@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

พ่อครูเป็นโพธิสัตว์ตัวจริงที่มีภูมิโลกุตระจริง

รายละเอียด

ถ้าเผื่อว่าเป็นประชาธิปไตยแบบโลกุตระ ในเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ เป็นเมืองแกนของโลกุตระ มีมากมีน้อยก็แล้วแต่ ศาสนาพุทธไม่ได้มีมาก ถ้ามากก็ที่ลังกา พม่า ก็มีเยอะ ประมาณ 80 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ในนั้นจะมีความรู้ของความเป็นโลกุตระจริงแค่ไหน ต่างกันตรงนี้เท่านั้นเอง 

เท่าที่อาตมามีภูมิโลกุตระในฐานะโพธิสัตว์จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม อาตมาเป็นโพธิสัตว์ตัวจริง ไม่ใช่พูดเล่นเอาโก้เก๋

เพราะฉะนั้น อาตมาจะเข้าใจโลกุตระ พูดแล้วก็เป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้ทั่วโลก ขออภัยพูดใหญ่ ก็ขอยืนยันว่า อาตมา เป็นคนเลย์แมนธรรมดา เป็นคนพื้นฐานติดดิน อาตมาไม่ได้เป็นคนใหญ่โตอะไรเลย ไม่มีตำแหน่งยศศักดิ์ หน้าที่ ความรู้ อะไรทางโลกเลย มีแต่ธรรมะอย่างเดียว แล้วคนก็ไม่ค่อยเชื่อน้ำหน้า ก็ไม่เป็นไรไม่เชื่ออาตมาก็ยืนยันความจริงไป อาตมาไม่ได้มาหลอก อาตมาพูดความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 19:55:29 )

พ่อครูเป็นโพธิสัตว์ที่คนเข้าไม่ค่อยถึงเพราะเหตุใด

รายละเอียด

เพราะอาตมาทำหน้าที่คนละอย่างกับพลเอกประยุทธ์ สิ่งที่อาตมาทำอยู่นี้พยายามเผยแพร่พยายามใช้ความจริงความรู้ให้เป็นประโยชน์ คนยังเข้าไม่ค่อยถึงซึ่งมันเป็นโลกุตรธรรม เพราะฉะนั้นคนที่จะยอมรับอาตมา ให้เป็นอะไรอยู่อย่างนี้ ก็มีขนาดแค่นี้แหละ นอกนั้นก็จะบอกว่าโพธิรักษ์เป็นคนบ้าเป็นคนหลงตัวเอง แต่อาตมามีความจริงใจว่าอาตมาไม่ได้หลงตัวเอง ผู้รู้ผู้มีอำนาจก็พอเข้าใจอาตมาค่าเฉลี่ยของประชาชนก็ยอมรับตามนี้ เขาก็เข้าใจโพธิรักษ์เป็นโพธิสัตว์อธิบายได้ทำประโยชน์ได้แต่ก็ไม่ได้สนิทใจ จะไปเอาออกก็ไม่ถูก แล้วก็ดูประมาณอยู่ว่า ตัวเองก็เถียงยังไม่ค่อยได้ เมื่อเราเถียงทีไรก็ยกอ้างพระไตรปิฎกทุกที เขาก็เลยไม่กล้าเถียง อาตมามีกุศลมากเลยที่ยังมีพระไตรปิฎกอยู่ ยังมีหลกฐานต่างๆ ก็เลยอยู่รอดอยู่ได้พอสมควร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 14:45:14 )

พ่อครูเป็นโพธิสัตว์ที่มีปฏิสัมภิทาญาณ

รายละเอียด

ใช่ อาตมาเป็นสมณะที่มีปฏิสัมภิทาญาณ ที่แสดงออกมานี้ อาตมาพูดเหมือนคนหน้าไม่อาย..แหม คุยตัวเอง มันเป็นสัจจะมันไม่ได้อาย มันไม่มี มังกุ ไม่ได้เก้อเขิน มันง่ายๆ มันพูดความจริง โดยที่เราไม่มีอะไรต้าน ไม่มีอะไรเป็นเรื่องที่ โต้ต้านอะไรไว้เลย มันไปเต็มที่ สะอาดใจ มันเป็นหนึ่งเดียว 

มันเป็นเรื่องที่อาตมาได้นำมาพูดมาบอกจนกระทั่งทุกวันนี้ เขียนหนังสือเกิดมาชาตินี้ สารภาพมุมนี้ไม่รู้คนจะเข้าใจได้แค่ไหน คนอาจจะหาว่าอาตมาแก้ตัวก็ได้ ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้เสร็จ แต่แท้จริงมันเป็นการเปิดเผยสุดแล้ว จำเป็นที่สุดที่อาตมาต้องพูดเช่นนี้ แล้วก็บอกเช่นนี้ แล้วก็อาศัยขยายความที่ละเอียดลึกแถมไป เพราะฉะนั้นใครอ่านหนังสือเล่มนี้จะมีความลึกละเอียดแถมไป แล้วก็จะบอกสัจจะความจริงว่าอาตมาจำเป็นชาตินี้ ต้องพูดถึงขนาดนี้ 

ซึ่งเขาถือว่า ผู้ที่สูงหรือผู้ที่ดีแล้วย่อมไม่พูด ย่อมไม่อวดตัวเช่นนี้ แต่อาตมามันต้องอวดตัวเช่นนี้ มันแย้งย้อนแย้งกับสัจจะของโลกที่เขายึดถือผิด ไม่ผิดของเขาหรอก เพราะฐานเขาอย่างนั้น แต่อาตมานั้นเป็นอีกฐานหนึ่ง มันคนละมาตรฐานกัน มันไม่ได้มาตรฐานเดียวกัน มันก็เลยเข้าใจยาก 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 17:11:59 )

พ่อครูเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ขึ้นไปหา 8

รายละเอียด

ตกลงสมการ มันมีสมการปุถุชน จะเรียกว่าสัมประสิทธิ์มันก็เป็นสัมประสิทธิ์ในทางร้าย อาริยชน ก็มีสัมประสิทธิ์ในทางที่ดี ยิ่งอรหันต์เป็นต้นไปก็มีความรู้ในสัมประสิทธิ์ พัฒนาขึ้นไปเป็นโพธิสัตว์ระดับต่างๆ อาตมากล่าวอธิบายขณะนี้เพราะว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ขึ้นไปหา 8 โพธิสัตว์ระดับ 4 คืออรหันต์ โพธิสัตว์ระดับ 5 คืออนุโพธิสัตว์ โพธิสัตว์ระดับ 6 คือ อนิยตโพธิสัตว์ (อันนี้จะยาวจนไปถึงระดับ 7 นิยตโพธิสัตว์ อาตมาจะขึ้นไปในระดับ 8 มันจะเป็นจริงหรือไม่ พวกคนทั้งหลายแหล่ไม่มีภูมิรู้เท่าอาตมาในระดับ 7 จะไปพูดระดับ 8 คนก็จะไปรู้ได้อย่างไร จะโกหกก็ได้แต่อาตมาไม่บ้าโกหกหรอก กรรมเป็นอันทำ จะมีหรือไม่มีมันก็เป็นสัจจะ ถ้ามีระดับ 8 ระดับ 9 ท่านก็มาบอกอาตมาได้ การขยายความต่อไปได้อีก อาตมาก็จะได้รู้เพิ่ม ท่านเป็นผู้ใหญ่ก็มาเพิ่มให้ มันก็ไม่มีปัญหาเลยมีแต่ปัญญา จริงๆ มีคนเขาเอากระดาษมาส่ง เขียนว่า E=C(mc2+A) + xy + xx  ขยายความไปยังไม่เหมาะ มันพูด XY ในวงแคบ เราพูดสูงกว่านี้แล้ว อันนี้อยู่แค่ขั้นโครโมโซม ขั้นเพศ xx หรือ xy เป็นเรื่องของเพศ ไบโอโลจี แต่นี่มันเกินกว่านั้นแล้ว เป็นพลังงานขั้นเกิดดับ ไม่ใช่แค่จะเป็น ชีวะ ไบโอโลจี อาตมาไม่ลงไปไม่ติดเรื่องเพศแล้ว อันนี้มันยังแค่เรื่องเพศ xx xy อันนี้มันพ้นเรื่องความเป็นเพศเรื่องของกามแล้ว เข้าใจนะ อย่าเอาอันนี้มาชักใบให้เรือเสีย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:41:23 )

พ่อครูเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 มีอรหัตตผลสูงกว่าอรหันต์

รายละเอียด

ภาษาที่มันเฟ้อ เข้าช่องอันไหนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงอันไหนใช้ไม่ได้แล้วก็เห็นว่าอันนี้มันเป็นเศษเกินส่วนเกิน เป็นเรื่องที่เขาสร้างปั้นบัญญัติขึ้นมาใหม่เป็นเรื่องที่มันไม่ใช่ของพระพุทธเจ้ามันไม่มีสภาวะแห่งสัจธรรมความจริงที่เรามี ถ้าเรามีเราเป็นแล้ว อาตมาเป็นผู้ที่มี อรหัตตผล สูงกว่าอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ระดับขั้นที่ 4 5 6 7 มามันก็ใช้ได้ ที่อาตมาก็ต้องตอบพวกคุณรู้ได้ว่าอาตมายังไม่รู้ถึงขั้นสัมมาสัมโพธิญาณ

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2563 ( 09:42:57 )

พ่อครูเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 เป็นสัตบุรุษที่เราต้องมาคบคุ้นอย่างไรให้บริบูรณ์ 

รายละเอียด

การไม่ได้ฟังสัทธรรมอย่างบริบูรณ์ย่อมทำความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์ ฯลฯ

คนไม่ได้ฟังไม่ได้คบอาตมาก็ไม่ได้ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ไม่ใช่ว่ารู้จักอาตมาว่าเป็นโพธิสัตว์เป็นสัตบุรุษแต่ก็นานๆทีมาพบไม่ใช่ ต้องมาคบคุ้นต้องมาฟังธรรมให้บริบูรณ์

1. การคบสัตบุรุษที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ . .

2. การฟังสัทธรรมบริบูรณ์ ย่อมทำศรัทธาให้บริบูรณ์ 

3. ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมทำมนสิการโดยแยบคายให้บริบูรณ์  

4. การมนสิการโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ที่จะรู้ทันผัสสะ รู้ทันเวทนา

5. สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้ความสำรวมอินทรีย์บริบูรณ์ 

6. ความสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้สุจริต 3 บริบูรณ์ คือ กาย วาจา ใจ เลิกทำการงานทุจริต 

7. สุจริต 3 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์ 

8. สติปัฏฐาน 4 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์ . 

9. โพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้วิชชาและวิมุติ บริบูรณ์ (อวิชชาสูตร พตปฎ. เล่ม 24 ข้อ 61) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:18:52 )

พ่อครูเป็นโพธิสัตว์สายปฏิสัมภิทาญาณจะไม่ไปจมอยู่ในสุทธาวาส 9

รายละเอียด

ปฏิสัมภิทาญาณ​ หมายถึง ผู้ที่มีอรรถะ มีธรรมะ มีนิรุตติ มีปฏิภาณ ครบ 4 
อรรถะ คือเนื้อ ธรรมะ คือองค์ธรรมที่เป็นเทวธัมมา เป็นต้น คือเป็นรูปเป็นนาม เป็นสถานะของ เจโตกับปัญญา อรรถะก็เป็นเจโต ธรรมะก็เป็นปัญญา แล้วเจริญด้วยภาษานิรุตติ โวหารต่างๆและไหวพริบปฏิภาณเป็น ปฏิภาณ ครบถ้วนทั้งสภาวธรรมทั้งเนื้อแท้องค์ประกอบ อาตมานี่เป็นสาย ปฏิสัมภิทาญาณตั้งแต่ต้นมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ จะไม่แวะเวียนมากระทั่ง จะไปจมอยู่ในสุทธาวาส 9 อย่างนี้เป็นต้น อาตมาจะไม่ไปทำ เหมือนพระสมณโคดม อาตมาเป็นสายเดียวกันกับพระสมณโคดม 

ถ้าเชื่อว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตร ก็นั่นแหละเป็นสายเดียวกันกับพระสารีบุตรมาโดยตรง แล้วก็พัฒนามาจนกระทั่งขณะนี้ พระสารีบุตรเกิดในยุคพระพุทธเจ้า ตายไปแล้ว ที่อาตมามาเกิดนี้ ถ้าอาตมายังเป็นพระสารีบุตรอยู่ อาตมาก็ไม่ไปถึงไหน อาตมาต้องเจริญกว่าพระสารีบุตร ผ่านมา 2,000 กว่าปี อาตมาก็จมอยู่กับการเป็นพระสารีบุตร อย่างนี้ดูถูกอาตมา แล้วคุณก็ไม่เข้าใจธรรมะเลย ถ้าพระสารีบุตรมาเกิด จนป่านนี้อาตมาไม่ใช่พระสารีบุตรทั้งนั้นต้องเป็นมหาสารีบุตร ในยุคพระพุทธเจ้าไม่มีใครให้ตำแหน่งมหาสารีบุตร มีแต่พระมหากัสสปะ ไม่มีมหานะ คุณจำลองยังได้เป็นมหา เพราะสายเจโต สายปัญญาต้องไม่เป็นมหา แต่มีปฏิสัมภิทาญาณเหนือกว่าสายเจโต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2565 ( 15:55:16 )

พ่อครูเป็นไก่ตัวพี่จึงทำสังคมสาธารณโภคีได้ในยุคนี้

รายละเอียด

ด้วย มันประกอบกัน สื่อออกมาเอง สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล เพื่อนฝูงเห็นแล้วก็เลยทำอย่างนั้น ยิ่งถ้าเป็นคนไม่ตะกละ จะไม่ได้รับผล สะท้อนกระทบอย่างนั้น ถ้าไปโทษสังคม อย่างที่ว่า สังคมสาธารณโภคีเป็นอะไรไป อาตมาว่า ถึงขนาดนี้แล้ว ต้องพูดว่า ใครเก่งกว่าอาตมาทำให้ได้ขนาดนี้ลองดู ยิ่งในโลกยุคนี้ ทุนนิยมสามานย์ ใครเก่งทำได้อย่างนี้ก็เชิญหน่อย มีสังคมไหนที่อยู่กันอย่างแบบสาธารณโภคีได้ขนาดนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน3 วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2564 ( 11:04:52 )

พ่อครูเป็นไก่ตัวพี่เป็นคนดีมาเกิด

รายละเอียด

อาตมาถึงบอกว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ มันเลี่ยงไม่ได้ สัจจะมันไม่มีทางเลี่ยงอะไรได้เลย แต่คุณไม่ยอมรับคุณก็เลยหมั่นไส้ คือไม่เชื่อว่าจะมีคนดีในโลกมาเกิด อาตมาก็ว่าน่าสงสารคนเหล่านั้น อาตมาเป็นคนดีมาเกิด คุณไม่เห็นว่าอาตมาเป็นคนดีก็น่าสงสารจริงๆ จะโง่ดักดานไปถึงไหน คนดีมาเกิดให้เห็นทั้งทีแล้วก็พยายามอธิบายสิ่งที่ดีของพระพุทธเจ้า บอกตัวเองเป็นลูกพระพุทธเจ้ามาสืบทอดธรรมะพระพุทธเจ้า ไม่เชื่อ ก็ไม่รู้จะไปบังคับกันอย่างไรเขาเชื่อตาม Concept ที่เขาบอกว่าพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ พระผู้รู้ต้องเป็นอย่างนี้ เรียบทั้งร้อย มาทำเอะอะมะเทิ่งอย่างโพธิรักษ์ พูดอวดดีด้วย แต่ไม่รู้ว่าคุณอวดโง่ อาตมาอวดดี อวดฉลาด อวดรอบรู้ มาพูดความจริงมีคำจริงคำเดียว เลี่ยงไปกว่านั้นมันก็ไม่ครบ พูดให้ครบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 09:17:37 )

พ่อครูเริ่มทำงานโทรทัศน์ตั้งแต่เรียนเพาะช่างปี 3

รายละเอียด

พออาตมาทำ มันก็ดูดี หนังสือพิมพ์ลงข่าวเลย โอ้โห ดีจังเลย มันเป็นธรรมชาติ เขียนเชียร์อาตมาในหนังสือพิมพ์ อาตมาก็ไม่รู้ว่าเขาเขียนเชียร์ เมื่อเขาเขียนเชียร์เท่านั้นแหละก็ได้เรื่องเลย ตั้งแต่วันนั้นมา อาตมาก็เลยต้องทำงานโทรทัศน์ ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 3 เท่านั้นอยู่โรงเรียนเพาะช่าง 

อาตมายังถีบจักรยานทำงานส่งหนังสือพิมพ์อยู่นะ ตอนนั้น แต่งเพลงผู้แพ้แล้ว เสร็จแล้วมาทำงานโทรทัศน์ตอนแรกก็ยังส่งหนังสือพิมพ์อยู่ จนกระทั่งพอได้รายได้จากโทรทัศน์ ชักมีคนรู้จัก จักรยานราเล่ย์ ขอจากลุงหมอนายแพทย์สุรินทร์ เขาใช้มาตั้งแต่เป็นนายแพทย์ระดับต้นจนเป็นผู้อำนวยการ จนมีรถประจำตำแหน่ง เขาก็ใช้จักรยานคันนี้มา ขอเขาไป เขาก็ส่งมาทางรถไฟ อาตมาก็เลยใช้ส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้านตามตลาด ก็เรียนหนังสือด้วยการส่งหนังสือพิมพ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ตุลาคม 2565 ( 11:34:26 )

พ่อครูเรียกมาบ้านราชจาก 1,000 เหลือ 777 ก็ยังไม่ถึง

รายละเอียด

โอ้ เรียกก็มาเถอะ จะรอให้อาตมาตายก่อนหรือไง.. ตอนนี้ลดราคาจาก 1,000 เหลือ 777 ก็ยังไม่ถึง ถ้าถึงเมื่อไหร่ค่อยๆขึ้นราคา เป็น 1000  ค่อยว่ากัน 

ขึ้นมาแล้วก็ช่วยกันทำสิ่งที่ดี ทำพืชพันธุ์ธัญญาหารขอยืนยัน มาที่นี่จะต้องมาฝึก มาทำช่วยกัน ถ้าใครมีจิต ตื่นเช้าขึ้นมาเราจะไปช่วยทำสวนไหน หรือว่าหมู่ไหนเขาไปไหน เราไม่ค่อยรู้จักเพื่อนไปเราก็ไปตามหมู่ ตื่นเช้าขึ้นมาได้ลงสวน ความรู้สึกยินดีปรีดา รู้สึกชอบ รู้สึกชื่นใจให้เป็นอย่างนั้นเลย เหมือนอย่างทุกวันนี้อาตมาพยายามจะฟื้นรสอร่อยขึ้นมา มันยังไม่ขึ้น โอ้ย.. บอกว่าใครฝีมือแน่ๆ ทำแล้วมันอร่อยนี่ทำมาให้อาตมากินบ้างเถอะ มังสวิรัตินี่แหละ อย่าไปทำเนื้อสัตว์มาล่ะ ทำเนื้อสัตว์มา แน่นอนอาตมาไม่อร่อยแน่นอน คำพูดทำอาหารมังสวิรัติ เขาก็พยายามทำมาอยู่ อาตมาก็พยายามปรุง ความรู้สึกมันจะขึ้นมาน้อย ไม่ถึงขั้นมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:00:21 )

พ่อครูเลี้ยงขันธ์วันต่อวันไม่สะสม

รายละเอียด

ก็พยายามลากสังขารให้ยาวนาน พูดเท่ๆไปหลายที ตัวเลขตั้งแต่ 151 ตอนนี้ลดเหลือ 133 ตอนนี้ก็เหลือ 120 สักวันก็อาจจะต้องลดลงอีก มันจะถึงไหม 120 ดูท่าทางมันไม่น่าถึง 88 กับ 120 อีกนานเท่าไหร่ อีก 32 ปี เจ้าปุณย์มันเป็นสาวเต็มที่แล้วนะ ป่องเอี้ยมก็เป็นหนุ่มใหญ่ 40 กว่าเลย โอ้โห อีกแค่ 32 ปี ป่องเอี้ยมพูดได้ อย่าให้ covid เอาไปกินก่อนก็แล้วกัน อย่างเราไปพูดแล้วมันผิดกาลผิดเทศะฐานะนะ คนละฐานะไม่เหมือนป่องเอี้ยมไม่ได้แล้ว อาตมากินอาหารวันต่อวันปริมาณให้เพียงพอเพื่อจะเลี้ยงขันธ์วันต่อวัน เป็นคนอย่างนั้นเป็นคนไม่สะสม ถึงขนาดอวัยวะ 32 มันก็ไม่สะสมตาม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:40:32 )

พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง 

รายละเอียด

ตอนนี้เรามีวิทยุชุมชนบัวกลางมูล 

เพลงธารสวาทตอนนี้กำลังบูม กำลังทำออกอากาศอะไรอยู่ ทำได้ดีมากเลย ทั้งผู้อาเร้นจ์ ผู้ร้อง ผู้ช่วยงาน ทำออกมา โอ้โห แม้ที่สุดก็ต้องขอบคุณ เจ้าของสถานที่ คุณวาวา ให้ใช้สถานที่อย่างเต็มใจไม่คิดเงินคิดทอง พวกเราก็ไปทำอย่างชื่นใจ ทำเต็มที่ออกมา 

ธารสวาท เป็นเพลงที่อาตมาแต่ง จำได้เขารายงานอยู่นะว่า อายุ พ.ศ. 2498 อ๋อ..อายุ 21 แล้วหรือ นึกว่าแต่งตั้งแต่อายุ 17 เพลงนี้ ทำนองของพี่ตุ๋ย ของสง่า ทองธัช อาตมาแต่งเนื้อ พี่ตุ๋ยเขาแต่งทำนองเก่ง เพลงหลายเพลงของพี่ตุ๋ยเอามาใช้อยู่ เช่น ผกาดั่งนารี เพลงก่อนสิ้นแสงตะวัน เป็นทำนองของพี่ตุ๋ยเขา 

อาตมาเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ชอบเรื่องเพลงการพวกนี้ ก็มาสมัครอยู่ในวงการ ก็มันวิถีชีวิตด้วย ไม่มีที่พักที่อยู่ จำนนแม่ก็ป่วยหนัก ฐานะก็ยอบแยบต้องออกจากหอพัก มาอยู่กรุงเทพฯ นี่แม่ให้อยู่หอพักเลยนะ มีสตางค์ ปีเดียวเท่านั้นอยู่หอพัก แม่ทรุดเลยเป็นวัณโรคหนัก แล้วก็ถูกโกง สมบัติหมด มันก็เลยต้องออกจากหอพักมาอิเลเซซัง เป็นเด็กเร่ร่อน 

แต่อาตมาไม่ทิ้งเรียนหนังสือก็พยายามเรียนหนังสือ ก็พยายามไป ลุงหมอมาเห็นว่า ไอ้นี่มันจะไปกันใหญ่ไม่มีที่พักอะไร ก็จับเข้าไปอยู่วัด ไปฝากเจ้าคุณที่วัดบรมนิวาส อาตมาก็ไปอยู่วัดบรมนิวาส ไปอยู่วัดบรมนิวาสก็ไปเจอเจ้าคุณลำเอียง ลำเอียงกับศิษย์รักท่าน ท่านรักศิษย์รัก แล้วเราก็ต้องทำงานซอกๆทุกอย่างเหน็ดเหนื่อย ศิษย์รักก็นอนฟังวิทยุ วิทยุเขาอยู่ที่นอนเฉย เราก็ทำทุกอย่าง ตักน้ำใส่ตุ่ม เช็ดถูกุฏิต่างๆนานา ออกไปรับบาตรเอาข้าวของมา 

พอไปรับบาตรมาตั้งปั๊บ เขาจะไอ้นั่นก่อนเลย แทนที่อาตมาจะเป็นคนเลือก เขาก็เลือกของเป็นของเขา เขาเรียนโรงเรียนไพศาลศิลป์ อาตมาเรียนศิลป์ดำรง เดินไปไกล โรงเรียนไพศาลศิลป์กับวัดบรมนิวาสอยู่ใกล้กันนิดเดียวเอง ส่วนเศรษฐบุตรนั้นอยู่โน่น ถนนบรรทัดทองก็ต้องเดินไกล บางวันก็เลยกลับมาจัดบาตรถวายอาหารพระด้วย เสร็จแล้วเขาก็เก็บอาหารไว้กินเย็น ส่วนเราต้องเก็บไข่ต้มมันจะมีเยอะ แล้วก็ฝังไว้ในข้าวสาร ไข่ต้มนี่ฝังไว้ในข้าวสารได้นานนะ บางทีไข่ต้มนี่มันจะเน่าหน่อยๆ ตุๆ อร่อยนะ อาตมาเจอมาแล้ว ไข่ต้มที่มันจะใกล้เน่าเสียนี่มันบูดๆ อร่อยอย่าบอกใครนะ แต่บอกไปแล้ว อ้าว เล่าให้สนุกๆ 

ภาพตอนนี้ที่ออกอาตมาเรียนอยู่เพาะช่าง แต่ตอนที่เล่านั้นอาตมายังอยู่ ม.7 ม.8 อยู่ จบม.6 จากเบญจมฯไปอยู่โรงเรียนเศรษฐบุตร โรงเรียนราษฎร์ ภาพอาตมาอยู่ทางซ้ายอยู่ริมสุด นอกนั้นเพื่อนรุ่นเดียวกันเพื่อนรุ่นเพาะช่าง ตายไปเกือบหมดหรือหมดแล้วก็ไม่รู้ ดูเหมือนจะไม่เหลือใครเลย หมด เอ๊ สุเทพ ยังอยู่หรือเปล่ายังเหลือสงสัยยังเหลือสุเทพ นอกนั้นนี่ตายหมดแล้ว นี่ดูหน้า อาตมายังหนังเหนียวอยู่คนเดียว 

อาตมาก็โอ้โห ลำเอียงจนกระทั่งอาตมาทนไม่ไหว ก็เลยพอดีได้มาสมัครร้องเพลงที่พี่ล้วน พี่ล้วนเมียเขาก็หนี ทิ้งลูกน้อยไว้เจาะใจอีก 2 คนไม่มีใครเลี้ยง อาตมาก็ไปคบหากับคุณล้วนพี่ล้วน แกก็ให้เลี้ยงเด็กเลี้ยงน้องเลี้ยงลูก ไม่มีใครทำกับข้าว อาตมาก็ต้องทำ ซักผ้าให้เขา เขาก็ชวนอยู่ อาตมากำลังไม่มีที่ออกจากวัดนี้ไปเลย ไม่เอาแล้วเจ้าคุณลำเอียงขนาดหนักเพียงนี้ ก็ออกมา ไม่ชอบความลำเอียงก็หนีมาอยู่กับพี่ล้วน แล้วเราก็ชอบด้วย 

ก็ตั้งใจจะมาเป็นนักร้องว่างั้นเถอะ แกก็ไม่ได้ให้ร้อง แกก็ไม่สนับสนุนอะไรเลย แกก็ให้เป็นแม่บ้าน ทำกับข้าว ซักผ้า ถูบ้านไปนั่นมานี่ แม้แต่ขายหนังสือให้แก หนังสือแกก็ทำขาย ก็ขี่จักรยานไปเร่ขายให้ หนังสือก.ไก่ ข.ไข่ ฃ.ฃวด ค.ควาย ฅ.ฅน เล่มละบาท แต่ก่อนขายเล่มละบาท ประวัติยาวเยอะเล่ายาว เขาว่าคนเล่าเรื่องเก่านี่คนแก่ 

สรุปแล้วก็อยู่ในวงการอยู่กับพี่ล้วนก็รู้จักพี่ตุ๋ย รู้จักใครต่อใคร พี่ไศล ไกรเลิศ อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว นี่เพลงธารสวาทก็มีประวัติมีเกร็ดเยอะที่จะเล่า เล่าสนุก อาตมาก็เล่าได้สนุก ผ่านอายุ 90 มาแล้วนะ พวกนั้นผ่านมาตั้ง 60 กว่าปีไม่น้อย เรื่องเกร็ดพวกนี้มันก็ผ่านไป 

แม้แต่เรื่องเกร็ดของโทรทัศน์ เริ่มๆแรกๆ เพราะว่าอาตมาอยู่ในโทรทัศน์รุ่นแรกของประเทศไทย โทรทัศน์ช่อง 4 รุ่นแรกของประเทศไทย โทรทัศน์เมืองไทยเกิดเมื่อ พ.ศ. 2498 โทรทัศน์เมืองไทยขาวดำ โทรทัศน์ตั้งไม่กี่เดือนวันที่ 24 มิถุนายน 2498 เป็นวันเปิดสถานีโทรทัศน์ อาตมาก็เริ่มไปทำงานเดือนธันวาคม 2498 ยังเรียนหนังสืออยู่ ที่โรงเรียนเพาะช่าง อาตมาเข้าโรงเรียนเพาะช่าง 2496 ตอนนั้น 2498 กำลังเรียนอยู่ปี 3 

อาจารย์สมจิตร สิทธิชัย ไปตามหาคนจะให้ไปทำรายการเด็ก ก็ไปชมรมดรุณสารของอาจารย์นิลวรรณ ปิ่นทอง ก็ไปพบน้องแดงก็ชอบใจน้องแดง นิภา ธรรมปรีชา เขาจะให้เป็นโฆษกเป็น mc ของรายการ 

ทีนี้ นิภา เขาศรัทธาอาตมา เขาอยู่ในชมรมเขาก็ยังไม่มั่นใจในการไปจัดรายการ ก็ยังเด็กๆอยู่ เขาก็มีข้อแม้ว่าถ้าจะเอาเขามาจะต้องเอาพี่รักไปด้วย อาตมาตอนนั้นใช้นามแฝงว่า รัก พงษ์มงคล 

นั้นก็ยังชื่อแท้ๆกับมงคล แต่อาตมา shut in ใช้ชื่อเล่นว่า แป๊ก อย่างพี่ล้วนพี่ไหล สุเทพ วงศ์คำแหงเขาไม่รู้จักรู้แต่ว่าอาตมาชื่อแป๊ก ไม่รู้จักชื่อจริง มารู้จักเมื่ออาตมาเข้าวงการโทรทัศน์เป็นชื่อว่า รัก รักพงษ์ อาตมาเปลี่ยนชื่อแล้ว อาตมาใช้นามปากกาว่า รัก พงษ์มงคล มาพักใหญ่ ไปในชมรมนี้ก็ไปในนามของ รัก พงษ์มงคล ชื่อมงคลแล้วก็เลยตั้งนามปากกาว่า รัก พงษ์มงคล

พออาจารย์สมจิตรเอาน้องแดง น้องแดงก็มีเงื่อนไขว่าต้องเอาอาตมามาด้วย อาจารย์สมจิตรก็ต้องยอม เสร็จแล้วก็คุยกันมาทำรายการยังไงยังไง ก็เลยว่าถามปัญหาเด็กๆที่อายุสัก 7-15 ขวบ อาตมาก็ออกความเห็น เขาก็ว่าดี ตั้งชื่อ อาตมาก็คิดให้ว่ารายการ “คนเก่งรุ่นจิ๋ว” เป็นรายการเด็กรายการแรกของเมืองไทยที่ออกโทรทัศน์รายการคนเก่งรุ่นจิ๋ว ก็จัดการทำกัน มาเริ่มทำกัน 

ตั้งแต่นั่นแหละตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ธันวาคม ก็เริ่มออกอากาศ พ.ศ. 2498 ตั้งแต่นั้นมา ในภาพที่ออกมาเป็นรายการอื่นๆอีกเป็นรายการเด็กแตกหน่อต่อเนื่องออกไปอีกเยอะ ภาพนี้เป็นรายการคนเก่งรุ่นจิ๋วถามปัญหา ที่ยืนอยู่ก็คือพี่อุ๊ แก่กว่าอาตมา 2 ปีคนนี้ หม่อมราชวงศ์พิศวาส นาควานิช แม่ของ ผบ.ทบ. พลเอกอะไร 2 คน ก็ทำงานด้วยกันมา แกเป็นบก.หนังสือแม่บ้านของหนังสือโทรทัศน์ อาตมาก็ช่วยทำในกองบรรณาธิการ ทำเรื่องถ่ายรูปอยู่ในนั้น ยังไม่รู้ว่าเสียหรือยังหม่อมราชวงศ์พิศวาส นาควานิช อาตมาก็เรียกพี่ เขาแก่กว่าอาตมา 2 ปี 

ที่มาทำนี่มาเป็น mc แทนน้องแดง เพราะน้องแดงป่วย ไม่สบายออกไม่ได้ แล้วอาตมาก็ช่วยอยู่ในรายการนี้แหละ อาจารย์สมจิตรก็ยังไม่ให้อาตมาเป็น mc ให้พี่อุ๊มาแทน พี่อุ๊ก็มาแทนได้ครั้งหนึ่ง พอครั้งที่ 2 ก็ไม่เอามาแทน อาจารย์สมจิตรก็ต้องจำนนให้อาตมาทำคนเดียวเลย วันแมนโชว์เลย ไม่มีผู้ช่วย ทำเองหมด จัดการถามไถ่ แจกรางวัลเด็ก 

อาตมาก็ทำคนเดียว พอทำเข้าเท่านั้นคนเดียว ข้าวของ ส่งอะไรต่ออะไรมันก็มีชีวิตชีวา หนังสือพิมพ์ก็ชม คอลัมน์ที่เขียนรายการบันเทิงก็ชม เป็นหนังสือของค่ายจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ชมใหญ่ โอ้โห ทีนี้ อาตมาได้รับคำชมเขาก็ยอมจำนนอาตมา อาตมาก็เลยกลายเป็นโต้โผใหญ่เลย ทำงานขยายไปอีกไม่รู้กี่รายการ 

อาตมาเป็นคนที่ออกรายการโทรทัศน์มากที่สุดกว่าใครๆ เพราะรายการซอย เป็นรายการเด็ก รายการวิชาการ  รายการสัมภาษณ์ รายการอะไรต่ออะไรอีกเยอะแยะ อาตมาทำ คือขยัน อาตมาขยัน นี่ไม่ได้พูดชมตัวเองพูดตามจริง ทำแล้วมันก็ทำได้ก็เลยมีรายการ แต่ราคาค่าตัวอาตมาต่ำกว่าเขาเพื่อน ตั้งแต่ต้นจนออกจากโทรทัศน์ 12 ปี ราคาค่าตัวอาตมาต่ำกว่าเขามาตลอด 80 บาทต่ำสุด สูงสุดของอาตมา นานๆจะได้ 120 สักที สูงไปก็ได้ร้อย ประมาณ 80-100 120 เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านไป ทำเยอะ แต่อาตมารวมแล้วได้มากกว่าพวกดารา พวกดาราสู้รายได้อาตมาไม่ได้ 

อาตมาขี่รถติดแอร์คนแรก ไม่ใช่คนแรกของสถานีโทรทัศน์หรอก แต่เป็นรถติดแอร์คันแรกของประเทศไทย ขี่รถ corsair เป็นรถ Demonstrate เขาเอามา ยังไม่มีแอร์นะเป็นรถ Demonstrate Ford Corsair อาตมาไปเห็นเข้าก็ชอบรถ Demonstrate จะต้องเป็นรถดี อาตมาว่าเอาคันนี้ เสร็จแล้วเขาก็มีแอร์เขาก็บอกว่าเอาแอร์ใหม่ มันยังไม่ได้ติดมานะยังไม่ Practical มันอยู่ต่างหาก แต่มันมีแล้วแอร์ติดรถยนต์ ค่าสมัครก็ว่าเอา เขาก็ประกอบใส่เป็นรถติดแอร์คันแรก 

ไดนาโมมันก็ยังเก่า ไม่ได้ Apply มันก็ไม่ค่อยพอ อาตมาจึงต้องไปเข็นหลังตลาดอยู่บ่อย แต่ได้ชื่อว่าเป็นคนขี่รถติดแอร์คันแรกของเมืองไทย ไม่ได้ถ่ายภาพไว้เลย ตอนทำงานอาตมาก็ใช้รถฟุ่มเฟือยอยู่บางทีชื้อรถdemonstrate 2 คัน 3 คัน  

มาพูดถึงเรื่องเพลง อาตมานี่ดัง ก็อาศัยมันเป็นกุศลของอาตมาก็ได้ อย่างพี่ตุ๋ยเขาแต่งทำนองเพลงไว้เยอะ อาตมาก็แต่งเนื้อให้เขาหลายเพลง อย่างที่กล่าวถึงเพลงธารสวาท ก่อนสิ้นแสงตะวัน ผกาดั่งนารี มีอีก เพลงค่ำแล้ว หลายอันอยู่ ก็เอามาใช้ 

แต่ที่จริงลิขสิทธิ์ของเพลงพวกนี้ของพี่ตุ๋ยนี่นะ บูรพาลูกชายเขา เขาเอามามอบให้อาตมาหมดแล้ว จริงๆไม่ใช่มอบหรอกขาย อาตมาก็สงสารให้เงินเขาไปก้อนใหญ่ ก็เหมามาหมด เพราะฉะนั้นเพลงพี่ตุ๋ยทั้งหมดซื้อลิขสิทธิ์เป็นของอาตมาหมด ทำนองนะ ทั้งหมด เขามีลูกชายคนเดียว เอามาให้อาตมา ซึ่งไม่มีใครซื้อแต่อาตมาก็เลยซื้อ อาตมาก็สงสารเขา เพราะอาตมานึกถึงบุญคุณพี่ตุ๋ย อาตมาไม่มีก็ไปขอเขาตอนเรียนหนังสืออยู่ ก็ไปขอเงินเขานั่นแหละมา 

ก็เลยได้ เพลงนี้ยังมีเกร็ดต่างๆนานา อย่างเพลง ก่อนสิ้นแสงตะวัน อัดแผ่นเสียงตั้งแต่อาตมาก็ยังเรียน ม.7 ถึงม.8 อยู่ ยังนุ่งกางเกงขาสั้นไปซื้อโอเลี้ยงให้เขา สวลี ผกาพันธ์เขาก็รู้ เขาก็เห็นว่าซื้อโอเลี้ยงให้เขาอยู่ ตอนที่อัดเสียงกัน เขากำลังท้องลูกชายคนแรก(นายใหญ่)ท้องโต ก็ร้องเพลงอัดเป็นเสียงกัน เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเพลงอาตมา เขานึกว่าเป็นเพลงพี่ตุ๋ยคนเดียว ของ สง่า ทองธัช เขาเล่นเปียโนเป็น Arranger ด้วย 

ไม่รู้จนกระทั่งมาพบกันที่ทีวีแล้ว อาตมาก็เรียกคุณสวลีว่าพี่เชอรี่ เพราะเขาแก่กว่าอาตมา 2 ปี สวลี เป็นนาม เขา เล่นละครชื่อสวลี ผกาพันธ์ เขาชื่อเชอรี่ นามสกุลเศวตนันท์ นามสกุลสามีเขา มาเจอกันแล้ว ก็มาบอกว่า เพลงนี่ เพลงก่อนสิ้นแสงตะวัน พูดถึงเรื่องเพลงนี้อาตมาก็เลยบอกว่าผมแต่งเอง เขาก็งงๆไม่ค่อยเชื่อ เพราะอาตมาตอนนั้นยังไม่ได้ดังทางด้านเพลง ทำงานอยู่ทีวี เพลงยังไม่ดังยังไม่ขึ้น ยังไม่มีใครรู้จักว่าอาตมาเป็นผู้แต่ง รู้กันแต่ในวงในเล็กๆน้อยๆ 

อาตมาก็ยังไม่รู้ว่า เขาเชื่อหรือไม่เชื่อจนป่านนี้ เขาก็ตายไปแล้ว ว่าอาตมาเป็นผู้แต่งไม่รู้เขาเชื่อหรือไม่เชื่อไม่รู้เลย เพลงก่อนสิ้นแสงตะวัน นี่ก็เล่าไปเวลาก็จะหมดแล้ว ก็แถมมาให้ตามที่ยืนยันยังเหลืออีก 14 นาที 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 17:26:07 )

พ่อครูเล่าประวัติเพิ่มบางตอนตั้งแต่เรียนเพาะช่างและทำงานโทรทัศน์

รายละเอียด

พ. ศ. 2498 เขาเปิดมิถุนายน เดือนธันวาคมอาตมาก็เริ่มเข้าไปทำงาน อาตมาเรียนอยู่ที่เพาะช่าง อาจารย์สมจิตร สิทธิชัย ไปตามหาหนุ่มๆสาวๆ ตอนนั้น อาตมาก็ยังหนุ่มอยู่แน่นอน พ. ศ. 2498 อายุ 20 -21 ปี อาจารย์สมจิตรก็ไม่ได้เจตนาจะเอาอาตมามาหรอก ก็ไปตามในชมรมเยาวชน ซึ่งจะมีชมรม จะมาหาคนทำรายการเด็ก ก็ไปเจอน้องแดง นิภา ธรรมปรีชา ตอนนั้นอายุ 17 ปี เขาก็ชอบใจมากเลย ก็เลยชวนน้องแดง จะให้มาทำงานโทรทัศน์ ทำรายการเด็กเป็นพิธีกร 

น้องแดงนั้นศรัทธาอาตมามาก เชื่อถือนับถืออาตมามาก ก็มีข้อแม้กับอาจารย์สมจิตรว่า ถ้าจะเอาหนูมาต้องเอาพี่รักมาด้วย อาจารย์สมจิตรก็เลยยอมให้อาตมาติดมาด้วย เสร็จแล้วก็จะมาปั้นให้เป็นพิธีกร ก็ถามว่า ทำรายการเด็กจะทำอย่างไรดี อาตมาก็ช่วยคิด อาจารย์สมจิตรไม่ได้คิดว่าจะให้มาทำอะไรหรอก อาตมาก็บอกว่า เป็นรายการถามปัญหาตอบปัญหาสิ จะเอาเด็กรุ่นไหน เด็กรุ่น 7 -15 ขวบ ก็เอาปัญหาถามตอบไปแล้วก็ให้รางวัลเป็นตุ๊กตาของเล่นก็ได้ แล้วจะตั้งชื่ออะไร อาตมาก็ช่วยคิดอีก คนเก่งรุ่นจิ๋ว เขาก็ชอบใจ ก็เลยเป็นรายการเด็กรายการแรกของประเทศไทยเกิดขึ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ตุลาคม 2565 ( 11:20:44 )

พ่อครูเสริมบางประเด็นเกี่ยวกับทักษิณที่วิจารณ์นายกประยุทธ์

รายละเอียด

ดี ต่อไปจะเอาสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์จริงอยู่ในสังคมนี้ ไม่มีใครห้ามให้กลับมา แต่คุณเป็นนักโทษหนีคุก กลับมาต้องเข้าคุกก่อน จะกล้าไหมทักษิณ กล้าๆหน่อยสิ แต่เขาไม่มีความกล้าเลยสักนิดสำหรับคุณทักษิณ มีแต่สำนวนชาวโลกเรียกว่ามีแต่ความเกรียน ไม่มีความกล้าเลย มีแต่ความเกรียน ชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาพ 2 ของกฎหลักเกณฑ์กับพฤติกรรมจริง วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 29 กันยายน 2565 ( 14:05:55 )

พ่อครูเหยียบเบรคแรงในสิ่งที่ไม่ควร

รายละเอียด

อาตมาก็เลยบอกให้ ด้วยความหวังดี เจตนาดีว่า อย่าทำบาป อย่าทำผิดให้ศาสนาพระพุทธเจ้าแปดเปื้อน สังคมศาสนาอันนี้ที่ไม่ให้ไปแต่งงานในโบสถ์ดีอยู่แล้ว ขณะนี้ก็เห็นก็เข้าใจ อาตมาเข้าใจว่า ยังไม่นิยมกันเท่าไหร่ แต่ยังไปนะ พระยังไปร่วมพิธีร่วมช่วยไปสวดมนต์ให้พร พวกนี้ก็อาบัติแล้ว ที่จริงไปทำอย่างนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ว่า เขาไม่เข้าใจ เขาก็อาบัติกันไป อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ได้แต่พูดไปอย่างนี้ เพราะว่ามันนานาสังวาสแล้ว ก็ปฏิกโกสนากันไป อาตมาก็พูดคัดค้านอย่างแรงอย่างดัง ค้านให้รับรู้ว่า อาตมาเหยียบเบรคแรงในสิ่งที่ไม่ควร มันดีอยู่ก็อย่าไปทำให้มันเสียอีก ก็ว่าไปแค่นั้นก่อน นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่พูดวันนี้ ว่าจะพูดหลายวันแล้วล่ะแต่ยังไม่ได้หยิบขึ้นมา

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:48:37 )

พ่อครูเห็นประโยชน์อันใดจากการบำเพ็ญตีระฆังทุกโมงยาม

รายละเอียด

การที่อาตมานอนแล้วก็ตีระฆัง อาตมามีกังสดาลอยู่ข้างตัวนอนแล้วถึงชั่วโมงก็ตี เริ่มนอนประมาณ 2-3 ทุ่ม พอได้ 1 ชั่วโมง ถ้านอน 3 ทุ่ม ถึงเวลา 4 ทุ่ม ก็ตี 5 ทุ่มก็ขึ้นมาตี 2 ยามก็ตี ชั่วโมงหนึ่งก็ขึ้นมาตีโดยอาตมามีหลักเกณฑ์ว่า ถ้าอาตมารู้สึกตัวแต่ละชั่วโมง อาตมาจะทำให้ตัวเองรู้สึกตัวทุกชั่วโมงเพื่อขึ้นมาตีระฆัง เพราะฉะนั้นถ้ารู้สึกตัวขึ้นมาก่อน 4 ทุ่ม10 นาที หรือเลย 4 ทุ่มเป็น 10 นาที อาตมาก็ถือว่าอนุโลมถือว่าตีได้ ถ้าเลยไปแล้วก็ถือว่าพลาดไม่ตี ไปตีเอาชั่วโมงต่อไป 

ทีนี้ประเด็นว่า ทำไมอาตมาเห็นประโยชน์อะไรจากการจะต้องลุกขึ้นมาตีเหมือนกับคนเฝ้ายาม อาตมาฝึกความตื่น อาตมาฝึกไม่ให้ติดการหลับการนอน นี่เป็นหลักเลย ไม่ติดการหลับการนอน นอนอย่างหลับอร่อย พูดอย่างเป็นกิเลสคือหลับอร่อย หลับอย่างเพลิน ฝึกจนกระทั่งอาตมาจับกิเลสติดอร่อยติดหลับได้ จนกระทั่งอาตมากำหนดการหลับการตื่นได้ และอาตมาก็ตีระฆังนี้มา ตั้งแต่นุ่งชุดขาว ก่อนนุ่งชุดขาว พ.ศ 2532 อาตมาตีระฆังมาก่อน จนกระทั่งมาหยุดเมื่ออาตมาอายุ 70 แต่อาตมาก็ติดเป็นนิสัยแล้ว ตอนนี้กลางคืนก็จะตื่นเกือบทุกชั่วโมงเหมือนอย่างตอนโน้น แต่ก็พยายามจะหลับให้ได้นาน ชั่วโมงครึ่งบ้าง 2 ชั่วโมงบ้าง นานๆจะหลับต่อกันถึง 3 ชั่วโมงสักที แล้วโดยเฉพาะเขาบอกว่าหลับไม่ลึก ที่เขาใช้ศัพท์ภาษาเท่ๆ ว่า Deep sleep 

เขามีเครื่องวัดนาฬิกานี้เป็นเครื่องวัดอะไรสารพัด หมอก็อาศัยเป็นเครื่องวัดต่างๆ นานา เหมือนกับหมอแมะ หรือใช้สเตทโตสโคป เจาะดู อันนี้เป็นเครื่องวัดมาคอยใช้ตรวจดู ท่านแสนดินก็มาดู มันก็บอกเท่าที่มันมีได้ เขาก็ทำไว้ ไม่ใช่ใส่ไว้โก้ๆ อันนี้ไม่ใช่ใส่ไว้เท่ ไว้โก้ ไว้โชว์อะไร ไม่ใส่ก็ดีกว่า แต่หมอเขาก็ให้ใช้เพื่อที่จะดูแลสรีระร่างกายเป็นประโยชน์ เป็น AI ชนิดหนึ่ง มันเก่ง ก็ใช้ประโยชน์ ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องอลังการ ว่าทำเท่ทำโก้ ไม่ใช่ ที่จริงมันรุงรังเสียด้วยซ้ำไป แต่อาตมาก็เห็นว่ามันเป็นประโยชน์ก็ใช้ไป มันก็ไม่กระไร มันก็พอได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรมครั้งที่ 27 ตอบปัญหาให้ถึงสัมมาธิปไตย วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2566 ( 14:00:14 )

พ่อครูเห็นว่าตัวเองถูกฝ่ายเดียวจริงหรือ

รายละเอียด

ยืนยันได้อาตมาเอาศาสนามาอ้างแน่นอน อาตมายืนยันว่าอาตมาทำงานศาสนาแล้วเอาศาสนามาอ้าง และเป็นศาสนาของพระพุทธเจ้าสมณโคดมด้วย อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาทำจริงคุณไม่เห็นใจกว้างๆของอาตมาหรือ คุณทำตาให้ดีๆ มองดีๆ ทำความกระจ่างทำความแจ้งให้ชัดๆ  

ด่ากันได้พาดพิงกันได้ อาตมาก็ไม่ได้ไปด่าอย่างหยาบอย่างแรง อาตมาพูดสัจธรรม อาตมาว่าอาตมาก็ไม่ได้ไปพูดอย่างนั้นทีเดียว แต่อาตมาให้น้ำหนักว่าอาตมาถูก ให้น้ำหนักตัวเองอยู่ โดยสุจริตใจเลยว่า อาตมาว่าอาตมาถูกอยู่นะ ส่วนคุณจะมองออกหรือไม่ออก อาตมาก็เห็นว่าคุณมองไม่เห็นอีกอย่างหนึ่ง ไม่เห็นอย่างที่อาตมาเห็นว่าอาตมาว่าอาตมาถูก แต่คุณเห็นว่าผิด มันก็บังคับกันไม่ได้ คุณมองอย่างนั้นก็ต้องอย่างนั้น 

อาตมาก็แสดงอยู่เลย ความเป็นประชาธิปไตยไม่ได้เอาไปไว้ไหนแสดงออกโดยตลอดเวลา ทำไมมองไม่เห็นไม่เข้าใจ อาตมาขอยืนยัน เดี๋ยวจะอธิบายประชาธิปไตยแบบพระพุทธเจ้าอย่างที่อาตมาเข้าใจ กับประชาธิปไตยแบบที่ไม่ใช่อย่างพระพุทธเจ้า ที่คนจะว่าส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจอย่างอาตมา เดี๋ยวจะได้อธิบายกัน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประกาศสิทธิสำเร็จสูงสุดคือสิทธัตถะ วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 สิงหาคม 2566 ( 07:37:37 )

พ่อครูเห็นแสงอรุณขั้น 8 หรือยัง

รายละเอียด

ตอนนี้ อาตมาเห็นแสงอรุณรำไร เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เรานี่เห็นแสงอรุณขั้น 8 แล้วนะ ก็ว่าไป ส่วนใครจะฟังตามไม่หมั่นไส้ก็ฟังไป ส่วนใครจะหมั่นไส้ก็ขออภัยนะ อาตมาพูดความจริง ให้ผู้ที่สนใจให้ผู้ที่แสวงหา พูดกับลูกกับหลาน ส่วนท่านถือเป็นตัวเป็นคนนอกมาฟังแล้วหมั่นไส้ ก็ต้องขออภัยจริงๆ อาตมาจำเป็นต้องพูดความจริงสู่ผู้ที่สนใจผู้ที่แสวงหาหรือพูดกับลูกกับหลาน อาตมาก็ขอพูด ส่วนคุณมาได้ยิน ก็ไม่รู้จะทำยังไง ไส้ของคุณเอง คุณหมั่นของคุณเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 20:09:36 )

พ่อครูเอากามในนิวรณ์ 5 เป็นกามาทีนวะเป็นโทษไม่ใช่กามคุณ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนส่วนใหญ่ทั่วไปนี้ จะไม่ได้ชินหูคำว่ากามโทษ หรือ กามาทีนวะหรอก จะชินหูแต่กามคุณ ใช่ไหม เพราะคุณไปหลงสนิทแล้วว่า กามมันเป็นคุณ กามมันไม่ได้เป็น อาทีนวะ มันเป็นกามคุณไม่ได้เป็นกามาทีนวะ ไม่ได้เป็นโทษหรอก เขาไม่ได้เห็นเป็นโทษ อาตมาก็เอามาเปลี่ยนเอามาล้าง เอามาสำรอกกามให้เห็นว่า คุณไปเอาเปลือกที่มันเป็นโทษ เอาคุณมาปิดบังของเป็นโทษไว้หมด ที่จริงแล้วมันเป็นตัวเนื้อโทษไม่ได้เป็นคุณ แต่คุณไปหลงตามที่ถูกเขาหลอกมานาน จนชินหูแต่ว่า กามคุณๆๆ อาตมาบอก มันไม่ใช่ มันเป็นกามโทษ ไม่ใช่กามคุณ 

เพราะฉะนั้น บทแรกที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมนุษย์ เรียกว่า อนุปุพพิกถา คือ ทาน ศีล สัคคะ กามาทีนวะ เนกขัมมะ 5 ข้อนี้ เพราะไปหลง กาม เป็นอาหาร อาหย่อยๆๆ  เหมือนอย่างมหาบัว เสพติดกามคุณ 5 รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของหมากพลู ไม่มีอะไร มีอะไรขาดไม่ว่า แต่ถ้าไม่มีหมากพลูนี้เอาตายเลย ติดกันจน ไปด้วยกันกับชีวิตจนตายด้วยกัน เป็นอรหันต์ปากเปรอะไปด้วยหมาก ไม่รู้ความเสพติดแค่นี้ ติดจริงติดจัง 

พระพุทธเจ้าให้มาล้างความติดความยึด ก็ไม่ได้รู้เรื่อง ลูกศิษย์ลูกหามหาบัวน่าจะฟังด้วยดี สุสูสังลภเตปัญญัง อาตมาพูดให้ฟังด้วยดี แต่ไปนั่งหลับหูหลับตาอีก แล้วไปตีทิ้งอาตมาอีก จะทำอย่างไรให้มีเสน่ห์ให้เขาฟังเขาแล นี่ไม่แลกันเลย อาภัพอัปภาคย์เหลือเกินโพธิรักษ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูคือพ่อครัวผู้ปรุงอาหารโลกุตระ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2565 ( 14:49:16 )

พ่อครูเอาการเกิดในยุคนี้เอามาประยุคเป็นชาติ 5

รายละเอียด

อาตมาจะเกริ่นอีกอันหนึ่ง ชาติ อาตมาเอามาประยุกต์กับยุคนี้ ชาติ 5 ของอาตมา ในหนังสือสรรค่าสร้างคน 

1. การเกิดที่มีร่างกาย เป็นคน เป็นสัตว์ ถ้าตายก็หมดไปชาตินึง เป็นชาติของร่างกาย 

2. การเกิดทางใจ โอปปาติกโยนิ ถ้าวิญญาณเป็นสัตว์ เป็นโอปปาติกโยนิ ความเป็นสัตว์ตายไปจากใจ ใจก็เกิดจิตดวงใหม่ เป็นจิตสะอาดจากกิเลสขึ้น นี่ นี้เป็นจุดสำคัญ การเกิดการตาย โอปปาติกโยนิ

3. การเกิดแบบลิงลมอมข้าวพอง (เป็นศัพท์ที่อาตมาใช้โดยตรง) มีชีวิตหลงเมาในโลกีย์ มันครอบงำเอา จะมีการเกิดอย่างนี้ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า เจ้าชายสิทธัตถะเกิดมาก็ถูกกิเลสพ่อมอมเมาครอบงำ จะให้ติดอยู่ในโลกีย์ จะไม่ให้ไปเป็นนักบวช ไม่ให้เป็นพระพุทธเจ้า  จะให้ไปเป็นเจ้าจักรพรรดิ มอมเมา ท่านก็ต้องติดไปกับโลกที่ครอบงำ 

อาตมาอยู่กับโลกโลกีย์ที่มันครอบงำอยู่ 36 ปี อาตมาก็หลงไปล่า ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขกับโลกเขา อาตมาไม่ได้จัดจ้านอะไรมากเพราะมันมีบารมีเก่า แต่ก็ถูกโลกครอบงำเป็นลิงลมอมข้าวพอง ต้องเสียเวลาไป 36 ปีนี้เป็นต้น ซึ่ง มันไม่ละเว้นเหมือนกันนะ การเกิดลิงลมอมข้าวพอง แม้แต่พระพุทธเจ้า มันก็ไม่ละเว้น 

4.  การเกิดขึ้นเป็นประเทศชาติ หรือ ชาติรัฐ ประเทศไทยเกิดขึ้นมาเกือบ 1,000 ปีแล้ว การเกิดขึ้นก็มารวมตัวกัน โดยมี พ่อขุนรามคำแหง รวบรวมแผ่นดิน จนกระทั่งทุกวันนี้ถูกต่างชาติรุกราน แต่เราก็ไม่ถึงกับตกเป็นทาส เอาคืนมาบ้าง ถูกเขายึดบ้าง ถูกเขารังแกบ้าง เราถือว่าเรารอดตัว ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นหรือเป็นทาสของประเทศไหน โดยจะต้องไปนั่งส่งส่วย เสียภาษี ไม่ต้อง 

5.  การเกิดแบบตรรกะ เกิดเอง เป็น นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย เกิดเป็นภพ เป็นชาติ ตามทิฏฐิ เป็นอัตตา เป็นตัวตน สร้างไว้เยอะ พระพุทธเจ้าประมวลไว้ถึง 44 ทิฏฐิ สำหรับอนาคต ฟุ้งซ่านไป ถ้าตามขันธ์อดีต ก็มี 18 อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10

วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 14:40:30 )

พ่อครูเอาคำไทยๆ มาตั้งชื่อให้พวกเรา

รายละเอียด

อาตมาเคยเห็นชื่อหนึ่งคนตั้งมาแล้วอ่านยากมาก อย่างคุณลัดดาวัลย์ เขาก็ไปเปลี่ยนเป็น รฏาวัลย์

อาตมาเอาคำไทยๆ มาตั้งชื่อพวกเรา อย่างเริ่มต้นอัจฉรา พนารัตน์ อาตมาก็ตั้งชื่อว่าป่าแก้ว แรกๆ คนก็ว่าแปลก ตอนหลังตั้งขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ชื่อแล้ว อาตมาก็พยายามตั้งชื่อเป็นไทยๆ ก็แปลกหู เมื่อกี้นี้ลงมาจากที่พักมาถึงที่นี่ ยังพูดขึ้นมาตามทางเลยว่า มีเด็กคนหนึ่งมาให้ตั้งชื่อ ก็บอกว่าชอบแบบไหน เขาก็บอกเจตคติของเขามา เขาชอบแบบไหนก็บอกมาด้วย คนนั้นคนนี้ก็บอกมาอย่างนั้นอย่างนี้ คนนี้บอกมาอย่างเดียวว่า ชอบแข่งรถ อาตมาก็แหมจะตั้งชื่ออะไร ชอบแข่งรถ อาตมาเลยตั้งชื่อให้ว่า “เร็วแรง” ไม่รู้เขาจะชอบใจหรือไม่ เป็นผู้ชาย 

แล้วก็มีเด็กชอบเพลงเยอะ อาตมาก็ไม่รู้จะเอาภาษาอะไรมาตั้งซ้ำซ้อน เพลง ชอบกันจริงๆ เอาอย่างอื่นบ้างก็ไม่ได้ อาตมาก็จะอั้นตู้แล้ว ชอบเพลง ชอบกันจัง แล้วมันเกี่ยวกับน้ำท่วมไหมนี่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 12:00:20 )

พ่อครูเอาปฏิจจสมุปบาทมาเป็นหลักในการอธิบายความสงบ 

รายละเอียด

ขอเอาปฏิจจสมุปบาทมาเป็นหลักในการอธิบาย ผู้ที่มีวิชชาจะรู้สังขาร เมื่อรู้สังขาร​ ก็จะรู้จักวิญญาณ รู้วิญญาณแล้วก็จะ อ้อ วิญญาณจะรู้ได้ด้วยนามรูป ด้วยสภาวะ 2 เมื่อมีสภาวะ 2 ผัสสะกัน เป็นความซับซ้อนของปฏิจจสมุปบาท สังขาร วิญญาณ นามรูป 3 เส้า พอนามรูปทำงานปั๊บ มีอายตนะต่อกัน ก็เพราะมันเป็นผัสสะ จึงเกิดการพัฒนาเกิดสภาพ 2 นามรูป เมื่อไม่สัมผัสกัน ก็ไม่มีอะไรเกิดให้รับรู้ แต่เมื่อสัมผัสกันก็เกิดสภาพ 2

สภาพ 2 เกิดปัญญาโดยสังขาร แต่เกิดภายในเรียกว่าเวทนา สภาพเดียวกับสังขาร สภาพเดียวกันกับวิญญาณนี้แหละ 

เมื่อเกิดผัสสะเกิดอายตนะ มันก็เกิดสภาพลึกเข้าไปภายในอีก เรียกว่าเวทนา ก็คือ สังขาร ก็คือวิญญาณ แต่มันเป็นตัวลึกตัวในเป็นเวทนา จึงไปศึกษาที่เวทนา

เพราะฉะนั้นตัวศึกษาหลักของศาสนาพุทธคือศึกษาที่เวทนา ถ้าไม่มีเวทนาเป็นที่ตั้งไม่มีเวทนาเป็นฐานในการปฏิบัติ ไม่มีทางบรรลุ นี่ก็ในพระไตรปิฎก พรหมชาลสูตร ท่านยืนยันไว้ตั้งไม่รู้กี่ข้อ ต้องมีผัสสะๆ มีเวทนาเป็นที่ตั้ง

ทีนี้ เวทนาจะเกิด ต้องมีตาหูจมูกลิ้นกายกระทบสัมผัสภายนอก เกิดอายตนะแล้วจึงเกิดวิญญาณ แล้วจึงเกิดเวทนา เวทนาเป็นเจตสิกของวิญญาณ เป็นรายละเอียดย่อยลงไปของวิญญาณ แล้วก็พิจารณา 

เวทนา เป็นอาการอย่างไร อาการสุขหรืออาการทุกข์หรืออาการไม่สุขไม่ทุกข์ นี่เป็น  3 อาการ ของเวทนา แล้วก็ขยายเป็น 5 เวทนาในเวทนา 108 

กายิกเวทนา กับเจตสิกเวทนา กายิกเวทนาคือ เวทนาที่มีกายพร้อม เจตสิกเวทนาคือ เวทนาที่มีแต่จิต ผู้ศึกษาแต่จิตเป็นพวกหลับตาปฏิบัติ เป็นพวกโมฆะ หากกายไม่มีจิตก็ไม่ได้ 

เมื่อมีกาย ต้องมีเจตสิก ต้องมีจิต ต้องมีธาตุรู้ เพราะคนไม่ใช่วัตถุ คนต้องมีจิต ต้องมีเจตสิก ต้องมีวิญญาณ คนไม่ใช่ศพตาย ถ้าศพตาย มีแต่ดินน้ำไฟลม ก็ไม่มีจิตวิญญาณ แต่คนที่เป็นๆมีธาตุรู้เต็มๆเรียกว่าจิตนิยาม ไม่ใช่มีแค่ พีชะ พีชะสัมผัสไม่มีกาย ขนาดยังไม่ตายก็ยังไม่รู้เรื่องเลย สัมผัสแล้วก็ไม่รู้เรื่อง เพราะว่าไม่มี กาย นี่ก็วนเวียนย้อนไปอธิบายที่เคยอธิบาย สับสนไหม คนที่แม่นๆ จะไม่สับสน

เมื่อมีเวทนา เวทนา เป็นตัวฐานที่จะปฏิบัติที่จะเรียนรู้ เพราะฉะนั้นไม่มีผัสสะไม่มีเวทนาไปหลับตาเสีย ปิดประตู สายหลับตาเอ๋ย จะให้ง้องอนเว้าวอน ให้ขอร้องก็ขอร้อง แต่จะให้ซื้อไม่มีตังค์ซื้อ หมดปัญญาตรงนี้ เพราะอาตมาไม่ได้สะสมเงินไปซื้ออะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 07:05:20 )

พ่อครูเอาสภาวะของพุทธมาสวมแทนกลองอานกะ

รายละเอียด

เขายังไม่เชื่อว่าอาตมาเอาโลกุตรธรรมมาพูด มาอธิบาย มาหยั่งลง มาฟื้นขึ้นมา ไม่ใช่อาตมาเอาโลกุตรธรรมมาหยั่งลง แต่พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของโลกุตรธรรม มาในยุคนี้มันได้สูญหายเหมือนกลองอานกะ ในอาณีสูตร ที่พระพุทธเจ้าพยากรณ์เอาไว้ นี่แหละถึงเวลาตามที่ท่านตรัสไว้ มันจะไม่เหลือเชื้อแล้ว มันเหลือแต่ชื่อพุทธศาสนา อาตมาก็เอาสภาวะของพุทธมาสวมแทนกลองอานกะ กลองอานกะ มันเป็นกลองปลอมๆ อาตมาก็โละทิ้งเอาเนื้อเดิมขึ้นมาใส่แทนขึ้นใหม่เลย 

นี่เป็นเรื่องจริง คนที่เขาแสวงหาไม่มีอคติในใจมาก มีอคติน้อย ถ้ามีอคติมากเขาก็จะต้าน ถ้ามีอคติน้อยก็จะบอกว่ามีอะไรถูกดีขึ้นมา ก็จะค่อยๆรู้ ยอมรับไปเรื่อยๆ ถ้าอาตมาอายุ 500 ปีรับรองเชื่อหมดเลย เชื่ออาตมาหมดแหละ จริง ใครมาทำให้อาตมาอายุ 500 ปีให้ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:58:35 )

พ่อครูเอาเหตุปัจจัยใหม่ๆมาใช้แต่เนื้อหาธรรมะคือความรู้เก่า

รายละเอียด

อาตมาก็ได้จะว่าสิ่งใหม่ก็พวกนี้มาประกอบใหม่ แต่เนื้อหาแท้ๆ นั้นคือความเก่า ความรู้เก่า อาตมามาในยุคนี้ปางนี้เอาความรู้เก่าที่มีมาแล้ว อาตมามีมาครบ อรหัตตผล มีมาครบของความเป็นอรหันต์ เอามาใช้ ความรู้เก่า มาประกอบกับเหตุปัจจัยพวกนี้ แล้วก็พูดด้วยภาษาสมัยนี้ ภาษาที่พวกคุณฟังรู้เรื่องนี้ เอาของเก่ามาขยายความอ้างอิงตามเหตุปัจจัยพวกคุณก็ฟังเข้าใจรู้เรื่องเอาไปปฏิบัติได้มา จนเป็นมนุษย์อย่างนี้ มี สาราณียธรรม 6 มีหมู่บ้านชาวอโศกที่เป็นชุมชน สาราณียธรรม 6 วรรณะ 9 อาศัยพุทธพจน์ 7 ของพระพุทธเจ้าและอยู่กันอย่างสบายไหม...สบาย

ใครคิดจะออกไปแสวงหา ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อยู่ข้างนอกแล้วยกมือ .... ไม่มีใครยก ทำไมอั้นตู้แล้วหรือ สิ้นท่าสิ้นทางแล้วหรือ ...ก็ไม่ เราหยุดแล้ว แต่เธอสิยังไม่หยุด เราหยุดแล้วมีที่ไปที่สบายแล้ว แต่เขายังไม่พอกันในโลก นี่ก็ปีนี้ ฟอร์บ เขาก็บอกมาว่า มีเศรษฐีใหม่มีใครมีรายได้เป็นมหาเศรษฐีของประเทศไทย ปีนี้มีเศรษฐีใหม่ขึ้นมาชื่อ สารัชถ์ รัตนาวดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวิชาที่เป็นความจริงแท้ๆ ของพุทธ วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กันยายน 2565 ( 14:50:28 )

พ่อครูแจกแจงได้ทั้งพยัญชนะทั้งสภาวะ 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าไม่สามารถเกิดปัญญาอย่างปฏิสัมภิทาญาณ ก็จะไม่รู้ละเอียด แล้วไม่สามารถแจกแจงอธิบายอย่างที่อาตมาอธิบายได้ อาตมาเป็นสายปัญญาอย่างปฏิสัมภิทาญาณ จึงแจกแจงได้ทั้งพยัญชนะทั้งสภาวะ  เอามาแจกแจงละเอียดและออกไป ตามที่ท่านมีบัญญัติไว้พระพุทธเจ้าท่านสอนแม้แต่เวทนา 108 อย่างนี้เป็นต้น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะอธิบายกันได้ง่ายๆ นะเวทนา 108 

เวทนา 2 เป็นอย่างไร เวทนา 3 ซึ่งรู้ง่าย 2 3 ไม่ยาก 

กายิกเวทนากับเจตสิกเวทนา แยกกายแยกจิต แต่ถ้ากาย คุณมิจฉาทิฏฐิ กายิกเวทนาของคุณไม่มีเวทนานะ พวกที่มิจฉาทิฏฐิ 

กายิกเวทนา ของคุณไม่มีเวทนาคุณไม่มีคำว่ากาย มิจฉาทิฐิแล้วเมื่อเริ่ม กายิกเวทนาก็ผิดแล้ว เวทนา 108 ขึ้นโมฆะไม่เรียนรู้ได้เลยจะรู้ กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมไม่ได้เลย เพราะกายเริ่มต้นก็มิจฉาทิฐิ เวทนาคุณก็ไม่มีแล้ว แล้วคุณจะปฏิบัติกายที่มีอิทัปปัจจยตา ให้ถึง การศึกษาเวทนาในเวทนาจิตในจิต ธรรมในธรรมไม่ได้เพราะไม่มี อิทัปปัจจยตาเลยคือจากอันนี้เป็นอย่างนี้อันนั้นเป็นอย่างนั้นไม่ได้เลย 

มันไม่ต่อเนื่องคุณตัดเป็นท่อนๆ เช่น รักษาศีลก็อย่างหนึ่ง ทำสมาธิก็อย่างหนึ่ง ปัญญาก็อย่างหนึ่ง พวกนี้พวกนักตัดเป็นท่อนๆ มันไม่มีอิทัปปัจจยตา ไม่มีปัจจยาการ ไม่มีเหตุมีผลที่ต่อเนื่องกันเลย ไม่มีปฏิจจสมุปบาท เป็นมิจฉาทิฏฐิหรือเป็นอวิชชาข้อสำคัญในอวิชชา 8 ไม่รู้จักปฏิจจสมุปบาท ไม่รู้จักอริยสัจ 4 ไม่รู้จักส่วนอดีตส่วนอนาคต ไม่รู้ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ไม่รู้จักปฏิจจสมุปบาท นี่คือมิจฉาทิฏฐิเต็มประตู 8 เลย คนนี้ 
หรืออวิชชา 8 ประการ ท่านตรัสไว้ในพระไตรปิฎกเล่ม 34 ข้อ 391

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 10:27:18 )

พ่อครูแจ้งข่าวค่ายอุโบสถศีล​ ครั้งที่ 10 

รายละเอียด

คุณก็ตกข่าว ก็คือ ไม่โฆษณาให้แก่ ชาวค่ายอุโบสถศีล ออนไลน์ 

.. ขอเชิญทุกท่านร่วมเข้าค่ายอุโบสถศีลออนไลน์​ ครั้งที่ 10 

 มี “ปัญญา” เป็นพ่อ สร้างเสริมก่อ “วิชชา”  

วันศุกร์ที่ 16 - อาทิตย์ที่  18 กันยายน 2565

สมัครง่ายๆ โดยการแสกน QR Code จากหน้าจอ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มไลน์โอเพ่นแชท เมื่อเข้ากลุ่มแล้ว ท่านจะได้รับรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ จากผู้ดูแลกลุ่ม อย่ารอช้า รีบสมัครเลย!!

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมศีลข้อ 1 ให้ลึกซึ้งถึงกรรมวิบาก วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ตุลาคม 2565 ( 10:55:09 )

พ่อครูแจ้งน้ำท่วมบ้านราช

รายละเอียด

วันนี้วันศุกร์น้ำท่วมบ้านราชหมดเลย กำลังจะเข้าถึงใต้เฮือนสูญแล้ว คิดถึงก็จินตนาการเอาเองก็แล้วกัน ตอนนี้เราไปไหนก็มีแต่ไปเรือ ก็เป็นไปตามธรรมชาติ ก่อนอื่นวันนี้ วันที่ 30 กันยายน วันนี้เป็นวันที่เขารอลุ้นพลเอกประยุทธ์กันเต็มที่ พอถึง 15:00 น หวยก็ออกพรวด ตอนนี้พวกที่ดิ้นกระแด่วๆ ก็ดิ้นกัน ตะโกนว่าจะต้องชุมนุมลงถนน พี่ศรีก็ตะโกนบอก ถ้าลงถนนจับทุกคน สนุกกันใหญ่ ผู้เอาจริงเอาจังก็ขออนุโมทนาในการยืนหยัดยืนยันความจริงในความถูกต้องที่เหมาะที่ควร ผู้ที่ดิ้นก็ดิ้นกันไปอยู่เป็นธรรมดาธรรมชาติ 

ก็มันจริงๆยังเหลือพวกที่ยังเป็นเศษ เศษธุลีละอองคลองธรรมชาติ มันจะต้องมีสิ่งที่ไม่เหมือนกัน หรือ มันขัดแย้งกัน เป็นธรรมดา ศึกษาธรรมะดีๆไปเถอะ แล้วจะรู้ วันนี้วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 11 ปีขาล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 ตุลาคม 2565 ( 13:23:56 )

พ่อครูแนะนำสร้างกระถางผักคอนโดห้อยลงมา

รายละเอียด

คนไทยขอให้เข้าใจตัวเอง สิ่งแวดล้อมอากาศแสงแดดต่างๆมันสมบูรณ์มันบริบูรณ์ มันคือเกณฑ์ของแดนสร้างพืช ประเทศไทยมีอาณาเขตประมาณนี้ ซึ่งมันสร้างได้แม้แต่ที่สุด อาตมาแนะนำ หากไม่มีพื้นดินสร้าง ก็สร้างกระถางผักคอนโด ห้อยลงมา 10 กระถาง 20 กระถาง ราดน้ำกระถางบนก็ไหลลงมาถึงกระถางล่าง ต้นจะไม่ตาย มันจะดูดเอาไว้ตามพลังงานของมัน ก็รดมัน หากมากก็รดบ่อย น้อยก็ไม่บ่อย หรือจะเอาแต่พอดีก็แล้วแต่มีรายละเอียดดีซึ่งคนฉลาดพอ อาตมาแนะนำนิดหน่อย พวกเราก็ฉลาดยิ่งกว่าอาตมาได้ ในการสร้างสิ่งเหล่านี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ 

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 11:50:44 )

พ่อครูแปลพยัญชนะตามอัตโนมัติของสภาวธรรม

รายละเอียด

อาตมาขยายความใช้พยัญชนะแล้วใช้สภาวธรรมที่แท้จริง ไม่ได้แปลอย่างที่เขาเรียนกันเป็นเปรียญ เป็นนักศึกษาเรียนกัน ด้วยพยัญชนะ อาตมาไม่ได้แปลตามวิชาการแบบนั้น แต่อาตมาแปลตามอัตโนมัติของสภาวธรรมกับพยัญชนะ ที่อาตมามีภูมิของอาตมาเอง เพราะฉะนั้นบางทีก็แปลไม่เหมือนอย่างที่ท่านแปลกัน บางทีก็คล้ายๆกัน บางทีก็ตรงกันดี 

อย่างเช่นคำว่า บุญ คำว่า กาย ทุกวันนี้ความเสื่อมมันมีมาก คำพวกนี้ คำว่ากายคำว่าบุญนี่แหละเป็นตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ ที่พุทธศาสนิกชนเพี้ยนไปไกลลิบเลย คำว่ากาย ก็ไม่รู้จัก โดยเฉพาะคนไทย เขาไปหมายถึงเป็นสรีระ ไม่มีจิต 

แต่จริงๆแล้วคำว่ากายนี้ไม่ได้หมายถึงจิตเป็นหลัก ข้างนอกเป็นเรื่องหยาบ ต้องผ่านเป็นเบื้องต้น แล้วจิตนั่นแหละมีอีกตั้งเยอะที่จะต้องล้างออก แม้แต่กระทบภายนอกก็ต้องล้างที่จิตไม่ใช่ล้างที่วัตถุธาตุข้างนอก ล้างกิเลส วัตถุธาตุมันไม่มีกิเลสหรอก แม้แต่พืชก็ไม่ถือว่าเป็นกิเลส เพราะมันไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีบาปไม่มีบุญอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการภาคค่ำ งานอโศกรำลึก 2565 กำจัดผีในตนจึงเป็นคนโลกุตระ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 7 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2565 ( 21:18:14 )

พ่อครูแสดงธรรมโดยพูดความจริงไม่จริงไม่พูด

รายละเอียด

อาตมาขอบอก บอกว่าอาตมายิ่งมาทำงานศาสนานี้ไม่มีอะไรเลยที่อาตมาจะพูดความไม่จริง อาตมาพูดแต่ความจริงทั้งนั้นเลย บอกแล้วบอกอีก ไม่จริงไม่พูด โดยเฉพาะเรื่องแสดงธรรมไม่จริงไม่พูด ไม่ได้แสดงธรรมก็อาจจะพูดสนุกสนานกับเด็กเล็กๆ ก็มีความสนุกสนานไป ไม่จริง100% อะไร เป็นเรื่องเล่นเรื่องโลกๆบ้าง แต่ถ้าแสดงธรรมแล้วมีแต่พูดความจริง ไม่จริงไม่พูด 

หรืออาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น พูดธรรมะที่ไม่จริงไม่เป็น จริงนะ พูดไปแล้วก็ดูเหมือนน่าหมั่นไส้ หลงตัวเองเหลือเกิน เขาไม่เชื่อถือ เขาก็เป็นเช่นนั้น มันก็ไปบังคับให้เขามาเชื่อถือไม่ได้ ก็ต้องว่ากันไป แต่คนที่แสวงหา คนที่ไม่มีอคติมากเกิน พยายามฟัง พยายามเอาสาระ เอาเนื้อแท้ ก็จะเห็นว่าน่าฟัง ยิ่งอาตมาเอาพระไตรปิฎกมายืนยัน แต่ก่อน เราไม่ได้เข้าใจอย่างที่ท่านโพธิรักษ์อธิบาย แต่ท่านโพธิรักษ์อธิบายแล้วเราเข้าใจ ก็จะสะดุดตรงนี้ ฟังอาจารย์ต่างๆที่สอนกันมามาก มันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอฟังโพธิรักษ์ก็ทำให้เข้าใจได้ บางคนก็ชักเริ่มเห็นว่า เป็นประโยชน์ เป็นสาระ มันก็จะเป็นไปอย่างนี้ มันไม่เสียหลายทีเดียวเลยที่อาตมาทำงานอย่างนี้ จึงพยายามยังขันธ์ให้ต่อๆ ไป ยังไม่ยอมตาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 18 วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2564 ( 19:20:40 )

พ่อครูใช่พระศรีอริยเมตไตรยหรือเปล่า

รายละเอียด

อาตมาเคยอธิบายมาบ้างแล้ว คำว่า “ศรีอาริยเมตไตรย”นี่ มันไม่ใช่ชื่อคน ไม่ใช่ชื่อพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง แต่มันเป็นตำแหน่งหน้าที่ มันเป็นตำแหน่งของศรีอาริยเมตไตรย แปลว่าพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปข้างหน้า มันเป็นชื่อตำแหน่ง เหมือนนายกรัฐมนตรี มันไม่ใช่ชื่อบุคคล คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป นั่นคือ ศรีอาริยเมตไตรย 

คนที่จะมาทำความเป็นอาริยะให้แก่มนุษยชาติต่อไปนั้น คือผู้ที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นมา องค์ใดก็เป็นศรีอาริยเมตไตรเป็นหมด แต่พระศรีอาริยเมตไตรยนั้นคือพระพุทธเจ้า ตำแหน่งพระพุทธเจ้าอนาคต เพราะฉะนั้นผู้ใดได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป เอาตอบตรงนี้ก็ได้ อาตมาไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป เพราะฉะนั้นอาตมาจึงไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์พรุ่งนี้ ศรีอาริยเมตไตรคือองค์พรุ่งนี้ เอาสั้นๆง่ายๆ อาตมายังไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์พรุ่งนี้ องค์ต่อจากพระสมณโคดม เอาให้ชัดอีก ไม่ใช่ อาตมายังไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์ต่อจากพระสมณโคดม 

เหมือนว่าที่นายก อาตมายังไม่ใช่ว่าที่นายก เออ ชัดๆ เข้าไปอีก ยังไม่ใช่ ยังไม่ใช่อุ๊งอิ๊ง เอาให้ชัดขึ้นอีก ทันสมัย อาตมายังไม่ไปแข่ง และทางธรรมของพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ไปแข่ง ไม่ได้ไปคั่ว ไม่ได้ไปแย่งอะไรด้วย จะเป็นไปตามสัจจะ ถ้าเต็มมันก็จะเป็นไปเอง ไม่อยากเป็นก็ต้องเป็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำทานให้สัมมาอย่าจับไอ้หวังใส่ถัง ควรเพิ่มพลังพากเพียร วันพุธที่ 6 ธันวาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 06:54:03 )

พ่อครูใช้นามปากกาว่า เพียงเพ็ญ พีรพงศ์ เขียนสำนวนพระไตรปิฎก

รายละเอียด

อาตมาอธิบายของอาตมาเองตามยุคสมัย ไม่ใช่ภาษายุคพระพุทธเจ้า อาตมาชอบภาษาสมัยพระพุทธเจ้า แล้วภาษาที่เขาแปลมาก็ชอบ เคยใช้นามปากกา
เพียงเพ็ญ พีรพงศ์ จะเขียนสำนวนโดยใช้สำนวนพระไตรปิฎก ก็พยายามใช้แต่สำนวนเหมือนพระไตรปิฎก เขียนให้คุณสมบูรณ์ บก.หนังสือพิมพ์ ตอบโต้กัน โดยไม่เปิดเผยตัวเองว่าผู้ชาย ใช้นามปากกาว่า เพียงเพ็ญ พีรพงศ์ โต้ตอบกันอยู่ ส่งข้อเขียนสำนวนให้แกไป ตั้งแต่ยุคที่อยากเป็นนักประพันธ์ ก็เขียนจัง อายุยังไม่ถึง 20 ตอนโน้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาความเข้าใจเรื่องกายของอ.แปลง วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2564 ( 14:35:35 )

พ่อครูใช้ปัญญา 8 ที่รู้เพิ่มขึ้นมานำมาเปิดเผยไม่ให้ผิดเพี้ยน

รายละเอียด

อาตมากลัวจริงๆ กลัวตนเองจะสาธยายธรรมออกมา“ผิด” เพราะถ้าผิดอื่นๆใดๆ มันก็เป็น“บาปสามัญโลกีย์” มันก็ไม่กระไรหรอก  

แต่ถ้า“ทำให้ธรรมของพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยนไป” มันบาปหนักหนาสาหัสร้ายแรงยิ่งกว่าทำให้“พระบาทพระพุทธเจ้าห้อเลือด” พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในพระไตรปิฎก เล่ม 12 ข้อ 442 ที่พระองค์ทรงบริภาษภิกษุสาติ ว่า เธอ“กล่าวตู่พระพุทธเจ้า(อัพภาจิกขสิ)”ด้วย “ขุดตนเอง(อัตตานัญจ ขนสิ)”ด้วย เพราะทำให้“คำสอนของพระพุทธเจ้า”ผิดเพี้ยนไป  มันก็“บาปหนักเป็นอันมาก”แท้

คำว่า “ตู่พระพุทธเจ้า”ก็คือ “ทักท้วงผิดๆ-เอาสิ่งที่ผิดมายัดเยียดใส่ให้แก่พระพุทธเจ้า” 

คำว่า “ขุดตนเอง”ก็คือ “เจาะลึก-สับแหลกตนเองให้ทำลายให้เสียหายเลวร้ายอย่างโง่ๆ” คนผู้นี้ก็ไม่ได้อะไรจากพระพุทธเจ้า มีแต่ทำผิดบาป 

แถมทำร้ายตนเองให้ชั่วให้เลวต่ำทรามซ้ำหนาหนักอีกด้วย ตามอวิชชาที่ตนมืดบอดจริงๆ ซึ่งคนผู้“อวิชชา”มืดบอดจริงนั้น ถ้าถึงขั้นเป็น“ปทปรม

บุคคล” คือ ผู้รู้พระพุทธพจน์ก็มาก ท่องจำได้ขึ้นใจก็มาก สั่งสอนผู้อื่นอยู่ก็มาก แต่ตนเองไม่ได้บรรลุธรรมเลยในชาตินี้” ก็จะหลงงมงายอยู่กับ“อวิชชา”ที่ตนเองหลงยึดมั่นถือมั่นอยู่นั้นแหละ ไม่ยอมมี“ปรโตโฆสะ” ก็ไม่มี“โยนิโสมนสิการ”เลย

“ไม่ยอมฟังผู้อื่น”หรือฟังบ้างเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่เชื่อว่า “ผู้อื่น”นั้นจะ“ถูกแท้ถูกจริง” ก็ยังหลงยึดมั่นถือมั่นอยู่ตามที่ตนยึดมั่นถือมั่นอยู่ตามที่ตนได้เชื่อแล้วอยู่ตามเดิม

จึงยากมากที่จะสามารถปลุกคนผู้“ปทปรมะ”ก็ดี คนผู้หลงมืดบอดเพราะไป“หลับตา” หรือทำ“ตา”ตนเองให้บอด ทำ“หู”ตนเองให้หนวก ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎก เล่ม 14 ข้อ 853 ก็ดี ใหั“ตื่นขึ้นมารู้ใหม่”ได้ 

ผู้ปทปรมะนั้น คือ ผู้รู้มากสอนคนอยู่ในบ้านเมืองนี้เอง  ส่วนผู้“หลับตา”ทำให้ตนเป็นคนตาบอดหูหนวกนั้นก็คือคนที่พากัน“หลับตาปฏิบัติ” ออกป่า สู่เขาสู่ถ้ำนั้นแลแท้ๆ ก็เป็นเดียรถีย์ทั้งคู่ คือ ยังไม่มีวิชชา มีแต่อวิชชาอยู่ ซึ่งก็คือ ยังไม่มี“ปัญญา” มีแต่“ความอัปปัญญา”นั่นเอง 

  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1

วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2565 ( 21:34:39 )

พ่อครูใช้สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 ในการประมาณ Action-Reaction อย่างไร

รายละเอียด

การกระทำแบบนี้คือศิลปะวิเศษที่จะช่วยมนุษยชาติ ก็ต้องมีคนโกรธบ้าง แต่การโกรธนั้น เราก็วัดค่าสังคม เพราะว่าสื่อสารทุกวันนี้กระจายไป หากกระทบเขา เขามีกิเลสก็ตอบโต้ ดีไม่ดีถืออาวุธมาใส่ด้วย แต่นี่ก็ไม่มีขนาดนั้น อาตมามี Action ก็ต้องวัด Reaction อยู่เหมือนกัน หาก Reaction แรงจนรับไม่ไหวก็ต้องหยุด หรือดู Responding อย่างไรอาตมาก็ต้องรู้ว่าขนาดนี้ไปได้ เอาแค่คนที่เขามีกิเลสรู้สึกอาการโกรธไม่มี แต่รู้สึกอายนี้มีก็ใช้ได้ แต่รู้สึกโกรธนี้ไม่ควรให้มี อาตมาว่าอาตมาฉลาดพอนะ เขาก็มีอาวุธโต้ตอบนะ เราอย่าไปถอนหนวดเสือ เราไม่เอากระต่ายไปสู้กับเสือหรอก เราก็สู้กับเสือปลอมไม่เอาเสือจริง เราก็ต้องดูว่าลายนี้ลายเสือจริงหรือปลอม เสือก็ต้องมีลาย ลายไม่จัด ลายปลอมๆเราก็สู้ได้แต่ถ้าเสือลายโคร่งเสือจริงเราก็อย่าไปแหย่ เอาแค่ประมาณที่อาตมาใช้สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 ที่เรียนมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า อาตมาทำงานมาใช้เวลามามากยาวนาน ใกล้ 50 ปีแล้ว ยังจะกระเสือกกระสนรักษาขันธ์ต่อไปอีก ก็ต้องพยายาม พูดให้คนรู้จักกิเลสของตน รู้จักกิเลสตัวเองเสียที

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:38:01 )

พ่อครูให้ชาวอโศกชัดเจนเห็นคุณค่าทำกสิกรรม 

รายละเอียด

ผู้เห็นชัดเจนในคุณค่าความเป็นกสิกรรมเป็นผู้ประเสริฐเลิศเลอ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นผู้ที่มีความเข้าใจเกิดความรู้จริงอันนี้ ก็มั่นใจว่าก็คงจะลงมาลุยเป็นกสิกร ทำกสิกรรมต่างๆ ทำงาน เคยบอกว่าถ้าจะมาทำกสิกรรมกันหมดเลยก็ดี เพราะว่าผู้ที่ยังติดยึดอย่างอื่นก็ยังมี เพราะอาตมาอยากพิสูจน์ว่า ถ้าเราสามารถสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารได้มากจริงๆ เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ดีมีคุณภาพเต็มที่ มีปริมาณมาก แล้วเราก็มีจิตใจที่จะให้พวกเรา แจก แจกแหลก แจกอย่างงาม เผื่อแผ่ไป ให้มันเป็นสุดยอดของสิ่งที่จะให้กัน เป็นสิ่งที่เป็น complement เป็นสิ่งที่อภินันทนาการต่อใครๆเขา กันอย่างชื่นใจ แจกเลย 

เพราะว่า เชื่อว่าไม่มีใครปฏิเสธหรอก ด้วยน้ำใจอันดี ไม่ใช่ว่าจะมีอะไรแฝง แทคติกอะไรในการให้ ไม่รู้ ต้องการให้คุณจะเอาไปกินไปใช้ เพราะคุณต้องกินต้องใช้ไม่ว่าจะเป็นคนขั้วโลกเหนือคนฮันซา อยู่ยอดดอยยอดเขา หรือจะอยู่ขั้วโลกเหนือหรือจะอยู่แอฟริกา อยู่ทะเลทรายก็ตาม ต้องกินอันนี้ ส่งกันไปแจกให้ทั่วถึงทั่วโลกเลย คมนาคมเดี๋ยวนี้ ดีขึ้นไวขึ้นง่ายชึ้น 

เพราะฉะนั้นผลิตตัวนี้เป็นตัวหลักเลย ทำให้ได้มากคุณภาพดีให้ได้มากๆ อย่างเหลือเฟือ พวกเรานี้เพียงพออยู่แล้วจริงๆ ทุกวันนี้ พวกเราสร้างกินสร้างอยู่ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชาวหรรษาที่แท้จริง วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 19:31:51 )

พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด

รายละเอียด

สำนึกดีนักเรียนทั้งหลาย ชีวิตของแต่ละคนก็อย่างนี้แหละในโลกสมัยนี้เขาก็รู้กำหนดพิธี ในการที่จะพยายามช่วยกันและกัน ให้เกิดความรู้ความสามารถเพื่อที่จะยังชีพ ยังประโยชน์ ทั้งตนและผู้อื่นไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นความฉลาดระดับมนุษย์ที่พากันทำ เดรัจฉานมันก็ทำตามประสาของมัน แต่มันก็ยังไม่สามารถที่จะเก็บรายละเอียดองค์ประกอบสรรหามาเสริมเติมความสามารถ เสริมความหลากหลาย เสริมประโยชน์ให้มันยิ่งขึ้นๆ สำหรับมนุษย์มีความเฉลียวฉลาดมีภูมิปัญญามากกว่าสัตว์เยอะ แล้วมีทั้งกรรมวิธีรวบรวมเอาทั้งวัตถุ พืชต่างๆสัตว์ต่างๆ เอามาใช้ ตามที่จะมีความรู้ความสามารถ แม้แต่เอาสัตว์มาช่วยมาใช้สร้างสรรต่างๆ มากขึ้น ตั้งแต่โบราณมาจนถึงบัดนี้ก็ยังใช้กันอยู่ โดยเฉพาะในวัตถุต่างๆ สามารถใช้วัตถุตั้งแต่หยาบกลางละเอียดไปจนกระทั่งถึง ในระดับที่เป็นวัตถุละเอียดยิ่งกว่าปรมาณู เป็นสัดส่วนของอะไรต่างๆ วัดค่าเกือบไม่ได้ แต่ก็มามีฤทธิ์เดช อำนาจ จะหยิบจับเอามาผสมรวมใช้ให้มันเกิดประโยชน์แก่ตน ดีไม่ดีก็ทำลายตัวเอง ก็ห้ามไม่ได้ คนเรามันหาเหตุผลให้แก่ตัวเองตามประสาความคิดก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของโลก ในวัฏสงสารเอกภพมหาจักรวาลก็เป็นอย่างนี้ตลอดกาลนาน

สำหรับพวกเราอาตมาก็พูดตามสัจจะความจริงไม่ได้มานั่งแกล้งยกยอยกย่องเล่นอะไร ว่า พวกเราเป็นคนที่มีบารมีกัน มีบารมีสั่งสมมา แล้วแต่ละบุคคล บางคน ไม่มีบารมีแต่ก็มีผู้ที่หวังดี ผลักดันเข้ามา จนกระทั่งมาได้ดีอยู่กับหมู่มิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี แล้วก็พากันฝึกฝนอบรมสั่งสอนถ่ายทอดความรู้ความสามารถโดยเฉพาะอบรมจิตวิญญาณ ทำให้จิตวิญญาณมีภูมิปัญญามีความรู้ที่รู้พิเศษ เป็นโลกุตรธรรม เป็นธรรมะที่ทวนกระแสโลกีย์ ซึ่งเป็นความประเสริฐสูงสุดระดับโลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาทพิธีรับกลด นักเรียนสัมมาสิกขา ปีการศึกษา 2562-2563

วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 17:08:15 )

พ่อครูไม่ต้องการลูกศิษย์ ไม่ได้ต้องการบริวาร

รายละเอียด

อาตมานี้บอกไปหลายทีแล้ว อาตมาไม่ต้องการลูกศิษย์ ไม่ได้ต้องการบริวาร ไม่ต้องการอะไร แต่ทำความเห็นให้ถูก ทำความจริงให้ถูก ให้ได้รับเท่านั้นเอง ก็จะบอกว่า ก็เพื่อลูกศิษย์มหาบัวนั่นก็ถูก ให้ได้ฟังดีๆ ฟังด้วยดี ฟังด้วยดีแล้วจะได้ปัญญา ว่าเราหลงผิดมาขนาดนี้เลยหรือนี่ ซึ่งมันเป็นความจริงที่มันแสดงความเสื่อมของศาสนาพุทธว่ามันเสื่อมจริงๆ พูดกันยากจริงๆเลย  อาตมาเห็นใจตัวเองด้วย ที่ว่าจะทำยังไงหนอถึงจะฉลาดกว่านี้ ถึงจะทำให้คนเข้าใจได้ง่ายกว่านี้ ทำให้คนเข้าใจได้เร็วกว่านี้ จะทำยังไง อาตมาก็หมดภูมิ มีเท่าไหร่ก็พยายามใช้ความเก่งกล้าสามารถของตัวเองเต็มที่ 

อันนี้ก็ถูกอีก ก็นั้นแหละ ไม่รู้จะทำไง ให้เขาเข้าใจด้วยตัวเอง ให้เขารู้ ให้เกิดปฏิภาณปัญญาว่าพ่อท่านพูดถูกนะ ฟังมาตั้งนานแล้ว แล้วเคยด่าโพธิรักษ์ในใจมาตั้งนานแล้ว นี่แหละถึงจะเกิดความละอายอย่างแรงกล้า เข้าใจว่าโพธิรักษ์ มันบ้าๆบอๆมันผิดๆ มันเลอะเทอะมันจะมาทำลายศาสนาจริงๆ พอมาเข้าใจได้ว่าตายๆๆ นี่คือเนื้อแท้แก่นแท้ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 34 ปฏิบัติธรรมไม่เริ่มต้นที่ศีลก็เหมือนผีหัวขาด วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 หนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 11:05:32 )

พ่อครูไม่มีปริญญากับเขาเลยแม้แต่ครึ่งใบ

รายละเอียด

ที่นี้ ดร.มโน ไปเรียนมาทางทุนนิยม จบปริญญากี่ใบ 

ได้ปริญญา 6 ใบ อาตมาไม่มีปริญญากับเขาเลยแม้แต่ครึ่งใบ อย่าว่าแต่ครึ่งใบเลยชีวิตของอาตมา สอบชั้นเตรียมอุดมศึกษา ยังไม่ได้เลยจนถึงวันนี้ ไม่ผ่านแม้แต่ เตรียมอุดมศึกษา อาตมาสอบ ม.8 อยู่ 2 ปีตกทั้ง 2 ปี ผ่าน ม.7 แต่ ม.8 สอบ 2 ปีไม่ผ่านเลยเลิกเลย มาเรียนศิลปะ ตั้งแต่ปี 1 ไปจนกระทั่งถึง 5 ปีเลย ไม่เอาแล้วทางโน้น  อย่างนี้เป็นต้น 

คือเป็นคนที่ไม่มีการศึกษา นอกจากไม่มีการศึกษาตามระบบเขาแล้ว ตัวเองก็ไม่ได้ขวนขวายในการศึกษาด้วย ศึกษาด้วยตัวเองก็ไม่ได้ขวนขวาย อาตมามีแต่ธรรมะ เรื่องของธรรมะ มันเป็นอยู่ในสายเลือดในวิญญาณของอาตมามาแต่ไหนแต่ไร ก็ตั้งใจในเรื่องธรรมะ

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 7 พ่อครูพบ ดร.นพ.มโน เลาหวณิช เรื่อง บาปของทุนนิยม วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565 แรม 11 ค่ำเดือน อ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2565 ( 06:54:09 )

พ่อครูไม่มีรสอร่อยมีแต่รับรู้รสตามความเป็นจริง 

รายละเอียด

อาตมาไม่มีรสอร่อย มีแต่การรับรู้รสตามความเป็นจริง รสอร่อยและไม่อร่อย ถ้าคุณมีอร่อย คุณก็จะมีไม่อร่อย แต่อาตมาไม่มีแล้วอร่อยก็ไม่มี ไม่อร่อยก็ไม่มี รู้ความจริงตามความเป็นจริง รสของอันนี้มันก็เป็นของอันนี้ รสของอันนั้นมันก็เป็นของอันนั้น  กลิ่นอันนั้นก็เป็นของอันนั้น รูปของอันนั้นก็เป็นของอันนั้น เสียงมันก็เป็นของอันนั้น 1 1 1 หนึ่งไม่มีสอง 

นี่คือสภาพจริงที่อาตมาศึกษากับพระพุทธเจ้ามาเรียนและปฏิบัติธรรมกับตนเองได้แล้วอาตมาเป็นคนไม่มีรสอร่อย มีแต่รับรู้ความจริงตามความเป็นจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 09:01:58 )

พ่อครูไม่มีเรื่องแพ้อะไรในชีวิต แต่จะว่าแพ้ก็แพ้นะคืออย่างไร

รายละเอียด

จะว่าแพ้ก็แพ้นะ คืออาตมาจะต้องต่อสู้ชีวิตต้องต่อสู้ต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองต้องพยายามเป็นคนดี อาตมานี้เป็นนักเรียนหอพักบุตร ท.บ. อันดับพิเศษนะ คือ ในหอพักเขาจะมีคะแนนประจำตัวนักเรียนแต่ละคน 30 คะแนนในหอพัก อย่าให้ผิดนะ ถ้าผิดจะถูกหักออกจาก 30 คะแนนนี้ ใครที่รักษาความดีได้ดีก็แสดงว่าดี แต่ถ้าทำไม่ดีก็จะถูกหักคะแนน หักมากๆเข้าก็ ดีไม่ดีถูกคัดออก เขาก็ใช้กฎวินัยอันนี้ของทหารกับนักเรียนนายร้อยอันนี้อันเดียวกันเลย อาตมานี้เป็นนักเรียน หอพักบุตร ท.บ. นอกจากไม่ถูกหักคะแนนแล้วคะแนนกลับเพิ่มอีก เพิ่มจาก 30 เป็น 31 32 มันเพิ่มได้อย่างไรก็เพราะว่าไปทำดี แล้วก็เลยได้แต้มมา คะแนนของอาตมา 30 ก็ยังไม่ถูกตัดมันก็เลยต้องเพิ่มคะแนนอีก จนจอมพลผินต้องให้รางวัลพิเศษอาตมา อาตมาได้รับรางวัลพิเศษเป็นหัวเข็มขัด บุตร ท.บ. ลงยา เป็นนักเรียนดีเด่นพิเศษ โอ้โหใส่โก้เลย ยังไม่เคยมีใครได้ โพธิรักษ์ได้รับรางวัลพิเศษจากจอมพลผิน ตอนนี้หัวเข็มขัดมันหายไปไหนไม่รู้แล้ว หัวเข็มขัดลงยา 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 13:04:42 )

พ่อครูไม่ยัดเยียดโลกุตรธรรมเกินไปกับหมู่ใหญ่

รายละเอียด

ที่จริงอาตมาลาออกมาจากหมู่ใหญ่ เป็นนานาสังวาสกันแล้ว แต่หมู่ใหญ่เขาก็ทำผิดพระวินัยข้อที่เอาต่างนิกายมารวมกันทำสังฆกรรม ใครสงสัยอย่างไรไปอ่านในหนังสือ ประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส ที่อาตมาเขียนไว้ อาตมาไม่ได้ตั้งใจไปถล่มทลายเขา เพราะเข้าใจอยู่ว่า จริงๆ แล้วจะให้ มหาเถรสมาคมหยุดล้มเลิกไปทั้งกระบวนการมันทำไม่ได้หรอก เพราะว่า โดยบริบทของสังคมชาวพุทธไทยทุกวันนี้ มันจะต้องอาศัย Status quo อันนี้ จะต้องอาศัยความเป็นจริงที่ตั้งอยู่อันนี้ขณะนี้ปัจจุบันนี้ เป็นความรู้ความเข้าใจประมาณนี้ แล้วอนุโลมปฏิโลมกันไปก่อน จะดึงขึ้นมาหาโลกุตรธรรมอย่างที่อาตมาทำอย่างนี้ได้ดึงอย่างไรก็ทำไม่ได้ มันไปจับยัดเยียดบีบบังคับเป็นไปไม่ได้หรอก จะนวดมะม่วงให้รีบสุกก็เละคามือเท่านั้นเอง ดอกไม้จะบานก็ให้มันบานเอง ไม่ใช่ไปรีบคลี่กลีบให้มันบานออก หลุดหมดพังหมด ไม่เป็นธรรมชาติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 16:36:08 )

พ่อครูไม่รักไม่ชังสัตว์ แต่มีเมตตาที่สุด

รายละเอียด

คุณจะรักจนสุดหัวใจอย่างไรก็เชิญเถิด อาตมาหมดรักหมดชังแล้ว ธรรมดาอาตมาจะไม่รักสัตว์ก็รักคนดีกว่า แต่แม้แต่คนอาตมาก็ไม่ได้รักไม่ได้ชัง คนก็คือสัตว์โลกที่เกิดมาเกิดแก่เจ็บตาย เกิดมาก็มีทุกข์ต้องเรียนรู้ทุกข์ดับทุกข์ให้หมด ก็จบกิจในความเป็นคน ผู้เรียนรู้ทุกข์สุขแล้วเรียนรู้ว่าจะอยู่อย่างไรกับทุกข์สุขคุณก็สบายจบกิจ นี่คือคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ทั้งหมดก็มีแค่นี้  คุณเจตนาจะว่าอย่างไรก็ว่าได้ไม่มีปัญหาหรอก แล้วคุณก็ฟังว่าอาตมาไม่รักสัตว์ไม่รักหมารักแมวคือคนไม่มีศีลธรรม คุณก็พูดของคุณได้ตามเหตุผลของคุณ แต่อาตมาไม่รักหมาไม่รักแมวและไม่ชังหมาไม่ชังแมว ไม่รักไม่ชังแล้ว หมาแมวก็คือสัตว์โลกที่เกิดมา เราควรมีเมตตา กรุณา มุทิตา อาตมานั้นไม่ต้องแสดงสิ่งเหล่านี้และออกไปอวดคุณหรอก อาตมาก็มีอยู่แสดงอยู่ โดยที่อาตมาก็ไม่เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ เพราะเขาก็อยู่กันตามวิบากของเขา อาตมาก็อยู่ อาตมาเกี่ยวกับคนเป็นหลัก เรื่องสัตว์ต่างๆ ก็ปล่อยให้เขาอยู่ไปตามประสาพวกเขา นี่คืออาตมาไม่รักไม่ชัง 

เมตตานี้คืออาตมาไม่ทำร้ายเขาถ้าจำเป็นต้องช่วยอาตมาจะช่วย ถ้าไม่จำเป็นจะต้องช่วยอาตมาก็ปล่อยให้ตามวิบากเขา เช่นเห็นงูกินเขียดอาตมาไม่ไปช่วยเขียดหรอก ก็มันเป็นเรื่องของเขาก็ต้องกินเขียด ถ้าเขาไม่กินเขียดจะให้เขาไปกินกะหล่ำปลีหรือ..เขาไม่กินหรอก อันนี้ลูกใหญ่นะลูกสวยนะ บอกงูไป มันจะกินเหรอ อนาคอนด้ามันไม่กินนะ ลูกใหญ่ขนาดนี้ต้องให้อนาคอนด้ากิน งูเขียวหางไหม้กินไม่ได้หรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 10:52:08 )

พ่อครูไม่รู้สึกหิวหรือกระหาย

รายละเอียด

อาตมาไม่รู้สึกหิวหรือกระหาย อันนี้ก็เป็นอจินไตย อาตมาพูดความจริงตรงๆพูดชัดเจน อาตมาอ่านอาการ ลิงค นิมิต ของจิตวิญญาณ เป็นอาการของจิตที่มันเป็นสภาพ มีอาการของสุข มีอาการของทุกข์ มีอาการชอบอาการไม่ชอบ มีอาการต่างกัน มีความต่างกันเล็กๆ น้อยๆ มันมีลิงคะ มันมีความต่างกันของ 2 สภาวะอยู่ในจิต จริงมั้ย

อาตมารู้จักจิต เจตสิก รูป นิพพาน อาตมาว่าจิตของอาตมาเป็นนิพพาน ถูกรู้ด้วยตัวเองด้วยปัญญาอันยิ่ง ปัญญา ญาณ วิชชา รู้อาการว่ามันไม่มีแล้วความต่าง ลิงค ของสองสภาพเทวะ 

สภาพที่ต่างกันอยู่มันไม่มี มันมีหนึ่งเดียว จะเรียกด้วยภาษาว่าหิว กระหาย มันไม่มีอาตมาไม่เคยหิวข้าว ไม่เคยหิวน้ำ ไม่เคย ตั้งแต่อาตมาบรรลุธรรม รู้ความจริงต่อเวทนาหมดแล้วอาการผลัก อาการดูด อาการชอบ อาการชัง มีแต่อาการเฉยๆ ซึ่งพูดแล้วก็ยาก มันเป็นอจินไตย

เพราะฉะนั้นจิตมันเหนือกว่าสรีระ มันจึงไม่ได้รู้สึกหิวกระหายได้ง่าย ต้องอดไปตั้ง10 วัน 20 วัน 30 วันจึงโหย มันก็รู้สึกธรรมดา หากอดแค่ 3 วัน 4 วัน มันก็ไม่มีอะไรมากมาย ไม่มีอาการโหย ไม่ได้เร่งรัดเกินไป ต้องให้ได้ทันที เพราะคนเรามันทนได้ 

ใช่ เคยกินอาหารวันเว้นวัน ไปบิณฑบาตวันเว้นวัน แต่ว่าชาวบ้านขอร้องว่าจำวันที่ไปบิณฑบาตไม่ได้ ก็เลยเลิกฉันวันเว้นวัน ตอนนั้นทำเป็นเก๋เท่ แต่ฆราวาสเขายุ่ง วันนี้มา เดี๋ยววันนี้ไม่มา ปกติถ้ามาทุกวันสบายดี วันเว้นวันไม่ดี มันยุ่งยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 08:57:15 )

พ่อครูไม่สึกไม่เล่นการเมืองไม่ใส่สีเหลืองอย่างพระ

รายละเอียด

อาตมารู้ขาวรู้ดำดีชัดเจนมันตื้นจะตาย อาตมาเรียนศิลปะมาด้วย เรื่องสีสันไม่ต้องห่วง สีที่ตรงข้ามกัน คอนทราส ตรงกันข้ามกันอาตมารู้ดี 

1. อาตมาไม่เล่นการเมือง 2. อาตมาไม่สึก อาตมาไม่เคยเล่นการเมืองแต่อาตมาเอาจริงกับการเมืองเข้าใจให้ดีเป็นภาษาไทยไม่ได้เข้าใจได้ยาก อาตมาไม่เคยเล่นอาตมาจริงจังกับการเมืองมาก อาตมาก็ประกาศว่าอาตมาเป็นนักการเมือง แต่อาตมาไม่ได้เป็นนักการเมืองที่จะไปอยู่ในสภา อาตมาจะเป็นนักการเมืองอยู่นอกสภา เป็นนักการเมืองประชาชนที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องการเมือง แล้วก็ออกไปทำงานด้วยออกไปประท้วง เอารัฐบาลออกไปได้ตั้ง 3-4 รัฐบาล เอาละพอไม่ต้องฝืนมากกว่านี้ เดี๋ยวจะหาว่ารำเลิก เบิกประจาน

อาตมาไม่เล่นการเมืองและอาตมาไม่สึก ให้ตายอย่างไรอาตมาก็สึกไม่ออก เพราะอาตมาเป็นเองโดยสยังอภิญญา เป็นภิกษุเป็นสมณะโดยเนื้อแท้เองเป็นมาหลายชาติแล้ว จนชาตินี้เกิดมา จะว่าไป 36 ปีนั้นอาตมาเป็นฆราวาสแต่พออาตมารู้ตัวแล้ว เริ่มปฏิบัติไม่กี่ปีก็ตัดขาดจากฆราวาส 100% เลย อาตมาไม่มีทางที่จะทำให้ผ้าเหลืองเปรอะเปื้อนเพราะอาตมาไม่ใส่ผ้าเหลืองเพราะผ้าเหลืองเป็นสีที่ผิดวินัยของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าห้ามไว้ 7 สี 

สีจีวรต้องห้าม (พระพุทธเจ้าไม่อนุญาตให้ภิกษุใช้)

1. สีครามล้วน 

2. สีเหลืองล้วน 

3. สีแดงล้วน 

4. สีบานเย็นล้วน

5. สีดำล้วน 

6. สีแสดล้วน 

7. สีชมพูล้วน  (พตปฎ. เล่ม 5  ข้อ 169)

คุณยังไม่เข้าใจเรื่องศาสนาอีกเยอะ แค่พระนุ่งผ้าเหลืองผิดคุณก็ไม่รู้ แค่นุ่งผ้าเหลืองก็ผิดพระวินัยแล้วพระพุทธเจ้าห้ามไว้ 7 สี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาพาตีทิ้งการนั่งหลับตาปฏิบัติ วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ 


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:48:59 )

พ่อครูไม่ห้ามการยกย่องเทอดทูนคนดีที่ทำดีได้จริง

รายละเอียด

ใครจะว่าเราเป็นเปรตก็ไม่เป็นไร เรารู้ว่าเราเป็นอะไร อย่างอาตมานี่ พวกคุณบอกว่า โอ้โห.. ขอเคารพบูชาสุดเศียรสุดเกล้า พูดอยู่ตลอดเวลา ถ้าอาตมามีอัตตา มานะ อาตมาบ้าไปแล้วป่านนี้ นึกออกไหม ถ้าอาตมามีอัตตาหรือมานะ แต่อาตมาก็เข้าใจอยู่ แล้วทำไมอาตมาไม่ห้ามว่า อย่าพูด ที่ไม่ห้ามว่า อย่าพูด เพราะว่ามันเป็นความจริง ถ้าอาตมาไปห้าม ก็เป็นคนที่ไปลบล้างความจริง ไม่ยอมสื่อความจริงเหมือนคนโกหก เหมือนคนหลอกลวง เหมือนคนปิดบังอะไรอยู่เหมือนกัน มันก็ไม่ดีมันก็ไม่ถูก 

เพราะอาตมาไม่ได้พูดว่าอาตมานี้เป็นผู้ที่สูงส่งสุดเศียรสุดเกล้า อาตมาไม่ได้พูดอย่างนั้น ใช้สำนวนคนละอัน อาตมาใช้สำนวนของอาตมาว่า อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ สำนวนที่พระพุทธเจ้าท่านใช้ แต่ไม่เหมือนกับอาตมาที่ท่านสูงกว่าอาตมา ในยุคนั้นท่านสูงสุด ขออภัยในยุคนี้อาตมาสูงสุด อาตมาก็ใช้คำว่า ไก่ตัวพี่ เท่านั้นเอง ไม่ได้บอกว่าอาตมาใช้สำนวนว่า สูงสุดเศียรสุดเกล้า แต่พวกคุณมีความรู้สึกความเห็นความเข้าใจให้จริงๆ แล้วอาตมาก็พูดไปแล้วว่าไปลบล้างก็ไม่ถูก มันผิดความจริง ก็มันถูกความจริงก็ปล่อยไป 

ก็อันเดียวกัน สูงสุดเศียรสุดเกล้า เท่ากับคุณได้เห็นว่าคนนี้แหละเป็น ไก่ตัวพี่ คนนี้ที่เราเคารพสูงสุดในยุคนี้ อันเดียวกัน เป็นเพียงพยัญชนะคนละตัว คนไปติดยึดพยัญชนะภาษาคำว่าไก่ตัวพี่ กับภาษาคำว่า สุดเศียรสุดเกล้า คุณให้ราคาภาษาต่างกัน คุณก็ยึดถือของคุณเอง แต่ถ้าคุณเข้าใจสภาวะแล้ว มันก็เลยเหมือนกัน the same or แปะเอี่ย มันก็อันเดียวกัน พูดถึงตัวเองแล้วก็พอ ถ้าพูดกันจริงๆแล้วมันก็ควรจะเหนียมตัวเอง พูดถึงส่วนดีส่วนเด่นของตัวเอง แต่มันก็พูดความจริง อาตมาก็พูดไปแล้วว่าอาตมาจะไปปดความจริง จะไปหลอกความจริง ไปพรางความจริง ไปปิดบังความจริง มันไม่ควรใช่ไหม 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมีความไม่มี สิทธัตถะและสิริมหามายา วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กันยายน 2565 ( 11:06:18 )

พ่อครูไม่อาจล้างสมองใครได้

รายละเอียด

เป็นธรรมดาที่คนเห็นต่อต้านแสดงออกมา เราไม่อาจไปล้างสมองใครหรอก ใครก็พิจารณาเอาไปตรวจสอบปฏิบัติตามให้เกิดมรรคผลตามแล้วคุณจะเห็นได้ เมื่อเกิดผลแล้วคุณจะรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเชื่อใครเป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ สิ่งนั้นต่างหากที่จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เราจะเชื่อโดยที่ไม่ต้องเชื่อใครเลยแม้แต่พระพุทธเจ้า เพราะเชื่อสิ่งที่เกิดจริงแล้วเป็นจริงแล้วในตัวเราสรุปตรงนี้ก่อนละกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 09:33:51 )

พ่อครูไม่เคยบังคับออกกฎเกณท์การแสดงความเคารพ

รายละเอียด

สอนวิธีกราบเคารพบูชาพระพุทธเจ้าหรือสิ่งสูงสุด เขารู้สึกอย่างนั้นก็เอาความรู้สึกว่ามันสูงส่งจะต้องทำอย่างนั้น กราบเลย เบญจางคประดิษฐ์ ทั้ง 5 จุด ขาสองขาแขนสองแขนและหน้าผากหัวอีก 1 จุด ก็เป็นที่รู้กัน เบญจางคประดิษฐ์ เราก็ทำจบเลย เบญจางคประดิษฐ์ 5 จุด เต็มที่แล้ว แล้วก็ทำกันอย่างเข้าใจ เต็มใจทำ ใช่ไหม 

ก็ไขความอันนี้ไปพอสมควร ที่อาตมาคิดว่าน่าจะพูด ที่ว่า จะมีการบังคับกฎเกณฑ์ออกแบบให้ทำอย่างนี้หรือไม่ ก็ไม่ใช่ เป็นของพระพุทธเจ้า เบญจางคประดิษฐ์ก็ของพระพุทธเจ้า อาตมาไม่ได้ตั้งเอง คนที่เขายังเข้าใจไม่ได้ที่ยังหลงผิดกล่าวหาอาตมาก็ไม่ได้มีปัญหากับเขาอาตมาก็ไม่มีอะไรกับเขา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2565 ( 15:25:58 )

พ่อครูไม่เคยไปเรี่ยไรใคร

รายละเอียด

คุณพูดใส่ความอาตมาไม่เคยไปเรี่ยไรใคร คนที่จะมาบริจาคคือคนภายใน แล้วคนภายนอกที่จะไม่ใช่สมาชิกแท้ แม้แต่คนภายนอกจะมาบริจาคไม่อยู่ในกติการับได้ คือมาคุยมาพบปะมาวัดครบ 7 ครั้ง อ่านหนังสือจนเข้าใจแนวทางของเราก่อน เราก็ไม่รับ ต้องแน่ใจว่าเป็นคนที่เข้าใจแนวทางอโศกจึงจะรับ ที่ว่าเป็นพันล้านนี้ คุณก็ประมาณเอา เพราะมันเห็นเป็นก้อนโต มันเห็นเป็นมวลรวม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน ชุมชนบุญนิยมสร้างจากคนจนมหัศจรรย์


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 12:46:22 )

พ่อครูไม่เน้นปศุสัตว์-ประมง เน้นพืชพันธุ์ธัญญาหารเพราะอะไร

รายละเอียด

อาตมาก็เน้นมาถึง อาตมาจะพาพิสูจน์เรื่องพืชพันธุ์ธัญญาหาร ไม่เน้นปศุสัตว์ ไม่เน้นประมง ซึ่งเขามีอยู่แล้ว ไปห้ามอย่างไรเขาก็ไม่หยุดหรอก ผู้จะกินเนื้อสัตว์ ผู้จะฆ่าแกงกัน มีพวกที่เป็นชาวประมงเขารู้ว่าไม่ดีเป็นบาป เขาก็เลิกไม่ได้เขาจำนน คนฆ่าสัตว์ต้องล่าสัตว์กินอยู่นั่นแหละก็เหมือนกัน บางทีเรียนรู้แล้วว่าจะไม่ทำ ไม่อยากทำ แต่มันจำนน ก็ยังเป็นอยู่ 

ส่วนผู้ที่หลุดพ้นมาได้แล้ว ไม่ต้องมีวิบากผูกมัดถึงขนาดนั้น ก็มาช่วยกันทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร เพราะมันไม่เป็นบาปเป็นเวรเป็นภัย พีชะ มันไม่มีบาป ไม่มีเวร ไม่มีภัย เป็นธาตุพีชะที่ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ มีแต่สัญญากับสังขาร อาตมาก็อธิบายไปหมดแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:46:34 )

พ่อครูไม่ได้ผิดหลักธรรมวินัยแต่ผิดกฎหมายสงฆ์ พ.ศ 2505

รายละเอียด

สรุปแล้ว ทางเถรสมาคมก็ฟ้องศาล ศาลก็ทำตามหลักเกณฑ์โลกๆ ตามกฎหมายสงฆ์พ.ศ 2505 สังฆราชสามารถสั่งให้สึกได้ ภายใน 7 วันถ้าไม่สึกถือว่าผิดกฎหมาย เราก็ผิดกฎหมายสิ เพราะเป็นกฎหมายที่ออกกันมาเอง ไม่ใช่ออกมาจากพระบัญญัติพระพุทธเจ้า เขาก็ใช้อันนั้นกัน ตกลงสุดท้ายตกลงกันว่า จะอยู่เป็นภิกษุนักพรตนักบวชเป็นพระไม่ได้ หลักกฎหมายเขา มีคุณจรวย หนูคง เป็นนักกฎหมายเปรียญ 9 มาเจรจากับเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 10:57:29 )

พ่อครูไม่ได้พูดเพื่อโฆษณาตัวเอง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นสิ่งที่อาตมาได้มารื้อฟื้นขึ้น เอาธรรมะพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตระเป็นอาริยะ เอาคืนมา อาตมาก็ต้องพยายามรื้อฟื้นเอาคืนมาจริงๆ ใครจะเชื่อ มันก็บังคับกันไม่ได้ ใครจะไม่เชื่อ มันก็ไปบังคับเขาไม่ได้เหมือนกัน ผู้ที่จะเชื่อก็เชื่อด้วยตัวเอง ต้องฟังด้วยตัวเอง ตัดสินด้วยตัวเอง วินิจฉัยด้วยตัวเองว่าอย่างนี้ใช่ คุณก็ต้องวินิจฉัยเอง 

แล้วยิ่งอาตมาไม่ได้ไปหว่านล้อม ไม่ได้ไปหาบริวาร ไม่ได้ไปหาโฆษณาทำพิธีการอะไรต่างๆเพื่อจะให้มาเชื่อ ให้มานับถือ ไม่ทำเด็ดขาด อาตมาไม่ทำเลย มันไม่กล้า มันอาย จะไปทำอย่างนั้น ก็พูดแต่ความจริง มันก็เลยแข็ง เขาก็เลยรู้สึกว่า ไอ้นี่มันไม่เอาใจ มันไม่ปะเหลาะ มันไม่โฆษณาตัวเองเลย อาตมาพูดนี่ไม่ได้โฆษณาตัวเองนะ ที่บอกว่าอาตมาเป็นอรหันต์ อาตมาไม่ได้พูดเพื่อโฆษณาตัวเองนะ 

คนที่โฆษณาตัวเองนั้น เขาจะมีลักษณะปะเหลาะ ลักษณะประเล้าประโลม โฆษณาจะต้องมีสิ่งที่ให้เขาสนใจ อาตมา ใครจะสนใจไม่สนใจก็ศีรษะใครศีรษะมัน ใครจะสนใจไม่สนใจ ใครจะไปบังคับกันได้ก็ตัวใครตัวมัน ก็ช่างใครก็ช่างใคร อาตมาไม่ได้ว่าช่างหัวใครนะ ต้องระมัดระวังภาษาคำพูดบางทีจะพูดไม่เพราะ อาตมาพูดเพราะอยู่ ก็รู้อยู่ว่าพูดไม่เพราะมันเป็นยังไงแต่ว่าอาตมาไม่พูด แต่มันแข็งมันดูตรง มันดูเปรี้ยงๆ เท่านั้นเอง 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 34 ปฏิบัติธรรมไม่เริ่มต้นที่ศีลก็เหมือนผีหัวขาด วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 หนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 12:00:57 )

พ่อตรูเคยถูกรถชนลอยกระเด็นแต่ข้างนอกไม่มีแผล

รายละเอียด

อาตมาเคยถูกรถชนลอยกระเด็น กล้ามเนื้อแตกที่ขา กระดูกไม่แตก เกิดเป็นพังผืดมีรอยบุ๋มที่ขา แต่กล้ามเนื้อข้างในมันช้ำมันแตกมันบวมระบม รักษาตั้งหลายเดือน หายเสร็จแล้วกล้ามเนื้อมันก็จับตัวกันไม่เหมือนเดิมมันก็พิการแล้ว กลายเป็นขาบุ๋ม เนื้อและกล้ามเนื้อประสานกัน แต่ข้างนอกไม่มีแผล นี่ก็แสดงถึงอาการหนังเหนียวจริงๆ แต่ข้างในมันไม่เหนียวเพราะมันแรงมาก ข้างในมันแตก ก็มารักษากันตั้งหลายเดือน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 09:05:01 )

พ่อท่านคิดอย่างไรกับการไม่กล่าวถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลย

รายละเอียด

 มันก็น่าจะเป็นหลักก่อน คือ ในทุกๆสังขาร ทุกๆสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมาในมหาจักรวาล มันเป็นสัพพสังขารทั้งหลาย สิ่งที่ปรุงแต่งกันอยู่ มาถึงวันนี้แล้ว โลกมันเป็นโลกสังคมกว้าง สังคมหลากหลาย ทั้งกว้างขึ้นและก็มีหลากหลายที่มีความแตกต่างกันอย่างมากมายเหลือเกิน เพราะฉะนั้นความหลากหลายที่แตกต่างกันมากมาย มันมาปรุงแต่งกันอยู่มันจึงมีความหลากหลายที่ทับทวีเป็นปฏิภาคทวีอย่างเกือบจะนับไม่ถ้วน 

เพราะฉะนั้น เราจำเป็นที่จะต้องดึงเอามา ดึงเอาสิ่งที่จะต้องนำมาชี้แจงในแต่ละกรุ๊ป หรือในแต่ละบริบท ขึ้นมาเรื่อยๆแล้วเอามาแจกแจง จนกระทั่งย่อเข้าๆๆ ถึงสุดท้ายเป็น 2 เป็นคู่สุดท้าย ความแตกต่างของคู่สุดท้ายเป็นตัวจบ ในมหาจักรวาลนี้ ตั้งแต่เริ่มเกิดการขยับเขยื้อนขึ้นไป ถ้ากาละ ไม่เคลื่อนที่เลย กาละ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรเคลื่อนที่เลย เมื่อไม่มีอะไรเกิด ไม่มีกาละ การเคลื่อนที่ไม่มี ความเป็น 2 ก็ไม่มี 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ 

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 11:46:50 )

พ่อท่านประกาศลาออก

รายละเอียด

พ่อท่านประกาศลาออกจากการปกครองคณะสงฆ์เถรสมาคม  เมื่อวันพุธ ที่ 6 สิงหาคม 2518 (แรม 14 ค่ำ เดือน 8  วันโกน)  ขณะกำลังประชุมพระนวกะ  ณ ศาลาวัดหนองกระทุ่ม  ต.กระตีบ อ.กำแพงแสน  จ.นครปฐม   ซึ่งมีเจ้าคุณพระปฐมนคราภิรักษ์ (ชุณห์ กิตฺติวณฺโณ) วัดวังตะกู  เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม  เป็นประธาน  พระครูปราการลักษาภิบาล วัดใหม่ปิ่นเกลียว เจ้าคณะ อำเภอกำแพงแสน  และพระครูปทุมธาดา วัดปทุมทองสุทธาราม เจ้าคณะตำบลกระตีบ  เป็นพระเถระผู้ใหญ่ในที่ประชุมพร้อมด้วยพระสงฆ์รวม 180 รูป  พระรัก โพธิรักขิโต พร้อมด้วยสงฆ์จำนวน 21 รูป ประกาศลาออกจากการปกครองในตอนบ่าย   

ที่มา ที่ไป

(ข้อมูลโดย  พระครูสิริวรรณวิวัฒน์) 

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2562 ( 15:56:12 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:25:02 )

พ่อแม่คู่แรกเกิดมาได้อย่างไร

รายละเอียด

เกิดมาได้เพราะพระเจ้าสร้างชื่ออดัมกับอีฟ ….ตอบ หลวงปู่ไม่รู้ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บอกไว้ ท่านว่าเราไม่รู้ที่ต้นของการเกิดโลก ในสิ่งที่เป็นนิยาม 5 ท่านแยกเป็น

อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม

ธรรมะสองก็คือสภาวะที่จะเกิดจากพ่อและแม่ แต่คู่แรกท่านไม่รู้ พิสูจน์ไม่ได้ท่านก็ไม่เอามายืนยันพิสูจน์เราใช้สิ่งที่พิสูจน์ได้สามารถพิสูจน์ได้ ถ้าเรารู้ธรรมะ 2 ทำให้เกิดลูกได้ที่สุดอยู่คนเดียวเป็นโสด สามารถรู้อุตุธาตุ พีชธาตุ ทำให้จิตวิญญาณสลายเป็นอุตุนิยามหรือมีพีชนิยามนิดหน่อยแต่ก็ไม่สามารถรวมเป็นจิตนิยามได้อีกแล้ว ก็จบ ท่านไม่ได้ไปเสียเวลาหาที่ต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 05:14:23 )

พ่อแม่ทางจิตวิญญาณ

รายละเอียด

เรื่องมาตาปิตาเขาเข้าใจว่า เป็นบุญคุณพ่อแม่ที่คุณมีตัวตน แต่ที่จริงคือพ่อแม่ทางจิตวิญญาณ ตัวเราเองเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่ได้หมายถึงพ่อแม่แบบตัวตนบุคคลเราเขา ไม่ใช่ แต่เป็นความรู้เช่นศีลเป็นแม่ ปัญญาเป็นพ่อ เราก็ต้องทำศีลให้เป็นแม่ ปัญญาเป็นพ่อ แล้วร่วมกันสร้างอธิจิต จิตเจริญจิตเกิด เป็นโอปปาติกะขั้นเจริญ อาตมาสภาวะจริงๆมาอธิบายไม่ได้เอาจากตำราไหนมาอธิบาย จะตรงหรือไม่ตรงตามอาจาริยวาทที่สอนกันมา ก็แล้วแต่ อาตมาไม่ใช่อาจาริยวาทแต่อาตมาเป็นเถรวาท อาตมาเป็นเถระ อาตมาที่พูดนี่พูดด้วยความเป็นเถระไม่ได้พูดด้วยความเป็นอาจารย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:36:59 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:44:00 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:20:47 )

พ่อแม่ทางจิตวิญญาณ

รายละเอียด

เปรียบกับคนคนหนึ่งถูกลูกศรเสียบ คนจะช่วยรักษา จะเอาลูกศรออก เขาก็ไม่ยอมต้องให้รู้ก่อนว่าใครเป็นคนยิงมีลูกศรอาบยาพิษอะไรอยู่แล้วมีที่ต้นมาจากไหนคนนี้ก็มัวแต่เสียเวลาหาที่ต้น ตายก่อน คนเราเกิดมาเป็นคนแล้วไม่ต้องไปย้อนหาว่าเราเกิดมาจากสิ่งใดอันดับแรก แต่ให้แก้ปัญหาความทุกข์ที่ไปยึดถือผิดความไม่รู้ การเกิดความทุกข์ความสุข ตั้งแต่ระดับต่ำสุดคืออบายมุขที่ไปหลงเสพติดคือ เมื่อล้างได้ก็จะต่อไปที่กามภพ รูปภพจนกระทั่งล้างหมดทุกภพภูมิ เลิกยึดถือได้ก็สลายจิตนิยามได้ หรือจะให้เกิดอยู่ก็ได้ ทำให้กิเลสที่เป็นเหตุให้หมดไปจะรู้ตัวต้นรู้จักพ่อรู้จักแม่ ที่เป็นจิตวิญญาณ เมื่อมีจิตวิญญาณแล้วก็จะรู้ตัวตนบุคคลเราเขาเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 05:16:35 )

พ่อแม่ไม่ต้านถ้าเราไม่อวดดี

รายละเอียด

ทุกคนนั้นพ่อแม่จะไม่ต้านถ้าเราไม่ได้อวดดี จะไม่ตั้งจิตข่มลูก แต่ถ้าลูกจะมีอะไรดีกว่าจะชื่นใจ จะยอมรับแล้วก็จะชื่นใจมาก ที่ลูกมันฉลาดกว่าเรา พ่อแม่ก็ชื่นใจ อันนี้ยิ่งลูกไม่อวดดี แม้เราดีกว่าพ่อแม่ก็ไม่อวดดีกับพ่อแม่ พ่อแม่ยิ่งจะชื่นใจ ยิ่งจะยอมรับนับถือ อย่างหลวงปู่นี้แม่ยอมรับหลวงปู่ พ่อก็เหมือนกัน พ่อไม่ค่อยได้เลี้ยงดูเท่าไหร่ ก็ไม่ค่อยได้ทำงานร่วมกันเท่าไหร่ แต่แม่นี้ทำงานร่วมกันมา แม่จะยอมรับ แม้หลวงปู่จะเป็นเด็ก หลวงปู่พูดแม่ก็ฟังจะเข้าใจแล้วทำไปด้วย อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:24:28 )

พ่อไม่ยุ่งแต่ลูกก็ตามควร

รายละเอียด

ไม่ใช่ สำหรับอาตมาก็จะไม่ยุ่ง แต่พวกเราก็ตามควร จะไม่ใช้เสียเลยก็คงไปไม่ออกแน่ ไปไม่ยาว สั้นแน่ แต่อาตมาจะรักษาแกนของความบริสุทธิ์ แกนอย่าสูญเสียความบริสุทธิ์ที่สุดยอด ซึ่งอาตมามั่นใจในตน แต่พวกคุณจะต้องไปมีอะไรต่ออะไรบ้างก็เอาตามควร แล้วแต่ใครต่อใคร แต่ละคนก็มีแกนเจโตกับแกนปัญญา จะกล้าที่จะบริสุทธิ์หรือเด่นเป็นสองทาง คนหนึ่งอนุโลมเด่น คนหนึ่งจริงใจเด็ดเดี่ยวเด่น ต้องให้เขา คุณว่าเจโตหรือปัญญา ใครเด็ดเดี่ยวเก่ง ก็เจโต แต่อนุโลมนั้นปัญญาก็เก่งกว่า ปัญญายอมแพ้เจโตได้เมื่อเขาเด็ดเดี่ยว มันก็พึ่งพากันและกันไป

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:48:16 )

พ้น

รายละเอียด

เกิดเข้าใจ เกิดเห็นดี เห็นได้  เกิดรู้ชัดรู้แจ้งแล้วก็จะต้องทำตนละ ให้หลุดให้พ้นพฤติกรรมชั่ว หยาบ ใหญ่นี้ต่อไป

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 237


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:24:42 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:20:10 )

พ้นความเป็นสัตตาวาส 9 ข้อที่ 2

รายละเอียด

ถ้าคุณสามารถเริ่มกำหนดได้ว่า ถ้าสัญญากำหนดหมายจิตให้เป็นจิตพรหม ให้เป็นจิตไม่มีนิวรณ์ไม่มีกาม ไม่มีปฏิฆะ ไม่มีถีนมิทธะ ไม่มีอุทธัจจะกุกกุจจะ ไม่มีวิจิกิจฉาฯ คุณทำจิตให้ไม่มีนิวรณ์ 5 ได้คุณก็พ้นความเป็นสัตว์ในข้อ 2

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ 

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:37:10 )

พ้นภัย 5 เพราะมีกำลัง 4

รายละเอียด

1.  ปัญญาพลัง  (กำลังคือ ปัญญา)

2. วิริยาพลัง (ปัญญา คือความเพียร  ขยัน)

3.  อนวัชชพลัง (กำลัง คือการงานปฏิบัติไม่ติ)

4. สังคหพลัง (กำลังคือ การสงเคราะห์ช่วยผู้อื่น)

     พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว  ดีจริงๆ  สวากขาตธรรม  แม้ในยุคไหน กาละไหน ก็ยังปฏิบัติธรรมะ  ตรงพระพุทธเจ้า  สอนอยู่  โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์  อรหันต์ คือสุดยอด  ไม่ลึกลับ  ทำได้จริงตลอดกาลนาน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่  11 พฤศจิกายน 2562                           


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 20:10:26 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:51:59 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:17:45 )

พ้นมิจฉาชีพ 5 จนมาทำงานฟรีอยู่กับสาธารณโภคี

รายละเอียด

ทีนี้ก็ไปขยายความที่ มีอาชีพบริสุทธิ์  ซึ่งเป็นเรื่องหลักของชีวิต ขยายความและให้พวกเราปฏิบัติจนกระทั่งพวกเรามีอาชีพอย่างที่พวกเราทำพ้นมิจฉาชีพ 5 จนกระทั่งมาทำงานฟรีอยู่กับสาธารณโภคีอยู่กับส่วนกลาง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่อาตมาภาคภูมิใจที่สุด แล้วก็จะมาต่อภพภูมิของมนุษยชาติพวกนี้ มันได้แล้วคนสามารถเข้าใจแล้วมาประพฤติได้แล้วพวกคุณก็ได้อย่างจริงใจ ไม่ใช่ได้อย่างหลงตามที่อาตมาพูดเท่านั้นไม่ใช่ พวกคุณมีปัญญาชำแรกความรู้ไปถึงความจริงได้ แล้วเอาตัวเองมาปฏิบัติ ได้มรรคผลจริง เพราะฉะนั้นจึงมีพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์อย่างแท้จริง 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2563 ( 12:00:58 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:09:30 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:15:21 )

พ้นมิจฉาชีพทั้ง 5 ข้อ

รายละเอียด

อาตมามาไขความอาชีพที่สัมมา ที่สุด 5 ประการ ไขความแล้วเอามาให้พวกเราปฏิบัติ จนพ้น มิจฉาชีพ ทั้ง 5 ข้อนี้ได้มันยิ่งใหญ่นะ เอาล่ะ ข้อ 1 กุหนา ลปนา ไม่เท่าไหร่หรอก แค่โกงกับทุจริต คนก็เข้าใจง่าย กุหนาคือหลอกทุจริต ทั้งกายวาจาใจ ลปนาคือหลอกลวง หนักไปในภาษาคำพูด พฤติกรรมกายรูปหยาบน้อยลงนี่เป็นพวกนักธุรกิจ นักการเมือง ส่วนข้อ 1โกงดื้อๆหยาบๆ แต่ข้อ 2 มีเชิงฉลาดเฉโก หลอกด้วยคำพูด เช่นนักธุรกิจ นักการเมือง อันนี้เนียนหลอกซ่อนพรางลวง ก็เลยกินได้เยอะ ส่วนข้อ1 คนรู้ง่ายก็กินไม่ได้มาก เนมิตกตา คือ การเสี่ยงโชค การยังไม่ได้เป็นตัวจริง ยังไม่เป็นโชคอย่างแท้จริงก็คือผู้ที่ปฏิบัติอยู่รู้จักหลักปฏิบัติแล้ว เริ่มต้นรู้จักปฏิบัติว่าจะต้องมี ศีล สมาธิ ปัญญา ปฏิบัติไปตามลำดับ เพราะฉะนั้นก็จะบรรลุธรรมตามลำดับ จนหมดมิจฉาชีพข้อที่ 3 มีอาชีพบริสุทธิ์ข้อ 3 เนมิตกตา เริ่มรู้สึกปฏิบัติเริ่มรู้ธรรมปฏิบัติด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา พ้นจากมิจฉาชีพมาได้เรื่อยๆจนกระทั่งได้ด้วยตัวเองบริสุทธิ์ได้ครบของตัวเองพ้นมิจฉาชีพข้อที่ 3 แต่หลายคนพ้นแล้วยังมอบตนอยู่ในทางผิด เป็นทาสนายทุน ไม่ใช่ทาสของนายทุนโดยตรงก็เป็นโดยอ้อมไปทำงานอาชีพไปรับใช้รับจ้างนายทุน เกี่ยวข้องอยู่กับนายทุนทั้งหลายแหล่ ไม่มาอิสระจริง จะค้าจะขายจะทำอะไรก็ไม่ได้อยู่ในแวดวงคนบริสุทธิ์ด้วยกัน ยังมอบตนในทางที่ผิด มันก็ละเอียดซ้อน แม้แต่ชาวอโศกก็ยังมีที่ไปมอบตัวในทางที่ผิดมีแฝงอีกเยอะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:39:43 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 08:41:52 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:10:19 )

พ้นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

หลุดพ้นจากความรู้ ความเห็นผิดขั้นต้น

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 235


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:25:28 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:20:55 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:06:37 )

พ้นมิจฉาอาชีวะ5

รายละเอียด

พวกเราพ้นมิจฉาอาชีวะ 5 ซึ่งที่อื่นไม่เคยเห็นใครยืนยันได้เด็ดขาด อย่างที่พวกเราพาทำกัน พ้นมิจฉาอาชีวะ 5 ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 13:42:54 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:45:41 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:06:01 )

พ้นมิจฉาในกรรม 4 ได้ยากด้วยเหตุใด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นแม้แต่การจะรู้ กรรม 4 สังกัปปะ วาจา กัมมันตะ อาชีวะ เขาก็พ้นมิจฉาได้ยาก เพราะว่าสังกัปปะ 7 มิจฉา 3 ของสังกัปปะ 7 คุณไม่พ้นมิจฉา 3 ของสังกัปปะ ผู้รู้จิตในจิต จัดการเรื่องจิตรู้จักสังกัปปะ 7 รู้จักจิตที่วิตกแล้วก็ทำให้จิตเป็นวิจาร คือพฤติที่ดียิ่ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 15:15:22 )

พ้นวิจิกิจฉา

รายละเอียด

1. สัมผัสรู้ชนิดหมดสงสัย

2. ไม่หลงเหลือความเคลือบแคลงสงสัยใด ๆ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 401, เปิดโลกเทวดา หน้า 45, หน้า 46


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:27:52 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:22:35 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:05:07 )

พ้นวิจิกิจฉา

รายละเอียด

ข้อที่ 2 บอกเป็นวิจิกิจฉาคือมันสัมมาทิฏฐิสมบูรณ์แบบใช่หรือเปล่า มันต้องพ้นวิจิกิจฉา ใช่ เขาไปพ้นวิจิกิจฉาว่าคือไม่สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันก็เป็นพยัญชนะถูกต้องอยู่ แต่ธรรมะละเอียดลออคุณไม่รู้ คุณเข้าใจธรรมะอย่างครบมันก็ได้ ฉะนั้นก็จะต้องเข้าใจ สงฆ์เมื่อคุณมีสัมมาทิฏฐิในธรรมะ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณเห็น สงฆ์ จะเป็นสงฆ์คือ ผู้ที่เป็นสาวกะสังโฆ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วปฏิบัติประพฤติตรงแล้วคุณจะรู้ ว่าคุณเข้าใจพระพุทธ พระธรรม พ้นจากวิจิกิจฉา คุณก็ต้องเข้าใจคนที่เป็น สงฆ์ ที่มีธรรมะถูกแล้วตรงกับพุทธ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายในบุคคล 7 วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน 2566 แรม 13 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2566 ( 21:27:57 )

พ้นวิจิกิจฉา คืออย่างไร

รายละเอียด

พ้นวิจิกิจฉา คือ พ้นความสงสัย คลางแคลงใจในเรื่องของกายนี่แหละ แต่ก่อนเรานึกไม่ออก ตีไม่แตก ตอนนี้ตีออกแล้วพ้นสงสัย แต่ไม่ใช่พ้นล่วงหมดเลย วิจิกิจฉามีอีกยาวเยอะ รู้อันนี้ รู้แล้วสงสัยอันต่อไป มีอีกเยอะแยะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 15:32:49 )

พ้นวิจิกิจฉาก็ตีความผิดๆ เพี้ยนๆ!

รายละเอียด

แต่ชาวพุทธปัจจุบันนี้ ไพล่ไปเน้นเพียงว่า “พ้นวิจิกิจฉา

สังโยชน์”นั้นคือ ต้องพ้นวิจิกิจฉาใน“พระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์”

ซึ่งมันไม่ใช่ มันกำหนดผิดจุดหมายสำคัญกันไปแล้ว

ในที่นี้ไม่่ใช่“พ้นวิจิกิจฉา”เรื่องพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์

มันต้องเน้นที่ตรง“กาย”ต่อจาก“สังโยชน์”ข้อที่ 1 ต่างหาก

ที่จะต้อง“พ้นวิจิกิจฉาในความเป็นกาย” จึงจะ“สัมมาทิฏฐิ”ใน

กระบวนการของ“สังโยชน์ 10” 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 249 หน้า 202


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:03:50 )

พ้นสงสาร พ้นเวทนา

รายละเอียด

นั่นเป็นเรื่องจริง ที่ท่านฟ้าไทเกริ่นมาแล้ว ธรรมะของพระพุทธเจ้านี้ เป็นธรรมะที่ทำให้คนหมดความเห็นแก่ตัวหมดตัวหมดตน ความหมดความเห็นแก่ตัวหมดตัวหมดตนมี 2 ลักษณะที่คนเข้าใจกัน ลักษณะหมดตัวหมดตน โดยที่เอาตัวตนออกไปจากข้างนอกไปเลย พวกลัทธิเชนหนีไปจากโลกเลย แล้วเขาก็ว่าของเขาไม่มีตัวตน กับอีกอย่างหนึ่งไม่ต้องหนีจากโลกเลย แต่รู้ตัวตนที่จริงแล้วลดละตัวตนในตน ตั้งแต่โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา หมดตัวตนอย่างเด็ดขาดที่พระพุทธเจ้าท่านสอน แล้วการหมดตัวตนของพระพุทธเจ้าจึงอยู่กับสังคม อยู่กับโลก อยู่กับมนุษยชาติ แล้วจะเกิดพรหมวิหาร เกิดอัปปมัญญา รู้ว่ามนุษย์ทั้งหลายน่าสงสารตกอยู่ในสงสาร มนุษย์ทั้งหลายน่าเวทนานะ เพราะว่าตกอยู่ในเวทนาไม่รู้จักเวทนา ปฏิบัติไม่ลดละเวทนา จนทำให้เวทนานั้นหมดความทุกข์หมดความสุขไม่เป็น นี่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เรื่องของสงสารเรื่องของเวทนาชัดเจนอย่างนี้ แล้วก็มาสอนให้ผู้คนมาเรียนรู้แล้วก็ลดสงสาร ลดเวทนาที่ตัวเองตกอยู่ในสงสารตกอยู่ในเวทนา จนพ้นสงสาร พ้นจากเวทนาได้ อย่างลึกซึ้งสุดยอด เป็นคนที่หมดสงสารหมดเวทนา ฟังแล้วสับสนหรือไม่? ฟังแล้วรู้สึก ตื้อๆไหม หมดสงสารหมดเวทนาแล้วก็ไม่งงหรือ คือ หมดวน หมดความรู้สึกโลกที่เขายังงุนงงยังไม่รู้จักเวทนา นี่เรารู้จักเวทนาแล้วทำให้เวทนาของตนหมดความเป็นเวทนาที่เป็นทุกข์เวทนา แม้ที่สุด หมดเวทนาที่เป็นสุขเวทนาด้วยเป็น อทุขมสุขเวทนา หรือ อุเบกขา เพราะฉะนั้นสรุปแล้วพระพุทธเจ้าสอนคนให้เป็นคนหมดตัวตน แล้วให้ช่วยผู้อื่น เห็นใจผู้อื่นสงสารผู้อื่น เวทนาผู้อื่น ก็มีชีวิตอยู่เพื่อช่วยผู้อื่นให้พ้นสงสารพ้นเวทนา อย่างที่ตัวเองได้พ้นสงสารพ้นเวทนานั้นๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 11:56:29 )

พ้นสักกายทิฏฐิ

รายละเอียด

1. ตัวตนกิเลสของเรา ลดได้จริง 

2. หลุดพ้นจากกิเลส(คือตัวตนกิเลส)ตัวนั้นเป็นขั้นต้น หรือขั้นหยาบ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 402, จากหนังสือธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 235


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:29:08 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:24:09 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:04:14 )

พ้นสักกายทิฏฐิ คือสังโยชน์ข้อที่ 1 !

รายละเอียด

ดังนั้น ทั้ง“ส หรือ สัก”ที่หมายถึง“อันเป็นของตน” 

คุณก็ต้องมีความเข้าใจ(ทิฏฐิ)ถูกต้องถ่องแท้ให้ได้ก่อน 

นั่นคือ “พ้นสักกายทิฏฐิ” ซึ่งเป็น“สังโยชน์ข้อที่ 1 

แล้วคุณจึงจะทำ“การกำหนดรู้(ใช้ความเป็น‘สัญญา’ของคุณเอง)”เพื่อศึกษาความเป็น“กาย”ที่มีทั้งความหลากหลาย“มิติ” 

และมีทั้งความมากมายของ“นัย”ที่คุณจะต้องวินิจฉัยวิจัย

วิจารกระทั่ง“รู้จักรู้แจ้งรู้จริง”ความเป็น“กาย”

ได้ถ้วนครบมากที่สุด บริบูรณ์ที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ 

ตามความเก่งที่สามารถของตนเอง

และทั้งความเป็น“กาย”นี้แหละ มันมีความหลากหลาย “นัยะ”มากมาย“มิติ”เหลือเกิน ที่คนไทยยุคปัจจุบันนี้ได้พา  กัน“มิจฉาทิฏฐิ”กันไปอย่างสุดโต่งหลงว่าเป็น“วัตถุ” และมีภาวะแค่“1”เท่านั้นด้วย

มันจึงน่าสงสารชาวพุทธในยุคนี้จริงๆ!

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 419 หน้า 303


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 13:51:41 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:28:31 )

พ้นสักกายทิฏฐิ 

รายละเอียด

พ้นสักกายทิฏฐิ  คือ การพ้นสังโยชน์  ข้อแรกของโลกุตรภูมิจึงจะเป็นผู้มีปัญญาที่สามารถรู้จัก รู้แจ้ง  รู้จริง  ตัวตนของกิเลสในตน (สักกาย) แท้จริง  คือ มีรู้ที่พ้นสักกายทิฏฐิ

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:21:27 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:47 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:03:34 )

พ้นสักกายทิฏฐิคืออย่างไร

รายละเอียด

แล้วพ้นอะไร สักกะ แปลว่าของตน กายแปลว่าภาวะรูปนามภาวะสอง คำว่า กาย มีความลึกซึ้งซับซ้อนมาก คำว่า กายกับคำว่าเทวะก็แปลว่า 2 กายมีหนึ่งเดียวไม่ได้  เป็นภาวะนอกภาวะในคู่กัน โดยเฉพาะการต้องมี กายกับจิต มีโลกียะโลกุตระ รูปกับนามเป็นต้น สองนี้  อธิบายได้ทุกอย่างในโลก จับคู่อธิบายแล้วจะขยายไปเป็นอิทัปปัจจยตา เป็นปฏิจจสมุปบาท มันจะมีเหตุปัจจัยต่อเนื่องยาวไป เริ่มต้นคนไม่เข้าใจคำว่ากายคำเดียว เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด หากเข้าใจกายผิด เช่น คนไทยเข้าใจคำว่ากาย เป็นเพียงวัตถุ ภายนอก ไม่เกี่ยวกับจิตเลย นี่กลัดกระดุมผิดเม็ดแรกเลย ก็ไปหมด มันบานเป็นปากกรวย ห่างไกลจากวิเวกเลยหมดทางที่จะบรรลุเลย เพราะฉะนั้นผู้ที่เริ่มต้นเข้าใจว่ากาย คือภาวะสองคือรูปกับนาม กาย คือ จิต มโน วิญญาณ หากไม่เข้าใจคำว่ากายคือแค่วัตถุภายนอก คนนี้ปิดประตูบรรลุนิพพานได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 15:28:22 )

พ้นสังโยชน์

รายละเอียด

พ้นความเป็นสัตว์

หนังสืออ้างอิง

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 287 หน้า 49


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:29:51 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:25:04 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:57:32 )

พ้นสังโยชน์ 10 ได้เป็นพระอรหันต์

รายละเอียด

เอาแต่แค่ 10 ข้อนี้คุณทำให้ได้ถูกต้องหมดก็เป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องหาอะไรอย่างอื่นมาให้ยุ่งยากเลยที่จะบอกว่าอนุสัย 7 อีก ไม่ต้องหรอกเอาแค่ อาสวะ 10 อย่างนี้ให้หมดก่อนคุณจะรู้จักทางปฏิบัติอนุสัย 7 อีก เมื่อสังโยชน์ทั้ง 10 นี้ พระพุทธเจ้าก็นับเป็นพระอรหันต์ หมดอาสวะ เป็นผู้ที่มีปัญญาวิมุติแล้ว เขาไม่หมุนเวียนกลับคืนไปหาทางโลกีย์ไม่มี เขาไม่ทำก็เรื่องของเขา แต่จริงๆแล้วมันลึกซึ้ง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 10:35:03 )

พ้นสังโยชน์ 3 คืออย่างไร

รายละเอียด

คุณเริ่มทำได้แม้แต่แค่เบื้องต้น ทำใจในใจได้เบื้องต้นทำได้ นิดนึง กระทบที่ไหนก็ได้ กิเลสคุณในจิต ก็รู้จักกิเลสทำให้กิเลสลดได้ เริ่มต้นลดได้ เริ่มต้นทำได้ตัวอย่างนิดนึงเรียกว่าพ้นสังโยชน์ 3 มีสักกายะทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส หมายความว่า รูปนาม สิ่งที่สัมผัสภายนอกไม่ว่าจะเป็น สัตว์ ของ ตาหูจมูกลิ้นกายใจคุณไปกระทบ เป็นสักกายะ ชัดเจนคุณสามารถอ่านรู้ได้อย่างไม่มีวิจิกิจฉาไม่สงสัยอย่างชัดเจน รู้หทยรูป มันมีภาวรูป ชีวิตรูปอยู่นะ แยก อิตถีภาวะ ปุริสภาวะได้ มีชีวิตรูป โดยเฉพาะวิจัยอาการของชีวิต แยกออกในอาการ ราคะโทสะโมหะยังมีอยู่ในชีวิต ชีวิตของกาม ชีวิตของปฏิฆะหรือโทสะ จิตของคุณมีธาตุรู้ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์แล้ว กระทบสัมผัสแล้วในจิตใจเรามีอะไรผสมอยู่ เป็น
สสังขาริกัง รวมปรุงแต่งในสังขารเรา มีธัมมวิจัยในปัญญาเรารู้ว่า มันไม่เที่ยง มันเป็นเหตุแห่งทุกข์ มันไม่มีตัวตน อกุศลจิตตัวนี้ มันเป็นทุกข์ มันเป็นเหตุแห่งทุกข์ มันไม่มีตัวตน อย่ามาหลอกข้า เอ็งเป็นผี เอ็งเป็นผี ไปหลอกคนอื่นเถอะ แต่ที่จริงคุณกำลังหลอกคุณเองคุณกำลังมี ถ้าคุณไม่มีเลยก็ไม่มีผีหลอก กระทบแล้วมันก็ไม่เกิด อกุศลจิตตัวนี้ไม่เกิดคุณก็ไม่มีผี แต่มันยังมีอยู่ในจิต มันหลอกเราอยู่น้อยหนึ่ง นึกว่าตายเกลี้ยงแล้วยังโผล่มาอีก ฟังเข้าใจดีไหม

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:34:44 )

พ้นสังโยชน์ 3 อย่างไรที่สัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

สังโยชน์ 3 คือ พ้นสักกายทิฏฐิ พ้นวิจิกิจฉา พ้นสีลัพพตปรามาส 3 หัวข้อใหญ่นี่คือเป็นหัวข้อใหญ่ของอาริยบุคคลระดับโสดาบัน ต้องรู้ ต้องลงหลักปักฐานเลย ต้องใช้ 3 ตัวนี้ไปตลอดจนจบอรหันต์ โพธิสัตว์ก็ต้องใช้ ถ้าคุณไม่ผ่าน 3 จุดนี้ พ้นสักกายทิฏฐิ พ้นวิจิกิจฉา พ้นสีลัพพตปรามาส อย่างสัมมาทิฏฐิจริงๆชัดเจน คุณเป็นโสดาบันหนืด โสดาบันขี้เท่อ ไปไม่ออกหรอก จะเป็นโสดาบันต้องได้ อันนี้อย่างสมบูรณ์แบบครบจริงอย่างชัดเจน มีสภาวะจริง ว่าคุณเข้าใจกาย ไม่สงสัยในกาย ไม่สงสัยในตัวตน พ้นจากวิจิกิจฉา แต่ท่านไปอธิบายพ้นวิจิกิจฉาว่า ไม่สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ได้ แต่ถ้าคุณอธิบายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หมายถึงอะไร พระพุทธหมายถึงพระพุทธเจ้า ก็รู้ พระธรรมหมายถึงคำสอน พระสงฆ์ก็นี่ไง พระสงฆ์คุณก็ไม่สงสัยแล้ว พระสงฆ์นี้เป็นสัตบุรุษ เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าจริง คุณก็หมดสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ก็วิจิกิจฉา ในสีลัพพตปรามาส

คุณยังสงสัยในวิธีปฏิบัติ หรือคุณไม่สงสัยแล้ว เมื่อคุณไม่สงสัยแล้ว คุณพ้นมิจฉาทิฏฐิ ในสีลพรต ในวิธีปฏิบัติว่าถูกต้องตรงเลย ถูกต้องแล้วทำไมยังมาเล่นอยู่กับโจรต่อไป ลูบคลำเล่นหัวเหลาะแหละอยู่กับโจร ปรามาส อยู่กับไอ้โจร ทำไมไม่ฆ่าโจร ให้หอกไปตั้งสามร้อยเล่ม ไม่แทงสักหอก แต่ถ้าแทงสามร้อยเล่ม เช้ากลางวันเย็นก็ยังพอว่า โทษไอ้โจร ว่าโจรไม่ตาย แต่คุณได้แทงแล้วหอกหมด ก็ไม่ว่ากัน แต่นี่ไม่แทงมันเลย แต่โพธิรักษ์แทงไป 3 รอบแล้วหอกอาตมาหักหมดเลย 



 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 11:50:37 )

พ้นสังโยชน์ข้อที่ 1 พ้นสักกายทิฏฐิ!

รายละเอียด

ผู้จะ“พ้นสังโยชน์”ข้อที่ 1 ของศาสนาพุทธจึงเริ่มต้นด้วย“พ้นสักกายทิฏฐิ” เพราะ“กาย”นี้เป็นทั้งเบื้องต้น และเป็นทั้งเบื้องปลายกันสำคัญยิ่ง ซึ่งยุคนี้ทุกวันนี้คำว่า“กาย”มันได้ผิดเพี้ยนกันไป อย่างยากมากเลยที่อาตมาพยายาม ฟื้นให้“สัมมาทิฏฐิ”ในคำว่า“กาย” คืนกลับมากันอย่างสุดยากแสนสาหัส ดังที่ผู้ศึกษากับอาตมามาก็จะเห็นกันอยู่  ว่ามันต้องใช้ความอุตสาหะแค่ไหน ซึ่งการ“หลับตา”ปฏิบัตินั้น มันไม่มี“อปัณณกปฏิปทา 3” ซึ่งก็ชัดๆอยู่แล้วว่า เมื่อไม่มี“อปัณณกปฏิปทา 3”นี้ มันก็ไมใช่ศาสนาพุทธแล้ว เพราะมันก็ผิดไปจากศาสนาพุทธแล้วโต้งๆ เมื่อ“หลับตา”ลงไป “ภายนอก”ก็หายไป “กาย”ก็ไม่ครบความเป็น“กาย”  ผู้ปฏิบัติที่‘หลับตา”จึงชื่อว่า ไม่ครบ“กาย”

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 423 ข้อที่ 575


เวลาบันทึก 05 มิถุนายน 2565 ( 13:46:24 )

พ้นสัตตาวาส 9 ได้ต้องเข้าใจกายกับสัญญา

รายละเอียด

นี่คือธรรมะที่ลึกซึ้งของพระพุทธเจ้า คำว่ากายคำหนึ่ง คำว่าสัญญาคำหนึ่ง แค่นี้สำคัญนะ สัตตาวาส 9 ก็ดี วิญญาณฐิติ 7 ก็ดีพูดถึงเรื่องกายกับสัญญา โดยเฉพาะสัตตาวาส 9 ความเป็นสัตว์มีอยู่ 9 เท่านี้แหละ ถ้าคุณเข้าใจความเป็นสัตว์ใน 9 นี้ไม่ได้ แล้วคุณก็ปฏิบัติให้พ้นความเป็นสัตว์ทั้ง 9 นี้ไม่ได้ คุณก็ไม่เป็นอรหันต์ เพราะฉะนั้นจะให้พ้นสัตตาวาส 9 ให้ได้ คุณต้องเข้าใจกายกับสัญญาอย่างถูกต้องสมบูรณ์ ถ้าคุณไม่เข้าใจคุณทำไม่ได้ 

เช่นคนไปนั่งหลับตาจะไปนั่งดับ อสัญญีสัตว์ แล้วอสัญญีสัตว์คือการไม่กำหนดรู้อะไรเลย คือการดับสัญญา ทำให้สัญญาดับ เป็นตัวที่ 5 ของ สัตตาวาส 9 ถ้าคุณทำอย่างนี้ ก็สุญโญเลย

ถ้ายังพอเข้าใจว่า กายต่างกันสัญญาต่างกัน กายต่างกันสัญญาอย่างเดียวกัน กายอย่างเดียวกันสัญญาต่างกัน กายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน ก็ยังมีการกำหนดหมายถูกได้นะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:14:42 )

พ้นสีลัพพตปรมาส คืออย่างไร

รายละเอียด

พ้นสีลัพพตปรมาส คือ มีศีล มีวิธีการ มีหลักวิธีปฏิบัติที่จะเป็นหลักการ ศีล แปลว่าหลักเกณฑ์หลักการ เอามาปฏิบัติ รู้หลักการ รู้หลักเกณฑ์ว่าจะประพฤติอย่างนี้ รู้ดีแล้วนะ พ้น แต่ไม่ทำสักที ไม่ปฏิบัติสักที เหมือนตำรวจไปจับโจร รู้นะว่าโจร แต่เล่นหัวกับโจร ไม่จัดการกับโจร กินข้าวต้มกุ๊ยร่วมกับโจร ลูบๆคลำๆ เหลาะแหละไม่ปราบโจรสักที  มีวิธีการที่จะปฏิบัติแล้วแต่ไม่ทำสักที แต่ถ้าไม่รู้จักเลยก็ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้รู้จักวิธีทำแล้ว จะเอาไว้ทำไมกิเลส เอาไว้ให้มันลาม ลามยิ่งกว่าอะไร เขาเรียกว่าอะไรนะ ขี้กลาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 15:34:59 )

พ้นสีลัพพตปรามาส

รายละเอียด

1. ผู้ปฏิบัตินั้นต้องมีสัมมาทิฏฐิและปฏิบัติมีผล คือพ้นสภาพที่เราปฏิบัติศีลพรตอย่างเหยาะ ๆ แหยะ ๆ  พ้นสภาพปฏิบัติแค่ลูบศีล คลำ-พรต เหลาะ ๆ แหละ ๆ ไม่เพ่งเพียรถึงขีด

2. ศีลหรือพรตที่เราปฏิบัติได้ผลจริง ไม่ใช่ได้แค่ลูบ ๆ คลำ ๆ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 62, จากคนคืออะไร? หน้า 402


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:30:45 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:26:22 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:56:14 )

พ้นสีลัพพตุปาทานย่อมพ้นสักกายทิฏฐิสังโยชน์ก่อน และพ้นวิจิกิจฉาสังโยชน์ในขั้นต่อไป!

รายละเอียด

ผู้ที่จะมีสิทธิ์เข้าไปปฏิบัติตนให้“พ้นสีลัพพตปรามาส”นั้น ต้องผ่านขั้นตอนเป็นผู้“พ้นมิจฉาทิฏฐิ”ในความเป็น“ศีล”และ“พ้นมิจฉาทิฏฐิ”ใน“การประพฤติ (พต)”ปฏิบัติได้จริงๆจังๆ กระทั่งมี“สัมมาทิฏฐิ”ใน“สีลัพพตุปาทาน”ได้ และต้องประพฤติเป็นผู้“พ้นสีลัพพตุปาทาน”มาได้ด้วยนะ จึงจะมีสิทธิ์เป็นผู้ปฏิบัติตน เพื่อให้“พ้นสังโยชน์ 10”กัน โดยต้องเริ่มต้นจากการ“พ้นสักกายทิฏฐิสังโยชน์”เป็นขั้นตอนแรกให้ได้ และขั้นต่อไปคือ“พ้นวิจิกิจฉาสังโยชน์”ก่อน แล้วจึงจะมีสิทธิ์ปฏิบัติเพื่อ“พ้นสีลััพพตปรามาส” ส่วนมากแล้วผู้ยังไม่“พ้นสักกายทิฏฐิ”นั้น คือ ผู้ที่ยังมิจฉาทิฏฐิแม้แต่คำว่า“กาย”อยู่ ก็คือ ผู้ที่ยังหลงลัทธิ“หลับตา”นั่นแหละตัวดี ทั้งๆที่คนทั้งหลายที่หลงเชื่อว่า การปฏิบัติเพื่อให้เกิดฌานเกิดสมาธิต้อง“หลับตา”ปฏิบัตินั้น ได้หลงผิดกันอยู่แล้ว ว่า “กาย”คือ “ภายนอก”กันเท่านั้น  “กาย”ไม่เกี่ยวกับ“จิต” “กาย”ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีส่วนเข้าไปถึง“ภายใน”จิต”เป็นอันขาด นี่คือ“มิจฉาทิฏฐิ” 100 %

 

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 419 ข้อที่ 568


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 14:24:20 )

พ้นอบายไปเป็นลำดับอย่างไร

รายละเอียด

พ้นอบายไปเป็นลำดับ ปถุชน เป็นอบายของโสดาบัน

โสดาบันเป็นอบายของสกิทาคามี

สกิทาคามีเป็นอบายของอนาคามี

อนาคามีเป็นอบายของอรหันต์

อรหันต์ระดับ 1 เป็นอบายของอรหันต์ระดับ 2

อรหันต์ระดับ 2 เป็นอบายของอรหันต์ระดับ 3

อรหันต์ระดับ 3 เป็นอบายของอรหันต์ระดับ 4

อรหันต์ระดับ 4 เป็นอบายของอรหันต์ระดับ 5

อรหันต์ระดับ 5 เป็นอบายของอรหันต์ระดับ 6

อรหันต์ระดับ 6 เป็นอบายของอรหันต์ระดับ 7

อรหันต์ระดับ 7 เป็นอบายของอรหันต์ระดับ 8

อรหันต์ระดับ 8 เป็นอบายของอรหันต์ระดับ 9

ระดับ 9 ก็เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธะกับพระพุทธเจ้า มีภูมิธรรมสัพพัญญูเท่ากันแต่พระพุทธเจ้านั้นประกาศศาสนาแก่โลก แต่ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไม่ได้ประกาศศาสนาแก่โลกเท่านั้น ถ้าจะมองในมุมความไม่มีตัวตนพระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไม่มีตัวตนยิ่งกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ประกาศตัวตนเลย อาตมายังไม่ถึงพระพุทธเจ้าไม่ถึงปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า แค่ระดับ 7 ไล่ระดับไปถึง 8 9 เท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 6 วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564 แรม 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2564 ( 14:14:01 )

พ้นอวิชชา

รายละเอียด

คือ รู้จักรู้แจ้งรู้จริงที่สุดแห่งที่สุด ของ“ความจริงอันยิ่งใหญ่”ครบครัน หรือเป็นผู้“หลุดพ้นจาก ความไม่รู้”ในสรรพสิ่งทั้งปวง ชนิดที่สัมผัส“ของจริง”ทั้งหมด พุทธจึงเป็นศาสนาที่สามารถสัมผัส“ปรมาตมัน” หรือ“ปรมัตตา”(ปรม+อัตตา)ได้ถึงสาระอันยิ่งใหญ่ที่เป็นแก่น ของ“อัตตา”เรียกว่า“ปรมัตถ(ปรม + อัตถ)”อย่างเป็นจริง ที่มี ความเป็น“จิตวิญญาณ”อันครบถ้วนด้วย“ตรีมูรติ(ผู้สร้าง-ผู้รักษา-ผู้ทำลาย)”ที่สมมุติกันว่าเป็น“พระพรหม”คือ ผู้สร้าง “พระนารายณ์หรือพระราม”คือผู้รักษา “พระศิวะหรืออิศวร”คือ ผู้ทำลาย อย่างมีสภาวะ“จิตวิญญาณ”จริงๆรองรับ ที่ คน“สัมผัส”กันได้แท้ครบ“สัจจะ 2 ประการ”ยืนยันในโลก

หนังสืออ้างอิง

คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1  หน้า 434-435


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 16:07:36 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:56:54 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:54:08 )

พ้นอวิชชาอย่างไรให้ถึงอุเบกขา

รายละเอียด

ต้องเข้าใจอาการสัญญา สังขาร จนกว่าจะพ้นอวิชชารู้จักสังขาร สังขารที่ปรุงแต่งเป็นวิญญาณ เป็นอย่างไรต้องรู้นามรูปเป็นภาวะ 2 กระทบสัมผัสกันเข้า มีอายตนะ มีผัสสะ 

นามรูปสัมผัสเป็นอายตนะ อายตนะก็คือสังขารหรือวิญญาณหรือเวทนานั้นแหละ 

อายตนะมีอะไรสัมผัสก็มีอะไรปรุงแต่ง ปรุงแต่งถึงวิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา เวทนาเป็นความรู้สึกที่ทุกข์ก็ได้ สุขก็ได้ ไม่ทุกข์ไม่สุขก็ได้ อุเบกขาก็ได้  ก็เรียนรู้ แม้อุเบกขาก็ไม่ติดยึดอุเบกขาเป็นเราเป็นของเราที่เป็นวิปัสนูปกิเลส เราสามารถเข้าใจพยัญชนะ เข้าใจสภาวะแล้วทำให้มีสภาวะตรงกับพยัญชนะ ก็ปล่อยวางหมดเลย อุเบกขาก็เป็นอาศัยปราศจากกิเลสแล้วทำกรรมก็ทรงไว้ซึ่ง อุเบกขา 5 สูงขึ้นไปเรื่อยๆสะสมความเจริญอย่างนี้พัฒนาตนเองให้มีสิ่งเหล่านี้มากยิ่งขึ้นก็ยิ่งจะรู้ยิ่งขึ้นว่า มันเป็นอย่างนี้เอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:39:23 )

พ้นอวิชชาได้อย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น พ้นอวิชชาศึกษาความจริง ศึกษาสังขารวิญญาณ วิญญาณสังขารปรุงแต่งกันจับตัวกันเป็นวิญญาณ วิญญาณคือนามรูป ไม่รู้นามรูปแยกแยะวิญญาณไม่ได้ แยกทีละคู่ทีละ 2 ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องจำนนต่อ 2 คุณไม่รู้ คุณก็ได้แต่ 1 1 1 1.. อย่างอวิชชา 1 อย่างอวิชชา 1 อย่างไม่รู้ความจริง เราก็ไปงมงายอยู่กับความไม่จริง มันก็เลยไม่สามารถที่จะไปรู้รายละเอียดของความจริงทั้งหมดเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:32:21 )

พ้นอัตตานุทิฏฐิ

รายละเอียด

1. ตัวตนกิเลสของเราถึงขั้นหมดได้จริง 

2. หลุดพ้นจากตัวตนของกิเลสต่าง ๆ ได้จนหมดความเป็นตัวตนทุกตัวตน

หนังสืออ้างอิง

จากคนคืออะไร? หน้า 402, จากหนังสือธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 235


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:32:13 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 12:27:11 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:51:03 )

พ้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ

รายละเอียด

ความชัดนิดหนึ่ง น้อยหนึ่งก็ไม่มี เอาให้ชัด ต้องผัสสะให้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปแสวงหาหรอก จะมีอยู่ในชีวิตเวลาทำแล้วตกหล่นก็อย่าฮึดฮัด ทำไปจนรู้ได้จริง จะเกิดญาณ ปัญญา กำหนดรู้จิตตนว่ามันหมดแล้ว พ้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ จะใช่ก็ไม่ใช่ จะไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ก็ได้ฝึกฝนลดตัวตนต่างๆ จนมันไม่มีแล้ว มีแต่ดับ ไม่เกิดอีก แม้กระทบก็ทำซ้ำ ทุกปัจจุบัน เรียนรู้จบด้วยเวทนา 108 มี 36 36 36 ทุกปัจจุบัน ก็ได้ฝึกฝน สำรวมสังวรก็ได้ผล

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอารยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:54:06 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:31 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 13:52:15 )

พ้นโลกอบายได้จึงเป็นพระอาริยะ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นรู้แต่ภาษาเฉยๆยังไม่ถึงขั้นเข้าถึง กาย เข้าถึงการปฏิบัติจริงมีรูปมีนามของตนด้วย แล้วก็รู้กิเลสในรูปนาม ทำให้กิเลสมันลดได้ตั้งแต่ด่านต้น โลกอบาย คุณไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่หยาบที่คนไม่ควรไปเกี่ยวข้องเลย เป็นคนในสังคมนี้ ทำไมสิ่งที่หยาบอย่างนี้ไม่เลิกไปให้หมด เสียเวลาทำไม คุณจึงจะเป็นคนที่พ้นมาเป็นพระอาริยะมีภูมิปัญญาไปตามลำดับ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 16:47:17 )

พ้นโอรัมภาคิยสังโยชน์ (พ้นสังโยชน์เบื้องต่ำ 3)

รายละเอียด

1. พ้นสักกายทิฏฐิ  (พ้นความเห็นในกิเลสหยาบว่าเป็นตัวเรา) 
2. พ้นวิจิกิจฉา  (พ้นความสงสัยในตัวตนสักกายะกิเลส ) 
3. พ้นสีลัพพตปรามาส  (ไม่ปฏิบัติย่อหย่อนในศีลพรต  แบบ   ลูบๆ คลำๆ  ทำเหยาะๆ แหยะๆ ไม่เอาจริง  ยังอสุรกายอยู่)

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2562 ( 11:50:04 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:05 )

พ้นโอรัมภาคิยสังโยชน์ (พ้นสังโยชน์เบื้องต่ำ 5)

รายละเอียด

1. พ้นสักกายทิฏฐิ (มีญาณรู้ตัวตนกิเลสหยาบว่าไม่ใช่เรา)  
2. พ้นวิจิกิจฉา (พ้นความสงสัยในสักกายะกิเลส ฯลฯ) 
3. พ้นสีลัพพตปรามาส (คือ ปฏิบัติไม่ย่อหย่อนในศีลพรต อย่างเอาจริง ไม่ทำแค่ลูบๆ คลำๆ  ทำเหยาะๆ แหยะๆ) 
4. พ้นกามฉันทะ (ความพอใจด้วยกาม) 
5. พ้นพยาปาทะ (ความคิดปองร้ายผู้อื่น) 
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฏก เล่ม 11   ข้อ 284, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2562 ( 11:53:17 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 13:59:00 )

ฟังข้อติติงต้องมี “ปรโตโฆสะ”จึงจะได้ประโยชน์!

รายละเอียด

 ลูกศิษย์ลูกหาท่านมหาบัว ก็โปรดอดใจฟังด้วยใจสงบ มี“ปรโตโฆสะ”ให้ดีๆกันเถิด ลดอคติบ้าง จะได้ประโยชน์แก่ตนจริงๆ

อย่าหลงพากันงมงาย“อโยนิโสมนสิการ”กันอยู่นักเลย โงหู โงหัวขึ้นมา

บ้าง จะได้มี“สัมมาทิฏฐิ”กันขึ้นมาหาสัจจะเสียที

เรื่อง“หลับตา”ปฏิบัตินี้แหละ ที่อธิบายอย่างไรๆ ผู้ที่ยัง

“มิจฉาทิฏฐิ”ใน“ฌานหลับตา-สมาธิหลับตา”อยู่ ก็ยังยึดมั่นถือมั่นใน

“มิจฉาทิฏฐิ”ของตนๆในเรื่องนี้กันไม่คลาย จึงยังยาาาากส์มากเหลือเกิน ยากสุดๆจริงๆ!  

แม้จะยากอย่างไร หนักหนาสาหหัสเท่าไหร่ ก็จำเป็นต้องพูดกัน

เพราะมันเป็น“มิจฉาทิฏฐิ”จริงๆ!!! ที่ต้องช่วยกันให้ได้

มันน่าสงสารจริงๆนะ!!!!!

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 355 หน้า 261


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 11:12:54 )

ฟังความคิดผู้อื่น

รายละเอียด

เอาแต่ความคิดเราเองมาอธิบาย มันก็จะไม่รู้ว่า แล้วคนฟังเขาจับติดไหม เขารับรู้ด้วยไหม เขาจะเข้าใจตามเราไหม มันไม่มีอะไรจะยืนยันพิสูจน์ อันนี้มันเป็นเครื่องยืนยันพิสูจน์ ว่ามันสัมพันธ์กัน มีจุดร่วมเชื่อมต่อกัน ขยายความกันได้ มันก็เป็นผล เป็นประโยชน์ที่ดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พระอภิธรรมของ ฌาน และเวทนา 108 วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2567 ( 17:18:26 )

ฟังดีๆอย่างเข้าใจจะได้ปัญญา 

รายละเอียด

ถ้าคุณทำบุญเป็นบุญที่สัมมาทิฏฐิ คือการตัดกิเลส ไม่ใช่กุศลอย่างนั้น มันเข้าใจยากกัน แต่คิดว่าผู้ฟังด้วยดี สุสสูสัง ลภเตปัญญัง ฟังดีๆอย่างเข้าใจจะได้ปัญญา เพราะฉะนั้น เกจิอาจารย์เข้าใจผิดก็เลย ขยายปัตติทานมัยผิด บอกว่าเอาบุญมาฝากนะ พอเป็นปัตตานุโมทนามัย เอาบุญมาฝาก ก็อนุโมทนา ยินดีด้วย หรือยินดีด้วยนะที่คุณได้บุญ ปัตตานุโมทนามัย บรรลุด้วยการยินดีด้วยที่คุณได้บุญ มันมีสัมมาทิฏฐิเหมือนกัน ถ้าคุณตัดกิเลสได้ดีจริงๆถูกต้องจริงๆสัมมาทิฏฐิจริง เราก็ยินดีกับคุณที่ปฏิบัติได้สำเร็จ มันก็เป็นปัตตานุโมทนามัยที่ถูกต้อง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 13:31:46 )

ฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา

รายละเอียด

การตั้งชื่อคำว่า กำจัดรูปและนามก็ชักชอบกล ถ้าหากไปกำจัดรูปและนามก็ไม่รู้จักวิญญาณ คุณก็มองข้ามไปทั้งหมดเลย พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าถ้าผู้ใดมีความรู้เรื่องวิญญาณ มีความเรื่องรูปนามก็จะรู้ทุกอย่าง ต้องใช้เป็นธรรมะ 2 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:24:27 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:46:54 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:05:24 )

ฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา

รายละเอียด

สุสูสังลภเตปัญญัง อย่ามาตั้งใจจับผิดอาตมา ฟังแล้วจับผิดอาตมา ให้ฟังด้วยดีฟังด้วยความเข้าใจ หากว่าเขาฟังธรรมอย่างเพ่งโทษไม่มีทางเข้าใจหรอก ก็จะหาทางแย้งมาสารพัด อะไรก็แย้งได้ หาทางแย้งได้หมด ไม่มีอะไรที่จะแย้งไม่ได้หรอก ถ้าหยุดแย้ง เข้าใจความจริงปฏิบัติตามความจริงให้ได้คุณจะจบ หากไม่หยุดแย้งคุณก็ไม่มีทางจบ เหมือนกันกับคณะพวกนักการเมืองที่กำลังหาทางแย้งอยู่ในทุกเหลี่ยมมุมมันไม่จบหรอก มันจะแย้งกันไปจนตายไปข้างหนึ่ง คนที่ยังเหลือก็แย้งกันไปต่อ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2563 ( 13:25:21 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:47:15 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:05:56 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์