@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

หยุดสืบพันธุ์อย่างไร

รายละเอียด

เริ่ม “หยุดสืบพันธุ์” จากพันธุ์ขั้นจิต ลงมาเป็นพืช เป็นอุตุ ก็จบ 

จบความเป็นชีวะหรือชีวิต ลงไปเป็นลำดับ จากจิต ไม่สืบพันธุ์ 

เราเป็นคนนี่แหละจะรู้ เดรัจฉานมันก็เป็นจิต แต่มันเรียนรู้ไม่ได้ มันเป็น
อเวไนยสัตว์ คนที่เป็นเวไนยสัตว์ ฟังธรรมอาตมาได้ก็จะรู้ หยุด คุณก็จะลดจากจิตลงมาเป็นพืช มันก็คือการลดความเกิด อันภาษาเรียกว่า “ชาติ" โดยความรู้ว่า “การเกิด” ที่ไม่มีที่สิ้นสุดนิรันดรนั้น คือคนไม่มีปัญญารู้จักรู้แจ้งรู้จริง “ความผสมพันธุ์ของภาวะ 2” นี้เอง 

ภาษาไม่ได้หยาบคายนะ นี่เป็นธรรมะ ที่อาตมาพูดนี่เป็นธรรมะ ธรรมะขั้นสูงด้วยขั้นโลกุตระด้วย เป็นการอธิบายสัจธรรม จะใช้ศัพท์คำที่เขาใช้กันนี่แหละ 

หากรู้จัก “การแยก” กันของ ภาวะ 2 นี้ ไม่ให้มัน “ผสมพันธุ์”กันได้ ไปแยกภาวะ 2 ไม่ให้มาผสมพันธุ์กันได้ มันก็จะลด “ความเกิด”กันได้แน่นอน ทำได้จริงเป็นขั้นต้น 

ยิ่งมี “ปัญญา”รู้ว่าภาวะ 2 นี้แหละ ถ้าอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่ต้อง “ผสมพันธุ์”กันสำเร็จ “การเกิด” มีพันธุ์ มีพืช มีจิต อีก มันก็ “ไม่มี”ขึ้นมาได้

ความ “ปรากฏ”หรือ “การหยั่งลง”อยู่อีก มันก็ไม่มี มันไม่ผสมพันธุ์กันก็ไม่มีตัวเกิด ตัวเป็น ตัวมี อันนี้พระพุทธเจ้าท่านอธิบายไว้ ในพระสูตร เล่ม 10 ข้อ 60 

เราก็หยุดผสม หยุดสืบต่อ หยุดกรรม หยุดการกระทำ หยุดไม่ให้มีอาการ “ผสม”หรือ “การสืบสาน” หรือ “การมีบทบาทการเกิดใดๆ” ตั้งแต่ “พันธ์ุ”ที่เรียกว่า “จิต” ให้มี “พันธุ์”แค่ “พืช”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 21:04:20 )

หยุดโง่ได้ไหมประเทศไทย

รายละเอียด

ผู้ที่รู้สาระเป็นสาระเป็นผู้ที่สร้างสาระอยู่ในโลก ผู้ไร้สาระก็เป็นผู้ไม่รู้จักสาระ ก็ได้เงินจากโลกที่หลงงมงายรวยมาก Elvis Presley พอดังขึ้นมาเงินก็มามาก ก็เลยว่า โลกนี้ทำไมเงินมันเยอะอย่างนี้ คือมันมีเงินมากมาย แกเป็นแค่คนขับรถโกดัง อาชีพเขา เมื่อมาขับร้องติดตลาดอบายมุข คนเห่อหนัก คือมาจากแหล่งอบายมุขใหญ่คือ อเมริกา ราคาค่าตัวดาราอเมริกา แพง แล้วสร้างให้คนนิยมดารา ไม่ว่า การละเล่นกีฬาหรือมหรสพ มันแสดงถึงความเสื่อมของประเทศ หากราคาค่าตัวของดารามหรสพการละเล่น ค่าตัวสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งแสดงถึงประเทศนั้นเสื่อมมากเท่านั้น เมืองไทยกำลังจะเอาอย่าง หยุดโง่ได้ไหมประเทศไทย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 15:47:00 )

หรายติ

รายละเอียด

1. เบื่อ 

2. เบื่อระอา 

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 37

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 124


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:27:55 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:01:21 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:16:33 )

หรายามิ

รายละเอียด

หรายามิ  คือ  ความระอา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการสำมะปี๋ซี่วิต


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2562 ( 17:08:50 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:27:09 )

หรายามิ

รายละเอียด

1. ระอา 

2. ขยะแขยง  เบื่อระอา  ยังชนให้นำไปเสีย  ให้นำไปอื่นเสีย ไม่ปรารถนานำมาใกล้ตน 

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 200

ทางเอก ภาค 3 หน้า 90


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:28:59 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:02:32 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:17:17 )

หลงกันว่าเป็นพระอรหันต์

รายละเอียด

คือ การต้องเรียนรู้ขณะเป็นๆ ขณะนี้คุณผัสสะกับสิ่งนี้แล้ว เรื่องเนี้เป็นสิ่งชั้นต่ำ  เป็นการพนัน สิ่งเสพติดไปกินหมาก สูบบุหรี่ ก็แค่นี้คนก็รู้ว่าเป็นสิ่งเสพติดเป็นของตื้น แต่เขาก็ไม่รู้กันเลย  คนยังติดหมาก บอกว่า เป็นพระอรหันต์มันเลยแย่เลย ขณะนี้สามัญก็รู้ ขนาดกินไม่หยุดปาก  ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเสพติดอยู่ แค่รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็ยังไม่รู้จัก แล้วไปหลงกันว่าเป็นพระอรหันต์จะไม่ให้สมณโพธิรักษ์ถล่มได้อย่างไร  เพราะเขาเข้าใจผิดกันจริงๆ จะไปงมงายขนาดนั้น

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 12:49:04 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:27:58 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:37:41 )

หลงการนั่งหลับตาปฏิบัติมันน่าสงสารสุดใจ

รายละเอียด

การปฏิบัติธรรมที่ไปหลับตามันเป็นเรื่องโมฆะ เป็นเรื่องที่ไร้สาระ มันน่าสงสารสุดใจ คนที่ยังงมงายนั่งหลับตาสะกดจิตกันอยู่ อาตมาใช้เวลาทำงานมา 50 ปีนี้ยังไม่สะกิดพวกหลงงมงาย อยู่กับการนั่งหลับตาปฏิบัติ ไม่สามารถสะกิดแม้ผิวให้เขารู้สึก เขาก็ยังหลงการนั่งหลับตาปฏิบัติ 

ทั้งที่ อปัณณกปฏิปทา 3 คำว่า อปัณณก แปลว่า แท้ แปลว่า จริง แน่นอน ถ้ามีการปฏิบัติ 3 อย่างนี้อยู่ในการปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ เมื่อไม่สามารถตื่นจากโลกีย์ก็ยังไม่สามารถตื่นรู้สมบูรณ์แบบ จึงยากมากที่คนจะรู้คนจะเข้าใจ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 11:02:08 )

หลงความชั่วลึกในเรื่องศาสตร์

รายละเอียด

คำว่าศาสตร์อันนี้คนโง่โลกีย์เอาไปใช้แข่งกัน แล้วให้รางวัลได้ตำแหน่งหน้าที่การงาน มีอำนาจระดับต่างๆ ก็เลยยิ่งยาก มันชั่วลึก ความชั่วลึกของคนมันซ่อนอยู่ไม่รู้ตัว แล้วหลงด้วยว่า ความชั่วลึกนี้เป็นความเก่งความสามารถบำเรอตัวเองเอามาให้แก่ตัวเองด้วยลาภยศ ด้วยอำนาจสรรเสริญต่างๆ แล้วก็เสพย์สุขเสวยสุขบำเรอชีวิตไป กิเลสก็หนาขึ้น ตายไปแล้วก็ยิ่งมากขึ้น ถ้าพลังเอาเปรียบที่มากพอตกนรกทีจะยิ่งลึกมาก สูงมากก็ยิ่งต่ำมากเป็นสัจจะ พอตกปุ๊บก็ยิ่งลงไปต่ำมาก ใครฝืนชนะเอาบาปเอานี่เวรไปติดไปด้วยมันเก่งนะ แล้วหลงว่าทำได้ๆๆ แต่เขาไม่รู้ว่า วิบากมันตามทัน คุณเอาชนะเขาได้เท่าไหร่ ยิ่งมีเล่ห์เหลี่ยมมากไม่ซื่อสัตย์มาก แต่ถ้าสละให้มากเท่าไหร่ๆ คนก็ยิ่ง ส่งสูงๆ มันกลับกัน เพราะฉะนั้น ชั่วลึกในเรื่องศาสตร์ ความรู้นี่แหละที่ทำให้มันลึกในโลกนี้ช่วยเหลือยาก ช่วยเหลือคนที่ไม่ฉลาดไม่เคยรู้อะไรช่วยง่าย แต่ช่วยคนฉลาดคนรู้นี้ ช่วยยากเรือหายเลย เรือไททานิกด้วย(เรือใหญ่) เรือหายไปเลย ช่วยยากมากเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:45:34 )

หลงความรู้

รายละเอียด

พูดไปก็นึกถึงท่านประยุทธ์ สมเด็จพุทธโฆษาจารย์ ขออภัยต้องพูดชัดว่าท่านไปหลงความรู้ ศึกษา ขนาดเจ็บป่วยท่านก็ไม่หยุดศึกษา อาตมาว่ามันมากแล้ว อาตมาเองยังได้พึ่งพาความรู้จากท่านเลย ก็ขอบคุณท่านมากมายจริงๆ …พอ.. ความรู้ที่ท่านมีนั้นพอที่จะเป็นอรหันต์ที่จะเป็นโพธิสัตว์ที่จะเป็นอะไรต่ออะไรที่จะไปทำงาน ทั้งตนและท่านเป็นโพธิสัตว์เพียงพอได้ก็ต้องรู้จุดจบที่เราจะต้องตั้งต้น ถ้ามันรู้มากเป็นมหายานเกินไปมันเป็นอะไรก็ไม่ได้ อรหันต์ก็ไม่ได้โพธิสัตว์ก็ไม่ได้ มันกลายเป็นโพธิสัตว์เฟ้อเกิน ซึ่งมันไม่ใช่โพธิสัตว์มันไม่ได้อยู่ในกรอบที่พอดี อรหันต์นั้นเป็นที่จบ เมื่ออรหันต์ไม่ได้โพธิสัตว์ก็เป็นไม่ได้ เพราะผู้ที่จะเป็นโพธิสัตว์ได้ต้องมีอรหัตผลของตนก่อน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่พระโสดาบันเลย โพธิสัตว์ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2563 ( 12:48:32 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:22 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:38:31 )

หลงความรู้ หลงความมากมายไม่เข้าหาแก่นระวะวังวิปลาส 4

รายละเอียด

ชีวิตนี้ 100 ปี เอ้า.. แล้วก็อยู่กับอย่างนั้นมันเสียดาย โดยเฉพาะ ชาวอโศกมีแก่น มีกลุ่ม มีเนื้อ มีสาระ มีพฤติการณ์ มีพฤติกรรม มีการกระทำ ร่วมกันสร้าง ร่วมกันทำ ไม่มาร่วมหรอก ทำเป็นอวดรู้ไป กระจายไป ไม่กระจายหาแก่น มันหลงความรู้ หลงความมากมายว่าไอ้นั่นก็น่ารู้ไอ้นี่ก็น่ารู้ เหมือนท่านประยุทธ์ ปยุตโต เหมือน เพาะพุทธ ที่ศรัทธากันอยู่ จริง หรือผู้ที่ยังศรัทธาสายนั้น จริง ยังไม่รู้จักจะรวมกลุ่มรวมแก่นวิมังสา จะไปมีฉันทะ วิริยะ จิตตะฟุ้งซ่าน ไม่ได้วิมังสา ไม่ได้เป็นอิทธิบาท 

มันไปจบอยู่ที่ แทนที่ฉันทะ วิริยะ จิตตะ จะเป็นวิมังสา เป็นเนื้อ เป็นแก่นที่ยิ่ง กลายเป็นฉันทะ ยินดี พากเพียร จิตเป็นไง จิตวิปลาส คือเพี้ยนผิด ก็เลยมีทิฏฐิผิด เป็นทิฏฐิวิปลาส เมื่อมีทิฏฐิผิด ก็ไปปฏิบัติประพฤติอยู่กับสัญญาผิด เป็นสัญญาวิปลาสไปหมดเลย เพราะฉะนั้นจะไม่เข้าหาแก่นอีก วิปลาส 4 คือจะไม่รู้เลยว่า ไอ้นี่คือความไม่เที่ยง แล้วไปหลงว่าเป็นความเที่ยงอยู่ ไอ้นี่คือทุกข์ แต่ไปหลงว่าสุขอยู่ ไอ้นี่คือสิ่งที่ไม่มีตัวตน แต่ไปหลงว่ามีตัวตนอยู่ ไอ้นี่คือสิ่งที่ไม่น่าได้ไม่น่ามี ไม่น่าเป็นเลย ไปหลงว่าน่าได้น่ามีน่าเป็น อยู่ ระริกระรี้พริ้วพราย ไม่เข้ามาหาแก่นนี้หน่อย แก่นนี้เล็กไม่ใช่กว้าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 06 มกราคม 2566 ( 13:40:34 )

หลงความรู้ หลงในการปฏิบัติธรรม

รายละเอียด

หลงความรู้กันมหาศาล ยังไม่หยุดนะ ยังไม่พอความรู้นะทุกวันนี้ก็ยังตะกละความรู้อยู่ น่าสงสารจริงๆ ไม่เข้ามาหา ศีล สมาธิ ปัญญา 

แต่ความเป็นสัตว์โลกรู้จักความเป็นสัตว์ รู้จักความเป็นมนุษย์ จากความเป็นมนุษย์อาริยะรู้จักมนุษย์ที่เราไปละลาบละล้วงมนุษย์ อาริยะขึ้นไป นี้ยังไม่ได้เริ่มเลย อาตมาว่านะ ยังไม่สำนึกกัน ท่านยังไม่สำนึกกัน 

ผู้ใดสำนึกแล้วอนุโมทนาสาธุ ผู้ใดยังไม่สำนึกก็ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่สงสาร สำนึก หมายความว่าอะไรไม่ทวนแล้ว รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกระทำไปแล้วมันผิด แล้วก็สำนึกแล้วก็ต้องแก้กลับ ยิ่งแก้กลับอย่างเต็มที่ยอมทางกายวาจาใจออกมา มีพฤติกรรมที่แท้จริง มันก็จะเจริญ แต่ทำไปแล้วมันก็ไปไม่ออก ไปไม่รอดแก้กลับไม่ได้ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่มีอุปาทานข้อที่ 4 นี้ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้จักแม้แต่ สีลพตุปาทาน  ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้แม้แต่ ทิฏฐุปาทาน ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้จัก กามุปาทาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร(บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 14:41:47 )

หลงคำยกยอหรือหลงความจริงก็เสื่อม

รายละเอียด

ที่ถามมา คำสรรเสริญเป็นสิ่งชั่ว นั้น เราก็ต้องรู้ว่าสิ่งที่เขาสรรเสริญมาเป็นสิ่งจริงที่เขายกย่อง มันถูกต้องไหม หรือว่าเขาแกล้งยกยอเรา เราไม่ได้เป็นจริงอย่างที่ว่านี้ เราก็รู้ว่าเขามาแกล้งยอฉัน ให้ฉันหลงเลอะเทอะไป คนที่หลงในคำยกยอจะเสื่อมนะ ตกต่ำ แม้แต่คุณมีจริง แต่คุณหลงความจริงนั้นมันก็ยังเสื่อมต่ำเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2563 ( 10:00:54 )

หลงคำว่าสุขนี่แหละ ตัวโง่

รายละเอียด

หลงคำว่าสุขนี่แหละ ตัวโง่ ไอ้ตัวโง่นั่นแหละตัวไม่รู้ อวิชชา คือเป็นเหตุปัจจัย ตัวคู่กันกับธาตุจิต เพราะฉะนั้นจิตวิญญาณที่มีตัวอวิชชาหรือตัวโง่ เป็นธาตุจิตคู่กันอยู่แยกไม่ออก ไม่รู้จักไอ้ตัวโง่มันเกาะอยู่กับตัวเรา มันเนียนอยู่ในตัวเราเลย ไม่ใช่เกาะเท่านั้น มันเนียนเลย ไม่มีธาตุปัญญาที่จะไปรู้ว่าไอ้นี่มันสุขหลอก ไอ้นี่มันเป็นผีหลอก สุขนี้เป็นผีหลอก  มันไม่จริงอะไรเลย เพราะฉะนั้นผู้ใดเลิกสุขได้ เข้าใจสุขได้ มีปัญญา ไม่สนใจแก  สุขไปเลยแก ที่แท้แกคือตัวทุกข์แท้ๆเลย ให้ข้าต้องมีธาตุ 2 นี้ยังวนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร อยู่ในกาละ เพราะฉะนั้นผู้ที่ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน หมดธาตุวิญญาณที่เป็นอัตภาพของพระอรหันต์ กลายเป็นธาตุดินน้ำไฟลมไปเลย พวกเรา อาตมาอธิบายอย่างนี้เข้าใจไหม และคิดว่าทำได้หรือยัง (เสียงตอบ..ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง) บางคนบอกว่าได้ บางคนบอกว่าไม่ได้ มันค่อยๆ พิสูจน์เป็นวิทยาศาสตร์ ทำได้ 

เราแต่ก่อนนี้ยังเกี่ยวเกาะ มี อาลัย อาศัย เป็นนิสัย เป็นวิสัย เป็นอนุสัยอยู่นี่ นิสยะ สยะ อาลัย อาลยะ แล้วมีอาสยะ ต้องอาศัยมัน จนกระทั่งอยู่ที่ตัวเราเลยเป็นนิสัย ไม่ใช่นิสัยเท่านั้นแต่เป็นวิสัย วิสัยนี้ก็ชักจะเอาออกจากตัวเอง สย นี้ยากแล้ว ยิ่งไปหลงเป็นอนุสัยเลย  ทีนี้หนัก เทวนิยมเป็นพวกอนุสัยที่เป็น สย ที่เป็นสุขนิยม เป็นทาสที่คุณไม่รู้ตัวหรอกว่าคุณอยู่กับผี หรือคุณเองก็เป็นผีอยู่นั้นแหละ หลอกตัวเอง ไม่ใช่หลอกใครหรอก หลอกว่าชีวิตนี้จะต้องมีสุข แล้วก็ไปดิ้นรนอยู่นั่นแหละ ไอ้ความดิ้นรนที่จะต้องไปแสวงหาสุข จะต้องเสพสุขให้ได้ หยาบที่สุดก็ทาง ลาภ ยศ สรรเสริญ แล้วก็ละเอียดไปเป็นอัตตา ตั้งแต่มีกาม มีรูป มีอรูป ก็ไม่รู้จักรายละเอียดพวกนี้เลย 

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วก็สร้างพลังงานขึ้นมาเรียกว่า ฌาน เป็นพลังงานกองเพลิงใหญ่ หรือไฟเป็นเตโชธาตุ เพราะฉะนั้นพวกเดียรถีย์ไปเข้าใจผิด ไปนั่งเข้าฌาน ออกฌาน ฌานของศาสนาพุทธไม่เข้าไม่ออก เข้าๆออกๆนั้นเป็นพวก เดียรถีย์ เขานึกว่าฌานจะต้องไปอยู่ในภพแล้วทำให้เย็น ซึ่งไม่ใช่  ฌานนี่คือ พลังงานชนิดหนึ่งที่จิตสร้าง แล้วมันทำหน้าที่อะไร มันทำหน้าที่ 2 อย่าง ทำหน้าที่ทั้งร้อนและอบอุ่น เย็นอย่างพอดีๆ อาศัยสุดท้าย แต่ที่ใช้อย่างเต็มที่ก็คือใช้เผากิเลสเลย ถ้าไม่มีฌานหรือปัญญา ฌานอยู่ที่ไหน ปัญญาอยู่ที่นั่น ถ้าไม่มีความรู้ระดับปัญญาระดับฌาน สลายกิเลสไม่ได้ เผากิเลสไม่ได้ ทำลายกำจัดกิเลสไม่ได้ 

ต้องพลังงานที่มีธาตุรู้ รู้หน้ามันเลย จนกระทั่ง พระพุทธเจ้าไม่มีภาษาจะอธิบายแล้ว กิเลสมันรู้หน้าเห็นพระพุทธเจ้าแล้ว ร้อง เฮ้ย! ตถาคตเห็นเราแล้ว รู้เราแล้ว ไปๆๆ ไป มันหนีหูตูบเลย หนีไปไกลลิบเลย ไม่กล้ารอหน้า ไม่กล้าเข้าใกล้เลย มันมีธรรมฤทธิ์ถึงปานนั้น ก็ใช้ภาษาพูดได้อย่างนั้น ผู้ที่มีสภาวะจริงเป็นปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติจึงจะพูดได้ แล้วบรรยายเป็นภาษา อาตมาอธิบายเป็นภาษาไทย สื่อเป็นภาษาไทยง่ายๆ ไม่ใช่บาลี ไม่ใช่ภาษาต่างประเทศใดๆเลย ภาษาไทยของเรานี่แหละ มาเตอร์ทัง (mother tongue) ภาษาของพ่อแม่ปู่ย่าตายายมาเลย ใช่ไหม แล้วรู้เรื่องดีทั้งนั้น 

เพราะฉะนั้นฌานคือพลังงานที่มันมีประสิทธิภาพรู้จักกิเลส เพราะมันมีปัญญารู้กิเลส เพราะฉะนั้นเทวนิยมไม่รู้จักกิเลส เขาไม่มีการจะมาเผากิเลสทำลายกิเลสอะไร เพราะเขาไม่มีความรู้อันนี้ ความรู้ของเทวนิยมไม่มี มันเป็นพลังปัญญาแท้ๆ เป็นความรู้พิเศษ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระพุทธเจ้าหรือศาสนาพุทธที่เป็นโลกุตระเท่านั้น มันพิเศษเท่านั้นจริงๆ เลย ไม่ใช่ไปยกตนเองใหญ่ข่มเบ่งศาสดาอื่นๆ ใดๆ หรอก มันเป็นจริงๆ เช่นนั้น มันไม่ใช่ความรู้ของชาวเทวนิยมโลกียะที่จะมารู้ได้เลย 

โลกียะยังไม่มีสิทธิ์ที่จะมีความรู้ที่ชื่อเรียกเป็นภาษาไทยๆว่า ความฉลาด เทวนิยมโลกียะหรือชาวตะวันตก ศาสนาพระเจ้าทั้งหลายไม่มีความฉลาด มีแต่ความรู้โลกียะ ฉลาด เป็นภาษาไทยที่เพี้ยนมาจากคำภาษาบาลีว่า ฉฬายตนะ มันกร่อนมาจากคำว่า ฉฬายตนะ เป็นคำว่าฉลาด เป็น ด.เด็ก รู้ความรู้ครบทวาร 6 แล้วก็จัดการกับทวารทั้ง 6 ดับความสุข ดับความทุกข์ได้ด้วยเวทนา 108 เวทนาเป็นเจตสิก เป็นส่วนย่อยของความเป็นจิต แยกย่อยออกไป ธาตุรู้มันเป็นอย่างนี้ เก่งอย่างนี้ เอาไปใช้ทั้งเป็นสัญญา ทั้งเวทนา ทั้งสังขาร เจตสิก 3 แยกย่อยมา เรียนรู้จนกระทั่ง แยกเป็นเวทนา 2 เวทนา 3 เวทนา 5 เวทนา 6 เวทนา 18 เวทนา 36 เวทนา 108 

พวกเราเรียน และอาตมาก็สาธยายแยกแยะให้ฟังชัดเจนด้วย เพื่อที่จะให้รู้ว่า อ๋อ..ความเป็นเวทนามันเป็นอย่างนี้ แล้วมันทำงานด้วยสัญญาเป็นตัวกำหนด สัญญาเป็นตัวแยกแยะออกมาจากสังขาร แล้วก็จัดการ จากสังขารมาเป็นเวทนา เวทนาเก๊ เวทนาแท้ จนกระทั่งเหลือเวทนาแท้  เวทนาเก๊ไม่มี พระอรหันต์หมดเวทนาเก๊ บุญหมด บาปหมด เป็นคนไม่มีบุญไม่มีบาป ปุญญปาปปริกขีโณ แล้ว แล้วคนก็เข้าใจไม่ได้ว่าบุญคืออะไร บุญคือเพชฌฆาต บุญคือ กิโยตินตัดคอคน คนก็คือทาสกิเลส กิโยตินตัดคอกิเลส หรือจะเรียกว่า เครื่องประหารหัวสุนัขของเปาบุ้นจิ้น ที่พูดนี้หมายความว่า ไม่ได้ไปทำร้ายอะไร จะไปทำร้ายสิ่งที่ชั่วที่ต่ำ ความหมายของกิโยตินก็ไปทำร้ายคนผิด ตัดคอคนผิด เครื่องมือฆ่า 

เพราะฉะนั้นคำว่าบุญนี้ ใครอย่าไปอยากได้ ไปอยากได้มาทำไม ให้มันทำบุญจนสำเร็จจนกระทั่งมันไม่มีในเราอีกแล้ว เป็นคนไม่มีบุญอีกแล้ว นี่เป็นคนสุดยอด เห็นไหมความผิดเพี้ยน ความเสื่อมของศาสนา เข้าใจคำว่าบุญไม่ได้แล้ว แล้วคุณก็ทำพลังงานให้เป็นฌานเป็นบุญ คุณทำไม่เป็น เพราะคุณเข้าใจผิดแล้วว่า ฌานเป็นอย่างไร บุญเป็นอย่างไร ฌาน คือตัวทำลาย แต่ฌานนี้เป็นสภาพ 2 ทำลายด้วย เป็นปัญญาด้วย เป็นปัญญา เมื่อทำลายกิเลสเสร็จ กิเลสหมดแล้วบาปหมด ก็กลายมาเป็นกุศลถาวร เป็นกุศลที่ไม่ตกต่ำแล้ว นิยตะแล้ว มีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีทำชั่วอีกเลย ไม่ทำบาปอีกเลย เป็นเครื่องอาศัยของมนุษยชาติ ธาตุจิตของเรานี่แหละและเราก็ทำได้ แล้วก็เป็นเครื่องอาศัยของเราไป ก็อยู่ในตัวเรา เราจะเกิดอีกกี่ชาติกี่ชาติ ธาตุจิตตัวนี้ก็ นิยตะถาวร มีแต่จะเจริญไปอีก บำเพ็ญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นโพธิสัตว์อย่างอาตมา บำเพ็ญสูงสุดก็เป็นพระพุทธเจ้า ปางนี้อาตมาก็ปาง 7 แล้วก็ไปเป็นปาง 8 ปาง 9 ต่อไป จึงเอาของจริงที่เราเองมีนี้ มาพูด มายืนยัน ไม่ได้อวด พูดของจริง ใครไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาพูดความจริง มีสิทธิ์พูดความจริง ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาไม่ได้มาทำเพื่อที่จะให้คนเชื่อ อาตมาทำความจริง ไม่ได้มาทำเพื่อให้คนเชื่อ แล้วก็จะได้บริวาร จะได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่ ส่วนมากเขาก็ด่า

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาต้องเกิดในปัจจุบัน จึงรู้เท่าทันเทวทัตยุคดิจิตอล วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2566 ( 15:39:00 )

หลงงมงายอยู่ในสิ่งที่ควรเลิก 

รายละเอียด

คงจะทาลิปสติกอยู่สิ ดีเกิดความรู้ความสว่างแจ้งเห็นจริงว่าเรางมงายไปหลงยึด พระพุทธเจ้าตรัสรู้ท่านสอนในรูปรส กลิ่นเสียง สัมผัส พวกนี้ อ๋อ ..อย่างนี้เองสัจธรรมพระพุทธเจ้า เราเคยไปหลงงมงายอยู่ในสิ่งที่ควรเลิก อาตมาเคยมีเพื่อนทำงานอยู่ในวงการดารา ตอนนี้เขาเสียไปแล้ว เป็นดาราเขาชอบแต่งเนื้อแต่งตัวสวยงาม อาตมาพูดถึงตรงนี้พูดไปพูดมา อาตมาพูดตอนนั้นปฏิบัติธรรมอยู่ก็เลยพูดชัดๆ แรงๆ เขาโกรธอาตมาเลย​ เขาอายุมากกว่าอาตมา อาตมากำลังใกล้จะออกมาอยู่ทางธรรม

ตอนนั้นอาตมาใช้ศัพท์ลบหลู่ความสวยความงามพวกนี้ เขาก็สะเทือนใจหรือว่ารับไม่ได้ คือคนเรานี่สิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้วเราหลงว่าดี พอได้รู้ว่า จริงๆมันเป็นความหลงผิดที่ไปติดยึดมันไม่ดี พอเห็นว่าไม่ดี ไม่ดีที่สูงขึ้น มีขึ้นภาพอารีย์ นักดนตรีและ สว่างจิตร  อารี นักดนตรี ตอนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนสว่างจิตรนั้นดูเหมือนจะเสียไปแล้ว นี่ก็พูดถึงความเก่าเพื่อย้ำยืนยัน ไม่ใช่ดูถูกดูแคลน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 12:58:04 )

หลงตัว

รายละเอียด

สอุปาทิเสสะ หลงดี มีมานะลดดีในตนเอง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:58:34 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:29:05 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:39:26 )

หลงตัว

รายละเอียด

สอุปาทิเสสะ หลงดี มีมานะลดดีในตนเอง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 16:11:51 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:29:48 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:40:27 )

หลงตัวกูของกูถูก คนนี้จะช้านาน 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น เมื่อคุณเจริญด้วยอินทรีย์ ทำผลได้เต็ม รู้มีสติ ธัมมวิจัย วิริยะ ได้ผลสั่งสมขึ้นมา มันก็เป็นการตั้งมั่นของจิตเรียกว่า เป็นสมาธิ สมาธินทรีย์ ปัญญา ปัญญินทรีย์ สั่งสมเป็นปัญญาพละ และยังมีตรวจสอบด้วยวิมุติ วิมุติญาณทัสนะอีกนะ 

สรุปแล้วคุณเลิกความเป็นสัตว์ ตั้งแต่โง่เป็นสัตว์ ตั้งแต่กายต่างกันสัญญาต่างกัน คุณมีธาตุรู้ที่โง่มาก กายก็เป็นมิจฉาทิฏฐิวิปลาส สัญญาก็มิจฉาทิฏฐิ วิปลาส แล้วก็จับอะไรก็ไม่มั่นคั้นอะไรก็ไม่ตาย อยากจะจับอะไรก็จับเลอะๆเทอะๆไป 

เพราะฉะนั้นคุณกำหนด ยิ่งคุณเองคุณมีอัตตา มีมานะ มีอวดดี มีแข่งดีกับคนที่เขารู้ คนรู้เขาบอกว่าทำอย่างนี้ กูก็จะทำอย่างนั้น คนรู้บอกว่าจะทำอย่างนั้น กูก็จะทำอย่างนี้

มิจฉาทิฎฐิกับสัมมาทิฏฐิมันจะต้องค้านแย้งกันตลอดเวลาด้วยมานะ อัตตา 

มันจะไม่ยอมทำตาม เพราะมันไม่เชื่อ มันไม่ศรัทธา มันไม่เอามันไม่นับถือ มันหลงว่าตัวกูของกูถูก คนนี้จะช้านาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 ราชธานีอโศก วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 10:27:57 )

หลงตัวเอง

รายละเอียด

หลงแล้วยังถูลู่ถูกังลากต่อไปอีก แทนที่จะยอมรับเลิกเสียจะวางมือเสีย ไม่เลย ไม่เลย เห็นความซับซ้อนของความหลง ความหลงคือความโง่ที่ซับซ้อนโง่ หลงซับหลงซ้อนด้วยความโง่ที่ซับซ้อน น่าสังเวชใจ ที่อาตมาเสียเวลาพูดเพราะมันเป็นปรากฏการณ์จริงตัวจริงของมนุษยชาติ พฤติกรรมก็ยังอยู่ศึกษาต่อได้อยู่ นอกจากเขาทำคนเดียวไม่พอยังชักชวนญาติโกโหติกา ไปด้วยกันอีกพรรคพวกอีก ตอนนี้รู้สึกว่าพรรคพวกจะรู้ตัวลดลงบ้างแล้ว แต่แน่นอนญาติโกโหติกาก็ยังเกาะติดไปด้วยกัน เพราะว่าการจะมาเป็นญาติกันได้ ทำไมเป็นญาติกันโดยไม่มีเชื้อชั่วด้วยกันไม่ง่ายหรอก เพราะว่ามีเชื้อชั่วด้วยกันจึงเป็นญาติกันมา กว่าจะไปนับญาติกันใหม่ เราไปเอาญาติทางธรรมดีกว่า ธรรมพันธ์ุพฤติกรรมของเราดีกว่า

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:12:30 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:30:54 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:42:09 )

หลงตัวเอง

รายละเอียด

เรื่องความไม่สัมมาทิฏฐิจริงๆ มันพาเลื่อนเปื้อนเลอะเทอะง่าย แล้วหลงว่าตัวเองมีเยอะด้วยนะ หลงว่าตัวเองได้เยอะ หลงว่าตัวเองรู้เยอะด้วย พระพุทธเจ้าท่านสรุปลงไปเป็น ปทปรมบุคคล ว่าเป็นผู้ที่ ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็รู้มากท่องจำก็ได้มากแต่ไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินั้น เมื่อไม่บรรลุธรรมในชาตินั้นจึงไปเก็บเอาขยะอะไรต่ออะไร ที่เป็นความรู้เลอะเทอะ แม้แต่ความรู้ของเทวนิยมก็เอามาบวก เอามาผสม แล้วก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเทวนิยม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:38:29 )

หลงตามโลกด้วยใจที่โง่

รายละเอียด

ซึ่งมันมีเหตุโง่คืออวิชชา โง่อะไร ไปหลงโลกที่เขาสอนมา ก็ไปยึดติดตามโลกเขา หลงตามโลกเขาว่า อย่างนี้สวย อย่างนี้น่าได้ อย่างนี้หอม อะไรต่างๆนานาสารพัดตามที่จะหลงไปตามตาหูจมูกลิ้นกายด้วยใจที่โง่ ก็เลยมีสิ่งที่หลงไปตามโลกเขา ที่จริงทุกอย่างที่ตา กระทบ หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรสได้ กลิ่นมันก็เป็นสิ่งนั้นอย่างเดียว จึงศึกษาให้รู้ความจริงตามความเป็นจริงหนึ่งเดียวให้ได้ เมื่อผู้ใดทำได้แล้ว อย่างเดียวแล้วจึงจะรู้ว่า อ๋อ.. เราเป็นสัตว์โลกเกิดมา มันสามารถที่จะมีจิตนิยาม สามารถที่จะมีธาตุรู้ไปรู้สิ่งเหล่านี้ได้ตามจริงตามความเป็นจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:57:31 )

หลงทางต่างจากลิงลมอมข้าวพอง

รายละเอียด

ที่อาตมายืนยันว่าคำว่าได้มรรคผลขอยืนยัน ไม่ใช่พูดเล่น ต้องขออภัยอีกทีหนึ่งที่จะต้องกล่าวต่อไปนี้ว่า ข้างนอกเขาไม่มีการได้มรรคผลกัน เพราะว่าหลงทิศหลงทางกันไปนั่งหลับตาปฏิบัติธรรมกันอยู่ การหลับตาปฏิบัติธรรมนั้นเป็นเรื่องของเดียรถีย์ นอกรีต ที่พระพุทธเจ้าออกบวชก็หลงทางไปปฏิบัติอย่างนั้น 6 ปี ไม่ใช่หลงทางหรอก เป็นลิงลมอมข้าวพอง อาตมาตอนแรกๆก็หลับตาไปกับทางโลกเขาบ้าง ที่ใช้คำว่าลิงลมอมข้าวพองคือมันตามโลกมันครอบงำอยู่ในช่วงระยะเวลาแรก จนกระทั่งเราตั้งตัวได้ตั้งสติเต็มตามความเป็นจริงของเราขึ้นมาเต็มที่เราก็เป็นตัวของตัวเอง อาตมาเป็นเช่นนั้นมีความจริงที่อาตมารู้เป็นมรรคผลว่าอย่างนี้เป็นมรรคอย่างนี้เป็นผล อย่างพวกเรามาปฏิบัตินี่แหละ อาตมาก็ยืนยันว่าพวกเราบรรลุมรรคผลแม้แต่เป็นฆราวาส 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2563 ( 11:58:44 )

หลงทำไมตลาดขายผัก

รายละเอียด

เราจะไปหลงทำไมตลาดขายผัก ก็ทำเหน็ดเหนื่อยจะตาย ไม่ได้เอากำไร ทำเผื่อแผ่แจกจ่ายเจือจาน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 12:55:14 )

หลงปักมั่นหรือจมอยู่ในความหลงจะไม่ได้พัฒนา

รายละเอียด

คุณอย่าเพิ่งโกรธเกลียดกัน คบกันต่อไป ฟังธรรมอาตมาต่อไป จะส่งข้อความมายาวหรือสั้นก็ส่งมาเถอะ แม้จะอยู่ในลักษณะที่คุณเองจะต้องเพ่งโทษด่าว่าตำหนิ แย้ง ก็ทำเถอะ แล้วอาตมาจะนำข้อความของคุณต่างๆ เอามาขยายความเปรียบเทียบกันว่าอาตมาเข้าใจอย่างนี้คุณเข้าใจอย่างนี้นะ คุณก็ฟังบ้างสิ มีเหตุมีผลมีหลักมีฐานอะไรดูดีกว่าก็จะได้ฟังจะได้พัฒนาบ้างไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้พัฒนา จะหลงปักมั่น จมอยู่ในความหลง ในคุหัฏฐกสูตร หยั่งลงจมลงในความหลง อย่างนี้ไม่ไหวมันไม่งอกไม่เงย 

อาตมาจะนำไปเขียนเป็นหนังสืออีกเล่ม คุหัฏฐกสูตร ละเอียดลออดีมาก ยาว ตั้งแต่ข้อ 30 ถึง 69 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 มาตรวัดจิตสมาธินิมิต วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:55:12 )

หลงผิด

รายละเอียด

มิจฉาทิฏฐิ คือ เห็นดีว่าชั่ว เห็นชั่วว่าดี

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 16:02:40 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:31:43 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:42:53 )

หลงผิด

รายละเอียด

มิจฉาทิฏฐิ คือ เห็นดีว่าชั่ว เห็นชั่วว่าดี

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:54:52 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:32:18 )

หลงผิด เลอะเทอะ แม้“ซากศพ”แค่ไม่เน่าเปื่อย ก็สำคัญเป็น“ผู้วิเศษ”!

รายละเอียด

ดังนั้น คน“ตาย”แล้วเป็นสามัญแท้ๆ ผู้“มิจฉาทิฏฐิ”ก็ยังหลงผิดเลอะเทอะซับซ้อนไปเป็นว่า นี่แหละคือ“ความวิเศษของผู้วิเศษ” ก็พากันหลงมิจฉาทิฏฐิกราบ“ซากศพ”ที่ตนสร้าง“อุปาทาน”อย่างแรงกล้า ยึดมั่นหนัก จึงยังไม่เน่าเปื่อยไปตามธรรมชาติสามัญ มันก็ได้ผลด้วยแรงที่ตนเองทำเอาจนสำเร็จด้วยจิต(เป็น“มโนมยอัตตา”ชนิดหนึ่ง) เพราะคนผู้นี้ยิ่งเรียนยิ่งมี“อวิชชา”เพิ่มหนักขึ้น มี“อุปาทาน”ยึดมั่นถือมั่นจัดหนัก“เกินปุถุชนสามัญ”(โง่ยิ่งกว่าปุถุชนสามัญ)จึงกลายเป็น“ร่าง”ที่ไม่เน่าอยู่ต่อไป 

ผู้ที่มิจฉาทิฏฐิก็พากันหลงผิดเตลิดเปิดเปิงไปใหญ่ว่า นี่แหละคือ ผู้วิเศษ“ตายแล้วไม่เน่า” ก็หลงเคารพกราบไหว้บูชา ยกย่อง“ศพผู้มิจฉาทิฏฐิอวิชชาสาหัสหนักยิ่งนักหนา”นี้ว่า“วิเศษ”!มันก็เป็นความหลงเลอะเทอะสลับซับซ้อนไปใหญ่อย่างน่าสงสาร !

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 452 หน้า 330


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:11:38 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:46:17 )

หลงผิดมา เข้าใจแล้วละอายอย่างแรงกล้า

รายละเอียด

ผู้ที่เข้าใจแล้วจะเห็นว่าเคยไปหลงผิดมา ผู้ที่เข้าใจแล้วจะละอายอย่างแรงกล้าเหมือนผู้ที่ได้สำนึก เช่นผู้หญิงที่เคยไปแต่งกายโป๊เปลือย พอมาได้สำนึกตัวเองแล้ว จะเห็นว่าเราทำเข้าไปได้ยังไง พวกเราหลายคนไม่ถึงขนาดไปโป๊ไปเปลือย แต่ไปหลงตกแต่งไปหลงลาภยศ อย่างที่แสดง SMS มา แต่ก่อนเราไปหลงได้ยังไงอย่างนั้น มันก็จะละอาย คนที่ยิ่งละอายแรงกล้า ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส (พตปฎ.เล่ม 23 ข้อ 92 ปัญญา 8) คนนั้นยิ่งมีสำนึกสูง ยิ่งจะละวางหรือทิ้งง่าย ใช่ไหม มีความละอายอย่างแรงกล้า 

คนไหนไม่ละอายอยู่ แน่นอนเขาก็ไม่ทิ้งมาหรอก อย่างอาจารย์สุจินต์ (อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์)นี้ ก็ยังทาปากเฉย 90 กว่าแล้ว เป็นธรรมดาธรรมชาติไม่ทิ้ง อาตมาว่ามันยากนะการทาปาก หรืออาจจะแต่งเก่งแล้ว ต้องทาปาก เขียนคิ้วอะไรต่ออะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าอวิชชาหลับตาโง่ๆ วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2566 ( 13:26:25 )

หลงผีเป็นเทวดา

รายละเอียด

คนที่แยกออกว่า ผี ก็ดี หรือภาษาอื่นๆ จะใช้คำว่ามารหรือซาตานอะไรก็ตาม ก็คืออันเดียวกัน เป็นธาตุที่ไม่ค่อยเข้าท่า โง่ๆเง่าๆ หรือนึกว่าตัวเองฉลาดตัวเองเป็นเทวดา เทวดาหลงเสพติด ดาวดึงส์ หลงเสพติดจตุมหาราช ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี  

โง่ แค่ชั้นจตุมหาราชก็เป็นกันเต็มโลก ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำทีเป็นว่าไม่รุกรานคนอื่นเท่าไหร่ เพราะไม่สามารถรุกรานใคร แต่แสดงอำนาจบาตรใหญ่ป้องกันตัวเหมือนเกาหลีเหนือ ก็แสดงความเป็นเจ้าโลกว่า ฉันมีอำนาจรุนแรงนะเฮ้ย อย่ามาตอแยกับฉันนะ สหรัฐอเมริกาน่ะ ฉันยิงถึงเลยนะ ตูมเดียว จากเกาหลีเหนือไปลงวอชิงตัน ลงนิวยอร์กได้เลยนะ แล้วเขากำหนดได้จริงๆ ด้วยในยุคนี้ ขู่กันอยู่อย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 21:28:42 )

หลงยศ หลงสรรเสริญ สภาพของความเสื่อม

รายละเอียด

แต่ก่อนนี้พวกเราชาวอโศก ไม่ได้มีความวุ่นวายยุ่งยากเรื่องพวกนี้เลย แต่เดี๋ยวนี้ทำไมมันเกิดกิเลสพวกนี้มากขึ้น อยากได้ตำแหน่ง อยากได้อำนาจ อยากได้ฐานะอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก่อนนี้ยัดเยียดให้ ให้เป็นอันนี้ ก็ไม่ค่อยจะรับกัน แต่เดี๋ยวนี้มันชักจะเสื่อมหรืออย่างไร มันถึงมีลักษณะพวกนี้ขึ้นมา อาตมาก็..เอ้อ มันยิ่งทำไปยิ่งทำไปยิ่งเสื่อม มันเป็นได้เหมือนกัน พระพุทธเจ้าสร้างศาสนาขึ้นมาตอนแรกก็ดี เจริญๆ เมื่อถึงวาระหนึ่งก็เสื่อม เริ่มต้นตั้งแต่พระพุทธเจ้ามีพระชนม์ชีพก็มีคนแทรกเข้ามา แม้แต่มาบวชเป็นพระก็เป็นพระกเฬวราก ในพระไตรปิฎกก็มีเป็นธรรมดา เราก็จำนนในความเกิดขึ้นตั้งอยู่เสื่อมไปถึงที่สุดก็ดับไป ก็ช่วยกัน แล้วก็รู้ความจริง มันมีลางบอกแล้วไม่ค่อยดี  ปรับปรุงให้ดีๆตั้งใจให้ดีๆ อย่าไปหลงในลาภยศ สรรเสริญ ยศศักดิ์ ฐานะ ตำแหน่งหน้าที่ ขนาดไม่มีเงินไม่มีรายได้ให้ แต่มาติดยศฐานะ ลาภไม่มี แต่ติดยศฐานะหรือมีสรรเสริญซ้อนลึกไปอีก ยศฐานะซ้อนลึกไปสรรเสริญ​แต่ลึกๆเป็นสุข นี่เป็นโลกธรรม เพราะฉะนั้นเรามาปฏิบัติธรรม มาล้าง ลาภยศสรรเสริญสุข เรียนดีๆ ถ้ารู้ตัวแล้วก็ ลดกิเลสตัวที่เรามี ลดได้มากหรือหมดก็ดี ลดไม่ได้ก็ซวย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 85


เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:41:38 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:32:53 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:45:17 )

หลงยึดภาษาจากพระไตรปิฎกเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีสัมมาทิฎฐิ จะสามารถบรรลุธรรมได้หรือไม่

รายละเอียด

ตอบเปรี้ยงเลย ว่า ไม่ได้ ก็คุณพูดมาเหตุปัจจัยพลความคุณพูดชัดอยู่แล้ว ยึดภาษาจากพระไตรปิฎกอย่างเดียวโดยไม่มีสัมมาทิฏฐิ แล้วมันจะสามารถบรรลุได้ไหมล่ะ ไม่ต้องถามอาตมาหรอก ใช่ไหม ถามใครก็ได้ ก็มันบอกอยู่โต้งๆอยู่แล้ว ก็มันไม่สัมมาทิฏฐิ ก็ยึดไปเถอะ ยึดพระไตรปิฎกอย่างมิจฉาทิฏฐิ แปลอีกที ไม่สัมมาทิฏฐิก็คือมิจฉาทิฏฐิ ยึดพระไตรปิฎกจริงแต่ยึดอย่างมิจฉาทิฏฐิ แล้วมันจะไปบรรลุธรรมได้อย่างไร 

เพราะฉะนั้นความรู้ในพยัญชนะในภาษานี้ อาตมาเกิดมาชาตินี้อาตมาไม่ได้เรียนบาลีตามที่เขาเรียนกัน มี ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ อย่างที่เขาเรียนกันอยู่เป็นตำรากันมหาศาล อาตมาไม่ได้เรียนอย่างนั้น และอาตมาก็เชื่อว่าอาตมาเข้าใจไม่ผิด 

คือ เขาเพี้ยนไปจากสิ่งที่มันถูกต้องตามสภาวธรรม ฟังให้ดีนะตรงนี้ พยัญชนะที่เขาเรียนนั้นถูกตามพยัญชนะที่เขาเรียน ตามครูบาอาจารย์วางหลักสูตรมา แล้วมันค่อยๆเพี้ยน มันเป็นการปรุงแต่งภาษาและออกนอก เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า เป็นคำวิจิตร ที่อาจารย์รุ่นหลังสอน ออกนอกโลกุตระ นี่แหละคำสอนเหล่านี้ไม่ได้เข้าหาโลกุตระ ออกนอกโลกุตระ ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ แม้ ฉันทลักษณ์  พาออกนอกหมด (อาณิสูตร พตปฎ. เล่ม 16 ข้อ 672-673 )

อาตมาไม่รู้อิโนอิเหน่อย่างที่เขาใช้ อาตมามาเองเอาเองเป็น สยังอภิญญา เอาโลกุตรธรรมเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาสถาปนาลงไป จึงมาถึงวันนี้ยืนยันชัดเจนว่า 

คำว่า “กาย” คำแรก เขาก็ยังมิจฉาทิฐิกัน เป็นสังโยชน์ข้อที่ 1 สักกายทิฏฐิ สังโยชน์ข้อที่ 1 เขาก็ไม่ได้แล้ว เขาก็ไม่เข้าใจแล้วว่ากายคืออะไร เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าใจคำว่ากายคืออะไรไม่ได้ เข้าใจผิดไปจากความจริง ล้มเหลวหมด กระดุมเม็ดแรกกลัดผิด เป็นปากกรวยก็บานปลายออกไป ผิดกว้างออกไปใหญ่เลย 

มาถึงวันนี้จึงไม่เหลือเชื้อ แล้วเขาก็กลับลำไม่ได้ มันไกลเกินโค้งกลับ มันไกลเกินโค้งกลับมา ไปไม่ได้ ไปผิดทางแล้ว 

อาตมาก็ได้แต่เอามาอธิบาย เอามาขยายความเอามายืนยันลงไปให้เห็น ว่าเมื่อ”กาย”ผิด ก็พยายามดึงเข้ามาให้มันถูก 

คำว่า “กาย” คำนี้ เริ่มต้น”กาย” แล้วคุณจะเริ่มมาปฏิบัติธรรม คุณก็จะต้องปฏิบัติตั้งแต่”กาย”

ธรรมะพระพุทธเจ้า เมื่อเข้าใจกายถูกต้องสัมมาทิฏฐิ  คุณก็มาเริ่มปฏิบัติเข้าสู่”โลกุตรธรรม 37” หลักการปฏิบัติธรรมที่เป็นโลกุตรธรรมคือ”โพธิปักขิยธรรม 37” โดยพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

พิจารณากายในกาย แล้วมันจะเชื่อมสัมพันธ์ปฏิสัมพันธ์กันเข้าไปถึงเวทนา แล้วก็ปฏิสัมพัทธ์กันเข้าไปถึงจิต ปฏิสัมพันธ์กันเข้าไปถึงธรรม ไม่มีส่วนไหนขาดกัน ไม่ขาดกัน แต่ของเขาตัดวิ่นหมดขาดกันระเนระนาด กายไม่มีแล้ว เขาดับจิตด้วย ให้ทำเวทนาไม่ให้มีความรู้สึกข้างนอกข้างในไม่มี ดีไม่ดีดับเวทนาดับสัญญาเป็นนิโรธไป พาซื่อออกไปนอกเขตเทศบาลศาสนาพุทธหมด เข้าป่าเข้ารกเข้าพง เป็นเดียรถีย์หมด 

เพราะฉะนั้นคำว่ากายผิดไปแล้ว เมื่อมาพิจารณาโลกุตรธรรมข้อแรกกายในกาย คุณก็ผิดแล้ว คุณไม่มีกาย คุณไปหลับตา เมื่อไม่มีกาย ไม่มีสัมผัสภายนอก เวทนาก็ไม่มี เมื่อเวทนาไม่มี คุณก็งมงายนึกว่าจิต จริง เป็นส่วนหนึ่งของจิตคือสัญญา จิตในจิตคุณเหลือแต่สัญญา เพราะฉะนั้นจิตในจิต-เจโตปริยญาน 16 จะต้องรู้จักราคะ-โทสะ-โมหะ  

ราคะ-โทสะ-โมหะ ตัวเริ่มต้นคือ กามาวจร ต้องมีกาย มีกามาวจร มีกิเลสกามราคะเป็นข้อต้น เพราะฉะนั้นข้อต้นที่มีกามมีกิเลสในจิต จิตในจิตคุณไม่มีกาย ไม่มีกาม..ไม่มี คุณหลับตาเข้าไป โมฆะทั้งกระบวนจิตในจิต ไม่ได้มีทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย อะไรเกิดขึ้นเลย อาตมาขยายความยังไม่เก่ง พยายามขยายความแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นิยามของเศรษฐศาสตร์ฉบับโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2566  ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2567 ( 16:23:46 )

หลงรักคนมีเจ้าของบาปมากไหม

รายละเอียด

บาปคือความทุกข์ บาปคือพลังงานจิตที่ไปสั่งสมพลังงานนั้นใส่ตัวเอง ไปรักเขา พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่ามีรัก 1 ก็ทุกข์ 1 มีรัก 100 ทุกข์ 100 มีรัก 90 ทุกข์ 90 ไม่มีรักเลยไม่ทุกข์เลย ก็เป็นสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้ว พวกเราที่เกิดมาด้วยอวิชชา พระพุทธเจ้าเป็นคนหมดอวิชชาท่านได้ตรัสความจริง ท่านได้สอนไว้ เรายังไม่หมดอวิชชาเราก็มาเรียนรู้ตามพระพุทธเจ้า สามารสที่จะไม่มีความรักเลยในจิต แม้จะมีความรักก็พยายามล้างออกไป มันไม่มีหรอกความรักแบบนั้นมันเป็นทุกข์ ความสุขเป็นตัวหลอก สุขขัลลิกะ อัลลิกะ แปลว่าความเก๊ความหลอก มันมีแต่ทุกข์อาริยสัจ สุขเป็นอัลลิกะ ของเก๊ เป็นธาตุคู่ ทุกข์กับสุข อนาคตไม่เอาทั้งทุกข์ทั้งสุขไม่เอาทั้งสวรรค์และนรก ไม่ใช่ศาสนาโลกียะที่หมุนวนเป็นธรรมะ 2 อย่างเก่งที่สุดก็เป็นธรรมะเดียวไม่มีแล้วความทุกข์ ความสุขก็ไม่มี เป็น 0 แต่ก็ต้องรู้ว่าความสุขอย่างไรดีที่สุดก็เป็นความสุขที่ว่าง สุขที่ไม่ต้องมีธาตุคู่ อยู่ 1 ยังไม่เป็นศูนย์ก็ตามเป็นหนึ่งอย่างแข็งแรง พวกเรานี้ กำลังมีฮอร์โมนหนุ่มสาว ฟังไปอย่างนี้ยังไม่ซาบซึ้งแต่มันก็ติดใน hard disk แล้วเอาไว้ใช้ในอนาคต ในอนาคตหนักกว่านี้นี่ยังน้อยไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2564 ( 12:08:40 )

หลงลืม

รายละเอียด

มฏฐสสติ อฏฐ คือ อฏฐ แปลว่า 8 ยังไม่เต็ม 9 เรียกจิตยังไม่เต็ม สติไม่เต็ม หลงลืม เลอะเทอะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:55:52 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:33:51 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:46:26 )

หลงลืม

รายละเอียด

มฏฐสสติ อฏฐ คือ อฏฐ แปลว่า 7 ยังไม่เต็ม 9 เรียกจิตยังไม่เต็ม สติไม่เต็ม หลงลืม เลอะเทอะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 16:06:29 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:34:56 )

หลงสวรรค์

รายละเอียด

เขาหลงว่านี่คือสวรรค์ มีในคนไหมเอ่ย..มี รบอย่างหยาบ ฆ่าอย่างหยาบ แย่งอย่างหยาบ จนกระทั่งละเอียดค่อยๆ ซับซ้อนลึกซึ้งขึ้น

พอแย่งได้ คุณก็ชื่นใจนึกว่าเป็นสวรรค์ อีกชื่อภาษาว่า ดาวดึงส์ สวรรค์ชั้นที่ 2 ดาวดึงส์ หรือ ตาวติงสา เป็นภาษาไทยก็เรียกว่า ดาวดึงส์ แปลว่า 33 คือ วิมานเลอะเทอะ วิมานลอย วิมานโม้ วิมานปั้นเอาเอง เพราะธรรมดาคนมีอาการ 32 เท่านั้นที่คุณจะมี แต่นี่คุณไปมีไอ้สิ่งที่ไม่มีที่ไหนก็ไม่มี คุณสมมุติขึ้นมาเป็นอาการที่ 33 ลมๆ แล้งๆ เพ้อๆ ฝันๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 15:27:22 )

หลงสวรรค์หลอก 6 ชั้น

รายละเอียด

อย่างโดนัลด์ทรัมป์ เขาจะต้องเป็นใหญ่ในโลก First American ต้องยิ่งใหญ่มาก่อนอื่นนี่คือความหลงตัวหลงตนของมนุษย์คนหนึ่งที่ขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับ 1 ของประเทศ แล้วก็ประกาศความมีตัวตนความยิ่งใหญ่ ความจะต้องแสดงอำนาจบาตรใหญ่ออกมาโดยพยัญชนะ โดยภาษาซึ่งก็ออกมาจากจิตก้นบึ้งของเขา แล้วคนก็ไปซูฮก คนไหนไปซูฮกคนนั้นก็เป็นทาส จตุมหาราช คือยักษ์มาร ตัวใหญ่ตัวอวดดิบอวดดีที่สุด จตุมหาราชที่มี ปรนิมมิตวสวัตตีครบพร้อม หลงยามา ดุสิต นิมมานนรดี หลงปรนิมมิตวสวัตดี หลงโลกสวรรค์หลอก 6 ชั้น เต็มบ้องเลย นี่คือพยัญชนะที่สอนสภาวะธรรมของศาสนาพุทธเขาไม่รู้เรื่อง แต่เขาอยู่ในสภาวะนี้เต็มบ้อง สวรรค์ต้องเป็นความสุขในโลกีย์ของคนรวยสวรรค์ยิ่งใหญ่ลาภยศสรรเสริญสุข หลงสวรรค์เป็นสุขนิยมเต็มรูปนาม ไม่เข้าใจแล้วเขาก็สร้างทุกข์สร้างอำนาจบาตรใหญ่ อยากจะไปทิ้งระเบิดจะใช้โดรนไปยิงใครตายเขาก็ทำ สารพัดเบ่งขี้แตกเขาก็ไม่รู้จักสัจธรรมโลกถึงน่าสงสารน่าสังเวช ที่คนแสดงอาการที่น่าเกลียดน่าชังอย่างนี้ ก็ยังยอมซูฮกก็ยังยอมนับถือ เขาอยู่ด้วยมายา อย่างอเมริกาอยู่ด้วยมายาที่เขาเองมีสิ่งที่เป็นอำนาจคือกูสร้างอาวุธได้เก่งกว่าเพื่อน แข่งกันอยู่นี่ ถ้าจีนสร้างอาวุธได้เก่งกว่าอเมริกาเมื่อไหร่ อเมริกาเอ๋ย

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธื 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 14:00:12 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:23 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:48:21 )

หลงอยู่ในทางกันดารยิ่งกว่ากามนิตหนุ่ม

รายละเอียด

อาตมาเห็นเจตนาของท่านทั้งหลาย ต้องการเดินทางไปสู่ที่หมาย แต่หลงอยู่ในทางกันดาร

ทางกันดาร คือ “กันตารมัคคัง” 

หลงอยู่ในทางกันดาร ซึ่งมันยิ่งกว่าเขาวงกต ยิ่งกว่าป่ารกชัฏ วนหลงอยู่ในนั้นไม่มีทางออก แล้วก็น่าเห็นใจนะ อยากจะออกอยากจะไปสู่ที่เจริญที่สูงสุดที่จบที่ดีคือนิพพาน แล้วมีคนรู้จักนิพพาน รู้จักที่ออก รู้จักที่ออกจากทางกันดารนั้นได้แล้ว มาบอก เขาก็ว่า หรือ ไม่รู้ ยิ่งกว่ากามนิตที่พระพุทธเจ้าอธิบายธรรมะให้ก็ยินดี อันนี้ไม่ฟังเลยยิ่งกว่ากามนิต กามนิตฟังธรรมพระพุทธเจ้าทั้งคืนยังยินดีเลย แต่นี่ไม่ฟังเลย ตีทิ้งเลย หลงว่าที่ตัวเองปฏิบัติเป็นของพระพุทธเจ้าทำอย่างกับเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง มันเกินกว่าที่พระพุทธเจ้าท่านทำ มันไปไกลเกินกว่าที่พระพุทธเจ้าท่านจะคาดคิด หากพระพุทธเจ้ามาเกิดในยุคนี้ ท่านจะตรัสอย่างไร จะยกอุทาหรณ์อย่างไร อื้อหือ นี่ เป็นอย่างนี้จริงๆเลย อาตมายิ่งพูดยิ่งเห็นหลักฐาน ยิ่งเห็นคำจากเนื้อหาสาระของพระพุทธเจ้า 

กรรมฐานของพระพุทธเจ้า กรรมฐานของพระที่เขาหลงกันอยู่ ไม่เหมือนกันเลย ต่างกันอย่างไร เดี๋ยวจะได้อธิบายอีกหลายปี ยาวนาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:46:59 )

หลงอัตตาเป็นเช่นไร

รายละเอียด

ท่านเก่งวาทะ บัญญัติภาษามากมาย แล้วท่านก็หลงในอันนั้นเลย อาตมาก็เคยพูดถึงท่านเยอะ ที่ท่านปราชญ์หลายผู้หลายคนหลายองค์ บวชเป็นภิกษุด้วย หลายองค์เก่งพยัญชนะ เก่งภาษา เก่งบัญญัติทั้งนั้น อาตมาพูดสู้ท่านไม่ได้หรอก แล้วก็มีความรู้เท่าทันด้วย เขาพูดภาษาของพระเถระ ภาษาของอาจารย์ต่างๆที่ผิดเพี้ยนท่านก็รู้หมด แล้วท่านก็มาตีรวน แล้วก็มาเพี้ยนเข้าหาภาษาสมัยใหม่ของอาจาริยวาท แล้วท่านก็ไม่รู้ตัวเพราะท่านหลงอัตตา ตัวท่านก็มีอัตตา หลงอัตตา เพราะมีคนนับถือมาก เพราะไม่ได้มีความมั่นคงในจุดถูกต้องหรือจุดที่แน่นอนแล้ว มันไม่มี ในจิตมันไม่มีปฏิภาณปัญญารู้จักชัดเจน แล้วก็ได้มรรคได้ผล มันไม่มีจุดนิยตะ ไม่มีจุดเที่ยงแท้ มันก็เลยไหลไปตามโลกียะ ยิ่งความรู้มากก็ยิ่งไหลเพี้ยนไปตาม เยอะไป

นี่อาตมาก็พยายามขยายสภาวธรรมสู่ฟัง เรื่องความไม่สัมมาทิฏฐิจริงๆ มันพาเลื่อนเปื้อนเลอะเทอะง่าย แล้วหลงว่าตัวเองมีเยอะด้วยนะ หลงว่าตัวเองได้เยอะ หลงว่าตัวเองรู้เยอะด้วย พระพุทธเจ้าท่านสรุปลงไปเป็น ปทปรมบุคคล ว่าเป็นผู้ที่ ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็รู้มากท่องจำก็ได้มากแต่ไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินั้น เมื่อไม่บรรลุธรรมในชาตินั้นจึงจะสามารถไปเก็บเอาขยะอะไรต่ออะไร ที่เป็นความรู้เลอะเทอะ แม้แต่ความรู้ของเทวนิยมก็เอามาบวก เอามาผสม แล้วก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเทวนิยม มันก็ไม่รู้จะช่วยยังไง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 19:22:04 )

หลงอาหารปรุงแต่งเพราะยังโง่

รายละเอียด

คุณนี้ฉลาด รู้ความจริงจะได้ทุกข์น้อยลง แล้วก็เป็นพิษเป็นภัยน้อยลงด้วยกับชีวิต คนที่ไปหลงถูกเขาหลอกปรุงแต่ง อาตมาดูโทรทัศน์พวกที่ชอบแสวงหากิน รายการอาหาร เห็นแล้วก็น่าสงสาร เมื่อไหร่เขาจะรู้ เขาจะหยุด ว่าเป็นการชวนกันหลงเลอะเทอะอย่างนั้นเสียที ถ้ามีความเฉลียวฉลาดที่จะพากันกิน ทำรายการอาหาร แล้วให้รู้จักอาหารธรรมชาติ ให้เข้ามาหาสิ่งที่อย่าไปหลงปรุงแต่ง เจ้านั้นเจ้านี้รูปดี รสดี กลิ่นดีตกแต่งดี มีคนเชิดชูว่าชั้นสูง ราคาแพง หลอกให้สังคมปั่นป่วนหัวหมุนหลงเลอะเทอะ น่าสงสารน่าสังเวชใจ แต่ก่อนอาตมาก็เคยโง่ จัดรายการอาหารทางโทรทัศน์ ทำอยู่นาน แต่ก่อนคนเรายังโง่ เดี๋ยวนี้ฉลาดแล้วดีขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 20:54:15 )

หลงเสพติดในอารมณ์คือ ดอกไม้ข้างทาง ให้รีบเดินผ่าน แม้นจะสวยงามหอมชื่นสักปานใด! 

รายละเอียด

ผู้ที่ยัง“หลงเสพติด”ในอารมณ์ต่างๆแม้ถึงขั้น“หลงเสพติด อารมณ์“รูปฌาน 4”ที่เป็น“ความรู้สึกไม่สุข-ไม่ทุกข์”คือ“อุเบกขา”

แล้วทีเดียว แต่ยังหลุดพ้น“ฌาน 4”ไม่ได้ ก็หลงจมเสพติดอยู่ตรงนี้

หรือยิ่งกว่านั้น นั่นคือ ผู้ที่ยิ่ง“หลงผิดหนักไปใหญ่”อีก ก็คือ ผู้หลงหันทิศเข้าไปติดยึด“อรูปฌาน” มันก็เลยยิ่งกลายเป็น“โง่หลงมืดหนัก”ยิ่งๆ ไปอีกในความเป็น“อรูป”ที่ลึกละเอียดเข้าไปหา “ความไม่รู้สึก”อันเป็น“ภาวะตรงกันข้ามกับความเป็นความรู้สึกสามัญปกติมนุษย์ตื่นๆ”

เพราะ“อรูปฌาน”นี้คือ “อารมณ์ที่ละเอียดบางเบายิ่งๆ ขึ้น”ไปกว่า“รูปฌาน”นั่นเอง 

ซึ่งนัยสำคัญของ“ฌานแบบโลกียะ”กับ“ฌานแบบโลกุตระ” นั้นมันหันทิศกันคนละทาง 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 298 หน้า 228


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:36:17 )

หลงเหลือ

รายละเอียด

อัตตามานะ คือ โมหะยังไม่สิ้นเกลี้ยง ยึดตัวเองเป็นสำคัญว่าดีที่สุด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:57:45 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:36:04 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:49:10 )

หลงเหลือ

รายละเอียด

อัตตามานะ คือ โมหะยังไม่สิ้นเกลี้ยง ยึดตัวเองเป็นสำคัญว่าดีที่สุด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 16:10:15 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:36:41 )

หลงเอากามเป็นคุณจึงเป็นโทษ

รายละเอียด

คำว่า “กาม” เป็นคำกลางๆ มันก็ไม่ผิดอะไร คำว่า “กาม” เป็นคำกลางๆ แต่เมื่อคุณไปหลงเอากาม เป็นคุณ ก็เป็นภัยเป็นพิษ เพราะกามมันเป็นโทษ คือกามาทีนวะ คุณก็รู้ให้ได้ถ้าคุณไปมัวเมาหมกมุ่นอยู่กับกามคุณ ทั้งๆที่มันเป็นโทษคุณก็สะสมกามจัดจ้านมากขึ้นมันก็เป็นภัยแต่ถ้าความใคร่ความอยากของคุณ อยากจะใช้ภาษาไทยที่แทนกันได้ ว่าอยาก คุณก็อยากในสิ่งที่ดีมันก็เป็นโลกียะเป็นการทำดีมันก็ดีแล้ว ยิ่งอยากได้โลกุตระ ใคร่อยาก ธัมมกาโม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:15:54 )

หลงแต่เอาเก่งไม่รู้ลดกิเลสมันไม่จบ

รายละเอียด

อย่างนี้ต่อให้คุณหายตัวเข้าไปในนั้นได้จริง มันก็ไม่จบความที่จะปรินิพพานเป็นปริโยสานได้เลย คุณก็จะวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนี้อยู่ อย่างเก่านี่แหละ ดีไม่ดีก็จะหลงปาฏิหาริย์ของตัวเอง หลงจริงๆนะ เพราะคุณไม่ได้เรียนรู้กิเลส ลดกิเลส ตั้งแต่เบื้องต้นคุณก็ไม่ได้ลด คุณได้แต่เอาเก่ง ก็เหมือนคนเก่งใน ลาภยศสรรเสริญ ทุนนิยม เก่งในอำนาจบาตรใหญ่ มันยากเลย จะไปลด ให้เขาเลิกไม่เป็นใหญ่เป็นโตไม่มีอำนาจบาตรใหญ่ มันยากมากเลย อันนั้นมันยากมันไม่จบ คุณจะไปแก่งแย่งอันนั้น 

ถ้าล้างกิเลสเป็นลำดับๆ มันจะไม่วน มันไม่มี 2 มันทำลาย 2 ให้เป็น 1 ได้และเป็น 0 ได้ ไปหา 0 ได้สำเร็จ ทำ 4 ให้เหลือ 2, ทำ 2 ให้เหลือ 1, ทำ 1 ให้เหลือ 0 อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:23:58 )

หลงใหล

รายละเอียด

คลั่งใคล้ คือสัมโมหะ ประกอบความหลงจนเต็ม จนคลั่งไคล้ กลายเป้นทาสร้อยละ 100 เขาจะทำชั่วต่ำก็ต่ำตามเขา เละไปหมด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:56:59 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:37:27 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:51:15 )

หลงใหล

รายละเอียด

คลั่งใคล้ คือสัมโมหะ ประกอบความหลงจนเต็ม จนคลั่งไคล้ กลายเป็นทาสร้อยละ 100 เขาจะทำชั่วต่ำก็ต่ำตามเขา เละไปหมด

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 16:08:21 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:38:13 )

หลงไปจมอยู่ในป่าโลกุตรธรรมเสื่อมตามตัวอย่างอินทริยภาวนาสูตร

รายละเอียด

ขอพูดย้อนพูดซ้ำพูดซากมาหลายทีแล้วโลกุตรธรรมมันเสื่อม เสื่อมอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสกับ อัมพัฏฐมานพ ว่า ความเสื่อมของศาสนาพุทธคือคนจะหลงออกป่า นึกว่าผู้ที่มีจรณวิชชาสมบัติคือผู้ที่อยู่ในป่า แล้วไปหลงจมอยู่ในป่า ไปสร้างเรือนไฟอยู่ในป่า 4 ข้อ ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 อัมพัฏฐสูตร และในอินทริยภาวนาสูตร

พระไตรปิฎก เล่มที่ 14 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 6

มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

10. อินทริยภาวนาสูตร (152)

          [854] พอนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามดังนี้ว่า ดูกรอุตตระ ปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกหรือเปล่า ฯ

             อุ. แสดง พระโคดมผู้เจริญ ฯ

             พ. ดูกรอุตตระ แสดงอย่างใด ด้วยประการใด ฯ

             อุ. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ในเรื่องนี้ ท่านปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า อย่าเห็นรูปด้วยจักษุ อย่าได้ยินเสียงด้วยโสต ฯ

             พ. ดูกรอุตตระ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่เจริญอินทรีย์แล้วตามคำของปาราสิริยพราหมณ์ ต้องเป็นคนตาบอด ต้องเป็นคนหูหนวก เพราะคนตาบอดไม่เห็นรูปด้วยจักษุ คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ อุตตรมาณพ ศิษย์ปาราสิริยพราหมณ์ นั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตกก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณ ฯ

             [855] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า อุตตรมาณพศิษย์ปาราสิริยพราหมณ์ นิ่ง คอตก ก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณ จึงรับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ปาราสิริยพราหมณ์ ย่อมแสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกทั้งหลายอย่างหนึ่ง ส่วนการเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอาริยะ ย่อมเป็นอีกอย่างหนึ่ง ฯ

             ท่านพระอานนท์ทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้สุคต เป็นการสมควรแล้วที่พระผู้มีพระภาคจะทรงแสดงการเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่า ในวินัยของพระอาริยะ ภิกษุทั้งหลายฟังต่อพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้ ฯ

             พ. ดูกรอานนท์ ถ้าเช่นนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวต่อไป ท่านพระอานนท์ทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ฯ

             [856] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ก็การเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอาริยะ เป็นอย่างไร ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจขึ้น เพราะเห็นรูปด้วยจักษุ เธอรู้ชัดอย่างนี้ว่า เราเกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจขึ้นแล้วเช่นนี้ ก็สิ่งนั้นแล เป็นสังขตะ หยาบอาศัยกันเกิดขึ้น ยังมีสิ่งที่ละเอียด ประณีต นั่นคือ อุเบกขา เธอจึงดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วนั้นเสีย

อุเบกขาจึงดำรงมั่น ดูกรอานนท์ ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ได้เร็วพลันทันที โดยไม่ลำบากเหมือนอย่างบุรุษมีตาดีกระพริบตา ฉะนั้น อุเบกขาย่อมดำรงมั่น ดูกรอานนท์ นี้เราเรียกว่า การเจริญอินทรีย์ในรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุ อย่างไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอาริยะ ฯ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หากเลิกหลับตาปฏิบัติได้ประเทศไทยเจริญ วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 13:47:24 )

หลวงตามหาบัวไม่ใช่อรหันต์ขอยืนยัน

รายละเอียด

แต่เถรสมาคมไม่ได้พูดอย่างอาตมาเพราะไม่มีภูมิรู้อย่างอาตมา อาตมาพูดอย่างไม่มีจิตใจอยากอวดอยากข่ม อยากเบ่งแต่อย่างใด อาตมาพยายามใช้นัจจะ คีตะ วาทิตะมากนะ ใช้ท่าทางสื่อให้เรียบร้อยสุภาพ ถ้าขนาดนี้ คุณก็ยังเข้าใจไม่ได้มาตู่ท้วงว่าอาตมาพูดอย่างแรงอีก คุณต้องตรวจสอบให้ดีๆว่าอาตมาได้ช่วยเหลือสังคมประเทศชาติจริงๆ เป็นแต่เพียงว่าอาตมาไม่ได้ทำเหมือนอย่างมหาบัว ไม่เหมือนอย่างท่านพุทธทาส ไม่เหมือนอย่างหลวงพ่อคูณที่คุณเปรียบเทียบ แล้วบอกว่าทำไมไม่ทำเหมือนหลวงตามหาบัว หลวงตามหาบัวทำอย่างมีอัตตา ไปเรี่ยไรแล้วเอาเงินเข้าหาประเทศชาติ อาตมาไม่ทำหรอกเป็นแบบตื้นแบบเด็ก ขอยืนยันมหาบัวไม่ใช่อรหันต์ เป็นอรหันต์เดา อย่างนี้อาตมาก็ต้องแก้ เพราะถ้าเข้าใจผิดว่ามหาบัวเป็นอรหันต์ศาสนาพุทธก็ชิบหาย 

1. ยังติดยึดในอบายมุขยังกินหมากปากเปรอะอยู่ นอกนั้นก็ยังซดน้ำหวานอยู่ไม่รู้ว่าตนติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอยู่ 

2.เรื่องภาวนาก็ไปนั่งหลับตาแล้วมันจะรู้ ปึ๊งขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่อยู่ในสารบบของศาสนาพุทธเลยทำให้คนติดยึดที่จะบรรลุแบบนั้นบ้าง 

ไปอ่านพระไตรปิฎก 45 เล่มให้ดีแล้วทำความเข้าใจให้ดีตั้งใจอ่านให้แตก อ่านให้เข้าใจให้ได้ หากอ่านแล้วไม่เข้าใจขออภัยมาถามก็ได้ หากจะให้อาตมาทำอย่างมหาบัว อาตมาไม่บ้าก็โง่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:28:57 )

หลวงปู่จะต้องบำเพ็ญเป็นโพธิสัตว์จนรู้การเกิดได้ครบถ้วนต่อไป

รายละเอียด

บำเพ็ญเป็นโพธิสัตว์ บำเพ็ญเป็นผู้ที่จะรู้เรื่องเหล่านี้ละเอียดต่อไปอีกจนกระทั่งเป็นโพธิสัตว์ มหาโพธิสัตว์ เป็นพระพุทธเจ้า ก็จะรู้ไปหมด อย่างหลวงปู่ก็รู้ไม่หมด ยังรู้ไม่ได้ รู้ได้เท่าที่รู้เท่าที่พอพูดได้เท่านี้ เอาประเด็นสำคัญ จากใบไม้กำมือเดียวแล้วก็มีใบไม้ป่าเล็กป่าน้อยเล็กๆน้อยๆไม่ใช่ป่าใหญ่ด้วย ส่วนพระสมณโคดมพระพุทธเจ้าสอนใบไม้กำมือเดียวไม่ขยายใบไม้ทั้งป่า สอนแต่อรหันต์เท่านั้นแล้วท่านก็ไปแล้ว ทิ้งไว้ให้โพธิรักษ์หนักหนาสาหัสอยู่นี่ 

ทิ้งไว้นี่ไม่ใช่ไม่ดี ทิ้งไว้ให้โพธิรักษ์จะได้ขวนขวายศึกษาต่อหาความจริงต่อ เพิ่มไปอีกซึ่งมีรากฐานความรู้แล้ว พระพุทธเจ้าไม่ต้องสอนโดยตรงก็สามารถจะพัฒนาตัวเองไปได้เรื่อยๆ รู้สิ่งที่เกิดจากการปรุงแต่งในโลกเรียกว่า อภิสังขาร สังขารต่อไปได้ 

ซึ่งความรู้อันนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เรารู้ได้โดยไม่ต้องเชื่อใครเลย แม้แต่ครูบาอาจารย์ แม้แต่พระพุทธเจ้า เราจะรู้เองเป็นเองแล้วก็รู้โดยไม่ต้องเชื่อใครเลย เจริญพัฒนาไปเองได้สุดยอดเลย เรียกว่า สยัมภู ถึงขั้นสุดยอด จากสยังอภิญญา เป็นอภิภู เป็นสยัมภู

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:32:24 )

หลวงปู่จะอยู่ถึง 151 ปีจริง

รายละเอียด

หลวงปู่เจตนาจะอยู่ถึง 151 ปี ตั้งใจพากเพียร เพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตมีขันธ์ รักษาดูแล ที่ทำนี้เพื่อให้ชีวิตอยู่สืบทอดธรรมะ ทำงานศาสนานี้ไปให้เป็นประโยชน์ ไม่เช่นนั้นมันจะขาดช่วงขาดจังหวะ ก็เลยพยายามที่จะลากสังขาร ปรุงสังขาร ก็ช่วยกันตั้งหลายคน ทั้งอาตมาเอง หลวงปู่เอง ก็ดูดีนะ ดูก้าวหน้า ก็ค่อยๆเป็นไป

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 13:08:32 )

หลวงปู่ตั้งสัมมาสิกขามาเพื่ออะไร

รายละเอียด

ตั้งมาเพื่อให้เธอนั้นแหละมาเรียน ทำไมต้องมาเรียนเพราะเธอมันโง่ต้องมาสอนให้ฉลาด เธอยังไม่ดีก็สอนให้ดี เธอยังไม่รู้ก็สอนให้รู้เอาไหมล่ะ เอาไหมล่ะทำให้ดีทำให้รู้ถ้าไม่หายโง่เอาใหม่ ถ้าไม่เอาก็ไม่เป็นไร ไม่เอาก็ไม่เป็นไรที่นี่ไม่ได้ขาดทุนอะไร พูดแรงไปหน่อยสำหรับเด็กๆ ก็จะสอนให้เธอนั่นแหละให้ได้สิ่งที่ดีสิ่งที่ฉลาด ในสิ่งที่ไม่ได้โง่ สิ่งที่ประเสริฐสิ่งที่มีคุณค่าประโยชน์ต่างๆ จะทำให้เอาไหมล่ะ ถ้ามีแล้วก็ไม่เป็นไรเราก็ไม่ว่าอะไรใครยังไม่มี เราก็เติมให้ ก็เป็นอย่างนี้แหละเป็นประโยชน์แก่กันและกัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 11:26:01 )

หลวงปู่ติช นัชฮันห์ และอาจารย์โกเอ็นก้า ไม่ใช่พระอรหันต์

รายละเอียด

ก็ต้องพูดความจริงว่าไม่หรอก หลวงปู่ติชนัทฮันห์ก็ไม่ใช่พระอรหันต์ โกเอ็นก้าก็ไม่ใช่พระอรหันต์ ท่านติชนัทฮันห์ท่านก็ทำความสงบเป็นสมาธิลืมตา ส่วนโกเอ็นก้าก็หลับตาเป็นสมถะทั้งหลับตา คนหนึ่งก็ทางลืมตา ซึ่งมันก็เป็นสมถะ ไม่มีปัสสัทธิ ไม่มีสภาพของปัสสัทธิอย่างชัดเจนด้วยการประหารกิเลส มีแต่ทำให้สงบอย่าไปปรุงแต่งต่อ อย่าคิดอย่าทำอะไร ไม่มีรายละเอียดของสูตรต่างๆ องค์ธรรมต่างๆที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ สูตร 2 3 4 5 6 ต่างๆ แล้วมันจะชัดเจนหมดทุกพระสูตรเลยว่าพระสูตรนี้ทำอะไรอย่างนี้ แล้วก็ได้ทำจริงๆ ก็ได้ผลจากพระสูตรต่างๆเหล่านั้นจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:00:37 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:39:23 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:53:06 )

หลวงปู่ติชนัทฮันห์ เป็นสาย ธัมมานุสารี โกเอ็นก้า เป็นสาย สัทธานุสารี

รายละเอียด

ก็เป็นผู้พยายามที่จะศึกษาหาสัจจะ ขออภัย ถ้าจะวิจารณ์ไปบ้าง คือ ยังไม่มีอัญญธาตุ ยังไม่มีอัญญา ยังไม่มีปัญญาที่เป็นโลกุตระ ได้สมถะกันทั้งคู่ แล้วก็เลยใช้สมถะอย่างชาวสมัยโบราณ​มีสำนักได้สมถะ มีวิธีการเยอะแยะ ไม่ได้ยกตนข่มท่านตัวเองถูกคนอื่นผิด แต่อาตมาต้องใช้ความผิดความถูก อย่างมีเจตนาที่ดีไม่ได้มีเจตนาร้ายที่จะไปข่ม แต่มันเป็นสัจธรรมที่อยู่ในวงการศาสนาพุทธด้วยกัน แต่ถ้าเป็นศาสนาอื่นอาตมาจะไม่ทำ เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ว่าศาสนาอื่นเลย แต่อาตมาไม่ใช่พระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในวงการศาสนาพุทธมีคนที่พูดไว้ผิดอาตมาก็ต้องชี้ เพราะอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ เกิดมาในยุคนี้เป็น สยังอภิญญา เป็นผู้รู้จักความจริงก็จะต้องมายืนยันมาบอกว่าอันนั้นผิดอันนี้ถูกอย่างจริงใจ อย่างไม่ได้มีอกุศลจิตเลย มีแต่กุศลจิตเมตตาจิตจริงๆ ไม่ได้พูดเอาโก้นะ แต่เป็นสัจจะที่ลึกซึ้งซับซ้อน อาตมามาทางศาสนาไม่เคยพูดความไม่จริง แต่พูดความจริงตามความจริงใจตามภูมิ ไม่มีอกุศลเจตนาเลย นอกจากเจตนาที่เป็นกุศลและไม่มีเจตนาที่เป็นอกุศล มีแต่กุศลจิตล้วนๆทุกเวลา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ปฏิบัติธรรมกับอาหารในพระสูตรต่างๆ วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:05:39 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:13 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:53:58 )

หลวงปู่มองเห็นภาพสัมมาสิกขาในอดีต ปัจจุบัน อนาคต เป็นอย่างไร

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้ไปกำหนดเอาหรอก เห็นอดีตเป็นอย่างไรเห็นปัจจุบันเป็นอย่างไรก็คือ ส่วนอนาคตอยากให้เห็นเป็นอย่างไร อาตมาไม่ไปกำหนดอนาคตเพราะกำหนดไม่ได้ อยากให้เป็นอย่างไร ก็อาจจะมีวิสัยทัศน์ไปได้บ้าง ก็อยากให้ดีสิ ตอบง่ายๆ ไปถามทำไมอย่างนี้ 

ทีนี้ดีอย่างไร ดีก็คือเป็นผู้ที่มีภูมิเข้าใจ เข้าใจโลกุตรธรรม เข้าใจธรรมะอย่างที่หลวงปู่อธิบายสอน แล้วก็เกิดจิตใจมีปัญญา ชัดเจนได้ประโยชน์จากธรรมะที่หลวงปู่ให้รู้ นอกจากรู้แล้วก็เอาไปปฏิบัติด้วย 

เพราะฉะนั้นเท่าที่ทำแล้ว หลวงปู่ไม่มีสถิติ ไม่มีใครไปเช็คสถิติมา เพราะฉะนั้นจึงตอบไม่ได้ว่า อดีตกับปัจจุบันนี้ มันจะเทียบค่าอย่างไร 

ตอบง่ายๆก็คือว่าเราไม่หยุดในปัจจุบันที่จะเพิ่มทั้งคุณภาพและปริมาณหรือความสามารถของเรา เราก็จะพยายามทำให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพที่ดีขึ้น ส่วนจะได้หรือไม่ได้นั้นเราไม่ได้ไปทำวิจัย ไม่ได้ไปทำสถิติเลยว่า เด็กเรามีเท่านั้นเท่านี้ ได้แล้วก็ติดตัวไป แล้วก็ไปเป็นคนดีในสังคม แต่อย่างไรมันก็มีดีอยู่ในสังคม ไม่ได้ไปทำสถิติอย่างเป็นรายละเอียด เป็นสถิติเลย แต่โดยประเมินประมาณมันก็ได้แล้ว ได้เจริญต่อสังคม ไม่เสียหลายหรอก แม้มันยากโลกุตรธรรมนี้ มันก็ได้ ไม่มากก็น้อยไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ 

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 05:46:17 )

หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์นั้นเก่งเดียรถีย์

รายละเอียด

เก่งกว่าหรือไม่เก่งกว่าเราไม่บังอาจบอกว่าเราเก่งกว่า ถ้าจะบอกว่าเก่งกว่าหรือไม่เกินกว่า อาตมายอมรับว่าหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นเก่งกว่าอาตมา เก่งกว่าในทางนั่งหลับตาในทางที่เดินป่าเดินเขา เก่งกว่าเหมือนอย่างเดียรถีย์ หลวงปู่มั่นหลวงปู่เสาร์นั้นเก่งเดียรถีย์มากกว่าอาตมา คุณฟังดีๆแล้วใช้หลักฐานเหตุผลเอามาตรวจสอบตามพระพุทธเจ้าให้ดีๆยังมีอีกเยอะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:27:00 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:00:14 )

หลวงปู่มั่นหรือหลวงปู่ชา

รายละเอียด

ก็ยังพูดได้ว่าทั้งสององค์เป็นความหนักไปทางเทวนิยม หนักไปทางนั่งหลับตายังมีเทวนิยมอยู่หนัก ผู้ที่ชัดเจนแล้ว แม้จะมีสัมมาทิฏฐิว่าการนั่งหลับตาไม่ใช่ มันยังมีเชื้อติดการนั่งหลับตาเลย ไปถามท่านเสียงศีลเลย องค์อื่นก็มี ยังติดนั่งหลับตาอยู่ เพราะฉะนั้นจะต้องมีสัมมาทิฏฐิที่ชัดเจนเพียงพอ ถ้าเข้าใจให้ดีอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ไม่นั่งหลับตาเลยก็บรรลุอรหันต์ได้ เพราะฉะนั้นนั่งหลับตาจะใช้อะไรบ้าง

1.ได้พักผ่อนแบบสงบจิต มีอุปการะมาก

2.ศึกษาเพิ่มทักษะในเจโตสมถะ และใช้ตรวจอ่าน  ภาวะจิตต่างๆ ในภวังค์

3.เอื้อให้ปฏิบัติเตวิชโช (ทบทวน) ได้อย่างดี .

4.สร้างพลังทางจิต ที่จะนำไปทำฤทธิ์ต่างๆ  (แต่ฤทธิ์ในพุทธศาสนา หมายถึง  ฤทธิ์ที่ระงับ ดับกิเลส เพื่อไปสู่นิโรธ-วิมุติ-วิโมกข์-นิพพาน)

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:09:47 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:41:14 )

หลวงปู่เป็นดาวฤกษ์

รายละเอียด

ขนาดเรายังไม่เห็นตัวก็ไปเสียเวลาศรัทธามัน ก็เอาคนที่เห็นหน้าเห็นตา แล้วเป็นสาระยิ่งกว่าเป็นดาราเป็นนักร้อง หลวงปู่นี่เป็นดารานะ จริงๆ เป็นดาวฤกษ์ด้วย ดาราคือดาว ไม่ใช่ดาวเล็กๆนะ เข้าใจให้ได้สิ ไปเข้าใจดาวเล็ก โธ่เอ๋ย รับแสงมาทำทีเป็นของตนเองแสงหลอกๆ แสงไม่ดีด้วยซ้ำ ตอนนี้เป็นดาวฤกษ์ที่มีแสงจริงในตัวเองด้วย เป็นแสงที่ดีด้วย สัมผัสให้ดี เรามีโอกาส คนไม่เข้าใจไม่รู้ว่าหลวงปู่เป็นดาวฤกษ์ เขาเห็นว่าเป็นฝุ่นเป็นขยะด้วยซ้ำก็แล้วแต่เขาไม่มีปัญหาอะไร หลวงปู่รู้ความจริงตามความเป็นจริงอะไรหลายๆอย่าง ก็ยืนยันว่าเราไม่ได้ไปหลอกใคร เอาสิ่งที่ดีเป็นสาระแก่นสารที่ประเสริฐมาให้ เช่น เอาความจนมาให้ พยายามฝึกให้มาเป็นคนจนเป็นสิ่งประเสริฐไม่ใช่รู้กันง่ายๆ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 11:56:24 )

หลวงปู่แสงเป็นตัวอย่างมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

มันยังจะเป็นประเด็นรายละเอียดอื่นๆ ที่อาตมาจะอธิบายธรรมะให้เข้าใจชัดเจน เอา หลวงปู่แสง  เป็นตัวอย่าง รูปแบบของเรื่องที่จะเอามาอธิบาย 

หลวงปู่แสงเป็นลูกศิษย์อาจารย์มั่นสายหลับตา สายพวกนี้ ที่อาตมาพูดเลยว่า พวกนี้มิจฉาทิฏฐิ หลับตาปฏิบัติอย่างเดียว ไม่เข้าใจในเรื่องของโลกุตระเลย ไม่มาลืมตาพูด ไม่มาขยายสภาวะของจิตเจตสิกรูปนิพพาน ปฏิจจสมุปบาท รายละเอียดของอะไรต่างๆ นานา เรียนเปรียญ 9 กันก็เยอะ ภาษาบาลีเหล่านี้รู้หมดในพยัญชนะ 

แต่พระสายหลับตาปฏิบัติเรียนเปรียญ 9 ก็เยอะ จบเปรียญ 9 เปรียญ 8 เปรียญ 7 มหาบัวก็จบเปรียญ แต่พูดไม่ได้ อาตมาไม่จบสักเปรียญ แต่อาตมาว่าอาตมาเข้าใจและรู้ชัดในสภาวธรรมพวกนั้น แปลภาษาบาลีที่มีก็เรียนด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปเรียนเปรียญธรรมอะไร ก็ยังสามารถนำมาพูดได้ขยายความทำงานมาตั้ง 40-50 ปีแล้ว ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ไม่ผิดเพี้ยน อาจจะมีผิดเพี้ยนบ้าง มันยังไม่เก่ง 

ตอนใหม่ๆมหาประยุทธ์จับผิดอาตมา ตอนเขียนหนังสือทางเอก ก็จับความผิดในพยัญชนะอาตมา แต่ยืนยันว่าสภาวะของอาตมาไม่ผิด จะผิดก็เอาฝาตัวของพยัญชนะไปใส่สภาวะผิดเพี้ยนไป ท่านยึดพยัญชนะอย่างที่ท่านยึด ซึ่งมันแปลผิดไป แล้วก็มาตู่ว่าอาตมาผิด 

จริงๆแล้วอาตมาผิดที่เอาพยัญชนะที่ท่านยึดว่าผิดมาพูด แต่ท่านกลับกัน ซึ่งมันวน พยัญชนะกับสภาวะ สลับไปสลับมา มันเลยกลับซับซ้อนไปว่า ท่านเองใช้สภาวะผิด ทำให้ผิดพยัญชนะด้วย ทำให้ผิดไปทั้ง 2 อย่าง สลับไปสลับมา ผิดไป 4 มุม 8 มุม 16 มุม ซึ่งมันเข้าใจยาก เป็นสภาวะหมุนรอบเชิงซ้อน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 04:44:58 )

หลวงปู่ไม่สอนการเกิดชีวะ แต่สอนการสลายการเกิด

รายละเอียด

รายละเอียดของชีวะหรือธรรมชาติพวกนี้ละเอียดมากจนกระทั่งหลวงปู่เองก็ยังไม่เก่งเท่าไหร่ ยังอธิบายพวกนี้ไม่ได้ อธิบายเกี่ยวกับกรรมวิบากไปก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ เรื่องกรรมวิบากเป็นเรื่องสุขและทุกข์สำคัญเพราะปรินิพพานได้ ส่วนจะไปเกิดเป็นไข่อ่อนเป็นชีวะเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่อะไรต่ออะไรการเกิดพวกนี้ เราเป็นมาแล้ว แต่เราไม่รู้ หลวงปู่ก็ไม่รู้ละเอียด ก็ไม่ต้องไปเรียนมาก เรียนตัวเราจะสลายก่อน สลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม เราเป็นจิตนิยาม สลายเป็นพีชะ สลายเป็นอุตุได้ อันนี้จบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:26:35 )

หลวงพ่อคูณทำลายศาสนาพุทธอย่างไร

รายละเอียด

ยิ่งให้ไปทำอย่างหลวงพ่อคูณ ก็เท่ากับใช้เดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ ตั้งแต่แรกท่านก็ทำเสกตะกรุดใส่ผิวหนัง อาตมาก็เห็นว่าในอนาคตรูปนี้ไสยศาสตร์ก็จะหนักมากแล้วหนักจริง มันแสดงถึงอะไร แสดงถึงคนในศาสนาพุทธชาวพุทธมันไม่รู้จักศาสนา ไปหลงเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ว่าเป็นพุทธธรรม มันจึงเป็นสิ่งที่ยืนยันเป็นปรากฏการณ์จริง เป็นฟีโนมีน่า ที่ชัดเจน หลวงพ่อคูณพระกรรมฐานเสกเป่าเหรียญหลวงพ่อนั้นหลวงพ่อนี้อยู่ในหนังสือพิมพ์ก็มีทุกวันนี้ เป็นเรื่องนอกรีตไม่มีอะไรเหลือ นอกจากไม่เหลือแล้วมีแต่ขี้ขยะ ทับถมศาสนาพุทธ อาตมาพูดไม่เกินความจริงนะพูดไม่ครบความจริงที่เป็นด้วยซ้ำไป มันเน่าเฟะจริง พูดแล้วน่าสังเวชใจ เหมือนกับว่าอาตมามาด่า อาตมาไม่ได้ด่าคุณแต่ด่าคนที่ทำลายศาสนาพุทธอยู่ทุกวันนี้ รู้ตัวให้ชัดเจนว่าอาตมากำลังด่าคนที่ทำลายศาสนาพุทธ 

ทำลายศาสนาพุทธก็คือประพฤติปฏิบัติออกนอกรีตไม่ตรงพระธรรมวินัยนั่นแหละ จะให้อาตมาเอาอย่างทำไม ตั้งหลักให้ดีคุณอย่ามาแนะให้อาตมาทำอย่างผีมาร นอกรีต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:35:12 )

หลอกคนที่โง่ให้โง่ซับซ้อน

รายละเอียด

คำว่าถอยหลังอย่างน่ากลัวเป็นจิตที่แสดงออกถึงความมีภูมิปัญญาของในหลวง ร. 9 เฮ้ย..ถอยหลังอย่างนี้มันเป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน เขาเข้าใจว่าเจริญแต่ว่ามันลงไปต่ำ ต่ำกับสูงมันวน เขาเข้าใจว่าเจริญก้าวหน้าอย่างมาก มันยิ่งเป็นอย่างต่ำอย่างต่ำ ต่ำมากต่ำมาก มันจะมีแต่ถอยหลัง มันไม่รู้ความซ้อนนี้ มันนึกว่าไปข้างหน้า เช่นเดียวกันกับสมีธัมมชโย หลอกสังคมเขาเดี๋ยวนี้ก็ยังหลอกต่อ ตอนนี้หล่อพระอะไรมาขายอีก คือเขานึกว่าเขาฉลาดซับซ้อนแต่เขาโง่ซับซ้อนแล้ว เขาก็มาหลอกคนที่โง่ให้โง่ซับซ้อนตามไปด้วยอีกซ้อนไปอีก น่าสงสารคนสายธัมมชโย 

อย่างคนสายมหาบัว สายอาจารย์มั่น ยังไม่ได้ใช้ความหลอกล่อ บาปยังไม่หนักหนาเท่าธัมมชโย เพราะเขาไม่ใช่นักฟุ้งซ่านเท่ากับนักฟุ้งซ่านอย่างธัมมชโยสายฟุ้งซ่าน มันเหมือนปัญญามันกว้าง มันฉลาด มันรอบรู้กระจายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะ แต่นี่นึกว่าความกระจายฟุ้งซ่านเป็นความฉลาด มันก็เลยยิ่งซับซ้อนรู้ยากตกต่ำฟังไว้ก่อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2566 ( 20:40:19 )

หลอกตัวเอง

รายละเอียด

อันนี้เหมือนมหาบัว โกหกตัวคนอื่นว่าตัวเองอ่านออก เอาแต่นั่งหลับตาแล้วปึ๊งๆๆ แล้วก็เมื่อยก็เลยบอก climax ว่าบรรลุแล้ว มีแต่อุปาทานสร้างเอง สัญญาคนละสัญญา สิ่งที่แต่ละคนได้ด้วยวิธีนี้ก็ต่างกัน แล้วสมมุติว่าเป็นสิ่งสุดยอด ก็หลอกตัวเองไป มันน่าสงสาร มีจริงๆในโลก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:36:06 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:41:58 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:56:34 )

หลอกทั้งตื่นทั้งหลับ

รายละเอียด

อย่างสายหลับตาทำ สายพระป่านี้ยังมอมเมาน้อย สายธัมมชโย มอมเมาทั้งภายในทั้งภายนอก สะกดจิตไว้ภายใน แล้วก็หมดความเป็นตัวเองเลย ถูกครอบงำ ถูกผู้ที่สะกดจิตครอบงำหลอกไว้หมดเลย หลอกได้ทุกอย่าง หลอกได้โง่สนิท พวกที่หลอก หลอกอย่างทั้งตื่นทั้งหลับ 2 ภพเลย 

หลับก็หลอกว่ามี ตื่นก็หลอกว่ามี แล้วก็หลอกซ้อนว่า คุณจะมีบุญ บุญมาก คุณมีเงินเอามาถวาย  ปิดบัญชีเลย คุณจะได้บุญมาก คนที่หลอกได้สนิท ปิดบัญชีมาจริงๆ แต่แน่นอนคนที่ปิดบัญชีแล้ว มีเงินมันสามารถก็ต้องหาใหม่ หาจนได้ ส่วนคนที่โง่หนัก หลงว่าจะเป็นอย่างนั้นมาปิดบัญชี เสร็จแล้วก็ไปหาใหม่มันก็ยากจนต้องลำบากลำบน ก็ต้องเลิกนับถือ ถ้าไม่เลิกนับถือ คุณก็ฆ่าตัวตาย เพราะสุดท้ายคุณก็ทนไม่ได้ คุณก็ต้องทรมานมากจะต้องหามาถวายๆ โอ้โห..อำมหิตจริงๆ ธัมมชโย 

เพราะฉะนั้นลักษณะนั้นยิ่งบาปกว่าพระป่าที่หลับตา วิบากบาปเยอะมาก จะตกนรกหมกไหม้กันอีกไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติอย่างธัมมชโย 

อาตมาไม่อยากแตะต้อง เพราะมันเกินไปแล้ว อย่างน้อยเขาเป็นสมีมา 2 ตัวปาราชิก 2 ตัว อวดอุตริมนุสธรรมตัวหนึ่งกับทุจริตหลอกเรื่องวัตถุเงินทอง ชัดๆว่าเขาทำจริงเลย มีหลักฐาน มีเหตุการณ์ มีทุกอย่างครบ ว่าเขาเองเขาเป็นปาราชิก เป็นสมีในชาตินี้แล้ว เอาล่ะ สมี คนปาราชิกจะตกต่ำขนาดไหน อาตมาก็เคยอธิบายแล้ว ควรจะปฏิบัติกับสมีอย่างไร แต่เดี๋ยวนี้มันเสื่อมจนกระทั่งคลุกคลีกับสมี แม้แต่สมีในเถรสมาคมก็อนุโลมกันแล้วก็ไม่เข้าใจสภาพชัด เขาก็คลุกคลีเน่าในหมักหมม หมักดองอยู่ด้วยกันไป ซึ่งอาตมาถึงอยู่ด้วยกับเขาไม่ได้ ถึงแยกออกมามีพวกเรา ก็ปล่อยไปอันโน้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้ง45 ราชธานีอโศก วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 06:17:10 )

หลอดทดลอง (test tube)

รายละเอียด

ตัวคน [ซึ่งมีจิตวิญญาณบรรจุอยู่ภายในให้เจ้าของทำการพิสูจน์ได้]

หนังสืออ้างอิง

จากเปิดโลกเทวดา หน้า 16


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:29:51 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:04:37 )

หลอมพวกเราด้วยคำสอนพระพุทธเจ้า One for All, All for One

รายละเอียด

ดีใจนะ ที่วันนี้มันเป็นนิมิตหมายอันยิ่งใหญ่ Activist ที่สำคัญของสังคม 2 คนมาเปิดเวทีแล้วก็เปิดใจ เปิดเผยอธิบายความรู้ความเห็นความเชื่อถืออะไรต่างๆนานาออกมา มันเป็นเรื่องประเสริฐ 

คำว่าหลอมรวมประชาชน หลอมรวม ด้วยการบังคับก็ดี โดยการออกกฎหมายก็ดี ล้มเหลวหมด 

คำว่าหลอมรวมที่ดีที่สุดคือ ประชาชน มาด้วยสมัครใจ มาเห็นดีเห็นงามรวมตัวกัน โดยการหลอมตัวเอง แต่ละคนหลอมตัวเองให้เป็น ทิฏฐิสามัญตา
สีลสามัญตา

หมายความว่า ให้เป็นความเห็นที่เป็นแนวเดียวกันและมีศีลคือ หลักเกณฑ์ปฏิบัติอันเดียวกัน มันประสมประสานกัน มีทิศทางหลักเกณฑ์ โดยเฉพาะเรามีหลักเกณฑ์ของ พระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ไปในทิศทางเดียวกัน มันก็จะเกิดผลสำเร็จ ไปสู่จุดหมายปลายทางจุดเดียวกัน

เพราะฉะนั้นหลอมรวมประชาชนก็สำเร็จเป็นหนึ่งเดียวกัน One for All, All for One

จากทั้งหมดก็มาเป็นหนึ่งดียว จากหนึ่งก็มาเป็นหมู่ใหญ่ ก็จะเกิดการหลอมรวมกันโดยประชาชน

การหลอมรวมประชาชนโดยการบังคับ ออกกฎหมายมันไม่สำเร็จหรอก มันต้องให้เขาเห็นเอง เข้าใจเอง ยินดีเอง พอใจเอง ที่จะมารวมกัน โดยการไม่ต้องไปหลอม แต่หลอมโดยหลักวิธีปฏิบัติของพระพุทธเจ้า พาปฏิบัติอย่างอาตมาพาทำ หลอมพวกเรา ด้วยคำสอน พระพุทธเจ้า แจกแจงอธิบาย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 20:35:42 )

หลัก 3 เส้า สังเคราะห์กันเกิดฌาน ปัญญา

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจึงต้องมาตั้งใจฟังอาตมา อาตมาก็ไม่ได้อธิบายต้นกลางปลาย แต่ทุกวันนี้จับเอาจรณะ 15 มาเป็นหลัก 3 เส้า 

2 แล้วมี 3 เส้า แล้วเป็น 4 เป็น 5-6 ไปเรื่อย 

ศีล อปันกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 สามอย่างนี้ สังเคราะห์กันก็จะเกิด ฌาน ปัญญา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยไทยดีที่สุดเพราะมีโลกุตระ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 20:18:49 )

หลัก 4 ประการของนักการเมืองโลกุตระ มีความสำคัญอย่างไร

รายละเอียด

ที่พ่อท่านบอกว่า การจะไปรับใช้ประชาชน มวลชน มีหลักการอะไรบ้าง 

เป็นผู้ที่ไม่มีความยึดถือตัวตน 

ชนะเล่ห์กลด้วยซื่อสัตย์ 

ปฏิบัติรับใช้ประชาชนจริง 

ยิ่งให้ยิ่งทวีสมรรถนะ 

ทั้ง 4 ข้อนี้มีความสำคัญอย่างไร

มีความสำคัญมาก ที่กล่าวมา 4 ข้อนั้น ไม่มีตัวตน ซื่อสัตย์ ทำงานรับใช้ประชาชนมีสมรรถนะมีความสามารถ คำว่าไม่มีตัวตนเป็นคำใหญ่คำจบ ตัวเริ่มต้น เริ่มต้นต้องรู้จักอย่ามาเห็นแก่ตัว อยากทำอะไรตั้งแต่เริ่มต้นรู้ตัว ทำได้มากได้น้อยเท่าไหร่ก็ต้องรีบทำ อย่าทำด้วยความเห็นแก่ตัว นี่คือ เมื่อไม่มีตัวตนก็ไม่ได้ทำเพื่อตัวตน แต่ตอนแรกเมื่อมันยังมีตัวตนอยู่ก็อย่าทำให้มันมีความเห็นแก่ตัว เป็นตัวภาคปฏิบัติเริ่มต้น จะต้องซื่อสัตย์ ต้องเอาจริง ไม่เอาจริงไม่ได้หรอก ธรรมะพระพุทธเจ้า เหลาะๆ แหละๆ ไม่มีทางได้ ไม่มีเลย ไม่ได้ผล ต้องเอาจริงๆ ตรงๆ ซื่อๆ สัตย์ๆ ซื่อสัตย์อย่าเหลาะแหละ 

เมื่อไม่มีตัวตน ซื่อสัตย์ทำให้ตรง สองอันนี้แล้ว ทำงาน ทำไปทำไม เมื่อไม่มีตัวตนก็ทำเพื่อผู้อื่น ก็เพื่อมวลประชาชน เพื่อคนอื่นๆไป เราก็เป็นคนมีคุณค่า มีประโยชน์ คนอื่นเขาก็ได้รับประโยชน์จากเรา เราไม่อยากได้หรอกแต่มันเป็นคุณค่าของเรา เพราะเราเป็นคนทำประโยชน์ เขาก็ได้ ใครๆก็ได้ประโยชน์จากเรา เช่น เราเป็นคนปลูกพืชผักอะไรขึ้นมา แล้วเราอาศัยกินใช้ของเราเอง เราไม่เป็นหนี้เป็นสินใคร ไม่เป็นภาระใคร แถมเราทำได้มากมาย ให้คนอื่นเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นให้ผู้อื่นได้กินได้ใช้ด้วยอย่างนี้เป็นต้น แม้เราไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติประพฤติเป็นรูปธรรมปลูกผักปลูกพืช แต่เราทำงานด้านพฤติกรรมประพฤติดีเป็นตัวอย่างที่ดี อยู่ในสังคม คนอื่นก็ได้รับจากเราเหมือนกัน คิดดี มีจิตที่ดี มีปัญญาที่ดี มีโลกุตรธรรมที่แท้ มันก็ยิ่งดีใหญ่ 

เสร็จแล้วคนเหล่านี้ คุณรู้ดี ทำดีเป็นดีแล้ว คุณต้องมีความสามารถ มีสมรรถนะมีเรี่ยวแรงมีกำลังมีจิตใจ มีกระจิตกระใจที่จะทำๆๆ ขยันหมั่นเพียรอย่าขี้เกียจ รู้พักรู้เพียรสมรรถนะนั้นก็เกิดประโยชน์ ไม่ใช่มีสมรรถนะแต่เรามีนั้นเราก็ไม่ได้ทำ อยู่เฉยๆผ่านวันผ่านคืน ผ่านกาละไป อีกไม่นานก็ถึงหลุมฝังศพ แล้ว ตายแล้วเขาไม่ได้ทำพิธีให้เราเหมือนอย่างควีน ที่กว่าจะฝังกันยิ่งใหญ่จริงๆเลย กำลังถ่ายทอดกัน พระพุทธเจ้าท่านพยายามตัดเรื่องพวกนี้ ให้มีพิธีการน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ไม่มีอะไรมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องของสังคมมนุษยชาติพูดไปก็เท่านั้นมันก็ต้องอาศัยเพราะติดยึดกันไปเป็นธรรมดา นี่ก็ขยายความพอสมควรแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 5 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 14:16:30 )

หลัก 4 ยืนยันคุณธรรมตั้งแต่พระโสดาบัน 

รายละเอียด

นี่ก็เป็นคุณสมบัติคุณธรรมตั้งแต่พระโสดาบัน 

โสตาปันนะ อวินิปาตธรรม นิยตะ สัมโพธิปรายนะ 

โสตาปันนะ คือ เริ่มเข้ากระแสอาริยะ โลกุตระ เมื่อปฏิบัติธรรมไปก็จะไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา อวินิปาตธรรม แต่ถ้าตกต่ำ แล้วขึ้นมาไม่ได้ก็ไม่ใช่โสดาบันแต่ถ้าเป็น อวินิปาตธรรรม ตกอย่างไรก็ไม่หลุดจากกระแส ก็จะขึ้นมาได้จนเลย 50 % ก็เป็น นิยตะ ก็ไม่ยึกยักแล้ว เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปก็มีแต่ 60% 70% จนเป็น 75% ก็เป็น นิยต ขึ้นสู่ สัมโพธิปรายนะ เลย 

ไปสู่ที่สุดที่สูงแต่ถ่ายเดียว คือ สัมโพธิปรายนะ 

มีหลัก 4 นี้ ยืนยันตามหลักของแต่ละฐานะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 17:12:51 )

หลักกถาวัตถุ 10

รายละเอียด

ทีนี้หลักของ กถาวัตถุ 10 คือ อัปปิจฉกถา, สันตุฏฐิกถา, ปวิเวกกถา, อสังสัคคกถา, วิริยารัมภกถา, ศีลกถา, สมาธิกถา, ปัญญากถา, วิมุตติกถา, วิมุตติญาณทัสสนกถา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 14:42:53 )

หลักการดูหนังดูละคร

รายละเอียด

สรุปอีกทีหนึ่งว่ามันเป็นเรื่องละครของโลก ย่อมมีละครให้เราดู คุณก็ดูละครแล้วย้อนดูตัวเลือกเฟ้นเอาสิ่งนั้นไปปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่อาตมาให้ไว้ หลักการดูหนังดูละครก็มี

1 เกิดอาริยญาณ

2 ทำการปฏิบัติ สำรวมกายวาจามโน ให้ได้ขณะดูหนังดูละคร เป็นการจำลองเรื่องราวทั้งอดีตทั้งอนาคตทั้งความฟุ้งซ่านเอามาปรุงปนสังขารปรุงแต่งขึ้นมาเป็นเรื่อง ละครอะไรมันก็มีอยู่ มี 3 รสเอามาปรุงแต่งกันคือ รส ราคะ โทสะ โมหะ สามรสนี้เท่านั้น เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาสลับซับซ้อนกันอยู่อย่างนั้น ถ้าเรารู้ทันสิ่งปรุงแต่งแล้วรู้จุดยืน ก็จะไม่หลง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2564 ( 09:21:35 )

หลักการฝึกฝนตนของชาวอโศก

รายละเอียด

อาตมาเข้าใจตรงนี้ดี และพยายามสุดความสามารถที่จะปลูกฝังให้พึ่งตนเองรอดทำให้เหลือแล้วเกิน ช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างที่มีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว 

1. อย่าเป็นหนี้

2. พึ่งพาตัวเองให้รอด 

3. ทำให้เหลือให้เกินให้มาก 

4. ช่วยเหลือผู้อื่น

นี่คือหลักการที่เชื่อว่าพวกเราเข้าใจแล้วได้ฝึกฝนอันนี้อยู่ เพราะฉะนั้นอาตมาพูดไปนี้พวกเราเข้าใจแล้วได้ฝึกฝนใส่ตัวเองไปเรื่อยๆจริงๆเท่าไหร่ก็เท่านั้น จริงเท่าไหร่ก็เท่านั้น อาตมาจะไปบันดาลให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ต้องทำได้จริงเป็นจริงตามที่ทำได้ ตามบารมี ตามที่มันเป็น ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ตามธรรมที่สมควรประพฤติแก่ธรรมได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:56:39 )

หลักการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมมีอยู่ 10 ข้อ

รายละเอียด

1.สัมมาทิฏฐิ

2. เลิกผลาญ

3. ประหยัด

4 .ขยันสร้างสรร

5.พึ่งตัวเองได้และเผยแพร่แก่ผู้อื่น

6.มักน้อย (ทำให้มากแต่ตัวเองเอาไว้นอ้ยหรือไม่เอาเลย)

7.สันโดษ

8.เสียสละเพื่อผู้อื่นด้วยความพยายามเพราะรู้แจ้งว่าเป็นคุณค่าของชีวิตทั้งผู้ให้และผู้รับ

9. อดทนขวนขวาย

10. เสียสละทำประโยชน์คุณค่าแก่ส่วนรวมให้ยิ่งๆขึ้นกระทั่งบรรลุวิมุติ

แค่นี้ก็เหลือแหล่แล้ว สรรค่าสร้างคนเริ่มต้นตั้งแต่การงาน 19 ข้อ แบ่งเป็นสัดส่วนมีลำดับชัดเจนอยู่ อาตมาก็ว่าสิ่งเหล่านี้จำไว้เอาไว้เป็นหลักฐานไม่ใช่คุยโม้ ทำไว้เป็นหลักฐานยืนยันที่ได้คิดได้พูดได้พาทำเกิดจริงเป็นจริงมาแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 63


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:53:29 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:43:49 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:58:28 )

หลักของชุมชนสาธารณโภคี

รายละเอียด

สาธารณโภคี คือ บริโภคเป็นสาธารณะ ซึ่งหมายความว่า ทรัพย์สมบัติเป็นส่วนรวมแบ่งปันกันกินใช้ ทุกคนต่างร่วมกินร่วมใช้ในของส่วนกลาง ทั้งข้าวทั้งของทั้งเงินทองทรัพย์สินเป็นของทุกคนที่ร่วมกันอยู่ ต่างอาศัยกินอาศัยใช้ได้กันทั่วไป

@สาราณียธรรม 6 (เป็นผล) คือ 1.กายกรรมเมตตา 2.วจีกรรมเมตตา 3.มโนกรรมเมตตา 4.สาธารณโภคี 5.ศีลสามัญญตา 6.ทิฏฐิสามัญญตา

@คุณธรรม 7 (เป็นผล) คือ 1.ระลึกถึงกัน 2.รักกัน 3.เคารพกัน 4.เกื้อกูลกัน 5.ไม่วิวาทกัน 6.พร้อมเพรียงกัน 7.น้ำหนึ่งใจเดียวกัน

@(เป็นผล) จากการปฏิบัติตามหลักจรณะ 15 ...(หน้า 117)

@มีกิเลสน้อยหรือไม่มีกิเลส

@ไม่มีอบายมุข

@ไม่มีใครดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เล่นไพ่ เล่นหวย เที่ยวกลางคืน

@ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดผัวเขาเมียใคร ไม่โกหก ไม่ดื่มเหล้า

@ไม่ห่วงความสวย

@ทำงานฟรีไม่มีเงินเดือน

@ไม่กู้หนี้ที่มีดอกเบี้ย

@ไม่ซื้อขายเงินเชื่อ

@ไม่รดน้ำมนต์

@ไม่ใช้ธูปเทียนเคารพบูชา

@ไม่ใช้ไฟเป็นสื่อในการบูชา

@ไม่ยึดในฤกษ์ในยาม

@ไม่มีการทำนายทายทัก

@ไม่มีเดรัจฉานวิชา

@ไม่มีการเลี้ยงสัตว์

@เศรษฐศาสตร์ย้อนสภาพ

@แสวงหาความจน(มหัศจรรย์)อย่างจริงใจ

@แสวงหาศึกษาฝึกฝนความหมดสิ้นรสกามสุขและรสอัตตทัตถสุข(สุขที่เสพสมในอัตตา)

@สุขใจเพราะได้ขาดทุนเพราะได้เสียออก(สละ)ไปจากตน

@ใช้ธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช่อำนาจเป็นธรรม

@มีส่วนเหลือของกองกลาง ให้รีบเอาออกให้เร็วที่สุด

@อนาคตคนจะมาเรียนสาธารณโภคี (หน้า 118)

@เป็นสุดยอดตั้งแต่โลกเกิด เพราะทุกอย่างมันเป็นสาธารณะ

@สมบัติของชาวอโศก พันล้านแน่นอนอยู่แล้ว หมื่นล้านก็อาจจะถึง ต่อไปอาจจะเป็นหมื่นๆล้าน แสนๆล้าน  (หน้า 117)

หนังสืออ้างอิง

สาธารณโภคี เศรษฐกิจชนิดใหม่ หน้า 7-24


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 15:40:08 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:59:35 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:02:53 )

หลักความรู้ 8 อ.

รายละเอียด

คือ หลักการปฏิบัติรวมกันทั้งสรีระกายและใจ หลัก 8 อ.

1.       อิทธิบาท

2.       อากาศ

3.       อาหาร

4.       อารมณ์

5.       ออกกำลัง

6.       เอนกาย

7.       เอาพิษออกจากกาย

8.       อาชีวะ

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า174


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 10:56:59 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:17 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:04:43 )

หลักฐานการบริหารประเทศได้เจริญดีของนายกฯประยุทธ์

รายละเอียด

แต่พอพูดถึง เรื่องของประเทศในขณะนี้ ส่วนรวมของประเทศไทย เราก็ช่วยประเทศไทยมาตลอดแต่อาตมาพูดมากไม่ค่อยดี เพราะจะเป็นการทวงบุญทวงคุณที่ไปทำอะไรให้แก่สังคมประเทศชาติ ลำเลิก ของตัวเองขึ้นมาอวดอ้าง ที่จริงเอามาประกาศความจริงก็พูดไปแล้วยืนยันให้คนอื่นเห็นความสัมพันธ์แล้วก็ปฏิบัติตามอย่างนี้เถอะ เพราะฉะนั้นก็เลยพูดบ้างไม่พูดบ้าง 

ทีนี้พูดถึงสังคมขณะนี้ที่บริหารกันอยู่ ที่นายกประยุทธ์ทำอยู่ ก็มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นผลงานที่มันเทียบกันได้เห็นๆเลยนะ ไม่ใช่ว่าเราพูดเอง ชมกันเองอยู่ในประเทศ มันเป็นการให้ค่าหรือว่าเขาก็มีการทำสถิติอยู่เหมือนกัน 

อย่างเช่น เราขณะนี้ความเจริญว่าเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลก อันดับที่ 30 จากที่เขาสำรวจกัน เว็บไซต์ Thaipost รายงานมาตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์อย่างนี้เป็นต้น หรือว่าเขาจัดให้กรุงเทพฯอยู่ในอันดับ 30 เมืองดีที่สุดในโลก Best City In The World เป็นที่ 2 ของอาเซียนเป็นที่ 30 ของโลก 

เพราะฉะนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เอามารายงานบอกต่างๆไปพูดนำไปแล้วเมื่อกี้นี้ 

แม้แต่ในเชิงการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ การพัฒนาเศรษฐกิจ ก็มีแนวโน้มของตลาดที่มีจุดแข็งจุดอ่อน ถูกจัดอันดับขึ้นไปเรื่อยๆ ติดอันดับอยู่ในกลุ่มของพวกกลุ่ม100 ค่อยๆขึ้นไปถึงกลุ่ม 10 ไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ ก็พัฒนาไป 

เห็นความเจริญก้าวหน้าไปไกลลิบเลย ตั้งแต่ได้มีนายกรัฐมนตรีได้นำพาประเทศชาติไป เขามีวิธีการที่จะมาตรวจสอบ เขาหยิบมาแยกเป็นประเด็นว่า 

1.สถานที่ (Place) ประกอบไปด้วย สภาพภูมิอากาศ ความปลอดภัย สถานที่ท่องเที่ยว และพื้นที่ใช้ชีวิตนอกบ้าน

2.ผลิตภัณฑ์ (Product) ประกอบไปด้วย ความเชื่อมโยงของสนามบิน พิพิธภัณฑ์ อันดับของมหาวิทยาลัย และสถานที่จัดงาน/การประชุม

3.ประชากร (People) ประกอบไปด้วย การมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน และการสำเร็จการศึกษา

4.ความมั่งคั่ง (Prosperity) ประกอบไปด้วย การมีบริษัทชั้นนำของโลก GDP อัตราการจ้างงาน และความเท่าเทียมของรายได้

5.กิจกรรม (Programming) ประกอบไปด้วย การแสดงทางวัฒนธรรม ประสบการณ์ในการเที่ยวยามค่ำคืน ร้านอาหารที่มีคุณภาพ และสถานที่สำหรับการเลือกซื้อสินค้า

6. การส่งเสริม (Promotion) ได้แก่ การค้นหาบนสื่อสังคมออนไลน์ ข้อมูลการรีวิวบนสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ

ซึ่งประเมินจาก 6 หัวข้อข้างต้น ทำให้กรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับที่ 30 ของโลก และเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียน

นี่ก็เป็นเรื่องการก้าวหน้าที่เราไม่ได้พูดเอง สังคมต่างประเทศองค์กรต่างประเทศ ที่เขามีการตรวจสอบพวกนี้กัน เพื่อที่จะให้เห็นว่าสังคมมนุษยชาติในโลกนี้ มีอะไรเกิดขึ้นมีอะไรเจริญหรือเสื่อม ตามความรู้สากลเขาก็ว่าไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์แนวคิดเศรษฐกิจของชาวอโศกที่ทำจริงมีผลสำเร็จจริง วันพุธที่ 1 มีนาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 18:33:38 )

หลักฐานจากพระไตรปิฎก 45 เล่มเรียนรู้เท่าความรู้พระพุทธเจ้า

รายละเอียด

อาตมาหยิบมา จากพระไตรปิฎก 4 เล่ม มายืนยันหลักฐาน ยังไม่ได้เศษเสี้ยวเท่าไหร่เลยของทั้งหมดยังมีสภาวะเห็นได้อย่างนี้ ของอาจารย์มั่นไม่ได้เอามายืนยันอธิบายหลักฐานเหมือนกับอาตมาเลย เอาคำสอนในพระไตรปิฎกอ้างอิงตลอดเวลา อาตมายังโชคดีที่มีพระไตรปิฎกฉบับนี้อยู่ ยืนยันตลอดเวลา แม้ไม่หมดก็เป็นอรหันต์ได้ อ่านที่สภาวะจิตเจตสิกของคุณ อ่านให้จริงหมดกิเลสแล้วหรือไม่ แม้จะหลง หากไม่มีความสุขความสุขจริงๆ แล้วแบบลืมตากับแบบหลับตาคุณจะเอาแบบไหนก็เลือกเอาสิ เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล คุณเลือกเอาหลับตาก็เอาแบบหลับตา แต่พวกเราไม่นิยมแบบหลับา มันอยู่ในภพชาติตัวเอง คนอื่นไม่เห็นรู้เรื่องอะไร รู้แต่พวกเดียวกัน พวกสัมโภคกายด้วยกัน นิรมาณกายด้วยกัน นิรมาณกายคือปั้นมาเอง เหมือนพูดคุยกันรู้เรื่อง เรื่องเดียวกันแต่ไม่เหมือนกันหรอก ยืนยันภายนอกร่วมกันไม่ได้ เอาตาหูจมูกลิ้นกายภายนอกยืนยัน ทั้งภายนอกและภายในครบ2 แต่คุณเอาแต่พูดแต่ภายใน เหมือนบอกว่าพระเจ้าอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ศาสนาพุทธบอกว่ายืนยันแบบนั้นไม่ได้หรอก แต่เรานี่เอาพระพุทธเจ้าคือพระเจ้า จะสูงสุดก็คือความรู้เท่าพระพุทธเจ้า พฤติกรรมของพระพุทธเจ้า ความเป็นมนุษย์สูงสุด เอาแค่นี้ก็เหลือกินแล้ว คุณสูงเท่าพระพุทธเจ้าหรือยัง เอาแค่นี้ก็เหลือกินแล้ว จะสูงกว่าพระพุทธเจ้าใครจะเอาก็เอา อาตมาเอาแค่สูงเท่าพระพุทธเจ้าสมัยเดียวก็พอ จะสูงกว่าพระพุทธเจ้ามีอีกก็ไม่เอาแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช 29 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:44:01 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:52:28 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:05:54 )

หลักฐานสมบูรณ์แบบว่าศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาคนป่า

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นที่อาตมาพาทำมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ มันได้ผล ของพระพุทธเจ้าทำให้พวกคุณเกิดภูมิปัญญาเข้าใจโลกุตรธรรม 

ธาตุที่มาเป็นโลกุตรธรรม ธาตุ อัญญธาตุ ซึ่งแปลว่ามันเป็นสิ่งอื่นเลยที่โลกียะเขายังไม่มี ธาตุตัวนี้ จะเรียกว่าเป็น ธาตุแห่งจิตนิยามตัวที่ 1 ก็ได้เป็นความรู้ความฉลาด ตัวที่ 1 ที่เป็นแบบโลกุตระ 

อาตมาก็ได้อธิบายไปหลายทีแล้ว มี อัญญธาตุ ตัวเดียวคุณจะไม่รู้สึกอะไรมากหรอก แต่ก็จะรู้สึกว่าอันนี้แปลกนะ ดีนะ ชิมหน่อย สมมุติว่าเป็นของที่ลิ้มทางลิ้น ถ้าคุณเกิดยินดีในธรรมรสอันนี้ ได้รับ อัญญธาตุ อันนี้ไปแล้ว 

แต่ก่อนเรามีแต่โลกียรส แต่นี่เกิดโลกุตรรส หน่วยแรกหน่วยที่ 1 เลยนะ อัญญธาตุ ถ้าคุณเกิดฉันทะใน อัญญธาตุ ตัวแรกที่เป็นรากเป็นมูลกาของมูลสูตร 10 

ฉันทะเป็นตัวที่ 1 เกิดตัวฉันทะ ยินดี  โอ้โห แปลกเว้ย แน่นอนคุณจะแสวงหาหรือตามหาหน่วยที่ 2 ใช่ไหม พอได้อีกหน่วยที่ 2 ก็จะบอกว่าใช่ อร่อย เป็นธรรมรส คุณก็จะแสวงหาหน่วยที่ 3 4 5 6 จนเลย 50 หน่วยขึ้นไปเป็น 60 70 คุณถึงจะกระเตื้อง กว่าจะอัญญา เป็นพหูพจน์ ก็คือธาตุรู้ ธาตุโลกุตระตัวนี้ 

พระพุทธเจ้าอุทานถึงว่าผู้ที่มี อัญญธาตุ ถึงขั้นอัญญา เป็นพหูพจน์จนเลย 50 60 ที่จะสอนโลกุตรธรรมได้แล้ว คนแรกของพระพุทธเจ้าคือ โกณฑัญญะ เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็จะมาประกาศศาสนาในโลก ก็มีคนที่จะไปโปรด ไปหา อาฬารดาบส อุทกดาบส ก็ตายไปหมดแล้ว ก็ไปหาปัญจวัคคีย์ต่อ เพราะว่าเคยศึกษามาร่วมกัน แล้วปัญจวัคคีย์เขาก็รู้นะ เพราะว่าโกณฑัญญะเป็นคนทำนายเลยว่าท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แต่ไม่เชื่อเพราะเขาไปเชื่ออยู่ว่า จะต้องนั่งหลับตา จะต้องสะกดจิต จะต้องเอาอย่างเดียรถีย์ ทิฏฐิผิดๆ ยังเชื่ออยู่ในทิฏฐิผิด ยังไม่คลาย ยังไม่สามารถที่จะรู้ทิฏฐิใหม่ 

จนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ที่ตรัสรู้ก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไร พระพุทธเจ้ามีมาเป็นของเก่า มาถึงก็ระลึกได้ว่าเป็นของตนเองมี ก็เป็นพระพุทธเจ้าที่จะมาประกาศศาสนา ไม่ใช่ปฏิบัติ มีสัมมาสัมโพธิญาณเป็นโพธิสัตว์จนกระทั่งจบกิจเป็นอนุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วจึงอุบัติขึ้นมาเป็นมนุษย์ในโลก แล้วก็มีร่องรอยจนกระทั่งแม้แต่พราหมณ์ทำนาย 7 คน 7 รูปว่าจะต้องเป็นพระพุทธเจ้าองค์นี้แน่ ยิ่งโกณฑัญญะบอกเลยว่ามีคติเดียวไม่มี 2 คติ เป็นพระพุทธเจ้าคติเดียว อีก 6 องค์นั้นบอกว่ามี 2 คติถ้าอยู่ทางโลกก็จะเป็นเจ้าจอมจักรพรรดิ ถ้าไปทางธรรมก็จะเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าก็มาเอาทางนี้จริงไม่เอาแล้วไปเป็นเจ้าจอมจักรพรรดิ 

เพราะฉะนั้นเมื่อโกณฑัญญะมีอันนี้ พระพุทธเจ้าท่านมีสิ่งที่เป็นอาเทสนาปาฏิหาริย์สามารถหยั่งรู้จิตของโกณฑัญญะได้ ว่าคุณภาพของจิตโกณฑัญญะ มีอัญญธาตุ ที่จะรับรู้เรียนโลกุตรธรรมได้ก็จะบอกว่า อัญญาสิ วตโภ โกณฑัญโญ อุทานว่า โกณฑัญญะรู้แล้ว ท่านก็เทศน์อนัตตลักขณสูตรต่อไป 

แล้วโกณฑัญญะก็เป็นคนที่มีบารมีมาก่อนแล้ว ซึ่งเป็นอิสีติสาวกของพระพุทธเจ้า ตามบารมีที่จะต้องพร้อมมาช่วยกันที่จะสร้างศาสนา เพราะฉะนั้นจึงไม่ยากไม่ช้าไม่นานก็บรรลุอรหันต์ โกณฑัญญะบรรลุก่อนอีก 4 พราหมณ์ ก็บรรลุได้เป็น 5 รูป ก็อยู่ในป่ากันอยู่ทั้งนั้นตอนนั้นหลงทางไปอยู่ในป่า แต่ก็ไปเจอกันในป่า จนกระทั่งพระพุทธเจ้ารู้ตัวเองเสร็จแล้วก็สอนจนกระทั่งได้ 5 รูปเดินทางเข้ามา 

จึงมาเจอ ยสะมานพ ลูกเศรษฐีใหญ่ใส่รองเท้าทอง ยสะมานพก็มีบารมีเบื่อทางโลกแล้ว เบื่อหน่ายแล้วไม่มีทางออกทางรู้ บ่น โลกนี้วุ่นวายหนอ จนกระทั่งพระพุทธเจ้าได้ยิน บอกว่าที่นี่ไม่วุ่นวายหนอ ก็เลยถามว่าที่ไหน ได้ยินพระพุทธเจ้าก็บอกว่าที่นี่ ซึ่ง พระยสะ ก็มีบารมี ฟังธรรมนิดๆหน่อยๆก็เป็นอุคติตัญญู ฟังธรรมประโยค 2 ประโยค สอนธรรมะ 1-2 กัณฑ์ก็บรรลุแล้ว 

พระยสะมีเพื่อนร่วมแก๊งเป็นเศรษฐีใหญ่ด้วยกันก็ไปนำหมู่มาอีก 55 ก็รวมเป็น 60 รูปแรกอย่างนี้เป็นต้น ตามประวัติก็รู้กันทั้งนั้น อาตมาก็เกือบๆ จะลืมๆแล้วก็ฟื้นมาพอจำได้ตามเนื้อหา ที่อาตมาพูดไปก็ตามเนื้อหา 

มันก็เป็นสัจจะของมันขึ้นมา จนกระทั่งพระพุทธเจ้าท่านประกาศศาสนา จึงออกจากป่า อยู่กับพราหมณ์แล้วก็ยังอยู่ชายป่าด้วยนะพระยสะ 

พระพุทธเจ้าก็ได้ 60 รูปแรกเป็นอรหันต์แล้วก็ให้แยกไปคนละนิคม ไม่ใช่ให้เข้าป่านะ เราก็จะไปอุรุเวลาเสนานิคมอย่างนี้เป็นต้น นี่คือหลักฐานสมบูรณ์แบบว่าศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาคนป่า แต่เป็นศาสนาคนเมือง จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้า รวมไว้หมดเลยในเรื่องของสูตรใหญ่ของธรรมะพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 17 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 2

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:50:48 )

หลักฐานสายหลับตาไม่ทำให้บรรลุอะไรได้เลย

รายละเอียด

ทีนี้ หลวงปู่แสงไม่ได้บรรลุธรรมอะไรเลย นอกจากไม่ได้บรรลุธรรมอะไรเลยแล้วกดข่มกิเลสไว้ จนกระทั่ง 80 พรรษา เพราะบวชตั้งแต่ 20 อายุ 100 80 พรรษา กดข่มมา สุดวิสัยที่จะ กดข่มไว้ จึงประทุออกมา ยิ่งอัลไซเมอร์ สมองไม่เป็นเครื่องมือด้วย ยิ่งมีแต่กิเลส เพียวๆ ออกมาๆ จนกระทั่งถึงกายกรรมที่มีหลักฐานอยู่ เห็นไหมว่า สายหลับตานี่ มันไม่ทำให้บรรลุอะไรได้เลย

นี่ ลูกศิษย์สายอาจารย์มั่น ไม่รู้จะแก่หรืออ่อนกว่ามหาบัว เขาบอกหลวงปู่แสง อายุ 98 ปี 75 พรรษา ให้ 100 เลย แต่ สรุปไว้ว่า นั่งหลับตากดข่มกิเลส กิเลสไม่ได้ลดลงเลย มหาบัวก็กดข่ม มหาบัวนี้ ยิ่งชัดเจนว่าไม่รู้จักกามคุณ 5 เมถุนหรือเรื่องผู้หญิง กามทางราคะเรื่องผู้หญิงผู้ชาย มหาบัวกดข่มได้ดี ไม่มีเรื่องราวพวกนี้เบื้องหลังเราไม่รู้ มีไม่มีก็ไม่รู้ แต่เราไม่ได้ยินข่าวคราวปรากฏเรื่องแบบนี้เลย แต่กามคุณ 5 เสพหมากพลูว่างปากไม่ได้ 

คนแม้แต่แค่สิ่งเสพติดหมากพลู คือ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ทั้งหมด แล้วไม่ได้ติดเล่นๆ ติดจนตาย จนต้องกลบเกลื่อนว่าไม่ติด เพราะเคยมีหลักฐานมีคนท้วงว่า พยายามเลิก แต่เลิกไม่ได้ ก็เลยกลบเกลื่อนว่าเป็นเรื่องธาตุขันธ์ ใช้ภาษากดข่มไว้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 05:14:31 )

หลักฐานในพระไตรปิฎกที่มีสยังอภิญญาพระพุทธเจ้าตรัสไว้

รายละเอียด

พออาตมามาทำงานด้านนี้ได้ความชัดเจนในตัวเองและประกาศตั้งแต่ต้นว่าเป็นโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่จะมาสาธยายธรรมะ จนอาตมามีหลักฐานในพระไตรปิฎกที่ มีสยังอภิญญาพระพุทธเจ้าตรัสไว้ อาตมาก็เลยได้ยิ่งมีหลักฐาน คนที่เชื่อในพระไตรปิฎกก็จะพอนับถือเชื่อถือ แต่คนไม่เชื่อก็จะหาว่าอวดอ้าง เป็นธรรมดา ที่เขาไม่ศรัทธาเพราะเขาไม่เข้าใจหรือเขาเข้าใจไม่ได้ พูดอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจ เพราะว่าเป็นความยึดถืออุปาทาน อภินิเวส ยึดมั่นในทิฏฐิก็ดี ความรู้ความเข้าใจต่างๆก็ดี จนกระทั่งเอามาใช้กับชีวิตที่แล้วเอามาประพฤติอย่างพระอยู่ในสำนักต่างๆเป็นต้น หรือแม้แต่ฆราวาสก็ตามที่ยึดถือความเข้าใจที่เป็นแบบนี้ ทุกวันนี้อาตมาพูดแรงโดยไม่ไว้หน้าว่าที่ทำอย่างนั้นผิด ผิด 100% เลยตีทิ้งเลย ที่เถรสมาคมพาออกป่าหลับตา เป็นเดียรถีย์หมดเลย ของพระพุทธเจ้ามีมรรคมีองค์ 8 มีการทำงานมีอาชีพมีการคิดพูดทำ ที่ปฏิบัติถูกต้องตามสัมมาทิฏฐิให้ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 15 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2563 ( 11:09:22 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:53:54 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:06:32 )

หลักตัดสินธรรมวินัย 8

รายละเอียด

นี้เป็นธรรมวินัย  เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา

1. เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด(วิราคะ)

2. เป็นไปเพื่อความพราก  ไม่ผูกมัดรัดรึงสัตว์ไว้(วิสังโยคะ)

3. เป็นไปเพื่อความไม่สะสม(อปจยะ)

4. เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย กล้าจน(อัปปิจฉะ)

5. เป็นไปเพื่อความสันโดษ ใจพอ(สันตุฏฐิ)

6. เป็นไปเพื่อความสงัด  สงบจากกิเลส(ปวิเวกะ)

7. เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร  ยอดขยัน(วิริยารัมภะ)

8. เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย(สุภระ)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 23 “สังขิตตสูตร” ข้อ 143

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 16:53:04 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:22 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:07:34 )

หลักตัดสินธรรมวินัย 8

รายละเอียด

นี้เป็นธรรมวินัย เป็นคําสั่งสอนของพระศาสดา

1. เป็นไปเพื่อคลายกําหนัด (วิราคะ)

2. เป็นไปเพื่อความพราก (วิสังโยคะ)

3. เป็นไปเพื่อความไม่สะสม (อปจยะ)

4. เป็นไปเพื่อความมักน้อยกล้าจน (อัปปัจฉะ)

5. เป็นไปเพื่อความสันโดษใจพอ (สันตุฏฐิ)

6. เป็นไปเพื่อความสงัดจากกิเลส (ปวิเวกะ)

7. เป็นไปเพื่อปรารภความเพียรยอดขยัน(วิริยารัมภะ)

8. เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย (สุภระ)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 23 “สังขิตตสูตร” ข้อ 143


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 20:16:10 )

หลักตัดสินว่า ไม่ใช่ธรรมวินัยของตถาคต .

รายละเอียด

1.  เป็นไปเพื่อความกำหนัด  ไม่เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด  (สราคายะ  สังวัตตันติ  โน วิราคายะ)

2.  เป็นไปเพื่อประกอบสัตว์ไว้   ไม่เป็นไปเพื่อพรากสัตว์ออก  (สังโยคายะ  สังวัตตันติ  โน วิสังโยคายะ) . . .

3.  เป็นไปเพื่อความสะสม  ไม่เป็นไปเพื่อความไม่สะสม  (อาจยายะ  สังวัตตันติ  โน อปจยายะ) .  .

  4 เป็นไปเพื่อความมักมาก  ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย  (มหิจฉตายะ  สังวัตตันติ  โน อัปปิจฉตายะ) .

       พาหุลฺลิโก = ความอุดมสมบูรณ์, การเป็นอยู่อย่างฟุ่มเฟือย, ความมักมาก

5.  เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่เป็นไปเพื่อความสันโดษ  (อสันตุฏฐิยา  สังวัตตันติ  โน สันตุฏฐิยา)

6.  เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ  ไม่เป็นไปเพื่อความสงบสงัดจากกิเลส (สังคณิกายะ  สังวัตตันติ โน ปวิเวกายะ) .

7. เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน  ไม่เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร (โกสัชชายะ  สังวัตตันติ  โน วิริยารัมภายะ) .

8. เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย (ทุพภรตายะ  สังวัตตันติ  โน สุภรตายาติ) 

     นี้ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย ไม่เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา   (เนโส ธัมโม  เนโส วินโย  เนตัง สัตถุสาสนันติ ฯ)   

 

ที่มา ที่ไป

เล่ม.23/143, สังขิตตสูตร พระไตรปิฎก. เล่ม 23   ข้อ 143

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 16:14:20 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 15:58:41 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:10:42 )

หลักธรรมยืนยันความเป็นโลกุตรธรรม

รายละเอียด

คือ  การแสดงโลกุตรธรรมพวกคุณก็มากันได้ทุกคาบถ้าไม่ติดธุระ คุณก็มานั่งกันอย่างนี้นั่งกันหนาแน่นพอสมควร อบอุ่นพอสมควร แสดงโลกุตรธรรมมีคนนั่งฟัง 3 คน 5 คนก็ดีแล้ว แต่นี่มีคนเป็นร้อยก็ดีแล้วอย่างนี้เป็นต้นอาตมาเอาโลกุตรธรรมมาอธิบาย ขยายความในยุคนี้ พวกคุณฟังได้เข้าใจได้ เอาไปปฏิบัติได้ลดละกิเลสได้ เอาหลักธรรมมายืนยันได้ เอากถาวัตถุ 10 ก็ตาม เอาวรรณะ 9 ก็ตาม หลักตัดสินธรรมวินัย 8 ข้อก็ตาม มาจับกับพฤติกรรมความจริงของพวกคุณ เช่นวรรณะ 9 พวกคุณมาเป็นคนเลี้ยงง่ายถ้าหากเลี้ยงยากอาตมาเหนื่อยตาย ตอนนี้เลี้ยงง่ายกินอยู่หลับนอนไปมาก็สบายอยู่ง่ายๆไปง่ายๆมาง่ายๆ ทำงานทำการก็ช่วยเหลือกันง่ายๆไม่ได้ยากอะไร ที่จริงมันน่าจะยุ่งยากคุณจะทะเลาะวิวาทอะไรกัน มันก็มีอีกหลายอย่างเมื่อคุณกระทบสัมผัสกัน ก็ไม่เห็นมีการทะเลาะอะไรกันมากมายเป็นคนที่มีภูมิธรรมก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:41:09 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 16:00:21 )

หลักธรรมยืนยันความเป็นโลกุตรธรรม

รายละเอียด

การแสดงโลกุตรธรรมพวกคุณก็มากันได้ทุกคาบถ้าไม่ติดธุระ คุณก็มานั่งกันอย่างนี้นั่งกันหนาแน่นพอสมควร อบอุ่นพอสมควร แสดงโลกุตรธรรมมีคนนั่งฟัง 3 คน 5 คนก็ดีแล้ว แต่นี่มีคนเป็นร้อยก็ดีแล้วอย่างนี้เป็นต้นอาตมาเอาโลกุตรธรรมมาอธิบาย ขยายความในยุคนี้ พวกคุณฟังได้เข้าใจได้ เอาไปปฏิบัติได้ลดละกิเลสได้ เอาหลักธรรมมายืนยันได้ เอากถาวัตถุ 10 ก็ตาม เอาวรรณะ 9 ก็ตาม หลักตัดสินธรรมวินัย 8 ข้อก็ตาม มาจับกับพฤติกรรมความจริงของพวกคุณ เช่นวรรณะ 9 พวกคุณมาเป็นคนเลี้ยงง่ายถ้าหากเลี้ยงยาก อาตมาเหนื่อยตาย ตอนนี้เลี้ยงง่ายกินอยู่หลับนอนไปมาก็สบายอยู่ง่ายๆไปง่ายๆมาง่ายๆ ทำงานทำการก็ช่วยเหลือกันง่ายๆไม่ได้ยากอะไร ที่จริงมันน่าจะยุ่งยากคุณจะทะเลาะวิวาทอะไรกัน มันก็มีอีกหลายอย่างเมื่อคุณกระทบสัมผัสกัน ก็ไม่เห็นมีการทะเลาะอะไรกันมากมายเป็นคนที่มีภูมิธรรม

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 20:47:42 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 16:01:44 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:05:14 )

หลักธรรมวินัย

รายละเอียด

คือ หลักธรรมต่างๆและวินัยต่างๆ ซึ่งปฏิบัติกันแล้วมีผลเป็นคนดีจริงๆ

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า.59


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 15:40:31 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:42:12 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:03:20 )

หลักธรรมะของการทำงาน

รายละเอียด

บางคนเมื่อเสียหายถึงขนาดฆ่าตัวตายก็มี นั่นเป็นกิเลสของเขา เขาไม่รู้จักความเกิดความดับ ทุกอย่างก็หมุนเวียนระหว่างความเกิดความดับสุดท้าย มันยังไม่เกิดไม่ตายเหลือเท่าไหร่ก็ต่อเชื้อกันไป ถ้าหมดไปแล้วก็ปลูกขึ้นมาใหม่ เราไม่จำนนต่อการที่จะทำสิ่งที่เราควรจะทำ คือคนเราโง่ เอาเวลาแรงงาน ทุนรอน ไปเสียกับสิ่งไร้สาระพุ่มเฟือย ผู้ใดรู้สิ่งฟุ้งเฟ้อเรื่องไร้สาระแล้วก็อย่าไปเสียเวลาแรงงานทุนรอนกับสิ่งไร้สาระฟุ่มเฟือย เราก็มีเวลาแรงงานทุนรอนมาทำสิ่งที่เป็นสาระ ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย นี่คือ Economy สูงสุด ชุดนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของที่นี่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:40:24 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 16:02:48 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:02:33 )

หลักธรรมเน้นลืมตา เอาศีลเป็นตัวหลัก!

รายละเอียด

การปฏิบัติธรรมของพุทธทั้งหมดทั้งหลายนั้น มันต้อง“ลืมตา”ทั้งนั้นแหละ และจะต้องมี“ศีล”เป็นหัวข้อหลักทีเดียว จึงจะครบกระบวนธรรมไม่ตัดลัดทิ้งธรรม ตรงตามหลัก“จรณะ 15 วิชชา 8”“จรณะ 15 วิชชา 8”เป็น“พุทธคุณ”แท้ๆ ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และเป็นเนื้อแท้ของศาสนาพุทธหนึ่งเดียวในโลกไม่มีใคร ไม่มีศาสนาใดที่จะมีได้เหมือนพุทธ 

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 420 ข้อที่ 570 


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 14:38:26 )

หลักนักษัตร

รายละเอียด

คือ 1 รอบนักษัตร = 12 ปี 2 รอบนักษัตร = 24 ปี 3 รอบนักษัตร = 36 ปี หรือ คือ 1 เส้าของนักษัตร ครบ 3 เส้าของนักษัตร = 108 ปี 

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.494


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 12:04:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 14:43:44 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 17:00:41 )

หลักปฎิบัติทำให้ขันธ์ของเราสะอาดขึ้นคือ นาม 5 รูป 28 

รายละเอียด

อุปาทิ คือเชื้อ คือคำว่าวิบากคือผล ปฏิบัติแล้วก็เกิดผล รวมเป็นขันธ์ขึ้นมา เพราะฉะนั้นเมื่อได้ปฏิบัติธรรมแล้วก็ทำให้ขันธ์เรานี้สะอาดขึ้น ขันธ์ของเราคือ รูป เวทนา สัญญาสังขาร วิญญาณ ถ้าเฉพาะนามก็คือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ 

เวลาศึกษาปฏิบัติ พระพุทธเจ้ามีหลักปฏิบัติคือ นาม 5 รูป 28 เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดไม่สามารถ แยกนาม 5 เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ ถ้าหากไม่มี 5 ประการนี้ที่เป็นเจตสิก ปฏิบัติไม่ได้ มีนาม 5 แล้วก็มีรูป 28 รูปนี้ อธิบายขยายความยากกว่านามอีก ที่จริงรูปสำหรับอย่างตื้น อธิบายง่ายกว่า แต่อธิบายละเอียดแล้วอธิบายยากกว่า รูป 28 

4 ข้อต้นคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ง่ายเข้าใจแล้วเป็นวัตถุรูปภายนอก แต่เมื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง ปฏิสังเคราะห์ สังขารกัน มันก็จะมีตาหูจมูกลิ้นกาย หรือ เมื่อมันเกิดสภาวะ กระทบกันแล้ว มันก็จะมีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เป็นรูปที่ถูกรู้ ที่นาม 5 นั้น ต้องมีผัสสะ จึงจะเกิด รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ต้องมีสัมผัสจึงจะเกิดรูปรสกลิ่นเสียง แล้วก็ทางกาย สัมผัสก็คือทางกาย แต่ต้องมีใจร่วมศึกษารู้อยู่ตลอดเวลา ต้องมีผัสสะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 12:45:08 )

หลักปฏิบัติที่แท้จริงของพุทธที่สัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

เพราะพุทธที่“สัมมาทิฏฐิ”นั้นจะมีหลักปฏิบัติแท้ๆ คือจรณะ 15 วิชชา 8 ซึ่งมี“อปัณณกปฏิปทา 3”ยืนยันการเป็นศาสนาพุทธที่แท้จริงถูกต้อง มีหลักธรรมชัดเจนอยู่โต้งๆ

ถ้าการปฏิบัติใดไม่มี“อปัณณกปฏิปทา 3”การปฏิบัตินั้นก็“ผิด”ไปจากศาสานพุทธ ก็ชัดแจ้งแดงแจ๋อย่างนี้

หรือถ้าผู้ใดยืนยันยึดมั่นถือมั่น ว่า “การหลับตาปฏิบัติ”นี่แหละเป็น“ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด (อปัณณกปฏิปทา)”ของศาสนาพุทธ ผู้นั้นก็คือ “มิจฉาทิฏฐิ”ตัวแท้ ซึ่งมีความคิดปฏิปักษ์ต่อศาสนาพุทธอยู่โทนโท่ แท้ๆ ชัดๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 20:21:15 )

หลักปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ก็ชัดเจน ปฏิบัติศีล จะเกิดผลทางจิตตั้งแต่ อวิปฏิสาร ไม่เดือดเนื้อร้อนใจเช่นคนปฏิบัติศีลข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ศีลข้อที่ 3 

เมื่อคุณถือศีล ก็ต้องปฏิบัติสำรวมสังวรในศีล คุณจะต้องสำรวมอินทรีย์ ต้อง มีโภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ นี่คือหลักปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า 3 ข้อ ในจรณะข้อที่ 2 3 4 ข้อที่ 1คือศีล ข้อที่ 2 สำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ข้อที่ 3 โภชเนมัตตัญญุตา ข้อที่ 4 ชาคริยานุโยคะ

นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ที่คุณไปเรียนกันมานั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ ศีลต้องไปปฏิบัติสำรวมกายวาจา ส่วนสมาธิไปนั่งหลับตาเอา นั่นคือความเสื่อมของศาสนาพุทธ ทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ผิดเพี้ยนไปจากสัจจะของพระพุทธเจ้า ต้องมาสอนตามจรณะ 15 ปฏิบัติธรรมไม่ผิด 3 ข้อ เมื่อเริ่มมาบวชตามพระพุทธเจ้าจะต้องเริ่มถือศีล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:47:36 )

หลักปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า 3 ​ข้อ

รายละเอียด

ชีวิตเราอยู่กับของกินของใช้ทั้งหมด ในโลกมีแต่ของกินของใช้ทั้งนั้นแหละ เราสัมพันธ์กับอะไรไม่ใช้ก็กิน เท่าน้ันแหละ เพราะฉะนั้นเมื่อคุณสัมผัสสัมพันธ์กับของกินของใช้ทุกเมื่อ คุณจะต้องสำรวมอินทรีย์เสมอ เรียกว่า สำรวมอินทรีย์-โภชเนมัตตัญญุตา-ชาคริยานุโยคะ 3 ​ข้อ

สำรวมอินทรีย์ไม่ใช่ตื้นๆ เช่น แค่นั่ง ยืน เดิน ก้าวหนอ ยกหนอ มันเป็นขั้นอนุบาลต้องผูกสติไว้กับความเคลื่อนไหว การเดิน การยืน การกิน การอยู่ การแต่งตัวเสื้อผ้าไปเดินบิณฑบาต ปัสสาวะอุจจาระอะไรก็แล้วแต่ ทุกอิริยาบถ คุณก็จะต้องให้มีสติสมบูรณ์ คือ ชาคริยา 

สำรวมอินทรีย์ มีสติสมบูรณ์ แล้วก็อยู่กับเครื่องกินเครื่องใช้ทั้งหมด เกี่ยวข้องกับเครื่องกินเครื่องใช้ทั้งหมดทุกขณะ ทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก แม้แต่คุณนอน ก่อนที่สติจะตกไปอยู่ภายในก่อนจะหลับ คุณต้องมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมหายใจเข้าหายใจออก แล้วก็พยายาม ปิดฉากภายนอก เพื่อจะ หรี่ หลับ ดับ พัก คุณก็ทำอย่างนี้เป็นต้น ก็ล้วนแล้วแต่เรารู้จักการสำรวมอินทรีย์ภายนอก สำรวมอินทรีย์ภายใน ก็มีสติรู้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 20:30:59 )

หลักปฏิบัติเพื่อช่วยให้ตัวเองอยู่รอด

รายละเอียด

หลักเกณฑ์สำคัญที่สุดที่อาตมารวบรวมได้ ว่า หลักเกณฑ์ที่เราจะปฏิบัติอย่างไรให้ตัวเองรอด มีอยู่ 4 อย่างใหญ่

1. อย่าเป็นหนี้ อย่าเป็นอันขาด จะไปเข้าสู่วงจรทุนนิยม ที่มันมีดอกเบี้ย ดอกอะไรไม่เก่งเท่าดอกเบี้ย เก่งฉิบหายเลย โอ้โห ทารุณโหดร้ายอะไรไม่มีปาน ชาวอโศกการปฏิบัติธรรมสำเร็จไม่เป็นหนี้ แต่ชาวอโศกมีเงินหนุน หนุนคือค้างเงินยืมกันเองไม่มีดอกเบี้ย การให้ยืมเรียกว่าเกื้อ ไม่ใช่กู้ เกื้อคือเอื้อเฟื้อเจือจานเกื้อหนุนกัน เราไม่มีกู้ที่มีดอก แล้วไม่ชักดาบกัน ยืมใช้ชั่วคราวแก้ขัด แล้วก็ใช้คืน ไม่เรียกว่าหนี้ เรามีศัพท์เฉพาะใช้กันในชาวอโศก

2. ต้องทำให้พออยู่พอกินสำหรับตน ผลผลิตของแรงงานเรา คิดค่าแล้วคุ้มตนเอง ตนเองพออยู่พอกิน เรากินใช้วันหนึ่ง 100-200 แต่เราทำเกิน 200 ทุกวัน แม้จะไม่ทุกวันแต่ค่าเฉลี่ยแล้วเกินมากเลย ทั้งความจริงดังกล่าวนี้ในชุมชน ในสังคมใดก็แล้วแต่ มันจึงมีส่วนเหลือส่วนเกิน ที่ไม่มีล่มจม ส่วนเหลือส่วนเกินนี้มันเป็นส่วนที่เกื้อกูลกัน เผื่อแผ่กัน แจกไปสู่ผู้อื่นได้ตลอดเวลา

อาตมาอธิบายเศรษฐกิจของพระพุทธเจ้านี้สำคัญ

 3. ทำให้เกินกินใช้ที่ตัวเองกินใช้

 4. ทำได้มากแล้วเผื่อแผ่แจกจ่าย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ปัจฉิมกถาปิดงาน มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินครั้งที่ 12
ที่มาบเอื้อง จ.ชลบุรี วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:59:43 )

หลักประกันของความเป็นอัตภาพที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้

รายละเอียด

แม้ว่าจะมีศาสดาสอน ให้ทำดีอย่าทำชั่ว เกร็งไว้ ข่มไว้ พยายามไว้ เสร็จแล้วก็สามารถทำดีจนเลย เหลิง ได้รับยกย่อง เหลิงเลย สุดท้ายก็ตกต่ำใหม่ เป็นพระศาสดาก็ตกต่ำ ศาสดาของแต่ละศาสนา มีศาสนาพุทธมีหลักประกันว่าไม่ตกต่ำ ดีแล้วดีเลย ชาตินี้ได้ ตัดอาสวะเลย เรียกว่าถึงรากเหง้าของจิต ไม่มีกิเลสตัวนี้เกิดอีก เป็นอรหัตผล ตายข้ามชาติมาแล้วก็ไม่ตกต่ำ ไม่ลงไปต่ำอีกแล้ว นี่เป็นหลักประกันของความเป็นอัตภาพที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้

เสร็จแล้วยังสามารถเรียนรู้อัตภาพนี้ นอกจากไม่ตกต่ำแล้ว สลายเป็นดินน้ำไฟลมได้อีก นี่เป็น 2 ขั้น

ขั้น ละชั่วประพฤติดี ได้อย่างไม่ตกต่ำอีกเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติ นี่ขั้น 1  

ขั้นที่ 2 รู้จักอัตภาพรู้จักตัวธาตุจิตนิยาม สลายเป็น แม้แต่ตอนเป็นๆ นี้ก็ทำให้มันมีความรู้สึกแบบพีชะ แบบพืชที่ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข ไม่มีกรรมวิบากได้ด้วย ทำให้เป็นอุตุ เป็นธาตุ สสาร วัตถุ ทำงานบวกลบเท่านั้น แต่ไม่เป็นชีวะ ไม่มีชีวะเลย ได้ด้วย หมดสุขหมดทุกข์ เหมือนพืชนี่ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เป็นอรหันต์นี้เหมือนพืช เป็นพืชที่มีสติสัมปชัญญะเต็มตื่น ไม่ใช่เหมือนมนุษย์พืชนอนไม่รู้เรื่อง 

มนุษย์พืชเอาอะไรไปจิ้มเอาอะไรไปถูก มันไม่เจ็บไม่ปวดอะไร ใช่ไหม เพราะจิตมันไม่มีไอ้พวกนี้แล้ว สัมผัสทางกายไม่รับรู้ข้างนอกเลย มีแต่จิตอยู่ในจิตเท่านั้น แต่จิตนี่ตกไปเป็นแบบพืชยังไม่ตาย ให้อาหารก็อยู่ไปจนกว่ามันจะหมด เหมือนกับพืชมันก็แก่หมดแรง ให้อาหารอย่างไรมันก็ไม่ต่อไป ก็เหมือนกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆ หลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2565 ( 22:09:58 )

หลักประกันของชีวิตที่เกิดมาเป็นคน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในเรื่องของศาสนาเรื่องของธรรมะ สรุปลงตรงนี้ 

เกิดมาเป็นคน ถ้ารู้จบในเรื่องธรรมะพระพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์แล้วคุณจบอันนี้สุดยอดจริงๆ ชีวิตต่อไป หลักประกันคือคนคนนี้ไม่ทำชั่วอีกเลย ทำแต่ดี แล้วหมดสุขหมดทุกข์เป็นหลักประกันที่คนคนนี้ต้องบรรลุอรหันต์ให้ได้ เป็นพระอรหันต์แล้วกรรมทุกกรรมมีแต่กรรมดี ไม่มีกรรมบาปมีแต่กุศล ไม่ใช่กรรมบุญด้วยเพราะว่าบุญหมดแล้ว 

เมื่อได้อันนี้แล้วคุณจะสามารถปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกธาตุสุดท้าย เมื่อตายสุดท้ายแยกธาตุเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ได้ หายไปเลยหมดอัตตาสูญไปเลย ไม่มีตัวชีวะ ตัวอัตตาของเราอีกเลย จิตนิยามของเราแตกสลายเป็นดินน้ำไฟลมไปหมดเลย หรือจะยังไม่ทำ เป็นอมตบุคคล จะยังไม่ทำปรินิพพานเป็นปริโยสานก็กลับมาเกิดอีก เป็นโพธิสัตว์อย่างอาตมา เพื่อนำธรรมะพระพุทธเจ้าสืบทอดต่อไป หรือเราอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง หรือไม่ถึงขั้นนั้นหรือจะอยู่ไปประมาณหนึ่งแล้วค่อยปรินิพพานเป็นปริโยสานก็แล้วแต่ละบุคคล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:26:24 )

หลักประกันสูงสุดยอดในศาสนาพุทธ 2 ประการที่คนควรได้

รายละเอียด

จะเรียกว่าสมบูรณ์อาตมาว่าได้ขนาดนี้ก็เรียกว่าสมบูรณ์พอ ชีวิตทุกวันนี้ที่อาตมาพาปฏิบัติธรรมกันมา 50 ปี ทุกวันนี้นี่แต่ละชุมชนสังคมชาวอโศกแต่ละชุมชน ชุมชนเล็ก ชุมชนน้อย ชุมชนใหญ่ที่สุดเหมือนราชธานี อยู่กันอย่าง “อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนการเสียสละ”

เป็นพยัญชนะที่เจตนาเอาความหมายมาตั้งเพื่อที่จะให้ฟังเข้าใจ อ๋อ มันเป็นการจะเรียกว่า ชี้นำก็ได้ ชี้นำแล้วก็พยายาม อธิบายขยายความว่าถ้าเราทำได้เป็นลำดับๆอย่างนี้ เป็นพัฒนาการของชีวิตสังคมก็เจริญ  ทำได้แล้วมันมีประโยชน์คุณค่าเลยต่อมนุษย์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ในยุคนี้ต้องมาเรียนกับพ่อครูจึงจะบรรลุอรหันต์ได้ วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:14:22 )

หลักประกันและพัฒนาการของชีวิตชาวอโศกที่สมบูรณ์

รายละเอียด

หรือ คุณจะไม่สูญ คุณจะไม่ตายสูญ หลักประกันสำคัญก็คือคุณจะอยู่ในโลกนี้ คุณจะไม่สร้างบาป สร้างเวร สร้างภัย อะไรให้แก่ความเป็นมนุษย์กับสังคม เป็นหลักประกันเลย 

ภูมิปัญญาปฏิภาณคุณจะรู้เรื่องดีเรื่องชั่วเหล่านี้สมบูรณ์ และรู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์ คุณไม่ติดสุขติดทุกข์ เรื่องดีเรื่องชั่ว คุณก็จะรู้อย่างยิ่งและคุณก็จะทำแต่ดี ดี สัพพปาปสอกรณัง (ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา (ทำกุศลให้ถึงพร้อม) จะทำแต่ดีไม่ทำชั่วเลย ตราบใดที่คุณยังจะมีการเวียนวน เกิดตาย ตายเกิดอยู่ ที่เป็นมนุษย์อยู่ในโลก สิ่งนี้เป็นสัจธรรม รับประกันเลยว่าชีวิตคุณจะไม่มีทำชั่วเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 มกราคม 2566 ( 11:16:27 )

หลักพื้นฐาน 3 ข้อ ของชาวอโศก

รายละเอียด

อาตมาว่า ทุกวันนี้อาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาอธิบายมาให้รู้แล้วปฏิบัติ พวกคุณก็มาปฏิบัติสำเร็จมีมรรคผล มีสังคมอยู่ มีวัฒนธรรมอยู่ มีการยังชีพ ไปกับสิ่งที่เราได้เรามีเราเป็นเรารู้แล้ว ชีวิตเราจากนี้ไป ถึงกองฟอน ก็ไม่ห่วงหาอะไรแล้ว หลายคนก็ว่ามาอยู่กับพวกชาวอโศก ยินดีต้อนรับนะ ผู้ใดฟังอยู่อยากจะมา หลายคนก็อาจงง ว่าจะมาอยู่ได้ไหม ได้ ขอให้คุณปฏิบัติตามกฎเกณฑ์วัฒนธรรมของชาวอโศก อย่างพื้นฐานสุดคือ 1. ไม่กินเนื้อสัตว์ 2. มีศีล 5 เป็นอย่างต่ำ 3. ไม่มีอบายมุข นี่คือหลักพื้นฐานมีอยู่แค่นี้ เสร็จแล้วอยากจะมาอยู่ที่นี่ก็ได้มาเลย ที่ดินที่นี่ก็มีให้จอง ไม่ได้ขายแพง ไม่ได้มีอะไรมาก จ่ายค่าที่เขาบ้าง เราไม่ได้เอามาใช้ค้าขายแต่จัดสรรให้เหมาะสม เต็มหรือยัง ถ้ายังไม่เต็มก็มาจอง เสร็จแล้วก็มาอยู่ร่วมกันมีวัฒนธรรมแบบนี้เป็นสาธารณโภคี

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:46:54 )

หลักวิชา ต้องคบสัตตบุรุษให้บริบูรณ์ ถึงได้ฟังสัทธรรมบริบูรณ์

รายละเอียด

มาเข้าเรื่อง เพราะฉะนั้นก็ขอจบตรงสัตตบุรุษ อาตมายืนยันว่าตัวเองเป็นสัตตบุรุษ เพราะฉะนั้นใครที่ไม่คบอาตมา ไม่คบให้บริบูรณ์ ตอนนี้เข้าหลักวิชา 

- ต้องคบสัตตบุรุษให้บริบูรณ์ ถึงได้ฟังสัทธรรมบริบูรณ์ 

- สัทธรรมบริบูรณ์จึงทำให้เกิดศรัทธาบริบูรณ์ 

- ศรัทธาบริบูรณ์จึงทำให้เกิดโยนิโสมนสิการบริบูรณ์ 

- โยนิโสมนสิการบริบูรณ์จึงทำให้สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ 

- สติสัมปชัญญะบริบูรณ์จึงทำให้สำรวมอินทรีย์ 6 บริบูรณ์
- สำรวมอินทรีย์ 6 บริบูรณ์จึงทำให้เกิดสุจริต 3 บริบูรณ์ 

- สุจริต 3 บริบูรณ์ จึงทำให้เกิดสติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์ 

- สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์จึงทำให้เกิดโพชฌงค์ 7 บริบูรณ์ 

- โพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์ย่อมทำให้วิชชาและวิมุติบริบูรณ์ 

อาตมาไม่ต้องท่องหรอก มีสภาวะแล้วอาตมาก็ระลึกถึงพยัญชนะแต่ละคำ ใส่สภาวะ มันก็ไล่เรียงมา อาตมาจึงไม่ประหลาดใจที่พระพุทธเจ้าทำไมท่านจึงจำอะไรได้ยาวเป็นเหตุเป็นปัจจัยต่อกันมา เพราะมันเรียงลำดับทั้งนั้น เป็นความรู้เป็นลำดับที่น่าอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า มันเป็นลำดับ ต้น กลาง ปลาย ละเอียดลออ กลับไปก็เป็นปลาย กลาง ต้น สบาย  มันก็ไล่ไปได้สบาย แม้แต่จะไล่ เวทนา 108 จะไล่ รูป 28 อะไรพวกนี้ มันก็ไม่สับสนแล้ว มันจะเรียงลำดับๆ ของมันไปเป็นลำดับลำดา สำนวนของมหาบัว เป็นลำดับลำดา อย่างนั้นจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 13:28:05 )

หลักสัมประสิทธิ์ที่จะใช้ต่ออายุขัย

รายละเอียด

แต่ตอนนี้อายุก็เกือบจะเท่ากับองค์ที่ท่านเพิ่งสวรรคตไป 89 ปี นี่ อาตมาก็กำลัง 88 89 กะร่อกะแร่อยู่นี่ ก็พากเพียรอยู่ว่ามันจะไหวไหมนี่ ที่จริงก็ไม่ถึงขั้นใกล้ตายอะไรหรอก ฟังดูก็เห็นอยู่ว่าไม่ถึงอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าจวนตายจริงๆ
แต่อาตมารู้ตัวเองว่าพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้า ในหลักสัมประสิทธิ์ ในหลักที่จะต่ออายุขัย พากเพียรที่จะเพิ่มพลังงาน เพิ่มอายุขัยอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า อานนท์ เราจะมีอายุไปถึง 1 กัปหรือเกินกว่ากัปก็ได้ แต่เราพอแค่นี้ 80 ปี ท่านก็ขอปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเสีย  แล้วท่านก็ตรัสกับพระอานนท์ไว้ พวกเราที่ศึกษาก็คงเคยได้ยินได้ฟังได้รู้อยู่ ท่านก็บอกว่า ท่านจะต่ออายุไปถึงกัป ถือว่า 100 เป็นกัป หรือ 120 เป็นกัป หรือจะให้เลยนั้นไปอีกก็ได้ ใครจะถือเอา 100 ปีเป็นกัป หรือจะเอา 120 ปีเป็น 1 กัป ในยุคพระพุทธเจ้า คนอายุ 100 ก็เยอะ อายุ 120 ก็เยอะ จะเอาเท่าไหร่ก็ได้ เป็นกัป จะเลยไปกว่านั้น เลย 120 ไปอีก

อย่างที่อาตมากำลังจะพิสูจน์อยู่เหมือนกันว่า จะพยายามอยู่ให้เกิน 120 จะไปเรื่อยๆ คนที่นอนติดเตียงอยู่กันเป็น 10 ปี 20 ปี 30 ปี เขายังอยู่ได้เลย ท่านอาจารย์ชา ยังอยู่ติดเตียงตั้ง 7 ปี กว่าจะไป อาตมายังไม่ถึงขั้นนั้นเลย เพราะฉะนั้น 10 ปี 20 ปี 30 ปี มันก็น่าจะไปได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้โลก 9 แบบ จนเป็นมนุษย์พืชมหัศจรรย์ วันพุธที่ 19 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2565 ( 04:54:24 )

หลักสากลประชาธิปไตย

รายละเอียด

ก็ต้องใช้กฎเกณฑ์ของสังคม กฎเกณฑ์ของหมู่กลุ่ม 2 ความเห็นของหมู่กลุ่ม เสียงของคณะหมู่ใหญ่ 1 กฎเกณฑ์ 2 คณะหมู่ใหญ่ เป็นหลักสากลประชาธิปไตย ก็เลยใช้หลักอย่างนี้ เสร็จแล้วมันมาเบี้ยว เห็นแก่เข้าข้างตัวเอง ก็หาทางเข้าข้างตัวเอง

ที่มา ที่ไป

610613 ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ(พ่อครูมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้หมู่)
วันที่ 13 มิถุนายน 2561 สื่อธรรมะพ่อครู(อัตตา) ตอน สามัคคีคือขัดแย้งอันพอเหมาะ 


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:34:50 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์