@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

โอฆะ 4

รายละเอียด

คือกิเลสที่ท่วมทับจิตใจ ด้วย...

1. กาม (กาโมฆะ) ความใคร่อยากท่วมทับ

2. ภพ (ภโวฆะ) ความวนเกิดท่วมทับ

3. ทิฏฐิ (ทิฏโฐฆะ) ความเห็นผิดท่วมทับ

4. อวิชชา (อวิชโชฆะ) ความหลงไม่รู้กิเลสท่วมทับ

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล้ม 11 "สังคีติสูตร"  ข้อ 258

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2562 ( 13:23:39 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:32:22 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:24:31 )

โอฆะ 4

รายละเอียด

คือกิเลสที่ท่วมทับจิตใจ ด้วย...

1. กาม (กาโมฆะ) ความใคร่อยากท่วมทับ

2. ภพ (ภโวฆะ) ความวนเกิดท่วมทับ

3. ทิฏฐิ (ทิฏโฐมะ) ความเห็นผิดท่วมทับ

4. อวิชชา (อวิชโชฆะ) ความหลงไม่รู้กิเลสท่วมทับ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 11 “สังคีติสูตร” ข้อ 258


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 18:40:41 )

โอตตัปปะ

รายละเอียด

คือ ความเกรงกลัวต่อบาป

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 500


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 12:09:06 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:30:39 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:59:09 )

โอตตัปปะ

รายละเอียด

มีญาณปัญญาชัดที่จะกลัวต่อสิ่งไม่ดี คือกลัวต่อการทำไม่ดี

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:37:23 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:37:27 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:59:33 )

โอตตัปปะ

รายละเอียด

1. ความเกรงกลัวในบาป

2. จะเกรงกลัวในบาปมากขึ้น

3. ความกลัวต่อการกระทำชั่ว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1หน้า 314 , 617)

เปิดโลกเทวดา หน้า 87

 


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:45:45 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:52:45 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:00:09 )

โอตตัปปะ เกรงกลัวทั้งต่อหน้าและลับหลัง

รายละเอียด

คำว่าโอตตัปปะ เกรงกลัวต่อสิ่งที่เราได้รู้ว่าตัวเองผิดพลาดไปแล้ว ยึดถือผิดนับถือผิด ได้อาศัยผิด เสพติดอย่างผิดๆ อีก นี่แหละ รู้ตัวแล้วคราวนี้ ละอายเป็นลักษณะของจิตที่มันยังไม่แรง พอเกรงกลัว ก็แรงขึ้น แรงจัดหนัก ไม่เอาแล้ว ละอายก็เหนียมๆ ต่อหน้าก็ละอาย ลับหลังก็เอาอยู่ แต่เกรงกลัวนี้ ต่อหน้าและลับหลังไม่เอาเลย มันชัดเจนจริงๆว่าเราหนอ มันจริงที่สุดไปเห็นความจริงว่า อื้อหือ เราโง่มานาน ไปติดยึดไปเสพเอามาเป็นประโยชน์ สิ่งที่เป็นโทษเอามาเป็นประโยชน์ งมงายอยู่ได้ ควรจะเลิก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีลให้ถึงอรหัตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:39:37 )

โอปนยิโก

รายละเอียด

คือ สิ่งนี้ ความรู้นี้ ความประพฤตินี้ ความจริงนี้ ความเป็นอย่างนี้ เป็นสิ่งเลิศ เป็นของสูงยิ่ง จึงเป็นสิ่งที่น่าเอื้อมเอามาให้ตน ควรโน้มเอามาใส่ใจตนให้ได้

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 83


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 12:52:20 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:29:42 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:00:39 )

โอปนยิโก

รายละเอียด

1. เป็นธรรมที่ควรเอาไว้ในครอบครองให้ได้ เป็นธรรมสมบัติที่น่าเอื้อม-สอย น่าไขว่คว้ายิ่งกว่าไปมัวเอื้อมไขว่คว้าหาดอกฟ้า(อันเป็นโลกีย์สมบัติ)อื่น ๆ เสียอีก เป็นเรื่องน่าโน้ม น่าน้อมเอามาให้แก่ตนอย่างยิ่ง

2. เป็นเรื่องที่จะหมายคว้า หมายเอาปัญญานั้นโน้มเอาประโยชน์นั้น เอื้อมเอากุศลผลบุญแท้ ๆ นั้นมาให้แก่ตน รู้ได้แจ้งได้ที่ในชาตินี้จริง ๆ ด้วย

3. ควรโน้มน้อมเอาให้ได้จริง

4. เป็นของสูงที่ควรโน้มน้อมเอามาใส่ใจใส่ตนให้ได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 207, ทางเอก ภาค 3 หน้า 472, ค้าบุญคือบาป หน้า 95, ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 86


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:44:10 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:01:49 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:02:00 )

โอปปาติก

รายละเอียด

การถือกำเนิดโดยไม่ต้องอาศัยดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงร่าง เปลี่ยนแต่จิตใจ เปลี่ยนแต่กรรมของตน เป็นอาการของสัตว์

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 209


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:40:57 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:02:29 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:24:52 )

โอปปาติกสัตว์

รายละเอียด

1. สัตว์ทางจิตวิญญาณ

2. วิญญาณสัตว์

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 115 ,ค้าบุญคือบาป หน้า 231


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:37:42 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:03:11 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:25:15 )

โอปปาติกะ

รายละเอียด

คุณภาสกรอธิบายนี้มันเป็นอวิชชา แต่ก่อนมีอาจารย์พร รัตนสุวรรณ บอกว่าโอปปาติกะนั้นล่องลอย อยู่เยอะแยะ ไม่มีที่อยู่ก็เลยไปสร้างเจดีย์ให้ พวก โอปปาติกะ พักอาศัย จริงๆนะท่านทำจริงๆอาจารย์พร รัตนสุวรรณ คือ หลวงพ่อมีวิญญาณล่องลอยเหมือนภิกษุสาติ คลั่งไคล้วิญญาณ  ไปสัมผัสตรงไหนก็บอกว่ามีโอปปาติกะ จนตั้งสำนักพิมพ์ตัวเองว่า สำนักพิมพ์วิญญาณ แล้วพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณเรื่องโอปปาติกะ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:44:37 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:13:36 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:25:55 )

โอปปาติกะ

รายละเอียด

จิตอันสูง เป็นวิญญาณอันดียิ่งที่มีคุณธรรมประเสริฐแล้ว จิตนั้น วิญญาณนั่นและคือสัตว์โลก(โอปปาติกสัตว์)

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 150


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:36:21 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:04 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:26:16 )

โอปปาติกะ

รายละเอียด

ขอสรุปคำว่า โอปปาติกะ ซึ่งเป็นภาษาที่บอกถึง วิญญาณ ธาตุจิต ที่เป็นอะไรก็ได้ ผู้ที่ศึกษาเรียนรู้แล้ว จะรู้ว่าจิตที่มันเป็นอะไรต่างๆนานาที่เรียกว่าเป็นสัตว์ ผู้ศึกษาถูกต้องดีแล้วก็จะเรียนรู้ว่า อันนี้ไม่ใช่สัตว์ทั้งตัวตนบุคคลเราเขา ไม่ใช่ ช้างม้าวัวควาย มีแต่คนชาตินั้นชาตินี้ ไม่ใช่ อันนี้เป็นจิตวิญญาณเป็นสัตว์ทางจิตวิญญาณ สัตว์ทางจิตวิญญาณเป็นเทวดา เป็นผีนรก เป็นต้น มีอีกเยอะรายชื่อ เป็นอาภัสรา เทวดาอาภัสราพรหม สุภกิณหาพรหม หรือรายละเอียดเป็น อากาสานัญจายตนสัตว์ วิญญาณัญจายตนสัตว์  อากิญจัญญายตนะสัตว์ เนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์ ก็เข้าใจสภาวะจิต มันเป็นเช่นนั้นๆ อย่างนั้นๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 19:37:14 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:13:52 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:02:42 )

โอปปาติกะสัตว์

รายละเอียด

จิต – เจตสิก – รูป ที่อยู่ในตัวตนร่างกายของเรานี้เอง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 426


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:35:26 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:04:38 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:26:32 )

โอปปาติกโยนิ

รายละเอียด

คือ กิเลสตาย จิตเกิดสำหรับผู้มีภูมิธรรมจริง เข้าถึงสภาวธรรมขั้นเปลี่ยนแปลงพัฒนาจิตวิญญาณเป็นการบรรลุธรรมขั้นปรมัตถสัจจะ สู่โลกุตระตามลำดับจึงชื่อว่า เป็นผู้สำเร็จจริง ก็ย่อมปฏิบัติทวนกระแสได้อย่างมีความสุข

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ”หน้า 215


เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 12:57:47 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:28:42 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:27:04 )

โอปปาติกโยนิ

รายละเอียด

1. การเกิดทางจิตวิญญาณ

2. ความเกิดจริงของจิตในจิต เป็นการผุดเกิดในตัวเอง

3. การเกิดของสัตว์โอปปาติกะ , การเกิดทางใจ , ความเกิดของสัตว์ที่ไม่มีร่างกาย เป็นการเกิดในจิตวิญญาณ

4. การเกิดทางจิต เป็นลักษณะการผุดเกิดซึ่งเกิดในตัวเอง เกิดทันที เกิดอย่างไม่มีร่องรอย ไม่มีซาก

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 225,227,228, ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 91,137,138 ,เปิดโลกเทวดา หน้า 43– 44


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:39:59 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:06:48 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:28:03 )

โอปปาติกโยนิ

รายละเอียด

การเจริญทางจิตวิญญาณเป็นโอปปาติกโยนิ จากสมมุติเทพ ก็เกิดเป็นอุบัติเทพ เจริญไปเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ เป็นพระอรหันต์ก็เป็นวิสุทธิเทพ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 13:29:19 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:38:01 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:06:13 )

โอภาส

รายละเอียด

ภูมิธรรมขั้นต้น

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 308)


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:34:23 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:07:28 )

โอภาสัญเจว สัญชานาม

รายละเอียด

ย่อมรู้สึกแสงสว่าง การจำแสงสว่าง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 232


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:33:33 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:07:56 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:03:09 )

โอรัมภาคิยสังโยชน์

รายละเอียด

สังโยชน์ 5 เบื้องต้น

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 362


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:32:38 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:44 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:03:27 )

โอรัมภาคิยสังโยชน์ 5 สังโยชน์เบื้องต่ํา 5

รายละเอียด

คือกิเลสหยาบที่ผูกมัดจิตใจไว้กับทุกข์

1. สักกายทิฏฐิ(ความเห็นว่ากิเลสเป็นตัวเรา)

2. วิจิกิจฉา(ความลังเลสงสัย)

3. สีลัพพตปรามาส(การถือศีลอย่างลูบๆคลําๆ)

4. กามฉันทะ(ความพอใจในกาม)

5. พยาบาท (ความคิดแค้นผู้อื่น)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 11 “สังคีติสูตร” ข้อ 284


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2565 ( 04:59:13 )

โอรัมภาคิยะ

รายละเอียด

สังโยชน์เบื้องต่ำ

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 187


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:31:36 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:10 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:03:44 )

โอวาทของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ตามคำตรัสพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า “สัพพปาปัสสะ
อกรณัง-กุสลัสสูปสัมปทา-สจิตตปริโยทปนัง” 

ซึ่งเป็น“ความรู้”ที่ผู้ทรงค้นพบ เป็นเจ้าของการค้นพบ ที่ต้องนับว่า เป็น“นักวิทยาศาสาตร์”ผู้ใหญ่ยิ่งยอดเยี่ยมสุดจะหาใครเท่าเทียมได้ยากเกินกว่ายาก โดยแท้ สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบนี้ ไม่ใช่“วิทยาศาสตร์”ทางวัตถุเท่านั้น แต่เป็น“วิทยาศาสตร์อันครบพร้อมทั้งวัตถุและจิตวิญญาณ”หรือทั้ง“รูปและนาม”กันทีเดียว

    

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาส่งท้ายปีเก่า 2566 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 1 วันวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2567 ( 16:42:52 )

โอวาทจากพ่อครูเนื่องในวันครบรอบ 35 ปีของชมรมมังสวิรัติ

รายละเอียด

มนุษย์มันก็กิน มนุษย์กินเป็นหลัก ตั้งแต่เป็นสัตว์เดรัจฉานมาแล้ว มันเริ่มกินมาเรื่อยๆ เป็นพืชมันก็แค่ดูดสังเคราะห์ ดูดสังเคราะห์ แต่พอเป็นสัตว์แล้วเนี่ย กินละ เริ่มกิน เป็นสัตว์ก็เริ่มกินมาจนกระทั่งมาเป็นคนก็ มาเลือกกินละ เป็นคนมาเลือกกิน เลือกไปเลือกมาเลือกบาปใส่ตน เลือกทำเวรทำภัยใส่ตัวเอง จนกระทั่งมามีปัญญารู้ ก็เลิก เลือกออกแล้ว ไม่เอาแล้วบาป เลิก บาปออก บาปออก ก็เหลือแต่สิ่งที่เป็นกุศล บุญก็ทำลายกิเลสไป ไปได้เรื่อยๆๆๆ  จนกลายเป็นคนมีแต่กุศล มีชีวิตเป็นแต่กุศล กิเลสหมดไป บาปมันเป็นตัวจัดการกิเลส หมดไป หมดไป หมดไป  เอ้ย.. ไม่ใช่บาป บุญเป็นตัวจัดการกิเลสให้ตายไป ตายไป ตายไป กรรมกิริยาที่เหลืออยู่ก็สร้างแต่กุศล เป็นแต่กุศล เพราะนั้นพวกเรานี่ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วจึงสามารถทำอะไรได้ ตรงตามสัจจะ แล้วก็ยังประโยชน์ให้แก่ตน ให้แก่โลก ไปเรื่อยๆ นะ ซึ่งอาตมาเกิดมาชาตินี้ได้มาเอาคำสอนพระพุทธเจ้ามาเผยแพร่ มาแก้ มันผิดเพี้ยนไปไกลมากเลย ดึงกลับมา จนกระทั่งพวกเรามารู้ความจริงถูกต้อง แล้วก็มาทำความถูกต้อง  ยืนยันขึ้นในโลก ซึ่งอาตมาก็มั่นใจว่าพวกเราจะเป็นตัวหลัก ปักหลักยืนยันความถูกต้องนี่ไปอีกๆๆๆ คนก็จะค่อยๆเริ่มรู้ ทั้งโลก จะเริ่มมารู้ๆๆๆๆ มาเรื่อยๆๆๆ ไม่ต้องเอาอะไรมากเอาเรื่องมังสวิรัตินี่ก็ได้ มังสวิรัตินี่จะพิสูจน์ มาเรื่อยๆๆ เขาก็รู้ เขาพอรู้ แต่ก่อนมันพอมีเหลือไง เหลือเชื้อ รู้ แต่เขาก็ไม่ชัด ไม่เจน ไม่มีอะไรยืนยัน แต่เรานี่ชัดเจน ยืนยันแล้ว เอามายืนยันพิสูจน์ ให้มนุษย์ปฏิบัติพิสูจน์ไปเรื่อยๆ มันก็จะมีแต่มวล มวลโตๆขึ้นเรื่อยๆ มวลของประชาชน ผู้คนที่เห็นจริงๆๆ ยืนยันความจริงๆขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าพวกเรายังไม่รีบตาย อายุยาวยืนจะเห็นว่าวงการ แม้แต่มังสวิรัตินี่จะเจริญก้าวหน้าไปอีก เป็นหลักเป็นแหล่งให้แก่โลกเลย ไม่แต่ในประเทศไทยเท่านั้น จะค่อยๆเห็นรูปร่างอันนี้เป็นจริงขึ้นไปเรื่อยๆ  ไม่ท้าแต่เชิญพิสูจน์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูร่วมถ่ายภาพและให้โอวาทในวันครบรอบ 35 ปี ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย

วันที่16 ตุลาคม 2561


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:55:10 )

โอวาทปาฏิโมกข์

รายละเอียด

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง กุสะลัสสูปะสัมปะทา  สจิตตะปริโยทปนัง เป็นคุณสมบัติของพระอรหันต์ จะมีมากหรือน้อยก็แล้วแต่ความจริงของคน ถ้าเป็นพระอรหันต์ขึ้นไปแล้ว ไม่มีบกพร่อง ถ้าใครเข้าใจโอวาทปาติโมกข์นี้ไม่ถูก ก็จะไปแปลว่า ละความชั่ว ประพฤติดี ทำแต่ดีไม่ทำชั่ว ทำจิตให้สะอาดผ่องใส กรรมที่ดีก็จะมีความลึกซึ้ง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 พฤศจิกายน 2562 ( 15:17:40 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:48 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:06:58 )

โอวาทปาฏิโมกข์ 3

รายละเอียด

ปาฏิโมกข์ คือ ธรรมที่อาศัยให้พ้นจากความชั่ว ผลจากคำสอนหลักของพระพุทธเจ้า  (เป็นทรัพย์แท้หรือเป็นหลักประกันของพระอรหันต์) 

1. การไม่ทำบาปทั้งปวง (สัพพปาปัสสะ  อกรณัง)

2. การทำกุศลให้ถึงพร้อม  (กุสลัสสูปสัมปทา) 

3. การชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว  (สจิตตปริโยทปนัง)  

ธรรมทั้ง 3 อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 10 "มหาปทานสูตร" ข้อ 54, พระไตรปิฎก เล่ม 25  ข้อ 24

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2562 ( 20:06:58 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:28:01 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:04:14 )

โอวาทปาฏิโมกข์ 3

รายละเอียด

ปาฏิโมกข์คือธรรมที่อาศัยให้พ้นจากความชั่ว

1.การไม่ทําบาปทั้งปวง (สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง)

2.การทํากุศลให้ถึงพร้อม (กุสะลัสสูปะสัมปะทา)

3. การชําระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว(สะจิตตะปะริโยทะปะนัง)

ธรรมทั้ง 3 อย่างนี้ เป็นคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย (เอตัง พุทธานะ สาสะนัง)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฏกเล่ม 10 “มหาปทานสูตร” ข้อ 54


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 19:36:50 )

โอวาทปาฏิโมกข์ 3 ที่แท้จริง

รายละเอียด

สัตว์ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวจนเป็นมนุษย์ไม่รู้กี่ล้านเซลล์ แต่ก็ไม่มีความรู้ที่จะทำให้จิตวิญญาณเป็นอย่างไรตามที่ต้องการ ก็ถูกทำให้จิตวิญญาณพาเป็นไป ไม่มีความรู้เลยว่าจะหยุดซาตาน ธาตุรู้ที่คิดชั่วทำชั่ว หยุดบาปไม่ให้ทำบาปใดๆเลย เพราะชั่วดีเป็นสมมุติแต่บาปบุญเป็นปรมัตถ์ สัพพปาปัสสอกรณัง กรรมกิริยาที่เหลืออยู่ก็มีแต่กุศลถ่ายเดียว กุสลสูปปสัมปทา เพราะได้ทำจิตให้สะอาดหมดจดจากเหตุปัจจัยตัวร้าย สจิตตปริโยทปนัง ถาวรยั่งยืนเลย นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) สุดยอด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:33:21 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:39:00 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:28:41 )

โอวาทปาฏิโมกข์ 4

รายละเอียด

1. ความอดทน คือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง (ขันตี ปรมัง  ตโป  ตีติกขา) 
2. ท่านผู้รู้ทั้งหลาย แม้จะกล่าวอย่างไรก็ลงสู่นิพพานอย่างยิ่ง  (นิพพานัง  ปรมัง  วทันติ  พุทธา)  ผู้รู้แปลว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสว่านิพพานเป็นธรรมะอันยิ่ง
3. ผู้ฆ่าสัตว์อื่น ทำร้ายผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต (น หิปัพพชิโต  ปรูปฆาตี)  
4. ผู้เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย (สมโณ โหติ ปรัง วิเหฐยันโต)   
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 25  ข้อ 24, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2562 ( 13:39:22 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:06 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:46:02 )

โอวาทปาฏิโมกข์ 6

รายละเอียด

1. การไม่เข้าไปว่าร้ายกัน (อนูปวาโท) 
2. การไม่เข้าไปฆ่า(ทำร้าย)กัน (อนูปฆาโต) 
3. ความสำรวมในพระปาติโมกข์ (ปาติโมกเข จ สังวโร) 
4. ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการกิน  (มัตตัญญุตา  จ  ภัตตสมิง) 
5. การนอนการนั่งอันสงัด (ปันตัญจ  สยนาสนัง) 
6. การประกอบความเพียรในอธิจิต (อธิจิตเต  จ อาโยโค)
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฏก เล่ม 25  ข้อ 24


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2562 ( 12:25:59 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:54 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:46:30 )

โอวาทปาฏิโมกข์ 

รายละเอียด

โอวาทปาติโมกข์  คือ ภาษาบาลีว่า นิพพานังปรมังสุขัง  ท่านแปลว่า  นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง  ซึ่งสมณะโพธิรักษ์แปลว่า ยิ่งกว่าสุข  นิพพานของพระพุทธเจ้าไม่สุขไม่ทุกข์  อันนี้เป็นจุดสำคัญมากเลยในความรู้ของศาสนาพุทธ ถ้าไม่เข้าใจก็วิ่งไปแสวงหาความสุข  เพราะว่าศาสนาพุทธสอนให้ดับเหตุแห่งทุกข์  เขาก็ว่าจะสุขได้อย่างไร แต่แท้จริง สุข ทุกข์ เป็นเหมือนเหรียญสองด้าน

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช  วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:15:31 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:42:58 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:47:53 )

โอวาทปาฏิโมกข์เป็นหลักประกันของพระอรหันต์ 3 อย่าง

รายละเอียด

ศาสนาที่เรียนรู้แต่ดีกับชั่วเป็นศาสนาเทวนิยม ศาสนาที่เรียนรู้ความสุขความทุกข์คือศาสนาโลกุตระ เพราะฉะนั้นจึงยากมากที่คนจะเข้าใจว่า สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง กุสลัสสูปะสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง เป็นโอวาทปาฏิโมกข์ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสกับพระอรหันต์ เป็นหลักประกันของพระอรหันต์ 3 อย่างนี้ 

คือท่านจะเป็นผู้ที่ไม่ทำบาปทั้งปวงและไม่ทำบุญด้วย ไม่ทำบุญด้วยคือละไว้ในฐานที่เข้าใจ เพราะบุญกับบาปเป็นคู่หูกัน หมดบาปก็หมดบุญ จึงมีพยัญชนะบาลีว่า ปุญญปาปปริกขีโณ แปลว่าสิ้นบุญสิ้นบาป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 11:18:10 )

โอวาทปาติโมกข์ 3

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นทุกกรรม สัพพปาปัสสะ อกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) เพราะ สจิตต ปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) เพราะจิตท่านสะอาดแล้ว ท่านกระทำกรรมที่เหลือไม่มีบาป สัพพปาปัสสะอกรณัง มีแต่กุศลเกิดท่าเดียว บุญก็ไม่มี บาปก็ไม่มี ปุญญปาปปริกขีโณแล้ว ไม่ใช่เข้าใจได้ง่ายๆนะ พูดกัน โอวาทปาติโมกข์ 3 นี่ก็พูดกันจังเลย แต่ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจได้ชัดเจนละเอียดลออเท่าไหร่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฟังธรรมให้เกิดปัญญาเพื่อสละตัวตน วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 ธันวาคม 2565 ( 12:19:16 )

โอวาทปาติโมกข์ 3 คือจิตพระอรหันต์อย่างไร

รายละเอียด

โอวาทปาติโมกข์ คือคําสอนพระพุทธเจ้า หลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้ามี 3 อย่าง ภาษาบาลีคือ สัพพปาปสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม)    สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส)สัพพปาปสอกรณัง คือผู้นั้นไม่ทำบาปทั้งปวงแล้วไม่กระทำบาปทั้งปวง กรณะคือการกระทำ สรุปแล้วโอวาทปาติโมกข์ 3 คือจิตพระอรหันต์ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องมรรค เป็นเรื่องคำสอนเป็นเรื่องปฏิบัตินะ..ไม่ใช่..แต่เป็นเรื่องผล ผู้นี้ไม่ทำบาปแล้ว สัพพปาปัสอกรณัง

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 10:51:46 )

โอวาทปาติโมกข์ 3 สอนพระอรหันต์

รายละเอียด

อันนี้แหละเป็นนัยยะสำคัญที่ว่าทำไม โอวาทปาติโมกข์ 3 สัพพะปาปัสสะอกรณัง กุสลัสสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง พระพุทธเจ้าถึงใช้พยัญชนะเหล่านี้ เพราะว่าอันนี้เป็นคำสอนที่พระพุทธเจ้าสอนพระอรหันต์ ที่ท่านสอนในยุคแรก ว่าเป็นผู้ที่หมดกิเลสแล้ว 

โอวาทปาติโมกข์ 3 ไม่ใช่แค่ละชั่วประพฤติดี แต่เป็นผู้ที่หมดบาปบุญสิ้นบาปเช่นกันแล้ว โดยเฉพาะบุญก็ไม่ต้องทำบาปก็ไม่ต้องทำ จึงเรียกว่า สัพพะปาปัสสะอกรณัง ไม่ต้องพูดแล้ว ละไว้ในฐานที่เข้าใจ หมดทั้งบุญและบาป ปุญญปาปปริกขีโณ กรรมทุกกรรม จึงมีแต่กุศลเป็นอื่นไม่ได้

3 ประโยคนี้เป็นพระปาฏิโมกข์เป็นของพระอรหันต์ทั้งนั้น แต่แปลกันว่า ละชั่วประพฤติดีนั้นมันไม่ใช่ อย่างนั้นมันเป็นโลกีย์ แต่มันดีถ่ายเดียวไม่มีชั่วเลย หากบอกว่าละชั่วประพฤติดี คนนี้ยังไกลห่างสภาวธรรมโลกุตรธรรมมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 21:15:26 )

โอวาทปาติโมกข์ 3 เป็นของพระอรหันต์ 

รายละเอียด

โอวาทปาติโมกข์ 3 มีอะไร? 1. สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง, 2. กุสลัสสูปสัมปทา, 3.สจิตตปริโยทปนัง อันนี้มันเป็นโลกุตระ พระพุทธเจ้าตรัสอันนี้กับพระอรหันต์ว่า “พวกเธอมี สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง, กุสลัสสูปสัมปทา, สจิตตปริโยทปนัง แล้ว บรรลุอรหันต์แล้วสมบูรณ์แบบจบ” 

ไม่ใช่โลกีย์ โอวาทปาติโมกข์ 3 ไม่ใช่โอวาทแบบโลกีย์ ที่ไปอธิบายว่า “สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง”คือไม่ทำชั่ว, “กุสลัสสูปสัมปทา”คือทำแต่ดี, “สจิตตปริโยทปนัง”คือทำจิตให้ผ่องใสสะอาดผ่องใส ซึ่งไม่ใช่แค่ทำดีทำชั่ว อาตมาอธิบายหลายครั้ง 

ดีชั่วมันเป็นแค่ของโลกีย์ โลกุตระนั้นเอาภาษามาเทียบเคียงได้เลย ไม่ใช่เรียนกันแค่ดีชั่ว โลกุตระนั้นก็เรียนดีชั่วตามสมมติสัจจะเข้าใจด้วย แล้วก็อนุโลมปฏิโลมกับความดีไม่ทำชั่วด้วยกับเขาเหมือนโลกียะ ไม่เป็นไร เพราะเข้าใจสมมุติสัจจะของโลกมีโลกวิทู ไม่ใช่คนไม่รู้โลกแบบหลับหูหลับตา ใครจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง อย่าเอาธรรมะไปยุ่งเกี่ยวกับโลกอะไรต่ออะไร ซึ่งมันไม่ใช่ โลกุตระนั้นรู้โลกและอยู่เหนือโลก โลกทำอะไรโลกุตรจิตโลกุตรธรรมของผู้บรรลุธรรมไม่ได้ ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ กระทบโลกธรรมอยู่ จิตก็ไม่หวั่นไหว ไม่มีกระทบกระเทือนจิตก็ยังแข็งแรงตั้งมั่นเป็นคุณสมบัติพิเศษเลย

สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง กุลัสสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง คือผู้ที่ไม่ทำบาปแล้ว สัพพะ ปาปัสสะอะกะระณัง คือไม่ทำบาป ไม่ทำโดยไม่ใช่แค่ข่มฝืน แต่พระอรหันต์เป็นปกติที่จะไม่ทำบาปแล้วโดยมีปฏิภาณปัญญารู้ทันบาปทั้งปวง บาปคือกิเลส บาปต่างจากกุศล

บาป เฉพาะเลยคือทำให้กิเลสเกิดในจิตคือบาปคู่กันกับบุญ ส่วน “กุศล” นั้นคู่กับ “อกุศล”เป็นโลกียะ, “บาป” กับ “บุญ”เป็นโลกุตระ

แต่บาป เขาเอาไปเรียกในโลกียะ ด้วยก็อนุโลมเพราะถ้าคุณ​เข้าใจบาปคืออกุศลก็ดีแล้ว ยิ่งคุณเข้าใจคำว่าบาปก็คือเรื่องของการมีกิเลส อกุศลนั้น แม้แต่สมมุติเราก็รู้ว่าอันนี้ไม่ดีตามสมมุติ แต่ไม่ได้เป็นโลกุตระ กิเลสจะไม่มีก็เป็นอกุศล หรือกิเลสจะมีก็เป็นกุศล เพราะว่าโลกเขายอมรับว่าดีสมมุติสัจจะก็ยอมรับก็ดี แต่ไม่เกี่ยวกับกิเลส กุศลอกุศลไม่ได้อธิบายกิเลสอย่างเดียว แต่อธิบายก็ได้สำหรับคนที่มีปัญญา แต่จริงๆ แล้วกุศลกับอกุศลไม่มีศูนย์ เป็นพระอรหันต์แล้วกุศลก็ยังมีอยู่ อกุศลไม่มีแล้วมีแต่กุศล จึงกุสลัสสูปสัมปทา กรรมใดๆ ของพระอรหันต์ต่อไปจึงมีแต่กุศลไม่มีอกุศลเลย บาปก็ไม่มี อกุศลก็ไม่มี นี่คือพระอรหันต์ 

แต่กุศลนั้นพระพุทธเจ้าแท้ๆ ยังไม่สันโดษในกุศล แต่บาปนั้นหมด พระอรหันต์ก็หมดบาปเต็มสมบูรณ์แล้ว ไม่มีบาปและไม่มีบุญ ทำกรรมใดๆ ไม่ต้องใช้บุญเพราะกิเลสหมดแล้วเพราะว่าบุญมีหน้าที่ฆ่ากิเลส 

สรุปโอวาทปาฏิโมกข์ 3 นั้นไม่ใช่ของโลกียะเลย แต่เป็นของโลกุตระ เป็นเรื่องของบุญบาป เป็นเรื่องของสุขทุกข์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ทำไมพ่อครูพาชาวอโศกลงสู่สนามการเมือง วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:53:34 )

โอวาทปาติโมกข์ 3 เป็นเรื่องของพระอรหันต์

รายละเอียด

อาตมาเป็นคนหมดบุญแล้วด้วยไม่มีบุญ อาตมาเป็นคนหมดบาปแล้ว อกุศลไม่มีแล้ว แต่คนไม่เข้าใจเป็นนัยยะที่ละเอียดลึกซึ้ง มีแต่กุศล 

พระอรหันต์จะเป็นผู้ที่มี สัพพปาปสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) ตามที่พระพุทธเจ้าสอนพระอรหันต์รุ่นแรกไว้ ว่าพวกคุณทั้งหลายเป็นผู้ที่ไม่ทำแล้วในเรื่องที่เป็นบาป กรรมที่เกิดขึ้นจึงมีแต่กุศล เพราะว่าได้ทำจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ไม่ต้องมีบุญมีบาปอีกแล้ว ซึ่งเขาก็เข้าใจเรื่องนี้ไม่ได้ไปแปล สัพพปาปัสสอกรณังว่า ไม่ทำชั่ว แล้วทำแต่ดี ทำจิตให้สะอาดผ่องใส ซึ่งมันไม่ใช่ 

โอวาทปาติโมกข์ 3 เป็นเรื่องของพระอรหันต์ ซึ่งเดี๋ยวนี้ความเข้าใจที่แยกไม่ออกว่า ผู้หมดบุญหมดบาป หมดดีหมดชั่ว เป็นผู้ที่ไม่ทำชั่วอย่างเด็ดขาดเลย ทำแต่ดี มีแต่กรรมที่ดีถ่ายเดียว ไม่มีอกุศลเจตนาที่จะเป็นบาป ไม่มีในพระอรหันต์ขึ้นไป เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 20:27:47 )

โอวาทปาติโมกข์เป็นของพระอรหันต์

รายละเอียด

สัพพปาปสอกรณัง (ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปกำลังสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) โอวาทปาติโมกข์เป็นของพระอรหันต์ไม่ใช่ของคนธรรมดา แปลว่าละชั่วประพฤติดีน่ะผิดต้องไม่ทำบาปแล้วบุญก็ไม่ต้องทำ แต่ไม่ต้องกล่าวคำว่าบุญ เพราะฉะนั้น สัพพปาปัสสะ แม้แต่บาปก็ไม่ทำ บุญนั้นไม่ทำอยู่แล้ว 

กรรม ของผู้ที่ทำอยู่นี้จึงมีแต่ กุสลสูปสัมปทา กรรมของผู้ที่ไม่ทำบุญไม่ทำบาปอีกแล้วคือผู้ที่มีกรรมแต่กุศลอย่างเดียว นี่เขาก็เข้าใจกันไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 23 ความมหัศจรรย์ของการแยกกายแยกจิตได้ วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มกราคม 2565 ( 21:30:24 )

โอวาทในโอกาสวันสงกรานต์

รายละเอียด

จะให้โอวาทก็คือตั้งใจศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าด้วยความตั้งอกตั้งใจ มีความพยายาม ดังที่อาตมาได้สำทับคำว่า ความพยายาม ไปเมื่อกี้นี้ให้ดีจริงๆเท่านั้นเอง แล้วไม่ต้องไปมีตัณหาล้ำหน้าที่อยากจะให้ได้เร็วเกินเป้าหมายไปสูง ทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่ถึง เดินยังไม่ถึงก็นึกว่าตัวเองถึง ก็ระวังไว้ก็แล้วกัน ก็ขอให้พรสั้นๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 18:48:23 )

โอสถ

รายละเอียด

ยารักษาโรค ในที่นี้นั้นหมายเอายารักษาโรคกิเลส โรคตัณหา โรค-อุปาทาน หรือโรคโลภะ โทสะ โมหะที่มีในตัวคนเท่านั้น

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค2 หน้า 127)


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:30:44 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:09:45 )

โอหนอ! ทั้งๆ ที่เราเองเป็นเจ้าของความรู้สึกแท้ๆ กลับเข้าใจว่าไปเกิดกับคนอื่นมันแปลกดีนะ!

รายละเอียด

ซึ่งโดยสัจจะแล้ว “เวทนา”หรือ“ความรู้สึก”ของใคร มันก็ต้องเป็น“ของคนคนนั้นเอง”  ใครจะบังอาจไปเป็น“เจ้าของความรู้สึกของใครอื่น”ได้เล่า  “ความรู้สึก”หรือ“เวทนา”ของใคร มันก็ต้องเป็น“ของคนผู้นั้นเอง”เท่านั้นสิ!  

“ความรู้สึก”ของคนนี้ จะไปเกิดกับคน“ที่ไม่ได้ถูกกระทบหรือไม่ได้สัมผัสภายนอกด้วยเลย มันจะเกิด“ความรู้สึก” ได้อย่างไร?

ผู้ที่สามารถหยั่งรู้เข้าไปถึง“ความรู้สึก”ของผู้อื่นได้นั้น ก็เป็นเพียงการประเมินเอาเองด้วย“กะเอง-คาดเอาเอง”เท่านั้น

ในเมื่อ นาย ก.เป็นผู้ถูกกระทบ นาย ก.ได้สัมผัสการกระทบภายนอกนั้น นาย ก.”ย่อมเกิด“ความรู้สึก”นั้นแต่ผู้เดียว  

แต่นาย ข.ไม่ได้รับการกระทบสัมผัสเลย แล้วนาย ข.จะเกิด“ความรู้สึก”นั้นขึ้นมาจริงได้กระนั้นหรือ? มันจะเกิดได้ยังไง? 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 369 หน้า 269


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:24:54 )

โอฬารริกอัตตา

รายละเอียด

กิเลสตัวต้นตัวใหญ่

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:39:14 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:43:29 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:48:19 )

โอฬาริก

รายละเอียด

สิ่งที่หยาบที่ใหญ่

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 143


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:29:47 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:10:08 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:04:44 )

โอฬาริกอัตตา

รายละเอียด

1. คำเรียกร่างของตัวเรา

2. ยึดมั่นถือมั่น หลงดิบหลงดีอยู่แต่ในของหยาบ ๆ ใหญ่ ๆ โต ๆ ที่เห็นรู้ได้ชัด ๆ เด่น ๆ ขนาดมหาภูตรูป ขนาดกามคุณ 5

3. ชาติที่หยาบของตน

4. ความยึดถือในส่วนของหยาบใหญ่ซึ่งนับเอามหาภูตรูปต่าง ๆ สารพัดเข้าไปเป็นตน เป็นของตน จนกระทั่งแม้ไปยึดเอาสิ่งที่เลี้ยงด้วยกวลิงการภักโข คือสิ่งที่เป็นสัตว์ เป็นบุคคลก็หลงยึดว่าเป็นเรา ของเรา

5. อัตตาหยาบ คือตัวตนขั้นรูปธรรมอันประกอบด้วยมหาภูตรูป 4บ้าง  ประกอบด้วยกวฬิงการาหารบ้าง ซึ่งได้แก่ตัวตนที่ยึดวัตถุหรือของหยาบว่าเป็นเรา เป็นของเรา เช่นเงินทอง ที่ดิน ลูก เมีย ลาภ ยศ สรรเสริญ เสียง กลิ่น รส สัมผัสนอก สัมผัสใน ฯลฯ

6. ตัวตนทางวัตถุ , ตัวตนวัตถุหยาบที่รู้ได้ภายนอกด้วยตา หู จมูก ลิ้นและการสัมผัสภายนอก

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 183 ,ทางเอก ภาค 3 หน้า 89 , รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 135

เปิดโลกเทวดา หน้า 147– 148 , วิถีพุทธ หน้า 45 , ค้าบุญคือบาป หน้า 210


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:28:55 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:11:42 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:05:45 )

โอฬาริกอัตตา

รายละเอียด

คือ  อัตตาภายนอก ก็คือ  อบายมุข จนถึงกาม ส่วน มโนมยอัตตา คือทำสำเร็จภายนอก แล้วเหลื่อมมาหาภายใน เหลือกามละเอียด มากับข้างใน ก็ทำตามลำดับ จนข้างนอกสบายหมด  สัมผัสก็วางเฉย  เหลือ  แต่ดุ๊กดิ๊ก ภายใน เป็นรูป ก็ทำได้หมดอีก ก็ เหลือรูปที่เหลือที่ถูกรู้บางเบา  เป็นอรูป  จนหมดอรูป ก็จบ  นัยละเอียดที่ซ้อนอีก  อาตมาขยายจน  อาสวะ อนุสัย  แตกต่างกันอย่างไร

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 14:29:28 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:24 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:49:08 )

โอฬาริกอัตตา

รายละเอียด

“โอฬาริกอัตตา” ก็คือกาม จะเรียกซ้ำว่า กามอัตตาก็ได้ กามภพก็ได้ โอฬาริกภพ ภพยิ่งใหญ่โอฬารใหญ่หยาบเบื้องต้น ก็ต้องรู้จัก ภพ รู้จัก อัตตาตัวนี้ ล้างอัตตา ล้างภพมา 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:50:20 )

โอฬาริกอัตตา

รายละเอียด

โอฬาริกอัตตา ก็เห็นง่าย มันคนละนัย กิเลสมันเป็นภาษาทางอาการของรวมทั้งหมด ในสิ่งที่ชั่วทั้งหมด แต่อัตตานั้นมันคือตัวตน กิเลสมันคืออาการชั่ว อัตตามันคือตัวตน แยกออกไหม กิเลสคืออาการชั่ว อัตตาคือตัวตน จะว่าอันใดเห็นยากกว่ากัน กิเลสก็เห็นยาก อัตตาก็เห็นยาก 

ถ้าจะว่าไปแล้ว คุณยังเหลืออัตตา เพราะคุณยังไม่เข้าใจอาการของความโง่คือกิเลส อาการของความโง่คือกิเลส จนกว่าคุณจะฉลาด จนกว่าคุณจะรู้กิเลสหยาบหมด รู้แล้วจบแล้วอัตตาก็หมดกิเลสก็หมด กามคุณก็รู้ กิเลสและอัตตาของ กามก็หมด เหลือปลายกิเลสตัวปลาย อัตตาตัวปลาย หมดทั้งกิเลส หมดทั้งอัตตา คุณก็จะรู้จักทั้งกิเลสทั้งอัตตาได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ตอบปัญหาผ่ามิจฉาอาชีวะ 5 วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 แรม 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2567 ( 20:11:02 )

โอฬาริกอัตตา คือกาย คือกามภายนอก

รายละเอียด

ตีอัตตาหรือกายอย่างหยาบคือโอฬาริกอัตตา คือกายคือกามภายนอก หมดกาม ทวารทั้ง 5 แล้วเข้าไปสู่รูปภพ ภวตัณหา รูปภพ อรูปภพ จึงค่อยๆเลื่อนเข้าไปเป็น มโนมยอัตตา โอฬาริกอัตตา อรูปอัตตา ในอัตตา 3  ซึ่งไม่ได้เข้าใจอัตตาได้ง่ายๆ แล้วต้องล้างก่อนนะโอฬาริกอัตตาหรือกาม ต้องล้างออกไม่มีกายให้ได้ก่อน คุณจึงจะเหลือรูปภพ อรูปภพ เหลือภวตัณหา แต่คุณยังมี โอฬาริกอัตตาหรือมีกายครอบอยู่อย่างนี้ ไม่มีทางเข้าไปภายในได้ เหมือนกับจะกินทุเรียนโดยเอาปากไปกัดเปลือกทุเรียนได้อย่างไร คุณจะมาเรียกว่าเอาพร้าเอามีดมาเจาะเอาเปลือกออกก่อน คุณก็ต้องทำด้วยตัวเองสิ แต่เอาปากกัดเปลือกทุกเรียน อาตมาว่า ปากคุณพังก่อนได้กินทุเรียน มันไม่ได้ อ้างทุเรียนนี้ชัดดีเหมือนกันนะ ไปอ้างถ้ำ ภูเขาก็ยาก แต่เปรียบเทียบเปลือกทุเรียน คุณเอาปากกินอย่าอาศัยอย่างอื่นมันไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 6 วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564 แรม 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2564 ( 19:11:16 )

โอฬาริกอัตตา 

รายละเอียด

โอฬาริกอัตตา  คือ  อัตตาที่เกี่ยวข้องกับข้างนอกเต็มๆ

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:52:36 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:45:30 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:49:30 )

โอฬาริโก อัตตปฏิลาโภ

รายละเอียด

การเข้าครองหรือได้ตัวตนหยาบ [เป็นโอฬาริกอัตตา]

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 143


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:25:57 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:12:17 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:49:55 )

โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา

รายละเอียด

โจร ผู้ทำลายศาสนาคือใคร คือพวกนั่งหลับตาปฏิบัติออกนอกรีตศาสนาพุทธไม่มีทางบรรลุเลย ก็คือโจรปล้นศาสนาตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าไว้ เจ้าหน้าที่ที่รับคำสั่งพระราชาคือใครคืออาตมา โพธิรักษ์ มีท่านเดินดิน ถือหอกไปช่วยอาตมาด้วย อาตมาหมดแรงท่านก็ช่วยแทง ท่านฟ้าไท ท่านถักบุญ ท่านด่วนดี สม.กล้าข้ามฝัน สม.รินฟ้า นั่นแหละช่วยกันถือหอกแทง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 11:04:44 )

ใกล้กลียุคแล้วศึกษาโลกุตรธรรม

รายละเอียด

โลกยุคนี้ใกล้กลียุค ก็ย่อมวุ่นวายเป็นธรรมดา ก็จะไม่สงบเรียบร้อยกันหรอก ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่สบาย นานๆ จะมีคนกระเหี้ยนกระหือรือกิเลสแรง เลยไปรุกรานคนอื่นเขา ทุกวันนี้ก็เลยมีความต้องการกันเยอะ รุกรานกันเยอะ ต้องการเป็นใหญ่ ต้องการที่จะโลภโมโทสัน เอาเปรียบใครให้ได้ ต้องการที่จะ ชนะคะคานกันอะไรก็แล้วแต่ซับซ้อน 

ถ้าไม่ศึกษาโลกุตรธรรมที่มีความ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 18:56:38 )

ใกล้กลียุคแล้วเป็นเช่นไร 

รายละเอียด

ก็ได้คนที่มีดวงตายังพอรู้ได้ เป็นชาวอโศกมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งอาตมาเห็นว่ามันจะต้องทำเพราะจะต้องพยายามสืบทอดให้เผื่อพอไปจนกระทั่งผู้ที่มีธรรมะจะได้เกิด จะได้นำพา โลกุตรธรรมนี้ยืนยาวไปจนกระทั่งถึง 2,500 ปีในพุทธกัปป์ของพระพุทธเจ้าสมณโคดม ซึ่งพุทธกัปป์ศาสนาโลกุตระธรรมของท่านมีอายุแค่ 5,000 ปี ซึ่งมีอายุน้อยที่สุดแล้วในบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มันใกล้กลียุคแล้ว 

จากนี้ไปพระพุทธเจ้าจะไม่อุบัติอีก จนหมดศาสนาพุทธในยุคนี้ เป็นยุคที่น้อยที่สุดในภัทรกัปนี้แล้ว ก็สูญสิ้น จากนั้นก็จะว่างจากศาสนาพุทธไปอีกยาวนาน กว่าจะมีพระพุทธเจ้าขึ้นมาอุบัติ ในโลกอีก มีพระศรีอาริยเมตไตรยก็อีกยาวนาน 

อาตมาเป็นคนจริงจึงพูดความจริงสู่ฟัง ซึ่งก็มั่นใจว่าไม่ได้พูดผิดอะไร พูดถูกต้องอยู่ก็ว่ากันไป

ก็สำทับกันอีกทีว่า เกิดมาเป็นคนแล้วคุณเอ๋ย จะเกิดมาอีกกี่ชาติมันไม่มีทางจบไม่มีทั้งสิ้น ปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกธาตุไปได้เป็นดินน้ำไฟลมเป็นความไม่เกิดอีกแล้ว จิตนิยามนี้แตก กายสเภทาปรัมมรณา สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เป็นความรู้ที่พระพุทธเจ้าทำได้ ไม่มีศาสนาอื่นโดยเฉพาะเทวนิยมที่ทำอย่างนี้ได้ แม้แต่ในวงการศาสนาพุทธยุคนี้ก็ยากอย่างที่กล่าวแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 สิงหาคม 2565 ( 04:49:51 )

ใกล้พระอรหันต์แต่ยังไม่ชัดเจน

รายละเอียด

ขอยืนยันชาวอโศกนี้เป็นอรหันต์หลายคน แต่ไม่รู้ที่จบ ก็เลยเลอะ ไม่รู้ที่จบวนไปเลอะใหม่มาล้างใหม่ เรียกว่าไม่เป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ชัดเจน ถ้าชัดเจนแล้วจะเป็นลำดับที่ราบลุ่มเหมือนฝั่งทะเล อาตมาไม่ได้พูดเล่นนะพูดจริง ที่อื่นไม่มีเลยที่จะมารู้เรื่องอย่างนี้โสดาบันไม่มี มีแต่อรหันต์เก๊ อรหันต์เดา ไม่มีโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี เขาอาจจะพูดบ้าง เขาพูดถึงปุถุชนแล้วเป็นอรหันต์เลย เขาจะไม่รู้ลำดับไม่รู้ขั้นตอน นี่ไม่ได้ดูถูกเขานะมันพูดถูก คือเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันน่าเศร้าใจศาสนาพุทธมันเสื่อมจนกระทั่งมันไร้คุณธรรมไร้สาระของพุทธ ไร้ความเป็นจริง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2563 ( 15:42:20 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:46:24 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:08:55 )

ใครกันแน่ที่ทำให้พระธรรมวินัยวิปริต

รายละเอียด

อาตมาเอาความจริงมาพูดท่ามกลางที่เขาหลงผิดกัน ขออภัยนะ จนกระทั่งไม่เหลือใครที่เข้าใจที่อาตมาพูดได้เลย ตอนแรกๆ ไม่มี ผู้รู้ยอดเยี่ยมของประเทศไทย เป็นผู้รู้ศาสนาพุทธเป็นที่ 1 ก็ตีอาตมาอย่างไม่เลี้ยงเลย ตีว่า เป็นผู้ที่ทำให้พระธรรมวินัยวิปริต เป็นผู้วิปริตจากพระธรรมวินัย ใครหนอ... ที่เป็นกันแน่อย่างนี้ ใครไปทักท้วง แม่ปูท้วงลูกปูว่าเดินเป๋ แล้วแม่ไม่ดูตัวเองว่าตัวเองเดินไม่ตรงเหมือนลูก ก็น่าสงสารมาก ไม่รู้ตัว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 15:40:27 )

ใครกินพืชไม่ต้องกังวลเรื่องวิบากกรรมเลย

รายละเอียด

อันนั้นด้วย เป็นเทวะ เป็นภาวะ 2 ในโลกแห่งชีวิต ขาดภาวะ 2 ไม่ได้ ชีวะชีวิต แม้แต่พืชเป็นชีวะมันก็ต้องมี 2 มีสัญญากับสังขาร หรือมีนามกับรูป รูปก็คือ1 นามก็คือสัญญากับสังขาร รวมเป็น 3 พืช เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีบาป ไม่มีบุญ 

ใครกินพืชไม่ต้องไปกังวลเรื่องวิบากเลย แต่คุณกินสัตว์อยู่ สัตว์ตัวไหนบ้างที่มันไม่ยึดถือตัวตนแล้ว ฆ่ามันไปกินได้ มีสัตว์ตัวไหนบ้าง ไม่มีหรอก มันไม่รู้เรื่อง มันก็ยึดถือเป็นตัวกูของกูทั้งนั้นแหละ แล้วมันก็จะตามเนื้อหนังมังสา ตามวิญญาณมันไปด้วย เพราะมันยึดเป็นตัวของมัน มันรู้ที่ไหนล่ะ มันไม่มีปัญญา ไม่มีวิชชาจะรู้ว่าทุกอย่างไม่มีของตัวของตน มันจะรู้หรือ สัตว์เดรัจฉาน คนแท้ๆเรียนรู้แทบตายยังจะไม่ค่อยรู้เลย พระอรหันต์ ทุกอย่างไม่ใช่ตัวใช่ตน ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา มันเป็นภาวะภาษาที่ซ้อน ง่ายๆ แต่มันรู้ยากมันเป็น อจินไตย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 13:59:04 )

ใครขี้เกียจไม่ค่อยชอบกสิกรรม ให้เปลี่ยนเสีย

รายละเอียด

ขอชื่นชม มะระขี้นก  น้ำมันคงฉ่ำ จะไม่ขมเท่าไหร่ แต่หากลูกเล็กๆจะขมมาก เขียนบอกมาว่าอันนี้คือดอกดอนญ่าควีนสิริกิติ์ มะระมาจากสวนทำกินด้านหลัง พูดถึงตรงนี้ก็อยากจะย้ำพวกเรา ใครขี้เกียจไม่ค่อยชอบกสิกรรม ให้เปลี่ยนเสีย เปลี่ยนจิตใจเหมือนกับหมอฟากฟ้าหนึ่ง ที่เกิดมาจะเป็นชาวกสิกรรมทั้งชาตินี้ชาติหน้า โควิดมันมาแจ้งเตือนเลยว่า ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่กว่าอาหาร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 10:53:39 )

ใครคือนักประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลก

รายละเอียด

มีคุณสมบัติที่โลกต้องการไม่ขัดแย้งกับสากล มีคุณสมบัติตามสากลที่ยืนยันกันได้เลย เพราะฉะนั้นในประเทศไทยนี้อาตมาก็อ้างอิงยืนยัน อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นนักประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลก อาตมาก็เป็นนักประชาธิปไตยเบอร์หนึ่งเหมือนกัน อาตมาเป็นทางด้านนามธรรม ในหลวงเป็นทางด้านรูปธรรม คนพอเข้าใจในรูปธรรมลางๆ แต่นามธรรมต้องซ้อน ที่จริงเป็นประธาน ในหลวงท่าน มีพระปรีชาญาณแสดงเต็มที่ จนทั่วโลกยอมรับเพราะเป็นรูปเห็นได้ก่อน ส่วนนามธรรมนั้น ละเอียดกว่ายากกว่าสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 11:57:29 )

ใครคือนักเศรษฐศาสตร์เบอร์ 1 ของโลก

รายละเอียด

คนที่สามารถเข้าใจชีวิตแล้วก็อยู่กับองค์ประกอบได้อย่าง ไม่เดือดร้อนไม่สะสมไม่กอบโกย ไม่ไปแย่งชิง แต่ทำงานกับเหตุปัจจัยที่เรามีใช้มีอาศัยอยู่อย่างเป็นประโยชน์ ประโยชน์ตนเองนั้นไม่ต้องมาขนาดนี้ก็ได้แล้ว ส่วนมันมีประโยชน์มากกว่านั้น เราก็เข้าใจแล้วก็สร้างเพื่อผู้อื่น ไม่ได้สร้างเพื่อประโยชน์ตนเองแต่สร้างเพื่อประโยชน์ผู้อื่น คนผู้นี้เข้าใจอย่างนี้จึงเป็นนักเศรษฐกิจหรือเป็นนักเศรษฐศาสตร์เบอร์ 1 ไม่มีตัวตน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่สะสมสร้างสรรเสียสละ มีวรรณะ 9 เศรษฐศาสตร์หรือว่าบุคคลผู้ที่มีคุณธรรม วรรณะ 9 หรือสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 นั่นแหละคือนักเศรษฐศาสตร์เบอร์ 1 ของโลก ชาวอโศกเราเป็นต้น เป็นนักเศรษฐศาสตร์เบอร์ 1 ประสบผลสำเร็จสำเร็จเศรษฐกิจของตัวเอง แม้แต่สังคมรวมชาวอโศกก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจตัวเองแล้ว เดี๋ยวนี้ อาตมาตัดสินแล้วยืนยันว่าชาวอโศกมีเศรษฐกิจดีที่สุด

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:37:55 )

ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล ในพุทธศาสนา

รายละเอียด

10. จูฬสาโรปมสูตร อุปมานักบวชกับผู้แสวงหาแก่นไม้

[354] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลย กระพี้ ละเลยเปลือก ละเลยสะเก็ดไปเสีย ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น บุรุษผู้มีจักษุเห็น เขาผู้นั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือกละเลยสะเก็ดไปเสีย ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือกไปเสีย ถากเอาสะเก็ดถือไป สำคัญว่าแก่น บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้วพึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จักสะเก็ดไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือกไปเสีย ถากเอาสะเก็ดถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขาจักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา

หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ไปเสียถากเอาเปลือกถือไป สำคัญว่าแก่น บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ไปเสีย ถากเอาเปลือกถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา

หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่นไปเสีย ถากเอากระพี้ถือไป สำคัญว่าแก่น บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่นไปเสีย ถากเอากระพี้ถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา

หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ตัดเอาแก่นนั้นแหละถือไป รู้อยู่ว่าแก่น บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ รู้จักแก่น รู้จักกระพี้ รู้จักเปลือก รู้จักสะเก็ด รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ตัดเอาแก่นนั่นแหละถือไป รู้อยู่ว่าแก่นและกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขาจักสำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด.
[355] ดูกรพราหมณ์ ฉันนั้นเหมือนกันแล กุลบุตรบางคนในโลกนี้ มีศรัทธาออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า

ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ. เขาบวชอย่างนั้นแล้ว ยังลาภสักการะและความสรรเสริญให้บังเกิดขึ้น. เขามีความยินดี มีความดำริเต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น. เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญอันนั้น เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่าเรามีลาภสักการะและความสรรเสริญ ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ ไม่ปรากฏ [หรือมีคนรู้จักน้อย] มีศักดาน้อย. อนึ่ง เขาไม่ยังฉันทะให้เกิด ไม่พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่าและประณีตกว่า ลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน ท้อถอยเปรียบเหมือนบุรุษคนนั้น ที่มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก ละเลยสะเก็ดไปเสียตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด. ดูกรพราหมณ์ เราเรียกบุคคลนี้ว่า มีอุปมาฉันนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2565 ( 09:22:47 )

ใครคือพระกรรมฐานแท้

รายละเอียด

ส่วนในเข้าไปนั้นเป็นจิตนิยาม แยก ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง อันไหนส่วนใดเป็นกาย เรียกว่าเป็นกายแต่ไม่มีจิตที่เป็นเวทนา แยกกายแยกเวทนา แยกจิต แยกธรรม 

ถ้าคุณแยกอย่างนี้ไม่ออกก็จะไปปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ไม่ได้ สติปัฏฐาน 4 มีกาย เวทนาจิต ธรรม ในมูลกรรมฐานพระบวชใหม่ต้องแยกให้ออก ไม่งั้นปฏิบัติโลกียะโลกุตระไม่ได้ กุศลอกุศลคุณก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นสอนกัน ผู้ที่เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์สอนอย่างที่อาตมาอธิบายนี้ไหม แล้วมันเหลือไหมศาสนาพุทธ มีแต่อาตมาที่มาสอนนี่แหละ ฟังให้ดี อาตมานี่แหละคือพระกรรมฐานแท้ นอกนั้นกรรมฐานเวจ ไม่มีสาระอะไร ศึกษาให้ดีที่อาตมาพูดนี้บางอย่างดูเหมือนน่าเกลียดเหมือนถล่มทลายข่มคนอื่นมาก ก็ต้องขออภัยพูดภาษาวิชาการให้ฟัง 

สรุปแล้วคุณจะให้อาตมานี้เข้าไปให้พระกรรมฐานเหล่านั้นแก้กรรมฐานอาตมาไม่ได้หรอก อาตมาต่างหากจะต้องไปเป็นคนแก้ เพราะว่ากรรมฐานเหล่านั้นตกเวจหมดแล้ว ก็ต้องช่วย อาตมาเชื่อว่าคุณหวังดีจริงๆ แต่ให้เชื่อคุณนั้นอาตมาขอค้านไม่เชื่อคุณหรอก เพราะถ้าขืนเชื่อคุณอาตมาเน่าแน่ แต่คุณสิ น่าจะฟังอาตมาบ้าง อาตมาว่า คุณจวนจะเน่าแล้วนะ มีกลิ่นๆ แล้วพยายามดีๆ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:24:20 )

ใครคือเพื่อนสหพรหมจรรย์ที่ตั้งอยู่ในฐานะครู

รายละเอียด

ตั้งแต่สมมุติครู ไปถึงกัลยาณครู สมมุติคือ ได้กำหนดตั้งตำแหน่งขึ้นมาเป็นครูเท่านั้น ที่จริงอาจจะรู้ผิดมากกว่าถูกก็ได้เป็นครู จนกระทั่งเป็นครูที่จัดเข้าระบบ เรียกว่ากัลยาณครู จากที่เป็นครูแต่งตั้งเฉยๆ ก็มาเป็นครูที่รู้ตัวถูกตัวผิด ตัวดีตัวชั่ว กัลยาณ ดี รู้ดีรู้ชั่วมันแค่โลกียะ กระทั่งเป็นโลกียะก็เป็นกัลยาณชนรู้แค่ดีชั่ว เป็นโลกของปุถุชนโลกีย์เท่านั้น 

พอมาเป็นอาริยชน ขออภัยไม่พูดอารยะหรืออริยะนะ ขอละไว้ไม่อธิบาย ซึ่งอาริยชน หรืออาริยบุคคล เป็นผู้ที่เข้าใจโลกุตรธรรม มีอัญญามีปัญญาแล้ว จึงได้ถือว่าเป็นผู้อยู่ในฐานะครู เป็นครูอาริยะ เป็นครูโลกุตระ ถ้าจะกำหนดก็กำหนดลงไปอย่างนั้นเลย ไม่ใช่ครูแค่กัลยาณะ หรือครูที่แต่งตั้งกันเฉยๆผิดบ้างถูกบ้างผิดมากกว่าถูกอีก ซึ่งครูอย่างนี้มีเยอะแยะไปอยู่ในสายพุทธนี้ก็มีเยอะแยะไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 10:31:45 )

ใครจะธาตุแท้อะไรก็จะเลื่อมใสไปสู่ธาตุนั้น

รายละเอียด

ใครมีธาตุน้ำก็ไปหาธาตุน้ำ ใครมีธาตุน้ำมันก็ไปหาธาตุน้ำมัน ใครมีธาตุของขี้เหล้าก็ไปหาขี้เหล้า ใครมีธาตุขี้ยาก็ไปหาธาตุขี้ยา มันมีจริต ของใครของมัน มันมีความละเอียดตอบไม่ได้หรอก พูดเป็นสังขยาเลขไม่ได้หรอก 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 11:19:48 )

ใครจะน่าสงสารกว่ากัน

รายละเอียด

อาตมาเอาสารัตถะของมันมาขยายความให้ฟัง พวกเรานี้ปฏิบัติถูกตามธรรมะพระพุทธเจ้าที่ท่านพาปฏิบัติ คุณไปเปรียบเทียบดีๆ เถอะ กับคนทางโลกเขา คนทั้งโลกเขาเห็นแล้วสงสารพวกเรา 

จริงๆแล้วใครจะน่าสงสารกว่ากัน เราก็สงสารเขา เขาก็มาสงสารเรา มันเป็นเทวะ เป็นสภาพ 2 คนที่ญาติดีกันก็ต่างคนต่างสงสารกัน โถ.. พวกคุณนี้อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี หนีมาอยู่อย่างนี้ โถ.. ของอร่อยๆ ทำไมไม่กิน กินแต่ผักแต่พืช เสื้อผ้าดีๆ ก็ทำไมไม่ใส่ หน้าหนาวเขาโชว์ผ้าสีสันกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:19:34 )

ใครจะมาอธิบายธรรมะอย่างนี้ในยุคนี้

รายละเอียด

ไม่มีใครจะมาอธิบายธรรมะอย่างนี้ในยุคนี้ มีอาตมาเป็นสยังอภิญญา นำอันนี้มาตามคำตรัสของพระพุทธเจ้า ก็ยืนยันอยู่นี่ เพราะฉะนั้นคนเห็นจริงแล้วยิ่งฟังยิ่งตาม ยิ่งปฏิบัติด้วยยิ่งชัด ส่วนคนไม่เห็นจริง คุณจะไปรู้เรื่องอะไร คุณก็ไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาไปบังคับความเชื่อคนไม่ได้ คุณมีปฏิภาณปัญญารู้ว่าใช่ คุณก็จะรู้ว่าใช่เอง คนที่ศึกษาตาม ปฏิบัติตามได้ มีภูมิขึ้นตามก็จะช่วยอธิบายต่อไป 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 30 ประกาศกองทัพธรรมไปร่วมชุมนุมให้กำลังใจ สว. วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566 วันแรม 15 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 13:46:28 )

ใครจะใหญ่กว่าอาหาร

รายละเอียด

เช่น สรุปง่ายๆ อย่างคุณนกเขาสรุปว่า ไทยนี่ขาดทุนไปตั้งเท่าไหร่ เสียเปรียบไปตั้งเท่าไหร่ อาตมาขอสรุปว่า ดีที่สุดแล้วเราจะมาเป็นผู้เสียเปรียบ และมาเป็นผู้ขาดทุน โดยที่เรายังอุดมสมบูรณ์ นี่แหละยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แกล้ง อุดมสมบูรณ์จริงๆ ไม่ได้อุดมสมบูรณ์ด้วยแบงค์ Note ธนบัตร ทองคำ เพชรนิลจินดา ไม่ นั่นเป็นเรื่องขี้ผงมาก แต่เรื่องอาหารเป็นหนึ่งในโลก ใหญ่ที่สุด ปูตินไม่กินอาหารก็ตาย สีจิ้นผิงไม่กินอาหารก็ตาย ยิ่งคิมจองอึนไม่กินอาหารก็ตาย ใครมันจะใหญ่กว่าอาหาร โลกไม่มีอาวุธไม่เป็นไรเลย แต่โลกไม่มีอาหารจะเหลือหรือ แค่นี้คิดไม่ได้ นี่มันก็โง่แล้ว แล้วจะหาคนฉลาดก็หายาก คนจะเห็นว่าอะไรเป็นเหตุปัจจัยที่สำคัญแก่ชีวิตที่ดีที่สุด พระพุทธเจ้าสรุปไว้ 4 อย่าง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อาศัยและยา 

ยาก็ไม่ได้กินทุกวัน ที่อยู่อาศัยก็ง่ายๆ ดีไม่ดีอยู่ใต้ร่มไม้ก็ได้ ที่เรามีเหลือเฟือ มาปลูกบ้านที่นี่สักแปลงสองแปลง ที่จริงอาตมาสร้างเรือนไว้รับแขกเรียกว่า รามจักรเป็นเรือนวีไอพี ตอนนี้น้ำท่วมลดแล้วล่ะ แต่น้ำท่วมไม่ถึงพื้นข้างบน ท่วมข้างล่าง เอาละเวลามันหมดแล้ว

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 21:24:37 )

ใครฉลาดกว่าใคร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเขาก็จะไม่ไปนั่งผลิตเงินๆ ทองๆ คนที่ต้องหาเงินๆ ทองๆ มาเพื่อที่จะได้ไปซื้อนั้น เป็นคนชั้น 2 ต้องมีเงินแล้วจะเอาไปซื้อของกินได้ คนชั้น 1. สร้างของกินตรงเลย ใครฉลาดกว่าใครเว้ย เงินๆ ทองๆ ไม่เห็นมีความสำคัญอะไรมากมาย! ผู้โง่งมงายในเงินทองอยู่จึงยังมี“ทุกข์”เพราะเงิน

ถ้ามันทุกข์เพราะไม่มีของกินมันก็สมควรอยู่ ไม่มีของจะกินมันก็จะตายเอา ต้องลนลานวิ่งหาของกินของใช้ อาตมาเองอาตมาเดินรอบอโศกนี้ราชธานีอโศก ไม่เห็นมันจะต้องอดต้องอยากได้ยังไง อะไรก็พืชพันธุ์ธัญญาหารนี้ขึ้นทิ้งกันของกิน เลือกกินเลือกใช้ เลือกกินเลือกยังชีพ มีอะไรต่ออะไรขึ้นมา อันนี้ยกขึ้นมาหน่อยเห็นควรอะไรก็ปลูกขึ้นมา ไอ้ที่ไม่ปลูกเกิดขึ้นเองก็งามเต็มไปหมด ไม่ค่อยกินกัน ไม่ค่อยนิยม นิยมอะไรก็ปลูกอันนั้น ไม่นิยมมันขึ้นเอง บางคนก็ชอบ บางทีก็สลับชีวิต กินอย่างนั้นอย่างนี้บ้างก็เลยอุดมสมบูรณ์เนาะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2566 ( 12:48:22 )

ใครทำลายอโศกผู้นั้นคือผู้ทำลายศาสนาพุทธ

รายละเอียด

เพราะอโศกคือผู้สืบทอดศาสนาก็ใช่อีก เพราะอโศกคือศาสนา จะตีความว่า อโศกคือศาสนา ก็โดยปริยาย โดยความเข้าใจปริยาย ได้ ภาษาคำว่าอโศก แต่สภาวธรรมเป็นศาสนา ตั้งแต่อาตมาทำงานมา ออกบวชมาก็ได้ฉายาชาวอโศก ก็เป็นเรื่องของศาสนาทั้งนั้นโดยเฉพาะศาสนาพุทธ ที่เป็นโลกุตระด้วย อโศกคือ ผู้สืบทอดศาสนา ใช่ที่สุด ใครที่คิดจะทำลายอโศกก็คือทำลายศาสนาอันนี้ก็จริง ใบแพรเขาพูดก็ถูก แต่คนตื้นๆ เขาจะไม่รู้สึกหรอกใครทำลายโพธิรักษ์ หรือใครทำลายอโศก คือผู้ทำลายศาสนาพุทธ เขาจะไม่ลึกซึ้งปานนั้น คุณเข้าใจก็ดีแล้ว 

เอาละ ของคนอื่นบ้าง ... มีกลอนของเพื่อนสมณะเด่นตะวัน

๏ จันทร์สามสิบพฤษภ์สิ้น วิสาข์ มาสแฮ

เดือนดับลับโลกา     มืดกลุ้ม

แต่จันทร์ไม่ปลาสนา ไปตลอด

ย่อมเปลี่ยนเวียนแสงชุ่ม- ฉ่ำให้โลกเย็น.ฯ

๏ เป็นคติมีชั่วแล้ว เจ็ดที

ย่อมจักเกิดสิ่งดี    ส่งให้

ดีครบเจ็ดหนมี      มาสู่

รอเถิดรอ,รอมาได้ เกือบจะแล้วแปดฉนำ.ฯ

๏ วันนี้ทำจิตให้     สว่างงาม

เลิกลุ่มหลงพวกทราม สุดร้าย

อย่าปล่อยให้โลกหยาม ย่ำเหยียด

มองว่าเมืองไทยคล้าย โลกล้านปีคง.๚ะ๛

พ่อท่านว่างๆ ให้ดูโคลงบทนี้ว่าถูกต้องดีไหม    เพื่อนผมส่งมาให้  ผมไม่เก่งหรือเรียกว่าไม่รู้เรื่องโคลงเลยดีกว่า ก็ใช้ได้มีภาษาโคลง อาตมาแต่งโคลงตั้งแต่เรียน ม.3 ม.4 อ.ภา ศรีจันทร์ สอนที่ รร.วัดกลาง อาตมาเริ่มเรื่องกวีโคลงกลอนฉันทลักษณ์มาตั้งแต่บัดนั้น ก็มีความรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่บัดนั้นมา 70 กว่าเกือบจะ 80 ปีแล้ว ก็เข้าใจ มันมีทั้งสำเนียง และอีกหลายอย่างของความไพเราะในโคลงสี่สุภาพ เรียนรู้ดีๆ อาตมาไม่วิจารณ์ต่อ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 41คนโง่ซวย รวยเด่น และเป็นกลาง วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 กรกฎาคม 2565 ( 15:23:25 )

ใครทำอาหารต่างๆ ของกินต่างๆ ให้ราคาแพงเป็นพวกโง่

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ใครทำอาหารต่างๆของกินต่างๆให้ราคาแพง มันเป็นพวกโง่ โง่ที่พูดกันไม่รู้เรื่อง โง่ที่โง่ดักดาน คือโง่ถาวรไปแล้ว โง่เปลี่ยนไม่ได้ พวกนี้เป็นพวกอย่างนั้น แต่ถ้าคนที่ฉลาดแล้วจะรู้ว่าอย่าไปทำให้มันแพง  นี่เป็นเรื่องสัจจะ 

เรามาพูดกันแต่เรื่องพวกนี้ คนที่ไม่รู้เรื่องก็หาว่าพวกเราไม่มีความรู้กว้างขวาง มันรู้แต่เรื่องอาหาร เรื่องอื่นๆในโลกมันไม่รู้เรื่อง ใช่ เรื่องออกนอกโลกนี้เราไม่รู้หรอก เรื่องสร้างปืนสร้างอาวุธสร้างระเบิดเราไม่รู้เรื่องหรอก เราก็ไม่เห็นนัอยหน้าน้อยตา แต่ถ้าเรามาทำสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นไม่ดีอาตมาว่าอย่างนี้แหละโง่ คนที่ไม่รู้เรื่องในการสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร กินเก่งแต่สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารไม่เป็น อันนั้นแหละคือพวกโง่ดักดาน อย่าไปพูดถึงอาวุธฆ่าคน แม้แต่เครื่องใช้คุณกินได้ไหม แล้วคุณไม่ได้กิน คุณจะอยู่รอดไหม อาหารมันเป็น 1 จริงๆ อย่างนี้ 

เรามีงานอโศกรำลึกเป็นเรื่องของมนุษยชาติที่มีการสร้างพิธีกรรม พิธีการ เพื่อให้คนมาเข้าใจวัฒนธรรมต่างๆ การปรุงแต่งประยุกต์ สังคมที่จะสังเคราะห์สังขารกัน ให้มาร่วมกันทำอย่างนั้นอย่างนี้ ให้มีน้ำใจ ให้มีปฏิภาณปัญญา เพื่อจะอยู่ร่วมกันอย่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นสุขสงบสบาย สังคมอโศกนี้ อาตมาพูดแล้วพูดอีก ใครจะว่าหลงของตนเองก็ไม่ว่า อาตมาทำงานมานี้ ประสบผลสำเร็จจริงๆ อยู่กันอย่างมีสาราณียธรรม 6 ตามพระพุทธเจ้าที่เป็นพระอนุสาสนีของพระพุทธเจ้าตรัสไว้เลย เป็นได้จริงๆไม่ใช่พูดเล่น อยู่กันยังเมตตาเกื้อกูลกัน เด็กผู้ใหญ่ คนแก่ คนเฒ่า คนเจ็บคนป่วยก็ช่วยกันไป คนละไม้คนละมือ นอกจากมีวิบากกรรมวิบากมัน ใครมีวิบากมากได้รับความช่วยเหลือไม่เต็มที่ คนที่มีวิบากน้อย มีกุศลวิบากเยอะ คนช่วยเหลือท่วมท้นจนล้น แต่คนที่วิบากไม่ค่อยดีก็ได้รับการช่วยเหลือน้อยก็เป็นไปตามจริง ตามกรรมตามวิบากของคน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 20:52:45 )

ใครทำให้ศาสนาพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยนเป็นบาปรีบถอนตัวเสีย

รายละเอียด

เขาตัดลัดทิ้ง ศีลทิ้งไป อปัณณกปฏิปทา 3 ทิ้งไป อปัณณกปฏิปทา 3 คือการปฏิบัติที่ไม่ผิด พยัญชนะก็บอกไว้อย่างนั้นแปลเป็นอื่นไม่ได้ เขาก็ตัดทิ้งหมดเลย สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ ไม่มีเลย สัทธรรม 7 คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหุสัจจะ วิริยะ สติ  ปัญญา ก็ไม่เกิด สับธรรมะพระพุทธเจ้าแหลกเป็นบะช่อเลย บะช่อ แปลว่า สับๆๆๆ เดี๋ยวบะช่อเสียเลย หั่นของท่านทิ้งไปหมดเลย บาปนะ เป็นโจรปล้นศาสนา เป็นผู้ทำลายศาสนา เป็นผู้ทำให้ศาสนาพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยน มันบาป ไม่ใช่ว่าอาตมาลงโทษไม่ใช่อาตมาไม่ได้ไปกล่าวไปว่าอะไร ที่พูดนี้เป็นการเตือนสติ แก้กลับเสีย ผิดไปแล้วก็รีบเลิก รีบถอนตัว

มันหนักที่ว่าเขาไม่ฟังอาตมาพูดหรอก ฟังเหมือนสายลมพัดผ่าน แล้ว เขาไม่มาเปิดฟังเปิดดูหรอก เขาก็จะไปเปิดดูแต่ มหาบัว ญาณสัมปันโน ตายแล้วเขาก็มาเปิดทวนเปิดดูอยู่ตรงนั้นเป็นใหญ่ คือ มันหลงติดยึด หลงนับถือ ครูบาอาจารย์ที่มิจฉาทิฏฐิกัน ติดยึดกัน แหม อาตมาไม่มีเสน่ห์เสียเลย เป็นคนซื่อ พูดสัจจะ พูดตรงไม่มีอ้อมค้อม ไม่พูดหวาน คารมคำคมงามงอนไม่มี มีแต่พูดเปรี้ยงๆตรงๆ ก็น่าสงสาร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 04:40:41 )

ใครที่เป็น สยังอภิญญา

รายละเอียด

คนนี้เอามาประกาศให้คนอื่นทำตามได้ไหม ..ได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นการยืนยันคำตรัสพระพุทธเจ้า คำนี้ไม่ใช่คำตรัสที่สูญเปล่า มันต้องมีสิ่งที่จริงรองรับสมัครก็ยืนยันแสดงตัว ใครที่เป็น สยังอภิญญา ไหนคนไหนมายืนยันสิ คุณเป็นคนจริงก็ต้องยืนยันแสดงจริงทำได้มีสิ่งรองรับว่าทำสำเร็จจึงจะใช่ อาตมาว่าอาตมาใช่ อาตมาก็ยังพูดอยู่เลยว่าอาตมาหลงตัวเองคนเดียวหรือเปล่า พี่ที่เป็นสยังอภิญญาอยู่ที่ไหน?(ยู้ฮูๆ) อยู่ที่ไหนช่วยมาแสดงตัวหน่อย อาตมาไม่มีจิตอยากอวดตัวสาเฐยจิต เปิดเผยความจริงอย่างไม่เหลือหรอ อาตมานี้สุดยอดนู้ด โป๊เปลือยสะอาดเปิดหมดทุกอย่าง พูดความจริงให้ดูง่ายให้ดูเข้าใจได้ง่าย

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2563 ( 11:43:44 )

ใครน่าสงสาร

รายละเอียด

อันนี้ก็เป็นนิมิตดีว่า คนเทวนิยมมองอันนี้ออก ทั้งๆ ที่ไม่ได้เบ่งด้วยอำนาจ ไม่ได้เบ่งด้วยความรวย เราก็รวยพอสมควร สำนวนในหลวง แต่เราไม่เอาก้าวหน้าอย่างมากเหมือนที่เขาก้าวหน้า มีแต่ถอยหลังอย่างเดียว ภาษาโลกุตระฟังแล้วก็ยาก ก้าวหน้าแล้วก็ถอยหลัง มันจะก้าวหน้าหรือถอยหลังกันแน่ ภาษาสิริมหามายา ถอยหลังอย่างน่ากลัวเลย แล้วเรื่องจริงทั้งนั้นคำตรัสของในหลวงเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น 

อาตมาหยิบเอามาขยายความ อธิบายอุเทส เพื่อให้เข้าใจยิ่งๆขึ้นว่า สัจจะพวกนี้มันซ้อนอยู่ในสังคมมนุษยชาติ ทั้งภาษา คำพูด พฤติกรรมต่างๆ แล้วมันมีของจริงอยู่ในประเทศไทย อาตมาเห็นผลสำเร็จ ทั้งอาตมาก็ทำ ในหลวงท่านก็ทรงงาน จนกระทั่งท่านสวรรคตไปแล้ว ท่านจะต่อ ท่านยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานหรอกน่ะ ใครไม่เชื่ออาตมาก็ไม่เป็นไร ท่านเป็นโพธิสัตว์ ท่านยังจะต่อภพภูมิอยู่ ท่านเป็นโพธิสัตว์จริงๆ เพราะฉะนั้นท่านจะต้องเกิดมาสูงกว่านั้นไปเรื่อยๆๆไม่ต้องห่วงหรอก ใครก็รู้ว่าท่านเกิดมาอีกต้องสูงกว่าเก่า ใครก็ต้องรู้ ก็มีแต่สิ่งที่ชัดเจนมีแต่สิ่งที่ประเสริฐทั้งนั้นเลย มันจะไปต่ำได้อย่างไร เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวเลย ถ้าสร้างความดีให้แก่ตัวเอง ทำดีจริงๆอย่างแน่ใจ ไม่ใช่ไปเข้าใจผิดเหมือนทักษิณ แม้แต่มหาบัวตัวเองทำผิด ก็ยังไปเข้าใจนึกว่า ตัวเองถูกอีก น่าสงสาร อาตมาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรต้องพูดความจริงเพื่อยืนยันตัวอย่าง ไม่ใช่ไปรังเกียจ สงสาร ไม่ได้รังเกียจ สงสาร ต้องใช้ภาษาที่พูดสื่อกันให้รู้อย่างนี้แหละ แล้วคำว่าสงสารนี้ก็ลึกซึ้ง เพราะเห็นมหาบัวยังจมอยู่ในสงสารไง เอาแค่นี้แหละ ก็ต้องพยายามช่วยคนที่ตกในสงสารนี้ขึ้นมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 19:40:18 )

ใครบอกว่าตัวเองเป็นพระอาริยะคนนั้นไม่ใช่พระอาริยะ

รายละเอียด

อาตมาก็ว่า ไม่ใช่พระพุทธเจ้าบอกหรอก คำพูดนี้ใครอย่ามาขี้ตู่ว่าเป็นของพระพุทธเจ้านะ พระพุทธเจ้าก็ประกาศก่อนใครเลย ตัวเองไม่ได้เป็นแล้วก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นแล้วก็ประกาศว่าตัวเองเป็นอรหันต์ก็ปาราชิก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:48:27 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:22:22 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:09:26 )

ใครบ้างเก่งทางเลว

รายละเอียด

ทักษิณเก่งมาก เป็นตัวอย่างของโลกที่เก่งมาก เก่งทางเลว เลวจริงๆ เก่งจริงๆ ตัวเองถูกออกไป ตัวเองไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่นอมินี ตัวแทน ตั้งแต่สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ โอ้โห่ หมดจากยิ่งลักษณ์แล้ว ยังมีหาง แผ่นดินไหว อาฟเตอร์ช็อค หรือพูดอีกนัยยะคือยังมีเสียงหมาเห่า บ๊องๆๆ อยู่ ยังมีอยู่ ยังไม่ยอมเลิก ไม่ยอมหยุด เพราะทั้งๆ ที่ใครก็รู้ว่าแพ้ แพ้อย่างสิ้นท่าแล้วทักษิณ แต่ก็ไม่ยอมเลย เปิดคลับเฮ้าส์ พูดอยู่ทุกวัน อย่างโน้นอย่างนี้ อย่างนี้อย่างโน้น 

นี่ รัฐศาสตร์ ย้อนไปว่า ประชาธิปไตยที่ประชาชนปฏิวัติหรือรัฐประหารรัฐบาล อย่างที่ว่านี้ 3 - 4 รัฐบาล โดยความสงบเรียบร้อย ไม่มีอาวุธ ไอ้ที่มีคนตายนั้น มันซ้อนรัฐบาลที่เขาใช้ ชายชุดดำบ้าง อะไรบ้าง มันซ้อนอะไรต่างๆ นานา ซึ่งอย่างนี้แหละมันมีความซับซ้อนอยู่ในระบบทุกอย่าง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์​ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:17:38 )

ใครฟังธรรมแล้วมาบวชหมดเป็นคำพูดที่โอเวอร์

รายละเอียด

เขาเอาคำพูดอาตมาที่อาตมาสอนแล้ว เพราะคนฟังธรรมะอาตมาแล้ว คุณไปปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วมาอยู่สันติอโศกหมด ฟังแล้วมาบวชหมด แล้วอาตมาจะทำอะไรจะเลี้ยงไหวไหมนี่ 

คือจริงๆ แล้วมันเป็นคำพูดที่โอเวอร์ คำพูดที่เกินไป มันเป็นไปไม่ได้หรอก ใครฟังธรรมที่อาตมาพูดไปแล้ว แล้วก็มาปฏิบัติ แล้วบวชหมด ปัดโธ่เอ๊ย มันเป็นไปไม่ได้ 

เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นจะต้องไปพูดอะไรให้มาก เก่งๆ พวกคุณเข้าใจแล้วจำได้ อาตมาก็ย้อนอย่างนั้นเขาก็จำนน เอาที่คุณก่อน อย่าไปคิดว่าคนอื่นจะมาบวชหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังคมของคนที่ตายจากกิเลสจนเป็นพระอาริยะ วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2565 ( 11:13:19 )

ใครมีตัวตนหยาบกว่ากัน ส.ศิวรักษ์ กับปัญญา

รายละเอียด

แต่ดูท่าทีแล้ว อาตมาดูตาม symptom ดูตามอาการ ที่ปัญญาแสดงออกยังไม่หยั่งลงถึงจิตเขาจริงๆก็ดูท่าทีจะมีน้ำหนักของปฏิภาณพอรู้เรื่องโลกุตระอยู่บ้าง เพราะการแสดงออก นัจจะ คีตะ วาทิตะของเขา ไม่มีลักษณะตัวตนหยาบ

ขออภัยยกตัวอย่าง ส.ศิวรักษ์กับปัญญา กรรมกริยาของ ส.ศิวรักษ์คุณก็เห็นอยู่ กรรมกิริยาของปัญญา คุณก็เห็นอยู่ ใครมีตัวตนหยาบกว่ากัน...ส.ศิวรักษ์ ยังมีตัวตนหยาบกว่าปัญญาที่แสดงออก อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 20:49:27 )

ใครสามารถแยกได้รู้ได้ก็เริ่มมีอัญญธาตุ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่จะแยกความรู้แบบเฉกะหรือเฉโกกับปัญญา ถ้าใครสามารถแยกได้รู้ได้ก็เริ่มมี อัญญธาตุ เริ่มตั้งแต่ตัวเองค่อยๆ รู้ตัว สะสมหน่วยกิตของ อัญญธาตุ มาถึง 50 หน่วย เคยเขียนไว้แล้วในหนังสือปัญญา 8 

เลย 50 หน่วยออกมาจึงจะเป็นความรู้โลกุตระ ที่จะเข้าใจโลกุตระดำเนินไปได้ดี ยิ่ง อัญญธาตุ ถึง 75 หน่วยมันถึงขั้น 3 ใน 4 จึงเรียกว่า นิยตะ เที่ยงแท้ที่จะบรรลุเลย อยู่ครึ่งระหว่าง 50 ก็ยังไม่ค่อยรู้ 60% ก็ยังไม่ชัดเจน 75% ชัดเจนดีแล้วได้ 3 ใน 4 มี อัญญธาตุ ถึง 3 ใน 4 ของโลกุตรธาตุเต็มๆ จึงจะสมบูรณ์ไปสู่ที่สุดที่สูง สัมโพธิปรายนะ เต็มรอบ 100 

หน่วยแรกตั้งแต่โสดาบัน จนถึงพระอรหันต์แบ่งเป็น 4 ไป 

สังขยาเลข 4 คือออกมาจากกรอบสามเส้า เป็นหน่วย cyclic order เป็นหน่วยสำเร็จรูป จะมีความรู้โผล่ออกมาจากนี้ได้เหมือนออกจากนอกโลก นี่เทียบด้วยวัตถุ  หรือจะทำให้พลังงานแตกตัวออกจาก 3 หลัก ตัวอย่างพลังงานปรมาณู เขาพยายามที่จะ ผสมส่วน ตัวมันเองมันทำไม่เป็น ปรมาณูมันทำตัวเองไม่เป็น คนถึงจะไปศึกษาพลังงานนั้น แล้วคนเป็นประธานของบวกลบ คนก็ผสมส่วนเอง เขาก็ผสมส่วนได้แล้วก็รู้ว่าอะไรจะมาเจาะให้จุดระเบิด ออกมาเป็น 4 5 6 7 ใช้พลังงานนั้นออกมาให้มากที่สุด เป็น 4 5 6 7 อย่างนี้เป็นต้น ก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้เท่าไหร่ทุกวันนี้ อาตมาไม่ได้สนใจพลังงานทางวัตถุเท่าไหร่.. มาสนใจพลังงานทางจิตวิญญาณ

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 21:17:35 )

ใครอยากได้ธรรมที่เป็นเพชรต้องเรียนรู้ไปตามลำดับมีศีล 5 ให้บริสุทธิ์

รายละเอียด

ก็มีโซนเอเชียที่รู้จักพุทธศาสนา แม้จะไม่ได้จริงจังแบบของพระพุทธเจ้าแต่ก็ได้บ้าง มีธรรมิกราช 2 องค์ในปางนี้ยุคนี้ คือในหลวงรัชกาลที่ 9 กับอาตมา เข้ามาต่อยอดของโลกุตรธรรมหรือธรรมะพระพุทธเจ้า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านก็ถนัดไปทางรูปธรรม อาตมาถนัดมาทางนามธรรม ก็ทำกันคนละหน้าที่ คนยังไม่รู้หรอกว่าธรรมะที่เป็นเพชร ไม่มีใครอยากได้ต้องเรียนรู้ไปตามลำดับมีศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ฝึกอปัณณกปฏิปทา 3 อาตมาก็เน้นในจรณะ 15 วิชชา 8 ละนิวรณ์ 5 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กันยายน 2565 ( 14:53:55 )

ใครเป็นต้นแบบของพ่อครูและทำไมถึงมีจุดเปลี่ยน

รายละเอียด

ใครเป็นต้นแบบ ทำไมถึงมีจุดเปลี่ยน เอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน 1 ใครเป็นต้นแบบ ตอบ..ไม่มี หาต้นแบบไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นต้นแบบของอาตมาก็คือของตัวเอง ที่มีมาแล้วตั้งแต่ปางก่อน ชาติก่อนๆมาถึงชาตินี้ก็มีมา พอถึงเวลาแล้วนึกได้ ก็เข้าประเด็นที่ 2 ทำไมถึงเปลี่ยนมา ที่ต้องเปลี่ยนมาเพราะ บารมีของหลวงปู่ มันมีพร้อมที่จะต้องมาเป็นเช่นนี้แล้ว มันต้องเป็นเช่นนี้เป็นตถตา เมื่อถึงเวลา อย่างหลวงปู่ทำงานอยู่ทางโลก ก็มีหาชื่อเสียงลาภยศอะไรก็มี ก็ทำได้ไม่ได้เสื่อมอะไร แต่เสร็จแล้วก็รู้สึกว่า มันก็เป็นจริงตามตถตา มันก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วอยู่อย่างนี้ มันบอกไม่ถูกเหมือนกัน มันรู้ได้ด้วยตัวเองว่าอย่างนั้นมันไม่ใช่ การไปเอาลาภยศสรรเสริญโลกียสุขมันไม่ใช่ มันก็ไป คือ ถ้าเล่าจะยาว 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 10:13:40 )

ใครเป็นธรรมวาที ใครเป็นอธรรมวาที

รายละเอียด

ไม่ใช่ภาษาพระพุทธเจ้าตรัสไว้เปล่าๆ ยุคนี้ก็มีพระอรหันต์ แต่เขาไม่เชื่อว่าอย่างที่ชาวอโศกเป็นนี้คืออรหันต์ สรุปง่ายๆ ว่าอรหันต์ชาวอโศก เขาไม่เชื่อว่าเป็นอรหันต์ ต้องอรหันต์หลับตาอย่างสายหลับตา นั้นเขาเชื่อว่าเป็นอรหันต์ อรหันต์อย่างชาวอโศกนี้เขาไม่เชื่อ ..อย่างกับลิงนี่อรหันต์ชาวอโศก ด่าเขาเป็นไฟอีก จะอรหันต์อะไรวะ ไม่เชื่อ อรหันต์ต้องไม่พูดว่าใคร ต้องนิ่งๆ เฉื่อยๆ เรียบๆ ง่ายๆ เหาะได้ด้วย เหมือนอย่างพ่อของคุณจับใจว่ามา ต้องเหาะให้ดูได้สิ แต่ตอนหลังก็ดีนะพ่อของจับใจก็อุตส่าห์มาที่นี่เลย แล้วก็มาตายที่นี่ เผาที่เฮือนสุดชีวิตเลย สุดท้ายก็สำเร็จได้ธรรมะ ภาพที่เห็นคือผู้ที่น่าสงสารทั้งนั้น (ภาพขึ้นจอ ”28 พระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์”) อาตมาช่วยท่านไม่ได้เลย เพราะท่านเองท่านยึดมั่นถือมั่นครูบาอาจารย์ลัทธิผิดๆ แล้วอาตมาก็ไม่ใช่ว่าคนจะเข้าใจได้ง่ายๆ 

จะพูดให้ชัดจริงๆ อันนี้เป็นธรรมะ อาตมาไม่ได้ดูถูกนะ พวกท่านทั้งหลายที่ว่ามานี้ ท่านอยากได้อรหันต์ อยากได้ความสูงส่งของพุทธ แต่ท่านน่าสงสารมากเลยที่ท่านเกิดผิดยุค เกิดก่อนอาตมาเกิด ท่านก็เลยไม่ได้ฟังสิ่งที่ดี ท่านได้ฟังสิ่งผิดก็เลยหลงตามผู้ที่ผิด พากันผิดไปกันหมดแล้ว อาตมาเลยกู่ไม่กลับกัน เขาก็ยืนยันประกาศพระอรหันต์ในประเทศไทย (ภาพขึ้นจอ) อันนี้เฉพาะปี 2562 รวบรวมกันเดี๋ยวนี้มีเยอะแยะ มีอรหันต์อะไรต่ออะไรอีก 

เขาก็ประกาศกันเป็นทางการอย่างนั้นนะ อาตมาก็ประกาศเหมือนกันไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ใครเป็นธรรมวาที ใครเป็นอธรรมวาที ก็ต้องศึกษากันดีๆ นะ 

แต่ละผู้แต่ละคนที่ใฝ่ธรรมะพระพุทธเจ้าอยู่ก็ต้องตั้งอกตั้งใจติดตามเสาะหา ใช้ปัญญาอันดี อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านแนะไว้ ขอให้ฟังความทั้งสองอย่างทั้ง 2 ทาง อย่าฟังความแต่ทางเดียว เพราะฉะนั้นถ้าไปปิดประตู ไม่ฟังธรรมะทางเรา ทางใด ทางหนึ่งบ้าง ฟังไปทางเดียว แน่นอนคุณก็รู้ทางเดียว คุณไม่มีทางที่จะรู้ทางที่สองได้หรือคุณฟังเหมือนกันแต่คุณฟังเหมือนน้ำชาเต็มถ้วย หรือคุณปิดฝาถ้วยเลย ฟังแล้วมันจะไปเข้าอะไร น้ำเทเข้าไปยังไงก็ไม่เข้า ต้องเปิดใจรับ เปิดถ้วยแล้วเทน้ำชาอันเก่าออกให้พร่อง แล้วฟังดีๆ เปิดใจให้ว่าง ฟังความ 2 ข้าง แล้วเปรียบเทียบกันดีๆ อาตมาพาทำนั้น มีเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย แต่ท่านไม่มี เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลายกันเลย ศีลเป็นเบื้องต้นท่านไม่เอากันแล้ว

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 34 ปฏิบัติธรรมไม่เริ่มต้นที่ศีลก็เหมือนผีหัวขาด วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 8 หนที่ 2 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 11:37:26 )

ใครเลือกเฉลิม อยู่บำรุง และลูกชายบาป

รายละเอียด

ประชาธิปไตยคราวนี้ ผู้ที่ประชาชนเลือกนั้นใช้ได้ คนที่จะได้นั้นต้องมีเล่ห์กล ถ้ามีการขี้โกงแทคติกต่างๆ ถึงจะได้นั้น ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ใช้แทคติกต่างๆ ได้รับเลือกไปจริงนะ คนนั้นใช่เป็นนักประชาธิปไตย ถ้าใครยังหาเสียง ยกตัวอย่างคุณเฉลิม อยู่บำรุง อย่าเลือกเป็นอันขาดเลยบาป ใครเลือกเฉลิม อยู่บำรุงและลูกชายนั้นบาป ขออภัยต้องพูดตรงๆเป็นตัวอย่างที่ง่าย หมอเหวงก็อีกเป็นต้น แต่จตุพรนี้ลงสมัครไม่ได้ หากตอนนั้นเขาสำนึกตัวก็อีกอย่าง เขามีพัฒนาการการสำนึกตัวอยู่นะเท่าที่ดู อาตมาให้คะแนน จตุพรเป็นน้องชายของมหาระแบบที่เป็นตัวการจะกำจัดอาตมา อาตมาไม่ได้ถือโทษโกรธเขาหรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:35:32 )

ใครเหนือกว่าคนนั้นเสียสละ ใครเหนือกว่าคนนั้นยอมรับใช้

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วว่าคนเรามันเหมือนกัน ได้อาการ 32 ได้มาเป็นคนเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นเพศผิวพรรณใด คนอยู่ในฐานะใด ส่วนไหน ซึ่งทางตะวันตก ทางยุโรป เขาก็มีอุดมคติกันนะว่ามีความเสมอภาค ภราดรภาพ สันติภาพ อะไรของเขามี 3 

แต่อาตมาเป็นคนเอามายืนยัน ภาษานี้เป็นภาษาสมัยใหม่ เสมอภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ ภาษาสมัยพระพุทธเจ้ายังไม่มีอันนี้ เพราะว่ามันเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จะไปบอกว่าเฮ้ยต้องเสมอภาคได้อย่างไร มันเป็นยุคทาส ไม่ได้ มันพูดกันไม่รู้เรื่องหรอก เขายังไม่รู้เรื่องกันนะ คนที่เป็นทาสก็ไม่รู้จักสิทธิของเขา เขาก็เหมือนกับจัณฑาล เขาเป็นทาสเขาไม่มีสิทธิ์หรอก เขาก็เหมือนสมบัติของนาย นายจะฆ่าจะแกงจะอะไรได้หมด กฎหมายก็ยังไม่มี นายทาสสามารถฆ่าลูกทาสได้ เพราะเป็นสมบัติของเขา ยิ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นเจ้าของหมดเลย ทั้งนายทั้งลูกทาส แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว ยุคนี้ไม่มีแล้ว แต่ก็ยังแบ่งชั้นที่จะเป็นเจ้าโลก เป็นอำนาจ แต่ก็ยังแบ่งที่จะเป็นเจ้าโลกเป็นอำนาจบาตรใหญ่ มันหมดกันที่ไหนเล่า 

เพราะฉะนั้นใครที่รู้ก่อนมีปฏิภาณหลุดพ้นต้องมาเมตตาเกื้อกูลช่วยเหลือกันสิ ใครเหนือกว่าคนนั้นเสียสละ เพราะฉะนั้น ใครที่รู้ก่อนมีปฏิภาณหลุดพ้นต้องมาเมตตาเกื้อกูลช่วยเหลือกันสิ ใครเหนือกว่าคนนั้นเสียสละ ใครเหนือกว่าคนนั้นยอมรับใช้ อาตมาใช้ศัพท์ถูกแล้วนะผู้ที่เหนือกว่ารับใช้ก็คือช่วยเหลือ ทำงานนั่นแหละ ทำงานช่วยคนที่ด้อยกว่าสิ เหมือนพ่อแม่ต้องช่วยลูก ลูกยังอ่อนกว่ายังไม่เป็น ด้อยกว่าพ่อแม่ ก็ต้องช่วย อย่างนี้ต่างหากคือความเจริญ ไอ้คนเหนือกว่าแล้วไปเอาเปรียบคือคนชั่ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงาน ปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47 วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 22 เมษายน 2566 ( 15:40:46 )

ใครไม่เห็นใจอาตมาอาตมาเห็นใจตัวเอง

รายละเอียด

ไอตอนจะจบแล้ว ก็สรุปอีกทีว่า อาตมาเห็นใจคุณนะ คนที่พยายามปรารถนาดีอาตมาเข้าใจคนที่เขียน เห็นว่าอาตมาจะพาเข้ารกเข้าพงอาตมาจะพาคนไปนอกลู่นอกทาง แต่อาตมากลับสงสารคุณ เห็นใจคุณจังเลย ถ้ามีคนอย่างคุณนี้ไม่น้อย คนที่เป็นอย่างคุณแต่เขาไม่แสดงออกมา บางคนแสดงออกมาจะหยาบด้วย คุณก็ยังมีความบันยะบันยัง บางคนแสดงคำหยาบออกมาก็มี แต่มันอ่านไม่ไหว มันแรงมันหยาบเกินไปไม่ไหวก็ขอผ่าน เอาอันที่พอไหวก็ค่อยยังชั่ว อันไหนที่พอพูดรู้เรื่องกัน

อาตมาไม่พูดยวนๆ ย้อนแย้งนะ ไม่ใช่ แต่มันเป็นสัจจะ อาตมาเกิดมาในยุคนี้มาทำงานศาสนา ใครไม่เห็นใจอาตมาอาตมาเห็นใจตัวเอง โพธิรักษ์เอ๋ย ทนทายาดจริงๆ อาตมาว่า ถ้าไม่ใช่อาตมาไม่ทนขนาดนี้ แล้วอาตมาจะทำไปอีกถึง 50 ปีอาตมาก็จะต่อไปอีกเกินกว่า 50 ปี อาตมาจะอยู่อีกไปถึง 151 ปี มันเกินกว่าที่อาตมาทำงาน เพราะอาตมามาบวช ตอนอายุ 36 ปี จะทำงานไปจนถึงอายุ 151 ปี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:58:46 )

ใคร่อยากในธรรมะโลกุตระเหนือกว่าโลกียะ

รายละเอียด

ตัวที่ว่า กามทางโลก, กามทางโลกียะ แต่ก็ยังมีดีมีชั่ว ก็ไปใคร่อยากในธรรมะที่เป็นกุศลธรรมมันก็ดี แต่ถ้ายิ่งมาเอาโลกุตระ กับโลกียะที่ดีมาเทียบกัน โลกุตระมันทวนกระแสโลกเลยมันก็ยิ่งดี เหนือชั้นกว่า มันเหนือกว่าโลกียะ ยิ่งกว่าก็จะเป็นประโยชน์คุณค่าให้แก่มนุษย์ เพราะว่าสิ่งที่มันเหนือกว่าสิ่งที่ดีกว่าก็คือสิ่งที่ดีกว่าอย่างแท้จริง โลกุตระมันเหนือกว่าท่านเรียกว่า อุตระ มันเหนือกว่าโลกียะ แม้แต่มีน้อยกว่าเหนือกว่า เป็นโสดาบันเหนือกว่าคนเก่งๆดีๆทางโลก แม้เป็นโลกุตระชั้นต้นก็มีค่ามากกว่าราคาแพงกว่าซึ่งหายากกว่า พระพุทธเจ้ายกย่องยิ่งกว่าอย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นความซับซ้อนที่จะต้องมาศึกษาอย่างดี แล้วก็จะรู้ความจริงพวกนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:17:55 )

ใจ

รายละเอียด

ใจคือ จิตคือธาตุรู้ อยู่ตรงไหนของร่างกาย ก็ตอบไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหนของร่างกายแต่อยู่ในคูหาสยัง อยู่ในคือร่างกายที่เรามีผิวหนังหุ้มอยู่อย่างนี้ มันอยู่ในนี้แหละ และมันก็จะเกิดมาทำงาน เมื่อผัสสะภายนอกแล้วรวมอยู่ภายใน อยู่ที่ไหน คนที่เรียนรู้ธรรมะจะต้องจับอาการที่มันมีที่อยู่ ไม่มีหลักแหล่ง บอกไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน แต่คุณจะต้องจับอาการของมัน นิมิตของมันให้รู้ให้ได้ว่าอย่างนี้แหละ ในที่มันเกิดในนี้ที่มีสัมผัสภายนอก ถ้ามันเกิดแต่ภายในมันก็ไม่ครบ แต่ถ้าสัมผัสภายนอกมันก็ครบกว่าแต่ต้องรู้ภายในด้วยนะถ้าสัมผัสภายนอก ถ้าไม่สัมผัสภายนอกรู้แต่ภายใน พวกนั้นปฏิบัติธรรมแบบพิการ ปฏิบัติธรรมไม่เต็มเต็ง มีธาตุรู้ต้องรู้ถึง 6 ส่วนคุณเหลือแต่ส่วนเดียว ทิ้งไปเสีย 5 ส่วน พวกนี้เป็นคนถ้าเป็นคนก็พิการยิ่งกว่าคนอีเดียด โมรอน เขาให้เอาทั้ง 6 แต่นี่ทิ้งไป 4-5 เอาส่วนเดียว นี่คือความพิการของความคิดของความรอบรู้ แล้วก็ไปทำความพิการมายัดเยียดให้คนอื่นรู้ตาม คนโง่ที่รู้ตามก็เลยกลายเป็นคนที่ยิ่งกว่าอีเดียด ขออภัยเอาพยัญชนะมาอธิบายสภาวะธรรมไม่ได้ไปด่าว่าใคร ศึกษาให้ดีแล้วจะเข้าใจแล้วตื่นเสียที อาตมาปลุกให้ตื่นนะนี่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:19:26 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:25:37 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:10:30 )

ใจ-อารมณ์อย่างไร พึงห้าม-ไม่พึงห้าม

รายละเอียด

บุคคลพึงห้ามใจแต่อารมณ์ใดๆ  ทุกข์ย่อมไม่มาถึงบุคคลนั้น เพราะอารมณ์นั้นๆ  บุคคลนั้นพึงห้ามใจแต่อารมณ์ทั้งปวง  บุคคลนั้นย่อมพ้นจากทุกข์เพราะอารมณ์ทั้งปวง  [ยโต  ยโต  มโน  นิวารเย น ทุกฺขเมติ  นํ ตโต ตโต ส  สพฺพโต  มโน นิวารเย ส  สพฺพโต ทุกฺขา ปมุจฺจตีติฯ] 

 บุคคลไม่ควรห้ามใจแต่อารมณ์ทั้งปวง  ที่เป็นเหตุให้ใจมาถึงความสำรวม  บาปย่อมเกิดขึ้นแต่อารมณ์ใดๆ บุคคลพึงห้ามใจแต่อารมณ์นั้นๆ

 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 15  มโนนิวารณ สูตรที่ 4

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 14:28:16 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:39 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:11:41 )

ใจกรุณา

รายละเอียด

 คือ เมื่อเขาตู่เราผิดโทษเราผิด คนไหนเขาท้วงเราผิด เราไม่โทษใครเลย เราไม่ได้ผิดอย่างนั้นเราก็เฉยเสีย เราก็บอกความจริงเขาว่าเราไม่เป็นเช่นนั้นเราเป็นเช่นนี้ พระพุทธเจ้าท่านสำทับก็ต้องบอกไม่เช่นนั้นเขาจะเข้าใจผิดเรา

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 17:43:45 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:10 )

ใจปรารถนาเอาไม่ได้ต้องเป็นไปตามสัจธรรม

รายละเอียด

การเมืองตอนนี้กำลังร้อน แต่ก็ไม่ค่อยร้อนมากหรอกในเมืองไทย อยู่ในสภาพที่เป็นไปได้ หนาวก็ไม่หนาวมากร้อนก็ไม่ร้อนมาก ใช้ได้ หนาวขนาดนี้อาตมาว่ากำลังดีทีเดียว ยิ่งหน้าร้อนถ้าอากาศเป็นอย่างนี้ตลอดกาลก็เยี่ยมเลย แต่มันไม่ได้หรอก ใจปรารถนาเอามันไม่ได้ ต้องเป็นไปตามสัจธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 11:40:11 )

ใจพอ

รายละเอียด

 เขาแปลสันโดษว่า ยินดีในสิ่งที่ตนมี จะถามคุณบิล เกตส์ ว่ายินดีในสิ่งที่ตนมีอยู่หรือไม่ เขาแปลออกนอกทิศทางพุทธหมด ควรแปลว่าใจพอ ในหลวง ร.9 เอาคำว่าพอมาใช้เป็น The Great word มาขยายเป็นแบบคนจน บริหารแบบคนจน เมืองไทยน่าภาคภูมิใจที่มีพระโพธิสัตว์มีความรู้ในทางธรรมะมาบริหารประเทศอยู่ตั้ง 70 กว่าปี สุดยอด

 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:34:57 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:39 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:12:36 )

ใจพอ ไม่ใช่พอใจ

รายละเอียด

ไปถามคนรวยที่อุตส่าห์เบี้ยวบาลี พระพุทธเจ้าบอกว่าสันโดษคือใจพอ แต่เขาไปเบี้ยวบาลีบอกว่า พึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ เอาคำว่าพอไปใส่ ว่า พึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ มันจบไหม มันไม่จบเพราะใจไม่พอ แต่มันพอใจในสิ่งที่ตนมี ใครไม่พอใจมันมีพันล้านมันก็พอใจในพันล้าน และมันอยากมีเพิ่มอีก หากมีหมื่นล้านก็ยิ่งพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ แต่มันจบเป็นใจพอไหม มันก็ไม่พอหรอก มันก็ได้เปรียบ มันยิ่งมีต้นทุน ยิ่งมีกิจการ ยิ่งมีกลไกทางตลาดกลไกโรงงาน กิจกรรมกิจการของเขา มันก็ยิ่งได้เปรียบทางกรรมวิธีทุนนิยม ไม่สิ้นสุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:55:15 )

ใจพอที่เป็นอาริยะคืออย่างไร

รายละเอียด

ถ้าเผื่อว่าทำให้คนมีใจพอ มีความมักน้อยแล้วก็สันโดษใจพอ อาตมาก็ย้ำแล้วย้ำอีกหลายที พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องศีลเป็นอริยะ สำรวมอินทรีย์อันเป็นอริยะ มีสติสัมปชัญญะอันเป็นอริยะ มีความสันโดษอันเป็นอริยะคือใจพอที่เป็นอริยะ ใจพอที่เป็นอริยะคืออะไร ก็คือน้อยแต่พอ มันจริง ใจมันพอจริงๆ ใจไม่ใช่เสแสร้างกดข่มไว้ มันพอเพราะมันลตกิเลสมันลดลด มีเท่านี้ก็พอ จริงๆมีมากกว่านี้มันเฟ้อมันเกิน จะมีมาก็ไม่ว่าอะไร มีมาก็สะพัดออกไป แค่นี้ก็พอแล้วกินเท่านี้ ใช้ตอนนี้ มีเท่านี้ พอ มากกว่านี้ก็ไม่ปฏิเสธก็ได้ แต่ก็สะพัดเป็น มีมาให้ก็สะพัดออกไปอย่างที่ควร เพราะฉะนั้นผู้ที่จบในความพออันนี้ มันมีอะไรมา มันก็สะพัดออกไป มันก็คือเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจ แต่ทุกวันนี้มีมาก็บอกว่ามีอีกไหม แล้วคนเข้าเก็บเป็นของตัวเอง ดีไม่ดีเอาไปออกดอกออกผลไปหาเพิ่มอีก นั่นเป็นลักษณะของทุนนิยมสามานย์ มันก็ไม่จบ เพราะฉะนั้นให้ศึกษาจิตเป็นประธาน จิตจะเป็นอย่างนี้ต้องเป็นจิตที่เป็นจริง มาศึกษาเรียนรู้แล้วจิตจะเป็นได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 15:23:56 )

ใจพอไม่ใช่พอใจ

รายละเอียด

ใจพอไม่ใช่พอใจ เห็นไหมมันชัดเจน เคยได้ยินไหมมหาบัวว่า พอใจๆ แทนที่จะบอกว่าขอบใจ พูดเป็นโลกุตระบอกว่าพอใจ ที่จริงต้องใจพอ พอแล้วพอ เหลือแต่คำว่า พอ พอที 

เพราะฉะนั้นคำว่า พอคำเดียว นี้ พยัญชนะคำว่า พอ ตัว พ กับ อ นี่ยิ่งใหญ่

พ คือ พฤติ คืออาการ ส่วน อ คือ สูญ​

ก็เท่ากับคุณไม่รู้จักอาการเลย แล้วคุณก็สูญอยู่ตรงนี้ มี nich แล้วมี protoplasm เกาะตรงผนัง มันไม่กระดิกเลยก็เลยไม่รู้แต่ที่จริงมันมีตัวเกิด กลล 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 07:33:29 )

ใจเป็นประธาน

รายละเอียด

ใจเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง  ใจเป็นใหญ่ ใจประเสริฐที่สุด ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม  25 "คาถาธรรมบท" ข้อ 11

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2562 ( 13:29:21 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:26:12 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:12:52 )

ใจเป็นประธาน 1

รายละเอียด

ใจเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง ใจเป็นใหญ่ ใจประเสริฐที่สุด ทุกสิ่งสําเร็จได้ด้วยใจ (มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,(พระไตรปิฎกเล่ม 25 “คาถาธรรมบท” ข้อ 11)


เวลาบันทึก 11 มีนาคม 2565 ( 15:49:54 )

ใจเป็นประธาน 1

รายละเอียด

ใจเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง ใจเป็นใหญ่ ใจประเสริฐที่สุด ทุกสิ่งสําเร็จได้ด้วยใจ (มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 25 “คาถาธรรมบท” ข้อ 11


เวลาบันทึก 19 เมษายน 2565 ( 16:28:56 )

ใจเป็นประธาน ศีลเป็นเยี่ยมในโลก

รายละเอียด

ธรรมะเป็นที่หนึ่ง ใจเป็นประธาน ศีลเป็นเยี่ยมในโลก สีลังโลเกอนุตตรัง สัจจะมีหนึ่งเดียวเท่านั้นไม่ได้มีสอง ซึ่งในอีกอันหนึ่งบอกในจูฬวิยูหสูตร สัจจะมีหนึ่งเดียวอย่างนี้เป็นต้น เป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34)

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 08:00:20 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:51 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 07:13:24 )

ใจเราเป็นอย่างไรเราทำเองทั้งนั้น

รายละเอียด

ใจเราเป็นอย่างไร มันก็ทำเองทั้งนั้น ไม่รู้ก็ทำด้วยอวิชชา เรารู้เราก็ไม่ทำให้มันมีอาการที่ผิด เราจะค่อยๆ เข้าใจ อาการ ลิงค นิมิต ตามที่อธิบาย เรียกว่า อุเทส แล้วก็คุณก็ไปทำที่จิตตรงที่มีอาการแล้วจับให้นิมิตเครื่องหมายของจิต ว่ามันมีความต่างกัน องค์ประกอบตั้งแต่ 2 หน่วยขึ้นไป มันจะมีความต่างกัน 2 หน่วยขึ้นไปไม่มีอะไรเหมือนกันเลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาพาปฏิบัติเป็นลำดับอย่างไม่กดข่ม วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2565 ( 21:13:16 )

ใช้ AI ทำงานแทน ผลจะเป็นเช่นไร

รายละเอียด

 Adam Smith บอกว่าต่อไปในอนาคต คนจะทำหน้าที่แค่นั่งผ่าน แม้จะทำเข็มหมุด เครื่องก็ทำทั้งนั้น คนคอยดูแลเท่านั้นไม่ต้องทำงานอะไรเลยเครื่องมือทำ แม้จะทำเข็มหมุด เราก็ยกไว้ว่า ยิ่งก้าวหน้ายิ่งถอยหลัง คำว่าถอยหลังนี้มีความหมายเยอะเลยคือสมรรถนะของคนจะเลวลง ความสัมพันธ์ของคนจะเลวลง สังคมก็จะไม่อบอุ่น ไม่มีคุณธรรมคุณภาพ ต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างจิตกระด้าง ไม่มีความเข้าใจไม่มีความรู้ถึงเรื่องความสัมพันธ์สังคมอะไรเป็นต้น มันจะไปกันใหญ่เลย มันเจริญทางวัตถุแต่มันจะเสื่อมทางจิตวิญญาณอย่างหนักเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 13:25:03 )

ใช้ความจริงของตนเอง

รายละเอียด

ความดีกับความไม่ดีของคน อาตมาไม่ได้ทำให้ประเทศแตกแยก อาตมาอธิบาย วิจัยเหตุปัจจัยเกี่ยวข้องกับลุงตู่ กับคนอื่นที่ไม่ได้ระบุชื่อเขานัก ระบุบ้างบางคน ซึ่งมันมีเยอะ ลุงตู่ก็มีคนเดียวนอกนั้นก็มีเยอะ แล้วก็มีกรรมกิริยา พฤติกรรมพฤติการณ์ ของคนที่เขาทำ มันมีจริงนะ อาตมาพูดถึงสิ่งที่เป็นจริง ไม่ได้พูดสิ่งที่ไปสร้างเรื่อง เขียนเรื่องอะไรกันมา มุขขึ้นมาเอง ไม่ใช่ เอาเรื่องจริงมายืนยันประกอบให้เห็นได้ว่า อันไหนมันควรจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง อันไหนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อันไหนเป็นสิ่งดี อันไหนเป็นสิ่งไม่ดี อธิบายสัจธรรมขยายสัจธรรมสู่ฟัง 

ผู้ที่ฟังด้วยดีจะได้ปัญญา ผู้ที่ฟังเพ่งโทษ ยิ่งไปยึดผิด ไปยึดสิ่งที่ผิดเป็นถูก ไปยึดสิ่งที่ถูกเป็นผิด เราจะอธิบายสิ่งที่ถูกต้องอย่างไรก็ยาก เพราะเมื่อไปยึดเสียแล้ว มันจะฟังอีกอันหนึ่งไม่เข้าใจ นอกจากไม่เข้าใจแล้วจะเห็นความแตกต่างขัดแย้ง ซึ่งเป็นคนละความหมาย เขาเข้าใจว่าอันนี้ถูก พอเรายิ่งอธิบายยิ่งมีเหตุผลมากมันก็ยิ่งแตกต่างก็เลยทำให้ยิ่งทำให้เขาเข้าใจผิด ยิ่งเขาเห็นเสริมหรือว่ามันยิ่งผิดไปใหญ่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เป็นไปตามธรรมก็ต่างคนต่างศึกษาไป ต่างคนต่างความเห็นแล้ว ถ้าไม่ศึกษาให้ดี ไม่ปฏิบัติธรรมตามหลักธรรมพระพุทธเจ้าอย่างจริงจังแล้ว จนกระทั่งมีสัมมาทิฏฐิแล้วปฏิบัติไปถึงจะเกิดความเจริญของสัมมาทิฏฐิ สัมมาปฏิบัติ สัมมาปฏิเวธ สูงขึ้น ถ้าเผื่อว่าไม่มีสัมมาทิฏฐิ เป็นมิจฉาทิฏฐิกันแล้วล่ะก็ ยิ่งจะแย้งกันแล้ว ยิ่งจะยึดถือ ยิ่งจะเพ่งโทษ ยิ่งจะเก็บเม็ดเล็กเม็ดน้อยที่มันต่างกันเข้าไปสะสม มันยิ่งจะเห็นแย้งหนักเข้าไปเรื่อย 

แต่จริงๆแล้วทุกวันนี้อาตมามองโดยรวมแล้ว ประเทศไทยมันมีเชื้อของโลกุตระ ยังไงๆอย่างพวกเราทำงานถึงทุกวันนี้แล้วไม่ง่าย อาตมาพาพวกเราทำมา 50 ปียังได้แค่นี้ แต่มันของจริง อาตมาไม่ได้หวั่นเกรงว่าสิ่งที่พาทำแล้ว นอกจากไม่หวั่นเกรงแล้วอาตมามั่นใจว่ามันถาวรยั่งยืน นอกจากจะไม่หวั่นใจแล้ว ยังมั่นใจด้วยว่าจะพัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นยิ่งขึ้น แต่แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องโลก ไม่ใช่เรื่องทำเป็นแฟชั่น ไม่ได้หรอก ทำไม่ได้ทำเป็นแฟชั่นแบบที่เขาทำอย่างโลกๆ ไม่ได้เพราะเราปลอมไม่ได้ มันหลอกไม่ได้ ปลอมไม่ได้ มันต้องเป็นจริง มันเป็นเรื่องของสัจจะตั้งแต่เริ่มต้น อิสรเสรีภาพแล้ว คนจะต้องใช้ความจริงของตนเอง เราไม่ได้ใช้วิธีหลอกล่อประเล้าประโลมอย่างที่เขาทำ เอากิเลสมาเป็นตัวตั้ง แล้วก็หลอกเอากิเลสสะสมให้เขาอยากได้อยากเป็นอยากมี 

ให้เขามาเห็นดีเห็นงามตาม เราไม่ได้ทำเลย แล้วเราระวังด้วยกลัวที่จะไปหลอกเขา ไม่อยากให้ใครที่มาที่นี่มาด้วยความถูกหลอก อยากให้มาด้วยความอิสรเสรีภาพ ภูมิปัญญาของแต่ละคน เห็นจริงเองจริงๆ เป็นความจริง เป็นสัจธรรม แล้วมาแล้วมันจบ ถ้าถูกหลอกมาแล้วมันจะไม่จบ มันจะมาเละข้างใน มันจะมารวนข้างในอีก เสียหายมาก เพราะฉะนั้นที่อาตมาให้ความเข้าใจ ทำอะไรต่ออะไรไป ก็ไตร่ตรอง ก็ไม่ได้ทำอะไรผลีผลาม ไม่ได้ทำอะไรอย่างอวดดิบอวดดีหรือสุ่มสี่สุ่มห้าทำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มีปัญญารู้ตนด้วยเจโตปริยญาณ 16 วันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 13:04:18 )

ใช้ความสงบสยบความรุนแรง

รายละเอียด

จริงๆ แล้วเริ่มตั้งแต่ 2549 อาตมานำคณะ นำสมณะนำชาวอโศก นำคนที่ไปร่วมทำมา จนเสร็จสิ้น พ.ศ 2557 แต่ละช่วงๆ อาตมาร่วมไปตลอดเลย ในระยะนั้น ซึ่งอาตมาว่าอาตมาจำได้ ไม่ได้เลอะเลือนอะไร อาตมานำพาไปชุมนุมประท้วง โดยใช้ศัพท์ว่า Neo-protest 

Neo คือแบบใหม่ แบบไหนคือแบบที่โลกเขาทำไม่สำเร็จ คือแบบใช้ความสงบสยบความรุนแรง ไม่มีอาวุธ ไม่ให้ร้ายป้ายสี ไม่เอาความเท็จ เอาแต่ความจริงมาเปิดเผย ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ  พูดแล้วก็ต้องดูว่าอยู่ในนี้ไหม โบรชัวร์แผ่นนั้น ปรัชญาการชุมนุม ได้แก่ สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น

• ยุทธวิธีการชุมนุม (รูปแบบการชุมนุม) 

    1. สุภาพ สงบ และเรียบร้อย

    2. ไม่มีความรุนแรง

    3. เสนอความรู้ และ ความจริง

    4. ไม่หยาบ

    5. ไม่ผิด

  กล่าวคำแรง เสียงดัง เท่าใดก็ได้

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 19 วาระแห่งชาติ ระดมเชียร์ลุงตู่ให้อยู่ต่อ

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2566 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 พฤษภาคม 2566 ( 12:39:55 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์