@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

เขาว่าตอนมีชีวิตปัจจุบันก็ทำข้างนอกอยู่แล้ว ข้างในก็ไปนั่งสมาธิ

รายละเอียด

ข้างนอกคุณทำได้หรือยัง มีจิตเหนือเป็น อนุปคัมมะ เป็นอภิภูได้หรือยัง เหนือได้หรือยัง นึกว่าได้จากการนั่งหลับตา อย่างมหาบัว นึกว่าได้แล้วยังเคี้ยวหมากปากแฉะไปตลอดจนตาย อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าในโลงศพที่เผาไปเอาหมากใส่ไปให้หรือไม่ (โยมว่าใส่อยู่แล้วตามประเพณี) ใช่ ประเพณีโบราณก็มีอย่างนั้น สุดรักสุดใคร่เลยหมากกับมหาบัว ขาดไม่ได้

คือไม่รู้เรื่องติดสิ่งเสพติดตื้นๆหยาบๆ จะไม่รู้ได้อย่างไร แต่พูดมามากแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร ที่พูดนี้ก็ย้ำเตือนเพื่อที่จะให้ผู้ที่ยังไม่ตาย ที่ยังไปหลงใหลติดยึดอยู่กับมหาบัว ไปนั่งหลับตา อาตมาถึงต้องขยายความพูดถึงเรื่องนี้อีกเยอะ เพราะน่าสงสารศาสนาพุทธในประเทศไทยนี่แหละ คือ แค่ จรณะ 15 วิชชา 8 ก็มีหลักฐานยืนยันชัดๆ อปัณณกปฏิปทา 3 ก็ชัดที่สุดเลย มีศีลอยู่โทนโท่ 

แต่เขาหลับตาปฏิบัติก็ไม่เกี่ยวกับศีล กับสัตว์ ไม่เกี่ยวกับข้าวของอะไรเลย หลับตามันอยู่อย่างเดียว รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็ไม่เอาไม่รู้เรื่อง นั่งหลับตาเข้าไป แล้วก็เนรมิตเอา คิดเอา ฝันเอา สร้างเอา อุปาทานเอา จบอยู่ในโลกฝันๆ เพ้อๆ ฝันๆ นี่คือความจริงทั้งนั้นที่พูด ไม่ได้ใส่ความ ไม่ได้ไปลงโทษลงโพยต่อว่า ไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้นเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือมนุษย์อัศจรรย์ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2564 ( 18:33:30 )

เขาว่าพ่อท่านทำเป็นไสยศาสตร์ไม่เหมือนที่เขาทำ

รายละเอียด

ยิ่งกว่าไสยศาสตร์อีกที่เขาทำ ไสยศาสตร์นั้นยังตื่นเต็มนะ พวกนี้หลับเอาหลับเอา พวกที่เต้นผางๆออกมาหาเงินหาลูกค้า แต่นี่ไม่เอา นี่เข้าไปหลับๆๆๆ ยิ่งกว่านะ เป็นไสยศาสตร์ที่หนักกว่าไสยศาสตร์อีก ฟังภาษาให้ออก อวิชชามากกว่า ก็จะได้เลิกหลับตางมงายอยู่ในป่าในเขา ให้เอาแรงกาย แรงใจ แรงปัญญาไปจมอยู่ในความโง่ดักดานอย่างนั้น ให้ขึ้นมาพบกับมนุษยชาติทั้งหลายแหล่ มาช่วยมนุษยชาติ ตามบารมี ตามฐานะของตน แม้จะได้น้อย ก็ยังดี ดีกว่าไปหลงจมและจม อย่างนั้น 

เพราะการที่จะทำประโยชน์ ไม่ใช่เอาตัวเองปลีกไปแล้วนั่งหลับตาบรรลุคนเดียว ไม่ใช่  ศาสนาพุทธไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิหนักหนาขนาดนั้น บรรลุนี้จะต้องมาตื่นรู้และมี จักขุ ปัญญา ญาณ วิชชา อาโลก ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาดับๆ ไม่รับรู้ ไม่ใช่ไปทำกรรมที่ดับ ดับกรรม ดับกิริยา ดับอาการ ดับอะไรไปทั้งหมด มันไม่ใช่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หากเลิกหลับตาปฏิบัติได้ประเทศไทยเจริญ วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 13:42:30 )

เขาสันนิษฐานว่าพระอรหันต์ไม่เป็นมะเร็งเพราะไม่มีความเครียด

รายละเอียด

เขาเดาเอา ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องวิบาก หรือไปหามาเอง อาตมาบอกแล้วไม่ได้ไปซื้อตามร้านขายยา ห้างสรรพสินค้าอะไรมาเลย เจ้ามะเร็งนี้ แล้วมะเร็งก็ไม่ใช่เป็นโรคเหมือนโควิด ที่เป็นโรคติดต่อ เป็นเรื่องที่เขายังพิจารณาตัดสินไม่ได้ มันเป็นกรรมพันธุ์หรือเปล่า ทุกวันนี้เขาก็ยังพิจารณากันไม่ได้ว่าเป็นกรรมพันธุ์หรือเปล่า เพราะมันไม่เหมือนกันกับโควิด โควิดนี้ไม่เป็นกรรมพันธุ์หรอก อย่าเผลอ มันเอาเจ้าแน่ แต่มะเร็งนี้ เอาเชื้อมะเร็งไปต่อให้ มันไม่ติดต่อ ไม่ใช่โรคติดต่อเลย เขาถึงนึกว่ามันเป็นเรื่องของโรคกรรมพันธุ์หรือเปล่าด้วยซ้ำ 

ก็ไม่ทีเดียว เขาว่าเป็นเพราะกรรมพันธุ์หรือเปล่า มันไม่ใช่โรคติดต่อ เขายังรู้ต้นตอหรือสมุฏฐานของมะเร็งไม่ได้ แต่มันก็เกิดในแต่ละคนๆ โดยที่ยุคนี้มันเป็นยุคที่หลอก ทั้งกิน ทั้งเต้น ทั้งดีด ทั้งหลง ทั้งคิด ทั้งอะไร มันเป็นหมดเลย มันทำให้พิกลพิการในร่างกาย สับสน เยอะแยะ มันก็เกิดการไม่สมดุลในอาการ 32 ของตนเอง เมื่อมันไม่สมดุล มันก็เกิดความพิกลพิการ นั่นแหละไอ้ตัวมะเร็งก็คืออย่างนั้นแหละ มันมากมายเลย​ที่ไปผสมผสานอยู่ในชีวิต เพราะฉะนั้นผู้ใดไปยุ่งอยู่กับทางโลกมากๆ ไม่ปลอดภัยจากมะเร็งหรอก แต่ผู้ที่ไม่ค่อยไปยุ่งกับทางโลกมากๆ มีโอกาสปลอดมะเร็งได้มาก นอกจากจะเป็นวิบาก เป็นกรรมวิบากของคุณที่ติดมา คุณก็เป็นโรคชนิดหนึ่ง ที่เป็นโรคที่จะทำให้ตายได้ จนกระทั่งถือว่า มะเร็งเป็นโรคร้าย แต่ค่อยๆช่วยกันได้ขึ้นมาเรื่อยๆ ก็มียาสามารถบำบัด 

อาตมาไม่รู้ว่าขี้เกียจคืออะไร จนมีแต่คนบอกขยันเกิน ดูถูกคน อันนี้อาตมาทำ อาตมาดูถูก คนที่ชั่วก็ต้องดูถูก และต้องข่มคนชั่ว คนดีก็ยก

ทีนี้คนดีที่จะยก อาตมาก็ไม่อยากไปยกคนดีทางโลกีย์เท่าไหร่ บอกตรงๆ เพราะยกคนดีแล้วเหลิงและลอย สำหรับคนดีทางโลก เพราะเขายังเป็นโลกียะ ยังหลงในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ลาภยศสรรเสริญสุข ถ้าไปทำแล้วจะยิ่งเสริมให้เขาหลงติดเยอะขึ้นไป ควรข่ม ควรบอกจุดไม่ดีของเขา คือ ดูถูกเขาให้เยอะๆ เพราะเขาไม่ดีอย่างไร บอก ต้องอย่างไร ต้องพูดต้องข่ม ต้องสาธยาย ต้องกระหน่ำแล้วกระหน่ำอีกว่าเขามีจุดบกพร่องอะไร ดีก็ดีแล้วส่วนดี แต่ส่วนไม่ดีต้องกระหน่ำเลย เริ่มต้นเช่นมีภาคปฏิบัติ ภาคปฏิบัติที่ผิดแล้วจะยิ่งแย่ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หากเลิกหลับตาปฏิบัติได้ประเทศไทยเจริญ วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 14:35:06 )

เขาหาว่ามาสร้างลัทธิอโศก แท้ๆ แล้วเป็นอย่างไร

รายละเอียด

คนเขาหาว่ามาสร้างลัทธิอโศก ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น อาตมาแยกออกมาเป็นนานาสังวาส บอกว่า แยกร้านปาท่องโก๋ออกมา ประชาชนกินสูตรอาตมา เพราะกินของท่านแล้วท้องอืดท้องเฟ้อ เราก็เลยขอแยกร้านมาตั้งข้างทาง ถ้ามีคนมาอุดหนุนร้านปาท่องโก๋ของอาตมาก็อยู่ได้ ไม่มีใครอุดหนุนก็ล้มไปเอง คือเราไม่ได้ไปอวดใหญ่อวดโต ไม่ได้ไปคิดล้มเขาแล้วทำตัวเองให้ยิ่งใหญ่ขึ้นมา ไม่ใช่ 

เราพูดว่า เรามีความดี ความจริงตามพระพุทธเจ้าอย่างไรเราก็พูดความจริง แต่คนอาจจะฟังแล้วบอกว่า มันพูดใหญ่ ก็มันรู้แล้วมันจะบอกว่า มันไม่รู้จะถูกว่า ตอแหลนี่ ซึ่งมันไม่ใช่มันเป็นคำพูดสิริมหามายา ซึ่งคนเข้าใจได้ยาก เป็นภาษาที่เหมือนกับเล่นกลกลับไปกลับมา อะไรจริงอะไรไม่จริง ซึ่งมันจริงทั้งนั้นแหละถ้าคุณจับประเด็นได้ โดยเฉพาะคำที่มันซับซ้อน มันลบล้างกันเอง บอกว่า มีแล้วก็ไม่มี อย่างนี้เป็นคำลบล้างกัน มันเป็นจริงซึ่งมันเป็นความลึกซึ้งทางปรมัตถ์ เป็นเรื่องซับซ้อน เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก 

เป้าหมายของเราเพื่อให้ดับทุกข์สนิท เมื่อได้แล้วมันสุดยอด อาตมาตั้งจิตเป็นโพธิสัตว์ก็ต้องนำพากันไปให้ได้สิ่งที่ประเสริฐ เกิดเป็นคนทั้งที ได้ชีวะเป็นจิตนิยามมาแล้ว จะไปโง่เง่าเต่าตุ่น เป็นปุถุชนตกนรกขึ้นสวรรค์บ้าๆบอๆ มาตั้งไม่รู้กี่ล้านชาติ มันมาได้ชีวิตนี้ได้แล้ว จะทิ้งไป แยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไปนี้ สุดเสียดายเลยนะ ใช่มั้ย. มันต้องทำประโยชน์ให้ได้ถึงที่สุดที่ควร ที่จริงอาตมาพูดหลายทีแล้ว อาตมาเมื่อยนะ สอนนี่เมื่อยกาย ใจตั้งหน้าตั้งตาที่จะทำงานยิ่งยุคนี้ยิ่งเมื่อยเรือหายเลย ฉะนั้น ใจนะตั้งหน้าตั้งตาทำงานแต่มันเมื่อย ยิ่งยุคนี้ยิ่งเมื่อยเรือหายเลย ไม่ใช่โบ๊ทนะ เรือนี้ ภาษาอังกฤษคำว่าเรือ มีโบท มีชิป และคำอื่นๆ อีก จนกระทั่งเรือใหญ่ไททานิคเลย เขามีชื่อ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2565 ( 15:17:56 )

เขาเชื่อว่าพระโพธิสัตว์จะเป็นพระอริยะไม่ได้ 

รายละเอียด

จากฆราวาสเป็นพระโพธิสัตว์ไม่ได้ จะเป็นฆราวาสก็บรรลุเป็นอรหันตสมาสัมพุทธเจ้าได้เลย เป็นความเข้าใจผิด เดาเอา 

คนที่เข้าใจจะเห็นว่าเขาไม่มีความรู้เรื่องศาสนาพุทธเลย ความเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า คุณไม่เข้าใจเลย แม้แต่ระดับโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ คุณก็จะเข้าใจไม่ได้ คุณไม่เข้าใจลำดับที่มีขั้นมีตอน เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย ไม่ได้เลย คนไม่มีลำดับต่ำกลางสูง นี่แค่ 3 ระดับนะ ยังมีอีกที่แบ่งระดับหมุนรอบเชิงซ้อนอีกมากมาย คุณก็ไม่มีทางจะเข้าใจได้เพราะคุณเอาซื่อๆ ซื่อๆแค่ระดับธรรมดา 1 2 3 ต้นกลางปลาย แค่นี้คุณก็เข้าใจไม่ได้แล้วว่ามันต่างกัน คุณไปเอาเท่ากันหมดต้นกลางสูงก็เท่ากันหมด  มันก็อั้นตู้เท่านั้นเอง 

แถม ให้คนฟัง ว่า ถ้าเข้าใจอย่างคุณประทัด ทุกอย่างถูกตัดหั่นแหลกเลย ศาสนาพระพุทธเจ้าสั้นกุดเสียหายหมด อย่างที่คุณสู่แดนธรรมพูดนำไปว่า มูลสูตร เป็นผู้อมตะ จริงๆ แล้วอรหันต์ถือว่าเป็นอมตะบุคคลแล้ว อมตะ แปลว่า จะรู้ความเกิดความตาย เป็นผู้ไม่เกิดไม่ตาย หรือเป็นผู้ที่จะทำการเกิดการตายได้เอง  ทำการเกิดการตายได้เอง หมายความว่าจะตายโดยที่ไม่เกิดอีก สลายตัวเอง เป็น ปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกธาตุจิตตัวเองเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลมไปเลย ไม่ต้องเกิดอีกได้ 

พอเป็นอมตบุคคลได้ ทำปริโยสาน อันที่ 10 ตายอย่าง ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็จบในอัตภาพนั้น หรือจะอรหันต์ชนิดไหนก็ตาม ชนิดเบื้องต้นง่ายๆที่ 1 หรือพระพุทธเจ้าก็ตาม ถ้าปรินิพพานเป็นปริโยสานแล้ว  หมด แล้วพระพุทธเจ้าทุกประองค์ ปรินิพพานเป็นปริโยสานเลย ทุกพระองค์ หมด ส่วนอรหันต์นั้น องค์ใดจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็มีสิทธิ์ทำเองได้เลย หรือไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไม่ตายสูญ ตายแล้วจะยังเกิดอีก มาบำเพ็ญสืบทอดพระศาสนาต่ออย่างนี้เป็นต้น อย่างอาตมานี่ต้องรู้เพราะอาตมาทำอยู่เป็นเอง รับผิดชอบเรื่องนี้ จึงเอาเรื่องนี้มาพูดได้ละเอียดลออ ไม่ใช่เดา เดาพูดไม่ได้ขนาดนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 51ลดละจากมหามาสู่จุล เปลี่ยนจากไม่เห็นด้วยจนมาเห็นได้ วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 ขึ้น 5 ค่ำเดือนยี่ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 19:59:44 )

เขาเอาสิ่งไร้สาระมาแสดง

รายละเอียด

มีการโฆษณาอบายมุข วันนี้เห็นเขาเอาสิ่งไร้สาระมาแสดงที่เมืองทอง เป็นการแสดงที่บ้าบอ ตีลังกาหกคะเมน ทำเต้นกัน มีตัวสัตว์ต่างๆ เขาก็บอกว่าเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ เราเห็นว่าเป็นสิ่งไร้สาระอย่างยิ่ง ไม่รู้จะทำอย่างไร โลกมันเสื่อมมาก ก็คือเรื่องที่หยิบมาพูดเท่าที่มีในโลก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:33:32 )

เขาแปลถูกแต่ทำผิดอย่างไรในเศรษฐกิจ GDP

รายละเอียด

อาตมาอธิบาย แต่แค่เศรษฐกิจ GDP Gross domestic Product ที่เขาแปลถูกแต่เขาทำผิด domestic แปลว่าภายใน GDP ก็คือรายได้มวลรวมภายใน แต่คุณก็ไปเอารวมจากรายได้ที่เอาของภายนอกประเทศเข้ามา คุณทำกล้วยทำส้มโอได้มีทุน 20 บาทแต่ไปขายในราคา 50-60 ได้มากเท่าไหร่กำไรเท่านั้น แล้วคุณก็หอบเงินเหล่านั้นเข้ามาเป็น GDP ด้วย เขาบอกว่านี่คือ GDP เจริญ นี่คือคุณกำลังกบฏภายในของคุณเอง domestic  เพราะคุณขี้โลภเอาเปรียบเอารัดจากภายนอกมา แล้วบอกว่าเป็นรายได้องค์รวมภายใน จาก product ของคุณ คุณเอาเปรียบเข้ามาตั้ง 30 40 แล้วบอกว่ารายได้องค์รวมภายใน คุณก็หลงว่ามันคือภายใน แต่ที่จริงคุณลอบเอาเปรียบมาจากของเขา ถ้าหากว่า GDP เจริญ คุณทำส้มโอได้ราคา 20 บาท คุณขายในราคา 5 บาทหรือให้ฟรีเลย คุณก็กำไรอีก 15 บาทหรือ 20 บาท คนเสียสละไปอีก 15 บาทนี่คือคุณมี GDP ที่เจริญ คุณมีประโยชน์ให้แก่เขา แนวคิดอย่างนี้อาตมาก็จะต้องอยู่อีกนานปีที่จะค่อยๆพูด จึงตายไม่ลงเพราะเหตุนี้ จึงต้องพูดความจริงเหล่านี้ สมรรถนะและความขยัน านี้ให้เขาฟัง นี่คือเศรษฐศาสตร์คือเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า อย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสว่าขาดทุนของเราคือกำไรของเรา เราเสียนี่แหละคือเราได้ ท่านก็ตรัสไม่มากเหมือนโพธิรักษ์ โพธิรักษ์ก็จะต้องขยายความเหล่านี้ออกไปต่อไป 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 12:36:30 )

เขาแปลผิดในวิโมกข์ 8 ข้อที่ 2

รายละเอียด

อาตมาว่าเขาแปลผิด อาตมาฟันเลย เปรี้ยง

ต้องเห็นภายนอก แม้ภายในก็ต้องรู้รูปภายในไปจนถึงอรูป ภายใน มันหมายถึงอย่างนั้น เอโก ก็หมายความว่าของตนเอง ส่วนตน ของตนเองนะ อย่าไปดันรู้รูปของคนอื่นของใคร แต่ต้องรู้ของตนเองนะ ต้องเป็นผู้ที่มีสัญญากำหนดรู้ ไม่ใช่ว่าไม่มีสัญญากำหนดรู้ อย่างนั้นจะไปรู้อะไร

สัญญาต่างกัน มันไม่ค่อยเข้าท่า ต้องให้ตรงกันตามสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าไม่มีสัญญาเลยเป็นพวกที่ 5 ใน สัตตาวาส หมดท่าเลย ไม่ได้ศึกษาศาสนาพุทธ อสัญญีสัตว์เลย หรือแม้แต่เนวสัญญานาสัญญายตนะ มีธาตุรู้ แต่ดันบอกว่าจะรู้ไม่ใช่ไม่รู้ก็ไม่ใช่ ต้องเอาสัญญาไปกำหนดรู้ให้หมด ในเวทนา 108​ นี่คือกรรมฐานของศาสนาพุทธไม่ใช่กสิณดินไฟ น้ำ ลมอะไร ไม่ใช่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 16:23:15 )

เขาไม่รู้จักปรินิพพานเป็นปริโยสาน

รายละเอียด

เขาไม่รู้จักปรินิพพานเป็นปริโยสานไปได้เลย ขนาดพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังมาแสดงอนุโมทนากับอาจารย์มั่น อรหันต์รูปอื่นๆก็เลยมาอนุโมทนาด้วย ไม่ได้หยุดหย่อนเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 11:47:44 )

เขาไม่เชื่อสภาวธรรมของโลกุตระขั้นสาธารณโภคีของชาวอโศก

รายละเอียด

ไม่ได้คุยโม้ ไม่ได้พูดหลงใหลตัวเอง เป็นเรื่องจริงเป็นสัจธรรมที่ตรวจสอบได้ ให้มาเรียนรู้ มันเป็นเรื่องยากเรื่องใหญ่เรื่องสูง ที่เขาไม่เชื่อกันง่ายๆ ยังไม่รู้ว่าอะไรคืออะไรแท้จริง สภาวธรรมของโลกุตระขั้นสาธารณโภคี 

2 แม้ว่าเขาพอเข้าใจเขาก็จะเชื่อ แต่เขาไม่เชื่อว่าคนจะเป็นไปได้ มีชาวอโศกทำได้ ทำได้ในยุคนี้ ในยุคที่ศาสนาเสื่อม 2500 กว่าปี เรื่องนี้ถึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากเลย ซึ่งเราทำแล้วคนก็ฟังไม่ค่อยออก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือรู้เรื่องก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง เขาก็รอแต่ว่า ดูเหมือนมันจะเป็นไปได้ เขาว่าอย่างนั้น เป็นสาธารณโภคี เป็นสังคมที่มีศีลกันจริงๆ มีอธิจิต มีสัมมาทิฏฐิจริงๆ มีปัญญา 8 มีวิมุติจริงๆ มันก็ดูเหมือนเข้าทีนะ แต่มันดูเหมือนแกล้งเป็น พยายามเสแสร้งให้มันถูกตรงตามพยัญชนะ ดูซิว่ามันจะอดกลั้น พยายามเสแสร้งให้ได้นานขนาดไหน พยายามจะดูๆๆ นี่ก็ 50 กว่าปีแล้ว มีแต่ความแน่น แข็งแรงมากยิ่งขึ้น 

เพราะถ้าเป็นจริงแล้ว มันจะไม่มีเสื่อม มีแต่แข็งแรงยิ่งขึ้นๆ เป็น ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา มากยิ่งขึ้น อาตมาสบายใจ ภาคภูมิใจที่เอาภาษาบาลีอย่างนี้มาอ้างอิงยืนยันอย่างกับเก่งบาลี แท้จริงเราไม่ได้เก่งบาลี แต่เรามีสภาวะอย่างนี้ เอาภาษาบาลีมาจับก็ตรง เอาป้ายยามาติดเนื้อยาที่อาตมามี พอป้ายนี้ก็จำได้ง่ายเพราะมีสภาวะ เอามาพูดเอามาใช้อยู่ทุกวัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 14:54:35 )

เขาไม่เชื่อเพราะยังไม่เกิดปัญญา

รายละเอียด

แต่เขาไม่เกิดอาการอย่างนั้นเพราะเขาไม่เชื่อ ถ้าเขาเกิดปัญญาทะลุอย่างที่อาตมาพูด เขาจะเป็นอย่างนี้จริงๆเลย เขาจะรู้สึกว่าตายๆๆ จะกลัวอย่างแรงกล้า จะเคารพอย่างแรงกล้า จะรักอย่างแรงกล้า จะพยายามเข้าใกล้อย่างแรงกล้าเลย จริงๆ พยัญชนะสองคำเท่านั้นเอง 

แรงกล้า กลัวอย่างแรงกล้า ละอายอย่างแรงกล้า มันยากจะเข้าใจสำหรับคนที่ไม่มีสภาวะ คนที่มีสภาวะจะรู้สึกว่าจริงเลย อาตมาจึงไม่ดิ้นรนที่จะไป ข่มใคร ต้องให้ใครมาเคารพนับถือ..ไม่ต้อง ให้ปัญญาของเขาเกิดเอง แล้วเขาจะเป็นเองด้วย จริงที่สุด เรื่องอะไร จะไปบังคับให้เขามาเชื่อเรา เคารพเรา เอาอะไรไปหลอกล่อเขา ไม่ต้องเลยมันต้องเป็นของจริง ของจริงมาเลยได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ต้องการความจริงไม่ต้องมาก ไม่ต้องไปลงทุนเสียเวลาเสียแคลอรี่ จะต้องไปครอบงำทางความคิดไปโฆษณาตัว ไม่ต้องไปหลอกล่อและเล็มเลียบเคียงให้คุณมาเชื่อไม่ต้องเลย นี่เป็นสัจจะสุดยอด 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ้นความโง่อวิชชากับ
ปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:43:40 )

เขียง ชื่อเรื่องสั้นที่พ่อครูเขียน

รายละเอียด

พูดถึงตรงนี้แล้วนึกถึงเรื่องสั้นที่อาตมาเขียนเรื่องหนึ่งชื่อเรื่อง “เขียง”

เขียงนี่คือเขียงนี่แหละ… มีผัวเมียคู่นึง ผัวทำงานตัดต้นไม้ ต้นมะขาม ต้นใหญ่ๆ แล้วก็เอามาทำเขียง เขียงต้นมะขามนี่ชั้นหนึ่งเลยนะ ต้นแก่ๆ ต้นใหญ่ๆ ตัดมาทำเขียงได้หลายขนาดขาย 

อยู่มาวันหนึ่งหมอคนหนึ่ง ออกไปเยี่ยมประชาชนชนบท ไปดูแลชนบทตรวจรักษาไข้ เป็นหมอจิตอาสา ก็ไปเจอคนทำเขียงขาย แกเป็นโรคไทฟอยด์ ก็เลยทำงานไม่ได้ เมียก็เอาแต่ร้องไห้ เพราะยากจน

หมอออกไปแต่ไม่ได้เตรียมยาไทฟอยด์ไปเลย ก็เลยได้แต่เอายาฉีด แล้วหอบคนป่วยเอามารักษาที่คลินิก ก็รักษาจนหาย ก็ให้กลับบ้าน ให้กลับไปตัดเขียงทำเขียงขายอีก 

เสร็จแล้ว คนที่ทำเขียงขายนี้ ถึงวันปีใหม่ระลึกถึง ก็เอาของชำร่วยมาให้ ก็เขียงนั่นแหละมาให้ทำอย่างดีสลักเสลาอย่างงาม เอามาเป็นของบรรณาการ เป็นของขวัญ ตอบแทน เพราะเขาเป็นคนจน แต่เอามาให้หมอ 

หมอคนนี้ก็เลยเอาใส่ตู้เครื่องมือ เพื่อนของหมอก็มาเจอ ก็บอกว่า เฮ้ย! อะไรของเอ็งวะ? เอาเขียงไปไว้ทำไมกับเครื่องมือแพทย์ราคาแพง เขียงมันก็ต้องอยู่ในครัว หมอก็บอกว่าเอาน่า เพื่อนก็เซ้าซี้ๆ จะบ้าหรือ! เอาเขียงไว้ในตู้เครื่องมือแพทย์มันกินที่ เพื่อนเซ้าซี้ จนกระทั่งหมอคนนี้ก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง... 

ที่จริงไม่ได้จบตรงนี้มันจบเศร้า ตอนจบนี่เป็นเรื่องเศร้า 

คือจบตรงที่ หมอคนนี้เกิดคิดถึงผู้ป่วยคนนี้ว่าจะเป็นไทฟอยด์กลับอีกหรือไม่ ก็เลยรีบเอายาไทฟอยด์ไปเยี่ยม พอไปถึง ก็เห็นคนมุงอยู่เต็ม ก็เลยเข้าไปดู ปรากฏว่าคนนี้ถูกต้นมะขามทับ ต้นมะขามที่เขาตัดนี่แหละมันล้มมาทับ หมอก็เข้าไปช่วยไม่ไหวสุดท้ายตายคาต้นมะขาม 

เขียงมีค่าไหม?.. นี่คือเขียงมีค่า 

นี่คือเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่รื้อขึ้นมา ของ...โบราณ สนิมรัก

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 18:15:39 )

เขียนหนังสือ EQ โลกุตระจนเป็นลม

รายละเอียด

มันก็จริง อาตมาเขียน EQ โลกุตระ ก็เป็นลมที่หน้าห้องน้ำเลย เขาก็หามไปโรงพยาบาลกัน ได้อีคิวโลกุตระมา 1 เล่ม ก็เป็นหนังสือที่อาตมาเขียนอยู่เยอะพอสมควร ชาตินี้ทั้งชาติก็ยังเขียนอยู่ ตอนนี้ก็เขียนอยู่ ว่าจะพักจะหยุดแต่ก็หยุดไม่ลง ว่าจะพักแต่เมื่อมีเวลามีโอกาสก็ทำ ก็คงไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอกทำได้ก็ทำไป โดยที่หลายคนก็ไม่อยากให้สมบุกสมบันจนเกิน มันทำให้เกิดความไม่สมดุลของร่างกาย แต่อาตมาว่ามันมีภาวะซับซ้อนอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 21:14:22 )

เขียนหนังสือด้วยพยัญชนะน้อยแต่สภาวะมาก

รายละเอียด

อาตมาพยายามอธิบายทุกวันนี้กำลังเขียนหนังสืออยู่ 2 เล่ม ปัญญา 8 ของพระพุทธเจ้า ขยายความ กับ ‘ประชาธิปไตยไทยที่ใครๆไล่ไม่ทัน’ จบ เมื่อไหร่จะได้พิมพ์ออกมาให้คนได้อ่านกัน ถึงแม้ว่าอาตมาตายไปตอนนี้ผู้ที่ยังอยู่ก็จะเอาออกมาพิมพ์ซึ่งก็ยังเขียนยังไม่เสร็จดี แต่ก็เขียนไปเขียนมา คล้ายๆกับท่านประยุทธ์ก็เหมือนกัน เขียนแล้วก็แก้ไป มีนัยคล้ายกัน แต่ท่านประยุทธ์นั้นท่านแก้เพราะว่าท่านรู้มากรู้แบบอาจาริยวาทรู้จักพยัญชนะคำสอน แต่อาตมาก็เพราะอาตมารู้พยัญชนะน้อย แต่ว่าอาตมามีเนื้อแท้มาก สภาวะมีมาก มันก็เลยเป็นเศรษฐีบ้านนอก เรียงเข้าหมู่หมวดไม่ได้เหมือนท่านประยุทธ์ ก็วุ่นพอสมควร แต่คนที่จับแก่นของอาตมาได้ก็จะได้ประโยชน์มาก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2563 ( 13:37:50 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:19:03 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:19:22 )

เขียนหนังสือเกี่ยวกับคำว่าบุญ

รายละเอียด

อาตมาเขียนหนังสือเกี่ยวกับคำว่าบุญ ตอนนี้ได้หลายร้อยหน้า เขียนคู่กันตอนนี้ 2 เรื่อง 2 เล่ม ประชาธิปไตยไทยที่ใครๆไล่ไม่ทัน ชื่อว่าอย่างนั้นหรือว่าจะเปลี่ยนชื่ออื่นก็ดูอยู่ แล้วมีเรื่องปัญญา 8 เอามาขยายความมาเรื่อย ยาวมายังไม่จบ ตอนนี้สองร้อยกว่าหน้า ยังจบไม่ลง พยายามจบ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:29:53 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:30:36 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:21:13 )

เข้ากระแสโสดาบัน

รายละเอียด

แล้วแต่ใครจะยึดปั้นอุปาทานเอาเองแต่ไม่มีใครตรงกันหมด แต่คล้ายกันได้ ผู้ศึกษาศีล 8 ก็ลองดู แต่ดีคุณเป็นคนไม่มักมาก พากเพียรไปจะพัฒนาเอง ก็ต้องทำต่อ จริงๆคุณก็รู้ว่ายังไม่หมด คุณได้ขนาดนี้เข้ากระแสโสดาบันมาแล้ว อย่างนี้ถือว่าเข้ากระแสรู้ทิศทางเห็นความจางคลายได้ต้องรู้จุดอบายมุข หมดอบายมุขก็เป็นโสดาบัน สกิทาคามีก็ลดกาม หมดกามเป็นอนาคามี ทำรูปราคะอรูปราคะให้หมดไป มีการถือดีถือตัวมานะ หมดมานะ อติมานะ เศษๆก็ทำ มทะ ปมาทะ ลดมานะ จนไม่เมาแล้ว มานะ อติมานะ มทะ คือเมา ก็เลิกเมา ใน สุรา เมรยะ มัชชะ มทะ ปมาทะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:02:57 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:15 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:12:03 )

เข้ากระแสโสดาบัน 4 คน

รายละเอียด

โสตาปันนะ คือ แปลว่าจิตเข้ากระแส คนที่เข้าใจเป็นแบบภาษาทฤษฎีแล้ว พระพุทธเจ้าแบ่งไว้ 4 คน ถ้าพูดอย่างง่ายๆคนคนนี้ก็จะประมาท เข้ากระแสแล้ว เดี๋ยวมันก็จะไปเอง เข้ากระแสแล้วก็จะต้อง สัมโพธิปรายนะ คือไปสู่ที่สุดที่สูง (สู่แดนธรรมว่า หากไม่เที่ยงแท้ก็ไม่ได้) ต้องเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง คือ อวินิปาตธรรม เข้ากระแสแล้วไม่วูบวาบ แข็งแรงจนกระทั่งเป็น นิยตะ แปลว่าเที่ยงไม่ถอยกลับแล้ว แล้วมั่นคงไปขั้นที่ 4 จึงเป็นสัมโพธิปรายนะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:10:01 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:29 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:11:28 )

เข้าถึงคุณธรรม-คุณวิเศษย่อมมีสิทธิ์เข้าถึงความเป็นพระพุทธเจ้า!

รายละเอียด

ซึ่งส่วน“ปรมัตถธรรม”นี้แหละที่มี“คุณธรรม-คุณวิเศษ(อุตตริมนุสสธรรม)”อันแตกต่างกัน ถ้าคนผู้ใดสามารถปฏิบัติตนให้เกิดให้เป็นจนบรรลุได้สูงส่งไปตามลำดับ แม้ที่สุดเท่าเทียมดั่งที่พระองค์ทรงเป็นทรงมี เช่นเดียวกัน ถ้าผู้นั้นสามารถบำเพ็ญบารมีจนกระทั่งถึงจริง ก็ชื่อว่า ทรงเป็น“พระพุทธเจ้า”องค์ใดองค์หนึ่งในโลก ขึ้นทำเนียบแท้ จึงครบทั้งความเป็น“1 (เอกัคค)ใน 2” ครบทั้งความเป็น“2 (เทฺว)ใน 1” เช่น ทั้งแสดงชีวิตตัวตนเป็น“เจ้าของคำสั่งสอน(ธรรมสามี)“กล้าเปิดเผยตนเองให้คนในโลกทั้งหลายสัมผัสสรีระที่มีเนื้อมีตัวจริง ปรากฏตัวเอง ไม่มี“ความลึกลับ” หมดสิ้นความอำพราง-คลางแคลง-คลุมเครือ ไม่เหลือความสงสัยใดๆ เลยได้ด้วย“พระองค์เอง” 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 213 หน้า 177


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2564 ( 11:16:23 )

เข้าถึงนิพพานเปรียบได้“ยอดปีรามิด” เข้าถึงโลกียะเปรียบได้“ฐานปีรามิด”!

รายละเอียด

ดังนั้น คนจะบรรลุ“นิพพาน”จึงมีบรรลุได้เป็นส่วนน้อย เหมือนส่วนของยอด“ปีระมิด”ฉะนั้นส่วน“เทฺวนิยม”หรือ“โลกียะ”นั้นคือ ความเป็น“ฐานปีระมิด” หรือ“ฐานภูเขา” ปีระมิดหรือภูเขาต้องมีฐานปีระมิดหรือฐานภูเขาเป็นส่วนใหญ่ส่วนมาก แต่“ยอดปีระมิด (อเทฺวนิยม)-ยอดภูเขา”นั้น คือ“อเทฺวนิยมที่เป็นโลกุตระ”ย่อมมีส่วนน้อย ก็เป็นธรรมดา

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 457-458 ข้อที่ 634


เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2565 ( 14:58:11 )

เข้าถึงศาสนา “โลกุตระ” จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องฉลาดจริง ฉลาดมาก ๆ!

รายละเอียด

“โลกุตระ”หรือ“อเทฺวนิยม”จะไม่มีอยู่ประจำโลก เพราะเป็นศาสนาลึกซึ้งยิ่ง หมายความว่า “โลกุตระ”เป็นศาสนา“ยากยิ่ง”กว่า“โลกียะ”หรือ“เทฺวนิยม”จริงๆ ซึ่งเป็น“ความสูงของความรู้-ความฉลาด” เหมือน“ยอดปีระมิด (pyramid)” จึงเป็นเรื่องยากเรื่องยอด ที่ขึ้นไปถึงไม่ได้ง่ายๆ คนต้องมี“ความรู้”ใน“ความจริง”ขั้น“ปัญญา” ไม่ใช่แค่ขั้น“เฉโก”ของชาวโลกีย์อยู่แค่นั้น ต้องมี“ความรู้-ความฉลาด”พิเศษถึงจะสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“โลกุตระ”ได้ “ความรู้-ความฉลาด”ที่เรียกว่า“ปัญญา”จึงไม่ใช่“ความรู้-ความฉลาด”ที่เรียกด้วยภาษาว่า“เฉโก”แต่ทุกวันนี้คนทั่วไปก็ไม่รู้จักว่า “ความรู้-ความฉลาด”ของ “ปัญญา”กับ“เฉโก”นั้นแตกต่างกันอย่างไรกันแล้ว

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 456-457 ข้อที่ 632


เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2565 ( 14:33:25 )

เข้าถึงสภาวะจริงให้ยิ่งกว่ารู้แค่ภาษา

รายละเอียด

เข้าถึงสภาวะจริงให้ยิ่งกว่ารู้แค่ภาษา

คนไม่ต้องรู้หนังสือหนังหาเก่งถึงขั้นปริญญาเอก เปรียญ 9 นักธรรมเอก ฟังธรรมะเข้าใจ พูดมาถูกต้องแล้วใช้ประโยชน์ได้ด้วย อย่างแจ๊วถามมา ก็นี่แหละ ฟังธรรมะ อาตมาก็สบายใจ คนมีพยัญชนะรู้ความก็ต้องเข้าใจดีกว่านี้แน่ ขนาดเขา ไม่เข้าใจภาษาอะไรต่ออะไรเลยอย่างนี้ ยังเข้าใจได้ นี่คือสัจจะคือธรรมะ 

พูดแปลภาษาโก้โก้แล้วไม่เข้าถึงสภาวะไม่เข้าถึงจิตเจตสิกรูปนิพพานอะไรเลย มันเปล่าดาย แล้วมีเยอะด้วยอวดรู้อวดเก่ง พยัญชนะรอบโลกเลยนะ แต่ไม่เข้าถึงสภาวะให้แก่ตัวเอง ตัวเองก็ไม่ได้ประโยชน์ไม่ได้บรรลุ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ อะไรเลย อันนี้มีเยอะมากแต่เขาไม่รู้ตัวง่ายๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวิชาที่เป็นความจริงแท้ๆของพุทธ วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กันยายน 2565 ( 14:40:01 )

เข้าถึงสภาวะได้ต้องทำเช่นไร

รายละเอียด

มาพูดถึงสภาวะ สภาวะแรกของ สังโยชน์ข้อที่ 1 คือ สักกายะ

คุณต้องทำทิฐิ ความเห็น ความรู้ ความเข้าใจ เป็นตัวนำหน้าของปัญญา คุณจะเกิดปัญญาได้จะต้องมีสัมมาทิฏฐิ แล้วคุณจะต้องมีความรู้ในการวิจัยธรรม เรียกว่า ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ 

จะมีความรู้ได้ต้องปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ไปทีละคู่ๆ ด้วยรูปนาม เช่น มรรคองค์ 8 ต้องทำสัมมาทิฏฐิให้ครบ 10 ข้อ ถ้าคุณเข้าใจสัมมาทิฏฐิ 10 ข้อนี้ไม่ได้ 

ลองตรวจดู สัมมาทิฎฐิ 10 ไล่ไปแต่ละข้อ ตั้งแต่ ทินนัง ยิฎฐัง หุตัง…

อย่างเก่งก็อธิบายไปตามพยัญชนะ หรือไม่ก็ทำตามจารีตประเพณีไป อาตมาพามาทำยังได้เนื้อได้หนังเลย ทำทานให้กิเลสลดได้เป็นหุตัง ข้อที่ 4 คือ 

เป็นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิยา)  ให้ผลวิบากแก่ขันธ์(อุปธิเวปักกา). 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5,000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 09:11:44 )

เข้าถึงอาการใจได้ต้องรู้กายอย่างสมบูรณ์

รายละเอียด

ที่เข้าไม่ถึงเพราะรู้คำว่า กาย ไม่สมบูรณ์แบบ แล้วคำว่า กาย ก็ยิ่งเนียนใหญ่เลย แยกกันไม่ออกนะ คำว่า กายนี้มี 2 สภาพ ทั้งภายนอกภายใน ทั้งรูปทั้งนาม ทั้งดินน้ำไฟลม ประกอบกับอาการ อาการนี้เป็นตัวกลาง ประกอบกับจิตเชื่อมอาการอยู่ อาการเป็นตัวเชื่อมกายกับจิต จึงยากมากเลย คนที่จะเข้าใจสภาวะครบครัน เป็นสามเส้า เป็นเจ้าเป็นประธานแล้วก็มี 2 ภายนอกกับภายใน รูปกับนาม แล้วก็เป็นประธานจัดการกับพลังงานทางจิต แล้วก็พลังงานกาย หมดพลังงานกาย มากระทบ มันจะเป็นรูปร่าง เป็นพลังงานก็ได้ มากระทบ 

อย่างแสงเสียง เสียงมากระทบ แสงทางตากระทบรูปมากระทบ ข้างนอกจริงๆ นี่คือแสงทางตากับเสียงทางหูข้างนอก ถ้ากลิ่นนี้เข้าไปครึ่งๆ ถ้าลิ้นนี้ต้องเข้าไปกระทบภายในเลย แล้ว 5 ทวารข้างนอกเรียกว่า โผฏฐัพพะ 

โผฏฐัพพะ นี่ยากใหญ่เลย เพราะว่า โผฏฐัพพะ ต้องมีสัมผัส 5 ได้เสมอ จึงจะครบกาย 

แล้วกายก็จะต้องชัดเจน อ่านให้รู้ว่า อาการของจิตนะ กาย เน้นอาการของจิต กายนี่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:32:45 )

เข้าลึกเนื้อหาอย่าติดผิวตั้งแต่อุปาทาน 4 

รายละเอียด

กระทบผิวผ่องมะละกอ สวยจังเลย อาการสวยเป็นสภาวะ ชอบสวย คุณก็ชอบพยัญชนะสภาวะนั้น ติดตรงเปลือกที่สวย แล้วข้างในเป็นอย่างไร ข้างนอกขรุขระข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง หรือข้างนอกสดใสข้างในเป็นโพรง สวยแต่ข้างนอกแต่ข้างในเป็นโพรง ไม่ได้เรื่องได้ราว ดีไม่ดีมีแต่แมลงหวี่ มีแต่หนอนเจาะอยู่ข้างใน ลองสาวข้างในหรือข้างนอก คนติดอยู่ข้างนอกง่ายเยอะ ยังไม่เข้าลึกไปหาเนื้อ เพราะฉะนั้นติดผิวโดยเฉพาะไม่รู้จักสิ่งที่ว่าตัวเองติดผิวตั้งแต่อุปาทาน 4 

1. กามุปาทาน (ถือมั่นติดยึดในกามภพ บำเรอรูปรสฯ) .  

2. ทิฏฐุปาทาน (ถือมั่นติดยึดในทิฏฐิ เช่น เห็นว่าผีมีตัวตน) 

3. สีลัพพตุปาทาน (ถือมั่นติดยึดในศีลและวัตรปฏิบัติธรรม) 

4. อัตตวาทุปาทาน (ถือมั่นเข้าใจในอัตตาหรืออาตมันได้แค่ วาทะ  แต่ไม่เคยรู้เห็นอัตตาตัวปรมาตมันจริงๆนั้นเลย) . . . 

(พตปฎ. เล่ม 11   ข้อ 262) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 19:43:04 )

เข้าวัดอโศการามเป็นอนาคาริกยังไม่บวช

รายละเอียด

อาตมาก็เอาเลยก็ตกลง ก็เข้ามาวัดมาหาเจ้าอาวาส อุปัชฌาย์องค์แรกแหละ สุดท้ายท่านได้ตำแหน่งพระเทพวรคุณ ตอนที่อาตมาเข้าไป ท่านเป็นชั้นราชอยู่ ก็บอกว่า ถ้าผมจะมาอยู่ที่นี่มาปลูกกุฏิอยู่ที่นี่ ที่นี่ยืนยันได้ไหมว่าพระจะไม่มายุ่งกับผม ท่านก็หัวเราะ บอกว่าพระจะไปยุ่งกับคุณทำไม คุณอย่าไปยุ่งกับพระก็แล้วกัน มีอย่างที่ไหนพระจะไปยุ่งกับฆราวาส มีแตฆราวาสจะไปยุ่งวุ่นวายกับพระ เราก็ไปจองที่เข้าไปในป่าแสม ลึกเข้าไปประมาณ 50 เมตร เจาะสะพานยาวเข้าไปในป่าแสม ทั้งฝ่ายหญิงก็ปลูกกุฏิ เป็นแม่บ้านคอยอุปัฏฐาก คอยดูแล อาตมาก็ให้เขาใช้เงินโอนให้เขาเป็นคนดูแลเงิน อาตมาเป็นอนาคาริก ก็เป็นนายรัก   รักพงษ์  ไปอยู่ตรงนั้น เจ้าคุณเขาก็ถามว่าอย่างนี้ทำไมไม่บวชเสียเล่า ออกมาถึงขนาดนี้แล้วสงบเรียบร้อยไม่ได้วุ่นวายกับทางโลก ทำไมไม่บวชเสีย ก็บอกว่าไม่บวช ดูไปอย่างน้อย 10 ปีไปก่อน ท่านก็หัวเราะคิดว่าเราคงอวดดี 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 10:30:14 )

เข้าสู่บริษัท

รายละเอียด

เข้าสู่สังคมหมู่กลุ่มมวลมนุษย์และทำประโยชน์แก่มวลมนุษย์

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 52


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:10:07 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:05:23 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:10:56 )

เข้าสู่เนื้อแท้โลกุตรธรรมอย่างมีลำดับ

รายละเอียด

ดี ที่ตั้งใจไว้ ก็คงมีคนที่ตั้งใจอย่างคุณกรรณิกาอยู่หลายผู้หลายคน คนแต่ละคนมีวิบากไม่เหมือนกันไม่เท่ากันมากบ้างน้อยบ้าง ก็พยายามเท่าที่มีเท่าที่ควร อย่าเพิ่งไปหักหาญอะไร ที่เห็นว่ามันจะทิ้งภาระ ทิ้งวิบากอะไรไว้มากเกินไป ทำให้ดูพอเหมาะพอควรแล้วก็มารวมกัน ทางบ้านราชนี้มี 777 คน เป็นสมาชิกเต็มที่เลยนะ แล้วนอกนั้นจะมีเพิ่มไปๆมาๆ ไปหา 1,000 หรือเกิน 6,000 ไป เราสร้างคนแล้วก็ทำให้คนมีคุณภาพ มีสมรรถนะ แล้วก็มีพฤติกรรมอยู่ในสังคมมนุษยชาติอย่างนี้ช่วยกัน ปลูกหอมจนกระทั่งสวยอย่างนี้ปลูกผักคะน้า กะหล่ำปลี ที่กองอยู่ข้างหน้าอาตมา เรารู้สึกนะ แต่คนอื่นเขาจะรู้สึกรู้สา ก็ไม่รู้ล่ะ 

แต่ดูแล้วทั้งพวกเราในที่นี้และบวรอื่นๆ พยายามมาสมทบเพื่อจะยืนยันความจริงนี้ จะว่าอวดว่าอ้างก็ใช่ จะว่ามันก็ไม่เชิงอวดอ้างอะไรหรอกแต่อยากจะให้ท่านๆ ทั้งหลายที่เป็นผู้เป็นคนทั่วโลกเลย ให้รู้ว่า นี่คือสิ่งที่เป็นหนึ่งในโลก อาหารที่เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร ไม่เกี่ยวกับปศุสัตว์ ไม่เกี่ยวกับประมง  ไม่เกี่ยวกับสัตว์ทั้งหลาย ไม่ใช่เรื่องเนื้อปู ปลาอะไรเป็นประมงก็ไม่เกี่ยว พืชพันธุ์ธัญญาหารล้วนๆไม่มีวิบาก ไม่ก่อวิบากจริงๆ ใครจะเชื่อก็เชื่อ  ไม่เชื่อก็บังคับกันไม่ได้หรอก เราต้องพยายามทำจริงๆ ช่วยอาตมาพยายามพากเพียร ใครที่ยังไม่เห็นดีเห็นงามไม่เคยลงดินไม่ติดดิน ไม่มาเป็นชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ให้ลงมาเถอะ ไม่ได้เป็นความตกต่ำ แต่เป็นความเจริญเป็นความสูงที่สุด 

คำว่า กษัตรา แปลมาจากรากศัพท์คำว่า เกษตร กษัตรา มีรากศัพท์มาจากคำว่า เกษตร คำว่า เกษตรนี้คือเขต ในภาษาบาลี เขตก็คือแผ่นดิน พื้นแผ่นดิน เราเกิดมาเป็นสัตว์โลก คนเกิดมาเป็นสัตว์โลก มีจิตนิยาม สัตว์มันกินตามธรรมชาติ ธรรมชาติสร้างให้มันเท่าไหร่ มันก็เก็บกินหากินอยู่ที่แดนถิ่น ถ้ามันแล้งไร้หากินไม่ได้ มันก็ไปหาที่อื่น มันปลูกไม่เป็น มันทำขึ้นมาไม่เป็น แต่คนนี้มีความรู้ปลูกเป็นสร้างเป็นทำเป็น จนงอกงามจนเจริญ รู้แม้กระทั่งว่าธาตุของแต่ละพืชแต่ละพันธุ์ที่มันมีคุณภาพมีคุณประโยชน์ ที่มันจะเสริมสร้างใช้ในชีวิตนี้ เพราะว่าพวกแพทย์ก็ตาม วิทยาศาสตร์ก็ตาม โภชนาการก็ตาม ศึกษามาหมดแล้ว ธาตุต่างๆทางเคมีทางฟิสิกส์ก็สามารถรู้ได้ว่า อะไรควรอะไรดีอะไรรักษาพันธุ์พืชต่างๆ แล้วก็เอาไว้หมุนเวียนปลูกสร้างให้กินได้ 

คนเราเจริญมาถึงทุกวันนี้ ผู้ที่สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารคือคนประเสริฐ คือคนดี ผู้เอาเวลา แรงงาน ทุนรอนไปสร้างอาวุธ ไปสร้างสิ่งที่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยมอมเมา พวกนั้นนอกจากจะทำร้ายกัน เป็นบาปเป็นวิบากแล้ว ยังไร้สาระ เป็นโทษเป็นภัย ไม่ควรแก่การที่จะส่งเสริมที่จะไปเที่ยวหลงเสียเวลาและก็สร้างวิบากกันไป ผู้รู้ก็เข้ามา เข้ามารวมกัน เรื่องของวิบากกรรมในชีวิตเป็น อจินไตย เป็นเรื่องที่คิดเอาตื้นๆง่ายๆ ไม่ได้ ต้องมาศึกษาและประพฤติปฏิบัติจริงจนเรารู้เราเกิด ระลึกชาติได้ การระลึกชาติได้ไม่ใช่การระลึกเป็นตัวตนเรื่องราวเป็นสตอรี่เลย ว่าจริงๆแล้วเราเคยเกิดเป็นชื่อนี้คนนี้ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเป็นภาษาที่หยาบๆชัดๆ แต่ยากที่คนจะระลึกขึ้นมาแล้วเขาก็รู้ความจริงอันนี้ได้ทั้งหมด แต่จะมีคุณธรรมที่สามารถระลึกได้เรียกเป็นคำต้นว่า สัญชาติญาณ การเกิดมาแล้วก็มีสัญญะ สัญญา จำได้มาเกิดในชาตินี้ และที่เป็นความจำเก่า มันก็เกิดอัตโนมัติมาให้เราเป็นอย่างนี้ 

สัญชาติญาณสัตว์โดยมากมันก็รู้ว่า มันเป็นสัตว์ เช่น ลูกจิงโจ้มันเกิดมา มันก็รู้ว่าจะต้องไปหาที่อยู่มัน มันก็พยายามเดินเข้าหากระเป๋าหน้าท้องของแม่ แล้วก็มาเจอพักอยู่ในหน้าท้องจนโต กว่าจะออกจากกระเป๋าฟักตัวอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่ อาศัยแม่ กินนมแม่ อย่างนี้เป็นต้น
หรือสัตว์อื่นๆก็ตามแม้แต่คนก็มีสัญชาตญาณคน เลี้ยงดูกันได้ มีความแตกต่างกันไม่เหมือนกับสัตว์อีกหลายชนิด สัตว์คนนี้ ถ้าแม่ไม่เอาใจใส่ก็ตาย สู้สัตว์อื่นอีกหลายชนิดไม่ได้ที่มันอยู่กับแม่เกาะติดเลยอย่างเช่น ลิง เป็นต้น กินนมแม่ก็ไม่ลงจากตัวแม่เลยด้วยซ้ำ อย่างนี้เป็นต้น จนโตหลายชนิดมันก็จะเห็นได้ 

เพราะฉะนั้นในสภาพของสัจธรรมพวกนี้ คนเราเกิดตาย ตายเกิดเกิดตายศึกษาเรียนรู้ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่อาตมาพูดแล้วพูดอีกไม่รู้กี่ที ท่านไม่ได้เรียนรู้อะไรยิ่งใหญ่เท่าเรียนรู้เรื่องความเป็นคน กับความเป็นสังคมมนุษยชาติ 2 คำนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดจนกระทั่งสุดท้าย ท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็ไม่ไปทำงานอื่น นอกจากงานที่ทำกับมนุษยชาติ สอนให้พัฒนาสร้างตนเองให้มีวิบากที่ดี มีวิบากที่เป็นกุศลและเรียนรู้เรื่องสัจธรรมที่เป็นอาริยสัจ 4 ดับทุกข์อาริยสัจให้ได้สูงสุด นี่คือสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ค้นพบ เป็นสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจบแบบนี้ นี่แหละคือหลักใหญ่ที่สุด 

เพราะฉะนั้นพวกเราชาวอโศกเกิดในยุคนี้ อาตมาก็เป็นโพธิสัตว์ระดับนี้ขึ้นมา แก้สิ่งที่มันเสื่อมซึ่งเสื่อมจริงๆ อาตมาไม่ได้ใส่ความ ไม่ได้ไปหลงตัวหลงตนอะไร พุทธศาสนาโลกุตตรธรรมของพระพุทธเจ้าก็เสื่อมมาจนถึง 2,500 กว่าปี อาตมาอุบัติขึ้นมาก็พัฒนาศาสนาขึ้นมาใหม่ด้วย อาตมาเป็นผู้นำเป็นไก่ตัวพี่ ไม่ได้หลงตนแต่พูดจริง แล้วก็นำพาปลูกฝัง ผู้คนเข้าใจ อธิบายนำพาจนเกิดกลุ่มชาวอโศก นี้คือคนเชื้อแท้ กลุ่มแท้ที่เป็นกลุ่มคณะพลเมืองที่ชื่อว่า พุทธศาสนิกชน นี่คือเนื้อแท้ของโลกุตรธรรมได้ ไม่ใช่มีแต่โลกียธรรม ที่เป็นของศาสนาอื่นทั้งหมด แต่พุทธก็มี โลกียธรรมที่ละชั่วประพฤติดี​ แล้วดีจริงๆดีถาวรด้วย ดีอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงของความเป็นโลกียธรรม 

โลกียธรรมไม่เที่ยงแต่เราก็ดีได้ตาม กาละ เทศะ ฐานะ ในแต่ละยุคแต่ละกาล ก็เอามุมเหลี่ยมที่เกี่ยวทุกอย่างทั้ง กาละ เทศะ ฐานะ ดีสุดอันไม่เที่ยง กาละไม่เที่ยง เทศะไม่เที่ยง ฐานะไม่เที่ยง แต่ในยุคที่ดีที่สุดในปัจจุบันก็ดีทั้งนั้น ยิ่งกว่าโกุตรธรรมที่เป็นของเที่ยงแล้วก็เป็นศูนย์ หรือนิพพานปรินิพพาน ซึ่งเป็นเนื้อแท้ของสัจธรรมที่ใช้พยัญชนะเรียกกันอยู่นี่ ทำได้จนเกิดมนุษย์ประเสริฐ มนุษย์เจริญที่เป็นโลกุตรธรรมอย่างแท้จริง แล้วก็มีพฤติกรรมรวมอยู่เป็นมนุษยชาติ เกิดปรากฏการณ์ของกลุ่มคน ที่เป็นตัวจริง ตามพระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วเอามาศึกษาปฏิบัติจนเกิดเป็นจริงได้ขนาดนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2566 ( 11:52:13 )

เข้าสู่โหมดดูไป

รายละเอียด

คำว่าโลกุตรธรรมก็หมายความว่า เป็นน้ำหนักของความปล่อยวาง ของความเห็นตามความเป็นจริงว่า ทุกอย่างไม่เที่ยงมันมีความเป็นไป มันมีอย่างนี้ก็ได้อย่างนั้นก็ได้ เราก็ดูไป เข้าสู่โหมดดูไป ไม่น้ำขึ้นน้ำลง ไม่หวือหวาวูบวาบ ดีใจเสียใจเกินไป เราก็ดูละครของโลกมันก็เป็นไปตามธรรม ก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก 

เพราะเราก็ยังเป็นผู้มีสำนึก ยังเป็นผู้มีกรรมกิริยา ยังพอตัดสิน ยังพอทำงานอยู่กับสังคมโลกมนุษย์อยู่ ถ้าเห็นสมควรอย่างไรเราก็ทำตามสมควรตามเหมาะสมนั้นๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาเราก็ไม่ต้องตีตนไปก่อนไข้ ยังไม่รู้ว่ามันจะเกิดเหตุร้ายแรงอะไร เขาอาจจะมีอะไรใหม่ๆ ที่เรายังนึกไม่ถึง เขาก็พยายามจะนำเสนอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2566 ( 20:05:07 )

เข้าหาสภาวะได้ต้องมีความยินดี

รายละเอียด

เข้าไปยึดถือแต่พยัญชนะสมมุติสัจจะเป็นบัญญัติภาษาบาลี เป็นอุปาทาน 1 อันที่ท่านแยกในอุปาทาน 4 ก็ได้ แต่ว่าถ้าได้แต่ภาษาได้แต่คำพูดลัทธิอยู่อย่างนั้น เข้าหาสภาวะไม่ได้ ซึ่งมีเยอะแยะทีเดียว เราไปบังคับเขาไม่ได้ มันมีอย่างนี้จริงๆ ก็น่าสงสาร จะไปบังคับได้อย่างไรก็เขาไม่เอา ขณะที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เห็นได้แล้วนะแต่ไม่ได้มีความยินดี เริ่มต้นเป็นมูลกา ก็ยาก หากไม่มีตัวยินดีไปไม่รอดเลย ยินดี เป็นยาดำ ในอะไรๆ ก็มีความยินดีฉันทะเยอะ ในมูลสูตร ฉันทะเป็นที่1 ในอิทธิบาทก็ฉันทะมาก่อน แม้แต่สุริยเปยยาลก็อยู่อันที่ 3 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29 วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 19:48:54 )

เข้าเกณฑ์ผู้อายุยาวแต่ไม่เข้าเกณฑ์แก่

รายละเอียด

พรุ่งนี้ขึ้นเดือนธันวาคม ขึ้นเดือนธันวาคมอย่างไรก็เป็นหน้าหนาว ที่จริงธรรมดาเดือนตุลาคมก็จะเริ่มหนาวแล้ว พฤศจิกายนธันวาคมก็หนาว มกราคมก็หนาว กุมภาพันธ์ก็ร้อน ฤดูกาลของโลกก็เปลี่ยนไป ประเทศอื่นอาจจะมีฤดูใบไม้ร่วงใบไม้ผลิก็ว่าไปแต่เมืองไทยมี 3 ฤดูกาล คนเราก็เดินทางไปตามเวลา แต่เวลามันไม่เคยหยุด ทั้งไม่เคยหยุดไม่เคยพัก ไปเรื่อยๆเลย คนเราเกิดมาไม่มีอายุยาวก็ไม่ได้ แต่ที่สำคัญก็คือ มันไม่แก่ก็ได้ คือเราประมาณการแก่หรือไม่แก่ ได้จากสภาพของสังขารร่างกาย ท่าทางกำลังเรี่ยวแรงของคน อาตมาว่าอาตมามีท่าทางไม่เหมือนคนแก่นะ ยังไม่เข้าเกณฑ์ความแก่ จริงที่อาจจะเข้าเกณฑ์ผู้อายุยาวหน่อย แต่มันไม่ได้เข้าเกณฑ์แก่ ดูพฤติกรรมแล้วแต่เวลามันก็ยาวไป 86 ปี 5 เดือน กำลังจะ 6 เดือน ถึงวันที่ 5 ธันวาคมก็เต็ม 6 เดือน อาตมาจำได้ เพราะตรงกับในหลวง ในหลวง 5 ธันวาคม ของอาตมา 5 มิถุนายน ห่างกัน 6 เดือน อายุเรามันก็เป็นไปตามตัวเลขแย้งไม่ได้ แต่อาตมาจะพยายามฝืนความแก่จะไม่ให้มันแก่เร็ว ดีดที่มือก็ยังไม่แก่ ดังป๊องๆๆ ที่อาตมาพูดไปเหมือนไร้สาระแต่ที่จริงแล้วเป็นเนื้อแท้สาระว่า คนเราเกิดมามีความรู้ ความรู้ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นความรู้ที่ช่วยให้เรามีอายุ อายุก็ไปตามตัวเลขตามเวลา แต่ช่วยให้เรามีสภาพของสังขารร่างกาย ที่บอกว่าเกิดแก่เจ็บตาย สังขารร่างกายจะแก่ ตามสภาพที่ควรจะเป็น แต่นี่มันดูดีกว่าสภาพที่ควรจะเป็น มันจะต้องเหี่ยวต้องโรยเสื่อมไปก็ช้าอันนี้อาตมาได้พยายามใช้ทั้งรูปธรรม 8 อ. ใช้ทั้งทางจิต ใช้ทั้งนามธรรม เพื่อที่จะไม่ให้มันโรยๆ ไปตามเวลาเท่าไหร่ ก็ดูจะได้ผล ว่าไหม จริงๆแล้วอาตมาว่าไม่ใช่อาตมาคนเดียว แต่ชาวอโศกหลายผู้คน อย่างใจแก้วนี่เท่าไหร่ … 70 เต็ม ตอน 19 ตุลา ตอนนี้ย่าง 71 ยังไม่แก่นอกจากจะผมหงอกบ้าง ใช่ไหม

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์  วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2563 ( 14:28:50 )

เข้าเขตเที่ยงคืออย่างไร

รายละเอียด

คนเราก็วนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร อยู่ในกาละ มันก็วนเวียนอยู่ กรรมวิบากก็ทำให้คนเรานี่ตกต่ำ ได้ดี จนกระทั่งมาศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว บรรลุความเที่ยง คือบรรลุมีจิตมีปัญญารู้กิเลส ได้ลดกิเลส จนกระทั่งเข้าเขตของความ นิยตะ เข้าเขตเที่ยงแล้ว ตั้งแต่ขั้นโสดาบันเที่ยง สกิทาคามีเที่ยง อนาคามีเที่ยง (เที่ยงคือไม่ตกต่ำเป็นธรรมดาและเข้ากระแสแล้วนี้)

ธรรมะของพระพุทธเจ้า ถ้าเข้ากระแสโลกุตระแล้ว มันจะมีความจริงที่สามารถรู้เหตุตัวร้ายที่ทำให้คุณไม่เที่ยง ตกต่ำ ได้ดีสุด แล้วตกต่ำ ได้ดี แบบเฉโก แบบเทวนิยม แบบเทวนิยมไม่เที่ยง ได้เป็นพระศาสดาแล้วก็ไม่เที่ยง จะตกต่ำได้เป็นสัตว์นรกได้อีก แม้ศาสดาของเทวนิยมก็ไม่เที่ยง เพราะเขาไม่มีปัญญาที่จะรู้จักจิต เจตสิก รูป นิพพาน เขาไม่สามารถทำให้จิตลดเหตุตัวที่จะต้องวนเวียนคือกิเลส ดับได้ถึงขั้นถอนอาสวะ ถอนเชื้อรากเหง้าของกิเลส ไม่เหลือ นี่คือ ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จึงเที่ยง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 11:49:58 )

เข้าใจ 5 สภาพเรียกว่ารูปนามขันธ์ 5 ครบ

รายละเอียด

เข้าใจ 5 สภาพนี้เรียกว่ารูปนามขันธ์ 5 ครบ แล้วรู้รายละเอียดที่จะเกี่ยวข้องกัน รู้ทุกมิติ ทุกประเด็น ทุกนัยยะ ทุกเหลี่ยม ทุกสภาวะ ที่จะจับมาเปรียบเทียบเป็น 2 ทุกคู่ ที่จะจับมาเปรียบเทียบกัน เป็นสอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2565 ( 14:53:19 )

เข้าใจ กาย คือ กลัดกระดุมเม็ดแรกของการปฏิบัติธรรม

รายละเอียด

พวกเราจะเข้าใจสมณะ 4 เข้าใจสภาวะของโสดาบัน สกิทาคามีก็จะเข้าใจเพิ่มขึ้น รู้ว่าเราได้สกิทาฯแล้วนะ อนาคาฯก็ตาม จะมีตัวที่เป็นปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ  รู้ได้ด้วยตน ตัดสินได้ด้วยตนเอง เปรียบเทียบเห็นความต่าง นัยยะต่าง เพื่อสรุปผลได้เลย พวกเรายืนยันได้ เพราะปฏิบัติธรรมอย่างมรรคมีองค์ 8 มีโพธิปักขิยธรรมครบตามคำสอนพระพุทธเจ้า เรียนรู้กาย ตั้งแต่ สักกายทิฏฐิ ผู้ที่เข้าใจได้ก็จึงพัฒนามาเจริญได้จริง 

โดยเฉพาะคำว่า กาย คำนี้ มันยิ่งใหญ่มากที่จะเป็นตัวแรกเลยที่จะต้องรู้ให้สัมมาทิฏฐิ ถ้าไม่สัมมาทิฏฐิ ไม่ได้เป็นอรหันต์ เหมือนว่ากลัดกระดุมเม็ดแรกไม่ถูก ก็ไม่พ้นสักกายทิฏฐิ ไม่พ้นอาสวะ 10 และรู้ว่าเมื่อแยกแล้ว อันนั้นเป็นสภาวะที่รู้องค์รวมคือ กาย แล้วทีนี้ จะมีสัมมาทิฏฐิที่แยกกายแยกจิตก็ต้องรู้อีก มันจะแยกขาดแล้วว่าเป็น อุตุอย่างไร พีชะอย่างไร จิตอย่างไร หรือด้วยกรรม และธรรมะ จะชัดเจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งรู้ตัวจบแล้ว 

เป็นโสดาบันเราสามารถดับโลกอบายเราได้จบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 14:14:11 )

เข้าใจกันได้ยาก ต้องค่อยๆ อธิบายความจริง ยืนยันความจริง

รายละเอียด

ความเห็นความรู้ความฉลาดของคนบังคับไม่ได้ แต่เป็นประเด็นให้อาตมาได้ใช้อธิบายธรรม คุณจะใช้ภาษาอะไรหนักๆ จะท้วงมาอย่างแรง ปฏิกโกสนาก็ได้ อาตมาไม่ได้เป็นปัญหา ไม่ได้ยึดถือหรอก อาตมาหยิบเอามาอธิบายนัยยะแง่มุมที่มันแตกต่างกัน เอามาขยายความให้ฟัง 

อาตมาก็ขอเท้าความให้ฟังนิดนึงว่า อาตมาเคยพูดด้วยความจริงมานานแล้ว ว่าศาสนาพุทธมันเสื่อม เสื่อมจากเนื้อแท้ของพระพุทธเจ้าคือโลกุตรธรรม มันเสื่อมจริงๆ อาตมาไม่ได้หาเรื่อง ไม่ได้ใส่ความ มันสูญหายไปจากวงการศาสนาพุทธเลย ในเมืองไทยแม้แต่บอกว่าเป็นเมืองพุทธ ถือศาสนาพุทธเป็นหลักเลย แต่ก็มีแต่ความรู้แบบเดียรถีย์ ความรู้แบบโลกียะแล้วมันก็ผิดเลอะเทอะเยอะ เมืองไทยมีไสยศาสตร์ มีเดรัจฉานวิชา อะไรต่ออะไรกันเต็มไปหมด อย่าว่าแต่อาบัติสังฆาทิเสสเลย อาบัติปาราชิกก็มีเยอะ ที่เขาทำไปเลอะเทอะเยอะแยะไปหมด มันใช้ไม่ได้ 

อาตมาจึงอยู่ร่วมไม่ได้ มันเห็นด้วยความจริงใจ ก็จึงประกาศลาออกมา ทนอยู่ได้ 5 ปี อาตมาบวชอยู่ในเถรสมาคมปี พ.ศ. 2513  พอพ.ศ. 2518 อาตมาก็เลยประกาศแยกนานาสังวาส ก็ยอมเป็นพุทธอยู่ด้วยกันสังวาสเดียวกัน แต่มันเป็นนาๆ มันแตกต่างกันอาตมาก็ประกาศลาออกตามธรรมวินัยเลย แต่เถรสมาคมที่เสื่อมมากจนไม่รู้จักธรรมวินัยก็มาเล่นงานอาตมา ซึ่งผิดวินัย เป็นอาบัติอยู่นะแต่ก็ไม่ได้แก้ไข อาบัติก็คาต่อไปยิ่งทับถมยิ่งซับซ้อนเป็นพระไม่ปกติ "อปกตัตตะ" เป็นพระไม่สมบูรณ์บกพร่องอยู่อย่างนั้น เขาร่วมทำร่วมเห็นอยู่เขาก็เป็นอยู่ ความเห็นมันก็คือความเห็น ความเป็นก็คือความเป็น เขาเป็นอยู่อย่างนั้นจริงๆ

คืออาตมาถูกเขาผิดนี่พูดตรงๆ พูดความจริง เขาก็ซวย อาตมาก็เลยได้แต่สงสารเขา อาตมาไม่เคยโกรธเขานะ ตั้งแต่เขาทำแล้วเขาก็พยายามตีอาตมา ซัดอาตมาอย่างเป็นหลักเป็นฐานเลยนะ ขึ้นมาตั้งแต่เริ่ม ตั้งแต่ฆราวาส มันก็ไม่หนักเท่าไหร่ พันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์ จนกระทั่งมาถึงเป็นพระ จนกระทั่งท่านมหาประยุทธ์ หรือสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ เขียนเป็นหนังสือมาเลยเป็นลายลักษณ์อักษรซัดอาตมา ซึ่งท่านก็เป็นที่นับถือของสังคมศาสนาพุทธ ก็เลยเอาใหญ่เลย ซัดอาตมาใหญ่เลย คนก็เชื่อตาม อาตมาก็ไม่ได้แปลกประหลาดอะไร มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น 

เพราะความเห็นของเขามันร่วมกัน ไปด้วยกัน แล้วเขาก็หาว่าอาตมาผิด อันใดที่เขาเห็นว่าอาตมาผิดอะไรร้ายแรงอย่างใด ซึ่งมันตรงกันข้ามกันเลย เขานั่นแหละผิดร้ายแรงยิ่งกว่า จะว่าไปแล้ว แล้วเขาก็บอกว่า เขาก็เลยไล่อาตมา แท้จริงแล้วอาตมาลาออกมาก่อนแล้ว ไม่ได้ถูกไล่ ลาออกมาอย่างสมัครใจด้วย ออกมาเป็นนานาสังวาส เป็นคณะสงฆ์ชาวอโศก ประกาศอย่างมีลายลักษณ์อักษรเลยนะ แล้วเขาบอกว่ามาตั้งลัทธิเอง ซึ่งมันไม่ใช่ คุณต่างหากออกมาเป็นลัทธิเพี้ยน เป็นศาสนาเพี้ยนจากของพระพุทธเจ้าไป อันนี้ต่างหากความจริง นี่คือความเข้าใจที่ทำความเข้าใจให้กันได้ยาก มันไม่ง่าย ก็ต้องค่อยๆอธิบายความจริง แล้วก็ยืนยันความจริง ผู้มีปัญญา มีตารู้จะมองออกว่า จริงๆ แล้วเนื้อแท้ของศาสนาพุทธนั้นเป็นชาวอโศกหรือทางเถรสมาคม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2566 ( 12:08:29 )

เข้าใจกายผิดไม่มีสิทธิ์เป็นพระอรหันต์

รายละเอียด

คนที่รู้จักสภาวะและพยัญชนะอย่างดี โดยเฉพาะรู้จักสภาวะดีอย่างเช่นอาตมารู้จักสภาวะดี พยัญชนะอาตมาก็ยังไม่เก่งมาปางนี้ก็ลืมไปเยอะ เอามาใช้ก็สับสน ซึ่งท่านผู้ที่รู้ก็จะมา ท้วงอาตมา บางอย่างอาตมาก็อนุโลมไปกับเขา บางอย่างก็ไม่อนุโลมอย่างเช่นคำว่ากาย คำว่าบุญ กายเขาเข้าใจว่าเพียงสรีระ เป็นภายนอก ดินน้ำไฟลมเท่านั้น ไม่มีจิตวิญญาณเขาจะยืนยันอย่างนั้น อาตมาก็บอกว่า หากคุณเข้าใจกายว่าเป็นเพียงวัตถุไม่มีจิต เท่านี้คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นพระอรหันต์ อีกกี่ชาติๆก็ไม่มีสิทธิ์เป็นพระอรหันต์ ถ้าเข้าใจ กายคือสรีระอย่างเดียว หากเข้าใจกายคือจิตอย่างเดียวก็ยังพอจะปฏิบัติธรรมบรรลุกายสักขีได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยะรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:45:06 )

เข้าใจคนละแบบ

รายละเอียด

คุณเอาของพระพุทธเจ้ามาก็เข้าใจ อาตมาอ่านก็เข้าใจแบบของอาตมา คุณเข้าใจแบบของคุณ เมื่อคุณฟังอาตมาแล้วก็บอกว่าไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจก็เป็นธรรมดา อาตมาเห็นเป็นธรรมดาที่คุณแสดงออกมา คุณเข้าใจของคุณอย่างนี้ อาตมาก็ตามรู้ของคุณได้ แต่คุณตามรู้ของอาตมาไม่ได้ และจะมาบังคับให้อาตมารู้ตามคุณว่าของคุณถูกฝันไปเถิด คุณจะมาบังคับให้อาตมารู้ตามคุณได้อย่างไร แล้วอาตมาก็รู้ด้วยว่าตามคุณรู้นั้นอาตมารู้ คุณก็รู้ได้เท่าที่คุณรู้ แต่อย่างที่อาตมารู้คุณไม่รู้แล้วจะให้อาตมาไปรู้เท่าคุณ..อาตมาจะบ้าไปลดลงได้อย่างไร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:19:01 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:20:45 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:07:25 )

เข้าใจความจน แล้วทำความจนให้แก่ตนสำเร็จนั้น...ยิ่งใหญ่ที่สุด 

รายละเอียด

สรุปแล้วอาตมาอยากจะพูดตรงนี้ ไม่มีประเทศไหนในโลกไม่มีหนี้ หนี้คืออะไร คนที่กู้หนี้ได้มากๆเขาถือว่ามีเครดิตดี มันซ้อนลึกอยู่ตรงที่ว่า จะอธิบายไปถึงคำว่า คนจน คนไม่มีหนี้กับคนจน หรือคนมีหนี้กับคนจน ชาวอโศกนี่เป็นคนจน เป็นคนจนที่ไม่มีหนี้ ส่วนนอกเขาข้างนอกเขานี่เป็นคนจนที่มีหนี้ และยังแยกได้ละเอียดอีกว่า คนจนที่ไม่มีหนี้ เพราะว่าเป็นคนจนที่เขาไม่มีใครให้กู้ ไม่มีเครดิตเลย ก็เลยต้องจน กับ คนที่จน เพราะเต็มใจจน ตั้งใจจน เข้าใจความจน แล้วทำความจนให้แก่ตนสำเร็จนั้น...ยิ่งใหญ่ที่สุด 

เป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ เป็นคนจนที่ อิสระ สบาย สงบ อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ คนจนอะไรไปเพิ่มพูนการเสียสละ มันเป็นภาษานะ แต่ลักษณะจริงมันมีไหม? ...มี ใครเอ่ย? ชาวอโศก คนอะไรทำไมประหลาดนัก มันเป็นความประหลาดเป็นความลึกซึ้งไม่ใช่ลึกลับ เพราะว่าเอามาพิสูจน์ได้ เอามาปฏิบัติ เอามาประพฤติได้ จนกลายเป็นหมู่สังคมชุมชน เป็นบุคคลที่มีความเป็นอยู่ร่วมกัน มีจารีตประเพณีมีพฤติการณ์พฤติกรรม อยู่อย่าง สาราณียธรรม 6 นี่คือหลักฐานเอามาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้นไม่ได้ออกนอกรีตนอกรอย พิสูจน์โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าได้บรรลุจริง จึงเกิดชุมชนสาราณียธรรม 6 ได้ 

คืออยู่กันอย่างมี สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ร่วมกันสร้างสรรมีรายได้ร่วม ได้รายได้ได้ผลผลิตก็เอามารวมกันกินกันใช้ร่วมกันลาภธัมมิกา  เรียกว่า สาธารณโภคี ในยุคพระพุทธเจ้าพิสูจน์ได้ในวงสงฆ์ ในยุคโน้น พระสงฆ์ไปทำกสิกรรมไม่ได้ ก็เลยพิสูจน์ความสมบูรณ์แบบไม่ได้ เพราะมีข้อจำกัดเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิ ยังเป็นยุคทาส เป็นยุคที่ยังไม่มีใครเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิมนุษยชนยังมีไม่ได้ มีแต่นายทาสลูกทาสอะไรอย่างนี้ มันเป็นข้อจำกัดที่ อาตมาก็พูดไปหมดแล้วเคยอธิบายไปแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 14:05:11 )

เข้าใจความจริงตามความเป็นจริง

รายละเอียด

อย่าไปอาลัยอาวรณ์ อย่าไปผูกพันอะไรมากนัก มันไม่ฉลาด ไปผูกพันไปอาลัยอาวรณ์อยู่มากเกินไปก็เท่านั้นเอง อย่างไรมันก็ต้องพรากจากกัน ไม่มีอะไรจะไม่พรากจากกัน 

จะยิ่งใหญ่ จะดี เป็นผู้คนที่ดีงามมากเท่าไหร่ อย่าว่าแต่บีเลยขนาดพระพุทธเจ้าก็ยังต้องพรากจากไป จะดีอย่างไรก็ต้องตาย ถึงเวลาก็ต้องตาย ตายช้าตายเร็วก็แล้วแต่ อย่างพระพุทธเจ้าอายุ 80 ก็ตายแล้ว อาตมาอายุ 89 90 ยังไม่ตาย ยังพยายามกระเสือกกระสนให้นานพอสมควร แต่ก็ต้องตายในวันหนึ่ง แล้วก็บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ต้องอาลัยอาวรณ์อะไรให้มากมาย เหมือนอย่างที่เรามีอาการอาวรณ์อาลัยแล้วมันเป็นทุกข์นะ การอาวรณ์อาลัยมันก็ทุกข์ จะทุกข์มากทุกข์น้อยอะไรก็แล้วแต่ ผู้ที่ผูกพันกันมากกับบี อย่างตี้ ก็ร้องห่มร้องไห้กับอาตมา อาตมาก็บอกให้รู้ความจริง ปล่อยวาง อย่างไรบีเขาก็ตายไปแล้ว เรายังอยู่ก็ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์อะไรที่ดีก็ทำ ถ้าไปร้องไห้มันก็เท่านั้นเอง อย่างไรก็ไม่ฟื้น อย่างไรก็ไม่กลับมาด้วย มันก็ได้แค่นั้น เราก็ต้องเข้าใจความจริงตามความเป็นจริงพวกนี้ให้ดี อย่างนี้เป็นต้น 

การที่จะเข้าใจนี้เป็นเรื่องจริงจากคนจริงๆ พฤติกรรมจริงๆ และกิเลสเราที่โง่ กิเลสเราที่มันติดยึดผูกพัน ไม่รู้จักปล่อยจักวางสิ่งที่เป็นอย่างนี้แล้วต้องปล่อยต้องวางต้องตัดต้องพรากก็ต้องรู้การพราก ไม่มีอะไรจะไม่พรากจากกัน นี่เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ไม่มีอะไรที่จะไม่พรากจากกัน 

เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องมาเรียนรู้ความจริงพฤติกรรมของคนจริงๆพวกนี้ แล้วเราก็รู้จักปล่อยจักวาง รู้จักการสละปล่อย สละ วางปล่อย เลิก ไม่ผูกพันต่อ แต่เรามีความรู้ความจำได้เราก็เข้าใจ ระลึกได้จากความรู้ความจำเอามาเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่เอามาทุกข์ทับถมตน อย่าเอาทุกข์ทับถม อย่าเอามาระลึกเป็นทุกข์ทับถมตน อย่าเอามาระลึกเพื่อสร้างกิเลสให้แก่ตน จงระลึกมาเป็นประโยชน์ในการที่จะเตือนสติเตือนปัญญาปณิธานปัญญาให้รู้ว่า เราอย่าผูกพันมีแค่สัมพันธ์กันมีประโยชน์ร่วมกัน อย่าไปสร้างโทษมาให้แก่ตัวเอง เป็นเรื่องโง่ๆ 

เพราะฉะนั้นเรารู้จักตัวอย่าง รู้จักพฤติการณ์ของคน แม้แต่พระพุทธเจ้าก็เป็นพฤติการณ์ที่ดีหรือที่เราควรเอามาศึกษาทำประโยชน์แต่ไม่ใช่เอามาผูกพันกับพระพุทธเจ้า ดีนะพวกเราไม่ได้อยู่กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็สิ้นพระชนม์ไปจากเรา เหมือนบีที่ตายไป ไม่งั้นเราจะผูกพันกับพระพุทธเจ้าหนักกระทั่งจะตายตาม มันก็หนักสิ อย่างไรท่านก็สิ้นไปของท่านแล้ว บีเขาก็ไปตามของเขา ส่วนเรายังอยู่เราก็ศึกษาเรียนรู้ ประพฤติในชีวิตที่ยังมี ก็ใช้กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เรียนรู้ประพฤติให้มันเจริญ ให้มันพัฒนา ให้มันเป็นประโยชน์คุณค่า ให้มันเสียสละ อย่าให้มาเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่พรรคพวกของตนเองเกินไป 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 24 ศึกษาความผูกพัน-ความสัมพันธ์ กรณี บี-ประทับใจ วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2566 ( 12:40:45 )

เข้าใจความหมายของวิบากบาป 

รายละเอียด

ฉลาดก็ตามที่คุณฉลาดไป คนเราก็เป็นอย่างนั้นอธิบายเพื่อที่จะให้ตัวเองสมใจ จะโง่หรือฉลาดมันก็เป็นสัจจะ เราอธิบายชัดเจนว่าโง่เป็นอย่างนี้ ฉลาดเป็นอย่างนี้ จริงๆ แล้ว คนฉลาดนั้นคือคนที่เลิกละหมดเลย เลิกละสิ่งที่จะเกี่ยวเนื่องเป็นวิบากบาปต่างๆ เข้าใจความหมายของวิบากบาป ถ้าเรากินพืชไม่มีวิบากบาป ถ้าเรากินสัตว์มีวิบากบาป เพราะฉะนั้นคนเข้าใจเท่านี้ เราก็ไม่ฉลาดมากหรอก เราเข้าใจแล้ว กินสัตว์วิบากบาปมากกว่ากินพืช เราก็มากินแต่พืช แล้วตายไหม ไม่ตาย แล้วเราจะไปมีวิบากบาปไหม ก็ไม่ คนนี้ก็ฉลาด 

แต่คนยังกินเนื้อสัตว์อยู่เขาก็ต้องมีวิบากบาป ยิ่งคนตะวันตกกินแต่เนื้อ พืชไม่ค่อยกิน เขาก็ยิ่งมีวิบากบาป เขาไม่รู้เรื่องหรอก เพราะฉะนั้นคนที่เป็นเทวนิยม คนนับถือพระเจ้า คนที่เป็นศาสนาที่ไม่ได้รู้ละเอียดเหมือนอย่างพระพุทธเจ้าถึงจิตวิญญาณ ถึงวิบากบาป วิบากบุญ ไม่เข้าใจเรื่องกรรมวิบาก เขาก็จะเป็นของเขาอย่างนั้น เขาจะสร้างอาวุธเขาจะฆ่ากัน เขาก็จะแย่งกันเป็นใหญ่อย่างนั้นไปตลอด ไม่จบหรอก 

ในโลกขณะนี้มีเมืองไทยที่เข้าใจเรื่องนี้ ดีขึ้น ดีขึ้น จนอาตมาเคยบอกว่า ถ้าพร้อม เมืองไทยจงประกาศความเป็นกลางเลย ใครจะรบกันที่ไหน เราจะเป็นกาชาดกับพลาธิการเท่านั้น ช่วย เราจะไม่รบกับใคร สร้างอาหารการกิน ทำหยูกทำยาไว้รักษา รู้จักวิธีการดูแลรักษาเจ็บป่วยได้ไข้ ซึ่งเป็นทุกข์อันสำคัญ ช่วยคน เท่านั้นก็มีพลังงานหรือว่ามีความสามารถหรือมีความรู้ที่จะสร้างสรรสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติสูงสุดแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องรู้วิชาการอะไรเก่งกาจมากเกินการ 2 วิชานี้คือเหตุปัจจัย เป็นเหตุปัจจัยของชีวิต ส่วนข้าวกับบ้าน สร้างผ้าสร้างบ้านก็เป็นเหตุปัจจัยหนึ่ง ส่วนข้าวกับยาเราก็มาสร้างอันนี้ ทุกวันนี้มันก็ไม่น่าลำบากลำบนอะไร 

ถ้าคุณไม่มีที่อยู่ก็เอาป้ายหาเสียงมามุงๆๆ ก็เป็นบ้านได้แล้ว แล้วเมืองไทยก็ไม่ได้มีธรรมชาติอะไร โฮกฮาก เหมือนกับย่านอื่นๆ เมืองไทยนี้เป็นแดนที่ธรรมชาติที่จะโหดร้ายลมแรง พัดพัง พายุน้ำท่วมหรือว่าแผ่นดินไหวอะไรต่ออะไร ที่เป็นภัยธรรมชาตินั้นน้อยที่สุดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาต้องรู้จักความเป็นคนกับสังคมจึงไม่เสียชาติเกิด วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 12:54:27 )

เข้าใจความเป็นสัตว์ เริ่มต้นในวิญญาณฐีติ 7

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคุณสามารถที่จะเข้าใจความเป็นสัตว์ เริ่มต้นในวิญญาณฐีติ 7 จะเป็นตัวที่ขยายสัตตาวาส 9 จะเป็นตัวที่เปิดเผยความเป็นสัตตาวาส 9 เพราะคุณปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 คุณจึงเกิดการเจริญด้วยอินทรีย์ 5 เจริญด้วยพละ 5 โดยใช้โพชฌงค์ 7 กับมรรคมีองค์ 8 

เป็นทฤษฎีหลักองค์รวมคู่เอก พระพุทธเจ้าเกิดโพชฌงค์ 7 จึงเกิด พระพุทธเจ้าเกิดมรรคมีองค์ 8 จึงเกิด ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดโพชฌงค์ 7 ไม่มี มรรคมีองค์ 8 ไม่มี จะมีได้ก็มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะมีความรู้ในโพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 

มาพูดกันว่าโพชฌงค์ 7 นี้เป็นตัวเจริญเป็นตัวพัฒนาก้าวหน้า ส่วนมรรคมีองค์ 8 เป็นทางเดิน เดินไปทางนี้แล้วก็จะเจริญ พูดอธิบายเป็นภาษาก็เหมือนกับว่า เป็นพุทธะต้องเกิดมาแล้วเดิน 7 ก้าว ก็เลยเป็นตัวตนไป เป็นสิทธัตถะน้อย ที่สุดารัตน์เขาไปทำ Baby Buddha เดินไป 7 ก้าว แล้วถึงก้าวที่ 7 แล้วอาตมาถามว่าท่านนั่งหรือท่านล้มหรือท่านนอนลง แล้วท่านเดินถอยหลังหรือเดินไปข้างหน้าเขาก็ตอบอาตมาไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ตัวที่จะไปศึกษา แต่ภาษามันเข้าใจตื้นๆ ง่ายๆ ว่าเป็นตัวตนบุคคลเราเขา ซึ่งมันไม่ใช่อันนี้มันเป็นธรรมะที่เป็นปรมัตถ์ เป็นเรื่องของจิตเจตสิก เป็นนามธรรมอย่างกับอะไรดี มันก็เลยเข้าใจไม่ได้ 

โพชฌงค์ 7 ก็เลยเข้าใจตื้นๆว่าเป็นลักษณะพุทธะต้องก้าว 7 ก้าว มันมีขั้นตอนของ 7 ก็คือโพชฌงค์ 7 นี่แหละ เป็นการก้าวซึ่งมี 

สติ ธัมมวิจัย วิริยะ คือตัวพากเพียร ปฏิบัติ ถ้าเข้าใจได้ มีสติเต็มตื่น แล้วก็รู้มีความรู้ตามที่อธิบายแทรกไปนี้ แล้วก็มีธัมมวิจัยแยกกิเลสออก ทำให้กิเลสดับได้ เนกขัมมะได้ด้วยวิริยะ พยายามได้ มันก็สั่งสมเป็นอินทรีย์ 5 พละ 5 สั่งสมเป็นผลตามลำดับเรียกว่าอินทรีย์ พละเรียกว่าผล ตัวพลังใหญ่ พลังครบสมบูรณ์เรียกว่า ผล 

เพราะฉะนั้น อินทรีย 5 กับพละ 5 ก็คืออันเดียวกันคือมี ศรัทธาวิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา 

ศรัทธาก็คือตัวก้อนที่ได้ทั้งความรู้ ความเห็น ความเข้าใจ ความเชื่อได้มา อันนี้ใช่แล้วนะก็ศรัทธาแล้วก็วิริยะได้ผลอีก สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ แล้วสติ คุณก็จะเต็ม 100 ขึ้นๆๆ ปฏิภาณของสติเต็ม 100 คุณจะรู้สติที่พร้อมด้วยกาย สติที่พร้อมด้วยวจี สติที่พร้อมด้วยใจ แข็งแรงเต็มรูปๆๆ สติ วิริยะ คุณปฏิบัติ เสร็จแล้วคุณปฏิบัติได้ตามลักษณะของ แม้ 

สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 คือสำรวมอินทรีย์ แล้วก็สามารถแยกเนกขัมมะ ทำกิเลสออก ดับกิเลสได้ ไปตามลำดับ สัมมัปธาน 4 ประหารกิเลสได้เป็นปหานปธาน มันก็เป็นผลเป็นภาวนาปธาน 

เพราะฉะนั้นมันเสื่อมจนกระทั่งภาวนากลายเป็นภาคปฏิบัติซึ่งมันไม่ใช่ ภาวนาเป็นภาคของผล แค่นี้ภาวนาคุณก็ไปนั่งหลับตากันหมด ไม่ใช่ภาวนาคือการได้ผลแล้วได้ผลแล้วถึงจะรักษาอนุรักขนาปธาน รักษาผลที่ได้แล้วของภาวนา ภาวะคือการปรากฏผลที่คุณทำได้นี่แหละ ภาวะ ภาวนะ วิปัสสนายะ ได้ขึ้นมาเป็นผล คุณก็ทำ คุณก็สำเร็จได้ผลไปตามนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 ราชธานีอโศก วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 10:22:55 )

เข้าใจคำว่ากายผิดปฏิบัติธรรมผิดไปตลอดทาง

รายละเอียด

ดี ศึกษาเข้าไปจะได้เห็นความละเอียดของความเป็น กาย ซึ่งคนได้เข้าใจเพี้ยนผิดไป เข้าใจไม่เป็นโลกุตระ เข้าใจไม่ถูกต้อง ไปเข้าใจว่า กาย คือสรีระ คือภายนอกอย่างเดียว คือร่างภายนอก คือสิ่งที่เกี่ยวข้องอยู่ทางภายนอก ไม่เกี่ยวข้องกับภายใน ไม่มีจิตเข้าร่วมเลย นี่แหละเป็นประเด็นที่ยิ่งใหญ่ที่ผิดเพี้ยนไป เพราะคำว่ากายคำนี้ 

1. ถ้าเข้าใจผิดแล้ว สังโยชน์ เบื้องต้นข้อที่ 1 ก็ไม่พ้น สักกายทิฏฐิ เพราะเข้าใจ กายผิด เริ่มต้นผิดตั้งแต่ต้น กระดุมเม็ดแรกผิด ถึงได้ผิดบานปลายต่อไปทั้งหมด ถ้าผิดเริ่มต้นจุดนี้ก็ออกไปกว้างไปเรื่อยๆ มันก็ไปกันใหญ่ นั้นหนึ่ง เข้าใจกายไม่ได้ ไม่ผ่านสังโยชน์ ข้อที่ 1 

2. แยกกายแยกจิตไม่ได้ เมื่อใดจิตมีความเป็นกาย เมื่อใด จิตไม่มีความเป็นกาย ต้องรู้ว่า กาย มีสมบัติอย่างไร 

สมบัติของความเป็นกาย คือ สภาพที่ปรุงแต่งกันอยู่เป็นรูปนาม เป็นภายนอกภายใน และสำคัญก็คือ เป็นทั้งกายภายนอกและจิตภายใน ที่ปรุงแต่งกันขึ้นมาเป็น อภิสังขาร

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประสบการณ์พ่อครูในอิทธิปาฏิหาริย์และการออกป่า วันพุธที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 04:46:39 )

เข้าใจคำว่าบุญไม่สัมมาทิฏฐิศาสนาพุทธจึงเสื่อม

รายละเอียด

เปิดยุคบุญนิยม คำว่าบุญนี้ ก่อนก็ยังอธิบายคลุมเครือปนเปไปกับกุศลนานพอสมควร จนกระทั่งมาแยกชัดชี้ชัดออกให้เห็นจริงๆเลยว่า จริงๆแล้ว ความเสื่อมของศาสนาพุทธก็เพราะว่า เข้าใจคำว่าบุญไม่ได้ ไม่สัมมาทิฏฐิที่แท้จริง ก็เพราะว่ามีนัยยะสำคัญที่สำคัญมาก มันละเอียดลึกซึ้งซับซ้อน ที่แยกในนัยยะที่สำคัญ

มันเป็นพลังงานที่ไม่ใช่สร้างแต่ความดี เป็นพลังงานตีกลับ ถ้าจะว่าไปแล้วทำงานเป็นความร้าย จะเรียกว่าชั่วก็ไม่ได้ ต้องเรียกว่ามันร้ายมันแรง มันร้ายตรงที่ว่ามันประหาร มันฆ่า มันทำลาย มันไม่ใช่ไปสร้าง ถ้าจะว่าสร้างมันก็ตีกลับ มันสร้างความเป็นคน มันสร้างสิ่งที่ประเสริฐสิ่งที่ดีงามอย่างแท้จริง ตรงเหตุเลยฆ่าเหตุตัวเหตุแท้ๆ เลย คือกิเลส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:18:12 )

เข้าใจดีแล้วปฏิบัติไปตามลำดับ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นตั้งใจดีๆ ฝึกเลย ฟังให้ดีๆ ที่อาตมาอธิบายนี้ จงตั้งใจปฏิบัติตามที่พยายามอธิบาย คำสอนของพระพุทธเจ้าก็มีอยู่ พยายามขยายความทั้งสั้นทั้งยาว ทั้งอย่างอุเทส ทั้งอย่างนิเทศ อธิบายกัน แจกแจงกันอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นฟังได้เข้าใจดีแล้วปฏิบัติไปตามลำดับ ต้องตามลำดับดีๆ อย่าเที่ยวไปตะกละตะกลาม 

อย่าไปเห็นว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ตื้นๆนะ  หลับตาเข้าไปแล้ว ปฏิบัติ ให้เกิดปัญญาให้เกิดวิมุติเลย ศีล สมาธิ มันก็ได้เองอะไรอย่างนี้ นี่พวกนี้ไม่ได้เรื่องเลย ปฏิบัติไปสูญเปล่า 

เพราะมรรคผลทุกอย่างจะต้องครบด้วยองค์ 3 ทั้งหมดเลย มีเหตุมีผล แล้วก็มีตัวจิตตัวประธานตัวเราเองนี่แหละจัดการปฏิบัติเหตุกับผลนี้ให้สมบูรณ์แบบ เกิดเป็นอภิสังขาร เป็นผลดีทีได้ปรุง ได้สังขาร ได้จัดการ ได้ปรับ ได้ทำให้มันเกิดมรรคเกิดผลอย่างแท้จริง ขยายความก็เป็นจรณะ 15 วิชชา 8 ซึ่งมีครบทั้ง ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 แล้วก็จะค่อยๆ เกิดสัทธรรม 7 อาการของสัทธรรม 7 นี่ก็สำคัญมาก ก็อธิบายไปหลายทีแล้ว

ปฏิบัติไปก็จะเกิดสั่งสมเป็นสมาธิ สั่งสมเป็นปัญญา ไปตามขั้นตอนของ ฌาน 1 2 3 4 แล้วก็ครบสูตร ฌานตัวสุดท้ายก็สำเร็จเป็น อุภโตภาควิมุติ ก็หมายความว่าทั้ง 2 ส่วน อุภโตแปลว่า สอง ภาคแปลว่าส่วน 2 ส่วนคือทั้งเจโตและปัญญา หรือทั้งศรัทธาและปัญญา

ก็จะเกิดการวิมุติ เกิดการหลุดพ้น ทำให้จิตสะอาด และปัญญาก็รู้ว่าเราได้ปฏิบัติมาอย่างสัมมาทิฏฐิถูกต้องบริบูรณ์ ครบ เป็นสุดท้าย 

เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ใดยังปฏิบัติไม่มีศีลเป็นหลัก ก็ไม่เป็นลำดับ เช่น ไปหลับตาปฏิบัติ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศีลตั้งแต่ข้อ 1 มีสัมผัสเป็นปัจจัย คุณลืมตาเกี่ยวข้องโดยเฉพาะสัตว์คือมนุษย์นี่แหละ ที่อยู่ร่วมกัน เกี่ยวข้องกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 05:47:18 )

เข้าใจด้วยปัญญา

รายละเอียด

เราทำอะไร เราปฏิบัติอะไร เรารู้ว่าอันนี้มันเป็นภาระหรือว่าเป็นทุกข์ เป็นเรื่องยากเป็นเรื่องไม่จบ เราทำจนเกิดปัญญารู้ อ๋อ..มันต้องแค่นี้ มันต้องอย่างนี้ มันเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นปัญญาที่รู้นี้เป็นอจินไตย ปัญญานี้เป็น อจินไตย เป็นโลกุตระ แต่ละคนจะรู้ว่ามันจบอย่างไร ขนาดไหนมันก็ของแต่ละคน คุณจะได้กี่ชั้นคุณจะได้กี่ขั้น คุณจะได้สูงเท่าใด ต่ำเท่าใดอยู่ หรือแม้เข้าใจผิดอยู่บ้าง แน่นอน มันก็ต้องเป็นไปบ้าง คนที่คมชัดเลยไม่กำหนดผิด หมดรอบนี้กรอบนี้แล้วขั้นนี้แล้ว เราเกี่ยวข้องระดับนี้ อันนี้ก็จบ ไปเกี่ยวข้องกับระดับอื่นต่อไป สูงขึ้นเราก็รู้ว่าสูงขึ้น อันนี้หมดเลย จบกิจ สิ้นเลย 

อ่านจิตเจตสิกของเราออก อ่าน อาการ ลิงค นิมิต ของเราออกเลยว่า เราเข้าใจด้วยปัญญาอันยิ่ง เราเองรู้เขารู้เรา รู้งาน รู้กิจ รู้อะไรก็แล้วแต่ ที่เราไปเกี่ยวข้องกับอันนั้นกับตัวเรานี่แหละ อ๋อ เรื่องนี้ แยกย่อยชัดๆไอ้เรื่องเกี่ยวกับลิปสติกนี่ แต่ก่อนเป็นวรรคเป็นเวรยุ่งกับมัน เดี๋ยวนี้ สบม. ละจางคลาย เบาบาง น้อยลงไปได้เลยเดี๋ยวนี้หมดปัญหาเลยไม่ต้องแล้วล่ะ คุณจะรู้ไหมล่ะ 

แต่เรื่องยกตัวอย่างอย่างนี้แหละ แม้ลิปสติก แม้เนื้อสัตว์ แม้แก้วแหวนเงินทอง แม้แต่ลาภยศ แม้แต่ลึกเข้าไปถึงสรรเสริญเยินยอ ยกย่อง หรือดูถูกดูแคลน เราจะรู้ตัวเราว่า เราได้ระดับไหนอย่างไรแค่ใด เขาดูถูกดูแคลนเรา เขายังเข้าใจเราไม่ได้ อย่างที่เขาพูด เราไม่เกี่ยวแล้ว เราหลุดพ้นมาแล้ว แต่เขาไม่รู้ เราไม่ได้ติดใจแล้วเรื่องอย่างนี้ ๆ เราจะรู้ของเรา ไม่ใช่ไปดูถูกเขา เราจะเข้าใจเขาว่า เขาไม่รู้เรา แต่เรารู้เรา เราจึงรู้เขาว่าเขายังไม่รู้เรา เออเข้าท่าเนาะ เพราะเรารู้เราจริงๆ แล้วเขาไม่รู้เรา เขาก็ว่าอย่างโน้นอย่างนี้ อ๋อ..เราก็รู้เขา ว่าเขายังไม่รู้เรา ใช่ไหม นี่มันชัดเจนอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่16  ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2566 ( 20:34:54 )

เข้าใจด้วยปัญญาจึงจะมีเวทนาเดียวตามความเป็นจริง

รายละเอียด

จนคุณเข้าใจด้วยปัญญาอันยิ่งว่ามันมาปรุงแต่ง ที่จริงมันสัมผัสแตะต้องแล้ว มันก็มีเวทนาเดียว ตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นเวทนามีความชัดเจนความจริงตามความเป็นจริง มีเวทนาเดียว สีมันม่วงก็คือม่วงๆ แต่ไปรู้สึกว่าม่วงนี้น่าได้ น่ามี น่าเป็น หรือน่าชัง คุณก็มีเวทนาที่มันมีคู่ ไม่เป็นหนึ่ง ที่ไม่เป็นความจริงตามความเป็นจริง 

คุณก็จะต้องไม่หวั่นไหวแล้วก็ยึดเอาเป็นหลัก ตามความเป็นจริง คุณก็รู้ว่ามันจริงกว่า จริงๆแล้วมันไม่ได้ยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 12:18:56 )

เข้าใจด้วยปัญญาอันยิ่ง

รายละเอียด

เราทำอะไร เราปฏิบัติอะไร เรารู้ว่าอันนี้มันเป็นภาระหรือว่าเป็นทุกข์ เป็นเรื่องยากเป็นเรื่องไม่จบ เราทำจนเกิดปัญญารู้ อ๋อ..มันต้องแค่นี้ มันต้องอย่างนี้ มันเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นปัญญาที่รู้นี้เป็นอจินไตย ปัญญานี้เป็น อจินไตย เป็นโลกุตระ แต่ละคนจะรู้ว่ามันจบอย่างไร ขนาดไหนมันก็ของแต่ละคน คุณจะได้กี่ชั้นคุณจะได้กี่ขั้น คุณจะได้สูงเท่าใดต่ำเท่าใดอยู่ หรือแม้เข้าใจผิดอยู่บ้าง แน่นอน มันก็ต้องเป็นไปบ้าง คนที่คมชัดเลยไม่กำหนดผิด หมดรอบนี้กรอบนี้แล้วขั้นนี้แล้ว เราเกี่ยวข้องระดับนี้ อันนี้ก็อันนี้จบ ไปเกี่ยวข้องกับระดับอื่นต่อไป สูงขึ้นเราก็รู้ว่าสูงขึ้น อันนี้หมดเลย จบกิจ สิ้นเลย 

อ่านจิตเจตสิกของเราออก อ่าน อาการ ลิงค นิมิต ของเราออกเลยว่า เราเข้าใจด้วยปัญญาอันยิ่ง เราเองรู้เขารู้เรา รู้งาน รู้กิจ รู้อะไรก็แล้วแต่ ที่เราไปเกี่ยวข้องกับอันนั้นกับตัวเรานี่แหละ อ๋อ เรื่องนี้ แยกย่อยชัดๆ เช่น เรื่องเกี่ยวกับลิปสติกนี่ แต่ก่อนเป็นวรรคเป็นเวรยุ่งกับมัน เดี๋ยวนี้ สบม. ละจางคลาย เบาบาง น้อยลงไปได้เลยเดี๋ยวนี้หมดปัญหาเลยไม่ต้องแล้วล่ะ คุณจะรู้ไหมล่ะ 

แต่เรื่องยกตัวอย่างอย่างนี้แหละ แม้ลิปสติก แม้เนื้อสัตว์ แม้แก้วแหวนเงินทอง แม้แต่ลาภยศ แม้แต่ลึกเข้าไปถึงสรรเสริญเยินยอ ยกย่อง หรือดูถูกดูแคลน เราจะรู้ตัวเราว่า เราได้ระดับไหนอย่างไรแค่ใด เขาดูถูกดูแคลนเรา เขายังเข้าใจเราไม่ได้ อย่างที่เขาพูด เราไม่เกี่ยวแล้ว เราหลุดพ้นมาแล้ว แต่เขาไม่รู้ เราไม่ได้ติดใจแล้วเรื่องอย่างนี้ ๆ เราจะรู้ของเรา ไม่ใช่ไปดูถูกเขา เราจะเข้าใจเขาว่า เขาไม่รู้เรา แต่เรารู้เรา เราจึงรู้เขาว่าเขายังไม่รู้เรา เออเข้าท่าเนาะ เพราะเรารู้เราจริงๆ แล้วเขาไม่รู้เรา เขาก็ว่าอย่างโน้นอย่างนี้ อ๋อ..เราก็รู้เขา ว่าเขายังไม่รู้เรา ใช่ไหม นี่มันชัดเจนอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2566 ( 12:45:58 )

เข้าใจทุกอย่างที่เป็นปัจจุบันที่สุด

รายละเอียด

เป็นคนที่เข้าใจทุกอย่างที่เป็นปัจจุบันที่สุด ในการอยู่ร่วมในการสัมผัสอยู่ อะไรควรอะไรไม่ควร มีมหาปเทส 4 มีสัปปุริสธรรม 7 จัดสรรทุกอย่างให้ลงตัวได้ ถูกต้องมีความรู้อภิสังขาร มีความรู้ในการจัดการ อภิสังขารมีการจัดการตั้งแต่ กายสังขาร วจีสังขาร โดยเฉพาะมโนสังขาร ศาสนาพุทธเป็นโลกุตระ เรียนรู้ในมโนสังขารถึงขั้น รู้จักตัวที่โง่ที่สุดเรียกว่า กิเลส อวิชชา แล้วจัดการกับตัวโง่นั้น ซึ่งมันโง่ ชนิดที่มีความรู้รอบ ไม่รู้จักว่าอดีตกับปัจจุบันไม่ได้เหมือนกัน อดีตแต่ก่อนถือว่าอย่างนี้ไม่ดีไม่ควร ปัจจุบันนี้ถือว่าอย่างนี้ดีอย่างนี้ควร 

เช่น ยกตัวอย่างที่เป็นปัจจุบันธรรม อย่างพวกเราชาวอโศกรู้ว่า การมารวมกันอยู่อย่างชาวอโศกนี้เป็นเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ ที่ควรที่สุด สูงที่สุด เป็นเศรษฐศาสตร์ที่นำโลก เป็นเศรษฐศาสตร์ขั้นสาธารณโภคี

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:07:32 )

เข้าใจธรรมะไม่ครบจะเป็นแบบนี้

รายละเอียด

คุณเอาภาษาของพระพุทธเจ้ามาพูด แต่เข้าใจกันคนละอย่าง คุณเข้าใจกับอาตมามันคนละอย่างกัน ธรรมะคือของว่าง ที่จริงถ้าคุณไปอ่าน จูฬสุญญตสูตร ศาลานี้ว่างจากช้าง ก็ต้องมีเหตุปัจจัยให้ว่าง ถ้าหากว่างอย่างไม่มีเหตุปัจจัยมันเป็นมิจฉาทิฐิ ว่างเปล่าว่างอย่างไม่มีเหตุปัจจัยไม่เข้าใจธรรมะ 2 ไม่เข้าใจเทวะอันลึกซึ้งที่เป็นธรรมะ 2 ว่างจากทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นอกุศล แต่เป็นกุศลนั้นไม่ว่าง แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าเราไม่สันโดษแม้กุศล ขนาดเป็นพระพุทธเจ้าท่านยังไม่ว่างจากกุศล ท่านมีแต่สะสมกุศลด้วยซ้ำไปกุศลก็เพิ่มขึ้น ท่านมี  สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง กุสะลัสสูปะสัมปะทา แล้วสิ่งเหล่านี้คนเข้าใจธรรมะไม่ครบก็จะเป็นแบบนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ปัญญาวิมุติกับพระพุทธเจ้านั้นต่างกัน


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 11:12:45 )

เข้าใจบทมนต์อย่างไรให้ได้ประโยชน์

รายละเอียด

ศาสนานี้ไม่ว่าศาสนาไหนทุกศาสนา หลงสวดมนต์ กลายมาเป็นสวดมนต์

หลงผิดมากๆ ก็ไปนั่งและกราบอย่างที่ทิเบต เอาแต่กราบและสวดมนต์ มันจะเป็นอย่างนั้น

บทมนต์คือคำสอน เรียนรู้แล้วเอาคำสอนนี้มาทำความเข้าใจ แล้วปฏิบัติตามเท่านั้น ไม่ใช่เพลง ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาอวดร้องโชว์ ไม่ใช่ คุณไม่ต้องไปท่องสวดมา ท่องให้เป็นนกแก้วนกขุนทองให้คนอื่นฟังหรอก คุณท่องเก่งขนาดไหนคุณก็แค่นกแก้วนกขุนทอง คุณเข้าใจบทมนต์สิ  แล้วเอาไปปฏิบัติให้กิเลสหลุดออกไป แล้วคุณสาธยายอย่างอาตมานี่ อย่างนี้ต่างหากจึงได้ประโยชน์ อย่างนั้นมีแต่ทำให้ติดยึดแล้วหลงงมงายกันไปอย่างนั้น แค่บทสวดมนต์นี้ก็ทำลายศาสนาหนักหนาแล้ว ทุกวันนี้ รู้เรื่องที่ไหน งมงายอยู่อย่างนั้น กลายเป็นเรื่อง กลายเป็นราชพิธี ซึ่งน่าสงสารมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 21:11:37 )

เข้าใจบุญเป็นกุศล จึงไม่มีนิพพาน

รายละเอียด

การเข้าใจคำว่าบุญคำเดียวไม่ได้ จึงไม่มีแล้วศาสนาพุทธ ไม่มีนิพพาน ไปเข้าใจว่าเป็นกุศล เข้าใจตัวร้ายตัวนักฆ่าเพชฌฆาตไม่ได้ พูดแล้วน่ากลัว ฉันเดียวกันกับบาปน่ากลัว บุญก็น่ากลัวฉันเดียวกัน ไม่น่ามีเลยแล้วไม่จำเป็นจะต้องมี แต่จำเป็นเพราะว่าคุณยังมีอวิชชา ต้องใช้บุญ เมื่อไม่ใช้บุญก็ไม่มีเครื่องมืออะไรอื่นจะมาฆ่ากิเลส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:03:16 )

เข้าใจบุญแต่ติดแค่พยัญชนะไม่มีสภาวะ

รายละเอียด

แม้แต่ผู้รู้ในสังคมรู้ศาสนาพุทธมากๆ ก็พอแปล อปุญญะว่าไม่ใช่บุญ ก็เลยเข้าใจของตัวเองไปแปลว่าก็คือบาป มันไม่มีพยัญชนะแล้ว อภิสังขารเป็นการปรุงอย่างเก่งจัดการกับจิตตัวเองอย่างเก่ง เป็นพลังงานบุญฆ่ากิเลส เมื่อฆ่ากิเลสเสร็จก็เป็นอุปญญาภิสังขาร แต่เขาไปแปลว่าเป็นบาปอีก ก็วกไปวนมา ไม่มีสภาวะแล้วติดอยู่แค่พยัญชนะ จึงแปลได้แค่นี้ ก็ไม่เข้าหา อเนญชาภิสังขารเป็นการสะสมผล สะสมว่าจิต ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ตกผลึกลงเป็นสมาธิ เป็นอุเบกขา สะสมจิตที่ตกผลึก เป็นอัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา ไม่ใช่พูดอย่างฤาษีสะกดจิต ท่านเป็นสมาธิของชาวโลกแต่ของพระพุทธเจ้าเป็นสมาธิที่เป็นอุตตริมนุสสธรรม ที่สุดยอด เพราะฉะนั้นจึงยากมากเลยที่จะเอาพยัญชนะที่พูดกันนี้ เสร็จแล้วก็เอาบุญไปเล่นเป็นกุศล ค้าบุญค้าบาป บุญหนา บุญมี นี่ไปกันใหญ่เลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 24 เมษายน 2563 ( 14:30:11 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:30:55 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:09:33 )

เข้าใจผัสสะรู้เจตนาจากกวฬิงการาหาร

รายละเอียด

มาพูดถึงอาหาร 4 ให้ครบก่อน กวฬิงการาหาร เข้าใจผัสสะรู้เจตนา เราอยากเป็นกามภพ ภวภพ ก็ต้องเรียนรู้จริงๆ จากอาหารนี่แหละ เรียนรู้แล้วเป็นอรหันต์จากตรงนี้ แม้ที่สุดอันที่ 4 วิญญาณาหารก็ต้องรู้รูปนามที่พระพุทธเจ้าสรุปลงไป ว่า วิญญาณนี้ก็คือ รู้รูปนาม เมื่อรู้รูปนาม รู้สภาวะ 2 รู้ความเป็นกาย  รู้ความเป็นเทวะ ที่อาตมาสาธยายทุกวันนี้ ไม่มีใครจะมาสาธยายเรื่องกาย เรื่องเทวะ ให้พิสดารอย่างอาตมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูฝืนตายฝืนกินอยู่ด้วยอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 09:16:07 )

เข้าใจผิดอย่างสนิทเนียน

รายละเอียด

นี่คือการปรามของพระพุทธเจ้า แต่ทุกวันนี้เข้าใจผิดอย่างสนิทเนียน ว่าศาสนาพุทธนั้นจะปฏิบัติสมาธิหรือเป็นเนื้อแท้ของการปฏิบัติธรรม วิธีปฏิบัติธรรมที่จะให้เกิดอธิจิตคือสมาธิต้องนั่งสะกดจิตหลับตาและหรือออกป่าอย่างเดียว ซึ่งมันผิดหมดทั้งยวงเลย

อาตมามาค้านนี่เหมือนกับบ้าคนเดียว เขาเชื่อสนิทใจไปหมดแล้ว จริงๆ พูดไปอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง เหมือนคนไม่มีความรู้ความคิดอะไร ฟังอาตมาพูด ถ้าอย่างดีก็เฉยๆ มาพูดอยู่ทำไม เฉยๆ แต่ถ้าอย่างร้ายก็จะบอกว่าบ้า ไม่เหมือนอย่างเขาคิดและทำ โพธิรักษ์บ้าไป มันต้องมานั่งสมาธิหลับตาออกป่าถึงจะถูก ก็เกรงใจที่ต้องพูดแรงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 11:26:12 )

เข้าใจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แบบสัมมาทิฎฐิต้องแบบนี้!

รายละเอียด

สำหรับ“พระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์”นั้น ไม่ใช่การกำหนดรู้ในขณะ“ปฏิบัติ”ให้พ้นสังโยชน์ มันคนละ“กาละ”กันแล้ว “พระไตรรัตน์”ทั้ง 3 นั้นเราต้องเข้าใจมาก่อนเป็นเบื้องต้นแล้วได้ศรััทธามาก่อน มี“ฉันทะในพระไตรรัตน์”แล้ว ซึ่งเป็นศรัทธาในพระไตรรัตน์นั้นมาเป็นขั้นต้นแล้ว อย่างน้อยก็เข้าใจแล้วว่า“ศาสนาพุทธ”มี“องค์ 3”คือ“พระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์”ว่าคืออะไร แล้วที่จะมาเป็น“สาวก”คือ มาเป็นผู้ฟัง มาศึกษาปริยัติเริ่มต้น เพื่อนำมา“ปฏิบัติ”อย่างพากเพียรกันต่อไป แล้วมันจึงจะมีมรรคมีผลบรรลุเป็น“ปฏิเวธ”ขึ้นมาได้ ตามขั้นตามตอน  

“ศาสนาพุทธ”คือ ศาสนาอันมี“ความรู้-ความจริง”ที่ตรัสรู้ความเป็น“วิญญาณ”หรือ“เทฺว”ชนิดที่พระพุทธเจ้าทรงรู้จักรู้แจ้งรู้จริงด้วยพระองค์เองอย่างถ้วนรอบ แล้วทรงประกาศ“ความรู้-ความจริง”เรื่อง“วิญญาณ”ให้ผู้อื่นรู้ตาม และปฏิบัติจัดการกับ“วิญญาณ”ของตนได้ด้วย“วิชชา”ที่สามารถทำ“นิพพาน”สำเร็จ จนกระทั่งสามารถทำความเป็น“วิญญาณ”ของตนให้เป็น“พีชธาตุ”ให้ตนอาศัย“ไม่มีสุข-ไม่มีทุกข์”ในชีวิตก็ได้ และถึงขั้นที่สุดทำเป็น“อุตุธาตุ”ก็ได้ ซึ่งจบสุดสิ้น“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 250 หน้า 202


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:05:03 )

เข้าใจว่าทำทานแล้วเราก็จะได้บุญ

รายละเอียด

ให้ทานแบบนี้ไม่มีอานิสงส์ในการลดละกิเลส เพราะถ้าทำอย่างนี้ก็คือยังไม่เข้าใจ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ในทานสูตร ต้องพยายามนะ อ่านอาการของจิตแล้วก็ทำจิตทำใจในใจทำจิตในจิต เมื่อทำทาน จะต้องพยายามที่ไม่ให้มีอะไรเชื่อมต่อ ไม่ให้อยากได้อะไรตอบแทนเลย เรียกว่าไม่ให้เกิด สาเปกโข พยายามทำ 

กิเลสของคนที่ยังทำไม่ได้ยังไม่มีมันก็จะเหลือ นี่เข้าใจนะถ้าคนเข้าใจแล้วจะต้องปฏิบัติอย่างนี้ ส่วนคนไม่เข้าใจมิจฉาทิฐินั้น จะเข้าใจว่าทำทานแล้วเราก็จะได้บุญ ว่างั้นด้วยนะทำทานได้บุญ เอาบุญไปใช้ในคำของเขาผิดอีก บุญแทนที่จะสละกิเลส แต่เอาไปใช้เท่ๆ ว่ามันได้ โอ้โห มันซับซ้อนเห็นไหม มันไม่ใช่เลยมันไม่ได้บุญซักกะนิดเลย คุณมีแต่กิเลส มีแต่เรื่องหนักหนาสาหัส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร(บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 13:31:53 )

เข้าใจว่าอรหันต์กินหมากพลูได้สบายเป็นเรื่องทำลายศาสนาโดยตรง

รายละเอียด

แม้แต่เบื้องต้นกามทั้งหลาย เห็นชัดๆ อย่างมหาบัวนี่ ในโลก ไม่ใช่เป็นของนรชนที่ละได้โดยง่าย ถึงรู้ก็กลบเกลื่อน ที่จริงมหาบัวรู้เคยลองเลิก แต่เลิกไม่ได้ก็เลยหลอกคนอื่น แม้แต่ลูกศิษย์ลูกหาก็เข้าใจไปอย่างนั้น เข้าใจว่าอรหันต์กินหมากพลูได้สบาย ท่านบรรลุอรหันต์แล้วแต่กินหมากกินพลูสบายไม่ใช่ของที่ต้องละก่อน ก็เลยเป็นเรื่องน่าสังเวชใจเป็นเรื่องทำลายศาสนาโดยตรงเลย เอาสิ่งใช่มาเป็นไม่ใช่ เอาสิ่งไม่ใช่มาเป็นใช่ มันก็เลยยากอาตมาจึงจำเป็นที่จะต้องมาท้วงติง เอาหลักฐานพระไตรปิฎกมาอ่านให้ฟัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 19:02:43 )

เข้าใจว่าอรหันต์คือสมมุติมันลงทะเลยะเยือกเย็นเกินไปแล้ว

รายละเอียด

ก็คุณเองคุณเข้าใจว่าอรหันต์คือสมมุติ อาตมาว่ามันลงทะเล ยะเยือกเย็นเกินไปแล้ว มันไปไหนๆแล้ว ปลิวว่อนไปหมดแล้ว คุณไม่รู้ที่จบ จบอรหันต์หรืออรหัตตผล ตั้งแต่จิตของคุณไปติดสิ่งที่หยาบ คุณก็พิสูจน์ตอนเป็นๆ แล้วจะรู้ด้วยการมีปัญญาอันยิ่ง แล้วถ้าคุณไม่มีบารมีมาก จะมีหยาบใหญ่ชัดเจนมาก ถ้าคุณหลุดพ้นมาได้จะรู้ว่าการหลุดพ้นเป็นอย่างนี้เองหรือ โอ้โห! มันรู้เลย มันรู้ความแตกต่างระหว่างความหลุดพ้นกับความไม่หลุดพ้น วิมุติกับอวิมุติ มันยิ่งใหญ่จริงๆ เลย คุณจะรู้ว่า ทำไมเราโง่ขนาดนั้นติดยึดอยู่ได้ มันโอ้โห! 

มันหยาบใหญ่จริงๆ คนที่ยิ่งไม่มีบารมี จะหยาบเละเทะ มันจะรู้ว่า กูทำไมโง่ขนาดนี้จะไปติดอย่างนั้นทำไมจะรู้ตัวเองว่าตัวเองไม่ได้สูง เพราะสิ่งที่ติดมันต่ำมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 20:04:25 )

เข้าใจสภาวะของอุตุ พีชะ ได้

รายละเอียด

อรหันต์สามารถทำได้เป็นความจริงได้อย่างนี้ ก็เป็นเรื่องที่เชื่อยากเพราะเป็นอาการทางจิตที่เป็นนามธรรมมันลึกซึ้ง มาเรียนรู้ร่วมกันแล้วจะเชื่อในวิทยาการทางพุทธศาสตร์ ทำได้ศาสนาพุทธจึงยั่งยืนมาถึงทุกวันนี้แล้วเห็นทุกวันนี้ว่ามันเสื่อมอาตมาจึงต้องพัฒนาบูรณะให้มันเจริญขึ้นมาให้ได้ ก็ยังไว้ใจไม่ได้ก็เลยต้องอยู่ต่อเป็นการพิสูจน์สัมประสิทธิ์และทำงานให้ได้ประโยชน์อีก สร้างสรรอยู่

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 16:33:06 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:47 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:08:01 )

เข้าใจสัจจะต้องมีปัญญาในดวงตา

รายละเอียด

แต่คนที่เข้าใจเราทำงานแล้วก็จะไม่กล้านินทา จะมามีแต่จะเข้าใจและยกย่องสรรเสริญก็เป็นเรื่องสัจจะ ไปบังคับใครไม่ได้หรอกเป็นเรื่องสัจจะ หากว่าจะเข้าใจถึงความจริง พวกคุณจะต้องมีปัญญามีดวงตา พวกคุณมานี้มีใครไปหลอกล่อไหมว่า โพธิรักษ์ดี คุณก็เชื่อถือมาตามเขานั้นมีไหม …ไม่มี คุณได้ตัดสินแล้วเชื่อเองทั้งนั้น มีแต่เขาพยายามจะพูดจะว่าไม่ให้มา โพธิรักษ์นี้บ้า พวกนี้เป็นพวกนอกรีตมาทำลายศาสนาพวกงมงาย เขาก็จะมีแต่พูดอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:31:10 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:06:43 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:06:51 )

เข้าใจสัจธรรมโดยไม่ได้ศึกษาของใครเอาของตัวเองสดๆ

รายละเอียด

อาตมาเข้าใจสัจธรรมนี้ไม่ใช่เข้าใจโดยตรรกะ ไม่ใช่เข้าใจด้วยเก็งความจริงคาดคะเนเอา หรือว่าศึกษาตามบัญญัติ ตามความรู้ของผู้รู้ที่เขาเขียนบรรยายบอกไว้ อาตมาไม่ใช่นักอ่าน ไม่ใช่นักศึกษา โดยเฉพาะชาตินี้ศึกษาน้อยมาก ไม่ได้อ่านไม่ได้ศึกษาของใคร เอาของตัวเองสดๆ มาใช้ ซึ่งก็ยังเห็นว่าเกินพอเหลือใช้ คนยังเอาจากอาตมาไปได้ไม่หมด แม้อาตมาจะยังไม่มีมากถึงขนาดพระพุทธเจ้า แต่ขนาดนี้ก็เหลือเฟือ แม้ในยุคนี้ใช้ได้เหลือเฟือ แต่คนเขาก็ยังยาก ยังมีปัญญาไม่ถึงยังเข้าใจไม่ได้ ก็เป็นธรรมชาติธรรมดาของคนใกล้กลียุคก็จะได้คนอาริยมรรคแค่นี้แหละ ประมาณนี้จริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 18:52:09 )

เข้าใจสัญญากับสังขารให้ชัดการปฏิบัติจึงจะบรรลุได้

รายละเอียด

สัญญา คือการกำหนดรู้ ส่วนสังขารคือการปรุงแต่ง ก็เป็นขันธ์ทั้ง 5 ของมนุษย์ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็หยิบเอาคำว่า สัญญา สัญญะ กับ สังขาร

เป็นอาการของจิต หน้าที่ของสัญญาคือการกำหนดรู้กับจำ ตัวสัญญานี้เก่งแบกไว้ทั้ง 2 อย่าง แบกไว้ทั้งการกำหนดรู้และจำ ทั้งกำหนดรู้แล้วกำหนดจำ ตัวสัญญานี้ทำงานหนักมากเลยในจำนวนเจตสิกต่างๆ สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ที่ไม่ปฏิบัติธรรมใช้สัญญาไม่เป็น กำหนดสัญญาไม่เป็น ทำการกำหนดรู้ แล้วก็ได้ศึกษาไปกับการกำหนดรู้ ใช้สัญญาไม่เป็น การกำหนดรู้ไม่เป็น ก็ปฏิบัติธรรมไม่เป็น หากว่าใช้สัญญาเป็น กำหนดรู้เป็นก็ไปใช้กำหนดรู้ เวทนากับสังขาร 

ปรุงแต่งสังขารกันอย่างไร ปรุงแต่งอย่างไรเป็นเวทนา แล้วเวทนาเป็นสุขเป็นทุกข์เป็นอย่างไรมีอะไรไปร่วมลงอยู่ในนั้น มีอะไรต้องเอาออกไหม ไม่ให้มันปรุงเป็นสังขารแต่ให้ปรุงเป็นอภิสังขาร ปรุงอย่างที่มันไม่ควรจะต้องมีตัวที่ไม่ดีไปร่วม ปรุงแต่เฉพาะความบริสุทธิ์สะอาด เฉพาะความรู้เป็นจริงมีหนึ่งเดียว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 21:21:11 )

เข้าใจอวิชชาเป็นวิชชา

รายละเอียด

ขณะนี้ พุทธศาสนิกชนไทยมีประมาณ 95% ของประชากรไทย ที่มี 66 ล้านคน เป็นชาวพุทธน่าจะประมาณ 60 ล้าน แล้วคนที่เป็นพุทธ 60 ล้านคน หาอาริยะไม่ได้ นอกจากหาไม่ได้แล้วยังไปงมงายผิด เข้าใจอรหันต์เก๊เป็นอรหันต์จริง เข้าใจอวิชชาเป็นวิชชา เสียเวลาไปกับเดรัจฉานวิชา วิชาที่ไม่พาให้บรรลุธรรม 

เดรัจฉานวิชา คือวิชาที่ไม่ได้พาลดกิเลส ไม่ได้พาไปนิพพาน เป็นวิชาขวางทางนิพพาน เพราะฉะนั้นวิชาโลกๆ วิชาที่เป็นไปเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นเดรัจฉานวิชาทั้งนั้น ที่เขายังยึดถือกันอยู่ ยังเป็นกันอยู่ อาตมาพูดตรงนี้ ไม่เข้าใจหรือ พระพุทธเจ้าท่านเป็นคนที่มีลาภ ยศ สรรเสริญ มากกว่าในเถรสมาคมทุกคน ท่านรู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านทิ้งเลย ไม่แยแสสักอย่างเลย ความรู้อีก 18 ประการไม่เอาด้วย มาเอาความรู้ที่เป็นอาริยธรรมอันเดียวนอกนั้นไม่เอาเลย เลิกทิ้งเลย ความรู้ทางโลกไม่ต้องไปอยากรู้ต่อ เอาให้มันชัดที่อรหัตผล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 61 สลายพระเจ้าแห่งอวิชชาด้วยปัญญาจากสัตตบุรุษ วันจันทร์ที่ 31ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2565 ( 12:46:01 )

เข้าใจอุปาทานไม่ได้ก็ยึดตามอุปาทานตนเอง

รายละเอียด

จริงๆแล้วจิตเราเท่านั้น จะบอกว่าพระพรหม เข้าทรงก็จิตวิญญาณเราทั้งนั้น จะบอกว่า ร.5 หรือหลวงปู่ไหนมา ก็จิตวิญญาณเราทั้งนั้น วิญญาณหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

ถ้าเชิญได้ก็เชิญวิญญาณพระพุทธเจ้าเลย อย่างธรรมกายเขาว่าเขาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งที่ใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าสมณโคดมนะ ธรรมกายธัมมชโยเขาผยองอย่างนั้นจริง เป็นอุปาทานตัวเองนึกว่าเป็นอันนั้นอันนี้แล้วก็เป็น แต่ที่จริงคุณอาศัยจิตมโนทำงานใน status quo นั้นไม่ว่าจะตอนหลับหรือตื่นก็ทำกับจิตวิญญาณตัวเอง หากคุณเข้าใจอุปาทานไม่ได้ก็ยึดตามอุปาทานตนเอง

คุณไปยึดถือว่าสัตว์แปลกต้องเป็นแบบนี้มันก็จะได้ เทวดาต้องเป็นตัวรูปร่างแบบนี้ เทวดาของชาวต่างประเทศ นับถือศาสนาคริสต์ เทวดาก็มีรูปร่างไม่เหมือนกับเทวดาของคนไทย ทำไมเทวดารูปร่างไม่เหมือนกัน ยังเข้าใจจิต มโน วิญญาณไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 16:03:53 )

เข้าใจโลกและอยู่กับโลก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้มีทั้งความรู้ในโลก 3 โลก 3 ขอเรียกรวมๆ คือ อธิปไตย 3 โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย และ ธรรมาธิปไตย จะเรียกว่า อธิปไตยคือรูป อายะ 3 คือนามก็ได้

เพราะฉะนั้นเมื่อมีและรู้จนตัวเองมีคุณธรรมนั้นหมด นอกจากจะเป็นประชาธิปไตยหรือ อายะ มีโลกมีตน ที่ไม่เห็นแก่ตนแล้วจริงๆ ไม่เห็นแม้แต่แก่พรรคพวก แม้แต่คอมมิวนิสต์แปลงอย่างเมืองจีนก็เพื่อพวกทั้งนั้น พวกเขา เขายังมีความรักไม่ได้สูงส่งไปถึงระดับความรักมิติที่ 8 ที่ 9 ยัง ความรักของเขายังอยู่ต่ำกว่ามิติที่ 7 ยังไม่ถึงมิติที่ 7 

เพราะฉะนั้นผู้ที่บรรลุจริงในโลกในตน จึงเป็นผู้อยู่เหนือโลกเหนือตน เหนือเรียก อุตระ อยู่เหนือโลกก็หมายความว่า เข้าใจโลกและก็อยู่กับโลก ไม่ได้ไปบังคับไม่ได้ไปข่มโลกนะ อยู่เหนือตนคือ เข้าใจตนอย่างสูงสุดเป็นอนัตตาแล้ว อ้อ ความเป็นตนเป็นเช่นนี้เองมีแค่นี้ และแท้จริงก็อยู่อย่างอาศัยตนเท่านั้น มีอัตตา อยู่อย่างอาศัยอัตตา ไม่ได้ยึดอัตตาเป็นเราเป็นของเรา ที่ท่านพุทธทาสใช้คำว่าตัวกูของกู ไม่ใช่ กูเป็นภาษาเอกพจน์ ถ้าเราเป็นพหูพจน์ ตัวกูของกูก็คือตัวเราเลย เป็นเอกพจน์ พอบอกว่าตัวเรา เราก็เลยเป็นวี WE แต่อันนี้เป็นมี หรือไอ I เลยเป็นเอกพจน์ก็เข้าใจได้ชัดขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2566 ( 19:49:27 )

เข้าใจให้ได้ว่ามีกายหรือไม่มีกาย

รายละเอียด

เมื่อเข้าใจสิ่งเหล่านี้จึงสามารถมีชีวิต ไม่รับรู้สึกก็คือไม่สุขไม่ทุกข์ ดับความสุขความทุกข์ ถ้าไม่เข้าใจตรงที่ว่ามีกายหรือไม่มีกาย เข้าใจไม่ได้ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าว่าเวทนาของคุณ ตรงนี้เป็นอรหันต์แล้วนะ ไม่สุขไม่ทุกข์แล้วนะ ตรงนี้ยังเป็นชีวะยังเป็นสัตว์ ยังไม่สูญจากความสุขความทุกข์ ตอนนี้ขาดแล้ว สัมผัสอยู่ก็ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ สัมผัสแรงๆ ก็ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ คุณก็รู้ตัวเองได้ ยืนยันได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 12:47:08 )

เข้าใจไม่ถึงในศาสนาพุทธจึงยอมรับกันน้อย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น พุทธ ว่ากันจริงๆ เกือบจะน้อยที่สุดของศาสนาที่สำคัญๆ นอกนั้นยังไม่ถึงขั้นศาสนา เป็นแค่ลัทธิอย่างนี้เป็นต้น ถ้าเรียกเป็นศาสนาแล้วจะต้องมีคนประมาณหนึ่งที่ควรจะต้องนับขึ้นเป็นศาสนา ตอนนี้ก็ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่า พุทธ นับเป็นศาสนา ไม่ใช่แค่ลัทธิเท่านั้น แต่เป็นศาสนาแล้ว น้อย แต่เขายอมรับก็เพราะว่า พระพุทธเจ้าของเรานี้เขาจำนนว่าเขาเองเขายังเข้าใจไม่ถึง และพอเข้าใจได้ ที่จะเข้าใจได้นั้นก็ โอ้โห เทวนิยมเขาไม่มีนะ ยอมรับว่าอันนี้ถูกต้อง ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าถูกต้อง ยอมรับ จำนน เขายังไม่ได้ เขาจึงยอมรับจริงๆ ยังไม่ครบถ้วนนะ ที่เขาจะรู้จักคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งหมด แม้แต่พวกเรายังรู้ไม่หมดใช่ไหม กล่าวไปไย เทวนิยมจะไปรู้ครบ ไม่ใช่ดูถูกเขานะ มันเป็นเรื่องอจินไตยจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน อจินไตยของกรรมวิบาก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 17:43:00 )

เคยเล่นไสยศาสตร์ก็ใช้ฌานแบบโลกีย์นี่แหละ

รายละเอียด

สรุปแล้ว คุณอู๊ดเขาบอก สมัยก่อนคนก็ยึดมั่นถือมั่นแบบที่นั่งหลับตา ได้ผลของการนั่งหลับตามันมีผลของมันเป็นมิจฉาผล เพราะเหตุของเขาแบบนั้นก็ได้ผลแบบนั้นแต่ไม่ได้เป็นเหตุตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าผลตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าทั้งทิฐิทฤษฎีก็ไม่ใช่อันเดียวกันและจะได้ผลอย่างเดียวกันได้อย่างไรมันก็ไม่ได้ เอาไปปฏิบัติตอนนั้นก็ต้องได้ ฌานได้สมาธิแบบของเขา แต่เป็นฌานที่เป็นมิจฉาฌานมิจฉาสมาธิ ได้จริง อาตมาก็ทำได้ทำเป็น เคยหลงผิดแบบนั้นมา เคยเล่นไสยศาสตร์ก็ใช้ฌานแบบโลกีย์นี่แหละ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 18:04:43 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:06:41 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:22:49 )

เคยไปหรือโลกหน้า

รายละเอียด

อาตมาว่าถามมาตื้นๆเพื่อประชดแดกดันอาตมา แต่อาตมาทำจริงๆไม่ได้ทำเล่นๆ อธิบายให้ฟัง หากฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา ว่า เราไม่ควรประชดประชันกับผู้อธิบายสัจธรรม หากคนมีปฏิภาณก็จะทราบ แต่คนฟังไขหูไม่รู้เรื่องก็แล้วไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน ยังค้าขายเนื้อสัตว์จะเป็นโสดาบันได้ไหม


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:30:03 )

เคราะห์หรือโชค เป็นเช่นไร

รายละเอียด

อาตมาขอ hashtag ไว้นิดนึงตรงนี้ แล้วไม่ต้องต่อนะ ว่า #ให้สังเกตประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ ให้ดูพฤติกรรมผู้นำเกาหลีเหนือ เขาเป็นทั้งกษัตริย์ เขาเป็นทั้งประธานาธิบดี เขาเป็นทั้งหัวหน้าของพรรคคอมมิวนิสต์ เขาเป็นครบหมดทุกอย่างเลยในพลังที่เป็นหัวหน้าที่มีอำนาจเต็มในเกาหลีเหนือ แล้วเขาก็นำอะไรของเขาไป เขาจะมีความดีงาม มีส่วนเสี้ยวของทศพิธราชธรรมสักจุดใดจุดหนึ่ง เขามีอยู่บ้าง พอจะนำพาสังคมประเทศเขาไปได้บ้าง แต่เขาก็อยู่ในลักษณะของเขาซึ่งเป็นตัวอย่างองค์รวมแล้ว เขายังใช้อำนาจบาตรใหญ่เป็นตัวนำแล้วก็เพื่อจะทำให้ชีวิตของเขาและประเทศ พลเมืองของเขา ดำเนินไปได้ มันเป็นตัวอย่างอันหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ อาตมาว่า ถือว่าอาตมามีเคราะห์หรือมีโชคไม่รู้ ที่เกิดมาในชาตินี้ ได้เห็นพฤติการณ์ของมนุษยชาติอันนี้ ก็ถือว่าเป็นโชค เป็นโชคที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มันก็ดี มันได้รู้ 

เหมือนกับอาตมา แวะเข้ามาหาเมืองไทย มันก็เหมือนโชคหรือเหมือนเคราะห์อย่างหนึ่งที่อาตมาเห็นทักษิณ อาตมารู้จักตั้งแต่ทักษิณเริ่มต้นเข้ามาอยู่ในพรรคพลังธรรม เข้ามาตอนนั้นเลย เขาบอกว่าผมรวยแล้วพี่ ผมไม่โกง แต่เสร็จแล้วก็มาแสดงออกซึ่งเป็นตัวธาตุแท้ของเขา จนกระทั่งทุกวันนี้ก็เห็นธาตุแท้ของเขา ทุกวันนี้ยังแสดงออกมายังไม่หมด เขายังแสดงธาตุแท้ของเขาออกมาเรื่อยๆ อยู่ จริงๆ เขาควรจะหยุดแล้วพักแล้ว แก่แล้วชีวิตจะได้สบายๆ แต่เขาก็คิดไม่ได้ เขาก็ยังหลงใหลในอำนาจ แล้วแก้ตัวว่า ตัวเองไม่ผิด ตัวเองจะเข้ามาแก้รัฐธรรมนูญ แก้กฎหมาย เพื่อที่จะล้มล้างกฎหมายเดิมเพื่อให้ตัวเองเป็นคนถูก ซึ่งมันล้มล้างไม่ได้หรอก ความจริงก็คือความจริง คุณจะทำอย่างไรมันก็กลบเกลื่อนไปเท่านั้นเองแต่เขาไม่รู้ไม่มีปัญญาพอจะรู้สิ่งที่อาตมาพูดนี้ เขาก็ทำของเขาไปตามประสาเขาไปเรื่อย จนกว่าเขาจะตาย เขาก็ไม่รู้ตัว อาตมาไม่ได้แช่งแต่ขอพูดความจริงว่า เขาก็จะตายไปเหมือนกับเทวทัตที่ตาย ไม่รู้ตัวหรอก เพราะเขาเป็นทาส และเป็นทาสตัวเอง ในประเด็นนี้ตลอดไป 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 11:56:55 )

เครือแห (Pyramidal web)

รายละเอียด

คือ การกิน การใช้ อาศัยบริโภคร่วมกันในการดำเนินชีวิต เป็น “สาธารณโภคี” รวมทุกคนทั้งสังคม ชุมชน ทั้งกว้าง ทั้งลึก

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า.37)


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 13:33:51 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 18:27:52 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:23:54 )

เครื่องชี้บอกหรือหลักประกันว่าเป็นสังคมเจริญที่สุด

รายละเอียด

สรุปแล้วสูงสุด ทำสังคมให้เป็นเทวะ เป็น 2 คือ ให้มีคุณสมบัติของวรรณะ 9 กับคุณสมบัติของสังคมเป็นสาราณียธรรม 6 ได้ นี่แหละจะเป็นหลักประกันเป็นเครื่องชี้บอกว่าเป็นสังคมเจริญที่สุด พวกเราชาวอโศกเป็นตัวนำทำอันนี้ได้ อย่างไม่ได้อวดเก่งไม่ได้อวดดีแต่พูดความจริงขยายความจริงให้ฟัง แล้วทำให้มันเจริญ ในแต่ละคนเจริญ มันก็จะเป็นจริง ถ้ามันไม่เป็นจริงก็จะไม่ได้ ถ้ามันเป็นจริงได้ก็จะเกิดมวลเกิดการรวมกันเข้าเป็นเอกีภาวะ เป็นภาวะหนึ่งเราก็ทำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ มันก็เจริญขึ้นตามสภาวะจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:57:49 )

เครื่องชี้บ่งการเข้ากระแสโลกุตระอย่างสัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

เหมือนกับคำว่าบุญ คุณอย่าไปอยากได้บุญนะ เช่นเดียวกันคุณก็อย่าไปอยากได้โควิด แต่คุณต้องมีโควิด แต่คุณต้องมีบุญตราบเท่าที่คุณยังมีความโสโครกยังมีกิเลส ต้องเอาบุญมาล้างและบุญนี้เป็นภาวะที่สุดยอดเลย อาตมาว่าคนธรรมดาคิดเองไม่ได้รู้เองไม่ได้ ถ้าไม่มีอาตมามาไขความละเอียดก็จะไม่มีใครรู้คุณลักษณะของความเป็น บุญ แท้ๆเป็นอย่างไรชัดๆ ขอยืนยัน ไม่มีใครจะเข้าใจว่า บุญ คืออะไรหรอก คนที่จะสามารถเอาคำว่าบุญได้อย่างสัมมาทิฏฐิ เป็นเครื่องชี้บ่งว่าจะเป็นการเข้าสู่กระแสโลกุตระแต่มันลึกกว่า กาย บุญนี่ ที่จริงไม่ลึกกว่า แต่กายนี้กว้างกว่าบุญที่เล็กละเอียด บุญมันแนวลึกเท่านั้นเอง มันคนละมิติ กายเป็นมิติด้านกว้าง แต่บุญมิติในด้านลึก

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 22 เมษายน 2563 ( 13:50:14 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:31:14 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:27:59 )

เครื่องชี้บ่งความเจริญก้าวหน้า

รายละเอียด

มาเป็นกสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ของประเทศ ของโลกเลย ให้มันกระจายไปแก่ประเทศอื่นๆ ได้เผยแพร่ประเทศอื่นๆ ได้ ถ้าเผื่อว่าเราสามารถสร้าง เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า ที่คนต้องกินต้องใช้ แล้วเราก็ส่งออกไป จะมีวิธีคิดถนอมอาหารได้ก็ดี ไม่ต้องถนอมอาหารส่งให้สดๆ ไปกินไปใช้ได้ก็ดีก็ทำ ถ้าเราทำอันนี้ได้อย่างอุดมสมบูรณ์ ได้อย่างมากๆๆๆ เท่าไหร่ มันก็จะเป็นเครื่องชี้บ่งความเจริญก้าวหน้า ไม่ใช่ความเจริญก้าวไกล แต่เป็นความเจริญก้าวหน้าเท่านั้น 

เราไม่ได้ก้าวไกลจนกระทั่ง มีแผนที่ไกลออกไป แต่เราก้าวทุกก้าวที่เรามีความรู้ว่า เราก้าวไปข้างหน้านี้เราจะก้าวไปได้ เราไม่เวอร์ไปจนกระทั่งวาดฝันไปไกลเกินกว่าคิด เราประมาณเท่าที่เราจะสามารถว่าเราไกลขนาดนี้ เราไม่เหลือบ่ากว่าแรง สํานวนไทยไม่เหลือบ่ากว่าแรงทำได้ โดยประมาณแล้วไม่เหลือบ่ากว่าแรงเป็นสำนวนไทยที่ประมาณแล้วพอดี เราก็ทำไปเรื่อยๆ 

แต่ถ้าเพิ่มความสามารถได้เพิ่มขึ้นก็ทำเพิ่มขึ้น คุณเพิ่มความขยันได้มากขึ้น คุณก็เติมความขยัน ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร เป็นความขยันของเรา ความสามารถของเราก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร มันออกมาจากพลังงานประสิทธิภาพของเรา เราก็สร้างก็ทำเต็มที่ ผลผลิต จะเรียกว่า By Product ผลได้ ที่ตามสมรรถนะความสามารถของเราก็เป็นผลที่ตามมา ที่จริง ไม่ใช่ผลพลอยได้แต่เป็นผลตรงตามเหตุปัจจัยที่ผลิต เหตุมีก็ต้องมีผลตามนี้ ไม่ได้ผิดจากความจริงตรงไหนเลย เราไม่ได้ผิด ไม่ได้พลาด ไม่ได้เผลอไปตกต่ำอะไร เราทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร 

ถ้าเผื่อว่าเราไม่ต้องไปคำนึงเพราะอะไร เพราะอาหารเป็นหนึ่งในโลก นี่ก็เป็นคำสอนของพ่อเรา ใช่ไหม อาหารนี้เป็นหนึ่งในโลก คนต้องอาศัยทั้งนั้นเลย คนไม่ต้องอาศัยปืนผาหน้าไม้ คนไม่ต้องอาศัยสิ่งมอมเมา คนไม่ต้องอาศัยสิ่งที่เป็นพิษ คนไม่ต้องอาศัยสิ่งที่เป็นแฟชั่น เป็นสิ่งที่จะประเทืองหลอกล่อหรูหราฟู่ฟ่า เราเอาสิ่งที่มันชัดเจนเลย มาใช้ ไม่ต้องแค่น่านิยมแฟชั่น แต่เอาตัวชัดๆ จริงๆ เที่ยงๆ ว่าเราใช้มาแล้วเป็นมาแล้ว ไม่ผิดพลาดเป็นเนื้อแท้เนื้อหา ก็เต็มที่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 24 พฤษภาคม 2566 ( 12:04:26 )

เครื่องชี้บ่งความเป็นสัตบุรุษ หรือสยังอภิญญาจริง

รายละเอียด

มีอะไรชี้บ่งว่า เป็นสัตบุรุษ สยังอภิญญาจริง ก็คือในวรรคนี้แหละ ท่านยืนยันว่าเป็นผู้รู้โลกนี้โลกหน้าแล้วอธิบายชี้ให้เห็นโลกนี้โลกหน้า ถ้าใช้แค่บัญญัติว่าโลกนี้ อยังโลโก แปลว่าโลกนี้ “ปโรโลโก” แปลว่าโลกหน้า ก็แปลเป็นภาษาได้ทุกคนแต่ที่จะยืนยันว่าไม่ใช่เพียงแค่รู้ภาษาแต่ยืนยันว่า “โลกนี้” คือโลกโลกียะ “โลกหน้า” คือโลกโลกุตระ ใครก็แปลได้อีก แปลภาษาสู่ภาษาได้อีกแหละ มีอะไรยืนยันได้ยิ่งกว่านั้น ก็ยืนยันว่าโลกโลกียะ คือ มีการพฤติกรรมของมนุษย์วนเวียนอยู่ในโลกนั้น คือวนในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ยืนยันได้ บางคนก็เรื่องลาภน้อย แต่ยังติดยศชั้น บางคนก็มีสรรเสริญมันก็ลึกซึ้งไป ไม่ติดยศแล้วเหลือแต่สรรเสริญ ไม่ติดในสรรเสริญแล้วยังเหลือแต่สุขโลกีย์ นี่เป็นตัวพยัญชนะ ชี้บอกอาการ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:26:38 )

เครื่องชี้บ่งฐานะของมนุษย์และสังคมคือวรรณะ 9

รายละเอียด

เราพูดถึงวรรณะ 9 ซึ่ง จริงๆแล้วในพระไตรปิฎกมียืนยันว่าอย่างนั้นจริงๆ  แต่ผู้ที่ศึกษาผู้รู้ทั้งหลายท่านก็ไม่ได้สะดุดใจอะไรหรอก ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นหลักฐานที่จะยืนยันเป็นมาตรฐานเครื่องชี้บ่งที่จะบอกว่า ฐานะของมนุษย์ ฐานะของสังคม มีคุณสมบัติ มีคุณธรรม มีพฤติกรรมจริงในความเป็นวรรณะ 9 ซึ่งมีลักษณะ 9 ชนิดนี้ 

1. เลี้ยงง่าย  (สุภระ) 

2. บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) 

3. มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) . .  

4. ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) 

5. ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) 

6. เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) 

7. มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  

8. ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9  

9. ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 11:02:54 )

เครื่องชี้บ่งถึงความเป็นอรหันต์

รายละเอียด

วรรณะ คือขั้นชั้น ภาษาอังกฤษว่า คลาส (Class) เพราะฉะนั้น ขั้นชั้น 9 วรรณะ 9 คือความเป็นคนคลาสสิส (Classes) 9 ชั้น เป็นคนชั้น 1 แต่ไม่ใช่ไฮโซนะ คลาสสิสนี่ต่างจากไฮโซ ไม่ใช่คนชั้นสูงแบบไฮโซ แต่นี้เป็นคนคลาสสิส 9 อย่าง 

วรรณะ 9

เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

1.เลี้ยงง่าย 2.บำรุงง่าย 3.มักน้อย หรือกล้าจน 4.ใจพอ 5.ขัดเกลากิเลส หรือว่าปฏิบัติเพื่อล้างกิเลส 6.ขจัด ทำลายด้วยหลักเกณฑ์หรือศีล ที่เจริญไปเรื่อยๆ (ธูตะ, ธุดงค์) 7.อาการที่ปฏิบัติแล้ว เป็นที่น่าเลื่อมใส มาเรื่อยๆ 8.เป็นคนจบ ไม่สะสม 9.เป็นคนขยัน ขยันเสมอ ระดมความเพียร วิริยารัมภะ 

2 ข้อสุดท้าย 8 กับ 9 นี้ (8.อปจยะ 9.วิริยารัมภะ) ชาวอโศกมี ผู้ที่ไม่สะสมแล้ว ขยันทำงานไป ถ้าจะว่าไปแล้วอาการ 2 อย่างนี้ เป็นเครื่องชี้บ่งถึงความเป็นอรหันต์ได้ ไม่มีตัวตน อยู่กับหมู่ สร้างสรร ไม่สะสม เอาเข้ากองกลางหมด มั่นใจในกองกลาง อยู่กันอย่างแบ่งแจกกันกิน ร่วมกันกิน ร่วมกันใช้ ร่วมกันสร้าง ตัวเองหมดความขี้เกียจ กุสีตะโกสัชชะอะไรนี้ไม่มี มีแต่ความขยัน รู้พัก รู้เพียรให้แก่ชีวิต เป็นคุณสมบัติของพระอรหันต์สมบูรณ์แบบเลย ข้อ 8 ข้อ 9 นี้ สรุปง่ายๆ 

อปจยะ ไม่สะสม ไม่มีอะไร มันก็ไม่มีตัวตนแล้ว ไม่มีของของตนแล้ว แต่ขยันสร้างสรร เราสร้างสรร เรามีสิทธิ์นะในสิ่งที่เราสร้างสรร เราทำงาน เราผลิต เราทำไอ้โน่นไอ้นี่อะไรก็แล้วแต่ ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม ที่พวกเราจะต้องมีกินมีใช้ คุณไม่ได้ปลูกผัก แต่คุณเป็นคนไปเก็บผลเอามาทำกับข้าว มันก็สร้างสรรอยู่แล้ว ร่วมกันทำกัน คนละจุด คนละหน่วย ที่มันจะต้องเกิดผล ที่จะต้องอาศัยในชีวิต 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 16:59:30 )

เครื่องชี้บ่งในชีวิต

รายละเอียด

ก็เป็นเจตนาดีของพวกเราเองก็ตามว่าผู้ที่มาบวชแล้วก็ทำหน้าที่ อย่างพวกเราที่มาบวชก็ทำหน้าที่อย่างภิกษุหรือสิกขมาตุ ก็ทำหน้าที่ไป อาตมาก็ว่าอาตมาประสบผลสำเร็จที่ให้พวกเรามาศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้า มาบวชแล้วก็เหมาะสมเป็นประโยชน์ต่อโลก มี พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ จริงๆนี่เป็นเครื่องชี้บ่งมีอายะ 3 เป็นเครื่องชี้บ่งในชีวิต ว่าเออ คุ้มดีแล้ว ประเสริฐแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมะพ่อครูไม่เหมือนใครตรงที่...คนทำตามบรรลุได้จริง วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2566 ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2566 ( 20:24:12 )

เครื่องประกันของจิตผู้เป็นอรหันต์แล้ว

รายละเอียด

จำนน นอกจากจำนนว่า 0 ไม่ได้แล้วยังไม่สามารถพัฒนาจิตให้เจริญไปถึงที่สุดเรียกว่าอรหันต์ ให้มันเจริญเป็นของใครของมันถึงอรหันต์ไม่ได้ มีของพระพุทธเจ้าทำได้ทำให้ถึงอรหันต์ได้ เจริญที่สุด เป็นคนที่เกิดขึ้นมาอีกก็มีเครื่องประกันอรหันต์ เป็นเครื่องประกันว่าจิตของคนเป็นอรหันต์แล้วไม่ทำชั่วทำบาปทำโทษภัยอะไรอีกเลย กรรมกิริยาวิเศษ ดีทั้งนั้น มีแต่ดี นี่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ทำให้คนในโลกนี้เป็นคนที่ไม่มีพิษภัยกับใครหรืออะไรเลยในโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 11:07:49 )

เครื่องประดับ

รายละเอียด

อีสานเรียกมันแบบนี้ว่ามันแกว มีหัวที่ใหญ่มากเอามาจัดฉากประดับเวทีเรา ซึ่งคนข้างนอกเขาน่าจะสะดุดใจ เอาพวกนี้มาเป็นเครื่องประดับมันก็น่าประดับมันเป็นสาระเป็นสิ่งที่ประเสริฐเป็นอาหารการกิน เป็นสิ่งที่ทำมาได้ด้วยมือ คุณภาพไร้สารพิษ เนื้อหาสาระดีด้วย กินแล้วรับรองว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่น ออนไลน์ วันจันทณ์ที่ 1 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 10:59:24 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:31:32 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:24:02 )

เครื่องพิสูจน์คุณธรรมของมนุษย์

รายละเอียด

แล้วเขาก็เดือดร้อนว่าไม่มี แล้วเวลาเดินทางจะเอาค่ารถค่าราจากไหน แต่คุณเป็นภิกษุมีจีวร มีเครื่องแบบ คุณปฏิบัติให้ดีเถอะ รถเมล์หรือรถอะไรเขาก็จะให้ พวกเราไม่เดือดร้อน ก็เห็นแทบจะรู้แล้วรถเมล์รถโดยสารเดี๋ยวนี้เห็นพระอโศกขึ้น ไปนั่งติดกันกับพระผ้าเหลืองเถรสมาคม แต่กระเป๋าจะเก็บเงินเฉพาะพระเถรสมาคม แต่ไม่เก็บเงินพระอโศก มีคนจะเสียเงินให้เขาก็ไม่รับ บางองค์ก็บอกเราไม่เป็นผู้ใช้เงินแล้ว เป็นพระอโศกเขาก็จะชัดเจนไม่ใช้เงิน แต่ถ้าเป็นผู้ที่ใช้เงินอยู่เขาก็จะจ่ายให้ เรานั้นกระเป๋าก็จะไม่เอาแต่มีคนจะจ่ายให้ แต่กระเป๋าก็ไม่เอาอีก อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นเครื่องพิสูจน์คุณธรรมของมนุษยชาติ ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่เลย เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ แต่มันไม่จริงกัน ต้องเอาให้จริงทำให้จริงเลย คุณเข้าใจแล้วก็อยู่สบายได้ ต้องใช้เงินก็ไม่สบาย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 16:00:47 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:22:54 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:23:34 )

เครื่องมือกำจัดกิเลส คือ บุญญาวุธ 7 ประการ

รายละเอียด

เครื่องมือกำจัดกิเลส คือ บุญญาวุธ 7 ประการ

1. อาหารมังสวิรัติ
2. ตลาดอาริยะ
3. กสิกรรมไร้สารพิษ
4. สุขภาพบุญนิยม
5. การศึกษาบุญนิยม
6. สื่อสารบุญนิยม
7. การเมืองบุญนิยม

# พ่อครูสมณะโพธิรักษ์

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ อัฎฐาริยสัจจายุ  น.84


เวลาบันทึก 24 เมษายน 2567 ( 18:26:29 )

เครื่องยืนยันการเป็นศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คำว่าวิชชาจรณะนี้เป็นเครื่องยืนยันความเป็นศาสนาพุทธ แต่ถ้าไม่มีวิชาและจรณะก็ไม่มีเครื่องยืนยัน อย่างทุกวันอย่างนี้ไม่มีวิชชาและจรณะแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:51:43 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:23:37 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:22:41 )

เครื่องยืนยันสัจธรรม

รายละเอียด

นอกจากพวกคุณมาอยู่ในนี้แล้ว รู้สึกไหมว่า เรามาอยู่ในนี้แล้วกลัวเราจะขี้เกียจรู้สึกไหม กลัวเราจะขี้เกียจเท่านั้น ถ้าเราจะขี้เกียจอย่างนี้เราเป็นหมาหัวเน่าเลยนะ นี่คือสัจจะชนิดหนึ่ง ความขี้เกียจจะหายไป มันจะไม่เป็นคนขี้เกียจ ขี้เกียจไม่ได้เป็นหมาหัวเน่าในนี้เลย เพราะฉะนั้นจะขยัน จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ ลึกๆมันเป็นอย่างนั้นสัจธรรม เพราะฉะนั้นในนี้จึงไม่ใช่สังคมคนขี้เกียจ เป็นสังคมคนไม่มีความขี้เกียจ เจริญแล้ว มีแต่ วิริยารัมภะ ตามวรรณะ 9 

หลายคนบอกว่าไม่สั่งสมแล้ว อปจยะ จริง ไม่สะสม หลายคนยิ่งอยู่ไปนานยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งไม่ต้องสะสมหรอกสบาย นอกจากไม่สะสมแล้วไม่อดไม่อยาก บางทีมีคนเอาธนบัตรมาใส่มือให้ก็มี เราก็ไม่ได้ใช้อะไร หลายคนดีไม่ดี รัฐบาลให้เดือนละ 600 700 บาท เดือนละ 800 บาท ก็ไม่เอา เอามาให้อาตมา อาตมาก็เอามาเข้ากองกลาง เห็นไหมอายุแก่แล้วรัฐบาลให้ตั้ง 600 700 ทำไมไม่เอาไว้ใช้บ้างเล่า เขาก็ไม่เอาเพราะมั่นใจในสาธารณโภคี 

นี่คือเครื่องยืนยันสัจธรรม พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้ไปว่าคนที่ไม่ได้เอามาให้นะ อาตมาพูดหว่านไปเท่านั้นเอง เกรงใจเหมือนกัน ไปกระตุกเขาที่เขาไม่เอามาให้ ก็ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องธรรมชาติอย่างนั้น ที่อาตมาพูดขึ้น อาตมาหยิบเอาความจริงของคนจริง มีสภาวะธรรมจริงมายืนยัน มันเป็นเรื่องของสังคมมนุษยชาติที่ประหลาด คนมีสาราณียธรรม 6 ประหลาด มีพุทธพจน์ 7 

จิตวิญญาณจะมีความระลึกถึงกัน สาราณียะ ปิยกรณะ เคารพกันครุกรณะ เกื้อกูลกันสังคหะ ไม่วิวาทกัน อวิวาทะ สามัคคียะอยู่กันอย่างพร้อมเพรียงสบายเป็นเอกภาพแน่น เอกีภาวะ คนข้างนอกเขารับรู้ได้เลยว่าชาวอโศกมันแน่น เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่เขาไม่กลัวตรงที่เรามีน้อย ถ้ามีมากกว่านี้เขาจะกลัวแล้วมันจะมีธรรมฤทธิ์เยอะ แต่มันก็คงได้ประมาณนี้แหละ มันคงไม่ได้มากกว่านี้เท่าไหร่ แต่มีคนผู้สามารถรับเอา“ความจริง”ที่เป็น“ของแท้ -ของจริง”นี้ได้นั้น ก็ยังมีน้อยอยู่ ยังไม่มีมวลมากพอ ยังน้อยกว่า“ของเก๊-ของปลอม”อยู่มากกว่ามาก 

แม้อาตมาได้ทำงานศาสนามาถึงวันนี้ได้พากันเรียนรู้ปฏิบัติกระทั่งบรรลุเป็น“อาริยชน”กันได้จริงปรากฏกลุ่มหมู่คนประชาชนขึ้นในสังคมประเทศไทย ที่เรียกกันว่า “ชาวอโศก” ที่มีความประพฤติดำเนินชีวิตตาม“พุทธคติ”อย่างเป็น“สัมมาทิฏฐิ”ที่ตนเข้าใจแล้วนำมาปฏิบัติจนบรรลุผลตาม“มูลสูตร 10” อันได้แก่ 

1) “ความยินดี​​(ฉันทะ)”เป็น“รากเหง้า(มูลกา)”ของจิต เป็นต้นเหตุขั้นสำคัญสุดยอด คือ “ความยินดี​​(ฉันทะ)”นี้เป็นทั้งมาก่อนอื่นใด,เป็นทั้งหลักสำคัญที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ซึ่ง“ความยินดี”ที่บาลีว่า “ฉันทะ”นี้ จัดอยู่เป็น “อันดับ 1”ของ“มูลสูตร 10”เชียวนะ! จึงมีนัยสำคัญยิ่งๆ“รากเหง้า(มูลกา)”สุดสำคัญยิ่งทั้ง 10 ของ“มูลสูตร 10”นี้ พระพุทธเจ้าทรงประมวลมาด้วย“พระสัพพัญญุตญาณ”นำมาตรัสประกาศไว้ เป็น“หลัก”ขั้น“รากเหง้า”ที่บาลีว่า “มูลกา 10”นี้จึงเป็น“ต้นธาตุ-ต้นธรรม”แท้ๆแน่ๆ  

ดังนั้น เริ่มต้นความเป็น“อาการของจิต” คำว่า“ความยินดี”หรือ“ฉันทะ”ที่เป็น“ข้อที่ 1”ของ“ความรู้”ทั้งหลายก็ดี “ความจริง”ทั้งหลายก็ดี จึงเป็น“ขั้นต้น”ที่เป็น“จุดเริ่มต้นแห่งต้น”ของ“ความเป็นจิต-เจตสิก”ทั้งหมดกันสุดสำคัญยิ่งยอด ยิ่งใหญ่แห่งใหญ่ยิ่งจริงๆซึ่งจะเห็นได้ว่า “ฉันทะ”นี้เป็น“เจตสิกสำคัญ”ที่มี“ฐานะทำหน้าที่”นำธรรมะหมวดอื่นๆ เช่น ใน“มูลสูตร 10”นี้เอง เป็นต้น หรือใน“อิทธิบาท 4” หรือใน“สุริยเปยยาล 7” และในที่อื่นๆอีกมากมายพระพุทธเจ้าทรงประมวลมาเป็นรากเหง้าด้วยสัพพัญญุตญาณของพระองค์ เป็นต้นธาตุต้นธรรมที่แท้จริง 

 2) “การทำใจในใจ(มนสิการ)”เป็น“แดนเกิด(สัมภวะ)”ซึ่งชี้ชัดถึง“รากเหง้าแห่งต้นธาตุต้นธรรมของการเกิด”นั้นคือ ต้องทำให้“การเกิด(โยนิ)”กันที่จิตหรือที่ใจนี่เอง(มนสิ)” ต้องเป็น“การเกิด”ตรงนี้ๆ ที่บาลีว่า “โอปปาติกโยนิ”นี้จะไม่ใช่“การเกิด”ที่เกิดเป็นเนื้อเป็นตัวมี“ร่าง” มี“สรีระ”เพาะตัวใน“มดลูก”ใน“น้ำคร่ำ” ที่บาลีว่า “ชลาพุชโยนิ” และไม่ใช่“การเกิด”ที่เกิดเป็น“ไข่”คลอดออกจากท้องแม่ก่อน แล้วค่อยมาฟักภายนอกท้องแม่อีกขั้นตอนหนึ่งจึงจะเป็น“สัตว์” ที่บาลีว่า “อัณฑชโยนิ”หรือ“ทวิชาติ(เกิด 2 ครั้ง)” หรือไม่ใช่“การเกิด”ที่เกิดแบบจุลินทรีย์หรือสัตว์ในน้ำเน่าน้ำครำในเหงื่อไคลซึ่งแตกร่างแตกตัวกันเอง ที่บาลีว่า “สังเสทชโยนิ”ทั้งหลายนั้น แต่เป็น“การเกิด”ซึ่งเกิดทางจิตในจิตโดยตรง ที่บาลีว่า “โอปปาติกโยนิ”

“โอปปาติกโยนิ”เป็น“การเกิด”ที่เกิดแบบ“กรรมโยนิ” หมายความว่า “การเกิดนี้เกิดจากกรรมของตนเอง” คำว่า กรรม มันยิ่งใหญ่กว่า God พูดแล้วมันจะไปข่มเขา แต่พูดความจริง พระพุทธเจ้าไม่ได้สงสัยเรื่องอัตภาพต่างๆ จัดการกับอัตภาพได้จนกระทั่งสลายอัตภาพเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลย นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ยืนยันสุดเลยจะไปกลัวอะไร เพราะฉะนั้นเรื่องนั้นไม่ได้ไปดูถูกเขาแต่เราชัดเจน เขามีความรู้ประมาณนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาชาตินี้อาตมาจำเป็นต้องประกาศอรหันต์ วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2566 ( 16:01:32 )

เครื่องวัดความเจริญของจิต

รายละเอียด

ท่านเน้นเครื่องวัดจิตใจคือความเมตตากรุณา คือความเห็นแก่ตัวกับความไม่เห็นแก่ตัว อันนี้ก็ถูกต้อง ศาสนาพุทธนี้คนไม่เห็นแก่ตัวไม่มีอัตตาแต่ไม่มีเมตตามีได้ไหม คนที่หมดตัวตนไม่มีตัวตน ไม่เห็นแก่ตัว แต่ไม่มีเมตตาเป็นได้ไหม เป็นได้ คนที่ไม่เห็นแก่ตัวหมดตัวตน อย่างพวกเทวนิยมเขาพยายามดับไม่ให้มีตัวตน แต่เขาไม่ได้ฝึกการเรียนรู้ที่มีการสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคนอื่น และมีน้ำใจ พวกที่อัตตาเขาไม่มีแต่เขาไม่ได้เรียนรู้การมีน้ำใจ ศาสนาเทวนิยม นั่งหลับตาเขาไม่ได้เรียนรู้การสัมผัสเกี่ยวข้องตาหูจมูกลิ้นกายใจสัมผัสกับบุคคลหนึ่งคนสองคนห้าคนเป็นสังคมเป็นมนุษยชาติ เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องกระทบกระแทกกระเทือนกัน และสามารถเรียนรู้เท่าทันจนไม่ติดในสิ่งเหล่านี้ของพุทธ แต่เขาไม่ได้เรียนรู้ในสิ่งเหล่านี้เลยในสายเทวนิยม ฉะนั้นเขาจะไม่มีน้ำใจ แต่เขาจะทำจิตของเขาไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีตัวตนอย่างเดียวได้ แต่เขาไม่มีการที่จะไปช่วยคนนั้นคนนี้ จะรู้จักคนนั้นคนนี้จะช่วยอย่างไร คนที่จะช่วยนิเราก็ต้องรู้จักเขา ว่าเขาบกพร่องอะไรจะช่วยเขา เราช่วยเขาได้ไหม เขาบกพร่องอันนี้แต่เราไม่มีความสามารถไม่มีความรู้ไม่มีสิ่งที่จะช่วย ก็ช่วยเขาไม่ได้ มันมีรายละเอียดอีกตั้งเยอะแยะที่ซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 09:32:53 )

เครื่องวัดความเจริญของจิตใจ

รายละเอียด

เน้นเครื่องวัดจิตใจ คือความเมตตา กรุณา คือความเห็นแก่ตัวกับความไม่เห็นแก่ตัว  อันนี้ก็ถูกต้อง ศาสนาพุทธนี้คนไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีอัตตาแต่ไม่มีเมตตามีได้ไหม คนที่หมดตัวตนไม่มีตัวตน ไม่เห็นแก่ตัว  แต่ไม่มีเมตตาเป็นได้ไหม เป็นได้ คนที่ไม่เห็นแก่ตัวหมดตัวตน อย่างพวกเทวนิยมเขาพยายามดับไม่ให้มีตัวตน แต่เขาไม่ได้ฝึกการเรียนรู้ที่มีการสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคนอื่น และมีน้ำใจ  พวกที่อัตตาเขาไม่มี แต่เขาไม่ได้เรียนรู้การมีน้ำใจศาสนาเทวนิยม  นั่งหลับตาเขาไม่ได้เรียนรู้การสัมผัสเกี่ยวข้อง ตา  หู จมูก ลิ้น กายใจ สัมผัสกับบุคคลหามาหนึ่งคน สองคน ห้าคน  เป็นสังคมเป็นมนุษยชาติเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องกระทบกระแทกกระเทือนกัน และสามารถเรียนรู้เท่าทันจนไม่ติดในสิ่งเหล่านี้ของพุทธ แต่เขาไม่ได้เรียนรู้ในไม่มีตัวตนอย่างเดียวได้  แต่เขาไม่มีการที่จะไปช่วยคนนั้นคนนี้ จะรู้จักคนนั้น คนนี้จะช่วยอย่างไร คนที่จะช่วยเราก็ต้องรู้จักเขา ว่าเขาบกพร่องอะไรจะช่วยเขา เราช่วยเขาได้ไหม  เขาบกพร่อง อันนี้แต่เราไม่มีความสามารถ ไม่มีความรู้ ไม่มีสิ่งที่จะช่วย ก็ช่วยเขาไม่ได้มันมีรายละเอียดซับซ้อน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 12:51:47 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:32:06 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:22:05 )

เครื่องวัดความเป็นบุรุษระดับ 7 หรือโพธิสัตว์ระดับ 7

รายละเอียด

ต่อที่ท่านฟ้าไทพูด บุรุษระดับ 7 สยังอภิญญา เป็นผู้รู้เองของตนเองมาแล้วอาตมาก็นึกว่าเป็นสัตบุรุษเพราะว่าเป็นบุรุษระดับ 7 “สัตตะ” แปลว่า 7 เป็นผู้รู้ของตัวเองมา เลข 7 ระดับ 7 มีอะไรเป็นเครื่องวัดว่าบุรุษผู้นี้เป็นสัตบุรุษเป็นบุรุษระดับ 7 โพธิสัตว์ระดับ 7 รู้เองมาเอง “สยัง” แปลว่า เอง “อภิญญา” คือมีความรู้ของพระพุทธเจ้าโดยไม่ต้องมีอาจารย์ในยุคนี้ จึงเรียกว่ามาด้วยตัวเองยังไม่เรียกว่าสยัมภู ยังไม่ใช่พระพุทธเจ้า ได้มีความรู้มาด้วยตัวเองมาแล้ว ไม่ต้องอาศัยครูบาอาจารย์คนไหนในชาตินี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:23:08 )

เครื่องวัดความเป็นอรหันต์ของสมณะโพธิรักษ์ 

รายละเอียด

ถามดีมันน่าจะถามอย่างนี้แหละท่านเอาอะไรเป็นเครื่องวัด อาตมาก็ต้องมีเครื่องวัด เมื่อกี้นี้ยกตัวอย่างเจโตปริยญาณ 16 อาตมาก็พูดผ่านไปแล้ว เจโตปริยญาณ 16 ก็เป็นเครื่องวัดอ่านเวทนาในเวทนา เวทนา 108 นี่แหละเป็นตัวสำคัญที่ปฏิบัติแล้วจะรู้จักเนกขัมมะ คือการออกจากกิเลส เริ่มต้นตั้งแต่ออกจาก กาม ถ้าไม่ออกจากก็อยู่ในเคหสิตะ ถ้าออกจากกิเลสทางโลกได้ก็เริ่มเป็นเนกขัมมะมาได้เรื่อยๆปฏิบัติตามเวทนา 108 ตามสูตรของพระพุทธเจ้านี่แหละ อาตมารู้จักสภาวะกับพยัญชนะที่พระพุทธเจ้าตรัสเช่นเวทนา 108 

ให้ศึกษากันดีๆ แล้วจะรู้จักว่าอาตมา ทำไมอาตมาถึงรู้ว่าตัวเองเป็นอรหันต์ อย่างที่อาตมาพูดไปคร่าวๆ อาตมารู้สภาวะของพยัญชนะต่างๆ 

เนกขัมมะจบแล้วเป็นอุเบกขา อาตมาก็เข้าใจได้เป็นภูมิของอาตมาเข้าใจเองในยุคนี้ไม่มีใครอธิบายอย่างอาตมาในยุคนี้ ขอยืนยันว่าเป็นสัจจะที่ถูกต้อง ผู้ติดตามศึกษาดีๆ จะเข้าใจเพิ่มเติมขึ้นอย่างมากที่อาตมาอธิบาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:44:14 )

เครื่องวัดจิต หรือเจโตปริยญาณ

รายละเอียด

จิตที่ดีแล้วได้แล้ว สอุตรังจิตตัง แต่จิตที่ดีกว่านี้ยังมีอีก จนกว่าจะอนุตรังจิตตัง จิตที่ดีที่สุดคือจิตอะไร?.. คือจิตที่เป็นสมาธิกับจิตวิมุติ ก็ทบทวนอีกสองคู่ทบทวนสมาธิคือ สมาหิโตกับอสมาหิโต และคู่สุดท้ายคือ วิมุติกับอวิมุติ ทบทวนคู่สุดท้ายจึงจะจบที่จริงเป็น อนุตตรจิตที่สมบูรณ์ สามเส้าสุดท้ายกับ สมาหิโตกับวิมุติเป็น “เจโตปริยญาณ” คือเครื่องวัดจิต

1. สราคจิต  (จิตมีราคะ) 

2. วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ) 

3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ) 

4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ) 

5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ) 

6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ) 

7. สังขิตฺตํจิตตํ (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) 

8. วิกขิตฺตํจิตตํ  (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด)

9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)  

10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น) 

11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ) 

12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า)

13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว) 

14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์) 

15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น)  

16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง)

(พตปฎ. เล่ม 9   ข้อ 135) 

คนจะมีสิ่งอาศัย ก็อาศัยสิ่งที่สำคัญของชีวิตเท่านั้น สุดท้ายก็จะมาอยู่อย่างพวกเราเป็นสาธารณโภคีสุดยอด จบแล้วนะ เจโตปริยญาณ 16 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:35:41 )

เครื่องหมายบอกอาการนิมิต

รายละเอียด

ถ้าเรามีสัญญาของเรากำหนดรู้เข้าไปกระทบจะดูได้อย่างไร รู้ได้ด้วยอาการ นิมิต ลิงค มีเครื่องหมายบอกอาการนี้ อาการนิมิต ซึ่งมันจะแตกต่างกันด้วยอาการก็เรียกชื่อต่างๆกันไป เช่น เวทนา สัญญา สังขาร เจตนา อะไรพวกนี้ หรือแยกเป็น

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:49:18 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:50 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:19:12 )

เครื่องอาศัยในชีวิตคือธรรมะ

รายละเอียด

เรารู้ว่าเราควรฟังอะไร เราควรมีสิ่งที่เป็นเครื่องอาศัยในชีวิต คือธรรมะ เป็นเครื่องอาศัยในชีวิต แล้วเราก็ได้เจริญไป ชีวิตของเราเคยได้ไปหลงผิดหลงทางอะไรในทางโลกโลกีย์ เสียเวลากับมัน ไม่เห็นความสำคัญ แต่ตอนนี้ก็ได้ชัดเจนแล้วมามีชีวิตอย่างนี้แล้ว เราก็จะมีแต่ความเจริญ นี่ไม่ได้พูดป้อยอเอาอกเอาใจพวกเรา แต่พูดเอาสัจจะความจริง ฟังไป หลับบ้างไม่หลับบ้างก็ไม่เป็นไร บางคนง่วงบ้างไม่ง่วงบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ก็พยายามนะ พยายามที่จะให้มาตื่นให้มาฟังให้ได้มากที่สุด 

ผู้ที่ฟังธรรมะแล้ว ไม่ค่อยได้ง่วงกับเขา ฟังธรรมะทุกวันทุกวัน มาฟังก็ไม่ได้ค่อยง่วงกับเขาเป็นอย่างนี้คนที่เป็นอย่างนี้ มีบ้างไหม ยกมือซิ คนที่ฟังไม่ค่อยได้ง่วงกับเขาหรอก มีอยู่เยอะนะ แต่ไม่ถึงครึ่งนะ ก็เห็นใจธรรมะเราธรรมะหนัก ไม่ได้เหมือนธรรมะประโลมโลก ให้มหาสมปองมาเทศน์คงจะไม่หลับกันนะ ..บางคนบอกไม่อยากฟังเลย ไปโน่น มันก็จริงๆ คนเราจะนิยมชมชอบกับอะไรหรือไม่อะไร ก็เป็นเรื่องรสนิยมที่แท้จริง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:02:08 )

เคร่งครัดที่ตนผ่อนปรนผู้อื่น

รายละเอียด

ที่บวรราชธานีอโศก พวกเรานี่ก็มีทั้งศีล 5 บางคนก็ศีล 5 ไม่ค่อยเคร่ง บางคนอาจจะหน้าใหม่ข้างนอกมาก็เป็นได้ ข้างนอกมาเลยนี่ก็ยังไม่มีศีล มีศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 43 บางคนถือวินัย 227 ก็มี ...บนโต๊ะจึงมีทั้งดอกไม้ทั้งพืชพันธุ์ธัญญาหารรวมกันด้วย ถ้ามันเคร่งเกินไปแล้วก็อนุโลมกันไปไม่ได้ เราก็เลยต้องมีประมาณนั้น ผู้ที่เคร่งเกินไปเห็นประดับดอกไม้ก็ทำใจกันเองนะ ท่านถือเคร่งก็ดีแล้ว แต่ก็ต้องเห็นใจผู้อื่นบ้าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 14:33:17 )

เคล็ดลับในการรักษาฟันของพ่อครู

รายละเอียด

เขาทำรากฟันเทียม ให้ ฟันใช้ได้อย่างสบาย และก็ไม่ได้มี plaque มากด้วย หมอฟันเขาก็ขัดฟันให้ก็ไม่ต้องขัดมากเลย ฉันวันละมื้อเดียวด้วย ฉันเสร็จสีฟันเสร็จก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เกิดฟันเสียจากแมงกินฟัน ….หมอฟันถามว่ามีความลับในการรักษาฟันอย่างไร ก็เลยบอกว่าฉันมื้อเดียว ฉันเสร็จแล้วก็สีฟัน ดื่มน้ำดื่มท่ามันก็มีแต่ล้างออกไปอีก มีแต่สะอาดกับสะอาดไม่มีขี้ฟันอะไร เขาก็ว่า เวลาจะกรอฟันไม่มีplaque ให้กรอออกไป มันไม่มี tartar ไม่มีขี้ฟันให้ขัด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูดำริให้ลดชนิดของอาหารที่จัดมาให้ (โภชเนมัตตัญญุตา)วันที่ 13 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:24:48 )

เคล็ดวิชา 9 ประการ

รายละเอียด

ถ้าแม้นผู้บริหารประเทศใดมีความรู้“โลกุตระ”กันจริง ก็จะมี

“จอมยุทธ”ระดับโลกุตระ ที่มี“เคล็ดวิชา 9 ประการ” ทำงานอยู่ในสังคมประเทศ เช่น 

1)ป้องกันตนเองได้  

2)ไม่ทำร้ายใคร  

3)ช่วยเหลือคนอื่นอีกด้วย  

4)มีปฏิภาณปัญญาเป็นโลกุตระ(ที่สัมมาทิฏฐิ)  

5)เป็นคนผู้เสียสละอยู่เป็นปกติของชีวิต  

6)สำนักของจอมยุทธนี้ก็จะพาคนมาจน  

7)สำนักนี้อยู่กันอย่างสาธารณโภคี 

8)จอมยุทธจะพยายามพาคนให้มาเป็นกสิกร ทำอาชีพสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นหลักให้มากๆ จะโน้มนำให้คนที่มีอาชีพอื่นใดอยู่ ก็ควรแปรชีวิตมาเป็นกสิกร “ดีที่สุด” จะไม่พากันไปสร้างอาวุธเลย  

9)หนึ่งเดียวที่เป็น“จอมยุทธโลกุตระ” ผู้รู้จักรู้แจ้งรู้จริงรู้จบ “เทฺว”ด้วย“ปัญญา 8” 

ผู้สำเร็จจบครบเคล็ดวิชาทั้ง 9 นี้ คือ คนผู้มี“พหุชนหิตายะ-พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ เพราะเป็นผู้มี “สมาธิ-สติ-ปัญญา”สามารถทำ“อธิปไตย”ได้เพราะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงรู้จบ“โลก-อัตตา-ธรรม”ครบถ้วนกระบวนการจึงอยู่เหนือ“โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย ธรรมาธิปไตย” 

อาตมาเอาภาษาบัญญัติพวกนี้มาเรียบเรียงเพราะพวกเราทำได้แล้วมีสภาวะแล้ว คนข้างนอกจะบอกว่าเป็นได้จริงๆ หรือมีจริงๆ หรือ ก็ท้าทายให้มาพิสูจน์เหมือนกันเชิญสิ เอหิปัสสิโก เชิญมาดูของจริงได้ 

“จอมยุทธ”ผู้“อยู่เหนือ”ซึ่งภาษาก็ว่า“อุตตระ”จึงเป็นผู้สามารถพาสังคมหมู่กลุ่มพ้นปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นเรื่อง“เงินทอง” และพ้นปัญหาการเมืองที่“จบกิจ”ในเรื่อง Gross Democratic Product ด้วยฝีมืออันเก่งกาจ

เพราะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงรู้จบครบทั้ง

“1)เศรษฐศาสตร์การวัตถุเงินทอง 2)รัฐศาสตร์การเมือง 3)สังคมศาสตร์” ว่า “วัตถุเงินทอง”ก็ดี “เมืองและพลเมือง”ก็ดี “ธรรมะ”ก็ดี จะจัดการอย่างไรจึงจะเหมาะควรที่สุด จอมยุทธจัดการได้สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”นั้นๆจริงด้วย“ความรู้”แบบโลกุตระ ที่เรียกด้วยภาษาว่า “ปัญญา”

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เคล็ดวิชา 9 ประการ ของจอมยุทธโลกุตระ วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 เมษายน 2566 ( 15:29:31 )

เคล็ดวิชาที่สูงส่งการยอมคือสิ่งที่เหนือกว่าเอาชนะ 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นแม้แต่ผู้ที่ฐานะต่ำเรายังยอมกับผู้ที่ฐานะต่ำกว่าเราได้ เพราะเรารู้แล้วว่าเขาไม่รู้ เขาทำ เขาเด็กกว่าเรา เขาไม่เดียงสา ไม่เข้าใจอย่างที่เราเข้าใจแล้วจะไปข่มเขาได้อย่างไร จะไปบังคับให้เขารู้ได้อย่างไร มันไม่ได้ เราก็ต้องมีปฏิภาณไหวพริบ ที่จะทำอย่างไรให้เขารู้ว่า มันเป็นกลยุทธ์หรือเป็นแทคติก เป็นวิธีการที่ซับซ้อนลึกซึ้งมากเลยว่าทำอย่างไรให้เขารู้ว่าควรยอม เรายอมนี่แหละคือผู้ที่ทำสิ่งที่สมควรกว่า ถ้าเราไปดึงดันเอาชนะมันเลวกว่าแย่กว่า คุณจะทำอย่างไรคุณจะสร้างแทคติกอันนี้ สร้างกลเม็ด วรยุทธหรือเคล็ดวิชาอันนี้ ให้เขารับอันนี้ได้ เป็นฝีมือของจอมยุทธจริงๆนะ เป็นเคล็ดวิชาที่สูงส่ง จะทำอย่างไรให้เขาเข้าใจได้ว่า เรายอมเขา ให้เขารู้ว่าเรายอมเนี่ย คือสิ่งที่เหนือกว่าเอาชนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 20:45:17 )

เคล็ดวิชาวรยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ที่อธิบายไปนี้อาตมาเห็นจริงและเป็นจริงตามที่อาตมาพูดทั้งนั้น  จึงไม่เอาสิ่งที่จะทำให้เสียเวลา เพราะเป็นสิ่งไม่เข้าท่า แต่เอาสิ่งที่จริง สิ่งที่ถูกต้อง เพราะอาตมารู้สิ่ง 2 แล้วก็เลือกเอาสิ่งที่เหนือชั้นกว่าเสมอ นี่เป็นเคล็ดวิชาวรยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า เรียนทีละ 2 และเลือกเอา 1 คุณก็คัด Champion ได้ ทีละ 2 แล้วก็ได้ผู้ชนะไปเรื่อยๆ คู่ชกหรือคู่ที่จะมาเทียบ ก็ต้องไล่เลี่ยสูงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้ายคู่ Champion สูงสุดเราก็ได้ผู้ชนะ Champion ผู้ที่ไม่ชนะก็คือผู้ที่ถือว่าเป็นรองแชมเปี้ยนไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:23:32 )

เคล็ดสว่างของการมีฟันสะอาดผิดจากคนอื่น

รายละเอียด

อาตมาเป็นคนแปรงฟันครั้งเดียวหลังอาหารต่อวัน ไม่ได้แปรงฟันตอนเช้า กินมื้อเดียวเสร็จ ก็เลยไม่มีอะไรมาก จนหมอฟัน(หมอใหญ่)ไปแอบถามหมอฟัน(หมอฟ้ารัก)ด้วยกัน ว่าลองถามดูสิว่าพ่อท่านมีเคล็ดลับอะไรฟันถึงสะอาดจังเลย หมอฟันตรวจฟันก็รู้ว่าสะอาดผิดจากคนอื่น...อาตมาก็ว่าไม่มีเคล็ดลับอะไร เป็นเคล็ดสว่าง คือกินมื้อเดียว หลังกินแล้วก็สีฟันให้สะอาด คนสีฟันไม่สะอาดก็จะมีเศษอาหาร อาตมาสีฟันก็สีทั้งนอกและในแล้วใช้แปรงซอกฟันด้วย ก็ไม่มีขี้ฟัน ก็บอกหมอหาญณรงค์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:41:41 )

เคล้าเคลียอารมณ์คือกำหนดรู้เวทนา 108 ไม่ใช่ดับสัญญาและเวทนาเป็นอสัญญี

รายละเอียด

ทีนี้ กำหนดรู้สมบูรณ์แบบมีวิธีการกระบวนการของการกำหนดรู้ก็คือ เวทนา 108 ที่พระพุทธเจ้าท่านให้ปฏิบัติตัวนี้แหละเป็นตัวสำคัญ เวทนา 108 ผู้ศึกษาปฏิบัติ ถ้าไม่รู้จักเวทนา 108 แล้วก็ไม่ได้ปฏิบัติเวทนา 108 โดยสภาวะเองไม่รู้จักพยัญชนะก็ตาม ถ้ายิ่งรู้พยัญชนะด้วย รู้สภาวะด้วยว่าเวทนา 108 มีเวทนา 2 เวทนา 3 เวทนา 5 เวทนา 6 เวทนา 18 เวทนา 36 แล้ว ก็เป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต ของเวทนา 36 ก็เป็น 108

เป็นอสัญญี ถ้าอาตมาอธิบายเหมือนเขา อาตมาก็ยังโง่อยู่เหมือนเขา แต่อาตมาไม่ได้โง่เหมือนเขา อาตมาฉลาด รู้โลกุตรธรรมละเอียดชัดเจน จึงมาขยายความอยู่ ผู้ที่ฟังอาตมาแล้วไม่มีปรโตโฆษะ เขารู้อย่างที่เขารู้เขายึดถืออย่างที่เขายึดถือเขาก็รู้และยึดถืออย่างที่เขาได้ เขาก็ยังโง่อยู่ ยังไม่บรรลุอรหันต์แน่นอน หรือ เชื่อว่าตัวเองบรรลุอรหันต์ก็เป็นอรหันต์เก๊ อาตมาพูดจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น ได้ยืนยันว่าพูดไม่ผิดด้วย แต่ทีนี้ คนเหล่านั้นมันได้หลง มันไม่เชื่ออาตมา มันเป็นเวรเป็นกรรมของประเทศไทยหรือในยุคนี้ ที่อาตมาอุบัติขึ้นมาแล้วในท่ามกลางความยึดมั่นถือมั่น แบบเถรสมาคมและชาวพุทธส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ได้ยึดอย่างนั้นแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 14:31:45 )

เคหสิต

รายละเอียด

เคหสิต คือจิตปรุงแต่งอย่างโลกีย์แล้วจับจิตนี้แยกกิเลสออกได้ เรียกว่า เนกขัมมะ ผู้ปฏิบัติธรรมหากแยกเคหสิตะกับเนกขัมมะในเวทนาไม่ได้ ก็ไม่มีทางบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต  สันติอโศก ครั้งที่ 69  วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:44:18 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:38:56 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:18:35 )

เคหสิตรส

รายละเอียด

รสที่รู้สึกแบบชาวปุถุชน

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 271


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:11:08 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:04 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:18:03 )

เคหสิตอุเบกขา

รายละเอียด

1. หลงติดภพของความอยู่เฉย ๆ ว่าง ๆ เป็นสุข

2. อารมณ์เฉย ๆ ตามประสาปุถุชนทั่วไป แต่มีสภาพยังวนเวียนอยู่ในโลกีย์สามัญชาวบ้านปุถุชน

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 285

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 119


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:14:02 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:07:09 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:14:00 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์