คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
ยังไม่ตายปรินิพพานเป็นปริโยสานก็อาศัยพีชะเหมือนมนุษย์พืช แต่เป็นมนุษย์ที่มีจิตแข็งแรง มีสติสัมปชัญญะ แต่ไม่ใช่มนุษย์พืชที่นอนไม่รู้ตัวเลย ไม่ใช่ มนุษย์ที่จิตเป็นพืช แต่ไม่ได้เป็นมนุษย์พืช นี้ยิ่งใหญ่มาก
เมื่อทำจิตให้เป็นพืชได้ก็ไม่มีเวทนา เพราะพืชไม่มีเวทนา พืชมีแต่สัญญากับสังขาร
พืชมีรูป มีสัญญา มีสังขาร สามเส้า ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ จึงไม่มีบาป ไม่มีบุญ ไม่มีจองเวรจองกรรม ไม่มีรัก ไม่มีชัง ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข จึงเอาสภาพของพืชที่มันเป็นอย่างงี้ พีชะมันเป็นชีวะอย่างนี้ เอามาใช้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมจากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:43:45 )
รายละเอียด
มนุษย์ที่เจริญจะรู้เลยว่าคนเราต้องอาศัยกันอย่างอบอุ่น อาศัยกันอย่างพึ่งพากันได้ อย่างพวกเราเป็นคนที่มีปฏิญาณปัญญา เฉลียวฉลาดจะเข้าใจ จะรู้เลย เขาจะมีเซนส์สัมผัสเลยเขาจะรู้อย่างฝรั่ง พอเวลาลูกเขาโตประมาณ 17 ก็ให้แยกออกไป เขาจะไม่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ อยู่เป็นครอบครัวเล็กๆ แล้วก็สร้างครอบครัวต่อไปอีกเรื่อยๆ มันก็ไม่ผิดแต่เป็นวัฒนธรรมที่ขาดตอน
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 16:39:05 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:01 )
รายละเอียด
ที่พูดไม่ได้โมเม แต่มีปรากฏการณ์จริง ของความเป็นมนุษย์ที่มีพฤติกรรม ของความเป็นโลกุตระ เช่น มีลักษณะสาราณียธรรม 6 มี สาธารณโภคี พุทธพจน์ 7 มี สาราณียะ ปิยกรณะ ครุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ สาราณียะ มีความระลึกถึงกัน ระลึกถึงกันด้วยใจปรารถนาดี ไม่ได้มีความปรารถนาร้ายต่อกัน ระลึกถึงอย่างมีความรัก ปิยกรณะ, ระลึกถึง อย่างมีความเคารพ ครุกรณะ, ระลึกถึง อย่างที่มีการช่วยเหลือกัน สังคหะ ไม่มีเชื้อธุลีแล้วการวิวาท อวิวาทะ.. ไม่มี จะไปทำให้เกิดความแตกแยกไม่มี มีแต่ความแตกต่าง แตกต่างนั้นพูดวิเคราะห์วิจัยเก่งแต่ไม่ปรารถนาจะทำความแตกแยก พร้อมเพรียงกันเท่าที่จะทำได้เสมอสมานกันด้วยศีล ศีล 5 เสมอศีล 5 ศีล 8 เสมอศีล 8 ศีลปาติโมกข์เสมอศีลปาติโมกข์ รวมแล้วมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันเอกีภาวะ เป็นลักษณะ 7 เป็นเรื่อง สันทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก
เป็นยุคที่ใกล้กลียุค แต่ก็ยังมีคนมีคุณสมบัติพิเศษโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ยังปฏิบัติได้ ประพฤติได้เป็นชุมชนหมู่ มีวัฒนธรรม มีรูปแบบยืนยันได้ ถ้าเขารู้จะยกย่องเชิดชู รางวัลมีเท่าไรจะเอามาให้เยอะแยะ แต่เขาไม่รู้ว่าประเสริฐอย่างไร ซึ่งเราก็เห็นใจเขา เข้าใจเขาอยู่ เพราะเราเข้าใจเราจึงไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจหรือเสียใจไม่ได้รู้สึกว่าต่ำต้อยต่ำเตี้ยอะไร เราก็เป็นสุขสบายของเราไปตามประสาของเราๆ
กล้วยหอมมีกิน กะหล่ำปลีมีกิน แตงโมมีกิน มะเขือเทศมีกิน ทั้งนั้นแหละบนโต๊ะของเรา มีแต่พืชพันธ์ุธัญญาหาร มันแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ของพวกเราเอง ผลิตด้วยน้ำมือน้ำใจอุตสาหะวิริยะของเราแท้ๆ แล้วเราก็รู้มั่นใจว่า นี่แหละเป็นหนึ่งในโลก ผลิตให้มากๆๆ ให้คนทั้งโลกแจกจ่ายไปให้ทั่ว ขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ก็ไปได้ เลี้ยงชีวิตได้จริงๆเพราะเป็นอาหารของคน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 32 ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่มีอยู่ประจำโลก วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2565 ( 13:48:59 )
รายละเอียด
คือ เป็น“พืช”นั้นยังไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะชีวะขั้น“พืช”ยังไม่ มี“กรรม” ไม่มี“วิบาก” ยังรักไม่เป็น ยังชังไม่เป็น ก็ยังไม่จองเวรจองกรรมกัน เพราะพืชยังไม่มีรักกัน พืชยังไม่มีชังกัน พืชมีแต่ผสมพันธุ์กันได้ แต่ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่มี“อารมณ์”เป็น“กาม”
“พืช”จึงเป็น“ชีวะ”ที่มัน“ไม่สุข-ไม่ทุกข์” เรื่องนี้สำคัญยิ่งๆ
“ไม่สุข-ไม่ทุกข์”นี้แหละคือ “อาการของจิต”หรือ“ความรู้สึก”
ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวะ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และได้นำมาให้คนศึกษาพากเพียรทำ“จิตนิยาม”ของตนให้เป็น“ชีวะ”เหมือนกันกับ “พืช”ที่มีคุณสมบัติ“ไม่สุข-ไม่ทุกข์”ให้ได้ ดั่งที่“พืช”มันเป็นอยู่
ซึ่ง“พืช”ก็เป็น“ชีวะ” “มนุษย์”ก็เป็น“ชีวะ”
มนุษย์นั้น“จิตนิยาม”ถือว่าสูงกว่า“พืช”นะ!
แต่ทำไม..มนุษย์จึงโง่กว่าพืช ยัง“มีสุข-มีทุกข์”อยู่ล่ะ?
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:41:41 )
รายละเอียด
รายละเอียดพวกนี้อาตมาเคยอธิบายไปจนกระทั่งถึงมนุษย์ที่หลงผิด เป็นอาจารย์ทางสายประเทศจีนก็ชอบนั่งทำสมาธิ ทำสมถะหลับตา สะกดจิต ยึดถือในอัตตาตัวเอง ไม่ยอมแยก ไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมวาง ตายไปแล้วจิตวิญญาณออกจากร่าง เหลือแต่ พีชนิยาม เป็นมนุษย์พืช เป็นมนุษย์พืชแล้วก็ไม่ยอมตาย ไม่ยอมออก ไม่ยอมปล่อยวาง จิต มันไม่เป็นจิตแล้วมันเป็น พีชนิยามแล้ว ไม่ยอมวางไม่ยอมปล่อยตน จะเรียกตนทีเดียวก็ไม่ตรงทีเดียวแต่ก็เรียกลำลองไว้ ยังยึดเป็นตัวกูของกูอยู่อย่างนั้น ก็เลยกลายเป็นคนไม่เน่า แต่ก็ค่อยๆเหี่ยวแห้งไป ค่อยๆหยุดชีวะ เหมือนกับพืชที่ค่อยๆแห้งเหี่ยวไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยมาสนับสนุน ไม่มีลมหายใจไม่มีอาหารมันก็แห้ง เขาก็เอาใส่โลงแก้วบูชากราบแล้วกราบอีกกราบผู้ที่มิจฉาทิฏฐิ กราบเดียรถีย์ทั้งหลายเป็นอาจารย์ ในศาสนาพุทธที่หลงก็ดีอย่างนี้น่าสงสาร สายหลับตานี้มีอาจารย์ใหญ่ บางทีก็ทำเป็นเหมือนมัมมี่ ขออภัยที่พูดไปนั้นไม่ได้ไปดูถูก พูดข่ม แต่ว่าเป็นการอธิบายธรรมะ
ที่มา ที่ไป
ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 11:08:45 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2563 ( 18:09:04 )
รายละเอียด
พญานาคที่นอนหลับไม่รู้คู้ไม่เห็นคือมนุษย์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยในโลก มันนอนดิ่งดับหลับใหลอยู่นั่นแหละ จนกระทั่งได้ยินเสียงกริ๊ก พระพุทธเจ้าจะเกิดแต่ละองค์นี้นานมากพอได้ แล้วท่านก็ลอยถาดทองคำ ลงไปกระทบถาดทองคำใบเดิมที่เป็นกองถาดทองคำของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ก็ได้ยินเสียงกริ๊ก เสียงกริ๊กที่กระทบถาดทองคำที่พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงอุบัติและลอยถาดมา เป็นสัญญาณว่าพระพุทธเจ้าเกิดองค์หนึ่งแล้วนะ ที่พญานาค ก็ได้ตื่นเพราะเสียงที่ดังที่สุดกังวานที่สุดลึกแหลมที่สุดที่ทำให้พญานาคที่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงถาดทองคำของพระพุทธเจ้ากระทบกัน จะไม่ได้ยินเสียงอื่นเลยพญานาคหูบอดตาหนวกขนาดนั้น จะหนักเท่าๆกับคนที่หลับตาปฏิบัติสมาธิอย่างที่เป็นอยู่นี้เราก็ไม่รู้ ถ้าพวกที่หลับตาสมาธิท่านเหมือนพญานาค ก็คงจะต้องหลับต่อไปนิรันดร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 22:07:25 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
เวลาบันทึก 29 กันยายน 2565 ( 14:44:31 )
รายละเอียด
เป็นมนุษย์แล้วจะมีอัตภาพมีกรรมเข้าร่วม สัตว์ก็เริ่มมีกรรมเข้าร่วมแล้ว จิตนิยามมีการเข้าร่วมแล้วแต่มันไม่รู้เรื่องมันเป็นเดรัจฉาน มันไม่สามารถ ควบคุมให้กรรมเป็นกุศลอกุศล มันก็ไม่รู้เป็นไปตามวิบากของมัน นานกว่าจะพัฒนาจาก สัตว์เดรัจฉานมาเป็นสัตว์มนุษย์ แม้เป็นมนุษย์ก็อีกนานกว่าจะรู้โลกุตรธรรม สามารถที่จะควบคุม พลังงานเหล่านี้ แยกพลังงานเหล่านี้ได้ว่าเป็นอุตุ พีชะ หรือ จิต ซึ่งเกิดจากกรรมทำให้เกิดได้แล้ว ให้ตั้งอยู่เป็นธรรมะ ทรงไว้ ผนึกไว้ รวมไว้ กรรมเป็น Dynamic ธรรมะเป็น Static
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 11:39:33 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:47 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:59:24 )
รายละเอียด
การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้านี้ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ผู้สำเร็จสูงสุดพึงกระทำ มีอย่างหนึ่งคือ “ให้” สูงสุด คือ “ทาน” ที่เป็นตัวต้นตัวใหญ่ตัวจบ ทั้งตัวต้นและตัวจบคืออยู่ที่ทานคือการให้ เป็นบารมีใหญ่ เป็นสิ่งที่ประพฤติปฏิบัติแล้วจะได้สิ่งนี้ พระอรหันต์จะมีสมบัติอยู่ 3 อย่าง 1. ให้ 2.เมตตา 3.อุเบกขา พระอรหันต์จะมีอยู่ 3 อย่างนี้เท่านั้น อยู่กับ 3 อย่างนี้ มีจิตเมตตา คือ ตัวประพฤติ อยู่กับใครก็มีเมตตา ต้องการให้เขาเป็นไปได้ด้วยดี พ้นทุกข์มีสุข หรือหวังประโยชน์เพื่อสัตว์เพื่ออะไรทั้งปวง ถ้าอยู่กับของดิน น้ำ ไฟ ลมก็หวังให้มันเจริญพัฒนาไปดี มีจิตเมตตา ช่วยแล้วก็มีมุติตา จบแล้วก็อุเบกขา อย่างนี้เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561
สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน มีเวทนาเป็นกรรมฐานให้สัมผัสวิโมกข์ 8
เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:26:36 )
รายละเอียด
ตัวชี้วัดมาจาก "กรรม" ที่มี "คุณธรรม"
เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2562 ( 09:18:14 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:48:46 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:59:38 )
รายละเอียด
ก็อย่างที่คุณตั้งข้อสังเกตก็ได้ ก็อย่าไปคิดให้ลึกเกินไปเพราะว่า โศลกปีนี้มันตรง คุณไปมองให้ละเอียดว่า ที่จริงเดรัจฉานมันก็ทำงานของมันเป็นธรรมดา จริง! เดรัจฉานมันทำงานของมันเป็นธรรมดา แต่งานของเดรัจฉานนั้น มันไม่ได้เป็นงานที่ลึกซึ้งสูงส่ง มีประโยชน์คุณค่าต่อสัตว์อื่น ต่อมนุษย์อื่นได้มากเหมือนมนุษย์ผู้เจริญ ต้องใช้คำว่า “มนุษย์ผู้เจริญ”
มนุษย์ผู้เจริญเป็นอาริยะ จะเป็นผู้ที่สร้างงานทำงาน ไม่ทำงานก็เป็นเดรัจฉานธรรมดา ก็คือทำ อย่างดีก็เพื่อกินเพื่ออยู่ของตนเอง ต่อสู้ดิ้นรน ฆ่าแกงคนอื่น ทรมานคนอื่น แย่งชิงกันไปเป็นธรรมดาๆ เหมือนสัตว์โลกียะสัตว์เดรัจฉานธรรมดา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 19:58:59 )
รายละเอียด
ก็อย่างที่คุณตั้งข้อสังเกตก็ได้ ก็อย่าไปคิดให้ลึกเกินไปเพราะว่า โศลกปีนี้มันตรง คุณไปมองให้ละเอียดว่า ที่จริงเดรัจฉานมันก็ทำงานของมันเป็นธรรมดา จริง! เดรัจฉานมันทำงานของมันเป็นธรรมดา แต่งานของเดรัจฉานนั้น มันไม่ได้เป็นงานที่ลึกซึ้งสูงส่ง มีประโยชน์คุณค่าต่อสัตว์อื่น ต่อมนุษย์อื่นได้มากเหมือนมนุษย์ผู้เจริญ ต้องใช้คำว่า “มนุษย์ผู้เจริญ”
มนุษย์ผู้เจริญเป็นอาริยะ จะเป็นผู้ที่สร้างงานทำงาน ไม่ทำงานก็เป็นเดรัจฉานธรรมดา ก็คือทำ อย่างดีก็เพื่อกินเพื่ออยู่ของตนเอง ต่อสู้ดิ้นรน ฆ่าแกงคนอื่น ทรมานคนอื่น แย่งชิงกันไปเป็นธรรมดาๆ เหมือนสัตว์โลกียะสัตว์เดรัจฉานธรรมดา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์รายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 22 วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 20:11:29 )
รายละเอียด
ทุกวันนี้มนุษย์พยายามจะสร้างหุ่นยนต์แล้ว ให้หุ่นยนต์มันมีชีวิตเอง เหมือนพืช พืชมันกำหนดธาตุ กำหนดพลังงาน มาปรุงแต่งตัวมันเอง ให้เป็นพืชชนิดต่างๆ ซึ่งก็เกิดจากตัวธาตุละเอียดตั้งแต่วัตถุ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่เป็นอุตุมาผสมส่วนกันได้ที่ ได้เหตุปัจจัย แล้วก็จะเกิดเป็นพลังงาน ชีวะขึ้นมาระดับหนึ่ง ทางวิทยาศาสตร์ก็พยายามศึกษาตั้งแต่ Protoplasm Cytoplasm แตกตัวออกมาเป็นสัตว์ เป็นต้น ซึ่งในความรู้เหล่านี้คุณ ก็ศึกษาจนรู้ดี กันได้เยอะขึ้นมากเรื่อยๆ กว่าจะพัฒนาระดับพืชมาเป็นระดับจิตตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวสัตว์เดรัจฉาน
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 11:36:47 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:51:01 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:00:06 )
รายละเอียด
คนผู้ที่พลังงานชีวะไม่มีในตัวเขา ไม่มีคุณภาพประสิทธิภาพถึงขั้นจิต ขั้นวิญญาณแล้ว
หนังสืออ้างอิง
เปิดโลกเทวดา หน้า 13
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:36:37 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:51 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:00:38 )
รายละเอียด
จะได้ชัดเจนที่สุดแม้แต่ที่สุดคนเป็นมนุษย์พืชแล้วไม่มีสิทธิ์ที่จะฟื้นขึ้นมา เป็นจิตนิยามหรือเป็นสัตว์อีกแล้ว เป็นมนุษย์พืชแล้วก็เท่ากับพืชธรรมดา คนที่จิตวิญญาณพลังงานตกลงไปถึงขั้นเป็นพืชแล้ว พีชนิยาม ถ้าเราปล่อยให้ตาย จะเรียกว่าฆ่าก็ตามไม่ให้มีชีวะต่อ ไม่บาป พูดไปแล้วเหมือนอำมหิต ก็ลูกฉันพ่อฉันเป็นคนแต่ตอนนี้ไม่ใช่คนที่เป็นจิตนิยามแล้วมันเป็นพีชะ อาศัยร่างเก่าร่างของคนแต่ว่าพลังงานจิตพลังงาน พีชะ พลังงานไม่เป็นจิต แล้วเป็นพลังงานขั้นพืชไปหาอุตุ มันก็เหมือนพืช เราไปทำลายหรือว่าเราปล่อยให้ตาย พูดให้ร้ายแรงว่าเหมือนฆ่า เอาสายออก ไม่บาปหรอก หมอนายแพทย์ก็ดี ญาติโกโยติกา อย่าไปเสียใจอะไรมากมายจนเกินไปจะไปโกรธคนนั้นคนนี้ว่าทำให้ตาย ขนาดพืชมนุษย์เราร่างกายเป็นร่างเก่าเป็นร่างคนแต่พลังงานที่อยู่ในร่างนี้มันไม่มีวิญญาณครอง ไม่มีกรรมวิบาก จะเป็นบาปเป็นบุญเป็นกุศลอกุศลไม่มี ก็เหมือนกับทำลายพืช เพราะฉะนั้นกินพืชตัดพืชมากินตัดพืชตัดอะไรต่ออะไรมันถึงไม่บาปอะไรหรอก
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2562 ( 03:28:13 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:51:44 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:01:30 )
รายละเอียด
พลังงานไม่สิ้นเพราะอะไร เพราะเขายึดว่านี่คือกายของกูไม่ออกไป ทั้งๆที่จิตของคุณไปแล้วตายไปแล้วไม่มีจิตวิญญาณ แต่ถ้าจิตยึดยังอยู่ เหมือนมนุษย์พืชนั่นแหละถ้าคุณยังให้อาหารอยู่ กายนี้ก็ยังอยู่เหมือนที่อยู่ใน ICU นั่นแหละ ถอดสายออกเมื่อไหร่ก็เป็นมนุษย์ตาย ไม่ใช่มนุษย์พืช แต่ที่ยังหนักอยู่คือไม่ยอมตายก็เลยพยายามดึงตัวเองไว้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 21:14:37 )
รายละเอียด
ผู้ที่สามารถอ่านกรรมฐานที่เป็นมูลกรรมฐานแยกกายแยกจิตได้ชัด สามารถแยกอุตุ สภาวะอย่างใด องค์ประกอบของดินน้ำไฟลมและจิต เป็นอุตุนิยาม แยกได้ว่า เป็นพีชะ ยังมีชีวะ ยังติดอยู่กับตัวเรา แต่ส่วนที่ติดอยู่กับตัวเราส่วนใด ที่ไม่มีเวทนา ส่วนนั้นเรียกว่า พีชะ เรียกว่าพืช
คนที่นอนไม่มีความรู้สึกเรียกว่ามนุษย์พืช มีชีวะอยู่ ให้อาหารเข้าไปเลี้ยง ออกซิเจน ให้ลมหายใจมีอาหารเข้าไปเลี้ยง ก็เลี้ยงเขาได้ไปตลอดจนกว่าพีชะ มนุษย์พืชอันนี้จะหมดพลังงานสังขารปรุงแต่งในตัว ตราบใดที่ยังไม่หมดพลังงานสังขารปรุงแต่งก็จะทำงานไปอีกมันจะเป็นมนุษย์พืชไป 5 ปี 10 ปี 20 ปี 30 ปีได้ อยู่ที่องค์ประกอบของสังขาร ความปรุงแต่ง สรีระของแต่ละคน บางคนก็อยู่ไม่นาน บางคนก็อยู่ได้นาน
ที่มา ที่ไป
ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 11:06:21 )
รายละเอียด
ถ้าจิตมันลดมันตก มัน drop ไปถึงขั้น พีชะแล้ว ไม่ฟื้นมาเป็นจิตนิยมอีกแล้ว มีแต่จะกลายเป็นอุตุ ปล่อยเขาไปเถอะ ไม่มีวิญญาณ ไม่มีเวทนา ไม่มีจองเวรจองกรรม ไม่มีวิบากร่วมกันอีกเลย หมอ นายแพทย์ทั้งหลายจงรับทราบไว้จริงๆ แต่ก็รับทราบได้บ้างแล้วล่ะ
เพราะฉะนั้นมนุษย์พืช ถอดท่อช่วยหายใจออกก็ไม่บาป เพราะมนุษย์พืช คือพืช ไม่ได้รู้ตัว ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ยึดแต่ในจิตตน ถ้าเป็นปุถุชนก็ติดหรือเป็นพวกเทวนิยมมิจฉาทิฏฐิก็ยึดไว้อย่างนั้น เลยกลายเป็นร่างที่เน่าช้า ถ้ายังให้อาหาร ยังสูบอากาศใส่ปอด ให้อาหารทางสายอยู่ ก็จะชลอไปอย่างนั้นเป็นโมเมนตัม นานไปอีก เหมือนเลี้ยงต้นไม้เอาไว้ ไม่ให้ปุ๋ย ไม่ให้อาหารมันก็ตายเช่นเดียวกันกับต้นไม้ อยู่ได้นานด้วย 10 ปี 20 ปี เป็นการตายไม่รู้จักตาย ทรมานกันทั้งผู้ดูแลและผู้อยู่ในสภาพนั้น
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสชัด ถ้าปราศจากวิญญาณอันตัวเขาทิ้งไปแล้ว ประดุจดั่งท่อนไม้และท่อนฟืน หาประโยชน์มิได้ คนตายร่างกายเอาไปทำฟืนก็ไม่ได้ ท่อนไม้ยังเอาไปทำที่นั่งทำโต๊ะทำตั่งได้ แต่ร่างกายเอาไปทำไม่ได้ เน่าเฟะไม่ได้เรื่อง เหลือกระดูกพอได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาความเข้าใจเรื่องกายของอ.แปลง วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2564 ( 14:57:31 )
รายละเอียด
คนเขาว่ากินอะไรตั้ง 3 ชั่วโมง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรมันเมื่อย เคี้ยวไป ก็ค่อยๆเคี้ยวๆๆ ถ้าเผลอว่าอาตมาไม่พยายามเคี้ยวให้ละเอียด แก่ขนาดนี้แล้ว อาหารก็ไม่เคี้ยว กลืนๆเหมือนเด็กๆไม่ได้หรอกไม่ช่วยขันธ์มันก็ตาย มันจะซ้อน อายุจะสั้นลงไปอีก ก็เลยประคองไป เหมือนกับเลี้ยงมนุษย์พืชไว้ มนุษย์พืชที่ควบคุมพืชได้แล้ว
จิตวิญญาณ สามารถควบคุมความเป็นพืชได้ อยู่เหนือ มี วสวัตตี ใช้ความเป็นพืชในประเด็นที่ไม่มีความสุขไม่มีความทุกข์ เป็นคนที่ไม่มีกาย ไม่มีบาปไม่มีบุญแล้ว พืชพันธุ์ธัญญาหารมันไม่มีบาปไม่มีบุญ ไม่มีจองเวรจองกรรม ไม่มีอัตตา อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งถ้าเข้าใจพวกนี้ไม่ได้ คุณก็ทำจิตของคุณให้เป็นพีชะไม่ได้
แล้วคุณสมบัติของ พีชะ เป็นอย่างไร คุณก็แยกไม่ออก ไม่ชัดเจน แล้วจะทำใจในใจให้เป็น พีชะ คุณจะทำอย่างไรในเมื่อคุณเข้าใจไม่ได้ เพราะงั้นการเข้ามาบวชเพื่อไปนิพพานต้องมารู้การแยกกายแยกจิตให้ได้ ต้องทำจิตให้เป็น พีชะ ให้เป็นอุตุ แล้วไปนิพพาน ถ้าคุณไม่เข้าใจพีชะ อุตุ ทำจิตไม่ได้ ก็เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานไม่ได้หรอก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 12:42:30 )
รายละเอียด
พระอรหันต์ก็คือพืช เป็นมนุษย์พืชที่มีสติเต็มเป็นของตนเอง รู้ภายนอก-ภายใน เต็ม ไม่ใช่เป็นมนุษย์พืชที่ไม่มีสติเป็นของตนเอง ไม่ใช่ มีสติเต็มร้อย รู้ภายนอก-ภายใน รู้การสัมผัสสัมพันธ์ปรุงแต่งกันอะไรๆ หมดสังขารในตัวเองได้ยอดเยี่ยมเลย นี่คือพระอรหันต์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้โลก 9 แบบ จนเป็นมนุษย์พืชมหัศจรรย์ วันพุธที่ 19 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2565 ( 21:30:41 )
รายละเอียด
ร่างที่เป็น“มนุษย์พืช”ไปนี้ หากยังให้“อาหาร”เข้าไปใน“ร่าง”นี้
และใน“สังขาร”ภายในของคนผู้นี้ยังมีพลังงาน“พีชนิยาม”อยู่มากพอ
“ร่าง”นี้ก็จะเป็น“มนุษย์พืช”ไปได้อีกนาน หรือดังที่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลทั้งหลายมีกันอยู่ ก็หลงเลี้ยง“พืช”นี้ว่าเป็น“คน”ที่ยังมี“จิต”อยู่ ทั้งๆที่พลังงานภายในนั้นไม่ใช่“จิต”แล้ว มีเพียง“พืช”เท่านั้น
หากแม้นว่า “ร่าง”นี้เป็น“พืช”ไปสนิทแล้วแท้ เหลือแต่พลังงาน“พีชนิยาม”เท่านั้น ไม่มีพลังงานที่จะฟื้นกลับคืนมาเป็น“จิต”ได้แน่นอนแล้ว “ร่าง”นี้ก็ไม่มี“เวทนา” ไม่ใช่“วิญญาณ” ไม่มี“บาป-ไม่มีบุญ”
ไม่มี“กาย” แต่ได้กลายเป็น“พืช”ไปแล้วจริงๆ ไม่มีกรรม-ไม่มีวิบากที่จะสั่งสมแล้ว ไม่เป็นกุศล-ไม่เป็นอกุศล ไม่เป็นสุข-ไม่เป็นทุกข์ กันอยู่ นั่นคือ “ร่าง”นี้ ไม่ใช่มนุษย์แล้ว เป็น“พืช”ไปแล้ว
ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ มีแค่“พีชนิยาม”อยู่ในร่างนี้เท่านั้น เป็น“ศพหรือสวะ”ที่จะเสื่อมลงไปสู่“อุตุนิยาม”ถ่ายเดียว ไม่ฟื้นขึ้นมาสู่“จิตนิยาม”อีกแน่นอน เพราะ“ร่าง”นี้“ตาย”แล้ว จากความเป็น“คน”ไม่มี“กาย”แล้ว
แม้จะเป็น“พืช”อยู่ ก็ไม่มี“กาย” ซึ่งเป็นแค่“สังขาร”ที่เป็น“สังขารไร้วิญญาณครอง(อนุปาทินนกสังขาร)” เป็นแค่“ชีวะ”ที่ไม่มี“เวทนา”แล้วไง!
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 453 หน้า 330
เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:13:50 )
เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:41:19 )
รายละเอียด
ผู้ที่สามารถอ่านกรรมฐานที่เป็นมูลกรรมฐานแยกกายแยกจิตได้ชัด สามารถแยกอุตุ สภาวะอย่างใด องค์ประกอบของดินน้ำไฟลมและจิต เป็นอุตุนิยาม แยกได้ว่า เป็นพีชะ ยังมีชีว ยังติดอยู่กับตัวเรา แต่ส่วนที่ติดอยู่กับตัวเราส่วนใด ที่ไม่มีเวทนา ส่วนนั้นเรียกว่า พีชะ เรียกว่าพืช
คนที่นอนไม่มีความรู้สึกเรียกว่ามนุษย์พืช มีชีวะอยู่ ให้อาหารเข้าไปเลี้ยง ออกซิเจน ให้ลมหายใจมีอาหารเข้าไปเลี้ยง ก็เลี้ยงเขาได้ไปตลอดจนกว่าพีชะ มนุษย์พืชอันนี้จะหมดพลังงานสังขารปรุงแต่งในตัว ตราบใดที่ยังไม่หมดพลังงานสังขารปรุงแต่งก็จะทำงานไปอีกมันจะเป็นมนุษย์พืชไป 5 ปี 10 ปี 20 ปี 30 ปีได้ อยู่ที่องค์ประกอบของสังขาร ความปรุงแต่ง สรีระของแต่ละคน บางคนก็อยู่ไม่นาน บางคนก็อยู่ได้นาน
ที่มา ที่ไป
ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 12:10:26 )
รายละเอียด
ผู้ที่สามารถอ่านกรรมฐานที่เป็นมูลกรรมฐานแยกกายแยกจิตได้ชัด สามารถแยกอุตุ สภาวะอย่างใด องค์ประกอบของดินน้ำไฟลมและจิต เป็นอุตุนิยาม แยกได้ว่า เป็นพีชะ ยังมีชีว ยังติดอยู่กับตัวเรา แต่ส่วนที่ติดอยู่กับตัวเราส่วนใด ที่ไม่มีเวทนา ส่วนนั้นเรียกว่า พีชะ เรียกว่าพืช
คนที่นอนไม่มีความรู้สึกเรียกว่ามนุษย์พืช มีชีวะอยู่ ให้อาหารเข้าไปเลี้ยง ออกซิเจน ให้ลมหายใจมีอาหารเข้าไปเลี้ยง ก็เลี้ยงเขาได้ไปตลอดจนกว่าพีชะ มนุษย์พืชอันนี้จะหมดพลังงานสังขารปรุงแต่งในตัว ตราบใดที่ยังไม่หมดพลังงานสังขารปรุงแต่งก็จะทำงานไปอีกมันจะเป็นมนุษย์พืชไป 5 ปี 10 ปี 20 ปี 30 ปีได้ อยู่ที่องค์ประกอบของสังขาร ความปรุงแต่ง สรีระของแต่ละคน บางคนก็อยู่ไม่นาน บางคนก็อยู่ได้นาน
ที่มา ที่ไป
ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 12:10:45 )
รายละเอียด
พืชมีแต่สัญญากับสังขาร มันก็กำหนดรู้ของมันในตัวว่าจะเอาธาตุอะไรมาปรุงแต่งเป็นตัวมันเท่านั้น ที่ถามว่ามนุษย์พืชนั้นวิญญาณกับเวทนาไปไหน. ก็มันยังไม่มีมันไม่ได้ไปไหน คุณไปนึกถึงจิตนิยามที่มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันก็เป็นเรื่องของจิตนิยาม แต่นี่มันเป็น พีชนิยาม ไม่ถึงขั้นจิตนิยาม มันเป็นชีวะระดับต่ำ มีแต่สัญญากับสังขาร ไม่ใช่วิญญาณมันไปไหน ชีวะเหมือนกันแต่เป็นชื่อว่าคนละระดับ
มันมีพลังงานในตัวมันเรียกว่า พลังงานสัญญากับพลังงานสังขาร ส่วนจิตนิยามที่พัฒนาถึงขั้นได้ชื่อว่าเป็นสัตว์แล้ว ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉาน สัตว์ 1 เซลล์หรือ 2 เซลล์ก็แล้วแต่ จนมาเป็นมนุษย์หลายล้านเซลล์ สังขารปรุงแต่งกันอยู่ในชีวิต ก็มีเวทนา มีวิญญาณ มีอาการ ต้องรู้ว่าอาการเวทนาเป็นอย่างนี้ อาการสัญญาเป็นอย่างนี้ อาการสังขาร อาการวิญญาณเป็นอย่างไร เข้าใจอาการเคลื่อนไหวของพลังงานพวกนี้ แล้วเราก็จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ถูกต้อง หรือทำกับพลังงานพวกนี้ตามหน้าที่ของมัน สัญญาก็มีหน้าที่อย่างนี้ สังขารหรือเวทนาก็มีหน้าที่อย่างนี้ วิญญาณอย่างนี้ เรียนรู้และเข้าใจพลังงาน อาการ ลิงค นิมิต ตามอุเทส ตามคำอธิบายของพระพุทธเจ้าหรือสัตบุรุษ อาจารย์ที่สัมมาทิฏฐิ แม้ไม่สามารถเข้าใจ ก็มีอุเทสคำอธิบายตามของเขา ก็เรียนรู้กันตอนลืมตามีสติเต็ม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณา ครั้งที่ 39 สร้างอาหารให้กับโลก วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2564 ( 11:15:34 )
รายละเอียด
เป็นธรรมดาธรรมชาติของการปล่อยสัญชาตญาณของสัตว์โลกตั้งแต่เป็นสัตว์ชั้นต่ำก็ต้องทิ้งร่างไปหมดเลยจนมาถึงคน คนหลายคนยังยึดถือร่างเป็นเราเป็นของเราจิตนิยามไม่เหลือแล้วแต่ยังยึดถือร่างไว้อยู่ ก็เลยเป็นมนุษย์พืชทั้งที่พลังงานจิตนิยามมันตกลงไปจนไม่มีคุณสมบัติที่จะมีเวทนาอยู่แล้ว แต่คนก็หลงผิด ผู้ที่เข้าใจผิดที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้า พวกฤาษีชีไพรพวกฤาษีที่เข้าใจว่าการที่ร่างกายตายแล้วไม่เน่าถือว่าเป็นสุดยอดแห่งการมีธรรมะนั้นถือว่าอวิชชา โง่ไม่รู้จักสัจจะความจริง มันเป็นเรื่องการติดยึดต่างหากเป็นประธาน เป็นเราเป็นของเรา
ที่มา ที่ไป
การแสดงธรรมก่อนประชุมเพลิงหน้าศพ วันที่ 3 มกราคม 2561
เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 20:41:39 )
รายละเอียด
ที่คุณพรทิพย์ ถามสุดท้ายว่า Season ที่พ่อครูแปลว่าลูกทะเลนั้นเปรียบเสมือน โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ หรือไม่
อันนี้ก็เปรียบเสมือนในมหาสมุทรมีปลาใหญ่ต่างๆ ฉันใด ฉันเดียวกันกับมนุษยชาติ ก็มีมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ เช่น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ท่านนับว่าเป็นความมหัศจรรย์อันหนึ่ง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 13:57:50 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นใครอยากรู้ แล้วก็มีตัวสำคัญ ที่ใช้รองรับจิตก็คือ พ้นสุข พ้นทุกข์ ไม่ต้องสุขต้องทุกข์อะไรอยู่กับโลกอย่างไม่สุขไม่ทุกข์แล้ว มันก็สบายแล้ว ซึ่งอันนี้ลึกซึ้งมาก
สังคมมนุษย์ที่อยู่กันอย่างเหนือโลกเขาเป็นสุข คือ ไม่สุขไม่ทุกข์ เป็น อจินไตย สายศรัทธา ก็อยากได้ความไม่สุขไม่ทุกข์นี้บ้าง แต่ ไม่มีสัมมาทิฏฐิ สายศรัทธาพยายามหาวิธี ทำผยองไม่มาฟังสายปัญญา
เดี๋ยวจะได้อธิบายเรื่องบุคคล 7 ซึ่งมีความละเอียดลออมาก คนที่มีความรู้ความแตกต่างของทิศทางที่เป็นนัยยะละเอียดนี่แหละ ไปเห็นความแตกต่างแบบมีธรรมรส แบบหยาบๆอันนั้นยิ่งตื้น ศึกษาความเป็น 2 โดยพยัญชนะ แล้วก็จะมีความกลับไปกลับมาก็เท่านั้น หมุนสมองให้ทันสมัย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 กันยายน 2565 ( 14:10:39 )
รายละเอียด
เศรษฐกิจอย่างนี้ในอนาคตเป็นของศาสนาพุทธเป็นมนุษย์วรรณะ 9 เราจะยืนยันพิสูจน์กับโลกได้เลยว่านี่คือคนมีประโยชน์ ประเทศมีประโยชน์เป็นสังคมมีประโยชน์ แม้จะเป็นประเทศเล็กมีพลเมืองไม่มาก แต่มีพลังงานสร้างสรร มีผลผลิตที่สำคัญและจำเป็นให้แก่โลกเขา อาหารการกินนี่เราไม่ขายแพง ข้าวก็ดีอาหารการกินก็ดีถ้าหากขายแพงคนจนหรือคนรวยก็ต้องซื้อกินกันทั้งคู่แล้วใครจะตายก่อน ก็ต้องคนจนตายก่อนเพราะว่ามันแพงเพื่อคุณจะมีจำนวนมากในโลกไม่มีความซับซ้อนอยู่ในสังคม เราต้องทำให้คนจนพึ่งได้ คนรวยแล้วไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก เขาจะขี้เหนียวไม่ซื้อกินก็ตามใจเขาสิ มีเงินแต่ไม่ซื้อกินใช้อดตายก็ช่าง แต่คนจนสิ เราจะต้องเกื้อกูลเผื่อแผ่ เพราะฉะนั้นคำว่าความเกื้อกูล อนุเคราะห์สงเคราะห์ผู้อื่นจึงยิ่งใหญ่ที่สุด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:47:50 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:22 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:02:28 )
รายละเอียด
ความเจริญของชาวอโศก อาตมาต้องรับรอง อาตมาต้องกอบกู้ อาตมาต้องนำพา เพื่อให้ความจริงของพุทธที่เป็นโลกุตระนั้น สืบทอดต่อเนื่องไปจนครบ 5,000 ปี
อันนี้เป็นสัจจะ ผู้ไม่จริงไม่มีความรู้ จะไม่มีอะไรมาพูดอธิบายอย่างอาตมา อาตมาอธิบายธรรมะไม่ได้อธิบายอย่างภาษาฟังแล้วก็ไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างต่อเนื่องกัน ที่จริงคำอธิบายธรรมะของอาตมาต่อเนื่องกันได้หมด ทุกเรื่องทุกอันเอามาเชื่อมโยงกันได้ บางอันก็ใกล้กัน บางอันก็ไกลกันหน่อย บางอันใกล้กันมาก แต่ส่วนอธิบายต่อเนื่องถึงกันได้หมด
มันเป็นสัจจะที่ การเกิดมาเป็นคน ชีวิตที่ได้ร่างกาย-จิตวิญญาณ หรือจิตนิยามเป็นสัตว์ที่เรียกว่า คน นี้ภาษาไทย ส่วนภาษาบาลีเรียกว่า มนุสโส เป็นภาษาสันสกฤตก็คือ มนุษยะ
มนุษย์ก็เป็นผู้ที่จะผันตัวเองให้เจริญสูงสุดได้ที่สุดจึงเรียกว่าจิตสูง ถ้าไม่สามารถผันให้ตัวเองสูงสุดได้ก็ผันให้ตัวเอง..ขออยู่ในร่างมนุษย์เหมือนกัน ผันตัวเองให้ต่ำสุดไป จนกระทั่งต่ำกว่าเดรัจฉาน ต่ำกว่าสัตว์นรก ต่ำกว่าสัตว์ชั้นต่ำมหาอเวจีไหนๆก็ได้ เฉพาะจิตวิญญาณก็ทำให้ต่ำ ไม่มีกำหนดต่ำอย่างหาที่สุดไม่ได้เหมือนกัน เลวร้ายอย่างหาที่สุดในความต่ำ เขาก็เป็นไปได้ จิตของเขาเป็น อย่างคนในยุคนี้ปางนี้สมัยเดียวกัน คุณก็นึกเอาเองก็แล้วกัน คนที่เขาเป็นอย่างนั้นได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนารายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 มกราคม 2567 ( 15:09:04 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 07:58:20 )
รายละเอียด
คิดดูสิ มัน okinawa ใหญ่กว่าหัวอาตมาอีก น้ำหนักถึงเกือบ 5 กิโลกรัม อะไรอย่างนี้เป็นต้น กล้วยนี่ดูสิ หวีนึงกี่ลูก มันเหมือนประชด แต่ไม่ได้ประชด มันเจริญตามความเป็นจริง พวกเราจะรู้เหตุปัจจัยต่างๆ ว่าอันนี้เป็นเหตุปัจจัยที่ถูกต้อง เราก็จะสร้างสิ่งที่เรียกว่า ปุ๋ยก็ดี น้ำจุลินทรีย์อะไรก็ตาม ที่เป็นอาหารที่จะให้กับพืช เราก็จะรู้มีความรู้ยิ่งๆขึ้น แล้วก็จะยิ่งทำได้ดีก็จะยิ่งดีขึ้น เพราะอย่างนี้แหละคนถึงศรัทธา คนจะอยู่ในที่ไหนๆ จะอยู่แอฟริกา จะอยู่New Guinea จะอยู่ตะวันออกกลางก็ต้องกิน แม้คุณจะกินเนื้อสัตว์ก็ตาม คุณจะหลงกินเนื้อสัตว์มากก็ตามคุณก็ต้องกินพืช คุณจะไม่ค่อยกินพืชก็ไม่เป็นไร แต่ที่สุดคุณจะต้องกินพืชด้วยความรู้และสุดท้ายด้วยความจำนน สุดท้ายด้วยความจำนน ก็คือ สุดท้ายเขานึกว่าสัตว์โลกมันจะมีท่วมโลก ก็เหมือนกับมนุษย์นั่นแหละมันฆ่ากันเอง สัตว์โลกเห็นมันฆ่ากันเองไหม มันฆ่ากันเองแล้วมันโหดร้ายกว่าคนด้วย มันจะไปรู้อะไร มันฆ่ากันเอง มันไม่ฆ่ากินด้วยนะมันฆ่าทิ้ง เหมือนคนในโลกที่ฆ่ากันทิ้งเฉยๆด้วยนะไม่กิน สัตว์ที่มันฆ่ากันกินมันก็กิน กินแล้วมันก็ทิ้งๆขว้างๆ มันทิ้งขว้าง มันฟุ่มเฟือย
เสือ โอ้โห เป็นคณะเลยนะ มันล้ม แน่นอนล้มช้าง เสือ 10 ตัวล้มช้างเลย ช้างตาย มันกินไม่หมดหรอก มันหนีทิ้ง หมาไฮยีน่า มาเก็บกินเดนต่อ อีแร้งมันก็มาเก็บกินตอนสุดท้าย มันจะฆ่ายีราฟมันก็กินไม่หมด มันก็ทิ้งซากไว้ให้สัตว์อื่นกินต่อ จนกระทั่งอีแร้งมาเก็บกินตอนสุดท้าย หรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่อยู่ในพื้นดินมากินต่อ หนอนชอนไชไปหมด อย่างนี้เป็นต้น มันก็เป็นธรรมชาติมากมายลึกซึ้งซับซ้อนอยู่ในนี้ สรุปแล้ว พืชพันธ์ุธัญญาหาร คุณจะทำให้ชีวิตมันหมดไปอย่างไร มันก็เกิดเมื่อมันมีดิน ในน้ำมันก็มีพืชพันธุ์ธัญญาหาร กินได้ พืชพันธุ์ธัญญาหารกินได้ก็เยอะ ในดินก็เยอะ
ทั้งคนไทยจะเพิ่มขึ้น จะมีทั้งคนต่างประเทศที่แสวงหาอยู่จริงๆ แน่นอนจะมีเพิ่มขึ้น อาตมาบอกเป็นปริมาณ บอกเป็นจำนวนไม่ได้ บอกเป็นอัตราไม่ได้ บอกได้กว้างๆ มีเพิ่มขึ้นแน่นอน ที่มั่นใจเช่นนั้นก็เพราะว่า อันนี้มันเป็นความสูงสุดยอดของคุณธรรมมนุษยชาติ ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ค้นพบแล้ว มันไม่มีอะไรสูงยิ่งกว่านี้อีกแล้ว ไม่ว่าจะกินอาหาร อาหารการกินก็ตาม ไม่มีอะไรจะสูงไปกว่านี้ มนุษย์สุดท้ายมากินพืชพันธุ์ธัญญาหาร สูงสุด ไม่มีกรรมวิบาก ไม่ไปเบียดเบียนอะไรใคร ไม่มีอะไรจะเป็นภัยเป็นโทษเลย เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรจะไปค้านแย้ง ที่จะไปล้มล้างคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ นอกจากเข้าใจผิดเอง มิจฉาทิฏฐิเอง ก็แย้งอาตมาหรือว่าแย้งความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไว้ อาตมาก็เอามายืนยัน ใครยังไม่เชื่อก็พิสูจน์ไปเถอะ อย่ารีบตาย หรือตาย ก็จำให้ได้ว่ามีความรู้เหล่านี้ เกิดมาให้มีสัญญาเก่าระลึกชาติจำความรู้เหล่านี้ได้มาต่อให้ดีๆ แล้วคุณจะรู้ความจริงเลยว่า สุดท้ายคุณจะจำนน ว่าความจริงนี้มีหนึ่งเดียว ไม่มีอะไรแย้งหรอก พระพุทธเจ้าก็ตรัสเอาไว้เอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 29 อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 14:34:50 )
รายละเอียด
ผู้หลงสร้างแต่อนาคตอันไกลที่ไม่รู้จักถึงสักที หรือผู้หลงสร้างแต่อนาคตอันไกลที่ไม่พบจุดถึงสักจุด
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 266
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:32:29 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:38:46 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:02:48 )
รายละเอียด
เป็นผู้ไม่มีทุกข์ หรือไม่มีอกุศลจิตอย่างสะอาดสนิทแล้ว
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 96
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:33:38 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:36 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:03:04 )
รายละเอียด
เหตุปัจจัยต่างๆ องค์ประกอบต่างๆของดินน้ำไฟลมของมนุษยชาติของสถานที่ มันไม่ได้มีคงเดิมเลย มันเปลี่ยนไปตลอดเวลา โลกทั้งโลกจักรวาลทั้งจักรวาลตอนนี้ถือว่ามันเสื่อมลงแล้ว มันก็เสื่อมไป แต่มันนานไม่รู้กี่ล้านๆปีแสงกว่าจะสูญสิ้นไป ลองคิดชีวิตของคนแต่ละคน 100 200 ปีมันไม่นานอะไรเลย อาตมาเกิดมาในยุคนี้ อายุถึง 100 ปีก็ยังยากแล้ว ก่อนๆนี้เขาอายุหลายร้อยปี แต่อย่างพระพุทธเจ้าตรัสไว้ มนุษย์เคยอายุถึงหลายหมื่นปีเป็นแสนปี คิดไม่ออกหรอก คน ตะบันน้ำกินหรือไง อยู่กันตั้ง 80,000 ปีคิดไม่ออกหรอกเป็นเรื่อง อจินไตย ไม่ต้องคิด ก็เอาที่ใกล้ๆที่เราคิดไปถึงได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 6 วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564 แรม 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2564 ( 14:02:40 )
รายละเอียด
วันนี้เช่นเคย บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ประดับตกแต่งเต็มสดเขียวเหลืองแดงชมพูม่วงมีทุกสีสัน เราก็โชว์สิ่งเหล่านี้ เรามีของเราเองเราอุดมสมบูรณ์ได้ของเรามา แล้วเราก็ชื่นใจที่น่าจะโชว์ด้วย พอใจ เป็นสิ่งที่น่าโชว์น่าจะให้แก่คนทั้งหลายได้รับรู้รับเห็นไปด้วย เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่มนุษยชาติ อาตมายืนยันว่ามนุษยชาติเป็นสัตว์กินพืช แต่ก็ห้ามไม่ได้หรอกเขาติดเขาหลง อย่าว่าแต่เนื้อสัตว์เลย เนื้อคนเขาก็กินกันได้ติดยึดกันได้หลงกันไปได้ หรือไปกินสิ่งที่ไม่น่ากินทั้งๆที่มันกินไม่ได้ กินได้บ้างแต่ว่ามันไม่ใช่อาหารจริงเช่นกินหมากกินพลูอะไรอย่างนี้เป็นต้นก็กินกันไป ด้วยความอวิชชาโง่เง่าไม่รู้ติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของมัน ผู้ที่ไม่รู้ในการติดยึดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็ติดยึดกันไป อย่างที่เห็นที่เป็นอยู่แล้วเราก็ ติงกันบอกกันเตือนกัน ถึงขั้นพูดกันย้ำซ้ำซากแรงๆคนก็หาว่าด่า ก็เป็นไป ที่จริงก็เจตนาให้รู้ตัวให้เข้าใจ ผู้ที่จะไปหลงในสิ่งที่ไม่ดีงามไม่ควรมันเสียเวลา ผู้ที่รู้ตัว ผู้ที่เข้าใจจะได้ละเลิกมา ผู้ที่ไม่เข้าใจก็หลงต่อไปก็ไม่รู้จะทำยังไง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 12:17:45 )
รายละเอียด
นี่มันเป็นผลสำเร็จที่เป็นปรากฏการณ์อยู่ในโลก มนุษย์แบบนี้ก็มีโว้ย ประหลาดจริง ประหลาดจริงๆมันเป็นเรื่องวิเศษเป็นเรื่องแปลก จากประชาชนคนปุถุชนโลกๆ เขาแตกต่างกันไป
เพราะฉะนั้นพวกเรามาเป็นคนเลี้ยงง่าย สุภระ ถ้าหากเลี้ยงยากไม่ไหวนะ ต่างคนต่างไปหากินเอง มีไว้แล้วส่วนกลางไปตักกินกันเอง คนไหนที่มันไม่ค่อยแข็งแรง นั่งวีลแชร์แล้วหรือว่าอนุเคราะห์กัน เป็นคนแก่ เป็นคนไม่ค่อยแข็งแรง คนเจ็บป่วยบ้าง ก็เผื่อแผ่กันไปตักไปแบ่งกัน ทำกันแม้กระทั่งพวกเด็กๆเราก็ทำ คนผู้ใหญ่เราก็ทำ เอื้อเฟื้อเจือจานเกื้อกูลกัน ง่ายๆ
ไม่ต้องเป็นภาระไม่ต้องเป็นเรื่องยากไม่ต้องเป็นพิธีการอะไรมากมายเลย คนข้างนอกมาถึงที่นี่ ไม่ได้เหมือนพิธีการข้างนอกที่มีอะไรหรูหรา จะใหญ่โตขนาดไหนอย่างเก่งก็มีผ้าปูโต๊ะให้ เลี้ยงง่ายสุภระ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2566 ( 11:04:16 )
รายละเอียด
มีความยินดีกับสภาพที่
"มักน้อย (อัปปิจฉะ)"
"ใจรู้จักพอ (สันตุฏฐิ,สันโดษ)"
"สงบ (ปวิเวก)"
"ไม่เอาอีกแล้วสวรรค์,มีความรู้ที่จะไม่ก่อความเป็นภพ (อสังสัคคะ)"
"ไม่สะสม (อปจยะ)"
"ขยันอุตสาหะเสมอ (วิริยารัมภะ)"
แต่มีประเด็นแปลกแยกอยู่ที่
"ความขยัน"
"ปัญญา (ฉลาดที่ไม่ใช่โลกียะเพราะฉลาดแบบโลกุตระ)"
ด้วยการใช้ "สัปปุริสธรรม 7" กับ "มหาปเทส 4" อยู่อย่างสมดุลที่พอเหมาะดี
หนังสืออ้างอิง
รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? หน้า 291-131
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 12:40:47 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:49:45 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:03:36 )
รายละเอียด
อาตมาว่าอาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้าที่สัมมาทิฏฐิมาให้เกิดสัมมาปฏิบัติ แล้วเกิดสัมมาปฏิเวธ เมื่อเกิดสัมมาปฏิเวธแล้วจึงเกิด เป็นมนุษย์อาริยะ เป็นมนุษย์โลกุตระ จึงมีพฤติกรรมมีกรรมต่างๆเป็นการงานทำอาชีพต่างๆกัมมันตะ พูดจาแม้แต่จะคิด ก็เป็นสัมมา เป็นโลกุตระจึงเป็นคนอีกเผ่าหนึ่ง เป็นเผ่าโลกุตระ เกิดชุมชนเป็นจริง ในยุคนี้สมัยนี้
ซึ่งอาตมาพูดแล้วก็ภาคภูมิใจที่เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาพิสูจน์ให้เห็นกันได้เลยว่า ขนาดสาธารณโภคีในยุคพระพุทธเจ้า พูดแล้วมีคนเขาบอกว่าอาตมาดูถูกพระพุทธเจ้า อาตมาว่ายกพระพุทธเจ้าเน้นพระพุทธเจ้าทำไม่ได้ เพราะข้อจำกัดในยุคนั้น แต่ในยุคนี้โพธิรักษ์ทำได้ ทำให้เกิดสาธารณโภคีในมวลฆราวาสได้ เป็นชุมชนอย่างชุมชนชาวอโศก ชุมชนราชธานี ชุมชนสันติอโศก ชุมชนศีรษะอโศกของชาวอโศกที่มีกระจัดกระจายอยู่ในทั่วประเทศตอนนี้ เป็นชุมชนที่เป็นสาธารณโภคี มันทำได้จริงๆ
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 12:40:13 )
รายละเอียด
มนุษย์โลกุตระ คือ มีมนุษย์มีคน มีพฤติกรรมของคนในบ้านราช ซึ่งเป็นรายละเอียด ทางวัตถุและสถานที่ มันเป็นตัวอย่างของมนุษย์อีกแบบหนึ่ง คือ มนุษย์โลกุตระ มนุษย์อุตรกุรุทวีป มนุษย์อมรโคยาน มนุษย์ชมพูทวีป ที่พระพุทธเจ้าท่านแบ่งตระกูลใหญ่ทั้งจิต ทั้งกาย ทั้งสังคมมนุษยชาติ ซึ่งอาตมายังไม่ได้เรียบเรียง แต่สภาวะนั้นอธิบายได้
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 13:40:50 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:27 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:04:14 )
รายละเอียด
กว่าจะทำได้เป็นโลกุตระเป็นมนุษย์ที่สามารถจัดการจิตนิยามของตัวเอง จึงได้ชื่อว่าเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ยากแล้ว จะเป็นมนุษย์ที่เป็นโลกุตระก็นานมากแสนยาก ต้องวนเวียนอยู่ในโลกโลกียะ เก่งสุดก็เป็นพระศาสดาทางโลกียะ ก็ตกต่ำลงไปได้วนเวียนสูงขึ้นมาอีกก็ได้ กว่าจะมารู้โลกุตระเที่ยงแท้แล้วก็สามารถสลายธาตุได้เลย สลายอัตภาพ หรือสลายธาตุชีวะ มาเป็นอุตุเลย เลิกเลย อัตภาพก็หายไป ปรินิพพานเป็นปริโยสานเลย นี่เป็นความรู้ของศาสนาพุทธ ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 ทำได้มาตามลำดับแล้ว ก็จะพัฒนาต่อไป จะมีความรู้ที่ละเอียดรบประเสริฐสุดเท่าที่เป็นจิตนิยามที่จะสูงสุดได้ก็คือระดับ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 11:41:10 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:19 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:05:01 )
รายละเอียด
หมายเอาความก้าวสูงขึ้นของจิตโดยตรง
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 618
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 13:34:42 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:40 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:05:18 )
รายละเอียด
ความเห็นแก่ตัว ยังมีการยึดติดอยู่ในจิต
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 211
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:20:27 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:36 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:05:35 )
รายละเอียด
ความเข้ามาหาตน เข้ามาหาจิต
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 80
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:21:18 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:42:28 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:05:49 )
รายละเอียด
ภัยจากความตาย
หนังสืออ้างอิง
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 71
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:22:43 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:04 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:06:04 )
รายละเอียด
คือมีสติรู้ว่าตายอย่างไร คือตายอย่างไม่ตาย ตายอย่างมรณะ หรือตายอย่างอรณะ(กิเลสตาย) ผู้อรณะคือผู้ตายที่ไม่ตาย เรียกอรณะว่าอมตะ คืออมตะบุคคล
[236] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายคตาสติอันชนเหล่าใดไม่บริโภคแล้ว อมตะชื่อว่าอัน ชนเหล่านั้นไม่บริโภคแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายคตาสติอันชนเหล่าใดบริโภคแล้ว อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นบริโภคแล้ว
คุณก็จะรู้จักมรณะ(การตาย) ตายอย่างร่างกายตาย ตายอย่างกิเลสตาย ตายอย่างคนที่ไม่ยอมตาย คืออมตะบุคคล แต่เป็นผู้ที่รู้จักตาย ในมูลสูตร
ในความหมายคำว่า สติ ตามอนุสสติ สติจึงเป็นตัวที่ต้องเข้าใจอย่างละเอียดเลยว่า มีกายคตาสติ มรณสติ อานาปานสติ ซึ่งไม่ใช่อนุสสติ พ่อครูตั้งข้อสังเกตให้ฟังว่า อันนั้นตามรู้ แต่อันนี้ตามเป็น อย่างอานาปานสติคุณก็ต้องตามเห็นต้องมีสติรู้ลมหายใจเข้าออก แล้วคุณก็ต้องเป็นมรณสติให้ได้ มีสติรู้การตาย ต้องรู้ว่าตายอย่างไรที่คุณจะทำได้ จนเป็นอมตบุคคล ถ้าคุณมีจิตวิญญาณทำได้แล้วคุณจะไม่กลัวตายหรอก การตายก็คือสภาวะอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง แค่ร่างกายตาย ถ้าคุณมีจิตวิญญาณที่เข้าใจการตายดีพอ จนกระทั่งสามารถควบคุมและทำมันได้
ว่าเป็นวิญญาณที่มีหลักประกันตั้งแต่โสดาบันเป็นต้นไป คุณจะทำบาปน้อยลง เพราะคุณชำระกิเลสเป็น คุณจะเริ่มไม่ค่อยกลัวตายทางร่างกาย เพราะคุณทำตายเป็นตายแบบอสังกุปปัง ไม่กลับกำเริบไม่ฟื้นอีก ทุกลมหายใจเข้าออกคุณก็รู้ว่าปฏบัติอย่างไร ตามเห็นความสงบ อุปสมะ คือสงบที่ไม่ใช่สงบหยาบ แต่สงบอย่าง สันตา ปณีตา นิปปุนา(ละเอียดลึกซึ้งอย่างนิพพาน) สงบอย่างไม่มีตัวนิวแซนให้ไม่สงบเลย มีองค์คุณอุเบกขา ( ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมันยา ปภัสสรา ) สว่างแจ้งอยู่ตลอดเวลาไม่มีมืดสักเวลา แม้แต่นอนหลับก็ไม่มืด คือสว่างด้วยปัญญา
ที่มา ที่ไป
560420
เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 04:44:14 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:09 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:06:52 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:25:34 )
เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:43:28 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:07:13 )
รายละเอียด
ตาย หมดพฤติการณ์ (หมดพฤติกรณะ) พักการต่อสู้ ดับไม่จริง
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 57
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:23:37 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:54 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:07:32 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:56:03 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:53:31 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:08:54 )
รายละเอียด
มรณาแล้วใจยังไม่สูญ อันนี้เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จิตใจยังไม่สูญมันเป็นการเกิด แปลว่าตายแล้วมรณะแล้วมันก็ไม่ตาย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 12:28:24 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศานาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 20:24:46 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:45:22 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:09:24 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นถ้าถามว่า เกิดมาเพื่ออะไร ถ้าโลกุตระ เกิดมาเพื่อเอาโลกุตระ ถ้าคนที่เข้าใจแล้วมีปัญญารู้แล้วว่า สิ่งนี้ ควรได้ ควรเป็น ควรมี ชีวิตควรเอาอย่างนี้ จะเกิดอีกกี่ชาติ มีหลักประกันจะได้อย่างนี้ ทางโลกียะไม่ยาก ได้อันนี้แล้วโลกียะไม่ยาก นอกจากไม่ยากแล้วคุณจะมีบารมีกุศล เพราะฉะนั้นคุณจะอยากได้โลกียะอย่างที่โลกโลกียะเขาได้ ง่ายขึ้น ตามบารมี คุณมีบารมีมากขึ้นจะเอาโลกียะเป็นกุศลเท่าไหร่เท่าไหร่ ก็ตามฐานะของคุณได้ เพราะกรรมวิบากเป็นของของตน คุณทำมาแล้ว มันต้องมีอยู่แล้ว มันต้องเป็นของตนแล้ว เป็นมรดกของคุณด้วยนะ คุณจะเบิกเท่าไหร่ก็ได้แล้ว มันอยู่ในธนาคาร ฟังเข้าใจลึกซึ้งขึ้นไหม กุศลนี่มันเป็นของไม่หมด แต่สั่งสมใส่ธนาคาร เป็นกัมมทายาโท เป็นมรดกของเรา ใครแย่งไม่ได้นะ ถ้าไม่เบิกออกก็อยู่ในธนาคาร ถ้าเราปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็ยกเลิก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 16:25:59 )
รายละเอียด
ตาย
หนังสืออ้างอิง
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 278
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:24:52 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:44:39 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:09:41 )
รายละเอียด
1. ทาง
2. รู้ทาง
3. ทางปฏิบัติ
4. ทางเดินอันจะพาไปสู่นิพพาน
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 307
ทางเอก ภาค 3 หน้า 457
คนคืออะไร? หน้า 298
เปิดโลกเทวดา หน้า 77
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:26:36 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:46:21 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:10:10 )
รายละเอียด
คือ เสาทุกต้นในชั้นล่างสุดของวิหารพันปี มีความสูง 8 เมตร เป็นรหัสธรรมของมรรค 8 หรือหนทางแห่งการหลุดพ้น 8 ประการ ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ”หน้า 137
เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 13:18:39 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:50:45 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:11:09 )
รายละเอียด
มรรคมีองค์ 8 นั้นมีรายละเอียดว่า
1.จะต้องเข้าใจ สัมมาทิฏฐิ ต้องเข้าใจให้ถูกต้องตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้า
2.จะต้องคิด ให้ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้า การคิดผิดนั้นมี 3 อย่าง คิดไปใน กาม พยาบาท วิหิงสา ก็ต้องงดเว้น
3.จะต้องพูดต้องมีวาจาให้ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าท่านสอนให้ดี ซึ่งก็มีแยกกันอีก การพูดที่เป็นมิจฉาทั้ง 4 ข้อจะต้องงดเว้นมีการพูดปด พูดเพ้อเจ้อพูดส่อเสียดพูดคำหยาบ
4.จะต้องมีการกระทำ กัมมันตะที่ไม่ดีอย่าไป ฆ่าสัตว์ลักทรัพย์ประพฤติผิดในกาม
5.ทำงานเลี้ยงชีพ ก็ต้องงดเว้น โกง โกหก ตลบแตลง ต้องตั้งใจปฏิบัติให้ได้ตามลำดับคือเนมิตกตา ได้แล้วอย่าไปมอบตนกับคนผิดคนชั่วคนพาลทุนนิยม นิปเปสิกตา ข้อ 5 นี้ทำงานฟรีเลยไม่เอาสิ่งตอบแทนเลย ลาเภนลาภังนิชิคิงสนตา ต้องปฏิบัติพ้นมิจฉาชีพห้าให้ได้
6. มีความพยายามพากเพียรสิ่งที่ถูกต้อง สัมมา
7. มีสติ ต้องมีสติตื่นเต็มทางกายกรรม วจีกรรมมโนกรรม มีสติเต็มร้อย มีความตื่นให้เต็มชาคริยานุโยคะ ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
8. ทั้ง 7 ข้อนั้นปฏิบัติแล้วจะได้จิตสะอาดจิตบริสุทธิ์จากกิเลสแล้วสั่งสมตกผลึกเรียกว่าสัมมาสมาธิ ผู้ที่จะไปนั่งหลับตาสะกดจิตได้สมาธินั้นไม่ใช่ของศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธนั้นปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์แล้วก็จิตใจตกผลึกสะสมลงเป็นจิตตั้งมั่นเรียกว่าสัมมาสมาธิ คือสมาหิโต
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 20 วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:58:50 )
รายละเอียด
หมายถึงอย่างเดียวก็ได้แค่ตื้นๆ รู้ แต่อีกอันหนึ่งรู้แล้วปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วเกิดผลลัพธ์ละกิเลสได้อย่างนี้เป็นต้น เขาจะได้ผลไปตามลำดับ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปิ๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 85
เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:22:30 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:24 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:11:43 )
รายละเอียด
รู้เห็นการก้าวไปได้สู่อาริยภูมิในจิต
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 456
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:27:18 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:10 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:12:03 )
รายละเอียด
แนวทางที่จะประพฤติปฏิบัติ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 106
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:28:02 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:47:50 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:12:18 )
รายละเอียด
คือ อาการสภาวะจริง แล้วลดละโลภ โกรธ หลง ลดละโลกธรรม ลดละโลกียรสได้จริง โดยเฉพาะกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไม่อยากอีกแล้วจริงๆ จะรู้ตัว รู้จิต ไม่มีโลภ ไม่มีความวนเวียน(สังสารวัฏ) ในเหตุปัจจัยนี้แล้ว ดับโลกสนิท จึงจะเหนือโลก
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 435
เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:50:55 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:00:25 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:12:44 )
รายละเอียด
ผู้ที่ได้ศึกษาฝึกฝนและปฏิบัติได้ละเอียดลออไป ได้มรรคได้ผล มีสังวรปธาน ประหารปธาน ภาวนาปธานได้ผลและก็รักษาผล อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมังไปเรื่อยๆ รู้ด้วยปัญญา ปัญญาพระโสดาบันรู้ว่าเราทำกิเลสลดได้และเราก็ทำ รักษาผล ปัญญาที่ 2 อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอังคารที่ 1 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 12:31:42 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:15 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:13:08 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:15:27 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2563 ( 09:53:45 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:54:30 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:13:38 )
รายละเอียด
ตามที่พูดมา มาอธิบายสภาวะจิตของตัวเอง เป็นการพัฒนาจิตเป็นการปฏิบัติธรรมมีมรรคผลของจิต ก้าวหน้าจริง เป็นจริง แล้วมันถาวร ยืนยาวต่อไปเรื่อยๆ หรือเป็นชั่วคราว ขณะที่เรามีสติรู้ตัวสัมผัสสิ่งต่างๆ เราก็มีสติเต็ม รู้ตัว ปรับทันที ตามที่เราเรียนมาก็ปรับได้ ชั่วคราว แต่คราวหลังมันก็กลับไปมีอาการอย่างนั้นอีก มันไม่แน่นอนไม่เหมือนอย่างที่มันเคยเป็นแล้วก็เป็นได้ แต่ถ้าเป็นแล้วเป็นเลยได้ เจออีกทีมันก็ได้อย่างนั้นมันวางเฉยอย่างที่อธิบายเล่ามา นั่นคือมรรคผล ปฏิบัติตามมรรคมาแล้วได้ผลๆ (ตรวจสอบหลายครั้งแล้ว)
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 85
เวลาบันทึก 19 มกราคม 2563 ( 15:48:25 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:42 )
รายละเอียด
แล้วยิ่งมีสัมมาทิฏฐิด้วย สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ก็จะดีกว่านี้อีกเยอะ น่าเสียดาย อาตมาคนเดียว ขออภัยที่พูดอย่างนี้แหละ คนเดียวนี่แหละอาตมาถึงทำ กลุ่มหมู่ของคนโลกุตรธรรมได้สำเร็จยืนยัน
ท่านพุทธทาสก็ทำไม่ได้ ท่านก็พูดถึงคำว่าโลกุตระบ้าง แต่ท่านก็ไม่ได้ชี้ยืนยันชัดเจนเป็นรูปธรรม เอาหลักธรรม พระพุทธเจ้ามาเทียบมายืนยันมาชี้บอกว่าอย่างนี้ใช่ สาธารณโภคีอย่างงี้สาราณียธรรมอย่างนี้ เป็นคนเป็นชุมชนมีอยู่กันอย่างมีวัฒนธรรม อย่างเป็นเอกภาพด้วย แน่นนะ ตีแตกยาก อโศกตีแตกยาก เพราะมีความสมานสามัคคีกันดี มีเอกีภาวะ สามัคคียะ ไม่ทะเลาะวิวาท
ใครมาลองมาแหย่ชาวอโศกดูสิ ชาวอโศกที่แต่ก่อนนี้ ที่กัดกันแง่งๆๆ ใครมาแหย่ปั๊บก็รวมตัวกันสู้เลย จริง อย่ามาแหย่เสียให้ยาก แหย่แล้วจะเจอล่ะ
อาตมาทำงาน เอาโลกุตรธรรมมาทำงาน ไม่เสียเปล่าประสบผลสำเร็จ พูดแล้วก็ชื่นชมยินดีตัวเอง ที่ทำได้มีผล มีมนุษย์ได้รับมรรคผลจริงๆของพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 21:44:36 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:06:33 )
รายละเอียด
มรรคมีองค์ 8 เป็นหลักธรรมหนึ่งเดียวที่เป็นของศาสนาพุทธศาสนาอื่นไม่มี ต้องศึกษาให้หยาบกลางละเอียดไปเรื่อยๆ มรรคมีองค์ 8 สำคัญคือประธานเป็นทิฏฐิ หากไม่สัมมาทิฏฐิแล้วเลิกเลย หากไม่สัมมาทิฏฐิแล้วทำอย่างไรก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ เช่น สัมมาทิฏฐิ สำคัญคือข้อ 10 ต้องพบสัตบุรุษจริง จะมีน้อยมีมากตั้งแต่พระโสดาบันจนเป็นถึงพระโพธิสัตว์เป็นพระพุทธเจ้า เรียกว่าเป็นสัตบุรุษ ท่านบอกว่า อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ ถ้าสัมมาทิฏฐิ แต่ถ้ามิจฉาทิฏฐิ จะบอกว่า นัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ
ที่มา ที่ไป
เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561
เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:03:21 )
รายละเอียด
ดี ถาม 2 อันนี้ดี 2 อันนี้คือ เทวะคือ 2 เป็นธรรมะเป็นหลักธรรมหัวข้อธรรม ที่ยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระพุทธเจ้าไม่อุบัติมรรคมีองค์ 8 ไม่เกิดในโลก พระพุทธเจ้าไม่อุบัติโพชฌงค์ 7 ไม่เกิดในโลก เมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกมรรคมีองค์ 8 และโพชฌงค์ 7 จึงเกิดขึ้นในโลก
มรรคมีองค์ 8 อธิบายง่ายๆก็คือเหมือนกับถนนเหมือนกับทางเดิน โพชฌงค์ 7 ก็เหมือนกับการเดิน เป็นคนเดินเป็นผู้เดินเดินไปในทางเดินไปถึงที่หมาย
ทางเดินก็พาไปมีทางตรงไปสู่นิพพาน มรรคมีองค์ 8 คือทางตรงไปสู่นิพพาน ส่วนโพชฌงค์ก็คือคนต้องเดินเป็นการก้าวเดิน เป็นการเดินไปตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ให้เดินตรงทางอย่าออกนอกทาง เดินแล้วก็ต้องใช้กำลังความสามารถซึ่งไม่ใช่ง่าย ทางที่จะไปนิพพานนั้นเป็นทางทุรกันดารเป็นทางที่ยาก ถ้าเดินผิดนี้ไม่ตรงทางจะวนออกนอกทางมรรคมีองค์ 8 เลย ถ้าเดินถูกทางตรง ก็ต้องอุตสาหะพากเพียรเดินทางไปไกลแสนไกล ยากแสนยากสูงแสนสูงต้องปีนป่ายต้องหนัก ก็ไปให้ถึง เรียกว่าโพชฌงค์มี 7 ข้อ ส่วนทางนั้นมี 8 ข้อ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 20 วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:56:53 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563
หนังสืออ้างอิง
(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 252-281)
เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:09:57 )
รายละเอียด
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เมื่อปฏิบัติถูกตรงพุทธแล้ว จิตจะเกิดญาณปัญญา เกิดวิชชา เพราะไม่ได้หนีจากความเป็นคนหรือสังคมมนุษย์ หลักปฏิบัติของศาสนาพุทธคือ "มรรคมีองค์ 8" ไม่ใช่นั่งสะกดจิต "สัมมาสมาธิ" ข้อที่ 8ของมรรค 8ไม่ใช่นั่งหลับตาสมาธิ แต่ "สัมมาสมาธิ" นั้นปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์ ข้อ 1 ถึงข้อ 7 สั่งสมลงเป็นข้อที่ 8 อันนี้พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชัดในพระไตรปิฎก เล่ม 14ข้อ 252 ถึง 281
หนังสืออ้างอิง
สาธารณโภคีเศรษฐกิจชนิดใหม่ หน้า 127
เวลาบันทึก 22 กันยายน 2562 ( 17:14:02 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:02:22 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:15:40 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:18:05 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:55:13 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:16:14 )
รายละเอียด
1. อย่างสูง อย่างละเอียดยิ่ง
2. ยิ่ง ยอด เยี่ยม
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 34, หน้า 629
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:29:17 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:03 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:16:37 )
รายละเอียด
จิตที่มันเป็นไปทางดีขึ้น เจริญขึ้น พัฒนาขึ้น ก้าวไปสู่ความสูงยิ่ง ๆ ขึ้น สู่ความสุดยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 189
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:30:02 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:44 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:16:54 )
รายละเอียด
มหรรคตะ หมายความว่า มันมากขึ้นยิ่งใหญ่เจริญขึ้น
ที่มา ที่ไป
630524
เวลาบันทึก 26 พฤษภาคม 2563 ( 17:30:30 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:14:17 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:17:22 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:26:19 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:14:41 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:17:44 )
รายละเอียด
ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหลายทั้งปวงอันมากมาย ซึ่งเป็นของหลอกล่อมอมเมาจริง ๆ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 451
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:31:44 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:50:26 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:18:02 )
รายละเอียด
มหะ คือ มาก
ที่มา ที่ไป
630524
เวลาบันทึก 26 พฤษภาคม 2563 ( 17:29:24 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:14:51 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:18:20 )
รายละเอียด
ลึกซึ้ง ซับซ้อนละเอียดอ่อน ประณีตยิ่งมากมาย หลากหลาย
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 149
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:32:24 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:17 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:18:37 )
รายละเอียด
1. จิตที่เป็น และไปสู่สูง
2. รู้ว่าจัดการกับกิเลสในจิตได้ดีขึ้น ดำเนินไปด้วยดีสูงขึ้น ๆ อีกได้
3. จิตเจริญยิ่งขึ้นก็รู้ว่าจิตเจริญยิ่งขึ้น
4. จิตสูงขึ้นไป ๆ ได้อีก
5. ยังไม่เป็นเอกัคคตา , จิตเจริญขึ้น จิตไปสูง
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 275, หน้า 555
อีคิวโลกุตระ หน้า 229
สมาธิพุทธ หน้า 302
พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 104
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:34:40 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:54:22 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:19:10 )
รายละเอียด
จิตที่ยังไม่รู้จักจบ จิตที่ยังไม่มีหยุด จิตที่ยังไม่ดับดิ้นหมดเกลี้ยง ที่ยังมีการไปอย่างสูงอย่างละเอียด
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 34
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:35:30 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:23:34 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:19:26 )
รายละเอียด
เราก็รู้ว่า 2 อันนี้ยังไม่เจริญ ทำได้บ้างแล้วรู้ทิศทางบ้างแล้วแต่มันแยกไม่ออกก็ยังมืดหรือกระจายยังพร่า วิกขิตฺตํจิตตํ ยังจับเนื้ออะไรไม่ติด คือ 2 อย่าง ก็ต้องทำให้มันเจริญขึ้นเป็น 9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น) 10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น)
ทำให้เจริญได้ก็เป็น มหัคตจิต ทำไม่ได้ก็เป็น อมหัคตจิต พยัญชนะเหล่านี้บอกสภาวะจริงในตัวเราที่เราปฏิบัติแล้วมันเจริญได้จริงไหมล่ะ ถ้าคุณเจริญยังไม่ได้ก็เป็น อมหัคตะ คุณก็ต้องศึกษาฝึกฝนต่อไปอีกพยายามพากเพียร มันไม่ชัดมันไม่จริงก็ถามอาจารย์ถามผู้รู้ที่จะช่วยกันบอกมันเป็นอย่างไร เหตุปัจจัยมันเป็นอย่างไรกิเลสมันเป็นอย่างไรทำไมจิตมันไม่เจริญเราต้องทำจิตให้มันเจริญได้เป็น มหัคตะ เจริญไปเรื่อยๆก็เป็น สอุตรังจิตตัง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 13:56:47 )
รายละเอียด
ก็จับให้ติด รวมให้ติด จับให้มั่นคั้นให้ตายรวมสภาวะจิตให้ได้ ทำได้แล้วก็เปรียบเทียบทีละคู่ เมื่อกระทบสัมผัสแล้วอะไรเป็นอะไรต้องแยกเวทนาได้ รู้จักเวทนาตัวนี้ไม่ถูกต้องไม่เอาวางปล่อยให้เห็นว่าอันนี้ผีมารมาหลอกฉัน ฉันจะต้องอยู่กับสาระ อันที่ไม่เป็นสาระเป็นพวกผีมารก็เลิกอย่างนี้เป็นต้น คุณก็ทำได้ทำได้ดีขึ้นเรียกว่า
มหัคตะ หากทำไม่ได้เรียก อมหัคตะ คือไม่ดีไม่เจริญ ไม่ได้เพิ่มขึ้น มห กับ อัคตะ ทำได้เรียก มหัคตะ ทำไม่ได้เรียก อมหัคตะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 20:38:11 )
รายละเอียด
ความเป็นผู้มักมาก ไม่รู้จักพอ ไม่มีจิตใจที่จะมีน้อยลง ไม่ได้พยายามที่จะน้อยลง ๆ
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 88
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:36:28 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:00 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:19:53 )
รายละเอียด
1. ความมักมาก
2. มักมาก หรือไม่กล้าจน คือคนยังโลภ ยังรวยไม่เสร็จ ยังกอบโกย
3. ความมักมาก มักใหญ่ , กล้ารวย
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 88
พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 131
วิถีพุทธ หน้า 83
ค้าบุญคือบาป หน้า 70
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:37:48 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:03 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:20:29 )
รายละเอียด
1. ผลสูง ผลมาก
2. เป็นการทำเพื่อเน้นให้เกิดผลมากยิ่งขึ้น
3. มีผลมาก
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 112, หน้า 241
ทางเอก ภาค 3 หน้า 321
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:40:17 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:40 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:20:53 )
รายละเอียด
อาตมาพยายามนิยาม (DEFFINITE) ความหมายคำว่า“บุญ”ที่เสร็จสัมบูรณ์สุดจริงจะไม่เหลือแม้แต่“ชรตา-อนิจจตา” เพราะไม่มี“อุปจยะ”ใดอีกแล้ว จะยุติเด็ดขาดที่“อุปจยะ”ด้วย“วิชชา”
“สันตติ”จึงจบสะเด็ดสนิท “สูญ”ไม่มีอะไรต่อไปอีกถ้าแม้นผู้ใดเข้าใจไม่ครบอย่างนี้ ผู้นั้นก็ชื่อว่า ยังมีส่วน“มิจฉาทิฏฐิ”อยู่ คือยังเหลือส่วนที่ยังเข้าใจผิด เชื่อผิด จากความหมายของคำว่า “บุญ” ที่สัมบูรณ์สุด จึงไม่ชัดเจนครบใน“ทิฏฐิ”ว่า “บุญ”คือ ต้องเป็น“การชำระกิเลสออกไปจากสันดาน(อุปนิสัยที่ฝังอยู่ในอนุสัย)”เท่านั้น ให้หมดสิ้นไป
เมื่อทำบุญแล้วเสร็จ ก็ไม่มีอะไร“เกิดต่อ”เลยเป็นอันขาด “บุญ”จะหายไป สิ้นไปทันที ไม่มีอะไร“ก่อการเกิด”(อุปจยะ)ต่อเลย โดยเฉพาะยิ่งสามารถ“ดับอนุสัย”ได้หมดจบเป็นที่สุดแล้ว
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 81 หน้า 92
เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2564 ( 05:20:03 )
รายละเอียด
ทฤษฎีอันเอก ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงค้นพบเป็นวิธีการสร้าง สัมมาสมาธิของพระพุทธศาสนาโดยตรงด้วยมรรค อันเป็นโลกุตระเป็นพระสูตรแห่งสัมมาอาริยมรรคองค์ 8 อย่างพิสดาร ที่มีความสำคัญมากในพระพุทธศาสนา
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 67
เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 13:26:22 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:04:03 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:21:21 )
รายละเอียด
คำนี้ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ภิกษุสาติ
ภิกษุสาติมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า "เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น”
ภิกษุเหล่านั้นปรารถนาจะปลดเปลื้องภิกษุสาติจากทิฏฐินั้น จึงซักไซ้ ไล่เลียงสอบสวนว่า ท่านอย่ากล่าวอย่างนี้ ท่านอย่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาค การกล่าวตู่พระผู้มีพระภาค ไม่ดีเลย เพราะพระผู้มีพระภาคมิได้ตรัสอย่างนี้เลย ดูกรท่านสาติ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วโดยปริยายเป็นอเนก ความเกิดแห่งวิญญาณเว้นจากปัจจัยมิได้มี. (มหาตัณหาสังขยสูตร พตปฎ. ล.12 ข.440)
นอกจากขี้ตู่เราแล้วเธอยังขุดตนเองด้วย โดย ภิกษุสาติบอกว่า วิญญาณมันท่องเที่ยวแล่นไปที่อื่น ซึ่งไม่ใช่.. วิญญาณต้องอยู่ที่ปัจจุบัน ท่องเที่ยวไม่ได้มันอยู่นี่ ทนโท่โต้งๆ จับตัวได้
ที่มา ที่ไป
มหาตัณหาสังขยสูตร พตปฎ. ล.12 ข.440
เวลาบันทึก 18 พฤษภาคม 2565 ( 13:26:01 )
รายละเอียด
คำนี้ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าภิกษุสาติ ภิกษุสาติมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า "เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไปไม่ใช่อื่น” ภิกษุเหล่านั้นปรารถนาจะปลดเปลื้องภิกษุสาติจากทิฏฐินั้น จึงซักไซ้ไล่เลียงสอบสวนว่า ท่านอย่ากล่าวอย่างนี้ ท่านอย่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาค การกล่าวตู่พระผู้มีพระภาค ไม่ดีเลย เพราะพระผู้มีพระภาคมิได้ตรัสอย่างนี้เลย ดูกรท่านสาติ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วโดยปริยายเป็นอเนก ความเกิดแห่งวิญญาณเว้นจากปัจจัยมิได้มี. (มหาตัณหาสังขยสูตร พตปฎ. ล.12 ข.440)
นอกจากขี้ตู่เราแล้วเธอยังขุดตนเองด้วย โดย ภิกษุสาติบอกว่า วิญญาณมันท่องเที่ยวแล่นไปที่อื่น ซึ่งไม่ใช่.. วิญญาณต้องอยู่ที่ปัจจุบัน ท่องเที่ยวไม่ได้มันอยู่นี่ ทนโท่โต้งๆ จับตัวได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูฝืนตายฝืนกินอยู่ด้วยอาหาร 4 วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2565 ( 09:21:21 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 11:32:45 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:16:08 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:22:11 )
รายละเอียด
1. เป็นประโยชน์ใหญ่ ประโยชน์จริง
2. เกิดประโยชน์สูงมากขึ้น
3. เป็นของดีมีประโยชน์มาก
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 112, หน้า 241
ทางเอก ภาค 3 หน้า 321
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 15:41:40 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:31 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 08:22:32 )
รายละเอียด
มันเป็นธรรมะมันไม่เกี่ยวกับใครแต่เกี่ยวกับมหาบัว จมในถ้ำในข้องไกลวิเวก ภาคภูมิในอันนี้ อธิบายรูปธรรม ตายไปแล้วจมในถ้ำอีกนานแสนนาน แล้วจมในถ้ำของมหาบัว หนักกว่านางวิสาขาจุมในทางสุขไม่ได้ไปหลอกใคร แต่มหาบัวซ้อนหลอกคนหลงติดอัตตาแต่ไม่เหมือนนางวิสาขา ไม่รู้ไปเกิดหรือยังมหาบัวบอกชาติสุดท้ายแต่ก็อาจจมในภพนานอีกเท่าไหร่ไม่รู้ อาฬารดาบส ไม่ใช้โลกีย์ประกอบนะ แต่มหาบัวเอาลาภยศสรรเสริญไป ผนวกกับความหลงของตนเองอีก มหาบัวหนักกว่า อาฬารดาบส อุทกดาบส ที่พระพุทธเจ้าบอกว่าชิบหายใหญ่แล้วอันนี้มหาบัวก็มาหาชิบหายแล้วหนอ สมณะโพธิรักษ์ยอมรับวิบาก คือสมณะโพธิรักษ์ไม่ได้ลงโทษมหาบัวนะแต่ท่านเป็นภันเต เป็นตัวอย่างให้ใช้อ้างอิงทางวิชาการซึ่งมันเข้าใจได้ดีขึ้นใช่ไหม สมณะโพธิรักษ์มีวิบากนะ เพราะลูกศิษย์ท่านมีเยอะโกรธเคืองท่านแน่ สมณะโพธิรักษ์ต้องรับวิบาก ยอมเสียเพื่อให้ประโยชน์แก่ประชาชนขออภัยพูดแล้วเหมือนยกตน เอาดีเข้าตัว แต่ธรรมะพระพุทธเจ้าคัมภีรา (ลึกซึ้ง) พุทัสสา(เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา(บรรลุตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษแม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนอันเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกซึ้งถึงขั้นนิพพาน) บัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น (พตปฎ เล่ม 9 ข้อ 34)
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562
หนังสืออ้างอิง
พระไตรปิฎก เล่ม 9 ข้อ 34
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:43:22 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:05 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 10:16:41 )
รายละเอียด
ทีนี้ วัตถุสมบัติ ติดเงินทอง ติดข้าวของ ติดธนบัตร ก็จะต้องเอาดอลลาร์ ใครมีดอลลาร์เอามาเลยรวบรวมเงินดอลลาร์ เสร็จแล้วซ้อน มหาบัวติดซ้อน แทนที่จะเอาดอลล่าร์ หรือทองคำ ที่ตัวเองไปหว่านล้อมให้คนเชื่อว่า เอามาช่วยชาติ เสร็จแล้วก็เอามาได้เท่านี้ๆ นี่คือของกู ฝังไว้ในสัญญาแล้วกูมีฤทธิ์เดช อำนาจวาสนามีบารมี คนเอามาถวายท่านที่เอามาถวายนี้ของกูทั้งนั้น ฝังไว้ในสัญญา ไม่รู้ว่าตัวเองยึดติดว่าเป็นของกูแล้ว นอกจากว่าเป็นของกูแล้วกูเอาไปทานให้ชาติด้วย โอ้โห ใหญ่มากเลยนะ ใหญ่ซ้อนอีก ไอ้ที่ยึดว่าเป็นของกูนั้นไม่ได้ปล่อยหรอก ยังไปทำทานให้ชาติอีก ที่เสียไม่มีเลย เป็นอัตตาซ้อนเข้าไปอีกใหญ่มากเลย คุณเชื่อไหมว่ามหาบัวไม่ได้ลืมความยิ่งใหญ่ที่ตัวเองมีนี้เลย ไม่ได้ลืม ใครอย่าไปแตะเข้าเชียวนะ ไม่เชื่อไปแตะดูเขาจะคุยใหญ่เลยว่าได้ไปกู้ชาติช่วยชาติว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นเงินคงคลัง มีบอกห้ามด้วยนะว่า อย่าไปแตะต้องเงินคงคลังนี้ ให้เอาไว้ห้ามนำออกไปสะพัด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์
วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 16:09:30 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 11:51:15 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:17:02 )
รายละเอียด
หลวงตาอยู่อาตมาก็พูด ไม่ใช่ไม่พูด คุณไม่รู้เรื่อง แต่ประเด็นท่านรู้ได้อย่างไรว่าหลวงตาพิจารณาอย่างไร ก็รู้เพราะแสดงออกทนโท่มีปรากฏการณ์จริง ไปรู้ได้ไงว่าหลวงตาพิจารณาอย่างไร
อาตมาจะวิเคราะห์ให้ฟังง่ายๆ มหาบัวไม่รู้เรื่องหลงอยู่ในภพนั่งหลับตาแล้วฝันเฟื่องไปเพ้อพกเพ้อเจ้อไป เป็นนิรมาณกาย เลอะเทอะไปหมด แล้วก็เอาเรื่องเหล่านั้นมาพูด คนที่ฟังเป็นลูกศิษย์มหาบัว แต่เป็นคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูหนังใบ้ หลวงตาบัวก็พูดไป คนที่ฟังก็คือคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูหนังใบ้ บอกว่าท้องฟ้าสีสวยจังเลยอย่างนี้เป็นต้น หลอกกันไปจนงมงายไปหมดเลย เพ้อเจ้อเพ้อพกแล้วไม่รู้ตัวว่าเพ้อเจ้อเพ้อพกอะไร
เพราะฉะนั้นจึงพิจารณาเห็นอยู่จริงๆเลยว่าหลวงตาบัวไม่รู้แม้กระทั่ง โลกของคำว่า กาม คือ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสหยาบๆ เรียกว่ากามคุณ 5 ผู้เสพผู้ติดอยู่ คืออย่างไร หลวงตาบัวก็เสพก็ติด แล้วก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเสพติด หลงว่าตัวเองนี้หลุดพ้น ก็การเสพติดรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอยู่หยาบๆ เรียกว่าขั้นอบายมุขติดสิ่งเสพติดหมากพลูบุหรี่ ยานัตถุ์ ยาดม ยาสูบพวกนี้ มันเป็นเรื่องชั้นต่ำ เสพติดขั้นนี้ก็เห็นๆอยู่ จะบอกว่ารู้ได้อย่างไร ไม่ใช่องค์หลวงตาบัว องค์หลวงตาบัวจะไปรู้ได้อย่างไรเพราะว่าองค์หลวงตาบัวนั้นโง่ไม่รู้สัจธรรม นี่พูดกันชัดๆอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไปลงโทษ ไปข่มหลวงตาบัว แต่เอาความจริงมาพูดมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ อาตมาพูดอะไรมีแต่ความจริงไม่มีอะไรที่ไม่จริง อาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น นี่ก็พูดความจริงสู่ฟังจนหมดเปลือกแล้ว ที่พูดไปนี้ยืนยันว่าถูกต้องทั้งนั้นไม่มีความไม่จริง อาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น พูดสิ่งที่ผิดไม่เป็น พูดแต่สิ่งที่ถูก ฟังดูแล้วก็น่าหมั่นไส้ ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เป็นความจริงอัตโนมัติ ก็ยืนยันความจริงเท่านั้นเอง
แต่คุณไม่รู้ คุณก็แย้ง คุณก็เถียงมันก็เป็นธรรมดาอีกนั่นแหละ ถ้าคนที่รู้ก็ไม่เถียง คนเขาก็เพิ่งรู้เพิ่งเข้าใจได้ประโยชน์จากอาตมา แต่คนไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่ได้ประโยชน์ ยิ่งยึดมั่นถือมั่นว่าของตัวเองถูกทั้งที่ของตัวเองผิดอยู่เข้าใจผิดอยู่ ก็เลยไปกันใหญ่เลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 36 แยกกายแยกจิตอย่างไรให้ถึงอรหันต์ วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 14:42:25 )
รายละเอียด
จนทุกวันนี้ซับซ้อนด้วยนะ ดุเดือดซ่อนเชิงเลวร้ายเรียกว่ากินกันไม่รู้เรื่องเลย กัดกันทำร้ายกันอย่างไม่เห็นร่องรอย ไม่ให้รู้ตัว ถึงขนาดนั้น แต่พวกที่ยังทำหยาบๆอยู่ก็เยอะ หรือทำอย่างเนียนสนิทจนคนไม่รู้เลยว่าถูกหลอกกิน ยิ่งกว่าแดร็กคูล่ากับนางเอกหนัง ถึงเวลานางเอกหนังก็จะมายื่นคอให้แดร็กคูล่าดูดเลือด ทางศาสนาเทวนิยมเขาก็รู้ มันเก่งขนาดนั้นเป็นปรนิมมิตวสวัตตี ยิ่งกว่านิมมานรดี จตุมหาราชิกา อย่างนั้นมันตื้น พอยิ่งสูงขึ้นกินเนียนสนิทให้คนอื่นมาประเคนเหมือนอย่างธัมมชโยทำเนียนมากเลย โดยมีเหตุให้คนอื่นเอามาให้แก่ตนเอง
แต่ธัมมชโยก็ยังเนียนไม่เท่ามหาบัวที่เอาไปช่วยประเทศชาติอย่างเด่นชัด มหาบัวเนียนกว่า เป็นเสือร้ายเนียนกว่าธัมมชโย แล้วก็บอกว่าประเทศชาตินี้ฉันช่วยไว้นะ ธัมมชโยสู้ไม่ได้ทางฝีมือ ขออภัยลูกศิษย์ของมหาบัว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 6 วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564 แรม 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2564 ( 13:11:42 )
รายละเอียด
มันก็เลยหนักใหญ่เลย ตัวที่มันไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิต แต่ไปติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของมันแล้วมันจะไม่หนักหนาสาหัสหรืออย่างไรไม่โง่หนักได้อย่างไรคน สิ่งที่ไม่จำเป็นเลยหมากพลู ก็ยังไปติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของสิ่งที่ไม่จำเป็น ถ้าหากติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสในสิ่งที่จำเป็นอาหารคือคำข้าว ก็ยังน่าสงสาร แต่นี่น่าสมเพชเลยนะไปติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องกินเลย
เสร็จแล้วก็ไม่รู้เรื่องอีก ยังบอกว่าไม่ใช่สิ่งเสพติด มันยิ่งกว่าฆ่าด้วยหอก 100 เล่มเช้ากลางวันเย็น ก็ไม่รู้ตัวไม่รู้เรื่องอะไร เกิดมาอีกกี่ชาติกี่ชาติก็ยังหยาบ แต่ก็คงเกิดยาก เพราะเป็นโจรปล้นศาสนาหนัก เพราะงั้นจะได้เกิดมาอีกยาก แต่มหาบัว บอกว่าไม่เกิดแล้วเป็นชาติสุดท้าย นี่แหละไปกันใหญ่เลย ซึ่งมันตีลังกากลับกันทุกอย่างเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 04:50:42 )
รายละเอียด
ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักแม้แต่ตาหูจมูกลิ้นกายจะไปติดยึดอย่างไร แม้ในที่สุดติดยึดเสพยาก็ยังไม่รู้ เขาก็ยังกินยังติดอยู่ เราก็รู้ความจริงของเขา ดีไม่ดีตัวเองติดหยุดไม่ได้ ก็โกหกเขาซ้ำซ้อนเลยว่าไม่ใช่ของที่จะต้องไปยึดถือว่าเป็นการติด เหมือนอย่างมหาบัว อาตมาไม่รู้จะว่ายังไง พูดแล้วก็เหมือนไปถล่มทลายมหาบัว เพราะเขาทำไว้จริง ติดหมากพลูเท่านั้นเอง รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสจัดจ้านแท้ๆ เป็นสิ่งเสพติด ซึ่งมีร่องรอย อาตมาก็เคยสะดุดเหมือนกันว่าน่าจะใช่ มันหยุดไม่ได้ ก็หยุดแล้วกลับมากินต่อแล้วโกหกลูกศิษย์ด้วย กินหมากพลูจนตาย เพราะมันจำนนว่าอย่างไรเราก็ติด เลิกไม่ได้ติดจนตาย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมในงานพิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2564 ( 15:53:44 )
รายละเอียด
คือมหาบัวไม่เข้าใจ มหาบัวมีอุปาทานซ้อน ดีที่ว่ามาศึกษา ธรรมะก็เลยมีภูมิธรรมบ้าง ที่ว่า ลาภ ยศ อย่ายึดเป็นเราเป็นของเรา มหาบัวมีความรู้อันนี้นะ มหาบัวมีตำแหน่ง ชั้นธรรมนะ ท่านก็ไม่ติดยศเท่าไหร่ ลาภท่านก็ไม่ติดนะมหาบัว ฟังให้ดี ส่วนชม อาตมาก็ชมนะ ส่วนติก็ตินะ ลาภยศ ท่านไม่ติด แต่ท่านติดอัตตา ติดอุปาทาน ท่านไม่รู้อันนี้ ลาภท่านไม่เยอะ ไม่ได้หาเองหรอก เหมือนธัมมชโยหว่านล้อมให้คนมาทำทาน บอกว่ามาทำทานให้แก่ประเทศ เป็นวิธีการ คนก็เอามาทำทาน แล้วไม่ได้เอามาให้ท่านนะ มหาบัวก็ทำ ที่ได้ธนบัตรได้ทองคำมาเป็นหมื่นล้าน ก็ยกให้ประเทศ โอ้โห มันซ้อนอัตตามานะอีก ท่านไม่รู้ก็เลยภาคภูมิใจอย่างมาก ตอนนี้ก็ยังติดอยู่ไม่หาย อาตมาไม่ได้ลบหลู่ ไม่ได้รังเกียจ แต่สงสารท่านที่ไม่ได้หลุดพ้น ท่านติดยึด อาตมาพูด คือความจริงและจริงใจไม่ได้พูดเล่นลิ้นหลอกล่อ ไม่ได้พูดเอาดี เอาเด่นอะไร เป็นความยึดถือในนามธรรม ข้องอยูในถ้ำ เป็นฝีกลัดหนองอยู่ในหัวใจ แต่ท่านก็ไม่รู้จักฝี สักวันหนึ่งจะปวดขึ้นมา นี่คือความซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อน ที่อาตมาอธิบายให้เข้าใจ ทำไมรู้ในสิ่งที่ท่านติดยึด ยังไม่รู้แล้ว จะไปรับจริงๆ ได้อย่างไร มันต้องรู้แล้วจึงละ ละโดยไม่รู้ไม่ได้ ต้องรู้ก่อนแล้วละ เป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่งั้นสับสนวนไปวนมา เพราะฉะนั้นการออกจากกาม นรชนจะละกาม ออกได้ ไม่ใช่ของง่าย เป็นเรื่องยากมากที่อาตมายกตัวอย่างมา แม้แต่แค่หมากพลู ติดใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสของหมาก ท่านก็ว่าไม่ได้เสพติด มันก็เลยไม่ต้องพูดกันเลย เสร็จแล้วเมืองไทยก็ซวย มีคนโปรโมตว่า เป็นอรหันต์อีก อาตมาก็ต้องมาแก้สิ่งที่ผิด โปรโมทสิ่งที่เก๊ว่าเป็นของจริง
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 12:25:10 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:13 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name