@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ภาวะจริงของ “วิญญาณ” พุทธองค์ค้นพบ ทรงสั่งสอนเทคนิคการเรียนรู้!

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ“ภาวะจริง”ของ“วิญญาณ”ได้จริง ด้วย“การสัมผัส”ของ“นาม-รูป”ว่า “วิญญาณ”ต้องมี“เครื่องอาศัย (อาหาร) และ“เครื่องอาศัยของวิญญาณ (วิญญาณาหาร)”นั้น ก็คือ“นาม-รูป”(ภาวะ 2)ที่กระทบกันขึ้น(พระไตรปิฎก ปุตตมังสสูตร เล่ม 16 ข้อ 240 และสูตรอื่นๆ) จึงจะเกิด“ธาตุรู้”ขึ้นมาเป็น“วิญญาณ”ให้แก่ตนเองรับรู้ขึ้นมาได้ ปรากฏ“ความจริงพร้อมทั้งภายนอก-ภายใน (ครบความเป็น“เทฺว”คือ ภาวะ 2)”และครบ“ความเป็นเทฺว (“โลก“กับ“อัตตา”ก็เป็น“ภาวะ 2”อีกคู่หนึ่ง)” อันมีกระบวนการของ“สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย”(พระไตรปิฎกเล่ม 36 ข้อ 40) จึงจะยืนยัน“ความจริงเจริญบริบูรณ์”ในความเป็น“เทฺว”หรือเป็น“วิญญาณ”หรือเป็น“กาย”ที่มี“ภาวะ 2”ซึ่งก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นกว่า“วิญญาณ”ที่มีแต่“ภายในอันอยู่แต่ความนึกคิด” ซึ่งมันไม่มี“ภายนอก”ด้วย ไม่มี“ภายใน”ด้วย ครบเป็น 2 ..ใช่มั้ย?

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 469-470 ข้อที่ 654


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2565 ( 14:50:03 )

ภาวะจิตที่เป็นอรหันต์มีเพลินหรือไม่

รายละเอียด

มีอภิปโมทยังจิตตัง  คือจิตของอรหันต์มันสบายเบิกบานร่าเริงไม่มีการเศร้าหมอง อโศกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนัส อุปายาส ไม่มี จิตที่เป็น อภิปโมทยังจิตตัง ไม่ใช่มีจิตยินดีแบบนันทิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 12:09:04 )

ภาวะที่รู้ยากหรือเป็นยากคืออย่างไร 

รายละเอียด

เป็นลักษณะที่ซับซ้อน เป็นภาวะที่ รู้ยากหรือเป็นยาก รู้ยากคือ แม้แต่ตัวเราเองก็ไม่รู้ตัวเอง ว่าทำไมเรามีอันนี้แล้ว ก็ยังอยากได้อันนี้ มันซับซ้อนสับสนรู้ยาก 

แล้วที่ยิ่งมาให้เป็นก็ยิ่งเป็นได้ยาก ธรรมะต้องเป็นให้ได้ เป็นลำดับที่ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ไปเป็นก่อนรู้มันยิ่งช้า เหมือนอย่างที่ได้พูดมา เป็นแล้วแต่ไม่รู้ตัวมันก็จะช้านาน สายเจโต ไม่รู้ตัวง่ายมันก็จะช้ากว่า ผู้ที่เป็นแล้วก็รู้ เป็นแล้วก็รู้ สายปัญญาจึงเร็วกว่าตามธรรมดาธรรมชาติ นี่ก็เป็นแกนจิตเป็นแกนเดิมของทุกอย่าง สายปัญญา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:39:53 )

ภาวะที่แตกต่างกันมี 2 ภาวะ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจะเกิดกรรมที่สั่งสมเป็นธรรมได้ก็ต้องมีความเข้าใจเริ่มจากความเป็นจิตความเป็นพืช ความเป็นอุตุ 

อุตุ หรือ อุตุธาตุ หรือการกำหนดนิยาม คำจำกัดความของความเป็นธาตุก็คือมหาภูตรูป 4 คือดินน้ำไฟลม 

แล้วก็มีชีวะเป็นพืชเป็นระดับที่ 2 ก็เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่เกี่ยวเนื่องกันกับทั้งกายและจิต เพราะฉะนั้นก็จะเข้าใจในรายละเอียดของอีก 24 สภาพ อุปาทายรูป 24 

ตั้งแต่แยกคน มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็จะต้องมาเรียนรู้ภายนอกที่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย กับใจร่วมกับ 5 ทวาร ทำงานสัมพันธ์กันมีอายตนะ  

โดยท่านอธิบายแยกไว้มี ปสาทรูป โคจรรูป วิสยรูป

คือมีประสาทตากระทบกับรูปภายนอก โคจร มันเกิดทำงานแล้ว สตาร์ทเครื่องแล้ว ตา ประสาทตาทำงานกับสิ่งที่เป็นรูปภายนอก ภายในก็จะเกิดวิสัยที่รู้จักรูปนาม เป็นนามรูปขึ้นมา 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่รู้ขึ้นมาก็เป็นภาวะ 2 แล้วสิ่งที่เป็นภาวะ 2 ใดๆ ก็จะมีภาวะที่แตกต่างกัน มี 2 ภาวะ เป็น ปุริสภาวะ กับ อิตถีภาวะ นี่เป็น 2 ..ท่านมีรายละเอียดถึงขั้น รูปภายนอก 5 กับการสัมผัสอารมณ์เกี่ยวข้องกันโดยมีใจเป็นตัวร่วมกับรูปทั้ง 5 เป็น 5 คู่ 

สุดท้ายท่านสรุปว่า เหลือแค่ 9 รูป รูปภายนอกกับรูปภายในเหลือแค่ 9 เพราะจิตมันเป็นตัวร่วมอยู่ใน 5 คู่ เลยหักออกไป 1 เหลือ 9 ถ้าไม่มีจิตมันก็ไม่เกิด 5 คู่นี้ได้ มันก็มีแต่กาย 5 รูป 5 มันก็ไม่เกิดการมีภาวะที่จะเกิดภาวะ 2 ได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันนี้วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 11:59:49 )

ภาวะนิโรธ แต่จิตยังทำงานอยู่

รายละเอียด

“จิต”จึงยิ่งแจ่มใสสะอาดทำงานอย่างแจ้งกระจ่างสว่างอยู่ 

คือ“จิต”ยังมี“อยู่”(วิหรติ) และ“เวทนา”ส่วนที่ยัง“อยู่”ก็ยังมีอยู่

ทรงสภาพ“จิตประเสริฐวิเศษ”ทำงานอยู่ให้แก่มนุษยชาติในโลก ตราบที่ยังไม่ทำ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ไปขั้นสุดแห่งที่สุด

ฉะนี้เอง คือ ลักษณะ“นิพพาน”ที่ผู้ทำ“อรหัตตผล”สำเร็จในตนจริง 

ซึ่งเป็นการทำคุณวิเศษอันสำคัญยิ่งของพุทธได้สำเร็จคือ...

ทำ“กายในกาย” ให้“ไม่มีกายในกาย” อยู่ใน“กาย”อย่างเป็นจริง!

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 425 หน้า 309


เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 14:25:12 )

เวลาบันทึก 12 มิถุนายน 2564 ( 20:27:47 )

ภาวะรูป 2

รายละเอียด

ปุริสภาวะ กับ อิตถีภาวะ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 16:27:36 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:16:04 )

ภาวะรูป 2

รายละเอียด

คือ  สัมผัสแล้วจะเป็นรูปที่รวม  แล้วแยกได้เป็น 2 จากการกระทบ ก็เรียกเป็นเทวะ  หรือเป็นกาย  เรียกว่า  ภาวะรูป  กับนาม  ตัวที่ถูกรู้   Object  กับตัวรู้ คือ Subject มันปรุงแต่งกันอยู่ ความร้อน แสง เสียง แม่เหล็ก ไฟฟ้า  มันก็ปรุงแต่งกันอยู่อย่างเป็นอุตุ จนพัฒนามาเป็นชีวะที่เป็นพีชะ  ก็ยังไมมีเวทนา ไม่มีวิญญาณ  เป็นสังขาร ที่ไม่มีวิญญาณครอง อนุปาทินกสังขาร เป็นชีวะระดับพืชธาตุ  แต่ว่าจิตนิยาม  มีการสัมผัสแล้วเกิดภาวะ 2

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช   วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2562 ( 12:36:18 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:15:36 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:34:31 )

ภาวะรูป 

รายละเอียด

ภาวะรูป  คือ เกิดจากการสัมผัสแล้วเกิดสภาวะเรียกว่า ภาวะรูป 2 ภาวะ 2 นี้แหละเป็นธรรมดา  ธรรมชาติ ของสังขารต้องเรียนรู้ภาวะ 2 จะเกิดอิตถีภาวะ กับปุริสภาวะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 12:49:50 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:16:57 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:34:49 )

ภาวะอันเยี่ยมยิ่งวิเศษยอด

รายละเอียด

แม้แต่คนผู้ที่บรรลุโลกุตรธรรมได้น้อยนิดก็ตาม ก็มีความรู้สึก“อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ”ไปตามลำดับด้วยจริง 

แล้วจะนับว่า เป็น“ความจริง”หรือเป็น“ความถูกต้อง”กันหรือไม่? ได้อย่างไร? ใครจะเป็นผู้ตัดสิน? 

ก็ให้นับเอาจาก“คน”ที่มี“อาการของพฤติกรรม”

ทางกาย-วาจา-ใจ ดำเนินชีวิตปรากฏให้เห็นได้อยู่ว่า มันเข้าข่าย“อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ”นั้นเอง ว่า มันจริงมั้ย?

คำ 8 คำสำคัญนี้เป็น“ภาวะอันเยี่ยมยิ่งวิเศษยอด”

ที่คน สังคมคน ควรได้ ควรมี ควรเป็น ตามที่อาตมาเห็นนี้

อาตมาพูดอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่า ชาว“โลกียะ”จะเห็นว่า มันเข้าท่ามั้ย?  อาตมาก็ไม่อาจทราบได้

อิสระ คำแรกคำเดียวนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะมีได้ง่ายๆ เทวนิยมไม่มีอิสระในคำแรกเลย อย่างน้อยก็เป็นทาสพระเจ้า เป็นทาสผู้ปล่อยไม่ไปด้วย อิสระคำเดี๋ยวนี้ แต่ของพระพุทธเจ้ามีอิสระจริงๆเลยตัวใครตัวมันทำเอากรรมใครกรรมมันทำสำเร็จได้ดีได้ชั่ว หรือจะหลุดพ้นนิพพาน ไม่นิพพาน ตัวคุณเองรับผิดชอบ กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ อาตมาพูดคำเหล่านี้ ก็ไม่รู้ว่าพวกเทวนิยมจะรู้ได้ไหม

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ แสดงธรรมโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จอมยุทธ์โลกุตระจบกิจเศรษฐกิจ ด้วย 9 เคล็ดวิชา วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 11:38:28 )

ภาวะเอกกับภาวะสองคืออย่างไร

รายละเอียด

ปสาทรูป วิสยรูป โคจรรูป มันก็จะเกิดภาว 2 คือ ภาวะเอก กับภาวะสอง

ภาวะเอกคือ ความเป็นจริงตามความเป็นจริง ภาวะรองคือกิเลสประกอบอยู่ เช่น มีเวทนาเก๊ กับเวทนาแท้ เราก็ต้องเอาเวทนาเก๊ออก ให้รู้จัก หทยรูป หทยรูปอยู่ที่การสัมผัสสัมผัสทางตาเกิดเป็นที่ตั้งอยู่ที่ตา จมูกได้กลิ่น  แหม ปลากุเลาย่างกลิ่นมา หทยรูป คุณจะได้กลิ่น คุณจะกินมันก็เกิดตรงนั้นเลย เอามาแตะที่ลิ้นหทยรูป ก็เกิดที่ลิ้นรับรส 

ที่ หทยรูป มันก็มีชีวะ ก็เกิดที่ลิ้นที่รับรส มันมีตัวผีหลอกตัวมายา คุณก็ต้องรู้ชีวะแยกชีวิตินทรีย์ของมัน ฆ่าชีวิตที่เป็นกิเลส ที่มันสัมผัสความเป็นจริงนี้ 

คุณทำทั้งเมื่อกระทบภายนอก มี กายวิญญัติ วจีวิญญัติ ทำที่จิตให้มันจบหมดด้วย วิการรูป 3 ให้มันเป็น ลหุตา มุทุตา จิตหมดกิเลสให้เป็นจิต อุเบกขา มุทุภูตธาตุ จึงจะมีกัมมัญญา กรรมต่างๆ ถึงไม่เป็นบาปเป็นอกุศล เป็นกรรมที่ มีคุณค่ามีอานิสงส์เจริญ จิตก็ยิ่งประภัสสร ในอุเบกขา 5 พร้อมหมดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2565 ( 20:12:44 )

ภาษากฎหมายวาระตามรัฐธรรมนูญกับวาระสุดท้ายต่างกัน

รายละเอียด

อาตมาก็ขอกลับไปพูดคำภาษาที่คุณทิพานันใช้ภาษากฎหมาย บอกว่า วาระตามรัฐธรรมนูญกับวาระสุดท้าย ต่างกันไหม ต่างกันคนละเรื่องเลย ทักษิณนั้นจบด้วยวาระสุดท้ายแล้ว แต่พลเอกประยุทธ์นั้นเขาตามวาระของ รัฐธรรมนูญ 

สมมุติอย่างเลวร้าย สมมุติว่าวาระตามรัฐธรรมนูญ คณะองค์ผู้พิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินว่าพลเอกประยุทธ์ต้องหยุดเป็นนายก พลเอกประยุทธ์ก็หยุดได้ แล้วพลเอกประยุทธ์ก็ยังอยู่ในบ้านเมืองไทยสบาย เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน พักงาน แต่ยังเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอยู่ มีตำแหน่งเบ้อเหิ้มเลย รัฐมนตรีกลาโหม ทักษิณเป็นอะไรวะ ในประเทศไทย อย่าตีตนเสมอเลยทักษิณเอ๋ย มันคนละรุ่น คนละอย่างในสัจจะความจริง ว่าความถูกต้องความดีงามกับความคดโกงทุจริตนี้ มันคนละขั้วคนละฝาเลย ทักษิณกับพลเอกประยุทธ์ 

นี่เป็นตัวอย่างของประเทศไทย คนไทย พฤติกรรมในเมืองไทย ให้ศึกษาทั้งทางกฎหมาย ทั้งพฤติกรรมจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาพ 2 ของกฎหลักเกณฑ์กับพฤติกรรมจริง วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2565 ( 11:20:39 )

ภาษากวีกับภาษาทั่วไปต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

อาตมาเคยหลงเรื่องของกวีกาล มันไพเราะ มันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของการเรียบเรียง การเล่นภาษาชั้นสูงได้จริงๆ อาตมามายุคนี้ก็ไม่เอาถึงฉันทลักษณ์ เอาแค่โคลงสี่สุภาพเป็นหลัก โคลงสี่สุภาพก็มีแผนมีผัง แล้วอาตมาก็ว่าดีมากแล้ว อาตมาก็เลยมาทำโคลงสี่สุภาพ เป็นกวีขั้นหลัก แต่งมาจนกระทั่งเห็นว่า ภาษาที่จะเป็นภาษากวี ทุกวันนี้ก็เห็นเขาแต่งกันอะไรๆกัน ไม่เป็นภาษากวี ไปแต่งเป็นเพียงกลอน กลอนก็คือ มีแผนผังบ้าง ถ้าร่ายก็เป็นแต่เพียงให้มันสัมผัสเท่านั้น ร่ายให้มีสัมผัสต่อกันไปได้เรื่อยๆ ร่ายแล้วก็มาเป็นกลอน กลอน 2 กลอน 3 กลอน 4 กลอน 8 เป็นหลักเกณฑ์ แล้วก็มาเป็นโคลง โคลง4 โคลง5 แล้วก็มาเป็นฉันทลักษณ์ต่างๆ 

อาตมาก็มาถนัดหรือชอบเรื่องโคลง จนกระทั่งแต่งโคลง เรื่องกลอนนะไม่มีปัญหาหรอก ง่าย เรื่องโคลงยากกว่า โคลงมีระบุให้ใช้เอกโทเป็นหลัก หรือใช้ รัสสระหรือทีฆสระ มีความรู้ในเรื่องพยัญชนะบ้าง ส่วนฉันทลักษณ์นั้น มีทีฆสระ รัสสระกันหนัก มีครุ ลหุอะไรต่ออะไรหนักเข้าไปอีก มายุคนี้ก็เลยไม่ค่อยเฟื่องกันหรอกฉันทลักษณ์ เฟื่องอย่างเก่งก็กลอน โคลงก็น้อย มีร่ายมีกลอนก็ใช้กันอยู่อาตมาริอ่านเรื่อง ฉันทลักษณ์โคลงกลอนพวกนี้มา ตั้งแต่อายุ 12 เรียนอยู่ ม.2 เป็น ม.2 สมัยก่อนนะ สมัยนี้ก็ ป.6 สมัยอาตมาจบ ป.4 แล้วขึ้น ม.1 ก็ตั้งแต่สมัยนั้น ม.2 ก็เท่ากับ ป.6 สมัยนี้ เรียนกลอน ครูคนแรกคือครูทา ศรีจันทร์ เริ่ม อยู่ที่พิบูลฯ นี่แหละ โรงเรียนวัดกลาง อาตมาเรียนอยู่ 2 ปี  ม.2 และ ม.3 อยู่ 2 ปี เรียนกลอน แล้วก็เรียนโคลง จนกระทั่งเข้าอกเข้าใจเรียบเรียงอะไรได้ ก็มาแต่งล้อเลียน อาตมาแต่งล้อเลียน 

ว่าคนแต่งโคลงแต่งกลอน ไม่รู้จักภาษากวี ฟังแล้วก็ เออ ไม่รู้นะอาตมาก็จะไปข่มเขาบ้างว่า มันไม่เป็นภาษากวี มันก็ไม่ได้เอาภาษาคำกวีมาใช้มาเรียบเรียง คือเป็นภาษาที่เลือก แล้วก็ไม่ใช่ภาษาที่จะเอามาใช้บรรยายพื้นๆ แต่เป็นภาษาที่จะบรรยายเรื่องที่จะลึกซึ้งซับซ้อนบ้าง เพราะฉะนั้น ภาษาที่จะมาแต่งโคลงแต่งกลอนแล้วก็เป็นภาษาไปธรรมดาๆง่ายๆ เหมือนกับภาษาร้อยแก้วนี้ ก็ให้มันสัมผัสกันก็เท่านั้น ก็เป็นภาษาง่ายๆ สัมผัส อาตมาก็เลยมาพยายามที่จะให้เขาเข้าใจกัน ก็เลยลองแต่งบอก เพื่อที่จะให้รู้บ้าง อย่างภาษาที่จะเปรียบเทียบกันว่า มันเป็นโคลงสี่สุภาพที่มีภาษากวี หรือไม่มีภาษากวี เช่นอย่างนี้ ภาษาที่มันเป็นกวีหน่อย  ฟังให้ดีนะ มันเป็นทั้งภาษาที่มีคำกวีแล้วก็มีคำสัมผัส สัมผัสพยัญชนะ สัมผัสเสียง สัมผัสอะไรต่ออะไร 

เพลินสวนชมช่วงเช้า ชนสาย

กายเหนื่อยในใจฉาย ชื่นชื้น

ดอมดื่มดอกไม้หลาย พันธุ์รื่น รมเยศ

หนาวผ่านกาลกลับฟื้น แมกไม้บานไสว

(23 มี.ค. 2553)

ฟังแล้วก็รู้สึกไพเราะไหม เป็นภาษาคำที่เอามาร้อยเรียงแล้วก็เป็นภาษาที่มีความหมาย ทีนี้ภาษาความหมายเหมือนกันนี่แหละ แต่ภาษามันไม่เป็นคำกวี อาตมาก็แต่งให้ดู ลองฟังดู จะอ่านอันนี้แล้วก็มาเทียบให้ฟัง 

เดินดูสวนแต่เช้า จนสาย

มันก็เมื่อยชิบหาย ปวดแข้ง

ไม้ดอกมากเหลือหลาย สวยสด งดงาม

นี่ก็ใกล้หน้าแล้ง ดอกไม้เริ่มบาน

(23 มี.ค. 2553 เชื่อไหมว่านี่คือร้อยกรอง)

เนื้อความเดียวกันเลยกับบทเมื่อกี้นี้ ใช่ไหม ฟังแล้วจับความได้ใช่ไหม แต่อันนึงมันมีภาษามันดูกวี ทีนี้อ่านควบกันดู 

เดินดูสวนแต่เช้า จนสาย       ก็เป็นภาษาธรรมดา 

มันก็เมื่อยชิบหาย ปวดแข้ง

ไม้ดอกมากเหลือหลาย สวยสด งดงาม

นี่ก็ใกล้หน้าแล้ง ดอกไม้เริ่มบาน

มันเป็นภาษาธรรมดา แต่ถูกนะ เป็นผังของโคลงสี่สุภาพ ไม่ผิดบังคับเอกโทก็ไม่ผิด ถูกต้องตามแผนผังของโคลงสี่สุภาพ ทีนี้มาฟังอีกอัน 

เพลินสวนชมช่วงเช้า ชนสาย

กายเหนื่อยในใจฉาย ชื่นชื้น

ดอมดื่มดอกไม้หลาย พันธุ์รื่น รมเยศ

หนาวผ่านกาลกลับฟื้น แมกไม้บานไสว

23 มี.ค. 2553 (เพราะบทนี้แต่งให้เห็นว่า เป็นร้อยกรอง มีภาษากวี เทียบเคียงกับโคลงอีกบทข้างบนนั้น)

เนื้อความความหมายเหมือนกันหมด แต่เป็นภาษาที่ต่างกัน อย่างนี้เป็นต้น 

ทีนี้อาตมาก็มาแต่งเป็นภาษาที่ไม่เป็นกวีมาอีกหลายอัน  ยกตัวอย่างว่า

โคลงเคลง (กวีที่ไม่เป็นภาษากวี)

 

ของมากมาช่วยบ้าง เถอะนะ

กว่าจะแล้วคงจะ รุ่งเช้า

อย่าเถลไถลล่ะ เดี๋ยวไม่ เสร็จนะ

เล่นอะไรอยู่เล่า(เหล้า) รีบเข้าไวไว

21 พ.ย. 47 (เชื่อไหมว่านี่ก็ โคลงสี่สุภาพ)

มันก็เป็นภาษาธรรมดา แต่ไม่ผิดจากแผนผังโคลงสี่สุภาพนะแผนผังถูกต้อง เอก 7 โท 4 สัมผัสถูกต้องตามแผนผังบัญญัติหมดเลย ตัวอย่างอีกอัน

ตื่นนอนแล้วอาบน้ำ แต่งตัว

เร็วอย่าเล่นอย่ามัว ชักช้า

ไปที่โต๊ะในครัว         เอากล่อง ข้าวมา

ไวหน่อยรถติดน่า(หน้า) ไม่งั้นมันสาย

มันก็เป็นกลอนเป็นโคลงมั้ย ถึงบอกว่าไอ้คำว่ากลอน คำว่าโคลง คำว่าฉันทลักษณ์ มันจึงไม่ใช่เรื่องตื้นๆพื้นๆที่จะทำกันเล่นๆง่ายๆ ซึ่งอาตมาพูดแล้วเหมือนไปข่มที่เขาเล่นเขาแต่งกันต่างๆ นานา แต่มันก็มีลักษณะจริงของมันอยู่อย่างนี้ 

อาตมาแต่งกลอน กลอนเก่าๆ มาตั้งแต่อายุ 11 อายุ 14 ถึงมาเริ่มแต่งเพลง แต่งเป็นเพลงใส่ทำนอง อายุ 14 แต่งกวีกาลมาตั้งแต่อายุ 11 อายุ 14 จึงมาเริ่มใส่ทำนองเพลง แรกๆแต่งเพลงนี้ อาตมาเล่นกวีมาเป็นภาษากวีมันยาก จนกระทั่งเป็นฉันทลักษณ์ก็เล่นมา พอมาแต่งเพลงมันก็เลยติดในศัพท์แสงเล่นคำอะไรต่ออะไร ที่ยาก เพราะฉะนั้นเพลงแรกๆที่อาตมาจะแต่งให้เป็นเพลงโลกุตระ มันก็เลยฟังแล้ว โอ้โห ยาก เช่น เพลง ตะวันทอฟ้า หรือเพลงแสงธรรมต้องทอบวร 

 เพลง แสงธรรมต้องทอบวร

เพ่งมองผ่านเมฆเฉกใจให้ช้ำ  

คล้ำดำซ้ำเป็นเห็นปานขวานผ่า

ความคิดเคยเฉยเชือนก็เตือนตามมา

แม้เพียรเพ่งแพงแรงพา 

ผองธรรมก้าวมาหน้าแนวแล้วเล่า

ฟังแล้วมันยาก ฟังแล้วมันก็คล้องจอง แต่มันยาก ฟังแล้วก็ต้องมาแปลกันอีกไม่รู้เท่าไร อย่างนี้เป็นต้น หรือเพลงอะไรอื่นๆ ต่อๆ มาอีก ก็เลยคิดว่า ไม่ไหวนะ คนฟังไม่ไหว มันไม่เหมือนอ่านคำกวีพวกนี้ ก็ยังได้พิจารณา แต่เพลงบางทีมันก็ฟังผ่านหู ผ่านหูก็ยาก ก็เลยต้องมาแก้ตัวเอง ปรับตัวเอง กว่าจะมาแต่งเพลงธรรมดา ที่จะเป็นภาษาพอฟังกันได้ แต่เราก็รู้จักคำ รู้จักความ รู้จักใช้ภาษา ศัพท์แสงก็น้อยลง แต่สัมผัสยังมีอยู่ดีอยู่ ในความหมายก็ไม่มีปัญหา กว่าจะมาปรับเข้ามาได้ มาเป็นเพลงสมัยนี้ หลังๆ พอปรับตัวได้ ก็แต่ง พอฟังได้ ค่อยยังชั่ว 

เพราะฉะนั้นเพลงรุ่นแรกๆที่แต่งศัพท์แสงมีเยอะและยาก ยิ่งมันเป็นโลกุตรธรรมด้วย เป็นเพลงที่สอนเรื่องกิเลส สอนถึงเรื่องละลด ละหน่ายคลายอะไร มันก็ยิ่งยากใหญ่ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีปัญหา อาตมาไม่สงสัยว่าทำไมเพลงอาตมาถึงไม่ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนกับเพลงทางโลกเขา เพราะว่าทางโลกเขารับไม่ได้ และเขาก็ไม่รับด้วยโลกุตระ เขาจะเอาแต่โลกีย์ เขาก็จะเอาแต่เพลงรักๆใคร่ๆ เพลงโลกีย์ ดีไม่ดีเพลงลามกด้วย อาตมาก็ทำไม่เป็น ไม่ไป ก็ได้แต่อย่างที่พอได้ ประมาณนี้อย่างนี้ เรื่องกวีกาลหรือเรื่องพวกนี้นี่ มันเป็นศิลปะ เป็นวรรณกรรมที่ เมืองไทยเรามี ยังดีมากเลย สืบสานมาจาก จริงๆของอินเดียเขานั่นแหละ สืบสานมาจากอินเดีย แล้วก็มาเป็นแบบไทยๆ ก็มา Apply บ้าง(ปรับประยุกต์) เป็นแบบไทยๆ เราเป็นไทยก็เลยซาบซึ้ง 

อาตมาก็ว่า มันชวนให้ติด อาตมาเคยอธิบายพวกนี้ บอกว่ามาบวชนี่ ติดเรื่องเพลงเป็นอันสุดท้าย แต่เสร็จแล้วก็ชักคิดได้ เพลงมันก็ต้องใช้จึงเอาเพลงกลับมา ตอนแรกออกมาบวชก็คิดว่าจะไม่เอาแล้วเรื่องนี้ ทิ้ง อะไรต่ออะไรจะทิ้งหมดแล้ว จนกระทั่งต้องมารื้อฟื้น จนกระทั่งจะเขียนโน้ตไม่เป็นแล้ว เพราะมันลืม เขียนโน้ตไม่ค่อยคล่องไม่ค่อยเป็นแล้ว แต่พอฟื้นขึ้นมามันก็ไม่มีปัญหาอะไรมันก็พอได้ จนกระทั่งเอามาใช้ในวงการศาสนา ผู้ที่เขาถือเขาเคร่งเขาก็ว่า พระอะไรเอาเพลงมาร้อง ยุคนี้สมัยนี้ถ้าเราไม่มี connection ไม่มี relative ไม่มีตัวเชื่อมต่อกันจริงๆ มันก็ไม่ได้ มันจำเป็น 

คิดดูสิ อาตมาทำมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ค่อยๆกระเตื้องขึ้นมานิดนึงแล้ว จะมีข้างนอกเริ่มมาสัมพันธ์ เริ่มมารับได้ แล้วก็เป็นไป แล้วทีนี้เพลงที่เป็นโลกๆของอาตมามันน้อย ก็ค่อยๆเอามา เพลงผู้แพ้ เพลงผู้ครองรัก ก็พอได้ เพลงธารสวาท เพลงแม่จ๋า นี่ทำมาแล้ว 4 เพลงใช่ไหม ต่อไปเป็นเพลง ผกาดั่งนารี อะไรต่อมาอีกก็ค่อยๆมาเรื่อยๆ โอ้โห กว่าจะมีผู้ที่ Popular ทางโลกีย์เขา แล้วก็มาเชื่อมทางเรา ของเขามีแฟนนานุแฟนเยอะ มันก็จะค่อยๆ ไปทางโน้นได้ ค่อยๆดึงเอาอันนี้ไป ถ้าเขาทำไปได้อีก ที่เขาเตรียมๆ กันไว้ 20-30 เพลง จนกระทั่งเตรียมจะเป็นคอนเสิร์ตในปีหน้า ก็คงจะได้แพร่หลายเพิ่มเติมขึ้นไปพอสมควร 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 41 คนเจริญคือคนทำฌานจนเป็นบุญสำเร็จ วันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำเดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2566 ( 15:59:50 )

ภาษากับสภาวะจริง

รายละเอียด

ภาษาธรรมดาแต่คนไม่ทำความเข้าใจให้ชัดเจน ที่จริงภาษามีครบ ดีๆ ทั้งนั้น แต่ตนเองได้เข้าไปถึงสภาวะนั้นหรือไม่ พูดกันดีทั้งนั้นเลอเลิศ แต่ตนเองเข้าไปถึงขั้นไหนในความหมายดีๆนั้นบ้าง อาตมาสรุปในโลกมีเทวะคำเดียว เทวะคือสอง

สองคือ ภาษากับสภาวะจริง ทั้งนั้น แล้วทุกวันนี้คนสับสนภาษากับสภาวะจริง คนอยู่กับภาษาไม่เข้าถึงสภาวะจริง เข้าถึงน้อย รู้ภาษาดีๆๆ แต่เข้าถึงสภาวะน้อย แค่นี้

ศาสนาพุทธตีแตก สภาวะกับภาษา ธรรมะสอง แล้วทำสภาวะให้ดีตามภาษาให้ลงตัวเป็นหนึ่งให้ได้ ต้องแยกแยะกรรมกิริยาของตนเอง กายกรรมดี กับสภาวะและภาษาเป็นหรือยัง

สภาวะกับภาษาดี คุณเป็นตามที่รู้หรือยัง กาย วาจา จิต ก็เท่านี้ ถ้าทำได้ดี ทีนี้ เทวนิยมไม่แยกแม้แต่สองสภาวะกับพยัญชนะไม่แยกเลย ดีอยู่ไหนก็อยู่กับพระเจ้า แล้วพระเจ้าเป็นไงไม่รู้ ตีไม่แตกแยกไม่ได้ คำสอนของพระเจ้าก็ไม่เข้าถึงสภาวะเอาแต่ภาษาอีก พุทธก็เหมือนกัน เป็นเทวนิยมกันเสียเกือบทั้งนั้น อาตมามาบวช โดนผู้รู้ที่คนว่ายอด ตีอาตมาว่า หาว่าอาตมาพูดสภาวะกับพยัญชนะสลับกัน ไม่หมายตามที่ท่านหมายไว้ จนเดี๋ยวนี้ท่านจะเข้าใจอาตมาแค่ไหนว่าอาตมาเข้าใจสภาวะกับพยัญชนะแค่ไหน คนรู้จบ แยกสภาวะพยัญชนะได้ แล้วทำให้เป็นหนึ่งเดียว สิ่งที่เป็นพยัญชนะบอกว่าเป็นสิ่งดีหรือไม่ดี แล้วสภาวะทำให้ดีหรือไม่ดี เป็นหนึ่งเดียวกันก็จบ นี่คือสุดท้ายที่สรุปในคำสอน ความจริง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(ธรรมะ 2) ตอน ทำไมคนเราต้องปฏิบัติธรรม วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม  2561

 


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:19:57 )

ภาษาคน ภาษาธรรม ภาษาสิริมหามายา 

รายละเอียด

สงบนี่ ยิ่งคล่องแคล่ว ว่องไว ปราดเปรียว ซึ่งเป็นภาษาสิริมหามายา 

ท่านพุทธทาสพยายามจะพูดเรื่องนี้ แล้วท่านใช้ภาษาว่า ภาษาคนกับภาษาธรรม แต่ก็ยังยาก ยังแยกไม่ค่อยออก ท่านพุทธทาสพอรู้บ้างแล้ว อาตมาก็เอามาขยายความต่อให้รู้ชัดมากขึ้น ท่านพุทธทาสก็ทำได้ขนาดของท่าน อาตมาก็มาทำต่อยอดให้มันชัดเจน ให้มันครบบริบูรณ์เพิ่มเติม ใครจะหาว่าอาตมาใหญ่กว่าท่านพุทธทาสก็ตามใจ มาเบ่งอะไรก็ไม่ว่ากัน หาว่าอาตมาข่มท่านพุทธทาสก็แล้วแต่ อาตมาไม่มีปัญหาอะไร ใครจะว่าอะไรก็แล้วแต่ อาตมามีหน้าที่ทำให้มันชัดเจนถูกต้องมากขึ้น ท่านพุทธทาสอธิบายอะไรที่ไม่ถูก อาตมาก็บอกว่าไม่ถูก มาแก้ให้ถูก ใครจะว่ามาใหญ่มาเบ่งข่มดูถูกดูแคลนก็ไม่ใช่ อาตมาเพียงทำให้ถูกต้องทำให้สมบูรณ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 14:20:37 )

ภาษาที่ยังไม่แม่นในสภาวะ

รายละเอียด

ไม่ไหว แต่ก่อนเคยอบอุ่นแต่ตอนนี้เห็นกิเลสแล้วชัดเจนไม่ไหว 

นี่แหละเป็นภาษาที่ยังไม่แม่นในสภาวะ มันสลับไปสลับมาของตัวเอง เป็นสิริมหามายาจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย ให้ศึกษาให้ดีๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:12:30 )

ภาษาที่เป็นปากหอก หรือมุขสตี

รายละเอียด

สงบอย่างกายกรรมก็มีฤทธิ์ของความสงบ วจีกรรมก็มีฤทธิ์ของความสงบ วจีกรรมเป็นภาษาสื่อให้ชัด จะพูดใหัชัดก็คือปากหอก ภาษาที่เป็นปากหอก มุขสตี มันแหลม มันคม มันแทงไปสู่ผู้ที่มีความผิด มีความไม่ดีงาม พูดจิ้มหรือว่าตำหนิ ปราบ ความไม่ดีไม่งามที่ใครๆเขาทำก็เอามาพูดที่เขาประพฤติ จริงก็เอามาพูดบอกว่ามันเลวอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ อะไรต่างๆ นานาๆ นี่แหละเป็นการแสดงออก ก็จะรุนแรงเพราะว่าภาษาพระพุทธเจ้าเรียกว่า มุขสตี เป็นปากหอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 26

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:06:57 )

ภาษาบัญญัติ

รายละเอียด

ถึงบอกว่าคนเราเข้าใจธรรมะฟังธรรมะแล้วก็สามารถจะควบคุมใจเราได้ ได้ผล ทุกวันนี้เรียนไป จบด็อกเตอร์ทางศาสนา จบเปรียญ 9 ได้แต่ภาษาบัญญัติ ได้แต่ตรรกะความหมาย ไม่เข้าถึงใจตนเอง ไปมองออกนอกตัวของใครต่อใครหมด ใจตนเองควบคุมไม่ได้ จัดการกับจิตใจตนเองไม่ได้ หรือไม่ได้ฝึกจิตใจตนเองเลย แต่รู้มากนะ รู้ความหมายรู้บัญญัติรับรู้ภาษา รู้คำภีร์ รู้คำสอนพระพุทธเจ้า จำได้ก็มาก ท่องจำมาสอนอยู่ก็มาก สาธยายคล่องปาก แต่ไม่ได้จัดการกับใจตนเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เกิดมาชาตินี้อาตมาจำเป็นต้องประกาศอรหันต์ วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2566 ( 19:03:10 )

ภาษาบาลีที่เป็นตัวใช้สื่อสภาวะให้รู้กัน

รายละเอียด

ส่วนใหญ่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้เป็นภาษา เป็นภาษาบาลีที่เป็นตัวใช้สื่อสภาวะให้รู้กัน เราก็ต้องรู้ทั้งพยัญชนะและสภาวะด้วย รู้ทั้งอรรถะและพยัญชนะ พยัญชนะตัวนี้มีแก่นสารสาระอันนี้ อันนี้มีอาการอย่างนี้ เราอ่านออกมีเครื่องหมายกำหนดรู้เรื่องมาเองว่า อย่างนี้มีสัญญาอย่างไร สัญญาสังขารก็เป็นเจตสิก เจตสิกหลักก็คือเวทนา สัญญา สังขาร นอกนั้นก็เป็นสิ่งที่เป็นนาม 5 เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 37 วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:26:40 )

ภาษาบาลีเป็นรากฐานของพยัญชนะธรรมะ

รายละเอียด

พยัญชนะเป็นตัวสื่อสำหรับรองรับสภาวะที่ท่านตั้งขึ้นมา โบราณาจารย์ผู้ที่บัญญัติ สุดยอด ภาษาบาลีเป็นรากฐานของพยัญชนะธรรมะ นี่เขายังแย้งกันอยู่ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ใช้ภาษาบาลีเป็นหลัก ใช้ภาษาอื่นอะไรต่างๆนานา ซึ่งบาลีนี่แหละเป็นภาษาที่เป็นแกนเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:29:24 )

ภาษาพ่อภาษาแม่กับการสื่อสภาวธรรม

รายละเอียด

วันนี้ ขอยก sms ไว้ก่อน ก่อนอื่น เขากำชับให้โฆษณา หนังสือรวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไรเล่ม 4 คนเราก็รู้กันได้ด้วยสื่อ โดยเฉพาะสื่อสารด้วยภาษาความรู้ ใช้ภาษาถิ่นภาษาพ่อแม่ภาษาของแต่ละชนชาติ พูดสื่อกันออกไปสื่อสภาวธรรมกันให้เข้าใจ ให้เข้าใจกันได้ดี แต่ถ้าใช้ภาษาบาลีใช้ภาษาอื่นที่ไม่ใช่ของเราใช้ภาษาต่างประเทศ ก็พอประกอบบ้างนิดๆหน่อยๆ เผื่อสำหรับคนที่แม้จะเป็นคนไทย ก็ไปเข้าใจในความหมายภาษาอื่นเขาบ้าง บางคนเข้าใจภาษาบาลี ใช้ภาษาบาลีเข้าใจลึกดีนะ หรือใช้ภาษาอังกฤษเข้าใจลึกดีนะใช้ประกอบกันบ้าง แต่จริงๆแล้วส่วนใหญ่ก็คือภาษาพ่อภาษาแม่ หรือภาษาถิ่นที่ตัวเองมี 

คนเราไม่ได้เกิดชาติเดียว เกิดมาอยู่ในชาตินี้ในสัญชาตินี้จะอยู่เป็นคนไทยก็จะเกิดเป็นไทยมาไม่รู้กี่ชาติ ร้อยชาติพันชาติหมื่นชาติแสนชาติ เพราะฉะนั้นมันก็จะฝังภาษาไว้เยอะ แน่นมาก คนชาติไหนก็แล้วแต่จะเกิดในชาตินั้นอยู่นาน ส่วนมากท่านจะใช้ภาษาคำว่า 500 ชาติ อย่างน้อย ซ้ำอยู่นั่นแหละ ที่จริงเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนชาติทีเดียว แล้วมันก็จะเป็นสัญญา เรียกว่าสัญชาติญาณ ที่จะรู้โดยอัตโนมัติและรู้อย่างเข้าใจลึกซึ้ง ความรู้ที่มันรู้อย่างฝังรากหยั่งลึก ฝังลึก มันอธิบายยากจริงๆ แล้วรู้แล้วเอามาอธิบายได้เท่าที่มีปฏิภาณปัญญามีบารมีที่จะสื่อภาษานี้ออกไปสู่ผู้อื่นให้รู้ได้ นั่นก็เป็นบารมีของแต่ละบุคคล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 29 อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤษภาคม 2565 ( 12:29:34 )

ภาษาสิริมหามายาเป็นไฉน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นความซ้อนของภาษาสิริมหามายา มันเหมือนตลกๆ และมันเหมือนมายากลเหมือนจะกลับกลอกกลับไปกลับมา แต่ไม่ใช่ ภาษาของสิริมหามายานั้นใช้หน้าไหน ด้านไหนหน้านั้นคือสัจจะมีหนึ่งเดียว 

ถ้าอาตมาพูดไปนี้ คนฟังแล้วเขาหัวเราะฟันร่วง ว่าอาตมาพูดผิดไม่เป็น คนก็ฟังนี่มันบ้าหลงตนเองอะไรนักหนา พูดผิดไม่เป็น 

ไม่ใช่พยายามแต่เป็นอัตโนมัติไปแล้ว พูดอะไรออกมามีแต่จริงหมดเลยไม่มีคำที่ไม่จริง นอกจากบางอารมณ์ที่จะเล่นรู้อยู่ว่าเราพูดเล่น พูดเล่นกับพวกเรา เล่นก็คือเล่น แต่ถ้าจริงมันพูดเล่นไม่ได้ เวลาอย่างนี้ไม่ได้พูดเล่น แต่บางครั้งจะสนุกแทรกไปบ้างนิดหน่อย เบาๆแทรก เป็นวิธีการศิลปะ ให้มันเบานิดนึงไม่เช่นนั้นมันจะหนักเกินไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสดงธรรมรายการพุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ชาว‌อโศก‌มี‌ความ‌มหัศจรรย์‌ได้‌ตาม‌ปหาร‌าท‌สูตร‌ ‌วันพุธที่ 5 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 21:44:40 )

ภาษาสื่อสภาวะต่างๆ จากสัมปชัญญะ ถึงสัมปฏิเวทะ

รายละเอียด

สัมปชัญญะแล้วมาเป็นสัมปชานะ สัมปาเทติ มันมีรายละเอียดมากกว่านี้ สัมปฏิสังขาร สัมปัชลติ สัมปชลิตะ สัมปัชลติคือโหมไหม้ สัมปชลิตะคือโหมไหม้สำเร็จ สดใสสว่างรุ่งเรือง เหลือสิ่งที่สะอาด เข้าสู่สัมปันนะ สำเร็จไปเรื่อยๆ ตรวจสอบสัมปฏิเวทะ ทวนนอกในไม่มีเหลือเศษนะ ภาษาก็สื่อสภาวะต่างๆ เพื่อทำทุกอย่างที่เป็นสภาวะให้บริบูรณ์สัมบูรณ์

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:35:28 )

ภาษาไทยเรียกว่าเป็นภาษาถิ่นใช้อธิบายขยายโลกุตระธรรม

รายละเอียด

อ้าว เรื่องจริงนะ พวกชาวอโศกเราอาตมาเป็นผู้นำพาเอาโลกุตระธรรม เอาปรมัตถธรรมของพระพุทธเจ้า มาอธิบายมาอุเทศ หรือนิเทศบ้าง อธิบายขยายความอย่างสั้นอย่างยาวไปเรื่อยๆ แล้วพวกเราก็ได้รับฟัง ขยายเป็นภาษาไทยเรียกว่าเป็นภาษาถิ่น ภาษาปากภาษาพ่อภาษาแม่ Mother tongue ภาษาพ่อภาษาแม่ภาษาฝรั่งเรียกว่า mother tongue 

อย่าง ด.ญ.น้ำตาล(น้ำธารธรรม) ก็ต้องรู้ภาษาฝรั่งมาก่อน แม่เป็นคนไทย แต่ก่อนมาอยู่ที่นี่ไม่รู้ภาษาไทยเลยนะ เพราะอยู่ที่ต่างประเทศแม่ก็พูดแต่ภาษาฝรั่งก็เลยไม่รู้ พอมาอยู่ที่นี่ก็รู้ ได้อีก 2 ภาษานอกจากภาษาไทยแล้วได้ภาษาลาว(อีสาน)อีกนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อ‌ครู‌เทศน์‌ ‌ทำวัตร‌เช้า‌ ‌ส่ง‌ท้าย‌ปี‌เก่า‌ ‌งาน‌ ‌ว‌.‌บบบ‌ ‌เพื่อ‌ฟ้า‌ดิน‌ ‌สวด‌อภิธรรม‌ส่ง‌

ท้าย‌ปี‌เก่า‌ให้‌เข้า‌ถึง‌นิพพาน‌ วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2565 ( 11:24:23 )

ภาษาไทยเอาภาษาบาลีมาเติมพยัญชนะเข้าไปอีก อาตมานี่แหละตัวการ

รายละเอียด

รากเหง้าของภาษาบาลี 

วรรคที่ 1 ก ข ค ฆ ง

วรรคที่ 2 จ ฉ ช ฌ ญ

วรรคที่ 3 ฏ ฐ ฑ ฒ ณ

วรรคที่ 4 ต ถ ท ธ น

วรรคที่ 5 ป ผ พ ภ ม

เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อํ

ภาษาไทยเอามาเติมพยัญชนะเข้าไปอีก เป็นการอวดดีกว่าภาษาบาลีที่เขาดีอยู่แล้ว อาตมาก็ไม่อยากพูดมาก ที่จริงการเติมนี่ อาตมานี่แหละตัวการ เข้าใจแล้ว รู้แล้วก็ทำเป็นอวดใหญ่ อวดโต อวดดี ไปเสริมเช่น ภาษาไทย ไปเติม ข.ไข่ ข.ขวด ค.คน ซึ่งเขาใช้ที่ไหนกันล่ะ อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็มีตัวอย่างอื่นเพิ่มเข้าไปอีก เขาครบแล้วล่ะแต่ทำเป็นอวดดี ไม่ต้องต่อแล้ว เดี๋ยวไปกันใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2565 ( 09:11:16 )

ภาเวติ

รายละเอียด

เจริญ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 85


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:19:44 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:20:55 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:35:05 )

ภิกษุทั้งหลายคือผู้เป็นแม่ที่จะไปคลอดโลกุตรชน

รายละเอียด

อาตมาอธิบายพยัญชนะธรรมะวันนี้ โอ้โห ยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าอธิบายธรรมะอยู่ดาวดึงส์ สอนแม่ ยิ่งกว่า ทำไมอาตมารู้ว่ายิ่งกว่า เพราะอาตมาเป็นสารีบุตร นั่งอยู่ตีนเขา พระพุทธเจ้าสอนแม่อยู่บนภูเขาเวปุลลบรรพตได้ยินหมด รู้เรื่องหมด ได้รับซับซาบหมด เห็นไหม บุคลาธิษฐานที่อาตมาพูดไว้ จริงๆแล้วสัจธรรมคือ พระพุทธเจ้า 3 เดือน สอนผู้เป็นแม่ ภิกษุทั้งหลายคือผู้เป็นแม่ที่จะไปคลอดโลกุตรชน จะไปสร้างลูก บุรุษที่ท่านสอน ภิกษุที่ท่านสอนผู้ที่จะไปคลอด โลกุตรธรรมให้แก่มนุษยชาติต่อๆๆ เผยแพร่ต่อไปอีก มีลูกเป็นจำนวนพันเป็นเอนก ไปต่อ

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 15:36:15 )

ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามี 5 จำพวก

รายละเอียด

ธุดงควรรคที่ 6 อยู่ป่าเป็นต้น [1191] อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถืออยู่ป่านี้มี 5 จำพวก. 5 จำพวก อะไรบ้าง? คือ:

1. เพราะเป็นผู้เขลา งมงาย จึงถืออยู่ป่า

2. เป็นผู้มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงำ จึงถืออยู่ป่า

3. เพราะวิกลจริต มีจิตฟุ้งซ่าน จึงถืออยู่ป่า

4. เพราะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้า สรรเสริญ จึงถืออยู่ป่า

5. เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และเพราะอาศัย

ความเป็นแห่งการอยู่ป่ามีประโยชน์ ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถืออยู่ป่า

ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามี 5 จำพวก นี้แล.

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561


เวลาบันทึก 21 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:57:03 )

ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามี 5 จำพวก

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าถึงบอกชัดเจนเลยว่า คนที่จะไปถืออยู่ป่านี้เป็นคนอย่างไร

[1191] อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?

พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถืออยู่ป่านี้มี 5 จำพวก. 5 จำพวก อะไรบ้าง? คือ:

1. เพราะเป็นผู้เขลา งมงาย จึงถืออยู่ป่า

ใครที่ไปเห็นว่าอยู่ป่าดีก็อยู่ข้อนี้เลย

2. เป็นผู้มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงำ จึงถืออยู่ป่า

3. เพราะวิกลจริต มีจิตฟุ้งซ่าน จึงถืออยู่ป่า

แค่ด่าสามข้อนี้ก็หนักหนาแล้วกระอักเลือดแล้ว ยังมีข้อที่ 4 อีก คือ

4. เพราะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้า สรรเสริญ จึงถืออยู่ป่า

มีแต่ถล่ม ไม่มีสรรเสริญเลย ก็ตั้งแต่อัมพัฏฐสูตร ท่านก็บอกว่า เป็นความเสื่อมในการออกป่า เอาธูปเทียนมาจุดในวัด เป็นการบูชาวิญญาณล่องลอยระลึกเทวนิยม มันเป็นความเสื่อม กับการสร้างเรือนไฟอย่างธรรมกาย หรูหราฟู่ฟ่า สำนวนพระพุทธเจ้าบอกว่าสร้างโรงไฟในทาง 4 แพร่งมีมุข 4 ด้าน คือดักคนใหญ่โต ยิ่งใหญ่ มุขสี่ด้านเลย เป็นวิหารศาลาใหญ่ ไปเข้าใจผิดว่า พระพุทธเจ้าและสาวกสรรเสริญการอยู่ป่า

5. เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และเพราะอาศัยความเป็นแห่งการอยู่ป่ามีประโยชน์ ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถืออยู่ป่า

ในข้อที่ 5 นี้มีประโยชน์นิดหนึ่งในสิ่งแวดล้อม เมื่อไปอยู่ป่า มันจะเป็นผู้มักน้อยเพราะไม่มีอะไรให้ และมันก็ต้องพอ มันมีข้อจำกัดไม่มีอะไร มีน้อยไม่มีมาก ไม่มีโลกธรรม ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ใจก็ต้องพลอยถูกบังคับให้สันโดษ ขัดเกลาให้เงียบสงัด และอันสุดท้าย คือเพราะอาศัย  อิทมตฺถิตฺเว นิสฺสาย อารฺโก เขาแปลคำว่า อิทมตฺถิตฺเว ด้วยความปฏิบัติงามนี้จึงถืออยู่ป่า มันมีความน้อย ใจก็เลยถูกบังคับ ก็ต้องตั้งใจขัดเกลาในเชิงนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 11:36:25 )

ภิกษุมหาศาลคือภิกษุเช่นใด

รายละเอียด

คือภิกษุที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสในพรหมชาลสูตรว่า เป็นผู้ที่ ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ก็ยังมีเดรัจฉานวิชา มีอะไรที่นอกรีตนอกรอย แล้วอยู่อย่างนั้นหน้าตาเฉย เสวยบัลลังก์ ลาภ ยศ สรรเสริญ สบาย จนกระทั่งมีเงินดาวน์เงินเดือนนะ เรียกซะอย่างโก้เลยว่านิตยภัต ซึ่งมันผิดหลักของศาสนาทั้งนั้นเลย อาตมาพูดไปก็ไม่กล้าเถียงหรอก มาสิมาเถียง จะให้ไปอ่านพระไตรปิฎก เดี๋ยวให้ท่านหนักแน่นบอก ให้ไปอ่านหน้านั้นเล่มนั้นท่านจะบอกบทไหนอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2563 ( 18:02:05 )

ภิกษุหรือนักบวชเป็นไฉน

รายละเอียด

ภิกษุหรือนักบวชเป็นผู้รับใช้สังคมเป็นคนยอดรับใช้แต่ไม่ใช่รับจ้าง เป็นผู้รับใช้เป็นผู้ที่มีประโยชน์คุณค่าต่อผู้อื่นเป็นผู้ที่เป็นประโยชน์พหุชนหิตายะ หรือโลกานุกัมปายะ

ธัมมชโยนี้ มีการโกง สมเด็จพระสังฆราช ก็มีคำสั่งออกมาแล้วว่าต้องปาราชิก แล้วตอนนี้หลบหนีหายไปไหนไม่รู้ไม่มีใครหาเจอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:18:14 )

ภิกษุอยู่ป่า 5

รายละเอียด

ภิกษุ 5 จำพวกที่ถือการอยู่ป่า คือ

1. พวกโง่เขลา หลงงมงาย (มันทัตตา โมมูหัตตา)

2. พวกปรารถนาลามก (เลวทราม) ถูกความปราถนาลามกครอบงำ (ปาปิจโฉ)

3. พวกวิกลจริตจิตฟุ้งซ่าน (อุมมาทา)

4. พวกเข้าใจว่าพระพุทธและสาวกสรรเสริญ (วัณณิโต)

5. พวกอาศัยความมักน้อย (อัปปิจฉะ)  ความสันโดษ (สันตุฏฐิ)

    ความขัดเกลา (สัลเลขะ)  ความเงียบสงัด (ปริเวกะ)

    ความมีประโยชน์แห่งการอยู่ป่า (อิทมัฏฐิตา)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม  8 "อุปาลิปัญจกะ"  ข้อ  1191

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2562 ( 17:57:44 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:46:31 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:35:55 )

ภิกษุอยู่ป่า 5

รายละเอียด

ภิกษุ 5 จําพวกที่ถือการอยู่ป่า คือ

1. พวกโง่เขลา หลงงมงาย (มันทัตตา โมมูหัตตา)

2.พวกปรารถนาลามก (เลวทราม)

ถูกความปรารถนาลามกครอบงํา (ปาปิจโฉ)

3. พวกวิกลจริตจิตฟุ้งซ่าน อุมมาทา)

4. พวกเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าและสาวกสรรเสริญ (วัณณิโต)

5. พวกอาศัยความมักน้อย (อัปปัจฉะ)ความสันโดษ (สันตุฏฐิ) ความขัดเกลา (สัลเลขะ) ความเงียบสงัด (ปวิเวกะ) ความมีประโยชน์แห่งการอยู่ป่า (อิทมัฏฐิตา)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 8 “อุปาลิปัญจกะ” ข้อ 1191


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 20:01:39 )

ภิกษุไม่ได้ปฏิบัติศีลให้เกิด อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 ฌาน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ศีล ของทั้งภิกษุ ทั้งผู้ที่เข้าใจ ฆราวาส ศีล จึงเป็นแค่ สีลัพพตุปาทาน หมายความว่าปฏิบัติศีลตามจารีตประเพณี ไม่ได้ปฏิบัติศีลให้เกิด อปัณณกปฏิปทา 3 สัทธรรม 7 ฌาน เขาบอกว่าไปวัดเขาให้ถือศีล ฆราวาสถือศีล 8 เณรให้ถือศีล 10 จับพวกลิงมาบวชกันเป็นพัน ถือศีลเป็นร้อยเป็นพันคนมันจะถือศีลได้อย่างไร ศาสนาพุทธก็ชิบหายวายป่วง เพราะเอานั่นแหละไปเดินขบวนบิณฑบาต ถือเครื่องใส่ธนบัตรข้างหน้าไป ดูแล้วมันน่าเศร้าสังเวชใจ เอาคนมาบวชเล่นบวชหัว ไม่ว่าเณรไม่ว่าพระ บวชพระร้อยรูปล้านรูปแสนรูป เป็นการทำลายศาสนาอย่างมหาศาล คนที่จะมาบวชนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นเรื่องง่าย เสร็จแล้วเละเทะหมดเลย หยำฉ่า จะมาอดลดละ อดทนอะไรได้ เละเทะอยู่อย่างนั้น 

พูดให้ลึกขึ้นไปอีกหน่อย หนุ่มกลัดมันมาบวช ก็สังฆาทิเสสกัน ปกปิดกันเละเทะอยู่ในนั้นแหละ สังฆาทิเสสข้อไหนไม่พูดแล้วล่ะ ตั้งแต่ข้อ 1 ถึง ข้อ 3 อย่างนี้เป็นต้น เละเทะอยู่อย่างนั้นแล้วไม่ปลงอาบัติกันหรอก แต่ละเมิดข้อ 1 2 3 อยู่อย่างนั้นแหละ มันเป็นความสะอาดที่ไหนล่ะ มันเป็นสังคมสมณะ สังคมสงฆ์ ที่สะอาดที่ไหนล่ะ อย่าว่าอย่างนั้นเลยที่เถรสมาคม มีพระที่ปาราชิกปนเปกันอยู่เละเทะเลย อย่างเช่น ธัมมชโยก็คลุกคลีเกี่ยวข้อง บูชาเคารพกันอยู่อย่างนั้น โอ้โห! มันหมดจริงๆเลย นี่คือความเสื่อมของศาสนาพุทธทุกวันนี้ 

ขอผ่าน จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ไปเข้าอินทรียสังวร สำรวมอินทรีย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 13:59:46 )

ภูฏานอโศกโมเดล

รายละเอียด

ภูฏานอโศกโมเดล คือ ประเทศภูฏานประกาศเป็นประเทศยากจน  เหมือนชาวอโศกเป็นคนจน ซึ่งเขารู้ตัวว่าเป็นประเทศยากจนแล้วก็สนองพระราชดำรัสแบบคนจน  ก็ไปทำให้สังคมประเทศเขาให้มีเศรษฐกิจแบบคนจน  แบบที่ให้ชาวอโศกประพฤติตนเป็นคนจน  ขอยืนยันว่าอาตมาประสบผลสำเร็จที่พาพวกเรามาจนได้  ถ้าพวกคุณไม่เจออาตมาป่านนี้ก็ไปรวย  บางคนก็มีเป็นร้อยล้าน ก็ไม่ได้พูดเล่นนะ มีความรู้ ความสามารถมาก และไม่ห่วงหาก็จะมีเงินมาก ทำอย่างสุจริตด้วย  พวกเราทำอยู่กี่คน  แต่พวกเราก็ไม่สะสม ก็อย่าไปเสียดาย  เมื่อต้องตายจากมันไปถ้ามีเยอะจากมันก็ต้องเป็นทุกข์  แต่พวกเราตายไปก็ไม่ทุกข์มีก็ไม่ยึดถือเป็นเราเป็นของเรา  เอาเข้าส่วนกลาง  หรือให้ใครจะจำเป็น เป็นกิจที่สมบูรณ์จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:21:21 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:25 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:39:02 )

ภูตคาม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น พลังงานของธาตุรู้เริ่ม ภูตนี้ เป็นชีวะอันแรก อาศัยคำว่า คามะ มาบอกว่ามันเจริญเข้าสู่ชีวะแล้วนะ มหาภูตรูป 4 นั้นไม่ใช่ชีวะเลย พอเริ่มมีหน่วยของความเป็นชีวะเรียกว่า ภูตคาม ก็สั่งสมความเป็นชีวะในตัวเอง ก็จะก่ออยู่ในนั้น ก็จะเป็นพวกหัว เป็นพวกเหง้า โตอยู่ในตัวเอง หัวมัน หัวเผือก เหง้ามัน เหง้าเผือก เป็นต้น หรือหัวแห้วหัวหญ้าแห้วหมู  อะไรก็แล้วแต่ หัว ก็อยู่ของมันเท่านั้น

จนกว่าในหัวของมันงอกพืช งอกพีชะ เป็นใบ เป็นกิ่ง เป็นก้าน เป็นดอกออกมา แรกๆก็จะมีก้านเดียว กิ่งเดียว เป็นลำเดียว หนักเข้าก็มีแยกหลายก้าน หรือก้านนี้ก็มีมาออกอีกหลายก้าน ซึ่งก็ละเอียดลออไปอีก ก็จะเกิดมาเป็น พีชะ มีใบ มีก้าน มีกิ่ง ต่อไปก็เป็นผล เป็นลูก เป็นดอก อะไรต่ออะไรเพิ่มขึ้นเป็น พีชธาตุ

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 46 บุญกับฌาน มีพลังงานต่างกันอย่างไร วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2567 ( 19:48:20 )

ภูตคาม

รายละเอียด

ภูตคาม พืชเป็นราก พืชหัว พีชคามเป็นราก เป็นกิ่ง เป็นใบ อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 40 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 16:33:30 )

ภูฟ้าผาธรรม ความหมายว่าอะไร

รายละเอียด

คำว่าภูไม่ใช่ภาษาไทยโดยตรง แต่ไทยเรียก เขา คำว่า ฟ้า เป็นภาษาไทย ก็ผสมกัน ภู คือเนินที่ไม่เรียบราบ สูงขึ้นๆ กว่าพื้นราบ เป็นดินเป็นหิน เป็นวัตถุธาตุดิน จับตัวสูง เป็นที่อาศัยของพืช สัตว์ มีน้ำด้วยก็อาศัยกัน ดินน้ำไฟลม พืช สัตว์ ดินสูงก็เรียกภู ฟ้าก็สูง เสร็จแล้วก็มีคำว่า ผาธรรม ผา คือ แผ่นกำแพง กั้น มีหน้าที่ต่างกัน ภูนั้นสูงบอกลักษณะหนึ่งบอกมิติของความสูง ส่วนผาบอกมิติของความแข็งแรง ต้านทานการกระทบกระแทกการสลาย มันมีคนละหน้าที่ ภูฟ้าจึงบอกหน้าที่หนึ่ง ผาก็บอกหน้าที่หนึ่ง ธรรมะคือสิ่งทรงไว้ ทรงไว้ซึ่งโลกียะที่ดี ของเราทั้งโลกียะที่ดีและโลกุตระที่แท้ ที่สูงและต้านทานอะไรต่างๆได้ ถามว่าทำไมตั้งชื่อนี้ ก็มันเข้าท่า ความหมายดี เป็นสิ่งที่น่าได้นะ เป็นของดี แล้วก็เป็นของดีจริงๆ เราก็เอามาใช้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2564 ( 10:50:24 )

ภูมิคุ้นกันลอยตัวจากกลียุค

รายละเอียด

ผู้มีปัญญาเข้าใจ เป็นตัวยิ่งใหญ่ จะช่วยคนอื่นได้ต้องมีอนัตตาไม่มีตัวตน แล้วต้องทานอย่างมีอิสระ พยัญชนะ 5 อันนี้ปัญญาชนจะค่อยมาเข้าใจในอนาคต จะไปสร้างให้ตนมีคุณธรรม มีเนื้อแท้มากยิ่งขึ้น สัตว์โลกคือมนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ยิ่งใหญ่ฉลาดสุดแต่โลกจะมีกลียุค เดือดร้อนใกล้มาทุกที แต่ขณะนั้น คนที่ยอดที่จะเก็บกวาด คนที่หลุดพ้นจากกลียุค ลอยตัวจากกลียุค ไฟกลียุคไหม้ไม่ตาย คนพวกนี้มีความหนังเหนียว ภูมิคุ้มกัน อยู่ยงคงกะพัน เรียกว่า ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ แคล้วคลาดไม่มีเรื่องมาแผ้วพาล เรื่องบาปอกุศลภัยพวกนี้ ผู้มีบารมีจะหลุดพ้นได้ง่าย อย่างพระพุทธเจ้าใครจะทำร้ายได้ เก่งอย่างพระเทวทัตมอมเมาช้างให้มาทำร้ายก็ไม่สำเร็จ รอดมา สุดท้าย ก็ได้แค่สะเก็ดหินมาถูกพระบาทห้อเลือดเท่านั้นเองทำได้แค่นั้นเป็นอจินไตยที่มีบารมีคุ้มกันเป็นกำแพงไร้สภาพที่หุ้มกันท่านไว้จริงๆ ไม่มีรูปร่าง ในชีวิตอาตมาก็มีเรื่องเหล่านี้ยืนยันบ้าง ไม่ได้ท้าทาย แต่ก็ไม่มีใครมาทำร้ายอาตมาถึงขนาดนั้น มีแต่หอกปาก สูงสุดก็โดนแก๊สน้ำตา แสบเสียไม่มี ใครจะแตะจะถีบอาตมาก็ไม่เคยเจอ ไม่เคยโดนดีโดนตบ มีแต่ครูที่ตี เพราะไม่ได้ทำการบ้าน แต่อาตมาก็หลบเหลี่ยมครูอาจ รร.เบญจมมหาราช แกเป็นนักผ่อนส่งตีผ่อนส่ง อาตมาทำการบ้านไม่ทัน แต่อาตมานั่งหน้าห้องสู้ตา เป็นทริคของอาตมา สู้ตาแปลว่าทำได้ แต่ใครหลบแกเอาก่อนเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:54:16 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:16 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:40:22 )

ภูมิธรรมขั้น 8 สมมุติ

รายละเอียด

ผู้ที่มาปฏิบัติกับสมณะโพธิรักษ์ ผู้นั้นสามารถปฏิบัติได้ พัฒนาได้ ในยุคนี้มีภูมิธรรมถึงขั้น 8 สมมุติ สมมุติถึงขั้น 8 ได้ ท่านก็จะรู้แล้วผู้ที่มี คุณธรรม เป็นโลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้า ระดับ 8  ก็จะเป็นเหมือนกัน จะไม่ได้ข่มเบ่งกัน สมมุติว่าจะเป็น ผู้อายุน้อยกว่ามาบวชทีหลัง แต่มีภูมิธรรมข้ามหน้ากว่าท่าน ก็จะเคารพในฐานะ ผู้บวชก่อน ผู้รู้ก่อน แล้วก็จะช่วยท่านอย่างแท้จริง แล้วเราก็จะเห็นว่าเป็นผู้ช่วย ผู้ที่มีภูมิธรรมเหล่านี้ สอนคนบอกคนได้ ปฏิบัติตามได้ บรรลุธรรมได้ ก็จะมารวมตัวเป็นกลุ่ม เป็น เอกีภาวะ เป็นปึกแผ่น เป็นปรากฏการณ์ที่เป็นหมู่

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 14:41:35 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:41:16 )

ภูมิธรรมระดับใดที่ไม่ต้องเชื่อแม้แต่พระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเวทนาตัวแรกนี้ รู้สึก รู้ รับรู้ มีรู้ขึ้นมาแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อมันรู้ มันก็มีไม่รู้กับรู้ เราก็เรียนความรู้ที่ไม่มี รู้ที่ไม่มีสิ่งที่เราจะยึดถือว่าเป็นเรา พระพุทธเจ้าท่านจะจบด้วยความว่า ไม่ยึดเป็นเรา ไม่ยึดเป็นของเรา ภาษาก็มีเท่านี้ ผู้ที่ปฏิบัติมีภูมิธรรมถึงขีดนี้ จึงจะรู้ความจริงตามความเป็นจริงด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องเชื่อแม้แต่พระพุทธเจ้า เพราะเราเห็นเองเป็นเองจริงเองแล้ว โดยไม่ต้องเชื่อใคร นี่สูงสุด เพราะฉะนั้นผู้ที่ปฏิบัติได้อย่างนี้จึงรู้จักอนัตตา ความไม่มีตัวตน โดยใช้ภาษาว่าตัวตน เป็นภาษาไทย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม จากโสดาบัน 4 ไปถึงความมี ไม่มี และอภิภู รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 21:21:57 )

ภูมิธรรมองค์ประกอบพุทธในไทย

รายละเอียด

อย่างอาตมาช่วยคนทางนามธรรมเจตสิกซึ่งยากละเอียด อาตมาปางนี้ไม่เก่งทางวัตถุ รูปธรรม แต่เป็นนามธรรม แจกอาริยทรัพย์นามธรรม ทางรูปธรรมนั้นหลายคนรวมกันช่วยสร้างวัตถุรูปธรรมเกื้อกูลแจกจ่าย ในเมืองไทยมีคนมีภูมิธรรมองค์ประกอบพุทธอยู่จริง ตั้งแต่ในหลวงร.9 ข้าราชบริภาร ประชาชน จนสหประชาชาติเขาสามารถเข้าใจ รู้สิ่งประเสริฐอันนี้ จึงต้องรับรองให้รางวัล ท่านก็ได้ทางรูปธรรม ส่วนอาตมาทางนามธรรมยากกว่าหลายชั้น ก็คงไม่ตายตอน 89 ต้องลากสังขารไปอีกเพื่อพิสูจน์ธรรมะทางนามธรรม ตามเกณฑ์นิมิตก็ 151 แต่ตัวเองก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ ทุกวันนี้มีโรคกระเปาะทางคอ จะทำให้หายใจไม่ได้ก็ตาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:45:37 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:39 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:42:21 )

ภูมิธรรมอนาคามี

รายละเอียด

เหลือข้อที่ 3 ผู้ที่มีภูมิธรรมอย่างนี้เข้าเกณฑ์อนาคามี ผู้ที่หลุดพ้นในศีลข้อที่ 1 ข้อที่ 2 อย่างจริง จิตของคุณมีจริงๆ สัมผัสกับข้าวของที่ไม่ใช่ของของเราก็ไม่เกิดจิตเกิดอยากได้ของนั้นมาเป็นของเรา ถ้าอยากได้ก็ซื้อหามาตามสุจริต อย่างเก่งก็ต่อรองกัน ต่อรองได้ก็ซื้อ แม้ต่อรองคนที่ใจดีก็จะไม่เอาเปรียบ อย่างพวกเราไปซื้อของ คนที่อยากเอาเปรียบก็ต่อ อีกคนที่ไปด้วยมีจิตไม่เอาเปรียบก็บอกว่าไม่ควรจะต่อเขาเลย นี่คือของจริงสภาพจริงที่เกิด มันไม่ใช่เรื่องเสแสร้ง ไม่ใช่เรื่องดัดจริตอะไร มันเกิดอาการจริงจากจิตของเราจะเกิดเอ็นดูสงสาร เอื้อเฟื้อเจือจานไม่เอาเปรียบเอารัด จิตของคนชนิดนี้ต้องเรียนรู้และสร้าง ถ้าคนในสังคมในประเทศมีจิตใจเช่นนี้จะอยู่อย่างสบาย เกิดมาชาตินี้อาตมาสอนวิชานี้เท่านั้น ก็เป็นการช่วยสังคมศาสตร์ช่วยรัฐศาสตร์ ถ้าคนมีจิตแบบนี้ในการปกครองบริหาร การอยู่ร่วมกัน มันก็ไม่เกิดการฆ่ากัน เป็นการช่วยเศรษฐศาสตร์ มีการเผื่อแผ่เกื้อกูลช่วยเหลือกันมีทานมีการให้ พวกเราเป็นดินแดนแห่งการให้ ใครเข้ามาเราก็ใจดี แจกให้ไม่ค่อยหวงแหน มันเป็นสัจจะจริงเป็นเรื่องจริง ส่วนตัวของใครจะหวงแหนบ้างก็เป็นส่วนตัวที่เหลือ ของเราเอามานี่ให้เขาไปแล้ว เราก็ยังมีเหลือกินเลย เป็นสิ่งสัจจะยืนยันปรากฏจริงอ้างอิงยืนยันได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม 5 รูป 28


เวลาบันทึก 25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:04:55 )

ภูมิปัญญาชำแรกจิตที่เห็นความหลง

รายละเอียด

ก็พากเพียรกันไป อะไรก็ไม่ดีเท่ากับธรรมะ คนที่ไม่ชัดเจนลึกซึ้งจริงๆก็จะฟังไม่ค่อยขึ้น ไม่ค่อยจะขัดแย้งบอกว่าดี แต่ความซาบซึ้งจิตใจความลึกซึ้งที่เห็นว่าเราก็เป็นชีวิตคน แล้วที่ท่านพูดว่า อะไรก็ไม่สำคัญเท่าธรรมะ มันสำคัญเท่าก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ สำคัญเท่ากับธนบัตรเป็นปึ๊งหรือ จะสำคัญเท่าพวกนี้หรือ ซึ่งมันยากมันซ้อนๆ กว่าจะมีภูมิปัญญาที่ชำแรกจิต เข้าไปเห็นว่านี่เรานั้นหลง เงินทอง ข้าวของ ทรัพย์สมบัติ หลงรสอร่อยทางหูตาจมูกลิ้นกาย ที่ได้สัมผัสเสียดสีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสและเกิดรสชาติ ซึ่งคนติดมาก่อนทุกคน แล้วก็จะจม เรียกว่า ดำฤษณาอยู่ในรสชาติพวกนี้ (มีเด็กๆมากราบพ่อครู) แม้แต่เด็กๆพวกนี้เขาก็มีการซึมซับออสโมซิสเข้าไป เดี๋ยวนี้มันมีสิ่งยั่วย้อมมอมเมาเยอะ แต่เด็กพวกนี้ก็จะมีการซึมซับโดยไม่รู้ตัวมันละเอียดกว่า Absorb แต่ Osmosis นี้จะซึมลึกละเอียดเนียนแบบไม่รู้ตัว ฉะนั้นการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่กลุ่ม เป็นคณะเป็นสังคมเป็นสิ่งแวดล้อม มิตรสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี่ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 15:31:09 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:51:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:44:26 )

ภูมิปัญญาที่เจริญของคนประเสริฐคนเจริญสุดยอด

รายละเอียด

เรามีเรี่ยวแรง ทำไมเราทำได้ เพราะเรามีใจ 1. มีจิตใจที่ไม่หวงแหน ไม่ขี้เหนียว แล้วก็มี 2. ใจที่จะเกื้อกูล เผื่อแผ่แจกจ่ายเอื้อเฟื้อเจือจานแก่ผู้อื่น มันเป็นคุณธรรมของมนุษยชาติ มันเป็นสิ่งที่เจริญ เป็นสิ่งที่ดี พวกเรารู้ชัดเจน ก็ทำให้มันจริง แล้วก็ทำได้ ทำได้แล้วก็ยิ่งมีปิติ ยินดี รื่นเริงบันเทิงใจนะ ไม่ได้หน้าเหี่ยวเฉาอะไรเลย นี่คือภูมิปัญญาที่เจริญของคนประเสริฐ ของคนเจริญ สุดยอดเลย มันก็ไปอย่างนี้ แล้วทำให้เจริญๆๆ แล้วยิ่งเสริม

มันมี วรรณะ 9 จิตใจมีฐานของจิตวรรณะ 9 กับมี พุทธพจน์ 7 พุทธพจน์ 7 มี สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ  ซึ่งเป็นคำสอนพระพุทธเจ้า แล้วเราเอามาพิสูจน์ความเป็นจริงอันนี้ จิตใจจะเป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าตรัสเป็นภาษา แล้วสภาวะธรรมมันเป็นอย่างนี้ 

เช่น คำว่า สาราณียะ ใครเข้าใจภาษาคำนี้ ความหมายมันเป็นอย่างไร แล้วมันเป็นอย่างนั้นไหม แล้วมันเป็นไหม อาการของสาราณียะ ระลึกถึงกัน ปิยกรณะ รักกัน ไม่ใช่อยู่อย่างชังกัน แล้วก็รักกันอย่างมีมิติที่สูง ตั้งแต่มิติที่ 7 ที่ 8 ที่ 9 ขึ้นไปเลย ไม่ใช่มีมิติอยู่แค่กามารมณ์ กามคุณ หรือแค่ญาติโกโยติกา หรือแค่หมู่แค่พวก แต่เป็นมิติที่กว้าง เป็นสากล  

ความรัก 10 มิติ อาตมาก็ขยายไปหมดแล้ว สิ่งที่อาตมาได้ทำไว้ ได้ขยายความไว้ ไม่ว่าจะเป็นความรัก 10 มิติ ไม่ว่าจะเอาธรรมะพระพุทธเจ้า ขยายความขึ้นมา ความรัก 10 มิติ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้หรอก แต่อาตมานี้มามีภูมิธรรมจากต้นตอของพระพุทธเจ้านี่แหละ มันได้ ก็ทำไว้หมด ต่อยอดต่ออะไรไว้

เสร็จแล้วก็มายืนยัน สาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 มี การรักกัน เคารพกัน คุรุกรณะ สังคหะ เจือจานเอื้อเฟื้อกัน อย่างที่เป็นกันอยู่นี้ ซึ่งเป็นพฤติกรรม เป็นความประเสริฐของมนุษยชาติ ไม่มีชาติไหนปฏิเสธหรอก นอกจากนายทุนหน้าเลือดเท่านั้นแหละ ที่จะรู้สึกขัดใจ เพราะเขาทำไม่ได้ แต่ถ้าคนสามัญปกติแล้ว ไม่ใช่จะเป็นคนแดนนรก คนที่มันหวงแหน นายทุนที่ขี้เหนียว ขี้โลภ ตะกละสะสมให้แก่ตัวเอง มันพวกคนสัตว์นรก เขาก็จะเป็นอย่างนั้นอยู่ ขออภัยนะไม่ได้ด่านายทุนนะ แต่ขยายความจริง อธิบายความจริงให้ฟัง 

คุณเป็นอย่างนี้ ก็ต้องถูกว่าอย่างนี้ จะไปแปลคำนี้ว่าด่าก็เรื่องของคุณ ไม่ได้ด่า ไม่มีจิตจะไปมุ่งร้ายหมายร้ายอะไร มีแต่จิตย้ำให้เห็นว่ามันไม่ดี เปลี่ยนแปลงเสีย แต่คุณฟังไม่เป็น แล้วก็ไม่แก้ไขปรับปรุง แล้วยังไปโกรธ ไปอาฆาตพยาบาท ไปชิงชังอาตมาอีก มันยิ่งซับซ้อนความโง่ ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ทำอย่างนั้น คุณยิ่งโง่หนักเข้าไปอีก นี่อาตมาไม่ได้ด่าซ้ำเติมนะ มันซับซ้อน มันเป็นสัจธรรม มันเป็นความจริงที่มันเป็นอย่างนี้ ฟังไว้เถอะ ศึกษาธรรมะ อย่าไปมัวแต่สะสมเงินทองข้าวของ ขี้โลภไม่รู้จักจบไม่รู้จักพอ โลกมันเดือดร้อนเพราะคนโง่อวิชชาแบบนี้ ไปมัวอวิชชาอยู่ ไปมัวโง่เง่าแบบนี้อยู่ แล้วไปหลงโลกอย่างนี้อยู่ มันนานนะ พูดอย่างนี้จะบอกว่าน่าเห็นใจ ก็ไม่เห็นใจนะ จะพูดหนักๆ อย่างนี้แหละ จะแปลว่าด่าก็คือด่า อย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลก 10 แบบ ที่ไม่ใช่แค่ Imagine ตอนที่ 1 วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤษภาคม 2565 ( 12:07:28 )

ภูมิสูงกว่า

รายละเอียด

ผู้มีภูมิสูงกว่าผ่านมาแล้วก็ต้องรู้ในภูมิที่ตนผ่านมาแล้ว อาตมาไม่มีปัญหาเพราะอาตมามีภูมิ พระโสดาบันสกิทาคามีอนาคามีอรหันต์แล้ว ไม่ได้พูดเล่นก็มีสิทธิ์พูดทุกอย่าง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2563 ( 09:41:48 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 16:51:28 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:44:45 )

ภูมิโพธิสัตว์สายศรัทธากับสายปัญญามีการขัดแย้งกันหรือไม่

รายละเอียด

ธรรมชาติของการขัดแย้งกันระหว่างศรัทธากับปัญญาจะต้องขัดแย้งกันแยกกันไม่ได้ ความสมบูรณ์ที่สุดก็คือ ความขัดแย้งอันพอเหมาะ เป็นธรรมชาติ สังคมจึงจะอยู่ได้ ในยุคที่พระมหากัสสปะกับพระพุทธเจ้ายังอยู่ มันก็มีความขัดแย้งกันได้ กัสสปะเป็นสายศรัทธาเป็นหนึ่งเลย พระพุทธเจ้าถึงยกย่องพระกัสสปะว่ามีความเป็นหนึ่งเทียบเท่าตถาคต พระพุทธเจ้าหมายความว่า 1. ช่วยช้อนพระกัสสปะไว้ เพราะถ้าไม่ช้อนพระกัสสปะไว้ มันมีน้ำหนักโต่งไปทางศรัทธาสูงเกินไป ท่านจะบอกว่า เทียบเท่าเรา ก็แสดงว่า มีศรัทธาเท่าเทียมกับพระพุทธเจ้า ซึ่งศรัทธาของพระพุทธเจ้ามีอยู่นับประมาณนี้ ปัญญามีขนาดไหนพระพุทธเจ้าก็มีปัญญา อย่างประมาณไม่ได้เลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 30

วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 มีนาคม 2564 ( 19:01:49 )

ภูมิใจที่พวกเราทำงานมีกรอบและสำเร็จเรียบร้อย

รายละเอียด

อาตมาภูมิใจที่พวกเราทำงานอย่างนี้ได้ ออกไปทำงานกับข้างนอกถึงขั้นไปประท้วง เราถึงยอมเรี่ยไร แต่ก็มีกรอบขอบเขตนะ ไม่ใช่เรี่ยราดเลอะเทอะสวาปามหมด ไม่ใช่ เรามีกรอบขอบเขตอยู่ ว่าจะทำงานนะ เมื่อจบทำงานแล้วเราก็ไม่รับอีก อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งดีมากเลย พวกเรานี้มีวินัยที่ดี มี discipline ที่ดี เข้าท่าทีเดียว ใช้ได้ ระเบียบวินัยพวกนี้ของพวกเรามีพอสมควร แม้แต่พวกเราไปที่ไหนก็สะอาดที่นั่น ทำอะไรเสร็จที่ไหนก็ไม่ทิ้งขยะเก็บของให้เรียบร้อย เป็นพื้นฐานของมนุษย์ ที่ควรจะเป็น เราก็ทำมาต่างๆนั้นๆที่ดีกว่านี้ สูงกว่านี้เจริญกว่านี้ มากกว่านี้เราก็ทำได้ เราสามารถทำความเจริญได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน เพิ่มสัมประสิทธิ์เพื่อสะพัดสู่ผู้ขาดแคลน


เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:55:00 )

ภูมิใจในภิกษุชาวอโศกที่ไม่รับหรือสะสมเงินทอง

รายละเอียด

แม้ไปเป็นพระปฏิบัติ ไม่รับเงินรับทองนะ แต่ไม่มีใครรู้ ก็เห็นพระกรรมฐานมีเงิน พอตายแล้วเงินทองอยู่ในห้องมหาศาลเลย เพราะว่ามันซับซ้อนมันหลอกตัวเองด้วย 

ส่วนผู้ที่ไม่หลอกตัวเองแม้ดูเหมือนอย่างอาตมาไม่เคยปิดบังเลยก็รับเงิน เขาบริจาคมา อาตมาก็รับให้เห็นๆ ไม่ได้กระมิดกระเมี้ยน แต่อาตมาไม่ได้มีบัญชีของอาตมา ไม่เคยเอามากักตุนสะสม ก็มีไวยาวัจกร กองสงฆ์ก็มีอยู่ตลอดเวลา เงินผ่านมือจริงๆ ไม่ได้ขาดมือเท่าไหร่หรอก เดี๋ยวก็มีมาบริจาค เพราะสงฆ์ของอาตมาไม่รับเงิน ทุกองค์ก็เอามาให้อาตมาหมด ฆราวาสอยากให้อาตมามากกว่าสงฆ์องค์อื่น แต่ท่านได้มาก็เอามาให้อาตมาหรือเอาไปให้ไวยาวัจกร อยู่ใกล้ๆ ก็เอามาให้อาตมา หรือไม่อยู่ใกล้อาตมาก็ไปให้ไวยาวัจกร ก็เพราะสงฆ์เราไม่ได้รับเงินรับทองไม่ได้สะสมเงินทอง อันนี้อาตมาภูมิใจในภิกษุของชาวอโศก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 14:56:46 )

ภูเราเพราะเราสร้างเอง

รายละเอียด

ก็ขอบอกว่า ชาวอโศกยังไงๆ ก็มาร่วมกันทำ ภูเฮา ส่วนสะพานโค้งรุ้งนั้นมันไปตามเรื่องตามยถากรรมของมัน ส่วนภูเฮา ภูเขาแต่เราเรียก ภูเรา อาตมาดัดจริตเรียก ภูเราเพราะเราสร้างเองไม่ใช่ธรรมชาติหรือใครสร้าง เราสร้างด้วยน้ำมือของเรา 

อาตมาอธิบายความไม่ดี คือ อาตมาพาพวกเราสร้างธรรมชาติ ธรรมชาติไม่ใช่อะไรไปสร้างมัน ธรรมชาติมันจะต้องสร้างตัวมันเอง แต่อาตมานั้นมาแย่งธรรมชาติ สร้างธรรมชาติซ้อนธรรมชาติ คือ อาตมาทำธรรมชาติน้อยๆ เป็นตัวอย่างของธรรมชาติ เช่น มี ดิน น้ำ ไฟ ลม มีพืชพันธุ์ธัญญาหาร มีสัตว์เดรัจฉาน มีสัตว์คน แล้วอยู่อย่างสัตว์คนที่เป็นคนอาริยกะ ไม่ใช่คนที่เป็นมิลักขะ ไม่ใช่คนเถื่อน แต่เป็นคนเจริญ อาริยกะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปี ขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:46:08 )

มงคล

รายละเอียด

สิ่งนำมาซึ่งความเจริญ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 474


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:27:17 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:21:55 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:44:59 )

มงคล 38

รายละเอียด

มงคล 38 คือ ความดีความเจริญอันสูงสุด 38 ประการ

1. ไม่คบคนพาล (อเสวนา  จ  พาลานัง)

2. คบหาบัณฑิต (ปัณฑิตานัญจ  เสวนา)

3. บูชาบุคคลที่ควรบูชา (ปูชา  จ  ปูชนียานัง)

4. อยู่ในที่อันสมควรอยู่ (ปฏิรูปเทสวาโส  จ)

5. มีการทำบุญ (ชำระกิเลส) สะสมไว้ก่อน (ปุพเพ  จ  กตปุญญตา)

6. ตั้งตนไว้อย่างถูกต้อง (อัตตสัมมาปณิธิ  จ)

7. เป็นผู้รับฟังใส่ใจศึกษามาก (พาหุสัจจัญจะ)

8. มีศิลปะฝีมือยอดเยี่ยม (สิปปัญจะ)

9. มีวินัยศึกษาดีแล้ว (วินโย  จ  สุสิกขิโต)

10. กล่าวแต่ถ้อยคำที่ดี (สุภาสิตา  จ  ยา  วาจา)

11. บำรุงบิดามารดา (มาตาปิตุอุปัฏฐานัง)

12. ช่วยเหลือบุตร (ปุตตสังคหะ)

13. ช่วยเหลือภรรยา (ทารสังคหะ)

14. ทำงานไม่ให้คั่งค้าง (อนากุลา  จ  กัมมันตา)

15. ทำทานเสียสละ (ทานัญจะ)

16. ปฏิบัติธรรม (ธัมมจริยา จ)

17. ช่วยเหลือญาติ (ญาตกานัญจะ  สังคโห)

18. ทำงานที่ไม่มีโทษ (อนวัชชานิ  กัมมานิ)

19. งดเว้นการทำบาป (อารตี  วิรตี  ปาปา)

20. เหนี่ยวรั้งกายวาจาใจออกจากของมอมเมาให้โทษ (มัชชปานา  จ  สัญญโม)

21. ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย (อัปปมาโท จ ธัมเมสุ)

22. มีความเคารพ (คารโว จ)

23. มีความถ่อมตน (นิวาโต จ)

24. ยินดีพอใจความมักน้อย (สันตุฏฐี จ)

25. มีความกตัญญู (กตัญญุตา)

26. ฟังธรรมสม่ำเสมอ (กาเลนะ ธัมมัสสวนัง)

27. มีความอดทน (ขันตี จ)

28. เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย (โสวจัสสตา)

29. พบปะเยี่ยมเยือนสมณะ (สมณานัญจะ  ทัสสนัง)

30. สนทนาธรรมสม่ำเสมอ (กาเลนะ  ธัมมสากัจฉา)

31. เพียรเผาผลาญกิเลส (ตโป  จ)

32. ประพฤติพรหมจรรย์ (พรัหมจริยัญจะ)

33. เห็นอาริยสัจ คือความจริงอันประเสริฐสุดของชีวิต (อริยสัจจานะ  ทัสสนัง)

34. กระทำให้แจ้งในนิพพาน (นิพพานสัจฉิกิริยา จ)

35. จิตไม่หวั่นไหว แม้สัมผัสโลกธรรมอยู่ (ผุฏฐัสสะ  โลกธัมเมหิ  จิตตัง  ยัสสะ  น  กัมปติ)

36. จิตไม่เศร้าโศก ไร้ธุลีหมอง (อโสกัง)

37. จิตปราศจากธุลีอันคือกิเลสแม้เล็กแม้น้อย ไร้ธุลีเริง (วิรชัง)

38. จิตเกษมสุขสบายปลอดภัย (เขมัง)

หากเทวดา (ผู้มีใจสูง)  และมนุษย์ (ผู้มีใจประเสริฐ)

ทำมงคลเช่นนี้แล้ว  จะเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ต่อข้าศึกกิเลสทุกหมู่เหล่า ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 25 “มงคลสูตร” ข้อ 318

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 22:10:31 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:27:03 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:46:06 )

มงคล 38

รายละเอียด

คือความดีความเจริญอันสูงสุด 38 ประการ

1. ไม่คบคนพาล (อเสวนา จ พาลานั่ง)

2. คบหาบัณฑิต (ปัณฑิตานัญจ เสวนา)

3. บูชาบุคคลที่ควรบูชา (ปูชา จ ปูชนียานัง)

4. อยู่ในที่อันสมควรอยู่ (ปฏิรูปเทสวาโส จ)

5. มีคุณความดีที่สะสมไว้ก่อน(ปุพเพ จ กตปุญญตา)

6. ตั้งตนไว้อย่างถูกต้อง (อัตตสัมมาปณิธิ จ)

7. เป็นผู้รับฟังใส่ใจศึกษามาก (พาหุสัจจัญจะ)

8. มีศิลปะฝีมือยอดเยี่ยม (สิปปัญจะ)

9. มีวินัยศึกษาดีแล้ว (วินโย จ สุสิกขิโต)

10.กล่าวแต่ถ้อยคําที่ดี (สุภาสิตา จ ยา วาจา)

11. บํารุงบิดามารดา มาตาปิตุอุปัฏฐานัง)

12. ช่วยเหลือบุตร (ปุตตสังคหะ)

13. ช่วยเหลือภรรยา(ทารสังคหะ)

14. ทํางานไม่ให้คั่งค้าง (อนากุลา จ กัมมันตา)

15. ทําทานเสียสละ (ทานัญจะ)

16. ปฏิบัติธรรม (ธัมมจริยา จ)

17. ช่วยเหลือญาติ (ญาตกานัญจะ สังคโห)

18. ทํางานที่ไม่มีโทษ (อนวัชชานิ กัมมานิ)

19. งดเว้นการทําบาป (อารตี วิรดี ปาปา)

20. เหนี่ยวรั้งกายวาจาใจออกจากของมอมเมาให้โทษ(มัชชปานา จ สัญญโม)

21. ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย (อัปปมาโท จ ธัมเมสุ)

22. มีความเคารพ (คารโว จ)

23. มีความถ่อมตน (นิวาโต จ)

24. ยินดีพอใจความมักน้อย (สันตุฏฐี จ)

25. มีความกตัญญู (กตัญญูตา)

26. ฟังธรรมสม่ําเสมอ (กาเลนะ ธัมมัสสวนั่ง)

27. มีความอดทน (ขันตี จ)

28. เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย (โสวรัสสตา)

29. พบปะเยี่ยมเยือนสมณะ (สมณานัญจะ ทัสสนั่ง)

30. สนทนาธรรมสม่ำเสมอ (กาเลนะ ธัมมสากัจฉา)

31. เพียรเผาผลาญกิเลส (ตโป จ)

32. ประพฤติพรหมจรรย์ (พรหมจริยัญจะ)

33. เห็นอาริยสัจ คือความจริงอันประเสริฐสุดของชีวิต(อริยสัจจานะ ทัสสนั่ง)

34. กระทําให้แจ้งในนิพพาน (นิพพานสัจฉิกิริยา จ)

35. จิตไม่หวั่นไหว แม้สัมผัสโลกธรรมอยู่(ผฏฐสสะ โลกธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ น กัมปติ) 36. จิตไม่เศร้าโศก (อโสกัง)

37. จิตปราศจากธุลีอันคือกิเลสแม้เล็กแม้น้อย (วิรชัง)

38. จิตเกษมสุขสบายปลอดภัย (เขมัง) หากเทวดา(ผู้มีใจสูง) และมนุษย์ (ผู้มีใจประเสริฐ) ทํามงคลเช่นนี้แล้ว จะเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ต่อข้าศึกทุกหมู่เหล่า ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 25 “มงคลสูตร” ข้อ 318


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 16:57:20 )

มงคล 38 ข้อ 26 ฟังธรรมตามกาล

รายละเอียด

เจริญธรรมทุกๆคน วันนี้วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 แรม 1 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก เราก็มาฟังธรรมกันอีก ชีวิตพวกเราดีจริงๆ ไม่ใช่พูดเล่นๆ ไม่ใช่พูดโดยไม่มีเหตุปัจจัย แต่มีเหตุปัจจัยมีความจริงยืนยันทุกวัน นอกจากผู้ใดจะหลบหนีไป ไม่มา มีทุกวันนอกจากวันที่เกิดเหตุการณ์พิเศษจริงๆ ที่เราต้องไปทำงานอื่น ถ้าไม่ทำงานอื่น กิจวัตรประจำวันเราในเวลาเช้าก็ดี เย็นก็ดี ทั้งเช้าทั้งเย็น เราได้ฟังธรรมกันทุกๆวัน 

เป็นชีวิตที่โชคดีของมนุษย์ ในมงคล 38 ก็ยืนยันข้อหนึ่งคือได้ฟังธรรมได้เสวนาธรรม คนเราทุกวันนี้นึกดูง่ายๆเถอะ คนในสังคมข้างนอก เขาไม่ได้ฟังธรรมกันเหมือนอย่างชาวอโศก โชคดีที่มีวัฒนธรรมมีกิจวัตรประพฤติปฏิบัติกันมา อาตมามาทางธรรมะมาทางศาสนาได้พาทำมาตลอด มีวันยกเว้นที่ติดธุระพิเศษอย่างที่กล่าวแล้ว นอกนั้นก็ต้องมาฟังธรรมทั้งนั้น การที่จะรู้อะไรต่ออะไรขึ้นมา มันจะต้องได้ฟัง ปัญญาข้อ 1 ข้อ 2 ในปัญญา 8 ต้องได้ฟัง ได้ฟังจากพระพุทธเจ้าได้ฟังจากสัตบุรุษ ข้อที่ 1 ส่วนข้อที่ 2 ฟังแล้วฟังอีก ฟังมาแล้วก็ไต่ถาม ฟังแล้วฟังอีกไต่ถามแล้วไต่ถามอีก 

คนเราจะรู้ได้ด้วยการสื่อทางคำพูดนี้แหละดีที่สุด สื่อทางภาษาใบ้ก็ยาก เดี๋ยวนี้ไม่พูดถ้าจะรู้ไม่ฟังไปกดเอา กดเอาทางอากาศ ก็เป็นการสื่อภาษา การกำหนดคำ การกำหนดความกำหนดลักษณะ ที่จะบอกมันจะสื่อให้เรารู้ให้เราเข้าใจว่าอะไรคืออะไร แล้วเราก็ได้รู้กัน โดยเฉพาะยิ่งสื่อไปรู้ถึงนามธรรม เป็นลักษณะของ มันเป็นลมๆ แล้งๆ ไม่เป็นรูปธรรม ไม่มีมหาภูตรูป ยิ่งทำให้เรารู้ได้ยากแต่เราก็สามารถรู้กันได้ ศาสนาพุทธยอดเยี่ยมตรงนี้แหละ ตรงที่สามารถที่จะไปรู้อาการ ลิงค นิมิต อุเทส คำว่าอุเทส คือชี้แจงสู่กันฟังแล้วเราก็ได้รู้กันด้วย อาการ ลิงค นิมิต อุเทส 

มีอาการ ฟังแล้วเข้าใจความหมายแล้วจับอาการในจิตตัวเอง จับนิมิตในจิตตัวเอง อ๋อ อันนี้ต่างจากอันนี้ อาการนี้ต่างจากอาการนี้ ตั้งแต่อาการในอาการของจิตเจตสิกเอง อาการที่มาเกี่ยวข้องกัน ปรุงแต่งกัน จนมันเกี่ยวข้องกับข้างนอกสัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วไปเป็นอาการในจิตที่เรียกว่าสังขาร แล้วเราก็สามารถรู้แยกแยะได้ แยกอาการของเราที่มันเกี่ยวข้องกัน อยู่ด้วยกันอย่างไร อยู่ด้วยกันอย่างผูกพัน หรืออยู่ด้วยกันอย่างทะเลาะกัน เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 28 สังคมอโศกคือสังคมสาราณียธรรมที่มีสภาวะจริง วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 แรม 1 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 18:23:47 )

มงคล 38 ข้อที่ 36 คือ อโศกะ

รายละเอียด

ข้อที่ 36 คืออโศกะ ก็ ถ้าเป็นเรื่องกัลยาณชนจากนั้น เป็นอาริยชน อรหันต์ แล้วโพธิสัตว์ แต่ก่อนไม่ได้พูดถึงขั้นโพธิสัตว์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 10:12:07 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:11:59 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:45:18 )

มงคลคืออะไร

รายละเอียด

แม้ศิลปินแห่งชาติเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เสียงพูดเข้าหูอาตมาเลยว่าศิลปะมีโลกุตระด้วยหรือ ขนาดศิลปินแห่งชาติที่ดังนะ มงคลคือสิ่งที่พาไปสู่ความสูงอุตตมะ คือ มงคลอันอุดม เอตัมมังคะละมุตตะมัง อาตมานี่แหละชื่อมงคล ซึ่งสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ติสโส อ้วน เป็นผู้ตั้งให้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์เป็น อาตมาเป็นลูกศิษย์ของวัดนี้มาก่อน อยู่กับเจ้าคุณที่ท่านมีความลำเอียงรักลูกศิษย์ที่เอาแต่ประจบประแจง ของเราเองทำงานสารพัด กับได้รับความดูแล เราก็ไม่ได้ริษยาเขาหรอก แต่ว่ารู้สึกว่าอาจารย์ไม่ควรจะชอบคนแบบนั้น เอาอาหารแบ่งให้ลูกศิษย์ ให้พวกเรากินของเหลือ ส่วนคนอื่นให้เลือกอาหารแล้วไปเรียนก่อนได้ ของเราต้องเก็บอาหารเหลือไว้กินแล้วต้องค่อยไปเรียนทีหลัง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 12:02:52 )

มงคลอันอุดม

รายละเอียด

ความประเสริฐที่มีปัญญายิ่งอันสูงสุด

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 45


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:27:53 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:27:49 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:46:19 )

มท

รายละเอียด

1. ความมัวเมา หรือความหลงที่เหลืออยู่ หรือความคิดซึ่งความยินดีนั้นก็คือ การได้ยินแล้วว่าดี หรือการได้เห็นแล้วว่าดี การได้รู้ละว่าดีแล้ว 

2. คั้นเคี่ยวเป็นน้ำมันเมา เป็นความแรงจัดยิ่งขึ้น ๆ เป็นความเข้มข้นมากขึ้น ๆ 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 144

ทางเอก ภาค 3 หน้า 419


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:29:14 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:28:59 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:46:46 )

มทะ

รายละเอียด

1. มัวเมา 

2. ยิ่งมัวเมา ยิ่งเข้าใจผิดวนลึก ยิ่งแข็งข้อดื้อรั้น ยิ่งทำให้สิ่งที่ไม่ถูก ไม่ดี เป็นหนักขึ้น มากขึ้น 

 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 46

ทางเอก ภาค 3 หน้า 433

สมาธิพุทธ หน้า 367


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:30:20 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:30:26 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:47:12 )

มนตราแห่งพุทธคุณต้องแบบนี้!

รายละเอียด

ซึ่งผู้ปฏิบัติ“จรณะ 15 วิชชา 8”อย่างสัมมาทิฏฐิก็จะรู้จักรู้แจ้งรู็จริง“กายกลิ”และ“จิตกลิ”แล้วกำจัด“กลิ”หรือ“กิเลส”ทั้งหลายอย่างถูกต้องสัมผัส ด้วยความเป็น“ฌาน”ที่เกิดตาม “พุทธคุณ” อันเป็นกระบวนการของ“จรณะ 15 วิชชา 8”     

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 307 หน้า 233


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 14:45:01 )

มนภูมิก

รายละเอียด

ใจเป็น ใจเกิดได้ตามขั้นนั้น ๆ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 506


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:31:11 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:31:22 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:47:33 )

มนสิ

รายละเอียด

ใจในใจ , ที่ใจ

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 28, หน้า 29

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 97


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:31:54 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:32:44 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:47:52 )

มนสิการ

รายละเอียด

คือ  ในการทำใจในใจให้จิตของคุณเป็นพีชธาตุ มีธาตุจิตรู้ คุมเป็นโลกุตระเลยให้จิตมันมีอภิสังขารปรุงแต่งอยู่อย่างพีชะ ถ้าจิตของคุณทำให้เกิดพีชะธาตุได้ถาวรเลยคุณเป็นพระอรหันต์ เป็นธาตุอุเบกขา ยิ่งปฏิบัติฌาน 4 ได้อย่างโดยไม่ยาก ไม่ลำบากเลยนั่นแหละคุณบรรลุอรหันต์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 14:07:21 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:26 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:48:45 )

มนสิการ

รายละเอียด

คือการทำใจในใจ ทำให้ดีๆ เจตนาแต่อย่าอยาก อย่าไปสร้างอาการหวังใส่จิต อย่าสร้างพลัง สาเปกโข ว่าจะหวังได้อะไรตอบแทน

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 549


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 13:18:33 )

เวลาบันทึก 30 กรกฎาคม 2563 ( 06:40:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:49:11 )

มนสิการ

รายละเอียด

1. เอาใจใส่เพ่งจิตแน่วแน่ เดินจิตตามไป 

2. ทำใจในใจ 

3. งานทำใจในใจ 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 108, หน้า 506

อีคิวโลกุตระ หน้า 29


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:34:06 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:34:10 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:49:31 )

มนสิการ

รายละเอียด

ทำใจในใจมีมรรคผลโลกุตระ  ไม่มีมรรคผลของโลกุตระ เป็นแต่เพียงคนโลกียะ  หากทำโลกุตระไม่ได้ก็ทำใจในใจไม่เป็น  เหมือนกับปุถุชนทุกคนไม่ต้องมีความรู้แบบ เรา คุณ ก็ได้กุศลในการทาน  ถ้าเป็นลักษณะการกทำกุศล คนชาติไหนศาสนาไหนก็ทำได้ ได้กุศลเหมือนกันหมด

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช  วันจันทร์ที่  11 พฤศจิกายน 2562                    


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:57:08 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:36:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:49:55 )

มนสิการ

รายละเอียด

เป็นตัวจุดที่จะให้เกิดผลเป็นจุดโยนิโสฯ เป็นจุดทำให้เกิด เป็นแดนเกิด จุดนี้ถ้าใครหาจุดนี้ในจิตวิญญาณ หทยรูปของคุณไม่เจอ อ่านจิตเจตสิก มันไม่มีตัวตนไม่มีที่อยู่ไม่มีรูปร่าง แต่คุณต้องใช้สัญญาในการกำหนดรู้ และการกำหนดโดยไม่มีเหตุปัจจัยไม่มีของจริงสัมผัสทางทวาร 5 ก็โมฆะ ต้องกำหนดรู้ขณะปัจจุบัน มีเวทนามีสังขารอย่างไร

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:59:20 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:37:22 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:50:18 )

มนสิการ

รายละเอียด

คนเราอยู่ดีๆจะเอามือไปยื่นถึงพระอาทิตย์ได้อย่างไรไม่รู้ไกลกี่ล้านปีแสง  ไม่ร้อนก็หมายถึงว่าเราสามารถสัมผัสกิเลส แล้วเราก็ไม่เดือดร้อนรู้ความจริงตามความเป็นจริง สัมผัสของคนอื่นกิเลสของคนอื่นแล้วเราก็รู้เขา จะช่วยเขาได้ไหม ช่วยเขาได้จะช่วยได้ด้วยวิธีใดเราสามารถก็ช่วยกันไป โดยเฉพาะกิเลสของเรา ไม่รู้ร้อนรู้เย็นไปหลงกิเลสนี้ทำให้เราร้อนแต่ไปหลงว่าเย็น หลงทุกข์เป็นสุข นี่คือวิปลาส 1 ใน 4 เห็นสิ่งที่ความทุกข์เป็นความสุข เห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเป็นความเที่ยง เห็นสิ่งที่ไม่น่าได้ น่ามีน่าเป็น เห็นสิ่งที่น่ามีน่าได้น่าเป็น และเห็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนว่ามีตัวตนเป็นตัวตน พูดแล้วจะโยงใยธรรมะของพระพุทธเจ้านี้ถึงกันหมดเลย ในธรรมะพระพุทธเจ้ามีข้อสำคัญอยู่ข้อหนึ่งที่ชาวพุทธทุกวันนี้ไม่เข้าใจแล้ว แล้วก็ทำไม่เป็น คือ มนสิการ มนสิการนี้เป็นข้อที่ 2 ของมูลสูตร 10 ข้อที่ 1 มีฉันทะเป็นมูล ข้อที่ 2 มีมนสิการเป็นเหตุที่พาให้เกิดให้เป็น สัมภวะหรือปภวะ เป็นแดนเกิด มีมนสิการนอกนั้นก็มีผัสสะเป็นสมุทัย มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง ไล่ไปจนถึงมีนิพพานเป็นปริโยสาน และในมนสิการนี้ เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด คุณต้องคบสัตบุรุษ จึงจะได้ฟังสัจธรรม ถ้าคุณไม่พบสัตบุรุษคุณไม่ได้ฟังสัทธรรม เมื่อคุณไม่ได้ฟังสัจธรรม คุณก็ไม่เกิดปัญญา คุณก็จะทำการโยนิโสมนสิการไม่เป็น คุณไม่พบสัตบุรุษคุณไม่ยินดีในสัตบุรุษ คุณไม่เริ่มมีศีล คุณไม่เริ่มเรียนรู้อัตตา คุณไม่เริ่มมีสัมมาทิฏฐิและไม่สังวรในความไม่ประมาทต้องไม่ประมาท ตั้ง 6 ชั้นแล้วคุณจะดำเนินโยนิโสมนสิการได้ เป็นตัวที่ 7 ของสุริยเปยยาลสูตร

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 10:45:09 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:12:47 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:51:25 )

มนสิการ

รายละเอียด

ถ้าฟังแล้วนี่เข้าใจสภาวะ มันจะเป็นรากฐาน บางทีอาตมาพูดพยัญชนะ แม้แต่เอาบาลีมาประกบ มาประกอบขยายความ คุณฟังแล้วพยายามนึกให้ถึงสภาวธรรม ว่ามันหมายถึงอย่างไรให้ได้ แล้วมันจะเป็นรากฐานของการศึกษา ถ้าจำแต่บัญญัติไม่เข้าหาสภาวะ นาม 5 เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ อันนี้ทุกวันนี้วงการศาสนาเขาก็ไม่ได้ศึกษานาม 5 รูป 28 ไม่ศึกษากันแล้ว เพราะว่ามันเข้าใจไม่ได้ มันเสื่อม เมื่อไม่ศึกษารูปนาม ไม่เอารูปนามพวกนี้มาศึกษาสภาวธรรม มันก็ค่อยๆ เสื่อม ก็ไม่เจริญขึ้นได้ มันต้องรู้และต้องใช้จริงๆ อย่างนามของเรา เราจะศึกษา คนที่ปฏิบัติธรรมจะต้องคำนึงถึงว่า ส่วนนามนะ แยกให้ชัดนะ ตอนนี้อธิบายส่วนของนาม มันต้องมี เวทนา สัญญา เจตนา แล้วต้องมีผัสสะกับมนสิการ 

มนสิการ แปลว่า จัดการทำใจในใจ ทำใจในใจก็คือเวทนา สัญญา สังขาร หรือเวทนาสัญญาเจตนานั้นแหละ ทำอันนี้แต่ต้องมีผัสสะจึงจะมีมนสิการได้ เขาไม่เข้าใจปฏิบัติธรรมอ่านพระไตรปิฎกไม่แตกก็ไม่รู้ว่านาม 5 ต้องปฏิบัติอย่างไร ปฏิบัติเลยไม่มีผัสสะ 

เพราะฉะนั้น อาตมาถึงได้พูดไม่มีผัสสะไปหลับตาปฏิบัติ ผัสสะก็มีแต่จิตในจิต มันไม่มีผัสสะ ไม่มีที่เป็นที่ตั้งของจิตวิญญาณที่เป็นสัมภเวสี สัมภเวสีพูดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ มันคือจิตที่เรานึกไปเองอยู่ในภวังค์ มันก็อยู่ในภพของตัวเองเท่านั้น เขาไม่เรียกว่าความจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ 

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 11:50:44 )

มนสิการ

รายละเอียด

มนสิการ หมายถึงว่า  การทำใจในใจของตน เราเป็นผู้ทำใจของตน ไม่ให้ใครมาทำได้หรอก ใครมาทำให้ก็ไม่ได้ พระเจ้าก็ไม่สามารถที่จะมาร่วม มาล้วง ทำใจของเรา ไม่ได้ ใจของเราเป็นของเรา เราก็ทำใจของเรานี่แหละให้มันเกิด สู่แดนเกิด ถ้าคนโง่มิจฉาทิฐิก็ไปสู่แดนเกิดที่เป็นนรก ถ้าคนที่สัมมาทิฏฐิก็ไปสู่แดนสวรรค์หรือแดนนิพพาน 

คำว่า มนสิการ คำที่ 2 ของมูลสูตร จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ผู้จะโยนิโสมนสิการ จะเป็นผู้ทำใจในใจอย่างถูกต้อง ถ่องแท้ บริบูรณ์ โยนิโสนี่ อย่างถูกต้องถ่องแท้บริบูรณ์ลงไปถึงที่เกิด ที่เกิดที่เป็นต้นตอแห่งการเกิดแล้วล้างรากเหง้าแห่งการเกิดเรียกว่า อาสวะ รากเหง้าแห่งความโง่ที่พาเกิดคืออาสวะ ล้างหรือกำจัด หรือเผาให้สลายเลยได้ นี่เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าที่สุดยอดในการเรียนรู้เรื่องจิตวิญญาณ เรื่องพระเจ้า เรื่องอัตตา เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ใช้พยัญชนะอีกเยอะที่เป็นคำใช้แทนกันได้เรียกว่าคำ synonyme 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร 10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:22:25 )

มนสิการ คือ การทำใจเป็น

รายละเอียด

1.อ่านใจตนได้  ด้วย สติปัฏฐาน การตั้งสติ > สติ (คือ ระลึกได้ > สัมปชัญญะ(รู้ตัว) > สัมปชานะ (รู้สึกตัวยิ่ง)
2.ทำใจตนเป็น  ด้วย โยนิโสมนสิการ   สัมปัชชติ (เกิดขึ้น กลายเป็น) > สัมปัชชลติ(ลุกไหม้) > สัมปัตตะ (เข้าถึง)
3.ใจเย็นแสนสงบ  ด้วย สัมมาวิมุติ   เป็นสัมปันนะ (สำเร็จดี)
4.ใจจบแสนรู้   ด้วยสัมมาญาณะ  เป็นโลกวิทู
5.ใจสู่แสนสบาย   ด้วยสัมมาสมาธิ  อันมีคุณสมบัติ สะอาด  สว่าง  สงบ  สร้างสรร  สมรรถนะ  สามัคคี  ได้อานิสงส์พ้นทุกข์  ชีวิตมีสุข  มีชีวิตที่เป็นประโยชน์
 

ที่มา ที่ไป


ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2562 ( 13:06:44 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:42 )

มนสิการ ในมูลสูตร 10 ข้อที่ 2

รายละเอียด

เริ่มต้นมีฉันทะก็ไม่ธรรมดาแล้ว ยิ่ง มนสิการ เป็นข้อที่ 2 คือการทำ การแปลว่าทำ ยังไม่มีโยนิโสนะ มีแต่ มนสิการ คนสามารถทำใจของตน ที่ใจของตน ก็ทำใจในใจของตนเองจัดการใจของตนเอง คนจะจัดการใจในใจของตนเองเป็น โอ้โห.. ต้องรู้ว่าใจคืออะไร จิตคืออะไร เจตสิกคืออะไร แล้วก็ต้องรู้เลยว่า อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของพระพุทธเจ้า อุเทส คำสอน คำอธิบายของสัตบุรุษ ของผู้รู้ที่อธิบายไว้ ให้เรียนรู้ อาการ ลิงค นิมิต มีเครื่องหมายให้รู้เครื่องหมายของอาการจิต แล้วก็จัดการกับอาการของจิต 

เริ่มต้นจิตมันมี 2 หน่วย เทวะแล้ว มันก็เริ่มต่างกันแล้ว ต่างกันอย่างหยาบ ให้เรียนหยาบก่อน แล้วจัดการทำเหตุปัจจัยที่ทำให้เราหลงปรุงแต่งอยู่ในโลกไปเรื่อยๆ ทีละคู่ไปเรื่อยๆ ก็ทำใจในใจเก่งขึ้นเรื่อยๆ จนลงไปถึงที่เกิด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 05:01:41 )

มนสิการ 

รายละเอียด

มนสิการ  คือ การทำใจในใจ  เป็นเรื่องใหญ่สำหรับศาสนาพุทธเลย  แต่คนไม่เห็นความสำคัญของการทำใจในใจ  มนสิการ  หากเป็นกิริยา  คือ  มนสิกโรติ อันหมายถึง เป็นการทำใจในใจ  คือ ทำใจของเราเอง  ทำเป็นทำใจของเราได้  ทำให้เป็นใจหมอง  ทำให้เป็นใจใส  ไม่ต้องไปให้มันหมอง  ทำให้ได้เป็นอัตโนมัติ  ทำใจใสไม่มีหมอง  โยนิโสมนสิการ  เป็นคำใหญ่ที่รู้จักจิตหรือ มนะ ต้องทำมนสิการะ  คือ กระทำที่จิต

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 12:43:49 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:20 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:52:23 )

มนสิการคือทำใจในใจ ให้โยนิโสฯ คือลงไปถึงที่เกิด

รายละเอียด

เอาน่ะให้ทำไปเรื่อยๆ โยนิโสมนสิการ ที่คุณคนนี้บอกโยนิโส คือทำใจในใจ ส่วนมนสิการคือแยบคาย ไม่ใช่ มนสิการคือทำใจในใจ ให้โยนิโสฯ คือลงไปถึงที่เกิด มนสิการหรือมนสิการะคือการทำใจในใจ มนสิกโรติคือคำกิริยา ก็ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 12:16:50 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:13:05 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:52:58 )

มนสิการอย่างไรจึงโยนิโส​

รายละเอียด

พวกที่มิจฉาทิฏฐิเขาก็จับจิตของเขาได้เหมือนกัน แต่จับแล้วเขาไม่มีวิจัย จับแล้วเขาเข้าใจว่าจะจับจิตนี่ทำให้จิตมันดับ ประเภทตามวิธีของเขา คือ มันไม่มีปัญญา ไม่มีปฏิภาณ เขาว่า เอ็งหยุดนะๆๆ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า “เราน่ะหยุดแล้วแต่เธอสิยังไม่หยุด” เพราะเธอยังโง่อยู่ ไปหยุดอะไรก็ไม่รู้ มันไม่หยุดจริง

เพราะฉะนั้นคำว่า มนสิการ จึงต้องรู้อย่างถ่องแท้ อย่างแยบคาย อย่างละเอียด ภาษาบาลีว่า โยนิโส​ เพราะฉะนั้นคนที่ ทำใจในใจ เขาก็ว่า เขาทำใจในใจเป็น พวกเดียรถีย์หรือพวกเทวนิยม ทำแบบบื้อๆ เข้าไปหาจิตแล้วดับให้หยุดๆๆๆ มีวิธีดื้อๆ ไม่มีการวิจัยวิจารณ์อะไรไม่มีสติสัมโพชฌงค์ ไม่มีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ ไม่ได้เรียนรู้ 2 ตัวนี้สำคัญนะ 

สติสัมโพชฌงค์กับธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ ศาสนาเดียรถีย์ แม้ชาวพุทธปฏิบัติผิดไม่มีสติสัมโพชฌงค์ ไม่มีธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ มีแต่เอ็งหยุด ๆๆ มีแต่ 1 1 1 1 แต่ของพระพุทธเจ้าแยกแยะออกทีละคู่ 2 แล้ว 1  ...2 แล้ว 1 ถ้าไปทาง 0 ก็ 2 แล้ว 1... 1 อีกอันนึงต้องไปหา 0 ทั้งหมด ถ้าไม่ 1 ก็ 2 ทำให้ 1 เป็น 0... 2 ก็ทำให้เป็น 1 เป็น 0 ได้สำเร็จ สำเร็จหมดก็หมดได้ทุกคู่ 

เมื่อทำ 1 ให้เป็น 0 ได้ หมดก็กี่คู่กี่คู่ ต่อไปก็อีกกี่คู่ก็ทำได้หมด หาที่สุดไม่ได้ คุณก็ทำได้หมด เพราะคุณทำ 2 เป็น 1 ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:30:26 )

มนสิการอย่างไรให้เป็นโลกุตตรจิต

รายละเอียด

โลกุตระคือโลกหน้า แต่ผู้ที่เขาไม่รู้ เขาอยากรู้จะรู้แต่มันรู้ไม่ได้ เขาก็เลยรู้โลกหน้าไม่ได้ รู้โลกุตระไม่ได้ โดยเฉพาะให้เป็นจิตให้เป็นโลกุตตรจิต ทำจิตตัวเองให้เป็นมนสิการ ทำจิตตัวเองให้เป็นจิตเจริญขึ้นเป็นโลกุตระ คือจิตของผู้นั้น ของใครก็แล้วแต่ ของเรา เราสามารถแยกจิต อ่านอาการจิต จับจิตของเราได้ แล้วก็รู้อาการ ลิงค นิมิต อุเทส 

อุเทส คือภาษาหรือสิ่งที่อธิบายออกมา อย่างที่อาตมากำลังอธิบาย ฟังอุเทสแล้วเข้าใจว่าต้องไปแยกอาการ ลิงค นิมิต ไปแยกอาการของจิตมันแตกต่างกัน จิตที่เป็นจิตจริงๆ กับจิตที่มันเป็นกิเลส เป็นจิตตัวปลอม มาปลอมตัวเป็นจิต แต่มันเป็นกิเลส จับได้แยกได้ แยกกิเลสออกจากจิตได้ ถึงขั้นเป็นผลคือ สามารถมีพลังปัญญา แยกได้จนกระทั่งชัดเจน ว่าจิตตัวนี้มันเป็นตัวทุกข์ เป็นตัวเหตุแห่งทุกข์ 

เพราะฉะนั้นถ้ามันยังมีอาการอยู่ในจิต เราก็คือผู้ยังเป็นทาสกิเลสนั้นอยู่ พลังงานปัญญาก็เลยบอกว่า ไม่ได้ เอ็งจะอยู่ในจิตข้าไม่ได้เด็ดขาด เอ็งต้องไป เอ็งต้องออกไป หยุดอาการของเอ็ง เด็ดขาดอยู่ในจิต เอ็งต้องหยุด เลิก อย่ามาทำเป็นสะเออะ มีอาการนิดอาการหน่อยอยู่ในจิตก็ไม่เอา ทำจิตของตัวเองได้ มนสิการ หรือมนสิกโรติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 10:56:38 )

มนสิการเป็นแดนเกิด

รายละเอียด

คำว่ามนสิการจึงเป็นตัวสำคัญเลยในมูลสูตรเป็นข้อที่ 2 มีมนสิการเป็นแดนเกิด ผู้ที่จะทำให้จิตเกิดจิตตาย เกิดอย่างไร เกิดอย่าเป็นคนขี้ขออย่าเป็นคนสะสมจิตที่โลก หรือเกิดเป็นคนลดละจิตโลภลง คุณละหรือเพิ่ม คุณละอาการจิตโลภ คุณทำใจในใจถูกต้องเลย คุณเห็นอาการจิตของคุณเลย ต้องอ่านจิตอ่านอาการจิตของตัวเองเป็นจริง เพราะฉะนั้นไม่ง่ายเลย แต่ที่เขาสอนกันอยู่นั้น…อาตมาก็ตั้งใจอยู่ต่อไม่อยากจะตายง่ายๆอยากจะให้รู้กัน อยากจะให้เห็นความจริงก็มีกัน ให้ได้ทำถูก แล้วจะได้เป็นผู้เจริญได้บรรลุอรหันต์ไปตามพระพุทธเจ้าสอน ที่ไม่ได้ทำอย่างนี้มันถึงเกิดเหตุการณ์แย่งลาภยศทรัพย์ศฤงคารอำนาจบาตรใหญ่กัน ที่ออกมาตะโกนกันอยู่ทุกวันนี้เป็นการแย่งอำนาจ แย่ง หลงความเข้าใจของตนเอง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 14:42:07 )

มนสิการเป็นแดนเกิด

รายละเอียด

คือทำใจให้กิเลสลดเป็นความเจริญ โดยหลักการ ศีล สมาธิ ปัญญา จรณะ 15 วิชชา 8 โพธิปักขิยธรรม 37 ก็ตาม ก็มาทำมนสิการที่ใจ ให้เกิดเป็นมนุษย์อาริยะ ใจเป็นแดนเกิดกรรม

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาการทำใจในใจให้ถึงแดนเกิด วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2561 ที่ บวร ราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน หลวงปู่สู้ใจตนเองอย่างไร


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:38:08 )

มนสิการให้เกิดสัมมาทิฏฐิ ต้องมีผัสสะ อย่าไปหลับตาทิ้งภายนอก 

รายละเอียด

มนสิการ ให้เกิดสัมมาทิฏฐิ ต้องมีผัสสะ ต้องมนสิการ ให้มีสัมมาทิฏฐิก่อน ไม่ถูกผัสสะคุณก็มีมนสิการเหมือนกัน แต่คุณทำใจในใจอย่างไรก็เป็นสัมภเวสี ไม่มีครบพร้อมเป็นสภาพ 2 ภายนอกภายใน เพราะคุณเข้าใจกายผิด ไปหลับตาทิ้งภายนอก 

พวกหลับตา ตีหัวเข้าบ้านครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ให้หยุดทำ พวกหลับตาเป็นโมฆะบุรุษ พระพุทธเจ้าไม่กล้าพูดแบบโพธิรักษ์ เพราะในยุคของท่านหลับตากันหมด แต่ในยุคของอาตมาไม่ใช่ พระพุทธเจ้ามีหลักฐานของท่านอยู่แล้ว ผู้ที่พอเข้าใจมีอยู่แล้ว เชื้อผู้ที่สามารถมีบ้างแล้วแม้ยังไม่ครบอัญญธาตุ ผู้ใดเข้าใจครบอัญญธาตุ ก็สามารถพูดจากับอาตมารู้เรื่องอธิบายให้รู้เรื่องขยายความ อัญญธาตุ เรารู้เรื่องกันนะ 

อัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ อุทานว่าโกณฑัญญะเกิดรู้ธรรมะโลกุตระได้ เป็นคนแรกในยุคพระสมณโคดม เพราะฉะนั้นพวกเรามีใครเป็นโกณฑัญญะบ้าง ผ่านโกณฑัญญะ มีอัญญธาตุ สามารถกระทบสัมผัสรู้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของ นาม 5 รูป 28 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2565 ( 13:23:28 )

มนสิการไม่ได้หมดสิทธิ์บรรลุธรรม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นที่ศึกษาสำคัญ จึงอยู่ที่ตัวชาติ ที่คุณจะต้องรู้จัก ชาติ 5 แล้วจัดการ กระทำกันที่ตรงจิต มนสิ การะ(กระทำ) จะทำกันตรงนี้ 

คุณไม่สามารถทำกันที่ใจ ไม่สามารถ มนสิ ไม่สามารถกระทำตรงใจ มนสิการะนี้ได้ คุณหมดสิทธิ์ในการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธทั้งหมด หมดสิทธิ์เลย เพราะฉะนั้นเมื่อคุณรู้อย่างนี้แล้ว คุณก็จะต้องสามารถที่จะจับตัวที่เกิดชาติ เป็นใจ จิตของเรานี่แหละมันเกิด โอปปาติกะสัตว์ สัตว์เกิด ถ้าจับที่ มนสิ ที่จิต ถ้าจับตัวนี้ไม่ได้คุณไม่มีที่กระทำ คนจะกระทำ มนสิการได้ ต้องจับจิตนี้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:24:28 )

มนสิกโรติ

รายละเอียด

1. สถาปนาขึ้นที่ใจ 

2. ทำใจในใจ 

3. ทำใจในใจของตน , ทำจิตในจิต , ทำจิตใจให้เป็น

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 184

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 133

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 39, หน้า 182, หน้า 306


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:33:01 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:32 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:53:26 )

มนะ

รายละเอียด

ใจ

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 121


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:34:42 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 13:37:14 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:53:50 )

มนายตนะ กับ ธัมมายตนะ

รายละเอียด

คือ เป็นคู่อายตนะภายใน  มน คือใจ  ใจเราก็ทำงาน  มีอายตนะ ก็คือสัมผัสกัน หากต่างคนต่างอยู่  สภาพธาตุ 2  รูปนามไม่ทำอะไรกันเลย  อะไรจะปรุงกับอะไรก็ได้ มันของตนเอง  ไม่เกี่ยวกับทวารภายนอกด้วย  มันเป็นการปรุงธรรมในธรรม  ในจิตอันนั้นที่เรียก  ศัพท์หนึ่งว่า คุยกับเทวดา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:31:54 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:59 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:54:28 )

มนายตนะกับธัมมายตนะ

รายละเอียด

คุณทำได้หมดครบจนกระทั่งถึงใจ หมดจบ ในทุกปัจจุบันๆ เพราะการปฏิบัติธรรมทำในปัจจุบันชาติ จึงจะเป็นสัจจะความจริง ความจริงจริงๆที่สุดไม่มีที่ตั้งไม่ได้ ไม่มีการเกี่ยวข้องอยู่กับตาหูจมูกลิ้นกายใจไม่ได้ แม้แต่มนายตนะกับธัมมายตนะตัวสุดท้าย ก็ไม่ใช่ว่า มนะ นั้นอยู่ข้างใน ธัมมะนี้อยู่ข้างในโดยไม่มีข้างนอก ไม่ใช่ ต้องมีข้างนอกอยู่ด้วย 

คุณจะล้างกิเลสตัวสุดท้าย มนายตนะกับธัมมายตนะ เหลือธรรมารมณ์ตัวสุดท้าย คุณก็ลืมตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจสัมผัสทุกอย่าง แต่คุณเหลือตัว อรูป

อรูป ตัวสุดท้ายคือ มนะ กับ ธัมมะ ใจที่มันทรงสภาพอยู่ ที่เป็นกิเลส อรูป คู่สุดท้าย แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องหลับตาปฏิบัติ แต่อยู่เหนือมันหมด ตาหูจมูกลิ้นกาย เหลือแต่ใจคู่สุดท้ายของใจ แต่ไม่ใช่ทิ้งกาย ไม่ได้ทิ้ง กายก็มีคู่สัมผัสทุกอย่างเต็มครบ เป็นวิญญาณฐีติไม่ใช่สัมภเวสี ไม่ใช่วิญญาณจร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2564 ( 04:42:21 )

มนุษยชาติควรจะได้ความรู้อันนี้

รายละเอียด

ก็คล้ายกันการเมืองประชาธิปไตย กับเศรษฐศาสตร์ก็จะมีนัยยะไม่ต่างกันเท่าไหร่ มันก็จะมีส่วนต่าง แต่ว่าส่วนที่คล้ายกัน มันก็จะมีอย่างที่พูดทิ้งไว้เมื่อกี้นี้ เพราะฉะนั้น ก็ทำความเข้าใจไป ค่อยๆ เข้าใจเรื่อยๆ ไปในรายละเอียดต่างๆ 

ที่อาตมาอธิบายอยู่นี่ก็มันเป็นความจริงใจของอาตมา ที่อาตมาเห็นว่ามนุษยชาติควรจะได้ความรู้อันนี้ ที่อาตมามั่นใจว่าเป็นความรู้ระดับยอดสุดของความเป็นมนุษยชาติ ความเป็นสังคมที่อาตมาเคยพูด ความรู้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วอาตมาก็เรียนรู้ตาม มายุคนี้ก็เอามาเปิดเผยในฐานะที่ประกาศตนบอกตนไปแล้วว่า เป็นลูกพระพุทธเจ้าที่อยู่ในระดับที่ โพธิสัตว์ระดับ 7 นั่นแหละ 

ที่พูดจริง อธิบายจริงแล้วพาทำจริงๆ มีการประพฤติ  มีการบรรลุธรรม มีการบำเพ็ญในมนุษย์จริง มีปรากฏการณ์สัมผัสได้ เพราะฉะนั้นจะต้องมาพิสูจน์ความจริง สัมผัสความจริงกันเถอะ แล้วจะค่อยๆ รู้เรื่อง ค่อยๆ เข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม เปรียบเทียบเศรษฐศาสตร์โลกียะกับเศรษฐศาสตร์โลกุตระ วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 18:29:01 )

มนุษยชาติที่เจริญ 

รายละเอียด

มนุษยชาติที่เจริญ  คือ  เป็นค่ารวมของคนไทย  ว่ามีพฤติกรรมรวมเป็นประชาธิปไตยเหนือกว่าประเทศอื่นๆ เป็นประชาธิปไตยที่ทุกวันนี้พ่อครู่ว่าเมืองไทยเรียบร้อยมาก  เมืองไทยตอนนี้เป็นเมืองที่มีความสุขเป็นอันดับ 1 อย่างเช่น กรุงเทพฯ  เป็นเมืองที่คนจะมาท่องเที่ยวเป็นอันดับหนึ่ง เท่ากับลอนดอน เท่ากับสิงคโปร์  ทางด้านเศรษฐกิจก็ดี  การเมืองก็ดี  โดยเฉพาะสังคม  มีวัฒนธรรม  มีศิลปะ  มีพฤติกรรมความเป็นอยู่ของสังคมอะไรต่างๆ นานา  คนเขาเห็นดีเห็นงามที่จะมาสัมผัสเข้ามาเรียนรู้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 เดือนกันยายน 2562


เวลาบันทึก 24 ตุลาคม 2562 ( 12:32:19 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:43:11 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:54:56 )

มนุษยชาติที่เจริญมีลักษณะเช่นไร

รายละเอียด

มนุษยชาติที่เจริญจะมาอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี ความเจริญจะซับซ้อน ว่ามีความคิดเหมือนกันมีสิ่งที่เข้าใจตรงกัน จึงอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบอบอุ่นมีประโยชน์แก่กันและกัน สูงสุด ก็จะเป็นคนที่เห็นแก่มนุษย์ทุกคน ไม่รังเกียจรังงอน แม้จะมีความเห็นต่างจากเรามีความคิดต่างจากเรา ประพฤติต่างจากเรา รุนแรงกว่าเรา เราก็ไม่โกรธไม่ชิงชังเขา เพราะเขายังไม่เจริญ ยังมีนิสัยมีความประพฤติที่ไม่ดี เราก็สงสารเขา ถ้าหากว่าสอนเขาได้นำพาเขาได้ ให้เขาเปลี่ยนจากความไม่เจริญนั้นเป็นความเจริญได้ ก็ชวนให้เขาพัฒนาเจริญขึ้นมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:17:58 )

มนุษย์

รายละเอียด

1. ผู้มีใจสูง 

2. สัตว์มีใจสูง 

3. สัตว์โลกที่มีใจสูงกว่าสัตว์โลกทั่วไป 

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เป็นสัตว์ที่อยู่เป็นหมู่กลุ่มเป็นสัตว์โขลงใหญ่ และสัมพันธ์กันทั่วโลกด้วยจะเห็นได้ว่ามนุษย์ทั่วโลกทุกวันนี้พยายามสัมพันธ์กัน แม้จะมีข้อจำกัดคนละชาติคนละประเทศก็มีการยึดถือเป็นตัวเราเป็นของเรา แต่เขาก็พยายามไม่ให้มีขอบเขตขีดคั่น การพึ่งพาอาศัยกัน มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของมนุษย์โลก มนุษย์จะต้องสัมพันธ์กัน มีลัทธิ มีทางออกหนีไปอยู่ปลีกเดี่ยวออกไปไกลไม่เกี่ยวกับสังคมที่เป็นสังคมส่วนใหญ่ไปเป็นสังคมเล็กๆ น้อยๆ อยู่กันอย่างมักน้อยสันโดษ ลัทธิที่เป็นแบบนี้ก็มี แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงสอนไม่ยกย่องไม่เอา เพราะมันเป็นการฝืนความจริงของมนุษย์

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 236

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 38

ค้าบุญคือบาป หน้า 201


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 08:35:34 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:33 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:55:37 )

มนุษย์ของชาวอโศกอย่างต่ำต้องมีศีล 5

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นมนุษย์ในความหมายของมนุษย์จิตวิญญาณที่เป็นมนุษย์ มีทั้งร่างมีทั้งจิตมีทั้งสัญญากำหนดหมายของความเป็นมนุษย์ ชาวอโศกกำหนดหมายความเป็นมนุษย์ต่างจากเขา

มนุษย์ของชาวอโศกนั้นอย่างต่ำต้องมีศีล 5 ถ้ายังไม่มีศีล 5 ยังไม่ใช่มนุษย์ นี่คือชาวอโศก กำหนดอย่างนั้นเลย ต่างกันกับคนอื่นใช่ไหม คนอื่นเมื่อถือศีลธรรมเขาก็บอกว่าเป็นมนุษย์ แต่ชาวอโศกไม่เอา จิตคนนี้ยังไม่ถึงกับเป็นมนุษย์ แค่ศีล 5 ยังไม่มี คุณยังไปฆ่าสัตว์ ยังไปเอาสิ่งของที่ไม่ใช่ของของเรา ราคะ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ยังจัดจ้านเลย แต่อโศกไม่มี โกหกก็ไม่มี ใครโกหกก็ไม่ใช่อโศก

สิ่งเสพติดสุราต่างๆ เมรยะ พวกอโศกไม่มี แต่ก็จะมีมัชชะ เมาความรู้ความเป็นตัวตน รูปราคะ อรูปราคะ พวกสกิทา อนาคาฯ แต่ชาวอโศกเลยอนาคามี อรหัตตมรรค อรหัตตผลมีไม่น้อย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วิโมกข์ 8 วันพุธที่ 17 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 เมษายน 2564 ( 16:12:25 )

มนุษย์คนแรกในโลกที่มีอัญญธาตุคือใคร

รายละเอียด

อาตมาขอแวะตรงนี้ ในยุคพระสมณโคดม ภัทกัปป์ของพระพุทธเจ้า มนุษย์คนแรกในโลกมี อัญญธาตุ คืออัญญาโกณฑัญญะมีธาตุรู้ที่เข้ากระแสโลกุตระ พระพุทธเจ้าเทศน์ให้ฟังแล้ว อัญญธาตุ เกิดที่โกณฑัญญะ โกณฑัญญะสะสมบารมีมาเมื่อเติมเข้าก็เต็ม มีธาตุตัวต้นธาตุอื่นที่ต่างจากธาตุโลกียะเดิม รู้จักคำสอนโลกุตระของพระพุทธเจ้า 

พอฟังเทศน์กัณฑ์แรกก็รู้แล้ว ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เท่านั้น ก็รู้เลย พราหมณ์อีก 4 คน สอนอนัตตลักขณสูตรอีกสูตรหนึ่งจึงจะรู้ตาม แต่โกณฑัญญะฟังกัณฑ์ที่ 2 ก็เป็นอรหันต์ ส่วนอีก 4 คนก็เกิด อัญญธาตุ จิตใจเข้ากระแสเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4

วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:37:28 )

มนุษย์ควรจะต้องศึกษาว่าชีวิตของเราคืออะไร

รายละเอียด

มงคลชีวิต 38 ประการ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละถึงจะรู้จักมงคลชีวิต 38 ศาสดาอื่นก็ไม่มีใครจะรู้ได้อย่างนี้ เป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง ท่านแบ่งแจกออกเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่ข้อ 1 ถึงข้อ 38 สูงสุดเลย ละเอียด 38 ข้อ สุดยอดเลย มนุษย์ควรจะต้องศึกษาว่าชีวิตของเราคืออะไร ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต อะไรต่ออะไร ไล่ไปเรื่อยจนครบ 38 สุดท้ายเป็นความเกษม เป็น วิรชัง เขมัง (วิรชัง อาตมาแปลว่าธุลีเริง) ปราศจากธุลีเริง แล้วก็จิตผ่องแผ้วเกษมใส

ส่วนแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น อาตมาไม่มีปัญญาที่จะไปแก้ไข เพื่อจะไม่ให้โกหก แต่เราเลี่ยงดีแล้วล่ะ เป็นเรื่องของคุณที่จะหาวิธีป้องกันตัวเอง ก็หาวิธีที่ไม่จำเป็นจะต้องโกหกก็ได้ ในโลกก็มีคนอย่างนี้แหละมีคนหากินชั่วๆ มีเยอะ เป็นธรรมดา มีอยู่อย่างหนึ่งที่อาตมาว่าง่าย คือ คุณไม่ต้องมีโทรศัพท์ อย่างอาตมานี่ไม่เจอแก๊งคอลเซ็นเตอร์เลย เพราะอาตมาไม่มีโทรศัพท์ ไม่ได้เจอเลย 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 29 พ่อครูฝืนสังขารเพื่อต้องการลูกๆได้ PI (โพธิรักษ์ Intelligence) วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม 2566 แรม 8 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2566 ( 10:54:11 )

มนุษย์ควรได้ ความสุขที่ไม่ได้แย่งชิง

รายละเอียด

ความเป็นประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษย์มหาชนต่างๆที่ใช้พยัญชนะว่า พหุชนะ คำเดียวกับมวลประชาชน แล้วก็มี อายะ ที่เป็น พหุชนะ หิตะ อายะ เป็น พหุชนะ สุขะ อายะ หิตะ คือประโยชน์ สุขะ คือ อาการสุข 

มันเป็นประชาธิปไตยที่เพื่อประชาชนแก่มวลมหาประชาชน เรียกว่าพหุชนหิตายะ เป็นประชาธิปไตยที่เพื่อความสุขแก่มวลประชาชน พหุชนสุขายะ เป็นประชาธิปไตยที่อนุเคราะห์โลก โลกานุกัมปายะ ทั้ง 3 อายะ คือ อายะหิตะ อายะของสุขะ อายะของโลก นี่แหละคือกำไรคือประโยชน์คือผลที่ควรได้ มนุษย์ควรได้ มวลมหาประชาชนควรได้ ควรกำไร ควรจะได้ประโยชน์นี้ ความควรได้ และเป็นเครื่องอาศัยเรียกด้วยพยัญชนะว่าความสุขที่สงบเป็นความสุขที่ไม่ได้แย่งชิง หรือร้อน จะเป็นความสุขที่เย็นที่สบายเป็นความสุขที่ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ 

อาตมาใช้พยัญชนะพวกนี้อธิบายสภาวะให้ละเอียดไปเป็นแนวลึก ถ้าอาตมาพิสูจน์ความจริงนี้ได้ ซึ่งก็ได้เริ่มมาแล้วเปิดเผยตัวเองออกมาทำงานเพื่ออายะ 3 นี้หรือเพื่อ อธิปไตย 3นี้ ไม่ใช่เพื่อตนที่ทำนี้ ไม่ใช่เพื่อด้วยความเห็นแก่ตัว แต่เพื่อพาคนให้ลดตัวตน ลดของของตน ออกมาเป็นคนที่ไม่มีตัวตน มีแต่ชีวิตที่เพื่อผู้อื่น มีชีวิตเพื่อมวลมหาประชาชน ที่พูดนี้ไม่ใช่แค่ภาษาคำพูดปากเปล่า แต่เป็นความจริงที่จะตามพิสูจน์ยืนยันความเป็นจริงหรือความเป็นไปได้นี้จริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 เมษายน 2566 ( 19:29:25 )

มนุษย์จึงเป็นผู้รู้ มนุสโส

รายละเอียด

มนุษย์จึงเป็นผู้รู้ มนุสโส อยู่กับสัตว์ตั้งแต่จิตนิยาม อยู่กับพืช และดินน้ำไฟลมซึ่งอยู่อาศัยกันและกันอย่างมีประโยชน์แก่กันและกัน ช่วยเหลือดินน้ำไฟลม ช่วยเหลือพืชพันธุ์ธัญญาหาร ช่วยสัตว์ แต่แค่เราจะช่วยสัตว์ที่เขาเรียกกันว่าคน มนุษย์ ก็ช่วยกันอย่างหนักหนาสาหัสแล้วเพราะว่ามันอวิชชากันเหลือเกิน มันจะต้องเป็นเจ้าเป็นนาย สมบัติทั้งหลายในโลกจะต้องมาเป็นของกูคนเดียว จะต้องเป็นอำนาจบาตรใหญ่ จะต้องเป็นเจ้าโลก เป็นผู้ยิ่งใหญ่อะไรต่างๆนานา แล้วจะต้องได้รับคำชมเชย คนฉลาดที่จะได้รับคำชมเชย เราก็ดูตัวอย่างสิ อย่างเช่นผู้ที่จะไปเป็นใหญ่เป็นผู้ที่มีอำนาจมียศศักดิ์อย่างเช่นอเมริกาประธานาธิบดีเขามีอำนาจ มีความยิ่งใหญ่ มียศศักดิ์ จะต้องได้รับคำชมเชย คุณว่าโดนัลด์ทรัมป์ เขาแสดงออกอย่างเป็นผู้ฉลาดผู้มีอำนาจ เป็นผู้จัดการ นั่นแหละเขาเป็นเจ้ากี้เจ้าการอยู่ในโลก แต่เขายังไม่รู้ตัวเองเลย พวกคุณจะเข้าใจง่าย โดนัลด์ทรัมป์อาจจะเป็นประธานาธิบดีสมัย 2 เป็นได้ เพราะคนอเมริกันโง่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:26:40 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:13:34 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:56:27 )

มนุษย์ชมพูทวีป

รายละเอียด

ไม่ได้หมายถึงว่านอกจากจะได้ร่างมาครบ ก็ต้องประกอบไปด้วย สุรภาโว องค์ประกอบของสภาวะที่พร้อมที่สัปปายะ 4 จะต้องมีสถานที่ที่ดี มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี มีบุคคลที่ดีมีสิ่งอาศัยที่ดี มีธรรมะที่ดี สัปปายะ 4 ต้องมีด้วย  ถ้าไม่มีจะยากมาก

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 พ่อครูบวชมาย่าง 50 ปี มีผลอะไร 1 วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 15:25:17 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:45:24 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:56:48 )

มนุษย์ชมพูทวีป 3

รายละเอียด

มนุษย์ชมพูทวีป  (คือมนุษย์ผู้เจริญในธรรมะ)

ประเสริฐกว่าพวกมนุษย์อุตตรกุรุทวีป และ เทวดาขั้นดาวดึงส์ ด้วยฐานะ 3 ประการ

1. เป็นผู้กล้า 

2. เป็นผู้มีสติ

3. เป็นผู้อยู่ประพฤติพรหมจรรย์อันเยี่ยม

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 23 "ฐานสูตร" ข้อ 225

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2562 ( 15:29:00 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:48:01 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:57:08 )

มนุษย์ดาวดึงส์

รายละเอียด

มี สุขทิพย์ อายุทิพย์ คือทิพย์คือนิรมาณกาย สร้างมาเองเป็นสัญญายนิจจานิ ตัวเองกำหนดเอง พูดกับคนอื่นเหมือนรู้เรื่อง อาหารใกล้ๆกันก็พอรู้เรื่องแต่ต่างคนต่างกายต่างกันสัญญาต่างกันโมเมกันไป กายต่างกันสัญญาอย่างเดียวกันยังพอพูดกันรู้เรื่อง  เช่น พูดกันว่าจิตใจไม่มีนิวรณ์ 5 ก็พอพูดตรงกัน แต่พอไปทำแล้วอย่างพวกเราจิตใจก็ไม่มีนิวรณ์ 5 แต่พวกนั้นก็นั่งหลับตาเขาก็ไม่มีนิวรณ์ 5 แต่ในองค์รวมรูปนามอย่างนั้น แต่ของเราได้องค์รวมรูปนามแบบลืมตา รูปนามเป็นสิ่งที่ถูกรู้กับสิ่งที่รู้เป็นกายเป็นธรรมะ 2 แล้วนิวรณ์ 5 ของเราก็ไม่เกิด แต่ของเขาต้องไปนั่งหลับตา รูปนามของเขาก็ต้องนิ่งสงบ หยุด อยู่ในสมถะ แล้วนิวรณ์ 5 ของเขาก็ไม่มี กายคนละอย่างแต่ไม่มีนิวรณ์ 5 อย่างเดียวกัน เป็นสัตตาวาส ข้อที่ 2 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 21 มิถุนายน 2563 ( 10:17:40 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 07:14:01 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:57:45 )

มนุษย์ต่างดาวจากชมพูทวีป

รายละเอียด

ทีนี้ อาตมาเป็นมนุษย์ต่างดาวมา มาคนเดียว ลงมาในโลกนี้ มันก็เลยโอ้โห เขาก็เลยเอาใหญ่เลย บอกว่าไม่เหมือนชาวโลกเขานี่ ​อาตมาก็บอกว่าใช่ อาตมาว่า ไม่ใช่ชาวโลกนี้หรอก อาตมาเป็นชาวโลกโลกุตระ โลกที่พระพุทธเจ้าท่านอยู่ ซึ่งเป็นชมพูทวีป อันนี้มันเป็น กาฬทวีป ทวีปมืดทวีปดำ ทวีปที่ไม่มีแสงสว่าง ทวีปชัดๆ ก็คือ ทวีปตาบอด ทวีปคนตาบอด 

มีประสาทรับรู้บ้างคนตาบอด แต่มันเป็นตัวสำคัญเลยเรื่องแสงสว่างเรื่องภาพทางประสาทตา ยิ่งใหญ่กว่ารู้อะไรมากกว่าเพื่อนเลยรู้ได้ครบกว่าทางนอกนะ ทางทวาร 5 ตานี้เป็นเอกเลย นอกนั้นมันก็จะเป็นเรื่องของจมูก ลิ้น ลิ้นนี่ยิ่งในไปอีก หูก็รองมา จมูกก็รองลงมา พอโผฏฐัพพะ กระจายไปเลย ก็เลยรู้ยากกว่าเพื่อน โผฏฐัพพะ รู้มากกว่าเพื่อนเลยจนจับไม่ติดได้ง่ายๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 04:50:00 )

มนุษย์ต่างดาวที่ไม่มีความทุกข์ความสุข

รายละเอียด

หลวงปู่นี่แหละคือคนที่เป็นมนุษย์ต่างดาว รู้ไว้เสียด้วยนี่แหละมนุษย์ต่างดาวนอกนั้นเป็นมนุษย์ในดาวดวงเก่า เป็นมนุษย์ในดาวโลกีย์ เป็นดาวที่เป็นปุถุชนยังมีความทุกข์ความสุขยังเป็นธรรมะ 2 ส่วนหลวงปู่เป็นมนุษย์ต่างดาวที่ไม่มีความทุกข์ความสุข มีแต่ความสุขสำราญเบิกบานใจไม่มีธรรมะ 2 ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ 1 หรือทำ 0 ได้ก็สบายๆ กลางๆ สบม.ทมด.ปกต หห จจ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561

ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:50:19 )

มนุษย์ต่างดาวมีจริงไหมทำไมต้องอยากรู้

รายละเอียด

ถ้าคุณอยากรู้มนุษย์ต่างดาวและคุณก็ได้รู้ว่าใครเขาอธิบายมนุษย์ต่างดาวให้คุณฟัง สมมุติว่า มันถูกต้องด้วย ใครก็ตามที่อธิบายเรื่องมนุษย์ต่างดาวให้คุณฟัง ถูกต้องตรงกับมนุษย์ในดาวอังคารดาวพฤหัส เป็นต้น เขาอธิบายให้คุณฟังถูก แล้วคุณจะไปเกี่ยวอะไรกับมนุษย์ต่างดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์อะไรอย่างนี้ คุณจะไปหาเขาหรือ หรือจะให้เขามาหาคุณ คุณจะทำงานอะไรร่วมกับเขา คุณจะเซ็นสัญญาขายกล้วยปิ้งอะไรกับเขา ควรจะทำหรือ คิดไปทำไม สมมุติว่ามีจริงๆนะ ที่นี้ก็ยังไม่รู้ได้ว่ามีจริงหรือไม่มีจริง ก็เลยไม่ต้องคิดใช่มั้ย ขนาดว่ามีจริงคุณก็จะไปทำอะไรกับเขา คุณเตรียมโครงการไว้หรือยัง ไปคิดเพ้อๆพกๆทำไม ไม่ต้องไปคิดเพ้อๆพกๆหรอก คนอยู่ในโลกเดียวกันแล้วอยู่ใกล้กันชิดกันสัมผัสกัน มีเรื่องอะไรต้องทำร่วมกันติดต่อกันให้เป็นประโยชน์แก่กันและกัน อันนี้สิ เวลาก็ไม่ค่อยพอหรอก คุณสามารถที่จะทำให้เขาก็เจริญไป คุณก็เจริญไปด้วยกันได้ไหมล่ะ อันนี้สิสำคัญ อย่าไปทำอันที่มันเพ้อฝันเพ้อพกเลอะเทอะไปเยอะแยะมากมาย เปล่าดายเปล่าๆ คิดว่าเข้าใจแล้วนะถามมาอย่างนี้ ดีนะคุณถามอันนี้มาคุณหรือใครๆเขาก็คิดอย่างนี้ อย่าแหลมมาอีก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 12:05:36 )

มนุษย์ต้องมีการเมือง มนุษย์ต้องมีธรรมะ

รายละเอียด

นัยยะของการเมืองก็ดี นัยยะของธรรมะก็ดี มนุษย์ต้องมีการเมือง มนุษย์ต้องมีธรรมะ จะบอกว่านักธรรมะมายุ่งอะไรกับการเมือง คนพูดนั้นคือคนที่ไม่มีภูมิปัญญาอะไร ไม่มีภูมิปัญญาที่จะรู้ว่าคนมันต้องอยู่กับการเมือง ต้องอยู่กับธรรมะ มันก็ต้องสนใจในเรื่องพวกนี้ แล้วก็เรียนรู้ให้ถูกต้อง ทำถูกต้องแล้วเราจะได้ดำเนินชีวิตในทางที่ถูก ในทางที่ดี 

เกิดมาทั้งทีแล้วกรรมเป็นอันทำ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่เรียกว่าธรรมะ การกระทำที่เรียกว่าการเมือง มันก็เป็นกรรมทั้งนั้น มันหลีกพ้นคำว่ากรรมไปไม่ได้ กระทำพฤติกรรมที่เรียกว่าการเมือง กระทำพฤติกรรมที่เรียกว่าธรรมะ ก็เป็นกรรมทั้งนั้น เพราะฉะนั้นมันมีผลต่อชีวิตคุณทุกคน คุณละเว้นการเมือง ละเว้นธรรมะไม่ได้ 

หากว่าคุณละเว้นธรรมะสิยิ่งแย่ใหญ่เลย ก็พูดกันไม่รู้กี่ทีคำนี้ ถ้านักการเมืองหรือผู้ทำงานการเมืองไม่มีธรรมะนี้ชิบหายใหญ่เลย ใครๆ ก็พูดแม้แต่ท่านพุทธทาสก็พูด ความรู้แค่นี้ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเป็นความรู้ง่ายๆ นักการเมืองยิ่งไม่มีธรรมะนี้ชิบหายเลย ไม่ว่าสังคมไหนก็แล้วแต่ ประเทศไหนก็แล้วแต่ “เมื่อไม่คำนึงถึงธรรมะ ไม่คำนึงถึงศีลธรรมแล้ว การเมืองก็กลายเป็นเรื่องสกปรก สำหรับหลอกลวงกันอย่างไม่มีขอบเขต จนกระทั่งโลกนี้ก็กลายเป็นโลกแห่งการหลอกลวงไปเสีย” นี่เป็นคำพูดของท่านพุทธทาสบันทึกไว้ ท่านพูดไว้ก่อน 

เป็นเรื่องที่เขารู้กันอยู่ คนเรามีการกระทำ การกระทำงานจะไม่เรียกว่าธรรมะจะเป็นงานอาชีพเป็นกัมมันตะ คือ หรือ กรรมที่เรียกว่าอาชีพหรือกรรมที่เรียกว่ากัมมันตะ กรรมที่เรียกว่าวาจา หรือสังกัปปะ ก็มี 4 อย่างเท่านั้นแหละที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในมรรคมีองค์ 8 มีอาชีวะ กัมมันตะ วาจา สังกัปปะ ถ้าหากมิจฉาทิฏฐิในกรรมต่างๆ คือเข้าใจผิดไป คุณก็ไปทำ กรรมต่างๆ ตามที่คุณเข้าใจผิดๆ คุณก็ได้อกุศลหรือได้บาป คุณก็ได้อันนั้น ท่านพุทธทาสก็เคยบอกว่าธรรมะกับการเมือง เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ได้ แยกกันเมื่อไหร่การเมืองก็กลายเป็นเรื่องทำลายโลกขึ้นมาทันที 

ซึ่งมันก็ทำลายกันอยู่อย่างเห็นๆ เพราะฉะนั้นคนที่พูดกันอย่างเด็กเป็นเด็กจริงๆ เลยว่าอย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมือง เป็นการพูดที่ไม่เดียงสาเลย ไม่อยากพูดว่าโง่ ไม่เดียงสาคือยังอ่อนเยาว์ ยังโง่ยังเป็นคนพาล ยังไม่ประสีประสาอะไรจริงๆ เป็นคนที่ตื้นที่โง่ที่ยังเขลาอยู่ ไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นคนที่พูดอย่างนั้นเราก็จะต้องบอกให้เขารู้ตัวว่าเขาเองเขลายังตื้นไป ยังเป็นเด็กไม่เดียงสา ยังไม่เข้าท่าอะไร ก็เตือนให้เขารู้แล้วเขาจะรู้จะยอมรับหรือเปล่าก็เรื่องของเขา เราก็ให้ความจริงก็บอกความจริงไปเท่านั้น 

สำหรับผู้ใดที่สำนึกหรือรู้ตัวว่า เราเองแค่นี้ก็เข้าใจผิดแล้วหรือ แค่ว่าอย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมืองเป็นความเห็นที่ผิดแล้วหรือ มันก็ผิดแล้ว มันผิดอย่างหนักด้วยนะ มันตื้นๆ แต่มันหนักมันร้ายแรง อย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมือง เป็นคำกล่าวที่เราดูง่ายๆ ตื้นๆ แต่มันร้ายแรงลงไปถึงมนุษยชาติและสังคม ความเข้าใจผิดอันนี้ มันดูง่ายดูตื้นแต่คุณทำง่ายๆตื้นๆ นี่แหละ แต่มันมีผล มีผลกระทบถึงสัจธรรมมันลึก มันกินหนักมันร้ายแรงหนัก มันมีผลลงไปเสียหายด้วย เป็นผลถึงขั้น ปหายะ เป็นคนทำร้ายทำลาย 

คนที่กล่าวว่าอย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมืองนั้นเป็นคนทำร้ายทำลาย ตัวเองก็โง่ลงไป ให้คนอื่นได้ยินได้ฟัง พาให้คนอื่นเข้าใจผิดหรือโง่ตาม และยิ่งโง่ตาม ไปประพฤติตามกันอีกก็เลยพากันชิบหายกันไปใหญ่ในนรก นรกก็ยิ่งลึกกันไปใหญ่ เพราะฉะนั้นอาตมาไม่ได้เข้าใจอย่างที่เขาเข้าใจ อาตมาเข้าใจถูก อาตมาจึงต้องมาทำสิ่งที่ถูกซะ ส่วนเขาจะว่าเป็นความเข้าใจของเขา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 พฤษภาคม 2566 ( 13:19:08 )

มนุษย์ต้องมีธรรมะ

รายละเอียด

จะเป็นเรื่องเศรษฐกิจการเมืองก็เป็นเรื่องสังคมมนุษยชาติ จะเรียกว่าเศรษฐกิจการเมืองก็เป็นเรื่องของธรรมะ ธรรมะนี้ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาบอกว่าอย่าเอาธรรมะมาวุ่นวาย คนที่พูดอย่างนี้เป็นคนที่ไม่มีปัญญาปฏิภาณ อย่าเอาธรรมะไปยุ่งกับเรื่องโน้นเรื่องนี้ แม้แต่วงการโจร วงการทุจริตก็ต้องเอาธรรมะไปช่วย เอาสัจธรรมเอาสิ่งที่ดีงามสิ่งที่จะต้องแก้ไขได้ ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นเป็นธรรมะโลกุตรธรรม ที่เหนือชั้นกว่าโลกียธรรม อย่างชัดเจน ซับซ้อน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:28:20 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:46:20 )

เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 07:58:20 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์