@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ปัญญาแท้ต้องมี 2 สภาพ

รายละเอียด

การศึกษาของคนก็จะเป็นอย่างนี้ นักคิดนักเขียนหรือนักปฏิบัติ คนเขียนก็คิดแล้วก็เขียน แค่คิดแล้วก็เขียน เยอะ ไม่ทำ ไม่ปฏิบัติ โดยเฉพาะปฏิบัติไม่ถึงจิต ไม่เป็นมนสิการ ถ้าผู้ที่คิดก็ดีเขียนก็ดี แล้วมนสิการ ปฏิบัติให้กาย วาจา ใจ ใจของตนบรรลุธรรมตามที่ตนเองเข้าใจ ตนเองคิดได้ ตนเองเขียนออกมากระจาย ทำเป็นความข้อความเก่งที่คิดได้ มันคิดได้ คิดโลกุตระจบอย่างไรก็ได้ แต่ตัวเองไม่ทำเลย เป็น ปทปรมบุคคล เรียนธรรมะพระพุทธเจ้าก็ได้มาก ท่องจำก็ได้มาก สอนคนก็อยู่มาก แต่ตัวเองไม่บรรลุธรรม ตนเองไม่บรรลุธรรมในชาตินั้นๆ ชาติที่มีความรู้เยอะๆอยู่นี่แหละ มีเยอะ ที่อาตมาติงนักปราชญ์ของศาสนาพุทธทางสายคิด ที่เขาเรียกว่าปัญญาที่จริงมันไม่ใช่ปัญญาแท้ ปัญญาแท้ต้องมี 2 สภาพ จิตบรรลุ แล้วตัวเองก็มีความรู้ความรู้ของจิต จิตรู้กิเลสแล้วตัวเองก็ลดกิเลสได้ จิตรู้กาย เวทนา จิต เวทนามีจิต เวทนาอยู่ในจิต จิตมีกิเลส สราคะสโทสะสโมหะ อ่านออกที่เป็นตัวกลิ อยู่ในเวทนาด้วยปัญญาด้วยฌานอันยิ่ง ประหารด้วยพลังงาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปี ขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 12:51:59 )

ปัญญาแบบโลกุตระ

รายละเอียด

อะไรทำให้เขากล้าเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจความฉลาด จะเรียกว่าปัญญาก็ใช่ ถ้ายิ่งเป็นปัญญา ที่เป็นความฉลาดแบบโลกุตระ แต่ถ้าเฉโก ฉลาดอย่างปุถุชนโลกีย์ แต่ทุกวันนี้เขาก็ไม่ใช้กันแล้วคำว่าเฉโก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:15:32 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:56:01 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:51:23 )

ปัญญาโลกุตระ

รายละเอียด

คือ เป็นปัญญาโลกุตระที่สมณะโพธิรักษ์กำกับไว้เลย  จริงๆ ไม่ต้องกำกับความเป็นปัญญาเองก็เป็นโลกุตระอยู่แล้ว  ก็คำว่าปัญญาเป็นพยัญชนะที่ตั้งขึ้นมา  เรียกความเฉลียวฉลาด  ชนิดของโลกใหม่ เป็นโลกโลกุตระ ไม่ใช่ความฉลาดแบบโลกเก่า หรือโลกนี้มันเป็นของโลกใหม่ ปรโลก หรือโลกอื่น จากโลกที่ปุถุชนเขารู้กันดี มันทวนกระแสกันมีความยินดีต่างกัน  มันมายินดีในความจนอย่างจริงใจ ไม่ใช่ทำเล่น มาเป็นคนจนดีกว่าคนรวยนั้น ดีกว่าจริงๆ มาเป็นคนขยันเป็นคนเสียเปรียบ เราเห็นว่าการได้เปรียบนี้มันโง่  การเสียเปรียบนี้มันฉลาด  ยอมเสียเปรียบทั้งๆ ที่รู้ไม่ใช่เสียรู้นะ  เป็นคนเสียเปรียบให้แก่มนุษยชาติ คือ เรามีสิทธิ์ที่จะเสียให้แก่มนุษยชาติ เรียกเต็มๆ ว่า  มีสิทธิ์จะเสียสละ ให้แก่มนุษยชาติ เราไม่ต้องได้ เราไม่ต้องเอา เราไม่ต้องซักซ้อมมาเป็นของเรา แต่เราให้แก่ผู้อื่นได้  ปัญญาโลกุตระถึงเป็นความเฉลียวฉลาดที่ทวนกระแสความคิดสามัญของโลกปุถุชน  คนสามัญ  เพราะเขาจะต้องได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ โดยเฉพาะได้เสพโลกียสุข  ส่วนโลกุตระนั้นจะศึกษาความสุข  ความทุกข์จนกระทั่งไม่ต้องมีสุขเลย ไม่ต้องเสพสุขเลยเป็นอุเบกขา  ไม่สุข  ไม่ทุกข์  เลิกเลย  เป็นจุดสูงสุดของมนุษยชาติที่ความรู้ของพระพุทธเจ้าตรัสรู้เรียนรู้และปฏิบัติตามแล้วทำให้ได้  ทำได้แล้วจะรู้ธรรมรส วิมุติรส คนไม่สุข ไม่ทุกข์แล้วมันอย่างนี้เอง  สมณะโพธิรักษ์ก็ได้อย่างนี้  ใครเชิญแย่งจากท่านเอาไปได้เลย ท่านพูดได้สบายเพราะว่า บอกไปแล้วว่าเป็นใคร เป็นพระอรหันต์เป็นพระโพธิสัตว์ก็รู้สิ่งเหล่านี้มาแล้วก็พูดได้สบาย  ก็คือความเฉลียวฉลาดที่มันนอกกรอบจากตัวปุถุชนคนทั้งหลาย  เขาคิดดีเห็นดีอย่างปุถุชน อันนี้เห็นดียังทวนกระแสกันนี่คือ “ปัญญาโลกุตระ”

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2562 ( 18:28:48 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:01:57 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:50:45 )

ปัญญาโลกุตระ

รายละเอียด

คือ ปัญญารู้จักกิเลส  ความเฉลียวฉลาด ที่ดักจับตัวกิเลสได้แล้วมีการปหานกิเลสได้  นั่นคือ ปัญญาของโลกุตระ คำว่าปัญญา จึงไม่ใช่เฉโกโลกีย์  แต่อันนี้มันผิดเพี้ยนไปแล้ว  คนที่ฉลาดเฉโกเขาไม่เรียกแล้วเพราะรู้ดีว่า เฉโก  เป็นความเฉลียวฉลาดแบบต่ำ โลกียะ ก็เลยเอาคำว่า ปัญญามาเรียกแทน ทั้งที่ตัวเอง ไม่มีปัญญาโลกุตระเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 22:22:50 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:03:13 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:51:17 )

ปัญญาโลกุตระของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เขามองว่าชาวอโศกจะมีนิพพานอะไรได้ง่ายจัง เพราะชาวอโศกมีอัญญา ปัญญา ธาตุรู้ที่เป็นโลกุตรธรรม เป็นเรื่องบารมีของชาวอโศกและเป็นเรื่องความจริงที่อาตมาจะมาประกาศปัญญาโลกุตระของพระพุทธเจ้า พวกเราเอาความรู้นั่นแหละเมื่อฟังความรู้มีปัญญาตรงกัน ก็เลยมายินดีแล้วมาปฏิบัติ มีฉันทะเป็นมูล มนสิการเป็นแดนเกิด ก็เลยมาสู่แดนเกิดแล้วมีผัสสะเป็นปัจจัย มีเวทนาเป็นที่ประชุมลงและปฏิบัติจากเวทนานั้นให้เป็นสมาธิเป็นประมุข โดยมีสติเป็นอธิปไตย มีปัญญาเป็นอุตระ แล้วก็เกิดวิมุติเป็นสาระจนมีอรหันต์ เป็นตัวที่หยั่งลงเป็นอมตะ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:19:32 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:56:36 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:13:30 )

ปัญญาโลกุตระเป็นขั้นเจริญพิเศษจริงๆ

รายละเอียด

มนุษย์โลกจะฉลาดถึงขั้นมีปัญญามีโลกุตระนี้มันน้อย เป็นขั้นพิเศษจริงๆเป็นขั้นเจริญพิเศษ ไม่ใช่แกล้งพูด ไม่ใช่มานั่งยกยอเล่น ไม่ใช่มาเบ่งข่มผู้อื่น แต่เป็นเรื่องจริง เป็นสัจจะในโลก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ตรัสรู้ความสุดยอดอันนี้ของความเป็นสัตว์โลก ตั้งแต่เป็นจิตนิยามมาเป็นสัตว์โลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์ตีตราด้วยปัญญา 8 ประการ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2564 ( 11:58:04 )

ปัญญาในไตรลักษณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร

รายละเอียด

ได้ทุกคนเคยใช้มาก่อนทั้งนั้นแหละถูกต้องจิ๊ดนึง ก็ค่อยเป็นไป แค่บอกว่า เดี๋ยวมันก็จะหนักมันเป็นสมถะ ใช้เตือนความรู้ ใช้การปล่อยวางโดยไม่ใช่ไปกดข่มแต่ให้ใช้ความรู้ว่าเอ็งไม่ใช่ของจริงหรอก เอ็งไม่เที่ยงหรอกเดี๋ยวผ่านมาเดี๋ยวเองก็ผ่านไป มันก็ต้องมีความรู้ความจริงในไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง ไม่จริงหรอกเดี๋ยวมันก็ผ่านไป มันก็เท่านั้นเองไม่ต้องไปยึดถือปล่อยไปมันก็เริ่มจะมีปัญญา ปัญญาในไตรลักษณ์ ก็ค่อยๆสะสมไป จนกว่าคุณจะรู้ว่าอันนี้มันก็ไม่เที่ยง อันนี้มันก็ไม่มีตัวตน อันนี้ก็ไม่เที่ยง อันนี้ก็เป็นเหตุแห่งทุกข์ ว่าไปพันแสนล้านตัวอย่าง คุณก็จะชัดเจนว่ามันมีแต่เกิดขึ้นแล้วมันก็ไม่เที่ยง แล้วเป็นเหตุแห่งทุกข์แล้วมันไม่มีตัวตนหรอกเราไปยึดมั่นถือมั่นมันทำไม คุณจะค่อยๆเกิดความฉลาดที่เป็นปัญญา จะต้องมีภาคปฏิบัตินะไปคิดเอาเองเข้าใจไปเองอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าหากคุณเก่งได้ทุกอย่างผ่านมาก็เป็นไตรลักษณ์ได้ นอกจากคุณจะกดข่ม หรือสอง รู้นิ่งเฉย ๆๆๆ เหมือนเจ้าคุณอรรถ แต่ก่อนอยู่ที่วัดมหาธาตุบอกว่าไม่มีอะไรหรอกให้รู้นิ่งเฉยแล้วก็จบ แต่ก่อนสำนักวัดมหาธาตุตักสิลา ต่างคนต่างก็มี motto ของตัวเอง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2563 ( 13:31:26 )

ปัญญาไม่มีในการหลับตาด้วยเหตุใด

รายละเอียด

ท่านไปแปลใน บุคคล 7 ไปแปลพยัญชนะ บาลี น เหวโข แล้วจากนั้นก็เป็นพยัญชนะ นี้ว่า ไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย ในปัญญาวิมุติ ซึ่งมันขัดแย้งกัน ซึ่งนั่งหลับตาไม่มีกาย แม้แต่สายเจโตสายศรัทธา เขาก็รู้ว่ากายคือข้างนอกอย่างเดียวด้วย แต่เขาสับสน จริงๆเขาก็เข้าใจผิดตั้งแต่ กาย ไปหมายว่าไม่ใช่จิต เขาหมายถึงแต่วัตถุเลย พอมาข้อนี้วิโมกข์ 8 เขาว่าต้องเข้าสมาบัตินั่งหลับตา แล้วก็บอกว่าอาสวะสิ้นด้วยปัญญา เขาก็บอกว่าเขาได้ปัญญาสว่าง เขาได้ปัญญาวิมุติในขณะนั่งหลับตา ซึ่งปัญญาแบบนั้นมันไม่ใช่ ปัญญาไม่มีในการหลับตา ปัญญาจะมีได้ต้องมีครบมรรคมีองค์ 8 มีธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์มีสัมมาทิฏฐิ ข้อสำคัญต้องมีสัมมาทิฏฐิ หากไปทำปัญญาจากการนั่งหลับตาก็ไม่สัมมาทิฏฐิที่แล้ว หลับตาไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายที่มาสัมผัสจริง ก็มีแต่จิตในจิตของคุณ หลับตาหูจมูกลิ้นกายก็ไม่มีครบทวาร 6 แล้วจะเรียกความจริงเต็มๆอย่างคนอื่นเขาไม่ได้ คุณก็ได้ของคุณคนเดียว สัญญายนิจจานิ ของคุณคนเดียว มันจะจริงขนาดไหน คุณก็คนเดียวอยู่กับตัวของคุณคนเดียวเอง แล้วจะมารับรองว่าอันนี้เป็นของจริงได้อย่างไรใครรับรอง คนอื่นสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายของคุณไม่ได้ คุณต้องเอาออกมายืนยัน ตากระทบรูป หูกระทบเสียง กลิ่นก็ได้กลิ่น คนอื่นก็ได้กลิ่นกับคุณด้วย แต่ละปฏิบัติใครจะไปได้กลิ่นได้เห็นได้รู้อย่างคุณ ใครจะไปได้ยินกับคุณ มันเป็นสัญญาของคุณเองทั้งนั้นมันไม่มีปัญญาหาเองเลย ไม่มีมัคคังคะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:17:37 )

ปัญญาไม่มีในหลับตา ต้องลืมตาเท่านั้น

รายละเอียด

ปัญญาไม่มีในหลับตา ปัญญาต้องลืมตา แต่คุณมีปัญญาแล้วคุณเอาไปคิดในสัญญาได้ แต่คุณจะมีปัญญาคุณต้องลืมตา คุณต้องมีธัมวิจัยสัมโพชฌงค์ ต้องมีสัมมาทิฏฐิ มีมรรคคังคะ องค์ 6 ของปัญญา ในมหาจัตตารีสกสูตร จะมีปัญญาต้องมี  ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ มัคคังคะ สัมมาทิฏฐิ ต้องเข้าใจมรรคองค์ 8 ต้องมีสัมมาทิฏฐิ 10

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 12:01:07 )

ปัญญาไม่ใช่ความฉลาดแบบเดียวกับโลกีย์

รายละเอียด

วันนี้เป็นวันจักรี งานนี้เราพูดเป็นซีรีย์ว่า จะพูดถึงปัญญา อนัตตา ก็เลยเอาปัญญา ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในปัญญาสูตรพระไตรปิฎกเล่ม 13 ข้อ 92 ไล่มา เราพูดถึงปัญญาไป 3 ข้อแล้ว

ปัญญา ซึ่งเป็นความรู้ความฉลาดที่เป็นโลกุตระ ไม่ใช่ความรู้ความฉลาดที่เป็นโลกียะ นี่ถ้า อาตมาไม่ได้เกิดมาก็จะไม่มีใครมาบอกนัยสำคัญประเด็นนี้ให้แก่โลกรู้ ก็จะเข้าใจคำว่าปัญญา มันก็คือความรู้ความฉลาดที่เหมือนกับเฉโก หรือเฉกะ เขาก็จะเข้าใจว่าเหมือนกัน 

ซึ่งความจริงไม่ใช่อย่างยิ่ง เป็นความรู้กันคนละโลก ความรู้โลกีย์เป็นความรู้ความฉลาดที่ใช้ภาษาบาลี เฉโก หรือเฉกะ หรือเฉกตา(นาม) แต่คนทุกวันนี้ไม่เข้าใจแล้ว แยกไม่ออกไม่เห็นความต่างอันนี้ตรงที่ว่าเป็นโลกุตระนั้นอย่างไร จะเห็นว่าเป็นความฉลาดเหมือนโลกีย์ เพราะฉะนั้นจะพูดถึงปัญญาๆๆ เมื่อไหร่ ชาวพุทธคนไทยก็จะเข้าใจว่าเป็น เฉโก เป็นความฉลาดแบบเดียวกับโลกีย์ ซึ่งผิดหมดเลย ใช้ไม่ได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 12:26:24 )

ปัญญาไม่ใช่ความรู้ที่ชาวโลกรู้กัน

รายละเอียด

คำว่า ปัญญา คำนี้ อาตมาก็ยังอธิบายไม่เก่ง จะเขียนเป็นหนังสือเล่มหนึ่งเลย กำลังเขียนต่อ คำว่าปัญญา ไม่ใช่ความรู้ที่ชาวโลกเขารู้กัน ความรู้ทางโลกเป็นความรู้โลกียะ ปัญญาเป็นโลกุตระ อาตมาก็ยังพูดได้แค่นี้ มันเป็นปัญญาอีกคนละตระกูล เป็นความเฉลียวฉลาดกันคนละตระกูลกับปัญญาโลกีย์ ซึ่งมันเป็นเทวนิยมเป็นโลกียะ วนเวียนอยู่ในกรอบ
ความรู้โลกุตระมันออกไปนอกกรอบ ของโลกโลกียะที่เขาวน เป็นเรื่องทวนกระแสซ้อน 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:40:57 )

ปัญญาไม่ใช่ฉลาดเฉโก

รายละเอียด

ทานก็ตาม ศีลก็ตาม ยิ่งวิมุติแล้ว ปิดประตูเลยสำหรับคนมิจฉาทิฏฐิ
เพราะความหมายของ“ปัญญา”ก็ยังรู้ไม่ถูกต้อง ยังไปเข้าใจว่าเป็นอย่างเดียวกันกับความฉลาด“เฉโก” ซึ่งมันไม่ใช่เลย

นั่นมันแค่“ความรู้-ความฉลาด”ที่อยู่ในกรอบของ“ความรู้-ความฉลาด”ที่ชื่อว่า “เฉโก”ของ“โลกียธรรม”ที่ชาวเทฺวนิยม หรือเดียรถีย์ปุถุชนทั้งหลาย เขาต่างยังมีกันอยู่อย่างนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 21:36:05 )

ปัญญินทรีย์

รายละเอียด

1. มีอินทรีย์ มีพละ ที่มีปัญญา

2. ปัญญินทริยัง

3. จะเห็นความดีที่แท้ ความดีที่ไม่แท้ได้จริงขึ้น ๆ ชัดขึ้น ๆ

4. อินทรีย์แห่งความรู้

5. กำลังความฉลาด

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 340, สมาธิพุทธ หน้า 114, หน้า 239,เปิดโลกเทวดา หน้า 93,ป่ากับพุทธศาสนา หน้า 144


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:10:12 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:34:50 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:53:02 )

ปัญหาหนักแค่ไหน ไม่ท้อแท้ ทุกปัญหาคนแก้ได้

รายละเอียด

ไม่ใช่เรื่องเสแสร้ง ทำเอาโก้แต่เป็นเรื่องจริงใจ สิ่งที่มันไม่ใช่เรื่องราบรื่นทีเดียวเป็นเรื่องขลุกขลัก แต่เราก็ไม่ได้ท้อแท้อะไรเพราะเราฝึกฝนตัวเองว่า สู้กับความลำบากได้ ความลำบากเราไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ เราถือเป็นเรื่องเล็กเป็นเรื่องที่แก้ไขไป จะหนักแค่ไหนคนแก้ได้ ปัญหาทุกปัญหา เราสามารถบำบัด แก้ไขได้ ทั้งนั้นตลอดเวลา เพราะเราฝึกตนมาอย่างนั้นจริง เราไม่ได้มาอย่างงมงายมาอย่างจำนน เราไม่จำนน แต่เราตั้งใจ เต็มใจมาอยู่ที่นี่ แล้วก็ปักหลักลงแหล่งด้วย ไม่ใช่ทำบ้านราชอย่างเหลาะๆ แหละๆ จะทำอย่างปักลงแหล่ง ถมไปไม่รู้กี่เท่าไหร่แล้ว แล้วก็จะทำไปเรื่อยๆ ทำให้เป็นอยู่ไป ให้อยู่ไปได้อีกนานเท่าไรมันก็นาน เอาที่มันจะเป็นไปได้ มันก็จะเป็นของมันไป แม้ที่สุด ถ้าโลกมันเปลี่ยนทิศ บ้านราชกลายเป็นสถานที่โลกหมุน เปลี่ยนกลายเป็นที่สูง ที่อื่นกลายเป็นที่ต่ำ ก็ได้ แต่ไม่รู้อีกกี่ล้านปี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน

วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2565 ( 12:34:16 )

ปัญหาหลักใหญ่ของมนุษยชาติที่โง่ต่อไปคืออะไร

รายละเอียด

พวกเรานี้เลิกเรื่องรวยเรื่องจนเรื่องสุขเรื่องทุกข์ได้เลย ยอดทุกความเลวร้ายที่สุดในโลกคือความสุขความทุกข์หรือความรวยความจน นี่แหละคือปัญหาหลักใหญ่ของมนุษยชาติที่โง่ต่อไป โง่ต่อความรวยความจนโง่ต่อความสุขความทุกข์ ที่ไปขึ้นอยู่กับความรวยความจน พุทธศาสนานั้นความรวยความจนเรื่องที่ของมาจนกันอย่างเสมอภาค จะลดช่องว่างยิ่งศูนย์เท่ากันหมดก็ยิ่งหมดช่องว่าง แล้วก็รู้ด้วยว่าจนก็ไม่มีสุขไม่มีทุกข์สบาย ความสุขความทุกข์หมด ไม่ต้องไปแย่งความรวยความจนอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องไปมีรวยอะไรอีกสบาย นี่คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจสำเร็จ หมดปัญหาความสุขความทุกข์ความมีโทษภัยอะไรต่อสังคมอีกไม่มี นักเศรษฐศาสตร์จะฟังอาตมาบ้างไหมนี่

ในหลวงเราเป็นโพธิสัตว์มาบริหารให้คนเป็นคนจน เอาแบบคนจน เขาฟังไม่เข้าใจ ช่างน่าสงสารประเทศ ในหลวงท่านก็ไม่จู้จี้จุกจิก แต่โพธิรักษ์กัดไม่ปล่อย ได้ทีละห้าหกคนก็เอา แต่จะพยายามไม่ตายง่ายๆดูสิว่าอาตมานอนแบ่บๆแล้ว จะพูดได้อย่างนี้ไหม พูดฉอดๆๆได้อย่างนี้ไหม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนจริงจึงทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(สัมมาทิฎฐิ 10) ตอน คำสอนจากสยังอภิญญาพาบรรลุจริง


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 20:14:24 )

ปัญหาเศรษฐกิจจบตรงไหน

รายละเอียด

ขาดทุนคือกำไร กำไรคือขาดทุน อาตมายังโชคดีมากที่มีพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ตรัส อันนี้มันตรงกับที่อาตมาชัดเจนเหมือนกัน แล้วก็ได้สอนเรื่องนี้มาตลอด มันตรงกัน  นี่เป็นโชคของอาตมามากถ้าไม่เช่นนั้น อาตมาพูดป่านนี้โดนด่ายับเยินหมด เพราะว่าเขาเข้าใจกัน เรียนจบเศรษฐศาสตร์เป็นด็อกเตอร์มาจากต่างประเทศ จะมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการจะทำให้คนรวย โลกของเทวนิยมไม่มีโลกุตรธรรม แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการทำให้คนมารวย จ้างให้ ทองคำก้อนเท่าโลก เอามาให้ ก็ไม่สำเร็จ คุณแก้ไปเถอะ เป็นเรื่องของสมบัติผลัดกันชมอยู่ตลอดกาลนาน  ไม่มีจบ ไม่เสร็จ 

แต่ของพระพุทธเจ้า อาตมาพาพวกคุณมาจน แก้ปัญหาเศรษฐกิจจบ สำเร็จแล้ว แก้ปัญหาเศรษฐกิจจบตรงไหน จบตรงพวกคุณยินดีจน เต็มใจจน พากันมาจน จนกระทั่งไปตั้งนามสกุลจนของตัวเองไม่รู้กี่จนแล้ว แล้วก็ไม่ได้ตั้งเล่นไม่ได้พูดเล่นแต่เข้าใจ หลายคนเพียงแต่ว่ากิเลสมันยังไม่ยอมให้จน เข้าใจแล้วมาจนได้เป็นสิ่งดี จนแล้วเป็นอย่างไร คุณจนได้สำเร็จคุณมาอยู่บ้านราช หรือไปอยู่ในพุทธสถาน อยู่ในบวรฯอื่นๆ ที่เป็นของชาวอโศกแน่ ที่คุณบอกเหมาะใจที่จะไปอยู่ร่วมกับเรา เรามีบวรของเราหลายแห่ง ถ้าอยู่ได้ จนตาย พึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตายกันได้ทุกบวร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะ ครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2566 ( 12:56:21 )

ปัญหาโลกแตก

รายละเอียด

นี่เป็นคำที่อาตมาพูดไว้ เหตุผลคือความบ้า อัตตาคือความจริง ที่จริงแล้วมันก็ซับซ้อน มันไม่จริงทั้งคู่แหละ แต่ว่าถึงอย่างไรก็ตามแต่ ถ้าจริงๆแล้วอัตตาของผู้ที่มีปัญญาจริง อัตตาของผู้ที่มีอย่างที่พูดอย่างเมื่อกี้นี้ พระพุทธเจ้ากับมวลใครต่อใครต่างๆ นี่แหละเป็นปัญหาโลกแตก ระหว่างเหตุผลก็ดี ระหว่าง 2 ขั้ว ปัญหาโลกแตก จะพูดกันอยู่เมื่อไหร่ก็ไม่จบหรอก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2565 ( 11:17:47 )

ปัฏฐาน

รายละเอียด

1. ตัวจิตที่กำลังเป็นเช่นนั้นอยู่จริง หรือปรุงแต่งอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่จริง คืออาณา คือรูป คือกาย

2. สิ่งที่เกิดขึ้นแก่ตนแล้ว

3. จุดตั้งต้น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 41, หน้า 52, 

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 287


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:11:29 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:37:15 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:52:04 )

ปัณกปฏิปทา

รายละเอียด

คือ ข้อปฏิบัติที่ผิดอีก  3 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 13:38:25 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:05:15 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:52:32 )

ปัณฑิตเวทนียา

รายละเอียด

1. รู้จริงได้เฉพาะบัณฑิต

2. รู้ยิ่งเห็นจริงได้เฉพาะบัณฑิตจริงที่ทั้งรู้ทั้งถึงความจริงนั้นเท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 539, 

อีคิวโลกุตระ หน้า 81


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:12:49 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:39:45 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:53:04 )

ปัณปฏิปทา

รายละเอียด

คือ การปฏิบัติที่ผิดคือ ไปนั่งหลับตา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 14:02:44 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:05:46 )

ปัตตานุโมทนามัย

รายละเอียด

บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาในส่วนบุญ หรือในความเป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 309


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:14:20 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:43:49 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:53:36 )

ปัตตานุโมทนามัย ใครทำใครได้

รายละเอียด

ข้อ 7 ปัตตานุโมทนามัย เมื่อเป็นสมบัติก็เอาสมบัติมาฝากสิ เข้าใจว่า ทานแล้วได้กุศลได้สมบัติ ไปทำบุญมาเอาบุญมาฝากเน้อ สาธุ ลูบใส่หัวเลย โอ้โห… เราอยู่บ้านไม่ต้องไปทำอะไรก็ได้แล้วคนเอามาฝาก ที่จริงแล้วกรรมเป็นของของตน ตัวเองทำตัวเองได้ ตัวเองไม่ได้ทำแล้วจะบอกว่า เราได้ มันไม่ได้หรอก เขาไปทำทานเขาก็ยังทำผิด เขาก็เอาทานผิดๆเข้าใจผิดมาฝากอีก คนก็เลยเข้าใจผิดไปต่ออีก เพราะฉะนั้น ปัตตานุโมทนามัยก็คือ ยินดีด้วยที่คุณได้ดีและเอาดีมาฝาก เอาสมบัติมาฝาก เอากุศลมาฝาก มันไม่ใช่บุญ มันเป็นกุศล คุณเอามาฝากนั่นมันเป็นกุศลเท่านั้น มันเป็นสมบัติ บุญนั้นมันเป็นวิบัติ เอามาฝากกันไม่ได้ ใครทำใครได้ ใครตัดกิเลสของตนคนเดียว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 13:22:10 )

ปัตติทานมัย

รายละเอียด

บุญสำเร็จด้วยการให้ที่เป็นส่วนแห่งบุญยิ่ง ๆ ขึ้น

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 309


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:15:45 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:45:11 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:53:24 )

ปัตติทานมัย

รายละเอียด

ต่อมา ปัตติทานมัย ปัตติ แปลว่าบรรลุ แปลว่าการเข้าถึง เข้าไปถึงความเป็นทาน ก็หมายถึงว่า คุณต้องปฏิบัติทาน ให้รู้จักกิเลส แล้วก็กำจัดกิเลสได้ กิเลสลดออก เป็นอานิสงส์เป็นผลในการปฏิบัติทาน ปัตติทานมัย สำเร็จด้วยการทาน บรรลุธรรมอย่างเป็นปรมัตถ์ด้วยการถึงสัมมาทิฏฐิ แต่ทีนี้ เขาไปเข้าใจว่าการทานที่เข้าถึงทานของเขาคือ ทำทาน ให้สำเร็จ จงทำทานการให้ แต่เขาไม่ได้เข้าถึงสภาวธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บุญกิริยาวัตถุ 7 ข้อที่เป็นเนื้องอกของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 ธันวาคม 2565 ( 12:59:03 )

ปันน

รายละเอียด

แล้ว เสร็จ ล่วงแล้ว ถึงแล้ว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 501


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:16:43 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 08:47:20 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:53:45 )

ปันโนคือบรรลุ

รายละเอียด

วิชชาจะระณะสัมปันโน ปันโนคือบรรลุ
(630605)

ที่มา ที่ไป

(630605)


เวลาบันทึก 05 มิถุนายน 2563 ( 15:40:14 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:46:46 )

ปัสสติ

รายละเอียด

1. เห็น

2. เห็นอยู่

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 93,

อีคิวโลกุตระ หน้า 208, หน้า 209, หน้า 214, หน้า 215,

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 198, 

ทางเอก ภาค 3 หน้า 213

 


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:19:26 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 10:48:38 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:55:16 )

ปัสสติ

รายละเอียด

คือ มีประสาทสัมผัสครบ แล้วต้องสัมผัสอย่างเห็นๆ รูปก็เห็นด้วยตา หูก็ได้ยิน จมูกก็ได้กลิ่น ลิ้นรับรสสัมผัส

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ผู้ไม่รู้นามรูปก็คือโจรปล้นศาสนาที่ฆ่าไม่ตาย วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 20 มกราคม 2563 ( 08:25:18 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:06:39 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:14:20 )

ปัสสติ กับเวทนา ต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ปัสสติ แปลว่า เห็น เมื่อตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรสพวกนี้ แล้วมันก็เกิดสภาวะนั้นขึ้นมา เรียกสำนวนตัวต้น ตากระทบรูปก็เห็น หูกระทบเสียงก็เป็นลักษณะปัสสติ แต่หูกระทบเสียงเราไม่เรียกว่า เห็น เราเรียกว่า ได้ยิน จมูกกระทบกลิ่น ก็ปัสสติ แต่เราไม่เรียกว่า เห็น เราเรียกว่าได้กลิ่น 

ปัสสติ เป็น Common noun ของพระพุทธเจ้า หมายความถึงทวารทั้ง 5 ตาหูจมูกลิ้นกาย ต่างกับทิฏฐิ กว้างที่เป็นความเห็นความกว้างซึ่งกว้างกว่า ปัสสติ แล้วเทียบกันกับเวทนา เวทนานั้น ลึกเข้าไปอีก สัมผัสแล้วจึงเกิดความรู้สึก เพราะฉะนั้นมีผัสสะจึงเกิดเวทนา ผัสสะนี้ กับ ปัสสะ หรือปัสสติ 

ปัสสะเห็น ผัสสะกระทบ ถ้ายังไม่กระทบ เห็นยังไม่เกิด นอกจากเห็นยังไม่เกิดแล้ว เวทนายังอีกไกล ยิ่งไกลกว่าปัสสะ พอเข้าใจนะ ปัสสะกับเวทนา เหมือนหรือต่างกันอย่างไร 

คำอธิบายของพระพุทธเจ้า ภาษาต่างๆที่เป็นปรมัตถ์ มันเป็นธาตุรู้ทั้งนั้น รู้ๆๆๆ ทุกคำ ปัสสติก็รู้ เวทนาก็รู้ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ขันธ์ทั้ง 5 เป็นรู้ทั้งนั้น เป็นการรับรู้ แต่ไม่ใช่รู้อย่างรู้แจ้ง รู้จริง รู้ชัดอะไร แต่เริ่มรับรู้ คำว่ารู้ภาษาไทยคำเดียว โอ้โห มันคลุมหมด ศึกษาไปดีๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสดงธรรมรายการพุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ชาว‌อโศก‌มี‌ความ‌มหัศจรรย์‌ได้‌ตาม‌ปหาร‌าท‌

สูตร‌ ‌วันพุธที่ 5 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 21:03:57 )

ปัสสะ

รายละเอียด

เห็น

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 12


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:21:36 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 10:49:53 )

ปัสสะ

รายละเอียด

 แปลว่า เห็น ต้องผัสสะเห็นมีของจริงตามวิธีของพุทธเจ้าให้เกิดเวทนา ถ้าไม่มีเวทนาก็เรียนอะไรไม่ได้เลยมีแต่สิ่งเพ้อฝันว่างเปล่าไม่ได้เรื่อง 

ที่มา ที่ไป

630524


เวลาบันทึก 26 พฤษภาคม 2563 ( 17:27:56 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 03:48:20 )

ปัสสัทธิ

รายละเอียด

เป็นความสงบขั้นปัสสัทธิที่ประหารกิเลสตายสนิท ตายอย่างนิจจัง (เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง (ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง (ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง (ไม่กลับ กำเริบ) หรือนัตถิอุปมา เอาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ผู้ที่รู้จบเหมือนกัน ก็พอพูดกันรู้เรื่อง แต่ก็ของใครก็ของมัน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 14:24:04 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:07:47 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:57:21 )

ปัสสัทธิ

รายละเอียด

ปัสสัทธิ  คือ สงบเป็นความสงบแบบโลกุตระ

1. การรู้แจ้งธรรมะนั้น ๆ มาเรื่อย ๆ ระงับดับ หรือตัดกิเลสตัณหา

2. มีความสงบใจดีจริง เป็นความสงบเพราะความดีดดิ้นของกิเลสมันหยุดลง ดับลงแท้ ๆ ซึ่งจะไม่ใช่ว่าสงบเพราะได้อยู่ในที่เงียบ ๆ หรือสงบเพราะไม่มีอะไรกวน  หรือสงบเพราะตนไม่ต้องมีบทบาทการงานอะไรแล้ว แต่สงบเพราะความทุกข์ลดจากใจ ความชั่ว ความบาปอกุศลที่เคยยึด เคยติดได้เบาบางลง ลด หลุดออกจริง ๆ

3. ความสงบ

4. ความสงบ ราบรื่นที่เนื่องมาจากการลดอกุศล นิวรณ์

5. ความสงบจากกิเลส

6. อารมณ์สงบจากกิเลสหรือสงบจากความเป็นสัตว์โลกีย์

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 149, จากคนคืออะไร? หน้า 266, จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 296, จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 530, จากเปิดโลกเทวดา หน้า 66, จากกำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับที่ 270

 


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:23:55 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 10:54:16 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:02:52 )

ปัสสัทธิ

รายละเอียด

คือปหาน  5      

1. วิกขัมภนปหาน(ละด้วยการข่มใจ – ใช้เจโตนำหน้า)                         

2. ตทังคปหาน(ละได้เป็นครั้งคราว – ใช้ปัญญาอบรมจิต)                       

 3. สมุจเฉทปหาน(ละด้วยการตัดขาด สลัดออกได้เก่ง)                         

4. ปฏิปัสสัทธิปหาน(ละด้วยการสงบระงับ  ทวนไปทวนมา)                       

 5. นิสสรณปหาน (สลัดออกได้เองทันที  เก่งจนเป็นปกติ)

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562

พระไตรปิฎก  เล่ม 31  ข้อ 65


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 13:59:31 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:09:20 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:58:29 )

ปัสสัทธิ

รายละเอียด

ปัสสะ  แปลว่า  เห็น อิทธิ  เป็นความเก่งเป็นความสามารถ ในขณะที่มันสงบอย่างเห็น ๆ สัมผัสอยู่ ไม่ใช่สงบแบบหลับตาลงไป  เป็นคุณสมบัติขั้นพิเศษของจิต ที่สงบอย่างปราศจากกิเลส

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562                            


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:11:20 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:10:20 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:59:04 )

ปัสสัทธิ

รายละเอียด

คือปหาน 5 

1.วิกขัมภนปหาน (ละด้วยการข่มใจ-ใช้เจโตนำหน้า) .

2.ตทังคปหาน (ละได้เป็นครั้งคราว-ใช้ปัญญาอบรมจิต) . 

3.สมุจเฉทปหาน (ละด้วยการตัดขาด  สลัดออกได้เก่ง) .

4.ปฏิปัสสัทธิปหาน (ละด้วยการสงบระงับ  ทวนไปมา) . 

5.นิสสรณปหาน (สลัดออกได้เองทันที  เก่งจนเป็นปกติ) 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 18:04:32 )

ปัสสัทธิ ปัสสะ

รายละเอียด

แปลว่าเห็น อิทธิ เป็นความเก่งเป็นความสามารถ ในขณะที่มันสงบอย่างเห็นๆสัมผัสอยู่ ไม่ใช่สงบแบบหลับลงไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2563 ( 09:30:07 )

ปัสสัทธิ สันตะ กับ สมถะ 

รายละเอียด

สมถะ ของพระพุทธเจ้าไม่เอา แต่เอาปัสสัทธิ ปัสสัทธิตกผลึกลงเป็นสันติหรือ สันตะ เดี๋ยวนี้ใช้กันเละ คำว่าสันติ เหมือนกับคำว่าปัญญา คำว่าบุญ เดี๋ยวนี้ใช้กันเละเทะ สันติ แต่แท้จริงใช้คำว่า สันตะ คือ 1 สันติคือ 3 ตัว สันตะ สันตา สันติ อะ อา อิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:36:57 )

ปัสสัทธิ สั่งสมลงเป็นสมาธิ

รายละเอียด

ปัสสัทธิ สั่งสมลงเป็นสมาธิ แต่ไม่ได้หมายความว่าสั่งสมแต่ความสงบ สมาธิของพระพุทธเจ้าจึงเป็นอจินไตย เป็นความคิดที่เดาเอาไม่ได้ อย่าว่าแต่สมาธิเลย แค่ฌานก็เป็นอจินไตย ฌานวิสัย เป็นอจินไตย ฌานที่เขาเรียนรู้กันอยู่ทั่วโลกเป็นโลกีย์ พวกเดียรถีย์นั่งหลับตาปฏิบัติ ก็เก่งทางฌานสมาธิกันทั้งนั้น แต่เป็นฌานสมาธิโลกีย์ อยู่อย่างนั้น วิธีทำเป็นแบบนั้น แต่ของพระพุทธเจ้าเป็นอีกวิธี ไม่เหมือนกัน 

กว่าจะได้สมาธิ กว่าจะได้ความสงบตกผลึกลงเป็น ความสงบนี้คือจิตที่สะอาดจากกิเลส สะอาดจากศัตรู สะอาดจากตัวกวน สะอาดอย่างไร คือตัวกวนถูกปราบ กิเลสถูกปราบ ตัววุ่นถูกปราบ กลายเป็นตัวสะอาด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:38:50 )

ปัสสัทธิ 

รายละเอียด

ปัสสัทธิ  คือ  ส่วนสงบของพุทธแท้  ปัสสัทธิ  เข้าใจง่ายกว่าวิเวก  ปัสสัทธิมีในปหาน 5

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:32:27 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:12:14 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 14:59:46 )

ปัสสัทธิ 

รายละเอียด

ปัสสัทธิ  คือ  เป็นความสงบของพระพุทธเจ้า เป็นเหตุปัจจัยจากการวิปัสสนา เป็นความสงบจากกิเลส  การปฏิบัติให้เป็นปัสสัทธิให้ได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 14:05:41 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:12:50 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:00:13 )

ปัสสัทธิกับสมาธิต่างกัน

รายละเอียด

ทำสมถะคือความสงบนิ่ง ไปนั่งนิ่งๆทื่อๆ เป็นของเดียรถีย์นอกศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาก็ไปเจอกับพวกเหล่านี้ จะหัก จะไปตีทิ้งก็จะไม่มีใครมาให้สอน ท่านจึงต้องอนุโลมปฏิโลมค่อยๆดึงขึ้นมา ให้มารู้จักสมาธิของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่จิตตั้งมั่นแบบมีกิเลส  ไม่ใช่นิ่งแข็งทื่อ จิตตั้งมั่นของพระพุทธเจ้านั้น เร็วไว คล่องตัว เป็นกายปาคุญญตา หรือจิตปาคุญญตา คือมีเวทนาสัญญาสังขาร หมวดเจตสิกพวกนี้ไวคล่องเลย แล้วลืมตารู้จักโลกเข้าใจหมดเลย นั่นคือสมาธิที่ตั้งมั่น เกิดได้ด้วยจรณะ 15 วิชชา 8 คือสมาธิของพระพุทธเจ้าซึ่งจะต้องเริ่มต้นด้วยศีลเป็นหลัก ศีลข้อที่ 1 เป็นต้น แล้วปฏิบัติให้ถูกอย่าไปปฏิบัติผิด โดยปฏิบัติอย่างมี สังวรอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ ด้วยศีลเป็นหลักศีลข้อที่ 1 สัมผัสกับสัตว์ก็ต้องพิจารณา จะกินจะใช้เป็นโภชเนมัตตัญญุตา เป็นการปฏิบัติอย่างตื่นลืมตาไม่ใช่หนีเลยเป็นชาคริยา ซึ่งไม่ใช่ทั้งเบื้องกลางเบื้องปลายเบื้องต้น ของพระพุทธเจ้าไม่ต้องไปนั่งหลับตาปฏิบัติ ของพระพุทธเจ้าปฏิบัติศีลแล้วเป็นสมาธิเป็นปัญญาเป็นวิมุติ ปฏิบัติ อธิศีลให้เกิดอธิจิต ให้เกิดอธิปัญญา อธิวิมุติ ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาปฏิบัติ ไม่มีแม้แต่เบื้องต้น เบื้องต้นก็คือศีลข้อที่ 1 แล้วทำให้เกิดอธิจิตเป็น เป็นอธิปัญญา อธิวิมุติ อธิจิตจะตกผลึกตั้งมั่นลงเป็นสมาธิ อาตมาไม่ได้พาคุณมานั่งหลับตาเลย พวกคุณมีสมาธิไหม? นี่แหละสมาธิของพระพุทธเจ้า ทำผิดมาไกลแสนไกลไกลจากวิเวก จนไม่รู้จะทำอย่างไร จนกระทั่งเป็นคนที่เอาไปฆ่าด้วยหอกร้อยเล่ม ในตอนเช้า ในตอนกลางวัน ในตอนเย็น พวกคุณก็ไม่ตาย จมอยู่ในถ้ำจมอยู่ในที่ติด ไม่สะดุ้งสะเทือน ไม่ตาย ทำอย่างไรก็ไม่รู้สึกรู้สา ไม่ได้มีเวทนาไม่ได้มีวิญญาณไม่ได้มีความรู้เหมือนกับคุณค่าก้อนดินก้อนหิน ฆ่าด้วยหอกร้อยเล่มฆ่าด้วยก้อนดิน ไม่รู้จักรูปนามไม่รู้จักวิญญาณ ไหนอาหารข้อที่ 4 ไม่รู้จักรูปนามเหมือนก้อนดินก้อนหินฆ่าด้วยหอกร้อยเล่ม  เช้ากลางวันเย็นก็เหมือนกับฆ่าก้อนหินมันไม่ตาย อย่างนั้นจริงๆเพราะคุณไม่รู้จักความเป็นวิญญาณไม่รู้จักรูปนามเลย ยิ่งพูดรูป 28 นาม 5 ก็ไม่รู้เรื่องจบเห่เลยปฏิบัติไม่รู้รูป 28 นาม 5 จับเวทนาได้ ในเวทนา 108 เป็นกระบวนธรรมของศาสนาพุทธแล้วเลิกสุข ทุกข์ เป็นอุเบกขาได้ เป็นฐานนิพพาน 

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช  จรณะ 15  พาให้เกิดสมาธิและอุปธิวิเวก  วันศุกร์ที่  10  มกราคม  2563


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 18:53:52 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:17:54 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:03:34 )

ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์

รายละเอียด

ความสงบจากกิเลสตามพุทธวิถี

หนังสืออ้างอิง

จากคนคืออะไร? หน้า 293


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:26:37 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 10:56:18 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:03:20 )

ปัสสัมภยะ

รายละเอียด

ผู้ทำให้สงบระงับลงได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 10


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:27:36 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 10:57:20 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:14:42 )

ปัสสัมภยัง กายสังขารัง

รายละเอียด

1. กายสังขารระงับ

2. ปฏิบัติกายสังขารให้สงบระงับ [ทำองค์ประชุมของรูปกับนามให้สงบระงับจากกิเลส มีผลแท้จริง]

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 283,ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 174


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:28:48 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 10:59:01 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:04:25 )

ปัสสัมภยัง จิตสังขารัง

รายละเอียด

จิตสังขารระงับ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 283


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:29:41 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:00:20 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:15:01 )

ปัสสัมภยังจิตตสังขารัง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นภายนอกจะสัมผัสอะไรจะชื่นชอบก็ไม่มี จะชิงชังก็ไม่มีสงบ นี่คือโลกุตระ เสร็จแล้วจึงไปทำ รูปราคะ อรูปราคะ เป็นจิตปาคุญญตา มีความคล่องแคล่วในจิตนั้น ให้จิตนั้นกิเลสลดลงไปเรียกว่า ปัสสัมภยังจิตตสังขารัง ทำความสงบให้แก่จิตสังขารอีกที

เพราะฉะนั้นทำกิเลสในจิตสังขารที่เหลือรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชาได้อีก หมดทั้งรูป ทั้งอรูป คุณก็เป็นอรหันต์ที่สงบหมด ทั้งภายนอกภายในอย่างบริบูรณ์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาถลกหนังพญานาคจอมหลับตา วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 22 พฤษภาคม 2565 ( 12:13:11 )

ปัสสิ

รายละเอียด

ประสบ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 211


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:30:37 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:01:40 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:04:20 )

ปัสสิตุง

รายละเอียด

การเห็น

หนังสืออ้างอิง

ค้าบุญคือบาป หน้า 193


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:31:24 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:02:45 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:04:43 )

ปัสสโต

รายละเอียด

1. เห็นอยู่

2. เห็นอยู่ มองอยู่ ดูอยู่ คือสัมผัสอย่างเข้าใจแจ้ง ๆ ทั่วทั้งกาย ทั้งใจ เป็นการรู้ เห็นอยู่ อย่างชัด ไม่ได้คลาย ไม่ได้จางหายไปไหน  มิใช่เห็นแล้วก็ไม่รู้เรื่อง หรือเห็นแล้วก็จำไม่ได้ สลัดทิ้งไปเสีย อย่างนั้นไม่ใช่ แต่มันเห็นยิ่งและเห็นอยู่จริง ๆ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 93, ทางเอก ภาค 2 หน้า 21


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:20:42 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:04:36 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:05:17 )

ปาคุญญตา

รายละเอียด

คือ มีความแคล่วคล่อง ว่องไว รู้ก็เร็ว ปรับจิตก็เร็ว มีฐานจิตที่เป็นตัวต่อ ศรัทธา ปรับตัวได้เร็ว มีความปฏิบัติปัญญาได้เร็วทั้ง 2 ด้าน มีประสิทธิภาพ เร็ว ไว ทำได้ดั่งใจ ทำได้ดี เร็วตามต้องการ

@ ลักขณรูป 4 = 21 อุปจยะ ความเกิดอยู่เจริญขึ้นไป

                           22 สันตติ  ความเชื่อมต่อสืบเนื่อง

                           23 ชรตา  เคลื่อนไปสู่ความเสื่อม

                           24 อนิจจตา เคลื่อนไปเสื่อม > เจริญ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 16:37:08 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:21:59 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:11:43 )

ปางนี้พ่อครูมากอบกู้ศาสนาคือมาเก็บกวาดศาสนา

รายละเอียด

ก็จะขยายความเยอะก็ได้นะ แต่เอาล่ะขยายความนิดหน่อย 1.สื่อความให้เห็นว่าอาตมาเองนี้ เกิดมาชาตินี้ต้องมากวาดทำความสะอาด นี่ก็ง่ายๆ เพราะมันสกปรกจริงๆ ศาสนาพุทธทุกวันนี้มันสกปรก ก็ต้องกวาด นี่คือความหมายง่ายๆตื้นๆ 

2. อาตมาไม่ได้เป็นคนสูงคนส่งอะไร อาตมาก็คือคนกวาด  ปัดกวาดธรรมดานี่เอง ก็มาทำความสะอาดเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนสูงคนส่งอะไร และก็มาทำงาน คำว่าอาตมามาเป็นผู้กอบกู้ธรรมะ ฟังแล้วเป็นคำสูงมากเลย แต่ก็คืออาตมาเป็นผู้มากวาดทำความสะอาด ฟังชัดไหม 

อาตมามาทำงานสูงเหลือเกิน มากอบกู้ศาสนา มากอบกู้ธรรมะโลกุตรธรรม ก็พูดไปมากแล้ว ก็นัยยะเดียวกันกับอาตมามาทำความสะอาด เพราะเขาเอาของสกปรกเลอะเทอะใส่เข้าไปในศาสนา อาตมาก็ต้องมาทำความสะอาด แม้แต่ในบัญญัติภาษา ที่ทุกวันนี้เขาก็ยังไม่กระเตื้อง ไม่น่าจะกระเตื้อง เช่น คำว่า บุญ อาตมาก็อธิบายว่าเขาเข้าใจยังไม่ได้ บุญ เขาเข้าใจเป็น กุศล คำว่า กาย กายนี้เป็นเบื้องต้นเลย ง่ายกว่าบุญอีก เขาก็ยังเข้าใจผิดอยู่ เพราะฉะนั้นเริ่มต้นยิ่งคำว่า “กาย” เป็นคำต้นจะต้องรู้ก่อนเลย ถ้าไม่รู้คำว่า “กาย”ก่อนเลยนี่นะ เขาปฏิบัติธรรมศาสนาพุทธยังไม่สัมมาทิฏฐิ “กาย”คำแรกยังไม่สัมมาทิฏฐิ เขาไม่ได้เลย ไปไม่ได้เลย ศาสนาพระพุทธเจ้า เพราะกายนั้นมันเป็นลักษณะ 2 กายไม่มีลักษณะ 1 กายมี 2 เสมอถ้ามีกาย ถ้าไม่มีกายก็เป็น 0 ถ้ามีกายก็ต้องเป็น 2 ถ้าไม่มีกายก็เป็น 0 เพราะฉะนั้น พืชมันไม่มีกาย กายมันต้องมีจิต ต้องมีเวทนา มีมโน แต่พืชมันไม่มี จึงไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ 

ถ้าสัจธรรมเท่านี้เขาเข้าใจไม่ได้ ไม่สัมมาทิฏฐิแล้ว เขาจะไปปฏิบัติได้ยังไง จะทำจิตของตัวเองให้มันเป็นกาย แล้วก็ไม่มีกาย แล้วการทำได้นี้ไม่ใช่หมายความว่าคุณเองจะต้องไม่มีกาย คุณทำได้แล้วคุณยังต้องอาศัยกาย จนกระทั่งสุดท้าย กายสเภทา กายนั้นยังต้องแตกเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม..เลย ปรัมมรณา สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน มันจึงจะไม่มีกายอีกเลย นิรันดร ไม่มีสภาพ 2 อีกเลย ฟังชัดเจนขึ้นไหม ลึกซึ้งไหม เขาเข้าใจอย่างนี้ได้ที่ไหน เมื่อเขาเข้าใจไม่ได้ ศาสนาพุทธก็คือเสื่อมแน่นอนจากความเข้าใจผิด ความเข้าใจพยัญชนะสำคัญๆ ไม่ต้องไปพูดถึงคำว่า บุญ ไม่ต้องไปพูดถึงคำว่า สมาธิ ไม่ต้องไปพูดถึงคำว่า ฌาน วันนี้ตั้งใจจะอธิบายเรื่องของฌานต่ออีก 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #38 เจาะลึกเทวทัตยุคดิจิตอลที่หาความเลวเพิ่มไม่ได้อีก วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2566 ( 20:18:07 )

ปางนี้เหน็ดเหนื่อยจริงๆต้องต่อสู้โดยไม่มีอะไรประกอบเลย

รายละเอียด

มาถึงขนาดนี้ปางนี้จะต้องมาเน้นโลกุตรธรรม มาเป็นโพธิรักษ์มีสัมภาระวิบากอย่างนี้แหละ เหน็ดเหนื่อยจริงๆ ต้องต่อสู้อย่างไม่มีอะไรประกอบนะ  สิบตรีก็ไม่ได้ปริญญาตรีจัตวาก็ยังไม่ได้ อย่าพูดถึงปริญญาตรี เห็นไหม สิบตรีก็ไม่ได้ ชั้น ซี1 ซี2 ก็ไม่ได้ ไม่มีอะไรทั้งนั้นเลย ไม่มี รับเงินเดือนจากรัฐบาลสักบาทก็ไม่มี อายุเลย 60 ปีเขาให้เดือนละเท่าไหร่ ตอนนี้ 80 กว่าก็ได้ 800 แล้ว ก็ไม่เคยไปเอาสักที ก็ให้รัฐบาลนั่นแหละเอาไปใช้ต่อหรือใครจะมุบมิบก็บาปใครบาปมัน ซึ่งมันก็เป็นกุศลของเรานะ ไม่ได้เสียหายอะไร 

อาตมาก็เห็นรายละเอียดพวกนี้ จนอาตมาต้องทำให้เต็มที่ ให้คุณธรรมระดับโลกุตระให้ถึงที่สุด เพราะฉะนั้นอาตมาก็ยังไม่รู้ว่า อาตมาทำงานไปนี้ ถ้าอาตมาไม่ต้องเกิดมาอีก ต่อจากปางนี้ตายชาตินี้แล้วไม่ต้องเกิดมาอีก ไม่ต้องมาสืบต่อนำพากันอีก โดยที่พวกเรานำพาไปรอดหรือไม่รอดก็ไม่รู้ ก็ยังไม่รู้มันคืออะไรแค่ไหน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40

ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:43:05 )

ปาจิตตีย์ มุสาวาท วรรคข้อที่ 4

รายละเอียด

คือ การสวดมนต์ที่ละเมิดวินัยปาฏิโมกข์ ก็คือ การนำเอาธรรมบท (ธรรมะของพระพุทธเจ้า แต่ละบท แต่ละบท) ที่ท่านตรัสไว้ดีแล้ว มาสวดพร้อมกัน ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ให้อนุปสัมบันฟัง

หนังสืออ้างอิง

“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า135


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 13:40:22 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:11:45 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:15:43 )

ปาฎิหาริย์ที่พระพุทธเจ้าห้าม

รายละเอียด

ในยุคพระพุทธเจ้า มีพระโมคคัลลานะกับพระปิณโฑล เหาะไปเอาบาตรที่เขาท้า เขาเข้าใจว่าถ้าเป็นพระอรหันต์ต้องเหาะได้ ถึงจะเชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ นี่เป็นความมิจฉาทิฐิที่ไปเอาอิทธิปาฏิหาริย์หรืออาเทสนาปาฏิหาริย์เป็นเครื่องตัดสิน 

แค่คุณจะมีจริงพระพุทธเจ้าบอกแล้วว่าห้าม สิ่งที่ปรามไว้เลยบอกไว้เลยเป็นหลักเกณฑ์เป็นวินัย ก็อย่าทำ ในเกวัฏสูตร 

สิ่งนี้ถ้าไม่เข้าใจจริงมันก็พาออกนอกลู่นอกทางหมด เป็นเรื่องที่นำกิเลสเข้ามามากๆๆๆ เพราะจะไปหลงทาง

หรือแม้แต่คนที่ไปหลงใหลว่าเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ เช่น บางคนอาจจะไปเชื่อว่าท่านมีฤทธิ์นะ ทำให้ลูกปืนยิงมาตั้งหลายร้อยลูกไม่ถูกฉันนี่ โอ้โห นับถือพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์นี้ที่สุดเลย เพราะเรารอดตายเพราะฤทธิ์เดชของอาจารย์องค์นี้ อันนี้แหละคือมิจฉาทิฏฐิที่ไปไหนไม่รอดแล้ว งมงายแล้วก็มันเป็นเหตุผลของเหตุผลของลักษณะที่ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นเหตุเป็นปัจจัยของมัน มันเป็นไปได้ มีเหตุปัจจัยที่มันเป็นรูปนามทั้งหลายแหล่ที่มันไม่สมดุลหรือมันรอด มันแคล้วคลาดหรือมันอะไรก็แล้วแต่มันเป็นไปได้ แล้วก็ไปนึกว่าเป็นพลังอภินิหาร หรือเป็นปาฏิหาริย์ของครูบาอาจารย์หรือผู้มีฤทธิ์พวกนี้ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่ามันเชื่อถือไม่ได้ อย่าไปนับถือสิ่งเหล่านี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มกราคม 2567 ( 12:16:27 )

ปาฏิหาริย์

รายละเอียด

ความมหัศจรรย์

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 160,

วิถีพุทธ หน้า 36


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:32:24 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:07:17 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:05:18 )

ปาฏิหาริย์

รายละเอียด

คือ ความน่าอัศจรรย์ ยกตัวอย่างผู้ที่ปฏิบัติธรรมตามศีลได้ เริ่มต้นศีลข้อที่ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ คนนี้ไม่ฆ่าสัตว์หยุดฆ่าสัตว์เลยเด็ดขาด นี่คือปาฏิหาริย์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 12:46:21 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:18:57 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:06:39 )

ปาฏิหาริย์ 3

รายละเอียด

ดูกร เกวัฏฏะ  เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองแล้ว  จึงได้ประกาศให้รู้   ปาฏิหาริย์ 3 อย่าง  เป็นไฉน ?  คือ

ความน่าอัศจรรย์ (ปาฏิหาริย์) 3 อย่างนี้คือ

1. อิทธิปาฏิหาริย์ (แสดงฤทธิ์ได้น่าอัศจรรย์, แสดงฤทธิ์ทางใจ ไปซ้ำกับพวก คันธารี)

2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ (ดักทายใจได้น่าอัศจรรย์, หยั่งรู้จิตคนอื่น ไปซ้ำกับพวกมณิกา)

3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (สอนธรรมมีผลจริงได้น่าอัศจรรย์, สอนวิชชา 8 ให้ถึงปัญญาสัมปทา)

ตถาคตทรงเห็นโทษภัยจึง อึดอัด(อัฏฏิยามิ)   ระอา(หรายามิ) เกลียดชัง(ชิคุจฉามิ)ในอิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์  แต่ทรงยกย่องให้สอน ให้ทำใจ ให้เข้าถึงอนุสาสนีปาฏิหาริย์

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 9 "เกวัฏฏสูตร" ข้อ 339-341, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 16 มิถุนายน 2562 ( 14:26:09 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:10:53 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:05:48 )

ปาฏิหาริย์ 3

รายละเอียด

ความน่าอัศจรรย์ (ปาฏิหาริย์) 3 อย่างนี้คือ

1. อิทธิปาฏิหาริย์ (แสดงฤทธิ์ได้น่าอัศจรรย์)

2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ (ดักทายใจได้น่าอัศจรรย์)

3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (สอนธรรมมีผลจริงได้น่าอัศจรรย์)

ตถาคตเล็งเห็นโทษในอิทธิปาฏิหาริย์ และอาเทสนาปาฏิหาริย์ จึงอึดอัด (อัฏฏิยามิ) ระอา (หรายามิ) เกลียดชัง (ชิคุจฉามิ) ในปาฏิหาริย์ 2 อย่างนี้

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 9 “เกวัฏฏสูตร” ข้อ 339-341


เวลาบันทึก 11 มีนาคม 2565 ( 21:12:27 )

ปาฏิหาริย์ 3 อย่าง

รายละเอียด

1. อิทธิปาฏิหาริย์ (แสดงฤทธิ์ทางใจไปซ้ำกับพวกคันธ)

2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ (หยั่งรู้จิตคนอื่นไปซ้ำกับมณิกา)

3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (สอนวิชา 8 เป็นปัญญาสัมปทา)

พระองค์ทรงเห็นโทษภัยจึงอึดอัด (อัฏฏิยามิ) ระอา(หรายามิ ) เกลียดชัง (ชิคุจฉามิ)  อิทธิปาฏิหาริย์ และอาเทสนาปาฏิหาริย์ แต่ทรงยกย่องให้สอน ให้ทำใจให้เข้าถึงอนุสาสนีปาฏิหาริย์ (เกวัฏฏสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 9 ข้อ 339 – 341)

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562

หนังสืออ้างอิง

เกวัฏฏสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 9 ข้อ 339 – 341


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 11:49:02 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:20:46 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:06:34 )

ปาฏิหาริย์ 3 อย่าง

รายละเอียด

ดูกร.. เกวัฏฏะ  เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองแล้ว จึงได้ประกาศให้รู้ ปาฏิหาริย์ 3 อย่าง เป็นไฉน?  คือ 

1. อิทธิปาฏิหาริย์ (แสดงฤทธิ์ทางใจ ไปซ้ำกับพวกคันธารี) 

2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ (หยั่งรู้จิตคนอื่น ไปซ้ำกับมัลลิกา) 

3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (สอนวิชชา 8 เป็นปัญญาสัมปทา) 

พระองค์ทรงเห็นโทษภัยจึง อึดอัด(อัฏฏิยามิ), ระอา(หรายามิ), เกลียดชัง(ชิคุจฉามิ) ในอิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์  แต่ทรงยกย่องให้สอน ให้ทำใจ ให้เข้าถึงอนุสาสนีปาฏิหาริย์ (เกวัฏฏสูตร พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 339-341) 

อย่าไปส่งเสริมอิทธิปาฏิหาริย์อาเทสนาปาฏิหาริย์ เหาะได้ก็จริง แต่หยุดอย่าไปทำ ให้มาเรียนรู้อนุสาสนีปาฏิหาริย์อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 16:11:13 )

ปาฏิหาริย์ 3 อย่างของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

มาเริ่มต้นด้วย ภาษาตื้นๆก่อน ภาษาตื้นๆคือ ความมหัศจรรย์หรือเรียกด้วยภาษาวิชาการว่า ปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าแบ่งปาฏิหาริย์นี้เอาไว้ 3 อย่าง 

1. อิทธิปาฏิหาริย์ 2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ 3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ 

ปาฏิหาริย์ 3 ข้อนี้ในเกวัฏฏสูตรพระไตรปิฎกเล่ม 9 

ดูกร เกวัฏฏะ เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองแล้วจึงได้ประกาศให้รู้ ปาฏิหาริย์ 3 อย่างเป็นไฉน ?  คือ 

1. อิทธิปาฏิหาริย์ (แสดงฤทธิ์ทางใจ ไปซ้ำกับพวกคันธารี) 

2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ (หยั่งรู้จิตคนอื่น ไปซ้ำกับมณิกา) 

3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (สอนวิชชา8 เป็นปัญญาสัมปทา) 

พระองค์ทรงเห็นโทษภัยจึง อึดอัด(อัฏฏิยามิ) ระอา(หรายามิ) เกลียดชัง(ชิคุจฉามิ) ในอิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์ แต่ทรงยกย่องให้สอน ให้ทำใจ ให้เข้าถึงอนุสาสนีปาฏิหาริย์  

(เกวัฏฏสูตร   พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 339-341)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 14:00:41 )

ปาฏิหาริย์ 3 อย่างเป็นไฉน

รายละเอียด

ปาฏิหาริย์ที่ไม่สัมมาทิฏฐิจะเก่งอย่างไรพระพุทธเจ้าก็ไม่เอา

ดูกร เกวัฏฏะ  เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองแล้ว  จึงได้ประกาศให้รู้   ปาฏิหาริย์ 3 อย่างเป็นไฉน ?  คือ 

1. อิทธิปาฏิหาริย์ (แสดงฤทธิ์ทางใจ ไปซ้ำกับพวกคันธารี) 

2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ (หยั่งรู้จิตคนอื่น ไปซ้ำกับมณิกา) 

3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (สอนวิชชา 8 เป็นปัญญาสัมปทา) 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:52:05 )

ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ ผู้รู้จริงจึงให้รางวัล

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นผู้จะมาสรรเสริญอาตมาก็ต้องมองออกว่า คนอย่างนี้มีด้วยหรือ มันควรต้องสรรเสริญควรยกย่อง เกิดมา ก็แหม เกือบจะตายไปก่อนไม่ได้สรรเสริญ ไม่ได้รางวัลอะไรเลย ก็ได้รางวัลกับเขาบ้าง มีคนพอจะมีดวงตาเห็นได้ ให้เงินมาตั้งร้อยล้านวอน เกาหลีใต้ให้มา ยกให้เป็นผู้ควรได้รับรางวัลสันติภาพ ในด้านสันติภาพ นี่เขาให้รางวัล

ถ้าคนมีดวงตาดีจะให้รางวัลอาตมาในด้านเศรษฐกิจ เพราะอาตมาพาพวกเรา มามีเศรษฐกิจที่สุดยอดประเสริฐ ประหลาด มหัศจรรย์ เศรษฐกิจที่จะต้องมาเป็นคนจน แล้วไม่ใช่คนจนงอมืองอเท้า แต่เป็นคนจนที่ขยันสร้างสรรหมั่นเพียร แล้วมีปัญญารู้ด้วยว่าอะไรควรสร้าง อะไรไม่ควรสร้าง อะไรควรเสียแรงไปทำ อะไรไม่ควรเสียแรงลงไปทำ เช่นเสียแรงลงไปสร้างอาวุธ เสียแรงลงไปทำอบายมุข เสียแรงลงไปแย่งชิงลาภยศอะไร ไม่ต้องเสียแรง อย่างนั้นน่ะ มันโง่ มันไม่ได้เจริญ ไม่ได้ประเสริฐอะไร มีปัญญาที่จะรู้รายละเอียดพวกนี้ แล้วก็มาเป็นคนที่มีเศรษฐศาสตร์ชั้นสูง  เพราะฉะนั้นคำว่า เศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์ ทางโลก เขาก็ยังไม่พยายามกระดิกหูเพราะว่าอาตมาพูดมานานแล้ว 

เศรษฐศาสตร์ต้องมาเอาแบบคนจน ในหลวงของเรา รัชกาลที่ 9 ก็ตรัสอันนี้ สังคมต้องมาเอาแบบคนจนแล้วจะสุขสำราญ จะอยู่เย็นเป็นสุขอบอุ่น ที่ท่านตรัสไว้จะอยู่อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน อย่างพวกเรานี้ตรง ในหลวงท่านเป็นโพธิสัตว์ไม่ได้แกล้งพูดนะ ถ้าใครมีภูมิปัญญาปฏิภาณเพียงพอจะรู้เลยว่า ท่านเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งเหมือนอาตมา แล้วท่านก็พยายามที่จะสร้างตามบารมีของท่าน ตามฐานะของท่าน ท่านก็สร้างได้ประมาณนั้น ให้คนเข้าใจได้ขนาดนั้น 

ส่วนอาตมาต้องให้เข้าใจได้ยิ่งกว่านั้น ต้องพัฒนาให้เข้าใจจริงๆ แล้ว ปฏิบัติได้จริงๆ มีสังคมจริงๆ มีหมู่กลุ่มที่ปฏิบัติได้จริงๆเป็นบ้านวัดโรงเรียนเป็นบวร เป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมโลกุตระ อย่างแท้จริง ซึ่งอาตมาทำสำเร็จ สำเร็จแล้ว แม้มันจะไม่กว้างไม่ใหญ่ คนไม่รู้เขาไม่รู้ว่า ทำอย่างนี้มันสุดประเสริฐแล้วเขาก็จะไม่รู้ มันเป็นสัจจะเขาไม่รู้เขาไม่มีภูมิปัญญาที่จะรู้ อาตมาไม่ประหลาดใจที่คนจะไม่ให้รางวัลอะไรอาตมา เพราะเขาจะไม่รู้ค่าในสิ่งที่อาตมาทำ ว่าควรจะต้องยกย่องว่าควรจะต้องให้รางวัลก็มี แมนเฮ รู้ แล้วให้รางวัลซึ่งไม่น้อยนะให้ตั้ง 100 ล้านวอนของเขา เขาก็ไม่ใช่องค์กรที่ยิ่งใหญ่อะไรนักหนา ก็เป็นองค์กรพอสมควร แต่เขาก็มีดวงตาพอเข้าใจได้ มาให้รางวัล เพราะเขารู้ว่าอย่างนี้เป็นอย่างไร แต่เขาก็มองไปทางด้านสันติภาพ ยังไม่ได้มองไปทางเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจ ถ้าคนที่มองเห็นทางด้านเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจ จะสำคัญกว่าเลย เพราะว่าทุกวันนี้เศรษฐกิจมันนำหน้าสันติภาพ ถึงอย่างไรโลกทุกวันนี้มันก็เป็นสันติภาพไปตามธรรม เพราะมีการคานกัน ไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนฆ่าแกงเหมือนอย่างในสมัยอำนาจบาตรใหญ่ สมัยเจงกิสข่าน นโปเลียน อเล็กซานเดอร์มหาราช ต่างๆนานาพวกนี้   มันพ้นจากยุคนั้นมาแล้วยังเหลือเศษคนที่โง่งมงายจะไปสร้างอำนาจเบ่ง สร้างอาวุธมาข่มขู่เขา ทำให้ตัวเองเด่นอะไรอยู่อย่างนั้น อยู่แค่นั้นซึ่งเขาไปถึงไหนกันแล้ว เขาไปหาเลยสันติภาพ เลยไปสร้างเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ที่มันมหัศจรรย์ไปแล้ว เขาก็ยังไม่รู้ ยังงมงายอยู่กับเศรษฐศาสตร์ทุนนิยมสามานย์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25  ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 14:10:13 )

ปาฏิหาริย์ทางวัตถุ 

รายละเอียด

จนถึงทุกวันนี้ระดับ globalization เป็นระดับ ฟ้าบ่กั้น สำนวนแปลของลาวเขาเจ๋งตรงนี้ ไปได้ไม่มีอะไรกั้นได้แม้แต่ฟ้า เป็นสื่อสารสนเทศที่ต่อเนื่องถึงกันหมดทั่วโลกเลย ไม่ว่าจะเหนือตกออกใต้ บนล่างอะไร สัมผัสถึงกันหมด เร็วด้วย อยู่ที่ไหนก็ติดต่อกันได้ถ้าได้เครื่องมือสมบูรณ์แบบก็ติดต่อได้หมดแต่จะต้องมีเครื่องมือทั้งคู่นะ มีคนเดียวก็ติดต่อกันไม่ได้ ต้องมีคู่ เป็นสื่อสารเครื่องมือเทคโนโลยีเขาเดี๋ยวนี้ทำได้หมด เก่ง เรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์ทางวัตถุ 

คนก็สามารถที่จะเอามาใช้ประกอบ คนขี้โกงก็เอาไปใช้ประกอบในทางเอาเปรียบเอารัดรู้มาก รู้มากก็เอาไปใช้ประโยชน์ตนเองขี้โกง เป็นบาปเวรเป็นภัยต่อตนต่อท่าน คนที่เข้าใจดีแล้ว จะไปทำภัยทำบาปทำไม ชีวิตพัฒนาขึ้นสั่งสมกุศลวิบากของตัวเองไปดีกว่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:20:01 )

ปาฏิโมกข์กับอนุสาสนี เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ปาฏิโมกข์ แปลว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า มันเป็นคำใช้แทนกันได้กับอนุสาสนีคือ คำสอนของพระพุทธเจ้า แต่เป็นคำสอนที่เป็นหลัก ระบุลงไปว่าสำหรับใครสำหรับอะไร สำหรับกลุ่มไหนอย่างชัดเจนกว่าคำว่า คำสอนทั่วไป อนุสาสนี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 05:18:59 )

ปาณ

รายละเอียด

1. ความมีชีวิต

2. การเกื้อหมุนชีพให้เป็นไป

3. ให้เป็นตัวเป็นตนมีชีวิตชีวา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 38, หน้า 77, หน้า 85


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:33:40 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:32:40 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:07:17 )

ปาณะ เจตสิก สัตตะ จิตนิยาม

เวลาบันทึก 06 มกราคม 2567 ( 18:38:41 )

ปาณา

รายละเอียด

เยื่อใย พลังงานแห่งชีวิต วิญญาณอันลึกซึ้ง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 237


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:34:33 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:34:18 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:16:04 )

ปาณาติปาตา เวรมณี

รายละเอียด

เจตนางดเว้นจากปาณาติบาต

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 117


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:35:18 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:35:30 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:07:39 )

ปาณาติปาโต

รายละเอียด

ปาณาติบาต

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 117


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:35:58 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:37:35 )

ปาตุภาวะ

รายละเอียด

1. ตัวจริงอันเป็นสิ่งปรากฏให้เห็น ๆ

2. การปรากฏตัวจริง

3. ปรากฏการณ์

4. สภาพอันปรากฏอยู่โทนโท่

5. ภาวะยังมีที่ปรากฏอยู่

6. สิ่งปรากฏจริง หรือของจริงที่สัมผัสได้จริง

7. สิ่งที่เป็นปรากฏการณ์อันมีของจริง

8. ปรากฏการณ์อันเป็นของจริง

9. ภาวะที่ปรากฏอยู่จริง

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 15, หน้า 81, หน้า 123

อีคิวโลกุตระ หน้า 243,

วิถีพุทธ หน้า 44

 อีคิวโลกุตระ หน้า 247

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 199

เปิดโลกเทวดา หน้า 183

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 150

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 287 หน้า 50


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:40:51 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:46:20 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:17:50 )

ปาตุภูตญาณ

รายละเอียด

รู้เห็นเป็นจริง

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 127


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:41:50 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:47:24 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:08:04 )

ปาตุสัจจะ

รายละเอียด

1. ความจริงที่ปรากฏ

2. มีของจริง

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 41, 

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 287 หน้า 50


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:42:49 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:48:57 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:09:04 )

ปาตุสัจจะ ปาตุภาวะ

รายละเอียด

คือ เป็นสิ่งที่ปรากฏจริง เป็น phenomenology มีสิ่งจริงให้สัมผัสศึกษาได้

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 549


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 13:14:13 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:09:18 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:09:38 )

ปาปกัง ทิฏฐิคตัง

รายละเอียด

1. ทิฏฐิชั่วช้า , ความเห็นชั่วช้า

2. ความเห็นผิดชั่ว , ความเข้าใจอย่างผิดบาป

3. ทิฏฐิบาป

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 365,

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 83,

วิถีพุทธ หน้า 118


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:57:41 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 11:59:52 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:10:23 )

ปายะ

รายละเอียด

ความเจริญ ดี

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 156


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:58:34 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 12:01:04 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:11:34 )

ปาร

รายละเอียด

ฝั่ง  นิพพาน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 438


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 07:59:26 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 12:02:04 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:18:12 )

ปาราชิก

รายละเอียด

1. ขาด  จาก หรือให้ออกจากพระ ให้พ้นจาก โดยจะเข้าบวชในพุทธศาสนาไม่ได้อีกไปเลยทีเดียว

2. ถือว่าเป็นคนหัวขาด ถือว่าถูกฆ่าจากศาสนาพุทธไปเลย ถูกจับสึกจากศาสนาแล้ว จะมาบวชอีกอย่างไรก็ไม่เอา ไม่รับ  ถือเป็นคนหมดท่า หมดน้ำยาจริง ๆ ที่จะปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนาให้ได้ดี ให้ได้เจริญ

3. เท่ากับมีโทษตายจากศาสนาพุทธไปชาติหนึ่ง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 142,

ทางเอก ภาค 2 หน้า 439, 

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 109


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:01:40 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 12:05:43 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:12:32 )

ปาราชิก

รายละเอียด

แล้วสัจธรรมคำว่าปาราชิก หมายความว่าคนที่ข้ามฝั่งไม่ได้ ประ แปลว่าฝั่ง ฝั่งน้ำ ผู้ที่ข้ามฝั่งน้ำได้ ผู้ที่ข้ามโอฆสงสารได้  นั่นแหละคือผู้ที่พ้น ปาราชิก ผู้ที่ปาราชิกคือผู้ที่ยืนอยู่ฝั่งโน้น ฝั่งเถรสมาคม ใครมาฝั่งของอโศกนี่คือฝั่งที่พ้น ข้ามโอฆสงสารได้ ฟังธรรมะให้ชัด มันจะเป็นคำทำให้คุณเข้าใจไหมหรือจะกลับไปกลับมาอยู่ 

ตกลงปาราชิกคือ คนผิดหรือคนถูก คนข้ามได้คือคนถูก คนข้ามไม่ได้คือคนผิด คุณยืนอยู่ที่ฝั่งของคุณ มีชีวิตอยู่กับฝั่งนั้น ปาราชิกะ นี่ต้องอธิบายไปถึงสภาวธรรม ถ้ามีแต่ภาษาๆอยู่จะได้เรื่องอะไร อาตมาขยายความไปถึงคุณธรรมต่างๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2565 ( 11:58:30 )

ปาราชิก 

รายละเอียด

ปาราชิก  การลงโทษในสังคมอาริยะบุคคล  เป็นโทษที่ร้ายแรงที่สุดที่ต้องขับออกจากหมู่ไม่ให้ร่วมด้วยเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:21:03 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:22:37 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:18:37 )

ปาราชิกมุสาวาทะ

รายละเอียด

แม้ตัวเองสำคัญตนว่าตัวเองบรรลุทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้บรรลุแล้วประกาศตัวเองว่าบรรลุก็ยังไม่มีความผิดไม่มีอาบัติใดๆ แต่ผู้ประกาศว่าตัวเองเป็นโดยที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็น ผู้นี้เป็นปาราชิก มุสาวาทะ ฉะนั้นก็มีการซ่อนๆอยู่เป็นเชิง ไม่ประกาศโดยตรง ก็แล้วแต่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:49:18 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:26 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:12:59 )

ปาราชิกและพรหมทัณฑ์

รายละเอียด

เป็นพระเป็นเจ้าบวชแล้ว ฆ่ามนุษย์ก็ตัดไปเลยปาราชิกไม่ให้มาใกล้ศาสนาเลย แม้แต่ทำผิดเรื่องเพศ ปาราชิกของศาสนาพุทธ ชาตินั้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่เข้าใจแล้วว่าปาราชิกเป็นโทษที่แรงที่สุด ลงโทษไปทั้งชาติเลย คุณทำปาราชิก 4 ข้อใดข้อหนึ่ง ชาตินี้ทั้งชาติจนกว่าคุณจะตาย ก็ไม่ให้คุณได้มีสิทธิ์มารับธรรมะ คุณจะแสวงหาส่วนตัวเป็นเรื่องของคุณ แต่ถ้าเผื่อว่า หมู่ใหญ่รู้ว่าคุณเองอยู่ในกระแสที่จะได้รับศาสนาพุทธให้ไล่ออกไปเลย ในตำนานที่แฝงมา พระโมคคัลลานะเป็นผู้รู้ ก็บอกให้ลากออกไปเลย เอาไปทิ้งข้างนอก ผู้ที่ปาราชิกแล้ว คือปาราชิก เป็นโทษที่หนักมากกว่าพรหมทัณฑ์ พรหมทัณฑ์ นี้อยู่ในหมู่ได้แต่จะไม่มีใครบอกใครสอน จนกว่าคุณจะอ่อนน้อมถ่อมตนลงมามีภูมิธรรมเพียงพอ ก็รับเข้ามาในหมู่ แต่ถ้าไม่ก็เกือบเป็นนานาสังวาส พรหมทัณฑ์ คือพวกไม่มีพวก แต่ถ้าคุณมีหมู่อยู่ในระดับนานาสังวาสไม่เป็นไร แต่ถ้ามากเกินไปเป็นนิกายก็อนันตริยกรรม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 07:51:30 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:20 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:19:41 )

ปาราชิกในเรื่องเงินทอง

รายละเอียด

ในวงการศาสนาพุทธปาราชิกในเรื่องเงินทองมีเยอะมาก แล้วมันทำศาสนาไม่บริสุทธิ์ศาสนาไม่ยืนนาน อาตมาจึงภาคภูมิใจในชาวอโศกที่พระภิกษุก็ดี แม้แต่สิกขมาตุ เรื่องเงินทองไม่ได้สะสมเงินทอง ทำมาได้ 30-40 ปี มันไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรที่ทำไม่ได้เลยมันเป็นเรื่องวิเศษด้วยซ้ำ 

อาตมาเมื่อตอนบวชอยู่ในวงการศาสนาพุทธกระแสหลักได้ 5 ปีอาตมาก็บอกว่าไม่ไหวเลย โดนรังแกต่างๆนานาก็เลยประกาศนานาสังวาส บวช 2513 พอ 2518 ก็ประกาศนานาสังวาสต่อหน้าเจ้าคณะอำเภอเจ้าคณะจังหวัดที่วัดหนองกระทุ่ม เขาก็รับรู้ส่งเรื่องไปยังเถรสมาคมว่าชาวอโศกเป็นอย่างนี้  เราไปไหนมาไหนก็เป็นชาวอโศก แต่วันร้ายคืนร้ายท่านก็ดึงเรากลับคืนไปอีก ซึ่งผิดหลักเกณฑ์พระธรรมวินัย คืออาตมาต่อว่าแรง ขัดเกลาเขาแรง เขาเลยตีอาตมาและชาวอโศกให้ตายไปเลย ทำงานศาสนาไม่ได้อีก เขาก็พยายามละเมิดวินัย เอาทั้งธรรมยุตและมหานิกายมารวมกัน อาตมาเข้าไปร่วมด้วยเลยตัดสินเอาตามที่เขาร่วมกัน ผิดข้อคณะปูรกะ 

เขาแม้แต่ปาราชิกเรื่องผู้หญิงก็มี เรื่องเงินทองก็มีเยอะแล้วไม่ได้เอาจริงจัง อาตมาก็อยู่ร่วมด้วยไม่ได้ จึงได้ประกาศนานาสังวาส ตั้งแต่ 2518 พอมาถึง 2532 ก็กลับมาฟ้องร้องเราให้ฆราวาสมาตัดสินเราอีก ได้เอาหลักเกณฑ์ตามกฎหมายมา ตามกฎหมายเราก็ผิดสิ เพราะคนออกกฎหมายมาเองเมื่อปี 2505 ออกกฎหมายมาเองว่า ให้อำนาจพระสังฆราชสั่งให้สึกได้ภายใน 7 วันถ้าไม่สึกก็ผิดกฎหมาย 

หากปาราชิกก็มีสภาพเป็นสมี ก็หนักกว่าพรหมทัณฑ์ที่ให้อยู่ในนี้ได้แต่ไม่สั่งสอน เป็นการลงโทษที่หนักแล้ว แต่สมีนั้นตัดจากศาสนาเลย 1 ชาติ ไม่เอื้อให้ฟังธรรมะเลย แม้เข้ามาในรัศมีที่ฟังธรรมได้ก็ต้องให้ออกไป หยุดเทศน์จนกว่าเขาจะออกไปเลย แต่ว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ทำเช่นนี้เลย แถมเอาให้ไปเป็นมัคทายกด้วย มันจะไปเข็ดได้อย่างไรอย่างนี้ คลุกคลีเน่าเหม็นกันอยู่อย่างนี้ อาตมาจึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ต้องประกาศลาออกมา แต่เขาก็ฟ้องร้องมา เราปล่อยให้คุณย่ำยี แต่ศาลก็ให้แต่ติดคุก 2 ปีรอลงอาญา พ้นสองปีแล้วเราก็ทำของเราได้ อาตมาไม่ได้หยุด หรือดันทุรังแต่ทำมาได้ตลอดไม่ได้หยุดหย่อน ก็ยังตำหนิอยู่นั่นแหละด้วยกุศลเจตนา ไม่ได้อกุศลเจตนา

แล้วพยายามประมาณว่าขนาดนี้ได้ มันมีผลหลายชั้นเพราะอาตมาตำหนิอย่างมีหลักฐานมีสิ่งอ้างอิง ใครจะมาล้มล้างด้วยใครจะมาต่อต้านหรือใครจะมาขัดแย้งยาก คำว่าแย้งยากเพราะอาตมาอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องทั้งนั้น ก็เลยหาคนที่จะมาแย้งยากมันเป็นสัจจะ สำหรับคนที่เขารู้ นอกจากคนที่เขาไม่รู้จะแย้งอาตมาก็ด้วยไม่รู้ ทำเป็นอวดดี ส่วนผู้รู้จริงๆแล้วก็จะไม่แย้งอาตมาหรอก เพราะถ้ายืนยันด้วยพระไตรปิฎกเล่มเดียวกัน ทุกวันนี้ถึงไม่อ่านหมดก็พอได้ ขนาดรวบรวมธรรมพุทธสุดลึก เอาบทไหนมาก็พอได้ ตั้งแต่หมวด 1 ถึงหมวด 108 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 07:57:55 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:26:48 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:14:41 )

ปาริ

รายละเอียด

โดยรอบ เต็ม ครบ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 95


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:02:38 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 12:06:50 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:15:03 )

ปาริจริยานุตตริยะ

รายละเอียด

การบำรุงอันเยี่ยม

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 412


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:03:18 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 12:08:20 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:15:26 )

ปาริปาเจติ

รายละเอียด

ทำให้แก่โดยรอบ ทำให้สุกโดยรอบ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 385


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:04:06 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 12:09:31 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:17:10 )

ปาริสัชชา

รายละเอียด

ผู้ติดอยู่เต็มตัง ผู้ติดอยู่โดยรอบ ผู้ยังหลงตกแต่ง หลงประดับประดาอยู่ครบครัน ผู้ถูกหุ้มไว้แล้วเต็มรอบ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 95


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:04:58 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 12:10:36 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:16:14 )

ปาริสุทธิศีล 4

รายละเอียด

คือศีลเป็นเครื่องทำให้ความประพฤติบริสุทธิ์

1. ปาฏิโมกขสังวรศีล (ปฏิบัติสำรวมในพระปาฏิโมกข์)

2. อินทรียสังวรศีล (ปฏิบัติสำรวมในอินทรีย์ 6 )

3. อาชีวปาริสุทธิศีล  (ปฏิบัติงดเว้นการเลี้ยงชีพที่ผิด, เลี้ยงชีวิตอย่างชอบธรรม)

4. ปัจจยสันนิตศีล (ปฏิบัติพิจารณาการบริโภคปัจจัย 4, พิจารณาทบทวนปัจจัยต่างๆ)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 21  "ศีลสูตร"  ข้อ  12, จาก คัมภีร์วิสุทธิมรรค

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2562 ( 13:53:23 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:08:36 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:18:10 )

ปาริสุทธิศีล 4

รายละเอียด

คือศีลเป็นเครื่องทําให้ความประพฤติบริสุทธิ์

1. ปาฏิโมกขสังวรศีล(ปฏิบัติสํารวมในพระปาฏิโมกข์)

2. อินทรียสังวรศีล(ปฏิบัติสํารวมในอินทรีย์ 6)

3. อาชีวปาริสุทธิศีล(ปฏิบัติงดเว้นการเลี้ยงชีพที่ผิด)

4. ปัจจยสันนิสิตศีล(ปฏิบัติพิจารณาการบริโภคปัจจัย 4)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 21 “ศีลสูตร” ข้อ 12


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 21:15:35 )

ปาริหาน

รายละเอียด

ความเสื่อม ความเสื่อมลง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 390


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:05:44 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:20 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:20:03 )

ปารุษก

รายละเอียด

ผลไม้ มีมะปราง ลิ้นจี่ เป็นต้น นั่นคือความหมายของวัตถุธรรม นามธรรม คือกามคุณหรือโลกียรส

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 248


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:06:32 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:45 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:18:52 )

ปารุษกวัน , ปารุสกวัน

รายละเอียด

แดนที่อุดมด้วยผล หรือสวนที่มีผล

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 248


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:07:32 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:23:24 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:19:33 )

ปาสาทิกะ

รายละเอียด

มีอาการที่น่าเลื่อมใส

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 72


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:09:06 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:22 )

เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 03:20:23 )

ปาสาทิโก

รายละเอียด

คือ มีอาการที่น่าเลื่อมใสตามที่พระองค์ทรง “เป็น” ทรงมี “พฤติ” อยู่ตามวรรณะ 9 หรือ “กถาวัตถุ 10” หรือ ตามหลักตรวจธรรมวินัย 8

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 90


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 13:13:28 )

เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 04:07:19 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:19:56 )

ปาสาทิโก

รายละเอียด

ปาสาทิโก คือ อาการน่าเลื่อมใส

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอารยธรรม  บ้านราชฯ  วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 17:11:55 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:27:23 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:21:33 )

ปาสาทิโก

รายละเอียด

ได้รับการเคารพเลื่อมใส

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 17:09:46 )

เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 04:27:49 )

ปาสาทิโกอาการที่น่าเลื่อมใสเป็นอย่างไร

รายละเอียด

สรุปแล้ว ถ้าคนมาเป็นคน เมื่อกี๊ ใจพอแล้ว นอกจากใจพอแล้ว สันโดษแล้ว ยังมีความขัดเกลา ยังมี ธูตะศีลเคร่ง ก็เป็นอาการที่น่าเลื่อมใส เป็นตัวที่ 7 คือ กายกรรมก็น่านับถือน่าเลื่อมใส ดีเหมาะสมดี อย่างนี้น่านับถือ กายกรรมอย่างนี้ วจีกรรมอย่างนี้ มโนกรรมอย่างนี้ ก็น่านับถือเป็นปาสาทิโก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 15:28:24 )

ปาหุเณยยบุคคล

รายละเอียด

ผู้ควรต้อนรับ , ผู้อันควรแก่การต้อนรับ , ผู้ซึ่งควรต้อนรับ , ผู้ควรให้การต้อนรับ , ผู้ควรเพื่อของต้อนรับ , ผู้ควรสักการะในฐานะอาคันตุกะ , ผู้มีคุณงามความดีที่น่ารัก น่าเคารพน่าบูชาน่ารักน่านับถือ ควรแก่การขวนขวายจัดถวายของต้อนรับเป็นแขกหรืออาคันตุกะที่น่าต้อนรับ เป็นที่น่าภูมิใจอยากให้ไปเป็นแขกที่เราจะได้ต้อนรับ

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 173


เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 08:10:34 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:00 )

เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 15:20:58 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์