@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็น King of Kings ได้อย่างไร

รายละเอียด

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรา ทรงงานตลอดพระชนม์ชีพ รับใช้มนุษยชาติ มีความรู้ความพากเพียรความขยัน ทรงงานด้วยความขยันอุตสาหะตลอดพระชนม์ชีพ ตั้งแต่รับเป็นพระเจ้าแผ่นดิน 70 ปี ทรงงานตลอด 70 ปีรับใช้ประชาชน จนรู้กันทั่วโลก เป็น King of Kings เป็นพระเจ้าแผ่นดินจริงๆ เป็นพระเจ้าที่อยู่บนแผ่นดิน ทำงานให้แก่โลก สร้างสรรให้แก่ทุกสิ่งทุกอย่างให้มวลมนุษย์โลก พระเจ้าแห่งแผ่นดิน แต่ก็ไปละลาบละล้วงประเทศอื่นไม่ได้ก็ทำอยู่ในประเทศไทย จนได้รับความยอมรับ 

เป็นความยอมรับว่า พระองค์เป็นผู้ที่เป็นผู้รับใช้มวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง เป็นนักการเมืองตัวอย่างที่สูงสุดไม่ถือองค์ ไม่ถือตัว พูดไปแล้วพวกนักการเมืองทั้งหลายแหล่ก็ฟังไป 

ในหลวงนี่ มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์บอกว่า มาบริหารประเทศโดยมาสอนให้คนมาจนกัน อย่าไปแข่งรวยอย่างโลกๆ บ้าๆ บอๆ (แต่ท่านไม่ได้ตรัสบ้าๆบอๆนะ ท่านเป็นผู้ดีอาตมาพูดเติม) แต่พูดพวกนี้มั่นใจว่าให้พวกเราเข้าใจง่ายเพิ่มขึ้น ก็ยอมที่จะพูดอย่างนี้ อาตมาอยู่ในฐานะพูดได้ แต่ในหลวงท่านตรัสอย่างที่อาตมาพูดไม่ได้หรอก ท่านตรัสว่าต้องมาบริหารประเทศแบบคนจน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 20:11:59 )

ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพระโพธิสัตว์

รายละเอียด

อาตมาไม่ได้มาประจบประแจงหรือโหนในหลวง  แต่เป็นของจริงที่จะต้องยกตัวอย่างและทุกคนก็รู้ดี เข้าใจดีถึงพระจริยวัตรของท่าน มันก็ง่าย สังเกตได้อ่านได้ ท่านเป็นผู้ที่เป็นในหลวง 70 ปี เป็นผู้ที่ครองราชย์นานที่สุดในโลก ยังไม่มีใครทำลายสถิตินี้ มีพระราชินีอังกฤษควีนอลิซาเบธ ท่านอายุมากกว่าในโลก แต่ครองราชไม่นานเท่า ครองราชย์‎: ‎6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495– ปัจจุบัน; (67 ปี) พาดพิงถึงพระเจ้าแผ่นดินก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนให้เข้าใจ คนเราจะเป็นคนจนก็ตาม จะเป็นคนรวยก็ตาม คนมีฐานะหรือไม่มีฐานะ มียศศักดิ์หรือไม่มียศศักดิ์ก็ตาม ชีวิต ถ้ามีสัมมาทิฏฐิแล้ว ปฏิบัติธรรมะก็จะมีภูมิธรรมสูงขึ้นได้ เป็นพระอาริยะบุคคล จริงๆแล้วท่านไม่ใช่พระอาริยะธรรมดาท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นอจินไตยที่อธิบายได้ยาก จะไปวิจัยวิจารณ์ท่านก็ไม่ค่อยดีนัก ตามจารีตประเพณี 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 17:12:04 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:13:02 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:25:15 )

ในหลวงเป็นโพธิสัตว์

รายละเอียด

ประเทศไทยนั้นย่ำแย่มาก่อนที่อาตมาเกิด แต่ก็ยังดีที่มีผู้มาช่วย อาตมาช่วยได้เฉพาะผู้มีปัญญา แต่ในหลวงนั้นท่านช่วยในทุกระดับ โพธิรักษ์ก็มาเก็บตก ผู้ที่ต้องได้รายละเอียดลึกซึ้งต่างๆนานา ในหลวงทำแบบองค์รวม เพื่อเสริมหนุนสร้างให้สมบูรณ์เต็ม อาตมาขอพูดจริงๆ ในหลวงก็เป็นโพธิสัตว์อาตมาก็เป็นโพธิสัตว์ได้มาสืบต่อ ทำให้คุณธรรมคุณวิเศษ ของมนุษยชาติสมบูรณ์ขึ้น บริบูรณ์ขึ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:04:27 )

ในหลวงให้บริหารแบบคนจน

รายละเอียด

สรุปแล้วไม่ต้องแข่งกันรวยเท่าไหร่ แต่จีนเขายังอยากรวยกันอยู่ เขายังจะรวย เพราะเป็นธรรมชาติของโลกีย์โลกธรรม เขายังสูงอยู่ ไทยเรานี่แหละจะเข้าใจว่าจะต้องมาจน แม้แต่สีจิ้นผิงเขาก็ยังไม่กล้าที่จะพูดว่า ให้ประชาชนเขามาดำเนินแบบคนจน สีจิ้นผิงก็ยังไม่กล้า ยังไม่เจริญ หรือว่า แต่เริ่มมีแล้วล่ะ แต่ยังไม่ออกมา ภูมิธรรมยังไม่ออกมาจนกระทั่งเป็นภายนอก หรือออกมาอย่างชัดเจน จนกระทั่งเขาเป็นผู้นำประเทศนะ ถ้าเขากล่าวนี้คำไหนคำนั้นนะ อย่างในหลวง ท่านกล่าวให้เอาแบบคนจน 

แล้วไม่ได้กล่าวกับคนทั่วไป มีรัฐมนตรีเกาหลีมาถาม บอกว่า นายกของเขาที่เป็นเพื่อนกันฝากมาถามว่าจะบริหารประเทศแบบไหน เขาอยากจะรู้ว่าประเทศไทยบริหารแบบไหน ทางเกาหลีนี้รู้ก่อน อย่างอาตมานี่ได้รางวัลจากเกาหลี เขาจะรู้แล้ว โลกุตระ สันติแบบอาริยะ สังคมแบบอาริยะ เขาเริ่มรู้แล้ว 

เพราะฉะนั้นเมื่อฝากมาถาม ในหลวงก็บอกว่า บริหารแบบคนจน แต่ท่านเป็นสาย เจโต ท่านก็อธิบายไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่ถ้าอาตมาสาธยายคนนั้นหูหักแน่นอนรัฐมนตรีคนนั้น อาตมาสาธยายได้มากกว่าเพราะเป็นสายปัญญา ไม่ใช่สายเจโต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ นวนิยายโลกุตระที่เราอย่ารีบตายก่อนได้ดู วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2565 ( 21:27:12 )

ในหลุมมีผู้ช่วยน้อยกว่าในหลวง

รายละเอียด

อาตมานี้หนักกว่าในหลวงตรงที่มันเป็นนามธรรม มากกว่าในหลวง เพราะท่านเป็นนามธรรม ของท่านเป็นรูปธรรม ก็มีผู้ช่วยเยอะเพราะท่านเป็นในหลวง นี่เป็นเรื่องอจินไตยทั้งนั้นท่านมีผู้ช่วย ส่วนอาตมามีผู้ช่วยน้อย ท่านเป็นในหลวง เพราะอาตมาเป็นในหลุม อีสานเรียกอยู่ทางลุ่ม อาตมาอยู่ในหลุม อาตมานี่ในลุ่ม ไม่ใช่ในหลวง ก็มาช่วยพวกลุ่มๆ คือพวกอยู่ข้างล่าง ลุ่ม ภาษาอีสานคือล่างๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:24:41 )

ในอนาคตมีแนวคิดจะพัฒนาโรงเรียนอย่างไร

รายละเอียด

อาตมาไม่มีอะไรที่จะ Apply สิ่งที่ทำมาแล้ว 40-50 ปี อาตมาว่าอาตมาได้ทำเต็มทำพร้อมหมดแล้ว มีแต่จะทำต่อไปและต่อไปเท่านั้นเอง

ปัญหานั้นไม่มี แต่อาตมาว่าอาตมามีปัญญาหรือว่ามีความรู้ที่รู้ว่า จะทำให้มันเจริญต่อไปนี่ได้ยาก เพราะเขายึดมั่นถือมั่นด้วยความหลงผิด เข้าใจคำสอนพระเจ้าที่เขาได้หลงผิดไปเขาได้ยึดมั่นถือมั่นตรงนี้แล้ว นี่มันยากตรงนี้แหละ ตรงกระแสหลักที่เข้าใจผิดนี่แหละ จะไปแก้ความยึดมั่นถือมั่นของเขานี่ยาก เขาไม่เปิดประตูรับสิ่งที่อาตมาให้ไปเขาปิดสนิท

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนากับท่าน Lopen Gembo Dorji แห่งภูฏาน

เรื่อง การพัฒนาโรงเรียนและการวางรากฐานพุทธศาสนาในระดับมัธยมศึกษา วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561 ที่ลานหินนั่งหน้าน้ำตกบวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 20:57:33 )

ในอนุปุพพิกถา 5 สอนเรื่องกามทุกข์ กามโทษ

รายละเอียด

อนุปุพพิกถา 5 พระพุทธเจ้าท่านสอน ในเรื่อง 

1. ทาน การสละ การให้ 

2. ศีล การชำระขัดเกลา ด้วยเจตนางดเว้น 

3. สัคคะ (สวรรค์)

4. กามานัง อาทีนวัง โอการัง สังกิเลสัง 

โทษของกาม ความต่ำทรามของกาม ความเศร้าหมองของกามทั้งหลาย 

5. เนกขัมมะ อานิสัง อานิสงส์การออกจากกาม 

แม้แต่สอนกันก็ไม่สามารถแยกแยะ กามโทษ กับ กามคุณได้ คนโง่อวิชชาก็บอกว่ากามเป็นสุขเป็นกามคุณก็โง่ถูกหลอกไป กามเป็นโทษเป็นอาทีนวะ โว้ย นี่คือคำสอนพระพุทธเจ้าท่านเรียกว่ากามทุกข์ กามโทษ 

นักสอนธรรมะที่ไหนก็ไม่พูดอย่างอาตมา อาตมารู้อย่างนี้ก็พูดไม่เหมือนเขา เขาก็หาว่าพูดเอาเอง อาตมากำลังยืนยันคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งนั้นไม่ได้พูดเอาเอง 

คนที่รู้จักอาการของจิต อาการ ลิงค นิมิต อุเทส อาตมาอุเทศ คือชี้แจงอธิบายแจกแจง

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทที่ ชาติ ภพ ตัณหา วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 ที่ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:46:23 )

ในอวิชชาสูตร ต้องพบสัตบุรุษให้บริบูรณ์

รายละเอียด

ในอวิชชาสูตร ต้องพบสัตบุรุษให้บริบูรณ์ จึงจะได้ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์​ จึงจะเกิดศรัทธาที่บริบูรณ์แล้ว โยนิโสมนสิการจึงจะบริบูรณ์ จึงได้หยิบเอามาขยายความให้ฟัง ถ้าคุณไม่มีความเข้าใจชัดเจนโยนิโสมนสิการไม่ได้ เจ๊ง ไปไม่รอด คุณไปนั่งสมาธิก็มีการทำใจในใจแต่ทำใจในใจอย่างมากๆ ยังไม่ถูกต้องตามทฤษฎีมรรคมีองค์ 8 ของพระพุทธเจ้า อาตมาพูดย้ำซ้ำซาก ขออภัยคนฟังน่าเบื่อ แต่คนที่เขาพาเป็นอยู่เป็นหัวหน้าสำนัก เจ้าคณะ อาจารย์แต่ก็พากันทำ มันต้องย้ำซ้ำซากอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2563 ( 08:30:30 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:29:30 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:25:51 )

ในอาหาร อ่านกามแล้วก็ยังมีมานะให้อ่าน

รายละเอียด

การปรุงแต่งให้เกิดรสอร่อยนี้ มันก็ไม่นอกเหนือจากเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด ขม รสอร่อย หรือจะมีกลิ่นหอมอีกก็ได้ มีกลิ่นผสม มีรสทางลิ้น หรือจะมีสียั่วยวนทางตา มีสัมผัสแล้วทั้งกรอบก็ดี สัมผัสแล้วร้อนหรือเย็น บางทีก็ต้องเย็นๆ ถึงจะดีอย่างนี้ อย่างนี้ต้องร้อนถึงจะอร่อย มันก็ต้องปรุงแต่งไปอย่างนั้น เพราะงั้นถ้าจะพูดอย่างนี้แล้วต้องกินอาหารรสจืดๆ แล้วก็จะต้องคงที่ มันจะสุดโต่งเกินไป จนเคร่งเกิน จินตนาการไปไกล ให้มันดูละเอียดลออ ดูให้มันสูงส่ง 

แต่ว่าไอ้เรื่องรูปรสกลิ่นเสียงต่างๆ นั้นมันก็คือตัวของธาตุแท้ของมัน ธาตุเค็ม ธาตุเปรี้ยว ธาตุหวาน ธาตุหอม ธาตุเหม็น ธาตุนุ่ม ธาตุกรอบ ธาตุร้อน ธาตุเย็นอะไรพวกนี้ มันก็เป็นคุณสมบัติของแต่ละอย่างของมัน เพราะฉะนั้น เราก็รู้ความเป็นจริงตามความเป็นจริง ฟังตรงนี้

เราต้องรู้ความจริงตามความเป็นจริงว่า อ๋อ มันเป็นเช่นนี้ เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเราไปบังคับให้มันไม่เอาอย่างร้อน ไม่เอาอย่างหวานไม่เอาอย่างเค็ม ไม่เอาอย่างเปรี้ยว ไม่ใช่ ไม่ใช่ มันไปกำหนดอย่างนั้นไม่ได้ ยากเลย สุดโต่งมากเลย ชีวิตจะคับแคบเหมือนพวกเชน พวกเชนศาสนาเชน ไม่ไหวนะ 

เราจะต้องรู้ว่า อันนี้เป็นอันนี้ อ้าว..มันเค็ม มันเค็ม มันหอม มันหอม มันกรอบ มันกรอบ มันหวาน มันหวาน มันร้อน มันร้อน มันเย็น มันเย็น ธาตุของมันเป็นอย่างนี้ แล้วระหว่างที่ใจของเราพิจารณาตรงที่ว่า อันนี้มันเป็นประโยชน์ เออนี่เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ ในร่างกายเอามาใช้ได้ ดี 

ไม่ใช่ไปพิจารณา จนไปดับเกลือไม่ให้มันเค็ม หรือไม่ต้องกินเกลือ ไอ้พวกนี้เราจะกลายเป็นพวกที่จะเลี้ยงยาก ไอ้นั่นมาให้กินก็ไม่ได้ ไอ้นี่มาให้กินก็ไม่ได้ ไอ้นี่มากินก็ไม่ได้ มันจะคับแคบ มันน้อยไปหมด เราก็รู้ว่ามันสิ่งที่ปรุงปลอมปนเปมา 

ใจคลายความติดรสนี้ดี แต่อย่าไปกำหนด ไม่เอาอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ให้มีรส รู้ความจริงตามความเป็นจริง ว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ต่างหาก ไม่ใช่ไปกำหนดว่าไม่เอาอันนั้น ไม่เอาอันนี้ จะเป็นคนเลี้ยงยาก กลายเป็นยึดติด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 13:47:21 )

ในอุดมการณ์ของคอมมิวนิสต์ผู้นำจะต้องจน

รายละเอียด

ในอุดมการณ์ของคอมมิวนิสต์ผู้นำจะต้องจน แต่นี่มันคือคำโป้ปดพันเปอร์เซ็นต์ล้านเปอร์เซ็นต์ รายงานสื่อสารเขาแค่นี้ก็ถึงกึ๋น ขุดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาของผู้นำคอมมิวนิสต์ทุกวันนี้ จริงๆแล้วความสำเร็จของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของคอมมิวนิสต์คืออะไร ปีที่จีนแผ่นดินใหญ่ไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์เต็มตัว กลายเป็นคอมมิวนิสต์แปรรูป เกาหลีเหนือถือว่าเป็นคอมมิวนิสต์ที่มุ่งมั่นไม่เป็นลัทธิแปลง ไม่ใช่ลัทธิกลายพันธุ์ เป็นลัทธิคอมมิวนิสต์เข้มข้นเลย มาถึงวันนี้จะเห็นได้ว่า มันยิ่งกว่าสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ยิ่งกว่าเผด็จการใดๆ อย่างเป็นรูปธรรมที่เห็นมีของสมัยใหม่อะไรมากมาย ทุกอย่างที่โลกต้องการลาภยศสรรเสริญโลกียสุขเต็มเลย ซึ่งเห็นเลยว่ามันเป็นจริงไม่ได้สำหรับลัทธินี้เป็นลัทธิเพ้อฝัน ดีนะ เมืองจีนรู้ตัวได้ปรับปรุงมา หรือรัสเซียก็ตามไม่ได้ไปเข้มข้นหลงบ้าบอตามเหมือนเกาหลีเหนือ มาถึงวันนี้แล้วประเทศจีนหรือรัสเซียก็ไม่ได้รังเกียจประชาธิปไตย เพราะเขารู้เนื้อหาสาระของคำว่าประชาธิปไตยคืออะไร ประชาธิปไตยคืออำนาจเป็นของประชาชน มันยิ่งใหญ่กว่าคอมมิวนิสต์ คอมมิวนิสต์นั้นก็ตีกรอบแค่กลุ่มคนด้วยซ้ำไป แต่ประชาธิปไตยนั้นไม่ได้มีกรอบขอบเขตเป็นมวลชนทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นอำนาจเป็นของประชาชนจริงๆ มันจะเกิดได้ต้องที่จิตวิญญาณ จิตวิญญาณของสมาชิกสังคมนั้นประเทศนั้น เมื่อมีสมาชิกก็รู้ว่าจิตวิญญาณของเราจะต้องอย่ายึดถือเป็นตัวตนของเรา เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยที่จะเกิดได้ต้องใช้ลัทธิพระพุทธเจ้าเท่านั้น และเท่านั้น ลัทธิอื่นเป็นคอมมิวนิสต์สุดยอดไม่ได้ อยากเจอคอมมิวนิสต์ตัวจริง ไม่ใช่คอมมิวนิสต์แบบคาร์ล มาร์กซ์ แต่เป็นคอมมิวนิสต์ตัวจริงของพระพุทธเจ้า เป็นต้นตระกูลเป็นปู่เป็นทวดของคอมมิวนิสต์ เป็นสาธารณโภคี ทุกอย่างเป็นของประชาชน ทุกอย่างประชาชนรวมเป็นของส่วนกลางอย่างเดียว เอกีภาวะ นี่คือสัจจะความจริง ตอนนี้เขากำลังจะเกิดสงครามภายในของเกาหลีเหนือ คือมีน้องสาวของคิมจองอึนจะจองอำนาจ แปลว่าลูกของคิมจองอึนก็ยังมีแต่ยังเล็กอยู่ก็จะเกิดสงครามระหว่างลูกของเขากับอาหญิงคิมโยจอง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2563 ( 10:58:02 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:30:37 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:27:39 )

ในอุปกิเลส 16 อโศกไม่มี

รายละเอียด

สรุปว่า ในอุปกิเลส 16 อโศกไม่มี ไม่มีอวดตัวตนยกตนข่มท่าน ตีตัวเสมอท่าน ไม่มี มีแต่ความสะอาดบริสุทธิ์ อาตมารับรองตนเอง แต่พวกเราอาจมีส่วนเหลือบ้าง แต่อาตมาไม่ได้อวดเพื่อสาเฐยจิต แสดงตัวเองอย่างบริสุทธิ์จริงใจว่าไม่มีกิเลสเหล่านั้น อาตมาอ่านอาการจิต หยาบ กลาง ละเอียดถึงอนุสัย มีใครที่อธิบาย กิเลสคู่สุดท้าย แยกแยะ ความต่างของกิเลสอาสวะกับอนุสัย ไม่มีหรอก แต่มันเป็นสัจจะความจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 13:00:44 )

ในอุเบกขา อดีต 36 อนาคต 36 เพราะปัจจุบัน 36 

รายละเอียด

ในอุเบกขา อดีต 36 อนาคต 36 เพราะปัจจุบัน 36

อวิชชา 8 คือ

1.    ไม่รู้..ทุกข์  (ทุกฺเข อญฺญาณํ)

2.    ไม่รู้..ทุกขสมุทัย  (ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ) 

3.    ไม่รู้..ทุกขนิโรธ  (ทุกฺขนิโรเธ อญฺญาณํ)  

4.    ไม่รู้..ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (มรรคมีองค์ 8)   

5.    ไม่รู้ในส่วนอดีต (ที่ไม่เที่ยง)   ปุพพันเต อัญญาณัง 

6.    ไม่รู้ในส่วนอนาคต (ที่ไม่เที่ยง)  อปรันเต อัญญาณัง 

7.      ไม่รู้ทั้งส่วนอดีต-ส่วนอนาคต  (ไม่รู้สิ่งที่เที่ยงแท้เท่ากันหมดแล้ว) (ปุพพันตาปรันเต  อัญญาณัง) . 

8.     ไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย ที่อาศัยกันเกิดขึ้นเป็นห่วงโซ่แห่ง การเกิดทุกข์ หรือดับทุกข์  ตามหลักปฏิจจสมุปบาท (หรืออิทัปปัจจยตา) 

(พตปฎ. ล.34  ข.691ว่าด้วย อกุศลเหตุของโมหะ) 

อดีต อนาคต ผ่านมาแล้ว ทำไมข้อ 7 ต้องมีอีก 

อนาคตหรืออดีตในข้อ 5, 6 เป็นส่วนที่ยังไม่เที่ยง คือ ถ้าคุณยังมีปัจจุบันที่กระทบสัมผัสแล้วก็จะผ่านจากปัจจุบันไปเป็นอดีต ถ้าของคุณ แม้เป็นอรหันต์ไม่ต้องพูดถึงปุถุชนไม่เที่ยงแน่ แม้เป็นอรหันต์แล้ว ไม่ทำบาปทั้งปวงแต่ปัจจุบันคุณก็ยังทำกุศล แต่ก่อนมี 8 มี 9 แล้วทำเพิ่มไปมันก็ต้องเป็น 10, 11 อดีตมันก็ไม่เที่ยง เมื่ออนาคตมาอีกก็ทำเป็นกุศลอีกมันก็ยังไม่เที่ยงอีกมันก็เป็นอดีตที่ไม่เที่ยง เมื่ออนาคตมาอีกคุณก็ต้องทำอีก คุณก็ต้องทำกุศลอีกมันเที่ยงที่ไหนล่ะ ได้กุศลอีกก็ไปตกเป็นอดีตเพราะฉะนั้นอดีตก็ไม่เที่ยง อนาคตมาถึงปัจจุบันนี้ก็ไม่เที่ยง ส่วนอดีต กับปัจจุบันของอันที่ 7 สูญ คือกิเลสสูญ 

ต่างกับอดีตและปัจจุบันที่มีกุศล แต่นี่มันไม่มีกุศล อกุศล มันเป็น 0 เป็นจิตว่างเพราะฉะนั้นตัวที่ 7 คุณจะมี 0 ถาวรไหม ถ้า 0 ถาวร มันจะผ่านมาอย่างไรอีกมันก็ยัง 0 ตัวนี้แหละเป็นตัวตัดสิน ผ่านปัจจุบันทุกปัจจุบัน 108 ทำแล้วทำอีก มันก็ยัง 0 0 0 0  ของปัจจุบัน 

เพราะฉะนั้นถ้ามันมีกุศลมามันก็เป็นอดีตมันก็เพิ่ม อกุศลมาแล้วคุณก็ทำให้เป็นกุศล อกุศลที่เป็นอนาคตมาคุณก็ทำให้เป็นกุศลมันก็เป็นอดีตที่เป็นกุศลอีก แต่ทั้งอดีตและอนาคตนี้ของคุณเอง คุณก็ว่างของคุณตลอดกาลนาน เที่ยงตลอดกาลนาน เพราะฉะนั้นนิพพานของผู้นี้เที่ยง คุณต้องพิสูจน์ความเที่ยงของคุณเอง 

อดีต 36 ปัจจุบัน 36 อนาคต 36 นี้ 0 ทั้งหมด มาอีกกี่อนาคต ปัจจุบันก็ทำให้เป็น 0 อนาคตมาอีกเมื่อไหร่ก็ทำให้ปัจจุบันนี้เป็น 0000 อดีตมันก็เป็น 00000ไปตลอด 

 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  2/08/2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 13:28:53 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:17:56 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:28:49 )

ในอโศกทุกวันนี้ยังไม่มีใครก่อหวอดทำเดรัจฉานวิชาจึงพูดได้อย่างสบาย

รายละเอียด

อาตมาพูดได้ทุกวันนี้ ในศาสนาของชาวอโศกที่อาตมาพาทำยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ อาตมาก็พูดได้อย่างสบาย แต่ถ้าใครขบถขึ้นมา คนก็จะบอกว่านี่ไงอโศกก็มี อาตมาจะหน้าแหกขนาดไหน หมอทุกวันนี้เขาก็ไม่มีหน้าที่จะรับเย็บเพราะงานโควิดเขาก็หนักอยู่แล้ว อาตมาก็เลยจะต้องเน่าแน่นอนเพราะว่าหน้าแหกไม่มีหมอช่วยรับเย็บ ไม่น่าจะแหกยุคนี้เลย 

คนที่ไม่เสนอหน้าอยู่ทางบ้านไม่อยากแสดงตัวเพราะองค์ประกอบข้อมูลหลายอย่าง เหตุปัจจัยที่เขาเองแสดงตัวไม่ได้ก็มี อยู่ในวงการเถรสมาคมนั่นแหละ อยู่ในวงการศาสนาพุทธ เขามีตำแหน่งหน้าที่ทางโลก แต่เขาแสดงตัวไม่ได้ก็มีอยู่คุณเชื่อว่ามีไหม 

มันยังไม่มีก่อหวอด มันก็ไม่มีขึ้นหรอก ในอโศกทุกวันนี้ ยังดีนะ กายต่างกันสัญญาต่างกัน เลยพูดกันไม่ลงตัว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 1 วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2564 ( 19:51:31 )

ในเนื้อสัตว์ต่างๆ แสนจะมีสารพิษ

รายละเอียด

จึงจะมีสารเต็มที่ไม่ใช่ไร้สาร เขาพูดหมายถึงว่า คุณจะไปซื้อผักไร้สารพิษมากิน แต่คุณยังกินหมูหมากาไก่อยู่ คุณยังกินเนื้อสัตว์อยู่ แล้วจะกินผักไร้สารพิษ ปัดโธ่เอ๊ย ในเนื้อสัตว์ต่างๆ แสนจะมีสารพิษ ไปกินผักไร้สารพิษก็ไม่มีประโยชน์ คนที่กินเนื้อสัตว์ต่างๆ มันต้องกินมังสวิรัติจึงจะไร้สารพิษ ไม่ใช่ไม่ได้สารอะไรเลย ถ้าไปกินเนื้อสัตว์อยู่แล้วจะมากินพืชผักไร้สารพิษ มันก็ไม่ได้สารอะไร มันก็ไร้สารอยู่อย่างเก่า พวกคุณกินของสะอาด 10% เสร็จแล้วทั้งวันคุณก็ไปกินของไม่สะอาดอีก 90% แล้วคุณจะไปกินให้มันเสียของทำไม อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 17:58:38 )

ในเมืองไทย ถ้าใครทรยศ ประชาชนจะมาปฏิวัติแน่ 

รายละเอียด

ทีนี้มาเข้าสู่ของไทยที่มันเป็น ตอนนี้มันเข้าสู่สภาพที่เป็นโลกุตระดีแล้ว ซึ่งอาตมายังมั่นใจว่ามันจะเป็นโลกุตระต่อไปอีก เช่น 

หมดยุค พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้มารับไม้ต่อ ถ้าทำไม่เป็นประชาธิปไตยที่งามเหมือนอย่างประยุทธ์ เสร็จ คว่ำ ไปไม่นาน ไปไม่ยาว ไปไม่ได้ดี ดีไม่ดีจะเกิดปฏิวัติซ้อนขึ้นมา โดยอำนาจปฏิวัติ หรือประชาชนปฏิวัติก็ตาม อาจจะเป็นประชาชนปฏิวัติ เพราะถ้าใครขืนทำขึ้นมา ขณะนี้ในเมืองไทย ถ้าใครทรยศ ประชาชนจะมาปฏิวัติแน่  ถ้าใครกบฏใครทำไม่ดีขึ้นมาบริหารไม่ดี ประชาชนไทยจะเข้าไปปฏิวัติแน่ ประท้วงแน่ ไม่มีใครก็โพธิรักษ์นี้จะไปก่อน จะไปด้วยไหม …(หลายเสียงตอบ)ไป ไม่ต้องห่วงชาวอโศกไปทั้งหมดเลย ไม่ต้องกลัว จริงนะ 

แล้วอาตมาเชื่อว่าถ้าอาตมากับพวกเราชาวอโศกออกไปปฏิวัติ เป็นคณะประชาชนออกไปปฏิวัติคราวนี้ จะได้รับความร่วมมือจากประชาชนมากขึ้นไหม …(หลายเสียงตอบ มาก) มากขึ้นแน่ เพราะคนรู้จักมากขึ้นแล้ว เห็นผลจริงขึ้นมามากแล้ว อธิบายด้วย ซับซ้อน อธิบายไปตั้งเท่าไหร่ 

มาเอาเรื่องจริง ของเรานี้ ประชาชนปฏิวัติ ประเทศไทยนี่ ประชาชนปฏิวัติลัทธิ ทักษิโณมิกส์ เขาตั้งชื่อเรียก ปฏิวัติลัทธิทักษิโณมิกส์ เพราะเขามีนอมินีมาอีกตั้งหลายคน ตั้งแต่ประชาชนปฏิวัติ แล้วมีพลเอกสนธิ เป็นทหารเข้ามาร่วมด้วย เหมือนปฏิวัติ แต่ไม่ได้รบอะไร ขนรถถัง ขนอะไรออกมาหน่อยเดียว ไม่ได้ยิงอะไรเลย เสร็จแล้วประชาชนก็ชนะแล้ว ประชาชนก็เอาดอกไม้ไปเสียบปลายปืน (กระบอกปืนรถถัง) เด็กๆ ก็ไปปีนรถถังเล่น เหตุการณ์จำได้ทุกคน อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  Neo Protest ประชาชนปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 12:18:11 )

ในเมืองไทยมีชาวอโศกเป็นชาวโลกุตระ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนเทวนิยมยังไม่ใช่โลกุตระ จะยังมองไม่ออก เข้าใจไม่ได้ คนเข้าใจได้ก็เริ่มเข้าใจได้บ้างแต่มีน้อย นี่ ในระดับต่างประเทศนะ อยู่ในเมืองไทยก็มีคนมาเป็นชาวอโศก อยู่ในชุมชนชาวอโศก ที่กระจายทั่วไปอยู่ในประเทศ กว่า 10 ชุมชน นับปลีกย่อยน่าจะถึง 50 ชุมชน แต่นับเป็นหลักใหญ่ๆ 10-20 ชุมชน เป็นชุมชนที่มีวัฒนธรรม มีกลุ่มหมู่ มีสาราณียธรรม 6 มีสาธารณโภคี ลาภได้มาโดยธรรมก็เอาเข้ากองกลางกินใช้ร่วมกัน พึ่งแก่เจ็บตายกันได้ยิ่งกว่าพี่น้อง แล้วก็เป็นคนมักน้อยสันโดษ เป็นคนมีวรรณะ 9 กันจริงๆ ซึ่งค่าเฉลี่ยของความมีวรรณะ 9 นี้ มีสัจธรรม มีสภาวะธรรม ตั้งแต่เด็กไปจนกระทั่งถึงผู้ใหญ่คนแก่ มีคุณธรรมอันนี้จริงทั้งนั้นเลยพิสูจน์ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2564 ( 21:10:12 )

ในโลกจะมีคนอวิชชาจำนวนมาก

รายละเอียด

ที่ต้องพูดว่า เขายังเป็น“พญานาค”กันอยู่นั้น ก็เพราะ“เขา”ได้ยินเสียงวิเศษจริงๆ (เสียงของ“โลกุตระ” แท้ๆ นี่เอง) แต่เพราะความ“อวิชชา”สนิท ก็“หูผึ่ง”ขึ้นมาแวบหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นก็หลับไม่รู้คู้ไม่เห็นหรืออวิชชาต่อไปตลอดระยะยาวนานที่เป็น“กาล” ว่า อ้อ! พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในโลก อีกพระองค์หนึ่งแล้วเหรอ? ว่าแล้วก็“หลับไม่รู้คู้ไม่เห็น” นั่นคือ อวิชชาต่อไป ทับถมให้“อวิชชา”หนาหนักเพิ่มขึ้นยิ่งขึ้นๆ ด้วยการหลงใหลหลับไหลอยู่กับการ“หลับตา”ปฏิบัติเป็น“พญานาค”นอนเฝ้าถาดทองคำอยู่ใต้ก้นมหาสมุทร ที่มีถาดทองคำซ้อนกันเป็นล้านๆ ถาด

ซึ่งพระพุทธเจ้านั้นมีอุบัติขึ้นมาในโลกนับไม่ถ้วนเป็นล้านๆพระองค์แล้ว และก็จะมีพระพุทธเจ้าเพิ่มขึ้นๆ ไปกับกาลของโลกนี้แหละ “พญานาค”ก็จะหลับไม่รู้คู้ไม่เห็นตัวจริง ยิ่งใหญ่ นอนเฝ้า“ถาดทองคำของพระพุทธเจ้าอยู่อย่างนั้นต่อไปลึกลงไปอีกๆๆๆ  ยิ่งขึ้นๆๆๆๆๆ ไม่มีสิ้นสุด เพราะในโลกจะมีคน“อวิชชา”จำนวนมากครองโลกเป็นปกติสามัญ 

ที่ไม่รู้จักแม้แต่ความเป็น“กาย” ก็ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง ยัง“พ้นสักกายทิฏฐิ”ไม่ได้ง่ายๆ ดังที่เป็นที่เห็นจริงกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 21:06:17 )

ในโลกนี้มี 2 มี บวก ลบ หรือ รูป กับ นาม

รายละเอียด

คือในโลกก็มี  2 อย่างนี้แหละ แล้ว  2 อย่างนี้มีความต่างกันมีบวกกับลบ  อยู่ ในนิวเคลียสเท่านั้นแหละ ถ้าคุณแยก  บวก ลบได้  แล้วคุณก็รู้ว่า  จริงๆ  แล้ว  คุณแยกไม่ออก  คุณจะต้องอยู่ร่วมกันแล้ว จัดการกับมัน  ยิ่งคุณมีอำนาจ  ตอนนี้ต้องการใช้บวก  ตอนนี้ ต้องการใช้ ลบ  แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณเอา บวกและ ลบนี้   ออกไปจากตัวเองได้  คุณต้องมีทั้ง 2 อย่าง  แต่จะใช้อันไหนเป็นอันไหนในขณะที่คุณแยกอีก  เป็นภาษาว่า เป็น รูป กับ นาม  รูป บวก  นาม ลบ  คุณจะใช้อันไหน เป็นอันไหน  บางครั้งควรจะใช้บวก เป็นหน้าที่ของลบ  บางครั้ง คนจะใช้ลบเป็นหน้าที่บวก  บวกเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ลบเป็นสิ่งที่เข้าไปรู้เป็นตัว Subject  บวกเป็นตัว  Object  บางครั้งก็  กลับมาเท่านั้นเอง  เมื่อคุณรู้อย่างนี้แล้ว  ทำอย่างนี้ได้แล้ว ก็จบเลยในโลก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:44:52 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:20:22 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:29:15 )

ในโลกนี้มี 2 มี บวกลบ หรือ รูปกับนาม

รายละเอียด

ในโลกก็มี  2 อย่างนี้แหละ แล้ว  2 อย่างนี้มีความต่างกันมีบวกกับลบอยู่ในนิวเคลียสเท่านั้นแหละ ถ้าคุณแยก  บวก ลบได้  แล้วคุณก็รู้ว่า  จริงๆ  แล้ว  คุณแยกไม่ออก  คุณจะต้องอยู่ร่วมกันแล้ว จัดการกับมัน  ยิ่งคุณมีอำนาจ  ตอนนี้ต้องการใช้บวก  ตอนนี้ต้องการใช้ลบ  แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณเอาบวกและลบนี้ออกไปจากตัวเองได้  คุณต้องมีทั้ง 2 อย่าง   แต่จะใช้อันไหนเป็นอันไหนในขณะที่คุณแยกอีก  เป็นภาษาว่า เป็น รูป กับ นาม  รูป บวก  นาม ลบ  คุณจะใช้อันไหน เป็นอันไหน  บางครั้งควรจะใช้บวก เป็นหน้าที่ของลบ  บางครั้ง คนจะใช้ลบเป็นหน้าที่บวก  บวกเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ลบเป็นสิ่งที่เข้าไปรู้เป็นตัว Subject  บวกเป็นตัว  Object  บางครั้งก็กลับมาเท่านั้นเอง  เมื่อคุณรู้อย่างนี้แล้ว  ทำอย่างนี้ได้แล้ว ก็จบเลยในโลก

ที่มา ที่ไป

วิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่  24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2562 ( 19:37:17 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:14:18 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:29:46 )

ในโลกนี้มีปัจจุบันเท่านั้นที่จริง

รายละเอียด

ที่จริงคำอธิบายนี้สำคัญมาก คำว่าปัจจุบันหรืออยู่กับปัจจุบัน อาตมาเคยพูดว่า ความจริงในโลกนี้ มีปัจจุบันเท่านั้นที่จริง อดีตไม่จริงอนาคตไม่จริง จริงอยู่ที่ปัจจุบันจุดเล็กที่สุด น้อยที่สุด เร็วที่สุดด้วย ก็เคยพูดผ่านอธิบายไปหลายทีแล้ว 

สรุปแล้วเรามีอยู่ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง พอเลยเวลาปัจจุบันไปแล้ว มันไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราแล้ว  มันผ่านแล้ว ยังไม่มาถึง มันก็ยังไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราหรอก ลึกซึ้ง และปัจจุบันก็ไม่เที่ยง ปัจจุบันมีกรอบขอบเขตเท่าไหร่ นับเป็นวินาทีนับเป็นเดือนเป็นปี โอ้โห 

ถ้าจะบอกว่า นับปัจจุบันตามความเป็นนาที วินาที ก็ต้องต่อเนื่องกันไป ขณะนี้อันนี้ ต่อเนื่องกันอยู่ก็เรียกว่าปัจจุบัน ขาดจากนี้ไป มันก็หมดปัจจุบันนั้นเป็นอันใหม่ ก็เท่านั้นเอง ก็คงจะไม่ต้องอธิบายกันมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 30 ตำนานพญานาค ตอนที่ 1 วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 12:40:11 )

ในโลกนี้มีเทวะ

รายละเอียด

เราก็พูดถึงธรรมะหรือพูดถึงพวกเราตั้งแต่ต้นรายการจะถึงตอนนี้ ตอนนี้เราพูดถึงคนอื่นบ้าง คนอื่นที่จะพูดถึงก็คือ คนที่จะมาหาเรานี่แหละ จะเป็นฝ่ายแดง จะเป็นฝ่ายที่แสดงตัวจะมาก็ดี จะได้โอภาปราศรัย จะได้ทำความเข้าใจกันขึ้นไป มันมีความเห็นต่าง 

อาตมาสรุปสุดยอดไว้แล้วว่า ในโลกนี้ มันมีเทวะ มีคำว่าสอง คำว่าสอง นี่แหละมันจะมีความแตกต่างกัน ตั้งแต่เล็กๆ ละเอียดยิ่งกว่า สุญญาณู

สุญญาณู นี่ ละเอียดกว่าปรมาณูนะ  ศัพท์ของอาตมาเอง สุญญาณู อาตมาเอาภาษา สุญญกับอณูมาสนธิกันเข้าก็เป็น สุญญาณู แล้วขยายเป็นอณู เป็นปรมาณู อะไรไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่รู้กี่ผสมกัน เกิดเริ่มต้นจาก 0 จาก 1 จาก 2 จาก 3 นี่แหละ มันเป็นการเกิดที่ยากมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 20:20:07 )

ในโลกนี้มีโลกุตระเกิดอยู่ประจำโลกหรือ

รายละเอียด

ในโลกนี้มีโลกุตระเกิดอยู่ประจำโลกหรือ คุณตอบได้ไหม ในโลกนี้ไม่มีโลกุตระอยู่ประจำโลกหรอก โลกุตระมันเสื่อม อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่า โลกุตรธรรมจะเสื่อมในวงการศาสนาพุทธนี่แหละ ที่จะมีโลกุตรธรรม นอกจากวงการศาสนาพุทธแล้วไม่มีโลกุตรธรรม แม้แต่โลกุตรธรรมในวงการศาสนาพุทธก็ยังมีความเสื่อม พอเสื่อมแล้วก็ไปโลกียะ มีความยุ่งวุ่นวายเดือดร้อน โลกุตระมาทำให้ความเดือดร้อนลดลง ลดลง  

มันไม่อยู่ประจำโลกหรอก มันจะเกิดเป็นช่วงๆ แต่โลกียะนั้นอยู่ประจำโลก มันเป็นสุขเป็นทุกข์อยู่ประจำโลก ไม่มีหาย ไม่มีว่างเว้น ไม่มีหมดไปจากโลก ที่สุดจะเป็นพระเจ้านั่นแหละเป็นเจ้าของสุข แล้วก็เป็นคนที่ ใครอยากได้สุขต้องมาอ้อนวอนกราบไหว้พระเจ้า พระเจ้าจะประทานสุขให้ ความจริงนี้กำลังพิสูจน์ เคยอธิบายแล้วว่าพระเจ้าไม่ได้ให้ความสุขความทุกข์อะไรกับเราหรอก เราเองทั้งนั้นทำเอง และเราไม่รู้จิตเจตสิกของเรา เราก็ไปหลงสุขหลงทุกข์ อันนี้แหละค่อยๆ อธิบายกันไปในอนาคต โลกทางสายเทวนิยม ศาสนาพระเจ้า จะค่อยๆมาเข้าใจอันนี้มากขึ้นมากขึ้น แล้วเขาจะขยายผลของความรู้โลกุตระนี้ไปสู่ทางโลกียะทางเทวนิยม โลกุตระจะกว้างขึ้น

โลกุตระนี้จะเจริญขึ้นไปอีกแน่นอน เพราะได้หยั่งรากลงจากที่มันได้เสื่อมมาแล้ว 2,500 กว่าปีนี้ อาตมาเอามาสถาปนาลงไปใหม่ อาตมาพูดเปิดเผยจริงจังแล้ว ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาเป็นผู้นำเอาโลกุตระมาประกาศ มาสถาปนาลงไปในโลกยุคนี้ โดยมีผู้ที่ช่วยนำหน้าอาตมาคือในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เป็นธรรมิกราชคู่กัน ท่านก็มาเบิกทางและอาตมาก็เป็นผู้เอาเนื้อแท้ลงไป ใส่ลงไปให้เรื่อยๆ เกิดขึ้นแล้ว เป็นธรรมฤทธิ์ของธรรมิกราช 2 องค์ ต้องช่วยกัน แม้แต่ศาสนาเทวนิยม เขาก็มีสอง มีเป๊บติสท์เป็นผู้ที่นำมาก่อนกับตัวพระเจ้าอีกที เขาจะมี 2 เหมือนกัน แต่เขาอธิบายไม่ละเอียด อธิบายไม่ถูก แต่เขาพอรู้ลักษณะนี้บ้าง นี้เป็นธรรมะที่แท้จริง 

เพราะฉะนั้นโลกุตระมีอยู่ประจำโลกหรือไม่ ไม่ประจำโลก มี ช่วงพุทธันดรที่ศาสนาโลกุตระจะหมดไป ซึ่งศาสนาพระสมณโคดมมีอายุศาสนา 5,000 ปี เป็นกัปของศาสนาพระพุทธเจ้าสมณโคดม แต่ มีมาได้ 2,500 กว่าปีมันก็เสื่อม มันยังไม่หมด มันยังไม่ถึงพุทธกัปของท่าน อาตมาก็เป็นผู้มาเชื่อมต่อ อาตมามาเชื่อมต่อ นี่แหละไม่รู้ว่าเนื้อหาสาระที่ใส่ลงไป มันจะพอที่จะยาวนานไปถึง อีก 2,400 กว่าปีหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ ถ้าเผื่อว่ามันไม่จบ อาตมาจะต้องมาเกิดอีก เพื่อที่จะเติมให้มันถึง 5,000 ปี ถ้ามันมีเนื้อหายาวไปถึง 5,000 ปีได้ อาตมาก็ไม่ต้องมาเกิด ไม่ต้องมาต่อ อาตมาก็พักผ่อนอยู่ดุสิตของอาตมาไป เพราะอาตมายังไม่จบปณิธานที่จะไปเป็นพระพุทธเจ้า ก็ทำหน้าที่ทำงานไปตามลำดับ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 35 ที่สุดแห่งที่สุดที่จะเกื้อกูลโลกได้คือโลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2566 ( 18:38:08 )

ในโลกนี้แค่ 3 อำนาจ

รายละเอียด

“อำนาจ”คือ อธิปไตย นั้น พระพุทธเจ้าตรัสรู้มี“3 อำนาจ”

ได้แก่  1. “อำนาจโลก”ภาษาว่า “โลกาธิปไตย”

2. “อำนาจตัวตน”ภาษาว่า “อัตตาธิปไตย”

3. “อำนาจธรรม”ภาษาว่า “ธรรมาธิปไตย”

“อำนาจโลก”คือ โลกมีอำนาจ เมื่อเรา“อวิชชา”อยู่เราก็

“ตกอยู่ใต้อำนาจ‘โลก’ครอบงำเรา” เราก็เป็น“ทาส”โลก

“อำนาจตัวตน”คือ ตนมีอำนาจ แต่เมื่อเรามี“อวิชชา”

อยู่ เราก็“ตกอยู่ใต้อำนาจ‘ตัวเอง’ครอบงำเราเอง” เราก็เป็น

“ทาส”ตัวเอง ที่เราก็ยังมี“อวิชชา”เป็น“ทาสโลก”อยู่นั่นเอง

“อำนาจธรรม”คือ ธรรมมีอำนาจ เมื่อเรามี“อวิชชา”อยู่

เราก็“ตกอยู่ใต้อำนาจ‘ตัวเอง’ที่เราก็ยังมี‘อวิชชา’ในตัวเอง 

“อธรรม”ก็ครอบงำเราเองอยู่ตามเดิมอีกหนะแหละ

“ธรรมาธิปไตย”คือ ธรรมมีอำนาจ แต่เมื่อเรา“อวิชชา”อยู่

เราก็“ตกอยู่ใต้อำนาจของ‘อธรรม’ในตัวเองครอบงำเราเอง”

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 107 หน้า 108


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 20:52:35 )

ในโลกมีอะไรที่คำหยาบมาก เขาติดกันแต่เราไม่ติด

รายละเอียด

พวกคุณฟังก็เข้าใจได้แม้คุณจะยังไม่มีฐานถึง มีแต่พยัญชนะเหตุผล แต่ถ้าคุณสามารถแยกจิตของคุณให้เป็นวัตถุไปเลยเป็นดินน้ำไฟลม แล้วดินน้ำไฟลมมันไม่มีจิตวิญญาณ คุณก็เข้าใจใช่ไหม ถ้าคุณสามารถแยกธาตุจิตตัวนี้ให้สลายกลายเป็นดินน้ำไฟลมเลย แล้วคุณจะเอาอะไรมาเกิด ข้อสำคัญคุณเข้าใจแล้วทำได้ไหม ที่นี้มันจะรู้ได้อย่างไร ก็ในชีวิตจริงของคุณนี่แหละมีอะไรที่ต่ำหยาบมากในโลกนี้เขาติดกัน แต่เราไม่ เราไม่ติด จิตของเราไม่มีสุขไม่มีทุกข์กับมันจริงๆ จิตของเราไม่มีเวทนาอย่างนั้น สัมผัสแล้วก็จะรู้ที่เขาชอบหรือชัง ไปชอบไปชังทำไม เอาง่ายๆ ผู้ชายไม่ติดลิปสติกเลย ผู้ชายที่ไม่มีเชื้อกะเทยเลย ผู้หญิงเขาชอบ  เราก็ผู้ชายก็รู้ว่าเขาชอบ แต่เราไม่ได้ชอบไม่ได้ชัง แต่คุณชอบอย่างไรเราก็รู้ก็เข้าใจ เราก็เฉยๆกลางๆ คนนี้ ชอบลิปสติกเฉดสีนั้นสีนี้ บางคนชอบลิปสติกสีดำบางคนก็ทาให้ขาวเลยก็แล้วแต่ใครจะสมมุติไป 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:40:01 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:19:09 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:30:32 )

ในโลกสังคมพุทธ ศีลไม่มีเหลือแต่วินัย 227

รายละเอียด

ใช่ ยืนยันชัดเจนว่าในประเทศไทยนี้ มหาเถรสมาคมรวมทั้งท่านพุทธทาส ก็ยืนยันอย่างนั้นแสดงว่าหายไปจริงๆด้วยในโลกสังคมพุทธ ศีล ไม่มี เหลือแต่วินัย 227 พูดกันเมื่อไหร่พระถือศีลเท่าไหร่ก็บอกว่าถือศีล 227 จบชัดเจน หมดไปแล้วจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล

คำว่าศีลกับวินัยก็ยังแยกไม่ได้ พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่าศีลกับวินัยเป็นอันเดียวกัน วินัยเป็นกฎหมายที่มีโทษ ส่วนศีลไม่ใช่แบบนั้นเป็นคำกลางๆถ้าเห็นดีเห็นงามก็ปฏิบัติ ปฏิบัติให้เกิดสัมมาทิฏฐิ สัมมาปฏิบัติ สัมมาปฏิเวธก็ได้ผลไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

 สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มีที่ไหนในพระไตรปิฎก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:29:23 )

ใบกับดอก คือลาภสักการะสรรเสริญ

รายละเอียด

ศาสนาพุทธทุกวันนี้ศีลก็ไม่มี แค่สะเก็ดก็ไม่มีแม้นิดนึง สมาธิก็เลอะเทอะไปหมดเลย เป็นสมาธิมิจฉาทิฏฐิของเดียรถีย์ ปัญญายิ่งไปใหญ่ เป็นเฉโกทั้งนั้น ไม่ใช่ปัญญา 8 เลย วิมุติจึงไม่ต้องหวังเลย แก่น แต่เขาได้อะไรรู้ไหม เขาได้ใบกับดอก 

พระพุทธเจ้ายืนยันสรุปว่า ใบกับดอกก็คือ ลาภสักการะสรรเสริญ ทั้งหลายแหล่ ก็จริงไหมล่ะ เถรสมาคมทั้งเถรสมาคม ถ้าไม่มีลาภสักการะสรรเสริญพวกนี้ จะอยู่กับอะไร มาเป็นผู้ปฏิบัติพยายามจะไม่เอาตำแหน่งยศศักดิ์ ไม่เอาลาภยศอะไร ก็ไปนั่งหลับตาเป็นเดียรถีย์ออกป่า มืดๆไปควักขึ้นมาไม่ออกเลย จนกระทั่งจมไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า อาตมาก็ไม่กล้าเข้าไปสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เพราะไปแล้วมันหายไปเลย เข้าไปแล้วไม่ได้ออกมา  เพราะมันยิ่งกว่านรกอเวจี มืดหมดเลย ทางโลกเขาก็มีสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เป็นหลุมดำ ใครตกไปในหลุมดำก็หายไปเลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 10:34:56 )

ใบและกิ่งเป็นลาภสักการะที่หลงแบกกันอยู่เหลือโลกียธรรมที่เละเทะ

รายละเอียด

ลาภสักการะ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอันนี้คือใบและกิ่ง แล้วก็แบกกันอยู่กับใบและกิ่ง แม้แต่ศีลทุกวันนี้ก็พูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เขาก็ไม่รู้เรื่อง พูดกันแต่วินัย 227 ข้อ พวกที่เรียนกฎหมายมาจะรู้ว่า จะมีกฎหมายแพ่งกฎหมายอาญากฎหมายแม่กฎหมายลูก เขาก็เรียนกันมา ศีลคือ กฎหมายแม่ วินัยคือกฎหมายลูก ก็ไม่รู้ กฎหมายลูกหรือวินัยมันมีโทษ ส่วนศีลนั้นไม่มีโทษหรอก ออกบัญญัติไว้เป็นกลางกลาง ไม่ได้ระบุโทษ เป็นต้น 

ทุกวันนี้ศาสนาพุทธเป็นโลกุตรธรรม มันเหลือโลกียธรรมที่เละเทะ เลอะเทอะ จะว่าไปแล้ว ศาสนาเทวนิยมเขาก็เคร่งกับหลัก ธรรมะของพระศาสดา ซึ่งพระศาสดาก็ไม่เชื่อในตัวเอง ว่าความรู้ทั้งหลายแหล่ ตัวเองได้สั่งสมมาเป็นบารมีของตัวเอง สั่งสมมาในแต่ละชาติ เสร็จแล้วก็เป็นความรู้ที่ตัวเองมีแล้วเอามาประกาศ ก็ไม่เชื่อตัวเอง ไม่รู้จักตัวเอง เป็นความรู้ยอด 

จริง..เป็นความรู้ที่สูงที่คุณสะสมมาแต่ละชาติ แต่ก็มีอีกอย่าง หากบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของ คนก็จะไม่นับถือ แต่ถ้าบอกว่าเป็นของพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ เพราะคนมันชอบหลอกสิ่งที่ไม่รู้จัก ของที่ไม่รู้จักและเชื่อสิ่งที่ไม่รู้จักว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่รู้จักสิ่งที่แจ้งชัดเจนไม่ค่อยเชื่อ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 16:12:18 )

ใบโพธิ์

รายละเอียด

คือ เครื่องหมาย การตรัสรู้ เป็นสิ่งแทนธรรมะ ที่เป็นความตรัสรู้ให้ระลึกถึงพ่อครูเป็นครูธรรมะ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ”หน้า 179


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:04:35 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:24:37 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:30:57 )

ใบไม้กำมือเดียว

รายละเอียด

คือ หมายถึง พระอรหันต์ที่จบภพ จบชาติ ได้แล้ว กิเลส ไม่เกิดเป็นฐานแล้ว ก็เป็นความจบสำหรับตนแต่ละคนเท่านั้น พระพุทธเจ้าเทียบความเป็น อรหันตสาวกที่จบกิจของตนแต่ละคนนี้ เท่ากับใบไม้กำมือเดียว เป็นชีวิตที่มีหลักประกันไม่เสื่อมต่ำแล้ว

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 190


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:54:17 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:23:44 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:31:23 )

ใบไม้กำมือเดียว

รายละเอียด

เรื่องที่ควรรู้ ควรเรียน ควรประพฤติ เพื่อพ้นทุกข์ เพื่อไปนิพพานให้ได้นั้น เป็นเรื่องต้องลัดเข้าหาให้ถึงให้เร็วก่อนอื่น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค2 หน้า 86


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2562 ( 12:31:33 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:13:31 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:31:42 )

ใบไม้กำมือเดียว

รายละเอียด

หรือจะเรียกว่ารายละเอียดของทั้งหมดในกรรมวิบาก เพราะฉะนั้นศึกษาองค์รวมทั้งหมดแล้วเข้าใจกรรมวิบากแล้ว แม้กรรมวิบากที่เป็นชุดๆ ไม่ใหญ่ไม่โต ก็ไม่ต้องไปคิดมาก ผู้ที่จะเรียนรู้เป็นพระอรหันต์แล้วจะเลือกชีวิตง่ายๆ สั้นๆไม่ต้องคิดมาก พระพุทธเจ้าเรียกอันนี้ว่า ใบไม้กำมือเดียว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2565 ( 06:44:17 )

ใบไม้ทั้งป่า

รายละเอียด

คือ ความเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นความจบทีสูงส่งเยี่ยมยอดประเสริฐวิเศษยิ่งนักกว่านัก เพราะเป็นความสูงสุดยอดแห่งที่สุดเท่าที่คนในโลกในมหาจักรวาล เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์สามารถ เรียนรู้ ค้นคว้า ศึกษา หาความจริงของความเป็นมนุษย์ ความเป็นสัตวโลกทั้งหลาย และพึงมีความเจริญ มีความเป็นไปเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ในวัฏสงสาร อย่างรู้แจ้งเจนจบครบถ้วนสิ้น

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 190


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 11:56:50 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:23:00 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:32:14 )

ใส่บาตรอย่างไรให้หมดกิเลสกามและอัตตา

รายละเอียด

เอาอย่างนี้ก่อนก็ได้ ขอจะไปนิพพาน ขอให้ได้นิพพาน เป็นตัวบัญญัติไว้ก่อนก็ได้ แต่ตั้งใจที่จะเดินทางทิศนี้ ตั้งใจเราสร้างจิตใจมั่นใจทำอย่างนี้ แล้วคุณพยายามทำความเฉลียวฉลาดให้เกิด ที่คุณจะมาเอาทิศทางนี้ มาเอานิพพาน มันคืออย่างไร มันดีอย่างไร ละเอียดลงไปหน่อยก็คือ อ๋อ จะเอา อย่างนี้ก็คือคุณจะต้องรู้กิเลส กิเลสมันมี 2 อย่าง กิเลส กาม กับ กิเลส อัตตา กิเลส เสพรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสทางทวารนอก ภายนอกกับกิเลสบำเรอใจ ใจคุณต้องการอย่างใดๆนอกจากรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส จะเอาให้ได้ดั่งใจ นี่แหละคือกิเลส รู้อันนี้ให้ได้ ใส่บาตรทีไรก็เรียนรู้อันนี้ ขอให้มีดวงตามีแสงสว่างก็ให้รู้อันนี้ขอให้เข้าใจอันนี้ จะบอกว่าแลกเปลี่ยน คุณทำกุศลใส่บาตรแต่อ่านจิตเป็น ทำจิตของคุณให้เป็นโลกุตระได้ ใส่บาตรนี้เป็นกุศล ใส่วัตถุ เช่นอีก คุณใส่บาตรให้อะไรไปแล้ว แต่คุณต้องการได้โลกียะ ก็เป็นโลกียะ ก็เป็นกุศลสภาพมีมากมีน้อย หมุนเวียนเป็นสมบัติผลัดกันชม ทดแทนกันไปอยู่อย่างนี้ แต่คุณต้องรู้ว่าจิตของคนนี้ไม่อยากได้อะไรแล้วนะมาตอบแทน อันนี้แหละเป็นโลกุตระ ให้ไปแล้วเราก็ไม่ต้องการอะไรตอบแทนอันนี้ไม่ง่ายเลยเป็นเรื่องยากที่จะทำจิตได้ แต่คุณทำได้แล้วก็พยายามฝึก ให้แล้วตัด 0 ตัด 0 ไปเรื่อยๆ ทำเป็นแล้วก็ทำให้บ่อย ทำให้ชำนาญ  คุณก็จะเร็ว คุณจะหมดอัตตาเร็ว หมดตัวกูของกูเร็ว อันนี้เป็นเรื่องของอัตตา ไม่ใช่เรื่องกาม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 15:46:25 )

ใส่บาตรเป็นการทำทานไม่เรียกว่าทำบุญ

รายละเอียด

การที่เราใส่บาตรนี้เป็นการทำทานไม่เรียกว่าทำบุญหรอก จะอาหารไปใส่ในบาตรก็แล้วแต่ บิณฑะ แปลว่า ก้อนข้าว ปาตะ แปลว่า ใส่ ตก การที่ทำทานด้วยการให้ คำว่า ทาน ให้นี้ดี เป็นพฤติกรรมของการกระทำ กรรม การกระทำ เป็นการกระทำของคนให้ ดูตื่นๆด้วยกายกรรม เห็นแต่กรรมให้วัตถุอันนี้ให้ มันเป็นพฤติกรรมที่ดีทั้งนั้น ให้ แม้ให้ที่ไม่ดี ให้ไม่ดีคืออะไร คุณให้มีดให้ปืนแก่คนนี้ไม่ดี คุณให้มีดให้ปืนแก่โจร ยิ่งบาปหนัก ให้มีดให้ปืนแก่โจรนี้ยิ่งบาปหนัก ยิ่งขายคุณเอาเปรียบ ให้คนที่ได้ปืนนี้เขาเห็นว่าเป็นของมีค่า เขาก็ต้องจ่ายเงิน เขาก็ต้องเอาของนั้นไปใช้ให้เกิดค่า มีดและปืนจะเอาไปทำอะไร เอาไปทำค่าอะไร ก็ต้องเอาไปทำฆ่า ไปฆ่าแกงไปทำลายสิ มันซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 11:14:27 )

ใส่บาตรแล้วได้บุญหรือเปล่า

รายละเอียด

ประเด็นที่ว่าใส่บาตรแล้วได้บุญหรือเปล่า ใส่บาตรไม่ได้บุญ คุณจะได้แต่กุศล ใส่บาตรนั้นดี ว่าไม่ดีไม่ได้ ใส่บาตรนี้ดี คุณก็ได้กุศลแน่นอน แต่คุณจะได้บุญหรือไม่ได้บุญนี้ก็คือ คุณทำใจอย่างไร คุณรู้จักใจของคุณใช่ไหม ตัวนี้แหละเป็นตัวที่ 1 เลยในสัมมาทิฏฐิ 10 ทาน อัตถิทินนัง ทำทานแล้วได้ผลได้อานิสงส์คือทำทานแล้วรู้จักใจตน ทำใจของตนให้อย่าอยากได้อะไรตอบแทนคืน ให้ลดความเอาเปรียบ ทำทาน 100 จะต้องได้หมื่นแสนล้าน อันนั้นเป็นความตะกละ..ต้องอย่าทำ ต้องทำทานแล้วล้างความโลภ แต่คุณทำทานแล้วเพิ่มความโลภ มันจะไปได้ทานอย่างไร มันก็ได้กุศลทางกายกรรมวจีกรรม แต่ในจิตคุณไม่ได้เลย คุณทานและเกิดความโลภ ในภาวะของปรมัตถ์ ทานของคุณจะต้องลดความโลภออกจากจิต ตรงนี้เถียงไม่ได้ แต่คุณไปถูกหลอกว่าคุณทานแล้วคุณจะรวย อย่างเช่น ธัมมชโยหลอกให้ปิดบัญชีเลยจะได้รวยใหญ่ ถูกหลอกไปเปล่าๆมันไม่ใช่ การทำทานต้องลดความโลภ ทำจิตมนสิการ เป็นการทำใจในใจ เราต้องทำใจในใจของตัวเอง ทำทานแล้วอย่าให้เกิดจิตความโลภ ถ้าหากทำทาน 100 แล้วขอคืนมา 70 คุณยังได้สละ 30 แล้วจะมีไหมคนที่ทานไป100 แล้วได้คืนมา 70 ให้ทานไป 30 ถ้าคุณคิดใหม่ก็ทานไป 100 ก็ลดหมด 100 เลยก็จะดีอย่างนี้นี่คือปรมัตถธรรม ต้องเข้าใจอาการของจิต แล้วทำจิตในจิต ทำใจในใจมนสิการ ต้องให้ถูกต้อง ถ้าทำใจในใจไม่ถูกต้อง ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิข้อที่ 1 นัตถิทินนัง ทำใจไม่ได้อานิสงส์ไม่ได้ผลทำใจไม่เป็น แล้วสอนกันอยู่ให้รู้จักจิตในจิตกันที่ไหน ทั้งนั้นแหละยิ่งมหาบัวก็ตามธัมมชโยนั่นแหละตัวดีมีแต่เพิ่มกิเลส มันไม่ถูกต้องนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 11:21:18 )

ใหญ่ขนาดไหนจึงได้เที่ยวสงสารไปทั่ว

รายละเอียด

อาการสงสารคือ อาการที่เห็นความหมุนเวียนของมนุษยชาติ เกิดอะไรอยู่ในนั้นหรืออยู่หมุนเวียนในวัฏสงสาร หมุนเวียนอยู่อย่างนั้นไม่รู้จักจบสิ้น ไม่รู้จักจบไป จบกิจก็ไม่เป็น เลิกราเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลยก็ไม่ได้ ไม่เหมือนพุทธ พุทธมีจบกิจ ศาสนาพุทธมีการสลายจิตนิยามเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลยได้ แต่ศาสนาอื่นเขาไม่สามารถทำได้ 

ความสงสารก็เลยมาเป็นความหมายว่า มันรู้สึกเห็นใจ เห็นใจจิตวิญญาณดวงอื่นๆหรือจิตวิญญาณในคนอื่นๆ ที่อยากช่วย สงสารคืออยากช่วย บางทีก็ช่วยตามประสา 

อย่างอาตมานี้ช่วยเพราะสงสารทั้งนั้น ตามที่อาตมามีความรู้ความสามารถตามประสาก็คือ ตามฐานานุฐานะ ของแต่ละบุคคลที่มีความรู้ความสามารถจะช่วยได้ มันเป็นธรรมดาสามัญของคน ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงขั้นปรมัตถ์ถึงขั้นอรหัตตผล

ฟังดีๆ ตั้งรับ อาตมาจะยิงระเบิดใส่ให้ ใหญ่หรือคุณน่ะ ใหญ่นักหรือไง จะช่วยสัตว์ทั้งนั้น สงสารเอ็นดูอยากช่วยใหญ่ขนาดไหนที่คุณจะช่วยได้ อย่านึกว่าคุณน่ะ มีจิต โอ้โห! เห็นแก่สัตว์ทั้งโลก ไม่อยากให้สัตว์ใดมีทุกข์ แล้วคุณก็จะช่วยสัตว์นั้น คุณเป็นพระอวโลกิเตศวรหรือไง มันมากไป! 

สัตว์ทุกอย่างสัตว์ทุกตัว สัตว์ทุกชนิดทุกอย่างทุกตัว มีวิบากกรรมของเขา คุณอย่าไปเผือกกับเขามากนัก นี่คือคำตอบ เผือกมากไปแล้ว 

สัตว์ของเขาแต่ละตัวมีวิบากกรรมเป็นของๆตน คุณเอาตัวคุณให้รอดเถอะ จบ ตอบแล้ว ถ้าฟังขนาดนี้พิจารณาไม่ออก แล้วคุณยังจะเผือกมากอยู่ก็ แน่นอนคุณจะตายเพราะเผือก ระวังจะกินเผือกมากจนตาย 

ลีลาโพธิรักษ์ตอบธรรมะแบบนี้ นี่เป็นปรมัตถ์ลึกซึ้งนะ เข้าใจไหม โอ้โห ระวัง จริงๆเราไม่ได้เป็นคนใจดำหรอก พูดแล้วเหมือนว่าอาตมายุให้คุณใจดำ ไม่ใช่ ไม่ได้ใจดำ มันมากไป ความเอ็นดูเกื้อกูลหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่นั้นดี แต่มากไปแล้วมันก็ตายสิเรา คุณใหญ่เท่าพระอวโลกิเตศวรหรือไง คุณจะทำให้ถึงขั้นนั้นหรือไง ไม่ได้ ต้องดูตัวเองให้พอเหมาะ ก็คิดว่าได้ตอบกันอย่างแรงแล้ว 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 49 ชำแหละลากไส้อัตตาของพญาครุฑและพญานาค วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 15:24:38 )

ใหญ่เพราะเป็นประเทศที่จนด้วยเหตุใด

รายละเอียด

ผู้บริหารนักวิชาการที่บริหารประเทศชาติ เข้ามาค้นคว้าเอาเนื้อหาเนื้อแท้พระพุทธเจ้าให้ได้ ให้ได้โลกุตรธรรมที่แท้ หากได้แล้ว อย่างในหลวงว่า ประเทศเราจะเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ ยอดยิ่งยวด จะเป็นที่หนึ่งในโลก ใหญ่เพราะว่าจน ดูเหมือนตลก ใหญ่เพราะเป็นประเทศที่จน แต่เราก็รวย เราพอมีพอกิน แล้วไม่ขาดแคลนแล้วก็อุดมสมบูรณ์ของเรา ไม่ได้ไปเบียดเบียนประเทศไหน เศรษฐกิจพอเพียงหรือเศรษฐกิจคนจน ที่อาตมาพาพวกเราทำ พวกเรามาเป็นคนจนสำเร็จ เราพึ่งตนเองรอด ขยันหมั่นเพียร วิริยารัมภะ ไม่สะสม อปจยะ มีปาสาทิกะ มีอาการน่าเลื่อมใส  เราก็ปฏิบัติขัดเกลาตัวเองศีล สมาธิ ปัญญา ขัดเกลาใจตัวเองแล้วเราก็มีใจพอ มีสันตุฏฐิ มีสันโดษเรามีเท่านี้ก็พอ เท่านี้ก็ประสบผลสำเร็จแล้ว เรามีกินมีใช้เราก็พอ พอกินมีเหลือกินเหลือใช้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:41:05 )

ให้

รายละเอียด

ไม่เอา มอบกรรมสิทธิ์แก่บุคคลอื่นใดโดยไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทน นี่คือสภาวะของการให้

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 115


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:42:52 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:14:28 )

ให้กำลังใจพลเอกประยุทธ์

รายละเอียด

มันเป็นนักประชาธิปไตยที่มีหลักการและหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนใช่ไหม แต่ตอนนี้มีโอให้อิสระเสรีภาพสุดยอดเลย แบบไหลไปทางไหนก็ได้อะไรเนี่ยนะ  คำคมนะเขามีคำคมเขามี ในประโยคสุดท้ายเป็น สู้เป็นไทยถอยเป็นทาส หรืออะไรเนี่ย รองแชมป์มาสู้กันเพื่อที่จะชิงแชมป์เนี่ยฝีมือของคนละขนาดเลยนะไม่มันไม่สมศักดิ์ศรีชนะไปก็เท่านั้นมันดูไม่จืดไม่ได้ไล่เลี่ยกันเลยอะไรเนี่ยนะ พูดไปแล้วเนี่ยแฟนของมวลชนหน้าจอ สถิตนิยมพลเอกประยุทธ์อยู่หรือเปล่าแม้แต่พฤติกรรมพฤติการณ์ในการบริหารในการทำงานเพื่อประชาชนขณะนี้เนี่ย พลเอกประยุทธ์ก็ทำงานอยู่อย่างเต็มที่ พูดกันจริงๆนะให้กำลังใจแต่อย่าเหลิงอย่าหลงอย่าเหลิง ก้าวหน้ามากมีอัตราการก้าวหน้าของจอมกระบี่อัตราการก้าวหน้าของจอมกระบี่ของพลเอกประยุทธ์ มีอัตราการก้าวหน้าน่าดูเลย ไม่กี่ปีนี้พัฒนามาเริ่มต้นเมื่อ 5 ปี 6 ปีที่แล้วกับปีนี้นะ โอ้โห คนละคนเลยก็แล้วก็เป็นจอมยุทธ์ที่ซ่อนซ้อน เก็บรายละเอียดมาในแต่ละยุคแต่ละยุคแต่ละยุคแต่มันทำให้เราได้รู้นะ เพราะว่าเหตุการณ์อย่างนี้เนี่ย ไม่เคยทำมาทำได้ไหมเนี่ยผ่านไปได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 19 กันยายน 2563 ( 10:01:05 )

ให้คนเข้าถึงฌานวิสัยด้วย จรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น วิสัย เหล่านี้ ที่จะเกิดได้ต้องทำให้เกิด ฌานวิสัย

ฌานวิสัยนี้ ของพระพุทธเจ้าจะเกิดได้ต้องเกิดด้วยจรณะ 15 วิชชา 8 ไปนั่งหลับตานั้นได้ฌานเหมือนกันแต่เป็นฌานเดียรถีย์ นอกรีตสายพุทธ นั่งดับเวทนาสัญญา เป็นอสัญญีสัตว์ไปเลยโน่นแหละ ซึ่งมันไม่พ้นความเป็นสัตว์หรอก 

ฌาน 1 2 3 4 ก็เป็น ฌานเดียรถีย์ นั่งหลับตาได้มิจฉาฌานไป สุดท้ายก็จบที่อสัญญีสัตว์ ซึ่งสูงสุดอยู่ที่ ฌาน 8 เนวสัญญานาสัญญายตนะ หรือฌาน 7 อาฬารดาบส ก็หลงใน ฌาน 7 คือ อากิญจัญญายตนะ มันมีอายตนะรู้อยู่ แล้วมันก็ไม่มีอะไร อากิญจัญ แปลว่านิดนึงน้อยนึง ก็ไม่มี 

ส่วน อุทกดาบส ยังมีเนวสัญญานาสัญญายตนะ มันยังมีอะไรอยู่มันยังไม่หมดเหตุปัจจัย แต่เขาไม่รู้เหตุปัจจัย เขาก็ยังใช้วิธี กดข่ม ให้สนิท เขานึกว่ากดข่มได้สนิทแล้ว แต่มันไม่สนิท เป็นมิจฉาทิฏฐิในทิฏฐิ 62 เลย แล้วตายไปแล้ว ทิฏฐิเขาจะจมอยู่ตรงนั้น ที่ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายที่ใครจะไปปลุกเขา สะกิดเขาให้ตื่นได้แล้ว ไม่มี เขาก็ไป หวั่งๆ บ่เหลียวหลังเอิ้นซัง เป็นนิวเคลียร์ฟิชชันเลยไปทางตรงทางเดียวเลย ไป มีแต่ไปกับไปแล้วมันจะถึงไหน ก็คือ นรก อันหาที่สุดไม่ได้ นรกหาที่สุดไม่ได้ ความจมอยู่ในความมืดที่หาที่สุดไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 15:49:12 )

ให้คนได้คิด

รายละเอียด

เราก็ให้คนได้คิดเหมือนกับเราทำการขายตลาดอาริยะต่ำกว่าทุน คนก็บอกว่าแบบนี้ทำให้คนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ตอนแรกมันก็ใช่ ตอนหลังมันมีภาวะซับซ้อน ชาวอโศกมาเสียสละแล้วเราจะไปขี้โลภหรือ ความละอายก็จะเกิดขึ้น ความสำนึกเกิดขึ้น เขาก็เปลี่ยนจิตของเขาเองว่าเราไม่ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ขี้โลภเหมือนกัน เดี๋ยวนี้ไม่แย่งไม่ชิงไม่ขี้โลภเหมือนก่อน แต่ก่อนนั้นมาจองคิวอะไรกัน เวียนเทียนกัน เดี๋ยวนี้ก็สำนึกเกิดขึ้น 

นี่คือความเจริญของจิตที่เขาสำนึกและเขาก็เปลี่ยนแปลง อย่างนี้แหละเป็นผล ไม่ใช่ไปบังคับให้เขาหยุดให้เขาเจริญให้เป็นอย่างนี้ไม่มีบังคับ เป็นอิสรเสรีภาพ คุณพัฒนาจิตของคุณให้เจริญเองเลย นี่คือการสร้างเศรษฐศาสตร์ สร้างให้คนรู้จักปฏิบัติกิจที่เป็นเศรษฐกิจที่ เป็นโลกุตระ เป็นเศรษฐกิจที่วิเศษ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2566 แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 12:29:09 )

ให้คนได้เรียนรู้ความเป็นสิริมหามายาเข้าถึงสิทธัตถะ

รายละเอียด

สิริมหามายา หมายความว่า ตนเองนี้เรียนรู้สภาวะ 2 คือความสุขความทุกข์มันหลอกเรา ทุกข์แต่มันบอกว่าสุข คนก็หลงมัน แล้วคนก็นึกว่าสุขทุกข์มันมี 2 ซึ่งสุขทุกข์มันมี 2 จริงๆ เราต้องไม่มีทั้งสุขและทุกข์หมดเลยจึงเป็นศูนย์ ใช่ มันมี 2 จริง เพราะฉะนั้น จะเอาแต่หนึ่งเดียวเอาแต่สุขไม่เอาทุกข์ ไม่ได้ 

คุณเอากระดาษแผ่นนึงมี 2 หน้า เอาหน้านี้ไม่เอาหน้านี้ ไม่ได้ คุณต้องเอาไปทั้ง 2 หน้า หน้านี้เขียนหน้านี้ไม่เขียนคุณก็ต้องเอาไปทั้ง 2 หน้า สิทธะ แปลว่า สำเร็จ อัตถะ คือ เรื่องราวเนื้อหาเนื้อแท้ เนื้อแท้เนื้อหาของโลกุตระคืออะไร ก็คือการดับกิเลส ตัณหาอุปาทาน ดับภพชาติ ก็ทำได้จนเป็นขั้นวิสัย ก็จบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 15:45:42 )

ให้ค่าความเก่ง ให้พลเอกประยุทธ์เป็นเบอร์ 1

รายละเอียด

กลับมาในประเทศไทยคนที่กำลังหาเรื่องราว เพื่อจะมาชิงอำนาจอวดเก่ง อาตมาว่า อาตมาให้ค่าความเก่ง ตอนนี้อาตมาให้พลเอกประยุทธ์เป็นเบอร์ 1 เป็นผู้พาทำงาน ขยันเบิกบานร่าเริง มีเวลามาแต่งเพลงได้ เพลงใจเพชร ทำให้เพลงใจฟ้าของอาตมาตกกระป๋องเลย

จะมีใครไหมอยู่ไหนที่ใจว่าจริง ….แพ้ตกกระป๋องเพลงใจเพชรเลย ไม่ได้พูดประชดนะ ไม่ได้พูดเล่น เพราะของเขาทันสมัย ทั้งเนื้อหาอะไร ถ้าไปดูรายละเอียดเพลงใจฟ้ายังอยู่ในตัวเอง แต่เพลงใจเพชร เพื่อสังคม นี่พูดความจริงสู่ฟัง ใช้พยัญชนะ สื่อสภาวธรรม ตามที่มีภูมิปัญญารู้แล้วเอาไปใช้ประโยชน์ จะเป็นเพลง เป็นพยัญชนะ ก็มีความรู้สามารถจะสื่อสารกันรู้เรื่อง พยายามเอามาใช้ ให้ศึกษาสื่อสารกัน ก็ได้ประโยชน์ และพัฒนามนุษย์ชีวิต สังคมกันไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:18:40 )

ให้ฉันเนื้อสัตว์ได้หากเป็นปวัตตมังสะ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าอนุญาตเพียงให้ฉันเนื้อสัตว์ได้หากเป็นปวัตตมังสะ คือ 1. ไม่ได้เห็น 2. ไม่ได้ยิน 3. ไม่สงสัย ว่าเนื้อนี้เกิดจากถูกคนฆ่า คือต้องเป็นเนื้อที่เป็น 1.เดนสัตว์กิน คือสัตว์มันฆ่ากันแล้วมันกินเหลือ หรือ 2. สัตว์ตายด้วยการเจ็บป่วยหรือตายเองตามธรรมชาติ ซึ่งจะไปหาเนื้อสัตว์สองชนิดนี้ได้ที่ไหนกันมากมายอะไร ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเจตนาของคนฆ่าสัตว์มาทั้งนั้น แต่เขาไปเที่ยวบาลีว่าต้องเจตนาฆ่าอย่างระบุบุคคลนั้น บุคคลนั้นก็จะกินเนื้อสัตว์นั้นไม่ได้ บุคคลอื่นที่ไม่ได้ระบุก็ให้กินเนื้อสัตว์นั้นได้ เช่น วันนี้เพื่อนมาเยี่ยม เลยบอกให้ภรรยาฆ่าไก่มาต้มให้เพื่อนกิน เมื่อไก่นี้ระบุว่าให้ค่ามาเลี้ยงเพื่อนคนนี้กิน ถ้าอย่างนี้เพื่อนคนนี้ก็กินไม่ได้ ถือว่าเป็นการระบุบุคคล(คนเดียวนะ) นี่เป็นการเลี่ยงบาลี คนคนนั้นกินไม่ได้ ก็แสดงว่าเขาคิดว่าถ้าฆ่าแล้วไม่ระบุบุคคลใดก็ให้คนอื่นกินได้หมดนั่นแหละ นี่คือความเฉโก เลี่ยงบาลี จะให้ได้กินเนื้อสัตว์เป็นบาปซ้ำซ้อน หาทางหลีกเลี่ยงให้ตัวเองได้กินเนื้อสัตว์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 09:08:59 )

ให้ชาวโลกได้ศึกษาว่า นี่แหละเป็นประชาธิปไตยแท้ๆ

รายละเอียด

อาตมามั่นใจประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยโลกุตระของไทย ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ มันจะเป็นหลักฐานที่ให้ชาวโลก ต้องการเช่นนี้ ให้ชาวโลกนี้ได้ศึกษาจริงๆ ว่า นี่แหละเป็นประชาธิปไตยแท้ๆ ของพระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้แต่ไม่ได้มีลงไปในบัญญัติ เอาคำว่าอธิปไตยจากโลกาธิปไตย อัตตาธิปไตยกับธรรมาธิปไตย อธิปไตย 3 จากโลก จากอัตตา จากธรรมะ มารวมกันกับประโยชน์ที่จะเกิดแก่มวลประชาชน เป็นประโยชน์หรือความสุขหรือเอื้ออนุเคราะห์มนุษยชาติ พหุชนหิตายะ (เพื่อประโยชน์ของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ (เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ (รับใช้โลก ช่วยโลก) อีกสามเส้า มารวมกัน นี่แหละคือองค์ประกอบของความเป็นประชาธิปไตยที่บริบูรณ์ 

ไม่มี 2 อันนี้มารวมกันเข้า ไม่มีในตำรา โดยเฉพาะตำราของประชาธิปไตยเทวนิยมที่เป็นโลกียะเท่านั้น ขอย้ำยืนยันว่า ประชาธิปไตยในโลกนอกจากของโลกุตระของพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นประชาธิปไตยขาเดียว เป็นประชาธิปไตยโลกียะ เป็นประชาธิปไตยที่ยังไม่สมบูรณ์แบบตามสัจธรรมของความเป็นสังคม และ มนุษยชาติ ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบต้องมี 2 ขา ต้องมีรูปนาม ต้องมีคำว่า 2 สภาวะ 2 นี้ทั้งนั้น จะไม่เป็นประชาธิปไตยที่โด่เด่ มีแต่รูปธรรมโดยมีแต่กฎหมายเป็นหลักโดยไม่รู้จักจิตวิญญาณ แต่ต้องมีจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวงและเอามารวมกันเป็นหนึ่งอย่างสนิทเนียน เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะนี้ไม่มีในตำราต่างประเทศหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 เมษายน 2566 ( 10:31:12 )

ให้ด้วยใจที่บริสุทธิ์

รายละเอียด

สวรรค์กับนรกเป็นอันเดียวกันคือภพชาติ คนนึกอยากได้สวรรค์เมื่อไหร่ก็ได้นรกทันที จะมีปริมาณมีคุณภาพเท่าใดก็ตามมันก็มีความเป็นนรกของคุณ คุณต้องการเท่าไหร่ คุณมีดีกรีเท่าไหร่ คุณก็เท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจชัดแล้ว เทียบจิตใจตัวเอง ว่าการจะให้ตัวเองไม่มี มีแต่ให้ โดยไม่สาเปกโข ไม่ต้องการอะไรตอบแทนเลย ดีไม่ดี ให้เขาแล้วโดนด่ามาตอบอีกด้วยก็ไม่เป็นไร เพราะเราให้โดยบริสุทธิ์ใจ เขาจะด่าตอบก็เพราะเขาไม่รู้ 1. เราให้เขานี้ เราไม่ให้สิ่งที่ทุจริต เราไม่ให้สิ่งที่เป็นอกุศล เราไม่ให้สิ่งที่เป็นพิษ เราไม่ให้สิ่งที่มอมเมา เราให้แต่สิ่งที่ประเสริฐ อย่างนั้นจริงๆ ให้แล้วไม่ต้องการอะไรตอบแทนเลย บริสุทธิ์ที่สุด ใครทำได้อย่างที่อาตมาพูด ตอนหลังๆไม่กี่คำความนี้นั่นแหละคือความบริสุทธิ์ประเสริฐของมนุษย์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 12:05:07 )

ให้ทานอย่างไม่สาเปกโข จบเลย

รายละเอียด

รายละเอียดเรื่องความหวงแหนยึดติดในข้อ 2 อทินนาทานา เรื่องอทินนาทาน เป็นเรื่องที่ 1 เลย เรื่องสัตว์นั้นเป็นเรื่องง่าย ในบารมี 10 ทัศจบเรื่องทาน เรื่องของปรมัตถ์ที่จะเรียนเรื่องทาน จิตให้เป็นที่หนึ่ง ถ้าคุณให้ทานอย่างไม่สาเปกโข จบเลย ถ้าคุณยังทำไม่ได้คุณจึงยังมีตัวตนมีตัวกูของกูไปเรื่อยตั้งแต่ ปฏิพัทธจิตโต สันนิธิเปกโข ปริภุญชิตสามีติ อัตตมนตาโสมนัสสา อย่างธัมมชโย เอามาใช้ บอกให้เอามาให้ทาน กับครูไม่ใหญ่หมดเนื้อหมดตัวเลยปิดบัญชีมา ปลื้มเลย ใช้พยัญชนะว่าปลื้ม อัตตมนตาโสมนัสสา คือมันเลยภพชาติของ ปริภุญชิตสามีติ  เป็นชาติหน้าสวรรค์วิมานอย่างฤาษีลิงดำไป 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:00:34 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:18:44 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:32:59 )

ให้ธรรมะเป็นทานยิ่งใหญ่ที่สุด

รายละเอียด

อาตมาเป็นอาจารย์ เป็นครูสอนธรรมะ ให้ธรรมะเป็นทาน ซึ่งเป็นทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ธรรมะเป็นทาน นอกจากธรรมะแล้ว อาตมาก็ไม่มีสมบัติอะไรอีกที่จะมาตอบแทนให้พวกคุณ ตอบก็ได้ ตอบแทนพวกคุณอุตส่าห์เลี้ยงดูอาตมาไว้ ให้มีชีวิตอยู่ ก็หลายคนช่วยกันเลี้ยงดูก็คงไม่ยากเพราะอาตมาไม่ใช่คนเลี้ยงยากอะไร อาตมาก็เป็นคนมีวรรณะ 9 แล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน การทำบุญทำทานอย่างสัมมาทิฏฐิเป็นเช่นไร


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 11:17:51 )

ให้ผลแก่ขันธ์

รายละเอียด

ให้ผลแก่รูปขันธ์นามขันธ์

หนังสืออ้างอิง

ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 265


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:43:27 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:05 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:33:20 )

ให้พูดภาษาถิ่นที่คนรู้เรื่องเข้าใจได้ดี

รายละเอียด

การแยกแยะสังกัปปะ 7 เป็น ไม่ได้เอามาจากอาจารย์ไหน คัมภีร์ไหน อาตมาใช้ภาษาที่พูดกันรู้เรื่อง เป็นภาษาถิ่นที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า ให้พูดเป็นภาษาถิ่น ให้คนรู้เรื่อง อย่าไปดัดจริตหลงภาษาอื่นๆ ให้เก๋ให้เท่ห์ ไม่เอา ให้พูดภาษาที่เขาเข้าใจได้ดี มั่นใจว่าพูดไปนี้พวกเราจะรู้กัน ใช้ภาษาอย่างนี้ขณะนี้ เป็นคำว่าภาษาถิ่น ภาษาในสมัยนั้นยุคนั้น ที่พูดกันรู้เรื่อง ไม่ต้องไปกังวลจะต้องเป็นบาลี สันสกฤต เป็นภาษาอย่างนี้อธิบายแจกแจงให้เข้าใจถึงเนื้อหาและปฏิบัติให้ได้ บรรลุได้ พระบาลีไม่รู้ซักตัวก็ไม่เป็นไร แต่ผู้รู้บาลีก็เอาบาลีมาอ้างอิงยืนยันเท่านั้นเอง ถ้าอาตมาไม่อ้างอิงบาลี ไม่อ้างอิงสิ่งที่เป็นหลักฐานมา อาตมาทำไม่ได้หรอก เขาไม่ยอมรับ มันจำเป็นเท่านั้นเอง ไม่ได้อ้างเพื่ออยากโก้ว่า ผู้รู้บาลี ไม่ใช่ เขาหาว่าไม่รู้บาลีตามระบบการศึกษาแบบวจีวิพากษ์ วากยสัมพันธ์ ไวยากรณะ คุณก็ได้เรียนตามระบบก็ได้พยัญชนะได้ตามแบบนั้นของคุณไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 15:21:46 )

ให้พ่อครู เป็น independent man

รายละเอียด

Independent Man อาตมาได้รับรางวัลที่เกาหลี เขาก็จะให้ไปรับรางวัลอาตมาก็ไม่ได้ไปให้ ให้ฆราวาสไปรับ อาตมาก็ต้องขอโทษขออภัย อาตมาไม่ได้คิดอะไรมากด้วยซ้ำไป มันเป็นไปตามผู้ที่เหมาะควรเขาก็ติดต่อกันไป ไม่ได้กำหนดว่าได้อะไรมากมายเลย ไม่ได้ระบุไม่ได้ไปจัดการอะไรมากมาย มันเป็นไปตามธรรมเป็นเอง ราบรื่นเรียบร้อยง่าย ไม่มีใครแย่งชิงอะไรกัน ผู้ที่ไปแล้วอาจจะคิดว่าทำไมต้องให้เราไปก็ได้ แต่เขาก็ไปแล้วรับแล้ว ขอบคุณต่างๆนาๆ ก็บอกใจจริงมาแล้วว่าคนให้รางวัลเราจะต้องมีสิ่งที่ดีเอาสิ่งดีนี้มา มาประกาศหรือว่ามายืนยันเสนอต่อสังคม ว่าอันนี้ดีนะขอบคุณ มีวิธีการให้เกียรติ เป็นรางวัล เราก็ยินดีไม่ยินดีได้ไง เราก็ดีใจยินดี ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่เราก็ ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ อาตมาไม่อยากจะแสดงอาการ เงอะๆงะๆ อาตมาพูดภาษาเกาหลีไม่ได้สักคำ พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ พูดภาษาจีนก็ไม่ได้ นอกจากใช้ภาษาไทยกับลาว แล้วอาตมาจะใช้ภาษาไทยภาษาลาวไปใช้มันก็ดูไม่ดี มันก็ไม่ได้คิดมากมันเป็นไปตามธรรม เขาก็จัดการไปก็ยินดี ไม่มีปัญหาอะไร 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 08:17:26 )

ให้ฟรียิ่งเจริญ

รายละเอียด

รายได้จากการส่งออกคือเอาสินค้าของเราไปขายแล้วได้รายได้มา อาตมาว่าไม่ต้องไปยินดีกับอันนี้ มันไม่เก่ง นอกจากไม่เก่งแล้ว คิดรายได้ของเราจากการส่งออกแล้วไปคิดราคาแพงขูดรีด แล้วได้มา นับว่าเป็นGDP อาตมาชี้หน้าว่าขี้โม้ มันไม่เป็นdomestic ที่เป็นภายใน แต่เอารายได้จากภายนอกมาเป็น Gross รวม ถ้าชัดๆแล้วรายได้ภายในคือ ผลผลิตแล้วตีราคา ถ้ามันได้มากมันเจริญนั่นคือ GDP มีทั้งคุณภาพของผลผลิตและปริมาณของผลผลิตนั่นคือความเจริญของ GDP สามารถแปรสภาพไปเป็นสินค้าแลกเปลี่ยนไปเอามาก็ไปตีราคาเงินจากที่โกงเขามามันก็ผิดสภาพแล้ว ตัวจริงคือผลผลิตแต่ก็นับเอาเป็น Gross นับเปลี่ยนตัวเลขเงินแล้วนะเป็น GDP มันไม่ใช่สาระแท้ ถ้าจริงๆแล้วDomestic ของคุณแท้ๆ แล้วเจริญ มีปริมาณและคุณภาพดีก็ขายให้คนอื่นอย่างขาดทุนขาดทุนได้มากเท่าไหร่คุณยิ่งเจริญมากขึ้นเท่านั้น ให้เขาไปได้ฟรียิ่งเจริญ เจริญโภคภัณฑ์ เจริญกว่า สิริวัฒนภักดี นี่คือความเจริญที่แท้จริง เมื่อไหร่นักเศรษฐศาสตร์จะเข้าใจชัดเจน แล้วพยายามให้คนไทยเราเป็นอย่างนี้ให้ได้ อาตมาว่าคนไทยจะเป็นได้ คนไทยมีนิสัยมีปัญญา มีความลึกซึ้งซาบซึ้งในคุณค่าและคุณธรรมอันนี้ พากเพียรไปและเป็นตัวอย่างของโลก ในโลกต้องเดินตามรอยอันนี้แหละ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:24:55 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:18:28 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:33:54 )

ให้มนุษย์ชาติอาศัยสิ่งที่ไร้บาป

รายละเอียด

เราไม่ได้เป็นคนในสังคมประเทศที่ทำร้ายสังคม แต่เราเป็นคนอยู่ในประเทศที่ได้อนุเคราะห์สังคม ได้ช่วยเหลือสังคมอย่างนี้ 

1.เราพึ่งตนเองรอด 

2.เราสร้างสิ่งที่จำเป็นที่เป็นสาระสำหรับมนุษย์จริงๆปฏิเสธไม่ได้ เราไม่ได้สร้างสิ่งที่เป็นพิษ สิ่งที่มอมเมา เราสร้างสิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร คุณจะใช้สอยอาศัย เน้นเข้ามาหาอาหารในโลก พืชพันธุ์ธัญญาหาร 

แม้แต่คนที่สร้างปศุสัตว์ สร้างเนื้อสัตว์สร้างประมงสร้างปลา มันก็ยังเป็นพิษ เป็นพิษยิ่งกว่าพืช ยิ่งลึกซึ้งไปถึงกรรมวิบาก พวกเรารู้พวกเราเข้าใจแล้วจึงมาทำงานที่ปราศจากบาป ปราศจากวิบาก ทำงานที่สร้างสิ่งสำคัญ เป็นสาระแก่นสาร เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร 

เราก็อาศัยอันนี้ ให้มนุษย์ชาติอาศัยสิ่งที่ไร้บาป ไร้วิบาก อยู่อาศัยกันไป ชีวิตเท่านี้แหละยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะเราได้สรุปเข้ามาหาแก่นแท้ และสร้างแก่นแท้ไปจนกว่าจะตาย 

ใครไม่เชื่อจะไปสร้างอะไรอย่างอื่นอีกก็เชิญ แต่มันมีสิ่งข้างเคียงอยู่บ้าง เช่น เราสร้างอันนี้ได้ดีทำอย่างนี้ได้ดี เรียกว่า สื่อสารบอกคนอื่นเขาต่อ ว่านี่ทำอย่างนี้นี่ดีนะจ๊ะ เราทำอยู่ทุกวันเลย จะเรียกว่าโฆษณาก็โฆษณา จะเรียกว่าบอกคนอื่นชักชวนคนอื่นให้มาทำอย่างนี้ด้วยแล้วก็เป็นทั้งทำให้เห็น ทั้งกินใช้ให้เห็นให้ดี ดีไม่ดี แต่งเพลงประกอบก็ดีนะจ๊ะ เราก็ไม่ได้ง้อ เราก็ไม่ได้ขาดทุน เราไม่ได้ต้องการที่จะเอากลับมาแต่เรามีแต่จะให้กับให้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 18 ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณมนุษย์ และอภิวัฒน์สังคม วันจันทร์ที่ 17 เมษายน 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 16:10:07 )

ให้มองตน

รายละเอียด

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าวว่าเราต้องไม่สูญเสียจุดยืนของตัวเราหรือโอนเอนเอียงไปตามกระแสโลก และลัทธิบริโภคนิยม เราควรจะถามตัวเองว่าฉันจำเป็นต้องมีสิ่งของวัตถุเหล่านี้ทั้งหมดจริงๆหรือ จำเป็นไหมที่จะต้องกินอาหารที่ปรุงขึ้นอย่างซับซ้อน เพียงเพื่อให้มีชีวิตยืนยาว ฉันสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากสิ่งของพิเศษที่ไม่จำเป็นเหล่านี้หรือไม่ เพื่อจะได้ชีวิตที่เรียบง่ายขึ้น พระองค์กล่าวอีกว่า สำหรับหลายคนความหมายของชีวิตมาจากการครอบครองข้าวของวัตถุที่มีความต้องการไม่หยุด เราได้เห็นความโลภ ที่ไม่รู้จักเพียงพอมาแล้วมากมายในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แม้แต่ในทุกวันนี้โลกของเราเป็นโลกที่ย้อนแย้งกัน คนไม่กี่คน กินอาหารค่ำอย่างหรูหราขณะที่คนจำนวนมากไม่มีแม้กระทั่งขนมปังเพื่อประทังชีวิต

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 19:08:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:21:38 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:35:11 )

ให้รู้ว่าเรายังเหลืออะไรบ้าง

รายละเอียด

สาระระดับโลกีย์ก็คือใช้อาศัยยังขันธ์ไป ยังการเป็นอยู่ให้ชีวิตเราตั้งอยู่ได้ เป็นโลกียะ 

ส่วนเรื่องโลกุตระนั้นเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ จิตนิยาม ซึ่งไม่ใช่มาบำเรอ ไม่ได้มาบำเรอรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ไม่ได้บำเรอ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ไม่ได้บำเรอ เราก็ค่อยๆ รู้ว่าเรายังเหลืออะไรบ้าง เรายังติดลาภ ติดยศ ติดสรรเสริญ หรือสุขเพราะได้ลาภ สุขเพราะได้ยศ สุขเพราะได้สรรเสริญ อันนั้นหยาบกว่า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) ทางกายภายนอก อันนี้ละเอียดกว่า ลาภ ยศ สรรเสริญนั้น หยาบกว่า เพราะฉะนั้นคนยังติดลาภ ยศ สรรเสริญ อยู่ 

จะเห็นได้ว่าพวกเรานี้ ลาภ ยศ สรรเสริญ มันก็มีระดับ ลาภหยาบกว่าเพื่อน ยศก็ละเอียดขึ้น สรรเสริญก็ละเอียดขึ้นอีก สุขก็เนียน สุขจากลาภ สุขจากยศ สุขจากสรรเสริญ ซ้อนลงไปอีก 

เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าอย่าง ลาภ นี่ง่ายขึ้นมาแล้ว ยศก็ง่าย รองลงมา สรรเสริญยังมีอยู่บ้าง ละเอียดขึ้นไปอีก แต่สรรเสริญก็หมดแล้ว จะถูกตำหนิ ถูกว่า ถูกตำหนิหรือถูกสรรเสริญยกย่อง เราก็เข้าใจ เอามาเป็นประโยชน์มาศึกษา จริงไหม เขาสรรเสริญเรานี้ เราจริงไหม ตำหนิเรา เขาตำหนิเรา จริงไหม ต้องเอาเนื้อแท้ของคำตำหนิ หมายถึงอะไร คำสรรเสริญหมายถึงอะไร เอาเนื้อแท้ จริงไหม 

อย่างอาตมาถูกตำหนิ อาตมาก็ดูว่าเออเขาตำหนิผิด-ถูกอย่างไร วันนี้หยิบหนังสือ ประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส อาตมาอ่านทวนดู มีอะไรหลายๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ที่ต่อสู้ เผชิญนะ ไม่ได้ต่อสู้ ไม่ได้รบราฆ่าฟันอะไร แต่ที่เผชิญ เป็นกรรมวิบาก กับฝ่ายที่มาเห็นต่างกับเรา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 14:06:53 )

ให้รู้ว่าเราเองติดอะไรยึดอะไร

รายละเอียด

อาตมาอธิบายธรรมะพวกนี้เป็นธรรมะโลกุตระหรือเป็นธรรมะที่เป็นปรมัตถธรรม ไม่ใช่ธรรมะที่จะต้องอธิบายวนๆ เวียนๆ อยู่ในภพชาติอะไร อันนี้ตรงเข้าไปถึงจิตเจตสิกและก็รูปนิพพาน ให้รู้ว่าเราเองติดอะไรยึดอะไร ชีวิตที่จะต้องละหน่ายคลายไอ้ที่หลงติดยึด แต่เข้าใจว่าเป็นพระเจ้าไปเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอัตตา พระเจ้าก็คืออัตตา 

เพราะฉะนั้นวิญญาณหรือว่าธาตุรู้หรือว่าจิตวิญญาณจริงๆ หรือความรู้ความฉลาดของคนปุถุชนโลกีย์เทวะทั่วไป ก็จะไม่รู้จักพระเจ้าที่ชื่อว่าเงินๆทองๆว่าคือผี คือมาร คือซาตาน คืองูร้ายอะไร จนกระทั่งจะต้องอยู่เหนือ ผู้อยู่เหนือแล้วก็ไม่เป็นทาสเงินๆทองๆสำเร็จจบกิจจริง ทำไมจึงเป็น“ทาสเงินๆทองๆ” หรือเป็น“ทาสพระเจ้า”กันนัก งมงายอยู่กับ GDP กันแบบไม่เงยหูเงยหัว ทำไมไม่เห็นความสำคัญของ“จิตใจของคน”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16  ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2566 ( 13:28:44 )

ให้รู้กรรมวิบากที่เกิดแล้ววนเวียนที่เทวนิยมไม่รู้

รายละเอียด

แต่เขาพวกนั้นเขาไม่มีเวลาจะมารู้กรรมวิบากที่เกิดแล้ววนเวียน เทวนิยมเขาไม่รู้ ไม่รู้ความไม่เที่ยง เขาไม่มีทางถึงอนัตตาเขาก็เป็นอัตตานิรันดร ศาสนาเทวนิยมเป็นอัตตานิรันดร เขาไม่มีทางล้างให้หมดตัวตน แยกธาตุจิตให้เป็นดินน้ำไฟลมไป ไม่ได้ เขาทำไม่ได้ เขาไม่รู้จบ 

แม้จะอยู่ ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณก็มีหลักประกันว่า คุณเป็นคนดีของสมมุติโลก ยิ่งรู้ความสุขความทุกข์ หมดสุขหมดทุกข์ ดับเป็นปริโยสานได้ก็จบเรื่องจิตวิญญาณ นี่คือวิสัยทัศน์ของอาตมารู้จักโลกุตระอย่างนี้ แล้วนำพากันให้เป็นผู้ที่รู้จักจิตวิญญาณอย่างชาวอโศก ตามวิสัยทัศน์ของอาตมาจะบริสุทธิ์ทุกนาทีของพวกเราก็คือมันมีเป็นอย่างนั้น

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 16:04:15 )

ให้รู้จักนามกับรูปภาวะ 2 ที่ปรุงแต่งกันอยู่เป็น“วิญญาณ”

รายละเอียด

ผู้มี“อวิชชา”ทุกคนนั้นยังไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง “เทฺว”อันคือ “ภาวะ 2”ของตนเองที่“ปรุงแต่ง”กันอยู่ เรียกว่า “สังขาร”ของสัตวโลกที่มีความเป็น“จิตนิยาม”ทั้งหลาย“ศาสดาเทฺวนิยม”ทั้งหลากทั้งหลาย แค่“รู้จัก”ตนเองก็ยังไม่รู้จัก ไม่รู้แจ้ง ไม่รู้จริงเลยผู้“อวิชชา”คือ ผู้หลงผิดยึดมั่นถือมั่นว่า “ตนเอง”เป็น“1” ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ความเป็น 2”หรือ“ภาวะ 2” แม้แค่“นาม”กับ“รูป”ที่ปรุงแต่งกันอยู่เป็น“วิญญาณ”ตนเอง

“นาม”คือ“ธาตุรู้”ของตนนี้ ผู้มี“จิตนิยาม”ซึ่งเป็นสัตวโลกแล้วจะมี“วิญญาณ”ของตนเอง เป็น“ประธาน” ตนเอง บงการตนเอง แต่ไม่ได้เรียนรู้“นาม-รูป”ของตนเอง จึงไม่รู้จัก“วิญญาณตนเอง” ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และทรงสอนว่าเป็น“สังขาร” ที่มี“วิญญาณเป็นปัจจัย” และมี“นามรูป-อายตนะ-ผัสสะ-เวทนา-ตัณหา-อุปาทาน-ภพ-ชาติ ฯลฯ”ซึ่งเรียกว่า “ปฏิจจสมุปบาท”สัตวโลกหรือคนผู้ยัง“อวิชชา”จึงไม่มี“ปัญญา”ที่ จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“ปฏิจจสมุปบาท”ทั้งสายอย่าง“อนุโลม-ปฏิโลม”ผู้มี“ปัญญา”อันเจริญเป็น“ญาณ”เป็น“วิชชา”จึงจะสามารถ“รู้จักรู้แจ้งรู้จริง”ความปรุงแต่งกันอยู่(สังขาร)ของ“ภาวะ 2”หรือ“เทฺว”ที่ครอบจักรวาลอยู่

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2 วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2565 ( 14:48:44 )

ให้รู้ว่าปัญญาคืออะไร

รายละเอียด

ฌานนี่คือปัญญา ปัญญาคือฌาน ปัญญาอยู่ที่ไหน ฌานอยู่ที่นั่น 

แล้วปัญญาคืออะไร ปัญญาคือรู้กิเลส รู้กิเลสได้อย่างไร มีผัสสะ มีผัสสะเกิดเวทนา แล้วเอาเวทนามาแยกละเอียด เป็น มโนปวิจาร 18 นี่เป็นแบบโลกๆที่เขายังติดอยู่ เกิดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ 6 ทวาร ผัสสะ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส จนถึงมโนสัมผัส เป็น 6 แล้วจิต ตั้งแต่ หยาบ ไปถึงละเอียด ทาง 6 ทวาร มันปรุงแต่งเป็นสุข เป็นทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ได้ 3 อย่างนี้ จึงเป็น มโนปวิจาร 18 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 15:57:25 )

ให้ศึกษาพากเพียรให้เกิดสัมมาทิฏฐิเป็นจุดแรกจุดต่อๆ ไปตามมา

รายละเอียด

อาตมาว่าอาตมามีมาเอง เป็น สยังอภิญญา แล้ว สยังอภิญญา ไม่ได้พูดเอาเองแต่อยู่ในสัมมาทิฎฐิข้อที่ 10 นะ อย่างเช่นอธิบายให้รู้โลกนี้โลกหน้าได้ดี คุณเข้าใจไหมที่อาตมาแยกแยะโลกนี้โลกหน้ามาตั้งเท่าไหร่ โลกนี้โลกหน้าก็คือโลกโลกียะกับโลกโลกุตระ คุณชัดเจนขึ้นไหม ถ้าคุณได้รู้โลกุตระคุณก็จะมา คนที่แม้แต่แค่รู้ก็ยังไม่รู้ หรือเข้าใจบ้างหรือยัง หรือพอเข้าใจแล้วบ้าง ปฏิบัติอยู่บ้างแต่ไม่ได้มา ก็เป็นมิตรสหายดี อยู่ทางโน้นก็ไม่เป็นไร ปฏิบัติตั้งใจศึกษาพากเพียรไป ถ้าเห็นดีเห็นงามแล้วมีจุดเริ่มต้น จุดแรกเริ่มต้นจุดแรกที่เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ  จุดที่ 2 3 4 5 6 7 จะตามมา แต่ถ้าจุดแรกที่สัมมาทิฏฐิยังไม่เกิด พระพุทธเจ้าท่านให้เรียนรู้คำว่า กาย หาก กาย ยังไม่สัมมาทิฏฐิ 

กาย ต้องรู้ตัวเอง สักกะ คำว่ากาย ถึงไม่ใช่ของตื้น ไม่ใช่ของง่าย ไม่ใช่ของผิวเผิน เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ คำว่า กาย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 15:15:44 )

ให้สติ เตือน อธิบาย ไม่ได้หมายความว่าเหยียด

รายละเอียด

อาตมาไม่เคยไปเหยียดเพศ มีแต่พูดเรื่องเพศเตือนคนอย่าไปเลอะเทอะเรื่องอารมณ์เพศ มันเป็นวิบากเรื่องยุ่งยาก

เรื่องเพศถ้าหากเลอะเทอะโดยเฉพาะเรื่องอารมณ์เพศ คำว่าเหยียดก็ไม่ดีแล้ว ส่วนอาตมาก็ให้สติเตือนอธิบายก็ไม่ได้หมายความว่าเหยียด อะไรที่ไม่ดีก็ต้องข่ม สิ่งที่ดีก็ต้องยก ไม่ใช่ว่าพูดอย่างเพ่งโทษ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:43:42 )

ให้สติเรื่องสัตว์ตัดขาดไปได้เลย

รายละเอียด

สัตว์ต่างๆ ปล่อยเขาไปตามยถากรรม อย่าไปเอามาเลี้ยง อย่าไปเอามาใช้งาน ตอนนี้ได้ข่าวช้างฆ่าคนตาย หมาก็กัดคนตาย คนก็เอาสัตว์มาเลี้ยงขายราคาแพงก็มี ตอนนี้หนักเข้าเลี้ยงกระทั่งแมลงสาบ ทำฟาร์มขายราคาดีเลย มันไม่มีงานดีกว่านั้นจะทำหรือ คนก็ไปทำงานอย่างนั้นก็ไปกันใหญ่ งานดีๆพวกเราเลือกเฟ้นให้ทำกันแล้วมาทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร เรื่องของสัตว์ตัดขาดไปได้เลย ก็เหลือแต่พืชพันธุ์ธัญญาหารที่คุณจะมีทุจริตในพืชพันธุ์ธัญญาหาร ขี้โกงทุจริตกัน ได้เปรียบเสียเปรียบอะไรต่ออะไรกันต่างๆ นานาพวกนี้ หรือคุณจะสร้างให้อุดมสมบูรณ์มาแบ่งแจกกันกิน เกื้อกูลกันไป ก็อธิบายแล้วก็พาทำอธิบายจนหมด พยายามพาทำ

คนเขาเอาสิ่งเลอะเทอะของหลอกมาก็ชอบ ไปชอบของหลอกไม่เอาของจริง ที่พูดนี้ก็ให้สติก็ด้วยความปรารถนาดี ทุกคนก็ไม่มีความปรารถนาร้ายใส่ตัวเอง แต่มันยังฉลาดไม่พอ ฉลาดแค่นั้นก็ว่ากันไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:23:55 )

ให้สัญญาณว่าจบได้แล้วพอได้แล้ว ท่านผู้หลงติดในภาษาเป็นโลกจินตา

รายละเอียด

อธิบาย แบบ สิริมหามายามันซ้อนไปซ้อนมา เป็นแบบไดอะแลกติกทั้งนั้น คนจะต้องจับพยัญชนะกับสภาวะ หากพยัญชนะกับสภาวะคนละอย่าง มันมักจะปนกันเละเทะ ถึงแยกตรงนี้สับสนตรงนี้ พูดแล้วก็นึกถึงท่านผู้ที่เก่งเป็นปราชญ์ทางศาสนาพุทธทุกวันนี้ ท่านเก่งทางภาษาพยัญชนะแล้วท่านก็หลงติดในภาษา พยัญชนะ โดยที่เข้าไปสู่สภาวะธรรมน้อยไปหน่อย ขอใช้คำนี้เลย ท่านหลงติดไปศรัทธาเลื่อมใสในความรู้ เป็นพยัญชนะเป็นบัญญัติเป็นโลกจินตา ไม่มีจบง่ายๆแล้วท่านไม่รู้ตัว อาตมาก็ให้สัญญาณนี้ไป จบได้พอได้เพราะว่าสิ่งที่ท่านรู้นั้นเอามาทำพระอรหันต์ได้ แต่ท่านทำไม่เป็น  เพราะท่านมีพยัญชนะมากเกินไปจนไม่รู้แม้กระทั่งคำว่า กาย ท่านยังไม่คม ไม่ชัด ยังไม่จริงเลยคำว่า กาย เพราะฉะนั้นจึงอ่าน สักกายะกายของตนไม่ออก สักกายทิฏฐิเป็นคำแรกของสังโยชน์ 10 จึงยังไม่พ้น

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 10:34:43 )

ให้สายนั่งหลับตาเกิดสัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

พวกนั่งหลับตาได้สูงสุดเท่ากับ อุทกดาบส จมไปในที่ที่ไม่รู้ว่าคืออะไร หาที่สุดไม่ได้ คุณไม่ได้ล้างกิเลส คุณไม่ได้ล้างเหตุปัจจัยที่มันเป็น อัตตา อัตตาที่จับเกาะแน่นกับสิ่งที่คุณไม่รู้ อวิชชาแน่นที่สุดไปกับภพชาติ อุทกดาบส อาฬารดาบส ก็ตาม สูงสุดเขาเรียนแค่นั้นแหละ ฌานหลับตา แล้วก็มีทิฏฐิแบบนั้น มีวิสัยทัศน์แบบนั้น แต่อาตมาไม่มีวิสัยทัศน์แบบนั้น อาตมามีวิสัยทัศน์แบบพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 15:52:06 )

ให้เกิดหรือไม่ให้เกิดคือกิเลส

รายละเอียด

คำว่าเกิดหรือไม่เกิด หมายถึงเพียงแค่ร่างกาย ไม่ใช่ จับประเด็นให้ได้ ที่ให้เกิดหรือไม่ให้เกิดพระพุทธเจ้าท่านหมายถึงกิเลส ศาสนาพุทธไม่ได้ ฟั่นเฝือเพียงร่างกายให้เกิดหรือไม่ให้เกิด ท่านหมายถึงตัวกิเลสหยาบกลางละเอียดอ่านกิเลสในจิตเราให้ได้แล้วทำให้กิเลสดับ ไม่เกิดจริงๆ ดับสิ้นไม่เกิดอีก นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) เท่านี้แหละของศาสนาพุทธ ส่วนร่างกายจะเกิดอีกตายอีกอย่างไรนั้น ไม่มีปัญหาเลย

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:44:27 )

ให้เกียรติแก่ชาวกสิกรจึงเป็นประเทศที่มีปัญญาสูงส่ง

รายละเอียด

อาตมาเคยพูดหลายทีแล้ว ถ้าเราสนับสนุนชาวไร่ชาวสวนชาวนาชาวกสิกรทั้งหลายแหล่ ให้ได้ฐานะ จะใช้วิธีให้เหรียญตรา ชั้นสูงๆขึ้นก็ควรทำ แม้จะไม่ได้เงินมากมายอะไรก็ต้องทำ ต้องยกย่องเชิดชูอย่าไปกดชาวไร่ชาวนาชาวสวน อย่าไปกดชาวกสิกร ให้เกียรติแก่ชาวกสิกรจริงๆ ประเทศนั้นจะเป็นประเทศที่มีปัญญาสูงส่ง รู้จักความสำคัญในความสำคัญรู้จักสาระในสาระ เป็นประเทศที่มีจิตวิญญาณ มีปัญญาประเสริฐเข้าใจสัจธรรมอันสูงส่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:42:55 )

ให้เด็กๆเลิกคิด เลิกทำในเรื่องรักร่วมเพศ

รายละเอียด

สรุปว่าอย่าให้เด็กๆเขาคิดวิตถารในเรื่องของเพศในเรื่องกะเทยในเรื่องรักร่วมเพศ ให้เขาเลิก จะพูดให้เขาเข้าใจง่าย ให้เขาหยุดได้เท่าไหร่ก็ดี ถ้าใครมีปฏิภาณช่วยให้เขาระงับอย่าทำตอบไป เห็นเป็นแต่เรื่องสามัญ มีสิทธิ์ทุกคน อย่าอ้างสิทธิ์ในคำพูดว่าสิทธิ์ แต่มีสิทธิ์เท่าเทียมกันทุกคนอย่ามาอ้างเลย ตั้งอย่างโง่ๆตื้นๆ เขาห้ามคุณนั้นดีแล้วไม่ให้คุณไปตกวิบากกรรมกว่านั้นอีกเขาช่วยคุณ แต่จะปล่อยให้คุณไปคิดในสิ่งที่คุณคิดว่าจะทำชั่วก็ตัวเองอีกมันเป็นวิบากเองมันก็จะดูโหดร้ายนะ เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าเด็กๆเขายังไม่ประสีประสา  พยายามสอนเขาช่วยเขา อาตมายังสงสารมหาบัวเลย แต่ไม่มีสิทธิ์หรอก และก็ มหาบัว ไปเผยแพร่ความคิดที่ผิดๆโง่ๆให้คนอื่นเชื่อตามอีก เพื่อนของอาตมาที่ยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ก็ยังไปหลงเชื่ออยู่เลยได้แต่พูดไป พูดไปเขาก็ไม่เชื่อ เพราะว่าโลกุตรธรรมนี้มันยาก 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระธรรม ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 11:12:46 )

ให้เรียนรู้สังขารของจิตวิญญาณ ในสุขทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์

รายละเอียด

เรียนรู้สังขารปรุงแต่งของจิตวิญญาณ และหลงในสุข ในทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ 3 อย่าง คุณทำให้เกิดไม่สุขไม่ทุกข์ ทำได้ ด้วยวิธีที่มิจฉาทิฏฐิ คุณก็ทำได้ กดข่ม ไม่ให้เกิดอาการกิเลสได้ แล้วคุณพยายามยึดอาการอารมณ์นั้น ยึดอารมณ์ที่คุณทำให้ กดมันไว้ สะกดมันไว้บังคับมันไว้ แต่คุณไม่ได้ดับเหตุ คุณไม่ได้ล้างกิเลสที่เป็นตัวสำคัญตัวเหตุ มันก็ต้องกลับมาไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ไม่ชาติหน้าก็อีกร้อยชาติ พันชาติ หมื่นชาติ ต้องเวียนวนมาอีก มันลืมสัญญาไม่เที่ยง จำอย่างไรก็จำไม่เที่ยงหรอก คุณต้องลืมสักวันหนึ่ง และคุณก็กลับมามีอย่างเก่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 16:00:02 )

ให้เรียนรู้อรหันต์แบบสมสีสีกับแบบโพธิจิตโพธิสัตว์

รายละเอียด

มันมีอยู่พวกที่จบอรหันต์แล้วจะไม่เชื่อมต่อ อาตมาก็เคยอธิบาย ว่า พวกที่เอาแต่ตัวเองเป็นอรหันต์แล้วเขาก็จะจบ อรหันต์แล้วเขาก็จะไป พวกที่เป็นอย่างนั้นเข้าใจผิดอย่างนั้น จะมีอรหันต์ สมสีสี อย่างเดียวที่ตายพร้อมกับบรรลุธรรม ถ้าไม่สมสีสี ตายไป อยู่ต่อไปจะรู้ว่า เราจะอยู่ก็ได้ไม่อยู่ก็ได้ ก็จะเห็นใจคนอื่น คุณจะเกิดโพธิจิตโพธิสัตว์ขึ้นมา ถ้าคุณยังไม่ สมสีสี ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปทันที ก็จะรู้ว่าเราได้ความรู้อันยิ่งยอดของพระพุทธเจ้า มันยิ่งกว่ายอดเพชรยอดทองไปเอาไปแจกคนอื่นนะ จะรีบตายไปทำไม คุณไม่รู้หรอกว่า นอกจากคุณ เด๋อ อะไรวะ ได้อะไรมาวะ นั่นคือความไม่รู้จริง ถ้าความรู้จริงจะเป็นสุดยอดแห่งสุดยอดของที่สุดแล้ว รู้จักอรหัตตผลรู้จักอรหันต์แท้ มันสุดยอดแล้ว 

อาตมาถึงบอกว่า อรหันต์ก็อรหันต์เถอะ มุ่งแต่พระอรหันต์ถ้าไม่ สมสีสี ไม่ตายพร้อมกับบรรลุธรรมนะ วินาทีต่อไปคุณจะสัมผัสกับคนอื่นว่าเขายังไม่ได้นะ มันยังน่าให้เขารู้ด้วย เอาไปเลยทองฉันไม่เอาแล้วสุดยอดแล้ว เพราะฉะนั้น คืน โลกุตรธรรมนั้นคืนไปหมดเป็นผู้ไม่มีแม้โลกุตรธรรม ที่มันมีในตัวแน่นไปหมดแล้วเป็นอภิภูแล้ว เป็นเองในตัวโดยที่มันเป็นอัตโนมัติแล้ว แต่เหมือนกับเราไม่ยึดมั่นว่า เป็นเราเป็นของเรา มันเป็นอย่างนั้นเลย เป็นผู้ไม่ยึดเป็นเราเป็นของเราเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 16:08:12 )

ให้แล้วก็จบอย่างนี้คือทานสูงสุด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าตรัสรู้นี้ สุดท้ายก็ละความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ตนเอง เสียสละให้ได้ ขาดทุนให้ได้ ในหลวง ร.9 เป็นโพธิสัตว์ตรัสไว้ว่า ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา เสียสละให้คนอื่นได้ ซึ่งหลวงปู่ก็บอกว่า ขายต่ำกว่าทุน ใครขายต่ำกว่าทุนได้ คนนั้นกำไร ต่ำกว่าทุนได้มากเท่าไหร่ได้ ไปหา 0 ยิ่งกำไรมากเท่านั้น ยิ่งให้ไปหมดเลยเป็น 0 ไม่เอาอะไรแลกเปลี่ยนคืนมาเลย ยิ่งวิเศษเลย ยิ่งกำไรเต็มตัว 

ลึกซึ้งกว่านั้นอีก รู้จักภพชาติ ฟังต่อดีๆนะ ระดับพวกเรานี้ระดับโลกุตระกัน เรียกว่า ทาน การทาน การให้ แก่คนอื่น ให้แล้วยิงจิตไม่มีสาเปกโข นี่เป็นภาษาวิชาการ ภาษาบาลี ไม่มีภพชาติอะไรต่อเลย ให้แล้วไม่มีตัวตนต่อไปตามเป็นภพชาติว่าเราเป็นผู้ให้ เราได้สวรรค์ เรามีบุญคุณอะไร ไม่มีเลย ให้แล้วตัดทิ้ง ลืม ไม่ติดยึดว่าเราได้ให้อะไรไป ให้แล้วก็จบ อย่างนี้คือทานสูงสุด ให้สูงสุด เสียสละสูงสุดยอด จบเลย 

ใครเคยทำได้บ้าง ... โอ้ มียกมือข้างหลัง คนอายุมากแล้ว เด็กๆ ยังไม่มีใครยก คงเข้าใจไม่ได้ยาก มันยังทำไม่ได้ก็ยังไม่กล้ายกมือ 

ต้องเรียน ฝึก ศึกษา ถ้าเราให้จนกระทั่งไม่ต้องตั้งภพชาติ ทำได้ถึงขนาดนั้น จะตายไหม จะตายไหม ทำได้อย่างนั้นจะตายไหม ไม่ตาย มีแต่จะวิเศษ มีแต่จะเจริญทางปรมัตถ์ เจริญทางโลกุตระ เจริญเป็นคนวิเศษ เรียกว่าเป็นผู้ที่มีอุตริมนุสธรรม 

อุตริมนุสธรรมคือ คุณวิเศษของมนุษยชาติ จะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เลย สุดยอด นี่คือความเสียสละ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆ หลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2565 ( 14:35:27 )

ให้โดยอิสระ

รายละเอียด

มนุษยชาติ มีรูปธรรมได้ มีสาราณียธรรม 6 เป็นต้น นี่คือประชาธิปไตยสุดยอด อยู่กันอย่างสังคมที่เป็นรูปธรรมเลยว่าเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ อยู่กันอย่างเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ทรัพย์สินเป็นส่วนกลาง ที่ประชาธิปไตยเขาก็ต้องการ คอมมิวนิสต์เขาก็ต้องการ เขาต้องการกองกลางให้มากที่สุด ด้วยวิธีออกกฎหมายบังคับให้จ่ายภาษี แต่ของพระพุทธเจ้าไม่ได้บังคับเลย ให้โดยอิสระ ให้โดยเต็มใจทำแล้วเข้ากองกลางหมด นี่คือความสมบูรณ์แบบของสัจธรรม ไม่ได้มีการบังคับ แต่เป็นอิสรเสรีภาพ คุณเต็มใจมาเสียสละ เสียภาษี 100% ทำงานฟรีใช่ไหม ....โยมตอบว่า ใช่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลกับอปัณณกปฏิปทา 3 ในวิชชาจรณะ วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่บวรสันติอโศก  


เวลาบันทึก 17 มกราคม 2566 ( 12:46:04 )

ให้ใช้ปฏิภานของแต่ละคนในการเลือกใช้ถุงพลาสติก

รายละเอียด

ก็เห็นใจ อาตมาไม่เห็นว่าต้องไปสั่ง เพราะจะเป็นการบังคับใจเปล่าๆ ก็ให้ใช้ปฏิภาณของแต่ละคน ถ้าไม่มีเลยก็ปลอดภัยทุกอย่าง ไม่เกิดโทษภัยกับสิ่งแวดล้อม แต่จะให้มันไม่มี อาตมามั่นใจว่าไม่มีทางทำได้ ที่จะไปให้โลกนี้มีพลาสติกอีกต่อไป ในองค์กรส่วนของเราที่กว้างพอสมควร ถ้าหากชอบจริงๆไม่ใช้ก็ได้ แต่ถ้ากว้างพอสมควร อาตมาว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ใช้พลาสติก ให้ตัวของคุณลองไล่ดูสิ มันไม่มีวันจะขาดหายไป สำหรับพลาสติก มันมีทั้งเล็กน้อยและใหญ่ มันเป็นวัตถุที่เอามาใช้อย่างสะดวกสบายง่ายที่สุด เบาที่สุด เร็วที่สุด แต่มันร้ายตรงที่มันสลายได้ยากที่สุด แต่มันง่ายในการที่จะเอามาใช้ ภัยของมันคือสลายยาก แม้มันจะไม่สลายก็อุดตันเท่านั้น ไม่ได้ออกฤทธิ์มาก สลายช้านานเท่านั้นเอง อันอื่นๆอาตมาก็ว่ามันจะเป็นพิษภัย จะออกฤทธิ์ฆ่าแกง ถ้าหากไปเผาก็เกิดมลพิษเพิ่ม เพราะฉะนั้นก็เลยยาก มาถึงจุดนี้แล้วทั้งโลกเลยต้องใช้พลาสติก ก็ให้ใช้ดุลพินิจของแต่ละคนเท่าที่เราจะทำได้ คนไหนมีจิตอย่างไรก็เอาตามที่ตนเองคิดว่าควรจะเป็น อันนี้ไปบังคับกดขี่ไม่ดี ก็รู้ แนวโน้มว่ามีพิษบ้าง แต่มันก็มีประโยชน์ ประโยชน์มันมีไม่ใช่น้อยนะ แต่แน่นอนว่ามีพิษแน่นอน แต่พิษร้ายจริงๆ ก็อย่าไปเผาให้เกิดแก๊สก็แล้วกัน ถ้าหากทิ้งถุงพลาสติกไปตามที่ต่างๆ ก็มีการอุดตันสลายได้ยาก ลองคิดพิจารณาให้ละเอียดดูสิ ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ยังไม่ถึงขั้น ทำขึ้นมาแล้วโลกจะแตกไปไม่รอดเราก็จะตาย มันก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น มันยากและเป็นเรื่องละเอียดลออ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 7 ค่ำ เดือน 8


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2565 ( 17:13:30 )

ให้ได้เรียนรู้ความมีเมตตาจนเข้าถึงปัญญา ฌาน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ฌานแบบพระพุทธเจ้าจึงต้องมาลืมตาปฏิบัติ จรณะ 15 เกิดฌาาน 4 ฌาน ของศาสนาพุทธจึงเกิดการปฏิบัติศีลไปตามลำดับ 

ศีลข้อ 1 ชีวิตคนต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ เรียนรู้การเกี่ยวข้อง สัมผัสกับสัตว์ ไม่ฆ่า ก็หยาบมาก เอาละไม่ฆ่าก็ดีแล้ว แต่คุณยังไม่เอ็นดู ไม่กรุณา ไม่เมตตา คุณยังไม่หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวง ยังไม่บริบูรณ์ นี่คุณต้องปฏิบัติตนให้บริบูรณ์ จิตอยู่กับสัตว์ ใครจะร้ายจะเลวอย่างไรก็หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวง เอ็นดูเขา กรุณาเขา เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ให้เขารู้ความจริง ให้เขาพ้นทุกข์ เมตตา กรุณาก็ลงมือช่วย มุทิตาก็ช่วยสำเร็จแล้วดีแล้ว เปิดจิต ช่วยเขาแล้วดีแล้วอย่าไปยึดติดว่า เป็นบุญคุณของเรา เป็นอุเบกขา นี่คือ พรหมวิหาร 4 หรือ อัปปมัญญา 4 สุดยอดตรงนี้ แล้วทำให้ตรงสภาวะจริง คือผู้มีปัญญาแล้วล้างกิเลสหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิสัยทัศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 ตุลาคม 2565 ( 15:55:30 )

ไกลจากวิเวก

รายละเอียด

นรชนนั้นใด เป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำอย่างนี้ อันกิเลสมากปิดบังไว้อย่างนี้ หยั่งลงในที่หลงอย่างนี้ นรชนนั้นย่อมอยู่ไกลแม้จากกายวิเวก ย่อมอยู่ไกลแม้จากจิตวิเวก ย่อมอยู่ไกลแม้จากอุปธิวิเวก คนยุคนี้ในวงการศาสนาพุทธเป็นผู้มีกิเลสมากปิดบังไว้แล้ว แล้วให้มันตั้งอยู่ หยั่งลงสู่ความหลง แล้วเป็นสิ่งอาศัยพระพุทธเจ้าท่านสรุปว่า คนอย่างนี้คือคนที่ไกลจากวิเวก ผู้ที่ไกลจากวิเวกก็คือ วิเวก เป็นคำๆหนึ่งที่ต่างจาก สมถะ หรือ ปัสสัทธิ หรือสงัด สงัดไม่ถือว่า นิ่งทีเดียว

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 14:21:55 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:22:35 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:36:18 )

ไกลจากวิเวก

รายละเอียด

คือ  นรชนนั้นใดเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำอย่างนี้   อันกิเลสมากปิดบังไว้อย่างนี้หยั่งลงในที่หลงอย่างนี้  นรชนนั้นย่อมอยู่ไกลแม้กายวิเวก  ย่อมอยู่ไกลแม้จากจิตวิเวก  ย่อมอยู่ไกลแม้จากอุปธิวิเวก  คือ อยู่ในที่ห่างไกลแสนไกลมิใช่ใกล้  มิใช่ใกล้ชิดมิใช่เพียง  มิใช่ใกล้เคียง  คำว่าอย่างนั้น  คือ ผู้หยั่งลงในที่หลง  ชนิดนั้น  เช่นนั้น  ดำรงอยู่ดังนั้นแบบนั้น  เหมือนเช่นนั้น  เพราะฉะนั้น  จึงชื่อว่า นรชนเช่นนั้นย่อมอยู่ไกลจากวิเวก

คำอธิบาย

ไกลจากวิเวก คือ ภาษที่ย้ำว่า นรชนนั้นใดเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำอย่างนี้  หรือว่ากิเลสปิดบังไว้อย่างนี้ หยั่งลงในที่หลง นรชนนั้นยังไกลจากวิเวก แม้ออกป่าเขาถ้ำ  ย่อมไกลแม้แต่จิตวิเวก  อุตส่าห์หลับตาทำแล้วนะ ก็ยังไกลจากวิเวกไม่รู้จักอภิสังขาร

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 13:39:24 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:23:46 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:37:15 )

ไกลจากวิเวก

รายละเอียด

มีความว่า นรชนนั้นใด เป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำอย่างนี้ อันกิเลสมากปิดบังไว้อย่างนี้ หยั่งลงในที่หลงอย่างนี้ นรชนนั้นย่อมอยู่ไกลแม้จากกายวิเวก ย่อมอยู่ไกลแม้จากจิตตวิเวก ย่อมอยู่ไกลแม้จากอุปธิวิเวก คืออยู่ในที่ห่างไกลแสนไกล มิใช่ใกล้มิใช่ใกล้ชิด มิใช่เคียง มิใช่ใกล้เคียง. คำว่า อย่างนั้น คือ ผู้หยั่งลงในที่หลง ชนิดนั้นเช่นนั้น ดำรงอยู่ดังนั้น แบบนั้น เหมือนเช่นนั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนเช่นนั้นย่อมอยู่ไกลจากวิเวก.

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:01:05 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:24:26 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:37:40 )

ไกลจากวิเวก

รายละเอียด

คือ นรชนนั้นใด เป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำอย่างนี้  อันกิเลสมากปิดบังไว้อย่างนี้ หยั่งลงในที่หลงอย่างนี้ นรชนนั้นย่อมอยู่ไกลแม้จากกายวิเวก  ย่อมอยู่ไกลแม้จากจิตตวิเวก  ย่อมอยู่ไกลแม้จากอุปธิวิเวก  คือ อยู่ในที่ห่างไกลแสนไกล มิใช่ใกล้ มิใช่ใกล้ชิด มิใช่เคียง มิใช่ใกล้เคียง คำว่าอย่างนั้น คือ ผู้หยั่งลงในที่ หลง ชนิดนั้น เช่นนั้น ดำรงอยู่ดังนั้นแบบนั้น  เหมือนเช่นนั้น  เพราะฉะนั้น  จึงชื่อว่า นรชนเช่นนั้นย่อมอยู่ไกลจากวิเวกพวกหลับตา  ไม่มีทางปฏิบัติที่จะไปสู่วิเวก เพราะไม่เข้าใจคำว่า กายวิเวก ตื้นแค่เอาร่างกายตัวตนทั้งร่างออกไป ปลีกไป ปลีกแยกไป ออกไปจาก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 23:27:37 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:25:06 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:38:01 )

ไกลจากวิเวก 

รายละเอียด

ไกลจากวิเวก  คือ มีความว่า นรชนนั้นใด  เป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำอย่างนี้  อันกิเลสมากปิดบังไว้อย่างนี้  หยั่งลงในที่หลงอย่างนี้  นรชนนั้นย่อมอยู่ไกล  แม้จากกายวิเวก  ย่อมอยู่ไกลแม้จากจิต  วิเวก ย่อมอยู่ไกลแม้จาก อุปธิวิเวก คือ อยู่ในที่ห่างไกลแสนไกลมิใช่ใกล้ มิใช่ใกล้ชิด  มิใช่เคียง  มิใช่ใกล้เคียง  คำว่าอย่างนั้น  คือ ผู้หยั่งลงในที่หลง ชนิดนั้น  เช่นนั้น  ดำรงอยู่ดังนั้น  แบบนั้น  เหมือนเช่นนั้น  เพราะฉะนั้น  จึงชื่อว่า นรชนเช่นนั้นย่อมอยู่ไกลจากวิเวก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:28:48 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:25:48 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:38:25 )

ไกลจากวิเวก 

รายละเอียด

ไกลจากวิเวก  คือ นรชนนั้นใด  เป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำอย่างนี้  อันกิเลสมากปิดบังไว้อย่างนี้  หยั่งลงในที่หลงอย่างนี้  นรชนนั้นย่อมอยู่ไกลแม้จาก  กายวิเวกย่อมอยู่ไกลแม้จากจิตตวิเวก ย่อมอยู่ไกลแม้จากอุปธิวิเวก  คือ อยู่ในที่ห่างไกล แสนไกล มิใช่ใกล้  มิใช่ใกล้ชิด   มิใช่เคียง  มิใช่ใกล้เคียง  คำว่าอย่างนั้นคือ  ผู้หยั่งลงในที่หลง  ชนิดนั้น เช่นนั้น  ดำรงอยู่ดังนั้นแบบนั้นคุณไม่ได้สัมผัสวิเวกเลย  กายก็ไม่มีจิตก็ไม่มี  อุปธิก็ไม่มี  คุณไกลจากวิเวกสามนี้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 12:36:50 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:26:26 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:38:44 )

ไก่ตัวพี่

รายละเอียด

สยังอภิญญา อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้มาเปิดเผยโลกุตรธรรมและยืนยันว่าถูกต้องด้วย คนอื่นก็มีได้แต่ไม่ใช่ผู้ที่มีโลกุตรธรรมมากเพียงพอ ขออภัย อย่างอาตมามี ขยายความชัดเจนมีโลกุตระอย่างไรเอาหลักฐานพระพุทธเจ้ามาขยายความอย่างนี้ ติดตามไปยืนยันไปหลักฐานพวกนี้มันก็จะต้องได้รู้เห็น ถ้ามันผิด แต่ถ้ามันถูกคุณก็ต้องรู้ด้วย ระดับสยังอภิญญา ถือว่าเป็นของตัวเองเกิดมาในชาตินี้ ปางนี้ อย่างเช่นอาตมาไม่มีใครรู้ จนต้องใช้ภาษาว่ายุคนี้อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสว่าท่านเป็นไก่ตัวพี่ แต่อย่างนั้นเป็นการสร้างศาสนาเลย ไม่มีใครสร้างศาสนาพุทธได้ ท่านก็สร้างศาสนาพุทธเป็นผู้แรกที่สร้างได้ในกัปของท่าน แต่อาตมานั้นศาสนาพุทธได้มีมาแล้วแต่มันได้เสื่อมไป อาตมาเป็นคนแรกที่กู้กลับมาได้ในยุคนี้ ถ้าอาตมาไม่มามันจะหายไปเลย อาตมาจึงเป็นไก่ตัวพี่ พูดไว้ไม่ได้อวดโอ่เบ่งข่ม แต่เป็นสัจจะ ฟังไว้ อย่าเพิ่งรีบตาย ตรวจสอบอาตมาไป ไม่ใช่เรื่องท้าทายแต่เป็นเรื่องสัจจะที่ยืนยันได้ อาตมาไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นสยัมภู มีแต่คนยัดเยียดว่าอาตมาเป็นผู้ตรัสรู้เอง อาตมาก็ว่ามันมีหลายเองนะ ศึกษาให้ดีอย่าตัดสินอะไรง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 09:24:15 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:17:59 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:39:34 )

ไก่ตัวพี่

รายละเอียด

ก็มายกย่องอาตมาไปเรื่อยๆหากอาตมาไม่มีสติก็ลอยฟ่องติดไว้นานแล้วนะ คุณก็ชมมา โดยที่คุณเชื่อว่าอาตมาไม่หลงคำชมก็จริง ไม่มีใครเปรียบเทียบในยุคนี้ อาตมาว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่นี่ก็อวดดีนะ อาตมาเกิดมาในชาตินี้เป็นไก่ตัวพี่ที่เจาะออกมาจากกระเปราะไข่ โลกียะคือเสมือนกระเปราะไข่ อาตมาเจาะโลกียะออกมาได้เป็นคนแรกในยุคนี้ เป็นโลกุตระบุคคลตัวแท้ คนอื่นไม่มีใครที่เป็นโลกุตระบุคคลตัวแทนออกเป็นแต่เพียงได้ยินมาแล้วมาพูดเท่ๆโก้ๆ  แต่ก็ไม่ได้เป็นคนโลกุตระที่รู้จักทฤษฎีรู้จักสภาพที่เป็นเหตุเป็นปัจจัย ที่รู้จริงๆว่าเพราะไม่มีอวิชชาจึงไม่มีภพชาติอย่างนี้ โดยกระบวนการเหตุปัจจัยตั้งแต่สังขารวิญญาณนามรูปอายตนะเวทนาตัณหาอุปาทานภพชาติก็รู้สภาวะพวกนั้นทุกตัวแล้วก็ทำได้ทุกตัว เข้าใจว่า ตอนนี้มีอายตนะหรือยัง อายตนะไม่มีอยู่ในโลก จะมีเมื่อมีสภาพสองของสองสิ่งกระทบการสัมผัสกันจึงจะเกิดอายตนะ ก็สิ่งที่เนื่องกันขึ้นมาเรียกว่าอายตนะ ถ้า 2 ตัวนี้ไม่สัมผัสกันเมื่อไหร่อายตนะก็หายไปไม่มีอยู่ในโลกเลย มีอยู่ในปัจจุบันธรรมที่มีสองสิ่งสัมผัสกันแล้วก็เกิดอายตนะ แล้วอายตนะนั้นจะต้องเป็นวิญญาณเป็นธาตุรู้ ในฟิสิกส์ วัตถุธรรม ธาตุดินน้ำไฟลม ไม่ถือว่าเป็นอายตนะ มันเป็นพลังงานดูดหรือพลังงานผลัก ไม่เรียกว่าเป็นอายตนะ แต่ก็เป็นสิ่งที่เนื่องต่อกัน แต่ผลักมันไม่เรื่องกันแต่มันถีบออกแยกออกจากกัน แต่ตอนนี้จะต้องเชื่อมกัน วัตถุที่ดูดกันก็เช่นแม่เหล็ก พีชะก็มีพลังงานแม่เหล็ก จิต แน่นอน มีแน่นอนแล้วก็มีกันจนกระทั่งดูดกันไม่ยอมพลาดร้อยชาติก็ไม่ยอมสลายพลังงานดูดพันชาติล้านชาติ ยังไม่ยอมสลายพลังงานดูดนี้เลยไม่ยอมปล่อยเลย นั่นก็เป็นความเป็นจริงที่จะต้องศึกษา แล้วก็จะรู้สัจจะความจริงพวกนี้ได้ ก็ค่อยๆศึกษาไปพลังงานอุตุ พลังงานพีชะ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:59:12 )

ไก่ตัวพี่

รายละเอียด

เขียนมาเกือบ 50 ปีแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องแสดงอาตมาเหมือนกันว่าอาตมาเป็นคนที่มีเนื้อมาแต่เดิมอยู่ ไม่ใช่ว่าเป็นคน แบบ ไม่ใช่ขี้ไก่ อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ ก็ใช้พยัญชนะสื่อสภาวธรรม ไก่ตัวพี่ ไม่ใช่ขี้ไก่ก็ตาม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:38:24 )

ไก่ตัวพี่ หมายถึงอะไร

รายละเอียด

อาตมาเกิดมายุคนี้เป็นไก่ตัวพี่เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าท่านตรัส ว่าท่านเปรียบตัวท่านเหมือนไก่ที่อยู่ในกระเปาะไข่ กระเปาะไข่เหมือนกรอบอวิชชาที่หุ้มห่อคนอยู่ แล้วไก่อยู่ในฟองไก่ (ไข่) มันหุ้มลูกไก่อยู่ข้างใน ลูกไก่ตัวไหนเจาะกระเปาะไข่ออกมาได้เป็นตัวแรกลูกไก่ตัวนั้นเป็นตัวพี่ ท่านไม่ได้ยกย่องตัวเอง แต่ท่านบอกว่า ท่านรู้ก่อนใครๆ ท่านไม่ได้ยกย่องตัวเอง ไม่ได้ชมตัวเอง แต่ท่านรู้จักสัจจะนี้ก่อนใครๆ เท่านั้นเอง 

ซึ่งมันเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ เป็นความรู้ที่ออกมานอกกรอบของอวิชชา ออกจากกระเปาะไข่ เป็นโลกใหม่ที่แปลก โลกเก่าเป็นโลกียะ มีแต่ความดีกับความชั่วที่เป็นสมมุติสัจจะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 18:58:07 )

ไก่ตัวพี่ ไก่ตัวน้อง

รายละเอียด

แล้วอาตมารู้กาละด้วยว่า ควรจะทำอย่างอาตมา ก็ถามหาอยู่ว่าไก่ตัวพี่มีอีกไหม ก็มีบ้างไก่ตัวน้อง ก็ยังไม่มีใครจะแสดงตัวว่าเป็นไก่ตัวพี่กว่าอาตมาอีก จะได้มาช่วยๆอาตมาบ้าง แต่ไก่ตัวน้องก็แสดงตัวบ้างไม่แสดงตัวบ้าง ก็ช่วยกันไป เห็นว่า สิ่งนี้มันควรที่จะทำอยู่ในโลก 

บางคนนึกว่าตัวเองเป็นไก่ตัวเก่ง แต่ที่จริงมันไม่ใช่ไก่แต่ปลอมตัวเป็นไก่ แต่ที่จริงไม่ใช่ มันมาทำลายด้วย ปลอมตัวเข้ามาเหมือนงู ปลอมตัวมาบวชเป็นนาค เป็นลักษณะนั้นอยู่ก็มี ก็ใช้ไม่ได้ แต่ว่า มันห้ามไม่ได้หรอกในโลก มันจะต้องมีอยู่ แม้แต่เรื่องงูเรื่องนาค เดี๋ยวจะเอามาอธิบายต่อ คุณว่ามีไหม ก็มีทั้งมี มีทั้งไม่มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 21:35:08 )

ไก่ตัวพี่ต้องพูดเรื่องบุญ กาย ฌาน สมาธิ

รายละเอียด

ความรู้อันนี้เป็นความรู้ที่ไม่ง่าย อาตมาว่าถ้าอาตมาไม่นำมาพูด แยกไม่ออก ไม่เข้าใจกันหรอก ก็จะสูญไปเลยจากศาสนาพุทธ ความรู้อันนี้มันไม่มีแล้ว อาตมาถึงบอกว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ออกมาพูดเรื่องนี้ พูดเรื่องคำว่า บุญ คำว่า กาย แล้วก็เข้าไปถึงคำว่า ฌาน คำว่าสมาธิ 

4 คำนี่แหละ คำว่าบุญ คำว่ากาย คำว่าฌาน  คำว่าสมาธิ ซึ่งใช้ร่วมกันอยู่ในภาษาธรรมะทั้งเทวนิยมและอเทวนิยมใช้ร่วมกัน แต่เทวนิยมใช้เป็นอีกฝั่งนึงเลย ส่วนอเทวนิยมของพระพุทธเจ้า รู้ทั้ง 2 ส่วน อีกส่วนหนึ่งมันเลิกส่วนโลกียะ เลิกมาเรื่อยๆ ค่อยๆเลิกมาจนกระทั่งหมดสิ้น เป็นคนละโลกเลย ดาวคนละดวงเลย เป็นชาวต่างดาวไปเลย 

พอเป็นชาวต่างดาวกันบริบูรณ์ มันก็พูดกันไม่รู้เรื่องเลย พูดกันคนละภาษาเลยไม่เป็นภาษาร่วมกันเลย คนละเรื่อง มันก็เลยกลายเป็นคนละโลก ทะเลาะกันเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:48:50 )

ไก่ตัวพี่อยู่ในยุคกึ่งพุทธกาล

รายละเอียด

จะเอาที่ไหนมาพูด จะเอาที่ไหนมาสอน จะเอาที่ไหนมาอธิบาย ก็พระพุทธเจ้ามีพระสัพพัญญุตญาณรู้จริงอันนี้หมดก็เอามาขยาย อาตมาเป็นพระสาวก เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 อาตมามีภูมิอันนี้จริง โดยไม่ได้เอามาจากใคร ไม่ได้ท้าทายไม่ได้อวดเบ่ง ก็มีใครจะพูดอย่างอาตมาได้ แล้วอาตมายืนยันว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่อยู่ในยุคนี้ ยังไม่มีคนที่สอง เท่าอาตมา หรือสูงกว่าอาตมา

ก็ยังบอกเลยว่าใครเป็นโพธิสัตว์ที่เป็นพี่อาตมามาพบกันหน่อย มาช่วยกันหน่อย ไปอยู่ไหน คนที่เป็นพี่จริงๆ ให้น้องพูดอยู่คนเดียวได้อย่างไร พูดไปอยู่ ถ้าโพธิสัตว์จะมี อัชฌาสัยทนไม่ได้ต่อความกรุณา เห็นอาตมาทำงานเหน็ดเหนื่อย ไอแล้วไออีก สักวันไอเป็นเลือดเป็นจิวยี่ไปเลย ถ้าจะไอเป็นเลือดก็คนละอย่างกับจิวยี่ จิวยี่ช้ำอกช้ำใจตาย อาตมาชื่นอกชื่นใจ มันคนละเรื่อง อาตมาว่าอาตมาเกิดมาชาตินี้เป็นไก่ตัวพี่ ที่อธิบายถึงขั้น รูปธรรม นามธรรม ถึงขั้นนี้ ไม่มีใครหรอกที่จะอธิบายได้อย่างอาตมา ขออภัย คนฟังแล้วจะหาว่าอาตมายกตนข่มใครอีก ก็ใช่ อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ในยุคกึ่งพุทธกาล 2,500 ปีกว่ามานี่แหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 37 อภิภายตนสูตร ตอนที่ 1 วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 16:15:55 )

ไก่ตัวพี่เป็นผู้นำความถูกต้องมาสถาปนาลงไปในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ถูกต้องอย่างที่สู่แดนธรรมพูด อาตมาเกิดมาในยุคนี้เป็นไก่ตัวพี่เป็นผู้ที่นำความถูกต้องมาสถาปนาลงไปในศาสนาพุทธ ในชาวพุทธใหม่ เพราะมันเสื่อมมาตามพระพุทธเจ้าได้พยากรณ์ไว้แล้วใน อาณีสูตร ว่าด้วยเรื่องกลองอานกะ คนมาปลอม เอาของปลอมมาเปลี่ยนไปหมดไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างต่างๆของกลอง หนังหรือไม้ที่เป็นกลอง จะเรียกว่ากลอง อานกะ หรือเรียกพุทธอย่างเก่า แต่เนื้อแท้ข้างในเปลี่ยนไปหมดแล้ว อาตมาก็มาเปลี่ยนเนื้อแท้ให้กลับคืนมาเหมือนเก่า พูดอย่างมั่นใจไม่ได้ล่อกแล่กไม่ได้ลังเล ไม่ได้มังกุ ไม่ได้ยากอะไรเลยพูดความจริงจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:13:35 )

ไขความจริงในญาณข้อที่ 1 ของพระโสดาบัน

รายละเอียด

อาตมาก็ขอไขความจริง ที่มันละเอียดกว่านั้น 

ข้อ 1. กำจัดปริยุฏฐานกิเลสคือนิวรณ์ทั้ง 5 อย่างได้ จริงๆแล้วนิวรณ์ 5 นั้นถูก 

ปัญญาข้อที่ 1 คือกำจัดกิเลสวีติกมกิเลส 2 ปริยุฏฐานกิเลส 3 อนุสัยกิเลส 

ขั้นแรกคือหยาบ ถือว่าขั้นต้น ขั้นหยาบ อบายหรือขั้นกามต้นๆ ปัญญาขั้นที่ 1 ต้องรู้ขั้นต้น แล้วก็ทำให้กิเลสขั้นต้นล้างหายไป เรียกว่า วีติกมกิเลส เรียกว่าหมด เหลือขั้นต่อไปคือปริยุฏฐานกิเลส ผู้ที่สามารถทำให้กิเลสขั้นต้นหมดไปเรียกว่าพระโสดาบัน นับตั้งแต่พระโสดาบัน เป็นต้นไปได้เป็นผู้ที่หมดกิเลสวิติกมกิเลส มันพ้นกิเลสอันหนึ่งได้แล้ว เหลือกิเลสขั้นที่สองคือปริยุฏฐานกิเลส โสดาบันคือผู้ที่ทำปริยุฏฐานกิเลสอยู่ คุณคนนี้ว่าทำปริยุฏฐานกิเลสได้แล้วซึ่งไม่ใช่ 

2. ไม่สงสัยโลกนี้โลกหน้าคือโลกโลกียะกับโลกุตระก็โอเค 

3. ไม่ทิ่มแทงกันด้วยหอกปากอยู่ ก็ผิดอีก โสดาบัน ยังทิ่มแทงกันด้วยหอกปากอยู่ เอาให้ชัดๆ ยังมี ยังมีปริยุฏฐานกิเลสอยู่คือนิวรณ์ 5 ย่อมวิวาทกันด้วยหอกหรือปากอยู่ อย่าว่าแต่โสดาบันเลย เลยโสดาบันแล้วยังทำอยู่เลย ไม่ต้องพูดแล้วโสดาบันยอดนักหอกแต่ไม่ทำร้ายร่างกาย อาวุธทำร้ายคนอื่นมีแต่ปากเป็นหอก จะไม่กระทบร่างกาย จะไม่ไปทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีแต่ปากหอก จะเจ็บกันก็คือปากหอก ไม่ได้ถูกเนื้อถูกหนังก็เจ็บตรงใจที่ยึดมั่นถือมั่นเจ็บตรงใจ เจ็บใจ ซัดหอก กันไปกันมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 15:24:19 )

ไขความเรื่องพระพุทธเจ้าโปรดพระมารดาชั้นดาวดึงส์

รายละเอียด

ขอไขความว่า พระพุทธเจ้าโปรดพระพุทธมารดาที่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตาวติงสา อาการที่ 33 คนมีแค่ 32 อาการ คุณนั่งฟังธรรมก็รับรู้ด้วยอาการ 32 ส่วนอาการที่ 33 นั้นเป็นอาการพิเศษ ถ้าเป็นสัจธรรมก็คือเป็นสัจธรรมพิเศษ ผู้จะพูดสัจจธรรมพิเศษได้คือพระพุทธเจ้า จะสอนแม่ เป็นการสอนผู้ให้กำเนิด คำว่าผู้ให้กำเนิดเป็นภาษาธรรมะเป็นภาษาปัญญา ไม่ได้หมายความว่าผู้ให้กำเนิดคือแม่ เป็นบุคคลตัวตนเราเขา แต่เป็นผู้ให้กำเนิดพุทธธรรม พุทธคุณ จะเอาไปเผยแพร่ไปออกลูกเป็นบุตรแห่งพุทธะเป็นพุทธบุตรทั้งหมด เพราะฉะนั้นภิกษุทั้งหลายที่ฟังธรรมะพระพุทธเจ้า จึงนั่งฟังธรรมะเพื่อไปเป็นแม่ เพื่อไปเป็นมารดา สิริมหามายา ที่จะไปสอนไปคลอดลูกที่เป็นพุทธะต่อไป พระพุทธเจ้าไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขาอะไรหรอก แต่สอนสาวก 3 เดือนอยู่นี่แหละ เพื่อให้สาวกไปเป็นแม่ ออกลูกแห่งพุทธะต่อไปกระจายออกไปอีกให้มากๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 13:26:22 )

ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองที่ไขกันไม่“จบกิจ

รายละเอียด

ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองที่ไขกันไม่“จบกิจ”

1) GDP ที่คนหลงนับถือกันว่า เป็น GOD 

GOD (ตัวใหญ่)หมายถึงพระเจ้าที่แท้ ส่วน God (ตัวเล็ก) เป็นเรื่องผิดเรื่องเพี้ยนเรื่องเก๊เรื่องผิดแต่เขาก็ยังกำหนดว่าเป็นพระเจ้า บอกตรงนี้ไว้หน่อย

GDP หะแรกนี้ เราจะเริ่มด้วยภาษาคำว่า “พระเจ้า” หรือ GOD กันเป็นการเบิกฤกษ์ แต่จะยังไม่ได้กำหนดหมายว่า G คือ GOD เราจะหมายถึง แค่ Gross กันก่อน

และเรื่องที่เราจะขอเริ่มนี้ก็คือ GDP อันเกี่ยวกับเงินๆทองๆ เกี่ยวกับ“รายได้องค์รวม”นั่นเอง

G หะแรกนี้จึงยังไม่ใช่ GOD ดอกนะ!

แต่ G คือ Gross  

GDP หะแรกนี้จึงคือ Gross Domestic Product 

คำว่า “พระเจ้า”ที่หมายถึง “พระจิตวิญญาณ” คือ GOD ของชาวเทฺวนิยมเคารพนับถือกันอย่างสูงยิ่งใหญ่ยิ่งนั้น ซึ่งหมายถึง “พระเจ้า”คือ“วิญญาณ”หรือ“พระศาสดา”ของแต่ละศาสนาที่ทรงคุณงามความดีแท้กันทุกพระองค์ที่เป็น GOD หรือ“พระเจ้า”ของชาวเทฺวนิยม ทั้งหลายบูชาเคารพนับถือกันอยู่ เราก็ให้ความเคารพอยู่เช่นกัน เพราะ GOD อันหมายถึง “พระจิตวิญญาณ”ที่เป็น“ธาตุรู้”หรือ“นามธรรม”ยิ่งใหญ่นั้น มีผู้คนนับถือมาก เราย่อมเคารพพระผู้มีคุณธรรมอันสูงส่งนั้นๆด้วย ไม่ว่า “พระจิตวิญญาณ”หรือ GOD ของศาสนาไหน ชาติเชื้อใดด้วยเช่นกัน แน่นอน    แต่หะแรกนี้ เรากำลังกำหนดเอา G คือ Gross “รายได้องค์รวม” ที่เป็น“เงินๆทองๆ”อันเป็น“วัตถุ”แท้ๆ ซึ่งคนไปหลงงมงายวุ่นวายเอาเป็นเอาตายกับ“เงินๆทองๆ”กันอยู่ และหนักจัดยึดติด“สมมุติสัจจะ”กันหัวปักหัวปำ ซึ่งไปหลงมัวเมางมงายนับถือ“เงินทอง”เป็น God ยิ่งชีวิตกันอยู่ ก็ขอเอา“สัจจะ”ที่เป็น“สมมุติ”จุดนี้มาพูดกันก่อน

ดังนั้นขั้นนี้ อาตมาหมายเอาตรง“พระเจ้า”หรือ God ที่หมายถึงแค่“เงินๆทองๆ” ซึ่งชาวเทฺวนิยมโลกีย์เขายังหลงเอาเป็นเอาตายกันเป็น“พระเจ้า”หรือ God อยู่ แม้แต่ชาวพุทธที่มีโลกุตรธรรมกันแท้ๆ ชาวพุทธส่วนใหญ่ก็ยังหัวปักหัวปำอยู่กับ“เงินๆทองๆ หลงมัวเมางมงายนับถือ“เงินทอง”เป็น God อยู่เช่นกัน แม้แต่“ยศสักการะสรรเสริญ”คนที่เป็นพุทธโง่ๆก็ยังหัวปักหัวปำมัวเมางมงายอยู่กับยศสักการะสรรเสริญ อาตมาเป็น“พุทธโลกุตระ” จึงเห็น GDP แบบโลกุตระที่มี“ปัญญา”นั้นแตกต่างจากนักเศรษฐศาสตร์หรือนักการเมือง ที่ยังมี“ความรู้-ความฉลาด”อันเป็น “เฉโก”โลกียะอย่างมีนัยสำคัญแน่ๆ

ซึ่งผู้มี“ปัญญา”ที่บรรลุโลกุตรธรรม เป็นอาริยบุคคล 4 คือ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ก็จะเป็นนักเศรษฐศาสตร์หรือนักการเมืองที่มี“ความรู้-ความสามารถ”จัดการกับ“เศรษฐกิจ”และ“การเมือง”ของตนชนิดที่“จบกิจ” ทั้ง“กิจ”ที่เป็น“เศรษฐศาสตร์” ทั้ง“กิจ”ที่เป็น“รัฐศาสตร์”หรือการเมือง ไม่มีปัญหา ไม่ก่อปัญหา ให้แก่หมู่ ให้แก่สังคม ให้แก่ประเทศหมู่กลุ่มชุมชน“ชาวอโศก”หรือชาว“สันติอโศก”ที่คนทั่วไปเขาเรียกขานกัน จึงเป็นสังคมกลุ่มหมู่ที่ไม่มีปัญหาเศรษฐกิจ ไม่มีปัญหาการเมือง อยู่ในประเทศไทย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เคล็ดวิชา 9 ประการ ของจอมยุทธโลกุตระ วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 เมษายน 2566 ( 15:26:41 )

ไซคลิกออร์เดอร์ พลังงานที่เต็มที่สุด

รายละเอียด

อวิชชา ไม่รู้จักสังขาร แค่นี้แหละ สังขารคือการปรุงแต่งของธาตุตั้งแต่ 2 ธาตุขึ้นไปเป็น 3 ธาตุ เป็น 3 ธาตุก็จะเป็นนิวเคลียส ซึ่งเป็นวัตถุนะ นิวเคลียสคือพลังงานปรมาณู พลังงานที่เต็มที่สุดได้เรียกว่าเป็น ไซคลิกออร์เดอร์ 

พลังงาน 3 อย่างบวกกับลบแล้วก็มีอีกอันนึง เป็นตัวพลังรวมของเจ้านี่ ทีนี้ นิวเคลียสเป็นพลังรวม มันเหมือนกับเป็นตัวกลางเป็นเจ้าดูแล 2 อันนี้ด้วยกันให้มันอยู่ด้วยกัน แต่มันก็ไม่ออกไปจากสามเส้า พลังงานที่ได้จนกว่าจะมีคนขยายทะลุให้มันระเบิดกระแทกเพิ่มพลังงานให้มัน เพิ่มพลังงานให้มัน cyclic order คือมันเต็ม 0 พอทะลุให้มัน เป็นพลังงานที่ผลักดันสะสมไว้ ถ้าหากนิวเคลียสที่มันสะสมพลังงานได้แน่นได้มากได้อัดที่สุด นั่นแหละที่เขาใช้ E=mc2 ก็เพิ่มพลังงานของ m คือมวล ให้มากขึ้น และเพิ่มอัตราเร่งของ c ให้สูงขึ้นก็จะมีแรงระเบิด แรงทำลายมากขึ้น เป็น Action Reaction พลังงานที่แน่นมากขึ้น มันก็จะระเบิดแรง  ยิ่งอัดแน่นยิ่งเปราะบาง เมื่อมีอะไรกระทบก็ระเบิด ออกไป นี่เป็นพลังงานทางวัตถุพลังงานทางสสาร พลังงานทางดินน้ำไฟลม ที่ไอสไตน์คิดสูตรนี้ได้เดี๋ยวนี้ก็ยังใช้กัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ้นความโง่อวิชชากับ
ปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 19:33:35 )

ได้คิดกับตัวเองลองปฏิบัติศีลก่อน

รายละเอียด

มาทางไสยศาสตร์ก็ข้ามชาติไม่ได้ ได้แต่เพ้อๆเป็นนิรมานกาย ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกพวกกายคืออะไร ก็เลยคิดว่าทำไงจะได้ ก็เลยไปเอาหนังสือธรรมะ ไปเอาหนังสืออภิธรรมมาอ่าน เขาบอกว่าเป็นยอดของความรู้ทางจิต เราก็อ่าน อ่านไปก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เราก็ว่าไปอ่านอย่างนี้แล้วมันจะรู้ได้อย่างไร ก็ได้คิดกับตัวเองอีก ลองปฏิบัติสิ และปฏิบัติอย่างไร ปฏิบัติก็ขึ้นมาเอง ข้อปฏิบัติ เขาสอนไว้ พระพุทธเจ้าสอนไว้ถึงศีล สมาธิ ปัญญา ใครก็รู้ว่าทำไมพระพุทธเจ้าใช้ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ปฏิบัติศีลสิ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 10:23:58 )

ได้ดั่งใจคือสนองอัตตา

รายละเอียด

อยากให้ได้ดังใจเรา เมื่อเราไม่ได้ก็รู้สึกอึดอัด จะไปอยากให้ได้ดั่งใจทำไมเขาก็ทำของเขาไป เราก็ทำของเรา เราอยากได้ทำเป็นเจตนาดี แต่เขาไม่ทำตามใจเราจะทำอย่างไรได้ เขาก็ทำตามของเขาเท่าที่ได้ จะช่วยเขาได้ก็ช่วยสิ หากว่าเราเก่ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(การศึกษาบุญนิยม) ตอน การศึกษาควรเป็นอย่างไร


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:33:16 )

ได้ทำความเป็นอาริยบุคคลเกิดแล้ว

รายละเอียด

ขยายความสาราณียธรรม 6 จะเห็นความเป็นเศรษฐศาสตร์ ความเป็นรัฐศาสตร์อยู่ในนี้ สมบูรณ์แบบ ฟังดู ศาสนาพระพุทธเจ้าไม่ใช่ศาสนาที่เอาแต่ตัวรอดปลีกเดี่ยว ปลีกเดี่ยวไปนั่งหลับตา ไปนั่งหลบหนีสังคม ไม่ใช่ แต่เป็นศาสนาสังคม เป็นศาสนาที่อยู่กับโลกอย่างลืมตาเปิดๆ มีสติสัมปชัญญะ มีโลกวิทู รู้แจ้งในความเป็นโลก ในความเป็นอยู่ของสังคมมนุษยชาติ แล้วร่วมกับเขาเท่าที่เราจะสามารถร่วมได้ ให้มันเกิดผลเป็น…

จิตเป็นประธานนี่แหละ เสร็จแล้วก็เกิดกายกรรม วจีกรรม จากมโนกรรม  จากคนหนึ่ง สองคนแล้วก็รวมกันเฉลี่ยเกิดสังคมกลุ่มหมู่เช่นชาวอโศก เป็นต้น อาตมาพามาประพฤติปฏิบัติจนพวกคุณมีพฤติกรรม แล้วก็เกิดพฤติการณ์ของสังคมแบบนี้ทุกวันนี้ 

อาตมาได้ช่วยประเทศชาติแล้ว และประเทศชาติก็ต้องการผลในความเจริญเรียกว่า อาริยธรรม เป็นธรรมะเป็นความประเสริฐแล้วเกิดเป็นอาริยบุคคล อาตมาก็ได้ทำความเป็นอาริยบุคคลเกิดแล้ว อย่างพวกคุณเป็นอาริยบุคคล เป็นคนเจริญ ไม่ใช่คนมิลักขะ ไม่ใช่คนเถื่อนคนป่า 

คนเถื่อนคนป่าคือ พวกที่ยังสร้างแต่อาวุธเข่นฆ่ากัน หลงใหลในอบายมุข หลงใหลในการละเล่นการบันเทิงเริงรมย์หนักหนา สาหัส จัดจ้าน อย่างที่พอยกตัวอย่าง อเมริกา เป็นต้น นั่นยังเป็น มิลักขะ ยังเป็นคนเถื่อนอยู่ ยังไม่ได้ตื่นรู้ความเจริญที่แท้จริงที่จะเกิด อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม  เป็นสังคมที่ เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนความเสียสละ ลงท้ายด้วยความเสียสละ เพิ่มพูนความเสียสละ เป็นคุณธรรมอันประเสริฐเลิศลอย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิโดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:15:21 )

ได้นิพพานแล้วอย่าไปยึดถือว่านิพพานเป็นของเรา

รายละเอียด

ใช่ ใช้ได้ ก็คือจะรู้ภาษาบัญญัติ แล้วจะค่อยๆรู้สภาวะไปทีละอัน ที่เขาบันทึกมามันมีอันนี้ได้อันนี้ แล้วพอไปถึงอันท้าย มันก็เป็นตัวไขตัวสุดท้ายตัวจบ อาตมาก็ตอบให้ ตอบให้ก็เข้าใจเลย สิ่งที่หยิบมาพูดแล้วสภาวะตัวเองก็เข้าใจ พอบอกว่าวาง ก็ทุกอย่างก็ต้องวางทั้งนั้น ในที่สุดคุณจะทำดีที่สุดบรรลุธรรมที่สุด ได้นิพพานแล้ว อย่าไปยึดถือนิพพานว่าเป็นเราเป็นของเรา สำหรับคำสอนพระพุทธเจ้า รู้ความจริงตามความเป็นจริงว่าอันนี้ได้ ได้อย่างเป็นอัตโนมัติเลยเป็นนิพพานอัตโนมัติเลย ก็ไม่ต้องไปสำคัญมั่นหมายอะไร เพราะสัจธรรมลงตัวที่เป็นจริงอย่างนี้แล้ว มันจะเป็นอย่างนั้นเอง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 13:06:31 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:17:15 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:40:08 )

ได้บุญทำบุญ ชาวพุทธเข้าใจผิดมาตลอด โปรดแก้ไข!

รายละเอียด

ไม่มีการ“ได้บุญ”จากการ“ทำบุญ”หรือปฏบัติเป็น “บุญ” หรอก คำว่า “บุญ”นี้มาจากบาลีที่ว่า “ปุญญ”อัน“สัมมาทิฏฐิ”ของศาสนาพุทธนั้นมี“หน้าที่”ชำระกิเลสหรืออกุศล(บาป)ออกไปจากจิตที่สั่งสมอยู่ในสันดาน ให้สะอาดหมดจด (สันตานัง ปุนาติ วิโสเธติ) เท่านั้นเป็น“โลกุตรศาสตร์”แท้ๆ ที่ผู้มี“ภูมิโลกียะ”หรือชาว“เทฺวนิยม”

ทั้งหลายเดาเอา คิดเอา เก็งเอา หยั่งรู้เอาตาม“ความรู้โลกีย์”ไม่ได้เลยเป็นอันขาด เพราะ“บุญ”เป็นอจินไตย เป็นโลกุตระ“บุญ”นั้นเป็นผลสุดท้ายของ“ฌาน” จึงยิ่งกว่า“ฌานวิสัย”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 54 หน้า 73


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2564 ( 19:28:26 )

ได้บุญบางส่วนคือส่วนบุญ

รายละเอียด

ซึ่งผลของบุญที่ได้มาแล้วแม้จะยังไม่ใช่พระอรหันต์ ได้บุญบางส่วน คือส่วนบุญหรือกิเลสที่เคยได้กำจัดออกไปแล้วคือส่วนบุญ ส่วนบุญไม่ใช่ของที่ได้แต่คือส่วนที่กำจัดกิเลสออกไปแล้ว เพราะฉะนั้นการได้บุญไม่มี มีแต่เสียกิเลสผู้ปฏิบัติบุญได้สำเร็จคือการเสีย การเสียนั่นแหละคือการได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 20:15:14 )

ได้ประโยชน์จากการยอมอย่างไร

รายละเอียด

เรายอม ให้ได้รับสิ่งที่เหมือนกับเรากินยาพิษ ถ้ากินไม่มากมันก็จะสะสมทำให้เรามีภาวะต้านทานสูง ยกตัวอย่างนี้พอเข้าใจได้ เขาจะรู้สึกว่าเหมือนเขาจะต้านอาตมา อาตมาจะต้องต่อสู้มันเป็นการเพิ่มสัมประสิทธิ์เป็นการเพิ่ม Coefficient มันเป็นการสะสม อาตมาถือว่าได้ประโยชน์อย่างนี้ พอเข้าใจไหม ในยุคนี้มันคนเยอะ บางคนเขาเอาความเห็นหลายเสียงมาสู้อาตมาก็ต้องยอมนะ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:47:27 )

ได้ประโยชน์ที่ได้ช่วยคนไม่ทำลายใคร

รายละเอียด

แล้วซื่อสัตย์ไม่ใช่รู้แล้วแอบแฝงมีชั่วผสมอยู่นะ ทำอย่างซื่อสัตย์สุจริตสะอาดตลอดกาลนานไม่มีอะไรมาแฝงซ่อนตัวชั่ว มีแต่เจตนาดี แล้วองค์ประกอบองค์ประชุมคนรู้ไม่ได้ว่าปรุงแต่งนัจจะ คีตะ วาทิตะ แต่ที่รู้การแสดงออกทางกายวาจาให้ได้สัดส่วนพอเหมาะ ปโหติ แล้วเราก็จะได้ประโยชน์ตรงที่เราได้ช่วยคนให้ประโยชน์ผู้อื่น ไม่ได้ทำลายใครเลย แต่คนไม่รู้ก็นึกว่าทำลายฉัน ฉันของคุณก็คืออัตตาของคุณ คุณไม่ยอมให้ทำลายเท่านั้นเอง เพราะคุณไม่รู้หรือคุณยังเหนียว อย่ามาแตะนะอัตตาข้าใครอย่าแตะ ก็จะขยายความกลับไปกลับมาวนไปวนมา ก็จะเข้าใจมากยิ่งขึ้นเท่านั้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:09:19 )

ได้ปัจจัตตัง

รายละเอียด

ชีวิตรูป กำลังชีวิตของจิตลดลง เหลือกำลังของพืช คุณก็จะรู้ว่าคุณทำได้ คุณไม่จำเป็นจะต้องไปมีชีวิตอย่างจิต ซึ่งจะต้องไปเสพความสุขความทุกข์  เป็นชีวิตของเป็นพืชได้แล้ว คุณก็จะรู้ว่า คุณทำได้ แล้วอันนี้แหละเป็นคำสอนพระพุทธเจ้า สิ่งที่คุณได้เป็นปัจจัตตัง คุณก็จะรู้ จะให้อาตมาปกินเนื้อสัตว์ก็กินได้ ถ้าหากจะปรุงแต่งให้มันมีรส  ก็ปรุงเเต่งได้ จะไปปรุงแต่งให้มันบ้าทำไม สามารถลดมันได้แล้ว เรื่องอะไรจะไปสร้างบาปสร้างเวรหมุนเวียนไปอีก สูงขึ้นได้แล้ว จะลงไปหาต่ำอีก เชิญโง่ไปเถิด คนไหนยังวนเวียนก็แล้วไป ไม่รู้จักหยุดจักจบ ขึ้นมาจากขี้โคลนได้แล้ว จะลงไปอีก ขึ้นแล้วขึ้นเลยซิ เรียบร้อยไม่ต้องวนไปอีก จึงมีเส้นตรง ไม่ต้องลงไปอีก ไม่มีความโค้งงอคนนี้คนตรงอย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 16:56:03 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:11 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:41:22 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์