหันต์จริง หลอกมนุษย์หลอกโลกเขา แล้วได้มวลได้บริวารด้วย ก็ต้องน่าสงสารพวกมวลพวกบริวารสิ ให้หลอกอยู่ได้อย่างไร มันทั้งผิดจากสัจธรรมมันทั้งเป็นบาป มันทั้งทำลายมนุษยชาติ โดยเฉพาะทำร้ายสัจธรรม ทำลายธรรมะของพระพุทธเจ้า สรุปแล้วมันบาปไปหมด 

ตัวเองเป็นบาปแล้วมาชวนผู้อื่นลงนรกเป็นบาปไปด้วยกันมันก็ต้องช่วยกัน เพราะเขาชวนกันดึงกันลงนรก อาตมาก็ต้องมีเมตตาก็ต้องช่วย ช่วยมหาบัว การตำหนิมหาบัวให้รู้ตัวรู้ตนว่าผิดนี้เป็นเมตตาเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลมหาบัว เข้าใจไหมที่พูดนี้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นการพูดเล่นแต่พูดสัจธรรม 

ทำไมอรหันต์ต้องตำหนิมหาบัว ก็เพราะว่าถ้าไม่ใช่อรหันต์จริงตำหนิมหาบัวไม่ได้ มหาบัวและลูกศิษย์ดีดเอาแน่ ต้องมีภูมิพอมีกึ๋นพอที่จะตำหนิมหาบัว มหาบัวมาอธิบายสาธยายสัจธรรมอย่างที่อาตมาแจกแจงไม่ได้หรอก แยกโลกุตระกับโลกียะไม่ได้ แยกไม่ออก ไม่รู้ประสีประสาด้วย แม้แต่แค่ตัวเองเสพติดอยู่ในสิ่งเสพติด ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเสพติด แล้วมันจะไปรู้อะไรมากไปกว่านั้น ก็ยังเสพติดแล้วหลอกผู้คนว่าไม่ใช่สิ่งเสพติด โดนหลอกไปด้วยภาษาว่านี่คือเรื่องของกายขันธ์ กายกับจิตคืออะไร มหาบัวหมดสิทธิ์ที่จะรู้ว่ากายกับจิตคืออะไร 

กาย คือจิต คือมโน คือวิญญาณ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัส มหาบัวเอาหัวตีดินเลยจะไปรู้เรื่องอะไร ลูกศิษย์มหาบัวก็ตาม จะไปรู้เรื่องได้อย่างไร เป็นภาษาโลกุตระที่ยากเย็นขนาดนี้ เพราะฉะนั้นถ้าอรหันต์ไม่ขยายความ ไม่จี้ไม่บอกความผิดความถูกแล้วจะให้ใครบอก จะให้ใครมาเป็นคนยืนยันชี้ความผิดความถูก มันก็ต้องพูดที่รู้ผิดรู้ถูกที่แท้จริงจะเป็นผู้ที่ชี้ผิดชี้ถูกได้จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 36 แยกกายแยกจิตอย่างไรให้ถึงอรหันต์ วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 14:31:40 )

พระอรหันต์ที่สมบูรณ์

รายละเอียด

อเนญชาภิสังขาร เป็นการสั่งสมฐานจิตที่ไม่มีกิเลสแล้ว ก็ทำอาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง ทำซ้ำอย่างที่ทำให้ไม่เกิดกิเลสนี่แหละ ทำอย่างนั้นอย่าให้ผิดทำให้มากๆๆๆ เป็นการรักษาผลเป็นอนุรักขณาปธาน พากเพียรรักษาผล ของพระพุทธเจ้ากำชับทำซ้ำทำให้มากไม่รู้กี่ชั้นจึงจะเป็นพระอรหันต์ที่สมบูรณ์ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 09:51:14 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:07 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:53:15 )

พระอรหันต์ทุกองค์สลายจิตนิยามได้ ศาสดาสลายจิตนิยามไม่ได้

รายละเอียด

แต่ของพระพุทธเจ้าองค์เดียวไม่ขัดแย้งกันเลย ไม่มีพระพุทธเจ้า 2 องค์ ไม่มี แต่เป็นผู้รู้ระดับศาสดา จริงๆ ยิ่งกว่าศาสดาเพราะพระอรหันต์ทุกองค์นั้น สลายจิตนิยามได้ ศาสดาสลายจิตนิยามไม่ได้ ศาสดาเทวนิยมทุกองค์สลายจิตนิยามตัวเองไม่ได้ แต่อรหันต์ทุกองค์นี่แหละเป็นศาสดาที่สลายจิตวิญญาณได้ ไม่มีใหญ่ไม่มีเล็กหรอก แต่รู้จักจิตนิยาม รู้จักจิตวิญญาณ รู้จักอัตตา รู้จักปรมาตมัน 

คุณอยากจะเป็นปรมาตมันระดับพระพุทธเจ้าก็เชิญสิ มันมีนัยยะสำคัญที่ให้คุณสั่งสมภูมิธรรมเป็นพุทธภูมิไปจนกระทั่งสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครเทียบเท่าได้จริงๆเลย คุณก็ได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ความรู้สูงสุดของศาสนาพุทธไม่สงวนลิขสิทธิ์ ไม่เหมือนพระเจ้าที่สงวนลิขสิทธิ์ แต่ว่าศาสดาของเทวนิยมจะบอกว่าอย่ามาแตะต้อง พระเจ้าแต่ละองค์ก็ยิ่งใหญ่มีชื่อแต่ละชื่อไป พระศาสดาก็นับถือเป็นพระบิดา แล้วพระบิดาอย่างไร ก็ลึกลับ คนไม่สามารถสัมผัสได้แตะต้องได้ 

แต่แท้จริงความรู้ของพระเจ้ากับศาสดาเท่ากัน ของพระศาสดาศาสนาเทวนิยมก็มีความรู้เท่ากับพระเจ้ามี แต่ไม่รู้จักพระเจ้า แต่ของศาสนาพุทธ ศาสดาของศาสนาพุทธมีความรู้เท่าพระเจ้าแต่สัมผัสได้ พระเจ้าคือพระพุทธเจ้า ยืนยันความจริงได้กว่า แล้วตัวตนคนจริงนี่แหละเป็นเจ้าของจิตนิยาม เป็นเจ้าของยิ่งกว่าตรงที่ว่า ให้มีก็ได้ให้หายไปก็ได้ เรียกว่ากบฏต่อพระเจ้าในจิตวิญญาณเรา ไม่ใช่พระเจ้าเป็นเจ้าของ เราเป็นเจ้าของจิตวิญญาณตัวเองเราจะสูญไปได้เลย เลิก ตายแล้วไม่ต้องไปอยู่กับพระเจ้า 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 21:22:31 )

พระอรหันต์ทุกองค์หมดการทำบุญแล้ว

รายละเอียด

สมมุติว่าบรรลุอรหันต์แล้วหมดความชั่วหมดการทำชั่ว ถ้าจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปจะเกิดอีกตายแล้วเกิดเกิดแล้วตายก็จะไม่ทำชั่ว สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง ไม่ทำบาปอีกแล้ว กรรมทุกกรรมของพระอรหันต์จะเกิดอีกกี่ชาติก็ปิดประตูบาปมีแต่กุศลทั้งนั้น เพราะว่าพระอรหันต์ไม่ทำบุญอีกแล้ว เพราะว่าบุญเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องชำระกิเลสเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เมื่อล้างกิเลสได้หมดแล้วจบ พระอรหันต์ทุกองค์หมดการทำบุญแล้ว อธิบายกันไปซึ่งเขาได้ผิดเพี้ยนกันไป ไม่เหลือซากความรู้อันนี้แล้ว งั้นอาตมาจึงต้องเปิดคอลัมน์เปิดยุคบุญนิยม ออกมา1 เล่มแล้ว มีอีก 2 เล่ม 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 11:32:34 )

พระอรหันต์นึกถึงมะนาวแล้วน้ำลายจะออกไหม

รายละเอียด

มันยังหลอนออกได้อยู่ ไม่ได้ติดนะ เปรี้ยวมันไม่ได้อร่อยอะไร ไม่ได้มีชอบเลย บางทีไม่ไหวมันเปรี้ยวไม่ฉันหรอก หวานจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด เค็มจัด ไม่หรอก จะฉันจืดๆ แต่มันก็หลอนให้น้ำลายออกได้อยู่ ผู้ที่ไม่มีความจริงพวกนี้ บอกว่านึกถึงมะนาวแล้วน้ำลายยังออกไม่ใช่อรหันต์หรอก อรหันต์น้ำลายไม่ออก

พวกพระสายเจโตศรัทธา จะกดข่มจะรู้สึกออกยากหน่อย ไม่ปฏิบัติอย่างธรรมชาติ อย่างพระพุทธเจ้าปฏิบัติอย่างธรรมชาติเป็นปัญญามันก็จะยังจำ แต่พวกที่กดข่ม จะมีพลังกดข่มไม่ค่อยออก ก็จะไปพิจารณาว่าพระอรหันต์น้ำลายไม่ไหลนี่ เป็นพระอรหันต์พวกที่น้ำลายยังไหลอยู่ไม่ใช่พระอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:57:02 )

พระอรหันต์ผิดพลาดได้

รายละเอียด

พระอรหันต์ผิดพลาดได้ เพราะว่าเป็นการผิดพลาดที่เป็นกายกรรม วจีกรรม กายกรรม วจีกรรมนี่มันเป็นสมมุติข้างนอกเพราะฉะนั้นกายกรรม วจีกรรมตามสมมตินี่ บางทีพระอรหันต์เจตนาไม่เหมือน ค้านแย้งด้วย เพื่อที่จะดึงคนนั้น คนนั้นไป เพื่อที่จะดึงเขา 

เช่น โลกมันจะดึงเข้าไปหาโลก พระอรหันต์ก็จะดึงไปหาโลกุตระ มันค้านแย้งอย่างนี้เป็นต้น เข้าใจไหม เพราะฉะนั้นจึงจะไปเอากิริยา เอาภาคปฏิบัติประพฤติ กายกรรม วจีกรรม ของผู้บรรลุ แล้วก็ไปประเมินค่าตามโลกๆเขา มันจะไปได้ยังไง มันไม่เข้ากัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 16:03:37 )

พระอรหันต์ผู้รู้จักจุดสูญจบ

รายละเอียด

ผู้ที่หยุดแสวงหาทางโลกแล้วก็มาทางนี้ คนทางโลกแสวงหา อยากได้อยากมีอยากเป็นอะไรต่างๆนานาสารพัด อยากมาเป็นอรหันต์ดีกว่า ถ้าจะอยาก แล้วจะเป็นได้อย่างไร อาตมาว่าถ้าคนไหนชัดเจนเรื่องนี้ ถ้าเราจะไปเก่งรวยฉลาดเป็นดอกเตอร์อย่างโลกเขาเป็น อาตมาว่ามันเยอะ ไม่จบหรอก คุณเกิดมาแต่ละชาติก็ได้เป็นแล้วก็เบื่อ แล้วก็อยากเป็นอย่างอื่นก็หมุนเวียน ได้เป็นแล้วก็ลืมไปว่าได้เป็น  วนเวียนซ้ำไม่รู้กี่ซ้ำ บำเรอกิเลสแล้วก็จำไม่ได้อีก แต่ละโลกแต่ละยุคก็ต่างกันไป ไม่จบ มาอยากเป็นอรหันต์จะไปสู่ความหมดอยาก สูญ ไม่ต้องอยากจะเป็นอะไรอีกเลย อรหันต์คือ ผู้รู้จักจุดสูญ ​อย่างอาตมารู้จุดสูญแล้ว แล้วก็สอนให้คนอื่นรู้จักจุดสูญตามเป็นขั้นตอน เมื่อเป็นอรหันต์นแล้วจะรู้สูญจบ แล้วก็จะมีภพภูมิสูงขึ้นไปเป็นพระพุทธเจ้า คุณก็จบตัวเองได้เมื่อเป็นอรหันต์แล้ว อรหันต์คือ ผู้รู้จัก จิต เจตสิก รูป นิพพาน จัดการจิตของเรา ให้เป็น ธาตุ เป็นอุตุธาตุได้ ให้เป็นพีชธาตุได้ ทำจิตให้เป็นพีชะ อุตุธาตุ ทำได้จริงๆ เป็นพีชะได้ก็ไม่สุขไม่ทุกข์แล้ว หากทำให้เป็นดินน้ำไฟลมไปเลย ก็ไม่เวียนกลับมาเกิดอีกเลย นี่คือความรู้ของพระพุทธเจ้า ศาสนาพุทธ ยิ่งใหญ่อย่างนี้ จึงมีอรหัตตผล มีปรินิพพาน ศาสนาเทวนิยมตีไม่แตกหรอกจิตที่เป็น 2 ที่เป็นรูปเป็นนาม เป็นกายเป็นจิต เขาว่าแยกกายแยกจิตก็นั่งหลับตา แล้วถอดกายทิพย์ เห็นร่างของตัวเองนั่งอยู่นี่แหละคือว่าวิชาถอดกาย ถอดจิต 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ฌานวิสัยของอรหันต์และโพธิสัตว์ ศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2562 ( 16:08:48 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:36:59 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:41:34 )

พระอรหันต์พระโพธิสัตว์ผู้สืบทอดพุทธศาสนา

รายละเอียด

อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาพูดความจริงไม่ได้มี สาเฐยจิต เอาความจริงมายืนยัน คนอย่างอาตมาไม่มีแล้วในยุคนี้ที่จะมาเปิดเผยสัจธรรม อาตมาเป็นโพธิสัตว์ จะเกิดในชาติไหนก็ตั้งจิตเป็นโพธิสัตว์ อาตมาเป็นอรหันต์แล้วเป็นโพธิสัตว์ก็คือผู้สืบทอดศาสนาทำความรู้จากที่ได้รู้จบของตัวเองเป็นอรหันต์จบแล้วก็รู้เพิ่มเติมไปอีกจนกว่าจะรู้จบอีกทีหนึ่งคือรหันสัมมาสัมพุทธะ ส่วนพระอรหันต์ธรรมดารู้ประจำขั้นตอน อรหันต์ใน พระโสดาบัน สกิทาคามีอนาคามี อรหันต์ อรหันต์ในอนุโพธิสัตว์ อรหันต์ในอนิยตโพธิสัตว์ อรหันต์ในนิยตโพธิสัตว์ อาตมายังไม่มีอรหันต์ของมหาโพธิสัตว์ อาตมากำลังทำอรหันต์นิยตโพธิสัตว์​ จนกว่าจะเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  อาตมายังไม่เคยได้ยินใครมาพูดเรื่องโพธิสัตว์ 9 ระดับนี้ อาตมาก็เอามาพูดเพราะว่าเป็นความรู้จริงของอาตมา อดีตอาตมาผ่านมาหมด โพธิสัตว์ 9 ระดับ

1.โสดาบันโพธิสัตว์

2.สกิทาคามีโพธิสัตว์

3.อนาคามีโพธิสัตว์

4.อรหันต์โพธิสัตว์

5.อนุโพธิสัตว์

6.อนิยตโพธิสัตว์

7.นิยตโพธิสัตว์

8.มหาโพธิสัตว์ อาตมายังไม่ถึงมหาโพธิสัตว์ตอนนี้ยังทำอรหันต์ในระดับนิยตโพธิสัตว์แล้วก็จะทำอรหันต์ในมหาโพธิสัตว์จึงจะไปถึงขั้นสุดท้ายเป็น

9.พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2563 ( 11:22:51 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:37:29 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:42:18 )

พระอรหันต์มาเป็นคนจนทุกคน

รายละเอียด

เอาเปรียบเขาได้แต่คุณไม่เอาเปรียบเขา นี่คือคนจนที่สมัครใจจน ไม่ไปเอาเปรียบเขา จะรวยก็ไม่ไปรวยแข่งเขาแต่มาทำตัวให้จนกว่าเขา คนนี้ต่างหากเป็นคนที่รู้เป็นคนที่สมัครใจมาจน และเป็นคนจนที่มีภูมิปัญญามาเก่า ที่มีบารมีมาเก่า 

พระพุทธเจ้าหรือเจ้าชายสิทธัตถะนี้รวยหรือจน ..รวย แต่มาเป็นพระพุทธเจ้าแล้วรวยหรือจน ..จน ท่านทิ้งสมบัติพัสถานที่ยิ่งใหญ่มา ถ้าท่านอยู่ท่านจะเป็นจอมจักรพรรดิ์ แม้แต่ท่านจะเกิดในแคว้นเล็กแต่ต่อไปท่านจะเป็นจอมจักรพรรดิ์ที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่พระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าพิมพิสารที่เป็นแคว้นใหญ่ที่สุดในยุคนั้นในอินเดีย ก็ยังยอมรับนับถือในพระพุทธเจ้า มาเลยจะแบ่งแคว้นให้ปกครองครึ่งหนึ่งและทั้งคู่ บริหารแบบนี้แล้วสุดยอด เป็นผู้บริหารที่สุดยอดแล้ว คนจะได้สุขสบายกัน 

อย่างนั้นเลย แต่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าไม่เอา ถ้าเอาก็จะได้ยิ่งใหญ่เป็นจอมจักรพรรดิ์เลย ขนาดยังไม่ลงมือนะ พระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าพิมพิสารก็ให้แล้ว ยิ่งลงมือทำก็จะเป็นจอมจักรพรรดิ์ที่ไม่ใช่จอมจักรพรรดิอย่างเจงกิสข่าน ที่ไปเที่ยวฆ่าล่า ไม่ใช่ และจะเป็นจอมจักรพรรดิ์อย่างสายบุ๋นไม่ใช่สายบู๊ คนจะมาขึ้นกับท่านโดยที่เรียกว่าด้วยพระคุณ ไม่ใช่พระเดชเลย สุดยอดอย่างนั้นแต่ท่านไม่เอา ยิ่งใหญ่เป็นจอมจักรพรรดิ์ ท่านเป็นจริงเป็นได้จริง แต่ไม่เอา

มาเป็นคนจน มาเป็นคนไม่มีสมบัติพัสถาน นี่มันแสดงถึงสภาวะจริงที่ยิ่งใหญ่มาก อาตมาพูดมาหลายทีหลายครั้งแล้ว คนก็นึกไม่ออก เข้าใจยังยาก เพราะฉะนั้นผู้ที่บรรลุธรรมสูงสุดนี้มาเป็นคนจน พระอรหันต์มาเป็นคนจนทุกคน ไม่สะสมสมสมบัติ อนาคาริกชนก็ทิ้งแล้ว ไม่เอาแล้ว สละทรัพย์สฤงคาร บ้านช่องเรือนชาน แล้วก็มาบริหารร่วมกันกินใช้ร่วมกันดูแลไป ร่วมรับผิดชอบด้วยกันเรื่องอะไรแบบอยู่คนเดียว เป็นเรื่องเดาเอาไม่ได้ ต้องมีปัญญา มีภูมิรู้จริงๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แพ้แน่ๆถ้าพลังเงียบไม่ช่วย

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 วันขึ้น 9 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 11:33:03 )

พระอรหันต์มีกายให้เห็นเป็นร่างเป็นกายแต่กายไม่มีอย่างไร

รายละเอียด

แต่ผู้ยังไม่มีความรู้เรียกว่ากายสักขี แต่คนนี้มีกายให้เห็นว่าเป็นร่างเป็นกาย เป็นร่างเป็นกายของผู้ที่เป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีเวทนาแล้ว 

คำว่ากายคำนี้หมายถึงเป็นสิริมหามายา หมายความว่าเหมือนเป็นมายาว่ามีร่างนะมีกายนะ แต่กายไม่มี เป็น dialectic  เป็นภาษาสองอย่าง ถ้าเข้าใจแล้วจะบอกว่ามีกายก็ได้ไม่มีกายก็ได้ แล้วแต่ว่าอันนั้นหมายถึงอะไรเป็นสิริมหามายา เป็นนักเล่นกลชั้นดีชั้นยิ่งใหญ่ สิริดี มายา ยิ่งใหญ่ เป็นนักมายากลยิ่งใหญ่แต่ไม่ได้เป็น มายา คำว่ากายเอามาใช้ได้ทั้ง 2 เวลาทั้ง 2 ขณะ ทั้ง 2 สภาพ 

แต่จริงๆแล้วสรุปรวมแล้ว อรหันต์รู้จักความมีกายกับความไม่มีกาย แต่ไม่ไปยึดถือว่ามีกายหรือไม่มีกายจะใช้อะไรก็ใช้ แต่ไม่เข้าไปติดทั้ง 2 อย่างเรียกว่า อนุปคัมมะ หรือผู้ที่เป็น กลาง มัชฌิมา เด็กๆรับไหวไหมนี่ อธิบายไปยาวยืดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:25:32 )

พระอรหันต์มีรังสีของปัญญาอย่างไร

รายละเอียด

เป็นพระอรหันต์ขึ้นไปจึงถือว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถในการทำจิตของตนให้สะอาด แล้วก็แข็งแรง จนกิเลสใดๆก็ไม่กล้ามารอหน้า ไม่กล้าเข้าใกล้ อย่าว่าแต่เข้ามาในจิตเลย มาแต่ไกลโน่น พอเห็นเรามา รังสีของปัญญารังสีของพระอรหันต์ กิเลสมันเห็นพระอรหันต์มาปั๊บ เข้ามารัศมีที่มันรับได้ มันวิ่งหนีตูดแป้นเลย นี่อธิบายเป็นภาษาให้ฟังสนุกๆง่ายๆแต่จริงนะ ที่อาตมาพูดนี้มันจริง มันมีฤทธิ์มีอำนาจถึงขนาดนั้นนะ พระอรหันต์ที่แข็งแรงจริงๆ ยิ่งเป็นโพธิสัตว์นี้ยิ่งรู้ดี ก็พูดไปตามที่อาตมาเป็นโพธิสัตว์ ตามที่รู้ อธิบายพูดให้ฟังอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 11:06:05 )

พระอรหันต์มีเวทนาเดียวคือเวทนาแท้

รายละเอียด

จิตเป็นธาตุรู้ที่สามารถที่จะทำให้จิตของเราให้เป็นธาตุรู้แบบ พีชะ แบบมีแค่สังขารกับสัญญา ไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณได้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อันนี้สำเร็จจึงกลายเป็นคนไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ พระอรหันต์เป็นคนไม่มีวิญญาณเหมือนคนไม่มีเวทนา คนอื่นไปปรุงแต่งเวทนาเป็นเรา วิญญาณเป็นเรา แต่พระอรหันต์ไม่ได้ปรุงแต่งเวทนาเป็นเรา วิญญาณเป็นเราแล้ว แต่ท่านก็รู้ว่าปรุงแต่งอย่างที่คนอื่นเขายึดถือว่าเป็นเรานั้นได้ แต่ท่านไม่ยึดว่าเป็นเรา จึงไม่เกิดการเปรียบเทียบให้เกิดการที่จะเอาไปแข่งขันอะไรกัน แต่รู้ตาม คนนั้นเขาเข้าใจเวทนานั้นเป็นอย่างนั้น ก็ต้องแยกเวทนาเป็น 2 แต่ถ้าคนนั้นเขาเข้าใจเวทนานั้นตรงกันกับเราเลยไม่ผิดเลย ไอ้ที่ตรงกันจริงๆคือเวทนาที่ตรงกันอย่างจริงคือ เวทนาเดียว คือ เวทนา อุเบกขา เวทนาอทุกขมสุข ของพระอรหันต์ตรงกันตรงนี้แหละ นอกนั้นต่างกันหมด พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน จูฬวิยูหสูตร เรียกอันนี้เป็นสัจจะมีหนึ่งเดียว เอกังหิสัจจัง  สัจจะมีหนึ่งเดียว 

ที่ไม่เถียงกัน ไม่ถก ไม่แย้งกันเลยคือนิพพาน ของพระอรหันต์คือความเป็นอรหันต์ พระอรหันต์เอาตรงนิพพานไม่แย้งกัน จบ มีแต่รู้ คนอื่นเขาแย้ง คนอื่นเขาเห็นต่าง ก็จบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:29:45 )

พระอรหันต์มีแต่กรรมกิริยาที่ดีแต่ไม่มีบุญ

รายละเอียด

หากคุณไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ทำต่อไปตราบใดที่คุณยังมี วัสสวัตตี มีอำนาจจิตตัวเองแล้วจะทำแต่ดี ไม่ทำชั่วแล้ว หากจะมีชีวิตอยู่ต่อก็ทำต่อไปจนนิรันดร

ท่านมี 0 แล้วท่านจึงเลือกทำแต่ดีด้านเดียว ไม่มีบุญแล้วทำแต่กุศลแล้วอย่างเดียว บุญไม่มีบาปไม่มี

บาปก็เข้าใจเป็นตัวอกุศลเป็นสิ่งที่ไม่ดี คุณยังทำไม่ดีด้วยความโง่ คนที่จบแล้ว จบกิจไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีแล้วไม่ว่าบาปหรืออกุศล ก็ทำแต่สิ่งที่ดีอย่างเดียวมีกรรมกิริยาก็จะทำแต่สิ่งที่ดีอย่างเดียว เพราะฉะนั้นพระอรหันต์มีแต่กรรมกิริยาที่ดี แต่ไม่มีบุญ เป็นคนไม่ใช้บุญแล้ว บุญคือพลังงานที่กำจัดกิเลส เพราะฉะนั้นกิเลสไม่มีแล้วจะใช้บุญมาทำอะไร บุญคือมีดสำหรับที่จะตัดฟืน แต่เมื่อฟืนหมดแล้วไม่ต้องใช้ฟืนแล้วเดี๋ยวนี้ใช้แก๊สแล้ว ก็เลยไม่ต้องใช้มีดมาหั่นฟืน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:39:43 )

พระอรหันต์รู้ภพชาติแล้วแต่อาศัยภพชาติทำงานอยู่

รายละเอียด

ในพระพรหมโลกียะ ก็มีโลกธรรมอยู่เป็นภพชาติ รูป อรูปของเขาจริงๆ ไม่เข้าใจภพชาติ ที่ว่าพระอรหันต์มีโลกธรรมขั้นละเอียด คำว่าพรหมคือภพชาติที่อาศัย พระอรหันต์รู้ภพชาติแล้ว แต่อาศัยภพชาติทำงานอยู่ อย่างอาตมา ตายแล้วถ้าหากยังไม่เลิกก็ต้องมาอาศัยภพ อยู่กับโลกธรรมเขา เราอาศัยโลกธรรมไปสอนโลก จากที่เรามีอาริยทรัพย์ เผยแพร่แจกให้เขาไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 10:48:57 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:38:02 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:54:29 )

พระอรหันต์สมบูรณ์แบบ

รายละเอียด

แต่ของศาสนาพุทธนั้นตีทิ้งความสุขตีทิ้งความทุกข์ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ อทุกขมสุข หรืออีกไวพจน์คือ อุเบกขา ต้องทำอารมณ์ตัวแท้ของความรู้สึกคือเวทนา เมื่อเรียนรู้เวทนา หมดความสุขหมดความทุกข์แล้ว ผู้ที่หมดความสุขความทุกข์สมบูรณ์แบบถาวร ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุกัมมัญญา ปภัสสรา อย่างอเนญชาถาวร ตลอดเวลาคนนั้นคือพระอรหันต์สมบูรณ์แบบ เป็นพระอรหันต์คือผู้หมดความสุขหมดความทุกข์สมบูรณ์แบบ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2563 ( 14:30:48 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:38:44 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:55:50 )

พระอรหันต์ส่วนมาก จะพยายามต่อภพภูมิ 

รายละเอียด

ชาตินี้มันก็ไม่มีทุกข์อริยสัจ 4 แล้วเกิดมาอีกก็ไม่มี มันก็มีแต่ทุกข์ที่เป็นสมมุติ เป็นภาระเท่านั้น 

1. ปัจจุบันเราก็ไม่ทุกข์ 

2. เราก็ไม่ได้ทำชั่วทำบาปไม่ทำอะไรที่เป็นโทษภัยแก้โลกแก่ใคร

3. เราก็เป็นประโยชน์จริงๆ เราจะไปทิ้งของเสียของดีทำไม ไม่ใช่ของเสียของดีทั้งนั้นเลย เราก็เอาของดีไปแจก ๆๆๆ มันไม่ใช่ความเสียหายอะไรเลย 

ใช่ ผู้ที่ไม่ได้ตั้งจิตเป็นโพธิสัตว์ แต่ถ้าท่านสัมมาทิฏฐิแล้วจะมีกตัญญูกตเวทีจะรู้คุณประโยชน์ว่าเราหมดทุกข์แล้ว จะรีบตายไปทำไม ความทุกข์ก็ไม่มีแล้ว ความสุขมันก็ไม่มีแล้ว แต่ที่จริง ความสุขมันก็คือความสบาย สัปปายะแล้วไม่อปายะแล้ว สัปปายะคือความเป็นประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับความเป็นประโยชน์ไปเถอะ ปายะคือ เป็นประโยชน์ เป็นกำไร เป็นgain ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา จบเป็นพระอรหันต์แล้วก็เรียนรู้รับใช้โลก เหมือนกับใช้ทุนไปแล้วในการเรียนก็เอาไปใช้หนี้เขาหน่อยมันหมดตัวตนแล้ว คนหมดตัวตนก็จะเป็นอย่างนี้ คนที่บอกว่าเป็นอรหันต์แล้วจะต้องตายไปเลยไม่กลับมาอีกนี่ คือคนมีตัวตน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2565 ( 12:33:26 )

พระอรหันต์ส่วนมากจะมาเอาดีทางบริหารมนุษยชาติ

รายละเอียด

แม้เป็นพระอรหันต์แล้วท่านก็ยังพัฒนาให้เกิดสมรรถนะความรู้ความสามารถในงานนั้น งานที่ผลิตสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะทางวิศวกรรมหรือทางกสิกรรม หรือการบริหารมนุษยชาติ ส่วนมากพระอรหันต์จะมาเอาดีทางบริหารมนุษยชาติ เป็นเรื่องเป็นราว ส่วนเรื่องทางวิศวกรรมและกสิกรรม จะแยกเป็น 2 ทางใหญ่ๆ ท่านก็จะไม่ค่อยจะไป แต่บางท่านบางองค์ท่านก็ชอบก็จะไปบ้าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 17:08:54 )

พระอรหันต์ส่วนใหญ่ไปไม่ถึงพุทธภูมิ

รายละเอียด

ใช่ เป็นส่วนตัวของท่าน แต่ปรินิพพานกลางทางเยอะ จะไปพุทธภูมิตลอดไม่ค่อยไหวหรอก มันยากเย็น ท่านก็พยายามเอา 

เพราะฉะนั้นในผู้ที่เป็นโพธิสัตว์ระดับที่ 4 เป็นอรหันต์แล้ว ท่านจะจบก็จบกันไป ส่วนมากก็เคยพูดเคยบอกว่าจะไม่จบหรอกแต่อยากต่อ เมื่อลองไปสักพักหนึ่ง อนิยตะ นี่จะยาว เยอะนาน หลายขั้นหลายระดับมาก ก็ลองหนึ่งชาติ  สองชาติ  ห้าชาติ  สิบชาติ ร้อยชาติ มันชักจะไม่ไหว แม้ว่าเป็นพระอรหันต์แล้วก็ไม่ไหว ท่านก็ปรินิพพานไปเป็นลำดับๆๆ กว่าจะคัดขึ้นมาเป็นผู้ที่เอาจนสามารถที่จะเที่ยงแท้ เข้ารอบ นิยตโพธิสัตว์ ไม่ใช่เล่น อนิยตโพธิสัตว์จึงมีเยอะมากยาวนาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 17:15:19 )

พระอรหันต์หมดกิเลสแต่ไม่หมดความจำในรสอาหาร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น คนที่ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าและเมื่อจบแล้วก็ยังอยู่กับโลกก็ยังต้องอยู่กับอาหาร ไม่มีกิเลสแต่ก็ต้องกินอาหารไป อาหารก็คือธาตุที่กิน ขนาดพระอรหันต์ธรรมดายังไม่หมดความจำ ความจำจะมาหลอกหลอน แม้ว่าเป็นพระอรหันต์แล้วความจำในรสอาหาร อาตมาเป็นโพธิสัตว์อาตมาพูดได้ เราหลุดพ้นไม่ติดยึดแล้วไม่มีปัญหาไม่เคยทุกข์สุขกับอาหาร มีก็ได้ไม่มีก็ได้ แต่ความจำนั้นยังจำได้ว่าอันนี้เคยอร่อย อันนี้ไม่ค่อยชอบไม่อร่อยเท่าไหร่ หลายอย่างบางทีมันชอบมาก เอออันนี้ชอบมาก นานๆเขาเอามาให้ที เป็นอรหันต์แล้วไม่ได้เรียกร้องหรอกมันก็จะมา อันนี้ โอ้โห จ๊ะเอ๋ไม่เจอกันนาน ของเคยชอบ มันยังจำได้นะ มันยังหลอนอยู่ อรหันต์ ไม่ได้ติดยึดไม่เคยนึกโหยหาอยากเสพอยากกิน แต่เมื่อเขาเอามาประเคนก็รู้ว่า เออมาแล้ว แหม!หายไปนาน ไม่เจอกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:48:30 )

พระอรหันต์หมดประโยชน์ตนมีแต่ประโยชน์ท่าน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น พระอรหันต์ท่านจะอยู่ในโลกนี้ เวียนว่ายตายเกิดอีกหรือไม่อยู่ที่ท่าน เพราะท่านเกิดอีกก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ท่านมีแต่ปัญญา มันไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่ผลักไม่ดูด แล้วก็รู้คนอื่นรู้เขารู้เราก็จบ เพราะฉะนั้นท่านก็เหลือแต่มีประโยชน์ เพราะประโยชน์ตนคือ รู้สุข รู้ทุกข์ รู้ตาย รู้เกิด ท่านจะอยู่กินข้าวเขาเปล่าๆ อยู่ไปเฉยๆ มันก็ไม่มีสาระอะไร ไม่มีประโยชน์อะไร มันก็ถ่วงคนอื่นเปล่าๆ หรือท่านจะอยู่เพื่อเป็นคนปลูกข้าวปลูกพืชปลูกผักอะไรให้แก่เขาไปเฉยๆ ท่านก็เป็นการใช้แรงงาน เป็นสมรรถนะความรู้ความสามารถในการทำงาน เป็นประโยชน์ ถ้าอย่างนั้นมันเป็นงานที่ท่านผ่านมาเหมือนกัน ทุกคนผ่านมาที่จะสร้างที่จะทำอะไร หลายคนก็ชอบงานอย่างนี้ๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 17:07:05 )

พระอรหันต์หรือพระโพธิสัตว์เป็นคน 2 โลก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระอรหันต์หรือพระโพธิสัตว์จึงเป็นคนสองโลก เป็นคนที่รู้จักโลกนี้ดีทุกอย่างแล้วก็อยู่กับโลกนี้ ช่วยเหลือโลกนี้ ให้เป็นผู้ที่อยู่เหนือโลก อย่าไปทำร้ายโลก จะไปทำร้ายสัตว์โลก อย่าไปทำชั่วทำบาป จึงเป็นสัพพปาปัสสอกรณัง จึงไม่มีการทำบาปทำชั่วทั้งปวง มีแต่ทำกุศลสิ่งที่ดีสิ่งที่ประเสริฐ ส่วนตัวเองนั้นหมดแล้วทำแต่ดีคือหมดการทำชั่วแล้วทำแต่ดี 2. ไม่เป็นสุขไม่เป็นทุกข์ ไม่ได้ทำเพื่อนี่ ไม่ได้ทำเพื่ออะไรเลยแต่เพื่อปัจจุบันธรรม เพื่อสัตว์โลกทั้งหลายเพื่อมวลมนุษยชาติ พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่เกี่ยวกับคำว่าบาป แต่สัตว์โลกทั้งหลายมีกรรมมีวิบากเชื่อมโยงกันติดต่อกันสัมพันธ์ 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2563 ( 11:10:59 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:10 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:44:10 )

พระอรหันต์เกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างไร

รายละเอียด

คำว่า วิทยาศาสตร์ ต้องให้ความหมายคำว่าวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์แปลว่าความจริงที่ได้พิสูจน์แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อถามว่าพระอรหันต์เกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างไร เกี่ยวอย่างยิ่ง เพราะคำว่าวิทยาศาสตร์คือความจริงที่ได้พิสูจน์แล้ว วิทยาศาสตร์ทางโลกเขาพิสูจน์อะไรมาแค่ไหนก็แล้วแต่ แม้เขาจะพิสูจน์ถึงขั้นจิตวิทยาทางโลก แต่มันยังไม่ถึงขั้นของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั้นเน้นจิตวิญญาณ เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณ เข้าไปถึงความสมบูรณ์แบบ พระพุทธเจ้าพิสูจน์จิตวิญญาณได้จริง เป็นวิทยาศาสตร์คือ พิสูจน์ได้ว่าจิตวิญญาณนั้นเป็นอนัตตา จิตวิญญาณนั้นไม่เที่ยงจิตวิญญาณนั้นเป็นทุกข์ แล้วพิสูจน์แล้วก็ทำได้จริงด้วย ทำได้จริงคือ ตกลงพระพุทธเจ้าก็สลายจิตวิญญาณเป็นอนัตตาจนไม่มีตัวตน กลายเป็นอย่างอื่นไปเลย เพราะฉะนั้นตายลงในอัตภาพ หรือเรียกอาตมัน ก็สลายจิตนิยาม เป็นอุตุธาตุ ได้ จึงเรียกว่าเป็นผู้ที่ค้นพบความจริง เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณที่ไม่มีใครทำได้ เทวนิยมไม่สามารถสลาย ไม่สามารถพบอนัตตา ไม่สามารถทำให้จิตวิญญาณสลายเป็นธาตุอุตุ เป็นดินน้ำไฟลมได้เลย หมดชีวะ หมดธาตุรู้ที่จะรวมตัวกันต่อไปเขาทำไม่ได้ มีแต่ศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทำไมได้  จึงเป็นวิทยาศาสตร์อย่างยิ่งที่หาใครพิสูจน์ไม่ได้ เท่ากับพระพุทธเจ้า เพราะผู้สลายวิญญาณนั้นเท่ากับสลายพระเจ้า พูดไปแล้วเดี๋ยวหาว่าไปข่มพระเจ้าเขา แต่พูดเป็นวิชาการ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 08:36:30 )

พระอรหันต์เป็นคนที่ไม่มีกาย

รายละเอียด

ความรู้ของคนโลกหน้าจะต้องรู้จัก กาย ถ้าตีไม่แตกเรื่องกาย ฟังให้ดีตรงนี้แล้วจะชัดเจน ถ้าตีไม่แตกเรื่องกาย แยกแยะเรื่องกายให้ชัดเจนเลยว่า พระอรหันต์เป็นคนที่ไม่มีกาย

เป็นคนที่จิตเป็นพีชะ จิตเป็นอุตุ จิตเป็นดินน้ำไฟลม จิตไม่ได้เป็นธาตุที่ไปยึดติด อย่างที่หลงผิด ของผู้ที่ยังอวิชชา และก็เพราะมีจิตที่มีพลังงานธาตุรู้ขั้นเต็มรูป เรียกว่า จิตนิยาม แต่สามารถเรียนรู้ความเป็นจิตนิยาม แยกย่อยเป็นเจตสิกต่างๆ จนกระทั่งเป็นพีชเจตสิกได้ ทำเป็นอุตุได้ ไม่ใช่เจตสิกแล้ว จริงๆ แม้ที่เรียกพีชะเป็นจิตนี่ก็เรียกลำลอง ทำจิตให้ไม่มีเวทนา พีชะไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ พีชะไม่มีเวทนามีแต่สังขาร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:50:24 )

พระอรหันต์เป็นคนเช่นไร

รายละเอียด

พระอรหันต์เป็นคนไม่มีบุญ เป็นคนหมดบุญ เป็นคนไม่มีบุญ บาปก็ไม่มี จึงสัพพปาปัสสอกรณัง

หากยังเหลือกรรมกิริยาอยู่ก็มีแต่กุศล กุสลัสสูปสัมปทา เพราะว่ามีสจิตตปริโยทปนัง เพราะท่านไม่ต้องชำระกิเลสอีก ท่านได้สันตานัง ปุนาติ วิโสเทติ คือชำระกิเลสในสันดานจนหมดเกลี้ยงหมดแล้วสนิท

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ

วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน อานิสงส์ของคนที่ให้คู่ครองไปบวช


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:34:00 )

พระอรหันต์เป็นตัวแท่งก้อนที่ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นถ่ายเดียว

รายละเอียด

ผู้ที่ปฏิบัติธรรมถึงขั้นพระอรหันต์ตัวตนหมด ตัวตนจริงที่เป็นจริง จะยิ่งมีประสิทธิภาพยิ่งมีความรู้ความสามารถตามบารมีแต่ละคน แล้วก็สร้างสรรธรรมะที่เป็นตัวแท่งก้อน พระอรหันต์เป็นตัวแท่งก้อนที่ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นถ่ายเดียวเลย ศาสนาพุทธเสื่อมกลายเป็นศาสนาออกป่าเขาถ้ำ มันไกลคนละเรื่องกับศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธและยิ่งกิเลสหมดยิ่งทำงานเก่งเอาใจใส่กับสังคมทำงานกับสังคม รู้จักบ้านเมืองรู้จักสังคมมีประโยชน์ต่อสังคมดียิ่งขึ้นๆ อย่างนี้ต่างหากคือศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 17:10:02 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:41 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:45:57 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์