คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
สักกะคือ ตัวตน ซึ่งเป็นองค์ประกอบของอวิชชา สักกะคือองค์ประกอบไปพร้อม พร้อมอะไร พร้อมอวิชชา ทุกคนเกิดมาพร้อมอวิชชาทั้งนั้น จนกว่าจะมาได้ยินพระพุทธเจ้าตรัส ความรู้ที่จะ ไขโลก บอกความจริงที่ยิ่งใหญ่ คุณเกิดมาเป็นคน จริงๆแล้วเกิดมาด้วยความโง่อวิชชา จึงถือเป็นตัวตน แล้วก็จะมีตัวตนไปนิรันดร ถ้าไม่ได้พบพระพุทธเจ้า ไม่ได้ฟังธรรมะพระพุทธเจ้าหรือผู้อยู่ในฐานะครูของศาสนาพุทธ ครูของโลกุตระ ก็จะยึดเช่นนั้นไปนิรันดร ไปเรื่อยๆ ไม่มีทางที่จะออกจากโลกียะ ไม่มีทางที่จะหลุดพ้น ไม่มีทางเลิกเป็นอัตตา เป็นอนัตตา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:23:52 )
รายละเอียด
1. ตัว
2. ตัวตนของตน
3. เป็นตัวเป็นตน
4. กายของตน คือองค์ประกอบของรูปนามที่เป็นกายสังขารอยู่ในจิตของตน
5. องค์ประชุมตัวตนของตน , องค์ประชุมความเป็นตัวตน
6. กายของตน , องค์ประกอบของรูปกับนามของตน ผู้ยังไม่เรียนรู้กายซึ่งมีกิเลสประกอบอยู่ด้วย ก็มีกิเลสเป็นตัวจัดการตนไปตามธรรมดาสามัญของคน
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 391, หน้า 485, หน้า 443
ค้าบุญคือบาป หน้า 130, หน้า 181 , 230
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า77
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:10:03 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:11:50 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:31:59 )
รายละเอียด
1. ผู้พ้นความเห็นผิดในการเข้าใจเรื่องตัวตนได้แล้ว และได้ลดตัวตนบางส่วนได้แล้ว หรือผู้เข้าใจได้แล้วว่า ตัวตนคืออะไร โดยเฉพาะรู้ความหมายขนาดคำว่าตัวตนในขั้นพื้นฐานข้างต้นที่ตนจะต้องจัดการชำระ เลิกละให้แก่ตัวเองได้ถูกต้องแล้ว
2. เราจะต้องมีความเข้าใจ มีความเห็นแจ้งในสักกายะ รู้แจ้งแทงตลอดให้ครบถ้วนเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย
3. ความเห็นว่าเป็นตัวของตน
4. กิเลส(คือตัวตนกิเลส)ตัวนั้นเป็นขั้นต้น หรือขั้นหยาบ
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 357
ทางเอก ภาค 1 หน้า 99
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 129
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 235
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:13:01 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:25:16 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:33:11 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการกายนี้คือวิญญาณ วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2563 ( 11:00:47 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:25:41 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:34:07 )
รายละเอียด
กายะ มันมีคำว่า ทิฏฐิ เหมือนกันตัวท้ายคือความเห็นความยึดถือของตัวเอง ความเห็นบางคนก็ยึดแน่น
อัตตานุทิฏฐิ นี่แหละเป็นตัวยึดแน่น ยึดเป็นอัตตาตามทิฏฐิของตน อนุ คือ ตาม ทิฏฐิ คือ ความเห็นความเข้าใจและก็เป็น อัตตา ยึดแล้ว
ส่วน สักกายะ ไม่ใช่การยึด แต่เป็นการเข้าใจ ทิฏฐิคือการเข้าใจ ถ้าเข้าใจแล้วยึดเป็นอัตตานุทิฏฐิ เข้าใจแล้วยึดเป็นอัต ส่วน สักกายทิฏฐิ คือให้ทำความเข้าใจว่า กายะคืออะไร ของตนเอง สักกะคือตนเอง กายะของตนเองคืออะไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:19:23 )
รายละเอียด
ช่วงเริ่มต้นตั้งแต่ สักกายทิฏฐิ ต้องทำความรู้ความเข้าใจความเห็นในทิฐิชัดเจนในความเป็น กาย ที่อยู่ในตนของตนนี่แหละเป็นของตน ไม่ใช่ไปรู้ของคนอื่น ต้องมีปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ รู้ตนของตนว่า กาย เป็นอย่างนี้ แยกได้เป็นอย่างนี้ๆ ชัดเจน แล้วก็จะต้องรู้ ไปจนกระทั่งถึง
นอกจากกายกับจิตแยกกันได้ แต่มันแยกกันไม่ได้ แต่มันแยกกันโดยสมมุติ เรียกว่าสิริมหามายา เหมือนกระดาษ 1 แผ่นแยก 2 หน้านี้ออกจากกัน แยกอย่างไรไม่ได้หรอก จะผ่าไม่ได้แล้ว ถ้ายิ่งกระดาษบางก็ยิ่งผ่าไม่ได้เลย มันต้องมี 2 หน้า
เป็นความลึกซึ้งซับซ้อน ผู้ที่รู้ด้วยตัวเองแล้วอย่างชัดเจนเลยไม่ต้องไปเชื่อใคร ไม่ต้องไปถามใคร มันรู้จบ รู้ถ้วน รู้ครบ อ้อ..มันไม่มีอะไรจะรู้อีกแล้ว มันเป็นลักษณะที่สมบูรณ์แบบอย่างนั้น ให้เรียนรู้การแยกกาย แยกจิต แม้จะหยาบไปตามลำดับก็ต้องแยกให้ชัด
เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้จักกายกันเลย
_(168) “สักกายทิฏฐิ”จึงเป็น“ทิฏฐิ”ข้อที่ 1ใน“สังโยชน์ 10”
แม้แต่ว่า ถาดทองหรือธรรมของพระพุทธเจ้านั้น “ทวนน้ำ”หรือ“ทวนกระแสสามัญโลกียะ” นะ! ก็ไม่รู้ว่า“ทวนกระแส”คืออะไร? ก็ยังพากันหลงจมงมงายไปกับโลกียะอยู่ จึงหยำเหยอะไปด้วย“ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข”อยู่นั่นแหละ ไม่รู้จัก“กาย”กันเลย ยิ่ง“สัก”ก็ยิ่งมองไม่เห็น! ด่ำดิ่งอยู่กับ“กาย” มืดบอดอยู่กับ“สัก”กันอยู่นั่นแหละ คลุกคลีอยู่กับสวรรค์นรก โลกีย์กันอยู่
รู้จักรู้แจ้งรู้จริง แม้แต่คำว่า“กระแส (โสต)”กันที่ไหน?
ตนเอง“ไหลลิ่ว แย่งกันไหลไปกับกระแสโลกีย์กันอีก ด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ตัวกันเลย ไม่ต้องพูดถึง“การทวนกระแส”หรอก ล้วนยังจมงมงายเป็น“พญานาค”กันอยู่หน้าตาเฉย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเปิดตาพญานาคลงสู่การเมืองไทย วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2565 ( 19:56:42 )
รายละเอียด
สักกายทิฏฐิ กับอัตตานุทิฏฐิ ต่างกันอย่างไร
มันก็มีพยัญชนะกำกับอยู่แล้ว กายะ มันมีคำว่า ทิฏฐิ เหมือนกันตัวท้ายคือความเห็นความยึดถือของตัวเอง ความเห็นบางคนก็ยึดแน่น
อัตตานุทิฏฐิ นี่แหละเป็นตัวยึดแน่น ยึดเป็นอัตตาตามทิฏฐิของตน อนุ คือ ตาม ทิฏฐิ คือ ความเห็นความเข้าใจและก็เป็น อัตตา ยึดแล้ว
ส่วน สักกายะ ไม่ใช่การยึด แต่เป็นการเข้าใจ ทิฏฐิคือการเข้าใจ อันนั้น เข้าใจแล้วยึด อัตตานุทิฏฐิ เข้าใจแล้วยึดเป็นอัต ส่วน สักกายทิฏฐิ คือให้ทำความเข้าใจว่า กายะคืออะไร ของตนเอง สักกะคือตนเอง กายะของตนเองคืออะไร
สักกายทิฏฐิ ตกลงได้ตอบไปแล้วใช่ไหม
อัตตานุทิฏฐิ ตอบไปแล้ว คือตัวที่ยึด ยึดทิฏฐิ เพราะฉะนั้น อัตตา ไม่ต้องนุทิฏฐิหรอก อัตตากับทิฏฐิที่ยึดอัตตา
ทิฏฐิที่ยึดอัตตา เมื่อไม่รู้อัตตาก็ไปยึดอัตตาจนกลายเป็น โอฬาริกอัตตา ซึ่งเป็นผู้ที่น่าสงสารมาก โอฬาร อาตมาเคยอธิบายไปแล้วนะ อัตตาที่มโหฬาร อลังการ เพราะไม่รู้ อัตตวาทุปาทาน ไม่รู้การยึด ได้แต่วาทะ ได้แต่พยัญชนะ ได้แต่ความรู้ กลายเป็นพญาครุฑ ทุกวันนี้ แล้วยังได้รับความนับถือกันเป็นปราชญ์ของศาสนาพุทธ แต่ท่านก็เป็นผู้ อัตตวาทุปาทาน ไม่เข้าถึงเนื้อ แม้แต่อัตตาท่านก็ไม่เข้าไปแตะถูกอัตตาตัวเองเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 19:07:55 )
รายละเอียด
ดูกรภิกษุ บุคคล "รู้" (ชานาติ) "เห็น" (ปัสสติ) "จักษุ" แล ด้วยความเป็นทุกข์ (ทุกขโต) จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" เห็น "รูป" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" เห็น "จักษุวิญญาณ" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" เห็น "จักษุสัมผัส" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" เห็น แม้ "สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะ "จักษุสัมผัส" เป็นปัจจัย" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" "เห็น" "หู" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" "เห็น" "จมูก" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" "เห็น" "ลิ้น" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" "เห็น" "กาย" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" "เห็น" "ใจ" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" "เห็น" "ธรรมารมณ์" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" "เห็น" "มโนวิญญาณ" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" "เห็น" "มโนสัมผัส" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
บุคคล "รู้" เห็น แม้ "สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะ "มโนสัมผัส" เป็นปัจจัย" ด้วยความทุกข์ จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
ดูกรภิกษุ เมื่อบุคคล "รู้อยู่" อย่างนี้ "เห็นอยู่" อย่างนี้แล จึงจะละ "สักกายทิฏฐิ" ได้
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎก เล่ม 18 ข้อ 255 สักกายทิฏฐิสูตร
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัส นิพพาน อัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 95-96
เวลาบันทึก 17 ตุลาคม 2562 ( 16:12:44 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:06 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:34:59 )
รายละเอียด
แล้วอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่ตัวเรานั่นแหละ ผู้ไม่รู้ถ้าติดใจก็เป็นสวรรค์ ถ้าไม่ชอบใจแต่มันต้องเกี่ยวข้องอยู่ก็เป็นนรก คลุกคลีอยู่กับสวรรค์-นรกโลกีย์กันอยู่หน้าระรื่น
พอใจชอบใจก็เป็นสวรรค์ ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ไม่ต้องอารมณ์ ก็เป็นนรก แต่ผู้ที่ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรกแล้วก็ไม่มีพอใจไม่มีไม่พอใจไม่ชอบใจก็ไม่มีชอบใจก็ไม่มี รักก็ไม่มีชังก็ไม่มี ซึ่งคุณต้องมีของตัวเอง
อาตมาพูดว่าอาตมาไม่มีรสอร่อยที่สมมุติกับโลกเขา แล้วรู้จักรสต่างๆก็รู้ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด ขมขื่นยังไงก็รู้หมด แต่อัสสาทะรสอร่อยรสชอบใจ หรือรสชัง อาตมาไม่มีเลย ที่พูดว่ามหาบัว ธัมมชโย อาตมาไม่ได้ชังเลย แต่น่าสงสาร แม้แต่ท่านมหาประยุทธ์ก็สงสารท่าน เพราะท่านซื่อสัตย์ต่อการศึกษามากเลย ถ้ายอมรับอาตมาหน่อยเท่านั้นแหละท่านประยุทธ์เอ๋ย ท่านจะไปได้ไกล แต่บังคับกันไม่ได้ ท่านก็เป็นตัวของท่าน ก็ว่าไป ถ้าสำนึกเมื่อไร ถ้าท่านรู้เมื่อไหร่ ท่านจะละอายอย่างแรงกล้า
เคยอธิบายไปแล้วในปัญญาข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ไม่ใช่ง่ายเลย ละอายอย่างแรงกล้าเลย เกรงกลัวอย่างแรงกล้า รักอย่างแรงกล้า เคารพอย่างแรงกล้าเลย มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เลย นี่ไม่ต้องไปพูดถึงความเคารพหรือรักเลย ละอายท่านยังไม่เกิดได้ เกรงกลัว ยังไม่เกิดได้ยังไม่ต้องพูดถึงความรักและเคารพเลย ใช้ภาษาไทยสื่อให้รู้ธรรมดานี่แหละแล้วจะเข้าใจ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเปิดตาพญานาคลงสู่การเมืองไทย วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2565 ( 20:15:14 )
รายละเอียด
เรื่องกายที่อาตมาลองสรุปรวมเป็นหัวข้ออยู่ได้ถึง 9 หัวข้อ ตั้งแต่ สักกายทิฏฐิ ซึ่งเป็นตัวแรกที่ทุกคนต้องศึกษา ทุกคนต้องมีความรู้เป็นสัมมาทิฏฐิในเรื่องกาย แล้วก็อยู่ที่ตนเอง สักกายทิฏฐิ ต้องมีความเห็นที่ถูกต้องโดยเฉพาะคำว่า กาย
สักกายทิฏฐิ เป็นความรู้อันที่ 1 ของทุกๆคนจะต้องเข้าใจ ทีนี้ผู้ที่จะศึกษาเพื่อที่จะบรรลุนิพพานจริงๆ ก็ต้องมาเข้าใจธรรมนิยาม 5 ถ้าเข้าใจธรรมนิยาม 5 ไม่ได้
การเข้าใจธรรมนิยาม 5 ก็คือสามารถแยกความเป็นกาย ความเป็นจิตได้ ซึ่งเป็นความลึกซึ้งซับซ้อนวิจิตรพิสดาร ที่วิทยาศาสตร์ทางโลกก็คิดไม่ออก มีพระพุทธเจ้าค้นพบแล้วเอามาสอนให้รู้ ก็จึงมีนิพพานได้ เป็นพระอรหันต์ได้
ถ้าแยกกายแยกจิตในธรรมนิยาม 5 นี้ไม่ออก อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม
กรรม กับธรรม ก็เป็นการปฏิบัติเป็นการกระทำกรรมแล้วก็เกิดผลสั่งสมเป็นธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันนี้วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 11:58:26 )
รายละเอียด
ดับสภาวจิตที่มันว่ายึดของๆ ตน หรือดับธาตุเลวร้ายอันใดในตนของเราได้ เราจะต้องรู้ สัมผัสสภาพจริง ต้องเข้าใจมันจริงๆ
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 101
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:14:16 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:27:30 )
รายละเอียด
ต้องเข้าใจรู้ชัดจริงในเหตุที่เรียกว่ากาย ว่าจิต หรือรูปกับนามนี้ให้ถ้วนทั่ว มันต่างก็เป็นปัจจัยกันอยู่ ไม่มีอื่น (รู้ปัจจัย ปริคคหา)
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 100
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:15:48 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:29:35 )
รายละเอียด
1. “กาย” ชัดๆ “กาย” ใหญ่ๆ , รูปหยาบๆ ,วัตถุใหญ่ๆ ,เรื่องใหญ่ๆ หยาบๆ
2. ตัวการใหญ่ หมายถึงส่วนใหญ่หยาบกว่าอัตตา
3. ตัวการใหญ่ของเรื่องหยาบใหญ่ พฤติกรรมชั่ว หยาบใหญ่นั้นๆ
4. ตัวการสำคัญ คือองค์ประกอบของเรื่องสำคัญเฉพาะตัวใครตัวมันที่ทำให้ผู้นั้นๆ ไม่เจริญ
5. ตัวตนที่เป็นอยู่ขณะนี้
6. ตัวของตน
7. ตัวของตนที่เป็นตัวการใหญ่อยู่ขณะนี้
8. กิเลสที่ยึดเอาสิ่งนั้นๆ มาเป็นตน เป็นของตน
9. ตัวตนที่เจ้าตัวมีญาณหยั่งรู้ของตนในตน
10. ตัวตนที่เป็นสภาวะของตัวตนใดก็ตัวตนนั้นอันผู้ปฏิบัติสามารถรู้แจ้งเห็นจริงได้ด้วยภาวนามยปัญญาหรือวิปัสสนาญาณของตนตั้งแต่ขั้นต้นหรือขั้นหยาบไปจนถึงขั้นกลาง
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 8 - 9, หน้า 38
ทางเอก ภาค 2 หน้า 37
สมาธิพุทธ หน้า 237, หน้า 57
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 70, หน้า 129
อีคิวโลกุตระ หน้า252,
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:19:32 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:30:37 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:36:06 )
รายละเอียด
สักกายะ คือ ผู้ปฏิบัติธรรมจะต้องมีปัญญา ต้องรู้ตัวตนของกิเลสที่เรียกว่า "สักกายะ"
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:20:45 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:26:11 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:36:34 )
รายละเอียด
อนุแปลว่าเล็กละเอียด สกะ สยะ สวะ สามตัวนี้
กะ ยะ วะ
กะ เป็นตัวใหญ่สุด
ยะคือตัวเล็กสุด
วะคือตัวรองลงจาก กะ
ต้องรู้ ย ร ล ว
พลังงานเริ่มสอง คือ อ ย จับคู่ เป็นพลังงานบวกลบคู่แรก อะ คือไม่มี ยะ คือมี
ท่านแปลว่าพลังงานแม่เหล็ก อย เป็นคู่หู dualism แล้วแตกตัวเป็นล้านๆๆๆได้
สยะ คือตัวต้น สวะ คือตัวกลาง สกะคือตัวใหญ่
สักกายะคือองค์ประชุมรูปนามที่ยิ่งใหญ่
มีสลับไปมา สิริมหามายาด้วย
แต่ถ้าเอาตะกอนออก จนตุ่มนี้ไม่มีตะกอนจะกวนอีกเท่าไหร่ก็ไม่มีขุ่น มีแต่ใสตลอดกาล
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561
สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 17:05:04 )
รายละเอียด
การเข้าใจ รู้ให้ชัดเจนในสักกายะ มีหัว หาง กลาง ปลาย หยาบ กลาง ละเอียด รู้ให้ถูกตรง
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 99
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:20:28 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:32:08 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:36:52 )
รายละเอียด
ถ้าสัมผัสข้างนอกไม่ผูกพันข้างในเลยตัดขาดตัดเองเลยว่าข้างนอกสัมผัสตรงนี้ก็สัมผัสไป ไม่เกี่ยวกับจิต อย่างนี้มิจฉาทิฏฐิ กายต้องมีผูกพันเนื่องกันไม่แยกกัน เหมือนกระดาษ 2 แผ่น มีหน้า 2 หน้าไม่แยกกัน
คำว่า สักกะ แปลว่า ตัวเราเลย เพราะฉะนั้นขณะนี้เราเป็นคนมีประสาทข้างนอก แล้วมีจิตวิญญาณข้างในรับรู้กันอยู่ ไม่ใช่คนหลับ ไม่ใช่คนตาย ลืมตามีภายนอกมีภายในอยู่ ตัวเราต้องลืมตาเป็นสักกะ ตัวเราต้องลืมตา ที่บอกว่าลืมตานั้นก็คือ ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกระทบภายนอก ด้วย ไม่ใช่ไปหลับตาอย่างนั้นมิจฉาทิฏฐิ
พวกหลับตาดับไม่รับรู้ภายนอกเลย นอกรีตพระพุทธเจ้าเป็นคนเดียรถีย์ เป็นคนนอกรีต สายหลับตา อาตมาหอกหมดไม่รู้กี่พันดอกแล้วนี่ หอกหัก เขาก็ยังหลับตาไม่ฟัง ฟังก็ไม่รับรู้ไม่เอาด้วย ไม่เชื่อถือ ไม่นำไปคิด ไม่นำไปพิจารณาจริงๆ แล้วเมื่อไหร่คุณจะบรรลุเล่า มันน่าสงสารจริงๆ คุณก็ท่องอยู่ในสังสารวัฏเรียกว่าน่าสงสาร คุณออกจากสังสารวัฏที่มิจฉาทิฏฐินั้นไม่ได้หรอก อาตมาพูดขนาดนี้ไม่น่าจะปึ๋กขนาดนี้ น่าจะมีปัญญาแล้วรู้ขึ้นมาบ้าง ปึก หมายความว่าโง่หนักโง่หนาโง่ติดแป้นเลย ยิ่งกว่ากาวตราช้างหรืออีพ็อกซี่เลย มันไม่สะดุดอะไรสักที
ถ้าคนที่เขานั่งหลับตาเข้าใจที่อาตมาพูดแล้วตื่นมา พวกเราจะมีพวกอีกเยอะเลย พวกหลับตาตั้งแต่ยุควิสุทธิมรรค พุทธโกศาจารย์ ท่านพุทธทาสก็ยังติดหลับตา แต่ท่านก็ยังรู้ว่าการลืมตามีประโยชน์บ้าง แต่ท่านก็ติดอยู่ว่าต้องนั่งหลับตานั่นแหละ
ไม่ต้องไปหลับตาปฏิบัติเลยก็เป็นพระอรหันต์ได้ เป็นโพธิสัตว์ให้ยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นก็ได้ และผู้ที่ลืมตาปฏิบัตินั้นจะหลับตาปฏิบัติสะกดจิตแบบทางเดียรถีย์บ้าง ก็ได้ ง่ายๆ ไม่ยากเลย แต่ไอ้ ลืมตาต่างหากนี่มันยากกว่า ไม่อยากจะพูดว่ายากกว่า ประเดี๋ยวจะกลัว ประเดี๋ยวจะไม่มาปฏิบัติ
พระพุทธเจ้าท่านสำทับว่า ฌาน 1 2 3 4 ได้โดยไม่ยากได้โดยไม่ลำบากในฌานทั้ง 4
ไอ้ฌาน จะต้องไปนั่งเต๊ะท่าหาที่นั่งตั้งกายตรง ดำรงสติคงมั่นแล้วก็หลับตา ท่ามากเหลือเกินเสียเวลาเสียสถานที่ แล้วจะเกิด ฌาน อย่างนั้นฌาน มันได้โดยยากได้โดยลำบาก แต่นี่มันไม่เลยมันอยู่กับการปฏิบัติในอิริยาบถธรรมดาสามัญเป็นฌาน 1 2 3 4
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเอื้อไออุ่น งานตลาดอาริยะ 2566 วันศุกร์ที่ 14 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 16:27:10 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 09:09:31 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:11:51 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:50:08 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:06:51 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 07:06:10 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:51:52 )
รายละเอียด
แต่โง่ โง่ ไปหลงยึดว่ามันเป็นจริง เราแค่รู้ความจริงตามความเป็นจริง มันไม่ใช่ความจริง เราแค่รู้ แค่เห็น แค่ได้ยิน ได้รับรส ลิ้นสัมผัส ว่ามันเป็นสิ่งที่มีอยู่ในโลก แต่จริงๆแล้วเราไปยึดเข้ามันเลยมีเรา ถ้าเราไม่ยึดถือเอาแต่รู้ สักแต่ว่ารู้มันก็จบ มันก็ไม่มีอะไรปรุงในจิตเรา นี่ใช้พยัญชนะพูด ง่าย มันก็เป็นอนัตตา มันก็ไม่เป็นตัวเป็นตนในตัวเรา รู้ว่ารูปก็คือรูป เวทนาก็คือเวทนา เกิดความรู้สึก รู้สัญญาคือตัวกำหนด รู้สิ่งที่มันปรุงแต่งสังขาร รวมแล้วก็เป็นธาตุรู้รวมเต็มเรียกว่าวิญญาณ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแทๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:59:28 )
รายละเอียด
1. สภาพสวรรค์ สภาพอร่อย แดนแสนสุข อารมณ์เสพสม
2. สวรรค์ ที่แห่งความสุข
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 447, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 69
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:23:34 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:34:01 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:55:18 )
รายละเอียด
สัคคะ คือ สวรรค์เป็นความระเริงเป็นความสุขนิยม เป็นสิ่งที่ตัวเองไม่พยายามแยกแยะความเป็นคู่ของความสุข ไม่พยายามตีแตก ไม่พยายามแยกแยะไม่พยายามศึกษา ก็จะจมลงกับสวรรค์ แล้วสวรรค์เทวนิยมกลายเป็นสวรรค์ในชาติปัจจุบันชาติเดียว แล้วก็หลงใหลในสวรรค์ แต่ไม่เคยเรียนรู้ว่าความทุกข์มันมีมากกว่าความสุขอีก สวรรค์มันนิดเดียว มันเร็วแล้วมันก็หายไป แล้วมันก็ทุกข์ใหม่ คุณไม่รู้สิ่งเหล่านี้ คุณก็จะพยายามแสวงหาแต่สุขในทุกเวลา วินาที เวลาทุกโอกาส ทุกสิ่งแวดล้อมจะต้องมีสิ่งที่มันเป็นสวรรค์ คุณแสวงหาแต่สวรรค์ วิ่งหาแต่สวรรค์แล้วจะเอาสวรรค์มารองรับ คุณก็หลงยิ่งกว่าหมาหอบแดด ซอกๆๆๆ สุขบำเรอ คุณมีพลังงานความสามารถไปแย่งชิง หาสิ่งที่มันประกอบกันขึ้นมาแล้วปรุงแต่งเป็นสวรรค์ให้คุณได้เสพ ใช้อำนาจเงินทองความรู้ ความสามารถใช้ความขี้โกง ความอำมหิตแย่งเอามาให้คุณก็ได้ แต่คุณมีวิบากกรรมมหาศาลยิ่งติดในอนุสัยมหาศาล คุณไม่ได้เรียนรู้ จมอยู่อย่างนี้นานนับชาติจมแล้วมันจะหนักเข้าไปอีก จนกระทั่งไปรู้สึกตัว เข็ดแล้วค่อยเรียนรู้ใหม่ ถ้าอยู่ในโลกีย์ก็เรียนรู้แต่เพียงว่าใช้อำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข กลบเกลื่อนทุกข์ สิ่งที่ไม่พอใจสิ่งที่ไม่ได้สมใจได้ เพราะอำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุขไปซื้อได้ เสร็จแล้วมันไม่เที่ยง มันก็จะตกต่ำจริงๆ วิบากมันก็จะต้องวนเวียน สมบัติผลัดกันชม แก้แค้นกันไปแก้แค้นกันมา คุณจะมีคู่แค้น คู่แย่งชิง คู่ฆ่ามากกว่ามากจนกว่าคุณจะเลิกอโหสิ ไม่สร้างคู่ต่อสู้ใหม่เลิกอโหสิ จนกระทั่งคนสรางกำแพงกุศลกัน ผู้ที่จะเป็นคู่วิบากไม่ให้วิ่งตามทัน ไม่ใช่หมดไปนะ เขาไม่ได้แก้ไขความพยาบาทความรัก เขามีความรักที่จะต้องปรารถนาคุณ ความแก้แค้นที่จะปรารถนาคุณ เขาจะวิ่งตามเหมือนหมาไล่เนื้อ แต่ธรรมะพระพุทธเจ้าสร้างกำแพงกันให้ไกลเรียกว่ากุศลซึ่งเป็นโลกียะกั้นไว้คุณก็มาไม่ถึงง่ายๆ ไม่ถึงได้ง่ายแล้ววิธีจะเลิกอย่างไร คุณปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเสีย หายตัวไปเลย ตาย แยกธาตุ ไม่มีอัตตาที่เขาจะตามมาหายไปไหนวะ ตามไม่ทัน เพราะมีวิธีของพระพุทธเจ้าแยกอัตภาพไม่ให้มีตัวตน ไม่ให้คุณมานั่งแก้แค้นอยู่ คุณยังเป็นสัตว์อยู่นี่เลิกเป็นสัตว์แล้วก็สลายภพ เด๋อเลย มันต้องเลิกกันในที มันไม่เป็นสัตว์แล้วจะไปแก้แค้นกับดิน น้ำ ไฟ ลม มันไม่มีแล้ว อันไหนเป็นคนนี้ เขาก็ต้องไปกาคนแก้แค้นคนใหม่ คนนี้ก็ต้องยกเลิกนี่คือความลึกซึ้งของธรรมะพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:34:11 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:30:44 )
รายละเอียด
1. ประกอบพร้อม , มี
2. พร้อม , กับ , ดี , ประกอบด้วย , ประกอบพร้อม , เป็นไปกับ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 579
สมาธิพุทธ หน้า 446
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:24:41 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:35:38 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:52:18 )
รายละเอียด
แนวความคิด , มโนทรรศน์ , ความคิดรวบยอด
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 69
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:25:30 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:37:02 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:52:36 )
รายละเอียด
1. ดำริคิดเป็นเรื่อง
2. การดำรินึกคิด
3. การคิด
4. ความดำริ
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 294, ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 139 , คนคืออะไร? หน้า 152, หน้า 288,รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 69
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:27:11 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:38:58 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:56:41 )
รายละเอียด
ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา วจีสังขารอัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา เป็นแกนนิ่ง ส่วนตักก วิตักกะ สังกัปปะ เป็นตัววิ่ง ตักกะ เริ่มคิดเริ่มดำริมีธาตุรู้ เมื่อเริ่มมีธาตุรู้คุณก็จัดการเรียนรู้ตัวนี้ มันมีกิเลสดำริขึ้นร่วมปรุงแต่งด้วยไหม ในจิตที่ดำริตักกะมานี่ พอจิตเริ่มเกิดมา คุณก็พยายามแยกแยะใช้จิตสัญญากำหนดหมายแล้วก็แยกแยะให้ออก ตีแตก ให้ออก มันมีกิเลสโดยเฉพาะ พระพุทธเจ้าท่านให้ตีแตกในเวทนาในความรู้สึก แยกเวทนา 2 มันเป็นเวทนาแท้ๆ กับเวทนาที่ปรุงแต่ง แล้วเป็นอุปาทานไปติดยึดว่าอย่างนี้เราชอบ เป็นรส เป็นความอร่อย เป็นความชอบใจเป็นความชื่นใจเป็นสิ่งที่น่ามี หรือเป็นความโกรธเป็นความไม่ชอบใจเป็นความผลัก ดีไม่ดีถึงฆ่าแกงรุนแรงถึงตาย มันไม่เหลือแต่เฉพาะธาตุรู้ตามความเป็นจริง อย่างเดียว มันมี 2 ผู้ที่แยก 2 ได้เรียกว่าเป็นผู้ที่มีโสตทิพย์ตาทิพย์ เป็นความรู้จักวิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิ
ที่มา ที่ไป
รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:23:05 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:31:20 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:53:49 )
รายละเอียด
สังกัปปะ 3 มีกามกับพยาบาทกับวิหิงสา กามพยาบาทคือภพนอก แล้วรูปภพ อรูปภพอีกทีละคู่ หมดอีก กามกับพยาบาทคือผลักกับดูด รูปก็มีผลักกับดูด ต้องทำข้างนอกปอกเปลือกออกก่อนจึงจะทำไปถึงกระพี้ถึงข้างใน จึงจะได้จริง แต่นี่ไปนั่งหลับตาบอกว่าจะทำข้างใน แต่เปลือกมันยังหุ้มอยู่เลยให้มันระเบิดออกมาเหมือนกับระเบิดปรมาณู ตลก อันนั้นมันไม่จริง พลังงานระเบิดปรมาณูมันเป็นอุตุมันไม่รู้อะไร แต่นี่มันมีชีวะ ถ้ารู้เป็นขั้นเป็นตอนต่างกันกับพลังงานจากวัตถุ วัตถุมันไม่รู้ตัว มีแต่สะสมความเป็นนิวเคลียสมากๆ จนกระทั่งมันเป่ง ใครรู้จักจุดตายของเจ้านี่ จิ้มไปก็เกิดการระเบิด ก็เอาพลังงานนี้มาใช้เป็นส่วนไป เขาก็ศึกษาอาศัยซึ่งมันก็ง่ายกว่าพลังงานทางจิต
พระพุทธเจ้าถึงมาศึกษาพลังงานทางจิต และสอนเรื่องเหตุและควบคุมพลังงานที่มันทำร้ายทำลายกัน ด้วยการเอาพลังงานปรมาณู พลังงานวัตถุ พลังงานของอุตุ มาทำร้ายกัน ก็ควบคุมอีกที
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 05:18:49 )
รายละเอียด
สังกัปปะ 7 คือ การวิจัยในสังกัปปะ7 คือ ในตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ สามารถทำให้ไม่มีกิเลสเข้าไปปรุงร่วม ตกเป็นผลึกเป็นจิต อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 14:05:15 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:32:02 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:57:19 )
รายละเอียด
ตรรกะ วิตักกะ สังกัปปะ แล้วล้างกิเลสได้ จิตก็ค่อยตกผลึกลงไปสะสม สะสมเข้าก็ควบแน่นเป็น อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา ก็จะเป็นแกนของ 2 อัน เป็นแกนสมถะกับแกนวิปัสสนา แกน Static กับ Dynamic ปรุงแต่งขึ้นมาเป็นวจีสังขาร นี่คือองค์ธรรม 7 ของสังกัปปะ
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอังคารที่ 1 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 12:30:38 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:33:08 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:54:28 )
รายละเอียด
1.ตักกะ (ความดำรินึกคืด)
2.วิตักกะ (การจัดการชำระกิเลสด้วย "วิตก-วิจาร" หรือด้วย "ฌาน" ทั้ง 4)
3.สังกัปปะ (กระบวนการของสังกัปปะ 7ที่จัดการชำระกิเลส)
จนกระทั่งสำเร็จเป็น "สัมมาสังกัปปะ" บริบูรณ์ ซึ่งสำเร็จครบ "วิ" ที่เป็นคุณวิเศษ (อุตริมนุสธรรม)
หนังสืออ้างอิง
หนังสือคนจะมีธรรมะ ได้อย่างไร ? หน้า 119
เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2562 ( 04:47:43 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:02 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:57:50 )
รายละเอียด
ที่คุณพูดมานี่ มันเอาอะไรมาปนอะไรกันเยอะไปหน่อย ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา วจีสังขาร เป็นกระบวนการของสังกัปปะ 7 คุณก็ไปบอกว่าตักกะนี่คืออุตุ ก็เป็นเรื่องของคุณไปว่า ตักกะคือความคิดความคิดที่เป็นอุตุดินน้ำไฟลมก็เป็นแค่นั้น คุณจับไปชนกันอย่างไรกับ วิตักกะ สังกัปปะ อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา วจีสังขาร กระบวนการสังกัปปะ 7 เอาอะไรมาชน มันยากนะ ก็ตั้งใจฟังใหม่ฟังดีๆ
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 21 มกราคม 2563 ( 17:57:51 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:34:03 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:55:13 )
รายละเอียด
ตั้งแต่ ดำริ ดำริจริงๆ ท่านใช้คำว่า ตักกะ
วิตักกะ ก็เรียกว่า เอามาแยกแยะให้ยิ่ง ตัวไหนไม่ต้องการที่จะให้อยู่ในจิต ในเจตสิก ก็ฆ่าออก ล้างออก ดับไป ให้เหลือเจตสิกที่ดีที่ต้องการ ทำได้สำเร็จ เรียกว่าสังกัปปะ เป็นสัมมาสังกัปปะ ผลสำเร็จของสังกัปปะ 7 ไตร่ตรอง ตรวจตรา เลือกเฟ้น เสร็จแล้วก็กำจัด กำจัดตัวที่ไม่ดีให้หายไปดับไปได้ แล้วก็สั่งสมลงไป อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา แล้วใส่คลังเข้าไปเรียกว่าวจีสังขาร วจีสังขารยังไม่ใช่วจีกรรมไม่ใช่ภาษาคำพูดภายนอกนะ แต่อยู่ภายใน เป็นเรื่องที่มีภาษาจะพูดออกมาได้แล้ว
สังกัปปะ 7 เป็นกระบวนการของการปฏิบัติธรรมในมรรคมีองค์ 8 ซึ่งสังกัปปะจะมี 7 ข้อ เรียกว่าสัมมาสังกัปปะ มี 7 สัมมาวาจามี 4 สัมมากัมมันตะมี 3 สัมมาอาชีวะมี 5 อย่างนี้เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิชาวอโศกมีความมหัศจรรย์ได้ตามปหาราทสูตร วันพุธที่ 5 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 21:15:27 )
รายละเอียด
จิตมีกิเลส
หนังสืออ้างอิง
วิถีพุทธ หน้า 44
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:28:50 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:40:03 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:55:31 )
รายละเอียด
กลับกำเริบ
หนังสืออ้างอิง
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 32
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:29:38 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:41:08 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:55:47 )
รายละเอียด
1. ธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่ง หรือธรรมที่ห้ามไม่ให้ปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้ ได้แก่ ขันธ์ 5 ทั้งหมด [คือธรรมชาติ]
2. สิ่งที่ยังปรุงแต่งกันอยู่
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 478
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 19
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:31:37 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:42:50 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:56:11 )
รายละเอียด
ในยุคของพระพุทธเจ้าใช้ผ้า 3 ผืน สามนี่ สามเส้าครบ เลข 3 เป็นเลขที่หมุนได้ ถ้า 2 นี้ไม่หมุนเลย 1 กับ 2 จะขึ้นลงก็เป็น 1-2 จะไปอีกก็แค่ 1-2 จนถึง 10 เหลี่ยมมนกลมเลย ไปไหนไม่ออก สังขยาเลข 9 ก็มีเหลี่ยม มีเหลี่ยมสูงสุดถึง 9 มีเหลี่ยมที่ดิ้นออกไปได้สูงสุดคือ 4 เหลี่ยม ทักษิณมีสี่เหลี่ยม สี่เหลี่ยมก็มีสี่ด้านเลยยุ่งที่สุด ออกมาจากสามได้นึกว่าตัวเองเก่ง ก็เท่าหางเต่าหางอึ่ง นี่คือนัยของลักษณะธรรมทั้งหลาย
ที่มา ที่ไป
รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:25:41 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:36:58 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:56:49 )
รายละเอียด
เลข 7 คือสามเส้าของอันแล้ว มีเพิ่มอีกตัวหนึ่งก็หนักถ้าคุณสามารถทำเสร็จ ได้เก่งคุณก็ทำ 8 9 ได้ ทำ 8 9 ได้คล่องก็สำเร็จได้หมดทั้ง 9 หน่วย ทำสำเร็จก็เป็น 0 ไปเรื่อยๆ ต่อไปเป็น 10 20 30 ตามสังขยาเลข ที่มีลำดับอย่างน่าอัศจรรย์
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:53:21 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:38:05 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:57:25 )
รายละเอียด
3 มาเป็น 4 เพิ่งออกจากวัฏฏะที่ 1 แต่ถ้า 5 ชักจะเข้าท่าจะเป็นตัวกึ่งของ 9 คือ 4 4 และ 5 เป็นตัวกลางของ 9 ชักเข้าท่าแล้ว ถ้าหย่อนลงไปก็ไม่ไป ถ้าเพิ่มขึ้นมาก็ไป พอเพิ่มขึ้นมาแล้วก็เป็น 6 เป็น 7 เป็น 8 เป็น 7 นี้แน่ๆแล้ว จะไป 8 ไป 9 พอถึง 9 ก็เต็มเลย พระพุทธเจ้าจึงคือ 9
ขอไขตรงนี้นิดนึง เพื่อพวกเรา
ในหลวงร.9 ของเรานี้ เหมือนกับท่านครบ 9 แล้วแต่ที่จริงท่านยังไม่ใช่พระพุทธเจ้าแต่ท่านไปทำตัว 9 เป็นรูป เสร็จแล้วโพธิรักษ์มาทำตัว 7 เป็นนาม ตัว 7 หรือตัว 9 นี้เป็นหลักกว่ากัน ในขณะนี้ยังเจริญๆอยู่ ยังไม่สมบูรณ์ยังไม่เต็มยังไม่ครบยังไม่เป็นองค์สมบูรณ์ 7 กับ 9 นี้ 9 ถึงก่อน 9 เป็นรูป 7 เป็นนาม จะต้องไปครบ 7 9 จึงจะ 9 7
เพราะตัว 7 นี่คือตัว 9 ตัว 7 นี่คือโพชฌงค์คือการก้าว ตัวที่ต่อจาก 7 คือ 8 คือมรรค ตัว 7 คือตัว 9 ตัว 8 นี้คือตัวเต็ม เต็มสมบูรณ์ก็คือ 9 ตัว 9 คือตัวไม่ไปไม่มา สมบูรณ์แล้ว ตัวปฏิกิริยาคือตัว 7 กับตัว 8
เพราะฉะนั้นผู้ที่เดินรูป 9 ยังจะต้องมาเดิน 7 และเดิน 8 ก่อนถึงจะเป็น 9
ขออภัย หากใครจะใส่ความว่าอาตมาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพก็ไม่ใช่ อาตมาพูดเป็นวิชาการ
สายเจโตศรัทธาจะอธิบายอย่างอาตมาได้ไม่ชัด แต่แสดงตัวรูปมาก แต่สภาพนามมันซ้อนมาก เป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน คัมภีราวภาโส หรือปฏินิสสัคคะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 20:47:02 )
รายละเอียด
ไอ้ที่ใส่ตัวเลขและกำหนดถึงอะไรก็แล้วแต่ 1 2 3 4 5 ไปถึง 10 มันก็หมายถึงตามภาษาบาลีเรียกว่าสังขยา คือมันมีอะไรๆเริ่มเข้ามาปรุงกัน เข้ามาเพิ่มเข้ามารวมกันขยับขึ้นๆ ถ้า 1 2 3 4 5 ก็คือภาพที่มันเพิ่มทีละระดับ ถ้าบอกว่ามันเพิ่ม ก็ปรุงแต่งรวมกัน ก็มาสังขารร่วมกัน แต่ถ้าเผื่อว่าไม่เอามารวมกัน 1 แล้วเป็น 2 แล้วชี้บอก 1 คืออันนี้ 2 คืออันนี้ 3 คืออันนี้ทีละตัว มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เอามารวมกัน ก็เรียกว่าการแยก วิภัชติ หรือการบอกให้รู้ว่ามีอะไรหลายๆอย่าง อันนี้แหละเป็นประเด็นสำคัญ การแยกการชี้ให้เห็นหลายๆอย่าง แล้วแถมบอกว่าแต่ละอย่างทีละ 2 มีความต่างกัน เรียนรู้อันนี้ กำหนดเครื่องหมายให้รู้ความต่างกัน แล้วเลือกเอาสิ่งที่มีความต่างกันของสองสิ่ง ว่าอะไรดีกว่า อะไรๆควรกว่าอะไร แล้วเอาอันนั้นเสมอ นี่คือความฉลาดของพระพุทธเจ้า แยก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 15:33:14 )
รายละเอียด
การซ่อมแซม
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 69
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:32:22 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:43:52 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:57:41 )
รายละเอียด
คือ การปรุงแต่งกันอยู่ขอธาตุ ทั้งรูปธาตุ ทั้งนามธาตุ แล้วจึงเห็นแจ้ง เห็นจริงว่า “มันปรุงกันอยู่” และมันก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมให้เรารู้ เราเห็นจริงๆไม่ใช่ตรรกะ ไม่ใช่จินตนาการ แต่เห็นอาการจากรูปธาตุ จากนามธาตุ นั้นๆว่าแปรเปลี่ยนไปจากเดิมด้วยปัญญา คือ ธาตุรู้อันวิเศษของเรา
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 76
เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 12:12:41 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:52 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:58:57 )
รายละเอียด
คือ สังขตธรรมทั้งปวงไม่เที่ยง (สัพเพ สังขารา อนิจจา) และ สังขตธรรมทั้งปวงเป็นทุกข์ (สัพเพ สังขารา ทุกขา)
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 75
เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 12:09:11 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:25 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:58:06 )
รายละเอียด
1. ปรุงแต่ง , นึกคิดปรุงแต่งต่างๆ นานา
2. ร่วมปรุง
3. ปนปรุง
4. คิดสั่งการ
5. การปรับปรุง , การตกแต่ง ความคิด ส่วนทั้งหลายของร่างกาย ส่วนทั้งหลายของจิตใจ ร่างกายและจิตใจ ชีวิตและวิญญาณ
6. ความนำเอากิเลส ตัณหา อุปาทาน มาผสมแล้วจัดการคน หรือละเลงเสีย
7. ปรุงแต่งปั้นสร้าง , ค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ ก่อขึ้น
8. ร่วมปรุงแต่งด้วยกิเลสในใจ
9. สิ่งต่างๆ นั้นประกอบกันขึ้น
10. การจัดแจงกันอยู่ของรูปกับนาม การปรุงแต่งกันอยู่ของรูปกับนาม ชีวิตที่มีกิเลสกับใจปรุงแต่งกันอยู่
11. การรวมของสภาวะหรือสมบัติที่สำคัญเพื่อกระบวนการหรือผลบางอย่าง
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 71,101,389,498,511,514
ทางเอก ภาค 1 หน้า 15
ทางเอก ภาค 3 หน้า 18, 191
สมาธิพุทธ หน้า 481,
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 114
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 69
ค้าบุญคือบาป หน้า 285
ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 273
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:37:11 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:47:57 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:01:16 )
รายละเอียด การปรุงแต่งของจิตวิญญาณ
เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2562 ( 15:43:47 )
รายละเอียด
ความปรุงแต่งของพลังงานทั้งหมดทั้งรูปธรรม นามธรรม
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 17:04:01 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:38:38 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:59:35 )
รายละเอียด
ตัวนี้คือสภาวะ สภาวะที่เน้นให้ปฏิบัติคือเวทนา อาการอารมณ์ที่รู้สึกอยู่บัดนั้นในปัจจุบันนั้น ไปนึกเอาอดีตอนาคตก็ไม่ใช่ของจริง เอาอดีตมาปฏิบัติก็เหมือน ขยำขี้ เอาอนาคตมาปั้นเองก็ไม่ใช่ของจริง ในพรหมชาลสูตร นั้นบอกไว้ หากไม่มีผัสสะก็ไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติ ต้องทำใจในใจในปัจจุบันผัสสะ เกิดเป็นเวทนา มันทำงานเจาะลึกลงไปให้ถึงเวทนา ในเวทนามันมีเจตนา 3 อยู่ และเจตนานี่มันมีกิเลสอยู่ในนี้
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:00:30 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:39:37 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:00:15 )
รายละเอียด
สังขารจะต้องมี 2 ขึ้นไป ซึ่งไม่ใช่มีแค่ 2 เท่านั้น แต่จริงๆแล้วมันก็จะปรุงแต่งเร็วมากกว่า 2 ก็ได้ แต่คุณรู้ไม่ทัน ไม่ใช่คุณรู้ไม่ทัน แต่มันจับได้ทีละ 2 อย่าง มากกว่านั้นก็รู้ไม่ทันไม่ได้ต้องรู้ทีละ 2ไม่เช่นนั้นมันมากกว่า 2 เป็น 4 เป็น 6 จะไปจัดการอย่างไร ต้องดูทีละ 2 สังขารจะต้อง 2 คือ มีเวทนา มีผัสสะ หากวิญญาณไม่หยั่งลงไม่มีเวทนา นามรูปจะขาดความสืบต่อลงทันทีอันนี้เป็นสิ่งที่เขาเข้าใจได้ยาก วิญญาณไม่หยั่งลง แม้จะเป็นวิญญาณในนามธรรม ท่านใช้คำว่าวิญญาณจะหยั่งลงสู่ครรภ์
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:41:55 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:40:40 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:00:56 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:14:32 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:05:09 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:02:17 )
รายละเอียด
สังขาร คือ การรวมปรุงแต่งกันอยู่ระหว่างสองธาตุ คือธาตุของรูปกับนาม
ที่มา ที่ไป
630606
เวลาบันทึก 07 มิถุนายน 2563 ( 15:25:23 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:12:12 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:01:41 )
รายละเอียด
วิญญาณแจกเป็น รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณเอง
รูป กับ นาม รูปรู้ง่ายกว่า ละวางได้เร็วกว่า นามละเอียดกว่า ละวางได้ยากกว่า
ใน นาม เวทนา สัญญา สังขาร เจาะสังขารเป็น กายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร
กายสังขารกับวจีสังขารรู้ไม่ยาก กายกับวจี เหมือนหุ่นยนต์ สามารถทำให้กายมันเคลื่อนเป็นกายวิญญัติได้ แล้วก็ใส่วจีวิญญัติเข้าไปอีก พยายามให้เท่ากับคนเลย โดยวจีก็ตาม กายก็ตาม มีมโนเป็นประธาน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู ตอน อจินไตยของฌานวิสัย
เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 20:48:53 )
รายละเอียด
กรรมกิริยาที่เป็นการกระทำ ปรุงแต่งกันขึ้นด้วยอวิชชา คุณก็ปรุงแต่งด้วยโลกียะ คุณก็ไปไม่จบ แต่พอรู้ความจริงว่ามีสังขาร คุณก็มาแยกสังขารว่านี้คือกายสังขาร วจีสังขารหรือจิตสังขาร แต่ กาย เขาแยกไม่ออก กายเป็น วจี มโน แยกออก 3 อย่างนี้ต่างกันแน่ แต่จะไม่ทิ้งกันเลยจะอยู่ร่วมกันต้องใช้ร่วมกัน นอกจากคุณเป็นใบ้ก็จะใช้วจีไม่ได้ แต่ไม่เป็นใบ้ จะมาใช้ภาษาใบ้สื่อสารกันทำไม ซึ่งมันก็ยากไม่ละเอียดพออย่างไรอย่างไรก็ไม่ละเอียดจึงต้องพิการอย่างใบ้นี้ยาก พิการตา พิการเสียง พิการจมูกอะไรต่างๆ มันไม่ครบองค์ทั้งนั้น มันต้องครบองค์ถึงจะบริบูรณ์ ถ้าไม่ครบองค์จะไปบริบูรณ์ได้อย่างไร
เพราะฉะนั้นผู้ที่เอาแต่จิตนั่งหลับตา ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกาย อาตมาถึงบอกแล้วพูดแล้วก็วน น่าสงสารเขา คุณปิดตาหลับตาปฏิบัตินั้นเป็นโมฆะจากการบรรลุธรรมอรหันต์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:39:07 )
รายละเอียด
สังขาร (ความปรุงแต่ง) เกิดเพราะอวิชชา (ความไม่รู้กิเลสทุกข์) เป็นเหตุ
1. ปุญญาภิสังขาร (การปรุงแต่งที่ชำระกิเลสออก)
2. อปุญญาภิสังขาร (ได้ปรุงแต่งชำระกิเลสสิ้นแล้ว)
3. อาเนญชาภิสังขาร (ปรุงแต่งจิตตั่งมั่นไม่หวั่นไหว)
4. กายสังขาร (การปรุงแต่งทางร่างกาย)
5. วจีสังขาร (การปรุงแต่งทางวาจา)
6. จิตตสังขาร (การปรุงแต่งทางจิต)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 35"ปัจจยาการวิภังค์" ข้อ 257
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2562 ( 15:19:25 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:07:53 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:02:10 )
รายละเอียด
สังขาร (ความปรุงแต่ง) เกิดเพราะ อวิชชา (ความไม่รู้กิเลสทุกข์) เป็นเหตุ
1. ปุญญาภิสังขาร (การปรุงแต่งที่ชําระกิเลสออก)
2. อปุญญาภิสังขาร (ได้ปรุงแต่งชําระกิเลสสิ้นแล้ว)
3. อาเนญชาภิสังขาร (ปรุงแต่งจิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหว)
4. กายสังขาร (การปรุงแต่งทางกาย)
5. วจีสังขาร (การปรุงแต่งทางวาจา)
6. จิตตสังขาร (การปรุงแต่งทางจิต)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 35 “ปัจจยาการวิภังค์” ข้อ 257
เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 05:32:23 )
รายละเอียด
สังขารคือการปรุงแต่ง เอามารวมกัน ตั้งแต่ 2 อย่าง 3 อย่าง จนกระทั่งนับไม่ถ้วนอย่าง ปรุงแต่งสังขารกัน
สังขารมันรวมหมดทั้งภายนอกภายใน กายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร โลกก็สังขารกันได้ ดินน้ำลมไฟ ก็สังขาร รวมได้หมด
ส่วนจินตนาการคือ ความคิด คิดอะไรก็ได้ คิดบ้าๆบอๆคิดอะไรคิดดีๆ คิดเลวคิดอะไรได้หมดเป็นจินตนาการ แล้วเขาก็เอามาทำ โจรคิดอย่างโจร คนอเมริกันคิดอย่างคนอเมริกัน คนเกาหลีเหนือคิดอย่างคนเกาหลีเหนือ จีนคิดอย่างจีน ไทยคิดอย่างไทย คิด สารพัด ต่างกันไปสารพัดมากมาย
ส่วน จินตามยปัญญา อันนี้สิยอด จินตามยปัญญาคิดแบบพุทธ ปัญญาเป็นของพุทธเป็นของพระพุทธเจ้า ปัญญาไม่ใช่ความรู้เรื่องทั่วไปไม่ใช่ เฉโก
ปัญญาเป็นของพระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นโลกุตรธรรม ปัญญาเป็นโลกุตรธรรม
อาตมาเขียนปัญญา 8 ขยายไป 600 กว่าหน้าแล้ว ก็ยังเลยๆไปอีก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาความเข้าใจเรื่องกายของอ.แปลง วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2564 ( 14:20:52 )
รายละเอียด
ค่อยๆศึกษาไป ปฏิจจสมุปบาทเป็นผู้ที่ต้องมีความฉลาด มีปัญญา จึงจะพยายามทำความเข้าใจ เริ่มต้นที่ อวิชชา สังขาร
ส่วน สังขาร ตัวที่ 3 ของขันธ์ 5
แน่นอน เวทนาขึ้นก่อนสังขาร พอมาปฏิจจสมุปบาท ตัวสังขารมันห่างจากเวทนา แต่มันเป็นตัวเดียวกัน สังขารคือองค์รวมของการปรุงแต่ง เวทนาก็เป็นองค์รวมของการปรุงแต่งจริงๆแล้ว แม้วิญญาณก็เป็นองค์รวมของการปรุงแต่ง เวทนาก็เป็นองค์รวมของการปรุงแต่ง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:54:24 )
รายละเอียด
นามรูป อายตนะ สัมผัสกันแล้วจะเกิดการปรุงแต่ง เราเรียกว่าสังขาร อ่านความรู้สึกทั้งภายนอกภายในออกพร้อมกัน เรียกว่าเวทนา เวทนาคือความรู้สึกภายในที่มีภายนอกพร้อมไปด้วย กายมีภายนอกด้วย
สังขารกับเวทนา จึงเป็นตัวเดียวกัน สังขารคือกาย เวทนาคือใจ กายสังขารคือ สังขาร คำว่า กายนี้รวมทางใจไปด้วยแล้ว 2 อย่าง ส่วนเวทนานั้นคือ การปรุงอยู่ในใจ เป็นอาการทางใจในใจ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 17:41:20 )
รายละเอียด
อาตมาก็พูดหลายทีแล้ว สังขารของอาตมาหรือร่างกายของอาตมา มันไม่ได้ Normal Standard เท่าคนทั่วไป มันไม่ต้องไปโด๊ปน้ำมากขนาดนั้น ไม่ต้องกินอาหารขนาดนั้นขนาดนี้หรอก อย่างนี้เป็นต้น ก็พูดไปแล้วนี่เป็นการให้ความรู้กับพวกเราด้วย
อาตมาเทศน์ไม่ดื่มน้ำเลยก็ได้ เป็นแต่เพียงเติมให้มันมันก็ช่วยนิดหน่อย แต่ความจริงแล้วสังขารของอาตมามันเป็นไปได้มันไม่ยากไม่ลำบาก คำว่าไม่ยากไม่ลำบากนี่ก็คือการปรุงแต่ง ธาตุไฟ เรียกว่า ฌาน ปรุงแต่งธาตุไฟ โดยไม่ยากไม่ลำบาก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
พระอรหันต์เป็นผู้มีความรู้เรื่องอาหารดีกว่าคนโลกีย์
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 18:50:00 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 19:21:53 )
รายละเอียด
กายมันเป็น 2 แยกกายแยกจิต อาตมาพยายามอธิบายต้องมาเข้าใจอุตุนิยาม จิตนิยาม หรือ พีชนิยามต้องเข้าใจสามเส้านี้ อธิบาย กายกับจิต สามเส้านี้ที่ต้องเกี่ยวกับเวทนา เรายกเวทนามาอธิบาย เอาผม ขน เล็บ ฟัน หนังอธิบาย เล็บง่ายกว่าอื่น เล็บที่ติดกับตัวคุณหากเล็บยังมีชีวะ จะออกมาได้อยู่คือยังมีชีวะพีชะ และเป็นจิต แต่ถ้ายาวออกมาแล้วไม่มีเวทนา เล็บนั้นไม่มีความรู้สึกคนตัดทิ้งได้ แต่ถ้ายังมีความรู้สึกอยู่เล็บอันนั้นยังเป็นจิตนิยาม ถ้าเล็บส่วนไหนที่ตัดแล้วไม่เจ็บเท่านั้นเป็น พีชนิยาม ตัดทิ้งไปแล้วเล็บเป็นอุตุนิยาม เป็นธาตุดินน้ำไฟลมไปเท่านั้น เพราะฉะนั้น เวทนา ศึกษาเวทนา พิจารณากายกับจิตนี้ อันที่มันไม่มีจิตเข้าไปร่วมแล้วเรียกว่าไม่ใช่กาย ไม่มีจิตใจเข้าไปร่วมรู้สึกด้วย ตัดออกมาแล้วเล็บส่วนนี้เป็น พีชะแล้วเป็นอุตุ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:20:22 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:42:02 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:02:54 )
รายละเอียด
การเจาะเข้าไปถึงอาการของจิต เป็นสภาวธรรม
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:36:23 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:42:31 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:03:16 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 09:07:48 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:43:17 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:02:58 )
รายละเอียด
ใน วิการรูป ก็สมบูรณ์แบบ ลักขณรูป สิ่งที่มีอยู่ในตัวตลอด ก็เป็นจิตที่พร้อมจะกำเนิด พร้อมจะเสื่อม อุปจยะ ชรตา โดยคุณผู้ที่มีสันติ จะให้มันต่อหรือเสื่อม คุณทำให้มันจบสะอาด ไม่เป็นความเสื่อมในเรื่องปรมัตถ์ ที่จะต้องมีกิเลสปน หมดสะอาดแล้ว แต่ความเสื่อมของรูป ดิน น้ำ ไฟ ลม ของสังขารเป็นธรรมดา ภิกษุทั้งหลายสังขารต้องมีความเสื่อมเป็นธรรมดา ชรตา จบด้วยอนิจจตาเป็นปลายเปิด คุณ เป็นพระอรหันต์แล้วจะกลับมาเกิดอีกก็ได้ แต่มีภาวะซ้อนสูงขึ้นไปตามลำดับ ตามภูมิบารมีของพระโพธิสัตว์ที่จะไปเป็นพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2565 ( 20:14:29 )
รายละเอียด
ดินก็ตาม ดินน้ำไฟลม มหาภูตรูปก็ตาม มันไม่เรียนรู้ เป็นพืชมันก็ไม่เรียนรู้ แม้จะมาเป็นสัตว์ คนในระดับที่ไม่ใช่เวไนยสัตว์ มันเรียนรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะเรียนรู้เลยไปถึงขั้นโลกุตระ ต้องเป็นสัตว์ที่ใฝ่ใจศึกษา สามารถที่จะรู้ได้ถึงขั้นสูงสุดว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ท่านสรุปลงว่าไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สรุปลงเป็นคำเดียวว่า ไม่เที่ยง เปลี่ยนไปต่างๆกันไปได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
พระอรหันต์เป็นผู้มีความรู้เรื่องอาหารดีกว่าคนโลกีย์
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:56:08 )
รายละเอียด
มันเป็นแต่เพียงสังขารที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็อยู่กันด้วย อยะ คำว่า อยะ แปลว่า ยางเหนียว ยางที่จะให้จับตัวกัน อะ คือไม่มี ยะ คือเริ่มต้น ตัวแรกของเศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อ
ย คือ พยัญชนะตัวเล็กละเอียดที่เริ่มต้นที่จะมี เล็กละเอียดยิ่งกว่า ก
พยัญชนะพวกนั้น จะหยาบกว่าเศษวรรคทั้งนั้น แล้ว เศษวรรคตัวแรกคือ ย ไม่มีแต่เอามาจับเป็นคู่กัน อยะ ไม่จับกันไม่ได้นะ เอ็งต้องจับกัน จะแปลว่าแม่เหล็กก็ได้ ยางเหนียวก็ได้ จับกันก็ได้ โดยมีปัญญา หรือว่าเราให้มันจับกัน แต่แท้จริงมันไม่มีอะไร อ มันก็ไม่มี ย ก็สมมุติขึ้นมาเท่านั้นเอง มันไม่มี แต่มันมี เริ่มต้นสังขารจับกันและปรุงแต่งกันไป ขยายตัวออกไปเรื่อยๆ แต่แท้จริงมันอนัตตา แท้จริงมันไม่มีตัวตน ไม่มีอะไร มันเป็นสังขาร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 กันยายน 2565 ( 14:24:34 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นถ้าจิตมันสั่งเฉยๆ มันบริสุทธิ์ แต่ถ้าจิตมันมีกิเลสมาเป็นตัวเจ้าเรือน มาเป็นตัวใหญ่ เป็นตัวบังคับ แล้วกิเลสมันเก่งกว่ามโนของคุณอย่างเก่งเลยเนี่ยคุณก็เป็นทาสมันตลอดเวลา การปรุงแต่งการแสดงออกมาทางกายกรรม วจีกรรม มีกิเลสเป็นเจ้าเรือน กิเลสมันก็เป็นหัวหน้าใหญ่ให้ทำอยู่ตลอดเวลา มากบ้างน้อยบ้าง ธรรมดาเมื่อไม่ได้เรียนไม่ได้ศึกษาเลย ก็กิเลสเต็มตัว สั่งให้ทำตามที่ต้องการทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นสังขารทั้งหลายจึงเป็นพิษเป็นภัยที่มีอวิชชา เป็นตัวหัวหน้าใหญ่ของชีวิต สังขารที่แสดงออกจึงเป็นภัยโดยไม่รู้ตัว แล้วทำตัวเองให้เป็นภัย ไม่รู้เรื่องเลยว่าชีวิตทั้งชีวิตของพวกที่ไม่ได้เรียนรู้ ที่จะเป็นเจ้าโลกกันอยู่นี่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมุปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 19:24:07 )
รายละเอียด
1. การปรุงแต่ง การคน การละเลง
2. ความปรุง
หนังสืออ้างอิง
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 75
ทางเอก ภาค 3 หน้า 497
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:38:44 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:49:12 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:03:37 )
รายละเอียด
อะไรที่รวมกันอยู่มี บริบทและเน้นเข้ามาหาจิต เป็นดี เป็นชั่วก็ได้ เป็นโลกียะก็ได้
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:35:17 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:43:51 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:04:00 )
รายละเอียด
ตากระทบรูป จิตก็อยู่ร่วมกันเป็น กายะ อยู่พร้อมกัน มีทั้งภายนอกภายใน มีพลังงานทางมโน ทางจิต เข้ามาทำการร่วมกัน มีรูปนาม แล้วเกิดสภาวะสังขารธรรม หรือวิญญาณ หรือเวทนา
สังขารธรรม วิญญาณ หรือเวทนา ตัวเดียวกันทั้งหมดเลย มันเป็นเหตุปัจจัยแก่กันและกัน เรียกด้วยพยัญชนะ สังขารปรุงแต่งกันอยู่ บอกด้วยพยัญชนะว่ามันปรุงแต่งกันอยู่ คนที่ไม่รู้จักการปรุงแต่งของจิต ก็ไม่รู้จักสังขาร เมื่อจับสังขารได้มันเป็นตัวตนเกิดขึ้นมาได้ ก็เกิดวิญญาณ พอจับได้แล้ว ที่นี้แยกเป็นเวทนา เป็นสภาวะ 2 ออกอีกว่า มีเวทนาจริง เวทนาเก๊ มีรสคนละรส
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 11:38:43 )
รายละเอียด
ชื่อว่าจิตวิเวก มีคำว่าภายนอกด้วย อธิบายได้ว่าหักไป ปฏิบัติจิตวิเวกนี้ ไม่มีภายนอกมันผิดแล้ว สายที่ออกป่าแล้วเห็นว่าวิธีปฏิบัติคือการ นั่งหลับตา คนก็นั่งหลับตาทำรูปฌาน อรูปฌานแบบโลกีย์ฌาน ก็จบ นอกจากออกสู่ป่าแล้วยังอยู่คนเดียว กินคนเดียว ขี้คนเดียว ยังไม่พอยังไปนั่งหลับตาลึกเข้าไปอีก จมเข้าไปอีก ไม่มีภายนอกคุณก็ไกล จากวิเวกไกลแสนไกลห่างออกๆ
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:46:42 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:44:29 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:03:48 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ว่า อ๋อ.. ไอ้การปรุงแต่งสังขาร มันปรุงแต่งอย่างหยาบๆต้นๆนี้คือ ปรุงแต่งมาเป็นวิญญาณ พอปรุงแต่งสรุปมาเป็นวิญญาณ เป็นธาตุรู้ เสพวิญญาณ ยึดวิญญาณ นี่หยาบๆ
แล้วเราจะรู้จักวิญญาณได้อย่างไร พระพุทธเจ้าก็บอกว่ามันต้องมี 2 สภาพมาปรุงแต่งกันขึ้นไป สิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง ตั้งแต่หยาบ มหาภูตรูป ดินน้ำไฟลม นอกนั้นเป็นรูปอีก อุปาทายรูป ที่ท่านก็มาแยก ว่าอ๋อ.. อุปาทายรูป มีอีกตั้ง 24 อาการ นี่เป็นความรู้ยิ่งของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า แยกไปถึงขนาดนั้น
พระพุทธเจ้าก็เอาสิ่งเหล่านี้มาสอน ท่านแยกรูปแยกนามว่า อ๋อ.. มันต้องรู้สภาพทั้งหมดมี 28 เป็นสิ่งที่จะต้องถูกรู้ แล้วก็ตัวเรานี่แหละตัวธาตุจิต ธาตุวิญญาณ ธาตุรู้ของเรา มันก็ต้องเข้าไปรู้ เข้าไปสัมผัส มันจึงจะเกิดสามเส้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
สังขารกับการเวียนว่ายตายเกิด
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:01:36 )
รายละเอียด
สังขารภายนอกเช่นไร สังขารภายในที่รับรูปมารู้ก็เท่านั้นใช่หรือไม่ ก็ใช่ มันต่อเนื่องมาให้นามธรรมคุณรับรู้ ก็ใช่ ตามจริงเป็นจริงคือหนึ่ง แต่ถ้าแยกเป็นสองคือ ความเป็นอีกอันหนึ่ง ต่างจากความเป็นจริงที่เป็นจริง หนึ่งเดียว เห็นไหมนี่แหละ มันก็สำคัญตรงนี้แหละศึกษาให้ดีๆ เท่าที่ฟังดูแล้วก็รู้สึกจะเข้าใจดีขึ้นไปเรื่อยๆแล้ว เป็นแต่เพียงว่าทำมาให้สำทับลงไปว่าที่พูดมานี้รู้นะแต่ยังไม่แน่ใจ อาตมาก็บอกไปว่าใช่แล้วนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก
เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 12:39:28 )
รายละเอียด
เป็นการปรุงแต่ง ของอุตุธาตุ กับอุตุชาตุ
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:14:33 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:45:40 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:04:27 )
รายละเอียด
การปรุงแต่งระหว่างอุตุธาตุกับอุตุธาตุ เป็นการปรุงแต่งอย่างหนึ่ง เช่น ไฟฟ้า แสง สี แม่เหล็ก ความร้อน ก็ปรุงแต่งกันอยู่ พวกนี้เป็นพลังงานที่เป็น อุตุธาตุทั้งนั้น ปรุงแต่งกัน หรืออุตุธาตุ กับพีชธาตุปรุงแต่งกัน
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:39:49 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:45:10 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:05:00 )
รายละเอียด
แม้แต่อุตุก็เป็นสังขาร โลหะ วัตถุ ดินน้ำไฟลม มันปรุงแต่งกันอยู่ แม้พลังงานมันก็ปรุงแต่งกันอยู่ แต่มันไม่มีจิตไม่มีวิญญาณมันไม่มีชีวะด้วย แต่มันก็เป็นสังขารรูปในระดับอุตุนิยาม เราอาศัยอยู่นี่ มีหินมีดินมีไม้ ส่วนพวกพืชก็จะกลายเป็นอุตุทีหลัง เอาออกมาแล้วตัดลงมาจากต้นมันแล้ว มันก็ไม่เป็นชีวิตแล้ว มันก็ยังเป็นพืชอยู่ แต่ว่ามันหมดชีวะแล้ว มีแต่นับวันเป็นผุยผงเป็นดินน้ำไฟลมไปเท่านั้นเอง มันไม่มีจิตนั่นใช่ และมันไม่มีเวทนากับวิญญาณ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:56:33 )
รายละเอียด
เป็นเชื้อดึงดันให้มี ให้เป็น
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 13
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:39:37 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:50:18 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:05:16 )
รายละเอียด
ญาณที่วางเฉยต่อสังขารของโลกและสังคมได้ดี , กำลังปัญญาที่วางเฉยต่อสังขาร
หนังสืออ้างอิง
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 53,157
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:40:39 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:51:52 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:05:34 )
รายละเอียด
เวลาคุณสัมผัส ตา หู จมูก ลิ้น กาย โดยสัญชาตญาณของผู้ที่ไม่ศึกษาก็ปรุงแต่งปุ๊บ ผสมพันธุ์กันเสร็จเป็นสังขารที่มีวิญญาณของผี วิญญาณของกิเลสผสมพันธุ์กันอยู่ในนั้นเสร็จเลย ทุกคนที่ไม่ได้ศึกษาทุกคนไม่ได้ฝึก มีอวิชชา ไม่มีทางที่จะไปห้ามมันได้ คนที่ไม่รู้ธรรมะพระพุทธเจ้าจึงไม่มีทางที่จะปฏิบัติได้ หรือว่าเรียนอย่างผิดอย่างมิจฉาทิฏฐิไม่เข้าใจการจับอาการจิตตัวนี้ จับหทยรูปได้ อย่าให้มันเป็นชีวะในรูป 28 หากคุณปฏิบัติแล้วต้องสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีโคจรรูป วิสยรูปตัดแล้วเกิดเป็น ภาวรูป 2 คืออิตถีภาวะ ปุริสภาวะ หากจับได้ก็รู้จักหทยรูป รู้จักชีวิต มันมีอินทรีย์ มันมีพลัง มันมีแรงของการเกิด การเกิดของมาร การเกิดของกิเลส ของตัวผีร้าย คุณก็ต้องเห็นและแยกรูปนี้ให้ได้
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 มกาคม 2563
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:47:05 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:46:34 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:04:44 )
รายละเอียด
การร่วมกันไปสู่ภายนอกมากขึ้น ใหญ่ขึ้น
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:37:18 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:47:06 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:05:57 )
รายละเอียด
ศีลข้อที่ 1 2 3 เข้าใจไปตามลำดับแต่คุณจะได้ธรรมะลึกซึ้งรู้จักตัวต้นตัวจบ ตัวต้นตัวสังขารกันปรุงแต่งกันอยู่อย่างนี้ ก็จะเข้าใจปฏิจจสมุปบาทชัดเจน รู้ตั้งแต่สังขารปรุงแต่งกันเป็นวิญญาณขึ้นมา วิญญาณก็เป็นตัวเดียวกันกับเวทนา หรือว่า เวทนาก็เป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณ ก็ไปอ่านอาการของเวทนา จะเกิดได้อย่างไรก็แยกแยะ เมื่อมันสัมผัสกับรูปนามกันขึ้นก็จะเกิดเป็นอายตนะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ถอดรหัส นายทุน-ศักดินา-นักวิชา-ข้าราชการ-พาลชน วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 มิถุนายน 2564 ( 18:40:38 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 55 ธรรมิกราชแจกแจงสังขารในปฏิจจสมปบาท วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2565 ( 19:14:02 )
รายละเอียด
ผู้ที่รู้กายรู้จิต แยกกายแยกจิต ให้มันปรุงแต่งกันเป็นอุตุ ปรุงแต่งกันเป็นพีชะ ปรุงแต่งกันเป็นจิตได้ ซึ่งมันจะปรุงแล้วก็ทำได้เป็นได้อย่างนี้ตั้งแต่ละฐาน ฐานอุตุ ฐานพีชะ ฐานจิต ก็คือตัวเราเองก็ทำกรรม ทำแล้วมันก็เกิดสภาพนั้นอยู่เรียกว่า ธรรมะ ทรงไว้อย่างนั้นเราทำให้มันทรงไว้อย่างไร มีความรู้ความสามารถได้เท่าใดก็ทำให้มันเกิด ทำอย่างพอเหมาะพอดี อย่างได้สัดส่วนสังขารได้สัดส่วน นี่แหละความรู้สูงสุดก็ตรงนี้ ทั้งปรับปรุงกาย ปรับปรุงจิต
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
พระอรหันต์เป็นผู้มีความรู้เรื่องอาหารดีกว่าคนโลกีย์
เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 18:58:09 )
รายละเอียด
1. จิตหดหู่
2. จิตหดหู่ ก็รู้ว่าจิตหดหู่
3. จัดการกับกิเลสในจิตได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังหนักยังหนาอยู่ก็รู้
4. จิตซัดเจ้ากิเลสเข้าไปแล้ว แต่มันยังซุกเก่ง ยังหดหัวย่อตัวเก่ง
5. จิตลดกิเลสส่วนนั้นๆ ลงได้ก็รู้ว่าจิตมีส่วนลดนั้นๆ
6. ใจหดหู่
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 134, หน้า 151
คนคืออะไร? หน้า 275, หน้า 555
อีคิวโลกุตระ หน้า 229 , หน้า 35
ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 111
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:43:12 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 20:56:31 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:06:45 )
รายละเอียด
คือ การทำให้กิเลสลดลงได้ แต่ยังอึดอัดอยู่ ยังไม่เก่ง
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 374
เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 12:00:07 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:32 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:05:24 )
รายละเอียด
ยังเกร็ง ยังหดหู่
หนังสืออ้างอิง
พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 104
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:43:58 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 21:00:30 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:07:01 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 10:23:15 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:48:07 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:06:00 )
รายละเอียด
เราก็ต้องทำให้มันลดลงให้ได้จนกว่ามันจะหมดแต่มันยังไม่หมดหรอก แรกๆก็ต้องลดก่อน ลดได้ก็จะมี 2 ตระกูล ตระกูลเจโต กับ ตระกูลปัญญา
ตระกูลเจโตก็ทำได้เป็นสังขิตตังจิตตัง เป็นจิตที่ตีไม่แตกเป็นก้อนๆ สายถีนมิททะ หรือสังขิตตจิต
อีกกายหนึ่งก็ฟุ้งจับไม่ติด เรียกว่า อุทธัจจกุกกุจจะ เรียกอันนี้เรียกว่า วิกขิตตังจิตตัง มาเป็นจิตทางสายอุทธัจจกุกกุจจะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 20:36:22 )
รายละเอียด
สังขิตฺตํจิตตํ คือตระกูลเจโต วิกขิตฺตํจิตตํ คือตระกูลปัญญา สังขิตฺตํจิตตํ กายก้อน เหมือนหัวเป็นก้อนสังขตังจับตัว ส่วน วิกขิตฺตํจิตตํ กระจายฟุ้งเอารวมมาในจิตยังไม่เก่ง คล้ายๆกับ อุทธัจจะกุกกุจจะ (วิกขิตฺตํจิตตํ ) กับ ถีนมิทธะ
( สังขิตฺตํจิตตํ )
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 13:52:30 )
รายละเอียด
สังขิตฺตํจิตตํ ก็ทำของตัวเองให้เจริญ ทำให้ดีทำให้ก้าวหน้า อย่าไปอยู่อย่างเก่า ก็ต้องทำให้เจริญ งอกงาม สูงขึ้นไปหาไพบูลย์ ก็จะเจริญไปเป็นจิตที่ดี จิตที่เจริญ เรียกว่า สอุตฺรํจิตตํ คนนั้นก็จะรู้ว่ามีจิตดีแล้ว แต่ก็ดียังไม่จบ ดียังไม่ถึงที่สุด ดีกว่านี้ยังมีอีก ยังไม่ถึง อนุตฺตรํจิตตํ คุณทำได้แล้วเป็นมหัคคตจิต คุณเจริญไปได้ดีแล้วแต่ยังไม่สูงสุด คุณจะมีปัญญารู้ใน อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของจิตเจตสิกของเราและมีรูปที่ถูกรู้ของเราเอง รูปจิต อรูปจิต มันเป็นเช่นนี้เอง ก็จบด้วยพยัญชนะที่ท่านบอกว่าเป็น อนุตตรังจิตตัง
จบด้วยอนุตตรังจิตตังคืออย่างไร ก็คือจิตที่ ปฏิบัติตามเจโตปริยญาณ 16 ดูที่จิตเป็นกิเลส กิเลส หยาบ กลาง ละเอียด จนกระทั่งถึงสิ้นอาสวะ หมดเกลี้ยงอาสวะ คุณก็จะเรียนรู้ว่า อาสวะมันเป็นเช่นนี้เอง ดับได้ 1 หน่วยอาสวะ 2 หน่วย 5 หน่วย 50 หน่วย เรียกว่า อาสวะบางอย่าง ดับได้ ไปเรื่อยๆ ก็อาสวะหลายอย่างหลายๆบางอย่าง 5อย่าง 100 อย่าง จนถึง 100อย่างนั่นแหละ 50 อย่างก็ยังไม่หมด ก็ถือว่า ตัวเลข 100 ครบ 50ก็บางส่วน ซึ่งรู้จักอาสวะได้อย่างมีรูปนาม มีความเป็นกาย มีความเป็นเทวะ มีความเป็น 2 ส่วนเสมอ ที่รู้
เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นบุคคลที่ตามหาความรู้อันยิ่ง เรียกว่าอนุสารี ก็มี 2 ตระกูล ตระกูลสัทธานุสารี กับตระกูลธัมมานุสารี ท่านยังไม่ใช้คำว่าปัญญา จนกว่าจะสัมมาทิฏฐิ มีปัญญา มีสัมมาทิฏฐิแท้ จึงจะขึ้น เป็นทิฏฐิปัตตะ บุคคลทิฏฐิปัตตะ
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2566 ( 15:24:57 )
รายละเอียด
1. การเกาะกันเข้าจนติดตัง จนจิตคิดเกาะ ไม่วาง
2. มีอันติดกันตามกันอยู่ดี อยู่พร้อม ยังประกอบด้วยสภาพดึงดูดจิตหลงไว้ไม่ให้ดับสูญ หรือไม่ให้ปล่อยวาง ยังผนึกยังตรึงยังติดกันอยู่พร้อม ยังรวมกันอยู่คลุกคลีกันอยู่
3. ความประกอบด้วยกองกิเลส คลุกคลีเกี่ยวข้องด้วยกองกิเลส
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 255, หน้า 447
วิถีพุทธ หน้า 81,85
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:45:10 )
เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 04:02:29 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:20:44 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:54:14 )
รายละเอียด
ไปติดกับหมู่เกินไปนัก แต่ถ้าอยู่กับหมู่ที่ดีไม่ต้องทิ้งไปไหนหรอก มีรายละเอียดก็ต้องรู้ฐานะของหมู่
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2562 ( 16:16:16 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:48:52 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:19:46 )
รายละเอียด
1. หลงติดตัง หรือหลงจิตเกาะ
2. หลงติดในการเกี่ยวเกาะผูกพันกับหมู่กับคณะ
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 255
คนคืออะไร? หน้า 344
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2562 ( 07:46:21 )
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2563 ( 21:06:43 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:20:11 )
รายละเอียด
คือเรื่องของสังคม มันยังไม่เข้าถึงขั้นจิตวิญญาณ มันยังติดยึดอยู่กับหลักเกณฑ์ โลกๆ ยังติดสมมุติกันอยู่ กฎหมายมันออกมาว่าอย่างนั้น จริงๆกฎหมายก็รู้กันอยู่ นักกฏหมาย นักบริหารประเทศ เรียนทางรัฐศาสตร์มาก็พอรู้ว่า กฎหมายออกมาเพื่อไว้กันคนชั่ว ไม่ใช่ออกกฎหมายมาเพื่อปราบคนดี
ทีนี้คนทำดี กฎหมายไม่ได้ปราบคนดี โดยจริงๆแล้ว คนดีช่วยประเทศ เช่น อัญชะลีหรือยุทธิยง ที่กำลังกล่าวถึงตอนนี้ก็ตามหรือใครอื่นหลายผู้หลายคน ตามกฎหมายไม่ให้ไปประท้วง ออกไปประท้วงรัฐบาล กฎหมายออกว่าอย่างนั้น บอกว่าผิดเป็นกบฏ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มาฝังชิปโลกุตระใส่จิตวิญญาณตนจนเป็นอรหันต์ วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 วันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 ธันวาคม 2565 ( 11:41:42 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2563 ( 09:30:56 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 08:06:39 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:07:52 )
รายละเอียด
เป็นสังคมกลุ่มพุทธ สังคมประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ แบบของพระพุทธเจ้า สังคมที่มีวรรณะ 9 มีสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างมีสาธารณโภคี มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม แล้วมีสาธารณโภคี มีศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตาครบสมบูรณ์แบบถูกต้องเลย ไม่ใช่อธิบายด้วยภาษาเท่านั้น แต่อธิบายด้วยสภาวะจริง ที่ยืนยันองค์ประกอบ 6 ของสาราณียธรรม 6 มันเป็นจริง องค์ประกอบ 9 ของวรรณะ 9 มันเป็นจริงอย่างนี้เป็นต้น
ซึ่งอาตมาว่าใครจะว่าไม่สุดยอดก็ช่าง เราก็ว่าของเราสุดยอดก็แล้วกัน แต่ถ้ามีสุดยอดกว่าก็เอามาเทียบเคียงกันดู ซึ่งไม่ใช่ท้าทายแต่ความจริงมันเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นก็ดูไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:00:50 )
รายละเอียด
เรามั่นใจว่าเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง เราได้พิสูจน์ตัวเองสังคมกลุ่มหมู่อโศก จึงพาตัวเองและสังคม เสนอต่อมนุษย์อื่น ใครเห็นว่าดีก็รับไป ใครไม่เห็นว่าดีก็ไม่เอา อิสระเสรีภาพบังคับใครไม่ได้
เรายังมีชีวิตกันอยู่ แต่ละคนๆ ไม่ว่าเด็กหนุ่มสาว แก่ หากยังมีกำลัง กาย วาจา ใจ ก็ทำกรรม 3 ให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น และได้บรรลุผล เป็นสังคมอาริยะ เกื้อกูลกันเป็นสาธารณโภคี เป็นสังคมที่สุดยอด เลี้ยงดูกัน พึ่งเกิดแก่เจ็บตายได้ และก็เสนอคนอื่นให้มาเอาอย่างนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:05:11 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึงสังคมว่าจะสงบจะเรียบร้อยสังคมจะราบรื่น สังคมจะอยู่อย่างอบอุ่นเป็นสุข อย่างที่อาตมาได้พยายามใช้คำให้มันทันสมัย ให้มันเข้ากับยุคแล้วสื่อกันรู้ว่า เป็นสังคมของคนที่มีภูมิปัญญา มาเอาเองเรียกว่า อิสระ เราไม่ได้ไปบังคับให้ใครมาเอานะ แล้วไม่ได้ล่อหลอกไม่มีอะไรแฝง พูดให้ชัดให้ตรงให้คมให้แม่นด้วยสาระ ไม่ได้มีสี ไม่ได้มีน้ำตาล ไม่มีอะไรพอกมากเลย เพราะฉะนั้นบางอย่าง บาดเสียดสด ตรง มันไม่มีอะไรมาพรางมาบังมาลวง มันเนื้อแท้
คนที่จะมีภูมิปัญญารู้อย่างนี้แล้วมาทำอย่างนี้จริง จนมีปรากฏการณ์เกิดขึ้นจริง ให้คนที่มีภูมิปัญญารู้ได้
ใน Concept หรือใน ความยึดถือความรู้องค์รวมของคนส่วนใหญ่เป็นปุถุชน ยังมีเรื่องที่จะต้องบำเรอตนเองด้วย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) บำเรอตนไปด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มันยังไม่ลดได้ง่ายๆ
เพราะฉะนั้นคนที่ได้ศึกษาตามความรู้ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างพวกเรา จะเป็นแบบเป็นตัวอย่างที่เป็นเศรษฐกิจก็จบกิจ รัฐกิจก็จบสังคมกิจก็จบกิจ
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่18 ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณมนุษย์ และอภิวัฒน์สังคม วันจันทร์ที่ 17 เมษายน 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:57:10 )
รายละเอียด
สังคมของเรามีวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 มีคนเลี้ยงง่าย บำรุงง่าย มีคนมักน้อย 0 ก็พอ สบาย มีความจริงใจไม่เดือดร้อนลำบากใจเลย เรามีศีลอยู่ในนี้สบายจริงๆ สบายมาก ปกติ หายห่วง สามัญธรรมดา หายห่วง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
ที่มา ที่ไป
รายการทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2562 ( 16:32:12 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:49:38 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:08:21 )
รายละเอียด
ชาวอโศกยังมีสิ่งที่เฟ้อที่เกินอยู่มั่งไหม มี ขนาดพวกเรา อาตมาบอกชาวอโศกพวกเราอยู่ในฐานอนาคามีภูมิ ไม่ไปหลงกามรสของโลกเขา หรือโลกธรรม 8 ลาภยศสรรเสริญเราไม่ได้ไปอยากรวยมหาศาลอย่างข้างนอกเขาแล้ว ไม่แล้ว บางคนก็น้อยลง บางคนเคยมีเงินเป็นร้อยล้าน อาจจะไม่มีคนที่พันล้าน ยังไม่มีใครมี หรือมีก็ไม่รู้เอาซ่อนไว้แล้วไม่บอก เราก็มาสละออกจนอยู่ในนี้ ก็ไม่รู้นะ แต่ว่าขณะนี้ในชาวอโศก ร้อยล้านอาตมาไม่ถามนะว่าใครมี จะมีกี่คนกันเชียว สัก 10 ล้านนี่น่าจะมีอยู่ ยักเอาไว้ มีคนคิดว่าถ้ามีไม่ถึง 10 ล้านจะอยู่ไม่รอด ก็เป็นสิทธิของใครของมันไม่มีปัญหา เป็นอย่างไรก็ไม่ไปเบียดเบียนอะไรกับใครแต่เขาจะสละเข้ามา หรือจะสละออกไปที่อื่น เอาตัวเองให้กล้าจน ถ้าทำได้ก็เป็นสัจจะไม่มีปัญหาให้พากเพียรไปเถอะ คนเราไปบังคับกันไม่ได้ ตัวใครก็เท่าที่ตัวเองได้ ฝืนเกินไปก็ทุกข์
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 18:59:19 )
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2563 ( 07:50:39 )
เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 15:07:18 )
รายละเอียด
โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ จบไปแล้วจึงจะบอกกับตัวเองได้ ซึ่งผู้ที่ได้อรหันต์แล้วในพวกเรามี แต่ก็ยังไม่ค่อยชัดเจนตรงที่ว่า มันยังมีสังคมของชาวอโศกเป็นสังคมต่อโพธิสัตว์ มันก็เลยไปกับสังคม สังคมพาต่อไปหาโพธิสัตว์ไปได้เรื่อยๆ มันก็เลยดีเหมือนกัน มันก็น่าได้น่ามีน่าเป็นอยู่ ก็เลยไม่ค่อยจะตัดรอบ
เพราะว่าแกนชาวอโศกจะเป็นแกนปัญญา เพราะอาตมาเป็นแกนสายปัญญา ก็เลยไปอย่างนี้ ถ้าเป็นแกนเจโต แกนศรัทธาก็จะชอบตัด แม้ท่านเดินดิน ท่านบอกว่าท่านเป็นแกนเจโต ท่านมาแล้วก็ไปได้อยู่เรื่อยๆ แล้วไม่ได้ปฏิเสธอะไร เป็นแต่เพียงว่าพัฒนาตัวเองให้ดีๆก็แล้วกัน ท่านก็ว่าของท่านไป ก็ดีนะก็อย่างนี้แหละ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:38:31 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name