@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

อเสขบุคคลเมื่อล้างกิเลสได้บางส่วน เขาก็เรียกว่า“ได้ส่วนบุญ”!

รายละเอียด

แต่“บุญ”นั้นจะไม่มีอีกในผู้เป็น“อรหันต์ หรือผู้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ตรงนี้เองที่“อายตนะและเวทนา”กับ“บุญ”ที่แตกต่างกัน “บุญ”ผู้ที่ทำบุญถูกต้องตามพุทธธรรม ก็จะ“ทำให้กิเลสลดละจางคลายสูญสิ้นไป” แล้วก็“จบ” ก็หมดหน้าที่“บุญ” บุญก็ไม่มีอีก แต่ถ้าแม้น“ทำบุญยังได้ผลไม่สูงสุด-กิเลสยังไม่หมดสิ้นจบสุด”ก็เป็น“เสขบุคคล”(อาริยบุคคลที่ยังไม่เป็นอรหันต์) ยังเป็นแค่มี“ส่วนบุญ”(ปุญญภาคิยะ) คือ “กิเลสส่วนที่ถูกชำระ” นั้นๆ ลดละจางคลายไปตามลำดับๆ ยังไม่หมดเกลี้ยง เรียกว่า “ได้ส่วนบุญ”ส่วนที่“ถูกกำจัดไปได้”นั่นเอง กล่าวคือ ได้“ส่วนที่เสียไป-ส่วนที่ถูกกำจัดออกไป”เห็น“ความสะอาดจากกิเลส”ที่เกิด “ความเจริญ”ที่เราได้มั้ย? และเห็น“สิ่งเลวร้าย”ที่เราเสียออกไป ออกจากตัวไปมั้ย?“เห็นชัด”ถึง“การเสีย”คือ“การได้”มั้ยล่ะ? 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 72 หน้า 86


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 04:59:37 )

อเสขศีล

รายละเอียด

เมื่อรู้แจ้งเห็นจริง เป็นจริงที่มีที่สุดจนไม่ต้องศึกษา ไม่ต้องทำ ไม่ต้องบำเพ็ญ ประพฤติกันอีกแล้ว สิ้นลังเลจบเรื่องนั้นสมบูรณ์แล้วจริงๆ

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 493


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:00:21 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:44 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:42:10 )

อเสส

รายละเอียด

ไม่มีส่วนเหลือ[สิ้นอาสวะ]

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 120


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:00:58 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:48:37 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:42:26 )

อเหตุกจิต

รายละเอียด

1. ดวงจิตในคนที่ยังมีอวิชชา คนที่ยังไม่รู้

2. จิตที่ดูเหมือนมันไม่มีเหตุเกิด แต่แท้จริงมันมีเหตุ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 40


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:10:29 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:37 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:42:44 )

อเหตุกทิฏฐิ

รายละเอียด

ความเห็นว่าไม่มีเหตุ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 73


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:11:11 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:50:32 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:42:59 )

อเหตุกทิฏฐิ 

รายละเอียด

อเหตุกทิฏฐิ  คือ  เป็นลัทธิที่ทุกอย่างไม่ได้มาแต่เหตุ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 13:53:53 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:29:30 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:43:16 )

อเหตุกะ

รายละเอียด

สิ่งใดที่เกิดโดยไม่มีเหตุ ก็ไม่มีด้วยทุกสิ่งทุกอย่างบังเกิดอยู่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 203


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:11:51 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:53:53 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:13:58 )

อโมหะ เป็นไฉน

รายละเอียด

1 .ความรู้ในทุกข์ 

2. ความรู้ในทุกขสมุทัย 

3. ความรู้ในทุกข-นิโรธ

4. ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา 

5. ความรู้ในส่วนอดีต 

6. ความรู้ในส่วนอนาคต

7. ความรู้ทั้งในส่วนอดีตและส่วนอนาคต 

8. ความรู้ในปฏิจจสมุปปาทธรรม ว่า เพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย  ธรรมนี้จึงเกิดขึ้น   ปัญญา   กิริยาที่รู้ชัด   ความวิจัย   ความเลือกสรร   ความวิจัยธรรม   ความกำหนดหมาย   ความเข้าไปกำหนด   ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ   ภาวะที่รู้   ภาวะที่ฉลาด  ภาวะที่รู้ละเอียด   ความรู้แจ่มแจ้ง  ความค้นคิด   ความใคร่ครวญ  ปัญญาเหมือนแผ่นดิน  ปัญญาเครื่องทำลายกิเลส  ปัญญาเครื่องนำทาง  ความเห็นแจ้ง  ความรู้ชัด  ปัญญาเหมือนปฏัก  ปัญญา  ปัญญินทรีย์  ปัญญาพละ  ปัญญาเหมือนศาสตรา  ปัญญาเหมือนปราสาท  ความสว่างคือปัญญา  แสงสว่างคือปัญญา  ปัญญาเหมือนประทีป  ปัญญาเหมือนดวงแก้ว  ความไม่หลง  ความวิจัย-ธรรม  สัมมาทิฏฐิ  ที่มีลักษณะเช่นว่านี้ อันใด นี้เรียกว่า อโมหะ.

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2562 ( 19:42:18 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:11 )

อโยนิโส

รายละเอียด

ไม่ถ่องแท้ ไม่แยบคาย ไม่ลงไปถึงที่เกิด

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 180


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 12:30:40 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:54:38 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:14:19 )

อโศก

รายละเอียด

ธุลีหมอง

คำอธิบาย

อโศก คือ  ไม่โศกเศร้า  เป็นพวกหายโศก  เรามีศาลีอโศก  ศีรษะอโศก ต่อมามีสันติอโศกที่อยู่กรุงเทพ เป็นเมืองหลวง  คนเลยเรียกพวกเราทั้งหมดว่า ชาวสันติอโศกมาถึงวันนี้พวกเราเป็นพวกไม่โศกจริงๆ นอกจากไม่โศกแล้วยังเป็นพวก สุขสำราญเบิกบานใจ  พวกเราตอนนี้ประสบภัยน้ำท่วมอยู่กลางน้ำต้องพยายามหาอะไรมาพัก  ที่เคยเดินก็เดินไม่ได้  นอนไม่ได้ นั่งไม่ได้  ก็ได้แต่ลุยไปเอาอะไรมาเทินขึ้นสูง  เจิ้นเทิ่นขึ้นมา  บางทีไฟก็ใช้ไม่ได้

(รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราชฯ   วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562)

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 176


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 07:01:55 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:33:16 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:14:57 )

อโศก คือโรงเรียนบุญ

รายละเอียด

จริง ที่นี่เป็นโรงเรียนบุญ บุญคือ สันตานัง ปุนาติ วิโสเทติ

คือ จะต้องชำระกิเลสในสันดาน (ปุนาติ) ให้หมดจด สะอาด วิโสเทติ บุญคือการชำระจิตสันดานให้สะอาดบริสุทธิ์ จนกระทั่งชำระกิเลสจากสันดานเป็นอรหันต์ เรียกว่าสิ้นบุญสิ้นบาป ปุญญปาปปริกขีโณ คือ การชำระบาปในจิตได้หมดสิ้นแล้ว พระอรหันต์จึงไม่ต้องอาศัยบุญเพื่อละบาปอีก จึงเป็นคนหมดบุญสิ้นบุญ นี่ล่ะยิ่งใหญ่มากคำว่า บุญ

ก็สุดยอดในเรื่องของศาสนาพุทธ เป็นโรงเรียนที่ดัดสันดาน เป็นโรงเรียนที่รู้จักสัจจะ คำสอนของพระพุทธเจ้าตรง คำว่าบุญ คำว่ากาย คำว่าสมาธิ  คำว่าฌาน คำว่าอะไรต่างๆ ที่ระบุบ่งบอกความหมายถึงสภาวะจริงของศาสนาพุทธนี้ จึงต้องศึกษากันอย่างสำคัญจริงๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 04:50:54 )

อโศกขอแยกประกาศนานาสังวาสกับเถรสมาคมเพราะอะไร

รายละเอียด

ประชุมกันแล้วยกวัดทันที คือ ตอนแรกเมื่อบวช อยู่กับเถรสมาคมได้ 5 ปีก็ขอแยกประกาศนานาสังวาส เราประกาศออกมาเรียบร้อยเสร็จตามพิธีกรรม ตอนแรกก็ยอมรับ ตอนหลังก็ขี้โกง เอาพลังหมู่ใหญ่เป็นอำนาจ ทำปกาศนียกรรม เราเองไม่ทนเปื้อนอยู่กับเขาหรอก อาตมาประพฤติเป็นสัจธรรมมาโดยตลอด ก็เลยขอแยกออกมา แต่เขาก็ทำเป็นตีกิน เขาทำปกาศนียกรรมเหมือนเขารังเกียจเรา เขาก็กลบเกลื่อนด้วยการหลอกประชาชน บอกประชาชนว่าเขานี่แหละเป็นผู้ขับ อัปเปหิ โพธิรักษ์กับหมู่อโศกออกไปจากหมู่ใหญ่ ทำเป็นเท่ ที่แท้หมู่น้อยนี้ประกาศออกจากหมู่ใหญ่ เพราะเป็นพวกสกปรก ขออภัยที่พูดชัดๆ อย่างนี้ 

เพราะฉะนั้นการที่จะมีสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนอยู่อย่างนี้ ศาสนาพระพุทธเจ้าท่านสะอาดมาก แม้เขาจะนั่งอยู่ท่ามกลางภิกษุสงฆ์จริง กระนั้นเขาก็ชื่อว่าได้ห่างไกลจากสงฆ์แล้วสงฆ์ก็ห่างไกลจากเขา สาวะกะสังโฆของพระพุทธเจ้า ทุกวันนี้อาตมาพูดได้ ถ้าพูดอย่างนี้เมื่อก่อนเขาเอาตาย อาตมาทำงานมา 50 กว่าปี มีหลักฐานยืนยันปฏิบัติได้ตามพระไตรปิฎกอาตมาก็จึงเป็นผู้จำนนทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:20:53 )

อโศกคือกลุ่มคุณธรรมที่นำประชาชนปฏิวัติได้สำเร็จ

รายละเอียด

ก็ต้องแยกให้ออกกลุ่มอุดมการณ์กับกลุ่มคุณธรรม อาตมาเข้าใจอย่างนี้นะ อาตมาก็ถามคุณต่อไปว่าอาตมาจะเข้าใจถูกไหม อุดมการณ์หมายถึงสิ่งที่ยังเป็นสภาพความคิด อุดมคติอุดมการณ์ ส่วนคุณธรรมนั้นเป็นสภาพที่เป็นสภาวธรรมที่เกิดที่เป็นแล้ว ถ้าพูดอย่างเป็นพยัญชนะที่เราชอบใช้กันง่ายๆก็คือ อันหนึ่งเป็น Dynamic อีกอันหนึ่งเป็น Static คุณธรรมเป็น Static อุดมการณ์เป็น Dynamic ยังไม่สำเร็จรูป ยังไม่สำเร็จเรื่องคืออุดมการณ์ ยังทำอยู่ แต่คุณธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ทรงไว้แล้ว เป็นคุณ เป็นสิ่งที่ดีแล้วเกิดแล้วเป็นแล้ว 

ธรรมะชนะอธรรม อันนี้เป็นความยิ่งใหญ่ ที่พวกเราไปประท้วงก็ใช้ธรรมะ เป็นธรรมะที่เป็นคุณธรรมอันยอด ใช้ความสงบสยบความรุนแรงชนะความรุนแรงได้ ซึ่งมันชนะจริงๆ และชนะอย่างหลายรัฐบาลด้วย อันนี้อาตมาถึงบอกว่ายังยากเพราะเป็นโลกุตรธรรมที่ชาวรัฐศาสตร์ หรือนักการเมืองทั้งหลายแหล่ของโลก ยิ่งทางเทวนิยมตะวันตก ยิ่งเข้าใจยาก แม้ในคนไทยที่เป็นพุทธมีความรู้ทางธรรมะศาสนาบ้างแล้วก็ตาม ก็ยังไม่ง่ายที่นักรัฐศาสตร์จะเข้าใจสิ่งที่อาตมายืนยัน มันมีฟีโนมินอล และเป็นฟีโนมิน่า คือเป็นพหูพจน์เป็นปรากฏการณ์หลายทีแล้ว เป็นตัวอย่างขึ้นมาให้เห็นอย่างแท้จริงว่า เราได้ใช้นีโอโพเทส การประท้วงแบบใหม่ ขออภัยขอยืนยันว่าอาตมานี่แหละเป็นผู้ที่พยายามจะชี้นำชี้แนะว่าเอาอย่างนี้ เอาอย่างนี้นะ แบบนี้นะใช้อย่างนี้นะ หลายๆอย่างใช้พยัญชนะสื่อเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาไทย อาตมาก็จำไม่หวาดไม่ไหวแล้วใช้อะไรบ้างแต่มีโบรชัวร์อยู่ พอเอามายืนยันได้ แล้วก็มีภาพวีดีโอเก็บไว้ ถ้าพวกที่ทำรัฐศาสตร์เก็บละเอียด เขาจะเอาไปทำ Thesis เล่มใหญ่ๆ เป็นเรื่องดีๆ เป็นเรื่องของรัฐศาสตร์นี้เลย 

NEO PROTEST ปรัชญาการชุมนุม ได้แก่ สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราได้ใช้ ได้ประพฤติมาจริง ได้ประสบผลสำเร็จมาจริง มีหลักฐานยืนยันว่า นี่เป็นประชาชนปฏิวัติ ที่นักศึกษารัฐศาสตร์จะต้องศึกษา ประชาชนเอามือเปล่าและเอาความสงบจนชนะ อย่างไรเขาก็ฟังขึ้นยากเชื่อยากว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ไม่มีมีดไม่มีปืน  แต่เขามีอาวุธ มีมีด มีปืน เขามีเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่จะทิ้งตูม ตูมเข้าไป คุณก็ตายแหงๆ แต่มันต้องสมประกอบกันทั้งคนไทย เพราะฉะนั้นมวลคนไทยมีคนดีนี่แหละเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า คนไทยมีการเมืองที่สุดยอดของโลกุตรธรรม ที่เป็นประชาธิปไตยถึงขั้นปฏิวัติหรือรัฐประหารด้วยธรรมะ เอาธรรมาวุธเป็นอาวุธประหาร จนกระทั่งรัฐบาลยอมแพ้ออกไปเลย อาตมาก็ขยายความแล้ว 

ระดับที่ 1 ทักษิณ ก็ต้องมีทหารมาช่วยคือพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน มาทำพิธีเหมือนเอามายิง เอามาใกล้แต่ไม่ได้ยิงสักแปะหรอก จบ ส่งสมัครขึ้นมาอีก (นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ) เราก็ไปประท้วงอีก ตุลาการภิวัตน์ก็ช่วยอีกตัดสิน มันก็ตลกง่ายๆแค่ที่ไปรับเงินโฆษณาเป็นการผิดกฎหมาย ก็ตกกระป๋องไปอีก เอาสมชายขึ้นมาอีก (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์) โอ้โห ทีนี้เข้าทำเนียบไม่ได้เลยสมชาย พวกเรายึดกลางทำเนียบ ปลูกข้าวทำนาในทำเนียบเลย จนสมชายไปอีก ก็ต้องยุบสภาตกกระป๋อง ต้องเอาอภิสิทธิ์มาคั่น ยุบสภา (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)

พอยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ทักษิณก็มีฤทธิ์อีก เอาน้องสาวขึ้นมาอีกได้เป็นนายกฯ (น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) โอ้โห! ทีนี้โกงกันหนักเป็นแสนล้านเลย เราก็ไปไล่อีก คราวนี้แหละบริสุทธิ์ผุดผ่องเลย ไม่มีทหารช่วย จะบอกว่าตุลาการภิวัฒน์ เขาก็ทำผิดชัดๆ อยู่แล้ว หมดฤทธิ์เดชหมดอำนาจไปในทีเลย จนมีผู้รักษาการ รักษาการก็ไม่ได้เป็นจริงแล้วหลุดไปอีก ถ้าพวกรัฐศาสตร์จะบอก รักษาการก็ไม่มีอำนาจแล้ว จนกระทั่งพลเอกประยุทธ์เข้ามาบอกว่า ถ้าอย่างนั้นผมขอยึดอำนาจ ทั้งๆที่มันไม่มีอำนาจแล้ว มันขาดลอยแล้ว แต่ทำเป็นรูปธรรมตามธรรมเนียมของโลก ขนาดนั้นคนก็ยังไม่เข้าใจว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ไปยึดอำนาจ ไปใช้ภาษาตามรูปแบบเท่านั้นเองว่างั้นผมขอยึดอำนาจ ก็พูดจริงไปทำจริง แต่พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เป็นเผด็จการ ไม่ได้ไปทำรัฐประหารเลย ไปแสดงอะไรอย่างสุภาพเรียบร้อยเป็นผู้ดีด้วย ถ้าอย่างนั้นผมขอยึดอำนาจ…เสร็จ! 

แล้วพลเอกประยุทธ์ก็ขึ้นมาเป็นนายกฯ บริหารทันที ถ้าพลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจแล้วก็ให้ประชาชนคนใดคนหนึ่งที่เป็นราษฎรขึ้นมา ที่ไม่ใช่อำนาจทหาร อันนี้มันก็จะสวยงามยิ่งกว่า แต่อย่างว่าเราคิดไม่ออก แล้วมันก็เป็นเรื่องทันทีทันใด เป็นเรื่องที่มันเกิดกับปัจจุบัน ในฐานะนั้นพลเอกประยุทธ์ก็เลยบริหารต่อ พวกเราก็ไม่ได้ไปประท้วงอะไร แล้วทำงานเข้าตาอีก พลเอกประยุทธ์ทำงานไป จนกระทั่งทุกวันนี้ แต่ก็ยังมีคนตาบอดตาถั่ว บอกว่าประยุทธ์ทำประโยชน์อะไร ไม่เห็นทำอะไรขึ้นมาได้ โอ้โหเจ้าประคุณเอ๋ย ทำไมมันตาถั่วขนาดนั้น ทำอะไรต่ออะไรให้ประเทศเจริญขึ้นไปตั้งเท่าไหร่ ติดอันดับโลกขึ้นไปตั้งเท่าไหร่ ข้างนอกเขาให้สถิติ เขายอมรับว่า ไทยนี้อยู่ในฐานะอันดับนั้น อันดับนี้ขึ้นมา ประเทศเล็กๆนะประเทศไทย ไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่อะไรเลย มีแต่คุณธรรมอย่างเดียว แล้วเจริญมาได้ถึงขนาดนี้ ด้านต่างๆ เอาล่ะ ค่อยดูไป 

เพราะฉะนั้นพวกเราทำอันนี้ก็คอยดูต่อไป นี่ตอนนี้ไม่รู้จะออกหัวออกก้อย ใครจะได้เป็นนายกนะ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่โอ้โหสวยงามจริงๆเลย มันใช้การค้านแย้ง เพราะประชาธิปไตยต้องมีฝ่ายค้าน ต้องมีการเปรียบเทียบกัน ต้องทำไปตามกฎเกณฑ์ ตามมารยาทอะไรก็แล้วแต่ ใครที่ได้คะแนนสูงสุดได้สิ่งที่ควรเป็นที่สุดแล้ว มันก็จะออกมาเอง เรียกว่า ร่อนไปจนกระทั่งเกิดได้ตัวทองคำแท้ขึ้นมา ร่อนจนกระทั่งเศษที่ไม่ใช่ทองคำหลุดไปหมด ได้ทองคำ นี่มันก็กำลังทำหน้าที่นี้อยู่ เพราะฉะนั้นตัวไม่จริงก็ค่อยๆ หลุดไปหลุดไป หลุดไป เราก็ยังไม่รู้ได้ว่าจะเป็นอย่างไร 

อาตมาขอใช้ตัวเดาของอาตมานะ นี่เป็นการเดานะ เดาว่ามันจะร่อนออกมา แล้วก็ร่อนเอาตัวที่ได้มาตัวหนึ่ง ขออภัยที่อาตมาใช้คำว่าตัวหนึ่ง ไม่ได้ไปดูถูกดูแคลนอะไรหรอก จะได้ว่าท่านผู้หนึ่ง เออเอาศัพท์สวยๆ จะได้ท่านผู้หนึ่งมาเป็นนายกฯ ทีนี้เมื่อได้ท่านผู้นั้นมาเป็นนายกฯ แล้ว ก็ทำงาน ทีนี้ผลงานของพลเอกประยุทธ์ทำไว้มันมีแล้ว ตอนนี้ล่ะใครจะมาเป็นนายกฯ ต้องคิดให้ดีนะ สถิติเขาทำไปแล้ว คุณจะชนะสถิติที่เขา Best Record (ดีที่สุดที่ได้บันทึกไว้) ไว้แล้ว คุณจะ Beat Record (ทำลายสถิติเดิมที่บันทึกไว้) นี้เขาได้ไหม เอ้าทีนี้คำตอบ ถ้าสมมุติว่าคนนี้เขามาเป็นนายกฯ แล้วก็ทำงาน มัน Beat record ของท่านนายกประยุทธ์ไม่ได้ ประชาชนก็จะรู้ความจริง เหตุการณ์ต่อไปในอนาคต อาตมาเดาไม่ออก 

พลเอกประยุทธ์ก็บอกวางมือแล้ว ไม่อยากไปยุ่งเรื่องการเมืองแล้ว อาตมาว่าพลเอกประยุทธ์ทำนี้เป็นความจริงใจด้วย แล้วอาตมาเคยพูดว่าความบริสุทธิ์จริงใจเท่านั้นจะชนะทุกสิ่งทุกอย่างในโลก พลเอกประยุทธ์นี้ทำไปจนกระทั่งคนดูถูกว่าพูดภาษาอังกฤษก็ไม่เก่ง คนใหม่มา พิธายังพูดเก่งกว่า (นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์) โธ่! ภาษาอังกฤษสมัยนี้จะไปยากอะไร ถือแผ่นอันนี้ (เครื่อง Smart Phone) มากดก็ได้แล้ว เขาพูดมา เครื่องก็ให้แปลเอง ไม่เห็นจะมีปัญหาเลยสมัยนี้ 

งั้นก็เอาพวกไกด์ที่พูดภาษาอังกฤษมาเป็นนายกฯ ก็ได้นี่นะ ยิ่งสมัยนี้แล้วยิ่งไม่มีปัญหาเลย ผลงาน ไม่ว่าทางด้านจิตวิทยา ไม่ว่าจะทางรูปธรรม มันมีชัดเจนรายละเอียด ที่ทำขึ้นมา เพราะฉะนั้นนายกฯ ประยุทธ์นี้นะ อาตมาดูแล้วอายุยังแค่ 70 กว่า ยังไม่ถึง 80 อาตมา 90 ยังแจ๋ว นายกประยุทธ์ยังไม่ถึง 70 มันควรจะทำงานต่อได้ จะไปดึงไปขอให้นายกฯประยุทธ์มามันจะได้ไหมนี่ อาตมาเสียดายจริงๆ เพราะยังมีไฟ ยังมีงานที่ตัวเองค้างไว้ 

คำ “การเมือง” มีความหมายที่ลึกซึ้ง ท่านไม่ได้ไปแข่งขันอะไรกับนักการเมืองที่มันแย่งอำนาจ ท่านไม่แย่ง อันนี้เป็นสัจจะของประชาธิปไตยที่แท้จริง ใช่ ทำงานจริงเป็นการเมือง ไม่ได้เล่นการเมือง แต่คำว่าการเมืองของเขา พวกนักรัฐศาสตร์แปลไว้ว่าเป็นการแย่งอำนาจ การเมืองคือคนได้อำนาจ คนที่ได้อำนาจคนนั้นเป็นผู้ที่ได้บริหาร ได้ประพฤติ ได้ทำงานที่เขาจะทำ เขาขึ้นมารับตำแหน่ง เขาก็เป็นผู้ที่ทำการเมือง บริหาร เขาก็แปลตื้นๆง่ายๆอย่างนี้ไว้ เพราะฉะนั้นสัจจะที่มันลึกซ้อนลงไปเป็นประชาธิปไตยแท้ๆ ก็คือคนทำงานที่จริง ยิ่งกว่าโม้ คุยบอกไปอย่างนี้ ทำงานจริงๆ แล้วต้องมีความรู้ความสามารถที่รังสรรค์ประเทศชาติพลเมืองให้เกิดความเจริญเป็นอยู่สุข อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนความเสียสละ ได้จริงแท้อย่างนี้ต่างหากเล่า มันสุดยอด 

เพราะฉะนั้นยิ่งดูไปแล้วยิ่งเห็นว่า พลเอกประยุทธ์นี้เป็นโพธิสัตว์ที่แท้จริง จิตสะอาด จิตที่ทำแล้วบริสุทธิ์ แล้วทำงานมีฝีมือ มีความสามารถมีอะไรต่ออะไร อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นอาตมาถึงบอกว่า สิ่งจริงที่มันเกิดจากคนและพฤติกรรมอาตมาว่าพลเอกประยุทธ์นี้ ถ้าได้ทำต่อไปอีกสัก 10 ปีเป็นอย่างน้อย ประเทศไทยจะเจริญ ประเทศไทยจะเจริญแบบโลกนี่แหละ แบบที่โลกๆเขานิยมเป็นสากลด้วย ซึ่งเราก็ไม่ได้น้อยหน้าน้อยตาอะไร เดี๋ยวนี้ก็ขึ้นสถิติขึ้นทำเนียบที่เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆใดๆ ก็ไม่ได้น้อยหน้า มันเป็นความจริงที่จะยืนยัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นแม่ที่ให้กำเนิดโลกุตรจิต วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 12:44:53 )

อโศกคือผู้ที่มีสุคติไม่ใช่ทุคติ

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้ทำหน้าที่บริหารสังคมประเทศ ไม่ได้มีหน้าที่ไม่ได้เป็นข้าราชการไม่มีตำแหน่งยศศักดิ์อะไร แต่อาตมาทำหน้าที่พลเมือง ก็บริหารผู้ที่สนใจ ใคร่ศึกษาว่า จะมีระบบระบอบอะไรที่เยี่ยมยอดระบบระบอบโลกุตระที่เยี่ยมยอดของพระพุทธเจ้านี่แหละเป็นอารยธรรม อาตมาก็เอามาประกาศอธิบายเผยแพร่ พวกคุณชาวอโศกได้รับ โอ้ อันนี้ใช่ก็มาศึกษาแล้วมาประพฤติปฏิบัติ มาให้อาตมาบรรยาย มาให้อาตมาสอน มาให้อาตมาทำความเข้าใจให้แล้วเข้าใจเอาไปปฏิบัติจนบรรลุธรรม แล้วก็มาอยู่รวมกัน ตามธรรมชาติของน้ำไหลไปหาน้ำ น้ำมันไหลไปหาน้ำมัน เกิดสังคมกลุ่มชุมชนชาวอโศก เป็นชุมชนกระจัดกระจายอยู่ร่วมกันในประเทศไทย แล้วก็มีวัฒนธรรมมีการดำรงชีวิตดำเนินไปเป็นสุคโต อย่างที่เป็นนี่ละ่คือสุคโต ผู้ที่ไปดีแล้วสุคติ นี่แหละคือผู้ที่มีสุคติไม่ใช่ทุคติ ไม่ใช่ไปอย่างทุรกันดารแต่ไปอย่างสุคติ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:31:13 )

อโศกคือไม่โศก ไม่เศร้า ไม่ซึมเศร้า

รายละเอียด

ความซึมเศร้าในชาวอโศกจะหาได้ยากมาก เพราะอโศกคือไม่โศกไม่เศร้า ใครที่เข้ามาซึมเศร้าในนี้ คือมันไม่มี เพราะมันจะเป็นคนจนสุขสำราญเบิกบานใจกันทั่วไปงานเยอะไม่มีเวลาเศร้า มีแต่เวลาเหนื่อยหอบแดด แต่ก็ดีจังเลย ทำงานเหนื่อยแต่ได้สั่งสมกุศลธรรม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ  วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 19:47:03 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:07 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:15:27 )

อโศกจะจนไปจนกว่าจะเกิดกลียุค

รายละเอียด

ไม่ใช่หลอกล่อแฝงซ่อน ดูไปเลย ชาวอโศกจะจนไปอีกร้อยปี จนกว่าจะเกิดกลียุค อโศกจะจนไปจนโลกแตก อย่างศาสนาคริสต์ก็น้ำท่วมโลก ศาสนาพุทธก็ไฟประลัยกัลป์ล้างโลก คนที่มีบารมีเป็นโพธิสัตว์ก็จะรอด เป็นพระอาริยะจะต้องสะสมบารมีอยู่รอด ผู้ที่อยู่ได้คือผู้ที่มีบารมี ไม่มีบารมีอยู่รอดไม่ได้ จะเหลือผู้มีบารมีต่อเชื้อดีเอ็นเออยู่ในโลก จนกว่าโลกนี้จะแตก เอกภพนี้จะเปลี่ยนตัว ไม่ต้องใช้ว่าแตก ถ้ามีการเชื่อมต่อตลอดเวลาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จะมีสัดส่วนของบางอย่างถูกต้อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 12:53:49 )

อโศกจะเป็นแกนหลักของความจริง 

รายละเอียด

อโศกจะเป็นแกนหลักของความจริง  คือ มีเหตุการณ์ดีๆ เกิดขึ้น  ช่วงน้ำท่วมราชธานีอโศก  เป็นของจริงไม่ใช่เรื่องปลอม  บังคับกันมา หรือหลอกลวงกันมา  ไม่ใช่มันเป็นความจริง  ของจริง  อาตมาว่าอโศกจะเป็นแกนหลักของความจริง  มาช่วยกันเถอะตัวเราเป็นหน่วยหนึ่งก็มาร่วมกับหมู่  ยิ่งคนคิดดี  คิดสิ่งถูกต้อง  ส่งเสริมกันไม่ใช่เอาชนะคะคานกัน  แล้วช่วยกันเอามาประพฤติ  ตามที่ทำได้  ไม่ใช่ความคิดที่พิลึกที่ทำไม่ได้  หรือแบบไม่ได้เรื่องได้ราวแต่นี่ไม่ใช่  ไม่ได้เจ็บปวด  แบบแทงแก้ม  แทงตัว  เอามีดดาบมาฟัน มันคนละมิติ  คนละวิธี  ผู้มีปฏิภาณปัญญา  มีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์  เลือกอันไหนดีกว่ากัน  เราทำมาได้ถึงทุกวันนี้  เพราะคำสอนพระพุทธเจ้า  ไม่ใช่หลง  แต่เอามาพิสูจน์

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช  วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 14:00:57 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:35:26 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:16:18 )

อโศกจะไม่แตกรังหลังพ่อครูมรภาพเพราะอะไร

รายละเอียด

อาตมาเองพยายามรักษาชีวิต ประคองชีวิตไป ให้ยาวนานหน่อย ทั้งๆ ที่เมื่อยๆ พูดตรงๆ พูดชัดๆ อาตมาน่ะอยากตายแล้ว พูดตรงๆ มันเมื่อยจริงๆ เพราะฉะนั้นก็เอาแต่นอนพัก กินอาหารวันหนึ่งใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง โอ้ย.. มันทรมานทรกรรม กินอาหารกว่าจะได้ปริมาณเพียงพอที่จะใช้ มันช้า เคี้ยวกิน มันไม่เหมือนคนที่กินด้วยความเอร็ดอร่อย กินด้วยความต้องการ มันพูดไปแล้วคนเข้าใจยาก แต่ก็เอาเถอะพูดความจริงสู่ฟังก็แล้วกัน 

ก็พยายาม พยายามที่จะอยู่เพื่อจะสืบทอดต่อยอดของโลกุตระ ที่มันเสื่อมจนกระทั่งตอนนี้ขึ้นมาใหม่ โลกุตรธรรมก็อุบัติขึ้นมาในประเทศไทยชาวพุทธไทย รับได้แล้วก็เอามาสืบสาน สืบสานแล้วมันไม่เหมือนกับที่เขาเข้าใจ เดี๋ยวโพธิรักษ์ตาย พวกนี้ก็แตกรัง แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ตั้งสำนักขึ้นซัดกัน ก็เราจะพูดไปก่อน มันยังไม่ถึงเวลา เขาก็หาว่ามาอวดดี พูดแก้ตัวไป คอยดูเถอะ ตายแล้วเมื่อไหร่จะเป็นอย่างที่เขาว่า เพราะสำนักต่างๆ มันเป็นเช่นนั้น แต่เขาไม่รู้เราโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า มันไม่มีที่มันจะเป็นอย่างที่ว่านั้น เพราะสัทธรรมของพระพุทธเจ้านี้ได้แล้วมีแต่จิตที่เป็น ญาติธรรมกันหมด

คนที่เป็นพระอาริยะจริงๆ โดยเฉพาะเป็นอรหันต์ขึ้นไปจิตใจจะมี สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้หมด มันเป็นอย่างนี้ถ้ามันไม่ถูกต้อง ไม่สัมมาทิฏฐิก็จะเป็นอย่างที่เขาว่า หัวหน้าสำนักตายไม่ช้าไม่นานที่เหลือก็แยกกัน หรือตั้งสำนักแข่งกัน  ซึ่งมันก็จริง แต่ก็ยังดีอยู่นะ ชาวพุทธเราดีกว่าเขาก็ยังเคารพครูบาอาจารย์ แม้เขาจะแยกสำนักไปเป็นอาจารย์ หัวหน้าสำนักต่างๆ เยอะแยะเลยยิ่งกว่าหนังกังฟู หนังกำลังภายในหัวหน้าแยกไป พอดังแล้วแยกวง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 33 ไม่มีความไม่จริงในสิ่งที่

พ่อครูพูดเรื่องโลกุตระ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2565 ( 14:42:04 )

อโศกช่วยผู้อื่นให้เจริญในทิศทางเป็นอาริยบุคคล

รายละเอียด

มีคนช่วยดูแลกันอยู่หลายคน ส่วนอาตมาก็ดูแลเรื่องของธรรมะ ดูแลตรวจสอบ ตัวเองต้องพยายามอยู่กับธรรมะ แล้วดึงธรรมะขึ้นมา อาตมาจะอยู่กับธรรมะตลอดจะปรุงแต่งจะนึกคิดอย่างไรก็อยู่กับธรรมะ เดี๋ยวนี้ก็ปลดเกษียณตัวเอง การดูแลบริหารก็ปล่อย นอกจากจะสะดุดตรงนี้ตรงไหนแล้วจะเพิ่มเติมเอาตรงไหน ก็นิดหน่อย นอกนั้นก็มีผู้ช่วยขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือเฟือฟาย แล้วเราก็มารวมกันเป็นหมู่กลุ่มที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นจริงๆ นำพาช่วยผู้อื่นให้เจริญในทิศทางเป็นอาริยบุคคล ไม่ใช่เจริญด้วยลาภยศสรรเสริญโลกียสุข

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 19:53:48 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:34 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:51:45 )

อโศกตัวอย่างของโลกในแง่ใด

รายละเอียด

อโศกตัวอย่างของโลก อย่าหาว่าคุยโม้คุยตัวเศรษฐศาสตร์ก็เป็นที่หนึ่ง รัฐศาสตร์การเมืองก็เป็นที่หนึ่ง สังคมศาสตร์ก็เป็นที่หนึ่ง อยู่กันอย่างอบอุ่นสุขสบาย อุดมสมบูรณ์สุขสำราญ จนอย่างสุขสำราญเบิกบานร่าเริงใจ 

คนไม่เข้าใจสัจธรรมว่า มาจนแล้วมันจะมีความสุขได้อย่างไร เห็นไหมว่าเขาเข้าใจผิวเผินเหลือเกิน ไปมองว่าความจนเป็นความทุกข์  ไปมองว่าความรวยเป็นความสุข ความจนเป็นความทุกข์ ซึ่งมันไม่ใช่ มันไม่จริง คนรวยมีทุกข์จะตายนั้นมีเยอะไป คนจนนั้นเป็นสุขมากกว่าคนรวยมีเยอะไปที่จริงความสุขเป็นมายา ความทุกข์เป็นมายา อันนี้ล่ะ เป็นโลกุตระชั้นสูงสุด อันนี้ชาวอโศกมายืนยันทฤษฎีวิเศษของพระพุทธเจ้าในเวลานี้ขณะนี้โลกในยุคนี้ก็ยังมีปรากฏความจริงให้พิสูจน์ เชิญมาพิสูจน์เชิญมาตรวจสอบได้ คุณมีปัญญาพอจะตรวจสอบไหมล่ะว่านี่คือโลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 15:58:35 )

อโศกต้องเป็นคนรับใช้สังคม

รายละเอียด

อาตมาภูมิใจที่พวกเราเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ได้ ไม่ต้องยึดถือในตัวตน แพ้ก็ได้ ไม่เห็นจะต้องไปชนะทำไม ความแพ้นี่แหละเราจะเป็นผู้รับใช้ เธอเป็นคนเสียสละไม่ใช่เป็นคนเสียหาย เสียสละนี่แหละดีแล้ว เรารู้สาระสัจจะความหมายของคุณธรรม คุณธรรมเป็นคนเสียสละ เป็นคนยอมแพ้เป็นคนขาดทุนของเราคือกำไรของเรา มันชัดเจนที่สุดไม่ได้พูดปากเปล่ามันเป็นเรื่องจริง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:46:03 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:46 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:16:56 )

อโศกถูกกระทำทำจากเถรสมาคม มองมุมสึกทำให้เราเจริญ

รายละเอียด

เรายอม ไม่ใช่ยอมอย่างไม่เข้าท่า อย่างอาตมายอม เถรสมาคมพยายามจัดการข่ม อาตมาก็ใช้วิธียอม แต่ยอมอาตมาไม่ได้หยุด อาตมาก็หาทางทำงานให้ได้ แล้วมันยิ่งดูดีด้วย รู้สึกว่าเราทำได้โดยที่เรียกว่า มันเหมือนกับทุกคนเขาคอย เราเอาหลักฐานพระพุทธเจ้ามายืนยัน เขาแย้งไม่ได้ มันทำให้เราป้องกันตัวเองได้ว่าเราจะต้องไม่ผิดตามแบบพระพุทธเจ้าถ้าผิดมันก็จะโดนนะ มันก็เลยยิ่งดีใหญ่เลย ไม่งั้นเราจะเหลิงคะนองด้วยจะผิดพลาดด้วย ตอนนี้บอกว่าอย่าผิดนะมีหลักฐานนะ มันก็จึงทำให้เจริญ บางทีก็คิดไม่ถึงไม่ทันเหมือนกันว่า สิ่งที่เราโดน โดนอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้น แต่สิ่งที่มาควบคุมเรานี่แหละกลับทำให้เราเจริญ เราเป็นคนดีทำสิ่งที่ประเสริฐมันเป็นประโยชน์ต่ออะไรต่ออะไร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2563 ( 12:59:57 )

อโศกทำการเมืองเพื่อประเทศชาติ

รายละเอียด

อาตมาเกิดมาในชาตินี้ อาตมาถึงภาคภูมิใจ อาตมาไม่ใช่เพิ่งทำได้ แต่ทำได้กับพวกเราชาวอโศกมานานแล้ว จนสามารถพาพวกเราไปกู้ประเทศชาติ ไปเผยแพร่ลัทธิ ทำกินทำแจก ไปทำแจกอยู่กลางถนนเป็นปี ใครมาก็ให้กิน กินแล้วก็หนีก็ไม่ว่า ให้อยู่ร่วมเป็นมวลประชุมประท้วงก็มี กินแล้วหนีไปเฉยๆก็มีเยอะไป ก็ไม่เป็นไร แล้วเราก็มาทำงานให้แก่ประเทศชาติมาประท้วง จนสำเร็จในด้านการเมือง คือประท้วงอย่างถูกกฎหมาย ประท้วงด้วยความสงบ ประท้วงด้วยการไม่มีอาวุธ ประท้วงด้วยความสงบ สยบความเคลื่อนไหว รัฐบาลไม่มีสิทธิ์จะทำงานต่อไปได้เสร็จไปหลายรัฐบาล ด้วยความสงบสยบความเคลื่อนไหวนั้นเป็นผลสำเร็จ นี่คือนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราไม่ได้ใช้อาวุธเลย ไม่ผิดกฎหมายสากล ใช้ความสงบใช้ความจริง ออกมายืนยันประกาศว่าเอ็งผิด ๆๆ ด่าจัดเลยเก่งมาก ด่าเขาสู้แต่ว่าเขาสู้ไม่ได้ สู้ความสงบไม่ได้ สู้ความจริงที่ยืนยันความจริงไม่ได้ ประกาศให้ประชาชนรู้และเข้าใจ ประชาชนก็มีพลังกายวาจาใจมาร่วม จนเกิดพลังรวมที่ยิ่งใหญ่เป็นความสงบเรียบร้อย ราบรื่น พลังความสงบ ขจัดและหยุดพฤติกรรมพวกนั้นสำเร็จไปได้ แต่ก็ยังตีท้ายครัว ยังสะสมอาวุธก็ต้องลอบตามจับกันอยู่ เป็นพวกเศษกากที่เหลือ มันยังไม่ยอมจบเพราะมันยังมีหัวเชื้อมาร ยังมีการให้น้ำเลี้ยงและสร้างอิทธิพลแผ่อิทธิพลมาอยู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม 5 รูป 28


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:02:41 )

อโศกทำความจบสูงสุดของมนุษย์ได้ตามคำสอนพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

กับคนนี่ก็มีวิบากร่วมกันมหาศาลและที่จะจัดการกันให้ทุกคนอย่ามามีความพยาบาทอย่ามีความรัก อย่ามีกามมีพยาบาทแก่กันและกันเลย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด 

ไม่ใช่แค่พูดเอาแต่ต้องมาทำจริงๆให้เลิกให้ปล่อยให้วางไม่มีทั้งกามในระดับดูด ไม่มีทั้งพยาบาทหรือความผลัก ไม่มีพลังงานดูดผลักอยู่กันอย่างกลางกลางแล้วทำงานร่วมกันตามความเหมาะสมอย่างที่เราทำร่วมกันอยู่ได้เป็นอุเบกขา เจริญสูงสุดได้ 

เพราะฉะนั้นเราทำมา ยิ่งในยุคนี้ใกล้กลียุค งานที่จะให้คนมีความรู้ในพระพุทธพระธรรมของพระพุทธเจ้าตรัสรู้นี้ ซึ่งไม่ใช่ธรรมะโลกีย์ที่วนเวียนอยู่และเอาผลประโยชน์สมบัติผลัดกันชมไม่ใช่ยังมีตัวมีตน แต่นี่ไม่มีตัวตนเลย มีแต่เกื้อกูลกันทุกคน มีแต่ใจให้คนอื่นไม่ได้เห็นแก่ตัวเลย แล้วมันไม่เสียหายเลย ในสังคมทุกคนไม่มีใครเห็นแก่ตัวไม่มีตัวไม่มีตน มีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น มันจบแล้ว นี่คือความจบสูงสุดแล้วมนุษย์ ไม่ใช่แค่ปากเปล่าพูดแต่มันทำได้ อย่างอโศกเราทำได้มีคุณภาพประสิทธิภาพอย่างนี้ก็ทำได้ในคำสอนพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:38:29 )

อโศกทำชุมชนสาธารณโภคีสำเร็จในยุคนี้

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถมีชีวิต ไม่มีมากถึงขั้น เฉพาะตนนั้นศูนย์เลย ยืนอยู่ที่ฐาน 0 อยู่ที่ตั้งแห่งความสูญ ตนเองไม่ต้องสะสมทรัพย์สินส่วนตัวเลย อยู่กับส่วนกลางอยู่กับหมู่ชุมชน อยู่กับทรัพย์สินส่วนกลาง ซึ่งอันนี้ก็ขอพูดอย่างไม่ได้อวดตัว อโศกเราทำสำเร็จ มีชุมชนสาธารณโภคีตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้สอนทฤษฎีนี้เอาไว้ เรามาทำในยุคนี้สำเร็จ พระพุทธเจ้าทำสำเร็จได้ในวงของสงฆ์ภิกษุ สำหรับฆราวาสทำยังไม่ได้ เพราะยังเป็นยุคของทาส เป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือแม้แต่ความเข้าใจสิทธิมนุษยชน สิทธิการแสดงออกสิทธิอะไรต่างๆยังไม่ค่อยเข้าใจกัน ทั้งที่เป็นคนน่าจะมีสิทธิมนุษยชน เต็มสภาพ ก็ยังไม่ได้ เป็นยุคทาส ใช้อำนาจกดขี่กัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:33:33 )

อโศกนี่เป็นพรรคการเมืองอิสระที่ถาวร

รายละเอียด

อโศกนี่เป็นพรรคการเมืองที่ถาวร ที่เข้าใจว่าการเมืองคืออะไร แล้วก็ไม่ขอตั้งพรรคทางนิตินัย เป็นพรรคอิสระ กฎเกณฑ์ก็ไม่ต้องมาทำอะไรกับอโศกทางนิตินัย เพราะอโศกเป็นผู้ที่มีอิสรเสรีภาพที่จะเป็นพรรคการเมืองนอกนิตินัย เป็นประชาชนในระบอบประชาธิปไตย 100% มีสิทธิ์ที่จะมีคณะมีพรรคการเมือง โดยไม่ต้องขอ แต่เป็นอยู่แล้ว ดำเนินการทำงานการเมืองอยู่ในสังคม ชาวอโศกทำงานการเมืองไปประท้วงรัฐบาลที่โกงได้เป็นตัวหลัก เป็นหลักเลย ชาวอโศกเป็นพวกประท้วงหลัก ล้มรัฐบาลไปได้ถึง 3 รัฐบาล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 21:42:49 )

อโศกนี้เศรษฐกิจดีจริงๆเป็นเศรษฐกิจที่มีภูมิปัญญาเข้าใจ

รายละเอียด

สิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานความจริงต่างๆที่เอามาพิสูจน์ อาตมาเองอย่างที่พูดเรื่องเศรษฐศาสตร์เรามาเป็นคนจน ไม่สะสม 0 แต่เราขยันหมั่นเพียรสร้างสรรในสิ่งที่เรารู้ เรามีความสามารถแล้วอาศัยใช้สอยมีเหลือเฟือ มีเหลือเราก็พอจิตใจเราก็สบาย สิ่งที่เหลือเราก็แจกจ่ายแก่ผู้อื่นไปก็เป็นประโยชน์ให้คนอื่น เพราะฉะนั้นความหมายของคำว่าเศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐกิจดีนี้ อันนี้แหละ มันยากจริงๆ ยากมากๆ อโศกนี้เศรษฐกิจดีจริงๆเป็นเศรษฐกิจที่มีภูมิปัญญาเข้าใจสิ่งที่มีเหตุปัจจัยแล้วก็เฉลี่ยกันอย่างไม่มีอคติ เฉลี่ยแบ่งแจกกันอยู่อย่างไม่ทะเลาะวิวาทกันไม่แย่งชิงกัน สงบ อย่าว่าแต่แจกกันในสมาชิกเลย ยังเหลือไปแจกคนที่ไม่ใช่สมาชิกด้วย นี่คือเศรษฐศาสตร์ที่มันสมบูรณ์ มันอุดมสมบูรณ์ มีน้อยแต่มันพอ เพราะฉะนั้นถึงว่าภาษาที่พูดนี้เข้าใจยาก มันเป็นภาษาปรมัตถ์ สิริมหามายา เป็นภาษาเทวดา มันไม่สามัญ เป็นภาษาทิพย์ มันยาก มันต้องมาเห็นจริงเป็นจริง แล้วตัวแต่ละคนก็จะมีธาตุของ อปรปฺปจฺจยา  ญาณเมวสฺสเอตฺถ โหติ ฯ แต่ละคนของคุณก็จะมีธาตุตัวนี้จริงของคนมีจริงไม่ต้องเชื่อใคร ถ้าได้อย่างนี้แล้วเป็นอย่างนี้แล้ว มันตรงกับลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้าหรือผู้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าได้ ต้องเชื่อสิ่งที่เป็นสัจจะที่ได้นี้ มันเป็นความเชื่อของเราเองที่เป็นอิสระเสรีภาพบริบูรณ์ พูดกันอย่างพวกเรา พอบอกว่าเรามาเป็นคนจน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:17:34 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:05:08 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:51:02 )

อโศกนี้เศรษฐกิจดีมากดีที่สุดในโลก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะยืนยันเป็นเครื่องชี้บ่งว่าเศรษฐกิจดีนั้น ขอให้มองอย่างอโศก ของอโศกนี้เศรษฐกิจดีมากดีที่หนึ่งในโลก นี่พูดด้วยหลักวิชาการ ที่นักเศรษฐศาสตร์เขายังไม่รู้พอ เพราะเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจชาวอโศกถึงขั้นสาธารณโภคี สมาชิกของชุมชนพลเมืองเสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ อยู่ดีกินดีไม่ทะเลาะวิวาทแก่งแย่งอยู่กันอย่างพี่น้องอบอุ่น เป็นครอบครัวเลย มันสุดยอดแห่งการบริหารสุดยอดแห่งการปกครอง สุดยอดแห่งสังคมศาสตร์เศรษฐกิจการเมือง 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:00:49 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:53:17 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:18:03 )

อโศกบริหารแบบคนจนได้เพราะธรรมของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้แหละ ชาวอโศกทำได้เพราะอะไร เพราะปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติสำเร็จ ปฏิบัติมีมรรคผล คิดไม่มีตัวตน ลดตัวลดตน ไม่ยึดเป็นของเราเป็นตัวเรา ซึ่งมันเป็นจริงเป็นความสำเร็จของการศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าและปฏิบัติมีผลสำเร็จจึงมีพฤติกรรมจริงปรากฏการณ์จริง แล้วมันก็ไม่ได้ทำด้วยจิตใจทุกข์ร้อนอะไร มาจนก็ไม่ได้ทุกข์ร้อน จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจอีกต่างหาก ที่พูดไปจนหมดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 11:24:55 )

อโศกฝึกสมาธิลืมตา

รายละเอียด

      อโศกฝึกสมาธิลืมตา เดินจงกรมก็เดินลงนาถอนหญ้า ไม่เดินเปล่าๆ ชาวอโศกถือศีล 5 แบบเคร่งครัดแถมไม่กินเนื้อสัตว์ทุกคนด้วยอบายมุขไม่มี ไม่หาเงินใส่ตัวเอง ไม่กอยโกย

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 10:51:16 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:38:19 )

อโศกพร้อมหนุนนายกฯตู่ตลอดเวลา

รายละเอียด

อย่างนายกฯตู่นี้ทางคมนาคม ทางการค้าก็ทำงานได้ครบด้าน ขณะนี้มีพวกที่ fake news พยายามดิสเครดิตต่างๆ นานา เอาน่า แม้แต่พลเอกเปรมจะเตือนหรือไม่ให้กำลังใจก็ตาม เตือนก็ได้นะว่า กองหนุนหมดแล้วนะ แต่ขอยืนยันว่า อโศกไม่มีแปรเปลี่ยน หนุนเต็มที่ตลอดเวลา ขอยืนยันว่า ไม่มีใครเป็นกองหนุน อโศกยังตั้งหลักตั้งมั่น หนุนนายกตู่ตลอดเวลา หนุนเต็มที่ ถ้าใครมาอะไรต่ออะไรบ้าง..อโศกพร้อม เราก็ต้องขู่ไว้ก่อน เรามีหลักฐาน มีฝีมือที่ฝากไว้ พอที่จะเอามาอ้างอิงได้บ้าง เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องห่วงหรอก เราพร้อมจริง!

เพราะเรามองเห็นแล้วว่า มันได้สัดส่วนสมบูรณ์ถูกต้องดีแล้ว ขณะนี้ก็อายุแค่ 63-64 เองใช่ไหม ฟิตเปรี๊ยะ เอาถึง 75 80 เลย อีก 11​ ปี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:59:20 )

อโศกพุทธตรงคำสอนพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

คนข้างนอกว่าอโศกไม่ใช่พุทธ เราว่าเราก็มีความจริงตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้ายืนยันมากยิ่งขึ้น แล้วเอาสิ่งที่ในชาวอโศกมีไปตรวจสอบพวกคุณด้วย ตกลงใครถูกต้องใครเป็นพุทธกันแน่ ตรงตามพระพุทธเจ้าไหมเป็นสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 วรรณะ 9​ไหม มาถึงตอนนี้ 50 ปีที่อาตมาเป็นพระยืนยันหลักธรรมพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติให้เป็นจริงได้ พระพุทธเจ้าบอกว่าถ้ามีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตราบใด โลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ พวกเราปฏิบัติธรรมก็เป็น สมณพราหมณาสัมมัคตา .. ศาสนาพุทธก็จะยังไม่เสื่อม แต่ตรงกันข้ามกับของพุทธเจ้าที่เป็นเดรัจฉานวิชาเฮฮาสารพัดพูดไปแล้วก็เป็นเชิง ข่ม แต่มันก็ต้องตำหนิ นิคคัณเห นิคคห นิคคหารหัง ปัคคัณเหปัคคหารหัง ต่อมาก็สำรวมอินทรีย์ สังวรศีลอันเป็นอริยะ อินทรีย์สังวร หรือสังวรอินทรีย์ สํารวมอินทรีย์คือดูตาหูจมูกลิ้นกายใจทั้งหมดเดินยืนนั่งนอนในอิริยาบถปกติ ดูกรอัมพัฏฐะ อย่างไร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 10:33:59 )

อโศกพูดและทำได้จริงที่มีผลประโยชน์เป็นศูนย์

รายละเอียด

ถ้าคนไทยคิดบ้าง อโศกอวดตัว แต่ก็จริงที่บอกสิ่งที่ตนเองเป็น ยถาวาทีตถาการี พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ยถาการี ตถาวาที จะทำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เราเป็นผู้ที่ ผลประโยชน์เป็นศูนย์ ถ้าทำได้ถึงแล้ว อย่างพวกเรามาทำงานในนี้ ไม่มีรายได้ไม่เอารายได้ มีชีวิตสบายไปแต่ละวัน อาตมาว่าแต่ละคนอยู่ในชุมชนก็สมบูรณ์แล้ว สำเร็จในการสร้างเศรษฐกิจ สังคมกิจ รัฐกิจ อยู่อย่างบริหารเป็นรัฐศาสตร์ เป็นสังคมที่สุขสบาย สงบ มีกินมีใช้พอเพียง ไม่ได้โลภ ไม่ได้ต้องการมากมายกว่านี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 12:46:12 )

อโศกมีการสอนทำสมาธิให้นักเรียนมีความสงบอย่างไร

รายละเอียด

คำถามนี้เป็นคำถามที่ต้องตอบอย่างดีเลย วิธีทำความสงบไม่ได้นั่งสมาธิ แต่ทำสมาธิอยู่ในทุกอิริยาบถ ทำการอาชีพเลี้ยงชีวิตเราก็ทำสมาธิ เราทำกรรมกิริยาทุกกรรมกิริยา เราก็ทำสมาธิ

น้อยมากที่เราจะไปนั่ง meditation แทบจะไม่ต้องทำเลยเพราะเราเกิดสัมมาสมาธิ มีความเสถียรของสติไว้ มีมุทุภูตธาตุ  สัมผัสทุกอย่างแล้วเราจะมีจิตเร็วไว ไหวรู้ทันแล้วจะปรับจิตวิญญาณ ทุทุภูตธาตุ ของเราให้ทันการหมดเลย เพราะฉะนั้นสมาธิของเราไม่ใช่ไปช้านั่งนิ่ง แต่ของเรานี่มีแต่สมาธิที่ไวมากเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนากับท่าน Lopen Gembo Dorji แห่งภูฏาน

เรื่อง การพัฒนาโรงเรียนและการวางรากฐานพุทธศาสนาในระดับมัธยมศึกษา วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561 ที่ลานหินนั่งหน้าน้ำตกบวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 20:42:24 )

อโศกมีคงคลังที่ทวีของสัจธรรมไม่ใช่ธนบัตร

รายละเอียด

ถ้าต้นทุนคงคลังทวีมากขึ้น คงคลังที่ทวีของสัจธรรม ไม่ใช่ธนบัตร แต่เป็นหลักฐาน ดินน้ำไฟลมสถานที่ ที่คุณจะเป็นแหล่งประกอบการสร้างสรรทำงานสร้างผลผลิต อันนี้ต่างหาก คุณมีที่ดินมีเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ก็จะสร้างสิ่งเหล่านี้แข็งแรงขึ้นมากขึ้นๆ อย่างชาวอโศกเรา มีแบคโฮ 800 ในเมืองไทยมีแค่ 2 ตัว อีกตัวหนึ่งอยู่ที่เมืองถ่านหินแม่เมาะ เราก็ได้มาจากที่นั่นแหละ เซ้งมา Secondhand 6 ล้านบาทเมื่อหลายสิบปีนะ สมัยนี้ไม่รู้กี่ล้าน 18 ล้าน มันสตาร์ททีนึงกินน้ำมันมาก ขาดแคลนแบคโฮ 200 มาแลก 2 ตัวก็ให้นะ แต่มันก็มีงานที่จำเป็นต้องใช้แบคโฮ 800 นี้นะ แบคโฮ 400 เราก็มีอยู่ นอกนั้นก็มี 200 150 ซื้อมาจากเป็นของ Second Hand ทั้งนั้น มีที่เป็นมือหนึ่งก็คือเครื่องรีดหลังคาโลหะ ราคา 6 ล้าน แต่ตอนนี้เราไม่ได้ใช้ราคาล้านเดียวเราก็ให้แล้ว มันยังใช้ได้ดีอยู่แต่เราเองไม่เก่งที่จะใช้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:41:42 )

อโศกมีพลังงานกับจิตวิญญาณสร้างสรรให้เหลือกินเหลือใช้

รายละเอียด

ขอยืนยันว่าเราไม่มาหลอกว่าเราเป็นคนไม่มีทรัพย์ศฤงคาร ไม่มีทรัพย์สินเงินทองสะสมวัตถุสมบัติ เรามีพลังงานกับจิตวิญญาณ เราสร้างสรรให้เหลือกินเหลือใช้ เราย่อภาษาว่า ของดี ราคาถูก ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ ขายสดงดเชื่อ เพราะระบบเงินเชื่อสินเชื่อเป็นระบบที่เลวร้ายที่สุดที่ทุนนิยมมาใช้ถึงวันนี้ เห็นความร้ายเลวของสินเชื่อ หรือระบบเงินเชื่อไหม เป็นเรื่องสุดเลวร้ายเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:14:25 )

อโศกมีส่วนสะพัดเผื่อแผ่ให้แก่สังคมอย่างไร

รายละเอียด

ถ้าเผื่อแผ่ คุณได้ร้อยก็ให้เขาไปหนึ่งหรือสองแล้วก็ได้มาอีกร้อย ได้มาอีกร้อยก็ให้เพิ่มไปอีก 4- 5 แล้วก็ได้มาอีกร้อย ก็ให้เขาไปอีกหน่อยแต่คุณก็ได้มามากกว่าเก่าอยู่เรื่อยๆ คุณมีอัตราการช่วยสังคมน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มา

อโศกเรา ขออภัยที่ต้องพูดความจริง อโศกเราหาได้ร้อย เราแบ่งสามส่วน

1. เป็นคงคลังที่ต้องใช้ตลอดเวลา

2. เป็นสิ่งที่ต้องใช้เคลื่อนไหวหมุนเวียนอีกส่วน

3. เป็นส่วนที่จัดการ เพื่อจะสะพัดขาดทุนให้แก่สังคม ส่วนนี้หมดไปทุกที อีกสองส่วนก็ดำเนินการ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:39:55 )

อโศกมีอรหันต์จริง

รายละเอียด

ไม่อยากจะไประบุ ถ้าไประบุแล้ว พวกข้างนอกก็จะว่า บอกว่าอโศกมีอรหันต์ด้วยหรือ

สำนักที่มีมาในช่วง 100 ถึง 200 ปี ไม่มีสำนักไหนที่มีอรหันต์หรอก มีแต่อโศกที่มีอรหันต์ ให้ห้าร้อยปีเลย สำนักในเมืองไทยไม่มีหรอก เป็นมิจฉาทิฐิผิดเพี้ยนกันมาเรื่อยๆ จนหนัก อาตมาถึงได้กอบกู้ยาก พูดเหมือนกับคนอวดดีเชื่อมั่นตัวเองว่าใหญ่ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็จำนนที่ต้องพูดอย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 16:14:22 )

อโศกมีเศรษฐกิจที่ดีที่สุดนำหน้าโลก

รายละเอียด

ยังจะพูดกันอีกในเรื่องความเป็นเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจยังไม่จบหรอก จนกว่าอาตมาจะตายมั้ง อีกหลายสิบปี ก็ยังจะต้องพูดขยายความเรื่องเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจนี้อยู่แม้แต่เรื่องการเมือง ก็ยังจะต้องพูดกันอยู่ ยังไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยที่ดีที่สุดนี้เป็นอย่างไร เศรษฐกิจที่ดีที่สุดนั้นเป็นอย่างไร ก็ขอยืนยันว่าขณะนี้ ขออภัยนะ อโศกนี้มีเศรษฐกิจดีที่สุดนำหน้าโลก ชาวอโศก แม้แต่กลุ่มในประเทศไทย ก็เป็นกลุ่มชาวอโศกนี่แหละ มีเศรษฐกิจดีนำหน้าสังคมอื่น เศรษฐกิจของสังคมอื่นกลุ่มอื่น เช่น กลุ่ม CP ไม่ได้สู้อโศกได้ อโศกมีเศรษฐกิจดีกว่า CP เยอะ CP ยังมีระบบเศรษฐกิจที่ยังมีบาปอยู่อีกเยอะ และก็ยังกักตุนยังมีผลประโยชน์ส่วนตัวเยอะ แต่ชาวอโศกนี้ของอโศกนี้กินแต่พอน้อยไม่มีมากอะไรสะพัดออกเร็ว ไม่กักตุนเอาไปหมุนเวียนเป็นผลประโยชน์ส่วนตนให้แก่ตัวเองอีกก็ไม่ ค่อยๆศึกษามันซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อนเยอะ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเศรษฐกิจคณะอื่น ยกเศรษฐกิจกลุ่ม CP เป็นตัวอย่าง ก็ขอบคุณCP ที่เอามาเป็นตัวอย่างวันนี้โดยไม่ได้บอกกล่าว แต่เอามาขอเทียบให้เป็นการศึกษาเป็นตัวอย่างของการศึกษาในวิชาการ ความน่าทึ่งที่คิดได้ยากเป็นได้ยาก คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)ดีอย่างไรก็ค่อยตาม เพราะมันซับซ้อนลึกซึ้ง จน นี่แหละดี เขาก็บอกว่าจนนี่แหละมันจะไปมีกินมีใช้อย่างไร แต่เราก็บอกว่าจนนี่แหละมีกินมีใช้ เขาบอกว่ามีหรือจน มีกินมีใช้ เราก็บอกว่าเราจนนี่แหละยังมีแจกคนอื่นอีก จนแปลว่ามีน้อยใช่ส่วนตัวมีน้อย แต่ส่วนที่มีสิทธิ์อยู่ในส่วนรวมมีเยอะนะ มันซ้อนเป็นสอง ก็ไม่ได้อยู่คนเดียว หากอยู่คนเดียวอย่างศาสนาเชนคุณก็จนอย่างไม่มีอะไรไปให้ใคร หรือพวกศาสนาออกป่าเขา คุณก็จนแบบไม่มีอะไรให้ใครเพราะคุณไม่มีสิทธิ์จะไปละลาบละล้วงเอาของใครมา แต่ที่นี่ไม่ละลาบละล้วงเอาของใครมาแต่เป็นสิทธิของส่วนกลาง มีสิทธิ์ที่จะบอกส่วนกลางให้ส่วนกลางเห็นด้วยก็เอาไปใช้กับคนอื่นให้เขาได้ เราไม่เป็นของเราแต่เอาของส่วนกลางแต่เอาของส่วนกลางไปใช้กับคนอื่นได้ ไปให้คนอื่นได้ แล้วเราไม่ถือว่าเป็นของเรา แต่ที่จริงเรามีสิทธิ์ในส่วนกลางนี้ เป็นสาธารณโภคีซ้อน เราอยู่ในสาธารณโภคีและไม่มีเราในสาธารณโภคี สับสนไหม งงไหม ถามจริง งงไหม เราไม่มีในส่วนกลางแต่เราก็มีในส่วนกลาง งงไหม เด็กๆงงไหม …เด็กๆก็เข้าใจหรือ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

(พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 38)


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:55:39 )

อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร

รายละเอียด

นั่นสิ คนไม่ถึงแสนคนนี้จะสืบทอดศาสนาพุทธต่อไปอีกอย่างไร ก็ตอบว่าเท่าที่มันมีเนื้อ เนื้อของ 

คำว่าสืบทอดศาสนาพุทธนี้ จริงๆคำว่า “พุทธ” ศาสนาพุทธมันยังมีอยู่โดยรวม ตีกินไปหมดว่าพุทธ โดยรวมมันยังมีอยู่ แต่เข้าไปถึงแก่น(ไหม?) แก่นของพุทธมันไม่มีแล้ว ทีนี้เมื่อไม่มีแล้วจะทำยังไง เมื่อไม่มีก็ต้องมีผู้ที่รู้แก่นหรือมีแก่นจริงๆ เอาแก่นมาใส่ นี่พูดเป็นรูปธรรมเลย ต้องพยายามเอาแก่นมาใส่ พิจารณาแก่นที่จะใส่ เอาแก่นใส่ ใส่อย่างไร ใส่เข้าไปด้วยสภาพยังไง 

แก่นนี่ ประกอบไปด้วยกระพี้ ประกอบไปด้วยเปลือก ประกอบไปด้วยสะเก็ด แล้วมันก็ไปมีต้นดอกใบเอง ไม่ใช่ต้น มีใบดอกผล 

ก่อนศาสนาพุทธจะเกิดมีพระพุทธเจ้าองค์เดียว แล้วก็นำแก่น นำเปลือก นำกระพี้ นำสะเก็ด นำต้นดอกใบที่เป็นของแท้นะ ต้นดอกใบนี้เป็นธรรมะที่ต้องแยกกันอย่างเป็นสำคัญนะ 

พอเริ่มต้นที่จะเป็นศาสนาพุทธนั้นคือ ศีล สมาธิ ปัญญา เริ่มต้นด้วยศีล ศาสนาพุทธไม่เริ่มต้นด้วยศีลไม่ใช่ศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นคนที่จะมาเป็นพุทธนั้นต้องนับที่ศีล เริ่มต้นมีศีล 5 หรือยัง ถ้ายังไม่มีศีล 5 หรือมีศีล 5 ไม่ครบ คนนั้นยังไม่ใช่พุทธ

แล้วบอกว่าคนแสนคนนี้จะช่วยสืบทอดศาสนาพุทธไปถึง 2,500 ปีไหม คุณพูดมาก็จริง มันจะช่วยได้ไหม คนประมาณแสนคนจะสืบทอดไปถึงอีก 2,500 ปีถึง 5,000 ปีไหม​ อาตมาก็ว่า อาตมาจึงยังไม่ยอมตาย จะให้มันได้มากกว่าแสน ให้มันได้สักหนึ่งแสนกับอีก 1 คน หนึ่งแสนกับอีก 2 คน 3 คนให้ได้ เพิ่มไปอีก เท่าที่มันจะได้มากที่สุด กันเหนียวด้วย เผื่อพอไปเรื่อยๆ จริง 

เราไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์เดียว ท่านทำศาสนาพุทธมาได้จนถึงวันนี้ เรามาสืบทอดก็เป็นผู้ต่อยอด สืบทอดไปเรื่อยๆ ได้หรือไม่ได้เราก็ทำเต็มที่ 

อาตมาบอกแล้วพูดแล้ว​ ว่าอาตมาเกิด มาสืบทอด เกิดมาต่อเชื้อศาสนาพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะสืบทอดโลกุตระ เพราะมันไม่มีแล้ว แล้วก็ยืนยันตามหลักฐานพระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอาณิสูตรว่า จะหมดไป โลกุตระไม่มี แล้วก็จะมี สยังอภิญญา มา อาตมาก็บอกว่าอาตมาเป็น สยังอภิญญา มา 

สยังอภิญญา แปลว่า เป็นผู้มีมาเอง อาตมาก็มาประกาศว่าอาตมาไม่มีอาจารย์ ชาตินี้เกิดมาไม่มีอาจารย์ แล้วเอาอะไรสอน เอาที่มีในตัวเอง มีมาจากไหน จากชาติก่อนๆ ที่อาตมามีโลกุตรธรรมแล้ว จึงมาเทศน์ลงไป บรรยายลงไป มันก็ไม่เหมือนกับที่เขาหลงผิดกัน มันก็ถูกแล้วนี่ ถ้าอาตมาบรรยายอยู่เหมือนกับเขาบรรยายอยู่มันก็อ้าว! มันก็ไม่ได้เสื่อมอะไรนี่ แต่นี่มันไม่ใช่ เขาไปคนละเรื่องเลย แล้วเขามาตีอาตมาด้วย ว่าอาตมาผิด อ้าว มันก็ชัดเจนแล้วนี่ ว่าไอ้นั่นมันผิดแน่ ไอ้นี่ถูกแน่ 

ถ้าอาตมาผิด เขาถูก เขาก็เจริญอยู่ อาตมาก็ไม่มาถึงวันนี้หรอก ทำงานมาไม่ถึงวันนี้หรอก อ้างพระไตรปิฎกก็ยิ่งหักคออาตมาเองเลย มันจะไปเข้าได้ยังไง อ้างสาราณียธรรม 6 อ้างวรรณะ 9 อ้างพุทธพจน์ 7 อ้างศีล  สมาธิ  ปัญญา อ้างจรณะ 15 วิชชา 8 มายืนยันอธิบายให้รู้ว่า  เหล่านี้มันลงกันนะ ปฏิบัติลงกันนะ ตามคำสอนพระพุทธเจ้านั้น ตรัสไว้อย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้ ตรงกันไหม ลงกันได้ไหม มาสอบทานมาตรวจตรา มาให้คะแนนดูสิ

เพราะฉะนั้นอาตมามีหน้าที่ อาตมาก็พูดไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ว่า อาตมาเกิดมา ยังเกิดอยู่ ยังไม่ยอมตาย แล้วอาตมาบอกแล้วว่าอาตมาเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ จะตายปรินิพพานเป็นปริโยสานได้แล้ว อธิบายไปจนหมดแล้ว ยืนยันหมดแล้ว แต่อาตมายังไม่ตาย อาตมายังจะมาสืบทอด ยังมาทำหน้าที่ ก็เพราะว่ามันเสื่อมจริง แล้วมันก็ฟื้นขึ้นมาได้จริง 

อาตมาตายไป พวกคุณก็จะเลิกปฏิบัติตามที่อาตมาพาทำไหม (โยมทั้งหลายตอบ ไม่) แล้วไม่ได้อย่างนี้คืออะไร..มันก็ได้แล้วนี่ 

อาตมาว่าพวกคุณไม่ได้พูดเล่นหรอก พออาตมาตายปุ๊บ แล้วพวกคุณก็กลับไปทำเหมือนอย่างเถรสมาคมทำหมดเลย อาตมาไม่เชื่อ ในใจจริงพวกคุณไม่เอา ไม่ไปหรอก คุณก็ปฏิบัติเท่าที่คุณทำได้ มีหมู่มีกลุ่ม คุณจะรวมกันแน่น ถ้าอาตมาตายพวกคุณจะรวมกันแน่นขึ้นกว่านี้ คือที่รวมกันแน่นเพราะเดี๋ยวจะถูกข้าศึกศัตรูตีแตกง่ายนะ นี่เป็นปฏิภาณของคนที่จะเข้าใจได้ อ้าว ก็ขยายความกันพอสมควร 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 14:54:46 )

อโศกระมัดระวังดีๆ เรื่องโควิด

รายละเอียด

วันนี้ไม่ได้ข่าวว่าชาวอโศกติด covid เลยสัก 1 คน อย่าผยองนะ อย่าอวดดีนะ อย่าหลงตัวหลงตนเป็นอันขาด ต้องยิ่งระมัดระวังพากเพียรดูแล ทั้งข้อระมัดระวังที่รู้กันทั่วโลกว่าเป็นอย่างไรบ้าง วิธีการป้องกันวิธีการไม่ให้มันระบาดต่อ เขามีวิธีการใช้ได้แล้ว เป็นแต่เพียงว่าหายามาบำบัดมาจัดการให้มันเก่งขึ้นกว่าเก่า แต่วิธีป้องกันนั้นได้แล้วตอนนี้ ป้องกันให้เต็มที่ระมัดระวัง อย่างน้อยที่สุดคุณอยู่แต่ในบ้านที่สะอาดบริสุทธิ์ อย่าไปออกนอกบ้าน แล้วอะไรจะเข้ามามีพาหะคือคนนี้แหละ ตรวจให้ดีเชียวประมาทไม่ได้ อย่าให้นำเชื้อเข้ามาเป็นอันขาด ถ้าหากป้องกันอันนี้ได้ คนข้างนอกเด็ดขาดไม่ให้เข้าหรือเข้ามาต้องจัดการตรวจสอบ ให้แน่นอนว่าไม่มีแล้วถึงจะให้เข้ามา ป้องกันอย่างนี้ได้ก็รอดปลอดภัย อโศกระมัดระวังดีๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:18:00 )

อโศกสร้างสถานที่การค้าประชารัฐด้วยเหตุใด

รายละเอียด

เรากำลังสร้างร้านค้า เนื้อที่ 11 ไร่ ก็ขอประกาศไป

ผู้ใดจะมาใช้อาคารนี้สำหรับประชาชนคนใด ถ้าไม่ใช่คนเลวร้าย เป็นคนที่อยู่ในกฎเกณฑ์จะมาขายที่นี่ก็ให้ขายฟรี สร้างอาคารเพื่อให้คนมาทำการค้า ชาวอโศกนั้นมาอยู่แล้ว ขนาดนั้นก็ยังไม่ค่อยจะมา ก็ไม่เป็นไร ชาวอโศกที่อยู่ในอุบลฯก็มีไม่กี่คน ก็เลยถือว่าเป็นของส่วนกลาง ก็มีไม่กี่คณะ ใช้เนื้อที่นิดเดียว นอกนั้นประชาชนคนอื่นๆ ไม่มีที่ค้าที่ขาย เชิญมาอาคารนี้ บอกไปถึงผู้ว่าราชการเลย บอกไปถึงเทศมนตรีการค้า ทั้งจังหวัด เชิญเลยว่า ที่นี่ยินดีเป็นสถานที่ที่ท่านเรียกว่าประชารัฐ สถานที่การค้าประชารัฐ จะสร้างอาคารร้านค้าให้แก่ประชาชนมีที่ค้าขาย ท่านเก็บค่าเช่าบ้าง ตามประสารัฐ แต่ของเรานี่ เจตนาอย่างบริสุทธิ์ว่าไม่เก็บค่าเช่า ขอให้ดูแลช่วยกันรักษาเท่านั้นเอง ให้มีที่ค้าขายสำหรับคนที่จะค้าขาย ซึ่งก็เชื่อว่าคนที่เขามีความละอาย Guilty ของตนมีฐานะที่ดี มีที่ค้าขายแล้วก็คงไม่มาแย่ง นอกจากบางคนไม่มีความละอาย เราก็ค่อยๆดูไป คนที่ไม่มีที่ค้าขายจริงๆมาสิ เราสร้างเพื่ออย่างนั้นจริงๆ ชาวอโศกเราค้าขายอยู่ไม่กี่คนหรอก ต่างจังหวัดชาวอโศกจะมาขายที่นี่ก็อยู่ไกลเกิน ที่อื่นเขาก็มีอยู่แล้ว ที่นี่ก็สร้างดูเหมือนจะใหญ่เกินไปหรือเปล่าไม่รู้ เราทำอย่างอาคารอเนกประสงค์ ที่มีร้านขายของแห้งประจำ และมีร้านขายของสดที่จะจรมา ก็ขอประกาศบอกไป ทั้งผู้ว่าราชการและนายกสมาคมพ่อค้า จังหวัด เชิญเลย เราก็ทำเพื่ออันนั้นจริงๆด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เอาเด่นเอาโก้เอาสวยเอาดูหรูอะไร อวดอ้างอะไร อาตมาสร้างด้วยความเห็นใจ อยากจะสร้างให้ผู้ที่ด้อยโอกาส ทำการค้าขาย จะเป็นที่ค้าที่ขาย โดยเฉพาะชาวสวนชาวไร่ชาวนา ไม่ต้องมีคนกลางมาแบ่งเปอร์เซ็นต์ไปเลย ขายในราคาขายเลย ขายได้ก็ขาย เช้ามาไปกลับ หรือจะนอนค้างบ้างก็ได้เลย จริงๆ ทำเพื่ออย่างนั้นจริงๆ

เราพอมีกำลังเราพอมีรายได้ เราไม่ได้ไปกู้หนี้มาสร้างหรอก ที่ดินของเรา อาคารกว่าจะสร้างได้ขนาดนี้ เก็บเล็กผสมน้อย สะสมมาได้ กว่าจะเป็นขนาดนี้ ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังมา ทำหมดไปหลายตังค์ อาคารขนาดนี้ พวกสถาปนิกวิศวกรคงจะประเมินได้ว่าใช้เท่าไหร่ เราไม่ได้กู้หนี้มาสร้าง ไม่ได้เป็นแบบเตี้ยอุ้มค่อมหรอก เราคิดว่าทำได้เราก็ทำ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 06:01:32 )

อโศกสวดแต่ไม่ผิดวินัยอย่างไร

รายละเอียด

อโศกเราก็สวด แต่เราไม่สวดผิดวินัยหรือเอาไปหากิน ไม่สวดเป็นเดรัจฉานวิชา ไม่สวดเพื่อขลัง เราสวดเพื่อสาธยายหรือจำไว้หรือสวดตรวจสอบ สังคายนา คือวิธี เอามาสวดขึ้น 1 คน แล้วทุกองค์ก็ฟัง ต้องตรงกันหมดเลย คนนี้สวดมาคนเดียว ทุกคำทุกประโยคต้องตรงกันหมด หากมันผิดก็ทักกัน ก็ให้สวดใหม่สวดให้ตรงกัน ทุกคนยอมรับทั้งหมู่ว่าตรงกันเป็นหนึ่งเดียวไม่ผิดเพี้ยน อย่างนี้เรียกสังคายนา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2563 ( 10:11:54 )

อโศกอยู่ไกลไปอีกฟากฟ้าหนึงที่เขาตามไปไม่ถึง

รายละเอียด

ก็ต้องสอนโลกุตระ แต่คนไม่เข้าใจโลกุตระก็สอนไม่ได้ อย่างเช่นหลวงพ่อคูณไม่ใช่โลกุตระอะไรแต่เป็นพระที่ดีมีคุณสมบัติความเมตตาแต่ไม่มีโลกุตระ ถ้าหากหลวงพ่อคูณรู้โลกุตระจะสอนโลกุตระได้ดีเพราะมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ แต่คนที่มาล้วนแต่มีภูมิโลกียะมีเดรัจฉานวิชาด้วยเยอะ เพราะฉะนั้นอาตมาจึงไม่ประหลาดใจที่หลวงพ่อคูณจะมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะและหลงใหลได้ปลื้มด้วยเป็นสิ่งงมงาย คนเหล่านั้นไม่มีภูมิปัญญา ที่พูดนี้เป็นภาษาวิชาการ อันนี้สูงกว่า อันนี้ต่ำกว่าพูดอย่างชัดๆไม่ได้เกรงใจไม่ได้ไว้หน้า ไม่ได้ไปนึกถึงว่าจะไปกระทบใคร แต่ไขสัจธรรม พูดเนื้อหาสัจธรรมให้ง่าย ใครจะเข้าใจผิดว่าไปดูถูกคนนั้นคนนี้ไปว่าคนนั้นคนนี้ ไปข่ม ดูถูกคนนั้นคนนี้ก็แล้วแต่อาตมาก็ยอมรับให้เขาเข้าใจผิด แต่อาตมาไม่มีจิตตัวนี้ อาตมาพูดถึงการกระทำมันหาคนพูดสัจธรรมโดยที่ไม่ติดในตัวตนบุคคลเราเขาที่เป็นปรมัตถ์พูดแต่สภาวะธรรมตรงๆเอาบัญญัติภาษามาใส่ในสภาวะ อธิบายไป คนฟังอาตมาหัวไม่ถึงคิดง่ายๆ ก็เลยตำหนิและดูถูกอาตมาไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36 วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 04:41:44 )

อโศกะ

รายละเอียด

โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ พระอรหันต์ตัดทิ้งแล้วไม่มีเลย 

เพราะฉะนั้นอาตมาก็เคยพูดมาแล้วว่าพวกเราเป็นกลุ่มพวก อโสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ แล้วมันยังเหลือความโศก ความพิรี้พิไร ปริเทวะ คือ มีความทุกข์โทมนัสอยู่บ้าง คุณเข้ามาเป็นผู้พากเพียรปฏิบัติ อย่างสัมมาทิฏฐิเพราะเป็นพวกที่ อโศกะแล้ว สัมมาทิฏฐิ ไม่ได้งมงายกับพยัญชนะอยู่เท่านั้น สามารถจะเข้าใจสภาวะแล้วเอามาปฏิบัติ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รู้จัก จิต เจตสิก รูป นิพพาน สภาวะธรรมที่เป็นนามธรรมกับรูปธรรมทั้งนั้น ก็สามารถที่จะปฏิบัติธรรมมีมรรคมีผล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 19:19:19 )

อโศกเป็นคอมมูนแท้

รายละเอียด

แต่ที่จริงแล้วรายละเอียดของความเป็นคน อโศกนี่ยิ่งเป็นคอมมูนแท้ คอมมูนที่ประเสริฐบริสุทธิ์โลกุตระ แต่ไอ้นั่นคอมมูนหลอก คอมมูนเก๊ คอมมูนอัตตา อย่างเกาหลีเหนือหรืออย่างมาร์กซ์ทำ มันเห็นแก่ตัวมันเห็นแก่ได้ พอมันได้โอกาสเข้าไปครองอำนาจมันก็ออกฤทธิ์ เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้อย่างที่เกาหลีเหนือเป็นอยู่ให้เห็น มันเป็นอย่างนั้น เพราะแนวคิดโดยตรรกะ ด้วยเหตุผลแม้แต่เป็นปรัชญา phillosophy ก็ตาม มันไม่ได้ล้างกิเลสพวกนี้เลย เพราะฉะนั้นมันก็เลยหลอกกัน พูดให้เท่ เก๋ โก้ แต่เสร็จแล้วมันไม่ได้ เอาใกล้ตัว รัฐบาลไทย ทักษิณพูดอย่างโก้ แต่พอได้อำนาจ หากปล่อยให้ทักษิณยังอยู่มีอำนาจ ประเทศไทยคงจะเจ๊งบ๊ง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 09:55:18 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:53:51 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:18:45 )

อโศกเป็นตัวอย่างที่มีที่เดียวในโลก

รายละเอียด

พูดกันถึงจุดสำคัญที่อาตมาอยากจะย้ำอีก พูดแล้วก็ซ้ำซาก ย้ำ เหมือนกับจะหลงตัวหลงตน เอาแต่ตัวเองมาโชว์ เอาแต่พวกของตัวเองมาอวด ซึ่งจริงๆมันก็ต้องโชว์ก็ต้องอวดเพราะมันเป็นตัวอย่างที่หายาก มันเป็นตัวอย่างที่มีที่เดียวในโลก ไม่ใช่พูดหลง เพราะโลกุตรธรรมขณะนี้ในโลกนี้ ในประเทศไหน ของโลกนี้ มันยังไม่มี มันมีเทวนิยมไปกว่าครึ่งของมนุษย์ในโลก แม้จะเป็นแต่ละประเทศบางประเทศ มีทั้งศาสนาพุทธเข้าไป มีประเทศที่ไม่มีพุทธเลย 200 ประเทศ ประมาณนั้น ประเทศที่ไม่มีไม่รู้จักศาสนาพุทธด้วยซ้ำ เป็นศาสนาอิสลามกับศาสนาคริสต์ เยอะมาก นอกนั้นก็มีศาสนาฮินดู ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนาบาไฮ ศาสนายิว ก็ว่าไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน อจินไตยของกรรมวิบาก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 17:40:34 )

อโศกเป็นนวัตกรรมที่เก่าเอี่ยมอย่างไร

รายละเอียด

อโศกเป็นนวัตกรรมที่เก่าเอี่ยมเลย เป็นมาตั้งแต่ยุคพระพุทธเจ้าแล้ว นี่แหละเก่าเอี่ยม ใหม่เสมอไม่มีเก่าเลยของพระพุทธเจ้า เป็นนวัตกรรมแท้ เพราะทุนนิยมจะไล่ไม่ทัน เขาแข่งรวย เราจะแข่งจน ทุนนิยมก็งง มันไม่เอารวยแต่มาแข่งจน แล้วจะไปทำอย่างไรกับมัน มันไม่มาแย่งกับเราเลย ทำอะไรมันก็ไม่ได้ เขาไม่ทำอะไรกับคุณ ไม่ได้เป็นคู่แข่งอะไรกับคุณ เขาอยู่ของเขาดีๆ อุดมสมบูรณ์มีกินมีใช้ เผื่อคุณด้วย คุณตะกละไป ทุนนิยมรวยไม่รู้จบ โลภไม่รู้จบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 14:51:48 )

อโศกเป็นนานาสังวาส ประกาศหมู่ที่เป็นพุทธแท้

รายละเอียด

เนื้อหาที่อาตมาอยากจะพูดก่อนจะถึงวัน อัฏฐาริยสัจจายุ คือ จะถึงวันอายุของอาตมา 88 ปี 8 เดือน 8 วัน ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 พ.ศ.นี้แหละอีกไม่กี่วัน วันนี้วันที่ 6 แล้ว อีก 7 วันก็ถึงวันที่ 13 อาทิตย์หนึ่งพอดีเลย แต่งานมีวันที่ 11 12 13 จัดงาน 3 วัน งานฉลอง อัฏฐาริยสัจจายุ ซึ่งอาตมาไม่เที่ยงไม่แท้ไม่แน่ไม่นอนว่าจะไปที่สันติอโศกไปฉลอง แต่เสร็จแล้วหลายๆอย่างอาตมาเห็นว่า สรีระร่างกายด้วย ก็เลยจะถนอมร่างกายด้วยพวกเราเข้าใจก็เลยบอกว่า อย่าให้อาตมาไปเลย อาตมาอยู่ที่ราชธานีนี้มันสมบูรณ์ทั้งสิ่งแวดล้อม อากาศ ความเป็นอยู่ ความชินแล้วที่จะเป็น routine รูทีน เป็นกิจวัตรต่างๆนานามันลงตัวหมดแล้ว จะให้อาตมาต้องไปที่ไหนแล้วไปอะไรใหม่ ก็ไม่ใช่ที่ใหม่ทีเดียวหรอก แต่มันก็จะต้องไม่ใช่ที่เราจะทำเป็นกิจ แต่ที่นี่เป็นกิจวัตรทุกวันเป็นเดือนเป็นปีหลายปีแล้ว ก็อยู่ที่นี่ก็แล้วกัน 

ที่นี่พวกเราทุกคนชาวอโศกก็เข้าใจ ก็เลยยอมให้อาตมาฉลองอยู่ที่นี่แหละ ฉลองได้ เดี๋ยวนี้มันมีซูม มีถ่ายทอดโยงถึงกันทั่วทุกที่ ทุกแห่งเปิดซูมในวันเวลาเดียวกัน วันเวลาที่เรานัดหมายกันแล้วก็เอาเลย โยงใยถึงกัน จะต่อมาพูดถึงกันก็ได้อีกอะไรอีกทั้งนั้นเลย ทุกคนเข้าใจก็เลยอาตมาก็จะฉลองอยู่ที่นี่ ซึ่งเขาก็จัดอะไรต่ออะไรไว้อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งสถานที่ ทั้งโปรแกรม ก็ดูอาตมาก็ยังไม่รู้ทีเดียวว่าทั้งสถานที่และโปรแกรมมีอะไรบ้าง จะพาเดิน อาตมาใช้คำว่าเดิน Adventure เดินวิบาก ต้องมีการพากเพียรสู่ที่ลำบากบ้าง ก็ไม่ลำบากอะไรมากหรอก เขาก็ไปดูที่แล้วให้เดินประมาณ 3 กิโลเมตร มีที่ของเราเข้าไปในป่า ที่ของเรามีทั้งที่เป็นป่าอยู่ มีถนนอะไรพอเดินได้ในบ้านราชเรา ก็ไม่ได้ไปเดินที่ของใครหรอก เขาก็วางแผนกัน อาตมาก็ไม่ได้ไปซักซ้อมกับเขาเลย ให้เขาซักซ้อมกันแล้วถึงวันนั้นอาตมาก็ไปเดินไม่มีปัญหาอะไร 

ก็เป็นไปตามพวกเราที่คิดว่า อะไรดีอะไรมันควร มันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคม จะเป็นประโยชน์ต่อตน จะเป็นประโยชน์ต่อทุกๆคนเท่าที่จะเป็นไปได้เราก็ทำ คือ คนที่มันมีความไม่เห็นแก่ตัวแล้ว หมดตัวตน ไม่มีตัวตน เรียกว่า อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่มีตัวตนแล้ว เป็นคนพึ่งตนได้ เป็นคน อัตตาหิ อัตโน นาโถ คนไม่มีตัวตนนี่แหละเป็นคนพึ่งตนเองได้แล้วไม่ต้องไปพึ่งใคร อัตตาหิ อัตโน นาโถโกหินาโถ ปโรสิยา นอกจากตนแล้วจะไปพึ่งใครได้ นี่ของพระพุทธเจ้า โกหินาโถปโรสิยา ตนเป็นที่พึ่งของตน นอกจากตนแล้วอย่าไปหวังพึ่งใคร พึ่งตนให้ได้ เพราะฉะนั้น ในระบบวิธีของพระพุทธเจ้าแม้มาเป็นภิกษุแล้วพึ่งตนได้เพราะเป็นคนดี มีอาการที่น่าเลื่อมใส ฆราวาสพุทธศาสนิกชนเขาเลี้ยงไว้ โดยเราไม่ต้องไปทำงาน อาชีพที่จะต้องปลูกผัก ปลูกพืชอย่างที่กล่าวผ่านมาแล้ว เราทำความดีนั้นหนึ่ง ทรงความดีไว้ แล้วก็บอกสอนอธิบายคนอื่นให้เข้าใจ ให้เขาปฏิบัติตาม เจริญมาเป็นอาริยะ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ขึ้นให้ได้เรื่อยๆ ส่วนใครจะบำเพ็ญอรหันต์เกินเป็นโพธิสัตว์ วันนี้จะยังไม่พูดเรื่องโพธิสัตว์ อรหันต์ สูงกว่าอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ระดับ 5 6 7 8 จะยังไม่พูด 

เพราะฉะนั้น ผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นการพิสูจน์คน ความเป็นคนกับความเป็นสังคม ที่เจริญสูงสุดแล้ว เจริญสูงสุดอย่างไร เจริญสูงสุดคือ พระพุทธเจ้านี่ใช้ชีวิตของพระองค์ เกิดตาย ตายเกิด เกิดตาย ตายเกิด เกิดตายตายเกิด เกิดตายตายเกิด จนรู้ว่าจิตวิญญาณมนุษย์นี้มันมีการ rebirth มันมีการตายเกิด เกิดตาย ตายเกิด จนกระทั่งรู้ว่าแล้วจะให้ตายไม่เกิดได้ไหม พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ได้ 

ตาย กายสเภทา ปรัมมรณา สุญญตา ตายเป็นครั้งสุดท้ายสูญสลายเลย สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน ไม่ต้องมีอีกต่อเลยโดยตายอย่างสูญแล้วไม่ต้องตั้งนิมิต ไม่มีนิมิต ไม่มีการตั้งจิตอะไรเพิ่มอีกเลย สูญ ปล่อยตัวให้หมดตัวตน สลายจิตนิยามก็แยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย หมดธาตุรู้ของความเป็นตัวตนอย่างสนิทหมดเลยไม่เหลือความเป็นชีวะ แม้แต่เป็นพืชก็ไม่ใช่ เป็นดินน้ำไฟลมไปเลย นี่คือความตรัสรู้หรือความค้นพบที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบความรู้นี้ และความจริงอันนี้ ปฏิบัติได้พิสูจน์ได้ตั้งแต่ 2,500 กว่าปีมา พิสูจน์ได้ 

และทีนี้มันมาเสื่อมในเมืองไทยมันเสื่อมผ่านมา 2,500 กว่าปี มันเสื่อมตามที่พระพุทธเจ้ามีคำพยากรณ์เอาไว้ใน อาณีสูตร ว่าศาสนาพุทธจะเสื่อม โลกุตระจะเสื่อม คนที่มาพูดโลกุตระในยุคที่มันเสื่อมเขาจะไม่ฟัง เหมือนอย่างอาตมามาเกิดในยุค 2,500 มันเสื่อม เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ฟัง ศาสนาพุทธที่เขาถือว่าเขาเป็นเจ้าศาสนาพุทธเลย อย่างเถรสมาคมเป็นต้น เขาก็จะพูดเลยว่าเขาเป็นเจ้าศาสนาพุทธ อาตมาก็ไม่แย่งหรอก ให้เขาทำไปเถอะ อาตมาไม่ไปแย่ง อาตมาจะทำสัจธรรม แต่โดยสมมุติให้เขาเป็นเจ้าศาสนาพุทธกับชาวโลก ให้เถรสมาคมนี้นำพาบริหารศาสนาพุทธไป เป็นคณะใหญ่เลย 

ส่วนอาตมานี้ขอแยกมาเป็นคณะเล็ก นานาสังวาสประกาศออกมาตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม ก็เป็นอิสระตั้งแต่ 7 สิงหาคม 2518 เป็นนานาสังวาสมา แล้วก็นำพามาเรื่อยๆ นี่คือดำเนินตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น อาตมาไม่ได้ออกนอกธรรมวินัย เป็นนานาสังวาสก็เป็นของพระพุทธเจ้า 

แต่ว่าเถรสมาคมไม่เข้าใจ อาตมาประกาศนานาสังวาสตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2518 ตอนแรกประกาศแล้วเสร็จ อาตมาก็ดำเนินของอาตมาไป วันร้ายคืนร้ายพวกเขาคิดยังไงก็ไม่รู้ จะมาดึงอาตมากลับเข้าไปในเถรสมาคมอีก เขาจะต้องครอบครองจะต้องบริหารอาตมา อาตมาบอกเขาว่าแยกแล้วต่างคนต่างอยู่ นานาสังวาสคือต่างคนต่างอยู่ แต่ก็เป็นพุทธร่วมกันเรียกว่าสังวาสเดียวกัน แต่แตกต่างกัน 

ศีลแตกต่างกัน การประพฤติปฏิบัติแตกต่างกัน การที่จะรู้จักธรรมรสต่างๆนานา คนละเรื่องกัน อันนี้เป็นโลกุตระ อันโน้นเป็นโลกียะ หรือเขาจะแย่งคำว่าโลกุตระก็ไม่เป็นไรภาษาของเขา แล้วเอาคำว่าโลกียะมาให้อาตมา เอาคำว่าโลกุตระ ไปก็ไม่ว่าแย่งพยัญชนะไป เพราะอาตมารู้ว่าสภาวะเป็นอย่างไร สภาวะของโลกุตระเป็นอย่างไร เป็นวิมุติรส เป็นธรรมรสอย่างอาริยธรรมคืออย่างไร 

โสดาบันคืออย่างไร สกิทาคืออย่างไร อนาคาคืออย่างไร อรหันต์คืออย่างไรโพธิสัตว์คืออะไร อาตมาระดับ 7 ไต่ไปสู่ระดับ 8 เป็นอย่างไร อาตมามีจริงรู้จริง ก็พูดความจริงทุกอันไม่ได้โอ้อวดอะไร พูดความจริงให้ฟังทั้งนั้น แต่คนไม่เข้าใจอาตมาไม่มี สาเฐยจิต อะไร เขาหยั่งรู้ใจอาตมาไม่ได้ อาตมาไม่มีกิเลสอยากโอ้อวด มีแต่พูดความจริงตามความเป็นจริง 

เอาความจริงมาพูดให้คนอื่นเข้าใจ ให้คนอื่นเข้าใจได้ก็มาปฏิบัติตามสำเร็จผลตามกันมาอย่างที่มันเป็นหลักฐานยืนยัน เป็นชาวอโศก ก็มีมวลเท่าไหร่ซึ่งไม่มีใครเช็คสถิติว่า ชาวอโศกจริงๆ มีเท่าไหร่ สักวันหนึ่งก็คงจะมีคนที่เขาจะตรวจสถิติพวกนี้บ้าง ก็แล้วแต่ อาตมาก็ไม่ไปกังวล ไม่ไปเสียเวลากับสิ่งเหล่านั้น มีหน้าที่ที่จะทำงานพวกนี้ ก็มีเวลาอยู่แล้ว แค่นี้ก็ทำได้วันๆ อาตมาอายุปูนนี้ก็ทำได้ประมาณนี้ ก็นอนมากอยู่ แต่ละวันแต่ละวันก็นอนมาก แม้แต่เวลากินก็พยายามกินให้มันได้ปริมาณที่พอควร กินยาก เพราะมันไม่ได้กินอย่างคนที่มีกิเลส ไม่ได้กินอย่างคนที่มีความเอร็ดอร่อย กินก็กินคืออาหารก็พยายามทำ ก็บอกให้เขาทำมาดีๆ ให้มายั่วให้อาตมาอร่อยหน่อยนะ จะได้กินได้ง่ายๆ จะได้กินได้คล่องๆจะได้กินได้มากๆ ได้เต็มที่ แต่ถ้ามันไม่มากพอ มันก็ไม่พอที่จะสังเคราะห์ร่างกาย ให้มันสมดุล ให้มันอยู่ได้ถ้วน มันก็จะเหี่ยวลง ซีดลง ไร้เรี่ยวแรง เนื้อหนังมันก็จะลดลง ไม่แข็งแรงพอ สรุปง่ายๆ 

อาตมาก็ยังอยากให้แข็งแรงเพิ่มเติมอยู่ เพื่อจะอยู่ พวกเราก็เรียกร้องให้อาตมาอยู่ อาตมาก็เห็นว่า อาตมาอยู่แล้วไม่เป็นโทษเป็นภัยกับใคร นอกจากคนที่มองผิดมองว่า อาตมาเป็นโทษเป็นภัย อาตมาขอยืนยันว่า อาตมาไม่มีโทษไม่มีภัย มีแต่คุณค่าประโยชน์อย่างเดียว นี่ก็พูดความจริงอีก ไม่ได้โอ้อวดไม่ได้หลงตัวหลงตนอะไร 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 11วิญญาณฐิติ 7 วิโมกข์ 8 อนุปุพพวิหาร 9 สัตตาวาส 9 ตอนที่ 1 วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2566 ( 12:24:58 )

อโศกเป็นพรรคการเมืองโดยไม่ต้องตั้งว่าเป็นพรรค

รายละเอียด

ตอบย้อนให้ชัดเลย ชาวอโศกเป็นนักการเมืองที่ 1 ในโลก พรรคการเมืองอโศกเรียกว่าพรรคการเมืองได้เลย ตามที่บอกว่าอย่าไปตั้งพรรคการเมืองแต่มันเป็นพรรคการเมือง อโศกนี่แหละเป็นพรรคการเมืองโดยไม่ต้องตั้งว่าเป็นพรรคการเมือง อยู่ที่พฤติกรรมจริงจิตวิญญาณจริงของคนพวกนี้ พูดชัดๆๆ อาตมาเป็นหัวหน้าพรรคของอโศก ใช่ไหม แล้วอาตมาเป็นหัวหน้าพรรคอโศกแล้วอาตมาทำงานหนักมาก เราจะพูดว่าอโศกมีหัวหน้าพรรคคือโพธิรักษ์ มีจำลอง ศรีเมือง เป็นเลขาธิการพรรคก็ได้ แต่จำลอง ศรีเมืองชักแก่เกินแกงไปหน่อยนึง ก็เลยไม่ค่อยจะทำงานเท่าไหร่ ตอนนี้ทั้งเลขาและหัวหน้าพรรคมาอยู่ที่อาตมาหมดเลย ด้วยธรรมชาติ ไม่ต้องไปตั้งอะไรหรอก มันเป็นเรื่องจริงเกิดจริง นี่แหละให้ศึกษาประชาธิปไตยที่ลึกไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:01:55 )

อโศกเป็นสังคมที่มหัศจรรย์จริงๆ หาไม่ได้ในที่ใดๆ

รายละเอียด

เขามีชุมชน คิบบุช อามิช อิตโตเอ็น เขาพยายามให้เป็นอย่างนี้ แต่ชาวอโศกเราเป็นได้ ไม่ใช่หลงใหลตัวเอง เป็นได้ยิ่งกว่า และเป็นจริงได้ด้วยไม่ใช่สมมติเล่น ไม่ใช่เป็นความเพ้อพกเลอะเทอะ แต่เป็นเรื่องจริงที่เป็นแล้ว เป็นได้ 

ตั้งแต่อาตมาเริ่มมีชุมชน บวชใหม่ๆ แล้วเริ่มต้นมีชุมชน ตั้งแต่ชุมชนปฐมอโศกเป็นชุมชนแรกจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เป็นสาธารณโภคีนี้มาตลอดได้ พิสูจน์ยืนยันได้ อยู่ได้ 

ซึ่งเป็นสังคมที่มหัศจรรย์จริงๆ หาไม่ได้ในที่ใดๆ คิบบุช ก็ไม่เหมือน อิโตเอ็น ก็ไม่เหมือน แซมาอึลอุนดง ก็ไม่เหมือน แต่เราเป็นได้เป็นเรื่องจริงคนจริงๆ มีพฤติกรรม มีวัฒนธรรม มีบวร มีบ้านวัดโรงเรียน นี่ ยืนยันเป็นเอหิปัสสิโก เชิญให้มาดูได้ อกาลิโก แม้ในยุคนี้เป็นยุคทุนนิยมสามานย์ ยุคเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ยุค โลภโมโทสันจัด แย่งชิงกันหนัก เลวร้ายที่จะต้องแย่งชิง ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข

แต่พวกเราหลุดพ้นออกมาได้ จากโลกียะที่เขายึดถือ ออกมาเป็นคนอยู่ในสังคมมหัศจรรย์ได้ ตรงตามพระพุทธเจ้าสอน 

เริ่มตั้งแต่มีศีล มีศีลเป็นมหัศจรรย์ มีสมาธิเป็นมหัศจรรย์ มีปัญญามหัศจรรย์ มีวิมุติที่มหัศจรรย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 13:42:37 )

อโศกเป็นสังคมเปิดที่มีสัปปายะ 4 มาอยู่ได้ด้วยศีล

รายละเอียด

คุณพันธ์ุ เข้าใจชีวิต ว่ามันมีสัปปายะ 4 มันต้องมาอยู่ร่วมกันอย่างนี้ ที่นี่เปิดทางยินดีรับ แล้วตัวเองก็มันน่าจะมาได้ ก็ต้องจัดแจง นี่คือพฤติการณ์ ของมนุษยชาติที่ศึกษาแสวงหา แล้วก็เห็นทิศทางเห็นความเป็นไปได้ อย่างชาวอโศกเป็นสังคมเปิด สาธารณโภคี ทุกคนมีอิสระเสรีภาพที่จะเข้ามาร่วมเป็นมวลสมาชิกได้ แต่คุณต้องเป็นคนสำคัญ คุณจะมีภูมิถึง มีคุณสมบัติพอจะเป็นคนที่นี่ได้ไหม ถ้ามีพอ ที่พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่าผู้มีศีลแล้วก็จงมา ก็ต้องมีคุณธรรมพอ ถ้าไม่มีคุณธรรมเลยเข้ามาไม่ได้ในถิ่นนี้ คุณจะมาอยู่ก็ไม่ได้ ที่นี่ไม่ปฏิเสธหรอก แต่คุณจะอยู่ไม่ได้เองเป็นสัจจะของมัน อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็จะมีคนเช่นนี้อยู่ ครอบครัวของคนเช่นนี้ก็จะคงจะมีหลายครอบครัวขณะนี้ ที่เขากำลังประมวลตัวเองอยู่ แล้วก็คงจะไม่พร้อมพรัก เหมือนคุณที่พูดกันรู้เรื่อง แต่ทีนี้ใครจะมาได้หรือมาไม่ได้อย่างไร ถ้าไม่มา เขาจะเอาวัตถุสมบัติก็ให้เขาไปหมดเลย ที่นี่ไม่ต้องเอาวัตถุสมบัติมาก็ได้ เอาแต่ตัวมา 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 25 กันยายน 2563 ( 19:00:35 )

อโศกเป็นสาธารณโภคีเหนือชั้นกว่ายูโทเปีย

รายละเอียด

ตอนนี้เห็นพราวพุทธทำหนังสือ อโศกไม่ใช่ยูโทเปีย อโศกเป็นสาธารณโภคี อโศกนี่ยิ่งกว่า ยูโทเปีย ซึ่ง ยูโทเปีย อาจเหนือชั้นกว่าคิบบุชหน่อย แต่สาธารณโภคีนี้เหนือชั้นกว่า ยูโทเปียอีก 

มันเกิดจากจิตวิญญาณ ยูโทเปียก็ไม่มีทฤษฎีจะสอนจิตวิญญาณให้ไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีตัวไม่มีตนได้จริงเลย สร้างสรรมาเราก็อาศัยใช้กินอยู่ด้วย นอกนั้นทุกคนก็แบ่งแจกกันไปกินแล้วไม่มีขี้เกียจ ตามวรรณะ 9 ขยัน ยอดขยัน วิริยารัมภะ ไม่สะสม เอาเข้ากองกลางหมดต่างคนต่างมีอาการน่าเลื่อมใส แบ่งแจกกัน ใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็เอาไปให้กัน 

เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 6 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 20:56:28 )

อโศกเป็นเพียงจุดขาวในฟ้าดำมืดกว้างแสนกว้าง

รายละเอียด

การแก้ปัญหาสังคมเศรษฐกิจ ด้วยการเอาอย่างเก่า เอาน้ำโคลนมาล้างความสกปรกให้มันสะอาด ดีไม่ดีน้ำฝนนั้นทําให้ความสกปรกเพิ่มขึ้นกว่าเก่า หนักไปกว่าเก่าเขาก็ไม่รู้ตัว เขาไม่สามารถหาน้ำสะอาดได้ น้ำสะอาดเป็นจุดขาวในฟ้าดำมืดกว้างแสนกว้าง

เราก็เป็นเพียง จุดขาวในฟ้าดำมืดกว้างแสนกว้าง

เราก็ค่อยๆ ทำไป เราจะอยากกว้างใหญ่กว่านี้ไม่ได้มันต้องสร้างเอา มันมีอัตราก้าวหน้าก็ใช้ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:35:19 )

อโศกเป็นโรงเรียนดัดสันดานหรือเป็นคุกของปัญญาชน

รายละเอียด

อาตมาเคยบอกว่าการที่เอาลูกมาเรียน ถ้าลูกไม่ต้องการ ไม่เต็มใจก็อย่าไปบังคับกันมาเลย มันลำบากใจทรมานกัน เพราะที่นี่ไม่เหมือนโลกข้างนอกเขา เป็นเรื่องขัดเกลา ที่บอกว่าเป็นโรงเรียนดัดสันดาน มันหนักยิ่งกว่าคุกอีก นี่หนักยิ่งกว่าคำว่าคุกอีก แต่เป็นคุกของปัญญาชน ที่ผู้สมัครใจจะเข้ามาอยู่ในนี้ เพราะเป็นคุกของปัญญาชน ส่วนคนไม่รู้ก็จะไม่เอา เพราะกลัวว่าสันดานเขาจะดีขึ้น แล้วก็ไม่เข้ามา ถ้าเข้ามาจะถูกดัดสันดาน เขาก็ไม่เอา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 05:10:45 )

อโศกเพราะมีธรรมรส 

รายละเอียด

พวกเราเอาเป้าหมายที่ พระพุทธเจ้าให้ไว้มาเป็นเป้าหมายหลักคือ อโศก ตั้งแต่ มันไม่แจ่มใสไม่เบิกบานร่าเริง โศกะ ปริเทวะคือพิรี้พิไร อยู่กับอันนี้ มีความขัดเคืองอยู่กับอันนี้

ในโลกเขาจะหนีออกจากความโศกต้องมีอะไรมาล่อตะลุ้งตุ้งแช่ กับเหล่านี้ แต่พวกเราไม่ต้องมีก็เบิกบานได้ มันหลุดพ้นจากสิ่งที่ต้องเสียเวลาทุนรอนแรงงาน แล้วเขาไม่มีปัญญาออกจากสิ่งงมงาย ดีไม่ดีไปติดกับสิ่ง ที่เขาปรุงแต่งกันทับถมด้วยรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสสนุกสนานเบิกบานร่าเริง สิ่งที่สนุกสนานเบิกบานร่าเริงมันไม่ใช่รสชาติของธรรมรสนะ มันเป็นโลกียรสที่สูญเปล่า มันไม่สูญเปล่าหรอกมันกลายเป็น โง่ซ้ำโง่ซ้อน โง่ซับโง่ซ้อน ตกผลึกลงไป โง่ดักโง่ดาน มันยิ่งหนักหนาสาหัส 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:18:12 )

อโศกเหมือนคนอีกโลกหนึ่ง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นประเทศใดสังคมใดที่ไม่ต้องหวั่นไหวในเรื่องอาวุธ ใช้ความดีงาม ใช้ความเสียสละ หรือจะถึงขั้นว่า เราเป็นผู้แพ้ แพ้ในทางที่จะไปเอาชนะอำนาจบาตรใหญ่ก็ดี ร่ำรวยมากก็ดี หรือไปหลงใหลสุข ทุกวันนี้มันหลงความสุข ที่เป็นความมอมเมา ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นความสุขแบบการบันเทิงเริงรมย์ ความสุขทางกีฬาหรือความสุขกันทางเสพความมึนเมาอื่นๆ เสพความมึนเมาเพื่อให้สร้างเป็นภพชาติที่เป็นวิมาน นึกว่าเป็นสวรรค์ของตนเอง จนกระทั่งทำให้ประสาทเสีย คลั่ง แล้วก็ฆ่าแม้แต่พ่อแต่แม่ ทำลายอะไรต่ออะไร เมามาแล้วคลั่งฆ่า บ้ากันไปอย่างที่เป็นข่าวอยู่ในเมืองไทย พวกนี้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ศึกษาสัจธรรมที่ดี 

เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าสังคมในโลกแต่ละประเทศแต่ละสังคม ถ้าเข้าใจแล้ว อาตมาพูดย้ำแล้วว่า เมืองไทยเป็นเมืองที่สงบ สบาย อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ มันมีการย้อนแย้งอยู่อย่างหนึ่ง คือผู้ที่เป็นอkริยบุคคลหรือเป็นโลกุตรบุคคลจะเป็นคนจน เสียสละ แล้วมันเอาอะไรมาเสียสละ จนน่ะ เพราะฉะนั้นเราจะไปเสียสละก็คือ เอาพฤติกรรมแสดงให้เขาดูเป็นการเสียสละ เข้าใจได้ไหม พฤติกรรมหรือความ ประพฤติก็ได้ ของคนนี้ เป็นความประพฤติที่เป็นตัวอย่าง ให้เขาดูให้เขาเห็นว่าเสียสละอันนี้ เข้าใจยากไหมนี่..ไม่ยากหรือ ..ดีจังเลย 

ประเทศไทยแสดงออกอันนี้ให้อยู่แล้ว อย่างน้อยก็ชาวอโศกแสดง ลงเป็นหลักวิชาการของพระพุทธเจ้า พวกเรานี้แสดง 1. แสดง สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ เป็นศัพท์บาลีทั้งนั้น แสดงการระลึกถึงกัน ระลึกถึงคนนู้นคนนี้ อาตมาพูดพาดพิงถึงคิมจองอึน อาตมาระลึกถึงคิมจองอึน อาตมาพูดพาดพิงถึงโดนัลด์ทรัมป์ อาตมาระลึกถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ระลึกแล้วก็ส่งความปรารถนาดีไปประท้วงไปตำหนิ ว่าอย่าทำอย่างนี้มันไม่ถูก คำตำหนิคือสิ่งประท้วงว่าไม่ดี อย่าทำ มันไม่ใช่คำสรรเสริญเพราะเขาไม่ได้ประพฤติสิ่งน่าสรรเสริญ แต่มันเป็นคนที่ทำให้ตัวเองเสื่อมสังคมก็เสื่อมผลกระทบเป็นอิทัปปัจจยตา เป็น Domino ไล่ไปถึงสังคม มันไม่ดี 

แต่เขาคงไม่เข้าใจหรอกเพราะเขาไม่ได้ไปศึกษาอย่างที่เราว่าและ เขาไม่ได้ศรัทธาว่าคำสอนที่เราสอนที่เราพูดกัน เป็นของพระพุทธเจ้า เขาคนละลัทธิคนละศาสนา เขาไม่เชื่อเขาไม่ฟัง เราก็ไม่ได้หวังว่าจะให้เขาเชื่อเขาฟัง ก็ให้ชาวพุทธเราเองนี่แหละในประเทศไทยนี้เข้าใจ ถ้าประเทศไทยเข้าใจดีขึ้นมีมวลมีประชาชน โดยเฉพาะคนที่มีฐานะทางสังคม เข้าใจแล้วก็ช่วยกันประพฤติกระทำ กรรม ว่าเขาเชื่อเขาเข้าใจแล้วก็กระทำตามนี้ อย่ามารังเกียจรังงอนโพธิรักษ์เลยว่า เป็นคนนานาสังวาสกับเถรสมาคม ขออภัยที่ต้องขอพูดความจริงว่าเถรสมาคมนั้นล้มเหลวในทางศาสนาพุทธ  ทำให้ประเทศ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ ไม่ได้หรอก ไม่ได้หรอก ขอยืนยัน ไม่ได้ 

ถ้าได้ คนที่เขาเข้าใจ คนที่เขาศรัทธากันอยู่ เขาก็ปรามกันได้ เขาก็ห้ามกันได้ เขาก็หยุดระงับกันได้ แต่นี่มันได้ที่ไหนล่ะ แต่ถ้าคนที่มาเข้าใจด้วยปัญญาของตนเอง แล้วไปตรงกับของพระพุทธเจ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ มันจึงมาเป็นอย่างนี้ อาตมาขอยืนยันว่าอาตมานำสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผยมาขยาย พวกคุณเข้าใจได้แล้วพวกคุณก็มาเชื่อถือเห็นตามนี้ที่สัมมาทิฏฐิตามนี้ จนกระทั่งมาเป็นเช่นนี้ 

เกิดมรรคเกิดผลจึงเป็นตัวคนอย่างชาวอโศกเป็น คุณมาเป็นได้อย่างนี้จนถึงวันนี้ คุณได้ลดได้ละได้เลิกได้ปลดปล่อยแบบโลกียะมาใช่ไหม มาถึงวันนี้แล้วนี่ขอถามความรู้สึกปัจจุบัน แต่ก่อนนี้คุณเคยเป็นแบบโลกียะ พอมาเป็นได้ขณะนี้   คุณรู้สึกฝืนมากไหมที่คุณเคยติดยึดอย่างเก่าแล้วทิ้งมา มาถึงวันนี้ คุณรู้สึกว่าโอ้โห..เราไม่น่าทิ้งมาเลย เสียดายมาหลงเชื่อโพธิรักษ์ โธ่เอ๋ย ทิ้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มาขนาดนี้ ถ้าใครรู้สึกอย่างที่ว่านี้ไปแล้ว ไม่อยู่หรอก อาตมาว่าไปแล้ว ถ้าใครรู้สึก 

แต่ถ้าใครรู้สึกว่าอย่างที่เขา SMS มา ได้พบความทุกข์ ได้พบสิ่งที่เลิกละมาอย่างนั้นอย่างนี้.. เข้าใจ แหม.. อาตมาว่า เราพูดกันนี่ เหมือนกับคนอีกโลกหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เหมือนล่ะ ก็เป็นจริง เป็นคนอีกโลกหนึ่ง คนที่เขาไม่เข้าใจก็จะบอกว่าโพธิรักษ์นี่ พูดอะไรวะ มันก็หลงตัวมันเอง หลงพรรคพวกตัวเอง นึกว่าพฤติกรรมตัวเองเลิศเลอประเสริฐศรีนัก เขาก็ต้องคิดอย่างนี้ ของเขาดูซิ รวยเขาก็รวย อยากได้อะไร อยากกินอะไร อยากใช้อะไรฉันก็เอา แล้วก็หามาแล้วก็ได้สมใจฉันสบายชอบใจ ดีไม่ดีทิ้งไป ไปเอาใหม่เพราะรวย หรือไม่รวยก็อยากได้อยากมีอยากเป็น ก็ดิ้นรนหาเงินทองก็เอาไปซื้อมาบำเรอตนเอง แล้วก็นึกว่าได้ขึ้นสวรรค์ บำเรอตน ไม่รู้จักจุดอิ่ม จุดพอของชีวิต ลดละหน่ายคลาย ความเป็นโลกโลกียธรรมไม่ได้ พวกเราอโศกนี่ลดโลกียธรรมมาได้ จนมีปรากฏการณ์มีพฤติกรรมที่เห็นได้ชัด ได้อย่างนี้เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 เมษายน 2566 ( 18:09:29 )

อโศกแพ้แต่ไม่ผิด ประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส

รายละเอียด

นั่นก็คือทางธรรมจบแล้ว ทุกวันนี้พวกเราก็เป็นนานาสังวาสกันอย่างสมบูรณ์ นานาสังวาสเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่เราประกาศ พ. ศ. 2518 ก็เป็นนานาสังวาสอยู่สบายมาเรื่อยๆ เมื่อ พ.ศ. 2525 พันตรีอนันต์ เสนาขันธ์ ก็มาใส่เราใหญ่เลย ก็ยังไม่เป็นเรื่องมาก แต่ต่อมา พ.ศ. 2532 เขาก็ดึงเราเข้าไปว่าต้องสึกไม่สึกไม่ได้ ถ้าไม่สึกก็เอาเรื่อง ก็มีเรื่องอีกว่ากันไปทางโลก ส่วนทางธรรม เขาก็ไม่กล้าตัดสินเรา ทางธรรม เขาก็ประชุมกัน พิจารณาลับหลังว่าเราผิด แล้วก็ประกาศว่าอัปเปหิ ออกจากสงฆ์หมู่ใหญ่ ทั้งๆที่เราลาออกมาแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2518 ตอนนี้ พ.ศ. 2532 ไปอ่านหนังสือประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส อาตมาก็ได้รวบรวมเขียนไว้ 

คุณก็ต้องเป็นหมู่ใหญ่เพราะคนรู้มันมากกว่าคนไม่รู้ พูดชัดๆก็คือคนโง่มากกว่าคนฉลาด เขาก็ต้องมีคนไม่รู้มามากกว่ามีคนรู้คนที่ประพฤติได้เป็นธรรมดาของยอดพีระมิด กับฐานพีระมิดมาก็ต้องมีมากมีน้อยกว่ากันเป็นธรรมชาติธรรมดา ถ้าใครเข้าใจอย่างนี้แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร 

เราจะแพ้ก็แพ้แต่เราไม่ได้ผิด เราก็แพ้ก็แพ้ชะตาทราม ดวงใจทรงความมั่นคง  ตกลงเราก็จบไปทุกอย่างแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการพุทธศาสนาตามภูมิที่บ้านราชฯ วันพุธที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2563 ( 15:27:22 )

อโศกแพ้แต่ไม่ผิดประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส

รายละเอียด

นั่นก็คือทางธรรมจบแล้ว ทุกวันนี้พวกเราก็เป็นนานาสังวาสกันอย่างสมบูรณ์ นานาสังวาสเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่เราประกาศ พ. ศ. 2518 ก็เป็นนานาสังวาสอยู่สบายมาเรื่อยๆ เมื่อ พ.ศ. 2525 พันตรีอนันต์ เสนาขันธ์ ก็มาใส่เราใหญ่เลย ก็ยังไม่เป็นเรื่องมาก แต่ต่อมา พ.ศ. 2532 เขาก็ดึงเราเข้าไปว่าต้องสึกไม่สึกไม่ได้ ถ้าไม่สึกก็เอาเรื่อง ก็มีเรื่องอีกว่ากันไปทางโลก ส่วนทางธรรม เขาก็ไม่กล้าตัดสินเรา ทางธรรม เขาก็ประชุมกัน พิจารณาลับหลังว่าเราผิด แล้วก็ประกาศว่าอัปเปหิ ออกจากสงฆ์หมู่ใหญ่ ทั้งๆที่เราลาออกมาแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2518 ตอนนี้ พ.ศ. 2532 ไปอ่านหนังสือประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส อาตมาก็ได้รวบรวมเขียนไว้ คุณก็ต้องเป็นหมู่ใหญ่เพราะคนรู้มันมากกว่าคนไม่รู้ พูดชัดๆก็คือคนโง่มากกว่าคนฉลาด เขาก็ต้องมีคนไม่รู้มามากกว่ามีคนรู้คนที่ประพฤติได้เป็นธรรมดาของยอดพีระมิด กับฐานพีระมิดมาก็ต้องมีมากมีน้อยกว่ากันเป็นธรรมชาติธรรมดา ถ้าใครเข้าใจอย่างนี้แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร เราจะแพ้ก็แพ้แต่เราไม่ได้ผิด เราก็แพ้ก็แพ้ชะตาทราม ดวงใจทรงความมั่นคง  ตกลงเราก็จบไปทุกอย่างแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 11:26:55 )

อโศกไม่มีการจุดธูปเทียน

รายละเอียด

เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเป็นเดรัจฉานวิชา นอกรีต เรื่องมิจฉาทิฏฐิซึ่งศาสนาพุทธนั้นน้ำมนต์ก็ไม่มีเรียกว่าศาสนาพุทธ ไม่มีอัคคียัญ สิญจนยัญ ไม่ได้ใช้ไฟหรือน้ำเป็นสื่อ คือ ศาสนาพุทธทุกวันนี้ที่จุดธูปจุดเทียนบูชาไฟนั้นไม่ใช่พุทธเลย ผิดไปหมด ที่ต้องพูดว่ามีถูกอยู่ที่อโศกไม่ได้มีการจุดธูปจุดเทียนไม่ได้มีน้ำมนต์เลย นี่ก็ได้ผล เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์กันยืนยันด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:42:18 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:11:49 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:19:26 )

อโศกไม่มีใครรุกรานเพราะมีแต่ จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นสมบัติ

รายละเอียด

เขาจะมารุกรานเอาทองเอาเงินเอาสมบัติ ไม่คุ้ม เสียแรงไม่คุ้ม ไปรุกรานจะเอาอะไรอีก เอาความหรูหราฟุ่มเฟือยสวยงามอลังการต่างๆ ก็ไม่คุ้ม เพราะอโศกมันไม่มี 

ถ้าเขามีปัญญาจริงๆ อโศก มีอะไรให้รุกรานก็มีธรรมะเป็นโลกุตระให้รุกราน  แต่ธรรมะเป็นคำที่ค้ำคอเขา ถ้ามารุกรานแบบทางโลกๆมาเบียดเบียนเป็นความเลวทำไม่ได้ เขาก็มา ถือว่าไม่ใช่รุกรานแล้ว แต่กลับพยายามอยากได้ ด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ 

สรุปแล้ว เขาจะมาเอาสมบัติ ชาวอโศกมาถึงทุกวันนี้ อโศกมีอะไรเป็นสมบัติ จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นสมบัติ เป็นคำวิชาการของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกเลยนะ วิชชาจรณสมบัติ 

ซึ่งอัมพัฏฐะกับ พระพุทธเจ้า พูดถกกัน ใครที่มีวิชชาและจรณะ อัมพัฏฐะ  เขาก็บอกว่าเขามี พระพุทธเจ้าก็ค่อยๆไล่ต้อน สุดท้ายก็รู้ว่าเขามีแต่ปากพูด มีแต่ถือว่าเป็นพราหมณ์เป็นเจ้าของผู้มี จรณะ 15 วิชชา 8 พระสมณะโคดมแต่เดิมเป็นกษัตริย์ เขาก็ถือว่าสมณะโคดมมาจากวรรณะกษัตริย์ ไม่ใช่วรรณะพราหมณ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 19:52:48 )

อโศกไม่เรี่ยไร

รายละเอียด

ชาวอโศกไม่ได้ไปเรี่ยไรคนข้างนอก เพราะเราไม่ได้รับเงินคนข้างนอกที่ไม่ใช่สมาชิกที่เป็นชาวอโศก อันนี้เป็นกติกาที่เราทำมานานตั้งแต่ต้นจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ไม่รับเงินคนข้างนอกที่ไม่รู้จักเรา ไม่ได้อ่านหนังสือ 7 เล่มยังไม่ได้มาคบคุ้นภายในสัก 7 ครั้งอย่างน้อยที่เป็นกติกาที่เราทำมา เราจะไม่รับเงินบริจาคให้แก่เราจากคนที่ยังไม่อยู่ในข่ายกติกา เป็นต้น เราก็ทำมาตลอดทุกวันนี้ ทำอย่างนี้มามันก็พอเป็นไป แล้วก็ไม่มีใครมามีอิทธิพลได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 18:59:53 )

อโศกไม่ใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส

รายละเอียด

และจริงที่สุดที่อโศกคือพุทธศาสนา เราไม่ใช่นิกาย คนที่ไม่เข้าใจคำว่านิกายอย่าเอาคำว่านิกายมายัดใส่อาตมา คุณพูดโดยไม่รู้ก็บาปเอง คุณเอาคำว่านิกายมาใส่อาตมา ถือว่าคุณแยกนิกายเอง อาตมาไม่ได้ทำนิกายแต่อาตมาทำนานาสังวาสตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2518 มีหลักฐานยืนยัน อาตมาทำตามพระธรรมวินัยทำตามหลักศาสนาพระพุทธเจ้า แต่คุณไม่มีภูมิรู้ถึง ถ้าคุณรู้ถึงก็จะรู้ว่าทำตามพระธรรมวินัย แต่เถรสมาคมไม่รู้จักนานาสังวาสแล้วก็ทำการโมฆะ มาไล่อาตมา ทั้งที่อาตมาประกาศนานาสังวาสแล้ว วันดีคืนร้าย พ.ศ.2532 ก็มาดึงอาตมาไปทำปกาสนียกรรมอีก เป็นการโมฆะทั้งนั้นเลย ทำการผิดพระธรรมวินัย ที่กระแสหลักทำกับอาตมามันแสดงถึงว่าไม่มีความรู้เรื่องศาสนาแม้แต่พระธรรมวินัยอย่างอื่นแค่นี้ ก็ยังผิดเลย จะไปเอานิยายอย่างไรกับเถรสมาคม

แต่มันต้องเป็นเช่นนั้นมันจำนนเพราะกระแสหลักทั้งประเทศทำผิดอย่างนี้ และอาตมาเห็นความผิดแล้วไม่ให้อาตมาพูดจะมีอะไรเหลือ จะมีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันของศาสนาพุทธขึ้นมาอีกเล่า ฟังดีๆ เปิดใจอย่างเป็นกลางและฟังให้ชัด อาตมาไม่ได้พูดด้วยความหลงตัวตน อาตมาพูดสัจจะ

ศาสนาที่อาตมาทำนี้ไม่ใช่นิกาย แต่เป็นแบบนานาสังวาส แค่คำว่านิกายนี้คุณก็ไม่รู้แล้วเอาคำว่านิกายมายัดใส่อาตมาคุณก็ทำอนันตริยกรรม อาตมาไม่ได้แยก อาตมาออกเป็นนานาสังวาส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน อโศกมิใช่นิกายแต่เป็นนานาสังวาส


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:26:52 )

อโศกไม่ใช่ยูโทเปียเสียเปรียบดีกว่าได้เปรียบ

รายละเอียด

มีหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ออกมาตอนนี้พอดีเลย ชื่อว่า อโศกไม่ใช่ยูโทเปีย ผู้ที่เขียนคือ พราวพุทธ ขาวดารา เอามารวบรวมตามความรู้ความเข้าใจออกมา อาตมาก็สารภาพตามตรงว่า อาตมาเพิ่งได้รับ ยังไม่ได้อ่าน เขาพิมพ์แค่ 5,000 เล่ม เป็นครั้งที่ 1 พฤษภาคม 2565 เขาไม่ใส่ชื่อเขาด้วยนะ เขาต้องการปิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาตมาเปิดโปงกลางบ่อน เขาก็รวบรวมมาและเป็นความคิดเขาด้วย ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด เอาหลักฐานข้อมูลต่างๆมา ให้เห็นว่า 

อโศกเราเป็นบุญนิยมไม่ใช่ยูโทเปีย เป็นเรื่องของโทมัส มอร์ ที่เขาเขียนเป็นจินตนาการ ซึ่งยังไม่มีสังคมจริงเกิดได้ Thomas Moore เขาเขียนเป็นหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่ายูโทเปีย แต่ทางโน้นเป็นเทวนิยม โทมัสมอร์ เขาก็มีแนวคิดของเขา หนังสือยูโทเปีย อาตมาก็ไม่เคยอ่าน ก็มีแต่พวกเรา มี Doctor สมบัติ จันทรวงศ์ ก็มาบอกกับพวกเราว่าพวกเราเหมือนพวกยูโทเปีย เขามาตู่เลยว่า อโศกนี่เหมือนยูโทเปีย เลยเรียก พุทธยูโทเปีย หนังสือเล่มนี้ก็พิมพ์ออกไปแจกเป็นแสนๆเล่ม ตอนแรกๆ ตอนที่เกิดเรื่องเกิดราวก็ต้องอาศัยหนังสือของดร.สมบัตินี้เหมือนกัน พิมพ์ออกไปเยอะ ไม่ได้บอกจำนวนพิมพ์ด้วย พิมพ์ออกมา เป็นหมื่นเป็นแสน และไม่ได้บอกว่าพิมพ์กี่ครั้ง กี่เล่ม แต่ต้องการพิมพ์หนังสือจริงออกไปให้คนได้รับรู้มากๆ 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:28:31 )

อโศกไม่ใช่สงฆ์คณะเถรสมาคมและเราไม่แต่งกายเลียนแบบสงฆ์

รายละเอียด

ก็ถูกแล้วเราไม่ได้แย้งอะไร สงฆ์แปลว่าหมู่ คณะ เราไม่ใช่สงฆ์คณะเถรสมาคมก็ถูกแล้ว ของเราเป็นสงฆ์คณะอโศก ที่ว่าแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ เราไม่เลียนแบบ และพยายามไม่ให้เหมือนด้วย เจตนาด้วย ทั้งมหานิกายหรือธรรมยุต เราไม่ได้ห่มเหมือนเขา สีสันก็ไม่เหมือนเขา การนุ่งห่มก็ไม่เหมือนเขา ไม่ได้ทำกระทงกระแทกแบบเขา คิ้วก็ไว้ นุ่งห่มก็ไม่เหมือน อะไรต่างๆนานา เป็นเรื่องของนานาสังวาส ตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 11:30:50 )

อโศกไม่ได้มีหมู่กลุ่มมาก

รายละเอียด

เราไม่ได้มีหมู่กลุ่มมาก อันนี้คุณก็เข้าใจผิดแล้ว เราก็รู้ตัวเองว่าเราเป็นหมู่กลุ่มที่มีน้อยเทียบกับสำนักต่างๆ เช่นสำนักของมหาบัว สำนักธัมมชโย อโศกสู้ได้ที่ไหน ในเรื่องจำนวน ของเขามากกว่าตั้งเท่าไหร่ แค่นี้คุณก็ไม่รู้ความจริงอาตมาว่า คุณต้องศึกษาสัจธรรมให้ดีๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 12:51:31 )

อโศกไม่ได้สร้างภาพ ที่คุณชัชชาติทำเหมือนอย่างเป็นคนจน แลนด์สไลด์อาตมาเตือนไว้

รายละเอียด

ซึ่ง มันไม่ใช่เรื่องแกล้ง ไม่ใช่เป็นเรื่องพูดเอาเท่ห์ ดราม่า อวดโชว์ ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องจริง ไม่เหมือนชัชชาติเลย เอ้า!จริงนะ ไม่ได้สร้างภาพไม่ได้วางแผนทุกอย่าง แต่คุณชัชชาติเขาสร้างภาพ วางแผนไว้ทุกอย่าง เขาก็ได้ ก็ต้องยอมเขา แต่พวกเรานี้ไม่ใช่ อย่างที่เขาเป็น คนละแนว คนละแบบ แต่คนไทยกำลังหลงวิธีการแบบคุณชัชชาติซึ่งได้มาจากต่างประเทศ เขาทำมาก่อนแล้ว คนไทยยังไม่เก่งหรอก แต่คุณชัชชาติเก่งและทำได้ แลนด์สไลด์เลย เพราะเขาวางแผนมาหลายปี ไม่ใช่อาตมา ข่มชัชชาติ แต่อธิบายสัจธรรมวิชาการให้ฟัง 

เพราะฉะนั้นทำอะไรให้เจาะเข้าไปลึกถึงสภาพสัจธรรม ความซับซ้อนอย่างคุณชัชชาติเขาทำ ทำเหมือนอย่างเป็นคนจน ทำเหมือนเป็นคนติดดินพวกนี้ แต่พวกเรานี้ทำจริงๆ ไม่ใช่เหมือน ชัชชาติ ทำเอาชีวิตเข้าแลกเลย ไม่ใช่ทำอย่างมีเป้าหมายจะเป็นนั่นเป็นนี่จะได้อะไรกลับมาไม่มี เพราะชัชชาติเขามีแผน เปรียบเทียบให้ฟังง่ายๆ ชัชชาติ กับ ประยุทธ์ จันทร์โอชาต่างกันคนละขั้ว ประยุทธ์นี้ลุยเลือดไปเรื่อยๆ เหมือนรสนา ไม่มีการกลัวว่าจะมีภาพไม่ดี จะสร้างภาพอย่างนั้นอย่างนี้ไม่มี 

เพราะฉะนั้นระวังเถอะ อาตมาเตือนไว้ แลนด์สไลด์ชัชชาติ อาตมาให้สัญญาณเตือนไว้ แต่ไม่ใช่เขาไม่ทำดีนะ แต่เขามีตัวตน อธิบายสัจธรรม อธิบายธรรมะ โดยขออาศัยขอบคุณชัชชาติ ขอบคุณคนที่ถูกยกเอามาเป็นตัวอย่างโดยไม่ได้ขออนุญาต ก็ต้องขออภัย เอามายกตัวอย่างอธิบาย เพราะมันเข้าใจง่าย ยิ่งกว่าดูภาพมีตัวตนบุคคลมีพฤติกรรมจริงๆให้ยกอ้าง รูปภาพภาพหนึ่งอธิบายได้มากมาย แต่นี่ตัวตนบุคคลมีพฤติกรรมที่เขาทำมา เมื่อยกตัวตนบุคคลขึ้นมา ตัวตนธัมมชโย ตัวตนมหาบัวก็รู้ได้ทันที เหมือนกับยกตัวอย่างคุณทักษิณคุณชัชชาติ แต่คุณทักษิณกับคุณชัชชาตินั้นไม่เหมือนกันทีเดียว ทักษิณนั้นยุคนี้ปางนี้ ไม่มีใครเป็นตัวอย่างเหมือนเท่าเหมือนในยุคพระพุทธเจ้าที่มีพระเทวทัตฉันใดก็ฉันนั้น มันสุดยอดจริงๆ แต่นี่เขายังก้ำกึ่งไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็ยังพอมองความต่างได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 16:56:34 )

อโศกไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของสังคม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นโลกและสังคมไว้ใจเราได้ เราไม่ไปแย่งโลก โลกเค้ามีทรัพย์สินทรัพยากรจำนวนจำกัดตามหลักเศรษฐศาสตร์ มันมีสิ่งที่คนอยากได้เราก็พยายามแชร์ให้ทั่วถึงกัน เราเป็นกลุ่มคนที่ไม่แย่งในสิ่งที่คุณแย่งกัน ให้คุณแย่งกันให้สบายเลย เราบาย เราไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้  อโศกไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของสังคม แต่สังคมก็กังวลกับชาวอโศกว่าเป็นตัวภาระ เป็นตัวยุ่งยาก เป็นตัวที่จะมาแย่ง  ไม่เลย พวกคุณนั่นแหละ ต่อสู้กันเองละกัน รบราฆ่าฟันกันเอง เราชาวอโศกมีส่วนเหลือส่วนเกินเอาไปแจกจ่ายด้วย ตอนนี้ชาวอโศกมีผลผลิตมันมีมากเกิน มันก็เหลือก็ทิ้ง มันเป็นพีชะ ปล่อยก็เน่าทิ้งไป เราก็พยายามเดินไล่แจกด้วยซ้ำไป 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:40:57 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:12:37 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:50:04 )

อโศกไม่ได้เป็นนิกาย

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้เป็นนิกาย ใครเป็นนิกายคนนั้นอนันตริยกรรมเอง อย่าเอาเรื่องนิกายมาใส่อาตมา อาตมาจะขอ คุณไม่เข้าใจง่ายๆหรอกคำว่านิกาย คนทำนิกายไม่เข้าใจสภาวะนิกายคืออะไร อาตมาไม่ทำนิกาย ใครทำนิกายคนนั้นอนันตริยกรรม เพราะฉะนั้นใครมาทำให้อาตมาแยกจากสงฆ์ที่เขาแยก อาตมาไม่เคยจะแยกสงฆ์ นิกายคือการทำให้สงฆ์แตกแยก คนนั้นอนันตริยกรรม อาตมาไม่เคย อาตมาพยายามทำตามธรรมพระพุทธเจ้า เช่น อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ประกาศนานาสังวาส อาตมาก็ทำแต่เขาไม่เข้าใจ อาตมาทำตั้งแต่ 6 สิงหาคม 2518  เขาก็ไม่รู้ประกาศแล้วก็อยู่ดีมา จนถึง พ.ศ 2532  ผีเข้าอย่างไรก็ไม่รู้ เถรสมาคมโดยเฉพาะผู้รู้ที่เป็นปราชญ์เอกชี้นำมา ซัดอาตมา ทำอธิกรณ์อาตมาเลย นานาสังวาสทำอธิกรณ์กันไม่ได้ อาบัติ ผิดธรรมวินัย เขาก็มาจัดการกับอาตมาจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ต่างๆนานา  ล้วนแล้วแต่อวิชชาหรือมิจฉาทิฏฐิของเถรสมาคมที่เป็นความเสื่อมอย่างสูงมาก มาจัดการอาตมาทั้งนั้น ก็เป็นอกุศลเป็นบาป อาตมาได้แต่สงสารไม่รู้ทำอย่างไร อาตมาถูกทำโดยไม่ตอบโต้ ไม่ให้มันแรง เขาก็ทำเอาๆอย่างย่ามใจเพราะความโง่อวิชชาของเขามันผลักดันให้เขาทำ

ขออภัยนะที่อาตมาอธิบายธรรมะนี้เป็นสัจธรรม อธิบายความจริงจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว ถ้าผู้ที่ตั้งใจฟังธรรมะด้วยดี สุสูสัง ลภเต ปันยัง จะเข้าใจว่า อ้อ..นี่เราทำผิดเหรอ อ้อ..ที่เราทำเสียหายเหรอ

50 กว่าปีที่อาตมาแสดงตัวแล้วก็แสดงธรรมตลอด อาตมายังไม่ตายพูดได้แสดงได้ ยังมีเวลา มีกำลัง มีแรง อาตมาเกิดมาชาตินี้ไม่มีงานอื่น มีแต่งานนี้แล้วจะไม่ให้อาตมาทำ ไม่ได้ นอกจากไม่ได้แล้วคุณจะบาปหนาด้วยที่จะไม่ให้อาตมาทำ พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วทำงานนี้งานเดียว 45 พรรษาจนกระทั่งปรินิพพานไปแล้ว มันเป็นเรื่องสุดยอดของมนุษย์แล้ว สูงสุดเป็นอนุตตริยะอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นอาตมาเกิดมาก็ต้องมาทำเรื่องนี้แหละ

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 19:56:07 )

อโสก , อโสกะ

รายละเอียด

1. เริงใจ

2. ธุลีหมอง

หนังสืออ้างอิง

จากคนคืออะไร? หน้า 514, จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 186 , ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 158


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:01:46 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:45 )

อโสก – วิรัช

รายละเอียด

ไม่หมองใจ เพราะสิ้นยึดในธุลี “ไม่ชอบ” ไม่หมองใจเพราะสิ้นยึดในธุลี “ชอบ”

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 307


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:02:26 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:05 )

อโสภณจิต

รายละเอียด

1. รู้อาการที่จิตเป็นอกุศล 

2. จิตที่ยังไม่ดีสุด หรือยังไม่งามพร้อม 

3. จิตที่ยังไม่ดีไม่งามอยู่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1, ทางเอก ภาค 2 หน้า 44, หน้า 202


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:03:34 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:18 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:19:51 )

อโห

รายละเอียด

มันโตขึ้นมาจากความเป็นตัวตนเปล่าๆ ของเรา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 159


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:12:29 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 13:59:04 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:20:45 )

อโหสิ

รายละเอียด

ได้เป็นแล้ว ได้มีแล้ว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 157 ,  ทางเอกภาค 2 หน้า 145


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:13:06 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:00:48 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:20:27 )

อโหสิ

รายละเอียด

คือ เลิกในเรื่องกรรมอะไร เขาอธิบายให้ชัดเจนคือใครมาทำร้ายเราเราก็ไม่จองเวรไม่ขอแก้แค้นอะไรมันเข้าใจง่าย แม้แต่เขาทำดีกับเรา อันนี้แหละที่มันจะย้อนแย้ง ใครมาทำร้ายเราเราจะจองเวรแก้แค้นอันนี้ไม่ดีแน่ แม้ใครเขาทำดีกับเราแล้วเราก็ไม่เห็นว่าเขาทำดีกับเรา เราก็อย่าไปยึดติดอีกมันก็ไม่ดี ใครทำดีกับเราแม้หนึ่งแม้น้อยเราก็ต้องคิดถึงว่านี่เขาทำดีกับเรา เราควรจะกตัญญูกตเวที ซึ่งมันต่างกันกับความอาฆาตพยาบาทจองเวร ในการอธิบายในการฝึกฝนเรียนรู้การทำใจในใจ ถึงมีความหลากหลาย ต้องมีปฏิภาณปัญญาเข้าใจว่าอันนี้ควรจะเป็นเช่นนี้ ก็ควรจะทำให้มันถูกต้อง 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 17:23:14 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:54:04 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:21:25 )

อโหสิกรรม

รายละเอียด

ทำให้เสร็จจนแล้ว ทำให้มันมีขึ้นแล้ว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 157


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 08:14:05 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:24 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:21:42 )

อโหสิกรรม

รายละเอียด

คือที่พูดไปเมื่อกี้จบไปแล้ว ทำกรรมดีแล้วเราไม่ยึดถือ คืออโหสิกรรม เราปล่อย อโหสิ ทุกอย่างเราไม่ติดไม่ยึด อโหสิ 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 17:22:27 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:26:50 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:22:00 )

อโหสิกรรม

รายละเอียด

ก็มีการสำเร็จไง บอกว่ามีอะไรนิดอะไรหน่อยก็ไม่ต้องไปถึงขั้น ขยายให้เห็นว่ามัน หยาบ คือ อุทาน อโหสิ ไม่ต้องมีอะไรเกิดขึ้น จิตสบายเข้าใจความจริงให้ชัดเจนว่าไม่มีอะไรต่อใคร ไม่มีอะไรต่อกัน เราก็ 0 คนอื่นจะ 0 หรือไม่ ก็ตัวใครตัวมัน สำหรับเรารับผิดชอบตัวเราเองว่าเราไม่มีพยาบาท ไม่มีการติดใจอะไรทุกอย่าง เลิกแล้วต่อกันหมด เรียกว่าอโหสิ คนจะดีไม่ดี หรือยิ่งแม้มีดีๆ ก็อย่าไปติดใจว่าจะต้องสัมพันธ์ผูกพันธ์ ต้องเกี่ยวเกาะอะไรกัน รู้ความจริงตามความเป็นจริงเท่านั้นว่าถ้าเผื่อว่าเรายังจะเกิดอีก เราก็จะต้องสัมพันธ์กับสิ่งที่ดีกันนี่แหละ สิ่งที่ไม่ดีเราก็ห่างกันไว้อะไรอย่างนี้เป็นต้น เราก็กำหนดหมายให้ละเอียดลออสำหรับตัวเราที่จะไม่มีโทษภัยต่อกัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 17:08:59 )

อโหสิกรรม หมายความว่า

รายละเอียด

คำว่า อโหสิกรรม หมายความว่า ใครทำกรรมอะไรมาก็แล้วแต่ จะทำร้ายทำแรงมากับเรา ทำผิดทำถูกมา ส่วนมากก็ทำผิดกับเรา แล้วเราไม่ถือสา เราก็เลิก อโหสิแปลว่าไม่ถือสา ยกเลิก อโหสิ ไม่ติดไม่ยึด ไม่จองเวรจองกรรมอะไรกัน อโหสิ 

มันก็เป็นเพียงปัจจุบันธรรม อโหสิที่ปฏิบัติต่อกัน ที่จริงบางทีแค่ปากพล่อยๆ บอกว่า เออ..อโหสิ แต่ใจยังไม่ได้อโหสิหรอก ใจมันยังยึดอยู่ มันยังจองเวรจองกรรมกันอยู่นะ ยังถือสากันอยู่นะ แต่ด้วยแบบว่าสังคมๆ พอบอกพูดมาก็ว่าดี พูดมาอโหสิก็ขั้น 1 ยกให้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2566 ( 19:08:30 )

อโหสิกรรมควรใช้กับคนที่ตายแล้ว หรือใช้กับคนที่ยังไม่ตาย

รายละเอียด

ถ้าถามประเด็นว่าตอนไหนดี ก็ตอนคนเป็นๆ นี่แหละ ตอนคนตายแล้วจะไปรู้เรื่องอะไร คนเป็นๆ ต่อกันนี่แหละ แล้วก็พูดกันแล้วมันก็จะยอมวาง บางทีมันก็วางกันได้ปล่อยไม่ยึดไม่ถือไม่พยาบาทไม่ถือสาต่อกันได้ อันนี้ก็เป็นสัจจะเหมือนกัน แต่ส่วนมากกิเลสมันไม่ยอมง่ายๆ แต่มันก็ทำเป็นเรื่องของโก้ๆเป็นเรื่องโลกๆ ไปให้มันดูดี บอกว่าไม่เอา อโหสิ ไม่ถือสา พูดไปมันก็ดูดีนะ ก็เป็นคุณธรรมอันดีอันนึง แต่จริงๆ แล้วใจจริงๆ มันจะอโหสิจริงไหม 

ส่วนกับคนตายนั้น คุณเป็นคนที่จะอโหสิ หากว่าอโหสิกับคนเป็นมันก็จะต้องเปลี่ยนแปลงกันอยู่ แต่คนที่ตายไปแล้วนั้นคุณจะไปบอกอโหสิกับคนตาย คนตายก็ไม่รู้เรื่องด้วย มันสูญเปล่า อโหสิกรรมกับคนตายมันสูญเปล่า สำหรับคนที่เราจะพูดกับเขา คนตายคนนั้นเขาไม่รู้เรื่อง แต่ตัวคุณนั้นคุณอโหสิ ถึงอโหสิหรือไม่อโหสิ คุณจะไปทำอย่างไรกันได้ล่ะเขาตายไปแล้ว มันอยู่ที่คุณ 

ถ้าคุณจองเวรจองกรรมอยู่ที่จิตของคุณอยู่ ต่อไปก็พัวพันกันอีก ส่วนคนตายไปแล้วเขาไม่อโหสิคุณ คุณบอกว่าอโหสิแต่เขาไม่ยอมอโหสิ เขาตายไปแล้วคุณจะไปแก้ไขเขาได้ยังไง ถ้าเขาผูกพยาบาทไปแล้วเท่านั้น หรือเขาอโหสิแล้วก็แล้วไป ถ้าเขาไม่อโหสิเขาพยาบาทแต่คุณบอกว่าอโหสิให้คนตาย มันจะได้ผลอะไร 

เพราะฉะนั้นก็ไม่มีผลอะไรหรอกต่อคนที่ตายไปแล้ว อโหสิก็พูดกันกับคนที่ยังเป็นๆนี่แหละ จะได้ผลไม่ได้ผลกันจริงก็ตรงนี้ เป็นแต่เพียงปากพล่อยๆก็ได้ผลน้อย ถ้าจิตใจมันอโหสิจริง วางจริง ปล่อยจริงก็ได้เยอะขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2566 ( 19:11:08 )

อโหสิกับอภัย นัยที่ต่างกัน

รายละเอียด

คำว่าอโหสิกับอภัย เอาพยัญชนะมาเลยดีกว่า อ กับ โห กับ สิ แล้วก็ อ กับ ภย อ กับ อ เหมือนกัน คำปฏิเสธ ไม่ 

ไม่ โหสิ กับไม่ ภยะ

โห นี่เป็นลักษณะของ ที่มันฟุ้งขึ้นมา มันจะมีอาการของจิต อโห อย่างนี้เป็นต้นเป็นคำอุทาน เหมือนจิตมีวาบๆ อะไรขึ้นมา ให้ดูตัวนี้แล้วเลิกเรียกว่าอโหสิ เพราะฉะนั้นจิตของเราจะไปสะดุดอะไรมันก็คือจิตยังไม่สงบจิตยังไม่นิ่ง จิตยังมีตัววิจิกิจฉา จิตยังมีความไม่รู้ถ้วนรอบไม่รู้จริงมันก็จะมีจิตกระเพื่อม อโหสิ รู้ให้ได้แล้วเลิก อโหสิจึงเป็นตัวละเอียดลออกว่า อภยะ

ภยะ คือ ภัย ก็เข้าใจได้ไม่ยากอะไร อภัย คือโทษคือทำไม่ดี เป็นทุกข์เป็นความไม่สุขก็อย่าให้มี อภัย ไม่พูดคำใหญ่คำหยาบคำลวง ส่วน อโหสิเป็นนัยยะสภาวะของจิตที่ละเอียดอย่างที่อธิบายให้ฟัง นี่เอาพยัญชนะ ราก เป็นตัวอธิบายเลย 

อโหสิ เป็นการยกเลิกสิ่งที่มันจะเป็นอย่าว่าแต่ภัยเลย สะดุด อะไรที่ยังไม่ลงตัวไม่สงบไม่เรียบร้อย ต้องทำให้เรียบร้อย อย่าไปเหลืออยู่ เรียกว่าอโหสิ ส่วนอภัยนั้น หยาบ แรง อย่าให้เกิดสภาพที่จะต้องเป็นโทษภัยแก่ใครๆ 

แม้ถึงขั้นละเอียดสุดโลภโกรธหลงเป็นภัย พวกกลิ เป็นตัวโทษภัย เป็นกิเลส 

ก็มีการสำเร็จไงบอกว่ามีอะไรนิดอะไรหน่อยก็ไม่ต้องไปถึงขั้น ขยายให้เห็นว่ามัน หยาบ คือ อุทาน อโหสิ ไม่ต้องมีอะไรเกิดขึ้น จิตสบายเข้าใจความจริงให้ชัดเจนว่าไม่มีอะไรต่อใคร ไม่มีอะไรต่อกัน เราก็ 0 คนอื่นจะ 0 หรือไม่ก็ตัวใครตัวมันสำหรับเรารับผิดชอบตัวเราเองว่าเราไม่มีพยาบาทไม่มีการติดใจอะไรทุกอย่าง เลิกแล้วต่อกันหมด เรียกว่าอโหสิ คนจะดีไม่ดีหรือยิ่งแม้มีดีๆ ก็อย่าไปติดใจว่าจะต้องสัมพันธ์ผูกพัน ต้องเกี่ยวเกาะอะไรกัน รู้ความจริงตามความเป็นจริงเท่านั้นว่าถ้าเผื่อว่าเรายังจะเกิดอีก เราก็จะต้องสัมพันธ์กับสิ่งที่ดีกันนี่แหละ สิ่งที่ไม่ดีเราก็ห่างกันไว้อะไรอย่างนี้เป็นต้น เราก็กำหนดหมายให้ละเอียดลออสำหรับตัวเราที่จะไม่มีโทษภัยต่อกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:33:49 )

อ่อนน้อมถ่อมตนเกินเสียประโยชน์เปล่าอย่างไร

รายละเอียด

ถ้าเราไปปรามอย่าพูดเลย เหมือนอ่อนน้อมถ่อมตนเกิน มันก็เสียประโยชน์เปล่า จริงๆเราไปปราม อาตมาปราม พวกคุณก็จะไม่พูด ไม่พูด มันก็เสียประโยชน์เฉยๆ คนในโลกที่เขาแสวงหา คนในโลกที่เขาจริงใจมันก็มีซึ่งมันเสียประโยชน์ ฟังดีๆนะ อาตมาอธิบายนี้ลึกซึ้งซับซ้อนอยู่ 

โดยที่อาตมาพูดอย่างใจสะอาด มันก็เลยเป็นความซับซ้อนที่จริง เหมือนกับพูดให้ตัวเอง ดูเหมือนช่างพูดให้ตัวเองดีเหลือเกินก็แล้วไป คุณจะมองอาตมาอย่างนั้นก็เรื่องของคุณ แต่อาตมาว่าอาตมาไม่มีสาเฐยจิตพวกนี้เลย จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2565 ( 05:18:27 )

อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ คือประโยคยิ่งใหญ่ 

รายละเอียด

อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ คือประโยคยิ่งใหญ่ คนเริ่มรู้ว่าตัวเองมีข้อบกพร่อง คนนั้นเริ่มฉลาด คนที่ยังไม่ยอมรู้ความบกพร่องของตัวเอง คนนี้จะโง่ดักดานไปเรื่อยๆ เขาเรียกว่าคางคก เลือดหัวไม่ตกยางไม่ออก ก็จะไม่ยอมจำนน 

ประโยคนี้ยิ่งใหญ่มาก “อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้” คุณเป็นคนรับใช้นี่คือคุณเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น คุณเป็นเจ้านายเขานี่คือคุณเป็นลูกหนี้ คุณเป็นเจ้านายเขา ใช้เขา บังคับเขา คุณเป็นแต่ลูกหนี้ หากว่าคุณรับใช้เขา ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตนจนไม่มีตัวตนเลย เป็นคนยอดร่ำรวย คนนี้เป็นเจ้าหนี้ที่ยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นมาอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ ได้ดีเป็นลำดับก็ใช่แล้ว ดี คนเราหากยอมรับความจริงแล้วแก้ไข คือมีปัญญา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 51 เป็นผู้แพ้ผู้รับใช้ได้ไม่ยาก ด้วยฌานทั้ง 4 วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2565 ( 14:56:45 )

อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนอย่างไร

รายละเอียด

ก็ต้องพยายามใช้ปัญญา ใช้ปฏิภาณอย่างดีทำความเข้าใจให้ดีๆว่า คนที่เป็นคนขี้เบ่ง เป็นคนกระด้างกับคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนนี้ ภาษาพอได้อย่างนี้ คนขี้เบ่งขี้ข่มกระด้าง กับคนอ่อนน้อมถ่อมตน คุณก็นึกถึงสภาพความจริง ว่าอาการสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนกับ อาการขี้เบ่งขี้ข่ม มันต่างกัน เราก็ต้องรู้ความจริงว่า ความขี้เบ่งขี้ข่ม มันดีกว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนสุภาพใช่ไหม ? ..ไม่ใช่ คุณก็รู้ แล้วคุณก็ดูว่าอาการที่คุณปฏิบัติอย่าง ขี้ข่มขี้เบ่งกระด้าง มันเป็นอาการอย่างไรคุณเป็นหรือเปล่า แล้วอาการที่อ่อนน้อมถ่อมตนยอมแพ้ ยอมรับใช้มันเป็นอย่างไร คุณก็ทำอย่างที่ว่ามันดี ถ้าคุณเห็นว่า ขี้เบ่งขี้ข่มกระด้างดี คุณก็ไปทำอย่างนั้น แต่ถ้าคุณเห็นว่าสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนมันดี คุณก็มาทำอันนี้ พอเข้าใจอาการมันออกหรือไม่ ถ้าทำได้ก็จบ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 10:36:36 )

อ่านกวี อโศก สัมปวังโก

รายละเอียด

รูปฌาน 4 (สามัญญผลสูตร)

ฌานหนึ่ง มีวิตก ​​ ที่จิตยก ขึ้นมาอ่าน

​​จากนั้น มีวิจาร​​​​ พฤติการณ์ จิตตามมา

​​​ปิติ และสุขอัน วิเวกนั้น ให้เกิดนา

​​อีกเอ-กัคคตา ​​​​บ่มีอา-รมณ์ใดปาน

​​​ฌานสอง วิตกไซร้ สงบไป พร้อมวิจาร

สมา-ธิถึงกาล ​​​​เข้ารับงาน ต่อทันใด

​​​ปิติ และสุขนั้น จึงวิศัลย์ ยิ่งขึ้นไป

​​เอกัค-คตาไซร้​​​​ ก็ทรงไว้ อย่างชินชา

​​​ฌานสาม สติอัน ​​สัมปชัญ-ญะคู่ขา

​​เกิดด้วย องค์คุณห้า​​​ อุเปกขา พรรณราย

​​​ปิติ ต้องจากไป มอบสุขให้ นามกาย

​​ภายนอก บ่ขาดหาย ​​​เชื่อมกับภาย-ในได้การ

​​​ฌานสี่ จิตสิ้นสุข​​ พร้อมกับทุกข์ อวสาน

​​ของบุญ ผู้สังหาร ​​​กิเลสลาญ-ชนม์คว้าชัย

​​​องค์คุณ อุเปกขา ​​จึงรักษา สติไว้

​​ให้ฌา-นิกอาศัย ​​​เป็นฐานใช้ เติมเมตตา

​​​ดูกร บุตรสัตถุ​ อันจักษุ  เอื้อปัญญา

​​อีกญาณ และวิชชา เกิดเพราะอา-โลกอวยแล

​อโศก สัมปวังโก

​หมายเหตุ กาพย์บทนี้ร้อยเรียงจากหนังสือคนจนที่มีแบบเล่ม 2 หน้า 273-280 เนื่องจากเป็นองค์ธรรมที่เกินภูมิของผู้เรียบเรียง จึงใช้โลกจินตามากกว่าโลกสัจจะหลายเท่า หากถ้อยความใดไม่ตรงตามสัจจะ กราบขออภัยพ่อท่าน และแฟนคลับรายการพุทธศาสนาตามภูมิด้วยนะครับ

อาโลก ตัวสุดท้าย นี้คือแสงสว่าง โลกมีแสงสว่างเปิดนะ เพราะฉะนั้นฌานที่ไม่มีแสงสว่าง ไม่ได้เปิดโลก ไปหลับตานั้นไม่ใช่ฌานของพระพุทธเจ้า แค่นี้เขาก็ไม่สะดุดใจ เข้าใจไม่ได้ในเรื่องฌานนี้พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ อโศกสัมปวังโกหยิบมา แล้วก็เอามาอธิบาย ในสามัญผลสูตรก็ว่าไว้ชัด และในอื่นอีกหลายๆแห่งเยอะแยะเรื่องฌาน 

ความเสื่อมของศาสนาพุทธมันเสื่อมจริงๆ เดี๋ยวค่อยๆลุยกันเรื่องความเสื่อมต่อ ขออ่าน SMS ก่อน ไปถึงจุดใดจุดหนึ่งก็อาจจะขยายความเรื่องฌานต่อไปเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือผู้สถาปนาโลกุตระปัญญา ล้างอวิชชาในยุคนี้ วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 17:03:05 )

อ่านกิเลสออก

รายละเอียด

เรารู้ตัวเองว่ากิเลสเกิดจริง อ่านออกว่ากิเลสเกิดขึ้นแล้ว มันเป็นสัจจะแต่การไปนั่งหลับตานั้นได้แต่คิดไปเป็นสัญญาระลึกว่าเกิดจริงมันไม่ใช่ มันไม่มีทิฏฐกาละ ไม่มีทิฏฐธรรม ไม่มีปัจจุบันชาติ คือการเกิดในขณะปัจจุบัน ยังมีตาหูจมูกลิ้นกายเปิดแล้วก็ใจกระทบสัมผ้ส กิเลสมันก็เกิดทันทีที่ถูกกระทบในขณะนั้น 

ซึ่งในปัจจุบันนี้มันทันทีทันใดว่ามันเกิดในขณะปัจจุบัน ถ้าผู้อ่านอ่านอาการของจิตที่เป็นกิเลสเกิดในจิตขณะที่มันเป็นปัจจุบันใดๆ อ่านไม่ออก คนนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รู้จักกิเลส กำจัดกิเลสมันก็ไม่ได้กำจัด ยิ่งไปหลับตาแล้วหมดเลยโมฆะทิ้งไปเลย 

ขนาดที่ลืมตาสัมผัสกิเลสมันเกิดนี่ ไม่ใช่รู้ง่ายๆ ถ้าไม่ได้ศึกษาฝึกฝนจริงๆไม่รู้หรอก นี่อย่างนี้รู้จักกิเลสเกิดอยากกิน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 17:48:32 )

อ่านคอมเม้นท์ยุค globalization

รายละเอียด

มาอ่านคอมเม้นท์ ที่ส่งกันมามีตั้งแต่สุภาพจนถึงหยาบมาก เป็นยุค globalization ทุกอย่างไม่มีอะไรปิดกั้นสื่อสารถึงกันหมด ก็เลยมีอะไรอะไรให้ดูได้อย่างนี้

สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 10:51:20 )

อ่านจิตหรือจัดการจิตอย่างไรเรียกว่าสัมมาทิฐิ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่ยังอ่านจิตตัวเองไม่ออก จัดการกับจิตตัวเองให้มันจับจิตได้ว่าอย่างนี้มันเป็น อย่างน้อยมันก็เป็นอกุศล และอย่าทำให้จิตมันเป็นอกุศล จิตที่เป็นอกุศลง่ายๆคืออะไร ก็เอาแค่ชั่วดี มันเป็นสิ่งที่ชั่วตามที่คุณเข้าใจไม่ทำ ทำแต่ดี อันนี้เป็นโลกียะ สูงขึ้นไปกว่านั้น จิตของคุณมันจะมีราคะ มันจะมีโทสะ หรือมันโมหะ มันแยกไม่ได้ว่าเป็นราคะหรือโทสะ คุณรู้จิตของคุณแล้วไม่ให้มี แค่สะกดไว้ ไม่ให้มันทำราคะ ไม่ให้ทำอาการของโทสะ โมหะ ก็ยังเป็นการทำใจในใจ แต่ถ้าจะดีต้องให้รู้ตัวเหตุแท้ของราคะ โทสะ โมหะ แล้วทำให้ราคะจางคลายหรือดับ ทำให้โทสะจางคลายอ่อนลงหรือดับ นั่นคือการทำใจในใจเป็น เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ หรือถือศีลก็ตาม ก็อ่านอาการจิตของคุณจับกิเลสได้ ในสังกัปปะ 7 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 10:50:16 )

อ่านจิตอย่างไรให้ถึงจิต

รายละเอียด

ก็ที่ทำที่อธิบายมาเมื่อกี้ไปอ่านอะไรล่ะ อ่านจิต เห็นกิเลสตัวเองใช่ไหมล่ะก็นั่นแหละทำอย่างนั้นแหละ กิเลสมันจะไม่เอามันหนีออกมา มันพาขาเดินหนีออกมา เรารู้ว่าอย่างนี้มันเป็นกิเลสมันไม่ยอมนี่ไม่เข้าเรื่องทั้งๆที่ของดีอยู่กับมิตรสหายดี ทำอะไรให้มันดีขึ้น แบบนี้เราคิดผิด เราก็รู้ตัวว่ากิเลสมันเล่นงานเรา เราก็ไม่เอาแล้วไม่ตามใจกิเลส เราก็กลับเข้ามาใหม่ ก็ถูกต้องแล้วนี่ นั่นแหละทำอย่างนี้แหละปฏิบัติธรรม ศึกษาไปอย่างนี้จะเกิดปฏิภาณปัญญาดีมากขึ้นเรื่อยๆรู้จักสิ่งที่ควรสิ่งที่ถูกต้องไปเรื่อยๆ อะไรที่ไม่ควรแล้วก็แก้เป็นควร อะไรที่ไม่ถูกต้องก็แก้เป็นถูกต้องไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 20:44:40 )

อ่านจิตออกไหม

รายละเอียด

อ่านจิตออกไหม อ่านออกว่าจิตของเราขณะนี้กำลังสนใจธรรมะฟังธรรมะ จิตของเรากำลังมีประโยชน์กำลังเรียนรู้ให้เกิดคุณธรรม เราไม่ได้มีส่วนของ หรือบางคนฟังธรรมะอาตมาไปก็เกิดโทสะซ้อน ด่าแรงว่าเรา พระรูปนี้นี่ พูดถูกกิเลสเรา บางคนก็บอกว่า ดีนะ พ่อเรานี้พูดถูกกิเลสเราได้ชัดเจนทำให้เรารู้เข้าใจ ก็แล้วแต่ใครจะคิดอย่างไร อาตมาชี้กิเลสถูก คุณฟังแล้วก็รู้กิเลส จริงขณะนี้เรามีหรือระลึก บุพเพนิวาสานุสติญาณ มันไวนะจิต พูดอย่างนี้ถูก เราเคยมี อาตมากำลังพูดอยู่นี้เราก็เคยผ่านมาอย่างนี้ได้ คุณก็ได้ประโยชน์ ก็จะเกิดจิตยินดีหรือไม่ยินดี ไม่ยินดี เพราะอาตมาพูดถูกกิเลสก็เลยโกรธอาตมา แต่คุณมานั่งตรงนี้ก็คงไม่หรอก นึกถึงพวกที่อยู่ข้างนอกบอกว่าพูดอะไรนะด่าเรานี่หว่า เขาก็พอรู้ได้ว่าอันนี้มันถูกกิเลสเขา อาตมาก็ตอกกิเลสว่ามันชั่วมันเลวอะไรสารพัด ตำหนิ นิคคัณหะ ตำหนิในสิ่งที่ควรตำหนิ เขายึดถือว่าด่าเขา อาตมาก็ไม่ได้เจาะจง คุณเป็นเองบ้าบอของคุณเอง แทนที่คุณจะได้ดีฟังเขาชี้กิเลสให้ คุณก็ดีใจอนุโมทนาสาธุ กลับเป็นไม่ชอบใจก็เรื่องของคุณ

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:43:38 )

อ่านจิตอ่านเวทนาอย่างไร

รายละเอียด

เมื่อเราอ่านจิต รู้จักสังกัปปะ 7 สังกัปปะ 7 นั้นลืมตา เมื่อลืมตาเกิดภาษาก็วิจัยมัน มีสติมีธรรมะวิจัย มีวิริยะ มันเกิดเป็นเวทนา มันเกิดเป็นอารมณ์ความรู้สึก ก็เจาะเข้าไปในเวทนา ในเวทนามันมีตัวเหตุทำให้สุขทำให้ทุกข์ สมใจก็เป็นสุขไม่สมใจก็ทุกข์ สุขกับทุกข์มันผีหลอก ผีหลอกเราจริงๆ ผีหลอกคือความสุข ผีจริงคือคุณทุกข์ ก็เพราะไปหลงสุขกัน เพราะฉะนั้นดับเหตุที่มันเป็นทุกข์เป็นอริยสัจมันไม่ใช่สุข สุขมันคือผีแปลงตัวเป็นเทวดา เป็นกามเทพมาหลอกเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ

วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:22:32 )

อ่านจิตใจให้เป็นเมื่อสัมผัสจริง อย่าไปนั่งหลับตา

รายละเอียด

อริยสัจ 4 ต้องรู้ความทุกข์ รู้เหตุแห่งทุกข์ ดับความทุกข์ได้ และรู้การปฏิบัติวิธีทำอย่างไร ที่คุณถามมาจะทำใจอย่างไร คุณต้องอ่าน เมื่อกี้นี้อธิบายไปหมดแล้วก็ทวนใหม่ย้อนไปอีก อ่านจิตใจของเราให้เป็น นี่แหละคือหัวใจของศาสนา อ่านจิตใจของเราอาการของจิตใจของเราเมื่อเวลามันสัมผัสจริง เพราะฉะนั้นการไปนั่งหลับตาทำสมาธิให้จิตเป็นสมาธิได้จากการนั่งหลับตามันไม่ใช่ของพูดเลยมันเป็นเรื่องนอกรีตมันเป็นของเดียรถีย์ทั้งหมดเลย นั่งหลับตาทำสมาธิ 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 16:56:26 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 12:27:12 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 13:14:03 )

อ่านจิตในจิตเจโตปริยญาณ 16 

รายละเอียด

สำหรับผู้ที่ปฏิบัติธรรม ท่านไม่ได้ให้ปฏิบัติสมาธิก่อน ท่านสอนว่าสัมมาสมาธิจะต้องปฏิบัติอย่างนี้คือฝึกปฏิบัติ กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ต้องฝึกมีกายในกายด้วยไม่แยกกัน เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมแล้วก็อ่านเวทนาเป็นตัวฐานปฏิบัติ ในเวทนามีกิเลส กิเลสก็ให้อ่านจิตในจิตเจโตปริยญาณ 16 

1. สราคจิต  (จิตมีราคะ)  2. วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ)  3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ)  4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ)  5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ)  6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ)  7. สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) .  8. วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด) 9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)   10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น)  11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ)  12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) . 13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว)  14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)  15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) . . .  16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) . (พตปฎ. เล่ม 9   ข้อ 135)  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 14:02:07 )

อ่านจิตให้ถึงอุเบกขา ต้องให้ชัดเจน 

รายละเอียด

เอาดีๆให้ชัดๆ เจนๆ อย่าสับสนนะต้องอ่านสภาวะและรู้ชัดเจน ที่ไม่ลงไปก่อนว่าเราได้ดีอยู่ แต่ถ้าได้แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเราเองได้มันก็โง่ต่อไปอยู่นะ ต้องให้ชัดอ่านอาการ ลิงค นิมิต อาการทางสภาวะจิตเจตสิกหรือกายเวทนาจิตธรรม พวกนี้พยัญชนะที่มันสื่อสภาวะในหมวดที่ทำงานร่วมกันเป็นกรุ๊ปๆเป็นหมู่ๆ ไป ต้องรู้ทั้งกายเวทนาจิตหรือธรรมะ เวทนา 108 ก็ต้องรู้ ในหมู่เป็น 2 มี กายิกะกับเจตสิกกะ หมู่ที่เป็น 3 เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี ไม่เป็นสุขเป็นทุกข์ก็ดี 

หรือดูรายละเอียดของมัน ที่มีพลังดีกรีของมัน เป็นอินทรีย์ของมัน สุขินทรีย์ ทุกขินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ โทมนัสสินทรีย์ อุเบกขินทรีย์ อย่างนี้เป็นต้น เป็นน้ำหนักของมัน หยาบ ตั้งแต่สุขหรือทุกข์ ได้แล้วก็เป็นโสมนัส โทมนัส หมดโทมนัส โสมนัส ก็เป็นอุเบกขา เราก็รู้อาการจิตว่า เราได้ฐานอุเบกขาแล้ว อย่างนี้เป็นต้น ต้องชัดเจน 

ฐานอุเบกขาก็เป็นฐานสุดท้ายของจิต ที่บริสุทธิ์จากกิเลสแล้วมันก็สั่งสมตกผลึกลงเป็น สมาหิโต เป็นจิตสมาธิแบบพุทธอย่างรู้จักรู้แจ้งรู้จริง ก็ต้องพยายามอ่านจริงๆ ดีแล้วล่ะไม่หลงตนว่าได้สูงเกิน แต่ก็อย่าติด ว่า อ้าว.. เราได้แล้วก็จมซ้ำแซะอยู่ในโสดาบัน วนอยู่นั่นแหละ แล้วก็ยังถือว่าไม่ได้โสดาบันอีก มันก็แย่กันพอดี ต้องให้ชัดเจน 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2566 ( 15:59:44 )

อ่านทุกข์ออกนี่คือหัวใจของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คุณสว่างแสงปฏิบัติมาเกือบ 3 ปี สามารถมองเห็นทุกข์ อ่านทุกข์ออก นี่คือหัวใจของศาสนาพระพุทธเจ้า ผู้ที่เห็นทุกข์ด้วยตัวเองว่าอันนี้คือทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้เห็นทุกข์นั้นคือเป็นอาริยะ เพราะผู้เห็นทุกข์อาริยะ แต่คำว่าทุกข์โลกีย์กับทุกข์อาริยสัจ ทุกข์ที่เป็นโลกีย์เป็นทุกข์ที่เป็นอาริยะปลอม อาริยะเก๊ เขาเห็นกันอยู่ มันคนละอย่างกัน มันลึกซึ้งมากตรงที่ว่า ทุกข์นั้นเกิดที่ไหน เกิดที่สมอง เกิดที่หัว เกิดที่มือ เกิดที่แขน เกิดที่ปาก ทุกข์เกิดที่ไหน ทุกข์เกิดที่ใจ เราเรียนรู้ใจหรือเรียนรู้จิตวิญญาณ แล้วเจตสิกที่เจาะเข้าไปจริงๆ อาการทุกข์มันอยู่ที่ไหน​ อยู่ที่เวทนา

ชาวอโศกเราเรียนเจาะลึกเข้าไปถึงจิต ถึงขั้นเวทนา แล้วอ่านอาการทุกข์จากเวทนาได้ นี้ต่างหากที่มันต่างจากที่เขาเรียนกัน​ โดยเฉพาะเทวนิยมไม่รู้จักเรื่องเวทนา เวทนา 108 เป็นต้น มันละเอียดชัดเจนเลย แบ่งแยก เคหสิตะ มโนปวิจาร 18 แบ่งแยกได้ เอากิเลสออกได้เรียกว่าได้ธรรมะ รู้จัก มโนปวิจาร 18 อีกหมวดหนึ่ง ที่เป็นคฤหัสถ์เป็นผู้ที่ไม่ใช่อาริยะ แม้จะเป็นชาวพุทธก็ตาม แยกอ่านจิตในจิต อ่านกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม อ่านไม่ออกแยกแยะไม่ออก มีธัมมวิจัย กิเลสกาม กิเลสปฏิฆะ มันมีอาการเมื่อผัสสะและเกิดเวทนาแล้วสามารถที่จะวิจัยวิจารณ์แยกเอาตัวการเอา ปฏิฆะออกได้ กำจัดกามกับกำจัดปฏิฆะได้ 

ซึ่งเป็นเรื่องปรมัตถธรรม เขาเรียนรู้จริงกันที่ไหน แม้แต่ทางเถรสมาคมไปนั่งหลับตากันอย่างใหญ่ แม้แต่เรียนเปรียญ 9 เรียนด็อกเตอร์ ได้แต่บัญญัติภาษา ได้แต่ตำแหน่งหน้าที่กันไป เขาได้ประพฤติปฏิบัติกันเข้าไปถึงปรมัตถธรรมอย่างที่กล่าวนี้ที่ไหนกัน ขออภัยที่พาดพิง อาตมาพูดสัจจะ ความจริง ที่อาตมาเชื่อมั่นว่าเป็นจริงตามที่อาตมาพูด ถูกผิดอาตมาก็ต้องรับผิดชอบ แต่อาตมาเชื่อว่าอาตมาพูดถูกต้อง 

เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ คุณสว่างแสงพูดว่า สามารถที่จะพูดได้เพราะเคยมีทุกข์มาเก่า มาคบกับเรา 2 ปีกว่า 3 ปี ฟังธรรมและเรียนรู้ได้ว่าลดความทุกข์ได้ จึงเห็นว่าการลดความทุกข์นี้เป็นคุณค่ามาก เพราะฉะนั้นการที่คนเขารู้จักคุณค่า แล้วเขาเรียกอาตมาว่า ให้ความเคารพว่าอย่างสูงสุดเศียรสุดเกล้า อะไรพวกนี้ มันก็เป็นความจริงใจของเขา ที่เขารู้สึกและเขาอยากจะให้ อาตมาจะไปขอร้องอยากให้เรียกหรือ..อาตมาไม่ได้อยากให้เรียกเลยนะ  ถ้าจะว่าจริงๆ ถ้าอาตมามีกิเลสอาตมาก็จะเหนียม มาเรียกกันขนาดนี้ สุดเศียรสุดเกล้าอะไรอย่างนี้ อาตมาก็จะเหนียม แต่อาตมาไม่มีกิเลสอุทธัจจะ กิเลสมังกุอะไร อาตมาไม่มีจริงๆ 

อันนี้ผู้ที่ศึกษาธรรมะที่มีภูมิปัญญาจริงจะเข้าใจดีเลยว่า คนที่ไม่มีอุทธัจจะแล้ว คนที่ไม่มี มังกุ ภาษาวิชาการแปลว่า ความเก้อเขิน ความเก้อยาก ความดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ในใจ มีความเขินๆเก้อๆ เขามาเรียกเรายกย่องสูง อาตมาไม่มีกิเลสที่ใครๆมี ที่เมื่อวานอาตมาเอาพรหมชาลสูตรมาอ่าน พระพุทธเจ้าบอกว่าใครมาชมเราก็อย่าไปฟูใจ เหลิงใจ ตำหนิก็ไม่เป็นไร

คนตำหนิอาตมาเยอะแยะ อาตมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ใช่หน้าด้าน ก็พูดไปอยู่ ตำหนิก็ฟังเขา เขาก็ตำหนิผิด ตำหนิถูก เขาตำหนิผิดอาตมาก็แก้ไป พระพุทธเจ้าให้แก้ไขนะถ้าเขาตำหนิผิด ถ้าเขาตำหนิถูกเราก็ยอมรับสิ อย่างนี้เป็นต้น อาตมาไม่ได้ปฏิบัติผิดจากคำสอนพระพุทธเจ้าสักอย่าง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 เมษายน 2566 ( 14:22:02 )

อ่านพฤติกรรมจริงไม่ออก ก็ไปอาศัยหลักเกณฑ์กฎเกณฑ์

รายละเอียด

ทีนี้ ใช้ประเด็นของกฎหมาย ใช้ประเด็นของช่อง ซึ่งกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ก็ดี อาตมาก็เคยอธิบายแล้วเรื่องหลักกฎหมายกับพฤติกรรมจริง 2 อย่างนี้ คนไม่เข้าใจหลักเกณฑ์ กฎเกณฑ์ แล้วก็ไปยึด เชื่อกฎเกณฑ์ เชื่อบัญญัติ มากกว่าพฤติกรรมจริง เพราะอ่านพฤติกรรมจริงไม่เป็น อ่านพฤติกรรมจริงไม่ออก ก็ไปอาศัยหลักเกณฑ์กฎเกณฑ์ เชื่ออันนั้น นี่ก็มีอยู่เยอะ นักเรียน นักศึกษา นักรู้ ผู้รู้กฎหมายต่างๆนานา แต่ตัวเองไม่รู้พฤติกรรมจริงกับหลักเกณฑ์กฎนั้น ที่จริงมันไม่ใช่แล้ว 

ส่วนคนที่ใช่ หลักเกณฑ์นี้เป็นอย่างนี้ แต่หลักเกณฑ์นั้น มันไม่เป๊ะหรอก หลักเกณฑ์นั้น มันเป็นสมมุติ มันเป็นได้ 2 นัยเสมอ แต่ พฤติกรรมจริงที่คนได้แล้ว เป็นแล้ว อย่างหนึ่งเดียว ไม่เป็น 2 แล้ว อันนี้สิเป็นของแท้ ของชนะ เป็นอรหัตตผล เป็นอรหันต์ มีหนึ่งเดียว พระพุทธเจ้าก็ทรงยืนยันตรัสไว้ว่ามีหนึ่งเดียว ในพระสูตร จูฬวิยูหสูตร สัจจะมีหนึ่งเดียวเพราะฉะนั้นผู้รู้หนึ่งเดียวตรงกันจบด้วยกัน 

ทีนี้ เขาสรุปมาสั้นๆ เป็นคำชี้แจง ของพลเอกประยุทธ์ สรุปว่า บทบัญญัติมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่ว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง ...... นั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 54 ผู้เป็นกลางคือผู้วางกามกับอัตตา วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 14:29:01 )

อ่านพฤติการณ์ พฤติกรรม ความเป็นอยู่ของมนุษยชาติ

รายละเอียด

อินเดียก็เป็นประชาธิปไตย จีนเขาก็เป็นคอมมิวนิสต์แก้คอมมิวนิสต์ที่แปลงโฉมมาเป็นประชาธิปไตยแล้ว แต่เขาไม่กล้าพูดคำว่า ประชาธิปไตยเต็มๆ แต่พฤติกรรมหรือทฤษฎี เจตนาใช้จริงแล้ว สีจิ้นผิงใช้จริง จึงเกิดผลจริงๆ เป็นประเทศที่มีพลเมืองพันล้าน ขณะนี้ในโลกก็มีอินเดียกับจีน อินเดียเป็นสมถะ จีนเป็นปัญญา 

อาตมาใช้คำว่า ปัญญาให้แก่จีน ที่จริงปัญญาเขายังไม่เต็ม ถ้าสีจิ้นผิงได้มาศึกษากับอาตมา รับรองไปโลดเลยไม่มีใครเทียมได้ เพราะมันพร้อม พลเมืองพร้อม ทั้งความเคารพศรัทธาสีจิ้นผิง ขณะนี้เขาก็ยังต้องต่ออายุไม่มีใครแถม ก็บอกได้เลยว่าเป็นโพธิสัตว์คนหนึ่งเลย สีจิ้นผิง ศึกษาความเป็นโพธิสัตว์ไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ชาติศาสนา หรือผู้นำ หรือกษัตริย์ หรือประธานาธิบดีก็ตาม ไม่ใช่จำกัดอยู่ที่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ได้จำกัดที่มนุษยชาติที่ใคร มันเป็นคุณธรรมพิเศษ 

เพราะฉะนั้นให้สังเกตอ่านดีๆ อ่านพฤติการณ์ พฤติกรรม ความเป็นอยู่ของมนุษยชาติ มันมีสิ่งจริงให้เราอ่านตลอดเวลา เรียนรู้ตลอดเวลา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปี ขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:10:10 )

อ่านภพชาติให้ชัดเจนอย่างไร

รายละเอียด

ภพชาติที่ว่า ไม่ได้อยู่ที่ตายไปแล้วเป็นภพชาติ อันนั้นมันก็เป็นเหมือนกันคุณมีภพชาติตายไปแล้วมันก็มีความเป็นผีนรกสวรรค์เทวดาตามอุปาทาน จะบอกว่าไม่ใช่ไม่เป็น ไม่เป็นก็คือคุณต้องทำให้กิเลสหรือเหตุของมันให้มันไม่มีเหตุจริงๆ จบในชาตินี้เป็นอรหันต์ตอนเป็นๆ ตายไปแล้วมันก็ไม่มี ตอนเป็นคุณก็ไม่มีตายไปแล้วคุณจะไปมีได้อย่างไร แต่ถ้าตอนเป็นคุณยังเกิดอยู่ ตอนเป็นยังมีอยู่ตายไปมันก็มี สิ่งที่ไม่มีก็คือไม่มี ผู้ที่ทำให้ไม่มีได้ก็จบเป็นอรหันต์ ถ้าคุณยังไม่ได้ก็ยังไม่เป็นอรหันต์ มันง่ายจะตายไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 1 วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2564 ( 19:27:33 )

อ่านรูปนามจากสติปัฏฐาน 4 จนถึงโพธิปักขิยธรรม

รายละเอียด

จะปฏิบัติอยู่ข้างนอกหรือปฏิบัติอยู่กับหมู่กลุ่มชาวอโศกก็ตาม ถ้าปฏิบัติถูกต้อง เข้าใจทฤษฎีของพระพุทธเจ้า วิธีการที่ถูกต้อง คุณใช้คำว่า พยายามเรียนรู้ อ่านรูปนาม แล้วก็มีคำว่าสติปัฏฐาน 4 

ก็ขอขยายคำว่า รูปนามกับสติปัฏฐาน 4 ให้เข้าใจกันขึ้นอีก แถมให้ 

รูป คือ สิ่งที่สัญญา เจตสิกของเราอันหนึ่ง มันทำงานกำหนดรู้ ฟังให้เข้าใจเป็นพื้นฐานดีๆนะ รู้รูปที่เห็นด้วยตา รูปที่ได้ยินด้วยหู รูปที่ได้กลิ่นด้วยจมูก รูปที่ได้รสทางลิ้น รูปที่มีกายสัมผัส เรียกว่า โผฏฐัพพะ สัมผัสภายนอก เราก็รู้รูปนั้น 

คนที่มีประสาทครบทั้ง 5 ทวาร ได้สัมผัสกับรูปภายนอก แล้วก็เกิดรูปภายใน รูปภายในก็เป็นนามธรรมของเรา นี่คือรูปนาม คนจะต้องรู้รูปนาม คนรู้รูปนามคือคนที่รู้จักวิญญาณ 

ถ้าคุณเองคุณคิดไม่ออก ไม่มีความรู้ คุณก็จะแยกรูปแยกนาม หรือแยกภายนอก แยกภายในไม่ออก เรียกว่า 2 อย่าง แยกไม่ออกก็เรียกว่า อายตนะที่อวิชชา มันรวมอยู่ในนั้นเป็นหนึ่ง เป็นอายตนะที่อวิชชา 

เพราะฉะนั้นผู้ใดที่สามารถแยกรูปแยกนามออก และก็แยกสิ่งที่มันเป็นอายตนะนี่แหละ มันมีทั้งภายนอกมีทั้งภายใน เชื่อมกันอยู่ต่อกันอยู่ไม่ได้ขาดจากกัน พอมีตาสัมผัส รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ภายนอกแต่ละคู่แต่ละคู่ 

ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกระทบภายนอก มโนกับธัมมายตนะภายใน เป็น 2

แล้วคุณก็สามารถที่จะไม่งมงายกับ 2 นี้มั่วเลยเป็น1 ไม่งมงายแล้ว มีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ สามารถมีประสิทธิภาพเลยแยกออกเลยว่าอะไรเป็นภายนอกอะไรเป็นภายใน อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม 

ลึกเข้าไปกว่านั้นผู้มีสติปัฏฐาน 4 จะพิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา  จิตในจิต ธรรมในธรรม ฟังให้ดีนะต่อเนื่องกันนะ มีความรู้รูปนามแยก 2 สภาวะ แยกภายนอกภายในออกแล้ว 

ก็จะมาพิจารณากาย คำว่ากายต้องมีทั้งภายนอกและภายใน คนที่เข้าใจว่า กายมีแต่เพียงภายนอกไม่มีภายใน มิจฉาทิฏฐิ คนที่เข้าใจว่ากายมีแต่ภายในไม่มีภายนอก ยิ่งมิจฉาทิฏฐิหนักเลย 

กายมี 2 สภาวะเสมอ และคำว่า กาย นั้นจะต้อง ภายในหรือจิตวิญญาณ จิต มโน วิญญาณ เป็นประธาน สำคัญที่ประธาน และไม่ขาดกันนะกับภายนอก ไม่ขาดกับวัตถุภายนอกที่เราสัมผัสอยู่ด้วย 

เมื่อเข้าใจกายแล้ว แน่นอน คำว่าภายนอกกับภายใน ต้องมี 2 ใช่ไหม เมื่อกล่าวว่ากายในกาย มันก็ต้องมีกายนอก โดยปริยาย ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เมื่อคุณมีใน คุณก็ต้องมีนอก คู่กันเสมอ 

เมื่อสัมผัสกายแล้วจึงพยายามเน้นเข้าไปหาใน ในเชื่อมต่อโยงเข้าไปตัวที่จะเรียนรู้ต่อคือ เวทนา คือความรู้สึกหรืออารมณ์ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถแยก กายิกเวทนาได้ แยกเจตสิกเวทนาได้ เวทนามี 108 อันนี้เป็นคู่ที่ 1 มีเวทนา 2 แยกได้ กายกับจิตไม่ได้แยกกัน แต่ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์บริบูรณ์ มีภูมิปัญญาสามารถมีสติสัมโพชฌงค์ สามารถมีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยะสัมโพชฌงค์ ฝึกเรียนภาคปฏิบัติสัมผัสแล้วแยกได้ 

เมื่อแยกออกแล้วเวทนาในเวทนา รู้แล้วว่าเวทนาแยกได้เลยว่ามันมีเวทนาแท้กับเวทนาเก๊อีก แล้วเวทนาเก๊นั้น แยกเข้าไปอีกถึงจิตในจิต เพราะทำไมมันเก๊ มันต้องมีอะไรมาทำให้เก๊ ก็คือจิต จิตอวิชชา จิตโง่ๆ จิตที่ไปหลงราคะ โทสะ โมหะ ไม่รู้จักการทำให้ราคะลดหรือไม่มี โทสะลดหรือไม่มี โมหะลดหรือไม่มี ตามหลัก เจโตปริยญาณ 16 ไม่มีปัญญา ไม่มีความรู้ ไม่สามารถทำได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำเดือนห้าปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 19:57:01 )

อ่านวิตตสูตร เล่ม 20

รายละเอียด

[533] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกบัญญัติความสงัดจากกิเลสไว้ 3 อย่างนี้ 3 อย่างเป็นไฉน คือ ความสงัดจากกิเลสเพราะจีวร 1 ความสงัดจากกิเลสเพราะบิณฑบาต 1 ความสงัดจากกิเลสเพราะเสนาสนะ 1 ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในความสงัดจากกิเลส 3 อย่างนั้น ในความสงัดจากกิเลสเพราะจีวร พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกปฏิบัติไว้ดั่งนี้ คือ ทรงผ้าป่านบ้าง ผ้าแกมกันบ้าง ผ้าห่อศพบ้าง ผ้าบังสุกุลบ้าง ผ้าเปลือกไม้บ้าง หนังเสือบ้าง หนังเสือทั้งเล็บบ้าง ผ้าคากรองบ้าง ผ้าเปลือกปอกรองบ้าง ผ้าผลไม้กรองบ้าง ผ้ากัมพลทำด้วยผมคนบ้าง ผ้ากัมพลทำด้วยขนสัตว์บ้าง ผ้าทำด้วยปีกนกเค้าบ้าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แล พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกบัญญัติไว้ในความสงัดจากกิเลสเพราะจีวร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในความสงัดจากกิเลส 3 อย่างนั้น ในความสงัดจากกิเลสเพราะบิณฑบาต พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกบัญญัติไว้ดังนี้ คือเป็นผู้มีผักดองเป็นภักษาบ้าง มีข้าวฟ่างเป็นภักษาบ้าง มีลูกเดือยเป็นภักษาบ้าง มีกากข้าวเป็นภักษาบ้าง มียางเป็นภักษาบ้าง มีสาหร่ายเป็นภักษาบ้าง มีรำเป็นภักษาบ้าง มีข้าวตังเป็นภักษาบ้าง มีกำยานเป็นภักษาบ้าง มีหญ้าเป็นภักษาบ้าง มีโคมัยเป็นภักษาบ้าง มีเหง้าและผลไม้ในป่าเป็นอาหาร บริโภคผลไม้หล่นเยียวยาอัตภาพ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แล พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกบัญญัติไว้ในความสงัดจากกิเลสเพราะบิณฑบาต  ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในความสงัดจากกิเลส 3 อย่างนั้น ในความสงัดจากกิเลสเพราะเสนาสนะ พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกบัญญัติไว้ดังนี้ คือป่า โคนไม้ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง โรงลาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แล พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกบัญญัติไว้ในความสงัดจากกิเลสเพราะเสนาสนะ  ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกบัญญัติความสงัดจากกิเลส 3 อย่างนี้แลไว้ ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนความสงัดจากกิเลสของภิกษุในธรรมวินัยนี้ 3 อย่าง 3 อย่างเป็นไฉน  ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ 

1. เป็นผู้มีศีลละความเป็นผู้ทุศีล และเป็นผู้สงัดจากกิเลส เพราะศีลนั้นด้วย 

2. เป็นผู้มีความเห็นชอบ ละความเห็นผิด และเป็นผู้สงัดจากกิเลสเพราะความเห็นชอบนั้นด้วย

3. เป็นพระขีณาสพ ละอาสวะทั้งหลาย และเป็นผู้สงัดจากอาสวะทั้งหลายเหล่านั้นด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น ภิกษุนี้จึงเรียกว่า เป็นผู้บรรลุส่วนอันเลิศ บรรลุส่วนที่เป็นแก่นสาร เป็นผู้บริสุทธิ์ ตั้งอยู่ในธรรมที่เป็นสาระ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนคฤหบดีชาวนา พึงใช้คนให้รีบเร่งเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในนาของเขาซึ่งถึงพร้อมแล้ว ครั้นแล้วพึงใช้คนให้รีบเร่งรวบรวมเข้าไว้ ครั้นแล้วพึงใช้คนให้รีบเร่งขนเอาไปเข้าลาน ครั้นแล้วพึงใช้คนให้รีบเร่งลอมไว้ ครั้นแล้วพึงใช้คนให้รีบเร่งนวดเสีย ครั้นแล้วพึงใช้คนให้รุเอาฟางออกเสีย ครั้นแล้วพึงใช้คนให้รวมข้าวเปลือกเป็นกองเข้าไว้ ครั้นแล้วพึงใช้คนให้รีบเร่งฝัดข้าว ครั้นแล้วพึงใช้คนให้รีบเร่งขนเอาไป ครั้นแล้วพึงใช้คนให้รีบเร่งซ้อม ครั้นแล้วพึงใช้คนให้รีบเร่งเอาแกลบออกเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าวเปลือกเหล่านั้นของคฤหบดีชาวนานั้น พึงเป็นของถึงส่วนอันเลิศ ถึงส่วนเป็นแก่นสารสะอาดหมดจด ตั้งอยู่ในความเป็นของมีแก่นสาร ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุเป็นผู้มีศีล ละความเป็นผู้ทุศีล และสงัดจากกิเลสแล้วเพราะศีลนั้นด้วยเป็นผู้มีความเห็นชอบ ละความเห็นผิด และสงัดจากกิเลสแล้วเพราะความเห็นชอบนั้นด้วย เป็นพระขีณาสพ ละอาสวะทั้งหลาย และสงัดจากอาสวะทั้งหลายนั้นด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเช่นนี้เรียกว่า เป็นผู้บรรลุส่วนอันเลิศบรรลุส่วนที่เป็นแก่นสาร เป็นผู้หมดจด ตั้งอยู่ในธรรมที่เป็นแก่นสาร ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 19:00:59 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:44:29 )

เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:25:20 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์