@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

คำว่าเป็นผู้เท่าเทียมเรามีอยู่ 2 คนที่พระพุทธเจ้ายกย่อง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในการแสดงออกของพระพุทธเจ้าที่กล่าวคำว่า เป็นผู้เท่าเทียมเรา มีอยู่ 2 คนที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมยกย่อง สายศรัทธากับสายปัญญาเป็นหนึ่งด้วยกันทั้งคู่ ว่าเท่าเทียมเรา แต่ที่จริงแล้วเท่าเทียมพระพุทธเจ้าไหมมันไม่ได้เท่าเทียมหรอก แต่พระพุทธเจ้าต้องช้อนไว้ไม่อย่างนั้นสายศรัทธาจะถูกข่ม ไม่งั้นสายศรัทธาอ่อนแอจะหนีไปเลยมันก็น่าเสียดาย มันจะต้องเป็นคู่ที่รวมกันอยู่ 

จะว่าไปแล้วพระมหากัสสปะสายศรัทธาจะอยู่ที่ขอบริมที่สุดของวงศาสนาพุทธ ขอบในส่วนศรัทธา ส่วนพระสารีบุตรอยู่อีกขอบหนึ่งของสายปัญญา อย่างนี้เป็นต้นก็ถ่วงดุลกันไว้

พระพุทธเจ้าตรัสว่าศรัทธาธิกะ จะไปได้ช้ากว่าสายปัญญา สองเท่า ก็มีสูตรหลักเกณฑ์ไว้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30

วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 19:04:23 )

คำว่าเป็นไก่ตัวพี่ของพระพุทธเจ้าไม่ยึดเป็นเจ้าของ

รายละเอียด

คำว่า เป็นไก่ตัวพี่ ของพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าท่านเป็นเจ้าของไข่ เจ้าของไก่ ออกมาจากไข่ไข่ออกมาจากกะลาครอบ ออกมาจากกะลาโลก ท่านไม่ยึดว่าท่านเป็นเจ้าของ เหมือนพระเจ้ายึดเป็นเจ้าของ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ยึดเป็นเจ้าของ มันก็ตรงกันข้ามแล้วคนละโลกแล้ว พระเจ้านั้นยึดเป็นเจ้าของอย่างเด็ดเดี่ยวเลย แต่พระพุทธเจ้านั้นไม่ยึดเป็นเจ้าของเด็ดเดี่ยวเหมือนกัน เห็นไหมมันมีความต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:58:22 )

คำว่าเลือกข้างกับกลาง

รายละเอียด

ก็ไม่อยากพูดว่าตัวเองถูกอย่างนั้นอย่างนี้มันจะเหมือนเข้าข้างตัวเอง แล้วอันไหนผิดเพี้ยนอันไหนไม่เพี้ยน แค่ความเห็นที่คุณบอกว่าเลือกข้าง เรื่องการเลือกข้างในคนที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยเป็นคนเลือกข้าง ที่เป็นคนไม่เป็นกลางคือคำว่าเลือกข้าง คำว่า กลาง มันไม่มีสาย มันไม่ใช่ทาง กลางคือจบไม่มีทางมันกลางๆ ตรงกลางน่ะ กลางมันไม่มีทางไม่มีสาย แต่หากมีทางก็ต้องมีข้าง แต่หากกลางก็ไม่ไปไหน ไม่มีซ้ายไม่มีขวาไม่มีบนไม่มีล่าง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:15:57 )

คำว่าเสียชาติเกิดหมายถึงอย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพวกเราเกิดมาในชาตินี้ไปเสียเวลาอยู่ทางโลกบ้าง พอมาเจอทางนี้ก็มาเอาทางนี้ พวกคุณไม่เสียชาติเกิดแล้ว แต่พวกที่เสียเวลาไป ล่าลาภยศสรรเสริญ ติดลาภ ยศ สรรเสริญ พวกข้างนอกที่ไม่เอาทางนี้ยังเสียชาติเกิดอยู่อีกนาน 

คำว่า “เสียชาติเกิด” คำนี้มันหมายถึงขั้น ยังไม่เป็นพระโสดาบัน แต่พวกคุณนี้เป็นโสดาบันขึ้นไปแล้ว ไม่เสียชาติเกิดแล้ว เกิดชาติหน้าต้องมาเป็นโลกุตระบุคคล โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 11:48:43 )

คำว่าเหนือคน

รายละเอียด

คำว่าเหนือคนนี่สำคัญ เขาหลงตัวว่าเขาเหนือคน เลยทำให้ไม่รู้สึกอบอุ่น ธรรมชาติของการเหนือคนอย่างพวกเรา มีธรรมชาติอย่างที่คนเขารับได้มีความอบอุ่นมีความสัมพันธ์อันดี 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 10:11:39 )

คำว่าเหมือนคน

รายละเอียด

คือคำว่าเหมือนคนนี่สำคัญ  เขาหลงตัวว่าเขาเหมือนคน  เลยทำให้ไม่รู้สึกอบอุ่น  สู่แดนธรรม กล่าวว่า  ธรรมชาติของการเหมือนคนอย่างพวกเรา  มีธรรมชาติอย่างคนที่เขารับได้ มีความอบอุ่น  มีความสัมพันธ์อันดี  

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:38:54 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:38:13 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:39:28 )

คำว่าไม่รู้จักตัวเอง ยิ่งใหญ่อย่างไร

รายละเอียด

คำว่าไม่รู้จักตัวเอง ยิ่งใหญ่ ศาสดาทุกองค์ของเทวนิยมไม่รู้จักตัวเอง พระเจ้าก็ไม่รู้จักตัวเอง ถ้าพระเจ้ารู้จักตัวเองแล้วแยกแยะตัวเองได้แล้วจะก็แยกไปถึงที่สุด ก็จะเห็นว่า ทุกอย่างเป็นเหตุปัจจัยของสิ่ง 2 ทั้งนั้น มันไม่มีตัวตนจริงๆเลย เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธหรืออเทวนิยมจึงแยกธาตุ 2 ธาตุนี้ มันมี 2 ธาตุนี้ปรุงแต่งกันอยู่ แยกธาตุนี้ได้แล้วหายไปเลย หมดชีวะ หมดอัตตา หมดวิญญาณ​ กลายเป็นธาตุดินน้ำไฟลมไปหมดเลย อาตมาก็พูดวนซ้ำซากอยู่อย่างนี้ ซึ่งไม่ง่ายที่จะเข้าใจกัน

เทวะแปลว่า 2 แต่เขาไม่รู้หรอกว่ามีแต่ 1 เป็นอัตตา แล้วก็ห้ามแตะต้องด้วย  ห้ามแยกด้วย ไม่ให้เกียรติคนอื่นเลย แล้วก็ยึดตัวตนคือห้ามแตะ  ไม่รู้จักอัตตา อาตมัน หรือปรมาตมันเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4

วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:29:09 )

คำว่า“กาย”นั้น บางทีก็เรียกจิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง...หากเข้าใจเนื้อหาก็ไม่สับสน!

รายละเอียด

ความเป็น“กาย”อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง 4 นี้ พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า “จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง”(พระไตรปิฎก เล่ม 16 ข้อ 230)           “กาย”ตามพจนานุกรมแปลไว้ว่า หมู่ กอง ฝูง ประชุม ; หมวดของเจตสิกธรรม คือ เวทนา สัญญา และสังขาร

การปฏิบัติธรรมของพุทธจะต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วย“กาย”อยู่ตลอด จึงจะนับว่า เป็น“ฌาน-สมาธิ-วิมุตติ”ที่สัมมาทิฏฐิของพุทธ

  ซึ่งต้องมีความเป็น“กาย”ในขณะปฏิบัติ นี้เป็น“เงื่อนไขหลัก”

ที่จะยืนยันว่าบุคคลผู้ที่กิเลสถึงขั้น“อาสวะของผู้นั้นหมดสิ้นแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา (น เหว โข อัฏฐ วิโมกเข กาเยน ผุสฺิตวา วิหรติ ปัญญาย จัสส ทิสฺวา อาสวาปริกฺขีณา โหนฺติ)” 

ดังบุคคลที่เป็น“ปัญญาวิมุตติ” ซึ่งเป็นผู้“อาสวะหมดสิ้นแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา” ก็เริ่มนับเป็นผู้มีอรหัตตผลทีเดียว

เพราะ“อาสวะหมดสิ้นแล้ว” ไม่ใช่แค่“อาสวะบางอย่างสิ้นไป”นะ!

ผู้“อาสวะหมดสิ้นแล้ว”นั้น เริ่มนับว่า เป็น“อรหันต์”กันแล้ว

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 440 หน้า 320


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 19:31:17 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:40:01 )

คำสรรเสริญ

รายละเอียด

ก็เป็นของคนพูด และอีกอย่างหนึ่งก็คือคนอื่นเขายกย่องเราว่าเรามีสิ่งที่ดีน่าสรรเสริญ เขาก็บอกเรายกย่องเรา นี่ก็ยังดี อีกอย่างหนึ่งก็คือเรากล่าวไปให้คนอื่นได้ยิน คนอื่นจะได้รู้ว่าสรรเสริญคืออย่างไร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:25:33 )

คำสรรเสริญคือ คำตอบรับความจริงเท่านั้น

รายละเอียด

รู้ได้ว่าคำสรรเสริญคือ คำตอบรับความจริงเท่านั้น คำสรรเสริญคือคำตอบรับความจริงของผู้ที่รู้ดีก็ตอบรับให้ หรือเข้ามาแกล้งป้อยอ ก็ต้องแยกแยะให้ออก แกล้งสรรเสริญอย่างโลกีย์เฉยๆ หรือเขาสรรเสริญเราด้วยจริงใจ มันเป็นคำรับรองความถูกต้องของเรา ที่เราปฏิบัติแล้วเขามีดวงตาปัญญาเห็น ว่า อันนี้เขารับรองต้องยอมรับว่า คือลักษณะของโลก สมมุติก็คือยอมรับแสดงออกทางสรรเสริญ ก็ใช้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 19:22:36 )

คำสรรเสริญเป็นของต่ำ คำตำหนิเป็นของสูง

รายละเอียด

ก็เป็นได้ เป็นเรื่องตื้นๆ แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า การชมเป็นเรื่องเลว อาตมา คำตำหนิ เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่จะแก้ไขปรับปรุงตัวเอง มันสำคัญ ความไม่ดีอยู่กับเรา 1 วินาทีมันก็ไม่ดี 1 วินาที มันอยู่กับเรานานเท่าไหร่มันก็ไม่ดีเท่านั้น คนเราควรจะรู้แต่คนเราไม่ค่อยรู้ ต้องมีคนบอกให้ ตำหนิให้ แล้วก็อย่าไปรังเกียจคนตำหนิ การตำหนิเป็นเรื่องเจริญ การชมเชยเป็นเรื่องเสื่อม นี่เป็นเรื่องที่เป็นโลกุตระจริงๆ คำพูดคำตรัสพวกนี้ของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นเรื่องทวนกระแสมนุษยชาติ ไม่ใช่เรื่องไม่ดีไม่งามแต่เป็นเรื่องประเสริฐเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ผู้ที่ศึกษาให้ดีๆแล้วก็ทำความเข้าใจได้ดีๆ มันจะเจริญ จะพาให้เราก้าวหน้าได้ดี อาตมากล่าวตำหนิ ไม่ได้กล่าววิวาท เป็นแต่เพียงผู้ฟังมีจิตคิดว่าอาตมาก่อเหตุวิวาทขัดแย้ง แต่ไม่ใช่ มันเป็นสัจธรรมเป็นความจริง ที่ว่า เมื่อเรารู้ความจริงธรรมะสิ่งที่ถูกเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ผิดเป็นเช่นนี้ แล้วเขาก็มายึดสิ่งที่ผิดกัน ยึดกัน ปฏิบัติแล้วก็เอาจริงเอาจัง พากันผิด ลงนรกกันไป อาตมาก็มันก็ต้องสงสาร เห็นแล้วว่ามันผิด มันทำความไม่ถูกต้องแล้วก็เอาจริงเอาจัง อาตมาก็ต้องช่วย เอาพระไตรปิฎกมาอ้างอิงยืนยัน อ่านให้ฟังก็ไม่ค่อยฟัง จมยึดถือในสิ่งที่ตนติดยึดหลงผิด ถ้าหากมาฟังบ้างก็จะเป็นกุศล เป็นสิ่งที่ดีงามบ้าง อาตมาก็ไม่ได้หวังหรอก แต่ผู้ที่มีการใส่ใจในการศึกษาอันนี้ก็น่าโมทนา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 09:21:04 )

คำสวดท่อง

รายละเอียด

เอามาสวดพร้อมกันตั้งแต่สององค์ขึ้นไป ถ้าพร้อมกัน มันจะสอนธรรมอธิบายธรรมพร้อมกันทำอย่างไร จะอธิบายใช้ภาษาพูดอธิบายไปพร้อมกันทำอย่างไร จะอธิบายใช้ภาษาพูดอธิบายไปพร้อมกันให้ตรงกันทั้งคู่ทั้งหมู่ มันก็ต้องซ้อมมาก่อน...นั่นมันคือ "คำสวดท่อง"

หนังสืออ้างอิง

การสวดมนต์ของพระพุทธศาสนา หน้า 3


เวลาบันทึก 01 ธันวาคม 2562 ( 08:42:13 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:59:07 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:00:57 )

คำสอน

รายละเอียด

หลักยึด หลักใจ หลักจะนำมาปฏิบัติ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 108


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:03:17 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:54:35 )

คำสอน Doctrine กับคำสั่ง Command

รายละเอียด

คำว่า เทวะ นี้เป็นภาวะสอง มันเป็นสภาพสัจธรรมสมบูรณ์แบบอยู่ในนี้ คนที่มิจฉาทิฏฐิจะเข้าใจเทวะว่าเป็นหนึ่ง แล้วห้ามตีแตก ความเป็นอย่างนี้ คือพวกเทวนิยมที่ถือว่าเที่ยง เขาถือว่าเทวดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือพระเจ้า เป็นปรมาตมัน เทวะคืออัตตา อัตตาที่ยิ่งใหญ่คือ บรมอัตตาหรือปรมาตมัน แล้วปรมาตมันนี้ห้ามแยกแยะห้ามตีแตก พระเจ้าสั่งไว้อย่างไร เป็นคำสั่งไม่ใช่คำสอน ไม่ใช่ Doctrine แต่เป็น Command ต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ของพระพุทธเจ้า เป็นคำสอนคือ Doctrine เป็นคำสอนให้ทำความเข้าใจ เข้าใจไม่ได้ก็พูดแย้งได้เห็นต่างได้ เห็นต่างจากพระพุทธเจ้าก็ได้เป็นอิสระเสรีภาพ ไปบังคับกันไม่ได้ ก็จบด้วยการเห็นต่าง ความเห็นของเธอก็อย่างหนึ่งความเห็นของเราก็อย่างหนึ่ง ต่างคนต่างเชื่อถือของตัวเองปฏิบัติการของแต่ละคนไม่ต้องมาทะเลาะวิวาทกัน ไม่ต้องมาฟ้องร้องกัน ต่างคนต่างอยู่ เหมือนพระพุทธเจ้ากับพระเทวทัตเป็นต้น อย่างนี้เป็นต้น เป็นสุดยอดแห่งความสงบเรียบร้อยและเป็นสิทธิเสรีภาพสมบูรณ์แบบ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 10:52:24 )

คำสอนของพระพุทธเจ้าที่พ่อครูนำมาถ่ายทอดเป็นสัจจะความจริง ที่พิสูจน์ได้จริง

รายละเอียด

ก็จริง อาตมาพยายามแยกแยะวิจัยธรรม ให้เห็นชัดเจนว่า ธรรมะพระพุทธเจ้านั้น มันมีโลกียะกับโลกุตระ โลกียะมันจะรู้แต่ประเด็นของชั่วและดี ส่วนโลกุตระนั้นจะรู้จักประเด็นสุขและทุกข์เพิ่มขึ้นมาอีก ชั่วและดีก็รู้ด้วยแล้วก็ทำดีไม่ทำชั่วจริงด้วย แล้วก็รู้ความสุขความทุกข์ที่เป็นตัวมายา เพราะฉะนั้น ผู้ที่รู้ทุกข์สุขแล้วก็หมดสุขหมดทุกข์ได้ ล้างกิเลสที่เป็นความโง่ออกจากจิต ก็ลด ไม่ติดยึดในสุขทุกข์ไปเรื่อยๆเป็นลำดับ จนกิเลสหมดอาสวะเกลี้ยง จิตก็สะอาด 

จิตสะอาด เป็นจิตอุเบกขา ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ปริสุทธา สะอาดยิ่งขึ้นสะสมความแข็งแรงของจิตสะอาด จนกระทั่งอยู่กับกรรม กัมมัญญาด้วยปัญญาที่มี อัญญธาตุ เป็นความฉลาด กัมมัญญา อยู่กับโลกเขา ยังทำกรรมกิริยากับเขาไป จิตก็ยัง ปภัสสรา ใสสะอาดอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ไม่มีหมองไม่มีหม่น ไม่มีลดเลย ไม่เศร้าไม่หมองอะไรเลยเหมือนอย่างอาตมาที่พูดไป ไม่โกรธไม่เคยเศร้า ไม่เคยหมอง มีแต่เรื่องบันเทิงใจ มีแต่ร่าเริงเป็นพุทธะ เป็นผู้เบิกบานผู้ร่าเริงไป เป็นอย่างนั้นจริงๆไม่ได้เสแสร้งไม่ได้กลั่นแกล้ง ไม่ได้ฝืนอะไรเลย มันเป็นธรรมชาติธรรมดาๆ สบาย  สบาย ไม่ว่าจะอย่างอุดม หรืออย่างเบิร์ด สบายหมด จริงๆเลยชีวิต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565  แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 13:59:00 )

คำสอนของพระพุทธเจ้ามีลำดับอย่างน่าอัศจรรย์

รายละเอียด

 คำสอนของพระพุทธเจ้ามีลำดับอย่างน่าอัศจรรย์

ที่เรียนตามๆกันมาก็ว่า “หัวใจของศาสนาพุทธ”คือ “อริยสัจ 4 (อาตมาขอใช้คำว่า“อาริยสัจ”) เพราะใน“อาริยสัจ 4”มีทั้ง“ทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค” ซึ่งผู้ศึกษานั้นก่อนจะรู้จัก

“อาริยสัจ 4” มันก็ต้องมีที่ไปที่มา ที่เป็นเหตุเป็นปัจจัย มาก่อนที่จะสามารถปฏิบัติ“มรรคอันมีองค์ 8”ได้ พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัดว่า “มรรค 8”นั้น เปรียบเหมือน“ดวงอาทิตย์​” 

การจะเห็นดวงอาทิตย์ได้นั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า มันต้อง“เห็นแสงอรุณหรือแสงเงินแสงทอง(สุริยเปยยาล)”ก่อน จึงจะสามารถ“เห็นดวงอาทิตย์”ได้ นั่นคือ ก่อนจะลงมือปฏิบัติ“มรรค 8”ได้นั้น มันก็ต้อง“เห็นแสงอรุณ”ก่อน 

พระพุทธเจ้าตรัส“แสงอรุณ 7”ไว้(พระไตรปิฎก เล่ม 19 ข้อ 129-136) ว่า ผู้จะสามารถปฏิบัติ“มรรค 8”ได้ผลดีมีผลได้

ครบถ้วนนั้น จะต้องมี 7 เหตุปัจจัยนี้มาก่อน 

ไม่เช่นนั้น ก็ไม่สามารถจะปฏิบัติ“มรรค 8” มีผลแท้      

คนผู้ใดไม่ได้ผ่านการเห็น“แสงอรุณ 7”มาก่อนแล้ว มาปฏิบัติ“มรรคองค์ 8”กันเลย มันก็ไม่เป็นลำดับ เหตุปัจจัยมันก็ขาดหกตกหล่นไปแน่นอน ย่อมไม่มี“สัมมา

มรรค-สัมมาผล”พาตนเจริญไปอย่างมี“สัปปายะ 4”ได้ด้วย“ปัญญา 8”ถ้วนรอบสัมบูรณ์แน่ยิ่งกว่าแน่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า คำสอนหรือธรรมวินัยของพระองค์นั้น มีการศึกษาไปตามลำดับ การกระทำไปตามลำดับ ปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่บรรลุอรหันต์โดยลัดตัดลำดับคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเอาตามอำเภอใจของตน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1 วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2565 ( 21:38:46 )

คำสอนของพระพุทธเจ้ามีลำดับอย่างน่าอัศจรรย์

รายละเอียด

ที่เรียนตามๆกันมาก็ว่า “หัวใจของศาสนาพุทธ”คือ “อริยสัจ 4 (อาตมาขอใช้คำว่า“อาริยสัจ”) เพราะใน“อาริยสัจ 4”มีทั้ง“ทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค” ซึ่งผู้ศึกษานั้นก่อนจะรู้จัก“อาริยสัจ 4” มันก็ต้องมีที่ไปที่มา ที่เป็นเหตุเป็นปัจจัย มาก่อนที่จะสามารถปฏิบัติ“มรรคอันมีองค์ 8”ได้ พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัดว่า “มรรค 8”นั้น เปรียบเหมือน“ดวงอาทิตย์​” 

การจะเห็นดวงอาทิตย์ได้นั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า มันต้อง“เห็นแสงอรุณหรือแสงเงินแสงทอง(สุริยเปยยาล)”ก่อน จึงจะสามารถ“เห็นดวงอาทิตย์“ได้ นั่นคือ ก่อนจะลงมือปฏิบัติ“มรรค 8”ได้นั้น มันก็ต้อง“เห็นแสงอรุณ”ก่อน พระพุทธเจ้าตรัส“แสงอรุณ 7”ไว้(พระไตรปิฎก เล่ม 19 ข้อ 129-136) ว่า ผู้จะสามารถปฏิบัติ“มรรค 8”ได้ผลดีมีผลได้ครบถ้วนนั้น จะต้องมี 7 เหตุปัจจัยนี้มาก่อน ไม่เช่นนั้น ก็ไม่สามารถจะปฏิบัติ“มรรค 8“ มีผลแท้      

คนผู้ใดไม่ได้ผ่านการเห็น“แสงอรุณ 7”มาก่อนแล้ว มาปฏิบัติ“มรรคองค์ 8”กันเลย มันก็ไม่เป็นลำดับ เหตุปัจจัยมันก็ขาดหกตกหล่นไปแน่นอน ย่อมไม่มี“สัมมา มรรค-สัมมาผล”พาตนเจริญไปอย่างมี“สัปปายะ 4”ได้ด้วย“ปัญญา 8”ถ้วนรอบสัมบูรณ์แน่ยิ่งกว่าแน่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า คำสอนหรือธรรมวินัยของ พระองค์นั้น มีการศึกษาไปตามลำดับ การกระทำไปตาม ลำดับ ปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่บรรลุอรหันต์โดยลัดตัดลำดับคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเอาตามอำเภอใจของตน  

ความเป็นไปตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์นี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎก เล่ม 23 ข้อ 109 มีความน่าอัศจรรย์ที่บอกแจ้งไว้ละเอียดชัดเจนครบพร้อมทั้งมรรคทั้งผลอันเป็นพุทธสมบัติ ผู้สนใจควรหาอ่านดูให้ได้อย่างยิ่ง  ผู้ใดหลงผิดไปตามเดียรถีย์คนออกนอกพุทธศาสนา ที่พากันตัดลัดแล้วหลงว่าจะบรรลุมรรคผลได้เลย มันก็บรรลุธรรมของพระพุทธเจ้าไม่ได้ แน่ยิ่งกว่าแน่ ผู้หลงผิดไปตามเดียรถีย์ก็ไปได้“มิจฉาผล”กันโน่นแหละ แล้วก็จมงมงายใน“เทฺว”ที่มี“2” หลงว่ามี“1” ไม่เป็น“เทฺวนิยม”ให้ถูกต้องถ่องแท้ครบครัน

นั่นคือ ไม่เป็นผู้มี“ปัญญา 8”ที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงเป็น“อนุปคัมมะ”หรือเป็น“อภิภู”คือผู้มี“อภิภุยฺย”ใน“อภิภายตนะ 8”อย่างถ่องแท้ลงไปถึงที่เกิด และดับในที่ดับ 

จึงกลายไปเป็น“เทฺวนิยม”ผู้ผิดเพี้ยนจาก“สัจจะที่เป็นหนึ่งเดียว” อันมีทั้ง“ความมี”และมีทั้ง“ความไม่มี”เป็นผู้“อนุปคัมมะ” แต่ไม่ไปมีแล้วใน“ทั้งความมี-ทั้งความไม่มี”หรือชื่อว่าเป็นผู้บรรลุ“ความเป็นกลาง”คือ “มัชฌิมา” ในทุกวันนี้ ผู้ที่ยังหลงผิดกันทั้งมรรคทั้งผล เละเทะไปหมด ในชาวพุทธนี่แหละมีอยู่มากมายเหลือเกิน    

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2 วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 13:48:21 )

คำสอนของพระพุทธเจ้าย่อมแตกต่างไปจากคำสอนของพระเจ้า!

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัส“คำสอน(อนุสาสนี)”โดยพระองค์เองจากพระโอษฐ์ของพระองค์โดยตรงแก่ชาวโลก เป็น“พระธรรม”จากพระโอษฐ์ต่อผู้คน

ได้ยินด้วยหู ได้เห็นด้วยตา กันโต้งๆ โทนโท่

คำว่า “คำสอน”หรือ“พระธรรม”นี้ ของพุทธ หรือของ

“เทฺวนิยม”มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก 

สำหรับ“คำสอน(doctrines)”ของพุทธนั้น เป็นเพียงคำกล่าวให้

“รู้จักรู้แจ้งรู้จริง”เท่านั้น ใครจะทำตามก็ได้ ไม่ทำตามก็ได้

เป็นอิสระเสรี ไม่มีเชิงเป็น“คำสั่ง(command)”หรือ“คำบัญชา”

ส่วน“คำสอน”หรือ“พระธรรม”ของ“พระเจ้า(God)”นั้นเป็น “คำสั่ง(command)”ให้“พระบุตร(ปกาศก)”นำมาถ่ายทอดอีกทอด

หนึ่ง ซึ่งนับ“ผู้ถ่ายทอดคำสั่ง”นี้ว่าเป็น“ศาสดา” แต่ที่แท้คือผู้

“ถ่ายทอดคำสอน”หรือเป็นเพียง“ผู้ประกาศคำสอน(prophet)

” ของ“พระเจ้า” ยังไม่ใช่“เจ้าของความรู้-ความจริง”เองจริงๆ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 255 หน้า 206


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:12:14 )

คำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกใช้ไม่ถึง 20 เปอร์เซนต์

รายละเอียด

มารยาท คือความประพฤติของเรา โคจรก็คือการดำเนินออกไป ความประพฤติของเราจะดำเนินออกไปกับสังคม โดยตัวเราเป็นตัวประพฤติเอง ประพฤติจริง จะเหมาะสมแค่ไหนไม่ให้เกิดโทษอย่างไร เห็นโทษภัยอันมีประมาณน้อย ก็ไม่ให้เกิดโทษภัยให้เกิดประโยชน์กับ สิ่งเหล่านั้น แล้วก็ศึกษาทบทวนอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย คำสอนพระพุทธเจ้าก็ทบทวนมีความหลากหลาย อาตมานำมาใช้คำสอนพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎก เศษ 1 ส่วน 5 ได้กระมัง อาตมาจะพูด 5 ส่วนร้อย ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ที่อาตมาใช้อยู่ของพระพุทธเจ้า ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่มียังมีอีกมาก ยิ่งขยายความไปในอภิธรรมยิ่งมีอีกเยอะ ก็ได้เท่าที่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 11:59:02 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:11:21 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:43:58 )

คำสอนของพระเจ้า

รายละเอียด

เทวนิยมนี้ คำสอนของพระเจ้าไม่ได้มีสัมผัสกาย สัมผัสกายของพระเจ้าก็ไม่ได้ ลึกลับไปหมดมันก็เหมือนกันกับพวกหลับตาด้วยกัน มันไม่ได้บริบูรณ์ มันไม่ได้ครบถ้วน มันไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไรเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 15:00:05 )

คำสอนของพระเจ้าเที่ยงนิรันดร

รายละเอียด

คำสอนของพระเจ้าบอกว่า วิญญาณทุกวิญญาณ ของสัตว์โลก ของมนุษย์ทุกผู้ เป็นของพระเจ้า เพราะฉะนั้นวิญญาณทุกวิญญาณก็นิรันดรด้วยไม่มีสูญหาย ไม่มีการสลายไปไหน เป็นธาตุที่เที่ยงนิรันดร วิญญาณทุกวิญญาณต้องกลับคืนไปอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าจะเป็นผู้ที่บัญชาเอง ว่าจะให้ผู้ใดลงนรก ก็อยู่กับพระเจ้านิรันดร ในลัทธิที่มีชาติเดียวไม่รู้จักชาติที่ 2-3- 4 ไม่มี rebirth ตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้า ผู้นั้นก็จะมีความรู้แค่นั้นเป็นทิฏฐิชนิดหนึ่ง ที่เกิดแล้วชาติเดียวตาย แล้วก็ไม่เกิดต่อ  ส่วนลัทธิอื่นจะมี 2 ชาติ 5 ชาติ 10 ชาติตามในทิฏฐิ 62 ที่พระพุทธเจ้าแบ่งแยกไว้ ก็เป็นความย่อเอาไว้ หากจะบรรยายให้ละเอียดลงไปอีก1 ล้านก็คงไม่ไหว คำว่าพอหรือใจพอ คำนี้ยิ่งใหญ่ รัชกาลที่ 9 เอาคำนี้มาใช้ ให้โลกเอาไปใช้เป็นพยัญชนะสื่อสารให้รู้สภาวะของความพอ ผู้ที่เข้าใจความพอ แล้วใจมีลักษณะความพอให้แก่ตัวเองได้ คนนั้นก็สงบ คนนั้นก็หยุด ก็ตรวจสอบอีกว่าตัวเองที่เรามีอยู่นี้มันพอไหม มันอยู่รอดไหม ถ้าเรายังมักมาก ยังจะต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกมันก็ไม่พอ แต่ถ้าผู้นั้นตรวจตัวเองว่าพอแล้ว ของกินของใช้เหลือเฟือ เอาออกไปอีกได้ จนกระทั่งเหลือพอดีพอใช้ ปฏิบัติขัดเกลาต่อไปอีก สัลเลขะ ด้วยหลักเกณฑ์ของ ธูตะ ของศีล ก็ลดได้อีกๆ จนกระทั่งมาสู่จุดสมบูรณ์สุดก็คือ 0 ไม่มีเลย จนกระทั่งอนุโลมให้มีบ้างพอสมควร 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม2563


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:24:27 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:00:21 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:48:42 )

คำสอนของพุทธ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้นั่งหลับตา ท่านตรัสรู้ธรรมจักรกัปปวัตนสูตรด้วยจักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลก แสงสว่างจ้าๆเลย อันนี้ก็เอามายืนยันไม่รู้กี่ครั้ง พระพุทธเจ้าไม่ได้รู้ด้วยการนั่งหลับตาแต่ลืมตามีโลกมีแสงสว่างครบถ้วนเลย นี่คือการจะต้องรู้ตรัสรู้เป็นการรอบรู้ ท่านไม่ได้รู้ด้วยการขโมยรู้แต่รู้โดยรอบ แต่รู้จริงๆ เห็นไหมว่าอาตมายากจะไปสอนในคนพุทธที่ติดยึด เหมือนเข็นเขาขึ้นครก เป่าควายใส่หูปี่..

แม้แต่ผู้ปฏิบัติลืมตาก็ยังมีมิจฉาทิฐิได้ 

มารย่อมล่อให้หลงทางได้ตลอดเวลา 

คำว่าสงบจึงเป็นเรื่องที่เป็นเป้าหมาย ของศาสนา มีกายสงบจิตสงบ 

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 18:02:53 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:56 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:53:40 )

คำสอนของพุทธ

รายละเอียด

ลาด ลุ่ม ลึก ไปโดยลำดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว นั้นก็คือ ลำดับของการศึกษา(สิกขา)ก็ดี ลำดับของการประพฤติที่ได้ทำกันจริงๆ(กิริยา)ก็ดี และลำดับของวิธีการแห่งปฏิบัติทั้งหลาย(ปฏิปทา)ก็ดี ล้วนดำเนินไปเป็นขั้นเป็นตอน เป็นระดับราบรื่น เรียบร้อย ง่ายงาม ดีมาก ไม่สะดุดตะปุ่มตะป่ำ ไม่ขรุขระ ไม่อีโหลกโขลกเขลก ไม่กลับไปกลับมา ไม่ต่ำตกวูบแล้วก็พุ่งขึ้นสูงปรี๊ด หกคะเมนตีลังกาอย่างไม่เป็นท่า หรืออะไรอย่างนั้น แต่เป็นระบบระเบียบเรียบราบดี ไม่วุ่นวนสับสนไปมา เดี๋ยวกลับหน้า เดี๋ยวกลับหลัง

นั่นคือ หลักเกณฑ์สำคัญหลักแรกยิ่งใหญ่คือ “ศีล-สมาธิ-ปัญญา”

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:20:04 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:52 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 03:57:53 )

คำสอนของศาสนาเทวนิยมเป็นของพระเจ้าจริงหรือ

รายละเอียด

ที่จริงแล้ว พระศาสดาของเทวนิยมทุกองค์ ไม่รู้ว่าคำสอนที่ตัวเองเอามาสอนคือคำสอนของตัวเอง ตัวเองสั่งสมมาแต่ละชาติแต่ละชาติสุดท้ายก็มีความรู้คำสอนอันนี้ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองสั่งสมความรู้อันนี้มา ไม่เชื่อว่าตัวเองจะรู้ขนาดนี้ ทำไมมันเป็นความรู้ที่สูงจริงๆ ซึ่งก็สูงจริงๆเป็นความรู้ความดีความชั่วที่สูงจริงๆ ก็ยกให้เป็นของพระเจ้า พระบิดา เราเป็นพระบุตรทำตามก็แล้วกัน ไม่รู้ว่าเป็นของตนที่สั่งสมมาไม่รู้กี่ชาติแล้วเราก็ได้อย่างนี้ ก็เลยเกิดเป็นศาสดาเทวนิยมซึ่งมีหลายองค์ หลายศาสนา

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌ ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 19:02:42 )

คำสอนที่จะมีสภาวะ 2 อย่างขัดแย้งได้ทุกมุม

รายละเอียด

คำสอนที่จะมีสภาวะ 2 อย่างขัดแย้งได้ทุกมุม พระพุทธเจ้าตรัสไว้ จูฬวิยูหสูตร เพราะฉะนั้นสิ่งที่แย้งไม่ได้เลยมีสิ่งเดียวเท่านั้นคือมรรคมีองค์ 8 หรืออริยสัจ 4 ซึ่งจะต้องศึกษาเรียนรู้อันนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นอันนี้เท่านั้นแหละเป็นหนึ่ง สัจจะเป็นหนึ่งเดียว อย่างอื่นแย้งได้หมด ผู้ใดที่รู้จริงก็จะรู้ว่ามันต้องแย้ง เพราะเขาไม่รู้จักอริยสัจ 4 มรรคมีองค์ 8 ผู้ใดเป็นพระอรหันต์แล้วบรรลุอริยสัจ 4 ก็ไม่ไปถกเถียงกับใคร แล้วพระอรหันต์เองจะไปถกเถียงกันเองตรงไหนที่ไหน เพราะรู้ว่าพูดอะไรก็เป็น 2 ทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นอรหันต์ก็จบ อรหัตผลจบนิพพานสูญ จะพูดหนึ่งก็หนึ่งพูด 0 ก็รู้ 0 ขยาย 2 เป็นคู่ไปอีกตั้งเท่าไหร่ เป็นสังขารปรุงแต่งกันเป็นรูปเป็นนามอีกเท่าไหร่เท่าไหร่ก็พระอรหันต์ทุกองค์เข้าใจแล้ว อย่างที่อาตมานี้อาตมาเข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 12:02:45 )

คำสอนพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

คำสอนพระพุทธเจ้า คือ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา(เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษแม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา(สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกซึ้งขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 9 ข้อ 34 ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2562 ( 07:57:43 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:00 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:00:59 )

คำสอนพระพุทธเจ้าที่พ่อครูนำมาสอน สามารถแก้ปัญหาระดับครอบครัวสังคมได้อย่างเด็ดขาด

รายละเอียด

อาตมาก็มั่นใจว่าอาตมาสอนตั้งแต่ครอบครัวจนถึงสังคมประเทศชาติ ถึงขั้นโลกเลยจะว่าไปแล้ว เพราะว่ามันเป็นของพระพุทธเจ้า เถรสมาคมไม่ออกมาสนับสนุน พูดตรงนี้ยื่นดาบมาให้อาตมา อาตมาก็จะขอดาบหรือหอก ขอแทงด้วยหอกต่อไปนี้ 

เถรสมาคม ไฉนหรือทำไม ฝ่ายเถรสมาคมจึงไม่ออกมาสนับสนุน แล้วคุณสว่างแสงก็พูดต่อว่า ทำไมจึงไม่เห็นแก่พระศาสนา อาตมาบังคับเถรสมาคมไม่ได้ ก็ท่านไม่เห็นของท่านเอง ใช่ไหม อาตมาจะไปบังคับให้ท่านเห็นได้อย่างไร ไอ้ที่ไม่เห็นคือมันบอดหรือมันสว่าง ...บอด ก็ท่านบอดอยู่ เถรสมาคม ท่านกำลังบอดอยู่ นี่อาตมากำลังแสดงภาษาวิชาการความรู้ศาสตร์โดยเฉพาะศาสนาพุทธนะ ไม่ได้ไปด่าไปว่าอะไรหรอก สิ่งที่มันจะต้องข่ม พูดออกมามันก็ต้องข่ม สิ่งที่มันยกพูดออกมาควรยกมันก็เป็นการยก มันเป็นธรรมชาติของมัน 

เพราะฉะนั้นเถรสมาคมไม่ออกมาสนับสนุน อย่าว่าแต่ออกสนับสนุนเลย เขาจะเอาอาตมาตาย พูดไปหลายทีหลายครั้ง ย้ำซ้ำซากไม่รู้กี่ที ไม่ใช่สนับสนุน เขาจะเอาตาย แต่เขาเอาอาตมาตายไม่ได้ อาตมาก็พึ่งพาอาศัยคำสอนของพระพุทธเจ้า  ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริง ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566  ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 13:39:11 )

คำสอนพระพุทธเจ้าเป็นเศรษฐศาสตร์ในตัว

รายละเอียด

แต่พวกเราเข้าใจธรรมะแล้วเราสร้างเฉพาะที่จำเป็นเราก็สร้าง ถ้าเราจำเป็นจะต้องขายเพื่อไปซื้อสิ่งอื่นที่เราจำเป็นเหมือนกันเราก็ต้องใช้บ้างก็ต้องแลกสิ่งเหล่านั้นมา มาเป็นตั๋วแลกเงินคือธนบัตรแทนสิ่งนี้แล้วก็ซื้อสิ่งที่เราจำเป็นอยางอื่นๆ เราก็ทำบ้าง ก็ไม่จำเป็นจะต้องขี้โลภเอากำไรมาสะสม เอาเปรียบเอารัดต่อไป เป็นเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจที่สบายมากเลย คำสอนพระพุทธเจ้าเป็นเศรษฐศาสตร์ในตัว ไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ได้  มีการทำทาน มีเสียสละแจกจ่ายเจือจานเกื้อกูลผู้อื่น 

มันจบในเรื่องการอยู่ในสังคม การบริหารสังคม การทำให้สังคมเป็นไปอยู่ดี ไม่ว่าจะเรียกด้านเศรษฐศาสตร์ เรียกว่ารัฐศาสตร์เรียกว่าสังคมศาสตร์หรือเรียกว่า ศาสตร์ใดๆ วิศวกรรมศาสตร์ สื่อสารศาสตร์สื่อสารมวลชน นิเทศศาสตร์ ก็ตั้งชื่อมาเรียกกันเท่ๆเยอะแยะ มันก็ขึ้นมารับใช้ ตัวเราก็ได้อาศัยใช้สอยกินอยู่มีชีวิต มารับใช้มวลชนประชาชนไป ที่เป็นสัจจะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สันติอโศก ผลงาน 50 ปี ตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพ่อครู วันพุธที่ 18 มกราคม 2566  แรม 12 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ปี 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2566 ( 13:19:18 )

คำสอนหรือความเชื่อผิดๆในศาสนาเทวนิยม

รายละเอียด

ที่จริงแล้วความรู้ในธรรมะต่างๆที่ศาสดาทุกพระองค์เอามาประกาศ เป็นความรู้ของพระศาสดาเอง ไม่ใช่ของพระเจ้า แต่เขาไม่รู้ตัวเอง ไม่รู้อัตตาว่า ความรู้อันนี้ของเราหรือเปล่าเขาไม่ได้เรียนรู้การตายการเกิด ได้สั่งสมวิบากจนได้มาเป็นศาสดาศาสนาใดศาสนาหนึ่งก็แล้วแต่ ของตนเอง แต่เขาไม่รู้ตัวเองไม่รู้อัตตา ไม่มีความมั่นใจ ไม่มีความรู้เรื่องวิบากที่สั่งสมมาอย่างไร ไม่ชัดเจน ฉะนั้นจึงไม่กล้ารับรองความรู้นี้ ว่าเรายิ่งใหญ่ขนาดนี้ตรัสรู้เอง หรือไม่ใช่มั้ง ก็ให้พระเจ้า แล้วคนในลัทธิของพระเจ้าเชื่อว่าพระเจ้านั้นดีที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีใครรู้เท่า ไม่มีใครแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ขึ้นกับเวลา ไม่ขึ้นกับองค์ประกอบ ไม่ขึ้นกับอะไรทั้งนั้นอะไรจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรอันเดียวใช้ตลอดกาลนาน คำสอนนี้ใช้อย่างนี้ไม่ขึ้นกับองค์ประกอบอื่นเลย อันนี้แหละมันถึงผิด โลกเขาเปลี่ยนแปลงแล้วเป็นโลกคนละยุคแล้ว ในยุคนี้เป็นยุคปรมาณู ในยุคพระพุทธเจ้าใช้หอกใช้ดาบแค่นั้น แม้แต่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ แสง สี เสียง แม่เหล็กไฟฟ้า เขาไปทุกอย่างแล้ว เขาไม่ใช่จะไปทำพลังงานจิตเอา เขาเอาเหล็กเป็น 100 ตันเหาะขึ้นบนฟ้าได้เลย ก็จะไม่รู้ยุคสมัยไปงมโข่งอยู่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกฯครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 21:12:28 )

คำสอนเพื่อให้เข้าถึงสิ่งสูงสุด

รายละเอียด

ภาษาโลกแตกทั้งนั้น ก็มีอยู่เรื่อยๆติดตามฟังไป มีอยู่เรื่อยๆ แล้วอาตมาก็ไม่พูดเรื่องอื่นเลย พูดแต่เรื่องที่ให้คุณสามารถที่จะบรรลุความจริงแท้ มีมรรควิธี จะเข้าถึงความจริงแท้ ก็มี 2 ประเด็นหลักๆใหญ่ๆ นี่แหละ แล้วก็บอกมุมแง่ของมิติ ประเด็น นัยยะต่างๆให้รู้ ให้กระจายไป รอบถ้วน กี่มุมกี่เหลี่ยม ร้อยเหลี่ยม พันเหลี่ยม หมื่นเหลี่ยม ก็พูดไปให้หมด มาเหลี่ยมนี้เข้าได้ก็มา แล้วคุณจะหลุดพ้นได้ คุณที่ถามมาใช้นามว่า ป้าหมอ จ.ตรัง 

สนใจก็ดีแล้ว สนใจเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ก็พยายามตั้งใจ สนใจ อาตมาก็ขี่ม้ารอบค่าย พูดไปมากมายแล้ว ทีนี้ก็ประเด็นสำคัญของวันนี้ มีผู้ให้ข้อมูลว่า ทุเรียนเขาบริจาคมาให้ 888 กิโลกรัม เลข 8 ฮิตน่าดู ทำไมไม่เอา 8,888 กิโลกรัม เราไม่ตะกละหรอก บอกให้รู้เท่านั้นเอง 

 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:40:00 )

คำสอนโลกุตรธรรมที่พิสูจน์ชัดว่าคนสมัยนี้ทำได้จริง

รายละเอียด

ทีนี้มาพูดถึงของไทย ไทยยังมีเชื้อ แล้วเชื้อนั้นพระพุทธเจ้าพยากรณ์เอาไว้ใน อาณิสูตร เชื้อโลกุตรธรรม พระพุทธเจ้าก็ใช้คำนี้ในพระไตรปิฎก ว่า โลกุตรธรรม จะเสื่อมไป กลายเป็นของปลอมของเก๊ เอาของปลอมมาแทรกแทนกลองอานกะ ไม่มีเนื้อแท้เลย มันเสื่อมไปหมด แล้วมันก็จริง มาถึงยุคนี้กึ่งพุทธกาล 2,500 ปี โลกุตรธรรมเสื่อมไปหมด แล้วอาตมาถึงขั้นต้องจำยอม จำนน จำเป็น จำต้องยืนยันว่า อาตมานี่แหละเป็นธัมมิกราษฏร์ เป็นผู้ที่จะนำโลกุตรธรรมขึ้นมาสถาปนาลงไปในสังคมพุทธ ในยุคที่เสื่อมไปจริงนี้

จริงๆแล้วอาตมาไม่ได้มาพูดลงน้ำหนักยืนหยัดยืนยันถึงขนาดนี้อาตมาทำงานศาสนามา 50 กว่าปีแล้วเพิ่งจะมาลงน้ำหนัก ยืนยันว่าอาตมาเป็นธัมมิกราษฏร์ พูดเข้าตัวเข้าตนเลย ทางด้านวิชาการเขาจะรังเกียจมากเลย เอาตัวตนเข้าไปเป็นตัวละครอยู่ในตำรา ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ยิ่งเอาตัวเองเข้าไปว่าฉันใหญ่ มันเป็นการอวดตัวอวดตน 

แต่ไม่ใช่ว่าอาตมาไม่เข้าใจเรื่องเหล่านั้น อาตมาเข้าใจแต่อาตมาจำนน จำเป็น จำยอม จำต้องบอกตัวเอง เพราะอะไรเพราะของเก๊ ของปลอม เขาก็ประกาศตนเองอยู่ทุกวันนี้ แต่เขาประกาศไม่มีน้ำหนักเท่าอาตมาหรอก แต่เขาประกาศว่าเขาเป็นพระอริยะ เขาเป็นผู้รู้ เขาเป็นอรหันต์ เขาเป็นอะไรอยู่ ประกาศอย่างหน่อม แน้ม ไม่อาสโภ ไม่ได้อาจหาญแก้วกล้า จนไม่มีแม้แต่ มังกุ ไม่มีท่าทีขวยเขิน เก้อยาก อาตมาไม่ยากที่อาตมาจะบอกว่า อาตมาเป็นอรหันต์ ไม่ยากที่อาตมาจะบอกว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ ไม่ยากที่อาตมาจะบอกว่า อาตมาเป็นธัมมิกราษฏร์ เพราะมันเป็นจริงอยู่ในตัวอาตมาไม่ได้สะดุดอะไรสักนิดเลย มันของจริงง่ายๆ 

แล้วที่ว่าง่ายๆเพราะอาตมาก็แสดงความจริงนี้ได้ด้วย ไม่ใช่พูดมาแต่ปาก อยู่ไหนของจริงพฤติกรรมของจริงความเป็นของจริง พาคนเข้าใจของจริงนี้ สร้างคนให้เข้าใจความจริงที่พูดนี้ได้บ้างไหมล่ะ ได้ไหม...ได้ พวกคุณพูดเองและคุณได้อะไร ส่งเสียงตอบรับเต็มคำเลย เพราะฉะนั้นในยุคนี้จึงเป็นยุคที่พิเศษ เป็นยุคที่จะว่าแปลกประหลาดก็แปลกประหลาด เพราะจะมีสิ่งที่แปลกประหลาดพิเศษแปลกประหลาดมาอุบัติขึ้นมา อย่างที่เป็น 

อาตมาพูดหนัก พูดใหญ่ พูดอวดตัวเต็มรูปเต็มร่างเลย แค่อาตมาบอกว่าอาตมาเป็นอรหันต์ อาตมาเริ่มต้นประกาศตัวเองเป็นโพธิสัตว์ก่อนในประเทศไทย เพราะประเทศไทยไม่ได้นับถือโพธิสัตว์ ประเทศไทยศาสนาพุทธประเทศไทยถือว่าพระโพธิสัตว์ยังไม่ใช่อริยะ เข้าใจแค่นั้นด้วย ไม่เข้าใจ เช่น ไปเข้าใจว่า สุเมธะดาบส อยู่ในประวัติในตำราในพระไตรปิฎก เขาถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์ เขาก็เข้าใจว่าสุเมธะดาบสเป็นพระโพธิสัตว์ คือเป็นผู้ที่ยังไม่ได้บรรลุอรหันต์ 

จริง ยังไม่ได้บรรลุเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่สุเมธะดาบสไม่มีความเป็นอรหันต์มาตั้งแต่ต้น อรหันต์ขั้นที่ 1 อรหันต์ขั้นที่ 2 อรหันต์ขั้นที่ 3 อรหันต์ขั้นที่ 4 สุเมธะดาบสเป็นอรหันต์ขั้นผ่าน 1 2 3 มาแล้วเป็นอรหันต์ขั้นสูงมาแล้ว ถึงขั้นมาให้พระพุทธเจ้าเดินทอดได้เหยียบร่าง แต่เขาไม่รู้ความเป็นอรหันต์หรือโพธิสัตว์ เขาก็เลยถือว่านี่เป็นโพธิสัตว์ก็คิดว่ายังไม่เป็นอรหันต์ แต่ยังไม่ได้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นท่านก็ไปพระพุทธเจ้า สุเมธะดาบสก็คือพระพุทธเจ้านั่นแหละ มาเป็นสมณโคดมนั่นแหละ เขาเข้าใจไม่ได้ในความละเอียดลึกซึ้งซับซ้อน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #25 พ่อครูคือธัมมิกราษฎร์ ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม  วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 19:20:53 )

คำสอนในพระไตรปิฎกที่ไม่ควรตีทิ้ง

รายละเอียด

จึงมีคำสอนของพระสมณโคดมบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก กับพระโพธิสัตว์อื่นๆที่เป็นพุทธสาวก ที่ขยายความเพิ่มเติมจากพระสมณโคดม บางคนเดี๋ยวนี้ก็ทำเก่งจะเอาแต่พุทธพจน์ ถ้าไม่ใช่พุทธพจน์ในพระไตรปิฎกก็เลือกทิ้งหมด ทำเป็นเก่ง

เพราะฉะนั้นความรู้ของพระสาวกที่เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญต่อมา มันขยายความให้ได้ดีขึ้นมากขึ้นให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ของพระสมณโคดมนั้นเข้มข้นคลี่คลายกระจายได้ยาก ก็มีพระอัครสาวกต่างๆมาขยายความเช่นพระกัจจายนะ ได้รับคำชมจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะทางขยายความธรรมะได้ดีกว่าพระพุทธเจ้าอีก 

ดังนั้น เราจะไปตีทิ้งคำสอนของพระเถระไม่ได้ หรือเถรวาทะ ในพระไตรปิฎกก็มี เถรวาทะกับพระพุทธเจ้าท่านเองไม่มีของอรรถกถาจารย์ เพราะฉะนั้นคุณรับได้หมดแหละ เมื่อเขาเข้าใจไม่ได้ก็ไปตีความขยายความเพิ่มเติมอีกในพระไตรปิฎกไม่มี เขาก็ถือว่าเป็นอรรถกถาจารย์ หรือคนเสริมเข้าไปใหม่ พวกอวดดีนี้จะขาดประโยชน์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชธานีอโศก ตอบปัญหาให้ปัญญาคนไร้ศรัทธาต่ออโศก วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:42:48 )

คำสอนในพระไตรปิฎกเน้นไปทางสมณะเพื่อให้คนศึกษาและอาศัย

รายละเอียด

ให้คนได้ศึกษา มีคนที่อาศัยต้องอาศัยสมมุติอันนี้ ผู้ที่เข้าใจแล้วไม่มีปัญหา ก็จะใช้สมมุตินั้นได้ อย่างเช่นอาตมา อย่างเราพูดกับเด็กเราก็พูดอย่างที่เด็กเขาพอจะอาศัยอันนี้เข้าใจ ถ้าไม่อาศัยอันนี้เด็กมันไม่มีที่จับที่เข้าใจที่ยึดถือ มันก็ไม่รู้เรื่องหรอกเพราะมันไม่อยู่ในฐานะเขาภูมิของเขาที่จะรู้ ต้องให้เขาได้รู้ตามขั้นตอน ไม่งั้นต่อไม่ติดไปไม่ออก 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2563 ( 19:17:54 )

คำสั่งของพระเจ้าก็จบได้เหมือนกัน แต่จบแบบจำนน!

รายละเอียด

นอกจากจะจบด้วย“คำสั่งของพระเจ้า” จึงยอมจบ เพราะ

“จำนน”ว่า เป็น“คำสั่ง”จาก“พระเจ้า” แม้จะยัง“ลึกลับ”หรือยัง

คลางแคลงอยู่ ก็ต้อง“จบ” แต่ไม่ใช่“จบด้วยปัญญาอันยิ่งของตนเอง” มันก็ยังไม่แจ่มกระจ่างสว่างเปิดเผยร่วมกันสัมผัสรู้อยู่ “สัจจะหนึ่งเดียว”จึงได้แก่

“อริยสัจ 4 หรืออาริยสัจ 4”นี้เท่านั้น นอกนั้น ไม่มีอะไรเป็น“สัจจะหนึ่งเดียว”

  จึงหา“สัจจะหนึ่งเดียว”จากอื่น “มิได้มีเลย” เว้นแต่“สัจจะที่เที่ยงแท้แน่นอนด้วยสัญญา(การกำหนดรู้ของตนๆ)ในโลก” ตามนี้

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 271 หน้า 214


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:37:41 )

คำสุภาษิต

รายละเอียด

คำที่มีคติสอนใจ

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 466


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 13:00:43 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:59:26 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:10:46 )

คำส่อเสียด

รายละเอียด

คำพูดที่พูดแล้วเกิดการแตกร้าว วิวาท บาดหมาง ไม่รวมกันเป็นสังฆะ ไม่เป็นสังคม ไม่เป็นพี่น้อง ไม่เป็นมิตรสหาย ไม่เป็นญาติ เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง แตกเหล่าแตกกอในหมู่ชน

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 373

 


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:03:55 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:55:04 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:03:07 )

คำส่อเสียด

รายละเอียด

คำพูดที่พูดแล้วเกิดการแตกร้าว วิวาท บาดหมาง ไม่รวมกันเป็นสังฆะ ไม่เป็นสังคม ไม่เป็นพี่น้อง ไม่เป็นมิตรสหาย ไม่เป็นญาติ เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง แตกเหล่าแตกกอในหมู่ชน

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 11:11:00 )

คำหยาบผู้เจริญไม่พูด

รายละเอียด

สู่แดนธรรมว่า...สมัยนี้ เด็กพูดคำหยาบเป็นปกติ แต่สมัยก่อนเขาสังวร เช่นคำว่าเชี่ย นี่ เขาพูดกันเป็นปกติพ่อครูว่า...ก็ต้องรู้สมมุติของผู้ใหญ่ ผู้ที่เจริญแล้วเขาไม่พูด พวกเขาที่พูดกันแล้วมันต่างกับที่เขาพูด ผู้ใหญ่บอกว่ามันไม่ดีมันหยาบ เราก็สัญญากำหนดหมายเลิกเสีย เข้าใจให้ได้ หากไม่รู้ก็ถามผู้ใหญ่ถามผู้รู้ว่า คำนี้เป็นคำหยาบหรือไม่ เราก็จะรู้ว่า มันหยาบ ภาษาสื่อคำนี้มันหยาบ เข้าใจสภาวะให้ได้

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:31:25 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:06 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:02:08 )

คำหยาบไม่ใช่ของผู้ดี การตำหนิสิ่งผิดเป็นหน้าที่ของผู้ดี

รายละเอียด

พูดคำหยาบก็แน่นอน มันไม่น่าพอใจ ผู้ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ก็คือผู้ที่มีจิตสูง เมื่อได้รับฟังคำหยาบ มันก็ไม่น่าพอใจ มันก็เป็นธรรมดาหมายความว่าอย่างนั้น เพราะฉะนั้นคนที่พูดคำหยาบ อาตมาว่าอาตมาไม่เคยพูดคำหยาบ มีแต่พูดคำแรง และพูดคำที่ท้วงสิ่งผิด การพูดที่ท้วงสิ่งผิด แล้วมันมีจริง ความผิดนั้นมีจริง มีบุคคลจริง เกิดขึ้นจริง ยิ่งมีมากมันก็ยิ่งดูเหมือนว่าคนนี้ไปพูดแรง แล้วเขาแปลคำว่าแรงเป็นคำหยาบ ซึ่งไม่ใช่ 

คำหยาบคือคำที่ไม่น่าพูด เป็นคำไม่ใช่ของผู้ดี การตำหนิสิ่งผิดเป็นหน้าที่ของผู้ดี พระพุทธเจ้าเกิดมาเพื่อพูดตำหนิสิ่งผิดมาตลอด ท่านตรัสว่า การตำหนิแล้วการตำหนิอีกเป็นความเจริญ คำสรรเสริญนั้นเป็นคำต่ำทราม ไม่มีค่าอะไรพอจะให้เกิดละหน่ายจางคลายจากกิเลส ส่วนคำตำหนินั้นเป็นคุณค่าประโยชน์ตลอด พยายามเข้าใจธรรมะฟังธรรมะดีๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาทำจิตเป็นอุตุไม่เกี่ยวเกาะ  วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2566 ( 20:00:25 )

คำอธิบายเกี่ยวกับการตัดผมของนักเรียนมัธยม

รายละเอียด

คือความอยากที่อยากจะให้มหัศจรรย์อยากจะให้เท่ อยากจะให้วิเศษ อยากให้คนนับถือ  ให้คนดูว่าเท่ว่าเก๋มันไม่มี แต่มีความเห็นว่าตัดอย่างนี้แหละ  มันสบาย ๆ  มันไมเป็นการยั่วยวน มันไม่เป็นการลำบากมันสะดวกมันดีที่สุดแล้ว สำหรับเด็ก ๆ  สำหรับในรุ่นนี้ที่เราควรจะทำ  สำหรับนักเรียนนักศึกษา ซึ่งไม่ควร ไม่ยุ่ง วุ่นวายกับผมผู้หญิงก็ประมาณนี้ ผู้ชายก็ประมาณนี้ อันเหมาะสมแล้ว ยิ่งเป็นนักบวชยิ่งประมาณนี้เลย เหมาะสมหญิงก็เหมาะสมแล้ว  ชายก็เหมาะสมแล้ว  ไม่มีเจตนาจะให้เทห์  เจตนาให้เหมาะสมสะดวก สบายง่ายแล้ว  ก็ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาเพราะฉะนั้น  คนที่ยังมีความรู้สึกว่า  ควรให้ปล่อยยาวเฟื้อยมีเท่ทำผมเป็นแฟชั่นสารพัดไม่เอาอย่าไปยุ่งกันมัน  อย่างนี้แหละดีแล้ว สบาย  ถ้าเผื่อว่าอยากจะมีแฟชั่นของผมที่จะไปอีกในอนาคต พ้นการศึกษาจากที่นี่ไปก่อนที่นี่มีกฎระเบียบหลักเกณฑ์ถ้ายังไม่พ้น ก็อยู่ในหลักเกณฑ์นี้ให้จบก่อน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:05:11 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:40 )

คำอธิบายเกี่ยวกับการตัดผมของนักเรียนมัธยม

รายละเอียด

ความอยากที่อยากจะให้มหัศจรรย์ อยากจะให้เท่ อยากจะให้วิเศษ อยากให้คนนับถือ ให้คนดูว่าเท่ว่าเก๋มันไม่มี แต่มีความเห็นว่าตัดอย่างนี้แหละ มันสบายๆ มันไม่เป็นการยั่วยวน มันไม่เป็นการลำบากมันสะดวกมันดีที่สุดแล้วสำหรับเด็กๆ สำหรับในรุ่นนี้ที่เราควรจะทำ สำหรับนักเรียนนักศึกษาซึ่งไม่ควรไปยุ่งวุ่นวายกับผม ผู้หญิงก็ประมาณนี้ผู้ชายก็ประมาณนี้อันเหมาะสมแล้ว ยิ่งเป็นนักบวชยิ่งประมาณนี้เลย เหมาะสม หญิงก็เหมาะสมแล้ว ชายก็เหมาะสมแล้ว ไม่มีเจตนาจะให้เท่ห์ เจตนาให้เหมาะสมสะดวกสบายง่ายแล้วก็ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เพราะฉะนั้นคนที่ยังมีความรู้สึกว่าควรให้ปล่อยยาวเฟื้อยมีเท่ ทำผมเป็นแฟชั่นสารพัดไม่เอา อย่าไปยุ่งกับมัน อย่างนี้แหละดีแล้ว สบาย ถ้าเผื่อว่าอยากจะมีแฟชั่นของผมที่จะไปอีกในอนาคต พ้นการศึกษาจากที่นี่ไปก่อนที่นี่มีกฎระเบียบหลักเกณฑ์ ถ้ายังไม่พ้นก็อยู่ในหลักเกณฑ์นี้ ให้จบก่อน 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 09:41:46 )

คำเตือนของผู้รู้ถึงประเทศไทยหลังเหตุการณ์โควิดสงบ

รายละเอียด

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้ฟังพ่อครูอ่านบทความที่กล่าวถึงประเทศไทยหลังเหตุการณ์ โควิดสงบลงว่า เป็นที่กำลังจับตามองของนักลงทุน ต่างชาติในระดับต้นๆของโลกเจ้าของบทความอาจจะรู้สึกตื่นเต้นยินดี แต่ดิฉันได้ยินแล้วไม่ค่อยสบายใจ และมีได้ยินดีด้วยเลย เพราะในสภาพความเป็นจริง บริษัทต่างชาติที่ได้รับการส่งเสริมลงทุน (BOI) จะได้รับการยกเว้นภาษีเครื่องมือเครื่องจักรที่นำเข้ามาเป็นมูลค่าหลายร้อยล้าน แถมถ้าสามารถทำบัญชีที่ 2 เพื่อหลบภาษีก็สามารถหลบเลี่ยงได้อีกนับหมื่นล้าน บางบริษัททำบัญชีที่ 2 ติดต่อกันนับ 20 ปีลดภาษีได้ถึง 500,000 ล้าน และทางหน่วยงานรัฐก็เหมือนเฉยไม่กล้าแตะต้อง จนคนที่ร้องเรียนท้อใจไปก็มี นอกจากนี้บริษัทใหม่ๆที่ได้รับการสนับสนุนเข้ามาตั้งกิจการริมทะเลในไทย แต่สามารถใช้พื้นที่ริมทะเลนับ 10 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ส่วนตัวห้ามผ่านเข้าออกทั้งที่เมื่อก่อนเราสามารถเข้าไปตั้งค่ายอนุกาชาดและค่ายเนตรนารีได้หลายโรงเรียน ปัจจุบันกลายเป็นหาดส่วนตัวของบริษัทต่างชาติ ทำการถมทะเลออกไปอีกหลายสิบไร่ เอาไว้เป็นที่ท่องเที่ยวของคนชนชาติเขา คนไทยท้องถิ่นไปเดินเล่นได้ยากทั้งๆที่เคยทำมาตั้งแต่เด็ก ดิฉันได้ยินรุ่นพี่ที่สถาบันเดียวกันพบปะพูดคุยกันในฐานะนักกฎหมาย ทั้งมีผู้พิพากษาศาลอาญา ศาลปกครอง หนักใจเรื่องในจังหวัดภูเก็ต ตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติเกิน 50% เพราะเหตุว่ามีคนไทยรับจ้างเป็นนอมินี จดทะเบียนบริษัทแล้วทำการซื้อที่ดินทำเลดีๆไว้ให้เป็นของต่างชาติ ต่อไปลูกหลานไทยจะลำบากไม่มีที่หากินในอนาคตจะเดินผ่านก็ยาก ฝรั่งชอบกั้นรั้ว แม้แต่ชาวอโศกเรายังหลงกลฝรั่งได้เช่นกัน มีคนขอร้องให้ญาติธรรมเช่าที่ดินให้ หลังจากสำเร็จกิจแล้วก็ไม่สนใจอีกเลย คนเขียนบทความนั้นคงภูมิใจที่ไทยได้ติดอันดับโลกเป็นประเทศที่น่ามาอยู่น่าลงทุนที่สุดในโลก แต่ความเดือดร้อนของลูกหลานไทยที่จะได้รับเมื่อไม่ช้าไม่นานนักค่ะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 03 มิถุนายน 2563 ( 11:28:35 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:13:18 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:05:29 )

คำเท็จ

รายละเอียด

คำไม่จริง พูดปด โกหก ตอแหล

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 373

 


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:02:38 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:56:23 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:03:30 )

คำเปรียบเทียบของพระพุทธเจ้าเป็นไก่ตัวพี่

รายละเอียด

เป็นคำเปรียบเทียบของพระพุทธเจ้า เรียกผู้ที่รู้ก่อนเจาะไข่ออกมาได้เป็นคนแรกและก็เป็นไก่ตัวพี่ นอกนั้นออกมาจากเปลือกไข่ไม่ได้ เน่าตายอยู่ก็ออกจากกรอบโลกียะไม่ได้ ยังเกิดตายอยู่ในไข่อยู่ในกรอบ ออกจากไข่ไม่ได้ จะไข่อะไรก็แล้วแต่ต้องเจาะกระเปาะออกมาทั้งนั้น ท่านก็เอาไก่มาเป็นตัวอย่าง เราเป็นไก่ตัวเกิดได้ก็เจาะกระเปาะไข่ออกมาได้เป็นคนแรก เป็นคนที่รู้จักโลกุตระธรรมของศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้เหมือนกัน ท่านเป็นคนแรกในยุคนี้ ซึ่งไม่มีศาสนาพุทธเกิดมา อยู่ในยุคพุทธันดรที่ไร้ศาสนาพุทธมาพอสมควรแล้ว ท่านก็มาอุบัติขึ้นในยุคนี้ที่สมควรจะเกิดสมควรจะต้องโปรดมนุษย์ได้แล้ว พระพุทธเจ้าก็มาโปรดกับมนุษย์ในยุคที่แย่ มีมาฆบูชาครั้งเดียว มีพระอรหันต์มาร่วมโดยไม่ได้นัดกัน1,250 พระพุทธเจ้าองค์อื่นก็จะมีมากกว่านั้น เอาละไม่ขยายความต่อ แล้วอย่าไปเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสมณโคดมฐานะต่ำต้อยกว่าองค์ที่มีมาฆบูชาหลายสิบครั้ง ครั้งละเป็นล้านคน อย่าไปเปรียบเทียบ ภูมิธรรมเท่ากัน อันนี้ก็เป็นอจินไตยที่เป็นพุทธวิสัย อย่าไปคิดเดี๋ยวหัวแตก 7 เสี่ยง ไก่ที่เจาะฟองไก่หรือฟองไข่ออกมาเป็นคนแรกได้ อาตมาบอกว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้ล้อเลียนกับยุคพระพุทธเจ้า อาตมาเกิดมาชาตินี้มีภูมิรู้ของตนเองมาแต่อดีตชาติ ไม่ได้เรียนรู้ธรรมะจากใครเลยในยุคนี้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 20:13:34 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:56 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:04:59 )

คำเปรียบให้คลายจางในผู้ชาย

รายละเอียด

ผู้ชายเหมือนหนังควายหุ้มขี้ ข้างนอกก็เห็นหยาบแล้ว จริงๆแล้วเรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้าเถิด การเป็นโสดนั้นพระพุทธเจ้าท่านยกย่องว่าเป็นผู้ที่ไม่เศร้าหมอง ไม่มีความทุกข์ยากอะไร เรียนดูให้ดีๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:36:35 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:13:56 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:06:29 )

คำเรียกพ่อท่านและพ่อครู

รายละเอียด

เขาเรียกอาตมาว่าพ่อท่านมาตั้งแต่เต้น คือชาวใต้จะเรียกพระที่เขานับถือว่า พ่อท่าน ทางอีสานเรียกญาท่าน อย่างยายอาตมาเขาเรียก ญาแม่คุณ คือยายอาตมาเป็นหลานเจ้าเมืองคนสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่ เขาเรียกยายว่า ญาแม่คุณ อาตมาเลยไม่ได้รู้ชื่อยายจริงๆเลย เราเองเรียกว่าคุณยาย สมัยก่อนไม่มีทะเบียนบ้าน อาตมาไปอยู่วัดอโศการาม คนที่มาศรัทธาก็เป็นคนสาวด้วย เป็นคนใต้ อาตมาตอนบวชแรกๆก็เป็นหนุ่มอยู่เลย 36 ปี อาตมาก็ถ้าให้เขาเรียกหลวงพี่ก็จะชิดไป ก็ให้เรียกพ่อท่าน เพราะเขาเป็นคนใต้ คนมาทีหลังก็เรียกพ่อท่าน มาตลอด จนมาปีที่มี งาน โพชฌังคาริยสัจจายุ ก็เลยเรียกว่า พ่อครูกัน เขาว่าสู่แดนธรรมมาเรียกพ่อท่าน แต่ที่จริงเขาเป็นคนเก่าก็เลยเรียกพ่อท่าน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ศิลปะในการใช้ชีวิตให้เกิดปัญญามัชฌิมา  วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม2562 


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 18:09:20 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:42 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:06:03 )

คำแปล น เหวะ โข ว่าไม่ถูกต้องด้วยการแปลผิด

รายละเอียด

ใน พยัญชนะบาลี คำว่า ไม่ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกาย มิได้ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกายเขาแปลมาจากคำว่า น เหว โข  น คือ ไม่ เขาเลยแปลว่าไม่ เหวะ เขาก็ไม่แปล โข เขาก็ไม่แปล

เหวะ คือความจริงอันนั้น, โข คือ ซ้ำ  ห คือความจริง, ว คือ อันนั้น อันนั้น ไม่ต้องกล่าวว่ามันซ้ำ เพราะผู้ที่มีปัญญาวิมุตท่านมีมาแล้ว ไม่ต้องกล่าวว่าท่านจะมีหรือไม่มีสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย หรือไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย  ถ้ามันไม่มีการสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายมาตั้งแต่ต้น จะทำอาสวะสิ้นหมดเกลี้ยงได้อย่างไร มันก็ทำได้แค่บางอย่าง

เพราะฉะนั้นกายสักขี อาสวะบางอย่างเท่านั้นหมดสิ้น สายศรัทธาวิมุต มากายสักขี เริ่มได้อาสวะบางอย่าง เป็นส่วนแห่งบุญ ทำได้เป็นส่วนๆมา ยังไม่หมดสิ้น โอ้โห พระเจ้าประทานน้ำมนต์สนับสนุนอาตมา (ฝนตก)  เพราะฉะนั้นคำว่าถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกาย สายปัญญาวิมุตินี่แหละ เขาแปล น เหว โข เขาแปลว่า มิได้ ถูกต้องวิโมกข์ 8 ด้วยกาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาวิมุติเหนือกว่าอุภโตภาควิมุติอย่างไร วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2565 ( 14:49:16 )

คิดอยากเป็นนักประพันธ์ที่ใช้สำนวนแบบพระไตรปิฎก

รายละเอียด

ชาตินี้อาตมาไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายในรู้เรื่องเลย แต่ใช้ภาษากำลังภายในได้นะ แต่เวลาอ่านมันไม่อยากฝืน ฟังโวหารที่เขาบรรยายมานะ ทั้งที่อาตมาชอบการประพันธ์ เขียนได้หลายแบบหลายลีลา นามปากกาแต่ละอย่างใช้ต่างลีลาสำนวน ก็ชอบ แต่อ่านหนังสือกำลังภายใน เขาก็มีลักษณะการเขียน อาตมาเคยมีความคิดถึงแบบว่า อาตมาอยากเป็นนักประพันธ์ที่ใช้สำนวนแบบพระไตรปิฎก ลีลาแบบสำนวนพระไตรปิฎก เป็นนวนิยาย จะมันมากเลย สงสัยจะดังกว่า ออเจ้า บุพเพสันนิวาส

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:09:21 )

คิดแต่แง่บวก ไม่รู้แง่ลบไม่ถูกต้อง

รายละเอียด

ที่ว่าจะคิดแต่เรื่องดีๆ ก็ดีแล้ว แต่ต้องรู้ว่าสิ่งที่สัมผัสมีสิ่งที่ไม่ดีก็ต้องรู้ ถ้าหากจะเอาแต่แง่บวกไม่รู้แง่ลบด้วยอันนี้ก็คงไม่ถูกต้อง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 09:37:18 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:13:52 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:13:13 )

คิดแบบ static ทำให้ Dynamic ช้าอย่างไร

รายละเอียด

อาตมายังจะทำหน้าที่ ในหลวงท่านก็ทิ้งอาตมาไป ท่านก็จะกลับมา อย่าไปเอาแบบทิเบต เป็นได้แต่อย่าคิดแบบ static

การเป็นแบบ static คือทำให้ทางปัญญาช้า ทางDynamic ช้า มันจะอยู่ที่การเกิด ที่เกิด ดาไลลามะจึงจะเกิดได้อยู่อย่าง Static ซ้ำซ้อนเป็นองค์ทะไลลามะ ซ้ำซากอยู่อย่างนั้น ไม่ปล่อยให้ก้าวหน้ามาทางนี้เลยครับ เขาก็จะค้นหาซ้ำซากอย่างนั้น ให้มาเป็นองค์ทะไลลามะ อยู่อย่างนั้นแหละปล่อยให้มาทางนี้บ้าง มันฝังรากจิตแก่นชีพอยู่ตรงนั้นก็เลยยึดมั่นถือมั่นอยู่ในแดนนะเนี่ย และประชาชนก็จะเอาองค์ประกอบเป็นทะไลลามะองค์นี้ ทุกเหตุปัจจัยทางองค์ประกอบวัตถุพฤติกรรมจิตวิญญาณให้ใช่ทะไลลามะ เขาก็จะเอาแค่นี้ แล้วก็เป็นตัวอย่างนี้ เพราะฉะนั้นศาสนาอย่างธิเบตจึงครองโลก เป็นแกนStatic ศาสนาทางเมืองจีน ธิเบตก็แยกจากจีน จีนก็แยกจากธิเบต จีนมวลเยอะ ปัญญาความฉลาดฟุ้ง ตรงกันข้ามกับที่ธิเบต ก็เลยกลายเป็นปฏิปักษ์กันในที นี่คือสัจจะประกอบกัน อย่าไปติดใจเลยเป็นตามธรรมชาติ

ถ้าปล่อยให้ดาไลลามะ มาเป็นพลเมืองของคนจีนบ้าง แล้วเอาองค์ดาไลลามะ มาเป็นองค์ใหม่ที่เป็นทะไลลามะ ก็จะขยายเชื้อชาติ ทะไลลามะก็มาเป็นประชาชนของจีน ท่านมีบารมีก็ไม่ตกต่ำหรอก ท่านก็จะมีบารมีในระดับสูงถึงขั้นเป็นผู้บริหารประเทศ ท่านก็จะมาอยู่ในฐานะผู้บริหารประเทศ ขอให้ท่านมาช่วยประชาชนส่วนกว้างบ้าง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ก่อนฉัน ที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี สัปปายะ 4 ที่มีสัมประสิทธิ์ วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:35:44 )

คิดแป้น

รายละเอียด

หากคุณอยู่กับที่ เท่ากับคุณถอยหลัง ผู้ที่เดินไปต้องเรียนวิชารถไฟ จะมีสภาวะรู้ได้ว่ามีความต่างกันอยู่ คนอยู่กับที่ แต่สิ่งอื่นเคลื่อนไปก็มองดูเหมือนถอยหลัง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:35:10 )

คิดไปรวยก็จะเป็นหนี้ สร้างบารมีต้องไม่เอาลาภแลกลาภ

รายละเอียด

 วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ในรายการพุทธศาสนาตามภูมิครั้งที่แล้วมีคนถามว่า พวกเรามาอยู่ที่นี่ ทำงานหนักที่นี่เป็นการใช้หนี้วิบากกรรมหรือเป็นการสร้างบารมี เมื่อไปดูพวกธรรมกาย มีคนทำงานหนักเป็นพวกชาวกสิกรรมต้องทำงานหนักรวมเงินได้ 1 ล้านบาท เพื่อ จะเอาไปทำบุญที่ธรรมกาย เพราะว่าหวังจะได้รวยกว่าเก่า อันนี้ก็จะได้เป็นหนี้ ใครที่คิดไปรวยก็จะเป็นหนี้ หากเราไม่ได้ต้องการอะไรให้แก่ตัวเองเลย ไม่เอาลาภแลกลาภ จะเป็นพัฒนาการทางจิตวิญญาณจึงเป็นการสร้างบารมี 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 12:08:02 )

คิดไม่ดีโดยไม่เจตนาเป็นกรรมจากอดีตหรือไม่

รายละเอียด

ใช่ สั่งสมมันโดยคุณไม่ได้เจตนา มันเป็นอัตโนมัติมันก็คิดไม่ดีอยู่นั่นแหละ เป็นกรรมที่คุณสั่งสมมา อย่าท้อแท้ ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไปแล้วจะก้าวหน้าเอง ก็มันไม่ดี แสดงว่า พลังปัญญาของคุณห้ามไม่ได้ มันเป็นความเคยชิน เจโตสั่งสมมา ก็ค่อยๆล้างมันไปใช้เวลาหน่อยมันจะค่อยๆได้ เมื่อเรามีเจตนาจะดับสิ่งเหล่านี้ พลังงานเจตนาจะสูงกว่า ที่่มันเกิดอย่างไม่เจตนานี้เราเอาพลังงานเจตนาไปดับสิ่งเหล่านี้ พากเพียรไป ใครไปทำให้คนมาใกล้ไปสั่งสมให้คุณ คุณเอง นั่นแหละสาธุสมน้ำหน้า เอาให้ชัด อย่าไปท้อแท้

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม บ้านราชธาณีอโศก วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:31:58 )

คิมจองอึนเป็นไปตามวิบาก

รายละเอียด

อย่างคิมจองอึน อายุ 36 เท่านั้น ตอนนี้ก็ดูว่าจะชักไม่ไหว อวัยวะ ตอนนี้ไม่ได้ข่าวคราวตกลงยังอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นวิบากของเขา คนพวกนี้เขาจะไม่เห็นคุณค่าชีวิตอยากจะฆ่าก็ฆ่า หากว่ามีภาวะอะไรที่จะเป็นปฏิปักษ์ก็ฆ่า เขาสั่งฆ่าพี่ชายได้เลยนะ พี่ชายอยู่มาเลเซีย เขาก็ส่งคนไปฆ่าเลย ซึ่งเขาไม่รู้เรื่องไม่เห็นว่า ขนาดคนด้วยกัน พี่น้องด้วยกันเขาจะเอาอำนาจบาตรใหญ่ จะต้องได้อำนาจยศศักดิ์อยู่อย่างนี้มันเกินกว่าให้พวกเราทำ แบบคิมจองอึน ไม่มีน้ำโหดแบบนั้น หากเขาไม่มีน้ำโหดแบบนั้นเขาก็ใหญ่อยู่ไม่ได้ เขาต้องแสดงบทบาทอย่างนั้นไม่งั้นจะถูกฆ่าไปแล้ว ถ้าไม่งั้นเขาใหญ่อยู่ไม่ได้ แล้วพวกนี้ไม่ต้องพยากรณ์บอกว่าจะอายุยืนหรอก เหตุปัจจัยมันชัดเจน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2563 ( 11:46:33 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:14:35 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:06:52 )

คิลานปัจจัย

รายละเอียด

ยารักษาโรค

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 226


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:04:25 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:58:17 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:07:10 )

คิลานปัจจัย

รายละเอียด

ยารักษาโรค


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 11:11:43 )

คีตะ

รายละเอียด

สุ้มเสียง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 17:10:25 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:15:29 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:07:29 )

คีตะ

รายละเอียด

1. การใช้สุ้มเสียง

2. สุ้มเสียงสำเนียง

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 98

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 45


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:05:01 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:59:04 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:08:31 )

คีตะ

รายละเอียด

คือ  สุ้มเสียงสำเนียง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันศุกร์ที่1 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:28:49 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:10 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:37:00 )

คีตะ

รายละเอียด

สุ้มเสียงสำเนียง ทำนอง ทั้งจากปากและเครื่องดนตรี

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 11:13:12 )

คุณ (กามคุณ)

รายละเอียด

ประการ , ส่วนผสม , กลุ่ม , หมู่ , กอง

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 407

 


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 07:05:35 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:59:37 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:09:23 )

คุณ รัฐพล เพิ่มทรัพย์ ตั้งข้อหาเป็นเทวทัต

รายละเอียด

ตั้งข้อหาว่าอาตมาเป็นเทวทัต ขอต้องได้ และอาตมาก็พูดอยู่แล้วว่าอาตมาไม่ได้เป็นศาสดา อาตมาเป็นโพธิสัตว์ จะไม่ขยายความมาก คุณรัฐพลควรศึกษาไปอีก บอกว่าอาตมาบารมียังไม่ถึง ความเป็นศาสดา ซึ่งอาตมาจะไปเป็นศาสดาก็เป็นศาสดาพระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละไม่เป็นศาสดาเทวนิยม 

คุณพูดมาใส่ความหาความอาตมาว่าอาตมาทำงานไปอิงการเมืองเพื่อจะได้ความยิ่งใหญ่ของลัทธิทานผัก พูดไป ท้าวความอีกอาตมาเข้าไปร่วมการเมืองมาตั้งแต่พ.ศ. 2549 อาตมาจำได้ ประมาณกรกฎาคม แล้วอาตมาก็นำประท้วงมา อาตมาอธิบายย้ำเลยว่าอาตมาคือนักประท้วงและอาตมาก็ใช้คำว่า Protest แล้วอาตมาไม่ได้พากันไปประท้วงแบบหมู่ประชาชนที่เขาใช้คำว่า ม็อบ ม็อบเป็นนักประท้วง นักรวนสังคม คำว่า ม็อบ กับ Protest ก็เป็นการประท้วงทั้งคู่ แต่คำว่าม็อบคือลักษณะของความวุ่นวายเดือดร้อนเสียหาย ส่วนลักษณะโปรเทสคือลักษณะชั้นดี ชั้นที่ทำงานอย่างถูกต้องมีครรลองคลองธรรม อย่างที่พวกเราเป็นชาวโปรเทส อาตมาก็ใช้คำว่า Neo-Protest  ในตอนที่ประท้วง อาตมาก็คิดเองภาษาว่า Neo-Protest คือเป็นการประท้วงแทนที่จะใช้คำว่าม็อบ อาตมาไม่ใช้ แต่มันเป็นการชุมนุมประท้วงเหมือนกัน 

ม็อบเขาใช้เรียกกันเยอะแล้ว เก่าไปแล้ว คำว่า Protest เราก็ยังไม่มี เดี๋ยวนี้ก็ยังเรียกม็อบกันอยู่ เขาก็ยังไม่ใช้ Protest แต่อาตมาใช้คำว่า Protest แล้วใช้คำว่า นีโอ ซึ่งเป็นการประท้วงแบบใหม่กลายเป็นไทยง่ายๆว่าประท้วงแบบใหม่ โดยนำคณะเข้าไป มีสมณะ ประชาชน เมื่อชาวอโศกเข้าไปร่วมไปตั้งเต็นท์ ไปยึดพื้นที่อยู่ในถนนอยู่ในสนามรบที่อยู่ในกลางกรุงเทพฯ ทำกันอยู่มีหลักฐานยืนยันทั้งภาพนิ่งวีดีโอ มีคณะมวลแล้วก็มีผลสำเร็จ ยืนยันได้ว่ามีผลสำเร็จเพราะว่า ประท้วงจนกระทั่งรัฐบาลต้องพ่ายแพ้หรือว่าต้องเลิก ต้องหยุด หายไปได้อย่างที่ยืนยันแล้ว 3-4 รัฐบาล 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #27 ตอบปัญหาให้ถึงสัมมาธิปไตย วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 สิงหาคม 2566 ( 19:03:34 )

คุณค่า

รายละเอียด

คือ ความดีที่นับขั้นนับชั้นสูงขึ้นไป

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:42:17 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:00:08 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:09:59 )

คุณค่าของกรรมและกาละ

รายละเอียด

ปัญญาจะแวะไปกายสักขีก่อนก็ได้ไม่ต้องแวะกายสักขีก็ได้ เหลาะแหละก็ได้ ไม่เหลาะแหละยิ่งเก่ง คุมจิตตนเองได้ มีวสวัตตี เป็นจิตที่มีอำนาจจริง จะทำให้เป็นอย่างไรก็ได้ แต่ไม่โง่พวกเท่าพวกเหลาะแหละ จิตเหลาะแหละก็แย่กว่าจิตจริง ที่เป็นประโยชน์สูงประหยัดสุด รู้จักคุณค่าของ กรรมและกาละ 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 10:39:57 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 12:48:18 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:10:24 )

คุณค่าของความสุภาพ สงบ สูงกว่าความรุนแรงโหดเหี้ยม

รายละเอียด

โลกีย์ก็พอรู้ว่า  โลภจัด โกรธจัด มันเป็นลักษณะซาดิสม์รุนแรง มันไม่ดีหรอก ลักษณะสุขุม คัมภีรภาพ มันดีกว่าเยอะ ก็ค่อยๆดูค่อยๆฝึกมา จนกระทั่งรู้ว่าคุณค่าของความสุภาพ สงบ สูงกว่าความรุนแรงโหดเหี้ยม เป็นทิศทาง 2 ทิศทาง ความเบา ความสุภาพเรียบร้อยได้คุณภาพที่ได้ขีดพอดี ถ้าหากเลยไปชักจะไม่ค่อยดี ยิ่งเลยไปมากแรงหนักจะไม่ดีเลย เข้าใจแล้วทั่วโลกทุกวันนี้ โดยปริยาย เข้าใจกันทั่วโลก เขาจะต้องแสวงหาว่าทำอย่างไรเราจะเบาลง วิธีเบาลงเขาก็พยายามที่จะสะกดจิตให้หยุด โดยการบังคับ มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเบื้องต้น คนก็ต้องทำ ตามบารมี ตามขั้นตอน คนจะมาทำอย่างโลกุตระแบบพุทธเลยไม่ได้ทันทีหรอก ก็ต้องมีตัวเชื่อม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:51:48 )

คุณค่าของชีวิตคืออะไร

รายละเอียด

คุณค่าของสิ่งมีชีวิต อยู่ที่ตอบไปแล้วอยู่ที่เราเกิดมาแล้วเราเองได้รู้จักดีรู้จักชั่วรู้จักคุณรู้จักโทษ อะไรที่เป็นความชั่วสิ่งที่เป็นโทษไม่ทำแล้ว ทำสิ่งที่ดีสิ่งที่ควร ตั้งแต่ความหยาบกายกรรม วจีกรรม จนถึงมโนกรรม ต้องทำให้ถึงตัวเหตุคือกิเลส ทำให้กิเลสตายได้ นั่นแหละคือสุดยอดสิ่งที่ประเสริฐของมนุษย์ที่ควรจะทำได้ มีแต่ศาสนาพุทธนี้ที่รู้จักกิเลส แล้วรู้จักมีวิธีทำให้กิเลสตาย ตายอย่างสนิทตายอย่างไม่ฟื้น ตายแล้วตายเลยนิรันดร นี่คือศาสนาพุทธทำได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:36:25 )

คุณค่าคุณสมบัติของคนในโลก

รายละเอียด

คือจิตคนรู้ว่าพฤติกรรมอย่างนี้ดี เพราะฉะนั้นที่ไหนก็จะมีคนอย่างนี้ อย่างที่มีคลิปเอาขนมปังใส่ในตะกร้าไว้ให้คนไม่มีกินเอาไปได้ อย่างนี้ ซึ่งมันเป็นคุณค่าคุณสมบัติของคนในโลก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:12:19 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:16:30 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:11:07 )

คุณค่าจริงของอาหารมีค่าสูงกว่าค่าของเงิน

รายละเอียด

มาเข้าสู่ความเป็นเศรษฐกิจอีกทีนึง เศรษฐกิจที่เขาไป เพ่งแค่รายได้ เอารายได้เป็นหลัก ไม่เอาความเป็นอยู่ของมนุษยชาติที่มีเครื่องอาศัยกิน รายได้ก็ไปเพ่งที่เงินอีก เอาเงินเป็นตัวตั้งเป็นหลัก เป้าหมายจะต้องพยายามให้มีเงินสะพัด ให้มีเงินมาที่เรามากๆ GDP ว่าอย่างนั้นเลยนะ มีทรัพย์สินที่เป็นองค์รวม gross ให้ได้มาก แล้วให้ได้มากคือ ต้องเอาเปรียบเอารัด คอยเอามาจากใครก็ได้ต่างประเทศหมดเลย เอามากๆมีแต่เจตนาลงไปในทางเปิด เปิดอะไร เปิดเอาจากของคนอื่น ไม่มาลดของตนเอง ไปเอามากจากของคนอื่นไม่มาลดของตนเอง ฟังความนี้ให้ชัดเจน 

ฉะนั้นไปเอาของคนอื่นมาให้มากโดยไม่ลดความตะกละของตนเอง ไม่จบ แต่ถ้ามันลดความตะกละของตนเองไปเรื่อยๆ ลดลงๆถึงขีดหนึ่งจะจบ ไปถึงขีดพออยู่พอกินจบแล้ว ฟังดีๆฟังอีกที เราไม่ไปตะกละให้มาก ให้รู้ว่าชีวิตมีอยู่เท่านี้ ชีวิตหนอพออยู่พอกิน เขตจบมันง่ายจังเลย เราจะพออยู่พอกินได้ เพราะเราไม่ไปหลงตะกละ ไม่ไปหลงรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไม่ไปลงความยั่วยวนของคนอื่น ที่บอกว่าไอ้นี่น่าอร่อย ไอ้นี่น่าเสพ ไอ้นี่น่าสนุกสนานไอ้นั่นไอ้นี่ ถ้าเราไม่เป็นอย่างนั้นเราจะตกต่ำไหม เราจะชั่วไหม ..ไม่ เราจะเสื่อมไหม ...ไม่ ... ทำไมฉลาดจัง 

เห็นไหมพวกเราก็มาหยุดแล้วไม่ไปบ้าอย่างนั้น เห็นไหมนี่ ก็เลยชัดเจน ใครให้คุณคิดอย่างนี้ ไม่ใช่ตัวคุณเองหรือ ตัวคุณเองให้คิดอย่างนี้ ตัวคุณเองเข้าใจอย่างนี้ตัวเองอิสรเสรี แต่เอาละ อาตมาแนะนำ อาตมาแนะนำแล้วคุณก็ไปพยายามเป็นตัวของตัวเอง อ้อ แล้วคุณก็หยุดเอง อิสระ สบายไหม สบาย จึงสงบ สบายจึงสงบ อบอุ่นไหม อบอุ่น อิ่มเอมไหม อิ่มเอม เกษมใสไหม เกษมใส แล้วใจเกื้อกูลบ้างหรือเปล่า ... ใจเกื้อกูล ครบสูตรเลย 

อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละอีกแถมให้อีกคำ ตกหล่นไป เขาก็เติมกัน อาตมาไม่ได้เขียนไว้เลยตกไป เพิ่มพูนเสียสละ ดี นี่ ชีวิตอย่างนี้ที่เราพูด มันก็ไม่ใช่ว่าพูดเล่นใช่ไหม มันเป็นความจริงที่เราเป็นไปได้กัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:14:23 )

คุณงามความดี

รายละเอียด

ความดีที่นิยมกัน

หนังสืออ้างอิง

“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:40:48 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:00:43 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:12:20 )

คุณจรรยา

รายละเอียด

คือ ความประพฤติดี

หนังสืออ้างอิง

“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 34


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:45:38 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:01:34 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:11:28 )

คุณจะเชื่อใคร

รายละเอียด

จะเสียงข้างมากข้างน้อยมันไม่สำคัญ อาตมาเคยถาม คนว่า ถ้าเผื่อว่า เนี่ย มวลประชาชน เขาบอกว่าอย่างนี้ แล้วพระพุทธเจ้าองค์เดียวท่านตรัสว่าอย่างนี้ คุณจะเชื่อประชาชนที่มวล ไม่ใช่น้อยหรอก เป็นแสนเป็นล้าน กับพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ยืนยันอย่างนี้ คุณจะเชื่อใคร อาตมาเคยถาม 

คนที่เขาศรัทธาพระพุทธเจ้า เขาก็บอกว่าเขาเชื่อพระพุทธเจ้า แต่คนที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า แน่นอน เขาก็เอาเสียงข้างมาก พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ปฏิเสธเสียงข้างมากนะ ในการบริหาร ในการจัดการกับสังคมหมู่ให้เกิดวิธีสงบระงับ อธิกรณสมถะ 7 ท่านก็มีข้อหนึ่งที่เป็น เยภุยยสิกาคือเสียงข้างมากเป็นประมาณ ตัดสินโดยการใช้เสียงข้างมากเป็นเครื่องตัดสิน วิธีการตัดสินความ 7 ประการของพระพุทธเจ้าสุดยอดแล้ว ครบ ในเรื่องของกฎหมาย ในเรื่องของกระทรวงยุติธรรม ผู้พิพากษาอะไรจะต้องเรียน อธิกรณสมถะ 7 สมบูรณ์แบบแล้ว ท่านประมวลเอาไว้ ซึ่งมีนัยยะซับซ้อนลึกซึ้ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 11:14:57 )

คุณจะเป็นพระอวโลกิเตศวรได้ไหม

รายละเอียด

สิ่งที่รู้ไม่ได้ สิ่งที่ไปรู้ไม่ได้ก็ไม่ต้องรู้ แต่รู้ว่าตัวเองดับทุกข์ดับสุขได้ทั้งหมด คุณจะรู้ทุกสิ่งที่คุณจะสามารถช่วยให้ผู้อยู่ก็อยู่อย่างเป็นสุข หรือสุขนั่นแหละลึกลงไปก็คือว่าง คุณจะเลิกสุขให้เป็นว่างเลย ศูนย์เลยทำได้ ปัญญาปันสุข ทำได้ ก็สามารถที่จะทำให้เกิดสมบูรณ์สูงสุด จะอยู่หรือจะไม่อยู่ จะมีหรือไม่มี จะศูนย์หรือหาที่สุดมิได้ Infinity คุณจะเป็นพระอวโลกิเตศวรได้ไหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:29:15 )

คุณจำลองศรีเมือง

รายละเอียด

วันนี้วันที่ 5 กรกฎาคม2563อาตมาก็ระลึกถึงคุณจำลองศรีเมือง เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2478 เกิดเมื่อ 85 ปีที่แล้ว วันนี้ก็เป็นวันที่อายุครบ 85 ปีเต็มขึ้น 86 ปี คุณจำลองอายุอ่อนกว่าอาตมา 1 ปี 1 เดือน คุณจำลองเกิด 5 กรกฎาคม 2478 อาตมาเกิด 5 มิถุนายน 2477 ก็มีคนบอกมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันอาสาฬหบูชา วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 10:12:05 )

คุณจำลองเป็นผู้ว่ากทม.ที่ไม่โกงกินเพราะถือศีล 8 ใช่หรือไม่

รายละเอียด

ถูกต้อง เพราะว่าถือศีลแล้วทำให้ลดกิเลสได้ด้วย ก็เลยเป็นคนที่มีศีลเป็นคนที่มีสมาธิ เป็นคนมีปัญญาเป็นคนมีวิมุต เป็นบารมีของคุณจำลอง เป็นคนจริงที่อยู่ในสังคมยุคนี้ที่เป็นตัวอย่างดีงาม ก็มีของดีอย่างนี้ คนที่มีดวงตามีปัญญารู้ก็จะรู้ว่าสิ่งนี้มีประโยชน์มีคุณค่าเป็นคนที่มีศีลธรรมที่แท้จริง

คนที่ไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้แสดงออกไม่ได้เรียนรู้เป็นปุถุชนก็ไปตามธรรมดา ก็เห็นไม่มีใครชัดเจนเด่นเหมือนคุณจำลองที่ยกเป็นตัวตนขึ้นมาได้ ไม่ว่ากี่ผู้ว่าก็เละ นานๆถ้ามีคนดีมาสักที ก็ทำไป โลกก็ต้องมีอย่างนี้แหละ ทุกวันนี้คุณจำลองก็ บอกว่าแก่แล้วปลดเกษียณตัวเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 สื่อธรรมะพ่อครู(การตาย) ตอน ทำอย่างไรจะหายกลัวตาย วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561 ที่ปฐมอโศก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:18:20 )

คุณจำลองเป็นโพธิสัตว์ระดับ 4 ครึ่ง 

รายละเอียด

คนต้องสร้างวิบากร่วมกันจึงไปด้วยกัน แต่ตอนนี้ขันธ์มันไม่ไหวก็ไม่เป็นไร อย่าไปตัดใจ ถ้าตัดใจ ไม่ถูก ส่วนร่างกายจะอยู่หรือไปก็ไม่เป็นไร ให้จิตใจเบิกบานร่าเริงอยู่กับลูกหลานนี่แหละ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้เขาเท่านั้นก็เหลือกินแล้ว คุณจำลองบารมีเรื่องร่มโพธิ์ร่มไทรของคุณจำลองมีเยอะกว่าอาตมา  คนชื่นชมคุณมากกว่าอาตมา เพราะอาตมามันปากจัดแต่คุณยังไม่คล่องเหมือนอาตมายังด่าเขาไม่เก่งเหมือนอาตมา คุณจะด่าเขายังไม่ชอบด่าเลย เป็นคนอย่างนั้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงหรอกคุณเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของเขา อยู่ไปเถอะ ถึงสังขารมันจะจบเมื่อไหร่ก็ช่างหัวมัน ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องสังขาร เรื่องทางวัตถุ เอาเรื่องนามธรรม ปล่อยไปเรื่อยๆ คุณจะไปตัดให้มันหยุด คุณยังไม่จบ คุณยังไม่ให้มันจบของตนเอง ไม่อยากจะพูดซ้อนไปอีก ไม่ใช่ว่าเอาอรหัตตผลคุณไม่มีหรืออรหันต์คุณไม่มี ไม่ใช่หรอก คุณเป็นโพธิสัตว์แล้ว โพธิสัตว์ระดับ 4 ครึ่ง เอ้า จริง .เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงหรอก อรหันต์ระดับ 4 ครึ่ง เป็นโพธิสัตว์ระดับ 4 ครึ่ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานี


เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2564 ( 16:05:54 )

คุณจำลองไม่ได้พาคนไปตาย

รายละเอียด

ที่จริงไม่ได้พาคนไปตาย คุณจำลองมีตัวคนเดียวแต่คนอื่นเห็นด้วยก็มาร่วม จะบอกว่าพาคนไปตายเพราะนำคนอื่นไปทำอันนั้นอันนี้ จริงๆแล้วมันเป็นกุศล ถ้าจะว่าไปแล้วดูรายละเอียดองค์ประกอบ คุณจำลองทำสิ่งที่ไม่ดีหรือทำสิ่งที่ดี คุณจำลองทำสิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ เป็นประโยชน์ที่จะต้องขับไล่ผู้ที่มาทำลายบ้านเมืองให้ฉิบหายวายป่วง เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่งแล้วก็ไปทำ จริงๆออกไปคนเดียวนะ นั่งสมาธิ แล้วก็มีคนฉลาดมานั่งด้วย แล้วก็มีใครต่อใครมาล้อมรอบ เชียร์กัน หนักเข้าก็เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เริ่มมีพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้ามมีคณะมีอะไรต่ออะไร รัฐบาลก็เลยเกิดโตขึ้นโตขึ้นอะไรต่ออะไรมีเหตุปัจจัยทั้งนั้น ไม่ต้องขยายความเยอะ เป็นเรื่องของโลกที่มันเป็นมาแล้วเอามาทำตัวอย่างเท่านั้นเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเจริญคือคนที่เสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 19:15:41 )

คุณต้องทำสัญชาตญาณของคุณ

รายละเอียด

แม้ว่าเราไม่มีเจตนา แต่มันเกิดโดยสัญชาตญาณ จิตใจของคุณมันไม่มีเจตนา แต่มันเป็นอย่างนั้นเอง มันก็ยังมีเจตนาที่ลึกที่สุด เป็นตัวเจตนาคือตัวที่ พุ่งไปจากจุดกลางของจิตจากอนุสัยออกไป มันต้องมีทิศทาง มันต้องมีเป้าหมาย เพราะฉะนั้นคุณฝึก แล้วก็จิตของคนมันเป็นกระแสที่เป็นเองไปทางชั่ว กับจิตของคนที่เป็นจิตตัวเดียวกันนี้ ฝึกไปในทางดี เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่รู้มัน มันก็ไปทางชั่วตามจิตของคุณไม่ได้ฝึก ใช่ไหม มันมีเจตนามันก็จะเกิดไปตามสัญชาตญาณเป็นตัวไปทางไม่ดี แต่ถ้าคุณฝึกจนกระทั่งรู้จิตต้นเลย ว่ามันจะไปทางไหน คุณก็รู้ทิศของที่มันเป็นไป เพราะฉะนั้นคุณจะต้องรู้จักเจตนาที่เป็นกรรม กรรมที่ควบคุมโดยเจตนา อันนี้แหละพระพุทธเจ้าท่านให้รู้ ผู้ที่ทำด้วยไม่มีเจตนาคือผู้หลง มันหลงมันเลอะ มันสุดวิสัย พระพุทธเจ้าถึงไม่ถือว่ากรรมที่ไม่มีเจตนานั้น ท่านไม่เอาผิดในกรรมนั้น แต่ว่ามีวิบากไหม มี ลึกซึ้งเห็นมั้ย คุณไม่มีเจตนาแต่คุณทำอกุศล คุณก็ได้รับของคุณ คุณก็ต้องได้รับ กัมมัสกะ กรรมเป็นของของตน คุณบอกว่าไม่มีเจตนาแต่เพราะว่าคุณต่างหากไม่มีความละเอียดพอที่จะรู้จักเจตนาของตนเองปล่อยให้สัญชาตญาณมันดิบ คุณก็ทำก็จะนานหรือสัญชาตญาณดิบของคุณ คุณต้องทำสัญชาตญาณของคุณให้อยู่ในความควบคุม จะปล่อยทิ้งก็ได้จะใช้ก็ได้ ไม่เสียหาย ดีด้วยสมบูรณ์ด้วย นี่คือรายละเอียด อาตมาใช้สื่อสภาวะด้วยพยัญชนะนี้เข้าใจดีไหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:19:47 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:01 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:11:59 )

คุณทักษิณมีข้อดีอะไรให้เอาเป็นแบบอย่างได้บ้าง

รายละเอียด

 อาตมาไม่ฉลาดพอเลยที่จะหาความดีของคุณทักษิณมาให้คุณ อาตมานึกออกอันนึง เขาเป็นคนรักครอบครัว ใช่ไหม หรือจะพูดให้ลึกให้ชัดก็คือ เขาเป็นคนเห็นแก่ครอบครัว จริงๆมันก็เลวคือเห็นแก่ครอบครัวเป็นหนักหนาสาหัส คนอื่นชิบหายตายโหงช่าง ครอบครัวกูได้ร่ำได้รวยได้มากอย่างเดียว มองในแง่ตื้นๆก็เหมือนความดี รักครอบครัว ก็เห็นเท่านี้ จริงๆอาตมาเห็นเท่านี้ทักษิณ แล้วความรักครอบครัวของเขานี่นะ มาขยายตัวออกไปว่า เขาเหมือนรักพรรคพวก จนพรรคพวกหลงรักเขา เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักพรรคพวก จนพรรคพวกหลงรักเขา ขอใช้คำว่า หลงรักเขา ไม่ขยายความต่อ เลยมีพวก มีหมู่ มีคณะไม่ใช่น้อย 

เพราะเขาเป็นผู้จบด็อกเตอร์มาทางอาชญวิทยา  มีเหลี่ยมคูทำให้คนยอมรับนับถือ โดยเอา ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มาเป็นเครื่องล่อ แล้วก็ขี้เหนียวอีกต่างหาก ล่อ โดยไม่ได้ให้นะ แค่ได้ล่อแล้วคนก็ติดเบ็ดมาจริง แล้วเขาก็ไม่ได้ให้ใคร สุดท้ายพรรคพวกที่ทำช่วยเขาก็ไปติดคุก เขาก็ซื้อเครื่องบินส่วนตัวขี่ร่อนไปทั่วโลก แม้แต่ที่สุดจะติดคุกก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องติดหรือไม่ติดทุกวันนี้ นี่ก็น่าสงสารประเทศไทยอย่างมากเลย อาตมาว่าจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวก็ได้ ถ้าเผื่อว่าข้าราชการให้อภิสิทธิ์แก่ทักษิณงวดนี้ อาจจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวก็ได้ ตอนนี้ก็เริ่มก่อหวอดประท้วงการให้อภิสิทธิ์แก่ทักษิณนี่ ก็ดูเถอะ แล้วมันยังเนื่องเกี่ยวกับเศรษฐา ซึ่งไม่ได้ขาดจากทักษิณเท่าไหร่ 

เพราะฉะนั้นถ้าเกิดการประท้วงคราวนี้ คุณเศรษฐาจะขาหักขาเป๋ไหม อาตมาก็มองเห็นอย่างนั้นอยู่ไรๆ ก็ไม่ขยายความ เดี๋ยวจะหาว่าอาตมาไปเพ่งโทษ ขอสรุปไว้ที่ว่า ถ้าคุณทักษิณดันทุรังจะใช้อภิสิทธิ์มากเกินไป จะกระทบมาถึงคุณเศรษฐาแน่ ก็ให้ไว้แค่นี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #38 เจาะลึกเทวทัตยุคดิจิตอลที่หาความเลวเพิ่มไม่ได้อีก วันนี้วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2566 ( 20:55:51 )

คุณทำได้จริง คุณก็เป็นได้จริง 

รายละเอียด

ถ้าไม่เข้าใจอันนี้ทำจิตให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ ก็ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ส่วนคนที่ยังสุขยังทุกข์อยู่นั้น คุณยังเป็นจิตนิยามที่เป็นอวิชชา ผู้ที่มีอวิชชา มีปัญญาแล้วจึงทำจิตให้เป็นพีชะได้ ไม่สุข ไม่ทุกข์ แต่ดีแน่คือไม่ทำชั่ว อันนั้นเป็นประเด็นโลกียะเท่านั้นทำก่อน ไม่ทำชั่วทำดีได้อย่างแข็งแรงถาวรด้วย ไม่ใช่ดีแล้วก็ตกต่ำ ไม่ ได้ดีเข้ากระแสดีอย่างมีปัญญา อวินิปาตธรรม นิยตะ เที่ยงแท้มีแต่จะไปสู่ที่สูงที่สุดอยู่ถ่ายเดียว ดีก็ดีเที่ยง เที่ยงแท้ และมีแต่สูงขึ้นไป ไม่วนเวียนเหมือนโลกียเทวนิยม เพราะรู้จักจิตเจตสิกรูปนิพพาน รู้จักถึงขั้น เหตุใดคือกิเลสฆ่ากิเลสจนดับหมดฤทธิ์ในจิต มันจึงไม่มีการวนเวียน สูงสุดจนไม่สุข ไม่ทุกข์ เมื่อไม่สุขไม่ทุกข์แล้ว ไม่ยึดในหมดเลย ทุกภพทุกชาติ จิตวิญญาณที่ยึดสุข ยึดทุกข์อยู่ เทวะ จึงไม่หมดภพ หมดชาติ

หรือ ไม่รู้จักภพชาติ ตายแล้วไปอยู่นิรันดร ไม่มีปรินิพพานเป็นปริโยสาน เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ของพุทธแล้ว รู้จักจิตสมบูรณ์แบบ รู้จักวิญญาณสมบูรณ์แบบ ว่าเป็นของตนสามารถรู้ความเป็นอนัตตาว่า มันสูญได้ มันเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมได้ พิสูจน์ตั้งแต่โลกอบายที่เรายังเกี่ยวข้องไปอยู่ แล้วโลกจิตวิญญาณก็เป็นโลกที่สมบูรณ์แบบเป็น พีชะเท่านั้น จะเจริญได้ก็เจริญอีกทำให้เจริญได้เพิ่มขึ้นโดยไม่มีวิบาก พืชพันธุ์ธัญญาหารพีชะไม่มีวิบากไม่สุขไม่ทุกข์ไม่มีวิบาก นี่คือประเด็นที่จะต้องอธิบายซ้ำซากอีกหลายที พวกเราจะเข้าใจดีเรื่อยๆแล้วก็ทำได้ นี่แหละคือการศึกษาให้เป็นอรหันต์ได้ ต้องเข้าใจแยกกาย แยกจิตได้ แล้วทำจิตในจิตอย่างชัดเจน ในจิตเจตสิกรูปนิพพาน คุณทำได้จริง คุณก็เป็นได้จริง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 ธันวาคม 2565 ( 12:49:23 )

คุณธรรม

รายละเอียด

คือ มีธรรมะที่เจริญในด้านดี ซึ่งทั้งด้านสมมุติและด้านปรมัตถ์

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:52:00 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:02:03 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:12:44 )

คุณธรรม 9 ชนิด

รายละเอียด

อาตมาเอาความถูกต้องมายืนยัน ก็มีพวกเรามีบารมี ฟังชัดเจนเข้าใจแล้วก็มารับได้ ก็เป็นของจริงเป็นมรรคเป็นผลของพวกเรา ถ้ามีปฏิภาณบ้างก็จะรู้ได้ว่า พวกนี้แปลกนะมันเป็นคนจน มาเป็นคนสาธารณโภคีได้ มาอยู่กันอย่าง โอ้โห ทำไมหลอกให้มาเชื่อมาหมดเนื้อหมดตัว แล้วก็ทำงานฟรี กินก็น้อยลง มีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย  (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ)  มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส  มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ)  ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 6  ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)  

ธูตะ คนไปเข้าใจว่า เป็นธุดงค์คือ บุกดง แต่ที่จริงคือ มีหลักเกณฑ์ที่สูงขึ้นเคร่งขึ้น นี่คือคุณธรรม 9 ชนิด เขาไม่พูดกัน เขาไม่รู้เรื่อง เรียนบาลี เรียนพยัญชนะมาก็ท่องได้เป็นนกแก้วนกขุนทอง ไม่รู้จักความเป็นจริงของจิต เจตสิก รูป นิพพาน เป็นพฤติกรรม อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของจิตแท้ๆ ไม่รู้จัก ก็เป็นอย่างนี้มันจึงเป็น ความเสื่อมที่แท้จริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาให้ถึงปัญญาวิมุติ วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566  แรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2566 ( 12:25:10 )

คุณธรรม4 ของโสดาบัน

รายละเอียด

อะไรที่มีคุณธรรม อย่างพระโสดาบัน มีจิตที่เข้ากระแส โสตาปันนะ อวินิปาตธรรม นิยตะ สัมโพธิปรายนะ ถ้ามีคุณธรรมถึงขั้นนิยตะขั้นที่ 3 เลย 50 ไปเป็น 75 เปอร์เซ็นต์แล้ว อยู่ในควอเตอร์ที่ 3 ขึ้นไปหา 4 แล้ว เพราะฉะนั้นโสดาบันที่มีคุณธรรมถึงขั้นนิยตะ เที่ยงแท้แน่นอนแล้ว คนนี้ไม่มีตกต่ำ อวินิปาตธรรม ระดับที่ 2 นี้ยังสามารถตกต่ำได้ แต่ยังไม่ตกร่วง แล้วหลายคนก็เป็นอย่างนี้ สกิทาคามี จะอยู่ตรงนี้นาน ขึ้นลงๆแต่ว่าไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา แต่ไม่ใช่ตกร่วงลงไป อาจจะไปถึงติดตีน หรือหัวของโสตาปันนะ เข้ากระแส แต่ถ้าหลุดไปเลยไม่เข้ากระแสก็ไม่มีคุณสมบัติของโสดาบัน เป็นการหลงตัวเอง ถ้าไม่หลงตัวเอง ผู้เข้ากระแสแล้วจะเข้าแล้วเข้าเลย มันได้แล้วเป็นแล้วมันหลุดออกไปไม่ได้ รู้แล้วจะบอกว่าตัวเองไม่รู้นั้น ไม่มีทาง เกิดอัญญธาตุ เกิดธาตุรู้ ก็ต้องเกิดแล้ว เป็นแล้ว อย่างอาตมา เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 แล้ว แล้วเกิดมาทำงานนี้ จะพูดให้ตายใครจะพูดอย่างไรอาตมาก็ไม่เป็นอื่นอย่างที่อาตมาเป็น จะเอาภาษาของคนอื่นมาเปลี่ยนอาตมาไม่ให้เป็นได้อย่างไร มันเปลี่ยนไม่ได้เพราะอาตมาเป็นแล้ว อยู่ใน จูฬวิยูหสูตร ท่านตรัสไว้ละเอียด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 09:58:03 )

คุณธรรมกับความรู้

รายละเอียด

คือเป็นกุศลทั้งนั้นที่เอามาเรียนกัน  ส่วนอันนี้เป็นนัยยะ สำคัญของกิริยาอาการอย่างไร  อาการ ปหานกิเลส

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:40:40 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:38 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:14:30 )

คุณธรรมการเลี้ยงน้องของพ่อครู เป็นอจินไตย

รายละเอียด

 ที่อาตมาต้องดูแลส่งเสียน้องๆนั้นเป็นกรรมเก่าของอาตมา อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาเป็น อจินไตย เป็นเรื่องที่มันต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน และ โดยเฉพาะอาตมาต้องมาทำหน้าที่นี้ในปางนี้ เป็น อจินไตย ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อาตมาต้องมาทำหน้าที่ต่างๆนานา ถ้าหากอาตมาไม่ทำหน้าที่นี้ มันก็ไม่มีตัวอย่าง ไม่มีอะไรที่จะแสดงให้เห็น โดยเฉพาะโพธิสัตว์ต้องมี แต่เป็นพระพุทธเจ้าแล้วไม่ต้องมี พระพุทธเจ้านั้นได้เกิดมาไม่เป็นพราหมณ์ผู้ใหญ่ก็ต้องเกิดเป็นกษัตริย์ ไม่ต้องไปเลี้ยงน้องอะไรที่ต้องมีคุณธรรมโลกีย์ เป็นตัวอย่างแก่โลกเขา 

อาตมา เลี้ยงน้องนุ่ง เพราะเป็นกำพร้า มีน้อง 6-7 คนก็ต้องส่งเสียให้เรียน การเลี้ยงลูกเราค่อยๆทยอยส่งเสียไปทีละขั้น ตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม แต่นี่น้องๆ อาตมาจบมาเขาก็เรียนมหาวิทยาลัยกันแล้ว ต้องส่งเรียนไปแล้วคนอยากไปเรียนเมืองนอกก็ต้องส่งไปเรียนเมืองนอก แล้วไม่ได้เป็นคนรวยเป็นคนมีหลักฐานอะไร แต่เป็นคนจน แสดงความสามารถจนเพื่อนฝูงนับถือ คนต่างๆก็เอ็นดูอาตมาหมด อาจารย์นิลวรรณ เป็นต้น การเลี้ยงน้องของอาตมาเป็นคุณงามความดี เป็นตัวอย่างของสังคมมนุษยชาติ ในวงการที่รู้จักกันดีเขาก็ศรัทธาเลื่อมใส ที่อาตมาเลี้ยงน้อง ยิ่งกว่าลูก เพราะว่าเลี้ยงลูกยังได้ตั้งหลัก แต่การเลี้ยงน้องไม่ได้ตั้งหลักเลย มันหนักมาก 

อาตมาเรียนยังไม่จบต้องเช่าบ้านแล้ว อยู่หอพัก พอจบก็เช่าบ้านไว้รอ ที่การเคหะฯ เราก็จองไว้ก่อนเลย ค่าเช่าเดือนละ 700 เมื่อออกมาสมัครงานได้เงินเดือน 750 สตาร์ทเงินเดือน 750 บาทแต่เงินค่าเช่าบ้าน 700 ต้องทำงานสอน ได้เงินได้ทองจากงานประพันธ์บ้าง จากอะไรต่างๆเอาทุกทางที่จะได้เงินสุจริต เขียนหนังสือด้วย สอนหนังสือ จนกระทั่งต้องซื้อมอเตอร์ไซค์ lambretta ไปขับ วันๆวิ่งทำงาน งานโทรทัศน์ก็ทำ งานสอนหนังสือก็ทำ บางทีหาเวลาจะกินข้าวได้ยาก แต่ก็ทำอย่าง เป็นไปได้ ผอมเลย จนกระทั่งเดี๋ยวนี้เลยผอม ไม่ขึ้นเลย 

ที่ถามมา หากว่าอาตมามีลูก อาตมาจะรีบพราก เอ๊ อาตมาพูดอย่างนั้นหรือ อาตมาพูดว่า ถ้ามีลูกมันจะพรากไม่ออกต่างหากละมั้ง ทำไมบอกว่าอาตมาจะรีบพราก มันจะพรากไม่ออก ขนาดน้องๆนุ่งๆยังขนาดนั้น ถ้ามีลูกก็คงจะไม่ได้มา เพราะฉะนั้นอาตมาจึงไม่นิยมจะแต่งงานมีลูกจึงได้รอดพ้นมาได้จากปากเหยี่ยวปากกา 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 9 พ่อครูพบ ญาติธรรมสันติอโศก วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2566 ( 19:30:34 )

คุณธรรมขั้นโลกุตระ

รายละเอียด

ยิ่งเป็นคุณธรรมขั้นโลกุตระยิ่งสุดยอด คุณธรรมโลกุตระนั้น รู้รอบ รู้จบ มีความจบกิจ กตํ กรณียํ นารํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ 

จบกิจ ในรอบของอบายมุข ปัญญามันสูงสุดจริงๆ เป็นรสชาติหรือเป็นวัตถุสมบัติที่เราไปได้ไปมีไปเป็น วัตถุก็ตาม ไม่ได้เสพรสชาติกับอบายมุขก็ตาม ปัญญารู้จักรู้แจ้งรู้จริงรู้จบ จบกิจเลย ไม่มีอบายมุขอีก ชาตินี้คุณก็ไม่มี ชาติหน้าคุณได้แล้วอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว คุณก็ไม่มีวันเวียนกลับ อสังกุปปัง อสังหิรัง อวิปริณามธัมมัง สัสตัง ธุวัง นิจจัง นี่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่มีปัญญาอย่างวิเศษ ข้ามชาติเลย ไม่ตกต่ำแม้แต่ชาติต่อๆไปอีก 

อย่าว่าแต่ชาติเดียวเลย นี่ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่อย่างนี้ ควบคุมได้ถึงการเกิดชาติหน้าชาติโน้น เทวนิยมเขาไม่รู้จักชาติต่อไปหรอก อย่างศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูเขารู้จักชาติต่อไปแต่เขาไม่สัมมาทิฏฐิ มันกลายเป็นความเที่ยง เป็นนิรันดรไป เพราะเขารู้ที่จบไม่ได้มันเป็นมิจฉาทิฏฐิเสียแล้ว ศาสนาพราหมณ์ก็ดี ฮินดูก็ดีหรือแม้แต่ศาสนาพุทธก็หลงไปเป็นฮินดู หลงไปเป็นเทวนิยมก็จบจิตไม่ได้ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไม่ได้ เพราะไม่รู้จักจิตเจตสิกไม่รู้จักนิพพาน 

ที่ไม่รู้ก็เพราะว่ามิจฉาทิฏฐิตั้งแต่ต้นเลย มิจฉาทิฏฐิต้นจริงๆก็คือ 1.ไม่รู้จักกาย 2.ไม่รู้ฌาน 3.ไม่รู้บุญ 4.ไม่รู้สมาธิ 5.ไม่รู้วิมุติ หรือนิโรธนิพพาน เป็น synonyme นิโรธ วิมุติ นิพพาน เป็นคำใช้แทนกันได้ แต่เขาไม่รู้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ปลุกธรรม #20 คนที่ไม่รู้จักกายคือคนพิการ วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 12 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 15:39:54 )

คุณธรรมคุณวิเศษเป็นคนที่ขัดเกลาตนเอง

รายละเอียด

มีคุณธรรมคุณวิเศษเหล่านั้นจริงๆ คุณมาเป็นคนเลี้ยงง่ายก็เป็นคุณวิเศษ มาเป็นคนบำรุงง่ายก็เป็นคนวิเศษ มาเป็นคนมักน้อยเป็นคนกล้าจนหรือคนมีสมบัติ 0 เลย  ก็เป็นคุณวิเศษ ใจมันพอ มันสันโดษ แล้วเป็นคนที่ขัดเกลาตนเอง สัลเลขะ ก็เป็นคนมีคุณวิเศษ คนไม่มีคุณวิเศษจะไม่ขัดเกลาตนเองหรอก มีแต่อยากใหญ่ อยากเบ่ง เหมือนทักษิณ ไม่ได้คิดจะขัดเกลาตัวเองเลย มีแต่ตะแบง ที่เข้าใจหาทางเลี่ยงได้ก็เอาแล้ว พ่นออกมา แล้วอันใดยังไม่มีคารมโวหารแย้งได้ก็เอาไว้ก่อน อันใดแย้งได้ก็เปิด club house กว่าแกจะรู้ตัวก็ยาก 

เราก็เป็นครูน้อยสุดฝึกได้เท่าที่เราเป็น ระดับ 8 จะขึ้นหรือยังก็ยังดูไปว่าไป เพราะฉะนั้นก็อยู่ที่สัจจะความจริงว่าเราเป็นได้ เป็นได้อย่างเป็นสัจธรรมอันนั้น เราขึ้นถึง เรามีคุณสมบัติ มีคุณธรรมอันนั้นอย่างแท้จริงหรือไม่ ถ้ามีจริงก็จริง ยังไม่จริงเราหลงก็หลง เราไม่หลงแล้วเราเป็นจริง แม้แต่ที่เราได้เป็นจริงแล้วเราไม่หลง เราได้แล้วเรามีความสูงแต่เราหลงว่ายังเตี้ยก็ดีกว่า แต่ที่เรายังเตี้ยเราก็หลงว่าเราสูงนั้นก็จะบ้าเอา 

เพราะฉะนั้นความจริงที่พิสูจน์อันนี้ก็เป็นสัจธรรมที่มนุษย์ ผู้แสวงหาในโลกจะต้องแสวงหานิพพาน ได้นิพพานแล้วคุณจะต่อยอดเป็นโพธิสัตว์ช่วยมนุษย์โลกอีก กตัญญูกตเวทีต่อธรรมะ ต่อศาสนาไป ก็ทำ ไม่ทำคุณก็ไม่เป็นไรหรอก ปรินิพพานได้คุณก็เอาตัวรอดไปคนเดียว แยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมได้คุณก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป ก็ไม่มีใครว่าอะไรใคร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 07:04:18 )

คุณธรรมชี้บ่ง ความประเสริฐของมนุษย์

รายละเอียด

คือในวรรณะ9 มีคำว่ากล้าจน นอกจากกล้าจน ยังบอกอีกย่างว่า อปจยะ ไม่สะสม เราจนแล้ว เราก็ไม่สะสม  มีมากมายเราก็ไม่สะสม  มาจน แต่เป็นศูนย์ได้  มีมากมายแต่กระจายไป  ไม่สะสมแล้วก็ยังขยันสร้างสรรค์  วิริยารัมภะ เป็นคนไม่ได้ดูดาย ไม่ได้ ขี้เกียจ ขี้คร้าน แต่ทำงาน แล้วกล้าจน หรือ อัปปิจฉะ  มีน้อยๆ  และทำให้เจริญได้ง่าย  สุโปสะ  ไม่ได้เป็นคนโง่เง่า  ว่านอนสอนยาก  แต่สอนได้ง่าย  และก็เข้าใจคนจน  ความจนไม่ใช่เรื่องน่าอาย  ความจนมันดี  เราโชว์ความจนประกาศความจน  เขาอวดอ้างความรวยแต่เราอวดความจน  จนอย่างเบิกบานสำราญ  จนไม่เป็นพิษภัยต่อสังคม  อย่างเป็นคนประโยชน์เพื่อเผื่อแผ่ผู้อื่นคนชนิดไหนที่มีคุณสมบัติอย่างที่ว่ามานี้  ก็เป็นคนประเสริฐ  เพราะฉะนั้น ไม่ได้เน้นที่เอาวัตถุเป็นเครื่องชี้บ่งความสำเร็จของมนุษย์  แต่เอาคุณธรรมความประเสริฐของมนุษย์มาเป็นเครื่องชี้บ่ง เพราะฉะนั้นการแก้จนในโลกนี้  เขาไม่เข้าใจที่ทฤษฏีของพระพุทธเจ้า เขาพยายามให้คนในประเทศรวย ไม่ให้ยากจน ให้ทุกคนรวย

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 14:37:21 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:53 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:19:28 )

คุณธรรมชี้บ่งความประเสริฐของมนุษย์

รายละเอียด

ในวรรณะ 9 มีคำว่า กล้าจน นอกจากกล้าจนยังบอกอีกอย่างว่า อปจยะ ไม่สะสม เราจนแล้วเราก็ไม่สะสม มีมากมายเราก็ไม่สะสมมาจนแต่เป็นศูนย์ได้ มีมากมายแต่กระจายไปไม่สะสมแล้วก็ยังขยันสร้างสรร วิริยารัมภะ เป็นคนไม่ได้ดูดาย ไม่ได้ขี้เกียจขี้คร้านแต่ทำงาน แล้วกล้าจน หรืออัปปิจฉะ มีน้อยๆ และทำให้เจริญได้ง่าย สุโปสะ ไม่ได้เป็นคนโง่เง่าว่านอนสอนยากแต่สอนได้ง่าย และก็เข้าใจคนจนความจน ความจนไม่ใช่เรื่องน่าอาย ความจนมันดี เราโชว์ความจน ประกาศความจน เขาอวดอ้างความรวยแต่เราอวดความจน จนอย่างเบิกบานสำราญ จนไม่เป็นพิษภัยต่อสังคม จนอย่างเป็นคนทำประโยชน์เพื่อเผื่อแผ่ผู้อื่น คนชนิดไหนที่มีคุณสมบัติอย่างที่ว่ามานี้ ก็เป็นคนประเสริฐ เพราะฉะนั้นไม่ได้เน้นที่เอาวัตถุเป็นเครื่องชี้บ่งความสำเร็จของมนุษย์ แต่เอาคุณธรรมความประเสริฐของมนุษย์มาเป็นเครื่องชี้บ่ง เพราะฉะนั้นการแก้จนในโลกนี้ เขาไม่เข้าใจที่ทฤษฎีของพระพุทธเจ้า เขาพยายามให้คนในประเทศรวยไม่ให้ยากจน ให้ทุกคนรวย หรือว่าจะแก้จนคือให้ทุกคน

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 10:14:35 )

คุณธรรมที่จะเกิดมาตามจิตคุณธรรม

รายละเอียด

ถ้าเราไม่รู้กายเบื้องต้นตั้งแต่ สักกายทิฏฐิ และปฏิบัติเป็นโพธิปักขิยธรรม 37 ตั้งแต่สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 จนเกิดอินทรีย์ 5 พละ 5 แล้วเกิดโพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 มันจะไล่เรียงมาเป็นคุณธรรมที่จะเกิดมาตามจิตคุณธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ แล้วจึงจะตรวจสอบด้วยวิญญาณฐิติ 7 คือกายกับสัญญา กาย คือสภาพ 2 ของทุกอย่างคือนามรูป แล้วก็สรุปได้ ตั้งแต่ 

วิญญาณฐิติ ข้อที่ 1 รู้ภูมิของคนที่อยากเป็นสัตว์นรกเป็นเทวดา จิตวิญญาณของเขาอยู่ในสภาพสภาวะเหล่านั้น หรือเราเคยเป็นมาแล้วก็จะรู้ได้จากรูปนาม จากกาย จาก ตากระทบรูปแล้วก็เกิดจิต ที่จิตมันเป็นสัตว์นรก จิตมันเป็นเทวดา จิตมันเป็นมนุษย์ นี่คือ วิญญาณฐิติข้อที่ 1 ที่เรียกว่า กายต่างกัน สัญญาต่างกัน 

มีกายต่างกันสัญญาต่างกัน หมายความว่า คนที่ไม่รู้เรื่องมันก็ต่างคิดต่างไป องค์ประชุมของกายมันก็ต่างคนต่างเป็น มันไม่รู้เรื่อง สัญญาก็ต่างคนต่างเป็น ต่างคนต่างไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นจะเป็นสัตว์นรก จะเป็นเทวดา จะเป็นมนุษย์ มันก็สมมุติไปตามภพชาติของตนเอง แต่คุยกันรู้เรื่องนะ มันเป็นนิรมาณกาย มันเป็นกายที่เนรมิตเอง เสร็จแล้วก็สัมโภคกาย ก็เอาความเป็น 2 กาย มาพูดกันบ๊งเบ๊ง ทำเป็นรู้ร่วมกันเป็นสัมโภคกาย แต่ทั้งหมดเป็นพวกตาบอดคือ

อทิสมาณกายคือไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ ไม่รู้เรื่องไม่มี ไม่เห็นอะไรหรอก เขาเรียกตาบอดตาใส ใครก็นึกว่าเขาเห็นเพราะเขาตาใส แต่เขามองไม่เห็นนะ นิรมาณกาย ผู้รู้ท่านบัญญัติพยัญชนะเอาไว้แล้วก็มารู้สภาวะ ไม่ต้องไปเป็นตัวเป็นตนเป็นโน่นเป็นนี่อะไรก็ไม่รู้ จริงๆแล้วถ้าเข้าใจ กาย มีสัมผัสภายนอกภายใน ปัจจุบันธรรม เป็นทิฏฐธรรม เป็นปัจจุบันชาติเป็นของจริง ถ้าคุณไม่มีสัมผัสตาหูจมูกลิ้นกาย มันไม่มีฐานไม่มีที่ตั้งของความเป็นจริง ตากระทบรูป มันจะเป็นสัตว์นรกหรือเป็นเทวดาหรือเป็นมนุษย์ เป็นวิญญาณฐีติข้อที่ 1 มันก็มีจริงเป็นจริงคุณต้องสัมผัสมัน แล้วจิตวิญญาณมันเป็นอย่างนั้น จิตวิญญาณเป็นสัตว์นรก เราก็รู้ของเรา เราเคยผ่านมา เราก็ตรวจสอบได้ เราเคยเป็นสัตว์นรกมาแล้ว

ไปหลงเทวดา เราก็รู้ว่าจิตเราเป็นเทวดา เป็นเทวดาสมมุติหรือเทวดาอุบัติเหตุ หรือเป็นเทวดาวิสุทธิเทพ คุณจะรู้ได้เพราะมันผ่านมาทุกคนขั้นตอนต่างๆเริ่มตั้งแต่มีวิญญาณฐีติข้อที่ 2 เป็นปฐมฌาน เขาหลับตา เขาก็ได้ปฐมฌานคือไม่มีนิวรณ์ 5 จึงเรียกว่า กายต่างกัน สัญญาอย่างเดียวกัน คือกำหนดหมายเหมือนกันว่าไม่มีนิวรณ์ 5 แต่คนหนึ่งหลับตา คนหนึ่งลืมตา เลยมีกายต่างกัน แต่ สัญญากำหนดหมายนั้นไม่มีนิวรณ์ 5 เขาทำได้ แต่เขานั่งหลับตาไม่มีนิวรณ์  ก็ถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิ สัมมาทิฏฐิลืมตาก็ไม่มีนิวรณ์ 5 ลืมตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกได้รับกลิ่น ลิ้นกระทบรส แต่ทำให้จิตไม่มีนิวรณ์ 5 ได้ มันจึงต่างกัน 

ความไม่มีนิวรณ์ 5 นี้แม้คุณทำได้ถาวรก็ต้องทำอีก ทำจนได้แข็งแรงถาวรมั่นคงตั้งมั่นอย่างนี้เป็นต้น แม้อันที่ 3 เป็นอาภัสรา เป็นเทวดาอาภัสรา ผู้หิวแสง แสงสว่าง หรือพวก ปฏิบัติแบบสว่าง กับอันที่ 4 กายอย่างเดียวกัน สัญญาอย่างเดียวกันเป็น สุภกิณหา เป็นพวกมืด ยินดีในความมืด น่าได้ น่ามี น่าเป็นในความมืด แต่พวกมิจฉาทิฏฐิก็ไปยินดี ในความมืดแบบมิจฉาทิฐิ กิณหา ความดำความมืด 

แต่ผู้ที่สัมมาทิฏฐิแล้วรู้จักความดำความมืดอย่างถูกต้อง  หลับตาแล้วมันก็ดำมืด ถ้าอยากได้ความมืด คุณก็หลับตาลง หลับตาลงผู้ที่เป็นพระอรหันต์แล้วหลับตาแล้วก็มืด ลืมตาก็สว่าง แต่คนยังมี อุปาทาน หลับตาแล้วมันจะไม่มืด มันจะมีแสงสีเขียวสีแดง สีสว่างวูบวาบอะไรต่างๆ อยู่ข้างใน ไม่ได้อยู่ในตาหรอก แต่มันอยู่ข้างในเป็น อุปาทาน

เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่มีอุปาทานแล้วหลับตา มันก็หลับตามืดๆลืมตามันก็สว่างอรหันต์ขึ้นไปอย่างนี้เป็นต้น แต่พวกที่เขานั่งหลับตาสมาธิ เขาจะมีการเห็นแสง สีเขียว สีแดง สีน้ำเงินอาตมาก็ผ่านมาทั้งนั้น แต่ก่อนไม่เข้าใจ แล้วก็ขยายแสงเล่นแสง แสงใกล้แสงไกลไป เป็นสมมุติทั้งนั้นเป็นอุปาทานทั้งนั้น ยังงมงายกันอยู่ในพวกนี้มีเยอะ ลมหายใจเข้าออกต้องเป็น 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 9 พ่อครูพบ ญาติธรรมสันติอโศก วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2566 ( 12:25:24 )

คุณธรรมที่ต่ำลงของอเมริกา

รายละเอียด

นี่มันซับซ้อนลึกซึ้ง ยิ่งเกรงใจกันไป เป็นเรื่องสังคมศาสตร์ที่ลึกซึ้ง อย่าว่าแต่เรื่องเศรษฐศาสตร์เลย เป็นสังคมศาสตร์ที่ลึกซึ้งซับซ้อนแนบเนียนมาก เป็นเรื่องของคุณธรรม 

ที่ยกตัวอย่างไปแล้ว คุณธรรมที่ส่อแสดง เช่น อเมริกาไม่เชิญไทยไปร่วมประชุม ส่อแสดงจิตที่ต่ำลงของอเมริกา มันไม่รู้คุณค่า หรือ มันรู้คุณค่าว่า เอาประเทศไทยมาก็ไม่ได้ประโยชน์ เพราะเขาเป็นนายทุนสามานย์จัดจ้าน เลยคิดว่าเอาประเทศไทยมาก็ไม่ได้ประโยชน์ จะเป็นการถ่วงหรือขัด ไม่เอามาก็ดีแล้ว เราก็ยิ่งดี อาตมาว่า ไม่เห็นต้องไปง้องอนอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:38:14 )

คุณธรรมที่เป็นธรรมาวุธปราบความเลวร้ายได้สำเร็จ

รายละเอียด

อาตมาพูดนี้ หลายคนก็เห็นว่า พูดเอาดี ทวงบุญคุณกันเรื่อย แต่อาตมาไม่ได้มีความคิดอย่างนั้น เพียงอยากให้คนเข้าใจเพียงว่า นี่คือสุดยอดพฤติกรรมของมนุษยชาติ และมี “ความจริง”เป็นอิทธิฤทธิ์มีอำนาจร่วมด้วยกับความสงบนั้นเพียงพอเป็นธรรมาวุธ ไม่เช่นนั้นไม่มีอะไรไปสู้กับเขาได้ 

มันเป็นความลึกซึ้งที่คนเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ มีอะไรไปสู้เขามือเปล่าๆ เอาความจริง ความถูกต้อง ความดีงาม ความอดทน ซึ่งเป็นคุณธรรมทั้งนั้นเลย เป็นธรรมาวุธ เอาไปปราบความเลวร้าย ไปปราบความไม่เหมาะควรไม่ดีงามได้สำเร็จ แล้วเกิดความสงบ 

สงบตั้งแต่เราไปต่อสู้ก็ต้องสู้ด้วยความสงบ ไม่ให้เกิดความรุนแรงตลอดเวลา แม้แต่ความรุนแรงอย่างหยาบเท่าที่มันจะหยาบจนกระทั่งความรุนแรงขั้นกลาง จนถึงขั้นเล็กน้อย แล้วเราก็ทำให้สงบลงตัวได้ แต่ไม่ใช่คนอยู่นิ่งๆนั่งสงบเฉยๆ พาซื่อเฉยๆไม่ใช่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:05:15 )

คุณธรรมที่เป็นลักษณะเป็นอาริยะ 4

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเมื่อมีคุณธรรมที่เป็นลักษณะเป็นอาริยะ 4 จนกระทั่งมีอรหันต์จริง มันจะยืนยันความอบอุ่นของสังคมนี้ นอกจากอบอุ่นแล้ว จะอุดมสมบูรณ์ อิ่มเอม อยู่กันอย่างสบาย อยู่กันอย่างพออยู่พอกิน คำว่า พออยู่พอกิน นี้ลึกซึ้ง ที่จริงเรามีเหลือมีเกินด้วย มันพอแล้วเรามีเหลือมีเกินด้วย  แต่เราเอาแค่พออยู่พอกิน นอกนั้น มีเหลือ เราไม่ได้เอาไปซื้อขายแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างความร่ำรวย เพื่อสร้างความได้เปรียบมามาก ไม่ทำ เป็นความซับซ้อน ซึ่งพวกนี้ พออยู่พอกิน ที่เหลือนั้นสะพัดสู่สังคม จำเป็นต้องขายบ้าง ก็ขายให้ถูกที่สุดเท่าที่จะถูกได้ ซึ่งพวกนี้อธิบายแล้วปฏิบัติจริงมาหมดแล้วล่ะชาวอโศก ทำแล้ว ถ้าผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาก็จะเห็นจะรู้ความจริง นี่ไม่ใช่พูดเอาโก้ แต่พูดความจริง 

เพราะฉะนั้นจึงสบายใจที่สุดเพราะว่าเราไม่ได้เป็นหนี้ ถ้าพูดไปแล้วเรามีบุญคุณต่อคนอื่นด้วย แต่เราไม่ยึดบุญคุณนั้นมาเป็นของเรา ซ้อนเข้าไปอีก ลึกซึ้งซับซ้อนเข้าไปอีก ไม่ไปยึดติดบุญติดคุณต่อใครเขา เราทำแล้วก็แล้วไป  จบในตัว สาเปกโขไม่มี ให้แล้วก็ให้เลย ไม่ต้องคิดมีพลังงานเชื่อมต่อไปเป็น สาเปกโข 

ทานที่ให้แล้วเราจะต้องหวังได้การตอบแทนจากการทานหรือการให้ เราได้ให้อันนี้กับเขาแล้วราก็ยังจะเชื่อว่าคนเขาจะมาตอบแทน มากตัญญูกตเวที มาให้อะไรเราตอบ เราไม่ต้อง เพราะเราพึ่งตนเองได้แล้วเหลือเฟือเกื้อกูลผู้อื่นด้วย มันมีความมั่นใจ มันมีความจริงแท้ๆ ซึ่งทำให้ไม่มีความหวั่นไหว จิตมันไม่เคลื่อนเลย ทั้งปัญญาทั้งความเป็นจริงของเจโต มันเห็นความจริงครบสมบูรณ์แบบแล้ว 

ฉะนั้นจึงเป็นความเป็นอยู่ที่ อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล อยู่กันอย่างอิ่มเอม เกษม ก็ไม่รู้จะแปลว่าอะไร มันสงบสุดยอด มันสูงสุดยอด เป็นมงคล 38 ข้อที่ 38 เลย อโศกัง วิรชัง เขมัง(เกษม) ตัวสุดท้ายเลยสุดยอด สงบ อบอุ่น อิ่มเอม สุดยอดความสบาย สุดยอดความอิสระ สุดยอดครบเลยทั้ง 7 คำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2566 ( 13:09:25 )

คุณธรรมนี้เป็นอรหันต์

รายละเอียด

เราติดใจที่คุณธรรม คุณธรรมของเราอัตภาพเรา เราทำได้แค่ใด เราทำได้เจริญไปถึงขั้นสูงขั้นสุด และคุณจะถึงขั้นเป็นอรหันต์ เมื่อเป็นอรหันต์แล้วคุณจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน เป็นพระอรหันต์มีสิทธิมีความรู้ที่จะตายแล้วแยกธาตุอัตภาพเป็นอุตุดินน้ำไฟลมได้เลย คุณจะตายอย่างนั้นไหมเท่านั้นเอง ถ้าคุณตายอย่างนั้น คุณจะไม่เกิดอีกก็ได้ ก็มีพระอรหันต์ไม่น้อยที่เห็นทุกข์แล้วก็ไม่ยินดีที่จะสืบสาน ไม่ยินดีจะทำอะไรต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นชีวิตที่เกิดเป็นอรหันต์แล้ว กว่าจะตาย ก็มีชีวิต ถ้ายิ่งไม่ตั้งจิตที่จะมีชีวิตต่อไป ในภูมิธรรมของพระอรหันต์ก็จะมีกตัญญูกตเวทิตา ศาสนาพระพุทธเจ้าก็จะขยันหมั่นเพียรทำงานสร้างสรรค์ให้แก่โลกแล้วตายก็ไม่ตั้งจิตต่อ ตายแบบปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลย ก็เป็นสิทธิของท่านผู้นั้นเป็นได้ ส่วนผู้ที่อยากจะศึกษาต่อควรจะกตัญญูกตเวทิตาต่อ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ความทุกข์มันก็ไม่มีแล้วมันก็ลดลง ทำได้แล้วเป็นได้แล้ว ทำได้แล้วอยู่ก็อยู่ไปสิ ทำงานช่วยไปตายเมื่อไหร่ก็ได้ ตายไปแล้วก็เลิกก็สูญสลายอัตภาพธาตุของเราไปเลยได้ จบไปแล้วไม่มีเหลือก็ไม่เกิดอัตภาพนั้นอีกไม่อยู่ที่ไหนอีกแล้ว อย่างนี้เป็นต้น เขาก็จะรู้ว่าควรจะเลิกหรือไม่ หรือเขาจะไม่เลิก เพราะฉะนั้นอาตมาจึงได้เคยพูดไว้ว่าพระอรหันต์ ผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์จริงแล้วถ้าไม่มีวิบากอะไรพอที่จะต้องตาย ไม่ใช่วิบากหรอกมันมีจิตที่จะต้องเอาแต่ตัวเอง ไม่เอาแล้วตายแล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานดีกว่า ผู้นั้นก็จะไม่ตายเป็นชาตินั้นชาติสุดท้ายเลยทันที ของอรหันต์แต่ละองค์ จะรู้สึกว่ามันก็น่าจะกตัญญูกตเวที แล้วอรหันต์ท่านจะรู้ว่าท่านเกิดอีกแล้วท่านจะเหลืออะไรที่ควรจะเกิด เกิดมานี่ท่านควรจะเกิด เกิดมาแล้วท่านจะมีอะไรที่ชูใจให้มาเกิดนอกจากกตัญญูกตเวทิตาแล้ว จะได้รู้โลกที่มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอีกมีการปรุงแต่งอีกหลากหลาย ก็จะรู้ว่าเราเกิดมาในชีวิตนี้เป็นพระอรหันต์จะตายสูญได้แล้ว เราก็เจอแค่นี้แหละ คนอื่นเขาเจออีกไม่รู้กี่กระบวนท่า มันก็จะเป็นไป เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องคิดดีกว่า ถึงเวลาแล้วเราก็จะรู้ภาวะที่อาตมาพูดนี้เอง เพราะอาตมาผ่านมาแล้ว เป็นอรหันต์มาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติแล้ว คุณก็จะรู้เอง อาตมาพูดได้เพราะอาตมาเคยเกิดเคยผ่านเป็นมาแล้วก็เอามาพูดให้ฟัง จะเข้าใจได้หรือเข้าใจไม่ได้แค่ไหนก็ลองดู เราจะรู้จักจัดสรรอัตภาพของแต่ละคน ตามวิบาก กัมมังสัตเตวิภัชติ กรรมจำแนกสัตว์ กัมมุนาวัตตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมของตัวเอง กัมมโยนิ กรรมพาเกิดพาเป็นไป 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:42:45 )

คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ

รายละเอียด

สรุปแล้วคนชั่วช้าสามานย์ที่โง่ได้ที่ โง่ได้ระดับ ก็ไปมัวแต่สร้างอาวุธยุทธภัณฑ์ป้องกันตัวอยู่ จริงที่ว่าในโลกนี้มีคนร้ายๆแรงๆสร้างอาวุธมาทำร้ายกัน เขาก็สร้างอาวุธมาป้องกันดูบ้าง แต่ถ้าเผื่อว่าเราเป็นคนเชื่อในคุณธรรม คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ

คุณธรรมนี่แหละสามารถที่จะไปรบกับอาวุธ คุณธรรมสามารถที่จะไปสู้กับอาวุธ อาวุธจะเกิดประสิทธิภาพ อาวุธจะมีฤทธิ์ได้ ก็เพราะคนเป็นคนกำกับ กำหนด เป็นคนใช้อาวุธ อาวุธบางอย่าง อาจจะตั้งเวลา ใช้จริงๆมันก็อาจจะไม่แม่น ไม่ตรง ไม่สมบูรณ์ได้เท่ากับคน 

เพราะฉะนั้นประสิทธิภาพของธาตุที่ไม่ใช่ชีวะ มันสู้ธาตุชีวะไม่ได้หรอก ชีวะป้องกันได้ แต่ธาตุที่ไม่ใช่ชีวะมันป้องกันตัวเองสู้ธาตุที่มีชีวะไม่ได้ โดยเฉพาะคน มีไหวพริบ มีความรู้ทัน รู้ทันในสิ่งนั้นสิ่งนี้ ป้องกันตัวหรือหลีกหนีได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:18:05 )

คุณธรรมระดับพระโสดาบัน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเราได้ฝึกตั้งแต่คุณธรรมระดับพระโสดาบันเข้ากระแสแล้ว

โสตาปันนะ อวินิปาตธรรม นิยต สัมโพธิปรายนะ 4 ขั้น 

เข้ากระแสคือจิตเข้ากระแสโลกุตระ

ทำกิเลสออกไปเรื่อยๆจนถึงขั้น อวินิปาตะ คือได้แล้วไม่ตกต่ำ 

พระโสดาบันเข้ากระแสแต่เผลอก็ตกต่ำได้อีก บางทีมี 7 ชาติอะไรอย่างนี้

หมุนเวียนกว่าจะกลับมาได้ เพราะฉะนั้นต้องดูอาการพวกนี้จริงๆและประมาทไม่ได้ 

อวินิปาตธรรมผ่านแล้วไปสู่นิยต เที่ยงแท้แน่นอนเลย 50 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว

ไปหา 75% เลยจาก 75% ไปก็ถือว่าเป็น สัมโพธิปรายนะ ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา

ไปสู่ที่สูงที่สุด หรือ แม้แต่ผู้ที่สูงแล้วอนุโลมมาอย่างเป็นโพธิสัตว์

ก็จะต้องระมัดระวังพวกนี้ แล้วมันก็จะเป็นพวกนี้แหละค่อยๆชำนาญ ค่อยๆเก่ง ค่อยๆมีจิต

ยังจิต ให้เป็นไปในอำนาจขึ้นไปเรื่อยๆได้ ก็จะเจริญไปตามลำดับ เอาประมาณนี้ก็แล้วกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 03:48:32 )

คุณธรรมอันวิเศษของพระอรหันต์

รายละเอียด

คุณสมบัติคุณธรรมอันวิเศษของพระอรหันต์ ต้องตรงตามบัญญัติที่ว่านี้ เมื่อตรงตามบัญญัติที่ว่านี้ก็ต้องใช่สิ ตรงตามบัญญัติที่พระพุทธเจ้าท่านกำหนดไว้หมดแล้วก็ต้องใช่สิเป็นอรหันต์ ก็ต้องพิสูจน์กันว่าตรงตามบัญญัติพระพุทธเจ้าหรือเปล่าอาตมาพาทำนี้ นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)เขาก็พยายามล้มล้างด้วยะ แต่ก็ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีแล้ว เป็นสิ่งที่มีคุณค่าเขาจะไปล้มล้างทำไม เขาก็เอาพลังงานไปสร้างอะไรของเขาดีกว่ามาเสียแคลอรี่อะไรกับเรา พวกเรานี้ก็จะยืนยาวไป เหลือแต่ว่าพวกคุณเจริญให้ได้กว่านี้ ใครยังมีความเจริญได้เพิ่มอีกหรือเปล่ายังมีอีกไหมความเจริญที่จะทำให้แก่ตัวเองมีไหม ...ยังมีอีกอยู่ แม้อาตมาก็ยังมีความเจริญที่ต้องทำให้แก่ตัวเองเพิ่มได้อีกๆ อาตมายังไม่ถึงเป็นพระพุทธเจ้า ยังมีอีกที่จะเจริญขึ้นไปเรื่อยๆ มันไม่ได้เป็นคนโง่งมงายอะไรมันชัดเจนจริงๆ เพราะฉะนั้นอาตมาไม่มีปัญหา 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:52:14 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:57 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:13:12 )

คุณธรรมโลกียะกับโลกุตระ

รายละเอียด

บริหารหรือจะศึกษาให้มีคุณธรรมคำว่าคุณธรรมคำนี้ คุณธรรมโลกียะ กับคุณธรรมโลกุตระ อันนี้แหละเป็นเรื่องที่จะต้องเรียนรู้กันอย่างดี แยกโลกียะ แยกโลกุตระให้ได้ เป็นธรรมะ 2 คู่สำคัญตั้งแต่ต้น-จนจบของพระพุทธศาสนา โลกีย์มีแต่ดีกับชั่วเป็นคู่ 2 แล้วก็วนไม่มีจบไม่มีสูญ ไม่มีปรินิพพานไม่มีนิพพานวน แล้วก็บอกให้ไปอยู่กับพระเจ้าและพระเจ้าอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้พระเจ้าแต่ละองค์ก็สอนของท่านไปแต่ละองค์ ไม่ได้มีที่อยู่หรอกวนเวียนอยู่กับกรรมทั้งนั้น เพราะเทวนิยมไม่รู้จักกรรมรู้จักกรรมก็ไม่บริบูรณ์ รู้อย่างสับสนวนเวียนต้องมาเรียงลำดับรู้กรรมของศาสนาพุทธ โลกุตระ เป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์ 

ความมหัศจรรย์ 8 ประการ วันหนึ่งก็จะเอามาอธิบายให้ฟังดีๆ แต่มันเป็นเรื่องที่ยังไม่ต้องรู้ก่อนก็ได้ มันน่าอัศจรรย์แน่แต่รู้ทีหลังก็ได้ ขยายความให้ดีในปหาราทสูตร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ การศึกษาที่ไม่ลดกิเลสกู้ประเทศไม่ได้ วันพุธที่ 6 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 12:23:41 )

คุณธรรมโลกุตระทวนกระแสโลกทางโลกียะอย่างไร

รายละเอียด

ชาติรัฐผ่านกฎระเบียบคุณธรรมต่างๆ ชาติรัฐก็ต้องมีพฤติกรรมของความดีงามถูกต้อง ยิ่งถูกต้องเป็นโลกุตระ

จนกระทั่งถึงความรู้โดยเฉพาะความรู้ทางธรรม ความรู้ทางธรรมจะว่าไปแล้วครอบคลุมหมด เพราะว่ามนุษย์ศึกษาธรรมะได้สูงสุดถึงโลกุตรธรรม โลกทางโลกียะเขาก็มีคุณธรรมเหมือนกันเป็นคุณธรรมที่เป็นคุณงามความดีแท้ตามสมมติสัจจะ โลกุตระก็ต้องมีความดีความงามอย่างที่โลกก็มีด้วย แต่มันทวนกระแสกับโลก คือดีแต่ไม่ยึดดี ไม่เอาดีเป็นเราเป็นของเรา ทำแต่ทิ้งแล้วไม่ต้องยึด เป็นเราเป็นของเรา 

อธิบายเป็นภาษาสั้นๆแต่ซับซ้อนลึกซึ้ง ทิ้งโดยไม่ต้องอาศัยนะ อาศัย แต่ต้องทิ้งอย่ายึดถือเป็นเราเป็นของเรา ซ้อนอยู่ในสภาวะ มันลึกซึ้งในละเอียดปรมัตถ์ อาศัย แต่ไม่ยึดเป็นเรา ไม่เอาไม่มี ไม่มี แต่มีดีไหม ดีๆๆ แข็งแรงถาวรด้วย แต่ไม่ติดอยู่ที่ตัวเราเลย ทำ แต่ไม่ยึดไม่มีไม่เป็นไม่เอา

พยัญชนะภาษาพูดได้แค่นี้ประมาณนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:14:59 )

คุณนกเขาและคุณตู่มาแสดงถึงความกล้าหาญอย่างมาก

รายละเอียด

ก็เป็นนิมิตหมายที่ดี ดีใจ ที่คุณนกเขา นิติธรและคุณตู่มา ก็ดี เป็นนิมิตหมายที่ดีจริงๆ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องจัดฉาก ไม่ใช่ดรามาติก แต่เป็นเรื่องจริง เกิดจากจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง ที่มานี้มาด้วยจิตวิญญาณของตัวเอง ไม่มีใครมาหลอกล่อ ไม่มีใครมาบังคับ มาด้วยความเป็นจริง แล้วก็เป็นเรื่องที่เปิดเผยต่อสาธารณชนด้วย ไม่ใช่หลังไมค์ เป็นเรื่องต่อหน้าประชาชน เป็นเรื่องเปิดเผย แสดงถึงความกล้าหาญอย่างมาก 

แล้วก็พาดพิงไปถึงประยุทธ์ พลเอกประยุทธ์ ขนาดนี้ก็เหลือกินแล้ว ในนัยยะต่างๆที่พูดออกมา อาตมาเอง อาตมาเห็นแย้งไม่น้อย แต่มันไม่มีเวลาที่จะสาธยาย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 21:21:14 )

คุณนิธิ

รายละเอียด

คือ ผู้มีคลังแห่งความดี

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 34


เวลาบันทึก 08 พฤศจิกายน 2562 ( 12:53:39 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:02:25 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 04:14:17 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์