@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

สรีระ

รายละเอียด

รูปร่าง

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 162


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:48:44 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:25:18 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:42:24 )

สรีระของเราจัดการปรุงแต่งเก่งที่สุด

รายละเอียด

สรีระของเรามันจัดการปรุงแต่งเก่งที่สุด อย่าไปเก่งกว่ามันเลย มันปรุงแต่งเก่งที่สุด คนอวดดี อันนี้กินเข้าไปแล้วน้ำตาลจะมาก อันนี้กินเข้าไปแล้ววิตามินตัวนั้นจะมาก ตัวนี้จะเกิน อวดดีที่สุด เพราะฉะนั้นเรากินเข้าไปเถอะ แล้วมันจัดการแยกเองจัดการเอง ถ้าตัวไหนมันมากเกินไปมันก็จะแสดงออก ไม่สบายแล้วนะ ไม่สมดุลแล้วนะ คุณก็แก้ไข หมอก็เรียนมาแค่นี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

พระอรหันต์เป็นผู้มีความรู้เรื่องอาหารดีกว่าคนโลกีย์


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 18:40:08 )

สรีระต่างกับกาย

รายละเอียด

สรีระมันแปลว่าร่างก็ถูกแล้ว แล้วไปเอากาย มาใส่เข้าไปอีกแปลเป็นไทยนะ เอาคำไทยที่ตัวเองก็ผิดแล้ว ผิดอย่างไร ผิดเพราะเข้าใจว่ากายคือสรีระ แล้วเอามาแถมซ้ำเข้าไปอีกว่าเป็นร่าง โอ้โห..เป็นร่างใหญ่เลย สรีระเลยเป็นร่างใหญ่เลย ซึ่งเอาคำว่ากายที่มันแปลว่าจิตนี้ไปใส่สรีระผิด มันก็เลยผิดซ้อน 2 เข้าไปอีก 

เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถที่จะปฏิบัติธรรมบรรลุได้ ถ้าคำว่ากายยังไม่สัมมาทิฏฐิ ปฏิบัติธรรมอย่างไรก็ไม่บรรลุ เป็นข้อแรกของสังโยชน์ข้อที่ 1 เลย ต้องพ้นสักกายทิฏฐิ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:22:17 )

สรีระต่างๆไม่ใช่สรีระที่เป็นคนเป็นเชนไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น สรีระต่างๆจึงไม่ใช่สรีระที่เป็นคน เพราะคนประกอบด้วยธาตุพืช ไม่ใช่ประกอบด้วยทั้งสัตว์ทั้งพืชด้วย คนนี้เป็นสัตว์กินพืชซึ่งก็พิสูจน์กันมาไม่รู้กี่ปีแล้ว ไม่ลงรายละเอียด คนเป็นสัตว์กินพืช เขาก็ไม่รู้ตัวเอง 

มันก็เลยกลายเป็นสัตว์ดุ คนกลายเป็นสัตว์ดุ อำมหิต ไม่มีคุณธรรมโลกุตระ ไม่มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในศีลข้อที่ 1 ฆ่าคนได้หน้าตาเฉยอย่างไม่รู้สึกรู้สา ใครจะตายก็ตายไป ไม่รู้จักค่าของความเป็นชีวิต มันเสื่อมถึงขนาดนั้น ดีไม่ดีอำมหิต ไม่ชอบใจก็ฆ่าๆ อย่างอเมริกา มีอาวุธได้อย่างอิสระ เสร็จแล้วก็ฆ่ากันตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ก็ยิงกันเล่นไปเรื่อย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 20:29:02 )

สรีระพ่อครูพิเศษไม่เหมือนใคร

รายละเอียด

สรีระอาตมาเป็นสรีระพิเศษไม่เหมือนใคร คุณเอามาตรฐานสามัญมาวัดอาตมา เห็นไหมล่ะ 

ทุกวันนี้อาตมาแรงน้อย ก็พูดให้รู้ว่าหยุดได้แล้ว เคยบอกแล้วว่าปล่อยให้อาตมาอิสระ ก็ไม่ยอมให้อาตมาอิสระ คุมอาตมาอยู่นั่นแหละ ทั้งหมอทั้งพยาบาล 

อาตมารู้ว่าอาตมาจะกินอย่างไร อยู่อย่างไร อาตมารู้ ทุกวันนี้มันอยู่ได้เพราะอาตมาประคองการออกกำลังกาย การทรงตัวให้อยู่ได้ ส่วนอาหารนั้นอาตมาแย่เลยทุกวันนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

พระอรหันต์เป็นผู้มีความรู้เรื่องอาหารดีกว่าคนโลกีย์


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 18:43:50 )

สรีระไม่ใช่กาย

รายละเอียด

กายขันธ์ของอาตมาจะว่าไปแล้ว มันหมอง มันเหี่ยว มันโทรม มันเสื่อม นี้กาย ร่างกาย ร่าง บอดี้ สรีระไม่ใช่“กาย” นะ ต่างกันนะ สรีระกับกาย กายะ กายะหมายถึงจิตเป็นหลัก แต่มีภายนอกด้วย ถ้าร่างไม่มีจิต สรีระไม่มีจิตร่วม ต้องเข้าใจให้ชัดถ้าสัมมาทิฏฐิไม่ได้ มิจฉาทิฏฐิร่างปนอยู่กับกาย โดยเฉพาะทุกวันนี้ยืนยันได้เลยแม้แต่พจนานุกรมบาลีก็แปล สรีระร่างกาย นั้นผิด ต้องเป็น”สรีระร่าง”อย่างเดียว ไม่มีกาย กายต้องมีจิตร่วมด้วย 

เพราะฉะนั้นพจนานุกรมบาลีผู้ที่แปลสรีระว่าร่างกายนี่ คนผู้นี้ยังไม่สัมมาทิฏฐิแม้แต่คำว่ากาย ผิดตั้งแต่คำว่ากาย แปลไม่ได้ สรีระไม่ได้แปลว่าร่างกาย สรีระแปลว่าร่างเท่านั้น เอากายเข้าไปต่อ แสดงให้เห็นเลยว่า คุณยังไม่สัมมาทิฏฐิ คุณยังไม่พ้นมิจฉาทิฏฐิใน สักกายทิฏฐิ กายคำแรก

ร่างคนเป็นก็ช่าง ร่างของคนเป็นก็ต้องแสดงถึงความเป็นร่างเท่านั้น สรีระไม่มีจิตร่วม ต้องชัดเจนตรงนี้ ถ้าไม่เช่นนั้นก็เลอะเทอะกันไปใหญ่เลย 

(บนจอภาพ) นี่อะไร เอามาจากไหน มี insert พจนานุกรม สรีระเขาแปลว่าร่างกาย สรีระต้องแปลว่าร่างเฉยๆ (ในพจนานุกรม คำว่า) สรีรยนต์ แปลว่า เครื่องยนต์คือร่างกาย นี่ก็ผิดอีก เพราะเข้าใจกายผิดแล้วก็เลยขยายความต่อจากสรีระเป็นกายหมด ผิดหมด จะใช้คำว่า”รูปร่าง” ก็ได้ ในรายละเอียดพวกนี้มันมีความยาก

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 16:36:53 )

สรุปคำสอนของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

สรุปคำสอนของพระพุทธเจ้า  คือ  ศีล  สมาธิ  วิมุติ  วิมุติญาณทัสสนะ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 07:31:30 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:08:34 )

สรุปค่อยๆศึกษาไปเมื่อเรียนรู้โลกุตระ ก็จะรู้โลกียะทั้งหมด

รายละเอียด

สรุปแล้วในสารพัดทุกอย่าง มาอ่านความแตกต่างกัน อ่าน อาการ ลิงค เป็นความแตกต่าง ตั้งแต่ความแตกต่างที่เรียกว่ารูปกับนามก็ตาม ความแตกต่างของดีกับชั่วก็ตาม ความแตกต่างของสุขกับทุกข์ก็ตาม ความแตกต่างของโลกียะกับโลกุตระ นี่แหละ เป็นสมบูรณ์สุด ศึกษาไปเถอะค่อยๆศึกษาไป เมื่อเรียนรู้โลกุตระ ก็จะรู้โลกียะทั้งหมดว่าคือสภาพคู่ แล้วจัดการกับสภาพคู่นี้ให้ได้ ถ้าแยกกายแยกจิตไม่ได้ 

ทำไมต้องแยกกายแยกจิต ขั้นแรกต้องเข้าใจเสียก่อนว่ากายคืออะไรอย่างสัมมาทิฏฐิ ถ้าเข้าใจกายไม่สัมมาทิฏฐิเรียกว่าไม่พ้น สักกายทิฏฐิ แล้วกาย เขาให้อ่านที่ตน มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนังของตน เป็นต้น แล้วมาแยกอีก แยกให้รู้ว่า เมื่อไหร่ผมก็ดี ขนก็ดี ฟันก็ดี หนังก็ดีเล็บก็ดี จะเอาอย่างใดอย่างหนึ่งมาแยกกันได้ แต่อาตมาชอบเอาเล็บมายกตัวอย่าง อธิบายสู่ฟัง เล็บเรา ต้องแยกกายแยกจิต เมื่อไหร่เป็นกาย เมื่อไหร่ไม่เป็นกาย เมื่อไหร่มีชีวะ เมื่อไหร่ทำชีวะให้เป็นพีชะก็ได้ อุตุก็ได้ ให้มีกายก็ได้ไม่มีกายก็ได้ นี่คือความสำเร็จ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 17:00:22 )

สรุปจบ ฌานพุทธเป็นเรื่องปกติของชีวิตมีแต่เบิกบานร่าเริงกับการทำงาน

รายละเอียด

สรุปจบ ฌานพุทธเป็นเรื่องปกติของชีวิต จิตไม่มีนิวรณ์ปกติ ตั้งมั่นแข็งแรงไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่เบิกบานร่าเริงกับการทำงานไม่ว่างทีเดียว มีวิตก วิจาร ปีติ สุข จิตสุดท้ายท่านจบที่อุเบกขาหรือเอกัคคตา เอกัคคตาก็มีตั้งแต่ตัวที่ 1-4 จบได้ที่อุเบกขา อุเบกขาคือจิตสะอาด ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา พระพุทธเจ้า ตรัสไว้หมดแล้ว อาตมาหยิบมายืนยัน คุณมีสภาวะจริงแล้วทำได้ ใช้งานได้จริงๆ 

คนที่มาเรียนรู้เรื่องจิตวิญญาณแล้วก็ทำได้ ตามที่อาตมาพูดไปว่า พูดไปอย่างไรทำได้อย่างนั้น ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที พูดอย่างไรทำได้อย่างนั้น ทำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ก็ยืนยัน มันมีความกล้าหาญ มั่นใจ  เพราะมีความจริง ไม่ได้แอบเอาของใครมา แม้จะเป็นนามธรรมอย่างไรก็ตาม เราก็พูดตามประสาเรา อธิบายนามธรรมที่เรามีสู่คนอื่นฟังตามภาษาไทย แต่สื่อภาษาเด็กๆให้เขารู้ได้ แต่คนโตก็มีอีกภาษา ยิ่งรู้ภาษาเยอะ ก็พูดได้เยอะ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 14:10:43 )

สรุปตำนานของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

สรุปที่อาตมาพยายามอธิบายถึงตำนาน หรือประวัติของศาสนาพุทธนิดหน่อย เพื่อยืนยันให้รู้ว่า มนุษยชาตินี้ เกิดมาเป็นธรรมชาติ จนกลายเป็นศาสนาฮินดู เขาไล่ตั้งแต่เป็นสัตว์ จนกระทั่งเป็นมนุษย์แคระ เป็นเหมือนมนุษย์คนป่า แล้วก็เป็นมนุษย์ที่มีความรู้ฉลาดขึ้นไปไล่ลำดับไปตั้ง 10 ขั้น ขั้นที่ 9 คือพุทธะ ศาสนาฮินดูเขาก็ยอมรับว่าขั้นที่ 9 คือพุทธะ อย่างนี้เป็นต้น 

คือความรู้ที่รู้กันทั่วไป แม้แต่เทวนิยม ส่วนสายเทวนิยมด้านตะวันตกนั้น ไม่ได้รู้มากเท่าฮินดู ไม่ได้รู้เรื่องจิตวิญญาณละเอียดลออเท่ากับฮินดู รู้แค่ตายรอบเดียวแล้วไปอยู่กับพระเจ้า แล้วมืดไปอยู่กับพระเจ้า ฮินดูก็รู้ เป็นแต่เพียงว่าเขาไม่มีสัมมาทิฏฐิจึงไม่มีที่จบอยู่อย่างนั้นตลอดกาล เสร็จแล้วก็อยู่กันอย่างมีชีวิตทำความดีซึ่งมันก็ต้องเสื่อมเป็นธรรมดาแล้วก็วนไป เทวนิยมก็วนเวียนนาน นานจนตัวเองลืม ลืมสัญญาเก่าของขันธ์เก่า ลืมแล้วก็จำได้อยู่แค่รอบที่ตัวเองจำได้ ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านแบ่งเป็น 62 ทิฏฐิ ท่านแยกไว้ ก็คิดจำอดีตเป็นหลัก ถือขันธ์ในอดีตเป็นหลักก็ได้ 18  มีขันธ์เก่าและฟุ้งซ่านไปอีก 44 ด้วยก็เลยมีมากมายเป็น 62 ทิฏฐิ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 48 อยากหมดอวิชชาต้องเริ่มคบพ่อครูผู้สัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 19:56:12 )

สรุปทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งหลายทั้งปวง มรรคผลไม่เกิดก็เพราะไม่รู้กายในกาย ไม่รู้เวทนาในเวทนา!

รายละเอียด

แม้แต่เริ่มต้นด้วยการพิจารณา“กายในกาย”ข้อที่ 1 ของ“โพธิปักขิยธรรม 37”อันเป็น“โลกุตรธรรม”ก็ไม่มีกันเลย หรือหลงพิจารณา “กาย” กันแต่ “กาย” ภายนอก การพิจารณา“เวทนาในเวทนา”ข้อที่ 2 ก็ไม่มี เพราะไม่มี“ผัสสะ 6” 

เพราะฉะนั้น “กิเลสกาม”ที่เป็น“ภายนอก”อันต้องกำจัดเป็นขั้นต้นก่อนอื่นก็ไม่ได้ทำเป็นขั้นตอนมาตามลำดับ เฉพาะอย่างยิ่ง ปฏิบัติเรียนรู้จาก“เวทนา”อันเป็น“ฐาน”ในการปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด

ใน“พรหมชาลสูตร”พระไตรปิฎก เล่ม 9 ข้อที่ 51 ถึงข้อที่ 90 ก็ไม่มีการปฏิบัติเลยซึ่ง“เวทนา”ที่เป็น“ฐาน”ในการปฏิบัตินี้ 

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนให้ศึกษาอย่างบริบูรณ์ แจกแจงถึง“เวทนา 108”ทีเดียว โดยเฉพาะการแยก“โลกียะ”กับ“โลกุตระ”นั้น ให้ปฏิบัติตรงที่เป็น“เคหสิตเวทนา 18”กับ“เนกขัมสิตเวทนา18” ซึ่งเป็น“ฐาน”แท้ๆของการปฏิบัติธรรมของพุทธ คือ“มโนปวิจาร 36”นี่เอง 

ซึ่งต้องเรียนรู้จาก“เวทนาในเวทนา”นี่แหละแท้ๆ ไม่ใช่อื่น

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 143 หน้า 129


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 04:53:09 )

สรุปทำไมกษัตริย์ จึงเหมือนจิตประชาชนจึงเหมือนกาย

รายละเอียด

ตกลง สม.เทียนคำเพชร พอเข้าใจพอรู้เรื่องหรือยังว่า ทำไมกษัตริย์ จึงเหมือนจิตวิญญาณ แล้วประชาชนจึงเหมือนกาย ก็เพราะประชาชนมีจำนวนเยอะมาก เป็นรูปหยาบ ก็เป็นกาย แต่เมื่อเป็นคนต้องมีจิตวิญญาณด้วย และมีรูปร่างด้วย เพราะฉะนั้นประชาชนจึงคือ กายกับจิตส่วนหยาบ กษัตริย์คือ กายกับจิตส่วนละเอียดสูง ในประเทศอย่างนั้น

ซ้อนเข้าไปในกษัตริย์ก็ต้องมีธรรมะโลกุตรธรรม ซ้อนเข้าไปอีก ทีนี้กษัตริย์ที่จะมีโลกุตระธรรมสูงขนาดไหน ก็เป็นเรื่องจริงของกษัตริย์ อย่างเช่นในหลวง ร.9 ท่านมีชัดเจนไม่ใช่น้อย ท่านก็ทรงงานมาตั้ง 70 พรรษา สวรรคตไปแล้ว อาตมาก็ยังสืบทอดอันนี้อยู่ ไม่ได้นอกเหนือไปกว่ากัน แต่อาตมาได้เพิ่มความรู้โลกุตรละเอียดเข้าไปอีก พูดไปมากจะหาว่าไปละเมิด ในหลวงอีก ไม่ดี พอ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2565 ( 13:35:33 )

สรุปปัจจัยแห่งชีวิต

รายละเอียด

สติแม้จะอยู่ภายใน เวลาคุณนอนหลับมีสติอยู่ข้างในไหม แล้วคุณก็เข้าใจอะไรอยู่ข้างใน เขาไม่ตื่นพอหรอก เพราะฉะนั้นพวกที่สติไม่พอนอนหลับฝันไปแล้วเละเลย คุมไม่ได้ใช่ไหม แต่ผู้ที่มีสติดีนอนฝันก็คุมได้ จะให้คิดเรื่องอะไร จะให้หยุดคิดเรื่องอะไรได้ ตื่นอยู่ครึ่งหนึ่งแล้วก็คิดปรุงแต่งความคิดไปอีกครึ่งหนึ่งก็ได้ จะสงบกว่านั้นก็ได้ ก็อยู่ที่การกำหนดจิตของตัวเองจะให้ได้แค่ไหน 

สรุปแล้ว รู้จักปัจจัยแห่งชีวิตว่า ไม่หลงใหล ไม่เพ้อไปหาวัตถุมากเกิน มีพอสมควร อยู่กันอย่างพออยู่พอกินอย่างนี้แหละ พอแล้ว รู้จักกรอบแห่งความพอเหมาะพอดี วัตถุกับจิต ใช้พอดี ไม่เฟ้อไม่เกิน ไม่ผลาญพล่า ไม่สุรุ่ยสุร่าย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปี ขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:04:03 )

สรุปปัญญาทั้ง 8

รายละเอียด

อาตมาพูดไปเหมือนคนพูดเพ้อเจ้อ เหมือนคนพูดเรื่อยไปต่างๆ แต่มันทำความเข้าใจได้ไหม ลึกซึ้งไหม ลึกซึ้งด้วยเพราะฉะนั้นคนจะฟังตามยากมาก แต่คนรู้แล้วนี่แหละมันเข้าสาระ เข้าวิมุติ เข้าแก่นเลยนะนี่ 

เพราะฉะนั้นผู้รู้แก่นอย่างอาตมาก็พูดแก่นให้ฟัง 

สรุปแล้วปัญญาทั้ง 8 นี้ กว่าจะมาถึงตัวที่ 8 ที่แยกรูปเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณแล้วเป็นอนัตตาได้ คุณต้องคบสัตบุรุษ คุณต้องฟังสัจธรรม แล้วคุณยังได้รับประโยชน์สงบกายสงบจิต แล้วก็จะสงบอย่างสมบูรณ์แบบ ต้องรักษาศีล เป็นพหูสูต แยกกุศลธรรมอกุศลธรรม อย่าทอดธุระ อย่าประมาท ทำจริงๆในข้อ 6 ข้อที่ 7 จึงจะเกิดขั้นบรรลุ เมื่อบรรลุแล้วก็รู้ว่าผู้ใดบรรลุ ผู้ใดไม่บรรลุก็ไม่ว่ากัน รู้จักสภา รู้จักการอยู่กับสังคม เพราะคุณสามารถรู้แจ้งจบในปัญญาที่ 8 บริบูรณ์ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อใดเป็นอัตตา เมื่อใดทำให้ไม่เกิดอัตตาเป็นอนัตตาได้ สมบูรณ์แบบ ก็เป็นปัญญาที่ครบศาสนาพุทธเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:59:29 )

สรุปลงที่กสิกรรม 

รายละเอียด

อาตมาสรุปลงที่กสิกรรม นี่อาตมาความเข้าใจถึงความเจริญของเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่ตรรกะ ไม่ใช่แค่พูด ไม่ใช่แค่ความรู้ แต่ทำได้จริง และทำกันจริงๆ ทำได้ แล้วต้องทำกันจริงๆ เพราะคนอื่นเขายังไม่เชื่อ คนอื่นเขายังไม่เห็นว่า มันจะจริงหรือ ถ้าเผื่อว่า ชาวอโศกนี้ สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร สร้างได้มากจริงๆ มากจนกระทั่ง ติดต่อกับผู้อื่นผู้ใดที่เขาจะมาเป็นเอเจนซี่ เอ้า มารับไปเถอะ ขายราคาถูกๆ หรือ ผู้ที่ควรให้ฟรีเลย คุณเอาไปแจกนะ หรือคุณเอาไปกินเองอย่างพอเหมาะพอควร ไม่ใช่เอาไปมากมายแล้วทับถมให้แก่ตัวเอง เราไม่ใช่ขี้เหนียวหรอก แต่เราให้เอาไปช่วยกันแจกสิ 

แล้วการแจก การสะพัด ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ในคำว่าเศรษฐศาสตร์นั่นแหละ เศรษฐกิจ สะพัด สู่คนที่ควรได้ ควรมี ควรเป็น กระจายไป ถ้าได้อาหารนี้ไป เขาก็ต้องกิน ใช้การกินนั่นแหละเป็นหลัก ชีวิตก็อยู่ได้แล้ว ถ้าเขายิ่งศึกษาตามที่เราพาทำให้สูงให้เจริญ เขาก็จะยิ่งเป็นแรงงานของโลก เป็นผู้ที่สร้างสรรให้แก่โลก เป็นผู้ที่เกื้อกูลเสียสละเผื่อแผ่แจกจ่ายให้แก่โลก โลกานุกัมปายะ คนเช่นนี้แหละเป็นคนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วนำมา อาตมาศึกษาตามมา นับชาติไม่ถ้วนจนเป็นโพธิสัตว์ระดับนี้ ไม่ได้อวดตัวเองนะ นี่พูดความจริง เป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะว่าศึกษาฝึกฝนมาแล้วเป็นจริง จริงอย่างไร คุณมาศึกษาเอาความจริงที่อาตมาประพฤติได้ประพฤติเป็น แล้วพากันทำ จนกระทั่งมีผลสำเร็จ ยืนยันกับโลกนี้แหละ 

เพราะฉะนั้น สรุปลงที่ว่า ถ้าเผื่อว่าพวกเราสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารนี้ได้ กระจายแจกจ่ายไปได้ ทุกวันนี้พวกเรานี้มีเหลือแล้วก็เสียๆ ทิ้งๆไปเยอะ เอาไปปันสุข แล้วพวกเราก็ไม่ค่อยขยันแจก ขั้นสร้างก็พอทำเนา สร้างได้อุดมสมบูรณ์อยู่แต่ขั้นแจกแค่นี้ยังไม่ช่วยกันดูซิ เอาไปกระจายบ้าง พวกเราเองชาวอโศกอยู่ทั่วไป ก็ไม่ได้ขาดแคลน ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย มันมีเกินพอที่จะแจกคนอื่นๆเขาได้อยู่ 

อันนี้ก็พูด ให้ตั้งหัวหน้ากองเก็บ แล้วก็จัดสมาชิกผู้ที่จะช่วยเก็บ เคยตั้งนะ ปลูกแต่มันไม่ไปเก็บ ผลผลิต ของดีๆทั้งนั้น มันก็เน่าเสียทิ้งไป นี่ มันมีแค่นี้ ก็มีรายละเอียดของมันนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 12:49:49 )

สรุปลงไปที่สุขทุกข์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในคำว่า อรหะ ไม่ลึกลับ ท่านสรุปลงไปที่สุขทุกข์ ดีชั่วก็ไม่มีปัญหาแล้ว ดีชั่วก็ต้องทำด้วย ต้องเข้าใจดีชั่วก่อน แล้วทำดีจนกระทั่งไม่ทำชั่วเลย สัพพปาปสอกรณัง (ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) แล้วทีนี้มาเรียนรู้สุขทุกข์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรัสรู้โดยพระพุทธเจ้า ผู้ที่จะรู้จักสุขจักทุกข์ แล้วทำให้ตัวเองหมดเรื่องสุขเรื่องทุกข์ในจิตได้จริง คุณจะถึงอนัตตาธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 12:53:42 )

สรุปวันทรงรู้กับวันตรัสรู้คือวันไหน

รายละเอียด

ประเด็นแรกว่า การตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์นั้น มีนัยยะ รายละเอียดอย่างที่ได้สาธยายไปแล้ว ว่าท่านระลึก เตวิชโช นั่งใต้ต้นโพธิ์แล้วระลึกเอา บุพเพนิวาสานุสติญาณ อ่านความเกิด ความดับ เรียกจุตูปปาตญาณ 

บุพเพนิวาสานุสติญาณ คือของเก่าที่เคยผ่านมาแล้ว คนที่ไม่เคยผ่านมาแล้วจะเอาจินตนาการเอาไม่ได้จริงหรอก ต้องบรรลุเองเป็นเองได้ผ่านมาแล้วจึงจะระลึกได้ 

เมื่อระลึกความเกิดความดับได้ ว่าเราสามารถทำกิเลสสิ้น สิ้นอาสวะมา ตั้งแต่เป็นพระอรหันต์จนเป็นพระโพธิสัตว์ จนจบโพธิสัตว์บรรลุพุทธสัมมาสัมโพธิญาณ 

ในวันเพ็ญเดือน 6 ยังไม่ได้ตรัส ยังอยู่ที่พระองค์พระองค์เดียว รู้ๆๆ แล้ว จนกระทั่งมาถึงเดือน 8 จึงมาตรัส จึงมีอัญญาโกณฑัญญะรู้เป็นองค์แรก ตอนนั้นจึงเกิดความตรัสรู้ จากนั้นก็จึงพัฒนาการขยายผลออกไป 

แล้วไม่ใช่วันตรัส ไปตรัส วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 วันอาสาฬหบูชา ถ้าจะเรียกวันตรัสรู้ ต้องเอาวันอาสาฬหบูชา นี่ เป็นรายละเอียด วันนี้อธิบายไปก็จะมีความขัดแย้งกับความเชื่อถือเดิม ก็คงจะมีคนวิจัยวิจารณ์กันต่อไป ก็ขอจบคำว่าตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ ไม่ขยายความรู้ว่าต้นโพธิ์ตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือต้นอัสสัตถพฤกษ์ 

โพธิ แปลว่าความตรัสรู้ พระพุทธเจ้าไปใช้ต้นอัสสัตถพฤกษ์ ถ้าพระพุทธเจ้าไปใช้ต้นไม้ต้นใด ระลึกรู้สัมมาสัมโพธิญาณได้ ต้นไม้ต้นนั้นก็เรียกว่าต้นตรัสรู้ ต้นโพธิ์ ของพระพุทธเจ้าองค์นี้ใช้ต้นอัสสัตถพฤกษ์ ที่เรียกขณะนี้ทั่วโลกว่าต้นโพธิ์ ต้นนี้เดิมมันชื่อต้นอัสสัตถพฤกษ์ ตามภาษาเก่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:03:17 )

สรุปอย่าเพิ่งตายรักษาชีวิตร่างกายไปดีๆ

รายละเอียด

คำว่า นามธรรม คำนี้ ลึกไปถึงทุกคนเข้าใจเลยว่า เมืองไทยนี้ มีลักษณะหลายอย่าง ลึกๆ ผู้นำทั้งหลายแหล่เขาไม่รู้ตัวหรอก อาตมาเห็นนิมิตของมันแล้วชัดเจน คนอย่างผู้นำสหรัฐ คนอย่างผู้นำรัสเซียไม่มา จอมโหดจอมเฮี้ยวอยู่กันสองคนไม่มา มันก็ชัดจริงๆเลย แม้แต่ที่สุดอินเดีย เขมร มาไม่ได้ มีเหตุการณ์จำเป็นมาไม่ได้เพราะติด covid เขมรนั้นซ้อนลึกนะ ฆ่าเป็นล้านๆเลยนะใช่ไหม เอาละพอ ไม่ต้องไปต่อ 

หมดเวลาแล้วนี่ สรุป อย่าเพิ่งตาย รักษาชีวิตร่างกายไปดีๆ เพื่อจะได้ดูนวนิยายโลกุตรธรรมเรื่องสำคัญ ที่พวกเรากำลังช่วยกันเขียน และเป็นตัวแสดงที่แท้จริง ระวังจะติดเตียง เป็นภาระ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2565 ( 13:19:08 )

สรุปแล้วสายศรัทธาวิมุติที่ไม่รู้จักกายจะมีผลอย่างไร

รายละเอียด

สรุปแล้วไม่รู้คำว่ากาย แล้วต้องอ่านที่ตนเอง สักกะ กายของเรา มีภายนอก มีภายในมีสัมผัสเป็นปัจจัย นี่เดี๋ยวนี้ๆ กาย อาตมาก็เน้นกาย คุณไปหลับตาปฏิบัติไม่มี ภายนอกสัมผัสเดี๋ยวนี้เลย โมฆบุรุษ คุณไม่มีวันจะบรรลุอรหันต์หรอกนั่งหลับตา ไม่มีกาย ภายนอก ไม่มีทางเลย ก็ไม่รู้จะพูดยังไง 

พระพุทธเจ้าอธิบายอย่างอาตมาไม่ได้ พระพุทธเจ้าเริ่มบรรยายธรรมะนี้กับเดียรถีย์ ที่เขาไปติดยึดการนั่งหลับตาหมด ถ้าท่านไปด่าพวกหลับตา ท่านก็ไม่ได้ใครเลย แต่อาตมา เป็นลูกพระพุทธเจ้าที่สอนให้กับชาวพุทธทั้งนั้นไม่ใช่ เดียรถีย์ อาตมาจึงได้พูดชัด แยกผิดแยกถูก โดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลาอนุโลมปฏิโลม เอาเลย ตรงเลย ถ้าทำตรงตามอาตมากล่าวนี้ สั้น เร็ว ไม่ช้าไม่ยาก บรรลุได้สั้นเร็วไม่ช้าไม่ยาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กันยายน 2565 ( 14:47:18 )

สรุปได้ไหม นิพพานกับฌาน ต้องมีทั้งฌาน ทั้งปัญญาจึงจะได้นิพพาน

รายละเอียด

ท่านย่อลงอย่างนั้น ก็ได้ จะสรุปเอาสาระเป็นสภาวธรรม สรุปผลก็ได้ แต่ภาษามันพาทำได้จริงไหมล่ะ ถ้าทำได้จริงมันก็จริง ทำยังไม่ได้จริงมันก็พูดเอาโก้ๆไป คนพูดโก้ๆมีเยอะแยะแต่ทำไม่ได้จริง อาตมาพูดนี่นะ อาตมาพูดไม่โก้ ไม่เหมือนท่านที่พูดโก้ๆเพราะๆพูดแล้วโอ้โหดีดูดี แต่อาตมาพูดแล้วผ่าๆ เหมือนแรงๆ อะไรก็ไม่รู้ มันเจ็บๆนะ รู้สึกมันดูดุเดือดอยู่ แต่มันต้องอย่างนี้ยุคนี้มัวแต่เหยาะแหยะๆอยู่อย่างนั้น อาตมาว่ามันไกลไปแล้ว กระชากมาแรงๆไม่อย่างนั้นตกเหวไปไกลลงไปแล้วนั้นนะ มันลงไปจนกระทั่งมันเหลือห้อยอยู่ต่องแต่งนิดเดียว อาตมาต้องรีบคว้าต้องกระชากขึ้นมา ไม่งั้นทนทานน้ำหนักที่มันจะเอาหัวทิ่มหัวต่ำลงไปในเหวไม่ได้ อาตมาจึงต้องรีบคว้ารีบดึงรีบกระชาก มันจำนนจะต้องทำอย่างนั้น 

ถูกสิ มีอย่างเดียวไม่ได้ ฌานเป็นตัวเหตุ ปัญญาเป็นตัวผล พลังงานของฌานสะสมไปเต็มรูปก็เป็นปัญญา พลังงานของฌานเต็มรูปก็เป็นวิชชา ในจรณะ 15 สะสมฌาน 1,2,3,4 แล้วก็เป็นวิชชา 8 ไง เป็นวิชชา เป็นความรู้ ความรู้หรือปัญญาหรือวิชชาหรือญาณ มีธรรมฤทธิ์ เป็นพลังงานเพลิงกองใหญ่ มีพลังงานเผาล้านองศา ถ้ามันเป็นจริงแล้วมันจะเป็นเช่นนั้น นี่ก็ขยายความเป็นพยัญชนะสู่ฟังให้ชัดเจน 

แค่หยุด หยุดหลับตา หยุดเข้าป่าเข้าถ้ำ มาเผชิญหน้า มีผัสสะเป็นปัจจัย ปฏิบัติ โดยเฉพาะการกิน โภชเนมัตตัญญุตา เรียนรู้ให้จริงเลย แล้วคุณจะรู้ตัวหน้ากิเลส แล้วก็ทำปัญญาให้แจ้ง ทำปัญญาให้เกิด มันจะรู้เลยว่า ปัญญาเป็นอย่างนี้ ธรรมฤทธิ์ของปัญญาเป็นอย่างนี้ มันทำกิเลสลดลงๆ จนกระทั่งคุณเป็นจริงอย่างอาตมาบ้าง กิน

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #37 ฌานเป็นพลังงานปัญญาล้านองศาเผากิเลส  วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2566 ( 16:53:49 )

สรุปไม่เป็น ก็เลยไม่จบสักทีอรหันต์ 

รายละเอียด

เขียนตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2565 ดีมากเลย อาตมาไม่ต้องแนะนำหรอก ที่คุณพูดมา เรียบเรียงคำมาทั้งหมดนั้น ถ้าคุณปฏิบัติจริงได้แล้ว คุณอย่างต่ำเป็นอนาคามี อย่างสูงก็เป็นอรหันต์ได้เลย ที่คุณพูดมาบรรยายมา ถ้าคุณปฏิบัติได้ตรงตามที่พูดมา อย่างต่ำขึ้นเป็นอนาคามี 

อนาคามีที่เป็นนี่เพราะอะไร ที่จริงคุณจะจบอรหันต์แล้วเท่าที่ฟัง แต่มันสรุปไม่เป็น พวกเรานี้สรุปไม่เป็น ก็เลยไม่จบสักทีอรหันต์ อาตมาพูดมาหลายทีแล้วเรื่องนี้ มันรู้มากแล้วก็ไปหลงสัญญา หลงพยัญชนะเอามาเรียงสัญญาวนอยู่นั่นแหละ มันก็สนุกดี มันรู้นะ อะไรมันก็เป็นอิทัปปัจจยตา เป็นเหตุ เป็นปัจจัย เหตุนี้เป็นผลนี้ ดีไปหมดเลย มันก็เพลินไป ไม่สรุปจบสักที นี่คือคนมีสภาวะไม่สรุปเอง 

ส่วนคนไม่มีสภาวะนั้นไปเพลิดเพลินกับพยัญชนะไปออกนอกโลกเป็นโลกจินตา เอาคำอรรถกถาจารย์มา อาตมาชาตินี้ไม่เรียนอรรถกถาจารย์เลยเอาพระไตรปิฎกอย่างเดียวก็เหลือกินแล้ว อรรถกถาจารย์พระออกนอกรีตแม้แต่คัมภีร์วิสุทธิมรรคของท่านพุทธโฆษาจารย์ ซึ่งไม่ใช่พุทธโฆษาจารย์ของเมืองไทยนะ แล้วสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ที่เป็นคนไทยก็นับถือด้วย นับถือวิสุทธิมรรค ซึ่งวิสุทธิมรรคนี้มิจฉาทิฏฐิอยู่ครึ่งค่อน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2566 ( 11:30:33 )

สรโณ

รายละเอียด

แปลว่าทำการรบ  ต้องพึ่งการรบ  หากรบจบก็อรณะ คือไม่ต้องรบ แต่ถ้ายังไม่เป็นพระอรหันต์ก็ต้องมีวิบากที่เป็นการทำสงคราม สรณะ ต้องรบกับกิเลสตลอดกาล  ตราบที่มันไม่หมด หมดเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องรบ นั่นคือคุณหมดกิเลส คุณก็พึ่งพาอรณะ  แต่คนที่ยังไม่หมดกิเลส ก็ยังมีสรณะ  ยังมีสงครามกับกิเลส เป็นที่พึ่งของตนอยู่  อรหันต์ขึ้นไปถึงจะเรียกว่า อรณะ  ไม่มีที่พึ่ง คือการรบอีก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช  วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562                      


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 20:04:39 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:10:27 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:44:00 )

สร้างคนให้เก่งอย่างไรดีกว่าสร้างหุ่นยนต์

รายละเอียด

สิ่งเหล่านี้เขาก็ยังศึกษาพยายามทำให้เป็นไป แต่มันเป็นไปไม่ได้เขายังเชื่อว่าเป็นไปได้ สักวันหนึ่งเขาก็จะรู้เขาจะจำนนเอง แล้วไม่ต้องไปเสียเวลาที่จะสร้างวัตถุอย่างนั้นมา สร้างคนให้เก่งให้เป็นคนที่เข้าใจถึงพลังงานในคน แล้วควบคุมพวกนี้เอง แต่ละคนควบคุมด้วยความจริงใจ ด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ทำสิ่งที่เป็นภาวะร้ายไม่ดี ทำแต่ภาวะดีเท่านั้นถ้าจะมีอยู่ เชื่อกรรมวิบาก กรรมวิบากจริงที่สุด ผู้รู้แล้วจะไปทำอกุศลวิบากทำไม ที่เป็นบาปจะไปทำทำไม ทำแล้วมันก็สั่งสมมันเป็นอันทำ ทำแล้วบอกว่าไม่เอาอันนี้แบ่งให้คนอื่นแล้วกัน คนอื่นเขาไม่ได้ทำจะแบ่งให้เขาได้อย่างไร เขาทำครึ่งหนึ่งก็เป็นของเขาครึ่งนึง คุณทำเต็มก็เป็นของคุณเต็ม คุณจะแบ่งจากเต็มให้คนอื่นยังไม่ได้เลยเต็มวิบาก 

ยกตัวอย่าง ไปตีหัวเขาเปรี้ยงหนึ่ง แต่อีกคนไม่ได้ตี เราก็ว่าแบ่งวิบากให้ครึ่งหนึ่งมันไม่ได้ อย่างน้อยคุณมาเห็น ทีนี้มีนามธรรมซ้อน เห็นแต่ไม่ห้าม นี่เป็นวิบากแล้ว ห้ามไม่ทันก็อีกเรื่อง ไม่ห้ามก็อีกเรื่องหรือห้ามแล้วเขาหันมาจะฆ่าเราก็ซวยสิครับ ห้ามแล้วมันไม่หยุดก็อีกเรื่อง ดีไม่ดีไปห้ามแล้วมันจะตีเรา หันไม้หน้าสามว่าไม่รักตัวก็ไม่ควรนะ ต้องใช้มหาปเทส 4

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 21:31:21 )

สร้างความรู้ความจริงให้รู้ว่าคนเรานี้ต้องมีใจพอ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้าไม่ไปสร้างความรู้ความจริงให้รู้ว่าคนเรานี้ต้องมีใจพอ มีน้อยก็พอแล้ว ไม่ต้องมีมากหรอกชีวิตนี้ มีไว้เพื่ออาศัยเป็นเครื่องกินเครื่องใช้ เรียกว่า “ปัจจัย” ในชีวิต จะมีเครื่องประกอบที่เรียกว่า “บริขาร” องค์ประกอบไม่ต้องมากอะไรหรอก ยิ่ง เครื่องประกอบบริขารนั้นหรูหราฟู่ฟ่าอีก มันเป็นความเบ่งอวด มันใหญ่หรูหรา มันมากมาย มันเขื่อง มันไม่ได้เรื่อง มันมาข่มกันเฉยๆ ยกตัวอย่างง่ายๆมีนาฬิกาฝังเพชร เพชรล้อมนาฬิกา เป็นเพชรชั้นเยี่ยมเลย มีตั้งเกือบ 100 เม็ด รวมราคาเป็น 10 ล้าน 20 ล้าน แค่นาฬิกาเรือนนี้สาระมันคือเวลา ถ้านาฬิกาเรือนนี้เดินไม่ได้เรื่องเลยจะใส่เพชรไปไม่รู้กี่อันก็ตามอย่าเอามาใช้เลย เวลาของคุณมันเก๊ไม่ตรงกับเขาเลย นาฬิกาของคุณมันเก๊ มันไม่ใช่เครื่องบอกเวลาที่จะใช้ได้ดี มันเป็นของเก๊ของไม่ได้เรื่อง แม้จะมีเพชรตั้ง 100 เม็ดอยู่ในนี้ นาฬิกา มันไม่ใช่นาฬิกาหรอกมันเป็นนาฬิเก๊ นาฬิห่วย อย่างนี้เป็นต้น เราต้องรู้แก่นสารสาระเนื้อแท้ของความหมาย ว่าอันนี้คืออะไร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:13:59 )

สร้างความเกิดทางชาติให้เกิดเป็น นิพพัตติ อภินิพพัตติ

รายละเอียด

แก่นที่แน่นอนเที่ยงแท้แล้วเป็นเชื้อ เป็นแก่นชีพ แล้วเราก็มีเชื้อชาติสร้างความเกิดทางชาติให้เกิดเป็น นิพพัตติ อภินิพพัตติ เราก็ต้องรู้สิ่งที่ประชุมรวมลงให้เราได้สังเคราะห์สังขาร โอกกันตะ อะไรเกิดมาเราก็เอาสิ่งที่มันเป็นมันมี มาจัดสรร อภิสังขาร ปรุงแต่งจัดแจงทำให้มันดีได้มาเป็นมวล ทำให้มาเป็นลูก ทำให้มาเป็นเชื้อชาติเดียวกัน เรามีแก่นชีพแล้วมีตัวหลักแล้ว ก็สร้างให้มีชาติใหม่ มีลูกหลานเหลนโหลน มีคนที่เป็น DNA เดียวกันไปได้เรื่อยๆ  พัฒนาขึ้นไปให้เป็นเนื้อแท้ ให้เป็นลูกหลานตัวจริงไม่ใช่ลูกหลานตัวเก๊ ตัวปลอมตัวหลอก เอาลูกหลานแท้ๆเกิดเป็นลูกหลานทางจิตวิญญาณเกิดขึ้นจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:22:29 )

สร้างความเบิกบานที่ไม่เป็นโลกีย์ให้กับตัวเองได้อย่างไร

รายละเอียด

อานาปานสติสูตรจบที่ทำใจให้อภิปโมทยังจิตตัง คือจิตที่เบิกบานร่าเริง ที่ถามมานี้ลึกซึ้งมาก ความเบิกบานร่าเริงที่ไม่เป็นโลกีย์ให้แก่ตัวเอง ที่ไม่เป็นโลกีย์ คือ 1. เป็นอารมณ์ที่เรารู้ว่าควรจะมีควรจะเป็น เหมาะสมกับตัวเรา และไม่เป็นโทษภัยกับคนอื่น 2. แม้เหมาะสมกับตัวเราแล้วก็ไม่มากไม่แรงจนเราไปหลงติด ถ้ามันมาก แรงจนเราหลงติดก็หยุด อย่าไปเบิกบานร่าเริงมากกว่านั้น อาการเบิกบานร่าเริงมันมากกว่านี้แล้วเราจะหลงติด เราก็ต้องเลิก ก็ต้องเบิกบานร่าเริงให้น้อยลง จนกระทั่งกลางๆ ไม่เบิกบานร่าเริง หรือเบิกบานร่าเริงได้ คุณก็ต้องยอมอนุโลม เพราะคุณเบิกบานร่าเริงได้แล้วคุณก็ไม่ติดในความเบิกบานร่าเริงนี้ อนุโลมความเบิกบานร่าเริงให้จิตใจเราเบิกบานร่าเริง เพราะฉะนั้นจึงต้องเป็นกลางให้ได้ อย่าให้เศร้าหมอง ให้เบิกบานร่าเริงเป็นที่สุด แล้วจนเป็นกลางๆ กลางๆแล้วค่อยๆมีพลังงาน สร้างจิตเป็นกลางได้แข็งแรง จิตเป็นกลางเรียกว่าอุเบกขา เพราะฉะนั้นฐานอุเบกขานี้เป็นอย่างนี้ เรียกว่าบริสุทธิ์ มันไม่เป็นบวกเป็นลบอย่างไรเลย แม้แต่ฝึกไปอีกแล้วกระทบสัมผัสชวนให้ร่าเริง เราก็อย่าไปเหลิงกับร่าเริง ถ้าจะปล่อยให้ร่าเริงไปตาม เดี๋ยวเราจะหลง ก็อย่าเอาร่าเริงไว้ เมื่อเราอนุโลมได้แล้วก็ร่าเริงไปได้ มีพลังศรัทธาจิตเจโต static ฐานยึดไว้ได้ เราถึงยอมอนุโลมเป็นได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุยายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 19:01:02 )

สร้างคุณสมบัติอันวิเศษที่เป็นป่าในจิตตนได้อย่างไร

รายละเอียด

แม้ข้อ 5. สภาพของป่า มันมีคุณลักษณะพิเศษตรงที่มักน้อย สันโดษ ขัดเกลา เงียบสงัด เป็นคุณสมบัติอันวิเศษของมนุษย์ สร้างอันนี้ใส่ตนให้ได้ในจิต ถ้าหากจิตใจเรามักน้อยสันโดษดังกล่าว เงียบสงัดจากกิเลสต่างๆ เราก็เอาความดีงามนั้นมาให้แก่ตัวเอง ไม่ใช่ไปลงพื้นที่ภูมิศาสตร์ ที่มีความมักน้อยสันโดษเงียบสงัดขัดเกลา ที่เป็นคุณสมบัติของมันเอง ที่แปลจากบาลีว่า อิทมตฺถิตฺเว จิตใจที่สงัดจากกิเลส จิตใจยิ่งไม่เงียบยิ่งแข็งแรงเร็วไวเสียงดัง ไม่ใช่เงียบ บื้อทื่อ คุณสมบัติมักน้อยสันโดษขัดเกลาเป็นคุณสมบัติของจิต จิตใจที่มีความมักน้อยสันโดษขัดเกลาสงัดจากกิเลส จิตอย่างนี้เป็นจิตที่ยิ่งมีคุณสมบัติมักน้อย ยิ่งเป็นผู้ที่เป็นจอมเศรษฐศาสตร์ หรือสันโดษ เป็นจิตที่มีความเพียงพอ ใจพอสันโดษสุดยอดแห่งเศรษฐศาสตร์อยู่กับสังคมประเทศชาติ เป็นคนขัดเกลา ขัดเกลาความสุจริตกายวาจาใจหรืออกุศล ขัดเกลา เป็นคนที่มีจิตสงัดจากกิเลส ถ้าอย่างนี้คือคุณสมบัติอันวิเศษที่เป็นป่าหรือธรรมชาติ มันก็มีคุณสมบัติอันนี้อยู่ในธรรมชาติของมัน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:18:41 )

สร้างจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวงได้

รายละเอียด

ตายอย่างมีปัญญาครบถ้วนบริบูรณ์ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ครบ การเกิดก็เกิดมาอย่างดีที่สุด ไม่มีอะไรบกพร่อง ไม่ทำบาปทั้งปวง ทำแต่กุศล กรรมกิริยามีแต่กุศลจิตสะอาดบริสุทธิ์ตลอดไป ยั่งยืนตลอดกาลไม่เปลี่ยนแปลงไม่มีอะไรหักล้างได้ ซึ่งครบพร้อม ความรู้ของพระพุทธเจ้าครบพร้อม ในการสามารถสร้างจิตวิญญาณเป็นตัวประธานสิ่งทั้งปวง คือ เป็นประธานทั้งตัวนามธรรมคือจิต และเป็นประธานทั้งตัวโลก โลกทั้งหมด ที่มาร่วมเป็นองค์ประชุมกันอยู่ก็เป็นประธาน อันไหนที่เราเอื้อมไม่ถึง ไม่สามารถที่จะมีพลังไปเกี่ยวข้องได้เราก็เข้าใจโดยปริยาย เราก็ไปเกี่ยวข้องไม่ได้ เอื้อมไม่ถึงไม่มีพลังงานอะไรที่จะไปเกี่ยวข้องเลยก็เป็นประโยชน์และโทษอะไรต่อกันไม่ได้ แต่อะไรที่เกี่ยวข้องถึง ก็เป็นประโยชน์และโทษแก่กันและกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 20:59:26 )

สร้างจิตเป็นพระพรหมช่วยคนอื่นให้พ้นทุกข์

รายละเอียด

จิตเป็นพระพรหม เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พระพรหมสี่หน้า เรียกเป็นภาษาตัวตนก็เรียกว่าสี่หน้า ก็มี 4 สภาวะ 

เมตตาคือต้องการให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ต้องการให้ผู้อื่นได้ดี กรุณา ลงมือช่วย ช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ช่วยให้ผู้อื่นได้ดี มุทิตา ช่วยสำเร็จ ช่วยจนรับผลได้ ช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์ ช่วยให้คนอื่นได้ดีสำเร็จ 

แล้วก็วางปล่อย อย่าไปยึดเอาผลงานที่เราช่วยเขาสำเร็จ ช่วยให้เขาได้ดีช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้แล้ว แล้วก็เลยไปยึด ไม่เอาไม่ยึดเป็นผลงานของเรา ไม่ยึดเป็นเรา ตัดขาด เป็นอุเบกขา จิตบริสุทธิ์ ไม่มีเรา ไม่มีของเรา แม้เราทำเองเป็นฝีมือเราเองจริงๆ เราทำให้เขา พ้นทุกข์ ทำให้เขาได้ดี เราก็ไม่ติดยึดที่จะไปยึดว่าเป็นเราเป็นของเรา เรียกว่า อุเบกขา อย่างนี้ครบ พรหมสี่หน้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:41:29 )

สร้างจิตไม่ให้เป็นคนขี้โลภรู้ว่าควรมีสิ่งใด

รายละเอียด

ถ้าทำได้ถึงขั้นนั้นอย่างที่อาตมาว่า ประเทศอื่นๆในโลกเห็นแล้ว หากว่าเมืองไทยต้องการอะไรเป็นสิ่งที่เมืองไทยขาดแคลน อาตมาว่าประเทศต่างๆจะมีปฏิภาณปัญญาเห็นว่า ประเทศไทยเขามีอะไรก็เอาไปแจก เขามีอะไรก็เอามาให้ ไม่ขาย แล้วแต่จะให้ด้วย 

ความรู้หรือว่าพฤติกรรมอันประเสริฐอย่างนี้ มนุษย์ในโลกจะมีปฏิภาณรู้เลยว่ามนุษย์แบบนี้มันสุดประเสริฐจริงๆ เขาจะเข้าใจ เพราะฉะนั้นเมืองไทยจะต้องการอะไรจากเมืองไหน เราก็มาสร้างจิตของพวกเราไม่ให้เป็นคนขี้โลภไม่ให้เป็นคนขี้อยากได้ สิ่งที่ควรจะมีก็คือสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตเท่านั้น ไม่ต้องเอาอะไรที่ไม่จำเป็นในชีวิตเลย เอามาให้รกให้เหนื่อยให้หนักทำไม ให้เปลืองพื้นที่ให้เสียเวลา ไม่จำเป็นเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:08:43 )

สร้างฌานได้เท่ากับสร้างปัญญา

รายละเอียด

ปัญญาอยู่ที่ไหนฌานอยู่ที่นั่น ฌานอยู่ที่ไหนปัญญาอยู่ที่นั่น ปฏิบัติธรรมไม่มีปัญญา อปัณกธรรม3 คุณเอาที่ไหนมาปฏิบัติ มันเป็นโมฆะจริงๆ 

ปัญญาเป็นตัวที่ 7 ของสัทธรรม 7 ในจรณะ 15 เป็นตัวที่ 11 พูดให้แยก ปัญญากับฌาน มันเหมือนอันเดียวกัน เกิดฌานก็คือมีไฟกำจัดกิเลสและมันก็เกิดปัญญา ปัญญากับฌานจึงเป็นตัวที่ทำงานด้วยกัน สร้างฌานได้ก็เท่ากับสร้างปัญญาก็คือกำจัดกิเลสได้ 

อาตมารู้จักพลังงานเหล่านี้เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตเอามาอธิบายเป็นภาษาไทยง่ายๆว่าสถานะมันเป็นอยู่อย่างไรเกิดทำงานร่วมกันอย่างไรให้ฟังอย่างนี้ ขณะนี้หากยังไม่เข้าใจอาตมาก็จนปัญญาที่จะอธิบายทั้งหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:30:04 )

สร้างฐานความเป็นโลกุตระบุคคลช่วยโลกได้

รายละเอียด

ความจริงพวกนี้เรามีไม่ใช่น้อยคน ชาวอโศกก็มีเป็นชุมชนๆๆ อยู่ทั่วประเทศ มีทิฏฐิสามัญญตา มีศีลสามัญญตา แล้วก็อบรมฝึกฝนตัวเองอยู่ ผู้ที่ได้แล้วเป็น อรหัตตผล ก็เป็นแกนให้หมู่ไป มีแต่ความเจริญเพื่อผู้อื่นตลอดไปเลย หมดประโยชน์ตนก็มีแต่ประโยชน์ผู้อื่น ผู้ที่ยังไม่เป็นอรหันต์ก็ตามสัจจะ อนาคามีก็เหลือประโยชน์ตนเองไม่มากแล้ว สกิทาคามีก็เหลือประโยชน์ตัวเองไม่ใช่น้อย พระโสดาบันก็เริ่มจะลดประโยชน์ตัวเองทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นให้มาก ลดลงไปไม่ใช่มานั่ง กดข่ม แต่ลดเพราะมันเฟ้อ มันโง่มันถูกหลอก ไปกินตามแฟชั่นหลอกไปใช้ตามแฟชั่นหลอก เท่าไหร่ก็ไม่พอ เพราะว่าแฟชั่นมันไม่หยุดหลอก มันหนักหน้าเพิ่มอีกเท่าไหร่ ไม่ว่าแฟชั่นทางการแต่งตัว การกิน การเต๊ะท่า สารพัดมีเท่าไหร่มันจะพอ ไม่ต้องเอาอะไรมาก กูรวยมากๆขึ้นอันดับทำเนียบได้เท่าไหร่ยิ่งยอด แค่นี้ก็ตายแล้ว ชัดเจนไหม รวยแบบไม่มีลิมิตเลยต้องขึ้นเบอร์ 1 ใน Top 5 Top Ten แค่นี้คุณก็ตายแล้ว ดูดได้ดูดไปแล้วก็ขึ้นทำเนียบโชว์กันอยู่นั่นแหละ แล้วเขารู้ตัวที่ไหนว่าเขาเองเขาขายขี้หน้า เปล่าเลยเขาบอกว่าเขาได้หน้า เห็นไหมว่ามันกลับกันเป็นสิริมหามายา เขาขายขี้หน้าแต่เขากลับว่าเขาได้หน้า น่าอายแต่เขาก็ว่าน่าโชว์ เห็นไหมอย่างนี้ ซึ่งมันยาก เอาคนที่เข้าใจ คนที่ชัดเจนก็มาสร้างฐานอันนี้ สร้างฐานความเป็นโลกุตระบุคคล ความเป็นอาริยะที่ประเสริฐแท้ คำว่า โลกุตระ นี้ใช้ได้ คำว่า อริยะ นี้ใช้ไม่ได้เท่าไหร่แล้ว มาจากคำว่าศิวิไลซ์ เป็นภาษาโลกีย์ เจริญแบบโลกีย์ ซึ่งมันไม่ใช่ ศิวิไลซ์ของเรามันเป็นศิวิไลซ์แบบโลกุตระ ตรงกันข้ามกับโลกียะ คนละขั้วกัน อธิบายไปแม้จะยากเท่าไหร่ก็ต้องทำ เพราะอันนี้มันจะช่วยโลกได้ โลกมันมีแต่แนวโน้มที่ไปในทิศทางโลกียะ เดี๋ยวนี้ก็ยิ่งไปนำหน้าไม่หยุดหย่อน แต่ดีที่มันได้เกิดโลกุตระขึ้นแล้ว คนที่มีจิตโลกุตระเป็นอริยะ  มันมีได้แล้ว เกิดในประเทศไทย ขอพูดดังๆขออภัย ข่มประเทศไหนก็ช่างเถอะ เพราะว่าประเทศอื่นไม่มี มันมีแต่ในประเทศไทย แม้พุทธศาสนาในประเทศอื่นก็ตาม ยังไม่มี ยัง ตามอโศกมา ไม่ว่าพุทธศาสนาประเทศไทย ยังไม่ใช่โลกุตระเท่าประเทศไทยเรา แม้แต่ตัวลักษณะของ โควิค เป็นเครื่องชี้บ่งความเป็นโลกุตระชนิดหนึ่ง โควิดนี่ อาตมารู้สึกตัวว่ายังไม่เก่งเท่าไหร่ที่จะขยายความ แล้วมันเป็นอะไรอย่างไร ยกตัวอย่างคิดยังไม่ออก ใครคิดออกช่วยขยายความสู่กันฟัง ขยายออกไป เพราะพวกเรามีปฏิภาณปัญญาพอที่จะอธิบายแทนอาตมาได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรามั่นใจเราเชื่อแน่ว่าโลกุตรธรรมคืออย่างนี้ ๆๆ แล้วมันได้เกิดเชื้อขึ้นแล้ว มันเกิดแล้วในมนุษย์ ไม่ใช่คนเดียว ไม่ใช่สิบคน ไม่ใช่ร้อยคน ไม่ใช่พันคน มากกว่า พันแล้ว เป็นหมื่นเป็นแสนแล้ว แต่ยังไม่อยากเดาไปว่าเป็นล้าน ถ้าเขาจะมี อัญญธาตุ เป็นธาตุโลกุตระ พูดอย่างเข้าข้างตัว ก็กะปริดกะปรอยก็ เป็นล้านแล้ว เพราะว่าการสื่อสารมันเจริญ เขาได้แต่เชื่อถือ ก็เชื่อถือ ก็ดี แต่ก็ไม่ทำตามหรอก ถ้าเชื่อฟังแล้วทำตามนะ คนทำตามแล้วเกิดผลหยั่งลง ก็เป็นการเชื่อมั่น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2564 ( 10:57:14 )

สร้างธาตุปัญญาหรือไฟฌานเผากิเลส

รายละเอียด

รู้จักสร้างธาตุปัญญาสร้างไฟฌานที่ไปเผากิเลส ฌานคือปัญญา ปัญญาคือฌาน สร้างพลังงานฉลาด แล้วพลังงานนี้มันเกิดจริงนะ ปรุงได้ เป็นปัญญา ปัญญามันจะทำให้พลังงานราคะ โทสะ ลดลงได้จริงๆ สร้างให้มันถูกสัมมาทิฏฐิอย่างที่หลวงปู่พาสอนพาทำ ใครพิสูจน์แล้วมันจะเห็นจริงเลยว่า แต่ก่อนนี้อาการมันแรงนะแต่ตอนนี้มันเบาบาง หลายคนจะรู้สึกว่ามันหมดจนไม่มีอาการ บางคนก็นึกว่าตัวเองหมดจริงๆ ก็อุทานออกมาว่าเราเป็นอรหันต์แล้วก็มี เขาหมดจริงก็ได้หรือไม่เราไม่รู้ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปดูถูกดูแคลนกัน 

เมื่อเรียนถูกอย่างที่หลวงปู่นำความถูกต้องมาอธิบาย แล้วเอาไปทำ มันทำได้จริงๆมันถูกจริงๆแล้วมันก็ลดลงได้จริง กิเลสมันตายไม่ฟื้นจริง ก็เป็นอรหันต์จริงๆ ในอโศกตอนนี้มีอรหันต์จริงๆนะ อย่าเพิ่งไปดูถูกดูแคลนกันเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:53:50 )

สร้างนิสัยให้เป็นกสิกร

รายละเอียด

พูดถึงตรงนี้แล้วอาตมานึกถึงตัวเอง โอ้…ชีวิตเรา ราชธานีอโศกเป็นพื้นดินที่มาอยู่นี้ ซื้อมาทั้งนั้นเลยนะมาเป็นหมู่บ้านทางนิตินัย เป็นหมู่บ้าน เป็นโฉนดของส่วนตัวทั้งนั้น ไม่ใช่ของสาธารณะ เหมือนหมู่บ้านอื่นๆเขา แล้วเขาก็ไปแจกกัน มีโฉนดของแต่ละคนแต่ละหมู่บ้าน ของเราอยู่กองทัพธรรมหรือว่าอยู่ในมูลนิธิธรรมสันติหมด ไม่มีของส่วนตัว แล้วต้องซื้อมาทั้งนั้นเลย แหม..วิบากเอ๋ย 

แต่เราก็ไม่มีปัญหาอะไร ซื้อก็ซื้อ จนกระทั่งพออาศัยไป ซื้อมาแล้วเอาไปทำไม เราก็มาอาศัยสร้างสรรค์ทำประโยชน์ ที่ดินยังมีอีกเยอะให้เราทำไร่ทำนาทำสวนแล้วยังใช้ประโยชน์ไม่ได้เต็มที่เท่าที่ควร แต่ก็ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ก็มีอัตราการก้าวหน้าอยู่เหมือนกัน 

อาตมาก็เน้นย้ำกับพวกเราว่า ถ้าพวกเรามามีชีวิตชอบในการที่จะเป็นกสิกร ใครก็แล้วแต่ ลงไปทำ มันไม่มีจริตนิสัย มันไม่ชอบ จริงๆนะ พวกเราหลายคนไม่ชอบ ไม่ไปเยี่ยมกรายเลยพูดอย่างไรก็เฉย หางานอย่างอื่นทำกลบเกลื่อนไป ให้พากเพียรไปสร้างนิสัยให้ไปเป็นกสิกรสิ เขาก็ไม่เอา 

แต่ก็มีผู้เข้าใจพยายามพากเพียรเพิ่มขึ้นมา ก็ดีเหมือนกัน มันเป็นงานหนักไม่ใช่เล่น ยิ่งยุคนี้มันต้องหนัก ยุคแต่ก่อนคนมันน้อยพืชพันธุ์ธัญญาหารมันเยอะข้าวสาลีก็ไปเก็บเอาไปกิน ใครเข้ามาเก็บได้ก็ยังมีกันอีกเยอะให้กิน เดี๋ยวนี้มีที่ไหน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ 45 วันนี้วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 14:30:33 )

สร้างบวรเป็นโมเดลเพื่อให้เกิดสิ่งที่ถูกต้อง

รายละเอียด

อาตมาเองอาตมาขอขยายความว่า ทำไมอาตมาต้องสร้างขนาดนี้ ธรรมะสร้างให้เป็นบวร บ้านวัดโรงเรียน อาตมาก็ต้องทำขึ้นมาหมดเพื่อให้เกิดสิ่งที่ถูกต้อง บ้านควรจะเป็นบ้านอย่างนี้ วัดควรเป็นวัดอย่างนี้ โรงเรียนควรเป็นโรงเรียนอย่างนี้ เพราะว่าโรงเรียนทุกวันนี้ก็พาลงนรกไปหมดแล้ว วัดก็พาลงนรก บ้านก็มีแต่ความทุกข์ความเสื่อม อาตมาจึงต้องทำโมเดล สิ่งนี้ เพราะฉะนั้นเนื้อที่แค่พันกว่าไร่มันน้อยไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:45:42 )

สร้างบารมีอย่างไรให้ได้อยู่กับหมู่อโศก

รายละเอียด

มากไปเรื่อยๆ บารมีที่จะสร้าง บารมีอย่างไรที่จะสร้าง ก็คือบารมีที่ลดกิเลสได้ ให้มันถูกตรงเลย ถ้าคุณรู้จักหน้าตาของกิเลส ตามลำดับที่คุณเองคุณมีจริง แล้วกำจัดมันให้ได้ไปเรื่อยๆ แล้วไม่ต้องไปคิดมากเลยว่าจะมากเท่าไหร่ ทุกวันนี้คุณอยู่ได้ขนาดนี้แล้ว ก็ดีประมาณนึงแล้ว ทำต่อไปเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น นี่พยายามทำดีเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ไม่ต้องประมาทดีแล้วล่ะ ค่อยทำต่อไปอย่าเพิ่งตะกละ อย่าเพิ่งมี อภิชัปปา คือตัณหาล้ำหน้า ทำไปตามลำดับเถอะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2565 ( 05:15:33 )

สร้างพลังงานก้าวหน้าเป็น Coefficient

รายละเอียด

เสร็จแล้วเราก็รู้จักสร้างพลังงานก้าวหน้าเป็น Coefficient พัฒนาขึ้น

Coefficient จะเป็นตัวแปรหลักประกันที่คุณจะไม่เสื่อมง่ายๆ เป็นตัวก้าวหน้า แล้วเราสามารถรู้การทำให้พลังงานของจิตนิยาม ของเรานี้ เพิ่มพลังงาน Coefficient ขึ้นได้ตามสัจจะที่ไม่เกินการ  มันก็ ไม่ขาหัก Coefficient ไม่ขาหักกลางทางก็จะไปได้อย่างสมบูรณ์แบบสมบูรณ์ดี ตามการก้าวหน้า ไม่มีพังไม่มีเสีย จนกว่าเราจะรู้เขตความพอว่า เอาล่ะ เราจบเราพอเราหยุดแค่นี้ให้คนอื่นสร้างต่อ ถ้าไม่สร้างต่อก็ ชรตา จะทำลายระเบิดเลย หักดิบเลย สูญ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ศาสนาพุทธมีวิธีทำได้ โดยแยกธาตุ ชีวิตินทรีย์ รู้จักธาตุ ชีวิตินทรีย์เลย ว่าเป็นชีวะที่ผสมส่วนกัน เราเรียนรู้ตั้งแต่อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยามแล้วเราเรียนรู้พลังงานที่สังขารขึ้นมาผสมให้ได้สัดส่วน ที่จะให้ก้าวหน้าต่อไป เป็นพลังงาน Coefficient หรือจะให้ลดลงก็ได้ ถ้าไม่สันตติ ก็ไปสู่ความเสื่อมไม่มีพลังงานเสริมต่อไปทศนิยม.000001 ไปอีก มันก็มีแต่เสื่อมไปตามธรรมชาติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:26:55 )

สร้างพลังงานปรุงแต่งให้พลังงานนั้นมีธรรมฤทธิ์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคำพูดว่า ปัญญา จึงเป็นสภาวธรรม ที่ไม่ใช่ เฉโก เป็นสภาวธรรม ความรู้ ความฉลาดที่มีธรรมฤทธิ์ ฆ่าตัดคอกิเลสเลย ใช้ศัพท์หยาบๆ หรือเผากิเลสสลายเป็นผุยผงไปเลย กิเลสตายสนิทเลย สลายเป็นผุยผงไปเลย หมดบทบาทเลย อย่างนี้เป็นต้น บุญ ใช้ศัพท์อีกคำหนึ่ง ปัญญาสามารถสร้างพลังงาน อภิสังขารปรุงแต่ง สร้างพลังงานปรุงแต่งให้พลังงานนั้นมีธรรมฤทธิ์ มีสมรรถนะถึงขั้นสลายกิเลส สลายกิเลสไปได้ เป็นความจริง เพราะฉะนั้นจึงเป็นภาษานามธรรมมาก พลังงานที่สร้างขึ้นได้ มีฤทธิ์ถึงขั้นเริ่มทำลายๆ ทำลายกิเลสได้ ท่านเรียกพลังงานนั้นเริ่มต้นคำแรกว่า ฌาน 1 

ฌาน แปลว่า ไฟ หรือแปลว่า เตโชธาตุ ธาตุที่มีฤทธิ์แรงสามารถเผาผลาญ สามารถทำลาย เตโชธาตุคือธาตุไฟ ฌาน คือ สภาวะ ภาษาว่าฌาน สภาวะคือพลังงาน ที่มันเหมือนไฟแล้วมันมีปัญญาร่วมด้วย ฌานอยู่ที่ไหน ปัญญาอยู่ที่นั้น (ดูภาคผนวก) ไม่ใช่ความรู้ความฉลาดแบบเฉโก เฉโกไม่มีความรู้ความฉลาดแบบนี้ ปัญญาจะมีความรู้ความฉลาดที่รู้กิเลส แล้วก็ทำพลังงานให้เกิด ฌาน ให้มันมีปัญญาลึกซึ้งขึ้น ให้รู้ว่าไอ้บทบาทพฤติการอาการอย่างที่มันเป็นบาปหรือมันเป็นอกุศลหรือมันเป็นกิเลสเหล่านี้มันไม่ดี ใช้ภาษาสูงสุดได้ก็คือดีกับไม่ดี 

ไม่ดีนี่มันจะยอมแพ้ดี ไม่ดีมันจะยอมแพ้ดี นี่เป็นคุณธรรมชั้นสูง คุณธรรมชั้นสูงของความไม่ดี มันเป็นชั้นสูง มันจะยอมแพ้ดีจริงๆ ถ้าไม่ใช่ชั้นสูง ความไม่ดี มันเป็นตัวไม่ดีแต่มันจะสู้ดี มันจะเอาชนะดี นี่มันโง่ ไอ้ตัวนี้มันโง่ มันเป็นสัจจะชนิดที่โง่จริง ๆ มันเป็นตัวไม่ดีแต่มันจะเอาชนะตัวดี แต่เมื่อพบว่าดีนี้ทำให้ไม่ดีเขารู้ตัวได้ ให้ความไม่ดีนี้เขาเห็นชัดเจนว่าฉันผิดจริง ๆ หนอ ฉันไม่ดีจริง ๆ นะ ฉันเป็นมารนะ มารจะถอยเลย อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ตถาคตรู้จักเราแล้ว มารจะหนีไปเลย สำนวนพระพุทธเจ้าตรัสมีในพระไตรปิฎกไว้อย่างนี้ ตถาคตรู้จักเราแล้ว มารหนีไปเลย (มารสังยุต)เพราะฉะนั้นในความเป็นมารที่จะมาเผชิญกับผู้ดี ก็เป็นมารชนิดมารผู้ดี ถ้ามารชนิดเลวร้าย จะไม่เข้าใกล้ จะไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ผู้ดี นี่เป็นสัจจะ อธิบายได้เท่านี้ จะเข้าใกล้ไม่ได้ รัศมีอยู่ห่างๆ เข้าใกล้ไม่ได้แล้ว มันร้อน ร้อน ไม่มีพลังจะเข้ามาใกล้เลย อย่างนี้เป็นต้น 

สรุปแล้ว สัจธรรมที่ลึกซึ้งสุดใช้ภาษาง่ายๆ “ดี” นี่แหละ เป็นพลังงานที่ถูกต้องที่สุดจะชนะความไม่ดีที่แท้จริง ในสัจจะ ทีนี้โลกุตระมีขึ้นมาในโลกได้ เพราะพระพุทธเจ้าค้นพบสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่สำคัญกว่าดีกับไม่ดี หรือ ดีกับชั่ว คือ สุขกับทุกข์ โลกุตระทำให้คนเจริญแบบไหน โลกุตระทำให้คนเจริญทั้ง 2 แบบคือแบบดีและชั่วก็มาทำให้ดี เลิกชั่วไม่ทำชั่ว ทำแต่ดี สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง (ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสะลัสสูปะสัมปะทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) 

ทำแต่ดีนั่นคือขั้นตอนหนึ่งเป็นโลกียธรรม ละชั่วประพฤติดีเป็นโลกๆตามสมมุติ สังคมไหน ศาสนาไหน เขาก็ยึดถือว่าอย่างนี้ชั่วอย่างนี้ดี ก็อย่าไปทำชั่ว ทำแต่ดี ทุกศาสนา เขาก็กำหนดสมมุติกันเอา เป็นสมมุติสัจจะ เป็นโลกียธรรม ศาสนาพุทธก็มีสังคมศาสนาพุทธ ยึดถือกันว่าอย่างนี้ดี อย่างนี้ชั่ว ก็เลิกชั่ว ประพฤติดีกัน สอดคล้องกัน ก็อยู่กันอย่างสงบอบอุ่น 

และมันยังมีอีก คือโลกุตระ นอกจากชั่วดีแล้วมีสุขกับทุกข์ สุขทุกข์นี่แหละโลกียะเขาไม่รู้ เขาไม่เรียน เขาไม่เคยละสุข ละทุกข์ เพราะเขาไม่รู้ โลกโลกียะนี้ มันอวิชชาอยู่กับสุข หลงสุข แต่ที่จริงก็คือทุกข์ เพราะความทุกข์กับความสุขมันเป็นภาวะ 2 ที่มันหลอกคนให้ยึดติด แล้วก็คือความสมใจ บำเรอความติดสมใจ ต้องการบำเรอตัณหา บำเรออุปาทาน นี่ใช้พยัญชนะเป็นภาษาวิชาการ ตัณหาก็ดี อุปาทานก็ดี อุปาทานคือการยึดติด ยึดติดนี่หลงไม่รู้ตัวแล้ว ตัณหานี่พอรู้ว่าเป็นความอยาก อยากได้มาบำเรอตน กระทบตน แล้วก็เป็นสุข บำเรอการสัมผัส บำเรอความต้องการมาสัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทางใจ ได้สัมผัสก็เป็นสภาพ 2 

สัมผัสต้องมีสภาพ 2 มีตัวจิตที่ยังเป็นตัณหา กับสิ่งที่ตัวเองต้องการ อะไรก็ตามที่คุณไปหลงขี้หมูขี้หมา อยากได้มาเสพมาติด คุณได้มาก็เป็นสุข มาสัมผัส มาแตะต้อง เหมือนมหาบัวอยากกินหมากอยากได้หมาก กินหมากก็ได้ความสุข แต่ไม่รู้ตัว นอกจากไม่รู้ตัวแล้วโกหกคนอื่นอีก แบบนี้มันไม่มีทางหลุดพ้น มันต้องรู้ว่านี่เสพติดต้องเลิก ต้องล้างกิเลสให้มีปัญญา ล้างในสิ่งที่เสพติด มันเป็นเรื่องหลอก เป็นเรื่องมาร เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ก็สามารถเลิกได้ แต่ถ้าไม่รู้ มันก็ไม่เลิก มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ เพราะฉะนั้น สูงคือโลกุตระ โลกุตระทำให้คนเจริญเพราะนอกจากดี ไม่ชั่วแล้ว ปฏิบัติเลิกสุข เลิกทุกข์ อีกได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 35 ที่สุดแห่งที่สุดที่จะเกื้อกูลโลกได้คือโลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2566 ( 13:04:28 )

สร้างพลังงานสัมประสิทธิ์ที่เป็นโลกุตระได้อย่างไร

รายละเอียด

เมื่อเราต่อเชื้อ ของจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง จิตวิญญาณจะเจริญ กัมมโยนิ พาเป็นไปเอง จากต้นทุนที่เป็น กัมมพันธุ เป็นพันธุ์แท้พันธุ์จริงของเรา จะพาเป็นไปทั้งรูปธรรมนามธรรม จะสร้างเอง ทรงอยู่อย่างไม่มีการคดโกง ไม่มีการเบี้ยวความจริง ทุกอย่างจะลงตัวตามสัดส่วน ไม่มีใครไปแก้กรรม แทรกแทรงกรรมได้ มีต้นทุนเท่าไหร่มันก็จะทำเท่านั้น มี static dynamic เป็นฐานนิวเคลียส และมีตัวประธานเป็นตัวที่ 3 ตัวที่ 3 ที่รู้จักโลกุตระก็จะสร้างพลังงานสัมประสิทธิ์ที่เป็นโลกุตระ ออกมาเป็น 4 5 6 7 8 9 เป็นปฏิภาคทวีขึ้นมาได้เรื่อยๆ คุณสามารถที่จะออกจาก 9 แล้วรวมตัวเป็น 0 ก็จะเป็น 11 12 13 14 15 16 จนมีสองเส้าใหญ่ จากสามเส้าแรก เริ่มต้นตั้งแต่ นับตั้งแต่ 5​ สามเส้าแรกแล้วเป็น 4 56 และ 7 มีสองเส้าแรก และเพิ่มสามเส้าที่สาม มี 7 เป็นพลังงาน เพิ่ม เป็น 8 9 เป็น10 แล้วเป็น 11 ก็ต้องสูงกว่า 4 อีก สัจจะจะเป็นอย่างนั้นตลอด เป็นลำดับไปอย่างน่าอัศจรรย์ ใครทำให้เข้าใจและเกิดเป็นลำดับอย่างนี้จริงๆ 123 456 789, 10 11 12, 13 14 15, 16 17 18, 19 20 21 ก็จะซ้อนไปอย่างนี้อาตมาพิสูจน์ไปตามสังขยาเลขเหล่านี้ อาตมาฝืนกัปป์ไป พระพุทธเจ้าบอกให้พระอานนท์อาราธนาให้อยู่ต่อ ทำนิมิตให้เห็นถึง 16 ครั้ง ก็ไม่ง้อ เราก็เลยตายดีกว่า พระพุทธเจ้าท่านอาศัยการสอน โพธิสัตว์จะขยายความให้ฟัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:35:26 )

สร้างพลังงานสัมประสิทธิ์เพื่อพิสูจน์อะไร

รายละเอียด

อาตมาสามารถยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้อาตมาทำพลังงานสัมประสิทธิ์ Coefficient ทำจิตให้มีอำนาจ อาตมาจะพิสูจน์ว่าสามารถสร้างพลังงานทำให้เกิดอายุขัยเกินกว่าอายุขัยที่ควรมีได้ นี่คือ วัสสวัตโต อาตมาจะทำได้สำเร็จได้หรือไม่ โปรดติดตาม อย่ารีบตายแต่ละคน ผู้ที่อายุเลย 80 มีกี่คนยกมือขึ้น ใครเลย 84 แล้วยกมือ มีสองคน…

อย่าเพิ่งรีบตาย อยู่ดูต่อไปว่าอาตมาจะสามารถทำได้อย่างที่พูดหรือไม่ ยถาวาทีตถาการี ยกถาการีตถาวาที อาตมาทำได้เป็นระยะไป สำเร็จเป็นรายทางไป อาตมาว่า อาตมาอายุ 100 ก็จะมีความ Active อยู่อย่างนี้ยืนยันต่อไปอย่าเพิ่งรีบตาย คิดว่าอาตมา จะสร้างพลังงานสัมประสิทธิ์ Coefficient ให้ได้มากขึ้น ถ้าเผื่อว่าอาตมาเป็นจริง วสวัตตีจิตโตจริง สามารถควบคุมจิตให้เป็นไปในอำนาจ อาตมาบังอาจมากที่จะมาสร้างพลังงานนี้ให้มันอยู่เหนือ พระเจ้ากำหนด พญายมกำหนดวันตายแต่ไม่ยอมตาย บังอาจมากไม่ใช่น้อยนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน เตวิชชสูตร ทางไปสู่พรหมโลก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:40:45 )

สร้างพลังงานเหตุเพื่อให้เจริญ E=C (mc2+A)

รายละเอียด

ถ้าเผื่อว่าเรามีสัตบุรุษ มีผู้ร่วมด้วยก็ช่วยกันเดินทางให้เร็วขึ้นได้ หาเหตุแท้  ทุกอย่างต้องหาเหตุแท้ จะเจริญหรือดับ ก็มีเหตุ เหตุที่ทำให้เจริญกับเหตุที่ทำให้ดับ มีแค่นี้ ขอแวะอีกว่า อาตมากำลังพิสูจน์สร้างพลังงานเหตุเพื่อให้เจริญ ไม่ยอมดับ ทั้งๆที่ควรดับแล้ว แต่อาตมาจะพิสูจน์สัมประสิทธิ์ พลังงานเสริมตัวแปร ที่เพิ่มได้ๆๆ  อาตมาเพิ่มดันทุรังมาได้ 1 นักษัตร จาก 72 มา 84 ขยายจาก 84 เป็น 96 แล้วจะดันต่อไปอีก 96 เป็น 108 ครบ 3 นักษัตร ถ้าทำได้ พลังงาน Coefficient E=C(mc2+A)  คนจะต้องเอาไปใช้ ไม่ต้องพูดถึงว่า Nobel prize ก็จะให้รางวัล แต่ถึงให้เราก็ไม่ไปรับ แต่ยอมรับไม่เกี่ยง ที่ไม่ไปมันเมื่อยและหนาวด้วย หากเอามาให้ที่นี่ก็เอา ก็เขาให้เกียรติ แต่ให้ไปก็ไม่ไป ไม่ใช่ว่ามันหยิ่งแต่มันหนาว ไปสวีเดนไม่ไหว พูดทำเท่ทำคุยโม้ไป พูดเป็นภาษาความหมาย ไม่ได้หลงตัวตน แต่สิ่งนี้มั่นใจว่าดีถูกต้องไม่เป็นโทษ ลีลาเหมือนคุยตัว ก็ต้องขออภัย แก้ไม่หาย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:38:20 )

สร้างพลังงานเหนืออำนาจกิเลสได้อย่างไร

รายละเอียด

ถ้าคุณบอกว่าคุณทำไปโดยไม่รู้ตัวนั่นแหละมันเป็นกิเลสที่หยาบมาก ในขณะลืมตาตื่นแล้วทำอะไรแบบไม่รู้ตัว คนเราโมโหจัด เคยเห็นไหม แม้ตัวเองไม่เคยทำ แต่จะมีคนอื่นทำให้เห็น ไม่รู้ตัวหรอกเหมือนผีเข้าสิง โมโหจัด ทำอะไรรุนแรงเลอะเทอะ บางทีกิเลสราคะจัด ไม่มีบันยะบันยัง โลภจัด จนกระทั่งต้องแย่งชิงเข่นฆ่าคนอื่น ซึ่งมันมีอำนาจของกิเลสนี้จริง 

เพราะฉะนั้นมันจึงต้องสร้างพลังงานที่ไป 1. รู้ว่ากรรมกิริยาหรืออารมณ์โกรธ อารมณ์ความโลภ อารมณ์ราคะเป็นอย่างไร ก็อย่าให้มันเป็นตัวนี้แหละ อย่าให้มันเป็นราคะ อย่าให้เป็นโทสะ อย่าให้เป็นโมหะ ให้มันเบาลง ให้มันอ่อนลง 

คนไม่ปฏิบัติธรรมก็มีความรู้มีสำนึกมีความเข้าใจอันนี้เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว และได้ป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นมาขายขี้หน้า คนแสดงความโลภจัดออกมาต่อหน้าใครมันน่าเกลียด โทสะก็ตาม ราคะก็ตาม ยิ่งราคะหรือโทสะนี้ง่าย มันโกรธแล้วแสดงออกมามันน่าอายก็เลยต้องควบคุมบังคับ ควบคุมได้เท่าไหร่ก็สุดวิสัยแสดงออกเท่านั้น ควบคุมได้น้อยก็แสดงออกเลย ฝึกปรือกดข่มไว้ก็แสดงออกไม่แรง แต่ของพุทธฝึกฝนนั้นไม่ต้องไปกดข่ม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 12:02:28 )

สร้างพลังปัญญาเองได้ต้องสัมผัสของจริง

รายละเอียด

เราทำเองไม่ใช่พระเจ้าทำหรือใครมาช่วยทำ เราทำเองสร้างพลังปัญญา ที่มันจะเหนือชั้นกว่ากิเลส นี่พูดเป็นภาษารูปธรรม แต่มันเป็นนามธรรม จะต้องฝึก จะรู้ได้เมื่อมันต้องมีของจริง สัมผัสของจริง ตาสัมผัสทุเรียนชอบทุเรียนมาก ทุกปีมีทุเรียนมาแล้วต้องเสียตังค์ให้มัน 

แต่ก่อนอาตมาทำงานอยู่ที่โทรทัศน์ มีช่างคนนึงชื่อพี่ฟู เขาจะเก็บสตางค์แต่ละเดือนหักใส่กระป๋อง ก็ถามว่าพี่ฟูเก็บตังค์ไปทำไม เขาบอกว่าเอาไปซื้อทุเรียนกิน นี่เป็นเรื่องจริงนะไม่ใช่เรื่องเล่น ถึงหน้าทุเรียนก็งัดเอามาซื้อทุเรียนเอามากินโดยเฉพาะ มีงบประมาณ budget สำหรับทุเรียนโดยตรง แต่ละปีๆ เป็นคนที่จะต้องกินทุเรียนให้ได้ จัดสรรงบประมาณสำหรับกินทุเรียนโดยเฉพาะตน นี่ก็มีคนอย่างนั้นจริงๆ มันชอบทุเรียนมาก สัมผัสทุเรียนก็โอ้โหอยากกินมันชอบกิเลสขึ้นเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 10:59:20 )

สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร ให้เป็นหนึ่งในโลก

รายละเอียด

สรุปก็คือ สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร ให้เป็นหนึ่งในโลก พระพุทธเจ้าท่านสรุป ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง เพราะข้าวเปลือก ข้าวสาร หรือข้าว มันเป็นพืชชนิดที่มีธาตุอาหารอยู่ในนี้ สำหรับอาการ 32 ของมนุษย์ มากที่สุดในข้าว 

เพราะหลายคนก็ไปรังเกียจข้าว ว่ามีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่คนกินแต่ข้าวนี้จะอยู่ได้ พืชผักอื่นๆ ก็เป็นธาตุเฉลี่ยออกไป ซึ่งรู้กันทั่วโลกอยู่แล้วว่า พืชข้าว ข้าวเปลือก พูดให้ครบเพราะข้าวเปลือกมันถนอมอาหารเพราะยังมีเปลือกหุ้มไว้ แต่ข้าวสารเสียง่ายกว่า ดีไม่ดีข้าวเปลือกเอาไปปลูกงอกได้อีก ข้าวสารที่เสียสภาพแล้วเอาไปปลูกไม่งอกแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:51:35 )

สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารให้มาก เป็นประโยชน์ให้โลกได้อาศัย 

รายละเอียด

อันนี้พิสูจน์ได้ดี สรุปเลย เข้าเป้า ผู้ที่สร้างอาหารพืชพันธุ์ธัญญาหารให้มากจนกระทั่ง เหลือกินเหลือใช้ ของชาวไทย เอาไปไล่แจกข้างนอกเลย เอาทิ้งไว้มันก็เน่าเสียของ ต้องรีบไล่แจกต่างประเทศเอาไปให้ ส่งฑูต ไปอยู่ต่างประเทศเลย เมืองไหนต้องการอะไรบ้าง ฑูตของโลกุตระจะไปอยู่หมู่บ้านนั้น หมู่บ้านนี้ ประเทศไหนขาดแคลนอะไรบอกมา เรามีอะไรเหลือ เกิน ก็ส่งไปแจกจ่าย ให้เหมาะสม จึงเป็นคนเผื่อแผ่เกื้อกูล เอื้อมเอื้อเกื้อกว้างได้อย่างเป็นสัดส่วน เป็นประโยชน์ให้โลกได้อาศัย 

ไม่ต้องเรื่องมากหรอกเรื่องอาหารการกิน กวฬิงการาหาร คำข้าวที่ต้องกินเข้าไปในร่างกาย ต้องกินทุกคน ไม่มีละเว้นเลย พระพุทธเจ้าก็ไม่ละเว้น นักเหาะเหินเดินอากาศได้ขนาดไหนก็ต้องกินอาหารอันนี้ นักโหดร้ายเลวร้ายขนาดไหนที่เป็นคน ก็ต้องกินอาหาร อาหารอันนี้ อาหารนี้จึงเป็นหนึ่งเดียวของโลก เป็นหนึ่งในโลก สร้างขึ้นมามันยังไม่ล้นโลก ยังไม่ท่วมโลก ยังไม่ทั่วโลกได้ ประเทศที่ยังขาดแคลนอาหารยังมีอยู่อีกเยอะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:41:34 )

สร้างภพ สร้างชาติ สร้างนิมิตเอง เป็นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

ธุดงค์ไม่ได้หมายความว่าไปเดินออกป่าเท้าเปล่าอย่างครูบาบุญชื่น เดินเอาไม้เคาะหัวคนไปอย่างนั้น เป็นเรื่องสร้างภพ สร้างชาติ สร้างนิมิตเอง ไม่ได้เป็นกรรมทางกาย วาจา ใจ เป็นเหตุปัจจัยที่เป็นรูปนาม รู้จักสภาพนอก สภาพใน ที่มีกายมีจิตเลย คนที่มาศรัทธาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและก็ยิ่งงมงายตามไป ขออภัยที่อาตมาพูดตรง ก็ต้องไปกระทบครูบาบุญชื่นล่ะ เพราะถูกอาตมาว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ อาตมาก็ต้องมั่นใจว่าตำหนิถูกต้อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ งานโพธิบูชากตัญญู ครั้งที่ 3

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565  แรม 15 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 12:04:23 )

สร้างภพใหม่ ได้กิเลสตัวใหม่ยิ่งย่ำแย่!

รายละเอียด

เมื่อ“หลับตา”ปฏิบัติก็เท่ากับ“สร้างภพใหม่”ขึ้นมาติดยึดกันใหม่ แถมเข้าไปอีกเท่านั้นเอง แล้วก็มี“กิเลสชนิดใหม่”ของ“อัตตาใหม่”เพิ่มเข้าไปอีกแท้ๆ!  ผู้“อวิชชา”จริงๆก็จะมีแต่“การสร้างภพ”ใส่จิตตนเองเข้าไปแล้วๆเล่าๆ ไม่มีหยุด เพราะไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็น “ภพ ” มันจึงมิใช่การได้เรียนรู้“กิเลส”ที่มีเป็นชั้นๆ 3 ชั้นใน“อัตตา”ของตนเอง อันได้แก่ “กิเลสกามภพ-กิเลสรูปภพ-กิเลสอรูปภพ” หรือกิเลสที่อยู่ใน“โอฬาริกอัตตา-มโนมยอัตตา-อรูปอัตตา” จึงกลายเป็นยิ่ง“สร้างภพ-สร้างชาติ”เติมเข้าไปหนักหน้ายิ่งๆ ขึ้น ที่เป็น“ภพภายใน”อย่างยิ่งๆๆๆๆ เพิ่มขึ้นไปอีกต่างหาก โดยไม่รู้จัก รู้แจ้ง รู้จริงความเป็น“กาย”อันมี“ภายนอก” นี่เอง

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 462 ข้อที่ 642


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2565 ( 14:18:39 )

สร้างภาพให้ดีตลอดนิรันดร

รายละเอียด

ทำใจให้สบายๆไปเลย เขาหาว่าเราสร้างภาพทำดี เราก็เลยต้องพยายามทำ สร้างภาพให้ดีตามที่เขาว่าให้ไปตลอดนิรันดรเลย กายกรรมวจีกรรมสร้างภาพไปให้ดี จะไปสร้างภาพชั่วทำไมล่ะ แม้แต่คนที่เขารู้ว่าเขาเองไม่ดี แต่ทำเต๊ะท่าสร้างภาพ ดราม่า ก็ถูกว่าประชดประชัน ก็ดัดจริตให้มันสุจริตเลย คนมีจริตที่ทุจริตมันไม่ดี แล้วก็จะแสดงออกแต่ทุจริตก็บ้าสิ จะต้องมาดัดจริตให้มันสุจริตตลอดเวลาใครจะว่าก็ช่างเขา คนที่ว่านี้คือคนโง่ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 16:24:09 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:12:41 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:44:54 )

สร้างราชธานีอโศกเป็นประโยชน์ เผื่อแผ่ เกื้อกูลช่วยเหลือสังคม

รายละเอียด

เราพยายามจะสร้างราชธานีอโศกเท่าที่เราสามารถจะมีอะไรที่คิดได้ว่าเราควรจะต้องเป็นประโยชน์เผื่อแผ่ เกื้อกูลช่วยเหลือสังคมร่วมกันเท่าที่เราจะเป็นไปได้ ซึ่งจริงๆแล้วมีคนเขาว่ามานะ อโศกทำเป็นคนจน แต่เสร็จแล้วมันจะต้องมีอะไรซุกซ่อนมีนายทุนมาแน่นอน ซึ่งมันไม่มี ถ้าเราไม่มี คนก็จะว่าอีก เตี้ยอุ้มค่อม มันไม่มีแล้วจะทำกว้างทำไมช่วยเหลือคนอื่นทำไมมากมายนัก ทำเป็นอยากได้หน้าตาหรืออย่างไร มันก็ไม่ใช่อีกแหละ ซึ่งมันอธิบายไปแล้ว อาตมาอธิบายไม่เก่ง แต่ก็ขออธิบายที่ไม่เก่ง 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 09:50:30 )

สร้างราชธานีอโศกเป็นประโยชน์เผื่อแผ่เกื้อกูลช่วยเหลือสังคม

รายละเอียด

คือเราพยายามจะสร้างราชธานีอโศกเท่าที่เราสามารถจะมีอะไรที่คิดได้ว่า เราควรจะต้องเป็นประโยชน์เผื่อแผ่ เกื้อกูลช่วยเหลือสังคมร่วมกันเท่าที่เราจะเป็นไปได้ ซึ่งจริงๆ แล้วมีคนเขาว่ามานะ อโศกทำเป็นคนจน  แต่เสร็จแล้วมันจะต้องมีอะไรซุกซ่อน มีนายทุนมาแน่นอน ซึ่งมันไม่มี  ถ้าเราไม่มี คนก็จะว่าอีก เตี้ยอุ้มค่อมมันไม่มีแล้ว จะทำกว้างทำไม ช่วยเหลือคนอื่นทำไมมากมายนัก ทำเป็นอยากได้หน้าตาหรืออย่างไร มันก็ไม่ใช่อีกแหละ  ซึ่งมันอธิบายไปแล้ว อาตมาอธิบายไม่เก่ง แต่ก็ขออธิบายที่ไม่เก่ง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:11:35 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:14:47 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:47:26 )

สร้างลานกราบที่ราชธานีอโศก

รายละเอียด

จะเป็นได้พวกเราช่วยกันทำ จะเป็นสิ่งที่น่าอาศัย จะมีที่ต้องปลูกต้องทำอีกมาก เช่นนาคำยอด นาโมฯ มีพื้นที่ให้ทำอีกมาก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2562 ( 22:02:35 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:15:19 )

สร้างสมณะให้เป็นโพธิสัตว์ทุกระดับ

รายละเอียด

หมดนั่นแหละ ได้เป็นโพธิสัตว์ระดับโสดาบันก็เอา สกิทาคามี อนาคามีอรหันต์ได้เลยก็เอา ไม่ได้เอาแค่พระโสดาบันหรอก อยากได้เป็นโสดาบัน สกิทาคามีอนาคามี อรหันต์เป็นโพธิสัตว์ไปเลยนั่นแหละ สมัครไหมล่ะ ตั้งใจเอา ควรสมัครนั่นแหละ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 16:09:01 )

สร้างสรร

รายละเอียด

คือ สรร คือ เลือกเฟ้น จึงสร้างอย่างมีการเลือกสรรด้วยปัญญา เฟ้นแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์แท้ ไม่เป็นพิษ ไม่มอมเมา

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 53


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 14:53:56 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:54 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:53:17 )

สร้างสรรค์

รายละเอียด

สรรค์ คือ สร้าง เมื่อมีปัญญาเลือกเฟ้นดีแล้วจึง “สร้าง” เต็มที่ จึงสร้างๆๆๆๆ

สร้างสรรค์ให้เป็นผลิตผลทรัพย์สินขึ้นมาเป็น “ส่วนกลาง” โดยธรรม มีผลผลิตกินใช้ อย่างพอเพียงแถมมีเหลือมีเกิน

หนังสืออ้างอิง

“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 53


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 14:55:14 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:55 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:53:51 )

สร้างสรรค์

รายละเอียด

1. สร้างชนิดที่มีวิจารณญาณเลือกสรร

2. สร้างแบบใช้ปัญญาคัดเลือก

3. สร้างให้มีให้เป็นขึ้น

หนังสืออ้างอิง

(จากคนคืออะไร? หน้า 339) , (จากวิถีพุทธ หน้า 41 ) 


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:45:05 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:36:59 )

สร้างสรรต่างจากสร้างสรรค์อย่างไร

รายละเอียด

สร้างสรรไม่มี ค.ควาย การันต์หมายความว่ามีทั้งการสร้างและการคัดเลือกเฟ้น ส่วนสร้างสรรค์มี ค์ สร้างอย่างไม่เลือกเฟ้นไม่มีปัญญาได้ หรือจะสร้างสรรค์ คุณก็ต้องเลือกแล้วว่าใช่นะอันนี้ เลือกเฟ้นมาดีแล้วพ้นวิจิกิจฉา แล้วมี ทฤษฎี ศีลพรตแล้วก็เลือกแต่ไม่ปรามาส อันนี้สร้างสรรได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:30:27 )

สร้างสรรนิทานเพื่อผู้อื่น

รายละเอียด

มันเป็นเครื่องกลเป็นจักรกล เป็นใจเป็นจิตของเราเลย จะเป็น process เป็นหน่วยเป็นกระบวนการที่สร้างอย่างนี้ขึ้นมา มันจะเป็นกระบวนการคิดทำงานแบบ เราจะค่อยๆเข้าใจ จะค่อยๆมีความรู้ Knowledge ลองทำดู Practice ขึ้นมาแล้วเกิดผลเรื่อย แล้วเราจะรู้ว่ามันดีมันจริง นิทานนี้จึงเป็นนิทานที่จริงและทำเพื่อผู้อื่น ไม่ใช่สร้างนิทานสร้างเรื่องราวเพื่อตัวเอง แต่เราก็อาศัยกินใช้อยู่ในสิ่งที่เราสร้าง เราจึงไม่ได้เบียดเบียนใครไม่ได้กินแรงใคร ไม่ได้มีหนี้ ไม่เป็นหนี้ เพราะเราก็ไม่ได้ดูดายไม่งอมืองอเท้าไปเกาะโหนคนอื่น ไปแทะ ไปผ่า ไปแย่งไปตีชิงเอามาจากเขาไม่ใช่ มันจึงเป็นนิทานการสร้างสรร

 มันเป็นนิทานการสร้างสรร สร้างสรรตัวนี้อาตมาใช้ไม่มี ค. การันต์นะ เป็น Dynamic ไม่ใช่เป็นแบบ สร้างสรรค์ แบบนั้นเป็น Static มันไม่มีการเพิ่มความรู้ แต่ถ้าสร้างสรร แบบนี้มันมีการก้าวหน้ามี coefficient มีการเลือกเฟ้นมีการ Selection สร้างไปก็มีการเลือกเฟ้นตรวจสอบอยู่ในตัวที่ดำเนินการอยู่ เป็นความก้าวหน้าที่มีความซับซ้อน เลือกแล้วทำ ทำแล้วตรวจ เลือกแล้วทำ ทำแล้วตรวจ ให้แน่ใจแล้วก็เพิ่มขึ้นไปอีก มันจึงช่วยคนได้มาก เป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ศีล 3 ข้อแรกคือสามเส้าหลักสู่อรหันต์


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:32:10 )

สร้างสังคมมนุษย์ที่มี สัปปายะ 4 ในเกาะรัตนราชธานีอโศก

รายละเอียด

สรุปว่าอาตมาไม่ได้เป็นคนสร้างวัตถุอะไรมากมาย อย่างเช่นราชธานีอโศกอาตมาเจตนาจะสร้างสังคมมนุษย์ จะสร้างชุมชนมวลหมู่มนุษย์ที่เป็นบุคคลสัปปายะ อาหารสัปปาย เสนาสนะสัปปายะ ธรรมะสัปปายะ พวกเราเอานามธรรมเป็นหลัก แล้วค่อยๆสร้างรูปธรรม ขึ้นมาแล้วอาตมาพยายามสร้างอย่างย่อๆลงมาที่เป็นราชธานีอโศก ให้สมบูรณ์แบบไปหมดเลย อาตมาสร้างแม่น้ำ สร้างป่า สร้างลำธาร สร้างภูเขา ภูเขาตอนนี้ก็ยังไม่ขึ้น กำลังจะสร้างชื่อว่าภูเขาตะนาวศีล ที่จะสร้างตอนนี้มี 2 อันใหญ่ๆคือภูเขาตะนาวศีลกับสะพานโค้งรุ้ง เป็นสะพานที่จะนำผู้คนเข้าสู่เกาะรัตนราชธานีอโศก เป็นเกาะน้อยๆเป็นเสนาสนะน้อยๆ เป็นหมู่เมืองน้อยๆ แต่ขออภัยนะ พูดแล้วอย่าหาว่าบังอาจ คล้ายๆกับ วาติกัน เป็นนครรัฐ พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าขบถอีก 

แต่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีองค์ประกอบที่เหมือนของย่อลงมาเหมือนกับบอนไซ เหมือนของใหญ่แต่เป็นบอนไซ ของจำลอง ตั้งใจจะทำอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:49:11 )

สร้างสัมประสิทธิ์ของอาริยชนด้วยไตรสิกขา

รายละเอียด

ผู้ที่จะมาสร้างสัมประสิทธิ์ของอาริยชนด้วยไตรสิกขา จึงเป็นการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นศีล สมาธิ ปัญญา แล้วมันก็จะเกิด วิมุติ วิมุติญาณทัสสนะ เป็น 4 เป็น 5 จาก 5 แล้วเป็นสัมประสิทธิ์ที่สูงขึ้นเป็น 6 เป็น 7 เป็นรอบที่ 2 ของสามเส้า จนเป็น 9 แล้วออกมาเป็น 10 ได้นี่แหละ มันซับซ้อนไม่ง่าย เหมือน 3 จะออกมาเป็น 4 แต่ถ้า 9 จะออกมาเป็น 10 ไม่ง่าย

อาตมาทำงานใช้ 12 12 12 อาตมามาอยู่ในช่วงใช้ 12 12 12 อาตมาว่าอาตมาอายุ 72 ตาย แต่ตอนนี้มาได้ 84 อีก 1 นักษัตร ยังจะต้องไปอีก 12 ก็เป็น 96

ถ้า 72 +36 = 108 แล้ว 108+36=144 นั่นแหละถึงครบ ปฏิภาคทวี 12 12 12 ยกเป็นสามเส้า จาก 72 เป็น 144 นี่คือใจอาตมาจะต้องทำให้ได้ขนาดนั้น จบ 144 แล้วมีโมเมนตั้มอีก 7 ปี ไปตายที่ เลข 7 เป็น 151 ถ้าอาตมาทำ 144 จะต่ออีกก็ได้ แต่ว่าจะเอาแค่ 151 ไม่อย่างนั้นมันไม่มีสันโดษไม่มีใจพอ ไม่มีเขตของความ Sufficient

ถ้าอาตมาทำได้ถึง 151 ก็สัมบูรณ์ มีทั้ง Absolute มีทั้ง Ultimate สูงสุดสุดยอด เต็มครบ ก็พิสูจน์กัน แต่อาตมาไม่ได้ไปยึดมั่นถือมั่นว่าไม่ได้แล้วจะเสียใจ ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ถ้าพวกคุณก็พร้อม มาพร้อมแล้วก็มากันเร็วหน่อยช่วยกัน จะเกิดการหมุนรอบเชิงซ้อนที่จะเดินได้เร็วเจริญได้ดีมากขึ้น ทั้งเรื่องวัตถุ มวล mass ทั้งอัตราการเร่งอัตราการก้าวหน้า เป็นธรรมะ 2 ของนิวเคลียส มันจะเจริญได้จริงๆ มันจะพัฒนาจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน สร้างสัมประสิทธิ์คนจนอาริยะด้วยไตรสิกขา


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:28:10 )

สร้างสุขโดยอุปาทาน  

รายละเอียด

สร้างสุขโดยอุปาทาน คือ คนต้องการสุข ไม่อยากทุกข์ เขาไปแก้ทุกข์ คือ เมื่อเราขาดลาภ ทรัพย์สิน ก็ไปแย่งลาภ ทรัพย์สินก็พ้นทุกข์  เราขาดยศก็หายศก็พ้นทุกข์ ขาดอัตตาก็ไปแย่งอัตตาก็พ้นทุกข์  แต่ศาสนาพุทธพ้นสุขพ้นทุกข์ได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:39:59 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:17:27 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:42:33 )

สร้างหุ่นยนต์ให้มีเวทนาหรือเป็นชีวะทำไม่ได้ 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นความไม่มีชีวะนี่แหละ เป็นพลังงานที่จะข้ามมาเป็นชีวะมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันเป็นเรื่องยากสุดยาก เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ทุกวันนี้เขาพยายามสร้างหุ่นยนต์ Robot ให้มันมีเวทนา ให้มันมีความรู้สึกเหมือนกับมนุษย์ เขาพยายามสร้างก็ใส่โปรแกรมลงไป ซึ่งมันก็เกิดได้ตามโปรแกรม มันเป็นของมันเองไม่ได้ เขาก็พยายามทำให้โปรแกรมนี้มันละเอียดลออ จนกระทั่งเหมือนมันจะเป็นตัวของมันเอง แต่มันเป็นไม่ได้ มันไม่สามารถพัฒนาตัวมัน circuit ต่างๆของมันเอง ให้พลังงานของมันเองเป็นชีวะมันทำไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:13:30 )

สร้างอาวุธขึ้นมาฆ่าคนเป็นบาปเป็นความเลว

รายละเอียด

ฟังให้ดีเถอะความคิดเช่นนี้มันเลวร้ายจริงๆเลยคน คนที่ฟังอาตมาพูดแล้วไม่รู้สึกรู้สาอาตมาก็ว่าปล่อยให้เขาอยู่ในนรกไป ถ้าฟังอาตมาแล้วไม่รู้สึกรู้สา ไม่สำนึก ไม่หยุด ก็ต้องปล่อยเขาลงนรก เพราะมันเกินกว่าที่จะพูดกันได้แล้ว มันเป็นสัตว์นรกที่พูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว ถ้าเป็นคนเป็นผู้ประเสริฐ ฟังแล้วก็ต้องรู้แล้วว่า โอ้โห.. นี่เราจะมาเป็นผู้สร้าง เป็นตัวการสร้างอาวุธขึ้นมาฆ่าคน ความหมายแค่ว่า คนเราสร้างอาวุธขึ้นมาฆ่าคน มันก็เป็นความหมายชี้ชัดอยู่ว่า เป็นบาป เป็นความเลว แค่นี้เข้าใจบ้างไหม ใครเป็นคนบ้าง หรือจะเป็นสัตว์นรก ต้องมาเป็นคนสิ 

ซึ่งผู้ที่รู้ดีแล้ว ไม่ต้องคิดชั่ว ไม่ต้องสร้างสิ่งที่เลวร้าย มาเอาความคิด ความสามารถเอามาสร้างสิ่งที่ต้องอาศัยกินใช้ เรื่องของใช้ก็เรื่องหนึ่ง เครื่องใช้เอาไปเป็นระเบิดเขาก็บอกว่าสำคัญ ซึ่งเราไม่เอาเลย เพราะเราเข้าใจเรื่องเกิด เรื่องตาย เรื่องวิบาก อันนี้ลึกซึ้งที่สุดเลย กรรมวิบากเป็นอจินไตย เข้าใจเรื่องชีวะ เรื่องวิบาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:46:22 )

สร้างอาวุธมาประหาร อาหารเป็นเครื่องอาศัย

รายละเอียด

เข้าสู่ชื่อเรื่องที่เราตั้งไว้ชัดๆ “คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ” ตอนนี้ถือแฮมเมอร์ ถือค้อน จะตอกหัวพวกสร้างอาวุธแล้ว เมื่อกี้พูดแต่สร้างอาหารสำหรับเลี้ยงชีวะ ตอนนี้ก็ขอพูดถึงเรื่องอาวุธที่ตรงกันข้ามกับอาหาร

มันสร้างอาวุธมาประหาร มาทำร้ายทำลาย ส่วนอาหารเป็นเครื่องอาศัย อาหาระ เป็นเครื่องอาศัย อาวุธะ เป็นเครื่องประหาร เครื่องฆ่า โดยเฉพาะฆ่าสัตว์ ฆ่าชีวะ 

นี่เขากำลังสร้างอาวุธที่เป็นจุลินทรีย์ กำลังคิดค้นอาวุธระดับจุลินทรีย์ มนุษย์จะตัวใหญ่ขนาดไหนเดี๋ยวนี้อาวุธมันฆ่าได้ทุกคน ต่อให้ไปเรียนไสยศาสตร์เก่งแค่ไหนก็สู้อาวุธไม่ได้ เพราะไสยศาสตร์มันไม่เที่ยง วาระใดวาระหนึ่งยิงเข้าเลย หรือยิ่งบางที่ บางที่ของนักไสยศาสตร์ถูกยิงเข้านะ บริเวณอื่นอาจจะเหนียวแต่ตรงนี้ยิงเข้านะ เป็นต้นสรุปอีกที โศลกที่ว่า “คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ” ชัดเจน คนไม่โง่เกินก็เข้าใจ ถ้าเข้าใจแล้วทำตามนี้แค่นี้ เปลี่ยนจากคนโง่คนชั่วช้าสามานย์ เอาพลังงาน เอาความรู้ความสามารถมาสร้างอาหาร แทนที่จะไปสร้างอาวุธ เท่านี้ก็เป็นผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่แล้ว สำหรับโพธิรักษ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:15:34 )

สร้างอาวุธมีกรรมวิบากสูง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้ก็ปล่อยให้เขาบ้าบอ เพราะคนพวกนี้ยังมีกรรมวิบากอีกเยอะ พวกที่ทำนี่ เขาก็จะหมุนเวียนไปตามกรรมวิบาก พวกสร้างอาวุธมีกรรมวิบากสูง เพราะอาวุธสร้างมาเพื่อฆ่าคน อาวุธไม่ได้สร้างมาเพื่อเจตนาฆ่าสัตว์หรอก จะสร้างอาวุธมาตรงๆเพื่อไปฆ่าสัตว์นั้นน้อย ส่วนมากจะเอาไปฆ่าคน ตั้งแต่เจตนาต้นมันก็อำมหิตโหดร้ายแล้ว เพราะฉะนั้นมันบาปเท่าไหร่ คนที่คิดสร้างแต่เขาไม่รู้หรอกว่ามันบาป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริญ์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

ประเทศไทยไม่ต้องสร้างอาวุธแต่หันมาสร้างอาหารก็จะอยู่ได้อย่างดี


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 19:12:02 )

สร้างอาหารอย่างไรให้กับโลก

รายละเอียด

อาหาร สร้างอาหารให้กับโลก ความหมายคือ เราเป็นคน เป็นมนุษย์ จะสร้าง อย่างที่มีผลไม้รากไม้ดอกไม้ เต็มหน้าโต๊ะอาตมา ซึ่งดอกไม้ก็กินได้ ใบไม้ลูกไม้เต็มโต๊ะ นี่แหละก็สร้างพวกนี้เป็นอาหาร เราเน้นสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร การกสิกรรม เราไม่เน้นปศุสัตว์ เราไม่เน้นการประมง เราไม่เน้นเรื่องสัตว์ ปูปลาเราก็ไม่เน้น ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ไปสร้าง ไม่ไปฆ่าหรือสัตว์ 2 ขา 4 ขาสัตว์บกเราก็ไม่ไปเกี่ยว เพราะสัตว์เหล่านั้นมันมีวิบาก เป็นวิบากตามไปตามมากับชีวิต เรารู้รายละเอียดพวกนี้ ไปอ่านในชีวกสูตร ที่ท่านตรัสไว้ ความละเอียด 5 ข้อนี้คนเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 04:42:29 )

สร้างอาหารให้กับโลกเจริญกว่าอื่นใด 

รายละเอียด

เอาละ อาจจะใช้ประโยชน์จากการกดนี้บ้าง แต่ถ้าเอาพลังงานเอาแต่กดๆๆๆ  ส่งสื่อสารกันเท่านั้น กับการมาสร้างผลหมากรากไม้พืชพันธุ์ธัญญาหารให้มันเยอะแล้วก็ไล่แจกกัน อันไหนมันจะทำให้มนุษยชาติเป็นอยู่ได้ดีกว่ากัน เด็กๆตอบได้ไหม .... สร้างอันไหนจะมีประโยชน์คุณค่ามากกว่ากันสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารกับสร้างเทคโนโลยีเครื่องอุตสาหกรรม...เด็กตอบว่าสร้างอาหารให้กับโลกเนี่ย เจริญกว่า 

มันไม่ยากหรอกง่ายๆชัดๆ แต่เขาไม่เข้าใจกันไม่มีปัญญา ไปหลงเทคโนโลยี รู้สึกว่าเราได้ใช้ความเฉลียวฉลาดมาสร้าง ไอ้นี่มันทำปลูกแล้วมันก็เกิดขึ้นมา ไม่เห็นจะต้องฉลาดอะไรมากมายเลย เห็นไหมคนเรามันหลง ที่จริงมันไม่ฉลาดหรอก มันโง่ลง จริงๆแล้วมันโง่ลง ซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 20:34:41 )

สร้างอาหารให้จิตวิญญาณแข็งแรงได้อย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเมื่อถึงปริเฉทรูปแล้ว จิตว่าง เป็น อากาสานัญจายตนะ 

อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เป็นสามเส้า ทำจิตสามเเส้านี้ให้แข็งแรง จิตที่เป็นอากาศธาตุต้องอาศัย 2 วิญญาณต้องอาศัยอากาศธาตุ อากาศก็สะอาด วิญญาณก็สะอาดอยู่ ให้อาศัย มันมีกิเลสหรือไม่มีกิเลสคือ อากิญจัญญายตนะ ไม่มี อากิญ แปลว่านิดนึงน้อยหนึ่งก็ไม่มี ทั้ง 3 สภาพ อากาศก็แข็งแรง วิญญาณก็แข็งแรง อากิญจัญยายตนะ ที่มีอายตนะรับรู้ อายตะ แปลว่ามีสะพานเชื่อมต่อกัน 

จิตวิญญาณมีอยู่ เชื่อมกับอากาศ จิตวิญญาณมีอยู่ เชื่อมกับกิเลสของโลก จิตของเราเป็นจิตที่กิเลสเข้าไม่ได้ กิเลสไม่รอหน้า กิเลสมาใกล้มันกระเด็นหนีหมดเลย นี่เป็นฤทธิ์เป็นอำนาจของอากิญจัญญายตนะ อายตนะแปลว่า มันมีสภาพเชื่อมต่อกันนะ 

แม้จะเชื่อมต่ออยู่กับกิเลส ในโลกมันมีกิเลสว่อนอยู่เต็มไปหมด เราไม่ไปหามัน มันก็มาหาเรา แต่มันมาหาเราแล้ว กิเลสอย่าว่าแต่จะเข้าไปในเนื้อหนัง จิตใจของพระอรหันต์เลย ใกล้ก็ไม่ได้ มันรอหน้าก็ไม่ได้ มันมาถึงรัศมีรังสีระยะหนึ่ง ถูกกระเด็นกระดอนออกไปแล้ว พลังงานลูกน้อง พลังงานไม่ใช่ตัวจริงข้างใน มันมีบรรยากาศข้างนอก บรรยากาศที่เป็นพลังงานของอรหันต์ ขจัดไปเลย กิเลสมาทำอะไรเราไม่ได้ ภาษาที่อธิบายสภาวะสู่ฟัง อธิบายได้ประมาณนี้ 

นี่เป็นการบรรลุธรรมของความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ที่รู้จักพลังงานจิตเจตสิกต่างๆ เก่งขนาดนี้ เพราะฉะนั้น จึงได้สร้างอาหารให้แก่จิตวิญญาณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:03:05 )

สร้างเมืองสำคัญบนพื้นที่น้ำท่วม 

รายละเอียด

สร้างเมืองสำคัญบนพื้นที่น้ำท่วม  คือ ราชธานีอโศก  เป็นเมืองหลวงของชาวอโศก  ปีนี้น้ำท่วมหนักแบบราบพณาสูร  เพราะอะไรจึงเลือกพื้นที่น้ำท่วมสร้างเมือง   เป็นวิบากของอาตมาเพราะอาตมาไม่มีอะไรเพียบพร้อม  มีได้ขนาดนี้ก็บุญหัวนักหนาแล้ว ได้ที่เป็นพันไร่ เป็นอจินไตยวิบากอาตมาต้องเป็นเช่นนั้น  อาตมาก็ไม่ได้คิด ก็ยอมรับ  ก็ให้ดีกว่านี้ได้นั้นดีแน่  แต่มันได้แค่นี้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:29:32 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:18:40 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:44:29 )

สร้างเรือนไฟ

รายละเอียด

สร้างศาลาหรือวิหารที่มีการบูชาไฟอยู่ในวิหารนั้น

หนังสืออ้างอิง

ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 52


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 21:44:10 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:41:41 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:42:52 )

สร้างเศรษฐกิจแบบ GDP เป็นบาป

รายละเอียด

การจะรวยนั้นแต่ละประเทศเป็นบาป บาปคืออะไร แต่ละประเทศหาทางเอาเปรียบประเทศอื่นเพื่อสร้าง GDP ให้แก่ตัวเองทั้งนั้น นี่บาปแล้ว ประเทศสร้างเศรษฐกิจด้วยบาป ทุกประเทศ แม้แต่ประเทศเล็กน้อยก็อยากจะสร้างเศรษฐกิจแบบนั้น ก็บาปน้อย แต่ประเทศที่ได้เปรียบมาก ก็บาปมาก การตั้งใจเอาเปรียบเขา ตั้งใจโลภ ทำความโลภให้สมโลภ ก็บาปแล้ว กิเลสโลภก็หนาอ้วน แล้วชีวิตของคนไทยมีแนวคิดว่าจะให้กิเลสโต มันเจริญหรือไง พูดกันด้วยภาษาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าก็ชัดเจนเช่นนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 12:07:25 )

สร้างแดนอโศก

รายละเอียด

บอกว่าให้อาตมาไปกราบอุปัชฌาย์ท่านก็เสียไปแล้ว แม้แต่ท่านก็ไม่เคยว่าอาตมา เพราะท่านมีภูมิรู้แม้ท่านจะเป็นพระครู แม้ท่านจะยอมให้อาตมาอาศัยวัด หนักเข้าอาตมาก็ไม่ได้อยู่ที่ธรรมยุตแต่ไปอยู่มหานิกาย ท่านก็ไม่เคยมาว่าอาตมา อาตมาจึงจำเป็นต้องพาพระของพวกเราไปอยู่ที่แดนอโศก ซึ่งเป็นที่ดินของพระรูปหนึ่ง ที่เป็น พ่อเป็นพี่ชายของท่านอุปัชฌาย์วัดหนองกระทุ่ม โยงใยกันอยู่ อุปัชฌาย์ทางมหานิกาย อาตมาเรียกว่าหลวงตา ท่านก็ให้อนุญาตไปสร้างแดนอโศกอยู่ข้างๆ วัด แม้แต่เข้าพรรษาก็อธิษฐานพรรษากันที่แดนอโศก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:14:38 )

สร้างให้มากให้เกินที่เรากินเราใช้ไม่เห็นแก่ได้

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่าทำ ไม่ทำ ทุจริต แบบนี้ ที่ไม่ใช่ของของเรา เอาแต่ของที่เขาให้ เขาอนุญาต เขาสละให้เรา อย่างนั้น เป็นคนที่ไม่เห็นแก่ได้ไม่อยากได้ของใครที่ไม่ใช่ของเรา ถ้าของเรา เราสร้างเอง เราลงมือลงไม้ประกอบเอง ปลูกเอง สร้างเอง ปฏิบัติประพฤติประดิษฐ์ประดอยเองทำเอง ขึ้นมาด้วยมือด้วยความสามารถ เราก็มีสิทธิ์ แม้แต่วัสดุก็ของเราแรงงานก็ของเราความรู้ความคิดของเราสร้างขึ้นมาเราก็มีสิทธิ์ของเราเต็ม อย่างนี้เป็นของของเรา แล้วเราก็ให้คนอื่นได้ ยิ่งกว่านั้นไม่หวงแหนด้วย เพราะเราสร้างอีกได้ เราทำได้ ไม่หวงแหน สร้างให้มากให้เกินที่เรากินเราใช้ เราสร้างแล้วเราก็อาศัยเอง สร้างขึ้นมาก็ได้อาศัยกินอาศัยใช้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:13:19 )

สร้างให้มาเป็นคนจนได้สร้างได้ที่คน

รายละเอียด

คือคนจนถ้าเข้าใจลักษณะจริงได้แล้ว  แล้วมันสร้างได้อย่างไร  สร้างให้มาเป็นคนจนได้อย่างไร ในประเทศไทยที่เป็นสถานที่ แล้วในประเทศไทยมีใคร ก็มีคน  เพราะฉะนั้น สร้างได้ที่คน  วัตถุมันไม่รู้ความจน   ความรวย คนที่สะสมมากก็รวย  คนที่สะสมน้อยก็จน  หรือไม่สะสมก็จน  ต้องสร้างให้คนไม่สะสม และมีระบบวิธี กองกลาง แล้วก็มีใจที่ไม่ยึดเป็นของตัวของตน  มีของกลาง  ส่วนรวม  พฤติกรรมก็ไม่แย่งกัน  เอามาใช้ตามเหมาะควร ใช้ไม่หมดก็คืนเข้ากองกลางเฉลี่ยกันใช้อย่างสบาย  ซึ่งเป็นหลักเศรษฐศาสตร์ที่สามัญ  แต่มันลึกซึ้งมาก  ที่จริงเป็นเรื่องวิสามัญ  กลับไปกลับมาจากถูกเป็นผิดจากผิดเป็นถูก  จนกลายเป็นผิดเต็มโลกเลย   เราก็ต้องกลับมาสู่ความถูกต้องที่มันเป็นโลกุตระที่มันยากเย็นยิ่ง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:34:09 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:20:13 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:48:57 )

สลัดงัวเงียได้แล้วจะไม่ง่วง

รายละเอียด

ภาษาไทยชัดงัวเงียนี้ ภาษาไทยเนี่ย ใครอ่านอาการให้ออกตรงกัน งัวเงียเนี่ย ทุกคนรู้ เพราะมีทุกคน มันติดทุกคน เคยมาทุกคน มันมีของจริงเป็นมาอยู่นี้  ถ้าใช้ภาษาไทยตัวนี้ชัด คนไทยฟังภาษาคำนี้ชัด นั่นแหละอันนั้นออก สลัดได้จริงไม่มาเลย งัวเงียไม่เข้ามาหา

เราเลย จบเลย นอกนั้นก็เหลือแต่สรีระร่างกาย มันเอาเราง่วงเท่านั้นเอง ถ้าไม่เหลือ สรีระมันก็ไม่ง่วง ตื่น มันก็ตื่นสดใสตลอดกาล

ที่มา ที่ไป

 งัวเงีย คือ กิเลสสายดับ วันที่ 19 กรกฎาคม 2561


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2564 ( 16:31:51 )

สลายความยึดถือ จึงจะนับมาเป็นพุทธบริษัทได้ ใช่ไหม

รายละเอียด

อย่างนั้นก็ได้ มันต้องเข้าใจให้ครบ อย่างที่ สู่แดนธรรมอธิบายถึง สักกายทิฏฐิ ในมุมนั้นก็ได้แต่มุมที่สำคัญคือต้องเข้าใจคำว่า กาย ให้ได้

กาย ทุกวันนี้ได้ผิดเพี้ยนมิจฉาทิฏฐิไปหมดแล้ว เข้าใจคำว่า กาย เป็นอุตุนิยามไปเป็นวัตถุ เป็นดินน้ำไฟลม ไม่ใช่ กาย ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น 

กาย หมายความว่าเป็นจิต มีพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า กายนี้ ตถาคตเรียกว่า จิตมโน วิญญาณ ใน เล่ม 16 ข้อ 230 

กาย มาเป็นภาษาไทย เป็นคำไทยแท้ๆไปแล้วทุกวันนี้ แล้วเขาเข้าใจกาย ในภาษาไทยว่าเป็นสรีระร่างภายนอก ไม่ใช่จิตวิญญาณแล้ว 

คนตายไปแล้วทิ้งเหลือแต่กายแต่ร่าง ไม่ใช่ คนตายแล้วหมดกายเลย มันออกจากร่าง ไม่ใช่ตายไปแล้วเหลือศพคือกาย ไม่ใช่ กายนี่เป็นธาตุรู้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 18:44:39 )

สลายจิตธาตุให้สูญกลายเป็นอุตุธาตุ

รายละเอียด

จริง ศาสนาไหนก็ไม่ขาดพลังสื่อสาร มีแต่ศาสนาเชนที่ไม่ใช้ สุดโต่ง ไม่เอาอะไรเลยอยู่ไปก็ตายเท่านั้น เขาถือว่าตายแล้วสูญจบแล้วเท่านั้น เขาถือความเข้าใจ อัตตาของเขา ต้องสูญไม่มีอะไรเหลือ เป็นอุจเฉททิฏฐิขนาดหนักเลย เขาไม่ได้เรียนรู้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ที่มีการสัมผัสและมีอาการติดยึดเกิดเวทนาเกิดความรู้สึก แล้วก็มีธาตุรู้ที่ไปรับรู้เรียกว่าสัญญา เรียกว่าปัญญาไปรู้ความรู้สึกนั้นจนกระทั่งมันไม่ติดไม่ยึด มันกลาง มันเฉยไม่มีอะไรดูดดึงเลย การรู้ถึงสภาพสิ่งที่มีในโลก ตั้งแต่ความเป็นธาตุอุตุนิยาม วัตถุต่างๆจนกระทั่งมาเป็น พีชะเป็นจิต ที่เป็นความตรัสรู้ของศาสนาพระพุทธเจ้า แค่รู้เรื่องของคุณสมบัติของพลังงานระดับอุตุนิยาม คุณสมบัติของพลังงานระดับ พีชนิยาม คุณสมบัติพลังงานของระดับจิตนิยาม 3 ตัวนี้ครบโลกเลย ทางวิทยาศาสตร์ ครบโลกวิทยาศาสตร์เลย แต่เดี๋ยวนี้วิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถแยกความรู้ 3 อย่างนี้ได้ แล้วแยกได้สำเร็จ ทำให้สำเร็จ คือแยกทางจิตของตัวเองให้จบความเป็นจิตได้เลย ไม่เหลือแม้กระทั่งความเป็น พีชะ ไปกลายเป็นอุตุธาตุ เป็นดินน้ำไฟลมได้ แม้แต่ พีชะ ระดับพืชก็ยังไม่เหลือ อาจจะเหลือเศษอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ท่านตายจากร่างกายนี้ไปแล้ว ในพรหมชาลสูตรก็เหมือนพวงมะม่วงสดๆ ถูกตัดขั้วลง แตกกระจายไม่รวมติดกันอีกแล้ว ไม่รวมเป็นพวงใหญ่เหมือนเดิมได้ กลายเป็นวัตถุธาตุ จิตธาตุสูญแน่ พีชนิยามก็แค่อาศัย เวลาตายไปแม้พีชนิยามก็ทำลายกลายเป็นอุตุไปหมด 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 13:51:50 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:00:51 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:50:07 )

สลายจิตวิญญาณได้แยกอัตตาตัวเองเป็นดินน้ำไฟลมได้

รายละเอียด

ส่วนคนที่รู้ที่จบแล้วจะเป็นแค่พระอรหันต์ จบธาตุอยากรู้ของอัตตาตัวเองแล้วก็แยกอัตตาตัวเองเป็นดินน้ำไฟลมได้ ส่วนโพธิสัตว์นั้นอยากรู้อีกว่าแล้วของคนอื่นๆมันมีนัยยะ มันมีประเด็นของการสังเคราะห์สารปรุงแต่งอะไรมาก มากมุมมากเหลี่ยม 

จนกระทั่งศึกษาไป รู้หมดแล้วว่า เท่านี้เอง มีกาละเทศะฐานะที่เป็นไปได้จบ ก็รู้จบ ผู้ที่รู้ถ้วนโลกเลยว่า ชีวะจิตนิยามยิ่งใหญ่ที่สุด กับดินน้ำไฟลม มีเท่านี้แหละ ปรุงแต่งอยู่ในมหาจักรวาลเอกภพนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 13:59:26 )

สลายทั้งสุขและทุกข์ได้ ไม่มี 2 ก็จบเป็น 0

รายละเอียด

ธาตุ1 ธาตุตัวประธาน กับอีกธาตุหนึ่งเป็นธาตุ 2 เลขภาษาวิทยาศาสตร์บวกกับลบ เรียกภาษาคณิตศาสตร์ 1 กับ 2 หรือ 1 กับ 0 ถ้าสภาพของ 0 เราทำ 0 ได้ก็ไม่มีอะไรแล้ว 1 ไม่มี 2 ไม่มี ก็เป็นผู้รู้คือประธาน เราก็รู้ที่จบว่า 0 คือความไม่มี ทำให้มีความเกาะยึดความเป็นตัวตน แม้แต่ยึดแค่เป็นพืชก็ไม่ต้องยึดแล้ว ทำได้รู้ได้ พระอรหันต์ ทำเป็นพืชก็รู้ได้แล้ว เพราะฉะนั้นทำเป็นพืชให้หมดโศกหมดทุกข์เราก็ต้องทำเป็นพืช ได้แล้วหมดสุขหมดทุกข์ จบ 

จากหมดสุขหมดทุกข์เป็นไม่มีสุขไม่มีทุกข์เลย หมดโศกหมดทุกข์มันก็คล้ายๆกับไม่มีสุขไม่มีทุกข์เลย แต่มันยังมีนัยยะเป็นสิริมหามายาละเอียดว่ายังมีสุขมีทุกข์อยู่นะ มันยังมี 2 อยู่ แยกไม่ออกหรอก 2 มองในมุมหนึ่งก็เป็นสุข เพราะฉะนั้นเห็นทุกข์นี่แหละเป็นสุข พวกที่ไปเห็นทุกข์เป็นสุขจนกระทั่งไม่รู้ว่าทุกข์มันหนักขึ้นหนักขึ้นก็ไม่รู้ตัว เพราะโง่ขึ้นโง่ขึ้นเรื่อยๆ เจริญงอกงามไพบูลย์ด้วยความโง่ ก็เลยไม่รู้ทุกข์มากมายทุกข์หนักทุกข์ใหญ่ก็ไม่รู้ตัว จนกระทั่งไม่รู้ตัวแล้วแบกทุกข์ไว้ก็คือไปหลงสุขนั่นแหละ ก็ทำให้หมดทุกข์ หมดทุกข์ก็หมดสุข หมดภาษาแล้วตอนนี้ 

อาศัยกระดาษ 1 แผ่นอธิบายหน้าหนึ่งเป็นด้านสุขอีกด้านหนึ่งเป็นทุกข์ จะแยกออกจากกันไม่ได้ ทำให้มันเหลือหน้าเดียวไม่ได้ จะสลายก็ต้องสลายไปทั้งสองหน้า สลายทั้งความสุขและความทุกข์ ไม่มี 2 เป็น 0 ไปเลย ก็จบตรงนี้ รู้จัก 0  0 ได้ก็จบ สุดแล้วก็กลายเป็นอุตุธาตุ ดินน้ำไฟลม มันไม่มีตัวตนไม่มีตัวกูของกูแล้ว มีแต่พลังงานอื่นจะมาจัดการกับมันไป เป็นพลังงานตั้งแต่พลังงานพระอาทิตย์ มีบริวารมากที่สุดก็ 9 บริวารน้อยที่สุดก็ 9 ในจักรวาลที่น้อยที่สุดก็มี 9 ดวง ซึ่งมีคนอุตริจะให้เหลือ 8 มันเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะมันมีสภาพของสัจธรรม 

9 นี้มีเลข 3 ตัวสมดุลกันอยู่ เอาออกก็กลายเป็นตัวเขย่ง มีความบกพร่องเดี๋ยวก็กลายเป็นอุกกาบาตไม่มีวงโคจรแน่นอน ซึ่งมันเป็นได้ เปลี่ยนไปเป็นอันนั้นได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 จน เป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 14:09:01 )

สลายยางเหนียวของอัตภาพได้ด้วยวิชชาของพุทธ

รายละเอียด

แต่สิ่งที่ไปยึดติดว่ามันมี แล้วก็มีสุขมีทุกข์ แล้วก็ไม่รู้ว่าจิตวิญญาณมันเป็นสังขารที่ปรุงแต่งกันอยู่เท่านั้น ถ้ามีวิชชารู้สังขาร มีสังขารแล้วก็มาเป็นวิญญาณ แยกศึกษาได้เป็นนามรูป พระพุทธเจ้าใช้นามรูปเป็นตัวสภาพ 2 ศึกษา เป็นอายตนะ เป็นเวทนา รู้เหตุแห่งเวทนา 

ไปสำคัญอยู่ที่เวทนา สุขทุกข์ หรือเป็นตัวต้องเกิดกิเลสตัณหา รวมตัวอยู่ในเวทนานี้ พระพุทธเจ้าถึงได้ให้เรียนเวทนา แจกออกเป็นเวทนา 108 แยกให้เป็นอย่างที่ศาสดา เคหสิตะรู้ ก็จบแค่นั้น ส่วนของพระพุทธเจ้านั้นเป็นเนกขัมมสิตะ เห็นได้ว่า มันมีเหตุ มีกิเลสเป็นตัวเหตุ ก็เอาเหตุออก เนกขัมมะ พ้นจากเหตุ จนสุดท้ายอรหันต์ มันหมดแล้วจากกิเลสตัวการที่มันผูกมันยึดเป็นอุปาทาน เป็นตัวยึดถือตัวตรึงตัวโง่ ทำให้มันเกิดอัตตา จัดการได้เลย 

สิ่งที่เป็นยางเหนียว เป็นอวิชชา เป็นความโง่ เมื่อจิตมันหมด หรือเมื่อจิตมันรู้ชัดแล้วทำให้จิตไม่ไปโง่ ไม่เป็นยางเหนียวที่ไปยึดติดกันอีก ก็สลายได้หมดเลย สลายได้จริงๆเลย ก็เป็นเรื่องอจินไตย เป็นเรื่องที่เทวนิยมเขาเชื่อไม่ได้หรอก เพราะมันเกินกว่าภูมิเขา เทวนิยมกว่าจะค่อยๆ มารู้มีปัญญา 8 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 04:26:23 )

สลายเวทนาให้เฉยกลางได้ แม้สัมผัสอยู่กับโลกอบายที่จัดจ้าน

รายละเอียด

เมื่อกี้นี้กำลังทวนว่า ในโลกอบายที่จัดจ้าน เราก็สามารถที่จะสลายเวทนาของเราเฉยกลาง สัมผัสอยู่กับเรื่องนั้น คุณยังมีหลงจัดจ้านอยู่ไหม ไม่ต้องเอาอะไรมาก แฟชั่นของผู้หญิงพวกคุณเป็นผู้หญิง เขาแต่งตัวอย่างไร? คุณริษยาเขาไหม? อยากจะได้อยากจะเป็นอย่างเขาไหม?.. ก็ไม่ เขาได้เป็นนางงามนะ เขาได้ถ้วยรางวัลนะ ได้เงินรางวัลเป็นล้านได้มงกุฎเพชรนะ ได้เป็นทูตแห่งสันติภาพ ยิ่งใหญ่จะตาย ไม่อยากเป็นเหรอ ทูตวัฒนธรรม ไม่อยากเป็นเหรอ คุณไม่งาม คุณไม่สามารถจะไปแข่งกับเขาได้ หมาเห็นองุ่นเปรี้ยว แท้ๆตัวเองก็ไม่งามพอที่จะแข่งกับเขาได้ เห็นไหม ต่างๆนานาพวกนี้ก็เอาเถอะไม่เป็นไร เดี๋ยวนี้เขาผ่าตัดเป็นนางงามได้ประกวดเดี๋ยวนี้ มันงามของจริงหรืองามตกแต่งกันก็ไม่รู้ นางงามพลาสติกทั้งนั้นเลยทุกวันนี้ จะเอารูปไหนปั้นได้เลย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาบอกว่าพวกดาราเกาหลี มันเป็นศัลยกรรมพลาสติกกันทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ใครอยากจะงามหล่อตามที่ต้องการ จะเอาแบบไหนคุณก็เอาแบบให้เขาเลย เขาทำให้เป๊ะหมดเลย จ่ายเงินครบ หล่อได้สวยได้ตามที่คุณอยากจะเป็น 

แต่เราเห็นว่าเป็นสิ่งไร้สาระ ของเราขมุกขมอมอย่างไรก็ได้ จะดำๆเหมี่ยงๆก็ได้ เบี้ยวๆบิดๆอะไรยังไงก็ได้ อยู่ที่สัจจะสาระของเรา อยู่ที่กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของเราดีเป็นประโยชน์คุณค่าอย่างมหาศาล เพื่อโลก เพื่อมนุษยชาติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 20:31:40 )

สว สย สก มีความแตกต่างกัน 

รายละเอียด

สว สย สก มีความแตกต่างกัน 

สก หยาบสุด รู้สักกะแล้วมารู้ สวะ อาสวะ รู้ สวะ แล้วไปรู้ สยะ รู้ สยะ ก็จบ 

เพราะฉะนั้น ทั้งพยัญชนะที่สื่อสภาวะพวกนี้ ขอยืนยันว่า อาตมาพูดนี่ ไม่ใช่เดา ไม่ใช่คาดคะเน ไม่ใช่พูดเพ้อเจ้อเล่นลิ้น แต่เป็นความจริงสัจธรรมที่จะไม่ได้ยินง่ายๆ นี่แหละคือโลกุตรธรรม ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่รู้ความจริงตามความเป็นจริง  เช่นที่อาตมากำลังอธิบาย เรียนดีๆ คุณรู้อย่างอาตมารู้ แล้วคุณจะมั่นใจ เมื่อคุณทำได้ด้วย คุณก็จบ คุณก็เป็นอรหันต์อย่างน้อย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 21:44:32 )

สว.

รายละเอียด

ตัวตนที่มีพลังงาน  ว คือ พลังงานระดับที่ 4 ของเศษวรรค ส่วน สย เป็นพลังงานตัวที่ 1 ของเศษวรรค

ย. คือ ตัวเล็กสุดปลายสุด ถ้ามีพลังงานถึงชั้น 4 แยกยากคือ สว ยิ่งไปเป็น สก คือตัวตนหยาบสุด

สว. คือ ตัวตนรองลงมา

สย. คือ ตัวตนอาศัยสุดท้าย คือ อนุสัย เป็นอรหันต์แล้วเป็นพระโพธิสัตว์จึงอาศัยสิ่งนี้

อา คือ ลากมันไป ที่จริงจะ อ สยะ คือ ไม่มีสยะ ได้แต่ก็ใช้มันต่อไปก็ได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:39:16 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 16:21:38 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:54:32 )

สว.เป็นทาสของนายกประยุทธ์หรือ และเหตุผลพ่อครูจะพูดเอาแต่ความคิดตัวเองไม่ได้

รายละเอียด

เขาทำหรือยัง เขายังไม่ได้ทำเลย เขาตีความกันเอง จริงๆแล้วสว.เขาก็เป็นผู้ตั้ง ก็เลยตีขุมว่าเขาตั้งมาก็เพื่อที่จะเอามาให้คะแนนเขา เขามีหน้าที่เขาทำได้ตามหลักกฎหมาย เขามีสิทธิ์เขาก็ทำไปตามหน้าที่ คุณก็ไปแปลความตีความหมดเลย คุณไปดูถูกสว. สว.เป็นทาสของคุณประยุทธ์หรืออย่างไร สว. ทั้งหลาย และหากว่าอาตมาเอาความคิดของคนอื่นมามันก็เป็นคนโง่นั่นแหละ อาตมาไม่ได้เป็นอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 15:11:35 )

สวด

รายละเอียด

คือ คำกล่าวคำอธิบายขยายความ “มีคำ มีความมากขึ้น สาธยายด้วยคำพูดออกไปเกินกรอบขอบเขต”

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 167


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 14:03:31 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:38:45 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:55:11 )

สวด

รายละเอียด

คือ โดยเฉพาะในการสวดของศาสนา แปลว่า การอธิบายให้ยาวออกไปอีก ไม่ได้แปลว่าร้องเพลง คือ การพูดขยายความออกไปให้มีมากขึ้นๆ

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 156- 158


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 13:53:26 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:56 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:55:50 )

สวดธรรมบทที่เป็นอาบัติ

รายละเอียด

ถ้าเอาธรรมบทของพระพุทธเจ้ามาสวดพร้อมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปต่อหน้าอนุสัมบันก็อาบัติ แต่เขาจะเอามาสวดกันเป็นล้านคนอย่างธรรมกายทำสวดกันล้านรอบด้วย แล้วให้คนรู้สึกว่ายิ่งใหญ่ขลัง ก็มีผลดีแค่จำได้เท่านั้น แต่มันทำให้คนหลงความขลังลงความเพ้อเจ้อ มันมีกุศล มีฤทธิ์เดช มีอำนาจ มีความเจริญแบบต่างๆ แต่คุณเสียเวลาเสียแรงงานอะไรไปเฉยๆ แต่เขาก็เลิกได้ยาก เป็นแต่เพียงปรับมาให้ผิดน้อยลง รู้แล้วเข้าใจแล้วก็เลิกกันเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะประกอบไปลีลาชาวโลกโลกีย์ เป็นลีลาของอบายมุข รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสใส่เข้าไปในการสวด คุณก็ติดสิ แล้วก็ไปสร้างให้เป็นโลกีย์เป็นกาม ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เสียงเขาก็ปรุงแต่งเสียง ด้วยวิธีการด้วยองค์ประกอบต่างๆ มีทั้งจังหวะมีทั้งสำเนียงมีทั้งลูกคอมีฮาโมนิคมีลูกเล่นต่างๆนานา มี rap ด้วยนะ rock ก็มี เลอะเทอะไปใหญ่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 10:00:21 )

สวดประณามคาถา แตกต่างจากสวดอ้อนวอนอย่างไร

รายละเอียด

อันนี้ก็ยังซ้อนกันอยู่อีก สวดประณามคาถาแตกต่างจากสวดอ้อนวอนอย่างไร สวดประณามคาถาไม่ใช่การสวดอ้อนวอน ประณามคาถาหมายถึงว่าคำสวดนั้นร้อยเรียงขึ้นมา ไม่ใช่ธรรมบท เป็นของสาวก แต่งคำสรรเสริญเยินยอ ระลึกถึงบุญคุณของศาสนา ของพระพุทธเจ้า ผู้ที่มีบุญคุณต่อศาสนา ต่อพระธรรม ต่อพระพุทธเจ้า ก็แต่งภาษาขึ้นเอง ไม่ใช่ธรรมบท ไม่ใช่คำตรัสพระพุทธเจ้า ไม่ใช่คำสอน แต่เป็นคำสรรเสริญคุณของธรรมะพระพุทธเจ้า หรือสรรเสริญคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 

สวดประณามคาถา คุณจะสวดพร้อมกัน คุณจะสวดใส่ทำนองยังไงก็สวดไปสิ แต่ธรรมวินัยก็บอกแล้วว่าอย่าไปหาเรื่องสวดใส่ทำนอง หรือว่าลากเสียงอันยาว เสียงสั้นก็ไปลากเสียงยาว เสียงยาวก็ลากให้ยาวไปอีก มันก็ผิดทั้งนั้น พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้หมดในพระไตรปิฎกข้อ 20 และข้อ 21 ในพระวินัย ท่านตรัสเรื่อง อย่าไปใส่ทำนองและอย่าไปลากเสียงอันยาว เราอนุญาตแต่สรภัญญะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานโลกีย์กับฌานโลกุตระ สภาวะต่างกันเช่นไร วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2567 ( 15:39:35 )

สวดมนต์

รายละเอียด

การสวดมนต์ต่อหน้าผู้คนสาธารณะนั้น ไม่ใช่ลัทธิของพุทธ การเอาบทมนต์ไปสวดพร้อมกันต่อหน้าผู้คนสาธารณะอย่างที่ทำกันนั้น ไม่ใช่ลัทธิของพุทธ พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้เอา "ธรรมบท" ไปสวดพร้อมกันตั้งแต่ 2 คนต่อหน้าฆราวาส หรือ อนุปสัมบัน (คนผู้ยังไม่มีภูมิรู้โลกุตระ)

แต่การสวดอย่าง"ประณามคาถา"นั้นสวดได้ เพราะเป็นบทที่เขาแต่งขึ้นใหม่ ไม่ใช่"ธรรมบท"ของพระพุทธเจ้า เป็นบทที่เขาแต่งขึ้นสรรเสริญพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ แล้วเอาไปท่องให้คนศรัทธาเลื่อมใส เช่น พาหุง 8 หรือ มหากาฯ หรือ ภวตุสัพพฯ เป็นต้น

ส่วน"ยะถาสัพพีฯ"นั้น มีทั้งธรรมบทของพระพุทธเจ้ากับประณามคาถาที่แต่งกันเอง คือ ช่วงต้นเป็น "ธรรมบท" ช่วงท้ายเป็น "ประณามคาถา"

 

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 4


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 10:41:42 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:24:37 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:56:26 )

สวดมนต์กับพิธีกรรมไม่ใช่เนื้อแท้ของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

มันไม่เหมือนจริงๆ เพราะโลกุตรธรรมมันเสื่อมไปจริงๆ คุณพูดถูกแล้ว มันไม่เหมือนไอ้ที่สอนกันมา มันผิด อาตมาเอาความถูกมาสถาปนาลงไป จริงที่สุด ถ้าไม่มีการสวดมนต์ ไม่มีพิธีการต่างๆ ศาสนาพุทธไม่มีหรอกในประเทศไทย ทุกวันนี้ศาสนาพุทธในเมืองไทยหากินกับการสวดมนต์และพิธีการ อโศกมีพิธีการก็ไม่เหมือนเขาที่เป็นพิธีการอย่างเขา ส่วนการสวดแบบนั้นไม่มีเลย มีสวด แต่ไม่เอาธรรมะพระพุทธเจ้าแท้-ธรรมบทมาสวด มีแต่เอาประณามคาถา ที่สาวกเป็นผู้แต่ง เอามาสวดพร้อมกันตั้งแต่ 2 องค์ขึ้นไป ไม่ผิดพระวินัยนะ​ ถ้าหากเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาสวดพร้อมกัน 2 องค์ต่อหน้าสาธารณะนั้นเป็นอาบัติทุกคำ เพราะฉะนั้นอาบัติกันอยู่นั้น ที่เขาสวดๆ กันอยู่เป็นอาบัติกันทั้งนั้นนะ อาตมาพูดเขาก็ไม่กระดิกหู ไม่รู้ ไม่เข้าใจ อาบัติอะไร เขาทำกันอยู่ทั้งนั้น ถ้าไม่ทำแล้วจะกินยังไงอยู่ยังไง ก็หากินอยู่กับการสวด เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า มันลึกซึ้ง มันอีกเยอะ เรื่องสักการะสรรเสริญ คนจะเข้าใจเรื่องนี้? (พ่อครูส่ายหน้า) รู้ตัวว่าเราติดยึดอยู่เหล่านี้ ไม่รู้ไม่เข้าใจว่าการสรรเสริญเป็นความต่ำ ความเสื่อม ความทราม ยืนยันได้ตามพระไตรปิฎก คำตรัสของพระพุทธเจ้าว่า สรรเสริญ ไม่ได้เป็นไปเพื่อละหน่ายคลายจากกิเลสเลย
 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาต้องเกิดในปัจจุบัน จึงรู้เท่าทันเทวทัตยุคดิจิตอล วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2566 ( 18:01:12 )

สวดมนต์ข้ามปี ก็คือการทำลายศาสนาพุทธข้ามปี

รายละเอียด

พูดถึงสวดมนต์ก็ขอบอกอีกเลยว่า ศาสนาที่สวดมนต์อยู่ โดยเฉพาะสวดมนต์ที่อาบัติ  ผิดคำสอน ธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า อย่างที่เขาทำอยู่ในเถรสมาคมถึงขั้นเป็นราชพิธี ผิดทั้งนั้น อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาพูดถูก มันผิดหมด มันเป็นอาบัติทุกคำสวด ในมุสาวาทวรรค อาบัติปาจิตตีย์ เขาบอกว่า อย่าเอาธรรมบทมาสวดพร้อมกันให้ อนุปสัมบัน ให้ฆราวาสได้ยิน สวดกันได้ แต่ในเฉพาะ พวกภิกษุด้วยกัน คุณจะสวดพร้อมกันในภิกษุด้วยกัน เอาธรรมบทคือบทคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งต่างกันกับคำว่าประณามคาถา 

ประณามคาถาไม่ใช่ธรรมบท แต่เป็นคำที่เขาแต่งขึ้นใหม่ เอาบาลีมาแต่ง เช่น พาหุงสหัสฯ หรือ ภวตุสัพมังคลังฯ เป็นต้น แต่ว่าธรรมบทของพระพุทธเจ้า จะเอาพระไตรปิฎกมาสอนหรือสวดโพชฌงค์ 7 ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เอามาสวดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมาพูดต่อหน้าสาธารณะ ต่อหน้าอนุปสัมบัน 5 บาปทุกคำสวด นั่นเป็นการเบี้ยวบาลีแล้ว ผู้สวดนี้คือภิกษุ อันนี้เป็นวินัยของพระไม่ใช่วินัยของฆราวาส ให้ฆราวาสไปสวดได้อย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2566 ( 12:09:12 )

สวดมนต์คืออะไร

รายละเอียด

ใช่ การสวดมนต์เป็นการทำลายศาสนา อาตมาก็เอาพระวินัยมายืนยันที่เขาสวดกันนี้มันผิด รายละเอียดก็มีมากมาย สวดมนต์คืออะไร การสวดมนต์ก็แบ่งเป็น 2 อย่าง สวดปณามคาถากับสวดธรรมบท หรือสวดตรวจสอบกับสวดท่องจำ สังคีติกับสังคายนา สวดท่องจำคือจดจำคำสอนพระพุทธเจ้าเอาไว้ เหมือนกันท่องสูตรคูณท่องอาขยาน สมัยก่อนนี้จำเป็น เพราะไม่มีอะไรบันทึก ก็ใช้ความจำบันทึก แต่สมัยนี้ความจำเป็นก็ลดน้อยลง มีสิ่งที่ใช้บันทึกแทนได้เยอะเราก็ใช้พลังงานนั้นให้น้อยลง แต่ถ้าทำได้จำได้มันก็ง่าย ควักมาใช้ได้ทันที อาตมาก็อยากจำให้ได้มากกว่านี้ แต่ไม่เก่ง ที่จำเก่านี้ไม่ลืมไปนี่มันก็ดีแล้ว ก็ยังขอบคุณตนเอง ที่จำใหม่ไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ ก็พยายามเพิ่มสัมประสิทธิ์อยู่ เราก็ทำหน้าที่รักษาความจำเก่า แล้วเอามาขยายผลเอามาทำงาน ทั้งการเขียน การอ่าน การเอามาบริหาร อาตมาปลดเกษียณทางการบริหารแล้ว อาตมาก็มาสอนมาบรรยาย มาเขียนและพูด แค่นี้ก็ยังมีอีกเยอะเลย หากไม่ได้มาสอน อาตมาอยู่ก็บริหารร่างกายตัวเอง ไม่งั้นก็ต้องเขียน หรือก็ต้องอ่าน หาพยัญชนะหลักฐาน องค์ประกอบในการที่จะเอามาเขียน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2563 ( 10:04:18 )

สวดมนต์ทำผิดพระวินัย

รายละเอียด

เพราะ...

1.สวดมนต์ ไม่เป็นสรภัญญะที่ถูกต้อง

2.สวดลากเสียงอันยาว

3.สวดใส่ทำนอง

4.เอาธรรมบทของพระพุทธเจ้า มาสวดพร้อมกันตั้งแต่ 2 องค์ขึ้นไปต่อหน้าฆราวาส

5.เอามาสวดหากินกันทุกทาง ทั้งระดับพิธีของประชาชนจนถึงรัฐพิธี

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 50


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 16:59:09 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:09 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:57:31 )

สวดมนต์ทำลายศาสนา

รายละเอียด

สวดมนต์เป็นธรรมเนียมของศาสนาอื่น เขาสวดกันเป็นหมู่ เมื่อมีคนชอบก็เลยสวดกันมากมาย จนกระทั่งเป็นลัทธิมนตรญาณ

แต่ทุกวันนี้พระก็ไปสวดหากิน สวดเป็นหมู่...เขานึกว่าตัวเองได้บุญได้กุศล ทั้งที่ได้นรกไปเต็มๆซึ่งเป็นนรกโทษฐานที่ทำให้ศาสนาเสื่อม หรือทำลายศาสนานั้น มัน "บาป" ขนาดไหน นรกใหญ่ อนันตริยกรรมปานใดก็ลองคำนวณดูเองเถิด เพราะแค่ทำให้ "สงฆ์แตกกัน" เป็นสังฆเภทก็อนันตริยกรรมแล้ว นี่ถึงขั้นทำลายศาสนามันยิ่งจะหนักหนาสาหัสมั๊ย

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 49


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 16:53:02 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:32 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:57:02 )

สวดมนต์ผิดทั้งประเทศ

รายละเอียด

อันที่เป็นรัสสระก็เป็นสระรัสสะ อันที่เป็นทีฆสระก็ออกเสียงทีฆสระก็กล่าวให้ตรง แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเลยผิดไปทั้งประเทศมีแต่อโศกที่กล่าวถูก เราสวดมนต์อยู่ในอโศกพูดไปไม่ได้มานั่งหลงตัวเองยกยอตัวเองไม่ใช่แต่เป็นเรื่องสำคัญ เดี๋ยวนี้เขาก็กลายเป็นเรื่องเล่นเป็นเรื่องยืดยาวแข่งกันเล่นลูกคอ เสร็จแล้วเขาก็จองกันแต่ยังไม่สึก เห็นพระเห็นเณรรูปไหนขับร้องเก่งเขาก็จองกันตั้งแต่ยังไม่สึก เสร็จแล้วพอสึกเอาตัวไปเลย เอาไปร้องเพลงทำแผ่นเสียง เดี๋ยวนี้มีออนไลน์ก็เลยลดลงเยอะเลย

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2563 ( 14:55:04 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:01:40 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:58:06 )

สวดมนต์อย่างไรเป็นอาบัติปาจิตตีย์ข้อที่ 4

รายละเอียด

แล้วพระพุทธเจ้าบอกว่าอย่าเอาไปสวดเล่นๆ แม้แต่อาตมาบอก ในมุสาวาทวรรค ข้อที่ 4 ในปาติโมกข์ บอกว่าอย่าเอาไปสวดพร้อมกัน 2 คนขึ้นไป ต่อหน้าประชาชน เป็นอาบัติปาจิตตีย์ข้อที่ 4 ก็ไม่รู้แล้ว ก็เอาไปสวดกันเลย เอาพระอภิธรรมไปสวด กุสลาธัมมาอกุสลาธัมมา ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป เอาไปสวดพร้อมกัน 1 ล้านรูปต่อหน้าสาธารณชน เป็นอาบัติทุกคำสวด แล้วบอกว่าได้อานิสงส์นะ จะต้องสวดกันทั้งคืนเลยอะไรอย่างนี้ คือโง่ จนไม่รู้จะโง่อย่างไร ทำอาบัติให้แก่ตัวเองแล้วๆเล่าๆมากๆเยอะๆหนักๆเต็มไปหมด ก็ไม่รู้ว่าอาบัติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 21:09:22 )

สวดมนต์อย่างไรไม่มีความผิด

รายละเอียด

ของเราสวดมนต์ไม่มีความผิดแม้แต่ รสสระ ทีฆสระ ไม่ลากเสียงยาวเกิน ทำให้พอเหมาะ รสสระ เสียงสั่นก็ออกเสียงสระ ทีฆสระ เสียงยาวก็ออกเสียงยาวและไม่มีทำนอง และตรงกับสรภัญญะ  สร คือ สระ ภัญญะคือคำกล่าวก็ออกเสียงให้ตรงกับสระ นี่คือผู้รู้จะเร่งกล่าวสาธยายอะไรออกมาก็ตาม จะสวดก็ตาม การสวดคือเอามาพูดเป็นเหมือนๆกันเท่ากับที่ท่องจำไม่ได้ คนที่จำคำของพระพุทธเจ้ามาพูดออกมาได้เหมือนกับพระพุทธเจ้าทุกอย่างคือการสวด แต่คนที่เอามาบรรยายคือจำได้ด้วย อาจจะไม่ถึงกับคำต่อคำ แต่ไม่ผิดจากเนื้อหา อธิบายได้ สังวัธยาย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 15:48:28 )

สวดมนต์เป็นการทำลายศาสนาถ้าเข้าใจผิด

รายละเอียด

ก็ขอขยายเพิ่มเติมซ้ำอีกว่า สวดอ้อนวอน สวดร้องขอนั้นเป็นลัทธิของเทวนิยม พุทธไม่มีการสวดอ้อนวอนร้องขอ เพราะฉะนั้นยุคทุกวันนี้ศาสนาพุทธมันเสื่อม เสื่อม อาตมาขอพูดย้ำๆ เสื่อมลงไปจนเหลือแต่แค่ศาสนาพุทธ มีแต่การสวดมนต์ ทำพิธีการอะไรก็มีแต่สวดมนต์ สวดมนต์ งมงายกับสวดมนต์จะเป็นฤทธิ์เป็นเดช อย่างธัมมชโย ธรรมกายนี่ให้สวดมนต์ล้านเที่ยวอะไรอย่างนี้ เวรจริงๆ สวดมนต์ 

ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าท่านสอนซ้ำแล้วซ้ำอีก เข้าใจไม่ได้ ว่า สวดมนต์นั้นเป็นการทำลายศาสนา ถ้าเข้าใจผิด 

สวดสังวัธยาย การสวดสาธยาย พูดเป็นไทยง่ายๆ สวดโดยการสาธยายความรู้ 

ความหมายของบทมนต์ มนต์แปลว่าคำสอนของพระศาสดา เอาคำสอนของพระศาสดามาอธิบาย 

พระพุทธเจ้าท่านให้ใช้อธิบายทีละคน อย่านำคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่าธรรมบทมาอธิบายพร้อมกัน หรือสวดขึ้นพร้อมกันตั้งแต่ 2 คนต่อหน้า ฆราวาสหรือต่อหน้าผู้เป็น อนุปสัมบัน เป็นอาบัติ มุสาวาทวรรค เขาไม่เข้าใจกันแล้วเดี๋ยวนี้ 

ขออภัยต้องขอกล่าวย้ำยืนยันอีกว่า เถรสมาคมที่สวดมนต์กัน พากันสวดมนต์อันนี้อยู่นั้น ไปพิธีการนั้นก็สวดมนต์ สวดมนต์ถือว่าได้รับคุณความดี ได้รับกุศล ได้รับประโยชน์แล้ว มีเท่านี้ๆ ถ้าเลิกอันนี้ซะแล้วไม่มีแล้วศาสนาพุทธ ไม่เหลือ ทั้งๆที่ทำแล้วอาบัติ เพราะสวดเลย 2 คน บอกว่าอย่างน้อยต้อง 4 องค์ขึ้นไปพระต้อง 4 รูปขึ้นไป ถ้า 4 องค์ถือว่าเป็นการสวดงานศพ มันก็ต้อง 5 รูปขึ้นไป 6 รูปขึ้นไป ยิ่งมากเท่าไหร่เป็นแสนองค์ เหมือนอย่างธรรมกายเขาพยายามจะทำกัน ด้วยความโง่งมงาย มันก็ยิ่งพากันมาอาบัติกัน มันก็ยิ่งแย่กันใหญ่เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานโลกีย์กับฌานโลกุตระ สภาวะต่างกันเช่นไร วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2567 ( 15:32:38 )

สวดมนต์เป็นเดรัจฉานวิชาได้อย่างไร

รายละเอียด

พวกเรานี้แหละมากู้กลับมีศีล จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล แม้นักบวชหญิงเราก็มีศีล 10 เดรัจฉานวิชาเราก็ไม่มี แต่เถรสมาคมนั้นเต็มไปด้วยไสยศาสตร์เดรัจฉานวิชาเต็มไปหมด สร้างกันทำการปรุงแต่งกันเต็มไปหมดเขาก็ไม่รู้ตัว 

ไม่ต้องเอาอะไรหรอก ศาสนาที่ได้แต่สวดมนต์สวดมนต์ก็คือเดรัจฉานวิชชา ไม่เข้าใจที่พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่สวดแบบศาสนาอื่นใด ในวินัยข้อ 20 ข้อ 21 

ข้อ 20 บอกว่าอย่าสวดลากเสียงอันยาว รัสสระเสียงสั้นก็ออกเสียงสั้น รัสสระเสียงยาวก็ออกเสียงยาว อะก็อะ อาก็อา แต่นี่ อาาาาา นาาาา โมวววว ตัสสส สะ 1.ไม่ลากยาว  2.ไม่ใส่ทำนองเดี๋ยวนี้อาบัติหมด มีทั้งลากเสียงยาวและก็ใส่ทำนองในข้อ 21 ห้ามใส่ทำนอง เสียงโหยหวน ทำมาหากินกันอยู่ เป็นพระแหล่พระร้อง นี่คือพระวินัยข้อ 20 ไปเปิดพระไตรปิฎก 

ข้อ 21 ท่านบอกว่า เราอนุญาตสรภัญญะ ก็แปลไม่ได้ ก็แปลว่ามีทำนองเสนาะ

สระก็คือสรภัญญะคือคำกล่าว สรภัญญะ แปลว่าเราอนุญาตตามคำกล่าว ไม่มีทำนองลากเสียง แต่แปลเข้าข้างตัวเองว่ามีทำนองนิดหน่อย แต่มันนิดหน่อยที่ไหน มันบานปลายไปเรื่อยๆ คนสวดมนต์ที่สวดมนต์ถูกต้องมีอโศกเท่านั้น พวกเราอาตมาพาสวดมาแต่ไหนแต่ไร

นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโต ตามเสียงสระ รัสสระ ทีฆสระ ก็ไม่ได้ลากเสียงยาวเกินตามสระเสียงยาว ตามคำตามสระ สรภัญญะ ก็ทำตามนี้นั่นคือวินัยข้อ 21 เขาไม่เข้าใจคำสอนพระพุทธเจ้า อ่านพระไตรปิฎกตีไม่แตกก็ทำไม่เป็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 21:07:59 )

สวดมนต์เพื่ออะไร

รายละเอียด

บทมนต์คือมนตราหรือคำที่เอามาสอนนี้ คือคำสอนพระพุทธเจ้านั้นสูงสุด ต่อมาก็เป็นของอาจารย์ ต่อมาเป็นของคนไหนก็แต่งขึ้นมา ก็มีเท่านั้นเอง เพราะว่าบทมนต์คือคำสอนพระพุทธเจ้า ต้องท่องไว้ในสมัยโบราณ ก็ไม่มีเครื่องมือบันทึกอะไร แม้แต่ตัวหนังสือก็ไม่มีก็จึงอาศัยการท่องจำ สวดให้ประจําถ่ายทอดไว้ถึงทุกวันนี้ได้ มาถึงทุกวันนี้ คุณจำให้พอใช้พอแล้ว ถ้าคุณรับผิดชอบจะต้องจำปาฏิโมกข์ให้หมดก็ต้องจำให้ได้แล้วก็ใช้แค่ปาฏิโมกข์ คุณจะต้องจำธรรมะอย่างหลวงปู่นี้ อย่างอาตมา จำธรรมะไว้ เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ก็จำ จำได้เป็นพระสูตรเลยก็ยิ่งดี หลวงปู่จำได้เป็นส่วนๆ จำทั้งพระสูตรที่ยาวๆยังไม่ได้ จำได้แต่ว่าสูตรสั้นๆ มูลสูตร 10 ข้อ สัมมาทิฏฐิ 10 ข้อ เป็นต้น แปลมงคล 38 จำไม่ได้ทั้งหมด ก็จำแต่พอใช้ เพราะฉะนั้นการสวดมนต์ ทุกวันนี้ จำได้ก็ดี หรือใช้เครื่องมือช่วยจำก็มีเยอะไป ก็ไม่ต้องไปสวดอะไรมาก ทุกวันนี้เขาสวดกันอย่างเสียหายโง่เง่าสวดอย่างหลง หรือสวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตรล้านจบ โง่ที่สุดเลย แน่นอน ท่องล้านจบนี้จำได้แน่ แต่ว่าจำได้แล้วจะเสียเวลาไปท่องอีกทำไม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 19:04:30 )

สวดมนต์เพื่อให้มีฤทธิ์เดชเป็นความโง่

รายละเอียด

หากสวดแล้วจะไปมีฤทธิ์เดชเป็นคาถาที่เน้นเรื่องความขลัง ให้แปลกอะไรออกไปมันไม่ใช่ มันเป็นความโง่มันทำได้ มันเป็นความซับซ้อนเป็นเรื่องอุปาทาน แล้วคนก็อุปาทานตาม มันเป็นของไม่มีแล้วทำให้มีได้ ในระดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นคนที่เก่งถึงขนาดสร้างอุปาทานให้คนอื่นเป็นได้เขาเรียกว่าเป็นโรคจิต psychosis neurosis เป็นโรคจิต โรคประสาททางหมอแก้ทางโรคประสาทได้ง่ายกว่าโรคจิต โรคจิตเขาแก้ไม่ได้เป็นความลึก แต่ของพระพุทธเจ้าโรคจิตแก้ง่ายกว่าโรคประสาท เพราะโรคประสาทมันกินไปถึงรูปธรรม มันก็เลยแก้ยากมันไปฝังเข้าไป แต่ถ้ามีแต่จิตแก้ง่ายกว่า แต่ทางหมอทางแพทย์เขาแก้โรคประสาทได้ง่ายกว่าโรคจิต เพราะเขาไม่รู้เรื่องจิต

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 19:06:03 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์