@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

สมถวิปัสสนา

รายละเอียด

ฝึกฝนพากเพียร ประพฤติจริง ๆ เพื่อให้เกิดผล เพื่อให้รู้แจ้ง มีสติมั่นคง มีใจเป็นกลาง ไม่ยึดอย่างโน้นอย่างนี้ไว้

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 72)


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:33:17 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:00:18 )

สมถสมาธิ

รายละเอียด

ระงับลง หรือดับ จะเป็นส่วนได้ซึ่งเจโตวิมุตติ

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค 1 หน้า 43)


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:34:05 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:02:27 )

สมถะ

รายละเอียด

คือความสงบระงับ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 283


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 10:50:55 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:06 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:44:57 )

สมถะ

รายละเอียด

สมถะ คือ สงบอย่างสะกดจิต  กดข่มไว้เฉยๆ เราควรทำให้เกิดความสงบปัสสัทธิ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 14:06:15 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:17:32 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:45:33 )

สมถะ

รายละเอียด

สมถะ  หมายความว่า เป็นความสงบ  สงัด ที่แน่นอยู่ในจิตอย่างเดียว แล้วดิ่งไปอย่างตั้งมั่น  สมถะเข้าไปหา ถะ ตัว ถ ถุง  เข้าไปอยู่ในถ้ำในที่มืดอย่างเดียว

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการวิถีอารยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:47:42 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:18:12 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:46:03 )

สมถะ

รายละเอียด

1. ทำการดับจิตส่วนสังขารมาแล้ว ดับได้จริง ๆ เป็นสมุจเฉทแล้ว-ในขณะทำการทำงาน เป็นอยู่นี่เอง

2. สงบ ระงับ

3. สงบระงับ ดับดวงวิญญาณ ดับดวงจิตลงไป

4. ความสงบ

5. การฝึกดับ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 202 , ทางเอก ภาค 1 หน้า 225 , ทางเอก ภาค 2 หน้า 236

สมาธิพุทธ หน้า 188 


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:36:09 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:03:46 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:47:24 )

สมถะ

รายละเอียด

เป็นพยัญชนะที่สื่อให้รู้ความสงบแบบโลกีย์ สงบแบบหลับตาสงบแบบสะกดจิต แต่สงบแบบพระพุทธเจ้านั้นสงบแบบปัสสัทธิ ในปหาน 5 มีวิกขัมภนปหาน คือกดข่ม แต่ไม่ใช่กดข่มแต่สมถะ แต่มันจะมีกดข่มไปตามธรรมชาติ เช่นคนเรามันมีไหวพริบที่จะไม่แสดงออกของกิเลส ไม่แสดงราคะโทสะออกหน้า มันก็กดข่มไว้ ทุกคนแหละแม้ไม่ได้เรียนรู้ธรรมะก็ตาม ปฏิภาณสามัญสำนึกก็ไม่อยากแสดงออก ลึกๆรู้ว่าน่าอาย แต่คนที่มีกิเลสราคะโทสะแรงๆ ความละอายมันก็น้อยมันก็แสดงออกมาเต็มที่ แล้วยิ่งไปเข้าใจผิดว่าแสดงออกถึงความจริงใจ ไปกดข่มไว้ทำไม มันก็ยิ่งน่าเกลียดใหญ่มันก็เป็นอย่างนี้แหละสังคม

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซีวิต ที่บวรปฐมอโศก ครั้งที่ 65 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 16:06:09 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:19:41 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:48:09 )

สมถะ วิปัสสนาเป็นส่วนแห่งวิชชา (วิชฺชาภาคิยา)

รายละเอียด

ธรรม 2 อย่างนี้เป็นไปในส่วนแห่งวิชชา  คือ สมถะ วิปัสสนา

สมถะที่เจริญแล้ว  ย่อมเสวยประโยชน์อะไร  (สมโถ ภาวิโต  กิมัตถมนุโภติ)  (ตอบ) ย่อมอบรมจิต (จิตตัง  ภาวิยติ)

จิตที่อบรมแล้ว ย่อมเสวยประโยชน์อะไร  (จิตตัง  ภาวิตัง  กิมัตถมนุโภติ)  (ตอบ) ย่อมละราคะได้ (โย  ราโค  โส  ปหียติ)

วิปัสสนาที่เจริญแล้ว  ย่อมเสวยประโยชน์อะไร (วิปัสสนา  ภาวิโต  กิมัตถมนุโภติ)   (ตอบ) ย่อมอบรมปัญญา (ปัญญา  ภาวิยติ)

ปัญญาที่อบรมแล้ว  ย่อมเสวยประโยชน์อะไร (ปัญญา  ภาวิตา กิมัตถมนุโภติ)  (ตอบ) ย่อมละอวิชชาได้ (ยา  อวิชชา  สา  ปหียตีติ) 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่มที่ 20  ข้อ 275

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2562 ( 14:25:10 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:00 )

สมถะกับปัสสัทธิต่างกัน

รายละเอียด

แม้แต่ความสงบก็เป็นสมถะ ความสงบของพระพุทธเจ้านั้นเป็นปัสสัทธิ มันมีสภาวะที่ต่างกันระหว่างสมถะกับปัสสัทธิ สงบแบบสมถะนั้นเป็นแบบฤาษี แบบเทวนิยม แต่ว่าสงบแบบปัสสัทธินั้นมีขั้นตอนมีวิขัมภนปหาน สมุจเฉทปหาน ปฏิปัสสัทธิปหาน นิสรณปหาน ก็ต้องรู้จักขั้นตอนในการปฏิบัติความสงบตามหลัก 5 นี้ ไม่ใช่ไปนั่งเพ่งจิตอย่างนั้นมันออกนอกรีตทำจิตให้ดิ่งเป็นหนึ่ง 

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาวิภัชชวาทีตีแตกแยกออกไป แต่คุณจะทำให้เป็นเอกังสวาทีมันก็สูญมันก็ผิด ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาเอกังสวาที แต่เป็นศาสนาวิภัชชวาที 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:03:14 )

สมถะทำให้กิเลสลดได้ชั่วคราวไม่ถาวร

รายละเอียด

สมถะทำให้ลดได้ชั่วคราวไม่ถาวร คนธรรมดามันก็เกิดสมถะได้ เวลาเกิดกิเลสราคะโทสะก็ต้องสะกดใจเอาไว้ มากบ้างน้อยบ้าง สะกดได้ไม่หมดก็แสดงออกไป คุณอายก็ต้องกดข่มไว้ว่าไม่ให้เกิดกิเลส คนเรา กดข่มไว้ไม่ให้แสดงออกอยู่แล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานเพื่อฟ้าดิน เพื่อฟ้าดิน สร้างคนจนสุขสำราญฯ ตอน4

วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 20:19:03 )

สมถะพุทธ

รายละเอียด

ความสงบของผู้รู้ ผู้ตื่น

หนังสืออ้างอิง

(จากคนคืออะไร? หน้า 254)


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:38:35 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:05:41 )

สมถะภาวนาแบบหลับตาและ สมถะภาวนาแบบลืมตา

รายละเอียด

คือเมื่อจิตฟุ้งซ่านมันก็ดับได้  มันดับได้  2 นัย

 1.นัยที่ดับได้โดยสมถะ ฝึกสมถะ นั่งหลับตา  ปฏิบัติเก่งแล้วก็มาฝึกลืมตา  เอาพลังงานที่ฝึก ขณะนั่งหลับตา เอามาใช้ มันก็จะมีกำลังดับได้  ด้วยกำลังสมถะ  แต่ดับได้สมถะนั้นไม่มีการ วิจัย วิจาร ไม่มีการรู้กิเลส ไม่รู้เหตุ  ปัจจัย ไม่รู้อิทัปปัจจยตา

ไม่รู้ปฎิจจสมุปบาท  เหมือนค้อนเหล็กดับได้

 2. ส่วนสายวิปัสสนา มีปัญญานั้นจะรู้เหตุปัจจัย ตามปฏิจจสมุปบาท  จนกระทั้งรู้ไตรลักษณ์ เกิดญาณปัญญา  ปฏิภาณ ชัดเจนสูงสุดว่าทุกอย่าง มีแต่ความเกิด  และความดับ  เอามาปรุงแต่งกัน  แล้วมันก็จบในปัจจุบันอย่างอาตมาทุกวันนี้ เห็นอะไรปรุงแต่งกัน คนนี้เป็นอย่างนี้  อันนี้เป็นอย่างนี้  อย่างเช่น อันนี้ก็ผักกาด  เอาเชื้อผักกาดมาทำ  แต่ถ้าเอาผักกาดเขียวมาผสม ผักกาดขาว มันก็เป็นอีก  ชนิดหนึ่ง เราก็จะเข้าใจว่า  ทุกอย่างมาแต่เหตุอย่างไร  ถ้าเอาเหตุมาผสมกับเหตุ มันก็จะมีเหตุเพิ่มขึ้น  ถ้าดับเหตุ เหตุก็จะดับลงเหลือน้อยลง จนกระทั่งเหลือ 1  จนกระทั่งเหลือ 0 ทำเก่ง ทำให้จบ  จนกระทั้งเหลือ 1- 0 ได้เท่านี้ แหละศาสนา ง่ายจะตาย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:36:10 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:24:40 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:51:22 )

สมถะลืมตายังไม่เข้าวิปัสสนาอย่างไร

รายละเอียด

มันยังไม่ได้เข้าวิปัสสนา ยังไม่เข้า วิปัสสนาจะต้องเข้าไปหาเวทนา ต้องอ่านสภาวะและพิจารณาสภาวะจริงๆ อธิบายสภาวะได้จะต้องมีผัสสะ 6 จะต้องมีอะไรต่ออะไร ตามหลักมรรคองค์ 8 ท่านพุทธทาสนี่ ยังไม่เข้าใกล้ ยังจับสภาวะเทวฺ  เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา อันนี้คือหัวใจของศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนาธรรมกับปัจฉา เวทนา 108 ย่อความให้ง่าย  วันที่ 10 ตุลาคม 2561

ในสวนดาว ถอดความ 


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:12:53 )

สมถะสมาธิ

รายละเอียด

ทางสายหลับตาได้แต่สมถะสมาธิ ไม่ได้วิปัสสนาสมาธิ สงบอย่างสมถะไม่ร่วมด้วยปัญญา แต่วิปัสสนาสมาธิมีปัญญาร่วมด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 17:23:19 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:59 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:51:49 )

สมถะอบรมจิต – วิปัสสนาอบรมปัญญา

รายละเอียด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย  จิตที่เศร้าหมองด้วยราคะย่อมไม่หลุดพ้น (ราคุกปักกิลิฏฐัง วา  ภิกเว จิตตัง  น วิมุจจติ)

และ ปัญญาที่เศร้าหมองด้วยอวิชชา ปัญญาย่อมไม่เจริญ

(อวิชชูปักกิลิฏฐัง วา ปัญญา  น  ภาวิยติ)

เพราะสำรอกราคะได้  จึงชื่อว่า “เจโตวิมุติ”

เพราะสำรอกอวิชชาได้  จึงชื่อว่า “ปัญญาวิมุติ”

 

ที่มา ที่ไป

(พตปฎ. ล.20  ข.276)  ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 14:21:05 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:37 )

สมถะแบบลืมตากับสมถะหลับตาไม่บรรลุธรรม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นถ้าปฏิบัติอย่างรู้ๆ เรารู้เลยว่าเราทำได้ด้วยปัญญา พลังปัญญาหรือพลังงานฌาน ทำให้พลังงานราคะ โทสะ โมหะ ลดลง ส่วนผู้ที่ไม่มีวิชชาของพระพุทธเจ้าก็ไปกดข่มทำลืม มันมาเราก็ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา รู้ นิ่ง เฉย ๆๆ รีบทิ้ง มันก็มีความชำนาญเหมือนกันนะ ฝึกเอา ตอนที่อยู่ตักกศิลา วัดมหาธาตุทางโน้น พอวันอาทิตย์ก็มีนักธรรมะมา มีคนชื่อหลวงอัตถ์ มีสูตรฝึกว่ารู้นิ่งเฉย มันก็เป็นสมถะแบบลืมตา ไปทางสายทางท่านพุทธทาสใช้ปฏิภาณไหวพริบ แต่ว่ามัน เฉโก ไม่ได้เป็นโลกุตระ ไม่ได้เป็นปัญญา มันก็ทำได้ ชำนาญได้เหมือนกัน เรียกว่าสมถะลืมตา ส่วนสมถะหลับตา เข้าป่าเขาถ้ำ ไม่เข้าก็ไปนั่งหลับตาสะกดจิตไปจนชำนาญเป็น อาฬารดาบส อุทกดาบส สังเขปคร่าวๆ สิ่งเหล่านี้ในภาคปฏิบัติ 

เพราะฉะนั้นผู้ที่สัมมาทิฏฐิและปฏิบัติอย่างที่อาตมาพามาทำ มันก็จะพิสูจน์ แล้วก็จะเข้าใจที่เขาว่า แม้เราไม่ได้ผ่าน ไม่เข้าใจเขา ก็ไม่ประหลาดใจอะไร เห็นได้ว่าเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิก็ไม่เป็นไร เราไม่เป็นก็ใช้ได้แล้ว ก็เรามาเป็นอย่างนี้ให้จบสมบูรณ์เลย จบสมบูรณ์แล้วคุณเป็นพระอรหันต์แล้ว กิเลสของคุณหมด กระทบสัมผัสอะไรตาหูจมูกลิ้นกายแม้เหลือในใจคุณก็ไม่มีกิเลสออก เพราะว่าเป็นอรหันต์แล้ว จบ เป็นอรหันต์แล้วสามารถจะปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ ตายแล้วก็แยกธาตุจิตเป็นดินน้ำไฟลมไปได้เลย ไม่เหลืออัตตา เพราะเรารู้ว่าธรรมนิยาม 5 เป็นอย่างไร เราก็แยกเป็นดินน้ำไฟลม เป็นอุตุไปได้เลย แม้แต่เป็นพืชอยู่ก็ไม่ต้องทำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คุณสมบัติผู้กอบกู้ศาสนาพุทธในยุคกึ่งพุทธกาล วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 05:25:59 )

สมทยะ

รายละเอียด

ความเกิด

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 494


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:39:33 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 17:15:26 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 07:23:04 )

สมบัติ คือ ความรู้ ความสามารถ ความขยัน

รายละเอียด

คุณขาดทุนแล้วอยู่ได้ไหม …ได้ เพราะนัยลึกซึ้งของคนแต่ละคนมีสมรรถนะมีความขยันหมั่นเพียรทำเกินกว่าที่ตัวกินตัวใช้ มาฝึกตนดีแล้วเรากินใช้ไม่มากเลย สมรรถนะเราเกินกินใช้ เรามีเกินกี่ส่วน คนมารวมกันร้อยคนพันคนก็มีส่วนเกินรวมกันได้มากจึงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ได้เผื่อแผ่แก่ผู้อื่น ยิ่งใหญ่ที่เป็นผู้ให้ คนจนที่เป็นผู้ให้โลก เราก็ไม่สะสมไว้มากจึงจน ถ้ามีสมบัติคือ

1.ความรู้ความสามารถ 

2.ความขยัน คนเรามีในนี้ 1000 คนจะป่วยพร้อมกัน 900 คนมันเป็นไปไม่ได้หรอก จะมีคนเหลืออีกเยอะแยะที่ทำอยู่ มี 500 คนป่วยสัก 250 คนเหลืออีก 250 คนก็พอกินพอใช้ เหลือจริงๆ เพราะพวกเราไม่ได้เปลืองในการกินใช้อะไร มันซ้อนๆกันเสมอ ถ้าคุณฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยผลาญพร่าแน่นอนมีเท่าไหร่มันก็ไม่เหลือหรอก แต่นี่เราได้ฝึกตนเองดีแล้ว เป็นคนมักน้อยสันโดษเป็นคนมีวรรณะ 9 เพราะฉะนั้นจึงเกิดสาธารณโภคีได้ ไม่ต้องไปโกง มีลาภโดยธรรม สร้างสรรอย่างสุจริตไม่ได้ไปโกงเอาเปรียบเอารัดใคร ซื่อสัตย์เอา GDP ของภายในจริงๆ แล้วก็เอามารวมมันก็ยังเหลือ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 10:46:32 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:48 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 07:22:44 )

สมบัติชั้น 1

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนที่ชัดเจนมารู้เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ดี ปัญหาสังคมก็ดี หรือแม้แต่ปัญหาการเมืองก็ตาม มาแก้ปัญหากันด้วยหลักวิชาที่พาให้จิตเจตสิกต่างๆนี้ลดกิเลสเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ขี้โลภ ลดโลภ โกรธ หลง ด้วยการปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา อย่างสัมมาทิฏฐิจริงๆ คนก็จะลดกิเลสได้จริงๆ แล้วก็จะมาจบสาราณียธรรม 6 แล้วก็จะปฏิบัติธรรมไปมีทิฏฐิสามัญญตา มีศีลสามัญตากันตามฐานานุฐานะ ไอ้ที่จบแล้วก็อยู่กินใช้อาศัยกันไปเป็นสังคมที่ มีสมบัติอุดมสมบูรณ์ เป็นสมบัติชั้น 1 ด้วย เงินทองน้อยก็เป็นสมบัติชั้น 2 

แต่สิ่งที่อาศัยเป็นปัจจัยของชีวิตคืออาหารการกิน เป็นสมบัติชั้น 1 อุดมสมบูรณ์ มันไม่น่าจะยากนะ ที่อาตมาอธิบาย พระพุทธเจ้ามีความรู้ความเข้าใจสิ่งเหล่านี้มาตั้งทฤษฎี ทฤษฎีเป็นภาษาสันสกฤต ทิฏฐิเป็นภาษาบาลี อันเดียวกัน แต่คนไทยเอาทฤษฎีมาใช้ทั่วไป ทิฏฐิก็ใช้กันอยู่ในหมู่นักปฏิบัติธรรม แต่เขาก็ยังแยกว่า ทฤษฎีมันอย่างหนึ่ง ทิฏฐิมันอย่างหนึ่ง แต่ที่จริงมันอันเดียวกัน มันเป็นความรู้ความเห็นเป็นความเข้าใจ ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัส“ทฤษฎี”หรือ“ทิฏฐิ”ที่เป็นโลกุตระ เรียกว่า “สัมมาทิฏฐิ”ไว้ให้ปฏิบัติอย่าง“สัมมาปฏิบัติ” จนบรรลุ“ปัญญา”ตามแบบพระพุทธเจ้าก็จะสำเร็จเสร็จ“จบกิจ”กันอย่างยั่งยืนถาวรไปตลอดกาลนิรันดรเลย

พวกคุณจะไปตลอดกาลนิรันดรไหม จะวกวนไปเอาข้างนอกอีกไหม ตอบมาชัดเจนเลย อาตมาเชื่อว่าพวกคุณจริงใจ ไม่ได้ตอบเล่นๆ ที่ตอบได้ก็เพราะว่าเราได้ปฏิบัติจริง ปฏิบัติมีผลจริง สามารถทำได้ นั่นคือ สามารถรู้เรื่อง“จิต เจตสิก รูป จบกิจก็ถึงขั้น นิพพาน” พวกคุณนี้มีนิพพานกันแล้วระดับหนึ่ง แต่คุณเข้าใจนิพพานไม่ได้ เป็นอรหัตผลหรืออรหันต์ในระดับหนึ่งแล้ว ถ้าจะว่าแล้วนี่ ง่ายๆตื้นๆ อาตมาเคยพูดมาแล้ว ชาวอโศกอยู่ในราชธานีอโศกนี้มันเป็นเมืองอนาคามี พ้นโสดาบัน สกิทาคามี การทำงานอะไรมาอยู่ที่นี่ อนาคามีขึ้นไปเป็นอย่างต่ำ พ้นขึ้นไปก็เป็นอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16  ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2566 ( 11:48:49 )

สมบัติผลัดกันชม

รายละเอียด

คนที่จะรู้ว่าชีวิตเราจะหาความหมาย ความเป็นชีวิตดีที่สุดเจริญที่สุดสูงที่สุดคืออะไร  พระพุทธเจ้าค้นพบตรัสรู้ว่าจะไปแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ ครอบครัวที่ดี สถานะของชีวิตเป็นฐานะที่เจริญในโลก เขาจะได้เป็นใหญ่เหมือน โดนัลด์ ทรัมป์ ที่พยายามหรือคิมจองอึนหรือว่าอเล็กซานเดอร์มหาราช นโปเลียนที่จะเป็นไปได้ หรือว่าฮิตเลอร์จะเป็นให้ได้อย่างนี้เป็นต้น หรือจะเป็นเจ็งกิสข่าน ก็เป็นความหวังของคน มันเป็นสมบัติผลัดกันชม มันจะแย่งชิงกันแล้วก็จะนึกว่านี้เป็นชีวิตที่ควรจะได้ เมื่อไหร่รู้สึกแล้วว่าควรเลิกจากการจะไปแย่งอำนาจยศศักดิ์ ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือนินทา นินทาไม่มีใครอยากจะได้หรอกมีคนอยากจะได้สรรเสริญ แต่อาตมาเป็นคนไม่แคร์ความสรรเสริญ เพราะฉะนั้นจะมีคนนินทาด่าว่าเราอาตมาก็เข้าใจ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 11:29:28 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 04:28:18 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:53:18 )

สมบัติผลัดกันชม

รายละเอียด

อย่างตอนนี้เห็นว่านายเศรษฐาจะมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อาตมาว่าเอาเข้ามาเดี๋ยวก็หมด จะเก่งกว่าทักษิณในการที่จะทำอีก ทักษิณนั้นเอาไปเอามานอกลูกมาเป็นเรื่องข้าว แต่นี่ เรื่องที่ดินบ้านช่องเรือนชาน มันหนักก็เรื่องข้าวเลยนะทีนี้ 

เพราะแม้จะ“รู้สึก”กันว่า “แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”ได้บ้าง ที่แก้ด้วยวิธีจัดการกันแต่ทาง“วัตถุ”และดูกันที่“ตัวเลข”รายได้”นั้น มันก็แค่“เกมที่จัดการแข่งขันกัน”ทำให้“สมบัติผลัดกันชม”ไปชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แล้วมันก็“ไม่เที่ยงแท้ยั่งยืนมั่นคงถาวร”เลย

ซึ่งมัน“ไม่หมดปัญหา”แท้ๆ เกิด“ทิฏฐิ”เป็นโลกุตระ แล้วปฏิบัติอย่าง“สัมมาปฏิบัติ” จนบรรลุ“ปัญญา”ของพุทธ สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”กันอย่างยั่งยืนถาวรไปตลอดกาลได้หรอก

ถ้าไม่สามารถรู้เรื่อง“จิต เจตสิก รูป นิพพาน” แล้วเรียนรู้ปฏิบัติตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้าให้เจริญ งอกงาม ไพบูลย์เป็นที่สุดได้จริง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ โดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 15:30:32 )

สมบัติผลัดกันชม

รายละเอียด

ที่เป็นเทวนิยมไม่เข้าใจโลกุตระก็จะมีแต่ตายเกิด เกิดตายเป็นหนี้กัน สมบัติผลัดกันชม แก้แค้นกันยิ่งกว่าหนังจีน มันเป็นธรรมชาติอย่างนั้น ตอนนี้คุณชักเข้าใจแล้ว เริ่มเข้าใจแล้ว คุณประสา ยายดิน เริ่มเห็นทิศทางแล้วถ้าอย่างนี้ก็มีหวังศึกษาให้ดีเถอะมีหวังจะไปสู่นิพพานได้ แต่ทางโน้นนั้นปิดประตูเลยยังไม่เห็นทาง ยังไม่เห็นทิศเลย ฟังธรรมดีๆจะเข้าใจ นี่มันมากขึ้นด้วยอธิบายชักง่ายขึ้นเรื่อยๆ 

เมื่อถึงขีดถึงขั้นมันบอกตัวเองได้เลย จะเข้าใจผู้ที่ให้ความลึกซึ้งไปเรื่อยๆว่าอย่างนี้ใช่อย่างนี้ต้องติดตามเอามันยิ่งกว่าขุมทรัพย์ยิ่งกว่าเจอบ่อทองบ่อเงินอีกสุดยอด ก็จะเข้าใจ อันนี้เข้าใจเป้าหมายความสูงสุดคือความเป็นอนัตตา หมดตัวตนแล้ว ดีเข้าใจถูกแล้วตามลำดับพากเพียรไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความเป็นอรหันต์นั้นมีลำดับอันน่าอัศจรรย์ วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2566 ( 09:03:00 )

สมบัติสุดท้าย

รายละเอียด

จบลงได้คือเสียสละ ดีก็ได้ทราบความจริง พวกเราก็ได้ขยายความให้ชัดเจนขึ้น ที่อาตมาจบลงได้ที่เสียสละ อาตมาก็เคยสำทับในคำต่างๆที่อาตมาได้ร้อยเรียงถึงคุณธรรม คุณค่าหรือคุณธรรมของคุณค่าหรือคุณธรรมของมนุษยชาติ เริ่มตั้งแต่คำว่า อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนการเสียสละ ลงท้ายด้วยคุณสมบัติสุดท้าย จบลงที่การเสียสละ มันเป็นสิ่งที่จบจริงๆ 

ชีวิตทั้งชีวิตมีจิตวิญญาณควบคุมเป็นประธาน พระอรหันต์ขึ้นไปหมดตัวหมดตนหมดความยึดถือแล้ว อาตมาเอาคุณสมบัติหรือคุณธรรม ของพระอรหันต์มาพูด เพราะอาตมาเป็นพระอรหันต์ อาตมาก็ยืนยันได้ว่ามันเป็นอย่างนี้พระอรหันต์ที่ไม่มีตัวตน ชีวิตที่เหลือของพระอรหันต์มันไม่มีอะไร มีแต่ให้กับให้ มีแต่เสียสละ สรีระร่างขันธ์ที่มีจิตเป็นประธานควบคุมดูแลก็เกิดกายกรรมวจีกรรมออกมา เกี่ยวพันกับข้างนอกเขา ก็มีแต่ทำเพื่อให้เพื่อเสียสละ และพิสูจน์ความเป็นคนสูงสุด จบกิจหรือว่าเป็นพระอรหันต์ขึ้นไปแล้ว มันมีกายกรรมวจีกรรมมีแต่ทำงานเพื่อรับใช้ปวงชน รับใช้โลก มีแต่ให้โลกเขา ตัวเราไม่เอาอะไรเลย ชีวิตให้คนอื่นเขาเลี้ยงไว้  ปรปฏิพัทธา เม ชีวิกา  ใครเห็นคุณค่าก็เลี้ยงไว้ใครเขาไม่เห็นคุณค่าเขาก็ไม่เลี้ยง ปล่อยให้ตายอย่าง ขออภัย จิตที่มันมีตัว สัญจิจจะ มันมีจิตที่จะเดินต่อเป็นเจตภูติต่อ ที่มันจะแสดงออกไปมันบอกว่า ปล่อยให้ตายเหมือนหมาตัวหนึ่ง ไม่เลี้ยงไม่ดูไม่แลเลย 

มันพิสูจน์ว่าคนเรา หากกายกรรม วจีกรรมของเราที่จะมีพฤติอยู่ในโลกต่อไป มันมีประโยชน์ไหม มีคุณค่าต่อโลกต่อมนุษยชาติต่อสัตว์โลก ต่อดินน้ำไฟลม ต่อพืชพันธุ์ธัญญาหาร ต่ออะไรต่ออะไรไหม ถ้าคนมีกายกรรม วจีกรรม ที่มีประโยชน์คุณค่า โดยเฉพาะคนเขาเห็นคุณค่า เขาไม่ปล่อยให้ตายง่ายๆหรอก ต้องสอดใส่อะไรเอาไว้หรือมาต่อสายอีรุงตุงนังเราไม่เอานะ มันหนักขนาดนั้นก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติได้เท่าไหร่เท่านั้นก็พอ ไม่ต้องมาใส่สายอะไรไม่เอา 

ในที่สุดอาตมาจะกลายเป็นมนุษย์พืชก็ไม่ต้องใส่ท่อใส่อะไรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แม้แต่จิตมันจะดรอปไปหามนุษย์พืชแล้วไม่รู้เรื่องแล้ว เขาจะรักษาชีวิตไว้ ถ้าเป็นมนุษย์พืชแล้วไม่ต้องเสียบต้องใส่อะไรแล้ว คุณไม่บาปหรอก ปล่อยให้ตายก็ไม่บาป เพราะว่าระดับตกไปเป็น พีชนิยาม มันไม่มีเวรภัย ไม่มีบาปบุญอะไรแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่ไปถอดท่อจากมนุษย์พืชออก มันไม่บาปหรอก ขออภัยนะที่พูดนี้ หลายคนจะบอกว่าเขาก็นึกถึง ญาติโกโยติกา ถึงแม้จะเป็นมนุษย์พืชก็ยังเอาไว้ไม่ให้ตาย เขาก็อย่างนั้นเท่านั้นเอง ก็เป็นเรื่องของจิตวิญญาณของมนุษย์ 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 32 จรณะ 15 คือการยืนยันหลักปฏิบัติไม่ผิดของพุทธ วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 8(8) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2566 ( 10:43:14 )

สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นสังคมทาส

รายละเอียด

คนที่อ่อนแอคนที่อวิชชาอ่อนแอ ก็จะต้องพึ่งสิ่งที่คิดว่าสิ่งนั้นเป็นฤทธิ์เดชเป็นอำนาจ แล้วก็ขอให้เป็นอย่างนั้น คนเราจะเป็นอย่างนั้นมาก่อน เพราะสังคมมันเป็นสังคมทาสมาก่อน สังคมบริวารสังคมทาส มาแต่เดิมเหมือนกัน ไล่มาตั้งแต่ยุคโบราณ ตั้งแต่มีหัวหน้าเผ่าก็เป็นอำนาจเผด็จการ ทุกคนก็เป็นลูกน้องสั่งการสั่งฆ่าก็ได้ เพราะว่าเป็นระบบทาสแท้ๆ ไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน เป็นสังคมสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็เป็นเช่นนั้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีอย่างนั้นแล้ว มันเป็นสังคมอีกอย่างหนึ่ง สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นสังคมทาส 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 20 กันยายน 2563 ( 11:33:35 )

สมบูรณ์แบบทั้งแบบคอมมิวนิสต์ ทั้งแบบประชาธิปไตย

รายละเอียด

สมบูรณาญาสิทธิราชที่พัฒนามาเป็นประชาธิปไตยก็ยังมีกษัตริย์อยู่ พัฒนามาเป็นประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ทรงเป็นประมุขซึ่งเป็นประชาธิปไตย 2 ขาสมบูรณ์แบบ แต่พวกคุณนั้นเป็นพวกพิการ ตั้งใจจะให้เป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีกษัตริย์เป็นขาเดียว คุณทำนี่ใครเขาก็รู้ว่าคุณทำด้วยเจตนาอันนี้ และก็ไม่อยากแรงตอนนี้ก็เลยค่อยๆเพลาลง ตอนแรกทำแรงนะแต่ตอนนี้เห็นว่าประชาชนที่เอาทางมีกษัตริย์นั้นมีเยอะกว่าเขาก็เลยลดน้ำหนักลง แต่เขาก็ยังยืนยันให้พวกที่ถือหางเขา รู้ว่าเขาไม่ได้ถอยนะเรื่องที่จะเลิก ม.112 นี่คือนัยยะของเขา แล้วอาตมาจะไปตอบเปอร์เซ็นต์ของคุณได้อย่างไร คุณถามมาว่าในใจยังอยากได้ อยากให้เขาเป็นตามที่เราต้องการ แล้วคุณก็พูดเสียเท่ว่า โดยความสมัครใจของเขาเอง คุณอยากให้เขาเป็นไปตามใจของเขาเองโดยความสมัครใจของเขาเอง คุณพูดเท่มาก 

สรุปก็คือ อยากให้เขาเข้าใจอย่างที่คุณเข้าใจ หวังอยู่ว่าจะเป็นอย่างนั้น ก็เลยพูดซะดีๆว่าตามที่เขาสมัครใจเขาเอง ที่คุณสมัครใจคุณควรสมัครใจมาแบบที่ฉันคิดสิ มันเป็นแบบนี้ ถามมาว่าแบบนี้เรายังมีเชื้อเผด็จการอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าคุณรู้ตัวดีอยู่เหมือนกันว่าคุณยังเป็นการพูดเป็นนัยยะอย่างนั้น อาตมาไม่ได้เกรงใจหรอกเรื่องนี้ อาตมาอยากให้คุณมาเป็นเช่นนี้อาตมาไม่ไปเกรงใจ แล้วอาตมาก็มีเหตุมีผลพอที่จะให้มาเป็นเช่นนี้มาเอาอย่างนี้เถอะ ดี อย่าว่าแต่คุณมาเลย อาตมามาแล้ว พาผู้คนมาด้วย อธิบายเหตุผลว่ามันดีอย่างนี้ 

เช่น ชาวอโศกมาเอาอย่างพระพุทธเจ้าพาเป็น เป็นประชาธิปไตยโลกุตระ ประชาธิปไตยโลกุตระนี้สูงสุดยอด มีสาธารณโภคี เป็นของส่วนกลาง สูงกว่าคอมมิวนิสต์ เพราะคอมมิวนิสต์เขาต้องการแบบนี้แต่เขาทำไม่ถึง เช่นเดียวกัน ก็สูงกว่าประชาธิปไตย โดยเฉพาะประชาธิปไตยขาเดียวทุนนิยม ไม่มีทางจะไปเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสาธารณโภคี คอมมิวนิสต์ก็อยากได้อย่างสาธารณโภคี คือเป็นส่วนกลางของส่วนรวม ด้วยกันเลยเป็นหนึ่งด้วย ประชาธิปไตยก็อยากได้อธิบายรายละเอียดคือ เช่น  เงินส่วนกลาง ของประเทศหรือของรัฐบาลที่บริหารอยู่โดยได้จากประชาชนจะเป็นทางได้หรือทางเสียภาษีอย่างนั้นอย่างนี้ก็แล้วแต่ เอาเข้ามาเป็นส่วนกลาง ก็อยากได้เงินส่วนกลางนี้ มาจากประชาชนให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย อยากให้เงินของประชาชนเข้ามาเป็นส่วนกลางให้หมด 

เพราะฉะนั้นของกลุ่มชาวอโศกส่วนกลาง เอามาให้ส่วนกลางหมด เพราะฉะนั้นจึงสมบูรณ์แบบทั้งแบบคอมมิวนิสต์ จึงสมบูรณ์แบบทั้งแบบประชาธิปไตยแล้ว เป็น Past perfect tense ผ่านกาลเวลาทำได้แล้ว จบแล้ว อโศกทำมาได้ มีรูปร่างวิธีการ มีความเป็นจริงยืนยันมาพิสูจน์ได้ ไม่ใช่เรื่องจำนน ไม่ใช่เรื่องทำชั่วคราว เป็นเรื่องจริงแล้วมนุษย์อย่างชาวอโศกได้อาศัยใช้สอย ยังชีพดำเนินชีวิตอยู่อย่าง อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ อาตมาขยายความของลักษณะสังคมมนุษยชาติและจิตใจ จะเป็นอิสระก็ดี จะเป็นความสบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ เป็นความสำเร็จของมนุษยชาติที่มีคุณลักษณะทั้งอิสระ 

พวกชาวอโศกไม่ได้ไปล่อหลอก ไม่ได้ไปพูดหว่านล้อม พูดสัจจะเปรี้ยงๆตรงๆแรงๆด้วยเหมือนอย่างที่คุณเขาบอกว่ามันแรง แรงกว่าท่านดินไท ท่านบินบน ท่านเพาะพุทธ ท่านเดินดิน ใช่ อาตมาไม่ได้ระงับยับยั้งพูดเต็มที่ คนเข้าใจจะเข้ามา คนไม่เข้าใจอย่างคุณจะไม่กล้าเข้ามา คนเข้าใจจะเข้ามาอย่างอิสระ พูดอย่างนี้ใช่เลย บริสุทธิ์สะอาดเต็มที่ ไม่มีอะไรยั้งไว้เลย เปิดเผยหมดเลย อาตมาเป็นดารานู้ด เปิดเผย หมดเลยเปลือย ไม่เหลือ คนที่เห็นชัดเจนก็จะรู้ว่าคนนี้จริงจังเปิดเผยทุกอย่างเลยนะ ไม่มีอะไรปิดบัง คนที่ชอบเขามีปัญญามีดวงตารู้ว่า คนอย่างอาตมานี้ไม่มีอะไรกั๊ก ไม่มีอะไรพราง ไม่มีอะไรเหลือ บอกหมดความจริงเป็นอย่างไร เอาความจริงมาเปิดเผยทุกอย่าง  

เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องอิสระ แล้วมาที่นี่สิมีอิสระ มีสัปปายะ 4 สมบูรณ์แบบ สบายสงบ สงบชนิดลึกซึ้งด้วย สงบแบบโลกุตระ สงบ อย่างปัสสัทธิ สงบชนิดที่กิเลสไม่มีมาเป็นตัวทำให้มันไม่สงบ มันเป็นความสงบที่เบิกบาน ร่าเริง แข็งแรง แคล่วคล่องว่องไว ปราดเปรียว มีพลัง ไม่ใช่สงบอย่างเฉื่อยนิ่ง ไม่มีพลัง หยุด ไม่ใช่เลย นั่นคนละโลกเลย สงบแบบอย่างพิเศษ อบอุ่น แรงๆนี่ แต่อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ 

ตัวจบด้วย เพิ่มพูนการเสียสละนี้ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่มันเป็นจริงด้วยคนที่เป็นแบบนั้นจริงๆ ทำยังไงเราจะเสียสละได้มากกว่านี้ แล้วเราก็พยายามพัฒนาไป  เสียสละให้หมดเนื้อหมดตัว เสียสละให้มีทั้งพลังกาย พลังปัญญา พลังกายวาจาใจ แล้วเราก็ได้ทำงานทางกาย ทางวาจา ทางใจ ทำงานสร้าง มีผลผลิตก็เสียสละ มีแรงงานก็เสียสละ มีภูมิปัญญาก็เสียสละ ได้เพิ่มพูนการเสียสละยิ่งขึ้นยิ่งขึ้น เท่าที่เราจะมีสมรรถนะ มีความสามารถ มีกาละเวลา มีแรงงานที่จะทำได้ 

เพราะเรามีชีวิตอยู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว สมบูรณ์แบบตรงที่ว่า เราตั้งอยู่ในหมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดีแล้ว ไม่ต้องกังวลเลยชีวิตอยู่กับหมู่ ดำเนินชีวิตไว้ ฝากชีวิตไว้กับหมู่ เกิดแก่เจ็บตาย พึ่งพาอาศัยเกิด อาศัยแก่ อาศัยเจ็บ อาศัยตายกันได้ มันเป็นคุณลักษณะที่เป็นคุณวิเศษของมวลมนุษยชาติ มันเป็นลักษณะอย่างนั้นจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 28 สังคมอโศกคือสังคมสาราณียธรรมที่มีสภาวะจริง วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 แรม 1 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 14:55:19 )

สมบูรณ์แบบแล้วโดยสภาวธรรมที่ทำให้สำเร็จแล้ว

รายละเอียด

ในวิญญาณฐิติ 7 ไม่ต้องมีคำว่า สัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะว่ามันสมบูรณ์แบบแล้วโดยสภาวธรรมที่ทำให้สำเร็จแล้ว จิตจบ 

ใน 3 ข้อ อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ และอากิญจัญญายตนะ มันคือ สัญญาเวทยิตนิโรธ 

คือรู้จักเวทนา รู้จักสัญญา ทำงานไปตามหน้าที่ที่ชัดเจนแล้ว มันรู้แจ้งรู้จบหมดเลยนิโรธก็เป็นนิโรธแท้ๆ ดับกิเลส สมบูรณ์แบบไม่มีกิเลสเลยเป็น อากิญจัญญายตนะ จิตก็เป็นแค่อากาศกับวิญญาณ เทวะ 2 ธาตุ รูปกับนามสังขารกันอยู่เท่านั้น 

เพราะฉะนั้น วิญญาณฐิติ 7 ของมิจฉาทิฏฐิ 4 ตัวแรกก็เหมือนสัตตาวาส 9 ที่อวิชชาอยู่ หลงจะเป็นฌาน หลงจะกำหนดกาย กำหนดสัญญา สัตตาวาส 1 2 3 4 ก็มิจฉาทิฏฐิไปตามประสา 

จริงๆก็คือเขาพยายามดับสัญญา ทั้ง 1234 เช่น ไปนั่งหลับตาปฏิบัติ ก็คือทำให้ดับสัญญาลงไปนั่นแหละ จนดับสัญญาเสร็จก็เป็น อสัญญีสัตว์ เป็นสัตตาวาสตัวที่ 5 

เพราะฉะนั้น สัตตาวาส ตัวที่ 6 7 8 จึงเป็นเรื่องนิรมาณกายเป็นเรื่องที่คุณเนรมิตขึ้นเอง ต่างคนต่างเพ้อไปไม่รู้เรื่องกันเลยนะ

อากาสานัญจายตนะ ของใครก็ของคนนั้น ของใครของใครพูดกันโมเม สัมโภคกาย ก็ว่าใช่ๆๆ แต่มัน อทิสมานกายไม่รู้ไม่เห็นของใคร ของใครก็ของมัน แต่ทำเป็นบ้า​ ทำเป็นรู้ร่วมกันเป็นสัมโภคกาย 

ต่างคนต่างปั้นขึ้นมาเนรมิตขึ้นมา นิรมาณกายเองขึ้นมาเองทั้งหมด เพราะฉะนั้นทำไปเป็นรู้กันมาก เอาจริงๆจับมาพูดกันสิ ต่างคนต่างไปไหนมา 3 วา 2 ศอกเลยนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ เฮ้ย! อย่างที่คุณพูดมันใช่หรือเปล่านะ เออ ใช่ก็ใช่วะ สัมโภคกาย ของกูจริงกว่าของเอ็งมันจะไม่ใช่ มันจะจบไม่ลง มันจะสรุปไม่ได้ มันจะตัดสินไม่ได้เด็ดขาด มันเป็นหนึ่งเดียวไม่ได้เลย จึงจบด้วย เนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นความสับสน เป็นความวิจิกิจฉา เป็นความไม่สำเร็จ เป็นความไม่เป็นหนึ่งเดียว ชั่วกาลนาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 10:10:48 )

สมมุติ

รายละเอียด

1. สิ่งที่ยึดถือ นับถือในสังคมกลุ่มนั้น ๆ  ในแต่ละกลุ่มแต่ละหมู่ที่-ยอมรับร่วมกันตามที่กำหนดหมายกันไว้

2. การรู้ร่วมกันอยู่ทั่วไป , สิ่งที่ยอมรับสืบเนื่องกันมา

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 215 – 216 , เปิดโลกเทวดา หน้า 17


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:41:56 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:08:35 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:54:13 )

สมมุติ ภาษา พฤติกรรมของคนบางกลุ่ม

รายละเอียด

การปลูกต้นทองอุไรสมณะโพธิรักษ์ให้ชื่อว่าเหลืองไม่หยุด  แต่ชื่อเหลืองเป็นภาษาวัยรุ่นที่เป็นลักษณะ ศีลข้อ 3 ระหว่างผู้ชาย กับผู้ชาย สมณะโพธิรักษ์กล่าววา  ถ้าม่วงละ คืออะไร   แต่เหลืองกับเหลืองคือแบบผู้ชายกับผู้ชาย เขาสมมุติกันบางที่มันแพร่หลายก็รู้กันกว้างขึ้น พวกเราก็สร้างภาษา และมีพฤติกรรม  ยิ่งพฤติกรรม  ซ้อนเร้นอำพรางตั้งขึ้นมา ส่วนมากก็อำพราง  รู้กันไม่กี่คน  ดูกันในกลุ่ม  กระจายแพร่หลาย  ก็รู้กันทั่วไปว่าพวกนี้มันมีพฤติกรรมแบบนี้  มันใช้ภาษากับพฤติกรรม  อาตมาไม่เก่งที่จะไปรู้พวกนี้  แต่ก็ไม่เสียใจ ที่จะต้องรู้พวกนี้  ที่พิลึกเหล่านี้  แต่ที่รู้กันสากล  สิ่งที่ดีกับไม่ดี อาตมาร่วมรับรู้ได้  รู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช  วันจันทร์ที่  11  พฤศจิกายน 2562 


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 20:01:42 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:21 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:57:37 )

สมมุติฐาน (สม + มุติ + ฐาน)

รายละเอียด

รับรู้ต่อเนื่องกันจนยอมรับ หรือรู้สึกว่าเป็นจริง

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า383)


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:42:51 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:27:26 )

สมมุติธรรม

รายละเอียด

ธรรมะอันมีประโยชน์อย่างสามัญของปุถุชนชาวโลกีย์

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า125


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:48:34 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:29:26 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:58:23 )

สมมุตินิมิต

รายละเอียด

เครื่องหมายที่บอกแจ้งความรู้ให้รู้กันอย่างสามัญ

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 130


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:49:54 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:31:06 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:29:35 )

สมมุติบัญญัติกับสภาวะ

รายละเอียด

สมมุติบัญญัติกับสภาวะ คือ ผู้ที่เขาเรียนรู้ทางเปรียญ 9 เป็นตรรกะอีกเยอะเป็นดอกเตอร์ เป็นอะไรก็แล้วแต่ทางโลกมา ก็ได้ภาษาสมมุติบัญญัติและสับสนระหว่างสภาวะ นึกว่าได้สภาวะแต่เขาได้แต่บัญญัติอันนี้แหละ บอกยากมากเลย บอกให้เขารู้ตัวว่า ได้แต่บัญญัติได้ยากเขายังเป็นผู้ที่เข้าใจสภาวะได้ยาก เรียกว่า สัญญาต่างกัน กายต่างกัน เพราะฉะนั้นจะมากำหนด จิต เจตสิก รูป สิ่งที่ถูกรู้ เป็นขั้นนามธรรมก็จะสลับกันอีกเยอะ อาตมาอ่านหนังสือพุทธธรรมของท่าน (พุทธโฆษาจารย์) ก็ยิ่งอ่านยิ่งเห็นว่า สัญญาของท่านกับสัญญาของอาตมาไม่ตรงกัน ท่านก็กำหนดเจตสิกต่างๆ สัญญาของท่านกับสัญญาของอาตมาต่างกัน   เพราะฉะนั้นท่านจึงทำได้อย่างของท่าน  คนที่จะมีตรรกะแล้วเข้าใจตรรกะได้เพียงตรรกะจะเยอะ  คนที่เข้าใจตรรกะแล้ว เข้าใจสภาวะด้วยไม่สับสนด้วยลงตัวกันเลย  สภาวะกับบัญญัติลงตัวไม่สับสน สภาวะกับบัญญัติลงตัวกันแล้วก็เป็นหนึ่ง  เช่น เข้าใจอาการด้วยเวทนาสุขตรงกัน สัญญากับเวทนา ของท่านพุทธโฆษาจารย์กับอาตมาต่างกัน เพราะฉะนั้นท่านถึงจึงมีพวกที่มีบัญญัติเยอะ อาตมาจึงมีพวกที่เป็นสภาวะเยอะเป็นหมู่กลุ่ม เป็นปึกแผ่น เป็นมวล ที่พูดถึงพยัญชนะจนกระทั่งถึงศูนย์ตรงกัน  จนกระทั่งนี่สูญจากลาภ สูญจากยศ สูญจากโลกียะมา ถ้าไม่มีสภาวะจริงอยู่มาก็จะกดข่มอยู่ได้ไม่นาน  แต่ถ้าใครไม่กดข่มอยู่ได้สบายๆ เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อย่างน้อย อาตมาเคยบอกว่าชุมชนชาวอโศกเป็นชุนอนาคามีภูมิเป็นต้นไป  ไม่ใช่แค่พระโสดาบัน สกิทาคามี โสดาบัน สกิทาคามีไปไปมามา พระโสดาบันอ่อนๆ จะไปมากกว่ามา  ถ้าอนาคามีภูมิเป็นต้นไปก็อยู่สบาย อยู่ง่าย อยู่ดี อยู่รอด อยู่ได้นาน เพราะฉะนั้น อนาคามีไปถึงอรหันต์คือคนในชุมชนชาวอโศก  ถ้าพวกคุณมากดข่มอยู่นี่คุณจะกดข่มอยู่กับอาตมา  หลายคนก็30-40 ปีแล้ว ถ้าจะกดข่มต่อไปอีกอยู่เพราะเห็นแก่อาตมา หรือมีอาตมาอยู่  พออาตมาตายแล้ว ถ้าไม่จริงคุณก็ไป มันมีนัยหลายนัย มีอีกหลายเหตุปัจจัย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 19 ตุลาคม 2562 ( 09:47:52 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:42 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:35:26 )

สมมุติผิดได้แต่ปรมัตถ์ไม่มีผิด

รายละเอียด

เช่นว่า สถานะของรัฐมนตรี เราก็ต้องยอมรับฐานะสมมุติของรัฐมนตรีเขา เขาไม่ถูกอย่างไร เราก็วิจัยวิจารณ์ได้ 

ฐานะของนายกฯ ก็เป็นฐานะของนายกฯ ไม่ถูกเราก็วิจารณ์ได้ อาจจะยกไว้ว่า ในหลวง วิจารณ์ไม่ได้ แต่ในหลวงท่านก็บอกว่าได้ ไม่ใช่ The King can do No Wrong ไม่ใช่ ในหลวงท่านก็ยังตรัสเลย ในหลวงผิดไม่ได้ไม่จริง ในหลวงท่านก็ผิดได้ ไม่ใช่ The King can do No Wrong อย่างนี้เป็นต้นนี่แหละสุดยอดเลย 

เพราะฉะนั้นในหลวงของเรานี้ ท่านตรัสอันนี้ เห็นเลยว่าท่านไม่ได้ติดยึดตัวตน ไม่ใช่ The King ทำผิดไม่ได้ แต่ทำผิดได้เหมือนกัน พระอรหันต์ก็ทำผิดได้เหมือนกัน อย่างนี้เป็นต้น ก็สมมุติมันผิดได้ แต่ปรมัตถ์ไม่มีผิดหรอกแต่สมมุติผิดได้ ในโลกก็ยึดถือกันที่สมมุติกันทั้งนั้นที่เถียงกัน ไอ้ที่ไม่ใช่สมมุติเป็นสัจจะนั้นมีหนึ่งเดียว ที่สมมุตินั้นเถียงกันได้ แย้งกันได้ทั้งนั้นแหละ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเปิดตาพญานาคลงสู่การเมืองไทย วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2565 ( 20:35:07 )

สมมุติมันต่างกันแต่อิสระเสรีภาพที่แท้จริงคือไม่ต้องยึด

รายละเอียด

เราจะรู้ประเด็นที่ว่าสมมุติมันต่างกัน มันมีอะไรมากมายแต่ก็มีศูนย์กับอะไรมากมาย 2 อย่างเท่านั้น ผู้ที่เข้าใจอย่างนี้แล้วไม่ติดยึดว่าศูนย์ก็ได้จะมีมากมายก็ได้ มีแตกต่างกัน ล้านกับล้าน 2 กับ 5 ก็ได้ เราก็เข้าใจว่า 5 คืออะไร 2 คืออะไร 2 ข้อ 2 5 ก็ 5 คุณจะอยู่กับ5ก็อยู่กับ5ไป คุณจะอยู่กับ 2 ก็อยู่กับ 2 ไป ก็อยู่ร่วมกันได้ แล้วมันก็แตกต่างกันจะไปบีบบังคับให้คนที่ยึดถือใน5 กับคนที่ยึดถือใน 2 ให้มาเหมือนกันได้อย่างไร เพราะเขายึดถือ กูจะเป็นอย่างนี้ อิสระเสรีภาพของแต่ละคนมันยึด อิสรเสรีภาพคือตัวเองยึด แต่อิสระเสรีภาพที่จริงๆแล้วก็คือไม่ต้องยึด เข้าใจตามแต่ละคนให้ได้ว่าเขายึดถืออะไร ยิ่งลงไปในพยัญชนะเลย อิสระ อะนี่คือ 0 มาใส่หัวหน่อยหนึ่งหัวก็ค่อยโตออกมาเป็นอ.อ่าง จาก 0 นี่แหละแล้วก็มี niche แล้วก็มีเซลล์ขึ้นมา ธาตุรู้ จนกว่าจะขยายตัวออกมาเป็น 2 หน่วย 3 หน่วย 4 หน่วย 5 หน่วย ถ้าออกมาหลายหน่วยมันก็ทะเลาะกัน ถ้าไม่ทะเลาะกันก็จะอยู่รวมกันได้ แล้วก็สร้างสรร สร้างสรรร่วมกันไปเป็นวงใหญ่ อย่างชาวอโศกอยู่อย่างมีปัญญารวมกันได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 11:30:26 )

สมมุติสัจจะ

รายละเอียด

1. ความจริงที่รู้ ๆ กันโดยทั่วไป แพร่หลายดาษดื่น , ความจริงที่ยอมรับสืบเนื่องกันมา ทั้งจริงแท้จริงเทียม , ความจริงที่ตั้งขึ้นในโลก จริงโดยสมมุติแต่ก็เป็นความจริงของโลก ,ความจริงที่ยินยอมกัน ที่ตกลงกันเอาในโลก , ความจริงที่ยึดที่ถือเอา , ความจริงที่แน่แท้ มั่นคงถึงที่สุด , ความจริงที่รู้พื้น ๆ ของปุถุขน กัลยาณชน ไม่ถึงขั้นอาริยชน , ความจริงที่ยังมีดีมีชั่ว ที่ยังต้องยึดต้องวางอยู่ในโลก แต่ก็เป็นความจริงที่จะต้องมี ต้องเป็น ต้องใช้กันในโลก

2. ความจริงทั้งสมมุติ

3. ความจริงที่รู้จักกันอยู่ทั่วไป ที่ใครก็รู้กันได้ , จริงโดยสมมุติ

4. สิ่งที่มีจริงตามสมมุติ , สิ่งที่มี..อันคนผู้นั้นยึดว่าจริง

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 417 

คนคืออะไร? หน้า 266

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 41

เปิดโลกเทวดา หน้า 10 ,30

วิถีพุทธ หน้า42


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:52:33 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:34:12 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:25:58 )

สมมุติสัจจะ

รายละเอียด

จะเป็นบัญญัติอย่างไรก็เรียนรู้ได้ เป็นเรื่องของบัญญัติภาษา แต่คุณต้องเกิดสภาพ ธร หรือธรรมะ ทรงไว้ในจิตของเราเอง จิตของเราต้องเกิดสภาวะเป็นปัจจัตตังขึ้นมาเองมันจะถึงจะเป็นก็ทรงไว้ ต้องปฏิบัติต้องเรียนรู้จนได้ จากปัจจัตตัง มาเป็นปัจเจก มาเป็นสยัง อภิญญา สยัมภู ปัจเจกสัมมาสัมพุทธะ และอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 61 วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 14:40:11 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:21 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 12:49:04 )

สมมุติสัจจะกับสภาวะสัจจะ

รายละเอียด

กายสังขาร วจีสังขาร เพียงภายนอกเป็นโลกียะธรรม ให้รู้ว่าดีหรือชั่วคืออะไรก็ปฏิบัติให้ตรงกับสมมติสัจจะของโลก เข้าหมู่นี้ถือว่ากินเนื้อสัตว์ไม่ดี หมู่นี้ถือว่าไม่กินเนื้อสัตว์ดี ก็ทำตามเขา กาย วจี ก็พูดตามสมมุติที่เขาถือว่าดีอะไรไม่ดีคุณก็อยู่กับหมู่ตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม เป็นธรรมชาติอยู่ด้วยกันอนุโลมปฏิโลมไป แล้วค่อยๆ พัฒนาขึ้นสู่ที่สูง อย่างนั้นเป็นสมมุติสัจจะก็คืออนุโลมปฏิโลม สภาวะสัจจะคือสิ่งที่จริงแล้วแท้ๆไม่เปลี่ยนแปลง สุดท้ายจริงๆก็คือสัจจะมีหนึ่งเดียว นอกนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบจึงต้องใช้สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 เป็นเครื่องพิจารณาประกอบตัดสิน 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม ร้อยมาลัยพระอภิธรรมตามแบบพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 22:26:45 )

สมมุติสัจจะต้องรู้ร่วมกับคนอื่น

รายละเอียด

สมมติสัจจะต้องรู้ร่วมกับคนอื่น เราสมมติว่าไอ้นี่ดี ไม่มีใครในโลกเลยจะมาร่วมรู้ด้วยเลยว่าไม่ดีเลย คนในโลกไปยึดถือแล้วว่าสิ่งนั้นดีสิ่งนั้นถูกต้อง เช่น เถรสมาคมยึดถือว่า หลับตา อย่างนั้นเป็นการปฏิบัติถูกต้องของพระพุทธเจ้า โพธิรักษ์มาบอกว่าไม่ใช่ เขาบอกว่าไม่ใช่ ไม่ถูก ไม่ดี เขาก็ไม่ทำ เขาก็รับแต่อย่างนั้น อาตมาถ้าเกิดมาแล้วคนเดียวบอกว่าอย่างนี้ดี ลืมตาปฏิบัติ ปฏิบัติตามแบบพระพุทธเจ้าจะได้เข้าหลักจรณะ 15 วิชชา 8 พวกคุณฟังแล้วก็บอกว่าเข้าท่า ใครที่มีความรู้เดิมมาแต่ปาง มาฟังอาตมาพูดปั๊บก็จะรู้สึกว่าอย่างนี้ใช่อย่างนี้ใช่ เพราะฉะนั้นผู้ที่มามาๆๆ นี่มีเชื้อเดิมมาทั้งนั้น   คนที่จะสามารถรู้ได้ ที่เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้า ที่เป็นโลกุตระธรรม จะต้องได้ฟัง จากพระโอฏฐ์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นคำสอนใหม่ ชี้ถูกชี้ผิด ถูกผิดของพระพุทธเจ้านั้นดีชั่วก็ไม่มีปัญหาเพราะดีชั่วนั้นไม่เที่ยง เช่นโดนัลด์ทรัมป์สมมุติว่าอันนี้ดี คิมจองอึนบอกว่าอย่างนี้ไม่ดี  ซีจิ้นเผิ่งบอกว่าอย่างนี้ไม่ดี หรือดีก็ดีแบบซีจิ้นเผิ่งซึ่งไม่ตรงกับโดนัลด์ทรัมป์ อย่างนี้เป็นต้น ก็ยึดดีกันคนละอย่าง มันไม่มีเหมือนกันหรอกละเอียดเข้ามาในยุคอย่างหยาบของความคิดคนโลกๆที่มีตัวอย่าง พวกเราก็ต่างคนต่างคิด คิดไม่เหมือนกันหรืออาจจะคล้ายๆกันยิ่งมามีทิฐิร่วมกัน มีความเข้าใจอย่างนี้ดี ตรงกันหมดสมมุติดีตรงกัน พวกเรานี้ไม่เอาอบายมุขไปแต่งเนื้อแต่งตัวทาปากไม่เอาไม่ดี เราก็มาทำตรงกัน เลิกอย่างนู้นมาเอาอย่างนี้ อย่างนี้เป็นต้น มันก็ติดยึดหรือสมมุติตามที่เราเองเราชอบอนุสัยเราเป็นเจ้าเรือนเกิดมาสั่งสมมาเป็นแบบไหนเป็นแบบไหนไปตามที่เรากำหนด พระพุทธเจ้าบอกอดีตสั่งสมแล้วมันแก้ไขไม่ได้ เพราะฉะนั้นท่านไม่ให้ไปเรียนที่อดีต อะไรที่เป็นเดียรถีย์ก็สอนให้เป็นเรื่องอดีตเยอะไปงมงาย เกี่ยวกับการแก้ไขอดีตพระพุทธเจ้าก็เลิกให้มาแก้ที่ปัจจุบัน 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:05:31 )

สมมุติสัจจะถอยหลังได้ แต่ปรมัตถ์สัจจะเดินหน้าอย่างเดียว

รายละเอียด

ท่านอัญญาโกณฑัญญะนี้ จริงๆพราหมณ์คนนี้ท่านชื่อว่าโกณฑัญญะซึ่งแปลว่าโง่ โกณฑะ แปลว่าโง่ โกณฑัญญะเมื่อได้ฟังธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์คนแรกที่เป็นผู้ได้เกิด อัญญา วันนี้พระพุทธเจ้าท่านได้เปล่งพระธรรม แล้วพระธรรมนี้เป็นโลกุตระ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเป็นโลกุตระคือความสุด 2 อย่าง กามสุขัลลิกะ กับ อัตตกิลมถะ 2 อย่างนี้เป็นเรื่องที่มนุษย์ควรจะต้องเลิก เป็นสิ่งเลวสิ่งต่ำที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสมา 

เพราะฉะนั้นยังไม่มีใครรู้อันนี้ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วก็ทรงเอามาเปิดเผย มันทวนกระแสใจ เพราะคนที่ติดในกาม พอไปปฏิบัติธรรมก็ติดในอัตตา เป็นอัตตกิลมถะ ด้วยการทำให้ตนลำบาก ไม่ได้หมายความว่า เลิกอัตตา แต่ยิ่งทำให้ตัวเองมีอัตตาตกอยู่ในความลำบากหนักหนาสาหัสเข้าไปอีก อัตตกิลมถะ บวกกับกาม ทั้ง 2 อย่าง คือเป็นเทวนิยม ที่อวิชชามากยิ่งๆ เช่น ประเทศอเมริกา หลงทั้งกาม หลงทั้ง อัตตกิลมถะ อัตตกิลมถะคือทรมานตน ไม่รู้อัตตา ไม่รู้ตัวเอง นึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ แม้แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังไม่รู้ตัว แต่มีคนรู้ตัวแล้ว คนเล็กๆน้อยๆรู้ตัวแล้ว มี American หนุ่มๆ ชื่อแตงโมมาออกโทรทัศน์ ก็คงเคยเห็น ประเทศกูนะ เขาว่าของเขาไปโอ้โห เขาบอกว่ามันชิบหายหมดแล้วว่าไปเลย เขาบอกว่าประเทศไทยดีกว่า มันเป็นหนึ่งในหน่วยตัวอย่างของผู้ที่มีดวงตา มีแสงสว่าง มีญาณ มีปัญญา มีความรู้แล้ว นี่เป็นรูปธรรมที่เห็นชัดๆ 

อาตมา ขออภัยอย่างยิ่งต่ออเมริกา ที่อาตมากล่าว อาตมาสงสาร แต่ไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร เพราะมันเป็นสัจจะที่จะต้องเกิดมาในโลก มันเป็นตัวอย่างอันหนึ่ง อาตมาเมื่อกี้นี้ในวจีสังขารบอกว่าไม่น่าจะยาวถึง 500 ปี มันจะชัดเจนเลยว่า จะสลายแยกไปโดยที่อาตมาไม่มีปัญญาปฏิภาณรู้หรอกว่า จะแตกสลายแยกสลายอย่างไร แต่ว่ามันเสื่อมหนัก ขออภัยไม่รู้จะทำยังไงแต่ต้องพูดความจริงต่อผู้ที่แสวงหาสนใจ 

อาตมาบริสุทธิ์ใจนะ ไม่ได้ไปเบ่งไปข่ม ได้แต่เผยความจริงให้รู้ อาตมามันลำบากมีวิบากตรงนี้ ที่พูดความจริงแล้วต้องทำให้คนผู้ที่ไม่ดี ผู้ที่เขาเสื่อม ผู้ที่ตกต่ำ ผู้ที่เป็นทุกข์ ผู้ที่เขาลำบากนี้ แล้วเขาก็มีอวิชชา เขาก็มีอัตตา เขาก็เลยถือตัวเขาก็เลยโกรธตอบอาตมา เขาก็เลยแก้แค้น ดีไม่ดีก็จะมาทำร้ายอาตมา อาตมาก็ต้องระมัดระวังอยู่บ้างเท่านั้นเอง เป็นโอษฐภัย ไม่มีอย่างอื่นหรอกอาตมา โอษฐภัยทำลายอาตมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธัมมจักกัปปวัตตนสูตร วันอาสาฬหบูชา วันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2566 ( 16:29:37 )

สมมุติสัจจะผิดพลาดกันได้แต่ไม่มีวิบาก

รายละเอียด

ต้องตอบกับคุณว่า ไม่มีพระโพธิสัตว์ที่เป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ ได้เขตแล้ว จะไปเจตนาหรือไปแกล้ง ขออภัย พระโพธิสัตว์บางทีเจตนาประพฤติอย่างนี้ เหมือนกับทำผิด อย่างอาตมาบอกข้อด้อย 10 ข้อ อาตมาก็รู้ แต่อาตมาเจตนาทำเช่นนั้น เรารู้ว่าเราทำอย่างนี้แต่เพื่อผลประโยชน์มากกว่าที่จะเสียเช่นนี้ การทำไม่ดี หรือภาษาง่ายๆว่าผิด ผิดหลักเกณฑ์จารีตประเพณี ผิดค่านิยมอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นสมมติสัจจะทั้งนั้น มันผิดได้ แต่มีวิบาก อาตมาทำก็มีวิบากด้วย ไม่ใช่ไม่มี แต่อาตมายอมรับวิบาก เพื่อแลกกับการได้ประโยชน์แก่ผู้อื่นมันมากกว่า มันคุ้มแสนคุ้ม เพราะฉะนั้นอาตมาก็ยอมสละ พูดไปแล้วเหมือนโก้ พูดเอาดีเข้าตัว แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ต้องทำ สมมติสัจจะผิดพลาดกันได้ สัจจะที่เป็นอนุตริยะสูงสุดแล้ว มีหนึ่งเดียวไม่มีสอง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2563 ( 09:30:14 )

สมมุติสัจจะและปรมัตถะสัจจะ

รายละเอียด

ทางสรีระเป็นสมมุติ แต่ทางปรมัตถ์สูงกว่า มีฤทธิ์แรงอำนาจที่จะหลุดพ้นจากวัตถุ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม โดยควบคุมกรรมนิยามตนจึงทรงซึ่งธรรมะอันใหม่ ไม่ใช่ทรงไว้ซึ่งตระกูลเก่าทำแบบเก่า

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:14:02 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:26 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:28:56 )

สมมุติเทพ

รายละเอียด

1. จิต – เจตสิก ของผู้ที่มีสิ่งที่เสพได้สมตามความต้องการ

2. เทวดาจอมปลอม

3. เทวดาโดยสมมุติ ได้แก่ผู้เสพสมใจในกามตัณหา หรือในภวตัณหา หากเป็นคนมั่งมี คนมีอำนาจ จะได้เสพสมใจปรารถนา ไม่ค่อยจะขัดข้อง ไม่ค่อยตกสวรรค์ เช่น พระราชา ผู้มั่งคั่ง เจ้าใหญ่นายโต

4. เทวดาเก๊

5. เทวดาสมมุติ หรือเทวดา(ผู้ขึ้นสวรรค์)ตามที่รู้ ๆ ร่วมกันอยู่ทั่วไป

6. สภาพจิตที่เป็นสุข หรือมีสุขภาวะ หรือมีฐานะของผู้เจริญตามที่รู้เป็นสามัญร่วมกันอยู่ทั่วไปแต่โบราณนานมา[ซึ่งไม่มีใครเกินพระราชา]

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 231

สมาธิพุทธ หน้า283

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า115

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า67

เปิดโลกเทวดา หน้า16


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:46:47 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:35:56 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:24:22 )

สมมุติเทพ

รายละเอียด

สมมุติเทพ อาตมาแปลว่า สมมุติไปเป็นการมีภพของโลกียะธรรมดา

ที่มา ที่ไป

630603


เวลาบันทึก 05 มิถุนายน 2563 ( 15:36:13 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:22:44 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:22:55 )

สมมุติเทพ

รายละเอียด

สมมุติเทพคือคนยังหลงเลอะอยู่กับโลกียะ ยังวนเวียนอยู่ในบาปเวร ในทุกข์สุข เป็นเทวดาขี้เก๊ เทวดาไม่จริง เทวดาโลกียะ ต่อให้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่ง คุณก็จะต้องเวียนวนอยู่ในนรกสวรรค์ ยังกินเนื้อสัตว์ ยังฆ่าสัตว์ ศาสนาที่เขาไม่ฆ่าสัตว์เลยมีไหม ศาสนาอื่น ไม่นะ ศาสนาพุทธนี่ข้อ 1 เลย ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ มีฮินดู ฮินดูที่เคร่งๆเป็นศาสนาเก่า เป็นต้นตอของศาสนาพุทธนี่แหละ

เพราะฉะนั้นเริ่มต้นที่เกี่ยวกับสัตว์ สมมุติเทพเป็นเทวดา เทวดาหมายถึงจิตสูง แต่จิตสูงในความหมายของเทวดานั่นคือเทวะ แปลว่า 2 เขายังแยกไม่ออกว่า 2

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ศีลที่เป็นกุศลย่อมยังความเป็นอรหันต์โดยลำดับ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2567 ( 20:29:26 )

สมมุติเทพ อุบัติเทพ วิสุทธิเทพ

รายละเอียด

เทวะ 6 ชั้นเป็นสมมุติเทพ เป็นพระโสดาบันต้องเริ่มอุบัติเทพ เรียนสัมมาทิฏฐิให้เกิดการลดละเทวดาเก๊ คือธรรมะ2 ทำให้เป็น1ได้ ไม่มีตัวต้านตัวทำลายหายไปเราก็บูรณาการให้สิ่งที่มีเจริญยืนยาว แต่สูงกว่านั้นทำให้สลายไปได้ มีก็มีให้แข็งแรงมั่นคงได้ แต่ทำให้มีไปทำไม? เมื่อต้องสูญ จึงเป็นประสิทธิภาพยิ่งใหญ่ ผู้ทำได้จึงมีพลังงานเหนือกว่าฟิสิกส์ เป็นเรื่องละเอียดมาก หากเรียนพลังงานจิตได้ เรียนรู้พลังงานวัตถุได้ไม่ยาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน เตวิชชสูตร ทางไปสู่พรหมโลก


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:47:20 )

สมมุติเทพเป็นโลกียะทั้งหมดอุบัติเทพเป็นโลกุตระ

รายละเอียด

สมมุติเทพเป็น โลกีย์ทั้งหมด เพราะฉะนั้นในเทวนิยมไม่มีอุบัติเทพ วิสุทธิเทพ เทวนิยม100% คือสายที่ไม่รู้โลกุตระเลย อุบัติเทพจึงเริ่มเป็นโลกุตระ สมมุติเทพเป็นโลกีย์ล้วนๆ มีสวรรค์ มีนรก มีสุข มีทุกข์ แน่นอนมีดีมีชั่ว เพราะดีชั่วนั้นเป็นโลกียะ แต่ความสุขความทุกข์เป็นโลกุตระ เทวนิยม ไม่ได้เรียนรู้สุขทุกข์ หลงยึดสุข เป็นสุขนิยม ไม่รู้จักทุกข์ ไม่เรียนรู้ทุกข์ คนที่เรียนรู้ความทุกข์นั้นเป็นอาริยะ เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า ทุกขอาริยสัจ ก็เรียนรู้ทุกข์ เป็นอาริยะ เป็นสัจจะในระดับปรมัตถ์ 

เพราะฉะนั้นโลกียะเป็นสมมุติเทพ ไม่มีอุบัติเทพเลย อุบัติเทพเป็นโลกุตระ เป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ อรหันค์คือวิสุทธิเทพ เป็นเทวะ ผู้บริสุทธิ์จากกิเลส สิ้นอาสวะขึ้นไป เรียก วิสุทธิเทพ หรือเรียกอีกภาษาว่า พรหม เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่ชัดเท่าคำว่า วิสุทธิเทพ เป็นเทพผู้สะอาดบริสุทธิ์จากกิเลส พรหม นั้น คือผู้บริสุทธิ์ แต่ผู้ไม่รู้ก็ไปเข้าใจว่าเป็น พรหม คือ เป็นสภาพที่มี 16 ชั้น รูปพรหม อรูปพรหมอีก 4 ชั้น เป็น 20 ชั้น ก็เป็นสมมุติไปหมด ศาสนาพุทธไม่มีหรอก รูปพรหมอรูปพรหมอะไรหรอก ไม่มีภพไม่มีชาติ อรหันต์ไม่มีภพชาติ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิชชาจรณสมบัติ และพรหม 20 ชั้น วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2565 ( 14:02:10 )

สมมุติเทพเป็นไฉน

รายละเอียด

สมมุติเทพเป็นเพียงเทวดาสมมติ เก๊ ยึดอยู่กับ ธรรมะ 2 มีสุขมีทุกข์มีสวรรค์มีนรก มีชอบมีไม่ชอบมีผลักมีดูด เป็นเทวดาสมมติเป็นปุถุชน คุณก็อยู่กับ 2 ตลอดนิรันดรเป็นเทว ถ้าคุณไม่รู้จักตัวเองนั่นแหละคือเทว ตัวเองนั่นแหละคือ 2 ตัวเองนั่นแหละคือ2คือไส้เดือน ไส้เดือนมันมีทั้งสองเพศอยู่ในตัวเอง ตัวเองนั่นแหละไม่ได้เรียนรู้ตัวเองเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(รูป 28) ตอน ธรรมะ 2 ให้เป็น 0 ได้ต้องยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:07:19 )

สมมุติเป็นเพียงอุปาทานของคน

รายละเอียด

สภาวะในโลกมี 2 สูงกับต่ำเป็นสมมุติ เพราะฉะนั้นคนยึดในสมมุติความสูงความต่ำ เราก็รู้จักสมมุติโลกเขา เขาสมมุติว่าอันนี้สูงกว่า อันนี้ต่ำกว่าเท่านี้ เราก็รู้ตาม เราอยู่กับคนในโลกก็เข้าใจตามเขา ประพฤติปฏิบัติตามเขา อย่างเช่นว่าอาตมา จริงๆแล้ว ขออภัยขอพูดความจริง อาตมาเกิดมาในชาตินี้เป็นไก่ตัวพี่ อาตมาสูงสุดในเรื่องโลกุตรธรรม แต่คนที่ไม่รู้เขาว่าอาตมาต่ำที่สุด ผิดด้วย ไม่ใช่ชาวพุทธ ไม่ได้เป็นพุทธเลย ไม่ได้เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาพูด พูดแล้วเขาถือว่า ผิดด้วย อย่างที่เขาได้เข้าใจ แล้วทำกับอาตมา อาตมาก็ไม่ได้ไปติดใจ เพราะอาตมาบังคับเขาไม่ได้ จะให้เขามารู้และเชื่ออย่างที่อาตมาพูด ทำไม่ได้หรอกของใครของมัน 

เพราะฉะนั้น สรุปแล้วความถูกความผิด ความสูงความต่ำ ความเป็นสภาพ 2 มันไม่สามารถที่จะให้ใครมาเข้าใจว่า มันไม่มีอะไรมันเป็นสมมุติกันทั้งนั้น ใครที่ยึดติดสมมุติอยู่ก็เรื่องของเขา ใครที่เข้าใจแล้วไม่ติดในสมมุติ สมมุติเป็นเพียงอุปาทานของคน เมื่อยึดแล้วก็อยากได้เป็นตัณหาขึ้นมา แล้วเป็นภพชาติอยู่เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ใครเข้าใจแค่นี้ ไม่ต้องมีตัณหา อุปาทานไม่ต้องมีภพชาติก็จบ ก็สบายตัวไป ก็อยู่อย่างจบกิจเลย รู้กันอย่างจริงเท่านี้เอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 13:18:02 )

สมมุติและปรมัตถ์

รายละเอียด

คือ การรู้ร่วมกันอยู่ทั่วไป หรือสิ่งที่ยอมรับสืบเนื่องกันมา แต่ถ้าศึกษากันอย่างถึง "สัจจะ" ลึกซึ้งก็จะรู้ว่า ตรงข้ามกับ

"ปรมัตถ์" คือความหมายสูงสุด หรือความหมายที่แท้จริง

หนังสืออ้างอิง

เปิดโลกเทวดา หน้า 17


เวลาบันทึก 12 ธันวาคม 2562 ( 15:14:55 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:36 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:26:23 )

สมมุติโลก

รายละเอียด

พูดถึงกระแสสังคมหน่อย ก็มีพวกที่แหกปากร้อง ว่าประเทศไทยแย่ๆๆ เศรษฐกิจไทยตกต่ำ คนจนมากขึ้นมากขึ้น เขาก็พูดว่าอย่างนั้น 

พวกนี้คือพวกที่ไม่รู้สัจจะที่แท้จริง ไม่รู้ทั้งสมมุติ ไม่รู้ทั้งปรมัตถ์ สมมุติธรรม คือความเป็นไปตามโลก ที่เขายึดถือกัน สมมุติกันทั้งโลกที่อ้างว่ารัฐบาล เขาว่ารัฐบาลกู้จนถังแตกหมดตูด เขาพูดไปโดยไม่ดูข้อมูลหลักฐาน คือตั้งเจตนาจะว่าคนไทย หรือว่าผู้บริหาร พาดพิงกระทบไปถึงผู้บริหาร ซึ่งจริงๆแล้วมันพูดผิด 

เศรษฐกิจจริงๆแล้ว ไทยมีเงินทุนสำรองอยู่ขณะนี้นั้น ถึง 2.4 แสนล้านดอลลาร์ มากเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ซึ่งมี 200 กว่าประเทศ เศรษฐกิจประเทศไทยอยู่อันดับ 12 ของโลก 

มีหนี้ต่างประเทศแต่มีทุนสำรองสูงกว่าต่างประเทศเกือบ 3 เท่า หลักประกันเรามี 3 เท่าแต่กู้แค่เท่าเดียว เทียบกับเงินทุนสำรอง GDP คิดเป็น 48%ของ GDP ซึ่งสูงเป็นอันดับ 6 ของโลกด้วย ก็ดูตามสถิติที่นักสถิติเขามีกัน ไม่ใช่แค่พูดโดยไม่มีหลักฐานอะไร 

สรุปแล้วเรื่องเศรษฐกิจไทย ถ้าจะเอาความจริงตามโลกโดยอาศัยวัตถุเงินทองมาเป็นเครื่องชี้วัด การเงินไทยก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลย ยังมีฐานะดีอยู่ตามที่หลักฐานพูดไปเมื่อกี้นี้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไรจริงๆ ซึ่งไม่เป็นความจริงตามที่คนหาเรื่อง คนหาเรื่องให้แก่บ้านเมืองไทยเป็นคำมดเท็จแท้ๆ ซึ่งเป็นบาป แล้วก็ทำอยู่นั่นแหละ ตามที่ตัวเองมีอารมณ์ชังและสนองอารมณ์ตัวเอง เที่ยวไปดูถูกดูแคลน ข่มคนอื่น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2565 ( 17:49:36 )

สมมุติใครสมมุติมัน แต่ก็หลงตัวเป็นหนึ่งเดียวที่แสนลึกลับ!

รายละเอียด

เพราะใน“จินตนาการ”ของใครก็อยู่ในจิตตนเอง เปิดเผยออกมา“สัมผัส”รู้ร่วมกันด้วยกันกับผู้อื่นนับตั้งแต่“2 คน”ขึ้นไปก็ไม่ได้ มัน“ลึกลับ”ถึงขนาดที่“เทฺวนิยม”ด้วยกันก็ยังไม่สามารถเข้าถึง“ปรมัตถธรรม”ที่เป็น“นิโรธ”หรือ“นิพพาน”ใน“อาริยสัจ 4”ที่เป็น“สัจจะมี 1 เดียว”ได้เลย ต่างคนต่างมี“สมมุติธรรม”ในแต่ละของตนๆไป ไม่มีใครสามารถ“เข้าถึง“สัจจะที่เป็น 1 เดียว”คือ“นิพพาน”หรือ“นิโรธ”อันนับว่าเป็น“สัจจะ 1 เดียว”นี้ได้ “พระเจ้า”ของ“เทฺวนิยม”ลึกลับอยู่เช่นนี้นิรันดร “พระธรรม”ของ“พระเจ้า”ก็เป็น“คำสั่ง (command)”แท้ๆ ที่มีลักษณะบงการ

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 474-475 ข้อที่ 662


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2565 ( 14:00:58 )

สมมุติในที่เป็นไปไม่ได้คือความโง่

รายละเอียด

ดีนะ อ่านหนังสืออาตมาสนุกกว่าอ่าน Harry Potter อาตมาอ่านแฮร์รี่พอตเตอร์ไม่รู้เรื่องมันสมมุติอะไรมาก็ไม่รู้ เหมือนกันกับอาตมาอ่านหนังสือกำลังภายใน เขาพยายามเอามาให้อ่าน อ่านได้หน้าสองหน้าก็วาง อาตมาได้ดูหนังกำลังภายในอยู่ 1 เรื่องที่ดูจบ จบไม่ได้ทุกตอนทุกภาคด้วย ภาคก๋วยเจ๋ง ดูจบภาคเดียว แล้ว ภาคอื่นๆดูไม่ได้ ยิ่งอ่านหนังสือกำลังภายในของโกวเล้ง กิมย้ง อาตมาไม่เคยอ่านได้ถึง 2 หน้า 3 หน้าเลย ไปไม่ออก ไปต่อไปไม่ไหว มันไม่มีรส เห็นขี้โกงเล่นเล่ห์ เยอะมากเกินไป โอ้โห อย่างนี้จะตามยังไงไหว มันโลกจินตาทั้งนั้นเลย อย่างสมมุติท่าวรยุทธของเขา ท่าบ้าๆบอๆ อย่างนี้มีด้วยหรือ มันเกินๆๆ แล้วเอาอาวุธบ้าๆอะไรมาก็ไม่รู้ ยิ่งกว่าเด็กเล็กเลย หลอกเด็กเล็กจริงๆเลย แค่อาวุธบ้าๆ ก็เหลือกินเหลือใช้ อาวุธที่มาให้จอมยุทธ แล้วยังมีฤทธิ์วิเศษอีกต่างๆ อะไรของเอ็งวะ มันสมมุติเกินไป อาตมาก็รู้ทันสมมุติเกินไป ก็อย่าสมมุติสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มาแสดงความโง่สุดโง่ของคุณ คุณสมมติสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ อย่าไปสมมติสิ่งโง่ๆเอาไปให้คนโง่ คนมันโง่อยู่แล้ว คุณโง่คนเดียวก็โง่ไป อย่าสมมุติในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไปสมมุติมันขึ้นมาทำไม เห็นไหมเห็นความโง่ไหม ความโง่ของพวกนี้ กิมย้งก็ดี โกวเล้งก็ตาม ขออภัย แม้แต่ j.k. rowling แล้วก็เห็นคนโง่อยู่ทั่วโลกไหม โอ้โห JK rowling เขียนเรื่องเดียว กินตลอดชีวิตเหลือ ทุกวันนี้ก็ยังเก็บลิขสิทธิ์อยู่เลย เอาไปสร้างหนังละครไปพิมพ์ขายได้อยู่ตลอด ได้ลิขสิทธิ์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 ธันวาคม 2563 ( 11:05:16 )

สมมุติไม่เหมือนกันหรอก

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปเรียนรู้อะไรทั้งโลก ที่เป็นล้านปีแสงที่ไม่เปลี่ยนแปลง หรือแป๊บเดียวก็เปลี่ยนไปไม่ต้องไปตามรู้ 

ให้ตามรู้ธาตุรู้ที่เป็นจิตวิญญาณของเรา ว่าจะไปโง่กับมันทำไม คุณรู้กับสิ่งที่อยู่เป็นปัจจุบันมีชีวิตที่เป็นชีวิตประเสริฐ ถ้าคุณมีชีวิตอยู่ 

1. คุณไม่ทำชั่วคุณทำดีตามสมมุติโลกเขา ดีชั่วเป็นสมมุติ 

2. รู้ความสุข รู้ความทุกข์แล้วอยู่เหนือความสุขความทุกข์ก็ได้ ชีวิตจบแล้ว 

คุณจะรู้สูงกว่านั้นก็คือคุณสลายอัตตา เลิกรู้ไปเลยได้ นี่คือความรู้จบของพระพุทธเจ้า ไม่มีอะไรที่จะต้องรู้เกินกว่านี้อีกแล้ว นี่คือ ความรู้จบของพระพุทธเจ้า 

สรุปแล้วความรู้ของพระพุทธเจ้าถ้าคุณมีได้จบจริงแล้ว คุณจะอยู่ก็ได้ จะมีชีวิตอยู่ก็ได้ จะเป็นคนดีเป็นคนประเสริฐจะเป็นคนมีประโยชน์ก็ได้ แต่คุณโง่เอง ไม่รู้จักว่าประโยชน์คืออะไรในชีวิตที่จะทำกับมนุษยชาติ คุณทำกับมนุษยชาติกับสัตว์โลกกับดินน้ำไฟลม เป็นประโยชน์ต่อดินน้ำไฟลมเป็นประโยชน์ต่อสัตว์โลกทั้งหลาย เป็นประโยชน์ต่อพืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ 

คุณมีปัญญาคุณรู้แล้วทำได้ไหมล่ะ คุณเป็นคนประเสริฐแล้วในโลกถ้าจะมีชีวิตอยู่ เป็นโลกียะธรรมดา ถ้าเป็นอย่างโลกุตระก็รู้จักสุขจักทุกข์ รู้จักความเป็นธาตุรู้กับการแยกธาตุรู้เป็นดินน้ำไฟลม 1 นี่คือความรู้ของพระพุทธเจ้า เรื่องความดีความชั่วก็รู้ด้วยตามสมมุติซึ่งไม่เท่ากันไม่เหมือนกัน สมมุติไม่เหมือนกันหรอก สังคมแต่ละกลุ่มก็สมมุติต่างกันไป ไม่เหมือนกัน และแสวงหาความรู้อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 53 ประโยชน์อันสูงสุดจากศาสนาที่มนุษย์พึงได้ วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2565 ( 12:45:17 )

สมมุติไม่เหมือนกันแม้แต่ปรมัตถ์

รายละเอียด

คนที่ไม่รู้จริงก็จะตำหนิกันอยู่นั่นแหละ ชมกันอยู่เรื่อย ก็มีทั้งตำหนิและชม 2 อย่าง การติการชม ซึ่งมันมีสมมุติไม่เหมือนกันไปแม้แต่ปรมัตถ์ ปรมัตถ์ก็ไม่เหมือนกันเรื่องของจิตเจตสิก ยืนยันอย่างนี้ เข้าใจอย่างนี้ แล้วก็จะต้องเป็นอย่างนี้ ก็ไม่เหมือนกัน แต่มีปัญญาสูงสุดเข้าใจว่า มันไม่เหมือนกันได้ ไอ้ที่เหมือนกันแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะต้องท้วงติงกัน มันก็มีแต่ความสูญ ถ้ามี 2 อย่างก็เทียบกันแล้วมันก็ไม่เหมือนกัน 

ปรมาณู 2 ตัวเกิดขึ้นมาไม่เหมือนกันแล้ว แตกต่างกันเป็นภาวะ 2 มันไม่มีอะไรเหมือนกันหรอก แต่เข้าใจว่าของเขาอย่างนี้เป็นอย่างนี้แล้วก็จบ แล้วเราจะร่วมกันด้วยอะไร คนนี้มี 5 เหลี่ยมคนนี้มีสี่เหลี่ยมคนนี้มี 2 เหลี่ยม คนนี้มี 10 เหลี่ยม จะเข้าเหลี่ยมกันยังไงดี ให้ไม่ขบ ไม่ทะเลาะกัน ไม่ขัดกัน ก็พยายามทำให้ได้ก็จะอยู่ร่วมกันได้ดี มันมีเหลี่ยมขัดกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง ไม่ลงรอยกันไปเท่านั้นเอง มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นคนแล้วมีสังคมอยู่ร่วมกัน ก็รู้รายละเอียดอันนี้อันที่อธิบายมา รู้รายละเอียดแล้วก็จัดสรรกันถึงขั้นรู้ความต่างกันและเหมือนกันอย่างเดียวกัน มันก็ทำตามธรรมดาธรรมชาติเป็นอย่างนี้ ก็ไม่ต้องกำหนดให้คนนั้นต้องมาทำอย่างเราคิดเราเห็น 

แต่ถ้ามันเป็นความแตกต่างที่มันไม่ดี มันพิลึก มันแปลก มันดูแยก มันมีส่วนพลังงานหรือว่า กายกรรม วจีกรรม ออกมาแล้วมันเกิดผลกระทบ ทำให้เสียหาย ไม่ได้เป็นการสร้างสรร ไม่ได้เป็นการทำความเจริญ มีแต่ความเสียหาย มีแต่ความเสื่อม เราก็บอกกันว่าอย่างนี้มันไม่ถูกนะ มันเกิดความเสียหาย มันเกิดความไม่ควรทำ มันก็เป็นธรรมดา ต้องมีอยู่แน่นอน 

ก็ติติงกันไปขัดเกลากันไป แล้วมันก็จะมี กายกรรม วจีกรรมที่ถูกติ ถูกขัดเกลา หมู่ไม่ได้เห็นร่วมด้วยเป็นอย่างนี้ ก็ลดลงได้ลดลงได้ จนกระทั่งไม่มีการขบไม่มีการขัด ยอมรับได้แล้วว่า ขณะนี้ก็ดีแล้วอยู่ร่วมกันไปได้ เป็นจุดยืนทำให้เกิดความสงบแก่สังคม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาท พิธีรับกลด ปี 2566 รุ่นใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ วันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:12:46 )

สมยะ

รายละเอียด

สมัย

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 58


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:53:27 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:37:07 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:29:57 )

สมยะแปลว่าในขณะปัจจุบันนั้นๆ ใช่หรือไม่

รายละเอียด

ใช่ สมยะ เป็นเรื่องกาละเวลา ถ้าจะพูด สมยะ ที่จริงอาตมาก็เปิดเผยรายละเอียดของอักษรพยัญชนะไปบ้าง แต่ไม่อยากเอามาใช้ ส เป็นเศษวรรค ม คือตัวปลายของ วรรค ส่วน สะ กับยะ เป็นพลังงานในเศษวรรค

ยะ เป็นตัวพลังงานเริ่มต้น ย ร ล ว ส ห ฬ อํ ในเศษวรรค ถ้าเป็นสภาวะแล้ว อาตมานี่อ่าน สมยะ นี้เข้าใจความหมายของกาลเวลา จะต่างจาก กปป กับ กัลป์อย่างไร อาตมาเข้าใจ แต่มันมากไปเกินไปที่จะเอามาอธิบายขยายความ

สมยะ คือในปัจจุบันนี้ เป็น status quo เป็นตัวปัจจุบัน บาลีเรียก สัมปติ หรือ but now หรือ Suddenly

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:20:21 )

สมร

รายละเอียด

สนามรบ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 58


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:54:40 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:40:53 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:29:16 )

สมรรถนะเป็นตัวเศรษฐกิจหลักอย่างไร

รายละเอียด

ก็ยิงเข้าเป้า สมรรถนะของคนนี่แหละเป็นตัวเศรษฐกิจหลัก เป็นตัวเศรษฐกิจใหญ่ เป็นความเจริญ เสฏฐะ หรือเสฏโฐ เป็นความเจริญ ส่วนเศรษฐกิจเป็นภาษาสันสกฤต จริงๆภาษาบาลีคือ เสฏฐะ คือ งานที่เจริญ​คืองานที่มีความรู้ความสามารถขยันหมั่นเพียรสร้างสรรในสิ่งที่เป็นความจำเป็นเป็นความสำคัญ อาหารเป็นหนึ่งในโลก สร้างอาหารโดยเฉพาะอาหารการกิน กวฬิงการาหาร นี่แหละ ให้เป็นหลักเลย เราจะเป็นผู้ที่มีคุณค่าประโยชน์ต่อโลก ไม่ต้องพูดว่าเราจะไปเป็นใหญ่ไปเป็นมหาอำนาจ แต่เราจะเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่มนุษยชาติในโลกก็เพราะเราสร้างอาหาร เป็นอาหารที่ดีมีคุณภาพไม่มีพิษไม่มีภัย เป็นอาหารที่มีเนื้อหาสาระ มีทั้ง ธาตุ วิตามินอะไรต่ออะไร ดี ที่คนจะเอาไปรับประทานเพื่อเลี้ยงขันธ์

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2564 ( 10:37:17 )

สมรรถภาพกับบูรณภาพ

รายละเอียด

สมรรถภาพเป็นพลังงานที่มีประจำตัว สมรรถภาพกับบูรณภาพ สมรรถภาพเป็น static บูรณภาพเป็น Dynamic สมรรถภาพเป็นตัวตั้ง มีพลังงานความรู้ความสามารถ บูรณะภาพนี้เสริมพัฒนาขึ้น ไม่ให้ตกต่ำ ไม่ให้เสื่อม ไม่ให้ลด 2 อันสุดท้าย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 16:06:12 )

สมรรถภาพคือของจริงที่เราได้สะสม

รายละเอียด

จริง ก็เข้าใจ อาตมาเน้นให้มาเป็นนักกสิกรรมกัน มาเป็นพวกที่เป็นกสิกรแข็งขัน มาทำพืชพันธุ์ธัญญาหาร มันเป็นหนึ่งในโลก  เป็นงานที่มีคุณค่ามากที่สุด จะบอกว่าเป็นกุศลก็เป็นกุศลสูงสุด จะบอกว่าเป็นบุญก็เป็นบุญ เพราะว่าคนที่จะมาเป็นกสิกรต้องล้างกิเลส ไม่อยากจะมาหนักไม่อยากจะมาร้อน  ไม่อยากจะมาทำ แล้วพืชพันธุ์ธัญญาหาร มันซับซ้อน พืชพันธุ์ธัญญาหารจะขายแพงไม่ได้ ขายแพงแล้วมนุษยชาติแย่เลย เพราะฉะนั้นพืชพันธุ์ธัญญาหาร ขายข้าว  ขายพืชผักผลไม้ราคาต้องถูก ราคาแพงไม่ได้ ราคาแพงตายทั้งโลกเลย เพราะคนจนมีเยอะ แล้วคนจนก็ต้องกิน คนรวยก็ต้องกิน ถ้าขายแพงคนรวยมันไม่ตายหรอกมันรวย แต่คนจนตายหมด ไม่ได้ 

เพราะฉะนั้นมันจึงมีความจำเป็นสำคัญมากเลย อันนี้โดยปฏิภาณลึกๆของคนทั่วไปในโลกเข้าใจ จึงยอมให้ราคาสิ่งเหล่านี้ พืชพันธุ์ธัญญาหารหรือของกินราคาแพงขึ้นไม่ได้ ก็มีแต่พวกอวดรวย ที่เขาหลอกเอาพืชพันธุ์ธัญญาหารไปขาย ผักโขมยอดสวยๆ 5 ยอด 100 บาท ทอดน้ำมันหอยไปให้พวกไฮโซซื้อกิน เต๊ะท่ากินของราคาแพง อะไรอย่างนี้เป็นต้น มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่คนเขาหลอกคนรวยนี่ เสื้อผ้าชุดธรรมดา ติดขนไก่อันหนึ่งตรงนี้ ว่ามีตัวเดียวในโลกมีตัวเดียวในสังคมแฟชั่นยุคนี้ อันนี้แสนบาท คนก็ไปซื้อมาใส่ โอ้โห..ใส่แล้วต้องใส่ครั้งเดียวนะแล้วห้อยทิ้งไว้ ใส่ซ้ำนี่โดนทักเลยนะ ตัวนี้มันใส่มาแล้วขายหน้า ไม่ได้ มันโง่ได้ทีจริงๆคนเรา แต่ก็สมแล้วล่ะ เขาก็ต้องหลอกเอาเงินคนพวกนี้ออกมาสู่ มันเป็นวิธีการของเศรษฐกิจ ต้องหลอกคนโง่ที่รวยให้ควักออกมาอย่างโง่ๆ เพราะมันจะได้มีเงินสะพัดออกมา มันก็เป็นวิธีการของเศรษฐกิจธรรมดา 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 25 พ่อครูคือธัมมิกราช ผู้กอบกู้โลกุตรธรรม  วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 19:34:52 )

สมอง หัวใจ เป็นอุปกรณ์ทางสรีระ

รายละเอียด

สมองก็ดี หัวใจก็ดี เป็นสรีระ เป็นอุปกรณ์ทางสรีระ สมองเป็นอุปกรณ์ให้วิญญาณใช้งาน ส่วนหัวใจนั้น เป็นอุปกรณ์ให้เลือดสูบฉีดเลี้ยงร่างกาย เพราะฉะนั้น หัวใจคืออุปกรณ์หรือโรงงานทำงานยังชีวิตให้ยืนยาว เราจะตายก็ตายกันที่หัวใจ สมองก็ตายได้ถ้าหากสมองมันหมดสภาพ จริงๆแล้ว มันก็เลิกหลุดออกไปจากสมองเลย จิตวิญญาณก็ปล่อยออกจากร่างกาย ออกจากสมองเลย  หัวใจก็ไม่มีอะไรขับเคลื่อน อันนี้มีนัยสำคัญก็คือ ในพลังงานระดับหนึ่งที่จิตวิญญาณทำงาน พอพลังงานของจิตวิญญาณ ผู้ใดสามารถทำพลังงานนั้น ให้มีคุณสมบัติเหมือนดั่ง พีชะ ควบคุมพีชะ อยู่กับพีชะ ได้ ก่อเกิดพลังงานในระดับไม่สุขไม่ทุกข์ไม่โลภไม่โกรธ ไม่มีพยาบาทจองเวร ไม่มีความดูดดึงข้ามชาติ นี่แหละเป็นฐานอาศัย พีชธาตุ เป็นฐานอาศัย ที่สุด สามารถทำให้เกิดเป็นความสูญเลย เกิดเป็นอุตุธาตุ เป็นดินน้ำไฟลม หมดความเป็นชีวะได้ด้วย นี่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 4 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2563 ( 13:29:51 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 04:29:04 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 13:59:22 )

สมองเป็นอุปกรณ์ให้จิตวิญญาณทำงาน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นพระอภิธรรมยังเข้าใจจิตวิญญาณเอาไปอยู่ที่หัวใจ ยังไกลเลย ยังไม่เข้าที่เลย เพราะจริงๆแล้ว สมองต่างหากเป็นอุปกรณ์ให้วิญญาณทำงาน สัญญาทำงานให้สัญญาอาศัยสมองทำงาน ปัญญาก็อาศัยสมองเป็นอุปกรณ์ในการทำงาน อย่าว่าแต่สัญญาอย่าว่าแต่ปัญญาเลย เวทนาก็อาศัยสมอง สังขารปรุงแต่งนามธาตุก็อาศัยสมอง สัมผัสเป็นรูปธาตุก็อาศัยหัวใจ ส่วนสมองนั้นมีสังขารที่เป็นวิญญาณธาตุปรุงแต่งใช้สมองอย่างนี้เป็นต้น สมองที่เสียเป็นส่วนๆๆมันก็ไม่ทำงานเป็นส่วนๆๆ อย่างที่เขาเป็นอัมพาตส่วนนั้นส่วนนี้ การแพทย์จะรู้จักกันดี ก็ค่อยๆเรียนรู้กันไป เรียนเอาจุดหมายที่เราจะเอาถึงนิพพาน การจะไปเรียน สรีระ กายวิภาค พวกนี้มันจะยาวนาน เอาวิทยาศาสตร์ไบโอโลจีมาแทรกไป แต่ถ้าจะเรียนนิพพานต้องมาหาจิตวิญญาณ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 14:15:21 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 04:29:25 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:00:10 )

สมัครใจมาปฏิบัติตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ทฤษฎีของพระพุทธเจ้าที่อาตมานำมาบอกพวกเราทำให้พวกเราเข้าใจแล้วเห็นดี เห็นงาม อาตมาไม่ได้บังคับใครให้มาปฏิบัติตามนะ  ไม่ได้ล่อหลอก ไม่ได้และเล็มเลียบเคียงด้วย  ค่อนข้างจะตีแรงด้วย  แต่พวกคุณมาเอาด้วยปัญญา จนกระทั่งได้ ตัวเราเองก็บรรลุได้แล้ว  ก็สมัครใจอยู่กับสังคมนี้แล้ว อยู่กังสังคมนี้ได้อะไรได้  ลาภ  ยศ  สรรเสริญใส่พกใส่ห่อหรือไม่ ก็ได้ความอบอุ่น  ได้ความฝากผีฝากไข้ได้  ไปแล้วก็ไม่ต้องห่วงกังวลว่าใคร  จะไม่มาเผาผี  คนทั่วไปเขาห่วงกันนะ  ตายแล้วไม่มีใครไปเผา  ไม่มีใครไปทำศพให้ แต่ชาวอโศกนี้หมดห่วงในเรื่องนี้เลย  สบายมาก  เฉพาะฉะนั้นจึงเป็นสังคมที่สุดยอดจริงๆ  อาตมาพูดแล้วภาคูมิใจอย่างยิ่งที่แม้เป็นยุคคนกิเลสหยาบหนามาก  ก็ยังเป็นไปได้

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก วันพุธที่  20 พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 16 ธันวาคม 2562 ( 17:03:05 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:42:32 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:35:57 )

สมัครใจเป็นคนรับใช้ ไม่สมัครใจไปเป็นลูกจ้าง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น งานที่ทำไป อย่างคุณทำนี่ก็เป็นประโยชน์ของสังคมประเทศชาติ  ในเมืองไทยขณะนี้ เป็นผู้นำ อาตมาขอใช้คำนี้ เป็นคำใหญ่ เป็นผู้นำของโลกในเรื่องของรัฐศาสตร์ก็ตาม การเมืองก็ตาม หรือจะเป็นเศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ก็ตาม เป็นผู้นำ เป็นตัวอย่างที่คนจะต้องมาศึกษาอย่างมาก เพราะมันมีโลกุตรธรรมเข้าไปในนั้น

คำว่า โลกุตรธรรม เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ อาตมาขยายความตั้งแต่ทำงานมา 53 ปีได้แค่นี้และ คนก็รู้เรื่อง แล้วก็มาศึกษาประพฤติจนกระทั่งได้ธรรมะนั้น มารวมตัวกันเป็นชาวอโศก

ชาวอโศกนี่ก็เป็นรูปธรรมอันหนึ่งของสังคมมนุษยชาติ ที่เป็นการเมือง เศรษฐศาสตร์สังคมศาสตร์ ครบบริบูรณ์อยู่ในนี้ แบบโลกุตระ ที่จะเป็นตัวอย่างของโลกที่ครบบริบูรณ์ 

ในหลวง ร.9 ทรงงานกว้าง ทรงงาน ไม่ได้รูปแบบที่ย่นย่อเหมือนของอาตมา อาตมาทำงานก็ได้รูปแบบที่เป็นรูปร่างที่ครบส่วน ตามที่พูดไปง่ายๆเมื่อกี้ ครบส่วนของเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์อย่างนี้เป็นต้น ก็เป็นรูป cyclic order ขึ้นมา เป็นตัวอย่างของมนุษยชาติ แบบโลกุตรธรรม มีสาธารณโภคี มีลักษณะของสาราณียธรรม 6 ซึ่งเป็นความรู้ของพระพุทธเจ้า ที่เป็นความรู้ของศาสนาพุทธที่เมืองไทยเป็นเมืองที่มีโลกุตรธรรมที่เป็นของพระพุทธเจ้าของศาสนาพุทธอยู่เป็นแกน เป็นรากของความเป็นมนุษย์และสังคมเลย เป็น Root ของมนุษยชาติเลย ของสังคมเลย ก็จะนำพาไป 

ในส่วนประเด็นที่คุณทำอันนี้ ก็จะช่วยให้ มนุษยชาติได้ เพราะฉะนั้นหนังสือเล่มนี้ ผู้ที่มีความเป็นคนโดยเฉพาะคนไทย ที่เป็นคนอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนี้ น่าจะต้องได้เอาไปอ่าน 

อ่านเพื่อรู้ความจริงที่ถูกต้องว่า ความจริงที่ถูกบิดเบือนมีอะไรบ้าง แค่นี้ก็ช่วยกันแก้ไขหรือช่วยกันที่จะบอกต่อๆกันไป หรือ พัฒนาขึ้นมา ให้มันถูก อย่าให้มันถูกบิดเบือน อย่าให้มันผิด แก้ไขกลับคืนมา ประเทศไทยก็จะก้าวหน้ารุ่งเรือง เจริญพัฒนาไปอย่างดีได้มากทีเดียว 

นี่ไม่ใช่อาตมามารับจ้างคุณโฆษณา ไม่จำเป็น อาตมาไม่เคยรับค่าจ้างโฆษณามาแต่ไหนแต่ไร แล้วก็รังเกียจด้วยที่จะมาจ้างอาตมา ไม่สมัครใจที่จะเป็นลูกจ้าง อาตมาสมัครใจเป็นคนรับใช้ อาตมาไม่สมัครใจไปเป็นลูกจ้าง อาตมาจะทำตามความเห็นของอาตมา ไม่ใช่ลูกจ้าง ไม่เห็นดีเห็นงาม อาตมาไม่ทำหรอก แต่ทำแล้วอาตมาจะทำอย่างเป็นคนรับใช้ผู้อื่นอาตมาเต็มใจเป็นคนรับใช้ แต่ไม่เต็มใจที่จะเป็นลูกจ้าง เพราะอาตมาพอกินของอาตมาอยู่แล้ว มีคนช่วยอาตมาอยู่แล้วเยอะแยะ ยินดีช่วย ยินดีให้อยู่ให้กินด้วย อาตมาไม่จำเป็นที่ต้องไปรับจ้างอะไรใครที่ไหน 

นี่เป็นลักษณะธรรมะ ที่อาตมาพูดไปเป็นธรรมะที่ลึกซึ้ง เป็นธรรมะที่มนุษยชาติควรจะเห็นให้ได้ 

อาตมาสมัครใจเป็นคนรับใช้ อาตมาไม่สมัครใจไปเป็นลูกจ้าง อาตมาเต็มใจเป็นคนรับใช้ แต่ไม่เต็มใจที่จะเป็นลูกจ้าง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ 

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 12:26:07 )

สมังคีธรรม

รายละเอียด

เป็นสภาพที่เกี่ยวโยงร่วมกัน สัมพันธ์กัน สืบเนื่องกันอยู่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 174


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:55:27 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:42:11 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:36:30 )

สมันตจักษุ

รายละเอียด

สมันตจักษุ คือ รู้ครบ รู้รอบ รู้ถ้วน หมดเลย  

เทวนิยมคือ มีความยึดถือว่า เทวะนี้เที่ยงเป็นหนึ่ง อย่าไปวิจารณ์วิจัยแยกแยะ เอาตามที่พระเจ้าว่าไว้อย่างเดียวเลย ไม่มีการใช้การวิจัยวิเคราะห์ไม่มีธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ มีวิจัยก็เป็นเพียงพื้นๆไม่เข้าถึงแก่นถึงที่สุดเลย เพราะฉะนั้นจึงต่างกันมากในความรู้ของพระพุทธเจ้ากับความรู้ของเทวนิยมส่วนใหญ่ 

แค่อธิบายเรื่องธรรมะ 2 ก็ดี เรื่องที่จะรู้ความจริงครบทั้งนอกและใน ทั้งหยาบและละเอียดทั้งหมดจึงเป็น สมันตจักษุ ก็ไม่ใช่ง่าย

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:26:13 )

สมัย กาละ วาระ

รายละเอียด

ม คือจิต ตัวสุดท้าย ก คือเริ่มต้นสารพัด อะไรก็แล้วแต่ในมหาจักรวาล มี ม คือจิตนี่แหละเกิดเรื่องมากนักเท่ากับ ม ตัวเรื่องมากที่สุด สมยะ มี ม มี ย เป็นตัวที่ 1 ของเศษวรรค พลังงานตัวที่ 5 เป็นพลังงานตัวที่เกินครึ่งของ Coefficient สูงสุดที่พัฒนาได้มากสุดคือ 9 แต่ 5 นี้เกินครึ่งของ 9 แล้ว พลังงานนี้จึงเป็นพลังงานที่ไม่ถอยแล้ว แต่ถอยก็ได้ ถ้าถอยพลังงานนี้ก็ไม่มีอะไรเจริญไม่มีอะไรเกิดได้เลย

สมยะ เป็นกาละ ถ้าไปนับเป็นวาระก็เป็นวาระที่คุณจะต้อง พระพุทธเจ้าใช้คำว่าสมัยเรียกวาระที่จะต้องทำงานทุกเวลา แม้จะพูดวาระอดีต Once upon a time สมัยหนึ่งนานมาแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:45:21 )

สมัยนี้ควรใช้ชื่อรายการสงครามสิ้นชาติไหม

รายละเอียด

คือฟังชัดขึ้นร้ายแรงขึ้น คือ ฟังธรรมาธรรมะสงครามมันเบ๊าเบา คือ สงครามระหว่างธรรมะกับอธรรม เป็นสงครามกัน สมัยนี้ก็สงครามระหว่างธรรมะกับอธรรม แต่มันเป็นเรื่องเห็นได้อย่างหยาบ ที่คุณตั้งชื่อมาแทนว่าสงครามสิ้นชาติก็หมายความว่า มันหยาบจนกระทั่งคนที่มาหาเรื่อง อ้างว่าตัวเองจะทำเพื่อชาตินั้นเป็นการทำให้สิ้นชาติจะทำให้เลวร้ายลงไป มันหยาบกว่าธรรมาธรรมะสงคราม

แต่ดีนะ สงครามกลางเมืองของเราตอนนี้พยายามทำให้ทุกคนอย่ารุนแรง อย่าให้เกิดการทำร้ายทำลายกันจนกระทั่งฆ่ากันถึงชีวิตจนกระทั่งเลือดตกยางออก ก็พยายามกันอยู่แต่มันก็ยังมี Error กันบ้าง ก็ดีแล้ว เปรียบเทียบกับต่างประเทศ ไม่ต้องเอาไกลที่พม่าก็เห็นชัดเลย 

เพราะฉะนั้นสงครามที่ดีที่สุด ประเทศไทยนี่แหละสงครามทางการเมืองสงครามที่จะกอบกู้ชาติ เป็นตัวอย่างที่โลกมันจะเห็น ที่อื่นก็เขายังหยาบก็ว่ากันไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 21:01:33 )

สมัยนี้นักบวชทั้งหลายเขาได้ตามหาวิชชาจรณะหรือไปนั่งหลับตา

รายละเอียด

แล้วศาสนาพระพุทธเจ้าคนไม่เข้าใจจะหลงทิศทาง ผู้ที่แสวงหาวิชชาและจรณะเหมือนกัน ต้องศึกษาพยายามแสวงหาวิชชาและจรณะ แต่สมัยนี้นักบวชทั้งหลายเขาได้ตามหาวิชชาจรณะหรือไม่ เขาตามหาเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์พุทธศาสนาบัณฑิตเปรียญ 9 หรือไม่ก็ไปนั่งหลับตาเลยอย่าไปอ่านตำรา พระธุดงค์ใครออกป่าไป 5 ปี 8 ปีรับรองว่าคุยฟุ้งได้ ฉันเป็นพระกรรมฐานฉันเป็นพระธุดงค์ฉันเป็นพระออกไปเท่านั้นเท่านี้ ก็นับถือกันจริงๆ ทายกทายิกามีเยอะเลย หน้าสลอน ไม่ว่าสำนักไหนจะมีพวกนุ่งขาวห่มขาว มีผ้าสไบ นั่งอยู่เยอะแยะ ส่วนมากเป็นผู้หญิง ไปประเคนอาหารถวายแล้วก็นั่ง พอเสร็จแล้ว เอาอาหารไปถวายก็ฉัน เสร็จแล้วก็กินเหมือนกันไป ฉันอาหารเสร็จแล้วก็ยถาวาริวะหา เสร็จแล้วเรียบร้อย เสร็จพิธีกลับบ้านสบายใจ น่าสงสารเลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2563 ( 09:17:50 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:23:23 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:01:18 )

สมัยนี้พูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง

รายละเอียด

ที่จริงแล้วศาสนาพุทธกับศาสนาพราหมณ์นั้นไปสลับมา แต่สมัยนี้พูดกับการกระทำมันกลับกันไปหมด พูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง พูดว่ามีศีลมีธรรมก็พูดไปแต่เขาก็ไม่มีศีลไม่มีธรรมกัน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 10:58:03 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 04:30:03 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:37:06 )

สมัยพระพุทธเจ้าสาธารณโภคีในวงสงฆ์เกิดขึันได้อย่างไร

รายละเอียด

สมัยพระพุทธเจ้าทำไม่ได้เพราะเป็นยุคทาส ยังไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มันมีข้อจำกัดทำไม่ได้ แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ทำของท่านจนได้ คือเอามาประกาศทฤษฎีนี้ มีธรรมนูญของท่าน มีจุลศีล  มัชฌิมศีล มหาศีล แล้วก็มีพระวินัย วินัยก็เป็นกฎหมายลูก ธรรมนูญก็เป็นกฎหมายหลัก ของศาสนาพุทธ แล้วเอามาประกาศคนก็มาปฏิบัติตาม 

สมัยพระพุทธเจ้าสาธารณโภคีเกิดแต่ในวงของสงฆ์ เช่นพระภิกษุไปบิณฑบาตได้อาหารมาก็เอามารวมกันเป็นกองกลางเป็นสาธารณะ องค์นี้ได้มาก องค์นี้ได้น้อย องค์นี้ได้ของมีคุณภาพดี คุณภาพไม่ดี ก็เอามารวมกันไม่รวบเอาไว้แต่ผู้เดียว เอามารวมไว้กับกองกลาง แล้วใครจะมาเอาจะต้องการอะไร แม้เราบิณฑบาตไม่ได้ เพราะเราเป็นพระผู้น้อย คนไม่ศรัทธาก็เลยได้แต่ของไม่ดี ดีไม่ดีไม่ได้มาเลย ก็มาเอาของกลางกินเฉลี่ยรวมกันหมด ทั่วถึงกัน ไม่มีใครเหลื่อมล้ำจากกัน เป็นต้น นั่นคือสาธารณโภคีที่เป็นรูปธรรม 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2564 ( 12:44:42 )

สมาชิกของมนุษย์บุญนิยม

รายละเอียด

คนที่เรียนรู้พฤติกรรมตัวเอง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม แล้วก็รู้จักกิเลสตัวเอง ทำลายกิเลสตนเองได้ คนเหล่านั้นเป็นสมาชิกของมนุษย์บุญนิยม 

รู้จัก กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม และรู้จักกิเลสตัวเอง แล้วก็จัดการกิเลสตัวเองได้ คนเหล่านั้นคือสมาชิกของพวกบุญนิยม  ซึ่งรู้จักการชำระกิเลส 

ซึ่งคำว่าบุญนี้หากไม่มีอาตมาอุบัติ จะเข้าใจผิดเพี้ยนว่าบุญคือกุศล ซึ่งออกนอกทิศทางนอกสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้า ศาสนาพุทธจึงไม่มีมรรคผลเพราะไปเข้าใจคำว่าบุญคือกุศล กุศลเป็นความดีงามที่สร้างภพชาติ แต่เป็นภพดี อกุศลก็ภพไม่ดี กุศลมีภพชาติ แต่บุญไม่มีภพชาติ คนที่ปฏิบัติแค่ปฏิบัติการทำทานก็ไม่รู้การทำใจในใจให้สัมมาทิฏฐิ เพราะฉะนั้นจึงเป็น นัตถิ ทินนัง ปฏิบัติการทานคุณก็ไม่มีมรรคผล ไม่มีอานิสงส์ นอกจากไม่มีบุญแล้ว ทานไปกิเลสก็หนาขึ้น เป็นพระเป็นเจ้าสอนให้เวลาทำทานให้ทำใจให้จะได้สวรรค์ รวยลาภกิเลสก็โตด้วยโลกธรรม ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ก็ตามแต่อธิษฐานเอาสร้างวิมานเอา เอาๆ พระพุทธเจ้าสอนให้เอาออกเอาออก แต่พวกนี้สอนเอาๆ พวกนี้ต้องจับไปขึ้นศาลในข้อหากบฏต่อธรรมะพระพุทธเจ้า ต้องจับเข้าคุกให้หมด สอนทานให้คิดให้สร้างภพชาติ ก็เป็นผู้ทำลายศาสนา พระพุทธเจ้าสอนการทำทานให้ล้างกิเลส แต่เขาสอนการทานให้เพิ่มกิเลส แล้วมันจะทำให้ศาสนาดีขึ้นได้อย่างไรศาสนาก็ต้องเสื่อมลง ไม่ได้ไปว่าใครนะ ใครรู้ตัวดีก็ฟังด้วยดีสุสูสังลภเตปัญญัง จะได้ไปเปลี่ยนแปลงตัวเอง แม้บางคนเป็นเจ้าสำนักสอนอยู่ อย่างธัมมชโยไม่รู้ว่าจะสร้างบาปกันไปเท่าไหร่ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 17:03:55 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:43 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:37:46 )

สมาชิกพรรคสัมมาธิปไตยไม่จำเป็นจะต้องกินมังสวิรัติ เพียงแต่ไม่มีอบายมุข

รายละเอียด

หมายความว่ามันสูญไปแล้วเพราะว่ามันยุบไปแล้วมันเลิกไปแล้ว อันนี้มันเป็นพรรคตั้งขึ้นใหม่ เพราะฉะนั้นก็เริ่มกัน 

ก็ขอเสริมอีกนะว่า พวกเรานี่ คนมาสนใจทางเรา แม้จะเป็นเรื่องการเมือง ที่เราเปิดใจกว้างกับข้างนอกเขาก็เป็นการเมืองแต่คนข้างนอกก็ยังสนใจน้อย ก็เอาพวกเรานี่แหละ หรือว่าข้างนอกได้ยินได้ฟังสนใจก็เชิญ เมื่อกี้บอกไปแล้วว่าข้างนอกมาสมัครก็ได้ เราไม่ได้ไปเคร่งครัดเหมือนกับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมทีเดียว การเมืองนี้เราอนุโลมไปไม่ใช่น้อยตอบไปแล้ว เชิญมาสมัครได้ ถ้าสนใจมาเป็นสมาชิกของที่นี่ 

คือสมาชิกพรรคการเมืองจะเป็นสมาชิก 2 พรรคไม่ได้นะตามกฎหมายเขาไม่ให้..เป็นโมฆะ ถ้าเป็นสมาชิก 2 พรรคเขาก็หักไปเลยทั้งคู่ เป็นคนผิดไปเลย ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไหนได้เลย เพราะฉะนั้นอย่าเป็นสมาชิก 2 พรรค มาเป็นสมาชิกพรรคเดียว 

ทีนี้ของชาวอโศกมันก็ได้ตามเกณฑ์ของตามกฎหมายเขา จะต้องมีสมาชิก 500 จะต้องมี 5,000 จะต้องมี 10,000 ตามกฎเกณฑ์ของเขา ซึ่งมันก็ต้องอาศัยคนข้างนอกบ้าง เพราะฉะนั้นเราก็ได้บอกไปแล้วว่า เพียงแต่ไม่มีอบายมุขเท่านั้นแหละ จะยังกินเนื้อสัตว์อยู่ ยังไม่ใช่มังสวิรัติ หรือไม่ได้ถือศีล 5 อย่างต่ำเหมือนชาวอโศก ที่จะเป็นสมาชิกในชาวอโศกทีเดียวก็ได้มาสมัครได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ โดยพ่อครู GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 14:50:38 )

สมาทหะ

รายละเอียด

แข็งแกร่ง มั่นคง ตั้งอยู่ในสภาพนั้นได้นาน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค1 หน้า 10


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:56:58 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:44:19 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:38:03 )

สมาทหัง จิตตัง

รายละเอียด

1. ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่

2. จิตที่แกล้วกล้า แข็งแรง มั่นคง อาจหาญ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค1 หน้า 42

ทางเอก ภาค 3 หน้า82

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า283

 


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 14:57:52 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:46:45 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:38:47 )

สมาทาน (สม + อาทาน)

รายละเอียด

1. ถือเอาไว้เสมอ

2. ยึดได้อย่างสงบถึงขั้นได้ระดับอาริยะ ยึดได้อย่างดีเรียบร้อย ยึดอย่างมีความเที่ยงธรรม ยึดไว้อย่างยุติ

3. การยึดเอา ถือเอากิจที่จะทำ เรื่องที่จะปฏิบัตินั้นด้วยปัญญา เพื่อประโยชน์ ซึ่งมิใช่การยึดที่เกิดโทษทั้งแก่ตนและแก่ผู้อื่น

4. ยึดไว้ด้วยวิชชา

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 99 ,คนคืออะไร? หน้า 366

กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ 270 , ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า156


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 15:00:29 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:52:40 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 14:03:06 )

สมาทานคืออย่างไร

รายละเอียด

สมาทาน นี้ก็คือคำว่า สมะ กับ อาทาน 

อาทาน แปลว่า การยึดถือ ความยึดถือ จิตของเรามีความยึดถือขึ้นมาเรียกว่า อาทาน

สมะ คือ เสมอ หรือ ความลงตัว 

สมะ ขยายความ ก็คือ สัมมา หรือ สมัญญะ หรือ สัมมัป เป็นคุณสมบัติของ ส กับ ม

ส คือ พลังงานตัวที่ 5 ของเศษวรรคกับ ม คือจิต

จิต กับพลังงาน พลังงานทั้งหมดสูงที่สุดคือพลังงานระดับ 9 ใน  1 2 3  4 5 6 7 8 9 

สูงสุดคือเลข 9 สูงสุดในสังขยาเลขและสภาวธรรม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 17:04:23 )

สมาทานต่างจากอุปาทาน

รายละเอียด

อย่างพวกเรามาเป็นคนจนมาเป็นคนไม่ต้องมีรายได้ต่างๆนานา มันเป็นเรื่องปาฏิหาริย์นะ และมีความสุขไหม มีความสุขมากจริงๆ แล้วสุขมันเป็นอุปาทาน ทีนี้เรายิ่งไม่อุปาทาน แต่เราสมาทานด้วย ยึดไว้อย่างมีปัญญา อุปาทานคือยึดไว้อย่างอวิชชา อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:27:03 )

สมาทานต่างจากอุปาทานคนละขั้ว

รายละเอียด

สมาทาน สมะ เมื่อผู้ใดสามารถยึด ยึดอันนี้เป็นโลกุตระ คำว่า อาทาน คือ ยึดอย่างสมะ ไม่ได้ยึดอย่างอุปะ 

อุปะ คืออย่างโลกีย์ ส่วนสมะคืออย่างโลกุตระ สมาทาน ตนเองยึดอย่างมีปัญญามีธาตุรู้ ไม่ได้ยึดอย่างหลงหรือเป็นกิเลสแต่อย่างใด ยึดอย่างผู้ตั้งจิตที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำอันนี้ ซึ่งเป็นโลกุตระล้วนๆเลย สมาทาน จึงต่างจากอุปาทาน คนละขั้ว 

อุปาทาน คือโลกีย์ ไม่มีปัญญา มีความยึดถือทำให้ตกต่ำ แต่ความยึดถือของสมาทานมีแต่ทำให้สูง ทำให้เจริญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 17:15:52 )

สมาทานศีล 5

รายละเอียด

 เอาศีลก่อน ทำศีลไปตามลำดับ ศีล ข้อที่ 1 พยายามทำให้ได้เถอะ ทั้ง 3 ข้อเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เรื่องเกี่ยวกับของ เรื่องเกี่ยวกับตัวเรารูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสทั้ง 5 ทวาร ตั้งแต่ หยาบ กลาง ละเอียด เอาหยาบก่อน ไปติดยึดใน รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ถ้าเราจะทำก็ตั้งศีลสมาทานศีลขึ้นมา ศีล 5 เป็นอย่างง่ายแล้ว ก็ทำประมาณของเรา เกี่ยวกับสัตว์ก็ขนาดนี้ ของเรานี้มาตรฐานเราก็คือ สัตว์ทั้งหลายเราก็ไม่ใช่ไม่เมตตา เแต่ว่าเมตตามีประมาณ แต่เราเมตตา ยังไม่ต้องไปคำนึงถึงสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายมาก เข้าใจง่ายๆว่าสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย จงอยู่ของเอ็ง เป็นธรรมชาติไป เราไม่ต้องไปทำให้เขาบาดเจ็บให้เขาตาย เขาจะอยู่อย่างไรไม่ต้องไปยุ่งกับเขาเลย งูมันจะกินเขียดก็ไม่ต้องไปช่วยมัน เพราะว่ามันเป็นวิบากของมัน มันเป็นอาหารของมัน ไม่ให้มันกินเขียดจะให้มันกินตอไม้หรืออย่างไร มันกินพืชผักผลไม้ไม่ได้ มันก็ต้องกินเขียด มันกินสัตว์ เราก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน มันเป็นวิบาก วัฏสงสาร กรรมวิบากอธิบายไม่ไหวเป็นอจินไตย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:36:08 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:48:53 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 14:39:35 )

สมาธิ

รายละเอียด

(จิตที่สงบจากกิเลส) เกิดจากการปฏิบัติศีล

หนังสืออ้างอิง

“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 107


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 15:15:51 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:12 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:42:01 )

สมาธิ

รายละเอียด

แปลว่าความตั้งมั่น จิตของคุณต้องสะอาดแล้วจึงค่อยมาสั่งสม ไม่ใช่สั่งสมจิตไม่สะอาดจนตั้งมั่น ยิ่งไม่รู้เรื่อง กดข่มจิตตะพึดเลย ไม่รู้เรื่องนิ่งและหยุดอย่างเดียวอย่างนี้ไม่ใช่สมาธิของพระพุทธเจ้า ไม่เป็นการสั่งสมความตั้งมั่นสมาธิของพุทธเจ้า ไม่ใช่สัมมาสมาธิแต่เป็นมิจฉาสมาธิ สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นลืมตาเปิดทุกอิริยาบถ สัมผัสทางทวารทั้ง 6 และก็สั่งสมจิตที่สะอาดยังลืมตา เป็นเนกขัมมสิตอุเบกขา ทางทวารทั้ง 6 มีอุเบกขา อย่างลืมตา สั่งสมมาเรื่อยๆจึงเกิดอเนญชา ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวที่สูงขึ้นตัวจบ ท่านเรียกว่า สมาหิตะ คือ สมะ +หิตะ สมะคือเสมอ มันก็สมบูรณ์แบบสงบ สมะแปลว่าสงบด้วย หิตะ แปลว่าประโยชน์ สามารถทำประโยชน์ตนสงบนิ่งเป็น Static แข็งแรง แล้วก็มาทำประโยชน์ต่อผู้อื่น หิตะ จึงเกิด สมาหิตะหรือสมาหิโต เสร็จแล้วสมบูรณ์แบบแล้วตั้งมั่นแล้วตรวจสอบด้วยเจโตปริยญาณ กลุ่มสุดท้ายเป็นสมาหิตะ กับอสมาหิตะ วิมุติกับอวิมุติ จึงจะเป็นอนุตรจิต ไม่ใช่สอุตรจิต ในเจโตปริยญาณคู่กับสุดท้าย คือ สอุตรจิตกับอนุตรจิต ต้องตรวจสอบ สมาหิตะ กับวิมุติ จิตที่สงบและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างแข็งแรง กับการวิมุติสะอาดอดทนเรียบร้อย ไม่ใช่เหลือเศษอวิมุติ อย่างนี้เป็นต้น คือ เจโตปริยญาณ 16 จนสุดท้าย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 12 มกราคม 2563 ( 17:16:12 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:51:39 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:41:37 )

สมาธิ

รายละเอียด

สมาธิ คือ จิตตั้งมั่น ในจรณะ 15 วิชชา 8 ซึ่งเป็นความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เองโดยชอบทุกพระองค์ หากไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาก็จะไม่มี วิชชาจรณสัมปันโน เกิดจรณะ 15 วิชชา 8จรณะ 15เป็นมรรค แล้วมีวิชชาเข้าร่วมสังเคราะห์สังขาร ออกผลมาเป็นจิตสะอาด ปริสุทธา เจริญขึ้นเป็นปริโยทาตา เจริญขึ้นไป มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา เป็นอุเบกขา 5ที่ยิ่งใหญ่ ทำได้สำเร็จเป็นภาวนาแปลว่าการเกิดผล จิตบริสุทธิ์สะอาดจึงมีได้ ทำทุกปัจจุบัน การกระทำทุกปัจจุบันก็เกิดอุเบกขา 5 ก็เกิดจากการมีความรู้ในเวทนา ในกระบวนการเวทนา 108 มีปัจจุบัน36 ก็กระบวนการ36 ปฏิบัติให้กิเลสดับสูญ ก็ทำซ้ำอาเสวนา เกิดอนาคตใหม่อีกเป็น 36 ทุกปัจจุบันมี 

สมาธิ  คือ จิตตั้งมั่น  ผู้จะมีจิตตั้งมั่นต้องมี วิชชา จะระณะสัมปันโน  เป็นคนที่มีฌานแล้วก็มีปัญญา  มีปัญญา มีวิชชา8 สามารถทำให้จิตบรรลุธรรมเป็นสมาธิสมบูรณ์ บาลี เรียก สมาหิโต  แปลว่า จิตตั้งมั่นแล้ว  ผู้ที่จะมีสมาธิเป็นผู้ที่มีอนุตรจิตแล้ว เกินว่า สอุตรจิต

คือ  ตั้งมั่น คือ จิตตั้งมั่น  ปราศจากกิเลสได้ประพฤติ ปฏิบัติเอากิเลสออกจนตกผลึกสั่งสมลงเป็นจิตที่ตั้งมั่น จิตสมาธิ  เป็นจิตที่ผ่านจรณะ 15 วิชชา 8  เป็นผู้ที่สิ้นอาสวะแล้วจิตนั้นเป็นจิตสะอาด ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ  กัมมัญญา ปภัสสรา เป็นจิตมีสมาหิโตตั้งมั่นแล้ว ตามเจโตปริญาณ 16

1.เวทนา 2 กายิกเวทนา เจตสิกเวทนา 

2.เวทนา 3 สุข ทุกข์ อุเบกขา 

3.รู้กำลังของเวทนาทั้ง5 ได้แก่)

       1.  สุขินทรีย์ 

       2.  ทุกขินทรีย์ 

       3.  โสมนัสสินทรีย์ 

        4.  โทมนัสสินทรีย์ 

        5.  อุเบกขินทรีย์ 

4.แยกเป็น 6 เวทนา ได้แก่) 

      1.  จักขุสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทตา

        2.  โสตสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทหู

      3.  ฆานสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทจมูก

        4.  ชิวหาสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทลิ้น

       5.  กายสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทกาย

      6.  มโนสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากใจปรุงแต่งเอง

5.เวทนา 18 ได้แก่ มโนปวิจาร 18 (คือ เวทนา3 ร่วมกับอายตนะ6) 

       1.  สุขเวทนาแบบโสมนัสสูปวิจาร  (6ทวาร+โสมนัส)  

        2.  ทุกขเวทนาแบบโทมนัสสูปวิจาร  (6ทวาร+โทมนัส)  

        3.  เฉยๆ ที่เป็นอุเบกขูปวิจาร   (6ทวาร+อุเบกขา) 

ทำให้หมดสุขหมดทุกข์เป็นเนกขัมสิตอุเบกขา ซึ่งต่างจากเคหสิตอุเบกขาเวทนา ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าต้องแยก 2 อย่างนี้ให้ได้ด้วยอาการ ลิงค นิมิต อุเทส ต้องรู้อาการ แยกความแตกต่างของอาการ ปฏิบัติให้เกิดลงตัว เป็นเนกขัมสิตอุเบกขาสำเร็จ เกิดภาวนาปธานให้เกิดอุเบกขาตกผลึกเป็นอเนญชา ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว นี่คือสมาธิ

สมาธิไม่ได้เกิดจากไม่มีกระบวนการแต่เกิดจากเวทนา18นี้อย่างสำคัญเลย มีความรู้และปฏิบัติได้พูดได้ปฏิบัติได้   ตรงนี้แหละเป็นหัวใจแท้ๆสามารถทำเวทนาในเวทนา เพราะศาสนาพุทธเรียนรู้จุดสำคัญคือสุขกับทุกข์ ซึ่งก็คืออาการของเวทนา ต่างกับการปฏิบัติของพวกหลับตาหรือเพ่งกสิณ เอากองขี้หมา 1 กองมาเพ่งกสิณก็ทำได้ อย่างนั้นมันไม่ใช่ของศาสนาพุทธ จะเอาดินน้ำไฟลมเป็นกสิณก็ได้หมด อรรถกถาจารย์ท่านพุทธโฆษาจารย์ในวิสุทธิมรรค 40 อย่าง 

ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าถ้าไม่เข้าใจสัมมาทิฏฐิว่าวิธีปฏิบัติคืออย่างไร จะเกิดฌาน สมาธิก็ดี หากไม่อยู่ในแบบแผน ทฤษฎีของพระพุทธเจ้ามันก็เป็นความล้มเหลวก็ออกนอกศาสนาพุทธอย่างที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี้ไปนั่งหลับตาสะกดจิต ไม่เข้ารูปเข้ารอยเข้าร่อง ฌาน นอกจรณะ 15 ไม่ใช่ฌานของพุทธ ฌานในจรณะ15 จึงเป็นฌานของพุทธ เมื่อปฏิบัติฌานของพุทธได้ถูกต้องจึงจะเกิดพลังงานไฟฟ้า  อุณหธาตุ กำจัดไฟราคะโทสะโมหะ จิตสะอาดปราศจากกิเลส สั่งสมลงเป็นสัมมาสมาธิ วิชชาจรณสัมปันโน จนถึงปลายข้อที่ 8 คือสิ้นอาสวะ จากเตวิชโช 3 เป็นตัวสุดท้ายของวิชชา 8 เตวิชโช บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ พยัญชนะเหล่านี้สื่อให้รู้ถึงสภาวะ รู้ทุกอย่างของอาการจิตเจตสิกต่างๆ แล้วปฏิบัติจัดการเรียกว่าอภิสังขาร ทำให้จิตเกิดบุญ เกิดปุญญาภิสังขารแล้วก็กำจัดไฟกิเลสได้จริง จนกิเลสหมดก็หมดหน้าที่ของบุญ เรียกว่า อปุญญาภิสังขาร แต่ต้องสั่งสมที่เรียกว่าอนุรักขณาปธาน การรักษาผล อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง เป็นอนุรักขณาปธานให้ตั้งมั่นตกผลึกเป็นสัมมาสมาธิบริบูรณ์ จิตสะอาดด้วยอุเบกขา ถ้าคนทำแล้วทำซ้ำก็บริสุทธิ์ได้อีก จนจิตก็รวดเร็วว่องไว ทั้งเวทนา สัญญา สังขาร มีการกระทำการงานก็มีการประมาณได้อย่างดีกับสังคมก็ทำได้อย่างเหมาะควร ทำให้เกิดกัมมัญญาได้ดี เกิดจิตปภัสสร พ่อครูจิตปภัสสรได้เสมอๆ ช่วยให้ผู้ที่ปฏิบัติตามเกิดจิตปภัสสรไปด้วยได้

   1. ใจที่ได้เกิดการลด เลิก ละ หลุดจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน หรือลดเลิก ละ หลุดจากโลภ โกรธ หลง ได้มั่นคง แน่วแน่ แข็งแรง เด็ดเดี่ยวจริงยิ่งๆ ขึ้นเสมอๆ

    2. มีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวขึ้นแท้ มีความแน่นอนมั่นคงในความดีที่เห็นที่ได้แจ้งจริง มีความกล้าหาญ แข็งแรงในสิ่งที่เป็นธรรม เป็นความดีที่จริง มีความตั้งมั่นในศีล ในธรรม ในความจริงใจ

    3. การได้ดับ ฆ่า ละ คลายได้ไปเรื่อย ๆ

4. ความมั่นคง แน่วแน่ ตั้งลง ถาวร หรือเนื่องต่อกันอยู่ได้แล้วเสมอ ๆ

    5. (สม + อธิ) การต่อเนื่อง การยืนยันอย่างนั้นเสมอ การทำอย่างนั้นไปอยู่เรื่อย ๆ

    6. จะแข็งกล้า จะมั่นคง จะเลิกได้ ละได้ หลุดได้ ตั้งมั่น แน่นอน เที่ยง-แท้ เด็ดขาดขึ้นยิ่ง ๆ ถึงจิต ถึงใจ

   7. จิตรวมลงผนึกกันแข็งแรงมั่นคง

    8. ประสิทธิภาพของจิตวิญญาณ คือการสามารถรวมเอาจิตมาเป็นกำลังแล้วใช้ตามที่ต้องการ

    9. อธิจิต

    10. ความตั้งมั่นของจิต

   11. ภาวะจิตนั้นแข็งแรง ตั้งมั่นจากการปฏิบัติฌาน แล้วจิตสะอาดจากนิวรณ์ 5  จึงสะสมจิตชนิดนี้ตกผลึกลงเป็นจิตตั้งมั่น 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า126, 266, 295, 490

ทางเอก ภาค 2 หน้า308

ทางเอก ภาค 3หน้า 51

สมาธิพุทธ หน้า101

สมาธิพุทธ หน้า238

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 85

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ 286


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 15:05:05 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 12:55:08 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:40:23 )

สมาธิ

รายละเอียด

สมาธิของพระพุทธเจ้า เป็นสมาธิพิเศษ เป็นสมาธิของ พระอาริยะ เรียกว่า สัมมาสมาธิ หรือเรียกว่า อริโยสัมมาสมาธิ คือ “สัมมาสมาธิของ พระอริยะ” สมาธิของพระพุทธเจ้านั้น ต้องใช้ปัญญาและปฏิบัติตนจนมี “สัมมาในมรรค” องค์ประกอบ (บริขาร) ในการปฏิบัติ สมาธิ ก็คือ องค์ทั้ง 7 ของสัมมามรรค ต้องเป็นตั้งแต่ สัมมาทิฏฐิ จนถึง สัมมาสติ แล้วจะสร้าง อาริยะสมาธิ ที่เป็นสัมมาสมาธิ

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4”  “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 72


เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 12:14:37 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:45 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:37:24 )

สมาธิ

รายละเอียด

เป็นจิตจะตั้งมั่นคือจิตที่ได้ชำระกิเลสออกไป ชำระกิเลสได้แล้วก็ทำซ้ำ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง รักษาผลที่ได้ตัดกิเลสออกไปแล้วให้ได้ถาวรยั่งยืน จิตก็จะตกผลึกลงเป็นอเนญชา ไม่หวั่นไหวต่อการกระทบสัมผัสต่างๆ เป็นฐาน ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา อย่างนี้คือจิตสมาธิ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 66  วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:23:34 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:28 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:36:17 )

สมาธิ

รายละเอียด

คือเกิดจากกระบวนการ  จรณะ 15  วิชชา 8  เป็นวิชชาจะระณะสัมปันโน เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้า  ทำให้จิตมีอุเบกขา  ที่มีเนื้อหาคือ  ปริสุทธา  ปริโยทาตา  มุทุ  กัมมัญญา ปภัสรา  จิตสะอาดปราศจากกิเลสอย่าง นิจจัง (เที่ยงแท้ )  ธุวัง (ถาวร)  สัสสตัง (ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง (ไม่แปรเปลี่ยน)   อสังหิรัง  (ไม่มีอะไรหักล้างได้)  อสังกุปปัง (ไม่กลับกำเริบ)

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราชฯ วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 13:23:12 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:53 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:18:37 )

สมาธิ

รายละเอียด

คือ  เป็นคำรวมชี้บ่งของคุณลักษณะจิตทั้งหมด  คือจิตที่ตั้งมั่น  ซึ่งไม่ใช่เรื่องตื้นๆ  อย่างที่โมเมใช้คำว่าบุญ  คำว่ากายไปต่างๆ  แต่ สมาธิ  คุณภาพ  คุณสมบัติพิเศษของจิตที่ฝึกดีแล้ว  ตั้งมั่นอย่างสมบูรณ์แบบจิตดีแล้ว  สมบูรณ์เป็น สมาหิโต  คือ สมาธิเสร็จแล้ว พอแล้ว  จบแล้ว ตกผลึก หลังจากสิ้นอาสวะในจรณะ 15 วิชชา 8 จิตใจหมดอาสวะแล้ว  นั่นคือจิตสะอาดเป็น ปริสุทธา  ปริโยทาตา มุทุ  กัมมัญญา  ปภัสสรา  ปริสุทธา  ก็สะอาดบริสุทธิ์แล้ว ปริโยทาตา  อยู่เหนือกิเลส  แม้สัมผัส  มุทุก็รู้เร็ว  ทำจิตให้เป็นไปในอำนาจได้  มีวสวัตตี  ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้  มีปัญญาจึงสามารถอยู่เหนือการควบคุม  การทำงานกับสังคมได้อย่างดีมาก  อย่างเหมาะสม  อย่างเหมาะสมควร  อย่างมีคุณภาพดีที่สุด และประกอบไปด้วย  เจตนาดี ทำได้ดี  มีคุณภาพดี เป็นประโยชน์คุณค่า  ไม่มีโทษภัยเลย คือ มีปัญญา

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 15:04:00 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:58 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:19:43 )

สมาธิ

รายละเอียด

คือจิตตั้งมั่นในความไม่มีสุขไม่มีทุกข์ หากมีสุขมีทุกข์สะสมเป็นสมาธิจิตตั้งมั่นไม่ได้ จะเหลือสุขนิดนึงก็ไม่ได้ เพราะว่าสมาธิคือการสั่งสมจิตสะอาดให้ตกผลึก จิตที่ไม่มีสุขมีทุกข์ คนเราจะเข้าใจว่าทุกข์คืออะไรสุขคืออะไร นี่แหละยากที่สุดในโลก

สุขทุกข์เป็นเทวเป็นคู่หูกันแยกไม่ออกถ้าจะดับ ดับทั้งคู่ไม่มีไม่มีทั้งคู่ ถ้ามีอยู่ตัวใดตัวหนึ่งก็ยังมีอีกตัวหนึ่งแฝงมาโดยที่คุณไม่รู้ตัว คุณต้องรู้ให้ได้ว่ามันมีแฝง

สุขนี้เหมือนคนธรรพ์ ที่เป็นหมัดอยู่ในขนพญาครุฑ แอบเสพ กินเศษกามของพญาครุฑ แย่งพญาครุฑกินโดยไม่ให้รู้ตัวพวกนี้พวกลักลอบ

สมาธิไม่ใช่แค่ความสุขเย็น สมาธิหมายถึงจิตที่ตั้งมั่น ไปเปิดพจนานุกรมเล่มไหนก็ได้ การไปแปลว่าความสุขเย็นนั้นเป็นของแถม จริงๆแล้วแปลว่าความตั้งมั่นของจิต แล้วจิตอะไรที่ตั้งมั่น ก็คือจิตใจที่สะอาดจากความสุขความทุกข์สะอาดจากอวิชชา

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2562


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:37:24 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:15 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:20:42 )

สมาธิ

รายละเอียด

คือ จิตที่ตั้งมั่นที่เกิดจากการปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 มีอุเบกขา 5 ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา สั่งสมเป็นจิตตั้งมั่นด้วยจิตบริสุทธิ์จิตปราศจากกิเลส อเนญชาภิสังขารจนเต็มจิตตั้งมั่นเรียกว่าสมาธิ สัมมาสมาธิ ซึ่งไกลจากสมาธิที่เขาทำกันทั่วไป เป็นสมาธิเดียรถีย์ซึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าออกบวชก็ได้ไปนั่งหลับตาตามเขา อาฬารดาบส อุทกดาบส แต่ไม่ได้บรรลุ

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช ต้องศึกษาอาหาร 4 จึงทำจิตให้เป็นอุตุได้ วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 17 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:41:46 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:39 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:21:08 )

สมาธิ

รายละเอียด

 สมาธิแปลว่า จิตตั้งมั่น สมาธิเป็นอจินไตย เป็นอุตริมนุสธรรมไม่ใช่ง่ายๆ เป็นคุณวิเศษ แต่สมาธิของฤาษีนั้นทำกันง่ายๆบอกว่าจะนั่งสมาธิกัน 3 ชั่วโมงอะไรเป็นต้น แต่ไม่มีทางที่จะได้สมาธิแบบของพระพุทธเจ้าที่มีสัญญากำหนดว่าสมาธิคืออะไร สมาธิของท่านสัญญาอย่างหนึ่ง แต่คนทั้งหลายที่เป็นพุทธศาสนิกชน แม้แต่ครูบาอาจารย์ศาสนาพุทธก็สัญญาว่าสมาธิคืออีกอย่างหนึ่ง ไม่ตรงกับที่อาตมาหมาย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 8 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 23 เมษายน 2563 ( 13:34:31 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:23:57 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:22:58 )

สมาธิ

รายละเอียด

ในกระบวนการจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นวิชชาจะระณะสัมปันโน เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้า ทำให้จิตมีอุเบกขา ที่มีเนื้อหาคือ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตสะอาดปราศจากกิเลสอย่างนิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 17:33:56 )

สมาธิ

รายละเอียด

เมื่อเป็นสมาธิแล้วจึงเป็นจิตบริสุทธิ์จากกิเลส ตั้งมั่นขึ้น ปริสุทธา ปริโยทาตา แล้วก็เป็นจิตมุทุธาตุ เป็นจิตที่รวมทั้งศรัทธาและปัญญาที่ปราศจากกิเลส ก็สามารถมีกัมมัญญา เป็นกรรมที่เหมาะควรด้วยภูมิปัญญาอย่างยิ่ง แม้จะทำงานมีกรรมอย่างไรแค่ไหนก็เป็นกรรมในทางอาชีพ เป็นสัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะทำงานทุกประเภทก็เป็นสัมมากัมมันตะ จะพูดก็เป็นสัมมาวาจา จะคิดก็เป็นสัมมาสังกัปปะ หมดครบ ไม่มีผิดพลาด จิตก็เป็นปภัสสรา ตลอดกาลนาน ทวนไปทวนมาเป็น ปฏินิสัคคานุปัสสี 

แยกแยะพยัญชนะปฏินิสสัคคานุปัสสี ของโพธิรักษ์ ปฏิ ทวนไปทวนมา, นิ คือไม่ ,สัคคะ คือสวรรค์ ,ทวนไปทวนมาแล้ว ตามเห็นความไม่มีสวรรค์ของตัวเองได้สูงกว่า นิโรธานุปัสสี เพราะมันจะเริ่มดับกิเลสได้ตั้งแต่ฌานที่ 3 ฌานที่ 4 ก่อนจะถึงอุเบกขา กิเลสดับได้สนิท ถึงขั้นอุเบกขา 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูตอบปัญหาผู้ชมทางบ้าน วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 13:47:49 )

สมาธิ

รายละเอียด

สมาธิแต่แรกๆอาตมาก็รู้พอสมควร แต่ก็ไม่ลึกซึ้งพอ แต่ค่อยๆรู้ว่า สมาธิของพระพุทธเจ้าไม่ได้อย่างที่พูดกัน ยึดถือกัน ไปนั่งหลับตาเข้าสมาธิกัน แรกๆก็ไม่ลึกซึ้งพอก็ยังนั่งหลับตากับเขาอยู่บ้าง จนกว่ามาเข้าใจดีถึงว่า อ๋อ… สมาธินี่คือมันเป็นผล เป็นสมาหิโต ของพระพุทธเจ้า จึงได้มาขยายความเต็มรูป 

และกว่าจะสั่งสม สมาหิโต ที่เป็น อาเนญชา ก็ต้องผ่าน ปุญญาภิสังขาร ผ่านอปุญญาภิสังขาร จึงจะเป็นอาเนญชาภิสังขาร ตามอภิสังขาร 3

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนอยู่เหนือกาละต้องชนะปฏิจจสมุปบาท พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธที่ 3 มกราคม 2567 วันแรม 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มกราคม 2567 ( 15:04:06 )

สมาธิ 3 ขั้น

รายละเอียด

1.ขณิกสมาธิ (จิตตั้งมั่นชั่วขณะ)
2.อุปจารสมาธิ (จิตตั้งมั่นจวนจะแน่วแน่) 
3.อัปปนาสมาธิ (จิตตั้งมั่นแน่วแน่-แนบแน่น) 
 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

 คัมภีร์วิสุทธิมรรค


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 13:46:25 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:29 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:23:22 )

สมาธิ กุสโล

รายละเอียด

เป็นผู้ฉลาดรู้ ละเอียดรอบถ้วนในอธิจิตนั้น ๆ

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค 3หน้า 342)


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 15:05:50 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 13:00:55 )

สมาธิ คือ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนได้เสื่อมจากศาสนาพุทธมาจนกระทั่งถึงยุคนี้ อาตมาเอาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าฟื้นขึ้นมา โอ้โห.. แสนยากแสนเย็น แต่มีผลสำเร็จสรุปแล้วอาตมาว่าทำงานมีผลสำเร็จ เพราะฉะนั้นอาตมาสบาย 

สรุปแล้วก็คือ สมาธิคือจิตที่สะอาดจากกิเลสจากอาสวะ ตกผลึกลงไป แล้วก็เป็นจิตตั้งมั่น เป็นอาเนญชาๆๆ สมบูรณ์แบบ ในอภิสังขาร 3 ปุญญาภิสังขาร   อปุญญาภิสังขาร อาเนญชาภิสังขาร อภิสังขารคือ จัดการทำมนสิการ จัดการทำจิตในจิตของเรานี่แหละ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2566 ( 14:27:36 )

สมาธิ จวิ

รายละเอียด

สมาธิเคลื่อน

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค3  หน้า 234)


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 15:06:40 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 13:33:17 )

สมาธิ ฌานของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ทุกวันนี้ไปเข้าใจคำว่าบุญว่าคือกุศล ก็จบแล้ว พลังงานฌานหรือพลังงานบุญ ต้องมีปัญญาทำพลังงานตนเองด้วยปัญญา เป็นไฟฌาน สามารถเผากิเลสได้ ฌานเป็นพลังงานไฟ ฌานนี้แปลว่าไฟ แต่เขาไปเข้าใจผิดแปลว่าเพ่ง มันเป็นสมถะสงบ จิตก็สงบ ฌานสงบของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เพ่งหลับตา แต่เป็นลืมตาวิปัสสนาทำกิเลสให้จางคลาย อุบายเครื่องออกให้กิเลสดับได้ จิตยิ่งไม่แข็งทื่อจิตยิ่งคล่องแคล่วว่องไว รู้ทันโลกตื่นเต็มไม่หลับใหลริบหรี่ เข้าใจไปคนละทิศทางเลย สมาธิ ฌาน ของพุทธเจ้าไม่ใช่นั่งไม่กระดุกกระดิก แต่ยิ่งมีกายกรรมที่คล่องแคล่ว เหมือนอย่างอาตมากายกรรมก็คล่องแคล่ว วจีกรรมก็คล่องแคล่ว จิตก็คล่องแคล่ว เป็นกายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 01 กุมภาพันธ์ 2563 ( 12:41:25 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:35 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:24:18 )

สมาธิ 

รายละเอียด

สมาธิ  คือ จะเรียกว่าสมาหิโตก็ได้  เป็นตัวจิตตั้งมั่นที่จบจริงๆ แล้วสมาธิตัวนี้ คือ การสั่งสมจากจิต จรณะ 15  วิชชา 8 ถอนอาสวะสิ้น วิชชาสุดท้ายคือ ถอนอาสวะสิ้น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก  วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 07 ตุลาคม 2562 ( 12:25:34 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:17 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:24:40 )

สมาธิ 

รายละเอียด

สมาธิ  คือ จิตที่สะอาดจากกิเลสแล้วจึงจะตกผลึกสั่งสมลงเป็นจิตตั้งมั่น  สมาธิของพุทธจะไม่ใช่จิตที่ถูกสะกดให้แนบแน่น (อัปปนา) เข้าไปๆๆ แค่นั้นเท่านั้น  แต่เป็นจิตสะอาดจากกิเลสจึงจะเจริญขึ้นแล้วตกผลึกสะสมลงเป็นจิตตั้งมั่นเป็นลำดับๆ  สมาธิของพุทธจึงมีขั้นตอน  สมาธิของพุทธเป็นจิตที่บริสุทธิ์สะอาดแล้วจึงสั่งสมตกผลึกสมาธิ  ซึ่ง สมาธิแบบพุทธต้องเรียกเต็มว่า สัมมาสมาธิ  ที่เกิดจากมรรค 7 องค์  แล้วเกิดอธิจิตตกผลึกตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:34:56 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:00 )

เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:25:36 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์