@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

เมืองไทยเป็นสังคมศิวิไลซ์

รายละเอียด

เมืองไทยเศรษฐกิจสาธารณโภคี มีสังคมจริงพฤติกรรมจริงเป็นสังคมศิวิไลซ์สังคมคนเจริญ ​ เจริญด้วยรัฐกิจ สังคมกิจ เศรษฐกิจ แต่ก่อนเราช่วยแต่ตัวเองเหลือจริงๆจึงไปช่วยคนอื่น ขนาดเหลือยังเอาไปออกดอกปันผลอีก ผู้ที่ชัดแล้วว่าแค่นี้พอเหลือเฟือ เราเองสะสมกักตุนกอบโกยอีก ก็จะเป็นแรงดูดทำให้สังคมเดือดร้อน คนไม่มีสมรรถภาพ หรือแพ้วิธีการทุนนิยมที่นายทุนจะได้กำไร ไม่มีวิธีการใดของทุนนิยมจะเสียเปรียบให้สังคมหรอก มีแต่บุญนิยมที่เจตนาจะเสียสละให้สังคมจริง สังคมที่เอาบุญนิยมมาให้คนเรียนรู้ปฏิบัติว่าบุญนิยมเหนือกว่าทุนนิยม มาเป็นเศรษฐกิจพอเพียงจนถึงเศรษฐกิจสาธารณโภคี เป็นตัวอย่างได้จริง เป็นได้แล้วไม่ลำบากใจเลย อยู่ในอโศกเบิกบานสำราญใจ เพราะมันลงตัว จิตมันมี วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) สู่แดนธรรม สรุป เศรษฐกิจพอเพียงคือตัวเองได้หลักประกันแล้ว แต่เศรษฐกิจสาธารณโภคีนี้กว้างกว่า คือตนเองได้พอเพียงแล้ว มีแกนกลางแน่นจึงเจริญสู่ทางกว้าง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 21:15:57 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:24:29 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:33:45 )

เมืองไทยเป็นเมืองกสิกรรม

รายละเอียด

ถ้าเมืองไทยเราเป็นเมืองกสิกรรม อาตมาไม่กล่าวถึงปศุสัตว์เท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นประมง ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสัตว์ แต่เอาเถอะเขาก็มีไปตามประสาเขา ไปตัดทิ้งไม่ได้หรอก แต่อาตมาก็จะมาเน้นให้มีกสิกรให้มาก คนจะได้มีพืชพันธุ์ธัญญาหารกันได้มากๆ แล้วมันจะถูก ถูก..คนก็มากินพืชพันธุ์ธัญญาหารมากกว่าไปกินเนื้อสัตว์ใช่ไหมโดยปริยายแล้ว ทำให้มีคุณภาพดีๆเหมือนอย่างพวกเราทำ เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารทั้งคุณภาพก็ดีปริมาณก็มากขายถูกไล่แจกเลย เราก็แจกแล้วทุกวันนี้เราก็แจกอยู่แล้วพืชพันธุ์ธัญญาหาร จนกระทั่งเราปลูกเผื่อ ตามข้างถนนเราก็ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารที่กินได้ให้เขาเก็บกิน เขาก็เก็บกินกันจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาส่งท้ายปีเก่า 2566 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 1 วันวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2567 ( 15:58:43 )

เมืองไทยเป็นเมืองกสิกรรมอยู่ในเส้นศูนย์สูตรอบอุ่น

รายละเอียด

กสิกรทุกคน ชาวไร่ชาวนาชาวสวนศึกษาแต่เพียงว่าอย่าให้มันเป็นพิษ

1.การเอาสารพิษสารเคมีไปใส่

2.อย่าทำสิ่งของมึนเมาให้คนไปติดยึด โดยเฉพาะการปรุงแต่ง แต่ถ้าเนื้อของมันจะเป็นรสชาติ จะเป็นเม็ดเป็นเปลือกเป็นเนื้อ มันเป็นธรรมชาติของมันเป็นสิ่งที่ไม่เป็นพิษ แล้วก็ไม่ไปมอมเมาอะไรกับใคร หากไม่เป็นพิษก็ใช้ได้ มันจะสวยงามจะดี หรือมีอะไรเลิศยอด ก็ตาม คนก็เอามาอาศัยเลี้ยงชีวิตได้

เมืองไทยเป็นเมืองกสิกรรมอยู่ในเส้นศูนย์สูตรอบอุ่น หน้าแล้งหน้าหนาวหน้าฝนอะไรก็เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ทำผลผลิตให้เป็นประโยชน์ต่อโลกมากเลย เพราะคนทั้งโลกต้องกิน คนขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ก็กิน ตะวันออกกลางร้อนจัดก็กิน ที่ไหนปลูกไม่ได้ เช่น มีแต่ทะเลทราย ขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้มีแต่น้ำแข็งก็ปลูกไม่ได้ ยิ่งจะต้องช่วยเขา เพราะเขากินเนื้อสัตว์ซึ่งไม่ใช่อาหารของคน อายุพวกเขาจึงสั้นสูงสุดไม่ถึง 40 ปี อายุไม่ยืนยาวหรอก แต่พวกฮุนซาพวกที่อยู่กับต้นหมากรากไม้คนก็อายุยืนยาว แค่นี้เป็นเรื่องชี้บ่งว่า พืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นอาหารของคน สัตว์ไม่ใช่อาหารของคน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:18:38 )

เมืองไทยเป็นเมืองชมพูทวีป

รายละเอียด

เมืองไทยไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองหรือด้านศาสนาในโลกเขาก็ยกให้เมืองไทยเป็นเมืองศาสนาพุทธ ยิ่งทุกวันนี้เมืองไทยสามารถกู้โลกุตรธรรมมาได้บ้างแล้ว ยิ่งเป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา อาตมาจึงบอกว่าเป็นเมืองชมพูทวีป

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 21:05:50 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:25:08 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:34:27 )

เมืองไทยเป็นเมืองที่มีประชาธิปไตยเยี่ยมยอดที่สุดในโลกคนอื่นเขารู้ไม่ได้หรอก เราก็รู้สมมุติเขา

รายละเอียด

อย่างเมืองไทยอาตมาบอกได้ว่าเป็นเมืองที่มีประชาธิปไตยเยี่ยมยอดที่สุดในโลก คนอื่นเขารู้ไม่ได้หรอก เราก็รู้สมมุติเขา หลายคนก็ไปยึดถือของอเมริกาเป็นประชาธิปไตยที่สูงสุดอยู่ เขายึดถืออยู่อย่างนั้นก็แล้วแต่เขาไป อย่างน้อย โดนัลด์ทรัมป์ ก็ยึดถือว่าเป็นประชาธิปไตยที่เป็นหนึ่งในโลก เป็น The Great เขาก็ว่าเป็นหนึ่งในโลก แล้วพฤติกรรมจริงของเขาความเป็นจริงตัวจริงของเขาจะเป็นอย่างไรเราก็รู้รายละเอียด เขาก็ยึดถือของเขา เหตุปัจจัยของสิ่งที่มันเกิดเป็นองค์ประกอบต่างๆ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยหรือประเทศ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:08:18 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:01:33 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:38:13 )

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ

รายละเอียด

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่ยืนยันได้ตั้งแต่ในหลวง ร. 9 ตรัสไว้เลย เอาคำเดียวคำว่า มาเป็นคนจน เอาแบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเราขยายความ ขยายไปอีกว่าเอาอย่างพอเพียง ในหลวงท่านขยายไม่ค่อยออกเหมือนอย่างโพธิรักษ์ เป็นหน้าที่ของโพธิรักษ์ ในหลวงมีหน้าที่บริหารท่านทำหนัก อาตมาก็หนัก หนักอย่างเบา แต่ท่านหนักอย่างหนักก็ว่าไป เพราะท่านจะต้องทำหน้าที่อย่างหนักอยู่ มันก็ต้องหนัก แต่อาตมา มันค่อยยังชั่วแล้วมันเบาลงมาได้เรื่อยๆ อาตมาก็ไปอย่างเบา ท่านก็ไปอย่างหนัก อย่างเบา ก็ไปได้นานกว่าท่านท่านอายุ 89 ปีไปแล้วอาตมาอายุเพิ่ง 89 กำลังจะหนุ่ม (ฮา..) อย่าหัวเราะเยาะกันสิ นี่พืด(พูด)ความจริงนะ กำลังจะหนุ่มขึ้น 

ก็พยายามจะหนุ่มขึ้นไปให้เรื่อยๆให้ได้นานที่สุด ตามที่เราได้เรียนความรู้จากพระพุทธเจ้ามาว่า อานนท์ เราจะมีอายุถึงกัปหรือเกินกว่ากัปก็ได้ นั่นแหละที่พระพุทธเจ้าตรัสอาตมาเป็นลูกท่าน ก็ทำได้ ได้มากได้น้อยมันก็จะเกิน 89 อยู่แล้วนะ ในหลวง ร. 9 ท่าน 89 ใช่ไหม อาตมาดูสิ ทำท่า....กสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ... ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:11:01 )

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธจึงได้สงบ

รายละเอียด

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่มีพระพุทธศาสนาเป็นแกน ตั้งแต่สร้างประเทศจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังมีพลเมือง 95% หรือ 94% ก็ไม่เป็นไร ก็ไปถือว่าคะแนนเต็มแล้ว 94% กว่าไม่น้อยใช่ไหม

เพราะฉะนั้นก็ทำให้ความเข้าใจของพุทธศาสนิกชน 94% นี้ เข้าใจให้ถูกอย่างศาสนาพุทธ เข้าใจรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์แบบของพระพุทธเจ้าสิ สบาย

คนไทยมีสัจธรรมทางเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์พอสมควร บ้านเมืองจึงได้สงบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 11:51:37 )

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่มีพวกเราชาวอโศกเป็นแก่นแกนของโลกุตรธรรม

รายละเอียด

มันเป็นสัจจะที่ลึกซึ้งซับซ้อนมาก พูดอย่างไรก็ไม่ค่อยถึง แต่พิสูจน์ไปเถอะมันก็จะเจริญขึ้น เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธที่มีคุณธรรม พวกเราชาวอโศกเป็นแก่นแกนของโลกุตรธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณิสูตรว่า ต่อไปพุทธศาสนาจะเสื่อมเหมือนกลองอานกะ ซึ่งในยุค 2,500 ปีนี่แหละ เห็นแล้วเราก็ยืนยันได้ว่า มันเสื่อมจริงๆ คนที่เขาไม่รู้ เขาก็หลงตัวเองว่าเขาถูก อย่างเช่น เถรสมาคมหรือผู้รู้ทางยศตำแหน่ง พอเรามาแสดงความจริงเขาถึงจะเอาเราตาย แต่เอาไปเอามา เขาก็ทำได้เท่านั้น เสร็จแล้วต่อจากนี้ไปมันไม่ได้แล้ว 

โชคยังดีตรงที่ว่ายังมีพระไตรปิฎกแล้วก็รับรองกันเป็นฉบับเดียวกัน ตรงกัน แม้จะเป็นฉบับของ พระมหากัสสปะ อาตมาก็ไม่มีปัญหา อาตมาก็ไม่ได้ใช้พระไตรปิฎก ฉบับอื่น มายืนยัน มากมายนะ เอาแต่พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐของพระมหากัสสปะ ที่เป็นพระเจโตหนักมากเลย ไม่ใช่สายปัญญาด้วย เป็นสายเจโต สายศรัทธาที่หนักมาก เอามาใช้ ยังใช้ได้เลย เห็นไหม แล้วอาตมาคงจะไม่ดิ้นรนเอาฉบับอื่นมาศึกษา แม้แต่ของอรรถกถาจารย์หรือฉบับพระไตรปิฎกมหายาน อาตมาก็ไม่ได้เอามาใช้ประกอบอะไร ก็ใช้แต่พระไตรปิฎกเล่มนี้แหละ 

กระแสหลักไม่ใช้พระไตรปิฎกเป็นหลัก แต่เขาใช้คัมภีร์วิสุทธิมรรค ไปใช้ของอรรถกถาจารย์ นี่แหละเถรสมาคมที่เรียนเปรียญกันเขาใช้คัมภีร์วิสุทธิมรรคเป็นหลัก ไม่ได้เอาพระไตรปิฎกเป็นหลักอย่างที่เราเป็น ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์ยังเป็นเทวนิยมอยู่มาก ยังไม่สัมมาทิฏฐิเท่าไหร่เลย แต่มันก็ซ้อนที่จริงแล้ว ธรรมนิยาม 5 อยู่ในหนังสือวิสุทธิมรรคของพุทธโฆษาจารย์ อยู่ในพระไตรปิฎกไม่มี มีกระปิดกระปอยไม่พบธรรมนิยาม 5 เพราะอะไร พระมหากัสสปะพระอรหันต์ ที่เป็นเจโต อย่างพระกัสสปะที่มากัน 500 รูปเรียบเรียงพระไตรปิฎกเล่มนี้ขึ้นมา ภูมิยังไม่ถึง พูดได้อย่างนั้น ขอยืนยันยังเก็บเอามาไม่ได้ แอบไปตกหล่นอยู่ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค อาตมาเห็นก็จึงคว้ามา อันนี้มันลึกซึ้งมาก 

ถ้าคนไม่รู้จักธรรมนิยาม 5 นี้อย่างดี อย่างสัมมาทิฏฐิ ซึ่งอาตมาก็ยืนยันมีร่องมีรอยอยู่ว่า พระพุทธเจ้าสอนไว้ในธรรมวินัย ของชาวพุทธที่ต่อเชื้อมาในประเทศไทย ให้พระอุปัชฌาย์ต้องอธิบายความแตกต่างของกายกับจิต แยกกาย แยกจิต ตามธรรมนิยาม 5 นี้โดยใช้ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ที่เป็นมูลกรรมฐาน 5 มาใช้ยืนยันอธิบายตามที่อาตมาอธิบายให้ฟัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 35 จิตวิญญาณแห่งสาธารณโภคีที่มีในชาวอโศก วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2565 ( 14:49:23 )

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธมีแกนความรู้ศาสนาพุทธและโลกุตรธรรม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นปรากฏการณ์จริงยืนยันได้ อาตมาก็ไม่มีคำตอบอะไรอย่างอื่นที่จะบอกว่ารากเหง้าของตั้งแต่จิตเป็นประธานจนถึงขั้นตอนประกอบของทุกอย่างรวมทั้งกายภาพและจิตภาพทั้งหมดเลย เมืองไทยเป็นเมืองพุทธมีแกนของความรู้ทางจิตวิญญาณของพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าและโลกุตรธรรมสูงสุด อาตมาก็อธิบายได้แค่นี้ สูงสุด เพราะฉะนั้นจึงมีประสิทธิภาพมีพลังพิเศษ พลังพิเศษที่ช่วย แต่ที่พูดนี้ไม่ให้ประมาทนะ คนไทยก็อย่าประมาท แต่มันเป็นจริงเท่านั้นอธิบายให้ฟัง ช่วยกันเต็มที่รักษาป้องกันพยายามเต็มที่ก็แล้วกันอย่าประมาท อย่าห่ามๆ เหมือนชาวอเมริกัน จะเอาอิสระเสรีภาพไม่เอาสุขภาพ ไม่ต้องการสันติที่ไม่มีอิสรเสรีภาพ เขาห่ามต้องเจอแน่ โควิดมันละเอียดซอกแซก 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 13:25:02 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:01:51 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:38:51 )

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธมีโลกุตรธรรมเป็นเชื้อในอนุสัย

รายละเอียด

เรื่องนี้เป็นเรื่องอจินไตยที่อาตมาก็เคยพูดเคยบอกมา เรื่องสังคมมนุษย์นี้ต้องมีหัวหน้าเผ่า ต้องมีผู้ที่เป็นใหญ่ เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นใหญ่ยิ่งต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมมีโลกุตรธรรมก็ยิ่งวิเศษยิ่งประเสริฐตามที่เป็นมา แล้วเมืองไทยเป็นเมืองพุทธมีโลกุตรธรรม เพราะฉะนั้นเมืองไทยตั้งแต่สร้างประเทศไทยมา พระเจ้าแผ่นดินองค์แรกจนถึงปัจจุบันนี้ 800 กว่าปีมาแล้ว มีพระเจ้าแผ่นดินที่เป็นพุทธมาตลอด แล้วก็มีโลกุตรธรรมเป็นเชื้อในอนุสัย ติดมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ แม้ว่าในบางยุคบางพระองค์จะน้อยบ้าง แต่ก็มีเชื้อของโลกุตระมาอยู่เรื่อยๆ บริหารปกครองแบบพ่อ-ลูก มาตั้งแต่ต้นสร้างประเทศไทยประเทศสยามมา แต่ก่อนเรียกประเทศสยาม ประเทศสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง ก็เป็นเรื่องที่รายละเอียดมันมี อาตมาเองอาตมาก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากมายในเรื่องการบริหารของประเทศ ของมนุษยชาติที่มี อาตมาก็ไม่ต้องเอาเรื่องของประเทศอื่นๆ เอาแต่ชนชาติประเทศไทยก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว อย่างอาตมานี้ระลึกได้หลายอย่างก็ไม่เอามาพูดหรอก เพราะพูดแล้วก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันกับพวกเราได้ ซึ่งก็ไม่น่าดูอะไรหรอก เป็นการอวดดิบอวดดีพากันหลงเพ้อไปอย่างนั้น เอาสิ่งที่เป็นประสบการณ์จริงเป็นได้พิสูจน์กันจริงๆนี่แหละ มายืนยันกันดีกว่า อาตมาพอใจที่จะทำอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 12:50:53 )

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธโลกุตระ

รายละเอียด

สังคมอินเดียเขาไม่ได้ยกย่อง ไม่ได้ตื่นตัวตื่นเต้นในเรื่องดาราหรือการกีฬา ทางอินเดียไม่ขึ้นหรอก นั่นคือสังคมเจริญ อินเดียเป็นสังคมเจริญ เพราะไม่หลงใหลเรื่องเหล่านี้จนกระทั่งนานมาถึงยุคนี้เลยไม่รู้เรื่อง เมืองไทยเป็นเมืองพุทธมีเนื้อหาสาระโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าแท้ๆ อย่าไปกระดี๊กระด๊าเป็นอันขาด ตื่นเต้นจะเอาโอลิมปิคมาจัดที่ประเทศไทยอย่าไปทำเลย ฉิบหาย อย่าทำเลยเป็นอันขาด อาตมาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรทำไมถึงโง่เง่าดักดาน ไปฉิบหายกับเรื่องไม่ได้เข้าเรื่องเข้าราว ถูกเขามาหลอกเอาเงินเอาทองไป ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นทวนกระแสใจ ทวนกระแสโลก มันไม่เหมือนกับทางโลกที่เขาเข้าใจกันหรอก มันเป็นอย่างนั้นจริง อาตมาเองอยู่ในวงการดาราพวกนี้เพื่อนๆกันเลยทั้งนั้น น่าจะมาว่า เพราะว่าอาตมาพูดอย่างนี้ ไปว่าพวกนี้ อาตมาพูดสัจจะไม่ได้แปลว่าอะไร อาตมาตอนนั้นก็เป็นลิงลมข้าวพองเหมือนกับพยากรณ์อาจารย์มั่นเป็นอย่างนั้น ..ก็เคยดีอกดีใจที่ได้เป็นดาราเมื่อแต่ก่อน แต่มันก็เป็นสัจจะก็มาพูดให้รู้ตัว 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:51:00 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:25 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:39:45 )

เมืองไทยเป็นเมืองแรกที่ประชาชนทำรัฐประหาร

รายละเอียด

ก็ขอขยายความตามสภาวะสัจธรรมก็แล้วกันว่า ที่บอกว่าทหารมาทำรัฐประหาร ก็ขอย้ำ พูดมาไม่รู้กี่ที ว่าประชาธิปไตยของไทยขณะนี้ ที่ดำเนินไปอยู่ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ทหารปฏิวัติ แต่เป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนปฏิวัติ ปฏิวัติมาได้ตั้ง 3-4 รัฐบาล เขาก็ยังมองไม่ออก เห็นไหมว่าความมืดของคนมืด นักรัฐศาสตร์เองฟังอาตมาก็ยังมืดอยู่นะ 

เพราะมันยังไม่เคยมีมาในโลก เมืองไทยเป็นเมืองแรกที่ประชาชนทำรัฐประหาร หรือประชาชนปฏิวัติ รัฐบาลมาถึง 4 รัฐบาล เสร็จหมดได้ ทิ้งช่วงจังหวะหน่อย แล้วประชาชนก็ทำทั้งหมด เสร็จหมดแล้วพลเอกประยุทธ์อยู่ในหน้าที่คสช. มันเป็นตำแหน่งที่จะต้องรับผิดชอบ ก็เข้ามารับไม้ต่อจากประชาชน ด้วยความสุภาพเรียบร้อย ผู้ที่ดื้อดึงดัน ก็หลุดหมดจากตำแหน่งทุกทางแล้ว อย่างเป็นรูปธรรมที่มีในสังคม โลกก็ต้องมีพยัญชนะ ต้องมีบัญญัติ ก็มาตามบัญญัติ อย่างนั้นผมก็ขอยึดอำนาจ คนที่ไม่มีอำนาจแล้วก็บอกว่าเอ็งจะยึด ก็ยึดไปสิ เพราะว่าพวกเขาไม่มีอำนาจแล้ว ก็พูดให้เป็นรูปธรรมเท่านั้น

โดยนามธรรมมันสำเร็จไปหมดแล้ว เสร็จแล้วพลเอกประยุทธ์ก็มาบริหาร พลเอกประยุทธ์ก็บอกเลยว่า ผมไม่ใช่ทหาร ผมเป็นนายกที่จะมาบริหารประเทศ ผมไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นนักบริหารประเทศเป็นนายกรัฐมนตรีตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้วก็ประชาชนเป็นใหญ่ เพราะประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนปฏิวัติประชาชนทำรัฐประหาร ก็มารับไม้ต่อจากประชาชน พอดีเขาอยู่ในตำแหน่งหน้าที่พอดี แล้วประชาชนก็ไม่ได้ค้านแย้งก็เลยปล่อยให้พลเอกประยุทธ์ บริหารงานมาตั้ง 8 ปีแล้ว 

ประชาชนที่เคยปฏิวัติแสดงอำนาจโดยธรรม ปฏิวัติรัฐบาลที่ควรให้ออกไป เช่น ทักษิณ สมัคร  สมชาย ยิ่งลักษณ์ เป็นปรากฏการณ์แท้ อาตมาไม่ได้ไปโมเมอะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การปฏิวัติโดยประชาชนของไทย เป็น Soft Power วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:07:50 )

เมืองไทยเป็นแกนประชาธิปไตยของพุทธ

รายละเอียด

มีบทความของคุณกษิต ภิรมย์ อันหนึ่งชื่อ ประชาธิปไตยไทยกลับไปเริ่มต้นที่หลักพุทธ คนที่มีสติเป็นอธิปไตยเป็นคนที่จะมีความเหนือโลกเหนืออัตตา ที่มีความเป็นธรรมมาธิปไตย เมืองไทยมีคนที่มีแกนแบบนี้ไม่มากก็น้อย นี่เป็นแกนของพุทธ นะพลเอกประยุทธ์บอกว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นทหารแต่ตอนนี้ตัวเองเป็นนักการเมือง ซึ่งเป็นการพูดจากใจ เขาเป็นคนที่พูดตรง บางอย่างรู้แล้วแต่ไม่ควรพูดจะเป็นผลกระทบก็ไม่พูด ทุกวันนี้ก็ระงับยับยั้งได้เก่งขึ้น เพราะว่ามีบทเรียน แต่ก่อนนี้โป้งป้าง โดนลูกระเบิดลงเยอะ ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะเลย คุณกษิตยังไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยไทยนะดีที่สุดแล้วตอนนี้ เหนือชั้นกว่าประเทศอื่นเยอะสรุปได้ดี สรุปว่าเป็นคนดีตามหลัก เป็นคนที่มีประโยชน์ให้แก่คนอื่นและส่วนรวมไม่เห็นแก่ตัวนี้ใช่เลย อีกอันหนึ่งของคุณกษิตว่า ธรรมาธิปไตยก้าวต่อไปของประชาธิปไตยไทย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:20:47 )

เมืองไทยเป็นแกนศาสนาของโลก

รายละเอียด

ทำไมต้องเน้นคำว่ากาย เพราะว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่เป็นแกนศาสนาพุทธของโลก เพราะว่าแม้แต่ประเทศต่างๆ อย่างศรีลังกาก็ยังยอมให้เมืองไทยว่าเป็นเมืองพุทธศาสนาที่ดีที่สุด ซึ่งเขาเข้าใจอย่างนั้น ถูกไหม? …ถูก ถูกเพราะ มีเราชาวอโศกไง! ทำไมว่ามีเราชาวอโศก ก็เพราะว่าเราชาวอโศกนั้นยืนยันตามหลักฐานที่มีบันทึกไว้ ที่เขายอมรับกันเกือบทั่วโลก ตามพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ซึ่งก็จะมีฉบับอื่นแปลกแตกต่างออกไปบ้างเป็นธรรมดา แต่ที่อาตมามั่นใจมากๆ

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 10:11:41 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:54 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:40:28 )

เมืองไทยเป็นแก่นแกนของโลกุตระ 

รายละเอียด

อันนี้ยิ่งใหญ่มาก เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่จนทุกวันนี้โลกก็ยังไม่แพร่หลายในความรู้นี้ ความรู้ของพระพุทธเจ้านี้ซึ่งในโลกตอนนี้ก็หมดไปแล้วในโลกุตรธรรม มีอยู่เป็นหลักในประเทศไทยเป็นหลักเป็นแกน ประเทศอื่นจะเป็นพุทธศาสนาก็ตาม พม่า ญี่ปุ่น ลาว เวียดนามบ้างอะไรพวกนี้หรือแม้แต่ประเทศอื่นๆ แม้ต้นตอที่อินเดียเองด้วยซ้ำ อินเดีย ศรีลังกาจีน ก็แล้วแต่ มีความรู้พุทธ เมืองไทยเป็นแก่นแกนของโลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด นักเรียนสัมมาสิกขา ปีการศึกษา 2562-2563

วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 17:20:22 )

เมืองไทยเป็นโซนทำพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ดีที่สุด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นของกินที่จะยังชีพของเรา มีแน่นอน แล้วอาตมาก็เน้นมามากมาย เน้นว่าเราเมืองไทย เป็นเมืองศูนย์สูตรอยู่ใกล้โซนนี้เป็นโซนที่ทำพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ดีที่สุดแล้ว   ถ้าหากคนไทยตื่นตัวกับการกสิกรรมปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร แม้ความรู้ทางด้านเกษตรกรรมของเราก็นำหน้าโลกเขา ทำพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ไร้สารพิษไร้สารที่เป็นโทษภัย แต่มีสารที่เป็นสาระแท้ๆดีได้แล้ว มีทฤษฎีมีวิธีการทำสำเร็จแล้วด้วย แล้วก็มีการทำพืชพันธุ์ธัญญาหารที่สำคัญ พืชพันธุ์ธัญญาหารที่เป็น ธาตุสำหรับเลี้ยงชีวิตได้ดี ข้าว เป็นต้น หรือหน้าต่างพืชพันธุ์ธัญญาหารอื่นที่มีวิตามินมีธาตุที่จะอาศัยดีอย่างถูกต้องครบครัน พืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆ ถ้าเรามาเน้นเรื่องนี้กัน   มาทำกันจริงๆ ผลผลิตของเรื่องนี้ก็จะเกิดขึ้นในเมืองไทย จะมีมากพอ แผ่นดินยังมีอีกมากพอที่จะทำการกสิกรรม ยังมีแผ่นดินที่จะทำยังมีอีกพอ ยังมีพอให้ทำ แม้แต่ในบ้านราชฯก็ยังทำไม่เต็มที่ยังมีให้ทำอีกเยอะ ยิ่งนอกบ้านราชฯในประเทศไทยยังมีที่ให้ทำอีกเยอะ เราระดมความคิดอันนี้แล้วก็เห็นดีเห็นงามกันจริงๆลงมือทำ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:43:51 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:37 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:41:15 )

เมืองไทยเป็นโซนที่ปลูกพืชปลูกผักพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ดีที่สุด

รายละเอียด

อาตมาอยากจะให้ผู้บริหารประเทศใช้คำว่าประเทศไทยเลย พยายามจะทำยังไงให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นกลาง ไม่ต้องไปคำนึงถึงสงครามเขาเลย เขาจะมาฆ่าแกงก็ฆ่าแกงเลย ประเทศไทย เขาจะมายึดมาริบ เพราะเราไม่มีความสามารถทางทหารในการยิงปืนสู้รบถ้าจะมาฆ่าเราก็ฆ่า แต่ให้มาสร้างอาหารและทำอาหารแพร่ไปให้ทั่วโลก ขายให้ถูก แจกได้แจก เมืองไหน ประเทศไหนที่เขายากจน เขาควรจะได้รับ เอานโยบายอย่างนี้จริงๆเลย ตั้งต้นตั้งแต่วันนี้ไปเลย ทำความเข้าใจในทิศทางที่อาตมาพูด 

นักบริหารประเทศทั้งหลาย จะเป็นนักการเมือง นักรัฐศาสตร์หรือเศรษฐศาสตร์ นักสังคมศาสตร์ใดๆ เป็นอย่างนั้น ทำความเข้าใจให้ได้ ให้มาเป็นกสิกร เมืองไทยเป็นโซนที่ปลูกพืชปลูกผักพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ดีที่สุดแล้ว ในโลก เป็นเมืองที่ทำได้ หิมะไม่มี ความเย็นฝนมีพร้อม ทำได้ดี ความเย็นนี้พืชพันธุ์ธัญญาหารงามพอสมควรเลย แล้วก็มีความร้อน พืชพันธุ์ธัญญาหารที่ชอบความร้อนมีเยอะ ปลูกได้ตลอดทั้งปี ทำให้มากให้เหลือเฟือและเป็นสินค้าหลัก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก ผลงาน 50 ปี ตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพ่อครู วันพุธที่ 18 มกราคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ปี 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2566 ( 11:39:13 )

เมืองไทยเป็นโลกุตระเป็นอเทวนิยมเช่นไร

รายละเอียด

เมืองไทยเป็นโลกุตระเป็นอเทวนิยมเช่นไร วนเวียน พูดถึงเรื่องโลกุตรธรรม พวกนี้จะต้องพูดไปอีกเยอะ กลับมาพูดเพื่อที่จะทำรายการพิเศษวันนี้ 

เมืองไทยนี่ เป็นเมืองที่เป็นโลกุตรธรรม เป็นเมืองที่เป็นเนื้อหาของโลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้า ที่มีปรากฏหลงเหลืออยู่ในยุคสมัย กาละนี้ใกล้กลียุคแล้วแท้ๆ แต่โลกุตรธรรมนี้ ก็ยังมีมนุษยชาตินำมา  แล้วก็เอามาปฏิบัติประพฤติ อยู่ในโลกนี้ ก็มีผู้นำอยู่ 2 องค์ก็คือ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 กับอาตมา นี่พูดความจริงทั้งนั้น แต่คนไม่เชื่อหรอกว่าเป็นธรรมมิกราช 2 องค์ ตามผู้ที่รู้ความจริงพยากรณ์เอาไว้นานแล้ว ก็ได้ยินมา อาตมาไม่ได้เป็นคนพยากรณ์ แต่ถึงกาละยุคที่เกิดจริง ก็ในยุคนี้ไง มีธรรมมิกราช 2 องค์ เอาตัวเองมาพูดอย่างไม่ได้เหนียมอาย เขาก็บอกว่าพูดอย่างหน้าด้านไม่อายเลย จะไปอายทำไม ก็มันเป็นความจริง มันเป็นความดี ที่ยืนยันความจริงความดีลงในประเทศไทยว่า น่าภาคภูมิใจมั้ยล่ะ เพราะคนไทยมีสิ่งนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 12:18:15 )

เมืองไทยไม่ใช่เมืองนักรบไม่ใช่เมืองนักฆ่าแต่เป็นเมืองแห่งพรหม

รายละเอียด

โควิดนี้มีนิมิตว่าอบายมุขตายแน่ เมืองไทยไม่เข้าใจอบายมุข อบายมุขคือความจัดจ้านทั้งสายโทสะ ราคะ อัตตา เมืองไทย อาตมาบอกเลยไม่ใช่เมืองนักรบไม่ใช่เมืองนักฆ่าแต่เป็นเมืองแห่งพรหม มีคุณธรรมอย่างนี้ เป็นเมืองนักธรรมะ เป็นเมืองนักสนุกสนานเพลิดเพลิน เป็นเมืองสวรรค์ไม่ใช่เรื่องนรก เมืองนรกนั้นจะบอกให้ตอนนี้คืออเมริกา กำลังเผากันอยู่ เป็นนรก นี่คือสัจจะ ไม่ได้ไปว่าหรือกระหน่ำย่ำยีเขา แต่เป็น Phenomenology เป็นความรู้ทางปรากฏการณ์วิทยา อเมริกาต่อไปจะทรุดโทรม เริ่มตั้งแต่บัดนี้ โดนัลด์ทรัมป์ มาทำให้ประเทศเข้ารูปเข้ารอยอย่างนั้น ไม่มีทางก้าวหน้าต่อไป อเมริกาจะไม่มีทางก้าวหน้าต่อไป ตอนนี้ธรรมชาติหรือโควิดนี่สถิติเขาครองอันดับที่ 1 ประเทศที่ 2 มีทั้งคนเจ็บคนตาย เท่าไหร่ ไม่รู้กี่วันมาแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 10:30:54 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:02:05 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:41:57 )

เมืองไทยไม่ได้สร้างอาวุธฆ่าใครจึงไม่มีบาป

รายละเอียด

เมืองไทยไม่ได้สร้างสิ่งเหล่านี้ เมืองไทยจึงไม่มีบาป เมืองที่เขาสร้างอยู่ก็เป็นบาปตามสัจธรรมมีกรรมวิบากจริง คนที่พัฒนาให้มันเก่ง ระเบิดได้เก่งแรงมากฆ่าคนได้มาก นี่ต่างคนต่างมั่นใจว่าของตนเก่งกว่า ซุกซ่อนไว้ สุดท้ายเขาจะฆ่ากันเอง แต่พวกเรานี้เป็นพวกรอดได้เพราะจะไม่ไปร่วมมือในสิ่งเหล่านี้ ก็พยายามปลีกตนออกจากสงคราม ที่เขาจะฆ่ากันอย่างนี้ เราไม่มีสิ่งที่จะไปร่วมมือหรือแข่งขันกับเขา แล้วเราไม่เห็นดีที่ต้องไปทำร่วม เพราะว่าไม่เกิดประโยชน์อะไรยิ่งใหญ่ คนไม่มีความรู้ก็นึกว่าเป็นประโยชน์ใหญ่ ตามภูมิของเขา ก็ต้องให้เขาทำไป ตามวิบากของเขา สิ่งนี้เป็นสิ่งลึกซึ้ง เป็นกรรมวิบาก พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ เป็นอจินไตยข้อที่ 3

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:26:01 )

เมื่อ “กิเลสกาม” หมดสิ้นเกลี้ยงมีอาการอย่างไร?

รายละเอียด

แต่“กิเลสกาม”หมดสิ้นเกลี้ยงจากจิต ไม่เหลือต่างหาก “จิตว่างจากกิเลสกาม”เป็น“สูญ (0)”ไม่มี“กิเลสกามเกิดในจิตอีกแล้ว”เด็ดขาดนิรันดรแม้ทุกขณะที่สัมผัสกับ“เหตุ”นั้นๆอันเป็นปัจจัยให้เกิด“กาม”อยู่หลัดๆ ชัดๆ โต้งๆ โทนโท่ ในปัจจุบันใดๆอีก ก็ยืนยันได้ทีเดียว เปิดเผยกับผู้อื่นในโลกกันอย่างโจ่งแจ้งได้ ผู้ปฏิบัติสัมมาทิฏฐิจริง เกิดบรรลุผลจริงจะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“จิตใจตนที่มี‘ความเป็น 0’จากกิเลสกาม”ได้ด้วย“ปัญญาอันยิ่ง”ที่มีแท้ๆ ชนิดที่เชื่อเอง ไม่ต้องเชื่อใครเลย

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 439-440 ข้อที่ 605


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2565 ( 14:25:05 )

เมื่อควบคุมการเกิดดับได้ก็สามารถพัฒนาสุจริต 3 ได้

รายละเอียด

เมื่อมีอินทรีย์ 6 เป็นทางเข้าของกิเลสทางเข้าของความเจริญ มีทั้งเสริมสร้างและทำลาย เมื่อเรามีพลังงาน มีองค์ประกอบเหตุปัจจัยเหล่านี้ขึ้นมา เราก็จัดสรรไป เรียกวิญญาณฐีติ วิญญาณที่เป็นตัวตั้ง พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ 7 อย่าง ยังไม่ขอลงรายละเอียดตรงนี้ ก็ต้องศึกษาสัตตาวาส 9 จะมีคู่อีก 2 อันที่เป็นตัวจบ เนวสัญญานาสัญญายตนะกับอสัญญีสัตว์ มี 2 อันนี้ที่เพิ่มจากวิญญาณฐีติ 7 ถ้าสองอันนี้เข้าใจแล้วก็จะต่อหรือจบวิญญาณก็ได้ จบคือตัดสันตติ สองอันสุดท้ายนี้ อสัญญีสัตว์กับเนวสัญญานาสัญญายตนะ ​เป็นพลังงานคู่สุดท้ายของอายตนะ 2 ในพลังงาน 6 นี้ อินทรีย์ 6 จะเกิดพลังงาน 6 สุดท้ายก็ คู่สุดท้ายคือพลังงาน 2 ธรรมะ 2 ก็จัดการธรรมะสองสุดท้าย หรือคุณจะต่อ อยู่เหนือได้เลย จะเกิดหรือจะดับก็ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่เป็นเรื่องสัจจะ เป็นเรื่องจริง เมื่อคุณสามารถควบคุมวิญญาณฐิติ หรือทำให้สัตตาวาส 9 สูญได้ คุณก็ควบคุม การเกิดการดับได้ คุณจะควบคุมการเกิดดับได้ ก็ต้องสามารถทำ สุจริต 3 ให้เจริญก้าวหน้าพัฒนาอีกก็ได้ แต่แน่นอนว่าคุณเลิกทำทุจริตแน่ คุณรู้แล้วว่าทุจริตมันเป็นภัยทั้งตนและท่าน คุณจะไปทำหาอะไร ทำมันไปทำไม เพราะมันเป็นภัยต่อตนและท่าน สร้างขึ้นมาก็เป็นภัยต่อตัวเราเองอีก เราอยู่ร่วมจักรวาลกัน มันไม่ไปไหนก็ต้องมาถึงเราจนได้ หากเรายังไม่ยอมตายก่อน ไม่ปรินิพพานปริโยสาน แต่ถ้าคุณยังอยู่ สักวันมันก็ต้องมาถึงคุณ ผู้ที่รู้จักสุจริตทุจริตแล้วก็จะหยุดเด็ดขาดเลยเลย ทุจริตไม่ทำ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็จะทำแต่สุจริตเท่านั้น ไม่มีใครบังคับหรอกมันเป็นปัญญา ปัญญาอันสูงสุด ถ้าหากยังทำทุจริตอยู่ก็ยังมีเศษแห่งความโง่ เราไม่ได้บอกว่ามีความโง่เต็มๆนะ ถ้าหากทำทุจริตอยู่ ตั้งแต่มีความโง่เต็มๆ กับมีเศษสุดท้ายของความทุจริตความโง่ก็ยังทำทุจริตอยู่ ทำสุจริตก็มีประโยชน์คุณค่า ตนเองไม่ทุกข์ร้อน ไม่มีภัย ไม่มีโทษ มีแต่ความเกื้อกูล สนับสนุนกันอย่างดี คนที่รู้ที่จบจริงๆ จะไม่ทำ นอกจากจะมีซาตานไปบังคับเรา ถ้าซาตานหมดฤทธิ์ มันบังคับเราไม่ได้อีกแล้ว เราอยู่เหนือมันได้จริงๆ แล้วจะมีอะไรบังคับ ปฏิภาณปัญญาก็รู้อะไรคือสิ่งที่ดี ไม่มีใครบังคับหรอก ตัวปัญญามันคือสุดยอดแห่งการตัดสิน เป็นตัวสุดยอดแห่งการบงการให้ทำอะไร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:51:42 )

เมื่อความละอายอย่างแรงกล้าไม่เกิดก็ยังไม่ตื่น

รายละเอียด

ต้องมีลำดับสิ เมื่อปฏิบัติศีลและมีสำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ แล้ว สำรวมระวังระวังตาหูจมูกลิ้นกายใจ แล้วตื่นรู้แยกกิเลสได้ กำจัดกิเลสได้ไปเรื่อยๆ จึงจะเกิดศรัทธา จึงจะละอาย

ประเด็นนี้แหละยิ่งใหญ่มาก ละอายอย่างแรงกล้า พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าใครได้คบสัตบุรุษคือคบกับพระพุทธเจ้า อธิบายธรรมะโลกุตระ ผู้ที่เข้าใจผู้ที่ชัดเจนแล้วโอ้โห ทำไมเราถึงได้โง่เง่า ทำไมเราถึงได้ผิดยึดนานจมอยู่ โอ้โห น่าเกลียดน่าละอาย ทำไมถึงโง่ มันรู้สึกถึงความโง่ของตัวเองอย่างชัดเจนเลยว่า แล้วจะรู้สึกละอาย 

เพราะฉะนั้นผู้ใดฟังธรรมะที่อาตมาพูด ยังไม่รู้สึกยังไม่ถอดถอน ยังไม่เข้าใจยังไม่เชื่อยังไม่รู้ไม่ศรัทธา แล้วก็ไม่เกิด หิริ ไม่เกิดความละอายขึ้นมานะ ก็คือยังไม่ตื่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 19:24:36 )

เมื่อความเห็นต่างกันทางการเมืองทำอย่างไรจึงจะสงบ

รายละเอียด

อาตมาก็เห็นอย่างที่คุณเห็น ทีนี้ อาตมาก็จะตอบว่าดีหรือไม่ดี ตอบว่าไม่ดีแต่บังคับได้ไหม.. ไม่ได้ ไปบังคับเขาไม่ได้เขาจะเห็นต่างกัน ก็เป็นแต่เพียงว่าขอออกความเห็นของตัวเองคือของอาตมาว่า… ศิษย์เก่าทั้งหลายเอ๋ย ความอิสระในทางความคิดนั้นอาตมาก็เคารพ ต่อความคิดอิสระของแต่ละบุคลคน แต่เราควรจะคิดถึง สิ่งที่ควรจะเป็น สิ่งที่ควรจะเป็นคืออะไร ควรจะเป็นคือ อย่าจุดไฟ อย่ากระพือไฟ ควรจะต้องให้มันสงบ ทีนี้ ทำอย่างไรจะสงบ …เราก็มองดู ตรวจดู ให้ชัดเจนว่า ความเห็น อันใด ความเห็นแบบใด ที่เราควรจะต้องไปเห็นด้วย ร่วมมือด้วย อันนี้ก็อาจจะมีบางคนมันบังคับไม่ได้มันเห็นต่างจริงๆ ถ้ามันสุดวิสัยก็ต้องปล่อยไป มันก็เป็นนานาสังวาสไปแต่ถ้าพอจะทำได้ เห็นแก่ความสงบระงับของส่วนรวมของประเทศ ก็จงมองส่วนรวม พูดกันอย่างกระชับ ส่วนรวมของชาวอโศกทั้งหมด ส่วนใหญ่ของชาวอโศกทั้งหมด เห็นฝ่ายไหนล่ะ เห็นควรจะต้องเห็นอย่างไร แบบใด เอ้า พูดกันง่ายๆชัดๆ เห็นอย่าง 3 นิ้ว หรือเห็นอย่างไม่ใช่ 3 นิ้ว เอาแค่นั้น นี่แบ่งเป็น 2 ข้างง่ายๆ อาตมาก็ควรจะเห็นอย่างไม่ใช่ 3 นิ้ว ชาวอโศกส่วนใหญ่ อาตมาพูดอย่างนี้ ก็เป็นความเห็นส่วนตัวเองก็เป็นความจริง ถ้าคุณจะเห็นแก่ความสงบ ก็ควรเห็นแก่ชาวอโศกส่วนใหญ่ แต่ถ้าคุณทำตามไม่ได้ก็เห็นใจ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:37:31 )

เมื่อคุณปฏิบัติจนจบกิจแล้วจะเป็นโพธิสัตว์อยู่ต่อ ดี ก็เอาสิ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ครบ จะอยู่ก็มีหลักประกันว่า คนที่ศึกษากับพระพุทธเจ้าและปฏิบัติได้บรรลุธรรม จะอยู่ก็อยู่เป็นคนดี มีหลักประกันเลยว่า 1.จะไม่ทำบาป ไม่ทำชั่ว ทำแต่ดีอย่างเดียว นั่นก็จบแล้วโลกียะ 2. รู้จักสุขรู้จักทุกข์ รู้จักเวทนา รู้จักจิตวิญญาณ รู้จักอัตตา สลายอัตตาเป็นดินน้ำไฟลมได้ หมดเลยจบแล้วเท่านี้ทั้ง 2 สภาพโลกียะกับโลกุตระ จบหมดเลย 

คุณจบแล้วแต่จะยังไม่ยอมจบจะอยู่ไปอีกหลายล้านปี เป็นโพธิสัตว์อยู่เป็นล้านๆปี ก็เอาสิ ใครจะไปว่าคุณ เพราะเป็นอิสรเสรีภาพในทางจิตวิญญาณ อิสรเสรีภาพส่วนของคุณ คุณจะอยู่คุณจะไป สุดท้ายคุณจะสลายเป็นดินน้ำไฟลมก็ได้ คุณจะอยู่ต่อไปอีกเพื่อทำประโยชน์อีก. จะให้นานเท่ากับผู้ที่มีปณิธานสูงสุดอย่าง พระอวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิม จะอยู่รื้อขนสัตว์ ช่วยสัตว์ตามปณิธานที่มีตำนานมาก็เชิญไม่มีใครไปขัดขวาง จะอยู่นานเท่าไหร่หรือจะเลิกเมื่อไหร่ สุดยอด เป็นการตรัสรู้ทุกอย่าง ทุกระดับ ทุกขั้นตอนจบหมดแล้ว แล้วคุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกเอาขนาดไหนแค่ไหนได้ทุกอย่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 14:36:46 )

เมื่อจบรู้ได้คุณก็มาทำประโยชน์

รายละเอียด

ถ้าคุณไม่เป็นประโยชน์ คุณก็เป็นคนถ่วงโลก เป็นโทษ เป็นประโยชน์ก็มีสิ่งที่ให้กับคนอื่นได้ แต่ถ้าคุณยังเป็นอยู่ แล้วคุณไม่มีสิ่งที่ให้คนอื่นได้เลย  คุณก็คือคนที่เป็นหนี้ พึ่งคนอื่นหรือเกาะคนอื่นอยู่ อยู่ในนี้คุณไม่ต้องเกาะคนอื่นก็ได้ ดินน้ำไฟลม อาหาร ของกินของใช้ คุณไม่ต้องไปขอ คุณเก็บกินเองเฉพาะตัวเองก็รอดได้ อย่างน้อยเก็บหน่อไม้กินได้ อันอื่นก็มีสารพัด ผักตาโก้ง ผักโขมก็เยอะ ต้นมันอวบใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งนิ้วแน่ะ ต้นอะไรนะ การ์ตูน ต้นผักโขม ป๊อบอาย กินผักโขมแล้วก็มีกำลังด้วย 

สรุปแล้วนะ ไม่ใช่เล่นนะเรื่องนี้ ถ้าจบได้ก็เป็นอรหันต์ สบาย อยู่ก็อยู่ ตายก็ตาย หรือจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน อยู่ก็มีประโยชน์ คนเป็นโพธิสัตว์ เกิดมาก็มีประโยชน์แก่สัตว์โลกมันไม่เสียหายอะไร เพราะมีหลักประกันหมดแล้วคือ 1. คุณไม่ทำชั่วเด็ดขาด คุณไม่มีโทษเด็ดขาด มีแต่ทำประโยชน์ มีแต่ทำดีตลอดกาล ทั้งคุณก็หมดสุข หมดทุกข์ อยู่อย่างไรก็ไม่มี ทุกข์ หมดสุขหมดทุกข์ มีแต่เบิกบานร่าเริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 13:22:11 )

เมื่อจิต Drop จิตตายจากจิตเรียกมนุษย์พืช 

รายละเอียด

มนุษย์หรือคนเมื่อจิตมัน Drop ลงไป จิตตายจากจิตแล้ว Drop หรือว่าตก จิต หมดอาการพลังงานของจิตตกไปเป็นพลังงานของพืช เรียกว่ามนุษย์พืช 

มนุษย์พืชไม่มีความรู้สึกไม่ว่าจะเป็นภายนอกภายใน แต่เป็นชีวะเป็นพืช อาหารที่จะไปเลี้ยงเป็นธาตุวิตามิน มันก็จะไปปรุงแต่งเป็นชีวะเป็นพืช ที่เรียกกันว่ามนุษย์พืชนั่นแหละ ไม่มีความรู้สึกเป็นชีวะ อันนั้นถือว่า นิพพาน 

นิพพานคือไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ แม้จะมีสัญญา มีสังขารเป็นพืช เป็นชีวะ  เป็นชีวิตอยู่ ยังสามารถงอกออกไปได้เรื่อยๆ เล็บก็มีสังขาร มีสัญญา งอกได้มันมีอาหาร แต่อันนั้นไม่มีกายแล้วไม่มีจิตแล้ว อันนี้แหละเรียกว่าไม่มีทุกข์ ไม่มีสุขแล้ว เป็นตัวหมายรู้ให้รู้ว่าใครทำได้อาการนี้ของจิต จิตทำให้เป็นจิตที่ไม่มีกาย จิตที่ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณเต็มสภาพนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:18:11 )

เมื่อจิตสูญไปจากกิเลสแล้วก็เที่ยง

รายละเอียด

ทุกข์คือความตั้งอยู่อย่างเดิมไม่ได้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไม่เที่ยงไม่ตั้งอยู่อย่างเดิมมันเปลี่ยนแปลง อันนี้แหละคือ มีความสูญเท่านั้นที่ไม่เคลื่อน เป็นความเที่ยง เพราะฉะนั้น 0 จะทำอะไร ทำที่จิต ที่ชัดที่สุดคือทำให้กิเลสสูญไปจากจิต นี่คือตัวแท้ เมื่อจิตสูญไปจากกิเลสแล้วก็เที่ยง สูญไปอย่างชัดเจนถาวร ปหาน อาสวะอนุสัยกิเลสก็หมดไปยัง นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง (ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง (ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง (ไม่กลับกำเริบ) 

ถ้าจะมาขยายความมาจนทุกวันนี้ พวกเราได้ยินได้ฟังก็จำได้ รู้ นี่คือทุกข์ 10 อย่างที่มี 6 อย่างไม่เที่ยง อีก 4 อย่างเป็นอริยสัจ 4 แต่ก็ไม่ได้ไปขยายความแบบอาริยสัจ 4 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 10:46:44 )

เมื่อชาวพุทธไม่เรียนรู้อาการของกิเลสจะเกิดผลอย่างไร

รายละเอียด

อาการกิเลส มันเกิดเมื่อเวลาสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกาย อาการราคะก็ตาม อาการโทสะก็ตาม มันเกิดจากอะไร อาการลิงค นิมิต มันเป็นอย่างไร อุเทสมาให้ฟังซิ เขาพูดไม่ได้หรอก บอกอาการ บอกนิมิต บอกเครื่องหมายไม่ได้หรอก ด้วยภาษาคนนี่แหละ อาการ อาตมาพูดได้

อาการกิเลส อาการตัณหาเมื่อกระทบรูป เริ่มต้นทางเสียง กระทบสัตว์ เอาสัตว์เดรัจฉาน สัตว์ปูปลาหมูหมาก็แล้วแต่ กระทบแล้ว โอ้โห มันน่ากิน นั่นแหละไม่รู้จักกิเลสของตน ไปกินเนื้อสัตว์ เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน เขาจะไม่มีปฏิภาณไม่มีความรู้ที่จะเรียนเรื่องนี้เลย เพราะฉะนั้นจึงเป็นชาวพุทธที่ยังกินเนื้อสัตว์ ปากเปรอะกันหมดเลย กินหมากพลูก็เป็นสิ่งเสพติด กินเนื้อสัตว์ก็เป็นสิ่งเสพติด เพราะฉะนั้น เสพติดหมากพลูรู้ง่าย เสพติดเนื้อสัตว์รู้ยาก เนียนมาก หลงผิดว่า เป็นอาหารของคน นี่คือความเสื่อมของศาสนาพุทธ 

พระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์ แม้แต่พระเทวทัตก็ไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์ พระเทวทัตบอกพระพุทธเจ้าให้ออกกฎระเบียบให้ชัดๆเลย เป็นวินัยเลย บอกว่า พระภิกษุของศาสนาพุทธ ต้องไม่ฉันเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ออก เพราะว่า พระส่วนใหญ่ เขาไม่ฉันเนื้อสัตว์อยู่แล้ว แค่เทวทัตเอง ก็ยังไม่ฉันเนื้อสัตว์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพระส่วนใหญ่ก็ไม่ฉันเนื้อสัตว์ ยังมีส่วนน้อยก็ปล่อยให้เขาเรียนรู้ไป ท่านไม่เอาแบบบังคับ ถือว่าให้อิสรเสรีภาพสูงสุดดีที่สุดก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรม เพราะส่วนใหญ่เขาไม่ฉันเนื้อสัตว์ ในศาสนาพุทธก็ตาม มีการฉันเนื้อสัตว์อยู่น้อยมาก ไปอ่านดูเถอะ นอกจากพวกอเจลกะหรือพวกนอกศาสนาพุทธไปประเคนอาหารเนื้อสัตว์ให้ภิกษุศาสนาพุทธ เพราะเขาไม่รู้ แล้วไปขี้ตู่ว่าท่านฉัน ก็ไม่เห็นในพระไตรปิฎกบอกว่าฉันเนื้อสัตว์อย่างเอร็ดอร่อย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 38 อัมพัฏฐสูตรและกายในกาย วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กันยายน 2565 ( 14:26:09 )

เมื่อฌานได้เผากิเลสสิ้นเกลี้ยง เราจึงเรียกปรากฏการณ์ ว่า “บุญ”!

รายละเอียด

ซึ่ง“ฌาน”นั้นคือ พลังงานจิตที่มีประสิทธิภาพ“เผากิเลส”กัน

ให้“สูญสิ้น”หมดกันไปเลย เมื่อถึงขั้นสุดท้าย“เผา”กันให้หมดสิ้นจึง

ชื่อว่า“กิเลสเกลี้ยงสนิทบริบูรณ์” ไม่เหลือส่วนที่จะให้“ฌาน”เผา

ต่ออีกแล้ว ก็หมดกิเลสอันคือ“บาป”สิ้นเกลี้ยงลงเรียกว่า“บุญ” แล้ว

“บุญ” ก็หายไปหรือ“สิ้นบุญไป”เลย เพราะจบกิจ “สิ้นบุญสิ้นบาป

(ปุญญปาปปริกฺขีโณ)” ด้วยประการฉะนี้

และจะไม่เหลือ“กิเลสาสวะส่วนใดมีอยู่อีกเลย”เป็นอันขาด

นิรันดร จึงเรียกว่า“สิ้นบุญ(ปุญญปริกฺขีโณ)” นั่นคือ จบสิ้นความเป็น

“สาสวะ”บริบูรณ์เกลี้ยงสู่ความเป็น“อนาสวะ”สัมบูรณ์

“สิ้นบุญสิ้นบาป”กันเด็ดขาด ก็ไม่ต้องมี“บุญ” ไม่ต้องมี“บาป”

กันอีกแล้วในกาละต่อไปของคนผู้นี้

ผู้ทำ“บุญ”สำเร็จจบแล้ว จึงชื่อว่า “ผู้ไม่มีบุญ”!

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 498 หน้า 369


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2564 ( 12:29:04 )

เมื่อฐานจิตเกิดวิปลาส 3 ก็เป็นอันหวังได้ว่าจะมีวิปลาส 4

รายละเอียด

หมายความว่า ฐานจิตของเขาวิปลาส เพราะฉะนั้นทิฐิของเขาวิปลาส เมื่อจิตวิปลาส ทิฐิวิปลาสเพราะฉะนั้นสัญญาของเขาก็จึงวิปลาส วิปลาส 3 ก็เป็นอันหวังได้ว่าจะมีวิปลาส 4 แน่นอน ดังที่เป็นกันอยู่ เทวนิยม หลงความทุกข์เป็นความสุข อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็ไม่รู้ว่า ทุกข์ สุขนี้ไม่สามารถเรียนรู้จนสามารถตีแตกหรือแยกแยะได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของผู้มีอภิภายตนะ 8 วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 10:27:43 )

เมื่อตนเป็นอนัตตาแล้วอยู่ได้อย่างไร

รายละเอียด

ส่วนทางพุทธนั้นตนเป็นเจ้าของจิตวิญญาณเอง ไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ทำร้ายผู้อื่น มีแต่ช่วยให้ดี จนกระทั่งตัวเองหมดตัวเอง ไม่ต้องมาช่วยตัวเองเลย ตัวเองเป็นอนัตตาไม่มีตัวตน ไม่ช่วยตัวเองแล้วจะอยู่ได้อย่างไร ก็อยู่ได้ตรงนี้แหละสำคัญ อยู่ได้เพราะผู้อื่นจะช่วยไว้ ผู้อื่นเลี้ยงไว้ ผู้อื่นจะรักษาไว้อย่างเทิดทูน อย่างทะนุถนอม เพื่อที่จะให้มีชีวิตทำงานให้แก่มวลมนุษยชาติอย่างเต็มที่ ไม่ให้ตายง่ายๆ ผู้รู้จะรู้สึกว่าอันนี้เป็นสุดยอดสิ่งที่ต้องทะนุถนอมเชิดชูบูชาเทิดทูนไว้ เขาจะรู้จะเห็นความจริงเอง เป็นสัจจะของจิตวิญญาณไม่มีใครไปบังคับใคร ผู้รู้เองจะเป็นจริงอย่างนี้ได้เอง ผู้ไม่รู้เขาก็ไม่เป็นอย่างที่เขาไม่รู้ ผู้ที่รู้จริงๆว่า สิ่งนี้ต้องเทิดทูนยกย่อง ต้องรักษาให้ท่านออกฤทธิ์แรงออกกำลัง ที่จริงท่านไม่เป็นอำนาจหรอก ท่านออกพลังงาน อย่างมากก็จะมีการบอกสอนหรือประพฤติเอง แสดงประพฤติเองเป็นตัวอย่างแล้วก็บอกสอน เป็นยถาวาที ตถาการี พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้นเป็นอย่างที่พูด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 17:29:43 )

เมื่อตากระทบรูป เกิดกลไกการทำงานในจิตอย่างไร!

รายละเอียด

เริ่มตั้งแต่“รูป”หยาบคือ“ตา”ส่วนหนึ่งแห่งชีวะของเราที่มี “ประสาท”เป็นปัจจัยเมื่อ“ตา”ได้“โคจร”ออกมากระทบ“รูป”อันเป็น“ภาวะ 2” ก็ทำให้“ธาตุรู้”ของเราเกิดขึ้นในภายใน“นามธาตุ”ของเรา เรียกว่า “วิญญาณ”ให้เราได้ศึกษา“ความจริง”ที่ปรากฏขึ้นมา ณ บัดนั้นจริงๆ (ไม่ใช่เพียงแค่“ภาพในความนึกคิด”เท่านั้น) ซึ่งมีความเป็น“กาย”หรือ“เทฺว”ที่มี“นาม-รูป”ยืนยันความเป็น“ภาวะ 2”ก็ครบพร้อมองค์ประกอบ“รูปกับตา”ก็ดี “โลกกับอัตตา”ก็ดี “ภายนอกกับภายใน”ก็ดี ทั้งคู่ของ“สุขกับทุกข์”ก็ตาม ทั้งอะไรต่ออะไรที่เป็น“คู่”แห่งเหตุ-ปัจจัยซึ่งกันและกัน ยิ่งกว่า“ภาพแห่งความคิดของตนอยู่แต่ในภายในส่วนเดียวเท่านั้น”กันจริงๆ ...ใช่มั้ย? ..ชัดเจนมั้ย?

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 471 ข้อที่ 656


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2565 ( 15:07:23 )

เมื่อตีความ“กาย”ผิด แทนที่จะได้วิชา กลับกลายเป็นเดรัจฉาน!

รายละเอียด

เมื่อเริ่มต้นคำว่า“กาย”ก็เริ่ม“สัญญา”กัน“ผิด”เสียแล้ว มันก็คงปฏิบัติธรรมไปไม่มีผล ถึงมี ก็มีแต่เดรัจฉานวิชา อย่างที่เห็นและเป็นกันอยู่จริงเต็มศาสนาพุทธทุกวันนี้ ตรวจดูกันจริงๆ เถอะ“สัญญา”คือภาวะ“นาม”ที่เป็น“ตัวกำหนดรู้” ที่คนทั้งหลายใช้กันอยู่เป็นปกติตลอดเวลา ตามโลกียภูมิจนกว่าจะมามีภูมิ“โลกุตระ”จึงจะสามารถกำหนดรู้ได้ตาม“ปฏิจจสมุปบาท”ด้วยจิตของผู้นั้นเป็น“วิชชา” แล้วจึงจะเรียนรู้ปฏิบัติ“จัดการ(อภิสังขาร)”กับ“ตัณหา-อุปาทาน”ให้หมดไปจากจิตใจตนได้สำเร็จเป็นอรหันต์  

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 168 หน้า 148


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 11:55:40 )

เมื่อทักษิณหมดตัวเลือก

รายละเอียด

พูดถึงอุ๊งอิ๊งแล้วก็ขอวิจัยวิจารณ์ร่วมเล็กน้อย ... อาตมาเห็นแล้วก็จะบอกว่าสงสารก็สงสาร จะบอกว่าสมเพชก็สมเพช สมเพชที่เขาคงหมดมือแล้วทักษิณ หมดตัวเล่น นี่คงเป็นเบี้ยตัวสุดท้ายที่เขาจะเล่น รุ่นลูกรุ่นหลานคงไม่ทัน คงมีตัวอุ๊งอิ๊ง เป็นตัวสุดท้าย 

อาตมาดูโดยองค์รวมตั้งแต่ชีวิตของเขาก็รู้ก็เห็นกันอยู่ในสังคม เพราะว่าเขาเป็นลูกคนดัง ลูกสาวคนสุดท้องคนดัง ตั้งแต่เขาไปกับพ่อ แสดงออก สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุลมาเรื่อยๆ เท่าที่อาตมามีปฏิภาณ ทักษิณหมดตัวเล่นจริงๆ แล้วก็ยังมุ่งมั่น ที่จะเข็นอุ๊งอิ๊งนี่ขึ้นมา เห็นว่าเมืองไทยนี้ เป็นหมูในอวยของเขา เขาจะทำอย่างไรก็ได้ เขาจะบันดลบันดาลอย่างไรก็ได้ อาตมาก็ว่ามันก็จะจริงอย่างที่เขารู้สึกหรือ มันจะจริงอย่างที่เขาเชื่อถือเชื่อมั่นในตัวเขา 

เมืองไทยนี่แสนดี นักโทษถูกตัดสินจำคุก แสดงตัวก็ปล่อยให้แสดงตัววิจัยวิจารณ์บ้านเมืองก็ปล่อยให้วิจัยวิจารณ์ไปอย่างอิสรเสรีภาพ ใจดีมากๆ เมืองไทย ถ้าเป็นคิมจองอึนเขาส่งคนไปตามเก็บแล้ว ป่านนี้ไม่เหลือแล้ว แต่นี่คนไทยไม่ใช่คนโหด แสดงถึงน้ำใจคนไทยที่เมตตาเกื้อกูลไม่อาฆาตมาดร้ายใคร ถือว่าเป็นกรรมวิบากของแต่ละคน ใครทำกรรมใดกรรมนั้นเป็นของตน ชั่วหรือดีก็ตาม เป็นของของตน ทำแล้วก็สั่งสมอกุศล กุศล เป็นของตน เชื่อกรรมเชื่อวิบาก ซึ่งเป็นเรื่องจริง กรรมเป็นอันทำ ทำแล้วไม่รับก็ไม่ได้ จะต้องเป็นของของตน ออกฤทธิ์ออกเดช กัมมโยนิ พาคนเป็นไป กรรมเป็นพระเจ้า God 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 32 ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2565 ( 13:37:42 )

เมื่อทำความมีความไม่มีได้แล้ว ยังสามารถอธิบายวิการรูป และวิญญัติได้

รายละเอียด

วิการรูป 5 รวมวิญญัติ 2 ด้วย คือ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ เป็นสิ่งที่เอามาชี้แจงได้ทางกาย เอามาชี้แจงได้ทางวจี มีเอามาชี้แจงได้ เรียกว่าวิญญัติ เอามาอธิบายชี้แจงได้ เสร็จแล้ว วิการรูปอีก 3 คือ ลหุตา มุทุตา กัมมัญญตา เรียกว่า สรุปจบหมดเลย ให้รู้อย่างเบาที่สุด อย่างมุทุตา แล้วใช้งานด้วยคือ กัมมัญญตา

คุณเข้าใจ วิการรูป 5 คุณก็ยืนอยู่กับความเป็นจริงว่า คุณจะต้องมีความรู้ที่จะต้องทำทุกอย่างให้มันเบา อย่าให้หนัก อย่าใหัจัด ถ้าไม่งั้น มันจะไปติดไปยึดง่าย ทำเฉพาะมันเป็นเรื่องของการกระทำ กัมมัญญา สักแต่ว่ากระทำด้วยปัญญาควบคุม 2 อย่างนี้แหละ ทำลหุตา ทำกัมมัญญาให้ดี โดยที่จิตตัวเอง มุทุตา ด้วยจิตมีสภาพ 2 มีทั้งปัญญา มีทั้งความจริง และความรู้ ทำให้ได้ง่ายๆ สุดท้ายจบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติ รูป 28 ในสติปัฏฐาน 4 วันพุธที่ 21 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ตุลาคม 2565 ( 19:12:41 )

เมื่อทำชั่วอย่างใดเราต้องรับวิบากอย่างนั้นตรงๆ หรือไม่

รายละเอียด

ตอบไม่ยาก มันไม่ใช่ทีเดียวมันแปรไปอย่างอื่นได้ ไปทำอย่างนั้นๆ มันไม่ได้ อาตมาเคยยกตัวอย่างถึงขั้นว่า ถ้าคุณไปทำคนนี้ ชาตินี้แล้ว ชาติหน้าเขาก็จะมาทำอย่างนี้กับคุณอีก มันแก้กันไปแก้กันมาอย่างนี้มันไม่มีจบ แล้วมันก็ไม่จริง มันจะมีเหตุปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดวิบากเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ไป อย่าไปคิดเที่ยงถึงขนาดนั้น 

เรื่องวิบากกรรมนี้อย่าไปตีขลุมคิดง่ายๆ อย่างนั้น มันเป็นเรื่องที่คิดเอาง่ายๆ ไม่ได้ อาตมาก็ตอบรายละเอียดไม่ได้เพราะเป็น อจินไตย เกินในเรื่องวิบากกรรม ก็พูดให้ฟังประมาณนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 19:09:38 )

เมื่อทำสูญได้แล้วผลจะเป็นอย่างไร

รายละเอียด

พระพุทธเจ้ามารู้ถึงเหตุที่ทำให้ตายเกิด เกิดทุกข์ๆ สุขๆ เพราะความไม่รู้จักความจริงของจิตนิยาม พระพุทธเจ้าจึงสามารถทำจิตนิยามให้เป็น พีชนิยาม อุตุนิยามได้ จึงสามารถแยกสลายเป็นอุตุนิยามได้จริง สูงสุดเป็นพระพุทธเจ้า รู้จักความเป็นเทว ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศาสดาทุกองค์อย่างที่ทุกองค์เป็น ได้รู้จบรู้จริงแท้ จะเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่พระพุทธเจ้าสุดท้ายท่านรู้และเป็นมาหมดแล้ว เป็นจนรู้แล้วว่าจริงๆอยู่ไปก็เป็นอย่างนี้ วนเวียนอยู่อย่างนี้นิรันดร เพราะฉะนั้นก็ต้องเบื่อหน่าย ท่านก็เรียนรู้ความเบื่อหน่าย จนกระทั่งไปหน่ายในการหลงปรุงแต่ง ที่เป็นโลกไม่ดี เปลี่ยนเป็นโลกที่ดีสุดท้ายก็สูงสุดเป็นพระเจ้า เสร็จแล้วก็ต้องเวียนตายเวียนเกิดแล้วก็ตกต่ำ ตกทุกข์ได้ดี ตกทุกข์ได้ยาก อยู่อย่างนี้ 

เมื่อท่านรู้ว่าท่านทำให้เป็นสูญได้ ที่เขาต้องไปหมุนเวียนสุขทุกข์ ได้รับลาภยศ สรรเสริญ โลกียสุข เสียลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข พระพุทธเจ้าก็ทรงเบื่อหน่าย เป็นมานานนับชาติไม่ถ้วนไม่รู้กี่ล้านชาติเท่านี้ ก็เลยสุดท้ายก็พอแล้ว แล้วท่านก็รู้จักวิธีที่จะแยกธาตุให้เป็นดินน้ำไฟลมได้ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าทุกองค์มีสมัยเดียว สร้างศาสนาพุทธขึ้นมาในโลก สมัยเดียวไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหนอยู่เป็นสมัย 2 

เพราะว่ามันเหมือนกันหมด ถ้าอยู่ก็ทำอย่างนี้แหละ จะเป็นพระพุทธเจ้าเอง สูงสุดแล้วก็ตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์ ถ้าจะอยู่ต่ออีกก็ไม่เที่ยงแล้วจะอยู่ไปทำไม เราตายเสียให้เที่ยง ตายแล้วก็แยกดิน น้ำ ลม ไฟ เราก็หายไป พระเจ้าของเราก็หายไป อัตตาของเรา จิตวิญญาณปรมาตมันของเรา ก็สลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม หายไปเลย นี่คือที่สุดแห่งที่สุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 17:00:50 )

เมื่อทิฏฐิต่างกันรู้ได้อย่างไรว่าของใครถูกต้อง

รายละเอียด

แต่เมื่อเข้าใจกันคนละอย่างต่างกัน ทิฏฐิต่างกัน กายต่างกัน สัญญาต่างกัน และ การปฏิบัติมันก็ต้องต่างกัน ผลที่ได้มันก็ต้องต่างกัน 

ที่นี้จะรู้ได้อย่างไรว่าใครถูกต้อง โชคยังดีที่ประเทศไทยก็ยังมีพระไตรปิฎก ของพระพุทธเจ้า ทางมหาบัวก็ยอมรับ ทางมหาประยุทธ์ก็ยอมรับ เราชาวอโศกอาตมาเองก็ยอมรับ เอาพระไตรปิฎกนี้เป็นของศาสนาพุทธ เราก็ใช้หลักเกณฑ์อันนี้ตรวจสอบดูสิ สูตรไหนสูตรไหน ท่านตรัสไว้อย่างไร จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นต้น แม้แต่ปฏิจจสมุปบาท แม้แต่ผลที่เกิด ปฏิบัติแล้วจะเป็นคนมีวรรณะ 9 มีสาราณียธรรม 6 ใครทำสำเร็จล่ะ ใครทำแล้วมีคนวรรณะ 9 มาเป็นคนที่เลี้ยงง่าย บำรุงง่าย มีชีวิตไม่ไปยุ่งยากวุ่นวายอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 10:59:44 )

เมื่อท่านประยุทธ์ ปยุตโต เข้าใจธรรมนิยาม 5 ต่างจากพ่อครู

รายละเอียด

ขออภัยต้องกล่าวพาดพิงไปถึงแม้แต่ท่านประยุทธ์ ปยุตโต ท่านพุทธโฆษาจารย์ ท่านก็ขยายความไว้ อาตมาก็ตามศึกษาดูในหนังสือของท่านในความรู้ของท่าน ไม่ได้เคยไปพบปะคุยกัน ก็ดูว่าท่านเข้าใจธรรมนิยาม 5 อย่างไร ซึ่งท่านเข้าใจธรรมนิยาม 5 ไม่เหมือนอาตมา ไม่เหมือน ถ้าเข้าใจธรรมนิยาม 5 ไม่เหมือนอาตมา มันบรรลุธรรมไม่ได้ บรรลุอรหันต์ไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้โลก 9 แบบ จนเป็นมนุษย์พืชมหัศจรรย์ วันพุธที่ 19 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2565 ( 21:17:57 )

เมื่อธรรมะเจริญ การเมืองก็เจริญ

รายละเอียด

เหลือเวลาอีกเล็กน้อย อาตมาก็อยากจะแวะไปถึงเรื่องการเมือง การเมืองที่จะพูดเมื่อมีผู้ที่เขาแย้งมาเมื่อกี้นี้บ้างใน sms ว่า พระอะไรมายุ่งกับการเมือง อันนี้แหละเป็นความเห็นที่น่าสงสารมาก เพราะคนเป็นสัตว์สังคม เป็นพลเมืองของเมือง ไม่ใช่พวกเดียรถีย์พวกเข้าใจผิดว่า คนไม่เกี่ยวกับสังคม คนจะต้องปลีกตัวเดี่ยวออกไปเลยเหมือนพวกเชน หนีออกไปอยู่เดี่ยวอยู่ป่าอยู่เขาอยู่ถ้ำ อยู่เดี่ยวๆ เลย ไม่เอาอะไร ไม่มีอะไรมันสุดโต่ง มันไม่ใช่ มันเกินไป 

คนคือสัตว์สังคม พลเมืองสังคม ที่จะต้องรู้ความสังเคราะห์กันสังขารกัน ทำงานร่วมกัน ปรุงแต่งกันอยู่ ปรุงแต่งอย่างทำลายกันหรือปรุงแต่งอย่างดูดกันเกินไป หรือปรุงแต่งอย่างขัดเกลาส่วนที่ควรขัดเกลากันออก จนรู้ที่จบว่า ขัดเกลากันออกขนาดนี้อยู่ในภาวะถ้าจะให้เกิดก็เป็น cyclic order อยู่ในภาวะที่หมุนวนอยู่ในขณะนี้ได้สัดส่วนสมดุล ก็จบแล้วสมดุลแล้วพอแล้ว ถ้ามันมีอะไรมากไปน้อยไปก็ปรับกันให้อยู่ในความสมดุลให้ได้ซึ่งมันไม่เที่ยง 

เพราะฉะนั้นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เราจะไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้สังคมเที่ยงมันแก้ไม่จบ แก้ปัญหาให้ไม่เดือดร้อนกันคุณจะทำยังไงให้คนที่มันมีกิเลส ให้ทุกคนหยุดเดือดร้อนนะ คุณก็ได้แต่ออกกฎหมายมาบังคับเขา แล้วเขาก็ทำอย่างละเมิด ดีไม่ดีกดดันมากๆมันก็บ้าเลย ละเมิดกฎหมายตายเป็นตาย แล้วมันก็ตายกันไปเยอะแล้ว มันไม่สมควร มันไม่เสร็จหรอก ใช้หลักเกณฑ์กฎหมายกดข่มพวกนี้ มันไม่จบ 

อิสรเสรีภาพให้คนเกิดปัญญารู้พอดีและอยู่กันอย่างประนีประนอม ปรองดองกันมากน้อยแล้วแต่ ให้พออยู่ได้ มันแรงไปก็เอาลงมา มันน้อยไปก็เพิ่มขึ้น โดยอยู่กันอย่างยืดหยุ่นอนุโลมปฏิโลม อยู่อย่างนี้กันไป 

เพราะฉะนั้นการเป็นอยู่ของวัฏสงสารก็อยู่กันอย่างไม่ได้หยุดหรอก มันก็จะเป็นอย่างนี้ อนุโลมมากบ้างน้อยบ้าง ถ้ามันเป็นระบบเป็นลำดับ เราจะมีมวลของสังคมที่เรารับผิดชอบ ร่วมรับผิดชอบดูแลกันช่วยเหลือกัน แล้วเราก็ทำให้เกิดความสงบ 

สงบไม่ใช่อยู่นิ่งแข็ง ความสงบเป็นความคล่องแคล่วว่องไวปราดเปรียวมีเรี่ยวมีแรง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ 

ความมิจฉาทิฏฐิจะเห็นว่า ความสงบคือหยุดความเคลื่อนไหว กายกรรมก็ไม่ต้องทำอะไรแรงมากมาย นิ่งได้ สงบ วจีก็ไม่พูดมาก จิตก็ให้หยุดเลยไม่รับรู้แข็งทื่อไปเลย อย่างนั้นมันเป็นมิจฉาทิฎกของเดียรถีย์สามัญ ไม่ใช่ความสงบแบบนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 19:37:15 )

เมื่อบรรลุพระพุทธเจ้าก็ถือว่าเป็นธรรมะสามีเป็นเจ้าของธรรมะแล้ว

รายละเอียด

ในตักศิลา ไม่มีวิชชาจรณะ เสร็จแล้วท่านก็ทิ้งวิชาทั้ง 18 วิชามาทำงานวิชชาจะระณะสัมปันโนซึ่งเป็นวิชชาของพระพุทธเจ้าและเป็นของพระองค์เอง เพราะพระองค์เองเป็นเจ้าของวิชชานี้เป็นธรรมะสามีแล้ว เมื่อบรรลุพระพุทธเจ้าก็ถือว่าเป็นธรรมะสามีเป็นเจ้าของธรรมะแล้ว เป็นสัมมาสัมพุทโธตรัสรู้เองโดยชอบ ก็คือสั่งสมมานั่นแหละ พวกเราก็คงไม่สะดุดเข้าใจได้แล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 12:12:43 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:02:19 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:42:30 )

เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วจะปรินิพพานหรือเป็นโพธิสัตว์ต่อก็ได้

รายละเอียด

หรือว่าเราเองบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วสามารถจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตายแล้วเลิกไปเลย เป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลยได้ แต่คุณจะยังไม่ยอมตายจะเกิดอีก มาเป็นโพธิสัตว์ต่อ เป็นอนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ เป็น นิยตโพธิสัตว์ต่อไม่มีใครห้าม ทำได้ หรือจะไปปรินิพพานเป็นปริโยสานตอนไหนก็ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:16:09 )

เมื่อปฏิบัติตามศีลแล้วต่อไปต้องสำรวมอินทรีย์

รายละเอียด

อินทรียสังวร

ดูกรอัมพัฏฐะ อย่างไร ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย? ดูกรอัมพัฏฐะภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามกคืออภิชฌา และโทมนัสครอบงำนั้น ชื่อว่ารักษาจักขินทรีย์ ชื่อว่าถึงความสำรวมในจักขินทรีย์ ภิกษุฟังเสียงด้วยโสต ... ดมกลิ่นด้วยฆานะ ... ลิ้นรสด้วยชิวหา ... ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย ... รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้วจะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก คืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำนั้น ชื่อว่ารักษามนินทรีย์ชื่อว่าถึงความสำรวมในมนินทรีย์ ภิกษุประกอบด้วยอินทรียสังวรอันเป็นอาริยะเช่นนี้ ย่อมได้เสวยสุขอันไม่ระคนด้วยกิเลสในภายใน ดูกรอัมพัฏฐะ ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 14:05:56 )

เมื่อปฏิบัติบรรลุธรรมได้จะหายสงสัยไม่ต้องไปถามใครเลย

รายละเอียด

อย่างท่านพอจริงนั้นจะนาน เพราะเอาเรื่องพยัญชนะมาเป็นหลัก แต่ให้ปฏิบัติตามลำดับ ทีละเรื่อง จนบรรลุอรหันต์ไปตามลำดับ เป็นอนุโพธิสัตว์ จนไปเป็น นิยตโพธิสัตว์ก็ช่วยคนอื่นได้อย่างแข็งแรงพอสมควร จนเป็นมหาโพธิสัตว์ก็ช่วยคนได้อย่างแข็งแรงมากขึ้นจนสุดท้ายเป็นพระพุทธเจ้าก็ช่วยคนได้สูงสุด ก็ค่อยๆทำอย่าไปวุ่นวายในรายละเอียดมากมายนัก ตัดกรอบของกิเลสของเราเป็นเบื้องต้นเป็นเรื่องตามลำดับ ให้รู้จักสิ้นอาสวะ หรือกามภพรูปภพอรูปภพ ให้มีสภาวะทำให้ดีแล้วจะได้ไม่ต้องมาถามอาตมาอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา 

บรรลุของตนเองแล้วไม่ต้องไปถามใครอีก จะไม่ถามใคร ถ้ายังถามอยู่ก็คือตัวเองยังไม่แน่ใจก็ต้องถามคนนั้นคนนี้ โดยถามคนที่เชื่อว่าจะรู้ได้ดีกว่า เป็นไก่ตัวพี่ หรือเป็นพ่อเป็นผู้ที่จะรู้ยิ่งกว่าก็ต้องถามอยู่อย่างนั้น ก็เลยไม่รู้จักโตสักที 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส

วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 16:16:01 )

เมื่อปฏิบัติศีล ปฏิบัติจรณะ 15 จะมีพลังปัญญากำจัดผีได้

รายละเอียด

เมื่อสามารถที่จะรู้จักจรณะ 15 รู้หลักศีล อธิบายศีลข้อที่ 1 และข้อที่ 2 แล้ว ข้อที่ 3 รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส อันนี้ก็เป็นแกนเลย ทั้งแกนรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ตัวคนแต่ละคนไม่รู้จักตรงนี้ ปฏิบัติให้รู้เท่าทัน รูป ที่มันผีหลอกอยู่ในรูป 

เสียงที่ประกอบเราสัมผัสอยู่ มันมีผีหลอกอยู่ในเสียง 

กลิ่นมันมีผีหลอกอยู่ในกลิ่น 

รสมันมีผีหลอกอยู่ใน รส

มีผีหลอกอยู่ในสัมผัสต่างๆ 

ถ้าคุณไม่รู้จักผีพวกนี้ ผีพวกนี้มันก็หลอกคุณอยู่ตลอดกาลนาน จับผีได้ สร้างปัญญาเป็นพลังที่รู้เท่าทันผี ผีนี่ มันจะกลัวปัญญา กลัวธาตุรู้ที่รู้เท่าทันมัน เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดปัญญาจริงพลังงานของคุณสร้างปัญญาขึ้นมาในจิต รู้เท่าทัน เป็นสภาพปัญญาจริงๆขึ้นมาแล้วนะ ผีมันก็จะกลัวเลย ปัญญาเกิดแล้วเว้ย ผีจะไม่รอหน้า ผีจะรีบหนีเลย เห็นหน้าปัญญาแล้วผีไม่อยู่ นี่เป็นคำอธิบายที่ไม่มีความรุนแรงเลย ปัญญากำจัดซาตาน กำจัดผี กำจัดมาร กำจัดธาตุชั่วธาตุเลว ธาตุไม่ดีในจิตวิญญาณ ปัญญาจึงสุดยอดพลังงานทางจิต จิตนิยาม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:43:37 )

เมื่อปฏิวัติเสร็จหัวหน้าประชาชนหายหัวจากตำแหน่งหน้าที่

รายละเอียด

ไม่มีหัวหน้าอยู่ที่ไหน ยกตัวอย่างง่ายๆ สุเทพ เทือกสุบรรณ เขาก็เฝดหายไป พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เขาก็เฝดหายไป พลตรีจำลอง ศรีเมือง เขาก็เฝดหายไป เอาทนายนกเขาก็เฝดหายไปหมด พลเอกประยุทธ์จะมารับไม้ต่อ ก็ไม่มีใครมาแข่ง ก็ให้พลเอกประยุทธ์ดำเนินไป และพลเอกประยุทธ์ก็ทำได้ดี ก็ส่งเสริมสนับสนุนกันจริงด้วย อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ปฐมอโศก หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย

วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 16:08:10 )

เมื่อฝึกจิตมีวรรณะ 9 แล้วแม้มี 0 ก็มีชีวิตอยู่ในสังคมสาธารณโภคีได้

รายละเอียด

ในวรรณะ 9 ก็ชี้ชัดไว้หมดเลย เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 6 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

คุณมี 0 นี้ยังชีพอยู่ได้ไหม คุณมีชีวิตอยู่ในสังคมแบบนี้มีชีวิตอยู่ได้ไหม เป็นสังคมที่มหัศจรรย์ที่สุด เป็นเศรษฐศาสตร์ที่มหัศจรรย์ที่สุด เป็นเศรษฐศาสตร์ที่เอามาประพฤติจริงเป็นเศรษฐกิจเอามาทำจริงเลยเป็นเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ก็คือความรู้ทางเศรษฐะ ความประพฤติเอามาทำเรียกว่ากิจ แล้วก็เกิดผลจริง 

มีสาธารณโภคีจริงมีสาราณียธรรม 6 จริง เพราะมีคุณสมบัติของวรรณะ 9 ใจพอแม้ 0 ก็พอ อัปปิจฉะ มักน้อย สันตุฏฐิ พอแล้ว ก็ไม่ต้องเดือดร้อนดิ้นรนไม่ต้องมีอะไร ไม่มี วิปฏิสารอะไร มีแต่อวิปฏิสาร ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย มีทรัพย์เท่าไหร่ 0 รายได้ประจำวันก็เป็น 0 แล้วอยู่ได้อย่างไรอยู่อย่าง ศูนย์สูญ แล้วอยู่ได้หรือ มาดูสิ อยู่อย่างน่าผ่องๆเลย อยู่อย่าง สบม ทมด ปกต หห จจ มชยลล

มันเบิกบานร่าเริงแสดงธรรมโลกุตระที่พูดกันเป็นธรรมะที่เหนือกว่าคนธรรมดาเขาพูดกันเป็นกันได้ เราเป็นกันได้ด้วย พูดกันก็จริงจังเลย เออ!.. ใช่.. มันเป็นที่จบ เป็นจุดสมบูรณ์ เป็นที่จบ Absolute เลย มันสุดยอด 

เพราะฉะนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสรู้และให้คนศึกษาและเอามาปฏิบัติจนบรรลุ ชาวอโศกบรรลุไหม บรรลุ ในชาวอโศกจึงเป็นพวกมหัศจรรย์ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์จากพ่อครูผู้ตามรอยบาทพระศาสดา วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤษภาคม 2565 ( 11:12:21 )

เมื่อพ่อครูเริ่มจะขึ้นระดับ 8 แล้ว

รายละเอียด

อาตมามีแล้วเริ่มมีแล้ว พูดกันว่าอาตมาจะขึ้นระดับ 8 ซึ่งเอาตัวเองเป็นตัวอย่างยืนยันความจริง ให้คนพิสูจน์ ถ้าอาตมาพิสูจน์แล้วมันผิด อาตมาหน้าแหกหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเอง แต่ถ้าอาตมาพิสูจน์ยืนยัน คนจะยอมรับและเข้าใจสัจธรรม สัจธรรมก็จะเดินหน้า อาตมาจึงมั่นใจว่าจะให้สัจธรรมเดินหน้า คิดว่าอาตมาไม่มีทางทำให้หน้าแตก ก็อาตมามีความจริงมีความรู้ ไม่ใช่มีความรู้เฉพาะฉลาดเท่านั้น แต่มีทั้งความรู้ความฉลาดความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 41 คนโง่ซวย รวยเด่น และเป็นกลาง วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2565 ( 14:21:07 )

เมื่อพ้นทุกข์แล้วชีวิตเราจะอยู่ทำไม

รายละเอียด

คนเราก็ไม่มีจิตอะไรที่จะมาบำเรอตัวบำเรอสุขให้แก่ตนแล้ว มันแถมการรู้โลกรู้ อัตตาสารพัด ว่าความรู้เหล่านี้เกิดจากการปรุงแต่ง เมื่อเราพ้นทุกข์แล้วชีวิตเราจะอยู่ทำไม ก็เอาสิ่งที่รู้แล้วมาสอนคนให้รู้ความจริงตามๆๆๆ มันก็เป็นคุณค่า พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าคนเราจะมีคุณค่าตรงนี้ คุณจะไปหาเงินหรือทำอะไรให้คนนั้นคนนี้ไปรับใช้อะไรต่างๆนานาสารพัด มันก็สู้ให้คนรู้จักอาริยสัจ 4 แล้วไปปฏิบัติให้พ้นทุกข์เด็ดขาด แล้วจะเป็นผู้ที่ได้จุดสำคัญที่สุดของชีวิตแล้ว ก็ช่วยโลกเขาได้เลย อันนี้สำเร็จ ปุ๊บนิพพาน มันจะเห็นความปรุงแต่งกันอยู่ ตามบารมีของแต่ละคน แม้รู้ไม่มากนัก ก็จะช่วยคนได้เป็นการช่วยที่บริสุทธิ์ใจที่สุดเต็มใจที่สุด เป็นหลักอาริยสัจทั้งนั้นเพราะเราได้แล้วรู้แล้ว มันก็เป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:10:05 )

เมื่อพ้นสักกายทิฏฐิแล้ว

รายละเอียด

ต้องมีสักกายทิฏฐิที่สัมมาพ้นสังโยชน์ข้อ 1 เมื่อพ้นแล้ว ต้องเรียนศึกษาไปแล้วต้องมาเรียนการศึกษาศีลพรต พ้นอย่างไม่มีอาการลังเลสงสัยสมบูรณ์แบบ คนที่ยังไม่คมชัดจริงๆก็ยังจะไม่สมบูรณ์แบบหรอก ยังมีวิจิกิจฉาอยู่ในสังโยชน์ ยิ่งไปในวิจิกิจฉานุสัย ก็ยิ่งละเอียด 

วิจิกิจฉาฯกับทิฏฐานุสัย ทิฏฐานุสัยหยาบกว่า และวิจิกิจฉาเป็นตัวกลางเลย 

อนุสัยต้น มี กามานุสัย ปฏิฆานุสัย ทิฏฐานุสัย และ ปลายมี มานานุสัย ภวราคานุสัย อวิชชานุสัย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:00:06 )

เมื่อพ้นสังโยชน์ 3 แล้วให้เพิ่มศีลเป็นอธิศีล

รายละเอียด

เมื่อเป็นโสดาปัตติ แล้วจะข้ามเป็นพระอรหันต์ได้อย่างไรครับ คุณก็ทำข้ออื่นตามศีลข้อ 1 2 3 เป็นศีลหรือเป็นอธิศีล ขึ้นไปตามลำดับ หรือศีลตามที่พระพุทธเจ้าไล่ให้ฟังเลย จุลศีล คุณทำแต่ละข้อไปเลย ศีลข้อ 1 2 3 4 5 ในจุลศีล 26 ข้อ คุณไปอ่าน ศึกษาดีๆ ทำไปเรื่อยๆ ตามลำดับ ไม่ใช่ว่า ศีลก็แค่รู้เป็น สีลัพพตุปาทาน เป็นจารีตประเพณีไป แล้วเข้าใจว่า ศีลนี่จะขัดเกลาแค่กายกับวาจา ไม่ไปถึงจิตวิญญาณ นั่นก็มิจฉาทิฏฐิไปแล้ว ศีลนี่เข้าถึงจิตเลย ทำให้จิตมันลดกิเลสๆ จนเข้าไปถึง อวิปฏิสาร แล้วก็จะเกิด ยินดี มีปีติ ปราโมทย์ ละ ลด ตัดกิเลสได้ตามลำดับ ตาม กิมัตถิยสูตร ข้อ 1 กับข้อ 208 ในเล่ม 24 หมวด 10

จะเป็นอรหันต์ก็เมื่อทำแต่ละข้อๆ สูงขึ้นๆ ได้มากขึ้น สังโยชน์ทั้ง 10 ได้เป็นลำดับ จนกระทั่งคุณสามารถทำได้เข้าใจด้านภายนอก เรียกว่ากามภพ ของคุณหลุดพ้นหมดเลย อยู่กับโลกแต่คุณเหนือหมดแล้ว เรียกว่า อุตระ อยู่เหนือมันไม่ต้องไปปฏิบัติอีก เหลือแต่กิเลสภายใน ก็เป็นสังโยชน์เบื้องสูง ซึ่งเป็นอนาคามี จะค่อยๆ ทำเก็บรายละเอียดไปตามลำดับ จนหมดจากอนาคามี หลุดพ้นได้ ล้างกิเลสภายในได้ ก็เป็นอรหันต์ได้ เอาเท่านี้ก่อนก็แล้วกันนะ เป็นอรหันต์ได้อย่างนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ตุลาคม 2565 ( 18:35:37 )

เมื่อมีความเฉลียวฉลาดแบบปัญญามากขึ้นระดับหนึ่งจะเกิดหิริและโอตตัปปะ

รายละเอียด

เมื่อตื่นได้ปฏิบัติได้จึงเกิดปัญญาจึงจะเกิดความเฉลียวฉลาดเป็นปัญญา ไม่ใช่เฉโก อยู่อย่างเก่า พอเริ่มเกิดความเห็นความรู้ความเข้าใจ มีศรัทธามันมีเชื้อของปัญญา มันเป็นธาตุปัญญา เข้าไปร่วมๆๆ ศรัทธาเพิ่มเรื่อยๆจนกระทั่งมีความเฉลียวฉลาดแบบปัญญามากขึ้นระดับหนึ่ง สะดุดเลย ไอ้หยา แต่ก่อนเราไปยึดโง่ๆ รู้ตัว หิริเกิด ละอาย เสร็จแล้วก็ไปยืนยัน ยืนหยัดยืนยันที่ตัวเองหลงก็ยังไม่พอ ผู้รู้หรือสัตบุรุษหรือพระพุทธเจ้ามาบอกอย่างนี้ ว่าอย่างนั้นมันไม่ใช่ ก็เถียงก็แย้ง ด่าอีก ได้ทำอย่างนั้นมา จึงละอาย หิริ แล้วยิ่งมีความสำนึกมากขึ้นก็เป็นโอตตัปปะ เพราะเคยได้เข้าใจผิดจริงๆ รู้ตัวว่าเข้าใจผิด แล้วไม่พอ เอารูปธรรมง่ายๆ 

ผู้รู้ของศาสนาพุทธมาท้วงอาตมา ทั้งๆที่ อาตมาเป็นตัวถูก เป็นตัวที่จะเอาโลกุตระเข้ามาสถาปนาลงในศาสนาพุทธคืน เขาเอาของพระพุทธเจ้าไปปู้ยี่ปู้ยำเสียหมด  ผู้ที่อวิชชาถูกครอบงำด้วยมิจฉาทิฏฐิไปยึดเอาผิดนั่นแหละที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ พออาตมาประกาศสัจธรรมมันตรงกันข้ามกับที่พวกเขายึด เขาก็ซัดอาตมาเลย นี่แหละ มีตัวจริงเป็นตัวเป็นตนอยู่ทุกวันนี้ไม่รู้จักสำนึกสำเหนียกหรือรู้ตัวเองหรือยัง ถ้ารู้ตัวเองก็จะมีหิริ แล้วจะโอตตัปปะ จะละอาย แก้กลับ เปลี่ยนแปลงไปจนเป็นพหูสูตคือผู้รู้ที่รู้ความจริงมากพอ ได้สัจจะที่มากพอ พยัญชนะว่า พาหุสัจจะ เมื่อรู้แล้วทีนี้ก็มีวิริยะสติปัญญาก็พากเพียรทำสิ่งนี้ต่อ นี่คือ สัทธรรม 7 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 14:33:09 )

เมื่อมีนาม 5 ได้แล้วผัสสะมีมนสิการเป็นก็มาศึกษาที่รูป 28

รายละเอียด

มาเข้าที่รูป 28 รูป 4 ดินน้ำไฟลม เป็นเหตุปัจจัยที่เป็นวัตถุ ยกไว้ 

ปฏิบัติแบบพุทธต้องลืมตาปฏิบัติให้เกิดฌาน ต้องมีการลืมตา ไปนั่งหลับตาไม่เกิด ฌาน ไปหลับตาไม่มีการรับรู้อะไร แต่ฌานของพุทธ ต้องลืมตาปฏิบัติมีเหตุปัจจัยครบพร้อมจึงมีความสว่างมีความรู้มากเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น ฌานวิสัย จึงเป็น อจินไตย ฌานทั้งรู้และเผาไปในตัว และรู้ด้วยปัญญา ปัญญาคือไฟฌาน ไฟเผากิเลส

มาเข้า อุปาทายรูป 24 

ก. ปสาทรูป 5

ข. โคจรรูป, วิสัยรูป 4

 ค. ภาวรูป 2 สภาพที่เกิดจากการกระทบสัมผัสระหว่าง ปสาทรูป กับ โคจรรูป 

เกิดเป็นภาวะ 2 อย่างคือกระแสกับแรงเคลื่อนหรือ static กับ Dynamic ภาวะ 2 นี่แหละครอบโลกเลยยิ่งใหญ่ที่สุดในคำว่า เทวะ คือ ภาวะ สอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 13:33:57 )

เมื่อมีวิปลาส 3 จึงไปกำหนดผิดหมดเป็นวิปลาส 4

รายละเอียด

ที่คุณไปปรุงแต่งเป็นรสความชอบความชัง มันไม่จริงเท่าหรอก แล้วมันก็ไม่จริง แล้วคุณจะไปยึดความไม่เป็นจริงจะให้จิตเราเป็นไปตามความไม่จริง เป็นอารมณ์ที่ชอบและสั่งสมอารมณ์เป็นสุขเป็นทุกข์ คุณก็เป็นคนที่วิปลาส จิตคุณก็วิปลาสเพราะจิตคุณวิปลาส สัญญาคุณก็วิปลาส เพราะทิฏฐิคุณวิปลาส คุณก็เลยตั้งมั่นอยู่กับความวิปลาส สัญญาก็เลยวิปลาส เป็นวิปลาส 3 (สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฏฐิวิปลาส) เมื่อมีวิปลาส 3 ก็ไปกำหนดผิดหมด

วิปลาส 4 (ด้วยยึดเอาวัตถุเป็นที่ตั้ง) คือ 

1. กำหนดความไม่เที่ยงเป็นความเที่ยง 

2. กำหนดความทุกข์เป็นความสุข 

3. กำหนดความไม่มีตัวตนว่ามีตัวตน 

4. กำหนดสิ่งที่ไม่น่าได้น่ามีน่าเป็น เป็นสิ่งที่ น่าได้น่ามีน่าเป็น อสุภะเป็นสุภะ 

ชีวิตก็เลยมีแต่วิปลาส 4 กลับกันเลย มันไม่ตรงกับความเป็นจริง คนละขั้ว อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 12:21:55 )

เมื่อมีศรัทธาสูงจึงมีปัญญาเข้าใจสัตบุรุษ

รายละเอียด

เสร็จแล้วเมื่อมีศรัทธาสูง เมื่อมีศรัทธาสูง แล้วก็มีปัญญา จะมีความเฉลียวฉลาดทางโลกุตระ เข้าใจสัตบุรุษ เข้าใจคนที่เป็นผู้ที่เป็นทายาทของศาสนาพุทธ สัตบุรุษหรือผู้ที่อยู่ในฐานะครู ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในปัญญา 8 ข้อแรกเลย อันนี้อาตมากำลังเขียนหนังสือเป็นเล่มสำคัญ เรื่องปัญญาไม่ใช่เป็นเรื่องเฉโกที่เป็นความฉลาดอย่างโลกีย์ แต่ทุกวันนี้เอาคำว่าปัญญาไปใช้เละเทะเสียหมด เหมือนคำว่า “บุญ” คำว่า “ฌาน” คำว่า “สมาธิ” 

คำว่า “บุญ” คำว่า “ปัญญา” มันเป็นของพระพุทธเจ้าเป็นของศาสนาพุทธ แต่คำว่า “ฌาณ” คำว่า “สมาธิ” เป็นของกลางทั่วไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 21:50:34 )

เมื่อยังปวด ยังบรรเทาไม่หาย ก็ต้องทำใจให้มัน..

รายละเอียด

ไม่ต้องไป ...มันก็อยู่กับเราไป ไอ มันอยากหายมันก็หาย ไม่อยากหาย ก็ไม่หาย ถ้าหายเอ็งก็ได้ตายก่อน เอ็งก็หายก่อน ถ้าเอ็งไม่หายอยู่ไปด้วยกันนะ จะอยู่นานๆอ่ะ คนที่ทำใจกับมะเร็งได้ เขาก็คิดอย่างนี้ คนอยู่ได้เป็น 10 ปี 20 ปี มะเร็ง ก็มีเยอะแยะไป

ที่มา ที่ไป

การสนทนาธรรมกับพ่อครู สมาธิพุทธเร็วจี๋และนิ่งสนิท บ้านราช  วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:18:12 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:28:37 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:43:03 )

เมื่อยึดเทฺวเป็น 1 ปักมั่นตายตัว ก็ผิดแล้ว! เทฺว 2 ต่างหาก จึงจะเข้าถึงแก่นแท้ของชีวิต!

รายละเอียด

เมื่อยึด“เทฺว”เป็น 1 จึงไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงภาวะที่เป็น“เทฺว”อันประกอบด้วย“สมมุติสัจจะ-ปรมัตถสัจจะ” ซึ่งปรุงแต่งกันเป็น“สังขารโลก-สังขารธรรม” แม้“กายสังขาร-จิตสังขาร” และความเป็น“เทฺว”อันเป็น“ภาวะ 2”อื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ศาสนาพุทธมีทฤษฎีที่สามารถศึกษาปฏิบัติอย่างเปิดเผยความเป็น“อัตตาหรือ“อาตมัน” หรือ“เทฺว” ซึ่งมี“สมมุติสัจจะ-ปรมัตถสัจจะ” แม้ที่สุดถึงขั้น“ปรมาตมัน”หรือ“ความรู้ยิ่งของศาสดา”ที่เป็น“จิตวิญญาณ”จริง อันเป็น“จิตนิยาม” อย่างถึงที่สุด สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ความจริง”ถึง“ธาตุแท้”ของ “จิต”ของ“วิญญาณ”ว่า แท้ๆ แล้วก็เป็น“อนัตตา” แต่เมื่อถูกครอบงำด้วย“อุปาทาน” คนที่ยังมี“อุปาทาน”จึงเป็น“นักมายากล”หรือเป็น“ผี-ซาตาน”ที่หลอกมวลมนุษย์อยู่อย่างเก่งกาจสามารถยิ่ง 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 201 หน้า 169


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 20:06:26 )

เมื่อรู้โลกอย่างแจ่มแจ้งแล้วทรงสอน

รายละเอียด

แล้วทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม พระองค์ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ก็การได้เห็นพระอรหันต์ทั้งหลาย เห็นปานนั้น ย่อมเป็นการดีแล.

พ่ออัมพัฏฐะ พ่อจงเข้าไปเฝ้าพระสมณโคดมถึงที่ประทับ แล้วจงรู้ว่าเกียรติศัพท์ของท่านพระโคดมพระองค์นั้นที่ขจรไป จริงตามนั้นหรือไม่ ท่านพระโคดมพระองค์นั้น ทรงคุณเช่นนั้นจริงหรือไม่ เราทั้งหลายจะได้รู้จักท่านพระโคดมพระองค์นั้นไว้ โดยประการนั้น.

อัมพัฏฐมาณพถามว่า ท่าน ก็ไฉนเล่า ข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่าเกียรติศัพท์ของท่านพระโคดมพระองค์นั้นที่ขจรไป จริงอย่างนั้นหรือไม่ ท่านพระโคดมพระองค์นั้นทรงคุณเช่นนั้นจริงหรือไม่?

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:17:53 )

เมื่อรู้ที่ตั้งของรูปแล้วเรียนรู้ความมีชีวิตกำหนดความเกิดดับมันเป็นที่สุดได้

รายละเอียด

หทย รู้อาการแล้ว ก็รู้ความมีชีวิต เราก็แยกมารู้ ชีวิตินทรีย์ อินทรีย์ของชีวิต 

ง. หทยรูป1 = 12.หทัยรูป ที่ตั้งการเกิดอาการของรูป   

จ. ชีวิตรูป1 = 13.ชีวิตินทรีย์ รู้ความมีชีวิตอยู่ของกิเลส พลังงานของอินทรีย์มีความแรงความเบา แยกละเอียดแล้วแต่ขนาดไหนเช่น 1 2 3 4 5 6 7 8 9 มีอินทรีย์ขนาดไหน 

อินทรีย์ของชีวะ ในชีวะนี้แยกตัวที่เรียกว่า กิเลสในชีวิตินทรีย์ให้ได้ เมื่อแยก ชีวิตินทรีย์ พลังงานของกิเลสมันมีชีวะ จะต้องทำชีวะของกิเลสให้มันดับให้ได้ ถ้ากิเลสมันได้อาหาร มันมีต่อไหม ต้องศึกษาอาหาร ที่กิเลสมันอาศัยมันใช้ อาหารเครื่องอาศัยอันนี้ อย่าให้อาหารแก่มัน กามเป็นอาหาร ราคะหรือกามเป็นอาหาร ผัสสะแล้วเกิดรสชาติทางภายนอกที่สัมผัสเรียกว่า กามคุณ 5 เป็น สวรรค์หอฮ่อ สวรรค์ชื่นใจอย่างหยาบกว่าเพื่อน กระทบทางรูป รสกลิ่นเสียงสัมผัส เป็นรสเป็นชาติ  ที่คุณกระทบแล้วจะต้องรู้รสชาติแล้วคุณก็ชื่นใจ เสวยสุขอร่อยเป็นอัสสาทะทั้งนั้น ตั้งแต่หยาบ และบรรเทาลงมาเหลือกลาง จนกระทั่งเล็กเป็น อรูป จนกระทั่งบางเบาจนไม่มี คุณก็ต้องรู้ถึงอาหารนั้นๆ อาหารรูปในอาหารรูป รูปต่อไป

ฉ. อาหารรูป1 = 14.กวฬิงการาหารจนถึงวิญญาณาหาร 

ในอาหารรูปแบ่งเป็นส่วนๆได้ คือปริเฉทรูป 

ช. ปริเฉทรูป1 = 15.อากาสธาตุ=รูปที่กำหนดจะให้ว่าง 

ซ. วิญญัติรูป 2 = 16.กายวิญญัติ  17.วจีวิญญัติ ไหวให้รู้ 

ฌ. วิการรูป 3 = 18.ลหุตา  19.มุทุตา  20.กัมมัญญา 

ลหุ คือ สภาพเบา มุทุ คือ แววไว มุทุภูตธาตุ ใน อุเบกขา 5 ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ใน ลหุตา มุทุตา กัมมัญญา ทำงานแล้วออกมาเป็นกายวิญญัติ วจีวิญญัติ ตัวเนื้อของสภาวะก็คือ 3 อันนี้ เมื่อสามารถรู้สภาวะ 3 อย่าง ลหุที่สุด เบาที่สุด คุณจะสามารถกำหนดความเบาให้ได้ ให้มันเกิดเบาที่สุด เหมาะสมกับ กาละเทศะฐานะที่คุณกำลังทำงาน

อาตมากำหนดความเบาในการพูด ทุกวันนี้ต้องใช้แรงขนาดนี้ในการพูดก็ยังยาก เพราะคนมันดื้อมันด้าน มันหนา มันแข็ง อาตมาอยากจะใช้ความเบากว่านี้แต่มันไม่เกิดประโยชน์ ใช้เบา มันไม่เกิดประโยชน์ เอามีดโกนยิลเลตต์ไปฟันก้อนหิน ไม่มีทาง ต้องใช้ของหนักๆ แรงๆ จึงจะเจาะหินเข้า มันต้องสมสัดสมส่วน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้วมันไม่ได้ สรุปแล้วเมื่อผ่าน 18.ลหุตา  19.มุทุตา  20.กัมมัญญา จบวิการรูป เรียบร้อย รวมกายวิญญัติ วจีวิญญัติ เสร็จ ก็จบ เหลือ ลักขณรูป 4 

ญ. ลักขณรูป 4 = 21.อุปจยะ ความเกิดอยู่เจริญขึ้นไป  

22. สันตติ ความเชื่อมต่อสืบเนื่อง 

23. ชรตา เคลื่อนไปสู่ความเสื่อม 

24. อนิจจตา เคลื่อนไปเสื่อมหรือเจริญ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 13:54:51 )

เมื่อลด 2 ให้เหลือ 1 แล้วทำไมใช้ 1 ได้

รายละเอียด

1 ที่ใช้ได้เก่งก็เพราะว่า ข้อ 1 เป็นอิสระสมบูรณ์เต็มที่ไม่มีใครเป็นเจ้านายหนึ่งนี้ได้อีกแล้ว เพื่อคนทุกๆคน 

นอกจากจะเป็น 1 เดียวอิสรเสรีภาพแล้ว 1 นี้มี 0 ด้วยไม่มีตัวตน แต่โดยสมมติต้องมี 2 คนที่เกิดมามีชีวะ ต้องมีวิญญาณด้วยและร่างกายอาศัยกันอยู่เป็นคู่ ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป แยกจิตวิญญาณ แยกธาตุรู้หมดสิ้นเลย 0 เป็นดินน้ำไฟลมไปเลย นี่เป็นตัวที่พิสูจน์ความจริงว่า จิตวิญญาณนั้นไม่ได้อนันตัง จิตวิญญาณไม่ได้อยู่นิรันดร จิตวิญญาณนั้นคือตัวประกอบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:35:56 )

เมื่อว่างจากปริเฉทรูป เรากำหนดการมีหรือไม่มีเป็นอนุปคัมมะก็ได้

รายละเอียด

คุณรู้ความจริงตามความเป็นจริง แล้วก็แตะสัมผัสแล้วก็จบ แล้วก็วาง อย่าไปยึดถือเป็นเราเป็นของเราแล้วก็เกิดความชอบความชังเข้าไปอีก ตายๆๆ อีกกี่ชาติ 

เพราะฉะนั้นถ้าปริเฉทรูป คุณรู้แล้วก็ทำให้เป็นอากาศธาตุ ให้ว่าง รู้ความจริงไม่ใช่ตาบอดหูหนวก รู้ว่า เค็มเปรี้ยวหวานมันมี เห็นรูปมันมี เสียงก็มี แต่เราเป็น อนุปคัมมะ มันมี ไม่มี แม้ที่สุด ไม่มีเราก็ไม่ยึดไม่ติดทั้ง 2 ข้าง แต่ในโลกนี้มันมีกับไม่มี แต่เราทำให้มีได้แล้วเราก็ไม่ติด 

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในธรรมะข้อที่มีและไม่มี ก็ทำได้ทั้ง 2 อย่าง สุดท้ายเราก็ทำให้ไม่มี แล้วก็ต้องมี 

วิญญัติรูป วิการรูป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติ รูป 28 ในสติปัฏฐาน 4 วันพุธที่ 21 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ตุลาคม 2565 ( 19:07:51 )

เมื่อศักดินากับนายทุนต่อสู้กัน เราควรอยู่ฝ่ายไหนดี

รายละเอียด

พวกเราอยู่ฝ่ายปัญญา อยู่ฝ่ายกลางๆ อยู่ฝ่ายรู้ความจริงว่าใครยึดถืออะไรเขาก็เป็นอย่างนั้น  เขายึดถือทุนก็เป็นนายทุน ยึดศักดินาก็เป็นผู้ใหญ่ในศักดินา ยึดอย่างนักวิชาการเขาก็เป็นใหญ่ในนักวิชาการ เดี๋ยวนี้นักวิชาการพยายามชี้นำ พยายามแสดงตัวเองว่าเป็นผู้รู้นักวิชาการ พยายามจริงๆเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำ เดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 18:20:05 )

เมื่อศีลทำให้กิเลสหมด

รายละเอียด

กิเลสหมดแล้วก็สั่งสมเป็น อเนญชาๆ คุณมีพลังงาน ทำพลังงานบุญ​ เป็นอาวุธสลายกิเลสได้ กิเลสก็หมด หมดแล้วคุณจะสร้างอาวุธอีก ก็ต้องทำ อาเสวนาภาวนา พหุลีกัมมัง ก็ได้จิตใจที่สะอาดเป็น ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ตั้งมั่นสั่งสม

มีพลังงานที่เป็นเหมือนลูกข่างนอนวันมีทั้ง static และ dynamic เหมือนหวังเฉาหม่าฮั่นเป็นพลังงาน 2 ที่ช่วยกัน เป็นผู้สร้างพระผู้สร้างต้องมี 2 เป็นเทว มีพลังงานมี activity ต่างๆ ไม่ใช่อยู่เฉยๆ จิตจะเป็นสมาธิต้องมีฌานเผากิเลสให้จิตสะอาด สั่งสมจิตสะอาดตกผลึก ฌาน ต้องเกิดก่อนสมาธิ สมาธิจะเรียกว่าจิตตั้งมั่น มันผ่านบุญมาแล้ว บุญไม่มีแล้วจึงเกิดสมาธิ บุญทำงานเสร็จไปแล้วสั่งสมจิตที่ตกผลึกเป็นสมาธิ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 21:47:15 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:30:06 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:43:39 )

เมื่อสติสัมปชัญญะไม่บริบูรณ์จึงได้อโยนิโสมนสิการเป็นอาหาร

รายละเอียด

เมื่อสติสัมปชัญญะของคุณไม่บริบูรณ์ มีแต่สติที่มิจฉาทิฏฐิเป็นอาหาร คุณก็ได้อโยนิโสมนสิการเป็นอาหาร คุณก็ได้อาศัยการทำใจในใจแบบที่อโยนิโสฯ ไม่ลงไปถึงที่เกิดเหตุ ไม่ถ่องแท้ ไม่แยบคาย ไม่ถูกต้อง พวกที่หลับตาปฏิบัติก็จะได้แบบนี้เป็นอาหารตลอด 

อโยนิโสมนสิการ คุณไม่มีความศรัทธาไม่มีความเชื่อถือไม่ได้มีความเห็นความเข้าใจถูกต้องเป็นอาหาร คุณไม่ได้พบสัตบุรุษ คุณไปเจออสัตบุรุษ คุณจึงได้ฟัง อสัทธรรม จึงศรัทธาในสิ่งที่ได้จากอสัตบุรุษเป็นอสัทธรรม คุณก็ได้อโยนิโสมนสิการไปด้วย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 19:47:27 )

เมื่อสมณะโพธิรักษ์บวชแล้วใหม่ๆ

รายละเอียด

บวชแล้วใหม่ๆ อาตมาก็ยังไม่ได้ชัดเจนเรื่องบุญ ที่มันเป็นสุดยอดแห่งคุณสมบัติของศาสนาพุทธนะ ก็ไม่ได้เก่งไม่ได้รู้ทันที พอมาบวชแล้วพอรู้ตัวนิดหน่อยแล้วก็ยัง อีกนานกว่าจะค่อยๆลึกซึ้งค่อยๆซึมซับ ค่อยๆดึงเอาความรู้เก่า ที่อาตมาพูดว่าความรู้เก่าเพราะ ชาตินี้เกิดมาไม่มีอาจารย์และไม่มีใครอธิบายบุญไว้เลย อย่างนี้ ไม่มี 

แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้ขยายความ นอกจากคำของพระไตรปิฎก เช่น ปุญญาภิสังขาร หรือ ปุญญปาปปริกขีโณ หรือว่าอะไรต่างๆพวกนี้เป็นต้น อาตมาก็เข้าใจโดยพยัญชนะบัญญัติบาลีพวกนี้ว่า อ๋อ.. เข้าใจโดยสภาวธรรม อาตมามีสภาวธรรมเดิม เป็นสยังอภิญญารู้อันนี้แล้ว จึงนำมาเปลี่ยนแปลงความเข้าใจผิดของชาวพุทธ เรื่องบุญ เท่าที่มันค่อยๆเข้าใจและก็ลึกซึ้งขึ้นๆ มาจนถึงทุกวันนี้ ตามที่พวกคุณตามฟังมา อาตมาไม่รู้ระยะเวลา อาตมาไม่ได้กำหนดระยะเวลา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:00:46 )

เมื่อสิ้นอาสวะจึง“หมดบุญ” ทั้งๆ ที่ยังไม่ตาย!

รายละเอียด

และเมื่อตนได้กำจัดกิเลสในจิตของตนหมดสิ้นอาสวะสนิทเด็ดขาดแล้ว ผู้นั้นก็ไม่ต้องทำ“บุญ”กันอีกแล้ว จึงเป็นผู้“หมดบุญ”แล้วตั้งแต่ท่านยังไม่ตายไม่ใช่ไปหลงเข้าใจอยู่แค่ว่า ผู้“หมดบุญ”นั้นคือ “คนที่สิ้นลมหายใจ”ตายทางร่างกายไป เพราะคนที่ยัง“ไม่สิ้นอาสวะ”นั้น แม้จะตายทางร่างกายสิ้นลมไปอีกกี่ชาติก็ยังจะต้อง“ทำบุญ”ให้เป็น ทำให้“สัมมาทิฏฐิ”จริงๆ อยู่นั่นแหละ “หมดบุญ”ไม่ได้หรอก

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 224 หน้า 185


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 13:16:42 )

เมื่อหมดสิ้นตัวตน เจตนาย่อมเป็นไปเพื่อคนอื่น เพื่อประโยชน์สังคม เพื่อประโยชน์ส่วนรวม!

รายละเอียด

เนื่องจากตนเองเป็นผู้“หมดสิ้นตัวตน”แล้ว ตนจึงเต็มไปด้วย “เจตนา”สร้างอะไรๆ ก็เพื่อผู้อื่นไปตลอดทุกกรรม โดยการสร้าง“กำไร-รายได้-ประโยชน์”ให้เป็นของ“ผู้อื่น”คือ “พหุชนหิตายะ-พหุชนสุขายะ-โลกานุกัมปายะ”นี้แล อยู่ในสังคมในโลกซึ่ง“ทุกกรรม-ทุกงาน”ของคนผู้นี้จะ“ไม่เพื่อตัวเอง”เลย สำหรับ“ตนเอง”นั้นไม่ตั้งใจขวนขวายที่จะได้ลาภยศสรรเสริญสุขเพื่อตนเองแท้จริงที่สุด ซึ่งการยังชีพก็อาศัยเพียง“เป็นผลพลอยได้”เท่านั้น ชีวิตของตนให้“ผู้อื่นเลี้ยงไว้(ปรปฏิพัทธา เม ชีวิกา)” กินอยู่ให้ชีวิตตั้งอยู่ได้ ทำงานไป ตั้งใจมุ่งมั่น ทำงานให้แก่โลกแก่สังคมไป “เทฺวนิยม”จะมี“ความเข้าใจ”ในความเป็น“โลกุตรธรรม”ไม่ได้ง่ายๆ เลย ยิ่งจะมี“ปัญญา”ในโลกุตรธรรมได้อย่างสัมบูรณ์ก็ยิ่งสุดยาก

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 526 หน้า 390


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2564 ( 16:56:09 )

เมื่ออนาคตมาถึงปัจจุบันควรจัดการอย่างไร

รายละเอียด

อนาคต เดินทางมาถึงปัจจุบันเราก็จัดการ จัดการให้เป็นไปตามที่เราต้องการ เราต้องการเพราะเรามี  วสวัตตี ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจจริง อะไรเดินทางมาจากอนาคต ถ้าอนาคตยังไม่ 0 เดินทางมาถึงเราเราก็จัดการให้เป็น 0 เมื่อปัจจุบันนี้เป็น 0 จนยั่งยืนเที่ยงแท้สะสมลงไปเป็นอดีตมีแต่ 0 สะสม เพราะอนาคตถึงปัจจุบันมีพลังงานของ วสวัตตี ทำให้เกิด 0 ได้ทุกตัว แล้วก็สั่งสมเป็นฐานตกผลึก เป็นที่ตั้งของสมาหิโต เป็นที่ตั้งของตัวเราเอง ของตัวใครตัวมัน ก็มีอดีตที่เป็น 0 มากขึ้นในอนาคตมาอีกเท่าไหร่ก็ทำให้เป็น 0 จากปัจจุบันและอดีตจัดการให้เป็น 0 ได้หมดเลย มีฤทธิ์มีอำนาจเด็ดขาดถึงขนาดนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 15:10:06 )

เมื่ออยู่เหนือเมื่อหลุดพ้น ชีวิตย่อมมีแต่ให้ๆๆๆๆ--!

รายละเอียด

ดีที่สุดก็คือ เราจะเป็นอยู่ชนิดที่มีการ“อยู่เหนือ(อุตตระ)”ที่มีปัญญา“อยู่เหนือ” คือ สัมผัสกันแล้ว สัมพันธ์กันด้วยดี โดยเราจะเป็นผู้มีประโยชน์ต่อเขาเสมอ เราเสียสละได้ตลอด เราต้องเป็นผู้พึ่งตนเองได้ด้วยสมรรถนะและความขยันของเราทำงานมีผลผลิต-มีแรงงานอยู่ และมีส่วนเกินที่จะสละให้เขาได้เสมอเราก็เป็น“ผู้สร้าง” เป็นผู้ประทาน หรือเป็น“ผู้ให้”แท้ๆ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 96 หน้า 102


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 19:37:57 )

เมื่ออยู่แบบโพธิสัตว์ 4 ระดับแล้ว คุณจะมีข้อ 5 มีอายุก็ได้

รายละเอียด

1.ไม่มีตัวตน 2. รับใช้ประชาชน 3. ซื่อสัตย์ 4. มีสมรรถนะ 5. มีอายุ ก็ได้ คุณจะอยู่ก็อยู่ไปสิ เพราะฉะนั้นจะบอกว่าคุณมีเศรษฐกิจแบบนี้ 5 อย่าง 4 อย่างนี้ คุณจะมีรัฐศาสตร์หรือมีการเมือง 5 อย่าง 4 อย่างนี้ คุณจะมีเศรษฐศาสตร์ 4 อย่างนี้แหละ จบเลย 

เศรษฐศาสตร์ก็ตาม การเมืองก็ตาม สังคมก็ตาม ไม่มีตัวตน ตัวเดียวนี้ก็จบแล้ว นอกจากไม่มีตัวตนแล้วก็รับใช้ประชาชนหรือมีสมรรถนะ แล้วมีความซื่อสัตย์แถมอีก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กันยายน 2565 ( 15:03:08 )

เมื่อเกิดปัญญาโลกุตระ จะเข้าใจเทวนิยม

รายละเอียด

เทวนิยม เช่น เชื่อสิ่งที่มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่เป็นเหตุเป็นผล มีแต่ความลึกลับ แต่มันก็ยังได้บ้าง มันก็เลยทำให้ไม่อยากทิ้ง ลบ เทวนิยมจากกายเรา ได้อย่างไร? อาตมาไม่รู้จะตอบไปอย่างไรดี ก็ปฏิบัติไปแล้วคุณจะเกิดปัญญาโลกุตระ จะเข้าใจเองว่าเทวนิยมก็มีของมัน มันเป็นที่เราเคยเป็นมันก็ยังมีอยู่นะ แต่เราไม่ต้องไปยึดมั่นถือมั่นมัน เพราะว่ามันอธิบายไม่ได้ เทวนิยมอธิบายไม่ได้ จะมีความรู้เหตุผลอย่างชัดเจนเหมือนกับศาสนาพุทธไม่ได้ พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าไม่เที่ยงแท้หรอกอย่างนั้นน่ะ ถ้าเหตุและผลมันชัดเจนเที่ยงแท้และทำได้เลย แต่ยังโน้นจะทำก็ทำไม่ได้เพราะไม่รู้เหตุ แต่มันมาถึงเราได้ก็ดีเท่านั้นเอง ก็เลยเป็นเรื่องลึกลับ เพราะฉะนั้นมันได้มา ก็อาศัยมันไปบ้าง แต่ไม่ต้องไปชอบใจ ไม่ต้องไปยึดติดมาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 17:14:12 )

เมื่อเกิดสัมผัสปฎิบัติอย่างไร

รายละเอียด

เมื่อเกิดสัมผัส มีอิตถีภาวะก็จัดการให้เป็นปุริสภาวะเก่งสุดจบที่นปุงสกลิงค์ ภาคปฏิบัติก็ทำ 2 ให้เป็น 1 ปุงลิงค์ไปได้เรื่อยๆ หากปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นลำดับ มันจะเป็นอัตโนมัติไปเลย มีสังวรปธาน ปหานปธาน ภาวนาปธาน อนุรักขนาปธาน ทำได้ครบ กิเลสหมดแล้ว ก็เป็น อปุญญาภิสังขาร เป็นอเสขบุคคล ไม่ต้องทำบุญอีกแล้ว มีแต่สั่งสมอาเนญชาภิสังขารให้แข็งแรง มีอุเบกขาที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ได้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครู เทศน์ ทวช.อโศกรำลึก ครั้งที่ 37 นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ วันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่สันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน นาม 5 รูป 28 ให้ถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:44:44 )

เมื่อเกิดอาการในจิตต้องรู้ของตัวเองให้ได้

รายละเอียด

ในคุหัฏฐกสูตร บอกไว้ว่า 1. นรชนเมื่อตั้งอยู่ (ติฏฐัง)ได้แก่ นรชนเป็นผู้กำหนัด (รัตโต) ย่อมตั้งอยู่ด้วยพลังอำนาจความกำหนัด (ราควเสนะ ติฏฺฐติ)  

คุณมีอาการนี้อันนี้ คือมีอาการจริงคุณต้องอ่านอาการของคุณว่ามี มันมีอาการนั้นแต่คุณปฏิเสธ คุณก็ไม่รับหรือคุณไม่รู้ จับไม่ออก จับไม่ติดอ่านไม่ออก ทั้งๆที่มันมีก็อ่านไม่ออกก็แล้วไป คนนี้ก็ต้องปล่อยให้เขาโง่ต่อไปก่อน เพราะว่าเขามีเขาก็ยังอ่านของเขาไม่ออก บังคับไม่ได้ ช่วยกันก็ไม่ได้ด้วย ใครจะช่วยใครให้ไปรู้ของคนนั้นคนนี้อาการพวกนี้ มันไม่ได้ มันต้องรู้ของตัวเองให้ได้ เกิดอาการแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3  วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 07:50:57 )

เมื่อเข้าถึงฌาน

รายละเอียด

เมื่อเข้าถึงฌาน คำว่าฌานของพระพุทธเจ้าคือ ไฟ คือ พลังงานจิต ที่ปรุงอยู่ในปัจจุบันเท่านั้นนะ เกิดอยู่ในปัจจุบัน คุณนั่งหลับตาทำฌาน คุณก็ได้ความว่าง ฌานของคุณติดเกาะ แต่ฌานพระพุทธเจ้าไม่ได้ติดเกาะ ฌาน จะรู้เร็วรู้ไวชัดเจนทำได้โดยไม่ยากไม่ลำบากในฌานทั้ง 4 ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาสะกดจิตอะไร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช 2/ 08/ 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 13:25:44 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:30:46 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:44:01 )

เมื่อเข้าใจกายแล้ว จะเนื่องไปถึงเวทนา มีสัมผัส

รายละเอียด

เมื่อเข้าใจกายแล้ว จะเนื่องไปถึงเวทนา มีสัมผัส ตาสัมผัสรูป หูสัมผัสเสียง จมูกสัมผัสกลิ่น ลิ้นสัมผัสรส ภายนอก โผฏฐัพพะ สัมผัสภายนอกเย็นร้อนอ่อนแข็ง ก็จะมีการรับรู้ มีอะไรขึ้นมา เป็นตัวรู้ได้รู้ขึ้นมา เป็นของจริง ถ้าไม่มีผัสสะมันไม่มีของจริง คุณนั่งหลับตาแล้วไม่มีผัสสะ แล้วคุณก็มีความคิดไป มันไม่เป็นความจริง มันเป็นสัมภเวสี มันเป็นจิตฝันเพ้ออยู่ในภพชาติของตนเอง อยู่ในภวังค์ของตนเอง ความจริงมันต้องมี 2 ความจริงมันต้องมีภาวะนอกภาวะใน คำว่ากายเป็นความจริง ต้องมีปัจจุบันธรรมต้องมีภายนอกภายใน ปัจจุบันคือขณะนี้ หลัดๆ มีแสงสว่างครบพร้อม เป็นทิฏฐธรรม 

ถ้าไม่ใช่อันนี้เป็นของเพ้อฝันในจิตของเราเองอยู่ในภพของเราเองคนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับใครเลย มันเป็นความไม่จริง มันจะฝันอะไรก็ได้ นิรมาณกายฝันเฟื่องอะไรเลอะเทอะก็ได้ทั้งนั้น ใครจะเป็นคนตัดสินให้คุณ คุณก็ต้องมาหาผู้ที่รู้จริงมาตัดสินมาช่วยบอกได้ว่าถูกหรือไม่ถูก ควรหรือไม่ควร ก็ต้องมี ถ้าคุณเป็นผู้รู้แล้ว มันก็ต้องเป็นอันเดียวกับของพระพุทธเจ้า ตรงกัน และตรงกับสัตบุรุษ ตรงกับอาตมา แต่ที่ไม่ตรงแสดงว่า คุณออกนอกไปแล้ว ไม่ตรงกับอาตมา แล้วไม่รับฟังหาว่าอาตมาผิดคุณถูก ก็ยิ่งไปใหญ่เลย ก็คนถูกมายืนยันอยู่แท้ๆ คุณก็บอกว่าคุณนั่นแหละถูก แล้วคุณก็ไม่รับคนถูก จะพูดอย่างไรหนอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติ รูป 28 ในสติปัฏฐาน 4 วันพุธที่ 21 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 ตุลาคม 2565 ( 15:48:12 )

เมื่อเถรสมาคมโมฆะจากศาสนาพุทธ

รายละเอียด

พวกนี้ก็น่าสงสารมากเลย เพราะว่าไม่รู้จะช่วยเขาได้อย่างไร เพราะเขาไปยึดมั่นถือมั่นอย่างโน้นตามครูบาอาจารย์ของเขาไป แล้วเขาก็ไม่เชื่อถือโพธิรักษ์ด้วย โพธิรักษ์มาพูดอะไรพวกนี้ก็บอกว่านอกรีตนอกเรื่องนอกราว เถรสมาคม อัปเปหิออกมาแล้ว คนก็เชื่อเถรสมาคม ทั้งๆที่เถรสมาคมนั่นแหละคือโมฆะจากศาสนาพุทธ ..เขาก็ต้องเข้าใจอย่างนั้นจริงๆ อาตมานี้พูดความจริงเท่านั้นไม่ใช่ไปดูถูกดูแคลนอะไรเขาหรอก 

แต่เขาก็เป็นจริงอย่างนั้นเขาจะเข้าใจเขาจะสำนึกศึกษาดูให้ดีๆก็แล้วแต่คนมีปฏิภาณไหวพริบ ถ้ารู้ว่าที่อาตมาพูดนี้ถูกต้อง เขาเองที่งมงายอยู่กับความผิดเขาก็แก้ไขเขาก็เจริญ แต่ถ้าเขาฟังแล้วเขาก็ยังยึดถืออย่างผิดๆของเขานั่นแหละมันก็ไม่เจริญ ทำไงได้คนก็ช่วยกันไม่ได้ของใครของมัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 12:30:35 )

เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าคือระดับ 9 แล้ว ถือเป็นธรรมสามี

รายละเอียด

เมื่อใดเป็นพระพุทธเจ้าคือระดับ 9 แล้ว ก็ถือว่าเป็นธรรมสามี เป็นเจ้าของศาสนาเป็นเจ้าของธรรมะ แม้จะเป็นพระพุทธเจ้าที่ขึ้นไปเริ่มแรกก็เริ่มมีหน่วยกิต 

เมื่อบําเพ็ญ ก็ได้สั่งสมสภาพที่เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นไป สภาพ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา เป็นพระพุทธเจ้าที่ยิ่งมีบารมีสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตามลำดับ ที่จะมารอคิวอยู่ในดุสิต ที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ทางมหายาน อธิบายว่ารอคิวอยู่ที่พุทธเกษตร แล้ว พระพุทธเจ้าต่างๆเหล่านั้นก็ถึงคิว เข้ามาประกาศศาสนาเป็นของตน ในทำเนียบของโลก ว่า อันนี้ พระพุทธเจ้ากัสสปะ พระพุทธเจ้าโกนาคะมะนะ จนถึงพระพุทธเจ้าสมณโคดม อย่างนี้เป็นต้น ให้โลกรับรู้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เดาไม่ได้ อจินไตย แต่อาตมา โพธิสัตว์ระดับ 7 มีตำราเหล่านี้แล้ว แม้อาตมาไม่ใช่ที่จะไปรอคิวเป็นพระพุทธเจ้าที่ดุสิตก็ตาม อาตมาก็รู้มาหมดแล้ว เอาตำรามาพูด อาตมาไม่ได้บอกว่าอาตมาเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ยังนะ ไม่ได้สับสน ไม่ได้วิปลาส อะไร กำหนดถูกต้องอยู่ แต่อาตมาอธิบายล่วงหน้าไป คนก็เอาล่วงหน้ามาตู่ว่า พูดเหมือนเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ ตัวเองเหมือนอ่านแผนที่ยืนยันให้ฟัง ขณะนี้อาตมาเป็นระดับ 7 กำลังเหลื่อมไปหาระดับ 8 จะเป็น 8 ไปกี่เปอร์เซ็นต์ก็ไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2565 ( 09:11:34 )

เมื่อเป็นมนุษย์อาริยะแล้วจะไม่สันโดษในกุศล

รายละเอียด

จนมาเป็นมนุษย์อาริยะ มนุษย์ที่รู้จักแยกดีแยกชั่ว แยกถูกแยกผิด ชัดก็เอาแต่ดีมาใช้ ซึ่งยิ่งมีดีก็อาศัยดี แต่สุขกับทุกข์ตรงกันข้ามกัน สุขกับทุกข์เป็นหนึ่งเดียวกัน มันก็คือทุกข์นั่นแหละ หรือ สุขไม่อาศัย ส่วนดี ต้องอาศัย ฟังให้ดีนะ ดีต้องอาศัย พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า แม้ท่าน ก็ไม่สันโดษในกุศล คำนี้ เคยเอามาพูดแล้ว ทั้งๆ ที่ท่านก็จะปรินิพพานเป็นปริโยสานแล้ว ท่านจะจบแล้ว แต่ความไม่สันโดษในกุศลธรรม ความเป็นผู้ไม่ย่อหย่อนในความเพียร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 29 อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 14:43:27 )

เมื่อเป็นอรหันต์สมบูรณ์แบบแล้วจะเป็นอย่างไร

รายละเอียด

เป็นอรหันต์สมบูรณ์แบบ ก็คืออรหันต์นี้จะเกิดอีกก็ได้ จะตายสูญไปเลยปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ได้ อันนี้แหละทางเถรวาทเขาไม่รู้เรื่องเพราะเขาเป็นอุจเฉททิฏฐิ ถ้าโพธิสัตว์ทางมหายานก็เลยเถิด เกิดเป็นโพธิสัตว์ จนกระทั่งโพธิสัตว์ก็ไม่มีวันสูญ ไปอยู่ที่พุทธเกษตรอะไรอีก เลยเถิดไปอีกแบบนึง เราก็มาแก้ มาทำให้เข้าใจซะ เป็นเถรวาทก็ไม่เอา อุจเฉททิฏฐิก็ไม่เอา สัสสตทิฏฐิก็ไม่เอา แต่เป็นผู้ที่อยู่เหนือแล้วสูญได้ เกิดได้ ดับได้ จะอยู่ต่อก็ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตระคือสิ่งสำคัญสุดที่เกิดมาแล้วต้องเอาให้ได้ วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2565 ( 10:35:31 )

เมื่อเรารู้เรื่อง 0 เราก็จบ

รายละเอียด

อาตมามีความรู้ทางอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาทต่อไปจนได้ มีคำอะไรขึ้นมาคำหนึ่ง ยิ่งภาษาบาลียิ่งแจ๋ว ภาษาไทยก็ได้ จากภาษาไทยแปลเป็นภาษาบาลีแล้วก็จากนั้นก็ยาวได้เลย จนจบ เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นมา 0 นี้เท่ากับ Infinity เมื่อเรารู้เรื่อง 0 เราก็จบ เท่ากับเรารู้ตั้งแต่ 1 ถึง Infinity

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบรูป 28 สู่เรือนาวาบุญนิยมพาพ้นไฟโลกีย์ วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 สิงหาคม 2565 ( 20:44:16 )

เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป

รายละเอียด

บาป โดยสัจจะเป็นบาป เพราะอาตมาขอยืนยันว่าอาตมาพูดสัจจะ ถ้าเขาเห็นค้านแย้งแล้วก็ไปมีกรรม โดยเฉพาะออกมาทางวาจา ทางกายกรรมชัดเจน คือเห็นผิด เห็นคนละอย่าง ถ้าข้างไหนดีอีกข้างหนึ่งก็ต้องชั่วแล้ว ไปเป็นกุศลอีกข้างหนึ่งก็ต้องเป็นอกุศล เพราะฉะนั้นเขาก็ทำในสิ่งที่เป็นอกุศล จิตของเขามีความเห็น ความเข้าใจ มันก็เป็นมิจฉาทิฏฐินิดนึงก็คือบาป เป็นมิจฉาทิฏฐิได้บาป 

เขาก็อกตัญญู แต่ว่ามันเป็นอกุศลที่เขาเองเขาไม่รู้ มันเป็นอวิชชาซ้อนอยู่ลึกๆเขาก็ต้องทำตามนั้น สรุปแล้วก็คือเขาสะสมเอาอวิชชาใส่ตัวเอง สั่งสมมิจฉาทิฏฐิใส่ตัวเองไปเรื่อยๆ ก็จะไปช่วยอย่างไร มันต่างคนต่างเห็น เขาก็เข้าใจของเขา บังคับไม่ได้ คนที่จะคิดอย่างไร ต่างคนก็ต่างคิดไป

 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2566 ( 19:19:13 )

เมื่อแตกอัตตาไม่มีสัญญา

รายละเอียด

มันแตกแท่งอัตตา ที่มันมีสัญญาของตัวใครตัวมัน มันจะมีตัวกูของกูเป็นสัญญาเป็นคลังสมบัติของตัว พอมันแตกอัตตา ไปเป็นดินน้ำไฟลมแล้วสัญญาคลังสมบัติ มันไม่มีแล้วนี่ มันเป็นดินน้ำไฟลมไปแล้ว ตัวดินน้ำไฟลม พลังงานจะจับตัวกว่าจะไปเป็นพืชกว่าจะไปเป็นจิตอีกโดยธรรมชาติของมัน ก็ตัวอัตตามันไม่มีแล้ว กว่าจะไปเป็นได้อีก คุณไม่ต้องนับเวลาหรอก เป็นล้านล้านล้านปีแล้วจะไปคิดทำไม แล้วมันก็ไม่เหลือแล้วสัญญาของคุณ กรรมวิบากของคุณมันก็ไม่เหลือแล้ว มันก็เป็นอันใหม่ไปหมดแล้ว ก็ช่างมันปะไร ก็ตัวคุณไม่เหลือแล้ว แล้วคุณยังจะมา เอาของฉันคืนมา มันไม่ใช่ มันสลายแล้วคลังความจำนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 09:30:15 )

เมื่อแยกความต่างของศีลกับวินัยไม่ได้

รายละเอียด

เดี๋ยวนี้เขาไม่รู้จัก จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล แล้ว มีแต่วินัย 227 เขาแยกความแตกต่างระหว่างศีลกับวินัยไม่ได้ ใน 227 ข้อมีปาราชิก 4 ข้อ เขาก็ทำการปาราชิกกันไม่รู้เรื่อง เต็มไปหมดในวงการศาสนาพุทธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 39 พุทธานุสสติ และอัมพัฏฐสูตร วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 17:25:30 )

เมื่อโคจรรูปกับปสาทรูปทำงานจะเกิดภาวรูป 2 จึงต้องเรียนรู้เจตสิกคือหทัยรูปต่อไป

รายละเอียด

พระพุทธเจ้ากำชับลงไปว่าจะต้องเรียนรู้ตัวจริงของเจตสิก คือ หทยรูป

หทยรูป ไม่มีลักษณะ ไม่มีตัวตน อยู่ในคูหาสยัง อยู่ข้างในตัวเราของใครของมันจะไม่อยู่กับคนอื่นภายนอก อยู่ในจิตของเรา หทย เป็นที่ตั้งของจิต อภิธรรมเขาว่า หทยรูป ไปอยู่หัวใจห้องที่ 4 

หทยรูป ไม่มีที่ตั้ง แต่อยู่ในร่างสรีะของเราและอยู่ในกายจิตของเราและมีกายกับจิต มีผัสสะภายนอกและมีธาตุรู้ภายในร่วมกัน 2 อย่างภายนอกภายในร่วมกันเสมอ มันมาที่นิ้วมันก็มี หทยรูป รู้สึกอยู่ตรงนี้ ตากระทบรูปก็อยู่ตรงนี้ มันกระทบก็รู้อยู่ตรงนี้ ไปกระทบที่ลิ้นก็อยู่ที่รส กระทบที่ผัสสะที่ขาที่แขน กระทบที่ไหน มันก็อยู่ที่นั่น หทยรูป กำหนดยาก แต่มีที่ตั้งของมัน หทย

ได้ แต่ต้องรู้จุดที่มันเกิดปฏิกิริยา ณ เวลานั้นปัจจุบันนั้นเรียกว่า หทย คือ ความจริง ห คือ ความจริง ท ครบถ้วนแข็งแรงเต็มรูป ย คือ สภาวธรรมที่เอา เศษวรรคตัวที่ 1 

ก คือ พยัญชนะตัวใหญ่ ย คือเศษวรรคตัวต้น 

จับตัวนี้ให้ได้ หทย ห คือจริง ท คือเต็มรูปเลย หนุ่มแน่น แข็งแรงที่สุดเลย (ทหาร) ย คือเริ่มต้น ไม่ใช้ ก แต่ใช้ ย ใช้พยัญชนะ 3 ตัวนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 13:47:38 )

เมื่อใช้ฌานเผากิเลสภายนอกหมดเหลือกิเลสภายในรูปราคะ อรูปราคะ

รายละเอียด

สรุปแล้ว ฌาน ของพระพุทธเจ้าเป็น อจินไตย เกินกว่าที่จะคิด ผู้ที่มีฌานเป็นปกติ มีฌานเป็นสามัญแล้ว คือได้ใช้ไฟ ไฟปัญญา ไฟฌาน เผากิเลสหมด เผาอย่างเห็นๆ เผาอย่างรู้ๆ รู้ตัวเลย ค่อยๆเผาตัวนี้ๆๆๆ ตัวนี้เป็นกาม เป็นโทสะ เป็นโมหะ

หมดแล้วกามหรือปฏิฆะภายนอก ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ดับหมดแล้ว สนิทแล้ว ดับกิเลสหมดแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าต้องไปหลับตาเข้าไปปฏิบัติธรรม ก็ลืมตาอีกนั่นแหละ แต่ฆ่ากิเลสที่เป็น รูปราคะ อรูปราคะ เป็นภวตัณหา หรือเป็นกิเลสภายในต่อไปอีก อย่างไม่ได้หลับตา ลืมตาก็มีเหตุปัจจัยที่กระทบสัมผัสกับตาหูจมูกลิ้นกายอยู่นี่แหละ แต่ข้างนอกมันไม่เกิดแล้ว กระทบกระแทกกระทุ้งกระเทือนอย่างไรมันก็ไม่มีอาการแล้ว กิเลสมันไม่ขึ้น เป็นอนาคามีเต็มๆ อนาคามีแท้ๆ มันไม่มีข้างนอก มีแต่ข้างใน เหลืออย่างหยาบเรียกว่า รูป ก็ฆ่ากิเลสนี้ต่อไปอีก ด้วยสูตรเดิม สูตรจรณะ 15 วิชชา 8 หรือไตรสิกขา ขยายความเป็นมรรคมีองค์ 8 ขยายความเป็นโพธิปักขิยธรรม 37 ก็ใช่ทั้งนั้น 

เมื่อดับ ดับกิเลสาสวะ อาสวะของกิเลสได้ ก็มาตกผลึกลง หมดอาสวะ จิตสะอาดจากอาสวะ ไม่ใช่ไปหลับตา จิตหมดอาสวะไม่รู้ ดับมันอย่างเดียว ดับจิตไปอย่างเดียว ดับ สัญญา เวทนา ไม่ให้มีความรู้สึก ไม่ได้กำหนดรับรู้ ดับมันเฉยๆ แล้วไปตีกินเอา สัญญาเวทยิตนิโรธ นิโรธเพราะดับสัญญา เวทนา ได้แล้วสนิท ซึ่งมันไม่ใช่ มันผิด ต้องดับกิเลสต่างๆ ต้น กลาง ปลาย หมดอาสวะ จิตสะอาด สั่งสมตกผลึก จึงเรียกว่า สมาหิโตหรือสมาหิตัง หรือสมาหิตะ 

ตกผลึกลง ยิ่งแน่นยิ่งมาก มันก็ยิ่งแน่น ยิ่งเร็ว ยิ่งไว ยิ่งคล่องแคล่ว เป็นสภาวะ 2 ใน 1 สุดยอด อธิบายโดยพยัญชนะ โดยภาษา ไม่ง่ายหรอก ถ้าไม่มีสภาวะอธิบายไม่ได้ เพราะเป็นอจินไตยจริงๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2565 ( 14:52:25 )

เมื่อใดจิตของเราเป็นกาย เมื่อใดจิตของเราไม่เป็นกาย

รายละเอียด

อันนี้เป็นความหลงในจิตใช่ พูดไปถึงขั้นอาสวะ ยิ่งยากที่จะพูดกันเข้าใจได้ง่ายๆ ดับอาสวะสิ้น เริ่มต้นตั้งแต่คำว่า “กาย” สังโยชน์ข้อที่ 1 กว่าจะถึงอวิชาสวะ ยากมาก 

ศาสนาพุทธทุกวันนี้เสื่อมถึงขั้นคำว่า“กาย”ก็ไม่สัมมาทิฏฐิกันแล้ว ตอนช่วงหลังนี้อาตมาหยิบคำว่า “กาย”ขึ้นมาขยายความให้รู้ ให้เข้าใจถึงคำว่า “กาย”ในสัจธรรมโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า มันตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงปลายสุด 

เริ่มต้นคือ 1.ต้องพ้นสักกายทิฏฐิ ตามสังโยชน์ข้อที่ 1 

2. ต้องแยกกายแยกจิตโดยต้องรู้จักมูลกรรมฐาน 5 เมื่อใดจิตของเราเป็นกาย เมื่อใดจิตของเราไม่เป็นกาย จิตของเรา ลดฐานะจาก จิตมาเป็นพีชะ พีชะไม่มีกายแล้ว กายต้องมีเวทนาร่วมด้วย มีเวทนามีวิญญาณ แต่เป็นพีชะแล้วไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณก็มีแต่สัญญากับสังขาร 

ผู้ที่รู้อย่างนี้ก็เข้าใจแยกกายแยกจิต ที่พระพุทธเจ้าท่านให้อ่านจาก ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ซึ่งมันมีสภาวะจริงอยู่ในนั้น คุณจะรู้สึกเองได้ 

แยก อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยามได้ด้วยกรรม แล้วจะทรงไว้ด้วยธรรมะอย่างไร แต่ ที่จะศึกษาคือเมื่อใดเป็นอุตุนิยาม เมื่อใดเป็นพีชะ เมื่อใดเป็นจิต

ลองแยกที่เล็บดู ผมแยกยาก ขนก็ยาก ฟันก็ยาก ผิวหนังยิ่งละเอียดยิ่งยาก เอาที่เล็บก็แล้วกัน 

เล็บในตัวคุณ ขณะที่มันมีชีวะ มันก็เป็นเล็บอยู่ที่เรา เล็บส่วนหนึ่งมันจะยาวออกมาพ้นประสาท ประสาทเป็นนามธรรม เมื่อพ้นประสาทแล้วยังมีชีวะ มันจะยาวออกมาได้เรื่อยๆ ส่วนที่ยาวพ้นออกมาจากปลายประสาทแล้วเป็นพีชะ ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ ไม่มีความรู้สึก คุณไปเคาะไปตัดออก มันออกมันก็ไม่มีรู้สึก มันก็ขาดออกมาเฉยๆ มันเป็นชีวะเป็น พีชะ แต่ไม่มีกาย นี่เรียกว่าไม่มี กาย 

ยิ่งผู้หญิงเขาติดยึดว่าเล็บเป็นเล็บของเรา แล้วเขาก็ทำเล็บให้สวยให้งามอย่างโน้นอย่างนี้ เสียเงินค่าทำเล็บอีกตั้งเท่าไหร่ รักษาสุขภาพเล็บ เห็นไหมตัวอย่าง ยึดว่าเป็นกายของเรามีความงามเป็นของเรา เสร็จแล้วก็โชว์แล้วโชว์อีก ไม่มีเล็บจริงก็สร้างเล็บปลอมขึ้นมาสวมไป หลอกชาวบ้านเขาอีก นี่ติดยึดความเป็นเราเป็นของเราติดยึดความสวยความงาม แล้วก็เป็นอย่างนั้นเสียเวลากับพวกนั้นไปบ้าๆบอๆ 

เมื่อใดไม่เป็นกาย เป็นชีวะอยู่เรียกว่าพืช ตัดออกมาเป็นชิ้นส่วน ไม่เป็นกายออกมาจากร่างของเราเป็นชิ้นส่วนที่หลุดออกมาจากร่างของเรา มันก็เป็นดินน้ำไฟลมไปแล้ว หมดชีวะแล้วด้วย เป็นอุตุไปแล้ว เมื่อมันเป็นดินน้ำไฟลม มันไม่เป็นชีวะของเราแล้ว เป็นชีวะของใครก็ของมัน แต่ถ้าตัดเล็บไปถูกเส้นถึงประสาทเป็นจิต ตอนนี้แหละเจ็บ ตอนนี้แหละรู้สึกมีเวทนา มีวิญญาณ นั่นคือมีกาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 36 แยกกายแยกจิตอย่างไรให้ถึงอรหันต์ วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 15:03:31 )

เมื่อใดชาวพุทธไทยเลิกไปนั่งหลับตาปฏิบัติ พุทธศาสนาจะกระเตื้องขึ้นมาจะมีคนอย่างชาวอโศกเกิดขึ้นพรึบๆๆ เลย

รายละเอียด

ใครไปนั่งหลับตาปฏิบัตินี่มัน ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เลิกได้ให้เลิก ถ้าอาตมาพูดไป ลัทธิที่นั่งหลับตา ศาสนาพุทธที่ไปหลงใหลหลับตาก็ดีไม่ว่าจะเป็นพระบ้าน พระป่า เลิกยึดถือว่าหลับตาเป็นของศาสนาพุทธเข้าใจได้แล้วพุทธศาสนาจะกระเตื้องขึ้นมา มันจะเป็นประโยชน์ จะมีคนอย่างชาวอโศกเกิดขึ้น พรึ่บๆๆเลย เพราะเขาก็เรียนมากแสวงหาพากเพียรนะ แต่มิจฉาทิฏฐิมันกั้นไว้ มันยิ่งกว่าภูเขาเวปุลละบรรพตกั้นไว้เลย มันน่าสงสาร มันจะเสื่อมไปจนไม่รู้จะทำอย่างไร 

ก็พยายามจะพูดความจริง 50 กว่าปีแล้ว อายุก็ 88 เข้าไปแล้ว พยายามลากสังขารไปอีก เพราะว่าดูๆมันจะเชื่อมๆต่อๆกัน ก็ดีขึ้น เพราะว่าพวกที่ต่อต้าน พวกที่เข้าใจผิดมาแย้งอาตมาอะไรก็ล้มหายตายจากกันไปเยอะแล้ว ก็เหลือที่แย้งๆอยู่ก็ไม่มาก แต่ก็ยังไม่สนับสนุนไม่ส่งเสริม 

โดยค่านิยมของสังคมก็ไปยอมรับแบบเดียรถีย์ มหาเถรสมาคม ขอใช้คำนี้เลย อย่าหาว่าพูดดูถูกดูแคลนเลย ไม่ง่าย ยากมากเลย อาตมาก็เป็นคนไม่มีเครดิต ชาตินี้เกิดมาไม่มีครูบาอาจารย์ ไม่มีสำนัก ไม่มีศิษย์พี่ศิษย์น้อง มาประกาศหัวเดียวกระเทียมลีบ แล้วมันตรงกันข้ามกับที่เขายึดถือ ยิ่งพูดไปก็ยิ่งห่างกับที่เขารู้ ยิ่งพูดไปก็เหมือนไปข่มเขาอีกมากมาย แต่อาตมาก็ศึกษาอาตมาเกาะพระไตรปิฎกแจเลยนะ อ้างพระไตรปิฎกตลอดเวลา ประกอบเลยว่านี่พระสูตรอะไร แล้วจะบรรลุอย่างนี้ บรรลุวรรณะ 9 บรรลุสาราณียธรรม 6 บรรลุจรณะ 15 วิชชา 8 บรรลุกถาวัตถุ 10 อะไรอย่างนี้ ก็ยืนยันอยู่อย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูฝืนตายฝืนกินอยู่ด้วยอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2565 ( 11:57:46 )

เมื่อใดที่พ่อครูเชื่อว่าไม่ต้องมาเกิดอีกก็ได้

รายละเอียด

ชีวิตของอาตมายืนยาวต่อไป อาจจะเกิดพรรคการเมืองของชาวอโศก ถ้าเกิดขึ้นตอนนั้นเชื่อว่าอาตมาไม่ต้องมาเกิดอีกก็ได้ มีพรรคการเมืองภายในระยะเวลา 151 ปีของชีวิตอาตมา อีก 60 กว่าปี เปิดพรรคการเมืองได้จริงๆ มีประชากรมีสมาชิกมากพอที่จะเป็นพรรคการเมือง

การเมืองก็ใช้รัฐสภาเป็นตัวปฏิกิริยาส่วนราษฎรเป็นตัวสัจธรรม พวกเราทำงานกับสายราษฎรเต็มขั้น ส่วนทางสภายังไม่อาจเอื้อม ถ้าหากชาวอโศกสามารถตั้งพรรคการเมืองมีสมาชิกเข้าพรรคการเมืองเป็นส.ส.ได้มีจำนวนหนึ่งที่มีสิทธิ์มีเสียงพอจะไปต่อรองออกสิทธิ์ออกเสียงในสภาพอได้หรือ เข้าไปจำนวนหนึ่ง แล้วจะมีพรรคการเมืองต่างๆ มาเข้าเป็นมวลร่วมได้ อย่างไม่ยากเย็นนะ ถ้าหากจะต้องใช้เงินซื้อเสียงไม่เอา ต้องใช้เงินต่างๆ ไม่เอา มันจะเป็นสัจธรรม

ตอนนี้คนกำลังแสวงหาความจริงตัวแท้และปัญญาที่จริง ตอนนี้ก็ขอยืนยันว่าชาวอโศกมีตัวแท้และปัญญาที่จริงไม่ใช่แค่ เฉโก

หากมีพรรคการเมืองเข้าไปทำงานในสภาได้ เมื่อถึงตอนนั้นประชาธิปไตยของไทยจะเจริญจนต่างประเทศมาดู มาศึกษา ตอนนี้ก็ยังไม่เป็นอย่างนั้น

อย่างน้อยมีพันคนในบ้านราชฯมีพฤติกรรมองค์รวมพฤติบทที่ครบครัน แยกย่อย เป็นบทเป็นตอนอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญาคือประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน เศรษฐกิจแบบต่างๆ 5 ประเภท


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:17:30 )

เมื่อใดเป็นกาย เมื่อใดไม่เป็นกาย

รายละเอียด

ท่านให้สอนแยกกายแยกจิตให้เป็นอุตุ พีชะ เป็นจิต โดยกรรม โดยธรรมะ แต่นิยาม 5 นี้ผิดเพี้ยนไปไม่ได้สอนกันแล้ว อะไรเป็นกายก็ไม่รู้เรื่อง อาตมาก็อธิบายไปชัด จะเอาผม ขนเล็บ ฟัน หนัง มาอธิบาย เมื่อใดมันเป็นสภาพของกาย เมื่อใดไม่เป็นสภาพของกาย

เล็บนี่เมื่อตัดขาดออกจากตัวเราแล้ว มันไม่มีชีวะ ขาดจากตัวเราแล้ว อันนั้นมันไม่ใช่กายแน่นอน ขาดจากร่างไปแล้วด้วย ไม่มีความรู้สึกจริงๆด้วย แม้ว่าเล็บมันคาอยู่กับเรา มันยาวออกไปตัดนี่มันก็ไม่มีความรู้สึก ไม่มีเวทนานี่ก็ไม่ใช่ กาย ถ้าเราสามารถประมาณกำหนดหมายรู้ได้ว่า อ๋อ.. นี่ร่างนะ นี่รูป body เป็นร่างเป็นวัตถุภายนอกมันไม่ใช่กาย แต่มันเป็น พีชะ เป็นชีวะ แต่ไม่มีเวทนา คุณก็จะอ่านออกว่ามันเป็นชีวะอยู่นะ แต่มันไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณเป็นอย่างนี้เหรอ คุณจะรู้จักเล็บของคุณเองใช่ไหม ที่มันไม่กระทบประสาท 

ผมที่ไม่กระทบกับประสาทจะตัดออกอย่างไรก็ไม่รู้สึกอันนี้แหละสำคัญที่เวทนา เพราะฉะนั้นถ้าเอาไปทำงมงายอยู่กับสิ่งที่มันไม่รู้สึกแล้วไปทำทำไม แต่เราต้องทำสิ่งที่เป็นชีวะให้มันไม่มีความรู้สึกสุขทุกข์ นี่คือความจำเป็น เพราะฉะนั้นคุณจะกระทบสัมผัสกับอะไรต้องทำจิตของคุณไม่ให้มีเวทนาทุกข์สุข วิญญาณก็ไม่มี อรหันต์จึงเป็นคนไม่มีวิญญาณ ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:57:58 )

เมื่อใดเป็นกาย เมื่อใดไม่เป็นกายและประเด็นที่จะเป็นอรหันต์

รายละเอียด

แยกให้ได้ว่าเมื่อใดเป็นกาย เมื่อใดไม่เป็นกาย นี่คือประเด็น อาตมาเอาเล็บมาเป็นตัวอย่างที่จะอธิบายแยก เล็บ เมื่อใดเป็นอุตุ ตัดเล็บข้างนอก มันยาวออกมาก็ตัดออกไป เมื่อขาดออกไปแล้วจากเล็บที่ติดอยู่กับตัวเรา สิ่งที่มันหลุดขาดออกไปแล้วมันกลายเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่มีชีวะแล้ว เป็นพืชก็ไม่มีแน่ กลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมแล้วมีแต่จะผุพังสลายเป็นดินน้ำไฟลม เมื่อนั้นก็ไม่มีกาย

ไม่มีกาย เพราะอะไร เพราะมันไม่มีจิต ฟังให้ดีนะ ไม่มีกายเพราะไม่มีจิต สองเป็นพีชะ พีชะคือมันยังมีชีวะ มีอาหารเลี้ยง ยาวออกมาได้ ยาวออกมาเลยปลายประสาทแล้ว มีชีวะอยู่ ไม่เหมือนอุตุ ไม่มีกาย ทำไมไม่มีกาย ทั้งๆที่มันอยู่กับตัวเราอยู่ เพราะมันไม่มีความรู้สึก 

เพราะฉะนั้น ในชีวะที่ไม่มีความรู้สึก ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่บาป ไม่บุญ พีชะ คือ พืช นี่แหละพืช มันไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่บาป ไม่บุญ ตัดมัน ต้มมัน แกงมันก็แล้วแต่ ฆ่ามัน มันก็ไม่ได้มีบาปมีบุญ ไม่ได้เจ็บได้ปวดอะไร ถ้าไม่รู้อันนี้ ไม่ได้เป็นอรหันต์

อย่างนั้นมันก็เป็นรูปธรรม เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นจิตจะมีความรู้สึกเจ็บ มีรู้สึก มันมีชีวะ เป็นพืชแล้ว แต่มันไม่ได้มีความเจ็บ มันไม่เกิดเวทนา ไม่มีจิตขั้นเวทนา ความรู้สึกไม่มี ไม่เป็นกาย 

พอมีความรู้สึกจึงเป็น กาย เพราะฉะนั้น กาย จึงเป็นจิตอย่างยิ่ง เป็นพีชะ มันก็เป็นชีวะ แต่มันก็ยังไม่ได้เป็นกาย ที่นี้ไปหานามธรรม ไปหาจิตวิญญาณ จิตวิญญาณของคุณมีความเป็นกาย หรือไม่เป็นกาย คุณต้องชัด 

จิตวิญญาณของคุณไม่เป็นกายในลักษณะของอุตุทำได้ คือทิ้งขาดเลยไม่นำพาเลย เรียกว่า ทิ้งขาด หากว่ายังเกี่ยวพันอยู่ แต่ไม่รับรู้สึกทุกข์ รู้สึกทุกข์ไม่จองเวรจองกรรมเป็นพีชะ คุณต้องทำใจในใจมนสิการของคุณ กระทบสัมผัสเกี่ยวข้องกับอะไรให้มันเป็นจิตที่มันเป็นพืชให้ได้ นี่คือจุดสำคัญประเด็นที่จะเป็นอรหันต์ ไม่สุขไม่ทุกข์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 12:47:01 )

เมื่อใดไม่ใช่กาย อะไรเป็นความเป็นกาย

รายละเอียด

กายกับจิต เป็นธรรมะ 2 อะไรเป็นความเป็นกาย 

เมื่อใดเล็บเราไม่ใช่กาย ไม่ใช่กายคือสิ่งที่ไม่มีสิ่งที่

1. ไม่มีความรู้สึกร่วมแล้ว ไม่มีจิตร่วมแล้ว อันนั้นไม่ใช่กาย เพราะฉะนั้นเล็บที่ตัดออกไปแล้ว ส่วนที่ขาดออกไปแล้วแน่นอนเป็นวัตถุอุตุนิยามแน่นอน เป็นส่วนที่เป็นธาตุวัตถุแท้ไม่มีจิตร่วมด้วยเลย ตัดทิ้งไปได้ ส่วนที่เหลืออยู่ที่พ้นจากประสาทรับรู้ออกมา ก็ตัดออกไม่มีความรู้สึก แต่อันนี้ไม่ใช่อุตุ อันนี้เป็น พีชนิยาม อันนี้ยังเป็นกาย ตัดออกไปแล้ว ส่วนนั้นไม่ใช่กาย แต่พ้นนี้เป็นพีชนิยาม แต่ไม่มีเวทนา ให้แยกให้ออก 

ส่วนที่ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ผมก็ต้องส่วนปลายที่ไม่ติดประสาทนะ มันก็ไม่รู้สึกไม่มีเวทนาส่วนนั้นไม่ใช่กาย แต่เป็นชีวะ มีอาหารเข้าไปเลี้ยง ไม่มีบาปเวรภัย ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:22:22 )

เมื่อได้ผลของฌานเป็นสมาธิที่เรียกว่า สมาหิโต สภาวะของญานจะเป็นเช่นไร

รายละเอียด

เมื่อได้ผลของฌานแล้วตกผลึกลงเป็นสมาธิ ที่เรียกว่า สมาหิโต ไม่ได้เรียกว่าสมาธิ ตามคำเรียกทั่วไปสามัญ แต่มีคำพิเศษคือ สมาหิโต สมาหิตัง จิตก็ตั้งมั่น เมื่อจิตนี้ตั้งมั่นสูงส่งเท่าใด ฌานก็ยิ่งแคล่วคล่องมากขึ้นเท่านั้น เพราะว่า ฌานเป็นฌานสะอาด แต่ก่อนฌานไม่สะอาด ก็ต้องกระทบสัมผัสทำงานต่อสู้กับกิเลส พอกิเลสหมดไปแล้ว ฌานไม่ต้องต่อสู้กับกิเลส ฌานก็คล่องตัวสบาย เอาไปทำงานกับกัมมัญญา ประภัสรา ก็ไปรวมตกที่ มุทุภูตธาตุ เป็นแกนจิตของตน เอาไปทำงานก็ได้ดีมาก แล้วต้องทำงาน 

ฌาน ของศาสนาพุทธ เป็นฌานที่ได้แล้ว เอามาใช้งานอย่างไม่ยากอย่างไม่ลำบาก ในฌานทั้ง 4 แล้วฌานของพุทธนั้น ปฏิบัติไม่ต้องหาสถานที่ ไม่ต้องปลีกเวลาไปปฏิบัติ ไม่ต้อง เต๊ะท่า ตั้งกายตรง ดำรงสติคงมั่นอะไร ไม่ต้อง ไม่เหมือนเดียรถีย์ที่ไม่ใช่พุทธ ไม่ต้องเลย ไม่ต้องหลับตา ฌานของพุทธปฏิบัติในชีวิตสามัญปกติ ปฏิบัติไปพร้อมกันกับชีวิตที่ทำอาชีพ ทำการงานทุกอย่าง พูดอยู่ คิดอยู่ แต่ไม่ใช่ฟุ้งซ่าน คิดอย่าง สัมมาสังกัปปะ ลืมตาอยู่ แล้วก็ปฏิบัติฌานไปในตัว ไม่ใช่ฌานอยู่ในที่มืด แต่เป็นฌานที่อยู่ในที่สว่าง มีตาก็เปิด มีหูก็เปิด จมูกก็เปิด ลิ้น กาย ใจเปิดหมด ไม่ใช่ไปดับไม่ใช่ปิด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2565 ( 14:57:47 )

เมื่อได้อมตธรรมแล้วจะยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้

รายละเอียด

สรุปแล้วจะต้องรู้จักธรรมะคุณธรรมที่ ผู้รู้ ครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ แล้วทำให้ตรง จะเป็นประโยชน์กับตนเอง ถ้าได้แล้วจะเป็นอมตธรรม คุณจะเอาก็ได้ไม่เอาก็ได้ จะตายหรือจะเกิดก็ได้ คือ มันได้หมดเลยยืดหยุ่นจะทำอย่างไรก็ได้ เป็นจิตที่สมบูรณ์ด้วยวสวัติกะ วสวัสตี ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ จิตเรานะไม่ใช่ยังจิตคนอื่น จะเป็นอะไรก็ได้เป็นตัวสุดท้ายของจิต วสวัตตี ยังจิตของเราให้เป็นไปในอำนาจ ไม่ใช่ไปยังจิตของคนอื่นนะ ได้โดยไม่ยากไม่ลำบากในฌานทั้ง 4 เป็นต้น จะทำให้จิตอยู่ในระดับใช้งานเป็นฌานที่ 1 หรือฌาน 2, 3 หรือ เก่งจริงๆ ก็ใช้งานได้แม้กระทั่งฌานที่ 4 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:21:58 )

เมื่อไม่ปรับใจเปิดใจรับรู้สิ่งใหม่สิ่งต่าง ก็ยากที่จะ“เข้ากระแส”เข้าถึง“โสดาบัน”!

รายละเอียด

มันจึงยังไม่ใกล้ภาวะที่เรียกว่า“เข้ากระแส”ที่ภาษาบาลีเขาว่า “โสตาปันนะ” แล้วเพี้ยนมาเป็นภาษาไทยคือ “โสดาบัน”เลยมันยังไม่ถึงขั้น“โสดาบัน”อันเป็น“โพธิสัตว์”ระดับแรกหรอก มันยังห่างแสนห่าง ยิ่งกว่าอยู่กันคนละกาแล็กซี่ทีเดียวสัตว์ ที่เป็นมนุษย์ระดับ“เวไนยสัตว์(สัตว์ที่สอนได้)”ผู้จะเริ่มซึมซับรับ“ความรู้”ขั้น“โลกุตระ”ได้นั้น จึงจะเริ่มนับเป็น“โสดาบันโพธิสัตว์” 

1. โสดาบันโพธิสัตว์ จึงได้แก่ ผู้ตั้งจิตมุ่งบำเพ็ญ“พุทธภูมิ” นั่นคือ จะไปให้ถึงขั้นสูงสุดเป็น“พระพุทธเจ้า” แต่ตอนนี้เพิ่งบำเพ็ญตนเริ่มย่างก้าวเข้ามาแตะกระแส “โสดาบัน”ขั้นต้นเท่านั้นจึงเริ่มนับเรียก“โสดาบันโพธิสัตว์” ที่มีขั้นที่ 1 คือ “เข้าสู่กระแสโลกุตระ”ที่บาลีว่า โสตาปันนะ ซึ่งความเป็น“โสดาบัน”นี้ พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนว่าจะมีธรรมะสูงขึ้นๆ เป็นลำดับ 4 ระดับ ได้แก่ “โสตาปันนะ(เข้ากระแสโลกุตระ) -อวินิปาตธัม(เป็นโสดาบันแล้ว แต่ยังไม่มั่นคง ทว่าไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา) -นิยตะ(มั่นคงเที่ยงแท้ในความเป็นโสดาบัน) -สัมโพธิปรายนะ(มีแต่เจริญไปสู่ที่สูงที่สุด)

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 478 หน้า 355 


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2564 ( 09:17:05 )

เมื่อไม่มี อย(อะยะ)ยางเหนียวแล้ว

รายละเอียด

อย(อะยะ) ยางเหนียวไม่มีแล้ว มันเป็น Normal นิวตรอน ไม่มีแรงดูดแรงผลักแล้ว แตะก็แค่แตะไม่ดูดไม่ผลักอะไร เป็นลักษณะนิวตรอน กลาง ซึ่งเป็นเรื่องที่ เข้าใจได้ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากอะไร ถ้าอยากให้มีแรงดูดกลับมา ถ้าให้มีรสชาติดึงดูดกลับมามันก็จะทำให้ง่ายในการที่จะรับ คนที่กินด้วยแรงกิเลสมันรับเร็ว ดูดๆๆๆ ถ้าไม่มีกิเลสมันใช้เวลานาน กว่าจะได้ปริมาณพอสมควร ก็ต้องทำให้ได้ปริมาณในแต่ละวันๆ วันหนึ่งใช้เวลากิน ทุกวันนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง เขากินกัน 15 นาทีก็เสร็จแล้ว เราชั่วโมงนึงเป็นอย่างน้อย บางที 2 ชั่วโมงบางที 3 ชั่วโมง ก็เมื่อย ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้นเลยแต่มันสุดวิสัย มันไม่ได้ปริมาณ เจตนาเราจะพยายามไม่ให้ขันธ์มันบกพร่อง ให้มันยังขันธ์นี้ไปให้ยาวนานเป็นเจตนา เพราะฉะนั้นก็ต้องพยายามไม่ให้บกพร่อง พูดไปก็มีความรู้มีประโยชน์ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 13:51:13 )

เมื่อไม่มีความรู้ในธรรมนิยาม 5 แยกสภาวะของ อุตุ พีชะ จิต ไม่ได้ไม่มีทางบรรลุอรหันต์

รายละเอียด

ถ้าไม่มีความรู้ในธรรมนิยาม 5 แยกสภาวะของ อุตุ พีชะ จิต ถ้าคุณแยกอันนี้ไม่ออกไม่เข้าใจ แล้วทำไม่ได้ ไม่มีทางบรรลุอรหันต์ ไม่มีทางที่จะทำจิตตัวเองให้เป็นอุตุไปเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย ไม่มี เพราะคุณไม่รู้ คุณทำไม่เป็น คุณจะไปเป็นได้อย่างไร 

ปล่อยวาง เป็นภาษาง่ายๆ ตื้นๆ ให้สงบ หรือนั่งสงบ ดับนิโรธ หรือ ปล่อยวาง ปล่อยวางก็แสงสว่างทางเปิด ดับมันก็คือมืด เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก มี กิณหา กับ อาภัสรา อาภัสราก็สว่าง กิณหาก็มืดดับ มี 2 ทิศทางเท่านั้น ไม่ได้เป็นภาษา เป็นพยัญชนะ เป็นบัญญัติเฉยๆ เท่านั้น ปล่อยวาง คุณจะต้องรู้มีสภาวธรรมจริงๆว่า มันหมดยางเหนียว มันหมดการยึดกันเลย คุณทำสภาวะทำให้หมดยางเหนียวหมดการยึดกันเลย กับคุณบอกว่าคุณปล่อยวางก็มีตัวคุณกับคุณวาง มันเป็นพยัญชนะเท่านั้น แต่ถ้าอันนี้เป็นตัวจริงของผู้ที่ทำให้หมดยางเหนียว หมดการดูด หมดการตรึงกันอยู่เลย นี่มันเป็นสภาวะที่แท้ยิ่งกว่า ใช้พยัญชนะอธิบายสภาวะได้ประมาณนี้ 

ฉะนั้นถ้าเข้าใจความหมายของอุตุต่างกับพีชะ ต่างกับจิตอย่างไร สามเส้านี้ เข้าใจอันนี้ไม่ได้ ไม่มีทางบรรลุอรหันต์ 

พระพุทธเจ้าจึงได้พยายามใช้สิ่งที่มีจริง ใช้ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง 5 ชนิดที่มันอยู่ภายนอกของชีวิตติดตัวเรานี้ก็ได้ จะหลุดออกไปจากตัวเราไปก็ได้ ผมขนเล็บฟันหนัง ส่วนของผมก็ตาม ส่วนของขนก็ตาม ส่วนของเล็บก็ตาม ส่วนของฟันก็ตาม ส่วนของหนังก็ตาม ส่วนของผิวที่มันอยู่ภายนอกก็ตาม 5 อย่างนี้คือความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ละเอียดลออ ยิ่งใหญ่มากเลย 

ถ้าเข้าใจได้ จะเอาส่วนใดมาพิจารณาได้ก็เหมือนกัน ผมขนเล็บฟันหนัง อาตมาก็ชอบที่จะเอาเล็บมาอธิบาย มันง่ายมันชัดไม่ยาวเกินไม่เล็กเกิน ถ้าหากใช้ขนก็เล็กสั้น ผมก็ยาวก็เล็กเกิน ถ้าหากว่าฟันมันก็ยากอย่างมากก็มีขี้ฟัน ถ้ายิ่งผิวหนังหรือขี้ไคล เป็นขี้ของใครหว่า ก็ของคุณนั่นแหละ ขี้ไคลอ่ะ ไม่ใช่ขี้ของใครก็เป็นขี้ของคุณ มันยังติดอยู่ที่ผิวหนังของคุณเท่านั้นแหละ ที่จริงมันไม่ใช่กายของคุณแล้ว มันหลุดออกไปแล้ว ขัดออกไปก็ต้องไปทิ้ง ถ้าไม่ทิ้งขี้ไคลมันก็หนาเตอะ 

แต่ก่อนขี้ไคลออกเยอะ ตอนสมัยหนุ่มๆแต่ตอนนี้ถูยังไงขี้ไคลก็ไม่มี ซึ่งมันเป็นความหมักหมมชนิดหนึ่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้โลก 9 แบบ จนเป็นมนุษย์พืชมหัศจรรย์ วันพุธที่ 19 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2565 ( 21:38:52 )

เมื่อไม่มีภูมิธรรม คุณต้องกลัวเป็นธรรมดา

รายละเอียด

มันหนีไม่พ้นหรอก คนถ้าไม่ผ่านกลียุค มันก็จะไม่เก่ง มันก็จะไม่รู้ความจริง คุณเดาเอาไม่ได้ มันต้องไปผ่าน ไม่ต้องไปกลัวหรอก ถ้าคุณเองพยายามพากเพียรปฏิบัติ คุณจะมีจิตที่ยืนหยัดอยู่กับมันได้ แต่เพราะคุณเองคุณยังไม่ปฏิบัติให้มันมีภูมิธรรม เมื่อไม่มีภูมิธรรมคุณก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปกลัว 

ถ้ายิ่งกลัว พลังงานในตัวของเราจะยิ่งอ่อนแอ มันยังไม่เป็นนักสู้ ต้องเปิดใจเต็ม รับรู้สิ่งที่มันเกิดหรือมันกำลังเผชิญกำลังกระทบกระแทกเราอยู่ แล้วเราจะแข็งแรง ไม่งั้นจะอ่อนแอตลอดกาลมีแต่จะหลบเลี่ยงจะหนี มันไม่เกิดการเจริญอะไรเลย หลบเลี่ยงหลบหนีมันหมดท่า อย่าไปคิดอย่างนั้น นี่ก็ขอตอบเท่านี้ก็แล้วกัน 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 22 สงครามข่าวสารกับปรากฏการณ์จริงการเมืองไทย วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2566 ( 19:48:22 )

เมื่อไม่แยกภาวะ 2 ของปสาทรูป 5 และ วิสัยรูป 4 จึงเกิดเทวนิยมขึ้น

รายละเอียด

ใครแยกภาวะ 2 นี้ไม่ออกหรือไม่ยอมให้แยกภาวะ 2 นี้เหมือนชาวเทวนิยม คุณไปกำหนดบังคับเลย จะมาแยกความรู้ที่รวบยอดแล้ว 2 อย่างนี้ให้เป็นหนึ่งเป็นพระเจ้าเป็นยอดความรู้แล้วมีของพระเจ้าเท่านั้น ห้ามแยก ให้ปฏิบัติตามพระเจ้าสั่งเท่านั้น เทวนิยม จึงมีความรู้เท่าพระเจ้าหรือพระศาสดา เจ้าของศาสนาเทวนิยมแต่ละนิกายแต่ละลัทธิ ไม่แจกเป็นอื่นเลย ไม่มีอะไรใหม่ อยู่ในกะลาครอบของศาสดา ศาสดาของเทวนิยม ก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั่นแหละมีกรรมวิบากเรียนรู้มา ไม่รู้ว่าได้มาอย่างไร ก็ไม่เรียนรู้ความดับความเกิดแต่ละชาติมีวิบากสั่งสมมาอย่างไร ตัวเองได้สั่งสมกรรมวิบากมาจนกระทั่งรู้มาก ได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งของเทวนิยม แล้วก็ต่างกันกับของศาสดาองค์อื่น เดี๋ยวนี้ก็ยังมีศาสดาในศาสนาเทวนิยมมากมายก่ายกอง จนสามารถเป็นศาสนาใหญ่ๆได้ เล็กๆน้อยๆ ที่ไม่พอเรียกศาสนาได้ก็เรียกว่าลัทธิ กะปิดกะปอยอยู่อย่างนี้แหละร้อยพันหมื่นลัทธิ 

จนกระทั่งถึงลัทธิ โจเซฟ ทวี คือ ลัทธิพระบิดาที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ ที่นายทวี เขาก็บอกว่าเขาคือโจเซฟเป็นพ่อของศาสดาทุกพระองค์ และพฤติกรรมของลัทธิเขาก็อย่างนั้นที่กำลังมาตีแผ่เปิดเผย สนุก ตัวอย่างในประเทศไทยนี้ เขายิ่งใหญ่นะ ยิ่งใหญ่กว่า ศาสดาทุกองค์ที่เป็นลัทธิศาสนาเทวนิยมทุกองค์นี้เขาใหญ่กว่า เขาเป็นพ่อของทุกองค์ ฟังรู้เรื่องไหมเนี่ย 

แล้วก็มีคณะดำเนินการมาหลายสิบปี เพิ่งจะไปค้นพบกันได้ตีแตกต่างตรงนี้ เมืองไทยเป็นตัวอย่างรวมทั้งหมดเลย โพธิรักษ์ก็อยู่ที่นี่ บิดาของโจเซฟก็อยู่ที่นี่ อยู่ที่ประเทศไทย มันมีทั้งบวกทั้งลบอยู่ตรงนี้เลย มีทั้งแบบ Positive Negative  เอาแค่นี้ เดี๋ยวเสียเวลาเวทนาคือฐานรู้ สัญญาคือฐานกำหนดรู้ เมื่อกำหนดรู้แล้ว อ่านเจตนาให้ออก เจตนามีตั้งแต่ กาม ภว และวิภวะ

ก. ปสาทรูป 5

จักขุ (ตา) 

โสตะ (หู) 

ฆานะ (จมูก) 

ชิวหา (ลิ้น) 

กายา (กาย)

ข. โคจรรูป, วิสัยรูป 4

รูปะ (รูป) 

สัททะ (เสียง) 

คันธะ (กลิ่น) 

รสะ (รส)

โผฏฐัพพะ (สัมผัส) 

(กายกับโผฏฐัพพะ ถือว่าเป็นอันเดียวกัน) 

มีโคจรรูปกับปสาทรูปทำงานร่วมกันเกิด ภาวะสอง คือ มีความต่างกัน ภาวรูป 2 

 ค. ภาวรูป 2

10. อิตถัตตภาวะ, อิตถินทรีย์ (ญ) 

11. ปุริสสัตตภาวะ, ปุริสสินทรีย์ (ช) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 13:40:33 )

เมื่อไหร่จะพ้นสงสารเสียที

รายละเอียด

อาตมาเป็นพระอรหันต์อาตมาจะไปชังทำไม คุณไม่เชื่อน้ำหน้าอาตมา แล้วคุณก็ไม่รู้ว่า อาการชอบชังเป็นอย่างไร แล้วมหาบัวก็ไม่รู้ไปติดหมาก เหมือนคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ อาตมาจำเป็นมากเพราะเขาหยาบมาก เขาอวิชชากันหนัก ไม่รู้ไม่ชี้เรื่องธรรมะพระพุทธเจ้าเลย แม้แต่อบายมุขหยาบต้นๆก็ไม่รู้แล้วหลงว่าเป็นอรหันต์ อาตมาเห็นแล้วก็สงสาร อาตมาพ้นสงสารแล้ว แต่คนที่จมวนในสงสารมันน่าสงสารน่าเห็นใจ เมื่อไหร่จะพ้นสงสารเสียทีหนอ สงสารคือวนแต่ไม่รู้ความวนไมรู้ทางออกไม่รู้ทางแก้ไข คุณก็อยู่ในสงสาร สังสาระ ก็น่าสงสารมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:35:36 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์