@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

มีแนวโน้มของเจตนาเท่านั้น ไม่มีอยาก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเทวนิยมจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะปรินิพพานเป็นปริโยสาน หรือแม้แต่นิพพานเขาก็ไม่มี เขาก็ได้แต่จิตวิญญาณที่จะต้องคงอยู่นิรันดร ไปอ่านดูแล้วก็จะรู้ว่าเพราะเหตุอะไร 

อาตมาเปิดเผยในใจก็ได้ ลึกๆยังนึก แต่ไม่ได้มุ่งหมายผลักดันอะไร ว่าน่าจะมีคนที่ภาษาอังกฤษดีๆไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาจีนก็ได้ ภาษาจีนก็ไปไกลแล้ว จีนก็ได้อังกฤษก็ได้ แปลออกไป เกาหลีก็ได้ แปลออกไปดีๆ เกาหลีนี้เขาเข้าใจเราดี เขาให้รางวัลเรามาแล้ว เกาหลีก็น่าจะเอาไปอ่านไปแปลกันออกมาก่อนใครเลยก็จะดีนะ ก็แล้วแต่ เราบอกแล้วว่าเราไม่ได้มีการผลักดันทางจิตอะไร ไม่ได้มีอยาก เป็นแต่เพียงว่ามีแนวโน้มของเจตนา เท่านั้นไม่มีอยาก ก็แล้วแต่มันจะเป็น อาตมาไม่มีปัญหาอะไรหรอก มีหน้าที่ที่อาตมาจะทำงาน สาธยายสิ่งที่ควรจะสาธยายออกไป เท่านั้นเอง สาธยายออกไปแล้วก็แล้วไป ส่วนใครจะรับซับซาบ ใครจะยินดีถึงขั้นเอาไปปฏิบัติตามอะไรพวกนี้ก็อยู่ที่แต่ละบุคคล 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3 

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 07:32:13 )

มีโลกลูกนี้เท่านั้นที่ควรจะศึกษาเพื่อชีวิต

รายละเอียด

มีโลกลูกนี้เท่านั้นที่ควรจะศึกษาเพื่อชีวิต ก็เท่านี้ก็จบแล้วเท่านี้ คุณช่วยกันก็ช่วยมนุษย์โลกให้เจริญสูงสุดเป็นพระพุทธเจ้าได้สูงสุด ใครจะเป็นมนุษย์ที่จะสูงสุดก็เป็นพระพุทธเจ้า เสร็จแล้วก็จบ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไปเท่านั้นเอง นอกนั้นก็คือมิจฉาทิฏฐิ เทวนิยม นึกว่าชีวิตนี้มีพระเจ้า สร้างทั้งดวงดาว สร้างทั้งอะไรต่ออะไรทุกอย่างเลย แม้แต่กาละ พระเจ้าก็เป็นผู้สร้าง พระเจ้าเก่งจริงๆ หยุดกาละให้อาตมาดูหน่อย หยุดหน่อย เก่งจริงน่ะ แต่พระพุทธเจ้าหยุดกาละได้ด้วยตน พระอรหันต์นี่ พิสูจน์หยุดกาละคืออย่างไร 

ขณะนี้เรารับรู้อะไรไปกับโลก ตารับรู้ หูรับรู้ เราทำจิตของเราไม่ให้รับรู้ ได้ เดี๋ยวนี้ ไม่มี ไม่มีการเดิน ตาก็ไม่เดิน เสียง กลิ่น รส ไม่เดิน หยุดเฉยๆกลางๆ อย่างรู้ๆ เป็น 1 อย่างไม่รู้ สูญไปเลย ดับ เป็น กิณหา หรือเป็นอาภัสรา 

อาภัสราก็อย่างรู้ อย่างสว่าง กิณหาก็อย่างมืดอย่างดำ แบบสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเลย ได้ ทำได้ทั้ง 2 อย่าง พิสูจน์ตอนเป็นๆนี่แหละยังไม่ตาย นี่คือการพิสูจน์ ดับกาละ ในชั่วขณะ แต่มันไปดับกาละ ให้ตลอดกาลนานไปเลยนี้ไม่ได้ ถ้าคุณดับเอกภพ คุณก็ดับดวงดาว ดับพระอาทิตย์ ดับเนบิวล่า ดับ space ทั้งหมด คุณก็ดับหมดเลย ทุกอย่างก็เลิกกันไป สูญไปเลย มีใครทำได้ แล้วพระเจ้าจะอยู่ที่ไหน คุณดับ Space แล้วพระเจ้าจะอยู่ที่ไหน พระเจ้าเป็นวิญญาณ พระเจ้าเป็น God


 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:54:29 )

มีโลกุตรธรรม

รายละเอียด

ก็มีเมืองไทยที่รักษาธรรมะของพระพุทธเจ้าได้ในโลกทั้งโลก เพราะฉะนั้นในเมืองไทยจึงมีโลกุตรธรรม เมื่อมีธรรมะโดยเฉพาะเมืองไทยมี โดยเฉพาะมีพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อาตมาก็ยืนยันว่า เป็นโพธิสัตว์เป็นธรรมิกราชจึงมี โลกุตรธรรมเป็นรูป ท่านทรงงานเป็นรูปธรรม สวรรคตไปแล้ว สิ่งเหล่านี้มีจริงและอาตมาก็ร่วมด้วยพัฒนาโลกุตรธรรมไปร่วมกันกับในหลวง ถึงได้เกิดสัจธรรมถึงขั้นมีสาธารณโภคี มีสาราณียธรรม 6 แล้วเราก็เข้าใจ วรรณะ 9 เข้าใจพุทธพจน์ 7 เข้าใจพยัญชนะที่หมายถึงจิต เจตสิก อย่างไร สภาวธรรมเป็นอย่างไร เข้าใจชัด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ 

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 14:52:28 )

มีโลกุตรธรรมเป็นภูมิคุ้มกันอย่างไร

รายละเอียด

700 คนกับ 7000 ล้านคนทั้งโลก ถ้าจะเป็นหัวเชื้อต้องแรงนะ เป็นยอดของวัคซีน มันก็เป็นภูมิคุ้มกันของพวกเรา ที่อาตมาบรรยายพวกเราก็ได้มา รู้จักธรรมะเป็นภูมิคุ้มกันว่าเรามีโลกุตรธรรม 1. เราได้ที่ตน โลกมันแรงมอมเมากันชักจูงปรุงแต่งกัน ยิ่งศาสนาอื่นเขาไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้เลย เขาไม่ได้เข้าใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่มันจะเกิดปรุงแต่งกัน เป็นลาภ ยศ สรรเสริญ ซึ่งศาสนาพุทธก็สอนว่ามันเป็นภัยของชีวิต เราอย่าไปหลงใหลกับมันมาก ไปติดไปยึด เราเรียนรู้มีภูมิธรรมก็ลดละจริงๆ เราก็ปลอดภัย โดยเฉพาะมีปรมัตถ์ จิตวิญญาณของเราก็ไม่ได้ไปหลง  นี่อย่างพวกเราอาตมาเห็นแล้วมีมรรคผล เรื่องหลงรูป แต่งเนื้อแต่งตัวตามโลกเขามีแฟชั่นตามโลกเขา แม้เขาจะเห่อการแต่งไทยตอนนี้กำลังดัง พวกคุณก็ไม่บ้าตามเท่าไหร่ ก็เราเป็นไทยอยู่แล้วไทยแท้ๆ ไทยอย่างไม่ประดิดประดอยไม่เสแสร้งดราม่า ก็ไทยแท้ไทยธรรมดา ไม่ใช่ไทยแอคอาร์ทไปตามกระแสสังคม แต่ดีเขามีตื่นความเป็นไทยขึ้นมาบ้าง อาตมาว่าสังคมก็ยังดีขึ้นนะ อันนี้แหละ อาตมาอยากจะลากจูงมาเป็นประโยชน์แก่พวกเรา

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:53:26 )

มีใจเท่าไหร่ก็จริงเท่านั้น

รายละเอียด

อาตมาขอยืนยัน อาตมาชื่อจริงนะ อาตมานี้มีชื่อว่าจริงใจตามภูมิ ใช้นามปากกาเรียกตัวเอง เป็นคนจริง มีใจเท่าไหร่ก็จริงเท่านั้นแล้วตามภูมิตนเอง 

 

อ่านกวี


 

ลายมือเขาก็ดีอ่านง่าย ก็เป็นสมมุติกวีแบบใหม่ เอาความรู้ของตัวเองมาเขียนเป็นกวี ให้คนอื่นได้รับรู้กัน ก็เข้าทีดีเหมือนกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 13:32:30 )

มุขสตี

รายละเอียด

คือ การมีปากหอก  มุขคือปาก  สตีแปลว่า อาวุธ  สตี ภาษาบาลี  ส่วนสันสกฤตเขียนสตรี  ยังทิ่มแทงกันอยู่  เป็นอิตถีภาวะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 15:08:50 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:13:41 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:05:26 )

มุขสตี

รายละเอียด

คือ การแทงกันด้วยปากหอก
มุข คือปาก 
สตี คือหอก

ที่มา ที่ไป

630309


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 14:59:21 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:01:14 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:25:34 )

มุขสตี

รายละเอียด

คำเหล่านี้ท่านแปลกันเองในพระไตรปิฎกนะ อาตมาก็เอามาย่อยเป็นภาษาไทยให้ฟังยังไม่รู้หมดเลยอาตมายอมเป็นคนหอกหัก แต่ก็ไม่เป็นไรหอกอาตมามีเยอะ มุขสตี หอกปาก แทง อาตมามีแต่ปากหอก มีเยอะ หักไปเท่าไหร่ก็ไม่ว่า อาตมามีเยอะมาก ปากหอกอาตมา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 14:30:50 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:01:36 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:27:23 )

มุขสตี ปฏิกโกสนากับโจรปล้นศาสนา

รายละเอียด

อวิวาทะ ไม่วิวาทกัน แค่วิวาท ก็คือ วาทะคำพูด วิวาทแรง วิวาทมาก วิวาทหนัก ก็ลงมือทำร้ายกันด้วยกายกรรม วิวาทกันอย่างแรง ก็แค่ปากหอก มุขสตี แค่ว่ากันไปว่ากันมา อย่างอาตมายังทำอยู่ มันไม่ดีหรอกมันเป็นข้อด้อย แต่มันจำเป็น อาตมาว่ายังหยุดไม่ได้ คนจะต้องใช้ขนาดนี้  มันเป็นปากหอก อย่าว่าแต่ปากหอกเลย แทงแล้วแทงอีก เช้ากลางวันเย็นอย่างละ 100 เล่ม เป็นคำเปรียบเทียบเรื่องหอกแทง เพื่อจะให้รู้จักสภาพจริงของสังคมมนุษยชาติที่มันยังมีอย่างนี้อยู่ อย่างผู้ที่ไม่รู้ตัวเลย หลับไม่ตื่น ยังหลับตาปฏิบัติอยู่นั่นแหละ 

พระพุทธเจ้าก็ทรงอธิบายเป็นอุทาหรณ์เป็นนิทานเป็นเรื่องว่า พระราชารู้ว่านี่เป็นโจรปล้นศาสนา คนนอนหลับ เอาลัทธิหลับตามาปฏิบัติอยู่ในสังคมประเทศชาติ อยู่ในศาสนาเรา มันผิด มันเป็นโจรปล้นศาสนา เป็นเดียรถีย์ เป็นคนนอกรีต 

อาตมาพูดชัดนะ มันแรงแน่นอน พวกที่ติดหลับตามันมีอยู่เยอะ เยอะจริงๆ ไม่ง่ายหรอก แต่มันต้องทำ จะต้องนำขึ้นไปสู่ที่สุดที่สูงให้ได้ เพราะอาตมาจำเป็น รู้ว่าเป็นข้อด้อยแต่ก็ต้องทำอยู่ หยุดไม่ได้  แต่ก็แค่ปากหอกนะ เรียกว่าปฏิกโกสนา คัดค้านอย่างแรง ท่านพุทธโฆษาจารย์ท่านแปลว่า คัดค้านอย่างจัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 19:49:07 )

มุญจิตุกัมมญตญาณ

รายละเอียด

ญาณของตนที่มองเห็นความปล่อยวาง

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 119


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:54:45 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:38:21 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:11:59 )

มุต

รายละเอียด

ได้รู้สึกด้วยกลิ่น รส รู้จริงได้ด้วยสัมผัส

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 128


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:55:32 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:28 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:29:11 )

มุติ

รายละเอียด

ความรู้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 442


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:56:17 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:22 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:29:57 )

มุทิตา

รายละเอียด

คือ ความชื่นชมยินดีให้ความสำเร็จของผู้อื่น

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 392


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:26:35 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:20:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:32:02 )

มุทิตา

รายละเอียด

คือ ความชื่นชมยินดีให้ความสำเร็จของผู้อื่น

เห็นว่าดีแล้วที่ผู้อื่นพ้นทุกข์ได้เรียบร้อย

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 473   “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 392


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:57:16 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:41:13 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:30:51 )

มุทิตา (มุท)

รายละเอียด

ความยินดี

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 144


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 16:57:59 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:00 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:05:37 )

มุทิตา ก็รับซับซาบ เขาเข้าใจดีก็ดีแล้ว

รายละเอียด

อาตมาไม่ฉลองหรอก ก็รับทราบในรางวัลที่เขาให้มาก็เป็นความรู้ความเข้าใจ ความจริงใจของเขาให้รางวัลมาก็เท่านั้นเอง ก็รับรู้ แล้วก็ตรวจสอบ เขาให้รางวัลในประเด็นว่า อาตมาจะรับรางวัลในสาขาส่งเสริมสันติภาพ ก็เอา ก็ได้รับรางวัลแมนแฮ สาขาสันติภาพ แด่โพธิรักษ์ ก็ซับซาบ เป็นธรรมดา คนเขารู้ในสิ่งที่ดี สิ่งที่จริงของเราแล้วเราก็เปิดได้สิ่งที่ดีสิ่งที่จริง คนที่เข้าใจก็ให้ค่า ยกย่อง เชิดชู ส่งเสริมให้การแสดงออก ส่วนคนที่ไม่เห็นไม่เข้าใจ เขาก็ไม่ให้ค่า ดีไม่ดีเขาก็หาว่าผิดหาว่าทำลาย มันก็มี 2 ค่า เรื่องฉลองเฉลิมอาตมาก็ไม่มีอะไร ก็มุทิตา ก็รับซับซาบ เขาเข้าใจดีก็ดีแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 14:02:50 )

มุทิตาจิตคือ

รายละเอียด

มุทิตาจิตคือ เราทำเมตตาคือ ต้องการช่วยเหลือกัน กรุณาคือลงมือช่วย ช่วยสำเร็จก็เป็นจิตมุทิตา สำเร็จแล้วส่งผลทั้งผู้ให้และผู้รับ ดีแล้ว จิตก็ปล่อยวางไปเลย บริสุทธิ์ผุดผ่องไม่ติดยึดอะไรเลยก็จบ นี่คือพรหมวิหาร 4 การที่จะได้รับรางวัลทางโลกที่เขาให้ ชาตินี้อาตมาไม่เคยได้รับดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์ ไม่เคยได้สักใบ มีแต่ด่า โดนว่าโดนหาว่าไปทำลายความรู้วิชาการอะไรของเขาพัง เขาก็ไม่มีใครยอมให้ เขาว่าอย่างนั้นนะ แต่อาตมาก็ไม่ได้ไปท้อแท้ ไม่ได้ไปหวั่นไหวอะไร โดยไม่ใช่ว่าหน้าด้าน แต่เห็นอยู่ว่าเขาเข้าใจยังไม่ได้ ถ้าเขาเข้าใจได้แล้วนี่ ถ้าเขาเข้าใจได้มันก็จะเป็นจริง 

อาตมาได้รับรางวัลจากประเทศเกาหลี มูลนิธิ แมนเฮ เป็นองค์กรศาสนาของท่าน แมนเฮ ที่เสียชีวิตไปแล้วก็ใช้เป็นทุนรอนรางวัล เหมือนกับรางวัลอื่น อันนี้ทางแมนเฮ ให้อาตมาในประเด็นที่ว่า เป็นผู้ที่สร้างสันติภาพให้แก่โลก ชี้ว่า อาตมาประกาศอธิบายสันติภาพ พาทำให้เกิดสันติภาพที่บริสุทธิ์จริง โดยแนวคิดของศาสนาพุทธ ที่เป็นโลกุตระบริสุทธิ์ กรรมการแมนเฮเขามองเห็น เขาก็เลย ให้ทั้งเงินรางวัลแล้วก็ใบประกาศมา ส่วนถ้วยรางวัลอีกอันเป็นของวัดชิลซังซา ให้สัญลักษณ์ของเขาเป็นผะอบมาด้วย เป็นรางวัลสมทบ

แมนเฮ มีทั้งประกาศนียบัตรและรางวัลเป็นเงิน 100 ล้านวอน เป็นเงินไทย 2 ล้าน 6 แสนกว่าบาท เป็นเรื่องที่อาตมาจะว่าภาคภูมิใจก็ภาคภูมิใจ  นอกนั้นก็มีรางวัลเป็นโล่ จากท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ จากตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่ องค์กรที่ท่านเป็นประธานก็ทำโล่อันนี้ มาให้อาตมา ซึ่งอาตมาไม่ได้สนใจเลย คนเขาเก็บมาให้ก็เลยยืนยัน อันนี้เคยมีตั้งแต่ 2519 ที่ท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ ให้มา พูดถึงอดีตตัวเองก็เหมือนคุยตัวเอง ก็ต้องขออภัย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566  ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 19:21:14 )

มุทิตาจิตยินดีด้วย

รายละเอียด

แล้วเรายิ่งมีมวล มีประชากรมีพลเมือง คนละแง่เชิงคนละมิติ ก็เลยมีสภาพรวมที่ยิ่งชัดเจน ก็จะมีคนเข้าใจมากยิ่งขึ้น อาตมาไม่ได้หลงระเริงที่เขายกย่องเชิดชูความดี อาตมาก็ไม่ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมาย จิตใจก็สงบ รู้ความจริงตามความเป็นจริงและก็มีมุทิตา คือเข้าใจแล้ว ยินดี เห็นดีกับคนที่เข้าใจดีแล้วก็ได้ทำสิ่งที่ดีนี้ เรียกว่ามุทิตาจิต ยินดีด้วย แต่ก็ไม่ได้ไปวูบวาบอะไร ยินดี ลักษณะของมุทิตาจิต เป็นลักษณะที่เข้าใจยากเหมือนกัน พยายามอธิบายด้วยภาษาต่างๆก็คงจะเข้าใจได้ดีขึ้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 08:53:31 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:22:38 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:04:33 )

มุทุ

รายละเอียด

1. แววไว สุขุม ละเอียดอ่อน เชื่อง ประณีต แววไวยิ่งขึ้น

2. คุณลักษณะอ่อน ดัดได้ง่าย ไม่แข็งกระด้าง ไม่ดื้อดึง

3. จิตหัวอ่อน

4. จิตหัวอ่อน รู้ก็แววไว ปรับก็ง่าย ไม่แข็งกระด้างดื้อดึง

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 239

คนคืออะไร? หน้า 302

เปิดโลกเทวดา หน้า 55

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 111

อีคิวโลกุตระ หน้า 228


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 17:00:08 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:44:22 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:34:18 )

มุทุ

รายละเอียด

อ่อน เป็นสิ่งที่เล็กที่สุด อ่อนที่สุด ไวที่สุด รู้มากที่สุด รู้เร็วที่สุด มุทุภูตธาตุทั้งศรัทธา ทั้งเจโต ทั้งปัญญาร่วมอยู่ในนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:54:03 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:14:41 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:34:48 )

มุทุ

รายละเอียด

มุทุ เป็นคุณสมบัติลำดับที่ 3 ของจิต ถ้าอุเบกขา 5 คือฐานนิพพาน คือจิตว่างของพระพุทธเจ้ามีคุณสมบัติ 5 อย่างนี้ มุทุ เป็นคุณสมบัติพิเศษของจิตเร็วไว นิ่ง ทั้งเจโตทั้งปัญญา แล้วเขาแปลว่า อ่อน เอาพยัญชนะแปลว่าอ่อน คือ ประสิทธิภาพของจิตใจทั้งเร็วทั้งไว ทั้งนิ่ง  อาตมาแปลตามสภาวะ ไม่มีอรรถกถาคนไหนแปลอย่างนี้ อาตมายืนยันว่าแปลอย่างถูกต้องไม่ได้แปลผิด มุทุ คือ ประสิทธิภาพของจิต มันจะยิ่งดีขึ้นเก่งขึ้น เพราะจิตเป็นมุทุภูตธาตุ เป็นจิตที่เป็นจิตหัวอ่อน ไวทั้งปฏิภาณปัญญา เจโตก็ไว ปรับได้ง่าย ตามที่มีปัญญา วสวัตตี ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้เร็วปรับปรุงได้เร็ว จะปรุงแต่งกับโลกเขา สัมผัสเกี่ยวข้องกับพวกเขา เหมือนอย่างกับมีกิเลส อย่างอาตมาเหมือนอยากอวดแสดงตัว เหมือนยกตัวตน อาตมาพูดไปเป็นสิริมหามายา โลกเขามองว่ามีกิเลสอยากแสดง อยากอวดตัว ว่าคนนั้นคนนี้ เขาก็ตำหนิได้ จะว่าอาตมามุมไหนก็ได้ แต่อาตมาไม่มีอย่างที่เขาติ เขาเข้าใจไม่ได้ก็ว่าไป ทำไปไม่มีอกุศลอย่างที่เขาใส่อาตมา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 09:13:42 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:15:27 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:36:00 )

มุทุ

รายละเอียด

คำว่า มุทุ นี้รวมทั้ง ความแน่น แข็งแรง เต็มสภาพ อาตมาเคยเปรียบเทียบว่า มุทุ เหมือนสภาพที่เป็นลูกข่างที่หมุนเร็วมาก แล้วนิ่งมาก ยิ่งเร็วยิ่งนิ่ง ยิ่งมีแรง แข็งแรงสุดๆเลย เพราะฉะนั้น สว่าน ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยังไม่รู้สึกเลยเพราะมันแรงมากด้วยนี่เป็นพลังงานที่ซ้อนๆมีประสิทธิภาพที่ยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นจะรู้สึก มันเนียนไป เหมือนเป็นรูปธรรมดูหยาบ แต่มันละเอียดลึกซึ้ง เนียนไปโดยไม่รู้ตัว เมืองไทยในหลวงทรงงานมา 70 ปี ทำสิ่งที่ไม่เรียบร้อย สิ่งที่มันยังติดขัด เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ เรียบร้อยขึ้นจนกระทั่ง มาถึงทุกวันนี้ เรียกภาษาง่ายๆว่า กินบุญเก่าของท่าน ประเทศไทยทุกวันนี้ กินบุญเก่าของท่าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านใดๆ สรุปทางเศรษฐศาสตร์ ทางสังคมศาสตร์ โดยเฉพาะทางรัฐศาสตร์ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์​ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 11:34:06 )

มุทุ

รายละเอียด

มุทุ แปลว่า อ่อน อาตมาแปลว่า ดัดได้ง่าย จิตนี่จะให้เป็นอะไรก็เป็นได้ง่าย อ่อนไว Sensible มาก มุทุภูตธาตุ นี่คือสภาวะที่อาตมามี แล้วเอามาพูดเอง ไม่เหมือนที่เขาพูดกัน ซึ่งเขาได้พูดผิดเพี้ยนไปไกลแล้ว อาตมาเอาของตัวเองมาอธิบายให้คนฟัง ผู้จะเอาความจริงก็ฟังเอา อาตมาขอยืนยันว่า อาตมาพูดนี้เป็นความถูกต้องตามสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วอาตมาก็ได้มีสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น จึงมาพูดอย่างมั่นใจ ว่าเป็นการเอาความจริงมาพูดกัน 

เพราะฉะนั้น ปฏิจจสมุปบาทนี้ คนที่ยังไม่มีปัญญาพอจะรู้จึงเรียกว่า อวิชชา ข้อที่ 8 เมื่อรู้แล้วแล้วทำให้กิเลสหมด กิเลสเกลี้ยงคือตัณหาดับ  อุปาทานดับ ภพชาติของความเป็นสัตว์ก็ดับ ก็เหลือแต่เป็นภพชาติของความเป็นอรหันต์ แล้วอรหันต์นี่แหละจะเป็นพระโพธิสัตว์ อรหันต์เป็นโพธิสัตว์ระดับที่ 4 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:36:11 )

มุทุ

รายละเอียด

มุทุ นี้ก็คือความละเอียดลออ ที่สะสมความละเอียดลออเก็บไว้ ใส่คลัง มุทุนี้คือคลัง เป็นคลังแห่งความเจริญของจิต ของใครก็แล้วแต่ที่มันเป็นจิตเจริญ เจริญแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งสายศรัทธา ไม่ว่าจะเป็นทั้งปัญญา สะสมลงไว้ที่มุทุธาตุ มุทุภูเต 

แต่ท่านแปล มุทุ เป็นภาษาง่ายๆ ตื้นๆ ว่า อ่อน มุทุแปลว่า อ่อน คือหมายความว่า ไม่ได้ขัดแย้งอะไรเลย เป็นจิตที่น้อมรับทุกอย่าง แต่ในนัยสำคัญของมันก็คือ สิ่งที่จะมาเอาเก็บในคลังมุทุ คือจิตที่วิเศษ ที่ประเสริฐ ที่ผ่านการบริสุทธิ์ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ เอามาไว้ตรงนี้ เพราะฉะั้น ใน 5 คำที่อาตมาเอามา ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ  กัมมัญญา ปภัสสรา นี้ ได้ผ่านมาเป็นความบริสุทธิ์และ ปริสุทธาบริสุทธิ์ขึ้นอีก จนกระทั่งบริสุทธิ์ที่สุดแล้วมาสั่งสมไว้ตรงนี้ แล้วถึงเอาไปใช้ทำ กัมมัญญา ทำการงานก็เป็นการงานที่เอาไปใช้อย่างดี ใช้การงานแล้วไปถึงขั้นที่จะไปสังขาร ไปปรุงแต่ง ไปทำงาน สู้รบปะทะ สัมผัสเผชิญกับอะไรๆ ก็แล้วแต่ ก็ไม่มีบุบ ไม่มีสลาย ไม่มีแปด ไม่มีเปื้อน ไม่มีอะไรหม่น ไม่มีอะไรหมอง ยังกลายเป็นจิตที่ ปริสุทธา ปริโยทาตา เหมือนเดิม ประภัสสร ปภัสสรา ยังสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ตามเดิม นี่คือความหมายอันวิเศษ อันประเสริฐสูงสุดของจิตเจตสิกของผู้ที่บรรลุ แล้วก็มีความรู้ความสามารถถึงขั้นอย่างนั้น 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:55:10 )

มุทุ 2 ข้าง

รายละเอียด

มุทุ เขาแปลว่าจิตอ่อน ฟังแล้วอ่อนใจ ที่จริงไม่ได้อย่างนั้น มันยิ่งเร็วหัวอ่อนปรับไว คุณก็ฟังความ 2 ข้าง ของอาตมากับของคนอื่น คุณจะช่วยอะไรก็ไม่มีการบังคับ เป็นอิสรเสรีภาพ มุทุนี่เร็ว แต่ทางโน้นมู่ทู่ ไม่มุทุ นี่มุทุเร็วนะ ใช้พยัญชนะซ้อน แต่เข้าใจสภาวะใช่ไหมที่อาตมาพูด แต่อย่าไปติดยึดภาษาบัญญัติมาก แต่ไม่ใช่มีหลักฐานอ้างอิงยืนยันอาตมาพูดอย่างมีหลักฐานอ้างอิงยืนยัน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 10:36:10 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:15:54 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:36:35 )

มุทุ กับ กัมมัญญา

รายละเอียด

มุทุ คือแกนจิต มุทุภูตธาตุ ที่มีจิตเก่ง รับได้ทั้งสองนัย รู้จัก 2 ได้มากยิ่งขึ้น รู้จักเทวได้มากยิ่งขึ้น รู้จัก กาย ได้มากยิ่งขึ้น รู้จักสภาวะ 2 ของแต่ละแบบ แม้แต่โลกียะกับโลกุตระ แม้แต่เทวนิยมกับอเทวนิยม คู่สองของทั้งหมดเลย มุทุ จะรู้คู่ 2 ทั้งหมดแล้วรู้ความจริงเป็นทั้งหนึ่งเป็นจริงได้ 2 รู้กับความจริงนั้น มุทุ เพิ่มขึ้นตามบารมีของแต่ละคนสูงขึ้นๆ 

เพราะฉะนั้นฐานจิต มุทุ ซึ่งเป็นฐานที่เจริญ เป็นตัวชี้บ่งว่ามีสภาพ 2 ซ้อนอยู่อย่างนี้ของผู้ที่ทำงานของพระพุทธเจ้า เรียกว่าเป็น เทวะ ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆคือ มุทุ จึงสามารถเอาไปทำกรรมการงานกับคนอื่นๆได้ ไม่มีโทษภัยมีแต่คุณ แล้วก็ประมาณได้อย่างเหมาะสมมีสัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 สามารถที่จะทำงานได้ดี เหมาะควร ได้สมดุล เป็นประโยชน์ต่อทุกๆบริบท ทุกๆกาละ ทุกๆเทศะ ทุกๆงานเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:35:35 )

มุทุ เป็นประธานใหญ่ของกรรมผู้มีจิตอุเบกขา

รายละเอียด

ปฏิบัติอาการของจิตของคุณ ให้ได้เป็น อุเบกขา อย่างนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ !แหละ ให้เก่งอุเบกขาจนเป็น ปริโยทาตา สะอาดบริสุทธิ์หมดจดเรียบร้อยสมบูรณ์แบบนี้คือ ปริโยทาตา

ไม่ลงลึกปริสุทธานะ ในพยัญชนะ

ปริสุทธา ปริโยทาตา ทำเก่งขึ้นเรื่อยๆ สั่งสมเป็น มุทุภูตธาตุ ตัว มุ ตัว ทุ ไม่ขยายพยัญชนะต่อนะ จนกระทั่งเก่งเพราะมีตัวมุทุภูตธาตุ เป็นประธานใหญ่ของเรา เพราะจะทำ

กรรมใดๆก็มีตัว มุทุ เป็นประธานของกรรมของเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2564 ( 05:16:47 )

มุทุก

รายละเอียด

แววไว ยืดหยุ่นได้

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 303


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 20:35:38 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:45:11 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:36:53 )

มุทุกับปาคุญญตาต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

มุทุคือจิตวิเศษมีทั้งเจโตและปัญญาในนี้เป็นธาตุ แห่งความแคล่วคล่องว่องไว ปาคุญญตา จิตสมาธิยิ่งเก่งแคล่วคล่องว่องไวเวทนาสัญญาสังขาร ถูกต้องบ้าง มันละเอียดมาก เป็นความแคล่วคล่องว่องไว ทั้งจิต จิตเปลี่ยนสภาพได้เร็วมีปฏิภาณความรู้ไหวพริบก็เร็วด้วยทั้งคู่ มุทุ จิตที่สะอาด เป็นอุเบกขา ข้อที่ 3 จิตตัวนี้ยิ่งประเสริฐสะอาดบริสุทธิ์มีคุณสมบัติเร็วไวแรง แรงเร็วไว คล่องทุกอย่างแต่บริสุทธิ์ ปริสุทธา ปริโยทาตาตลอด จิตอย่างนี้จึงมาทำการกัมมัญญา มีปฏิภาณความรู้ไหวพริบจัดสรรควบคุมทำได้ดีเหมาะสมทุกคำเรียกกัมมัญญา ทำไปเท่าไหร่ก็ไม่บอกต้องไม่เสียหาย ยิ่งดี ยิ่งประภัสสร ยิ่งคล่องแคล่วสะอาดบริสุทธิ์ไปได้เรื่อยๆมันเป็นคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่มาก ปาคุญญตา คือคล่องแคล่ว เป็นคุณสมบัติที่ขยายจากความเป็น มุทุ  มุทุ เป็นตัวจิต ปาคุญญตาเป็นตัว อาการของจิต อาการมันปาคุญญตาแม้ร่วมกับภายนอกเป็น กายปาคุญญตาก็คล่องแคล่ว อาตมานี้ดูเหมือนยิ่งกว่าลิง

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:53:23 )

มุทุจิต

รายละเอียด

จึงเป็นจิตหัวอ่อน เป็นความเร็ว ความไวของจิต มันเร็วไว ทั้งทางด้านปัญญา แล้วทางด้านเจโต มีสองสภาพ พวกเราจะเข้าใจสภาวะ จิตจะเร็วไว จนคนจับความเร็วไวของจิตผู้มุทุภูตธาตุไม่ทัน คือผู้ที่มีสมาธิที่เก่งกล้า สมาธิไม่ใช่แข็งทื่อ แต่มีสติเต็มร้อยเลย เต็มทั้งนอกและในเป็นความแข็งแรง มีพลังงานสมบูรณ์แบบมีสมาธิมีฌาน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ผู้ไม่รู้นามรูปก็คือโจรปล้นศาสนาที่ฆ่าไม่ตาย วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 08:23:54 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:16:31 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:37:23 )

มุทุจิต

รายละเอียด

จึงเป็นจิตหัวอ่อน เป็นความเร็ว ความไวของจิต มันเร็วไว ทั้งทางด้านปัญญา แล้วทางด้านเจโต มีสองสภาพ พวกเราจะเข้าใจสภาวะ จิตจะเร็วไว จนคนจับความเร็วไวของจิตผู้มุทุภูตธาตุไม่ทัน คือผู้ที่มีสมาธิที่เก่งกล้า สมาธิไม่ใช่แข็งทื่อ แต่มีสติเต็มร้อยเลย เต็มทั้งนอกและในเป็นความแข็งแรง มีพลังงานสมบูรณ์แบบมีสมาธิมีฌาน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2563 ( 18:35:40 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:17:17 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:39:13 )

มุทุตา

รายละเอียด

ปั้นแต่งได้

คำอธิบาย

คือ จิตที่ทั้งเร็วไว ปรับตัวได้เร็วไว มีทั้งอิตถีภาวะ ปุริสภาวะในตัว Static กับ Dynamic เป็นฐานจิตที่มีบวก ลบ ทั้งสองอย่างทำงานได้ดี ได้เร็วมากไม่ใช่สุญหายไปไหนแต่ยิ่งมี ปายคุญญตา  ยิ่งมีความแคล่วคล่องว่องไว รู้ก็เร็วปรับจิตก็เร็วมีฐานจิตที่เป็นตัวต่อศรัทธา ปรับตัวได้เร็ว มีความรู้ปฏิบัติปัญญาได้เร็วทั้ง 2 ด้าน มีประสิทธิภาพเร็วไว ทำได้ดั่งใจ ทำได้ดี เร็วตามต้องการ มุทุธาตุ

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 303


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 20:38:39 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:18:11 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:38:24 )

มุทุธาตุ

รายละเอียด

16  กายวิญญัติ 17 วจีวิญญัติ  ไหวให้รู้ รวมทั้ง  นัจจะ คีตะ  วาทิตะ  ภาษา คือ กายวิญญัติ ส่วน วจีวิญญัติ  ก็มีแค  คีตะ  กับ วาทิตะ  ไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว  ของสระอื่น  เอาแต่เสียง  กับ คำพูด กายวิญญัต  กับวจีวิญญัติ  จะรวมกันด้วยเสมอกับจิต  แล้วที่นี้เราก็มาจัดการกับจิต  ให้จิตของเรานี้เก่งขึ้น  สามารถทำจิตให้รุนแรงมากๆ  นั้นเลว  คือ  กิเลสมันแรงแล้วจะชนะ  ศาสนาไม่เอา  ต้องให้เบาได้แล้วคนเขายอม  แต่ถ้าแรงแล้วชนะนั้นไม่เก่ง  แรงแล้วคนยอมแพ้นั้นไม่เก่ง  แต่ถ้าเบาแล้ว เอาความสงบ สยบความรุ่นแรงแล้วชนะ อันนี้เก่งกว่า  เพราะฉะนั้นทำความเบาให้ได้มีฤทธิ์  สยบความแรงได้  นั้นคือเก่ง  ลหุ เบา  คุณต้องเอาให้เก่ง  ลหุให้เก่ง  ไม่ใช่แรงเก่ง  ต้องลหุให้เก่ง  เร็ว  กับ ช้า  มุทุ จิตไว้  เร็ว  มุทุ นี้มีภาษาไทย  แปลว่า อ่อนแต่แท้จริงเป็นธาตุรู้  ที่มีการปรับตัวให้เร็ว  มีปฏิภาณไหวพริบได้เร็วด้วย  ถ้าจิตเปลี่ยนแปลง Static ธาตุของตนได้เร็วก็ได้ด้วยเป็นธาตุเจโต  ถ้าเปลี่ยนทางปฏิภาณไหวพริบ  เร็ว  เราก็ได้ว่า  เป็นปัญญาในมุทุแล้วก็ต้องสมดุลกันด้วยจะเก่ง  หากไม่สมดุลก็เอียงๆ ไปทางศรัทธา หรือปัญญาก็ไปไม่ออก  ต้องสมดุลกัน   มุทุจึงเป็นตัวกลาง  ทำความเร็ว   ทำความช้า  รับหรือไม่รับอย่างนี้เป็นต้น  เอาหรือไม่เอาเป็นศูนย์ หรือมีมากตามต้องการได้  ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้   ต้องการให้ได้ตามประสงค์  มุทุธาตุ  จึงเป็นตัวที่จัดการควบคุม  ความเป็น2  เป็นความเหนือกว่าความเป็น  เทวะ เป็นผู้สร้างทุกอย่างเลยตัวนี้  มุทุธาตุ  สร้าง 2 ทั้งรูป และนาม  ทั้งวัตถุและจิต  สร้างทั้งกาย  สร้างทั้งจิต  คำว่า  เทวะ 2 จึงเป็นภาษาทุกย่างเลยในมหาจักรวาลที่จะสามารถจัดการกับมหาจักรวาลได้  ธาตุที่มี ความรู้  ทางเทว  แล้ว  สามารถควบคุมจัดการได้  มันก็มี  อุตุ  พีชะมันก็ไม่เก่งในการจัดการ  ต้อง จิตนิยาม  จึงสามารถจัดการได้  พีชะจัดการตัวเองให้เป็นพีชะ แต่อุตุ  มันอาศัยแต่ภายนอก จัดการมันรวมกันจนเป็น  Susion แต่  fission มันไม่สามารถดูดออกมาได้เลยมันรับ  ได้แค่  fusion  อื่น เศษออกไปเป็น  fission เป็น  isotope ก็เอามาใช้ไม่ได้ พลังงาน วัตถุก็ได้แค่นี้  อุเบกขา 5 ประการ  มุทุ  ก็เป็นตัวกลาง  ปริสุทธา  ปริโยทาตา  มุทุ  กัมมัญญา  คือฐาน ที่ประกอบด้วยกรรมการงานร่วมกับสิ่งอื่นๆ   จะทำงานจะร่วมกับอะไร  ก็ยังบริสุทธิ์  อยู่เหนือกว่า ปริสุทธา  ปริโยทาตา  อีก  สำหรับปภัสสรา  จะทำงานได้อย่างประเสริฐ  วิจิตรพิสดารได้ยิ่งกว่า  รวมเป็นพลังงานประสิทธิภาพของ มุทุภูตธาตุ  ภูตะ  คือ จิตวิญญาณ สรุป  มุทุ สามารถจัดการเป็น  กัมปัญญตาได้  จึงแปลว่า  การงานอันเหมาะควร  มีความจริงใจ  ซื่อสัตย์  ไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องร้าย   มีแต่เรื่องดี  คำนวณให้ได้เหมาะสมที่สุดในทุกกรรมการงาน  ทำแล้วก็จิตใจประภัสสรมากยิ่งขึ้น  ถ้ามีเหตุการณ์มีอะไรเพิ่มขึ้นมันก็ยิ่งมีประสิทธิภาพเสริมเข้าไปอีก  เจริญขึ้น  ประภัสสร อย่างสะอาดบริสุทธิ์ที่สุดมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีก เรื่อยๆ อาตมาก็สร้างประภัสสร  จนกว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่  29  พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2562 ( 12:41:39 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:24:44 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:45:31 )

มุทุภูต

รายละเอียด

ละเอียดอ่อน สุขุม คล่องแคล่ว แววไว

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 268


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 20:41:40 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:46:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:37:54 )

มุทุภูตธาตุ

รายละเอียด

คือ ธาตุที่ละเอียดอ่อน รู้ก็ไวเร็ว ยึดก็เร็วแรง ปล่อยก็เร็วไว ตามฐานะของแต่ละคน ก็ได้ฝึกหัด ได้สร้างสมให้เกิดประสิทธิภาพนั้นได้จริงในตน จนเป็นนิสัย เป็นวิสัย

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า161


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 15:19:59 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:22:14 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:39:43 )

มุทุภูตธาตุ

รายละเอียด

ธาตุจิตหัวอ่อน

คำอธิบาย

มุทุภูตธาตุ  คือ การทำได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว

รายการวิถีอารยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 289


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 20:43:20 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:25:38 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:38:37 )

มุทุภูตธาตุ

รายละเอียด

มุทุภูตธาตุ มาจากคำว่า มุกับทุ มะ กับ ทะ 

มะคือ จิต ทะคือ พลังงานที่แข็งแรง เช่น ทหาร เป็นต้น

 ต ถ ท ธ น เป็นตัวที่จะทำงานให้เกิดพลังงานแข็งแรงจนคนอื่นสัมผัสได้ จนคนอื่นรู้ร่วมกันได้ แข็งแรงที่สุภาพ แข็งแรงสุภาพ ไม่ใช่แข็งแรงอันธพาล ถ้าจะแข็งแรงแบบ อันธพาล จะไประรานคนอื่น แต่แข็งแรงสุภาพมีแต่จะช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่นเขาเรียกว่า ทหาร เป็นผู้สุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ทหารนี้แข็งแรงสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนช่วยเหลือผู้อื่นเพราะเป็นผู้แข็งแรงกว่าแม้ตัวเองจะต้องเจ็บก็ไม่ว่าอะไร แม้ที่สุดตัวเองจะต้องตายก็เสียสละชีวิตเพื่อผู้อื่นนี่คือทหาร ทหาร คือหน้าที่อาสาไปตายทั้งนั้น นี่สุดยอด

ม คือ จิต ท คือตัวคุณสมบัติที่พิเศษ แล้วเป็นพยัญชนะ 2 ตัวนี้ ให้เกิดพลังงานในตัวเอง โดยเอา  สระมายืนยัน 

สระ ที่เป็นพลังงานสั้น อยู่ที่ อุ 

อะ อิ อุ เป็นรัสสระ อา อี อู ยาว แต่นี่ อุ ไม่ใช่ อิ และไม่ใช่ อะ 

อะ อิ อุ เป็น 3 สภาพ 

พลังงานของจิตก็เป็น cyclic (วงวนหรือวนเวียน) พลังงานของทหาระ ก็เป็น 3 มุทุ 

ชาวอโศกเรา ฟังเข้าใจขึ้นไหม?

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาพาตีทิ้งการนั่งหลับตาปฏิบัติ วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ 


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:56:29 )

มุทุภูตธาตุ ต้องรู้อาการและสภาวะแท้ของมัน 

รายละเอียด

จิตจะแววไว มุทุภูตธาตุ จิตมันยึด ความทุกข์ความสุขหรือไม่ทุกข์ไม่สุขก็ตาม มีความเข้ม ความหนา ความเบา เรียกว่า อินทรีย์ 5 ความสุขกับความทุกข์ เป็นการยึดภายนอกคู่นึง ส่วนภายในก็มีโทมนัสโสมนัส หรือมันอุเบกขา เรียกอุเบกขินทรีย์ มันเกิดอาการพวกนี้ไม่ใช่แค่มีแต่พยัญชนะ แต่ต้องรู้อาการและสภาวะแท้ของมัน ลดความสุขความทุกข์ภายนอกและภายในหรือเป็นอุเบกขากลางๆไม่มากกว่านั้น แล้ว  อย่างนี้แหละปฏิบัติธรรมที่เวทนา จึงเป็นตัวฐาน เป็นกรรมฐานของศาสนาพุทธ คือ ต้องทำเวทนา 108 ให้สมบูรณ์แบบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แบบมีกษัตริย์กับไม่มีกษัตริย์ ประชาธิปไตยแบบไหนดีกว่า วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2566 ( 18:52:45 )

มุทุภูตธาตุ เป็นธาตุสูงสุดที่มนุษย์จะต้องศึกษา

รายละเอียด

ฌานที่ 1 ก็เผากิเลสไปได้ระดับหนึ่ง ฌานที่ 2 3 4 จนเผากิเลสหมดเกลี้ยงเป็นจิตสะอาด  ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา

มุทุ ธาตุจิตวิญญาณที่แววไว เร็ว ทั้งรู้ทั้งเป็นได้ มีสภาพ 2 อย่าง ทั้งรู้ทั้งเป็นจริงได้ในตัวเอง เก่ง นี่แหละเป็นธาตุสูงสุดที่มนุษย์จะต้องศึกษาให้จิตใจตัวเองเป็น มุทุภูตธาตุ

เราก็มาขยายความไป อาตมาก็ขยายความไปจนกว่าจะตาย ถ้ายังพูดได้ พูดไม่ได้ก็คงอธิบายแบบใบ้ๆได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 14:06:45 )

มุทุภูตธาตุ 

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้หมด เอาคำบาลีของพระพุทธเจ้ามายืนยัน อ้างอิง ยืนยันให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้หมดว่า มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง เห็นตามได้ยาก คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ไม่ใช่สงบอย่างตื้นๆแบบ เดียรถีย์ แบบเทวนิยมสงบ หยุดนิ่งง่ายๆ แต่สงบอย่างที่กิเลสมันดับไปแล้ว มันมีความย้อนแย้งด้วย ยิ่งกิเลสสงบ กายกรรมยิ่ง กายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา ยิ่ง แคล่วคล่องว่องไว เป็น มุทุภูตธาตุ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2566 ( 16:00:41 )

มุทุภูตธาตุ 

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้หมด เอาคำบาลีของพระพุทธเจ้ามายืนยัน อ้างอิง ยืนยันให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้หมดว่า มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง เห็นตามได้ยาก คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ไม่ใช่สงบอย่างตื้นๆแบบ เดียรถีย์ แบบเทวนิยมสงบ หยุดนิ่งง่ายๆ แต่สงบอย่างที่กิเลสมันดับไปแล้ว มันมีความย้อนแย้งด้วย ยิ่งกิเลสสงบ กายกรรมยิ่ง กายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา ยิ่ง แคล่วคล่องว่องไว เป็น มุทุภูตธาตุ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร 10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:34:30 )

มุทุภูตธาตุคือพระเจ้าใหญ่ คือตัวเราเองตัวสุดยอด

รายละเอียด

สุขเราก็ไม่กระดี๊กระด๊าอะไร มันก็เป็นกลางๆ มันก็ดูดี ดูเบา ดูว่าง ลหุตา มุทุตา กัมมัญญตา เป็นกรรม หรือการ เรียกว่า วิการ 

วิแปลว่าไม่ หรือยิ่งวิเศษ มุทุ เพราะเราทำได้แล้วรวมสมรรถนะลงอยู่ที่ มุทุภูตธาตุ จิตวิญญาณจะว่าความเก่งความรู้ความเป็นไปได้อยู่ที่มุทุ ทั้งเจโตและปัญญา สองอย่างอยู่ใน มุทุภูตธาตุ เมื่อมันเป็นอย่างนั้นแล้ว จริงๆแล้ว มุทุภูตธาตุ คือพระเจ้าใหญ่ คือตัวเราเองตัวสุดยอด ตัวมุทุธาตุ มี 2 ลักษณะใหญ่คือศรัทธากับเจโต หรือ ศรัทธากับปัญญา ได้ดีที่สุด

เพราะฉะนั้นเมื่อมี มุทุภูตธาตุ ประสิทธิภาพได้เท่าไหร่ของแต่ละคนก็ออกมาเป็น กัมมัญญตา ออกมาเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เป็นการกระทำที่เหมาะที่ควร เป็นการกระทำที่ดีที่สุด เหมาะที่สุดควรที่สุด ถูกต้องที่สุด ตามจริง ของใครที่มีที่เป็นได้ มันก็ทำจริงตามที่มีจริงนั้น ก็พยายาม ดัด ทุกคนพยายาม ดัด ให้มันสุจริต อย่าไปดัดให้มันทุจริต เพราะมันโง่ ต้องพยายามให้เป็นสุจริต เป็นจริตที่ดีตามที่เรารู้จริง การดัดจริตคือการทำถูกต้องแล้ว แต่คนซับซ้อน มันไม่เป็นไปได้ มันเอาแต่เปลือกๆ ดัดจริต ไม่ได้เข้าถึงจิตจริงไม่ได้มีปัญญาหยั่งรู้ว่าดัดจริตให้เป็น สุ ได้แค่ผิวเผินเปลือกเปลือก ไม่ได้รู้จริงในจิต เจตสิก รูป นิพพาน ดัด ให้ไปถึงนิพพานเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 13:13:32 )

มุทุภูตธาตุคือลูกข่างที่ยิ่งนิ่งยิ่งเร็ว

รายละเอียด

ก็ทำเหตุปัจจัยเพิ่มขึ้น เป็นพระสกิทาคามี จนกระทั่ง ภาคกามภพภายนอก สะอาดบริสุทธิ์ กระทบสัมผัสอย่างไรก็มีอุตรจิต อยู่เหนือกามโลก ไม่ใช่กามโรคนะ แต่เป็นโลกแห่งกามภพ ราคะ อยู่เหนือ มันก็มีในโลก รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส มันก็มีอยู่ในโลก แต่ผู้ที่หลุดพ้นแล้วไม่มีกิเลส ที่จะต้องไปเป็นทาส ไม่มีกิเลส ที่เกิดจากเหตุปัจจัยของวัตถุสมบัติในโลกกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสในโลกไม่มี ก็เป็นอนาคามีภูมิ ของตนเองก็ทำกับตัวเองทั้งนั้น เพียงใดจะเอามาใช้ก็เหมือนพืชพีชะ เอามาใช้ประโยชน์ ก็ไม่มีอารมณ์สุขทุกข์ ไม่มีอารมณ์ชอบชัง นอกจากที่ตัวเองจะทำงานส่วนตัวไป ยิ่งปรุงแต่งเก่ง ยิ่งเป็นกายปุญญตา จิตปาคุญญตา ทั้ง เวทนาสัญญาสังขาร ยิ่งปรุงแต่งได้คล่องแคล่ว เป็นมุทุภูตธาตุ มันจะขัดแย้งกับความคิดของเขา เพราะเขาไม่เคยได้ยินได้ฟังอย่างนี้ ของเขาจะเป็นสมถะนิ่งหยุดไป เขาจะไม่เข้าใจในเรื่องมันยิ่งเกิดปฏิภาณปัญญาไหวพริบ ยิ่งเกิดความรอบรู้ จิตใจก็นิ่งเหมือนกับลูกข่าง ยิ่งเร็วยิ่งนิ่ง นี่คือมุทุธาตุ คือลูกข่างที่ยิ่งนิ่งยิ่งเร็ว ยิ่งนิ่งเหมือนไม่ขยับเลย นิ่งแล้วอยู่จุดสุดยอดของความ smoothเลย ตรงข้ามกับมิจฉาทิฏฐิ ที่เป็นจิตสงบที่จิตใจแข็งทื่อช้า แต่ไม่ใช่เลย มันกลับจะยิ่งเร็วยิ่งปราดเปรียวแคล่วคล่อง เป็นเรื่องเข้าใจยาก และเป็นเรื่องเดาไม่ได้ด้วย แล้วก็ไม่มีใครพูดอธิบายด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 14:12:45 )

มุทุภูเต

รายละเอียด

จิตที่ยิ่งแววไว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 78


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 20:44:16 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:46:56 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:40:06 )

มุทุภูเต

รายละเอียด

ที่จริงแล้วคำว่า มุทุภูเต รวมทั้ง Static และ Dynamic ถ้าจะ เอาพวกนี้มารวมความหมายเช่นว่า static หมายถึงความมั่งคั่งมั่นคง ฐีเต อเนญชัปปัตเต ก็ได้ เป็นลักษณะ Static 

ถ้าเป็น Dynamic ก็มีลักษณะของ กัมมนิเย อีกคำคือ ปภัสสเร , ปภัสสรา 

มุทุภูเต เป็นคำกลางๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:08:25 )

มุทุเป็นตัวรวมปริสุทธา ปริโยทาตา

รายละเอียด

ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ 3 ตัวนี้เป็น 3 เส้าของ cyclic order ทำงานร่วมกัน สองตัวแรกเป็นตัวทำ มุทุเป็นตัวรวม ปริสุทธา ปริโยทาตา ตัว dynamic ส่วนมุทุ เป็นตัว static

ถ้า ปริสุทธา ปริโยทาตา เป็นสภาพรูป อีกสภาพต้องเป็นตัวนาม เป็นตัวตั้งตัวหนึ่งต้องเป็นตัวเคลื่อนแล้ว ปริสุทธา ปริโยทาตา อะไรเป็นตัวตั้งอะไรเป็นตัวเคลื่อน ปริสุทธา เป็นตัวตั้ง ปริโยทาตา เป็นตัวเคลื่อน ก็ทำเพิ่ม ก็ได้สั่งสมลงไปเป็นความบริสุทธิ์ แม้ที่สุดสั่งสมเป็นปภัสสรา ก็เป็นตัวบริสุทธิ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:52:04 )

มุนีต้องประกอบด้วยความรู้แจ้งมิใช่มีความนิ่ง

รายละเอียด

อาตมาสอนให้รู้แจ้งยิ่ง ปาคุญญตา คล่องแคล่วว่องไว จิตแกนเป็นมุทุธาตุ ความเร็วไวเป็นกายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา สัมผัสสัมพันธ์กับภายนอก ถึงธาตุรู้ก็รู้ได้ครบเอาแต่จิตข้างในก็คล่องว่องไวรู้ได้เร็วไว ไม่ใช่เป็นความเฉื่อยความเฉย พวกนี้ยังเป็นอจินไตย คาดคะเนด้นเดาเอาไม่ได้ อตักกาวจรา ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ด้วยการคิด คิดให้หัวแตกก็หัวแตก7เสี่ยงเสียเปล่าๆ คิดไม่ได้ ต้องเป็นปัจจัตตังมีเองด้วยตัวเอง ตัวเองจะรู้จักความจริงกับตัวเองมีความจริงสูงขึ้นมากกว่านี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 12:50:39 )

มุมมองต่างกันตัดสินตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก

รายละเอียด

อัมพัฏฐะก็ศึกษาไตรเวท แย้งกันไปมาโดยมุมมองต่างกัน ยุคนี้เห็นว่าสิ่งถูกสิ่งหนึ่งไม่ถูก อีกยุคหนึ่งก็เห็นว่าสิ่งนี้ไม่ถูกสิ่งนี้ถูก ก็ตัดสินตามหลักมหาปเทส เอาองค์ประกอบที่เห็นควร อันนี้ไม่ควร ก็เอาคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักมีข้อห้ามหรือข้ออนุญาต สิ่งใดที่ห้ามไว้ก็ไม่ทำ อะไรอนุญาตก็ทำเท่าที่ท่านไม่ห้ามและอนุญาต แต่ถ้าไม่มีท่านอนุญาตหรือห้ามไว้เราก็เอาองค์ประกอบมาตัดสินเอง ท่านไม่ได้ห้าม แต่สิ่งนี้ไม่ควรเข้ากับสิ่งไม่ควร แต่ขัดกับสิ่งควร สิ่งนั้นก็ไม่ควร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 13:12:45 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:23:06 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:41:59 )

มุสา

รายละเอียด

คำพูดที่เป็นวจีทุจริต โกหก พูดเท็จ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 513


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 20:44:57 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:47:33 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:04:55 )

มุสาวาทา เวรมณี

รายละเอียด

เจตนางดเว้นจากการพูดเท็จ

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 116


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 20:46:30 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:48:11 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:05:01 )

มุสาวาโท

รายละเอียด

พูดเท็จ

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 115


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 20:47:39 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:48:51 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:46:40 )

มุ่งมั่นด้านกสิกรรม

รายละเอียด

พืชพันธ์ธัญญาหารเหมือนแกล้งชาวอโศก ดูสวยสมบูรณ์เพราะเราเอาใจใส่มุ่งหมายตั้งใจพัฒนาสร้างภูมิปัญญาเอาใจใส่จริงๆ ทุกอย่างโถมลงไป อันนี้แหละจะกอบกู้โลก ผู้ที่เห็นดีเห็นด้วยก็มาร่วมไม้ร่วมมือกัน คนที่ชอบทำงานกสิกรรมเป็นชีวิตจิตใจ อาตมาอนุโมทนาสาธุ ร้อนเขาก็ไม่รู้ร้อนหนักเขาก็ไม่รู้หนัก เปื้อนเขาก็ไม่รู้เปื้อน วันทั้งวันตากแดด ไม่รู้สึก ลืมไปเลย อะไรอย่างนั้นทำไปดีจังเลย เป็นไปในผู้ที่ยินดีในสิ่งเหล่านั้น ชาวอโศกเข้าใจและมีมากขึ้นเรื่อยๆก็ดี

ประเทศอื่นๆต่างๆเขาจะไม่มีเหตุปัจจัยเหมือนอย่างประเทศไทย ประเทศไทยนี้อยู่ในพิกัดของโลกที่ อุณหภูมิน้ำดินครบพร้อมองค์ประกอบได้สัดส่วน พร้อมที่จะปลูกพืชพันธ์ธัญญาหาร เราจะไม่เก่งทางอุตสาหกรรมเราจะเก่งทางกสิกรรม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 17:22:30 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:32:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:44:13 )

มุ่งมั่นให้ได้แต่วิชาการแต่ไม่ได้หยั่งลงไปถึงสภาวะจิต เป็นบัณฑิตหัวโตที่ได้แต่เดรัจฉานวิชา

รายละเอียด

เข้าใจให้ได้ว่าเดรัจฉานวิชาคือวิชาที่ขวางทางนิพพาน จะบอกว่าเดรัจฉานวิชาคือพวกต่ำๆหยาบๆไม่รู้เรื่องมันโง่ ก็ไม่ผิดถูกต้อง แต่รายละเอียดเนื้อหาคืออะไร 

ยกตัวอย่างไปงมงายอยู่กับบัญญัติภาษา อยู่ในตำรับ ตำราจนเกินการ แล้วก็มุ่งมั่นให้ได้แต่วิชาการ แต่ไม่ได้หยั่งลงไปถึงสภาวะจิต เจตสิก รูปนิพพาน ไม่เข้าใจ ไม่หยั่งลงไปก็ได้แต่เปลือก จนกระทั่งสุดท้ายกลายเป็นบัณฑิต หัวโต บัณฑิตมีใบรับรอง มีแต่ใบปริญญา certificate รับรองกันไปว่าเก่งเอามาจากเมืองนอก ไปเรียนพุทธศาสนาจากเมืองนอก ขายขี้หน้าเมืองไทยจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 14:36:00 )

มุ่งมาจนดีกว่าจนอย่างจำนน

รายละเอียด

ก็ขอตอบตรงๆว่าสังคมยุคนี้มันเป็นสังคมที่เป็นอบาย ลงไปสู่จุดต่ำ ต่ำแบบหลงอบาย หลงความฟุ้งเฟ้อหรูหรา หลงความสวยงดงาม คือหลงไปอีกทิศทางสุดโต่ง จัดจ้าน ไม่ว่าจะเป็นความหรูหราใหญ่โตงดงาม ร่ำรวยมั่งมี แย่งกันแบบนั้นหมด เป็นโลกธรรมจัดจ้าน หมดทั้งโลก เป็นแต่เพียงคนที่อดอยากคนที่ไม่มีมากก็อยากได้แบบนั้น มีแนวคิดอยากรวยอยากหรูหราใหญ่โต แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ก็เลยต้องจำนนเท่านั้นเองก็เลยยอมจน จนอย่างจำนน แต่ผู้ที่รวยก็ยังมีน้อยผู้ที่จนก็ยังมีมาก ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยจึงห่าง ห่างเป็นระดับ แต่ถ้ามาจน ก็จนเสมอกัน ช่องว่างจะน้อยจะมีมากน้อยกว่ากันก็นิดๆหน่อยๆ แต่จะมาหาความจนกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน แนวคิดแบบคนจนนั้นคนมีภูมิจึงเข้าใจได้ 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 10:54:14 )

มูลกรรมฐาน

รายละเอียด

มูลกรรมฐาน คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง พระพุทธเจ้าให้แยกกายแยกจิตออกจากกัน พระภิกษุในสมัยนี้ไม่สามารถแยกได้แล้ว ตรงไหนเป็นกาย ตรงไหนเป็นจิต แต่เขาแยกกายแจกจิต ตอนนั่งสมาธิให้แยกจิตออกไปเห็นว่าตัวเองกำลังนั่งสมาธิ เขาว่านี่คือ คนเก่งที่สามารถแยกกายแยกจิตได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 09 ตุลาคม 2562 ( 08:25:17 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:33:24 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:04:28 )

มูลกรรมฐาน

รายละเอียด

มูลกรรมฐาน คือ กรรมฐานแรกของนักบวช หากเข้าใจแยกกายแยกจิตไม่ได้ก็ไปสึกเสีย ไม่มีทางที่จะบรรลุธรรม

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2562 ( 08:13:35 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:33:45 )

มูลกรรมฐาน

รายละเอียด

ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ที่ภิกษุที่มาบวชทุกองค์ อุปัชฌาย์จะให้กรรมฐาน 5 นี้ ไปทำความเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:16:05 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:34:15 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:45:38 )

มูลกรรมฐาน 5

รายละเอียด

มูลกรรมฐาน 5 คือ พระพุทธเจ้าให้อุปัชฌาย์สอนมูลกรรมฐานให้แยกอุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม แล้วปฏิบัติกรรมนิยามให้ถูก แล้วทรงไว้ซึ่งธรรมะ  คุณเป็นสัตว์ เป็นจิตนิยาม  คุณต้องทำจิตให้เป็นอุตุได้ พีชะได้  ทำสภาพจิตให้เป็นพีชะ เป็นอุตุ  ต้องทำให้ได้จริงๆ ผู้ที่สามารถทำจิตวิญญาณตัวเอง  แยกธาตุให้เป็นอุตุได้  คนนั้นแหละคือพระอรหันต์ ตายแล้วก็แยกธาตุเป็นอุตุไปหมดเลย  ก็ไม่มีอัตภาพเหลือ ไม่มีชีวะเลยได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน  2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:42:48 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:35:31 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:59:44 )

มูลกรรมฐาน 5

รายละเอียด

คือ  ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง  ประเด็นแยกกาย  แยกจิต  เมื่อมาบวชแล้วอุปัชฌาย์จะให้กรรมฐาน 5  ให้รู้จักแยกกายแยกจิตเป็น ว่าอันนี้เป็นอุตุนิยาม อันนี้เป็นพีชะนิยาม อันนี้เป็นจิตนิยาม  แยกจิตนิยามได้ให้เป็นกรรมนิยามทรงไว้ซึ่งธรรมะ

 

คำอธิบาย

มูลกรรมฐาน 5 คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 เดือนกันยายน 2562

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 13:33:58 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:36:33 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:48:48 )

มูลกรรมฐาน 5

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นมูลกรรมฐาน 5 จึงละเอียดสำคัญมาก ถ้าเข้าใจยังไม่สัมมาทิฐิ ผู้มาบวชแล้วจะไปนิพพานแต่ไม่สัมมาทิฏฐิในการแยกกายแยกจิตในมูลกรรมฐาน 5 เมื่อไหร่เป็นกายเมื่อไหร่ไม่เป็นกาย เมื่อไหร่จะเป็นอุตุ เมื่อไหร่เป็นพีช เมื่อไหร่เป็นจิต โดยกรรมโดยธรรม 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:11:17 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:34:37 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:48:22 )

มูลกรรมฐาน 5

รายละเอียด

ถ้าเข้าใจไม่ได้ หมดสิทธิ์ที่จะเป็นอรหันต์ เพราะฉะนั้นศึกษากันอยู่แค่ตื้นๆนี้ไม่มีหรอกเอาอรหันต์ที่ไหนก็ไม่มี ธรรมวินัยพระพุทธเจ้าบังคับไว้ว่าให้พระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชให้ลูกศิษย์แล้วก็ต้องสอนมูลกรรมฐาน 5 จากผม ขน เล็บ ฟัน หนัง วิธีการแยก 

แยกจากผมก็ได้ เพราะเมื่อใดเป็นอุตุนิยาม เมื่อใดเป็นพีชนิยาม เมื่อใดเป็นจิตนิยาม แล้วเมื่อรู้จิตนิยาม มีปัญญาในจิตนิยามก็จะทำกรรม ทำธรรมะเจริญไปจนกระทั่งถึงนิพพานได้ ถ้าไม่เข้าใจความเป็นอุตุอย่างไร มันปรุงแต่งกันอยู่เป็นแค่อุตุ ปรุงแต่งกายอย่างไรเป็นพืช ปรุงแต่งกันอย่างไรเป็นจิต 

3 ขั้นตอนนี้แหละ ถ้าแยกไม่ชัด แยกไม่สัมมาทิฏฐิ ไม่ได้ ท่านให้พิจารณาจากผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ถ้าหากพิจารณาจากหนัง อธิบายมันละเอียดเหลือเกินไม่ไหว เล็บ ค่อยชัดหน่อย ง่าย ฟัน ก็ยากกว่า เห็นยากกว่า เห็นยากกว่า เอาความรู้สึกเค้าว่า อันนี้ก็ใช้ความรู้สึก ขนเส้นเล็กนิดเดียว ผมก็เส้นเล็กยาวๆ อาตมาก็เลือกเอาที่เล็บ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 12:43:46 )

มูลกรรมฐาน 5 มีแต่เวทนาที่เป็นกรรมฐาน

รายละเอียด

แล้วเขาก็พูดต่อว่า ...กัมมัฏฐานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ ฝึกฝนเล่าเรียนเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์ช่วยประคองช่วยแก้อารมณ์ให้ ผมเห็นเป็นบ้ามาหลายคนแล้ว(ผมเองก็โดนมาแล้วครับ)เชื่อผมเถอะ ผมหวังดีนะครับ  แสดงว่าคุณก็เคยบ้ามาแล้วต่อมาก็หายก็ดีแล้ว 

กรรมฐานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอันนี้เป็นจริงอย่างที่คุณพูด อาตมาบอกแล้วมีแต่เวทนาที่เป็นกรรมฐาน เมื่อไปยึดถือเอากรรมฐานที่ผิด กรรมฐานเวจ ก็ทำให้เป็นเรื่องที่ลงนรก 

พระพุทธเจ้าท่านมีมูลกรรมฐาน 5 แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเข้าใจแล้ว 

พระพอเริ่มบวช อุปัชฌาย์ก็จะให้มูลกรรมฐาน 5 ให้แยกกายแยกจิตได้ มี ผมขนเล็บฟันหนัง จะเอาอันไหนก็ได้ มาพิจารณาแยกกายแยกจิตสิ มันเป็นอวัยวะ เป็นทวัตติงสาการภายนอก เกี่ยวกับภายนอกชัด ก็ให้ พิจารณาแยกกายแยกจิต 

แต่เดี๋ยวนี้ผิดเพี้ยนไปพิจารณา ย่างหนอ ก้าวหนอ แตะหนอยกหนอ แล้วไปแยก สมถะกับวิปัสสนา เป็นความนิ่งกับเคลื่อนไหวเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:20:43 )

มูลกรรมฐาน 5 แยกกายแยกจิต 

รายละเอียด

มูลกรรมฐาน 5 แยกกายแยกจิต  คือ  การแยกกายแยกจิตที่มันปรุงแต่งกันอยู่  คือ  จิตเป็นอุตุ พีชะ จะเข้าใจว่าอาการเมื่อนี้ เป็นอุตุ  อาการเมื่อนี้เป็นจิต เมื่อนี้เป็นกรรม เมื่อนี้เป็นธรรมะ  จะเข้าใจสภาวะของทั้ง 5 นิยามนี้ เมื่อเข้าใจแยกแยะเข้าใจสังขารและธรรมทั้งหลาย มันปรุงแต่งกันด้วย อุตุ พีชะ จิต กรรม ธรรมะ  คนจะเข้าใจนิยาม 5 ต้องเป็นผู้มีนิพพาน  ศาสนาพุทธหากไม่รู้เรื่องนิยาม5 ไม่มีทางเป็นพระอรหันต์

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:50:41 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:37:33 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:49:48 )

มูลกรรมฐาน 5 ให้แยกกายแยกจิต

รายละเอียด

คุณจะค่อยๆเข้าใจตามพยัญชนะตามสภาวะ หากไม่เข้าใจแล้วจะไปทำจิตให้เป็นสภาวะของอุตุ ของพีชะ ได้อย่างไร จะมนสิการไม่ได้ ทำไม่ได้ก็ไม่บรรลุ แม้แต่ความรู้ความเข้าใจก็ยังไม่ได้เลย แล้วจะไปทำได้ยังไง เพราะฉะนั้นมันลึกซึ้ง สำคัญมาก อาตมาก็พยายามอธิบายยืนยันให้แยกกายแยกจิต ภิกษุผู้เริ่มต้นบวชพระพุทธเจ้าให้อุปัชฌาย์สอนมูลกรรมฐาน 5 ให้แยกกายแยกจิต โดยใช้อุปกรณ์ผมขนเล็บฟันหนังอันใดอันหนึ่ง อธิบายแยกแยะอย่างที่อาตมาอธิบายให้ฟัง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 10:49:01 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:02:18 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:50:19 )

มูลกรรมฐาน 5...ผมขนเล็บฟันหนัง ท่านสอนให้พิจารณาอย่างไร?

รายละเอียด

ก็ขออธิบายขยายความละเอียดแทรกไว้ในข้อ 6 นี้ ก็จะมากสักหน่อย เพราะเป็นนัยสำคัญที่ควรจะรู้ไว้เสียเลยในตอนนี้ ผู้ที่สามารถปฏิบัติอย่างสัมมาทิฏฐิเมื่อเกิดมรรคผล ตนเองก็จะสามารถ“กำหนดรู้(สัญญา)”ความเป็น“ธรรมนิยาม 5”จาก“ผมหรือขนหรือเล็บหรือฟันหรือหนัง”อย่างใดอย่างหนึ่งจากความเป็น“กาย” จึงจะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“กายในกาย”

โดยพิจารณาจาก“ผม”ของตน จาก“ขน”ของตน จาก“เล็บ” จาก“ฟัน”จาก“หนัง”ของตน อันเป็น“กรรมฐาน 5 อย่าง”นี่แหละว่า เมื่อใด? อย่างไร? แค่ไหน? 

อาการใน“ผม”ของเรา ยังเป็น“กาย”อยู่ อาการอย่างใด“ไม่เป็นกาย”แล้ว

กลายเป็น“อุตุธาตุ”ไปแล้ว ไม่มี“ชีวะ”แล้ว 

ไม่มีภาวะของ“ความรู้สึก(เวทนา)ดั่ง“ดิน,น้ำ,ไฟ,ลม”ไปแล้ว 

ไม่ใช่แม้แต่“พีชนิยาม” ไม่ใช่“จิตนิยาม” หรือพูดอย่างเต็มสภาพก็คือ ปฏิบัติธรรมถึงขั้นทำความเป็น“นิโรธ”แล้วได้สำเร็จ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 421 หน้า 306


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 13:58:39 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:27:22 )

มูลกรรมฐานภิกษุทุกรูป

รายละเอียด

ภิกษุที่เริ่มมาบวช ภิกษุทุกรูป อุปัชฌาย์ทุกรูป ต้องให้เรียนรู้เรื่องการแยกกายแยกจิต เป็นมูลกรรมฐาน เป็นกรรมฐานเบื้องต้นเลย ก่อนอื่นเลยทีเดียว เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยพูดถึงกันแล้ว เพราะอุปัชฌาย์ไม่รู้เรื่องการแยกกายแยกจิตยังไง ดีไม่ดีไปเข้าใจว่าการแยกกายแยกจิตคือการนั่งหลับตา แล้วก็แยกจิตออกไป ลอยออกไป แล้วก็มาเห็นตัวเองนั่งมีกายนั่งแข็งอยู่ อาตมาก็เคยทำพวกนี้ นั่ง ลอยออกจากร่างแล้วเห็นกายตัวเองนั่งอยู่ เฮ้อ! ดีไม่ดีเลยเถิดไปถึงขั้นว่า เอาจิตออกจากกายแล้วเห็นตัวเองนอนตายอยู่ตรงหน้า เลยเถิดไปถึงขนาดนั้น สมมุติว่าตัวเองตายเลย เห็นจิตตัวเองลอยออกไปจากร่างที่ตาย เสร็จแล้วก็กลับร่างคืนอย่างเก่า มันก็ตลกแล้วล่ะ แต่เขาก็เป็นอย่างนี้ เขายึดผิดกัน มิจฉาทิฏฐิกัน ก็เลยเถิดไปเรื่อยๆ 

ทีนี้มาเข้าอธิบายตัวเนื้อหา 

ภิกษุที่ไม่สามารถแยกกายแยกจิตได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ตามลักษณะธรรมนิยาม 5 จึงหมดสิทธิ์ที่จะบรรลุนิพพานแน่นอนที่สุด 

ถ้าไม่เข้าใจ แยกกายแยกจิตตรงตามธรรมนิยาม 5 ไม่ได้ หมดสิทธิ์ จึงหมดสิทธิ์ที่จะบรรลุนิพพานแน่นอนที่สุด ถ้าไม่เข้าใจการแยกกายแยกจิตตามธรรมนิยาม 5

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานโลกีย์กับฌานโลกุตระ สภาวะต่างกันเช่นไร วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2567 ( 16:05:15 )

มูลกา

รายละเอียด

1. เป็นต้นเค้า

2. แรกเริ่ม

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 64 หน้า 77


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 20:48:47 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:49:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:51:52 )

มูลกาของการปฏิบัติธรรม

รายละเอียด

คำนี้ยิ่งใหญ่ เป็นต้นแรกต้นราก หรือมูลกาของการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าในมูลสูตร 10 

1. ฉันทะ เป็นมูล เป็นข้อแรกเป็นมูลกา เป็นราก

2. มีมนสิการ เป็นแดนเกิด 

ข้อแรกมีฉันทะมีจิตยินดี มีปฏิภาณปัญญาเข้าใจแล้วว่า อย่างนี้แหละผลอย่างนี้แล้วจะประพฤติอย่างไร ยิ่งเข้าใจได้อีกว่า อ๋อ..ประพฤติอย่างนี้แล้วจะได้ผลอย่างนี้ อ๋อ..ใช่เลย ยิ่งชัดเจนทั้งเหตุทั้งผลอย่างนี้เป็นต้น ก็ยิ่งเต็มรอบในฉันทะ ในความยินดีแล้วก็มาปฏิบัติให้มนสิการนี้เป็นโยนิโสมนสิการ คือการทำใจในใจของเราเอง ใจไม่มีใครมาทำใจในใจให้เราได้ เราต้องทำใจในใจของเราเองเท่านั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าใจของเรา เราเป็นเจ้าของใจเราเป็นประธานใจของเราเอง ​ไม่มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอะไรมาละลาบละล้วงยิ่งใหญ่ไปกว่าใจของเราเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 05:45:57 )

มูลกาหรือมูลกะ

รายละเอียด

ราก ความเป็นตัวเป็นตนของฉัน เมื่อเป็นชีวะ มันจะมีชีวะ หยั่งราก ภาษาบาลีว่า มูลกาหรือมูลกะ ถ้ากะคือเอกพจน์ กา เป็นพหูพจน์ จะมีมูล เริ่มตั้งแต่ 1,2 จะมี 2 เสมอ เมื่อพูดกันระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ แต่ต้องทำความเข้าใจให้สามารถทำความเป็น 1 ได้ ทำเป็น 0 ได้ นี่คือผลสำเร็จ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2565 ( 12:09:25 )

มูลสูตร

รายละเอียด

มี

1. มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) . . 

2. มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ) . . . .

3. มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย) . . . 

4. มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) . 

5. มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ) . . . 

6. มีสติ เป็นใหญ่ (อธิปไตย = พลังอำนาจ) . . . . 

7. มีปัญญา เป็นยิ่ง (อุตระ = เหนือ) . กัปตันรู้ยิ่งยอด  

8. มีวิมุติ เป็นแก่น (สาระ) . หลุดพ้นสุดยอดที่จะรู้ยิ่ง 

9. มีอมตะ เป็นที่หยั่งลง (โอคธา). = สอุปาทิเสสนิพพาน.  

10.มีนิพพาน เป็นที่สุด (ปริโยสาน) = อนุปาทิเสสนิพพาน 

คุณปฏิบัติจนเกิดวิมุติก็หยั่งลงเป็นอมตบุคคล คือคนที่ตายก็ได้เกิดก็ได้อย่างอาตมาจะตายก็ได้ จะเกิดก็ได้ ตายคือปรินิพพานเป็นปริโยสานเลยตายแล้วไม่มีเกิดอีกเลย ทำจิตให้เป็นอุตุนิยามไปหมด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 24 ข้อ 58


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:14:41 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:38:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:51:48 )

มูลสูตร 10

รายละเอียด

1.มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) เป็นแดนเกิดแดนตาย ต้องทำที่ตรงนี้แหละ ทำตรงนี้ ถ้าใครไม่มีความรู้ว่าเราจะปฏิบัติธรรม แล้วทำตรงไหนเป็นตัวแก่นตัวที่ที่จะทำ แล้วเกิด มนะ เกิดจิตอรหันต์ ให้รู้ทำได้ต้องมีผัสสะ แล้วมีเวทนาเป็นตัวองค์ประชุมลง เรียกว่า กาย  องค์ประชุมของเวทนาองค์ประชุมของสัญญาองค์ประชุมของสังขารนี่คือ กาย จะเปิดพจนานุกรมให้ดูเลยว่า กาย แปลว่า องค์ประชุมของเจตสิก เปรียญ 9 ฟังแล้ว หรือพวกศึกษาสายศาสนาพุทธทั้งหลาย  กาย ตัวต้นเลย ในพจนานุกรม ท่านก็แปลว่า กาย กอง ฝูง หมู่ ประชุม หมวดแห่งเจตสิกธรรม คือ เวทนา สัญญา สังขาร พระพุทธเจ้าท่านให้เรียนรู้กายนี่แหละเป็นต้น เป็นโลกุตรธรรม ข้อแรก ในโพธิปักขิยธรรม 37 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 09:00:36 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:44:32 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:53:06 )

มูลสูตร 10

รายละเอียด

ฉันทะ นี่เป็นตัวสำคัญ ในอิทธิบาทเริ่มด้วยฉันทะ มูลสูตรก็เริ่มด้วยฉันทะ อะไรอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะมูลสูตร 10 ฉันทะเป็นมูล หากเข้าใจมูลสูตรก็ครบเลยศาสนาพุทธอยู่ในนั้น 

1.มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) จิตของคุณจะต้องมีความยินดีพอใจต้องการมีความปรารถนาเลย ถ้าไม่มีพลังอันนี้ไม่มีการเริ่มต้น เริ่มต้นก็อย่างไม่เต็ม เสียไม่ได้ เฉื่อยๆดันทุรัง ต้องหนักเหน็ดเหนื่อย จิตใจคนเรานี้มันเกิดเปลี่ยนแปลงได้ เช่น คนมาสัมผัสกับอโศก ก็เห็นว่าน่าสัมผัสน่ามาศึกษา  ถ้ามีมากเท่าไหร่ก็คือฉันทะมาก จะมีความยินดีมาก ถ้ามีน้อยก็ยินดีน้อย เมื่อเริ่มมีฉันทะ จึงจะทำการมนสิการเป็นผล 

2.มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ) ถ้าคุณไม่เริ่มต้นมีฉันทะ จะมาทำการมนสิการ ทำใจในใจให้เป็นสมาธิเป็นฌาน ทำใจให้ทั้งรู้ทั้งสำรอก หมายความว่ารู้สิ่งที่จะสำรอกคือรู้ตัวเหตุแห่งใจ ว่ามีตัวกลิ โทษ ภัย ตัวกิเลส เป็นเหตุปรุงแต่งร่วมอยู่ผสมอยู่เกาะแน่นอยู่ ปลอมตัวแฝงมาอยู่ในตัวเรา อย่างที่หลอกตัวเราเองเลยว่าฉันเป็นคุณ คุณเป็นฉัน ฉันเป็นเธอ เธอเป็นฉันนะ เป็นอันเดียวกันนะ เราต้องแยก ต้องเรียนรู้ ต้องแยกให้ออก ต้องมนสิการ ต้องทำใจในใจ ต้องตีแตกแยกแยะออกให้ได้ เพราะมันจะติดกันอยู่เป็น 2 เรียกว่ากิเลสกับตัวเรา มันเป็นอย่างเดียวกัน เทวนิยมไม่ได้เรียนรู้เรื่องจิตเจตสิกไม่ได้แยกแยะกิเลสกับตัวเอง ก็เลยกลายเป็นตัวเดียวกัน เขาจะวิ่งไปหาตัวสุขแต่ก็คือตัวทุกข์นั่นแหละตัวเดียวกัน เขาได้สุขเท่าไหร่ก็ได้ทุกข์เท่านั้นตัวเดียวกัน เขาวิ่งไปหาดีก็คือได้ตัวชั่ว เพราะเขาแยกไม่ออก ไม่มีปัญญาที่จะแยกความดีความชั่วออกได้ชัดเจน จนกระทั่งไม่ทำชั่วเลย ไม่ได้ ไม่เด็ดขาด ความชั่วยังอยู่ยังแอบแฝงอยู่ไม่ได้หายไปไหน เพราะฉะนั้นจึงหยุดทำชั่วไม่ได้อย่างเด็ดขาด จะวนเวียนอยู่กับความชั่วความดี ลืมไปได้ชั่วคราว ชั่วคราวอันนี้อาจจะนานมาก หยุดได้ชั่วคราวอาจจะนานมาก แต่ไม่มีวันหมดสิ้นที่จะกลับไปทำชั่วอีก ดีแล้วก็ต้องมีชั่ว ชั่วก็มีดีอีก ศาสนาเทวนิยมจึงวนเวียนอยู่กับความดีความชั่ว ศาสนาพุทธหยุดความชั่วได้เด็ดขาดสนิท ถ้าจะอยู่ก็ทำดีอยู่ฝ่ายเดียว กุสะลัสสูปะสัมปะทา ถ้ายังอยู่ก็ไม่ทำชั่วอย่างเด็ดขาด สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง มีกรรมทุกกรรมกิริยามีแต่ดีตลอดกาล เช่นโพธิรักษ์ไม่ทำชั่วตลอดกาล ทำแต่ดี ด่าเก่งด่าดี ไม่มีด่าชั่วด่าผิด ถูกต้องในสิ่งที่ควรด่าเพราะว่ามันผิดมันควรแก้ไข ด่าแรงๆเพราะว่ามันดื้อด้านแข็งต้องกระแทกแรงๆ ขนาดนั้นยังบื้อตื้อ 

3.มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย) ผัสสะเป็นเหตุสำคัญในการปฏิบัติ หากไม่มีผัสสะ มนิสการก็ทำไม่เป็น ก็มีแต่จมลงสู่ความหลง เพราะไกลจากวิเวก กิเลสก็มากแล้ว

4.มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) . 

5.มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ) . . . 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:48:55 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:43:29 )

มูลสูตร 10

รายละเอียด

1.มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) . . 

2.มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ) . . . .

3.มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย) . . . 

4.มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) . 

5.มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ) . . . 

6.มีสติ เป็นใหญ่ (อธิปไตย = พลังอำนาจ) . . . . 

7.มีปัญญา เป็นยิ่ง (อุตระ = เหนือ) . กัปตันรู้ยิ่งยอด  

8.มีวิมุติ เป็นแก่น (สาระ) . หลุดพ้นสุดยอดที่จะรู้ยิ่ง 

9. มีอมตะ เป็นที่หยั่งลง (โอคธา). = สอุปาทิเสสนิพพาน.  

10.นิพพาน เป็นที่สุด (ปริโยสาน) = อนุปาทิเสสนิพพาน 

(พตปฎ. เล่ม 24 ข้อ 58) 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 มกราคม 2563

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 24 ข้อ 58


เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 18:27:44 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:41:21 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:55:37 )

มูลสูตร 10

รายละเอียด

1.  มีฉันทะเป็นมูล – รากเหง้า (มูลกา)

2.  มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ)

3.  มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย)

4.  มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา)

5.  มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ)

6.  มีสติเป็นใหญ่ (อธิปไตย = พลังอำนาจ)

7.  มีปัญญาเป็นอันยิ่ง (อุตระ = เหนือ) กัปตันรู้ยิ่งยวด

8.  มีวิมุติ เป็นแก่น (สาระ) หลุดพ้นสุดยอดที่จะรู้ยิ่ง

9.  มีอมตะ เป็นที่หยั่งลง (โอคธา) = สอุปาทิเสสนิพพาน

10. มีนิพพาน เป็นที่สุด (ปริโยสาน) = อนุปาทิเสสนิพพาน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 20:12:05 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:47:09 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:53:37 )

มูลสูตร 10

รายละเอียด

คือ เรื่องการปฏิบัติธรรม   ทำใจในใจไม่เป็น ทำใจไม่ได้  ก็ปฏิบัติได้แต่เปลือกนอก ไม่ถึงใจ   ไม่ได้ผลอะไรหรอก ตามมูลสูตร 10

1.      มีฉันทะ เป็นมูล  - รากเหง้า   (มูลกา)

2.    มีมนสิการ เป็นแดนเกิด  (สัมภวะ)

3.     มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย)

4.     มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา)

5.     มีสมาธิ  เป็นประมุข  (ปมุขะ)

6.      มีสติ   เป็นใหญ่   (อธิปไตย)

7.     มีปัญญา  เป็นยิ่ง  (อุตระ)

8.     มีวิมุตติ  เป็นแก่น (สาระ)

9.      มีอมตะ  เป็นที่หยั่งลง  (โอคธา)

10.    มีนิพพานเป็นที่สุด  (ปริโยสาน)  พระไตรปิฏกเล่ม  24 มูลสูตร ข้อ  58 ทำให้ถึงอุเบกขา  เป็น ฐานนิพพาน  เจริญด้วยองค์ 5  ปริสุทธา ปริโยทาตา  มุทุกัมมัญญา  ปภัสสรา ต้องมีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์  องค์แห่งมรรคสัมมทิฏฐิ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:37:39 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:49:37 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:54:17 )

มูลสูตร 10

รายละเอียด

     1.มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) คือความยินดีความต้องการความประสงค์ความปรารถนาว่าอันนี้ดีนะ นำจิตใจเรา ไม่มีใครบังคับคุณหรอก 

     2.มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ)

     3.มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย)

     4.มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) 

  1. มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ)  สุ

  2. มีสติ เป็นใหญ่ (อธิปไตย = พลังอำนาจ) . . . . 

  3. มีปัญญา เป็นยิ่ง (อุตระ = เหนือ) . กัปตันรู้ยิ่งยอด  

  4. มีวิมุติ เป็นแก่น (สาระ) . หลุดพ้นสุดยอดที่จะรู้ยิ่ง 

  5. มีอมตะ เป็นที่หยั่งลง (โอคธา). = สอุปาทิเสสนิพพาน.  

  6. มีนิพพาน เป็นที่สุด (ปริโยสาน) = อนุปาทิเสสนิพพาน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 24  ข้อ 58


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:01:52 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:54:36 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:54:53 )

มูลสูตร 10

รายละเอียด

1.มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) คือความยินดีความต้องการ. ความประสงค์ความปรารถนาว่าอันนี้ดีนะ นำจิตใจเรา ไม่มีใครบังคับคุณหรอ 

2.มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ)

3.มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย)

4.มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) 

5.มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ)  สุ

6.มีสติ เป็นใหญ่ (อธิปไตย = พลังอำนาจ) . . . . 

7.มีปัญญา เป็นยิ่ง (อุตระ = เหนือ) . กัปตันรู้ยิ่งยอด  

8.มีวิมุติ เป็นแก่น (สาระ) . หลุดพ้นสุดยอดที่จะรู้ยิ่ง 

9.มีอมตะ เป็นที่หยั่งลง (โอคธา). = สอุปาทิเสสนิพพาน.  

10.มีนิพพาน เป็นที่สุด (ปริโยสาน) = อนุปาทิเสสนิพพาน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:35:47 )

มูลสูตร 10 คือรากฐานของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ความรู้ที่มันมีคุณสมบัติคุณวิเศษถึงขั้นนี้ มันสะดุดเลย แล้วมันเกิดอย่างที่ภาษาพระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า ฉันทะเป็นมูล เป็นรากเหง้าเลย เป็นมูลกา หยั่งลงไปถึงอันนี้ ท่านแปลเป็นไทย ฉันทะว่าเป็นความยินดี ปรีดา เพราะเห็นดี เพราะเข้าใจดี เพราะรู้ได้ดี เพราะมีปัญญา สามารถรู้ในสิ่งที่ดีและมันยินดี ยินดีถึงขั้นท่านใช้คำว่า ถึงมูลกา ถึงรากของจิต (ข้อ 1. มีฉันทะเป็นมูลกา : มูลสูตร 10 พตปฎ. เล่ม 24 ข้อ 58 )

เพราะฉะนั้นในความยินดีอื่นๆที่เราใช้ภาษาไทย ยินดีต่างๆนานาเยอะแยะ ใช้ภาษาไทยที่ไปหมายถึงความยินดีที่ภาษาบาลีท่านแจกเอาไว้ ในความยินดีมีตั้งเยอะแยะ ปิติ นันทะ อะไรก็แล้วแต่ยินดีๆๆ มันมีตั้งเยอะแยะ แต่ฉันทะนี่มันเป็นต้นแรก คำแรกของอิทธิบาท 4 เป็นคำแรกของมูลกา แล้วเป็นคำที่ใช้ในอื่นๆอีกเยอะ 

ฉันทะ มันจะมีกำลังของวิริยะ มีกำลังและมีสภาพของจิตเข้าไปโถมใส่อันนี้ด้วย เพื่อที่จะไปเอาเนื้อแท้ วิมังสา วิมังสานี้ก็แปลว่าเนื้อนี่แหละ  และก็หมายถึงสัจธรรมอันนี้เป็นธรรมะที่เป็นเนื้อแท้ หยั่งเข้าไปถึงอันนี้ 

อาตมาพูดบ่อยไม่รู้กี่ทีแล้วว่า อาตมาเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาสาธยาย มาประกาศ  มาอธิบายลงไปให้ฟัง อาตมาไม่เคยหว่านล้อม ไม่เคยใช้วิธีการใดๆที่จะล่อหลอกหรือเป็นเชิงโฆษณา มีแต่พูดความจริงให้ละเอียดชัดเจน ให้ทุกคนเข้าใจได้ แล้วคุณมีฉันทะ แล้วคุณไปปฏิบัติ ปฏิบัติถึงขั้นมนสิการ เป็นราก เป็นมูลกา ข้อที่ 2 (ข้อ 2. มีมนสิการเป็นแดนเกิด (สัมภวะ) : มูลสูตร 10)

ปฏิบัติแล้วได้ถึงขั้นนั้น พระพุทธเจ้าท่านมีคำเต็มว่า “โยนิโสมนสิการ” เอาไปทำแล้วได้จนถึงขั้นโยนิโสมนสิการ หมายความว่า ทำใจในใจลงไปถึงที่เกิด-ถึงที่ดับ ที่อาตมาพูดนำมาแล้ว รู้จักความเกิด ความดับ ของจิตเจตสิกต่างๆ ลงไปจัดการกับ”อุปาทิ”

อุปาทิ คือ เชื้อที่พาเกิด-พาตาย 

ในคนที่ไม่รู้(อวิชชา)  พยัญชนะบาลีที่ท่านใช้สำหรับคนที่ไม่รู้แต่ยึดไว้อยู่ มีเชื้ออันนี้อยู่ แต่ยึดไว้อย่างอวิชชา ท่านเรียก อุปาทาน ยึดไว้แต่ไม่รู้ ยึดเชื้อเกิดโดยไม่รู้ ก็เลยมีแต่เกิดๆๆๆๆ ไม่รู้จักตาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 พ่อครูบวชมาครบ 53 ปี มีอะไรจริง วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:26:34 )

มูลสูตร 10 ที่พ่อครูมีสภาวะ

รายละเอียด

เข้าใจแค่ราก(มูลสูตร) 10 ข้อนี้ อาตมามีตั้ง 9 ข้อ คิดดูสิ เหลือข้อเดียวข้อสุดท้ายอาตมายังไม่ทำ แต่ได้แล้วปรินิพพานได้ นิพพานได้ แต่ยังไม่เป็นปริโยสาน ยังไม่ขออวสาน ทำได้อยู่ อาตมาพูดถึงตรงไหนคุณก็เข้าใจตาม ดีไม่ดีคุณปฏิบัติได้ด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:43:07 )

มูลสูตร 10 รากเหง้าต้นตอของทุกอย่าง

รายละเอียด

อาตมาสัมผัสมูลสูตร 10 ก็โอ้โห มูลคือ รากเหง้าต้นตอของทุกอย่าง 

ฉันทะเป็นมูลกา หากไม่มีฉันทะ ไม่สามารถจะศึกษาหาความรู้ให้จบหมด 10 หลักมูลสูตรนี้ ถ้าไม่มีฉันทะตัวต้นเลย ก็ไม่สามารถจะมนสิการได้ซึ่งเป็นตัวที่สองของมูลสูตร คุณไม่สามารถจะทำใจในใจของคุณได้ และคุณก็จะไม่รู้ว่าความสำคัญของ ผัสสะ เป็นเหตุเกิด สมุทัย เป็นเหตุที่จะรู้จะเรียนอะไรให้สำเร็จได้ทั้งหมด มีผัสสะเป็นสมุทัย(เสียง ดช.ดีๆ ร้อง ไม่หยุดเลย) 

มีผัสสะเป็นเหตุให้เกิด เกิดทุกสิ่งทุกอย่างเลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ว่าทำอย่างไรมันเกิด แล้วทำอย่างไรมันจะดับ อะไรมันเกิด มันเกิดมาเป็นอะไร มันเกิดมาทำไม มันเป็น Question Mark ไปหมดเลย มันเกิดมาทำอะไร เกิดมาแล้วไง จะเป็นอย่างไรต่อไป จะไปยังไงมายังไง จะดียังไง จะไม่ดียังไง ท่านก็จับประเด็นได้สำคัญคือ ประเด็นสุข ประเด็นทุกข์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 20:46:18 )

มูลสูตร 10 อย่างพิสดาร

รายละเอียด

เพราะมีวิมุติ เพราะทำใจในใจเป็น ในข้อ 2 ของมูลสูตร 10 นี่อธิบายมูลสูตร 10 อย่างพิสดารให้ฟัง ทำใจในใจให้เป็น ทำใจ เมื่อมีผัสสะกับโลกเขา เกิดเวทนา ก็สามารถทำเวทนาให้เป็น 1 ได้ ประชุมลง เอกสโมสรณา ภวันติ ทำให้สงบ ทำให้สบาย ไม่ต้องมีกิเลสเข้ามาวุ่นได้ ทำได้จนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ เป็นประมุขในตนเอง เป็นประมุขในจิตของตนเอง ทำสมาธิได้ เพราะ มีสติ เป็นอำนาจ มีปัญญาอยู่เหนือโลก มีสติที่ท่านแปลว่า เป็นใหญ่ มีปัญญาเป็นยิ่ง มีสติ เป็นอธิปไตย มีปัญญาเป็นอุตระ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 19:35:16 )

มูลสูตร คือมูลฐานของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ในวงการศาสนาพุทธน่าจะฉุกคิดสะดุดใจว่า โพธิรักษ์เอาอะไรมาพูด พูดใหญ่จริงๆ จริงๆแล้วธรรมะพระพุทธเจ้านี้ใหญ่ มีหลักฐาน

หากปฏิบัติตามมูลสูตร

1. มีฉันทะเป็นมูล เป็นเบื้องต้น

2.แล้วก็มาเรียนรู้ให้เกิด การทำใจในใจ มีมนสิการเป็นแดนเกิด ให้รู้วิธีการทำใจในใจให้ได้แล้วทำใจในใจให้ลดกิเลสให้ได้

3. โดยมีผัสสะเป็นสมุทัย การปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าต้องมี ผัสสะเป็นสมุทัย ที่ไม่ใช่สมุทัยในอาริยสัจ 4 ที่มีตัณหาเป็นสมุทัย แต่อันนี้เป็นสมุทัยในการปฏิบัติ 

4. เกิดเวทนา หากไม่มีผัสสะก็ไม่มีเวทนา หากไม่มีเวทนาก็ไม่มีกรรมฐานที่ตั้งในการปฏิบัติ แล้วเวทนานี่แหละคือกรรมฐานหลักตัวแท้ของพระพุทธเจ้า จะบรรลุธรรมหรือไม่ก็อยู่ที่เวทนา หากไม่มีตามที่ว่านี้นอกรีตหมด

นี่คือมูลสูตร คือมูลฐานของศาสนาพุทธ

5. สมาธิเป็นประมุข สั่งสมจิตที่ลดกิเลสได้ตามข้อต่างๆข้างต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน หลวงปู่สู้ใจตนเองอย่างไร


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:00:09 )

มูลแห่งความทะยานอยาก 9

รายละเอียด

1.เพราะอาศัยความทะยานอยาก จึงมีการแสวงหา
2.อาศัยการแสวงหา  จึงมีลาภ
3.อาศัยการมีลาภ  จึงมีการวินิจฉัย
4.อาศัยการวินิจฉัย  จึงมีความกำหนัดพอใจเป็นอำนาจ
5.อาศัยกำหนัดพอใจเป็นอำนาจ  จึงมีการฝังใจ
6.อาศัยการฝังใจ  จึงมีการหวงแหน
7.อาศัยการหวงแหน  จึงมีความตระหนี่
8.อาศัยการตระหนี่  จึงมีการอารักขา  
9.อาศัยการอารักขาเป็นต้นเหตุ  จึงมีการจับท่อนไม้  จับศาสตรา มีการทะเลาะ แตกแยก  กล่าวขัดแย้งกันการชี้หน้าด่ากัน  การพูดส่อเสียด  การพูดปด  และเกิดอกุศลธรรมอื่นอีกเป็นอเนก
 

ที่มา ที่ไป

 (ล.10 ข.59) 

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2562 ( 17:15:12 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:51:42 )

มูสสูตร 10

รายละเอียด

มูลเหตุแห่งธรรมทั้งปวง คือ

1. มีฉันทะเป็นต้นเหตุเป็นมูล (มูลกา)

2. มีมนสิการ(ทําใจในใจ)เป็นแดนเกิด (สัมภวะ)

3. มีผัสสะ (กระทบสัมผัส)เป็นเหตุเกิด (สมุทัย)

4. มีเวทนา(ความรู้สึก)เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา)

5. มีสมาธิ(จิตตั้งมั่น)เป็นประมุข (ปมุขะ)

6. มีสติ ระลึกรู้ตัว)เป็นใหญ่ (อธิปไตย)

7. มีปัญญาเป็นยิ่ง (อุตระ)

8. มีวิมุตติ(ความหลุดพ้น)เป็นแก่น (สาระ)

9. มีอมตะ(การไม่เกิดไม่ตาย) เป็นที่หยั่งลง (โอคธา)

10. มีนิพพาน(การดับกิเลสสิ้นเกลี้ยง)เป็นที่สุด (ปริโยสาน)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 24 “มูลสูตร” ข้อ 58


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 08:29:20 )

มเหสินฺติ

รายละเอียด

ผู้แสวงหาคุณใหญ่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 369


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:45:54 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:50:58 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:59:17 )

มโน

รายละเอียด

1. จิต วิญญาณ

2. ใจ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 80 

คนคืออะไร? หน้า 561


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:36:45 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:52:00 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:58:42 )

มโน

รายละเอียด

ส่วนมโน คือธาตุลึกของจิต ธาตุละเอียดลึกของจิต ผู้ที่สามารถจับรายละเอียดของความลึกอันนี้ได้เรียกว่า มโน คนพูดว่า มโน แต่ไม่ได้เรียนรู้ลึกรายละเอียดพวกนี้หรอก ผู้ที่ศึกษา มโน ได้ง่ายๆต้องรู้มาแต่ขั้นหยาบ ขั้นกลาง จึงเรียนรู้ขั้นมโนได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:17:42 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:23:42 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:58:17 )

มโน อสรีรัง

รายละเอียด

จิตไม่มีรูป ไม่มีร่าง

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 232


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:37:42 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:52:44 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:00:04 )

มโนกรรม

รายละเอียด

1. งานของจิต อันเป็นการงานของจิต

2. ประธานการกระทำ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 20, คนคืออะไร? หน้า 419


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:38:53 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:53:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 15:00:30 )

มโนคติ (concept)

รายละเอียด

การยึดถือในความคิดเห็น

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 61


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:40:17 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:54:20 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:59:47 )

มโนปริจาร

รายละเอียด

ประเด็นสำคัญที่สุดที่จะต้องแยกให้ได้คือ เคหสิตะ เรียกว่ามโนปวิจาร หรือพฤติหรืออาการของจิต อย่างนี้เรียกเคหสิตะ แล้วก็ต้องเข้าใจ เรียนรู้เนกขัมมะ คือ ผู้ที่จะมาเรียนออกจากความเป็นเคหสิตะ เรียกว่าเนกขัมมะ ออกจากโลกเก่าโลกโลกีย์ที่คนเขาติดยึด หลุดออกมาเรียกว่าเนกขัมมะ ออกมา จาก  เคหสิตะ 18 ความหมาย ตั้งแต่แยกกายแยกจิต แยก กายยิกเวทนากับเจตสิกเวทนา แยกเป็น 2 คือ เกี่ยวกับภายนอก เจตสิก เกี่ยวกับภายใน 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:42:22 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:07:19 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:58:58 )

มโนปวิจาร

รายละเอียด

มโนปวิจาร เรียกว่าพฤติของจิต อาการเคลื่อนไหวของจิต ที่มันเป็นเคหะสิตะ 18 แล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนัง

พญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2565 ( 21:49:37 )

มโนปวิจาร

รายละเอียด

แยกแยะ มโนปวิจาร เรียกว่าพฤติของจิต อาการเคลื่อนไหวของจิต ที่มันเป็นเคหสิตะ 18 แล้ว ศาสนาพระพุทธเจ้าสอนให้ทำเป็นเนกขัมมะอีก 18 ได้ มันเป็นคู่กันระหว่างเคหสิตะ กับ เนกขัมมะ ของโลกีย์เป็นเคหสิตะ ของพระพุทธเจ้าก็มาเรียนรู้ความจริงรู้ไปถึงสภาพความจริงของจิตเจตสิกรูปนิพพาน หรือเรียนรู้ถึงเจตสิกต่างๆละเอียด 

โดยเฉพาะละเอียดจะเข้าไปสำคัญตรงเวทนา แยกเป็นเวทนา 108 แล้วก็ทำเนกขัมมะ จนกระทั่งเป็นสมาธิสัมโพชฌงค์ และในสมาธิสัมโพชฌงค์ก็คือเป็นจิตที่ตั้งมั่นแล้ว สรุปสุดท้ายก็บอกว่าเป็นอุเบกขา ตั้งมั่นเพราะจิตเป็นอุเบกขา เป็นอุเบกขาแล้วถึงตั้งมั่น จะเป็นสมาธิสัมโพชฌงค์และอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ทำให้จิตหมดกิเลสบริสุทธิ์สะอาด แล้วก็สั่งสมลงเป็น อเนญชา ตกผลึกลงไป แล้วก็ตั้งมั่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนังพญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 22 พฤษภาคม 2565 ( 09:15:18 )

มโนปวิจาร 18

รายละเอียด

เวทนา 6 เกิดจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่ไปกระทบ เวทนา 18 เวทนา 6 กระทบแล้วเกิด สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ก็เป็นเวทนา 18 ต้องอ่านพฤติกรรมของมัน เป็นมโมปวิจาร 18 ที่เป็นสองฝ่าย คือ เนกขัมสิตเวทนากับเคหสิตเวทนา ฝ่ายละ 18 ก็เป็นเวทนา 36 เคหสิตะ คือ คนที่ไม่ได้เรียนรู้ลดกิเลส ก็มี 18 เวทนานี้เป็นสามัญ เราต้องมาเรียนรู้ออกจากสุขจากทุกข์ ออกจากโสมนัสโทมนัส หรืออุเบกขาที่เป็นโลกีย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 10:46:25 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 17:07:48 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:56:53 )

มโนปวิจาร 18 ของเวทนา

รายละเอียด

มโนปวิจาร 18 ของเวทนา คือ มีตั้งแต่อารมณ์สุขทุกข์  ไม่สุขไม่ทุกข์ที่เกิดจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือของทวาร กระทบแล้วเกิดความสุข ความทุกข์  เกิดความไม่สุขไม่ทุกข์ก็ได้  ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รวมแล้วเป็น 18  เวทนา  นี่แหละให้เรียนรู้อันนี้แหละ มันกระทบสัมผัสด้วยอวิชชา เกิดสังขารปรุงแต่งก็เป็นโลกีย์  เรียนรู้แยกแยะอันนี้  แยกแยะแล้วก็สามารถแยกอารมณ์แท้กับอารมณ์เทียมที่ปรุงแต่งด้วยโลกีย์มีกิเลส สสังขาริกัง  มีตัวการมาปรุงแต่ง คือ กายกลิ  คือ กิเลสอาการกิเลสแล้วกำจัดกิเลสให้หมดไปจากจิต จะเหลือแต่เวทนาแท้ ความจริง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:47:12 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:56:44 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:55:17 )

มโนปวิจาร 18 พฤติกรรมของจิต

รายละเอียด

ไม่ใช่แค่ความรู้สึกเท่านั้น เนกขัมมะ เป็นวิธีปฏิบัติ เคหสิตะกับเนกขัมมะเป็นกรรม เป็นวิธีปฏิบัติ เคหสิตะ คือแบบโลกๆทำเวทนาเป็นโลกีย์ เวทนา 18 เรียกเวทนานั้นว่า เป็นจุดสำคัญที่สุดของศาสนาพุทธ เรียกตามศัพท์ 18 คำนี้ว่า มโนปวิจาร 18 มโนปวิจาร หมายความว่าเป็นพฤติกรรมของจิต วิจาร หรือพฤติกรรมจิต ป คือสิ่งที่กำลังดำเนินไป มันตั้งอยู่ตรงนี้ ผู้ที่ไม่ศึกษา เคหสิตเวทนา ปรุงแต่ง สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ 6 ทวาร รวมแล้วเป็น 18 มีเท่านี้แหละพฤติกรรมของมนุษย์โลก ผู้ไม่ศึกษาก็จะมี เคหสิตเวทนา 18 กิเลสเพิ่มขึ้นทุกวินาทีน่าสงสารมากปุถุชน เพราะจะมีแต่สั่งสมกิเลสด้วยอวิชชา พอมาเนกขัมมะ เป็นผู้ศึกษาธรรมะมีสัมมาทิฏฐิก็ทำจิตออก เนกขัมมะแปลว่าทำจิตออกจากกามและพยาบาท ออกจากกิเลส ออกจากโลกียะ ปฏิบัติให้เหตุมันลดลง หลุดพ้นออกมาได้ เรียกว่า เนกขัมมะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 11:13:59 )

มโนปวิจาร 18 

รายละเอียด

มโนปวิจาร 18  คือ เวทนานี้สำคัญที่สุดที่มโนปวิจาร 18 ถ้าแยกเคหสิตเวทนา กับ เนกขัมสิตเวทนาไม่ได้  ก็ไม่มีจุดที่นักปฏิบัติธรรมจะได้เป็นพระอรหันต์ไม่ได้  มีคนรู้ จิต  เจตสิก  เวทนา 18 อย่างไร  เวทนาทางทวาร 6 แล้วมีสุข ทุกข์ อุเบกขา เป็น 18 หากไม่เข้าใจอาการ ลิงค นิมิต 2  สิ่งนี้ก็จบเห่  ปฏิบัติอะไรไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:51:07 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:55:40 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:54:14 )

มโนปุพพังคมา

รายละเอียด

1. จิตใจนั้นเป็นผู้นำทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นประธาน

2. ใจเป็นใหญ่ เป็นประธานมาก่อนสิ่งอื่น

3. ใจเป็นก่อน

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 547, หน้า 561, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 254


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:43:53 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:56:02 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:52:59 )

มโนปุพพังคมา ธัมมา

รายละเอียด

1. จิตวิญญาณเป็นประธานในธรรมทั้งปวง

2. ใจ หรือจิตนี่แหละเป็นประธานสิ่งทั้งปวง

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 193, กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉ.272


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:48:41 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:57:28 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:52:02 )

มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา

รายละเอียด

1. วาจา – การงาน อาชีพของผู้ใดจะมีจะเกิดได้ก็ย่อมมาแต่จิตของนั้น ๆ เอง

2. จิตวิญญาณเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง ทุกอย่างสำเร็จด้วยจิต-วิญญาณ

3. ใจเป็นประธาน ใจหรือจิตจะรับรู้ก่อน แล้วจึงจะสั่ง-ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปยังรูป ยังกายจริง ๆ

4. ในธรรมนั้นมีนาม คือใจเป็นใหญ่ เป็นประธาน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 22, หน้า 298, สมาธิพุทธ หน้า 66, คนคืออะไร? หน้า 419, หน้า 547

 


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:46:57 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 15:59:32 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 14:49:00 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์