@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

คนนั้นเกิดมาจากอวิชชา

รายละเอียด

เพราะอันเดิมคืออวิชชา คนนั้นเกิดมาจากอวิชชา คนที่ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งที่เป็นปรินิพพาน สูญได้ เขาจึงหลงอัตภาพเป็นอวิชชา เป็นเทวะพระเจ้าใหญ่สุดสูงสุดเป็นพระศาสดา ที่จริงความรู้ของพระศาสดาก็คือความรู้ของตัวเอง เขาฝากแฝงไปกับพระเจ้า ว่าเป็นสิ่งสูงสุดแล้วไม่มีใครแก้ไขความสูงสุดนี้ได้ยึดมั่นถือมั่นความสูงสุดของพระเจ้า พระศาสดาแต่ละองค์ก็มีพระเจ้าต่างกัน เขาก็ยืนยันว่าของเขาเป็นพระเจ้าจริงอันอื่นไม่ใช่พระเจ้า ก็แย้งกันไปด้วยความไม่เข้าใจจริง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 20:08:42 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:50 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 05:07:12 )

คนนี่แหละคือผู้สร้าง

รายละเอียด

เป็นคนมีอายะ 3 พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) 

คนรวยห่างจากความเป็นคน เพราะไปหลงอยู่กับเงิน ไม่มาแตะติดหรือมาใกล้กับคน ถูกคั่นด้วยเงินๆทองๆให้ห่างจากคน

ส่วนคนจนไม่ค่อยมีเงินอยู่ด้วยไม่สนิทสนมกับเงิน แต่คลุกคลีสนิทสนมอยู่กับคน เป็นผู้ทำเป็นผู้สร้างจริงๆ 

คนนี่แหละคือพระเจ้า คนนี่แหละคือผู้สร้าง คนนี่แหละคือผู้ทำกรรม กรรมที่ดีเลิศประเสริฐขนาดไหนก็คือคน เป็นผู้ทำจริงๆ เป็นผู้สร้างจริงๆ สร้างสิ่งประเสริฐสูงสุดได้คือเป็นคนคลาสสิค เป็นคนชั้น 1 เป็นคนชั้นเอกจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:49:49 )

คนนี้ ไม่ชอบหน้าเห็นทีไรโกรธทุกที

รายละเอียด

คือ มีเหตุจากกรรมเก่าปางก่อนก็ได้  บางคนเจอหน้าครั้งแรก ก็อยากจะ ตั๊นหน้า โกรธไม่ชอบหน้าเลยก็ได้  บางคนเห็นหน้าแล้วก็ชอบเลยก็ได้  ซึ่งพวกนี้มันต้องมีเหตุ  อยู่ดีๆ  จะเกิดอย่างนี้ไม่ได้  ถ้าเผื่อว่ามันไม่มีเหตุอะไรต่างกันมาไม่เหมือนกัน  ก็ต้องรู้สึกเหมือนกันหมด  แต่นี่มันมีเหตุที่ต่างกันมายาวยืดเยอะแยะ  มันจึงเกิดอย่างนี้ ต่างคน ต่างสัมพันธ์กัน  มีแง่มีเชิงต่างๆ  หลากหลาย เลยมีนิยายเป็นล้านๆ  เรื่อง ไม่รู้กี่ล้านเรื่องในโลกมนุษย์  กว่าจะจบ  กว่าเราจะหยุด  เราหยุดแล้ว  แต่คนอื่นยังไม่หยุด  อันนี้คือจบของคำศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:55:21 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:16:49 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 05:09:56 )

คนนี้ไม่ชอบหน้าเห็นทีไรก็โกรธทุกที

รายละเอียด

มีเหตุจากกรรมเก่าปางก่อนก็ได้ บางคนเจอหน้าครั้งแรกก็อยากจะ ตั๊นหน้า โกรธไม่ชอบหน้าเลยก็ได้ บางคนเห็นหน้าแล้วก็ชอบเลยก็ได้ ซึ่งพวกนี้มันต้องมีเหตุ อยู่ดีๆจะเกิดอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าเผื่อว่ามันไม่มีเหตุอะไรต่างกันมาไม่เหมือนกันก็ต้องรู้สึกเหมือนกันหมด แต่นี่มันมีเหตุที่ต่างกันมายาวยืดเยอะแยะ มันจึงเกิดอย่างนี้ ต่างคนต่างสัมพันธ์กันมีแง่มีเชิงต่างๆหลากหลายเลยมีนิยายเป็นล้านๆเรื่องไม่รู้กี่ล้านเรื่อง ในโลกมนุษย์ กว่าจะจบ กว่าเราจะหยุด เราหยุดแล้วแต่คนอื่นยังไม่หยุด อันนี้คือจบของศาสนาพุทธ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 10:26:47 )

คนน่าสงสาร ไอ้หน้าสงสารยังหันหน้าหนีอีกจะช่วยได้อย่างไร

รายละเอียด

แล้วก็เลยบอกว่า หน้าของตัวเองจมอยู่ในสังสารวัฏยังไม่รู้เลย ก็เลยเห็นแต่หน้าสงสารอยู่อย่างนั้น นี่ไม่รู้จะแยกอย่างไรแล้วพยัญชนะของไทยมีคำว่า น่า กับ หน้า สองหน้านี้ หน้าเดียวกัน อันหนึ่งเป็นคำนาม อันหนึ่งเป็นคำกิริยา เป็นวิเศษก็ได้ เป็นการแสดงถึงว่ามันน่าสงสาร เพราะเขามีเสนอหน้าอยู่ในสงสาร คุณทำไมไม่พ้นสงสารสักทีไม่หลุดออกจากสงสาร หน้าคุณก็จมตัวคุณก็จม คุณโผล่แต่หน้า ตัวยิ่งจมอยู่ในสงสาร เห็นแต่หน้า น่าสงสาร อ้อ ตัวจมในสงสารเหลือแต่หน้าโผล่ หน้าสงสาร คุณเอาทั้งตัวจมในสงสาร คุณน่าสงสาร

อาตมาเอาสภาวะมาอธิบาย ขยายพยัญชนะต่างๆ ฟังแล้วก็ เออ! มันดูดีเหมือนกันนะ เหมือนมีตัวมีตัวตนจริงๆ เลยนะ แต่แท้จริงเป็นนามธรรม ที่เห็นนามธรรมซ้อนในรูปธรรม มันลึกซึ้งอย่างนี้แล้วคุณก็ไม่รู้ตัว พยัญชนะบอกว่าคุณน่าสงสาร ทำยังไงจะช่วยให้คุณพ้นจากสงสาร เห็นแต่หน้าของคุณตัวจมอยู่ แต่ถ้าจมโดยไม่เห็นหน้าเลย ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะมันมืดอยู่ในสงสาร เราก็ไม่สามารถเห็นได้ว่าใครจมกี่คนไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย อันนี้ยิ่งช่วยไม่ได้ใหญ่เลย คนที่พอเห็นหน้านี่คือน่าสงสาร หรือยังหันหน้าหนีอีก จะช่วยได้อย่างไรให้รู้สึกตัว 

เอาหอกร้อยเล่มแทงเช้า กลางวัน เย็น ก็ไม่มีทางจะรู้ตัวได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:24:23 )

คนบรรลุธรรมจริงจะเป็นคนยอมเสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ

รายละเอียด

เป็นความรู้สึกที่ยอมเสียสละของเรา คนที่จะจบหรือคนที่จะบรรลุธรรมคือคนที่ยอมเสีย ไม่ควรไปได้เปรียบ แต่เป็นคนเสียเปรียบหรือเสียสละ นั่นแหละจะถึงความจบ เสียๆๆ 

หากมีแต่ได้ๆๆ แล้วก็ไม่ยอมลดราวาศอกที่จะได้เปรียบ คนที่ไม่ลดราวาศอกที่จะได้เปรียบทั้งวัตถุ ทั้งนามธรรม เหมือนอย่างตระกูลชินวัตร อาตมาว่า โอ้โห เป็นตัวอย่างในยุคนี้ยิ่งกว่าเทวทัต ซึ่งเป็นสมัยใหม่ไง เทวทัตสมัยใหม่  หนักหนาสาหัสกว่าเทวทัตอีก เพราะว่ามันประยุกต์ของแบบโลกียะที่มันปรุงแต่งกันมาเป็นสังขารสมัยใหม่ มันก็เลยฟรุ้งฟริ้ง มันก็เลยหนา หยาบ อะไรต่ออะไร ซับซ้อนมาก 

อาตมาก็ต้องขอบคุณนะ ขอบคุณทักษิณกับตระกูล ที่จริงเขาไม่ได้อยากรับคำขอบคุณหรอก แต่ว่าเราก็ต้องขอบคุณเขา ต้องขอบคุณเขา เพราะว่าเขาจะจมไปในวิบากอีกเยอะ เขาจะต้องรับวิบากเขาอีกเยอะ เขาไม่รู้ตัวกันหรอกทั้งตระกูล อาตมาก็ไม่รู้จะว่ายังไง ก็พูดให้เขารู้ตัว ถ้าเขาสำนึกซักนิดขึ้นมา เขาจะแก้กลับ เขาจะยอมขึ้นมาก็เป็นผลดีกับเขาใช่ไหม

ที่อาตมาพูดนี้ก็เพื่อผลดีกับเขา แต่เขาก็น่าจะมีไหวพริบนะ เฉลียวฉลาดจริงๆ นะ แต่มันไม่ใช่ฉลาดหรอก มันโง่ มันไม่มีฉฬายตนะ อยู่กับอัตตาตัวเองหนึ่งเดียว มันใช่รู้จักโลกที่มีอายตนะทั้ง 6 อันนี้ก็คงจะยาก ซับซ้อน พูดไปเขาก็คงไม่รู้เรื่องหรอก เขาไม่ฟังหรอก เขาไม่ฟังด้วย ฟังเขาก็ไม่รู้เรื่อง เขาก็จะไปแบบของเขาอยู่ เพราะเขายังติดลมต่ำ ไม่ใช่ลมบนนะ เขายังติดลมลึก หล่มลึกอยู่อีกมาก ติดหล่มไม่ใช่ติดลม เขายังติดหล่มลึก จมอยู่อีกเยอะเลย พูดไปก็ยิ่งชัดขึ้น ยิ่งน่าสงสาร ก็ไม่รู้จะทำยังไง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำทานให้สัมมาอย่าจับไอ้หวังใส่ถัง ควรเพิ่มพลังพากเพียร วันพุธที่ 6 ธันวาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 06:44:23 )

คนบรรลุธรรมด้วยการปฏิบัติศีล 3 ข้อ

รายละเอียด

มาเข้าสู่หลักต้นเลยคือศีล 

ศีลข้อ 1 อาตมาก็ขยายความตรงนี้ ข้อ 2 ข้อ 3 มันก็เป็นศีล 3 ข้อนี้แหละขยายความไปจนจบเท่าไหร่ก็ได้ เป็น อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ  

พระพุทธเจ้าให้ศึกษาเป็นลำดับมหัศจรรย์ ให้รู้ละเอียดลออถึงเรื่องคนที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ โดยเฉพาะกับสัตว์คน สัตว์เดรัจฉานมันพูดกันไม่รู้เรื่อง จัดการกับมันก็ยาก ให้มาช่วยคนก่อน แค่คนได้รู้เรื่องให้คนไปจัดการกับตัวเอง แก้ไขปรับปรุงให้เจริญบรรลุธรรมงอกงามไพบูลย์ขึ้นมา จะได้ช่วยสัตว์อื่น ช่วยกันจนกระทั่งถึงพืชพันธุ์ธัญญาหารหมดครบช่วยกระทั่งแม้กระทั่งวัตถุดินน้ำไฟลม อย่างอาตมาในชาตินี้ต้องช่วยแม้แต่ดินน้ำไฟลม ที่ว่าช่วยนี้ก็ไม่ได้ช่วยแต่ไม่ไปแย่งชิงดินน้ำไฟลมใคร ไม่ไปเบียดเบียนดินน้ำไฟลมใคร 

เพราะฉะนั้นเหมือนกับสร้างดินน้ำไฟลมเอง ซึ่งมันเป็นสมบัติของมหาจักรวาลเอกภพ อาตมาก็เอามารวบรวม ซื้อแผ่นดิน บ้านราชฯนี้ซื้อทุกแผ่นเลย ขนาดมีที่สาธารณะอยู่ คนที่เคยอยู่เขายึดมั่นถือมั่น ว่าฉันจะอยู่ ทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนถิ่นนี้ สังกัดเขาก็อยู่หมู่บ้านอื่น แต่ฉันจะอยู่ สาธารณะฉันจะอยู่.. เราก็ไม่ว่าอะไรจะอยู่ก็อยู่ไปเราก็พอมีพอใช้อยู่ที่ดิน อย่างนี้เป็นต้นนี้ก็มีตัวอย่าง เดี๋ยวนี้ก็เหลือน้อยแล้วพวกที่ยืนหยัดยืนยันว่าตัวเอง คือเราเป็นคนเมตตาไม่ได้เป็นคนรุนแรง จะอยู่ก็อยู่ไปไม่ว่ากัน แต่มันก็มีหลักเกณฑ์เท่านั้นเอง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 12:01:46 )

คนบรรลุธรรมแล้วจะมาเป็นสาธารณโภคีเป็นสาราณียธรรม 6 ได้

รายละเอียด

ไม่ใช่แค่พูดเท่านั้น แต่พากันทำให้รู้ พากันปฏิบัติจนกระทั่งเกิดจริง จนกระทั่งคุณบรรลุ บรรลุแล้วจะมาเป็นอย่างนี้ได้ จะมาเป็นสังคมสาธารณโภคีได้ เป็นสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างมี เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา   อยู่กันอย่างร่วมกัน ช่วยกันกินช่วยกันใช้ไม่ขี้เหนียวไม่หวงแหน เผื่อแผ่่เลี้ยงดูกันไป นี่พิสูจน์ความจริง ทนโท่ อยู่อย่างนี้ เปิดเผยคนทั้งโลกเลย อย่าว่าแต่คนไทย คนไทยยังไม่ค่อยเห็นโลกุตรธรรมของ พระพุทธเจ้า แล้วจะให้คนต่างชาติ เทวนิยมมาเห็นก็ยากกว่าอีก ซึ่งคนไทยก็มากันแค่นี้ ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว ก็ดีกว่าไม่ดี

ใช่ ของเราไม่ใช่ของดาษดื่น ไม่ใช่ปริมาณ แต่เป็นของคุณภาพ ไม่ใช่ Quantity แต่เป็น Quality ไม่เป็นสาธารณะของคนทั่วไป ไม่สาธารณะในปุถุชน มันเป็นได้กับอาริยชน ไม่ได้เป็นดาษดื่นกับปุถุชน ปุถุชนสามารถรู้ได้แต่ทำไม่ได้ แต่ที่เขาไม่รู้อย่าว่าแต่ทำเลยเขาก็มองอย่างดูถูกดูแคลน คนที่เขาพอรู้ว่าถูกต้องแต่เขายังทำไม่ได้ คนนี้ก็ยังดี 

เพราะฉะนั้นเราพิสูจน์ตนเองนี้ซับซ้อนมากเลย ทุกวันนี้อาตมาพาทำ ทำไปเถอะ ค่อยๆทำไป แล้วคนจะค่อยๆเข้าใจ สังเกตว่า คนย่านนี้ ทุกวันนี้ เกรงใจพวกเรา เพราะเขาได้รับการเผื่อแผ่เกื้อกูลจากพวกเรา ไม่ใช่เราอยากจะอวดอ้าง อยากจะทำเบ่งทำข่ม แต่เราเต็มใจเราเหลือเฟือ ทำได้เพราะเรามีเหลือเฟือ ของเราเองภายในมีพอกินพอใช้เหลือเฟือภายในมีแรงงานออกไปทำเผื่อแผ่ ค่อยๆทำไปแล้วค่อยๆเห็นภาพ เห็นความจริงไป แล้วมันค่อยๆเป็นรูปเป็นเรื่อง เป็นเรื่องเป็นราว เป็นรูปธรรมที่เขาจะสัมผัสได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 16:45:30 )

คนบรรลุศีลจริงเป็นอย่างไร

รายละเอียด

ผู้ที่ปฏิบัติศีลได้มรรคได้ผล มันจะเกิดจิตที่วิเศษ เช่นข้อ 1 ศีลข้อที่ 1 มีสัตว์เป็นเพื่อนทุกข์ มีสัตว์ทั้งเดรัจฉานและมนุษย์ด้วยกันเป็นเพื่อนทุกข์ ไม่เบียดเบียนไม่ทำร้าย มีความกรุณา มีความเอ็นดู หวังประโยชน์ในสัตว์ทั้งปวงอยู่ แม้แต่คนก็คือสัตว์ คนที่เลวร้าย เป็นสัตว์โดยภาษาวิชาการเรียกว่าสัตว์นรก สัตว์ชั้นต่ำ เลวร้าย คนผิด คนไม่ดี คนชั่ว เรียกว่า สัตว์นรก 

คนชนิดนั้น เราก็ยังเอ็นดู กรุณา หวังประโยชน์เพื่อเขา กลับตัว เพื่อที่เขาจะได้พัฒนาตนเองใหม่ เปลี่ยนแปลงความยึดติด เปลี่ยนแปลงความยึดถือความเห็นที่มันผิดๆ เปลี่ยนมา มาสู่ที่ดีที่ถูก หลายคนเราก็พูดไม่ได้ พูดไปก็เท่านั้น เหมือนเอาหอกแทง 100 เล่ม เช้า 100 เล่มกลางวันแทงอีก 100 เล่ม หอกหักหมด เย็นแทงอีก 100 เล่ม เขาก็ไม่รู้สึกรู้สา เราก็หาหอกมาแทง ไม่หวาดไม่ไหว ไม่รู้จะไปแทงหาหอกอะไร มันแทงยังไงก็เสียหอกเปล่าๆ นี่อาตมาพูดถูกต้องนะ ไม่ต้องไปแทงหาหอกแล้ว เพราะหาหอกมาไม่ไหวจะไปแทง ไปแทงยังไงก็เสียหอกเปล่าๆ เมื่อยด้วย 

เมื่อจบในศีลที่ความหมายว่า 1 อย่าฆ่าสัตว์ เราก็ไม่ฆ่าสัตว์ได้อย่างถาวรแน่นอน เที่ยงแท้ นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2564 ( 05:07:15 )

คนบรรลุแต่ไม่รู้ตัวว่าเป็นอย่างไร

รายละเอียด

สภาพที่คนมีอัตโนมัติเป็นเอง เราก็ไม่รู้ตัวเท่าไหร่ อย่างเช่นอาตมาไม่รู้ตัวเอง จริงๆแล้ว บอกให้ฟังว่าอาตมาไม่นึกไม่ฝัน ไม่รู้ว่าเราเป็นคนที่มีภูมิธรรมขนาดนี้เชียวหรือ ใช่เราหรือ เราก็เป็นคนคนหนึ่งเกิดมาก็เป็นเด็กชายจนเป็นหนุ่ม ก็ทำงานอยู่กับทั้งโลกเขาแย่งชิงลาภยศสรรเสริญมา แต่ก็ไม่ได้จัดเท่าเขาเท่าไหร่หรอกแต่ก็ทำได้ เสร็จแล้วก็พอถึงวาระเวลาเมื่อมาปฏิบัติธรรม มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติถึงเวลาวาระ อาตมาก็ปฏิบัติธรรมซึ่งไม่ได้นานได้ช้าอะไร ก็เลิกทิ้งมาเลยทั้งทั้งที่ความเจริญทางโลกก็มีอยู่ จะต่อความเจริญทางโลกด้วยลาภยศสรรเสริญโลกียสุขก็ไปได้แน่นอนอาตมา ไม่ได้หลงตัวเองอะไรหรอก เป็นความสามารถโลกีย์ทางธุรกิจบันเทิง เดี๋ยวนี้เขาร่ำรวยทางมหาศาล อาตมาก็ต้องร่ำรวยได้อย่างนั้น เพราะว่าทำมาตั้งแต่ยุคโทรทัศน์เป็นขาวดำ ออกมาจึงเริ่มมีโทรทัศน์สีช่อง 3 ซึ่งยังไม่เท่าไหร่เลยมีน้อย มีช่อง 4 กับช่อง 7 แต่ก่อนนี้ เมื่อรู้ตัวแล้วก็เดินทางมาทางนี้ 100% ไม่ได้หนี ไม่ได้วอกแวก มาทางนี้ทางเดียว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 10:27:46 )

คนบรรลุโลกุตระเรียกอาริยะ

รายละเอียด

อาศัยความจริงอย่างนี้แหละโลกุตตระจึงก่อตัวขึ้นอยู่ในคน กระนั้นแรงของโลกก็ดึงๆๆๆ ชักเย่อกันไม่รู้จักหยุดหย่อน อาริยะหรือโลกุตรธรรม คนบรรลุโลกุตระเรียกอาริยะ ไม่เรียกอริยะหรืออารยะ 

อริยะ เป็นคำที่ในเมืองไทยถือว่าเป็นคนเจริญ คนประเสริฐ แต่ว่าเดี๋ยวนี้มันผิดเพี้ยนไป เป็นความรู้โลก กลายเป็น อารยะ คือคนเจริญด้วยวัตถุเงินทองอำนาจบาตรใหญ่ ข่มเขาอยู่ เช่น ประเทศอารยะ มีเงินทองมาก หรือสร้างอาวุธได้มาก นี่เลว ยิ่งประสิทธิภาพสูงยิ่งเลวสร้างอาวุธ แต่เขาไม่รู้ มันซับซ้อน สร้างเพื่อปกป้องตัวเอง มีเขี้ยวเล็บอะไรมีประสิทธิภาพในการประหัตประหารคน มันก็จริงในมุมของโลกีย์ด้วยความรู้แบบเดรัจฉาน มันก็ต้องป้องกันตัวของมันเองมั นมีตัวมีตนมันรักตัวตน แต่เมื่อมาเป็นคนแล้วเจริญแล้วมี ปฏิโสตัง มีพลังงานความรู้ทวนกระแส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด นักเรียนสัมมาสิกขา ปีการศึกษา 2562-2563 วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 20:40:32 )

คนบ้าของศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธ นั่งหลับตาคือคนบ้าของศาสนาพุทธ มันเป็นความงมงายของศาสนา คนที่ปลุกไม่ตื่นของศาสนาพุทธ เจ้าประคุณ เอาหอกแทงเช้าร้อยเล่ม ไม่เข้า ไม่ตาย ไม่รู้ตัว ไม่รู้สึก หนายิ่งกว่า คำว่าไม่เกิดของมหาบัวก็เหมือน อาฬารดาบส อุทกดาบส ไม่รู้ว่าจะเกิดหรือยัง จมหายไปไม่มีระหว่างเลย สองอันแน่นสนิทเนียนแยกระหว่างไม่ได้เลย คือนิรันดร 

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 13:55:37 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:27:00 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 05:11:38 )

คนปกติรู้แล้วสมบูรณ์แบบไม่ต้องเพ่งพูดโดยสภาวะ

รายละเอียด

ถูกต้องที่สุด ผู้ที่ไม่มีธรรมะที่ยังมีอวิชชา ผู้ที่ยังไม่บริบูรณ์ก็ชี้ผู้อื่นด้วยคิดว่าตัวเองรู้ แต่ตัวเองเพ่งโทษ มองแต่โทษของผู้อื่น โดยที่ผิดๆ ถูกๆ ตัวเองก็ไม่รู้

เพราะฉะนั้นผู้ที่มีธรรมะจึงไม่เพ่งโทษผู้อื่น เพราะฉะนั้นผู้ที่เพ่งโทษผู้อื่นอยู่ก็จึงเป็นผู้ที่ไม่มีธรรมะก็ถูกแล้ว คนที่พูดมาว่าอาตมานั่นแหละ เขาไม่มีความรู้ เขาไม่มีปัญญา เขาไม่มีปฏิภาณที่รู้ความจริงตามความเป็นจริง อาตมามีความจริงตามความเป็นจริง 

อย่างจริงที่สุดอันแรก จริงที่หนึ่งคืออาตมาเป็นพระอรหันต์ อาตมาเปิดเผยจนหมดแล้วพูดสบายๆ ยืนยันพูดหน้าตาเฉยว่าตัวเองเป็นอรหันต์สบายๆแล้ว ไม่ใช่เรื่องโกหกไม่ใช่เรื่องมดเท็จไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแต่จริงที่สุด แล้วไม่ใช่ ให้อรหันต์ไปพูดความจริงจะให้ใครไปพูดความจริง ตำหนิก็ต้องตำหนิจริง ยอมรับก็ต้องยอมรับอย่างแท้จริง 

การเพ่งโทษเป็นเรื่องของผู้ที่ไม่จริงไม่มีความรู้ ไปเพ่งเอา ถ้าไม่เพ่งมันก็รู้อยู่โดยไม่ต้องเพ่ง แต่ถ้ายังไปเพ่งอยู่ก็แสดงว่ายังไม่รู้ ไม่สมบูรณ์ เป็นพวกสมถะหรือเป็นพวกเพ่งฌาน เกร็งอยู่ พวกยังไม่ปกติ ถ้าคนปกติ รู้แล้วสมบูรณ์แบบไม่ต้องเพ่ง พูดโดยสภาวะนะ 

โทษก็เห็นเป็นโทษ คุณก็รู้ว่าเป็นคุณ เห็นแล้วก็รู้เลยไม่ต้องไปเพ่งหรือไม่ต้องไป concentrate ไม่ต้องรวมจิตเพ่ง เห็นปุ๊บก็รู้เลยเป็นอภิภายตนะ 8 สามารถรู้รายละเอียดเล็กใหญ่ ข้างนอก สุพรรณะ ทุพรรณะ รู้ทันที สีเขียวอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้นอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อภิภายตนะ รู้จักว่ารายละเอียดของมันต่างกันก็รู้ แยกมวล เขียวคือเขียว แดงคือแดง เหลืองคือเหลือง ขาวคือขาว ยิ่งจะรู้ง่าย ก็รู้แล้วว่ามันต่างกันอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 36 แยกกายแยกจิตอย่างไรให้ถึงอรหันต์ วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 14:36:05 )

คนปฏิบัติการกินนี่แหละสำคัญ

รายละเอียด

อธิบายตรงนี้ อธิบายตัวกิน ตัวโภชเนมัตตัญญุตา ตัวที่กินอาหารนี่แหละ มันเป็นข้อปฏิบัติที่เยี่ยมยอดแล้ว เอาตัวนี้ตัวเดียวก็ปฏิบัติบรรลุอรหันต์ได้ 

การกิน ด้วยคำข้าวที่เรากินนี้ เมื่อเราเอาคำข้าวเข้าปากกิน เรามีสติสัมปชัญญะ แล้วก็กำหนดรู้ด้วยสัญญากำหนด กำหนดรู้ตั้งแต่มันแตะ จะนำเข้าปาก ตั้งแต่ก่อนจะเข้าไปปาก เรามีอาการจิต มันชอบ-มันชัง ตั้งแต่ก่อนจะเอาเข้าปาก อาหารอันนี้ บางอย่างชอบ บางอย่างไม่ชอบ หรือกลางๆ ไม่มีชอบ - ชัง แต่รู้แล้วก่อนจะเอากินว่ามันเป็นอาหารชนิดหนึ่ง มันจะมีธาตุนั้น ธาตุนี้ ที่มันเป็นธาตุควรกินเราก็ต้องกิน ธาตุที่มันควรกิน ก็เอาเข้ามา 

เข้าไปแล้วก็แตะลิ้น แตะรส เราก็พิจารณาอีก แตะรส แล้วตรงนี้แหละ แตะรสแล้วเราก็รู้รสของมัน แยกให้ออกว่า รสจริงๆ ของอันนี้นี่ เราก็จะพอรู้ เช่น รสมะนาว มันก็หวาน รสเกลือมันก็เปรี้ยว อะไรอย่างนี้ (เสียงหัวเราะขำๆ กัน) … อ้าวผิดหรือ เราก็ต้องรู้ความจริงว่า อ๋อ.. มันไม่ใช่นี่ รสมะนาวมันก็ต้องเปรี้ยว รสเกลือมันก็ต้องเค็ม รสน้ำตาลมันก็ต้องหวาน ตามความจริงของมัน นั่นคือรสแท้ๆ 

แล้วแยกให้ออกเชียวว่า รสหวาน หรือรสเปรี้ยว หรือรสเค็ม เราแตะเข้าไปแล้ว เออ! ชอบ แหม! หวานดี กำลังพอเหมาะ แหม! เค็มดี กำลังพอเหมาะ เปรี้ยวดีกำลังพอเหมาะ เผ็ดดีกำลังพอเหมาะ หรือว่าถ้าเผ็ดกว่านี้ได้ยิ่งดี ก็จะอ่านรู้ นั่นแหละตัวที่บ่งว่า…   

นอกจากรสจริง มันมีรสเก๊ รสหลอก รสปลอม รสชอบ-ไม่ชอบ รสชื่นใจ-ไม่ชื่นใจ นั่นแหละคืออร่อยหรือไม่อร่อย กิเลสตัวนี้แหละ ผู้ที่ปฏิบัติได้แล้วเรียบร้อย ลด ละ เลิกรสอร่อยได้แล้ว ก็จะรู้แต่ความจริง รสตามจริง ไม่มีหรอกรสอร่อย ไม่มี 

เพราะฉะนั้นจะกินไม่ตะกละตะกลาม จะกินไม่อร่อย ไม่รีบร้อนจะกินไม่เร็ว จะกินไปๆ ยิ่งหัดใหม่ฝึกหัด ก็จะยิ่งกินช้า เมื่อเราเองเราไม่ให้เกิดรสอร่อยหรือว่าเรารู้ว่าเราจะมีรสอร่อย ก็รู้มันว่า นี่มันมีกิเลสนะ ก็ให้เกิดพลังรู้เรียกว่าปัญญา เรียกว่าเข้าใจ เห็นว่าธาตุมันมีตัวรู้ ที่เก่งเป็นธรรมฤทธิ์ ให้มันมีฤทธิ์ 

มีฤทธิ์ที่จะสามารถไม่ให้กิเลสอร่อย ไม่ให้กิเลสมันตะกละ หรือผลัก ดูดหรือผลัก ต้องอ่านอาการซ้อนๆ พวกนี้ ละเอียดลออหน่อย จะรู้ 

คนปฏิบัติการกินนี่แหละสำคัญ จะเป็นอรหันต์ได้ตรงการกินเป็นหลัก ปฏิบัติเถอะ อย่างอื่นก็นัยยะเดียวกัน แต่มันคนละรส รสทางตาก็เป็นรูป รสทางหูก็เป็นเสียง รสทางจมูกก็เป็นกลิ่น แต่รสทางลิ้นนี่ โอ้โห! ทำไมมันซับซาบกันหลายอย่างเหลือเกิน เรียนรู้ แล้วจะเกิดปัญญา ค่อยๆ ฉลาดขึ้น ฉลาดขึ้น 

ฉลาดก็คือ ฉฬายตนะ ทางทวาร ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หรือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) มันก็จะชัดเจนขึ้น ชัดเจนขึ้น มันจะเข้าใจยิ่ง เห็นจริงๆ ขึ้น 

แล้วก็จะเกิดการเข้าใจ อาการที่มันไปดูดดึงหรือผลักแรง ก็จะลดลงๆๆ อาการที่มันผลักหรือดูดลดลงๆๆ นั่นแหละคือเราเจริญทางธรรม ปัญญามันมีธรรมฤทธิ์ ที่ทำให้กิเลสมันไม่ไปหลงปรุงแต่ง แล้วก็ชอบหรือไม่ชอบ ผลักหรือดูด เป็นกามหรือเป็นปฏิฆะ มันลดลงๆเป็นอิฎฐารมณ์(ความพอใจ ความสมปราถนา) หรือ อนิฏฐารมณ์(ไม่น่าปรารถนาไม่น่าพอใจ)

นี่คือเป้าหมายเรียกว่า ทำที่เวทนา เป้าหมายหลักในการปฏิบัติธรรม คนที่ไปหลับตาปฏิบัติ ไม่มีผัสสะ ไม่รู้รส ไม่รู้เรื่องอะไร นั่นแหละโมฆะ ไปหลับตาปฏิบัติ มันไม่ใช่พุทธศาสนา อาตมาก็ต้องย้ำหัวตะปูสัจจะพวกนี้อยู่ตลอดเวลา 

ปฏิบัติธรรมต้องมี อปัณณกปฏิปทา 3 โดยมีศีลเป็นหลัก ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับการสัมผัสต่อคน-สัตว์ ก็จะเกิดกาม เกิดปฏิฆะ เหมือนกัน 

ศีลข้อที่ 2. ปฏิบัติต่อข้าวของ ไม่ว่าวัตถุหรือพืชพันธุ์ธัญญาหาร ที่มันไม่มีวิญญาณที่จะมาตอบโต้เหมือนสัตว์เหมือนคนละ มันก็จะเกิดทุจริตหรือสุจริตกัน ก็เรียนรู้อันนี้อีก ในแง่เชิงทุจริต-สุจริต เกิดจากความโกรธ ความโลภ ลดลง 

ศีลข้อ 3 เรียนรู้ละเอียด รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) เป็นอารมณ์ เป็นเวทนา ตัวนี้แหละเป็นตัวรวมที่จะไปสู่ความเป็นสุขเป็นทุกข์ 

ศาสนาพุทธเรียนรู้ความสุข-ความทุกข์สมบูรณ์แบบ เมื่อเรียนรู้ความสุข-ความทุกข์สมบูรณ์แบบแล้ว ไม่สุขไม่ทุกข์ได้ 

ไม่สุขไม่ทุกข์มี 2 แบบ วิธีของฤาษีเดียรถีย์ เขาก็ทำให้ไม่สุขไม่ทุกข์ได้ คือสะกดจิต หลับ ดับ ดับสัญญา อสัญญี เขาก็ไม่รับรู้สุข-ไม่รู้ทุกข์ ไอ้อย่างนั้นมันไม่ถูกต้องของพุทธ มันไม่เลิก มันก็ยังเป็นสัตว์อยู่นั่นแหละ เป็นสัตว์  “อสัญญีสัตว์”

เพราะฉะนั้นปฏิบัติ ฌาน 1, 2, 3, 4 ในสัตตาวาส 9 ก็เป็นฌานที่ผิด แต่ถ้าปฏิบัติฌานที่ถูกเป็นฌาน 1 2 3 4 ที่สัมมาทิฏฐิแบบพุทธ มันก็จะไม่เกิด อสัญญีสัตว์ กิเลสมันก็จะหมดที่ ฌาน 4 (สัตตวาส 9 พตปฎ. เล่ม 23 “นวัตถสัญญาสูตร” ข้อ 228 / และ 11/353)

และกิเลสในระดับละเอียด อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ มันก็จะไม่ต้องปฏิบัติ อากาศก็รู้ว่าอากาศวิญญาณก็รู้ว่าวิญญาณ ไม่มีแล้วกิเลส อากิญจัญญายตนะ นิดหนึ่งก็ไม่มี ก็จะรู้ความจริงทั้ง 3 สภาพ 

เพราะฉะนั้น สภาพของอากาศ อากาสานัญจายตนะ หรือ สภาพวิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ ที่เหลือของวิญญาณฐิติ 3 ข้อหลัง (วิญญาณฐิติ 7 พตปฎ. เล่ม 23 “จิตตสูตร” ข้อ 41 หรือเล่ม 10 ข้อ 65)

วิญญาณฐิติ 4 ข้อแรกก็ตรงกันกับ สัตตาวาส 4 ข้อแรก แต่ สัตตาวาส 4 เป็นมิจฉาทิฏฐิ วิญญาณฐิติเป็นสัมมาทิฏฐิก็เป็นฌาน 1, 2, 3, 4 อย่างชัดเจน

เพราะฉะนั้น พอปฏิบัติธรรมเป็นวิญญาณฐิติที่ชัดเจน สัมมาทิฏฐิครบ ตรวจสอบสภาพ ใช้สัญญากำหนดรู้ความเป็นจริงที่เป็นอยู่ภายนอก-ภายในเป็นกาย สะอาดหมดจดหมด ไม่มีผิดเพี้ยน ไม่มีวิปลาส คุณก็บรรลุสูงสุดบริบูรณ์ หมดความเป็นสัตว์ เลิกความเป็นสัตว์

ธรรมะเหล่านี้เป็นของพระพุทธเจ้าตรัสไว้ทั้งนั้น แต่ทุกวันนี้มันเสื่อม มันไม่พูดกัน มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ เรียนความรู้ทางเปรียญก็ดี  ทางวิชาการจนจบปริญญาตรี-โท-เอกทางพุทธศาสนาก็ดี ก็ไม่ได้เข้าหากรรมฐาน มาหาตัวปฏิบัติพวกนี้ ต้องพูดสิ่งเหล่านี้กันให้มากๆ  เขาไม่พูด กลับไปพูดภายนอกเรื่องสังคม เรื่องรอบรู้สารพัด อะไรต่ออะไรต่างๆ นานา เป็นเรื่องโลก เรื่องโลกายตศาสตร์ ความรู้ของโลกๆ ที่โลกเขาเป็น มากไปเรื่องนั้น มันก็เลยไม่ได้มรรคได้ผล ไม่เข้าเป้าอะไร 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิสัทธรรม 7 ที่จะทำให้เกิด ฌานของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 08:12:03 )

คนปฏิบัติหลับตาเข้าใจเทวดามนุษย์สัตว์นรกคนละเรื่องกับคนปฏิบัติลืมตา

รายละเอียด

เอาคำว่าเทวดาและมนุษย์ก่อน ในความเป็นสัตว์ ในวิญญาณฐีติข้อที่ 1 ผู้ที่มีกายต่างกันสัญญาต่างกัน นั้น คนพวกนั้น ใครก็แล้วแต่ที่มีสัญญาต่างกันกายต่างกัน ก็จะมองเทพ หรือเทวดาเป็นอย่างหนึ่งมองมาร หรือสัตว์นรกก็อย่างหนึ่ง มองมนุษย์เขาก็จะมองอย่างหนึ่ง ต่างกันไปหมดเพราะความเห็นเหล่านั้นแตกต่าง การกำหนดหมาย การที่จะเป็นสภาพรูปนามเพราะเรียกว่ากายเป็นสังขารร่างกาย เป็นชีวิตสังขาร ก็จะมองทั้งภายนอกภายใน ต่างกันไปหมด ยกตัวอย่างเช่นคนหลับตา ปฏิบัติจะไม่มีภายนอก เขาก็จะเข้าใจเทวดามนุษย์สัตว์นรกคนละเรื่องกันเลยกับคนที่ลืมตาอย่างพวกเรา เขาจะเข้าใจเทวดามนุษย์สัตว์นรกก็คือจิตวิญญาณของคนเป็นๆ แต่นั่นเขาจะไม่เห็นเป็นรูปร่างตัวตนอะไรต่างๆนานาไปเลย มีอุปกรณ์บางอย่างที่หนังละครเรื่องเล่านิยายต่างๆนานาไปเลย เพราะเขาเองเขามีความเข้าใจต่างจากสัมมาทิฏฐิ ความต่างกับความเหมือนก็อยู่ที่สัมมาทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิเท่านั้นทั้งหมด เพราะฉะนั้นผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิก็จะเข้าใจกายตรงกัน เป็นอย่างเดียวกัน แล้วก็เข้าใจ มีสัญญาการกำหนดหมาย สัญญา 1 ทิฏฐิอีก 1 จิตอีก1  3อย่างนี้ต่างกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2563 ( 13:01:21 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:28:45 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:35:42 )

คนปทปรมะกับคนใบลานเปล่าความหมายเดียวกัน

รายละเอียด

“ปทปรมะ” กับ “ใบลานเปล่า” ความหมายเดียวกัน “ใบลานเปล่า” แปลเป็นโดยอัดของภาษาไทย ในสาระเนื้อหา คือ คนที่ศึกษาเรียนรู้แต่ภาษาบัญญัติ โดยไม่มีสภาวะ เข้าไม่ถึงสภาวะ

เป็นเรื่องที่อาตมาต้องซ้ำซาก ก็สงสารคนที่เขาไปหลงเลอะมีเยอะไปหลงหลับตาปฏิบัติมีเยอะ เพราะฉะนั้นคนที่แม้จะเก่งบัญญัติภาษาเรียกว่า ปทปรมะ  พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า ปทปรมะ ตัวอย่างคือ คนที่รู้พุทธพจน์ก็มากจำพุทธพจน์ได้ก็มาก บอกสอนคนอื่นอยู่ก็มาก แต่ไม่บรรลุธรรมในชาตินั้นเพราะว่าไม่ได้สัมผัสในจิตไม่ได้ทำจิตในจิต กิเลสมันอยู่ที่จิตถ้าคุณไม่เข้าถึงจิต คุณไม่มีกายครบทั้งภายนอกภายในคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าได้เลย ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย มีกายสักขี มีกายยืนยัน ถ้าไม่มีกายยืนยันผิดหมดไม่มีทางที่จะปฏิบัติได้ 

เริ่มต้นกลัดกระดุมเม็ดแรกไม่ได้ ก็จะเป็นคนที่เป็นคนใบลานเปล่า คนที่เต็มไปด้วย ใบลาน รู้เรียนภาษาจบเปรียญ 9 ปริญญาเอกของศาสนาพุทธ การศึกษาที่เรียกว่าพุทธศาสนา ก็เป็นใบลานเปล่า ปทปรมะ มีเยอะจริงๆการจะปฏิบัติจิตในจิตได้จะต้องเข้าใจกาย 

อยากจะขยายความ ปรทมะ เก่งจริงๆ กันเลย ได้รับใบรับรองจากการเขียนบรรยายเป็นตรรกะ ไม่เข้าไปสัมผัสจิตในจิต แล้วแยกกิเลสออกจากจิต กิเลสที่จะแยกต้องอ่านเวทนา อารมณ์นั้นจะมีกิเลสอยู่ในความรู้สึกนั้น ความรู้สึกจะเกิดจะต้องมีผัสสะ ถ้าไม่มีผัสสะก็ไม่มีเวทนาเกิด พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้หมด แต่ก็เผิน ศึกษาบัญญัติมากันทั้งนั้น ที่พูดไปนี้หลายคนก็ท่องจำได้เก่ง จำเก่งกว่าอาตมาด้วยซ้ำ ปฏิบัติไม่ได้ผลอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 08:43:25 )

คนประเสริฐ คนชั้นสูง ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเดรัจฉานวิชา ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน

รายละเอียด

ฉะนั้นศีลธรรมนูญของพระพุทธเจ้าเป็นหลักยิ่งใหญ่เลย ผู้ที่ถือศีล จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลได้แล้ว เป็นคนประเสริฐ เป็นคนชั้นสูง มหาศีล มีเดรัจฉานวิชาทั้งหลายทั้งนั้นเลยเป็นส่วนใหญ่ อย่างชาวอโศกนี้ไม่มีเดรัจฉานวิชาเลย

แต่ความเสื่อมของศาสนาในยุคนี้กระแสหลักเละเทะเลย เป็นเดรัจฉานวิชา เละตุ้มเป๊ะเลย ใครไปทำเดรัจฉานวิชามีคนขึ้นได้ เอาอย่างกันใหญ่ไปใหญ่เลย คนมากันมากขึ้น มาทำทาน มายึดติด มากราบมาไหว้ เอาใหญ่เลย ก็เลยเลียนแบบกันใหญ่เลย เอาอย่างกันใหญ่เลย เดรัจฉานวิชา ไสยศาสตร์ เละเทะไปหมดศาสนา

พูดไปแล้วก็ไปว่าไปถล่มทลายเขา อาตมากำลังพูดความจริง ไม่ถล่มเขาก็ถล่มของเขาอยู่แล้วมันเป็นของเขาอยู่แล้ว ไม่ใช่อาตมาไปซ้ำเติมอะไร ได้หยิบขึ้นมาพูดให้สะดุ้งสะเทือนตัวเองแล้วก็ปรับปรุงเสียบ้าง เหนื่อยจริงๆ อย่าบ่นโพธิรักษ์อย่าบ่น เสือใส่เกือกเอง ทำเอง ใครมาให้ทำ เห็นไหม เหมือนอาตมาเป็นคนแส่มาหาเรื่องเอง จริง เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วยเพราะอาตมาเองจะมีความรู้ มีความจริงว่า ธรรมะพระพุทธเจ้านั้นมันโอ้โฮสูญหายไป มันไม่เป็นธรรมะพระพุทธเจ้าแล้ว แม้เป็นโลกีย์โลกๆ เขาที่ทำกัน ก็ยังเน่าเฟะเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:54:07 )

คนประเสริฐต้องมาจนอย่างชาวอโศก

รายละเอียด

ทีนี้ในโลก ที่เป็นโลกโลกุตระก็จะมีคนกลุ่มที่มีปัญญาอย่างนี้ เช่น ชาวอโศก เข้าใจว่าคนประเสริฐต้องมาจนอย่างนี้ จึงมาจริงๆ มาเป็นคนจนจริงๆ จนสำเร็จ แล้วก็อยู่กับหมู่เลย ทรัพย์ศฤงคารไม่ต้องเป็นของตัวเอง ไม่ต้องมีของตัวของตน รวบรวมไว้เป็นของส่วนกลาง แน่นอนก็อาจจะไม่ละเอียดไม่บริบูรณ์ไม่สะอาดเต็มที่ บางคนก็มีสะสมเล็กๆน้อยๆบ้างก็เป็นธรรมดา error 

ส่วนลึกๆ นั้นเขาก็รู้ว่าเรายังมีเล็กมีน้อยก็คือยังไม่เก่งยังไม่สมบูรณ์ อยู่กับส่วนกลางจริงๆมีเท่าไหร่เท่านั้น ตามบารมีของเราด้วย เราอยู่แล้วจะเบิกส่วนกลางเขาก็ไม่ค่อยจะให้ เป็นหมาหัวเน่า ก็ใช่สิ คุณอยู่ในหมู่นี้ทำไมคนเขาไม่ค่อยยินดีให้ โดยเฉพาะคนมีหน้าที่จะแบ่งจะแจก 

คนที่จะแบ่งแจกให้ นอกจากส่วนกลางจะให้แล้ว ยังมีส่วนตัวให้กันได้อีก ถ้าคนไม่เป็นหมาหัวเน่าก็อยู่ได้แน่นอน อะไรนิดๆหน่อยๆพวกเราก็แบ่งกันให้กันช่วยเหลือกัน คนที่มีอยู่บ้านเขาก็ให้กัน อย่างที่เราเป็นจริงกัน ซึ่งมันละเอียดซับซ้อนลึกซึ้งแล้วเป็นจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 10:51:43 )

คนปล้นศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นกามตัณหา ภวตัณหาก็ไม่เข้าใจ ก็เลยไม่มีทางที่จะรู้จักวิภวตัณหา เป็นตัณหาความต้องการความประสงค์ความอยาก พระอรหันต์เป็นผู้ที่มีวิภวตัณหา พระพุทธเจ้าก็คือผู้ที่มีวิภวตัณหา แต่เขาไม่เข้าใจเลย ว่าผู้ที่ไม่มี กามภพ รูปภพ อรูปภพแล้ว แต่มีประสงค์ อย่างเช่นอาตมาประสงค์จะสอน ให้รู้วิธีที่จะล้างภพ แต่เขาไม่มีปัญญาจะรู้ เขาไม่รับฟังด้วย เขาจะไปหลับตาหนีเข้าป่าอยู่ในภพ หลบหนีไปหมดท่าเดียว เป็นผู้ที่ข้องอยู่ในถ้ำ เป็นคนปล้นศาสนาพุทธ แต่โฆษณาอีกว่าฉันคือผู้ที่ถูก แท้จริงเป็นผู้ที่ทำลายศาสนาพุทธเป็นโจรร้าย พระพุทธเจ้าเป็นพระราชาของธรรมะของท่านก็บอกไปเจอเข้าก็บอกว่าให้เอาไปฆ่าด้วยหอกร้อยเล่มตอนเช้าก็ฆ่าไม่ตาย ตอนเที่ยงก็เอาไปฆ่าอีกก็ไม่ตาย ตอนเย็นก็ไม่ตายอีก เสียดายหอก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 10:01:22 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:37:10 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:36:26 )

คนปิดบังกิเลสเพราะความโง่ไม่รู้กิเลสตนเอง

รายละเอียด

วนในถ้ำ ย่อลงมาวนใน protoplasm วนในกะลาครอบนี้ เพราะว่าเป็นผู้อันกิเลสมาก แล้วแถมปิดบังไว้แล้ว ที่จริง ไอ้ปิดบังก็เป็นนิสัยของตนเอง วิสัยของคนหรือสัตว์โลก เดรัจฉานมันยังไม่ปิดเท่ากับคน คนนี่แหละปิดบังกิเลสเพราะความโง่ และไม่รู้กิเลสตนเองด้วย เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านสอนต่อว่า คนชนิดนี้ นรชนเมื่อตั้งอยู่เป็นคนกิเลสมาก ปิดบังไว้แล้ว ไม่มีปัญญาออกจากถ้ำนี้ได้ ก็หยั่งลงในที่หลง 

อาตมาเห็นแล้วสงสาร พยายามเตือนให้ออกมาให้เลิกไม่ใช่วิธีการของศาสนาพุทธ การไปนั่งหลับตาสะกดจิตดับลงไป หลงว่าเป็นอรหันต์ไปทางโน้น ดูแล้ว พูดเรื่องเสียหายก็คือบ้าๆ บอๆ พูดอย่างน่าสังเวชใจก็คือมันงมงาย ปฏิบัติกัน ขออภัยเหมือนกับ เดรัจฉานโง่ๆ ที่หลงในภพตนเอง เช่น หนอนมันหลงอยู่ในกองขี้ เทวดาบอกหนอนเอ๋ยเลิกกินขี้เสียที หนอนก็บอกว่าเทวดาหน้าโง่ ไม่รู้อะไรขี้นี้ของอร่อย ก็ฉันเดียวกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 18:53:31 )

คนป่วยหนักเปิดเสียงสวดมนต์ให้ฟัง เพื่อจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี

รายละเอียด

เป็นการประเล้าประโลมใจของผู้ที่จะตายแล้วก็เลยพยายามจะให้กำลังใจ ให้จิตมันไม่เดือดเนื้อร้อนใจ พยายามจะประเล้าประโลมใจให้สงบ มันก็ได้ผล 

อันนี้นี่อาตมาไปถามด็อกเตอร์มโน เป็นผู้ที่ทำงานที่จะทำงานกับคนที่ก่อนตาย ด็อกเตอร์มโน เลาหวณิช เป็นคนทำงานนี้ทีเดียวน่าจะง่ายกว่า เขาเรียนทางธรรมะมาเยอะด้วยด็อกเตอร์มโน มันน่าจะได้ความรู้เยอะนะ 

จริงๆแล้วมันแก้กรรมไม่ได้หรอก กรรมวิบากมันมีเท่าไหร่มันจะหลอกหลอนอย่างไร ก็อาจจะมีจิตไปยึด ต้องใช้คำว่ายึด ยึดก็ยึดได้ในภาวะที่อะไรไม่ดีกว่านี้แล้วก็ยึดอันนี้ แต่ยึดแล้ว พอมันเปลี่ยนภพ ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป มันไม่คงเดิมคงที่อะไรหรอก แต่เขาก็ใช้ให้มันผ่านไปในชั่วปัจจุบันธรรมนั้น 

กรรม สุจริต กรรมส่งผลจริง ชั่วก็ชั่ว ดีก็ดี เพราะงั้นหลอกล่อได้เหมือนอย่างกับคนที่หลอกล่อ คนทุกวันนี้กลบเกลื่อนแม้กระทั่งตัวเอง มันทุกข์จะตายชัก ก็นึกว่าตัวเองไม่ทุกข์ ไม่รู้จักสภาวะที่เดือดร้อนจริงๆ ซึ่งมันเป็นความซับซ้อนของความเดือดร้อน มันมีจริง มันจะใช้อำนาจของเงิน อำนาจทรัพย์สฤงคาร อำนาจของอำนาจ อำนาจของมวลบริวารแวดล้อม หรืออำนาจของอิทธิพลใดๆ ก็แล้วแต่ที่สร้างขึ้นมา เพื่อที่จะชะลอให้ตัวเองไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็นตามกรรมวิบาก ไม่รับ ไม่ยอมรับกรรมวิบากของตัวเอง 

คุณชะลอไปได้ ก็ยิ่งชะลอ มันยิ่งออกดอกเบี้ย มันยิ่งชะลอนั่นแหละยิ่งชะลอหนัก ดอกเบี้ยก็ยิ่งทบต้นขึ้นไป นี่เป็นกรรมวิบาก ไม่ใช่อาตมาขู่แต่เป็นเรื่องที่จริง เหมือนกับหลักการของมนุษยชาติ ดอกเบี้ยทบต้น มันจริงนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องจบกิจทำกาละพ่อครูประกาศ Animal Right Watch วันพุธที่ 4 ตุลาคม 2566 แรม 5 ค่ำเดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2567 ( 11:30:27 )

คนผลิตอาหารให้คนอื่นจะรอดจากสงครามแย่งชิงอาหาร 

รายละเอียด

คนผลิตอาหารให้คนอื่นจะรอดจากสงครามแย่งชิงอาหาร 
มันไม่มีกิน มันก็ต้องปล้นเสบียงอาหารโลกกันแน่นอน อันนี้เราคิดต่อนิดนึง ถ้าเราไม่ได้หวงแหน เรามีอาหารกิน อาหารคือพืชพันธุ์ธัญญาหารที่เขากินเขาใช้ แล้วเราก็แจกเราก็ใช้อยู่ ให้อยู่ คนที่มันใช้อาวุธ ถึงคราวไม่มีกินมีใช้ ไม่มีอาหารกินแล้ว จะใช้อาวุธไปรุกราน มันก็ไปรุกรานคนที่ไม่เคยให้และไม่คิดจะให้ก่อน เราให้อยู่เขาก็ไม่มารุกรานอะไรเราหรอก ซึ่งมันเป็นสัจจะ เพราะฉะนั้นอาหารนี้เป็นหนึ่งในโลก ช่วยชีวิตได้ตลอดทุกมุมเหลี่ยม รอดตัวทุกมุม เหลี่ยม เออ เข้าท่า เราก็ตามหาความจริงว่า เราเครียด มันมีต้นเหตุอะไรของความเครียด ตามหามันเราก็จะเจอเหตุ เราก็จะรู้ว่าเหตุอันนี้มันไม่สมใจเรานี่เอง จริงนะ 

 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวิชาที่เป็นความจริงแท้ๆของพุทธ วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กันยายน 2565 ( 14:35:24 )

คนผิดเขาต้องทำความผิดนั้นถูกแล้ว

รายละเอียด

ก็เอาง่ายๆ เข้าใจว่าเขาคิดเช่นนี้ ก็ไม่ต้องไปทำใจหงุดหงิด ไม่ต้องไปชิงชัง ไม่ต้องไปรำคาญอะไร ก็เขาทำของเขาเอง ถ้ามันเป็นความผิดของเขาก็เป็นวิบากของเขา ถ้ามันเป็นความถูกของเขาแล้ว เราสิ เข้าใจเขาไม่ได้ ถ้ามันเป็นความถูกของเขาแล้ว เขาถูกจริงๆของเขา คุณต่างหากที่ยังโง่ ใช่ไหม เออ คนผิดเขาก็ต้องทำความผิด แล้วจะไปโกรธเคืองเขาทำไม 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:58:25 )

คนผู้ไม่สามารถ“หลุดพ้นหมดสิ้นอาสวะ”

รายละเอียด

คนผู้ไม่สามารถ“หลุดพ้นหมดสิ้นอาสวะ”ได้ครบ “อวิชชาสวะ 8”ได้นั้นก็เพราะไม่รู้“กรรม” ไม่รู้“กิจ” ไม่รู้ “กาล”นี่เอง

      จึงต้องเรียนรู้“กรรม”กันอย่างสำคัญ”เป็นอันดับแรก เพราะ“กรรม”นี้เองคือ GOD หรือ“จิตวิญญาณ“ที่เป็น“พระเจ้า”ที่เป็น“ตัวตนของตน”แท้จริง

      และเรียนรู้“กิจ”ที่จะต้องศึกษาปฏิบัติไปให้“จบกิจ”ไปตามขั้นตามตอน ตั้งแต่“กิจ”ขั้น“ละชั่ว-ทำดี”ให้“เที่ยงแท้”ถึงขั้น“นิยตะ” ที่เป็นแบบ“โลุตรธรรม”ของ“อาริยชน” ที่ต้องมี “ญาณ 3” ได้แก่ “สัจจญาณ-กิจจญาณ-กตญาณ”

      ต้องมี“ญาณ 3”จึงจะยืนยัน“ความจริง”สัมบูรณ์

      “สัจจะ”คือ “ความจริง”ที่ครบทั้ง“สมมุติสัจจะ”ของชาวโลกียะ ทั้ง“ปรมัตถสัจจะ”ของชาวโลกุตระ ทั้ง 2 แบบ  

      ต่อจากนั้นก็คือ หน้าที่ที่จะต้องศึกษาปฏิบัติ“กิจ” ขั้น“ดับทุกข์-ดับสุข” ซึ่งชาวโลกียะไม่มี มีแต่ในชาวโลกุตระ ชาวโลกียะเขาไม่ดับ“สุข” เพราะเขาไม่มี“นิพพาน” เขายังไม่ประสีประสาในเรื่อง“สุข”นี้กันเลย เขาจะหาว่า“บ้า” ด้วยซ้ำ ที่มา“ดับสุข”กัน คนทั้งหลายมีแต่คนจะสะสม“สุข”ให้ยิ่งๆขึ้นจัดจ้านขึ้น ไป“ดับสุข”มันทำไม? บ้ากันหรือเปล่า?  

      เพราะเขายังหลงติด“สุข”กันสนิทเนียนจริงๆ  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 20:10:05 )

คนพยายามอย่าให้เกิดความรักความชัง

รายละเอียด

คนนี่แหละ คุณมาพยายามอย่าให้เกิดความรักความชัง มันมีวิบากกันอีกเยอะเลยเราไม่รู้ เราได้มาล้างแล้วจะมีเหลือเชื้ออีกเล็กๆน้อยๆ ที่เราพรากมา แต่ไม่ได้จองเวรจองกรรมมีอีกเยอะ คนข้างนอกทำแต่คุณไม่ถือสาได้ แต่คนข้างในทำแล้วเขาจะถือสา คุณจะไม่ติดใจคนข้างนอกเลย คนข้างนอกจะมาทำอะไรกับเรา เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาไม่รู้ แต่คนข้างในนี้เราวางใจได้ยากกว่า คนที่หยาบกว่าเรา เราวางใจได้ง่าย หรือคนที่ใกล้กันนี้วางยากกว่า หรือคนที่สูงกว่าก็วางยาก เพราะเรายึดว่าเขาไม่น่าทำอย่างนี้เลย ต้องอ่านอาการใจติดยึดดูดผลักอย่างไร ก็ต้องเข้าใจว่าเขาก็เป็นของเขา เราก็เป็นของเรา เขาก็มีชีวิตของเขา เราก็มีชีวิตของเรา กรรมก็เป็นของเขาไม่ใช่ของเรา ยิ่งเราเองวางได้แล้ว เขายังวางไม่ได้ ก็เขาน่ะ เราสงสารเขา เขายังวางไม่ได้ยังผลักยังดูดอยู่ มันจะค่อยๆเข้าใจสัจธรรมของจิตวิญญาณให้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 23 มิถุนายน 2563 ( 09:46:21 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:27:09 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:38:13 )

คนพาล

รายละเอียด

ผู้มีปัญญาทราม ย่อมแนะนำสิ่งที่ไม่ควรจะแนะนำ ย่อมชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนำชั่วเป็นความดีของเขา คนพาลนั้นถึงจะพูดดีก็โกรธ เขามิได้รู้วินัย การไม่เห็นคนพาลนั้นเป็นความดี

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 22:28:30 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:43 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:39:13 )

คนพาลตายแล้วยังมีกาย

รายละเอียด

กายนี้ของคนพาลผู้ถูกอวิชชาใดหุ้มห่อแล้ว และประกอบแล้วด้วยตัณหาใด เกิดขึ้นแล้ว อวิชชานั้นคนพาลยังละไม่ได้ และตัณหานั้นยังไม่สิ้นไป เพราะคนพาลไม่ได้ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ เหตุนั้น เมื่อตายไปคนพาลย่อมเข้าถึงกาย (กายูปโค สมาโน)เมื่อเขาเข้าถึงกายชื่อว่ายังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส เรากล่าวว่ายังไม่พ้นไปจากทุกข์ 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม16 ข้อ 59 , ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2562 ( 16:04:04 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:23 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:41:44 )

คนฟังตำหนิ

รายละเอียด

เขาฟังธรรมพ่อครูก็ตำหนิอีกอย่างหนึ่ง จริงๆแล้วพ่อครูไม่ได้ตำหนิอานาปานสติ แต่พ่อครูตำหนิเรื่องออกป่า แต่เขาแย้งเอาอานาปานสติ เหมือนเขาฟังธรรมไม่เป็น พ่อครูไม่ได้ตำหนิอานาปานสติ พ่อครูว่า..ตำหนิเรื่องทำใจในใจผิด เหมือนกับคุณทำทานแล้วทำใจในใจผิดก็ไม่มีอานิสงส์ไม่มีผลในการทำทาน สัมมาทิฏฐิ10 ข้อที่ 1 นัตถิทินนัง คือทำทานไม่มีอานิสงส์ ต้องทำทานให้ไม่มีจิตสาเปกโข ไม่มีภพมีชาติ อาตมาขยายความ สัมมาทิฏฐิ 10 เป็นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิยา)  ให้ผลวิบากแก่ขันธ์(อุปธิเวปักกา)

  1. ทานที่ให้แล้ว มีผล(ให้กิเลสลด)  (อัตถิ . ทินนัง) 

  2. ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว  มีผล (อัตถิ ยิฏฐัง)

  3. สังเวย(เสวย)ที่บวงสรวงแล้ว  มีผล (อัตถิ หุตัง) 

  4. ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้ว  มีแน่  (อัตถิ  สุกตทุกกฏานัง  กัมมานัง ผลัง วิปาโก) 

  5. โลกนี้ มี (อัตถิ  อยัง โลโก) หมายถึง วนในโลกีย์เดิมๆ 

  6. โลกหน้า  มี (อัตถิ ปโร  โลโก) หมายถึง โลกโลกุตระ 

  7. มารดา  มี (อัตถิ มาตา) 

  8. บิดา  มี (อัตถิ  ปิตา)

  9. สัตว์ที่ผุดเกิดอุปปัติเอง มี (อัตถิ  สัตตา โอปปาติกา)

  10. สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง  ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา  เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563

หนังสืออ้างอิง

พระไตรปิฎก เล่ม 14  ข้อ 257


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:35:54 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 11:34:50 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:44:58 )

คนมหัศจรรย์ ใหญ่แล้วมีที่จบด้วย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเรานี้มหัศจรรย์ เป็นผู้ที่สมัครใจมาอย่างนี้รู้อย่างนี้แล้วไม่ไปอันอื่นแล้ว คุณตรงกันกับพระพุทธเจ้า ใหญ่ไหม? ใหญ่ แล้วไม่ได้พูดเล่นนะพูดเรื่องจริง อันเดียวกันเลย เป็นแต่เพียงว่าคุณยังไม่บรรลุอรหันต์ หรือผู้บรรลุอรหันต์ได้แล้ว แล้วจะรู้จักอนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ จะบำเพ็ญต่อหรือไม่บำเพ็ญต่อก็อยู่ที่เรา มันมีที่จบ 

ธรรมะพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ความจบ ท่านไม่รู้ที่ต้น มันเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่จบรู้ ทำจบได้ หรือ จะไม่ทำจบ จะอยู่ต่อเป็นพระอวโลกิเตศวร หรือเจ้าแม่กวนอิมก็ไม่ยอมจบก็อยู่ไปสิ มีสิทธิ์ ใครจะใช้สิทธิ์นั้นเชิญ อาตมาไม่เอาคนหนึ่ง มันนานไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌ ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:37:14 )

คนมหัศจรรย์แบบเดียวกันกับพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

มาพูดถึงปีนี้ปีใหม่ เจตนาจะพูดอันนี้ พวกเรานี้เป็นคนมหัศจรรย์ มหัศจรรย์ที่พูดไปแล้วตั้งแต่ต้นเมื่อกี้ ว่า มหัศจรรย์เท่ากับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นคนมหัศจรรย์อย่างไรพวกเราเป็นคนมหัศจรรย์อย่างนั้น สำหรับคนที่มีจิตใจรู้ว่าชีวิตคนต้องมาเอาอย่างนี้ ต้องมาเป็นอย่างนี้ต้องไปอย่างนี้ ไปแล้วไม่ไปเอาเรื่องลาภยศสรรเสริญโลกียสุขอย่างที่เขาเป็น เข้าใจแล้ว มันก็ยังมีอาการกิเลสอยู่บ้าง แต่ว่าไม่เอา ฝืนมัน ฝืนสู้ไม่ไป มาล้างกิเลสตัวที่มี ใครมีความรู้สึกตรงกันอย่างนี้บ้างยกมือขึ้น ...ผู้ใหญ่ยกมือหมด เด็กๆมีบ้างเพราะถูกบังคับมาบ้างจำนนบ้างที่มาเรียน แต่ผู้ใหญ่เขารู้หมดแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌ ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 18:32:21 )

คนมักน้อย

รายละเอียด

ชาวอโศกเป็นผู้มักน้อย เป็นคนกลุ่มน้อยมักน้อย มีตัวอย่างของสาธารณโภคี อาตมาว่ามันสุดยอดแล้วในมนุษยชาติ ของจีนเขาก็ทำได้ประมาณนั้น พลเมืองเขามีประมาณนั้นแล้วเขาจะมีความรู้เรื่องวรรณะ 9 ไหม จะมีความรู้ในเรื่องโพธิปักขิยธรรมไหม เขาจะมีความรู้ในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญาอย่างของพระพุทธเจ้าไหมล่ะ จรณะ 15 วิชชา 8  เขาจะมีไหมล่ะ เขายังไม่มีหลักเกณฑ์ ไม่มีทฤษฎีสำคัญพวกนี้ไปใช้ทีเดียว แต่เขาก็เป็นพุทธกันเยอะนะ

แต่อาตมาว่า โลกุตรธรรมของชาวจีนยังไม่ถึงชาวอโศก แต่พวกเรามีน้อยคน คัดเอาหัวกะทิมามันก็ได้ แต่คนจีนนั้นเขายังไม่มีความรู้โลกุตระเข้มข้นเหมือนเราเท่าไหร่ แต่ก็มีบ้างในความรู้ที่กว้างในความเป็นจุดสำคัญ เป็นเชิงที่เป็นการเสียสละตนเอง 1.ลดตนเอง 2.ให้อิสระเสรีภาพมากขึ้น ถึงอย่างไรของจีนเขาก็ได้ประมาณหนึ่ง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 19:00:15 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:20:38 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:45:56 )

คนมาขอขมาที่เคยจาบจ้วงชาวอโศกที่เป็นชุมชนโลกุตระจริง

รายละเอียด

อาตมาก็ว่าจะมีคนที่ค่อยๆรู้สึก รู้สึกว่าได้เคยละเมิดได้เคยดูถูกดูแคลนพวกเรามาก่อน แม้แต่ตอนเริ่มต้น อาตมา เขาก็สัมผัสธรรมะอาตมา เขาก็เห็นว่าแตกต่าง เพราะว่าเขาได้เรียนรู้จากกระแสหลักสังคมใหญ่ แล้วมันก็ได้ผิดเพี้ยนไปแล้ว พออาตมาอุบัติในยุคนี้ อาตมานำของถูกต้องของจริงของพระพุทธเจ้ามาประกาศ มันก็ตรงกันข้ามก็ค้านแย้ง 

คนที่ยังเชื่อถือตามพื้นเดิมก็น่าเห็นใจ เขาก็ต้องรู้สึกอย่างนั้น มันก็เป็นธรรมดา อาตมาเข้าใจไม่มีปัญหา เสร็จแล้วพอนานมา 40-50 ปีมาแล้ว ไม่มีอคติมากนัก ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่นถือมั่นอยู่ ลดลง ศึกษาจริงๆเปิดจิต ปลงวางอคติต่างๆจริงๆก็จะเห็นจริง 40-50 ปีมา ถ้าไม่โง่เกินไป ไม่ปึกเกินไปจนไม่เปลี่ยนแปลง จะเห็นว่า 

การบรรยายอาตมาก็นำพระไตรปิฎกมายืนยันอธิบายเทียบเคียงหลักทุกอย่างไป ทางโน้นเขาไม่กล้านำเอาพระไตรปิฎกมายืนยันเท่าไหร่นะ แม้แต่ทางพุทธวจน เขาก็ไม่ได้อธิบายอย่างที่อาตมาอธิบาย และก็ไม่ได้มีหมู่มีกลุ่มแบบพวกเราปฏิบัติ ตรงตามที่เขาอธิบายกัน ก็ได้บ้างนิดๆ หน่อยๆ บางคน ไม่ได้รวมตัวกันเป็นสังคมกลุ่มใหญ่เหมือนชาวอโศก จนกระทั่งเกิดวัฒนธรรมสังคมจนเกิดหมู่บ้าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อาตมาจึงบอกว่าอัศจรรย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 18:30:07 )

คนมาจนนี่คือคนอิสระ

รายละเอียด

แต่ศาสดาที่เขาสอนให้จนมี พาจนมี แต่เขาไม่เด็ดขาด ไม่สมบูรณ์แบบเหมือนพุทธ เขาพาให้จนนะ หลายศาสนามากเขาก็นิยมคนจน แม้แต่ศาสนาคริสต์เขาก็นิยมคนจน แต่อิสลามยัง ยัง ยังไม่กระเตื้องอิสลาม แต่ศาสนาคริสต์เขานิยมคนจนนะ ศาสนาพุทธนั้นแน่นอน นอกจากจะมิจฉาทิฏฐิ อวิชชา ยังเข้าใจไม่ได้เขาก็ไม่มาแล้วไปห้ามเขาไม่ได้ไปบังคับเขาไม่ได้ให้มารู้อย่างนี้ ให้มารู้อย่างทุกคนรู้แล้วก็มาเป็นอย่างนี้ไปห้ามเขาก็ไม่ได้ไปบังคับเขาไม่ได้ 

เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาอิสรเสรีภาพ ห้ามก็ไม่ได้บังคับก็ไม่ได้ บังคับคนมาจนบังคับอย่างไร มันไม่ได้เลยนะ ผิดเลยนะ บังคับคนมาจน ศาสนาพุทธก็ไม่บังคับให้ใครมาจน เพราะฉะนั้นจึงมาจน คนมาจนนี่คือคนอิสระ ถ้าคุณถูกบังคับมาจนมันไม่สำเร็จหรอก มันไม่สำเร็จ คุณต้องมาฝึกตนเองให้จนจริงๆจนกระทั่งเกิดปัญญา อ๋อ…รู้แล้วว่าจนมันดี เป็นคนปลอดภัย เป็นคนมีคุณค่า เป็นคนประเสริฐ เป็นคนจบ เป็นคนสงบ แล้วก็เป็นคนเกื้อกูลสร้างสรรมีประโยชน์คุณค่าให้แก่ผู้อื่นจริงๆ ที่อาตมาพูดไปนี้ถูกต้องหมดทุกอย่างขอยืนยัน โอ้โห ต้องแอพพรูฟตัวเองด้วยนะ พูดไปแล้วต้อง อนุมัติตัวเองด้วย ว่าตัวเองพูดถูก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2566 ( 11:45:07 )

คนมาจนเป็นคนประเสริฐ คนไปรวยคือคนซวย

รายละเอียด

ปัญญามีผลที่จะทำให้เกิดคนจน ปัญญาของพระพุทธเจ้านี้พาให้เกิดความจน ให้เกิดเป็นคนจน ไม่ใช่ให้ไปเป็นคนรวย ปัญญาของพระพุทธเจ้านี่เป็นความรู้ที่ทำให้คนมาจน 

คนมาจนเป็นคนประเสริฐ คนไปรวยนี่คือคนซวย คนมาจนคือคนประเสริฐ อันนี้เป็นสัจจะที่ยากจะเข้าใจ เป็นอจินไตย คนโลกโลกย์เขาฟังแล้ว “เอ็งอย่ามาหลอกให้ยากเลย ข้าไม่หลงตามเอ็งหรอก จะให้ไปจนอย่างเอ็ง ข้าก็จะรวยของข้านี่แหละ อย่ามาหลอกให้ยากเลย” เขาจะไม่เชื่อ เขาจะไม่เอาด้วยเลย เขาจะไม่เห็นคุณค่า ของการมาจนเลย 

เพราะฉะนั้นเศรษฐศาสตร์ที่สอนอย่างนี้ มีผู้สอนเศรษฐศาสตร์ที่สอนอย่างนี้ในโลก ดูเหมือนจะมี ถ้าไม่อาตมาก็มีในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่สอนให้มาจน ซึ่งคำนี้ออกมา ก็ทวนอีกที พูดหลายทีแล้ว และมีหลักฐานยืนยันด้วย 

มีรัฐมนตรีของประเทศเกาหลี เขาเป็นเพื่อนกับนายกรัฐมนตรีฝากมาถาม ว่าจะบริหารประเทศบริหารมนุษย์ บริหารแบบไหนดี ท่านก็ไม่อยากจะตอบ เขาก็ถามหลายที ท่านก็บอกว่าให้ตอบก็ตอบได้ บริหารแบบคนจน ไอ้คำว่าคนจนเขาก็ต้องรู้แล้วความหมายตามที่ท่านใช้ภาษาอังกฤษ แบบคนจน เขาก็เข้าใจกันแหละ เขาก็งง ต้องการทราบอีก ท่านก็อธิบายให้ทราบอีก แต่ว่าผู้รับคงไม่ง่ายที่จะรับความรู้รายละเอียดอันนี้ แม้ในหลวงท่านก็เป็นสายเจโต ถ้าเป็นโพธิรักษ์ก็คงจะใส่ให้นิ่งอยู่ตรงนั้น นั่งไม่มืดก็สว่างอยู่ตรงนั้น ก็คงจะอธิบาย เพราะคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ที่ควรอธิบายให้ฟังเป็นรัฐมนตรี เขาก็จะไปอธิบายสู่เพื่อนเขาที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ฟังอีกที มันก็จะได้ประโยชน์ในการให้มนุษยชาติได้รับความรู้ที่น่ารับไปอันนี้ 

ที่มา ที่ไป

ครบรอบ 53 ปี โพธิกิจ พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ( 16:32:36 )

คนมาจนเป็นเรื่องประหลาดและดีงามที่สุดอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ให้มาศึกษา ศึกษาดีๆแล้วจะรู้ว่า อย่างอาตมาพาทำ เอาธรรมะพระพุทธเจ้าโลกุตรธรรมมาสอนลงไปในศาสนา ลงไปในมนุษยชาติในประเทศไทย เกิดคนรู้จักโลกุตรธรรมเกิดคนปฏิบัติโลกุตรธรรม มาได้จนถึงขั้นสาราณียธรรม 6 มีชุมชนที่มีสาธารณโภคี เกิดพฤติกรรมวรรณะ 9 เป็นคนเลี้ยงง่ายเป็นคนบำรุงง่าย เป็นคนมักน้อย เป็นคนมาจน ซึ่งแค่มาจนนี้ เขาก็ไม่เชื่อ ฟังแล้วมันดูตลกๆ มาจนทำไม จะบ้าหรือเปล่า รวยขนาดนี้ยังไม่พอเลย ก็รวยมากๆสิ จะได้สุขสบาย สะดวกดี คุณทำตนให้รวยแล้วคุณสุขสบาย มันไม่เก่งหรอก ต้องทำตนให้จนสิ ศูนย์เลยไม่ต้องมีสักบาท จะสบาย เก่งกว่าคุณเยอะเลย สบายอย่างลึกซึ้งกว่าคุณด้วย ซึ่งเป็นภาษาที่อธิบายยากมากเลย สบายอะไรวะมาจน 

นี่มาอยู่กันพวกคุณสมัครใจเอง มีอิสระทั้งนั้น มาจน ซึ่งเป็นเรื่องยืนยันพิสูจน์เป็นปรากฏการณ์ของโลก ในชาวอโศกนี้ คนก็ฟังดูว่า จะมากดข่มเต๊ะท่า ทำเป็นเท่ มันก็ดูเท่ดีนะ นอกจากจนแล้วก็ขยันหมั่นเพียร สร้างสรรเสียสละ แจกจ่ายไป ตัวเองไม่ต้องเอากลับคืนมา ตัวเองไม่ต้องไปเอาเปรียบ เราเสียสละ มันก็เท่นะ เขาก็บอกว่าดูซิมันจะเต๊ะท่า มันจะเสแสร้งทนได้สักกี่น้ำ ลองดูซิ ....เมื่อไหร่พวกคุณจะไป มากดข่มเสแสร้ง เมื่อไหร่จะไป 

ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เกินคาดคิด ไม่ได้รู้กันได้ง่ายๆหรอก วรรณะ 9 แค่มาจนก็เป็นเรื่องประหลาดแล้ว ซึ่ง มันเป็นเรื่องที่ดีงามที่สุดเลยไม่ต้องไปแย่งชิงใครมามีแต่สร้างสรร แจกจ่ายเผื่อแผ่ จะกินจะใช้อะไรเราก็กินน้ำพักน้ำแรงของเรา เราทำมากกว่าที่เรากินเยอะ เราไม่ได้เสีย เราไม่ได้เป็นหนี้ ไม่ได้เป็นบาปเป็นเวรเป็นภัยอะไรหรอก อย่ามาขี้เกียจจนเกิน กินใช้มากกว่า คิดแล้วไม่พอกินพอใช้แล้วเป็นหนี้หนักในนี้ เพราะฉะนั้นจะมาขี้เกียจขี้คร้าน เอาเปรียบเอารัด กินแรงผู้อื่นนั้น มันยิ่งบาปหนัก บาปซ้ำบาปซ้อน เด็กๆฟังไว้อย่ามาเที่ยวได้กินแล้วก็รู้สึกสบาย ได้เปรียบไม่ดี ต้องเสียสละให้เราเป็นผู้ที่ได้ให้ ได้เสียสละ เป็นผู้มีส่วนเกินให้กับผู้อื่น มันถึงจะเป็นเจ้าหนี้ ถ้าคุณเองคุณไม่คุ้มตัว กินแรงผู้อื่นไปเบียดเบียนผู้อื่น คุณก็เป็นลูกหนี้ข้ามชาติ ไปถึงไหนๆ

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 50 ตอบปัญหาผ่าปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 กันยายน 2565 ( 15:11:02 )

คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

การส่งออกประชาธิปไตยตรงนี้ คือประชาธิปไตยขาเดียวบ้าง ประชาธิปไตยเก๊ๆ บ้าง แต่ละประเทศที่คิดว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตยก็พยายามส่งออกให้คนนับถือความเป็นระบอบระบบปกครองบริหารที่เรียกมันว่าประชาธิปไตยของตนของตน ของประเทศตน เพื่อที่จะไปล่าบริวารประเทศอื่นๆ หรือไปแพร่ลัทธิ ไปแพร่ประชาธิปไตย เป็นสินค้าส่งออกของตัวเองกับประเทศอื่นๆ ต่างๆ เพื่อจะได้บริวารเพิ่มขึ้น มันเป็นวิธีการหาบริวารทั้งนั้น 

จะว่าไปแล้ว ศาสนาพุทธของเรา หรือชาวอโศก เราก็เป็นประชาธิปไตยแบบพระพุทธเจ้า อาตมาพาทำนี่ก็แพร่ไปที่จะเพื่อให้คนอื่นเขาได้เหมือนกัน ให้คนอื่นเขาเห็นเขารู้ แต่ว่าเราไม่ใช้ประเภทยัดเยียด ประเภทหว่านล้อม แต่เราใช้ประเภทที่ให้คนอื่นเขาเห็นความจริงเอง เข้าใจเอง อิสรเสรีภาพ มาสัมผัสแล้ว อ๋อ.. อันนี้น่าสนใจ น่าสนใจ เอออันนี้ใช่ๆ แล้วเขาจะมาโดยบริสุทธิ์เอง เราจะได้คนเหล่านั้นมาจากความจริงของเขา พาตัวเขามา ไม่ใช่เราไปดูดเอาเขามา ไม่ใช่เราไปหว่านล้อมเขามา หรือไปใช้อำนาจพิเศษมอมเมาครอบงำอะไร ไม่ใช่ เราไม่ต้องการ อาตมาไม่ต้องการคนที่ยังไม่มีปัญญาพอที่รู้ความจริงเข้ามา 

ถ้าคนที่ไม่มีปัญญาจริง ถูกหว่านล้อม ถูกล่อ ถูกซื้ออะไรมาก็แล้วแต่ ก็มา ป่วน อย่างนี้เรายากที่จะต่อภพภูมิให้อีก ขนาดที่ไม่หว่านล้อมยังไม่ง่ายใช่ไหม  ให้เจริญด้วยสัจจะของมันนี่เป็นฐานต่อฐานต่อฐานขึ้นไป มันยังยากเลย ความซับซ้อนของสัจธรรมถึงขนาดนั้น เพราะฉะนั้นอาตมาไม่ได้ไปแข่งดีแข่งเด่นไปแย่งประชาชน  ไม่ ทุกคนมาเอง  อิสรเสรีภาพด้วยภูมิปัญญาและต้องการให้คุณเห็นด้วยภูมิปัญญาจริงของแต่ละคนที่เข้ามา 

เพราะฉะนั้นพวกเราจึงมาเป็นคนที่จะมีวรรณะ 9 พวกเรานี่เข้ามาจึงเป็นคนมีน้ำหนักพอเป็น The Classic เป็นคนมีคลาสสิค เป็นคนชั้น 1 เพราะถูกคัดเลือกมามีวรรณะ 9 เข้ามาก็ไม่ยาก เป็นอยู่ก็เลี้ยงไป สุภระ ง่าย จะสอนกัน ช่วยเหลือกันให้พัฒนากันต่อไปก็ สุโปสะ เจริญง่าย พัฒนาง่าย แล้วก็เข้าถึงความมักน้อยหรือกล้าจนได้ง่าย จนได้ง่าย ไม่ยาก เพราะว่ามันชัดเจน มันมีฐาน  (ผู้เจริญปกติมีวรรณะ 9 พตปฎ. เล่ม 1 "ปฐมปาราชิกกัณฑ์" ข้อ 20)

คนที่จะมาเห็นความจนดีกว่าความรวยนี่ มันหักเลยนะ มันหักมุมใช่ไหม มันทวนกระแสคนละเรื่องเลย ธรรมชาติธรรมดาคนก็ต้องการความรวย ให้ความสำคัญกับความรวย ต้องการความมักมาก แต่จะมามักน้อย มาเอาความจน กล้าที่จะมาเป็นคนจน มันเป็นจุดแบ่งหรือจุดหัก จุดหักเหที่ยิ่งใหญ่ เป็นจุดหักเหที่ยิ่งใหญ่ 

เสแสร้งมา คุณเสแสร้งไม่ได้นานหรอก เสแสร้งจะมาเป็นอย่างนี้บ้าง ไม่นานถ้าเชื้อแท้คุณไม่จริง มาประเดี๋ยวเดียวคุณก็ออกไป 

เพราะฉะนั้นเราได้เชื้อแท้มา พอมารู้จักน้อย รู้จักจน มันก็ยิ่งจะถึงขั้นพอ ใจพอ-สันโดษ สันตุฏฐิ มันพอ เอ้อ! น้อยนี่มันพอ น้อยลงไปอีกได้ไหม น้อยลงไปอีกก็พอ 

แต่ก่อนนี้อาตมาเคยอธิบายยกตัวอย่าง แต่ก่อนเราเคยใช้เดือนละหมื่น ต่อมาเราใช้ลดลงมา ใช้สัก 8,000 “เออ! ได้ พอแฮะ” ลดลงมาอีกสิ ไอ้ที่มันไม่จำเป็น ที่มันไม่สำคัญ ที่มันฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายก็ลดลงมาอีก “เออ! 8,000 บาทก็พอ” เออ! ลดลงมาเหลือ 5,000 สิ “เออ! 5,000 บาทก็พอ” หนักเข้าเหลือ 3,000  2,000 ก็พอ 1,000 บาทก็พอ เออ 500 ก็พอ หนักเข้า 200 บาท ก็พอ

“0 บาทก็พอ” อยู่กับหมู่กลุ่มได้ช่วยกันสร้างสรรนี่ ยิ่งมาเข้าใจใหญ่เลยว่า อ้อ! ทำไมจึงอยู่ได้ ทำไมมีเหลือเฟือที่จะเผื่อแผ่เขา คนจนแท้ๆ และก็ไม่ไปเอาแบบก้าวหน้าอย่างมากเหมือนกับทางโลกเขาทำ

อย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัส ไม่เอาก้าวหน้าอย่างมาก อย่างโลกีย์เขาเป็นกัน อย่างนั้นมันมีแต่ถอยหลัง แล้วถอยหลังมันมีแต่น่ากลัว พระเจ้าอยู่หัวท่าน เจโต ท่านก็ตรัสอย่างนั้นสั้นๆ คนก็ไม่เข้าใจ ต้องการฟังอีก เราก็อธิบาย อธิบายแล้วเขาก็ถามอีก มันก็ไม่ง่ายจริงๆ 

เพราะฉะนั้นความเป็นจริงที่เป็นโลกุตรธรรมที่เรากำลังพยายามที่จะให้คนได้ ไม่ได้ยัดเยียด ไม่ได้หว่านล้อม เสนอสัจธรรม เสนอความจริงออกไป ให้คนสนใจ ให้คนสัมผัส เห็นจริงแล้วก็พอใจที่จะเอาตาม 

คิดดูซิ คนที่จบด็อกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์ คนที่จบด็อกเตอร์ทางบริหาร เยอะแยะ ข้าราชบริพารในหลวงรัชกาลที่ 9  ไม่มีกระเตื้องอะไรกันเท่าไหร่ นักเศรษฐศาสตร์ นักบริหารอะไรก็แล้วแต่ ยังรับลูกของในหลวง ร.9 คงเข้าใจนะคำว่า รับลูก รับลูกต่อ ยังไม่ค่อยได้กัน เราก็ไปบังคับกันไม่ได้ ่บอกแล้วอาตมาไม่หว่านล้อม ไม่ไปเที่ยวได้หาทางบังคับให้คนเข้าใจ หรือล่อให้คนเข้าใจ แต่จะให้เห็นจริงแล้วเขาเข้าใจ ให้เกิดปฏิภาณปัญญาว่า “โอ้โห.. อย่างนี้เป็นสัจจะที่น่าสนใจนะ” ให้เขาเกิดอาการอย่างนี้ ให้เขาเกิดสภาพอย่างนี้เอง แล้วเขาจะมาได้ 

โดยเฉพาะยิ่งเป็นผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่ มีฐานะทางสังคม ที่เป็นที่ยอมรับนับถือ อย่างอาตมาเกิดมาชาตินี้ มันไม่มีฐานะทางสังคมเลย ไม่มีใครจะเชื่อน้ำมนต์ เพราะว่าอาตมาไม่มีฐานะทางสังคมอะไรก็ไม่มี รูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย แล้วความรู้อะไรๆ ทางโลกก็ไม่มี ไม่มีอะไรรับรองมาเลย แม้แต่รางวัลกิตติมศักดิ์ ปริญญาตรีกิตติมศักดิ์ยังไม่ได้เลย อย่าไปพูดถึงปริญญาเอกเลย ไม่ได้นะ ปริญญาตรี    อาตมายังไม่ได้ถึงปริญญาตรี ชาตินี้ไม่ได้เรียนจบปริญญาตรี เรียนจบแค่ ปวส. ยังไม่ได้ ไม่ได้รับปริญญาตรีกิตติมศักดิ์ก็ยังไม่ได้ ไม่ต้องไปพูดถึงปริญญาเอก

แต่อาตมาไม่ได้ไปกังวล ไม่ได้ไปน้อยใจ ไม่ได้ไปท้อ กลับยิ่งเห็นความจริงเลยว่า เราต้องทำงานหนักเนาะ ยิ่งเห็นความจริง คนเขายังไม่ค่อยเข้าใจ ยังไม่ค่อยรู้จักสัจจะที่เราพยายามเสนอนี่ 

เพราะฉะนั้นการส่งออกประชาธิปไตย ที่เป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า ที่อาตมาพยายามจะขยายความ ไม่ง่ายเลย อาตมายังจะเขียนต่อ ยังไม่จบ จะหยิบขึ้นมาเขียนต่อ ส่วนเรื่องที่เขียนเพิ่งจะจบ จบวันที่ 1 วันที่ 2  นี้แหละ หนังสือเรื่อง “เกิดมาชาตินี้” เพิ่งจบเพิ่งบอกจบ ให้เอาไปจัดการทำหนังสือ เล่มนี้จะแจกในวันที่ 9 มิถุนายน 2567 แต่คงจะพิมพ์เสร็จก่อน เอาออกมาแจกก่อนให้พวกเราอ่านก่อน แต่แจกเป็นทางการในงานฉลองคอนเสิร์ต 9 มิถุนายน 2567  ก็นี่แหละหนังสือ “เกิดมาชาตินี้” เขียนจบไปแล้ว เพิ่งจบไป แล้วค่อยไปพิมพ์ทำเล่ม หนา 200 กว่าหน้า ก็ไม่น้อยนะ ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอก 200 กว่าหน้า คิดว่าอาตมาอาจจะนำเอามาอ่านขยายความให้พวกเราฟังก่อน ล่อเป็นออเดิร์ฟหน่อย ให้น้ำลายไหล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 43 คนมาด้วยปัญญากับไซโคพาธหลอกมา ต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 14:44:35 )

คนมาตำหนิคือคนชี้แผลที่เราต้องรักษาตัวเอง

รายละเอียด

คนที่มีแผลคือมีปัญญารู้ว่าตนเองผิด มีคนมาชี้แผล มีคนมาท้วงแผลจะขอบคุณเขา คนที่มา ท้วงแผล ว่าคุณมีแผล เราก็กำลังรักษาอยู่ ขอบคุณเขา ใช่ แผลนี้คือ สิ่งที่ไม่ดีไม่งามของเรา คนเขามาท้วงแผล หรือท้วงสิ่งไม่ดีไม่งามให้แก่เรา เราก็พอรู้อยู่ หรือแม้เราไม่รู้เลยว่าเรามีแผลนี้ คนมาท้วงให้ ว่านี่แผล เราก็จะได้เห็น เราก็จะต้องตรวจดูเสีย คนที่จะมาท้วงว่า เรามีแผลหรือเรามีสิ่งที่ไม่ดีที่ควรต้องรักษาควรต้องดูแล หากเราไม่รู้ตัวนี้เราโง่ คนมาท้วงให้แล้วเราก็ตรวจสอบดูว่าเป็นแผลจริงๆ เป็นความไม่ถูกต้องความไม่ดีจริงๆนะ ก็ต้องขอบคุณขอบคุณ จะต้องรักษา เห็นแล้ว ตอนนั้นไม่เห็น ตามืดตาบอด โง่ไปชั่วขณะ ตอนนี้คุณมาท้วงให้ ก็ขอบคุณมาก 

คนที่มีปัญญา คนที่รู้จักรับสิ่งที่คนไหนเขาจะให้เรา เขาจะท้วงเขาจะด่า เขาจะว่า เขาจะตำหนิ ก็เราได้ประโยชน์หมด ส่วนคนถือตัวใครแตะไม่ได้ ใครต้องไม่ได้ ใครว่าไม่ได้ ก็แน่นอน คนนี้ไม่เจริญ คนที่เจริญก็คือคนที่คนดุ คนท้วง คนตำหนิได้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า คำตำหนินี้เป็นสิ่งประเสริฐ คำสรรเสริญเป็นสิ่งที่ต่ำทราม ฟังให้ดีนะอันนี้ อาตมาสรุปคำสอนพระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้ตรัสรวมไว้หรอก ท่านตรัสไว้หลายที่ มีที่หนึ่งท่านตรัสไว้ว่าความสรรเสริญไม่มีค่าเพื่อความละหน่ายคลายเป็นความต่ำทราม แต่ความตำหนิเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ผู้ใดที่มีปัญญาจะรู้ว่า คนที่คอยตำหนิ คอยชี้โทษนี่แหละ คอยขนาบ คอยข่มคอยตำหนิ คอยขนาบอยู่ ผู้นี้แหละคือผู้ที่ชี้ขุมทรัพย์ ควรคบ บัณฑิตที่เป็นเช่นนี้ เมื่อคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนี้อยู่ก็จะมีแต่ดีๆๆ ถ่ายเดียว ไม่มีเลวเลย 

เพราะฉะนั้นผู้ที่ฉลาดจะคบกับคนที่ตำหนิเก่งๆ แล้วตำหนิถูกต้อง ตำหนิไม่หยาบคาย อาจจะแรงเพราะถูกแผล เปรี้ยงๆ มันก็เจ็บ ที่ว่าเจ็บหรือว่าแรงก็คือพูดถูกต้อง ไปถูกต้องแผล ถูกต้องความผิดถูกต้องความไม่ดีไม่งามของใคร ของคนที่ผู้ที่ตำหนิ มันก็เจ็บ มันเป็นธรรมชาติอย่างนั้น เพราะฉะนั้นฟังธรรมะดีๆแล้วทำความเข้าใจถึงจะได้ประโยชน์ ถ้าคุณฟังไม่ดีไม่ได้ประโยชน์ จะมีแต่รักษาอัตตาตัวตน รักษากิเลสแล้วก็ไม่มีเจริญเลย เพ่งโทษผู้ที่เขาจะช่วยให้เจริญด้วย อย่างนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเจริญได้สักวันหรอก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประกาศสิทธิสำเร็จสูงสุดคือสิทธัตถะ วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 สิงหาคม 2566 ( 14:12:10 )

คนมาปฏิบัติจิตสังขาร

รายละเอียด

การปฏิบัติจิตสังขารจะเกิดอุปธิวิเวกก็ทำที่จิต คนที่มิจฉาทิฏฐิปฏิบัติ หลับตาไกลจากวิเวก นั่งหลับตาไม่มีภายนอกเท่านั้นแหละไกลจากวิเวกแล้วไม่สำเร็จ หรือการวิเวกก็ออกมา เอาตัวเองมานอก เรียกว่าวิเวกสงัด เอาแต่ว่างนำตัวเองไปอยู่ป่าเข้าถ้ำป่าช้าที่ห่างไกลจากโลกีย์หนีสัมผัส แล้วดันไปอยู่แต่ผู้เดียวอีก เดินผู้เดียว ไปผู้เดียว นั่งผู้เดียว อยู่แต่ผู้เดียวอีก ไม่มีมิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ไม่มีผู้ช่วยเลย อวดเก่ง คนนี้ยิ่งไกลจากวิเวกลิบเลย เขาเป็นมิจฉาทิฐิแล้วออกจากป่าไปเข้าถ้ำ จิตวิเวกมิจฉาทิฐิก็ไปไกลเลย การพิจารณากิเลสในขันธ์ทั้ง 5 ทิ้งไปหมดเลย ทางตา หู จมูก ลิ้น กายใจ ก็ทิ้งหมดเลยมันจะไปรู้ขันธ์ ได้อย่างไร รู้แต่ขันใส่น้ำ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:18:16 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:22:45 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:47:26 )

คนมาอยู่รวมกันเป็นหมู่กลุ่มได้ อยู่ด้วยคุณธรรมอะไร

รายละเอียด

สรุปแล้วคนเรามาอยู่รวมกัน แล้วเป็นหมู่กลุ่ม คือคนนี้มันเป็นสัตว์โขลง เป็นสัตว์ที่รวมกันเป็นกลุ่มหมู่ แล้วเป็นหมู่ที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ มี สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ได้ลาภโดยธรรม ลาภธัมมิกา เอามารวมกันอย่างนี้ พัฒนา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา  ปฏิบัติตามศีลที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราปฏิบัติ ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีลก็เสมอสมานกันไป คนที่เขาทำได้ เรายังทำไม่ได้ ก็เกื้อกูลกัน เคารพกัน รักกัน ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าทุกอย่าง 

อาตมาว่าได้นำคำสอนพระพุทธเจ้ามาขยายความ ยืนยันให้พวกคุณเข้าใจ แล้วก็ได้ปฏิบัติ ได้มรรคได้ผลตามที่มันเป็นจริง จนเกิดมรรคเกิดผลในชีวิต จนชีวิตของพวกคุณนี้ เอาไปเอามาก็มาอยู่รวมกัน คนนี้ปักษ์ใต้ คนนี้ปักษ์เหนือ  คนนี้ปักษ์อีสาน ปักษ์กลางก็แล้วแต่ ก็อยู่ บางคนก็อยู่ไกล แต่ก็มีต่างประเทศนะ เป็นคนไทย มีเชื้อจีนบ้าง เชื้อแขกบ้าง คงไม่มีใครมีเชื้อโควิดนะ ก็ดีแล้ว มีเชื้อแขก เชื้อไทย เชื้อจีน ก็ว่ากันไป 

แล้วก็มามีชีวิต โดยเป้าหมายเราจะเดินทางไปสู่ความตาย เราเห็นว่าชีวิตเรา กลุ่มนี้แหละ มนุษย์กลุ่มนี้ คนกลุ่มนี้แหละ มีวัฒนธรรม มีการพากันประพฤติปฏิบัติไป เราอยู่ด้วยได้นะ ถ้าเราจะมาอยู่ด้วยก็อยู่ได้ เราอยู่กับหมู่นี้ดีกว่า แต่ก่อนนี้เราก็อยู่เดี่ยวๆ อยู่ตามความคิดของเราเป็นเอก เสร็จแล้วเราก็เป็นเจ้าใหญ่เลยในบ้าน หาเงินหาทอง สร้างอำนาจบาตรใหญ่ของเราไปตามประสาเราไป แล้วคนส่วนใหญ่เขาก็เป็นอย่างนั้นจนกว่าเขาตาย แต่พวกเรานี้ถอดตัวถอดตน ปัดโธ่ ชีวิตของเราก็เป็นแค่นั้น ยิ่งมีระบบ สาธารณโภคี มีระบบที่ร่วมกันรวมกัน ไม่ยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวเป็นตน เป็นของตนอะไรกันมากมาย มีอะไรก็อาศัยช่วยกัน สร้างสรรไป บูรณะไป เก็บกวาดกันไป อะไรที่จะพอเก็บกวาดกันได้ อะไรไม่พอก็สร้างขึ้น อะไรที่ทำขึ้นได้แล้ว มันเจริญของมันไป เช่นเราปลูกพืชผัก มันก็ทำของมันต่อ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังคมของคนที่ตายจากกิเลสจนเป็นพระอาริยะ วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2565 ( 10:15:42 )

คนมาอยู่รวมกันความทิฏฐิสามัญญตา

รายละเอียด

มันมีองค์รวม เป็นความคิดองค์รวม ความเห็นองค์รวม เรียกว่า ทิฏฐิสามัญญตาก็เลยมารวมกัน เป็นวัฒนธรรมเป็นหมู่กลุ่มที่มีทิศทาง เรียกว่า ทิฏฐิสามัญญตาไปในทางเดียวกัน มันมีตัวขัดแย้งกันบ้าง แต่ไม่รุนแรง อันพอเหมาะ ขัดแย้งอันพอเหมาะ มันเป็นธรรมชาติของสิ่งที่ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน มันก็ขัดแย้งกันโดยธรรมชาติ แล้วแต่ละคนก็ยึดตามอัตโนมัติ ยึดว่าเออ.. ของเราน่าจะดีกว่าของเขาน่าจะลดลง หรือ​ก็เห็นว่าของเราไม่ดีของเขาดีกว่า ของเขาน่าจะได้กำไรกว่า อย่างนั้นดีกว่า ก็เห็นได้ว่า มีความบกพร่องของเรา อันนั้นของเขาเจริญกว่า เราก็พัฒนาตามให้ทำอย่างโน้น ไม่รู้ว่าจะทำให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ก็ถามกัน เขาบอกไม่ได้ ก็ถามคนที่พอจะอธิบายได้ เออ คนนี้ทำไมเขาเป็นอย่างนี้ได้ ก็ว่ากันไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังคมของคนที่ตายจากกิเลสจนเป็นพระอาริยะ วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2565 ( 10:11:41 )

คนมาเข้าสู่สนามนี้ต้องพูดดีคิดดีทำดีออกมา

รายละเอียด

อันนี้ใช่ จริง ค่อยๆ เป็นไป ความจริงจะค่อยๆ ปรากฏด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะค่อยๆ คลี่คลายด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ มีปรากฏการณ์มีพฤติการณ์เกิดขึ้นในสังคมไปได้เรื่อยๆ มันก็จะเป็นไปตามธรรมดา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่ง วันอาทิตย์ที่  6 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ธันวาคม 2565 ( 12:37:06 )

คนมี 2 จริต

รายละเอียด

เมื่อเริ่มศึกษาฝึกฝนเรียนรู้ทำได้ โดยที่คนมี 2 จริต จริตศรัทธากับเจ้าปัญญา 

จริตศรัทธาจะเป็น สังขิตตังจิตตัง เป็นลักษณะของ เจโต เป็นก้อนๆ 

ส่วนวิกขิตตังจิตตัง เป็นสายปัญญากระจาย รวบไม่ติด ส่วนพวกเจโต เป็นก้อนแยกไม่ออกเหมือนผมเป็นสังกะตัง 

เราเป็นแบบไหนก็แก้ไข กระจายก็รวบให้เป็นหนึ่ง เป็นก้อนก็ต้องแยกเป็น 2 ให้ชัดเจน เรียนรู้ ถ้าแยกไม่ได้ทำไม่เป็น อมหัคคตะ ก็ไม่เจริญขึ้น คุณทำไม่ได้แยกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ติดอยู่อย่างเก่าคุณก็จมอยู่อย่างนั้น ไม่เจริญขึ้นไม่มหัคคตะ 

จะทำให้มากขึ้นดีกว่านั้นก็ไม่ได้ จะทำให้เก่งขึ้น อัคคะ หรือมหัคตะ ก็ไม่ได้ ทำได้ก็จึงเป็น มหัคตะ ทำไม่ได้ก็ อมหัคตะ อมหัคตะ กับมหัคตะ ก็ต่างกันเป็นอีกคู่หนึ่ง 

คู่ที่ 6 อนุตตรังจิตตัง สอุตรังจิตตัง

อนุตตรังจิตตัง มีความเหนือไปได้มากขึ้นเรื่อยๆมากขึ้นเรื่อยๆเจริญขึ้นเรื่อยๆเรียกว่า สอุตรังจิตตัง จิตที่เป็นอุตตระเป็นความเหนือ เจริญขึ้นเรื่อยๆ แต่จะรู้ตัวเองว่า มันเจริญขึ้นแต่มันยังไม่จบยังไม่มีที่สุด เหนือที่สุด เรียกว่า อนุตรังจิตตัง ก็ทำให้เหนือที่สุดไปให้สุดให้ได้เรียกว่า อนุตรังจิตตัง 

พยายามทำสะสมขึ้นไปจะรู้ได้ด้วยตนเอง มีญาณตัดสินให้คะแนนของตนเองชัด คนอื่นช่วยบอกได้แต่มันก็ไม่จริงเท่าตัวเราทำของตัวเราเอง คนจะบอกได้ก็ต้องเป็นคนที่เหนือชั้นจริงๆ อย่างอาตมา ยังไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้จริงๆเท่าไหร่ คนนี้เป็นโสดาบันเท่านี้แล้วคนนี้เป็นสกิทาคามีเท่านี้แล้วคนนี้เป็นอรหันต์ท่านมีแล้ว อาตมายังไม่เก่ง พอรู้ได้พอบอกได้แต่ยังไม่เก่ง ก็พูดความจริงอาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น ไอ้ที่เป็นได้ก็บอกได้ ไอ้ที่เก่งจนกระทั่งไม่มีใครได้เท่าอาตมา พูดความจริงทั้งนั้นอาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น แต่คนเขาไม่ศรัทธาก็ไม่เชื่อ คนศรัทธาจะเข้าใจยิ่งว่าอาตมาเป็นคนจริงนะ อาตมาเป็นคนจริงคนตรงพูดอะไรไม่เป็นสองเลย พูดเป็นหนึ่งเปรี้ยงๆ เลย ถ้าคุณเข้าใจได้ ยิ่งกว่าขวานผ่าเลยคนนี้เปรี้ยงๆ แต่พูดแรงด้วยนะ แตกโพล้ะเลย

จาก สอุตระถึงที่สุด มีเครื่องยืนยันว่า 1.เป็น สมาหิโต กับอสมาหิโต จิตตั้งมั่นกับจิตไม่ตั้งมั่น 

กับ วิมุติกับอวิมุติ อีก 2 คู่ จบหรืออย่างตั้งมั่นหรืออย่าง static รู้รอบ วิมุติ (มุติแปลว่ารู้) รู้ยิ่งรู้จบจนไม่มีที่จะรู้อีกแล้ว ​วิ ก็แปลว่าไม่ได้ รู้จบแล้วจนไม่มีที่จะรู้ต่ออีกแล้ว 

กรอบโสดาบัน ก็รู้จบกรอบโสดาบัน

กรอบสกิทาคามีก็รู้ว่าเป็นกรอบของสกิทาคามี 

กรอบอนาคามี จบกรอบของอนาคามี

จบกรอบ อรหันต์ก็รู้ว่าจบกรอบของอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 20:05:09 )

คนมี 2 ตระกูล

รายละเอียด

ตระกูลศรัทธาก็เป็น สังขิตฺตํจิตตํ ลดลงไปได้ แต่ก็ยังตีไม่แตก แข็งเป็นก้อนยังทื่ออยู่ พอฝ่ายสายฟุ้งซ่าน สายปัญญาก็เป็น วิกขิตฺตํจิตตํ ของใครของมันก็ทำให้มันเจริญให้ได้ให้เรียนรู้กิเลสตามตระกูลของตนเอง ศรัทธาก็ตามปัญญาก็ตามพระพุทธเจ้าก็ชัดเจนว่าคนมี 2 ตระกูล อย่างนี้ ก็เรียนรู้ของตนของตน เมื่อทำให้มันเจริญได้ก็เป็น มหัคตะ ทำให้เจริญยังไม่ได้ก็เป็น อมหัคตะ ทำให้รู้จักกิเลส ตีแตกกิเลสตัดกิเลสให้ได้ฟุ้งซ่านก็ดับกิเลสอย่างฟุ้งซ่าน อย่างพวก ถีนมิทธะพวกเกาะแน่น กิเลสก็รู้ได้ยากตามประสาของ ถีนมิทธะ หรือ สังขิตฺตํจิตตํ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:17:35 )

คนมี status quo เป็นธรรมะ 2

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นหยุดสักทีหนึ่ง เรามาทรงไว้เรียกว่าธรรมะ ธรรมะคือทรงไว้ เราทราบว่าจนเท่านี้เราอยู่ได้ใช่ไหม จนกว่านี้เราอยู่ได้ใช่ไหม เราเชื่อใคร ก็คนของเราที่ได้ศึกษาฝึกฝนแล้วเป็นคนมี status quo เป็นคนที่มีความตั้งมั่นคงที่แข็งแรง มีแกนบวก status Static แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ใช่มีแต่ static แต่เป็นธรรมะ 2 มี Dynamic ด้วย เป็นพลังงานบวกลบในโลก เป็นธรรมะ 2

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 21:25:09 )

คนมีการตั้งเจตนาได้

รายละเอียด

ถ้าอาตมาเป็นไปได้อย่างที่ว่า 151 ปี โอ้โห.. รับรองคนยอมรับอาตมาหมดเมื่อนั้น เนาะ เอาน่า ..ไม่ได้ 151 150 ก็เอา 150 ไม่ได้ 149 ก็ 149 ไม่ได้ 148 ก็เอา 148 ไม่ได้ ลดลงมาอีกเท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละไม่เอาไม่ได้อย่างไร มันเป็นไปตามความจริง 

คนมีการตั้งเจตนาได้ จะเป็นไปได้หรือไม่ได้ก็พากเพียรเอา เราไม่ได้เจตนาหรือไม่ได้ตั้งจิตไปเพื่อจะทำชั่ว ไม่ได้ตั้งจิตไปเพื่อจะทำสิ่งไร้ค่าไร้ประโยชน์ อาตมาว่าเป็นประโยชน์คุณค่านะ เพราะฉะนั้นอาตมาเจตนาอย่างนี้ ตั้งจิตที่จะมีอายุยืนยาว จะว่าขี้โลภก็ไม่มีปัญหาเพราะตั้งจิตอยากจะทำสิ่งที่ดีเสียสละสร้างสรรค์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2566 ( 12:31:09 )

คนมีกำแพงไร้สภาพเป็นเช่นไร

รายละเอียด

อย่างชาวอโศกเรานี้ อาตมาว่าปฏิบัติได้ตามธรรมของพระพุทธเจ้าที่มีพฤติการณ์พฤติกรรมของแต่ละคนออกมา มีความยุติและเป็นความสงบได้ดีมาก มีผลสำเร็จที่สวยงามมาก ที่ไหนๆๆถ้าเข้าใจแล้ว ไม่ต้องไปฆ่าแกงกันหรือสร้างอาวุธขึ้นมาแล้วจะต้องยึดถือพยาบาท อาฆาต ต้องเอาทางนั้นลงให้ได้ จะต้องไม่มีอยู่ในโลกร่วมกันไม่ได้อะไรพวกนี้ ที่มีความคิดรุนแรงพวกนี้คนที่เขาติดยึดก็ทำอยู่ คนที่เลิกแล้ว ไม่ทำแล้ว 

คนที่ได้มีความคิดมีหมู่กลุ่ม มีพลังงานสงบยุติธรรม จะเป็นพลังงานกำแพงไร้สภาพ กันไอ้พวกที่หยาบๆคายๆไม่ให้เข้ามาใกล้เรา เพราะว่ามันมีพลังฤทธิ์พลังธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่เป็นกำแพงไร้สภาพ กั้นไว้จริงๆ 

เพราะฉะนั้นพวกที่หยาบคายรุนแรงจะไม่เข้าใกล้หรอก มันเป็นสิ่งที่เป็น อจินไตย เป็นสิ่งที่คิดไม่ถึงหรอกแต่มันมีได้เกิดได้ อย่างพวกเราชาวอโศก เป็นคนมีกำแพงไร้สภาพนั้นที่เป็นบารมี กั้นไว้ไม่ให้สิ่งเลวร้ายนี้เข้ามาใกล้ 

จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เข้ามารบกวนพวกเรารุนแรงไม่ค่อยมี เข้าใกล้ไม่ติด จะมีหลงก็มีเป็นธรรมดาเป็น Error เป็นส่วนที่เศษๆ ตกๆ หล่นๆ ทะเร่อทะร่ามาบ้าง แต่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วน้อยมากซึ่งเป็นธรรมชาติของความ error 

โลกจักรวาลมีมหาจักรวาล มีวงโคจรของดาวทุกดวง แต่ก็ยังมีเศษอุกกาบาตที่มันเข้าวงจรไหนก็ไม่ได้ก็มีอยู่บ้าง มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ เสร็จแล้วดีไม่ดีวันร้ายคืนร้ายไอ้อุกกาบาตนี้ก็ไปซัดดาวดวงใดดวงหนึ่ง กลายเป็นหลุมอุกกาบาต กลายเป็นเสียเส้นทางโคจรไปนิดๆหน่อยๆเปลี่ยนแปลงไป มันก็เกิดความเปลี่ยนแปลงในมหาจักรวาลเกิดเปลี่ยนแปลงวงโคจร ของกลุ่มวงโคจรดาวตั้งแต่นพเคราะห์ไปจนกระทั่งถึงกี่วงโคจรก็แล้วแต่ก็เป็นธรรมชาติ 

ในมวลมนุษย์จิตวิญญาณของคนก็มีเช่นนี้ มีวงโคจร มีการ กระทบ มีอะไรต่ออะไรอีก แล้วก็เกิดอุกกาบาตหรือเกิดตัวประหลาด มากระเทือนกระทบกระแทก อย่างน้อยก็เสียองศาไปจุดจุด 0 0 0 0 0 0 0 0 0 1 ก็ได้ ซึ่งเราวัดไม่ได้เพราะมันน้อยเหลือเกิน มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาท พิธีรับกลด ปี 2566 รุ่นใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ วันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:15:03 )

คนมีคุณค่าด้วยการแบ่งปันกันกินไม่ใช่สร้างอาวุธมาฆ่าคน

รายละเอียด

คนที่ปลูกนี้ให้กินคนเดียวของตัวเองปลูกคงตาย ไม่ได้หรอก ก็แบ่งกันกิน เกื้อกูลไป แล้วตัวเองก็เข้าใจอย่างนี้ เกื้อกูลเผื่อแผ่ผู้อื่น เราก็รู้โดยปัญญา เราสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้คนอื่นกิน คนอื่นใช้ คนอื่นเลี้ยงชีวิต ก็เป็นประโยชน์ เราก็เป็นคนมีคุณค่ามีประโยชน์ประเสริฐ สร้างอาวุธเข่นฆ่าคนนั้นคนนี้ ประเสริฐอะไร สร้างให้เก่งด้วย ประหารคนได้มากได้ไกลมีประสิทธิภาพสูงส่ง เหมือนอย่าง คิมจองอึนเขายังไม่คิดหยุดสร้างอาวุธให้ร้ายแรงที่สุด เป็นนายกรัฐมนตรีเกาหลีเหนือนี่ ไม่เคยมีความคิดที่จะหยุด เขาจะสร้างอันนี้ไว้สำหรับขู่คนอื่นขู่คนขี้กลัว เขาก็มีความคิดอยู่แค่นั้น เสร็จแล้วใครไปตอแยเขา เขาทำร้ายจริงๆนะ แม้แต่ญาติโกโหติกา เขาก็ทำร้าย ถ้าไม่ซื่อสัตย์ ไม่อยู่ในอาณัติที่เขาต้องการ แม้แต่พี่ชายก็ตามฆ่าเลยหนีออกจากประเทศก็ถูกตามฆ่า คิมจองอึน ตามประวัติก็มีเช่นนั้นจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:20:17 )

คนมีคุณธรรมวรรณะ 9

รายละเอียด

ที่พูดนี้ไม่ได้เล่นคารม มันเป็นความสำเร็จของพระพุทธเจ้า มนุษย์และสังคม บุคคลและสังคม เพราะฉะนั้นผู้ที่มีทิฏฐิสามัญญตา หมายความว่าเป็นผู้ที่มีความเห็นตรงกัน มีทฤษฎีที่ตรงกัน ทฤษฎีความเป็นอยู่ของชีวิตและมีหลักการของการเป็นอยู่ร่วมกัน เป็นอยู่ตรงกันเรียกว่าศีลสามัญญตา แล้วก็เป็นน้ำที่ไหลไปหาน้ำ น้ำมันไหลไปหาน้ำมัน ก็มาอยู่รวมกัน ก็เกิดกระบวนการสังคม ยังชาวอโศกเป็นกระบวนการสังคมที่เป็นสาราณียธรรมถูกต้อง เป็นกระบวนการของผู้มีคุณธรรมวรรณะ9 เป็นคนอยู่ง่ายเลี้ยงง่าย สุภระ เป็นคนพัฒนาให้ดีให้เจริญไม่ยาก ไม่ดื้อดึง ชาวอโศกแต่ละคนตั้งใจศึกษาปฏิบัติธรรมฝึกฝนได้มากได้น้อย ก็ตั้งใจกันจริงๆ สุโปสะ   และเป็นคนมักน้อยจริง แล้วใจพอ ชาวโศกบางคนจะยักไว้เท่าไหร่ก็แล้วแต่ ตัวเองไม่ไว้ใจตัวเองเผื่อเหลือเผื่อขาดก็มีอย่างนั้น มากน้อยก็แล้วแต่ คนที่เข้าใจมีภูมิปัญญาเขาก็จะลดลงเอาไว้น้อยลง และสะพัดแก่คนที่ควรสะพัดไป คนที่กล้าทิ้งมาก็เป็นอนาคาริกชน ทิังบ้านช่องเรือนชานมาแล้วก็อยู่ได้ มีที่อยู่ที่กิน ในที่สุดจะเจ็บป่วยก็มีคนดูแล อยากจะตายก็ตายมีผู้ช่วยเผา มันยิ่งกว่าสังคมยูโทเปียของโทมัสมอร์ ที่เขาฝัน ของพระพุทธเจ้าเกิดก่อนยูโทเปีย และเป็นจริงได้ซึ่งยูโทเปียนั้นยังไม่มีใครทำได้มีแต่ทฤษฎีเป็นนิยายของ Thomas More เป็นเมืองในฝันของแก อันนี้มันไม่ใช่Utopiaแต่มันสูงกว่ายูโทเปียด้วยแล้วพิสูจน์ได้แม้ทุกวันนี้ในยุคทุนนิยมสามานย์ เป็นยุคที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ อย่างร้ายกาจ ทางจิตวิญญาณไม่เจริญ แต่เป็นความรู้ทางวัตถุ เฉโกเยอะ แต่คุณธรรมไม่เจริญเหมือนอย่างโบราณ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 30 สิงหาคม 2563 ( 12:51:45 )

คนมีจิตวิญญาณคือรูปกับนาม ในหลวงร.9 เป็นรูปธรรม

รายละเอียด

คือจิตวิญญาณ มาเป็นผู้ปกครอง แล้วเป็นผู้ปกครองที่มีจิตวิญญาณ มีปัญญาโลกุตระ มันจึงเป็นเรื่องจริงของคนไทย แล้วการแพร่ ประชาธิปไตยนี้ มันมีรูปธรรมมา 70 กว่าปี ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงงานมา เป็นรูปธรรมที่ดูยาก มันเป็นรูปมันยังไม่ใช่เป็นนาม มันถึงยาก เหมือนกับไอน์สไตน์ ไอน์สไตน์ค้นพบ รูป ของ พลังงาน แล้วพลังงานเป็นรูป พลังงานไม่ใช่นาม 

mc2 เป็นพลังงานทางอุตุ ไม่ใช่ถึงพีชะด้วย อโศกเรากำลัง สร้างพลังงาน ทางพีชะ ขึ้นไปให้มันมีประสิทธิภาพ ถ้าคนรู้จักความสำคัญของพืชพันธุ์ธัญญาหาร ยกสถานะของ พีชธาตุ พีชนิยาม ขึ้นมาสู่โลกว่าสำคัญกว่าอุตุ 

พีชนิยามก็ต้องมีอุตุ จิตนิยาม ก็มีอุตุ ถือว่า พีชนิยาม จิตนิยามเหนือกว่าอุตุ อุตุสู้พีชะไม่ได้ พีชะเอาอุตุไปใช้ พีชะสู้จิตไม่ได้ จิตเอาพีชะ เอาอุตุไปใช้  สัจจะที่เขาต้องยอมเพราะเขาสู้ไม่ได้มันเป็น Axium เป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วต้องเป็นอย่างนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การปฏิวัติโดยประชาชนของไทย เป็น Soft Power วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:16:21 )

คนมีดวงตาฟังเข้าใจ

รายละเอียด

อย่างอาตมาแสดงธรรมเผยแพร่ธรรมะ มันไม่ใช่ธรรมะเอาใจ ไม่ใช่ธรรมะประเล้าประโลมใจ แต่มันขัดใจ มันฝืนกิเลสกัน เพราะฉะนั้นอาตมาไม่ได้ความยอมรับ ไม่ได้ความยินดีปรีดาอะไรหรอก ฟังแล้วมันฝืนใจ คนไม่รู้ธรรม อาตมาก็ไม่มีปัญหา เพราะอาตมาไม่ได้แสดงธรรมเพื่อจะได้บริวาร เพื่อจะได้รับคำยกย่องเชิดชู โดยเฉพาะยิ่งลาภยศสรรเสริญนั้น ไม่ใช่ ไม่ได้มาทำงานเพื่อสิ่งนี้เลย ทำงานเอาสัจธรรมจริงๆมาขยาย แล้วพวกคุณก็อุตส่าห์ฟังรู้เรื่อง ยินดี เข้าใจแล้วมากันนี้

อาตมาก็ยังบอกแล้วพูดแล้วหลายทีว่า โลกยังดีอยู่นะ เอาธรรมะพระพุทธเจ้าโลกุตรธรรมหรืออาริยธรรมมาเผยแพร่ประกาศไปแล้ว ยังมีคนมีดวงตาฟังเข้าใจเห็นดีแล้วเอาชีวิตมาจริงๆ อย่างพวกเรานี้ โลกนี้ก็ยังไม่หมดคนที่มีภูมิปัญญาที่จะรู้จักโลกุตรธรรม ก็ดีนะ มนุษยชาติก็ยังมีตัวอย่างแม้จะมีจุดเล็กๆจุดนิดเดียวในจักรวาลกว้างหรือในฟ้ากว้าง เท่านี้เราก็ไม่มีปัญหาอะไร ได้เท่านี้ก็เอา 

อาตมาก็ขอสนับสนุนคุณ เอาเลย ตัดสินใจถูกแล้วดีแล้ว ยิ่งหาได้ยากยิ่งน้อยจะถอนไปไหน ไม่ต้องถอนปักมั่นเลย ลาออกมาอยู่กับชาวอโศกเลย ทำถูก เออ คิดมากๆ คิดให้ดีๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 39 ฌานปัญญาของคนเจริญจริงคือทำจิตให้เป็นมหาภูตได้ วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2566 ( 19:18:36 )

คนมีธรรมะมากกว่าโลกสูงกว่าคนมีโลกมากกว่าธรรมะ

รายละเอียด

แต่มีความซับซ้อน ผู้ที่มีฐานะทางโลกกว่าอาตมาขณะนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะสูงกว่าอาตมา เพราะว่าอาตมามีธรรมะมากกว่าโลก คนนั้นมีโลกมากกว่าธรรมะ เขาเลยแสดงออกให้โลกรู้ง่าย อาตมานั้นโลกจะไปรู้ได้อย่างไรว่าสูง เพราะไม่มีเรื่องโลกแม้แต่ปริญญาตรี ปริญญาจัตวา ได้เป็นนายสิบก็ยังไม่ได้เป็นอย่าพูดถึงนายร้อย ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ศักดิ์ศรีอะไรเลยในชาตินี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:32:12 )

คนมีบารมี

รายละเอียด

คนมีบารมีสัมผัสนิดเดียวก็เข้าใจแล้วกับบรรลุธรรมแล้ว ก็ใช้อันนั้น อย่างพระพุทธเจ้าท่านหยั่งรู้ใจก็เอาพวกนี้ของแต่ละคนมาให้ทำ บางคนก็มาถูผ้า ถูผ้าไปหน่อยก็บรรลุอรหันต์อย่างนี้เป็น คนได้ฟังธรรมะ 4 ประโยคก็บรรลุอรหันต์ เป็นต้น คนนั้นต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เป็นต้น มันก็เป็นจุดที่ข้องใจเป็นจุดที่จะสามารถเปิดให้ดูได้ ซึ่งไอ้อย่างนี้เป็นเรื่องอธิบายยากเป็นอจินไตยเหมือนกัน 

สรุปแล้วคนไหนก็แล้วแต่ก็ดูของตนเอง ว่าอันนี้น่าจะทำให้เราหายข้องใจหรือว่าปลด ความสงสัย เปิดโลกเปิดอัตตา เปิดความรู้สว่างแจ้งเลย จะมีแต่ละคนของใครก็จะรู้ ตั้งแต่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) หรือกามภพ รูปภพ อรูปภพ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 19:44:37 )

คนมีปัญญา

รายละเอียด

คำว่าปัญญาจึงต้องมาเรียนดูให้ดีทำความสำคัญมั่นหมายให้ชัดให้ดี คนมีปัญญาจึงไม่ใช่คนธรรมดา เป็นอริยบุคคล เป็นโลกุตรบุคคล คนปุถุชน ฉลาดเป็นศาสดาก็ไม่สามารถที่จะเป็นผู้มีปัญญาได้ จะเป็นฉลาดอัจฉริยะขนาดไหน ไม่มีทาง ไปหาทางหลุดพ้นได้ คือไม่รู้จักเนื้อแท้ของสภาวะกิเลส จับตัวกิเลสไม่ได้ จะเอาจริงเอาจังทำให้กิเลสลดได้ เห็นกิเลสมันลดได้ วิราคานุปัสสี เห็นกิเลสมันดับนิโรธานุปัสสี จนกระทั่งทบทวนให้มันดับสนิทไม่ฟื้นได้ปฏินิสสัคคานุปัสสี มีญาณปัญญาเห็นความจริงตามความเป็นจริงที่กล่าวมานี้หมดแล้วทำได้จริง ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่จริง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:45:16 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:23:28 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:48:10 )

คนมีปัญญาคือคนที่เห็นว่าธรรมะเป็นสิ่งมีค่า เป็นสาระของชีวิต

รายละเอียด

คนที่เห็นว่าธรรมะเป็นสิ่งมีค่าเป็นสาระของชีวิตก็เป็นคนที่มีปัญญา คนทั่วไปเห็นว่าลาภยศสรรเสริญได้บำเรอกิเลส ทำมาหากินหาอยู่แบบโลกๆเขา ได้เป็นคนเด่นคนดังได้เสพสุขทางกามเสพสุขทางอัตตา หรือชาวเทวนิยมก็ตามเขาจะทำให้รู้สึกว่ามันดี ดีคืออะไร ดีคือไม่ทุจริตก็ถูกต้อง แล้วก็พอเข้าใจเหมือนกันว่าดีคือผู้ต้องเผื่อแผ่เจือจานแก่ผู้อื่น เขาก็ทำได้ ทำให้โลกอยู่ได้ แต่ของพุทธเจ้าก็รู้การทำดีเหมือนเขาแต่เติมเพิ่มไปอีกคือมีนิพพาน เขาวนเวียนชาติแล้วชาติเล่า เป็นคนดีแล้วก็เป็นคนเลวมีทุกข์ก็มีสุขมีสุขก็มีทุกข์ ไม่เที่ยง แต่ว่าเขาระลึกถึงไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรมบ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2563 ( 18:05:55 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:24:03 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:48:47 )

คนมีปัญญาคือคนแบบไหน 

รายละเอียด

ก็แปลว่าคนที่ไม่มาเข้าใจไม่มาฟังอาตมายังแย้งอยู่ก็ยังไม่มีปัญญา 

อาตมาจะต้องอธิบายเรื่องปัญญานี้ให้คนเข้าใจอีกนาน คงสนองความต้องการจะให้อาตมาอธิบายเดี๋ยวนี้ให้คนเข้าใจว่าปัญญาเป็นอย่างไรและคนฟังก็จะเข้าใจได้เลยจบ ยังไม่หรอก เพราะว่าปัญญาเป็นเรื่องลึกซึ้งซับซ้อนมาก ปัญญาเป็นโลกุตระ แล้วโลกียะกับโลกุตระต่างกันอย่างไรก็ต้องขยายความอีกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบกระบวนการของโลกุตระกับ

โลกียะว่าต่างกันอย่างไร เอาน่าเอาให้เสร็จก่อน ที่จริงก็สำเร็จรายทางไปเรื่อยๆ แต่คนก็ยังเข้าใจไม่ได้ครบรอบ ไม่ค่อยจะชัดเจน ก็ค่อยๆว่าไป ก็ค่อยๆติดตามฟังก็แล้วกัน เพราะปัญญานี้มันคือความรู้ที่ครบกระบวนการของโลกุตรธรรม มันยังไม่ครบก็ต้องสงสัย วิจิกิจฉาอยู่อย่างนั้น ยังติดนิดๆหน่อยๆ อาตมาจะหยิบปัญญา 8 มาเขียนเป็นหนังสืออีกเล่มเลยนะ นี่ก็กำลังเขียนรวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไรอยู่ ก็ต้องขอฝากไว้ก่อนโอฬาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:04:10 )

คนมีปัญญาจะรู้ว่าพูดจริงไม่ได้หลอกลวง

รายละเอียด

อาตมาขอยืนยันว่าไม่สามารถหลอกลวงคนโง่ได้ คนโง่นั้นอาตมาไม่ไปหลอกลวงเขาอยู่แล้ว อาตมาจะหลอกลวงคนมีปัญญา อาตมาไม่มีสิทธิ์ไปหลอกลวงคนโง่อาตมาหลอกไม่เป็น อาตมาจะหลอกคนมีปัญญาได้เท่านั้น แต่คนมีปัญญาจะฟังอาตมา รู้ว่าท่านไม่ได้หลอกลวง ท่านพูดจริง ส่วนคนโง่นั้นเลิกเลยจะว่าอาตมาหลอกลวง เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมีปัญญา คนมีปัญญาจึงจะฟังอาตมารู้ได้ ส่วนคนโง่นั้น เชิญนิรันดรต่อไป คนโง่ จะอยู่กับความคิดเดิมของเขา เขาจะปฏิเสธสิ่งที่ต่างจากที่เขายึดมั่นถือมั่นแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน ศาสนาพุทธจะไม่มีการหลอกลวง


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 19:50:01 )

คนมีปัญญาต้องออกจากความสุขความทุกข์

รายละเอียด

แบบโลกีย์จะมีความสุขความทุกข์ก็แบบโลกีย์ ส่วนของพุทธนั้นมันไม่มีสุขทุกข์มันเกินกว่าสุขทุกข์แล้ว ที่พูดความสุขความทุกข์อยู่ในโลกก็พูดอย่างลำลองตามที่เขาสมมุติกันเท่านั้นเอง พูดไปกับเขาเพราะเขาเองอยู่ในโลกนี้ ไม่รู้เรื่องหรอกกับคนโลกโลกุตระ คนที่ไม่มีปัญญาเข้าใจเรื่องความสุขความทุกข์และมีความชัดเจน ว่าอ๋อ เราต้องออกจากความสุขความทุกข์ที่เป็นโลก วนสุข ทุกข์ ในโลกอบาย สุขทุกข์อยู่ในการติดกาแฟก็สุขทุกข์ไปจนตาย สุขทุกข์อยู่ในการเล่นไพ่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:41:33 )

คนมีปํญญาจะทำสิ่งที่คนควรใช้ควรอาศัย คนโง่จะทำสิ่งเป็นโทษเป็นภัย

รายละเอียด

เราไปทำอาวุธฆ่าคน เราไม่ทำเด็ดขาด ให้ตาย มาฆ่าเราให้ตาย เราก็ตาย จะให้เราไปทำอาวุธ มาฆ่าเราให้ตาย เราก็ตาย แต่เราไม่ทำ เราจะทำสิ่งที่เป็นเครื่องใช้เครื่องอาศัยที่คนควรใช้ควรอาศัย เช่น เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่ ที่พัก โรงเรือน หรือแม้แต่ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่เราอาศัย จนกระทั่งถึงขั้นอาหารที่เราจำเป็นที่จะต้องกินต้องบริโภคเข้าไป เพื่อให้ร่างกายได้สิ่งที่เอาไปสังเคราะห์สังขารยังชีพอยู่ เราก็สร้าง 

เราจะไม่เอาเวลาแรงงานทุนรอนไปสร้างสิ่งไร้สาระหรือเป็นโทษเป็นภัยอย่างยิ่ง สร้างสิ่งมอมเมาเรายังไม่สร้าง ป่วยการพูดไปถึงสิ่งที่จะเป็นอาวุธ ทำร้ายทำลายสัตว์ ทำร้ายทำลายมนุษย์ด้วยกัน มันโง่ไม่เสร็จเราก็ไม่ทำ เราฉลาดแล้ว ผู้ยังโง่ไม่เสร็จก็ทำไป บอกห้ามกันไม่ได้จะไปบังคับหรือไปอยากให้เขาฉลาด มันก็คนสนใจใฝ่หาจะมาเอาเขาก็ไม่ค่อยมาเอา เราจะให้ความฉลาดที่แท้จริงเป็นความฉลาดระดับปัญญา เขาก็ไม่มาสนใจไม่มาเอาปัญญา เขาก็ไปเอาฉลาด เฉโก ฉลาดแบบโลกีย์กันอยู่นั่นแหละ 

อาตมาพยายามแยกแยะความรู้ความฉลาดแบบปัญญาแบบเฉโก ซึ่งมันคนละตระกูลจริงๆ ยังเข้าใจกันไม่ได้ แล้วเขาก็ไม่เข้าใจ แล้วเขาเอาภาษาคำว่าปัญญาไปใช้จนเละหมดแล้ว แทนคำว่าเฉโก จนกระทั่งคนที่เขาทำผิดๆ ถูกๆแบบ เฉโก เขาก็ไม่ใช้คำว่า เฉโก ก็ยังหลงว่าเป็นปัญญาอยู่นั่นแหละ นี่ก็คือความยาก ที่คนเขายังไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ ก็ผู้ที่สนใจผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาดีก็คงพอเข้าใจได้เรื่อยๆ ตามที่พยายามขยาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนา บำเพ็ญธรรมภาคค่ำ ว.บบบ. เตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ 2566 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 15:03:22 )

คนมีภูมิปัญญาจึงมองเห็นสิ่งวิเศษที่พ่อครูทำ

รายละเอียด

คนเขายกยอยกย่องอาตมาไม่ได้มีความอยากได้ อันนี้ถ้าใครเห็นว่า อาตมานี้พยายามแสดงออก เป็นการประเล้าประโลม พูดคำหวานให้คนมาหลงยกยอยกย่องหรือว่าอาตมาพูดไม่แคร์ อาตมานี่ไม่แคร์ใครจะยกย่องใครจะนับถือ หรือว่าต้องระวัง กลัวคนจะไม่เคารพ กลัวคนจะไม่นับถือ กลัวคนจะต้องมา.. 

อาตมาว่าอาตมาไม่มีสิ่งเหล่านี้ อาตมามั่นใจว่าในความจริงที่จะอาศัยภาษาอาศัยกิริยาทางกาย ทางวาจาออกไป ภาษาก็ดี กิริยาวาจาแสดงออกก็ดี มันเป็นเครื่องส่อ มันเป็นเครื่องบอกความจริง ผู้มีดวงตาจะมองทะลุ ผู้มีปัญญาจะมองทะลุ อย่างนี้ท่านไม่แคร์ ไม่แคร์กิริยากายวาจาที่แสดงออกว่าคนจะลบหลู่ ส่วนคนที่แคร์นั้นคือคนที่กลัวเสียมาด กลัวคนจะถือว่าผิด กลัวคนจะถือว่าไม่สุภาพไม่เรียบร้อย อาตมาว่ามีสิ่งที่ดีคือความจริงนี้อยู่ในกิริยา อยู่ในภาษา อยู่ในจิตวิญญาณ ความจริงที่อาตมามี ซึ่งเป็นสิ่งวิเศษ 

เพราะฉะนั้นคนที่มีดวงตา มีปัญญา จะรู้ว่านี่คือความจริง มองผ่านกิริยากายมองผ่านกิริยาวาจาทะลุเข้ามาได้ นั่นคือผู้ที่ได้รับคัดเลือก มาแสดงออก มาอยู่อย่างนี้เลยอย่างพวกคุณ หรือผู้ที่ยังไม่มาก็อยู่ล้อมนี่ มีทั่วในประเทศไทย แม้ไม่มาแสดงตัวเป็นชาวอโศก แต่ก็เปิดจิต เข้าใจ ก็มีอีกไม่น้อย ไม่มีใครไปสำรวจ ไม่มีใครไปทำสถิติเอาเท่านั้น นับวันจะมีมากยิ่งขึ้นเพราะว่าความจริงคือความจริง 

คนที่แสวงหา คนที่พยายาม จะรู้จักความจริงโดยเฉพาะความจริงของพระพุทธเจ้า ความจริงของสัจธรรมที่เป็นโลกุตระ เมื่อเกิดปฏิภาณปัญญา เขาจะรู้ว่าจริง เพราะฉะนั้นอาตมานี่ก็อยู่กับความจริง ผู้คนที่จะมาเห็นดีเห็นค่าของอาตมา เห็นค่าของธรรมะ ไม่ใช่ค่าคือตัวรูปร่างตัวตน อาตมาก็ไม่ได้หล่อจนเกิน หรือไม่ได้มีรูปร่างหน้าตากิริยาท่าทางอะไรชวนให้มาน่าสนใจเท่าไรหรอก แต่ธรรมะ อาตมาแสดงธรรมะนี่แหละ เขาจะสนใจธรรมะ แล้วคนที่มีดวงตาอันนั้นก็จะได้ เขาจะคัดเลือกได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 13:33:45 )

คนมีวรรณะ 9 คือ

รายละเอียด

เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ)คือเอาไว้แต่น้อยๆเป็นคนเอาไม่มากสะพัดออก เป็นคนที่จะต้องมีไว้แต่น้อยนี่คือสุดยอดเศรษฐกิจแบบคนจนที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสไว้  

ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) เขาแปลสันโดษ เบี้ยวบาลีว่า พึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ลองไปถามคุณธนินท์ มีสมบัติพัสถานหลายแสนล้าน เขาก็พึงพอใจของเขาหรือเปล่า เขาก็บอกว่าพึงพอใจในสิ่งที่เขามีอยู่ หรือคุณเจริญอย่างนี้ เดี๋ยวนี้มีคนไทยชื่ออะไร สารัชถ์ รวยเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทยตอนนี้ ก็ว่ากันไป เขาก็พึงพอใจในสิ่งที่เขามี เขาก็ว่าเขาได้มาอย่างสุจริต เขาไม่ได้ทุจริตอะไร เขาก็ว่าของเขาไป ซึ่งมันไม่ใช่ มันขึ้นกับความมักน้อยด้วย ใจพอ แค่นี้ก็พอ สูงสุด 0 ก็พอ อย่างพวกเรานี้มันเข้าเกณฑ์วรรณะ 9 เดี๋ยวค่อยขยายความละเอียดขึ้น

เพราะฉะนั้นมันยังไม่มีความจบ ยังไม่มีหมดกิเลสก็ขัดเกลาไป ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) คำว่า ธุดงค์ มาเป็นภาษาไทยเขาแปลเป็นออกดงออกป่า มุดทะลุดงเลย พระธุดงค์คือ พระออกเดินเข้าป่า มันออกนอกเรื่องนอกราวไปหมดเลย ที่จริงแล้วพระธุดงค์คือ ผู้ที่มีศีลเคร่ง มีศีลที่เจริญ เคร่งครัดได้ขึ้นเรื่อยๆแต่พอได้แล้วท่านไม่ได้เคร่งครัดได้ เป็นผู้เจริญในธรรม มีศีลเรียกว่า ข้อปฏิบัติที่เจริญขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นผู้ที่น่าเลื่อมใส 

มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ผู้รู้ ผู้ที่มี ภูมิปัญญาจะเห็นว่า มีอาการน่าเลื่อมใส อย่างเช่นอาตมา ผู้รู้จะเห็นว่าน่าเลื่อมใส ขยันอธิบายธรรมะทำงานไป เป็นตัวอย่างอันดี ผู้รู้เขาจะเข้าใจ ผู้ไม่รู้เขาด่า ก็ไม่มีปัญหาอะไร ยิ่งไปย้อนแย้งกับที่เขาไปติดใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ติดในความรู้ของเขาอยู่ เขาก็แย้งอาตมา มันตรงกันข้ามกับเขา เขายังติดอยู่อย่างนั้น ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณลักษณะของไก่ตัวพี่ที่มาสืบสานศาสนา วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2565 ( 18:45:25 )

คนมีวรรณะ 9 จริง ก็เป็นคนชั้นสูงแท้

รายละเอียด

จะว่าไปแล้ว อโศกสบายๆ อโศกเป็นคนเลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

เป็นคนคลาสสิคแล้ว เป็นคนชั้น 1 เป็นคนชั้นเอกแล้ว อาตมามาดูแล ง่าย ลุงตู่ไปดูแลคนที่ไม่มีวรรณะ 9 เป็นคนเลี้ยงยาก บำรุงยาก มักมาก ไม่มีใจพอมีแต่ขี้โลภจัดจ้านแล้วก็ไม่ขัดเกลากิเลสด้วย ข้อปฏิบัติหลักเกณฑ์ที่จะปฏิบัติธูตะต่างๆให้ตัวเองเจริญก็ไม่มี ไม่มีอาการที่น่าเลื่อมใสเลย แถมสะสม ดักดานสะสมหนัก ขี้เกียจด้วยซ้ำไม่มีความขยันไม่มีระดมความเพียรเลย 

วรรณะ 9 ไม่มีเพราะฉะนั้นเจริญไม่ได้คนไม่มีคลาส นี่แหละคนชั้นต่ำจริง ไม่มีคลาส แต่ถ้าคนมีวรรณะ 9 จริง ก็เป็นคนชั้นสูงแท้ไม่ใช่เป็นคนไฮคลาสนะ เป็นภาษาของเขาเป็นเรื่องโลกเป็นคนหัวสูงเป็นคนชั้นสูงแบบโลกีย์ เฉิดฉาย ไปด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข หรือสุขแบบฟรุ้งฟริ้ง สุขแบบโลกีย์ ปรุงแต่ง มอมเมามนุษยชาติพวกนี้ไร้สาระ ฟังธรรมะดีๆอาตมาพูดสัจจะ อาจจะแรงเพราะมันถูกต้องตรงตามความเป็นจริง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 14:13:51 )

คนมีวรรณะ 9 เต็มเป็นอย่างไร

รายละเอียด

เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  วรรณะ 9 คือคนจนที่ได้ระดับ ยอดขยันและก็ไม่สะสม ยอดขยันวิริยารัมภะ วันๆก็ทำงานไปไม่พักเราก็เพียร แล้วเอามารวมกันกับกองกลาง กินใช้ร่วมกันเสมอ 

คนไม่สะสม และขยัน ก็มีอาการที่น่าเลื่อมใส อาการของกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม น่าเคารพน่าเลื่อมใส น่าบูชา เป็นอาการของความเป็นคนที่มี ปาสาทิโก 

เป็นคนที่ยังมีอะไรบกพร่องก็ ขจัด จนหมดกิเลส หมดกิเลสแล้ว ก็ยังมีกายกรรม วจีกรรม ที่ยังเข้ากับใครคนอื่นยังไม่ดี ก็มาขัดเกลากายวาจาที่ยังบกพร่องของตน เป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม ต้องมาขัดเกลากายวาจาของตนให้เข้ากับหมู่กลุ่มให้ดีมี สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 

โดยมีความพอ ใจรู้จักจุดพอดี พอเพียง ใจพอ กายพอ วจีพอ พอจุดปโหติ เหมาะควรที่สุดแล้ว สันโดษ

ไม่เที่ยง ตรงสันโดษนี้ไม่เที่ยง ใจของเราเองเที่ยง ใจของเราเองพอ และใจของเรามีสัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 อยู่กับสังคม อนุโลมปฏิโลมอยู่กับเขา ใครขาดเราเติม ใครเกินเราช่วยตัด อยู่กันอย่างมีปัญญา แล้วจุดยืนของตัวเองคือเป็นคนมักน้อย เป็นคนจน นี่แหละจุดสำคัญ เป็นคนมักน้อย กล้าจน บักน้อยยืนหยัดอยู่ในฐานจน เป็นคนจน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2564 ( 20:21:35 )

คนมีวรรณะ 9 ไม่เป็นภาระใคร

รายละเอียด

บางทีเขาก็เอามาให้ดู คนที่ทำงานไม่สะสม บ้านก็ไม่มีอยู่ที่ตลาดช่วยเข็นของไปชีวิตก็สบาย คนอย่างนี้เป็นคนที่สุดยอดเลี้ยงง่ายบำรุงง่าย เป็นคนมีวรรณะ 9 สุดยอดเลยนะ เลี้ยงง่าย  บำรุงง่าย มักน้อย  สันโดษ อาการน่าเลื่อมใส กายกรรมวจีกรรมมโนกรรมไม่เป็นภาระใครเลย อปจยะ ไม่สะสมอะไร ขยันทำงานไป กินอยู่รักษาชีวิตไป ไม่สะสม ก็เป็นคนกระจอกอยู่ในตลาดนั่นแหละ ก็เคยมีคนเอาชีวิตตัวอย่างอย่างนั้นตัวจริงเอามาออกอากาศกัน ชีวิตง่ายเลี้ยงง่ายจริงๆ บำรุงง่ายอยู่ง่ายมักน้อย จิตใจพอ ที่อื่นก็เคยทำสกู๊ปกันมาให้ดูชีวิตแบบนี้มีหลายคนมาเป็นตัวอย่าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 17:56:26 )

คนมีวรรณะ9

รายละเอียด

คนมีวรรณะ9 คือ เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ราชธานีอโศก  ทำให้พวกเราลดกิเลสเรื่องของการสะสมข้าวของไปได้มาก  เป็นคนมีวรรณะ9 เป็นมนุษย์พัฒนา เลี้ยงง่าย บำรุงง่าย มักน้อย สันโดษ แค่นี้ก็พอ เป็นคนขัดเกลา มีศีลเคร่ง จึงเป็นคนมีอาการที่น่าเลื่อมใส แล้วยังไม่สะสมอีก และยังเป็นคนยอดขยัน เรามาเป็นคนที่เบาภาระจึงจะเป็นคนที่เอาภาระ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16  ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:47:36 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:17 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:49:39 )

คนมีศีลข้อที่ 1 เป็นคนมหัศจรรย์

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจุดสำคัญก็คือจิตมนุษย์นี้ หยุดฆ่า ศีลข้อที่ 1 เห็นไหม ยิ่งใหญ่ไหม คนที่หยุดฆ่าได้ในศีลข้อที่ 1 ยิ่งใหญ่ในโลก เป็นคนมหัศจรรย์ คนที่หยุดฆ่ามนุษย์ หยุดฆ่าสัตว์ ไม่ต้องใช้อาวุธ วางศาสตราวางอาวุธ วางทัณฑะ จิตใจมีเมตตากรุณาเอ็นดู หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ สุดยอด คนมหัศจรรย์ เห็นความมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติไหม 

นี่คือความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คนที่เกิดจิตอย่างที่อาตมาพูดถึงนี้เป็นคนมีศีล คนที่ไม่เข้าใจและไม่เป็นอย่างนี้เลยคือคนยังไม่มีศีล ชาวพุทธเรา ฆ่าแกงกัน ไม่ใช้อาวุธ ก็ใช้หมัดใช้มือใช้อะไรต่ออะไรกันอยู่นั่น สนมันไม่มีศีลเลย ยิ่งละเอียดไปจนกระทั่งจิตเมตตา

ถ้าอยากไปถึง ยังไม่มีเมตตายังไม่มีศีลยังไม่เอ็นดู ยังไปทำร้ายผู้อื่นเลย ยังไม่มีศีล ต้องไม่ทำร้ายผู้อื่นให้ได้ คนอื่นจะมาทำร้ายเราเขาไม่มีศีล ถ้าเราทำร้ายตอบ เราเป็นคนไม่มีศีล 

หินไท โดนผู้หญิงตบหน้าเปรี้ยง กลางศาลาที่วัดมหาธาตุ หินไทก็เฉยๆ ไม่ทำอะไรตอบ นี่คือคนพวกเรา มันเป็นคนมหัศจรรย์ ใครเห็นเหตุการณ์นี้บ้าง เจ้าตัวก็คงจำไม่ลืม 

นี่ คนพวกเรา คนมหัศจรรย์เป็นอย่างนี้ คนในโลกเก่งฆ่ากัน นั่นไม่ใช่คนมหัศจรรย์หรอกมันคนละเรื่องเลย ซึ่งเป็นความเข้าใจของมนุษย์มันคนละมุม คนละด้าน คนละเหลี่ยม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:46:27 )

คนมีศีลมาอยูแล้วเอาญาติพี่น้องที่ไม่มีศีลมาอยู่ด้วย

รายละเอียด

ให้ออกไป ให้ญาติพี่น้องออกไป บอกชัดๆตรงๆอย่าทำบาปต่อคุณอยู่ได้ก็อยู่ให้ดีขึ้นอยู่ไม่ได้ก็ไปอยู่กับญาติพี่น้อง บางคนมีวิบากจะต้องไปอยู่กับญาติพี่น้องก็ต้องเอาไป แต่ถ้ามาอยู่แล้วจะพากันทำแบบนั้นมันดึงกันลงต่ำหมดมันบาปกันทั้งหมดเลย มันไม่สมควร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:55:26 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:04:16 )

คนมีศีลเป็นคนอย่างไร 

รายละเอียด

คนมีศีลเป็นคนอย่างไร  คือ

1.     อวิปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อน)

2.    ปามุชชะ-ปราโมทย์ (มีความยินดี)

3.    ปีติ (ความอิ่มเอมใจ)

4.    ปัสสัทธิ (สงบรำงับจากกิเลส)

5.    สุข (แบบไม่บำเรอตน คือ วูปสมสุข)

6.     สมาธิ (จิตตั้งมั่น)

7.    ยถาภูตญาณทัสสนะ (ความรู้ยิ่งในความจริง)

8.    นิพพิทา (เบื่อหน่าย)

9.     วิราคะ (คลายกิเลส)

10.  วิมุติญาณทัสสนะ (ปัญญารู้แจ้ง เห็นจริงในนิพพาน)

(กิมัตถิยสูตร พระไตรปิฎก เล่ม 24 ข้อ 1, 208)

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอารยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:11:08 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:10 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 14:51:03 )

คนมีศีลเป็นสุดยอดมนุษย์

รายละเอียด

หากจะชมว่าคนนี้รวยก็ไม่เที่ยงแท้ ทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปมาไม่มีเป็นของตัวของตนจริงๆเลยแต่ถ้าศีลนั้นใครมีในตน ให้เกิดเป็นสมาธิปัญญาวิมุตติวิมุตติญาณทัสสนะ ตั้งมั่นแล้วเช่นศีลข้อที่ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ มีความปรารถนาดีหวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ไปทางไหนก็มีกิริยาอย่างนี้เพราะคนมีศีล เป็นสุดยอดมนุษย์ แม้จะรวยเป็นแสนล้านก็ไม่เป็นเครื่องชี้ว่าเป็นคนที่ใจสูง นี่เป็นศีลข้อที่ 1 ข้อเดียวข้อแรกต่ำที่สุดแล้วนะ นี่แหละสิ่งยืนยันคนที่สูงได้อันนี้เป็นคุณธรรมที่ต่ำที่สุดแล้ว ความรวยความมีสถานะยืนยันไม่ได้ เป็นสมบัติผลัดกันชมไม่เที่ยงเปลี่ยนแปลงไปมา แต่ว่าศีลนี้ทำให้ตั้งมั่นยืนยันอยู่ที่เราได้ตลอดนิรันดร์กาลได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

 สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มีที่ไหนในพระไตรปิฎก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:35:59 )

คนมีสภาวะจริงแล้วจะไม่วกวนไม่สับสน

รายละเอียด

เป็นอรหันต์ก็ตายอย่างปรินิพพานเป็นปริโยสานได้แล้ว ยิ่งเป็นโพธิสัตว์ก็ยิ่งทำได้เก่ง ท่านจะยังอยู่ จะยังศึกษาช่วยคนอยู่ก็เอา อย่างอาตมาถึงรู้เพราะอาตมาเป็นมาจริงๆไม่ได้พูดผิด พูดจากความจริงที่เป็นมา ไม่ใช่เดาและไม่ได้พูดออกจากตำรา แต่พูดจากสิ่งที่ตัวเองเป็นมา มีมา สร้างมา ผิดมา ถูกมาตลอดเวลา 

ผู้ที่สามารถแยกกายแยกจิตได้จริง แล้วสุดท้ายก็รู้ว่าอัตตามันก็คือสิ่งที่ปรุงแต่งด้วยอวิชชา เมื่อมีวิชชา รู้แล้ว แยกมันเป็นดินน้ำไฟลมได้แล้วก็จะรู้ว่ามันไม่มีตัวตนจริง เป็นอนัตตาแท้ๆ รู้จักตัวจิต ตัวเจตสิกต่างๆ แล้วก็รู้ว่า ถ้าเรายังรักษาให้เป็นอายตนะไป แล้วก็ทำงานกับโลกสร้างประโยชน์ รู้เท่าทันอายตนะไป แล้วสร้างประโยชน์ต่อโลกไป คุณไม่ต้องสงสัยเลยว่าในปฏิจจสมุปบาท ก็รู้จักสังขาร รู้จักวิญญาณ อายตนะ ผัสสะ เวทนา ยิ่งคุณทำตัณหาให้หมดไป อุปาทานหมดไป ภพชาติก็ไม่มี เป็นโพธิสัตว์ที่เหนือกว่าอรหันต์ คุณจะพูดอย่างที่อาตมาพูดได้ 

แต่ถ้าคุณไม่เป็นอย่างที่เป็นอรหันต์ไปแล้วได้จริง คุณมาพูดอย่างอาตมา พูดอย่างไรก็ไม่เข้าท่า เดี๋ยวก็สับสนวุ่นวาย แต่ถ้าคนมีสภาวะจริงแล้วมันจะไม่วกวนไม่สับสน ไม่ผิดๆพลาดๆอะไร 

จะรู้จริงๆต้องรู้ครบปัญญา 8 จึงจะรู้แจ้งรู้จักรู้จริง ต้องรู้เวทนาในเวทนา 108 ได้อย่างดี จึงจะครบบริบูรณ์ เป็นคนจบกิจ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:24:46 )

คนมีสภาวะแล้ว รูป 28 นี้ไม่ต้องท่องจำมาก

รายละเอียด

ใน รูป 28 นี้อาตมาก็ไม่ต้องท่องจำมาก จำตัวหนังสือพยัญชนะนิดหน่อย สภาวะมีแล้วก็เอาสลากมาติดง่ายหน่อย คนได้แต่สลาก ไม่มีสภาวะก็สลับไปสลับมา แต่อาตมามีสภาวะก็เอาสลากมาแปะถูกง่าย เรารู้สภาวะนี่ พยัญชนะอันนี้ ต้องหมายถึงอันนี้เอามาให้ถูกต้อง แต่บางทีก็สับสนพยัญชนะบ้าง อาตมาก็ไม่เก่ง 

สรุปเหลือลักขณรูป 4 คืออุปจยะคือการเกิด สันตติ คือ หยุด จะให้เกิดหรือไม่เกิดก็ได้ จะให้ต่อหรือไม่ต่อก็ได้ สันตติที่เป็น ชรตา อนิจจตา นี่แหละ อธิบายยาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 13:58:04 )

คนมีสมบัติเป็น 0 อยู่ได้อย่างไร

รายละเอียด

ถ้าเป็นนักเศรษฐศาสตร์เข้าใจความหมายองค์รวมของเศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์อย่างดี ที่ถูกต้องเลยไม่ได้ ให้มาจนจริงๆมีวรรณะ 9 ไม่เป็นคนเรื่องมาก แต่เป็นคนสบายๆ พัฒนาให้เป็นคนเจริญ คนดี คนประเสริฐ คนเศรษฐกิจดีได้ง่าย เป็นคนมักน้อยมีน้อย หรือเป็นคนกล้าจน จนที่สุดคือเป็นคนมี 0 เป็นสมบัติ มีสมบัติเท่าไหร่ ? 0 อะไร แล้ว 0 จะอยู่ได้อย่างไร ก็คือสังคมเราอุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องใช้คำว่ารวย อุดมสมบูรณ์มีใช้เหลือเฟือ เราก็อาศัยกินใช้กันได้จริง เพราะฉะนั้นจะไปสะสมทำไม ต่างคนต่างช่วยดูแลบริหารและก็สร้างขึ้นมาทดแทน มันพร่องก็ทำให้มันเต็ม เต็มแล้วก็สะพัดออกไป มันพร่องก็ทำให้มันเต็ม เต็มแล้วก็สะพัดออกไป เราก็ขยันทำให้ พร่องก็ทำให้เกิดบูรณาการเป็น Dynamic เสริมสร้างกันไปไม่ได้ขาดแคลน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2563 ( 11:18:58 )

คนมีสันโดษสำเร็จจิตสงบใช้ความสงบชนะความรุนแรงได้

รายละเอียด

อาตมายืนยันอันนี้ คนก็นึกไม่ออก เราเอาความสงบ ปฏิวัติชนะความรุนแรง แล้วประชาชนนี่แหละเป็นผู้ที่ปฏิวัติ รัฐประหาร รัฐบาลทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ จนสำเร็จ แล้วเขาไปบอกว่าพลเอกประยุทธ์มาปฏิวัติ มายึดอำนาจ เอาอำนาจทหารมายึด ขี้หมาสิ ประชาชนเขายึดสำเร็จแล้ว พลเอกประยุทธ์เข้ามารับไม้ต่อ พูดย้ำซ้ำภาษาอยู่อย่างนี้ ทำไมฟังไม่ขึ้นไม่เข้าใจซักที นี่แหละคือประชาธิปไตยที่สูงสุดว่าประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนปฏิวัติแล้วปฏิวัติอย่างถูกกฎหมายโลกด้วย ปฏิวัติด้วยความสงบ เอาความจริงเข้าว่า พวกนั้นที่ต้องออกไปต้องพ่ายแพ้ เพราะเขาไม่ดีไม่ถูก ซึ่งเป็นความจริง เขาเป็นความเลวทรามต่ำช้า มันพ่ายแพ้ความดีงาม ความถูกต้อง มันถูกสัจจะหมดเลย แต่คนยังไม่รู้โลกุตระ เข้าใจยังไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 14:53:05 )

คนมีสาราณียธรรม 6

รายละเอียด

อยู่กันอย่างมีเมตตากายกรรมคืออย่างไร ก็จะเห็นว่าเราช่วยเหลือกันทางกายกรรมที่เห็นเป็นรูปร่าง มีกายวิญญัติ ช่วยกันทางวจีกรรม มีคำพูดคำจาเมตตาเกื้อกูลกัน มีประธานคือจิตที่มีเมตตา จิตที่เมตตาก็เลยออกมาทางกายวาจา อยู่ร่วมกันอย่างนี้ เราไม่ได้ตบตีอะไรกันรุนแรงไม่ได้ทำร้ายอะไรกัน ไม่มีคดีขึ้นศาลขึ้นโรงพักให้ตำรวจมาจับ ละเมิดทางกายตบตีกันหัวร้างข้างแตก ทำร้ายกันจนกระทั่งรุนแรงไม่มี มีบ้างก็น้อยเป็นความ error ตบกันลับหลังไม่รู้มีหรือเปล่า ก็ไม่เห็นได้ข่าวคราว ทำร้ายกันจนเจ็บตัวก็ไม่เห็นได้ข่าวคราว

อยู่กันอย่างเรียบร้อยมากเลย   อยู่กันอย่างด้วยเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม ปากหอกก็มีแต่หยาบๆไม่เห็น ทิ่มแทงกันด้วยภาษาธรรมะ บางคนคมจนกระทั่งไม่เจ็บเลย แต่คนนี้ไม่คมเลย ทื่อๆนี่เจ็บนะ ไม่ค่อยคม ทิ่มมาหยาบๆเหมือนเสียมเหี่ยน ห้อเลือดเลย เราก็เข้าใจ อยู่กันอย่างมีเมตตามีศีลสามัญญตามีหลักเกณฑ์ ศีล 5 เสมอศีล 5 ศีล 8 เสมอกับศีล 8 ศีล 10 เสมอกับศีล 10 ศีล 20 เสมอศีล 20 จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เสมอสมานกันไปเราก็พอเข้าใจ รู้กันว่าอยู่กันยังมีศีลสามัญญตา

มีความเห็น ทิฏฐิสามัญญตา มีความรู้ความเห็นเข้าใจเสมอสมานกันได้ คนนี้เข้าใจระดับนี้เป็นระดับน้องคนนั้นเข้าใจระดับนั้นเป็นระดับพี่ คนนี้เป็นระดับอา น้า คนนี้เป็นระดับป้าระดับลุง คนนี้เป็นระดับพ่อระดับแม่ คนนี้เป็นระดับตาระดับปู่ ก็ว่าไป พอเข้าใจกันนะ มันก็มีหลากหลาย ก็รวมกันอยู่อย่างนี้อบอุ่น ได้ทั้งผู้ที่จะช่วยกันอธิบายช่วยกันพาทำ จนไม่ต้องอธิบายไม่ต้องจับมือทำ ทำเอาเองได้ซึมซับเอาเองได้ มันก็ต่างคนต่างปรุงแต่งอาหาร

คำว่า อาหาร คำนี้คลุมรอบหมดเลย มาปรุงอาหารเมนูชั้นพรหม อาหารอาริยะ

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2562 ( 16:23:58 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:39 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:32:25 )

คนมีอัตตาที่เหลืออยู่อย่างพัฒนา

รายละเอียด

แต่จริงๆแล้วคนเรายังไม่ตาย ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป มันก็ยังมีอัตตาเหลืออยู่แน่นอน 

คนเรามันก็อย่างที่ว่าไม่มีแล้วก็ยังเหลือความมี เพราะเรายังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานมันก็ยังมีความมี แต่มันมีสิ่งที่เราได้พัฒนาได้ขัดเกลาได้กระทำให้เป็นสิ่งที่ดี รวมแล้วก็คือจิต เจตสิก คือ เวทนา สัญญา สังขาร มันต้องทำทั้งกายวาจาใจ อาชีพ เหตุปัจจัยที่เกียวกับเราปรุงแต่งกันทั้งหมด เราต้องเรียนรู้สิ่งประกอบทั้งหมด ลึกซึ้งละเอียดลออมากมาย  (เน็ตหลุดไปนิดนึง)

อยู่กันอย่างนักเศรษฐกิจที่เขาให้เฉลี่ยทรัพยากรกัน เขาก็ไปมัวแต่เฉลี่ยกัน ไม่มาเอาที่ให้คนแต่ละคน อยากไปมากๆแย่งกันรวยแข่งกันรวย แล้วไปกักตุนแล้วก็ไปชมเชยคนรวยยกย่องคนรวย  ยกย่องคนจ่ายมากมายแต่ไม่ทำงาน มีแต่ความคิดเฉโก ฉลาดเอาเปรียบเอารัดกอบโกยมาให้แก่ตนอะไรพวกนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 04:50:27 )

คนมีโทษกับคนมีประโยชน์ 

รายละเอียด

เราจะสามารถจัดลำดับของคนที่มีโทษ กับคนที่มีประโยชน์ แยกออกคนมีโทษกับคนมีประโยชน์ คนมีประโยชน์ใช้แรงงาน คนมีโทษใช้แรงเงิน ผลที่เกิดจากแรงงานของคน เป็นคุณค่าเป็นประโยชน์ ส่วนผลที่เกิดจากการใช้แรงเงิน เป็นโทษเป็นภัย เริ่มตั้งแต่สร้างวัตถุ แล้วก็มาสร้างความรู้ หรือแม้จะมองว่ามา สร้างคุณธรรม สร้างวัตถุ สร้างความรู้ สร้างคุณธรรม ทีนี้วัตถุมีอะไรบ้างที่เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา คนโง่หนักๆ นี่ก็ไปสร้างลูกระเบิด ไปสร้างปืนผาหน้าไม้ ไปสร้างอาวุธฆ่าคน 

อาวุธที่เขาสร้างกันขึ้นมาในโลกของคนโง่ เขาไม่ได้สร้างอาวุธขึ้นมาเพื่อฆ่าแมลงหวี่แมลงวัน ฆ่าสัตว์เดรัจฉาน ไม่ใช่นะ เขาสร้างมาเจตนาฆ่าคนนะ เห็นเจตนา สัญจิจจะ เห็นเจตนาของคนไหมว่ามันอำมหิต มันเป็น มิลักขชน เป็นคนป่าคนเถื่อน คนมืดบอด เป็นคนที่ไม่รู้จักความเจริญ ไม่รู้จักอาริยะ มืด งมงาย ทำชั่วอยู่ในโลกนรกมืด น่าสงสารจริงๆ คนพวกนี้ สร้างวัตถุแล้ว แล้วเขาก็พยายามสร้างความรู้ที่เอามาสร้างวัตถุ ฉลาด ฉลาดโง่ๆ ไม่รู้จะใช้ภาษาว่าอย่างไร ฉลาดทรามๆ ฉลาดยิ่งทำให้ตัวเองตกนรกมืดบอด สร้างวิบากบาปให้แก่ตัวเอง นี่ในโลกนี้ ยังมีโลกอย่างนี้อยู่ในประเทศไหนๆ เทวนิยมเขาก็ยังไม่รู้เรื่อง 

ศาสนาพระเจ้าที่ยังอยู่ในวง เขาก็จะงมงายอยู่กับสิ่งเหล่านี้ งมงายอยู่กับเงิน งมงายอยู่กับอาวุธร้าย เป็นวัตถุ เงินก็ดี วัตถุอาวุธร้ายกว่า เป็นวัตถุ แล้วก็หาความรู้ไปสร้างเงินให้ได้มากๆ เอามาใช้เป็นอำนาจ ไปสร้างวัตถุขึ้นมาให้มันเป็นอาวุธอะไรขึ้นมามันเป็นอำนาจ แล้วเป็นความรู้ที่สร้างเงินได้ความรู้ที่สร้างอาวุธร้ายแรงได้ แล้วก็ชื่นชมยินดีปรีดาพอใจที่ตัวเองมีความรู้ ที่สร้างเงินได้มาก เอาเปรียบคนได้มาก โกงคนได้มากซับซ้อน ไม่ให้คนรู้ทัน แล้วก็เสียประโยชน์แก่ตนเอง 

ขี้โกงชัดๆอย่างทักษิณก็ตาม หรือขี้โลภอย่างมีวิธีซับซ้อนหาเงินมาได้อย่างแจ็คหม่าก็ตาม พวกนี้พวกมีวิบากบาป วิบากอกุศลที่เขาไม่รู้ตัว ใช้ความซับซ้อนของโลกดิจิทัล โลกบล็อกเชน โลกที่มันคิดไม่ได้ง่ายๆ เป็นอรูป เป็นนามธรรมที่ ละเอียด ลึกลับ ไม่ใช่ลึกซึ้ง แต่มันลึกลับ คนก็ไม่ค่อยรู้ทัน แต่ถ้าคนไม่ไปหลงเงิน ไม่ไปหลงอาวุธ แล้วก็ไม่ไปอยู่ในความเกี่ยวข้องกับเขา เอ็งจะแย่งเงินกันก็แย่งกันไป เอ็งจะแย่งอาวุธก็แย่งกันไป เราเห็นว่าสิ่งที่เป็นอบายมุขเป็นเรื่องไร้ค่า เราก็ไม่สนใจ แม้เขาจะมีคุณธรรมขึ้นมาบ้าง พยายามคุยว่าเป็นคุณธรรม ช่วยเหลือเขา ส่งอาวุธไปช่วยเหลือเขา การส่งอาวุธไปช่วยเหลือเขาจะส่งอาวุธไปทำอะไร เอาไปฆ่า ไม่ใช่ไประเบิดแมงหวี่แมลงวันเหรอ แต่เอาไปฆ่าคนเหรอ แล้วเขาจะไม่รู้หรืออย่างไร เขาก็รู้ 

ศีลข้อที่ 1 พระพุทธเจ้าสอนว่าไม่ฆ่าสัตว์ สิ่งที่มีชีวิต คน ยังไงๆ คนก็คือผู้ที่มีพัฒนาการขึ้นมาได้ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เขายังไม่รู้ว่าคนมีศักดิ์ศรียิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานหรือ แค่นี้เขาก็ยังไม่รู้เลยแล้วมาทำร้ายคน ที่เป็นคนที่มีกุศลสามารถได้เกิดมาเป็นคนแล้ว แทนที่จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เรื่องกรรมเรื่องวิบากแค่นี้ เทวนิยมพวกที่กระเหี้ยนกระหือรือในการสร้างอาวุธมาฆ่าคน มืดบอดคิดไม่ออก ไม่สามารถรับรู้และไม่สามารถเลิก ที่จะทำความชั่วความบาปความเลวทราม เขาไม่เลิกง่ายๆ เพราะฉะนั้นเขาจะไปหลงว่ามีคุณธรรมอย่างนั้นอย่างนี้ คุณธรรมอะไร ยังส่งอาวุธไปให้ยูเครน ให้ฆ่ากันเข้าไป เสร็จแล้วก็แย่งชิงอำนาจ มีเล่ห์เหลี่ยม มีวิธีการกันอยู่ว่าจะหาพรรคพวกยังไง 

เพราะฉะนั้นถ้าเราปลีกตนออกมาจากสงครามโง่ๆพวกนี้ได้ มาเป็นกลางได้คือความเจริญ แล้วเราจะเป็นกลางได้เราก็ต้องเป็นคนที่มีคุณค่า มีประโยชน์ และคุณค่าประโยชน์ที่จะยับยั้งคนพวกนี้ได้ในอนาคต คือการสร้างอาหาร สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารกับสร้างยา เป็นกาชาดกับเป็นกองพลาธิการในโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญแท้คือคนทำงานที่ไม่ไปหลงทำเงิน วันพุธที่ 26 เมษายน 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2566 ( 14:53:00 )

คนมี“ปัญญา”แบบ“โลกุตระ”แก้ปัญหา“จบกิจ”

รายละเอียด

ถ้าคนมี“ปัญญา” มีความรู้-ความฉลาดทำคนให้"จักรู้แจ้งรู้จริงรู้จบ"ความเป็นคนเลี้ยงง่าย(สุภระ)-ความเป็นคนพัฒนาง่าย(สุโปสะ)-คนที่มักน้อยหรือกล้าจน(อัปปิจฉะ)-คนมีใจพอ(สันโดษหรือสันตุฏฐิ) พวกเรานี้คนใจพอ มีน้อยก็พอมีศูนย์ก็พอ เป็นคน ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด  ผ้าขาดมีคนช่วยชุน  ภูมิใจที่อาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้าให้พวกเราทำแล้วเกิดปรากฏการณ์จริง คนที่ขัดเกลาตนเอง(สัลเลขะ)-คนที่มีข้อปฏิบัติพาสูงส่งเจริญยิ่งๆ(ธูตะ)-คนที่มีอาการเป็นที่น่าเลื่อมใส(ปาสาทิกะ)-คนไม่สะสม(อปจยะ)-คนขยันเสมอ(วิริยารัมภะ)”สำเร็จได้จริง เป็น“คนประเสริฐ” เป็น“อาริยบุคคล”แท้ก็จะมีผลสำเร็จเสร็จ“จบกิจ”กันจริงๆแท้ๆได้อย่างวิเศษ

ผลสำเร็จก็จะพาสังคมหมู่กลุ่มประเทศชาติอยู่เย็นเป็นสุขมี“สาราณียธรรม 6” ที่ครบด้วยเมตตากายกรรม-เมตตาวจีกรรม-เมตตามโนกรรม-มีลาภที่ได้โดยธรรมก็นำมารวมกันเป็นกองกลางกินใช้ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวเรียกว่าเป็น“สาธารณโภคี”-ต่างก็เป็นอยู่ด้วย“ศีล”เสมอสมานกันไปเท่าที่แต่ละคนมี-ต่างคนต่างก็เป็นอยู่ด้วย“ทิฏฐิ”เสมอสมานกันไปเท่าที่ตนมีของแต่ละคน ตามฐานานุฐานะ เศรษฐกิจสาธารณโภคี คาร์ล มาร์กซ์ แกอยากได้ ทำงานแล้วเอาเข้ากองกลาง 100% ถ้าถึงสาธารณโภคีนี้เสียภาษี 100% สร้างมาเท่าไหร่ก็เอาเข้ากองกลางหมด เอาไปช่วย ไปขายก็ขายก็เอาไปเข้ากองกลาง ไม่ขาย มีผลผลิตตรงๆก็เอาเข้ากองกลาง ไปขายเป็นชั้น 2 ก็เอาไปเข้ากองกลาง 

แหม น่าสงสารคาร์ล มาร์กซ์ที่ไม่พบโพธิรักษ์ เขาตายไปก่อน โพธิรักษ์มีทฤษฎีของพระพุทธเจ้ามา เพราะฉะนั้นคาร์ล มาร์กซ์มา ก็จะพูดถึงทฤษฎีของพระพุทธเจ้าที่สอนนี่แหละให้รู้ จะไปแก้ปัญหา ปัญหาต้องแก้ที่จิตวิญญาณ ปัญหาเศรษฐกิจที่จะเสียภาษี 100% เสียภาษีให้แก่ส่วนกลางมากๆโดยไม่ต้องออกกฎหมายบังคับมากนัก อย่างประเทศที่เขามีกฎหมาย ออกกฎหมายบังคับให้เสียภาษีมากๆ อย่างที่เราอ่าน ประเทศโน้นประเทศนี้ สวีเดน สหรัฐ ภาษีของเขาขูดกันน่าดู แล้วเขาก็ให้สวัสดิการกัน จ่ายภาษีไปมาก เขาก็ให้สวัสดิการ เขาก็เลยไม่แข็งข้ออะไรกันมาก ถ้าสวัสดิการเขาไม่คุ้มก็จะประท้วงกันแน่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่16  ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2566 ( 11:45:22 )

คนยอมรับ เพราะว่ามีอำนาจปืน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นประชาธิปไตย ที่เกิดในอังกฤษแล้วก็ไปเป็นลัทธิแก้ที่อเมริกา ประชาธิปไตยที่อังกฤษมีพระมหากษัตริย์ทุกวันนี้ก็ยังมี แต่ไปถึงอเมริกาเป็นลัทธิแก้ แก้ประชาธิปไตยเป็นขาเดียว มันเป็นความเสื่อมชนิดหนึ่งของสัจธรรม สัจธรรมประชาธิปไตยนี่แหละ มันก็นานเหมือนกันนะ ทุกวันนี้พอเห็นรูปร่างแล้ว ถ้าคนที่มีปฏิภาณปัญญาดีๆ อาตมาอธิบายไปจะเห็นได้ว่ามันเป็นโลกียะที่หยาบๆ อยากใหญ่ อยากโต อยากเป็นเจ้าโลก ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ฆ่าแกงคนอื่น สร้างอำนาจทางเงินทอง ทั้งๆที่ดอลลาร์ของเขาเป็นเศษกระดาษอะไรก็แล้วแต่ แล้วก็รักษาสถานะตัวเองให้ยิ่งใหญ่ 

ไม่ว่าจะเป็นแบงค์ก็เป็นแบงค์กงเต็ก คนก็ยอมรับ เพราะว่ามีอำนาจปืน  อำนาจกำลังรบทุกอย่าง สร้างอำนาจบาตรใหญ่แบบโลกีย์ๆ ซึ่งมันก็นานเหมือนกันนะ ถึง 300 ปีหรือยังอเมริกา ประมาณ 200 กว่าปีเอง มันก็เสื่อมๆขึ้นไปเรื่อยๆแล้ว จะเห็นได้ว่า วิธีการของลัทธิประชาธิปไตยขาเดียวอย่างอเมริกาเป็นผู้นำพาทำ มันเห็นแล้วตอนนี้ แค่ 200-300 ปี ยังไม่ถึง 300 ปีดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2566 ( 12:40:21 )

คนยังมีอวิชชาก็ยังมีอาการของสุขทุกข์

รายละเอียด

คุณจะเรียนรู้ก็ต้องรู้อาการของจิต อาการที่มันเคลื่อนมันดูดเป็นอย่างไร อาการผลักเป็นอย่างไร อาการสุขทุกข์เป็นอย่างไร คนยังมีอวิชชาก็ยังมีอาการของสุขทุกข์ สุขทุกข์มันแยกกันไม่ได้มันเป็น 2 จนกระทั่งไม่มี 2 หรอก อย่างน้อยที่สุดก็ให้มันเหลือ 1 อยู่ที่มันไม่ควรจะไปเป็น 2 

1 มันก็ยังตอบอะไรไม่ได้ทีเดียว ที่จริงมันไม่มี 1 เลยมันเป็น 0 แล้วปุโลปุเลคือ 1 ไม่เอาสุขไม่เอาทุกข์ แต่ทุกข์มันยอมหรือไม่มันเป็นคู่กัน เอากระดาษแผ่นหนึ่งมาเอาแค่หน้าเดียวนะ และอีกหน้านึงคุณไม่เอา จะเอากระดาษนี้ไปได้อย่างไร เอากระดาษหน้าเดียวนะ อีกหน้าหนึ่งไม่เอา อาตมาว่ายกตัวอย่างนี้ชัดดีนะ แล้วไม่เอาได้อย่างไร มันต้องมีสองหน้า คุณจะผ่ามันอย่างไร ถึงผ่าให้บางอย่างไรขนาดไหน กระดาษมันต้องมี 2 หน้าอยู่ดี คุณจะผ่าให้บางให้ขนาดไหนได้ มันก็มี 2 หน้าอยู่ดี มันแยกกันไม่ได้ อาตมาว่าพูดจนหมดแล้วถ้าอย่างนี้ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้ศึกษากัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 14:23:13 )

คนยิ่งเจริญยิ่งลดโลกีย์

รายละเอียด

สรุปแล้ว อาตมาคิดว่า อาตมาก็เหมือนทุกคน แต่อาตมามุ่งมั่นจริงๆ และอาตมาเห็นเท่าที่อาตมามีภูมิรู้ว่า อาตมาต้องเกิดมาเป็นคน มันไม่มีอะไรนอกจากพูดและทำให้คนนี้ เป็นคนมีประโยชน์ เป็นคนมีความสุข เป็นคนมีความเจริญก้าวหน้าอย่างแท้จริง ความเจริญก้าวหน้า อาตมาว่าลึกซึ้งมาก คนยิ่งเจริญ​คนนั้นยิ่งลดโลกีย์ คนยิ่งเจริญยิ่งลาภน้อย ไม่ติดในยศฐาบรรดาศักดิ์ สรรเสริญไม่ติดยึดเลย แม้จะพูดและทำงานเขาจะตำหนิด้วยซ้ำ ก็มั่นใจมุ่งมั่นไม่มีปัญหาอะไร เขาตำหนิก็เข้าใจ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 11:04:36 )

คนยึดสุขไม่มีทุกข์ไม่ได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นมันจึงทำไม่ได้ พระพุทธเจ้าทำได้เฉพาะผู้ที่มีภูมิปัญญาโลกุตระ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยที่อาตมาพูดมันเป็นประชาธิปไตยโลกุตระ ไม่ใช่ประชาธิปไตยของสังคมเทวนิยม สังคมที่มีความรู้เรื่องธรรมะเรื่องจิตวิญญาณแค่แบบพระเจ้า แต่เป็นความรู้ที่เป็นประชาธิปไตยที่เป็นความรู้ยิ่งกว่าจิตวิญญาณที่อยู่ในกรอบของโลกีย์เท่านั้น มันครบในโลกีย์ที่สมบูรณ์ ดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุด แล้วก็เลิก ไม่ยึดมั่นถือมั่นในความดีที่สูงสุดว่าเป็นเราเป็นของเราด้วย มันสุดยอดถึงอย่างนั้น 

เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้อยู่อย่างยึดมั่นถือมั่นอะไร แต่อยู่อย่างมีประโยชน์อย่างยิ่ง และเป็นผู้ที่รู้จักจิตวิญญาณที่เป็นอัตภาพ สามารถจะอยู่กับโลกอย่างไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข และเป็นประโยชน์ต่อโลก ไม่มีโทษใดๆเลย และสามารถที่จะตายจากสิ่งทุกอย่างไปหมดเลย แต่เทวนิยมหมดสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้จักจิตวิญญาณ แล้วก็ไม่สามารถที่จะพ้นไปจากจิตวิญญาณที่เป็นอัตตา จำนนต่อความเป็นอัตตานิรันดร แล้วหลงสุข ซึ่งสุขนั้นมันคือมายาของทุกข์ คนยึดสุขไม่มีทุกข์ไม่ได้ คุณทำเก่งที่จะให้จิตวิญญาณได้เสพสุข อารมณ์ เป็นเรื่องปลอม เป็นเรื่องมายา เป็นเรื่องผีหลอก 

ซึ่งอาตมาพยายามใช้ภาษาแทนสภาวะเหล่านี้ คนฟังเองจริงๆเข้าใจภาษาได้ แต่ไม่ใช่จะเข้าใจสภาวะที่ตนเองหลงถูกมายาผีหลอกนั่นหลอกเอา จนไปเป็นทาสของผี เขาก็ไม่รู้ตัว แล้วก็ยอมตนเป็นทาสของผี เป็นทาสของมายา หรือผู้ยืนยันว่าตัวเองเป็นเจ้าของสุข หรือเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง ก็คือผู้ที่เขาสมมุติว่าคือพระเจ้า แต่จริงๆแล้วพระเจ้าไม่มี มีแต่อุปาทาน เป็นนิรมานกายอย่างหนึ่ง ว่าเป็นเจ้าของสุข ที่จะประทานให้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ 

บางครั้งเขาก็ทุกข์ บางครั้งเขาก็สุข เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะทำให้ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ ทั้ง 2 อย่างได้ เขาจะทำไม่ได้ไม่มีวิธี และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าสุขทุกข์นี้มันไม่มีจริง แต่เขาอยากได้สุข แต่ความทุกข์มันก็มาแซม จะรวยมากที่สุดก็ยังมีทุกข์ในบางครั้ง จะมีเกียรติมียศมากที่สุด ก็มีทุกข์ในบางครั้ง จะมีอะไรที่โลกเขามีเขาหลงเชื่อกันว่า อันนี้ถ้าได้แล้วมันสุข เขาก็จะได้แล้วก็จะมีสุขในสิ่งที่ได้ มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาพ้นทุกข์ ศาสนาเทวนิยมไม่รู้เรื่องสุขทุกข์ ไม่เรียนรู้เรื่องสุขทุกข์ เข้าใจไม่ได้เรื่องสุขเรื่องทุกข์ เขาศึกษาแต่ความดีและความชั่ว ซึ่งอาตมาเทศน์ไม่รู้กี่ครั้งมาแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาชาตินี้อาตมาจำเป็นต้องประกาศอรหันต์ วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2566 ( 19:44:19 )

คนยึดแบบทุกข์ไม่รู้ตัว

รายละเอียด

ก็ถูกแล้วไง เขายึดถือตัวเขามากๆ เขาชอบแบบทุกขาปฏิปทา แต่ขิปปาภิญญาหรือทันทาภิญญาก็อีกเรื่อง แต่เขาชอบแบบทุกข์หนักๆ อยากได้เร็วๆอีก มีตัณหาล้ำหน้าอีก ถ้าคุณพูดมาอธิบายมันก็เบากว่า แต่คนที่ถือเขาไม่รู้หรอก เขาชอบของเขา พวกซาดิส  มาโซคิส ไม่รู้ตัวอะไรก็จะเป็นคนอย่างนั้น เป็นคนยึดแบบทุกข์ เรียกว่าซาดิส ยึดแบบมาโซคิส ตัวเองต้องได้รับทุกข์ถึงชอบแบบมาโซคิส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:40:37 )

คนยุคนี้ไม่มีใครกล้ายืนยันโลกุตระ

รายละเอียด

ส่วนผู้ที่จะรู้จักโลกุตรธรรมที่อาตมายืนยันว่า อาตมานี่ล่ะ แสดงโลกุตรธรรม ไม่มีใครกล้ายืนยันเหมือนอาตมา คนยุคนี้ไม่มีใครกล้ายืนยันโลกุตระ โลกุตรธรรมอย่างอาตมา แล้วก็นำพาคนให้ศึกษาปฏิบัติประพฤติจนประสบผลมา ชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ ดังที่ยืนยันมาตลอดเวลา คนที่เปลี่ยนแปลงมากบ้างน้อยบ้าง จนกระทั่งเอาตัวมาอยู่ร่วมกับหมู่ชาวอโศก แต่ละชุมชนแต่ละแห่งตามที่เขาเลือก มันก็ได้หมู่มาอย่างนี้ 

ซึ่งจริงๆยุคนี้มันเป็นยุคเสื่อมแล้ว ก็เหลือน้อยที่จะเป็นผู้มีภูมิปัญญาบารมีที่รับโลกุตระธรรมได้ มันเหลือน้อย นี่เป็นสัจจะความจริง ผู้ที่เริ่มฟังแล้วพยายามแสวงหา แล้วก็ได้บ้าง ตามมาได้เรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นมีพลังพอที่จะเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในหมู่กลุ่มชาวอโศก คนที่ SMS มาก็อยากจะมา อยากจะมาอยู่ บางคนก็มีจิตที่แรงอยากจะมา แต่ก็มีสัมภาระวิบาก มาไม่ได้ อาจจะตลอดชาติมาไม่ได้ อาจจะสักวันหนึ่ง เขาก็คงมาได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า กรรมวิบากของคนมีเยอะ อย่างนี้มีนานาสารพัดแตกต่างกัน แต่สรุปรวมแล้วที่อาตมานำคำตรัสของในหลวงมาสาธยาย ขยายความ ให้เห็นสัจธรรมความเป็นจริงกับความหมายของธรรมะต่างๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัส เป็นภูมิธรรมของท่าน กับสัจธรรมภูมิธรรมของอาตมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 11:42:50 )

คนรวย

รายละเอียด

คือ คนซวยไม่เจริญ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบาย รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71


เวลาบันทึก 04 ตุลาคม 2562 ( 14:53:59 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:16 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:32:48 )

คนรวยกับคนจนต่างทำงานให้กับสังคม แต่ไม่มีคนชอบเพราะมาจน

รายละเอียด

บิล เกตส์ ก็ตามหรือว่าคนที่ร่ำรวยในประเทศไทย รวยเอาๆ แล้วเขาก็ยืนยันว่าเขาทำงานให้แก่ประเทศแก่สังคม อาตมาก็ทำงานให้แก่ประเทศแก่สังคม แต่อาตมาไม่เด่นเพราะอาตมาไม่มีเงินทองไม่มีอำนาจไม่มีคนมายินดีชมชอบเพราะมาจน แต่ไปอยู่กับทางโน้นเขารวย แต่รวยอย่างไรก็ไม่สามารถรวยเท่าเจ้าของนายทุน การไปรับใช้ บิล เกตส์ จะรวยเท่า บิล เกตส์ ไม่ได้หรอก ใครที่ไปทำงานกับคุณธนินท์ ไม่มีใครรวยเท่ากับคุณธนินท์ได้หรอก พวกนั้นใจไม่พอ และอาตมาว่าเขาไม่เคยเข้าใจและไม่เคยคิดว่าเขาจะมีใจพอ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2563 ( 15:13:59 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:29:47 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:33:27 )

คนรวยคือคนซวย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นความเห็นของอาตมา ในเรื่องความเป็นจริงขององค์รวมพฤติกรรมสังคมมนุษยชาติไม่ว่าทางด้านเศรษฐกิจ คำว่าเศรษฐกิจก็ดี เขาจะเอามากเป็นหลัก เอารวยเป็นหลัก มันไม่ใช่ ความรวยไม่ใช่เศรษฐกิจที่ดี แย่งกันรวยแข่งกันรวย กอบโกย คนรวยคือคนซวย คนรวยคือคนเลว คุณทำตัวเองให้รวยกอบโกยให้แต่ตัวเอง คนอื่นก็ขาดแคลน คนอื่นก็แย่งชิง แล้วก็รบราฆ่าฟันกัน ใช่ไหม มันดีตรงไหน แค่นี้เขาคิดไม่ได้หรอกเพราะกิเลสขี้โลภ เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้มันแรงจนเขาคิดไม่ออก อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 8 พ่อครูพบ คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 11:30:00 )

คนรวยคือคนเป็นหนี้โลก จะหลุดพ้นหนี้ต้องมาเป็นคนจนมหัศจรรย์

รายละเอียด

อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้าทั้ง รูป อรูป ทั้งนามธรรม ทั้งความรู้สึก เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณเป็นนามธรรม จึงเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง มหัศจรรย์ที่คนเขารู้สึกว่าไม่เห็นมหัศจรรย์อะไรหรอก คนที่ไม่รู้จักความสำคัญ 

เช่น เป็นคนต้องมาเป็นคนจน โอ้โห เป็นคนอยู่ในโลกนี้แล้วก็เห็นดีเห็นงามว่า เออ เรามาเป็นคนจนนี้สบายดี ปลอดภัย ไม่เบียดเบียนใคร พึ่งตนเอง  รอด แล้วก็สร้างสรร ขยันเพียร เผื่อแผ่ให้หมู่ฝูง ให้คนอื่นได้รับไป ไม่เป็นหนี้ ไม่เป็นบาป เป็นคนจนที่ไม่มีหนี้ไม่มีบาป 

คนรวยนี้มีหนี้เยอะ หนี้ทางธรรม เอาเปรียบเอารัดคนอื่น กอบโกยขี้โลภมาก ขี้เหนียวคิดดอกเบี้ย หาวิธีการที่จะเอาเปรียบเขาได้ซับซ้อน โอ้โห บาปมากเลยคนรวย ไม่คิดเองก็เอาวิธีคิดของเขามาใช้แล้วกอบโกย รวยได้เปรียบมาก ยิ่งได้เปรียบมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นหนี้มากเท่านั้น เขาก็ไม่รู้ความจริงเรื่องกรรมวิบากพวกนี้ 

เทวนิยมหรือชาวตะวันตกที่เรียนจากพระเจ้า ไม่ได้เรียนรู้เรื่องกรรมวิบาก ตามที่เป็น อจินไตย ที่พระพุทธเจ้าที่สอน เขาไม่รู้ เพราะฉะนั้นเขาก็ทำอย่างอวิชชางมงายไป แม้แต่คนไทยที่เป็นพุทธ ก็ไม่ได้ศึกษาธรรมะอย่างรู้ดี ก็ไปแย่งชิงความรวย ไปเอาเปรียบเอารัด ไปอยู่ในกฎเกณฑ์พวกที่เขาสร้างการได้เปรียบเอาเปรียบเอารัด ก็เข้าไปอยู่ในกฎเกณฑ์อันนั้นเป็นหนี้เป็นบาปเป็นคนเป็นหนี้ไป 

คนที่หลุดพ้นจากกฎเกณฑ์โลก ที่เป็นหนี้ที่ อวิชชา โง่เง่าพวกนั้น ออกมาอย่างชาวอโศกได้ เป็นคนมหัศจรรย์ ยิ่งออกมาได้ด้วยภูมิปัญญา เข้าใจเลยว่า เราหลุดพ้นมาจากที่เป็นหนี้เป็นบาปเป็นภัยอะไรไม่เข้าเรื่องเลย ซึ่งเราก็ทำมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว ชาตินี้ก็เคยทำมากันทั้งนั้น อาตมาว่าจะมากน้อยก็แล้วแต่ 

พอเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว โอ้โห เลิกได้แล้วแต่ต้องมีหมู่มวลคณะอย่างชาวอโศก คุณเลิกคนเดียวคุณต้องไปอยู่แบบเชน ไปอยู่ในป่าหนีไปอยู่คนเดียว ซึ่งมันไม่มีสาระอะไรเลย รอวันตายไปเฉยๆพวกเชน อยู่ก็เปลืองที่นั่ง เปลืองอากาศ กินอาหารเขาไม่มีประโยชน์อะไรเลย ก็กลับเป็นหนี้อีกแหละ เป็นหนี้โลก เป็นหนี้สังคม ต้องอาศัยกินจากบิณฑบาต จากขอเขากิน พวกเชนไม่ทำเองนะ ไม่ทำอาหารเองไม่ทำ กินพืชพันธุ์ธัญญาหารก็ไม่ปลิดไม่เก็บ ให้เขาเอาอาหารมาให้ ซึ่งเป็นหนี้เต็มๆ เลย เขาไม่เข้าใจเรื่องความเป็นหนี้เรื่องกรรมวิบากพวกนี้ เขาไม่เข้าใจ 

มีพระพุทธเจ้านี้ พาสอนให้หลุดหนี้ พ้นหนี้ แล้วยังแถม ถ้าจะว่าแล้วเป็นเจ้าหนี้ เกื้อกูลช่วยเหลือคนอื่น แต่เราไม่ได้ทำสัญญาให้เขาต้องมาใช้ต้นใช้ดอกอะไร ให้เขาไปเลย ให้โดยไม่มี สาเปกโขไปเลย สุดยอดจริงๆ มหัศจรรย์จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 08:54:54 )

คนรวยทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ

รายละเอียด

ที่จริงชาวโลกเขาศึกษาเศรษฐศาสตร์เขาก็พอรู้ ว่าคนรวยนี้เป็นคนทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ เป็นคนทำให้การสะพัดเงินทองไม่ทั่วถึงแน่นอน เพราะมันเอาไปกักตุนกอบโกยมากอยู่ที่คนคนนึงมากยิ่งขึ้นๆๆๆ มีอัตราการเพิ่มของความรวยมากขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ในระบบทุนนิยม ระบบดอกเบี้ย ระบบธนาคาร ระบบหุ้นหรือระบบอื่นๆก็แล้วแต่ที่เป็นระบบของนายทุนยิ่งซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน 3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:17:55 )

คนรวยที่สุดแต่จนที่สุดเพราะเหตุใด

รายละเอียด

และมั่นใจในสมบัติของคนชนิดนี้คืออะไร คือความสามารถและความรู้และความขยัน คนๆหนึ่งนี่ มีความรู้ ความรู้เชิงปัญญา มีความสามารถ เชิงการกระทำสมรรถนะความสามารถ สายเจโต อย่างนี้สายปัญญาอย่างนี้ และมีความขยัน ความรู้ความสามารถและความขยัน ไม่ใช่ขยันแต่โง่ และไม่เลยเถิดขยันจนเกินและเวอร์ ขยันอย่างรู้ขอบเขตได้สัดส่วน ได้อย่างมีเหลือเฟือเผื่อแผ่ ไม่มีการ Run Short ทำได้อย่างพอเหมาะได้สัดส่วนที่สุด ปโหติ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 11:55:23 )

คนรวยที่ไม่ยอมจบไม่ยอมสุดสิ้น

รายละเอียด

ปุถุชนนั้นเขาไม่มีใครต้องการความจน ไม่มีใครยอมเป็นคนจน ถ้าเขาหนีจากความจนได้เขาดิ้นรนพยายามทำตนให้มีฐานะรวยกันทั้งนั้น แล้วก็เป็นคนรวยที่ไม่ยอมจบไม่ยอมสุดสิ้น ต้องรวยๆๆ จนตาย ถ้าตายแล้วก็ไม่มีทางรวย แต่ส่วนมากคนรวยๆนี้ตายแล้วไม่ได้รวยอีกหรอกตกนรกไปส่วนมาก ยิ่งสมัยนี้ยิ่งมีวิธีการที่จะขี้โกง มีวิธีการเอาเปรียบเอารัด มีวิธีการที่สังคมที่มีอำนาจ จะสร้างระบบสร้างวิธีการ สร้างอะไรสนับสนุนคนรวยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่รู้นะ ว่าต้องพยายามที่จะหาทางช่วยคนจน ปากก็พูดจะหาทางช่วยคนจน แต่จริงๆแล้วเวลาประพฤติ คนที่มีอำนาจโดยเฉพาะอำนาจเงิน  เป็นคนตรากฎเกณฑ์ก็จะเป็นการลำเอียงให้แก่หมู่ฝูงที่จะไปรวย นี่เป็นเรื่องของสัจจะที่มันเป็นจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(พลังสัมประสิทธิ์) ตอน สัมประสิทธิ์สองทิศทางที่ต่างขั้ว


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:07:28 )

คนรวยนี่แหละชั้นต่ำ

รายละเอียด

คนรวยนี่แหละชั้นต่ำ เพราะไม่รู้จักธรรมะไม่รู้จักคุณธรรม เป็นคนมักมาก เป็นคนไม่สันโดษไม่พอเป็นคนขี้เกียจ เป็นคนเลี้ยงยากบำรุงยาก ทำให้เจริญยากบำรุงให้ยากบำรุงให้เจริญยาก มักมาก ไม่รู้จักพอ เป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน ไม่ทำอะไรให้ตัวเอง มีแต่ชี้นิ้วๆ กุสีตะหรือโกสัชชะ และก็คลุกคลีกับคนเลว สังสัคคะ ไม่ใช่อสังสัคคะ คบหากับคนดี เป็นคนไฮโซเป็นคนหัวสูงเจ้าใหญ่นายโต อาตมาว่า อาตมาอธิบายไม่เก่งแต่คนมีภูมิปัญญาก็คงพอมีความเข้าใจ คนในโลกก็คงมีให้เห็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 17:36:53 )

คนรวยมีบาปมีหนี้

รายละเอียด

เพราะคนรวยคือคนมีบาปมีหนี้ คนที่รู้ตัวแล้ว ว่าการเป็นคนรวยคือกันเป็นหนี้เป็นบาปก็จะไม่ทำรวย มันเป็นเรื่องของธรรมะเป็นเรื่องของปรมัตถ์ แม้แต่ทางสมมุติ คนไปรวยนี้ แล้วก็กอบโกยกักตุนเป็นของตัวเองคนอื่นก็ลำบาก คนอื่นจะต้องแย่งชิงกัน เข่นฆ่ากัน แล้วตัวเองก็รวยเอาๆ ไม่เคยหยุด ปันผลได้ดอกเบี้ย ได้สิ่งที่จะเพิ่มเติมให้กับตัวเอง พวกที่รวยแล้วก็เอาเงินไปฝากแบงค์นั่งกินดอกเบี้ยไหลมายังกับน้ำก๊อก แต่เขาไม่ได้เอาแค่ฝากแบงค์ แต่เอาไปหมุนเวียนให้เงินเพิ่มขึ้นอีก เขามีกิจการวิธีการที่ได้มา อย่างนี้เป็นต้น เป็นวิธีการของการหาเงิน ของโลกทุกวันนี้เป็นความฉลาดเฉโกมีกิเลสฉลาดมาก หากไม่ได้มาศึกษาโลกุตระไม่มีทางดิ้นหลุดข่ายแห ของพวกโลกียะนายทุน แหมันยิ่งกว่าอวน สมณะฟ้าไท…ทุกวันนี้ หลอกกันซึ่งหน้า ที่มีลับลมคมในอีกมากมาย แม้แต่คนทุกข์เขาก็ยังอยากจะรวย บอกว่าที่นี่ดีมาจน แต่เขาไม่เอาหรอก ต้องไปรวย เพราะกิเลสเขาบงการอยู่ หากเราไม่สะสมความดีรู้ว่าที่นี่ดีแต่ก็จะอยู่ไม่ได้ พ่อครูว่า… เพราะฉะนั้นคนที่รวยทั้งหลาย  ปกติกลัวความจนกันเป็นสามัญ ก็เลยต้องทำตนให้เป็นคนรวย ยิ่งรวยเท่าไหร่ก็ยิ่งกลัวจนเท่านั้น แต่ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชนที่สัมมาทิฏฐิ เข้าเขตเข้าขั้น จะปฏิบัติตัวดี ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จะไม่กลัวความจน ใครตรวจสอบตัวเองว่ามีความรู้สึกเช่นนั้นบ้างยกมือขึ้นซิ …และใครที่มีความจนแล้วเบิกบานสุขสำราญใจด้วย …ยกมือ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 17:26:02 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:55 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:34:22 )

คนรวยสะสมมากมายคือคนชั้นต่ำ

รายละเอียด

สังคณิกะ เค้าก็ยังกิเลสเป็นกอบเป็นก้อน เป็นปรุงเป็นแต่ง หรือสังสัคคะ สังคณิกะหรือสังสัคคะ ปรุงแต่งสวรรค์ สัคคะ สังสัคคะ เกี่ยวกับสวรรค์ สร้าง มีแต่วิมาน มีแต่ความเป็นโลก เป็นโลกียะ

นี่พวกอวรรณะ พวกคนชั้นต่ำ เพราะฉะนั้นคนรวยสะสมมากมายคือคนชั้นต่ำ คนเกียจคร้านนั้นเป็นคนชั้นต่ำนั้น รู้ง่าย คนมักมากกับคนที่มีความกระตือรือร้น มีความพากเพียร ขยันหมั่นเพียร มันไม่เหมือนกัน มักมากนี่ ทำแล้วต้องการเอามากๆ แต่คนขยันพากเพียร ทำงานกระตือรือร้นขวนขวาย สร้างสรรแต่ไม่ได้มาสะสม ไม่ได้ไปต้องการที่จะกอบโกย ทำแล้วก็สร้างสรรเหมือนอย่างพวกเรา คนที่ขยันก็ขยัน คนที่ขยันบ้างไม่ขยันบ้างก็ทำไปประมาณนั้น 

คนที่ขี้เกียจก็แฝงอยู่กับเพื่อนไป เกาะเพื่อนกินไป ได้บาปได้อกุศลติดตัวไป กรรมเป็นอันทำนะ อาตมาขอเตือน พวกที่กินแรงกินเรี่ยวของคนที่สูง คนเจริญ ก็ยิ่งบาปมีค่าสูง ราคาของบาปสูงกว่ากินแรงของคนที่เขาจิตไม่สูง คนกินแรงของคนจิตสูงจิตเจริญเป็นอาริยะ บาปราคาก็แพงขึ้น อาตมาก็ขอเตือนให้สติพวกเรา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิคนวรรณะ 9 เป็นคนรวยที่จน เป็นคนจนที่รวย วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 12:45:14 )

คนรวยอนาริยะ

รายละเอียด

คนรวยที่ยังไม่เจริญ ใจยังเป็นโลกียะ แม้จะมีมาก ได้มามากสักปานใดเขาก็ไม่พอ ยังรู้สึกอยากมีอีกๆๆๆ โดยจะไม่รู้สึกว่ามีมากมีเกิน จะไม่จบความมีเพียงเท่านี้ ไม่พอเท่านี้เพราะใจเขายังไม่สันโดษ ถ้ายังอยากรวยอยู่มากเท่าใด ๆ ก็เท่ากับยังจนอยู่มากเท่านั้นๆ จึงเป็น “คนจนที่ไม่มีวันรวย”

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 87-88


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 22:17:40 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:40:19 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:35:09 )

คนรวยเป็นคนทำลายเศรษฐกิจ

รายละเอียด

ทีนี้ในหลวงตรัส ท่านเป็นคนไทยก็ไม่เสียไม่สูญเปล่าอะไร เพราะในประเทศไทยมีคนจนที่เต็มใจจนแล้วก็จนสำเร็จ จนอย่างเบิกบานสำราญใจ คนจนสร้างเศรษฐกิจ คนรวยเป็นคนทำลายเศรษฐกิจ ลึกๆ สุดยอดเลย คนรวยเป็นคนทำลายเศรษฐกิจ 

เศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์คือการสะพัดให้เสมอภาคเท่าเทียมกัน คนขาดแคลนคนมีน้อยก็ให้เฉลี่ยให้เพียงพอ แต่นี่เขาไม่ทำ เขากักตุนกอบโกย คนที่ไม่สามารถแย่งชิงเอาได้ก็จน เขาก็ใจดำอำมหิตสุดยอดเห็นแก่ตัว น่าเกลียดจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน 3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 10:39:56 )

คนรวยเป็นคนเอาเปรียบ

รายละเอียด

คนที่เอาแต่รวยๆๆ หาทางเอาเปรียบแล้วก็ได้เปรียบสังคมอยู่เรื่อย ให้ใช้ปัญญานิดนึง คนที่มีชีวิตอยู่ในสังคมมีแต่เอาเปรียบ หาทางเพื่อได้เปรียบ แล้วก็ได้เปรียบไม่มีที่สิ้นสุดเขาเป็นคนดีหรือคนชั่ว ...ชั่ว

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:42:02 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:23 )

เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 03:35:40 )

คนรวยไม่เสร็จคือคนโง่ที่สุดในโลก

รายละเอียด

ใครที่ยังรวยชิบหายและไม่พออันนั้นมันจนชิบหายเลย คือโง่จนไม่รู้ว่าตัวเองรวยแล้วควรจะพอแล้วก็ยังไม่พอ ได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ คนนี้อาตมาก็เห็นคนที่โง่ที่สุดมาแล้ว  คนที่โง่ที่สุดในโลก คือ เป็นคนใจดำอำมหิตเห็นแก่ตัว ที่ตัวเองได้มา ก็น่าจะมีปฏิภาณรู้ ว่าตนเองได้มากก็เอามารวมที่ตนเองมาก คนอื่นก็จะขาดแคลนก็ต้องแย่งชิงมาก ทำไมไม่รู้จักหยุดพอแล้วเผื่อแผ่ช่วยผู้อื่นบ้าง กลับมีเชิงซ้อนทำทีทาน บริจาคอย่างนั้นอย่างนี้ ซ้อนอีกที เพื่อให้คนเชื่อถือนับถือ ทำให้เกิดเครดิตได้มากยิ่งขึ้นซับซ้อน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 06 มีนาคม 2564 ( 10:59:19 )

คนระดับรวยเด่น

รายละเอียด

พวก 2 รวยเด่น พวกนี้เป็นกัลยาณชน สูงสุดของกัลยาณชนก็ได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งของทางเทวนิยม อย่างที่มีกันอยู่ในโลกเยอะแข่งกันด้วย ศาสดาต่างๆ ศาสนาใหญ่ๆมีไม่กี่ศาสนา ยังมีศาสนาเล็กศาสนาน้อยที่เป็นกัลยาณชน แล้วตัวเองพยายามเป็นคนรวย คนเด่นคนดัง คนกล้าก็แล้วแต่ในโลก โง่ซวย รวยเด่น  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 41คนโง่ซวย รวยเด่น และเป็นกลาง วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2565 ( 13:38:09 )

คนระดับเป็นกลาง

รายละเอียด

อันสุดท้ายโลกุตระ อาริยชน นั้นคือ เป็นกลาง ทำจิตให้เป็นกลาง 

คำว่า เป็นกลาง คำนี้ยิ่งใหญ่ 

ความเป็นกลาง ภาษาบาลีว่า มัชเฌณ ความเป็นกลาง ท่ามกลาง สภาพเป็นกลาง 

ผู้ที่ปฏิบัติธรรม เข้าถึงความเป็นกลางอยู่ในขั้น 8 เป็นโพธิสัตว์ระดับสูงคือขั้นอภิภู หรือเป็นคนที่มี อนุปคัมมะ เป็นคนที่มีคุณสมบัติ บัญญัติเรียกว่าอภิภู มีคุณสมบัติที่เป็น อนุปคัมมะ คือมีคุณสมบัติขั้น อภิภุยยะ ใช้ ย.ยักษ์ไม่ใช่ ญ.หญิง ที่เป็นอีกวรรค ที่ ความรู้ยังไม่ถึงขั้น ย.ยักษ์

ฉะนั้นความเป็นกลางของผู้ที่ถึงขั้น เป็นกลาง จะเป็นคนมีปัญญา คนที่เป็นกลางไม่ใช่คนโง่ คนที่เป็นกลางเป็นคนที่มีปัญญาสูงมีทั้งคุณวิเศษคุณสมบัติข้างใน อย่างที่กล่าวมาแล้ว ผู้ที่ยิ่งใหญ่เอกอุ อาตมาขยายความ อภิภู คือ ผู้ยิ่งใหญ่มีความเป็นเอก เป็นผู้ที่มีโลกุตรธรรม อุตรธรรม อุตระนั้นขั้นปัญญา ความรู้ปัญญา 8 ของพระพุทธเจ้านั้นคนที่เป็นกลางจะมีความรู้ของปัญญา 8 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 41คนโง่ซวย รวยเด่น และเป็นกลาง วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2565 ( 13:41:19 )

คนระดับโง่ซวย

รายละเอียด

คนในระดับต้นเรียกว่า โง่ซวย วนในโง่ซวย แล้วเขาไม่รู้ว่าเขาทำความโง่เขาทำความซวยให้แก่ตัวเองและสังคมเขาไม่รู้ เขาหลงผิดนึกว่าทำความดีแต่แท้จริงทำความชั่ว นึกว่าทำความถูกต้องแต่ที่แท้ทำความผิด คือยังไม่มีความแม่นยำในเรื่องของความจริง ปนกันเละ เรียกว่าโง่ซวย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 41คนโง่ซวย รวยเด่น และเป็นกลาง วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2565 ( 13:35:42 )

คนระดับไหนจึงคุยกับเทวดาได้

รายละเอียด

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตื้นเขิน เป็นเรื่องลึกซึ้ง เป็นเรื่องสมมุติสัจจะ ปรมัตถสัจจะ ถ้าบอกสมมุติสัจจะ ถ้าบอกว่าเทวดา ในสมมุติสัจจะเราก็หมายถึงภาษาธรรมดาง่ายๆ แค่เป็น Common noun หรือสามัญนาม ก็หมายถึงความหมายกว้างๆ ทั่วไป เทวดาหมายถึงจิตใจอันเจริญ จิตใจอันสูงขึ้นจากความเป็นมนุษย์สามัญสมมุติเทพ เป็นโลกีย์ที่เขาเข้าใจ เหมือนนิยายปรัมปรา บางทีเขาบอกว่าคนตาทิพย์จึงจะเห็น คนไม่มีตาทิพย์ไม่เห็น อธิบายกันบางทีก็เลยงง ตามคำอธิบายของเขาคิดไม่ออกเลยว่าเป็นอย่างไร ไปถึงขนาดนั้น นั่นคือเทวดาแบบสมมุติสัจจะ ซึ่งมีมากสารพัด กายต่างกันสัญญาต่างกัน

การคุยกับเทวดา สมมติเทพก็คือเทวดาโลกีย์ ไม่เข้าใจอะไรหรอก

เป็นเทวดาโลกจินตา อย่างเทวดาสายมหาบัว อาจารย์มั่น จะมีน้อยกว่าเทวดาสายธัมมชโยซึ่งเป็นเทวดา เทวดามิจฉาทิฏฐิเยอะมากเลยกว่าสายมหาบัว 

ส่วนเทวดาโลกุตระนั้นท่านแยกออกจากสมมุติเทพ คนเขาจะหลงกันอย่างไรก็น่าสงสาร แต่เราไม่ไปหลงอย่างเขา เทวดาจริงก็คืออุบัติเทพ คือเทพที่เกิดได้ เป็นได้ ตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าอย่างสัมมาทิฏฐิ เป็นจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นต้น อุบัติเทพ เกิดจากสัมมาทิฏฐิ ไม่ใช่สมมติเทพ ไม่ใช่เดียรถีย์ ไม่ใช่พวกนอกรีตพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เทวดานอกรีต แต่เป็นเทวดาในสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้าคืออุบัติเทพ เกิดจากปฏิบัติถูกต้องตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าอย่างสัมมาทิฏฐิแล้วเกิดจิตหลุดพ้นไปตามลำดับ เอาสังโยชน์ 10 มาจับเป็นต้น ตั้งแต่สักกายทิฏฐิ สีลัพพตปรามาส วิจิกิจฉา ฯ จนหลุดพ้นอวิชชา จึงสมบูรณ์แบบสะอาดหมดจด 

คนระดับที่จะต้องมีสัมมาทิฏฐิจึงจะคุยกับเทวดาได้ อย่างพวกคุณฟังเข้าใจสัมมาทิฏฐิได้ก็เริ่มต้นรู้จักเทวดา ก็เอาไปปฏิบัติในตัวเองได้ มันถึงขีดเขตของตัวเองได้ไป แต่ระวังจะเป็นเทวดานิรมาณกายฟุ้งซ่านสร้างไปเองเรื่อยๆแล้วก็คุยกับเทวดาเก๊ เละเทะไปเลย เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งยุ่งเลยต้องถึงขีดถึงเขตถึงทำได้ อย่าอยากได้อยากเป็นอย่างอาตมา เห็นช้างขี้อย่าขี้ตามช้าง เป็นไปตามธรรมชาติจะได้เอง

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 15:15:33 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์